MCS3151 การสื่อสารเพื่อมนุษยสัมพันธ์ การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2556

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2556

ข้อสอบกระบวนวิชา MCS3151 การสื่อสารเพื่อมนุษยสัมพันธ์

คำสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว (ข้อสอบมีทั้งหมด 100 ข้อ)

1.      การสื่อสารเพื่อมนุษยสัมพันธ์มุ่งเน้นการสื่อสารระดับใด      

(1) การสื่อสารระหว่างบุคคล

(2)    การสื่อสารในกลุ่ม      

(3) การสื่อสารในที่ชุมชน       

(4) การสื่อสารมวลชน

ตอบ 1 หน้า 147, (คำบรรยาย) การสื่อสารเพื่อมนุษยสัมพันธ์จะมุ่งเน้นการสื่อสารระหว่างบุคคล(Interpersonal Communication) เป็นสำคัญ เพราะการปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ส่วนใหญ่ จะใช้การสื่อสารระหว่างบุคคลในการแลกเปลี่ยนข่าวสาร ความคิดเห็น อารมณ์ และความรู้สึกต่าง ๆ รวมทั้งทำให้เกิดความเข้าใจอันดีระหว่างกัน ดังนั้นการสื่อสารระหว่างบุคคลจึงเป็นปัจจัยสำคัญ ในการดำรงชีวิตและเป็นสื่อสำคัญในการสร้างมนุษยสัมพันธ์ในสังคม

2.      ข้อใดแสดงถึงความหมายของมนุษยสัมพันธ์

(1)    การเรียนรู้ที่จะพัฒนาตนเอง    

(2) การเรียนรู้ที่จะสื่อสารให้ใจเข้าใจกัน

(3)    การเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันในสังคม      

(4) การเรียนรู้ให้เป็นคนดีของสังคม

ตอบ 3 หน้า 1 – 4, 23 นักวิชาการได้ให้ความหมายของมนุษยสัมพันธ์ (Human Relations)ไว้มากมาย แต่ความหมายที่สั้นและตรงที่สุดเห็นจะได้แก่ความหมายที่ว่า การติดต่อสัมพันธ์ ระหว่างผู้คน ทักษะการมีปฏิสัมพันธ์ (Interaction) ระหว่างมนุษย์ หรือทักษะในการปรับตัว เพื่อให้มนุษย์สามารถเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข

3.      ข้อใดแสดงถึงการมีแนวคิดเชิงบวก

(1)    การยอมรับชะตากรรม            (2) การยอมรับความแตกต่างของบุคคล

(3) การยอมรับธรรมชาติของมนุษย์   (4) การมองเห็นโอกาสในวิกฤต

ตอบ 2 หน้า 3, 17, 19, (คำบรรยาย) ปัจจัยหรือจุดเริ่มด้นของการสร้างมนุษยสัมพันธ์ คือ ตนเอง โดยเริ่มจากการรู้จักและเข้าใจตนเอง ขณะเดียวกันก็ต้องรู้จักและเข้าใจผู้อื่นด้วย ทั้งนี้บุคคล ต้องรู้จักมองโลกในแง่ดีหรือมีทัศนคติ/แนวคิดเชิงบวก (Positive Thinking) ต่อตนเอง ต่อผู้อื่น และต่อสิ่งต่าง ๆ เช่น การยอมรับความแตกต่างของบุคคล เป็นต้น

4.      ข้อใดแสดงว่ามนุษยสัมพันธ์เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ 

(1) มนุษยสัมพันธ์เป็นกฎเกณฑ์ที่สามารถพัฒนาได้

(2)    การสร้างมนุษยสัมพันธ์ต้องอาศัยการเรียนรู้จากทฤษฎีและตำรา

(3)    มนุษยสัมพันธ์มีความสำคัญทั้งในชีวิตส่วนตัวและหน้าที่การงาน

(4)    การสร้างมนุษยสัมพันธ์ต้องอาศัยหลักการและการฝึกทักษะ

ตอบ 4 หน้า 3-4, 16, (คำบรรยาย) แนวคิดที่ว่ามนุษยสัมพันธ์เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์นั้น หมายถึง การศึกษามนุษยสัมพันธ์ต้องอาศัยการเรียนรู้จากหลักการ ทฤษฎีหรือกฎเกณฑ์ และแนวคิดต่าง ๆ ทางด้านมนุษยสัมพันธ์ ในขณะเดียวกันก็ต้องอาศัยการฝึกทักษะการแสดงออกอย่างเหมาะสม สอดคล้องกับบุคคล โอกาส และสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

5.      การอยู่ร่วมกันของมนุษย์เมื่อเริ่มรวมกลุ่มเป็นสังคม มีลักษณะอย่างไร

(1)    อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข           (2) อยู่ร่วมกันอย่างไม่เป็นทางการ และเป็นไปโดยอัตโนมัติ

(3) อยู่ร่วมกันอย่างเป็นทางการ และไม่เสมอภค (4) อยู่ร่วมกันอย่างมีปฏิสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด และเป็นกันเอง

ตอบ 2 หน้า 9 ความสัมพันธ์ของมนุษย์ในยุคที่เริ่มอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มสังคมนั้น จะมีลักษณะ ของการอยู่ร่วมกันอย่างไม่เป็นทางการ และเป็นไปโดยอัตโนมัติ แต่เมื่อมนุษย์อยู่ร่วมกันเป็น สังคมใหญ่ขึ้น สังคมมนุษย์ได้แตกเป็นกลุ่มเป็นสถาบันย่อย ๆ ตามความจำเป็น ทำให้ลักษณะ ความสัมพันธ์ในการอยู่ร่วมกันเป็นไปในรูปแบบที่เป็นทางการขึ้น แต่ก็เป็นความสัมพันธ์ ที่ไม่เสมอภาค เพราะมีการเอารัดเอาเปรียบกัน

6.      ข้อใดแสดงถึงแนวคิดการสื่อสารเพื่อมนุษยสัมพันธ์ที่สอดคล้องกับหลักการด้านสิทธิมนุษยชน

(1)    เข้าใจในความเป็นปัจเจกบุคคล         (2) เคารพความเสมอภาคระหว่างบุคคล

(3) ยอมรับความแตกต่างระหว่างบุคคล       (4) พยายามสร้างความสมานฉันท์ในสังคม

ตอบ 2 หน้า 2, 29 – 30, (คำบรรยาย) ธรรมชาติของมนุษย์ตามแนวคิดพื้นฐานในการสร้างมนุษยสัมพันธ์ ประการหนึ่ง คือ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ (Human Dignity) ซึ่งมนุษย์ควรติดต่อสัมพันธ์กับด้วย ความเสมอภาคและเท่าเทียมกัน โดยต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของแนวคิดด้านสิทธิมนุษยชนของ องค์การสหประชาชาติ ดังนั้นมนุษย์จึงควรเคารพในความเสมอภาคระหว่างบุคคล โดยไม่แบ่งแยก ฐานะชนชั้น แต่ควรยกย่องให้เกียรติและยอมรับนับถือในฐานะที่เป็นมนุษย์เหมือนกัน

ข้อ 7. – 9. ให้ใช้ตัวเลือกต่อไปนี้สำหรับตอบคำถาม

(1) เฮ็นรี่ แกนต์

(2)    เอลตัน เมโย   (3) แอนดรู ยูรี            (4) โรเบิร์ต โอเวน       (5) เฟเดอริก เทย์เลอร์

7.      ใครคือนายจ้างคนแรกที่จุดประกายให้มีการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างกับคนงาน

ตอบ 4 หน้า 11-12, (คำบรรยาย) โรเบิร์ต โอเวน (Robert Owen) เป็นเจ้าของกิจการชาวเวลส์ คนแรกตามประวัติคาสตร์อุตสาหกรรมของอังกฤษที่มีความคิดริเริ่มในการเอาใจใส่ความเป็นอยู่ ของคนงาน โดยยอมรับว่าต้องให้ความสำคัญกับจิตใจและความต้องการของลูกจ้างคนงาน ซึ่งเขาได้พยายามปรับปรุงสวัสดิการต่าง ๆ ของลูกจ้าง เช่น ปรับปรุงสถานที่ทำงานและสิ่งแวดล้อม ให้สะอาด ปรับปรุงสภาพในการทำงานให้ดีกว่าที่เคยเป็นอยู่ และเป็นนายจ้างคนแรกที่ต่อต้าน การใช้แรงงานเด็ก ฯลฯ ดังนั้นเขาจึงเป็นผู้จุดประกายและเริ่มต้นแนวคิดการสร้างสัมพันธภาพ ระหว่างลูกจ้างกับนายจ้างเป็นคนแรก จนได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งการบริหารงานบุคคล

8.      ใครคือนายจ้างที่จูงใจให้คนงานเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานด้วยเงินรางวัลพิเศษ

ตอบ 1 หน้า 13 ในปี ค.ศ. 1912 เฮ็นรี่ แอล. แกนต์ (Henry L. Gantt) เป็นวิศวกรหนุ่มที่ได้คิดหา วิธีจูงใจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของคนงาน โดยเขาได้ขยายแนวคิดของเฟเดอริก ดับบลิว. เทย์เลอร์ (Federick WTaylor) มาผสมผสานกับของตัวเอง เช่น สนับสนุนให้เกิดการทำงานเป็นทีม โดยทดลองเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของคนงานด้วยการให้เงินโบนัส หรือเงินรางวัลพิเศษ เพื่อเป็นแรงจูงใจแก่คนงานที่สามารถทำงานเสร็จก่อนเวลาที่กำหนด

9.      ใครคือนายจ้างที่ริเริ่มในเรื่องสวัสดิการในการรักษาพยาบาล

ตอบ 3 หน้า 12 แอนดรู ยูรี (Andrew Ure) ได้เขียนบทความที่ให้ความสำคัญแก่ มนุษย์และเป็นผู้ริเริ่มการให้สวัสดิการแก่คนงาน โดยเฉพาะในด้านสุขภาพและการรักษาพยาบาล ซึ่งเขาได้เสนอให้ปรับปรุงการจัดสวัสดิการต่าง ๆ ดังนี้  1. จัดให้มีชั่วโมงพักระหว่างการทำงาน

2.      ปรับสถานที่ทำงานให้ถูกสุขลักษณะ 3. เมื่อเจ็บไข้ได้ป่วย คนงานต้องได้รับการดูแล รักษาพยาบาล และได้รับค่าจ้างระหว่างหยุดพักรักษาตัวด้วย 4. ส่งเสริมให้คนงานมีสุขภาพดี โดยจัดสนามและอุปกรณ์การออกกำลังกายแก่คนงาน

10.    ข้อใดไม่ใช่ปัจจัยที่คณะผู้ศึกษากรณีฮอธอร์นตั้งใจศึกษา

(1)    ระยะเวลาหยุดพักในการทำงาน        (2) การรวมกลุ่มของคนงาน

(3)    แสงสว่างในที่ทำงาน   (4) ทัศนคติของลูกจ้างต่อนายจ้าง

ตอบ 2 หน้า 13 – 14, (คำบรรยาย) ศาสตราจารย์เอลตัน เมโย (Elton Mayo) เป็นหัวหน้าคณะผู้ที่ ศึกษากรณีฮอธอร์น (Hawthorne Studies) คือ การศึกษาปัจจัยแห่งประสิทธิภาพของการทำงาน ในโรงงานแห่งหนึ่ง โดยศึกษาปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมทางกายภาพ ได้แก่ ระยะเวลาหยุดพัก ในการทำงาน และแสงสว่างหรืออุณหภูมิในที่ทำงาน รวมทั้งศึกษาปัจจัยด้านทัศนคติของลูกจ้าง ต่อนายจ้าง (ส่วนปัจจัยที่ไม่ได้ตั้งใจศึกษา คือ การรวมกลุ่มของคนงานที่ไม่เป็นทางการ แต่ปัจจัย ดังกล่าวดึงดูดความสนใจของคณะผู้ศึกษาวิจัย จึงทำการศึกษาต่อ)

11.    ข้อใดเป็นผลของการศึกษาฮอธอร์น  

(1) ยอมรับการรวมกลุ่มที่ไม่เป็นทางการของคนงาน

(2)    ปรับสภาพแวดล้อมการทำงานให้ถูกสุขลักษณะ

(3)    ยอมรับว่าคนงานเป็นปัจจัยสำคัญที่แตกต่างจากปัจจัยอื่น

(4)    เพิ่มสวัสดิการและอัตราค่าจ้างแก่คนงาน

ตอบ 3 หน้า 14 สิ่งที่พบจากผลของการศึกษากรณีฮอธอร์น ทำให้รู้ว่าต้องให้ความสำคัญที่จิตใจ และความต้องการของคนงาน โดยให้มองคนงานว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่แตกต่างไปจากปัจจัยอื่น ๆ หากความต้องการ ความรู้สึกนึกคิด และแรงจูงใจไม่ได้รับการสนองตอบ หรือปล่อยให้เกิด ความขัดแย้งขึ้นก็จะก่อให้เกิดปัญหาที่สลับซับซ้อนตามมา

12.    ปฏิกิริยาป้อนกลับจากคู่สื่อสาร แสดงถึงปัจจัยใดที่ทำให้บุคคลมีความสามารถด้านมนุษยสัมพันธ์

(1) สภาพแวดล้อม    

(2) พันธุกรรม 

(3) การอบรมสั่งสอน  

(4) ประสบการณ์

ตอบ 4 หน้า 15, (คำบรรยาย) ปัจจัยที่ทำให้บุคคลมีความสามารถด้านมนุษยสัมพันธ์ ได้แก่

1.      สภาพแวดล้อม ถือเป็นปัจจัยเริ่มแรก เช่น สายใยรักในครอบครัว หรือความรักความเอาใจใส่ ในครอบครัว การเลี้ยงดูในวัยเด็ก ๆลฯ 2. การอบรมสั่งสอน เช่น การรับฟังความรู้หรือ ข้อแนะนำเกี่ยวกับพฤติกรรมการแสดงออกที่เหมาะสมจากพ่อแม่ ครู และญาติพี่น้อง ฯลฯ 3.ประสบการณ์ที่ได้รับ เช่น ปฏิกิริยาตอบกลับ หรือปฏิกิริยาป้อนกลับ (Feedback) จาก คู่สื่อสารหรือคนรอบตัว ปฏิสัมพันธ์ระหว่างคูสื่อสาร และคำวิพากษ์วิจารณ์จากบุคคลอื่น

13.    สภาพแวดล้อมทางจิตวิทยาของบุคคล แสดงถึงสาเหตุใดที่ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการสร้างมนุษยสัมพันธ์

(1) ความแตกต่างในด้านประสบการณ์        (2) ความแตกต่างในด้านภูมิหลัง

(3) ความแตกต่างในด้านความคิดเห็น          (4) ความแตกต่างในด้านผลประโยชน์

ตอบ 3 หน้า 16, 79, (คำบรรยาย) สาเหตุที่เป็นอุปสรรคต่อการสร้างมนุษยสัมพันธ์อันดีกับผู้อื่น ได้แก่

1.      ความแตกต่างด้านประสบการณ์และภูมิหลัง เช่น อายุ เพศ อาชีพ การศึกษา สถานภาพ ทางเศรษฐกิจและสังคม ฯลฯ

2.      ความแตกต่างด้านความคิดเห็น เป็นความแตกต่างของสภาพแวดล้อมทางจิตวิทยาของบุคคล ในลักษณะที่เป็นนามธรรม เช่น ความเชื่อ ทัศนคติ ค่านิยม และรสนิยม ฯลฯ ซึ่งหากไมยอมรับกันแล้ว ความเข้าใจระหว่างกันก็จะเกิดขึ้นได้ยาก

3.      ความแตกต่างด้านผลประโยชน์ คือ ผลประโยชน์ขัดกัน ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งในรูปของสิ่งของ วัตถุ เงินทอง ชื่อเสียง ลาภ ยศ ฯลฯ มักทำให้เกิดความไม่พอใจและความแตกแยกได้ง่าย เพราะธรรมชาติของคนเราจะไม่ยอมเสียเปรียบใคร

ข้อ14-16 ให้ใช้ตัวเลือกต่อไปนี้สำหรับตอบคำถาม

(1) การติดต่อสื่อสาร (2) การรู้จักตนเอง      (3) การจูงใจ

(4)    ความไว้วางใจ  (5) การเปิดเผยตนเอง

14.    องค์ประกอบข้อใดทำให้คู่สื่อสารกล้าแสดงออกซึ่งความรู้สึกที่แท้จริง

ตอบ 4 หน้า 18, 217, (คำบรรยาย) ความไว้วางใจ (Trust) ถือเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้าง มนุษยสัมพันธ์ เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้คู่สื่อสารมีความเชื่อใจกันและกล้าที่จะเปิดเผยตนเอง (Self Disclosure) ต่อกัน หรือกล้าแสดงออกซึ่งอารมณ์ ความรู้สึกที่แท้จริง และความคิดเห็น ต่าง ๆ อย่างตรงไปตรงมา ซึ่งทำให้คู่สื่อสารแต่ละฝ่ายมีการแลกเปลี่ยนข่าวสารอย่างอิสรเสรี จนสามารถรับรู้และเข้าใจอีกฝ่ายหนึ่งได้อย่างถูกต้อง เช่น ความรู้สึกเชื่อมันและไว้วางใจกัน ในขณะเล่นตุ๊กตาล้มลุก เป็นต้น

15.    องค์ประกอบข้อใดเปรียบเหมือนหัวใจของมนุษยสัมพันธ์

ตอบ 1 หน้า 17 การติดต่อสื่อสาร (Communication) มีความสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างมนุษยสัมพันธ์ จนมีผู้เปรียบว่าการติดต่อสื่อสารเป็นหัวใจของมนุษยสัมพันธ์ เพราะการสื่อสาร คือ สิ่งที่แสดงถึง ความสัมพันธ์ของมนุษย์ (Communication is the human connection) เป็นเครื่องมือ ที่ทำให้เข้าใจตนเองและผู้อื่น เนื่องจากการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างตัวเรากับบุคคลอื่น ต้องกระทำผ่านการติดต่อสื่อสาร

16.    องค์ประกอบข้อใดทำให้คู่สื่อสารมีความเข้าใจซึ่งกันและกัน

ตอบ 5 หน้า 18, 55, (คำบรรยาย) การเปิดเผยตนเอง (Self Disclosure) เป็นขั้นตอนที่ช่วยพัฒนา ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล เพราะเป็นการแสดงออกถึงสิ่งที่อยู่ภายในตัวเราให้ผู้อื่นได้ทราบ เช่น อารมณ์ ความรู้สึก ทัศนคติ ความคิดเห็น และปฏิกิริยาโต้ตอบต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ดังนั้น การเปิดเผยตนเองจึงทำให้คู่สื่อสารรู้จักและเข้าใจซึ่งกันและกันมากขึ้น ทำให้สามารถคาดคะเน ความคิด รวมทั้งเป็นตัวกำหนดพฤติกรรมการสื่อสารกับผู้อื่นให้ตรงเป้าหมายและมีประสิทธิภาพ

17.    ข้อใดแสดงถึงประโยชน์ในการศึกษาธรรมชาติของมนุษย์

(1)    เข้าใจความคิดและการกระทำของมนุษย์       (2) ยอมรับในความแตกต่างของมนุษย์

(3) นำไปพัฒนาตัวตนของมนุษย์      (4) รู้จักวิธีที่เหมาะสมในการสร้างความสัมพันธ์กับมนุษย์

ตอบ 4 หน้า 24 การศึกษาธรรมชาติของมนุษย์มีประโยชน์ต่อการสร้างมนุษยสัมพันธ์ ดังนี้

1.      ทำให้รู้จักและเข้าใจตนเองในฐานะที่เป็นมนุษย์คนหนึ่ง 2. ทำให้รู้จักและเข้าใจบุคคลอื่น ในฐานะที่เป็นมนุษย์คนหนึ่งเช่นกัน 3. เกิดการยอมรับตนเองและบุคคลอื่นตามธรรมชาติ ของแต่ละฝ่าย 4. ทำให้รู้จักวิธีการสร้างความสัมพันธ์ที่เหมาะสมตามหลักมนุษยสัมพันธ์

18.    ข้อใดไม่ใช่ลักษณะตามธรรมชาติของมนุษย์ 

(1) ชอบการเปลี่ยนแปลง

(2)    ไม่ชอบการบังคับ        (3) ชอบซ้ำเติม           (4) มักง่าย

ตอบ 1 หน้า 23 – 24 ลักษณะทั่วไปตามธรรมชาติของมนุษย์ที่คล้ายคลึงกัน มีดังนี้ 1. อิจฉาริษยา ไมชอบเห็นคนอื่นดีกว่าตน 2. มีสัญชาตญาณแห่งการทำลาย 3. ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง   4.มีความต้องการทางเพศ 5. หวาดกลัวภัยอันตรายต่าง ๆ        6. กลัวความเจ็บปวด  7. โหดร้าย ชอบซ้ำเติม 8. ชอบความสะดวกสบาย มักง่าย ไม่ชอบระเบียบและการถูกบังคับ 9. ชอบความตื่นเต้น ชอบการผจญภัย ฯลฯ

ข้อ19-21 ให้ใช้ตัวเลือกต่อไปนี้สำหรับตอบคำถาม

(1) เก้าจื๊อ      (2) ขงจื๊อ        (3) ซุ่นจื๊อ        (4) เม่งจื๊อ

19.    นักปรัชญาชาวจีนท่านใด เชื่อว่าการแก้ไขตนเอง คือ การแก้ไขปัญหาที่สาเหตุ

ตอบ หน้า 32, (คำบรรยาย) ขงจื๊อ ได้กล่าววาทะที่ว่า เราไม่สามารถห้ามนกบินข้ามหัวเราได้แต่เราสามารถทำให้นกไม่ขี้รดหัวเราได้ ด้วยการหาหมวกมาใส่” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงแนวคิด ด้านมนุษยสัมพันธ์ที่ให้ความสำคัญกับการยอมรับธรรมชาติของผู้อื่น คือ ถ้าเราต้องการ จะอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นได้อย่างมีความสุขแห้จริงแล้ว ก็สมควรแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่ถูกต้อง โดยเปลี่ยนแปลงแก้ไขปัญหาที่ตนเอง ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่สาเหตุหรือต้นเหตุ ดีกว่าที่จะไปแก้ไข หรือพยายามเปลี่ยนแปลงบุคคลอื่นซึ่งเป็นเรื่องยาก และเป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุมากกว่า

20.    นักปรัชญาชาวจีนท่านใด เชื่อว่ามนุษย์มีลักษณะของมบุษยสัมพันธ์อยู่ในตนเอง

ตอบ 4 หน้า 26, (คำบรรยาย) เม่งจื๊อ เชื่อว่า ธรรมชาติของมนุษย์ทุกคนมีความดีติดตัวมาโดยกำเนิด ฃึ่งได้แก่      1. มีความรู้สึกเมตตากรุณา หมายถึง ความมีมนุษยธรรม

2.      มีความรู้สึกละอายและรังเกียจต่อบป หมายถึง การยึดมั่นในหลักศีลธรรมความดีงาม

3.      มีความรู้สึกอ่อนน้อมถ่อมตน หมายถึง การปฏิบัติตนอันเหมาะสม ซึ่งถือเป็นคุณลักษณะที่ แสดงถึงการมีทักษะด้านมนุษยสัมพันธ์อยู่ในตนเอง

4.      มีความรู้สึกในสิ่งที่ถูกและผิด หมายถึง ความมีสติปัญญา

21.    นักปรัชญาชาวจีนท่านใด เชื่อว่าสภาพแวดล้อมที่ดีจะพัฒนามนุษย์ให้เป็นคนดีได้

ตอบ 3 หน้า 26 ซุ่นจื๊อ มองวา ธรรมชาติของมนุษย์เป็นคนไม่ดีเป็นทุนเติมติดตัวมา แต่การที่ เป็นคนดีเพราะสภาพแวดล้อมที่ดีพัฒนามนุษย์ให้เป็นคนดีขึ้นมาได้ และท่านยังมีความเห็น ว่ามนุษย์เกิดมาพร้อมกับสติปัญญาและความหยาบกระด้าง ซึ่งสติปัญญานี้สามารถพัฒนา สภาพหยาบกระด้างที่เป็นธรรมชาติของมนุษย์ ให้มาเป็นบุคคลที่มีบุคลิกภาพอันงดงาม และสมบูรณได้ด้วยการฝึกอบรม

22.    นักจิตวิทยาคนใดมองธรรมชาติของมนุษย์ว่าป่าเถื่อน และเห็นแก่ตัว

(1) โทมัส ฮอบส์         

(2) จอห์น ลอค           

(3) มาสโลว์    

(4) คาร์ล โรเจอร์

ตอบ 1 หน้า 28 โทมัส ฮอบส์ (Thomas Hobb) ได้แสดงแนวคิดเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ว่า ธรรมชาติของมนุษย์นั้นป่าเถื่อน เห็นแก่ตัว โอ้อวดตน ยื้อแย่งแข่งดีกันโดยไม่มีขอบเขต เอาแต่ใจ หยาบคาย และอายุสั้น แต่ถ้าพบกับความทุกข์ยากแล้ว มนุษย์จึงจะลด ความเห็นแก่ตัวลง และสังคมจะช่วยให้เขาดีขึ้น

ข้อ 23. – 24. ให้ใช้ตัวเลือกต่อไปนี้สำหรับตอบคำถาม

(1) กลุ่มปัญญานิยม (2) กลุ่มพฤติกรรมนิยม (3) กลุ่มมนุษยนิยม .          (4) กลุ่มจิตวิเคราะห์

23.    นักจิตวิทยากลุ่มใดเชื่อว่าพฤติกรรมมนุษย์เป็นผลมาจากระบบจิตใต้สำนึก

ตอบ 4 หน้า 29 กลุ่มจิตวิเคราะห์ ได้แก่ ฟรอยด์ (Freud) และฟรอม (Fromm) มีความเชื่อในเรื่องของจิตและพฤติกรรมภายใน โดยเชื่อว่าธรรมชาติของมนุษย์มีความเลวติดตัวมาแต่กำเนิดและ พฤติกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์เกิดมาจากสัญชาตญาณภายในของบุคคล ซึ่งประกอบด้วยจิต (จิตไร้สำนึก จิตใต้สำนึก และจิตในสำนึก) และแรงขับพื้นฐาน (แรงขับที่จะดำรงชีวิต แรงขับที่จะทำลาย และแรงขับทางเพศ)โดยเมื่อมนุษย์มีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมก็จะแสดงพฤติกรรมต่าง ๆ ออกมา

24.    ธรรมชาติของมนุษย์ในแนวคิดของเก้าจื๊อ สอดคล้องกับแนวคิดนักจิตวิทยากลุ่มใด

ตอบ 2 หน้า 26, 28, (คำบรรยาย) เก้าจื๊อ มองว่า ธรรมชาติของมนุษย์นั้นไม่ดีและไม่ชั่ว เปรียบเหมือน กับกระแสน้ำที่รวนเร (ไม่รู้จักทิศทาง) โดยถ้าเปิดทางทิศตะวันออก น้ำก็จะหลไปทางทิศตะวันออก แต่ถ้าเปิดทางทิศตะวันตกน้ำก็จะไหลไปทางทิศตะวันตก ซึ่งจะสอดคล้องกับความเชื่อของ นักจิตวิทยากลุ่มพฤติกรรมนิยมที่ว่า มนุษย์เกิดมาไม่ดีและไม่เลว เมื่อเกิดมาแล้วจะดีหรือไม่ดี ก็ขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อม มนุษย์จึงเป็นผลิตผลของสิ่งแวดล้อม

ข้อ 25. – 27. ให้ใช้ตัวเลือกต่อไปนี้สำหรับตอบคำถาม

(1)    บุคคลย่อมมีความแตกต่าง     (2) การศึกษาบุคคลในลักษณะผลรวม

(3)    พฤติกรรมของบุคคลย่อมมีสาเหตุ       (4) ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

25.    แนวคิดข้อใดนำไปสู่การจูงใจบุคคลอื่นได้

ตอบ 3 หน้า 29 – 30, (คำบรรยาย) ธรรมชาติของมนุษย์ตามแนวคิดพื้นฐานในการสร้างมนุษยสัมพันธ์ประการหนึ่ง คือ พฤติกรรมของบุคคลย่อมมีสาเหตุ (Cause Behavior) ดังนั้นมนุษย์จึงต้องการ แรงจูงใจ (Motivation) อันเป็นพื้นฐานไปสู่การจูงใจบุคคลอื่นให้คล้อยตาม หรือจูงใจให้บุคคล เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้

26.    การยอมรับที่จะปรับเปลี่ยนตนเองดีกว่าไปเปลี่ยนแปลงผู้อื่น เป็นผลมาจากแนวคิดข้อใด

ตอบ 1 หน้า 29, (คำบรรยาย) ธรรมชาติของมนุษย์ตามแนวคิดพื้นฐานในการสร้างมนุษยสัมพันธ์ ประการหนึ่ง คือ บุคคลย่อมมีความแตกต่าง (Individual Difference) ซึ่งบุคคลแต่ละคนล้วน มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว จึงไม่ควรพยายามเปลี่ยนแปลงคนอื่นให้ต้องคิดหรือทำทุกอย่าง เหมือนตนเอง แต่ควรยอมรับและเคารพในความเป็นปัจเจกบุคคล หรือยอมรับธรรมชาติของ แต่ละบุคคล (ทั้งของตนเองและผู้อื่น) โดยแนวคิดนี้จะสอดคล้องกับขงจื๊อที่เน้นการยอมรับ ที่จะปรับเปลี่ยนตนเองดีกว่าไปเปลี่ยนแปลงผู้อื่น (ดูคำอธิบายข้อ 19. ประกอบ)

27.    สังคมที่ไม่มีการแบ่งชนชั้น เป็นผลมาจากการยอมรับแนวคิดข้อใด

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 6. ประกอบ

ข้อ 28. – 30. ให้ใช้ตัวเลือกต่อไปนี้สำหรับตอบคำถาม

(1) ธรรมชาติของมนุษย์ตามทฤษฎี X         (2) ธรรมชาติของมนุษย์ตามทฤษฎี Y

(3) ธรรมชาติของมนุษย์ตามทฤษฎี Z         (4) ธรรมชาติของมนุษย์ตามแนวคิดด้านมานุษยวิทยา

28.    แนวคิดข้อใดเชื่อว่ามนุษย์มีสติปัญญาที่เป็นเหตุจูงใจในการทำงาน

ตอบ 3 หน้า 31 ธรรมชาติของมนุษย์ตามทฤษฎี ของเรดดิน เชื่อว่า มนุษย์มีความซับซ้อน แต่จะมีลักษณะทั่วไป คือ            1. ตั้งใจทำงานที่ตนรับผิดชอบเพื่อให้งานบรรลุเป้าหมาย 2.มีสติปัญญา มีวุฒิภาวะ และมีเหตุผล ซึ่งเป็นเหตุจูงใจในการทำงาน 3.ยอมรับพฤติกรรมความดีและไม่ดี อันเกิดจากการกระทำของตนเอง สถานการณ์ และสิ่งแวดล้อม 4.มนุษย์ต้องติดต่อเกี่ยวข้องและพึ่งพาอาศัยกัน โดยได้รับอิทธิพลจากสิ่งแวดล้อม

29.    นายจ้างควรรู้จักยกย่องชมเชยบุคลากรที่มีธรรมชาติตามแนวคิดข้อใด

ตอบ 2 หน้า 30-31, (คำบรรยาย) ธรรมชาติของมนุษย์ตามทฤษฎี มีลักษณะทั่วไป คือ

1.      การออกแรงกายและการใช้สมองในการทำงาน เป็นของธรรมดาเหมือนกับการเล่นหรือการพักผ่อน ซึ่งจะทำให้มนุษย์มีทัศนคติที่ดี เกิดความรักในงาน พึงพอใจและมีความสุขในการทำงาน

2.      บุคคลจะทำงานในหน้าที่ด้วยการสั่งงานและควบคุมตนเอง

3.      ควรใช้แรงเสริมทางบวกเป็นสิ่งตอบแทนเพื่อจูงใจให้บุคคลทำงาน คือ การยกยองชมเชย การให้รางวัลเพื่อเป็นกำลังใจกับผลสำเร็จของแต่ละบุคคล โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้มีโอกาส แสดงผลงานและความสามารถในการทำงานตามที่เขาต้องการ ฯลฯ

30.    บุคลากรที่ขาดความรับผิดชอบและขาดความกระตือรือร้นในการปฏิบัติหน้าที่ แสดงถึงธรรมชาติตามแนวคิดข้อใด

ตอบ 1 หน้า 30, (คำบรรยาย) ธรรมชาติของมนุษย์ตามทฤษฎี มีลักษณะทั่วไป คือ

1.      มีนิสัยไม่ชอบทำงาน ถ้ามีโอกาสก็จะหลบหลีกหรือหลีกเลี่ยงการทำงานทันที หรือมักจะ ทำงานแบบ เช้าชาม เย็นชาม” 2. เพราะมีนิสัยไม่ชอบทำงาน จึงต้องใช้แรงเสริมทางลบ เพื่อจูงใจให้ทำงาน คือ ใช้การบังคับควบคุม และมีบทลงโทษ เพื่อให้ทำงานจนบรรลุผลสำเร็จ ตามวัตถุประสงค์ขององค์การ 3. ชอบทำงานตามนายสั่ง ขาดความรับผิดชอบ และขาดความกระตือรือร้นในการปฏิบัติหน้าที่การงาน แต่ต้องการความมั่นคงและปลอดภัยเหนือสิ่งอื่นใด

ข้อ 31. – 36. ให้ใช้ตัวเลือกต่อไปนี้สำหรับตอบคำถาม

(1) Survival Needs 

(2) Primary Needs 

(3) Secondary Needs 

(4) Wants

31.    ความต้องการปัจจัย 4 ของบุคคล แสดงถึงความต้องการข้อใด

ตอบ 2 หน้า 34 – 35, 38 ความต้องการทางต้านสรีระหรือร่างกาย (Physiological Needs) หรือ บางทีเรียกว่า ความต้องการขั้นต้น (Primary Needs) เป็นความต้องการที่จำเป็นขั้นพื้นฐาน ของมนุษย์ ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการทางกายหรือทางวัตถุตามแนวคิดของศาสนาพุทธ คือ ความต้องการปัจจัยสี่ของมนุษย์ อันได้แก่ อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค นอกจากนั้นความต้องการในขั้นบี้ยังรวมถึงความต้องการทางเพศเพื่อการดำรงเผ่าพันธุ์สืบต่อไป ของมนุษย์ การขับถ่าย และการนอนหลับพักผ่อนเพื่อบรรเทาความเหน็ดเหนื่อยด้วย

32.    Social Needs หมายถึงความต้องการข้อใด

ตอบ 3 หน้า 34 – 35 ความต้องการทางต้านลังคม (Social Needs) หรือต้านจิตวิทยา (Psychological Needs) หรือบางทีเรียกว่า ความต้องการขั้นรอง (Secondary Needs) มีลักษณะที่สรุปได้ 

1.      มักเกิดจากประสบการณ์ของแต่ละบุคคล

2.      แต่ละบุคคลจะมีความต้องการและความเข้มข้นไม่เท่ากัน

3.      เปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ แม้แต่ในบุคคลคนเดียวกัน

4.      มักเกิดขึ้นเมื่อบุคคลอยู่ในกลุ่มสังคมมากกว่าอยู่คนเดียว

5.      บุคคลมักไม่แสดงออกอย่างเปิดเผยและซ่อนเร้นความต้องการในขั้นนี้ไว้

6.      บางครั้งมีลักษณะเป็นนามธรรมและไม่ชัดเจน ไม่เหมือนความต้องการด้านร่างกาย

7.      มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของมนุษย์

33.    พฤติกรรมที่ทำให้บุคคลอยู่รอด หมายถึงความต้องการข้อใด

ตอบ 1 หน้า 34 การอยู่รอด (Survival Needs) เป็นแรงจูงใจสำคัญอันหนึ่งที่ทำให้บุคคลทำงาน ซึ่งการอยู่รอดมิใช่ความปรารถนาของมนุษย์ แต่เป็นพฤติกรรมที่ทำเพื่อความอยู่รอดของชีวิต เช่น เมื่อเกิดวิกฤตการณ์ข้าวยากหมากแพง โดยแท้จริงแล้วบุคคลบางคนไม่ได้ต้องการปลูกผัก และพืชสวนครัว แต่เนื่องจากว่าเงินที่หามาได้จากการทำงานอย่างอื่นไม่เพียงพอที่จะหาซื้อ ก็เลยต้องทำเพื่อการอยู่รอด เพราะถ้าไม่ทำก็อาจไม่มีจะกิน

34.    ความต้องการข้อใดที่บุคคลไม่แสดงออกอย่างเปิดเผย

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 32. ประกอบ

35.    ความฟุ่มเฟือยของบุคคล เป็นผลมาจากความต้องการข้อใด

ตอบ 4 หน้า 34, (คำบรรยาย) ความปรารถนา (Wants) เป็นความต้องการที่ไม่ใช่ความจำเป็นขั้นต้น สำหรับมนุษย์ เพราะเป็นสิ่งที่เราต้องการจะมี แต่ถ้าไม่มีก็ไม่ตาย จึงเป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์เกิด กิเลสตัณหา และใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยสุรุยสุร่าย เช่น ซื้อรถยนต์ เสื้อผ้าสวย ๆ หรือบ้านสวย ๆ ฯลฯ แต่ความปรารถนาก็เป็นแรงจูงใจสำคัญที่ทำให้บุคคลทำงาน และอาจจะทำงานหนักกว่าคนอื่น เพราะความปรารถนาในสิ่งเหล่านี้ ดังนั้นหากมนุษย์ใช้ชีวิตตามแนวคิดความพอเพียงก็จะช่วยลด ความต้องการขั้นนี้ได้

36.    การดำรงเผ่าพันธุ์สืบต่อไปของมนุษย์ แสดงถึงความต้องการข้อใด

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 31. ประกอบ

ข้อ 37. – 38. ให้ใช้ตัวเลือกต่อไปนี้สำหรับตอบคำถาม

(1)ภวตัณหา  (2)กามตัณหา            (3)วิภวตัณหา (4)อิฏฐารมณ์

37.    คำกล่าวที่ว่า การได้อยู่กับสิ่งที่ไม่รักก็เป็นทุกข์” แสดงถึงความต้องการข้อใด

ตอบ 3 หน้า 36 วิภวตัณหา แปลว่า อยากให้ไป ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากกามตัณหาและภวตัณหา กล่าวคือ เมื่อเราอยากได้สิ่งหนึ่งสิ่งใด (กามตัณหา) และได้มาแล้ว เราก็ยึดถือหวงแหนไว้ เพราะอยากให้สิ่งนั้นคงอยู่ (ภวตัณหา) แต่ต่อมาเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายในสิ่งนั้น จึงอยากให้ สิ่งนั้นพ้นหูพันตาไปเสีย (วิภวตัณหา)ไม่ว่าจะโดยวิธีใดก็ตาม ซึ่งตรงกับคำกล่าวที่ว่า การได้อยู่กับสิ่งที่ไม่รักก็เป็นทุกข์

38.    นักการเมืองที่ต้องการอยูในตำแหน่งรัฐมนตรีต่อไป แสดงถึงความต้องการข้อใด

ตอบ 1 หน้า 36 ภวตัณหา แปลว่า ความมี ความเป็น หรืออยากให้อยู่ ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจาก กามตัณหา หมายความว่า เมื่อบุคคลต้องการสิ่งใดสิ่งหนึ่ง (กามตัณหา) และได้สิ่งนั้นมา สมปรารถนาแล้ว ก็จะมีความพึงพอใจและยึดถือผูกพันอยู่กับสิ่งนั้น จึงอยากให้สิ่งนั้นอยู่กับตน หรืออยากให้ตนอยู่กับสิ่งนั้นตลอดไป

39.    นักศึกษาที่เรียบจบแล้วได้รับปริญญาบัตร แสดงถึงการได้รับการตอบสนองความต้องการตามหลักศาสนาพุทธข้อใด

(1) ลาภ         (2) ยศ            (3) สรรเสริญ  (4) สุข

ตอบ 2 หน้า 36 – 37 อิฏฐารมณ์ เป็นธรรมหมวดหนึ่งที่กล่าวถึงสิ่งซึ่งเป็นที่ปรารถนาของมนุษย์ทุกคน ได้แก่ 1. ลาภ คือ ทรัพย์สินเงินทองและสิ่งของต่าง ๆ 2. ยศ คือ ตำแหน่งหน้าที่ เหรียญตรา ปริญญาบัตร หรือวิทยฐานะ 3. สรรเสริญ คือ คำยกย่องชมเชย ความเคารพนับถือรักใคร่ จากผู้อื่น 4. สุข (ทั้งกายและใจ) คือ มีความสะดวกสบายทางกาย มีความสมหวัง และไมมี ความกังวลใด ๆ เพราะเพียบพร้อมสมบูรณ์ไปทุกอย่าง

ข้อ 40. – 45. ให้ใช้ตัวเลือกต่อไปนี้สำหรับตอบคำถาม

(1) Self-realization and Fulfilment Needs       (2) Esteem and Status Needs

(3) Belonging and Social Activity Needs (4) Safety and Security Needs

(5)    Physiological Needs

40.    นักเรียนไทยสร้างชื่อเสียงคว้าเหรียญทองโอลิมปิกวิชาการหลายสาขาวิชา กรณีนี้แสดงถึงการได้รับการ ตอบสนองความต้องการข้อใด

ตอบ 2 หน้า 38 – 39, (คำบรรยาย) ความต้องการเกียรติยศชื่อเสียงและตำแหน่งหน้าที่ (Esteem and Status Needs) คือ ความต้องการให้สังคมยกย่องนับถือและยอมรับตนว่าเป็นคนสำคัญ ของกลุ่มสมาชิก ซึ่งบุคคลนั้นต้องมีองค์ประกอบสำคัญ ได้แก่ การมีความรู้ความสามารถประสบ ผลสำเร็จในกิจการงาน มีตำแหน่งหน้าที่การงานสูง มีฐานะมั่นคง มีความเชื่อมั่น หรือมั่นใจในศักยภาพของตนเอง ฯลฯ ดังนั้นมนุษย์จึงพยายามพัฒนาศักยภาพของตนเองให้เหนือกว่าคนอื่น โดยการสร้างสมความรู้ความสามารถ ทำตนให้เป็นที่รู้จัก และแก่งแย่งแข่งขันกันเพื่อให้ได้รับความต้องการในขั้นนี้ เช่น การได้รับรางวัลจากการประกวด หรือจากการแข่งขันกีฬาต่าง ๆ เป็นต้น

41.    การรณรงค์ กินของร้อน ใช้ช้อนกลาง ล้างมือบ่อย ๆ” เพื่อนำไปสู่การตอบสนองความต้องการข้อใด

ตอบ 4 หน้า 38, (คำบรรยาย) ความต้องการความปลอดภัยและความมั่นคง (Safety and Security Needs) ในด้านต่าง ๆ มีดังนี้          1. ด้านอาชีพการงาน ได้แก่ นโยบายการปรับเงินเดือนผู้จบปริญญาตรีเป็น 15,000 บาท นโยบายปรับเงินเดือนข้าราชการเท่าเอกชน ฯลฯ

2.      ด้านร่างกาย โดยไม่ถูกทำร้ายหรือถูกคุกคาม ได้แก่ การทำประกับชีวิต การรณรงค์ โทรไม่ขับ/เมาไม่ขับ การรณรงค์ให้กินของร้อน ใช้ช้อนกลาง ล้างมือบ่อย ๆ ฯลฯ

3.      ด้านที่อยู่อาศัย ได้แก่ โครงการฝากบ้านไว้กับตำรวจ โครงการหอพักติดดาว/เพื่อนข้างห้อง เตือนภัย การเตรียมกระสอบทรายเพื่อฟ้องกันน้ำท่วมบ้าน การติดตั้งกล้องวงจรปิด ฯลฯ

4.      ด้านชีวิตความเป็นอยู่และทรัพย์สิน ไต้แก่ นโยบายพักชำระหนี้เกษตรกร นโยบายเรียนฟรี 15 ปี นโยบายเพิ่มรายได้ให้ประชาชน นโยบายประชานิยมของพรรคการเมืองต่าง ๆ ฯลฯ

42.    นโยบาย เรียนฟรี 15ปีอย่างมีคุณภาพ” เป็นนโยบายที่ตอบสนองความต้องการข้อใด

ตอบ ดูคำอธิบายข้อ 41. ประกอบ

43.    การเคารพกฎหมายของบุคคล นำไปสู่การได้รับการตอบสนองความต้องการข้อใด

ตอบ 3 หน้า 38 – 39, (คำบรรยาย) ความต้องการความรักและร่วมกิจกรรมในสังคม (Belonging and Social Activity Needs) คือ ความต้องการแสดงตัวและมีส่วนร่วมในกิจกรรมของสังคม โดยจะเกิดขึ้นในลักษณะของการยอมปฏิบัติตนตามกรอบกติกามารยาทของสังคม หรือการมี พฤติกรรมตามที่สังคมกำหนด ได้แก่ การเคารพกฎหมาย จารีตประเพณี และค่านิยม เพื่อให้ สามารถอยู่ร่วมกันในสังคมและให้สังคมยอมรับเข้าเป็นสมาชิกหรือเป็นหมู่เป็นพวกเดียวกัน

44.    การบรรลุความต้องการที่เป็นประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์ด้วย เป็นพฤติกรรมที่ได้รับการตอบสนองความต้องการข้อใด

ตอบ 1 หน้า 38 – 39, (คำบรรยาย) ความต้องการความสมหวังและความสำเร็จในชีวิตด้วยตนเอง(Self-realization and Fulfilment Needs) เป็นความต้องการขั้นสูงสุด คือ ต้องการพัฒนา ความเป็นมนุษย์ให้สูงขึ้น หรือปรารถนาให้ประสบความสำเร็จในชีวิตตามอุดมการณ์ ความหวัง หรือความฝันอันสูงสุดที่ตั้งเอาไว้ ซึ่งบุคคลที่ได้รับการตอบสนองหรือบรรลุความต้องการขั้นนี้ จนสามารถเรียกได้ว่าเป็นบุคคลที่มีสัจการแห่งตน จะต้องเผื่อแผ่ความสำเร็จที่เป็นประโยชน์ ต่อเพื่อนมนุษย์ด้วย ไม่ใช่ทำเพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเองเพียงอย่างเดียว

45.    ม.ร. จัดโครงการหอพักติดดาวเพื่อให้นักศึกษาได้พักอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี เป็นการตอบสนองความต้องการข้อใด

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 41. ประกอบ

46.    คำกล่าวทีว่า อย่าตัดสินเพียงแค่ภายนอก” แสดงถึงความแตกต่างของมนุษย์ข้อใด

(1)    สังคม  (2) รสนิยม     (3) รูปร่าง หน้าตา      (4) พฤติกรรม

ตอบ 3 หน้า 42 – 43, (คำบรรยาย) ความแตกต่างของมนุษย์ในด้านรูปร่าง หน้าตา ท่าทาง คือมนุษย์เลือกเกิดไม่ได้แล้วแต่บุญนำกรรมแต่ง ทำให้แต่ละคนมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ทุกคนก็ล้วนมีสิทธิเสรีภาพและความเป็นคนเสมอกันหมด ดังนั้นในการสร้างความสัมพันธ์กัน จึงไม่ควรมีอคติ หรือให้ความสำคัญกับรูปร่าง หน้าตา ท่าทาง และรูปลักษณ์ภายนอกของคน ดังคำกล่าวที่ว่า อย่าตัดสินเพียงแค่ภายนอก

47.    ศาสนาพุทธเปรียบคนที่มีสติปัญญาฉลาดน้อยกับดอกบัวข้อใด      

(1) ดอกบัวที่โผล่พ้นน้ำ

(2)    ดอกบัวที่กำลังโผล่พ้นน้ำ       (3) ดอกบัวที่อยู่ใต้น้ำ (4) ดอกบัวที่อยู่ในโคลนตม

ตอบ 3 หน้า 43 – 44 พุทธศาสนาได้เปรียบเทียบสติปัญญาที่แตกต่างกันของมนุษย์ไว้กับดอกบัว4 เหล่า คือ 1. ดอกบัวที่โผล่พ้นน้ำพร้อมที่จะบาน เปรียบได้กับคนที่มีความเฉลียวฉลาด  2.ดอกบัวที่กำลังโผล่พ้นน้ำ เปรียบได้กับคนที่มีสติปัญญาฉลาดปานกลาง  3.ดอกบัวที่อยู่ใต้น้ำ เปรียบได้กับคนที่มีสติปัญญาฉลาดน้อย  4.ดอกบัวที่อยู่ในโคลนตม เปรียบได้กับคนที่มิสติปัญญาโง่ทึบ

ข้อ 48. – 50. ให้ใช้ตัวเลือกต่อไปนี้สำหรับตอบคำถาม

(1)โครงสร้างแบบหลวม ๆ     (2) โครงสร้างที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงสถานภาพ

(3)    โครงสร้างที่แบ่งชนชั้น            (4) โครงสร้างแบบสังคมเกษตร (5) โครงสร้างที่ยึดถือประเพณี

48.    คนไทยมักขาดความกระตือรือร้น เป็นผลมาจากโครงสร้างใดของสังคม

ตอบ 2 หน้า 47, (คำบรรยาย) โครงสร้างที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงสถานภาพ คือ ความเปลี่ยนแปลง ของชีวิตความเป็นอยู่และสถานะทางสังคมมีน้อย โดยความเปลี่ยนแปลงมักจะเกิดขึ้นกับคน ที่อยู่ในเมืองหลวงมากกว่าในชนบท จึงทำให้คนไทยขาดความทะเยอทะยาน ขาดความกระตือรือร้น ไม่ชอบการแข่งขัน ยอมรับชีวิตตามสภาพที่เป็นอยู่ และมักยอมรับในชะตากรรมที่เกิดขึ้นหรือยอมรับ ชะตาฟ้าลิขิต” เช่น เกิดมาจนก็ต้องจนต่อไปแข่งเรือแข่งพายแข่งได้ แข่งวาสนาแข่งไม่ได้ ฯลฯ

49.    ละครไทยมักมีเนื้อหาประเภทดอกฟ้ากับหมาวัด แสดงถึงโครงสร้างใดของสังคม

ตอบ 3 หน้า 47, (คำบรรยาย) โครงสร้างที่แบ่งชนชั้น หรือมีลักษณะของชนชั้น คือ สังคมไทยจะมี การแบ่งชนชั้นตามวงศ์สกุล อำนาจหน้าที่ ฐานะทางเศรษฐกิจ การศึกษา และอาชีพ ฯลฯ แต่การแบ่งชนชั้นก็ไม่เคร่งครัดมากเท่ากับสังคมอินเดีย เช่น ละครไทยมักมีเนื้อหาประเภท ดอกฟ้า (ผู้หญิงที่มีฐานะรวย) กับหมาวัด (ผู้ชายที่มีฐานะจน) ฯลฯ

50.    คนไทยขาดระเบียบวินัยในการดำเนินชีวิต เป็นผลมาจากโครงสร้างใดของสังคม

ตอบ 1 หน้า 47, (คำบรรยาย) โครงสร้างแบบหลวม ๆ คือ บุคคลที่อยู่ในสังคมสามารถเลือกปฏิบัติ ในสิ่งที่ตนเองพอใจได้โดยไม่ต้องเคร่งครัดในกฎระเบียบมากนัก ทำให้คนไทยมีความยืดหยุ่นสูง ไม่ยึดอะไรเป็นกฎเกณฑ์ตายตัว และชอบประกอบอาชีพอิสระ ซึ่งมีข้อดีคือ สามารถปรับตัว และอยู่ร่วมกันอย่างประนีประนอม รอมชอม อะลุ้มอล่วยต่อกัน แต่ข้อเสียคือ ขาดระเบียบวินัย ในการดำเนินชีวิต ไม่เคารพกฎกติกา และมักทำอะไรตามอำเภอใจ เช่นทำอะไรตามใจคือไทยแท้ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ ผูกอู่ตามใจผู้นอน ฯลฯ

ข้อ 51. – 53. ให้ใช้ตัวเลือกต่อไปนี้สำหรับตอบคำถาม

(1) เคารพผู้อาวุโส     (2) นับถือศาสนาพุทธ            (3) กตัญญู

(4)    ชอบความโก้หรู            (5) ชอบความสบาย

51.    ผู้ชายไทยมักบวชก่อนเบียด เป็นพฤติกรรมที่สอดคล้องกับค่านิยมใด

ตอบ 3 หน้า 48 – 49, (คำบรรยาย) ค่านิยมของสังคมไทยตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันมีอยู่มากมาย 

1.      นับถือศาสนาพุทธ คือ ยึดถือหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า หรือยอมรับในกฎแห่งกรรม เช่น ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วคิดดี ทำดีเวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวรเวรกรรมมีจริง ฯลฯ

2.      เคารพผู้อาวุโส คือ การปฏิบัติต่อผู้อาวุโสในทางที่ดี เชื่อฟังคำสั่งสอน ยกย่องและให้เกียรติ ผู้อาวุโส เช่น การจัดงานมุทิตาจิตผู้เกษียณอายุ ฯลฯ

3. กตัญญู คือ ความเป็นผู้รู้คุณที่บุคคล สังคม หรือประเทศชาติได้ทำให้แก่ตน เช่น ผู้ชายไทยมักนิยมทดแทนบุญคุณพ่อแม่ด้วยการบวช ก่อนเบียด (บวชก่อนแต่งงาน) ฯลฯ

4. ชอบสบาย คือ ชอบความสะดวกสบาย ไม่อยากลำบาก

5.      ชอบความโก้หรู คือ ชอบอวดประชันกัน เพราะกลัวน้อยหน้าผู้อื่น จึงนิยมจัดงานที่มีพิธีการ ใหญ่โตในลักษณะ ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ” ฯลฯ

52.    คนไทยมักกลัวน้อยหน้าผู้อื่น เป็นผลมาจากค่านิยมใด

ตอบ ดูคำอธิบายข้อ 51. ประกอบ

53.    คนไทยเชื่อแนวคิดทีว่า ทำดีได้ดี” เป็นผลมาจากค่านิยมใด

ตอบ ดูคำอธิบายข้อ 51. ประกอบ

54.    ความสามารถในการควบคุมการแสดงออกของตนเองได้อย่างเหมาะสม เป็นผลมาจากการศึกษาตนเองในขั้นตอนใด

(1) การรู้จักตนเอง     (2) การเข้าใจตนเอง   (3) การยอมรับตนเอง            (4) การพัฒนาตนเอง

ตอบ 4 หน้า 53 – 54, 78, (คำบรรยาย) การศึกษาตนเองตามแนวคิดด้านมนุษยสัมพันธ์ แบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอนตามลำดับ ดังนี้ 1. การรู้จักตนเอง (To Know) คือ การสำรวจตัวเองในด้านต่าง ๆ ว่าเป็นอย่างไร 2. การเข้าใจตนเอง (To Understand) คือ การวิเคราะห์ตนเองเพื่อหาสาเหตุ ว่าทำไมเราจึงมีลักษณะเช่นนั้น ซึ่งจะนำไปสู่ขั้นตอนการยอมรับตนเอง 3. การยอมรับตนเอง (To Accept) คือ การยอมรับหรือรับรู้ศักยภาพและข้อดีข้อด้อยของตนเอง ซึ่งเมื่อยอมรับได้ แล้วก็จะนำไปสู่ขั้นตอนการพัฒนาตนเอง 4. การพัฒนาตนเอง (To Develop) คือ การแก้ไข ปรับปรุงจุดด้อย จุดอ่อน และข้อบกพร่องของตัวเอง เพื่อให้บุคคลมีความสามารถในการควบคุม จิตใจ อารมณ์ และการแสดงออกของตนเองได้อย่างเหมาะสม ซึ่งถือเป็นเป้าหมายและประโยชน์ ของการศึกษาตนเอง

ข้อ 55. – 56. ให้ใช้ตัวเลือกต่อไปนี้สำหรับตอบคำถาม

(1) Self Awareness (2) Self Acceptance (3) Self Actualization (4) Self Disclosure

55.    ความสามารถในการแยกแยะข้อดีข้อด้อยของตนเอง เป็นผลมาจากแนวคิดข้อใด

ตอบ 2 หน้า 17 – 18, 54 – 55 แนวคิดเกี่ยวกับตนเอง (Self Concept) ประการหนึ่ง ได้แก่ การยอมรับตนเอง (Self Acceptance) คือ การรู้ว่าตนเองเป็นคนอย่างไร ทำให้เกิดการรับรู้ เกี่ยวกับตบเอง ซึ่งจะช่วยให้บุคคลสามารถแยกแยะข้อดีข้อเด่นและข้อด้อยของตนเอง เพื่อหาทางปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น ดังนั้นการยอมรับตนเองจึงนำไปสู่การพัฒนาตนเอง และยอมรับในข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตัวเรา

56.    การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น นำไปสู่แนวคิดเกี่ยวกับตนเองข้อใด

ตอบ 1 หน้า 17, 54 แนวคิดเกี่ยวกับตนเอง (Self Concept) ประการหนึ่ง ได้แก่ การรู้ตนเอง (Self Awareness) คือ การรู้ตนเองว่าเป็นใคร มีลักษณะอย่างไร ซึ่งเป็นแนวคิดที่เกิดจาก ประสบการณ์และการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น แต่มีข้อควรระวัง คือ ไม่ควรมองตนเองสูงหรือต่ำ กว่าความเป็นจริง เพราะจะมีผลต่อประสิทธิภาพของการสื่อสาร ดังนั้นแนวคิดเกี่ยวกับตนเอง และการรู้ตนเองนี้จึงเป็นพื้นฐานในการเปิดตนเองออกสู่การติดต่อสื่อสารกับผู้อื่น

ข้อ 57. – 58. ให้ใช้ตัวเลือกต่อไปนี้สำหรับตอบคำถาม

(1) Labeling      (2) Social Comparison

(3) Interpersonal Relationships       (4) Significant Others

57.    การให้ความสำคัญกับบุคคลที่ใกล้ชิด เป็นการเรียนรู้ตนเองตามแนวคิดใด

ตอบ 4 หน้า 60 การยอมรับของบุคคลที่มีความสำคัญต่อเรา (Significant others) คือ การเรียบรู้ตนเอง จากการยอมรับหรือไม่ยอมรับของบุคคลที่เกี่ยวข้องใกล้ชิดกับตนเอง เช่น พ่อ แม่ พี่น้อง ฯลฯ ซึ่งมีความสำคัญมาก เพราะการที่เราให้ความสำคัญกับบุคคลที่ใกล้ชิด จะทำให้เรามีความรู้สึก พึงพอใจหรือเจ็บปวดมากหากได้รับปฏิกิริยาโต้ตอบจากบุคคลใกล้ชิดเหล่านี้ ดังนั้นการกระทำ ต่าง ๆ ของบุคคลใกล้ชิดจึงสามารถกำหนดพฤติกรรมของเราได้

58.    พฤติกรรมที่แตกต่างระหว่างตัวเรากับผู้อื่น ทำให้เกิดการเรียนรู้ตนเองตามแนวคิดข้อใด

ตอบ 2 หน้า 59 การเปรียบเทียบในสังคม (Social Comparison) คือ การวินิจฉัยหรือดูว่าพฤติกรรม ของเราแตกต่างกับพฤติกรรมของผู้อื่นในสังคมอย่างไร หากคนอื่น ๆ ในสังคมปฏิบัติอย่างหนึ่ง แล้วได้รับการยอมรับว่าดี เราก็ปฏิบัติตาม แต่ถ้าคนอื่น ๆ ว่าไม่ดี เราก็ไมทำ ขึ้นอยู่กับกลุ่มคน ในสังคมแล้วเราก็ปฏิบัติตามนั้น

ข้อ 59. – 60. ให้ใช้ตัวเลือกต่อไปนี้สำหรับตอบคำถาม

(1) ศึกษาและประเมินตนเอง            (2) ยอมรับและตระหนักในความต้องการที่จะปรับปรุงตนเอง

(3) มีแรงจูงใจในการปรับปรุงตนเอง (4) วางแผนในการปรับปรุงตนเอง

59.    การแสดงออกซึ่งความรับผิดชอบในงานที่ได้รับมอบหมาย อยู่ในขั้นตอนใดของการพัฒนาตนเอง

ตอบ 3 หน้า 64, (คำบรรยาย) มีแรงจูงใจในการปรับปรุงตนเอง ถือเป็นการตอบสนองความต้องการ ส่วนบุคคล ได้แก่   1. ความต้องการมีบุคลิกภาพที่ดีและเป็นที่ดึงดูดใจของเพศตรงข้ามทำให้บุคคลต้องการปรับปรุงตนเองในระดับสูง เช่น การดูแลรูปร่างผิวพรรณให้มีเสน่ห์ ๆลฯ

2.      ความต้องการเป็นที่ชื่นชมหรือได้รับการยกย่องจากสังคม คือ ต้องการให้เป็นที่รัก ที่ชื่นชม และเป็นที่ยอมรับของคนในสังคม

3.      ความต้องการความมั่นคงปลอดภัยในอาชีพและสังคม ทำให้บุคคลต้องปรับปรุงตนเองด้าน การแต่งกาย กิริยามารยาท ความขยัน และแสดงออกซึ่งความรับผิดชอบในการทำงาน

4.      ความต้องการอำนาจ เพื่อให้มีสง่าราศี น่าเชื่อถือ และน่ายำเกรง

60.    การเข้าอบรมเพื่อพัฒนาบุคลิกภาพ อยู่ในขั้นตอนใดของการพัฒนาตนเอง

ตอบ 2 หน้า 63 – 64 ยอมรับและตระหนักในความต้องการที่จะปรับปรุงตนเอง คือ การยอมรับข้อบกพร่องและตระหนักถึงความสำคัญองบุคลิกภาพว่า เป็นเครื่องมือที่นำไปสู่การยอมรับนับถือ ศรัทธา ความสัมพันธ์อันดี และความสำเร็จ พร้อมกันนี้ก็มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะพัฒนาหรือปรับปรุงแก้ไขจุดอ่อนข้อบกพร่องของตนเอง โดยการศึกษาหาข้อมูลและวิธีการที่ดีที่สุด เพื่อนำมาปรับปรุงตนเอง เช่น ปรึกษาแพทย์ ผู้รู้ อ่านหนังสือ บทความ หรือเข้ารับการอบรม เพื่อพัฒนาบุคลิกภาพและศักยภาพตามความเหมาะสม

ข้อ 61. – 62. ให้ใช้ตัวเลือกต่อไปนี้สำหรับตอบคำถาม

(1)    Inferior     (2) Superior      (3) Equal  (4) Introvert

61.    บุคคลที่ชอบออกคำสั่งให้ผู้อื่นทำตาม เป็นผลมาจากการยอมรับตนเองข้อใด

ตอบ 2 หน้า 60, (คำบรรยาย) Superior คือ การยอมรับว่าตนเองดีกว่าผู้อื่น ซึ่งจะทำให้มีความมั่นใจ ในตนเองสูง และตีคุณค่าของตนเองสูงกว่าผู้อื่นด้วย เพราะเชื่อว่าตนเองเก่งกว่า มีสถานภาพ สูงกว่า และมีศักยภาพหรือมีความรู้ความสามารถเหนือกว่า ดังนั้นจึงมักชอบดูหมิ่นและ วางอำนาจเหนือคู่สื่อสาร รวมทั้งชอบออกคำสั่งให้ผู้อื่นเชื่อฟังและปฏิบัติตามอย่างไม่มีเงื่อนไข หรือไม่มีข้อโต้แย้ง

62.    ข้าราชการ คือ ผู้ที่ทำงานให้ประชาชนชื่นใจ แสดงถึงการยอมรับตนเองของข้าราชการในลักษณะใด

ตอบ 1 หน้า 60, (คำบรรยาย) Inferior คือ การยอมรับว่าตนเองต่ำต้อยกว่าคนอื่น หรือมีสถานภาพที่ต่ำกว่าคู่สื่อสาร ซึ่งจะทำให้มีความมั่นใจในตัวเองต่ำ และตีคุณค่าของตนเองต่ำกว่าผู้อื่น ดังนั้น จึงทำให้เกิดพฤติกรรมอ่อนน้อมถ่อมตน ยอมรับฟังความคิดเห็น ให้เกียรติ เชื่อฟังและคล้อยตาม โดยไม่โต้แย้ง เพื่อให้ผู้ที่สื่อสารด้วยเกิดความพึงพอใจ ประทับใจ และรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า เช่น พฤติกรรมการหาเสียงของนักการเมืองที่เน้นว่าประชาชนสำคัญที่สุดแนวคิดทางธุรกิจที่เน้นว่า ลูกค้า คือ พระเจ้า ลูกค้าถูกเสมอ”, แนวคิดของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ว่า โรงพักเพื่อประชาชน” และแนวคิดที่ว่า ข้าราชการ คือ ผู้ที่ทำงานให้ประชาชนชื่นใจ” เป็นต้น

63.    ข้อใดไม่ใช่แนวทางการพัฒนาตนเองในด้านการพูด  

(1)ไม่พูดเรื่องส่วนตัวของผู้อื่น

(2)    ใช้อารมณ์ในการพูดเพื่อให้คล้อยตาม            

(3) พูดในเรื่องผู้ฟังสนใจ        

(4) พูดคุยด้วยเรื่องที่สนุกสนาน

ตอบ 2 หน้า 66 – 68 แนวทางการพัฒนาตนเองในด้านการพูดหรือสนทนา มีดังนี้

1.      พูดจาด้วยถ้อยคำที่สุภาพ       2. มีน้ำเสียงนุ่มนวล   3. ฝึกการใช้คำถามให้เหมาะสม

4.      พูดในเรื่องที่ผู้ฟังชอบ พอใจและสนใจ ไม่ควรพูดในสิ่งที่ตนเองถนัดและสนใจ

5.      เลือกส่วนดีเด่นของคู่สนทนามาพูด    6. พูดอย่างมีเหตุผล ไม่ใช้อารมณ์ในการพูด

7. ใช้ศิลปะในการสนทนา เช่น ไม่ควรขัดคอหรือโต้แย้งความคิดของคู่สนทนาทันทีหลีกเลี่ยง การพูดเรื่องส่วนตัวของผู้อื่นรู้จักสรรหาเรื่องที่สนุกสนานมาพูดคุยกันในวงสนทนา,ให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการสนทนา ฯลฯ

64.    การยอมรับว่ามนุษย์ผิดพลาดได้ นำไปสู่แนวทางการพัฒนาตนเองข้อใด

(1) ฝึกการให้ความรักผู้อื่น    (2) ฝึกการให้อภัยผู้อื่น

(3)    ฝึกใช้อำนาจเหนือผู้อื่นให้น้อยลง       (4) ฝึกให้มีจสงบ

ตอบ 2 หน้า 73 ฝึกการให้อภัยผู้อื่นและตนเอง คือ การไม่ลงโทษผู้อื่นและตนเองเมื่อกระทำผิดพลาด เพราะการไม่ให้อภัยผู้อื่นและตนเองย่อมทำให้เกิดความทุกข์ทรมานใจ ดังนั้นบุคคลจึงควร พิจารณาตนเองว่าการกระทำของตนเองเหมาะสมและถูกต้องหรือไม่ และเมื่อกระทำอะไร ลงไปแล้วผู้อื่นพอใจหรือไม่ ทั้งนี้เมื่อเกิดความผิดพลาดขึ้นแล้วก็ควรยอมรับสภาพที่เกิดขึ้น และพยายามลืม โดยถือว่าความผิดพลาดย่อมเกิดขึ้นได้กับมนุษย์ทุกคน

65.    บุคคลที่ชอบควบคุมพฤติกรรมของผู้อื่น แสดงถึงการขาดการพัฒนาตนเองข้อใด

(1) การใช้อำนาจเหนือผู้อื่น   (2) ฝึกการเอาชนะตนเอง

(3) ฝึกจัดการกับความโกรธและความเกลียด           (4) ฝึกมิให้แสดงตนเหนือผู้อื่น

ตอบ 1 หน้า 72, (คำบรรยาย) ฝึกการใช้อำนาจเหนือผู้อื่นให้น้อยลง คือ การเปลี่ยนการโต้เถียงผู้อื่น ให้เป็นการอภิปรายแทน การหัดยอมแพ้แม้ว่าจะเป็นฝ่ายถูกก็ตาม และรู้จักกล่าวคำขอโทษ ทันทีเมื่อมีผู้อื่นกระทำให้เราเดือดร้อนหรือลำบากใจโดยไม่ได้เจตนา ซึ่งจะเหมาะกับบุคคลที่ ชอบใช้อำนาจเหนือผู้อื่น ไม่ยอมแพ้ ชอบโต้เถียงเพื่อเอาชนะ และพยายามควบคุมพฤติกรรม ของผู้อื่นเพราะคิดว่าตนเองสำคัญ ทั้งนี้เพื่อให้รู้จักคิดถึง ยอมรับ และเห็นด้วยกับผู้อื่นมากขึ้น

66.    จงพอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่ เป็นแนวคิดที่สอดคล้องกับการพัฒนาตนเองข้อใด

(1) ฝึกการเอาชนะตนเอง      (2) ฝึกการรักตนเอง

(3) ฝึกให้มีใจสงบ     (4) ฝึกการตั้งเป้าหมายในชีวิต

ตอบ 2 หน้า 69, (คำบรรยาย) ฝึกให้รักตนเองตามสภาพที่เป็นอยู่ คือ การฝึกให้รู้จักรักตนเอง รู้จัก ให้คุณค่า รู้จักพึงพอใจในตนเองและสภาพที่ตนเองเป็นอยู่ ดังคำกล่าวที่ว่า จงพอใจในสิ่งที่ตนเอง มีอยู่/เป็นอยู่” โดยพยายามพัฒนาตนให้มีคุณค่ายิ่งขึ้น แล้วจะทำให้เรารู้จักรักและพอใจผู้อื่น ชื่นมยินดี และเห็นคุณค่าผู้อื่นได้ นอกจากนี้ยังต้องรู้จักให้คุณค่าแก่ตนเองด้วยการมองภาพพจน์ ของตนเองในเชิงบวก ซึ่งจะส่งผลให้บุคคลเกิดความรักและภาคภูมิใจในตนเองมากขึ้น

67.    การรู้จักเคารพกฎระเบียบและเกรงใจผู้อื่น นำไปสู่แนวทางการพัฒนาตนเองข้อใด

(1) ฝึกเป็นคนตรงต่อเวลา     (2) ฝึกการเอาชนะตนเอง

(3) ฝึกสร้างความประทับใจ  (4) ฝึกการแสดงออกที่เหมาะสม

ตอบ 1 หน้า 71, (คำบรรยาย) ฝึกเป็นคนตรงต่อเวลา คือ การแสดงออกถึงการมีวินัย มีความซื่อสัตย์ และมีความรับผิดชอบ โดยเริ่มต้นจากการไม่เป็นคนผัดวันประกันพรุ่งและทำตัวให้เป็นคนที่ เตรียมพร้อมต่อสถานการณ์ต่าง ๆ อยู่เสมอ ไม่เป็นคนประมาทหรือละเลยต่อเหตุการณ์ที่อาจ เกิดขึ้นได้แบบไม่คาดฝัน รวมทั้งฝึกเป็นคนเคารพกฎระเบียบอย่างเคร่งครัดและรู้จักเกรงใจผู้อื่น ไม่ทำให้ผู้อื่นรอคอยโดยไม่จำเป็น

68.    ข้อใดแสดงถึงเป้าหมายในการศึกษาบุคคลอื่นตามแนวคิดด้านมนุษยสัมพันธ์

(1) รู้จัก          (2) เข้าใจ       (3) ยอมรับ     (4) พัฒนา

ตอบ 3 หน้า 78, (คำบรรยาย) เป้าหมายหรือวัตถุประสงค์สำคัญในการศึกษาบุคคลอื่นตามแนวคิด ด้านมนุษยสัมพันธ์ คือ การยอมรับตัวตนตามลักษณะที่เป็นจริงหรือตามธรรมชาติของบุคคลอื่น โดยต้องตั้งอยู่บนแนวคิดพื้นฐานสำคัญที่ว่ามนุษย์มีความแตกต่างกัน ซึ่งเมื่อเรายอมรับในเรื่อง ความแตกต่างของบุคคลได้แล้ว ก็จะทำให้การสร้างความสัมพันธ์นั้นดีและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมทั้งยังทำให้ตัวเราปรับตัวเข้ากับบุคคลนั้น ๆ ได้อีกด้วย

69.    การศึกษาบุคคลอื่นต้องอยู่บนพื้นฐานแนวคิดใด

(1) ความต้องการของบุคคล  (2) ความเสมอภาคของบุคคล

(3) การเอาใจเขามาใสใจเรา (4) ความแตกต่างของบุคคล

ตอบ ดูคำอธิบายข้อ 68. ประกอบ 

ข้อ 70. – 71, ให้ใช้ตัวเลือกต่อไปนี้สำหรับตอบคำถาม

(1) ค่านิยม    (2) ประสบการณ์       (3) ความเชื่อ  (4) ทัศนคติ

70.    ผลสำรวจโพลต่าง ๆ เป็นผลมาจากสภาพแวดล้อมทางจิตวิทยาข้อใด

ตอบ 4 หน้า 43, 79 – 81, (คำบรรยาย) ทัศนคติ (Attitude) เป็นท่าทีหรือความรู้สึกที่แตกต่างกัน ของแต่ละบุคคล ซึ่งแสดงออกต่อสิ่งใดสิงหนึ่งในทางบวกหรือลบ เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย พอใจ หรือไม่พอใจ ชอบหรือไม่ชอบ ฯลฯ จึงเป็นเรื่องส่วนบุคคลที่ไม่มีการประเมินว่าถูกหรือผิด ซึ่งเมื่อเรามีทัศนคติในทิศทางใดก็จะมีพฤติกรรมการแสดงออกที่สอดคล้องกับทิศทางนั้น เช่น ผลสำรวจจากโพลต่าง ๆ เป็นต้น

71.    พสกนิกรชาวไทยเฝ้ารับเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในวันฉัตรมงคลอย่างเนืองแน่น เป็นพฤติกรรมที่มาจากสภาพแวดล้อมทางจิตวิทยาข้อใด

