LAW4002 การว่าความ ซ่อม 1/2551

การสอบไล่ภาคซ่อม  1  ปีการศึกษา  2551

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW4002 การว่าความ 

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี  4  ข้อ

ข้อ 1.       ในคดีแพ่งเรื่องหนึ่ง ทนายจำเลยได้แถลงโต้แย้งการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาล ๆ ได้อธิบายให้ทนายเข้าใจ ทนายกลับย้อนศาลว่า ท่านอย่ามาตีฝีปากกับผม ๆ ระดับดอกเตอร์น๊ะครับ เราคนละเกรดกัน ความประพฤติของทนายเช่นนี้จะถือว่าผิดมรรยาททนายความหรือไม่ เพราะเหตุใด

ข้อ 2.       ทนายความที่ใบอนุญาตว่าความขาดต่ออายุได้เรียบเรียงคำให้การจำเลยและลงนามในฐานะผู้เรียงและพิมพ์ เมื่อได้ยื่นคำให้การฉบับนั้นแล้วได้ไปต่อใบอนุญาตว่าความในวันนั้นเอง ดังนี้ ให้วินิจฉัยว่า (ก) ทนายจะมีความผิดตาม พ.ร.บ. ทนายความ พ.ศ. 2528 ประการใดหรือไม่ และ (ข) คำให้การฉบับนั้นจะมีผลตามกฎหมายหรือไม่ เพราะเหตุใด

ข้อ 3.       สมมติข้อเท็จจริงว่าเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2551 เวลาประมาณ 8 นาฬิกา นายกบ อิ่มสำราญ ได้ไปดื่มกาแฟที่ร้านกาแฟในตลาด ต.ดินกระโดน อ.โคลนกระเด็น จ.บุรีรัมย์ ได้พบกับนายอึ่ง ศรชาวนา และกลุ่มขาประจำของร้านกาแฟ  นายกบได้คุยกับนายอึ่งหลายเรื่องรวมทั้งบอกกับนายอึ่งและบุคคลอื่นที่ร่วมโต๊ะกาแฟว่า นายสุนทรนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลดินกระโดนคอร์รัปชั่นการสร้างถนนหน้าตลาดบ้านเรา โดยได้รับงินจากผู้รับเหมา 2 ล้านบาท ความดังกล่าวถึงหูนายสุนทร ทำให้นายสุนทรไม่พอใจต้องการฟ้องนายกบ ข้อหาหมิ่นประมาทตาม ป. อาญา มาตรา 326 โดยนายสุนทรไม่ได้แจ้งความ เพราะต้องการฟ้องคดีเอง ให้ท่านเรียบเรียงคำฟ้องดังกล่าวเฉพาะส่วนเนื้อหาตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 158(5) ป.อาญา มาตรา 326 บัญญัติว่า ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สามโดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำผิดฐานหมิ่นประมาท…ฯลฯ

ข้อ 4.       โจทก์ได้ฟ้องจำเลยที่ 1 ผู้เช่าซื้อและจำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันต่อศาลแพ่ง ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองให้ร่วมกันรับผิดชำระหนี้ที่เช่าซื้อและค้ำประกัน ซึ่งศาลแพ่งได้รับฟ้องไว้แล้ว แต่เนื่องจากจำเลยที่ 2 ได้ย้ายภูมิลำเนาไปอยู่ในเขตอำนาจศาลจังหวัดชลบุรี โจทก์มีความประสงค์จะขอให้ศาลแพ่งส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องไปยังศาลจังหวัดชลบุรีเพื่อส่งหมายฯ ให้แก่จำเลยที่ 2 ต่อไป โดยโจทก์ไม่นำส่งเอง ให้ท่านในฐานะทนายโจทก์เรียบเรียงคำแถลงดังกล่าวพร้อมให้ท่านลงชื่อในคำแถลงและขอปิดหมายฯ ด้วย หากไม่พบจำเลยที่ 2 หรือไม่มีผู้ใดรับหมายแทน

LAW4002 การว่าความ 1/2551

การสอบไล่ภาค  1  ปีการศึกษา  2551

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW4002 การว่าความ 

คำแนะนำ
  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี  4  ข้อ
  ข้อ 1.       โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้เช่าบ้านจากโจทก์ในอัตราค่าเช่าเดือนละ 20,000.- บาท ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2549  มีกำหนด 3 ปี เมื่อครบกำหนดสัญญาเช่าแล้ว  โจทก์ได้บอกเลิกการเช่าไปยังจำเลย โดยหนังสือลงทะเบียนตอบรับทางไปรษณีย์ให้จำเลยและบริวารออกจากบ้านที่เช่าภายในกำหนด 1 เดือน ครั้นเมื่อครบกำหนดตามหนังสือแล้ว จำเลยและบริวารก็ยังไม่ยอมออกจากบ้านที่เช่า โจทก์จึงฟ้องศาลให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากบ้านเช่าพร้อมกับให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 25,000.- บาท ตั้งแต่วันครบกำหนดตามสัญญาเช่าจนกว่าจำเลยและบริวารจะยอมออกจากบ้านที่เช่าจำเลยได้แต่งตั้งให้ท่านเป็นทนายความเพื่อต่อสู้คดีโดยมีข้อต่อสู้ดังนี้

                1.  จำเลยยอมรับข้อเท็จจริงตามฟ้องว่า จำเลยได้เช่าบ้านพิพาทจากโจทก์ในอัตราค่าเช่าและตามระยะเวลาที่เช่าดังกล่าวจริง แต่เมื่อครบกำหนดสัญญาเช่าแล้ว  โจทก์ได้ตกลงให้จำเลยเช่าบ้านพิพาทต่อไปในอัตราค่าเช่าเดิมโดยไม่มีกำหนดระยะเวลาการเช่า

                2.  จำเลยขอปฏิเสธว่า ไม่เคยได้รับหนังสือบอกเลิกการเช่าจากโจทก์แต่ประการใด

                3.  จำเลยขอต่อสู้ว่า ค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องเดือนละ 25,000.- บาทนั้น เกินความจริง ความเสียหายของโจทก์หากจะมีก็ไม่เกินเดือนละ 20,000.- บาทเท่าอัตราค่าเช่าตามฟ้อง

                ดังนั้น ให้ท่านในฐานะทนายความของจำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดีตามความประสงค์ของจำเลย (ให้ร่างแต่ใจความในคำให้การ  โดยไม่ต้องคำนึงถึงแบบฟอร์มศาล)

แนวคำตอบ

ตัวอย่างคำให้การ

 

                ข้อ 1.       จำเลยยอมรับข้อเท็จจริงตามฟ้องว่า จำเลยได้เช่าบ้านพิพาทจากโจทก์ในอัตราค่าเช่าและตามระยะเวลาที่เช่าดังกล่าวจริง  แต่เมื่อครบกำหนดสัญญาเช่าแล้ว  โจทก์ได้ตกลงให้จำเลยเช่าบ้านพิพาทต่อไปในอัตราค่าเช่าเดิมโดยไม่มีกำหนดระยะเวลาการเช่า

                ข้อ 2.       จำเลยขอปฏิเสธว่า จำเลยไม่เคยได้รับหนังสือบอกเลิกการเช่าจากโจทก์แต่ประการใด

                ข้อ 3.       จำเลยขอต่อสู้ว่า ค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องเดือนละ 25,000.- บาทนั้นเกินความจริง ความเสียหายของโจทก์จะมีก็ไม่เกินเดือนละ  20,000.- บาทเท่าอัตราค่าเช่าตามฟ้อง

                อาศัยเหตุผลดังกล่าว ขอศาลได้โปรดพิพากษายกฟ้องของโจทก์  โดยให้โจทก์เสียค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนจำเลยด้วย

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

                                                                ลงชื่อ                            ก.                            ทนายจำเลย

                                                         คำให้การฉบับนี้ ข้าพเจ้า นาย ก ทนายจำเลยเป็นผู้เรียงพิมพ์

                                                                ลงชื่อ                            ก.                            ผู้เรียงพิมพ์

ข้อ 2.       ในคดีพิพาทเกี่ยวกับหุ้นส่วนในบริษัทแห่งหนึ่งระหว่าง นายจิต  จิ๋วแจ๋ว  ประธานบริษัท ซึ่งเป็นโจทก์ กับ นายยักษ์ ใหญ่มาก  กรรมการบริษัทซึ่งเป็นจำเลย  ศาลแพ่งนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 18 ตุลาคม 2551  เวลา 9.00 น.  ในวันพิจารณาดังกล่าวปรากฏว่า ตัวโจทก์ซึ่งเป็นพยานปากแรกและเป็นพยานสำคัญในประเด็นแห่งคดีที่จะต้องเบิกความก่อนพยานโจทก์ปากอื่นไม่สามารถเดินทางมาศาลได้ เนื่องจากโจทก์ซึ่งเป็นประธานบริษัทได้เดินทางไปประชุมที่ต่างประเทศและมีกำหนดเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยในวันที่ 15 ตุลาคม 2551  แต่ปรากฏว่าพนักงานประจำท่าอากาศยานในประเทศที่โจทก์ไปร่วมประชุมได้ประท้วงหยุดงานเพื่อขอขึ้นเงินเดือน ทำให้ทุกสายการบินไม่สามารถทำการบินได้ ซึ่งถึงขณะนี้การประท้วงหยุดงานก็ยังไม่เสร็จสิ้น  ทำให้โจทก์ยังคงต้องอยู่ที่ประเทศนั้นต่อไปจนกว่าพนักงานจะกลับมาทำงานตามเดิม  ทั้งนี้ โจทก์มีหลักฐานเป็นภาพข่าวจากหนังสือพิมพ์ในประเทศไทยที่ได้ติดตามข่าวนี้อย่างใกล้ชิดและมีหนังสือซึ่งโจทก์เขียนด้วยลายมือตัวเองส่งจากต่างประเทศมาให้ทนายโจทก์ทางโทรสาร

                ดังนั้น ให้ท่านในฐานะทนายโจทก์ ร่างคำร้องขอเลื่อนคดีโดยยื่นต่อศาลในวันพิจารณา (ให้ร่างแต่ใจความในคำร้อง  โดยไม่ต้องคำนึงถึงแบบพิมพ์ศาล)

แนวคำตอบ           

ตัวอย่างคำให้การ

 

                ข้อ 1.       คดีนี้ ศาลนัดสืบพยานโจทก์ในวันนี้ ดังความแจ้งแล้วนั้น

                ข้อ 2.       เนื่องจากโจทก์ซึ่งเป็นพยานปากแรก  และเป็นพยานสำคัญในประเด็นแห่งคดีที่จะต้องเบิกความก่อนพยานโจทก์ปากอื่นไม่สามารถเดินทางมาศาลได้  เนื่องจากโจทก์ซึ่งเป็นประธานบริษัทได้เดินทางไปประชุมที่ต่างประเทศและมีกำหนดเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยในวันที่ 15 ตุลาคม 2551  แต่ปรากฏว่าพนักงานประจำท่าอากาศยานในประเทศที่โจทก์ไปร่วมประชุมได้ประท้วงหยุดงานเพื่อขอขึ้นเงินเดือน  ทำให้ทุกสายการบินไม่สามารถทำการบินได้  ซึ่งถึงขณะนี้การประท้วงหยุดงานก็ยังไม่เสร็จสิ้น  ทำให้โจทก์ยังคงต้องอยู่ที่ประเทศนั้นต่อไปจนกว่าพนักงานจะกลับมาทำงานตามเดิม  ทั้งนี้ โจทก์มีหลักฐานเป็นภาพข่าวจากหนังสือพิมพ์ในประเทศไทยที่ติดตามข่าวนี้อย่างใกล้ชิดและหนังสือซึ่งโจทก์เขียนด้วยลายมือตัวเองส่งจากต่างประเทศมาให้ทนายโจทก์ทางโทรสาร  รายละเอียดปรากฏตามเอกสารท้ายคำร้องหมายเลข 1 และ 2

                อาศัยเหตุผลและความจำเป็นดังกล่าวข้างต้น โจทก์จึงขอความกรุณาจากศาลขอเลื่อนการสืบพยานโจทก์ออกไปอีกนัดหนึ่ง  เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม  ขอศาลได้โปรดอนุญาต

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

                                                                ลงชื่อ                           ก.                             ทนายจำเลย

                                                         คำให้การฉบับนี้ ข้าพเจ้า นาย ก ทนายโจทก์เป็นผู้เรียงและพิมพ์

                                                                ลงชื่อ                           ก.                             ผู้เรียงและพิมพ์

 ข้อ 3.      เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2551  เวลาประมาณ 22.00 นาฬิกา  นายสมัครกับนายดุสิตได้พากันไปที่บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 10 ของถนนสาย  3112  ตำบลโผงเผง อำเภอป่าโมก  จังหวัดอ่างทอง ซึ่งราษฎรในหมู่บ้านบริเวณดังกล่าวนำรถจักรยานยนต์มาจอดเพื่อหนีน้ำท่วม  เมื่อไปถึงบริเวณดังกล่าวนายสมัครกับนายดุสิตได้ช่วยกันตัดโซ่ที่คล้องรถจักรยานยนต์ของนายสมชาย  ราคา 25,000 บาท  ที่จอดในบริเวณดังกล่าวแล้วสตาร์ทเครื่องยนต์ขับออกไป  นายสมชายได้ยินเสียงเครื่องยนต์จึงเดินไปดู  เห็นว่ารถจักรยานยนต์ของตนถูกลักเอาไป  จึงร้องเรียกให้คนช่วยกันจับตัวนายสมัครกับนายดุสิต  พอดีมีสิบตำรวจตรีชวลิตกับพวกซึ่งเป็นตำรวจสายตรวจขับรถจักรยานยนต์ผ่านมา  จึงได้ขับตามไปในทันทีและสามารถจับตัวนายสมัครได้  ส่วนนายดุสิตกระโดดรถลงไปในบริเวณที่น้ำท่วมหลบหนีไปได้  สิบตำรวจตรีชวลิตกับพวกจึงนำตัวนายสมัคร พร้อมยึดรถจักรยานยนต์ของนายสมชายที่ถูกลักเอาไปเป็นของกลาง นำส่ง ร.ต.อ.เฉลิม พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรป่าโมกเพื่อทำการสอบสวนต่อไป  ชั้นสอบสวนนายสมัครให้การรับสารภาพ  รถจักรยานยนต์ของกลางพนักงานสอบสวนคืนแก่นายสมชายไป  ระหว่างสอบสวนนายสมัครถูกควบคุมตัวตลอดมา  โดยต้องขังอยู่ตามหมายขังของศาลจังหวัดอ่างทอง  ในคดีหมายเลขดำที่  ฝ.423/2551  เมื่อพนักงานสอบสวนสอบสวนเสร็จจึงส่งสำนวนให้พนักงานอัยการจังหวัดอ่างทอง

                สมมติว่านักศึกษาเป็นอัยการจังหวัดอ่างทองผู้รับผิดชอบคดีนี้  ได้สั่งฟ้องนายสมัครในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์  ให้นักศึกษาเรียงคำฟ้องเฉพาะเนื้อหาคำฟ้องเท่านั้น

                ประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา 334 ผู้ใดเอาทรัพย์ของผู้อื่น หรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานลักทรัพย์

                มาตรา 335 ผู้ใดลักทรัพย์

(1)     ในเวลากลางคืน

(2)     ในที่หรือบริเวณที่มีเหตุเพลิงไหม้  การระเบิด  อุทกภัย  หรือในที่…………………….

(3)     โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใด ๆ

        มาตรา  83    ในกรณีความผิดใดเกิดขึ้นโดยการกระทำของบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไป  ผู้ที่ได้ร่วม

กระทำความผิดด้วยกันนั้นเป็นตัวการ……………………………..

