PHI1003 ปรัชญาเบื้องต้น 1/2560

การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2560

ข้อสอบกระบวนวิชา PHI 1003 ปรัชญาเบื้องต้น

คําสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคําตอบเดียว (ข้อสอบมีทั้งหมด 100 ข้อ)

1 ลักษณะของปัญหาในข้อใด มีคําตอบได้หลายคําตอบ

(1) กรสงสัยว่าปัญญาคือสิ่งที่ทําให้มนุษย์แตกต่างจากสัตว์หรือไม่

(2) ไกรสงสัยว่าฮอร์โมนในสัตว์กับมนุษย์เหมือนกันหรือไม่

(3) เกรียงสงสัยว่ามนุษย์คือสัตว์ที่กลัวการลงโทษใช่หรือไม่

(4) ถูกข้อ 1 และ 3

ตอบ 4 หน้า 1, 9 – 10, (คําบรรยาย) ปรัชญาเกิดขึ้นพร้อมกับมนุษย์ เพราะมนุษย์เป็นผู้มีปัญญาซึ่งลักษณะสําคัญประการหนึ่งของปรัชญาก็คือ แม้แต่คําตอบต่อปัญหาอันเดียวกันนั้นก็อาจ มีคําตอบที่เป็นไปได้หลายคําตอบ โดยยังไม่มีการกําหนดหรือยอมรับกันลงไปว่าคําตอบใด เป็นคําตอบที่ถูกต้องที่สุด วิชาปรัชญาถือว่าคําตอบทุกคําตอบเป็นไปได้ทั้งสิ้น ดังนั้นปรัชญา จึงช่วยแก้ปัญหาให้แก่มนุษย์ด้วยการใช้ปัญญาแสวงหาคําตอบที่เป็นไปได้ (ส่วนตัวเลือกข้อ 2 เป็นปัญหาทางด้านวิชาวิทยาศาสตร์ ซึ่งมีคําตอบที่แน่นอนพอสมควร)

2 ความเชื่อในเรื่องบูชาพระราหูเป็นแนวปฏิบัติตนของคนไทยที่สอดคล้องกับแนวคิดของมนุษย์ยุคใดใน ประวัติปรัชญา

(1) ยุคดึกดําบรรพ์

(2) ยุคโบราณ

(3) ยุคกลาง

(4) ยุคใหม่

ตอบ 1 หน้า 2 ปัญหาปรัชญาในยุคดึกดําบรรพ์ คือ ปัญหาที่ว่าภัยธรรมชาติ เช่น ภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว น้ำท่วม ฯลฯ มาจากไหน เกิดขึ้นได้อย่างไร และจะแก้ไขอย่างไร โดยมนุษย์ในยุคนั้นเชื่อกันว่า โลกหรือจักรวาลมีกฎเกณฑ์ที่ไม่แน่นอนตายตัว ยุ่งเหยิง และปรากฏการณ์ทางธรรมชาติต่าง ๆ เกิดขึ้นอย่างไม่มีระเบียบ ภัยธรรมชาติเกิดจากเทพเจ้า หรือเทพเจ้าเป็นผู้บันดาลให้เกิดภัยธรรมชาติขึ้น ดังนั้นมนุษย์จะรอดพ้นจากภัยธรรมชาติได้ก็ต้องเอาใจเทพเจ้า คือ ทําให้เทพเจ้าพึงพอใจด้วยการถวายของบูชาเทพเจ้าหรือสิ่งเหนือธรรมชาติ

3 ปรัชญาตะวันตกยุคใดที่ได้รับฉายาว่า สาวใช้ของศาสนา

(1) ยุคดึกดําบรรพ์

(2) ยุคโบราณ

(3) ยุคกลาง

(4) ยุคใหม่

ตอบ 3 หน้า 8, 249 ปรัชญาตะวันตกยุคกลาง เป็นช่วงสมัยที่ศาสนาคริสต์ได้รับการยอมรับนับถือกันทั่วไป ดังนั้นปรัชญาตะวันตกยุคกลางจึงได้รับฉายาว่า “สาวใช้ของศาสนา” เนื่องจากปรัชญา ถูกดึงไปเป็นเครื่องมือสําหรับอธิบายและส่งเสริมคําสอนของศาสนาคริสต์ให้ดูมีเหตุมีผลยิ่งขึ้นถือเป็นการประนีประนอมระหว่างปรัชญากรีกกับคริสต์ศาสนา

4 ปรัชญาตะวันตกยุคใดที่ได้ชื่อว่า ได้รับอิทธิพลของวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์

(1) ยุคดึกดําบรรพ์

(2) ยุคโบราณ

(3) ยุคกลาง

(4) ยุคใหม่

ตอบ 4 หน้า 8, 251 – 255, (คําบรรยาย) ปรัชญาตะวันตกยุคใหม่ หมายถึง ปรัชญาตะวันตกที่นับตั้งแต่ปรัชญาตะวันตกสมัยกลางสิ้นสุดลง (ประมาณศตวรรษที่ 15 เป็นต้นมา) ซึ่งปรัชญาในยุคนั้น จะได้รับอิทธิพลจากวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์เป็นอย่างมาก โดยมีนักปรัชญาที่สําคัญ ได้ เดส์การ์ต (Descartes), สปิโนซ่า (Spinoza), ไลบ์นิตซ์ (Leibnitz), จอห์น ล็อค (John Locke เดวิด ฮูม (David Hume), โธมัส ฮอบส์ (Thomas Hobbes) เป็นต้น

5 “ปรัชญาบริสุทธิ์” คืออะไร

(1) ความเป็นจริง

(2) การรู้ความเป็นจริง

(3) การปฏิบัติตนให้สอดคล้องกับความเป็นจริง

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 11 – 17 ปรัชญาบริสุทธิ์ (Pure Philosophy) หมายถึง ปัญหาหรือขอบเขตของปรัชญาที่เป็นเรื่องของปรัชญาโดยเฉพาะ ไม่เกี่ยวข้องกับข้อสรุปของวิชาอื่น ๆ ที่แยกตัวออกไปจาก วิชาปรัชญาแล้ว ซึ่งปรัชญาบริสุทธิ์จะศึกษาถึงปัญหาเกี่ยวกับความเป็นจริงในประเด็นปัญหา 3 ประการ ดังนี้คือ

1 ความเป็นจริงคืออะไร

2 เรารู้ความเป็นจริงได้อย่างไร

3 เราพึงปฏิบัติตนอย่างไรจึงจะสอดคล้องกับความเป็นจริง

6 นักปรัชญากรีกโบราณคนใดที่สนใจศึกษาเรื่องปฐมธาตุ

(1) ทาเลส

(2) เพลโต

(3) โซฟิสต์

(4) ถูกข้อ 2 และ 3

ตอบ 1 หน้า 7, 28 ทาเลส (Thales) เป็นนักปรัชญากรีกโบราณสมัยเริ่มต้นที่เชื่อว่า ปรากฏการณ์ธรรมชาติทั้งหลายวิวัฒนาการมาจากสิ่ง ๆ เดียวหรือมาจากสารเบื้องต้นเดียวกันคือ น้ำ ซึ่งเป็นปฐมธาตุ (สรรพสิ่ง) ของโลก และเป็นหน่วยแห่งความจริงขั้นมูลฐานหรือแก่นแท้ของจักรวาล

7 นักปรัชญากรีกโบราณคนใดที่สนใจศึกษาเรื่องสมรรถภาพในการแสวงหาความรู้ของมนุษย์เป็นพิเศษ

(1) ทาเลส

(2) เพลโต

(3) โซฟิสต์

(4) ถูกข้อ 2 และ 3

ตอบ 4 หน้า 7 – 8 นักปรัชญากรีกยุคโบราณสมัยรุ่งเรือง สนใจศึกษาปัญหาเรื่องสมรรถภาพหรือความสามารถของมนุษย์ในการแสวงหาความรู้ หรือมนุษย์มีความสามารถพอที่จะรู้ความจริงได้หรือไม่ ซึ่งนักปรัชญาที่สําคัญในยุคสมัยนี้ ได้แก่ โซฟิสต์ โซเครตีส เพลโต และอริสโตเติล

8 ลัทธิใดมีความสัมพันธ์กับปัญหาเรื่องบ่อเกิดของความรู้มากที่สุด

(1) สัจนิยม

(2) มนุษยนิยม

(3) ประโยชน์นิยม

(4) ประสบการณ์นิยม

ตอบ 4 หน้า 14 – 16, 103, 127 ปัญหาทางญาณวิทยาหรือปัญหาเรื่องทฤษฎีของความรู้ คือ ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องต่าง ๆ ดังนี้

1 ปัญหาเรื่องบ่อเกิดของความรู้ มีแนวคําตอบอยู่ 2 แนว คือ ลัทธิเหตุผลนิยม และลัทธิประสบการณ์นิยม (ประจักษนิยม)

2 ปัญหาธรรมชาติของความรู้มีแนวคําตอบอยู่ 2 แนว คือ ลัทธิสัจนิยม และลัทธิจิตนิยมแบบอัตนัย

9 ลัทธิเอปิคิวรุส (Epicureanism) จะเสนอวิธีการดําเนินชีวิตอย่างไรในยุคเศรษฐกิจถดถอย

(1) แสวงหาความสุขให้มากก่อนอดตาย

(2) อดทนทํางานทุกอย่างเพื่อรอเวลาเศรษฐกิจฟื้นตัว

(3) ยอมรับสภาพและทําใจจนไม่มีความรู้สึกทุกข์

(4) ปลดปล่อยตัวเองจากหน้าที่ทั้งปวงและใช้ชีวิตอย่างสุนัข

ตอบ 1 หน้า 8 ปรัชญากรีกยุคโบราณสมัยเสื่อม หมายถึง ปรัชญากรีกยุคหลังอริสโตเติลและเป็นเวลาในช่วงสมัยของการขยายตัวของอาณาจักรโรมัน ซึ่งแนวคิดของนักปรัชญาในยุคนี้ จะสนใจเรื่องการแสวงหาความสุขของชีวิตเป็นพิเศษ (แสวงหาความสุขให้มากก่อนอดตาย)โดยลัทธิปรัชญาที่สําคัญในยุคนี้ ได้แก่ ลัทธิเอปิคิวรุส ลัทธิสโตอิก และลัทธิซีนิก เป็นต้น

10 ลัทธิสโตอิก (Stoicism) จะเสนอวิธีการดําเนินชีวิตอย่างไรในยุคเศรษฐกิจถดถอย

(1) แสวงหาความสุขให้มากก่อนอดตาย

(2) อดทนทํางานทุกอย่างเพื่อรอเวลาเศรษฐกิจฟื้นตัว

(3) ยอมรับสภาพความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นและเข้าใจจนไม่มีความรู้สึกทุกข์

(4) ปลดปล่อยตัวเองจากหน้าที่ทั้งปวงและใช้ชีวิตอย่างสุนัข

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 9 ประกอบ

11 “Metaphysics” มีความหมายตรงกับศัพท์ภาษาไทยคําใด

(1) จริยศาสตร์

(2) อภิปรัชญา

(3) ญาณวิทยา

(4) อตินทรีย์วิทยา

ตอบ 4 หน้า 21 – 22 Metaphysics แปลว่า วิชาที่ว่าด้วยสิ่งที่อยู่เบื้องหลังวัตถุ หรือวิชาที่ว่าด้วยสิ่งที่อยู่เบื้องหลังสิ่งที่รู้สึกทางประสาทสัมผัส จะมีความหมายตรงกับคําว่า “อตินทรีย์วิทยา” ซึ่งแปลว่า ล่วงเลยอินทรีย์หรือประสาทสัมผัส แต่คําว่าอตินทรีย์วิทยานี้ไม่เป็นที่นิยมใช้กันโดยคําที่นิยมใช้ก็คือ “อภิปรัชญา” ซึ่งแปลว่า ความรู้อันประเสริฐที่ยิ่งใหญ่

12 ข้อใดเป็นลักษณะของนักสสารนิยม

(1) คนที่เชื่อว่าวัตถุเท่านั้นที่เป็นจริง

(2) คนที่เชื่อว่ามนุษย์แสวงหาความสุขทางกายเท่านั้น

(3) คนที่ปฏิเสธเรื่องชีวิตหลังการตาย

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 25, (คําบรรยาย) สสารนิยม เชื่อว่า สสารหรือวัตถุเท่านั้นที่เป็นจริง โดยมนุษย์จะแสวงหาความสุขทางกายเท่านั้น และปฏิเสธชีวิตหลังการตาย (ซึ่งจะตรงข้ามกับจิตนิยม ที่เชื่อว่าอสสารหรือจิตเท่านั้นที่เป็นจริง โดยมนุษย์จะแสวงหาความสุขทางใจเท่านั้น และไม่ปฏิเสธชีวิตหลังการตาย)

13 นักจิตนิยมมีทัศนะเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างจิต-กาย อย่างไร

(1) จิตคือกาย

(2) จิตสําคัญคู่กาย

(3) จิตสําคัญกว่ากาย

(4) จิตมีอยู่ตราบเท่าที่มีกาย

ตอบ 3 หน้า 35, (คําบรรยาย) จิตนิยม เชื่อว่า มนุษย์มีองค์ประกอบ 2 อย่างคือ จิตกับร่างกาย โดยจิตหรือวิญญาณสําคัญกว่าร่างกาย เพราะเป็นตัวตนที่แท้จริงของมนุษย์ และมีสภาวะเป็นอมตะ เมื่อตายไปแล้วก็จะกลับมาเกิดใหม่ ดังนั้นการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้จึงต้องกระทําความดีเพื่อเป็นสะพานที่จะมุ่งไปสู่ความจริงในโลกหน้า เพราะโลกเป็นเพียงแค่ทางผ่านไปสู่สัจธรรม

14 นักสสารนิยมมีทัศนะเรื่องการดับของจิตอย่างไร

(1) จิตดับเมื่อร่างกายตาย

(2) ไม่มีจิต มีแต่ผลจากการทํางานอันซับซ้อนของสมองเท่านั้น

(3) จิตไม่ดับแม้ร่างกายตาย

(2) จิตดับเมื่อหมดกิเลส

ตอบ 2 หน้า 35, (คําบรรยาย) สสารนิยม ถือว่า ไม่มีจิตวิญญาณ มีแต่ผลจากการทํางานอันซับซ้อนของสมองและระบบประสาท ซึ่งสมองนั้นเป็นสสาร คือ เมื่อวิเคราะห์ออกมาแล้วก็จะออกมา เป็นโมเลกุล และเมื่อแยกต่อไปก็จะเป็นอะตอม อิเล็กตรอน โปรตอน และอื่น ๆ ต่อไป ในโลกนี้ไม่มีอะไรเกิด ไม่มีอะไรดับ จะมีก็แต่การรวมตัวและการแยกตัวของสิ่งอันเป็นหน่วยเดิมเท่านั้น

15 “สสารเป็นสิ่งที่อยู่ในระบบของอวกาศ-เวลาอย่างหนึ่ง และไม่สามารถใช้อธิบายความเป็นจริงของโลกนี้ ได้อย่างสมบูรณ์” เป็นแนวคิดของนักปรัชญาลัทธิใด

(1) ธรรมชาตินิยม

(2) จักรกลนิยม

(3) สสารนิยม

(4) จิตนิยม

ตอบ 1 หน้า 33 – 34, (คําบรรยาย) ธรรมชาตินิยม ได้ให้คํานิยามไว้ว่า สิ่งธรรมชาติ (สสาร) คือสิ่งที่มีขึ้นและดับลงตามปฏิบัติการของสาเหตุธรรมชาติ โดยสิ่งธรรมชาติเป็นสิ่งที่อยู่ในระบบของอวกาศ-เวลาอย่างหนึ่ง และไม่สามารถใช้อธิบายความเป็นจริงของโลกนี้ได้อย่างสมบูรณ์

16 “ถ้าพอมีเงินซื้อรถยนต์ก็ควรซื้อเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี เพราะจะช่วยไม่ให้เหนื่อยล้าจากการเดินทาง และลดความเครียดที่เกิดจากปัญหาการจราจรได้” น่าจะเป็นแนวคิดที่สอดคล้องกับปรัชญาลัทธิใด

(1) จิตนิยม

(2) สสารนิยม

(3) ปัญญานิยม

(4) ธรรมชาตินิยม

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 12 ประกอบ

17 “โลกเป็นเพียงแค่ทางผ่านไปสู่สัจธรรม” เป็นแนวคิดเกี่ยวกับความสําคัญของโลกของนักปรัชญาลัทธิใด

(1) จิตนิยม

(2) สสารนิยม

(3) จักรกลนิยม

(4) ธรรมชาตินิยม

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 13 ประกอบ

18 เกียรติยศชื่อเสียงและความเสียสละ เป็นเป้าหมายของบุคคลประเภทใดในทัศนะของเพลโต

(1) คนมีจิตภาคตัณหาเด่น

(2) คนมีจิตภาคน้ำใจเด่น

(3) คนมีจิตภาคเหตุผลเด่น

(4) คนที่มีจิต 3 ภาคสมดุลกัน

ตอบ 2 หน้า 35 – 36, 245 246 จิตในทัศนะของเพลโต แบ่งออกเป็น 3 ภาค ดังนี้

1 ภาคตัณหา คือ ความต้องการความสุขทางกาย โดยจะพยายามทําทุกอย่างเพื่อแสวงหาเงินมาสนองความสุขทางโลก จึงเป็นบุคคลที่ลุ่มหลงในโลกียสุข

2 ภาคน้ำใจ คือ ความรู้สึกทางใจ ได้แก่ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ความเสียสละ เกียรติยศชื่อเสียง และการได้รับการยกย่อง โดยพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือแก่ผู้อื่นที่ตกทุกข์ได้ยากทุกเมื่อ

3 ภาคเหตุผลหรือภาคปัญญา เป็นจิตภาคที่พัฒนาขึ้นมาสูงสุดแล้ว คือ มีความใฝ่ในสัจจะโดยอาจยอมเสียสละทั้งเงินและเกียรติเพื่อแสวงหาความรู้ ความจริง ความดี ความงามและความยุติธรรม ซึ่งจิตภาคนี้เท่านั้นที่จะทําให้มนุษย์เข้าสู่โลกของแบบได้

19 การได้รับยกย่องเป็นเจ้าสัว น่าจะเป็นเป้าหมายของบุคคลประเภทใดในทัศนะของเพลโต

(1) คนมีจิตภาคตัณหาเด่น

(2) คนมีจิตภาคน้ำใจเด่น

(3) คนมีจิตภาคเหตุผลเด่น

(4) คนที่มีจิต 3 ภาคสมดุลกัน

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 18 ประกอบ

20 ศาสนาคริสต์เชื่อในพระเจ้าแบบลัทธิใด

(1) Monotheism

(2) Polytheism

(3) Henotheism

(4) Atheism

ตอบ 1 (คําบรรยาย) ความเชื่อเกี่ยวกับพระเจ้าแบ่งออกเป็น 4 แบบดังนี้

1 Monotheism เชื่อว่า พระเจ้ามีองค์เดียว และเป็นพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ซึ่งความเชื่อในลักษณะนี้เป็นความเชื่อของศาสนาคริสต์

2 Polytheism เชื่อว่า พระเจ้ามีหลายองค์ และทุกพระองค์ล้วนยิ่งใหญ่ ซึ่งความเชื่อในลักษณะนี้เป็นความเชื่อของศาสนาพราหมณ์หรือฮินดู

3 Henotheism เชื่อว่า พระเจ้ามีหลายองค์ แต่ยกให้องค์ใดองค์หนึ่งเป็นพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่

4 Atheism เชื่อว่า พระเจ้าไม่มีอยู่จริง หรือปฏิเสธการมีอยู่ของพระเจ้า

21 ทฤษฎีเชิงวัตถุประสงค์พิสูจน์การมีอยู่จริงของพระเจ้าจากสิ่งใด

(1) ลักษณะความจํากัดของโลก

(2) ลักษณะความเป็นระเบียบของโลก

(3) ความคิดของมนุษย์เกี่ยวกับพระเจ้า

(4) มโนธรรมของมนุษย์

ตอบ 2 หน้า 43 ทฤษฎีเชิงวัตถุประสงค์ ถือว่า โลกนี้มีเอกภาพ มีระเบียบ มีความกลมกลืนกัน เช่น มีที่ราบ ภูเขา ทะเล มีพืช สัตว์ และมนุษย์ ซึ่งต่างก็ปรับตัวให้เข้ากับระเบียบที่กําหนดไว้แล้ว ในธรรมชาติ ซึ่งแสดงว่าโลกนี้ต้องมีผู้ออกแบบที่ชาญฉลาดสร้างขึ้นมา และมีวัตถุประสงค์ที่จะให้เป็นเช่นนั้น โดยผู้ออกแบบสร้างโลกนี้ก็คือพระผู้เป็นเจ้า เพราะฉะนั้นพระผู้เป็นเจ้าจึงมีอยู่

22 ทฤษฎีเชิงภววิทยาพิสูจน์การมีอยู่จริงของพระเจ้าจากสิ่งใด

(1) ลักษณะความจํากัดของโลก

(2) ลักษณะความเป็นระเบียบของโลก

(3) ความคิดของมนุษย์เกี่ยวกับพระเจ้า

(4) มโนธรรมของมนุษย์

ตอบ 3 หน้า 43 ทฤษฎีเชิงภววิทยา ถือว่า พระเจ้าเป็นสิ่งสัมบูรณ์และเป็นสิ่งที่ไม่มีขอบเขตจํากัดส่วนมนุษย์เป็นสิ่งสัมพัทธ์และเป็นสิ่งจํากัด ซึ่งการที่มนุษย์มีความคิดในเรื่องพระเจ้าได้นั้น เกิดจากพระเจ้าเป็นต้นเหตุให้มนุษย์คิดถึงสิ่งที่ไร้ขอบเขตนี้ขึ้นมาได้ ดังนั้นพระเจ้าจึงมีอยู่

23 ข้อใดเป็นลักษณะของอะตอมของกรีก

(1) อะตอมของธาตุต่าง ๆ แตกต่างกันทางด้านปริมาณเท่านั้น

(2) อะตอมของธาตุต่าง ๆ แตกต่างกันทางด้านคุณภาพเท่านั้น

(3) อะตอมของธาตุต่าง ๆ แตกต่างกันทั้งทางด้านปริมาณและคุณภาพ

(4) อะตอมของธาตุต่าง ๆ เหมือนกันทั้งทางด้านปริมาณและคุณภาพ

ตอบ 1 หน้า 57 ปรัชญากรีก ถือว่า ปรมาณู (อะตอม) ของธาตุต่าง ๆ มีความแตกต่างกันเฉพาะด้านจํานวนหรือปริมาณเท่านั้น แต่ในด้านคุณภาพมีลักษณะเหมือนกัน ส่วนลัทธิไวเศษกะถือว่า ปรมาณูของธาตุต่าง ๆ มีความแตกต่างกันทั้งทางด้านปริมาณและคุณภาพ

24 ข้อใดเป็นลักษณะของปรมาณูของลัทธิไวเศษกะ

(1) ปรมาณูของธาตุต่าง ๆ แตกต่างกันทางด้านปริมาณเท่านั้น

(2) ปรมาณูของธาตุต่าง ๆ แตกต่างกันทางด้านคุณภาพเท่านั้น

(3) ปรมาณูของธาตุต่าง ๆ แตกต่างกันทั้งทางด้านปริมาณและคุณภาพ

(4) ปรมาณูของธาตุต่าง ๆ เหมือนกันทั้งทางด้านปริมาณและคุณภาพ

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 23 ประกอบ

25 ข้อใดเป็นทัศนะเกี่ยวกับคุณสมบัติของปรมาณูของลัทธิไวเศษกะ

(1) คุณสมบัติของปรมาณูมีความเที่ยงแท้เช่นเดียวกับปรมาณู

(2) ปรมาณูเคลื่อนไหวตามการชี้นําของพระเจ้า

(3) ปรมาณูมีทั้งคุณสมบัติปฐมภูมิและทุติยภูมิ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 57 58 ทัศนะเกี่ยวกับคุณสมบัติของปรมาณูของลัทธิไวเศษกะ ได้แก่ ปรมาณูแต่ละปรมาณูเป็นสิ่งเที่ยงแท้และไม่แตกดับเช่นเดียวกับคุณสมบัติของปรมาณูแต่ละอย่าง ปรมาณูมีทั้งคุณสมบัติปฐมภูมิและคุณสมบัติทุติยภูมิ ปกติปรมาณูจะอยู่ในภาวะที่หยุดนิ่ง แต่จะเคลื่อนไหวตามการชี้นําหรือตามเจตจํานงของพระเจ้า

26 สิ่งที่ผัสสะของมนุษย์สามารถสัมผัสได้นั้น ต้องเกิดจากการรวมตัวของปรมาณูจํานวนเท่าใดเป็นอย่างน้อย ตามทัศนะของลัทธิไวเศษกะ

(1) จํานวน 1 – 2 ปรมาณู

(2) จํานวน 3 ปรมาณูขึ้นไป

(3) จํานวน 4 ปรมาณูขึ้นไป

(4) จํานวน 5 ปรมาณูขึ้นไป

ตอบ 2 หน้า 59 ลัทธิไวเศษกะ ถือว่า วัตถุจะต้องเกิดจากการรวมตัวกันของปรมาณูอย่างน้อย 2 ปรมาณู ส่วนวัตถุที่เราพอจะรู้ด้วยประสาทสัมผัสหรือสิ่งที่ผัสสะของมนุษย์สามารถสัมผัสได้นั้น จะต้องเกิดขึ้นจากการรวมตัวของปรมาณูจํานวนตั้งแต่ 3 ปรมาณูขึ้นไป

27 ตามทัศนะของไวเศจิกะ วิญญาณของมนุษย์คืออะไร

(1) ชีวาตมัน

(2) ปรมาณูพิเศษ

(3) ปรมาณูธรรมดา

(4) มนุษย์ไม่มีวิญญาณ

ตอบ 1 หน้า 58 ปรัชญากรีก ถือว่า วิญญาณของสิ่งมีชีวิตเกิดจากการรวมตัวของปรมาณู แต่เป็นปรมาณูหรืออะตอมพิเศษ ส่วนปรัชญาไวเศษกะ ถือว่า วิญญาณหรืออาตมันหรือชีวาตมันนั้น เป็นสิ่งที่มีอยู่เป็นพิเศษต่างหากจากปรมาณู ไม่ได้เกิดจากการรวมตัวของปรมาณูของธาตุใด ๆ แต่เป็นสิ่งที่เที่ยงแท้นิรันดรควบคู่ไปกับปรมาณู และมีลักษณะพิเศษของตนเองโดยเฉพาะ

28 พระพุทธเจ้าทรงตอบปัญหาเกี่ยวกับอภิปรัชญาด้วยวิธีการใด

(1) ทรงตอบตรงคําถาม

(2) ทรงตอบโดยวิธีแยกแยะ

(3) ทรงตอบโดยวิธีย้อนถาม

(4) ทรงตอบโดยวิธีสงบนิ่ง

ตอบ 4 หน้า 77 – 78 วิธีการตอบปัญหาของพระพุทธเจ้าจะทรงใช้ทั้ง 4 วิธีตามตัวเลือก แต่ถ้าเป็นปัญหาเกี่ยวกับอภิปรัชญาพระพุทธองค์จะทรงใช้วิธีสงบนิ่ง (ดุษณีภาพ) ซึ่งสาเหตุสําคัญที่ทรงใช้วิธีการนี้เพราะทรงเห็นว่าถ้าตอบไปก็อาจทําให้ผู้ฟังเข้าใจผิดได้

29 สาเหตุสําคัญที่ทรงใช้วิธีตามข้อ 28 คืออะไร

(1) ทรงเห็นว่าอาจทําให้ผู้ฟังเข้าใจผิดได้

(2) ทรงเห็นว่าเป็นเรื่องที่แต่ละบุคคลควรสรุปเอง

(3) ทรงเห็นว่าเป็นปัญหาซับซ้อน

(4) ทรงเห็นว่าถ้าตอบไปก็ไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจ

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 28 ประกอบ

30 คําสอนที่แสดงเหตุในอริยสัจ 4 คืออะไร

(1) ทุกข์และสมุทัย

(2) นิโรธและมรรค

(3) ทุกข์และนิโรธ

(4) สมุทัยและมรรค

ตอบ 4 หน้า 79 คําสอนของพระพุทธองค์ในอริยสัจ 4 แสดงเหตุและผลโดยลําดับ ดังนี้

1 แสดงเหตุ 2 ประการ ได้แก่ สมุทัย (แสดงเหตุแห่งทุกข์) และมรรค (แสดงเหตุคือ

การปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์)

2 แสดงผล 2 ประการ ได้แก่ ทุกข์ (แสดงผลคือทุกข์) และนิโรธ (แสดงผลคือความดับทุกข์)

31 คําสอนที่แสดงผลในอริยสัจ 4 คืออะไร

(1) ทุกข์และสมุทัย

(2) นิโรธและมรรค

(3) ทุกข์และนิโรธ

(4) สมุทัยและมรรค

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 30 ประกอบ

32 สัตว์ที่ยังสามารถเวียนว่ายตายเกิดได้ คืออะไรตามคําสอนของพุทธศาสนา

(1) มนุษย์

(2) เทดา

(3) พรหม

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 83 (คําบรรยาย) สัตว์ที่ยังสามารถเวียนว่ายตายเกิดได้ตามคําสอนของพุทธศาสนา คือ มนุษย์ และสัตว์นรกที่เรียกว่าอุปปาติกะ (ผู้เกิดผุดขึ้นโดยไม่ต้องอาศัยพ่อแม่ อาศัยอดีตกรรม) ได้แก่ เทวดา พรหม เปรต อสุรกาย ดังนั้นสัตว์ที่ยังสามารถเวียนว่ายตายเกิดเหล่านี้จึงไม่ใช่จุดประสงค์ของพระพุทธศาสนา เพราะยังไม่พ้นไปจากทุกข์ได้

33 ความอยากหรือตัณหาตามข้อใดเป็นกามตัณหาตามหลักอริยสัจ 4

(1) อยากฟังเสียงนุ่มนวลของนักร้องคนโปรด

(2) อยากเป็นนักร้อง

(3) ไม่อยากพ้นจากตําแหน่งนักร้องยอดนิยม

(4) ไม่อยากเป็นนักร้องที่ถูกลืม

ตอบ 1 หน้า 84 85 ตัณหามีอยู่ 3 ประเภท ได้แก่

1 กามตัณหา คือ ความอยากเห็น อยากฟัง อยากสูดกลิ่น อยากลิ้มรส และอยากสัมผัสในสิ่งที่ตนถูกใจ

2 ภวตัณหา คือ ความอยาก เป็นเจ้าของ ความอยากมีหรืออยากเป็นสิ่งอื่น ๆ

3 วิภวตัณหา คือ ความอยากไม่ให้สิ่งที่ตนมีอยู่หรือเป็นอยู่เสื่อมสิ้นไป ความอยากไม่มีดังที่ตนมีอยู่หรือไม่อยากเป็นดังที่ตนเป็นอยู่

34 ความอยากหรือตัณหาตามข้อใดเป็นภวตัณหาตามหลักอริยสัจ 4

(1) อยากฟังเสียงนุ่มนวลของนักร้องคนโปรด

(2) อยากเป็นนักร้อง

(3) ไม่อยากพ้นจากตําแหน่งนักร้องยอดนิยม

(4) ไม่อยากเป็นนักร้องที่ถูกลืม

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 33 ประกอบ

35 มรรค 8 คือ วิถีปฏิบัติเพื่ออบรมสิ่งใดตามหลักอริยสัจ 4

(1) อบรมกายกับวาจา

(2) อบรมใจ

(3) อบรมความเห็น

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 86 – 89, (คําบรรยาย) มรรค 8 คือ ทางสายกลางซึ่งเป็นข้อปฏิบัติเพื่อให้ถึงความดับทุกข์ตามหลักอริยสัจ 4 โดยจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้คือ

1 ส่วนที่อบรมกายกับวาจา เรียกว่า “ศีล” มี 3 ข้อ คือ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ และสัมมาอาชีวะ

2 ส่วนที่อบรมจิต เรียกว่า “สมาธิ” มี 3 ข้อ คือ สัมมาวายามะ สัมมาสติ และสัมมาสมาธิ

3 ส่วนที่อบรมทิฐิและความเห็น เรียกว่า “ปัญญา” มี 2 ข้อ คือ สัมมาทิฐิ และสัมมาสังกัปปะ

36 “เหตุการณ์ทุกเหตุการณ์ต้องมีสาเหตุ” เป็นความรู้แบบใดในทัศนะของพวกเหตุผลนิยม

(1) เป็นความรู้ที่จําต้องเป็น

(2) เป็นความรู้ที่รู้โดยอัชฌัตติกญาณ

(3) เป็นความรู้ก่อนประสบการณ์

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 104 105, 115 116 ความรู้ที่แท้จริงในทัศนะของนักปรัชญาลัทธิเหตุผลนิยมที่สําคัญ เช่น เดส์การ์ต (Descartes), สปิโนซา (Spinoza) และไลบ์นิตซ์ (Leibnitz) คือ ความรู้ก่อนประสบการณ์ซึ่งเป็นความจริงที่แน่นอนตายตัวโดยไม่เปลี่ยนแปลง หรือความจริง ชนิดที่จําต้องเป็น (Necessary Truth) คือ ต้องจริงในทุกที่ทุกเวลา เป็นความจริงที่ไม่มีวัน ผิดพลาดได้ เป็นข้อความที่ต้องจริงตลอดไปโดยไม่ต้องมีการพิสูจน์ เป็นสิ่งที่รู้ได้โดยไม่ต้องมี ประสบการณ์มายืนยัน และจิตของมนุษย์ก็สามารถรู้ความจริงชนิดนี้ได้โดย “อัชฌัตติกญาณ” (Intuition) คือ การหยั่งรู้โดยตรงด้วยจิตใจหรือด้วยแสงสว่างแห่งเหตุผลหรือแสงสว่างแห่ง ปัญญาแบบทันทีทันใดโดยไม่ต้องอาศัยสื่อใด ๆ ทั้งสิ้น เช่น ข้อความที่ว่า “สิ่งหนึ่งไม่อาจจะ อยู่ในสถานที่สองแห่งในเวลาเดียวกันได้”, “เหตุการณ์ทุกเหตุการณ์ต้องมีสาเหตุ”, “เส้นตรงที่ขนานกันจะไม่มีวันมาบรรจบกันได้” ฯลฯ

37 ข้อใดเป็นความรู้ที่ได้จากวิธีนิรนัย

(1) เส้นขนานไม่มีวันพบกัน

(2) อุ๊ย นั่นเส้นขนานของรางรถไฟ

(3) อ้อ เห็นมามากแล้ว รางรถไฟไม่มีวันพบกันหรอก

(4) เส้นขนานไม่มีวันพบกัน รางรถไฟเป็นเส้นขนาน ดังนั้น รางรถไฟไม่มีวันพบกัน

ตอบ 4 หน้า 105 การแสวงหาความรู้โดยวิธีนิรนัย (Deduction) คือ การพิสูจน์ความเชื่อใด ๆ โดยอาศัยความจริงพื้นฐานที่มีอยู่ก่อนหรือที่ยอมรับกันโดยทั่วไปเป็นหลัก แล้วก็ใช้ความคิดสืบสาว จากความรู้นั้นไปเพื่อที่จะรู้ในสิ่งอื่น โดยที่ข้อสรุปต้องได้มาจากข้ออ้าง ถ้าหากข้ออ้างเป็นจริง ข้อสรุปก็ต้องเป็นจริงด้วย ซึ่งวิชาคณิตศาสตร์ เรขาคณิต และพีชคณิตก็ใช้วิธีการคิดหาเหตุผลแบบนิรนัยนี้ในการแสวงหาความจริงโดยไม่อาศัยการพิสูจน์หรือยืนยันจากประสบการณ์ด้วย

38 ข้อใดเป็นความรู้ที่ได้จากอัชญัตติกญาณแบบประสบการณ์นิยม

(1) เส้นขนานไม่มีวันพบกัน

(2) อุ้ย!! นั่นรางรถไฟเป็นเส้นขนาน

(3) รางรถไฟมีลักษณะเป็นเส้นขนาน

(4) เส้นขนานไม่มีวันพบกัน รางรถไฟเป็นเส้นขนาน ดังนั้น รางรถไฟไม่มีวันพบกัน

ตอบ 2 หน้า 116 ความรู้ที่ได้จากอัชฌัตติกญาณในแบบประสบการณ์นิยม (ประจักษนิยม) หมายถึง การมีความรู้และความเข้าใจโดยตรงในความจริงที่ง่าย ๆ ธรรมดา ๆ ที่สุดของประสบการณ์ ทางประสาทสัมผัส เช่น อุ้ย!! นั่นรางรถไฟเป็นเส้นขนาน, สิ่งที่ฉันมองเห็นในขณะนี้มีสีแดง, มือได้สัมผัสความเย็นของน้ําแข็ง, ลิ้นได้ลิ้มรสหวานของน้ำตาล เป็นต้น

39 “Tabula Rasa” สัมพันธ์กับนักปรัชญาคนใด

(1) Descartes

(2) Locke

(3) Berkley

(4) Hume

ตอบ 2 หน้า 117, (คําบรรยาย) ล็อค (Locke) ถือว่า สภาพจิตของมนุษย์ในตอนเริ่มแรกนั้นมีแต่ความว่างเปล่าเหมือนกระดาษขาวบริสุทธิ์ ปราศจากความคิดและความรู้ใด ๆ ทั้งสิ้นเรียกว่า “Tabula Rasa” ที่หมายถึง สมุดบันทึกที่ว่างเปล่าปราศจากข้อความใด ๆ ทั้งสิ้น

40 ส่วนของวัตถุที่มนุษย์ไม่มีวันสัมผัสได้ด้วยผัสสะ คืออะไรในทัศนะของล็อค

(1) คุณสมบัติปฐมภูมิของวัตถุ

(2) คุณสมบัติทุติยภูมิของวัตถุ

(3) สารรองรับคุณสมบัติต่าง ๆ ของวัตถุ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 2 หน้า 118 – 119, (คําบรรยาย) ในทัศนะของล็อค ถือว่า คุณสมบัติปฐมภูมิเป็นคุณสมบัติที่มีอยู่ในตัววัตถุจริง ส่วนคุณสมบัติทุติยภูมินั้นไม่ได้มีอยู่ในโลกภายนอก แต่เป็นอํานาจที่ คุณสมบัติปฐมภูมิสร้างผัสสะให้เกิดกับเรา ดังนั้นมนุษย์จึงไม่มีวันสัมผัสคุณสมบัติทุติยภูมิของวัตถุได้ด้วยผัสสะ

41 “อ๋อ นี่คือดอกมะลิ” เป็นความรู้ที่หมายถึงสิ่งใดในทัศนะของล็อค

(1) ตัวดอกมะลิ

(2) ตัวคุณสมบัติต่าง ๆ ของดอกมะลิ

(3) ภาพแทนคุณสมบัติต่าง ๆ ของดอกมะลิ

(4) ภาพรวมของคุณสมบัติต่าง ๆ ของดอกมะลิ

ตอบ 3 หน้า 119 ทฤษฎีความรู้ของล็อค เรียกว่า “ทฤษฎีตัวแทน” โดยวัตถุจริงกับวัตถุในฐานะเป็นสิ่งที่เรารับรู้นั้นจะเป็นคนละสิ่งกัน วัตถุที่เรารับรู้จึงนับเป็นตัวแทนของวัตถุจริง ดังนั้น สิ่งที่มีอยู่จริงภายนอกตัวเรา ก็คือ ก้อนที่ปราศจากคุณสมบัติทุติยภูมิใด ๆ ที่เรียกว่า “สาร” ซึ่งรองรับคุณสมบัติปฐมภูมิอยู่

42 ส่วนใดของวัตถุที่ผัสสะของมนุษย์ไม่สามารถรับรู้ได้ในทัศนะของล็อค

(1) คุณสมบัติปฐมภูมิ

(2) คุณสมบัติทุติยภูมิ

(3) สารรองรับคุณสมบัติของวัตถุ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 3 หน้า 119 ล็อค เชื่อว่า สารเป็นสิ่งแท้จริงที่อยู่ภายในตัววัตถุ แต่มนุษย์ไม่อาจจะรู้จักสารได้เพราะไม่อาจเป็นประสบการณ์ของใคร จึงเป็นสิ่งที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร แต่ก็ต้องยอมรับว่าทุกสิ่งต้องมีสาร เพราะสารเป็นพื้นฐานที่รองรับคุณสมบัติปฐมภูมิของวัตถุซึ่งก่อให้เกิดความคิดเชิงเดี่ยว

43 จอห์น ล็อค เป็นนักปรัชญาที่เป็นเจ้าของทฤษฎีใด

(1) สัจนิยมโดยตรง

(2) สัจนิยมแบบตัวแทน

(3) สัจนิยมวิจารณ์

(4) จิตนิยมแบบอัตนัย

ตอบ 2 หน้า 138 – 139 สักนิยมแบบตัวแทน เห็นว่า วัตถุทั้งหลายที่อยู่ภายนอกตัวคนเป็นสสารที่มีแต่คุณสมบัติปฐมภูมิ (ขนาด รูปร่าง น้ำหนัก) และคุณสมบัติปฐมภูมิเท่านั้นที่มีอยู่อย่างแท้จริง ส่วนคุณสมบัติทุติยภูมิ (สี กลิ่น รส อุณหภูมิ) นั้น ไม่ได้เป็นสิ่งที่มีอยู่ในตัววัตถุเพราะมันเป็นสิ่งที่จิตของคนเป็นผู้สร้างขึ้นมา ซึ่งนักปรัชญาที่สําคัญของทฤษฎีนี้ก็คือ จอห์น ล็อค

44 เดส์การ์ตต้องการแสดงอะไรเมื่อสรุปว่า “ฉันคิด ดังนั้น ฉันจึงมีอยู่”

(1) ต้องการพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ได้ฝันไป

(2) ต้องการสรุปความจริงพื้นฐานที่สงสัยไม่ได้

(3) ต้องการสรุปว่าตนเองมีปัญหา

(4) ต้องการพิสูจน์ว่ามนุษย์ต่างจากสัตว์ตรงที่คิดได้

ตอบ 2 หน้า 108 เดส์การ์ต เห็นว่า การสงสัยเป็นการคิดอย่างหนึ่ง ซึ่งการคิดนั้นก็จะต้องมีผู้คิด ดังนั้น เราจึงไม่อาจสงสัยการมีอยู่ของตัวเองในฐานะที่เป็นผู้คิดได้ จากเหตุผลดังกล่าวทําให้เดส์การ์ต พบว่าสิ่งที่เป็นความจริงอย่างชัดเจนและแจ่มแจ้ง ก็คือ “ฉันคิด ดังนั้น ฉันจึงมีอยู่”

45 “อัชญัตติกญาณ” หมายถึงวิธีการแสวงหาความรู้แบบใดในทัศนะของเดส์การ์ต

(1) การหยั่งรู้โดยตรงด้วยแสงสว่างแห่งเหตุผล

(2) การสัมผัสโดยตรงด้วยผัสสะทั้ง 5 ของมนุษย์

(3) การเจริญสมาธิจนเกิดตาทิพย์

(4) การหยั่งรู้โดยอาศัยการชี้นําของพระเจ้า

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 36 ประกอบ

46 “อัชญัตติกญาณ” หมายถึงวิธีการแสวงหาความรู้แบบใดในทัศนะของนักประจักษนิยม

(1) การหยั่งรู้โดยตรงด้วยแสงสว่างแห่งเหตุผล

(2) การสัมผัสโดยตรงด้วยผัสสะทั้ง 5 ของมนุษย์

(3) การเจริญสมาธิจนเกิดตาทิพย์

(4) การหยั่งรู้โดยอาศัยการชี้นําของพระเจ้า

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 38 ประกอบ

47 “ตึก KTB กับตึก DRB เหมือนกันจังเลย” เป็นความรู้ที่มีบ่อเกิดจากสิ่งใดในทัศนะของเดวิด ฮูม

(1) ผัสสะ

(2) ความจํา

(3) จินตนาการ

(4) การคาดเดา

ตอบ 3 หน้า 122 123 เดวิด ฮูม (David Hume) เห็นว่า มนุษย์มีความสามารถอยู่ 2 ประการคือ ความจํากับจินตนาการ โดยความจําเป็นการที่เราเก็บรวบรวมความคิดทั้งหลายไว้เป็น ลําดับต่อเนื่องกัน ส่วนจินตนาการเป็นการที่เราจัดระเบียบความคิดต่าง ๆ ตามแบบแผนที่ เราต้องการ เช่น การที่เราเห็นว่าสิ่งหนึ่งเหมือนกับอีกสิ่งหนึ่งก็เป็นเพียงผลจากจินตนาการของเราเอง ซึ่งเป็นความสัมพันธ์เชิงสาเหตุและผลที่เกิดจากส่วนของจินตนาการของมนุษย์

48 “พระเจ้าต้องมีอยู่ เพราะมนุษย์มีความคิดเกี่ยวกับพระเจ้า” เป็นข้อสรุปของนักปรัชญาคนใด

(1) เพลโต

(2) เดส์การ์ต

(3) ล็อค

(4) เดวิด ฮูม

ตอบ 2 หน้า 110 เดส์การ์ต (Descartes) เป็นนักปรัชญาเหตุผลนิยมที่เชื่อว่า พระเจ้าต้องมีอยู่จริงเพราะมนุษย์มีความคิดเกี่ยวกับพระเจ้า (เป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์จะเป็นผู้ก่อความคิดนี้ขึ้นมาเอง) โดยพระเจ้าเองเป็นผู้ประทานความคิดเกี่ยวกับพระองค์เองให้กับมนุษย์

49 “เราไม่เคยมีข้อมูลทางประสบการณ์เกี่ยวกับพระเจ้า ดังนั้นพระเจ้าไม่มีจริง” เป็นข้อสรุปของนักปรัชญาคนใด

(1) เพลโต

(2) เดส์การ์ด

(3) ล็อค

(4) เดวิด ซูม

ตอบ 4 หน้า 125, (คําบรรยาย) เดวิด ฮูม (David Hume) เป็นนักประจักษนิยมที่เชื่อว่า ตัวคนเราเป็นเพียงการมารวมกันของผัสสะและความคิด ไม่มีจิต ไม่มีวิญญาณ และเมื่อคนเราไม่เคยมีข้อมูลทางประสบการณ์เกี่ยวกับพระเจ้า ดังนั้นพระเจ้าจึงไม่มีอยู่จริง

50 สัจนิยมโดยตรงยอมรับความคิดใด

(1) ความรู้ของมนุษย์เป็นความรู้ที่ผ่านตัวกลาง

(2) ความรู้ของมนุษย์เป็นความคิดของจิตมนุษย์

(3) ความรู้ของมนุษย์เป็นเพียงตัวแทนของวัตถุ

(4) ความรู้ของมนุษย์เป็นการรู้จักตัววัตถุโดยตรง

ตอบ 4 หน้า 134 สักนิยมแบบโดยตรง มีทัศนะว่า การรับรู้หรือการประจักษ์เป็นการรู้จักโดยตรงคือ เป็นการเผชิญหน้ากันอย่างตรงไปตรงมากับวัตถุภายนอก ซึ่งการรับรู้ของคนมิได้มีการ เพิ่มเติมหรือลดทอนคุณสมบัติอะไรบางอย่างให้กับวัตถุเลย วัตถุมีธรรมชาติหรือลักษณะที่แท้จริงอย่างไร เมื่อมาปรากฏต่อจิตของคนก็คงเป็นอย่างนั้น

51 จอห์น ล็อค ยอมรับความคิดใด

(1) ความรู้ของมนุษย์เป็นความรู้ที่ผ่านตัวกลาง

(2) ความรู้ของมนุษย์เป็นการรู้ภาพตัวแทนของวัตถุ

(3) ความรู้ของมนุษย์เป็นความคิดของจิตมนุษย์

(4) ความรู้ของมนุษย์เป็นการรู้จักตัววัตถุโดยตรง

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 41 ประกอบ

52 ข้อใดเป็นความคิดของเบอร์คเลย์

(1) ลักษณะของวัตถุที่มนุษย์รู้ ตรงกับวัตถุภายนอกทุกประการ

(2) ลักษณะของวัตถุที่มนุษย์รู้ ตรงกับวัตถุภายนอกเฉพาะคุณสมบัติปฐมภูมิ

(3) ลักษณะของวัตถุที่มนุษย์รู้ เป็นการสร้างของจิตทั้งหมด

(4) ลักษณะของวัตถุที่มนุษย์รู้ เป็นการเลือกรับรู้ของมนุษย์

ตอบ 3 หน้า 129, 131 เบอร์คเลย์ เป็นนักปรัชญาลัทธิจิตนิยมแบบอัตนัยที่มีทัศนะว่า วัตถุทั้งหลายหรือโลกภายนอกเป็นเพียงภาพสะท้อนของจิตมนุษย์ โดยสิ่งต่าง ๆ ที่เราเห็นหรือรู้นั้นก็คือความคิด ของจิตของเรานั่นเอง เพราะว่าสิ่งที่เรารู้หรือความรู้ของเรา ได้แก่ วัตถุและสิ่งทั้งหลายภายในโลก สิ่งเหล่านี้มีแก่นแท้คือการรับรู้ด้วยจิตของมนุษย์ ดังนั้นการมีอยู่ของมันจึงเป็นอิสระจากจิตไม่ได้

53 ข้อใดเป็นความคิดของจอห์น ล็อค

(1) ลักษณะของวัตถุที่มนุษย์รู้ ตรงกับวัตถุภายนอกทุกประการ

(2) ลักษณะของวัตถุที่มนุษย์รู้ ตรงกับวัตถุภายนอกเฉพาะคุณสมบัติปฐมภูมิ

(3) ลักษณะของวัตถุที่มนุษย์รู้ เป็นการสร้างของจิตทั้งหมด

(4) ลักษณะของวัตถุที่มนุษย์รู้ เป็นการเลือกรับรู้ของมนุษย์

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 40 และ 43 ประกอบ

54 แนวความคิดเรื่องใดของนักปรัชญาที่สืบเนื่องมาจากทัศนะทางอภิปรัชญาของเขา

(1) ศาสนา

(2) ประเพณี

(3) เป้าหมายของชีวิต

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 3 (คําบรรยาย) แนวความคิดของนักปรัชญาที่สืบเนื่องมาจากทัศนะทางอภิปรัชญาของเขา คือ เป้าหมายของชีวิต (จุดหมายหรืออุดมคติของชีวิต) หรือสิ่งที่มีค่าสูงสุดหรือสิ่งที่ดีที่สุด (Highest Good) ของมนุษย์ เช่น นักปรัชญาลัทธิสสารนิยมจะเน้นว่าความสุขทางกายเป็นสิ่งที่มีค่าสูงสุด ของมนุษย์, นักปรัชญาลัทธิธรรมชาตินิยมจะเน้นว่าความสุขทางกายและความสุขทางใจล้วนเป็นสิ่งที่มีค่าสูงสุดสําหรับมนุษย์ เป็นต้น

55 นักปรัชญาลัทธิใดที่เน้นว่าความสุขทางกายเป็นสิ่งที่มีค่าสูงสุดของมนุษย์

(1) จิตนิยม

(2) สสารนิยม

(3) ธรรมชาตินิยม

(4) ซีนิก (Cynicism)

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 54 ประกอบ

56 นักปรัชญาลัทธิใดที่เน้นว่าความสุขทางกายและทางใจล้วนเป็นสิ่งที่มีค่าสูงสุดสําหรับมนุษย์

(1) จิตนิยม

(2) สสารนิยม

(3) ธรรมชาตินิยม

(4) ซีนิก (Cynicism)

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 54 ประกอบ

57 ประโยชน์นิยมมีความเห็นอย่างไรกับการพูดโกหก

(1) เป็นการกระทําที่ผิดเสมอ

(2) เป็นการกระทําที่ถูกถ้าให้ผลดีแก่คนส่วนใหญ่

(3) เป็นการกระทําที่อาจถูกหรือผิดแล้วแต่ค่านิยมของสังคม

(4) เป็นการกระทําเพื่อป้องกันตนเองตามธรรมชาติของมนุษย์

ตอบ 2 หน้า 165, 168 มิลล์ (Mill) เป็นนักประโยชน์นิยมที่ถือว่าศีลธรรมกับความสุขเป็นเรื่องเดียวกัน ความสุขของมหาชนเป็นสิ่งสําคัญที่สุด การละเมิดหลักศีลธรรม/ประเพณีหรือ กฎหมายย่อมสามารถทําได้ถ้าเราคํานวณแล้วพบว่าการกระทํานั้นก่อให้เกิดประโยชน์สุข มากกว่า เช่น หมออาจโกหกคนไข้ได้ เพื่อไม่ให้คนไข้ตกใจจนหัวใจวายตาย ฯลฯ