ตอบ 1 หน้า 48, 79, 81 ค่านิยม (Value) หมายถึง สิ่งที่สังคมใดสังคมหนึ่งเห็นว่าเป็นสิ่งที่มีคุณค่า น่ายกย่อง ถูกต้องดีงาม และเป็นที่ยอมรับในสังคม หรือเป็นความรู้สึกในทางที่ดีที่บุคคลมีต่อ สิ่งต่าง ๆ หรือสภาพการณ์ต่าง ๆ ดังนั้นค่านิยมจึงผูกพันกับคุณค่าความดีหรือไม่ดีมากกว่าความเชื่อ เช่น ค่านิยมเรื่องการเคารพในสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังจะเห็นได้จากการที่พสกนิกรชาวไทย เฝ้ารับเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในวันฉัตรมงคลอย่างเนืองแน่น เป็นต้น

72.    การสังเกตสีหน้าแววตาของคู่สื่อสาร เป็นการศึกษาบุคคลโดยใช้แนวคิดใด

(1)วิธีธรรมชาติ          

(2)ทฤษฎีบุคลิกภาพ

(3) ทฤษฎีหน้าต่างโจฮารี่       

(4) ทฤษฎีการวิเคราะห์ติดต่อสัมพันธ์

ตอบ 1 หน้า 82 – 83 บารอน (Baron) และบรายน์ (Bryne) ได้เสนอการศึกษาบุคคลด้วยวิธีธรรมชาติ ซึ่งหมายถึง วิธีการสังเกตพฤติกรรมภายนอกโดยทั่ว ๆ ไป 

1.      พิจารณาใบหน้าของบุคคล คือ การสังเกตดูว่ามีการแสดงออกทางสีหน้าอย่างไร

2.      สังเกตแววตาหรือดวงตา ดังคำกล่าวที่ว่า ดวงตา คือ หน้าต่างของหัวใจ

3.      สังเกตกิริยาท่าทาง การพูดจา และบุคลิกภาพโดยรวม 4. พิจารณาเจตนารมณ์ของพฤติกรรมบุคคล

ข้อ 73. – 77. ให้ใช้ตัวเลือกต่อไปนี้สำหรับตอบคำถาม

(1) Open Area  (2) Blind Area  (3) Hidden Area (4) Unknown Area

73.    นายกฯ ให้สัมภาษณ์ว่ายินดีรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย แนวทางดังกล่าวจะช่วยลดพฤติกรรมส่วนใด

ตอบ 2 หน้า 83, 86 การพยายามลดพฤติกรรมบริเวณจุดบอด (Blind Area) ให้น้อยลง โดยใช้วิธีการขยายพฤติกรรมบริเวณเปิดเผยตามแนวนอน (à) คือ การรับข้อมูลย่อนกลับหรือ ปฏิกิริยาป้อนกสับจากคู่สื่อสาร รับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะต่าง ๆ หรือให้คนอื่นบอก ข้อบกพร่องของตนเองแล้วนำมาแก้ไข

74.    การเปิดเผยข้อบกพร่องของตนเองแก่คู่สื่อสาร ช่วยลดพฤติกรรมส่วนใด

ตอบ 3 หน้า 83, 86 การพยายามลดพฤติกรรมบริเวณซ่อนเร้น (Hidden Area) ให้น้อยลง โดยใช้วิธีการขยายพฤติกรรมบริเวณเปิดเผยตามแนวดิ่ง มีอยู่ 2 วิธี คือ

1.      ให้ความเชื่อถือไว้วางใจ โดยการเปิดเผยความในใจ หรือเปิดเผยข้อบกพร่องของตนเอง ให้แก่คนอื่นหรือคู่สื่อสารทราบ เพื่อจะได้ช่วยกันแก้ไข

2.      มีความหวังดีต่อกัน โดยการรู้จักวิจารณ์ข้อบกพร่องของคนอื่น

75.    พฤติกรรมส่วนใดที่แสดงออกด้วยความตั้งใจ และต้องการให้ผู้อื่นรับรู้

ตอบ 1 หน้า 83 – 85 บริเวณเปิดเผย (Open Area) หมายถึง บริเวณพฤติกรรมภายนอกที่บุคคล ตั้งใจหรือเจตนาแสดงออกอย่างเปิดเผย ทำให้คู่สื่อสารสามารถรับรู้พฤติกรรมและเจตนาของ แต่ละฝ่ายได้ ทั้งนี้เมื่อคู่สื่อสารเริ่มรู้จักหรือยังไม่คุ้นเคยกัน บริเวณเปิดเผยจะลดลงเพราะยังสงวน ท่าทีกันอยู่ แต่หากคู่สื่อสารมีความสนิทสนมคุ้นเคยและจริงใจต่อกัน บริเวณเปิดเผยก็จะเปิด กว้างมากขึ้น ซึ่งพฤติกรรมส่วนนี้จะเป็นประโยชน์และมีความจำเป็นต่อการสร้างมนุษยสัมพันธ์ เพราะทำให้คู่สื่อสารมีปฏิกิริยาโต้ตอบต่อกัน มีการเปิดเผยตนเอง และจริงใจต่อกันมากขึ้น ดังคำกล่าวที่ว่า มองตาก็รู้ใจ

76.    บุคคลที่รับฟังข้อวิจารณ์น้อย และไม่รู้จักวิจารณ์ผู้อื่น จะมีพฤติกรรมส่วนใดมากที่สุด

ตอบ 4 หน้า 83, 87 บุคคลประเภทโง่เขลา คือ บุคคลที่รับฟังข้อวิจารณ์น้อย และไม่รู้จักวิจารณ์ผู้อื่น (ฟังน้อยและพูดน้อย) จะมีพฤติกรรมบริเวณมืดมน (Unknown Area) หรืออวิชชามากที่สุด แต่จะมีพฤติกรรมบริเวณเปิดเผย (Open Area) น้อยที่สุด

77.    บุคคลที่ชอบพูดมากกว่าชอบฟังผู้อื่น จะมีพฤติกรรมส่วนใดมากที่สุด

ตอบ 2 หน้า 83, 87, (คำบรรยาย) บุคคลที่ให้ข้อติชมมาก แต่รับข้อติชมจากผู้อื่นน้อย (พูดมากกว่าฟัง) คือ บุคคลที่ไม่ยอมรับฟังคำวิจารณ์ของผู้อื่น แต่ชอบพูดวิจารณ์ผู้อื่นมากกว่า (ชอบประเมินคนอื่น โดยไม่สนใจที่จะประเมินตนเอง) จะมีพฤติกรรมบริเวณจุดบอด (Blind Area) มากที่สุด แต่จะมีพฤติกรรมบริเวณซ่อนเร้น (Hidden Area) น้อยที่สุด

ข้อ 78. – 82. ให้ใช้ตัวเลือกต่อไปบี้สำหรับตอบคำถาม

(1)    พฤติกรรมแบบพ่อแม่  (2) พฤติกรรมแบบผู้ใหญ่

(3) พฤติกรรมแบบเด็ก          (4) พฤติกรรมแบบพิธีการ

78.    บุคคลที่มีลักษณะหัวโบราณ และยึดถือประเพณี เป็นผลมาจากพฤติกรรมส่วนใด

ตอบ 1 หน้า 89 – 90, (คำบรรยาย) พฤติกรรมแบบพ่อแม่ (Parent Ego State : P) จะแสดงออก ในลักษณะของพฤติกรรมทางบวก เช่น ความรักใคร่ อบรมสั่งสอน ห่วงใย หวังดี ปลอบประโลม ให้กำลังใจ ฯลฯ แต่ในขณะเดียวกันก็จะมีลักษณะของพฤติกรรมทางลบด้วย เช่น เกรี้ยวกราด ดุด่าว่ากล่าว ใช้อำนาจสั่งการเหนือผู้อื่น ตำหนิติเตียน ประชดประชัน เยาะเย้ย เจ้ากี้เจ้าการ ชอบควบคุมพฤติกรรมของผู้อื่น ฯลฯ นอกจากนี้ยังรวมถึงการยึดถือระเบียบแบบแผน จารีตประเพณี และเชื่อถือคติโบราณ จึงมักทำให้มีบุคลิกภาพแบบหัวโบราณ ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงของสังคม แต่จะมีความเมตตากรุณา

79.    การอวยพรวันเกิดเพื่อน ๆ แสดงถึงพฤติกรรมส่วนใด

ตอบ 4 หน้า 93, (คำบรรยาย) พฤติกรรมแบบพิธีการ คือ การกระทำเพื่อมารยาท หรือการกระทำ ตามกฎเกณฑ์ชองสังคม เช่น การรู้จักไปลามาไหว้ การจับมือ การทักทายปราศรัยหรือกล่าว คำว่า สวัสดี” เมื่อเจอกัน การกล่าวต้อนรับ การเลี้ยงต้อนรับ การปรบมือให้กำลังใจผู้พูด การกล่าวอวยพรเมื่อไปร่วมงานวับเกิดหรืองานเทศกาลปีใหม่ การรดนำขอพรจากผู้ใหญ่ ในวันสงกรานต์ และการจัดงานในเทศกาลสำคัญ ๆ ฯลฯ

80.    ผู้บริหารที่ยึดถือกฎเกณฑ์มากกว่าความคิดสร้างสรรค์ เป็นผลมาจากพฤติกรรมส่วนใด

ตอบ 2 หน้า 89, 92 ผู้บริหารที่มีพฤติกรรมแบบผู้ใหญ่ (Adult Ego State : A) จะมีลักษณะ ดังนี้

1.      มีวัตถุประสงค์และเป้าหมายในการทำงานตามข้อมูลและข้อเท็จจริง

2.      ยึดถือว่างานสำคัญกว่าการเล่น         3. ยึดความถูกต้องและระเบียบแบบแผนมากกว่าความคิดสร้างสรรค์            4. เป็นคนมีเหตุผล 5. เคร่งครัดในกฎเกณฑ์

81.    จินตนาการของบุคคล แสดงถึงพฤติกรรมส่วนใด

ตอบ 3 หน้า 89 – 90, (คำบรรยาย) พฤติกรรมแบบเด็ก (Child Ego State : C) มักแสดงออกใน ลักษณะที่มีจินตนาการสร้างสรรค์ มีอารมณ์สุนทรีย์หรืออารมณ์ศิลปิน สดชื่น มีชีวิตชีวา และ กล้าหาญ ซึ่งจะทำให้โลกนี้มีสิ่งแปลกใหม่ มีสิงประดิษฐ์ที่งดงามแปลกตา มีนักเขียน นักกลอน มีผลงานด้านศิลปะต่าง ๆ และทำให้โลกมีชีวิตชีวาด้วยเสียงเพลง เสียงดนตรี เสียงหัวเราะ การแสดงท่าขบขัน ฯลๆ นอกจากนี้ก็ยงมีพฤติกรรมที่แสดงออกถึงความดื้อรั้น สนใจแต่ ความสุขของตนเอง เอาแต่ใจ ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล ไม่ควบคุมตนเอง แต่คำพูดที่ แสดงออกนั้นจะเปิดเผย อิสระ และตรงไปตรงมา

82.    ผู้บริหารที่เป็นกันเองและมีอารมณ์ขันกับลูกน้อง แสดงถึงพฤติกรรมส่วนใด

ตอบ 1 หน้า 89, 91 – 92 ผู้บริหารที่มีพฤติกรรมแบบพ่อแม่ (Parent Ego State : P)

1. ถือว่าลูกน้องเหมือนลูกหลานที่จะอบรมสั่งสอนได้

2.      เอาใจใส่ดูแลการทำงาบของลูกน้องอย่างใกล้ชิด       

3. เป็นกันเอง มีอารมณ์ขัน

4.      เห็นอกเห็นใจ เป็นห่วงลูกน้อง และให้ความช่วยเหลือ

5.      ร่วมคิด ร่วมปรึกษากับลูกน้องที่มีพฤติกรรมแบบเด็กเท่านั้น

6.      ถือว่างานต้องมาก่อนความสนุกสนานบันเทิง            

7. ต้องการให้ลูกน้องยกย่องให้เกียรติ 8. มักชอบใช้อำนาจเหนือลูกน้องจนกลายเป็นเผด็จการ

ข้อ 83. – 84. ให้ใช้ตัวเลือกต่อไปนี้สำหรับตอบคำถาม

(1)    I’m not OK., You’re OK.   

(2) I’m OK., You’re not OK.

(3)    I’m not OK., You’re not OK.     

(4) I’m OK., You’re OK.

83.    คนที่มี Positive Thinking เป็นผลมาจากการรับรู้ตนเองและผู้อื่นอย่างไร

ตอบ 4 หน้า 94 ฉันดีคุณก็ดีด้วย (I’m OK., You’re OK.) เป็นทัศนคติที่บ่งบอกให้ทราบว่าเป็น บุคคลที่มีสุขภาพจิตสมบูรณ์และประสบความสำเร็จในชีวิต เพราะมองตนเอง ผู้อื่น และ สิ่งแวดล้อมในแง่ดี (Positive Thinking) โดยยอมรับว่าทุกคนมีค่าหรือมีส่วนดีด้วยกันทั้งนั้น จึงเป็นทัศนคติที่นำไปสู่ประสิทธิภาพใบการสร้างมนุษยสัมพันธ์ ทำให้สามารถติดต่อสัมพันธ์ กับคนอื่นได้อย่างมีความสุข ซึ่งก็จะทำให้ชีวิตมีความสุขไปด้วย

84.    คนที่ต้องการกำลังใจและการเอาใจใส่จากผู้อื่น เป็นผลมาจากการรับรู้ข้อใด

ตอบ 1 หน้า 93 ฉันเลวแต่คุณดี (I’m not OK., You’re OK.) เป็นทัศนคติที่แสดงถึงภาวะจิต ของคนที่ไม่มีความสุข จึงเป็นบุคคลที่ต้องการกำลังใจ ต้องการความสนใจและเอาใจใส่จาก ผู้บังคับบัญชาหรือผู้อื่น มักจะมองตนเองในแง่ลบ ชอบตำหนิตนเอง แต่กลับมองผู้อื่นในแง่ดี และยกย่องชมเชยผู้อื่น เช่น คำพูดที่ว่า ฉันเป็นดอกหญ้าที่ไร้ค่าแต่เธอเป็นดอกฟ้าผู้สูงส่ง”, “ทำอย่างไรฉันถึงจะเก่งได้เหมือนเธอ” เป็นต้น

85.    ตามแนวคิดของเชลดัน บุคคลที่ชอบวิตกกังวล และชอบอยู่ตามลำพัง จะมีบุคลิกภาพแบบใด

(1) อ้วน          (2) ล่ำสัน       (3) ผอม          (4) สมส่วน

ตอบ 3 หน้า 95 เชลดัน (Sheldon) ได้จัดแบ่งบุคลิกภาพออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้

1.      รูปร่างอ้วน (Endomorphy) มักขอบสนุกสนานร่าเริง และโกรธง่ายหายเร่ว ฯลฯ

2.      รูปร่างล่ำสัน (Mesomorphy) แข็งแรง มีร่างกายสมส่วน เป็นคนคล่องแคล่วว่องไว มีน้ำใจเป็นนักกีฬา มีเพื่อนมาก และชอบช่วยเหลือผู้อื่น ฯลฯ

3.      รูปร่างผอม (Ectomorphy) มักเคร่งขรึม เอาการเอางาน ใจน้อย ชอบวิตกกังวล ไม่ชอบการต่อสู้ และชอบอยู่ตามลำพัง ฯลฯ

86.    ข้อใดแสดงถึงพฤติกรรมแบบ Extrovert

(1)ขี้อาย         (2)ปรับตัวเก่ง (3) เชื่อมั่นตนเอง        (4)อารมณ์ดี

ตอบ 4 หน้า 95, (คำบรรยาย) คาร์ล จี. จุง (Carl G. Jung) ได้แบ่งบุคลิกภาพออกเป็น 3 ประเภท คือ

1.      ชอบเก็บตัว (Introvert) เป็นพวกเชื่อมั่นในตนเอง ยึดตัวเองเป็นใหญ่ ขี้อาย เก็บความรู้สึก ชอบอยู่ตามลำพัง ปรับตัวยาก เห็นแก่ตัว ฯลฯ

2.      ชอบแสดงตัว (Extrovert) เป็นพวกไม่มีกฎเกณฑ์แน่นอน เปิดเผย เข้าสังคมเก่ง อารมณ์ดี ชอบทำกิจกรรม ฯลฯ

3.      ประเภทกลาง ๆ (Ambivert) เป็นพวกไม่เก็บตัวหรือแสดงตัวมากเกินไป ปรับตัวเก่งหรือ ปรับตัวได้ตามสถานการณ์ และมักจะมีนิสัยเรียนรู้การอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข จึงเป็น บุคลิกภาพที่แสดงถึงทักษะด้านมนุษยสัมพันธ์ที่ดี

ข้อ 87. – 88. ให้ใช้ตัวเลือกต่อไปนี้สำหรับตอบคำถาม

(1) นกฮูก       (2) สุนัขจิ้งจอก          (3) ฉลาม       (4) ตุ๊กตาหมี  (5) เต่า

87.    สัญลักษณ์ใดแสดงถึงบุคลิกภาพของผู้บริหารที่ขาดความรับผิดชอบ

ตอบ 5 หน้า 96 ผู้บริหารประเภทไม่เอาไหน (Impoverished Manager) จะมีสัญลักษณ์เป็นเต่า” เพราะไม่กล้าเผชิญปัญหา และเมื่อมีความผิดเกิดขึ้นก็มักจะโทษผู้อื่นหรือโยนความผิด ให้ลูกน้อง ขาดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ยอมตามผู้อื่นด้วยความขุ่นเคืองใจ มองผู้อื่นในแง่ร้าย โดยจะบริหารงานแบบสบาย ๆ ไม่สนใจลูกน้องและงาน ชอบอยู่เฉย ๆ ใครจะทำอะไรก็ทำไป และเมื่อเกิดความผิดพลาดจะไม่รับผิดชอบไมว่ากรณีใด ๆ

88.    สัญลักษณ์ใดแสดงถึงบุคลิกภาพของผู้บริหารที่รู้จักควบคุมอารมณ์และรับฟังลูกน้อง

ตอบ 1 หน้า 97, (คำบรรยาย) ผู้บริหารประเภทใจเย็น (Team Manager) จะมีสัญลักษณ์เป็น นกฮูก” คือ เป็นบุคคลที่พยายามศึกษาความต้องการของตนเองและผู้อื่น แล้วแก้ปัญหาความขัดแย้ง ด้วยการควบคุมอารมณ์ รับฟังผู้อื่นด้วยความเข้าใจ พูดจาไพเราะ และแสดงความคิดเห็นเพื่อแสวงหาทางเลือกในการแก้ปัญหาหลาย ๆ ทาง จึงถือว่าเป็นผู้บริหารที่มีบุคลิกภาพและแนวคิด ด้านมนุษยสัมพันธ์ในการทำงาน ทำให้สามารถสร้างมนุษยสัมพันธ์กับลูกน้องได้ดีที่สุด

ข้อ 89. – 91. ให้ใช้ตัวเลือกต่อไปนี้สำหรับตอบคำถาม

(1) การรับรู้ด้วยความประทับใจ        (2) การรับรู้โดยการประเมินคนอื่น

(3) อิทธิพลทางสังคม            (4) ความสัมพันธ์ทางสังคม

89.    การจดจำพฤติกรรมทางสังคมที่แตกต่างจากคนทั่วไป แสดงถึงแนวคิดใด

ตอบ 2 หน้า 130 หลักการรับรู้ทางสังคมโดยการประเมินบุคคลอื่น มีดังนี้

1.      เรามักสนใจการกระทำที่แสดงให้เห็นถึงมูลเหตุที่ชัดเจน

2.      เรามักจดจำพฤติกรรมทางสังคมที่แตกต่างจากคนทั่วไปได้ดี

3.      เรามักประเมินและยอมรับสิ่งที่เขาแสดงออกในที่ส่วนตัวมากกว่าในที่สาธารณะ

4.      เรามักประเมินพฤติกรรมจากการกระทำที่แสดงออกอย่างเสมอต้นเสมอปลายเป็นเวลานาน ๆ

5.      เรามักตัดสินคนอื่นที่สนับสนุนความคาดหวังของเราที่เคยมีมาต่อบุคคลนั้น

90.    ประสบการณ์ครั้งแรก นำไปสู่แนวคิดข้อใด

ตอบ1 หน้า 127 – 129, 155, (คำบรรยาย) การรับรู้ทางสังคมด้วยความรู้สึกประทับใจ มักเกิดจาก ปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้ 1. ความประทับใจครั้งแรก ประสบการณ์ครั้งแรก หรือปรากฏการณ์ครั้งแรก ของคู่สื่อสาร คือ การรับรู้ว่าชอบหรือไม่ชอบบุคคลที่เราพบเห็นเป็นครั้งแรก

2.      ปรากฏการณ์ภายนอก คือ บุคลิกภาพภายนอกของบุคคล ได้แก่ รูปร่างหน้าตา

3.      การสื่อสารเชิงอวัจนะหรือพฤติกรรมการแสดงออกทางอวัจนภาษา (ภาษากาย) คือ

การสื่อสารกันโดยไม่ต้องใช้คำพูด เช่น สีหน้า สายตา ท่าทางและการสัมผัส น้ำเสียง ฯลฯ

91.    แรงดึงดูดใจของคู่สื่อสาร นำไปสู่แนวคิดข้อใด

ตอบ 4 หน้า 133, (คำบรรยาย) ปัจจัยที่ก่อให้เกิดแรงดึงดูดจทางสังคมของคู่สื่อสาร จนนำไปสู่ แนวคิดความสัมพันธ์ทางสังคม 

1.      ความใกล้ชิดทางกายภาพ คือ ความใกล้ชิดกับทางด้านสถานที่ เช่นในห้องเรียน หรือ เพื่อนร่วมงานในที่ทำงานเดียวกัน

2.      ทัศนคติที่คล้ายคลึงกัน คือ มีความสนใจร่วมกัน หรือมีทัศนคติหลาย ๆ อย่างตรงกับมาก่อน

3.      รูปร่างหน้าตา หรือบุคลิกภาพที่ดี นับเป็นปัจจัยที่มิอิทธิพลมากขึ้นในปัจจุบัน

ข้อ 92. – 93. ให้ใช้ตัวเลือกต่อไปนี้สำหรับตอบคำถาม

(1) การถอยหนี          

(2) การชดเชย            

(3) การกลบเกลื่อน 

(4) การหาเหตุผล          

(5) การถดถอย

92.    ข้อใดแสดงถึงการป้องกันตนเองแบบมะนาวหวาน

ตอบ 4 หน้า 138 – 139 การหาเหตุผลเข้าข้างตนเอง (Rationalization) แบ่งออกเป็น 2 แบบ 

1. องุ่นเปรี้ยว (Sour Grape) คือ การหาเหตุผลโดยอ้างว่าไม่ชอบ หรือหาข้อเสียของสิ่งนั้น มาอ้างเป็นเหตุผลที่ตนประสบความล้มเหลว เช่น สอบบรรจุเข้าทำงานราชการไม่ได้ ก็อ้างว่างานราชการเงินเดือนน้อย ฯลฯ           

2. มะนาวหวาน (Sweet Lemon) คือการหาเหตุผลโดยอ้างว่าชอบ หรือกล่าวอ้างข้อดีของสิ่งนั้น ๆ เช่น ทำงานราชการอยู่ ก็อ้างว่าเป็นงานที่มีเกียรติทั้ง ๆ ที่ไม่สามารถหางานอื่นมาทำแทนได้ ฯลฯ

93.    การแสดงพฤติกรรมแบบเด็ก ๆ เป็นการป้องกันตนเองด้วยวิธีใด

ตอบ 5 หน้า 138, (คำบรรยาย) การถดถอย (Regression) คือ กลไกที่เกิดขึ้นเมื่อบุคคลตกอยู่ใน ภาวะวิตกกังวลและไม่อาจจะขจัดความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นได้ จึงหาทางออกโดยการย้อนไป แสดงพฤติกรรมแบบเด็ก ๆ เพื่อลดความวิตกกังวล เช่น ร้องไห้ ปัสสาวะรดที่นอน กระทืบเท้า แลบลิ้น อ่านหนังสือการ์ตูน ฯลฯ ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้เป็นสิ่งที่บุคคลเคยทำในอดีตสมัยเด็ก ๆ และนำกลับมาใช้ใหม่เมื่อตนเองมีปัญหาในการปรับตัว

94.    ผู้อาวุโสในสังคมไทยที่เข้าวัดฟังธรรม ทำให้ได้รับการยอมรับจากสังคมตามแนวคิดใด

(1) อ้างความด้อยของตนเอง (2) อ้างชื่อเสียงของกลุ่ม

(3)    สวบบทบาทตามความคาดหวังของผู้อื่น

(4)    สวมบทบาทตามคุณลักษณะที่ไม่พึงปรารถนาของตน

ตอบ 4 หน้า 135, (คำบรรยาย) การสวมบทบาทตามคุณลักษณะที่ไม่พึงปรารถนาหรือไม่พึงประสงค์ ของตน ได้แก่ ความพิการทั้งทางกายและทางจิต ความยากจน และความชรา โดยบุคคลที่มี คุณลักษณะเหล่านี้มักจะถูกบังคับให้กระทำตามบทบาทของตนทั้งโดยตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ เพื่อให้ผู้อื่นประทับใจและสังคมยอมรับ เช่น ผู้สูงอายุหรือผู้อาวุโสที่เข้าวัดเพื่อฟังพระเทศน์ ธรรมะคนชราที่เข้าวัดเพื่อทำบุญ ตักบาตร ปฏิบัติธรรม และฝึกนั่งสมาธิอย่างสม่ำเสมอคนจนที่ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ฯลฯ

95.    ข้อใดไมไข่ลักษณะของการสื่อสารระหว่างบุคคล

(1)    เป็นการแลกเปลี่ยนข่าวสารระหว่างคู่สื่อสาร 2 คน

(2)    เป็นการสื่อสารแบบเผชิญหน้า

(3)    เป็นการสื่อสารแบบสองทาง

(4)    ผ่านสื่อที่รับ – ส่งข่าวสารได้ครั้งละ 2 คน

ตอบ 1 หน้า 148 – 149, (คำบรรยาย) ลักษณะของการสื่อสารระหว่างบุคคล (Interpersonal Communication) มีดังนี้

1.      เป็นกระบวนการแลกเปลี่ยนข่าวสารระหว่างคูสื่อสารอย่างน้อย 2 คน หรือเป็นการสื่อสาร ระหว่างบุคคลในกลุ่มเล็ก ๆ ก็ได้

2.      เป็นการสื่อสารแบบเผชิญหน้า (Face to Face Communication)

3.      เป็นการสื่อสารแบบสองทาง (Two-way Communication) ที่มีปฏิกิริยาป้อนกลับ

4.      เป็นการสื่อสารแบบผ่านสื่อ (Interpose Communication) ที่รับ-ส่งข่าวสารได้ครั้งละ 2 คน หรือไม่เกินครั้งละ 2 คน เช่น การพดคุยทางโทรศัพท์ ฯลฯ

96.    การสื่อสารระหว่างบุคคลทำให้เกิดการปรับตัวเข้ากับสังคม แสดงถึงวัตถุประสงค์ใดของการสื่อสาร ระหว่างบุคคล

(1) เพื่อค้นพบตัวเอง  (2) เพื่อค้นพบโลกภายนอก

(3) เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่มีความหมาย     (4) เพื่อโน้มน้าวใจ

ตอบ 1 หน้า 151 เพื่อค้นพบตัวเอง (Personal Discovery) คือ การได้มีโอกาสสื่อสารกับบุคคลอื่น โดยเฉพาะการสื่อสารแบบเผชิญหน้า จะทำให้เราได้รู้จักตนเองด้วยการสังเกตจากปฏิกิริยา ป้อนกลับของผู้อื่น ซึ่งจะส่งผลให้ได้รู้ความคิดของตนเองว่าแตกต่างจากผู้อื่นในสังคมอย่างไร ดังนั้นการสื่อสารระหว่างบุคคลจึงเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คนรู้จักการปรับตัวให้เข้ากับสังคม รวมทั้งได้พิจารณาข้อบกพร่องและข้อได้เปรียบของตน

97.    ข้อใดไม่ใช่แนวคิดที่ถูกต้องของการสื่อสารเชิงอวัจนะ

(1)    อวัจนสารทำให้การสื่อสารชัดเจนยิ่งขึ้น

(2)    อวัจนสารมีแทรกอยู่ในทุกสถานการณ์ของการสื่อสาร

(3)    อวัจบสารมีอิทธิพลต่อผู้รับสารน้อยกว่าวัจนสาร 5 เท่า

(4)    การสื่อสารเชิงอวัจนะแสดงถึงความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์

ตอบ 3 หน้า 153 – 154 แนวคิดที่ถูกต้องของการสื่อสารเชิงอวัจนะหรือการใช้อวัจนสาร (Nonverbal Communication) มีดังนี้

1.      อวัจนสารแสดงถึงความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์

2.      อวัจนสารมีแทรกอยู่ในทุกสถานการณ์ของการสื่อสารที่เราไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ไม่ว่า พฤติกรรมนั้นจะแสดงโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม

3.      อวัจนสารมีความครอบคลุมกว้างขวางแทบจะไม่มีขอบเขตจำกัด (ไร้ขอบเขต) ไม่ว่าจะเป็น การแสดงออกทางด้านน้ำเสียง ท่าทาง หรือสีหน้า

4.      อวัจนสารมีหน้าที่ในการสื่อสาร ทำให้การสื่อสารชัดเจนถูกต้องและน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น

5.      อวัจนสารสามารถส่งผลกระทบและมีอิทธิพลต่อผู้รับสารมากกว่าวัจนสารถึง 5 เท่า ฯลฯ

ข้อ 98. – 99. ให้ใช้ตัวเลือกต่อไปนี้สำหรับตอบคำถาม

(1) Honesty      (2) Supportiveness  (3) Positiveness        (4) Empathy

98.    คู่สื่อสารที่ไม่เป็นปฏิปักษ์กัน แสดงถึงปัจจัยใดในการเพิ่มประสิทธิภาพของการสื่อสารระหว่างบุคคล

ตอบ 2 หน้า 162, (คำบรรยาย) การได้รับการสนับสนุน (Supportiveness) คือ การสื่อสารจะดำเนินไปไต้อย่างสนุกสนานและราบรื่นต่อเมื่อคู่สื่อสารรู้สึกว่า คนที่ตนกำลังสื่อสารด้วยนั้น ไม่ไต้เป็นปฏิปักษ์กับตน ดังนั้นการสื่อสารที่ดีจึงควรเปิดโอกาสให้คู่สื่อสารแสดงความคิดเห็น ของตนอย่างเสรี และหลีกเลี่ยงความคิดที่ขัดแย้งของแต่ละฝ่ายโดยไม่จำเป็น

99.    ความสามารถในการเอาใจเขามาใส่ใจเรา แสดงถึงปัจจัยใดในการเพิ่มประสิทธิภาพของการสื่อสาร ระหว่างบุคคล

ตอบ 4 หน้า 161 – 162 พฤติกรรมความเห็นอกเห็บใจ (Empathy) หรือความสามารถในการเอาใจเขามาใส่ใจเรา หมายถึง ความรู้สึกเห็นอกเห็นใจผู้อื่น หรือความสามารถในการรับรู้และ เข้าใจถึงความรู้สึกและความคิดเห็นของคู่สื่อสารในแต่ละสถานการณ์ได้เสมือนเป็นคน ๆ นั้น ซึ่งจะช่วยให้คู่สื่อสารปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการสื่อสารของตนให้เป็นที่พอใจซึ่งกันและกันได้

100. การพูดจาไพเราะและให้เกียรติคู่สื่อสาร แสดงถึงปัจจัยที่ส่งเสริมการสื่อสารระหว่างบุคคลข้อใด

(1) ลักษณะดึงดูดใจ (2) ความใกล้ชิด        (3) การให้แรงเสริม    (4) ความคล้ายคลึง

ตอบ หน้า 158, 160 การให้แรงเสริมแก่คู่สื่อสาร (Reinforcement) คือ คนเรามีแนวโน้มจะ สื่อสารกับคนที่ให้สิ่งที่ตนพอใจหรือคนที่ให้แรงเสริมแก่ตน โดยแรงเสริมนั้นอาจเป็นวัตถุ สิ่งของหรือตัวเสริมแรงทางสังคม ได้แก่ การพูดจาไพเราะ การยกย่องชมเชย และการให้ เกียรติกัน ซึ่งจะต้องมีลักษณะของความจริงใจ ไม่เสแสร้ง และไม่แอบแฝงผลประโยชน์ เช่น คนเรามักไม่อยากสนทนากับเพื่อนที่ชอบขัดคอหรือโต้แย้ง แต่มักชอบพูดคุยกับเพื่อน ที่ยินดีและแสดงความนับถือยกย่องในความสำเร็จของเรา เป็นต้น

 

MCS2603 สื่อมวลชนเพื่อการโฆษณา แนวข้อสอบปี 2557 ชุดที่3

แนวข้อสอบกระบวนวิชา MCS2603 สื่อสารมวลชนเพื่อการโฆษณา ชุดที่3

1.         เมื่อกล่าวถึงการโฆษณามักหมายถึงการสื่อสารผ่านสื่อประเภทใด

(1)       บุคคล  

(2) สิ่งพิมพ์ที่จัดส่งทางไปรษณีย์

(3) สื่อมวลชน  

(4) ป้ายโฆษณาต่าง ๆ

ตอบ 3 การที่สื่อมวลชนได้รับการยอมรับว่าเป็นสื่อหลักของการโฆษณาหรือมีบทบาทต่อการโฆษณาเนื่องมาจากเหตุผลต่างๆ ดังต่อไปนี้

1.         เป็นสื่อที่นำเสนอข่าวสารการตลาดหรือการโฆษณาไปยังผู้รับสารหรือผู้บริโภคจำนวนมากพร้อมๆกัน

2.         มีความครอบคลุมสูงเข้าถึงประชาชนได้เกือบทุกพื้นที่

3.         ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัวต่ำมาก

4.         ประชาชนมีความภักดีต่อสื่อ

5.         เป็นสื่อที่น่าเชื่อถือ

2.         ข้อใดคือลักษณะสำคัญของการโฆษณา

(1)       เป็นการโฆษณาชวนเชื่อ

(2)       เป็นการชักจูงใจด้วยการสัญญาว่าจะให้ของรางวัลต่าง ๆ

(3)       ต้องระบุว่าใครคือผู้ออกแบบข่าวสารการโฆษณา

(4)       ต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นค่าเวลาและเนื้อที่ในสื่อโฆษณา

ตอบ 4 ลักษณะสำคัญของการโฆษณามีดังนี้

1.         เป็นการสื่อสารที่ไม่เป็นส่วนบุคคลไม่เจาะจงเป็นรายบุคคล และไม่เป็นการสื่อสารแบบเผชิญหน้า ระหว่างผู้ส่งสารกับผู้รับสารแต่จะเป็นการสื่อสารผ่านสื่อมวลชนที่มุ่งตรงไปยังบุคคลจำนวนมากใน คราวเดียวกัน

2.         เป็นการส่งเสริมสินค้า บริการ หรือความคิด

3.         มีการระบุผู้อุปถัมภ์หรือผู้ออกค่าใช้จ่ายในการโฆษณา

4.         ต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นค่าเวลาและค่าเนื้อที่ในสื่อโฆษณา

5.         เป็นข่าวสารหรือเป็นการสื่อสารเพื่อการโน้มน้าวใจ

3.         ข้อใดคือจุดมุ่งหมายของข่าวสารการโฆษณา

(1)       เพื่อแจ้งข่าวสารให้ประชาชนทราบ      (2) เพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์หรือความคิด

(3) เพื่อการเสริมการขายโดยพนักงานขาย    (4) เพื่อการจัดจำหน่ายสินค้า

ตอบ 1 การสื่อสารการโฆษณา เป็นกิจกรรมการสื่อสารเพื่อส่งข่าวสารเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการไปยังผู้บริโภค กลุ่มเป้าหมาย โดยมีจุดมุ่งหมาย เพื่อแจ้งให้ทราบ (Inform) และโน้มน้าวใจ (Persuade) ให้มีพฤติกรรม อย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ซื้อสินค้าหรือใช้บริการ เป็นต้น

4.         ข้อใดคือบทบาทหน้าที่สำคัญของการโฆษณา

(1)       แจ้งข่าวสารเกี่ยวกับเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน

(2)       การเสนอข้อเท็จจริงทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์

(3)       สร้างความแตกต่างระหว่างสินค้าที่โฆษณากับสินค้าของคู่แข่ง

(4)       การจัดจำหน่ายสินค้า

ตอบ 3 หน้าที่สำคัญของการโฆษณา มีดังนี้

1.         เพื่อสื่อสารข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์

2.         เพื่อบอกถึงความแตกต่างระหว่างผลิตภัณฑ์ที่โฆษณากับคู่แข่งขัน

3.         เพื่อกระตุ้นให้ใช้ผลิตภัณฑ์

4.         เพื่อช่วยให้มีการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น

5.         เพื่อเพิ่มความชอบ และสร้างความภักดีต่อตราสินค้าหรือธุรกิจ โดยบอกเหตุผลที่ผู้บริโภคควรเลือกใช้สินค้ายี่ห้อของเราตลอดไป

6.         เพื่อช่วยลดต้นทุนรวมด้านการขาย

5.         การโฆษณาเพื่อการประชาสัมพันธ์เรียกอีกอย่างว่าอะไร

(1)       โฆษณาผลิตภัณฑ์      (2) โฆษณาแนวความคิด

(3) โฆษณาสถาบัน     (4) โฆษณาเพื่อบริการสาธารณะ

ตอบ 3 การโฆษณาสถาบัน (Institutional Advertising) หมายถึง การโฆษณาที่มีจุดมุ่งหมายในการสร้างจินตภาพหรือภาพลักษณ์ (Image) ที่ดีให้กับสถาบันหรือองค์การที่เป็นผู้โฆษณาซึ่งการโฆษณาสถาบันนี้อาจ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า การโฆษณาเพื่อการประชาสัมพันธ์” (Corporate Advertising)

6.         การโฆษณาระดับชาติมักเป็นการโฆษณาที่เน้นอะไรเป็นหลัก

(1)       ชื่อยี่ห้อและตราสินค้า  (2) สถานที่จำหน่ายสินค้า

(3) ความเป็นชุมชนท้องถิ่น      (4) องค์กรหรือสถาบันผู้จำหน่ายสินค้า

ตอบ 1 การโฆษณาระดับชาติ (National Advertising) หรือบางครั้งอาจเรียกว่าการโฆษณาชื่อยี่ห้อ (Brand Advertising) โดยการโฆษณาทางสื่อมวลชนส่วนใหญ่จะเป็นการโฆษณาระดับชาติที่มีพื้นที่ครอบคลุมทั่วประเทศ และมักเป็นการโฆษณาภายใต้ชื่อยี่ห้อหรือตราสินค้าโดยผู้อุปถัมถ์ที่เป็นผู้ผลิตหรือตัวแทน จำหน่ายแต่ผู้เดียวของสินค้ายี่ห้อนั้น

7.         เมื่อสินค้าอยู่ในช่วงอิ่มตัวแนวทางการโฆษณาควรเน้นอะไร

(1)       กล่าวถึงชื่อสินค้าและแสดงภาพสินค้าบ่อยครั้ง

(2)       กล่าวถึงประสบการณ์ของบริษัทผู้โฆษณา

(3)       ความภักดีต่อชื่อยี่ห้อ

(4)       ชี้ให้เห็นความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างสินค้าที่โฆษณากับคู่แข่ง

ตอบ 2 สินค้าที่อยู่ในช่วงอิ่มตัว (Maturity) เป็นช่วงที่สินค้าได้รับการยอมรับพอสมควรแล้วและมีลูกค้าบางกลุ่ม ที่สนใจสินค้าของเราเป็นพิเศษ ดังนั้นกิจกรรมส่งเสริมการขายจึงมีความจำเป็นน้อยลง แต่จะเน้นการ โฆษณาและการประชาสัมพันธ์ เช่น การกล่าวถึงประสบการณ์ของบริษัทผู้โฆษณา ซึ่งเป็นเจ้าของสินค้า ทั้งนี้เพื่อย้ำถึงภาพลักษณ์ของสินค้าและตราสินค้า เป็นต้น

8.         การตอบสนองสารในขั้นตอนใดที่เป็นการตอบสนองในระดับ The Affective Stage

(1)       รู้          (2) ตระหนักรู้

(3) เข้าใจ         (4) สนใจ

ตอบ 4 ขั้นตอนการตอบสนองต่อข่าวสารจะเป็นไปตามลำดับขั้นตอนพื้นฐาน 3 ขั้นตอน ดังนี้

1.         ขั้นความรู้ (The Cognitive Stage) ได้แก่ ขั้นตระหนักรู้ หรือรู้จัก มีความรู้เกี่ยวกับสินค้า หรือความ เข้าใจ ฯลฯ

2.         ขั้นความรู้สึก (The Affective Stage) ได้แก่ ขั้นของความสนใจความชอบการยอมรับ และการ จดจำ ฯลฯ

3.         ขั้นแสดงพฤติกรรม (The Behavioral Stage) เช่น การทดลองใช้ การไปชื้อหา การแนะนำให้ผู้อื่นไปซื้อหรือการห้ามไม่ให้ซื้อ เป็นต้น

9.         การแบ่งส่วนตลาดออกตามลักษณะความต้องการเป็นการแบ่งโดยใช้ปัจจัยใด

(1)       ภูมิหลัง            (2) แรงจูงใจ

(3) รายได้        (4) ฐานะทางเศรษฐกิจและสังคม

ตอบ 2 การแบ่งส่วนตลาดตามลักษณะความต้องการโดยใช้แรงจูงใจ เช่น คนที่ต้องการได้รับการยกย่องกับคนที่ ต้องการความปลอดภัย เป็นต้น ซึ่งจะทำให้นักโฆษณาทราบว่าควรจะเข้าไปสนองความต้องการซึ่งเป็นที่มาแห่งแรงจูงใจของกลุ่มเป้าหมายของเราได้อย่างไร โดยแรงจูงใจ (Motivation) นี้จะประกอบด้วย ความต้องการ (Needs) แรงขับ (Drives) และเป้าหมาย (Goals)

10.       ความภักดีต่อตรายี่ห้อ มีความสำคัญอย่างไร

(1)       หากผู้บริโภคจดจำชื่อยี่ห้อสินค้าได้ จะทำให้ผู้บริโภคซื้อสินค้ามากยิ่งขึ้น

(2)       เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงบุคลิกภาพของผู้บริโภค

(3)       เป็นสิ่งที่ทำให้นักโฆษณาทราบว่าผู้บริโภคมีรูปแบบการดำเนินชีวิตอย่างไร

(4)       หากผู้บริโภคยึดมั่นต่อสินค้ายี่ห้อใด สินค้ายี่ห้อนั้นย่อมมีการเจริญเติบโตทางธุรกิจ

ตอบ 4 ความภักดีในยี่ห้อ (Brand Loyalty) เป็นสิ่งบ่งชี้ให้ทราบถึงความยึดมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อสินค้ายี่ห้อใด ยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งจะทำให้สินค้ายี่ห้อนั้นมีการเจริญเติบโตทางธุรกิจโดยระดับความภักดีในยี่ห้อนี้จะมีตั้งแต่ กลุ่มลูกค้าที่ภักดีอย่างมั่นคงแน่นแฟ้น ซึ่งจะเจาะจงชื่อสินค้าทุกครั้งที่ซื้อ จนถึงกลุ่มที่ไม่มีความภักดีใน ยี่ห้อเลย กล่าวคือ จะซื้อสินค้าที่ราคาถูกหรือหาซื้อได้สะดวกเท่านั้น

11.       คนกลุ่มใดไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของการโฆษณาทางหนังสือพิมพ์

(1) เยาวชนอายุต่ำกว่า 15ปี  

(2) แม่บ้าน

(3) หนุ่มสาววัยทำงาน 

(4) ชายวัยกลางคน

ตอบ 1 ข้อเสียเปรียบของหนังสือพิมพ์อย่างหนึ่ง คือ การครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายมีจำกัด โดยจะมีคนเพียงบางกลุ่มเท่านั้นที่อ่านหนังสือพิมพ์เป็นประจำ เช่น คนในเขตเมืองและมีการศึกษา ส่วนคนที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีมักจะไม่ชอบอ่านหนังสือพิมพ์ และกลุ่มผู้สูงอายุคนในชนบท พื้นที่ทุรกันดารหรือไร้การศึกษาก็ไม่สามารถรับข่าวสารจากหนังสือพิมพ์ได้ ดังนั้นหนังสือพิมพ์จึงมิใช่สื่อที่ใช้ได้กับประชากรทุกกลุ่ม

12.       การกำหนดกลุ่มเป้าหมายการโฆษณามีความสำคัญอย่างไร

(1)       ทำให้ธุรกิจสร้างผลกำไรได้มากยิ่งขึ้น

(2)       ทำให้ทราบถึงส่วนแบ่งการตลาดของสินค้า

(3)       ช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพการโฆษณา

(4)       ช่วยทำให้การโฆษณาชัดเจน ตรงประเด็นและเข้าใจง่าย

ตอบ 3 การทำความรู้จักกับกลุ่มเป้าหมาย เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการโฆษณาเพราะมนุษย์เรามีความแตกต่างกันในหลาย ๆด้าน รวมทั้งความสนใจและความชอบของแต่ละคนก็แตกต่างกัน ทำให้ผลิตกัณฑ์ไม่ สามารถตอบสนองความต้องการของคนทุกกลุ่มได้ ดังนั้นการกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนจึงช่วยให้นักโฆษณาสามารถกำหนดการสื่อสารได้อย่างเหมาะสมสำหรับแต่ละกลุ่มเป้าหมาย

13.       ข้อใดเป็นความต้องการทางสังคม

(1) อาหาร ที่อยู่อาศัย เสื้อผ้า (2) ความรัก

(3) ความปลอดภัย      (4) ได้รับการยอมรับนับถือ

ตอบ 2 ทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการของมาสโลว์ จะแสดงถึงระดับความตองการของมนุษย์ 5 ระดับตามลำดับ ความสำคัญดังนี้

1.         ความต้องการทางร่างกาย ซึ่งจะได้แก่อาหาร ที่อยู่อาศัย เสื้อผ้า และความต้องการทางเพศ เป็นต้น

2.         ความต้องการความปลอดภัย

3.         ความต้องการทางสังคม ได้แก่ ความต้องการความรักและการเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ความชอบ ความรู้สึกเป็นเจ้าของและได้รับการยอมรับจากผู้อื่น

4.         ความต้องการการยอมรับนับถือ

5.         ความต้องการประสบความสำเร็จตามที่ตนปรารถนา

14.       การตัดสินใจเรื่องใดที่สำคัญที่สุด ต่อการใช้สื่อมวลชนเพื่อการโฆษณา

(1)       การจัดจำหน่าย           (2) การเลือกใช้สื่อที่เหมาะสม

(3) .การวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์          (4) การสร้างความประทับใจ

ตอบ 2 (คำบรรยาย) การวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ (Product Positioning) เป็นการทำให้ผู้บริโภครับรู้เกี่ยวกับสินค้า ในภาพลักษณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง โดยการพยายามกำหนดตำแหน่งให้เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคจนเข้าสู่การรับรู้และการจดจำได้นอกจากนี้ยังหมายถึง การกำหนดฐานะของสินค้าโดยใช้วิธีศึกษาสิ่งแวดล้อมทางการ ตลาด ซึ่งการวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์นี้ถือเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญของธุรกิจหรือต่อการใช้สื่อมวลชน เพื่อการโฆษณา

15.       ข้อใดเป็นข้อได้เปรียบสำคัญของการใช้สื่อมวลชนในการโฆษณา

(1)       เข้าถึงคนได้จำนวนมาก           (2) ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัว

(3) ค่าใช้จ่ายน้อย        (4) เป็นสื่อที่ส่งตรงถึงผู้รับ

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 1. ประกอบ


16.       ข้อใดคือข้อจำกัดสำคัญของการใช้สื่อมวลชนเพื่อการโฆษณา

(1)       มีบุคคลอื่นๆ ได้เห็นโฆษณาด้วย

(2)       ผู้บริโภคไม่ได้ใช้สื่อมวลชนด้วยเจตนาที่จะดูโฆษณา

(3)       สื่อบางประเภทเจาะจงกลุ่มเป้าหมายได้

(4)       มีเนื้อหาสาระที่ดึงดูดความสนใจของสาธารณชนทั่วไป ทำให้มีผู้รับมากเกินไป

ตอบ 2 ข้อจำกัดสำคัญของการใช้สื่อมวลชนในการโฆษณา มีดังนี้

1.         ประชาชนไม่ได้เจตนาจะดูโฆษณาทางสื่อมวลชน

2.         หากสิ่งโฆษณานั้นไม่มีความน่าสนใจ หรือไร้รสนิยม จะทำให้ผู้ชมหรือผู้ฟังมองว่าเป็นสิ่งน่ารำคาญ และมีความรู้สึกไม่ดีได้

3.         หากสิ่งที่ผู้บริโภคได้รับไม่เป็นไปตามที่ได้โฆษณาไว้ จะทำให้ถูกมองว่าเป็นการโฆษณาหลอกลวง

4.         สื่อต่างๆ มีภาพลักษณ์ของตัวสื่อเอง

5.         สื่อต่างๆ มีสังคมวิทยาของสื่อ

17.       ข้อใดเป็นเครื่องกำหนดพฤติกรรมการบริโภคของคนในสังคม

(1)       ปทัสถานทางสังคมและวัฒนธรรม      (2) การโฆษณาทางสื่อมวลชน

(3) รายได้โดยเฉลี่ยของคนในครอบครัว          (4) ปริมาณผลผลิตและรายได้

ตอบ 1 ปทัสถานทางสังคม วัฒนธรรม และค่านิยม ถือเป็นปัจจัยทางสังคมที่มีอิทธิพลต่อการซื้อของผู้บริโภค รวมทั้งยังเป็นเครื่องกำหนด หรือเป็นสิ่งชี้นำสมาชิกของสังคมให้มีแนวทางการดำรงชีวิต ตลอดจนพฤติกรรมการบริโภคของคนในสังคมว่าจะไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง เช่น คนที่อยู่ในสังคม บริโภคก็จะมีพฤติกรรมการซื้อสินค้าตามความนิยม ตามแฟชั่นโดยมิได้คำนึงถึงเหตุผลหรือความจำเป็น เป็นต้น

18 ข้อใดคือความหมายของ บุคลิกภาพ

(1)       เป็นสิ่งที่ติดตัวมนุษย์มาแต่กำเนิด เป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วในตัวมนุษย์

(2)       สิ่งที่กระตุ้นให้คนเราแสดงพฤติกรรมออกมาเพื่อให้บรรลุเป้าหมายอย่างใดอย่างหนึ่ง

(3)       ความรู้สึกที่มีต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง และความรู้สึกนี้จะนำไปสู่พฤติกรรมการแสดงออก

(4)       เป็นผลรวมของลักษณะพฤติกรรมภายนอกและความนึกคิดหรือพฤติกรรมภายในของบุคคลที่ทำให้เขาแตกต่าง ไปจากคนอื่น

ตอบ 4 บุคลิกภาพ (Personality) หมายถึง ผลรวมของอุปนิสัยซึ่งทำให้บุคคลหนึ่งแตกต่างจากบุคคลอื่น หรือเป็นเครื่องบ่งบอกว่าบุคคลนั้นมองโลกอย่างไร รับรู้ และตีความสิ่งต่างๆ รอบตัวเขาอย่างไร และตอบสนอง ต่อสิ่งเหล่านั้นอย่างมีเหตุผลหรือด้วยอารมณ์ นอกจากนี้บุคลิกภาพยังเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความคิดและ ทัศนคติของบุคคลนั้นๆ ด้วย

19.       การโฆษณามีบทบาทต่อการรับรู้ตราสินค้าอย่างไร

(1)       ทำให้ผู้บริโภครับรู้เกี่ยวกับตราสินค้าตามความเป็นจริง

(2)       ทำให้ผู้บริโภคตระหนักถึงอรรถประโยชน์ที่แท้จริงของสินค้า

(3)       ทำให้ผู้บริโภครับรู้ว่าตราสินค้านั้นมีคุณค่าเกินกว่าประโยชน์ใช้สอย

(4)       ทำให้รู้จักชื่อสินค้า

ตอบ 3 การรับรู้ของผู้บริโภคเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะนักการตลาดมักตั้งนิยมของสินค้าว่า สินค้าคือสิ่งที่ผู้บริโภคมองว่ามันเป็น” ดังนั้นถ้าการโฆษณาเป็นการสร้างภาพลักษณ์ของตราสินค้าและสามารถทำให้ ผู้บริโภครับรู้ว่า ตราสินค้านั้นมีค่ามากกว่าที่เป็นอยู่จริง (Consumer’s Surplus) หรือมีคุณค่าเกินประโยชน์ ใช้สอย ก็จะทำให้ธุรกิจสามารถนำคุณค่าเหล่านี้มาใช้เป็นประโยชน์ต่อการกำหนดราคาสินค้าได้

20.       ความเข้าใจ (Comprehension) เป็นผลมาจากอะไร

(1) การเปิดรับ (2) การใส่ใจ

(3) การตระหนัก (4) ความพึงพอใจ

ตอบ 2 แบบจำลองกระบวนการข้อมูล (Information Processing Model) จะมีลำดับขั้นตอนดังนี้

1.         ขั้นการนำเสนอสาร (Message Presentation)

2.         ขั้นความใส่ใจ (Attention)

3.         ขั้นความเข้าใจ (Comprehension)

4.         ขั้นการยอมรับ (Yielding)

5.         ขั้นการจดจำ (Retention)

6.         ขั้นแสดงพฤติกรรม (Behavior)

21.       ข้อใดเป็นการลำดับขั้นตอนการตอบสนองสารได้ถูกต้อง

(1)       สนใจ ใส่ใจ ยอมรับ จดจำ ซื้อ

(2)       สนใจ รู้จัก ต้องการ จดจำ ซื้อ

(3)       นำเสนอ ใส่ใจ เข้าใจ ยอมรับ จดจำ ซื้อ

(4)       นำเสนอ รู้จัก ชอบ ต้องการ มั่นใจ ซื้อ

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 20. ประกอบ

22.       การวางแผนสื่อโฆษณาต้องคำนึงถึงขั้นตอนใดของพฤติกรรมการเลือกรับสาร

(1) Selective Exposure      

(2) Selective Attention

(3) Selective Perception   

(4) Selective Retention

ตอบ การทำความเข้าใจพฤติกรรมการเลือกรับสารจะมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อนักโฆษณาในการวางแผนสื่อโฆษณา โดยการพิจารณาว่าจะเลือกใช้สื่อโฆษณาอะไรบ้างในช่วงเวลาใด และต้องใช้งบประมาณเท่าไรจึง จะผ่านขั้นตอนของการเลือกเปิดรับ (Selective Exposure) ของผู้รับสาร และจะออกแบบข่าวสารการโฆษณาอย่างไรจึงจะผ่านขั้นตอนของการเลือกใส่ใจ (Selective Attention) และเลือกรับรู้ (Selective Perception) จนถึงขั้นที่ผู้รับสารเลือกที่จะจดจำ (Selective Retention) ได้

23.       การโฆษณาแบบตอบรับทันทีเป็นกิจกรรมการสื่อสารการตลาดประเภทใด

(1)       การส่งเสริมการขาย    (2) การประชาสัมพันธ์

(3) การโฆษณาทางไปรษณีย์  (4) การตลาดแบบเจาะตรง

ตอบ 4 การตลาดแบบเจาะจง (Direct Marketing or Direct-response Marketing) หมายถึง การสื่อสารโดยตรง ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เกิดการตอบสนองและหรือก่อให้เกิดการซื้อขายแลกเปลี่ยน ขึ้น โดยการตลาดแบบเจาะตรง จะได้แก่ การขายตรง (Direct Selling) การขายทางโทรศัพท์หรือโทรสาร (Telemarketing) และการโฆษณาแบบตอบรับทันที (Direct Response Ads) เช่น การโฆษณาส่งตรงทาง ไปรษณีย์ เป็นต้น

24.       ข้อใดเป็นข้อได้เปรียบของการขายโดยพนักงานขาย

(1)       ความน่าเชื่อถือสูง        (2) เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้จำนวนมาก

(3) ปรับเนื้อหาไต้ตามปฏิกิริยาของผู้รับสาร    (4) ผู้รับสารตั้งใจฟัง

ตอบ 3 เนื่องจากการขายโดยใช้พนักงานขายเป็นการติดต่อสื่อสารแบบเผชิญหน้า (Face-to-face Communication) ระหว่างผู้ขายกับผู้ที่คาดว่าจะเป็นผู้ซื้อ ดังนั้นจึงมีความยืดหยุ่นสูงกว่าการโฆษณา เพราะผู้ขายสามารถ สังเกตปฏิกิริยาของผู้ซื้อไปด้วยและสามารถปรับเนื้อหาของข่าวสารได้อย่างเหมาะสมกับปฏิกิริยา สถานการณ์และความต้องการของผู้ซื้อ

25.       การโฆษณาแบบ Split Run เป็นการโฆษณาลักษณะใด

(1)       เจาะจงลงโฆษณาทางวิทยุกระจายเสียงเฉพาะช่วงคั่นระหว่างรายการ

(2)       เจาะจงลงโฆษณาทางหนังสือพิมพ์เพื่อเข้าถึงผู้อ่านภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่ง

(3)       แบ่งภาพยนตร์โฆษณาทางโทรทัศน์เป็นช่วงๆ ลงในรายการใดรายการหนึ่ง

(4)       ตัดภาพยนตร์โฆษณาทางโทรทัศน์ให้สั้นลงเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย

ตอบ 2 การโฆษณาระดับภูมิภาค (Regional Advertising) เป็นการโฆษณาที่ครอบคลุมภูมิใดภูมิภาคหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้ครอบคลุมทั้งประเทศ เช่น ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือภาคใต้ เป็นต้น สื่อที่ใช้จึงเป็นสื่อที่ ครอบคลุมในระดับภูมิภาค เช่น การโฆษณาแบบ Split Run ทางหนังสือพิมพ์เพื่อเข้าถึงผู้อ่านภูมิภาคใด ภูมิภาคหนึ่ง เป็นต้น


26.       การใช้กลยุทธ์การโฆษณาที่ผู้บริโภคเป็นหลักมักใช้แนวทางการนำเสนอแบบใด

(1) การให้คำมั่นสัญญา          (2) การสาธิตการทำงานของสินค้า

(3) ใช้สินค้าเป็นพระเอก          (4) รายงานผลการทดลองทางวิทยาศาสตร์

ตอบ 1 กลยุทธ์การโฆษณาที่เน้นผู้บริโภคเป็นหลัก (Prospect-centered Strategies) เป็นกลยุทธ์การเสนอข่าวสาร การโฆษณาภายใต้แนวคิดทางการตลาดที่เน้นผู้บริโภคซึ่งอาจทำได้หลายลักษณะได้แก่การกล่าวถึงประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับ (Benefits), การให้คำมั่นสัญญา (Promises). การบอกถึงเหตุผลว่าทำไมจึงควรใชสินค้า (Reason Why) และการกล่าวถึงข้อเสนอขายที่เด่นชัด (Unique Selling Proposition : USP)

27.       ฝ่ายใดในบริษัทตัวแทนการโฆษณาที่ทำหน้าที่วางแผนจัดทำงบประมาณการโฆษณาและควบคุมการใช้จ่าย งบประมาณให้เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้

(1)       ฝ่ายบริหารงานทั่วไป   (2) ฝ่ายบริหารงานลูกค้า

(3) ฝ่ายสร้างสรรค์การโฆษณา           (4) ฝ่ายสื่อโฆษณา

ตอบ 4 หน้าที่และความรับผิดชอบของฝ่ายสื่อโฆษณา (Media Department) มีดังนี้

1. เป็นผู้วางแผนเกี่ยวกับการใช้และการซื้อสื่อโฆษณา ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

2.         วางกลยุทธ์ในการใช้สื่อโฆษณา

3.         ติดต่อจองเนื้อที่โฆษณา และซื้อเนื้อที่โฆษณาให้เป็นไปตามแผนงานที่ได้วางไว้

4.         ควบคุมการซื้อสื่อโฆษณาให้ได้ผลคุ้มค่ามากที่สุด

5.         จัดสรรและควบคุมการ.ใช้งบประมาณ รวมทั้งติดตามการใช้สื่อของคู่แข่งขัน ฯลฯ

28.       ข้อใดเป็นปัจจัยที่ใช้ในการแบ่งส่วนตลาดแบบ (Demographic Segmentation

(1) เพศ อายุ การศึกษา รูปแบบการดำเนินชีวิต (2) เพศ อายุ ฐานะทางเศรษฐกิจและสังคม (3) รูปแบบการดำเนินชีวิต บุคลิกภาพ แรงจูงใจ (4) แรงจูงใจ ทัศนคติ รูปแบบการดำเนินชีวิต ตอบ 2 ปัจจัยที่ใช้ไนการแบ่งส่วนตลาดตามลักษณะทางทะเบียนภูมิหลัง (Demographic Segmentation) ได้แก่ อายุ เพศ สถานภาพครอบครัว การศึกษา อาชีพ และรายได้ ซึ่งในวงการโฆษณามักจะนำไปรวมกับอาชีพ และการศึกษา แล้วรวมเรียกว่า สถานะทางสังคมและเศรษฐกิจ” (Socio-economic Status : SES)

29.       แบบจำลองการสื่อสารในข้อใดที่กล่าวถึงการจดจำ (Retention)

(1) The Hierarchy of Effects Model  (2) AIDA Model

(3) Innovation Adoption Model       (4) Information-processing Model

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 20. ประกอบ

30.       เนื้อหาในโฆษณามักส่งเสริมค่านิยมแบบใด

(1) อนุรักษ์นิยม           (2) ประเพณีนิยม

(3) ปัจเจกนิยม            (4) บริโภคนิยม

ตอบ 4 การโฆษณามักจะสร้างค่านิยมต่างๆ ให้เกิดขึ้นในสังคม เช่น การแบ่งแยกชนชั้นการใช้ชีวิตหรูหราฟุ่มเฟือยการมีค่านิยมแบบบริโภคนิยม หรือมีรูปแบบการกระทำบางอย่างเป็นแบบแผนเดียวกัน เช่น รับประทาน อาหารจานด่วน แต่งกายด้วยเสื้อผ้าเครื่องใช้ที่มียี่ห้อ เป็นต้น

31.       คนทั่วไปจะสนใจพยายามทำความเข้าใจและจดจำข่าวสารที่มีลักษณะอย่างไร

(1) ลีลาการสื่อสารเร้าใจ         

(2) สอดคล้องกับประสบการณ์และนิสัย

(3) สอดคล้องกับสภาวะแวดล้อม       

(4) สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้

ตอบ 4 โดยทั่วไปแล้วมนุษย์จะให้ความสนใจและใช้ความพยายามในการที่จะเข้าใจและจดจำข่าวสารที่สามารถ นำไปใช้ประโยชน์ได้ เช่น คนที่จะซื้อรถใหม่ก็จะหาบทความหรือโฆษณาที่เกี่ยวกับรถมาอ่าน การอ่านหนังสือพิมพ์ การดูโทรทัศน์ การฟังวิทยุ ฯลฯ เป็นการกระทำจากการเลือกของเราโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเอาไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ

32.       ข้อใดเป็นตัวอย่างของการแบ่งส่วนตลาดโดยใช้ปัจจัยด้านแรงจูงใจ

(1)       คนที่ต้องการได้รับการยกย่อง กับคนที่ต้องการความปลอดภัย

(2)       คนชอบใช้ชีวิตกลางแจ้ง กับคนที่ชอบใช้ชีวิตอยู่กับบ้าน

(3)       คนที่มีความภักดีต่อตรายี่ห้อ กับคนที่ไม่มีความภักดีต่อตรายี่ห้อ

(4)       คนที่ชอบเป็นผู้นำ กับคนที่ชอบทำตามผู้อื่น

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 9. ประกอบ

33.       การโฆษณาสินค้าโดยใช้วิธีการบรรยายรือพูดกับกล้องโทรทัศน์เป็นการโฆษณาแนวใด

(1) Rational        (2) Emotional

(3) Drama (4) Lecture

ตอบ 4 น้ำเสียงที่ใช้ในการโฆษณาแบบการแนะนำหรือการสอน หรือการบรรยาย (Lecture) จะเป็นลักษณะของ การให้ความรู้หรือเสนอข้อเท็จจริงของสินค้า (ในขณะที่งานโฆษณาบางชิ้นอาจนำเสนอในลักษณะเหมือน ละคร (Drama) ซึ่งจะเป็นการสร้างเรื่องราวหรือบทละครที่แสดงให้เห็นถึงการใช้สินค้าหรือบริการใน สถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่ง

34.       Selling Premises หมายถึงอะไร

(1) ลีลาน้ำเสียงในการโฆษณา           (2) ข้อเสนอเพื่อการขายสินค้า

(3) สิ่งดึงดูดใจในชิ้นงานโฆษณา        (4) วิธีการนำเสนอข่าวสารการโฆษณา

ตอบ 3 ข้อเสนอเพื่อการขาย (Selling Premises) คือ เหตุผลที่เป็นข้อสนับสนุนการขายสินค้าหรือบริการที่จะปรากฏอยู่ในข่าวสารการโฆษณา โดยกลยุทธ์การกำหนดข้อเสนอเพื่อการขายนี้จะมี 2 ลักษณะ คือ

1.         กลยุทธการใช้สินค้าเป็นหลัก (Product-centered Stategies)

2.         กลยุทธการเน้นผู้บริโภคเป็นหลัก (Prospect-centered Stategies)

35.       การทดสอบผลการโฆษณาข้อใดต่อไปนี้ที่ดำเนินการก่อนนำโฆษณาออกเผยแพร่

(1) Persuasion Test   (2) Direct-response Counts

(3) Recognition Test (4) In-market Test

ตอบ 3 การทดสอบการจดจำได้ (Recognition Tests) เป็นการทดสอบสิ่งโฆษณาเพื่อประเมินความสามารถในการจดจำสิ่งโฆษณาของประชาชนผู้รับสารโดยการจัดฉายภาพยนตร์โฆษณาหรือแสดงสิ่งโฆษณาประเภท สิ่งพิมพ์ให้กลุ่มตัวอย่างดูแล้วสอบถามเกี่ยวกับสิ่งโฆษณาที่พวกเขาเพิ่งได้เห็นนั้น การดำเนินการทั้งหมดนี้ จะต้องทำก่อนนำโฆษณาออกเผยแพร่


36.       แผนส่งเสริมการตลาดเป็นแผนงานเกี่ยวกับอะไร

(1) การสร้างสรรค์ชิ้นงานโฆษณา      (2) การส่งเสริมการขาย

(3) กิจกรรมสื่อสารการตลาด  (4) การกำหนดกลยุทธ์การโฆษณา

ตอบ 3 แผนส่งเสริมการตลาดได้แก่ แผนงานเกี่ยวกับกิจกรรมการสื่อสารการตลาดซึ่งจะต้องเริ่มจากการศึกษา กลุ่มเป้าหมาย การศึกษาวิเคราะห์สินค้า และการศึกษากลยุทธ์การส่งเสริมการตลาดของคู่แข่ง เพื่อนำมากำหนดวัตถุประสงค์การส่งเสริมการตลาด การกำหนดงบประมาณที่จะต้องใช้และการเลือกใช้ส่วนประสมการส่งเสริมการตลาดตลอดจนการใช้เครื่องมือการสื่อสารการตลาดอื่น ๆ อย่างเหมาะสมและเพื่อ ประสิทธิผลสูงสุด

37.       การโฆษณาของพรรคการเมืองที่ต้องการเน้นภาพลักษณ์ผู้นำและอุดมการณ์ของพรรคควรใช้สื่อประเภทใด

(1)       วิทยุกระจายเสียง        (2) โปสเตอร์

(3) วิทยุโทรทัศน์          (4) ป้ายข้างรถประจำทาง

ตอบ 3 วิทยุโทรทัศน์ถือเป็นสื่อที่มีผลกระทบ (Impact) ต่อผู้รับสารสูงกว่าส่ออื่น ๆ เนื่องจากเป็นสื่อที่สามารถเสนอเนื้อหาได้หลากหลายรูปแบบทั้งเสียง ภาพ สี การเคลื่อนไหว และการแสดง ทำให้สินค้าธรรมดา ๆ ดูมีความสำคัญน่าตื่นเต้น น่าสนใจ และสามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่างๆ ให้เกิดขึ้นได้ง่ายกว่าสื่ออื่น ๆ ด้วย

38.       แรงจูงใจประกอบด้วยอะไรบ้าง

(1)การเรียนรู้ การรับรู้ บุคลิกภาพ       (2) การรับรู้ ความเชื่อ ทัศนคติ

(3) ความต้องการ แรงขับ เป้าหมาย    (4) ทัศนคติ บุคลิกภาพ การมองตนเอง

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 9. ประกอบ

39.       การทำความเข้าใจ Self-concept มีประโยชน์ต่อการโฆษณาอย่างไร

(1)       ทำให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ให้ประโยชน์และความพึงพอใจสูงสูด

(2)       ทำให้สามารถเลือกใช้สื่อโฆษณาได้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย

(3)       ทำให้ประหยัดงบประมาณการโฆษณา

(4)       ทำให้สามารถสร้างภาพลักษณ์ของสินค้าได้ตรงกับภาพลักษณ์ของกลุ่มเป้าหมาย

คอบ 4 การมองตนเอง (Self-concept) หมายถึง การที่เรามองตนเองว่าเราเป็นอย่างไรมีจุดเด่น จุดด้อยอย่างไร นักโฆษณาที่ทำโฆษณาสินค้าบางประเภท เช่น เสื้อผ้า รถยนต์ บ้าน ฯลฯ ซึ่งเป็นสินค้าที่สะท้อนถึงภาพลักษณ์ ของผู้ใช้จะพยายามเข้าถึง Self-concept ของกลุ่มเป้าหมายของเขาให้ได้ เพื่อที่จะพยายามพัฒนาภาพลักษณ์ ของสินค้าให้สอดคล้องกับภาพลักษณ์ของกลุ่มเป้าหมาย

40.       การกำหนดตำแหน่งผลิตภัณฑ์ที่เน้นเพื่อการแข่งขันมักใช้วิธีใด

(1) คุณลักษณ์ผลิตภัณฑ์      (2) ราคา/คุณภาพ

(3) ประโยชน์ใช้สอย    (4) ดูจากคู่แข่ง

ตอบ การกำหนดตำแหน่งผลิตกัณฑ์โดยมุ่งเน้นที่การแข่งขัน เป็นวิธีการที่พยายามกำหนดตำแหน่งผลิตภัณฑ์ โดยการเปรียบเทียบสินค้าที่โฆษณากับสินค้าของคู่แข่ง ก็เช่น การใช้คุณลักษณะของผลิตกัณฑ์ที่มี ลักษณะเฉพาะ ซึ่งทำสินค้านั้นแตกต่างจากคู่แข่ง โดยเราอาจใช้คุณสมปติหรือคุณประโยชน์มากกว่าหนึ่งประการในการกำหนดตำแหน่งผลิตภัณฑ์ก็ได้

41.       สิ่งใดที่กำหนดกรอบการอ้างอิงของมนุษย์แต่ละคน

(1) ความต้องการ แรงจูงใจ สื่อที่ใช้     

(2) ประโยชน์ที่คาดหวัง นิสัยส่วนตัว

(3) สภาพเศรษฐกิจ สังคม การเมือง   

(4) การเรียนรู้ ประสบการณ์ ทัศนคติ

ตอบ 4 การถอดรหัส หมายถึง การตีความสารของผู้รับสารให้อยู่ในรูปของความหมายความคิด หรือการรับรู้ที่มีต่อข่าวสารนั้น โดยอาศัยขอบเขตของประสบการณ์ (Field of Experience) หรือกรอบของการอ้างอิง (Frame of Reference) อันประกอบด้วย ประสบการณ์ การรับรู้ ทัศนคติ บุคลิกภาพ ภาพลักษณ์ต่อตนเอง และค่านิยมมาประกอบในการกำหนดรู้ความหมายของสารที่ตนได้รับ

42.       ข้อใดคือเกณฑ์การพิจารณาเลือกสื่อโฆษณาประเภทสิ่งพิมพ์

(1)       ลักษณะของผู้อ่าน คุณภาพการพิมพ์ คุณภาพเนื้อหา

(2)       ความนิยมของสื่อ จำนวนผู้อ่าน ช่วงเวลาการโฆษณา

(3)       การครอบคลุมของสื่อ ราคาของสิ่งพิมพ์ จำนวนหน้าของสิ่งพิมพ์

(4)       ขนาดของสิ่งพิมพ์ ชนิดของกระดาษที่ใช้พิมพ์ จำนวนพิมพ์

ตอบ 1 การเลือกว่าจะใช้หนังสือพิมพ์ฉบับใดเป็นสื่อการโฆษณานั้น มีข้อพิจารณาดังต่อไปนี้

1.         ลักษณะของผู้อ่าน       2. เนื้อหาของคุณภาพด้านบทความ

3.         การซ้ำซ้อนของผู้อ่าน   4. ความคุ้มค่าด้านราคา

5. คุณภาพการพิมพ์

43.       ข้อใดเป็นอัตราค่าโฆษณาสำหรับการลงโฆษณาปกติโดยไม่มีส่วนลด

(1)       Flat Rate  (2) Special Rate

(3) Contract Rate       (4) Short Rate

ตอบ 1 Flat Rate หมายถึง อัตราค่าโฆษณาแบบไม่มีส่วนลดสำหรับการซื้อเนื้อที่โฆษราสินค้าหรือบริการใน ตำแหน่งใด ๆ ที่ไม่เจาะจงในหนังสือพิมพ์