                แนวคำตอบ

                ถ้าข้าพเจ้าเป็นพนักงานอัยการจังหวัดอ่างทอง  ข้าพเจ้าจะเรียกคำฟ้องดังต่อไปนี้

                ข้อ 1.เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2551  เวลากลางคืนหลังเที่ยง  จำเลยนี้กับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องอีกหนึ่งคน  ได้บังอาจร่วมกันตัดโซ่ที่คล้องรถจักรยานยนต์อันเป็นการทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองทรัพย์นั้น  แล้วลักเอารถจักรยานยนต์ จำนวน 1 คัน ราคา 25,000 บาท  ของนายสมชาย ผู้เสียหาย ซึ่งจอดในที่หรือบริเวณที่มีเหตุอุทกภัย ไปโดยทุจริต

                เหตุเกิดที่ตำบลโผงเผง  อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง

                ข้อ 2.   ตามวันเวลาดังกล่าวในฟ้องข้อ 1 ภายหลังจากที่จำเลยกับพวกลักเอารถจักรยานยนต์ดังกล่าวในฟ้องข้อ 1 ไปแล้ว  เจ้าพนักงานจับจำเลยนี้ได้นำส่งพนักงานสอบสวนทำการสอบสวน

                ชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ

                รถจักรยานยนต์ของกลางพนักงานสอบสวนคืนแก่ผู้เสียหายไปแล้ว

                ระหว่างสอบสวนจำเลยถูกควบคุมตัวมาตลอด  ตามหมายขังของศาลนี้ ในคดีหมายเลขดำที่ ฝ.423/2551  ขอศาลเบิกตัวจำเลยมาพิจารณาพิพากษาลงโทษตามกฎหมายต่อไป

ข้อ 4.       เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2551  นายเทียนชัย  สามีโดยชอบด้วยกฎหมายของนางสดสวย ได้ตกลงว่าจ้างนายยุติธรรม   ทนายความ ให้ฟ้องร้องดำเนินคดีกับนางสดสวย  ในข้อหาหรือฐานความผิด หย่า แบ่งสินสมรส นายเทียนชัยได้ชำระค่าทนายความและค่าใช้จ่ายในการฟ้องร้องและดำเนินคดีเบื้องต้นเป็นเงิน 200,000 บาท  ส่วนค่าทนายความที่เหลือนายเทียนชัยตกลงให้นายยุติธรรม เรียกจากส่วนแบ่งของทรัพย์สินที่เป็นสินสมรส ในอัตราร้อยละ 10 ของทรัพย์สินที่ได้รับจากการแบ่งสินสมรส  นายยุติธรรม จึงตกลงทำสัญญาจ้างว่าความและรับทำคดีให้แก่นายเทียนชัย  ต่อมาคดีเสร็จสิ้น  นายเทียนชัยได้รับส่วนแบ่งสินสมรสในคดีดังกล่าวเป็นเงินจำนวน 5,000,000 บาท  นายยุติธรรมจึงทวงถามค่าทนายความส่วนที่เหลือจากนายเทียนชัย ตามที่ได้ตกลงกันไว้  แต่นายเทียนชัย ไม่ยอมชำระค่าทนายในส่วนที่เหลือในอัตราร้อยละ 10 ของทรัพย์สินที่ได้รับจากการแบ่งสินสมรส  ซึ่งเป็นเงินจำนวน 500,000 บาท ให้แก่นายยุติธรรม  นายยุติธรรมจึงฟ้องนายเทียนชัยในข้อหาหรือฐานความผิด ผิดสัญญาจ้างว่าความ

                ให้ท่านวินิจฉัยว่า การที่นายยุติธรรม ทนายความ ได้ตกลงทำสัญญาจ้างว่าความกับนายเทียนชัย โดยเรียกเอาส่วนแบ่งของทรัพย์สินที่ได้รับจากการแบ่งสินสมรสนั้น เป็นการประพฤติผิดมรรยาททนายความ ตามข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ.2529 ในหมวด 3 มรรยาทต่อตัวความหรือไม่ อย่างไร ให้อธิบาย

แนวคำตอบ

ข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ.2529 หมวด 3 มรรยาทต่อตัวความ ข้อ 9 ถึง     ข้อ 15

ข้อ  9       กระทำการอันใดอันเป็นการยุยงส่งเสริมให้มีการฟ้องร้องคดีกัน  ในกรณีอันหามูลมิได้

ข้อ 10      ใช้อุบายอย่างใดอย่างหนึ่งดังกล่าวต่อไปนี้เพื่อจูงใจให้ผู้ใดมอบคดีให้ว่าต่างหรือแก้ต่าง

(1)          หลอกลวงให้เขาหลงว่าคดีนั้นจะชนะ เมื่อตนรู้สึกแก่ใจว่าจะแพ้

(2)          อวดอ้างว่าตนมีความรู้ยิ่งกว่าทนายความอื่น

(3)          อวดอ้างว่าเกี่ยวเป็นสมัครพรรคพวกรู้จักคุ้นเคยกับผู้ใด อัน

กระทำให้เขาหลงว่า  ตนสามารถจะทำให้เขาได้รับผลเป็นพิเศษ

นอกจากทางว่าความ หรือหลอกลวงว่าจะชักนำจูงใจให้ผู้นั้น

ช่วยเหลือคดีในทางใด ๆ ได้   หรือแอบอ้างขู่ว่าถ้าให้ตนว่าคดีนั้นแล้ว

จะหาหนทางให้ผู้นั้นกระทำให้คดีของเขาเป็นแพ้

ข้อ  11    เปิดเผยความลับของลูกความที่ได้รู้ในหน้าที่ของทนายความ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากลูกความนั้นแล้ว  หรือโดยอำนาจศาล

ข้อ 12     การกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งดังกล่าวต่อไปนี้ อันอาจทำให้เสื่อมเสียประโยชน์ของลูกความ

(1)          จงใจขาดนัด หรือทอดทิ้งคดี

(2)          จงใจละเว้นหน้าที่ ที่ควรกระทำอันเกี่ยวแก่การดำเนินคดีแห่งลูกความของตน หรือปิดบังข้อความที่ควรแจ้งให้ลูกความทราบ

                ข้อ 13      ได้รับปรึกษาหารือ หรือได้รู้เรื่องกรณีแห่งคดีใดโดยหน้าที่อันเกี่ยวข้องกับคู่ความฝ่ายหนึ่ง แล้วภายหลังไปรับเป็นทนายหรือใช้ความรู้ที่ได้มานั้นช่วยเหลือคู่ความอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งเป็นปรปักษ์อยู่ในกรณีเดียวกัน

                ข้อ 14      ได้รับเป็นทนายความแล้ว ภายหลังใช้อุบายด้วยประการใด ๆ โดยปราศจากเหตุผลอันสมควร เพื่อจะให้ตนได้รับประโยชน์นอกเหนือจากที่ลูกความได้ตกลงสัญญาให้

                ข้อ 15      กระทำการอันใดอันเป็นการฉ้อโกง  ยักยอก หรือตระบัดสินลูกความ หรือครอบครองหรือหน่วงเหนี่ยวเงินหรือทรัพย์สินของลูกความที่ตนได้รับมาโดยหน้าที่อันเกี่ยวข้องไว้นานเกินกว่าเหตุโดยมิได้รับความยินยอมจากลูกความ เว้นแต่จะมีเหตุอันสมควร

                เมื่อพิจารณาตามข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ.2529  หมวดที่ 3 แล้วเห็นว่า ข้อบังคับดังกล่าวมิได้กำหนดให้การเข้าเป็นทนายความและตกลงเรียกค่าจ้างว่าความโดยวิธีเอาส่วนแบ่งจากทรัพย์สินที่เป็นมูลพิพาทอันพึงได้แก่ลูกความ เป็นการประพฤติผิดมรรยาททนายความแต่อย่างใด

                ดังนั้น การที่นายยุติธรรม  ทนายความ ได้ตกลงทำสัญญาจ้างว่าความกับนายเทียนชัยดังกล่าวข้างต้น  จึงไม่เป็นการประพฤติผิดมรรยาททนายความตามข้อบังคับสภาทนายความ ว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ.2529  หมวดที่ 3  แต่อย่างใด  (เทียบได้ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่  1260/2543 (ประชุมใหญ่)  ที่ 5229/2544  และที่ 6919/2544

LAW4002 การว่าความและการจัดทำเอกสารทางกฎหมาย การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2548

การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2548

ข้อสอบกระบวนวิชา LAW4002 การว่าความและการจัดทำเอกสารทางกฎหมาย

คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน จำนวน 4 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)

ข้อ 1. ในคดีฟ้องขับไล่คดีหนึ่ง เจ้าพนักงานเดินหมายของศาลได้นำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไปส่งให้กับ จำเลยเป็นครั้งแรก แต่ไม่สามารถส่งได้ เพราะไมพบจำเลยและไม่มีผู้ใดยอมรับหมายเรียกและ สำเนาคำฟ้องไว้แทน

ฉะนั้น ให้ท่านในฐานะทนายโจทก์ ยื่นคำแถลงต่อศาลขอให้ศาลมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานเดินหมาย ของศาลนำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไปส่งให้จำเลยอีกครั้งหนึ่ง หากไม่พบจำเลยหรือไมมีผู้ใด ยอมรับหมายเรียกไว้แทนแล้วก็ให้ปิดหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไว้ ณ ภูมิลำเนาของจำเลย ตามความประสงค์ของโจทก์ (ให้ร่างแต่คำร้องเท่านั้น โดยไม่ต้องคำนึงถึงแบบพิมพ์ศาล)

ธงคำตอบ

คำแถลง

ข้อ 1. คดีนี้       เจ้าพนักงานเดินหมายได้นำส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแกจำเลยในครั้ง

แรก แต่ไม่สามารถส่งได้ เนื่องจากม่พบตัวจำเลย และไม่มีผู้ใดยอมรับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไว้แทนโดยชอบ รายละเอียดปรากฏตามรายงานการเดินหมายเอกสารท้ายคำแถลงนี้

ข้อ 2. โจทก์มีความประสงค์จะขอให้ศาลได้โปรดมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานเดินหมายนำหมายเรียก และสำเนาคำฟ้องไปส่งให้แก่จำเลยอีกครั้งหนึ่ง หากไม่พบตัวจำเลยหรือไมมีผู้ใดยอมรับไว้แทนโดยชอบแล้ว ขอศาล ได้โปรดมีคำสั่งให้ปิดหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไว้ ณ ภูมิสำเนาของจำเลยด้วย เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ขอศาลได้โปรดอนุญาต

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

ลงชื่อ…..(ลายมือชื่อนักศึกษา)….ทนายโจทก์

คำแถลงฉบับนี้ ข้าพเจ้า (ชื่อนักศึกษา) ทนายโจทก์เป็นผู้เรียงและพิมพ์

ลงชื่อ……(ลายมือชื่อนักศึกษา)….ผู้เรียงและพิมพ์

 

ข้อ 2. นายแก้วยื่นฟ้องคดีนางสาวกิ่ง  ต่อศาลแพ่งเรียกค่าเสียหายจากการกระทำละเมิดของนางสาวกิ่ง

ศาลนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 15 มีนาคม 2549 เวลา 09.00 น. ในวันที่ 1 มีนาคม 2549 โจทก์ ได้ตรวจพบว่าคำฟ้องของโจทก์มีข้อผิดพลาดเล็กน้อย คือ ในคำฟ้องพิมพ์ว่าจำเลยคือ นางกิ่ง โจทก์จึงมีความประสงค์จะยื่นคำร้องต่อศาลขอแก้ไขข้อผิดพลาดดังกล่าวให้ถูกต้อง ฉะนั้น ให้ท่านในฐานะทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องต่อศาลตามความประสงค์ของโจทก์(ให้ร่างแต่ใจความในคำฟ้องเท่านั้น โดยไม่ต้องคำนึงถึงแบบฟอร์มศาล)

ธงคำตอบ

คำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้อง

ข้อ 1. คดีนี้ ศาลนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 15 มีนาคม 2549 เวลา 09.00 น. ดังความแจ้ง

แล้วนั้น

ข้อ 2. โดยที่คำฟ้องของโจทก์ได้พิมพ์ผิดพลาดไปเล็กน้อย โจทก์จึงขอแก้ไขคำฟ้องโดยขอ

แก้ชื่อจำเลยจากนางกิ่งเป็นนางสาวกิ่ง ซึ่งการแก้ไขของโจทก์นี้ไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบหรือหลงประเด็นในการต่อสู้แต่ประการใด นอกจากที่โจทก์ขอแก้ไขแล้ว โจทก์ขอถือตามฟ้องเดิมทุกประการ ขอศาลได้โปรดอนุญาตด้วย

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

ลงชื่อ….(ลายมือชื่อนักศึกษา)…..ทนายโจทก์

คำร้องฉบับนี้ ข้าพเจ้า (ชื่อนักศึกษา) ทนายโจทก์เป็นผู้เรียงและพิมพ์

ลงชื่อ…..(ลายมือชื่อนักศึกษา)….ผู้เรียงและพิมพ์

 

ข้อ 3. เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2549 เวลาประมาณ 07.00 น. พล.ต.อ.เสรีภาพ กับพวกได้นำ เจ้าพนักงานเข้าทำการจับกุมบ่อนการพนันที่ประตูน้ำพระโขนง จับผู้เล่นการพนันได้จำนวนมาก และต่อมาได้ตามไปยึดรถจำนวนหลายคันจากนายป้อมซึ่งเป็นเจ้าของตึกที่มีการเล่นการพนัน โดยสงสัยว่าจะเป็นทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด เป็นเหตุให้นายป้อมไม่พอใจจึง ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ว่าการดำเนินการของเจ้าพนักงานน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย 

ครั้นต่อมา วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2549 เวลาประมาณ 10.00 น. พล.ต.อ.เสรีภาพ ได้เปิดแถลงข่าวต่อผู้สื่อข่าว ที่สำนักงานของตนที่แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ความตอนหนึ่งว่า คนอย่าง นายป้อมไม่ได้ทำมาหากินอะไร อาชีพก็ไมมี เปิดบ่อนมาหลายสิบปี จ่ายส่วยให้ท้องที่มาตลอด เดี๋ยวจะยึดทรัพย์ให้หมด จะเอาอีกกี่คดีคนชั่ว ๆ พวกนี้อย่ามายุ่งกับผม” ซึ่งนายป้อมเห็นว่าการที่ พล.ต.อ. เสรีภาพ พูดดังกล่าวเป็นการหมิ่นประมาทตน ประสงค์ยื่นฟ้อง พล.ต.อ. เสรีภาพ ที่ศาล แขวงพระนครใต้เอง โดยไม่ได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน

สมมติว่านักศึกษาเป็นทนายความที่นายป้อมแต่งตั้ง ให้นักศึกษาเรียงคำฟ้องเฉพาะเนื้อหาคำฟ้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) ยื่นต่อศาลแขวงพระนครใต้ เพื่อที่จะให้ศาลพิจารณานัดไต่สวนมูลฟ้องต่อไป

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 “ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษ 

ธงคำตอบ

คำฟ้องอาญา

ข้อ 1. เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2549 เวลากลางวัน จำเลยได้แถลงข่าวใส่ความโจทก์ต่อ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์หลายฉบับซึ่งเป็นบุคคลที่สาม ความตอนหนึ่งว่า คนอย่างนายป้อมไม่ได้ทำมาหากินอะไร อาชีพก็ไม่มี เปิดบ่อนมาหลายสิบปี จายส่วยให้ท้องที่มาตลอด เดี๋ยวจะยึดทรัพย์ให้หมด จะเอาอีกกี่คดี คนชั่ว ๆ พวกนี้อย่ามายุ่งกับผม” ซึ่งมีความหมายว่าโจทก์เป็นคนชั่วไม่ประกอบอาชีพการงาน หาเลี้ยงชีพโดยการกระทำความผิดต่อกฎหมายบ้านเมือง โดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง

เหตุเกิดที่แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร

ข้อ 2. การกระทำดังกล่าวของจำเลยเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายดังกล่าวมาแล้ว ข้างต้น โจทก์ไม่มีทางอื่นใดจะบังคับจำเลย จึงต้องนำคดีมาสู่ศาลเพื่อขอศาลได้โปรดออกหมายเรียกจำเลยมาศาล แล้วไต่สวนมูลฟ้องและพิจารณาพิพากษาลงโทษจำเลยตามกฎหมายต่อไป

โจทก์มิได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพราะประสงค์จะฟ้องคดีเอง

 

ข้อ4. นายจอมโจร ถูกเจ้าพนักงานจับกุมในข้อหาวางระเบิดรถตู้โดยสารที่จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นคดี สำคัญที่ประชาชนสนใจ นางจุ้นจ้านภรรยานายจอมโจรจึงไปพบนายจาบจ้วงทนายความที่สำนักงาน เพื่อจะติดต่อว่าจ้างเข้าแก้ต่างให้สามี ระหว่างที่ปรึกษาหารือกันนั้น นายจาบจ้วงก็บอกกับนางจุ้นจ้าน ว่าคดีแบบนี้ไม่มีปัญหา ไม่น่ากลัว เคยสู้คดีมาหลายเรื่องแล้ว ถ้าไมมีพยาน ศาลก็ยกฟ้อง ถ้าใคร จะมาเป็นพยานเดี๋ยวเสธต้อยซึ่งหมายถึงนายทหารผู้มีอิทธิพลกว้างขวางในท้องที่เกิดเหตุไปคุย กับพยานให้เพราะสนิทกัน ส่วนเรื่องประกันตัวก็ไมเป็นไรเพราะตนกับหัวหน้าศาลจังหวัด ปทุมธานีเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน โดยหยิบเอารูปที่ตนถ่ายร่วมกับผู้พิพากษา หัวหน้าศาลจังหวัดปทุมธานี ในงานวันรพีปีที่ผ่านมาให้นางจุ้นจ้านดู พร้อมกับบอกว่าจะลองขอความกรุณาให้ ซึ่งในที่สุดนางจุ้นจ้าน ก็ตกลงว่าจ้างให้นายจาบจ้วงเป็นทนายความนายจอมโจร

ให้นักศึกษาวินิจฉัยว่า การกระทำดังกล่าวของนายจาบจ้วงเหมาะสมหรือผิดมรรยาททนายความ หรือไม่ อย่างไร หากผิดมรรยาทจะผิดในเรื่องใด

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย ตามข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529

ข้อ 10 ใช้อุบายอย่างใดอย่างหนึ่งดังกล่าวต่อไปนี้ เพื่อจูงใจให้ผู้ใดมอบคดีให้ว่าต่าง หรือแก้ต่าง

(2)       อวดอ้างว่าตนมีความรู้ยิ่งกว่าทนายความอื่น

(3)       อวดอ้างว่าเกี่ยวเป็นสมัครพรรคพวกรู้จักคุ้นเคยกับผู้ใด อันกระทำให้เขาหลงว่าตนสามารถ จะทำให้เขาได้รับผลเป็นพิเศษนอกจากทางว่าความ หรือหลอกลวงว่าจะชักนำจูงใจให้ ผู้นั้นช่วยเหลือคดีในทาง ใด ๆ ได้ หรือแอบอ้างขู่ว่าถ้าไม่ให้ตนว่าคดีนั้น แล้วจะหาหนทางให้ผู้นั้นกระทำให้คดีของเขาเป็นแพ้

ข้อ 18 ประกอบอาชีพ ดำเนินธุรกิจ หรือประพฤติตนอันเป็นการฝ่าฝืนต่อศีลธรรมอันดีหรือ เป็นการเสื่อมเสียต่อศักดิ์ศรีและเกียรติคุณของทนายความ

วินิจฉัย

การที่ทนายความอวดอ้างว่าตนมีความรู้ยิ่งกว่าทนายความคนอื่นหรืออวดอ้างว่าเป็นพรรคพวก รู้จักหรือคุ้นเคยกับผู้ใด อันทำให้มีผู้หลงเชื่อว่า ตนสามารถจะทำให้เขาได้รับผลในทางคดีเป็นพิเศษนอกจาก การว่าความตามปกติหรือหลอกลวงว่าจะชักนำหรือจูงใจให้ผู้ที่ตนรู้จักหรือคุ้นเคยนั้นช่วยเหลือในทางคดีใด ๆ ได้ อันเป็นการใช้อุบายเพื่อจูงใจให้เขามอบคดีให้ตนว่าต่างหรือแก้ต่าง หรือประกอบอาชีพ ดำเนินธุรกิจ หรือ ประพฤติตนอันเป็นการฝ่าฝืนต่อศีลธรรมอันดีหรือเป็นการเสื่อมเสียต่อศักดิ์ศรีและเกียรติคุณของทนายความ เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมและผิดมรรยาททนายความ

กรณีตามอุทาหรณ์ การที่นายจาบจ้วงทนายความบอกกับนางจุ้นจ้านว่า ถ้าใครจะมาเป็น พยานเดี๋ยวเสธต้อยไปคุยกับพยานให้เพราะสนิทกัน ส่วนเรื่องประกันตัวก็ไมเป็นไรเพราะรู้จักกับผู้พิพากษา หัวหน้าศาลจังหวัดปทุมธานีซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน จะลองขอความกรุณาให้เป็นการเหมาะสมหรือผิดมรรยาท ทนายความหรือไม่ เห็นว่า การที่นายจาบจ้วงกล่าวถึงเสธต้อยซึ่งหมายถึงนายทหารผู้มีอิทธิพลกว้างขวางในท้องที่ เกิดเหตุก็ดี 

หรือผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดปทุมธานีก็ดี ล้วนเป็นการอวดอ้างว่าตนเป็นพรรคพวกรู้จักคุ้นเคย กับเสธต้อยและผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดปทุมธานี อันทำให้นางจุ้นจ้านหลงเชื่อว่านายจาบจ้วงสามารถทำให้ตน ได้รับผลในทางคดีเป็นพิเศษนอกจากการว่าความตามปกติ เพราะอ้างว่าสามารถทำให้พยานไม่มาศาลซึ่งทำให้คดี มีทางชนะได้ และสามารถจัดการเกี่ยวกับการขอปล่อยตัวชั่วคราวในระหว่างพิจารณาได้อันเป็นการไม่เหมาะสม และผิดมรรยาททนายความ ตามข้อบังคับสภาทนายความฯ ข้อ 10(3) 

และถึงแม้นายจาบจ้วงจะทำได้จริงตามที่ อวดอ้าง ซึ่งมิใช่เป็นการหลอกลวงนางจุ้นจ้านว่า จะชักจูงใจเสธต้อยหรือผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดปทุมธานี ให้ช่วยเหลือในทางคดีใด ๆ ได้ก็ตาม แต่ก็ยังถือว่าเป็นการประกอบอาชีพหรือประพฤติตนอันเป็นการเสื่อมเสีย ต่อศักดิ์ศรีและเกียรติคุณของทนายความเป็นการกระทำที่ไมเหมาะสมและผิดมรรยาททนายความ ตามข้อบังคับ สภาทนายความฯ ข้อ 18

ส่วนที่นายจาบจ้วงกล่าวว่า คดีแบบนี้ไมมีปัญหา ไม่น่ากลัว เพราะเคยสู้คดีมาหลายเรื่องแล้ว ถ้าไม่มีพยานศาลก็ยกฟ้อง เป็นการกล่าวตามหลักทั่วไปในการพิจารณาพิพากษาคดีตามกฎหมาย ไม่ถือเป็น การอวดอ้างว่าตนมีความรู้ความสามารถยิ่งกว่าทนายความคนอื่น เป็นการกล่าวตามสมควร จึงไม่ผิดมรรยาท ทนายความ ตามข้อบังคับสภาทนายความ ฯ ข้อ 10(2)

สรุป การกระทำซองนายจาบจ้วงทนายความผิดมรรยาททนายความ ตามข้อบังคับสภาทนายความ ว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529 ข้อ 10(3) และข้อ 18 แต่ไม่ผิดข้อ 10(2)

LAW4002 การว่าความและการจัดทำเอกสารทางกฎหมาย การสอบซ่อมภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2548

การสอบซ่อมภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2548

ข้อสอบกระบวนวิชา LAW4002 การว่าความและการจัดทำเอกสารทางกฎหมาย

คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน จำนวน 4 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)

ข้อ 1. ในคดีแพ่งเรื่องหนึ่ง ทนายความได้แถลงโต้แย้งการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาล ๆ ได้พยายาม อธิบายให้ทนายเข้าใจ ทนายกลับย้อนศาลว่า ท่านอย่ามาตีฝีปากกับผม ๆ ระดับมหาบัณฑิตน๊ะครับ คนละชั้นกัน” ความประพฤติของทนายเช่นนี้จะผิดมรรยาทของทนายความตามข้อบังคับว่าด้วย มรรยาททนายความ พ.ศ. 2529 อย่างไร หรือไม เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

ข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529

ข้อ 6 ไมเคารพยำเกรงอำนาจศาล หรือกระทำการใดอันเป็นการดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษา ในศาล หรือนอกศาล อันเป็นการทำให้เสื่อมเสียอำนาจศาลหรือผู้พิพากษา

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์ การที่ทนายความได้กล่าวถ้อยคำย้อนศาลว่า ท่านอย่ามาตีฝีปากกับผม ๆ ระดับมหาบัณฑิตน๊ะครับ คนละชั้นกัน” การกล่าวถ้อยคำดังกล่าวของทนายความ นอกจากจะไมให้เกียรติศาล หรือผู้พิพากษาแล้ว ยังเป็นการดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษาในศาล อันทำให้เสื่อมเสียอำนาจศาลหรือผู้พิพากษา ซึงเป็นการกระทำที่ผิดมรรยาททนายความ ตามข้อบังคับสภาทนายความฯ ข้อ 6

สรุป การที่ทนายความกล่าวถ้อยคำดังกล่าวย้อนศาล ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดมรรยาททนายความ

 

ข้อ 2 การเตรียมคดี เบื้องต้น” ก่อนนำคดีไปสู่ศาลมีหลักการอย่างไร จงอธิบายพอสังเขป

ธงคำตอบ

อธิบาย

การเตรียมคดีในเบื้องต้นก่อนนำคดีขึ้นสู่ศาล มีหลักการดังนี้

1.         สอบสวนข้อเท็จจริงจากตัวความ กล่าวคือ การสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดการกระทำผิด หรือ เกิดการโต้แย้งสิทธิ ละเมิดสิทธิ หรือมูลเหตุโดยละเอียด สอบหลักฐานของอำนาจและสิทธิที่ตัวความพึงมี ตามกฎหมาย ตลอดจนนิติสัมพันธ์ที่ตัวความอ้างอิงในกรณีนั้นแล้วนำมาปรับกับกฎหมายสารบัญญัติว่าควรจะ ดำเนินคดีประเภทใดต่อไป เช่น ควรฟ้องเป็นคดีแพ่ง หรือคดีอาญาหรือคดีอื่น ๆ…ฯลฯ

ทั้งนี้ ทนายความควรจะแจ้งให้ตัวความทราบและเข้าใจว่าไมควรบัดบังอำพรางความจริง หรือบิดเบือนข้อเท็จจริง เพราะจะทำให้การนำข้อกฎหมายมาปรับกับข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อนไปด้วย

2.         สอบสวนพยานบุคคล กล่าวคือ สอบสวนผู้รู้เห็นเหตุการณ์ ซึ่งได้ยินหรือได้ทราบ ข้อเท็จจริงอาจจะเป็นประจักษ์พยาน พยานบอกเล่า พยานแวดล้อม พยานผู้เชี่ยวชาญหรือพยานผู้ชำนาญการ แล้วแต่กรณี แล้วบันทึกถ้อยคำไว้

3.         ตรวจสอบพยานเอกสาร กล่าวคือ พยานเอกสารในที่นี้หมายถึง เอกสารที่แท้จริง เช่น นิติกรรมสัญญาต่าง ๆ พินัยกรรม หรือบันทึกข้อตกลงต่าง ๆ ของผู้ตายในคดีมรดก เป็นต้น ซึ่งหากยังสงสัย ในพยานเอกสารต่าง ๆ นั้น จะต้องสอบถามจากตัวความให้ชัดเจน

4.         ตรวจสอบวัตถุพยาน กล่าวคือ ตรวจสอบสถานที่ อาจเป็นร่องรอยต่าง ๆ หรือเป็น วัตถุที่ยังหลงลืมที่พอจะใช้พิสูจน์ความจริงได้ เช่น ซากกำแพง หลักแบ่งเขตที่ดิน ร่องรอยการถูกรถชน เป็นต้น เพื่อที่จะทำให้เข้าใจสภาพที่แท้จริงได้

การสอบสวนข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง ถือเป็นช่องทางให้การใช้ข้อกฎหมายเป็นไปอย่างถูกต้อง และประการที่สำคัญทนายความก็ควรมีความรู้ความเข้าใจในข้อกฎหมายนั้นอย่างแท้จริง ซึ่งอาจจะศึกษาจาก แนวคำพิพากษาของศาลฎีกา หรือความเห็นของนักนิติศาสตร์ เป็นต้น

 

ข้อ 3 สมมติข้อเท็จจริงว่าเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2549 เวลาประมาณ 13 นาฬิกาเศษ นายเอกได้มาหลอก นายดวงที่บ้านแขวงท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ ว่านายเขียวพี่ชายของนายดวงใช้ให้มาเอา คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กที่ฝากไว้ ซึ่งเป็นความเท็จ ความจริงนายเขียวไมได้ใช้ให้มาเอาแต่ประการใด นายดวงหลงเชื่อจึงได้มอบเครื่องคอมพิวเตอร์ดังกล่าว ราคา 40,000 บาทเศษ ให้ไป ภายหลังต่อมา นายดวงมาทราบความจริงต้องการฟ้องนายเอกเป็นคดีอาญาด้วยตนเอง ฐานฉ้อโกงตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 341 สมมติให้นักศึกษาเป็นทนายของนายดวง จงเรียบเรียงคำฟ้องคดีอาญา ฐานฉ้อโกง เฉพาะเนื้อหาตาม ป.วิ. อาญา มาตรา 158(5)

ป. อาญา มาตรา 341 บัญญัติว่า ผู้ใดโดยทุจริตหลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริง ซึ่งควรบอกให้แจ้งและโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจาก ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สามทำถอน หรือทำลาย เอกสารสิทธิ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฉ้อโกง…ฯลฯ

ธงคำตอบ

คำฟ้องอาญา

ข้อ 1. เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2549 เวลากลางวัน จำเลยนี้ได้บังอาจกระทำผิดต่อ กฎหมาย กล่าวคือ จำเลยนี้โดยทุจริตบังอาจหลอกลวงโจทก์โดยกล่าวแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่านายเขียวพี่ชายของ โจทก์ใช้ให้จำเลยมาเอาเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กที่ฝากโจทก์ไว้อันเป็นข้อความเท็จ ความจริงนายเขียวพี่ชาย ของโจทก์ไมได้ใช้จำเลยให้มาเอาคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊กแตประการใด โดยการหลอกลวงของจำเลยดังกล่าวนั้นทำไห้ โจทก์หลงเชื่อ ได้มอบคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง ราคา 40,000 บาทเศษให้จำเลยไป

เหตุเกิดที่แขวงท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร

 