58 ผู้ที่เชื่อว่าความดีเป็นปรนัย ถือว่าความดีมีลักษณะอย่างไร

(1) ความดีขึ้นอยู่กับความคิดของคนอื่น

(2) ความดีเป็นความดีในตัวเองไม่ขึ้นกับความคิดของใคร

(3) ความดีขึ้นอยู่กับความคิดของตนเอง

(4) ความดีเป็นความดีในตัวเองที่ตรงกับความคิดของตนเอง

ตอบ 2 (คําบรรยาย) ผู้ที่เชื่อว่าความดีเป็นปรนัยถือว่าความดีมีลักษณะเป็นความดีในตัวเองไม่ขึ้นกับความคิดของใคร เช่น การพูดความจริงเป็นสิ่งดี ฯลฯ ส่วนผู้ที่เชื่อว่าความดีเป็นอัตนัยถือว่าความดีขึ้นอยู่กับความคิดของตนเอง เช่น ฉันชอบพูดความจริง ดังนั้นการพูดความจริงจึงเป็นสิ่งดี ฯลฯ

59 “การพูดความจริงเป็นสิ่งดี เพราะฉันชอบพูดความจริง” เป็นลักษณะที่เชื่อว่าความดีมีสถานภาพอย่างไร

(1) ความดีเป็นปรนัย

(2) ความดีเป็นอัตนัย

(3) ความดีเป็นปรนัยและอัตนัย

(4) ความดีต้องไม่สับสนตามกระแส

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 58 ประกอบ

60 นักศึกษาที่เข้าห้องเรียนอย่างสม่ำเสมอ และไม่เคยแสดงกิริยาไม่พอใจ ทั้ง ๆ ที่ห้องเรียนร้อนและแออัด เป็นคนมีหลักธรรมข้อใด

(1) มีขันติ

(2) มีโสรัจจะ

(3) มีสัจจะ

(4) มีขันติและโสรัจจะ

ตอบ 4 หน้า 189 – 192 ขันติ หมายถึง ความอดทนซึ่งเป็นหลักธรรมที่แสดงถึงความเข้มแข็งของจิตใจ สามารถทนทานต่อเหตุร้ายต่าง ๆ ได้ และสามารถบังคับกายกับวาจาให้อยู่ในอํานาจ ได้ด้วย เช่น ความอดทนต่อความทุกข์เพื่อให้ได้มาซึ่งความสุข, ความอดทนต่อความลําบาก เพื่อให้ได้มาซึ่งความสบาย, ความอดทนต่อสิ่งที่กวนใจเพื่อให้ได้มาซึ่งความเป็นคนดี เป็นต้น ส่วนโสรัจจะ หมายถึง ความสงบเสงี่ยมซึ่งมีลักษณะเป็นความมีปกติอันดีของกาย วาจา และใจ ไม่แสดงอาการไม่ดีหรือไม่งามผิดปกติเมื่อได้รับความตรากตรำลําบากหรือได้รับความเจ็บใจ

61 นักศึกษาที่เดินออกจากห้องเรียนก่อนเวลาเลิกเรียนที่กําหนด เพราะเบื่อฟังการบรรยาย เป็นคนขาด หลักธรรมข้อใด

(1) มีขันติแต่ขาดสัจจะ

(2) ขาดขันติ

(3) ขาดสัจจะ

(4) มีขันติแต่ขาดโสรัจจะ

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 60 ประกอบ

62 นักศึกษาที่เข้าสอบด้วยท่าทางหงุดหงิดกับอากาศร้อนของห้องสอบ เป็นคนขาดหลักธรรมข้อใด

(1) มีขันติแต่ขาดสัจจะ

(2) มีขันติแต่ขาดโสรัจจะ

(3) ขาดขันติและขาดสัจจะ

(4) ขาดขันติและขาดโสรัจจะ

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 60 ประกอบ

63 ภรรยาน้อยที่ถูกภรรยาหลวงต่อว่าก็ไม่ตอบโต้ กลับมีท่าที่สงบเสงี่ยม เรียกว่ามีคุณธรรมข้อใด

(1) ขันติ

(2) โสรัจจะ

(3) สัจจะ

(4) ขันติและโสรัจจะ

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 60 ประกอบ

64 คนที่มีวิมังสาจะมีลักษณะอย่างไร

(1) พอใจในงานของตน

(2) มีความพยายามที่จะทํางานของตน

(3) ศึกษาจนเข้าใจรายละเอียดของงานของตน

(4) หมั่นพิจารณาข้อบกพร่องในการทํางานของตนเอง

ตอบ 4 หน้า 201 – 203 อิทธิบาท 4 คือ คุณธรรมที่นําไปสู่ความสําเร็จ 4 ประการ ดังนี้

1 ฉันทะ (ความพอใจรักใคร่ในสิ่งนั้น) ทําให้ไม่เบื่องาน ไม่รู้สึกท้อแท้ในการทํางาน

2 วิริยะ (ความเพียรพยายามในสิ่งนั้น) ทําให้มุ่งมั่นในการทํางานของตนให้สําเร็จ

3 จิตตะ (ความเอาใจใส่ในสิ่งนั้น) ทําให้หมั่นตรวจตราเอาใจจดจ่อในงานที่ตนทํา

4 วิมังสา (ความหมั่นตริตรองพิจารณาหาเหตุผลในสิ่งนั้น) ช่วยให้ทํางานไม่ผิดพลาด

65 คนที่มีฉันทะจะมีลักษณะอย่างไร

(1) พอใจในงานของตน

(2) มีความพยายามที่จะทํางานของตน

(3) ศึกษาจนเข้าใจรายละเอียดของงานของตน

(4) หมั่นพิจารณาข้อบกพร่องในการทํางานของตนเอง

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 64 ประกอบ

66 ต่ายสมัครมาเป็นครูในสามจังหวัดภาคใต้ แม้จะต้องใช้ความเพียรพยายามมากกว่าครูในภูมิภาคอื่น ๆ เพราะต่ายพอใจในอาชีพครู แสดงว่าต่ายมีหลักธรรมข้อใดในหลักอิทธิบาท 4

(1) ฉันทะกับวิริยะ

(2) จิตตะกับวิมังสา

(3) ฉันทะกับจิตตะ

(4) วิริยะกับวิมังสา

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 64 ประกอบ

67 ถ้านักศึกษาต้องการพัฒนาปัญญาให้งอกงาม ควรปฏิบัติตามหลักธรรมใด

(1) ขันติ

(2) วุฒิธรรม

(3) อิทธิบาท 4

(4) สมชีวิธรรม

ตอบ 2 หน้า 207 หลักวุฒิธรรม คือ หลักการสร้างหรือพัฒนาความเจริญงอกงามแห่งปัญญาซึ่งมีข้อพึงปฏิบัติอยู่ 4 ประการดังนี้

1 หมั่นเสวนาคบหากับท่านผู้รู้ ผู้มีภูมิธรรม

2 เอาใจใส่สดับตรับฟังแสวงหาความรู้จริง

3 ได้รู้ได้เห็นได้ฟังสิ่งใดแล้ว รู้จักคิดพิจารณาด้วยตนเอง

4 นําสิ่งที่ได้เล่าเรียน รับฟัง และตริตรองเห็นชัดแล้วไปใช้หรือปฏิบัติด้วยตนเอง

68 “เสียงเท่าฟ้า หน้าเท่ากลอง” เป็นคนขาดหลักสัปปุริสธรรมข้อใด

(1) ความเป็นผู้รู้จักเหตุ

(2) ความเป็นผู้รู้จักผล

(3) ความเป็นผู้รู้จักประมาณ

(4) ความเป็นผู้รู้จักบุคคล

ตอบ 3 หน้า 198 ความเป็นผู้รู้จักประมาณ หมายถึง ความรู้จักกําหนดคาดคะเนได้อย่างเหมาะสมพอเหมาะพอควรและพอดีในทุกเรื่อง ซึ่งผู้ที่ขาดหลักธรรมข้อนี้จะมีลักษณะตามสุภาษิตที่ว่า“เสียงเท่าฟ้า หน้าเท่ากลอง” หมายถึง เสียงดังมาก (ดังเกินไป ไม่พอดี)

69 “ใฝ่สูงจนเกินศักดิ์” เป็นคนขาดหลักสัปปุริสธรรมข้อใด

(1) ความเป็นผู้รู้จักตน

(2) ความเป็นผู้รู้จักผล

(3) ความเป็นผู้รู้จักประมาณ

(4) ความเป็นผู้รู้จักบุคคล

ตอบ 1 หน้า 197 – 198 ความเป็นผู้รู้จักตน หมายถึง ความพิจารณาตนเองให้เข้าใจว่าตนเป็นจุดกําเนิดของทุกข์ สุข ความเสื่อม และความเจริญ ซึ่งการรู้จักตนเองนั้นต้องรู้ถึงชาติตระกูล วัย ฐานะ ตําแหน่ง สมบัติ บริวาร หน้าที่ และความรับผิดชอบของตนเอง

70 “ไม่ดูตาม้าตาเรือ” เป็นคนขาดหลักสัปปุริสธรรมข้อใด

(1) ความเป็นผู้รู้จักกาล

(2) ความเป็นผู้รู้จักชุมชน

(3) ความเป็นผู้รู้จักเลือกบุคคล

(4) ความเป็นผู้รู้จักผล

ตอบ 2 หน้า 199 – 200 ความเป็นผู้รู้จักชุมชน หมายถึง การรู้จักปรับปรุงตนเองให้เข้ากับสังคมหรือชุมชนต่าง ๆ และวางตนให้เหมาะสมกับสังคมนั้นได้อย่างถูกต้อง ซึ่งจะสอดคล้องกับ สุภาษิตที่ว่า “เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม” ส่วนคนที่ขาดหลักธรรมข้อนี้จะมีลักษณะตาม สุภาษิตที่ว่า “ไม่ดูตาม้าตาเรือ” หรือ “ไม่รู้จักเสือเอาเรือเข้ามาจอด ไม่รู้จักมอดเอาไม้เข้ามาวาง”

71 “ไม่รู้จักเสือเอาเรือเข้ามาจอด ไม่รู้จักมอดเอาไม้เข้ามาวาง” เป็นคนขาดหลักสัปปุริสธรรมข้อใด

(1) ความเป็นผู้รู้จักกาล

(2) ความเป็นผู้รู้จักชุมชน

(3) ความเป็นผู้รู้จักเลือกบุคคล

(4) ความเป็นผู้รู้จักผล

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 70 ประกอบ

72 เพลโตมีทัศนะเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับรัฐอย่างไร

(1) มนุษย์เป็นสมาชิกของรัฐโดยธรรมชาติ

(2) มนุษย์เป็นสมาชิกของรัฐต่อเมื่อให้ความยินยอม

(3) มนุษย์เป็นสมาชิกของรัฐเพราะมีบาป

(4) มนุษย์จําเป็นต้องมีรัฐเพราะกิจกรรมการผลิต

ตอบ 1 หน้า 244 245 โซ.ครตีสและเพลโตนักปรัชญากรีกโบราณ มีทัศนะว่า รัฐเป็นสิ่งจําเป็นตามธรรมชาติของมนุษย์ เพราะความยุติธรรมสําหรับมนุษย์จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมนุษย์รวมตัวกันเป็นสังคมเพื่อมีชีวิตที่ดี สามารถรักษาเผ่าพันธุ์และสามารถสร้างงานศิลปะของมนุษยชาติ

73 นักปรัชญาตะวันตกสมัยใหม่มีทัศนะเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับรัฐอย่างไร

(1) มนุษย์เป็นสมาชิกของรัฐโดยธรรมชาติ

(2) มนุษย์เป็นสมาชิกของรัฐต่อเมื่อให้ความยินยอม

(3) มนุษย์เป็นสมาชิกของรัฐเพราะมีบาป

(4) มนุษย์จําเป็นต้องมีรัฐเพราะกิจกรรมการผลิต

ตอบ 2 หน้า 251 – 255 ฮอบส์และล็อคนักปรัชญาตะวันตกสมัยใหม่ มีทัศนะทางการเมืองที่ตรงกันในเรื่องทฤษฎีสัญญาประชาคม โดยทั้ง 2 คน มีทัศนะเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับรัฐ เหมือนกันในแง่ที่ว่า รัฐไม่ใช่สิ่งที่เป็นธรรมชาติสําหรับมนุษย์ แต่รัฐเป็นสิ่งที่มนุษย์จัดตั้งขึ้นมาด้วยความจําเป็นและตกลงยินยอมร่วมกัน เพื่อสนองตอบต่อความต้องการของสมาชิก

74 นักปรัชญาคนใดถือว่าการศึกษาเป็นมาตรการแบ่งแยกชนชั้นทางสังคม

(1) เพลโต

(2) จอห์น ล็อค

(3) คาร์ล มาร์กซ์

(4) เซนต์ ออกัสติน

ตอบ 1 หน้า 269 – 271, 283 เพลโต เป็นนักปรัชญาคนแรกที่กล่าวถึงเป้าหมายของการศึกษาที่ชัดเจน โดยเขาได้แบ่งบุคคลในสังคมออกเป็น 3 กลุ่มตามระดับความรู้ในความจริงขั้นปรมัตถ์ ดังนั้นเขาจึงเป็นนักปรัชญาที่ถือว่าการศึกษาเป็นมาตรการแบ่งแยกชนชั้นทางสังคม

75 นักปรัชญาคนใดถือว่าการตัดสินใจรักพระเจ้าหรือไม่เป็นมาตรการแบ่งแยกค่ายของคนในรัฐ

(1) เพลโต

(2) จอห์น ล็อค

(3) คาร์ล มาร์กซ์

(4) เซนต์ ออกัสติน

ตอบ 4 หน้า 249 – 250 เซนต์ ออกัสติน เป็นนักปรัชญาที่ถือว่าการตัดสินใจรักพระเจ้าหรือไม่เป็นมาตรการแบ่งแยกค่ายของคนในรัฐ โดยเขาได้แบ่งมนุษย์ออกเป็น 2 ค่าย คือ กลุ่มหรือค่าย ที่ตัดสินใจรักพระเจ้า กับกลุ่มหรือค่ายที่ตัดสินใจปฏิเสธพระเจ้าและรักตัวเองและรักโลกแทนทั้งนี้เขายังมีทัศนะว่ารัฐที่ดีต้องเป็นรัฐที่นับถือพระเจ้าและสามารถทําให้มนุษย์พ้นจากบาปได้

76 นักปรัชญาคนใดมีทัศนะว่ารัฐที่ดีต้องสามารถให้ความปลอดภัยและเสถียรภาพแก่คนในรัฐ

(1) รุสโซ

(2) จอห์น ล็อค

(3) โธมัส ฮอบส์

(4) คาร์ล มาร์กซ์

ตอบ 3 หน้า 252 254 โธมัส ฮอบส์ เป็นนักปรัชญาที่มีทัศนะว่า โดยสภาพธรรมชาติมนุษย์ไม่มีสังคมไม่มีรัฐ แต่เมื่อเผชิญกับการต่อสู้และความกลัวกับสภาพที่เลวร้าย จึงต้องตกลงกันระหว่างมนุษย์ เพื่อจัดตั้งรัฐและสังคมขึ้นเพื่อผลประโยชน์ คือ เสถียรภาพและขจัดความหวาดกลัวของมนุษย์อย่างได้ผล ดังนั้นรัฐที่ดีต้องสามารถให้ความปลอดภัยและเสถียรภาพแก่คนในรัฐ

77 นักปรัชญาคนใดมีทัศนะว่ารัฐที่ดีต้องสามารถทําให้มนุษย์สามารถดําเนินชีวิตอย่างมีเหตุผล

(1) เพลโต

(2) อริสโตเติล

(3) มาเคียเวลลี่

(4) เซนต์ ออกัสติน

ตอบ 2 หน้า 248 249 อริสโตเติล มีทัศนะว่า สังคมและรัฐที่ดีคือ สังคมและรัฐที่สามารถทําให้มนุษย์มีชีวิตที่ดี ซึ่งมี 2 รูปแบบ คือ

1 ชีวิตที่มีคุณธรรมทางศีลธรรม สามารถดําเนินชีวิตอย่างมีเหตุผล

2 ชีวิตที่มีคุณธรรมทางปัญญา สามารถดําเนินชีวิตในลักษณะที่ตริตรองถึงสัจจะ

78 นักปรัชญาคนใดมีทัศนะว่ารัฐที่ดีต้องสามารถทําให้มนุษย์สามารถพ้นบาป

(1) เพลโต

(2) อริสโตเติล

(3) มาเคียเวลลี่

(4) เซนต์ ออกัสติน

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 75 ประกอบ

79 ชีวิตมนุษย์ก่อนอยู่ในรัฐเป็นอย่างไรในทัศนะของรุสโซ

(1) มีความสุขสบายดีทุกอย่าง

(2) ต้องเผชิญกับการต่อสู้และความหวาดกลัว

(3) มีสิทธิตามธรรมชาติ

(4) มีความเรียบง่ายและเป็นอิสระ

ตอบ 4 หน้า 256 รุสโซ เห็นว่า วิถีชีวิตมนุษย์สมัยดึกดําบรรพ์แม้จะเป็นชีวิตที่ค่อนข้างลําบากแต่ก็เป็นชีวิตที่มีความสุข เพราะเป็นชีวิตที่อิสระ มีความเรียบง่าย และมนุษย์ได้กระทําตาม ความปรารถนาของตน รวมทั้งมนุษย์ยังมีคุณธรรมพื้นฐานง่าย ๆ คือ การไม่สร้างความเจ็บปวดให้กับเพื่อนมนุษย์หรือการไม่ทําให้ผู้อื่นเดือดร้อน

80 ชีวิตมนุษย์ก่อนอยู่ในรัฐเป็นอย่างไรในทัศนะของฮอบส์

(1) มีความสุขสบายดีทุกอย่าง

(2) ต้องเผชิญกับการต่อสู้และความหวาดกลัว

(3) มีสิทธิตามธรรมชาติ

(4) มีความเรียบง่ายและเป็นอิสระ

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 76 ประกอบ

81 ชีวิตมนุษย์ก่อนอยู่ในรัฐเป็นอย่างไรในทัศนะของรุสโซ

(1) มีความสุขสบายดีทุกอย่าง

(2) ต้องเผชิญกับการต่อสู้และความหวาดกลัว

(3) มีสิทธิตามธรรมชาติ

(4) มีความเรียบง่ายและเป็นอิสระ

ตอบ 4 หน้า 256 รุสโซ เห็นว่า วิถีชีวิตมนุษย์สมัยดึกดําบรรพ์แม้จะเป็นชีวิตที่ค่อนข้างลําบากแต่ก็เป็นชีวิตที่มีความสุข เพราะเป็นชีวิตที่อิสระ มีความเรียบง่าย และมนุษย์ได้กระทําตาม ความปรารถนาของตน รวมทั้งมนุษย์ยังมีคุณธรรมพื้นฐานง่าย ๆ คือ การไม่สร้างความเจ็บปวดให้กับเพื่อนมนุษย์หรือการไม่ทําให้ผู้อื่นเดือดร้อน

82 สังคมในอุดมคติของคาร์ล มาร์กซ์ มีลักษณะอย่างไร

(1) ปราศจากรัฐ

(2) ปราศจากชนชั้นทางสังคม

(3) ทุกคนเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิต

(4) ถูกทุกข้า

ตอบ 4 หน้า 259 สังคมในอุดมคติของคาร์ล มาร์กซ์ คือ สังคมที่ปราศจากรัฐ ปราศจากชนชั้นทางสังคมไม่มีการกดขี่ขูดรีด เพราะพื้นฐานการผลิตเป็นแบบคอมมุน กล่าวคือ ทุกคนเป็นเจ้าของปัจจัย การผลิตหรือปัจจัยการผลิตเป็นของส่วนรวมเท่านั้น และรัฐเป็นสิ่งที่ไม่จําเป็นเลยสําหรับสังคมเพราะสมาชิกของสังคมสามารถปกครองดูแลตนเองและควบคุมความประพฤติของตนเองได้

83 บุคคลใดมีความเหมาะสมที่จะเป็นผู้ปกครองในทัศนะของเพลโต

(1) คนมีพละกําลังมาก

(2) คนมีความกล้าหาญมาก

(3) คนมีศรัทธาในพระเจ้าอย่างยิ่ง

(4) คนมีปัญญาอย่างยิ่ง

ตอบ 4 หน้า 246, 270 บุคคลที่มีความเหมาะสมและดีที่สุดที่จะเป็นผู้ปกครองในทัศนะของเพลโตคือ ราชาปราชญ์ (คนที่มีปัญญาอย่างยิ่ง) และควรจะเรียนวิชาอภิปรัชญาจนสําเร็จ

84 ในทัศนะของจอห์น สจ๊วต มิลล์ การกระทําที่รัฐไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายได้ คือการกระทําชนิดใด

(1) การกระทําส่วนตัวที่ไม่มีผลกระทบต่อคนอื่น

(2) การกระทําส่วนตัวแต่มีผลกระทบต่อคนอื่น ๆ

(3) การกระทําที่มีผลกระทบต่อคนอื่น ๆ

(4) ถูกข้อ 2 และ 3

ตอบ 1 หน้า 258, 321 จอห์น สจ๊วต มิลล์ สนับสนุนการใช้เสรีภาพของบุคคลอย่างเต็มที่ โดยการกระทําที่รัฐไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายได้ คือ การกระทําส่วนตัวที่ไม่มีผลกระทบต่อบุคคลอื่น ส่วนการกระทําที่มีผลกระทบต่อบุคคลอื่นนั้นรัฐสามารถเข้าไปก้าวก่ายควบคุมได้

85 ข้อใดถูกต้องตามทัศนะของวิลเลียม ก็อดวิน

(1) สังคมที่ดี คือ สังคมที่เกิดจากการรวมตัวด้วยความรักและความเข้าใจ

(2) สังคมที่ดี คือ สังคมที่สมาชิกมอบให้คณะบุคคลทําหน้าที่บริหาร

(3) สังคมที่ดี คือ สังคมที่สมาชิกอุทิศตนเพื่อรัฐ

(4) ไม่ควรมีสังคม

ตอบ 1 หน้า 259 260 วิลเลียม ก๊อดวิน (William Godwin) เป็นนักคิดในกลุ่มอนาธิปไตย (Anarchism) ที่มีทัศนะว่า องค์กรทุกรูปแบบโดยเฉพาะรัฐบาลเป็นสิ่งที่ชั่วร้ายทั้งสิ้น สังคมที่ดีที่สุดควรเป็นสังคมที่ไร้รัฐและไร้องค์กรใด ๆ ทั้งสิ้น รวมทั้งเป็นสังคมที่เกิดจากการรวมตัวกันหรือร่วมมือกันด้วยความรักและความเข้าใจโดยไม่มีการบังคับ

  1. “General Will” ของรุสโซ มีจุดมุ่งหมายเพื่อสิ่งใด

(1) ผลประโยชน์ของบุคคล

(2) ผลประโยชน์ของบุคคลและเพื่อนพ้อง

(3) ผลประโยชน์ของคนทั้งสังคม

(4) ผลประโยชน์ของมวลมนุษยชาติ

ตอบ 3 หน้า 256 257 ในทัศนะของรุสโซนั้น เจตจํานงร่วม (General Wit) หมายถึง เจตจํานงที่มุ่งสู่ความดีสําหรับทุกคน มิใช่การคํานึงถึงผลประโยชน์เฉพาะตนและเฉพาะกลุ่มเท่านั้น ดังนั้นเจตจํานงร่วมจึงเป็นเจตจํานงเพื่อผลประโยชน์ของคนทั้งชาติหรือเพื่อคนทั้งสังคม

87 สัทธิประโยชน์นียมของมิลล์ มีจุดมุ่งหมายเพื่อสิ่งใด

(1) ผลประโยชน์ของบุคคล

(2) ผลประโยชน์ของคนจํานวนมากสุด

(3) ผลประโยชน์ของคนทั้งสังคม

(4) ผลประโยชน์ของมวลมนุษยชาติ

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 57 ประกอบ

88 ข้อใดเป็นปัญหาหลักของปรัชญาการศึกษา

(1) เป้าหมายที่เหมาะสมของผู้เรียน

(2) บุคคลที่เหมาะสมจะเป็นผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้

(3) องค์ความรู้ที่ควรนํามาถ่ายทอดแก่ผู้เรียน

(4) ถูกทุกข้อ ตอบ 4 หน้า 265 – 266, 282, (คําบรรยาย) การศึกษา หมายถึง การถ่ายทอดความรู้ ทักษะ และทัศนคติของคนรุ่นก่อนให้กับอนุชนรุ่นหลังของสังคม ทั้งนี้ปัญหาหลักของปรัชญาการศึกษา หลายประการ เช่น เป้าหมายที่เหมาะสมของผู้เรียน องค์ความรู้ที่ควรนํามาถ่ายทอดแก่ผู้เรียนและบุคคลที่เหมาะสมจะเป็นผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้ เป็นต้น

89 คําตอบเกี่ยวกับปรัชญาการศึกษาของเพลโตสอดคล้องกับทัศนะใด

(1) ศาสนา

(2) ญาณวิทยา

(3) จริยศาสตร์

(4) การปกครอง

ตอบ 4 หน้า 269 เพลโต) เห็นว่า การศึกษาเป็นวิธีที่จะนําไปสู่ความยุติธรรม คือการที่รัฐสามารถจัดให้คนในรัฐได้ทําหน้าที่ตามความเหมาะสมกับความสามารถของตนเอง ดังนั้นเป้าหมาย การศึกษาของเพลโตจึงสอดคล้องและสัมพันธ์กับทัศนะทางการเมืองการปกครองมากที่สุด

90 นักปรัชญาคนใดเน้นว่า การศึกษาที่ดี คือ ทําให้ผู้เรียนได้ผลประโยชน์ตอบแทน (1) เพลโต

(2) โซฟิสต์

(3) โซเครตีส

(4) เซนต์ ออกัสติน

ตอบ 2 หน้า 268 โซฟิสต์ (Sophists) ถือเป็นนักปรัชญากลุ่มแรกที่กล่าวถึงจุดมุ่งหมายของการศึกษาไว้ว่า การศึกษามิใช่เป็นเพียงการถ่ายทอดวัฒนธรรมเท่านั้น แต่การศึกษาควรมีจุดมุ่งหมาย อยู่ที่ช่วยให้ผู้เรียนได้รับความสําเร็จในชีวิต และสามารถได้รับผลประโยชน์ตอบแทน โดยวิชาที่กลุ่มโซฟิสต์ส่งเสริมให้เรียน ก็คือ ศิลปะการพูดในที่ชุมชนหรือวาทศิลป์

91 ข้อใดเป็นทัศนะของโซเครตีสเกี่ยวกับการศึกษา

(1) มนุษย์มีความสามารถที่จะรู้ความจริงแท้ได้

(2) มนุษย์ต้องตัดอคติและทัศนคติที่ได้รับจากสังคมเพื่อเข้าถึงความจริงแท้

(3) มนุษย์ควรใช้วิธีสนทนาถกเถียงเพื่อเข้าถึงความจริงสูงสุด

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 268 โซเครตีส (Socrates) มีทัศนะว่า มนุษย์มีความสามารถที่จะรู้/สัมผัสความจริงแท้ได้และการรู้จักความจริงดังกล่าวสามารถทําได้โดยตัดอคติส่วนตัวและทัศนคติต่อความเชื่อที่ ได้รับจากสังคมออกไปเสียก่อน เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนก่อให้เกิดความสับสน และวิธีการที่จะขจัดความสับสนก็คือ การพยายามทําให้ทัศนะต่าง ๆ แจ่มชัดด้วยวิธีการสนทนาถกเถียง

92 เพลโตต้องการให้รัฐจัดการศึกษาแบบใด

(1) จัดเฉพาะคนที่มีความฉลาดได้ศึกษา

(2) จัดเฉพาะลูกหลานของขุนนางได้ศึกษา

(3) จัดเฉพาะคนที่อยากเล่าเรียนได้เรียน

(4) จัดแบบบังคับอย่างทั่วถึงสําหรับทุกคนเรียน

ตอบ 4 หน้า 270, (คําบรรยาย) เพลโต (Plato) เห็นว่า การศึกษามีจุดมุ่งหมายที่จะก่อให้เกิดความยุติธรรมขึ้นในสังคมด้วยการปฏิรูปคนและการปฏิรูปรัฐ โดยรัฐต้องจัดการศึกษาอย่างทั่วถึง กล่าวคือ เป็นการศึกษาที่สามารถให้กับทุกคนในสังคมและเป็นการศึกษาภาคบังคับ เพื่อให้ เด็กทุกคนมีโอกาสศึกษาเพื่อทดสอบความสามารถของตนเอง ก่อนที่เขาจะไปปฏิบัติหน้าที่ตามความเหมาะสมของตนให้กับรัฐและสังคม ถือเป็นการคัดคนไปทํางานเพื่อรัฐ

93 อะไรคือจุดหมายที่เพลโตต้องการในการจัดการศึกษา

(1) คัดคนที่มีปัญญาเป็นเลิศเท่านั้น

(2) คัดคนไปทํางานเพื่อรัฐ

(3) สร้างนักวิชาการ

(4) จัดแบบบังคับอย่างทั่วถึงสําหรับทุกคนเรียน

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 92 ประกอบ

94 ในระบบการศึกษาของเพลโตนั้น การศึกษาในขั้นเริ่มต้นควรจัดให้ผู้เรียนเรียนเรื่องอะไร

(1) พลศึกษา

(2) อภิปรัชญา

(3) คณิตศาสตร์

(4) การอ่านออกเขียนได้

ตอบ 1 หน้า 270 เพลโต เห็นว่า รูปแบบการศึกษาจะต้องเริ่มต้นด้วยการจัดให้ผู้เรียนเรียนพลศึกษาโดยการคัดเลือกเด็กที่มีร่างกายสมบูรณ์มาฝึกกีฬา ต่อมาก็เรียนการอ่านออกเขียนได้และเรียน คณิตศาสตร์ พออายุประมาณ 20 ปี ผู้ที่เหมาะสมจะได้เรียนคณิตศาสตร์บริสุทธิ์ และจวบจนอายุ 30 ปี ผู้ที่เหมาะสมจะได้เรียนอภิปรัชญา ซึ่งเป็นกลุ่มบุคคลที่จะเป็นราชาปราชญ์

95 ในการจัดการศึกษาในระดับก้าวหน้าของเซนต์ ออกัสติน ต้องจัดการศึกษาแบบใด

(1) บังคับให้ผู้เรียนเชื่อด้วยเหตุผล

(2) ใช้วิธีสอนแบบเข้มงวดและบังคับให้ผู้เรียนเชื่อ

(3) เน้นให้ผู้เรียนเกิดความศรัทธา

(4) เน้นให้ผู้เรียนใช้เหตุผลเพื่อพิสูจน์ศรัทธา

ตอบ 4 หน้า 273 เซนต์ ออกัสติน (St. Augustine) ได้แบ่งการศึกษาออกเป็น 2 ระดับ คือ

1 ระดับเริ่มแรก เป็นการศึกษาวิชาศิลปศาสตร์ ซึ่งเป็นการศึกษาแบบเข้มงวดและบังคับให้เชื่อ โดยยังไม่ใช้เหตุผล เช่น การอ่านคัมภีร์ไบเบิลเป็นหลัก

2 ระดับก้าวหน้า เป็นการศึกษา 2 วิชาสําคัญ คือ เทววิทยาและปรัชญา ซึ่งเป็นการศึกษาแบบใช้เหตุผลและการพิสูจน์เพื่อให้เห็นจริงว่าทําไมความเชื่อและศรัทธาในขั้นเริ่มแรกจึงถูกต้อง

96 ตามทัศนะของรุสโซ การให้การศึกษาแก่เด็กเล็กควรทําอย่างไร

(1) สังคมต้องดูแลอย่างเข้มงวด

(2) ให้เด็กมีโอกาสอ่านหนังสือหลาย ๆ เล่ม

(3) ให้เรียนรู้ระบบต่าง ๆ ของสังคม

(4) ให้ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของตนเองให้มาก

ตอบ 4 หน้า 275 รุสโซ เห็นว่า การศึกษาในขั้นเริ่มแรกสําหรับเด็กเล็ก ๆ คือ การเปิดโอกาสให้เด็กได้มีประสบการณ์เป็นของตัวเอง หรือให้เด็กได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของตนเองให้มาก มิใช่ การเรียนรู้โดยการอ่านหนังสือ ยกเว้นหนังสืออย่างเรื่องการผจญภัยของโรบินสัน ครูโซ ซึ่งเป็นหนังสือที่เน้นถึงประสบการณ์และการแก้ปัญหาด้วยตัวเองของโรบินสัน ครูโซ

97 รุสโซปรารถนาจะเห็นผู้เรียนมีลักษณะอย่างไรในระดับการศึกษาสูงสุด

(1) มีจินตนาการและแรงบันดาลใจสูง

(2) มีความเป็นตัวของตัวเองและพอใจในตัวเอง

(3) เป็นบุคคลที่พร้อมจะแก้ปัญหา

(4) มีจิตใจมุ่งสู่ผลประโยชน์ของส่วนรวม

ตอบ 2 หน้า 275, (คําบรรยาย) รุสโซ เห็นว่า การสอนให้เด็กเป็นตัวของตัวเองตั้งแต่เริ่มแรกย่อมเป็นผลดี เพราะเป็นการเสริมสร้างให้เกิดความรู้สึกพอใจในตนเอง ดังนั้นในระดับการศึกษาขั้นสูงสุด รุสโซจึงปรารถนาจะเน้นให้ผู้เรียนมีความเป็นตัวของตัวเองและพอใจในตนเอง

98 ลัทธิปฏิบัตินิยมปรารถนาจะเห็นผู้เรียนมีลักษณะอย่างไร

(1) มีจินตนาการและแรงบันดาลใจสูง

(2) มีความเป็นตัวของตัวเองและพอใจในตัวเอง

(3) เป็นบุคคลที่พร้อมจะแก้ปัญหา

(4) มีจิตใจมุ่งสู่ผลประโยชน์ของส่วนรวม

ตอบ 3 หน้า 277, 283 ปรัชญาการศึกษาของลัทธิปฏิบัตินิยม คือ การสร้างให้ผู้เรียนเป็นบุคคลที่พร้อมจะแก้ปัญหา ดังนั้นการศึกษาต้องมุ่งให้เกิดผลที่ปฏิบัติได้ ไม่ใช่มุ่งการเรียนรู้แต่ทฤษฎีเท่านั้น

99 สิ่งที่สําคัญที่สุดในระบบการศึกษาของลัทธิปฏิบัตินิยม คืออะไร

(1) ผู้สอน

(2) ผู้เรียน

(3) ผู้บริหาร

(4) องค์ความรู้

ตอบ 2 หน้า 278 ลัทธิปฏิบัตินิยม เชื่อว่า ผู้สอนมิใช่บุคคลสําคัญที่สุดในระบบการศึกษา แต่ผู้เรียนคือศูนย์กลางของการศึกษา โดยผู้เรียนแต่ละคนคือบุคคลสําคัญที่ต้องเรียนรู้และทดลองแก้ปัญหาด้วยตนเองว่าวิธีใดควรจะเป็นวิธีที่เหมาะสมสําหรับแก้ปัญหา ไม่ใช่คอยฟังแต่คําตอบของผู้สอน

100 นักปรัชญาลัทธิอัตถิภาวนิยม เรียกร้องให้บุคคลหันมาสนใจสิ่งใด

(1) ตัวเอง

(2) สังคม

(3) รัฐ

(4) ศาสนา

ตอบ 1 หน้า 279, 234, (คําบรรยาย) อัตถิภาวนิยมเป็นปรัชญาที่เชื่อในความสําคัญของปัจเจกบุคคลและเชื่อว่าเป้าหมายของการศึกษา คือ การเป็นตัวของตัวเอง ความเป็นอิสระ และประสบการณ์ ที่แท้จริงของผู้เรียน ทั้งนั้นนักปรัชญาลัทธิอัตถิภาวนิยมจึงเรียกร้องให้บุคคลหันมาสนใจตัวเอง

 

PHI1003 ปรัชญาเบื้องต้น 1/2559

การสอบไลาไค 1 ปีการศึกษา 2559

ข้อสอบกระบวนวิชา PHI 1003 ปรัชญาเบื้องต้น

คําสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคําตอบเดียว (ข้อสอบมีทั้งหมด 100 ข้อ)

1 “ความรักความรู้” เป็นความหมายตามศัพท์ของคําใด

(1) ปรัชญา

(2) อภิปรัชญา

(3) Philosophy

(4) Metaphysics

ตอบ 3 หน้า 1 คําว่า “Philosophy” มีรากศัพท์มาจากภาษากรีกโบราณที่ประกอบด้วยคําว่า“Philos” ซึ่งหมายถึง ผู้รัก และคําว่า “Sophia” ซึ่งหมายถึง ความปราดเปรื่อง โดยคําทั้งสองนี้ เมื่อรวมกันแล้วจะหมายถึง ผู้รักความปราดเปรื่องหรือผู้รักในความรู้ ผู้ปรารถนาจะเป็นปราชญ์หรือผู้ปรารถนาจะฉลาด หรือผู้ที่ยังไม่รู้และปรารถนาจะรู้มากขึ้น

2 ปรัชญาเกิดขึ้นเพราะกิจกรรมใดของมนุษย์

(1) ความสงสัยใคร่รู้

(2) ความสอดรู้สอดเห็น

(3) ความต้องการพ้นทุกข์

(4) ความพยายามแก้ปัญหา

ตอบ 1 หน้า 1 – 2, (คําบรรยาย) คุณสมบัติสําคัญที่ทําให้มนุษย์คิดค้นกิจกรรมทางปรัชญา คือ การที่มนุษย์ไม่ยอมรับสิ่งใด ๆ โดยง่ายดาย แต่จะเป็นคนช่างสงสัยใคร่รู้ในปัญหาต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลา และจะใช้ความสามารถในการไตร่ตรองหรือใช้ปัญญาขบคิด เพื่อแสวงหา คําตอบหรือความเชื่อที่เป็นไปได้ในสิ่งที่ตนยังสงสัย รวมทั้งชอบวิพากษ์วิจารณ์ความเชื่อในสิ่งที่ตนยังคิดว่าเป็นปัญหาอยู่อย่างมีเหตุผลด้วย

3 ลัทธิประสบการณ์นิยม หมายถึงอะไร

(1) นักปรัชญาตะวันตกยุคใหม่

(2) ผู้นิยมวิธีแสวงหาความรู้แบบวิทยาศาสตร์

(3) นักปรัชญา 3 คน คือ Locke, Berkeley, Hume

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 8, 112 – 113, 130 ลัทธิประจักษนิยมหรือลัทธิประสบการณ์นิยม เป็นลัทธิที่จัดอยู่ในกลุ่มปรัชญาตะวันตกยุคใหม่ ซึ่งเชื่อว่า วิธีคิดที่ถูกต้องที่สุดคือการยึดมั่นในประสบการณ์ และการใช้ความรู้ที่ผ่านประสาทสัมผัส โดยแนวคิดนี้มีลักษณะคล้ายกับการแสวงหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ตัวอย่างของนักปรัชญากลุ่มนี้ ได้แก่ Locke, Hume และ Berkeley

4 ข้อใดคือปัญหาปรัชญาบริสุทธิ์

(1) อะไรคือความเป็นจริง

(2) เรารู้ความเป็นจริงได้อย่างไร

(3) เราจะปฏิบัติตนอย่างไรจึงจะสอดคล้องกับความเป็นจริง

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 11 – 18 ปรัชญาบริสุทธิ์ หมายถึง ปัญหาหรือขอบเขตของปรัชญาที่เป็นเรื่องของปรัชญาโดยเฉพาะ ซึ่งจะมีการศึกษาถึงปัญหาสําคัญ 3 ปัญหาคือ

1 ปัญหาทางอภิปรัชญา ซึ่งจะศึกษาเรื่องความเป็นจริง เช่น ความเป็นจริงคืออะไร ฯลฯ

2 ปัญหาทางญาณวิทยา ซึ่งจะศึกษาเรื่องความรู้ เช่น เรารู้ความเป็นจริงได้อย่างไร ฯลฯ

3 ปัญหาทางจริยศาสตร์ ซึ่งจะศึก เรื่องความดี เช่น เราควรปฏิบัติตนอย่างไรจึงจะสอดคล้องกับความเป็นจริง ฯลฯ

5 ปัญหาที่นักปรัชญากรีกโบราณยุดเริ่มต้นสนใจ สามารถจัดเป็นปัญหาปรัชญาสาขาใด

(1) อภิปรัชญา

(2)

(3) จริยศาสตร์

(4) ปรัชญาประยุกต์

ตอบ 1 หน้า 7, 11, 21 – 22 ทาเลส (Thales) เป็นนักปรัชญาชาวตะวันตกคนแรกที่ริเริ่มปรัชญากรีกโบราณยุคเริ่มต้นไว้ โดยเขาเชื่อว่า มนุษย์สามารถอธิบายปรากฏการณ์ธรรมชาติโดยไม่ต้อง อ้างเทพเจ้า เพราะเอกภพมีกฎเกณฑ์ตายตัว และปรากฏการณ์ธรรมชาติมีความเป็นระเบียบ ถ้ามนุษย์สามารถเรียนรู้กฎเกณฑ์ของธรรมชาติแล้ว มนุษย์ก็จะสามารถควบคุมธรรมชาติได้เช่นเดียวกัน ซึ่งนักปรัชญากรีกในยุคนี้จัดว่าเป็นปัญหาปรัชญาภาคอภิปรัชญา

6 ข้อใดแสดงความสัมพันธ์ระหว่างชื่อลัทธิกับปัญหาได้ถูกต้อง

(1) สสารนิยม – บ่อเกิดของความรู้

(2) สัจนิยม – บ่อเกิดของความรู้

(3) สุขนิยม – บ่อเกิดของความรู้

(4) ประสบการณ์นิยม – บ่อเกิดของความรู้

ตอบ 4 หน้า 14 – 16, 103, 127 ปัญหาทางญาณวิทยาหรือปัญหาเรื่องทฤษฎีของความรู้ คือ ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องต่าง ๆ ดังนี้

1 ปัญหาเรื่องบ่อเกิดของความรู้ มีแนวคําตอบอยู่ 2 แนว คือ ทฤษฎีเหตุผลนิยม และทฤษฎีประจักษนิยม (ประสบการณ์นิยม)

2 ปัญหาธรรมชาติของความรู้มีแนวคําตอบอยู่ 2 แนว คือ ทฤษฎีสัจนิยม และทฤษฎีจิตนิยมแบบอัตนัย

7 “Metaphysics” มีความหมายตรงกับศัพท์ภาษาไทยคําใด

(1) ปรัชญา

(2) อภิปรัชญา

(3) ญาณวิทยา

(4) อตินทรีย์วิทยา

ตอบ 4 หน้า 21 – 22 Metaphysics แปลว่า วิชาที่ว่าด้วยสิ่งที่อยู่เบื้องหลังวัตถุ หรือวิชาที่ว่าด้วยสิ่งที่อยู่เบื้องหลังสิ่งที่รู้สึกทางประสาทสัมผัส จะมีความหมายตรงกับคําว่า “อตินทรีย์วิทยา” ซึ่งแปลว่า ล่วงเลยอินทรีย์หรือประสาทสัมผัส แต่คําว่าอตินทรีย์วิทยานี้ไม่เป็นที่นิยมใช้กัน โดยคําที่นิยมใช้ก็คือ “อภิปรัชญา” ซึ่งแปลว่า ความรู้อันประเสริฐที่ยิ่งใหญ่ อันมีความหมายเท่ากับ “ปรมัตถ์” หรือ “ความรู้ขั้นปรมัตถ์” ซึ่งแปลว่า ความรู้ที่มีเนื้อหาลึกซึ้งอย่างยิ่ง

8 อสสารมีลักษณะอย่างไร

(1) ไร้รูปร่าง สัมผัสไม่ได้ แต่มีอายุขัย

(2) มีรูปร่าง สัมผัสได้ แต่ไร้อายุขัย

(3) มีรูปร่าง สัมผัสได้ และมีอายุขัย

(4) ไร้รูปร่าง สัมผัสไม่ได้ และไร้อายุขัย

ตอบ 4 หน้า 25 – 27 จิตนิยม เห็นว่า สสาร วัตถุ หรือสิ่งที่เป็นรูปธรรมทั้งหมดนั้นมีอยู่จริง แต่ยังมีสิ่งที่จริงกว่าวัตถุและสสาร กล่าวคือ ยังมี “ของจริง” อีกอย่างหนึ่งที่จับต้องหรือสัมผัสไม่ได้ มองเห็นไม่ได้ ไม่มีตัวตน (ไร้รูปร่าง) มีอยู่เป็นนิรันดรหรือมีสภาวะเป็นอมตะ (ไร้อายุขัย) และ ไม่อยู่ในระบบของอวกาศและเวลา ซึ่งมีลักษณะเป็นอสสาร (Immaterial) สิ่งนั้นคือ “จิต” เช่น แบบ วิญญาณ และพระเจ้า ฯลฯ อันเป็นต้นกําเนิดหรือต้นแบบของวัตถุ ดังนั้นสิ่งที่มนุษย์มองเห็นอยู่บนโลกนี้ จึงเป็นเพียงสภาพที่ปรากฏของสิ่งที่เป็นจริงเท่านั้น

9 สสารมีลักษณะอย่างไร

(1) ไร้รูปร่าง สัมผัสไม่ได้ แต่มีอายุขัย

(2) มีรูปร่าง สัมผัสได้ แต่ไร้อายุขัย

(3) มีรูปร่าง สัมผัสได้ และมีอายุขัย

(4) ไร้รูปร่าง สัมผัสไม่ได้ และไร้อายุขัย

ตอบ 3 หน้า 31 ลัทธิสสารนิยม เชื่อว่า สสารเป็นสิ่งที่ครองเวลา จะต้องมีอยู่ ณ เวลาใดเวลาหนึ่งจะมีอยู่ตลอดเวลาไม่ได้ ซึ่งสสารหรือวัตถุทั้งปวงนี้เป็นสิ่งที่รู้จักได้ด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5 และ ประสาทสัมผัสทั้ง 5 เท่านั้นที่จะรู้จักสสารได้ โดยสสารเหล่านี้ จะเป็นสิ่งที่มีรูปร่าง สัมผัสได้ และมีอายุขัยเพียงชั่วระยะเวลาใดเวลาหนึ่งเท่านั้น

10 สาเหตุที่ทําให้วัตถุประเภทเดียวกันมีลักษณะอย่างเดียวกัน คืออะไรในทัศนะของเพลโต

(1) วัตถุนั้นจําลองมาจากแม่แบบเดียวกัน

(2) วัตถุนั้นมีโครงสร้างของอะตอมเหมือนกัน

(3) วัตถุนั้นถูกพระเจ้าเนรมิตขึ้นจากแบบเดียวกัน

(4) ความเหมือนเป็นเพียงข้อสังเกตของมนุษย์

ตอบ 1 หน้า 26 – 27 เพลโต อธิบายว่า โลกของแบบเท่านั้นที่เป็นจริง เป็นสิ่งเที่ยงแท้และเป็นต้นแบบของโลกแห่งประสาทสัมผัส ซึ่งแบบเป็นอสสารที่มองไม่เห็น ไม่มีตัวตน จับต้องไม่ได้ และเป็นหลักสําคัญให้โลกวัตถุมีอยู่ได้ เช่น ทอง ขมิ้น และดอกดาวเรือง ฯลฯ แม้วัตถุทั้งหมดนี้จะมีความแตกต่างกัน แต่ก็จําลองมาจากแบบเดียวกัน คือ “เหลือง”และมนุษย์รับรู้ด้วยเหตุผล

11 ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับแบบของเพลโต

(1) มีจริง และมนุษย์รับรู้ด้วยประสาทสัมผัส

(2) มีจริง และมนุษย์รับรู้ด้วยเหตุผล

(3) ไม่มีจริง แต่มนุษย์สร้างภาพด้วยประสาทสัมผัส

(4) ไม่มีจริง แต่มนุษย์สร้างภาพด้วยเหตุผล

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 10 ประกอบ

12 “ทอง ขมิ้น ดอกดาวเรือง” มีความสัมพันธ์กันอย่างไรในทัศนะของเพลโต (1) มีลักษณะร่วมกัน คือ “เหลือง”

(2) มีลักษณะร่วมกัน คือเป็นวัตถุในโลกมนุษย์

(3) มีลักษณะร่วมกัน คือเป็นแบบให้กับวัตถุสีเหลือง

(4) ไม่มีความสัมพันธ์กันเลย

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 10 ประกอบ

13 นักจิตนิยมมีทัศนะต่อโลกมนุษย์อย่างไร

(1) มนุษย์ต้องเรียนรู้ให้มากเพื่อใช้ชีวิตในโลกอย่างมีความสุขสบาย

(2) มนุษย์ต้องใช้ชีวิตในโลกอย่างสุขสบาย ก่อนไปใช้ชีวิตในโลกแห่งความจริง

(3) การมีชีวิตในโลกเป็นเพียงสะพานไปสู่ความจริง

(4) โลกมนุษย์มีความเป็นจริงของมันเอง

ตอบ 3 หน้า 35, (คําบรรยาย) จิตนิยม เชื่อว่า มนุษย์มีองค์ประกอบ 2 อย่างคือ จิตกับร่างกาย โดยจิตหรือวิญญาณสําคัญกว่าร่างกาย เพราะเป็นตัวตนที่แท้จริงของมนุษย์ และมีสภาวะ เป็นอมตะ เมื่อตายไปแล้วก็จะกลับมาเกิดใหม่ ดังนั้นการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้จึงต้องกระทําความดีเพื่อเป็นสะพานที่จะมุ่งไปสู่ความจริงในโลกหน้า

14 จักรกลนิยม สืบเนื่องมาจากอภิปรัชญาลัทธิใด

(1) สสารนิยม

(2) จิตนิยม

(3) ธรรมชาตินิยม

(4) เทวนิยม

ตอบ 1 หน้า 32 จักรกลนิยมเป็นทฤษฎีที่สืบเนื่องมาจากลัทธิสสารนิยม ซึ่งเชื่อว่า การเคลื่อนไหวและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในโลกนั้นมิได้เป็นไปเพื่อจุดหมายอะไร นอกจากเป็นไปอย่างจักรกล เช่น รถยนต์วิ่งได้เพราะล้อหมุน ล้อหมุนเพราะเพลาของรถยนต์หมุน ฯลฯ

15 ข้อใดเป็นแนวคิดแบบสสารนิยม

(1) มีความคิดเรื่องโลกแบบเอกนิยม

(2) มีความเชื่อในทฤษฎีการทอนลง

(3) มีความเชื่อว่าคุณค่าเป็นสิ่งสมมติ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 31 – 32 แนวคิดแบบสสารนิยม มีดังนี้

1 มีความคิดเรื่องโลกแบบเอกนิยม

2 มีความเชื่อในทฤษฎีหน่วยย่อย

3 มีความเชื่อในทฤษฎีการทอนลง

4 มีความเชื่อว่าคุณค่าเป็นสิ่งสมมติ

5 มีความเชื่อว่าจักรวาลอยู่ในระบบจักรกล

16 ข้อใดคือความหมายของ “ทฤษฎีทอนลง”

(1) วัตถุมีอายุสั้นลงทุกปี

(2) ปริมาณของวัตถุจะค่อย ๆ ลดลง

(3) สามารถสืบค้นเวลาถอยหลังจนถึงจุดที่วัตถุกําเนิดขึ้น

(4) วัตถุสามารถแยกย่อยจนถึงหน่วยย่อยสุดท้าย

ตอบ 4 หน้า 32 สสารนิยมยอมรับแนวคิดเรื่องการทอนลง โดยเชื่อว่าสิ่ง ๆ หนึ่งสามารถแยกได้เป็นหน่วยย่อยจนถึงอนุภาคที่เล็กที่สุดที่เรียกว่า อะตอม โดยอะตอมจะไม่มีองค์ประกอบจึงไม่อาจแบ่งย่อยได้ จะสลายก็ไม่ได้ และเกิดขึ้นใหม่ก็ไม่ได้

17 ข้อใดถูกต้องตามแนวคิดของธรรมชาตินิยม

(1) สสารเป็นสิ่งที่อยู่ในระบบอวกาศ-เวลาอย่างหนึ่ง

(2) สิ่งที่มีอยู่ในระบบอวกาศ-เวลา คือสสารเท่านั้น

(3) สสารไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในระบบอวกาศ-เวลา

(4) สสารบางชนิดอยู่ในระบบอวกาศ-เวลา

ตอบ 1 หน้า 33 – 34 ธรรมชาตินิยม เชื่อว่า สิ่งธรรมชาติ เช่น หิน พืช สัตว์ มนุษย์ ฯลฯ เป็นสิ่งที่มีขึ้นและดับลงตามปฏิบัติการของสาเหตุธรรมชาติ มีคุณสมบัติแตกต่างกันไป ตามวิวัฒนาการที่แตกต่างกัน โดยสิ่งธรรมชาติทุกสิ่งจะดํารงอยู่ในระบบของอวกาศ-เวลา แต่ก็มิได้หมายความว่าทุกสิ่งที่อยู่ในระบบของอวกาศ-เวลาจะต้องเป็นสสารเท่านั้น