44.       ข้อใดเป็นวิธีการกำหนดงบประมาณการส่งเสริมการตลาดแบบก้าวหน้า

(1)       การจัดสรรงบประมาณเป็นเปอร์เซ็นต์จากยอดขายในอดีต

(2)       การจัดสรรงบประมาณโดยดูจากส่วนแบ่งการขาย

(3)       การกำหนดงบประมาณโดยดูจากคู่แข่ง

(4)       การกำหนดงบประมาณโดยพิจารณาจากวัตถุประสงค์

ตอบ 4 วิธีการกำหนดงบประมาณโดยพิจารณาจากวัตถุประสงค์และงานที่จะทำ เป็นวิธีการกำหนดงบประมาณ แบบก้าวหน้า กล่าวคือ กำหนดแผนการส่งเสริมการตลาดโดยพิจารณาจากสถานการณ์แวดล้อมและสภาพ การแข่งขันในตลาด จากนั้นก็กำหนดงบประมาณตามกิจกรรมที่จะทำตามแผนการส่งเสริมการตลาดนั้น

45.       การกำหนดตำแหน่งผลิตภัณฑ์พิจารณาจากอะไร

(1)       สภาพตลาด สภาพการแข่งขัน สื่อที่ใช้

(2)       นโยบายบริษัท ลักษณะของสินอ้า ราคา การจัดจำหน่าย

(3)       จุดเด่นของสินค้า ความต้องการผู้ซื้อ กลยุทธ์ของคู่แข่ง

(4)       จุดเด่นของสินค้า ราคาของสินค้า สถานที่จัดจำหน่ายสินค้า

ตอบ 3 การวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ (Product Positioning) หมายถึง ศิลป์และศาสตร์ของการทำให้สินค้าหรือบริการของเรา มีความสอดคล้องกับลักษณะของกลุ่มเป้าหมายด้วยวิธีการใด ๆ ก็ตามที่จะทำให้ กลุ่มเป้าหมายมองเห็นสินค้าของเรามีความหมายแตกต่างจากสินค้าของคู่แข่ง ซึ่งวิธีการกำหนดตำแหน่ง ผลิตภัณฑ์นี้สามารถทำได้หลายวิธีขึ้นอยู่กับสถานการณ์จุดเด่นของสินค้า ความต้องการของผู้บริโภค และ กลยุทธ์ของคู่แข่ง


46.       
ให้กำลังฉุดลากมหาศาล เร่งแซงทันใจ ประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยม พร้อมมาตรฐานใหม่ในการบำรุงรักษาด้วยการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุก 20,000 กิโลเมตร” ข้อความดังกล่าวเป็นวิธีการเขียนข้อความโฆษณาแบบใด

(1)       Straightforward       (2)       Dialogue

(3)       Monologue      (4)       Humor

ตอบ 1 วิธีการเขียนข้อความโฆษณาแบบเสนอข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา (Straightforward Factual) นั้นเนื้อหาที่ปรากฏในข้อความโฆษณาจะมีลักษณะคล้ายกับเนื้อหาในข่าวหรือสารคดีของหนังสือพิมพ์และนิตยสาร แต่ในขณะเดียวกันก็เสนอข้อเท็จจริงที่ชัดเจนเพียงพอที่จะทำให้ผู้อ่านสนใจและเกิดความต้องการในสินค้าหรือบริการที่โฆษณา

47.       สื่อโฆษณาประเภทใดที่ผู้รับสารตั้งใจรับมากที่สุด

(1)       วิทยุกระจายเสียง        (2)       วิทยุโทรทัศน์

(3)       ป้ายโฆษณา    (4)       หนังสือพิมพ์

ตอบ 4 หนังสือพิมพ์ถือเป็นสื่อโฆษณาที่ประชาชนตั้งใจอ่าน เนื่องจากประชาชนบางกลุ่มจะใช้เป็นแหล่งข้อมูล สำหรับการจับจ่ายซื้อของ ดังนั้นหากเราต้องการโฆษณากิจกรรมส่งเสริมการขาย (ลด แลก แจก แถม ฯลฯ ) หนังสือพิมพ์จึงเป็นทางเลือกที่ดี เพราะผู้บริโภคจะนำข้อมูลที่ได้มาประกอบการตัดสินใจว่าจะซื้อสินค้า ยี่ห้อไหน และไปซื้อที่ใด

48.       ข้อเสียเปรียบสำคัญของการโฆษณาทางสื่อมวลชนคืออะไร

(1) ค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ยต่อหัวสูง          (2) ไม่ค่อยน่าเชื่อถือ

(3) มีบุคคลอื่นได้รู้เห็นด้วย      (4) ผู้รับสารไม่เจตนารับ

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 16. ประกอบ

49.       ปัญหาสำคัญของการโฆษณาทางสื่อมวลชนคืออะไร

(1) เป็นการสื่อสารทางเดียว    (2) ไม่สามารถกำหนดตารางสื่อได้

(3) วัดผลการโฆษณาได้ยาก   (4) ผู้รับสารสามารถเลือกได้

ตอบ 3 ปัญหาสำคัญของการโฆษณาทางสื่อมวลชน คือ วัดผลการโฆษณาได้ยาก เนื่องจากการสื่อสารมวลชนโดยส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นการสื่อสารทางเดียว (One-way Communication) การสื่อสารกลับ (Feedback) จากผู้รับสารไปยังผู้ส่งสารมักเป็นไปได้อย่างล่าช้าหรือกระทำได้ยากเช่น จดหมายจากผู้อ่าน โทรศัพท์จากผู้ฟัง การสำรวจความคิดเห็นของผู้ชม ฯลฯ

50.       Rating หมายถึงอะไร

(1)       อัตราการเข้าถึงของโฆษณาชิ้นใดชิ้นหนึ่ง

(2)       อัตราค่าโฆษณาสื่อใดสื่อหนึ่ง

(3)       ค่าแสดงความนิยมของรายการใดรายการหนึ่ง

(4)       ค่าแสดงความนิยมของรายการใดรายภารหนึ่ง

ตอบ 3 ความนิยมของรายการ (Rating) หมายถึง ค่าร้อยละที่แสดงถึงจำนวนผู้ชมที่ชมรายการใดรายการหนึ่ง จึงเป็นค่าที่แสดงความนิยมของรายการโทรทัศน์รายการใดรายการหนึ่ง

ตั้งแต่ข้อ 51. – 53. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม

(1)       Impact      (2) Reach

(3) Frequency    (4) Continuity

51.       การโฆษณาที่ใช้โทรทัศน์หลาย ๆ ช่องโฆษณาพร้อมกันเป็นการโฆษณาที่เน้นวัตถุประสงค์ข้อใด

ตอบ 3 ความถี่ (Frequency) คือ ค่าที่บอกถึงจำนวนครั้งที่ประชาชนเปิดรับสื่อโฆษณาหนึ่งในช่วงเวลาที่กำหนด เช่น การโฆษณาที่ใช้โทรทัศน์หลายๆ ช่องโฆษณาพร้อมกัน ซึ่งการโฆษณาบ่อย ๆครั้งจะเป็นผลดีต่อการ ทำความเข้าใจและสร้างการจดจำในข่าวสารการโฆษณาได้  

52. การโฆษณาที่ลงโฆษณาในรายการเดียวกันช่องเดียวกันทุกครั้งเป็นการโฆษณาที่เน้นวัตถุประสงค์ใด

ตอบ 2 (คำบรรยาย) การเข้าถึง (Reach) คือ จำนวนหรือค่าร้อยละของผู้รับสาร ซึ่งได้เห็นหรือทังสื่อใดสื่อหนึ่ง อย่างน้อยหนึ่งครั้ง โดยไม่คำนึงว่าจะได้เปิดรับสื่อนั้นบ่อยครั้งเพียงใด เช่น การโฆษณาที่ลงโฆษณาใน รายการเดียวกันช่องเดียวกันทุกครั้ง ทั้งนี้เพื่อจะดูว่าคนได้เห็นโฆษณาของเรากี่เปอร์เซ็นต์จากจำนวนคน ทั้งหมด

53.       การโฆษราที่ใช้ป้าย Billboard ขนาดใหญ่มาก ๆ เนื่องจากเน้นวัตถุประสงค์ข้อใด

ตอบ 1 การโฆษณากลางแจ้ง (Out door Advertising) เป็นการโฆษณาที่เข้าถึงประชาชนซึ่งอยู่นอกบ้านมักปรากฏ อยู่ในรูปของบิลบอร์ด (Billboard) เช่น โปสเตอร์ ภาพระบายสี และป้ายขนาดใหญ่ โดยสื่อกลางแจ้ง เหล่านี้มักจะมีขนาดใหญ่ มาก ๆ ภาพและข้อความก็ต้องมีขนาดใหญ่ เพื่อให้ผู้รับสารอ่านได้ในระยะไกล และจะมีผลกระทบ (Impact) สูงต่อผู้ชม

54.       การโฆษณาขนาดเต็มหน้าหนังสือพิมพ์เป็นการโฆษณาแบบใด

(1)       Display Advertising (2)       Classified Advertising

(3)       Handbill  (4)       Supplement

ตอบ 1 การโฆษณาทางหนังสือพิมพ์สามารถทำได้หลายรูปแบบ ดังนี้

1.         การโฆษณาขนาดใหญ่ (Display Advertising) โดยอาจเป็นแบบครึ่งหน้าหรือแบบเต็มหน้ามีทั้งที่เป็น โฆษณาสี่สีและ,ขาวดำ

2.         การโฆษณาย่อย (Classified Advertising)

3.         การโฆษณาแทรก (Preprinted Insert) เช่น หนังสือพิเศษ (Supplement) หรือใบปลิว (Handbill) สี่สี ที่จัดพิมพ์ต่างหาก แล้วนำมาแทรกไว้กับหนังสือพิมพ์ เป็นต้น

55.       การโฆษณาในตำแหน่งใดที่ได้รับความสนใจมากที่สุด

(1)       Island Position          (2)       Full Position

(3)       Solus         (4)       Strip

ตอบ 1 ตำแหน่งที่เป็นเกาะ (Island Position) เป็นตำแหน่งการลงโฆษณาโดยให้ชิ้นงานโฆษณาอยู่ตรงกลางและ ล้อมรอบด้วยบรรณาธิกรสาร การเลือกลงโฆษณาในตำแหน่งที่เป็นเกาะมักเป็นการโฆษณาขนาด Junior Page และถือเป็นตำแหน่งที่ได้รับความสนใจมากที่สุด

56.       หลักสำคัญของการสร้างสรรค์โฆษณาทางโทรทัศน์คืออะไร

(1)       ใช้คำพูดบอกเรื่องราวให้มากที่สุด       (2) บอกถึงแนวคิดหลักที่ใช้ในการโฆษณา

(3) ควรเสนอภาพสินค้าตั้งแต่ภาพแรก           (4) เน้นผู้นำเสนอมากกว่าตัวสินค้า

ตอบ 2 ข้อพึงปฏิบัติสำหรับการสร้างสรรค์สิ่งโฆษณาที่ดีเพื่อการโฆษณาทางโทรทัศน์มีดังนี้

1.         ควรใช้ภาพเพื่อบอกเรื่องราวให้มากที่สุด

2.         ต้องแสดงให้เห็นถึงแนวความคิดหลักที่ใช้ในการโฆษณา

3.         นำเสนอภาพของสินค้าและชื่อสินค้าอย่างชัดเจน

4.         พยายามทำให้สินค้าเป็นพระเอก

5.         ควรเริ่มขายสินค้าตั้งแต่ภาพแรก เป็นต้น

57.       การโฆษณาที่เสนอภาพปัญหานานาประการก่อนเสนอภาพสินค้าที่เข้ามาแก้ปัญหาเหล่านั้น เป็นการใช้วิธีการ นำเสนอภาพยนตร์โฆษณาแบบใด

(1) Demonstration    (2) Problem/Solution

(3) Product as Star    (4) Vignette

ตอบ 2 การแก้ปัญหา (Problem/Solution) เป็นการนำเสนอภาพปัญหานานาประการที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อใดเมื่อหนึ่ง จากนั้นก็นำเสนอภาพสินค้า ซึ่งเข้ามาแก้ปัญหานั้น เช่น เสนอภาพหญิงสาวที่มีปัญหาผมแห้งแตกปลาย จากนั้นก็นำเสนอภาพครีมนวดผม และเมื่อหญิงสาวใช้ครีมนวดแล้วเส้นผมกลับมีชีวิตชีวาหายแตกปลายเป็นต้น

58.       ข้อใดเป็นปัจจัยที่ใช้พิจารณาประกอบการกำหนดอัตราค่าโฆษณาทางโทรทัศน์

(1)       การเข้าถึงที่ ความถี่ ผลกระทบ ความต่อเนื่อง

(2)       ความครอบคลุม ความนิยมของรายการ ช่วงเวลาการโฆษณา

(3)       ฤดูกาล สังคมวิทยาของสื่อ งบประมาณการโฆษณา

(4)       งบประมาณ ฤดูการขาย วงจรอายุสินค้า ความหลากหลายของสื่อ

ตอบ 2 การคิดอัตราค่าโฆษณาทางโทรทัศน์จะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับปัจจัยดังนี้

1.         การครอบคลุมของสัญญาณของสถานีโทรทัศน์ช่องนั้น ๆ (Coverage)

2.         ความนิยมของรายการ (Rating)

3.         ช่องเวลาการโฆษณา (Timing)

59.       ค่า GRP เป็นประโยชน์ต่อการประเมินผลสื่อโฆษณาอย่างไร

(1) เป็นหน่วยวัคจำนวนของชิ้นงานโฆษณา    (2) แสดงถึงผลกระทบของแผนโฆษณา

(3) ช่วยให้ทราบระยะเวลาของโฆษณา          (4) แสดงงบค่าของแผนการโฆษณา

ตอบ 4 คะแนนความนิยมโดยรวม (Gross Rating Point : GRP) เป็นสิ่งที่นักโฆษณาใช้พิจารณาเพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างการเข้าถึง และความถี่ของการโฆษณา ซึ่งค่า GRP จะมีประโยชน์ต่อการประเมินผลสื่อโฆษณา หรือแสดงถึงผลกระทบของแผนโฆษณา โดยจะแสดงค่าของแผนการโฆษณาในรูปของคะแนนความนิยมโดยรวมที่ได้จากแผนงานโฆษณานั้น

60.       หากแผนการใช้สื่อโฆษณาระบุว่ามีการใช้สื่อบางช่วง และเว้นวรรคบางช่วง แสดงว่าแผนการใช้สื่อโฆษณานั้นใช้ รูปแบบความต่อเนื่องแบบใด

(1)       Continuity        (2) Flighting

(3) Fighting        (4) Pulsing

ตอบ 2 การโฆษณาแบบหยุดเป็นพัก ๆ (Flighting) เป็นการซื้อสื่อโฆษณาเป็นบางช่วงและหยุดพักเป็นบางช่วง กล่าวคือ จะซื้อสื่อโฆษณาในช่วงเวลาที่น่าจะขายสินค้าได้มากหรือผู้รับสารเต็มใจที่จะรับข่าวสารการ โฆษณาและหยุดโฆษณาเป็นบางช่วง โดยเฉพาะช่วงที่ไม่น่าจะขายสินค้าได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่าง มากหากสินค้าที่โฆษณานั้นมิใช่สินค้าที่ขายได้ตลอดทั้งปี

61.       Pass-along Audience หมายถึงอะไร

(1) ผู้อ่านที่เป็นผู้ซื้อนิตยสาร   

(2) ผู้ที่เห็นนิตยสารที่ร้านหนังสือ

(3) ผู้อ่านที่ไม่ใช่ผู้ซื้อนิตยสาร  

(4) ผู้ที่เป็นสมาชิกนิตยสาร

ตอบ 3 Pass-along Audience หมายถึง ผู้อ่านที่มิใช่สมาชิกหรือไม่ใช่ผู้ซื้อนิตยสาร เช่น ผู้อ่านที่อ่านนิตยสารตาม ร้านขายหนังสือ ในร้านเสริมสวย ในร้านตัดผม หรือในห้องสมุด ฯลฯ

62.       การซื้อเนื้อที่โฆษณาทางหนังสือพิมพ์โดยไม่เจาะจงตำแหน่งเรียกว่าอะไร

(1) Free Press   

(2) Run of Press

(3) Full Position          

(4) Junior Page

ตอบ 2 ROP (Run of Paper หรือ Run of Press) หมายถึง การลงโฆษณาโดยไม่เจาะจงตำแหน่ง ผู้พิมพ์สามารถลง โฆษณาในตำแหน่งใดก็ได้ในหน้าหนังสือพิมพ์

63.       ข้อใดเป็นบทบาทหน้าที่ของแผนกซื้อสื่อโฆษณา

(1)       รับผิดชอบเกี่ยวกับการผลิตสิ่งโฆษณาสำหรับสื่อมวลชน

(2)       จัดทำตารางสื่อโฆษณา

(3)       กำหนดกลยุทธ์เบื้องต้นของการวางแผนสื่อโฆษณา

(4)       ศึกษา วิเคราะห์ ความเป็นมาของสินค้าเพื่อกำหนดยุทธวิธีการใช้สื่อโฆษณา

ตอบ 2 บทบาทหน้าที่ของแผนกซื้อสื่อโฆษณา ก็คือ การจัดทำตารางสื่อโฆษณา (Media Schedule) ว่าจะซื้อ เวลาทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ช่องใดช่วงเวลาใด และต้องใช้งบประมาณเท่าไร นอกจากนั้นแผนกซื้อสื่อ โฆษณายังต้องมีข้อมูลเกี่ยวกับสื่อด้วยและเมื่อได้ตารางสื่อโฆษณาแล้วก็ต้องนำเสนอให้ฝ่ายบริการลูกค้า เพื่อนำเสนอให้ลูกค้าพิจารณาอนุมัติต่อไป

64.       ข้อใดเป็นข้อได้เปรียบของตัวแทนโฆษณาอิสระ

(1)       มีผู้เชี่ยวชาญและประสบการณ์สูงในการทำโฆษณา

(2)       ประหยัดค่าใช้จ่ายกว่าการตั้งตัวแทนโฆษณาในบริษัท

(3)       มีข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้า

(4)       ผู้โฆษณามั่นใจได้ว่าจะได้งานตรงตามจุดมุ่งหมายขององค์การ

ตอบ 1 ข้อได้เปรียบของตัวแทนโฆษณาอิสระหรือบริษัทโฆษณาอิสระ (Independent Agency) คือ

1.         มีผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์สูงในวงการโฆษณา

2.         เป็นการลงทุนที่ได้รับผลตอบแทนคุ้มค่า

3.         คอยติดตามความเคลื่อนไหว ของตลาดสินค้าและบริการตลอดจนปัญหาการโฆษณาต่าง ๆ อย่าง ต่อเนื่อง

4.         มีแนวคิดสร้างสรรค์ที่ท้าทายและแปลกใหม่

65.       เหตุใดตัวแทนโฆษณาจึงต้องศึกษาวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ก่อนการทำโฆษณา

(1)       เพื่อพัฒนาคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความพอใจของผู้ซื้อ

(2)       เพื่อทำความเข้าใจสถานะของสินค้าในตลาด

(3)       เพื่อหาจุดเด่นที่ทำให้ผลิตภัณฑ์นั้นแตกต่างจากคู่แข่ง

(4)       เพื่อให้เข้าใจปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค

ตอบ 3 การศึกษาวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ก่อนการทำโฆษณา เป็นการศึกษา ผลิตภัณฑ์นั้นมีคุณลักษณะและสรรพคุณ อย่างไรบ้าง อะไร คือจุดเด่นที่ทำให้ผลิตภัณฑ์นั้นแตกต่างจากยี่ห้อของคู่แข่ง รวมถึงรายละเอียดต่างๆ ที่ เกี่ยวกับตัวสินค้าไม่ว่าจะเป็นประโยชนใช้สอย รูปลักษณ์ หีบห่อ ชื่อยี่ห้อ ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ต่อ การวางแผนรณรงค์ทางการโฆษณา


66.       แผนโฆษณาที่เป็นแผนรวม (
Total Plan) ประกอบด้วยอะไรบ้าง

(1)       แผนสื่อโฆษณา แผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ แผนการส่งเสริมการขาย

(2)       แผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ แผนการกำหนดราคา แผนการกระจายสินค้า

(3)       แผนงานสื่อโฆษณา แผนงานสร้างสรรค์ การจัดสรรงบประมาณ

(4)       แผนการส่งเสริมการขาย แผนงานสื่อโฆษณา การจัดสรรงบประมาณ

ตอบ 3 การจัดทำแผนรณรงค์ทางการโฆษณาซึ่งเป็นแผนรวม (The Total Plan) จะประกอบด้วยแผนงานสร้างสรรค์ แผนงานสื่อโฆษณา และแผนการจัดสรรงบประมาณซึ่งแผนที่จัดทำนี้จะถูกนำไปเสนอเพื่อขอความเห็นชอบจากลูกค้า

67.       หากจะโฆษณาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ต้องเสนอรายละเอียดทางเทคนิคมาก ควรจะโฆษณาทางสื่อประเภทใด

(1) วิทยุกระจายเสียง  (2)       วิทยุโทรทัศน์

(3) หนังสือพิมพ์           (4)       โปสเตอร์

ตอบ 3 ข้อได้เปรียบประการหนึ่งของหนังสือพิมพ์ คือ มีเนื้อที่มากพอจะเสนอเนื้อหาการโฆษราที่มีรายละเอียดมาก และเนื่องจากสินค้าบางประเภทใช้วิธีจูงใจให้ซื้อด้วยการชี้แจงแสดงเหตุผล ซึ่งต้องการเนื้อที่มากพอที่จะเสนอรายละเอียดมาก ๆ ได้ดังนั้นหนังสือพิมพ์จึงเป็นสื่อที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการโฆษณา ลักษณะนี

68.       ข้อใดหมายถึง การกำหนดฐานะของสินค้าโดยใช้วิธีศึกษาสิ่งแวดล้อมทางการตลาด

(1) Advertising Concept    (2)       Product Strategy

(3) Product Positioning     (4)       Market Segmentation

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 14. ประกอบ

69.       Consumer’s Profile หมายถึงอะไร

(1) พฤติกรรมของผู้บริโภค      (2) ก.ระบุวนการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค

(3) พฤติกรรมการซื้อและใช้สินค้า       (4) ลักษณะร่วมของกลุ่มเป้าหมาย

ตอบ 4 หน้า 93 Consumer’s Profile หมายถึง ลักษณะร่วมของกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเป็นลักษณะร่วมของกลุ่ม บุคคลที่คาดว่าจะเป็นผู้สนใจข่าวสารการโฆษณาของเราอย่างจริงจัง โดยอาศัยลักษณะทางทะเบียนภูมิ หลังและลักษณะทางจิตวิทยาประกอบกัน

70.       มิตรภาพที่ดี…ลืมได้ยาก” เป็นข้อความโฆษณาที่ใช้อะไรเป็นสิ่งดึงดูดใจ

(1) Rational Appeal  (2) Emotional Appeal

(3) Idea Appeal (4) Logical Appeal

ตอบ 2 ประเภทของสิ่งดึงดูดใจ (Appeal) ในงานโฆษณาจะแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ

1.         สิ่งดึงดูดใจที่ใช้เหตุผล (Rational Appeal) เช่น ราคา คุณภาพ ประโยชน์ใช้สอย และคุณสมบัติของ สินค้า เป็นต้น

2.         สิ่งดึงดูดที่ใช้อารมณ์ (Emotional Appeal) เป็นการใช้ที่กล่าวถึงความภูมิฐาน ความรัก ความห่วงใย ความสุข มิตรภาพ ความมั่นคง ความปลอดภัย ความกลัว เป็นต้น

71.       คุณค่าของสินค้าขึ้นอยู่กับอะไร

(1) การรับรู้ของผู้บริโภค          

(2) ราคา

(3) บุคลิกภาพ 

(4) การจูงใจ

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 19. ประกอบ

72.       การแสดงให้เห็นวิธีใช้และลักษณะการทำงานของสินค้าเป็นแนวทางการนำเสนอแบบใด

(1) Product Alone      

(2) Demonstration

(30 Slice of Life 

(4) Presenter

ตอบ 2 การสาธิต (Demonstration) เป็นการนำเสนอเกี่ยวกับการทำงานของสินค้าโดยแสดงให้ผู้บริโภคเห็นว่าเขาจะใช้สินค้าได้อย่างไร หรือสินค้าทำงานอย่างไร และสามารถใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง นอกจากนี้อาจเป็นการสาธิตก่อนและหลังการใช้สินค้า เพื่อแสดงให้เห็นถึงประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับ

73.       วัตถุประสงค์การโฆษณาต้องมีความสัมพันธ์กับอะไร

(1)       กลุ่มเป้าหมายการโฆษณา

(2)       วัตถุประสงค์ของสื่อมวลชนที่จะใช้เป็นสื่อโฆษณา

(3)       วัตถุประสงค์การตลาดและนโยบายของบริษัทผู้โฆษณา

(4)       วัตถุประสงค์ของบริษัทผู้โฆษณา

ตอบ 4 สิ่งสำคัญที่ควรนำมาพิจารณา ประกอบการกำหนดวัตถุประสงค์การโฆษณา คือ

1.         ต้องมีความสัมพันธ์กับวัตถุประสงค์ของบริษัทผู้โฆษณาและวัตถุประสงค์การตลาด

2.         ต้องเป็นสิ่งที่สามารถเป็นไปได้ภายในระยะเวลา งบประมาณ และทรัพยากรที่มีอยู่

3.         ต้องเป็นสิ่งที่สามารถวัดหรือประเมินผลได้

4.         ควรมีลักษณะชัดเจน เจาะจง

74.       หากเป็นสื่อกระจายเสียงและแพร่ภาพ ควรใช้อะไรเป็นปัจจัยการพิจารณาเพื่อเลือกสื่อโฆษณาที่เจาะจง

(1)       ข้อได้เปรียบและข้อเสียเปรียบของสื่อ.            (2) ลักษณะผู้ชม

(3) ความครอบคลุมของสื่อนั้น            (4) รัศมีการกระจายเสียง

ตอบ 3 ข้อพิจารณาในการเลือกใช้สื่อโฆษณา ที่เจาะจงมีดังนี้

1.         หากเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ควรพิจารณาจากจำนวนพิมพ์ของสิ่งพิมพ์คุณภาพการพิมพ์คุณภาพของเนื้อหา ความคุ้มค่าด้านราคา ตำแหน่งที่จะลงโฆษณา ภาพลักษณ์ของสื่อนั้น ลักษณะของผู้อ่านและความ ซ้ำซ้อนของผู้อ่าน

2.         หากเป็นสื่อกระจายเสียงและแพร่ภาพ ควรพิจารณาจากความครอบคลุมของสื่อ ความนิยมของรายการ ความคุ้มค่าด้านราคา เนื้อหาของรายการ และค่าใช้จ่ายในการผลิตสิ่งโฆษณา

3.         ข้อมูลจากการวิจัยเกี่ยวกับสื่อต่าง ๆ

75.       กลยุทธ์การส่งเสริมการตลาดในช่วงแนะนำสินค้า ควรเป็นไปในลักษณะใด

(1)       สร้างความภักดีในชื่อยี่ห้อ

(2)       ใช้การส่งเสริมการขายเพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาด

(3)       ใช้การสื่อสารการตลาดแบบเจาะตรง

(4)       ใช้การส่งเสริมการตลาดทุกประเภท

ตอบ 4 ในช่วงแนะนำ เป็นช่วงที่บริษัทเริ่มนำสินค้าออกสู่ตลาดและต้องการให้ผู้บริโภครู้จักสินค้า กลยุทธ์การ ส่งเสริมการตลาดในช่วงนี้ควรใช้กิจกรรมส่งเสริมการตลาดแทบทุกประเภท เช่น ใช้การโฆษณาและการ ประชาสัมพันธ์เป็นกิจกรรมหลักกับสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไปหรืออาจใช้การขายโดยพนักงานขายเป็น กิจกรรมหลักกับสินค้าที่มีลักษณะซับซ้อนแสะสินค้าที่ต้องการคำอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้ามาก เป็นต้น


76.       หากต้องการสื่อสารการตลาดเพื่อการวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ ควรใช้เครื่องมือสื่อสาร การตลาดประเภทใด

(1) การประชาสัมพันธ์ (2) การส่งเสริมการขาย

(3) การโฆษณา           (4) การตลาดแบบเจาะตรง

ตอบ 3 การโฆษณา (Advertising) เป็นการติดต่อสื่อสารทางด้านตราสินค้า เราจะเลือกใช้การโฆษณาในกรณี ต่อไปนี้

1.         ต้องการสร้างความแตกต่างในสินค้า (Differentiate Product)

2.         ต้องการวางตำแหน่งของตราสินค้า (Brand Positioning) ให้อยู่ในการรับรู้ของผู้บริโภค

3.         ต้องการสร้างผลกระทบ (Impact) ทางด้านภาพลักษณ์ ที่ผู้บริโภคมีต่อสินค้าหรือต่อบริษัทผู้ผลิตสินค้า

4.         ต้องการสร้างการรู้จัก (Awareness)

77.       หากต้องการสร้างผลกระทบด้านภาพลักษณ์ที่ผู้บริโภคมี่ต่อบริษัท ควรใช้เครื่องมือสื่อสารการตลาดประเภทใด

(1) การประชาสัมพันธ์ (2) การส่งเสริมการขาย

(3) การโฆษณา           (4) การตลาดแบบเจาะตรง

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 76. ประกอบ

78.       การโฆษณาที่เน้นคุณสมปติของสินค้าเป็นโฆษณาที่ใช้กลยุทธ์ใด

(1)       Product-centored Strategies   (2) Prospect-centered Strategies

(3) Consumer-centered Strategies   (4) Consumer’s Benefit Strategies

ตอบ 1 กลยุทธ์การใช้สินค้าเป็นหลัก (Product-centered Strategies) เป็นการโฆษณาที่เน้นความสนใจไปที่คุณสมบัติของสินค้า (Attributes) หรือลักษณะเด่นของสินค้า (Features) และออกแบบข่าวสารการโฆษรา โดยมีวิธีการนำเสนอเช่น การทดสอบสินค้าอย่างรุนแรงการพิสูจน์โดยเปรียบเทียบกับสินค้าคู่แข่ง การ สาธิตก่อนและหลังการใช้สินค้า หรือการทดลองทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับคุณสมบัติของสินค้า

79.       ข้อใดเป็นข้อได้เปรียบของการโฆษณาส่งตรงทางไปรษณีย์

(1) ค่าใช้จ่ายต่อหัวต่ำมาก      (2) การกำหนดตารางสื่อโฆษณาทำได้ง่าย

(3) มีความยืดหยุ่นสูง  (4) สร้างความเชื่อถือได้สูง

ตอบ 3 ข้อได้เปรียบของการโฆษณาส่งตรงทางไปรษณีย์ ได้แก่

1.         เลือกกลุ่มเป้าหมายได้

2.         มีความยืดหยุ่นสูง

3.         มีความเป็นส่วนตัว

4.         ค่าใช้จ่ายโดยรวมของการโฆษณาต่ำกว่าการโฆษณาทางสื่อมวลชน

5.         สามารถใช้เป็นเครื่องมือของการตลาดแบบเจาะตรง

6.         สามารถวัดผลการโฆษณาได้

ตั้งแต่ข้อ 80.-82. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม

(1) Coverage      (2) Share of Audience

(3) Rating  (4) Impact

80.       ข้อใดเป็นค่าที่แสดงจำนวนบ้านที่สามารถรับชมโทรทัศน์ช่องใดช่องหนึ่งได้

ตอบ 2 ส่วนแบ่งของผู้ชม (Share of Audience) เป็นค่าร้อยละ ซึ่งแสดงว่าในช่วงเวลาหนึ่งมีบ้านที่มีเครื่องรับ โทรทัศน์จำนวนเท่าใดบ้างที่เลือกรับชมรายการโทรทัศน์แต่ละรายการในช่องใดช่องหนึ่ง

81.       ข้อใดเป็นค่าแสดงจำนวนผู้ชมโทรทัศน์แต่ละช่อง ณ ช่วงเวลาหนึ่ง

ตอบ 1 การครอบคลุม (Coverage) หมายถึง จำนวนบ้านที่สามารถเปิดรับสื่อโฆษณานั้นได้หรือเป็นค่าแสดงจำนวนผู้ชมโทรทัศน์แต่ละช่อง ณ เวลาหนึ่ง ซึ่งเป็นการครอบคลุมของสัญญาณของสถานีโทรทัศน์ช่อง นั้น ๆ

82.       ข้อใดเป็นค่าแสดงจำนวนผู้ชมโทรทัศน์รายการใดรายการหนึ่ง

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 50 ประกอบ

83.       นักโฆษณามีวิธีการอย่างไร จึงทำให้การโฆษณามีผลกระทบ (Impact) สูง

(1)       ผลิตภาพยนตร์โฆษณาที่มีความยาว 60 วินาทีขึ้นไป

(2)       ทำให้เรื่องราวในภาพยนตร์โฆษณาซับซ้อนเพื่อดึงดูดความสนใจ

(3)       นำเสนอข่าวสารการโฆษณาซ้ำ ๆ กันบ่อยครั้ง

(4)       นำเสนอข่าวสารการโฆษณาในสื่อหลายๆ สื่อไม่ซ้ำกัน

ตอบ 3 สารที่ผู้รับสารได้รับจากสื่อมวลชน จะอยู่ในความทรงจำของผู้รับสารเพียงช่วงสั้น ๆ ดังนั้นวิธีการที่นักโฆษณาจะทำให้ผู้รับสารจดจำสารนั้นได้นาน ๆ ยิ่งขึ้น หรือมีผลกระทบ (Impact) สูง ก็คือ การให้เขา เห็นสารนั้นซ้ำๆ กันบ่อยครั้งโดยให้เห็นโฆษณาของเราซ้ำ ๆ ในเวลาที่กำหนดอันจะช่วยให้จำโฆษณา ของเราได้มากขึ้น

84.       การโฆษณาในนิตยสารประเภทใดที่เจาะจงกลุ่มเป้าหมายได้ดีที่สุด

(1) นิตยสารทั่วไป        (2) นิตยสารผู้หญิง

(3) นิตยสารเกี่ยวกับวิชาชีพ    (4) นิตยสารข่าว

ตอบ 2 นิตยสารเพื่อผู้บริโภค (Consumer Magazine) เป็นนิตยสารสำหรับผู้อ่านทั่วไป โดยจะวางจำหน่ายตาม แผงหนังสือทั่วไป สามารถแบ่งออกได้ดังนี้

1.         นิตยสารสำหรับผู้อ่านทั่วไปเช่นสรรสาระ สกุลไทยฯลฯ

2.         นิตยสารสำหรับผู้หญิง เช่น ขวัญเรือน กุลสตรี ฯลฯ ถือเป็นนิตยสารที่เจาะจงกลุ่มเป้าหมายได้ดีที่สุด

3.         นิตยสารที่มีผู้อ่านที่มีความสนใจเฉพาะเรื่อง เช่น กอล์ฟ เทนนิส ฯลฯ

4.         นิตยสารข่าว เช่น มติชนสุดสัปดาห์ ฯลฯ

5.         นิตยสารเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย

85.       การโฆษณาโดยใช้TVC เป็นการโฆษณาแบบใด

(1) การโฆษณาแบบชื้อทั่งรายการ    (2) การโฆษณาแบบสปอต

(3) การโฆษณาแบบประกาศแจ้งความ          (4) การโฆษณาแทรกในรายการ

ตอบ 2 การโฆษณาแบบสปอต (Spot Announcement) เป็นการโฆษณาในช่วงหยุดพักโฆษณา (Commercial Break) ในรายการใดรายการหนึ่ง เพื่อนำเสนอภาพยนตร์โฆษณาทางโทรทัศน์ (TV Commercial หรือ TVC) ที่ได้จัดเตรียมไว้ซึ่งภาพยนตร์โฆษณาเหล่านิอาจมีความยาว 15วินาที30วินาที หรือ60วินาที


ตั้งแต่ข้อ 86. – 88. จงใช้ตัวเลือกต่อให้นี้ตอบคำถาม

(1) Day Time      (2) Prime Time

(3) Fringe Time (4) Prime Time Access

86.       การโฆษณาทางโทรทัศน์ระหว่างเวลา 18.30-19.30 น. จัดเป็นช่วงเวลาใด

ตอบ 4 นักโฆษณาจะแบ่งช่วงเวลาของการโฆษณาทางวิทยุโทรทัศน์ มีดังนี้

1.         ช่วงเช้าตรู่ (Early Morning) ได้แก่เวลาประมาณ 6.00-8.00 น.

2.         ช่วงเวลากลางวัน (Day Time) ได้แก่ เวลาประมาณ 8.00 – 16.00 น. เป็นช่วงเวลาที่คนส่วนใหญ่จะ ออกไปทำงานหรือไปโรงเรียน

3.         ช่วงเวลาบ่ายจนถึงเย็น (Fringe Time) ได้แก่ ช่วงเวลาประมาณ 16.00 – 18.30 น. เป็นช่วงเวลาเย็นที่ผู้ชม บางส่วนกลับถึงบ้านแล้วแต่บางส่วนยังอยู่ระหว่างเดินทางกลับบ้าน

4.         ช่วงเวลาก่อนไพร์มไทม์ (Prime Time Access) ได้แก่ ช่วงเวลาประมาณ 18.30-19.30 น.

5.         ช่วงเวลาไพร์มไทม์ (Prime Time) ได้แก่ ช่วงเวลาประมาณ 19.30 – 22.30 น. ถือเป็นช่วงเวลาที่มีผู้ชม รายการโทรทัศน์มากที่สุด

6.         ช่วงเวลาดึก (late Night) ได้แก่ ช่วงเวลาประมาณ 22.30 – 24.00 น.

87.       การโฆษณา.ระหว่างเวลา 16.00.-.18,30 น. เป็นช่วงเวลาใด

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 86. ประกอบ

88.       การโฆษณาระหว่างเวลา 20.00 – 22.00 น.

เป็นช่วงเวลาใด ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 86 ประกอบ

89.       การคำนวณหาส่วนแบ่งของผู้ชมรายการคำนวณจากอะไร

(1) จำนวนรายการ     (2) รัศมีการส่งสัญญาณ

(3) จำนวนผู้ชมโทรทัศน์แต่ละช่อง       (4) ความนิยมของรายการใดรายการหนึ่ง

ตอบ 3 คูคำอธิบายข้อ 80. ประกอบ

90.       TV Commercial หมายถึงอะไร

(1) ช่วงเวลาพักคั่นรายการเพื่อการโฆษณา    (2) การขายสินค้าทางโทรทัศน์

(3) ภาพยนตร์โฆษณาทางโทรทัศน์     (4) การโฆษณาโดยซื้อทั้งรายการ

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 85. ประกอบ

91. สี มีอิทธิพลอย่างไรต่อข่าวสารการโฆษณา

(1) แสดงเอกลักษณ์ของสินค้า          

(2) เตือนความจำเกี่ยวกับสินค้า

(3) ช่วยสร้างบรรยากาศและอารมณ์  

(4) สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้สินค้า

ตอบ 2 สี (Color) จะมีอิทธิพลต่อข่าวสารการโฆษณาดังนี้

1.         ดึงดูดความสนใจและโดดเด่นกว่าการโฆษณาขาว/ดำ

2.         สินค้าส่วนใหญ่ดูดีขึ้นเมื่อนำเสนอด้วยภาพสี

3.         สามารถใช้สีสร้างบรรยากาศและอารมณ์ความรู้สึกให้ผู้อ่านคล้อยตามได้

4.         สีช่วยสร้างภาพลักษณ์ของสินค้ามีระดับได้

5.         สร้างความประทับใจได้ดีช่วยให้จดจำได้ง่าย

92.       การโฆษณาทางนิตยสารหน้าใดที่ราคาแพงที่สุด

(1) หน้า 1        

(2) หน้า 2

(3) หน้า 3        

(4) หน้า 4

ตอบ 3 ตำแหน่งที่ดีสำหรับการโฆษณาทางนิตยสารได้แก่

1.         การโฆษณาปกหลังด้านนอก ถือเป็นตำแหน่งที่ดีเยี่ยมสำหรับการโฆษณาทางนิตยสาร

2.         การโฆษณาในหน้า

3.         เป็นการโฆษณาในหน้าแรกของเนื้อในนิตยสาร ถือว่าเป็นตำแหน่งโฆษณาที่ดี

4.         การโฆษณาที่ปกหน้า-หลังด้านใด

5.         ตำแหน่งที่อยู่ติดกับเนื้อหาที่สัมพันธ์กับสินค้าที่โฆษณา

ตั้งแต่ข้อ 93. – 95. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำลาม

(1) Special Rate          (2) Contract Rate

(3) Volume Discount          (4) Short Rate

93.       ข้อใดหมายถึงอัตราค่าโฆษณาในตำแหน่งที่เจาะจง

ตอบ 1 การคิดอัตราค่าโฆษณาของหนังสือพิมพ์จะมีหลายอัตราดังนี้

1.         Flat Rate เป็นอัตราค่าโฆษณาแบบไม่มีส่วนลด

2.         Volume Discount เป็นส่วนลดสำหรับการซื้อเนื้อที่โฆษณาจำนวนหลายหน้าหรือหลายชิ้น ในหนังสือพิมพ์ ฉบับเดียวกัน

3.         Contract Rate เป็นอัตราค่าโฆษณาที่มีการตกลงกันล่วงหน้าหรือต้องทำสัญญาร่วมกันส่วน Short Rate เป็น อัตราค่าโฆษณาที่ไม่สามารถลงโฆษณาตามที่ทำสัญญากันไว้ล่วงหน้า

4.         Special Rate เป็นอัตราค่าโฆษราในตำแหน่งที่เจาะจง

5.         combination Rate เป็นอัตราที่มีส่วนลดในการโฆษณาทางหนังสือพิมพ์หลายฉบับในเครือเดียวกัน

94.       ข้อใดหมายถึงอัตราค่าโฆษณาแบบมีส่วนลดในกรณีที่ลงโษณาหลายชิ้นในฉบับเดียวกัน

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 93. ประกอบ

95.       ข้อใดหมายถึงอัตราค่าโฆษณาในกรณีที่บริษัทไม่สามารถลงโฆษณาไต้ตามที่ทำสัญญากันไว้ล่วงหน้า

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 93. ประกอบ


96.       หากค่าโฆษณาของหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งคอลัมน์นิ้วละ 800 จำนวนพิมพ์วันละ 600,000 ฉบับ ค่า 
CPM ของ หนังสือพิมพ์นี้เท่ากับเท่าไร

(1)       0.75    (2)       1

(3)       1.33    (4)       1.75

ตอบ 3

97.       หนังสือพิมพ์ข่าวรามคำแหงเป็นหนังสือพิมพ์ขนาดใด

(1)       Half Side .         (2)       Broadsheet

(3)       Tabloid    (4)       Pocket

ตอบ 3 หนังสือพิมพ์ขนาดเล็กหรือขนาดแท็บลอยด์ (Tabloid) หมายถึง หนังสือพิมพ์ที่มีขนาดประมาณครึ่งหนึ่ง ของหนังสือพิมพ์ขนาดใหญ่ ตัวอย่างของหนังสือขนาดนี้ได้แก่ สยามกีฬา สตาร์ซ็อคเกอร์ และข่าวรามคำแหง เป็นต้น

98.       อัตราค่าโฆษณาแบบ combination Rate หมายถึงอะไร

(1)       อัตราที่มีส่วนลดในการโฆษณาทางโทรทัศน์หลายช่วงในรายการเดียวกัน

(2)       อัตราที่มีส่วนลดในการโฆษณาทางวิทยุกระจายเสียงในรายการที่อยู่ในเครือเดียวกัน

(3)       อัตราที่มีส่วนลดในการโฆษณาทางหนังสือพิมพ์หลายฉบับในเครือเดียวกัน

(4)       อัตราค่าโฆษณาแบบมีส่วนลดในกรณีโฆษณาในสื่อหลายๆ สื่อในเครือเดียวกัน

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 93. ประกอบ

99.       ข้อใดคือจุดประสงค์ของการวางแผนสื่อโฆษณา

(1)       ให้คนรู้จักสินค้า ให้คนใช้สินค้า ให้ซื้อสินค้า

(2)       การเข้าถึง ความถี่ ความต่อเนื่อง ผลกระทบ

(3)       การเข้าถึง บุคลิกของสินค้า การวางตำแหน่งสินค้า

(4)       การทำให้รู้จักสินค้า การโน้มน้าวใจให้ซื้อสินค้า การวางตำแหน่งสินค้า

ตอบ 2 จุดประสงค์ของการวางแผนสื่อโฆษณา (Media Planning) ประกอบด้วย การกำหนดจุดมุ่งหมายและการ ตัดสินใจในเรื่องสำคัญ ๆ ดังต่อไปนี้

1. การเข้าถึง (Reach)       2. ความถี่ (Frequency)

3.         ความต่อเนื่อง (Continuity)       4. ผลกระทบ (Impact)

100.    ข้อใดเป็นหน้าที่ของการโฆษณา

(1) รับประกันคุณภาพผลิตภัณฑ์     (2) สร้างความภักดีต่อธุรกิจ

(3) ส่งเสริมการขาย   (4) เพิ่มต้นทุนของสินค้า

(5) ช่วยการจัดจำหน่าย

ตอบ หน้าที่สำคัญของการโฆษณา มีดังนี้

1.      เพื่อสื่อสารข้อมูลข่าวสารเที่ยวกับผลิตภัณฑ์

2.      เพื่อบอกถึงความแตกต่างระหว่างผลิตภัณฑ์ที่โฆษณากับคู่แข่งขัน

3.      เพื่อกระตุ้นให้ใช้ผลิตภัณฑ์

4.      เพื่อช่วยให้มีการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น

5.      เพื่อเพิ่มความชอบ และสร้างความภักดีต่อตราสินค้าหรือธุรกิจ โดยบอกเหตุผลที่ผู้บริโภคควร เลือกใช้สินค้ายี่ห้อของเราตลอดไป

6.      เพื่อช่วยลดต้นทุนรวมด้านการขาย

MCS2603 สื่อมวลชนเพื่อการโฆษณา แนวข้อสอบปี2557 ชุดที่2

ข้อสอบกระบวนวิชา MCS2603 สื่อสารมวลชนเพื่อการโฆษณา

เตรียมสอบปี 2557 ชุดที่2

1.         การออกแบบสร้างสรรค์ชิ้นงานโฆษณาจัดเป็นองค์ประกอบใดของการสื่อสาร

(1) การส่งสาร 

(2) การเข้ารหัสสาร

(3) สาร            

(4) ช่องทางการสื่อสาร

ตอบ 3 การสื่อสาร (Communication) ในกระบวนการโฆษณา ประกอบด้วย

1.         ผู้ส่งสาร (Source) เช่น บริษัทผู้ผลิตสินค้า หรือผู้โฆษณา ฯลฯ

2.         การเข้ารหัสสาร (Encoding) เช่น การออกแบบสร้างสรรค์ชิ้นงานโฆษณา ฯลฯ

3.         สาร (Message) เช่น ชิ้นงานโฆษณา ฯลฯ

4.         ช่องทางการสื่อสาร (Channel) เช่น สื่อมวลชน ฯลฯ

5.         ผู้รับสาร (Receiver) หรือ กลุ่มเป้าหมายการโฆษณา เช่น ผู้บริโภคหรือผู้รับชมรับฟังข่าวสารการ โฆษณา ฯลฯ

2.         ข้อใดคือลักษณะสำคัญของการโฆษณา

(1)       เป็นการโฆษณาชวนเชื่อ

(2)       เป็นการชักจูงใจด้วยการสัญญาว่าจะให้ของรางวัลต่าง ๆ

(3)       ต้องระบุว่าใครคือผู้ออกค่าใช้จ่ายในการโฆษณา

(4) เป็นการสื่อสารที่มี่จุดมุ่งหมายเพื่อความบันเทิง

ตอบ 3 ลักษณะสำคัญของการโฆษณา มีดังนี้

1.         เป็นการสื่อสารที่ไม่เป็นส่วนบุคคล หรือไม่เจาะจงส่งไปยังบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่เป็นสารที่มุ่งตรง ไปยังบุคคลจำนวนมากในคราวเดียวกัน

2.         เป็นการส่งเสริม หรือนำเสนอเรื่องราวที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับสินค้า บริการ หรือความคิด

3.         มีการระบุผู้อุปถัมภ์ หรือผู้ออกค่าใช้จ่ายในการโฆษณา

4.         ต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นค่าเวลาและเนื้อที่

5.         ข่าวสารการโฆษณามีลักษณะเป็นข่าวสารเพื่อการโน้มน้าวใจ

3.         เนื้อหาของโฆษณาต้องประกอบด้วยอะไร

(1)       ข้อเท็จจริงทั้งหมดเกี่ยวคับสินค้า         

(2) ความรับผิดชอบต่อสังคม

(3) การส่งเสริมสินค้า บริการ หรือความคิด     

(4) การแจ้งข่าวสารทั่วไป

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 2. ประกอบ

4.         ข้อใดคือหน้าที่สำคัญของการโฆษณา

(1)       แจ้งข่าวสารเกี่ยวคับเรื่องที่เป็นประเด็นสาธารณะ

(2)       การเสนอข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์

(3)       การกระตุ้นให้ซื้อผลิตภัณฑ์

(4)       สร้างความภักดีต่อบริษัทผู้โฆษณา

ตอบ 3 หน้าที่สำคัญของการโฆษณามีดังนี้

1.         เพื่อสื่อสารข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์

2.         เพื่อบอกถึงความแตกต่างระหว่างผลิตภัณฑ์ที่โฆษณากับคู่แข่งขัน

3.         เพื่อกระตุ้นให้ซื้อหรือใช้ผลิตภัณฑ์

4.         เพื่อช่วยให้มีการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น

5.         เพื่อเพิ่มความชอบและสร้างความภักดีต่อตราสินค้าหรือธุรกิจ

6.         เพื่อช่วยลดต้นทุนรวมด้านการขาย

5.         การโฆษณา สติ + เหตุผล = ภูมิคุ้มกัน” ของกองทัพบกร่วมกับ กอ.รมน. จัดเป็นการโฆษณาประเภทใด

(1)     โฆษณาผลิตภัณฑ์      (2) สถานที่จำหน่ายสินค้า

(3) ความเป็นชุมชนท้องถิ่น      (4) องค์กรหรือสถาบันผู้จำหน่ายสินค้า

ตอบ 2 (ข่าว) การโฆษณาแนวความคิด (Idea Advertising) เป็นการโฆษณาที่มีจุดมุ่งหมายในการเสนอ แนวความคิด อุดมการณ์ และนโยบาย เช่น สติ+เหตุผล = ภูมิคุ้มกัน” ของกองทัพบกร่วมกับ กอ.รมน. เป็นต้น

6.         การโฆษราระดับชาติ มักเป็นการโฆษณาที่เน้นสิ่งใดเป็นหลัก

(1)       ชื่อยี่ห้อและตราสินค้า  (2) สถานที่จำหน่ายสินค้า

(3) ความเป็นชุมชนท้องถิ่น      (4) องค์กรหรือสถาบันผู้จำหน่ายสินค้า

ตอบ 1 หน้า 13 การโฆษณาระดับชาติ (National Advertising) หรือบางครั้งอาจเรียกว่าการโฆษณาชื่อยี่ห้อ (Brand Advertising) โดยการ.โฆษณาทางสื่อมวลชนส่วนใหญ่จะเป็นการโฆษณาระดับชาติที่มีพื้นที่ครอบคลุมทั่วประเทศ และมักเป็นการโฆษณาภายใต้ชื่อยี่ห้อหรือตราสินค้าโดยผู้อุปถัมภ์ที่เป็นผู้ผลิตหรือ ตัวแทนจำหน่ายแต่ผู้เดียวของสินค้ายี่ห้อนั้น

7.         ข้อใดเป็นแนวทางการโฆษณาที่เหมาะสำหรับสินค้าที่อยู่ในช่วงอิ่มตัว

(1)       กล่าวถึงชื่อสินค้าและแสดงภาพสินค้าบ่อยครั้ง

(2)       กล่าวถึงประสบการณ์ของบริษัทผู้โฆษณา

(3)       ใช้คำขวัญที่เน้นคุณสมบัติของสินค้า

(4)       ชี้ให้เห็นความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างสินค้าที่โฆษณากับคู่แข่ง

ตอบ 2 (คำบรรยาย) ช่วงอิ่มตัว (Maturity) เป็นช่วงที่สินค้าได้รับการยอมรับพอสมควรแล้ว มีลูกค้าบางกลุ่มที่ สนใจสินค้าของเราเป็นพิเศษ กิจกรรมส่งเสริมการขายอาจมีความจำเป็นน้อยลง แต่เน้นการโฆษณาและ การประชาสัมพันธ์ เพื่อย้ำถึงภาพลักษณ์ของสินค้าและตราสินค้า หรือภาพลักษณ์ของบริษัทผู้โฆษณาโดย การกล่าวถึงประสบการณ์และความสำเร็จที่ผ่านมาเพื่อให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจในสินค้านั้นมากขึ้น

8.         การตอบสนองสารในขั้นตอนใดที่เป็นการตอบสนองในระดับ The Affective Stage

(1)       รู้        (2)       ตระหนักรู้

(3)       เข้าใจ   (4)       สนใจ

ตอบ 4 ขั้นตอนการตอบสนองต่อข่าวสารจะเป็นไปตามลำดับขั้นตอนพื้นฐาน 3 ขั้นตอน ดังนี้

1.         ขั้นความรู้ (The Cognitive Stage) ได้แก่ ขั้นตระหนักรู้ หรือรู้จัก มีความรู้เกี่ยวกันสินค้า หรือความ เข้าใจ ฯลฯ

2.         ขั้นความรู้สึก (The Affective Stage) ได้แก่ ขั้นของความสนใจความชอบการยอมรับ และการ จดจำ ฯลฯ

3.         ขั้นแสดงพฤติกรรม (The Behavioral Stage) เช่น การทดลองใช้ การไปซื้อหา การแนะนำให้ผู้อื่นไปซื้อหรือการห้ามไม่ให้ซื้อ เป็นต้น

9.         การแบ่งส่วนตลาดออกเป็นกลุ่ม A B C D E เป็นการแบ่งโดยใช้ปัจจัยใด

(1)       Age  (2)       Gender

(3)       Need         (4)       SES

ตอบ 4 การแบ่งส่วนตลาดโดยการพิจารณาจากรายได้ อาชีพ และการศึกษา หรืออาจรวมเรียกว่า สถานะทาง สังคมและเศรษฐกิจ” (Socio-Economic Status : SES) จะแบ่งส่วนตลาดออกเป็นกลุ่ม A B C D E ดังนี้

1.         คือ กลุ่มคนที่มีรายได้ การศึกษาสูง และมีอาชีพเป็นที่ยกย่อง

2.         คือ กลุ่มคนที่มีรายได้สูง แต่อาจมีการศึกษาต่ำ บางทีเรียกว่า พวกเศรษฐีใหม่

3.         คือ กลุ่มของกิจการรายย่อย มีธุรกิจขนาดเล็กเป็นของตัวเอง มีการศึกษาปานกลาง

4.         คือ กลุ่มคนที่มีรายได้ไม่สูงนัก มีอาชีพไม่เป็นที่ยกย่อง เช่น ข้าราชการชั้นผู้น้อย

5.         คือ กลุ่มผู้ใช้แรงงานที่มีรายได้ต่ำ ขาดการศึกษา

10.       ความภักดีต่อตรายี่ห้อ มีความสำคัญอย่างไร

(1)       หากผู้บริโภคจดจำชื่อยี่ห้อสินค้าได้ จะทำให้ผู้บริโภคซื้อสินค้ามากยิ่งขึ้น ,

(2) เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงบุคลิกภาพของผู้บริโภค

(3)       เป็นสิ่งที่ทำให้นักโฆษณาทราบว่าผู้บริโภคมีรูปแบบการดำเนินชีวิตอย่างไร

(4)       หากผู้บริโภคยึดมั่นต่อสินค้ายี่ห้อใด สินค้ายี่ห้อนั้นย่อมมีการเจริญเติบโตทางธุรกิจ

ตอบ 4 ความภักดีในยี่ห้อ (Brand Loyalty) เป็นสิ่งบ่งชี้ให้ทราบถึงความยึดมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อสินค้ายี่ห้อใด ยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งจะทำให้สินค้ายี่ห้อนั้นมีการเจริญเติบโตทางธุรกิจโดยระดับความภักดีในยี่ห้อนี้จะมีตั้งแต่ กลุ่มลูกค้าที่ภักดีอย่างมั่นคงแน่นแฟ้น ซึ่งจะเจาะจงชื่อสินค้าทุกครั้งที่ซื้อ จนถึงกลุ่มที่ไม่มีความภักดีใน ยี่ห้อเลย กล่าวคือ จะซื้อสินค้าที่ราคาถูกหรือหาซื้อได้สะดวกเท่านั้น

11.       คนกลุ่มใดไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของการโฆษณาทางหนังสือพิมพ์

(1)       เยาวชนอายุต่ำกว่า 15ปี          

(2) แม่บ้านในเมือง

(3) หนุ่มสาวรุ่นใหม่วัยทำงาน  

(4) พ่อบ้าน

ตอบ 1 (คำบรรยาย) กลุ่มเป้าหมายของการโฆษณา คือกลุ่มประชาชนที่ผู้โฆษณาคาดหวังว่าจะเป็นผู้ที่สนใจ สินค้าหรือบริการของตนอย่างจริงจังและมากกว่ากลุ่มอื่น เป็นกลุ่มที่มีศักยภาพ (Potential) มากที่สุดในการที่จะเป็นผู้ซื้อสินค้าหรือใช้บริการที่โฆษณา เช่น แม่บ้านในเมือง หนุ่มสาวรุ่นใหม่วัยทำงาน และ พ่อบ้าน เป็นกลุ่มเป้าหมายของการโฆษณาทางหนังสือพิมพ์หรือเยาวชนอายุต่ำกว่า 15ปี จะเป็น กลุ่มเป้าหมายของการโฆษณาทางโทรทัศน์ เป็นต้น

12.       เหตุใดจึงต้องกำหนดกลุ่มเป้าหมายการโฆษณา

(1)       เพราะเป็นโอกาสที่ธุรกิจจะสร้างผลกำไรได้มาก

(2)       เพราะผลิตภัณฑ์ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของคนทุกกลุ่มได้

(3)       เพราะเป็นการเสี่ยงมากหากผู้บริโภคเห็นโฆษณาแล้วไม่มาซื้อสินค้า

(4)       เพราะการกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนทำให้ไม่ต้องไปดึงลูกค้ามาจากคู่แข่ง

ตอบ 2 การทำความรู้จักกับกลุ่มเป้าหมาย เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการโฆษณาเพราะมนุษย์เรามีความ แตกต่างกันในหลาย ๆด้าน รวมทั้งความสนใจและความชอบของแต่ละคนก็แตกต่างกัน ทำให้ผลิตภัณฑ์ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของคนทุกกลุ่มได้ ดังนั้นการกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ ชัดเจนจึงช่วยให้นักโฆษณาสามารถกำหนดการสื่อสารได้อย่างเหมาะสมสำหรับแต่ละกลุ่มเป้าหมาย

13.       ข้อใดเป็นความต้องการทางสังคม

(1) อาหาร ที่อยู่อาศัย เสื้อผ้า   (2) ความมั่นคงและปลอดภัย

(3) การประสบความสำเร็จสูงสุด        (4) ได้รับการยอมรับนับถือ

ตอบ 4 ทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการของมาสโลว์ จะแสดงถึงระดับความต้องการของมนุษย์5 ระดับตามลำดับ ความสำคัญดังนี้

1.         ความต้องการทางร่างกาย ซึ่งจะได้แก่อาหาร ที่อยู่อาศัย เสื้อผ้าและความต้องการทางเพศเป็นต้น

2.         ความต้องการความปลอดภัย

3.         ความต้องการทางสังคม ได้แก่ ความต้องการความรักและการเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ความชอบ ความรู้สึกเป็นเจ้าของและได้รับการยอมรับจากผู้อื่น

4.         ความต้องการการยอมรับนับถือ

5.         ความต้องการประสบความสำเร็จตามที่ตนปรารถนา

14.       การตัดสินใจเรื่องใดที่สำคัญที่สุคด ต่อการใช้สื่อมวลชนเพื่อการโฆษณา

(1)       การกำหนดงบประมาณการโฆษณา

(2)       การเลือกใช้สื่อที่เหมาะสม

(3)       การวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์

(4)       การสร้างความประทับใจด้วยภาพ และคำพูด

ตอบ 2 เนื่องจากงบประมาณการโฆษณาส่วนใหญ่(ประมาณ 85%) จะถูกใช้ไปเพื่อการซื้อสื่อโฆษณา มีเพียง ประมาณ 15 % เท่านั้นที่ตกอยู่กับบริษัทโฆษณา ดังนั้นนักโฆษณาจึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบในการ ตัดสินใจเลือกใช้สื่อโฆษณาที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อจะให้ข่าวสารการ โฆษณานั้นไปถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายจำนวนมากและบ่อยครั้งที่สุดเท่าที่จะทำได้ภายในวงเงิน งบประมาณที่มีอยู่

15.       เพราะเหตุใดสื่อมวลชนจึงเป็นสื่อที่เหมาะสมในการนำเสนอข่าวสารการโฆษณา

(1)       เข้าถึงผู้บริโภคได้ทุกที่ ทุกเวลา .         (2) น่าเชื่อถือ

(3) ค่าใช้จ่ายไม่สูงมาก            (4) เป็นสื่อที่ส่งตรงถึงผู้รับ

ตอบ 1 ปัจจุบันแม้จะมีช่องทางการสื่อสารให้เลือกใช้มากมายหลายช่องทาง แต่นักการตลาดก็ยังใช้สื่อมวลชน เป็นสื่อหลักของการโฆษณา เพราะว่า การสื่อสารมวลชนเป็นการสื่อสารที่สามารถนำข่าวสารการตลาด ไปยังกลุ่มประชาชนจำนวนมากพร้อมๆ กันในเวลาเดียวกันหรือสามารถเข้าถึงผู้บริโภคไต้ทุกที่ ทุกเวลา นอกจากนี้สื่อมวลชนก็ยังถือเป็นสื่อที่มีค่าใช้จ่ายต่ำประชาชนมีความภักดีต่อสื่อ และเป็นสื่อที่น่าเชื่อถือ

16.       ข้อใดคือข้อจำกัดสำคัญของการใช้สื่อมวลชนเพื่อการโฆษณา

(1)       มีบุคคลอื่น ๆ ได้เห็นโฆษณาด้วย

(2)       ผู้บริโภคไม่ได้ใช้สื่อมวลชนด้วยเจตนาที่จะดูโฆษณา

(3)       สื่อบางประเภทเจาะจงกลุ่มเป้าหมายได้

(4)       มีเนื้อหาสาระที่ดึงดูดความสนใจของสาธารณชนทั่วไป ทำให้มีผู้รับมากเกินไป

ตอบ 2 ข้อจำกัดสำคัญของการใช้สื่อมวลชนในการโฆษณา มีดังนี้

1.         ประชาชนไม่ได้เจตนาจะดูโฆษณาทางสื่อมวลชน

2.         หากสิ่งโฆษณานั้นไม่มีความน่าสนใจ หรือไร้รสนิยม จะทำให้ผู้ชมหรือผู้ฟังมองว่าเป็นสิ่งน่ารำคาญ และมีความรู้สึกไม่ดีได้

3.         หากสิ่งที่ผู้บริโภคได้รับไม่เป็นไปตามที่ไต้โฆษณาไว้ จะทำให้ถูกมองว่าเป็นการโฆษณาหลอกลวง

4.         สื่อต่างๆ มีภาพลักษณ์ของตัวสื่อเอง 5: สื่อต่างๆ มีสังคมวิทยาของสื่อ

17.       ข้อใดเป็นเครื่องกำหนดพฤติกรรมการบริโภคของคนในสังคม

(1) ปทัสถานทางสังคมและวัฒนธรรม            (2) การโฆษณาทางสื่อมวลชน

(3) รายได้โดยเฉลี่ยของคนในครอบครัว          (4) ปริมาณผลผลิตและรายได้

ตอบ 1 ปทัสถานทางสังคม วัฒนธรรม และค่านิยม ถือเป็นปัจจัยทางสังคมที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของ ผู้บริโภค รวมทั้งยังเป็นเครื่องกำหนด หรือเป็นสิ่งชี้นำสมาชิกของสังคมให้มีแนวทางการดำรงชีวิต ตลอดจนพฤติกรรมการบริโภคของคนในสังคมว่าจะไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง

18.       ข้อใดคือความหมายของ ทัศนคติ

(1)       เป็นสิ่งที่ติดตัวมนุษย์มาแต่กำเนิด เป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วในตัวมนุษย์

(2)       สิ่งที่กระตุ้นให้คนเราแสดงพฤติกรรมออกมาเพื่อให้บรรลุเป้าหมายอย่างใดอย่างหนึ่ง

(3)       ความรู้สึกที่มีต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง และความรู้สึกนี้จะนำไปสู่พฤติกรรมการแสดงออก

(4)       เป็นผลรวมของลักษณะพฤติกรรมภายนอกและความนึกคิดหรือพฤติกรรมภายในของบุคคลที่ทำให้เขาแตกต่างไปจากคนอื่น

ตอบ 3 ทัศนคติ (Attitude) หมายถึง การที่บุคคลมีใจโน้มเอียงหรือความรู้สึกที่มีต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง บุคคลใด บุคคลหนึ่ง หรือแนวความคิดใดแนวความคิดหนึ่ง จนนำไปสู่พฤติกรรมการแสดงออกที่มีต่อสิ่งนั้น โดย ทัศนคติจะมิใช่สิ่งที่ตัวตัวเรามาแต่กำเนิด

19.       การโฆษณาแบบ Soft Sell หมายถึงอะไร

(1)       การโฆษณาที่เน้นตัวสินค้าโดยตรง

(2)       การโฆษณาที่สาธิตให้เห็นการทำงานของสินค้า

(3)       การโฆษณาที่เน้นคุณสมบัติของสินค้า

(4)       การโฆษณาที่ไม่เน้นคุณภาพและตัวสินค้าโดยตรง

ตอบ 4 การโฆษณาแบบการขายอ้อม ๆ (Soft Sell) หมายถึง การโฆษณาที่ไม่เน้นคุณภาพและตัวสินค้าโดยตรง แต่จะเน้นการใช้อารมณ์เป็นหลัก โดยมีจุดมุ่งหมายหลักเพื่อสร้างให้เกิดความรู้สึกหรือทัศนคติที่ดีต่อ สินค้า ส่วนการโฆษณาแบบการขายตรง ๆ (Hard sell) จะหมายถึง การโฆษณาที่เน้นคุณสมบัติของ สินค้าเป็นหลัก โดยจะเน้นที่การพิสูจน์หรือสาธิตให้เห็นการทำงานของสินค้า และมีการเรียกร้องให้เกิด การกระทำหรือการซื้ออย่างตรงไปตรงมา

20.       สะท้อนความมีระดับ ความภูมิใจแห่งการขับขี่” เป็นข้อความโฆษณาที่เน้นการตอบสนองความต้องการข้อใด

(1) ความต้องการทางร่างกาย (2) ความต้องการความปลอดภัย

(3) ความต้องการการยอมรับ  (4) ความต้องการเป็นที่ยกย่อง

ตอบ 3 หน้า 74, (คำบรรยาย) ความต้องการการยอมรับนับถือ (Esteem Needs) เป็นความต้องการที่จะรู้สึกถึง การประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง ความมีชื่อเสียงเกียรติยศ เป็นที่รู้จักในสังคม การมีสถานภาพและ ไต้รับการยกย่องจากบุคคลอื่น โดยข้อความโฆษณาที่เน้นการตอบสนองความต้องการการยอมรับ เช่น สะท้อนความมีระดับ ความภูมิใจแห่งการขับขี่” เป็นต้น

21.       การใช้กลยุทธ์การโฆษณาที่เน้นผู้บริโภคเป็นหลัก มักใช้แนวทางการนำเสนอแบบใด

(1) การให้คำมั่นสัญญา          

(2) การสาธิตสินค้า

(3) ใช้สินค้าเป็นพระเอก          

(4) การทดลองทางวิทยาศาสตร์

ตอบ 1 , (คำบรรยาย) กลยุทธ์การโฆษณาที่เน้นผู้บริโภคเป็นหลัก (Prospect-centered Strategies) มักใช้แนว ทางการนำเสนอดังนี้

1.         การกล่าวถึงประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับ (Benefits) เช่น เรตินอล บริสุทธ์ ชนิดแรกสด 100% ประสิทธิภาพสูงสุดในการลบเลือนริ้วรอยและฟื้นฟูสภาพผิว” เป็นต้น

2.         การให้คำมั่นสัญญา (Promise) หมายถึง การให้คำมั่นสัญญาว่าผู้บริโภคจะได้ประโยชน์อะไรจากการ ใช้สินค้าหรือใช้บริการที่โฆษณา โดยจะเป็นประโยชน์ที่ได้รับในอนาคต เช่น 3 สัปดาห์ลบริ้วรอย รอบดวงตา 25%” เป็นต้น

3.         การบอกถึงเหตุผลว่าเหตุใดควรใช้สินค้า (Reason Why)

4.         การใช้ข้อเสนอขายที่เด่นชัด (Unique Selling Propositions)

ตั้งแต่ข้อ 22.- 24 จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม

(1)       Torture Test     (2) Benefits

(3) Promises       (4) Unique Selling Proposition

22.       ข้อใดหมายถึงการโฆษณาในลักษณะของการให้คำมั่นสัญญาว่าผู้บริโภคจะได้ประโยชน์อะไรจากการใช้สินค้า

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 21. ประกอบ

23.       เรตินอล บริสุทธ์ ชนิดแรก สด 100% ประสิทธิภาพสูงสุด ในการลบเลือนริ้วรอยและฟื้นฟูสภาพผิว” ข้อความโฆษณานี้ใช้กลยุทธ์ใด

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 21. ประกอบ

24.       ข้อใดเป็นวิธีการนำเสนอโฆษณาที่เป็นการพิสูจน์ให้เห็นการทำงานของสินค้าในสภาพที่หนักหรือสมบุกสมบันกว่าความเป็นจริง

ตอบ กลยุทธ์การใช้สินค้าเป็นหลัก (Product-centered Strategies) เป็นการโฆษณาที่มุ่งเน้นที่คุณสมบัติของ สินค้าเป็นหลักหรือใช้สินค้าเป็นศูนย์กลาง เช่น การทดสอบสินค้าอย่างรุนแรงในสภาพที่หนักหรือ สมบุกสมบันกว่าความเป็นจริง (Torture Test), การพิสูจน์โดยเปรียบเทียบกับสินค้าคู่แข่ง (Competitive Test) หรือการวิเคราะห์ลักษณะเด่นของสินค้าเพื่อหาข้อได้เปรียบในการแข่งขันและการสาธิต (Demonstration) เป็นต้น

25.       การเลือกสื่อโฆษณาหลักต้องพิจารณาจากปัจจัยอะไรบ้าง

(1)       ลักษณะของกลุ่มเป้าหมาย ลักษณะของสินค้า วัตถุประสงค์การโฆษณา

(2)       ลักษณะของสินค้า คู่แข่งในตลาด สภาพเศรษฐกิจโดยส่วนรวม

(3)       นิสัยการรับสื่อ ลักษณะของสินค้า วัตถุประสงค์การตลาด

(4)       นิสัยการรับสื่อ ลักษณะของสินค้า ชนิดของข่าวสาร ค่าใช้จ่าย

ตอบ 4 หลักการพิจารณาเลือกสื่อโฆษณาหลัก มีดังนี้

1.         นิสัยการรับสื่อของกลุ่มเป้าหมาย

2.         ลักษณะของสินค้า

3.         ชนิดของข่าวสาร

4.         ค่าใช้จ่าย


26.       ข้อใดคือเกณฑ์การพิจารณาเสือกสื่อโฆษณาประเภทสิ่งพิมพ์

(1)       ลักษณะของผู้อ่าน คุณภาพการพิมพ์ คุณภาพเนื้อหา

(2)       ความนิยมของสื่อ จำนวนผู้อ่าน ช่วงเวลาการโฆษณา

(3)       การครอบคลุมของสื่อ ราคาของสิ่งพิมพ์ จำนวนหน้าของสิ่งพิมพ์

(4)       ขนาดของสิ่งพิมพ์ ชนิดของกระดาษที่ใช้พิมพ์ จำนวนพิมพ์

ตอบ 1 (คำบรรยาย) เกณฑ์การพิจารณาเสือกสื่อโฆษณาอย่างเจาะจง มีดังนี้

1.         หากเป็นสื่อสิ่งพิมพ์จะพิจารณาจากลักษณะของผู้อ่าน จำนวนพิมพ์ของสิ่งพิมพ์คุณภาพการพิมพ์คุณภาพของเนื้อหาความคุ้มค่าด้านราคาตำแหน่งที่จะลงโฆษณาและภาพลักษณ์ของสื่อนั้น

2.         หากเป็นสื่อกระจายเสียงและแพร่ภาพ จะพิจารณาจากความครอบคลุมของสื่อนั้น ความนิยมของ รายการ ความคุ้มค่าด้านราคา เนื้อหาของรายการและค่าใช้จ่ายในการผลิตสิ่งโฆษณา

3.         ข้อมูลจากการวิจัย

27.       ตำแหน่งใดต่อไปนี้ไม่จัดเป็นตำแหน่งพิเศษในการโฆษณาทางหนังสือพิมพ์

. (1)     Full Position     (2)       Classified

(3)       Strip (4)       Island Position

ตอบ 2 (คำบรรยาย) ตำแหน่งพิเศษสำหรับการลงโฆษณาทางหนังสือพิมพ์ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เจาะจง มีดังนี้

1.         ตำแหน่งที่เป็นเกาะ (Island Position) ถือเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดมักเป็นการโฆษณาขนาด Junior Page

2.         ตำแหน่ง Full Position

3.         ตำแหน่งมุมบนสุดของหน้าหนังสือพิมพ์ทางด้านซ้ายและด้านขวา (Ear)

4.         ตำแหน่งตรงมุมล่างของหน้าหนังสือพิมพ์ทางด้านซ้ายและขวา (Leg หรือ Solus)