ข้อ 2. โจทก์ไมได้แจ้งความร้องทุกข์ เพราะประสงค์จะดำเนินคดีอาญาด้วยตนเอง

ข้อ 4. ในคดีแพ่งเรื่องหนึ่ง ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 8 กันยายน 2549 เวลา 9.30 น. แตพยานโจทก์ตามที่โจทก์ได้ระบุไว้ในบัญชีระบุพยานอันดับ 5 และ 6 เป็นบุคคลภายนอก โจทก์ ไม่สามารถนำมาศาลได้โจทก์มีความประสงค์จะขอให้ศาลหมายเรียกพยานบุคคลดังกล่าวให้มาศาล ตามนัด      สมมตินักศึกษาเป็นทนายโจทก์จงเรียบเรียงคำขอหมายเรียกบุคคลดังกล่าวเฉพาะส่วนที่เป็นเนื้อหา โดยให้ทนายลงลายมือชื่อผู้ขอ ผู้เรียงและผู้พิมพ์ด้วย

ธงคำตอบ

คำขอหมายเรียกพยานบุคคล

ข้อ 1. คดีนี้ ศาลนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 8 กันยายน 2549 เวลา 9.30 น. โจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานแล้ว แต่เนื่องจากพยานบุคคลตามบัญชีระบุพยานอันดับ 5 และ 6 เป็นบุคคลภายนอก โจทก์ ไมสามารถนำมาศาลได้ จึงขอความกรุณาศาลได้โปรดหมายเรียกพยานบุคคลดังกล่าวให้มาศาลตามนัดด้วย ขอศาลได้โปรดกรุณาอนุญาต

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

ลงชื่อ…..(ลายมือชื่อนักศึกษา)…..ทนายโจทก์

ค่าขอฉบับนี้ ข้าพเจ้า (ชื่อนักศึกษา) ทนายโจทก์เป็นผู้เรียงและพิมพ์

ลงชื่อ…..(ลายมือชื่อนักศึกษา)…..ผู้เรียงและพิมพ์

LAW4002 การว่าความและการจัดทำเอกสารทางกฎหมาย การสอบซ่อมภาค 1 ปีการศึกษา 2549

การสอบซ่อมภาค 1 ปีการศึกษา 2549

ข้อสอบกระบวนวิชา LAW4002 การว่าความและการจัดทำเอกสารทางกฎหมาย

คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน จำนวน 4 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)

ข้อ 1. ลูกความจ้างทนายความอุทธรณ์คดีที่ตนแพ้ในศาลชั้นต้น ทนายได้คำเนินการยื่นอุทธรณ์ตามที่ลูกความ มอบหมายแล้ว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้อุทธรณ์นำส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์แก่จำเลยอุทธรณ์ ภายใน 7 วัน นับแต่ศาลมีคำสั่ง ทนายลืมไม่ได้ไปนำส่งหมายดังกล่าวจนกระทั่งศาลสั่งจำหน่ายคดี ความประพฤติของทนายเช่นนี้จะถือเป็นความผิดเกี่ยวกับมรรยาททนายความหรือไม่ เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

ข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529

ข้อ 12 กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งดังกล่าวต่อไปนี้ อันอาจทำให้เสื่อมเสียประโยชน์ของลูกความ (2) จงใจละเว้นหน้าที่ ที่ควรกระทำอันเกี่ยวแกการคำเนินคดีแห่งลูกความของตน หรือปิดบัง ข้อความที่ควรแจ้งให้ลูกความทราบ

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์ ความประพฤติของทนายเช่นนี้ จะถือว่าเป็นความผิดเกี่ยวกับมรรยาท ทนายความหรือไม่ เห็นว่า การที่ทนายลืมไม่ได้ไปนำส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์แก่จำเลยอุทธรณ์ภายในเวลาที่ศาลกำหนด จนเป็นเหตุให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดี ความประพฤติของทนายเช่นนี้ ถือว่าเป็นการกระ ทำที่ทำให้ เสื่อมเสียประโยชน์ของลูกความโดยการจงใจละเว้นหน้าที่ ที่ควรกระทำอันเกี่ยวแกการดำเนินคดีแห่งลูกความตนอันเป็นการประพฤติผิดมรรยาททนายความ ตามข้อบังคับสภาทนายความฯ ข้อ 12(2) (คำสั่งสภานายกพิเศษฯ ที่ 4/2540)

สรุป ความประพฤติของทนายความดังกล่าว ถือว่าเป็นการประพฤติผิดมรรยาททนายความ ตามข้อบังคับสภาทนายความฯ ข้อ 12(2)

 

ข้อ 2. ในคดีอาญา ทนายจำเลยมีหลักการเตรียมคดีเบื้องต้นก่อนยื่นคำให้การสู้คดีอย่างไร จงบอกเป็นข้อๆ

ธงคำตอบ

อธิบาย

เนื่องจากคดีอาญาขึ้นสู่ศาลได้ 2 แนวทาง คือ ราษฎรผู้เสียหายห้องคดีเองประการหนึ่ง พนักงานอัยการเป็นโจทก์ห้องอีกประการหนึ่ง ดังนั้นในการเตรียมคดีเบื้องต้นก่อนยื่นคำให้การต่อสู้คดีมีหลัก กว้าง ๆ ไม่ต่างกัน ดังนี้

1. ราษฎรผู้เสียหายเป็นโจทก์ฟ้องเอง

กรณีราษฎรผู้เสียหายเป็นโจทก์ห้องเอง ทนายจำเลยต้องตรวจสอบในเรื่องต่อไปนี้

1.1     ความเป็นผู้เสียหาย

ในคดีอาญาผู้เสียหายตามกฎหมายเท่านั้นที่มีอำนาจฟ้อง ดังนั้นหากโจทก์ไมใช่ ผู้เสียหายตามความหมายของกฎหมายย่อมไม่มีอำนาจฟ้อง อนึ่ง แม้จะเป็นผู้ได้รับความเสียหาย แต่บางฐานความผิด ราษฎรก็ฟ้องเองไมได้ เช่น ความผิดตาม พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. 2522 รัฐเท่านั้นที่มีหน้าที่ดำเนินการกับ ผู้กระทำความผิด ผู้ถูกจำเลยขับรถชนไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมาย ไม่มีอำนาจฟ้องฐานขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต (ฎ. 2096/2530ฎ. 1141/2531) เป็นต้น

1.2     เรื่องเขตอำนาจศาล

ศาลที่รับฟ้องนั้นมีอำนาจที่จะพิจารณาพิพากษาคดีดังกล่าวหรือไม่ โดยพิจารณา จากชื่อศาลที่ระบุไว้ในคำฟ้อง กับสถานที่เกิดเหตุที่ระบุไว้ในคำฟ้อง หรือดูจากที่อยู่ของจำเลยว่าอยู่ในเขตอำนาจศาล หรือไม หากคดีไมอยู่ ในอำนาจศาล ศาลนั้นก็ย่อมไม่มีอำนาจพิจารณาคดี

1.3     เรื่องอายุความของคดี

ตรวจสอบว่าโจทก์ฟ้องคดีขาดอายุความหรือไม่ โดยพิจารณาจากวัน เดือน ปี ที่ระบุในคำฟ้องกับวันเวลาที่เกิดเหตุ ทั้งดูว่าคดีนั้นหากเป็นความผิดอันยอมความได้ ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์หรือ ฟ้องคดีภายในกำหนดเวลาตามกฎหมายหรือไม่ หากผู้เสียหายร้องทุกข์ก่อนฟ้องต้องมีการบรรยายให้ปรากฏโดย ชัดเจนว่าร้องทุกข์ภายในกำหนดเวลาตามกฎหมายแล้ว

1.4     เรื่องอายุของโจทก์

ตรวจสอบว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องเองหรือไม หรือหากเป็นผู้เยาว์ก็ย่อมไม่อาจ ฟ้องคดีอาญาได้เองต้อง ให้ผู้แทนโดยชอบธรรมดำเนินการแทน

1.5     โจทก์เป็นผู้ต้องห้ามฟ้องจำเลยหรือไม่

มีกฎหมายห้ามหรือจำกัดสิทธิมิให้โจทก์ฟ้องหรือไม่ เช่น ผู้สืบสันดานย่อมฟ้อง บุพการีไมได้ เป็น อุทลุม” เป็นต้น

1.6     รายละเอียดของการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยทำผิด วัน เวลา สถานที่ บุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้อง

ดูว่าจำเลยถูกกล่าวหาว่าอย่างไร คำฟ้องบรรยายครบองค์ประกอบความผิด ตามกฎหมายหรือไม โดยดูเนื้อหาคำฟ้องประกอบตัวบทกฎหมายที่โจทก์อ้าง

2. พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องเอง

นอกจากตรวจสอบตามข้อ (ก) แล้ว ผู้เตรียมคดีต้องตรวจสอบเรืองอำนาจสอบสวนว่าคดี ที่พนักงานอัยการนำมาฟ้องนั้นมีการร้องทุกข์ มีการสอบสวนหรือยัง หากมีการร้องทุกข์และสอบสวนแล้ว ดูว่า การร้องทุกข์หรือการสอบสวนนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เรื่องที่นำมาฟ้องอยู่ในเขตอำนาจของพนักงานสอบสวนนั้น ๆ หรือไม่ หากพนักงานสอบสวนไม่มีอำนาจทำการสอบสวน พนักงานอัยการย่อมไม่มีอำนาจฟ้อง เป็นต้น

 

ข้อ 3. ในคดีแพ่งเรืองหนึ่ง ศาลนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2550 โจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยาน ไว้แล้ว แต่เนื่องจากมีเอกสารที่โจทก์อ้างเป็นพยานในการพิจารณาของศาลเป็นจำนวนมาก โจทก์ ไมสามารถทำสำเนาส่งให้แกจำเลยก่อนนัดสืบพยาน 7 วันตามกฎหมาย โจทก์มีความประสงค์จะขอ ส่งต้นฉบับเอกสารต่อศาลเพื่อให้จำเลยมาตรวจดูก่อนสืบพยานตาม ป.วิ. แพ่ง มาตรา 90(3)

ให้ท่านในฐานะทนายโจทก์เรียบเรียงเนื้อหาคำร้องดังกล่าว (ไมต้องระบุแบบพิมพ์ของศาล)

ธงคำตอบ

คำร้องขอให้คู่ความตรวจเอกสารเพราะเหตุสำเนาให้ไม่ทัน

ข้อ 1. คดีนี้ ศาลนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2550 โจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยาน ต่อศาลไว้แล้ว แต่เนื่องจากมีเอกสารที่โจทก์อ้างเป็นพยานในการพิจารณาของศาลเป็นจำนวนมาก โจทก์ไม่สามารถ ทำสำเนาส่งให้แกจำเลยก่อนนัดสืบพยาน 7 วันตามกฎหมายได้ โจทก์มีความประสงค์จะขอส่งต้นฉบับเอกสาร ต่อศาล เพื่อให้จำเลยมาตรวจดูก่อนสืบพยาน เพี่อมิให้กระบวนการพิจารณาเป็นการส่าช้า ได้ยื่นต้นฉบับเอกสาร ไว้ที่ศาลนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90(3) ขอศาลได้โปรดกรุณาอนุญาต

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

ลงชื่อ…..(ลายมือชื่อนักศึกษา)…..ทนายโจทก์

คำร้องฉบับนี้ ข้าพเจ้า (ชื่อนักศึกษา) ทนายโจทก์เป็นผู้เรียงและพิมพ์

ลงชื่อ…..(ลายมือชื่อนักศึกษา)…..ผู้เรียงและพิมพ์

ข้อ 4. สมมุติข้อเท็จจริงจากการสอบสวนได้ความว่า เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2549 เวลาประมาณ 21 นาฬิกาเศษ นายโก๋ได้ใช้อาวุธปีนพกรีวอลเวอร์ ขนาด 9 ม.ม. ยิงนายเอกในระยะเผาขน 1 นัด กระสุนถูกบริเวณอกซ้ายทะลุหัวใจ ทำให้นายเอกเสียชีวิตทันที แล้วนายโก๋ได้หลบหนีไป เหตุเกิด ที่บ้านนายเอก ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ต่อมาเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2549 เวลาประมาณ 17 นาฬิกา ตำรวจจับกุมนายโก๋ได้ นำส่งพนักงานสอบสวนทำการสอบสวนแล้วนายโก๋ ให้การรับสารภาพว่า ได้ยิงนายเอกจริง เพราะผู้ตายไปแซวกิ๊กของผู้ต้องหา เมื่อผู้ต้องหาไปต่อว่า นายเอกกลับท้าทายใช้มือผลักอกผู้ต้องหา ด้วยความโกรธผู้ต้องหาจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายแล้วตนเอง ได้หลบหนีไปอยู่ไร้อ้อยของเพื่อนที่กาญจนบุรี และเมื่อเห็นว่าเวลาผ่านไปนานพอสมควรแล้วจึงแอบ กลับมาหาคนรักจนถูกจับ ระหว่างสอบสวนผู้ต้องหาถูกควบคุมตัวมาโดยตลอด

สมมตินักศึกษาเป็นพนักงานอัยการ จงเรียบเรียงคำฟ้องคดีอาญาความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตาม ป. อาญา มาตรา 288 บัญญัติว่า ผู้ใดฆ่าผู้อื่น ต้องระวางโทษ … ฯลฯ” (เรียบเรียงเฉพาะเนื้อหา ไม่ต้องระบุแบบพิมพ์ของศาล)

ธงคำตอบ

คำฟ้องอาญา

ข้อ 1. เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2549 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยนี้ได้บังอาจกระทำความผิด ต่อกฎหมายกล่าวคือ จำเลยได้ใช้อาวุธปีนพกรีวอลเวอร์ ขนาด 9 ม.ม. ยิงนายเอกผู้เสียหาย ในระยะเผาขน 1 นัด โดยเจตนาฆ่า กระสุนปืนที่จำเลยยิงถูกบริเวณอกซ้ายทะลุหัวใจ ทำให้นายเอกถึงแกความตายเพราะบาดแผลที่จำเลยยิงนั้นในทันที สมดังเจตนาของจำเลย ทั้งนี้เพราะความโกรธที่ผู้ตายไปแซวกิ๊กและท้าทายจำเลย

เหตุเกิดที่ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่

ข้อ 2. ต่อมาเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2549 เวลากลางวัน เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยได้ และนำส่งพนักงานสอบสวน ทำการสอบสวนแล้ว ชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ

ระหว่างสอบสวนจำเลยถูกควบคุมตัวมาโดยตลอดโดยคำสั่งศาลนี้ ขอศาลได้เบิกตัวจำเลยมา เพื่อพิจารณาพิพากษาลงโทษต่อไป

LAW4002 การว่าความและการจัดทำเอกสารทางกฎหมาย การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2549

การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2549

ข้อสอบกระบวนวิชา LAW4002  การว่าความและการจัดทำเอกสารทางกฎหมาย

คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัดนัยล้วน จำนวน 4 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)

ข้อ 1. ในวันที่ 19 ตุลาคม 2549 เวลา 9.00 น. ซึ่งเป็นวันนัดสืบพยานโจทก์นัดแรก ในคดีฟ้องขอให้ ชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขาย นายเก่ง กล้าหาญ ซึ่งเป็นโจทก์ในคดีนี้และเป็นพยานสำคัญที่จะต้องขึ้น เบิกความเป็นคนแรก ได้ประสบอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์ล้มคว่ำเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2549 และ ได้รับบาดเจ็บรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ทำให้ไม่สามารถมาเบิกความต่อศาลในวันนัดสืบพยานได้ นายเก่งมีความประสงค์จะขอเลื่อนการสืบพยานในวันดังกล่าวออกไปก่อนโดยมีใบรับรองแพทย์ เป็นหลักฐาน 