18 ข้อใดเป็นแนวคิดแบบธรรมชาตินิยม

(1) มีความคิดเรื่องโลกแบบพหุนิยม

(2) มีความเชื่อในเรื่องทฤษฎีวิวัฒนาการ

(3) มีความเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงทําให้เกิดสิ่งใหม่

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 33 – 34 ธรรมชาตินิยมเป็นพหุนิยมที่เชื่อเรื่องความมากมายหลายหลากว่าในจักรวาลมีสิ่งที่เป็นจริงมากมายหลายสิ่ง และในกระบวนการวิวัฒนาการของจักรวาลนั้น ได้มีสิ่งใหม่ ๆ เกิดขึ้น โดยสิ่งใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นนี้จะมีคุณสมบัติใหม่ และคุณภาพใหม่ที่ไม่สามารถทอนลงเป็นอะตอมกับการเคลื่อนไหวของอะตอมได้เลย

19 นักจิตนิยมมีทัศนะเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างจิต-กาย อย่างไร

(1) จิต คือ กาย

(2) จิตสําคัญคู่กาย

(3) จิตสําคัญกว่ากาย

(4) จิตมีอยู่ตราบเท่าที่มีกาย

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 13 ประกอบ

20 ใครมีความเชื่อเรื่องธรรมชาติของมนุษย์แบบลัทธิจิตนิยม

(1) โต้งเชื่อว่าเป็นมนุษย์ได้ต้องใจสูง

(2) เตยเชื่อว่ามนุษย์สามารถเวียนว่ายตายเกิด

(3) ตาเชื่อว่ามนุษย์ต้องสามารถตัดสินใจเลือกการกระทําของตนได้

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 13 ประกอบ

21 แพทย์ผู้พยายามอุทิศความสุขส่วนตัวเพื่อให้ได้ชื่อว่าเป็นคนค้นพบยารักษาโรคเอดส์เป็นคนมีจิตแบบใดในทัศนะของเพลโต

(1) คนมีจิตภาคตัณหาเด่น

(2) คนมีจิตภาคน้ำใจเด่น

(3) คนมีจิตภาคปัญญาเด่น

(4) คนมีจิตภาคน้ำใจและปัญญาเด่นร่วมกัน

ตอบ 2 หน้า 35 – 36, 245 246 จิตในทัศนะของเพลโต แบ่งออกเป็น 3 ภาค ดังนี้

1 ภาคตัณหา คือ ความต้องการความสุขทางกาย โดยจะพยายามทําทุกอย่างเพื่อแสวงหาเงินมาสนองความสุขทางโลก จึงเป็นบุคคลที่ลุ่มหลงในโลกียสุข 2 ภาคน้ำใจ คือ ความรู้สึกทางใจ ได้แก่ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ การยึดถือเกียรติและสัจจะเป็นสําคัญ โดยพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือแก่ผู้อื่นที่ตกทุกข์ได้ยากทุกเมื่อ

3 ภาคเหตุผลหรือภาคปัญญา เป็นจิตภาคที่พัฒนาขึ้นมาสูงสุดแล้ว คือ มีความใฝ่ในสัจจะ โดยอาจยอมเสียสละทั้งเงินและเกียรติเพื่อแสวงหาความรู้ ความจริง ความดี ความงามและความยุติธรรม ซึ่งจิตภาคนี้เท่านั้นที่จะทําให้มนุษย์เข้าสู่โลกของแบบได้

22 คนที่ทํางานเต็มที่ตามกําหนดเวลาทํางาน เมื่อเลิกงานก็ไปดูหนังฟังเพลงเพื่อจะไปทํางานตามกําหนดเวลาจนตลอดชีวิต เป็นคนมีจิตแบบใดในทัศนะของเพลโต

(1) คนมีจิตภาคตัณหาเด่น

(2) คนมีจิตภาคน้ำใจเด่น

(3) คนมีจิตภาคตัณหากับน้ำใจเด่นร่วมกัน

(4) คนมีจิตภาคปัญญาเด่นพอสมควร

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 21 ประกอบ

23 ข้อใดตรงกับแนวความคิดเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ของสสารนิยม

(1) ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น

(2) ลูกไม้หล่นใต้ต้น

(3) เข้าฝูงกาก็เป็นกา เข้าฝูงหงส์ก็เป็นหงส์

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 (คําบรรยาย) ลัทธิสสารนิยม เห็นว่า มนุษย์ไม่มีตัวตนของจิต สิ่งที่เรียกว่าพฤติกรรมของจิตคือ อารมณ์หรือความคิดต่าง ๆ ที่มีพื้นฐานมาจากสสารส่วนที่เป็นก้อนสมองเท่านั้น ถ้าก้อนสมองตายสภาพทางจิตก็จะหายไปด้วย ซึ่งพฤติกรรมของจิตนี้สามารถเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพแวดล้อมหรือประสบการณ์ที่ได้รับในแต่ละช่วงเวลา

24 ทัศนะใดถือว่า จิตเกิดจากกาย และต่างจากกาย

(1) จิต คือ กาย

(2) จิตสําคัญคู่กาย

(3) จิตสําคัญกว่ากาย

(4) จิตมีอยู่ตราบเท่าที่มีกาย

ตอบ 2 หน้า 33 – 34, (คําบรรยาย) ธรรมชาตินิยม เชื่อว่า มนุษย์เป็นสิ่งใหม่ เป็นผลผลิตขั้นสุดยอดของวิวัฒนาการ กล่าวคือ มนุษย์จะประกอบด้วยร่างกายและจิตใจซึ่งมีความสําคัญเท่าเทียมกัน โดยจิตใจของมนุษย์จะแตกต่างจากกายเพราะเกิดจากวิวัฒนาการที่ยาวนาน จนทําให้มนุษย์เหนือกว่าสัตว์ประเภทอื่น ๆ

25 ลัทธิใดเชื่อว่าสิ่งที่ทําให้มนุษย์แตกต่างจากสิ่งทั้งหลาย คือ จิต

(1) จิตนิยม

(2) สสารนิยม

(3) ธรรมชาตินิยม

(4) จิตนิยมและธรรมชาตินิยม

ตอบ 1 หน้า 25 – 27, 35 พวกจิตนิยม เห็นว่า มนุษย์นั้นมีองค์ประกอบ 2 อย่างคือ จิตกับร่างกายแต่จิตสําคัญกว่า เพราะเป็นตัวตนที่แท้จริง มีอยู่เป็นนิรันดร ไม่เปลี่ยนแปลง และเป็นสิ่งที่ ทําให้มนุษย์มีความแตกต่างจากสิ่งทั้งหลาย ส่วนร่างกายนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงเกิดดับได้ ดังนั้นวิถีชีวิตของแต่ละคนย่อมเป็นไปตามการบังคับบัญชาของจิต โดยร่างกายจะเป็นเพียง การสนองตอบเจตจํานงของจิตเท่านั้น มนุษย์จึงไม่มีอิสระ ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของจิตและความทะยานอยาก ถ้าไม่หิวก็อาจจะกินได้ ฯลฯ

26 ลัทธิใดเชื่อว่าการตายเป็นการสิ้นสุดของมนุษย์

(1) จิตนิยม

(2) สสารนิยม

(3) ธรรมชาตินิยม

(4) สสารนิยมและธรรมชาตินิยม

ตอบ 4 หน้า 28 – 31, 33 สสารนิยม เชื่อว่า การเกิดและการดับสลายของสิ่งต่าง ๆ เป็นเพียงการเข้ามารวมตัวและแยกออกจากกันของอะตอมทั้งหลาย และการเปลี่ยนแปลงก็เป็นเพียงการสับที่ ของอะตอม โดยอะตอมนั้นมิได้เกิดดับหรือเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด ส่วนธรรมชาตินิยมนั้น เชื่อว่าสิ่งธรรมชาติ เช่น ก้อนหิน มนุษย์ กบ ล้วนเป็นสิ่งที่มีขึ้นและดับลงตามปฏิบัติการของ สาเหตุธรรมชาติ ดังนั้นทั้งสองแนวคิดนี้จึงเชื่อว่าการตายเป็นการสิ้นสุดของมนุษย์คนนั้น

27 ศาสนาคริสต์เชื่อในพระเจ้าแบบลัทธิใด

(1) Atheism

(2) Monotheism

(3) Polytheism

(4) Henotheism

ตอบ 2 (คําบรรยาย) ความเชื่อเกี่ยวกับพระเจ้าแบ่งออกเป็น 4 แบบดังนี้

1 Monotheism เชื่อว่า พระเจ้ามีองค์เดียวและเป็นพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ซึ่งความเชื่อในลักษณะนี้เป็นความเชื่อของศาสนาคริสต์

2 Polytheism เชื่อว่า พระเจ้ามีหลายองค์ และทุกพระองค์ล้วนยิ่งใหญ่ ซึ่งความเชื่อลักษณะนี้เป็นความเชื่อของศาสนาพราหมณ์หรือฮินดู

3 Henotheism เชื่อว่าพระเจ้ามีหลายองค์ แต่ยกให้องค์ใดองค์หนึ่งเป็นพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่

4 Atheism เชื่อว่าพระเจ้าไม่มีอยู่จริง หรือปฏิเสธการมีอยู่ของพระเจ้า

28 “Atheism” หมายถึงความเชื่อเกี่ยวกับพระเจ้าแบบใด

(1) พระเจ้ามีองค์เดียว และยิ่งใหญ่ที่สุด

(2) พระเจ้ามีหลายองค์ และทุกองค์ล้วนยิ่งใหญ่

(3) พระเจ้ามีหลายองค์ แต่ยกให้องค์ใดองค์หนึ่งเป็นพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่

(4) ปฏิเสธการมีอยู่ของพระเจ้า

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 27 ประกอบ

29 ลัทธิใดเชื่อว่าพระเจ้าสร้างโลกแล้วก็ทรงอยู่เหนือโลกโดยเด็ดขาด

(1) Deism

(2) Theism

(3) Pantheism

(4) Panentheism

ตอบ 1 หน้า 45 ลัทธิเทวนิยม (Deism) เชื่อว่า พระผู้เป็นเจ้าเป็นมหาเทพสูงสุดเพียงพระองค์เดียวซึ่งอยู่นอกโลก โดยพระองค์สร้างโลกขึ้นมาจากความว่างเปล่า แล้วทรงมอบพลังต่าง ๆ ให้แก่โลก และให้พลังเหล่านั้นควบคุมโลกให้ดําเนินไป แต่เมื่อโลกมีแนวโน้มเสื่อมลง พระองค์ก็จะอวตารมาช่วยแก้ไขโลกให้ดําเนินไปตามปกติ พระเจ้าจึงทรงอยู่เหนือโลกและเหนือวิญญาณมนุษย์

30 ทฤษฎีพิสูจน์การมีอยู่ของพระเจ้าที่สังเกตจากความมีระเบียบของโลก คือทฤษฎีใด

(1) ทฤษฎีเชิงเอกภพ

(2) ทฤษฎีเชิงวัตถุประสงค์

(3) ทฤษฎีเชิงภววิทยา

(4) ทฤษฎีเชิงจริยธรรม

ตอบ 2 หน้า 43 ทฤษฎีเชิงวัตถุประสงค์ ถือว่า โลกนี้มีเอกภาพ มีระเบียบ มีความกลมกลืนกัน เช่น มีที่ราบ ภูเขา ทะเล มีพืช สัตว์ และมนุษย์ ซึ่งต่างก็ปรับตัวให้เข้ากับระเบียบที่กําหนดไว้แล้ว ในธรรมชาติ ซึ่งแสดงว่าโลกนี้ต้องมีผู้ออกแบบที่ชาญฉลาดสร้างขึ้นมา และมีวัตถุประสงค์ที่จะให้เป็นเช่นนั้น โดยผู้ออกแบบสร้างโลกนี้ก็คือพระผู้เป็นเจ้า เพราะฉะนั้นพระผู้เป็นเจ้าจึงมีอยู่

31 ข้อใดเป็นลักษณะของอะตอมของกรีก

(1) อะตอมของธาตุต่าง ๆ แตกต่างกันทางด้านปริมาณเท่านั้น

(2) อะตอมของธาตุต่าง ๆ แตกต่างกันทางด้านคุณภาพเท่านั้น

(3) อะตอมของธาตุต่าง ๆ แตกต่างกันทั้งทางด้านปริมาณและคุณภาพ

(4) อะตอมของธาตุต่าง ๆ เหมือนกันทั้งทางด้านปริมาณและคุณภาพ

ตอบ 1 หน้า 57 ปรัชญากรีก ถือว่า ปรมาณู (อะตอม) ของ ตุต่าง ๆ มีความแตกต่างกันเฉพาะด้านจํานวนหรือปริมาณเท่านั้น แต่ในด้านคุณภาพมีรษณะเหมือนกัน ส่วนลัทธิไวเศษกะ ถือว่า ปรมาณูของธาตุต่าง ๆ มีความแตกต่างกันทั้งทางด้านปริมาณและคุณภาพ

32 ข้อใดเป็นลักษณะของปรมาณูของลัทธิไวเศษกะ

(1) ปรมาณูของธาตุต่าง ๆ แตกต่างกันทางด้านปริมาณเท่านั้น

(2) ปรมาณูของธาตุต่าง ๆ แตกต่างกันทางด้านคุณภาพเท่านั้น

(3) ปรมาณูของธาตุต่าง ๆ แตกต่างกันทั้งทางด้านปริมาณและคุณภาพ

(4) ปรมาณูของธาตุต่าง ๆ เหมือนกันทั้งทางด้านปริมาณและคุณภาพ

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 31 ประกอบ

33 สิ่งที่ผัสสะของมนุษย์สามารถสัมผัสได้นั้น ต้องเกิดจากการรวมตัวของปรมาณูจํานวนเท่าใดเป็นอย่างน้อยตามลัทธิไวเศษกะ

(1) จํานวน 1 – 2 ปรมาณู

(2) จํานวน 3 ปรมาณูขึ้นไป

(3) จํานวน 4 ปรมาณูขึ้นไป

(4) จํานวน 5 ปรมาณูขึ้นไป

ตอบ 2 หน้า 59 ลัทธิไวเศษกะ ถือว่า วัตถุจะต้องเกิดจากการรวมตัวกันของปรมาณูอย่างน้อย 2 ปรมาณู เข้าด้วยกัน ส่วนวัตถุที่ผัสสะของมนุษย์พอจะรู้ได้ด้วยประสาทสัมผัสนั้นจะต้องเกิดขึ้นจากการรวมตัวกันของปรมาณจํานวนตั้งแต่ 3 ปรมาณูขึ้นไป

34 พระพุทธเจ้าทรงตอบปัญหาเกี่ยวกับอภิปรัชญาด้วยวิธีการใด

(1) ทรงตอบตรงคําถาม

(2) ทรงตอบโดยวิธีแยกแยะ

(3) ทรงตอบโดยวิธีย้อนถาม

(4) ทรงตอบโดยการนิ่ง

ตอบ 4 หน้า 77 – 78 พระพุทธเจ้า ทรงประสงค์จะหลีกเลี่ยงปัญหาทางอภิปรัชญาต่าง ๆ โดยจะไม่ทรงตอบหรือปฏิเสธ แต่จะใช้วิธีการนึ่ง ซึ่งพระองค์ได้ทรงชี้ให้เห็นว่า การรู้คําตอบปฏิเสธ หรือยืนยันต่อปัญหาทางอภิปรัชญา มิได้นําไปสู่ความอยู่เย็นเป็นสุข มิได้ก่อให้เกิดชีวิตที่ประเสริฐรวมทั้งความมีสันติสุขและความรู้แจ้งเห็นประจักษ์ในความจริงของชีวิตแต่อย่างใดเลย

35 คําสอนที่แสดงผลในอริยสัจ 4 คืออะไร

(1) ทุกข์และสมุทัย

(2) นิโรธและมรรค

(3) ทุกข์และนิโรธ

(4) สมุทัยและมรรค

ตอบ 3 หน้า 79 คําสอนของพระพุทธองค์ในอริยสัจ 4 แสดงเหตุและผลโดยลําดับ ดังนี้

1 แสดงเหตุ 2 ประการ ได้แก่ สมุทัย (แสดงเหตุแห่งทุกข์) และมรรค (แสดงเหตุคือ การปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์)

2 แสดงผล 2 ประการ ได้แก่ ทุกข์ (แสดงผลคือทุกข์) และนิโรธ (แสดงผลคือความดับทุกข์)

36 คําสอนที่แสดงเหตุในอริยสัจ 4 คืออะไร

(1) ทุกข์และสมุทัย

(2) นิโรธและมรรค

(3) ทุกข์และนิโรธ

(4) สมุทัยและมรรค

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 35 ประกอบ

37 ความอยากหรือตัณหาตามข้อใดเป็นกามตัณหาตามหลักอริยสัจ 4

(1) อยากฟังเสียงที่นุ่มนวลของนักร้องคนโปรด

(2) อยากเป็นนักร้องที่โด่งดัง

(3) ไม่อยากพ้นจากตําแหน่งนักร้องยอดเยี่ยมแห่งปี

(4) ไม่อยากเป็นนักร้องที่ถูกลืม

ตอบ 1 หน้า 84 85 ตัณหา (ทุกข์อันเกิดจากความต้องการหรือความอยาก) มี 3 ประเภท ดังนี้

1 กามตัณหา คือ ความอยากในกามคุณ มีรูป รส กลิ่น เสียง

2 ภวตัณหา คือ ความอยากมี อยากเป็น อยากอยู่ในสภาพนั้นจนไม่อยากจากไป

3 วิภวตัณหา คือ ความอยากไม่มี อยากไม่เป็น ดังที่ตนมีอยู่หรือเป็นอยู่นั้นเสื่อมสิ้นไป

38 ความอยากหรือตัณหาตามข้อใดเป็นวิภวตัณหาตามหลักอริยสัจ 4

(1) อยากฟังเสียงที่นุ่มนวลของนักร้องคนโปรด

(2) อยากเป็นนักร้องที่โด่งดัง

(3) อยากได้ตําแหน่งนักร้องยอดเยี่ยมแห่งปี

(4) ไม่อยากเป็นนักร้องที่ถูกลืม

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 37 ประกอบ

39 มรรค 8 คือวิถีปฏิบัติเพื่ออบรมสิ่งใดตามหลักอริยสัจ 4

(1) อบรมกายกับวาจา

(2) อบรมใจ

(3) อบรมความเห็น

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 86 – 89, (คําบรรยาย) มรรค 8 คือ ทางสายกลางซึ่งเป็นข้อปฏิบัติเพื่อให้ถึงความดับทุกข์โดยจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้คือ

1 ส่วนที่อบรมกายกับวาจา เรียกว่า “ศีล” ประกอบด้วย สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ และสัมมาอาชีวะ

2 ส่วนที่อบรมจิต เรียกว่า “สมาธิ” ประกอบด้วย สัมมาวายามะ สัมมาสติ และสัมมาสมาธิ

3 ส่วนที่อบรมทิฐิและความเห็น เรียกว่า “ปัญญา” ประกอบด้วย สัมมาทิฐิ และสัมมาสังกัปปะ

40 “เหตุการณ์ทุกเหตุการณ์ต้องมีสาเหตุ” เป็นความรู้แบบใดในทัศนะของพวกเหตุผลนิยม

(1) เป็นความรู้ที่จําต้องเป็น

(2) เป็นความรู้ที่รู้โดยวิธีอัชฌัตติกญาณ

(3) เป็นความรู้ก่อนประสบการณ์

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 104 105 เหตุผลนิยม เชื่อว่า มนุษย์มีความสามารถที่จะรู้ความจริงทั้งหลายในจักรวาลได้โดยไม่ต้องมีประสบการณ์มายืนยัน หรือที่เรียกว่า “ความรู้ก่อนประสบการณ์” ซึ่งเป็นความจริงที่จําต้องเป็นหรือเป็นหลักการทั่วไป และสามารถรู้ได้โดยใช้ “อัชมัตติกญาณ” คือ การหยั่งรู้โดยตรงด้วยจิตใจ หรือแสงสว่างแห่งเหตุผล เช่น เส้นขนานย่อมไม่มีวันมาบรรจบกัน เหตุการณ์ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นย่อมมีสาเหตุ ฯลฯ

41 ข้อใดเป็นความรู้ที่ได้จากวิธีนิรนัย

(1) เส้นขนานไม่มีวันพบกัน

(2) อุ๊ย นั่นเส้นขนานของรางรถไฟ

(3) อ้อ เห็นมามากแล้ว รางรถไฟไม่มีวันพบกันหรอก

(4) เส้นขนานไม่มีวันพบกัน รางรถไฟเป็นเส้นขนาน ดังนั้นรางรถไฟไม่มีวันพบกัน

ตอบ 4 หน้า 105 วิธีการนิรนัย (Deduction) คือ การพิสูจน์ความเชื่อถือใด ๆ โดยอาศัยความจริงพื้นฐานที่มีอยู่ก่อนหรือที่ยอมรับกันโดยทั่วไปเป็นหลัก แล้วก็ใช้ความคิดสืบสาวจากความรู้นั้น ไปเพื่อที่จะรู้ในสิ่งอื่น โดยข้อสรุปต้องได้จากข้ออ้าง ถ้าข้ออ้างเป็นจริง ข้อสรุปก็ต้องเป็นจริงด้วย ซึ่งข้อสรุปที่ได้นี้จะเป็นข้อสรุปเฉพาะของแต่ละเหตุการณ์ ส่วนใหญ่วิธีคิดแบบนี้มักจะใช้กับหลักการด้านคณิตศาสตร์และเรขาคณิต

42 “อ๋อ นี่คือดอกมะลิ” เป็นความรู้ที่หมายถึงสิ่งใดในทัศนะของล็อค

(1) ตัวดอกมะลิ

(2) ตัวคุณสมบัติต่าง ๆ ของดอกมะลิ

(3) ภาพแทนคุณสมบัติต่าง ๆ ของดอกมะลิ

(4) ภาพรวมของคุณสมบัติต่าง ๆ ของดอกมะลิ

ตอบ 3 หน้า 119 ทฤษฎีความรู้ของล็อค เรียกว่า “ทฤษฎีตัวแทน” โดยวัตถุจริงกับวัตถุในฐานะเป็นสิ่งที่เรารับรู้นั้นจะเป็นคนละสิ่งกัน วัตถุที่เรารับรู้จึงนับเป็นตัวแทนของวัตถุจริง ดังนั้น สิ่งที่มีอยู่จริงภายนอกตัวเรา ก็คือ ก้อนที่ปราศจากคุณสมบัติทุติยภูมิใด ๆ ที่เรียกว่า “สาร” ซึ่งรองรับคุณสมบัติปฐมภูมิอยู่

43 ส่วนของวัตถุที่มนุษย์ไม่มีวันสัมผัสได้ด้วยผัสสะ คืออะไรในทัศนะของล็อค

(1) คุณสมบัติปฐมภูมิของวัตถุ

(2) คุณสมบัติทุติยภูมิของวัตถุ

(3) สารรองรับคุณสมบัติต่าง ๆ ของวัตถุ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 2 หน้า 118 – 119, (คําบรรยาย) ในทัศนะของล็อค ถือว่า คุณสมบัติปฐมภูมิเป็นคุณสมบัติที่มีอยู่ในตัววัตถุจริง ส่วนคุณสมบัติทุติยภูมินั้นไม่ได้มีอยู่ในโลกภายนอก แต่เป็นอํานาจที่ คุณสมบัติปฐมภูมิสร้างผัสสะให้เกิดกับเรา ดังนั้นมนุษย์จึงไม่มีวันสัมผัสคุณสมบัติทุติยภูมิของวัตถุได้ด้วยผัสสะ

44 “อัตลัตติกญาณ” หมายถึงวิธีการแสวงหาความรู้แบบใด ในทัศนะของเดส์การ์ต

(1) การหยั่งรู้โดยตรงด้วยแสงสว่างแห่งเหตุผล

(2) การสัมผัสโดยตรงด้วยผัสสะของมนุษย์

(3) การเจริญสมาธิจนเกิดตาทิพย์

(4) การหยั่งรู้โดยอาศัยการชี้นําของพระเจ้า

ตอบ 1 หน้า 104, 116, 120 “อัตลัตติกญาณ” ในทัศนะของเหตุผลนิยม (เช่น เดส์การ์ต ฯลฯ)หมายถึง วิธีการแสวงหาความรู้ด้วยการหยั่งรู้โดยตรงด้วยจิตใจหรือด้วยแสงสว่างแห่งเหตุผล ส่วนในทัศนะของประสบการณ์นิยม (ประจักษนิยม) หมายถึง วิธีการแสวงหาความรู้ด้วยการสัมผัสโดยตรงด้วยผัสสะของมนุษย์

45 “อัตลัตติกญาณ” หมายถึงวิธีการแสวงหาความรู้แบบใด ในทัศนะของประสบการณ์นิยม

(1) การหยั่งรู้โดยตรงด้วยแสงสว่างแห่งเหตุผล

(2) การสัมผัสโดยตรงด้วยผัสสะของมนุษย์

(3) การเจริญสมาธิจนเกิดตาทิพย์

(4) การหยั่งรู้โดยอาศัยการชี้นําของพระเจ้า

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 44 ประกอบ

46 “พระเจ้าต้องมีอยู่ เพราะมนุษย์มีความคิดเกี่ยวกับพระเจ้า” เป็นข้อสรุปของนักปรัชญาคนใด

(1) เพลโต

(2) เดส์การ์ต

(3) ล็อค

(4) เดวิด ฮูม

ตอบ 2 หน้า 110 เดส์การ์ต (Descartes) เป็นนักปรัชญาเหตุผลนิยมที่เชื่อว่า พระเจ้าต้องมีอยู่จริงเพราะมนุษย์มีความคิดเกี่ยวกับพระเจ้า โดยพระเจ้าเองเป็นผู้ประทานความคิดเกี่ยวกับพระองค์เองให้กับมนุษย์

47 “เราไม่เคยมีข้อมูลทางประสบการณ์เกี่ยวกับพระเจ้า ดังนั้นพระเจ้าไม่มีจริง” เป็นข้อสรุปของนักปรัชญาคนใด

(1) เพลโต

(2) เดส์การ์ต

(3) ล็อค

(4) เดวิด ฮูม

ตอบ 4 หน้า 125, (คําบรรยาย) เดวิด ฮูม (David Hume) เป็นนักประจักษนิยมที่เชื่อว่า ตัวคนเราเป็นเพียงการมารวมกันของผัสสะและความคิด ไม่มีจิต ไม่มีวิญญาณ และเมื่อคนเราไม่เคยมีข้อมูลทางประสบการณ์เกี่ยวกับพระเจ้า ดังนั้นพระเจ้าจึงไม่มีอยู่จริง

48 เบอร์คเลย์ยอมรับความคิดใด

(1) ความรู้ของมนุษย์ เป็นการรู้จักตัววัตถุโดยตรง

(2) ความรู้ของมนุษย์ เป็นเพียงตัวแทนของวัตถุ

(3) ความรู้ของมนุษย์ เป็นความคิดของจิตมนุษย์

(4) ความรู้ของมนุษย์ เป็นความรู้ที่ผ่านตัวกลาง

ตอบ 3 หน้า 128, 131 เบอร์คเลย์เป็นนักปรัชญาจิตนิยมแบบอัตนัยที่มีแนวความคิดว่า ความรู้ของมนุษย์เป็นเพียงความคิดของจิตมนุษย์เท่านั้น เนื่องจากวัตถุทั้งหลายพร้อมทั้งคุณสมบัติทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นปฐมภูมิและทุติยภูมิล้วนขึ้นอยู่กับการรับรู้ของจิตทั้งสิ้น ดังนั้นวัตถุจึงไม่ได้มีความ เป็นจริงในตัวเอง

49 ชาวลัทธิปัญญานิยมอย่าง Socrates มีความเห็นอย่างไรกับความสุขทางกาย

(1) เป็นสิ่งที่ดีที่มนุษย์ควรแสวงหา

(2) เป็นสิ่งดีเพราะมันช่วยให้มนุษย์สามารถใช้ปัญญาแสวงหาความจริง

(3) เป็นสิ่งไม่ดีเพราะมันขัดขวางการใช้ปัญญาแสวงหาความจริง

(4) เป็นสิ่งที่ไม่ถึงกับดี แต่ก็ไม่ถึงกับเลวเสียทีเดียว

ตอบ 3 หน้า 158, (คําบรรยาย) โซเครติส (Socrates) เป็นนักปรัชญาในลัทธิปัญญานิยมหรือเหตุผลนิยมที่เชื่อว่า มนุษย์จะมีความแตกต่างจากสัตว์เดรัจฉานก็เพราะมนุษย์รู้จักใช้เหตุผลในการไตร่ตรอง เรื่องราวต่าง ๆ โดยความสุขทางกายของมนุษย์นั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดีเพราะไปขัดขวางการใช้ปัญญาแสวงหาความจริง ดังนั้นมนุษย์จึงไม่ควรยึดติดกับความสุขทางกายมากนัก

50 ชาวลัทธิปัญญานิยมเห็นว่าธรรมชาติที่ทําให้มนุษย์แตกต่างจากสิ่งอื่น ๆ คืออะไร

(1) การเจริญเติบโตและการสืบพันธุ์

(2) อารมณ์และความรู้สึก

(3) การรู้จักไตร่ตรองด้วยเหตุผล

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 49 ประกอบ

51 ลัทธิสุขนิยมมีพื้นฐานจากการเชื่อในธรรมชาติของมนุษย์แบบลัทธิอภิปรัชญาใด

(1) สสารนิยม

(2) จิตนิยม

(3) เทวนิยม

(4) ธรรมชาตินิยม

ตอบ 1 (คําบรรยาย) ลัทธิสุขนิยมมีพื้นฐานความเชื่อในธรรมชาติของมนุษย์ที่คล้ายคลึงกับลัทธิสสารนียมที่เชื่อว่า เมื่อมนุษย์มีชีวิตอยู่ก็ควรแสวงหาความสุขให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แม้จะมีหนี้สินก็ไม่เป็นไร ซึ่งความสุขทางประสาทสัมผัสนี้ถือเป็นจุดหมายสูงสุดของชีวิต

52 ลัทธิมนุษยนิยมมีพื้นฐานจากการเชื่อในธรรมชาติของมนุษย์แบบลัทธิอภิปรัชญาใด

(1) สสารนิยม

(2) จิตนิยม

(3) เทวนิยม

(4) ธรรมชาตินิยม

ตอบ 4 (คําบรรยาย) มนุษยนิยม เห็นว่า มนุษย์มีบางอย่างคล้ายสัตว์จึงต้องการความสุขเป็นพื้นฐานทั้งทางกายและจิตใจ เช่น ความสุขจากการได้รับการตอบสนองทางกาย, ความอิ่มเอิบใจที่ได้บำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์, การได้ชื่นชมความงามทั้งในศิลปะและธรรมชาติ เป็นต้น โดย จุดมุ่งหมายของชีวิตมนุษย์ ก็คือ การได้รับความสุขจากสิ่งที่มีคุณค่าเหล่านี้ แต่ก็ไม่ได้ลุ่มหลง ไปในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งพื้นฐานความเชื่อลักษณะนี้จะสอดคล้องกับลัทธิธรรมชาตินิยมที่เห็นว่า มนุษย์ประกอบด้วยร่างกายและจิต โดยจิตเป็นกระบวนการวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตที่ทําให้มนุษย์รู้จักคิดหาเหตุผล

53 ข้อใดถูกต้องตามความคิดของมนุษยนิยม

(1) มนุษย์ไม่ต้องการความสุขทางกายแบบสัตว์

(2) มนุษย์ไม่ต้องการแสวงหาสัจธรรม

(3) มนุษย์ไม่ต้องการความสุขจากงานศิลปะ

(4) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 52 ประกอบ

54 ข้อใดถูกต้องตามความคิดของมนุษยนิยม

(1) มนุษย์ไม่ใช่สัตว์

(2) มนุษย์ไม่ใช่นักบุญ

(3) มนุษย์คือมนุษย์

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 3 หน้า 164, (คําบรรยาย) มนุษยนิยม เชื่อว่า มนุษย์มีทั้งร่างกายและจิตใจ ดังนั้นจึงควรประนีประนอมระหว่างความต้องการทางด้านร่างกายและจิตใจให้สมดุลหรือให้กลมกลืนกัน ดังนั้น การเป็นมนุษย์ที่ดีที่สุดก็คือ การประนีประนอมผสมผสานระหว่างความสุขความสงบและความรู้สึก

55 ข้อใดคือสิ่งที่มนุษย์ควรแสวงหาในทัศนะของ Mill

(1) ความสุขสูงสุด

(2) การเข้าถึงสัจธรรม

(3) การปราศจากกิเลส

(4) ความสุขแบบพอเพียง

ตอบ 1 หน้า 165, (คําบรรยาย) มิลล์ (Mill) เป็นนักปรัชญาประโยชน์นิยมที่มีทัศนะว่า สิ่งที่มนุษย์ควรแสวงหา คือ ความสุขสูงสุด เพราะความสุขเป็นสิ่งที่ดีที่สุดของมนุษย์ การกระทําใดก็ตามที่ก่อให้เกิดประโยชน์สุขแก่คนจํานวนมากที่สุดเป็นการกระทําที่ดี นั่นคือ การคํานึงถึงผลที่จะได้รับ

56 แพทย์พูดความจริงกับคนไข้ คนไข้เสียใจและอาการทรุดลง การพูดความจริงของแพทย์มีคุณค่าทาง จริยธรรมแบบใด

(1) ถูกต้องตามแนวคิดของ Kant

(2) ถูกต้องตามแนวคิดของ Mill

(3) ผิดตามแนวคิดของ Mill

(4) ถูกข้อ 1 และ 3

ตอบ 4 หน้า 169, (ดูคําอธิบายข้อ 55 ประกอบ) คานท์ (Kant) เป็นนักปรัชญาหน้าที่นิยมที่เห็นว่าศีลธรรมต้องเป็นเรื่องแน่นอนตายตัวโดยปราศจากข้อแม้ สิ่งใดดีย่อมเป็นลักษณะประจําของ สิ่งนั้นเสมอ เช่น การพูดความจริงย่อมเป็นการกระทําที่ถูกต้องเสมอ ซึ่งผลที่เกิดขึ้นจากการพูดความจริงนี้ไม่ได้ทําให้ความจริงกลายเป็นสิ่งที่ผิดศีลธรรมหรือเป็นสิ่งเลว

57 ข้อใดถูกต้องตามแนวคิดของ Kant

(1) การโกหกเป็นการกระทําที่ผิดเสมอ

(2) การโกหกเป็นการกระทําที่ผิด ถ้าตนเองเดือดร้อน

(3) การโกหกเป็นการกระทําที่ผิด ถ้าทําให้คนอื่นเดือดร้อน

(4) การโกหกเป็นการกระทําที่ผิด ถ้าทําให้ตนเองและคนอื่นเดือดร้อน

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 56 ประกอบ

58 อาจารย์ที่เข้าสอนและเลิกตรงเวลาเป็นคนมีหลักธรรมใด

(1) ขันติ

(2) โสรัจจะ

(3) สัจจะ

(4) อิทธิบาท 4

ตอบ 3 หน้า 194 195 สัจจะ หมายถึง ความจริงใจซึ่งเป็นลักษณะของความซื่อสัตย์ตรงไปตรงมาทั้งต่อบุคคล ต่อกาลเวลา และต่อหน้าที่การงาน ทั้งต่อหน้าและลับหลัง

59 ใครมีหลักธรรม “ขันติ”

(1) ยุทธ์ อดตาหลับขับตานอน เพื่อทํารายงานที่สมบูรณ์ส่งอาจารย์

(2) กบ ยอมรับการฉีดยาและให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาลเป็นอย่างดี

(3) จํา สามารถรับมือกับวาจาและท่าทีของโบว์ด้วยความสงบ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 189 – 191 ขันติ หมายถึง ความอดทนซึ่งเป็นหลักธรรมที่แสดงถึงความเข้มแข็งของจิตใจสามารถทนทานต่อเหตุร้ายต่าง ๆ ได้ และสามารถบังคับกายกับวาจาให้อยู่ในอํานาจได้ด้วย เช่น ความอดทนต่อความทุกข์เพื่อให้ได้มาซึ่งความสุข, ความอดทนต่อความลําบากเพื่อให้ได้มาซึ่งความสบาย ความอดทนต่อสิ่งที่กวนใจเพื่อให้ได้มาซึ่งความเป็นคนดี เป็นต้น

60 ใครมีหลักธรรม “สัจจะ”

(1) ครูบ้านจริงจังกับการปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าภาควิชาปรัชญา

(2) ครูศรีเข้าสอนและเลิกสอนตรงเวลาเสมอ

(3) ครูพิศจริงใจกับเพื่อนเสมอ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 58 ประกอบ

61 คนที่มีลักษณะตรงกับสุภาษิตว่า “ปากปราศรัย น้ำใจเชือดคอ” เป็นคนลักษณะใด

(1) มีโสรัจจะ แต่ขาดสัจจะ

(2) มีโสรัจจะ แต่ขาดขันติ

(3) ขาดทั้งโสรัจจะและสัจจะ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 1 หน้า 192 193, (ดูคําอธิบายข้อ 58 ประกอบ) โสรัจจะ หมายถึง ความสงบเสงี่ยมซึ่งมีลักษณะเป็นความมีปกติอันดีของกาย วาจา และใจ ไม่แสดงอาการไม่ดี หรือไม่งามผิดปกติ เมื่อได้รับความตรากตรําลําบากหรือเมื่อได้รับความเจ็บใจ โดยโสรัจจะเป็นธรรมคู่กับขันติ (ความอดทน) ซึ่งบุคคลที่ยึดธรรมทั้งสองนี้เป็นแนวปฏิบัติจะถือได้ว่าเป็นคนมีมารยาทงาม(ปากปราศรัยใจเชือดคอ หมายถึง พูดดีแต่ใจคิดร้าย)

62 “เสียงเท่าฟ้า หน้าเท่ากลอง” เป็นคนขาดหลักสัปปุริสธรรมข้อใด

(1) ความเป็นผู้รู้จักเหตุ

(2) ความเป็นผู้รู้จักผล

(3) ความเป็นผู้รู้จักประมาณ

(4) ความเป็นผู้รู้จักบุคคล

ตอบ 3 หน้า 198 ความเป็นผู้รู้จักประมาณ หมายถึง ความรู้จักกําหนดคาดคะเนได้อย่างเหมาะสมพอเหมาะพอควรพอดีในทุกเรื่อง ซึ่งผู้ที่ขาดหลักธรรมข้อนี้จะมีลักษณะตามสุภาษิตที่ว่า “เสียงเท่าฟ้า หน้าเท่ากลอง” (เสียงดังมาก)

63 ถ้านักศึกษาต้องการพัฒนาปัญญาให้งอกงาม ควรปฏิบัติตามหลักธรรมใด

(1) ขันติ

(2) อิทธิบาท 4

(3) วุฒิธรรม

(4) สมชีวิธรรม

ตอบ 3 หน้า 207 หลักวุฒิธรรม คือ หลักการสร้างความเจริญงอกงามแห่งปัญญา ซึ่งมีข้อพึงปฏิบัติอยู่ 4 ประการดังนี้

1 หมั่นเสวนาคบหากับท่านผู้รู้ ผู้มีภูมิธรรม

2 เอาใจใส่สดับตรับฟัง แสวงหาความรู้จริง

3 ได้รู้ได้เห็นได้ฟังสิ่งใดแล้ว รู้จักคิดพิจารณาด้วยตนเอง

4 นําสิ่งที่ได้เล่าเรียน รับฟัง และตริตรองแล้วไปปฏิบัติด้วยตนเอง

64 ชาวกรีกโบราณมีทัศนะเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับรัฐอย่างไร

(1) มนุษย์เป็นสมาชิกของรัฐโดยธรรมชาติ

(2) มนุษย์เป็นสมาชิกของรัฐก็ต่อเมื่อให้ความยินยอม

(3) มนุษย์เป็นสมาชิกของรัฐเพราะมนุษย์มีบาป

(4) มนุษย์จําเป็นต้องมีรัฐเพราะกิจกรรมการผลิต

ตอบ 1 หน้า 244, 247 นักปรัชญาชาวกรีกโบราณ เห็นว่า รัฐเป็นสิ่งจําเป็นตามธรรมชาติของมนุษย์เพราะความยุติธรรมสําหรับมนุษย์จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมนุษย์รวมตัวกันเป็นสังคมเพื่อมีชีวิตที่ดีสามารถรักษาเผ่าพันธุ์ของมนุษยชาติและสามารถสร้างงานศิลปะของมนุษย์

65 นักปรัชญาคนใดถือว่าระบบเศรษฐกิจเป็นมาตรการแบ่งแยกชนชั้นทางสังคมของคนในรัฐ

(1) เพลโต

(2) เซนต์ ออกัสติน

(3) คาร์ล มาร์กซ์

(4) จอห์น ล็อค

ตอบ 3 หน้า 259 คาร์ล มาร์กซ์ ถือว่า ระบบเศรษฐกิจเป็นมาตรการแบ่งแยกชนชั้นทางสังคมของคนในรัฐออกเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายผู้สามารถเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิต และฝ่ายผู้ใช้แรงงานการผลิตแต่ไม่ได้เป็นเจ้าของปัจจัยการผลิต

66 นักปรัชญาคนใดถือว่าการตัดสินใจรักพระเจ้าหรือไม่ เป็นมาตรการแบ่งแยกคนในรัฐ

(1) เพลโต

(2) เซนต์ ออกัสติน

(3) คาร์ล มาร์กซ์

(4) จอห์น ล็อค

ตอบ 2 หน้า 250 เซนต์ ออกัสติน ถือว่าการตัดสินใจรักหรือไม่รักพระเจ้าเป็นมาตรการแบ่งแยกคนในรัฐออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่รักพระเจ้า และกลุ่มที่ปฏิเสธพระเจ้า โดยกลุ่มที่รักพระเจ้า จะเป็นพลเมืองของนครแห่งพระเจ้า ส่วนรัฐที่ไม่นับถือพระเจ้าก็ไม่ต่างอะไรจากซ่องโจร และ ถือเป็นบาปติดตัวของผู้ที่เกิดในรัฐนั้นมาแต่แรกเกิด ดังนั้นรัฐที่ดีและสามารถให้ความยุติธรรมแก่ประชาชนได้ต้องเป็นรัฐที่นับถือพระเจ้า และอยู่ในความดูแลควบคุมของศาสนจักร

67 นักปรัชญาคนใดมีทัศนะว่ารัฐที่ดีต้องสามารถให้ความปลอดภัย และเสถียรภาพแก่คนในรัฐ

(1) จอห์น ล็อค

(2) โธมัส ฮอบส์

(3) รุสโซ

(4) คาร์ล มาร์กซ์

ตอบ 2 หน้า 253 โธมัส ฮอบส์ มีทัศนะว่า โดยสภาพธรรมชาติมนุษย์ไม่มีสังคมไม่มีรัฐ แต่เมื่อต้องเผชิญกับการต่อสู้กับสภาพที่เลวร้ายและความหวาดกลัว จึงต้องตกลงกันระหว่างมนุษย์ เพื่อจัดตั้งรัฐและสังคมขึ้นเพื่อผลประโยชน์ คือ เสถียรภาพและไม่ต้องหวาดกลัวอีกต่อไป ดังนั้นรัฐที่ดีจะต้องสามารถให้ความปลอดภัยและเสถียรภาพแก่คนในรัฐได้

68 นักปรัชญาคนใดมีทัศนะว่ารัฐที่ดีต้องสามารถทําให้มนุษย์สามารถดําเนินชีวิตอย่างมีเหตุผล

(1) เพลโต

(2) อริสโตเติล

(3) เซนต์ ออกัสติน

(4) มาเคียเวลลี่

ตอบ 2 หน้า 248 249 อริสโตเติล มีทัศนะว่า สังคมและรัฐที่ดี คือ สังคมและรัฐที่สามารถทําให้มนุษย์มีชีวิตที่ดี ซึ่งมี 2 รูปแบบ คือ

1 ชีวิตที่มีคุณธรรมทางศีลธรรม สามารถดําเนินชีวิตอย่างมีเหตุผล

2 ชีวิตที่มีคุณธรรมทางปัญญา สามารถดําเนินชีวิตในลักษณะที่ตริตรองถึงสัจจะ

69 นักปรัชญาคนใดมีทัศนะว่ารัฐที่ดีต้องสามารถทําให้บุคคลทํางานเหมาะสมกับธรรมชาติของตน

(1) เพลโต

(2) อริสโตเติล

(3) เซนต์ ออกัสติน

(4) มาเคียเวลลี่

ตอบ 1 หน้า 246 – 247 เพลโต มีทัศนะว่า มนุษย์ในสังคมมี 3 ประเภท คือ ราชาปราชญ์ ทหารและคนงาน ถ้าคนทั้ง 3 ประเภทของสังคมสามารถทําหน้าที่ที่เหมาะสมที่สุดสําหรับเขา เมื่อนั้น ความยุติธรรมก็จะปรากฏขึ้นในสังคมนั้น และสังคมดังกล่าวย่อมเป็นสังคมที่ดีที่สุดสําหรับชีวิตที่ดีที่สุดของมนุษย์ ดังนั้นรัฐที่ดีจะต้องสามารถทําให้บุคคลทํางานเหมาะสมกับธรรมชาติของตน

70 ชีวิตมนุษย์ก่อนอยู่ในรัฐเป็นอย่างไรในทัศนะของรุสโซ

(1) มีความสุขสบายดีทุกอย่าง

(2) ต้องเผชิญกับการต่อสู้และความหวาดกลัว

(3) มีสิทธิตามธรรมชาติ

(4) มีความเรียบง่ายและเป็นอิสระ

ตอบ 4 หน้า 256 รุสโซ เห็นว่า วิถีชีวิตมนุษย์สมัยดึกดําบรรพ์แม้จะเป็นชีวิตที่ค่อนข้างลําบากแต่ก็เป็นชีวิตที่มีความสุข เพราะเป็นชีวิตที่อิสระ มีความเรียบง่าย และมนุษย์ได้กระทําตาม ความปรารถนาของตน รวมทั้งมนุษย์ยังมีคุณธรรมพื้นฐานง่าย ๆ คือ การไม่สร้างความเจ็บปวดให้กับเพื่อนมนุษย์หรือการไม่ทําให้ผู้อื่นเดือดร้อน

71 ชีวิตมนุษย์ก่อนอยู่ในรัฐเป็นอย่างไรในทัศนะของฮอบส์

(1) มีความสุขสบายดีทุกอย่าง

(2) ต้องเผชิญกับการต่อสู้และความหวาดกลัว

(3) มีสิทธิตามธรรมชาติ

(4) มีความเรียบง่ายและเป็นอิสระ

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 67 ประกอบ

72 ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับการศึกษาของเพลโต

(1) ทุกคนสามารถเข้าถึงความจริงในโลกของแบบ

(2) ผู้ใช้แรงงานสามารถเข้าถึงความจริงในโลกของแบบ

(3) ทหารสามารถเข้าถึงความจริงในโลกของแบบ

(4) ผู้ปกครองประเทศสามารถเข้าถึงความจริงในโลกของแบบ

ตอบ 4 หน้า 270 271 ทฤษฎีการศึกษาของเพลโตเป็นแบบจิตนิยม เพราะมุ่งเน้นหนักการรู้ความจริงเชิงนามธรรม คือความจริงในโลกแห่งแบบมากกว่าการรับรู้ในเรื่องวัตถุและปรากฏการณ์ธรรมชาติ โดยบุคคลที่จะเป็นราชาปราชญ์ซึ่งมีความเหมาะสมที่จะเป็นผู้ปกครองประเทศเท่านั้นจึงจะสามารถเข้าถึงความจริงในโลกแห่งแบบได้ เพราะเป็นบุคคลที่มีปัญญาอย่างยิ่ง

73 วิชาใดจัดว่าเป็นวิชาสูงสุดที่สามารถวัดได้ว่าผู้สามารถเรียนได้เป็นคนมีจิตภาคเหตุผลเด่น

(1) พลศึกษา

(2) ดนตรี

(3) คณิตศาสตร์

(4) อภิปรัชญา

ตอบ 4 หน้า 270 เพลโต เห็นว่ารูปแบบการศึกษาจะต้องเริ่มต้นด้วยการคัดเลือกเด็กที่มีร่างกายสมบูรณ์มาฝึกกีฬา ต่อมาจึงเรียนการอ่านเขียนและเรียนคณิตศาสตร์ พออายุประมาณ 20 ปี ผู้ที่เหมาะสม จะได้เรียนคณิตศาสตร์บริสุทธิ์ และจวบจนอายุ 30 ปี ผู้ที่เหมาะสมจะได้เรียนอภิปรัชญาซึ่งเป็นกลุ่มบุคคลที่มีจิตภาคเหตุผลเด่นและเหมาะสมที่จะเป็นราชาปราชญ์

74 ในตอนเริ่มการศึกษาควรให้เด็กอ่านหนังสือเล่มใดในทัศนะของรุสโซ

(1) หนังสือเกี่ยวกับพลศึกษา

(2) คัมภีร์ไบเบิล

(3) หนังสือปรัชญา

(4) การผจญภัยของโรบินสัน ครูโซ

ตอบ 4 หน้า 275 276 รุสโซ เห็นว่า การศึกษาที่ถูกต้องควรเน้นให้เด็กเติบโตอย่างเป็นอิสระและปลอดอิทธิพลทางความคิดจากสังคม ดังนั้นการศึกษาในขั้นเริ่มแรกสําหรับเด็กก็คือ การเปิดโอกาส ให้เด็กมีประสบการณ์หรือให้ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของตนเองให้มาก มิใช่การเรียนรู้โดยการอ่านหนังสือ ยกเว้นการอ่านหนังสือเรื่องการผจญภัยของโรบินสัน ครูโซ

75 ในตอนเริ่มการศึกษาควรให้เด็กอ่านหนังสือเล่มใดในทัศนะของ เซนต์ ออกัสติน

(1) หนังสือเกี่ยวกับพลศึกษา

(2) คัมภีร์ไบเบิล

(3) หนังสือปรัชญา

(4) การผจญภัยของโรบินสัน ครูโซ

ตอบ 2 หน้า 273 เซนต์ ออกัสติน (St. Augustine) ได้แบ่งการศึกษาออกเป็น 2 ระดับ คือ

1 ระดับเริ่มแรก เป็นการศึกษาวิชาศิลปศาสตร์ ซึ่งเป็นการศึกษาแบบเข้มงวดและบังคับให้เชื่อโดยยังไม่ใช้เหตุผล เช่น การอ่านคัมภีร์ไบเบิลเป็นหลัก

2 ระดับก้าวหน้า เป็นการศึกษา 2 วิชาสําคัญ คือ เทววิทยาและปรัชญา ซึ่งเป็นการศึกษาแบบใช้เหตุผลและการพิสูจน์ให้เห็นจริงด้วยตนเองว่าทําไมความเชื่อและศรัทธาในขั้นเริ่มแรกจึงถูกต้อง

76 การจัดการศึกษาควรให้หน่วยงานใดรับผิดชอบ ในทัศนะของเซนต์ ออกัสติน

(1) รัฐ

(2) องค์กรเอกชน

(3) องค์กรการกุศล

(4) วัด

ตอบ 4 หน้า 272 273 เป้าหมายการศึกษาของเซนต์ ออกัสติน นั้นจะสัมพันธ์กับทัศนะทางศาสนาของเขา กล่าวคือ เขาเห็นว่าจุดมุ่งหมายของการศึกษา ก็คือ การกลับใจ (Conversion) ไปรัก พระเจ้า และการสํานึบาป (Repentance) ของตนเองที่หันเหไปจากพระเจ้า ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ จะทําให้มนุษย์พบกับความสุขที่แท้จริง ดังนั้นหน่วยงานที่จะช่วยให้มนุษย์บรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้ ก็คือ วัดหรือศาสนจักรนั่นเอง

77 วิธีการเรียนรู้ที่ถูกต้องตามปรัชญาปฏิบัตินิยม คือวิธีใด

(1) เรียนโดยลงมือปฏิบัติจริง

(2) เรียนโดยใช้เหตุผลพิสูจน์ความเชื่อ

(3) เรียนเพื่อเข้าใจตนเอง

(4) เรียนเพื่อสํานึกถึงสิทธิของตนเอง

ตอบ 1 หน้า 277 – 278 ลัทธิปฏิบัตินิยม เป็นปรัชญาที่ยึดถือในประสิทธิภาพทางการปฏิบัติหรือผลทางการปฏิบัติเป็นมาตรฐานสําหรับวัดความถูกต้อง ซึ่งเป้าหมายของการศึกษา คือ การมุ่งให้ผู้เรียนเป็นผู้พร้อมจะแก้ปัญหาของตนด้วยตนเอง ดังนั้นความรู้ที่แท้จริงต้อง เกิดจากการทดลองปฏิบัติหรือการลงมือปฏิบัติจริง มิใช่มุ่งที่การเรียนรู้ทางทฤษฎีเท่านั้น