5.         ตำแหน่งเป็นแถบยาวตอนล่างสุสดของหน้าหนังสือพิมพ์ (Strip) (ส่วน Classified Advertising จะ เป็นการโฆษณาย่อย)

28.       การโฆษณาสินค้าโดยใช้วิธีการบรรยายหรือพูดกับกล้องโทรทัศน์ เป็นการโฆษณาแนวใด

(1)       Rational   (2)       Emotional

(3)       Drama      (4)       Lecture

ตอบ 4 การบรรยาย (Lecture) เป็นวิธีการโฆษณาสินค้าโดยใช้น้ำเสียงแบบให้การแนะนำการสอน การบรรยาย หรือการพูดกับกล้องโทรทัศน์ในลักษณะของการให้ความรู้ หรือเสนอข้อเท็จจริง ส่วนการละคร (Drama) เป็นวิธีการโฆษณาในลักษณะที่เป็นการสร้างเรื่องราวหรือบทละครที่แสดงให้เห็นถึงการใช้สินค้าหรือ บริการในสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่ง

29.       Selling Premises หมายถึงอะไร

(1) ลีลาน้ำเสียงในการโฆษณา           (2) ข้อเสนอเพื่อการขายสินค้า

(3) สิ่งดึงดูดใจในชิ้นงานโฆษณา        (4) วิธีการนำเสนอข่าวสารการโฆษณา

ตอบ 2 ข้อเสนอเพื่อการขายสินค้า (Selling Premises) คือ เหตุผลที่เป็นข้อสนับสนุนการขายสินค้าหรือบริการ ข้อเสนอเพื่อการขายนี้จะปรากฏอยู่ในข่าวสาร การโฆษณา กลยุทธ์การกำหนดข้อเสนอเพื่อการขายมี 2 ลักษณะ คือ

1.         กลยุทธการใช้สินค้าเป็นหลัก (Product-centered Strategies)

2.         กลยุทธการเน้นผู้บริโภคเป็นหลัก (Prospect-centered Strategies)

30.       การทดสอบผลการโฆษณาข้อใดต่อไปนี้ที่ดำเนินการก่อนนำโฆษณาออกเผยแพร่

(1)       Recognition Test      (2) Direct-response Counts

(3) Communication Test   (4) In-market Test

ตอบ 1 ทดสอบการจดจำได้ (Recognition Test) เป็นการทดลองสิ่งโฆษณาเพื่อประเมินความสามารถในการ จดจำสิ่งโฆษณาของประชาชนผู้รับสาร โดยการสุ่มตัวอย่างจากประชาชนที่มีลักษณะเช่นเดียวกับ กลุ่มเป้าหมายมาจำนวนหนึ่ง จากนั้นก็จัดฉายภาพยนตร์โฆษณาหรือแสดงสิ่งโฆษณาประเภทสิ่งพิมพ์ให้ กลุ่มตัวอย่างดูแล้วสอบถามเกี่ยวกับสิ่งโฆษณาที่พวกเขาเพิ่งได้เห็นนั้น ซึ่งวิธีการทดสอบสิ่งโฆษณาแบบนี้จะดำเนินการก่อนนำโฆษณาออกเผยแพร่ทางสื่อมวลชน

31.       แผนส่งเสริมการตลาด เป็นแผนงานเกี่ยวกับอะไร

(1) การสร้างสรรค์ชิ้นงานโฆษณา       

(2) การส่งเสริมการขาย

(3) กิจกรรมสื่อสารการตลาด  

(4) การกำหนดกลยุทธ์การโฆษณา

ตอบ 3 แผนการส่งเสริมการตลาด (The Promotion Plan) เป็นกระบวนการของการสื่อสารเพื่อส่งข่าวสารทางการ ตลาดไปยังผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งอาจเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าการสื่อสารการตลาด (Marketing Communication)

32.       การโฆษณาของพรรคการเมืองที่ต้องการนำเสนอภาพและประวัติของผู้สมัครอย่างละเอียด ควรเลือกใช้สื่อโฆษณา ประเภทใด

(1) วิทยุกระจายเสียง  

(2) โบวชัวร์

(3) ป้ายโฆษณาตามสี่แยก     

(4) ป้ายข้างรถประจำทาง

ตอบ 2 (คำบรรยาย) การโฆษณาทางไปรษณีย์ประเภทจดหมาย (Letter) หมายถึงการใช้สิ่งพิมพ์ในรูปจดหมาย ใบปลิว โบวชัวร์ ที่บรรจุรายละเอียดต่างๆ ที่เกี่ยวกับสินค้าหรือประวัติของผู้สมัครหาเสียงเลือกตั้ง และ อื่นๆ ไว้ในซองให้ผู้รับเปิดออกอ่านข้อความจากสิ่งพิมพ์ที่อยู่ภายใน วิธีที่นักโฆษณานิยมใช้ได้แก่ การ เขียนข้อความกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของผู้รับ เช่น เอกสารสำคัญ” “ข่าวสำคัญ” “เพื่อประสิทธิ ประโยชน์สำหรับคุณ” เป็นต้น

33.       ในการโฆษณาทางโทรทัศน์ ควรใช้อะไรเป็นปัจจัยการพิจารณาเลือกสื่อโฆษณาอย่างเจาะจง

(1) ข้อได้เปรียบและข้อเสียเปรียบของสื่อ     (2) ความแทรกซึมของสื่อ

(3) ความครอบคลุมของสื่อนั้น            (4) ลักษณะของผู้ชมรายการ

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 26. ประกอบ

34.       การทำความเข้าใจกระบวนการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคมีประโยชน์อย่างไร

(1)       ทำให้ทราบถึงงบประมาณการโฆษณาที่จะต้องใช้

(2)       ทำให้เข้าใจการโฆษณาของคู่แข่ง

(3)       ทำให้พัฒนากิจกรรมส่งเสริมการตลาดได้อย่างเหมาะสม

(4)       ทำให้พัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายได้อย่างเหมาะสม

ตอบ 3 (คำบรรยาย) การทำความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมผู้บริโภคจะทำให้นักโฆษณาเข้าใจถึงลักษณะบาง ประการขอ.งกลุ่มเป้าหมาย เช่น กระบวนการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคซึ่งจะมีประโยชน์ต่อการพัฒนา กิจกรรมส่งเสริมการตลาดได้อย่างเหมาะสม และยังทำให้สามารถใช้การสื่อสารโฆษณาเพื่อจูงใจ กลุ่มเป้าหมายให้ตอบสนองต่อข่าวสารการโฆษณาดังที่นักโฆษณาคาดหวัง

35.       หากต้องการให้โฆษณามีผลกระทบ (Impact) สูงมาก ๆ ควรใช้สื่อโฆษณาประเภทใด

(1) ใบปลิว     (2) ป้ายโฆษณากลางแจ้ง

(3) วิทยุกระจายเสียง  (4) แผ่นพับ

ตอบ 2 ข้อได้เปรียบของการโฆษณากลางแจ้ง มีดังนี้

1.         การได้เข้าถึงและความถี่สูง

2.         มีความยืดหยุ่น

3.         มีผลกระทบ (Impact) สูงมาก ๆ เนื่องจากภาพและข้อความที่ปรากฏบนสื่อป้ายโฆษณากลางแจ้งต้อง มีขนาดใหญ่มาก ๆ เพื่อให้มองเห็นได้ในระยะไกล ๆ


36.       ข้อใดเป็นวิธีการกำหนดงบประมาณการส่งเสริมการตลาดแบบก้าวหน้า

(1)       การจัดสรรงบประมาณเป็นเปอร์เซ็นต์จากยอดขายในอดีต

(2)       การจัดสรรงบประมาณโดยดูจากส่วนแบ่งการขาย

(3)       การกำหนดงบประมาณโดยดูจากคู่แข่ง

(4)       การกำหนดงบประมาณโดยพิจารณาจากวัตถุประสงค์

ตอบ 4 วิธีการกำหนดงบประมาณโดยพิจารณาจากวัตถุประสงค์และงานที่จะทำ เป็นวิธีการกำหนดงบประมาณ แบบก้าวหน้า กล่าวคือ กำหนดแผนการส่งเสริมการตลาดโดยพิจารณาจากสถานการณ์แวดล้อมและสภาพการแข่งขันในตลาด จากนั้นก็กำหนดงบประมาณตามกิจกรรมที่จะทำตามแผนการส่งเสริมการตลาดนั้น

37.       การโฆษณาทางสื่อใดที่มีอิทธิพลมากที่สุด

(1)     วิทยุกระจายเสียง        (2)       วิทยุโทรทัศน์

(3)       หนังสือพิมพ์    (4)       นิตยสาร

ตอบ 2 ข้อได้เปรียบของวิทยุโทรทัศน์ มีดังนี้

1.         เป็นสื่อที่มีความคุ้มค่าด้านราคาสูง (Cost Efficiency)

2.         เป็นสื่อที่มีผลกระทบ (Impact) ต่อผู้รับสารสูงกว่าสื่ออื่น ๆ

3.         เป็นสื่อที่มีอิทธิพล (Influence) สูง

4.         สามารถเลือกโฆษณาในรายการที่มีเนื้อหาตรงกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมายได้

38.       ไม่เคยมีใครรู้มาก่อนว่าก้อนไขมันปริศนา 3 ชั้น และหน้าท้องที่กระเพื่อมไปมาของติ๊กเป็นภาพที่ถ่ายจริง” ข้อความดังกล่าวเป็นวิธีการเขียนข้อความโฆษณาแบบใด

(1)       Straightforward       (2)       Dialogue

(3)       Monologue      (4)       Humor

ตอบ 3 วิธีการเขียนข้อความโฆษณาแบบบทพูดของคน ๆ เดียว (Monologue) จะเป็นการพูดถึงความรู้สึกของเขา ที่มีต่อสินค้าหรือบริการ ส่วนบทสนทนา (Dialogue) จะเป็นการสนทนาระหว่างทนตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปที่ สนทนากันเกี่ยวกับความรู้สึกและประสบการณ์ที่ได้รับจากการใช้สินค้า การเขียนข้อความโฆษณา วิธีนี้ จะใช้กลยุทธ์การสร้างสรรค์แบบการอ้างพยาน (Testimonial) โดยการใช้บุคคลผู้เคยใช้สินค้ามากล่าว ยืนยันเกี่ยวกับสินค้า

39.       สื่อโฆษณาประเภทใดทำให้ผู้รับสารรู้สึกว่ามีการสื่อสารแบบตัวต่อตัว

(1)       วิทยุกระจายเสียง        (2) วิทยุโทรทัศน์

(3) นิตยสาร     (4) หนังสือพิมพ์

ตอบ 1 สื่อต่างๆ จะมีสังคมวิทยาของสื่อ (Media Sociology) ซึ่งหมายถึง สภาพแวดล้อมหรือสภาพทางสังคมที่สื่อนั้นๆ ถูกใช้ไป เช่น วิทยุโทรทัศน์ เป็นสื่อสำหรับครอบครัวและติดอยู่กับที่ ส่วนวิทยุกระจายเสียงเป็น สื่อที่มีลักษณะเป็นส่วนตัว (Individual) ทำให้ผู้รับสารรู้สึกว่ามีการสื่อสารแบบตัวต่อตัวและใช้ได้แม้ อยู่นอกบ้าน เป็นต้น ซึ่งนักโฆษณาควรเข้าใจถึงลักษณะการใช้สื่อเหล่านี้

40.       ข้อได้เปรียบของการโฆษณาทางสื่อมวลชนคือ

(1)     ค่าใช้จ่ายต่ำ    (2) มีความน่าเชื่อถือ

(3) ผู้ชมเจตนาดูโฆษณา         (4) ความยืดหยุ่นสูง

ตอบ 2 สื่อมวลชนถูกมองว่าเป็นสื่อที่น่าเชื่อถือ เนื่องจากข่าวสารที่ปรากฏทางสื่อมวลชนแพร่หลายในวงกว้างและมีองค์กรต่างๆ คอยติดตามตรวจสอบ หากข่าวสารที่ปรากฏทางสื่อมวลชนเป็นเท็จ หรือปราศจากข้อเท็จจริง ก็จะออกมาติติงทักท้วงหรือถึงขั้นห้ามไม่ให้เผยแพร่ ทำให้ผู้รับสารเกิดความรู้สึกว่าข่าวสารที่เขาได้รับนั้นมีบุคคลอื่นร่วมรู้เห็นด้วยย่อมน่าเชื่อถือกว่าข่าวสารที่เขาได้รับเพียงคนเดียว

41.       ปัญหาสำคัญของการโฆษณาทางสื่อมวลชนคือ

(1) เป็นการสื่อสารทางเดียว    

(2) การกำหนดตารางสื่อทำได้ง่าย

(3) วัดผลการโฆษณาได้ยาก   

(4) ผู้รับสารสามารถเลือกได้

ตอบ 1 ปัญหาสำคัญของการโฆษณาทางสื่อมวลชน คือมีลักษณะเป็นการสื่อสารทางเดียว (One-Way Communication) และการสื่อสารกลับ (Feedback) จากผู้รับสารไปยังผู้ส่งสาร มักเป็นไปได้อย่างล่าช้า หรือกระทำได้ยาก เช่น จดหมายจากผู้อ่าน โทรศัพท์จากผู้ฟัง การสำรวจความคิดเห็นของผู้ชม ฯลฯ

42.       Rating หมายถึงอะไร

(1)       อัตราการเข้าถึงของโฆษณาชิ้นใดชิ้นหนึ่ง

(2)       อัตราค่าโฆษณาของสื่อใดสื่อหนึ่ง

(3)       ค่าแสดงความนิยมของรายการใดรายการหนึ่ง

(4)       ค่าแสดงความนิยมของผู้ชมที่มีต่อสถานีโทรทัศน์ช่องใดช่องหนึ่ง

ตอบ 3 (คำบรรยาย) ความนิยมของรายการ (Rating) หรือ Rating Point หมายถึง ค่าร้อยละที่แสดงถึงจำนวนผู้ชม ที่ชมรายการใดรายการหนึ่ง

ตั้งแต่ข้อ 43. – 45. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม

 (1)    Coverage (2) Reach

(3) Frequency    (4) Gross Rating Point

43.       ข้อใดหมายถึงการครอบคลุมของสื่อ

ตอบ 1 Coverage หมายถึง การครอบคลุมของสัญญาณของสถานีโทรทัศน์ช่องนั้น ๆ ซึ่งในปัจจุบันจะใช้เป็น ระบบเครือข่าย (Network) ทำให้สามารถส่งสัญญาณได้ครอบคลุมเกือบทั่วประเทศ ยิ่งสถานีใดมี ความสามารถในการครอบคลุมพื้นที่มากก็จะสามารถเข้าถึงผู้ชมได้มากกว่าและมักจะกำหนดอัตราค่า โฆษณาได้สูงกว่าสถานีอื่น ๆ

44.       ข้อใดหมายถึงค่าคะแนนความนิยมโดยรวม

ตอบ 4 คะแนนความนิยมโดยรวม (Gross Rating Points หรือ GRP) เป็นสิ่งที่นักโฆษณาใช้พิจารณาเพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างการเข้าถึง และความถี่ของการโฆษณา ซึ่งมีวิธีคำนวณโดยใช้สูตรดังนี้ GRP – R X F (โดย R = จำนวนผู้ชมที่ได้เห็นโฆษณาในช่วงเวลาหนึ่ง และ F = จำนวนครั้งโดยเฉลี่ยของการเห็น โฆษณาในช่วงเวลาหนึ่ง)

45.       ข้อใดเป็นวัตถุประสงค์ของการโฆษณาที่ต้องการเน้นการจดจำ

ตอบ 3 (คำบรรยาย) ความถี่ (Frequency) หมายถึง ค่าที่บอกถึงจำนวนครั้งที่ประชาชนเปิดรับสื่อโฆษณาหนึ่ง ในช่วงเวลาที่กำหนด เช่น กำหนดจำนวนครั้งที่ผู้บริโภคจะได้เห็นโฆษณาในช่วง 4 สัปดาห์หรือถี่ มากกว่านั้นสำหรับสินค้าใหม่เป็นต้น ดังนั้นวัตถุประสงค์การใช้สื่อโดยเน้นเรื่องความถี่ ก็คือเพื่อให้เกิดความรู้จักในตราสินค้า {Brand Awareness) ความเข้าใจ และสร้างการจดจำในข่าวสารการโฆษณา


46.       การโฆษณาที่มีหน่วยเป็นคอลัมน์นิ้ว เป็นการโฆษณาแบบใด

(1)       Display Advertising (2)       Classified Advertising

(3.)      Handbill  (4)       Supplement

ตอบ 2 การโฆษณาย่อย (Classified Advertising) หมายถึงการโฆษณาที่มีขนาดพื้นที่เพียง 1-2คอลัมน์นิ้ว ส่วน ใหญ่มักปรากฏอยู่ในหน้าโฆษณาย่อย เช่น โฆษณารับสมัครพนักงาน โฆษณาของสถาบันการศึกษา โฆษณาของสถานบันเทิงยามราตรี โฆษณาขายรถยนต์มือสอง เป็นต้น (ส่วนการโฆษณาขนาดใหญ่ (Display Advertising) จะมีหน่วยเป็นหน้า คือ 1/8 หน้า, 1/4 หน้า, 1/2 หน้า และแบบเต็มหน้า)

47.       การโฆษณาในตำแหน่ง Island มักเป็นการโฆษณาขนาดใด

(1)       เศษหนึ่งส่วนสี่หน้า      (2)       ครึ่งหน้า

(3)       เศษสามส่วนสี่หน้า      (4)       Junior Page

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 27. ประกอบ

48.       หลักสำคัญของการสร้างสรรค์โฆษณาทางโทรทัศน์คืออะไร

(1) ใช้คำพูดบอกเรื่องราวให้มากที่สูด (2) บอกถึงแนวคิดหลักที่ใช้ในการโฆษณา

(3) ควรเสนอภาพสินค้าตั้งแต่ภาพแรก           (4) เน้นผู้นำเสนอมากกว่าตัวสินค้า

ตอบ 3. ข้อพึงปฏิบัติสำหรับการสร้างสรรค์สิ่งโฆษณาทางโทรทัศน์ มีดังนี้

1.         ควรใช้ภาพบอกเรื่องราวให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

2.         เสียงพูดและภาพโฆษณาจะต้องมีความสัมพันธ์และส่งเสริมกันและกัน

3.         จะต้องแสดงให้เห็นถึงแนวคิดหลักที่ใช้ในการโฆษณา

4.         ควรนำเสนอภาพสินค้าและชื่อสินค้าอย่างชัดเจน

5.         ควรเริ่มขายสินค้าตั้งแต่ภาพแรก เป็นต้น

49.       การโฆษณาที่เสนอภาพปัญหานานาประการก่อนเสนอภาพสินค้าที่เข้ามาแก้ปัญหาเหล่านั้น เป็นการใช้วิธีการ นำเสนอภาพยนตร์โฆษณาแบบใด

(1)       Demonstration         (2) Problem/Solution

(3) Product as Star    (4) Vignette

ตอบ 4 การเสนอภาพปัญหานานา (Vignette) เป็นรูปแบบภาพยนตร์โฆษณาทางโทรทัศน์ที่แสดงให้เห็นถึง เหตุการณ์หลาย ๆ เหตุการณ์ เพื่อแสดงถึงสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ทำให้กลุ่มเป้าหมายจำเป็นต้องใช้สินค้า ก่อนจะนำเสนอภาพของสินค้าที่จะนำมาใช้ในสถานการณ์นั้น ๆ ได้

50.       ข้อใดเป็นปัจจัยที่ใช้พิจารณาประกอบการกำหนดอัตราค่าโฆษณาทางโทรทัศน์

(1)       การเข้าถึง ความถี่ ผลกระทบ ความต่อเนื่อง

(2)       ความครอบคลุม ความนิยมของรายการ ช่วงเวลาการโฆษณา

(3)       ฤดูกาล สังคมวิทยาของสื่อ งบประมาณการโฆษณา

(4)       งบประมาณ ฤดูการขาย วงจรอายุสินค้า ความหลากหลายของสื่อ

ตอบ 2 การคิดอัตราค่าโฆษณาทางโทรทัศน์จะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับปัจจัยดังต่อไปนี้

1.         การครอบคลุมของสัญญาณของสถานีโทรทัศน์ช่องนั้นๆ (Coverage)

2.         ความนิยมของรายการ (Rating)

3.         ช่วงเวลาการโฆษณา (Timing)

51.       ค่า GRP เป็นประโยชน์ต่อการประเมินผลสื่อโฆษณาอย่างไร

(1) เป็นหน่วยวัดจำนวนของชิ้นงานโฆษณา    

(2) แสดงถึงผลกระทบของแผนโฆษณา

(3) ช่วยให้ทราบระยะเวลาของการโฆษณา    

(4) แสดงบค่าของแผนการโฆษณา

ตอบ 2 คะแนนความนิยมโดยรวม (Gross Rating Point : GRP) เป็นสิ่งที่นักโฆษณาใช้พิจารณาเพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างการเข้าถึง และความถี่ของการโฆษณา ซึ่งค่า GRP นี้จะมีประโยชน์ต่อการ ประเมินผลสื่อโฆษณาหรือแสดงถึงผลกระทบของแผนโฆษณา โดยจะแสดงค่าของแผนการโฆษณาใน รูปของคะแนนความนิยมโดยรวมที่ได้จากแผนงานโฆษณานั้น

52.       หากแผนการใช้สื่อโฆษณา ระบุว่ามีการใช้สื่อตลอดช่วงเวลาของการรณรงค์โฆษณาเพียงแต่ว่าบางช่วงอาจมีการใช้สื่อมาก บางช่วงใช้น้อย แสดงว่าแผนการใช้สื่อโฆษณานั้นใช้รูปแบบความต่อเนื่องแบบใด

(1) Continuity   

(2) Flighting

(3) Fighting        

(4) Pulsing

ตอบ 4 การโฆษณาแบบเป็นจังหวะ (Pulsing) เป็นการโฆษณาแบบผสมผสานระหว่างการโฆษณาแบบต่อเนื่อง (Continuity) กับการโฆษณาแบบหยุดเป็นพัก ๆ (Flighting) กล่าวคือ จะเป็นการใช้สื่อโฆษณาอย่างต่อเนื่องตลอดเวลาการรณรงค์ทางการโฆษณา แต่จะคงลักษณะความต่อเนื่องให้สม่ำเสมอเท่ากันตลอดทั้งปี เพียงแต่ว่าบางช่วงอาจใช้สื่อมาก เช่น ช่วงที่คาดว่าจะขายสินค้าได้มากๆ หรือมีภาวการณ์แข่งขันสูง และบางช่วงที่ต้องใช้สื่อน้อย โดยเฉพาะช่วงที่น่าจะขายสินค้าได้น้อย ฯลฯ

53.       Pass-along Audience หมายถึงอะไร

(1)       ผู้อ่านที่เป็นผู้ซื้อนิตยสาร         (2) ผู้ที่เห็นนิตยสารที่ร้านหนังสือ

(3) ผู้อ่านที่ไม่ใช่ผู้ซื้อนิตยสาร  (4) ผู้ที่เป็นสมาชิกนิตยสาร

ตอบ 3 ผู้อ่านนิตยสารจะแบ่งออกไต้เป็น 2กลุ่มคือ

1.         ผู้อ่านซึ่งเป็นสมาชิกหรือผูซื้อนิตยสาร (Primary Audience or Subscription Audience)

2.         ผู้อ่านที่มิใช่สมาชิกหรือไม่ใช่ผู้ซื้อนิตยสาร (Pass-along Audience) เช่น นักศึกษาที่ยืนอ่านนิตยสารตามร้านขายหนังสือหรือในห้องสมุดหรือสุภาพสตรีที่อ่านนิตยสารในร้านเสริมสวย เป็นต้น

54.       การโฆษณามีบทบาทสำคัญต่อสื่อมวลชนอย่างไร

(1) เป็นผู้กำหนดเนื้อหาทางสื่อมวลชน            (2) เป็นผู้ก่อตั้งสื่อมวลชน

(3) เป็นผู้สนับสนุนสื่อมวลชน  (4) เป็นผู้ผลิตรายการสำหรับสื่อมวลชน

ตอบ 3 การโฆษณานอกจากจะมีบทบาทต่อการสื่อสารแล้ว ยังมีบทบาทต่อองค์ประกอบอื่นของการสื่อสารด้วยเช่น

1.         บทบาทที่มีต่อผู้ส่งสารหรือผู้ผลิต คือ เป็นเครื่องมือในการโน้มน้าวใจผู้บริโภคให้เกิดความต้องการในสินค้าหรือบริการที่โฆษณา

2.         บทบาทที่มีต่อผู้รับสารหรือผู้บริโภค คือ ใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือใช้ บริการเพื่อตอบสนองความต้องการของตนได้

3.         บทบาทที่มีต่อสื่อมวลชน คือ การสนับสนุนด้านเงินทุน ค่าใช้จ่าย หรือรายได้ให้สื่อมวลชน สามารถดำเนินกิจการอยู่ได้

ตั้งแต่ข้อ 55.-57. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม

(1) การประชาสัมพันธ์ (2) การโฆษณาสินค้า

(3) การส่งเสริมการขาย           (4) การตลาดแบบเจาะจง

55.       การส่งแค็ตตาล็อกไปให้กลุ่มเป้าหมายสั่งซื้อสินค้าทางไปรษณีย์ จัดเป็นกิจกรรมส่งเสริมการตลาดประเภทใด

ตอบ 4 การตลาดแบบเจาะจง (Direct Marketing or Direct-response Marketing) หมายถึง การสื่อสารโดยตรงกับผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เกิดการตอบสนองหรือก่อให้เกิดการซื้อขายแลกเปลี่ยนขึ้น โดยกิจกรรมที่จัดเป็นการตลาดแบบเจาะตรง ได้แก่ การขายตรง (Direct Selling) การขายทางโทรศัพท์ หรือโทรสาร (Telemarketing) การโฆษณาแบบตอบรับทันที (Direct Response Ads) ผ่านสื่อโฆษณาส่ง ตรงทางไปรษณีย์ (เช่น โบรชัวร์ แค็ตตาล็อก ฯลฯ) วิทยุกระจายเสียง และวิทยุโทรทัศน์


56.       การจัดงานแถลงข่าวเปิดตัวสินค้า จัดเป็นกิจกรรมการส่งเสริมการตลาดประเภทใด

ตอบ 1 (คำบรรยาย) การประชาสัมพันธ์ (Public Relation) ความพยายามอันมีแผนงานล่วงหน้าที่จะสร้างอิทธิพล เหนือจิตใจของสาธารณชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างทัศนคติที่ดีและภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจ เพื่อสร้างสัมพันธ์ภาพที่ดีระหว่างองค์การธุรกิจกับสาธารณชนเพื่อให้สาธารณชนสนับสนุนองค์กรธุรกิจนั้น นอกจากนี้การประชาสัมพันธ์ยังรวมถึงการจัดกิจกรรมพิเศษต่างๆ เช่น การประกวดการจัดงานมอบ รางวัลการแข่งขันการขายการจัดงานแถลงข่าวเปิดตัวสินค้า หรือการจัดคอนเสิร์ต เป็นต้น

57.       การจัดรายการชิงโชค ชิงรางวัล เป็นกิจกรรมส่งเสริมการตลาดประเภทใด

ตอบ 3 (คำบรรยาย) การส่งเสริมการขาย (Sales Promotion) คือ การจูงใจให้เกิดการซื้อสินค้าโดยฉับพลัน ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ซึ่งจะแบ่งเป็น 3 ลักษณะ คือ

1.         การส่งเสริมการขายต่อผู้ขายปลีก เช่นการให้ส่วนลดต่างๆฯลฯ

2.         การส่งเสริมการขายต่อพนักงานขายเช่น การประชุมการขาย การฝึกอบรม หรือการแข่งขันทางการ ขาย ฯลฯ

3.         การส่งเสริมการขายต่อผู้บริโค เช่น การจัดรายการชิงโชค ชิงรางวัล หรือการลด แลก แจก แถม ฯลฯ

58.       ข้อใดเป็นบทบาทหน้าที่ของแผนกวางแผนสื่อโฆษณา

(1) รับผิดชอบเกี่ยวกับการผลิตสิ่งโฆษณาสำหรับสื่อมวลชน

(2)       กำหนดรายละเอียดที่ชัดเจนสำหรับการติดต่อสื่อมวลชน

(3)       กำหนดกลยุทธ์เบื้องต้นของการวางแผนสื่อโฆษณา

(4)       ศึกษาวิเคราะห์ความเป็นมาของสินค้าเพื่อกำหนดยุทธวิธีการใช้สื่อโฆษณา

ตอบ 4 หน้าที่ของแผนกวางแผนสื่อโฆษณา (Media Planning) ที่อยู่ในฝ่ายสื่อโฆษณาก็คือ วางแผนสื่อโฆษณา ให้ลูกค้าโดยจะต้องศึกษา วิเคราะห์วิจัยความเป็นมาของสินค้าว่ามีจุดเด่น-จุดด้อยตรงไหน ขายดีที่ไหน ใครเป็นคนซื้อ ทำไมเขาซื้อ คู่แข่งเป็นใคร ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อจะได้นำข้อมูลที่จำเป็นดังกล่าวไปกำหนดกลยุทธ์และยุทธวิธีการใช้สื่อโฆษณาและเมื่อวางแผนสื่อโฆษณาเรียบร้อยแล้ว จึงนำเสนอแผนงานโฆษณา ให้ลูกค้าอนุมัติต่อไป

59.       ข้อใดเป็นข้อได้เปรียบของตัวแทนโฆษณาในบริษัท

(1)       มีผู้เชี่ยวชาญและประสบการณ์สูงในการทำโฆษณา

(2)       เป็นการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนคุ้มค่า

(3)       มีข้อมูลประกอบการรณรงค์ทางการโฆษณาครอบคลุมครบทุกด้าน

(4)       ผู้โฆษณามั่นใจได้ว่าจะได้งานตรงตามจุดมุ่งหมายขององค์การ

ตอบ 4 ตัวแทนโฆษณาในบริษัท (In-House Agency) หมายถึง บริษัทตัวแทนโฆษณาที่ดำเนินธุรกิจบริการ ทางการโฆษณาให้กับบริษัทผู้โฆษณาของตนเองเท่านั้น ซึ่งข้อได้เปรียบของตัวแทนโฆษณาในบริษัท ก็คือ

1.         สามารถควบคุมการดำเนินงานได้ทุกขั้นตอนการโฆษณา

2.         ผู้โฆษณามั่นใจว่าจะได้งานภายใต้จุดมุ่งหมายและความต้องการขององค์การเท่านั้น

3.         พนักงานของตัวแทนโฆษณาในบริษัทจะมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และกระบวนการ ผลิต

4.         ค่าใช้จ่ายต่ำ

60.       เหตุใดตัวแทนโฆษณาจึงต้องศึกษาวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์

(1)       เพื่อพัฒนาคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความพอใจของผู้ซื้อ

(2)       เพื่อทำความเข้าใจสถานะของสินค้าในตลาด

(3)       เพื่อหาจุดเด่นที่ทำให้ผลิตภัณฑ์นั้นแตกต่างจากคู่แข่ง

(4)       เพื่อเข้าใจปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค

ตอบ 3 การศึกษาวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ เป็นการศึกษาว่าผลิตภัณฑ์มีคุณลักษณะและสรรพคุณอย่างไรบ้าง อะไรคือจุดเด่นที่ทำให้ผลิตภัณฑ์นั้นแตกต่างจากยี่ห้อของคู่แข่ง เป็นการศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับตัวสินค้า ประโยชน์ใช้สอย รูปลักษณ์ หีบห่อ ชื่อยี่ห้อ ฯลฯ เพื่อประโยชน์ต่อการวางแผนรณรงค์ทางการโฆษณา

61.       แผนโฆษณาที่เป็นแผนรวม (Total Plan) ประกอบด้วยอะไรบ้าง

(1)       แผนสื่อโฆษณา แผนพัฒนาผลิตภัณฑ์แผนการส่งเสริมการขาย

(2)       แผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ แผนการกำหนดราคา แผนการกระจายสินค้า

(3)       แผนงานสื่อโฆษณา แผนงานสร้างสรรค์การจัดสรรงบประมาณ

(4)       แผนการส่งเสริมการขาย แผนงานสื่อโฆษณา แผนการกระจายสินค้า

ตอบ 3 การจัดทำแผนรณรงค์ทางการโฆษณาซึ่งเป็นแผนรวม (The Total Plan) จะประกอบด้วยแผนงาน สร้างสรรค์ แผนงานสื่อโฆษณา และแผนการจัดสรรงบประมาณซึ่งแผนที่จัดทำนี้จะถูกนำไปเสนอเพื่อขอความเห็นชอบจากลูกค้า

62.       หากจะโฆษณาคอมพิวเตอร์ Notebook ราคาประมาณ 30,000 บาท ควรจะโฆษณาทางสื่อประเภทใด

(1) วิทยุกระจายเสียง  

(2) วิทยุโทรทัศน์

(3) หนังสือพิมพ์           

(4) ป้ายโฆษณากลางแจ้ง

ตอบ 2 ข้อได้เปรียบหนึ่งของวิทยุโทรทัศน์ คือ เป็นสื่อที่มีผลกระทบ (Impact) ต่อผู้รับสารสูงกว่าสื่ออื่น ๆ เนื่องจากเป็นสื่อที่เสนอเนื้อหาการโฆษณาได้หลากหลายรูปแบบมีการผสมผสานทั้งเนียง ภาพ สี การ เคลื่อนไหว และการแสดง จนทำให้สินค้าธรรมดา ดูมีความสำคัญ น่าตื่นเต้น และน่าสนใจ รวมทั้งยัง สามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อสินค้าและบริษัทผู้โฆษณาด้วย

63.       ข้อใดหมายถึง การกำหนดฐานะของสินค้าโดยใช้วิธีการศึกษาสิ่งแวดล้อมทางการตลาด

(1) Advertising Concept    (2) Product Strategy

(3) Product Positioning     (4) Market Segmentation

ตอบ 3 (คำบรรยาย) การวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ (Product Positioning) เป็นการทำให้ผู้บริโภครับรู้เกี่ยวกับสินค้า ในภาพลักษณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง โดยการพยายามกำหนดตำแหน่งให้เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคจนเข้าสู่การรับรู้และการจดจำได้ นอกจากนี้ยังหมายถึง การกำหนดฐานะของสินค้าโดยใช้วิธีศึกษาสิ่งแวดล้อม ทางการตลาด ซึ่งการวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์นี้ถือเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญของธุรกิจหรือต่อการใช้ สื่อมวลชนเพื่อการโฆษณา

64.       Consumer’s Profile หมายถึงอะไร

(1) พฤติกรรมของผู้บริโภค      (2) กระบวนการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค

(3) พฤติกรรมการซื้อและใช้สินค้า       (4) ลักษณะร่วมของกลุ่มเป้าหมาย

ตอบ 4 consumer’s Profile หมายถึง ลักษณะร่วมของกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเป็นลักษณะของกลุ่มบุคคลที่คาดว่า จะเป็นผู้สนใจข่าวสารการโฆษณาของเราอย่างจริงจัง โดยอาศัยลักษณะทางทะเบียนภูมิหลัง และลักษณะ ทางจิตวิทยาประกอบกัน

65.       ปลอดภัยสูงสุด ซึมเข้าสู่ผิวในทันทีที่ใช้ทดสอบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังว่าปลอดภัยในการใช้” เป็นข้อความโฆษณาที่ใช้อะไรเป็นสิ่งดึงดูดใจ

(1) Rational Appeal  (2) Emotional Appeal

(3) Idea Appeal (4) Image Appeal

ตอบ 1 สิ่งดึงดูดใจที่ใช้เหตุผล (Rational Appeal) เป็นการใช้เหตุผลหรือคุณสมบัติที่มีอยู่ในตัวสินค้ามาเป็นสิ่งดึงดูดใจในงานโฆษณา ได้แก่ ราคาของสินค้า คุณภาพประโยชน์ใช้สอย และคุณสมบัติของสินค้าเป็นต้น


66.       การโฆษณาน้ำหอมและเครื่องสำอางระดับสูง มักนิยมใช้แนวทางการนำเสนอแบบใด

(1) Product Alone      (2) Demonstration

(3) Slice of Life  (4) Presenter

ตอบ 1 ภาพสินค้าอย่างเดียว (The Product Alone) เป็นภาพสินค้าโดยปราศจากองค์ประกอบอื่นๆในภาพนั้นซึ่งวิธีนี้จะเหมาะกับตัวสินค้าที่มีลักษณะสวยงามแลสามารถเรียกร้องความใส่ใจได้ เช่น ภาพ เครื่องประดับเพชร พลอย น้ำหอม หรือเครื่องสำอางคราคาสูง ซึ่งตัวผลิตกัณฑ์มีรูปลักษณ์ที่สวยงาม ดึงดูดใจผู้อ่านได้ดี จึงไม่จำเป็นต้องอาศัยฉากหลัง (Background) มาสร้างจุดเด่นให้กับชิ้นงานโฆษณา

67.       การเรียนรู้ เกิดขึ้นจากอะไร

(1) การรับรู้      (2) ความต้องการ

(3) บุคลิกภาพ (4) การจูงใจ

ตอบ 1 การเรียนรู้ (Learning) เกิดขึ้นจากการรับรู้ (Perception) หรือการรับรู้เป็นบ่อเกิดจากการเรียนรู้ ซึ่งการเรียนรู้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัว และจะเกิดขึ้นนับตั้งแต่ช่วงแรกของชีวิตและดำเนินต่อเนื่องมาจน ตลอดชีวิตของคนเรา หากนักโฆษณาได้ทำความเข้าใจว่าการเรียนรู้เกิดขึ้นได้อย่างไรก็จะสามารถ ออกแบบข่าวสารการโฆษณาได้

68.       การแสดงให้เห็นวิธีใช้และลักษณะการทำงานของสินค้า เป็นแนวทางการนำเสนอแบบใด

(1)       Product Alone (2) Demonstration

(3) Slice of Life  (4) Presenter

ตอบ 2 การสาธิต (Demonstration) เป็นรูปแบบของภาพยนตร์โฆษณาทางโทรทัศน์ที่แสดงให้เห็นถึงวิธีใช้ และ ลักษณะการทำงานของสินค้า เช่น การโฆษณาผ้าอ้อมสำเร็จรูปที่แสดงให้เห็นว่าผ้าอ้อมนั้นสามารถซับซับน้ำไว้ได้ไม่ทำให้ทารกรู้สึกเปียกขึ้น เป็นต้น

69.       วัตถุประสงค์การโฆษณาต้องมีความสัมพันธ์กับอะไร  

(1) กลุ่มเป้าหมายการโฆษณา

(2)       วัตถุประสงค์ของสื่อมวลชนที่จะใช้เป็นสื่อโฆษณา

(3)       วัตถุประสงค์การตลาดและนโยบายของบริษัทผู้โฆษณา

(4)       วัตถุประสงค์ของบริษัทผู้โฆษณา

ตอบ 3 การโฆษณาที่ประสบความสำเร็จมักเริ่มต้นด้วยการกำหนดวัตถุประสงค์ การโฆษณาที่ชัดเจนและมีความสัมพันธ์กับวัตถุประสงค์ทางการตลาด และนโยบายของบริษัทผู้โฆษณา โดยต้องเริ่มจากการวิเคราะห์ โอกาส และปัญหาที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการทำโฆษณาเพื่อตอบคำถามว่า เราต้องการให้ข่าวสารการโฆษณาของเรา บรรลุผลในเรื่องใด

70.       หากเป็นสื่อกระจายเสียงและแพร่ภาพ ควรใช้อะไรเป็นปัจจัยการพิจารณาเพื่อเลือกสื่อโฆษณาที่เจาะจง

(1) ข้อได้เปรียบและข้อเสียเปรียบของสื่อ       (2) อัตราค่าโฆษณา

(3) ความครอบคลุมของสื่อนั้น            (4) รัศมีการกระจายเสียง

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 26. ประกอบ

71.       ผู้ใดเป็นผู้เขียนหรือสร้างสรรค์ข้อความโฆษณา

(1) Visualizer      

(2) Copywriter

(3) Managing Director       

(4) Traffic Co-ordinater

ตอบ 2 ผู้เขียนข้อความโฆษณา (Copy Writer) เป็นผู้ทำหน้าที่คิดและเขียนหรือสร้างสรรค์ข้อความโฆษณาได้โดยเลือกใช้ถ้อยคำภาษาที่ดึงดูดความสนใจ สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ และพยายามสร้าง ความประทับใจให้ผู้อ่าน หรือได้ยินข้อความโฆษณานั้น สามารถจดจำไต้ ซึ่งผู้ที่ทำหน้าที่นี้จะต้องเป็นผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์และมีความรับผิดชอบ

72.       กลยุทธ์การส่งเสริมการตลาดในช่วงแนะนำสินค้า ควรเป็นไปในลักษณะใด

(1)       สร้างความภักดีในชื่อยี่ห้อ

(2)       ใช้การส่งเสริมการขายเพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาด

(3)       ใช้การสื่อสารการตลาดแบบเจาะตรง

(4)       ใช้การส่งเสริมการตลาดทุกประเภท

ตอบ 4 สำหรับสินค้าในช่วงแนะนำ ควรใช้กลยุทธ์การส่งเสริมการตลาดแทบทุกประเภท เช่น ใช้การโฆษณา และการประชาสัมพันธ์เป็นหลักสำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป แต่ถ้าเป็นสินค้าที่มีลักษณะซับซ้อน และต้องการคำอธิบายรายละเอียดมากอาจใช้การขายโดยพนักงานเป็นหลักเป็นต้น

73.       หากต้องการสื่อสารการตลาดเพื่อการวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ ควรใช้เครื่องมือสื่อสารการตลาดประเภทใด

(1) การประชาสัมพันธ์ (2) การส่งเสริมการขาย

(3) การโฆษณา           (4) การตลาดแบบเจาะตรง

ตอบ 3 การโฆษณา (Advertising) เป็นการติดต่อสื่อสารทางด้านตราสินค้า โดยเราจะเลือกใช้การโฆษณาใน กรณีต่อไปนี้

1.         ต้องการสร้างความแตกต่างในสินค้า (Differentiate Product) ให้เป็นที่ตระหนักอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง

2.         ต้องการวางตำแหน่งของตราสินค้า (Brand Positioning) ให้อยู่ในการรับรู้ของผู้บริโภค

3.         ต้องการสร้างผลกระทบ (Impact) ทางด้านภาพลักษณ์ที่ผู้บริโภคมีต่อสินค้า

4.         ต้องการสร้างการรู้จัก (Awareness) แสดงถึงข้อเสนอขายที่เด่นชัด (Unique Selling Proposition) และ ตำแหน่งผลิตภัณฑ์ที่ชัดเจน (Product Positioning)

74.       หากต้องการสร้างผลกระทบด้านภาพลักษณ์ที่ผู้บริโภคมีต่อสินค้า ควรใช้เครื่องมือสื่อสารการตลาดประเภทใด

(1)       การประชาสัมพันธ์      . (2) การส่งเสริมการขาย

(3) การโฆษณา           (4) การตลาดแบบเจาะตรง

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 73. ประกอบ

75.       การโฆษณาที่เน้นคุณสมบัติของสินค้าเป็นโฆษณาที่ใช้กลยุทธ์ใด

(1)       Product-centered Strategies   (2) Prospect-centered Strategies

(3) Consumer-centered Strategies   (4) Consumer’s Benefit Strategies

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 24. ประกอบ


76.       ข้อใดเป็นข้อได้เปรียบของการโฆษณาส่งตรงทางไปรษณีย์

(1) ค่าใช้จ่ายต่อหัวดรมาก       (2) การกำหนดตารางสื่อโฆษณาทำได้ง่าย

(3) มีความยืดหยุ่นสูง  (4) ร้างความเชื่อถือได้สูง

ตอบ 3 ข้อได้เปรียบของการโฆษณาส่งตรงทางไปรษณีย์ มีดังนี้

1.         เลือกลุ่มเป้าหมายได้

2.         มีความยืดหยุ่น

3.         มีความเป็นส่วนตัว

4.         ค่าใช้จ่ายโดยรวมของการโฆษณาต่ำกว่าการโฆษณาทางสื่อมวลชน

5.         สามารถใช้เป็นเครื่องมือของการตลาดแบบเจาะตรง

6.         สามารถวัดผลของการโฆษณาได้

77.       ป้าย Billboard เป็นสื่อโฆษณาประเภทใด

(1) Printed Media      (2) Broadcast Media

(3) Position Media    (4) Point-of-perchase Media

ตอบ 3 (คำบรรยาย) การโฆษณากลางแจ้ง (Out door Advertising) เป็นการโฆษณาที่เข้าถึงประชาชนซึ่งอยู่นอกบ้าน จัดเป็นสื่อประเภทติดตั้งอยู่กับที่ (Position Media) ซึ่งมักจะปรากฏอยู่ในรูปของบิลบอร์ด (Billboard) เช่น โปสเตอร์ ภาพระบายสี และป้าย Tri-Vision ตามสี่แยก เป็นต้น

78.       การสร้างภาพลักษณ์ของตราสินค้า จะต้องทำให้ผู้บริโภคเกิดการรับรู้ในลักษณะใด

(1) รับรู้ตามความเป็นจริง        (2) รับรู้ว่าสินค้ามีค่ามากกว่าที่เป็นจริง

(3) รับรู้เกี่ยวกับราคาสินค้า     (4) รับรู้อย่างไรก็ได้ขึ้นอยู่กับการตีความ

ตอบ 2 การรับรู้ของผู้บริโภคเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะนักการตลาดมักตั้งนิยามของสินค้าว่า สินค้า คือ สิ่งที่ ผู้บริโภคมองว่ามันเป็น” ดังนั้นการสร้างภาพลักษณ์ของตราสินค้าจะต้องทำให้ผู้บริโภคเกิดการรับรู้ว่า สินค้ามีค่ามากกว่าที่เป็นอยู่จริง (Consumer’s Surplus) และจะต้องไม่ให้ผู้บริโภคเกิดการรับรู้ว่าสินค้านั้น มีค่าน้อยกว่าที่เป็นอยู่จริง (Consumer’s Deficit)

79.       มนุษย์เลือกรับและจดจำสารที่มีเนื้อหาอย่างไร

(1) ง่ายๆไม่ต้องคิดมา (2) สอดคล้องกับความชอบและค่านิยมที่มีอยู่

(3) ซับช้อน เข้าใจยาก (4) แปลกใหม่ ขัดแย้งกับค่านิยมที่มีอยู่

ตอบ 2 โดยปกติแล้วมนุษย์เราจะเลือกรับและจดจำสารที่มีเนื้อหาสอดคล้องกับรสนิยมทัศนคติ ความคิด ความชอบ ความเชื่อ ค่านิยม ตลอดจนประสบการณ์เดิมของตน ทั้งนี้เพราะโดยธรรมชาติแล้วคนเราจะมี ความต้องการในสิ่งที่สอดคล้องกับการมองตนเอง (Self-Concept)

80.       การศึกษาคุณสมบัติทางกายภาพของสินค้า เป็นการศึกษาวิเคราะห์อะไรบ้าง

(1)       หน่วยการจำหน่าย ขนาดการจำหน่าย            (2) ราคาการจัดจำหน่าย

(3) ชื่อเสียงและประสบการณ์ของบริษัท        (4) ส่วนผสม องค์ประกอบ เป็นการศึกษา

ตอบ 4 ในการศึกษาคุณลักษณ์หรือคุณสมบัติทางกายภาพของสินค้า เป็นการศึกษาถึงลักษณะที่มีอยู่ในตัวสินค้า ทั้งหมด เช่น คุณสมบัติของสินค้า ส่วนผสม ลักษณะภายนอกขนาดการจำหน่าย คุณภาพ ราคา ชื่อยี่ห้อ ประโยชน์ใช้สอย ฯลฯ ซึ่งการศึกษาถึงลักษณะของสินค้านี้ จะทำให้ผู้โฆษณาสามารถวิเคราะห์ถึงจุดเด่น และจุดต้อยของสินค้าที่โฆษณาได้ ทำให้สามารถกำหนดกลยุทธ์การส่งเสริมการตลาดเพื่อเสริมลักษณะเด่นของสินค้าให้เห็นเด่นชัดยิ่งขึ้น

81.       นักโฆษณามีวิธีการอย่างไร จึงทำให้ผู้รับสารจดจำข่าวสารการโฆษณาได้นานขึ้น

(1) ผลิตภาพยนตร์โฆษณาที่มีความยาวมากๆ

(2)       ทำให้เรื่องราวในภาพยนตร์โฆษณาซับช้อน เพื่อดึงดูดความสนใจ

(3)       นำเสนอข่าวสารการโฆษณาซ้ำๆ กันบ่อยครั้ง

(4)       นำเนื้อข่าวสารการโฆษณาในสื่อหลายๆ สื่อไม่ซ้ำกัน

ตอบ 3 สารที่ผู้รับสารได้รับจากสื่อสารมวลชนนั้น จะอยู่ในความทารงจำของผู้รับสารเพียงช่วงสั้นๆ ดังนั้น วิธีการที่นักโฆษณาจะทำให้ผู้รับสารจดจำสารนั้นได้นานยิ่งขึ้น หรือมีผลกระทบ (Impact) สูง ก็คือ การ ให้เขาเห็นสารนั้นซ้ำๆ กันบ่อยครั้งโดยให้เห็นโฆษณาของซ้ำๆ ในเวลาที่กำหนดอันจะช่วยให้คำ โฆษณาของเราได้มากขึ้น

82.       นิตยสารคูสร้างคู่สม เป็นนิตยสารประเภทใด

(1) นิตยสารทั่วไป        

(2) นิตยสารเพื่อผู้อ่านเฉพาะกลุ่ม

(3) นิตยสารเกี่ยวกับวิชาชีพ    

(4) นิตยสารเกี่ยวกับการค้า

ตอบ 2 (คำบรรยาย) นิตยสารเพื่อผู้บริโภค (Consumer Magazine) เป็นนิตยสารที่นำเสนอข่าวสารและความ บันเทิงสำหรับผู้อ่านทั่วไป โดยจะเป็นนิตยสารที่วางจำหน่ายตามแผงหนังสือทั่วไป เช่น นิตยสารขวัญ เรือน คู่สร้างคู่สม กุลสตรี ถือเป็นนิตยสารสำหรับผู้หญิง หรือนิตยสารบ้านและสวน เป็นนิตยสาร เกี่ยวกับที่อยู่อาศัย เป็นต้น

ตั้งแต่ข้อ 83-85. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม

(1) การโฆษณาแบบซื้อทั้งรายการ      (2) การโฆษณาแบบสปอต

(3) การโฆษณาแบบประกาศแจ้งความ          (4) การโฆษณาแทรกในรายการ

83.       การโฆษณาทางวิทยุโทรทัศน์ที่นำเสนอภาพยนตร์โฆษณาความยาว 30,60วินาที เป็นการโฆษณาแบบใด

ตอบ 2 การโฆษณาแบบสปอต (Spot Announcement) เป็นการโฆษณาในช่วงหยุดพักโฆษณาในรายการใด รายการหนึ่ง เพื่อนำเสนอภาพยนตร์โฆษณาทางโทรทัศน์ (TV Commercial) ที่ได้จัดเตริยมไว้ ซึ่งอาจมี ความยาว 15วินาที30วินาทีหรือ60วินาที

84.       การเช่าเวลาจากสถานีโทรทัศน์เพื่อจัดรายการและนำเสนอโฆษณาสินค้าหรือบริการของบริษัทเป็นการโฆษณาแนบใด

ตอบ 1 การโฆษณาแบบซื้อทั้งรายการ (Sponsorship) เป็นการโฆษณาโดยการเช่าเวลาจากสถานีโทรทัศน์ หรือผู้โฆษณาเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด ในการนำเสนอรายการใดรายการหนึ่งที่อาจมีเนื้อหาเกี่ยวกับสินค้า หรือบริการที่โฆษณาหรือไม่ก็ได้ และช่วงพักของรายการนั้นก็จะเป็นการโฆษณาสินค้าหรือบริการของผู้โฆษณาเป็นหลัก ทั้งนี้เพื่อจูงใจให้ผู้ชมเกิดความต้องการและสั่งซื้อสินค้า

85.       การที่ผู้ดำเนินรายการพูดถึงชื่อและสรรพคุณของสินค้าทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ช่วงพักโฆษณา เป็นวิธีการโฆษณาแบบใด

ตอบ 4 การโฆษณาแทรกในรายการ เป็นการโฆษณาในลักษณะที่ผู้ดำเนินรายการพูดแทรกเกี่ยวกับสรรพคุณของสินค้า และบริการที่โฆษณาในช่วงที่ไม่ใช่ช่วงพักโฆษณา แต่เป็นช่วงระหว่างเวลาของรายการ ซึ่งต้องใช้พิธีกรหรือผู้ดำเนินรายการเป็นผู้พูด เช่น รายการปกิณกะ (Variety) รายการเกมโชว์ รายการสนทนา (Talk Show) บางครั้งอาจแทรกอยู่ในรูปแบบอื่น เช่น ป้ายโฆษณา ตัวสินค้า เป็นต้น


ตั้งแต่ข้อ 86 – 88. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม

(1) Day Time      (2) Prime Time

(3) Premium Time     (4) Late Night

86.       รายการข่าวภาคคา นำเสนอในช่วงเวลาใด

ตอบ 2 (คำบรรยาย) ช่วงเวลาที่มีผู้ชมมากที่สุดหรือไพร์มไทม์(Prime Time) ได้แก่ ช่วงเวลาประมาณ 19.30- 22.30 น. เป็นเวลาที่สมาชิกในครอบครัวส่วนใหญ่จะใช้เวลารับชมรายการทางโทรทัศน์ ถือเป็นช่วงเวลา ที่มีผู้ชมรายการโทรทัศน์มากที่สุด และมีอัตราค่าโฆษณาแพงที่สุด ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวจะเหมาะกับ รายการประเภทข่าวภาคค่ำ และละคร

87.       รายการก่อนบ่ายคลายเครียด นำเสนอในช่วงเวลาใด

ตอบ 1 (คำบรรยาย) ช่วงเวลากลางวัน (Day Time) ได้แก่เวลาประมาณ 8.00-16.00 น. ถือเป็นเวลาที่มีผู้ชม น้อย เนื่องจากคนส่วนใหญ่จะออกไปทำงานหรือไปโรงเรียน กลุ่มผู้ชมรายการโทรทัศน์ในช่วงเวลา กลางวันจึงมักเป็นแม่บ้าน ซึ่งรายการที่นำเสนอในช่วงเวลาดังกล่าว ก็เช่น ก่อนบ่ายคลายเครียด หรือรายการเกมโชว์ต่าง ๆ

88.       ช่วงเวลาใดที่สถานีโทรทัศน์คิดอัตราค่าโฆษณาแพงที่สุด

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 86 ประกอบ

89.       การคำนวณหา Share of Audience คำนวณจากอะไร

(1) จำนวนรายการ     (2) รัศมีการส่งสัญญาณ

(3) จำนวนผู้รับชมโทรทัศน์แต่ละช่อง  (4) ความนิยมของรายการใดรายการหนึ่ง

ตอบ 3 ส่วนแบ่งของผู้ชม (Share of Audience) เป็นค่าร้อยละ ซึ่งแสดงว่าในช่วงเวลาหนึ่งมีบ้านที่มีเครื่องรับโทรทัศน์จำนวนเท่าใดบ้างที่เลือกรับชมรายการโทรทัศน์แต่ละรายการในช่องใดช่องหนึ่ง

90.       ภาพยนตร์โฆษณาทางโทรทัศน์ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าอะไร

(1) Spot      (2) TV Commercial

(3) Announcement   (4) Presentation

ตอบ 2 (คำบรรยาย) สิ่งโฆษณา (Advertisement) สามารถแบ่งตามชนิดของสื่อได้ดังนี้

1.         ทางโทรทัศน์ เรียกว่า TV Commercial หรือ TV Spot

2.         ทางวิทยุ เรียกว่า Radio Spot

3.         ทางหนังสือพิมพ์ เรียกว่า Press Ad.

4.         ทางนิตยสาร เรียกว่า Mag Ad.

91.       สี มีอิทธิพลอย่างไรต่อข่าวสารการโฆษณา

(1) แสดงเอกลักษณ์ของสินค้า            

(2) เตือนความจำเกี่ยวกับสินค้า

(3) ช่วยสร้างบรรยากาศและอารมณ์  

(4) สร้างจินตภาพที่ดีให้สินค้า

ตอบ 3 สี (Color) จะมีอิทธิพลต่อข่าวสารการโฆษณาดังนี้

1.         ดึงดูดความสนใจและโดดเด่นกว่าการโฆษณาขาว/ดำ

2.         สินค้าส่วนใหญ่ดูดีขึ้นเมื่อนำเสนอด้วยภาพสี

3.         สามารถใช้สีสร้างบรรยากาศและอารมณ์ความรู้สึกให้ผู้อ่านคล้อยตามได้

4.         สีช่วยสร้างภาพลักษณ์ของสินค้ามีระดับได้

5.         สร้างความประทับใจได้ดีช่วยให้จดจำได้ง่าย

92.       FP/FC หมายถึงอะไร

(1) การโฆษณาทางนิตยสารปกหน้าสี่สี          

(2) การโฆษณาทางนิตยสารครึ่งหน้าสี่สี

(3) การโฆษณาทางนิตยสารเต็มหน้าขาว-ดำ  

(4) การโฆษณาทางนิตยสารเต็มหน้าสี่สี

ตอบ 4 (คำบรรยาย) รูปแบบของการโฆษณาทางนิตยสารจะมีลักษณะดังนี้

1.         การโฆษณาเต็มหน้าสี่สี (Full Page / Full Color : FP/FC)

2.         การโฆษณาเต็มหน้าขาวดำ (Full Page / Back & White : FP/BW)

3.         การโฆษณาครึ่งหน้าแนวตั้ง (Half Page Vertical) เป็นต้น

ตั้งแต่ข้อ 93. – 95. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม

(1) มติชนสุดสัปดาห์   (2) ทีวีพูล

(3) 191            (4) แพรว

93.       หากต้องการโฆษณาครีมบำรุงผิว สำหรับผู้หญิงอายุ 25-40ปี SES อยู่ในระดับ A-B เราควรลงโฆษณานิตยสาร ฉบับใด

ตอบ 4 (คำบรรยาย) นิตยสาร ถือเป็นสื่อที่สามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายได้ เช่น นิตยสารแพรว เป็นนิตยสาร สำหรับผู้หญิงอายุ 25-40ปีที่มีฐานะระดับ A-B หรือนิตยสารทีวีพูล เป็นนิตยสารสำหรับผู้หญิงอายุ 18- 25ปี ที่มีฐานะระดับ C-D หรือมติชนสุดสัปดาห์ เป็นนิตยสารที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายเพศชาย การศึกษาปานกลาง – สูง เป็นต้นโดยสินค้าที่นิยมนำมาลงโฆษณาในนิตยสารก็จะมีหลายประเภท เช่น เครื่องสำอาง โฟมล้างหน้า ครีมบำรุงผิว น้ำหอม เครื่องประดับ และรถยนต์ เป็นต้น

94.       หากต้องการโฆษณาโฟมล้างหน้า สำหรับกลุ่มเป้าหมายสุภาพสตรีอายุ 18-25 ปี มีฐานระดับ C-D ควรลงโฆษณาใน นิตยสารฉบับใด

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 93. ประกอบ

95.       หากต้องการโฆษณารถยนต์สำหรับกลุ่มเป้าหมายเพศชาย การศึกษาปานกลาง – สูง ควรเลือกนิตยสารฉบับใด

ตอบ 1 ดูคำอธิบาย,ข้อ 93. ประกอบ


96.       ข้อใดหมายถึงความนิยมของรายการ

(1) ค่าร้อยละที่แสดงถึงจำนวนผู้ชมในแต่ละบ้าน           

(2) ค่าร้อยละที่แสดงถึงจำนวนประชากรในชุมชนนั้นๆ

(3) ค่าร้อยละที่แสดงถึงจำนวนผู้ที่มีเครื่องรับโทรทัศน์

(4) ค่าร้อยละที่แสดงถึงจำนวนผู้ชมที่ชมรายการใดรายการหนึ่ง

ตอบ 4 ความนิยมของรายการ (Rating) หมายถึง ค่าร้อยละที่แสดงถึงจำนวนผู้ชมที่ชมรายการใดรายการหนึ่ง จึงเป็นค่าที่แสดงถึงความนิยมของรายการโทรทัศน์รายการใดรายหนึ่ง

97.       หลักการวางแผนสื่อโฆษณาที่ดี ควรเจาะจงไปที่กลุ่มเป้าหมายกลุ่มใด

(1)       คนที่คาดว่าจะมีแนวโน้มเป็นกลุ่มเป้าหมายของเราในอนาคต

(2)       คนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของสินค้าคูแข่ง

(3)       คนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริงของเขา

(4)       ประชาชนทั่วไป

ตอบ 3 หลักการวางแผนสื่อโฆษณาที่ดี ควรจะเป็นการวางแผนเพื่อให้ข่าวสารของเราเข้าถึงผู้รับสารที่เป็น กลุ่มเป้าหมายที่แท้จริงและไม่ควรที่คนที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายได้เห็นโฆษณานั้นเพราะถึงอย่างไรเขาก็คง ไม่ซื้อสินค้าหรือใช้บริการที่เราโฆษณา

98.       หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เป็นหนังสือพิมพ์ขนาดใด

(1) Half Side       (2) Broadsheet

(3) Tabloid         (4) Pocket

ตอบ 2 หนังสือพิมพ์ขนาดมาตรฐาน (Broadsheet) หมายถึง หนังสือพิมพ์ขนาดใหญ่ มีขนาดประมาณ 15″x22″ ตัวอย่างของหนังสือพิมพ์ขนาดนี้ ได้แก่หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เดลินิวส์ มติชน ข่าวสด แนวหน้า ไทยโพสต์ เป็นต้น

99.       อัตราค่าโฆษณาแบบ Combination Rate หมายถึงอะไร

(1)       อัตราที่มีส่วนลดในการโฆษณาทางโทรทัศน์หลายช่วงในรายการเดียวกัน

(2)       อัตราที่มีส่วนลดในการโฆษณาทางวิทยุกระจายเสียงในรายการที่อยู่ในเครือเดียวกัน

(3)       อัตราที่มีส่วนลดในการโฆษณาทางหนังสือพิมพ์หลายฉบับในเครือเดียวกัน

(4)       อัตราค่าโฆษณาในพื้นที่ใด ๆ โดยที่ไม่มีส่วนลด

ตอบ 3 Combination Rate เป็นอัตราค่าโฆษณาที่คิดเป็นพิเศษในกรณีที่ผู้โฆษณาเลือกลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์  สองฉบับหรือหลายฉบับในเครือบริษัทเดียวกัน เช่น มติชน กับ ประชาชาติธุรกิจ กรุงเทพธุรกิจ กับ The Nation เป็นต้น ซึ่งจะเป็นอัตราที่ถูกกว่าการโฆษณาในหนังสือพิมพ์แต่ละฉบับแยกจากกัน

100.    ข้อใดคือจุดประสงค์ของการวางแผนสื่อโฆษณา

(1)       ให้คนรู้จักสินค้า ให้คนใช้สินค้า ให้ชื้อสินค้า

(2)       การเข้าถึง ความถี่ ผลกระทบ

(3)       การเข้าถึง บุคลิกของสินค้า การวางตำแหน่งสินค้า

(4)       การทำให้รู้จักสินค้า การโน้มน้าวใจให้ชื้อสินค้า การวางตำแหน่งสินค้า

ตอบ 2 จุดประสงค์ของการวางแผนสื่อโฆษณา (Media Planning) ประกอบด้วย การกำหนดจุดบุ่งหมายและการ ตัดสินใจในเรื่องสำคัญ ๆ ดังต่อไปนี้

 

MCS2603 สื่อมวลชนเพื่อการโฆษณา แนวข้อสอบปี2557 ชุดที่1

ข้อสอบชุดที่1

ข้อสอบกระบวนวิชา MCS 2603 สื่อสารมวลชนเพื่อการโฆษณา

1.         ข้อใดไมใช่ลักษณะสำคัญของการโฆษณา

(1)       เป็นการสื่อสารเพื่อการโน้มน้าวใจ

(2)       ต้องระบุผู้อุปถัมภ์

(3)       เป็นการสื่อสารผ่านสื่อบุคคล

(4)       เป็นการส่งเสริมสินค้า บริการ หรือความคิด

ตอบ 3 ลักษณะสำคัญของการโฆษณามีดังนี้

1.         เป็นการสื่อสารที่ไม่เป็นส่วนบุคคลไมเจาะจงเป็นรายบุคคล และไม่เป็นการสื่อสารแบบเผชิญหน้า ระหว่างผู้ส่งสารกับผู้รับสารแต่จะเป็นการสื่อสารผ่านสื่อมวลชนที่มุ่งตรงไปยังบุคคลจำนวนมากใน คราวเดียวกัน

2.         เป็นการส่งเสริมสินค้า บริการ หรือความคิด

3.         มีการระบุผู้อปถัมภ์หรือผู้ออกค่าใช้จ่ายในการโฆษณา

4.         ต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นค่าเวลาและค่าเนื้อที่ในสื่อโฆษณา

5.         เป็นข่าวสารหรือเป็นการสื่อสารเพื่อการโน้มน้าวใจ

2.         การโฆษณามีความสัมพันธ์กับกิจกรรมใดมากที่สุด

(1)       การพัฒนาผลิตภัณฑ์  

(2) การกำหนดราคาสินค้า

(3) การจัดจำหน่ายสินค้า        

(4) การส่งเสริมการตลาด

ตอบ 4 หน้า 7,14-16 การโฆษณาจะมีความสัมพันธ์หรือมีบทบาทโดยตรงในฐานะเป็นกิจกรรมหนึ่งของการ ส่งเสริมการตลาดหรือการสื่อสารการตลาด กล่าวคือ การโฆษณาจะเป็นกิจกรรมการสื่อสารเพื่อส่งข่าวสารที่ เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการไปยังผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายเพื่อแจ้งให้ทราบและโน้มน้าวใจให้มีพฤติกรรมอย่างใดอย่าง หนึ่ง เช่น การซื้อสินค้า หรือใช้บริการ เป็นต้น ส่วนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การกำหนดราคาสินค้า และการจด จำหน่าย ถือเป็น บทบาทอื่น ๆของการโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางการตลาด

3.         ข้อใดเป็นหน้าที่สำคัญของการโฆษณา

(1)       การแจ้งข่าวสาร           (2) การส่งเสริมการขาย

(3) การประชาสัมพันธ์สินค้า   (4) การสร้างความภักดีในตราสินค้า

ตอบ 4 หน้า 5-6 หน้าที่สำคัญของการโฆษณา มีดังนี้

1.         เพื่อสารข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์

2.         เพื่อบอกถึงความแตกต่างระหว่างผลิตภัณฑ์ที่โฆษณากับคู่แข่งขัน

3.         เพื่อกระตุ้นให้ใช้ผลิตภัณฑ์

4.         เพื่อช่วยให้มีการจัดจำหน่าย ผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น

5.         เพื่อเพิ่มความชอบและสร้างความภักดีในตราสินค้า โดยบอกเหตุผลที่ผู้บริโภคควรเลือกใช้สินค้ายี่ห้อ ของเราตลอดไป

6.         เพื่อช่วยลดต้นทุนรวมต้านการขาย

4.         การส่งเสริมการตลาดประกอบด้วยกิจกรรมอะไรบ้าง

(1)       การประชาสัมพันธ์การโฆษณา การส่งเสริมการขาย การใช้พนักงานขาย การขายตรง

(2)       การประชาสัมพันธ์ การโฆษณา การใช้พนักงานขาย การตลาดแบบเจาะจง การส่งเสริมรายการ

(3)       การโฆษณา การส่งเสริมการขาย การใช้พนักงานขาย การตลาดแบบเจาะจง การวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์

(4)       การโฆษณา การส่งเสริมการขาย การตลาดแบบเจาะจง การใช้พนักงานขาย การประชาสัมพันธ์

ตอบ 4 หน้า 7 การส่งเสริมการตลาดหรือการสื่อสารการตลาด (Promotion or Marketing Communication) จะ ประกอบด้วยกิจกรรมหลัก 5 กิจกรรม ได้แก่ การประชาสัมพันธ์ การโฆษณา การส่งเสริมการขายการขายโดยใช้ พนักงานขายและการตลาดแบบเจาะจง

5.         ข้อใดเป็นการตลาดแบบเจาะตรง

(1)       การโฆษณาส่งทางไปรษณีย์   (2) การขายตรง

(3) ป้ายโฆษณาริมทางเท้า      (4) การโฆษณาทางสมุดหน้าเหลือง

ตอบ 1,2 หน้า 8,132 การตลาดแบบเจาะจง (Direct Marketing or Direct-response Marketing) หมายถึง การ สื่อสารโดยตรงกับผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เกิดการตอบสนองและหรือก่อให้เกิดการซื้อขาย แลกเปลี่ยนขึ้น โดยการตลาดแบบเจาะตรง จะได้แก่ การขายตรง (Direct Selling) การขายทางโทรศัพท์หรือ โทรสาร (Telemarketing) และการโฆษณาแบบตอบรับทันที (Direct Response Ads) เช่น การโฆษณาส่งตรงทาง ไปรษณีย์ เป็นต้น

6.         การโฆษณาเพื่อการประชาสัมพันธ์ จัดเป็นการโฆษณาประเภทใด

(1)       โฆษณาผลิตภัณฑ์      (2) โฆษณาแนวความคิด

(3) โฆษณาสถาบัน     (4) โฆษณาชวนเชื่อ

ตอบ 3 (คำบรรยาย) การโฆษณาสถาบัน (Institutional Advertising หรือ Corporate Advertising) หรือการโฆษณา เพื่อการประชาสัมพันธ์ Public Relation Advertising) จะหมายถึง การโฆษณาที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างจินตภาพ หรือภาพลักษณ์ (Image) ที่ดีให้กับสถาบันหรือองค์การที่เป็นผู้โฆษณา

ข้อ 7-9 จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม

(1)       การประชาสัมพันธ์      (2) การใช้พนักงานขาย

(3) การส่งเสริมการขาย           (4) การตลาดแบบเจาะจง

7.         การขายทางโทรศัพท์ เป็นกิจกรรมใด

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 5. ประกอบ

8.         การจัดงานแถลงข่าวเปิดตัวสินค้า จัดเป็นกิจกรรมใด

ตอบ 1 (คำบรรยาย) การประชาสัมพันธ์ (Public Relation) คือ ความพยายามอันมีแผนงานล่วงหน้าที่จะสร้าง อิทธิพลเหนือจิตใจของสาธารณชนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการประชาสัมพันธ์จะถูกนำมาใช้ในกรณีดังต่อไปนี้

1.         ต้องการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจ หรือสร้างผลกระทบด้านภาพลักษณ์ที่ผู้บริโภคมีต่อบริษัท

2.         ต้องการให้ความรู้หรือวิทยาการที่เกี่ยวข้องกับสินค้า เช่น การจัดงานแถลงข่าวเปิดตัวสินค้า ฯลฯ และ

3.         เมื่อสินค้าของบริษัทเป็นที่รู้จักดีอยู่แล้ว เราอาจใช้กิจกรรมประชาสัมพันธ์ เช่น งานชุมชนสัมพันธ์ งานสื่อมวลชนสัมพันธ์ มาสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างบริษัทกับบุคคลฝ่ายต่างๆ หรือเพื่อสนับสมุน ร่วมมือในระยะยาวได้

9.         การจัดรายการชิงโชค ชิงรางวัล เป็นกิจกรรมใด

ตอบ 3 (คำบรรยาย) การส่งเสริมการขาย (Sales Promotion) คือ การจูงใจให้เกิดการซื้สนค้าโดยฉับพลัน ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งจะแบ่งเป็น 3 ลักษณะ คือ

1.         การส่งเสริมการขาย ต่อผู้ขายปลีก เช่น การให้ส่วนลดต่างๆ เป็นต้น

2.         การส่งเสริมการขายต่อพนักงานขาย เช่น การประชุมการขาย การฝึกอบรม หรือการแข่งขันทางการขาย เป็นต้น

3.         การส่งเสริมการขายต่อผู้บริโภค เช่น การจัดรายการชิงโชค ชิงรางวัล หรือการลด แลก แจก แถม เป็นต้น

10.       การโฆษณาสถาบัน จัดเป็นโฆษณาประเภทใด

(1)     การโฆษณาส่งเสริมการขาย   (2) การโฆษณาแนวความคิด

(3) การโฆษณาเพื่อการประชาสัมพันธ์           (4) การโฆษณาระดับนานาชาติ

ตอบ 3 คูคำอธิบายข้อ 6. ประกอบ

11.       การโฆษณาระดับชาติส่วนใหญ่จะเป็นการโฆษณาประเภทใด

(1) การโฆษณาชื่อยี่ห้อ           

(2) การโฆษณาโดยผู้ค้าส่ง

(3) การโฆษณาโดยผู้ค้าปลีก  

(4) การโฆษณาโดยปัจเจกชน

ตอบ 1 การโฆษณาระดับชาติ (National Advertising) หรือบางครั้งอาจเรียกว่า การโฆษณาชื่อยี่ห้อ (Brand Advertising) โดยการโฆษณาทางสื่อมวลชนส่วนใหญ่จะเป็นการโฆษณาระดับชาติที่มีพื้นที่ครอบคลุมทั่วประเทศ และมักเป็นการโฆษณาภายใต้ชื่อยี่ห้อหรือตราสินค้าโดยผู้อุปถัมภ์ที่เป็นผู้ผลิตหรือตัวแทนจำหน่ายแต่ผู้เดียวของ สินค้ายี่ห้อนั้น

12.       ในปัจจุบันสื่อมวลชนมองผู้รับสารในฐานะอะไร

(1)       มวลชน            

(2)       สาธารณชน

(3)       กลุ่มสังคม       

(4)       ตลาด

ตอบ 4 ในปัจจุบันสื่อมวลชนจะมองผู้รับสารในฐานะตลาด (Market) หรือกลุ่มเป้าหมาย (Target Group) ซึ่งจะมี ความสำคัญสำหรับผู้ส่งสาร 2 ประเภท คือ