ขอให้ท่านในฐานะทนายความของนายเก่งร่างคำร้องขอเลื่อนคดีให้ตามความประสงค์ ของตัวความ (ให้ร่างแต่ใจความในคำร้องเท่านั้น โดยไม่ต้องคำนึงถึงแบบฟอร์มศาล)

ธงคำตอบ

คำร้องขอเลื่อนคดี

ข้อ 1. คดีนี้ศาลนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกในวันนี้ เวลา 09.00 น. แต่เนื่องจากโจทก์ซึ่งเป็น พยานสำคัญที่จะต้องเบิกความเป็นพยานคนแรกในวันนี้ประสบอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์ล้มคว่ำต้องพักรักษาตัวอยู่ใน โรงพยาบาลไมสามารถมาศาลในวันนี้ได้ รายละเอียดปรากฏตามใบรับรองแพทย์ที่ได้แนบมาพร้อมคำร้องฉบับนี้

ด้วยเหตุดังได้ประทานกราบเรียนมาแล้วข้างต้น โจทก์จึงขอเลื่อนการสืบพยานในวันนี้ออกไป สักนัดหนึ่งเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ขอศาลได้โปรดอนุญาต

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

ลงชื่อ…..(ลายมือชื่อนักศึกษา)…..ทนายโจทก์

คำร้องฉบับนี้ ข้าพเจ้า (ชื่อนักศึกษา) ทนายโจทก์เป็นผู้เรียงและพิมพ์

ลงชื่อ…..(ลายมือชื่อนักศึกษา)…..ผู้เรียงแสะพิมพ์

ข้อ 2. นายมั่งมี เหลือล้น ได้เป็นโจทก์ฟ้อง นายสมศักดิ์ สายเสมอ ในคดีแพ่งเรียกให้ชำระเงินคำสินค้า จำนวน 2,000,000 บาท จำเลยได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดีแล้ว คดีอยู่ในระหว่างนัดสืบพยานโจทก์ ปรากฏว่า นายมั่งมีและนายสมศักดิ์สามารถตกลงกันได้ โดยนายสมศักดิ์ ยอมผ่อนชำระค่าสินค้าให้ นายมั่งมี เป็นงวด ๆ นายมั่งมีจึงไมประสงค์ที่จะดำเนินคดีกับนายสมศักดิ์อีกต่อไป และต้องการ ถอนฟ้องคดีนี้ ขอให้ท่านในฐานะทนายความของนายมั่งมี เหลือล้น ร่างคำร้องขอถอนฟ้องคดีนี้ ตามความประสงค์ของตัวความ (ให้ร่างแต่ใจความในคำร้องเท่านั้น โดยไม่ต้องคำนึงถึงแบบฟอร์มศาล)

ธงคำตอบ

คำร้องขอถอนฟ้อง (ในกรณีจำเลยยื่นคำให้การแล้ว)

ข้อ 1. คดีนี้อยู่ระหว่างการนัดสืบพยานโจทก์ ปรากฏว่าโจทก์และจำเลยสามารถตกลงกันได้ โดยจำเลยยอมผ่อนชำระค่าสินค้าให้แกโจทก์เป็นงวด ๆ โจทก์จึงไม่ประสงค์ที่จะดำเนินคดีกับจำเลยอีกต่อไป โจทก์จึงขอประทานศาลขอถอนฟ้องคดีนี้ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ขอศาลได้โปรดอนุญาต

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

ลงชื่อ…..(ลายมือชื่อนักศึกษา)…..ทนายโจทก์

คำร้องฉบับนี้ ข้าพเจ้า (ชื่อนักศึกษา) ทนายโจทก์เป็นผู้เรียงและพิมพ์

ลงชื่อ……(ลายมือชื่อนักศึกษา)…..ผู้เรียงและพิมพ์

ข้าพเจ้า นายสมศักดิ์ สายเสมอ จำเลย ได้รับสำเนาคำร้องขอถอนฟ้องของโจทก์แล้ว และไม่ค้าน การขอถอนฟ้องดังกล่าว

ลงชื่อ…..(ลายมือชื่อนายสมศักดิ์ สายเสมอ)….จำเลย

ข้อ 3. ข้อเท็จจริงตามสำนวนการสอบสวนในคดีอาญาเรื่องหนึ่งได้ความว่าเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2549 เวลาประมาณ 17.00 น. นายโรจน์ นายชิน และนายตุ้ม ได้ชักชวน ด.ญ.ฤทัย อายุ 14 ปี ให้นั่งรถจักรยานยนต์ไปเที่ยว ครั้นเมื่อไปถึงบ้านร้างแห่งหนึ่งในตำบลยุ้งทลาย อำเภออูทอง จังหวัด สุพรรณบุรี นายโรจน์กับพวกทั้ง 3 คน ได้ฉุดกระชากลาก ด.ญ.ฤทัย เข้าไปในบ้านร้างดังกล่าว แล้วช่วยกันจับ ด.ญ.ฤทัย ขึงพืดไว้ แล้วจากนั้นก็ผลัดเปลี่ยนกันข่มขืนกระทำชำเราจนสำเร็จ ความใคร่คนละหนึ่งครั้ง เมื่อข่มขืนเสร็จจึงพา ด.ญ.ฤทัย ไปส่งที่บ้าน ต่อมาวันที่ 1 กันยายน 2549 มารดาของ ด.ญ.ฤทัย เห็นว่าบุตรสาวไม่สบายจึงสอบถาม ได้ความว่าถูกข่มขืนมาดังกล่าว จึงพา ด.ญ.ฤทัย ไปแจ้งความต่อพันตำรวจโท บุญลือ พนักงานสอบสวน

ต่อมาวันที่ 10 กันยายน 2549 เจ้าพนักงานจับนายชินได้ที่จังหวัดกาญจนบุรี และในวันที่ 11 กันยายน 2549 จับนายโรจน์ ได้นำส่งพันตำรวจโท บุญลือ พนักงานสอบสวน ชั้นสอบสวนทั้งสองคน ให้การรับสารภาพและถูกนำตัวไปฝากขังไว้ที่ศาลจังหวัดสุพรรณบุรีในคดีหมายเลขดำที่ พ. 427/2549

สมมติว่านักศึกษาเป็นพนักงานอัยการจังหวัดสุพรรณบุรีเจ้าของสำนวนคดีนี้ ให้ร่างคำฟ้องคดีดังกล่าว เฉพาะเนื้อหาคดีเท่านั้น

ป. อาญา มาตรา 276 ผู้ใดข่มขืนกระทำชำเราหญิงซึ่งมิใช่ภริยาของตนโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยหญิงอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้หรือโดยทำให้หญิงเข้าใจผิดว่าตน เป็นบุคคลอื่น ต้องระวางโทษ…

ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคแรกได้กระทำโดยมีหรือใช้อาวุธปีนหรือวัตถุระเบิด หรือโดยร่วม กระทำความผิดด้วยกันอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง ต้องระวางโทษ…

มาตรา 277 ผู้ใดกระทำชำเราเด็กหญิงอายุยังไม่เกินสิบห้าปีซึ่งมิใช่ภริยาของตนโดยเด็กหญิงนั้น จะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ต้องระวางโทษ…

ธงคำต

คำฟ้องอาญา

ข้อ 1. เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2549 เวลากลางวัน จำเลยที่ 1 และ ที่ 2 กับพวกที่ยังไม่ได้ตัว มาฟ้องอีกหนึ่งคนได้บังอาจร่วมกันใช้กำลังประทุษร้ายฉุดกระชากลาก ด.ญ.ฤทัย อายุ 14 ปี ผู้เสียหาย ซึ่งมิใช่ ภรรยาของจำเลยทั้งสองกับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องแล้วกระทำชำเราผู้เสียหาย โดยผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกัน อันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง โดยผู้เสียหายไม่ยินยอม (4 คะแนน)

เหตุเกิดที่ตำบลยุ้งทลาย อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี (1 คะแนน)

ข้อ 2. ต่อมาวันที่ 10 กันยายน 2549 เวลากลางวัน เจ้าพนักงานจับจำเลยที่ 2 ได้และในวันที่ 11 กันยายน 2549 เจ้าพนักงานจับจำเลยที่ 1 ได้ นำส่งพนักงานสอบสวนทำการสอบสวน (2 คะแนน)

ชั้นสอบสวนจำเลยทั้งสองให้การวับสารภาพ (1 คะแนน)

ระหว่างสอบสวนจำเลยถูกควบคุมตัวมาตลอด ขณะนี้ต้องขังอยู่ตามหมายขังของศาลนี้ ตามคดี หมายเลขดำที่ พ. 427/2549 ขอศาลเบิกตัวจำเลยทั้งสองมาพิจารณาพิพากษาลงโทษตามกฎหมายต่อไป (2 คะแนน)

 

ข้อ 4. นักศึกษามีความเข้าใจในเรื่องมรรยาททนายความว่าอย่างไร และมรรยาทของทนายความที่มีต่อ ทนายความด้วยกันเป็นอย่างไร หากผิดมรรยาทจะมีกระบวนการดำเนินการอย่างไร ให้อธิบาย

ธงคำตอบ

มรรยาททนายความ หมายถึง จรรยาบรรณที่กำหนดเป็นข้อปฏิบัติและข้อห้ามปฏิบัติ ในการประกอบวิชาชีพทนายความ (Professional Ethics) มรรยาททนายความจึงเป็นข้อบังคับที่เป็นแนวทาง ในการประกอบวิชาชีพทนายความ ซึ่งทนายความทุกคนต้องเคร่งครัดถือปฏิบัติตามเพื่อให้วิชาชีพทนายความ เป็นวิชาชีพที่ผดุงความยุติธรรมได้อย่างแท้จริง (2 คะแนน)

ตามข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความต่อทนายความด้วยกันมีเรื่องหลักอยู่

2 เรื่อง

ประการแรก คือ การแย่ง หรือกระทำการใดในลักษณะประมูลคดีที่มีทนายความอื่นว่าต่าง แก้ต่างอยู่แล้วมาว่า หรือรับหรือสัญญาว่าจะรับว่าต่าง แก้ต่างในคดีที่รู้ว่ามีทนายความอื่นว่าอยู่แล้ว เว้นแต่

(1)       ได้วับความยินยอมจากทนายความที่ว่าความอยู่ในเรื่องนั้นแล้ว

(2)       มีเหตุผลอันควรเชื่อว่าตัวความได้ถอนทนายความคนก่อนจากการเป็นทนายความ

ของเขาแล้ว หรือ

(3)       ทนายความผู้ว่าความในเรื่องนั้นปฏิเสธ หรือแสดงความไม่สมัครใจที่จะว่าความในคดี นั้นต่อไปแล้ว (ข้อบังคับสภาทนายความฯ ข้อ 16)

การยินยอมตกลง หรือให้คำมั่นสัญญาว่าจะให้ค่านายหน้าหรือบำเหน็จรางวัลใด ๆ ด้วย ทรัพย์สิน หรือประโยชน์ใด ๆ แกผู้ที่หาคดีความหรือนำคดีความมาให้ หรือมีคนประจำสำนักงานดำเนินการจัดหา คดีความมาให้ว่า โดยทนายความผู้นั้นคิดค่าส่วนลดของค่าจ้างให้หรือให้เงินเดือนหรือเงินจำนวนหนึ่งจำนวนใด หรือ ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อย่างใด ๆ แกผู้ที่หาคดีความมาให้นั้น แม้บุคคลผู้หาคดีความมาให้โดยลักษณะดังกล่าว จะเป็นเสมียนหรือลูกจ้างประจำสำนักงานของทนายความผู้นั้นก็ตาม ก็เสมือนหนึ่งเป็นการแย่งชิงคดีมาทำ ซึ่งเป็น ลักษณะที่ต้องห้าม (ข้อบังคับสภาทนายความฯ ข้อ 19)

ประการที่สอง การประกอบอาชีพ ดำเนินธุรกิจ หรือประพฤติตนอันเป็นการฝ่าฝืนต่อ ศีลธรรมอันดีหรือเป็นการเสอมเสียต่อศักดิ์ศรีและเกียรติคุณของทนายความ เพราะอาชีพทนายความเป็นอาชีพ ที่ต้องได้รับความเชื่อถือไว้วางใจ และความเคารพยกย่องจากสังคม หากทนายความผู้ใดประกอบอาชีพหรือดำเนิน การอื่นใดที่ส่อไปในทางเป็นที่รังเกียจของสังคมย่อมเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม (ข้อบังคับสภาทนายความฯ ข้อ 18)

การประกาศโฆษณา หรือยอมให้ผู้อื่นประกาศโฆษณาใด ๆ ดังต่อไปนี้

(1)       อัตราค่าจ้างว่าความ หรือไมเรียกร้องค่าว่าความ เว้นแต่เป็นการประกาศโฆษณาของ ทนายความที่เกี่ยวกับการช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย ซึ่งสภาทนายความ สถาบัน สมาคม องค์การ หรือ ส่วนราชการอื่นใดที่เกี่ยวข้อง เป็นหน่วยงานที่ดำเนินการเอง หรือ

(2)       ชื่อ คุณวุฒิ ตำแหน่ง ถิ่นที่อยู่ หรือสำนักงาน อันเป็นไปในทางโอ้อวด ชักชวนให้ผู้ที่มี อรรถคดีมอบคดีให้ว่าต่างหรือแก้ต่าง เว้นแต่เป็นการแสดงชื่อ คุณวุฒิ ตำแหน่ง ถิ่นที่อยู่ หรือสำนักงาน ตามสมควร โดยสุภาพ (ข้อบังคับสภาทนายความฯ ข้อ 17)

พระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ. 2528 กำหนดให้ทนายความต้องประพฤติตนตามข้อบังคับ วาด้วยมรรยาททนายความโดยการกำหนดมรรยาททนายความให้สภาทนายความตราเป็นข้อบังคับ ทนายความผู้ใด ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับที่สภาทนายความตราขึ้น ให้ถือว่าทนายความผู้นั้นประพฤติผิดมรรยาท ทนายความ ทนายความที่ฝ่าฝืนหรือไมปฏิบัติตามข้อบังคับว่าด้วยมรรยาททนายความดังกล่าว จะต้องได้รับโทษ ตามพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ. 2528 มาตรา 52 โทษผิดมรรยาททนายความ มีอยู่ 3 สถาน ได้แก่

(1)       ภาคทัณฑ์

(2)       ห้ามทำการเป็นทนายความมีกำหนดไม่เกินสามปี หรือ

(3)       ลบชื่อออกจากทะเบียนทนายความ (2 คะแนน)

ในกรณีที่ประพฤติผิดมรรยาททนายความเล็กน้อยและเป็นความผิดครั้งแรก ผู้มีอำนาจ

สั่งลงโทษดังกล่าวได้แก่ คณะกรรมการมรรยาททนายความ คณะกรรมการสภาทนายความ และสภานายกพิเศษ แห่งสภาทนายความ เห็นว่ามีเหตุอันควรงดโทษ จะงดโทษให้ โดยว่ากล่าวตักเตือน หรือให้ทำทัณฑ์บนเป็นหนังสือ ไว้ก่อนก็ได้ (1 คะแนน)

LAW4002 การว่าความและการจัดทำเอกสารทางกฎหมาย การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2549

การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2549

ข้อสอบกระบวนวิชา LAW4002 การว่าความและการจัดทำเอกสารทางกฎหมาย

คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน จำนวน 4 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)

ข้อ 1. โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของเด็กชายดำรง โจทก์และจำเลยได้อยู่กินด้วยกัน ฉันสามีภรรยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรส มีบุตรด้วยกัน 1 คนคือเด็กชายดำรง อายุ 3 ขวบ เมื่อโจทก์ คลอดเด็กชายดำรงแล้ว จำเลยได้ประพฤติตัวห่างเหินไป โดยจำเลยได้ไปอยู่กับภรรยาคนเก่าและ ไม่ยอมไปมาหาสู่โจทก์ โจทก์จึงไปพบจำเลยเพื่อขอให้จำเลยจดทะเบียนรับเด็กชายดำรงเป็นบุตร แต่จำเลยปฏิเสธ โจทก์จึงฟ้องศาลให้จำเลยจดทะเบียนรับเด็กชายดำรงเป็นบุตร ศาลนัดสืบพยาน ในวันที่ 23 มีนาคม 2550 เวลา 09.00 น.