78 ลัทธิปฏิบัตินิยมปรารถนาจะเห็นผู้เรียนมีลักษณะอย่างไร

(1) มีความเป็นตัวของตัวเองและพอใจในตัวเอง

(2) มีจินตนาการและแรงบันดาลใจสูง

(3) มีจิตใจมุ่งสู่ผลประโยชน์ของส่วนรวม

(4) เป็นบุคคลที่พร้อมจะแก้ปัญหา

ตอบ 4 หน้า 277, 283 ปรัชญาการศึกษาของลัทธิปฏิบัตินิยม คือ การสร้างให้ผู้เรียนเป็นบุคคลที่พร้อมจะแก้ปัญหา ดังนั้นการศึกษาต้องมุ่งให้เกิดผลที่ปฏิบัติได้ ไม่ใช่มุ่งการเรียนรู้แต่ทฤษฎีเท่านั้น

79 บุคคลใดมีความเหมาะสมที่จะเป็นผู้ปกครองในทัศนะของเพลโต

(1) คนมีพละกําลังมาก

(2) คนมีความกล้าหาญมาก

(3) คนมีความศรัทธาในพระเจ้าอย่างยิ่ง

(4) คนมีปัญญาอย่างยิ่ง

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 72 ประกอบ

80 ในทัศนะของจอห์น สจ๊วต มิลล์ การกระทําที่รัฐไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายได้ คือการกระทําชนิดใด

(1) การกระทําส่วนตัวแต่มีผลกระทบต่อคนอื่น

(2) การกระทําส่วนตัวที่ไม่มีผลกระทบต่อคนอื่น

(3) การกระทําที่มีผลกระทบต่อคนอื่น ๆ

(4) ถูกข้อ 1 และ 3

ตอบ 2 หน้า 258, 321 จอห์น สจ๊วต มิลล์ (John Stuart Mil) สนับสนุนการใช้เสรีภาพของบุคคลอย่างเต็มที่ โดยการกระทําที่รัฐไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายได้ คือ การกระทําส่วนตัวที่ไม่มีผลกระทบต่อบุคคลอื่น ส่วนการกระทําที่มีผลกระทบต่อบุคคลอื่นนั้นรัฐสามารถเข้าไปก้าวก่ายควบคุมได้

81 ข้อใดถูกต้องตามทัศนะของ “William Godwin”

(1) สังคมที่ดีคือสังคมที่เกิดจากการรวมตัวด้วยความรักและความเข้าใจ

(2) สังคมที่ดีคือสังคมที่สมาชิกอุทิศตนเพื่อรัฐ

(3) สังคมที่ดีคือสังคมที่สมาชิกมอบให้คณะบุคคลทําหน้าที่บริหาร

(4) ไม่ควรมีสังคม

ตอบ 4 หน้า 259 260 วิลเลียม ก๊อดวิน (William Godwin) เป็นนักคิดในกลุ่มอนาธิปไตย (Anarchism)ที่มีทัศนะว่า องค์กรทุกรูปแบบโดยเฉพาะรัฐบาลเป็นสิ่งที่ชั่วร้ายทั้งสิ้น สังคมที่ดีที่สุดควรเป็นสังคมที่ไร้รัฐและได้องค์กรใด ๆ ทั้งสิ้น

82 “General Will” ของรุสโซมีจุดมุ่งหมายเพื่อสิ่งใด

(1) ผลประโยชน์ของบุคคล

(2) ผลประโยชน์ของบุคคลและเพื่อนพ้อง

(3) ผลประโยชน์ของคนทั้งสังคม

(4) ผลประโยชน์ของมวลมนุษยชาติ

ตอบ 3 หน้า 256 257 ในทัศนะของรุสโซนั้น อํานาจอธิปไตยเป็นของประชาชนทุกคนเพราะสังคมเกิดจากเจตจํานงร่วม (General Will) ของมนุษย์ ดังนั้นผู้ปกครองกับพลเมืองก็คือ คน ๆ เดียวกัน แต่มองคนละด้านเท่านั้น เมื่อสังคมเกิดเป็นองค์กรร่วมหรือเป็นเอกภาพ เจตจํานงเพื่อผลประโยชน์ของตนเองและกลุ่มต้องหมดไป เหลือแต่เจตจํานงร่วมอันเป็นเจตจํานงเพื่อผลประโยชน์ของคนทั้งชาติหรือเพื่อคนทั้งสังคม

83 ปัญหาปรัชญาการศึกษาของตะวันตกเริ่มจากนักปรัชญาคนใด

(1) Thales

(2) Sophists

(3) Plato

(4) Epicurus

ตอบ 1 หน้า 267 ปัญหาปรัชญาการศึกษาของตะวันตกเริ่มต้นจากทาเลส (Thales) นักปรัชญาคนแรกของกรีก ถึงแม้จะไม่ได้แสดงทัศนะเกี่ยวกับเป้าหมายของการศึกษา แต่ก็ได้ทําหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการถ่ายทอดความรู้และวัฒนธรรม

84 จุดหมายของการศึกษาของ Sophists คืออะไร

(1) ผลประโยชน์และความสําเร็จ

(2) การเข้าถึงสัจธรรม

(3) การสํานึกบาป

(4) การแก้ปัญหาเป็น

ตอบ 1 หน้า 268 โซฟิสต์ (Sophists) ถือเป็นนักปรัชญากลุ่มแรกที่กล่าวถึงจุดมุ่งหมายของการศึกษาไว้ว่า การศึษามิใช่เป็นเพียงการถ่ายทอดวัฒนธรรมเท่านั้น แต่การศึกษาควรมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่ช่วยให้ผู้เรียนได้รับความสําเร็จในชีวิต และสามารถได้รับผลประโยชน์ตอบแทน โดยวิชาที่กลุ่มโซฟิสต์ส่งเสริมให้เรียน ก็คือ ศิลปะการพูดในที่ชุมชน

85 จุดหมายของการศึกษาของ Socrates คืออะไร

(1) ผลประโยชน์และความสําเร็จ

(2) การเข้าถึงสัจธรรม

(3) การสํานึกบาป

(4) การแก้ปัญหาเป็น

ตอบ 2 หน้า 268 269 โซเครตีส (Socrates) มีทัศนะว่า การศึกษามิใช่กระบวนการที่มีจุดมุ่งหมายเพียงเพื่อการแสวงหาผลประโยชน์และความสําเร็จเฉพาะตนเท่านั้น แต่การศึกษาจะต้องมี จุดมุ่งหมายเพื่อการค้นพบสัจธรรมหรือความจริงเกี่ยวกับคุณธรรม โดยวิธีการศึกษาที่จะนําไปสู่การค้นพบดังกล่าวได้ก็คือ การสนทนาถกเถียง และการซักถาม

86 ในการจัดการศึกษาในระดับก้าวหน้าของเซนต์ ออกัสติน ต้องจัดการศึกษาแบบใด

(1) ใช้วิธีสอนแบบเข้มงวด และบังคับให้ผู้เรียนเชื่อ

(2) เน้นให้ผู้เรียนใช้เหตุผลเพื่อพิสูจน์ศรัทธา

(3) บังคับให้ผู้เรียนเชื่อด้วยเหตุผล

(4) เน้นให้ผู้เรียนเกิดความศรัทธา

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 75 ประกอบ

87 ตามทัศนะของรุสโซการให้การศึกษาแก่เด็กเล็กควรทําอย่างไร

(1) สังคมต้องดูแลอย่างเข้มงวด

(2) ให้เด็กมีโอกาสอ่านหนังสือหลาย ๆ เล่ม

(3) ให้เรียนรู้ระบบต่าง ๆ ของสังคม

(4) ให้ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของตนเองให้มาก

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 74 ประกอบ

88 รุสโซปรารถนาจะเน้นผู้เรียนมีลักษณะอย่างไรในระดับการศึกษาสูงสุด

(1) มีความเป็นตัวของตัวเองและพอใจในตัวเอง

(2) มีจินตนาการและแรงบันดาลใจสูง

(3) มีจิตใจมุ่งสู่ผลประโยชน์ของส่วนรวม

(4) เป็นบุคคลที่พร้อมจะแก้ปัญหา

ตอบ 1 หน้า 275, (คําบรรยาย) รุสโซ เห็นว่า การสอนให้เด็กเป็นตัวของตัวเองตั้งแต่เริ่มแรกย่อมเป็นผลดี เพราะเป็นการเสริมสร้างให้เกิดความรู้สึกพอใจในตนเอง ดังนั้นในระดับการศึกษาขั้นสูงสุด รุสโซจึงปรารถนาจะเน้นผู้เรียนให้มีความเป็นตัวของตัวเองและพอใจในตนเอง

89 นักปรัชญาลัทธิอัตถิภาวนิยม เรียกร้องให้บุคคลหันมาสนใจสิ่งใด

(1) ตัวเอง

(2) สังคม

(3) รัฐ

(4) ศาสนา

ตอบ 1 หน้า 279, 284, (คําบรรยาย) ปรัชญาอัตถิภาวนิยมเป็นปรัชญาที่เชื่อในความสําคัญของปัจเจกบุคคล และเชื่อว่าเป้าหมายของการศึกษา คือ การเป็นตัวของตัวเอง ความเป็นอิสระ และประสบการณ์ที่แท้จริงของผู้เรียน ดังนั้นนักปรัชญาลัทธิอัตถิภาวนิยมจึงเรียกร้องให้บุคคลหันมาสนใจตัวเอง

90 ข้อใดไม่จัดเป็นปรัชญาสังคม

(1) เสรีภาพมีความหมายอย่างไร

(2) เสรีภาพควรถูกจํากัดหรือไม่

(3) ควรใช้หลักการใดจํากัดเสรีภาพ

(4) สังคมไทยปัจจุบันยอมรับเสรีภาพของบุคคลมากขึ้น

ตอบ 4 หน้า 313 ปรัชญาสังคม สนใจศึกษาปัญหาพื้นฐาน 2 ปัญหา คือ

1 ปัญหาเกี่ยวกับความหมายและความเข้าใจในศัพท์ทางสังคมที่ใช้กันในทฤษฎีทางสังคม เช่น เสรีภาพ ความยุติธรรม ความเสมอภาค ฯลฯ

2 ปัญหาของการสร้างมาตรการหรือการสร้างหลักการทางสังคม เช่น หลักการจํากัดเสรีภาพของบุคคล หลักการแบ่งปันหรือจัดสรรอย่างยุติธรรม ฯลฯ

91 “เสรีภาพไม่ควรมีขอบเขต” เป็นแนวคิดของใคร

(1) John Stuart Mill

(2) Patrick Devlin

(3) John Locke

(4) Anarchists

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 80 ประกอบ

92 หลักการแบ่งปันผลประโยชน์หลักการใด มีความเห็นแตกต่างจากหลักการอื่น ๆ ในเรื่องความเป็นมนุษย์

(1) หลักการแบ่งปันเท่าเทียมกันอย่างสมบูรณ์

(2) หลักการแบ่งปันตามความเหมาะสม

(3) หลักการแบ่งปันตามความพยายาม

(4) หลักการแบ่งปันตามแรงงาน

ตอบ 1 หน้า 332 338 หลักการแบ่งปันผลประโยชน์ที่เท่าเทียมกันอย่างสมบูรณ์มีความเห็นที่แตกต่างจากหลักการอื่น ๆ เพราะการแบ่งปันผลประโยชน์ประเภทนี้จะแบ่งให้กับมนุษย์ ทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน โดยไม่ขึ้นอยู่กับความสามารถ อายุ เพศ ความมานะพยายาม หรือความเหมาะสมใด ๆ ทั้งสิ้น

93 “ควรจํากัดเสรีภาพแม้แต่ความประพฤติทางเพศ” เป็นแนวคิดของใคร

(1) John Stuart Mill

(2) Patrick Devlin

(3) John Locke

(4) Anarchists

ตอบ 2 หน้า 324 แพทริค เดฟลิน (Patrick Devlin) เป็นผู้สนับสนุนหลักการควบคุมการประพฤติทางเพศของบุคคล เนื่องจากการประพฤติทางเพศที่ผิดศีลธรรมจัดว่าเป็นสิ่งที่ทําลายสายใยทางศีลธรรม ดังนั้นรัฐจึงต้องมีสิทธิที่จะออกกฎหมายเพื่อควบคุมการประพฤติทางเพศ

94 สาเหตุที่สังคมต้องมีกฎหมายป้องกันและปราบปรามยาเสพติด

(1) ปกป้องประชาชนให้พ้นภัยจากสิ่งอันตราย

(2) ปกป้องศีลธรรมของประชาชน

(3) ปกป้องทรัพย์สินของประชาชน

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 (คําบรรยาย) สาเหตุสําคัญที่ทําให้รัฐต้องออกกฎหมายป้องกันและปราบปรามยาเสพติด คือ การป้องกันประชาชนให้รอดพ้นจากภัยอันตรายของยาเสพติด และช่วยปกป้องทรัพย์สินของผู้บริสุทธิ์ให้รอดพ้นจากผู้ติดยาเสพติด รวมทั้งช่วยส่งเสริมศีลธรรมอันดีของคนในสังคม

95 “ห้ามรถทุกคันขับเร็วในเขตมหาวิทยาลัยรามคําแหง ยกเว้นรถพยาบาลขณะปฏิบัติหน้าที่” เป็นกฎที่มีลักษณะอย่างไร

(1) จุดประสงค์ยุติธรรม

(2) จุดประสงค์ยุติธรรมและบังคับใช้อย่างยุติธรรม

(3) จุดประสงค์ไม่ยุติธรรม แต่บังคับใช้อย่างยุติธรรม

(4) จุดประสงค์ไม่ยุติธรรมและบังคับใช้อย่างไม่ยุติธรรม

ตอบ 2 หน้า 330 331 โดยทั่วไปกฎหมายต้องมีข้อความที่ระบุถึงกลุ่มคนที่กฎหมายนั้นต้องใช้บังคับและระบุถึงกลุ่มคนที่ได้รับข้อยกเว้นจากกฎหมายนั้น เช่น กฎหมายห้ามรถยนต์ใช้ความเร็ว เกิน 30 กม./ชม. ในเขตมหาวิทยาลัย ยกเว้นรถพยาบาลขณะปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งการยกเว้นดังกล่าว ถือว่ามีความยุติธรรม ทั้งนี้เพราะรถพยาบาลมีความแตกต่างจากรถโดยทั่วไปที่จําเป็นต้องเร่งรีบนําคนป่วยหรือผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาล

96 ถ้าการแบ่งปันผลประโยชน์มีลักษณะเท่าเทียมกันเกินไป จะเกิดผลอย่างไร

(1) ทําให้ขาดการแข่งขัน

(2) ทําให้เกิดการเกียจคร้าน

(3) ถูกข้อ 1 และ 2

(4) ทําให้เกิดความยากจนอย่างเท่าเทียมกัน

ตอบ 3 หน้า 333 – 334 ข้อบกพร่องของหลักการของความเท่าเทียมกันอย่างสมบูรณ์ คือ การขาดการแข่งขันและประชาชนในสังคมเกิดความเกียจคร้าน เนื่องจากทุกคนในสังคมไม่มีความปรารถนา ที่จะสร้างความร่ำรวยให้กับสังคม เพราะในที่สุดความร่ำรวยที่เขาสร้างขึ้นมาก็จะถูกฉกฉวยแบ่งปันไปให้ผู้อื่น

97 ปรัชญาประวัติศาสตร์ศึกษาสิ่งใดโดยตรง

(1) ความหมายของเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์

(2) แบบแผนของเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์

(3) วิธีการศึกษาประวัติศาสตร์

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 285 286 ปรัชญาประวัติศาสตร์ให้ความสําคัญกับการศึกษาใน 3 สิ่งต่อไปนี้

1 ความหมายของเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์

2 แบบแผนของเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์

3 วิธีการศึกษาค้นคว้าทางประวัติศาสตร์

98 ประวัติศาสตร์เชิงวิเคราะห์ มุ่งศึกษาปัญหาใด

(1) เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต

(2) แบบแผนของเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์

(3) ความเป็นปรนัยของวิชาประวัติศาสตร์

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 2 หน้า 287 – 289 ปรัชญาประวัติศาสตร์เชิงวิเคราะห์ หมายถึง ปรัชญาประวัติศาสตร์ที่สืบค้นถึงความหมายและแบบแผนของเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ทั้งหลาย ซึ่งปัญหาของปรัชญา เชิงวิเคราะห์นี้ แบ่งออกเป็น

1 แบบแผนของอดีต

2 ความหมายของประวัติศาสตร์

3 ความจําเป็นของเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์

99 ประวัติศาสตร์เชิงวิจารณ์ มุ่งศึกษาปัญหาโด

(1) เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต

(2) แบบแผนของเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์

(3) ความเป็นปรนัยของวิชาประวัติศาสตร์

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 3 หน้า 287, 299 ปรัชญาประวัติศาสตร์เชิงวิจารณ์ หมายถึง ปรัชญาประวัติศาสตร์ที่สืบค้นถึงวิธีการค้นคว้าของนักประวัติศาสตร์เพื่อตัดสินประเภทวิชาของประวัติศาสตร์ว่าสามารถเป็น วิชาประเภทเดียวกับวิทยาศาสตร์หรือไม่ ซึ่งปัญหาของปรัชญาเชิงวิจารณ์นี้ แบ่งออกได้เป็น

1 ปัญหาเรื่องการอธิบายทางประวัติศาสตร์

2 ปัญหาเรื่องปัจเจกบุคคลของประวัติศาสตร์

3 ปัญหาเรื่องความเป็นปรนัยของประวัติศาสตร์

100 การเปลี่ยนแปลงของสถาบันทางสังคมเป็นผลของสาเหตุใดในทัศนะของมาร์กซ์

(1) ผลของการเปลี่ยนแปลงประเพณี

(2) ผลของการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง

(3) ผลของการเปลี่ยนแปลงวิธีการผลิต

(4) ผลของการค้นพบสิ่งใหม่ ๆ

ตอบ 3 หน้า 293 – 296 มาร์กซ์ เชื่อว่า สาเหตุของการเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติอันเป็นการเปลี่ยนแปลงของสถาบันทางสังคมนั้น เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงวิธีการผลิต โดยยุคเริ่มต้นการผลิตของมนุษย์จะเป็นแบบทาส และพัฒนาเรื่อยมาจนไปสู่จุดหมายการผลิต แบบสังคมคอมมิวนิสต์ที่ปราศจากชนชั้นและไม่มีการขูดรีด

 

PHI1003 ปรัชญาเบื้องต้น s/2559

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2559

ข้อสอบกระบวนวิชา PHI 1003 ปรัชญาเบื้องต้น

คําสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคําตอบเดียว (ข้อสอบมีทั้งหมด 100 ข้อ)

1 สิ่งที่ “ปรัชญา” ไม่สามารถช่วยได้คือข้อใด

(1) ความสามารถคิดอย่างมีเหตุผล

(2) การมีทัศนะกว้างขึ้น

(3) การมีใจกว้างขึ้น

(4) การหางานทําได้ง่ายขึ้น

ตอบ 4 หน้า 1 – 2, (คําบรรยาย) ปรัชญาเป็นสิ่งที่ทําให้มนุษย์สามารถคิดอย่างมีเหตุผล ไม่ยอมรับสิ่งใดโดยง่ายดาย แต่ก็มีใจกว้าง ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น จึงทําให้มีทัศนะกว้างขวางขึ้นและพยายามแสวงหาคําตอบสําหรับปัญหาของตนตลอดเวลา แต่ไม่ได้ทําให้หางานทําได้ง่ายขึ้น

2 ข้อใดคือท่าทีของ “ปรัชญา” ตามความหมายในวิชา PHI 1003

(1) การศึกษาเรื่องความรู้อันประเสริฐ

(2) การสงสัยและหาคําตอบ

(3) การหาหลักการให้กับองค์กร

(4) การศึกษาเพื่อการพ้นทุกข์

ตอบ 2 หน้า 1, (คําบรรยาย) ปรัชญาเป็นเรื่องราวของการใช้ปัญญาเพื่อไตร่ตรองในสิ่งที่ตนยังสงสัยหรือคิดว่าเป็นปัญหาอยู่ และเป็นการพยายามใช้ปัญญาไตร่ตรองถึงคําตอบที่เป็นไปได้สําหรับปัญหาที่ตนยังติดใจสงสัย และจะทําการวิพากษ์วิจารณ์ปัญหาเหล่านั้นอย่างมีเหตุผล ดังนั้น ปรัชญาจึงเป็นเรื่องของผู้ใช้ปัญญา หรือผู้มีความปรารถนาจะรู้ในสิ่งที่ตนไม่รู้ ด้วยเหตุนี้ปรัชญาจึงเกิดขึ้นพร้อมกับมนุษย์ เพราะมนุษย์เป็นผู้มีปัญญา

3 นักปรัชญาใช้วิธีการใดในการแสวงหาความรู้

(1) การวิพากษ์วิจารณ์ด้วยเหตุผล

(2) การเก็บข้อมูลและทดลองแบบนักวิทยาศาสตร์

(3) การใช้การคํานวณแบบนักคณิตศาสตร์

(4) ศึกษาจากคัมภีร์ของศาสนาต่าง ๆ

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 2 ประกอบ

4 คําตอบของนักปรัชญาต่อปัญหาต่าง ๆ มีลักษณะอย่างไร

(1) ปัญหาเดียวกันมีได้หลายคําตอบ

(2) สอดคล้องกับข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์

(3) คําตอบมีความแน่นอนตายตัว

(4) ความจริงสูงสุด

ตอบ 1 หน้า 1, 9, (คําบรรยาย) ปรัชญาเกิดขึ้นพร้อมกับมนุษย์ เพราะมนุษย์เป็นผู้มีปัญญาซึ่งลักษณะสําคัญประการหนึ่งของปรัชญาก็คือ แม้แต่คําตอบต่อปัญหาอันเดียวกันนั้น ก็อาจมีคําตอบที่เป็นไปได้หลายคําตอบ โดยยังไม่มีการกําหนดหรือยอมรับกันลงไปว่า คําตอบใดเป็นคําตอบที่ถูกต้องที่สุด วิชาปรัชญาถือว่าคําตอบทุกคําตอบเป็นไปได้ทั้งสิ้น ดังนั้นปรัชญาจึงช่วยแก้ปัญหาให้แก่มนุษย์ด้วยการใช้ปัญญาแสวงหาคําตอบที่เป็นไปได้

5 ข้อใดกล่าวได้ถูกต้อง

(1) คําว่า “ปรัชญา” บัญญัติแทน “Philosophy” และมีความหมายตรงกัน

(2) คําว่า “ปรัชญา” บัญญัติแทน “Philosophy” แต่มีความหมายไม่ตรงกัน

(3) คําว่า “ปรัชญา” ไม่ได้บัญญัติแทน “Philosophy” แต่มีความหมายตรงกัน

(4) คําว่า “ปรัชญา” ไม่ได้บัญญัติแทน “Philosophy” จึงมีความหมายไม่ตรงกัน

ตอบ 1 หน้า 1 คําว่า “ปรัชญา” เป็นศัพท์บัญญัติของพระเจ้าวรวงศ์เธอกรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ซึ่งใช้แปลคําว่า Philosophy ในภาษาอังกฤษ ดังนั้นคําว่าปรัชญาจึงมีความหมายที่สอดคล้อง หรือเหมือนกันทุกประการกับ Philosophy ซึ่งหมายถึง ผู้รักความปราดเปรื่อง หรือผู้ปรารถนา

จะเป็นปราชญ์ หรือผู้ปรารถนาจะฉลาด หรือผู้ที่ยังไม่รู้และปรารถนาจะรู้มากขึ้น

6 ทําไม “ปรัชญา” จึงเกี่ยวข้องกับมนุษย์

(1) เพราะมนุษย์มีปัญหา

(2) เพราะมนุษย์มีปัญญา

(3) เพราะมนุษย์มีปรัชญา

(4) เพราะมนุษย์รู้ปรัชญา

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 2.ประกอบ

7 “ปรัชญาบริสุทธิ์” ศึกษาปัญหาเกี่ยวกับสิ่งใด

(1) ความเป็นจริง

(2) การรู้ความเป็นจริง

(3) การปฏิบัติให้สอดคล้องกับความเป็นจริง

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 11 – 17 ปรัชญาบริสุทธิ์ (Pure Philosophy) หมายถึง ปัญหาหรือขอบเขตของปรัชญาที่เป็นเรื่องของปรัชญาโดยเฉพาะ ไม่เกี่ยวข้องกับข้อสรุปของวิชาอื่น ๆ ที่แยกตัว ออกไปจากวิชาปรัชญาแล้ว ซึ่งปรัชญาบริสุทธิ์จะศึกษาถึงปัญหาเกี่ยวกับความเป็นจริง ในประเด็นปัญหา 3 ประการ ดังนี้คือ

1 ความเป็นจริงคืออะไร

2 เรารู้ความเป็นจริงได้อย่างไร

3 เราพึงปฏิบัติตนอย่างไรจึงจะสอดคล้องกับความเป็นจริง

8 ปัญหาเรื่องปฐมธาตุของนักปรัชญากรีกโบราณจัดเป็นปัญหาปรัชญาสาขาใด

(1) อภิปรัชญา

(2) ญาณวิทยา

(3) จริยศาสตร์

(4) ปรัชญาประยุกต์

ตอบ 1 หน้า 17, 21 – 23 อภิปรัชญา เป็นศาสตร์ที่มุ่งศึกษาปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง“ความเป็นจริงคืออะไร” โดยมุ่งที่จะสืบค้นไปถึงสิ่งที่จริงที่สุด ซึ่งอาจซ่อนอยู่เบื้องหลัง ปรากฏการณ์ของโลกที่ปรากฏต่อผัสสะของมนุษย์ หรือสิ่งที่อยู่ล่วงเลยขอบเขตของสสาร (อสสาร) ซึ่งแยกออกได้เป็น 3 ปัญหา คือ

1 ปัญหาเกี่ยวกับความเป็นจริงของโลก เช่น ปฐมธาตุหรือแก่นแท้ของจักรวาลคืออะไร

2 ปัญหาเกี่ยวกับความเป็นจริงของจิต เช่น จิตหรือวิญญาณของมนุษย์มีจริงหรือไม่

3 ปัญหาเกี่ยวกับความเป็นจริงของพระเจ้า เช่น พระเจ้ามีอยู่และเกี่ยวข้องกับโลกอย่างไร

9 “Metaphysics” มีความหมายตรงกับศัพท์ภาษาไทยคําใด

(1) ปรัชญา

(2) อภิปรัชญา

(3) ญาณวิทยา

(4) อตินทรีย์วิทยา

ตอบ 4 หน้า 21 – 22 Metaphysics แปลว่า วิชาที่ว่าด้วยสิ่งที่อยู่เบื้องหลังวัตถุ หรือวิชาที่ว่าด้วยสิ่งที่อยู่เบื้องหลังสิ่งที่รู้สึกทางประสาทสัมผัส จะมีความหมายตรงกับคําว่า “อตินทรีย์วิทยา ซึ่งแปลว่า ล่วงเลยอินทรีย์หรือประสาทสัมผัส แต่คําว่าอตินทรีย์วิทยานไม่เป็นที่นิยมใช้กัน โดยคําที่นิยมใช้ก็คือ “อภิปรัชญา” ซึ่งแปลว่า ความรู้อันประเสริฐที่ยิ่งใหญ่ อันมีความหมาย เท่ากับ “ปรมัตถ์” หรือ “ความรู้ขั้นปรมัตถ์” ซึ่งแปลว่า ความรู้ที่มีเนื้อหาลึกซึ้งอย่างยิ่ง

10 ข้อใดสัมพันธ์กันอย่างถูกต้อง

(1) โซฟิสต์ – ความรู้เชิงปรนัย

(2) โซเครตีส – ความรู้เชิงอัตนัย

(3) โซฟิสต์ – ปัญญา

(4) โซเครตีส – ปัญญา

ตอบ 4 หน้า 8, (คําบรรยาย) โซเครตีส เพลโต และอริสโตเติล เชื่อว่า มนุษย์มีสมรรถภาพพอที่จะรู้ความเป็นจริงได้ (ความรู้เชิงปรนัย) ถ้ามนุษย์ใช้ปัญญาหรือเหตุผลที่เป็นสมรรถภาพเหนือผัสสะ ส่วนโซฟิสต์ เห็นว่า มนุษย์ไม่มีความสามารถที่จะรู้ว่าอะไรคือสารเบื้องต้นของธรรมชาติที่แท้จริงนักปรัชญาแต่ละคนจึงได้ตอบไปตามความเห็นของตนเท่านั้น

11 สาเหตุที่ทําให้วัตถุประเภทเดียวกันมีลักษณะอย่างเดียวกัน คืออะไรในทัศนะของเพลโต

(1) ความเหมือนเป็นเพียงข้อสังเกตของมนุษย์

(2) วัตถุนั้นมีโครงสร้างของอะตอมเหมือนกัน

(3) วัตถุนั้นจําลองมาจากแม่แบบเดียวกัน

(4) วัตถุนั้นถูกพระเจ้าเนรมิตขึ้นจากแบบเดียวกัน

ตอบ 3 หน้า 26 – 27 เพลโต อธิบายว่า โลกของแบบเท่านั้นที่เป็นจริง เป็นสิ่งเที่ยงแท้ และเป็นต้นแบบของโลกแห่งประสาทสัมผัส ซึ่งแบบเป็นอสสารที่มองไม่เห็น ไม่มีตัวตน จับต้องไม่ได้ และเป็นหลักสําคัญให้โลกวัตถุมีอยู่ได้ เช่น ทอง ขมิ้น และดอกดาวเรือง ฯลฯ แม้วัตถุทั้งหมดนี้จะมีความแตกต่างกัน แต่ก็จําลองมาจากแบบเดียวกัน คือ “เหลือง” และมนุษย์รับรู้ด้วยเหตุผล

12 ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับแบบของเพลโต

(1) มีจริง และมนุษย์รับรู้ด้วยประสาทสัมผัส

(2) มีจริง และมนุษย์รับรู้ด้วยเหตุผล

(3) ไม่มีจริง แต่มนุษย์สร้างภาพด้วยเหตุผล

(4) ไม่มีจริง แต่มนุษย์สร้างภาพด้วยประสาทสัมผัส

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 11 ประกอบ

13 “ทอง ขมิ้น ดอกดาวเรือง” มีความสัมพันธ์กันอย่างไรในทัศนะของเพลโต (1) ไม่มีความสัมพันธ์กันเลย

(2) มีลักษณะร่วมกัน คือเป็นวัตถุในโลกมนุษย์

(3) มีลักษณะร่วมกัน คือ “เหลือง”

(4) มีลักษณะร่วมกัน คือเป็นแบบให้กับวัตถุสีเหลือง

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 11 ประกอบ

14 ที่ว่าสสารนิยมเป็น “เอกนิยม” (Monism) มีความหมายอย่างไร

(1) โลกเป็นปรากฏการณ์ของสสารเท่านั้น

(2) โลกเป็นปรากฏการณ์ของสสารชนิดเดียว

(3) โลกมีเพียงโลกเดียว

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 31 สสารนียมเป็นเอกนิยม (Monism) ถือว่าปรากฏการณ์ของสสารเท่านั้นที่เป็นจริง เป็นความจริงประเภทเดียว และเป็นปรากฏการณ์ของสสารชนิดเดียว โดยสสารจะเป็นสิ่งที่ครองที่ คือ แผ่ไปในที่ว่าง เป็นสิ่งที่มีอยู่และเกิดขึ้นในที่ว่าง ถ้าวัตถุชิ้นหนึ่งครองที่อยู่ ณ ที่หนึ่งแล้ว วัตถุชิ้นอื่นจะครองที่นั้นในเวลาเดียวกันนั้นไม่ได้

15 สสารมีลักษณะอย่างไร

(1) ไร้รูปร่าง สัมผัสไม่ได้ แต่มีอายุขัย

(2) มีรูปร่าง สัมผัสได้ แต่ไร้อายุขัย

(3) มีรูปร่าง สัมผัสได้ และมีอายุขัย

(4) ไร้รูปร่าง สัมผัสไม่ได้ และไร้อายุขัย

ตอบ 3 หน้า 31 ลัทธิสสารนิยม เชื่อว่า สสารเป็นสิ่งที่ครองเวลา จะต้องมีอยู่ ณ เวลาใดเวลาหนึ่งจะมีอยู่ตลอดเวลาไม่ได้ ซึ่งสสารหรือวัตถุทั้งปวงนี้เป็นสิ่งที่รู้จักได้ด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5 และประสาทสัมผัสทั้ง 5 เท่านั้นที่จะรู้จักสสารได้ โดยสสารเหล่านี้ จะเป็นสิ่งที่มีรูปร่าง สัมผัสได้ และมีอายุขัยเพียงชั่วระยะเวลาใดเวลาหนึ่งเท่านั้น

16 นักจิตนิยมมีทัศนะต่อโลกมนุษย์อย่างไร

(1) มนุษย์ต้องเรียนรู้ให้มากเพื่อใช้ชีวิตในโลกอย่างมีความสุขสบาย

(2) มนุษย์ต้องใช้ชีวิตในโลกอย่างสุขสบาย ก่อนไปใช้ชีวิตในโลกแห่งความจริง

(3) การมีชีวิตในโลกเป็นเพียงสะพานไปสู่ความจริง

(4) โลกมนุษย์มีความเป็นจริงของมันเอง

ตอบ 3 หน้า 35, (คําบรรยาย) จิตนิยม เชื่อว่า มนุษย์มีองค์ประกอบ 2 อย่างคือ จิตกับร่างกาย โดยจิตหรือวิญญาณสําคัญกว่าร่างกาย เพราะเป็นตัวตนที่แท้จริงของมนุษย์ และมีสภาวะ เป็นอมตะ เมื่อตายไปแล้วก็จะกลับมาเกิดใหม่ ดังนั้นการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้จึงต้องกระทําความดีเพื่อเป็นสะพานที่จะมุ่งไปสู่ความจริงในโลกหน้า

17 อสสารมีลักษณะอย่างไร

(1) ไร้รูปร่าง สัมผัสไม่ได้ แต่มีอายุขัย

(2) มีรูปร่าง สัมผัสได้ แต่ไร้อายุขัย

(3) มีรูปร่าง สัมผัสได้ และมีอายุขัย

(4) ไร้รูปร่าง สัมผัสไม่ได้ และไร้อายุขัย

ตอบ 4 หน้า 25 – 27, 60 จิตนิยม เห็นว่า สสาร วัตถุ หรือสิ่งที่เป็นรูปธรรมทั้งหมดนั้นมีอยู่จริงแต่ยังมีสิ่งที่จริงกว่าวัตถุและสสาร กล่าวคือ ยังมีของจริงอีกอย่างหนึ่งที่จับต้องหรือสัมผัสไม่ได้ มองเห็นไม่ได้ ไม่มีตัวตน (ไร้รูปร่าง) มีอยู่เป็นนิรันดรหรือมีสภาวะเป็นอมตะ (ไร้อายุขัย) และ ไม่อยู่ในระบบของอวกาศและเวลา ซึ่งมีลักษณะเป็นอสสาร (Immaterial) สิ่งนั้นคือ “จิต” เช่น โลกแห่งแบบ วิญญาณ พรหมัน และพระเจ้า ฯลฯ อันเป็นต้นกําเนิดหรือต้นแบบของวัตถุ ดังนั้นสิ่งที่มนุษย์มองเห็นอยู่บนโลกนี้จึงเป็นเพียงสภาพที่ปรากฏของสิ่งที่เป็นจริงเท่านั้น

18 ข้อใดคือความหมายของ “ทฤษฎีทอนลง”

(1) วัตถุมีอายุสั้นลงทุกปี

(2) ปริมาณของวัตถุจะค่อย ๆ ลดลง

(3) สามารถสืบค้นเวลาถอยหลังจนถึงจุดที่วัตถุกําเนิดขึ้น

(4) วัตถุสามารถแยกย่อยจนถึงหน่วยย่อยสุดท้าย

ตอบ 4 หน้า 32 สสารนิยมยอมรับแนวคิดเรื่องการทอนลง โดยเชื่อว่าสิ่ง ๆ หนึ่งสามารถแยกได้เป็นหน่วยย่อยจนถึงอนุภาคที่เล็กที่สุดที่เรียกว่า อะตอม โดยอะตอมจะไม่มีองค์ประกอบจึงไม่อาจแบ่งย่อยได้ จะสลายก็ไม่ได้ และเกิดขึ้นใหม่ก็ไม่ได้

19 ข้อใดเป็นแนวคิดแบบธรรมชาตินิยม

(1) มีความคิดเรื่องโลกแบบพหุนิยม

(2) มีความเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงทําให้เกิดสิ่งใหม่

(3) มีความเชื่อในเรื่องทฤษฎีวิวัฒนาการ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 33 – 34 ธรรมชาตินิยมเป็นพหุนิยมที่เชื่อเรื่องความมากมายหลายหลากว่าในจักรวาลมีสิ่งที่เป็นจริงมากมายหลายสิ่ง และในกระบวนการวิวัฒนาการของจักรวาลนั้น ได้มีสิ่งใหม่ ๆ เกิดขึ้น โดยสิ่งใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นนี้จะมีคุณสมบัติใหม่ และคุณภาพใหม่ที่ไม่สามารถทอนลงเป็นอะตอมกับการเคลื่อนไหวของอะตอมได้เลย

20 นักจิตนิยมมีทัศนะเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างจิต-กาย อย่างไร

(1) จิต คือ กาย

(2) จิตสําคัญคู่กาย

(3) จิตสําคัญกว่ากาย

(4) จิตมีอยู่ตราบเท่าที่มีกาย

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 16 ประกอบ

21 คนที่ทํางานเต็มที่ตามกําหนดเวลาทํางาน เมื่อเลิกงานก็ไปดูหนังฟังเพลงเพื่อจะไปทํางานตามกําหนดเวลาจนตลอดชีวิต เป็นคนมีจิตแบบใดในทัศนะของเพลโต

(1) คนมีจิตภาคตัณหาเด่น

(2) คนมีจิตภาคน้ำใจเด่น

(3) คนมีจิตภาคตัณหากับน้ำใจเด่นร่วมกัน

(4) คนมีจิตภาคปัญญาเด่นพอสมควร

ตอบ 1 หน้า 35 – 36, 245 246 จิตในทัศนะของเพลโต แบ่งออกเป็น 3 ภาค ดังนี้

1 ภาคตัณหา คือ ความต้องการความสุขทางกาย โดยจะพยายามทําทุกอย่างเพื่อแสวงหาเงินมาสนองความสุขทางโลก จึงเป็นบุคคลที่ลุ่มหลงในโลกียสุข 2 ภาคน้ำใจ คือ ความรู้สึกทางใจ ได้แก่ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ การยึดถือเกียรติและสัจจะเป็นสําคัญ โดยพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือแก่ผู้อื่นที่ตกทุกข์ได้ยากทุกเมื่อ

3 ภาคเหตุผลหรือภาคปัญญา เป็นจิตภาคที่พัฒนาขึ้นมาสูงสุดแล้ว คือ มีความใฝ่ในสัจจะโดยอาจยอมเสียสละทั้งเงินและเกียรติเพื่อแสวงหาความรู้ ความจริง ความดี ความงามและความยุติธรรม ซึ่งจิตภาคนี้เท่านั้นที่จะทําให้มนุษย์เข้าสู่โลกของแบบได้

22 คนที่ยอมทิ้งความสุขสบายทางกาย มุ่งแสวงหาความเข้าใจเรื่องความจริง ความดี ความงาม เป็นคนมีจิต แบบใดในทัศนะของเพลโต

(1) มีจิตภาคตัณหาเด่น

(2) มีจิตภาคน้ำใจเด่น

(3) มีจิตภาคตัณหาและน้ำใจเด่น

(4) มีจิตภาคเหตุผลเด่น

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 21 ประกอบ

23 บุคคลใดต่อไปนี้มีจิตภาคน้ําใจเด่นในทัศนะของเพลโต

(1) แจน มีงานทําสองแห่ง เธอใช้เงินทั้งหมดกับการ กิน ดื่ม เที่ยว ในวันหยุด (2) เจน ยับยั้งชั่งใจที่จะรักษาเกียรติของเธอไว้ โดยไม่ยอมเป็นภรรยาน้อยใคร (3) แจน ใช้ชีวิตสมถะ เพื่อนําเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายสําหรับการเรียนชั้นปริญญาเอก ซึ่งเธอคงได้รับเงินเดือนมากพอที่จะสะดวกสบายไปตลอดชาติ (4) แจง ใช้ชีวิตสมถะ และพยายามไตร่ตรองเพื่อเข้าใจธรรมชาติที่แท้จริงของชีวิตมนุษย์

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 21 ประกอบ

24 “แบบ” ของเพลโตกับ “พระเจ้า” ของศาสนาคริสต์ มีลักษณะเหมือนหรือต่างกันอย่างไร

(1) เป็นสิ่งที่มนุษย์สามารถพูดคุยได้เหมือนกัน

(2) มีสถานภาพเป็นอสสารเหมือนกัน

(3) เป็นแหล่งกําเนิดของโลกเหมือนกัน

(4) ถูกข้อ 2 และ 3

ตอบ 4 หน้า 28, (คําบรรยาย) ปรัชญาของเพลโตเป็นจิตนิยม ซึ่งถือว่า ค่าทั้งหลายที่มีอยู่ในโลกของวัตถุและโลกของมนุษย์มีต้นตออยู่ที่อสสารด้วย เช่น ความดี ความงาม ความยุติธรรม เป็นค่า หรือคุณธรรมที่มีอยู่ในโลก ดังนั้นจึงสอดคล้องกับทัศนะของนักปรัชญาตะวันตกสมัยกลางที่เห็นว่าคุณค่าต่าง ๆ ในโลกเป็นสิ่งที่พระเจ้าสร้างขึ้น มิใช่สิ่งที่มนุษย์คิดขึ้นหรือตั้งขึ้นมา

25 ข้อใดตรงกับแนวความคิดเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ของสสารนิยม

(1) ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น

(2) ลูกไม้หล่นใต้ต้น

(3) เข้าฝูงกาก็เป็นกา เข้าฝูงหงส์ก็เป็นหงส์

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 (คําบรรยาย) ลัทธิสสารนิยม เห็นว่า มนุษย์ไม่มีตัวตนของจิต สิ่งที่เรียกว่าพฤติกรรมของจิตคือ อารมณ์หรือความคิดต่าง ๆ ที่มีพื้นฐานมาจากสสารส่วนที่เป็นก้อนสมองเท่านั้น ถ้าก้อนสมองตายสภาพทางจิตก็จะหายไปด้วย ซึ่งพฤติกรรมของจิตนี้สามารถเปลี่ยนแปลงไปตาม สภาพแวดล้อมหรือประสบการณ์ที่ได้รับในแต่ละช่วงเวลา

26 ทัศนะใดถือว่า จิตเกิดจากกาย และต่างจากกาย

(1) เทวนิยม

(2) จิตนิยม

(3) ธรรมชาตินิยม

(4) สสารนิยม

ตอบ 3 หน้า 33 – 34, (คําบรรยาย) ธรรมชาตินิยม เชื่อว่า มนุษย์เป็นสิ่งใหม่ เป็นผลผลิตขั้นสุดยอดของวิวัฒนาการ กล่าวคือ มนุษย์จะประกอบด้วยร่างกายและจิตใจซึ่งมีความสําคัญเท่าเทียมกัน โดยจิตใจของมนุษย์จะแตกต่างจากกายเพราะเกิดจากวิวัฒนาการที่ยาวนาน จนทําให้มนุษย์เหนือกว่าสัตว์ประเภทอื่น ๆ

27 ลัทธิใดเชื่อว่าสิ่งที่ทําให้มนุษย์แตกต่างจากสิ่งทั้งหลาย คือ การมีจิต

(1) จิตนิยม

(2) สสารนิยม

(3) ธรรมชาตินิยม

(4) จิตนิยมและธรรมชาตินิยม

ตอบ 1 หน้า 25 – 27, 35 พวกจิตนิยม เห็นว่า มนุษย์นั้นมีองค์ประกอบ 2 อย่างคือ จิตกับร่างกายแต่จิตสําคัญกว่า เพราะเป็นตัวตนที่แท้จริง มีอยู่เป็นนิรันดร ไม่เปลี่ยนแปลง และเป็นสิ่งที่ทําให้มนุษย์มีความแตกต่างจากสิ่งทั้งหลาย ส่วนร่างกายนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงเกิดดับได้ ดังนั้นวิถีชีวิตของแต่ละคนย่อมเป็นไปตามการบังคับบัญชาของจิต โดยร่างกายจะเป็นเพียงการสนองตอบเจตจํานงของจิตเท่านั้น มนุษย์จึงไม่มีอิสระตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของจิตและความทะยานอยาก ถ้าไม่หิวก็อาจจะกินได้ ฯลฯ

28 ลัทธิใดเชื่อว่าการตายเป็นการสิ้นสุดของมนุษย์

(1) จิตนิยม

(2) สสารนิยม

(3) ธรรมชาตินิยม

(4) สสารนิยมและธรรมชาตินิยม

ตอบ4 สสารนิยม เชื่อว่า การเกิดและการดับสลายของสิ่งต่างๆเป็นเพียงการเข้ามารวมตัวและแยกออกจากกันของอะตอมทั้งหลาย และการเปลี่ยนแปลงก็เป็นเพียงการสับที่ของอะตอม โดยอะตอมนั้นมิได้เกิดดับหรือเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด ส่วนธรรมชาตินิยมนั้น เชื่อว่าสิ่งธรรมชาติ เช่น ก้อนหิน มนุษย์ กบ ล้วนเป็นสิ่งที่มีขึ้นและดับลงตามปฏิบัติการของสาเหตุธรรมชาติ ดังนั้นทั้งสองแนวคิดนี้จึงเชื่อว่าการตายเป็นการสิ้นสุดของมนุษย์คนนั้น

29 ข้อใดมีความสัมพันธ์กันอย่างถูกต้อง

(1) สสารนิยม – จักรกลนิยม

(2) จิตนิยม – อันตนิยม

(3) ธรรมชาตินิยม – นวนิยม

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 32, (คําบรรยาย) ลัทธิจักรกลนิยมเป็นทฤษฎีที่สืบเนื่องมาจากปรัชญาสสารนิยม ซึ่งเชื่อว่า การเคลื่อนไหวและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในโลกนั้นมิได้เป็นไปเพื่อจุดมุ่งหมายอะไร นอกจากเป็นไปอย่างจักรกล ส่วนลัทธิอันตนิยมเป็นทฤษฎีที่สืบเนื่องมาจากปรัชญาจิตนิยม ซึ่งเชื่อว่า ทุกสิ่งที่มีอยู่ในจักรวาลนั้นมีการเกิดขึ้น เปลี่ยนแปลง ดับสลาย โดยมีจุดมุ่งหมาย เหมือนกับมนุษย์และสัตว์ และลัทธินวนิยมเป็นทฤษฎีที่สืบเนื่องมาจากปรัชญาธรรมชาตินิยม ซึ่งเชื่อเรื่องกระบวนการวิวัฒนาการของจักรวาล

30 นักจิตนิยมมีความเห็นเกี่ยวกับโลกมนุษย์อย่างไร

(1) โลกเป็นสถานที่แห่งเดียวของมนุษย์

(2) โลกเป็นสถานที่ชั่วคราวที่มนุษย์ใช้ชีวิตเป็นทางผ่านไปสู่โลกหลังการตายที่ประเสริฐกว่า

(3) โลกเป็นมายา

(4) โลกมีแต่สิ่งชั่วร้าย

ตอบ 2 (คําบรรยาย) นักจิตนิยม เห็นว่า โลกเป็นสถานที่ชั่วคราวสําหรับมนุษย์ที่ใช้เป็นทางผ่านโลกหลังความตายที่ประเสริฐกว่า ซึ่งเป็นโลกที่อยู่เหนือประสาทสัมผัสหรือโลกของแบบที่แท้จริง

31 นักธรรมชาตินิยม มีความเห็นเกี่ยวกับโลกมนุษย์อย่างไร

(1) โลกเป็นสถานที่แห่งเดียวของมนุษย์

(2) โลกเป็นสถานที่ชั่วคราวที่มนุษย์ใช้ชีวิตเป็นทางผ่านไปสู่โลกหลังการตายที่ประเสริฐกว่า

(3) โลกเป็นมายา

(4) โลกมีแต่สิ่งชั่วร้าย

ตอบ 1 (คําบรรยาย) พวกธรรมชาตินิยมหรือสัจนิยมนั้น มีทัศนะว่า โลกหรือวัตถุทั้งหลายมีความแท้จริงตามสภาพของมันโดยไม่ได้ขึ้นอยู่ว่าจะมีมนุษย์รับรู้มันหรือไม่ และมีอยู่ก่อนที่จะมีผู้ใดมารับรู้มัน ดังนั้นโลกจึงเป็นสถานที่แห่งเดียวของมนุษย์

32 สิ่งใดเป็น “อสสาร” (Immaterial)

(1) พระเจ้า

(2) พรหมัน

(3) โลกแห่งแบบ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 17 ประกอบ

33 ตามข้อพิสูจน์ของทฤษฎีภววิทยา พระเจ้าต้องมีอยู่ในฐานะอะไร

(1) ผู้สร้างระเบียบให้กับโลก

(2) ผู้ที่โลกต้องพึ่งพา

(3) ผู้กํากับให้คนดีได้ผลดีตอบแทน

(4) ผู้ฝังความคิดความเข้าใจเรื่องพระเจ้าให้มนุษย์

ตอบ 4 หน้า 43 ทฤษฎีเชิงภววิทยา ถือว่า พระเจ้าเป็นสิ่งสัมบูรณ์และเป็นสิ่งที่ไม่มีขอบเขตจํากัดส่วนมนุษย์เป็นสิ่งสัมพัทธ์และเป็นสิ่งจํากัด ซึ่งการที่มนุษย์มีความคิดในเรื่องพระเจ้าได้นั้นเกิดจากพระเจ้าเป็นต้นเหตุให้มนุษย์คิดถึงสิ่งที่ไร้ขอบเขตนี้ขึ้นมาได้ ดังนั้นพระเจ้าจึงมีอยู่

34 ตามข้อพิสูจน์การมีอยู่ของพระเจ้าของทฤษฎีเชิงเอกภพ พระเจ้าต้องมีอยู่ในฐานะอะไร

(1) ผู้สร้างระเบียบให้กับโลก

(2) ผู้ที่โลกต้องพึ่งพา

(3) ผู้กํากับให้คนดีได้ผลดีตอบแทน

(4) ผู้ฝังความคิดความเข้าใจเรื่องพระเจ้าให้มนุษย์

ตอบ 2 หน้า 43 ทฤษฎีเชิงเอกภพ ถือว่า โลกนี้เป็นสิ่งที่ไม่มีอิสระ เป็นสิ่งสัมพัทธ์ เป็นสิ่งจํากัดและเป็นสิ่งที่เป็นผล ด้วยเหตุนี้จึงต้องพึ่งพาอาศัยพระเจ้าซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นอิสระ เป็นสิ่งสัมบูรณ์เป็นสิ่งที่ไม่จํากัด และเป็นสิ่งที่เป็นเหตุ เพราะฉะนั้นพระผู้เป็นเจ้าจึงมีอยู่

35 “เทวสิทธิ์” (Divine Right) หมายถึงอะไร

(1) การอ้างว่าพระเจ้าเป็นเจ้าของชีวิตมนุษย์ทุกคน

(2) การอ้างอํานาจของพระเจ้าเพื่อสนับสนุนอํานาจในการปกครอง

(3) การอ้างอํานาจของพระเจ้าเพื่อการควบคุมปรากฏการณ์ธรรมชาติ

(4) การอ้างอํานาจพระเจ้าในพิธีบูชาพระเจ้า

ตอบ 2 หน้า 41 – 45 ทฤษฎีการอ้างเทวสิทธิ์ (Divine Right) หมายถึง การที่ผู้ปกครองอ้างอํานาจของพระเจ้าเพื่อสนับสนุนอํานาจในการปกครองของตน โดยอ้างว่าตนเป็นสมมติเทพหรือเป็น เทพผู้ยิ่งใหญ่ที่เทพบดีคัดเลือกส่งมาปกครอง ถือตนว่าเป็นบุตรแห่งสวรรค์หรือเป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากเทพ จึงมีสิทธิเดยชอบธรรมที่จะปกครอง