1.         เป็นผู้บริโภคของผลผลิตที่จะขาย

2.         เป็นผู้รับสารจากโฆษณา ซึ่งเป็นรายได้หลักของสื่อมวลชน

13.       แบบจำลองลำดับขั้นของการตอบสนองสาร ข้อใดที่พัฒนามาจากแบบจำลองกระบวนการขายโดยใช้พนักงานขาย

(1) AIDA Model (2) Hierarchy of Effects Model

(3)       Innovation Adoption Model  (4)       Information-processing  Model

ตอบ 1

14.       ข้อใดคือกระบวนการตอบสนองตามแบบจำลอง Hierarchy of Effects Model

(1)       ความใส่ใจ ความสนใจ ความต้องการ การกระทำ

(2)       การรู้จัก ความรู้ ความชอบ ความพึงพอใจ ความมั่นใจ การซื้อ

(3)       ความใส่ใจ การรู้จัก ความรู้ ความชอบ ความมั่นใจ การซื้อ

(4)       การรู้จัก ความเข้าใจ การยอมรับ ความมั่นใจ การเกิดพฤติกรรม

ตอบ 2 แบบจำลองลำดับขั้นของผลกระทบ (Hierarchy of Effects Model) จะเสนอว่าการตัดสินใจซื้อ

15.       กระบวนการตอบสนองสารขั้นใดที่สำคัญที่สุดสำหรับการโฆษณา

(1)     การนำเสนอ     (2)       ความสนใจ

(3)       ความใส่ใจ       (4)       การจดทำ

ตอบ 4 ขั้นการจดจำ (Retention) เป็นขั้นตอนที่ผู้บริโภคสามารถจดจำข้อมูลข่าวสารที่เขาเข้าใจได้และเป็น ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดสำหรับการโฆษณา เพราะแผนงานรณรงค์ทารงการโฆษณาส่วนใหญ่ไม่สามารถทำให้ผู้บริโภค มาซื้อสินค้าได้ในทันที แต่การโฆษณามุ่งหวังที่จะนำเสนอข่าวสารข้อมูลซึ่งผู้บริโภคจะนำมาใช้ประกอบการ ตัดสินใจได้ภายหลังหรือเมื่อใดก็ตามที่เขาจะซื้อสินค้าหรือใช้บริการ

16.       ลีลาการสื่อสาร มีความสำคัญอย่างไร

(1)       เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในกระบวนการสื่อสาร

(2)       เป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเลือกรับสาร

(3)       ใช้บอกความหมายของเนื้อหาเรื่องราวที่สื่อสาร

(4)       เป็นสิ่งที่มาเสริมให้ผู้รับสารรับสารได้สะดวกขึ้น

ตอบ 2 ลีลาในการสื่อสาร (Communication Style) ถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการเลือกรับสาร ของมวลชน กล่าวคือ การเป็นผู้รับสารของเรานั้นส่วนหนึ่งจะขึ้นอยู่กับลีลาในการสื่อสารของเรา คือ ความชอบ หรือไม่ชอบสื่อบางประเภท ดังนั้นบางคนจึงชอบฟังวิทยุบางคนชอบดูโทรทัศน์ บางคนชอบอ่านหนังสือพิมพ์ฯลฯ อย่างเช่น วัยรุ่นในกรุงเทพฯ ชอบที่จะฟังวิทยุมากกว่าการใช้สื่อมวลชนประเภทอื่น เป็นต้น

17.       การที่นักศึกษาเลือกที่จะฟังรายการวิทยุมากกว่าชมรายการโทรทัศน์ เป็นกระบวนการเลือกรับสารขั้นใด

(1)       การเลือกใส่ใจ (2) การเลือกรับรู้

(3) การเลือกเปิดรับ     (4) การเลือกที่จะจดจำ

ตอบ 3 การเลือกเปิดรับ (Selective Exposure) เป็นพฤติกรรมการเลือกรับสารของประชาชนที่อาจมีความพอใจ หรือไม่พอใจที่จะรับสารจากแต่ละสื่อแตกต่างคันไป เช่น การเลือกฟังรายการวิทยุมากกว่าชมรายการโทรทัศน์ โดยปกติแล้วเราจะเลือกเปิดรับและจดจำสารที่มีเนื้อหาสอดคล้องคับรสนิยม ทัศนคติ ความคิด ความชอบ ความเชื่อ ค่านิยมที่มีอยู่ตลอดจนประสบการณ์เดิมของตน และการมองตนเอง (Selfl-concept)

18.       ท่านคิดว่าข้อความใดถูกต้องที่สุด

(1)       เนื้อหาในสื่อมวลชนจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับผู้โฆษณา

(2)       สื่อมวลชนปัจจุบันมีโฆษณามากจนกระทั่งผู้รับสารไม่สนใจ

(3)       การโฆษณาทำให้ประชาชนมีรสนิยมต่ำ

(4)       สื่อมวลชนในปัจจุบันมีโฆษณาน้อยเกินไป

ตอบ 2 ในปัจจุบันสื่อมวลชนจะมีข่าวสารการโฆษณาที่ปรากฏอยู่ในรูปของชิ้นงานโฆษณาหรือสิ่งโฆษณา (Advertisement) ที่ได้เห็น ได้ยิน (ฟัง) ได้อ่านจากสื่อมวลชนหรือสื่อโฆษณาต่างๆ เป็นจำนวนมากจนกระทั่งผู้รับ สารไม่ให้ความสนใจ โดยจะมีโฆษณาเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น ที่ผู้รับสารจะรับและจดจำได้ หรือสิ่งโฆษณาที่ปรากฏทางสื่อมวลชนนั้นไม่ความน่าสนใจหรือไร้รสนิยม ก็จะยิ่งทำให้ผู้ชมหรือผู้ฟังมองว่าเป็นสิ่งที่น่ารำคาญ และรู้สึก ไม่ดีต่อสินค้าที่โฆษณาได้

19.       การสร้างภาพลักษณ์ของสินค้า จะต้องทำให้ผู้บริโภคเกิดการรับรู้อย่างไร

(1)       รับรู้ตามความเป็นจริง

(2)       รับรู้ว่าสินค้ามีค่ากว่าที่เป็นจริง

(3)       รับรู้เกี่ยวกับราคาสินค้า

(4)       รับรู้อย่างไรก็ได้ขึ้นอยู่กับการตีความ

ตอบ 2 เนื่องจากการรับรู้ของผู้บริโภคเป็นสิ่งสำคัญมาก นักการตลาดจึงมักตั้งนิยามของสินค้าว่า สินค้าหรือสิ่งที่ ผู้บริโภคมองว่ามันเป็น” ดังนั้นการโฆษณาที่ดีต้องสามารถสร้างคุณค่าเพิ่ม (Added Value) ให้กับผลิตภัณฑ์ หรือ สร้างภาพลักษณ์ของสินค้าให้ผู้บริโภคเกิดการรับรู้ว่าสินค้านั้นมีค่ามากกว่าที่เป็นอยู่จริง (Consumer’s Surplus)และจะต้องไม่ให้ผู้บริโภคมองว่าสินค้านั้นมีค่าน้อยกว่าที่เป็นอยู่จริง (Consumer’s Deficit) ทั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์ต่อการกำหนดราคาสินค้านั่นเอง

20.       มนุษย์เลือกรับและจดจำสารที่มีเนื้อหาอย่างไร

(1)       ง่ายๆ ไม่ต้องคิดมาก    (2) สอดคล้องกับความชอบและค่านิยมที่มีอยู่

(3) ซับซ้อน เข้าใจยาก (4) แปลกใหม่ ขัดแย้งกับค่านิยมที่มีอยู่

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 17. ประกอบ

21.       การศึกษาคุณสมบัติทางภายภาพของสินค้า เป็นการศึกษาวิเคราะห์อะไรบ้าง

(1)       หน่วยการจำหน่าย ขนาดการจำหน่าย

(2)       ราคา การจัดจำหน่าย

(3)       ชื่อเสียง และประสบการณ์ของบริษัท

(4)       ส่วนผสม องค์ประกอบ สี ขนาด

ตอบ 4 หน้า 99 การศึกษาคุณลักษณะหรือคุณสมบัติทางกายภาพของสินค้า เป็นการศึกษาถึงลักษณะที่มีอยู่ใน ตัวสินค้าทั้งหมด เช่น คุณสมบัติของสินค้า ส่วนผสม องค์ประกอบ สี ขนาด คุณภาพ ราคา ชื่อยี่ห้อ ประโยชน์ใช้ สอย ฯลฯ ซึ่งการศึกษาถึงลักษณะของสินค้านี้ จะช่วยให้ผู้โฆษณาสามารถวิเคราะห์ถึงจุดเด่นและจุดด้อยของสินค้า ที่โฆษณาไค้ และทำให้สามารถกำหนดกลยุทธ์การส่งเสริมการตลาดเพื่อเสริมลักษณะเด่นของสินค้าให้เห็นเด่นชัดยิ่งขึ้น

22.       Brand Advertising เป็นการโฆษณาโดยผู้โฆษณาประเภทใด

(1)       ผู้ผลิต  

(2)       ผู้จัดจำหน่าย

(3)       สถาบัน            

(4)       ปัจเจกชน

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 11. ประกอบ

23.       การที่นักศึกษาอ่านชีทสรุปและข้อสอบเก่าแทนการอ่านหนังสือ เนื่องจากปัจจัยใด

(1)       ความต้องการ  (2)       ทัศนคติและค่านิยม

(3)       ประสบการณ์และนิสัย            (4)       ความสามารถ

ตอบ 4 (คำบรรยาย) ความสามารถ (Capability) เป็นปัจจัยสำคัญอันหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการเลือกรับ สารของคนเรา เพราะความสามารถของเราเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เช่น ความสามารถด้านการเรือนรู้ ด้านการรับรู้ และด้านภาษา ฯลฯ มีอิทธิพลต่อเราในการที่จะเลือกรับข่าวสาร เลือกดีความหมายของข่าวสาร และเลือกเก็บเนื้อหา ของข่าวสารนั้นไว้เช่น นักศึกษารามคำแหงจำนวนมากที่อ่านชีทสรุปและข้อสอบเก่าแทนการอ่านหนังสือเรียนที่มี เนื้อหาโดยละเอียดเป็นต้น

24.       4As” หมายถึงอะไร

(1) ตัวแทนการโฆษณา           (2) ตัวแทนโฆษณาอิสระ

(3) ตัวแทนโฆษณา      (4) สมาคมตัวแทนโฆษณาแห่งสหรัฐอเมริกา

ตอบ 4 สมาคมตัว.แทนโฆษราแห่งสหรัฐอเมริกา (American Association of Advertising Agencies หรือ AAAA หรือ 4As ได้ให้นิยามว่า ตัวแทนการโฆษณา หมายถึง ธุรกิจที่เป็นอิสระ ประกอบด้วย บุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านการสร้างสรรค์และทางด้านธุรกิจซึ่งทำหน้าที่พัฒนา ตระเตรียม และลงโฆษณาในสื่อโฆษณา โดยทำหน้าที่แทนผู้โฆษณาซึ่งต้องการโฆษณาไปยังผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายสำหรับสินค้าและบริการของตน

25.       หน่วยงานใดในบริษัทตัวแทนโฆษณาที่ทำหน้าที่ประสานงานกับบริษัทผู้โฆษณา

(1)       ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์       (2) ฝ่ายบริหารงานลูกค้า

(3) ฝ่ายบริหารงานทั่วไป         (4) ฝ่ายการตลาด

ตอบ 2 หน้าที่ของฝ่ายบริหารงานลูกค้า (Account Service Department) บริษัท (ตัวแทน ) โฆษณา จะมี ดังต่อไปนี้

1.         ติดต่อ บริการ และประสานงานกับลูกค้าหรือบริษัทผู้โฆษณาอย่างใกล้ชิด

2.         กำหนดกลยุทธ์การโฆษณาเบื้องด้นสำหรับบริษัทโฆษณา

3.         นำเสนอแผนงานทั้งหมดให้ลูกค้าพิจารณาให้ความเห็นชอบ

4.         ติดตามดูแลการปฏิบัติงานของฝ่ายต่างๆ ว่าเป็นไปตามความต้องการของลูกค้าหรือไม่ เป็นต้น

26.       การศึกษากลุ่มเป้าหมายก่อนการทำโฆษณา ได้แก่การศึกษาในเรื่องใดบ้าง

(1)       องค์ประกอบของตลาด ส่วนแบ่งการตลาด

(2)       ลักษณะของสินค้า คุณภาพของสินค้า ราคา การจัดจำหน่าย การส่งเสริมการขาย

(3)       ค่านิยม ทัศนคติ แรงจูงใจ รูปแบบการดำเนินชีวิต

(4)       ผลการวิจัยทางด้านสื่อโฆษณา ผลการวิเคราะห์ค่าความนิยมของรายการ

ตอบ 3 (คำบรรยาย) การศึกษาวิจัย (Research) ก่อนการทำโฆษณา จะเป็นการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องต่างๆ ดังนี้

1.         การศึกษาวิจัยทางการตลาด ได้แก่เรื่อง องค์ประกอบของตลาด ส่วนแบ่งการตลาด ฯลฯ

2.         การศึกษาวิจัยกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่เรื่อง ความสนใจทัศนคติ ค่านิยม แรงจูงใจ รูปแบบการดำเนินชีวิต ฯลฯ

3.         การศึกษาวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ได้แก่เรื่อง ลักษณะของสินค้า คุณภาพของสินค้า ราคา การจัดจำหน่าย การส่งเสริมการขาย ฯลฯ

4.         การศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสื่อโฆษณา ได้แก่เรื่องผลการวิจัยด้านสื่อโฆษณา หรือผลการวิเคราะห์ค่าความ นิยมของรายการ ฯลฯ

27.       หากจะโฆษณาบริการเสริมความงามและลดความอ้วน ค่าบริการคอร์สละ 60,000 บาท ควรจะกำหนด กลุ่มเป้าหมายใด

(1)       A-B   (2) B-C

(3) C-D        (4) D-E

ตอบ 1 การแบ่งส่วนตลาดโดยการพิจารณาจากรายได้อาชีพ และการศึกษา หรือสถานะทางสังคมและเศรษฐกิจ (Socio-economic Status ะ SES) จะแบ่งออกเป็น 5 ระดับดังนี้

1.         คือ กลุ่มคนที่มีรายได้สูง การศึกษาสูง และมีอาชีพเป็นที่ยกย่อง

2.         คือ กลุ่มคนที่มีรายสูง แค่อาจมีการศึกษาตา บางทีเรียกว่าพวกเศรษฐีใหม่

3.         คือ เจ้าของกิจการรายย่อย มีธุรกิจเป็นของตนเอง มีการศึกษาปานกลาง

4.         คือ กลุ่มคนที่มีรายได้ไมสูงนัก มีอาชีพไม่เป็นที่ยกย่อง เช่น ข้าราชการชั้นผู้น้อย

5.         คือ กลุ่มผู้ใช้แรงงานที่ไม่มีทักษะ มีรายได้ต่ำ ขาดการศึกษา

28.       ฝ่ายใดที่รับผิดชอบกำกับดูแลการทำงานของ Production House

(1)       ฝ่ายผลิตในบริษัทผู้โฆษณา

(2)       ฝ่ายโฆษณาในบริษัทผู้โฆษณา

(3)       ฝ่ายสร้างสรรค์งานโฆษณาในบริษัทตัวแทนโฆษณา

(4)       ฝ่ายสื่อโฆษณาในบริษัทตัวแทนโฆษณา

ตอบ 3 ฝ่ายสร้างสรรค์งานโฆษณา (Creative Department) จะมีหน้าที่รับผิดชอบที่เกี่ยวกับการสร้างสรรค์งาน โฆษณา กำหนดแนวความคิด สร้างและผลิตสิ่งโฆษณาทั้งหมดเพื่อให้ได้ผลงานที่สามารถสื่อความหมายเกี่ยวกับ สินค้าหรือบริการได้ดีที่สูด นอกจากนี้ยังมีหน้าที่รับผิดชอบและกำหนดดูแลการทำงานของบริษัทหรือโปรดักชั่น เฮาส์ (Production House) ที่รับจ้างผลิตภาพยนตร์หรือสิ่งพิมพ์ที่เป็นสิ่งโฆษณา

29.       ข้อใดหมายถึงผังโฆษณาของภาพยนตร์โฆษณา

(1)     Layout      (2) Dummy

(3) Storyboard (4) Artwork

ตอบ 3 (คำบรรยาย) Storyboard หมายถึง ผังโฆษณาของชิ้นงานโฆษณาทางโทรทัศน์ โดยจะแสดงให้เห็นถึง ลำดับภาพของภาพยนตร์โฆษณา (ส่วน Layout หมายถึง ผังโฆษณาของสิ่งโฆษณาประเภทสิ่งพิมพ์เช่น หนังสือพิมพ์นิตยสาร ฯลฯ, Dummy หมายถึง การวางผังโฆษณาโดยตรงและการโฆษณา ณ จุดซื้อและ Artwork หมายถึง ต้นฉบับสำหรับชิ้นงานโฆษณาประเภทสิ่งพิมพ์)

30.       ข้อใดคือลักษณะสำคัญของผู้เขียนข้อความโฆษณา

(1)       มีมนุษยสัมพันธ์กับทุกฝ่าย

(2)       มีความสามารถในการเจรจาต่อรอง

(3)       มีความคิดสร้างสรรค์และรับผิดชอบ

(4)       มีความเป็นตัวของตัวเอง ไม่สนใจความคิดของผู้อื่น

ตอบ 3 ผู้เขียนข้อความโฆษณา (Copy Writer) จะเป็นผู้ทำหน้าที่คิดและเขียนข้อความโฆษณาโดยเลือกใช้ถ้อยคำ ภาษาที่ดึงดูดความสนใจ สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ รวมทั้งจะต้องพยายามสร้างความประทับใจให้ ผู้อ่านหรือได้ยินข้อความโฆษณานั้นสามารถจดจำได้ดังนั้นลักษณะที่สำคัญของผู้เขียนข้อความโฆษณา ก็คือ จะต้อง มีความเชี่ยวชาญในการใช้ภาษา มีความคิดสร้างสรรค์และมีความรับผิดชอบ เป็นต้น

31.       ข่าวสารการโฆษณาปรากฏอยู่ในรูปใด

(1)       ข้อความ           

(2) สื่อโฆษณา

(3) ชิ้นงานโฆษณา      

(4) คำพูดและรูปภาพ

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 18. ประกอบ

32.       เหตุใดการจ้างบริษัทโฆษณาอิสระ จึงเป็นการลงทุนที่ได้รับผลตอบแทนคุ้มค่า  

(1) สามารถควบคุมการโฆษณาได้ทุกชิ้นงาน

(2)       สามารถแน่ใจได้ว่าดำเนินงานภายใต้จุดมุ่งหมายขององค์การ

(3)       มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์

(4)       ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญ

ตอบ 4 เหตุผลหนึ่งที่ผู้โฆษณาส่วนใหญ่นิยมจ้างบริษัทโฆษณาอิสระ (Independent Agency) ก็คือ การลงทุนที่ ได้รับผลตอบแทนคุ้มค่า ทั้งนี้เนื่องจากบริษัทโฆษราอิสระจะประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นักวิจัย นักวางแผน นักคิด นักเขียน และฝ่ายสื่อโฆษณาที่มีความสัมพันธ์กับสื่อ นอกจากนี้ก็ยังจะได้ทีมงานที่มี ความเชี่ยวชาญสูงและเป็นมืออาชีพมาวางแผน ทำให้ผู้โฆษณาประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการวิจัยและหาข้อมูล เพราะบริษัทโฆษณาอิสระส่วนใหญ่จะมีข้อมูลเหล่านี้อยู่แล้ว

33.       ฝ่ายใดที่รับผิดชอบควบคุมการซื้อสื่อให้ได้ผลคุ้มค่ามากที่สูด

(1) ฝ่ายโฆษณา          (2) ฝ่ายบริหารงานลูกค้า

(3) ฝ่ายสื่อโฆษณา      (4) ฝ่ายบริหารงานทั่วไป

ตอบ 3 หน้าที่และความรับผิดชอบของฝ่ายสื่อโฆษณา (Media Department) มีดังนี้

1.         เป็นผู้วางแผนเกี่ยวกับการใช้และการซื้อสื่อโฆษณา ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

2.         วางกลยุทธ์ในการใช้สื่อโฆษณา

3.         ติดต่อจองเนื้อที่โฆษณา และซื้อเนื้อที่โฆษณาให้เป็นไปตามแผนงานที่ได้วางไว้

4.         ควบคุมการซื้อสื่อโฆษณาให้ได้ผลคุ้มค่ามากที่สูด

5.         จัดสรรและควบคุมการใช้งบประมาณ รวมทั้งติดตามการใช้สื่อของคู่แข่งขัน ฯลฯ

34.       ข้อใดเป็นผู้เขียนหรือสร้างสรรค์ภาพโฆษณา

(1) Visualizer     (2) Copy Writer

(3) Managing Director       (4) Traffic Co-ordinater

ตอบ 1 Visualizer คือ ผู้รับหน้าที่ถ่ายทอดความคิดเกี่ยวกับสิ่งโฆษณาให้ปรากฏออกมาเป็นภาพ โดยการวาดภาพ ลายเส้น การทำระบายสี หรือการทำภาพกราฟิกด้วยคอมพิวเตอร์จนได้ผลงานเป็นผังโฆษณา (Layout) ของสิ่ง โฆษณาประเภทสิ่งพิมพ์ และ Storyboard ที่แสดงให้เห็นการลำดับภาพของภาพยนตร์โฆษณา

35.       กระบวนการรับของแต่ละคน ขึ้นอยู่กับปัจจัยอะไร

(1)       ปัจจัยภายใน เช่น เพศ อายุ การศึกษา รายได้

(2)       ปัจจัยภายนอก เช่น สภาพสังคม เศรษฐกิจ การเมือง

(3)       ปัจจัยภายใน เช่น ความเชื่อ ประสบการณ์ และปัจจัยภายนอก ได้แก่ ลักษณะของสิ่งเร้า

(4)       เป็นเรื่องเฉพาะตัวของแต่ละคนไม่เกี่ยวกับปัจจัยใด ๆ

ตอบ 3 “การรับรู” เป็นกระบวนการที่บุคคลรับ เลือก จัดการ และตีความข่าวสารเพื่อทำให้เกิดภาพที่มีความหมาย ขึ้น โดยกระบวนการรับรู้ของแต่ละคนจะขึ้นอยู่กับปัจจัยภายในของบุคคลคนนั้น เช่น ความเชื่อ ประสบการณ์ ความ ต้องการ อารมณ์และความคาดหวัง รวมทั้งปัจจัยภายนอก ได้แก่ คุณลักษณะของสิ่งเร้า เช่น ขนาด สี และความเข้ม ตลอดจนสิ่งแวดล้อมที่ข่าวสารนั้นถูกเห็นหรือได้ยินด้วย

36.       กรอบของการอ้างอิง (Frame of Reference) ประกอบด้วยอะไรบ้าง

(1)       กฎ ระเบียบ บรรทัดฐานทางสังคม

(2)       ความมีระเบียบวินัย

(3)       จิตสำนึกของแต่ละคน

(4)       การเรียนรู้ ประสบการณ์ ทัศนคติ บุคลิกภาพ และภาพลักษณ์ต่อตนเอง

ตอบ 4 ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อกรอบของการอ้างอิง (Frame of Reference) ประกอบด้วย การเรียนรู้ ประสบการณ์ ทัศนคติ บุคลิกภาพ และภาพลักษณ์ต่อตนเอง (Self-image)

37.       รูปแบบการดำเนินชีวิตของกลุ่มเป้าหมาย พิจารณาจากอะไร

(1)       การเป็นคนชั้นสูง ชั้นกลาง หรือชั้นต่ำ

(2)       การเป็นคนชอบอยู่นอกบ้านหรือในบ้าน

(3)       การเป็นคนเปิดเผยหรือปิดบัง

(4)       ความภักดีต่อยี่ห้อสินค้า

ตอบ 2 รูปแบบการดำเนินชีวิต (Life Style) หมายถึง รูปแบบการใช้ชีวิตของบุคคลซึ่งแสดงออกผ่านกิจกรรม ต่างๆ ของเขา.เป็นสิ่งแสดงให้เห็นถึงวิธีการที่บุคคลนั้น ๆ จัดการกับชีวิตของตนเอง เช่น การแบ่งเวลา การใช้ พลังงาน การใช้เงิน ฯลฯ รูปแบบการดำเนินชีวิต และค่านิยมจะอธิบายถึงความสนใจ ความคิดเห็น ความเชื่อ ตลอดจนพฤติกรรมของบุคคลได้

38.       การกำหนดลักษณะของกลุ่มเป้าหมายตามลักษณะทางทะเบียนภูมิหลังมีประโยชน์ต่อการโฆษณาอย่างไร

(1)       ช่วยให้การโฆษณาเป็นไปอย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น

(2)       ช่วยให้เข้าใจกลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น

(3)       ช่วยให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย

(4)       ช่วยให้วางแผนการรณรงค์ทางการโฆษณาได้อย่างสมบูรณ์

ตอบ 2 การแบ่งส่วนตลาดตามลักษณะทางทะเบียนภูมิหลัง เช่น อายุ เพศ สถานภาพ ครอบครัวการศึกษา อาชีพ และรายได้ จะมีประโยชน์ต่อการโฆษณา เพราะช่วยให้เข้าใจ กลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น เช่น หากนักโฆษณาทราบ ว่ากลุ่มเป้าหมายเป็นเพศใด จะทำให้สามารถสร้างสรรค์สิ่งโฆษณาให้สอดคล้องกับการรับรู้และความสนใจของ ผู้บริโภคได้ ฯลฯ

39.       สถานะทางเศรษฐกิจและสังคม (SES) พิจารณาจากอะไร

(1) เพศ การศึกษา ฐานะทางสังคม     (2) รายได้ศึกษา อาชีพ

(3) เพศอายุการศึกษา (4) สถานภาพสมรส ถิ่นที่อยู่อาชีพ

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 27. ประกอบ

40.       การโฆษณาที่ดีควรทำให้กลุ่มเป้าหมายรับรู้ที่เกี่ยวกับสินค้าในลักษณะใด

(1) Consumer’s Plus  (2) Consumer’s Surplus

(3) Consumer’s Deficit       (4) Consumer’s Utility

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 19. ประกอบ

41.       Consumer’s Profile หมายถึงอะไร

(1)       พฤติกรรมของผู้บริโภค            

(2) กระบวนการตัดสินใจชื้อของผู้บริโภค

(3) พฤติกรรมการชื้อและใช้สินค้า       

(4) ลักษณะร่วมของกลุ่มเป้าหมาย

ตอบ 4 Consumer’s Profile หมายถึง ลักษณะร่วมของกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเราสามารถอธิบายลักษณะร่วมของกลุ่มเป้าหมายหรือลักษณะของกลุ่มบุคคลที่คาดว่าจะเป็นผู้สนใจข่าวสารการโฆษณาของเราอย่างจริงจังได้โดยอาศัยลักษณะทางทะเบียนภูมิหลังและลักษณะทางจิตวิทยาประกอบกัน

42.       ธรรมชาติการรับรู้ของมนุษย์เป็นอย่างไร

(1)       จัดการสิ่งที่รับรู้ให้มีความซับซ้อนขึ้น

(2)       เพ่งความสนใจไปที่สิ่งเร้าทั้งหมดพร้อมกัน

(3)       แยกแยะสิ่งที่อยู่ใกล้กันออกจากกัน

(4)       มักจะเติมสิ่งที่ขาดหายไป

ตอบ 4 ธรรมชาติการรับรู้ของมนุษย์จะมีลักษณะตังต่อไปนี้

1.         คนเราจะจัดสิ่งที่เขารับรู้ให้อยู่ในรูปแบบที่ง่ายขึ้น

2.         คนเราจะเพ่งความสนใจไปยังส่วนใดส่วนหนึ่งของสิ่งเร้าทั้งหมด

3.         คนเรามักเชื่อมโยงความสมพันธ์ระหว่างสิ่งที่อยู่ใกล้กันเข้าด้วยกัน

4.         คนเรามักจะเติมสิ่งที่ขาดหายไปในสิ่งเร้า

43.       การเรียนรู้เป็นผลมาจากอะไร

. (1) บุคลิกภาพ           (2) แรงจูงใจ

(3) การรับรู้และตีความ           (4) ความต้องการ

ตอบ 3 การเรียนรู้ (Learning) เป็นผลมาจากการรับรู้และตีความเกี่ยวกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งซึ่งกระบวนการเรียนรู้จะเกิดขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัวนับตั้งแต่ช่วงแรกของชีวิตและดำเนินต่อเนื่องมาจนตลอดชีวิตของคนเรา ดังนั้นหากนัก โฆษณาได้ทำความเข้าใจว่าการเรียนรู้เกิดขึ้นได้อย่างไร ก็จะสามารถออกแบบข่าวสารการโฆษณาหรือองค์ประกอบ สำคัญ ๆ ในสิ่งโฆษณา เช่น ชื่อยี่ห้อ หรือรูปลักษณ์ของสินค้า ฯลฯ ที่จะทำให้ผู้บริโภคเกิดการเรียนรู้ได้เช่นกัน

44.       ทฤษฎี Cognition Learning กล่าวถึงการเรียนรู้อย่างไร

(1)       การเรียนรู้เกิดขึ้นจากประสบการณ์

(2)       การเรียนรู้เป็นผลจากการทดลอง

(3)       การเรียนรู้เกิดขึ้นจากการลงมือทำ

(4)       การเรียนรู้เกิดขึ้นได้จากการใช้ปัญญาคิด แม้ไม่เคยได้รับประสบการณ์ตรง

คอบ 4 ทฤษฎีการเรียนรู้ที่เกิดจากวิจารณญาณ (Cognition Learning) จะกล่าวถึงการเรียนรู้ว่าเกิดขึ้นได้จากการ ใช้ปัญญาหรือคิดอย่างมีเหตุผล แม้ยังไม่เคยได้รับเงื่อนไขโดยตรงหรือประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับสิ่งนั้น เช่น ผู้บริโภคไม่เคยทดลองใช้สินค้า มาก่อนแต่พอได้ชมภาพยนตร์โฆษณาของสินค้าตัวนั้นจากวิทยุโทรทัศน์ ก็จะสามารถใช้สติปัญญาและความคิดในการเชื่อมโยงหรือประมวลข้อมูลต่างๆ เข้าด้วยกัน และหาข้อสรุปเกี่ยวกันสินค้า นั้นได้

45.       “Self-concept” หมายถึงอะไร

(1)       การที่บุคคลมีใจโน้มเอียงหรือความรู้สึกต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

(2)       ผลรวมของอุปนิสัยที่ทำให้บุคคลหนึ่งแตกต่างจากบุคคลอื่น

(3)       อัตมโนทัศน์หรือการมองตนเอง .

(4)       รูปแบบการใช้ชีวิตซึ่งแสดงออกผ่านกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน

ตอบ 3 อัตมโนทัศน์หรือการมองตนเอง (Self-concept) จะหมายถึง การที่เราสามารถมองเห็นภาพของความเป็น ตัวตนของเรา และสามารถประเมินตนเองได้ว่ามีจุดเด่นจุดด้อยอย่างไรซึ่งการทำความเข้าใจใน Self-Concept จะมี ประโยชน์ต่อการทำโฆษณาสินค้าที่สะท้อนถึงภาพลักษณ์ของผู้ใช้ เช่น เสื้อผ้า รถยนต์ บ้าน เครื่องสำอาง สินค้า แฟชั่น ฯลฯ โดยนักโฆษณาจะสามารถพัฒนาภาพลักษณ์ของสินค้าให้สอคล้องกับภาพลักษณ์ของกลุ่มเป้าหมายได้

46.       ข้อใดเป็นลักษณะทางวัฒนธรรมที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อ

(1)       ค่านิยม            (2)       ความเชื่อ

(3)       ปทัสถานทางสังคม     (4)       แฟชั่น

ตอบ 1 วัฒนธรรม (Culture) คือ สิ่งที่คนเราปฏิบัติต่อเนื่องกันมาช้านาน โดยจะเป็นสิ่งที่แสดงถึงค่านิยม ปทัสถานทางวัฒนธรรม และประเพณีของคนในสังคม ที่จะเป็นตัวกำหนดความถูกผิดหรือเป็นสิ่งชี้นำให้ พฤติกรรมการบริโภคของคนในสังคมไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง เช่น คนในสังคมบริโภคนิยม ก็จะมีพฤติกรรม การซื้อสินค้าตามความนิยม ตามแฟชั่น โดยมิได้คำนึงถึงเหตุผลหรือความจำเป็น เป็นต้น

47.       ครอบครัวที่ประสบความสำเร็จในอาชีพปานกลาง มีอาชีพเป็นหลักฐาน ได้แก่ คนในกลุ่มชนชั้นใด

(1)       Lower – upper Class (2)       Upper – middle Class

(3)       Lower — middle Class     (4)       Upper – lower Class

ตอบ 2 วอร์เนอร์ (Warner WLloyd) ได้แบ่งชนชั้นทางสังคมออกเป็น 6 ชนชั้น ดังนี้

1.         ชนชั้นสูงระดับสูง (Upper-upper Class) เป็นพวกปัญญาชนที่มีตระกูลเก่า มีความมั่งคั่ง เป็นผู้ดีเก่า

2.         ชนชั้นสูงระดับต่ำ (Lower-upper Class) เป็นพวกเศรษฐีใหม่ มีการศึกษาไม่สูงนัก

3.         ชันชั้นกลางระดับสูง (Upper-middle Class) เป็นครอบครัวที่ประสบความสำเร็จในอาชีพปานกลาง มี อาชีพเป็นหลักฐาน

4.         ชนชั้นกลางระดับต่ำ (Lower-middle Class) เช่น พวกเสมียน พนักงานคนงานผีมือ

5.         ชนชั้นต่ำระดับสูง (Upper-lower Class) เช่น คนงานกรรมการที่ไมมีฝีมือ

6.         ชนชั้นต่ำระดับต่ำ (Lower-lower Class) เช่น คนงานกรรมการที่ไม่มีฝีมือ คนยากจนผู้มีรายได้น้อย

48.       กลุ่มอ้างอิง มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการซื้อสินค้าอย่างไร

(1)       คนส่วนใหญ่หลีกเลี่ยงที่จะซื้อสินค้าตามกลุ่มอ้างอิง

(2)       คนส่วนใหญ่หลีกเลี่ยงที่จะปฏิบัติตนตามปทัสถานของกลุ่มอ้างอิง

(3)       คนส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้ผู้อื่นมองว่าเป็นกลุ่มเดียวกับกลุ่มอ้างอิง

(4)       คนส่วนใหญ่ปฏิบัติตามปทัสถานของกลุ่มอ้างอิงเชิงบวก

ตอบ 4 นักการตลาดจะมองว่ากลุ่มอ้างอิงมีความสำคัญมากและมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการซื้อสินค้า เพราะคนส่วน ใหญ่จะปฏิบัติตามปทัสถาน (Norms) ของกลุ่มอ้างอิงเชิงบวกโดยจะซื้อหรือใช้สินค้าตามกลุ่มอ้างอิงนั้น และจะ หลีกเลี่ยงการปฏิบัติตนตามปทัสถานของกลุ่มอ้างอิงเชิงลบ หรือกลุ่มที่เขาไม่อยากให้มองว่าเขาเป็นคนพวกนั้น

49.       ข้อใดเป็นตัวอย่างของสิ่งแวดล้อมทางสังคมที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อ

(1) การจัดวางสินค้าให้สวยงามน่าซื้อ  (2) กลุ่มบุคคลรอบข้างที่อยู่ด้วยในขณะที่ซื้อ

(3)       ช่วงเวลาหรือฤดูกาลที่ทำให้จำเป็นต้องซื้อ

(4)       สภาวะเศรษฐกิจ

ตอบ 2 สถานการณ์แวดล้อมที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค จะประกอบไปด้วย

1.         สิ่งแวดค้อมทางกายภาพ เช่น การตกแต่งหรือการจัดวางสินค้าให้สวยงามน่าซื้อ ฯลฯ

2.         สิ่งแวดค้อมทางสังคม หมายถึง กลุ่มบุคคลรอบข้างที่อยู่ด้วยในขณะที่ผู้บริโภคจะซื้อสินค้าหรือใช้ บริการ

3.         สิ่งแวดล้อมทางด้านเวลา หมายถึง ช่วงเวลาหรือฤดูกาลที่เหมาะสมที่ผู้บริโภคจำเป็นจะต้องซื้อสินค้า

50.       วิธีการกำหนดตำแหน่งผลิตภัณฑ์โดยอาศัยราคา/คุณภาพ เหมาะสำหรับใช้กับสินค้าประเภทใด

(1) สินค้าราคาถูก        (2) สินค้าที่ไม่มีคู่แข่งมาก

(3) สินค้าคุณภาพสูง ราคาสูง (4) สินค้าที่มีคุณภาพ

ตอบ 3 วิธีการกำหนดตำแหน่งผลิตภัณฑ์โดยอาศัยราคาและคุณภาพ ถือเป็นวิธีหนึ่งที่นักการตลาดนิยมใช้โดย การเสนอข่าวสารการโฆษณาที่สะท้อนให้เห็นถึงภาพลักษณ์ของตราสินค้า ว่าเป็นสินค้าคุณภาพสูงเป็นอันดับแรก และให้ความสำคัญกับราคาเป็นอันดับรองลงไป ซึ่งสินค้าที่มีคุณภาพสูง ราคาสูง มักนิยมที่จะใช้การวางตำแหน่ง ผลิตภัณฑ์ด้วยวิธีนี้

51.       ข้อใดเป็นองค์ประกอบพื้นฐานของแผนงานโฆษณา

(1)       วัตถูประสงค์ สื่อโฆษณา ความคุ้มค่าด้านราคา

(2)       ข้อมูลเชิงปริมาณ การส่งเสริมการขาย การแนะนำสินค้าให้เป็นที่รู้จัก

(3)       การกำหนดวัตถุประสงค์ การกระจายสินค้า การกำหนดตำแหน่งการโฆษณา

(4)       การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย กลยุทธ์ด้านข่าวสาร กลยุทธ์ด้านสื่อโฆษณา

ตอบ 4 องค์ประกอบพื้นฐานของแผนงานโฆษณา (An Advertising Plan) จะมี 3 ประการคือ

1.         การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย

2.         กลยุทธ์เกี่ยวกับข่าวสาร

3.         กลยุทธ์ทางด้านสื่อโฆษณา

52.       การวิเคราะห์สถานการณ์ที่เป็นปัจจัยภายใน ได้แก่ การวิเคราะห์ในเรื่องใดบ้าง

(1)       ต้นทุนการผลิต ส่วนแบ่งการตลาด โครงการส่งเสริมการขาย

(2)       โครงการส่งเสริมการขาย การแบ่งส่วนตลาด สภาพการแข่งขัน

(3)       ต้นทุนการผลิต สภาพการแข่งขัน พฤติกรรมผู้ผลิต

(4)       สภาพการแข่งขัน พฤติกรรมผู้บริโภค กฎ ระเบียบที่เกี่ยวข้อง

ตอบ 1 การวิเคราะห์สถานการณ์ คือ การศึกษาหาข้อมูลทั้งในอดีตและปัจจุบัน ซึ่งจะช่วยให้มองเห็นภาวการณ์ที่ บริษัทกำลังเผชิญอยู่ โดยจะประกอบด้วยการวิเคราะห์ใน 2 ปัจจัยคือ

1.         ปัจจัยภายใน ได้แก่ ต้นทุนการผลิต ส่วนแบ่งการตลาด โครงการส่งเสริมการขาย ลักษณะเด่นของ สินค้า แผนงานเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ฯลฯ

2.         ปัจจัยภายนอกได้แก่ สภาพการแข่งขัน พฤติกรรมผู้บริโภค คู่แข่งขัน กฎ ระเบียบที่เกี่ยวข้อง สถานการณ์ทางเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม ฯลฯ

53.       วัตถุประสงค์การโฆษณาจะต้องมีความสัมพันธ์สอดคล้องกับอะไร

(1)       สภาพเศรษฐกิจ สังคม การเมือง

(2)       วัตถุประสงค์ของกลุ่มเปาหมาย

(3)       วัตถุประสงค์ขององค์กรสื่อโฆษณา

(4)       วัตถุประสงค์การส่งเสริมการตลาด

ตอบ 4 สิ่งสำคัญที่ควรนำมาพิจารณาประกอบการกำหนดวัตถุประสงค์การโฆษณา คือ

1.         วัตถุประสงค์การโฆษณาจะต้องมีความสัมพันธ์สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ขององค์การผู้โฆษณา หรือ บริษัทผู้โฆษณา วัตถุประสงค์ทางการตลาดและวัตถุประสงค์การส่งเสริมการตลาด

2.         เป็นสิ่งที่สามารถเป็นไปได้ภายในระยะเวลา งบประมาณ และทรัพยากรที่มีอยู่

3.         เป็นสิ่งที่สามารถวัดหรือประเมินผลได้

4.         ควรมีลักษณะชัดเจน เจาะจง

54.       การหาข้อได้เปรียบในการแข่งขันต้องมีความสัมพันธ์กับอะไร

(1) ขนาดของโฆษณา  (2) การเลือกใช้สื่อโฆษณา

(3) การวิเคราะห์ลักษณะเด่นของสินค้า          (4) สภาพการแข่งขันในตลาด

ตอบ 3 ข้อได้เปรียบในการแข่งขัน หมายถึง จุดแข็งของสินค้าที่โฆษณา ซึ่งจะต้องมีความสัมพันธ์กับการ วิเคราะห์ลักษณะเด่นของสินค้า โดยจะเป็นการหาข้อได้เปรียบว่าสินค้าของเรามีลักษณะเด่นเป็นพิเศษกว่าสินค้ายี่ห้อ อื่นอย่างไร

55.       บุคลิกตราสินค้ามีความสัมพันธ์กับอะไร

(1) ขนาดของโฆษณา  (2) ภาพลักษณ์ของบริษัทผู้โฆษณา

(3) บุคลิกของสื่อโฆษณา        (4) การมองตนเองของผู้บริโภค

ตอบ 4 การสร้างบุคลิกของตราสินค้า จะเป็นการสร้างบุคลิกภาพที่เด่นชัดให้กับตรายี่ห้อของสินค้า โดยอาศัย คำพูด รูปภาพ อารมณ์ น้ำเสียง และลีลา ที่จะต้องสอดคล้องและกลมกลืนกัน เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายเกิดความมั่นใจ และคาดหวังว่าจะได้อะไรจากสินค้า ซึ่งนักโฆษณาเชื่อว่าบุคลิกตราสินค้าควรจะมีความสัมพันธ์กับการมองตนเอง ของผู้บริโภค

56.       แผนการสื่อสารการตลาด มีความหมายตรงกับข้อใด

(1) แผนการส่งเสริมการขาย   (2) แผนการส่งเสริมการตลาด

(3) แผนงานสร้างสรรค์            (4) แผนการใช้สื่อโฆษณา

ตอบ 2 แผนการส่งเสริมการตลาด (The Promotion Plan) เป็นกระบวนการของการสื่อสารเพื่อส่งข่าวสารทางการ ตลาดไปยังผู้บริโภคกลุ่มเปาหมาย ซึ่งแผนการส่งเสริมการตลาดนี้ อาจเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าแผนการสื่อสารการตลาด (Marketing Communication Plan)

57.       การโฆษณาที่มีลักษณะของการให้ความรู้หรือเสนอข้อเท็จจริงในแบบการบรรยายเป็นการใช้น้ำเสียงการโฆษณา แบบใด

(1)       Soft Sell   (2) Emotional

(3) Drama (4) Lecture

ตอบ 4 เราสามารถกำหนดน้ำเสียง (Tone) ของการสร้างสรรค์งานโฆษณาได้หลายแนวทางดังนี้

1.         การขายตรงๆ (Hard sell) โดยการกล่าวถึงเหตุผลที่เกี่ยวกับคุณสมบัติของสินค้าเป็นหลัก

2.         การขายอ้อม ๆ (Soft Sell) เป็นการนำเสนอข่าวสารโดยใช้อารมณ์ (Emotional) เป็นหลัก

3.         การบรรยาย (Lecture) เป็นการนำเสนอในลักษณะของการให้ความรู้หรือเสนอข้อเท็จจริงในแบบการ แนะนำหรือการสอน

4.         การละคร (Drama) เป็นการสร้างเรื่องราวหรือบทละครที่แสดงให้เห็นถึงการใช้สินค้าหรือบริการใน สถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่ง

58.       Appeal หมายถึงอะไร

(1)       ลีลาน้ำเสียงในการโฆษณา     (2) ข้อเสนอเพื่อการขายสินค้า

(3) สิ่งดึงดูดใจในชิ้นงานโฆษณา        (4) วิธีการนำเสนอข่าวสารการโฆษณา.

ตอบ 3 สิ่งดึงดูดใจในชิ้นงานโฆษณา (Appeal) แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ

1.         สิ่งดึงดูดใจที่ใช้เหตุผล (Rational Appeal) เช่น ราคา คุณภาพ ประโยชน์ใช้สอย และคุณสมบัติของ สินค้า เป็นต้น

2.         สิ่งดึงดูดใจที่ใช้อารมณ์ (Emotional Appeal) เช่น งานโฆษณาที่กล่าวถึงความภูมิฐาน ความรัก ความห่วงใย ความลับ เป็นต้น

59.       การประเมินผลการโฆษณาแบบใด เป็นการประเมิลผลหลังจากเผยแพร่โฆษณาทางสื่อต่าง ๆ แล้ว

(1)     Focus Groups  (2) Persuasion Test

(3) Communication Test   (4) In-Market Test

ตอบ 1 การสัมภาษณ์แบบเจาะกลุ่ม (Focus Groups) เป็นวิธีการประเมินผลการโฆษณาโดยสอบถามจากกลุ่ม ตัวอย่าง(ประมาณ8-10คน)ว่าเขาตัดสินใจอย่างไรภายหลังที่ได้เห็นภาพยนตร์โฆษณาทางโทรทัศน์และสิ่งโฆษณาสำหรับสื่อสิ่งพิมพ์แล้ว ซึ่งวิธีนี้เป็นที่นิยมมาก ในวงการโฆษณาเนื่องจากเป็นวิธีที่ทำให้ทราบถึงการสื่อสาร กลับ (Feedback) ของผู้รับสารได้ทันทีและเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่าวิธีอื่น

60.       นิสัยการรับสื่อหมายถึงอะไร

(1)       นิสัยของคนเราที่แสดงออกด้วยการใช้ชีวิตในแต่ละวัน

(2)       ลักษณะภายนอกของกลุ่มเป้าหมาย

(3)       ทัศนคติของกลุ่มเป้าหมายที่มีต่อสื่อแต่ละประเภท

(4)       ความชอบที่จะดู ฟัง หรืออ่านสื่อประเภทใดประเภทหนึ่งเป็นประจำ

ตอบ 4 นิสัยการรับสื่อของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย จะทำให้นักโฆษณารู้ว่าผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายของเราชอบที่จะ ดู ฟัง หรืออ่านสื่อประเภทใดประเภทหนึ่งเป็นประจำ โดยคนต่างวัย ต่างอาชีพ ต่างการศึกษา มักมีนิสัยการรับสื่อที่แตกต่างกัน นอกจากนินิสัยการรับสื่อยังมีความสำคัญต่อการวางแผนสื่อโฆษณา โดยนักโฆษณาจะเลือกสื่อที่ กลุ่มเป้าหมายเปิดรับนั้น

61.       หากสินค้าที่โฆษณาอยู่ในช่วงอิ่มตัว ควรใช้กิจกรรมส่งเสริมการตลาดประเภทใดบ้าง

(1)       ใช้การประชาสัมพันธ์กับการโฆษณา

(2)       การส่งเสริมการขายกับการตลาดแบบเจาะจง

(3)       ใช้การตลาดแบบเจาะจงกับการโฆษณา

(4)       ใช้ทุกประเภท

ตอบ 1 สินค้าที่อยู่ในช่วงอิ่มตัว (Maturity) เป็นช่วงที่สินค้าได้รับการยอมรับพอสมควรแล้วและมีลูกค้าบางกลุ่มที่ สนใจสินค้าของเราเป็นพิเศษ ดังนั้นกิจกรรมส่งเสริมการขายจึงมีความจำเป็นน้อยลง แต่จะเน้นการโฆษณาและการ ประชาสัมพันธ์ เพื่อย่ำถึงภาพลักษณ์ของสินค้าและตราสินค้าเป็นหลัก

62.       กิจกรรมประชาสัมพันธ์ เช่น งานชุมชนสัมพันธ์ งานสื่อมวลชนสัมพันธ์ ควรใช้เมื่อสินค้าอยู่ในช่วงใด

(1)       สินค้ายังไม่เป็นที่รู้จักต้องแนะนำสินค้า

(2)       สินค้าเป็นที่รู้จักดีอยู่แล้ว

(3)       สินค้ามีคู่แข่งมากและต้องแข่งขันกันอย่างดุเดือด

(4)       ช่วงที่ผู้บริโภคไม่สนใจสินค้ายี่ห้อนี้แล้วและหันไปใช้ยี่ห้ออื่น

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 8 ประกอบ

63.       หากต้องการกระตุ้นการโฆษณาและความพยายามทางการตลาดอื่น ๆ ให้ได้ผลเร็วขึ้นควรใช้เครื่องมือการส่งเสริม การตลาดประเภทใด

(1) การประชาสัมพันธ์ (2) การโฆษณา

(3) การส่งเสริมการขาย           (4) การตลาดแบบเจาะตรง

ตอบ 3 การส่งเสริมการขาย (Sales Promotion) มักถูกนำมาใช้ในกรณีต่อไปนี้

1.         เมื่อต้องการเชิญชวนให้ผู้บริโภคทดลองซื้อสินค้าใหม่

2.         เพื่อจูงใจผู้บริโภคให้คงซื้อสินค้าของเราต่อไป

3.         เพื่อเพิ่มการซื้อและใช้สินค้า

4.         เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคซื้อผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของบริษัทด้วย

5.         เพื่อกระตุ้นการโฆษณาและความพยายามทางการตลาดอื่น ๆ ให้ได้ผลเร็วยิ่งขึ้น

64.       การแสดงให้เห็นวิธีใช้และลักษณะการทำงานของสินค้า เป็นแนวทางการนำเสนอแบบใด

(1)       Product Alone (2)       Demonstration

(3)       Slice of Life       (4)       Presenter

ตอบ 2 การสาธิต (Demonstration) เป็นการนำเสนอข่าวสารการโฆษณาที่เกี่ยวกับการทำงานของสินค้า โดยการ แสดงให้ผู้บริโภคเห็นว่าเขาจะใช้สินค้าได้อย่างไร สินค้าทำงานอย่างไร และสามารถใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง โดย อาจเป็นการสาธิตก่อนและหลังการใช้สินค้า เพื่อแสดงให้เห็นถึงประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับ

65.       การสร้างสรรค์งานโฆษณาที่ใช้กลยุทธ์เน้นสินค้าเป็นหลัก มักมีแนวทางการนำเสนอแบบใด

(1)       Lifestyle   (2)       Presenter

(3)       Slice of Life       (4)       Torture Test

ตอบ 4 กลยุทธ์การใช้สินค้าเป็นหลัก (Product-centered Strategies) เป็นการโฆษณาที่มุ่งเน้นไปที่คุณสมบัติหรือ ลักษณะเด่นของสินค้า หรือการใช้งานของสินค้าเช่น การทดสอบสินค้าอย่างรุนแรง (Torture Test) การพิสูจน์โดยเปรียบเทียบกับสินค้าคู่แข่ง (Competitive Test) หรือการสาธิตก่อนและหลังการใช้สินค้า (Before-after Demonstration) เป็นต้น

66.       ข้อได้เปรียบสำคัญของการโฆษณาทางหนังสือพิมพ์คืออะไร

(1)       เข้าถึงคนทุกกลุ่ม         (2)       เสนอเนื้อหาที่มีรายละเอียดมากๆ ได้

(3)       เจาะจงกลุ่มเป้าหมายได้         (4)       ราคาถูก

ตอบ 2 ข้อได้เปรียบสำคัญของการโฆษณาทางหนังสือพิมพ์ คือ มีเนื้อที่มากพอที่จะเสนอเนื้อหาการโฆษณาที่มี รายละเอียดมาก ๆ ได้ โดยเฉพาะสินค้าที่ใช้วิธีจูงใจให้ซื้อด้วยการชี้แจงแสดงเหตุผล อีกทั้งยังสามารถเลือกหน้า หรือเนื้อหาที่โฆษณาให้ตรงกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมายได้อีกด้วย

67.       หากข่าวสารการโฆษณาเป็นลักษณะสารคดี และมีรายละเอียด หลักฐานอ้างอิงน่าเชื่อถือ ควรที่จะเลือกใช้สื่อ ประเภทใด

(1)       วิทยุกระจายเสียง        (2)       โปสเตอร์

(3)       วิทยุโทรทัศน์    (4)       นิตยสาร

ตอบ 4 ข้อได้เปรียบของการโฆษณาทางนิตยสาร มีดังนี้

1.         สามารถเลือกกลุ่มเปาหมายได้

2.         สร้างสรรค์งานโฆษณาได้หลายรูปแบบ

3.         มีอายุการใช้งานนาน

4.         ผู้อ่านให้ความสนใจ เพราะการโฆษณาทางนิตยสารให้ลายละเอียดได้มาก ดึงดูดใจ และใช้เป็นข้อมูล ประกอบการตัดสินใจซื้อได้ดี

5.         ไม่ทำให้ผู้อ่านสับสน

6.         น่าเชื่อถือ เพราะสามารถนำเสนอในรูปของบทความหรือสารคดีได้

68.       ในกรณีของวิทยุโทรทัศน์การเลือกสื่อโฆษณาที่เจาะจงหมายถึงอะไร

(1) การเจาะจงเลือกสื่อใดสื่อหนึ่ง       (2) การเจาะจงเลือกประเภทของสื่อโฆษณา

(3)       การเลือกสื่อโฆษณาหลัก        (4)       การเลือกสถานีรายการและเวลา

ตอบ 4 ข้อพิจารณาในการเลือกใช้สื่อโฆษณาที่เจาะจง มีดังต่อไปนี้

1.         หากเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ (หนังสือพิมพ์นิตยสาร ฯลฯ) อาจพิจารณาจากจำนวนพิมพ์คุณภาพการพิมพ์/เนื้อหา ความคุ้มค่าด้านราคาหรือภาพลักษณ์ของสื่อนั้น ๆ ฯลฯ

2.         หากเป็นสื่อกระจายเสียงและแพร่ภาพ (วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์) อาจพิจารณาจากการเลือก ช่องสถานี ความนิยม/เนื้อหาของรายการ เวลา ความครอบคลุมของสื่อ ฯลฯ

3.         ข้อมูลจากการวิจัย และการคำนวณทางคณิตศาสตร์

69.       ต้นฉบับสำหรับการโฆษณาทางสิ่งพิมพ์ เรียกว่าอะไร

(1)       Dummy    (2)       Storyboard

(3)       Layout      (4)       Artwork

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 29. ประกอบ

70.       ข้อใดคือตัวอย่างของ Transit Advertising

(l) Billboard      (2) Non-standardized Sign

(3) Banner (4) Bus Side

ตอบ 4 การโฆษณาโดยสื่อยานพาหนะ (Transit Advertising) เป็นการเสนอข่าวสารการโฆษณารายในหรือ ภายนอกยวดยานที่ใช้เพื่อการโดยสาธารณะ เช่น รถไฟ รถประจำทาง รสสามล้อ รถแท็กซี่ ฯลฯ โดยการการ โฆษณาจะมีหลายลักษณะ ได้แก่ ป้ายโฆษณาในห้องโดยสาร (Inside Cards) การโฆษณาข้างรถประจำทาง (Bus Side) การโฆษณาหลังรถประจำทาง (Bus Back) และการโฆษณาทั้งคันรถประจำทาง (Transit Spectacular) เป็นต้น

71.       ข้อใดเป็นข้อเสียเปรียบของการโฆษณาทางวิทยุโทรทัศน์

(1) ไม่มีความคุ้มค่าด้านราคา  

(2) ประสิทธิภาพการสื่อสารต่ำ

(3) ไม่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อ      

(4) เป็นสื่อติดอยู่กับที่

ตอบ 4 ข้อเสียเปรียบของการโฆษณาทางวิทยุโทรทัศน์ได้แก่

1.         ค่าใช้จ่ายสูง

2.         มีโฆษณาปรากฏอยู่มากเกินไป

3.         เป็นสื่อที่ติดอยู่กับที่ เคลื่อนย้ายลำบาก

4.         ขาดความยืดหยุ่นในการกำหนดตารางสื่อโฆษณา

72.       สุดยอดยาง สุดยอดสมรรถนะเพื่อคุณ” เป็นการเขียนข้อความโฆษณาแบบใด

(1) เน้นประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับ   

(2) ชวนให้อยากรู้อยากเห็น

(3) เป็นคำสั่ง   

(4) เจาะจงกลุ่มเป้าหมาย

ตอบ 1 การกล่าวถึงประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับ (Benefit) เป็นกลยุทธ์ที่ผู้โฆษณาจะนำเสนอสินค้าที่โฆษณา ภายใต้หลักการว่า สินค้าจะตอบสนองประโยชน์ของผู้บริโภคได้อย่างไรบ้างสิ่งสำคัญก็คือ ผลประโยชน์เหล่านั้น จะต้องเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคตัวอย่างข้อความโฆษณาที่นำเสนอแบบนี้ เช่น Pond’s Institute ย้อนวันเวลา สู่ผิวหน้าขาว เนียนใส ไรริ้วรอย หรือ จะขาคู่ไหน ก็เนียนสวยพริบตา เป็นต้น

73.       วิธีใดเป็นการกำหนดงบประมาณการส่งเสริมการตลาดแบบก้าวหน้า

(1)       การจัดสรรงบประมาณเป็นเปอร์เซ็นต์จากยอดขายในอดีต

(2)       การจัดสรรงบประมาณโดยดูจากส่วนแบ่งการขาย

(3)       การกำหนดงบประมาณโดยดูจากคู่แข่ง

(4)       การกำหนดงบประมาณโดยพิจารณาจากวัตถุประสงค์

ตอบ 4 วิธีการกำหนดงบประมาณโดยพิจารณาจากวัตถุประสงค์และงานที่จะทำ เป็นวิธีการกำหนดงบประมาณ แบบก้าวหน้า กล่าวคือ กำหนดแผนการส่งเสริมการตลาดโดยพิจารณาจากสถานการณ์แวดล้อมและสภาพการ แข่งขันในตลาด จากนั้นก็กำหนดงบประมาณตามกิจกรรมที่จะทำความแผนการส่งเสริมการตลาดนั้น

74.       หากต้องการสื่อสารการตลาด เพื่อการวางตำแหน่งตราสินค้า ควรใช้เครื่องมือสื่อสารการตลาดข้อใด

(1) การประชาสัมพันธ์ (2) การส่งเสริมการขาย

(3) การโฆษณา           (4) การตลาดแบบเจาะตรง

ตอบ 3 การโฆษณา (Advertising) จะถูกนำมาใช้ในกรณีดังต่อไปนี้

1.         ต้องการสร้างความแตกต่างในสินค้าให้เป็นที่ตระหนักอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง . 2. ต้องการวางตำแหน่งของตราสินค้าให้อยู่ในการรับรู้ของผู้บริโภค

3.         ต้องการสร้างผลกระทบทางต้านภาพลักษณ์ที่ผู้บริโภคมีต่อสินค้า

4.         เพื่อต้องการสร้างการรู้จัก แสดงถึงข้อเสนอขายที่เด่นชัด และตำแหน่งผลิตภัณฑ์ที่ชัดเจน

75.       หากต้องการสร้างผลกระทบด้านภาพลักษณ์ที่ผู้บริโภคมีต่อบริษัท ควรใช้เครื่องมือสื่อสารการตลาดข้อใด

(1) การประชาสัมพันธ์ (2) การส่งเสริมการขาย

(3) การโฆษณา           (4) การตลาดแบบเจาะจง

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 8. ประกอบ

76.       การโฆษณาที่เน้นคุณสมาบัติของสินค้าเป็นโฆษณาที่ใช้กลยุทธ์ใด

(1) Product-centered Strategies       (2) Prospect-centered strategies

(3) Consumer-centered Strategies   (4) Consumer’s Benefit Strategies

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 65. ประกอบ

77.       การโฆษณาที่ใช้กลยุทธ์ผู้บริโภคเป็นหลัก มักมีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร

(1) การสาธิตสินค้า     (2) การเปรียบเทียบกับสินค้าของคู่แข่ง

(3) การทดลองทางวิทยาศาสตร์          (4) การกล่าวถึงเหตุผลว่าเหตุใดควรใช้สินค้า

ตอบ 4 กลยุทธ์การเน้นผู้บริโภคเป็นหลัก (Prospect-centered Strategies) จะเป็นการโฆษณาที่กล่าวถึงความต้องการ รูปแบบการดำเนินชีวิต บุคลิกภาพ ความพึงพอใจของผู้บริโภค มากกว่าที่จะกล่าวถึงคุณสมบัติของสินค้าโดยอาจทำได้หลายลักษณะเช่น การกล่าวถึงประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับ (Benefits) การให้คำมั่นสัญญา (Promises) การบอกถึงเหตุผลว่าทำไมจึงควรใช้สินค้า (Reason Why) และการกล่าวถึงข้อเสนอขายที่เด่นชัด(Unique Selling Propositions หรือ USPs)

78.       ข้อใดเป็นข้อเสียเปรียบของการโฆษณาส่งตรงทางไปรษณีย์

(1) ค่าใช้จ่ายต่อหัวสูง (2) การกำหนดตารางสื่อโฆษณาทำได้ยาก

(3) ขาดความยืดหยุ่น  (4) ผู้รับไม่สนใจอ่าน

ตอบ 1 ข้อเสียเปรียบของการโฆษณาส่งตรงทางไปรษณีย์ ได้แก่

1.         ผู้รับมักไม่ค่อยสนใจที่จะเปิดอ่าน

2.         ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัวสูงหรือค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ยต่อการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหนึ่งพันคน จะสูงกว่าการ โฆษณาทางสื่อมวลชน

3.         หากบัญชีรายชื่อล้าสมัยหรือผิดพลาดอาจส่งไม่ถึงผู้รับ และทำให้เกิดความสูญเปล่าได้

79.       ป้าย Billboard เป็นสื่อประเภทใด

(1) Printed Media      (2) Broadcast Media

(3) Position Media    (4) Point-of- purchase Media

ตอบ 3 (คำบรรยาย) การโฆษณากลางแจ้ง (Out door Advertising) เป็นการโฆษณาที่เข้าถึงประชาชนซึ่งอยู่นอกบ้าน จัดเป็นสื่อประเภทติดตั้งอยู่กับที่ (Position Media) และป้าย Tri-Vision ตามสี่แยก เป็นต้น

80.       ข้อใดต่อไปนี้เป็นข้อได้เปรียบของวิทยุกระจายเสียง

(1)       สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มาก   (2) การกำหนดตารางสื่อทำได้ง่าย

(3) .วัดผลการโฆษณาได้ง่าย  (4) เข้าถึงผู้รับสารได้จำนวนมาก

ตอบ 4 ข้อได้เปรียบของวิทยุกระจายเสียง มีดังนี้

1.         เป็นสื่อที่เข้าถึงหรือครอบคลุมถึงผู้รับสารได้จำนวนมาก ถือเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญที่สุด

2.         มีความรวดเร็วและยืดหยุ่นสูง

3.         เสียค่าใช้จ่ายต่ำ

4.         ประชาชนที่อ่านหนังสือไม่ออกหรือมองไม่เห็นก็ฟังวิทยุได้

5.         สร้างภาพลักษณ์และจินตนาการของผู้ฟังได้ดี

6.         สร้างการอยมรับได้สูง

7.         สามารถเลือกโฆษณาเจาะจงพื้นที่ได้

81.       Rating แสดงค่าของอะไร

(1)       การเข้าถึง        

(2)       ความครอบครอง

(3)       ความนิยม        

(4)       จำนวนพิมพ์

ตอบ 3 ความนิยมของรายการ (Rating) เป็นค่าร้อยละที่แสดงถึงจำนวนผู้ชมที่รายการใดรายการหนึ่ง หรือแสดงถึงความสามารถในการนำข่าวสารการโฆษณาเข้าถึงผู้ชมรายการนั้น ๆ ด้วย

82 – 84. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม

(1)       Coverage (2)       Reach

(3)       Frequency        (4)       Gross Rating Point

82.       หากการโฆษณามีวัตถุประสงค์ต้องการให้ผู้บริโภคจดจำสินค้าไว้ วัตถุประสงค์ของการใช้สื่อควรเน้นอะไร

ตอบ 3 การกำหนดวัตถุประสงค์ของการใช้สื่อโฆษณา โดยเน้นความถี่ (Frequency) คือ การกำหนดว่าเราต้องการ ใช้สื่อเพื่อให้ข่าวสารการโฆษณานั้นเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายบ่อยครั้งเพียงใด เช่น หากสินค้าอยู่ในช่วงแนะนำหรือเริ่มรณรงค์ใหม่ หรือสิ่งโฆษณานั้นมีการนำเสนอข่าวสารที่ซับซ้อนหรือมีเนื้อหารายละเอียดมาก จำเป็นต้องใช้ความถี่ในการโฆษณามาก ทั้งนี้เพราะการเห็นโฆษณาที่บ่อยครั้งจะมีผลดีต่อการรู้จัก ทำความเข้าใจ และสร้างการจดจำ ในข่าวสารการโฆษณา

83.       หากการโฆษณามีวัตถุประสงค์ต้องการให้ผู้บริโภครู้จักสินค้า วัตถุประสงค์ของการวางแผนสื่อโฆษณาควรเน้นอะไร

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 82. ประกอบ

84.       หากต้องการหาความสัมพันธ์ระหว่างการเข้าถึงและความถี่ของการโฆษณา ต้องพิจารณาจากค่าใด

ตอบ 4 หน้า 198 (คำบรรยาย) คะแนนความนิยมโดยรวม (Gross Rating Point : GRP) เป็นสิ่งที่นักโฆษณาใช้ พิจารณาเพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างการเข้าถึง (Reach) และความถี่ (Frequency) ของการโฆษณา โดยจะแสดงค่า ของแผนการโฆษณาในรูปของคะแนนความนิยมโดยรวมที่ได้จากแผนงานโฆษณานั้น

85.       การโฆษณาทางหนังสือพิมพ์ หากลงโฆษณาชิ้นเดียวเต็มหน้าเป็นการโฆษณาแบบใด

(1) Display Advertising      (2) Classified Advertising

(3). Handbill       (4) Supplement

ตอบ 1 การโฆษณาขนาดใหญ่ (Display Advertising) หมายถึง การโฆษณาที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่หรือการลง โฆษณาชิ้นเดียวแบบเต็มหน้า อาจจะปรากฏอยู่ที่หน้าใดก็ได้ไนหนังสือพิมพ์ ยกเว้นหน้าแรก โดยการโฆษณาแบบ นี้จะมีทั้งที่เป็นโฆษณาสี่สีและขาว-ดำ สามารถนำเสนอได้ทั้งแบบที่มีภาพเป็นองค์ประกอบหลักหรือแบบที่เน้นข้อความ

86.       ข้อเสียเปรียบประการสำคัญของการโฆษณาทางวิทยุกระจายเสียงคืออะไร

(1)       มีสถานีมาก

(2)       คนส่วนใหญ่ไม่ตั้งใจฟัง

(3)       มีลักษณะเป็นส่วนตัว

(4)       ผู้ฟังส่วนใหญ่มีสถานีที่รับฟังประจำอยู่แล้ว

ตอบ 2 ข้อเสียเปรียบประการสำคัญของวิทยุกระจายเสียง คือ เป็นสื่อที่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้ตั้งใจฟัง เพราะ ผู้ฟังจำนวนมากจะฟังวิทยุกระจายเสียงเพียงเพื่อความบันเทิงในขณะที่ประกอบกิจกรรมอื่น ๆ เช่น อาจฟังวิทยุไป ด้วยขณะที่ทำการบ้าน อ่านหนังสือ หรือทำงานอื่นอยู่โดยไม่ได้ตั้งใจฟังวิทยุเท่าที่ควร ทำให้โฆษณาทางวิทยุเป็นเพียงสิ่งที่ผ่านหูไปโดยผู้ฟังไม่ได้ใส่ใจและจดจำ

87.       ข้อเสียเปรียบของการโฆษณาทางวิทยุโทรทัศน์ ได้แก่

(1) มีโฆษณาปรากฏอยู่มาก   (2) เป็นสื่อที่มีอิทธิพลต่ำ

(3) เข้าถึงคนเฉพาะกลุ่ม         (4) ไม่คุ้มค่า

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 71. ประกอบ

88.       หลักการวางแผนสื่อโฆษณาที่ดี ควรเจาะจงไปที่กลุ่มเป้าหมายกลุ่มใด

(1)       คนที่คาดว่าจะมีแนวโน้มเป็นกลุ่มเป้าหมายของเราในอนาคต

(2)       คนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของสินค้าคู่แข่ง

(3)       คนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริงของเรา

(4)       ประชาชนทั่วๆ ไป

ตอบ 3 หลักการวางแผนสื่อโฆษณาที่ดี ควรจะเป็นการวางแผนเพื่อให้ข่าวสารของเราเข้าถึงผู้รับสารที่เป็น กลุ่มเป้าหมายที่แท้จริง และไม่ควรให้คนที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายได้เห็นโฆษณานั้น เพราะถึงอย่างไรเขาก็คงไม่ซื้อ สินค้าหรือใช้บริการที่เราโฆษณา

89.       หนังสือพิมพ์ข่าวรามคำแหง เป็นหนังสือพิมพ์ขนาดใด

(1) Half Side       (2) Broadsheet

(3) Tabloid         (4) Pocket

ตอบ 3 หนังสือพิมพ์ขนาดเล็กหรือขนาดแท็บลอยด์ (Tabloid) หมายถึง หนังสือพิมพ์ที่มีขนาดประมาณครึ่งหนึ่งของหนังสือพิมพ์ขนาดใหญ่ ตัวอย่างของหนังสือพิมพ์ขนาดนี้ ได้แก่ สยามกีฬา สตาร์ ซ็อคเกอร์ และข่าวรามคำแหง เป็นต้น

90.       แผนงานสื่อโฆษณาที่เหมาะสมต้องเริ่มต้นจากอะไร

(1) สินค้าที่โฆษณามีคุณภาพ  (2) การกำหนดลักษณะของกลุ่มเป้าหมาย

(3)       การกำหนดตำแหน่งผลิตภัณฑ์

(4)       การกระจายสินค้าอย่างเหมาะสม

ตอบ 2 แผนงานสื่อโฆษณาที่เหมาะสม ต้องเริ่มต้นจากการกำหนดวัตถุประสงค์การโฆษณา การกำหนดลักษณะของกลุ่มเป้าหมาย พื้นที่ที่เป็นขอบเขตการวางจำหน่ายสินค้า วัตถุประสงค์การสร้างสรรค์สิ่งโฆษณา และ งบประมาณการโฆษณาที่กำหนดไว้

91.       Cost Per Thousand หมายถึง อะไร

(1) ค่าแสดงความนิยมของผู้ชมโฆษณา         

(2) ค่าแสดงประสิทธิภาพการซื้อสื่อ

(3) ค่าแสดงถึงการเข้าถึงสิ่งโฆษณา  

(4) ยอดพิมพ์จำหน่ายที่ตรวจสอบได้

ตอบ 2 ค่าใช้จ่ายต่อพัน (Cost Per Thousand : CPM) เป็นค่าใช้จ่ายต่อการเข้าถึงกลุ่มฟ้าหมายหนึ่งพันคนของการ โฆษณาในสื่อสิ่งพิมพ์ โดยการคำนวณหาค่า CPM นี้จะแสดงถึงประสิทธิภาพของการซื้อสื่อหรือแสดงถึง ประสิทธิภาพด้านราคา (Cost Efficiency) ของการใช้สื่อโฆษณาได้ เช่น สื่อโฆษณาที่มีค่า CPM ต่ำ แสดงว่ามีประสิทธิภาพด้านราคาสูง หรือมีความคุ้มค่าด้านราคาสูง เป็นต้น

92.       ข้อใดเป็นจุดประสงค์ของการวางแผนสื่อโฆษณา

(1) ให้คนรู้จักสินค้า ให้คนใช้สินค้า ให้ซื้อสินค้า

.(2) การเข้าถึง ความถี่ ความต่อเนื่อง ผลกระทบ

(3) การเข้าถึง บุคลิกของสินค้า การวางตำแหน่งสินค้า

(4) การทำให้รู้จักสินค้า การโน้มน้าวใจให้ซื้อสินค้า การวางตำแหน่งสินค้า

ตอบ 2 จุดประสงค์ของการวางแผนสื่อโฆษณา (Media Planning) จะมีดังต่อไปนี้

1.         การเข้าถึง (Reach)

2.         ความถี่ (Frequency)

3.         ความต่อเนื่อง (Continuity)

4.         ผลกระทบ (Impact)

93.       นักโฆษณามีวิธีการอย่างไร จึงทำให้ผู้รับสารจดจำข่าวสารการโฆษณาได้นานขึ้น

(1)       ผลิตภาพยนตร์โฆษณาที่มีความยาวมากๆ

(2)       ทำให้เรื่องราวในภาพยนตร์โฆษณาซับซ้อน เพื่อดึงดูดความสนใจ

(3)       นำเสนอข่าวสารการโฆษณาซ้ำ ๆ กันบ่อยครั้ง

(4)       นำเสนอข่าวสารการโฆษณาในสื่อหลายๆ สื่อไม่ซ้ำกัน

ตอบ 3 วิธีการที่จะทำให้ผู้รับสารจดจำสารนั้นได้นานขึ้น ก็คือ การให้เขาได้เห็นสารนั้นซ้ำๆ กันบ่อยครั้ง ซึ่งวิธีการนี้นอกจากจะทำให้ผู้รับสารจดจำข่าวสารการโฆษณาได้นานขึ้นแล้วยังทำให้การโฆษณามีผลกระทบสูง