โจทก์มีความประสงค์ที่จะขอให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาโดยไม่เปิดเผย โดยอ้างเหตุผลดังนี้

1. ต้องนำสืบพยานบุคคลและพยานเอกสารถึงความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับจำเลย หากการ ดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลถูกเปิดเผยออกสู่ประชาชน อาจทำให้พยานและผู้เกี่ยวข้อง ได้รับความเสียหาย

2. เป็นการขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน

ให้ท่านในฐานะทนายโจทก์ร่างคำร้องเพี่อยื่นต่อศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ โดยขอให้ศาล ดำเนินกระบวนพิจารณาโดยไมเปิดเผยตามความประสงค์ของโจทก์ (ให้ร่างแต่ใจความในคำร้อง โดยไม่ต้องคำนึงถึงแบบพิมพ์ศาล)

ธงคำตอบ

คำร้องขอให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาโดยไม่เปิดเผย

ข้อ 1. คดีนี้ศาลนัดสืบพยานโจทก์ในวันนี้ เวลา 09.00 น. โจทก์ขอกราบเรียนต่อศาลว่า การดำเนินกระบวนพิจารณาในคดีนี้ โจทก์ต้องสืบพยานบุคคล และพยานเอกสารถึงความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับจำเลย หากการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลถูกเปิดเผยออกไปสู่สาธารณชน อาจทำให้พยานและผู้เกี่ยวข้อง ได้รับความเสียหาย และเป็นการขัดต่อศีลธรรมอันดีงามของประชาชน โจทก์จึงขอประทานกราบเรียนต่อศาล ได้โปรดมีคำสั่งให้ ดำเนินกระบวนพิจารณาโดยไม่เปิดเผย ขอศาลได้โปรดอนุญาตด้วย

ควรมีควรแล้วแต่จะโปรด

ลงชื่อ…..(ลายมือชื่อนักศึกษา)…..ทนายโจทก์

คำร้องฉบับนี้ ข้าพเจ้า (ชื่อนักศึกษา) ทนายโจทก์เป็นผู้เรียงและพิมพ์

ลงชื่อ……(ลายมือชื่อนักศึกษา)…..ผู้เรียงและพิมพ์

ข้อ 2. ในคดีฟ้องเรียกค่าเสียหายจากการผิดสัญญา เจ้าพนักงานเดินหมายของศาลได้นำหมายเรียกและ สำเนาคำฟ้องไปส่งให้กับจำเลยเป็นครั้งแรก แต่ไม่พบบริษัทจำเลย โดยพนักงานรักษาความปลอดภัย ประจำตึกแจ้งว่าบริษัทจำเลยได้ย้ายออกไปแล้ว โดยไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ใด และไม่ยอมรับหมายเรียก และสำเนาคำฟ้องไว้แทน เมื่อโจทก์ไปคัดหนังสือรับรองการจัดตั้งบริษัทของจำเลยจากกระทรวงพาณิชย์ ก็ไม่มีรายละเอียดการแจ้งย้ายที่อยู่ของจำเลย ทำให้ไม่สามารถส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แกจำเลยยังภูมิสำเนาได้เนื่องจากไม่ทราบที่อยู่ของจำเลยเพื่อให้การดำเนินคดีเป็นไปโดยไม่ล่าช้า โจทก์จึงขอส่งสำเนาหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แกจำเลยทราบทางหนังสือพิมพ์รายวัน ทั้งนี้ โจทก์ยอมเสียค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการประกาศทุกประการ

ดังนั้นจึงให้ท่านในฐานะทนายโจทก์ ยื่นคำแถลงต่อศาลขอให้ศาลมีคำสั่งให้ส่งหมายเรียกและ สำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยโดยการประกาศทางหนังสือพิมพ์รายรัน เพราะไม่ทราบที่อยู่ของจำเลย (ให้ร่างแต่ใจความในคำแถลงเท่านั้น โดยไมต้องคำนึงถึงแบบพิมพ์ศาล)

งคำตอบ

คำแถลงขอให้ประกาศทางหนังสือพิมพ์

ข้อ 1. คดีนี้เจ้าพนักงานเดินหมายของศาลได้นำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไปส่งให้จำเลย เป็นครั้งแรก แต่ไม่พบจำเลยโดยพนักงานประจำตึกแจ้งว่าจำเลยได้ย้ายออกไปแล้วไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ใด และไม่ยอมรับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไว้แทน รายละเอียดปรากฏตามรายงานการเดินหมายเอกสารท้ายคำร้องนี้ โจทก์ได้คัดหนังสือรับรองการจัดตั้งบริษัทของจำเลยจากกระทรวงพาณิชย์แล้ว ก็ไม่มีรายละเอียดการแจ้งย้ายที่อยู่ ของจำเลยแต่ประการใด จึงไม่ทราบว่าจำเลยมีภูมิสำเนาอยู่ที่ใด

ข้อ 2. เพื่อให้การดำเนินคดีเป็นไปโดยไม่ชักช้า โจทก์จึงขอประธานศาลได้โปรดมีคำสั่งให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยทราบโดยการประกาศทางหนังสือพิมพ์รายวัน ทั้งนี้ โจทก์ยอมเสียค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายในการประกาศทุกประการ ขอศาลได้โปรดกรุณาอนุญาต

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

ลงชื่อ……(ลายมือชื่อนักศึกษา)……ทนายโจทก์

คำแถลงฉบับนี้ ข้าพเจ้า (ชื่อนักศึกษา) ทนายโจทก์เป็นผู้เรียงและพิมพ์

ลงชื่อ…….(ลายมือชื่อนักศึกษา)……ผู้เรียงและพิมพ์

ข้อ 3. ข้อเท็จจริงในสำนวนการสอบสวนคดีเรื่องหนึ่งได้ความว่า เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2550 เวลาประมาณ 19.00 นาฬิกา ร้อยตำรวจเอกสมภพกับพวก ได้ออกตรวจไปถึงบริเวณคลองหลอด แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ได้พบนายแดงตั้งแผงขายวีชีดีอยู่ริมถนน จึงเข้าไปดู พบมีวีชีดีภาพยนตร์จำนวน 9 แผ่น ชายหญิงเปลือยกายแสดงการร่วมเพศการกระทำชำเราในท่า ต่าง ๆ ปะปนอยู่ด้วย จึงเข้าทำการจับกุมนายแดงกล่าวหาว่ามีแถบบันทึกภาพเสียงอันลามกไว้เพื่อประสงค์แห่งการค้า พร้อมกับยึดวีชีดีภาพยนตร์ดังกล่าวจำนวน 9 แผ่น เป็นของกลางนำส่ง พันตำรวจตรีสมบัติพนักงานสอบสวนทำการสอบสวน ชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ และ พนักงานสอบสวนอนุญาตให้นายแดงได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวไป และพนักงานสอบสวนได้ยื่น คำร้องขอผัดฟ้องนายแดงไว้ ตามคำร้องขอผัดฟ้องที่ ผ. 141/2546 ส่วนวีชีดีภาพยนตร์จำนวน 9 แผ่น พนักงานสอบสวนเก็บรักษาไว้ ตอมาวันนี้พนักงานสอบสวนนำตัวนายแดงพร้อมด้วยสำนวน การสอบสวนมาส่งพนักงานอัยการ พนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้องนายแดงตามข้อกล่าวหา

สมมติว่านักศึกษาเป็นพนักงานอัยการผู้รับผิดชอบคดีนี้ ให้นักศึกษาเรียงคำฟ้องคดีนี้เฉพาะเนื้อหา คำฟ้อง ตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 158(5)

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287 ผู้ใด

(1)       เพื่อความประสงค์แห่งการค้า หรือโดยการค้า เพื่อการจ่ายแจกหรือเพื่อการแสดงอวด แก่ประชาชน ทำ ผลิต มีไว้ นำเข้าหรือยังให้นำเข้าในราชอาณาจักร ส่งออกหรือยังให้ส่งออกไป นอกราชอาณาจักร พาไปหรือยังให้พาไป หรือทำให้แพร่หลายโดยประการใด ๆ ซึ่งเอกสาร ภาพเขียน ภาพพิมพ์ ภาพระบายสี สิ่งพิมพ์ รูปภาพ ภาพโฆษณา เครื่องหมาย รูปถ่าย ภาพยนตร์ แถบบันทึกเสียง แถบบันทึกภาพหรือสิ่งอื่นใดอันลามก

(2)       …

(3)       …

ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ธงคำตอบ

คำฟ้องอาญา

ข้อ 1. เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2550 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยนี้ เพื่อประสงค์แห่งการค้า และเพื่อจำหน่ายจ่ายแจกและแสดงอวดแก่ประชาชน ได้บังอาจมีวีซีดีภาพยนตร์ จำนวน 9 แผ่น ซึ่งเป็น แถบบันทึกภาพและเสียงดังกล่าวที่มีรูปเปลือยของชายหญิงแสดงการร่วมเพศ การกระทำชำเราในท่าต่าง ๆ ระหว่าง ชายหญิงซึ่งล้วนมีลักษณะหยาบคายลามก อันทำให้เสื่อมเสียศีลธรรมและวัฒนธรรมอันดีของชาติ

เหตุเกิดที่แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

ข้อ 2. ตามวันเวลาในฟ้องข้อ 1 เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมกับยึดแผนวิชีดีลามก จำนวน 9 แผ่น ดังกล่าวเป็นของกลางนำส่งเจ้าพนักงานสอบสวนทำการสอบสวน ชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ ระหว่างสอบสวนจำเลยไม่ถูกควบคุมตัวโดยมีผู้ประกันตัวไป ของกลางเจ้าพนักงานเก็บรักษาไว้

อนึ่ง คดีนี้พนักงานสอบสวนได้ยื่นคำร้องขอผัดฟ้องจำเลยไว้ ตามคำร้องขอผัดฟ้องที่ ผ. 141/2546 ของศาลนี้

 

ข้อ 4. นักศึกษามีความเข้าใจในข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พุทธศักราช 2529 เรื่องมรรยาทของทนายความที่มีต่อตัวความเป็นอย่างไร มีอะไรบ้าง ให้อธิบาย

ธงคำตอบ

อธิบาย

ตามข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529 เรื่องมรรยาททนายความ ต่อตัวความมีบัญญัติไว้ในข้อ 9 ถึงข้อ 15 มีดังต่อไปนี้

ข้อ 9 กระทำการใดอันเป็นการยุยงส่งเสริมให้มีการฟ้องร้องคดีกัน ในกรณีอันหามูลมิได้

ข้อ 10 ใช้อุบายอย่างใดอย่างหนึ่งดังกล่าวต่อไปนี้ เพื่อจูงใจให้ผู้ใดมอบคดีให้ว่าต่างหรือแก้ต่าง

(1)       หลอกลวงให้เขาหลงว่าคดีนั้นจะชนะ เมื่อตนรู้สึกแกใจว่าจะแพ้

(2)       อวดอ้างว่าตนมีความรู้ยิ่งกว่าทนายความอื่น

(3)       อวดอ้างว่าเกี่ยวเป็นสมัครพรรคพวกรู้จักคุ้นเคยกับผู้ใด อันกระทำให้เขาหลงว่าตน สามารถจะทำให้เขาได้รับผลเป็นพิเศษ นอกจากทางว่าความ หรือหลอกลวงว่าจะชักนำจูงใจให้ผู้นั้นช่วยเหลือคดี ในทางใด ๆ ได้ หรือแอบอ้างขู่ว่าถ้าไมให้ตนว่าคดีนั้น แล้วจะหาหนทางให้ผู้นั้นกระทำให้คดีของเขาแพ้

ข้อ 11 เปิดเผยความลับของลูกความที่ได้รู้ในหน้าที่ของทนายความ เว้นแต่จะได้รับอนุญาต จากลูกความนั้นแล้ว หรือโดยอำนาจศาล

ข้อ 12 กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งดังกล่าวต่อไปนี้ อันอาจทำให้เสื่อมเสียประโยชน์ของ

ลูกความ

(1)       จงใจขาดนัด หรือทอดทิ้งคดี

(2)       จงใจละเว้นหน้าที่ ที่ควรกระทำอันเกี่ยวแกการดำเนินคดีแห่งลูกความของตน หรือปิดบังข้อความที่ควรแจ้งให้ลูกความทราบ

ข้อ 13 ได้รับปรึกษาหารือ หรือได้รู้เรื่องกรณีแห่งคดีใดโดยหน้าที่อันเกี่ยวข้องกับคู่ความ ฝ่ายหนึ่ง แล้วภายหลังไปรับเป็นทนายความหรือใช้ความรู้ที่ได้มานั้นช่วยเหลือคูความอีกฝายหนึ่ง ซึ่งเป็นปรปักษ์ อยู่ในกรณีเดียวกัน

ข้อ 14 ได้รับเป็นทนายความแล้ว ภายหลังใช้อุบายด้วยประการใด ๆ โดยปราศจากเหตุผล อันสมควรเพื่อจะให้ตนได้รับประโยชน์นอกเหนือจากที่ลูกความได้ตกลงสัญญาให้

ข้อ 15 กระทำการ๒อันเป็นการฉ้อโกง ยักยอก หรือตระบัดสินลูกความ หรือครอบครองหรือ หน่วงเหนียวเงินหรือทรัพย์สินของลูกความที่ตนได้รับมาโดยหน้าที่อันเกี่ยวข้องไว้นานเกินกว่าเหตุ โดยมิได้รับ ความยินยอมจากลูกความ เว้นแต่จะมีเหตุอันสมควร

LAW4002 การว่าความและการจัดทำเอกสารทางกฎหมาย การสอบซ่อมภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2549

การสอบซ่อมภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2549

ข้อสอบกระบวนวิชา LAW4002 การว่าความและการจัดทำเอกสารทางกฎหมาย

คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน จำนวน 4 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)

ข้อ 1. ในคดีแพ่งเรื่องหนึ่ง จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ทนายโจทก์ไม่ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำพิพากษาให้ โจทก์ชนะโดยจำเลยขาดนัดตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา 198 เป็นเหตุให้ศาลสั่งจำหน่ายคดี ดังนี้ทนายโจทก์ จะมีความผิดเกี่ยวกับมรรยาททนายความหรือไม่ เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

ข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529

ข้อ 12 กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งดังกล่าวต่อไปนี้  อันอาจทำให้เสื่อมเสียประโยชน์ของ

ลูกความ

(1)  จงใจขาดนัด หรือทอดทิ้งคดี

วินิจฉัย

โดยหลักแล้ว เมื่อจำเลยไม่ได้ยื่นคำให้การภายในกำหนดเวลาตามที่กฎหมายกำหนด ก็ถือว่า จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ โจทก์หรือทนายโจทก์ก็ต้องมีหน้าที่ยื่นคำร้องขอต่อศาลเพี่อให้ศาลมีคำพิพากษาให้โจทก์ เป็นฝ่ายชนะคดีโดยจำเลยขาดนัดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 198