36 การเคลื่อนไหวของปรมาณู ตามทัศนะของไวเศษกะเป็นอย่างไร

(1) หยุดนิ่งตลอดเวลา

(2) ปกติหยุดนิ่ง แต่จะเคลื่อนไหวโดยอาศัยพระเจ้ากําหนด

(3) เคลื่อนไหวด้วยตัวเองตลอดเวลา

(4) ปกติหยุดนิ่ง แต่จะเคลื่อนไหวด้วยตัวเองเมื่อถึงเวลา

ตอบ 2 หน้า 58 59 ลัทธิไวเศษกะ ถือว่า ปรมาณเป็นสิ่งที่ไร้กัมมันตภาพและจลนภาพ จึงอยู่ในภาวะที่หยุดนิ่ง การเคลื่อนไหวของปรมาณูจะต้องอาศัยพลังแห่งอํานาจที่มองไม่เห็น และเจตจํานงของพระผู้เป็นเจ้าเป็นสิ่งผลักดันและชักจูง

37 การเคลื่อนไหวของปรมาณูหรืออะตอม ตามทัศนะของปรัชญากรีกเป็นอย่างไร

(1) หยุดนิ่งตลอดเวลา

(2) ปกติหยุดนิ่ง แต่จะเคลื่อนไหวโดยอาศัยพระเจ้ากําหนด

(3) เคลื่อนไหวด้วยตัวเองตลอดเวลา

(4) ปกติหยุดนิ่ง แต่จะเคลื่อนไหวด้วยตัวเองเมื่อถึงเวลา

ตอบ 3 หน้า 58 ปรัชญากรีก ถือว่า ปรมาณูมีทั้งกัมมันตภาพและแสนภาพอยู่ในตัวโดยธรรมชาตินั่นคือ แต่ละปรมาณูเม่มีการหยุดนิ่ง หากแต่มีการเคลื่อนไหวด้วยตัวเองอยู่ตลอดเวลา

38 ตามทัศนะของไวเศษกะ วัตถุที่มนุษย์สามารถสัมผัสได้ต้องเกิดจากการรวมตัวของปรมาณูอย่างน้อยก็ปรมาณู

(1) 2 ปรมาณู

(2) 3 ปรมาณู

(3) 4 ปรมาณู

(4) 5 ปรมาณู

ตอบ 2 หน้า 59 ลัทธิไวเศษกะ ถือว่า วัตถุจะต้องเกิดจากการรวมตัวกันของปรมาณูอย่างน้อย 2 ปรมาณู ส่วนวัตถุที่เราพอจะรู้ด้วยประสาทสัมผัสนั้น จะต้องเกิดขึ้นจากการรวมตัวของปรมาณูตั้งแต่ 3 ปรมาณูขึ้นไป

39 ตามทัศนะของไวเศษกะ วิญญาณของมนุษย์คืออะไร

(1) ปรมาณูธรรมดา

(2) ปรมาณูพิเศษ

(3) ชีวาตมัน

(4) มนุษย์ไม่มีวิญญาณ

ตอบ 3 หน้า 58 ปรัชญากรีก ถือว่า วิญญาณของสิ่งมีชีวิตเกิดจากการรวมตัวของปรมาณู แต่เป็นปรมาณูหรืออะตอมพิเศษ ส่วนปรัชญาไวเศษกะ ถือว่า วิญญาณหรืออาตมันหรือชีวาตมันนั้น เป็นสิ่งที่มีอยู่เป็นพิเศษต่างหากจากปรมาณู ไม่ได้เกิดจากการรวมตัวของปรมาณูของธาตุใด ๆแต่เป็นสิ่งที่เที่ยงแท้นิรันดรควบคู่ไปกับปรมาณู และมีลักษณะพิเศษของตนเองโดยเฉพาะ

40 “ไม่ว่าโลกนี้จะมีจุดจบหรือไร้จุดจบ ไม่ว่าโลกนี้จะมีขอบเขตหรือไร้ขอบเขต เรื่องการหลุดพ้นจากวัฏสงสาร ก็ยังคงเป็นปัญหาอยู่เช่นเดิม”

คําพูดนี้แสดงทัศนะของพระพุทธเจ้าในเรื่องใด

(1) ปัญหาทางอภิปรัชญา แก้ไขเรื่องการพ้นทุกข์ของมนุษย์ไม่ได้

(2) ปัญหาญาณวิทยา แก้ไขเรื่องการพ้นทุกข์ของมนุษย์ไม่ได้

(3) ปัญหาจริยศาสตร์ แก้ไขเรื่องการพ้นทุกข์ของมนุษย์ไม่ได้

(4) ปรัชญาตะวันออก แก้ไขเรื่องการพ้นทุกข์ของมนุษย์ไม่ได้

ตอบ 1 หน้า 75 – 76 พระพุทธเจ้า ทรงเห็นว่า การแสวงหาความจริงทางอภิปรัชญาไม่สามารถนําบุคคลไปสู่เป้าหมายที่แท้จริงของชีวิต คือ การหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวงได้ ดังนั้น พระพุทธองค์จะไม่ทรงตอบปัญหาในทางอภิปรัชญาและปัญหาที่ไร้ประโยชน์ในทาง จริยศาสตร์ เช่น จักรวาลมีขอบเขตจํากัดหรือไม่, ผู้รู้สัจจะตายแล้วเกิดอีกหรือไม่ ฯลฯ โดยพระองค์จะทรงพยายามให้บุคคลหันมาเผชิญกับปัญหาอันเป็นสัจภาวะที่แท้จริง เช่น ความดับทุกข์ หรือการหลุดพ้นจากวัฏสงสาร ฯลฯ

41 ข้อใดจัดเป็น “สภาวะทุกข์” ตามคําสอนของอริยสัจ 4

(1) ความแก่

(2) ความเศร้าใจจากความแก่

(3) ความพลัดพรากจากของรักเพราะความแก่

(4) ความคับแค้นใจเพราะความแก่

ตอบ 1 หน้า 82 สภาวทุกข์ หมายถึง ทุกข์โดยสภาพหรือทุกข์ประจํา ได้แก่ ความเกิด ความแก่และความตาย (ส่วนทุกข์จรนั้น เป็นทุกข์ที่เกิดขึ้นเพียงบางครั้งบางคราว เช่น ความเศร้าใจ ความระทมใจ ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจ ความพลัดพราก เป็นต้น

42 ตามคําสอนของอริยสัจ 4 สิ่งที่คนฉลาดควรกลัวเป็นอย่างยิ่ง คืออะไร

(1) การเกิด

(2) การแก่

(3) การตาย

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 1 หน้า 83 ตามคําสอนของอริยสัจ 4 นั้น ถือว่า ความเกิดเป็นประตูแห่งความทุกข์ทั้งปวง ดังนั้นคนฉลาดจึงกลัวความเกิดไม่ใช่กลัวความตาย เพราะความเกิดนั้นเองเป็นเหตุให้ต้องตายถ้าไม่เกิดเสียอย่างเดียวก็ไม่ต้องตาย และไม่ต้องลําบากจนกว่าตัวเองจะแก่ตาย

43 “ฉันไม่อยากตัวดําอย่างนี้เลย” จัดว่าเป็นตัณหาแบบไหน

(1) กามตัณหา

(2) ภวตัณหา

(3) วิภวตัณหา

(4) ไม่จัดว่าเป็นตัณหา

ตอบ 3 หน้า 84 – 85 ตัณหามีอยู่ 3 ประเภท ได้แก่

1 กามตัณหา คือ ความอยากเห็น อยากฟัง อยากสูดกลิ่น อยากลิ้มรส และอยากสัมผัสในสิ่งที่ตนถูกใจ

2 ภวตัณหา คือ ความอยากเป็น เจ้าของ ความอยากมหรืออยากเป็นสิ่งอื่น ๆ 3 วิภวตัณหา คือ ความอยากไม่ให้สิ่งที่ตนมีอยู่ หรือเป็นอยู่เสื่อมสิ้นไป ความอยากไม่มีดังที่ตนมีอยู่หรือไม่อยากเป็นดังที่ตนเป็นอยู่

44 ข้อปฏิบัติที่จัดว่าเป็นการอบรมกายกับวาจา เรียกว่าอะไร

(1) ศีล

(2) สมาธิ

(3) ปัญญา

(4) ทิฐิ

ตอบ 1 หน้า 86 – 89, (คําบรรยาย) มรรค 8 คือ ทางสายกลางซึ่งเป็นข้อปฏิบัติเพื่อให้ถึงความดับทุกข์ โดยจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้คือ

1 ส่วนที่อบรมกายกับวาจา เรียกว่า “ศิล” ประกอบด้วย สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ และสัมมาอาชีวะ

2 ส่วนที่อบรมจิต เรียกว่า “สมาธิ” ประกอบด้วย สัมมาวายามะ สัมมาสติ และสัมมาสมาธิ

3 ส่วนที่อบรมทิฐิและความเห็น เรียกว่า “ปัญญา” ประกอบด้วย สัมมาทิฐิ และสัมมาสังกัปปะ

45 คําสอนที่แสดงเหตุในอริยสัจ 4 คืออะไร

(1) ทุกข์และสมุทัย

(2) นิโรธและมรรค

(3) ทุกข์และนิโรธ

(4) สมุทัยและมรรค

ตอบ 4 หน้า 79 คําสอนของพระพุทธองค์ในอริยสัจ 4 แสดงเหตุและผลโดยลําดับ ดังนี้

1 แสดงเหตุ 2 ประการ ได้แก่ สมุทัย (แสดงเหตุแห่งทุกข์) และมรรค (แสดงเหตุคือ การปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์)

2 แสดงผล 2 ประการ ได้แก่ ทุกข์ (แสดงผลคือทุกข์) และนิโรธ (แสดงผลคือความดับทุกข์)

46 คําสอนที่แสดงผลในอริยสัจ 4 คืออะไร

(1) ทุกข์และสมุทัย

(2) นิโรธและมรรค

(3) ทุกข์และนิโรธ

(4) สมุทัยและมรรค

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 45 ประกอบ

47 มรรค 8 คือวิถีปฏิบัติเพื่ออบรมสิ่งใดตามหลักอริยสัจ 4

(1) อบรมกายกับวาจา

(2) อบรมใจ

(3) อบรมความเห็น

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 44 ประกอบ

48 ปรัชญาตะวันตกยุคใดที่ได้ชื่อว่า ด้รับอิทธิพลของวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์

(1) ยุคดึกดําบรรพ์

(2) ยุคโบราณ

(3) ยุคกลาง

(4) ยุคใหม่

ตอบ 4 หน้า 8, 251 – 255, (คําบรรยาย) ปรัชญาตะวันตกยุคใหม่ หมายถึง ปรัชญาตะวันตกที่นับตั้งแต่ปรัชญาตะวันตกสมัยกลางสิ้นสุดลง (ประมาณศตวรรษที่ 15 เป็นต้นมา) ซึ่งปรัชญาในยุคนี้ จะได้รับอิทธิพลจากวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์เป็นอย่างมาก โดยมีนักปรัชญาที่สําคัญ ได้แก่ เดส์การ์ต (Descartes), สปิโนซ่า (Spinoza), ไลบ์นิตซ์ (Leibnitz), จอห์น ล็อค (John Locke), เดวิด ฮูม (David Hume), โธมัส ฮอบส์ (Thomas Hobbes) เป็นต้น

49 นักปรัชญาที่เรียกว่านักเหตุผลนิยมจะปฏิเสธวิธีแสวงหาความรู้วิธีใด

(1) คณิตศาสตร์

(2) พีชคณิต

(3) เรขาคณิต

(4) วิทยาศาสตร์

ตอบ 4 หน้า 105 นักเหตุผลนิยมจะแสวงหาความรู้โดยวิธีนิรนัย (Deduction) คือ การพิสูจน์ความเชื่อใด ๆ โดยอาศัยความจริงในฐานที่มีอยู่ก่อนหรือที่ยอมรับกันโดยทั่วไปเป็นหลัก แล้วก็ใช้ความคิดสืบสาวจากความรู้นั้นไปเพื่อที่จะรู้ในสิ่งอื่น โดยที่ข้อสรุปต้องได้มาจากข้ออ้าง ถ้าหากข้ออ้างเป็นจริง ข้อสรุปก็ต้องเป็นจริงด้วย ซึ่งวิชาคณิตศาสตร์ เรขาคณิต และพีชคณิต ก็ใช้วิธีการคิดหาเหตุผลแบบนิรนัยนี้ในการแสวงหาความจริงโดยไม่อาศัยการพิสูจน์หรือยืนยันจากประสบการณ์ด้วย

50 “อัชญัตติกญาณ” (Intuition) เป็นวิธีมีความรู้แบบใด

(1) การพิสูจน์โดยอาศัยประสบการณ์เป็นข้อมูล

(2) การพิสูจน์โดยอาศัยความรู้ติดตัวเป็นข้อมูล

(3) การหยั่งรู้โดยตรงโดยไม่ต้องอาศัยสื่อใด ๆ ทั้งสิ้น

(4) การเปิดเผยของพระเจ้าให้มนุษย์รู้โดยตรง

ตอบ 3 หน้า 104 105, 115 – 116 ความรู้ที่แท้จริงในทัศนะของนักปรัชญาลัทธิเหตุผลนิยมที่สําคัญ เช่น เดส์การ์ต (Descartes), สปิโนซา (Spinoza) และไลบ์นิตซ์ (Leibnitz) คือ ความรู้ก่อนประสบการณ์ซึ่งเป็นความจริงที่แน่นอนตายตัวโดยไม่เปลี่ยนแปลง หรือความจริง ชนิดที่จําต้องเป็น (Necessary Truth) คือ ต้องจริงในทุกที่ทุกเวลา เป็นความจริงที่ไม่มีวัน ผิดพลาดได้ เป็นข้อความที่ต้องจริงตลอดไปโดยไม่ต้องมีการพิสูจน์ เป็นสิ่งที่รู้ได้โดยไม่ต้องมี ประสบการณ์มายืนยัน และจิตของมนุษย์ก็สามารถรู้ความจริงชนิดนี้ได้โดย “อัชญัตติกญาณ” (Intuition) คือ การหยั่งรู้โดยตรงด้วยจิตใจหรือด้วยแสงสว่างแห่งเหตุผลหรือแสงสว่างแห่ง ปัญญาแบบทันทีทันใดโดยไม่ต้องอาศัยสื่อใด ๆ ทั้งสิ้น เช่น ข้อความที่ว่า “สิ่งหนึ่งไม่อาจจะอยู่ในสถานที่สองแห่งในเวลาเดียวกันได้” “เส้นตรงที่ขนานกันจะไม่มีวันมาบรรจบกันได้” ฯลฯ

51 “นิรนัย” (Deduction) เป็นวิธีมีความรู้แบบใด

(1) การพิสูจน์โดยอาศัยประสบการณ์เป็นข้อมูล

(2) การพิสูจน์โดยอาศัยความรู้ติดตัวเป็นข้อมูล

(3) การหยั่งรู้โดยตรงโดยไม่ต้องอาศัยสื่อใด ๆ ทั้งสิ้น

(4) การเปิดเผยของพระเจ้าให้มนุษย์รู้โดยตรง

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 49 ประกอบ

52 “Necessary Truth” หมายถึงความรู้ประเภทใด

(1) ความรู้ที่ถูกต้องตลอดกาล

(2) ความรู้ที่ติดตัวมนุษย์มาตั้งแต่แรกเกิด

(3) ความรู้ที่มนุษย์สามารถหยังรู้โดยตรงโดยไม่ต้องอาศัยหลักฐาน

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 50 ประกอบ

53 ความรู้เกี่ยวกับหลักการทั่วไปมีบ่อเกิดอย่างไร ในทัศนะของนักเหตุผลนิยม

(1) หยั่งรู้โดยตรงโดยสามัญสํานึก

(2) สรุปจากข้อมูลที่ได้จากประสบการณ์

(3) สรุปจากข้อมูลที่มีก่อนประสบการณ์

(4) หยั่งรู้โดยตรงโดยแสงสว่างแห่งปัญญาแบบทันทีทันใด

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 50 ประกอบ

54 วิธีแสวงหาความรู้ที่เดส์การ์ต (Descartes) ใช้เป็นแม่แบบในการพิสูจน์ความจริงของโลกและพระเจ้า คืออะไร

(1) คณิตศาสตร์

(2) พีชคณิต

(3) เรขาคณิต

(4) วิทยาศาสตร์

ตอบ 3 หน้า 8, 107, (คําบรรยาย) เดส์การ์ต (Descartes) ได้รับการยกย่องให้เป็นบิดาแห่งปรัชญาตะวันตกยุคใหม่ โดยเขาเป็นผู้ที่ฟื้นฟูแนวคิดเหตุผลนิยมขึ้นมาอย่างจริงจังในศตวรรษที่ 17 และได้นําวิธีการของเรขาคณิตมาใช้ในความคิดทางปรัชญาด้วย

55 “Tabula Rasa” สัมพันธ์กับนักปรัชญาคนใด

(1) Descartes

(2) Locke

(3) Berkley

(4) Hume

ตอบ 2 หน้า 117, (คําบรรยาย) ล็อค (Locke) ถือว่า สภาพจิตของมนุษย์ในตอนเริ่มแรกนั้นมีแต่ความว่างเปล่าเหมือนกระดาษขาวบริสุทธิ์ ปราศจากความคิดและความรู้ใด ๆ ทั้งสิ้นเรียกว่า “Tabula Rasa” ที่หมายถึง สมุดบันทึกที่ว่างเปล่าปราศจากข้อความใด ๆ ทั้งสิ้น

56 ส่วนใดของวัตถุที่ผัสสะของมนุษย์ไม่สามารถรับรู้ได้ในทัศนะของ Locke (1) คุณสมบัติปฐมภูมิ

(2) คุณสมบัติทุติยภูมิ

(3) สารรองรับคุณสมบัติของวัตถุ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 3 หน้า 119 ล็อค เชื่อว่า สารเป็นสิ่งแท้จริงที่อยู่ภายในตัววัตถุ แต่มนุษย์ไม่อาจจะรู้จักสารได้เพราะไม่อาจเป็นประสบการณ์ของใคร จึงเป็นสิ่งที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร แต่ก็ต้องยอมรับว่าทุกสิ่งต้องมีสาร เพราะสารเป็นพื้นฐานที่รองรับคุณสมบัติปฐมภูมิของวัตถุซึ่งก่อให้เกิดความคิดเชิงเดี่ยว

57 ตามทัศนะของฮม “ความคิด” ในจิตมนุษย์หมายถึงอะไร

(1) ข้อมูลที่ติดตัวมาตั้งแต่แรกเกิดของจิต

(2) ข้อมูลที่จิตรับรู้จากประสบการณ์โดยทั่วไป

(3) ข้อมูลที่จิตรับรู้จากประสบการณ์ที่ชัดเจนจึงชัดเจนเท่าประสบการณ์

(4) ข้อมูลที่จิตรับรู้จากประสบการณ์ที่ชัดเจนแต่ลางเลือนแล้ว

ตอบ 4 หน้า 122 123 อูม เห็นว่า ความรู้ของมนุษย์แบ่งออกได้เป็น 2 ส่วน คือ ความประทับใจ (Impression) ซึ่งเป็นการรับรู้ในผัสสะ กับความคิด (Idea) ซึ่งเป็นการรับรู้ในสิ่งที่เกิดจาก จินตนาการหรือความจํา เช่น เมื่อเอามือไปแตะน้ําแข็ง จะเกิดสัมผัสของความเย็น ผัสสะนี้ มีความแจ่มชัดในทันทีทันใด ซึ่งเรียกว่า “ความประทับใจ” พอเหตุการณ์นี้ผ่านไปแล้ว แต่เรายังจดจําภาพของความเย็นได้อย่างลาง ๆ นั้น เราเรียกว่า “ความคิด” หรือ “จิตภาพ”

58 ตามทัศนะของฮม “ความประทับใจ” (Impression) หมายถึงอะไร

(1) ข้อมูลที่ติดตัวมาตั้งแต่แรกเกิดของจิต

(2) ข้อมูลขณะมีประสบการณ์โดยทั่วไป

(3) ข้อมูลขณะมีประสบการณ์ที่ชัดเจน

(4) ภาพลางเลือนของประสบการณ์

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 57 ประกอบ

59 จอห์น ล็อค เป็นนักปรัชญาที่เป็นเจ้าของทฤษฎีใด

(1) สัจนิยมโดยตรง

(2) สัจนิยมแบบตัวแทน

(3) สัจนิยมวิจารณ์

(4) จิตนิยมแบบอัตนัย

ตอบ 2 หน้า 138 139 สัจนิยมแบบตัวแทน เห็นว่า วัตถุทั้งหลายที่อยู่ภายนอกตัวคนเป็นสสารที่มีแต่คุณสมบัติปฐมภูมิ (ขนาด รูปร่าง น้ำหนัก) และคุณสมบัติปฐมภูมิเท่านั้นที่มีอยู่อย่างแท้จริง ส่วนคุณสมบัติทุติยภูมิ (สี กลิ่น รส อุณหภูมิ) ไม่ได้เป็นสิ่งที่มีอยู่ในตัววัตถุเพราะมันเป็นสิ่งที่จิต ของคนเป็นผู้สร้างขึ้นมา ดังนั้นจึงถือได้ว่าวัตถุก่อนการรับรู้กับหลังการรับรู้มีความแตกต่างกัน ที่คุณสมบัติทุติยภูมิ ซึ่งนักปรัชญาที่สําคัญของทฤษฎีนี้ คือ จอห์น ล็อค

60 เบอร์คเลย์ เป็นนักปรัชญาที่เป็นเจ้าของทฤษฎีใด

(1) สัจนิยมโดยตรง

(2) สัจนิยมแบบตัวแทน

(3) สัจนิยมวิจารณ์

(4) จิตนิยมแบบอัตนัย

ตอบ 4 หน้า 129, 131 เบอร์คเลย์ เป็นนักปรัชญาลัทธิจิตนิยมแบบอัตนัยที่มีทัศนะว่า วัตถุทั้งหลายหรือโลกภายนอกเป็นเพียงภาพสะท้อนของจิตมนุษย์ โดยสิ่งต่าง ๆ ที่เราเห็นหรือรู้นั้นก็คือความคิด ของจิตของเรานั่นเอง เพราะว่าสิ่งที่เรารู้หรือความรู้ของเรา ได้แก่ วัตถุและสิ่งทั้งหลายภายในโลกสิ่งเหล่านี้มีแก่นแท้คือการรับรู้ด้วยจิตของมนุษย์ ดังนั้นการมีอยู่ของมันจึงเป็นอิสระจากจิตไม่ได้

61 ข้อใดคือท่าทีของนักเหตุผลนิยมเกี่ยวกับประสบการณ์

(1) มนุษย์สามารถพึ่งพาประสบการณ์ได้บางเรื่อง

(2) มนุษย์สามารถพึ่งพาประสบการณ์ได้ทุกเรื่อง

(3) มนุษย์ไม่สามารถพึ่งพาประสบการณ์ได้เลย

(4) มนุษย์ต้องอาศัยประสบการณ์เป็นข้อมูล

ตอบ 1 หน้า 106 – 107, (คําบรรยาย) พวกเหตุผลนิยม เห็นว่า ความรู้ที่แท้จริงแน่นอนไม่อาจจะได้รับจากประสาทสัมผัส แต่ได้จากความคิดหรือเหตุผล แต่ยอมรับว่าประสบการณ์ทางผัสสะ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความรู้ หรือเป็นสิ่งที่มาจุดประกายให้สติปัญญาเริ่มทํางานเท่านั้น ดังนั้นจึงถือได้ว่ามนุษย์สามารถพึ่งพาประสบการณ์ได้ในบางเรื่องเท่านั้น

62 ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับคานท์

(1) ประนีประนอมสุขนิยมกับอสุขนิยม

(2) ประนีประนอมเหตุผลนิยมกับประสบการณ์นิยม

(3) ประนีประนอมสสารนิยมกับจิตนิยม

(4) ประนีประนอมสัมพัทธ์นิยมกับสัมบูรณ์นิยม

ตอบ 2 หน้า 8 – 9, (คําบรรยาย) ปรัชญาตะวันตกยุคใหม่ซึ่งเริ่มนับตั้งแต่ประมาณศตวรรษที่ 15 จนมาสิ้นสุดที่คานท์ (Kant) แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มเหตุผลนิยม และกลุ่มประสบการณ์นิยม(ประจักษนิยม) โดยคานท์เป็นผู้ประนีประนอมความคิด/ความเชื่อของทั้ง 2 กลุ่มเข้าด้วยกัน

63 ข้อใดจัดเป็นทัศนะทางจริยศาสตร์

(1) จากการสํารวจพบว่าเด็กในวัยเรียนทําแท้งกันมากขึ้น

(2) บางคนเชื่อว่าการทําแท้งในขณะตั้งครรภ์ไม่ถึง 12 สัปดาห์ทําได้

(3) แพทย์ยืนยันว่าการทําแท้งอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการไม่เป็นอันตรายต่อหญิง

(4) การทําแท้งเป็นเรื่องผิดเพราะเป็นการฆ่าคน

ตอบ 4 หน้า 147, (คําบรรยาย) จริยศาสตร์ (Ethics) หมายถึง ศาสตร์ที่ว่าด้วยความประพฤติโดยจะศึกษาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่มนุษย์ควรกระทํา ไม่ควรกระทํา สิ่งที่ถูก สิ่งที่ผิด ความดี ความชั่ว และหน้าที่ของความเป็นมนุษย์ ทั้งนี้พื้นฐานอันดีงามของจริยศาสตร์ก็คือ ศาสนาในขณะที่ศาสนาก็ต้องอาศัยจริยศาสตร์ เพราะจริยศาสตร์ทําให้ศาสนามีความบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น

64 นักสุขนิยมมีความคิดทางอภิปรัชญาแบบใด

(1) สสารนิยม

(2) จิตนิยม

(3) ธรรมชาตินิยม

(4) เทวนิยม

ตอบ 1 หน้า 155 นักสุขนิยม (Hedonism) มีความคิดทางอภิปรัชญาแบบสสารนิยม เช่น ลัทธิเอพิคิวรัง เป็นนักสุขนิยมที่มีทัศนะว่า ชีวิตเป็นเพียงสสาร เมื่อตายไปก็ไม่มีอะไรเหลือ ไม่มีนรก ไม่มีสวรรค์ดังนั้นถ้าเรายังมีชีวิตอยู่เราต้องแสวงหาความสุขและความพึงพอใจให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

65 Socrates คิดว่าคุณธรรมจะเกิดกับคนชนิดใด

(1) คนที่มีความสุขทางกาย

(2) คนที่มีความสุขทางใจ

(3) คนที่เข้าใจความดี

(4) คนที่มีชีวิตอย่างสุนัข

ตอบ 3 หน้า 150 โซเครตีส (Socrates) กล่าวว่า “คุณธรรมคือความรู้” โดยความดี/ความมีคุณธรรมจะต้องเกิดจากความรู้ ถ้าบุคคลรู้และเข้าใจถึงธรรมชาติของความดีจริง ๆ เขาก็จะไม่กระทําความชั่วหรือความผิด แต่เนื่องจากบุคคลไม่รู้ไม่เข้าใจจึงต้องกระทําความชั่ว

66 นักปรัชญาคนใดถือว่าศีลธรรมเป็นเรื่องของความถูกใจ

(1) โซฟิสต์

(2) เวสเตอร์มาร์ค

(3) มิลล์

(4) คานท์

ตอบ 1 หน้า 149 โซฟิสต์ (Sophist) ถือว่า การตัดสินสิ่งใดก็ตามขึ้นอยู่กับมนุษย์แต่ละคนเป็นผู้ตัดสินความดี/ความชั่วก็เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล ความถูกคือสิ่งที่จะพาไปสู่ความสําเร็จ ความผิด คือ สิ่งที่เป็นอุปสรรค ความยุติธรรม/ศีลธรรมเป็นเรื่องของความพอใจ/ถูกใจ ดังนั้นศีลธรรม/ความยุติธรรม/ความดีจึงเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องแสวงหา และต้องเป็นสิ่งที่ได้รับเมื่อกระทําไปแล้ว

67 นักปรัชญาคนใดถือว่าศีลธรรมกับความสุขเป็นเรื่องเดียวกัน

(1) โซฟิสต์

(2) เวสเตอร์มาร์ค

(3) มิลล์

(4) คานท์

ตอบ 3 หน้า 165, 168 มิลส์ (MILL) เป็นนักประโยชน์นิยมที่ถือว่าศีลธรรมกับความสุขเป็นเรื่องเดียวกันความสุขของมหาชนเป็นสิ่งสําคัญที่สุด การละเมิดหลักศีลธรรม/ประเพณีหรือกฎหมายย่อม สามารถทําได้ถ้าเราคํานวณแล้วพบว่าการกระทํานั้นก่อให้เกิดประโยชน์สุขมากกว่า เช่น หมออาจโกหกคนไข้ได้ เพื่อไม่ให้คนไข้ตกใจจนหัวใจวายตาย ฯลฯ

68 นักปรัชญาคนใดถือว่าคนดีไม่จําเป็นต้องมีความสุข

(1) โซฟิสต์

(2) เวสเตอร์มาร์ค

(3) มิลล์

(4) คานท์

ตอบ 4 หน้า 169 คานท์ (Kant) เห็นว่าความสุขไม่ใช่สิ่งดีที่สุดในชีวิต ดังนั้นความสุขจะเป็นเครื่องมือในการตัดสินศีลธรรมไม่ได้ แต่ศีลธรรมนั้นเป็นสิ่งที่มีค่าในตัวมันเอง เช่นเดียวกันกับคนดีก็คือ คนทําสิ่งที่ดีโดยไม่หวังผลตอบแทน และคนดีก็ไม่จําเป็นต้องมีความสุขหรือต้องสุขสบายหรือทําให้ผู้อื่นมีความสุข

69 “การทําแท้งเป็นสิ่งที่สังคมไทยรับไม่ได้ ถือว่าเป็นการกระทําที่ผิด” คําพูดนี้แสดงให้เห็นความคิดเกี่ยวกับความดีอย่างไร

(1) ความดี เป็นคุณค่าที่แน่นอนตายตัว

(2) ความดี ขึ้นกับความเห็นของสังคม

(3) ความดี เป็นคุณค่าที่เปลี่ยนแปลงได้

(4) ถูกข้อ 2 และ 3

ตอบ 4 (คําบรรยาย) การตัดสินคุณค่าตามจารีตประเพณี ถือว่า การตัดสินคุณค่าของการกระทําใดของแต่ละสังคมจะขึ้นอยู่กับจารีตประเพณี วัฒนธรรม และค่านิยมที่สั่งสมมาตั้งแต่ในอดีต ซึ่งคุณค่าความดีของสังคมหนึ่งอาจไม่ใช่คุณค่าความดีของอีกสังคมหนึ่งก็ได้ ดังนั้นคุณค่าตามความเห็นของสังคมอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามสังคมและกาลเวลา

70 ทัศนะทางจริยศาสตร์สัมพันธ์กับทัศนะเรื่องใดของนักปรัชญา

(1) ศาสนา

(2) ประเพณี

(3) อภิปรัชญา

(4) ญาณวิทยา

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 63 ประกอบ

71 อาจารย์ที่เข้าสอนและเลิกตรงเวลาเป็นคนมีหลักธรรมใด

(1) ขันติ

(2) โสรัจจะ

(3) สัจจะ

(3) สัจจะ

(4) อิทธิบาท 4

ตอบ 3 หน้า 194 195 สัจจะ หมายถึง ความจริงใจซึ่งเป็นลักษณะของความซื่อสัตย์ตรงไปตรงมาทั้งต่อบุคคล ต่อกาลเวลา และต่อหน้าที่การงาน ทั้งต่อหน้าและลับหลัง

72 ใครมีหลักธรรม “ขันติ”

(1) ยุทธ์ อดตาหลับขับตานอน เพื่อทํารายงานที่สมบูรณ์ส่งอาจารย์

(2) กบ ยอมรับการฉีดยาและให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาลเป็นอย่างดี

(3) จ๋า สามารถรับมือกับวาจาและท่าทีของโบว์ด้วยความสงบ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 189 – 191 ขันติ หมายถึง ความอดทนซึ่งเป็นหลักธรรมที่แสดงถึงความเข้มแข็งของจิตใจสามารถทนทานต่อเหตุร้ายต่าง ๆ ได้ และสามารถบังคับกายกับวาจาให้อยู่ในอํานาจได้ด้วย เช่น ความอดทนต่อความทุกข์เพื่อให้ได้มาซึ่งความสุข, ความอดทนต่อความลําบากเพื่อให้ได้มาซึ่งความสบาย, ความอดทนต่อสิ่งที่กวนใจเพื่อให้ได้มาซึ่งความเป็นคนดี เป็นต้น

73 ใครมีหลักธรรม “สัจจะ”

(1) ครูปานจริงจังกับการปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าภาควิชาปรัชญา

(2) ครูศรีเข้าสอนและเลิกสอนตรงเวลาเสมอ

(3) ครูพิศจริงใจกับเพื่อนเสมอ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 71 ประกอบ

74 “เสียงเท่าฟ้า หน้าเท่ากลอง” เป็นคนขาดหลักสัปปุริสธรรมข้อใด

(1) ความเป็นผู้รู้จักเหตุ

(2) ความเป็นผู้รู้จักผล

(3) ความเป็นผู้รู้จักประมาณ

(4) ความเป็นผู้รู้จักบุคคล

ตอบ 3 หน้า 198 ความเป็นผู้รู้จักประมาณ หมายถึง ความรู้จักกําหนดคาดคะเนได้อย่างเหมาะสมพอเหมาะพอควรและพอดีในทุกเรื่อง ซึ่งผู้ที่ขาดหลักธรรมข้อนี้จะมีลักษณะตามสุภาษิตที่ว่า“เสียงเท่าฟ้า หน้าเท่ากลอง” หมายถึง เสียงดังมาก (ดังเกินไป ไม่พอดี)

75 “ใฝ่สูงจนเกินศักดิ์” เป็นคนขาดหลักสัปปุริสธรรมข้อใด

(1) ความเป็นผู้รู้จักเหตุ

(2) ความเป็นผู้รู้จักผล

(3) ความเป็นผู้รู้จักประมาณ

(4) ความเป็นผู้รู้จักตน

ตอบ 4 หน้า 197 198 ความเป็นผู้รู้จักตน หมายถึง ความพิจารณาตนเองให้เข้าใจว่าตนเป็นจุดกําเนิดของทุกข์ สุข ความเสื่อม และความเจริญ ซึ่งการรู้จักตนเองนั้นต้องรู้ถึงชาติตระกูล วัย ฐานะ ตําแหน่ง สมบัติ บริวาร หน้าที่ และความรับผิดชอบของตนเอง

76 “ไม่ดูตาม้าตาเรือ” เป็นคนขาดหลักสัปปุริสธรรมข้อใด

(1) ความเป็นผู้รู้จักกาล

(2) ความเป็นผู้รู้จักชุมชน

(3) ความเป็นผู้รู้จักเลือกบุคคล

(4) ความเป็นผู้รู้จักผล

ตอบ 2 หน้า 199 200 ความเป็นผู้รู้จักชุมชน หมายถึง การรู้จักปรับปรุงตนเองให้เข้ากับสังคมหรือชุมชนต่าง ๆ และวางตนให้เหมาะสมกับสังคมนั้นได้อย่างถูกต้อง ซึ่งจะสอดคล้องกับ สุภาษิตที่ว่า “เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม” ส่วนคนที่ขาดหลักธรรมข้อนี้จะมีลักษณะตามสุภาษิตที่ว่า “ไม่ดูตาม้าตาเรือ” หรือ “ไม่รู้จักเสือเอาเรือเข้ามาจอด ไม่รู้จักมอดเอาไม้เข้ามาวาง”

77 “ไม่รู้จักเสือเอาเรือเข้ามาจอด ไม่รู้จักมอดเอาไม้เข้ามาวาง” เป็นคนขาดหลักสัปปุริสธรรมข้อใด

(1) ความเป็นผู้รู้จักกาล

(2) ความเป็นผู้รู้จักชุมชน

(3) ความเป็นผู้รู้จักเลือกบุคคล

(4) ความเป็นผู้รู้จักผล

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 76 ประกอบ

78 สิ่งที่รัฐต้องสนับสนุนให้เกิดกับประชาชนคืออะไรในทัศนะของ Aristotle

(1) ความร่ำรวย

(2) ความปลอดภัย

(3) ความยุติธรรม

(4) การพัฒนาตนให้สมบูรณ์

ตอบ 4 หน้า 248 249 อริสโตเติล เห็นว่า สังคมและรัฐที่ดี คือสังคมและรัฐที่สามารถทําให้มนุษย์มีชีวิตที่ดี ซึ่งมี 2 รูปแบบ คือ

1 ช่วยพัฒนาชีวิตให้มีเหตุผล คือ ชีวิตที่สามารถ ประพฤติปฏิบัติตนได้อย่างเหมาะสมมีคุณธรรมทางศีลธรรม

2 ช่วยพัฒนาให้ใช้ชีวิต ที่ตริตรองถึงสัจจะได้ คือ การใช้ชีวิตเพื่อแสวงหาสัจจะหรือที่เรียกว่า คุณธรรมทางปัญญาดังนั้นสิ่งที่รัฐต้องสนับสนุนให้เกิดกับประชาชนคือการพัฒนาตนให้สมบูรณ์

79 สิ่งที่รัฐต้องสนับสนุนให้เกิดกับประชาชนคืออะไรในทัศนะของเพลโต

(1) ความร่ำรวย

(2) ความปลอดภัย

(3) ความยุติธรรม

(4) การพัฒนาตนให้สมบูรณ์

ตอบ 3 หน้า 247, 270 เพลโต เห็นว่า จิตของมนุษย์มี 3 ประเภท หากสังคมใดสามารถกําหนดให้มนุษย์สามารถทําหน้าที่ที่เหมาะสมกับจิตของตนเองแล้ว เมื่อนั้นความยุติธรรมก็จะปรากฏขึ้น ในสังคม และสังคมดังกล่าวย่อมเป็นสังคมที่ดีที่สุดสําหรับชีวิตที่ดีที่สุดของมนุษย์ผู้จําเป็นต้องอยู่ในสังคม ดังนั้นสิ่งที่รัฐต้องสนับสนุนให้เกิดกับประชาชนคือความยุติธรรม

80 คุณสมบัติที่สมาชิกของรัฐควรมีคืออะไรในทัศนะของรุสโซ

(1) ความจงรักภักดี

(2) การเชื่อฟัง

(3) การคํานึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวม

(4) ความใสซื่อตามสัญชาตญาณ

ตอบ 3 หน้า 256 257 ในทัศนะของรุสโซนั้น อํานาจอธิปไตยเป็นของประชาชนทุกคนเพราะสังคมเกิดจากเจตจํานงร่วมของมนุษย์ ดังนั้นผู้ปกครองกับพลเมืองก็คือ คน ๆ เดียวกัน แต่มองคนละด้านเท่านั้น เมื่อสังคมเกิดเป็นองค์กรร่วมหรือเป็นเอกภาพ เจตจํานงเพื่อผลประโยชน์ของแต่ละคนต้องหมดไป เหลือแต่เจตจํานงทั่วไปอันเป็นเจตจํานงเพื่อผลประโยชน์ของส่วนรวมเท่านั้น

81 สังคมที่มีคุณค่าในทัศนะของ Godwin มีลักษณะอย่างไร

(1) มีแต่ความรักและความเข้าใจ

(2) ปกป้องผลประโยชน์ของส่วนรวม

(3) ไม่มีการขูดรีดกดขี่

(4) สามารถให้ความปลอดภัย

ตอบ 1 หน้า 260 ก้อดวิน (Godwin) นักคิดในกลุ่มอนาธิปไตย เห็นว่า สังคมที่ดีที่สุดควรเป็นสังคมที่ไร้รัฐและไร้องค์กรใด ๆ ทั้งสิ้น และปล่อยให้แต่ละคนร่วมมือกันจากความรู้สึกเป็นเพื่อนจากความรักและจากความเข้าใจที่เกิดขึ้นเองโดยไม่มีการบังคับ

82 สังคมที่มีคุณค่าในทัศนะของมาร์กซ์ มีลักษณะอย่างไร

(1) มีแต่ความรักและความเข้าใจ

(2) ปกป้องผลประโยชน์ของส่วนรวม

(3) ไม่มีการขูดรีดกดขี่

(4) สามารถให้ความปลอดภัย

ตอบ 3 หน้า 259 สังคมในอุดมคติของมาร์กซ์ คือ สังคมที่ไม่มีชนชั้น ไม่มีการขูดรีดกดขี่ เพราะพื้นฐานการผลิตเป็นแบบคอมมูน กล่าวคือ ไม่มีใครเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิต หรือปัจจัย การผลิตเป็นของส่วนรวมเท่านั้น และรัฐเป็นสิ่งที่ไม่จําเป็นเลยสําหรับสังคม เพราะสมาชิกของสังคมสามารถปกครองดูแลตนเองและควบคุมความประพฤติของตนเองได้อย่างไร

83 โดยทั่วไปทัศนะเกี่ยวกับเป้าหมายของการศึกษาของนักปรัชญา สัมพันธ์กับเรื่องใด

(1) ทัศนะทางอภิปรัชญา

(2) ทัศนะทางญาณวิทยา

(3) ทัศนะทางศาสนา

(4) ทัศนะทางด้านรัฐ

ตอบ 1, 2 หน้า 266 เป้าหมายของการศึกษาหรือผลที่พึงประสงค์ของการศึกษา คือ การพยายามตอบคําถามที่ว่า เป้าหมายที่ต้องการให้เกิดกับผู้เรียนนั้นควรเป็นอย่างไร และมีความเหมาะสม หรือไม่ โดยคําตอบของคําถามเหล่านี้จะเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กับทัศนะความเชื่อของนักปรัชญาทางด้านอภิปรัชญาและญาณวิทยาเป็นอย่างมาก

84 ทัศนะเกี่ยวกับเป้าหมายของการศึกษาของเพลโต สัมพันธ์กับเรื่องใดมากที่สุด

(1) ทัศนะทางอภิปรัชญา

(2) ทัศนะทางญาณวิทยา

(3) ทัศนะทางศาสนา

(4) ทัศนะทางด้านรัฐ

ตอบ 4 หน้า 269 เพลโตเป็นคนแรกที่กล่าวถึงทฤษฎีการศึกษาอย่างจริงจัง โดยเขาเห็นว่าการศึกษาเป็นวิธีที่จะนําไปสู่ความยุติธรรม คือการที่รัฐสามารถจัดให้คนในรัฐได้ทําหน้าที่ตาม ความเหมาะสมกับความสามารถของตนเอง ดังนั้นเป้าหมายการศึกษาของเพลโตจึงสอดคล้องและสัมพันธ์กับทัศนะทางการเมืองหรือทัศนะทางด้านรัฐมากที่สุด

85 ทัศนะเกี่ยวกับเป้าหมายของการศึกษาของ St. Augustine สัมพันธ์กับเรื่องใดมากที่สุด

(1) ทัศนะทางอภิปรัชญา

(2) ทัศนะทางญาณวิทยา

(3) ทัศนะทางศาสนา

(4) ทัศนะทางด้านรัฐ

ตอบ 3 หน้า 272, 283 เป้าหมายการศึกษาของเซนต์ ออกัสติน (St. Augustine) จะสัมพันธ์กับทัศนะทางศาสนามากที่สุด กล่าวคือ เขาเห็นว่าจุดมุ่งหมายของการศึกษาก็คือ การกลับใจ (Conversion) ไปรักพระเจ้า และการสํานึกในบาป (Repentance) ของตนเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่จะทําให้มนุษย์พบกับความสุขที่แท้จริงได้

86 นักปรัชญาคนใดที่ยึดหลักการว่า เป้าหมายของการศึกษาคือคุณธรรม

(1) นักปรัชญายุคก่อนโซฟิสต์

(2) ยุคโซฟิสต์

(3) โซเครตีส

(4) ยุคหลังอริสโตเติล

ตอบ 3 หน้า 268 269 โซ.ครตีส (Socrates) มีทัศนะว่า การศึกษามิใช่กระบวนการที่มีจุดมุ่งหมายเพียงเพื่อการแสวงหาผลประโยชน์และความสําเร็จเฉพาะตนเท่านั้น แต่การศึกษาต้องมี จุดมุ่งหมายเพื่อการค้นพบสัจธรรมหรือความจริงเกี่ยวกับคุณธรรม โดยวิธีการศึกษาที่จะนําไปสู่การค้นพบดังกล่าวได้ก็คือ การสนทนาถกเถียง และการซักถาม

87 ข้อใดเป็นวิธีการศึกษาในระดับเริ่มแรกตามแนวคิดของรุสโซ

(1) การเรียนรู้ด้วยประสบการณ์ตรง

(2) การใช้การสนทนาถกเถียงเพื่อขจัดความสับสนทางความคิด

(3) การมีศรัทธาอย่างสุดจิตใจ

(4) การใช้เหตุผลพิสูจน์ความศรัทธา

ตอบ 1 หน้า 275 รุสโซ เห็นว่า การศึกษาในชั้นเริ่มแรกสําหรับเด็กเล็ก ๆ คือ การเปิดโอกาสให้เด็กๆได้มีประสบการณ์เป็นของตัวเอง หรือเปิดโอกาสให้เด็กได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของตนเอง มิใช่การเรียนรู้โดยการอ่านหนังสือ ยกเว้นหนังสืออย่างเรื่องการผจญภัยของโรบินสัน ครูโซ ซึ่งเป็นหนังสือที่เน้นถึงประสบการณ์และการแก้ปัญหาด้วยตัวเองของโรบินสัน ครูโซ

88 ข้อใดเป็นวิธีการศึกษา ในระดับก้าวหน้าของ St. Augustine

(1) การใช้ประสบการณ์ตรงทําความรู้จักสิ่งแวดล้อม

(2) การใช้การสนทนาถกเถียงเพื่อขจัดความสับสนทางความคิด

(3) การมีศรัทธาอย่างสุดจิตใจ

(4) การใช้เหตุผลพิสูจน์ความศรัทธา

ตอบ 4 หน้า 273 เซนต์ ออกัสติน (St. Augustine) ได้แบ่งการศึกษาออกเป็น 2 ระดับ คือ

1 ระดับเริ่มแรก เป็นการศึกษาวิชาศิลปศาสตร์ ซึ่งเป็นการศึกษาแบบเข้มงวดและบังคับให้เชื่อโดยยังไม่ใช้เหตุผล เช่น การอ่านคัมภีร์ไบเบิลเป็นหลัก ๆ

2 ระดับก้าวหน้า เป็นการศึกษา 2 วิชาสําคัญ คือ เทววิทยาและปรัชญา ซึ่งเป็นการศึกษาที่มีลักษณะของใช้เหตุผลและการพิสูจน์ให้เห็นจริงด้วยตนเองว่าทําไมความเชื่อและศรัทธาในขั้นเริ่มแรกจึงถูกต้อง

89 ข้อใดคือหลักการจัดการศึกษาของเพลโต

(1) จัดให้ลูกคนมีฐานะเท่านั้น

(2) จัดให้เฉพาะลูกผู้ดีมีตระกูล

(3) จัดให้กับลูกกรรมกรเท่านั้น

(4) จัดให้กับคนทุกคนอย่างทั่วถึง

ตอบ 4 หน้า 270, (คําบรรยาย) เพลโต (Plato) เห็นว่า การศึกษามีจุดมุ่งหมายที่จะก่อให้เกิดความยุติธรรมขึ้นในสังคมด้วยการปฏิรูปคนและการปฏิรูปรัฐ โดยรัฐต้องจัดการศึกษาแบบทั่วถึง กล่าวคือ เป็นการศึกษาที่สามารถให้กับทุกคนในสังคมและเป็นการศึกษาภาคบังคับ เพื่อให้ เด็กทุกคนมีโอกาสศึกษาเพื่อทดสอบความสามารถของตนเอง ก่อนที่เขาจะไปปฏิบัติหน้าที่ตามความเหมาะสมของตนให้กับรัฐและสังคม

90 คนที่เป็นผู้ปกครองควรเรียนวิชาใดจนสําเร็จ ในทัศนะของเพลโต

(1) วิชาเศรษฐศาสตร์

(2) วิชาทหาร

(3) วิชาพลศึกษา

(4) วิชาอภิปรัชญา

ตอบ 4 หน้า 246, 270 บุคคลที่เหมาะสมที่สุดและดีที่สุดสําหรับการเป็นผู้ปกครองในทัศนะของเพลโตคือ ราชาปราชญ์ ซึ่งบุคคลกลุ่มนี้ควรจะเรียนวิชาอภิปรัชญาจนสําเร็จ

91 กฎหมายจํากัดความเร็วของรถ เป็นไปตามหลักการใดมากที่สุด

(1) หลักการป้องกันทางศีลธรรม

(2) หลักการป้องกันเหตุร้าย

(3) หลักการป้องกันผลกระทบต่อบุคคลอื่น ๆ

(4) หลักการบังคับให้คนสนับสนุนโครงการสาธารณประโยชน์

ตอบ 2 หน้า 325 – 326 หลักการควบคุมการใช้เสรีภาพของบุคคลเพื่อป้องกันเหตุร้ายต่อตัวเองเห็นว่า รัฐมีหน้าที่ต้องเข้าไปควบคุมเสรีภาพของบุคคล เพื่อป้องกันมิให้บุคคลกระทําในสิ่งที่ อาจเกิดผลร้ายต่อตนเอง เช่น รัฐต้องออกกฎหมายปราบปรามยาเสพติด รัฐต้องออกกฎหมายควบคุมการซื้อและจําหน่ายยา รัฐต้องออกกฎหมายกําจัดความเร็วของรถยนต์ เป็นต้น

92 ข้อใดคือแนวคิดของ “Anarchism” ในเรื่องเสรีภาพ

(1) เสรีภาพไม่ควรมีขอบเขต

(2) ไม่ควรมีเสรีภาพแต่อย่างใด

(3) ไม่ควรจํากัดเสรีภาพกิจกรรมส่วนตนที่ไม่มีผลกระทบคนอื่น ๆ

(4) ควรจํากัดเสรีภาพกิจกรรมส่วนตน เช่น ความประพฤติทางเพศด้วย

ตอบ 1 หน้า 320 ลัทธิอนาธิปไตย (Anarchism) สนับสนุนการใช้เสรีภาพอย่างไม่ถูกจํากัดของบุคคลในสังคม โดยลัทธินี้เห็นว่า รัฐควรมอบเสรีภาพที่สมบูรณ์แก่พลเมืองของตน และไม่ควรเข้าไปยุ่งหรือบังคับให้พลเมืองกระทําสิ่งใด ๆ ที่ขัดต่อเสรีภาพที่มีอยู่

93 ข้อใดคือแนวคิดของมิลล์ ในเรื่องเสรีภาพ

(1) เสรีภาพไม่ควรมีขอบเขต

(2) ไม่ควรมีเสรีภาพแต่อย่างใด

(3) ไม่ควรจํากัดเสรีภาพกิจกรรมส่วนตนที่ไม่มีผลกระทบคนอื่น ๆ

(4) ควรจํากัดเสรีภาพกิจกรรมส่วนตน เช่น ความประพฤติทางเพศด้วย

ตอบ 3 หน้า 319 – 321 มิลล์ สนับสนุนการใช้เสรีภาพของบุคคลอย่างเต็มที่ และไม่ควรจํากัดเสรีภาพของบุคคลที่กระทําในสิ่งที่ไม่มีผลกระทบกระเทือนต่อบุคคลอื่น เนื่องจากเสรีภาพมีบทบาทสําคัญสําหรับการพัฒนาปัญญาและบุคลิกภาพของบุคคล

94 หลักการแบ่งปันผลประโยชน์หลักการใด มีความเห็นแตกต่างจากหลักการอื่น ๆ ในเรื่องมนุษย์

(1) หลักการแบ่งปันเท่าเทียมกันอย่างสมบูรณ์

(2) หลักการแบ่งปันตามความเหมาะสม

(3) หลักการแบ่งปันตามส่วนของแรงงาน

(4) หลักการแบ่งปันตามความมานะพยายาม

ตอบ 1 หน้า 332 – 338 หลักการแบ่งปันผลประโยชน์ที่เท่าเทียมกันอย่างสมบูรณ์มีความเห็นที่แตกต่างจากหลักการอื่น ๆ เพราะการแบ่งปันผลประโยชน์ประเภทนี้จะแบ่งให้กับมนุษย์ ทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน โดยไม่ขึ้นอยู่กับความสามารถ อายุ เพศ ความมานะพยายาม หรือความเหมาะสมใด ๆ ทั้งสิ้น

95 คนอ่อนแอและคนพิการจะไม่ได้รับความยุติธรรม ถ้าใช้หลักการแบ่งปันผลประโยชน์หลักการใด

(1) หลักการแบ่งปันเท่าเทียมกันอย่างสมบูรณ์

(2) หลักการแบ่งปันตามความเหมาะสม

(3) หลักการแบ่งปันตามส่วนของแรงงาน

(4) หลักการแบ่งปันตามความมานะพยายาม

ตอบ 4 หน้า 337 – 338 หลักการแบ่งปันผลประโยชน์ตามความมานะพยายาม เห็นว่า การแบ่งปันผลประโยชน์จะมากหรือน้อยต้องขึ้นอยู่กับความมานะพยายาม โดยผู้ที่มีความขยันขันแข็ง ในการทํางานจะต้องได้รับการแบ่งปันผลประโยชน์มากกว่าคนขี้เกียจ ซึ่งข้อบกพร่องของหลักการนี้ก็คือ ไม่ยุติธรรมกับคนที่อ่อนแอและพิการ