94.       สื่อมวลชนมีบทบาทอย่างไรต่อการโฆษณา

(1) ดึงดูดใจให้ผู้บริโภคซื้อสินค้า         (2) สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับสินค้า

(3) นำข่าวสารการโฆษณาไปยังผู้บริโภค        (4) ทำให้ผู้บริโภคชื่นชอบโฆษณา

ตอบ 3 การที่สื่อมวลชนได้รับการยอมรับว่าเป็นสื่อหลักของการโฆษณา หรือมีบทบาทต่อการโฆษณาเนื่องมาจากเหตุผลต่างๆ ดังต่อไปนี้

1.         เป็นสื่อที่นำเสนอข่าวสารการตลาดหรือการโฆษณาไปยังผู้รับสารหรือผู้บริโภคจำนวนมากพร้อมๆ กัน

2.         มีความครอบคลุมสูงเข้าถึงประชาชนได้เกือบทุกพื้นที่

3.         ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัวต่ำมาก

4.         ประชาชนมีความภักดีต่อสื่อ

5.         เป็นสื่อที่น่าเชื่อถือ

95.       ปัจจัยที่เป็นข้อกำหนดช่วงเวลาการโฆษณา ได้แก่

(1)       การเข้าถึง ความถี่ ผลกระทบ ความต่อเนื่อง

(2)       ประเภทของสินค้า ลักษณะของกลุ่มเป้าหมาย การแบ่งส่วนตลาด

(3)       ฤดูการขาย วงจรอายุสินค้า ปัจจัยทางทะเบียนภูมิหลังของกลุ่มเป้าหมาย

(4)       งบประมาณ ฤดูการขาย วงจรอายุสินค้า ความหลากหลายของสื่อ

ตอบ 2 ปัจจัยที่เป็นข้อกำหนดช่วงเวลาการโฆษณา ได้แก่

1.         ประเภทของสินค้า เช่น เครื่องปรับอากาศจะเป็นที่ต้องการในฤดูร้อน และเครื่องทำน้ำอุ่นจะเป็นที่ ต้องการในฤดูหนาว เป็นต้น

2.         ลักษณะของกลุ่มเป้าหมายเช่น พวกแม่บ้าน ช่วงเวลาการโฆษณา คือช่วงเวลากลางวัน (8.00-16.00 น.) ของวันธรรมคาเนื่องจากเป็นช่วงที่แม่บ้านเหล่านั้นกำลังชมโทรทัศน์ ฯลฯ

3.         การแบ่งส่วนตลาด เช่น ตลาดเด็กหรือวัยรุ่น ช่วงเวลาการโฆษณา คือช่วงเวลาบ่ายจนถึงเย็น (16.00- 18.30 น.) หรือตลาดของกลุ่มเป้าหมายที่มีครอบครัวแล้ว ช่วงเวลา Prime Time (19.30 – 22.30 น.) คือช่วงเวลาที่สมาชิกในครอบครัวจะใช้เวลาดูโทรทัศน์ร่วมกัน ฯลฯ

96.       ค่า GRP เป็นประโยชน์ต่อการประเมินผลสื่อโฆษณาอย่างไร

(1) เป็นหน่วยวัดจำนวนของชิ้นงานโฆษณา    (2) แสดงถึงผลกระทบของแผนงาน

(3) ช่วยให้ทราบระยะเวลาของการโฆษณา    (4) แสดงค่าของแผนการโฆษณา

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 84. ประกอบ

97.       ข้อใดเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการตัดสินใจเลือกสื่อโฆษณา

(1) ลักษณะเนื้อหา     (2) ความคุ้มค่าด้านราคา

(3) อัตราค่าโฆษณา    (4) จำนวนพิมพ์

ตอบ 1 ปัจจัยสำคัญที่สุดในการตัดสินใจเลือกสื่อโฆษณา ได้แก่

1.         ลักษณะของกลุ่มเป้าหมายการโฆษณา ซึ่งต้องมีลักษณะเหมือนหรือใกล้เคียงกับลักษณะผู้รับสารของสื่อ

2.         ลักษณะเนื้อหาที่ปรากฏอยู่ในสื่อ ซึ่งต้องมีความสอดคล้องกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย

3.         การใช้สื่อของคู่แข่ง

98.       ข้อใดคือสภาพแวดล้อมของสื่อที่นักโฆษณาต้องพิจารณาประกอบการเลือกสื่อ

(1)       สภาพเศรษฐกิจ สังคม การเมือง

(2)       สื่อต่างๆ ทั้งหมดที่มีในตลาด

(3)       สิ่งที่อยู่รอบตัวผู้รับสารในขณะที่รับสื่อนั้น

(4)       เนื้อหาของสื่อ

ตอบ 4 สภาพแวดล้อมของสื่อ หมายถึงบริบทหรือภาวะแวดล้อม (Context) นขณะที่ข่าวสารการโฆษณานั้น กำลังถูกรับ เช่น สภาพแวดล้อมของหนังสือพิมพ์ หรือนิตยสาร คือ การโฆษณาหน้าอื่น เนื้อหาที่อยู่ข้างเคียง รูปเล่ม และคุณภาพการพิมพ์ เป็นต้น

99.       สื่อโฆษณาที่มี่ค่า CPM ต่ำ หมายความว่าอย่างไร

(1) ความคุ้มค่าด้านราคาต่ำ    (2) ประสิทธิภาพในการสื่อสารต่ำ

(3) ความคุ้มค่าด้านราคาสูง    (4) ประสิทธิภาพในการสื่อสารสูง

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 91. ประกอบ

100.    ข้อเด่นของการโฆษณาทางโรงภาพยนตร์ คืออะไร

(1) การเข้าถึงสูง          (2) เป็นสื่อโฆษณาที่สมบูรณ์แบบที่สุด

(3) คุ้มค่ามากที่สุด      (4) วัดผลการโฆษณาได้ง่าย

ตอบ 2 การโฆษณาในโรงภาพยนตร์ เป็นการโฆษณาที่มีผลกระทบสูงมากและสมบูรณ์แบบที่สุด เนื่องจากสามารถนำเสนอได้ทั้งภาพ สี เสียง และการเคลื่อนไหวในเวลาเดียวกัน รวมทั้งมีภาพขนาดใหญ่กว่าภาพโฆษณาทางโทรทัศน์มาก และระบบเสียงในโรงภาพยนตร์ก็ชวนให้ตื่นเต้น เร้าใจและน่าประทับใจมากยิ่งขึ้น

MCS 2201 การเขียนข่าว การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2548

การสอบไล่ภาค  2  ปีการศึกษา  2548

ข้อสอบกระบวนวิชา  MCS 2201 การเขียนข่าว

คำแนะนำ  ข้อสอบมีทั้งหมด  6  ข้อ  ให้นักศึกษาทำทุกข้อ

ข้อ  1  จงตอบคำถามต่อไปนี้

1.1            คำว่า  ข่าวการเมือง  ครอบคลุมเนื้อหาด้านใดบ้าง  มีแหล่งข่าวสำคัญอะไรบ้าง 

แนวคำตอบ

คำว่า  ข่าวการเมือง  จะครอบคลุมเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของรัฐและประชาชน  เช่น  ข่าวการเลือกตั้ง  ข่าวการจัดตั้งรัฐบาล  ข่าวกิจกรรมและความเคลื่อนไหวในการปฏิบัติงานทั้งที่เป็นของพรรครัฐบาล  และพรรคการเมืองฝ่ายตรงกันข้าม  ข่าวการปฏิบัติงานของกระทรวง  ทบวง  กรมต่างๆ  ข่าวการระชุมรัฐสภา  ข่าวความเคลื่อนไหวของกลุ่มพลังต่างๆ  ที่มีอิทธิพลทางการเมือง  ข่าวปฏิกิริยาของประชาชนที่มีต่อรัฐบาล  เป็นต้น

ข่าวการเมืองมีแหล่งข่าวสำคัญ  

1       แหล่งข่าวประจำ  (Beat  or  Run)  หมายถึง  บุคคลหรือสถานที่ที่ผู้สื่อข่าวได้รับมอบหมายจากบรรณาธิการให้ไปติดต่อหาข่าวอยู่เป็นประจำ  ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสถานที่ราชการ  รัฐ  และบุคคลที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการบริหารงานของสถานที่ราชการและรัฐวิสาหกิจนั้น  จึงอาจเรียกได้อีกอย่างว่า  แหล่งข่าวส่วนราชการ  เช่น  ทำเนียบรัฐบาล  กระทรวง  ทบวง  กรม  รัฐสภา  สถานีตำรวจ  ศาล ฯลฯ

2       แหล่งข่าวพิเศษ  (Volunteer)  หมายถึง  ผู้เห็นเหตุการณ์  ผู้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน  นอกจากนี้อาจมาในรูปของผู้ที่สนิทสนมคุ้นเคยกับผู้สื่อข่าวเป็นส่วนตัว  เช่น  นักการเมือง  ผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิชาต่างๆ  เจ้าหน้าที่ของรัฐ  หรืออาจมาในรูปของผู้หวังดีที่มีจดหมายหรือโทรศัพท์มาชี้แนะเบาะแส  (Tip)  แจ้งปฏิบัติการฉ้อราษฎร์บังหลวง  หรือแจ้งเหตุการณ์ที่อาจก่อให้เกิดมหันตภัยแก่ประชาชน

3       แหล่งข่าวจากองค์กรข่าว  (New  Syndicate)  หมายถึง  องค์กรหรือสำนักข่าวที่ตั้งขึ้นมาเพื่อดำเนินกิจการขายข่าวให้แก่ลูกค้าสมาชิก  ซึ่งมีทั้งสำนักข่าวของรัฐและเอกชน  โดยข่าวที่ได้มักเป็นข่าวที่มีกำหนดการล่วงหน้า  เช่น  ข่าวการประชุม  การแถลงข่าว  ฯลฯ  นอกจากนี้สำนักข่าวบางแห่งยังให้บริการขายภาพถ่ายสารคดี  บทวิเคราะห์วิจารณ์  และการ์ตูนล้อการเมืองอีกด้วย

4       แหล่งข่าวจากสิ่งตีพิมพ์  (Publications)  หมายถึง  แผ่นประกาศ  แถลงการณ์  ใบปลิว  นิตยสาร  วารสาร  เอกสารตีพิมพ์เผยแพร่การค้นคว้าทางวิชาการ  รวมทั้งข่าวแจกหรือข่าวประชาสัมพันธ์ของรัฐหรือเอกชนที่ส่งมาให้หนังสือพิมพ์ตีพิมพ์

อย่างไรก็ตาม  จากแหล่งข่าวทั้ง  4  ข้างต้นหากพิจารณารวมๆอาจแบ่งได้เป็นแหล่งข่าวเปิด  คือแหล่งข่าวที่ระบุชื่อ  ตำแหน่ง  อาชีพ ฯลฯ และแหล่งข่าวปิด  คือ  แหล่งข่าวที่ไม่ต้องการให้ระบุชื่อและคุณลักษณะในข่าว  เพราะเกรงว่าจะเกิดอันตรายแก่ตนเอง  ดังนั้นการอ้างถึงแหล่งข่าวประเภทนี้จึงมักระบุเพียงว่าแหล่งข่าวระดับสูง  หรือแหล่งข่าวจากวงการใกล้ชิด

1.2            ในการรายงานข่าวฆ่าชิงทรัพย์ข้าราชการคนหนึ่ง  ควรเสนอประเด็นเนื้อหาอะไรบ้าง  และมีแหล่งข่าวอะไรบ้าง  ให้ยกตัวอย่างแหล่งข่าวและประเด็นที่ควรนำเสนอในข่าวดังกล่าวประกอบ

แนวคำตอบ

จากข่าวข้าวต้นต้องอาศัยแหล่งข่าว  (Source)  ประเภทต่างๆ  ดังนี้

1       แหล่งข่าวประจำ  คือ  บุคคลหรือสถานที่ซึ่งหนังสือพิมพ์ส่งผู้สื่อข่าวไปประจำตามแหล่งนั้นๆ  โดยตัวอย่างแหล่งข่าวประจำของข่าวข้างต้น  ได้แก่  เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำสถานีตำรวจต่างๆ  โรงพยาบาล  เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิการกุศลที่ปฏิบัติงานร่วมกับตำรวจ  เป็นต้น

2       แหล่งข่าวพิเศษ  คือ  แหล่งข่าวที่อาจอยู่  ณ  สถานที่เกิดเหตุ  หรือผู้ที่เกี่ยวข้อง  ผู้เห็นเหตุการณ์  โดยตัวอย่างแหล่งข่าวพิเศษของข่าวข้างต้น  ได้แก่  พยานผู้รู้เหตุการณ์   ญาติมิตรของผู้เสียชีวิต  ผู้บังคับบัญชาและเพื่อนข้าราชการในหน่วยงานของผู้เสียชีวิต  ผู้ต้องหา  (ในกรณีที่จับตัวมาดำเนินคดีได้แล้ว)  ผู้ร่วมอยู่ในเหตุการณ์  เป็นต้น

3       แหล่งข่าวจากสิ่งตีพิมพ์  คือ  เอกสารตีพิมพ์ซึ่งเป็นแหล่งข่าวสำคัญ  โดยตัวอย่างแหล่งข่าวจากสิ่งตีพิมพ์ของข่าวข้างต้น  ได้แก่  บันทึกประจำวันของตำรวจ  เอกสารบันทึกส่วนบุคคลเพื่อนำมาใช้เป็นภูมิหลังประกอบข่าว  เอกสารจากแฟ้มข่าว  เป็นต้น

จากข่าวข้างต้นมีประเด็นที่ควรนำเสนอ  ดังนี้

1       ผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต  ได้แก่  ชื่อและคุณลักษณะ  วิธีการที่ถูกทำร้ายและลักษณะบาดแผลที่ทำให้บาดเจ็บและเสียชีวิต  การเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต  เป็นต้น

2       ความเสียหาย  ได้แก่  มูลค่าของทรัพย์สินที่ถูกขโมย  ลักษณะของทรัพย์สินนั้นๆ  ทรัพย์สินที่พลอยเสียหายไปด้วย  เป็นต้น

3       รายละเอียดของเหตุการณ์  ได้แก่  เหตุการณ์ตามลำดับเวลาที่เกิดขึ้น  ลักษณะรายละเอียดของบุคคลที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์  เป็นต้น

4       การปฏิบัติการทางกฎหมาย  ได้แก่  การสืบสวนสอบสวนคดี  ข้อสันนิษฐาน  หลักฐาน  เป็นต้น

5       ข้อมูลย้อนหลังที่เกี่ยวโยงกับเหตุการณ์ปัจจุบัน

 

ข้อ  2  สื่อมวลชนแต่ละแขนงให้น้ำหนักความสำคัญแก่ข่าวแต่ละข่าวแตกต่างกัน  เช่น  หนังสือพิมพ์บางฉบับให้ความสำคัญกับเรื่องประเภทเตียงหัก  รักร้าวของคนดัง  บางฉบับมีแต่ข่าวการเมือง  เศรษฐกิจเป็นต้น  ปรากฏการณ์เช่นนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยใดบ้าง  จงอธิบาย

แนวคำตอบ

หนังสือพิมพ์แต่ละฉบับจะให้ความสำคัญแก่ข่าวแต่ละประเภทแตกต่างกัน  ซึ่งปรากฏการณ์เช่นนี้จะขึ้นอยู่กับ ปัจจัยที่มีผลต่อการประเมินคุณค่าข่าว  ดังนี้

1       ปัจจัยด้านบุคคล  (ผู้สื่อข่าว  หัวหน้าข่าว  บรรณาธิการที่เกี่ยวข้อง)  ได้แก่

–          เชื้อชาติ  ศาสนา  คือ  อคติเกี่ยวกับเรื่องเชื้อชาติและศาสนา  เพราะบุคคลที่มีเชื้อชาติและศาสนาที่ต่างกัน  ก็ย่อมเกิดความลำเอียงในการเลือกแง่มุมของข่าวที่จะนำมาเสนอ

–          ค่านิยม  สำนึก  และมุมมอง  ซึ่งแต่ละคนจะมีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับพื้นฐานทางการศึกษา

–          ความเป็นวิชาชีพ  คือ  หนังสือพิมพ์จะต้องมีอุดมการณ์และวิญญาณแห่งวิชาชีพโดยต้องรู้ว่าอะไรเหมาะหรือไม่เหมาะ  ควรหรือไม่ควรลงข่าว

–          การรับรู้และความสนใจของผู้รับสาร  คือ  การประเมินเรื่องที่คิดว่าผู้อ่านน่าจะให้ความสนใจมากที่สุด

2       ปัจจัยด้านองค์กร  แบ่งออกเป็น

นโยบายของสื่อ  ได้แก่

–          ความเป็นเจ้าของสื่อ  คือ  หนังสือพิมพ์มีใครเป็นเจ้าของสื่อ  หรือมีใครเป็นผู้โฆษณารายใหญ่  หนังสือพิมพ์นั้นก็อาจเน้นเสนอข่าวที่เอื้อประโยชน์ต่อเจ้าของสื่อ  หรือผู้โฆษณารายนั้นๆ

–          นโยบายการบริหาร  คือ  หนังสือพิมพ์มีนโยบายเน้นทำกำไร  เอาตัวรอดหรือเน้นชิงส่วนแบ่งตลาด  ซึ่งมีผลให้หนังสือพิมพ์แต่ละฉบับให้ความสำคัญแก่ข่าวแต่ละประเภทแตกต่างกันไปตามนโยบายการบริหาร

–          นโยบายด้านข่าว / เนื้อหา  คือ  หนังสือพิมพ์แต่ละฉบับจะเน้นประเภทของข่าวที่จะนำเสนอ  ความลึก  ลีลาการเขียน ฯลฯ  ที่แตกต่างกัน

            วัฒนธรรมองค์กร  คือ  แบบปฏิบัติขององค์กรนั้นๆ  ว่าควรทำหรือไม่ควรทำอะไร  ได้แก่

–          จรรยาบรรณ  คือ  ข้อควรปฏิบัติของแต่ละองค์กร  ซึ่งอาจเป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม่ก็ได้

–          การเป็นปากเป็นเสียงให้ผู้ด้อยโอกาส  หรือรากหญ้า

–          การให้ความหมายกับข่าวบางประเภท  เช่น  ข่าวสังคม  ข่าววัฒนธรรม  ข่าวสิ่งแวดล้อม  ข่าวท้องถิ่น ฯลฯ  ว่าจะเน้นนำเสนอหรือไม่

3       ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมทางการเมือง  การปกครอง  และสังคม  ซึ่งมีผลทำให้บางเรื่องรายงานได้  แต่บางเรื่องรายงานไม่ได้  ได้แก่

–          ความมั่นคง  ผลประโยชน์ของชาติ

–          ผลประโยชน์ทางการเมืองระดับประเทศ  และนานาชาติ

ข้อ  3  การชุมนุมประท้วงเพื่อขับไล่นายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่งได้รับการรายงานเป็นข่าวอย่างต่อเนื่องในสื่อมวลชนทุกแขนง  เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่มีคุณค่าเชิงข่าวด้านใดบ้าง

แนวคำตอบ

เหตุการณ์ข้างต้นได้รับการรายงานเป็นข่าวอย่างต่อเนื่อง  เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่มีคุณค่าเชิงข่าว (New  Values)  

1       ความมีชื่อเสียง  (Prominenec)  คือ เหตุการณ์ข้างต้นเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่มีชื่อเสียงได้แก่  นายกรัฐมนตรี  นักการเมือง  นักธุรกิจ  ดารา  นักร้อง  นักกีฬา ฯลฯ  รวมทั้งสถานที่ที่มีชื่อเสียงด้วย  เช่น  เหตุการณ์ข้างต้นเกี่ยวข้องกับ  พ.ต.ท.ดร. ทักษิณ  ชินวัตร  นายกรัฐมนตรี  รวมทั้งกลุ่มแกนนำในการขับไล่นายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่ง  อาทิ  นายสนธิ  ลิ้มทองกุล  นางสาวสโรชา  พรอุดมศักดิ์  พลตรีจำลอง  ศรีเมือง  นายสุริยะใส  กตะศิลา  เลขาธิการ  ครป.  เป็นต้น

2       ความใกล้ชิด  (Proximity)  คือ  ความใกล้ชิดทั้งทางกายและทางใจระหว่างผู้อ่านและบุคคลหรือสิ่งต่างๆ  ที่ตกเป็นข่าว  โดยมนุษย์ทั่วไปมักให้ความสนใจเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง  ครอบครัว  ญาติพี่น้อง  เพื่อนฝูง  ฯลฯ  หรือสนใจในเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นใกล้ตัว  ดังนั้นความใกล้ชิดจึงอาจเป็นความสัมพันธ์ใกล้ชิดทางจิตใจ  ความคิด  สถานที่  หรือบุคคลซึ่งมีความผูกพันทางใดทางหนึ่งกับผู้อ่าน

3       ความทันต่อเวลา  (Timeliness)  คือ  เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น  สดๆร้อนๆเพราะตามธรรมชาติของมนุษย์นั้นต้องการที่จะได้รับรู้สิ่งใหม่ๆ  อยู่เสมอ  อย่างไรก็ตามเหตุการณ์แม้จะเกิดขึ้นมานานนับร้อยปีแล้ว  แต่เพิ่งมีการค้นพบความเป็นไปของเหตุการณ์ดังกล่าวก็เป็นที่สนใจของผู้อ่านได้เช่นกัน

4       ปุถุชนสนใจ  (Human  Interest)  คือ  เป็นเหตุการณ์ที่ก่อให้ผู้อ่านเกิดอารมณ์โศกเศร้าเห็นอกเห็นใจ  ดีใจ  รัก  เกลียด  โกรธ  กลัว อิจฉาริษยา  สงสัยใคร่รู้  ฯลฯ  มักจะทำให้เหตุการณ์นั้น  มีคุณค่าเชิงข่าวสูงและเร้าให้ผู้อ่านเกิดความสนใจ  เช่น  เหตุการณ์ข้างต้นอาจทำให้ผู้อ่านที่ชอบนายกฯ  รู้สึกโกรธและเกลียดกลุ่มชุมนุมในขณะที่ผู้อ่านที่ไม่ชอบนายกฯ  ก็อาจรู้สึกสะใจและเอาใจช่วยกลุ่มผู้ชุมนุมให้ทำการขับไล่ได้สำเร็จ  เป็นต้น

5       ความขัดแย้ง  (Conflict)  คือ  เหตุการณ์ข้างต้นสะท้อนถึงความสัมพันธ์พื้นฐานระหว่างมนุษย์ต่อมนุษย์ในลักษณะของความขัดแย้งทั้งทางกายและทางความคิด  ซึ่งเริ่มตั้งแต่ระดับครอบครัวไปจนถึงระดับชาติ  ได้แก่  การทะเลาะวิวาท  การสู้รบ  ฆ่าฟัน  การแข่งขันกีฬา  การประกวดความงาม  การเลือกตั้ง  การอภิปรายถกเถียงในรัฐสภา  การประท้วง  การข่มขู่  เป็นต้น

6       ผลกระทบ  (Consequence)  คือ  เหตุการณ์ข้างต้นมีผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนจำนวนมากทั้งทางตรงและทางอ้อม  ซึ่งมีผลให้วิถีชีวิตของผู้คนเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เลวลง  ดังนั้น  ประชาชนจึงควรที่จะได้รับรู้เรื่องเหล่านั้นเพื่อเตรียมตัวรับสถานการณ์  หรืออย่างน้อยก็จะได้มีความเข้าใจว่าเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปนั้นจะมีผลต่อตนเองอย่างไร

7       ความมีเงื่อนงำ  (Suspense)  คือ  เหตุการณ์ข้างต้นไม่สามารถคลี่คลายหรือตีแผ่หาสาเหตุได้  และยังไม่ทราบผลแน่ชัด  เช่น  เหตุการณ์ข้างต้นไม่สามารถคาดเดาได้ว่าความวุ่นวายทางการเมืองนี้จะจบลงอย่างไร  เป็นต้น

 

ข้อ  4  โครงสร้างของข่าวมีอะไรบ้าง  จงอธิบายลักษณะและความสำคัญของส่วนประกอบแต่ละส่วน

แนวคำตอบ

โครงสร้างของข่าวทั่วไป  ประกอบด้วย

1       หัวข่าว  หรือพาดหัวข่าว  (Headline)  คือ  ส่วนบนสุดของข่าว  ซึ่งเป็นการนำประเด็นสำคัญของข่าวมาพาดหัวเพื่อบอกให้ผู้อ่านทราบว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้างในวันนั้น  โดยมีความสำคัญ  คือ  ทำหน้าที่เรียกร้องความสนใจของผู้อ่าน  บอกลำดับความสำคัญของข่าว  และเสนอสาระสำคัญของข่าวแต่ละข่าวอย่างสั้นๆ  เพื่อช่วยให้ผู้อ่านประหยัดเวลาในการอ่าน  และสะท้อนถึงบุคลิกของหนังสือพิมพ์ฉบับนั้น

ลักษณะของหัวข่าวที่ดี  คือ  ต้องเป็นข้อสรุปของประเด็นสำคัญทั้งหมดของข่าว  ครอบคลุมสาระสำคัญที่ผู้อ่านอยากรู้ไม่ใส่ความเห็นลงไป  เขียนข่าวในลักษณะปัจจุบันกาลหรืออนาคตกาล  เน้นกริยาและกรรมที่แสดงถึงการกระทำมากกว่าถูกกระทำ  ใช้ประโยคกระชับ  สั้น  ได้ใจความ  สื่อความหมายชัดเจนและครบถ้วน

2       ความนำ  (Lead)  คือ  ย่อหน้าแรกของข่าว  ซึ่งจัดเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของข่าว  รวมทั้งเป็นส่วนที่เขียนยากที่สุดด้วย  โดยมีความสำคัญ คือ  ช่วยสรุปสาระสำคัญของข่าวเพื่อให้ผู้อ่านที่อาจจะเพียงมองผ่านๆ  ก็สามารถตัดสินได้ตั้งแต่แรกว่าจะอ่านข่าวนั้นต่อไปหรือไม่  และช่วยให้ผู้อ่านไม่ต้องเสียเวลามาก  เพราะแม้ว่าจะอ่านเฉพาะแต่ความนำ  ผู้อ่านก็จะทราบเรื่องทั้งหมดได้โดยย่อ

ลักษณะของความนำที่ดี  คือ  ต้องกระชับ  ชัดเจน  เฉพาะเจาะจง  ใช้คำที่มีความหมายหนักแน่น  เน้นถึงระดับความสำคัญของข่าว  เน้นเรื่องไม่ปกติ  มีเรื่องใกล้ตัวเกี่ยวข้องกับผู้อ่าน  กล่าวถึงความคืบหน้าล่าสุดของเรื่องก่อน  ไม่มีความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน  เข้าใจง่ายและตรงประเด็น  นอกจากนี้การอ้างคำพูดหรือความเห็นของแหล่งข่าวจะต้องระบุว่าเป็นของแหล่งข่าวไม่ใช่ของผู้เขียน

3       ส่วนเชื่อม  (Neck  or  Bridge)  คือ  การเขียนข้อความเชื่อมระหว่างความนำกับเนื้อข่าว  โดยมีความสำคัญ  คือ  ช่วยให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจความเดิมและเหตุการณ์ที่เป็นข่าวได้ง่ายขึ้น  และช่วยสร้างความต่อเนื่องให้ผู้อ่านสามารถดำเนินความคิดไปในแนวทางเดียว  ไม่ให้เกิดความสับสนในลำดับเนื้อหาเหตุการณ์

ลักษณะของส่วนเชื่อมที่ดี  คือ  ต้องเป็นส่วนขยายเพื่อให้ความนำสมบูรณ์ยิ่งขึ้น  โดยอาจให้รายละเอียดเกี่ยวกับคุณลักษณะของบุคคลในข่าว  ซึ่งไม่อาจระบุไว้ในความนำเพราะจะทำให้ความนำยาวเกินไป  หรืออาจให้ภูมิหลังและความเป็นมาของเหตุการณ์นั้นๆในกรณีที่เป็นข่าวต่อเนื่องจากเหตุการณ์ในอดีต

4       เนื้อข่าว  (Body  or  Details)  คือ  ส่วนที่เป็นข้อมูลข่าวทั้งหมดของเหตุการณ์ที่เป็นข่าว  โดยมีความสำคัญ  คือ  จะเป็นส่วนขยายหรือให้รายละเอียดเพิ่มเติมแก่ข้อมูลข่าวที่กล่าวไปแล้วในความนำ  รวมทั้งเพิ่มข้อมูลข่าวที่ไม่ได้กล่าวถึงเลยในความนำ  ซึ่งอาจจะเนื่องมาจากมีความสำคัญไม่มากนักเมื่อเทียบกับข้อมูลข่าวอื่นๆที่เสนอไว้ในความนำ

ลักษณะของเนื้อข่าวที่ดี  คือ  มีความกระจ่างชัด  กะทัดรัด  และอ่านเข้าใจง่าย  มีความเป็นภววิสัยมีภูมิหลังของข่าวประกอบเพื่อเสริมเนื้อข่าว  มีความถูกถ้วน  มีการใช้คุณลักษณะของแหล่งข่าว  และต้องเขียนให้ถูกหลักไวยากรณ์

ข้อ  5  ในการเขียน  คำว่า  คุณลักษณะ  มีความสำคัญอย่างไร  และคุณลักษณะใดบ้างที่จำเป็นหรือขาดไม่ได้ในการเขียนข่าว  อธิบาย  พร้อมยกตัวอย่าง

แนวคำตอบ

ในการเขียนข่าวต้องมีการระบุ  คุณลักษณะ  (Identification)  ของแหล่งข่าว  คือ  ลักษณะรูปพรรณสัณฐาน  และคุณสมบัติต่างๆ  ของแหล่งข่าวทั้งที่เป็นบุคคล  สถานที่  หรือเหตุการณ์  ทั้งนี้เพราะมีความสำคัญ  คือ  ทำให้ผู้อ่านได้ทราบว่าบุคคล  สถานที่  และเหตุการณ์ในข่าวเหล่านั้นเป็นอะไร  มีความสำคัญความพิเศษ  หรือผิดปกติอย่างไร  นอกจากนั้นยังช่วยให้ข่าวนั้นมีสีสัน  เพิ่มความน่าอ่าน  ความน่าเชื่อถือของข้อมูลข่าวและความใกล้ชิดกับผู้อ่านได้มากยิ่งขึ้น

คุณลักษณะของแหล่งข่าวที่จำเป็นในการเขียนข่าว  

1       คุณลักษณะด้านบุคคล 

1)    ชื่อ  นามสกุล  และอายุ  เช่น  น้องตุ้ม  ปริญญา  เกียรติบุษบา  นักมวยไทยวัย  18  ปี  เป็นต้น

2)    อาชีพ  เช่น  ราเชนทร์  เรืองเนตร  นักแต่งเพลงได้เสียชีวิตลงแล้ว  เป็นต้น

3)    ยศหรือตำแหน่ง  เช่น  พล.อ. เปรม  ติณสูลานนท์  องคมนตรี  เป็นต้น

4)    เกียรติภูมิหรือชื่อเสียง  เช่น  ภรณ์ทิพย์  นาคหิรัญกนก  นางงามจักรวาล  เป็นต้น

5)    บุคคลที่เคยปรากฏเป็นข่าวแล้ว  เช่น  กรณีมีผู้ถูกยิงเสียชีวิต  และผู้ตามนี้เคยตกเป็นข่าวว่าจ้างวานฆ่าบุคคลอื่นก็ต้องอธิบายถึงภูมิหลัง  หรือความเดิมของเรื่องในอดีตนั้นด้วย

6)    ที่อยู่  เช่น  บ้านเลขที่  ถนน  ตำบล  อำเภอ  จังหวัด  ซึ่งเป็นที่อยู่ของบุคคลในข่าว

7)    ชื่อเล่น  เบิร์ด” ธงไชย  แมคอินไตย  เป็นต้น

8)    ฉายาหรือการตั้งชื่อใหม่  เช่น  พ.ต.ท.ดร. ทักษิณ  ชินวัตร  มีฉายาว่า  แม้ว  เป็นต้น

9)    ญาติมิตร  เช่น  ข่าวบุตรชายหรือภรรยาของนายกรัฐมนตรีป่วย  เป็นต้น

10)งานอดิเรก  เช่น  ข่าวบุคคลที่ไม่มีชื่อเสียง  แต่อาจมีงานอดิเรกที่ทำให้ผู้อ่านทึ่งได้  เป็นต้น

2       คุณลักษณะด้านสถานที่

สถานที่มักจะได้รับการระบุคุณลักษณะโดยการดึงให้ไปสัมพันธ์  หรืออ้างอิงกับสถานที่อื่นๆที่มีชื่อเสียง  เพื่อให้ผู้อ่านสามารถมองเห็นภาพกว้างๆ  ว่าสถานที่ที่เป็นข่าวนั้นอยู่ที่ใด  และอยู่ห่างจากผู้อ่านเพียงไร  เช่น  เมื่อวันที่  1  มิถุนายน  ผู้สื่อข่าวมติชนเดินทางไปตรวจสอบและสำรวจบริเวณสถานสงเคราะห์หญิงธัญบุรี  สังกัดกรมประชาสงเคราะห์  กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม  ซึ่งตั้งอยู่ที่คลอง  5  อ.ธัญบุรี  จ.ปทุมธานี  ซึ่งมี  น.ส.บุญส่ง  แสวงผล  เป็นผู้ปกครองสถานสงเคราะห์ดังกล่าวติดกับวิทยาลัยการปกครอง  สังกัดกระทรวงมหาดไทย

3       คุณลักษณะด้านเหตุการณ์

เหตุการณ์นอกจากจะได้รับการระบุว่าเป็นเหตุการณ์อะไร  มีความเคลื่อนไหวอย่างไรแล้วหากเป็นเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้นมักจะมีการระบุถึงวัตถุประสงค์  ความเป็นมา  และเบื้องหลังของเหตุการณ์นั้นๆ  รวมทั้งอาจจะอ้างว่าเหตุการณ์นั้นมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้  ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นภูมิหลัง  หรือความเดิมของข่าว  เช่น  สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ  (สวช.)  จัดสัมมนาสื่อมวลชนทุกแขนงแต่ละภูมิภาค  เพื่อสร้างเป็นเครือข่ายช่วยเผยแพร่และประชาสัมพันธ์งานวัฒนธรรมปีรณรงค์วัฒนธรรมไทย  โดยเริ่มสัมมนาสื่อมวลชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ข้อ  6  จงเขียนข่าวจากข้อเท็จจริงต่อไปนี้

ชื่อโครงการ                              หลักสูตรศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต  สาขาวิชาการสื่อสารพัฒนาการ

เจ้าของโครงการ                       มหาวิทยาลัยรามคำแหง

ชื่อหลักสูตร                             หลักสูตรศิลปศาสตร์ มหาบัณฑิต  สาขาวิชาการสื่อสารพัฒนาการ

                                                 Master  of  Arts  Program  in  Development  Communication

หน่วยงานที่รับผิดชอบ            สำนักงานโครงการพิเศษ  มหาวิทยาลัยรามคำแหง

วัตถุประสงค์ของหลักสูตร

 

–                    เพื่อผลิตบัณฑิตที่มีความรู้ด้านการสื่อสาร  และสามารถบูรณาการความรู้เพื่อการพัฒนาองค์กรและสังคม

–                    เพื่อพัฒนานักวิชาการและนักวิชาชีพด้านการสื่อสารให้มีความรู้  ความสามารถระดับที่สูงขึ้น

คุณสมบัติของผู้เข้าศึกษา

ผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากสถาบันการศึกษาที่กระทรวงศึกษาธิการหรือ  ก.พ.รับรอง  บุคคลกรที่ปฏิบัติหน้าที่ทางด้านการสื่อสารทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนรวมทั้งผู้สนใจทั่วไปที่ต้องการเพิ่มพูนความรู้  และศักยภาพทางการสื่อสารสำหรับสังคมยุคสารสนเทศ

ระบบการศึกษา

จัดการศึกษาแบบ  Block  Course  (เรียนและสอบครั้งละ  1  วิชา)  จำนวนทั้งสิ้น  36  หน่วยกิต (ไม่ต้องทำวิทยานิพนธ์)  เรียนทุกวันเสาร์  17.00  21.00  น.  และวันอาทิตย์  08.00  17.00 น.

ระยะเวลาในการศึกษา

กำหนดให้ไม่เกิน  5  ปีการศึกษาโดยสอบผ่านได้คะแนนเฉลี่ยสะสม  (G.P.A.)  ไม่น้อยกว่า  3.00  ทั้งนี้  นักศึกษาจะต้องมีเวลาเข้าเรียนแต่ละวิชาตามเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยกำหนด

ค่าใช้จ่าย

ค่าใช้จ่ายตลอดหลักสูตร  เป็นเงิน  140,000  บาท  (หนึ่งแสนสี่หมื่นบาทถ้วน)  โดยแบ่งชำระเป็น  4  งวดๆละ  35,000  บาท  (สามหมื่นห้าพันบาทถ้วน)

วิธีคัดเลือกผู้เข้าศึกษา

คณะกรรมการบริหารโครงการฯ  คัดเลือกผู้เข้าศึกษาด้วยวิธีการสัมภาษณ์  เปิดรับสมัครนักศึกษา  รุ่นที่  2  ระหว่าง  3  มกราคม  2549  –  วันที่  31  มีนาคม  2549  สอบสัมภาษณ์  วันที่  8  9  เมษายน  2549  ประกาศผล วันที่  20  เมษายน  2549  เปิดเรียน  วันที่  6  พฤษภาคม  2549

ติดต่อขอใบสมัครและสมัครได้ที่

สำนักงานโครงการพิเศษ  อาคารวิทยบริการและบริหารชั้น  4  มหาวิทยาลัยรามคำแหง   โทร  02-310844902-3108450  หรือ   Download  ใบสมัครได้ที่  www.ru.ac.th,  www.mpa.ru.ac.th,  www.hum.ru.ac.th

แนวคำตอบ

ม.ร.  รับนักศึกษา  ป.โท  สาขาวิชาการสื่อสารพัฒนาการ

มหาวิทยาลัยรามคำแหงรับสมัครผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีและผู้สนใจทั่วไปเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาโท  หลักสูตรศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต  สาขาวิชาการสื่อสารพัฒนาการ  ตั้งแต่บัดนี้  31  มีนาคม  2549  โดยจะคัดเลือกเข้าศึกษาด้วยวิธีการสอบสัมภาษณ์

หลักสูตรนี้จัดขึ้นเพื่อผลิตบัณฑิตที่มีความรู้ด้านการสื่อสาร  ให้สามารถบูรณาการความรู้เพื่อการพัฒนาองค์กรและสังคม  รวมทั้งพัฒนานักวิชาการและนักวิชาชีพด้านการสื่อสารให้มีความรู้และความสามารถในระดับที่สุงขึ้น  โดยจะจัดการศึกษาแบบเรียนและสอบครั้งละ  1  วิชา  (Block  Course)  จำนวนทั้งสิ้น  36  หน่วยกิต  (ไม่ต้องทำวิทยานิพนธ์)  เรียนทุกวันเสาร์  17.00  21.00  น.  และวันอาทิตย์  08.00  17.00 น.  มีค่าใช้จ่ายตลอดหลักสูตร  140,000  บาท  (แบ่งชำระ  4  งวดๆละ  35,000  บาท)  โดยกำหนดระยะเวลาเรียนไม่เกิน  5  ปี  การศึกษา  ทั้งนี้นักศึกษาจะต้องมีเวลาเข้าเรียนแต่ละวิชาตามเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยกำหนด  และต้องสอบผ่านได้  G.P.A.  ไม่น้อยกว่า  3.00

ผู้สนใจขอรับใบสมัครและสมัครได้ตั้งแต่บัดนี้  31  มีนาคม  2549  ที่สำนักงานโครงการพิเศษอาคารวิทยบริการและบริหาร  ชั้น  4  มหาวิทยาลัยรามคำแหง  โทร  02  3108449,  02- 3108450  หรือดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ 

www.ru.ac.th,  www.mpa.ru.ac.th  และ   www.hum.ru.ac.th

MCS 2201 การเขียนข่าว การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2548

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน  ปีการศึกษา  2548
 
ข้อสอบกระบวนวิชา  MCS 2201 การเขียนข่าว
คำแนะนำ  ข้อสอบมีทั้งหมด  7  ข้อ  ให้นักศึกษาทำทุกข้อ
ข้อ  1  จงตอบคำถามต่อไปนี้
1.1            “ข่าวเศรษฐกิจ”  ครอบคลุมเนื้อหาด้านใดบ้าง  ยกตัวอย่างข่าวและแหล่งข่าวประกอบ
แนวคำตอบ 
ข่าวเศรษฐกิจ  หมายถึง  การรายงานข้อมูลข่าวสารที่ครอบคลุมเนื้อหาเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจและการเงิน  รวมทั้งกิจกรรมเคลื่อนไหวต่างๆ  ทั้งภายในและภายนอกประเทศที่เกี่ยวพันกับภาวะเศรษฐกิจและการเงิน  ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลข่าวสารทางการค้า  การลงทุน  การเงินการธนาคาร  การเกษตรและอุตสาหกรรม ฯลฯ  ที่มีความสำคัญและมีผลกระทบต่อประเทศชาติและประชาชนในประเทศ
ตัวอย่างข่าวเศรษฐกิจ  ข่าวเรื่องรัฐบาลสั่งให้  ปตท.  ลดราคาน้ำมันเบนซินลงลิตรละ  30  สตางค์
จากข่าวข้างต้นต้องอาศัยแหล่งข่าวประเภทต่างๆ  ดังนี้
1        แหล่งข่าวประจำ  คือ  บุคคลหรือสถานที่ซึ่งหนังสือพิมพ์ส่งผู้สื่อข่าวไปประจำตามแหล่งนั้นๆ  โดยตัวอย่างแหล่งข่าวประจำของข่าวข้างต้น  ได้แก่  นายกรัฐมนตรี  รัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน   กรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มธุรกิจน้ำมัน  บริษัท  ปตท.  จำกัด (มหาชน)  ประธานคณะกรรมการพิจารณานโยบายพลังงาน  (กพง.)  เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (สพช.)  เป็นต้น
2        แหล่งข่าวพิเศษ  คือ  แหล่งข่าวที่อาจอยู่  ณ  สถานที่เกิดเหตุ  หรือผู้ที่เกี่ยวข้อง  ผู้เห็นเหตุการณ์  รวมทั้งผู้ที่สนิทสนมคุ้นเคยกับผู้สื่อข่าวเป็นการส่วนตัว  เช่น  นักการเมือง  ผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิชาต่างๆ  ฯลฯ  โดยตัวอย่างแหล่งข่าวพิเศษของข่าวข้างต้น  ได้แก่  ผู้ขับขี่รถยนต์  ผู้ค้าน้ำมัน  รวมทั้งอาจไปสัมภาษณ์นักวิชาการและนักวิเคราะห์เกี่ยวกับแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก  เป็นต้น
3        แหล่งข่างจากองค์กรข่าว  คือ  องค์กรที่ตั้งขึ้นเพื่อดำเนินกิจการขายข่าวให้แก่ลูกค้าที่เป็นสมาชิก  โดยตัวอย่างแหล่งข่าวจากองค์กรข่าวของข่าวข้างต้น  ได้แก่  สำนักข่าวต่างประเทศ  ซึ่งอาจรายงานสถานการณ์ในต่างประเทศ  หรือปัจจัยอื่นๆ  ที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกอ่อนตัวลง  จงส่งผลให้ไทยต้องปรับลดราคาน้ำมันตาม  เป็นต้น
4        แหล่งข่าวจากสิ่งพิมพ์  คือ  เอกสารตีพิมพ์ซึ่งเป็นแหล่งข่าวสำคัญ  โดยตัวอย่างแหล่งข่าวจากสิ่งตีพิมพ์ของข่าวข้างต้น  ได้แก่  ประกาศปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินของ  บมจ. ปตท.  รายงานการวิจัยเรื่องแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกของนักวิเคราะห์และนักวิชาการต่างๆ  เป็นต้น
1.2            “ข่าวการเมือง”  ครอบคลุมเนื้อหาด้านใดบ้าง  ยกตัวอย่างข่าวและแหล่งข่าวประกอบ
แนวคำตอบ
ข่าวการเมือง  หมายถึง  การรายงานข่าวที่ครอบคลุมเนื้อหาเกี่ยวกับผลประโยชน์ของรัฐและประชาชน  กิจกรรมความเคลื่อนไหวในการปฏิบัติงานทางการเมืองการปกครองของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ของรัฐบาล  รวมทั้งรายงานกิจกรรมความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองต่างๆ  ซึ่งรับอาสาเข้ามารักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติให้ประชาชนเจ้าของประเทศได้รับทราบ
ตัวอย่างข่าวการเมือง  ข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี
จากข่าวข้างต้นอาศัยแหล่งข่าวประเภทต่างๆ  ดังนี้
1       แหล่งข่าวประจำ  คือ  บุคคลหรือสถานที่ซึ่งหนังสือพิมพ์ส่งผู้สื่อข่าวไปประจำตามแหล่งนั้นๆ  โดยตัวอย่างแหล่งข่าวประจำของข่าวข้างต้น  ได้แก่  นายกรัฐมนตรี  รัฐมนตรีที่หลุดจากตำแหน่งสำคัญ  และรัฐมนตรีที่เข้ามารับตำแหน่งแทน  หรืออาจไปสัมภาษณ์ความคิดเห็นของผู้นำพรรคฝ่ายค้านเกี่ยวกับการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้  เป็นต้น
2       แหล่งข่าวพิเศษ  คือ  แหล่งข่าวที่อาจอยู่  ณ  สถานที่เกิดเหตุ  หรือผู้ที่เกี่ยวข้อง  ผู้เห็นเหตุการณ์รวมทั้งผู้ที่สนิทสนม คุ้นเคยกับผู้สื่อข่าวเป็นการส่วนตัว  เช่น  นักการเมือง  ผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิชาต่างๆ  เจ้าหน้าที่ของรัฐ  ฯลฯ  โดยตัวอย่างแหล่งข่าวพิเศษของข่าวข้างต้น  ได้แก่  การไปสัมภาษณ์นักวิชาการทางด้านรัฐศาสตร์เพื่อขอความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองหลังปรับ  ครม.  นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวอาจได้รับเบาะแสเป็นข้อมูลเบื้องหลังหรือผลประโยชน์ของรัฐบาลในการปรับ  ครม.  ครั้งนี้จากแหล่งข่าวปิด  คือแหล่งข่าวที่ไม่ต้องการให้ชื่อและคุณลักษณะถูกระบุในข่าว  ดังนั้นการอ้างถึงแหล่งข่าวปิดจึงมักระบุเพียงว่า  “แหล่งข่าวระดับสูง”  หรือ  “แหล่งข่าวจากวงการใกล้ชิด”  เป็นต้น
3       แหล่งข่าวจากสิ่งตีพิมพ์  คือ  เอกสารตีพิมพ์ซึ่งเป็นแหล่งข่าวสำคัญ  โดยตัวอย่างแหล่งข่าวตีพิมพ์ของข่าวข้างต้น  ได้แก่  ประกาศรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ที่มีการปรับ  เอกสารเกี่ยวกับประวัติของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคนใหม่  หรือที่มาจากการสับเปลี่ยนโยกย้าย  เป็นต้น
1.3            ข่าวอาชญากรรม  หมายถึง  ข่าวที่เกี่ยวข้องกับประเด็นเนื้อหาใดบ้าง  จงอธิบายให้ครอบถ้วน
แนวคำตอบ
ข่าวอาชญากรรม  หมายถึง  ข่าวการรายงานเหตุการณ์และความคิดเห็นที่ครอบคลุมเนื้อหาเกี่ยวกับการกระทำผิดทางอาญา  ซึ่งผู้สื่อข่าวและบรรณาธิการได้พิจารณาเลือกสรรแล้วด้วยความเชื่อมั่นว่าเหตุการณ์และความคิดเห็นเกี่ยวกับการกระทำผิดทางอาญาดังกล่าวจะเป็นที่สนใจของผู้อ่านส่วนใหญ่หรือบางส่วน
อย่างไรก็ตาม  ข่าวอาชญากรรมมิได้จำกัดอยู่แต่เพียงการปล้น  ฆ่า  ชิงทรัพย์  ข่มขืน  เพลิงไหม้  และอุบัติเหตุเท่านั้น  ดังนั้นจึงสามารถแบ่งประเด็นเนื้อหาของข่าวอาชญากรรมได้เป็นประเภทใหญ่ๆ  คือ
1       ข่าวอาชญากรรมที่เกิดขึ้นและมีผลกระทบต่อบุคคล  ได้แก่  ข่าวฆาตกรรม  ข่าวข่มขืน  ข่าวปล้นจี้  ข่าวการตัดช่องย่องเบาและการโจรกรรม  ข่าวการลักลอบเล่นการพนัน  ข่าวการลักพาตัวเรียกค่าไถ่  ข่าวการหมิ่นประมาทและการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอื่นๆ  เป็นต้น
2       ข่าวอาชญากรรมที่เกิดขึ้นและส่งผลกระทบกระเทือนต่อเศรษฐกิจของประเทศทั้งทางตรงและทางอ้อม  เช่น  ข่าวการปลอมแปลงธนบัตรและการค้าธนบัตรปลอม  ข่าวการปั่นหุ้น  ข่าวการฉ้อราษฎร์บังหลวง  ข่าวการหลบเลี่ยงภาษี  ข่าวการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ  รวมทั้งข่าวการค้าประเวณีข้ามชาติด้วย  เป็นต้น
3       ข่าวอาชญากรรมที่เกิดขึ้นและมีผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ  ระบบการเมืองการปกครองของประเทศ  รวมทั้งมีผลกระทบต่อความสงบสุขของประชาชนในประเทศ  เช่น  ข่าวการก่อวินาศกรรมและการก่อการร้ายอื่นๆ  ข่าวการค้าอาวุธสงคราม  ข่าวการปฏิวัติรัฐประหาร  ข่าวการประท้วงทางการเมืองอย่างรุนแรง  ข่าวการลอบสังหารผู้นำของประเทศ  เป็นต้น
ข้อ  2  ประเด็นข่าวคืออะไร  มีวิธีการคิดและจับประเด็นข่าวอย่างไรบ้าง  ยกตัวอย่างประกอบ
แนวคำตอบ
ประเด็นข่าว  (News  Pegs)  หมายถึง  การหยิบยกประเด็นเหตุการณ์  ความคิดเห็น  หรือข้อเท็จจริงในแง่มุมใดมุมหนึ่ง  ซึ่งมีความสำคัญและเป็นที่น่าสนใจของผู้รับสารมานำเสนอและรายงานเป็นข่าว  ดังนั้น  “ประเด็นข่าว”  จึงมีความหมายต่างๆ  
–          แง่มุมของเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุด
 
–          แง่มุมที่ผู้สื่อข่าวตัดสินว่าสำคัญที่สุดในการนำเสนอไปยังประชาชน
–          แง่มุมที่สำคัญที่สุดที่ประชาชนควรได้รับรู้
 
–          แง่มุมที่ยังเป็นเงื่อนงำ
อย่างไรก็ตาม  ประเด็นข่าวอาจแบ่งเป็นประเด็นข่าวตามเหตุการณ์  ประเด็นข่าวตามสภาพทั่วไปจากการสังเกต  และประเด็นข่าวตามสมมุติฐาน
วิธีการคิดและจับประเด็นข่าว 
 
1)    อาศัยองค์ประกอบของข่าว  (News  Values)  ในการพิจารณา  
–          ผลกระทบ
 
–          ความเด่นของบุคคล  องค์การ
 
–          ความใกล้ชิด  อุทาหรณ์
2)    ความรู้เชิงลึกในการคาดเดาสถานการณ์  แนวโน้ม  ซึ่งผู้สื่อข่าวควรเพิ่มความรู้เรื่องเศรษฐศาสตร์  การเมืองการปกครอง  กฎหมายรัฐธรรมนูญ  ฯลฯ
3)    การมองเห็นในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น  ซึ่งจะต้องอาศัยการสังเกตสิ่งรอบตัวว่าคนๆนี้  ทำอย่างนี้ทำไม  ต้องการอะไร
ตัวอย่างเช่น  ข่าวเรื่องราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น  นอกจากผู้สื่อข่าวจะรายงานในประเด็นข่าวตามเหตุการณ์  คือ  เรื่องอัตราราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดิมแล้ว  ผู้สื่อข่าวจะรายงานในประเด็นข่าวตามสภาพทั่วไปจากการสังเกต  ซึ่งเป็นผลกระทบที่ตามมาจากเหตุการณ์ภาวะน้ำมันแพง  เช่น
 
–          การปรับราคาสินค้า  และมาตรการในการควบคุมราคาสินค้าไม่ให้ปรับตัวสูงขึ้น  รวมทั้งความคิดเห็นของผู้ผลิต  ผู้จัดจำหน่าย  และผู้บริโภค
 
–          การปรับค่าจ้างแรงงานในภาวะที่ค่าครองชีพเพิ่มสูง
 
–          การปรับราคาค่าขนส่งมวลชนในประเทศไม่ว่าจะเป็นรถประจำทาง  รถ  บขส.  รถไฟ  และเครื่องบิน 
ข้อ  3  ตามหลักการ  ข่าวที่ดีควรมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง  จงอธิบาย
แนวคำตอบ
คุณสมบัติของข่าวที่ดี  
 
1       มีความถูกถ้วน  (Accuracy)  หมายถึง  ข้อเท็จจริงทุกอย่างที่ปรากฏในข่าว  เช่น  ชื่อ- นามสกุล  อายุ  ที่อยู่  ยศ  ตำแหน่ง  วันที่  และคำให้สัมภาษณ์ของแหล่งข่าวทุกคำ  ฯลฯ  จะต้องได้รับการตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่าถูกต้องและครบถ้วน  เพราะความถูกต้องและครบถ้วนของข้อมูลข่าวถือเป็นเรื่องสำคัญมากในความรู้สึกของผู้ที่เกี่ยวข้องหรือผู้ที่ตกเป็นข่าว  รวมทั้งผู้อ่านที่ใกล้ชิดและรู้เรื่องราวที่เกิดเป็นข่าวนั้นมาโดยตลอด  ดังนั้นผู้อ่านจึงมักจะติดสินว่าควรเชื่อถือศรัทธาหนังสือพิมพ์ฉบับใดฉบับหนึ่งหรือไม่  จากประสบการณ์ที่ได้อ่านและได้พบเห็นข้อบกพร่องผิดพลาดของหนังสือพิมพ์ฉบับนั้น  โดยมักจะสรุปว่าเมื่อหนังสือพิมพ์เสนอข่าวผิดเรื่องหนึ่งและครั้งหนึ่ง  ก็อาจจะเสนอข่าวผิดอีกต่อๆไปได้เช่นกัน
2       มีความสมดุลและเที่ยงธรรม  (Balance  and  Fairness)  หมายถึง  มีความยุติธรรมในการเสนอข่าว  ซึ่งข่าวที่ดีต้องรับใช้ผู้อ่านที่เป็นสาธารณชน  ไม่ควรรับใช้บุคคลหรือกลุ่มบุคคลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งตามคำขอร้องเป็นพิเศษของคนเหล่านั้น  โดยเฉพาะถ้าข่าวนั้นเป็นปัญหาสาธารณะ  ซึ่งมีผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนทั่วไป
อย่างไรก็ดีในการรายงานข่าวเกี่ยวกับความขัดแย้งที่เป็นปัญหาสาธารณะนั้น  ข่าวที่ดีมีคุณภาพจะต้องนำเสนอประเด็นสำคัญๆ  ซึ่งคู่กรณี  (ฝ่ายเสนอและฝ่ายค้าน)  ได้แสดงความคิดเห็นออกมาในลักษณะที่สมดุลกัน  นอกจากนี้ในกรณีที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งถูกผู้อื่นวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมหรือความคิดเห็น  ก็จะต้องให้ความเที่ยงธรรมแก่บุคคลนั้น  โดยให้โอกาสโต้แย้งข้อกล่าวหาด้วย
3       มีความเป็นภววิสัย  (Objective)  หมายถึง  ข่าวที่ปราศจากอคติส่วนตัวของผู้สื่อข่าว  เช่น  ความชอบหรือไม่ชอบ  ฯลฯ  หรือปลอดจากอิทธิพลภายนอก  ซึ่งอาจจะทำให้ข่าวนั้นปรากฏออกมาเป็นอะไรอย่างอื่นที่ไม่ใช่ข่าวนั่นเอง  ดังนั้นเมื่อผู้สื่อข่าวต้องรายงานข่าวเหตุการณ์ที่ขัดแย้งกับความรู้สึกส่วนตัว  จึงควรต้องละทิ้งความรู้สึกดังกล่าวไปเสีย  และรายงานข้อเท็จจริงของเหตุการณ์โดยปราศจากอคติ  ตรงไปตรงมาตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  แล้วให้ผู้อ่านแต่ละคนค้นหาความจริงในข่าวนั้นด้วยตัวของผู้อ่านเอง
4       มีความง่าย  กะทัดรัด  และชัดเจน  (Simplicity  Conciseness  and  Clearness)    หมายถึง  ข่าวที่มีคุณภาพต้องเขียนอย่างรัดกุมกะทัดรัด  ไม่เยิ่นเย้อ  และง่ายต่อการอ่าน  ซึ่งสิ่งที่สำคัญก็คือ  ต้องเขียนข่าวให้กระจ่างแจ้ง  ชัดเจน  ผู้อ่านอ่านแล้วสามารถเข้าใจได้ทันที  โดยไม่ต้องอ่านซ้ำแล้วซ้ำอีก
ข้อ  4  หนังสือพิมพ์แต่ละฉบับให้ความสำคัญแก่ข่าวแต่ละประเภทแตกต่างกัน  เช่น  บางฉบับให้ความสำคัญกับเรื่องอื้อฉาวของคนดัง  บางฉบับเน้นข่าวการเมือง  บางฉบับเสนอข่าวสังคมที่เน้นข่าวกลุ่มคนดัง  ไฮโซ  บางฉบับเสนอข่าวของชาวบ้าน  ข่าวภูมิภาค  หรือบางฉบับมีข่าวสิ่งแวดล้อม  ปรากฏการณ์เช่นนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยส่วนบุคคล  องค์กร  และสภาพสังคมอย่างไร  จงอธิบาย
แนวคำตอบ
หนังสือพิมพ์แต่ละฉบับจะให้ความสำคัญแก่ข่าวแต่ละประเภทแตกต่างกัน  ซึ่งปรากฏการณ์เช่นนี้จะขึ้นอยู่กับ “ปัจจัยที่มีผลต่อการประเมินคุณค่าข่าว” 
1       ปัจจัยด้านบุคคล  (ผู้สื่อข่าว  หัวหน้าข่าว  บรรณาธิการที่เกี่ยวข้อง) 
 
–          เชื้อชาติ  ศาสนา  คือ  อคติเกี่ยวกับเรื่องเชื้อชาติและศาสนา  เพราะบุคคลที่มีเชื้อชาติและศาสนาที่ต่างกัน  ก็ย่อมเกิดความลำเอียงในการเลือกแง่มุมของข่าวที่จะนำมาเสนอ
–          ค่านิยม  สำนึก  และมุมมอง  ซึ่งแต่ละคนจะมีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับพื้นฐานทางการศึกษา
–          ความเป็นวิชาชีพ  คือ  หนังสือพิมพ์จะต้องมีอุดมการณ์และวิญญาณแห่งวิชาชีพโดยต้องรู้ว่าอะไรเหมาะหรือไม่เหมาะ  ควรหรือไม่ควรลงข่าว
–          การรับรู้และความสนใจของผู้รับสาร  คือ  การประเมินเรื่องที่คิดว่าผู้อ่านน่าจะให้ความสนใจมากที่สุด
2       ปัจจัยด้านองค์กร  แบ่งออกเป็น
 
 นโยบายของสื่อ
–          ความเป็นเจ้าของสื่อ  คือ  หนังสือพิมพ์มีใครเป็นเจ้าของสื่อ  หรือมีใครเป็นผู้โฆษณารายใหญ่  หนังสือพิมพ์นั้นก็อาจเน้นเสนอข่าวที่เอื้อประโยชน์ต่อเจ้าของสื่อ  หรือผู้โฆษณารายนั้นๆ
–          นโยบายการบริหาร  คือ  หนังสือพิมพ์มีนโยบายเน้นทำกำไร  เอาตัวรอดหรือเน้นชิงส่วนแบ่งตลาด  ซึ่งมีผลให้หนังสือพิมพ์แต่ละฉบับให้ความสำคัญแก่ข่าวแต่ละประเภทแตกต่างกันไปตามนโยบายการบริหาร
–          นโยบายด้านข่าว / เนื้อหา  คือ  หนังสือพิมพ์แต่ละฉบับจะเน้นประเภทของข่าวที่จะนำเสนอ  ความลึก  ลีลาการเขียน ฯลฯ  ที่แตกต่างกัน
 
วัฒนธรรมองค์กร  คือ  แบบปฏิบัติขององค์กรนั้นๆ  ว่าควรทำหรือไม่ควรทำอะไร  ได้แก่
–          จรรยาบรรณ  คือ  ข้อควรปฏิบัติของแต่ละองค์กร  ซึ่งอาจเป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม่ก็ได้
–          การเป็นปากเป็นเสียงให้ผู้ด้อยโอกาส  หรือรากหญ้า
–          การให้ความหมายกับข่าวบางประเภท  เช่น  ข่าวสังคม  ข่าววัฒนธรรม  ข่าวสิ่งแวดล้อม  ข่าวท้องถิ่น ฯลฯ  ว่าจะเน้นนำเสนอหรือไม่
3       ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมทางการเมือง  การปกครอง  และสังคม  ซึ่งมีผลทำให้บางเรื่องรายงานได้  แต่บางเรื่องรายงานไม่ได้  ได้แก่
–          ความมั่นคง  ผลประโยชน์ของชาติ
–          ผลประโยชน์ทางการเมืองระดับประเทศ  และนานาชาติ
ข้อ  5  เหตุการณ์หญิงคนหนึ่งขโมยทารกจากโรงพยาบาลเพื่อนำไปเลี้ยงเป็นลูกของตนเอง  เนื่องจากอยากมีลูก  ได้รับการรายงานเป็นข่าวอย่างต่อเนื่องในสื่อมวลชนทุกแขนง  เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่มีคุณค่าข่าวด้านใดบ้าง
แนวคำตอบ
เหตุการณ์นี้ได้รับการรายงานเป็นข่าวอย่างต่อเนื่องเพราะมีองค์ประกอบที่เป็นคุณค่าข่าว (New  Values)  อยู่ในตัวเหตุการณ์  ซึ่งสามารถพิจารณาได้ดังนี้
1       ความใกล้ชิด  (Proximity)  คือ  ความใกล้ชิดทั้งทางกายและทางใจระหว่างผู้อ่านและบุคคลหรือสิ่งต่างๆ  ที่ตกเป็นข่าว  โดยมนุษย์ทั่วไปมักให้ความสนใจเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง  ครอบครัว  ญาติพี่น้อง  เพื่อนฝูง  ฯลฯ  หรือสนใจเหตุการณ์ใกล้ตัวที่อาจจะเกิดขึ้นกับใครก็ได้ในลักษณะของเรื่องอุทาหรณ์สอนใจ  ดังนั้นความใกล้ชิดจึงอาจเป็นความสัมพันธ์ใกล้ชิดทางจิตใจ  ความคิด  สถานที่  หรือบุคคลซึ่งมีความผูกพันทางใดทางหนึ่งกับผู้อ่าน
2       ความทันต่อเวลา  (Timeliness)  คือ  เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆร้อนๆ  เพราะตามธรรมชาติของมนุษย์นั้นต้องการที่จะได้รับรู้สิ่งใหม่ๆ  อยู่เสมอ  อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่แม้จะเกิดขึ้นมานานนับร้อยปีแล้ว  แต่เพิ่งมีการค้นพบความเป็นไปของเหตุการณ์ดังกล่าวก็เป็นที่สนใจของผู้อ่านได้เช่นกัน
3       ปุถุชนสนใจ  (Human  Interest)  คือ  เหตุการณ์ต่างๆที่เร้าให้ผู้อ่านเกิดความสนใจและเกิดอารมณ์อันเป็นพื้นฐานของปุถุชน  ได้แก่  อารมณ์โศกเศร้า  เห็นอกเห็นใจ  ดีใจ  รัก  เกลียด  โกรธ  กลัว  อิจฉาริษยา  สงสัยใคร่รู้  ฯลฯ  ซึ่งจะทำให้เหตุการณ์นั้นมีคุณค่าข่าวสูง  เช่น  เหตุการณ์ข้างต้นอาจทำให้ผู้อ่านเกิดความเห็นอกเห็นใจพ่อแม่ของเด็กทารกที่ต้องสูญเสียลูกที่เพิ่งเกิด  หรือเกิดความสงสัยว่าหญิงคนนั้นขโมยเด็กทารกออกมาจากโรงพยาบาลได้อย่างไร  เป็นต้น
4       ความมีเงื่อนงำ  (Suspense)  คือ  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วังไม่สามารถจะคลี่คลายหรือตีแผ่หาสาเหตุได้  รวมทั้งเหตุการณ์ที่ยังไม่ทราบผลแน่ชัด  เช่น  เหตุการณ์ข้างต้นมีเงื่อนงำว่าหญิงคนนั้นขโมยเด็กเพราะอยากมีลูกตามที่กล่าวอ้าง  หรือเพราะสาเหตุอย่างอื่น  ทำไมหญิงคนนั้นไม่มีลูกเองทั้งๆที่สามารถมีเองได้  และหญิงคนนั้นกระทำการเพียงคนเดียว  หรือมีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลสมรู้ร่วมคิดด้วย  เป็นต้น
5       ความแปลกประหลาดผิดธรรมดา  (Oddity  or  Unusualness)  คือ  เรื่องราวที่แปลกประหลาดผิดไปจากปกติธรรมดา  เป็นเรื่องที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน  ไม่ว่าเหตุการณ์นั้นจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ  หรือเป็นเรื่องที่มนุษย์จงใจสร้างขึ้นเพื่อให้ผิดปกติ  ทั้งนี้รวมถึงเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องทางด้านความเชื่อ  ไสยศาสตร์  ความมหัศจรรย์  ปาฏิหาริย์ต่างๆ  และเหตุการณ์การกระทำบางอย่างที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้  เช่น  เหตุการณ์ข้างต้นไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงเพียงคนเดียวจะสามารถขโมยเด็กทารกออกจากโรงพยาบาลได้ง่ายๆ  และหนีไปได้อย่างลอยนวล  เป็นต้น
ข้อ  6  เมื่อผู้สื่อข่าวรายงานเรื่องราวต่างๆ  มายังกองบรรณาธิการแล้วไม่ใช่ทุกเรื่องทุกประเด็น  จะได้รับการนำเสนอเป็นข่าว  เนื่องจากต้องมีกระบวนการกลั่นกรองว่าจะนำเสนอเรื่องใดบ้าง  ผู้ที่ทำหน้าที่คัดเลือกข่าวใช้หลักการอะไรในการพิจารณา
แนวคำตอบ
 
เมื่อผู้สื่อข่าวรายงานเรื่องราวต่างๆมายังกองบรรณาธิการแล้ว  ผู้ทำหน้าที่คัดเลือกข่าวมักมีกระบวนการกลั่นกรองอีกชั้นหนึ่งว่าจะนำเสนอเรื่องใดบ้าง  โดยใช้หลักการของ  “ผู้รักษาประตู”  (Gate  Keeper)  มาคัดเลือกข่าว  ซึ่งมีอยู่  5  ประการ  คือ
1       ความน่าสนใจ  หมายถึง  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วทำให้ประชาชนสนใจใคร่รู้อยากติดตามโดยข่าวที่น่าสนใจคือข่าวที่ผู้อ่านมีความตั้งใจต้องการจะอ่านมากที่สุด  ปัญหาจึงเกิดขึ้นว่าอะไรคือสิ่งที่น่าสนใจ  ซึ่งนักหนังสือพิมพ์และบุคคลที่คัดเลือกข่าวได้กำหนดแนวการวัดความสนใจของผู้อ่านไว้หลายประการ  อย่างไรก็ตาม  หนังสือพิมพ์ที่มีแนวนโยบายแตกต่างกัน  เช่น  หนังสือพิมพ์ที่เน้นคุณภาพ  และหนังสือพิมพ์ประชานิยม  จะมีแนวการวัดความสนใจที่ต่างกัน  ทำให้ความเล็ก/ใหญ่ของข่าวไม่เท่ากัน
2       ความสำคัญ  หมายถึง  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วมีความสำคัญต่อตัวเรา  ผู้อ่าน  สังคมและคนทั้งประเทศ  ซึ่งหนังสือพิมพ์แต่ละฉบับจะจัดลำดับความสำคัญของข่าวไม่เท่ากัน  ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแนวนโยบายสภาพแวดล้อมความเป็นจริง  สังคม  และองค์ประกอบอื่นๆ 
3       ความชอบธรรม  หมายถึง  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วมีความถูกต้องทางจริยธรรม  คุณธรรมและศีลธรรม  โดยนักหนังสือพิมพ์ต้องตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคม  และความรับผิดชอบต่อผลประโยชน์อันชอบธรรมของปัจเจกชน  สถาบัน  ประเทศชาติ  ด้วยการพยายามปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นกลางมากที่สุดเท่าที่จะมากได้  ไม่ว่าจะตกอยู่ภายใต้ข้อจำกัดแห่งเงื่อนไขใดๆก็ตาม
4       ความมีประโยชน์  หมายถึง  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วมีประโยชน์ต่อผู้อ่าน  หรือสามารถยกระดับสติปัญญาและรสนิยมของผู้อ่านหรือไม่หากรายงานเรื่องนั้นออกไป
5       ความสดต่อสมัย  หมายถึง  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสดๆใหม่ๆ  โดยเหตุการณ์ใดมีความสดมากก็ยิ่งมีคุณค่าข่าวสูงและเป็นที่สนใจของผู้อ่านมาก  ดังนั้นจึงปรากฏคำว่าเมื่อวานนี้  เมื่อเช้านี้  และวันนี้อยู่ในรายงานข่าวเพื่อแสดงถึงความสดและความฉับไวของการรายงานข่าวตลอดเวลา

ข้อ  7  ในการรายงานข่าวไฟไหม้ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง  ผู้เขียนต้องระบุคุณสมบัติลักษณะอะไรบ้างในเนื้อหาของข่าวดังกล่าว  อธิบาย  พร้อมยกตัวอย่าง

แนวคำตอบ

จากข่าวที่ให้มาข้างต้นสามารถระบุคุณลักษณะในเนื้อหาของข่าวได้ดังนี้

1       คุณลักษณะของแหล่งข่าวที่เป็นบุคคล

1)    อายุ  คือ  การระบุอายุของผู้ต้องหา  ผู้ต้องสงสัย  ผู้บาดเจ็บ  และผู้เสียชีวิต  ซึ่งมักนิยมระบุในข่าวอาชญากรรม  ข่าวอุบัติเหตุ  หรือข่าวมรณกรรม  เช่น  “ภายในอาคารชั้น  3  ของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งที่เกิดเพลิงไหม้  เจ้าหน้าที่ได้พบร่างผู้เสียชีวิต  2  ศพ  ทราบชื่อ  นายยอดเยี่ยม  กระเทียมดอง  อายุ  28   ปี

2)    อาชีพ  คือ  การระบุอาชีพของแหล่งข่าว  หรือผู้ตกเป็นข่าวเพื่อช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้แก่ข่าว  และทำให้ผู้อ่านเกิดแนวคิด  หรือมีความเข้าใจ  รวมทั้งรู้สึกว่าใกล้ชิดกับบุคคลนั้นๆ  เพิ่มขึ้น  เช่น  “จากการสอบสวน น.ส. นิดหน่อย  น้อยนิด  พนักงานร้านอาหารอิ่มจัง  ซึ่งคาดว่าเป็นร้านต้นเพลิงให้การว่า  ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ  22.00  น.  ตนเข้าไปเก็บกวาดในห้องครัว  เห็นประกายไฟลุกไหม้ใกล้ๆกับถังแก๊ส  และได้กลิ่นแก๊สตลบอบอวลไปทั่ว”

3)    ยศหรือตำแหน่ง  คือในกรณีที่แหล่งข่าวเป็นผู้มีชื่อเสียง  มียศตำแหน่ง  หน้าที่การงานสูง  หรือเป็นข้าราชการ  ทหาร  ตำรวจ  มักมีการระบุยศพร้อมกับตำแหน่งด้วย  เช่น  “นายอภิรักษ์  โกษะโยธิน  ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร  ได้รุดไปตรวจสอบที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง  ซึ่งเกิดเพลิงไหม้พร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ”

4)    ที่อยู่  คือ  บ้านเลขที่  ถนน  ตำบล  อำเภอ  จังหวัด  ซึ่งเป็นที่อยู่  หรือที่ทำงานของบุคคลในข่าว  ซึ่งส่วนมากในข่าวอาชญากรรมและข่าวอุบัติเหตุมักมีการะบุที่อยู่ของผู้เกิดเหตุ  ผู้เคราะห์ร้าย  และผู้เกี่ยวข้อง  เช่น  “เจ้าหน้าที่ได้พบร่างผู้เสียชีวิต  2  ศพ  ทราบชื่อ  นายยอดเยี่ยม  กระเทียมดอง  อายุ  28 ปี  อยู่บ้านเลขที่  1278  ซ.พหลโยธิน  34  จตุจักร  กรุงเทพ ฯ”

2       คุณลักษณะของแหล่งข่าวที่เป็นสถานที่

สถานที่มักจะได้รับการระบุคุณลักษณะโดยการดึงให้ไปสัมพันธ์  หรืออ้างอิงกับสถานที่อื่นๆ  ที่มีชื่อเสียง  เพื่อให้ผู้อ่านสามารถมองเห็นภาพกว้างๆได้ว่า  สถานที่ที่เป็นข่าวนั้นอยู่ที่ใด  และอยู่ห่างจากผู้อ่านเพียงไร  เช่น  “เมื่อเวลา  22.45  น.  วันที่  23  กพ.  ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง  ซึ่งเป็นตึกสูง  6  ชั้น  ตั้งอยู่ที่ถนนพหลโยธิน  แขวงลาดยาว  เขตจตุจักร  กทม.  ใกล้กับกรมพัฒนาที่ดิน  ทำให้มีผู้เสียชีวิต  2  ศพ  และมีผู้บาดเจ็บอีกหลายคน”

3       คุณลักษณะของแหล่งข่าวที่เป็นเหตุการณ์

เหตุการณ์ที่ถูกนำมารายงานข่าวนั้น  หากเป็นเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้นมักจะมีการระบุถึงวัตถุประสงค์  ความเป็นมา  และเบื้องหลังของเหตุการณ์นั้นๆ  รวมทั้งอาจจะอ้างว่าเหตุการณ์นั้นมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้  ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นภูมิหลัง  หรือความเดิมของข่าว  เช่น  “จากเหตุการณ์เพลิงไหม้ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งเมื่อวันที่  23  กพ.  ที่ผ่านมา  จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บหลายรายนั้น  ล่าสุดซากอาคารของห้างสรรพสินค้าดังกล่าวได้ถล่มลงมาทับ  น.ส.จุมพิต  โชคช่วย  นักศึกษาปี  1  มหาวิทยาลัยของรัฐ  ได้รับบาดเจ็บสาหัส”

MCS 2201 การเขียนข่าว การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา2549

การสอบไล่ภาค  1  ปีการศึกษา  2549
 
ข้อสอบกระบวนวิชา  MCS 2201 การเขียนข่าว
 
คำแนะนำ  ข้อสอบมีทั้งหมด  6  ข้อ  ให้นักศึกษาทำทุกข้อ
ข้อ  1  จงตอบคำถามต่อไปนี้ 
 
ข่าวการเมือง  ครอบคลุมเนื้อหาด้านใดบ้าง  ยกตัวอย่างข่าวและแหล่งข่าวในสถานการณ์จริงประกอบการอธิบาย
 
แนวคำตอบ
 
ข่าวการเมือง  หมายถึง  การรายงานข่าวที่เกี่ยวกับผลประโยชน์ของรัฐและประชาชน  กิจกรรมความเคลื่อนไหวในการปฏิบัติงานทางการเมืองการปกครองของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ของรัฐบาล  รวมทั้งรายงานกิจกรรมความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองต่างๆ  ซึ่งรับอาสาเข้ามารักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติให้ประชาชนเจ้าของประเทศได้รับทราบ  โดยจะมีเนื้อหาครอบคลุมเรื่องต่างๆ  
 
1)    การจัดการเลือกตั้ง  การรณรงค์หาเสียง  นโยบายของพรรค
 
2)    การจัดตั้งรัฐบาล
 
3)    การกำหนดนโยบาย  การแถลง  การปฏิบัติงานตามนโยบาย
4)    กระบวนการออกกฎหมายของรัฐสภา  การดำเนินงานของรัฐสภา  กรรมาธิการ
 
5)    การตรวจสอบการทำงานของฝ่ายการเมือง  ข้าราชการประจำ  องค์กรอิสระต่างๆ  การเปิดอภิปราย
 
6)    บทบาทของพรรคฝ่ายค้าน  วุฒิสภา
7)    ความคิดเห็นของ  ส.ส.  ต่อประเด็นปัญหาต่างๆ  ในรัฐสภา
 
8)    การทำงานของศาลรัฐธรรมนูญ  กกต.  ปปช.  ปปง.  คตง.
9)    ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ตัวอย่างข่าวการเมือง  ข่าวนายกรัฐมนตรีเรียกประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อรับสถานการณ์น้ำท่วมกรุงเทพฯ
จากข่าวการเมืองข้างต้นต้องอาศัยแหล่งข่าว  ดังนี้
 
1       แหล่งข่าวประจำ  เช่น  นายกรัฐมนตรี  ผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร  กระทรวงมหาดไทย  ทำเนียบรัฐบาล  อธิบดีกรมชลประทานซึ่งรับหน้าที่ดูแลเรื่องการระบายน้ำ  เจ้าหน้าที่ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยนำท่วม  กรมอุตุนิยมวิทยา  เป็นต้น
 
2       แหล่งข่าวพิเศษ  เช่น  ประชาชนที่ได้รับผลกระทบทั้งโดยตรงและโดยอ้อมจากเหตุการณ์น้ำท่วมกรุงเทพฯ  เป็นต้น
 
3       แหล่งข่าวจากสิ่งตีพิมพ์  เช่น  แถลงการณ์เกี่ยวกับผลการประชุมเพื่อรองรับสถานการณ์น้ำท่วม  ข่าวแจกเรื่องการรายงานพยากรณ์อากาศ  แฟ้มข่าวเก่าหรือเอกสารทางวิชาการที่มีสถิติข้อมูลการเกิดอุทกภัยในปีต่างๆ  เป็นต้น
 
ข่าวอาชญากรรม  หมายถึง  ข่าวที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาประเด็นใดบ้าง  จงอธิบาย
 
แนวคำตอบ
 
ข่าวอาชญากรรม  หมายถึง ข่าวการรายงานเหตุการณ์และความคิดเห็นที่เกี่ยวกับการกระทำผิดทางอาญา  ซึ่งผู้สื่อข่าวและบรรณาธิการได้พิจารณาเลือกสรรแล้วด้วยความเชื่อมั่นว่าเหตุการณ์และความคิดเห็นเกี่ยวกับการกระทำผิดทางอาญาดังกล่าวจะเป็นที่สนใจของผู้อ่านส่วนใหญ่หรือบางส่วน  โดยจะมีเนื้อหาครอบคลุมเรื่องต่างๆ  ได้แก่  ข่าวฆาตกรรม  อุบัติเหตุ  อุบัติภัย  ภัยพิบัติ  การประท้วง  จลาจล  ฆ่าตัวตาย  ข่าวสะท้อนสังคม  ความผิดทางอาญาต่างๆ  เป็นต้น
 
เนื้อหาของข่าวอาชญากรรมจะเกี่ยวข้องกับประเด็น  ต่อไปนี้
 
1)    เหตุการณ์เกิดขึ้นและสิ้นสุดอย่างไร  นำไปสู่ปัญหาใด
 
2)    สาเหตุของเหตุการณ์  วิธีการก่ออาชญากรรม
 
3)    การวางแผนติดตาม  การปราบปรามของเจ้าหน้าที่
 
4)    ความคืบหน้าของคดี
 
5)    ปัญหาในการจับกุมหรือการทำงานของเจ้าหน้าที่.
 