กรณีตามอุทาหรณ์ การที่ทนายโจทก์ไม่ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำพิพากษาให้โจทก์เป็นฝ่ายชนะ คดีโดยจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ จนเป็นเหตุให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดี การกระทำของทนายโจทก์ดังกล่าว ถือว่า เข้าลักษณะเป็นการทอดทิ้งคดี อันทำให้เสื่อมเสียประโยชน์ของลูกความ ซึ่งเป็นการประพฤติผิดมรรยาททนายความ ตามข้อบังคับสภาทนายความฯ ข้อ 12(1) (นัยคำสั่งสภานายกพิเศษฯ ที่ 5/2535)

สรุป    การกระทำของทนายโจทก์ดังกล่าว ถือว่าเป็นการประพฤติผิดมรรยาททนายความ

ตามข้อบังคับสภาทนายความฯ ข้อ 12(1)

 

ข้อ 2. สมมติข้อเท็จจริงว่าเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2550 เวลาประมาณ 15 นาฬิกา น.ส.เขียด ได้เดินไป ตลาดบางกะปิ แขวงและเขตบางกะปิ กรุงเทพฯ เพื่อหาซื้อกับข้าว ได้มีคนร้ายทราบชื่อภายหลัง ว่านายสนั่นซึ่งเดินสวนมาบนทางเท้าก่อนถึงตลาดประมาณ 10 เมตร นายสนั่นได้กระชากสร้อยคอ ทองคำหนัก 2 บาท 1 เส้น ราคาประมาณ 25,000 บาท พร้อมองค์จตุคามรามเทพเลี่ยมทองคำ 1 องค์ ราคา 3,500 บาท ซึ่งแขวนอยู่กับสร้อยคอรวมราคา 28,500 บาท ขาดจากคอ น.ส.เขียด ผู้เสียหายแล้ววิ่งหนีไป ผู้เสียหายได้ร้องขอให้คนช่วย บรรดาคนขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง บริเวณนั้นช่วยกันสกัดจับตัวได้พร้อมของกลาง นำสงตำรวจทำการสอบสวนแล้วผู้ต้องหาให้การ รับสารภาพ ระหว่างสอบสวนผู้ต้องหาถูกควบคุมตัวมาโดยตลอดของกลางผู้เสียหายได้รับคืนไปแล้ว

สมมตินักศึกษาเป็นพนักงานอัยการ จงเรียบเรียงคำฟ้องอาญาฐานวิ่งราวทรัพย์ ตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 336 บัญญัติว่า ผู้ใดลักทรัพย์โดยฉกฉวยเอาซึ่งหน้าผู้นั้นกระทำผิด ฐานวิงราวทรัพย์…ฯลฯ” (ให้เรียบเรียงเฉพาะส่วนเนื้อหาของคำฟ้องตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 158(5))

ธงคำตอบ

คำฟ้องอาญา

ข้อ 1. เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2550 เวลากลางวัน จำเลยได้กระทำผิดต่อกฎหมาย กล่าวคือ จำเลยได้บังอาจลักเอาสร้อยคอทองคำ 1 เส้น หนัก 2 บาท ราคา 25,000 บาท กับองค์จตุคามรามเทพเลี่ยมทองคำ 1 องค์ ราคา 3,500 บาท ที่แขวนอยู่กับสร้อยคอ รวมราคา 28,500 บาท ของ น.ส.เขียด ผู้เสียหาย โดยจำเลยใช้กริยายาฉกฉวยกระชากเอาสร้อยคอพร้อมองค์จตุคามรามเทพดังกล่าวซึ่งสวมอยู่ที่คอผู้เสียหายพาหนีไปซึ่งหน้า

เหตุเกิดที่แขวงบางกะปิ เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร

ข้อ 2. ในวันเวลาดังกล่าวในฟ้องข้อ 1. เวลากลางวัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจับจำเลยได้ ทำการสอบสวนแล้ว จำเลยให้การรับสารภาพ ทรัพย์ของกลางผู้เสียหายได้รับคืนไปแล้ว

ระหว่างสอบสวนจำเลยได้ถูกควบคุมตัวมาโดยตลอด ได้ส่งตัวจำเลยมาพร้อมฟ้องนี้แล้ว

 

ข้อ 3. ในคดีอาญาที่ผู้เสียหายเป็นโจทก์ฟ้องเอง ทนายจำเลยจะต้องตรวจสอบในชั้นเตรียมคดีก่อนยื่นคำให้การอย่างไรบ้าง จงบอกเป็นข้อ ๆ

ธงคำตอบ

ในคดีอาญาที่ผู้เสียหายเป็นโจทก์ฟ้องเอง ทนายจำเลยจะต้องตรวจสอบในชั้นเตรียมคดี ก่อนยื่นคำให้การ ดังนี้

1.         ความเป็นผู้เสียหาย

ในคดีอาญาผู้เสียหายตามกฎหมายเท่านั้นที่มีอำนาจฟ้อง ดังนั้นหากโจทก์ไมใช่ผู้เสียหาย ตามความหมายของกฎหมายย่อมไม่มีอำนาจฟ้อง อนึ่ง แม้จะเป็นผู้ได้รับความเสียหาย แต่บางฐานความผิด ราษฎรก็ฟ้องเองไม่ได้ เช่น ความผิดตาม พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. 2522 รัฐเท่านั้นที่มีหน้าที่ดำเนินการกับผู้กระทำความผิด ผู้ถกจำเลยขับรถชนไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมาย ไม่มีอำนาจฟ้องฐานขับรถโดยไมมีใบอนุญาต (ฎ. 2096/2530ฎ. 1141/2531) เป็นต้น

2.         เรื่องเขตอำนาจศาล

ศาลที่รับฟ้องนั้นมีอำนาจที่จะพิจารณาพิพากษาคดีดังกล่าวหรือไม่ โดยพิจารณาจากชื่อศาล ที่ระบุว้ในคำฟ้อง กับสถานที่เกิดเหตุที่ระบุไว้ในคำฟ้อง หรือดูจากที่อยูของจำเลยว่าอยู่ในเขตอำนาจศาลหรือไม่ หากคดีไม่อยู่ในอำนาจศาล ศาลนั้นก็ย่อมไม่มีอำนาจพิจารณาคดี

3.         เรื่องอายุความของคดี

ตรวจสอบว่าโจทก์ฟ้องคดีขาดอายุความหรือไม่ โดยพิจารณาจากวัน เดือน ปี ที่ระบุ ในคำฟ้องกับวันเวลาที่เกิดเหตุ ทั้งดูว่าคดีนั้นหากเป็นความผิดอันยอมความได้ ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์หรือฟ้องคดี ภายในกำหนดเวลาตามกฎหมายหรือไม่ หากผู้เสียหายร้องทุกข์ก่อนฟ้องต้องมีการบรรยายให้ปรากฏโดยชัดเจน ว่าร้องทุกข์ภายในกำหนดเวลาตามกฎหมายแล้ว

4.         เรื่องอายุความของโจทก์

ตรวจสอบว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องเองหรือไม หรือหากเป็นผู้เยาว์ก็ย่อมไม่อาจฟ้องคดีอาญา ได้เอง ต้องให้ผู้แทนโดยชอบธรรมดำเนินการแทน

5.         โจทก์เป็นผู้ต้องห้ามฟ้องจำเลย

มีกฎหมายห้ามหรือจำกัดสิทธิมิให้โจทก์ฟ้องหรือไม เช่น ผู้สืบสันดานย่อมฟ้องผู้บุพการี ไมได้เป็น อุทลุม” เป็นต้น

6.         รายละเอียดของการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยทำผิด วัน เวลา สถานที่ บุคคล

หรือสิ่งของที่เกี่ยวข้อง

ดูว่าจำเลยถูกกล่าวหาว่าอย่างไร คำฟ้องบรรยายครบองค์ประกอบความผิดตามกฎหมาย หรือไม่โดยดูจากเนื้อหาคำฟ้องประกอบตัวบทกฎหมายที่โจทก์อ้าง

ข้อ 4. โจทก์ฟ้องจำเลยให้ชดใช้หนี้ที่ค้างชำระ จำเลยได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดีตามกฎหมาย ต่อมาคู่ความ ตกลงกันได้ โจทก์ประสงค์จะถอนฟ้อง ให้ท่านในฐานะทนายโจทก์เรียบเรียงคำร้องขอถอนฟ้อง. (ให้เรียบเรียงเนื้อความ โดยให้โจทก์ลงชื่อและท่านเป็นผู้เรียงและพิมพ์ ไม่ต้องคำนึงแบบพิมพ์คำร้อง)

ธงคำตอบ

คำร้องขอถอนฟ้อง

ข้อ 1.คดีนี้โจทก์ได้ยื่นฟ้องจำเลยและจำเลยได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดีตามกฎหมายแล้ว แต่โจทก์และจำเลยตกลงกันได้ โจทก์ไม่ติดใจที่จะดำเนินคดีกับจำเลยอีกต่อไป จึงขอถอนฟ้องคดีนี้ ขอศาลได้โปรด กรุณาอนุญาต

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

ลงชื่อ………..(ลายมือชื่อโจทก์)……….โจทก์

คำร้องฉบับนี้ ข้าพเจ้า (ชื่อนักศึกษา) ทนายโจทก์เป็นผู้เรียงและพิมพ์

ลงชื่อ …(ลายมือชื่อนักศึกษา)…..ผู้เรียงและพิมพ์

LAW4002 การว่าความและการจัดทำเอกสารทางกฎหมาย การสอบซ่อมภาค 1 ปีการศึกษา 2550

การสอบซ่อมภาค 1 ปีการศึกษา 2550

ข้อสอบกระบวนวิชา LAW4002 การว่าความและการจัดทำเอกสารทางกฎหมาย

คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน จำนวน 4 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)

ข้อ 1 ทนายจำเลยเรียกค่าจ้างว่าความเพิ่มจากที่ตกลงไว้ เพราะเห็นว่าค่าจ้างถูกเกินไปเมื่อเทียบกับทรัพย์ ที่จำเลยได้ไปจากการฉ้อโกงผู้เสียหาย ดังนี้ จะถือว่าทนายผิดมรรยาททนายความหรือไม่ เพราะ เหตุใด

ธงคำตอบ

ข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529

ข้อ 14 ได้รับเป็นทนายความแล้ว ภายหลังใช้อุบายด้วยประการใด ๆ โดยปราศจากเหตุผล อันสมควรเพื่อจะให้ตนได้รับประโยชน์นอกเหนือจากที่ลูกความได้ตกลงสัญญาให้

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์ การที่ทนายจำเลยเรียกค่าจ้างว่าความเพิ่มจากที่ตกลงไว้ เพราะเห็นว่าค่าจ้าง ถูกเกินไปเมื่อเทียบกับทรัพย์ที่จำเลยได้ไปจากการฉ้อโกงผู้เสียหาย ความประพฤติของทนายเช่นนี้ถือว่าเป็นการ ใช้อุบายด้วยประการใด ๆ โดยปราศจากเหตุผลอันสมควร เพื่อจะให้ตนได้รับประโยชน์นอกเหนือจากที่ลูกความ ได้ตกลงสัญญาให้ อันถือว่าเป็นการประพฤติผิดมรรยาททนายความ ตามข้อบังคับสภาทนายความฯ ข้อ 14

สรุป ความประพฤติของทนายดังกล่าวถือว่าเป็นการประพฤติผิดมรรยาททนายความ ตามข้อบังคับ สภาทนายความฯ ข้อ 14

 

ข้อ 2. สมมติว่าเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2550 เวลาเที่ยงวัน นายเอกไปรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหาร หน้าตลาดตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี รับประทานอาหารเสร็จได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ เพื่อจะกลับบ้าน ขับรถออกไปไม่ไกลจากร้านอาหาร นึกได้ว่าลืมโทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกีย 1 เครื่อง ราคา 17,000 บาท ไว้ที่ร้านอาหาร ได้ย้อนกลับไปที่ร้านอาหาร ปรากฏว่าโทรศัพท์หายไป สอบถามคนในร้านเห็นนายโทหยิบแล้วเดินไปทางท้ายตลาด นายเอกได้ติดตามไปพร้อมพยานพบนายโท นายเอกได้ขอโทรศัพท์คืนแตนายโทปฏิเสธไม่ได้หยิบมา พอดีตำรวจสายตรวจผ่านมา นายเอกได้ แจ้งให้ตำรวจ ๆ ขอค้นตัวนายโทพบโทรศัพท์ของกลางและนำนายโทส่งพนักงานสอบสวนทำการ สอบสวนแล้ว นายโทให้การรับสารภาพระหว่างสอบสวนนายโทถูกควบคุมตัวมาโดยตลอด ส่วน โทรศัพท์ของกลางพนักงานสอบสวนคืนให้นายเอกรับไปแล้ว

ให้ท่านนฐานะพนักงานอัยการ จงเรียบเรียงคำฟ้องอาญาฐานลักทรัพย์ตาม ป. อาญา มาตรา 334 “ผู้ใดเอาทรัพย์ของผู้อื่น…ไปโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานสักทรัพย์…ฯลฯ” (เรียบเรียงเฉพาะ ส่วนเนื้อหา ตาม ป.วิ. อาญา มาตรา 158(5))

ธงคำตอบ

คำฟ้องอาญา

ข้อ 1. เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2550 เวลากลางวัน จำเลยนี้ได้บังอาจลักเอาโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อโนเกียจำนวน 1 เครื่อง ราคา 17,000 บาท ของนายเอกผู้เสียหายไปโดยทุจริต

เหตุเกิดที่ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี

ข้อ 2. ตามวันเวลาดังกล่าวใน ข้อ 1. เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้พร้อมด้วยโทรศัพท์ที่ จำเลยลักไปดังกล่าวใน ข้อ 1. เป็นของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน ทำการสอบสวนแล้ว จำเลยให้การรับสารภาพ ของกลางเจ้าทรัพย์ได้รับคืนไปแล้ว ระหว่างสอบสวนจำเลยถูกควบคุมมาโดยตลอดและได้ส่งตัวจำเลยมาพร้อม ฟ้องนี้แล้ว

 

ข้อ 3. จากข้อเท็จจริงตามข้อ 2 หากนายโทให้การปฏิเสธว่าไมได้หยิบโทรศัพท์ไป และการค้นตัวก็ไมพบ ของกลาง เมื่อถูกฟ้องจำเลยประสงค์จะให้การปฏิเสธลอย ให้ท่านในฐานะทนายจำเลยจงเรียบเรียง คำให้การเช่นว่านี้ (เฉพาะส่วนเนื้อหา) โดยท่านลงลายมือชื่อแทนจำเลยด้วย

ธงคำตอบ

คำให้การปฏิเสธลอย (คดีอาญา)

ข้อ 1. จำเลยทราบฟ้องของโจทก์แล้ว ขอปฏิเสธฟ้องของโจทก์ตลอดข้อหาว่าจำเลยมิได้ กระทำผิดตามฟ้องแต่ประการใด รายละเอียดจำเลยจะให้การในชั้นพิจารณาคดี ขอศาลได้โปรดกรุณาพิพากษา ยกฟ้องโจทก์ปล่อยจำเลยพ้นข้อหาไป

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด ลงชื่อ …(ลายมือชื่อนักศึกษา)  ทนายจำเลย

คำให้การฉบับนี้ ข้าพเจ้า (ชื่อนักศึกษา) ทนายจำเลยเป็นผู้เรียงและพิมพ์

ลงชื่อ …(ลายมือชื่อนักศึกษา)….ผู้เรียงและพิมพ์

ข้อ 4. ในคดีแพ่งเรื่องหนึ่ง พนักงานส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องให้จำเลยไม่ได้ เพราะไม่พบตัวจำเลยและคนในบ้านจำเลยไม่มีผู้ใดยอมรับหมายฯ ให้ท่านในฐานะทนายโจทก์เรียบเรียงคำแถลงขอให้ ศาลสั่งให้ส่งหมายอีกครั้งหนึ่ง หากไม่พบตัวจำเลยและไม่มีผู้ใดรับหมายฯ แทนจำเลย ให้ขอศาล สั่งปิดหมายฯด้วย (เรียบเรียงเฉพาะส่วนเนื้อหา)