96 “ห้ามรถยนต์ใช้ความเร็วเกิน 30 กม./ชม. ในเขตมหาวิทยาลัยรามคําแหง ยกเว้นรถพยาบาล” เป็นกฎที่บังคับใช้อย่างเข้มงวดต่อทุกคน การบังคับใช้กฎดังกล่าวมีความยุติธรรมอย่างไร

(1) เนื้อหาของกฎหมายไม่ยุติธรรม แต่บังคับใช้อย่างยุติธรรม

(2) เนื้อหาของกฎหมายไม่ยุติธรรม และบังคับใช้อย่างไม่ยุติธรรม

(3) เนื้อหาของกฎหมายยุติธรรม และบังคับใช้อย่างยุติธรรม

(4) เนื้อหาของกฎหมายยุติธรรม แต่บังคับใช้อย่างไม่ยุติธรรม

ตอบ 3 หน้า 330 331 โดยทั่วไปกฎหมายต้องมีข้อความที่ระบุถึงกลุ่มคนที่กฎหมายนั้นต้องใช้บังคับและระบุถึงกลุ่มคนที่ได้รับข้อยกเว้นจากกฎหมายนั้น เช่น กฎหมายห้ามรถยนต์ใช้ความ เกิน 30 กม./ชม. ในเขตมหาวิทยาลัย ยกเว้นรถพยาบาล ซึ่งการยกเว้นดังกล่าวถือว่ามี ยุติธรรม ทั้งนี้เพราะรถพยาบาลมีความแตกต่างจากรถโดยทั่วไปที่จําเป็นต้องเร่งรีบนําคนหรือผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาล

97 ประวัติศาสตร์เชิงวิเคราะห์ มุ่งศึกษาปัญหาใด

(1) เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต

(2) แบบแผนของเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์

(3) ความเป็นปรนัยของวิชาประวัติศาสตร์

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 2 หน้า 287 – 289 ปรัชญาประวัติศาสตร์เชิงวิเคราะห์ หมายถึง ปรัชญาประวัติศาสตร์ที่สืบค้นถึงความหมายและแบบแผนของเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ทั้งหลาย ซึ่งปัญหาของปรัชญา เชิงวิเคราะห์นี้ แบ่งออกเป็น

1 แบบแผนของอดีต

2 ความหมายของประวัติศาสตร์

3 ความจําเป็นของเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์

98 ประวัติศาสตร์เชิงวิจารณ์ มุ่งศึกษาปัญหาใด

(1) เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต

(2) แบบแผนของเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์

(3) ความเป็นปรนัยของวิชาประวัติศาสตร์

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 3 หน้า 287, 299 ปรัชญาประวัติศาสตร์เชิงวิจารณ์ หมายถึง ปรัชญาประวัติศาสตร์ที่สืบค้นถึงวิธีการค้นคว้าของนักประวัติศาสตร์เพื่อตัดสินประเภทวิชาของประวัติศาสตร์ว่าสามารถเป็น วิชาประเภทเดียวกับวิทยาศาสตร์หรือไม่ ซึ่งปัญหาของปรัชญาเชิงวิจารณ์นี้ แบ่งออกได้เป็น

1 ปัญหาเรื่องการอธิบายทางประวัติศาสตร์

2 ปัญหาเรื่องปัจเจกบุคคลของประวัติศาสตร์

3 ปัญหาเรื่องความเป็นปรนัยของประวัติศาสตร์

99 การเปลี่ยนแปลงของสถาบันทางสังคมเป็นผลของสาเหตุใดในทัศนะของมาร์กซ์

(1) ผลของการเปลี่ยนแปลงประเพณี

(2) ผลของการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง

(3) ผลของการเปลี่ยนแปลงวิธีการผลิต

(4) ผลของการค้นพบสิ่งใหม่ ๆ

ตอบ 3 หน้า 293 296 มาร์กซ์ เชื่อว่า สาเหตุของการเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติอันเป็นการเปลี่ยนแปลงของสถาบันทางสังคมนั้น เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงวิธีการผลิต โดยยุคเริ่มต้นการผลิตของมนุษย์จะเป็นแบบทาส และพัฒนาเรื่อยมาจนไปสู่จุดหมายการผลิตแบบสังคมคอมมิวนิสต์ที่ปราศจากชนชั้นและไม่มีการขูดรีด

100 “การสร้างประวัติศาสตร์” ของน้าประวัติศาสตร์มีความหมายอย่างไร

(1) นักประวัติศาสตร์เป็นผู้แต่งเรื่องราวจากความจริงบางส่วนของเหตุการณ์ (2) นักประวัติศาสตร์เลือกเฉพาะสิ่งที่ตนเห็นว่าสําคัญมาบันทึกเป็นประวัติศาสตร์

(3) นักประวัติศาสตร์มักจะเป็นวีรบุรุษที่เป็นผู้นําให้เกิดเหตุการณ์สําคัญ

(4) นักประวัติศาสตร์เป็นคนรื้อฟื้นอดีตที่ถูกลืมแล้ว

ตอบ 2 หน้า 307 308 การสร้างประวัติศาสตร์ของนักประวัติศาสตร์ มิได้มีความหมายเพียงแค่การบรรยายหรือบันทึกสิ่งที่เขารู้ทั้งหมดเท่านั้น แต่เขาจะต้องเลือกเฉพาะสิ่งสําคัญที่เกี่ยวข้อง กับเหตุการณ์ที่ศึกษามาบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์เกี่ยวกับเหตุการณ์นั้น ๆ

 

PHI1003 ปรัชญาเบื้องต้น 2/2558

การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2558

ข้อสอบกระบวนวิชา PHI 1003 ปรัชญาเบื้องต้น

คําสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคําตอบเดียว (ข้อสอบมีทั้งหมด 100 ข้อ)

1 ข้อใดคือท่าทีของ “ปรัชญา” ตามความหมายในวิชา PHI 1003

(1) การศึกษาเรื่องความรู้อันประเสริฐ

(2) การสงสัยและหาคําตอบ

(3) การหาหลักการให้กับองค์กร

(4) การศึกษาเพื่อการพ้นทุกข์

ตอบ 2 หน้า 1 ปรัชญาเป็นเรื่องราวของการใช้ปัญญาเพื่อไตร่ตรองในสิ่งที่ตนยังสงสัยหรือคิดว่าเป็นปัญหาอยู่ และเป็นการพยายามใช้ปัญญาไตร่ตรองถึงคําตอบที่เป็นไปได้สําหรับปัญหา ที่ตนยังติดใจสงสัย ดังนั้นปรัชญาจึงเป็นเรื่องของผู้ใช้ปัญญา หรือผู้มีความปรารถนาจะรู้ในสิ่งที่ตนไม่รู้ ด้วยเหตุนี้ปรัชญาจึงเกิดขึ้นพร้อมกับมนุษย์ เพราะมนุษย์เป็นผู้มีปัญญา

2 สิ่งที่ “ปรัชญา” ไม่สามารถช่วยได้คือข้อใด

(1) ความสามารถคิดอย่างมีเหตุผล

(2) การมีทัศนะกว้างขึ้น

(3) การมีใจกว้างขึ้น

(4) การหางานทําได้ง่ายขึ้น

ตอบ 4 หน้า 1 – 2, (คําบรรยาย) ปรัชญาเป็นสิ่งที่ทําให้มนุษย์สามารถคิดอย่างมีเหตุผล ไม่ยอมรับสิ่งใดโดยง่ายดาย แต่ก็มีใจกว้าง ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น จึงทําให้มีทัศนะกว้างขวางขึ้นและพยายามแสวงหาคําตอบสําหรับปัญหาของตนตลอดเวลา แต่ไม่ได้ทําให้หางานได้ง่ายขึ้น

3 ข้อใดสัมพันธ์กันอย่างถูกต้อง

(1) เทพประจําธรรมชาติ – ปฐมธาตุ

(2) เทพประจําธรรมชาติ – ระเบียบของปรากฏการณ์ธรรมชาติ

(3) ปฐมธาตุ – ความไร้ระเบียบของปรากฏการณ์ธรรมชาติ

(4) ปฐบธาตุ – ระเบียบของปรากฏการณ์ธรรมชาติ

ตอบ 2 หน้า 2 ปรัชญายุคดึกดําบรรพ์ เชื่อว่า จักรวาลหรือเอกภพมีกฎเกณฑ์ที่ไม่แน่นอนตายตัวดังนั้นปรากฏการณ์ธรรมชาติทั้งหลายจึงเกิดขึ้นตามน้ำพระทัยของเทพเจ้า หรืออาจกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เทพเจ้าเป็นผู้กําหนดระเบียบของปรากฏการณ์ธรรมชาตินั่นเอง

4 ข้อใดสัมพันธ์กันอย่างถูกต้อง

(1) โซฟิสต์ – ความรู้เชิงปรนัย

(2) โซเครตีส – ความรู้เชิงอัตนัย

(3) โซฟิสต์ ปัญญา

(4) โซเครตีส – ปัญญา

ตอบ 4 หน้า 8, (คําบรรยาย) โซเครตีส เพลโต และอริสโตเติล เชื่อว่า มนุษย์มีสมรรถภาพพอที่จะรู้ความเป็นจริงได้ (ความรู้เชิงปรนัย) ถ้ามนุษย์ใช้ปัญญาหรือเหตุผลที่เป็นสมรรถภาพเหนือผัสสะ ส่วนโซฟิสต์ เห็นว่า มนุษย์ไม่มีความสามารถที่จะรู้ว่าอะไรคือสารเบื้องต้นของธรรมชาติที่แท้จริงนักปรัชญาแต่ละคนจึงได้ตอบไปตามความเห็นของตนเท่านั้น

5 ทําไม “ปรัชญา” จึงเกี่ยวข้องกับมนุษย์

(1) เพราะมนุษย์มีปัญหา

(2) เพราะมนุษย์มีปัญญา

(3) เพราะมนุษย์มีปรัชญา

(4) เพราะมนุษย์รู้ปรัชญา

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 1 ประกอบ

6 ข้อใดกล่าวได้ถูกต้อง

(1) คําว่า “ปรัชญา” บัญญัติแทน “Philosophy” และมีความหมายตรงกัน

(2) คําว่า “ปรัชญา” บัญญัติแทน “Philosophy” แต่มีความหมายไม่ตรงกัน

(3) คําว่า “ปรัชญา” ไม่ได้บัญญัติแทน “Philosophy” แต่มีความหมายตรงกัน

(4) คําว่า “ปรัชญา” ไม่ได้บัญญัติแทน “Philosophy” จึงมีความหมายไม่ตรงกัน

ตอบ 1 หน้า 1 คําว่า “ปรัชญา” เป็นศัพท์บัญญัติของพระเจ้าวรวงศ์เธอกรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ซึ่งใช้แปลคําว่า Philosophy ในภาษาอังกฤษ ดังนั้นคําว่าปรัชญาจึงมีความหมายที่สอดคล้อง หรือเหมือนกันทุกประการกับ Philosophy ซึ่งหมายถึง ผู้รักความปราดเปรื่อง หรือผู้ปรารถนาจะเป็นปราชญ์ หรือผู้ปรารถนาจะฉลาด หรือผู้ที่ยังไม่รู้และปรารถนาจะรู้มากขึ้น

7 ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับคานท์

(1) ประนีประนอมเหตุผลนิยมกับประสบการณ์นิยม

(2) ประนีประนอมสุขนิยมกับอสุขนิยม

(3) ประนีประนอมสสารนิยมกับจิตนิยม

(4) ประนีประนอมสัมพัทธ์นิยมกับสัมบูรณ์นิยม

ตอบ 1 หน้า 8 – 9, (คําบรรยาย) ปรัชญาตะวันตกยุคใหม่ซึ่งเริ่มนับตั้งแต่ประมาณศตวรรษที่ 15จนมาสิ้นสุดที่คานท์ (Kant) แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มเหตุผลนิยม และกลุ่มประสบการณ์นิยม(ประจักษนิยม) โดยคานท์เป็นผู้ประนีประนอมความคิด/ความเชื่อของทั้ง 2 กลุ่มเข้าด้วยกัน

8 ข้อใดคือท่าทีของนักปรัชญาตะวันตกสมัยกลางต่อเพลโต

(1) ปรัชญาของเพลโตเป็นปฏิปักษ์กับคําสอนของศาสนาคริสต์

(2) ปรัชญาของเพลโตเข้ากันได้กับคําสอนของศาสนาคริสต์

(3) เพลโตเป็นศิษย์คนหนึ่งของพระเยซู

(4) เพลโตเป็นนักปรัชญาที่เชื่อเรื่องพระเจ้า

ตอบ 2 หน้า 28, (คําบรรยาย) ปรัชญาของเพลโตเป็นจิตนิยม ซึ่งถือว่า ค่าทั้งหลายที่มีอยู่ในโลกของวัตถุและโลกของมนุษย์มีต้นตออยู่ที่อสสารด้วย เช่น ความดี ความงาม ความยุติธรรม หรือคุณธรรมที่มีอยู่ในโลก ดังนั้นจึงสอดคล้องกับทัศนะของนักปรัชญาตะวันตกสมัยกลางที่เห็นว่าคุณค่าต่าง ๆ ในโลกเป็นสิ่งที่พระเจ้าสร้างขึ้น มิใช่สิ่งที่มนุษย์คิดขึ้นหรือตั้งขึ้นมา

9 ข้อใดคือท่าทีของนักเหตุผลนิยมเกี่ยวกับประสบการณ์

(1) มนุษย์สามารถพึ่งพาประสบการณ์ได้บางเรื่อง

(2) มนุษย์สามารถพึ่งพาประสบการณ์ได้ทุกเรื่อง

(3) มนุษย์ไม่สามารถพึ่งพาประสบการณ์ได้เลย

(4) มนุษย์ต้องอาศัยประสบการณ์เป็นข้อมูลสําหรับคิด

ตอบ 1 หน้า 106 107, (คําบรรยาย) พวกเหตุผลนิยม เห็นว่า ความรู้ที่แท้จริงแน่นอนไม่อาจจะได้รับจากประสาทสัมผัส แต่ได้จากความคิดหรือเหตุผล แต่ยอมรับว่าประสบการณ์ทางผัสสะ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความรู้ หรือเป็นสิ่งที่มาจุดประกายให้สติปัญญาเริ่มทํางานเท่านั้น ดังนั้นจึงถือได้ว่ามนุษย์สามารถพึ่งพาประสบการณ์ได้ในบางเรื่องเท่านั้น

10 ที่ว่าสสารนิยมเป็น “เอกนิยม” (Monism) มีความหมายอย่างไร

(1) โลกเป็นปรากฏการณ์ของสสารเท่านั้น

(2) โลกเป็นปรากฏการณ์ของสสารชนิดเดียว

(3) โลกมีเพียงโลกเดียว

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 31 สสารนิยมเป็นเอกนิยม ถือว่าปรากฏการณ์ของสสารเท่านั้นที่เป็นจริง เป็นความจริงประเภทเดียว และเป็นปรากฏการณ์ของสสารชนิดเดียว โดยสสารจะเป็นสิ่งที่ครองที่ คือ แผ่ไปในที่ว่าง เป็นสิ่งที่มีอยู่และเกิดขึ้นในที่ว่าง ถ้าวัตถุชิ้นหนึ่งครองที่อยู่ ณ ที่หนึ่งแล้ว วัตถุชิ้นอื่นจะครองที่นั้นในเวลาเดียวกันนั้นไม่ได้

11 ปัญหาเรื่องปฐมธาตุของนักปรัชญากรีกโบราณจัดเป็นปัญหาปรัชญาสาขาใด

(1) อภิปรัชญา

(2) ญาณวิทยา

(3) จริยศาสตร์

(4) ปรัชญาประยุกต์

ตอบ 1 หน้า 17, 21 – 23 อภิปรัชญา เป็นศาสตร์ที่มุ่งศึกษาปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง“ความเป็นจริงคืออะไร” โดยมุ่งที่จะสืบค้นไปถึงสิ่งที่จริงที่สุด ซึ่งอาจซ่อนอยู่เบื้องหลัง ปรากฏการณ์ของโลกที่ปรากฏต่อผัสสะของมนุษย์ หรือสิ่งที่อยู่ล่วงเลยขอบเขตของสสาร (อสสาร) ซึ่งแยกออกได้เป็น 3 ปัญหา คือ

1 ปัญหาเกี่ยวกับความเป็นจริงของโลก เช่น ปฐมธาตุหรือแก่นแท้ของจักรวาลคืออะไร

2 ปัญหาเกี่ยวกับความเป็นจริงของจิต เช่น จิตหรือวิญญาณของมนุษย์มีจริงหรือไม่

3 ปัญหาเกี่ยวกับความเป็นจริงของพระเจ้า เช่น พระเจ้ามีอยู่และเกี่ยวข้องกับโลกอย่างไร

12 นักปรัชญากรีกโบราณคนใดที่สนใจปัญหาเรื่องจริยศาสตร์เป็นพิเศษ

(1) Thales

(2) Empedocles

(3) Sophists

(4) Epicurus

ตอบ 3 หน้า 7 – 8, 16, 149 – 153 ปัญหาทางจริยศาสตร์ หมายถึง ปัญหาทางปรัชญาที่เกี่ยวกับเรื่องความประพฤติและคุณค่าหรือสิ่งที่สูงสุดที่มนุษย์ควรแสวงหาในชีวิต รวมทั้งปัญหาเกี่ยวกับอุดมการณ์หรืออุดมคติของชีวิตและแนวทางที่มนุษย์พึงปฏิบัติตนให้สอดคล้องกับความเป็นจริง ซึ่งนักปรัชญากรีกโบราณที่สนใจปัญหานี้เป็นพิเศษ คือ นักปรัชญากรีกโบราณสมัยรุ่งเรือง ได้แก่โซพิสต์ (Sophists), โซเครตีส (Socrates), เพลโต (Plato) และอริสโตเติล (Aristotle) ฯลฯ

13 ใคร คือ นักปรัชญาตะวันตกยุคใหม่

(1) Plato

(2) St. Augustine

(3) John Locke

(4) Karl Marx

ตอบ 3 หน้า 8, 251 – 255, คําบรรยาย) ปรัชญาตะวันตกยุคใหม่ หมายถึง ปรัชญาตะวันตกที่นับตั้งแต่ปรัชญาตะวันตกสมัยกลางสิ้นสุดลง (ประมาณศตวรรษที่ 15 เป็นต้นมา) ซึ่งปรัชญาในยุคนี้ จะได้รับอิทธิพลจากวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์เป็นอย่างมาก โดยมีนักปรัชญาที่สําคัญ ได้แก่ เดส์การ์ต (Descartes), สปิโนซ่า (Spinoza), ไลบ์นิตซ์ (Leibnitz), จอห์น ล็อค (John Locke),เดวิด ฮูม (David Hume), โธมัส ฮอบส์ (Thomas Hobbes) เป็นต้น

14 ปรัชญาตะวันตกยุคใดที่ได้รับฉายาว่า สาวใช้ของศาสนา

(1) ยุคดึกดําบรรพ์

(2) ยุคโบราณ

(3) ยุคกลาง

(4) ยุคใหม่

ตอบ 3 หน้า 8, 249 ปรัชญาตะวันตกยุคกลาง เป็นช่วงสมัยที่ศาสนาคริสต์ได้รับการยอมรับนับถือกันทั่วไป ดังนั้นปรัชญาตะวันตกยุคกลางจึงได้รับฉายาว่า “สาวใช้ของศาสนา” เนื่องจากปรัชญา ถูกดึงไปเป็นเครื่องมือสําหรับอธิบายและส่งเสริมคําสอนของศาสนาคริสต์ให้ดูมีเหตุมีผลยิ่งขึ้นถือเป็นการประนีประนอมระหว่างปรัชญากรีกกับคริสต์ศาสนา

15 ปรัชญาตะวันตกยุคใดที่ได้ชื่อว่า ได้รับอิทธิพลของวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์

(1) ยุคดึกดําบรรพ์

(2) ยุคโบราณ

(3) ยุคกลาง

(4) ยุคใหม่

ตอบ 4 ดูค่าอธิบายข้อ 13 ประกอบ

16 ข้อใดจัดเป็นปัญหาอภิปรัชญา

(1) โลกเป็นปรากฏการณ์ของอะไร

(2) มนุษย์มีวิญญาณหรือไม่

(3) พระเจ้าเกี่ยวข้องกับโลกอย่างไร

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 11 ประกอบ

17 ในฐานะเป็นแนวคิดทางอภิปรัชญา “จิตนิยม” (Idealism) มีความหมายอย่างไร

(1) คนชอบคิดถึงสิ่งเหนือจริง

(2) คนเชื่อว่าสสารเป็นจริงที่สุด

(3) คนเชื่อว่าอสสารจริงกว่าสสาร

(4) คนเชื่อว่าสสารเป็นสิ่งธรรมชาติอย่างหนึ่ง

ตอบ 3 หน้า 25 – 27 จิตนิยม เห็นว่า สสาร วัตถุ หรือสิ่งที่เป็นรูปธรรมทั้งหมดนั้นมีอยู่จริงแต่ยังมีสิ่งที่จริงกว่าวัตถุและสสาร กล่าวคือ ยังมี “ของจริง” อีกอย่างหนึ่งที่จับต้องหรือ สัมผัสไม่ได้ มองเห็นไม่ได้ ไม่มีตัวตน (ไร้รูปร่าง) มีอยู่เป็นนิรันดรหรือมีสภาวะเป็นอมตะ (ไร้อายุขัย) และไม่อยู่ในระบบของอวกาศและเวลา ซึ่งมีลักษณะเป็นอสสาร (Immaterial) สิ่งนั้นคือ “จิต” เช่น แบบ วิญญาณ และพระเจ้า ฯลฯ อันเป็นต้นกําเนิดหรือต้นแบบของวัตถุดังนั้นสิ่งที่มนุษย์มองเห็นอยู่บนโลกนี้ จึงเป็นเพียงสภาพที่ปรากฏของสิ่งที่เป็นจริงเท่านั้น

18 ในฐานะเป็นแนวคิดทางอภิปรัชญา “สสารนิยม” มีความหมายอย่างไร (1) คนชอบคิดถึงสิ่งเหนือจริง

(2) คนเชื่อว่าสสารเป็นจริงที่สุด

(3) คนเชื่อว่าอสสารจริงกว่าสสาร

(4) คนเชื่อว่าสสารเป็นสิ่งธรรมชาติอย่างหนึ่ง

ตอบ 2 หน้า 25, 31 – 32 ล้ทธิสสารนิยม เห็นว่า สสารหรือวัตถุเท่านั้นที่เป็นจริง ซึ่งแนวความคิดทั่วไปของลัทธินี้ได้แก่

1 สสารนิยมเป็นเอกนิยม

2 สสารนิยมยอมรับทฤษฎีหน่วยย่อย

3 สสารนิยมยอมรับแนวความคิดเรื่องการทอนลง

4 สสารนิยมเห็นว่าค่าเป็นสิ่งสมมุติ

5 สสารนิยมถือว่าจักรวาลอยู่ในระบบจักรกล

19 ในฐานะเป็นแนวคิดทางอภิปรัชญา “ธรรมชาตินิยม” มีความหมายอย่างไร

(1) คนชอบคิดถึงสิ่งเหนือจริง

(2) คนเชื่อว่าสสารเป็นจริงที่สุด

(3) คนเชื่อว่าอสสารจริงกว่าสสาร

(4) คนเชื่อว่าสสารเป็นสิ่งธรรมชาติอย่างหนึ่ง

ตอบ 4 หน้า 33 – 34 ธรรมชาตินิยม เห็นว่า สสารเป็นสิ่งธรรมชาติที่มีลักษณะ 2 ประการ คือ

1 เป็นสิ่งที่ดํารงอยู่ในระบบของอวกาศ

2 เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นและดับลงด้วยสาเหตุธรรมชาติ นอกจากนี้ยังเห็นว่า สิ่งธรรมชาติมีความจรอยู่ในตัวมันเอง ไม่สามารถตัดทอนลงเป็นอะตอมได้

20 นักจิตนิยม มีความเห็นเกี่ยวกับโลกมนุษย์อย่างไร

(1) โลกเป็นสถานที่แห่งเดียวของมนุษย์

(2) โลกเป็นสถานที่ชั่วคราวที่มนุษย์ใช้ชีวิตเป็นทางผ่านไปสู่โลกหลังการตายที่ประเสริฐกว่า

(3) โลกเป็นมายา

(4) โลกมีแต่สิ่งชั่วร้าย

ตอบ 2 (คําบรรยาย) นักจิตนิยม เห็นว่า โลกเป็นสถานที่ชั่วคราวสําหรับมนุษย์ที่ใช้เป็นทางผ่านไปสู่โลกหลังความตายที่ประเสริฐกว่า ซึ่งเป็นโลกที่อยู่เหนือประสาทสัมผัสหรือโลกของแบบที่แท้จริง

21 นักธรรมชาตินิยม มีความเห็นเกี่ยวกับโลกมนุษย์อย่างไร

(1) โลกเป็นสถานที่แห่งเดียวของมนุษย์

(2) โลกเป็นสถานที่ชั่วคราวที่มนุษย์ใช้ชีวิตเป็นทางผ่านไปสู่โลกหลังการตายที่ประเสริฐกว่า

(3) โลกเป็นมายา

(4) โลกมีแต่สิ่งชั่วร้าย

ตอบ 1 (คําบรรยาย) พวกธรรมชาตินิยมหรือสัจนิยมนั้น มีทัศนะว่า โลกหรือวัตถุทั้งหลายมีความแท้จริงตามสภาพของมันโดยไม่ได้ขึ้นอยู่ว่าจะมีมนุษย์รับรู้มันหรือไม่ และมีอยู่ก่อนที่จะมีผู้ใด มารับรู้มัน ดังนั้นโลกจึงเป็นสถานที่แห่งเดียวของมนุษย์

22 ก้อนหินและพืชต่างกันอย่างไร ในทัศนะของเพลโต

(1) มีองค์ประกอบต่างกัน

(2) มีปริมาณขององค์ประกอบต่างกัน

(3) มีปริมาณขององค์ประกอบและคุณภาพต่างกัน

(4) มีแบบต่างกัน

ตอบ 4 หน้า 26 – 27 เพลโต อธิบายว่า โลกของแบบเท่านั้นที่เป็นจริง เป็นสิ่งเที่ยงแท้ และเป็นต้นแบบของโลกแห่งประสาทสัมผัส เช่น ทอง ขมิ้น และดอกดาวเรือง แม้วัตถุทั้งสามมีความ ต่างกัน แต่ก็จําลองมาจากแบบเดียวกัน คือ “สีเหลือง” กล่าวโดยสรุปแล้ว วัตถุทุกชิ้นในโลกล้วนเป็นสิ่งที่จําลองมาจาก “แบบ” ทั้งสิ้น

23 ข้อใดมีความสัมพันธ์กันอย่างถูกต้อง

(1) สสารนิยม – จักรกลนิยม

(2) จิตนิยม – จันตนิยม

(3) ธรรมชาตินิยม – นวนิยม

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 (คําบรรยาย) ลัทธิอันตนิยมเป็นลัทธิที่สืบเนื่องมาจากปรัชญาจิตนียม ซึ่งเชื่อว่า ทุกสิ่งที่มีอยู่ในจักรวาลมีการเกิดขึ้น เปลี่ยนแปลง ดับสลาย โดยมีจุดมุ่งหมายเหมือนกับมนุษย์และสัตว์ ส่วนลัทธินวนิยมเป็นสัทธิที่สืบเนื่องมาจากปรัชญาธรรมชาตินิยม ซึ่งเชื่อเรื่องกระบวนการวิวัฒนาการของจักรวาล (ดูคําอธิบายข้อ 18 ประกอบ)

24 ข้อใดมีความสัมพันธ์กันอย่างถูกต้อง

(1) สสารนิยม – เอกนิยม

(2) จิตนิยม – ทวินิยม

(3) ธรรมชาตินิยม – พหุนิยม

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 34, (คําบรรยาย) สสารนิยมเป็นเอกนิยม เชื่อว่า ทุกสิ่งทอนลงได้เป็นปฐมธาตุประเภทเดียว ส่วนจิตนิยมเป็นทวินิยม เชื่อว่า สารเบื้องต้นมี 2 ประเภท คือ จิตและสสาร และธรรมชาตินิยมเป็นพหุนิยม เชื่อว่า ในจักรวาลมีสิ่งซึ่งเป็นจริงมากมายหลายสิ่ง แต่ละสิ่งเป็นจริงอยู่ในตัวมันเอง และไม่สามารถตัดทอนลงเป็นเพียงปรากฏการณ์ของอีกสิ่งหนึ่งได้

25 อสสารมีลักษณะอย่างไร

(1) มีรูปร่าง จับต้องได้ แต่ไร้อายุขัย

(2) มีรูปร่าง จับต้องได้ มีอายุขัย

(3) ไร้รูปร่าง จับต้องไม่ได้ แต่มีอายุขัย

(4) ไร้รูปร่าง จับต้องไม่ได้ ไร้อายุขัย

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 17 ประกอบ

26 ลัทธิจิตนิยม มีทัศนะเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างไร

(1) ปัจจุบันเป็นผลของอดีต

(2) ปัจจุบันเป็นผลของอนาคต

(3) ปัจจุบันเป็นผลของการก้าวกระโดดของอดีต

(4) ปัจจุบันคือสิ่งใหม่ที่เกิดโดยบังเอิญ

ตอบ 1 (คําบรรยาย) ลัทธิจิตนิยมมีความเชื่อในเรื่องของพระเจ้า หรือในเรื่องของอํานาจบุญและบาปดังนั้นจึงมีทัศนะเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของโลกว่า ปัจจุบันเป็นผลของอดีต นั่นคือ การกระทําใด ๆ ที่เกิดขึ้นในอดีต จะต้องส่งผลให้เกิดสิ่งต่าง ๆ ขึ้นในปัจจุบันหรือในอนาคตอย่างแน่นอน

27 ลัทธิธรรมชาตินิยม มีทัศนะเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างไร

(1) ปัจจุบันเป็นผลของอดีต

(2) ปัจจุบันเป็นผลของอนาคต

(3) ปัจจุบันเป็นผลของการก้าวกระโดดของอดีต

(4) ปัจจุบันคือสิ่งใหม่ที่เกิดโดยบังเอิญ

ตอบ 3 (คําบรรยาย) ลัทธิธรรมชาตินิยมมีทัศนะบางอย่างคล้ายกับลัทธิสสารนิยมเป็นอย่างมากตัวอย่างเช่น เรื่องการเปลี่ยนแปลงแบบ “ก้าวกระโดด” ที่เห็นว่า เป็นการเรียงตัวของหน่วย ย่อยในรูปแบบใหม่ ไม่มีอะไรเกิด ไม่มีอะไรสูญ สามารถเข้าใจได้ และเป็นการเปลี่ยนแปลง ที่ไปสู่จุดมุ่งหมายเร็วขึ้น

28 นักจิตนิยม มีทัศนะเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างจิตกับกายของมนุษย์อย่างไร

(1) จิตคือกาย ร่างกายตายจิตก็สูญสิ้น

(2) จิตไม่ใช่กาย จิตไม่สูญสิ้นไปพร้อมกับร่างกาย

(3) จิตเป็นคุณภาพของร่างกาย ร่างกายตายจิตก็สูญสิ้น

(4) จิตเป็นคุณภาพของร่างกาย จิตไม่สูญสิ้นไปพร้อมกับร่างกาย

ตอบ 2 หน้า 34 – 35 จิตนิยม เชื่อว่า วิถีชีวิตของแต่ละคนนั้น ย่อมเป็นไปตามการบังคับบัญชาของจิตแต่ละคน ร่างกายเป็นเพียงการตอบสนองต่อเจตจํานงของจิตเท่านั้น ดังนั้นจิตจึงมีธรรมชาติ ที่ต่างไปจากร่างกายและมีสภาวะเป็นนิรันดร์ ไม่สูญสลายไปตามร่างกาย ซึ่งตรงกับสุภาษิตที่ว่า“ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว”

29 นักธรรมชาตินิยม มีทัศนะเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างจิตกับกายของมนุษย์อย่างไร

(1) จิตคือกาย ร่างกายตายจิตก็สูญสิ้น

(2) จิตไม่ใช่กาย จิตไม่สูญสิ้นไปพร้อมกับร่างกาย

(3) จิตเป็นคุณภาพของร่างกาย ร่างกายตายจิตก็สูญสิ้น

(4) จิตเป็นคุณภาพของร่างกาย จิตไม่สูญสิ้นไปพร้อมกับร่างกาย

ตอบ 3 (คําบรรยาย) ธรรมชาตินิยม เชื่อว่า ร่างกายเป็นผลิตผลเชิงวิวัฒนาการของการจัดระบบของสสารขั้นที่หนึ่ง ส่วนจิตจะถือกําเนิดจากร่างกายในอีกขั้นหนึ่ง ดังนั้นจึงอาจถือได้ว่าจิตเป็นคุณภาพของร่างกาย ร่างกายตายจิตก็สูญสิ้น

30 คนที่ยอมทํางานหนักเพื่อแลกกับเงินเดือนที่สามารถช่วยให้ชีวิตสุขสบาย เป็นคนมีจิตแบบใดในทัศนะ ของเพลโต

(1) มีจิตภาคตัณหาเด่น

(2) มีจิตภาคน้ำใจเด่น

(3) มีจิตภาคตัณหาและน้ำใจเด่น

(4) มีจิตภาคเหตุผลเด่น

ตอบ 1 หน้า 35 – 36, 245 246 จิตในทัศนะของเพลโต แบ่งเป็น 3 ภาค คือ

1 ภาคตัณหา คือ ความต้องการความสุขทางกาย โดยจะพยายามทําทุกอย่างเพื่อแสวงหาเงินมาสนองความสุขแบบโลก ๆ จึงเป็นบุคคลที่ลุ่มหลงในโลกียสุข

2 ภาคน้ำใจ คือ มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ยึดถือเกียรติและสัจจะเป็นสําคัญ พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือแก่ผู้อื่นที่ตกทุกข์ได้ยากทุกเมื่อ

3 ภาคเหตุผลหรือภาคปัญญา เป็นจิตภาคที่พัฒนาขึ้นมาสูงสุดแล้ว คือ มีความใฝ่ในสัจจะโดยจะทุ่มเทชีวิตเพื่อแสวงหาความรู้ ความจริง ความดี ความงาม และคุณธรรม

31 คนที่ยอมทิ้งความสุขสบายทางกาย มุ่งแสวงหาความเข้าใจเรื่องความจริง ความดี ความงาม เป็นคนมีจิต แบบใดในทัศนะของเพลโต

(1) มีจิตภาคตัณหาเด่น

(2) มีจิตภาคน้ำใจเด่น

(3) มีจิตภาคตัณหาและน้ำใจเด่น

(4) มีจิตภาคเหตุผลเด่น

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 30 ประกอบ

32 คนที่สามารถหักห้ามใจไม่รับสินบนก้อนโตจากพ่อค้า ถึงแม้ว่าเงินนั้นจะทําให้ชีวิตของตนสบายขึ้น เป็นคนมีจิตใจแบบใดในทัศนะของเพลโต

(1) มีจิตภาคตัณหาเด่น

(2) มีจิตภาคน้ำใจเด่น

(3) มีจิตภาคตัณหาและน้ำใจเด่น

(4) มีจิตภาคเหตุผลเด่น

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 30 ประกอบ

33 “ทุกขนิโรธ” มีความหมายอย่างไร ในอริยสัจ 4

(1) การโกรธเป็นทุกข์

(2) การดับความโกรธ คือการพ้นทุกข์

(3) การดับโดยไม่เหลือของความทุกข์

(4) การโกรธทําให้สภาวทุกข์เพิ่มขึ้น

ตอบ 3 หน้า 85 ตามหลักอริยสัจ 4 นั้น คําว่า “นิโรธ” หรือ “ทุกขนิโรธ” หมายถึง ความดับโดยไม่เหลือแห่งทุกข์ เป็นความดับได้อย่างเด็ดขาดด้วยการกระทําของผู้ปฏิบัติ ซึ่งจัดเป็นผลอันสูงสุดตามที่มุ่งหมายในทางพระพุทธศาสนา

34 ข้อใดจัดเป็น “สภาวทุกข์” ตามคําสอนของอริยสัจ 4

(1) ความแก่

(2) ความเศร้าใจจากความแก่

(3) ความพลัดพรากจากของรักเพราะความแก่

(4) ความคับแค้นใจเพราะความแก่

ตอบ 1 หน้า 82 สภาวทุกข์ หมายถึง ทุกข์โดยสภาพหรือทุกข์ประจํา ได้แก่ ความเกิด ความแก่และความตาย (ส่วนทุกข์จรนั้น เป็นทุกข์ที่เกิดขึ้นเพียงบางครั้งบางคราว เช่น ความเศร้าใจความระทมใจ ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจ ความพลัดพราก เป็นต้น

35 ตามคําสอนของอริยสัจ 4 สิ่งที่คนฉลาดควรกลัวเป็นอย่างยิ่ง คืออะไร

(1) การเกิด

(2) การแก่

(3) การตาย

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 1 หน้า 83 ตามคําสอนของอริยสัจ 4 นั้น ถือว่า ความเกิดเป็นประตูแห่งความทุกข์ทั้งปวงดังนั้นคนฉลาดจึงกลัวความเกิดไม่ใช่กลัวความตาย เพราะความเกิดนั้นเองเป็นเหตุให้ต้องตายถ้าไม่เกิดเสียอย่างเดียวก็ไม่ต้องตาย และไม่ต้องลําบากจนกว่าตัวเองจะแก่ตาย

36 คุณสมบัติที่อะตอมของนักปรัชญากรีกยุคโบราณไม่มี คือ คุณสมบัติข้อใด

(1) การหยุดนิ่ง

(2) การเคลื่อนไหว

(3) สี เสียง กลิ่น รส

(4) ถูกข้อ 1 และ 3

ตอบ 4 หน้า 57 – 58 ปรัชญากรีกยุคโบราณ ถือว่า ปรมาณู (อะตอม) เป็นสิ่งที่เที่ยงแท้ ไม่แตกดับโดยทุก ๆ ปรมาณูจะมีแต่คุณสมบัติปฐมภูมิเท่านั้น จะไม่มีคุณสมบัติทุติยภูมิ (สี เสียง กลิ่น รส) แต่ละปรมาณูจะมีทั้งกัมมันตภาพและจลนภาพอยู่ในตัวเอง ไม่มีการหยุดนิ่ง หากมีแต่การเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา)

37 คุณสมบัติที่ปรมาณูของลัทธิไวเศษกะไม่มี คือ คุณสมบัติข้อใด

(1) การหยุดนิ่ง

(2) การเคลื่อนไหว

(3) สี เสียง กลิ่น รส

(4) ถูกข้อ 1 และ 3

ตอบ 2 หน้า 57 – 58 ปรัชญาไวเศษกะ เชื่อว่า ปรมาณูมีทั้งคุณสมบัติปฐมภูมิ (รูปร่าง ขนาด น้ำหนัก)และคุณสมบัติทุติยภูมิ (สี เสียง กลิ่น รส สัมผัส) ซึ่งแต่ละปรมาณูจะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ทั้งทางด้านปริมาณและคุณภาพ แต่โดยธรรมชาติแล้วปรมาณูเป็นสิ่งไร้กัมมันตภาพและไร้จลนภาพ(เคลื่อนไหวไม่ได้ด้วยตัวเอง) จึงอยู่ในภาวะที่หยุดนิ่งตลอดเวลา

38 ลัทธิไวเศษกะมีความเชื่อในเรื่องความเที่ยงแท้ของปรมาณูอย่างไร

(1) ปรมาณูเที่ยงแท้ แต่คุณสมบัติของมันไม่เที่ยงแท้

(2) ปรมาณูเที่ยงแท้ และคุณสมบัติปฐมภูมิของมันก็เที่ยงแท้

(3) ปรมาณูเที่ยงแท้ และคุณสมบัติทุติยภูมิของมันก็เที่ยงแท้

(4) ปรมาณูเที่ยงแท้ และคุณสมบัติของมันก็เที่ยงแท้

ตอบ 4 หน้า 57 ปรัชญาลัทธิไวเศษกะนั้น นอกจากจะถือว่าปรมาณูแต่ละปรมาณูเป็นสิ่งที่เที่ยงแท้และไม่แตกดับแล้ว ยังถือว่าคุณสมบัติของปรมาณูแต่ละอย่างก็เป็นสิ่งที่เที่ยงแท้เช่นเดียวกัน

39 พุทธปรัชญาฝ่ายเถรวาทสนใจปัญหา “อภิปรัชญา” ในความหมายใด

(1) Metaphysics

(2) อตินทรีย์วิทยา

(3) ปรมัตถ์

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 3 หน้า 21, 79, (คําบรรยาย) ท่าทีของพุทธปรัชญาฝ่ายเถรวาทต่อปัญหาอภิปรัชญาจะสนใจปัญหาอภิปรัชญาในความหมาย “ปรมัตถ์” (ความรู้อันประเสริฐที่ยิ่งใหญ่) เช่น อริยสัจ 4,ปฏิจจสมุปบาท, สามัญลักษณะ, กฎแห่งกรรม และนิพพาน ฯลฯ

40 บุคคลใดต่อไปนี้มีจิตภาคน้ำใจเด่นในทัศนะของเพลโต

(1) แจน มีงานทําสองแห่ง เธอใช้เงินทั้งหมดกับการ กิน ดื่ม เที่ยว ในวันหยุด (2) เจน ยับยั้งชั่งใจที่จะรักษาเกียรติของเธอไว้ โดยไม่ยอมเป็นภรรยาน้อยใคร

(3) แจ้น ใช้ชีวิตสมถะ เพื่อนําเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายสําหรับการเรียนชั้นปริญญาเอก ซึ่งเธอคงได้รับเงินเดือนมากพอที่จะสะดวกสบายไปตลอดชาติ (4) แจง ใช้ชีวิตสมถะ และพยายามไตร่ตรองเพื่อเข้าใจธรรมชาติที่แท้จริงของชีวิตมนุษย์

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 30 ประกอบ

41 จากคําตอบข้อ 40 บุคคลใดมีจิตภาคเหตุผลเด่นในทัศนะของเพลโต

(1) แจน

(2) เจน

(3) แจน

(4) แจง

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 30 ประกอบ

42 “แบบ” ของเพลโตกับ “พระเจ้า” ของศาสนาคริสต์ มีลักษณะเหมือนหรือต่างกันอย่างไร

(1) เป็นสิ่งที่มนุษย์สามารถพูดคุยได้เหมือนกัน

(2) มีสถานภาพเป็นอสสารเหมือนกัน

(3) เป็นแหล่งกําเนิดของโลกเหมือนกัน

(4) ถูกข้อ 2 และ 3

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 8 ประกอบ

43 ตามข้อพิสูจน์ของทฤษฎีภววิทยา พระเจ้าต้องมีอยู่ในฐานะอะไร

(1) ผู้สร้างระเบียบให้กับโลก

(2) ผู้ที่โลกต้องพึ่งพา

(3) ผู้กํากับให้คนดีได้ผลดีตอบแทน

(4) ผู้ฝังความคิดความเข้าใจเรื่องพระเจ้าให้มนุษย์

ตอบ 4 หน้า 43 ทฤษฎีเชิงมววิทยา ถือว่า พระเจ้าเป็นสิ่งสัมบูรณ์และเป็นสิ่งที่ไม่มีขอบเขตจํากัดส่วนมนุษย์เป็นสิ่งสัมพัทธ์และเป็นสิ่งจํากัด ซึ่งการที่มนุษย์มีความคิดในเรื่องพระเจ้าได้นั้นเกิดจากพระเจ้าเป็นต้นเหตุให้มนุษย์คิดถึงสิ่งที่ไร้ขอบเขตนี้ขึ้นมาได้ ดังนั้นพระเจ้าจึงมีอยู่

44 ตามข้อพิสูจน์การมีอยู่ของพระเจ้าของทฤษฎีเชิงเอกภพ พระเจ้าต้องมีอยู่ในฐานะอะไร

(1) ผู้สร้างระเบียบให้กับโลก

(2) ผู้ที่โลกต้องพึ่งพา

(3) ผู้กํากับให้คนดีได้ผลดีตอบแทน

(4) ผู้ฝังความคิดความเข้าใจเรื่องพระเจ้าให้มนุษย์

ตอบ 2 หน้า 43 ทฤษฎีเชิงเอกภพ ถือว่า โลกนี้เป็นสิ่งที่ไม่มีอิสระ เป็นสิ่งสัมพัทธ์ เป็นสิ่งจํากัดและเป็นสิ่งที่เป็นผล ด้วยเหตุนี้จึงต้องพึ่งพาอาศัยพระเจ้าซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นอิสระ เป็นสิ่งสัมบูณ เป็นสิ่งที่ไม่จํากัด และเป็นสิ่งที่เป็นเหตุ เพราะฉะนั้นพระผู้เป็นเจ้าจึงมีอยู่

45 เทวสิทธิ์” (Divine Right) หมายถึงอะไร

(1) การอ้างว่าพระเจ้าเป็นเจ้าของชีวิตมนุษย์ทุกคน

(2) การอ้างอํานาจของพระเจ้าเพื่อสนับสนุนอํานาจในการปกครอง

(3) การอ้างอํานาจของพระเจ้าเพื่อการควบคุมปรากฏการณ์ธรรมชาติ

(4) การอ้างอํานาจพระเจ้าในพิธีบูชาพระเจ้า

ตอบ 2 หน้า 44 – 45 ทฤษฎีการอ้างเทวสิทธิ์ (Divine Right) หมายถึง การที่ผู้ปกครองอ้างอํานาจของพระเจ้าเพื่อสนับสนุนอํานาจในการปกครองของตน โดยอ้างว่าตนเป็นสมมติเทพหรือเป็น เทพผู้ยิ่งใหญ่ที่เทพบดีคัดเลือกส่งมาปกครอง ถือตนว่าเป็นบุตรแห่งสวรรค์หรือเป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากเทพ จึงมีสิทธิโดยชอบธรรมที่จะปกครอง

46 “อัชญัตติกญาน” (Intuition) เป็นวิธีมีความรู้แบบใด

(1) การพิสูจน์โดยอาศัยประสบการณ์เป็นข้อมูล

(2) การพิสูจน์โดยอาศัยความรู้ติดตัวเป็นข้อมูล

(3) การหยั่งรู้โดยตรงโดยไม่ต้องอาศัยสื่อใด ๆ ทั้งสิ้น

(4) การเปิดเผยของพระเจ้าให้มนุษย์รู้โดยตรง

ตอบ 3 หน้า 104, 115 – 115 อัชญัตติกญาณ (Intuition) ตามทัศนะของพวกเหตุผลนิยมหมายถึง การหยั่งรู้โดยตรงด้วยจิตใจ หรือแสงสว่างแห่งเหตุผล/แสงสว่างแห่งปัญญา ส่วนพวก ประจักษนิยม หมายถึง การมีความรู้และเข้าใจโดยตรงในความจริงที่ง่าย ๆ ธรรมดา ๆ ที่สุดของประสบการณ์ทางประสาทสัมผัส

47 “นิรนัย” (Deduction) เป็นวิธีมีความรู้แบบใด

(1) การพิสูจน์โดยอาศัยประสบการณ์เป็นข้อมูล

(2) การพิสูจน์โดยอาศัยความรู้ติดตัวเป็นข้อมูล

(3) การหยังรู้โดยตรงโดยไม่ต้องอาศัยสื่อใด ๆ ทั้งสิ้น

(4) การเปิดเผยของพระเจ้าให้มนุษย์รู้โดยตรง

ตอบ 2 หน้า 105 106 วิธีการคิดหาเหตุผลแบบนิรนัย (Deduction) คือ การพิสูจน์ความเชื่อใด ๆโดยอาศัยความจริงพื้นฐานที่มีอยู่ก่อนหรือที่ยอมรับกันโดยทั่วไปเป็นหลัก แล้วก็ใช้ความคิดสืบสาว จากความรู้นั้นไปเพื่อที่จะรู้ในสิ่งอื่น โดยที่ข้อสรุปต้องได้มาจากข้ออ้าง ถ้าหากข้ออ้างเป็นจริง ข้อสรุปก็ต้องเป็นจริงด้วย ซึ่งวิชาคณิตศาสตร์ เรขาคณิต และพีชคณิตก็ใช้วิธีการคิดหาเหตุผลแบบนิรนัยนี้ในการแสวงหาความจริงโดยไม่อาศัยการพิสูจน์หรือยืนยันจากประสบการณ์ด้วย

48 “Necessary Truth” หมายถึงความรู้ประเภทใด

(1) ความรู้ที่ถูกต้องตลอดกาล

(2) ความรู้ที่ติดตัวมนุษย์มาตั้งแต่แรกเกิด

(3) ความรู้ที่มนุษย์สามารถหยั่งรู้โดยตรงโดยไม่ต้องอาศัยหลักฐาน

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 1 หน้า 104 105, 115 – 116 นักปรัชญาเหตุผลนิยมที่สําคัญ เช่น เดส์การ์ต (Descartes) สิโนซา (Spinoza) เละไลบ์นิตซ์ (Leibnitz) เชื่อว่า ความรู้ก่อนประสบการณ์เป็นความจริงที่ จําต้องเป็น (Necessary Truth) คือ ต้องจริงในทุกที่และทุกเวลา โดยไม่ต้องมีสิ่งใดมายืนยัน และจิตของมนุษย์ก็สามารถรู้ความจริงชนิดนี้ได้โดยอัชญัตติกญาณ (หยั่งรู้ด้วยจิตใจหรือแสงสว่างด้วยปัญญาทันทีทันใด) เช่น ข้อความว่า “เส้นตรงที่ขนานกันจะไม่มีวันมาบรรจบกันได้” ฯลฯ

49 วิธีแสวงหาความรู้ที่เดส์การ์ต (Descartes) ใช้เป็นแม่แบบในการพิสูจน์ความจริงของโลกและพระเจ้า คืออะไร

(1) คณิตศาสตร์

(2) พีชคณิต

(3) เรขาคณิต

(4) วิทยาศาสตร์

ตอบ 3 หน้า 8, 107, (คําบรรยาย) เดส์การ์ต (Descartes) ได้รับการยกย่องให้เป็นบิดาแห่งปรัชญาตะวันตกยุคใหม่ โดยเขาเป็นผู้ที่ฟื้นฟูแนวคิดเหตุผลนิยมขึ้นมาอย่างจริงจังในศตวรรษที่ 17 และได้นําวิธีการของเรขาคณิตมาใช้ในความคิดทางปรัชญาด้วย

50 นักปรัชญาที่เรียกว่านักเหตุผลนิยมจะปฏิเสธวิธีแสวงหาความรู้วิธีใด

(1) คณิตศาสตร์

(2) พีชคณิต

(3) เรขาคณิต

(4) วิทยาศาสตร์

ตอบ 4 หน้า 105 นักเหตุผลนิยมจะแสวงหาความรู้โดยวิธีนิรนัย (ดูคําอธิบายข้อ 47 ประกอบ)

51 “Tabula Rasa” สัมพันธ์กับนักปรัชญาคนใด

(1) Descartes

(2) Locke

(3) Berkley

(4) Hume

ตอบ 2 หน้า 117, (คําบรรยาย) ล็อค (Locke) ถือว่า สภาพจิตของมนุษย์ในตอนเริ่มแรกนั้นมีแต่ความว่างเปล่าเหมือนกระดาษขาวบริสุทธิ์ ปราศจากความคิดและความรู้ใด ๆ ทั้งสิ้นเรียกว่า “Tabula Rata” ที่หมายถึง สมุดบันทึกที่ว่างเปล่าปราศจากข้อความใด ๆ ทั้งสิ้น

52 ส่วนใดของวัตถุที่ผัสสะของมนุษย์ไม่สามารถรับรู้ได้ในทัศนะของ Locke

(1) คุณสมบัติปฐมภูมิ

(2) คุณสมบัติทุติยภูมิ

(3) สารรองรับคุณสมบัติของวัตถุ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 3 หน้า 119 ล็อค เชื่อว่า สารเป็นสิ่งแท้จริงที่อยู่ภายในตัววัตถุ แต่มนุษย์ไม่อาจจะรู้จักสารได้เพราะไม่อาจเป็นประสบการณ์ของใคร จึงเป็นสิ่งที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร แต่ก็ต้องยอมรับว่าทุกสิ่งต้องมีสาร เพราะสารเป็นพื้นฐานที่รองรับคุณสมบัติปฐมภูมิของวัตถุซึ่งก่อให้เกิดความคิดเชิงเดี่ยว