6)    การป้องกันหรือลดคดีอาชญากรรม
 
7)    ความคิดเห็นของบุคคลหลายฝ่าย  เช่น  นายกรัฐมนตรี  ร.ม.ต.  ผบ.ตร.  นักวิชาการ ฯลฯ
 
เนื้อหาของข่าวอาชญากรรมที่ผู้สื่อข่าวต้องรวบรวมจะเกี่ยวข้องกับประเด็น  ต่อไปนี้
1       ความเสียหายต่อชีวิต  ทรัพย์สิน
 
2       วิธีการของอาชญากรรม
 
3       เบาะแส  วัตถุพยาน  ร่อยรอย
 
4       สาเหตุของการก่ออาชญากรรม
 
5       คำให้การของผู้เคราะห์ร้าย
 
6       รายงานของตำรวจ
 
7       การจับกุม  การตั้งข้อหา
ข้อ  2  ประเด็นข่าวคืออะไร  มีวิธีการคิดและจับประเด็นข่าวอย่างไรบ้าง  ยกตัวอย่างประกอบ
ประเด็นข่าว  (News  Pegs)  หมายถึง  การหยิบยกประเด็นเหตุการณ์  ความคิดเห็น  หรือข้อเท็จจริงในแง่มุมใดมุมหนึ่ง  ซึ่งมีความสำคัญและเป็นที่น่าสนใจของผู้รับสารมานำเสนอและรายงานเป็นข่าว  ดังนั้น  “ประเด็นข่าว”  จึงมีความหมายต่างๆ  
–          แง่มุมของเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุด
 
–          แง่มุมที่ผู้สื่อข่าวตัดสินว่าสำคัญที่สุดในการนำเสนอไปยังประชาชน
 
–          แง่มุมที่สำคัญที่สุดที่ประชาชนควรได้รับรู้
 
–          แง่มุมที่ยังเป็นเงื่อนงำ
อย่างไรก็ตาม  ประเด็นข่าวอาจแบ่งเป็นประเด็นข่าวตามเหตุการณ์  ประเด็นข่าวตามสภาพทั่วไปจากการสังเกต  และประเด็นข่าวตามสมมุติฐาน
วิธีการคิดและจับประเด็นข่าว  จะอาศัยหลักการซึ่งสรุปได้
 
1)    อาศัยองค์ประกอบของข่าว  (News  Values)  ในการพิจารณา  
–          ผลกระทบ
 
–          ความเด่นของบุคคล  องค์การ
 
–          ความใกล้ชิด  อุทาหรณ์
2)    ความรู้เชิงลึกในการคาดเดาสถานการณ์  แนวโน้ม  ซึ่งผู้สื่อข่าวควรเพิ่มความรู้เรื่องเศรษฐศาสตร์  การเมืองการปกครอง  กฎหมายรัฐธรรมนูญ  ฯลฯ
3)    การมองเห็นในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น  ซึ่งจะต้องอาศัยการสังเกตสิ่งรอบตัวว่าคนๆนี้  ทำอย่างนี้ทำไม  ต้องการอะไร
ตัวอย่างเช่น  ข่าวเรื่องราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น  นอกจากผู้สื่อข่าวจะรายงานในประเด็นข่าวตามเหตุการณ์  คือ  เรื่องอัตราราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดิมแล้ว  ผู้สื่อข่าวจะรายงานในประเด็นข่าวตามสภาพทั่วไปจากการสังเกต  ซึ่งเป็นผลกระทบที่ตามมาจากเหตุการณ์ภาวะน้ำมันแพง  เช่น
–          การปรับราคาสินค้า  และมาตรการในการควบคุมราคาสินค้าไม่ให้ปรับตัวสูงขึ้น  รวมทั้งความคิดเห็นของผู้ผลิต  ผู้จัดจำหน่าย  และผู้บริโภค
 
–          การปรับค่าจ้างแรงงานในภาวะที่ค่าครองชีพเพิ่มสูง
 
–          การปรับราคาค่าขนส่งมวลชนในประเทศไม่ว่าจะเป็นรถประจำทาง  รถ  บขส.  รถไฟ  และเครื่องบิน 
ข้อ  3  ผู้สื่อข่าวมีเกณฑ์อะไรบ้างในการพิจารณาข่าวว่าจะนำเสนอเรื่องใดในข่าว  จงอธิบาย
แนวคำตอบ
เหตุการณ์ที่ได้รับการรายงานเป็นข่าวส่วนใหญ่นั้น  ผู้สื่อข่าวมักมีกระบวนการกลั่นกรองและคัดเลือกในชั้นแรกว่าจะนำเสนอเรื่องใดบ้าง  โดยพิจารณาจากหลักเกณฑ์ของ  “องค์ประกอบของเหตุการณ์  หรือคุณค่าเชิงข่าว (New  Values)”  
 
1       ความมีชื่อเสียง  (Prominence)  คือ  เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลที่มีชื่อเสียง  เช่น  นายกรัฐมนตรี  นักการเมือง  นักธุรกิจ  ดารา  นักร้อง  นักกีฬา ฯลฯ  รวมทั้งสถานที่ที่มีชื่อเสียงด้วย
2       ความใกล้ชิด (Proximity)  คือ  ความใกล้ชิดทั้งทางกายและทางใจระหว่างผู้อ่านและบุคคลหรือสิ่งต่างๆที่ตกเป็นข่าว  โดยมนุษย์ทั่วไปมักให้ความสนใจเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง  ครอบครัว  ญาติพี่น้อง  เพื่อนฝูง  ฯลฯ  หรือสนใจในเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นใกล้ตัว  ดังนั้นความใกล้ชิดจึงอาจเป็นความสัมพันธ์ใกล้ชิดทางจิตใจ  ความคิด  สถานที่  หรือบุคคลซึ่งมีความผูกพันทางใดทางหนึ่งกับผู้อ่าน
3       ความทันต่อเวลา  (Timeliness)  คือ  เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดสดๆร้อนๆ  เพราะตามธรรมชาติของมนุษย์นั้นต้องการที่จะได้รับรู้สิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ    อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่แม้จะเกิดขึ้นมานานนับร้อยปีแล้ว  แต่เพิ่งมีการค้นพบความเป็นไปของเหตุการณ์ดังกล่าว  ก็เป็นที่สนใจของผู้อ่านได้เช่นกัน
4       ปุถุชนสนใจ  (Human  Interest)  คือ  เหตุการณ์ที่ก่อให้ผู้อ่านเกิดอารมณ์โศกเศร้าเห็นอกเห็นใจ  ดีใจ  รัก  เกลียด  โกรธ  กลัว  อิจฉาริษยา  สงสัยใคร่รู้ ฯลฯ  มักจะทำให้เหตุการณ์นั้นมีคุณค่าข่าวสูงและเร้าให้ผู้อ่านเกิดความสนใจ
5       ความขัดแย้ง  (Conflict)  คือ  เหตุการณ์ที่สะท้อนถึงความสัมพันธ์พื้นฐานระหว่างมนุษย์ต่อมนุษย์ในลักษณะของความขัดแย้งทั้งทางกายและทางความคิด  ซึ่งเริ่มตั้งแต่ระดับครอบครัวไปจนถึงระดับชาติ  เช่น  การทะเลาะวิวาท  การสู้รบ  ฆ่าฟัน  การแข่งขันกีฬา ฯลฯ
6       ผลกระทบ (Consequence)  คือ  เหตุการณ์ที่มีผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนจำนวนมากทั้งทางตรงหรือทางอ้อม  ซึ่งมีผลทำให้วิถีชีวิตของผู้คนเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นหรือเลวลง  ดังนั้นประชาชนจึงควรรับรู้เรื่องเหล่านี้เพื่อเตรียมตัวรับสถานการณ์  หรือมีความเข้าใจว่าเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปนั้นมีผลต่อตนเองอย่างไรบ้าง
7       ความมีเงื่อนงำ  (Suspense)  คือ  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วยังไม่สามารถจะคลี่คลายหรือตีแผ่หาสาเหตุได้  รวมถึงเหตุการณ์ที่ยังไม่ทราบผลแน่ชัด  เช่น  การแข่งขันกีฬา  การประกวดนางงาม  เป็นต้น
8       ภัยพิบัติและความก้าวหน้า  (Disaster  and  Progress)  คือ  เหตุการณ์ที่ไม่ปกติธรรมดา  เช่น  การเกิดแผ่นดินไหว  เกิดพายุใหญ่  หรือเกิดอุทกภัยที่ทำให้มีคนได้รับบาดเจ็บล้มตาย  ในขณะเดียวกัน  เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการพยายามเอาชนะธรรมชาติ  การประดิษฐ์คิดค้น  ความก้าวหน้าทางวิทยาการ  และการค้นพบตัวยารักษาโรคต่างๆ  นั้นต่างก็เป็นเรื่องที่คนสนใจด้วยเช่นกัน
9       เพศ  (Sex)  คือ  พฤติกรรมในเชิงความสัมพันธ์ของมนุษย์ทั้งเพศหญิงและเพศชาย  ทั้งในรูปแบบที่ปกติและผิดปกติ  ไม่ว่าจะเป็นความรัก  การแต่งงาน  การหย่าร้าง  เรื่องของพวก  เกย์ – เลสเบี้ยน  ความผิดปกติทางเพศ  และการประกวดนางงาม  เป็นต้น
10  ความแปลกประหลาดผิดธรรมดา  (Oddity  or  Unusualness) คือ  เรื่องราวที่แปลกประหลาดผิดไปจากปกติธรรมดา  เป็นเรื่องที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน  ไม่ว่าเหตุการณ์นั้นจะเป็น เรื่องที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ  หรือเป็นเรื่องที่มนุษย์จงใจสร้างขึ้นเพื่อให้ผิดปกติ  ทั้งนี้รวมถึงเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องทางด้านความเชื่อ  ไสยศาสตร์  ความมหัศจรรย์  ปาฏิหาริย์ต่างๆ  และเหตุการณ์การกระทำบางอย่างที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้
นอกจากองค์ระกอบหลักทั้ง  10  ข้อข้างต้นแล้ว  ยังมีองค์ประกอบย่อยอื่นๆ  เช่น  ขนาดความใหญ่โตของเหตุการณ์  และองค์ประกอบภายนอกเหตุการณ์  เช่น  นโยบายของหนังสือพิมพ์  และนโยบายการเสนอข่าวของหนังสือพิมพ์  ซึ่งทำให้เหตุการณ์นั้นๆ  มีคุณค่าข่าวมากน้อยลดหลั่นกันไป
ข้อ  4  เมื่อผู้สื่อข่าวรายงานเรื่องราวต่างๆ  มายังกองบรรณาธิการแล้วไม่ใช่ทุกเรื่องทุกประเด็นจะได้รับการเสนอเป็นข่าว  เนื่องจากต้องมีกระบวนการกลั่นกรองว่าจะนำเสนอเรื่องใดบ้าง  ผู้ที่ทำหน้าที่คัดเลือกข่าวใช้หลักการอะไรในการพิจารณา (ไม่ใช่หลักเกณฑ์อย่างเดียวกับการพิจารณาคุณค่าข่าว)
แนวคำตอบ
เมื่อผู้สื่อข่าวรายงานเรื่องราวต่างๆมายังกองบรรณาธิการแล้ว  ผู้ทำหน้าที่คัดเลือกข่าวมักมีกระบวนการกลั่นกรองอีกชั้นหนึ่งว่าจะนำเสนอเรื่องใดบ้าง  โดยใช้หลักการของ  “ผู้รักษาประตู”  (Gate  Keeper)  มาคัดเลือกข่าว  ซึ่งมีอยู่  5  ประการ  คือ
1       ความน่าสนใจ  หมายถึง  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วทำให้ประชาชนสนใจใคร่รู้อยากติดตามโดยข่าวที่น่าสนใจคือข่าวที่ผู้อ่านมีความตั้งใจต้องการจะอ่านมากที่สุด  ปัญหาจึงเกิดขึ้นว่าอะไรคือสิ่งที่น่าสนใจ  ซึ่งนักหนังสือพิมพ์และบุคคลที่คัดเลือกข่าวได้กำหนดแนวการวัดความสนใจของผู้อ่านไว้หลายประการ  อย่างไรก็ตาม  หนังสือพิมพ์ที่มีแนวนโยบายแตกต่างกัน  เช่น  หนังสือพิมพ์ที่เน้นคุณภาพ  และหนังสือพิมพ์ประชานิยม  จะมีแนวการวัดความสนใจที่ต่างกัน  ทำให้ความเล็ก/ใหญ่ของข่าวไม่เท่ากัน
2       ความสำคัญ  หมายถึง  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วมีความสำคัญต่อตัวเรา  ผู้อ่าน  สังคมและคนทั้งประเทศ  ซึ่งหนังสือพิมพ์แต่ละฉบับจะจัดลำดับความสำคัญของข่าวไม่เท่ากัน  ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแนวนโยบายสภาพแวดล้อมความเป็นจริง  สังคม  และองค์ประกอบอื่นๆ 
3       ความชอบธรรม  หมายถึง  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วมีความถูกต้องทางจริยธรรม  คุณธรรมและศีลธรรม  โดยนักหนังสือพิมพ์ต้องตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคม  และความรับผิดชอบต่อผลประโยชน์อันชอบธรรมของปัจเจกชน  สถาบัน  ประเทศชาติ  ด้วยการพยายามปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นกลางมากที่สุดเท่าที่จะมากได้  ไม่ว่าจะตกอยู่ภายใต้ข้อจำกัดแห่งเงื่อนไขใดๆก็ตาม
4       ความมีประโยชน์  หมายถึง  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วมีประโยชน์ต่อผู้อ่าน  หรือสามารถยกระดับสติปัญญาและรสนิยมของผู้อ่านหรือไม่หากรายงานเรื่องนั้นออกไป
5       ความสดต่อสมัย  หมายถึง  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสดๆใหม่ๆ  โดยเหตุการณ์ใดมีความสดมากก็ยิ่งมีคุณค่าข่าวสูงและเป็นที่สนใจของผู้อ่านมาก  ดังนั้นจึงปรากฏคำว่าเมื่อวานนี้  เมื่อเช้านี้  และวันนี้อยู่ในรายงานข่าวเพื่อแสดงถึงความสดและความฉับไวของการรายงานข่าวตลอดเวลา
ข้อ  5  หนังสือพิมพ์แต่ละฉบับให้ความสำคัญแก่ข่าวแต่ละประเภทแตกต่างกัน  เช่น  บางฉบับให้ความสำคัญกับเรื่องอื้อฉาวของคนดัง  บางฉบับเน้นข่าวการเมือง  บางฉบับเสนอข่าวสังคมที่เน้นกลุ่มคนดังไฮโซ  บางฉบับเสนอข่าวของชาวบ้าน  ข่าวภูมิภาค  หรือบางฉบับมีข่าวสิ่งแวดล้อม  ตามหลักการแล้วปรากฏการณ์เช่นนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยส่วนบุคคล  องค์กร  และสภาพสังคมอย่างไร  จงอธิบาย
แนวคำตอบ
หนังสือพิมพ์แต่ละฉบับจะให้ความสำคัญแก่ข่าวแต่ละประเภทแตกต่างกัน  ซึ่งปรากฏการณ์เช่นนี้จะขึ้นอยู่กับ “ปัจจัยที่มีผลต่อการประเมินคุณค่าข่าว”  ดังนี้
1       ปัจจัยด้านบุคคล  (ผู้สื่อข่าว  หัวหน้าข่าว  บรรณาธิการที่เกี่ยวข้อง)  
 
–          เชื้อชาติ  ศาสนา  คือ  อคติเกี่ยวกับเรื่องเชื้อชาติและศาสนา  เพราะบุคคลที่มีเชื้อชาติและศาสนาที่ต่างกัน  ก็ย่อมเกิดความลำเอียงในการเลือกแง่มุมของข่าวที่จะนำมาเสนอ
–          ค่านิยม  สำนึก  และมุมมอง  ซึ่งแต่ละคนจะมีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับพื้นฐานทางการศึกษา
–          ความเป็นวิชาชีพ  คือ  หนังสือพิมพ์จะต้องมีอุดมการณ์และวิญญาณแห่งวิชาชีพโดยต้องรู้ว่าอะไรเหมาะหรือไม่เหมาะ  ควรหรือไม่ควรลงข่าว
–          การรับรู้และความสนใจของผู้รับสาร  คือ  การประเมินเรื่องที่คิดว่าผู้อ่านน่าจะให้ความสนใจมากที่สุด
2       ปัจจัยด้านองค์กร  แบ่งออกเป็น
 
นโยบายของสื่อ  ได้แก่
–          ความเป็นเจ้าของสื่อ  คือ  หนังสือพิมพ์มีใครเป็นเจ้าของสื่อ  หรือมีใครเป็นผู้โฆษณารายใหญ่  หนังสือพิมพ์นั้นก็อาจเน้นเสนอข่าวที่เอื้อประโยชน์ต่อเจ้าของสื่อ  หรือผู้โฆษณารายนั้นๆ
–          นโยบายการบริหาร  คือ  หนังสือพิมพ์มีนโยบายเน้นทำกำไร  เอาตัวรอดหรือเน้นชิงส่วนแบ่งตลาด  ซึ่งมีผลให้หนังสือพิมพ์แต่ละฉบับให้ความสำคัญแก่ข่าวแต่ละประเภทแตกต่างกันไปตามนโยบายการบริหาร
–          นโยบายด้านข่าว / เนื้อหา  คือ  หนังสือพิมพ์แต่ละฉบับจะเน้นประเภทของข่าวที่จะนำเสนอ  ความลึก  ลีลาการเขียน ฯลฯ  ที่แตกต่างกัน
วัฒนธรรมองค์กร  คือ  แบบปฏิบัติขององค์กรนั้นๆ  ว่าควรทำหรือไม่ควรทำอะไร  ได้แก่
–          จรรยาบรรณ  คือ  ข้อควรปฏิบัติของแต่ละองค์กร  ซึ่งอาจเป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม่ก็ได้
–          การเป็นปากเป็นเสียงให้ผู้ด้อยโอกาส  หรือรากหญ้า
–          การให้ความหมายกับข่าวบางประเภท  เช่น  ข่าวสังคม  ข่าววัฒนธรรม  ข่าวสิ่งแวดล้อม  ข่าวท้องถิ่น ฯลฯ  ว่าจะเน้นนำเสนอหรือไม่
3       ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมทางการเมือง  การปกครอง  และสังคม  ซึ่งมีผลทำให้บางเรื่องรายงานได้  แต่บางเรื่องรายงานไม่ได้  ได้แก่
–          ความมั่นคง  ผลประโยชน์ของชาติ
–          ผลประโยชน์ทางการเมืองระดับประเทศ  และนานาชาติ
ข้อ  6  จากข้อเท็จจริงต่อไปนี้
6.1            จงเขียนข่าวจากข้อเท็จจริงที่กำหนดให้
–                    ชื่อโครงการ : การสัมมนาทางวิชาการเรื่อง  “ยุทธศาสตร์การสื่อสารในการเผยแพร่แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง”
 
–                    จัดโดยโครงการศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต  สาขาวิชาการสื่อสารการพัฒนา  นักศึกษาปริญญาโทรุ่นที่  1  มหาวิทยาลัยรามคำแหง
 
–                    หลักการและเหตุผล  โครงการศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต  สาขาวิชาการสื่อสารพัฒนาการเห็นสมควรจัดโครงการดังกล่าวด้วยเล็งเห็นถึงความสำคัญของการสื่อสารในการเข้ามามีบทบาทในการสร้างความรู้  ความเข้าใจที่ถูก้องเกี่ยวกับแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง  ซึ่งเป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลกไปสู่กลุ่มเป้าหมายทั่วทุกภาคส่วน
–                    กลุ่มเป้าหมาย  นักศึกษาปริญญาโททุกโครงการใน  ม.ราม  สื่อสารมวลชน  และผู้สนใจทั่วไป
 
–                    วัตถุประสงค์
1)    เพื่อเป็นการเผยแพร่แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงสู่สาธารณชนให้เกิดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง  และเล็งเห็นถึงความสำคัญของแนวคิดต่อการดำเนินชีวิตและการพัฒนาประเทศ
2)    เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายตระหนักถึงบทบาทความสำคัญของการสื่อสารที่มีความสำคัญต่อการเผยแพร่แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง
3)    เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้เรียนรู้เทคนิควิธีการด้านการสื่อสารในมิติต่างๆ  รวมถึงรูปแบบของการบูรณาการการสื่อสารที่องค์กรด้านการสื่อสารมวลชนต่างๆ  นำมาใช้ในการเผยแพร่แนวความคิดเศรษฐกิจพอเพียงไปสู่กลุ่มเป้าหมาย
4)    เพื่อเป็นสื่อประชาสัมพันธ์ชื่อเสียงและเกียรติคุณของมหาวิทยาลัยรามคำแหงในด้านการให้บริการความรู้สู่สังคม
–                    ระยะเวลาการดำเนินงาน  สมมุติเป็นวันอังคารที่  26  ก.ย.  2549 
 
–                    ผลที่คาดว่าจะได้รับ  สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและสามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อปรับตัวพร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงต่างๆ  ได้อย่างรู้เท่าทันกัน  สื่อสารมวลชนสามารถนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปขยายผลให้ประชาชนได้ทราบอย่างถูกต้องและกว้างขวาง  เกิดการมีส่วนร่วมและเกิดเครือข่ายจากทุกภาคประชาชน
–                    กำหนดการ  8.30  น.  ลงทะเบียน  9.00  น.  พิธีเปิดสัมมนาโดยอธิการบดีรังสรรค์  แสงสุข  อธิการบดีมหาวิทยาลัยราม  1  เวลา  10.15  น.  ปาฐกถาเรื่อง  “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ”  โดยดร.  สุเมธ  ตันติเวชกุล  เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา  13.00  น.  อภิปรายเรื่อง  “ยุทธศาสตร์การสื่อสารในการเผยแพร่แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง”  โดย  ดร.สมเกียรติ  อ่อนวิมล  รองศาสตราจารย์คิม  ไชยแสนสุข  และนักวิชาการสื่อสารมวลชน  16.00  น.  ปิดการสัมมนา
 
–                    สำรองที่นั่งโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย  และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่  โทร  0-2310-8449, 0-2310-8480
แนวคำตอบ
รามคำแหงเชิญร่วมฟังสัมมนา  ตอบรับแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง
มหาวิทยาลัยรามคำแหงเชิญชวนนักศึกษาปริญญาโททุกโครงการในมหาวิทยาลัยรามคำแหง  สื่อสารมวลชน  และผู้สนใจทั่วไป  เข้าร่วมฟังการสัมมนาทางวิชาการเรื่อง  “ยุทธศาสตร์การสื่อสารในการเผยแพร่แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง”  ซึ่งจัดโดยนักศึกษาปริญญาโทรุ่นที่  1  โครงการศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต  สาขาวิชาการสื่อสารพัฒนาการ  มหาวิทยาลัยรามคำแหง  ในวันอังคารที่  26  กันยายน  2549  โดยมีวิทยากรที่มีชื่อเสียงเข้าร่วมการสัมมนามากมาย  อาทิ  ดร.สุเมธ  ตันติเวชกุล  เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา  และดร.สมเกียรติ  อ่อนวิมล
โครงการศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต  สาขาวิชาการสื่อสารพัฒนาการ  ได้จัดโครงการสัมมนาดังกล่าวขึ้นด้วยเล็งเห็นถึงความสำคัญของการสื่อสารในการเข้ามามีบทบาทสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง  ซึ่งเป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลกไปสู่กลุ่มเป้าหมายทุกภาคส่วน
วัตถุประสงค์ของการจัดงานครั้งนี้ก็เพื่อเผยแพร่แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงไปสู่สาธารณชนให้เกิดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง  และเล็งเห็นถึงความสำคัญของแนวคิดต่อการดำเนินชีวิตและการพัฒนาประเทศ  อีกทั้งเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายตระหนักถึงบทบาทความสำคัญของการสื่อสารที่มีความสำคัญต่อการเผยแพร่แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง  และให้ได้เรียนรู้เทคนิควิธีการด้านการสื่อสารในมิติต่างๆ  รวมถึงรูปแบบของการบูรณาการการสื่อสารที่องค์กรด้านการสื่อสารมวลชนต่างๆนำมาใช้เผยแพร่แนวคิดดังกล่าว  ตลอดจนเพื่อให้เป็นสื่อประชาสัมพันธ์ชื่อเสียงและเกียรติคุณของมหาวิทยาลัยรามคำแหงในด้านการบริการความรู้สู่สังคม
ทั้งนี้ทางผู้จัดหวังผลเพื่อที่จะสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและสามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อปรับตัวพร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงต่างๆ  ได้อย่างรู้เท่ากัน  รวมทั้งเพื่อให้สื่อสารมวลชนสามารถนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปขยายผลให้ประชาชนได้ทราบอย่างถูกต้องและกว้างขวาง  จนเกิดการมีส่วนร่วมและเกิดเครือข่ายจากทุกภาคประชาชน
สำหรับรายละเอียดของกำหนดการสัมมนา  มีดังนี้
 
08.30  น.              ลงทะเบียน
 
09.00  น.              พิธีเปิดสัมมนาโดยอธิการบดีรังสรรค์  แสงสุข  อธิการบดี  ม.ร.
 
10.15  น.             ปาฐกถาเรื่อง  “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ”  โดย  ดร. สุเมธ  ตันติเวชกุล                        
 
                      เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา
 
13.00  น.              อภิปรายเรื่อง  “ยุทธศาสตร์การสื่อสารในการเผยแพร่แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง”  โดย
 
                            ดร.สมเกียรติ  อ่อนวิมล     รศ.คิม  ไชยแสนสุข  และนักวิชาการสื่อสารมวลชน
 
16.00  น.             ปิดการสัมมนา
 
ผู้สนใจสามารถสำรองที่นั่งโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย  และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  โทร  0-2310-8449,  0-2310-8480 
 
6.2            หากท่านได้รับมอบหมายให้รายงานข่าวเกี่ยวกับการสัมมนาดังกล่าว  หลังการสัมมนาจบแล้ว  เพื่อนำเสนอในวันรุ่งขึ้น  ท่านจะสัมภาษณ์แหล่งข่าวใดเพิ่มเติมและสัมภาษณ์ในประเด็นใด  และเมื่อนำข่าวมาเขียน  เนื้อหาข่าวควรนำเสนอเรื่องใดบ้าง
 
แนวคำตอบ
จากข่าวการสัมมนาข้างต้นนักข่าวต้องสัมภาษณ์แหล่งข่าวเพิ่มเติมในประเด็น  ต่อไปนี้
1       สัมภาษณ์อธิการบดีรังสรรค์  แสงสุข  อธิการบดี  ม.ร.  ถึงความรู้สึกที่รามคำแหงได้มีส่วนร่วมในการจัดสัมมนาเพื่อเผยแพร่แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ  นอกจากนี้ยังอาจสัมภาษณ์เป้าหมายสำคัญในการจัดงาน  และการดำเนินงานด้านอื่นๆ  ของมหาวิทยาลัยที่เกี่ยวข้องกับการเผยแพร่แนวคิดดังกล่าวเพื่อให้คนทั่วไปเข้าใจได้ตรงกัน
2       สัมภาษณ์  รศ.คิม  ไชยแสนสุข  รองอธิการบดีฝ่ายบริหารในฐานะประธานกรรมการการโครงการศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต  สาขาวิชาการสื่อสารพัฒนาการ  ถึงเทคนิควิธีการสื่อสารในมิติต่างๆ  ของรามคำแหงที่จะนำมาใช้เผยแพร่แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง
3       สัมภาษณ์  ดร.สุเมธ  ตันติเวชกุล  เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา  ถึงความสำคัญของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่จะนำไปใช้ในการดำเนินชีวิตและพัฒนาประเทศ  นอกจากนี้ยังอาจสัมภาษณ์ความรู้สึกที่มีต่อรามคำแหงในฐานะที่มีส่วนร่วมในการเผยแพร่แนวคิดดังกล่าวไปสู่คนทั่วไปให้เกิดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง
4       สัมภาษณ์  ดร.สมเกียรติ  อ่อนวิมล  และนักวิชาการสื่อสารมวลชนอื่นๆ  ที่เข้าร่วมอภิปราย  ถึงบทบาทของสื่อสารมวลชนในการเผยแพร่แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงในปัจจุบัน  และการดำเนินการอื่นๆของแวดวงสื่อสารมวลชนในการนำปรัชญาดังกล่าวไปขยายผลให้ประชาชนได้ทราบอย่างถูกต้องและกว้างขวาง
5       สัมภาษณ์ผู้มีชื่อเสียงที่เข้าร่วมฟังสัมมนาในครั้งนี้ถึงประโยชน์ที่ได้รับ
เนื้อหาของข่าวข้างต้นควรนำเสนอในเรื่อง  ต่อไปนี้
ส่วนความนำ  จะเป็นส่วนที่สรุปย่อประเด็นสำคัญๆ  ของการสัมมนาเอาไว้ว่าใครกล่าวสัมมนาและอภิปราย  มีใจความโดยสรุปว่าอะไรบ้าง  รวมทั้งอาจมีการอ้างคำพูดเด่นๆ  บางประโยคของผู้สัมมนาและอภิปรายมาประกอบในความนำ  เพื่อเน้นให้การสัมมนาและอภิปรายนั้นมีน้ำหนักมากขึ้น  และอาจมีการระบุโอกาสที่มีการสัมมนาเข้าไปด้วยก็ได้  หากโอกาสดังกล่าวมีความสำคัญ
ส่วนเนื้อข่าว  ส่วนแรกจะต้องรายงานให้ผู้อ่านทราบถึงรายละเอียดของการสัมมนานั้น  โดยควรกล่าวถึงรายละเอียดสำคัญ  เช่น  วัน  เวลา  สถานที่  จำนวนผู้ฟังโดยประมาณ  และผู้มีชื่อเสียงที่เข้าร่วมฟังการสัมมนาครั้งนี้เสียก่อน  ส่วนย่อหน้าต่อมาของเนื้อข่าวจะกล่าวถึงรายละเอียดของการสัมมนาที่มีความสำคัญลดหลั่นกันตามลำดับ  โดยควรนำเสนอในลักษณะของการแยกแยะประเด็นต่างๆ  ที่ผู้สัมมนาและอภิปรายกล่าว  รวมทั้งมีการหยิบยกข้อความเด่นๆ  ขึ้นมาเสนอในรูปของการเขียนอ้างคำพูดโดยตรง  เพื่อให้มีชีวิตชีวา  น่าอ่าน  ทำให้ผู้อ่านมีความรู้สึกเสมือนได้ร่วมฟังการสัมมนาด้วยตนเองยิ่งขึ้น  โดยพยายามมองหาประเด็นใหม่ๆ  ที่ผู้อ่านยังไม่เคยทราบมาก่อนเพื่อนำมารายงาน
อย่างไรก็ตาม  ถ้าต้องการให้ข่าวที่รายงานแตกต่างจากข่าวของหนังสือพิมพ์ฉบับอื่นๆหรือสื่ออื่นๆ  ผู้สื่อข่าวอาจนำคำสัมภาษณ์ของผู้สัมมนาและอภิปรายจากการสัมภาษณ์เป็นการส่วนตัวก่อนหรือหลังการสัมมนามารายงาน  ซึ่งก็จะทำให้ได้ข้อมูลรายละเอียดที่น่าสนใจมากขึ้น

MCS 2201 การเขียนข่าว การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา2549

การสอบไล่ภาค  2  ปีการศึกษา  2549

ข้อสอบกระบวนวิชา  MCS 2201 การเขียนข่าว

คำแนะนำ  ข้อสอบมีทั้งหมด  6  ข้อ  ให้นักศึกษาทำทุกข้อ

ข้อ  1  จงตอบคำถามต่อไปนี้

1.1            คำว่า  ข่าวการเมือง  ครอบคลุมเนื้อหาด้านใดบ้าง  มีแหล่งข่าวสำคัญอะไรบ้าง

แนวคำตอบ

ข่าวการเมือง  หมายถึง  การรายงานข่าวที่เกี่ยวกับผลประโยชน์ของรัฐและประชาชน  กิจกรรมความเคลื่อนไหวในการปฏิบัติงานทางการเมืองการปกครองของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ของรัฐบาล  รวมทั้งรายงานกิจกรรมความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองต่างๆ  ซึ่งรับอาสาเข้ามารักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติให้ประชาชนเจ้าของประเทศได้รับทราบ  โดยจะมีเนื้อหาครอบคลุมเรื่องต่างๆ  

1)    การจัดการเลือกตั้ง  การรณรงค์หาเสียง  นโยบายของพรรค

2)    การจัดตั้งรัฐบาล

3)    การกำหนดนโยบาย  การแถลง  การปฏิบัติงานตามนโยบาย

4)    กระบวนการออกกฎหมายของรัฐสภา  การดำเนินงานของรัฐสภา  กรรมาธิการ

5)    การตรวจสอบการทำงานของฝ่ายการเมือง  ข้าราชการประจำ  องค์กรอิสระต่างๆ  การเปิดอภิปราย

6)    บทบาทของพรรคฝ่ายค้าน  วุฒิสภา

7)    ความคิดเห็นของ  ส.ส.  ต่อประเด็นปัญหาต่างๆ  ในรัฐสภา

8)    ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

9)    การทำงานของศาลรัฐธรรมนูญ  กกต.  ป.ป.ช.  ป.ป.ง.  ค.ต.ง.

แหล่งข่าวการเมืองที่สำคัญ  

1)    รัฐสภา

2)    ทำเนียบรัฐบาล

3)    พรรคการเมือง

4)    กระทรวงต่างๆ

5)    องค์กรอิสระ

6)    องค์กรมหาชน

7)    องค์กรพัฒนาเอกชน

8)    แหล่งข่าวท้องถิ่น

1.2              ในการรายงานข่าวฆ่าชิงทรัพย์ข้าราชการคนหนึ่ง  ควรเสนอประเด็นเนื้อหาอะไรบ้าง  และมีแหล่งข่าวอะไรบ้าง  ให้ยกตัวอย่างแหล่งข่าวและประเด็นที่ควรนำเสนอในข่าวดังกล่าวประกอบ

แนวคำตอบ

จากข่าวข้างต้นต้องอาศัยแหล่งข่าว  (Source)  ประเภทต่างๆ  ดังนี้

1       แหล่งข่าวประจำ  คือ  บุคคลหรือสถานที่ซึ่งหนังสือพิมพ์ส่งผู้สื่อข่าวไปประจำตามแหล่งนั้นๆ  โดยตัวอย่างแหล่งข่าวประจำของข่าวข้างต้น  ได้แก่  เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำสถานีตำรวจในท้องที่ที่เกิดเหตุ  โรงพยาบาล  เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิการกุศลที่ปฏิบัติงานร่วมกับตำรวจ  เป็นต้น

2       แหล่งข่าวพิเศษ  คือ  แหล่งข่าวที่อาจอยู่  ณ  สถานที่เกิดเหตุ  หรือผู้ที่เกี่ยวข้อง  ผู้เห็นเหตุการณ์  โดยตัวอย่างแหล่งข่าวพิเศษของข่าวข้างต้น  ได้แก่  พยานผู้รู้เห็นเหตุการณ์  ญาติมิตรของผู้เสียชีวิต  ผู้บังคับบัญชาและเพื่อนข้าราชการในหน่วยงานของผู้เสียชีวิต  ผู้ต้องหา  (ในกรณีที่จับตัวมาดำเนินคดีได้แล้ว)  ผู้ร่วมอยู่ในเหตุการณ์  เป็นต้น

3       แหล่งข่าวจากสิ่งตีพิมพ์  คือ  เอกสารตีพิมพ์ซึ่งเป็นแหล่งข่าวสำคัญ  โดยตัวอย่างแหล่งข่าวจากสิ่งตีพิมพ์ของข่าวข้างต้น  ได้แก่  บันทึกประจำวันของตำรวจ  เอกสารบันทึกส่วนบุคคลเพื่อนำมาใช้เป็นภูมิหลังประกอบข่าว  เอกสารจากแฟ้มข่าว  เป็นต้น

จากข่าวข้างต้นมีประเด็นเนื้อหาที่ควรนำเสนอ  ดังนี้

1       ผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต  ได้แก่  ชื่อและคุณลักษณะ  วิธีการที่ถูกทำร้ายและลักษณะบาดแผลที่ทำให้บาดเจ็บและเสียชีวิต  การเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต  เป็นต้น

2       ความเสียหาย  ได้แก่  มูลค่าของทรัพย์สินที่ถูกขโมย  ลักษณะของทรัพย์สินนั้นๆ  ทรัพย์สินที่พลอยเสียหายไปด้วย  เป็นต้น

3       รายละเอียดของเหตุการณ์  ได้แก่  เหตุการณ์ตามลำดับเวลาที่เกิดขึ้น  ลักษณะรายละเอียดของบุคคลที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์  สาเหตุของเหตุการณ์  เป็นต้น

4       การปฏิบัติการทางกฎหมาย  ได้แก่  การสืบสวนสอบสวนคดี  ข้อสันนิษฐาน  หลักฐานที่พบ  เบาะแส  วัตถุพยาน  ร่องรอย  การตั้งข้อหา  การจับกุม  เป็นต้น

5       การวางแผนติดตามของเจ้าหน้าที่

6       ปัญหาในการจับกุมหรือการทำงานของเจ้าหน้าที่

7       การป้องกันหรือลดคดีอาชญากรรม

8       ความคิดเห็นของบุคคลหลายฝ่าย  เช่น  ตำรวจ  ญาติพี่น้อง  ผู้ร่วมงานของผู้ตาย  เป็นต้น

ข้อ  2   สื่อมวลชนแต่ละแขนงให้น้ำหนักความสำคัญแก่ข่าวแต่ละข่าวแตกต่างกัน  เช่น  หนังสือพิมพ์บางฉบับให้ความสำคัญกับเรื่องส่วนตัวของคนดัง  เช่น  เรื่องภายในครอบครัวของดารา  เป็นต้น  โดยพาดหัวข่าวตัวโตในหน้าหนึ่งและรายงานเรื่องราวโดยละเอียด  แต่บางฉบับเสนอเรื่องดังกล่าวเพียงสั้นๆ  ปรากฏการณ์เช่นนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยใดบ้าง  จงอธิบาย

แนวคำตอบ

หนังสือพิมพ์แต่ละฉบับจะให้ความสำคัญแก่ข่าวแต่ละประเภทแตกต่างกัน  ซึ่งปรากฏการณ์เช่นนี้จะขึ้นอยู่กับ  ปัจจัยที่มีผลต่อการประเมินคุณค่าข่าว  ดังนี้

1       ปัจจัยด้านบุคคล  (ผู้สื่อข่าว  หัวหน้าข่าว  บรรณาธิการที่เกี่ยวข้อง)  

–          เชื้อชาติ  ศาสนา  คือ  อคติเกี่ยวกับเรื่องเชื้อชาติและศาสนา  เพราะบุคคลที่มีเชื้อชาติและศาสนาที่ต่างกัน  ก็ย่อมเกิดความลำเอียงในการเลือกแง่มุมของข่าวที่จะนำมาเสนอ

–          ค่านิยม  สำนึก  และมุมมอง  ซึ่งแต่ละคนจะมีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับพื้นฐานทางการศึกษา

–          ความเป็นวิชาชีพ  คือ  หนังสือพิมพ์จะต้องมีอุดมการณ์และวิญญาณแห่งวิชาชีพโดยต้องรู้ว่าอะไรเหมาะหรือไม่เหมาะ  ควรหรือไม่ควรลงข่าว

–          การรับรู้และความสนใจของผู้รับสาร  คือ  การประเมินเรื่องที่คิดว่าผู้อ่านน่าจะให้ความสนใจมากที่สุด

2       ปัจจัยด้านองค์กร  แบ่งออกเป็น

นโยบายของสื่อ  ได้แก่

–          ความเป็นเจ้าของสื่อ  คือ  หนังสือพิมพ์มีใครเป็นเจ้าของสื่อ  หรือมีใครเป็นผู้โฆษณารายใหญ่  หนังสือพิมพ์นั้นก็อาจเน้นเสนอข่าวที่เอื้อประโยชน์ต่อเจ้าของสื่อ  หรือผู้โฆษณารายนั้นๆ

–          นโยบายการบริหาร  คือ  หนังสือพิมพ์มีนโยบายเน้นทำกำไร  เอาตัวรอดหรือเน้นชิงส่วนแบ่งตลาด  ซึ่งมีผลให้หนังสือพิมพ์แต่ละฉบับให้ความสำคัญแก่ข่าวแต่ละประเภทแตกต่างกันไปตามนโยบายการบริหาร

–          นโยบายด้านข่าว / เนื้อหา  คือ  หนังสือพิมพ์แต่ละฉบับจะเน้นประเภทของข่าวที่จะนำเสนอ  ความลึก  ลีลาการเขียน ฯลฯ  ที่แตกต่างกัน

            วัฒนธรรมองค์กร  คือ  แบบปฏิบัติขององค์กรนั้นๆ  ว่าควรทำหรือไม่ควรทำอะไร  ได้แก่

–          จรรยาบรรณ  คือ  ข้อควรปฏิบัติของแต่ละองค์กร  ซึ่งอาจเป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม่ก็ได้

–          การเป็นปากเป็นเสียงให้ผู้ด้อยโอกาส  หรือรากหญ้า

–          การให้ความหมายกับข่าวบางประเภท  เช่น  ข่าวสังคม  ข่าววัฒนธรรม  ข่าวสิ่งแวดล้อม  ข่าวท้องถิ่น ฯลฯ  ว่าจะเน้นนำเสนอหรือไม่

3       ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมทางการเมือง  การปกครอง  และสังคม  ซึ่งมีผลทำให้บางเรื่องรายงานได้  แต่บางเรื่องรายงานไม่ได้  ได้แก่

–          ความมั่นคง  ผลประโยชน์ของชาติ

–          ผลประโยชน์ทางการเมืองระดับประเทศ  และนานาชาติ

ข้อ  3  กรณีตำรวจเตรียมพร้อมรับมือการก่อการร้ายในเขตกรุงเทพฯ  ได้รับการรายงานเป็นข่าวอย่างต่อเนื่องในสื่อมวลชนทุกแขนง เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่มีคุณค่าเชิงข่าวด้านใดบ้าง

แนวคำตอบ

เหตุการณ์ข้างต้นได้รับการรายงานเป็นข่าวอย่างต่อเนื่อง  เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่มีคุณค่าเชิงข่าว  (News  Values)  

1        ความมีชื่อเสียง  (Prominence)  คือ  เหตุการณ์ข้างต้นเกี่ยวข้องกับบุคคลที่มีชื่อเสียง  เช่น  นายกรัฐมนตรี  รมว.กลาโหม รมว.มหาดไทย  ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล  ฯลฯ  รวมทั้งสถานที่ที่มีชื่อเสียงในกรุงเทพฯ  ซึ่งต้องรักษาความปลอดภัย  เช่น  สถานทูต  ห้างสรรพสินค้าชื่อดัง  สนามบิน  หน่วยราชการต่างๆเป็นต้น

2        ความใกล้ชิด  (Proximity)  คือ  เหตุการณ์ข้างต้นเป็นเหตุการณ์ใกล้ตัวที่เกี่ยวข้องกับผู้คนที่อาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพฯ  รวมถึงจังหวัดต่างๆ  ซึ่งส่งผลให้ทุกคนต้องมีความตื่นตัวไม่ประมาท  จึงได้รับความสนใจจากผู้อ่านเป็นอย่างมาก

3        ความทันต่อเวลา  (Timeliness)  คือ  เหตุการณ์ข้างต้นเป็นเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ  ทำให้ได้รับความสนใจ  เพราะตามธรรมชาติของมนุษย์นั้นต้องการที่จะได้รับรู้สิ่งใหม่ๆ  อยู่เสมอ

4        ปุถุชนสนใจ  (Human  Interest)  คือ  เหตุการณ์ข้างต้นก่อให้ผู้อ่านเกิดอารมณ์หวาดกลัวสงสัยใคร่รู้  เกลียดและโกรธคนร้าย ฯลฯ  จึงทำให้มีคุณค่าข่าวสูงและเร้าให้ผู้อ่านเกิดความสนใจ

5        ความขัดแย้ง  (Conflict)  คือ  เหตุการณ์ข้างต้นสะท้อนถึงความสัมพันธ์พื้นฐานระหว่างมนุษย์ต่อมนุษย์ในลักษณะของความขัดแย้งทั้งทางกายและทางความคิด  ซึ่งเป็นความขัดแย้งระดับชาติหรือระดับประเทศ

6        ผลกระทบ  (Consequence)  คือ  เหตุการณ์ข้างต้นมีผลกระทบต่อชีวิตความเป้นอยู่ของผู้คนจำนวนมากทั้งทางตรงและทางอ้อม  ซึ่งมีผลให้วิถีชีวิตของผู้คนเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เลวลง  เช่น  ประชาชนไม่สามารถออกไปจับจ่ายใช้สอยได้อย่างมีความสุข เพราะต้องมีชีวิตอยู่อย่างหวาดระแวง  นอกจากนี้ยังมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศ  ดังนั้นประชาชนจึงควรรับรู้เรื่องเหล่านี้เพื่อเตรียมตัวรับสถานการณ์ดังกล่าว

7        ความมีเงื่อนงำ  (Suspense)  คือ  เหตุการณ์ข้างต้นยังไม่สามารถคลี่คลายหรือตีแผ่หาสาเหตุได้  และยังไม่ทราบผลแน่ชัด เช่น  ตำรวจยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายและผู้อยู่เบื้องหลังได้  รวมทั้งไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นฝีมือของใคร

ข้อ  4  จงอธิบายหลักการเขียนข่าวจากการให้สัมภาษณ์ของบุคคล   การเขียนข่าวการประชุมหรือสัมมนาว่าต้องมีประเด็นอะไรบ้าง

แนวคำตอบ

หลักการเขียนข่าวจากการให้สัมภาษณ์ของบุคคล  มีดังนี้

ผู้สื่อข่าวจะต้องเขียนข่าวในลักษณะที่ต้องปรับคำพูดของแหล่งข่าวให้เป็นภาษาเขียน  และต้องทอนคำพูดของแหล่งข่าวที่มีความยาวมากๆ  ให้เหลือเพียงแค่พอที่จะบรรจุลงในเนื้อข่าวที่ได้รับ  โดยข่าวที่เขียนจะต้องคงทั้งความเที่ยงตรงและอารมณ์ดังเช่นที่แหล่งข่าวได้กล่าวและแสดงออกมา  ซึ่งอาจใช้วิธีการเขียนแบบการยกอ้างคำพูดโดยตรง  และการยกอ้างคำพูดโดยอ้อมสลับกันไปในข่าว  โดยประเด็นที่ควรนำเสนอ  ได้แก่

ความนำ  ใครเป็นคนให้สัมภาษณ์  ใจความสำคัญโดยสรุป  โดยอาจมีการอ้างคำพูดที่เด่นๆ  และโอกาสที่ให้สัมภาษณ์

เนื้อข่าว  วัน  เวลา  และสถานที่ที่ให้สัมภาษณ์  สรุปรายละเอียดที่สำคัญลดหลั่นกันลงไป  และอาจอ้างคำพูดโดยตรงของผู้ให้สัมภาษณ์สลับ  เพื่อเพิ่มน้ำหนัก  ความน่าเชื่อถือ  และทำให้ข่าวน่าอ่านขึ้น

การเขียนข่าวในการประชุมหรือสัมมนาควรนำเสนอในประเด็น  ต่อไปนี้

ความนำ  จะเป็นส่วนที่เน้นบุคคลในข่าว  และสรุปย่อคำพูดของผู้พูด  หรือสรุปย่อประเด็นสำคัญของการประชุมหรือสัมมนาเอาไว้ว่าใครกล่าว  มีใจความโดยสรุปว่าอะไร  อาจมีการอ้างคำพูดเด่น  ของบุคคลที่น่าสนใจมาประกอบในความนำ  และอาจระบุโอกาสที่ประชุมหรือสัมมนาเข้าไปด้วยก็ได้  หากโอกาสนั้นมีความสำคัญ

เนื้อข่าว  ส่วนแรกจะต้องกล่าวถึงชื่อเรื่องการประชุมหรือสัมมนา  โอกาสในการพูด  วัน  เวลา  สถานที่  จำนวนผู้ฟังโดยประมาณ  และผู้มีชื่อเสียงที่เข้าร่วมฟัง  จากนั้นนำเสนอรายละเอียดของการประชุมหรือสัมมนา  โดยแยกแยะประเด็นต่างๆ  ที่ผู้ประชุมหรือสัมมนากล่าว  และหยิบยกข้อความเด่นๆมาเขียนแบบอ้างคำพูดโดยตรง  อาจมีการนำเสนอประเดนการซักถามเพิ่มเติมที่น่าสนใจ  และบรรยากาศภายในงานในย่อหน้าสุดท้าย

ข้อ  5  ในการเขียนข่าว  คำว่า  คุณลักษณะ  มีความสำคัญอย่างไร  และคุณลักษณะใดบ้างที่จำเป็นหรือขาดไม่ได้ในการเขียนข่าว  อธิบาย

แนวคำตอบ

ในการเขียนข่าวต้องมีการระบุ  คุณลักษณะ  (Identification)  ของแหล่งข่าว  คือ  ลักษณะรูปพรรณสัณฐาน  และคุณสมบัติต่างๆ  ของแหล่งข่าวทั้งที่เป็นบุคคล  สถานที่  หรือเหตุการณ์  ทั้งนี้เพราะมีความสำคัญ  คือ  ทำให้ผู้อ่านได้ทราบว่าบุคคล  สถานที่  และเหตุการณ์ในข่าวเหล่านั้นเป็นอะไร  มีความสำคัญความพิเศษ  หรือผิดปกติอย่างไร  นอกจากนั้นยังช่วยให้ข่าวนั้นมีสีสัน  เพิ่มความน่าอ่าน  ความน่าเชื่อถือของข้อมูลข่าวและความใกล้ชิดกับผู้อ่านได้มากยิ่งขึ้น

คุณลักษณะของแหล่งข่าวที่จำเป็นในการเขียนข่าว  

1       คุณลักษณะด้านบุคคล 

1)    ชื่อ  นามสกุล  และอายุ  เช่น  น้องตุ้ม  ปริญญา  เกียรติบุษบา  นักมวยไทยวัย  18  ปี  เป็นต้น

2)    อาชีพ  เช่น  ราเชนทร์  เรืองเนตร  นักแต่งเพลงได้เสียชีวิตลงแล้ว  เป็นต้น

3)    ยศหรือตำแหน่ง  เช่น  พล.อ. เปรม  ติณสูลานนท์  องคมนตรี  เป็นต้น

4)    เกียรติภูมิหรือชื่อเสียง  เช่น  ภรณ์ทิพย์  นาคหิรัญกนก  นางงามจักรวาล  เป็นต้น

5)    บุคคลที่เคยปรากฏเป็นข่าวแล้ว  เช่น  กรณีมีผู้ถูกยิงเสียชีวิต  และผู้ตามนี้เคยตกเป็นข่าวว่าจ้างวานฆ่าบุคคลอื่นก็ต้องอธิบายถึงภูมิหลัง  หรือความเดิมของเรื่องในอดีตนั้นด้วย

6)    ที่อยู่  เช่น  บ้านเลขที่  ถนน  ตำบล  อำเภอ  จังหวัด  ซึ่งเป็นที่อยู่ของบุคคลในข่าว

7)    ชื่อเล่น  เบิร์ด” ธงไชย  แมคอินไตย  เป็นต้น

8)    ฉายาหรือการตั้งชื่อใหม่  เช่น  พ.ต.ท.ดร. ทักษิณ  ชินวัตร  มีฉายาว่า  แม้ว  เป็นต้น

9)    ญาติมิตร  เช่น  ข่าวบุตรชายหรือภรรยาของนายกรัฐมนตรีป่วย  เป็นต้น

10)งานอดิเรก  เช่น  ข่าวบุคคลที่ไม่มีชื่อเสียง  แต่อาจมีงานอดิเรกที่ทำให้ผู้อ่านทึ่งได้  เป็นต้น

2       คุณลักษณะด้านสถานที่

สถานที่มักจะได้รับการระบุคุณลักษณะโดยการดึงให้ไปสัมพันธ์  หรืออ้างอิงกับสถานที่อื่นๆที่มีชื่อเสียง  เพื่อให้ผู้อ่านสามารถมองเห็นภาพกว้างๆ  ว่าสถานที่ที่เป็นข่าวนั้นอยู่ที่ใด  และอยู่ห่างจากผู้อ่านเพียงไร  เช่น  เมื่อวันที่  1  มิถุนายน  ผู้สื่อข่าวมติชนเดินทางไปตรวจสอบและสำรวจบริเวณสถานสงเคราะห์หญิงธัญบุรี  สังกัดกรมประชาสงเคราะห์  กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม  ซึ่งตั้งอยู่ที่คลอง  5  อ.ธัญบุรี  จ.ปทุมธานี  ซึ่งมี  น.ส.บุญส่ง  แสวงผล  เป็นผู้ปกครองสถานสงเคราะห์ดังกล่าวติดกับวิทยาลัยการปกครอง  สังกัดกระทรวงมหาดไทย

3       คุณลักษณะด้านเหตุการณ์

เหตุการณ์นอกจากจะได้รับการระบุว่าเป็นเหตุการณ์อะไร  มีความเคลื่อนไหวอย่างไรแล้วหากเป็นเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้นมักจะมีการระบุถึงวัตถุประสงค์  ความเป็นมา  และเบื้องหลังของเหตุการณ์นั้นๆ  รวมทั้งอาจจะอ้างว่าเหตุการณ์นั้นมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้  ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นภูมิหลัง  หรือความเดิมของข่าว  เช่น  สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ  (สวช.)  จัดสัมมนาสื่อมวลชนทุกแขนงแต่ละภูมิภาค  เพื่อสร้างเป็นเครือข่ายช่วยเผยแพร่และประชาสัมพันธ์งานวัฒนธรรมปีรณรงค์วัฒนธรรมไทย  โดยเริ่มสัมมนาสื่อมวลชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ข้อ  6  จงเขียนข่าวจากข้อเท็จจริงต่อไปนี้  (เขียนเฉพาะความนำและเนื้อเรื่อง)

–                    โครงการ  ทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมเฉลิมพระเกียรติในมงคลวาระเฉลิมพระชนม์พรรษา  80  พรรษา  ปี  2550  นิทรรศการและการอภิปรายทางวิชาการ  เรื่อง  ช้างในวัฒนธรรมไทย  วันที่  19  –  23  เมษายน  2550  ณ  คณะมนุษยศาสตร์  มหาวิทยาลัยรามคำแหง

–  เนื่องในศุภวาระ  80  พรรษา  แห่งการพระราชสมภพในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช  พุทธศักราช  2550  คณะมนุษยศาสตร์จึงจัดให้มีโครงการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมไทยโดยการจัดนิทรรศการ  และบรรยายพิเศษเรื่องช้างในวัฒนธรรมไทย  ด้วยตระหนักในความสำคัญของช้างกับสถาบันพระมหากษัตริย์  และวัฒนธรรมไทยตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน  ทั้งนี้เพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับช้างไทยในประเด็นต่างๆ  เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับช้างในทางวิชาการให้มากยิ่งขึ้น  ในการนี้ได้มีการเปิดเวทีวิชาการสำหรับแลกเปลี่ยนความคิดและความรู้เกี่ยวกับช้างในวัฒนธรรมไทยอีกด้วย   คณบดีคณะมนุษยศาสตร์  รศ.ณภาจรี  นาควัชระ  กล่าว

– วัตถุประสงค์ 

  1. เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองเนื่องในศุภวาระ  80  พรรษาแห่งการพระราชสมภพในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
  2. เพื่อให้ความรู้ทางวิชาการเกี่ยวกับความสำคัญของช้างในวัฒนธรรมไทย

–  ผู้ดำเนินงาน  คณะมนุษยศาสตร์  มหาวิทยาลัยรามคำแหง

–  กำหนดการ

 วันที่  19  เมษายน  เวลา  07.00  08.00  น.  จัดพิธีบวงสรวงพระพิฆเณศวร  เทพแห่งศิลปวิทยาการ  ณ  บริเวณหน้าอาคาร  1  คณะมนุษยศาสตร์  08.00  08.30  น.  การแสดง  พระฆเณศเสียงา

วันที่  20  เมษายน  เวลา  09.30  12.00 น.  อภิปรายเรื่อง  พระพิฆเณศวร  :  คติ  ความเชื่อ  และอิทธิพลในวัฒนธรรมไทย  โดย  อ.ดร.  จิรัสสา  คชาชีวะ  รองคณบดีฝ่ายวิชาการ  คณะโบราณคดี  มหาวิทยาลัยศิลปากร  13.00  15.00  น.  อภิปรายเรื่อง  ช้างเผือกคู่พระบารมีรัชกาลที่  9  โดย  ม.ร.ว.  ชนัญวัตร  เทวกุล  และ  ม.ล.  พิพัฒนฉัตร  ดิศกุล  15.00  16.00  น.  อภิปรายเรื่อง  การฝึกช้างในศูนย์ฝึกช้าง  จ.ลำปาง  โดยหัวหน้าฝ่ายวิทยาลัยการศึกษาพัฒนาช้างไทยและควาญช้าง

วันที่  21  เมษายน  2550  เวลา  09.30  12.00 น.  อภิปรายเรื่อง  การฝึกช้างตามยุทธวิธีแบบโบราณ  โดยคุณคึกฤทธิ์  ขาวละมัย  ผู้แทนมูลนิธิพระคชบาล

ขอเชิญชวนชาวรามคำแหงเข้าร่วมพิธีบวงสรวงพระพิฆเณศวร  เทพแห่งศิลปวิทยาการและการขจัดอุปสรรค  เพื่อความเป็นสิริมงคล  การบวงสรวงในครั้งนี้ดำเนินการโดย  พราหมณ์ศีษณพันธ์  รังสิพราหมณ์กุล  หัวหน้าคณะพราหมณ์ผู้ประกอบพิธีแห่งเทวสถานโบสถ์พราหมณ์  ส่วนเครื่องสักการะนั้น  คณะกรรมการจัดงานจะจัดเตรียมธูปและดอกไม้ไว้ให้บริการผู้เข้าร่วมพิธี  แต่หากต้องการเตรียมเครื่องสักการะมาเอง  ควรเป็นธูปเจ็ดดอกและดอกดาวเรือง  และหากมีรูปพระพิฆเณศวร  สามารถอัญเชิญเข้าร่วมพิธีดังกล่าวได้  รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา  อาจารย์เดมีย์  ระเบียบโลก  กล่าว

แนวคำตอบ

ความนำ

คณะมนุษยศาสตร์  มหาวิทยาลัยรามคำแหง  จัดโครงการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมเฉลิมพระเกียรติในมงคลวาระเฉลิมพระชนม์พรรษา  80  พรรษา  ปี  2550  โดยการจัดนิทรรศการและอภิปรายทางวิชาการเรื่องช้างในวัฒนธรรมไทย  ณ  คณะมนุษยศาสตร์   มหาวิทยาลัยรามคำแหง  ระหว่างวันที่  19  23  เมษายน  2550

เนื้อเรื่อง

วัตถุประสงค์ในการจัดงานครั้งนี้ก็เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองเนื่องในศุภวาระ  80  พรรษา  แห่งการพระราชสมภพในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช  และเพื่อให้ความรู้ทางวิชาการเกี่ยวกับความสำคัญของช้างในวัฒนธรรมไทย 

ร.ศ. ณภาจรี  นาควัชระ  คณบดีคณะมนุษยศาสตร์  กล่าวว่า  เนื่องในศุภวาระ  80  พรรษา  แห่งการพระราชสมภพในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช  พุทธศักราช  2550  คณะมนุษยศาสตร์จึงจัดให้มีโครงการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมไทย  โดยการจัดนิทรรศการและบรรยายพิเศษเรื่อง  ช้างในวัฒนธรรมไทย  ด้วยตระหนักในความสำคัญของช้างกับสถาบันพระมหากษัตริย์และวัฒนธรรมไทยตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน  ทั้งนี้เพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับช้างไทยในประเด็นต่างๆ  เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับช้างในทางวิชาการให้มากยิ่งขึ้น  ในการนี้  ได้มีการเปิดเวทีวิชาการสำหรับแลกเปลี่ยนความคิดและความรู้เกี่ยวกับช้างในวัฒนธรรมไทยอีกด้วย

โอกาสนี้  อาจารย์เดมีย์  ระเบียบโลก  รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา  กล่าวเชิญชวนชาวรามคำแหง  ให้เข้าร่วมพิธีบวงสรวงพระพิฆเณศวร  เทพแห่งศิลปวิทยาการและการขจัดอุปสรรค    เพื่อความเป็นสิริมงคล  โดยมีพราหมณ์ศีษณพันธ์  รังสิพราหมณ์กุล  หัวหน้าคณะพราหมณ์ผู้กอบพิธีแห่งเทวสถานโบสถ์พราหมณ์เป็นผู้ดำเนินการ  ทั้งนี้คณะกรรมการการจัดงานจะจัดเตรียมธูปและดอกไม้ไว้ให้บริการแก่ผู้ข้าร่วมพิธี  แต่หากผู้เข้าร่วมพิธีต้องการเตรียมเครื่องสักการะมาเองก็ควรเป็นธูปเจ็ดดอกและดอกดาวเรือง  และหากมีรูปพระพิฆเณศวรก็สามารถอัญเชิญเข้าร่วมพิธีดังกล่าวได้

สำหรับกำหนดการจัดงานที่น่าสนใจมีดังนี้  วันที่  19  เมษายน  เวลา  07.00  08.00 น.  จัดพิธี บวงสรวงพระพิฆเณศวร  ณ  บริเวณหน้าอาคาร  1  คณะมนุษยศาสตร์ วันที่  20  เมษายน  เวลา  13.00  15.00 น.  อภิปรายเรื่อง  ช้างเผือกคู่พระบารมีรัชกาลที่  9  โดย  ม.ร.ว. ชนัญวัตร  เทวกุล  และ  ม.ล. พิพัฒนฉัตร  ดิศกุล  วันที่  21  เมษายน  เวลา  9.30  12.00  น.  อภิปรายเรื่อง  การฝึกช้างตามยุทธวิธีแบบโบราณ   โดยนายคึกฤทธิ์  ขาวละมัย  ผู้แทนมูลนิธิพระคชบาล.