ธงคำตอบ

คำแถลงขอส่งหมาย (ถ้าส่งไม่ได้ ขอให้ปิดหมาย)

ข้อ 1. คดีนี้อยู่ระหว่างนำส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลย แต่พนักงานเดินหมาย นำส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง ให้จำเลยไม่ได้ เพราะไม่พบตัวจำเลยและไม่มีผู้ใดยอมรับหมายฯ ไว้โดยชอบ ตามรายงานการเดินหมายเอกสารท้ายคำแถลงนี้ ด้วยเหตุดังกล่าว โจทก์จึงกราบเรียนมาขอศาลได้โปรดมีคำสั่ง ให้เจ้าพนักงานส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยอีกครั้งหนึ่ง ทากไม่พบตัวจำเลยและไม่มีผู้ดรับหมาย ขอศาลปิดหมายไว้ ณ บ้านเรือนจำเลยต่อไปด้วย ขอได้โปรดกรุณาอนุญาต

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

ลงชื่อ …(ลายมือชื่อนักศึกษา)…..ทนายโจทก์

คำแถลงฉบับนี้ ข้าพเจ้า (ชื่อนักศึกษา) ทนายโจทก์เป็นผู้เรียงและพิมพ์

ลงชื่อ …(ลายมือชื่อนักศึกษา)…..ผู้เรียงและพิมพ์

LAW4002 การว่าความและการจัดทำเอกสารทางกฎหมาย การสอบไล่ภาค การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2550

การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2550

ข้อสอบกระบวนวิชา LAW4002 การว่าความและการจัดทำเอกสารทางกฎหมาย

คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน จำนวน 4 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)

ข้อ 1. นายสมศักดิ์ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนางสาวสมศรีต่อศาลแพ่งเรื่องผิดสัญญาเงินกู้ และศาลนัดชี้สองสถานในวันที่ 24 ตุลาคม 2550 เวลา 13.30 น. นายสมศักดิ์ได้ตรวจดูคำฟ้องเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2550 แล้วเห็นว่ามีข้อผิดพลาดอยู่เล็กน้อยคือในคำฟ้องพิมพ์คำนำหน้าชื่อจำเลยผิด โดย ในคำฟ้องพิมพ์ชื่อจำเลยเป็นนางสมศรี ซึ่งที่ถูกต้องนั้นคือนางสาวสมศรี นายสมศักดิ์จึงปรึกษา ทนายความและประสงค์ที่จะให้ทนายความยื่นคำร้องเพื่อขอแก้ไขและเพิ่มเติมคำฟ้องต่อศาลเพี่อให้ ถูกต้องตามความเป็นจริง

ดังนั้น ให้ท่านในฐานะทนายความของนายสมศักดิ์ ยื่นคำร้องเพื่อขอแก้ไขและเพิ่มเติมคำฟ้องต่อศาลแพ่ง ตามความประสงค์ของนายสมศักดิ์ (ร่างแต่ใจความในคำร้องโดยไม่ต้องคำนึงถึงแบบพิมพ์ศาล)

ธงคำตอบ

คำร้องขอแก้ไขและเพิ่มเติมคำฟ้อง

ข้อ 1. คดีนี้ศาลนัดชี้สองสถานในวันที่ 24 ตุลาคม 2550 เวลา 13.30 น. ดังความแจ้งแล้วนั้น ข้อ 2. โจทก์ได้ตรวจดูคำฟ้องแล้วเห็นว่ามีข้อความผิดพลาดเล็กน้อย คือ คำนำหน้าชื่อของ จำเลย ซึ่งในคำฟ้องพิมพ์ว่า นางสมศรี แต่ที่ถูกต้องแล้วคือ นางสาวสมศรี โจทก์จึงขอแก้ไขข้อความดังกล่าวให้ถูกต้อง นอกจากที่โจทก์ขอแก้ไขแล้วโจทก์ขอถือตามฟ้องเดิมทุกประการ อนึ่ง การแก้ไขดังกล่าวเป็นการแก้ไข เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ทำให้จำเลยหลงต่อสู้แต่ประการใด ขอศาลได้โปรดอนุญาต

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

ลงชื่อ…..(ลายมือชื่อนักศึกษา)…..ทนายโจทก์

คำร้องฉบับนี้ ข้าพเจ้า (ชื่อนักศึกษา) ทนายโจทก์เป็นผู้เรียงและพิมพ์

ลงชื่อ….(ลายมือซื่อนักศึกษา)….ผู้เรียงและพิมพ์

ข้อ.2. นางสาวสุดสวยได้นำแหวนเพชรไปจำนำกับนายสุดรวยเป็นจำนวนเงิน 500,000 บาท (ห้าแสนบาทถ้วน) โดยตกลงกันว่านางสาวสุดสวยจะทำการไถ่คืนภายในระยะเวลา 1 ปี (หนึ่งปี) โดยยินยอมให้ นายสุดรวย คิดดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี และจะทำการไถ่คืนที่บ้านของนายสุดรวย และเมื่อ ครบกำหนดไถคืนแล้ว ถ้านางสาวสุดสวยไม่มาไถ่คืน นายสุดรวยจะฟ้องนางสาวสุดสวย ที่ศาลแพ่งเพี่อทำการบังคับคดีต่อไป

ดังนั้น ขอให้ท่านร่างสัญญาจำนำฉบับนี้ โดยมีข้อตกลงในสัญญาตามเงื่อนไขดังกล่าวข้างต้น

ธงคำตอบ

สัญญาจำนำ

ทำที่……………………………….

วันที่……………เดือน………….พ.ศ. ………….      

สัญญานี้ทำขึ้นระหว่าง นายสุดรวย อายุ…….ปี อยู่บ้านเลขที่……….ถนน……………    

แขวง………เขต……….จังหวัด……..ซึ่งต่อไปในสัญญานี้จะเรียกว่า ผู้รับจำนำ” ฝ่ายหนึ่ง กับ นางสาวสุดสวย

อายุ……….ปี อยู่บ้านเลขที่……….ถนน…………แขวง…………..เขต        

จังหวัด……………ซึ่งต่อไปในสัญญานี้จะเรียกว่า ผู้จำนำ” อีกฝ่ายหนึ่ง

ผู้จำนำเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในแหวนเพชร ซึ่งต่อไปในสัญญานี้จะเรียกว่า ทรัพย์สินที่จำนำ” คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงทำสัญญากันดังมีข้อความดังต่อไปนี้

ข้อ 1. ผู้จำนำตกลงจำนำ และผู้รับจำนำตกลงรับจำนำ ทรัพย์สิที่จำนำ เพื่อเป็นประกันการ ชำระหนี้จำนวนเงิน 500,000 บาท (ห้าแสนบาทถ้วน) ซึ่งผู้จำนำได้รับเงินจำนวนดังกล่าวเรียบร้อยแล้วใน วันทำสัญญานี้ โดยผู้จำนำตกลงให้ผู้รับจำนำคิดดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี และผู้จำนำได้มอบทรัพย์สินที่จำนำให้ แก่ผู้รับจำนำแล้ว

ข้อ 2. ผู้จำนำตกลงที่จะทำการไถ่คืนทรัพย์สินที่จำนำภายในระยะเวลา 1 ปี (หนึ่งปี)

ข้อ 3. ผู้จำนำและผู้รับจำนำ ตกลงกันที่จะทำการไถ่คืนทรัพย์สินที่จำนำที่บ้านของผู้รับจำนำ

ข้อ 4. ถ้าผู้จำนำไมไถ่คืนทรัพย์สินที่จำนำภายในระยะเวลาที่กำหนด ผู้รับจำนำจะฟ้องผู้จำนำ ที่ศาลแพงเพื่อบังคับคดีตอไป

สัญญาฉบับนี้ทำขึ้นเป็นสองฉบับ มีข้อความถูกต้องตรงกัน คูสัญญาทั้งสองฝ่ายได้อ่านและเข้าใจ ดีแล้ว จึงลงลายมือชื่อไว้ต่อหน้าพยานเป็นสำคัญ และเก็บสัญญาไว้ฝ่ายละฉบับ

ลงชื่อ………………….ผู้รับจำนำ      ลงชื่อ………………..ผู้จำนำ

   (…………………..)                       (……………………..)
ลงชื่อ……………พยาน               ลงชื่อ………………..พยาน

(……………………)                      (…………………….)


ข้อ 3. ข้อเท็จจริงในสำนวนการสอบสวนคดีเรื่องหนึ่งได้ความว่า เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2550 เวลา ประมาณ 19.30 นาฬิกา ขณะที่เด็กชายวินิจ จินดา อายุ 14 ปี ผู้ตาย พักอยู่ในบ้านพักอาศัย ได้มี เด็กชายโหดกับเด็กชายเหี้ยมซึ่งเป็นเพื่อนของผู้ตายมาหาที่บ้านและชวนออกไปข้างนอก เมื่อขับขี่รถจักรยานยนต์พากันไปที่คลองชลประทาน บริเวณประตูระบายน้ำ หมู่ 6 ตำบลบ้านเลือก อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี จากนั้นเด็กชายโหดกับเด็กชายเหี้ยมบังคับให้ผู้ตายสำเร็จความใคร่ ด้วยปากให้แต่ผู้ตายขัดขืนจึงรุมกันชกต่อยและใช้ของมีคมแทงทำร้ายบริเวณใบหน้า ศีรษะ แกะ ลำตัวกว่า 50 แผล จนผู้ตายถึงแก่ความตายจากนั้นจึงเอาศพโยนทิ้งน้ำในคลองอีจาง ตำบลวังเย็น อำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี ห่างจากที่เกิดเหตุ 1 กิโลเมตรเพื่อทำลายหลักฐาน

ต่อมาเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 24 กันยายน 2550 พ.ต.ท.ประภัทร พนักงานสอบสวน สภ.อ.บางแพ จ.ราชบุรี ได้รับแจ้งเหตุว่าพบศพผู้ตายในคลองดังกล่าว จึงไปตรวจสถานที่เกิดเหตุและให้เจ้าหน้าที่ มูลนิธิสว่างราชบุรีลงงมหาอาวุธที่คนร้ายอาจนำมาโยนทิ้ง แต่ยังไม่พบแต่อย่างใด ต่อมาเวลา 20.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมเด็กชายโหดกับเด็กชายเหี้ยม ได้นำส่งพนักงานสอบสวนทำการสอบสวน พนักงานสอบสวนสอบสวนแล้วผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพ

พนักงานสอบสวนได้ส่งตัวผู้ต้องหาทั้งสองไปควบคุมไว้ในสถานพินิจเด็กและเยาวชน จังหวัดราชบุรี ต่อมาในวันนี้พนักงานสอบสวนส่งสำนวนการสอบสวนให้พนักงานอัยการ และพนักงานอัยการ ตรวจสำนวนการสอบสวนแล้วมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งสองในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

สมมติว่านักศึกษาเป็นพนักงานอัยการผู้รับผิดชอบคดีนี้ ให้นักศึกษาเรียงคำฟ้องคดีนี้เฉพาะเนื้อหา คำฟ้องตาม ป.วิ. อาญา มาตรา 158(5)

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ในกรณีความผิดใดเกิดขึ้นโดยการกระทำของบุคคลตั้งแต่สองคน ขึ้นไป ผู้ที่ได้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันนั้นเป็นตัวการ ต้องระวางโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้ สำหรับความผิดนั้น

มาตรา 288 ผู้ใดฆ่าผู้อื่น ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบห้าปี ถึงยี่สิบปี

ธงคำตอบ

คำฟ้องอาญา

ข้อ 1. เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2550 เวลาประมาณกลางคืนหลังเที่ยง จำเลยที่ 1 และ จำเลยที่ 2 ได้บังอาจร่วมกันฆ่าเด็กชายวินิจ จินดา อายุ 14 ปี ผู้ตาย ด้วยการรุมกันชกต่อยและใช้ของมีคมแทง ทำร้ายบริเวณใบหน้า ศีรษะ และตัวกว่า 50 แผล รายละเอียดบาดแผลปรากฏตามรายงานการชันสูตรพลิกศพ ของแพทย์ท้ายฟ้อง จนเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายสมดังเจตนาของจำเลยทั้งสอง

เหตุเกิดที่ตำบลบ้านเลือก อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี

ข้อ 2. ต่อมาวันที่ 24 กันยายน 2550 เวลากลางคืนหลังเที่ยง เจ้าพนักงานจับจำเลยทั้งสองได้ ได้นำส่งพนักงานสอบสวนทำการสอบสวนแล้ว ชั้นสอบสวนจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ

ระหว่างสอบสวนพนักงานสอบสวนได้ส่งตัวผู้ต้องหาทั้งสองไปควบคุมไว้ในสถานพินิจเด็ก และเยาวชนจังหวัดราชบุรี ขอศาลเบิกตัวจำเลยทั้งสองมาพิจารณาพิพากษาโทษตามกฎหมายต่อไป

 

ข้อ 4. นักศึกษามีความเข้าใจในข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พุทธศักราช 2529 หมวด 2 เรื่องมรรยาทของทนายความต่อศาลและในศาล และหมวด 6 เรื่อง มรรยาทในการ ปฏิบัติตามคำสั่งตามกฎหมายและข้อบังคับเป็นอย่างไร มีอะไรบ้าง ให้อธิบาย

งคำอบ

อธิบาย

ตามข้อบังคับสภทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529 หมวด 2 เรื่อง มรรยาท ของทนายความต่อศาลและในศาล มีบัญญัติไว้ในข้อ 5 ถึงข้อ 8 มีดังต่อไปนี้

ข้อ 5 ไม่รับหน้าที่เมื่อผู้พิพากษาได้ขอแรงให้เป็นทนายความแก้ต่างในคดีอาญา เว้นแต่จะมีข้อแก้ตัวโดยสมควร

ข้อ 6 ไม่เคารพยำเกรงอำนาจศาล หรือกระทำการใดอันเป็นการดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษา ในศาลหรือนอกศาลอันเป็นการทำให้เสื่อมเสียอำนาจศาลหรือผู้พิพากษา

ข้อ 7 กล่าวความ หรือทำเอกสารหรือหลักฐานเท็จ หรือใช้กลอุบายลวงให้ศาลหลงหรือ กระทำการใดเพื่อทราบคำสั่ง หรือคำพิพากษาของศาลที่ยังไม่เปิดเผย

ข้อ 8 สมรู้เป็นใจโดยทางตรงหรือทางอ้อม เพื่อทำพยานหลักฐานเท็จ หรือเสี้ยมสอนพยาน ให้เบิกความเท็จ หรือโดยปกปิดซ่อนงำอำพรางพยานหลักฐานใด ๆ ซึ่งควรนำมายื่นต่อศาลหรือสัญญาจะให้สินบน แก่เจ้าพนักงาน หรือสมรู้เป็นใจในการให้สินบนแกเจ้าพนักงาน

และในหมวด 6 เรื่อง มรรยาทในการปฏิบัติตามคำสั่งตามกฎหมายและข้อบังคับ มีบัญญัติไว้ ในข้อ 21 มีดังต่อไปนี้

ข้อ 21 ทนายความจะต้องปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เป็นไปตามคำสั่งของสภานายกพิเศษ แห่งสภาทนายความ คณะกรรมการสภาทนายความ และคณะกรรมการมรรยาททนายความ ตลอดจนบรรดาข้อบังคับ หรือข้อกำหนดที่บุคคลหรือคณะบุคคลดังกล่าวได้สั่งหรือมีไว้ แล้วแต่กรณีตามอำนาจหน้าที่ซึ่งมีอยู่ตามบทบัญญัติ แห่งกฎหมาย

WordPress Ads
error: Content is protected !!