53 ตามทัศนะของชุม “ความคิด” ในจิตมนุษย์หมายถึงอะไร

(1) ข้อมูลที่ติดตัวมาตั้งแต่แรกเกิดของจิต

(2) ข้อมูลที่จิตรับรู้จากประสบการณ์โดยทั่วไป

(3) ข้อมูลที่จิตรับรู้จากประสบการณ์ที่ชัดเจนจึงชัดเจนเท่าประสบการณ์

(4) ข้อมูลที่จิตรับรู้จากประสบการณ์ที่ชัดเจนแต่ลางเลือนแล้ว

ตอบ 4 หน้า 122 123 ฮูม เห็นว่า ความรู้ของมนุษย์แบ่งออกได้เป็น 2 ส่วน คือ ความประทับใจ(Impression) ซึ่งเป็นการรับรู้ในผัสสะ กับความคิด (Idea) ซึ่งเป็นการรับรู้ในสิ่งที่เกิดจาก จินตนาการหรือความจํา เช่น เมื่อเอามือไปแตะน้ําแข็ง จะเกิดสัมผัสของความเย็น ผัสสะนี้มี ความแจ่มชัดในทันทีทันใด ซึ่งเรียกว่า “ความประทับใจ” พอเหตุการณ์นี้ผ่านไปแล้ว แต่เรายังจดจําภาพของความเย็นได้อย่างลาง ๆ นั้น เราเรียกว่า “ความคิด” หรือ “จิตภาพ”

54 ตามทัศนะของฮูม “ความประทับใจ” (Impression) หมายถึงอะไร

(1) ข้อมูลที่ติดตัวมาตั้งแต่แรกเกิดของจิต

(2) ข้อมูลขณะมีประสบการณ์โดยทั่วไป

(3) ข้อมูลขณะมีประสบการณ์ที่ชัดเจน

(4) ภาพลางเลือนของประสบการณ์

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 53 ประกอบ

55 จอห์น ล็อค เป็นนักปรัชญาที่เป็นเจ้าของทฤษฎีใด

(1) สัจนิยมโดยตรง

(2) สัจนิยมแบบตัวแทน

(3) สัจนิยมวิจารณ์

(4) จิตนิยมแบบอัตนัย

ตอบ 2 หน้า 138 139 สัจนิยมแบบตัวแทน เห็นว่า วัตถุทั้งหลายที่อยู่ภายนอกตัวคนเป็นสสารที่มีแต่คุณสมบัติปฐมภูมิ (ขนาด รูปร่าง น้ำหนัก) และคุณสมบัติปฐมภูมิเท่านั้นที่มีอยู่อย่างแท้จริง ส่วนคุณสมบัติทุติยภูมิ (สี กลิ่น รส อุณหภูมิ) นั้น ไม่ได้เป็นสิ่งที่มีอยู่ในตัววัตถุเพราะมันเป็นสิ่งที่ จิตของคนเป็นผู้สร้างขึ้นมา ดังนั้นจึงถือได้ว่าวัตถุก่อนการรับรู้กับหลังการรับรู้มีความต่างกันที่คุณสมบัติทุติยภูมิ ซึ่งนักปรัชญาที่สําคัญของทฤษฎีนี้ คือ จอห์น ล็อค

56 เบอร์คเลย์ เป็นนักปรัชญาที่เป็นเจ้าของทฤษฎีใด

(1) สัจนิยมโดยตรง

(2) สัจนิยมแบบตัวแทน

(3) สัจนิยมวิจารณ์

(4) จิตนิยมแบบอัตนัย

ตอบ 4 หน้า 129, 131 เบอร์คเลย์ เป็นนักปรัชญาลัทธิจิตนิยมแบบอัตนัยที่มีทัศนะว่า วัตถุทั้งหลายหรือโลกภายนอกเป็นเพียงภาพสะท้อนของจิตมนุษย์ โดยสิ่งต่าง ๆ ที่เราเห็นหรือรู้นั้นก็คือความคิด ของจิตของเรานั่นเอง เพราะว่าสิ่งที่เรารู้หรือความรู้ของเรา ได้แก่ วัตถุและสิ่งทั้งหลายภายในโลก สิ่งเหล่านี้มีแก่นแท้คือการรับรู้ด้วยจิตของมนุษย์ ดังนั้นการมีอยู่ของมันจึงเป็นอิสระจากจิตไม่ได้

57 ข้อใดจัดเป็นทัศนะทางจริยศาสตร์

(1) จากการสํารวจพบว่าเด็กในวัยเรียนทําแท้งกันมากขึ้น

(2) บางคนเชื่อว่าการทําแท้งในขณะตั้งครรภ์ไม่ถึง 12 สัปดาห์ทําได้

(3) แพทย์ยืนยันว่าการทําแท้งอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการไม่เป็นอันตรายต่อหญิง

(4) การทําแท้งเป็นเรื่องผิดเพราะเป็นการฆ่าคน

ตอบ 4 หน้า 147, (คําบรรยาย) จริยศาสตร์ (Ethics) หมายถึง ศาสตร์ที่ว่าด้วยความประพฤติโดยจะศึกษาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่มนุษย์ควรกระทํา ไม่ควรกระทํา สิ่งที่ถูก สิ่งที่ผิด ความดี ความชั่ว และหน้าที่ของความเป็นมนุษย์ ทั้งนี้พื้นฐานอันดีงามของจริยศาสตร์ ก็คือ ศาสนาในขณะที่ศาสนาก็ต้องอาศัยจริยศาสตร์ เพราะจริยศาสตร์ทําให้ศาสนามีความบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น

58 Socrates คิดว่าคุณธรรมจะเกิดกับคนชนิดใด

(1) คนที่มีความสุขทางกาย

(2) คนที่มีความสุขทางใจ

(3) คนที่เข้าใจความดี

(4) คนที่มีชีวิตอย่างสุนัข

ตอบ 3 หน้า 150 โซเครตีส (Socrates) กล่าวว่า “คุณธรรมคือความรู้” โดยความดี/ความมีคุณธรรมจะต้องเกิดจากความรู้ ถ้าบุคคลรู้และเข้าใจถึงธรรมชาติของความดีจริง ๆ เขาก็จะไม่กระทําความชั่วหรือความผิด แต่เนื่องจากบุคคลไม่รู้/ไม่เข้าใจจึงต้องกระทําชั่ว

59 นักปรัชญาคนใดถือว่าศีลธรรมเป็นเรื่องของความถูกใจ

(1) โซฟิสต์

(2) เวสเตอร์มาร์ค

(3) มิลล์

(4) คานท์

ตอบ 1 หน้า 149 โซฟิสต์ (Sophist) ถือว่า การตัดสินสิ่งใดก็ตามขึ้นอยู่กับมนุษย์แต่ละคนเป็นผู้ตัดสินความดี/ความชั่วก็เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล ความถูกคือสิ่งที่จะพาไปสู่ความสําเร็จ ความผิด คือ สิ่งที่เป็นอุปสรรค ความยุติธรรม/ศีลธรรมเป็นเรื่องของความพอใจ/ถูกใจ ดังนั้นศีลธรรม/ความยุติธรรม/ความดีจึงเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องแสวงหา และต้องเป็นสิ่งที่ได้รับเมื่อกระทําไปแล้ว

60 นักปรัชญาคนใดถือว่าศีลธรรมกับความสุขเป็นเรื่องเดียวกัน

(1) โซฟิสต์

(2) เวสเตอร์มาร์ค

(3) มิลล์

(4) คานท์

ตอบ 3 หน้า 165, 168 มิลล์ (Mitt) เป็นนักประโยชน์นิยมที่ถือว่าศีลธรรมกับความสุขเป็นเรื่องเดียวกันความสุขของมหาชนเป็นสิ่งสําคัญที่สุด การละเมิดหลักศีลธรรม/ประเพณีหรือกฎหมายย่อม สามารถทําได้ถ้าเราคํานวณแล้วพบว่าการกระทํานั้นก่อให้เกิดประโยชน์สุขมากกว่า เช่น หมออาจโกหกคนไข้ได้ เพื่อไม่ให้คนไข้ตกใจจนหัวใจวายตาย ฯลฯ

61 นักปรัชญาคนใดถือว่าคนดีไม่จําเป็นต้องมีความสุข

(1) โซฟิสต์

(2) เวสเตอร์มาร์ค

(3) มิลล์

(4) คานท์

ตอบ 4 หน้า 169 คานท์ (Kant) เห็นว่าความสุขไม่ใช่สิ่งดีที่สุดในชีวิต ดังนั้นความสุขจะเป็นเครื่องมือในการตัดสินศีลธรรมไม่ได้ แต่ศีลธรรมนั้นเป็นสิ่งที่มีค่าในตัวมันเอง เช่นเดียวกันกับคนดีก็คือคนทําสิ่งที่ดีโดยไม่หวังผลตอบแทน และคนดีก็ไม่จําเป็นต้องสุขสบายหรือทําให้ผู้อื่นมีความสุข

62 “ชั่วเจ็ดที ดีเจ็ดหน” เป็นสุภาษิตเตือนใจที่เข้ากับหลักธรรมข้อใด

(1) ขันติ

(2) โสรัจจะ

(3) สัจจะ

(4) อิทธิบาท 4

ตอบ 1 หน้า 189 – 191 ขันติ หมายถึง ความอดทนซึ่งเป็นหลักธรรมที่แสดงถึงความเข้มแข็งของจิตใจสามารถทนทานต่อเหตุร้ายต่าง ๆ ได้ และสามารถบังคับกายกับวาจาให้อยู่ในอํานาจได้ด้วย เช่น ความอดทนต่อความทุกข์เพื่อให้ได้มาซึ่งความสุข, ความอดทนต่อความลําบากเพื่อให้ได้มา ซึ่งความสบาย ความอดทนต่อความเจ็บใจตัวเองเพื่อให้คนในสังคมมีความสุข, ความอดทนต่อสิ่งที่กวนใจเพื่อให้ได้มาซึ่งความเป็นคนดี เป็นต้น

63 “ขุดด้วยปาก ถากด้วยตา” เป็นคนชนิดใด

(1) มีโสรัจจะ แต่ขาดสัจจะ

(2) มีโสรัจจะ แต่ขาดขันติ

(3) ขาดโสรัจจะและสัจจะ

(4) ขาดโสรัจจะและขันติ

ตอบ 4 หน้า 192 193 โสรัจจะ หมายถึง ความสงบเสงี่ยมซึ่งมีลักษณะเป็นความมีปกติอันดีของกาย วาจา และใจ ไม่แสดงอาการไม่ดีหรือไม่งามผิดปกติ เมื่อได้รับความตรากตรําลําบากหรือได้รับความเจ็บใจ โดยโสรัจจะเป็นธรรมคู่กับขันติ (ความอดทน)

64 “ปากปราศรัย น้ำใจเชือดคอ” เป็นคนชนิดใด

(1) มีโสรัจจะ แต่ขาดสัจจะ

(2) มีโสรัจจะ แต่ขาดขันติ

(3) ขาดโสรัจจะและสัจจะ

(4) ขาดโสรัจจะและขันติ

ตอบ 1 หน้า 194, (ดูคําอธิบายข้อ 63. ประกอบ) สัจจะ หมายถึง ความจริงใจซึ่งเป็นลักษณะของความซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา ทั้งต่อบุคคล กาลเวลา และหน้าที่การงาน ทั้งต่อหน้าและลับหลัง

65 หลักธรรมที่แสดงถึงความเข้มแข็งของกายและใจ คืออะไร

(1) ขันติ

(2) โสรัจจะ

(3) สัจจะ

(4) วุฒิธรรม

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 62 ประกอบ

66 หลักธรรมที่แสดงถึงความปกติอันดีของกาย วาจา ใจ คืออะไร

(1) ขันติ

(2) โสรัจจะ

(3) สัจจะ

(4) วุฒิธรรม

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 63 ประกอบ

67 หลักธรรมที่นําไปสู่ความงอกงามของปัญญา คืออะไร

(1) ขันติ

(2) โสรัจจะ

(3) สัจจะ

(4) วุฒิธรรม

ตอบ 4 หน้า 207 หลักวุฒิธรรม คือ หลักการสร้างความเจริญงอกงามแห่งปัญญา ซึ่งมีข้อพึงปฏิบัติ 4 ประการ คือ

1 หมั่นเสวนาคบหากับท่านผู้รู้ ผู้มีภูมิธรรม

2 เอาใจใส่สดับตรับฟังแสวงหาความรู้จริง

3 ได้รู้ได้เห็นได้ฟังสิ่งใดแล้ว รู้จักคิดพิจารณาด้วยตนเอง

4 นําสิ่งที่ได้เล่าเรียน รับฟัง และตริตรองแล้วไปใช้หรือปฏิบัติด้วยตนเอง

68 “เสียงเท่าฟ้า หน้าเท่ากลอง” เป็นคนขาดหลักสัปปุริสธรรมข้อใด

(1) ความเป็นผู้รู้จักเหตุ

(2) ความเป็นผู้รู้จักผล

(3) ความเป็นผู้รู้จักประมาณ

(4) ความเป็นผู้รู้จักตน

ตอบ 3 หน้า 198 ความเป็นผู้รู้จักประมาณ หมายถึง ความรู้จักกําหนดคาดคะเนได้อย่างเหมาะสมพอเหมาะพอควรและพอดีในทุกเรื่อง ซึ่งผู้ที่ขาดหลักธรรมข้อนี้จะมีลักษณะตามสุภาษิตที่ว่า“เสียงเท่าฟ้า หน้าเท่ากลอง” หมายถึง เสียงดังมาก (ดังเกินไป ไม่พอดี)

69 “ใฝ่สูงจนเกินศักดิ์” เป็นคนขาดหลักสัปปุริสธรรมข้อใด

(1) ความเป็นผู้รู้จักเหตุ

(2) ความเป็นผู้รู้จักผล

(3) ความเป็นผู้รู้จักประมาณ

(4) ความเป็นผู้รู้จักตน

ตอบ 4 หน้า 197 198 ความเป็นผู้รู้จักตน หมายถึง ความพิจารณาตนเองให้เข้าใจว่าตนเป็นจุดกําเนิดของทุกข์ สุข ความเสื่อม และความเจริญ ซึ่งการรู้จักตนเองนั้นต้องรู้ถึงชาติตระกูล วัย ฐานะ ตําแหน่ง สมบัติ บริวาร หน้าที่ และความรับผิดชอบของตนเอง

70 “ไม่ดูตาม้าตาเรือ” เป็นคนขาดหลักสัปปุริสธรรมข้อใด

(1) ความเป็นผู้รู้จักกาล

(2) ความเป็นผู้รู้จักชุมชน

(3) ความเป็นผู้รู้จักเลือกบุคคล

(4) ความเป็นผู้รู้จักผล

ตอบ 2 หน้า 199 – 200 ความเป็นผู้รู้จักขุมชน หมายถึง การรู้จักปรับปรุงตนเองให้เข้ากับสังคมหรือชุมชนต่าง ๆ และวางตนให้เหมาะสมกับสังคมนั้นได้อย่างถูกต้อง ซึ่งจะสอดคล้องกับ สุภาษิตที่ว่า “เข้าเมืองตาหลิว ต้องหลิ่วตาตาม” ส่วนคนที่ขาดหลักธรรมข้อนี้จะมีลักษณะตามสุภาษิตที่ว่า “ไม่ดูตาม้าตาเรือ” หรือ “ไม่รู้จักเสือเอาเรือเข้ามาจอด ไม่รู้จักมอดเอาไม้เข้ามาวาง”

71 “ไม่รู้จักเสือเอาเรือเข้ามาจอด ไม่รู้จักมอดเอาไม้เข้ามาวาง” เป็นคนขาดหลักสัปปุริสธรรมข้อใด

(1) ความเป็นผู้รู้จักกาล

(2) ความเป็นผู้รู้จักชุมชน

(3) ความเป็นผู้รู้จักเลือกบุคคล

(4) ความเป็นผู้รู้จักผล

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 70 ประกอบ

72 “การพยายามทํางานของตน” ตรงกับหลักธรรมข้อใดของอิทธิบาท 4

(1) ฉันทะ

(2) วิริยะ

(3) จิตตะ

(4) วิมังสา

ตอบ 2 หน้า 201 – 203 อิทธิบาท 4 คือ คุณธรรมที่นําไปสู่ความสําเร็จ 4 ประการ ดังนี้

1 ฉันทะ (ความพอใจรักใคร่ในสิ่งนั้น) ทําให้ไม่เบื่องาน ไม่รู้สึกท้อแท้ในการทํางาน

2 วิริยะ (ความเพียรพยายามในสิ่งนั้น) ทําให้มุ่งมั่นในการทํางานของตนให้สําเร็จ

3 จิตตะ (ความเอาใจใส่ในสิ่งนั้น) ทําให้หมั่นตรวจตราเอาใจจดจ่อในงานที่ตนทํา

4 วิมังสา (ความหมั่นตริตรองพิจารณาหาเหตุผลในสิ่งนั้น) ช่วยให้ทํางานไม่ผิดพลาด

73 “ความรู้สึกไม่เบื่องาน ไม่รู้สึกท้อแท้ในการงาน” มีผลจากหลักธรรมข้อใดของอิทธิบาท 4

(1) ฉันทะ

(2) วิริยะ

(3) จิตตะ

(4) วิมังสา

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 72 ประกอบ

74 สิ่งที่รัฐต้องสนับสนุนให้เกิดกับประชาชนคืออะไรในทัศนะของเพลโต

(1) ความร่ำรวย

(2) ความปลอดภัย

(3) ความยุติธรรม

(4) การพัฒนาตนให้สมบูรณ์

ตอบ 3 หน้า 247, 270 เพลโต เห็นว่า จิตของมนุษย์มี 3 ประเภท หากสังคมใดสามารถกําหนดให้มนุษย์ทําหน้าที่ที่เหมาะสมกับจิตของตนเองแล้ว เมื่อนั้นความยุติธรรมก็จะปรากฏขึ้น ในสังคม และสังคมดังกล่าวย่อมเป็นสังคมที่ดีที่สุดสําหรับชีวิตที่ดีที่สุดของมนุษย์ผู้จําเป็นต้องอยู่ในสังคม ดังนั้นสิ่งที่รัฐต้องสนับสนุนให้เกิดกับประชาชนคือความยุติธรรม

75 สิ่งที่รัฐต้องสนับสนุนให้เกิดกับประชาชนคืออะไรในทัศนะของ Aristotle

(1) ความร่ำรวย

(2) ความปลอดภัย

(3) ความยุติธรรม

(4) การพัฒนาตนให้สมบูรณ์

ตอบ 4 หน้า 248 249 อริสโตเติล เห็นว่า สังคมและรัฐที่ดี คือสังคมและรัฐที่สามารถทําให้มนุษย์มีชีวิตที่ดี ซึ่งมี 2 รูปแบบ คือ

1 ช่วยพัฒนาชีวิตให้มีเหตุผล คือ ชีวิตที่สามารถ ประพฤติปฏิบัติตนได้อย่างเหมาะสมมีคุณธรรมทางศีลธรรม

2 ช่วยพัฒนาให้ใช้ชีวิต ที่ตริตรองถึงสัจจะได้ คือ การใช้ชีวิตเพื่อแสวงหาสัจจะหรือที่เรียกว่า คุณธรรมทางปัญญา ดังนั้นสิ่งที่รัฐต้องสนับสนุนให้เกิดกับประชาชนคือการพัฒนาตนให้สมบูรณ์

76 ท่าทีของประชาชนต่อรัฐควรจะเป็นอย่างไรในทัศนะของล็อค

(1) ยอมปฏิบัติตามคําสั่งของรัฐอย่างเต็มที่

(2) คอยจับตาดูว่ารัฐทําหน้าที่เหมาะสมหรือไม่

(3) ควบคุมให้คนฉลาดได้เป็นผู้ปกครอง

(4) ต้องต่อต้านรัฐที่กดขี่ขูดรีด

ตอบ 2 หน้า 255 ล็อค เห็นว่า อํานาจการปกครองสูงสุดแท้จริงแล้วเป็นของประชาชน ดังนั้นถ้าความไว้วางใจหมดสิ้นไปเนื่องจากรัฐไม่ป้องกันสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ประชาชน ย่อมมีสิทธิที่จะโอนอํานาจนั้นให้คนที่เหมาะสมต่อไป นอกจากนี้ล็อคยังคัดค้านทฤษฎีเทวสิทธิ์ ซึ่งอ้างว่าพระเจ้าได้มอบอํานาจสูงสุดในการปกครองประเทศให้กับกษัตริย์

77 คุณสมบัติที่สมาชิกของรัฐควรมีคืออะไรในทัศนะของรุสโซ

(1) ความจงรักภักดี

(2) การเชื่อฟัง

(3) การคํานึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวม

(4) ความใสซื่อตามสัญชาตญาณ

ตอบ 3 หน้า 256 257 ในทัศนะของรุสโซนั้น อํานาจอธิปไตยเป็นของประชาชนทุกคนเพราะสังคมเกิดจากเจตจํานงร่วม (General Will) ของมนุษย์ ดังนั้นผู้ปกครองกับพลเมืองก็คือ คน ๆ เดียวกัน แต่มองคนละด้านเท่านั้น เมื่อสังคมเกิดเป็นองค์กรร่วมหรือเป็นเอกภาพ เจตจํานงเพื่อผลประโยชน์ของแต่ละคนต้องหมดไป เหลือแต่เจตจํานงทั่วไปอันเป็นเจตจํานงเพื่อผลประโยชน์ของส่วนรวมเท่านั้น

78 สังคมที่มีคุณค่าในทัศนะของ Godwin มีลักษณะอย่างไร

(1) มีแต่ความรักและความเข้าใจ

(2) ปกป้องผลประโยชน์ของส่วนรวม

(3) ไม่มีการขูดรีดกดขี่

(4) สามารถให้ความปลอดภัย

ตอบ 1 หน้า 260 ก๊อดวิน (Godwin) นักคิดในกลุ่มอนาธิปไตย เห็นว่า สังคมที่ดีที่สุดควรเป็นสังคมที่ไร้รัฐและได้องค์กรใด ๆ ทั้งสิ้น และปล่อยให้แต่ละคนร่วมมือกันจากความรู้สึกเป็นเพื่อนจากความรักและจากความเข้าใจที่เกิดขึ้นเองโดยไม่มีการบังคับ

79 สังคมที่มีคุณค่าในทัศนะของมาร์กซ์ มีลักษณะอย่างไร

(1) มีแต่ความรักและความเข้าใจ

(2) ปกป้องผลประโยชน์ของส่วนรวม

(3) ไม่มีการขูดรีดกดขี่

(4) สามารถให้ความปลอดภัย

ตอบ 3 หน้า 259 สังคมในอุดมคติของมาร์กซ์ คือ สังคมที่ไม่มีชนชั้น ไม่มีการขูดรีดกดขี่ เพราะพื้นฐานการผลิตเป็นแบบคอมมูน กล่าวคือ ไม่มีใครเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิต หรือปัจจัย การผลิตเป็นของส่วนรวมเท่านั้น และรัฐเป็นสิ่งที่ไม่จําเป็นเลยสําหรับสังคม เพราะสมาชิกของสังคมสามารถปกครองดูแลตนเองและควบคุมความประพฤติของตนเองได้

80 โดยทั่วไปทัศนะเกี่ยวกับเป้าหมายของการศึกษาของนักปรัชญา สัมพันธ์กับเรื่องใด

(1) ทัศนะทางอภิปรัชญา

(2) ทัศนะทางญาณวิทยา

(3) ทัศนะทางศาสนา

(4) ทัศนะทางด้านรัฐ

ตอบ 1, 2 หน้า 266 เป้าหมายของการศึกษาหรือผลที่พึงประสงค์ของการศึกษา คือ การพยายามตอบคําถามที่ว่า เป้าหมายที่ต้องการให้เกิดกับผู้เรียนนั้นควรเป็นอย่างไร และมีความเหมาะสม หรือไม่ โดยคําตอบของคําถามเหล่านี้จะเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กับทัศนะความเชื่อของนักปรัชญาทางด้านอภิปรัชญาและญาณวิทยาเป็นอย่างมาก

81 ทัศนะเกี่ยวกับเป้าหมายของการศึกษาของเพลโต สัมพันธ์กับเรื่องใดมากที่สุด

(1) ทัศนะทางอภิปรัชญา

(2) ทัศนะทางญาณวิทยา

(3) ทัศนะทางศาสนา

(4) ทัศนะทางด้านรัฐ

ตอบ 4 หน้า 269 เพลโตเป็นคนแรกที่กล่าวถึงทฤษฎีการศึกษาอย่างจริงจัง โดยเขาเห็นว่าการศึกษาเป็นวิธีที่จะนําไปสู่ความยุติธรรม คือการที่รัฐสามารถจัดให้คนในรัฐได้ทําหน้าที่ตา ความเหมาะสมกับความสามารถของตนเอง ดังนั้นเป้าหมายการศึกษาของเพลโตจึงสอดคล้อง และสัมพันธ์กับทัศนะทางการเมืองหรือทัศนะทางด้านรัฐมากที่สุด

82 ทัศนะเกี่ยวกับเป้าหมายของการศึกษาของ ST. Augustine สัมพันธ์กับเรื่องใดมากที่สุด

(1) ทัศนะทางอภิปรัชญา

(2) ทัศนะทางญาณวิทยา

(3) ทัศนะทางศาสนา

(4) ทัศนะทางด้านรัฐ

ตอบ 3 หน้า 272, 283 เป้าหมายการศึกษาของเซนต์ ออกัสติน (St. Augustine) จะสัมพันธ์กับทัศนะทางศาสนามากที่สุด กล่าวคือ เขาเห็นว่าจุดมุ่งหมายของการศึกษาก็คือ การกลับใจ (Conversion) ไปรักพระเจ้า และการสํานึกในบาป (Repentance) ของตนเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่จะทําให้มนุษย์พบกับความสุขที่แท้จริงได้

83 นักปรัชญาแรก ๆ ที่ทําหน้าที่ทางการศึกษาด้านค้นคว้าองค์ความรู้คือใคร

(1) นักปรัชญายุคก่อนโซฟิสต์

(2) ยุคโซฟิสต์

(3) โซเครตีส

(4) ยุคหลังอริสโตเติล

ตอบ 1 หน้า 267 แม้นักปรัชญายุคก่อนโซฟิสต์จะไม่ได้แสดงทัศนะเกี่ยวกับเป้าหมายของการศึกษาเอาไว้อย่างชัดเจน แต่ก็ถือได้ว่านักปรัชญากลุ่มนี้เป็นพวกแรกที่ทําการค้นคว้าเกี่ยวกับ องค์ความรู้นั่นคือ การค้นคว้าเพิ่มเติมเพื่อแก้ไขความเชื่อของมนุษย์ในยุคก่อนให้ดียิ่งขึ้นและมีเหตุผลยิ่งขึ้น

84 นักปรัชญากลุ่มแรกที่จัดว่าเป็นนักปรัชญาการศึกษาคือใคร

(1) นักปรัชญายุคก่อนโซฟิสต์

(2) ยุคโซฟิสต์

(3) โซเครตีส

(4) ยุคหลังอริสโตเติล

ตอบ 2 หน้า 268 โซฟิสต์ (Sophists) เป็นนักปรัชญาการศึกษากลุ่มแรกที่กล่าวถึงจุดมุ่งหมายของการศึกษาไว้ว่า การศึกษาควรมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่ช่วยให้ผู้เรียนได้รับความสําเร็จในชีวิต และสามารถได้รับผลประโยชน์ตอบแทน มิใช่เป็นเพียงการถ่ายทอดวัฒนธรรมเท่านั้นโดยวิชาที่กลุ่มโซฟิสต์ส่งเสริมให้เรียน ก็คือ ศิลปะการพูดในที่ชุมชนหรือวาทศิลป์

85 นักปรัชญาคนใดที่ไม่ศึกษา การรู้ความจริงเป็นหัวใจของการศึกษา

(1) นักปรัชญายุคก่อนโฟิสต์

(2) ยุคโซฟิสต์

(3) โซเครตีส

(4) ยุคหลังอริสโตเติล

ตอบ 3 หน้า 268 269 โซเครตีส (Socrates) มีทัศนะว่า การศึกษามิใช่กระบวนการที่มีจุดมุ่งหมายเพียงเพื่อการแสวงหาผลประโยชน์และความสําเร็จเฉพาะตนเท่านั้น แต่การศึกษา ต้องมีจุดมุ่งหมายเพื่อการค้นพบสัจธรรมหรือความจริงเกี่ยวกับคุณธรรม โดยวิธีการศึกษาที่จะนำไปสู่การค้นพบดังกล่าวได้ก็คือ การสนทนาถกเถียง และการซักถาม

86 นักปรัชญาคนดที่ยึดหลักการว่า เป้าหมายของการศึกษาคือคุณธรรม

(1) นักปรัชญายุคก่อนโซฟิสต์

(2) ยุคโซฟิสต์

(3) โซเครตีส

(4) ยุคหลังอริสโตเติล

ตอบ 3 ดูค่าอธิบายข้อ 85 ประกอบ

87 ข้อใดเป็นวิธีการศึกษาในระดับเริ่มแรกตามแนวคิดของรุสโซ

(1) การเรียนรู้ด้วยประสบการณ์ตรง

(2) การใช้การสนทนาถกเถียงเพื่อขจัดความสับสนทางความคิด

(3) การมีศรัทธาอย่างสุดจิตใจ

(4) การใช้เหตุผลพิสูจน์ความศรัทธา

ตอบ 1 หน้า 275 รุสโซ เห็นว่า การศึกษาในขั้นเริ่มแรกสําหรับเด็กเล็ก ๆ คือ การเปิดโอกาสให้เด็กได้มีประสบการณ์เป็นของตัวเอง หรือเปิดโอกาสให้เด็กได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของตนเอง มิใช่การเรียนรู้โดยการอ่านหนังสือ ยกเว้นหนังสืออย่างเรื่องการผจญภัยของโรบินสัน ครูโซ ซึ่งเป็นหนังสือที่เน้นถึงประสบการณ์และการแก้ปัญหาด้วยตัวเองของโรบินสัน ครูโซ

88 ข้อใดเป็นวิธีการศึกษา ในระดับก้าวหน้าของ ST. Augustine

(1) การใช้ประสบการณ์ตรงทําความรู้จักสิ่งแวดล้อม

(2) การใช้การสนทนาถกเถียงเพื่อขจัดความสับสนทางความคิด

(3) การมีศรัทธาอย่างสุดจิตใจ

(4) การใช้เหตุผลพิสูจน์ความศรัทธา

ตอบ 4 หน้า 273 เซนต์ ออกัสติน ได้แบ่งการศึกษาออกเป็น 2 ระดับ คือ

1 ระดับเริ่มแรก ซึ่งเป็นการศึกษาที่อ่านจากคัมภีร์ไบเบิ้ลเป็นหลัก มีลักษณะเข้มงวดและบังคับให้เชื่อโดยยังไม่ใช้เหตุผล

2 ระดับก้าวหน้า ซึ่งเป็นการศึกษาที่มีลักษณะของการใช้เหตุผลและพิสูจน์ให้เห็นจริงด้วยตนเองว่าทําไมความเชื่อและศรัทธาในขั้นเริ่มแรกจึงถูกต้อง

89 ข้อใดคือหลักการจัดการศึกษาของเพลโต

(1) จัดให้ลูกคนมีฐานะเท่านั้น

(2) จัดให้เฉพาะลูกผู้ดีมีตระกูล

(3) จัดให้กับลูกกรรมกรเท่านั้น

(4) จัดให้กับคนทุกคนอย่างทั่วถึง

ตอบ 4 หน้า 270, (คําบรรยาย) เพลโต (Plato) เห็นว่า การศึกษามีจุดมุ่งหมายที่จะก่อให้เกิดความยุติธรรมขึ้นในสังคมด้วยการปฏิรูปคนและการปฏิรูปรัฐ โดยรัฐต้องจัดการศึกษาแบบทั่วถึง กล่าวคือ เป็นการศึกษาที่สามารถให้กับทุกคนในสังคมและเป็นการศึกษาภาคบังคับ เพื่อให้ เด็กทุกคนมีโอกาสศึกษาเพื่อทดสอบความสามารถของตนเอง ก่อนที่เขาจะไปปฏิบัติหน้าที่ตามความเหมาะสมของตนให้กับรัฐและสังคม

90 คนที่เป็นผู้ปกครองควรเรียนวิชาใดจนสําเร็จ ในทัศนะของเพลโต

(1) วิชาเศรษฐศาสตร์

(2) วิชาทหาร

(3) วิชาพลศึกษา

(4) วิชาอภิปรัชญา

ตอบ 4 หน้า 246, 270 บุคคลที่เหมาะสมที่สุดและดีที่สุดสําหรับการเป็นผู้ปกครองในทัศนะของเพลโตคือ ราชาปราชญ์ ซึ่งบุคคลกลุ่มนี้ควรจะเรียนวิชาอภิปรัชญาจนสําเร็จ

91 หากจําเป็นต้องอ่านหนังสือ ควรอ่านเรื่องอะไรในทัศนะของรุสโซ

(1) อ่านเรื่องการผจญภัยของโรบินสัน ครูโซ

(2) อ่านคัมภีร์ไบเบิล

(3) เรียนพลศึกษา

(4) เรียนอภิปรัชญา

ตอบ 1 หน้า 275 รุสโซ เห็นว่า การศึกษาในขั้นเริ่มแรกสําหรับเด็กก็คือ การเปิดโอกาสให้เด็กมีประสบการณ์หรือได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของตนเอง มิใช่การเรียนรู้โดยการอ่านหนังสือ ยกเว้นการอ่านหนังสือเรื่องการผจญภัยของโรบินสัน ครูโซ ซึ่งเป็นหนังสือที่เน้นถึงประสบการณ์และการแก้ปัญหาด้วยตนเอง

92 สิ่งที่แสดงความสําเร็จของการศึกษาในทัศนะของรุสโซ คืออะไร

(1) การเป็นตัวของตัวเอง

(2) การรู้จักแก้ปัญหา

(3) การมีคุณธรรมทางสังคม

(4) การเข้าใจอุดมการณ์ของรัฐ

ตอบ 3 หน้า 275 276 การศึกษาในขั้นสุดท้ายหรือระดับก้าวหน้าของรุสโซ คือ การพัฒนาตัวเองของผู้เรียนให้รู้จักหน้าที่ของตนต่อบุคคลอื่น ๆ และจะทิ้งความเป็นปัจเจกบุคคลให้หมดสิ้นไป เหลือแต่สังคมซึ่งเป็นองค์กรรวมหรือเป็นสิ่งทั้งหมด โดยมุ่งเน้นที่การมีคุณธรรมทางสังคม

93 สิ่งที่แสดงความสําเร็จของการศึกษาในทัศนะของลัทธิปฏิบัตินิยม คืออะไร

(1) การเป็นตัวของตัวเอง

(2) การรู้จักแก้ปัญหา

(3) การมีคุณธรรมทางสังคม

(4) การเข้าใจอุดมการณ์ของรัฐ

ตอบ 2 หน้า 277 – 278 ลัทธิปฏิบัตินิยม เป็นปรัชญาที่ยึดถือในประสิทธิภาพทางการปฏิบัติหรือผลทางการปฏิบัติเป็นมาตรฐานสําหรับวัดความถูกต้อง ซึ่งมีเป้าหมายของการศึกษา คือ การสร้างให้ผู้เรียนเป็นผู้พร้อมจะแก้ปัญหาของตนด้วยตนเอง ดังนั้นในการศึกษาจะต้องมีการทดลองปฏิบัติ มิใช่มุ่งที่การเรียนรู้ทางทฤษฎีเท่านั้น

94 ผู้ที่มีความเห็นว่าคนขาพิการ แต่อยากเป็นนักฟุตบอลเป็นคนไม่มีเสรีภาพเพราะเหตุใด

(1) เพราะไม่มีวันสมปรารถนาเนื่องจากไม่มีขา

(2) เพราะเป็นแค่การจินตนาการและความเพ้อเจ้อ

(3) เพราะไม่สามารถเลือกอย่างอื่นได้

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 1 หน้า 317 เสรีภาพ หมายถึง การไม่มีอุปสรรคกีดขวางความปรารถนาของบุคคล โดยนักคิดหลายคนเห็นว่าสิ่งสุดวิสัยตามธรรมชาติก็จัดว่าเป็นอุปสรรคของเสรีภาพเช่นเดียวกัน เพราะสิ่งสุดวิสัยเหล่านี้ทําให้บุคคลไม่มีวันสมหวังในสิ่งที่เขาปรารถนาอย่างแน่นอน เช่น บุคคลไม่สามารถบินได้อย่างนกหรือว่ายน้ำได้อย่างปลาเพราะมนุษย์ไม่ใช่นกและปลา เป็นต้น

95 ถ้าไม่มีการควบคุมการใช้เสรีภาพ จะเกิดสิ่งใดขึ้น

(1) คนน้อยคนที่ไม่มีเสรีภาพ

(2) คนน้อยคนที่มีเสรีภาพ

(3) คนทุกคนอาจไม่มีเสรีภาพในที่สุด

(4) คนทุกคนมีเสรีภาพเท่ากัน

ตอบ 2 หน้า 320 321 การใช้เสรีภาพอย่างไร้ขอบเขตจะทําให้เกิดการใช้เสรีภาพรุกรานและทําร้ายซึ่งกันและกัน และเมื่อนั้นเสรีภาพก็จะกลายเป็นเรื่องของผู้ที่แข็งแรงหรือผู้ที่มีอํานาจมากกว่า ซึ่งเป็นคนส่วนน้อยในสังคม ในขณะที่คนอ่อนแอหรือผู้ที่มีอํานาจน้อยกว่าซึ่งเป็นคนส่วนมากในสังคมก็จะกลายเป็นผู้ไร้เสรีภาพใด ๆ ทั้งสิ้น

96 เหตุใดจึงสมควรสนับสนุนเสรีภาพ

(1) ความสมปรารถนาทําให้คนมีความสุข

(2) การรู้จักตัดสินใจด้วยตนเองทําให้มีการพัฒนาตน

(3) ทําให้คนกล้าทําจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงง่ายขึ้น

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 316, 319 320 การมีเสรีภาพนั้นจะก่อให้เกิดผลดีต่อผู้ใช้เสรีภาพ เช่น ทําให้คนมีโอกาสที่จะสมหวังในสิ่งที่ตนปรารถนาซึ่งจะทําให้บุคคลนั้นรู้สึกมีความสุขไปด้วย ทําให้คนรู้จักตัดสินใจด้วยตนเองและมีการพัฒนาตน, ทําให้คนกล้าคิดกล้าทํามากขึ้นจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงง่ายขึ้น เป็นต้น

97 ตามหลักการควบคุมเสรีภาพด้วยความหวังดี เปรียบรัฐกับบทบาทใด (1) บิดา – มารดา

(2) ครูบาอาจารย์

(3) พระในศาสนา

(4) กรมประชาสงเคราะห์

ตอบ 1 หน้า 325 – 327 หลักการควบคุมการใช้เสรีภาพของบุคคลเพื่อป้องกันผลร้ายต่อตัวเองหรือหลักการควบคุมเสรีภาพด้วยความหวังดีนั้น เปรียบได้กับความสัมพันธ์ระหว่างบิดามารดาและบุตร ซึ่งหลักการนี้จะสนับสนุนให้รัฐทําหน้าที่ดุจบิดามารดา โดยเข้าไปควบคุมการใช้ เสรีภาพของบุคคลในบางกรณีเพื่อป้องกันมิให้บุคคลกระทําในสิ่งที่อาจเกิดผลร้ายต่อตนเอง

98 คุณลักษณะของมนุษย์ตามหลักการแบ่งปันผลประโยชน์ตามความเหมาะสม คืออะไร

(1) ความรู้กับความดี

(2) ทักษะกับความพยายาม

(3) ความพยายามกับแรงงาน

(4) ความสามารถกับความดี

ตอบ 4 หน้า 334 335 หลักการแบ่งปันผลประโยชน์ตามความเหมาะสมของบุคคลนั้นจะพิจารณาจากลักษณะของบุคคล 2 ประการดังนี้

1 ความสามารถ เป็นการแบ่งปันผลประโยชน์ตามความสามารถของแต่ละคน ซึ่งความสามารถบางอย่างเป็นสิ่งที่ติดตัวมาแต่กําเนิด ไม่มีโอกาสที่จะเลือกได้ หรือไม่สามารถที่จะพัฒนาขึ้นมาเองได้

2 คุณธรรม เป็นการเบ่งปันผลประโยชน์ที่ยุติธรรมตามความดีของบุคคล

99 หลักการใดถือว่ามนุษย์มีความเท่าเทียมกัน

(1) หลักการแบ่งปันแบบเท่าเทียมกันอย่างสมบูรณ์

(2) หลักการแบ่งปันตามความเหมาะสม

(3) หลักการแบ่งปันตามแรงงาน

(4) หลักการแบ่งปันตามความพากเพียร

ตอบ 1 หน้า 332 – 334 หลักการแบ่งปันผลประโยชน์ที่เท่าเทียมกันอย่างสมบูรณ์ เห็นว่า มนุษย์ทุกคนมีความเท่าเทียมกันคือการเป็นมนุษย์เหมือนกัน ดังนั้นการแบ่งปันผลประโยชน์จึงจะต้องแบ่ง ให้กับมนุษย์ทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน โดยไม่ต้องคํานึงถึงความสามารถ อายุ เพศ ความมานะ พยายามหรือความเหมาะสมใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งหลักการนี้ย่อมไม่เป็นธรรมต่อผู้ที่สร้างความร่ำรวยให้กับสังคม เพราะในที่สุดความร่ำรวยที่เขาสร้างขึ้นก็จะถูกฉกไปแบ่งปันให้กับคนอื่น ๆ

100 หลักการใดไม่ยุติธรรมกับคนขยัน

(1) หลักการแบ่งปันแบบเท่าเทียมกันอย่างสมบูรณ์

(2) หลักการแบ่งปันตามความเหมาะสม

(3) หลักการแบ่งปันตามแรงงาน

(4) หลักการแบ่งปันตามความพากเพียร

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 99 ประกอบ

PHI1001 วัฒนธรรมและศาสนา 1/2561

การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2561

ข้อสอบกระบวนวิชา PHI 1001 วัฒนธรรมและศาสนา

คําสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคําตอบเดียว (ข้อสอบมีทั้งหมด 100 ข้อ)

1 วัฒนธรรม คือ

(1) สิ่งที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้นและสังคมยอมรับว่าดีมีประโยชน์

(2) วิถีชีวิตที่ดําเนินสืบต่อกันมา

(3) เป็นมรดกของสังคมซึ่งแสดงถึงความเจริญ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 8 – 10, (คําบรรยาย) วัฒนธรรม หมายถึง ทุกสิ่งทุกอย่างที่มนุษย์ที่อยู่รวมกันในรูปขององค์กรทางสังคมสร้างสรรค์ขึ้นและสังคมยอมรับว่าดีมีประโยชน์ หรือหมายถึง วิถีชีวิตที่ดําเนิน สืบต่อกันมา เป็นมรดกของสังคมซึ่งแสดงถึงความเจริญ หรือการกระทําใด ๆ ของมนุษย์ในส่วนรวม ถ่ายทอดกันได้ เอาอย่างกันได้ เช่น การนอนอาบแดด การจัดปาร์ตี้ (Party) การสวดมนต์ข้ามปี การปล่อยโคมลอย การผลิตยารักษาโรค อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ฯลฯ แต่วัฒนธรรมจะ ไม่รวมถึงสิ่งที่สังคมไม่ยอมรับ เห็นว่าเป็นสิ่งไม่ดี รวมทั้งพฤติกรรมที่เกิดจากสัญชาตญาณหรือ พฤติกรรมตามธรรมชาติ (สัตว์และพืช) หรือสิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่น คนตาย ข้าวเปลือก อินทผลัม เสือดํา อูฐ วัว ควาย คลื่นยักษ์ แผ่นดินเหว หาดทราย-สายลม ภูเขา เกาะ ทะเลทราย แม่น้ำ ถ้ำ ฯลฯ

2 ข้อใดเป็นวัฒนธรรม

(1) Full Moon

(2) Party

(3) Free Sex

(4) Take Drug

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 1 ประกอบ

3 ข้อใดเป็นวัฒนธรรม

(1) หาดทราย สายลม

(2) นอนอาบแดด

(3) คลื่นยักษ์

(4) ภูเขา เกาะ

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 1 ประกอบ

4 ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของวัฒนธรรม

(1) สร้างสรรค์ขึ้นใหม่ได้

(2) ปรับปรุงพัฒนาได้

(3) คงที่ไม่เปลี่ยนแปลง

(4) เลิกร้างได้

ตอบ 3 หน้า 15 วัฒนธรรม มีลักษณะเฉพาะคือ ไม่อยู่นิ่ง ไม่คงที่ มีการเปลี่ยนแปลง ปรับปรุง เลิกร้างและสร้างสรรค์ขึ้นใหม่ได้ โดยสามารถผสมผสาน เลียนแบบ และถ่ายทอดสืบต่อหรือรับช่วงรวมทั้งมีการเผยแพร่และแลกเปลี่ยนจากแหล่งกําเนิด

5 ข้อใดไม่ใช่ความสําคัญของวัฒนธรรม

(1) แสดงถึงความเจริญของชาติ

(2) ดํารงเชื้อชาติ

(3) รักษาแผ่นดิน

(4) เป็นเอกลักษณ์ประจําชาติ

ตอบ 3 หน้า 12, 14, (คําบรรยาย) วัฒนธรรมมีความสําคัญอย่างยิ่งต่อการดํารงอยู่ของเชื้อชาติ โดยจะเป็นกระจกเงาที่ส่องความเป็นมาของชนชาตินั้น ๆ อีกทั้งยังแสดงถึงความเจริญของชาติด้วย ซึ่งชาติที่มีความเจริญทางวัฒนธรรมนั้นจะมีลักษณะประจําชาติแอบแฝงอยู่ อันถือเป็นเอกลักษณ์ ประจําชาติที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน ซึ่งบางครั้งพบว่าวัฒนธรรมของสังคมหนึ่งอาจ ไม่เป็นวัฒนธรรมของสังคมอื่น เช่น การกินเนื้อสุนัข การกินเนื้อวัว การกินหมาก เป็นต้น

 

6 วัฒนธรรมของสังคมหนึ่งแต่อาจไม่เป็นวัฒนธรรมของสังคมอื่น ได้แก่

(1) Free Sex

(2) ทําแท้งเสรี

(3) กินเนื้อสุนัข

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 5 ประกอบ

7 กรุงเทพมหานครได้รับยกย่องว่าเป็นเมืองที่ดีที่สุดในเรื่องอาหาร คือ

(1) Fusion Food

(2) Clean Food

(3) Street Food

(4) Green Food

ตอบ 3 (คําบรรยาย) กรุงเทพมหานคร เป็นหนึ่งในเมืองที่มีอาหารริมทาง (Street Food) ที่ดีที่สุดหรือเรียกว่าเป็น “สวรรค์แห่งอาหารริมทาง” ซึ่งสามารถพบเห็นได้ทั่วไปและได้รับความนิยม จากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก โดยมีอาหารมากมายหลายชนิด เช่น ขนมจีนน้ำยา ก๋วยเตี๋ยว ก๋วยจั๊บ ข้าวผัดกะเพราหมู ข้าวผัดคะน้า ปลาดุกผัดเผ็ด ข้าวหน้าเป็ด ข้าวมันไก่ ส้มตํา ผัดไทไก่ย่าง ข้าวเหนียวมะม่วง ฯลฯ

8 วัฒนธรรมที่ตายไปแล้ว ได้แก่

(1) มัดเท้าหญิงจีน

(2) เผาแม่หม้ายฮินดู

(3) หญิงบาหลีเปลือยอก

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 16, 30, (คําบรรยาย) วัฒนธรรมที่ตายไปแล้ว คือ วัฒนธรรมที่มนุษย์เลิกร้างและไม่มีการสืบสานนานแล้ว ทั้งนี้วัฒนธรรมอาจพบจุดจบหรือกลายเป็นวัฒนธรรมที่ตายไปแล้วได้ เช่น การมัดหรือรัดเท้าของเด็กหญิงชาวจีน การเผาแม่หม้ายทั้งเป็นเมื่อสามีตายของชาวฮินดูในอินเดีย การเปลือยอกของหญิงบาหลี การทํามัมมีรักษาศพของชาวอียิปต์โบราณ ฯลฯ

9 ข้อใดไม่ใช่การผสมผสานทางวัฒนธรรม

(1) พิซซ่าหน้าปูอัด

(2) ปาท่องโก๋ + น้ำเต้าหู

(3) กาแฟ + ขนมครก

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 2 หน้า 22, (คําบรรยาย) การผสมผสานทางวัฒนธรรมเป็นวิธีการที่รับเอาวัฒนธรรมของสังคมอื่นมาปฏิบัติจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของพฤติกรรมที่กระทํากันตามปกติสืบต่อกันมา เช่น เพลงไทย สากล, การใส่สายข้อมือ wristband, กาแฟกับซาลาเปา, กาแฟกับปาท่องโก้, กาแฟกับขนมครก, น้ำเต้าหู้กับขนมครก, น้ำชากับขนมเปี๊ยะ, ดื่มชากับขนมเค้ก, โค้กกับแฮมเบอร์เกอร์, บะหมี่ต้มยํา สปาเกตตี้ราดซอส, สปาเกตตี้ผัดขี้เมา, พิซซ่าหน้าปูอัด, ส้มตําปูอัด, ส้มตําแครอท ฯลฯ

10 ข้อใดไม่ใช่วัฒนธรรมหลวง

(1) พิธีแรกนาขวัญ

(2) พิธีเวียนเทียน

(3) สมรสพระราชทาน

(4) พิธีถวายพระเพลิง

ตอบ 2 หน้า 180 – 182, (คําบรรยาย) วัฒนธรรมหลวง ได้แก่ พิธีแรกนาขวัญ (พิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ) พิธีโล้ชิงช้า การแสดงโขนหน้าพระเมรุ การขับร้องเห่เรือสุพรรณหงส์ การอภัยโทษเพลงสรรเสริญพระบารมี พิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พิธีสมรสพระราชทาน เป็นต้น

11 ข้อใดไม่ใช่วัฒนธรรมพื้นบ้าน

(1) พิธีบายศรีสู่ขวัญ

(2) เพลงกล่อมเด็ก

(3) เพลงสรรเสริญพระบารมี

(4) พิธีบวชลูกแก้ว

ตอบ 3 หน้า 61 – 62, (คําบรรยาย) วัฒนธรรมท้องถิ่นหรือวัฒนธรรมพื้นบ้านแต่ละภาค มีดังนี้

1 ภาคเหนือ เช่น พิธีบวชลูกแก้ว การแอ่วสาว การไหว้ผี การจุดโคมลอย การประดับตุง การผูกข้อมือ การฟ้อนเล็บ สะล้อ ซอ ซึ่ง กลองสะบัดชัย ประเพณี “วันมะแขน (มะแขว่น) หอมรสดี ชมวิถีชนเผ่า” ของน่าน ฯลฯ

2 ภาคกลาง เช่น เพลงกล่อมเด็ก เพลงลูกทุ่ง เพลงอีแซว เพลงรําวง รํากลองยาว ลิเก ลําตัด การตีระนาด การรําถวาย การทําบุญตักบาตรวันสงกรานต์ที่สนามหลวง ฯลฯ

3 ภาคอีสาน เช่น พิธีบายศรีสู่ขวัญ การผิดผี การไหว้ผีปู่ย่า การรําผีฟ้า การไล่ผีปอบ การแห่ผีตาโขน การแห่บั้งไฟ รําซิ่ง การตีโปงลาง นิทานพื้นบ้าน “ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่”ปราสาทหิน ห่อหมกฮวก ฯลฯ

4 ภาคใต้ เช่น ประเพณีชิงเปรต ประเพณีเพลงบอก การสวดโอ้เอ้วิหารราย หนังตะลุง ลิเกป่าลิเกตันหยง รํามโนราห์ ฯลฯ

12 อัตลักษณ์ของไทยแสดงออกมาใน

(1) การไหว้

(2) มวยไทย

(3) รําไทย

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 61 – 62, (คําบรรยาย) อัตลักษณ์ หมายถึง ลักษณะเฉพาะของสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ซึ่งทําให้สิ่งนั้นหรือกลุ่มนั้นเป็นที่รู้จักหรือจําได้ ซึ่งอัตลักษณ์ของไทย ได้แก่การไหว้แบบไทย มวยไทย รําไทย อาหารไทย เรือนไทย วัดไทย ฯลฯ