 

MCS 2201 การเขียนข่าว การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2549

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน  ปีการศึกษา  2549

ข้อสอบกระบวนวิชา  MCS 2201 การเขียนข่าว

คำแนะนำ  ข้อสอบมีทั้งหมด  8  ข้อ  ให้นักศึกษาทำทุกข้อ

ข้อ  1  ความนำและส่วนเชื่อมมีลักษณะอย่างไร  และสำคัญอย่างไรต่อการรายงานข่าว  จงอธิบาย

แนวคำตอบ

ความนำ  (Lead)

ความนำ  คือ  ย่อหน้าแรกของข่าว  ซึ่งจัดเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของข่าว  และเป็นส่วนที่เขียนยากที่สุดด้วย  ซึ่งอาจมีความยาวเพียง  1  ย่อหน้าสั้นๆ  เท่านั้น  โดยการเขียนความนำควรเน้นที่ตัวข่าว  หรือเน้นรายละเอียดที่สำคัญและน่าสนใจ  จากนั้นผู้สื่อข่าวต้องสรุปข้อเท็จจริงว่าเกิดอะไรขึ้น  โดยพิจารณาเฉพาะประเด็นสำคัญที่คาดว่าผู้อ่านอยากรู้มากที่สุดตามเหตุการณ์แต่ละเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่านั้น  และควรเขียนเป็นประโยคที่สั้น  ชัดเจน  เข้าใจง่าย

ความสำคัญของความนำ  

1       ช่วยสรุปสาระสำคัญของข่าวเพื่อให้ผู้อ่านที่อาจจะเพียงมองผ่านๆ  ก็สามารถตัดสินได้ตั้งแต่แรกว่าจะอ่านข่าวนั้นต่อไปหรือไม่

2       ช่วยให้ผู้อ่านไม่ต้องเสียเวลามาก  เพราะแม้ว่าจะอ่านเฉพาะแต่ความนำ  ผู้อ่านก็จะทราบเรื่องทั้งหมดโดยย่อ

ลักษณะของความนำที่ดี

1       ต้องกระชับ  เพื่อช่วยให้ผู้อ่านอ่านและทำความเข้าใจได้ง่าย

2       มีความชัดเจนเฉพาะเจาะจงจนทำให้ผู้อ่านนึกถึงภาพเหตุการณ์  หรือจินตนาการถึงสภาพที่เกิดขึ้นได้

3       ให้คำที่มีความหมายหนักแน่นเพื่อเร้าความสนใจของผู้อ่าน  และอาจสร้างความน่าตื่นเต้นมีสีสันหรือภาพพจน์

4       เน้นถึงระดับความสำคัญของข่าวนั้น  เช่น  ระบุถึงจำนวนเงิน  อาคาร  วัตถุอื่นๆ  หรือความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นชีวิต  การบาดเจ็บ  หรือมูลค่าของความสูญเสียครั้งนั้น

5       ควรเน้นเรื่องไม่ปกติ  สิ่งที่คาดไม่ถึง  หรือสิ่งที่ไม่คาดฝัน  ซึ่งมีความสำคัญหรือมีแนวโน้มว่าจะมีความสำคัญต่อไปในอนาคต  และเป็นเรื่องที่สามารถดึงดูดความสนใจของผู้อ่านได้

6       ควรมีเรื่องใกล้ตัวที่เกี่ยวข้องกับผู้อ่าน  โดยควรระบุบุคคล  สถานที่  และเหตุการณ์ที่ผู้อ่านคุ้นเคย

7       ต้องกล่าวถึงความคืบหน้าล่าสุดของเรื่องก่อน

8       ไม่มีความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนในความนำ

9       การอ้างคำพูดหรือความเห็นของแหล่งข่าวจะต้องระบุว่าเป็นแหล่งข่าว  ไม่ใช่ของผู้เขียน

10  เข้าใจง่ายและตรงประเด็น  เพื่อให้ผู้อ่านจับใจความได้เร็ว  ไม่ต้องเสียเวลาอ่านมาก

ส่วนเชื่อม  (Neck  or  Bridge)

ส่วนเชื่อม  คือ  การเขียนข้อความเชื่อมระหว่างความนำกับเนื้อข่าว  ซึ่งเป็นย่อหน้าถัดไปจากความนำ  แต่ในบางข่าวอาจจะวางส่วนเชื่อมไว้ท้ายข่าวก็ได้  โดยส่วนเชื่อมอาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ขึ้นอยู่กับเนื้อข่าว  แต่เรามักจะพบส่วนเชื่อมในข่าวตาม  (Follow – up  Story) คือ  ข่าวที่เคยเกิดขึ้นและได้รับการนำเสนอไปแล้ว  แต่เมื่อมีเหตุการณ์ใหม่ที่เกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต  ผู้สื่อข่าวก็มักจะเขียนข่าวโดยใช้ส่วนเชื่อมมาอธิบายความเดิมนั้น

ความสำคัญของส่วนเชื่อม  มีดังนี้

1       ช่วยให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจความเดิมและเหตุการณ์ที่เป็นข่าวได้ง่ายขึ้น

2       ช่วยสร้างความต่อเนื่องให้ผู้อ่านสามารถดำเนินความคิดไปในแนวทางเดียว  ไม่ให้เกิดความสับสนในลำดับเนื้อหาเหตุการณ์

ลักษณะของส่วนเชื่อมที่ดี  มีดังนี้

1       ต้องเป็นส่วนขยายเพื่อให้ความนำสมบูรณ์ยิ่งขึ้น  หรือเป็นข้อมูลสำคัญในส่วนที่ความนำนั้นยังขาดอยู่  ซึ่งต้องมีความกลมกลืนกับข้อความในความนำนั้นด้วย  เช่น  เมื่อความนำไม่อาจระบุเวลา  สถานที่เกิดเหตุ ฯลฯ  เนื่องจากจะมีความยาวเยิ่นเย้อก็สามารถนำเสนอไว้ในส่วนเชื่อมได้

2       ต้องให้รายละเอียดเกี่ยวกับคุณลักษณะของบุคคลในข่าว  ซึ่งไม่อาจระบุไว้ในความนำได้  เช่น  การระบุชื่อ  นามสกุล  อายุ  ที่อยู่  และอาชีพ  เพื่อให้ผู้อ่านได้รู้จักบุคคลในข่าวมากขึ้น

3       ต้องให้ภูมิหลังและความเป็นมาของเหตุการณ์ที่เป็นข่าวนั้นๆ  ในกรณีที่เป็นข่าวต่อเนื่องมาจากเหตุการณ์ในอดีต  เพื่อให้ผู้อ่านสามารถทำความเข้าใจข้อมูลข่าวได้ง่ายขึ้น

ข้อ  2  หากนักศึกษาต้องรายงานข่าวอดีตนายกรัฐมนตรีเสียชีวิต  ควรต้องรายงานประเด็นเนื้อหาใดบ้าง

แนวคำตอบ

การรายงานข่าวอดีตนายกรัฐมนตรีเสียชีวิตควรนำเสนอประเด็นเนื้อหา  ดังนี้

1       ประเด็นสำคัญในความนำ  ควรเริ่มต้นด้วยการสรุปข้อเท็จจริงที่สำคัญที่สุดของผู้เสียชีวิต  คือ  ชื่อ  นามสกุล  อาชีพ  หรือตำแหน่งสูงสุด  อายุ  สาเหตุการเสียชีวิต  วันที่  เวลา  และสถานที่ที่เสียชีวิต

2       ประเด็นในเนื้อเรื่อง  แบ่งออกได้ดังนี้

–          ย่อหน้าแรก  สรุปลำดับเหตุการณ์ก่อนการเสียชีวิตอย่างสั้นๆ  ถ้าป่วยเป็นโรคเริ่มป่วยมาตั้งแต่เมื่อไร  มีอาการเป็นอย่างไร  รักษาโรงพยาบาลไหน  จากนั้นจึงระบุเหตุการณ์ตื่นเต้นขณะที่ผู้ตายใกล้จะเสียชีวิต  หรือเหตุผิดปกติที่เกิดขึ้นกับผู้ตายก่อนจะเสียชีวิต  โดยอาจเล่าเหตุการณ์แบบนาทีต่อนาทีหรืออาจอ้างคำพูดของแพทย์  หรือผู้ใกล้ชิดที่เห็นเหตุการณ์ก็ได้

–          ย่อหน้าต่อไป  จะเป็นรายละเอียดของพิธีศพและพิธีสวดพระอภิธรรมว่าจัดที่ใด  ใช้เวลากี่วัน  ผู้ใดเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรม  กำหนดการบรรจุศพ  และกำหนดดารฌาปนกิจ

–          ย่อหน้าสุดท้าย  เป็นส่วนของภูมิหลังหรือประวัติของผู้ตายว่าเป็นชาวจังหวัดใด  จบการศึกษาจากที่ใดบ้าง  มีชื่อเสียงในฐานะอะไร  ซึ่งอาจเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับอาชีพการงาน  ตำแหน่งในสังคมที่ได้รับการเลือกตั้งหรือแต่งตั้ง  มีผลงานดีเด่นอะไรที่เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป  รวมทั้งผู้เสียชีวิตมีภรรยาและบุตรธิดากี่คน  ชื่ออะไรบ้าง  มีบุพการีและญาติพี่น้องที่มีชื่อเสียงเป็นใครบ้าง

ข้อ  3  ข่าวการเมือง  ครอบคลุมเนื้อหาด้านใดบ้าง  ยกตัวอย่างข่าวและแหล่งข่าวประกอบ

แนวคำตอบ

ข่าวการเมือง  หมายถึง  การรายงานข่าวที่เกี่ยวกับผลประโยชน์ของรัฐและประชาชน  กิจกรรมความเคลื่อนไหวในการปฏิบัติงานทางการเมืองการปกครองของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ของรัฐบาล  รวมทั้งรายงานกิจกรรมความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองต่างๆ  ซึ่งรับอาสาเข้ามารักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติให้ประชาชนเจ้าของประเทศได้รับทราบ  โดยจะมีเนื้อหาครอบคลุมเรื่องต่างๆ  

1)    การจัดการเลือกตั้ง  การรณรงค์หาเสียง  นโยบายของพรรค

2)    การจัดตั้งรัฐบาล

3)    การกำหนดนโยบาย  การแถลง  การปฏิบัติงานตามนโยบาย

4)    กระบวนการออกกฎหมายของรัฐสภา  การดำเนินงานของรัฐสภา  กรรมาธิการ

5)    การตรวจสอบการทำงานของฝ่ายการเมือง  ข้าราชการประจำ  องค์กรอิสระต่างๆ  การเปิดอภิปราย

6)    บทบาทของพรรคฝ่ายค้าน  วุฒิสภา

7)    ความคิดเห็นของ  ส.ส.  ต่อประเด็นปัญหาต่างๆ  ในรัฐสภา

8)    ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

9)    การทำงานของศาลรัฐธรรมนูญ  กกต.  ป.ป.ช.  ป.ป.ง.  ค.ต.ง.

ตัวอย่างข่าวการเมือง  ข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี  ซึ่งต้องอาศัยแหล่งข่าว

1       แหล่งข่าวประจำ  คือ  บุคคลหรือสถานที่ซึ่งหนังสือพิมพ์ส่งผู้สื่อข่าวไปประจำตามแหล่งนั้นๆ  เช่น  รัฐสภา  ทำเนียบรัฐบาล  พรรคการเมืองต่างๆ  นายกรัฐมนตรี  รัฐมนตรีที่ได้รับการปรับเปลี่ยนเข้ามา  หรือถูกปรับเปลี่ยนออกไป  ผู้นำพรรคฝ่ายค้าน ฯลฯ

2       แหล่งข่าวพิเศษ  คือ  แหล่งข่าวที่อาจอยู่  ณ  สถานที่เกิดเหตุ  ผู้ที่เกี่ยวข้อง  ผู้เห็นเหตุการณ์  และผู้ที่สนิทสนมคุ้นเคยกับผู้สื่อข่าวเป็นการส่วนตัว  ซึ่งอาจเป็นแหล่งข่าวเปิด  (แหล่งข่าวที่ได้รับการระบุชื่อและคุณลักษณะในข่าว)  หรือเป็นแหล่งข่าวปิด  (แหล่งข่าวที่ไม่ต้องการให้ชื่อและคุณลักษณะถูกระบุในข่าว)  เช่น  รัฐมนตรีที่เป็นคนใกล้ชิด  นักการเมืองในสังกัดพรรครัฐบาลที่เป็นแหล่งข่าวระดับสูง  หรืออาจไปสัมภาษณ์ความคิดเห็นของนักวิชาการทางด้านรัฐศาสตร์เกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองหลังปรับคณะรัฐมนตรี ฯลฯ

3       แหล่งข่าวจากสิ่งตีพิมพ์  คือ  เอกสารหรือสิ่งตีพิมพ์ซึ่งเป็นแหล่งข่าวสำคัญ  เช่น  ประกาศรายชื่อคณะรัฐมนตรีที่มีการปรับเปลี่ยนเข้ามาใหม่  เอกสารเกี่ยวกับประวัติของรัฐมนตรีเพื่อนำมาเป็นข้อมูลประกอบในการเขียนข่าว ฯลฯ

ข้อ  4  จงอธิบายว่าปัจจัยด้านบุคคล  สภาพการเมืองการปกครอง  และองค์กร  มีผลทำให้หนังสือพิมพ์แต่ละฉบับให้ความสำคัญแก่ข่าวแต่ละชิ้น  แต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร

แนวคำตอบ

หนังสือพิมพ์แต่ละฉบับจะให้ความสำคัญแก่ข่าวแต่ละประเภทแตกต่างกัน  ซึ่งปรากฏการณ์เช่นนี้จะขึ้นอยู่กับ  ปัจจัยที่มีผลต่อการประเมินคุณค่าข่าว  ดังนี้

1       ปัจจัยด้านบุคคล  (ผู้สื่อข่าว  หัวหน้าข่าว  บรรณาธิการที่เกี่ยวข้อง)  ได้แก่

–          เชื้อชาติ  ศาสนา  คือ  อคติเกี่ยวกับเรื่องเชื้อชาติและศาสนา  เพราะบุคคลที่มีเชื้อชาติและศาสนาที่ต่างกัน  ก็ย่อมเกิดความลำเอียงในการเลือกแง่มุมของข่าวที่จะนำมาเสนอ

–          ค่านิยม  สำนึก  และมุมมอง  ซึ่งแต่ละคนจะมีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับพื้นฐานทางการศึกษา

 

–          ความเป็นวิชาชีพ  คือ  หนังสือพิมพ์จะต้องมีอุดมการณ์และวิญญาณแห่งวิชาชีพโดยต้องรู้ว่าอะไรเหมาะหรือไม่เหมาะ  ควรหรือไม่ควรลงข่าว

–          การรับรู้และความสนใจของผู้รับสาร  คือ  การประเมินเรื่องที่คิดว่าผู้อ่านน่าจะให้ความสนใจมากที่สุด

2       ปัจจัยด้านองค์กร  แบ่งออกเป็น

นโยบายของสื่อ  ได้แก่

–          ความเป็นเจ้าของสื่อ  คือ  หนังสือพิมพ์มีใครเป็นเจ้าของสื่อ  หรือมีใครเป็นผู้โฆษณารายใหญ่  หนังสือพิมพ์นั้นก็อาจเน้นเสนอข่าวที่เอื้อประโยชน์ต่อเจ้าของสื่อ  หรือผู้โฆษณารายนั้นๆ

–          นโยบายการบริหาร  คือ  หนังสือพิมพ์มีนโยบายเน้นทำกำไร  เอาตัวรอดหรือเน้นชิงส่วนแบ่งตลาด  ซึ่งมีผลให้หนังสือพิมพ์แต่ละฉบับให้ความสำคัญแก่ข่าวแต่ละประเภทแตกต่างกันไปตามนโยบายการบริหาร

–          นโยบายด้านข่าว / เนื้อหา  คือ  หนังสือพิมพ์แต่ละฉบับจะเน้นประเภทของข่าวที่จะนำเสนอ  ความลึก  ลีลาการเขียน ฯลฯ  ที่แตกต่างกัน

            วัฒนธรรมองค์กร  คือ  แบบปฏิบัติขององค์กรนั้นๆ  ว่าควรทำหรือไม่ควรทำอะไร  ได้แก่

–          จรรยาบรรณ  คือ  ข้อควรปฏิบัติของแต่ละองค์กร  ซึ่งอาจเป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม่ก็ได้

–          การเป็นปากเป็นเสียงให้ผู้ด้อยโอกาส  หรือรากหญ้า

–          การให้ความหมายกับข่าวบางประเภท  เช่น  ข่าวสังคม  ข่าววัฒนธรรม  ข่าวสิ่งแวดล้อม  ข่าวท้องถิ่น ฯลฯ  ว่าจะเน้นนำเสนอหรือไม่

3       ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมทางการเมือง  การปกครอง  และสังคม  ซึ่งมีผลทำให้บางเรื่องรายงานได้  แต่บางเรื่องรายงานไม่ได้  ได้แก่

–          ความมั่นคง  ผลประโยชน์ของชาติ

–          ผลประโยชน์ทางการเมืองระดับประเทศ  และนานาชาติ

ข้อ  5  การลอบสังหารเจ้าหน้าที่ตำรวจ  ทหารและพลเรือนใน  3  จังหวัดชายแดนใต้  โดยกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบได้รับการรายงานเป็นข่าวอย่างต่อเนื่องในสื่อมวลชนทุกแขนง  เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่มีคุณค่าข่าวด้านใดบ้าง

แนวคำตอบ

เหตุการณ์ข้างต้นได้รับการรายงานเป็นข่าวอย่างต่อเนื่อง  เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่มีคุณค่าเชิงข่าว (New  Values)  ดังนี้

1       ความมีชื่อเสียง  (Prominenec)  คือ เหตุการณ์ข้างต้นเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่มีชื่อเสียงได้แก่  จังหวัด  3  จังหวัดในเขตชายแดนภาคใต้  คือ  จังหวัดยะลา  ปัตตานี  และนราธิวาส  ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยและมักเกิดเหตุการณ์รุนแรงอย่างต่อเนื่องอยู่เสมอ

2       ความใกล้ชิด  (Proximity)  คือ  ความใกล้ชิดทั้งทางกายและทางใจระหว่างผู้อ่านและบุคคลหรือสิ่งต่างๆ  ที่ตกเป็นข่าว  รวมทั้งยังเป็นเหตุการณ์ที่เป็นภัยใกล้ตัวที่เกี่ยวข้องกับผู้คนที่อาศัยอยู่ในจังหวัดชายแดนใต้  และผู้คนในจังหวัดใกล้เคียง  ซึ่งส่งผลให้ประชาชนรู้สึกไม่ปลอดภัยในชีวิต  จึงได้รับความสนใจจากผู้อ่านเป็นอย่างมาก

3       ความทันต่อเวลา  (Timeliness)  คือ  เหตุการณ์ข้างต้นเป็นเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น  สดๆร้อนๆทำให้ได้รับความสนใจ  เพราะตามธรรมชาติของมนุษย์นั้นต้องการที่จะได้รับรู้สิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ

4       ปุถุชนสนใจ  (Human  Interest)  คือ  เหตุการณ์ข้างต้นก่อให้ผู้อ่านเกิดอารมณ์หวาดกลัว  เกลียดและโกรธคนร้าย  รวมทั้งเกิดความสงสารเห็นใจญาติมิตรและครอบครัวของผู้เสียชีวิต  จึงทำให้ข่าวนี้มีคุณค่าข่าวสูงและเร้าให้ผู้อ่านเกิดความสนใจ

5       ความขัดแย้ง  (Conflict)  คือ  เหตุการณ์ข้างต้นสะท้อนถึงความสัมพันธ์พื้นฐานระหว่างมนุษย์ต่อมนุษย์ในลักษณะของความขัดแย้งทั้งทางกายและทางความคิด  ซึ่งเป็นความขัดแย้งระดับชาติหรือระดับประเทศที่มักจะนำไปสู่ความเสียหาย

6       ผลกระทบ  (Consequence)  คือ  เหตุการณ์ข้างต้นมีผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนจำนวนมากทั้งทางตรงและทางอ้อม  ซึ่งมีผลให้วิถีชีวิตของผู้คนเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เลวลง  เช่น  ประชาชนใน  3  จังหวัดชาแดนภาคใต้ไม่สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติสุข  เพราะเกิดความหวาดกลัว  เสียขวัญและกำลังใจ  รวมทั้งเกิดความไม่มั่นใจในความปลอดภัย  นอกจากนี้ยังมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศ  ดังนั้นประชาชนจึงควรรับรู้เรื่องเหล่านี้เพื่อเตรียมตัวรับสถานการณ์ดังกล่าว

7       ความมีเงื่อนงำ  (Suspense)  คือ  เหตุการณ์ข้างต้นไม่สามารถคลี่คลายหรือตีแผ่หาสาเหตุได้  และยังไม่ทราบผลแน่ชัด  เช่น  ตำรวจยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายและผู้ที่อยู่เบื้องหลังได้  นอกจากนี้รัฐบาลยังไม่สามารถแก้ปัญหาการก่อความไม่สงบในภาคใต้  ซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นทุกวันได้เช่นกัน

 

ข้อ  6  จากข่าวต่อไปนี้

6.1            ข่าวนี้รายงานโดยใช้รูปแบบการเขียนประเภทใด  รูปแบบดังกล่าวมีจุดเด่นอย่างไรบ้าง

6.2            จงเขียนข่าวนี้เป็นข่าวสั้นรูปแบบพีระมิดหัวกลับ  โดยคงใจความสำคัญไว้ทั้งหมด

หนังสือของยาย

มีค่ามากจริงๆสำหรับหนังสือของคุณยายเล่มนี้

“It’s  Time  to  Call  911  :  What  to  do  in  an  Emergency?”  คือหนังสือที่คุณยายของเด็กชายโทนี่  ชาร์ป  เคยซื้อส่งไปให้หลานชายวัย  4  ขวบ  อ่านเมื่อหลายเดือนที่แล้ว

หนังสือเล่มนี้สามารถทำให้เด็กชายชาวเมืองแฟร์แบงก์  รัฐอลาสกา  สหรัฐอเมริกา  สามารถ
โทรแจ้ง  911  ให้มาช่วยแม่ที่เป็นลมหมดสติได้ทันเวลา  ระหว่างอยู่กับแม่ที่บ้านแค่  2  คน  เหตุเกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

แม่ผมไม่สบาย  แม่ต้องการรถพยาบาล

เธอเป็นลมและนอนหลับไปแล้ว

คุณช่วยเรียกรถพยาบาลให้ด้วยได้ไหม

เมื่อพ่อกลับมาถึง  พ่อคงจะรู้ว่าแม่ไม่สบายเป็นอะไร

ทั้งหมดนั้น  ก็คือเสียงของโทนี่ที่เจ้าหน้าที่  911  บันทึกไว้  แล้วรีบส่งเจ้าหน้าที่ไปช่วย  โดยหนูน้อยยังอธิบายบอกทางไปบ้านแก่เจ้าหน้าที่ได้ถูกด้วย

หลังจากรอดมาได้  นางคอร์ตนี่ย์  มารดาของเด็กชาย  เล่าว่า  ลูกชายเคยอ่านหนังสือเล่มนั้นบ่อยมากจนจำได้ขึ้นใจ  ซึ่งเป็นหนังสือแบบอินเตอร์แอคทีฟ  โดยมีการให้รางวัลเป็นเสียงไซเรนของรถพยาบาลและคำชมว่า  เก่งมาก  เมื่อผู้อ่านทำได้ถูกต้อง

สำหรับความเก่งกาจหนนี้  โทนี่ได้รับรางวัลจากพ่อแม่เป็นตุ๊กตาหมีที่เขาอยากได้มาก  และสุนัขเป็นๆอีก  2  ตัว  แล้วยังได้เหรียญประกาศเกียรติคุณ  จาก  911  ด้วย  สมควรได้จริงๆ

6.1            ข่าวนี้รายงานโดยใช้รูปแบบการเขียนประเภทใด  รูปแบบดังกล่าวมีจุดเด่นอย่างไรบ้าง

แนวคำตอบ

ข่าวข้างต้นรายงานโดยใช้รูปแบบการเขียนข่าวแบบ  พีระมิดหัวตั้ง  (Upright  Pyramid)  ซึ่งมีจุดเด่น  คือ  มักใช้กับเหตุการณ์สั้นๆ  โดยมีลีลาการเขียนให้อ่านสนุกคล้ายเรื่องสั้น  ทำให้ผู้อ่านเกิดความรู้สึกขบขัน  เก็บไคลแม็กซ์  (Climax)  หรือประเด็นสำคัญของเรื่องไว้เสนอในตอนจบของเนื้อข่าว  ซึ่งสำนักพิมพ์มักนำข่าวที่เขียนในรูปแบบนี้มาใช้ตกแต่งหน้าข่าวให้น่าอ่านยิ่งขึ้น  เรียกว่า  ข่าวสั้นขำขัน  (Page  Brightener)  นอกจากนี้ยังนำมาใช้กับข่าวทั่วไป  เช่น  ข่าวอาชญากรรมที่ต้องการรายงานรายละเอียดของเหตุการณ์เพื่อเป็นอุทาหรณ์สอนใจผู้อ่าน  แต่จะไม่เหมาะกับเรื่องหนักๆ  ที่จริงจัง  เช่น  เรื่องเศรษฐกิจ  การเมือง

โครงสร้างการเขียนข่าวแบบพีระมิดหัวตั้ง  มีดังนี้

ความนำ /  เกริ่นนำ  (ย่อหน้าแรกจะเป็นส่วนเริ่มเรื่องหรือความนำ  ซึ่งมักเขียนเป็นประโยคสั้นๆ  ในลักษณะเกริ่นนำเรื่อง)

เนื้อข่าว  (เนื้อข่าวจะเป็นข้อเท็จจริงที่ค่อยๆเพิ่มความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ)

เนื้อข่าวย่อหน้าสุดท้าย  (จะเป็นส่วนสรุปเรื่องที่เป็นไคลแม็กซ์หรือประเด็นสำคัญที่สุดของเรื่อง  ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้อ่านอยากรู้มากที่สุด)

6.2            จงเขียนข่าวนี้เป็นข่าวสั้นรูปแบบพีระมิดหัวกลับ  โดยคงใจความสำคัญไว้ทั้งหมด

หนังสือของยาย

มีค่ามากจริงๆสำหรับหนังสือของคุณยายเล่มนี้

“It’s  Time  to  Call  911  :  What  to  do  in  an  Emergency?”  คือหนังสือที่คุณยายของเด็กชายโทนี่  ชาร์ป  เคยซื้อส่งไปให้หลานชายวัย  4  ขวบ  อ่านเมื่อหลายเดือนที่แล้ว

หนังสือเล่มนี้สามารถทำให้เด็กชายชาวเมืองแฟร์แบงก์  รัฐอลาสกา  สหรัฐอเมริกา  สามารถ
โทรแจ้ง  911  ให้มาช่วยแม่ที่เป็นลมหมดสติได้ทันเวลา  ระหว่างอยู่กับแม่ที่บ้านแค่  2  คน  เหตุเกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

แม่ผมไม่สบาย  แม่ต้องการรถพยาบาล

เธอเป็นลมและนอนหลับไปแล้ว

คุณช่วยเรียกรถพยาบาลให้ด้วยได้ไหม

เมื่อพ่อกลับมาถึง  พ่อคงจะรู้ว่าแม่ไม่สบายเป็นอะไร

ทั้งหมดนั้น  ก็คือเสียงของโทนี่ที่เจ้าหน้าที่  911  บันทึกไว้  แล้วรีบส่งเจ้าหน้าที่ไปช่วย  โดยหนูน้อยยังอธิบายบอกทางไปบ้านแก่เจ้าหน้าที่ได้ถูกด้วย

หลังจากรอดมาได้  นางคอร์ตนี่ย์  มารดาของเด็กชาย  เล่าว่า  ลูกชายเคยอ่านหนังสือเล่มนั้นบ่อยมากจนจำได้ขึ้นใจ  ซึ่งเป็นหนังสือแบบอินเตอร์แอคทีฟ  โดยมีการให้รางวัลเป็นเสียงไซเรนของรถพยาบาลและคำชมว่า  เก่งมาก  เมื่อผู้อ่านทำได้ถูกต้อง

สำหรับความเก่งกาจหนนี้  โทนี่ได้รับรางวัลจากพ่อแม่เป็นตุ๊กตาหมีที่เขาอยากได้มาก  และสุนัขเป็นๆอีก  2  ตัว  แล้วยังได้เหรียญประกาศเกียรติคุณ  จาก  911  ด้วย  สมควรได้จริงๆ

แนวคำตอบ

หัวข่าว  หนูน้อยมะกัน  4  ขวบแม่รอดชีวิต

เนื้อข่าว  เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา  เด็กชายโทนี่  ชาร์ป  อายุ  4  ปี  ชาวเมืองแฟร์แบงก์  รัฐอลาสกาสหรัฐอเมริกา  ได้โทรศัพท์แจ้ง  911  ห้าช่วยมารดาที่เป็นลมหมดสติได้ทันเวลา  ระหว่างที่อาศัยอยู่กับมารดาที่บ้านแค่  2  คน  โดยหนูน้อยสามารถอธิบายทางไปบ้านแก่เจ้าหน้าที่ได้อย่างถูกต้อง  ทำให้เขาได้รับเหรียญประกาศเกียรติคุณจาก  911  และยังได้รับรางวัลจากบิดามารดาเป็นตุ๊กตาหมี  และสุนัขอีก   2  ตัว

  แม่ผมไม่สบาย  แม่ต้องการรถพยาบาล  เธอเป็นลมและนอนหลับไปแล้ว  คุณช่วยเรียกรถพยาบาลให้ด้วยได้ไหม  เมื่อพ่อกลับมาถึง  พ่อคงจะรู้ว่าแม่ไม่สบายเป็นอะไร

สำหรับสาเหตุของวีรกรรมครั้งนี้  นางคอร์ตนีย์  ชาร์ป  มารดาของเด็กชาย  ซึ่งรอดชีวิตมาได้กล่าวว่า  อาจเป็นเพราะเมื่อหลายเดือนก่อน  ลูกชายได้รับหนังสือจากคุณยาย  เรื่อง  “It’s  Time  to  Call  911  :  What  to  do  in  an  Emergency?”  และอ่านหนังสือเล่มนั้นบ่อยมากจนจำได้ขึ้นใจ  ซึ่งเป็นหนังสือแบบโต้ตอบได้  (Interactive)  โดยมีการให้รางวัลเป็นเสียงไซเรนของรถพยาบาล  และคำชมว่า  เก่งมาก  เมื่อผู้อ่านทำได้ถูกต้อง

 

ข้อ  7  การระบุลักษณะบุคคล  (Identification)  ในการรายงานข่าวอุบัติเหตุ  ข่าวกีฬา  และข่าวการเมือง  มีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรบ้าง

แนวคำตอบ

คุณลักษณะ  (Identification)  ของแหล่งข่าวที่เป็นบุคคลในการรายงานข่าวอุบัติเหตุ  ข่าวกีฬา  และข่าวการเมือง  มีความเหมือนและแตกต่างกัน

1       ชื่อ  นามสกุลของบุคคลที่เป็นแหล่งข่าว  และบุคคลที่ตกเป็นข่าว  ซึ่งจะต้องระบุอยู่เสมอในข่าวทุกประเภท

2       อายุ  ข่าวทั่วไปมักไม่นิยมระบุอายุของผู้ที่เกี่ยวข้องในข่าว  ยกเว้นข่าวอาชญากรรม  ข่าวอุบัติเหตุ  หรือข่าวมรณกรรม  เช่น  กรณีข่าวข่มขืนมักมีการระบุอายุของผู้เคราะห์ร้ายที่เป็นเด็ก  ส่วนข่าวอาชญากรรมก็มักระบุอายุของผู้ตาย  ผู้ต้องสงสัย  และผู้ต้องหา  แต่บางครั้งข่าวกีฬาก็มีการเอ่ยถึงอายุด้วยเช่นกัน  เช่น  น้องตุ้ม  ปริญญา  เกียรติบุษบา  นักมวยไทยวัย  18  ปี

3       อาชีพ  จะไม่นิยมระบุในข่าวการเมือง  เพราะข่าวการเมืองมักมีการระบุยศหรือตำแหน่ง  เช่น  ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี  หรือยศของข้าราชการ  ทหาร  ตำรวจ  ฯลฯ  ซึ่งบ่งบอกถึงอาชีพอยู่แล้ว  จึงไม่จำเป็นต้องระบุอีก  แต่ถ้าเป็นข่าวสัมภาษณ์บุคคลเพื่อให้แสดงความคิดเห็น  อาจมีการระบุอาชีพของแหล่งข่าวเพื่อช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้แก่ข่าว

นอกจากนี้ในข่าวกีฬา  ข่าวอุบัติเหตุ  และข่าวอาชญากรรมก็มีการระบุอาชีพ  และหากอาชีพของผู้ตกเป็นข่าวขัดแย้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ยิ่งเพิ่มความน่าสนใจให้กับข่าวได้มากขึ้น  หรือการระบุอาชีพของบุคคลธรรมดาที่ไม่มีชื่อเสียงก็จะทำให้ผู้อ่านเกิดแนวคิด  มีความเข้าใจ  และรู้สึกใกล้ชิดกับบุคคลนั้นๆเพิ่มขึ้น

4       ยศหรือตำแหน่ง  จะต้องระบุลงไปในข่าวทุกประเภท  ถ้าบุคคลในข่าวมีชื่อเสียง  มียศหรือตำแหน่งหน้าที่การงานสูง  หรือเป็นข้าราชการ  ทหาร  ตำรวจ  เพื่อให้ผู้อ่านตระหนักถึงความสำคัญของบุคคลผู้นั้น  เช่น  พล.อ. เปรม  ติณสูลานนท์  องคมนตรี

5       เกียรติภูมิหรือชื่อเสียง  จะต้องระบุลงไปในข่าวทุกประเภท  ถ้าบุคคลในข่าวเคยทำประโยชน์แก่สังคมในด้านใดด้านหนึ่ง  จนได้รับยกย่องจากกลุ่มคนในสังคม  เช่น  เป็นอดีตนายกรัฐมนตรี  อดีตนางงามจักรวาล  อดีตแชมป์โลกแบนตั้มเวตสภามวยโลก ฯลฯ

6       บุคคลที่เคยปรากฏเป็นข่าวมาแล้ว  ในการรายงานข่าวทุกประเภท  บางครั้งก็จำเป็นต้องอธิบายถึงภูมิหลังหรือความเดิมของเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต  ถ้าบุคคลในข่าวเคยตกเป็นข่าว  หรือเคยได้รับยกย่องมาก่อน  แล้วต่อมามีความคืบหน้าอย่างใดอย่างหนึ่งเพิ่มเติมขึ้นมา  เช่น  นายแดง  สมบูรณ์  ผู้ต้องหาจ้างวานฆ่าดาราชื่อดัง  ประสบอุบัติเหตุรถชนเสียชีวิต

7       ที่อยู่  ได้แก่  บ้านเลขที่  ถนน  ตำบล  อำเภอ  จังหวัด  ซึ่งมักนิยมระบุในข่าวอาชญากรรมและข่าวอุบัติเหตุ  โดยเฉพาะที่อยู่ของผู้ก่อเหตุ  ผู้เคราะห์ร้าย  และผู้ที่เกี่ยวข้อง  (ส่วนใหญ่จะลงที่อยู่ของคนตายมากกว่าคนเป็น)

8       ชื่อเล่น  มักนิยมระบุในข่าวบันเทิงและข่าวกีฬา  ซึ่งบางคนอาจใช้ชื่อจริง  ชื่อที่ตั้งใหม่  เพื่อใช้ในวงการนั้นๆ  หรือใช้นางแฝง  นามปากกา  เช่น  ซิโก้  เกียรติศักดิ์  เสนาเมือง  เบิร์ด  ธงไชย  แมคอินไตย  ฯลฯ

9       ฉายาหรือการตั้งใหม่  บางครั้งหนังสือพิมพ์อาจตั้งฉายาให้แก่บุคคลที่ตกเป็นข่าวอยู่บ่อยๆ  ซึ่งมีทั้งการตั้งฉายาเพื่อยกย่องหรือเสียดสีประชดประชัน  มักพบในข่าวบันเทิงและข่าวกีฬา  เช่น  บุญศักดิ์  พลสนะ  นักแบดมินตันไทย  มีฉายาว่า  ซุปเปอร์แมน  คัทลียา  แมคอินทอช  มีฉายาว่า  เจ้าหญิงแห่งวงการบันเทิง  ฯลฯ  นอกจากนี้ในข่าวการเมืองบางครั้งก็มีการตั้งฉายาไว้ในพาดหัวข่าว  เช่น  นายชวน  หลีกภัย  มีฉายาว่า  มีดโกนอาบน้ำผึ้ง  พล.อ. ชวลิต  ยงใจยุทธ  มีฉายาว่า  ขงเบ้ง  ฯลฯ 

10  ญาติมิตร  ถ้าบุคคลในข่าวมีญาติมิตรหรือมีความสัมพันธ์กับบุคคลที่มีชื่อเสียง  ก็ต้องระบุลงไปในข่าวด้วย  เพื่อให้เรื่องราวของบุคคลนั้นเป็นที่น่าสนใจขึ้นมา  เช่น  ข่าวอุบัติเหตุของนายกันต์พิทักษ์  ปัจฉิมสวัสดิ์  ซึ่งขับรถชนผู้โดยสารรถประจำทางเสียชีวิตและบาดเจ็บหลายคน  ก็มีการระบุว่าเป็นลูกชายของอดีตนางสาวไทย  และเป็นหลานชายของอดีต  ผบ.ตร.  เป็นต้น

11  งานอดิเรก  ถ้าบุคคลในข่าวไม่มียศ  ตำแหน่ง  หรือไม่มีชื่อเสียง  ก็อาจจะระบุงานอดิเรกที่ทำให้ผู้อ่านทึ่งได้  เช่น  นักสะสมพระเครื่องชื่อดังในวงการเซียนพระ  ประสบอุบัติเหตุล้มหัวฟาดพื้นเสียชีวิตในห้องน้ำ  เป็นต้น

ข้อ  8  จากข้อมูลต่อไปนี้  จงเขียนข่าวสั้น

ความสามารถในการรับข้อมูลข่าวสารและการใช้สารสนเทศขององค์กรอาจไม่สำคัญเท่าความสามารถในการปรับตัว  การเรียนรู้  การสร้างและใช้ความรู้ที่นำไปสู่การเพิ่มคุณค่าและมูลค่าขององค์กร  นี่คือคุณสมบัติพื้นฐานของการเป็นองค์กรอัจฉริยะ  การจัดการความรู้หรือ  KM  มีส่วนเสริมสร้างความเป็นอัจฉริยะให้กับองค์กรของท่านได้อย่างไร?  หาคำอบได้ในงานสัมมนา     “KM   เพื่อการพัฒนาองค์กรอัจฉริยะ”  (KM  for  Building  the  Intelligent  Organization)  วันอังคารที่  5  มิถุนายน  2550  เวลา  09.00  16.30  น.  เปิดลงทะเบียน  08.00 น.  ณ  โงแรมมิราเคิล  แกรนด์  ห้องมิราเคิล  แกรนด์  A,B  จากวิทยากรระดับชาติ 

ศ.นพ.วิจารณ์  พานิช  ผอ.สถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม  (สคส.)  ดร.ประพนธ์  ผาสุกยืด  ผอ.ฝ่ายส่งเสริมการสื่อสารพัฒนาการเรียนรู้  สคส.  ดร.วรภัทร์  ภู่เจริญ  ที่ปรึกษาด้านการวางกลยุทธ์และพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน  ดร.เกศรา  รักชาติ  ผู้เชี่ยวชาญด้าน  Learning  Organization  Leadership  Coaching  Communication  &  Interpersonal  Skills  ที่จะมาชวนท่านแลกเปลี่ยนเรียนรู้  และนำเสนอประสบการณ์การพัฒนาองค์กรด้วยหลักการบริหารสมัยใหม่ที่ไม่ทิ้งรากเหง้าของความเป็นไทย

ลงทะเบียนและชำระเงิน ภายใน  18  พ.ค. 1,500  บาท / คน
ลงทะเบียนและชำระเงิน

(พร้อมกัน  3  คนขึ้นไป

ภายใน  18  พ.ค. 1,200  บาท / คน
ลงทะเบียนและชำระเงิน ตั้งแต่  19  25  พ.ค. 2,000  บาท / คน

 

การชำระเงินค่าสัมมนา  โอนเงินเข้าธนาคารกรุงไทย  สาขาอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ  ชื่อบัญชีกองทุนสนับสนุนการวิจัย  สคส.  ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์  www.kmi.or.th  หรือโทร  0-2298-0664  ต่อ  332

สถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม  (สคส.)  อาคาร  sm  ชั้น  25  ถ.พหลโยธิน  พญาไทกรุงเทพฯ  โทรสาร  0-2298-0057

จัดโดยสถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม  (สคส.)  สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ  (สสส.)  สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย  (สกว.)

แนวคำตอบ

หัวข่าว  สคส.  จัดสัมมนาการจัดการความรู้  KM  เพื่อสร้างองค์กรอัจฉริยะ

เนื้อข่าว  สถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม  (สคส.)  ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ  (สคส.)  และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย  (สกว.)  จัดงานสัมมนาเรื่อง  “KM  เพื่อการพัฒนาองค์กรอัจฉริยะ”  (KM  for  Building  the  Intelligent  Organization)  ในวันอังคารที่  5  มิถุนายน  2550  เวลา  09.00  16.30  น.และเริ่มเปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่เวลา  08.00  น.  ณ  โรงแรมมิราเคิล  แกรนด์  ห้องมิราเคิลแกรนด์  A,B  โดยมีวิทยากรระดับชาติมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้และนำเสนอประสบการณ์การพัฒนาองค์กรด้วยหลักการบริหารสมัยใหม่ที่ไม่ทิ้งรากเหง้าของความเป็นไทย  อาทิ  ศ.นพ. วิจารณ์  พานิช  ผอ.สคส.ดร. ประพนธ์  ผาสุกยืด  ผอ. ฝ่ายส่งเสริมการสื่อสารพัฒนาการเรียนรู้  สคส.,  ดร. วรภัทร์  ภู่เจริญ  ที่ปรึกษาด้านการวางกลยุทธ์และพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน  และ  ดร. เกศรา  รักชาติ  ผู้เชี่ยวชาญด้าน  Learning  Organization  Leadership  Coaching  Communication  &  Interpersonal  Skills

ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนได้ในวันที่  18  พฤษภาคม  2550  ค่าลงทะเบียน  1,500  บาท / คน  และ  1,200  บาท / คน  (กรณีลงทะเบียนพร้อมกัน  3  คนขึ้นไป)  หรือลงทะเบียนในระหว่างวันที่  19  25  พฤษภาคม  2550  ค่าลงทะเบียน  2,000  บาท / คน  โดยโอนเงินชำระค่าลงทะเบียนเข้าธนาคารกรุงไทย  สาขาอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ  ชื่อบัญชีกองทุนสนับสนุนการวิจัย  สคส.  และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม  (สคส.)  อาคาร  sm  ชั้น  25  ถ.  พหลโยธิน  กรุงเทพฯ  โทรศัพท์  0-2298  0664 ต่อ  332    โทรสาร 0-2298-0057  หรือเว็บไซต์  www.kmi.or.th

MCS 2201 การเขียนข่าว การสอบไล่ภาค1 ปีการศึกษา 2550

การสอบไล่ภาค  1  ปีการศึกษา  2550

ข้อสอบกระบวนวิชา  MCS 2201 การเขียนข่าว

คำแนะนำ  ข้อสอบมีทั้งหมด  7  ข้อ  ให้นักศึกษาทำทุกข้อ

ข้อ  1  จงตอบคำถามต่อไปนี้

1.1            “ข่าวการเมือง  ครอบคลุมเนื้อหาด้านใดบ้าง  ยกตัวอย่างข่าวและแหล่งข่าวประกอบ

แนวคำตอบ

ข่าวการเมือง  หมายถึง  การรายงานข่าวที่เกี่ยวกับผลประโยชน์ของรัฐและประชาชน  กิจกรรมความเคลื่อนไหวในการปฏิบัติงานทางการเมืองการปกครองของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ของรัฐบาล  รวมทั้งรายงานกิจกรรมความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองต่างๆ  ซึ่งรับอาสาเข้ามารักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติให้ประชาชนเจ้าของประเทศได้รับทราบ  โดยจะมีเนื้อหาครอบคลุมเรื่องต่างๆ  

1)    การจัดการเลือกตั้ง  การรณรงค์หาเสียง  นโยบายของพรรค

2)    การจัดตั้งรัฐบาล

3)    การกำหนดนโยบาย  การแถลง  การปฏิบัติงานตามนโยบาย

4)    กระบวนการออกกฎหมายของรัฐสภา  การดำเนินงานของรัฐสภา  กรรมาธิการ

5)    การตรวจสอบการทำงานของฝ่ายการเมือง  ข้าราชการประจำ  องค์กรอิสระต่างๆ  การเปิดอภิปราย

6)    บทบาทของพรรคฝ่ายค้าน  วุฒิสภา

7)    ความคิดเห็นของ  ส.ส.  ต่อประเด็นปัญหาต่างๆ  ในรัฐสภา

8)    การทำงานของศาลรัฐธรรมนูญ  กกต.  ปปช.  ปปง.  คตง.

9)    ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

ตัวอย่างหัวข้อข่าวการเมือง  ข่าวการตรวจสอบการถือครองหุ้นของรัฐมนตรีเกินกว่ากำหนดซึ่งในกรณีนี้นักข่าวสามารถหาข้อมูลจากแหล่งข่าวต่อไปนี้

–                    คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.)

–                    รัฐมนตรีที่เข้าข่ายความผิดถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทเกินกว่าร้อยละ  5

–                    นายกรัฐมนตรี  ซึ่งเป็นผู้รักษาการตาม  พ.ร.บ.  การจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี  พ.ศ.2543

–                    สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี  (สลค.)  ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ต้องแจ้งเรื่องคุณสมบัติของรัฐมนตรีที่เข้ามารับตำแหน่ง

–                    บริษัทเอกชนที่รัฐมนตรีถือหุ้นเกิน  5%

–                    บัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของรัฐมนตรี

–                    พ.ร.บ.  การจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี  พ.ศ. 2543

–                    พ.ร.บ.  ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามทุจริต  พ.ศ.2542

–                    รัฐมนตรีและบุคคลสำคัญต่างๆ  ซึ่งให้ความเห็นเกี่ยวกับการตรวจสอบเรื่องจริยธรรมของรัฐมนตรี

1.2            “ข่าวอาชญากรรม  ครอบคลุมเนื้อหาด้านใดบ้าง  ยกตัวอย่างข่าวและแหล่งข่าวประกอบ

แนวคำตอบ

ข่าวอาชญากรรม  หมายถึง ข่าวการรายงานเหตุการณ์และความคิดเห็นที่เกี่ยวกับการกระทำผิดทางอาญา  ซึ่งผู้สื่อข่าวและบรรณาธิการได้พิจารณาเลือกสรรแล้วด้วยความเชื่อมั่นว่าเหตุการณ์และความคิดเห็นเกี่ยวกับการกระทำผิดทางอาญาดังกล่าวจะเป็นที่สนใจของผู้อ่านส่วนใหญ่หรือบางส่วน  โดยจะมีเนื้อหาครอบคลุมเรื่องต่างๆ  ได้แก่  ข่าวฆาตกรรม  อุบัติเหตุ  อุบัติภัย  ภัยพิบัติ  การประท้วง  จลาจล  ฆ่าตัวตาย  ข่าวสะท้อนสังคม  ความผิดทางอาญาต่างๆ  เป็นต้น

เนื้อหาของข่าวอาชญากรรมจะเกี่ยวข้องกับประเด็น  ต่อไปนี้

1)    เหตุการณ์เกิดขึ้นและสิ้นสุดอย่างไร  นำไปสู่ปัญหาใด

2)    สาเหตุของเหตุการณ์  วิธีการก่ออาชญากรรม

3)    การวางแผนติดตาม  การปราบปรามของเจ้าหน้าที่

4)    ความคืบหน้าของคดี

5)    ปัญหาในการจับกุมหรือการทำงานของเจ้าหน้าที่.

6)    การป้องกันหรือลดคดีอาชญากรรม

7)    ความคิดเห็นของบุคคลหลายฝ่าย  เช่น  นายกรัฐมนตรี  ร.ม.ต.  ผบ.ตร.  นักวิชาการ ฯลฯ

เนื้อหาของข่าวอาชญากรรมที่ผู้สื่อข่าวต้องรวบรวมจะเกี่ยวข้องกับประเด็น  ต่อไปนี้

1       ความเสียหายต่อชีวิต  ทรัพย์สิน

2       วิธีการของอาชญากรรม

3       เบาะแส  วัตถุพยาน  ร่อยรอย

4       สาเหตุของการก่ออาชญากรรม

5       คำให้การของผู้เคราะห์ร้าย

6       รายงานของตำรวจ

7       การจับกุม  การตั้งข้อหา

ตัวอย่างข่าวอาชญากรรม  ข่าวนักศึกษาเสียชีวิตหลังถูกรุ่นพี่ทำร้ายร่างกายจากการเข้าร่วมกิจกรรมรับน้อง  ซึ่งในกรณีนี้นักข่าวสามารถหาข้อมูลจากแหล่งข่าวต่อไปนี้

–                    ตำรวจ  สถานีโรงพยาบาล

–                    หน่วยกู้ชีพ  โรงพยาบาล

–                    ผู้ที่อยู่  ณ  สถานที่เกิดเหตุ  เช่น  นักศึกษารุ่นพี่ที่ก่อเหตุ  (กรณีที่จับกุมตัวได้แล้ว)  นักศึกษาที่ไปร่วมรับน้อง ฯลฯ  รวมทั้งบุคคลอื่นๆ ที่เห็นเหตุการณ์

–                    คณะครู  อาจารย์  ผู้บริหารของสถาบันศึกษานั้นๆ

–                    บิดา  มารดา  และเพื่อนสนิทของผู้เสียชีวิต

–                    กระทรวงศึกษาธิการ 

ข้อ  2  ตามหลักการ  ข่าวที่ดีควรมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง  จงอธิบาย

แนวคำตอบ

คุณสมบัติของข่าวที่ดี  

1       มีความถูกถ้วน  (Accuracy)  หมายถึง  ข้อเท็จจริงทุกอย่างที่ปรากฏในข่าว  เช่น  ชื่อ- นามสกุล  อายุ  ที่อยู่  ยศ  ตำแหน่ง  วันที่  และคำให้สัมภาษณ์ของแหล่งข่าวทุกคำ  ฯลฯ  จะต้องได้รับการตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่าถูกต้องและครบถ้วน  เพราะความถูกต้องและครบถ้วนของข้อมูลข่าวถือเป็นเรื่องสำคัญมากในความรู้สึกของผู้ที่เกี่ยวข้องหรือผู้ที่ตกเป็นข่าว  รวมทั้งผู้อ่านที่ใกล้ชิดและรู้เรื่องราวที่เกิดเป็นข่าวนั้นมาโดยตลอด  ดังนั้นผู้อ่านจึงมักจะติดสินว่าควรเชื่อถือศรัทธาหนังสือพิมพ์ฉบับใดฉบับหนึ่งหรือไม่  จากประสบการณ์ที่ได้อ่านและได้พบเห็นข้อบกพร่องผิดพลาดของหนังสือพิมพ์ฉบับนั้น  โดยมักจะสรุปว่าเมื่อหนังสือพิมพ์เสนอข่าวผิดเรื่องหนึ่งและครั้งหนึ่ง  ก็อาจจะเสนอข่าวผิดอีกต่อๆไปได้เช่นกัน

2       มีความสมดุลและเที่ยงธรรม  (Balance  and  Fairness)  หมายถึง  มีความยุติธรรมในการเสนอข่าว  ซึ่งข่าวที่ดีต้องรับใช้ผู้อ่านที่เป็นสาธารณชน  ไม่ควรรับใช้บุคคลหรือกลุ่มบุคคลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งตามคำขอร้องเป็นพิเศษของคนเหล่านั้น  โดยเฉพาะถ้าข่าวนั้นเป็นปัญหาสาธารณะ  ซึ่งมีผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนทั่วไป

อย่างไรก็ดีในการรายงานข่าวเกี่ยวกับความขัดแย้งที่เป็นปัญหาสาธารณะนั้น  ข่าวที่ดีมีคุณภาพจะต้องนำเสนอประเด็นสำคัญๆ  ซึ่งคู่กรณี  (ฝ่ายเสนอและฝ่ายค้าน)  ได้แสดงความคิดเห็นออกมาในลักษณะที่สมดุลกัน  นอกจากนี้ในกรณีที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งถูกผู้อื่นวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมหรือความคิดเห็น  ก็จะต้องให้ความเที่ยงธรรมแก่บุคคลนั้น  โดยให้โอกาสโต้แย้งข้อกล่าวหาด้วย

3       มีความเป็นภววิสัย  (Objective)  หมายถึง  ข่าวที่ปราศจากอคติส่วนตัวของผู้สื่อข่าว  เช่น  ความชอบหรือไม่ชอบ  ฯลฯ  หรือปลอดจากอิทธิพลภายนอก  ซึ่งอาจจะทำให้ข่าวนั้นปรากฏออกมาเป็นอะไรอย่างอื่นที่ไม่ใช่ข่าวนั่นเอง  ดังนั้นเมื่อผู้สื่อข่าวต้องรายงานข่าวเหตุการณ์ที่ขัดแย้งกับความรู้สึกส่วนตัว  จึงควรต้องละทิ้งความรู้สึกดังกล่าวไปเสีย  และรายงานข้อเท็จจริงของเหตุการณ์โดยปราศจากอคติ  ตรงไปตรงมาตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  แล้วให้ผู้อ่านแต่ละคนค้นหาความจริงในข่าวนั้นด้วยตัวของผู้อ่านเอง

4       มีความง่าย  กะทัดรัด  และชัดเจน  (Simplicity  Conciseness  and  Clearness)    หมายถึง  ข่าวที่มีคุณภาพต้องเขียนอย่างรัดกุมกะทัดรัด  ไม่เยิ่นเย้อ  และง่ายต่อการอ่าน  ซึ่งสิ่งที่สำคัญก็คือ  ต้องเขียนข่าวให้กระจ่างแจ้ง  ชัดเจน  ผู้อ่านอ่านแล้วสามารถเข้าใจได้ทันที  โดยไม่ต้องอ่านซ้ำแล้วซ้ำอีก

ข้อ  3  หนังสือพิมพ์แต่ละฉบับให้ความสำคัญแก่ข่าวแต่ละชิ้น  แต่ละประเภทแตกต่างกัน  เช่น  บางฉบับให้ความสำคัญกับเรื่องอื้อฉาวของคนดัง  บางฉบับเน้นข่าวการเมือง  บางฉบับเสนอข่าวสังคมที่เน้นข่าวกลุ่มคนดังไฮโซ  บางฉบับเสนอข่าวของชาวบ้าน  ข่าวภูมิภาค  หรือบางฉบับมีข่าวสิ่งแวดล้อมปรากฏการณ์เช่นนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยส่วนบุคคล  ปัจจัยด้านองค์กร  และปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับสภาพสังคมอย่างไร  จงอธิบาย

แนวคำตอบ

หนังสือพิมพ์แต่ละฉบับจะให้ความสำคัญแก่ข่าวแต่ละประเภทแตกต่างกัน  ซึ่งปรากฏการณ์เช่นนี้จะขึ้นอยู่กับ  ปัจจัยที่มีผลต่อการประเมินคุณค่าข่าว  ดังนี้

1       ปัจจัยด้านบุคคล  (ผู้สื่อข่าว  หัวหน้าข่าว  บรรณาธิการที่เกี่ยวข้อง)  

–          เชื้อชาติ  ศาสนา  คือ  อคติเกี่ยวกับเรื่องเชื้อชาติและศาสนา  เพราะบุคคลที่มีเชื้อชาติและศาสนาที่ต่างกัน  ก็ย่อมเกิดความลำเอียงในการเลือกแง่มุมของข่าวที่จะนำมาเสนอ

–          ค่านิยม  สำนึก  และมุมมอง  ซึ่งแต่ละคนจะมีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับพื้นฐานทางการศึกษา

–          ความเป็นวิชาชีพ  คือ  หนังสือพิมพ์จะต้องมีอุดมการณ์และวิญญาณแห่งวิชาชีพโดยต้องรู้ว่าอะไรเหมาะหรือไม่เหมาะ  ควรหรือไม่ควรลงข่าว

–          การรับรู้และความสนใจของผู้รับสาร  คือ  การประเมินเรื่องที่คิดว่าผู้อ่านน่าจะให้ความสนใจมากที่สุด

2       ปัจจัยด้านองค์กร  แบ่งออกเป็น

นโยบายของสื่อ  

–          ความเป็นเจ้าของสื่อ  คือ  หนังสือพิมพ์มีใครเป็นเจ้าของสื่อ  หรือมีใครเป็นผู้โฆษณารายใหญ่  หนังสือพิมพ์นั้นก็อาจเน้นเสนอข่าวที่เอื้อประโยชน์ต่อเจ้าของสื่อ  หรือผู้โฆษณารายนั้นๆ

–          นโยบายการบริหาร  คือ  หนังสือพิมพ์มีนโยบายเน้นทำกำไร  เอาตัวรอดหรือเน้นชิงส่วนแบ่งตลาด  ซึ่งมีผลให้หนังสือพิมพ์แต่ละฉบับให้ความสำคัญแก่ข่าวแต่ละประเภทแตกต่างกันไปตามนโยบายการบริหาร

–          นโยบายด้านข่าว / เนื้อหา  คือ  หนังสือพิมพ์แต่ละฉบับจะเน้นประเภทของข่าวที่จะนำเสนอ  ความลึก  ลีลาการเขียน ฯลฯ  ที่แตกต่างกัน

วัฒนธรรมองค์กร  คือ  แบบปฏิบัติขององค์กรนั้นๆ  ว่าควรทำหรือไม่ควรทำอะไร  ได้แก่

–          จรรยาบรรณ  คือ  ข้อควรปฏิบัติของแต่ละองค์กร  ซึ่งอาจเป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม่ก็ได้

–          การเป็นปากเป็นเสียงให้ผู้ด้อยโอกาส  หรือรากหญ้า

–          การให้ความหมายกับข่าวบางประเภท  เช่น  ข่าวสังคม  ข่าววัฒนธรรม  ข่าวสิ่งแวดล้อม  ข่าวท้องถิ่น ฯลฯ  ว่าจะเน้นนำเสนอหรือไม่

3       ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมทางการเมือง  การปกครอง  และสังคม  ซึ่งมีผลทำให้บางเรื่องรายงานได้  แต่บางเรื่องรายงานไม่ได้  ได้แก่

–          ความมั่นคง  ผลประโยชน์ของชาติ

–          ผลประโยชน์ทางการเมืองระดับประเทศ  และนานาชาติ

ข้อ  4  การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร  การต่อรองและช่วงชิงโอกาสจัดตั้งรัฐบาล  รวมทั้งการต่อรองให้ได้ตำแหน่งรัฐมนตรีของนักการเมืองพรรคต่างๆ ที่จะเข้าร่วมรัฐบาลผสมช่วงหลังเลือกตั้งได้รับการรายงานเป็นข่าวอย่างต่อเนื่องในสื่อมวลชนทุกแขนง  เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่มีคุณค่าข่าวด้านใดบ้าง

แนวคำตอบ

เหตุการณ์ข้างต้นได้รับการรายงานเป็นข่าวอย่างต่อเนื่อง  เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่มีคุณค่าเชิงข่าว  (News  Values)  

1       ความโดดเด่น / ดัง / ชื่อเสียง  คือ  เหตุการณ์ข้างต้นเกี่ยวข้องกับความมีชื่อเสียง  ความดัง  ความโดดเด่นของพรรคการเมือง  หัวหน้าพรรค  และนักการเมือง  ซึ่งเป็นที่รู้จักของประชาชนโดยทั่วไป

2       ความใกล้ชิด  คือ  เหตุการณ์ข้างต้นเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับประชาชนทุกคน  เพราะเป็นเรื่องอนาคตของประเทศชาติ  ซึ่งประชาชนทุกคนต้องเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยการไปใช้สิทธิเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย

3       ความทันต่อเวลา  คือ  เหตุการณ์ข้างต้นเป็นเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดสดๆร้อนๆ  ทำให้ได้รับความสนใจ  เพราะตามธรรมชาติของมนุษย์นั้นต้องการที่จะได้รับรู้สิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ

4       ปุถุชนสนใจ  คือ  เหตุการณ์ข้างต้นเร้าความสนใจของมนุษย์  ทำให้ผู้อ่านเกิดอารมณ์ตื่นเต้นลุ้นว่าพรรคใดจะได้เป็นฝ่ายรัฐบาล  พรรคใดจะได้เป็นฝ่ายค้าน  พรรคใดจะเข้าร่วมรัฐบาลบ้าง  หรือผู้อ่านบางคนอาจเกิดอารมณ์โกรธเกลียดนักการเมืองที่ไร้จุดยืน  พูดกลับไปกลับมา  เพื่อให้พรรคของตนได้รับผลประโยชน์ในการต่อรองมากที่สุด

5       ความขัดแย้ง / การแข่งขัน / การเผชิญหน้า  คือ  เหตุการณ์ข้างต้นสะท้อนถึงความสัมพันธ์พื้นฐานระหว่างมนุษย์ต่อมนุษย์ในลักษณะของความขัดแย้งทางความคิด  เพราะการเลือกตั้งกลายเป็นการต่อสู้ระหว่างฝ่ายที่สนับสนุนกับฝ่ายที่ต่อต้านระบอบทักษิณ  รวมทั้งยังมีการแข่งขันช่วงชิงโอกาสและการต่อรองของพรรคการเมืองต่างๆในการจัดตั้งรัฐบาล

6       ความเกี่ยวพันกับผู้รับสาร / ผลกระทบ  คือ  เหตุการณ์ข้างต้นเกี่ยวพันกับประชาชนผู้รับสาร  ซึ่งเป็นผู้ใช้สิทธิออกเสียงเลือกตั้ง  เพื่อให้ได้รัฐบาลมาบริหารประเทศ  นอกจากนี้การที่พรรคใดพรรคหนึ่งจะเข้ามาเป็นรัฐบาล  ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดนโยบายต่างๆ  ยังมีผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนทุกคน  และมีผลให้วิถีชีวิตของผู้คนเปลี่ยนแปลงไป

7       ความมีเงื่อนงำ  คือ  เหตุการณ์ข้างต้นยังไม่ทราบผลแน่ชัดว่าพรรคใดบ้างจะเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน  ใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ  และพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นฝ่ายค้านพรรคเดียวหรือไม่

8       ความเปลี่ยนแปลง  คือ  เหตุการณ์ข้างต้นก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านการปกครองภายในประเทศ  เพราะการจัดการเลือกตั้งถือเป็นสิ่งที่ทำให้ประเทศไทยเปลี่ยนผ่านจากยุคปฏิวัติรัฐประหาร  เข้าสู่ยุคประชาธิปไตยอีกครั้งหนึ่ง

ข้อ  5  ในการรายงานข่าวโดยทั่วไปนิยมใช้รูปแบบการเขียนอย่างไรบ้าง  จงอธิบายพร้อมยกตัวอย่างข่าวที่เหมาะสมกับการเขียนในรูปแบบนั้นๆ

แนวคำตอบ

รูปแบบการเขียนข่าวในการรายงานข่าวโดยทั่วไป  

1       แบบพีระมิดหัวกลับ  เป็นการรายงานข่าวในลักษณะสรุปย่อข้อเท็จจริงที่สำคัญๆ  เป็นความนำของข่าว  แล้วจึงค่อยขยายรายละเอียดของข้อเท็จจริงเหล่านั้นตามลำดับ  จึงเป็นรูปแบบที่นิยมใช้ในการเขียนมากที่สุด  แบ่งเป็น  2  รูปแบบ  

1)    แบบถือความสำคัญเป็นหลัก  เริ่มต้นด้วยความนำซึ่งสรุปข้อเท็จจริงที่สำคัญและจำเป็น  ตามด้วยเนื้อข่าวที่เป็นรายละเอียดของข้อเท็จจริงที่มีความสำคัญและความน่าสนใจลดหลั่นกันลงไปจนถึงย่อหน้าสุดท้ายซึ่งสำคัญน้อยที่สุด  เหมาะกับข่าวเหตุการณ์ที่มีเนื้อหาเดียว  หรือเป็นเหตุการณ์ที่มีเนื้อหาง่ายๆไม่สลับซับซ้อน

2)    แบบถือเวลาที่เกิดเหตุการณ์เป็นหลัก  เริ่มต้นด้วยความนำซึ่งสรุปย่อเหตุการณ์และผลลัพธ์ทั้งหมด  ตามด้วยเนื้อข่าวที่เป็นรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  โดยเล่าตามลำดับเวลาที่เกิดเหตุการณ์ก่อนหลัง  อาจมีข้อเท็จจริงเสริมในตอนท้าย  จึงเหมาะกับข่าวเหตุการณ์ระทึกใจ  เหตุการณ์ที่ข้อมูลข่าวมีความต่อเนื่องกันตลอด  และเหตุการณ์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งเพียงเรื่องเดียว  เช่น  ข่าวแข่งขันกีฬา  ข่าวการประท้วง  ข่าวการจลาจล  เป็นต้น

2       แบบพีระมิดหัวตั้ง  เป็นการรายงานข่าวที่ตรงกันข้ามกับแบบพีระมิดหัวกลับ  คือ  เริ่มต้นด้วยความนำในลักษณะเกริ่นนำเรื่อง  ตามด้วยเนื้อข่าวซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ค่อยๆเพิ่มความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ   ส่วนย่อหน้าสุดท้ายจะสรุปเรื่องที่เป็นไคลแม็กซ์หรือประเด็นสำคัญที่สุดของเรื่อง  ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้อ่านอยากรู้มากที่สุดเอาไว้  จึงเหมาะสมกับข่าวเหตุการณ์สั้นๆ  โดยมีลีลาการเขียนให้อ่านสนุกคล้ายเรื่องสั้น  เรียกว่า  ข่าวสั้นขำขัน รวมทั้งข่าวอาชญากรรมที่ต้องการรายงานรายละเอียดของเหตุการณ์  เพื่อเป็นอุทาหรณ์สอนใจผู้อ่าน  แต่จะไม่เหมาะกับเรื่องหนักๆ  ที่จริงใจ  เช่น  ข่าวเศรษฐกิจ  ข่าวการเมือง  ฯลฯ

3       แบบผสม  เป็นการรายงานข่าวที่อาจมีประเด็นสำคัญหรือไคลแม็กซ์มากกว่า  1  ประเด็น  จึงเหมาะกับข่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องสัมพันธ์กันและคลี่คลายไปเรื่อยๆ  ในขณะที่รายงานข่าวเหตุการณ์นั้นอาจยังไม่สิ้นสุด  แต่บ่งครั้งผู้เขียนข่าวไม่สามารถรอให้เหตุการณ์จบสิ้น  เพราะต้องส่งข่าวให้ทันช่วงเวลาปิดข่าว  (Deadline)

4       แบบความนำผนวกกับเนื้อข่าวที่มีข้อเท็จจริงสำคัญเท่าเทียมกัน  เป็นการรายงานข่าวที่เริ่มต้นด้วยความนำที่สรุปย่อข้อเท็จจริงทั้งหมดเอาไว้เช่นเดียวกับแบบพีระมิดหัวกลับ  แต่ส่วนเนื้อข่าวจะอธิบายรายละเอียดของข้อมูลข่าวแต่ละเรื่องโดยไม่เรียงตามลำดับความสำคัญ  หากแต่จะเรียงลำดับความเป็นเหตุเป็นผลของแต่ละข้อมูลข่าวที่สนับสนุนซึ่งกันละกันอยู่  โดยมีจุดเด่น  คือ  ข่าวที่เขียนจะไม่ถูกจำกัดความสั้น  ยาว  ด้วยพื้นที่ที่จะพิมพ์  เนื่องจากข้อมูลข่าวสารแต่ละข้อมูลในเหตุการณ์นั้นจะมีความสำคัญเท่าเทียมกันหมด  และแต่ละข้อมูลข่าวยังมีเหตุผลสนับสนุนกันอยู่จนไม่อาจจะตัดข้อมูลข่าวใดออกไปได้  จึงเหมาะกับข่าวที่มีเนื้อหาหลายเหตุการณ์ในข่าวเดียวกัน  เช่น  ข่าวปฏิวัติรัฐประหาร  ข่าวภัยธรรมชาติ  หรืแปรากฎการณ์ธรรมชาติ  ข่าวกีฬาซีเกมส์  เป็นต้น

ข้อ  6  ในการรายงานข่าวการเสียชีวิตของอดีตนายกรัฐมนตรีคนหนึ่ง  ซึ่งถือว่าเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง  จะต้องเสนอประเด็นเนื้อหาอะไรบ้าง

และระบุคุณลักษณะอะไรบ้างในเนื้อหาของข่าวดังกล่าว

แนวคำตอบ

การรายงานข่าวอดีตนายกรัฐมนตรีเสียชีวิตควรนำเสนอประเด็นเนื้อหา 

1       ประเด็นสำคัญในความนำ  ควรเริ่มต้นด้วยการสรุปข้อเท็จจริงที่สำคัญที่สุดของผู้เสียชีวิต  คือ  ชื่อ  นามสกุล  อาชีพ  หรือตำแหน่งสูงสุด  อายุ  สาเหตุการเสียชีวิต  วันที่  เวลา  และสถานที่ที่เสียชีวิต

2       ประเด็นในเนื้อเรื่อง  

–          ย่อหน้าแรก  สรุปลำดับเหตุการณ์ก่อนการเสียชีวิตอย่างสั้นๆ  ถ้าป่วยเป็นโรคเริ่มป่วยมาตั้งแต่เมื่อไร  มีอาการเป็นอย่างไร  รักษาโรงพยาบาลไหน  จากนั้นจึงระบุเหตุการณ์ตื่นเต้นขณะที่ผู้ตายใกล้จะเสียชีวิต  หรือเหตุผิดปกติที่เกิดขึ้นกับผู้ตายก่อนจะเสียชีวิต  โดยอาจเล่าเหตุการณ์แบบนาทีต่อนาทีหรืออาจอ้างคำพูดของแพทย์  หรือผู้ใกล้ชิดที่เห็นเหตุการณ์ก็ได้

–          ย่อหน้าต่อไป  จะเป็นรายละเอียดของพิธีศพและพิธีสวดพระอภิธรรมว่าจัดที่ใด  ใช้เวลากี่วัน  ผู้ใดเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรม  กำหนดการบรรจุศพ  และกำหนดดารฌาปนกิจ

–          ย่อหน้าสุดท้าย  เป็นส่วนของภูมิหลังหรือประวัติของผู้ตายว่าเป็นชาวจังหวัดใด  จบการศึกษาจากที่ใดบ้าง  มีชื่อเสียงในฐานะอะไร  ซึ่งอาจเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับอาชีพการงาน  ตำแหน่งในสังคมที่ได้รับการเลือกตั้งหรือแต่งตั้ง  มีผลงานดีเด่นอะไรที่เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป  รวมทั้งผู้เสียชีวิตมีภรรยาและบุตรธิดากี่คน  ชื่ออะไรบ้าง  มีบุพการีและญาติพี่น้องที่มีชื่อเสียงเป็นใครบ้าง

คุณลักษณะที่ต้องระบุในเนื้อหาข่าวดังกล่าว  มีดังนี้

1       คุณลักษณะของบุคคล  ได้แก่  ชื่อ- นามสกุล  อายุ  ยศหรือตำแหน่ง  เกียรติภูมิหรือชื่อเสียง (เช่น  เป็นอดีตรัฐมนตรี)  และยังต้องอ้างถึงญาติหรือคนใกล้ชิดที่เป็นคนดังอีกด้วย

2       คุณลักษณะของสถานที่  ได้แก่  สถานที่ที่เสียชีวิต  ซึ่งต้องระบุคุณลักษณะโดยการบอกที่ตั้ง  เลขที่  ซอย  ถนน  ตำบล  อำเภอ  จังหวัด  หลัก  กม.  ที่  บนถนนสาย…(กรณีเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ)  และอยู่ใกล้กับสถานที่ราชการใด  หรือเป็นที่ที่รู้จักกันดี  เพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพกว้างๆ  ว่าสถานที่ที่เป็นข่าวนั้นอยู่ที่ใด  และอยู่ห่างจากผู้อ่านเพียงใด

3       คุณลักษณะของเหตุการณ์  ได้แก่  ลำดับเหตุการณ์การเสียชีวิตตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ  เหตุการณ์ดำเนินไปอย่างไร  จบลงอย่างไร  และผลที่เกิดขึ้นหลังเหตุการณ์จบลงแล้ว

ข้อ  7  จงอ่านข้อมูลต่อไปนี้  แล้วตอบคำถาม

 ตำรวจสายตรวจ  สน.  สายไหม  ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายบุกจี้ชิงทรัพย์  ภายในซอยพหลโยธิน  58  แยก  55  บ้านเลขที่  587  หมู่  6  แขวงและเขตสายไหม  กทม.  จึงรีบรุดไปตรวจสอบ  ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียว  เนื้อที่  30  ตารางวา  พบนางจิตรา  บุณศรีธุระวานิช  อายุ  67  ปี  เจ้าของบ้านหลังดังกล่าวยืนรอเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยอาการหน้าซีดเผือด  ตัวสั่น

นางจิตราให้การว่า  ตนประกอบอาชีพรับซื้อของเก่า  ก่อนเกิดเหตุได้ออกจากบ้านไปรับซื้อของเก่าบริเวณใกล้บ้านในละแวกนี้  เมื่อกลับถึงหน้าบ้านพบชายสองคนขับรถจักรยานยนต์ถือกระเช้าของขวัญ  ภายในมีเครื่องดื่มประเภทไมโลและน้ำผลไม้มาจอดหน้าบ้าน  อ้างว่าเป็นเพื่อนของน้องจะเอากระเช้าปีใหม่มาเป็นของขวัญปีใหม่  ตนก็ยืนงงอยู่  จึงสอบถามคนร้ายว่าน้องคนไหน  ชื่ออะไร  จู่ๆคนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายก็กระโดดล็อกคอและลากเข้าบ้าน  จากนั้นใช้เครื่องช๊อตไฟฟ้าจี้ด้านหลังจนรู้สึกชาไปหมด  พอตั้งสติได้ก็ร้องให้เพื่อนบ้านช่วยและดิ้นรนต่อสู้  คนร้ายอีกคนจึงบอกให้เพื่อนอีกคนปิดประตู  แต่ดีที่มีเพื่อนบ้านวิ่งมาดู  คนร้ายทั้งสองคนตกใจรีบปล่อยตัววิ่งขึ้นรถขับหลบหนีไป

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบกระเช้าของขวัญ  พบว่าเป็นกระเช้าของขวัญชุดเล็ก  ซื้อมาจากห้างโลตัส  เอ็กซ์เพรส  เบื้องต้นสันนิษฐานว่าคนร้ายน่าจะรู้ว่านางจิตราเป็นคนมีฐานะ  มีทรัพย์สินและอยู่บ้านเพียงลำพังจึงได้วางแผนไปซื้อกระเช้าของขวัญปีใหม่  อ้างเพื่อเข้ามาในบ้านเพื่อจับล็อกจี้ด้วยเครื่องช๊อตไฟฟ้าเพื่อกวาดทรัพย์สินในบ้าน  แต่เหยื่อฮึดสู้ร้องให้คนช่วยจนต้องเผ่นหลบหนีไปโดยไม่ได้ทรัพย์สินไป  อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานกับห้างโลตัส  เอ็กซ์เพรส  เพื่อขอตรวจสอบกล้องวงจรปิด  ลักษณะรูปพรรณของคนร้าย  เพื่อติดตามมาดำเนินคดีต่อไป

สำหรับบ้านหลังดังกล่าวเคยถูกกลุ่มโจรขึ้นบ้านมาแล้วเมื่อ  7  8  ปีก่อน  แล้วจับนางจิตราขังไว้ในบ้านก่อนที่โจรจะช่วยกันยกเค้าทรัพย์สินไปจนเกลี้ยง  คาดว่าโจรกลุ่มนี้น่าจะเป็นกลุ่มเดียวกันที่หวนกลับมาก่อเหตุอีก

7.1          จากข่าวข้างต้น  จงเขียนความนำของข่าว

แนวคำตอบ

โจรเมืองกรุงมารูปแบบใหม่  อ้างเป็นเพื่อนน้องจะเอากระเช้าของขวัญปีใหม่มาให้  ฉวยจังหวะที่เจ้าของบ้านงง  โดดล็อกคอลากเข้าบ้าน  แล้วจี้ด้วยเครื่องช๊อตไฟฟ้าซ้ำ  แต่เจ้าของบ้านซึ่งเป็นหญิงอายุเกือบ  70  ใจเด็ดฮึดสู้  ร้องให้คนช่วย  จนคนร้ายตกใจหลบหนีไปโดยไม่ได้เอาอะไรไปซักอย่าง

7.2          ข่าวข้างต้นเขียนในรูปแบบใด  รูปแบบดังกล่าวมีลักษณะเด่นอย่างไร  และมีโครงสร้างอะไรบ้าง

แนวคำตอบ

ข่าวข้างต้นเขียนเป็นข่าวสั้นรูปแบบพีระมิดหัวกลับ  โดยเขียนเนื้อข่าวแบบถือความสำคัญเป็นหลักซึ่งมีลักษณะเด่น  คือ  เป็นการรายงานข่าวในลักษณะบอกประเด็นสำคัญที่สุดของเรื่องในตอนต้นก่อน  จากนั้นจึงค่อยขยายรายละเอียดของข้อเท็จจริงเหล่านั้นตามความสำคัญและความน่าสนใจลดหลั่นกันลงไปจนถึงย่อหน้าสุดท้ายซึ่งสำคัญน้อยที่สุด

โครงสร้างของข่าวสั้น  ประกอบด้วย

1       หัวข่าว  เป็นข้อความหรือคำที่เรียกร้องความสนใจ  และมีความหมายต่อการบอกข่าว  ส่วนใหญ่หัวข่าวมักบอกบุคคลและเหตุการณ์ในข่าว

2       เนื้อเรื่อง  เป็นส่วนข้อมูลข่าวทั้งหมดของเหตุการณ์ในข่าว  โดยหลักข่าวดังกล่าวเขียนเนื้อข่าวแบบถือความสำคัญเป็นหลัก  คือ  บอกประเด็นสำคัญที่สุดของเรื่องว่าเกิดอะไรขึ้นในย่อหน้าแรกก่อน  จากนั้นจึงบอกรายละเอียดที่มีความสำคัญและความน่าสนใจลดหลั่นกันลงไป

3       ส่วนเชื่อม  เป็นส่วนขยายของข้อเท็จจริง  ซึ่งปกติข่าวสั้นจะมีโครงสร้างเพียงแค่หัวข่าวกับเนื้อเรื่อง  แต่สำหรับข่าวดังกล่าวบอกส่วนเชื่อมที่เป็นภูมิหลังของเหตุการณ์ที่เป็นข่าวในย่อหน้าสุดท้าย

WordPress Ads
error: Content is protected !!