13 เอกลักษณ์ไทย ได้แก่

(1) ไม่เป็นไร-ให้อภัย

(2) สุภาพอ่อนน้อม

(3) ยิ้มแย้มเป็นมิตร

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 63 – 64, 67 – 63, (คําบรรยาย) ลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ของคนไทย ได้แก่ เคารพสถาบัน พระมหากษัตริย์ รักพระเจ้าอยู่หัว (รักในหลวง) สุภาพอ่อนน้อม ลักษณะการไหว้ ยิ้มแย้มเป็นมิตร ยิ้มสู้-ยิ้มได้เมื่อภัยมา มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ใจบุญ เมตตากรุณา โอบอ้อมอารี ชอบช่วยเหลือ ผู้ทุกข์ยาก สนุกสนาน ลืมง่าย มักให้อภัยเสมอ โกรธไม่นาน ซึ่งคนไทยให้อภัยจนชอบพูดติดปากเสมอว่า “ไม่เป็นไร”

14 อาณาจักรอยุธยาได้รับวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามามากที่สุดในสมัย

(1) พระนารายณ์มหาราช

(2) พระนเรศวรมหาราช

(3) พระเอกาทศรถ

(4) พระเจ้าปราสาททอง

ตอบ 1 หน้า 86 – 87, (คําบรรยาย) พระนารายณ์มหาราชแห่งกรุงศรีอยุธยา ทรงรับเอาวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามามากที่สุดในการพัฒนาปรับปรุงวัฒนธรรมไทยในด้านต่าง ๆ เช่น การเมือง การปกครอง วัฒนธรรมคติธรรม เนติธรรม เป็นต้น อีกทั้งยังทรงปรับปรุงกฎหมายและตรากฎระเบียบขึ้นมาใหม่ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพบ้านเมืองและสังคมไทย

15 อาณาจักรรัตนโกสินทร์รับวัฒนธรรมจีนเข้ามามากที่สุดในสมัย…

(1) รัชกาลที่ 1

(2) รัชกาลที่ 3

(3) รัชกาลที่ 4

(4) รัชกาลที่ 5

ตอบ 2 หน้า 91, (คําบรรยาย! ในสมัยรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ไทยได้รับเอาวัฒนธรรมของจีนมาดัดแปลงผสมผสานกับวัฒนธรรมไทยมากที่สุด โดยเฉพาะการสร้างศิลปวัตถุ วัดวาอาราม และ คตินิยมต่าง ๆ เช่น การนําถ้วยชามสังคโลกมาประดับตกแต่งวัน การสร้างวัดที่เป็นศิลปะไทยผสมจีน การสร้างสําเภาจีนไว้ในวัด เป็นต้น

16 อาณาจักรรัตนโกสินทร์รับวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามาในสมัย

(1) รัชกาลที่ 1

(2) รัชกาลที่ 3

(3) รัชกาลที่ 4

(4) รัชกาลที่ 5

ตอบ 3 หน้า 92, (คําบรรยาย) รัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระองค์ทรงปรีชาสามารถรอบรู้แตกฉานหลายด้านทั้งทางด้านภาษา ศาสนา โหราศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ และ เทคโนโลยีที่เจริญก้าวหน้าของชาวตะวันตก พระองค์ทรงมีนโยบายเปิดประเทศและรับเอา วัฒนธรรมตะวันตกเข้ามาอย่างจริงจัง

17 ข้อใดไม่ใช่นวัตกรรม

(1) ชาวอินเดียผลิตหมวกกันน็อคติดแอร์

(2) นักเคมีผลิตยาบ้าเรืองแสงได้

(3) บริษัทเบนซ์และฟอร์ดร่วมกันผลิต Robot Taxi แท็กซีไม่มีคนขับ) (4) Mr. Elon Musk ให้วิศวกรผลิตเรือดําน้ำจิ๋วส่งมาช่วยทีมหมูป่าติดถ้ำหลวง

ตอบ 2 (คําบรรยาย) นวัตกรรม (Innovation) คือ การใช้ความคิดสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆหรือการพัฒนาของเก่าที่มีอยู่เดิมให้ทันสมัยและใช้ได้ผลดียิ่งขึ้น ซึ่งมีคุณค่าและมีประโยชน์ ต่อผู้อื่น เศรษฐกิจและสังคม เช่น ชาวอินเดียผลิตหมวกกันน็อคติดแอร์, บริษัทเบนซ์และฟอร์ด ร่วมกันผลิต Robot Taxi แท็กซี่ไม่มีคนขับ), Mr. Elon Musk ให้วิศวกรผลิตเรือดําน้ำจิ๋วส่งมาช่วยทีมหมูป่าติดถ้ำหลวง เป็นต้น

18 ข้อใดไม่เป็นอารยธรรม

(1) ฟุตบอล

(2) กอล์ฟ

(3) มวยสากล

(4) เตะตะกร้อ

ตอบ 4 หน้า 14, (คําบรรยาย) วัฒนธรรมกับอารยธรรมมีความสัมพันธ์กัน กล่าวคือ วัฒนธรรมเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาก่อนแล้วขยายตัวขึ้นหรือเจริญแพร่หลายไปเป็นอารยธรรม หรืออารยธรรม เป็นความเจริญงอกงามที่เกิดจากการรวมตัวของวัฒนธรรม ดังนั้นอารยธรรมจึงมีลักษณะของความเป็นสากล หรือเป็นวัฒนธรรมที่แพร่หลายไปทั่วโลก เป็นที่ยอมรับนําไปใช้จนเป็นสากล เช่น การปกครองระบอบประชาธิปไตย, กีฬาโอลิมปิก, กีตาร์, เปียโน, ไวโอลิน, โทรศัพท์มือถือ, เลขอารบิค, รถยนต์, เครื่องบิน, การประกวดนางงามจักรวาล, การแข่งขันฟุตบอลโลก, กอล์ฟ มวยสากล, เครื่องหมายกาชาดสีแดง, 1 มกราคมเป็นวันปีใหม่, วันวาเลนไทน์ ฯลฯ

19 วัฒนธรรมเนติธรรมที่ประเทศไทยมี แต่บางประเทศไม่มี ได้แก่

(1) โทษประหารชีวิต

(2) โทษทําแท้ง

(3) พระราชทานอภัยโทษ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 3 หน้า 106 – 109, (คําบรรยาย) วัฒนธรรมทางเนติธรรม เป็นวัฒนธรรมที่เกี่ยวกับกฎหมายกฎมณเฑียรบาล สิทธิหน้าที่ของพลเมืองตามกฎหมาย รัฐธรรมนูญ จารีตประเพณี ข้อห้ามทาง ศาสนา และหมายความรวมถึงพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับการลงโทษ กระบวนการลงโทษและ กระบวนการพิจารณา ความลงโทษด้วย เช่น วัฒนธรรมเนติธรรมของไทย ได้แก่ เมาไม่ขับ ถ้าเมาแล้วขับมีโทษจําคุก ปรับ ยึดใบขับขี่ และยึดรถชั่วคราว, การห้ามขายเหล้าและบุหรี่ให้เด็ก, การพระราชทานอภัยโทษ (บางประเทศไม่มี) เป็นต้น

20 “เมาแล้วขับ” จะถูกลงโทษ… ข้อใดไม่ใช่

(1) ยึดใบขับขี่

(2) ยึดรถชั่วคราว

(3) ยึดบัตรประจําตัวประชาชน

(4) ปรับ

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 19 ประกอบ

21 สมัยอาณาจักรสุโขทัย พ่อขุนรามคําแหงมหาราชได้รับพระพุทธสิหิงค์จากอาณาจักร

(1) ศรีลังกา

(2) ขอม

(3) ทวาราวดี

(4) ล้านนา

ตอบ 1 หน้า 82 83 ในรัชสมัยของพ่อขุนรามคําแหง อาณาจักรสุโขทัยมีความเจริญสูงสุด และได้ขยายอาณาเขตกว้างใหญ่ออกไปมาก มีการทําสัมพันธไมตรีกับอาณาจักรทางเหนือของพญามังราย และพญางําเมือง จนถึงกับทําสัญญาเป็นพระสหายร่วมสาบาน นอกจากนี้พ่อขุนรามคําแหง ยังได้เจริญพระราชไมตรีกับศรีลังกาจนได้รับมอบพระพุทธรูปที่งดงามล้ำค่ามากองค์หนึ่งให้แก่ ประเทศไทย คือ “พระพุทธสิหิงค์”

22 ข้อใดเป็นวัฒนธรรมอีสาน

(1) ห่อหมกฮวก

(2) ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่

(3) ปราสาทหิน

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 11 ประกอบ

23 ข้อใดเป็นวัฒนธรรมภาคเหนือ

(1) งานมะแขว่น

(2) การจุดโคมลอย

(3) กลองสะบัดชัย

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 11 ประกอบ

24 การตีระนาดประชันแข่งขัน (ในภาพยนตร์เรื่องโหมโรง) เป็นวัฒนธรรมภาค

(1) เหนือ

(2) อีสาน

(3) กลาง

(4) ใต้

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 11 ประกอบ

25 ข้อใดไม่จัดเป็นวัฒนธรรมคติธรรม

(1) ทําขวัญข้าว

(2) ประกวดน้องนางบ้านนา

(3) บวชก่อนเบียด

(4) บวชต้นไม้

ตอบ 2 หน้า 99 – 102, 104, (คําบรรยาย) วัฒนธรรมคติธรรม เป็นวัฒนธรรมทางจิตใจเกี่ยวกับศีลธรรมและจรรยาบรรณ อันเป็นหลักหรือแนวทางดําเนินชีวิตที่ดีที่ควรยึดถือและควรปฏิบัติ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากอิทธิพลของความเชื่อและคตินิยมทางศาสนา เช่น การชอบทําบุญทําทาน, ไถ่ชีวิตวัวควาย, ทําขวัญข้าว, บวชต้นไม้, คนไทยรักในหลวง, พุทธสุภาษิต (สัตว์โลกย่อมเป็นไป ตามกรรม คนดีผีคุ้ม), สุภาษิตคติเตือนใจเกี่ยวกับการงาน (หนักเอาเบาสู้ อย่าผัดวันประกันพรุ่ง), สุภาษิตคติเตือนใจในการคบมิตร (เพื่อนกินหาง่าย เพื่อนตายหายาก), สุภาษิตคติเตือนใจในการประพฤติ (น้ำร้อนปลาเป็น-น้ำเย็นปลาตาย บวชก่อนเบียด) และคติธรรมสอนหญิง (รักนวลสงวนตัว)

26 สัญลักษณ์ไทย ได้แก่

(1) พระบรมฉายาลักษณ์พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9

(2) ธงไตรรงค์

(3) ตราครุฑ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 (คําบรรยาย) สัญลักษณ์ของประเทศไทย ได้แก่

1 ธงไตรรงค์ (ธงชาติไทย)

2 พระบรมฉายาลักษณ์พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และ

3 ตราครุฑ

4 ศาลาไทย

5 เรือสุพรรณหงส์

6 อักษรไทย

7 ช้างไทย เป็นต้น

27 วัฒนธรรมพื้นบ้านที่เป็นความเชื่อเรื่องผีสางเทวดา คือ

(1) พิธีชิงเปรต

(2) แห่ผีตาโขน

(3) ยิงบั้งไฟ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 (คําบรรยาย) วัฒนธรรมพื้นบ้านที่เป็นความเชื่อเรื่องผีสาง-เทวดา ได้แก่ การไหว้ผี การไล่ผีปอบ การรําผีฟ้า พิธีชิงเปรต การแห่ผีตาโขน การยิงบั้งไฟ เป็นต้น

28 ภูมิปัญญาไทย ได้แก่

(1) กังหันน้ำชัยพัฒนา

(2) หนึ่งตําบลหนึ่งผลิตภัณฑ์

(3) ต้มยํากุ้ง

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 (คําบรรยาย) ภูมิปัญญาไทย คือ การใช้สติปัญญาสร้างสรรค์ขึ้นมา ซึ่งเป็นแนวความคิดทางสังคม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเป็นชาติ ความเป็นสังคม อันมีลักษณะเด่นเป็นเอกลักษณ์ของ ตนเอง เป็นเครื่องชี้ถึงความเจริญรุ่งเรืองของสังคม และทําให้ได้รู้หรือเข้าใจความเป็นมาของชนชาติไทยในอดีตมากขึ้น โดยภูมิปัญญาไทยนั้นจะมีอยู่ในทุกวัฒนธรรม คือ วัฒนธรรมท้องถิ่น วัฒนธรรมหลวง และเอกลักษณ์ เช่น เรือนไทย วัดไทย ผ้าไทย (การใช้พืชย้อมผ้า ผ้าขาวม้า ผ้าไหม) คําไทย (พ่อ แม่ พี่ น้อง) อาหารไทย (ต้มยํากุ้ง) ยาไทย (ยาหอมแก้ลม) ดนตรีไทย นวดแผนไทย กังหันน้ำชัยพัฒนา สินค้า OTOP (หนึ่งตําบลหนึ่งผลิตภัณฑ์) ฯลฯ

29 วัฒนธรรมความเชื่อของฮินดู ชั้นวรรณะแบ่งตาม

(1) ชาติกําเนิด

(2) อาชีพ

(3) การศึกษาและความสามารถ

(4) ฐานะทางสังคม

ตอบ 1 หน้า 24, (คําบรรยาย) ชาวฮินดูเชื่อว่าพระพรหมเป็นผู้แบ่งชั้นวรรณะของมนุษย์ มนุษย์ทุกคนต้องยอมรับต่อฐานะแห่งชาติกําเนิดของตนที่พระพรหมกําหนดให้ โดยปฏิบัติตนดํารงชีวิตไป ตามฐานะวรรณะของตนในสังคม เช่น คนในวรรณะสูงก็จะแบ่งแยกไม่คบหาสมาคม มั่วสุมกับคนวรรณะต่ำ, การงานอาชีพก็ต้องทําจํากัดเฉพาะที่คนวรรณะต่ำควรทํา, การแต่งงานก็ต้องแต่งงานกับคนที่อยู่ในวรรณะเดียวกัน เป็นต้น

30 วรรณะจัณฑาลถูกจํากัดข้อใด

(1) อาชีพ

(2) การแต่งงาน

(3) ฐานะทางสังคม

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 24 – 25, 267, คําบรรยาย) คนในวรรณะจัณฑาลในสังคมและวัฒนธรรมอินเดียมีสภาพความเป็นอยู่ที่แร้นแค้น ทุกข์ยาก ลําบาก ทํางานหนัก รายได้น้อย โดยวรรณะจัณฑาล ถูกจํากัดโดยศาสนาในหลายเรื่อง เช่น อาชีพ (มักเป็นอาชีพที่ต่ำ ลําบาก และคนทั่วไปไม่อยากจะทํากัน ได้แก่ กวาดถนน เก็บขยะ ล้างส้วม สัปเหร่อ ฯลฯ) การแต่งงาน มีฐานะทางสังคมต่ำสุด และรัฐบาลก็พยายามแยกคนพวกนี้ออกจากสิทธิเสรีภาพอันพึงมีทางกฎหมายไม่ให้ทัดเทียมกับคนวรรณะอื่น ๆ ในสังคม

31 มารดาของ คานธี สอนว่าถ้าไปถูกตัวเด็กจัณฑาลให้เอามือไปเช็ดหรือป้าย…..

(1) วัว

(2) หญ้า

(3) ต้นไม้ใหญ่

(4) คนที่นับถือศาสนาอื่น

ตอบ 4 หน้า 26, (คําบรรยาย) ท่านมหาตมะ คานธี ในวัยเด็กมักจะไปถูกต้องตัวเด็กวรรณะจัณฑาลอยู่บ่อย ๆ ขณะไปโรงเรียน มารดาของท่านจึงสอนวิธีชําระล้างมลทินแบบย่อโดยให้ท่านเอามือ ไปเช็ดหรือป้ายคนนอกศาสนา (คนที่นับถือศาสนาอื่น) เช่น พวกมุสลิม ฯลฯ ก็จะถือว่าทําให้มลทินหมดไปจากตัวแล้ว

32 วันศิวาราตรีตรงกับวันสําคัญของศาสนาพุทธ คือวัน

(1) วิสาขบูชา

(2) มาฆบูชา

(3) อาสาฬหบูชา

(4) วันเข้าพรรษา

ตอบ 2 หน้า 26, 284 วันศิวาราตรี เป็นวันที่ชาวฮินดูทําพิธีบวงสรวงบูชาและทําพลีกรรมแก่พระศิวะซึ่งตรงกับวันมาฆบูชา (วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3) ของศาสนาพุทธ และนอกจากนี้ชาวฮินดูยังมี ความเชื่อว่า การอาบน้ำล้างบาปในแม่น้ำคงคาจะศักดิ์สิทธิ์และได้ผลมากที่สุดถ้าหากได้อาบ ในวันศิวารา

33 วัฒนธรรมเนติธรรมของฮินดู ลูกสาวได้มรดกน้อยหรือไม่ได้เลย เพราะ (1) พ่อแม่ต้องจ่ายสินสอดให้ลูกสาวแต่งงาน

(2) ลูกสาวไม่ได้สืบสกุล

(3) ลูกสาวแต่งงานไปแล้วจึงเป็นคนตระกูลสามี

(4) ลูกสาวแต่งงานแล้วไม่ได้เลี้ยงพ่อแม่

ตอบ 1 หน้า 29, (คําบรรยาย) วัฒนธรรมอินเดียในเรื่องการให้มรดกของตระกูลแก่ลูกสาวนั้น พบว่าลูกสาวจะไม่ได้มรดกจากพ่อแม่ หรือได้น้อยเพียง 1 ใน 4 ของลูกชาย ทั้งนี้เพราะพ่อแม่ต้อง เก็บสมบัติส่วนหนึ่งเพื่อไว้จ่ายค่าสินสอดและค่าจัดงานแต่งงานให้ลูกสาว ซึ่งเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ถ้าไม่มีถือเป็นเรื่องเสียหายและน่าอายมากในสังคมอินเดีย

34 วัฒนธรรมฮินดูการทําศพด้วยวิธีถ่วงน้ำใช้กับข้อใด

(1) ศพคนชรา

(2) ศพหญิงหม้าย

(3) ศพหญิงท้อง

(4) ศพเด็ก

ตอบ 4 หน้า 31 วัฒนธรรมการทําศพเด็กของชาวฮินดูนั้น พ่อแม่จะไม่นิยมเผา แต่จะนําผ้าขาวมาพันหรือห่อศพแล้วใส่เรือไปทิ้งกลางแม่น้ำ โดยใช้หินถ่วงศพให้จมลงสู่ก้นแม่น้ำคงคา ซึ่งวิธีนี้ นอกจากจะใช้กับศพที่เป็นเด็กอายุน้อยแล้วยังใช้กับศพที่ยากจนไม่มีเงินพอที่จะซื้อถ่านหรือฟื้นที่มีราคาแพงมาเผาศพได้

35 ประเทศใดที่ประธานาธิบดีจีน “สี จิ้นผิง” ยังไม่ได้ไป

(1) อังกฤษ

(2) อเมริกา

(3) เกาหลีเหนือ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 3 (คําบรรยาย) ประเทศที่ประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง เดินทางไปเยือนมาแล้ว ได้แก่ อังกฤษสหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ รัสเซีย ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ เป็นต้น

36 ประเทศจีนปกครองแบบ…

(1) 1 ประเทศ 2 ระบบ

(2) 1 ประเทศ 3 ระบบ

(3) ระบบเดียวทั้งหมด

(4) ปิดประเทศ

ตอบ 1 (คําบรรยาย) ประเทศจีนปกครองแบบ 1 ประเทศ 2 ระบบ (One Country, Two Systems)ซึ่งเป็นแนวคิดที่ริเริ่มโดย เติ้ง เสี่ยวผิง เพื่อการรวมประเทศจีนระหว่างต้นคริสต์ทศวรรษ 1980 โดยเขาเสนอว่าจะมีเพียงจีนเดียว แต่เขตบริหารพิเศษฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวัน สามารถมีระบบเศรษฐกิจและการเมืองแบบทุนนิยมได้

37 ก่อนจะเป็นคอมมิวนิสต์ ประเทศจีนถูกปกครองโดยชนชาติ

(1) มองโกล

(2) แมนจู

(3) ทิเบต

(4) เติร์ก

ตอบ 2 หน้า 37, (คําบรรยาย) ก่อนที่ประเทศจีนจะเป็นคอมมิวนิสต์ ประเทศจีนเคยถูกปกครองโดยชนชาติแมนจู โดยแมนจูที่เรืองอํานาจได้รวบรวมอาณาจักรจีนเป็นอาณาจักรเดียวในพื้นแผ่นดินอันกว้างใหญ่นี้ และถือเป็นชนชาติที่เคยปกครองอาณาจักรจีนยาวนานที่สุด

38 ประเทศญี่ปุ่นได้รับยกย่องว่าเป็นดินแดน 3 ศาสนา แต่ศาสนาใดไม่ใช่ (1) เต๋า

(2) ขงจื้อ

(3) ชินโต

(4) พุทธ

ตอบ 1 หน้า 233 ประเทศญี่ปุ่นได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแหง 3 คําสอน หรือ 3 ลัทธิศาสนา คือ ขงจื้อ พุทธ และชินโต โดยญี่ปุ่นได้รับศาสนาขงจื้อมาจากจีน และรับพุทธศาสนามาจากอินเดียโดยผ่านมาทางจีน ส่วนศาสนาชินโตนั้นเป็นศาสนาพื้นเมืองดั้งเดิมของชนชาติญี่ปุ่น

39 ประเทศญี่ปุ่นมีภัยธรรมชาติบ่อยจนต้องสอนวิธีหลบภัยตั้งแต่เรียนอนุบาล

(1) พายุไต้ฝุ่น

(2) น้ำท่วม

(3) แผ่นดินไหว

(4) ภูเขาไฟระเบิด

ตอบ 3 หน้า 48, (คําบรรยาย) วัฒนธรรมวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่นจะสอดคล้องและปรับตัวไปตามภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในประเทศบ่อย ๆ เช่น แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด น้ำท่วม ลมพายุ ไต้ฝุ่น ฯลฯ โดยเฉพาะแผ่นดินไหวนั้นเกิดขึ้นบ่อยมากจนต้องมีการฝึกสอนวิธีการหลบภัย หรือหนีภัยแผ่นดินไหวแก่เด็กญี่ปุ่นตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นอนุบาล จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่น

40 ปัจจุบันวัยรุ่นญี่ปุ่นนิยมกิน…มาก

(1) ผักชีไทย

(2) ผักชีลาว

(3) ผักชีฝรั่ง

(4) ผักชีล้อม

ตอบ 1 (คําบรรยาย) ปัจจุบันวัยรุ่นญี่ปุ่นนิยมกิน “ผักชีไทย” มาก จนถึงขั้นมีการจัดงานเทศกาลผักชีขึ้นที่โตเกียว ซึ่งกระแสความนิยมดังกล่าวนี้ทําให้ร้านอาหารบางร้านต้องมีเมนูผักชีดัดแปลงขึ้นมามากมาย เช่น ไอศกรีมผักชี บิงซูผักชี เค้กผักชี เกี้ยวซ่าผักชี เต้าหูผักชี ผักชีชุบแป้งทอด ฯลฯ

41 ข้อใดเกี่ยวข้องกับลัทธิบูชิโด

(1) ฮาราคีรี

(2) ซามูไร

(3) มิกาเซ่

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 51, (คําบรรยาย) อิทธิพลของลัทธิบูชิโดที่มีต่อวัฒนธรรมญี่ปุ่น ได้แก่

1 วิถีทางแห่งนักรบซามูไร คือ “ยอมตายอย่างมีเกียรติดีกว่าอยู่อย่างไร้เกียรติ”

2 พิธีกรรมฆ่าตัวตายที่เรียกว่า “ฮาราคีรี”

3 การสละชีวิตตนเองของนักบินโดยการขับเครื่องบินพุ่งชนฝ่ายตรงข้ามให้ระเบิดไปพร้อมกันที่เรียกว่า “กามิกาเซ่” เป็นต้น

42 มีความเชื่อในศาสนาชินโตว่า เทพเจ้าของชินโตเป็น

(1) พระโพธิสัตว์

(2) พระอรหันต์

(3) เซียน

(4) มัจจุราช

ตอบ 1 หน้า 52 วัฒนธรรมอินเดียเข้ามามีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมญี่ปุ่นโดยทางอ้อม โดยผ่านทางพุทธศาสนามหายานที่จีนและเกาหลีเผยแผ่มาสู่ชาวญี่ปุ่น ด้วยเหตุที่พุทธศาสนามีลักษณะไม่บังคับ และยังปรับตัวให้เข้ากับลัทธิความเชื่อดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่น พระในพุทธศาสนาก็ไปร่วมพิธีทางลัทธิชินโต จนต่อมาชาวญี่ปุ่นจํานวนมากนับถือว่าพระโพธิสัตว์เป็นเทพเจ้าในศาสนาชินโต

43 วัฒนธรรมอาหารญี่ปุ่นรับประทาน

(1) เนื้อดิบ

(2) ปลาดิบ

(3) ไข่ดิบ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 55, (คําบรรยาย) วัฒนธรรมอาหารญี่ปุ่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะและรู้จักทั่วโลก ได้แก่ ซูชิ ซาชิมิ เนื้อดิบ ปลาดิบ ไข่ดิบ ข้าวปั้น (Onigiri) ชาเขียว เป็นต้น

44 สุภาษิตญี่ปุ่น “ใช้กุ้งตก…”

(1) ปลาไหล

(2) ปลาคาร์พ

(3) ปลากะพง

(4) แซลมอน

ตอบ 3 หน้า 55 – 56 ชาวญี่ปุ่นนิยมกินปลาซีบรีม ซึ่งเป็นปลาที่มีลักษณะคล้ายปลากะพงแดงมากโดยปลานี้จะมีสีสดใส มีรสเป็นเลิศ ชาวญี่ปุ่นจึงยกให้เป็นราชาแห่งปลา และมีความเชื่อว่าเป็น ปลามงคลล้ำค่า ขาดไม่ได้ในงานมงคลต่าง ๆ เป็นปลาที่นิยมกินกันมากที่สุดตั้งแต่สมัยโบราณ จนมีคติธรรมหรือคําพังเพยเปรียบเทียบเกี่ยวกับปลาชนิดนี้ว่า “ถึงเน่าก็เน่าอย่างปลากะพง”คือ ถึงอดโซก็โซอย่างเสือ และ “ใช้กุ้งตกปลากะพง” คือ ยอมเสียกําเพื่อเอากอบ

45 ตามวัฒนธรรมความเชื่อของลัทธิชินโต บรรพบุรุษของชาวญี่ปุ่นสืบเชื้อสายจาก

(1) ดวงอาทิตย์

(2) ดวงจันทร์

(3) ดวงดาว

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 1 หน้า 235 236, (คําบรรยาย) ชาวญี่ปุ่น เชื่อว่า บรรพบุรุษของพวกเขาสืบเชื้อสายมาจากพระอาทิตย์ ซึ่งเป็นเพศหญิง เรียกว่า สุริยเทพ และสมเด็จพระจักรพรรดิยิมมูหรือยิมมูเทนโน ปฐมจักรพรรดิองค์แราหรือ “มิกาโด” ของญี่ปุ่นนั้นก็สืบเชื้อสายมาจากสุริยเทพด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงทําให้บรรดาจักรพรรดิของญี่ปุ่นล้วนอยู่ในสายราชวงศ์เดียวกันที่สืบเชื้อสายมาจากพระอาทิตย์ โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงราชวงศ์เลย

46 “โทริ” ประตูเข้าศาลเจ้าชินโต คือประตู

(1) สวรรค์

(2) เทพ

(3) วิญญาณ

(4) แห่งความสําเร็จ

ตอบ 3 หน้า 240 241, (คําบรรยาย) ตามศาสนสถานของศาสนาชินโตนั้น ก่อนจะถึงบริเวณของศาลเจ้าญี่ปุ่นที่ทางเข้าจะมีการสร้างประตูขึ้นเป็นสัญลักษณ์ เรียกว่า “โทริ” (TORI) อันถือว่าเป็น ประตูวิญญาณ โดยประตูนี้สร้างขึ้นเป็นรูปประตูประกอบจากเสาไม้ 2 ข้าง และมีไม้ 2 อัน วางขวางอยู่ข้างบน และมักจะทาสีแดง

47 ความเชื่อของศาสนาชินโต “บาปทุกอย่างให้อภัยได้ยกเว้น…”

(1) ขี้ขโมย

(2) ขี้โกง

(3) ขี้เหนียว

(4) ขี้เกียจ

ตอบ 1 หน้า 239 240 ตามหลักจริยธรรมของศาสนาชินโตนั้น ชาวญี่ปุ่นยกย่องความกล้าหาญในทุกรูปแบบ แต่ติเตียนว่าความขลาดเป็นบาป ดังคํากล่าวที่ว่า “บาปทุกอย่างทั้งใหญ่และเล็ก อาจจะได้รับอภัยด้วยการสํานึกผิด ยกเว้นความขลาดและการลักขโมย” อีกทั้งยังเคร่งครัด ในเรื่องความสะอาด โดยสอนว่าการเป็นคนไม่สะอาดนั้นเป็นบาป เพราะความไม่สะอาดเป็นความผิดต่อเทพเจ้า

48 ศาสนาชินโตถือว่า……เป็นบาป

(1) ไม่ขยัน

(2ไม่สะอาด

(3) ไม่ตรงเวลา

(4) ไม่มีระเบียบ

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 47 ประกอบ

49 ข้อใดตรงกับความหมาย “หยิน-หยาง”

(1) หญิง-ชาย

(2) ตะวัน-จันทรา

(3) ฟ้า-ดิน

(4) แข็ง-อ่อน

ตอบ 1 หน้า 241, (คําบรรยาย) ในสมัยโบราณชาวจีนมีความเชื่ออันเป็นความภาคภูมิของประเทศคือเชื่อว่า ประเทศจีนอยู่ใจกลางของโลก จึงทําให้เกิดความเชื่อว่าโลกมีวิญญาณสถิตอยู่ มีเพศเป็นหญิง เรียกว่า “หยิน” ซึ่งเป็นวิญญาณแห่งดิน ความมืด กลางคืน ดวงจันทร์ ฯลฯ และเนื่องจากการที่มนุษย์อาศัยอยู่บนโลก ชาวจีนจึงยกย่อง “หยิน” ว่ามีอํานาจเหนือกว่า “หยาง” ซึ่งเป็นเพศชายอันเป็นวิญญาณแห่งฟ้า ความสว่าง กลางวัน ดวงอาทิตย์ ฯลฯ ดังนั้นจึงกล่าว ได้ว่า “หยิน-หยาง” หมายถึง หญิง-ชาย, ดิน-ฟ้า, อ่อน-แข็ง, ดวงจันทร์-ดวงอาทิตย์(จันทรา-ตะวัน), ความมืด-ความสว่าง, กลางคืน-กลางวัน, ดํา-ขาว ฯลฯ

50 ขงจื้อลาออกจากราชการ แล้วมาเป็น……

(1) พ่อค้า

(2) ครู

(3) แพทย์

(4) นักบวช

ตอบ 2 หน้า 242 243 ขงจื้อ (King Tzu) เกิดเมื่อ 551 ปีก่อนคริสตกาล เมื่อมีอายุได้ 20 ปี ขงจื้อสอบจอหงวนได้เข้ารับราชการที่รัฐสู้ ต่อมาได้ลาออกจากราชการ และหาเลี้ยงชีพโดยการเป็นครูอบรมสั่งสอนวิชาความรู้ให้แก่คนทั่วไปที่มาฝากตัวเป็นศิษย์ศึกษาเล่าเรียนในสํานักของเขาซึ่งคําสั่งสอนของขงจื้อนั้นเป็นที่นับถือและยึดเป็นแนวทางของชาวจีนทั่วไปในสมัยนั้นด้วย

51 “จงเคารพบูชาผีและเทพเจ้า แต่ให้อยู่ห่าง ๆ” หมายถึง

(1) อย่าสร้างบ้านใกล้ศาลเจ้าหรือสุสาน

(2) ให้ศรัทธานับถือผีและเทพเจ้าได้อย่างมงาย

(3) เมื่อเซ่นไหว้บูชาให้ยืนอยู่ห่างรูปเคารพของเทพเจ้า

(4) ไม่ควรนํารูปเคารพผีและเทพเจ้ามาไว้ในบ้าน

ตอบ 2 หน้า 248, (คําบรรยาย) ขงจื้อทําพิธีบวงสรวงเทพเจ้าตามจารีตประเพณีของชาวจีนในสมัยโบราณ และสอนให้ชาวจีนทําตามประเพณีโบราณนี้ แต่สอนว่า “จงเคารพบูชาผีและเทพเจ้า แต่ควรอยู่ให้ห่าง ๆ” ซึ่งหมายถึง ให้ศรัทธานับถือผีและเทพเจ้าได้ แต่อย่างมงาย

52 เล่าจื๊อรับราชการเป็น

(1) ผู้พิพากษา

(2) นายอําเภอ

(3) อารักษ์เขียนตําราประวัติศาสตร์

(4) บรรณารักษ์

ตอบ 4 หน้า 251 252 เล่าจื้อ (Lao-Tze) เกิดในปีก่อนคริสต์ศักราช 604 ในตอนแรกเล่าจื้อสอบจอหงวนได้รับราชการแล้วเป็นบรรณารักษ์ของหอสมุดในราชสํานักของราชวงศ์จิว ต่อมา เมื่ออายุครบ 90 ปี เกิดความเบื่อหน่ายในสังคม การเมืองการปกครองที่ไม่ยุติธรรม จึงลาออกจากราชการ ปลีกตัวออกจากสังคมเดินทางท่องเที่ยวไป และได้เขียนบันทึกคําสั่งสอนหลักจริยธรรมเป็นโคลงสั้น ๆ 81 โคลง เรียกว่า “เต๋าเต็กกิง” (TAO TEH KING)

53 นักบวชเต๋าชํานาญหลายเรื่อง ข้อใดไม่ใช่

(1) ทํายาอายุวัฒนะ

(2) นําวิญญาณคนตายเข้าร่างให้ฟื้น

(3) มีเวทมนตร์ปราบผีปีศาจ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 2 หน้า 257 258, คําบรรยาย) ศาสนาเต๋าในระยะหลัง ๆ เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องไสยศาสตร์มากขึ้น ทําให้นักบวชในศาสนาเต๋ากลายเป็นผู้มีความชํานาญพิเศษในการประกอบพิธีกรรม เกี่ยวกับไสยศาสตร์ สามารถทํานายดวงชะตาและเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ มีญาณติดต่อเทพเจ้า และดวงวิญญาณของผู้ตายได้ มีพลังจิตสะกดวิญญาณและมีเวทมนตร์ปราบผีปีศาจได้ ทําคุณไสยทําหลุมศพ ทํากงเต็ก และมีความสามารถในการทํายาอายุวัฒนะ

54 ผู้ปฏิบัติโยคะสัมพันธ์กับข้อใด

(1) โอม

(2) พระศิวะ

(3) พระอิศวร

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 265 การปฏิบัติตามหลักปรัชญาโยคะ คือ การเพ่งจิตเพื่อไม่ให้จิตมีอารมณ์หวั่นไหวฝึกจิตให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับกาย โดยการเพ่งจิตให้แน่วแน่อยู่กับพระอิศวร (พระศิวะ) ทําให้ จิตสะอาดบริสุทธิ์ ควบคุมจิตได้ไม่ให้มีความหวั่นไหวสั่นคลอนแม้จะต้องพบกับอารมณ์แปรปรวน ทั้งนี้เพราะตั้งจิตมั่นอยู่กับพระอิศวรผู้ทรงพระนามว่าปรณพหรือโอม ดังนั้นเมื่อภาวนาว่า “โอม”ก็จะสามารถป้องกันอุปสรรคในการปฏิบัติโยคะได้

55 ศาสนาฮินดูสอนว่าพราหมณ์เกิดจาก….ของพระพรหม

(1) ศีรษะ

(2) อก

(3) แขน

(4) ขา-เท้า

ตอบ 1 หน้า 266 267 ระบบชนชั้นวรรณะของศาสนาฮินดู แบ่งคนออกเป็น 4 วรรณะ คือ

1 วรรณะพราหมณ์ เป็นวรรณะสูงที่เกิดจากปากหรือศีรษะของพระพรหม

2 วรรณะกษัตริย์ เป็นวรรณะสูงที่เกิดจากอกและแขนของพระพรหม

3 วรรณะแพศย์ เป็นวรรณะกลางที่เกิดจากตะโพกและขาของพระพรหม

4 วรรณะศูทร เป็นวรรณะต่ำที่เกิดจากเท้าของพระพรหม

56 หญิงชาวฮินดูนิยมขอพรพระลักษมี เพราะเชื่อว่าจะประทานคุณวิเศษให้ ข้อใดไม่ใช่คุณวิเศษนั้น

(1) ให้ร่ำรวย เจริญ

(2) ให้อุดมสมบูรณ์

(3) ผ่านพ้นภัยอันตราย

(4) ให้สามีรักมั่นคง

ตอบ 3 หน้า 275, 281, (คําบรรยาย) พระลักษมี พระมเหสีของพระวิษณุหรือพระนารายณ์) ทรงเป็นเทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์พูนสุข ความงาม ร่ำรวยและความเจริญรุ่งเรือง โดยหญิงชาวฮินดูเชื่อ และนับถือพระนางมากว่าเป็นเทพแห่งความสุขในชีวิตสมรส ดังนั้นหญิงที่แต่งงานแล้วถ้าอยากให้สามีรักมั่นคงก็จะทําพิธีบูชาพระนางลักษมีในเทศกาลสําคัญทางศาสนาต่าง ๆ อยู่เสมอ

57 นารายณ์ 10 ปาง พระนารายณ์อวตารเป็น ครึ่งคน-ครึ่ง….

(1) เสือ

(2) สิงโต

(3) อสูร

(4) เทพ

ตอบ 2 หน้า 278 – 280, (คําบรรยาย) ชาวฮินดูผู้นับถือนิกายไวษณวะ มีความเชื่อว่า พระนารายณ์(พระวิษณุ) ลงมาจุติยังโลก เพื่อปราบอธรรมและช่วยเหลือมนุษย์ 10 ครั้ง เรียกว่า พระนารายณ์อวตาร 10 ปาง ได้แก่

1 ปางมัตสยา (ปลา)

2 ปางกูรมะ (เต่า)

3 ปางวราหะ (หมูป่า)

4 ปางนรสิงห์ (ครึ่งคนครึ่งสิงโต)

5 ปางวามนะ (คนค่อม)

6 ปางภาราสูราม (พราหมณ์)

7 ปางทศราชาราม (พระราม)

8 ปางกฤษณะ (พระกฤษณะ)

9 ปางพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้า/เจ้าชายสิทธัตถะ)

10 ปางกัลกี (พระกัลกี/พระศรีอริยเมตไตรย)

58 ข้อใดไม่ใช่พลังศักติ

(1) พระพรหม

(2) พระศิวะ

(3) พระนารายณ์

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 281 พลังศักติ หมายถึง พลังแห่งนิกายที่นับถือเทพี หรือเทพเจ้าที่เป็นผู้หญิง ซึ่งเทพีในนิกายศักติมีลักษณะ 2 แบบ คือ

1 เป็นเทพมารดา ให้ความรัก เมตตา อบอุ่น ให้ความอุดมสมบูรณ์ และความสงบสุขต่าง ๆ เช่น พระแม่สุรัสวดี พระแม่ลักษมี พระแม่อุมาเทวี พระแม่ธรณี พระแม่คงคา ฯลฯ

2 เป็นเทพแห่งการลงโทษผู้ที่ทําชั่วด้วยความดุร้าย ได้แก่ พระแม่ทุรคา และพระแม่กาลี

59 ฆ่าพราหมณ์บาปเท่ากับฆ่า……….

(1) ช้าง

(2) ม้า

(3) วัว

(4) ควาย

ตอบ 3 หน้า 288 ชาวฮินดูมีความเชื่อว่าวัวและพราหมณ์ถูกสร้างขึ้นโดยพระพรหมในวันเดียวกันจึงมีความศักดิ์สิทธิ์เท่ากัน ดังนั้นการฆ่าวัวจึงบาปเท่า ๆ กับการฆ่าพราหมณ์ และการรับประทาน เนื้อวัวนั้นชาวฮินดูถือว่าเป็นสิ่งชั่วร้ายยิ่งกว่าการรับประทานเนื้อมนุษย์ วัวจึงเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของชาวฮินดู และทุกสิ่งทุกอย่างที่มาจากวัวล้วนเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์

60 พญามัจจุราช มีพาหนะคือ

(1) ช้าง

(2) ม้า

(3) วัว

(4) ควาย

ตอบ 4 หน้า 288 289, (คําบรรยาย) สัตว์ที่เป็นพาหนะของเทพเจ้าของศาสนาฮินดู ได้แก่ วัว (โค) เป็นพาหนะของพระศิวะ, พญาครุฑและพญานาคเป็นพาหนะของพระวิษณุ (พระนารายณ์), หงส์เป็นพาหนะของพระพรหม, นกยูงเป็นพาหนะของพระสุรัสวดี, หนูเป็นพาหนะของพระพิฆเนศ สิงโตเป็นพาหนะของพระแม่ทุรคาและพระแม่กาลี, ควาย (กระบือ) เป็นพาหนะของพญายม (พญามัจจุราช) และช้างเอราวัณ (ช้าง 3 เศียร) เป็นพาหนะของพระอินทร์ ซึ่งสัตว์ต่าง ๆเหล่านี้ถือว่าเป็นสัตว์ที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวฮินดู

61 ศาสนาเชนถือว่าการตายที่บริสุทธิ์คือ

(1) อดอาหารตาย

(2) แขวนคอตาย

(3) กินยาพิษตาย

(4) เผาตัวตาย

ตอบ 1 หน้า 338, (คําบรรยาย) ศาสนาเชนเชื่อว่าความตายโดยการทรมานร่างกายจนตายด้วยการอดอาหารเป็นความตายที่บริสุทธิ์ และถือเป็นการบําเพ็ญเพียรเพื่อตัดกิเลสและสะสมบุญ

62 ศาสนาเชนให้ผู้นับถือต้อง

(1) บําเพ็ญประโยชน์ให้สังคมปีละครั้ง

(2) ทําทานทุกวัน

(3) สวดมนต์ทุกวัน

(4) อาบน้ำล้างบาปปีละครั้ง

ตอบ 2 หน้า 338, (คําบรรยาย) ความเชื่อขั้นพื้นฐานประการหนึ่งของศาสนาเชน คือ การให้ทานซึ่งต้องการให้ผู้นับถือศาสนาเชนปฏิบัติอย่างเคร่งครัด คือ อย่างน้อยที่สุดต้องให้ทานทุกวันเนื่องจากพวกเขาพิจารณาเห็นว่าเป็นหน้าที่ของเขาที่จะมีส่วนช่วยเหลือและดูแลผู้อื่น

63 ศาสนาเชนผู้ใดกินมังสวิรัติ

(1) ศาสดา

(2) นักบวช

(3) ผู้นับถือ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 337 จากการที่ผู้นับถือศาสนาเชน (รวมทั้งศาสดาและนักบวช) ต้องรักษาศีลข้อแรก(ไม่ฆ่าและไม่ทําร้ายสิ่งมีชีวิตใด ๆ ด้วยคําพูด ความคิด หรือการกระทํา แม้ในการป้องกันตนเอง) และมีความเชื่อในอหิงสาอย่างแนบแน่นอยู่ในจิตใจนั้น จึงทําให้ชาวเชนสมถะพอเพียงและกลายเป็นนักมังสวิรัติ ไม่กินเนื้อสัตว์และไม่ดื่มนมจากสัตว์ตลอดชีวิต แม้ในเวลาที่เป็นปัญหาแห่งสุขภาพเพื่อมีชีวิตอยู่รอดก็ตาม

64 ศาสนาเชนผู้ใดไม่นุ่งลมห่มฟ้า

(1) ศาสดา

(2) นักบวช

(3) ผู้นับถือ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 3 หน้า 340, (คําบรรยาย) ศาสนาเชน มีนิกายที่สําคัญอยู่ 2 นิกายใหญ่ ๆ คือ นิกายเศวตัมพร (นิกายนุ่งขาวห่มขาว) และนิกายทิคัมพร (นิกายนุ่งลม-ห่มฟ้าหรือนักบวชแบบชีเปลือย)โดยมีรูปเคารพในศาสนาเชนเป็นรูปองค์ศาสดามหาวีระเปลือยกาย เป็นสัญลักษณ์

65 ศาสนาซิกข์ได้รับยกย่องว่าเป็นศาสนาของ….

(1) ผู้กล้าหาญ

(2) ผู้เสียสละ

(3) นักรบ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 340 341 ศาสนาซิกข์ เป็นศาสนาที่มีอายุน้อยที่สุดในบรรดาศาสนาทั้งหลายในประเทศอินเดีย เป็นศาสนาที่เกิดจากการถูกบีบบังคับทางการเมืองและถูกคนในศาสนาอื่นบังคับขู่เข็ญ อีกทั้งยังเป็นศาสนาที่ผู้นับถือชายเกือบทุกคนเป็นนักรบในสมัยที่ตั้งศาสนาตอนแรก ๆ จึงกลายเป็น ศาสนาของผู้กล้าหาญ ผู้เสียสละ และเป็นศาสนาของทหารหรือนักรบ โดยทหารซิกข์นับเป็นทหารชั้นหนึ่งของอินเดียจนกระทั่งได้รับสมญาว่า “แขนคือดาบ”

66 ผู้นับถือศาสนาซิกข์คนแรกคือ…ของศาสดาซิกข์

(1) มารดา

(2) พี่สาว

(3) น้องสาว

(4) ภรรยา

ตอบ 2 หน้า 342 คุรุนานัก ผู้ก่อตั้งศาสนาซิกข์ (ศาสดาองค์ที่ 1 ของศาสนาซิกข์) มีพี่สาวคนหนึ่งชื่อนานกี (แปลว่า หลานตา) ซึ่งรักท่านคุรุนานักมากจึงได้เอาชื่อของตนไปตั้งชื่อให้แก่น้องชายว่า “นานัก” และคงเป็นเพราะว่ารักน้องชายมากนี้เอง ต่อมานางนานกีจึงได้สมัครเป็นชาวซิกข์คนแรกด้วย

67 ศูนย์กลางของศาสนาซิกข์อยู่ที่แคว้น……ประเทศอินเดีย

(1) แคชเมียร์

(2) มคธ

(3) ปัญจาบ

(4) โอริสา

ตอบ 3 หน้า 341 ในปัจจุบันผู้นับถือศาสนาซิกข์มีอยู่กระจัดกระจายทั่วโลก ในประเทศอินเดียมีผู้นับถือศาสนาซิกข์มากในตอนเหนือของประเทศ คือ แคว้นปัญจาบและรัฐหรายนาและจัมมู-แคชเมียร์ โดยเฉพาะกรุงเดลฮี นับว่าเป็นศูนย์กลางของศาสนาซิกข์

68 “สตรีเป็นเหตุแห่งบาป” เป็นคํากล่าวของ

(1) คุรุนานัก

(2) มหาวีระ

(3) โมเสส

(4) พระเยซู

ตอบ 2 หน้า 335, 338 คําสอนของมหาวีระศาสดาของศาสนาเชน ได้แก่

1 ทรงสอนเน้นเรื่องการเอาชนะ อันหมายถึงการเอาชนะใจตนเอง โดยกล่าวว่า “มันเป็นการยากที่จะเอาชนะใจตนเอง แต่เมื่อใดเอาชนะตัวเองได้แล้ว ทุกอย่างก็ถูกเอาชนะด้วย”

2 ทรงสอนให้ใช้ชีวิตอย่างคนป่วย โดยกล่าวว่า “คนมีคุณธรรมย่อมถือความสบายเท่ากับความเจ็บป่วย”

3 ทรงปฏิเสธการปฏิบัติธรรมของสตรี โดยกล่าวว่า “สตรีเพศเป็นเหตุแห่งบาป” เป็นต้น

69 “คนมีคุณธรรมย่อมถือความสบายเท่ากับความเจ็บป่วย” เป็นคําสอนของ

(1) คุรุนานัก

(2) มหาวีระ

(3) โมเสส

(4) พระเยซู

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 68 ประกอบ

70 “เมื่อใดเอาชนะตัวเองได้แล้ว ทุกอย่างก็ถูกเอาชนะด้วย” เป็นคําสอนของ

(1) คุรุนานัก

(2) มหาวีระ

(3) โมเสส

(4) พระเยซู

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 68 ประกอบ

71 ศาสดาเชนต่างจากศาสดาพุทธในข้อใด

(1) ชาติกําเนิด วรรณะของศาสดา

(2) ละทิ้งสมบัติและครอบครัว

(3) แนวทางปฏิบัติเพื่อตัดกิเลส

(4) ตัดกิเลสเพื่อหลุดพ้น

ตอบ 3 หน้า 329, (คําบรรยาย) ศาสนาเชนเกิดในประเทศอินเดียร่วมยุคสมัยเดียวกับพุทธศาสนาและทั้งสองศาสนาก็มีความคล้ายกันหลายประการ เช่น เป็นศาสนาแห่งเหตุผล สั่งสอนไม่ให้ คนหลงงมงาย ชีวประวัติของศาสดา (เช่น มีชายาชื่อยโสธราเหมือนกัน มีชาติกําเนิด (วรรณะ) กษัตริย์เหมือนกัน ละทิ้งสมบัติและครอบครัวเพื่อออกบวชเหมือนกัน) รวมทั้งหลักธรรมคําสอน ก็คล้ายคลึงกันมาก แต่ที่ต่างกัน คือ แนวทางปฏิบัติเพื่อตัดกิเลส โดยศาสดามหาวีระจะเน้นหนัก เคร่งครัดตัดกิเลสอย่างสุดโต่งแบบอัตตกิลมถานุโยคทั้งนักบวชและศาสนิกชน ส่วนพระพุทธเจ้าถือทางสายกลางทั้งพระสงฆ์และศาสนิกชน

72 พระเยซูนับถือศาสนา ……

(1) ยูดาห์

(2) คริสต์

(3) โซโรอัสเตอร์

(4) ไม่นับถือศาสนาใด

ตอบ 1 หน้า 372 ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่สืบเนื่องมาจากศาสนายูดาห์ โดยศาสดาผู้ก่อตั้งศาสนาคริสต์ คือ พระเยซู ก็เป็นชาวอิสราเอลและนับถือศาสนายูดาห์มาก่อน

73 พระเยซูถูกตรึงกางเขน เพราะประกาศว่าพระองค์เป็น

(1) King of the Kings

(2) Messiah

(3) Son of God

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 372, 375 – 379, 385 พระเยซูทรงประกาศว่า พระองค์เป็นบุตรของพระเจ้า (Son of God) เป็นผู้มาไถ่บาปช่วยเหลือชาวยิวและมวลมนุษย์หรือพระคริสต์ (Christ) หรือพระเมสสีอาห์ (Messiah หรือพระผู้ช่วยให้รอด และพระองค์คือกษัตริย์แห่งกษัตริย์ทั้งปวงในโลก (King of the kings) ซึ่งคําประกาศดังกล่าวไม่ตรงกับที่ชาวยิวหวังไว้ เพราะพระองค์เป็นคนธรรมดาสามัญไม่ใช่กษัตริย์ จริง ๆ ไม่มีกองทัพอันเกรียงไกรแล้วจะปลดปล่อยช่วยเหลือชาวยิวได้อย่างไร ทําให้ชาวยิว บางส่วนไม่เชื่อและไม่พอใจในพระองค์ จึงได้วางแผนใส่ร้ายและยุยงให้ผู้สําเร็จราชการโรมัน จับพระองค์มาลงโทษด้วยการตรึงกางเขน

74 พระเยซูประกาศว่าพระองค์มาเพื่อ (ช่วย) ………..

(1) คนดีมีคุณธรรม

(2) คนป่วย

(3) คนบาป

(4) คนที่ศรัทธาพระเจ้า

ตอบ 3 หน้า 376 พระเยซูเสด็จไปในท่ามกลางคนจนและคนต่ำต้อย โดยรักษาคนเจ็บป่วย ปลอบโยนผู้โศกเศร้า และนําความหวังมาสู่จิตใจของคนผู้สํานึกผิด และเมื่อพระเยซูถูกต่อว่าที่มาคลุกคลี กับคนบาป พระเยซูกล่าวว่า “บุคคลผู้สบายดีก็ไม่ต้องการหมอ แต่หมอจําเป็นสําหรับผู้เจ็บป่วยข้าพเจ้ามาไม่ใช่เพื่อคนบุญ แต่มาเพื่อคนบาป เพื่อจะได้สํานึกผิด”

75 คนแรกที่ประกาศให้นับถือพระเจ้าองค์เดียวคือศาสดา

(1) อับราฮัม

(2) โมเสส

(3) เยซู

(4) นบีมูฮัมหมัด

ตอบ 1 หน้า 361, 368 369, (คําบรรยาย) อับราฮัม ศาสดาของศาสนายูดาห์เป็นคนแรกที่ประกาศให้นับถือพระเจ้าองค์เดียว และได้ให้คํามั่นสัญญากับพระเจ้าว่า ลูกชายชาวอิสราเอล (ชาวยิว หรือชาวฮิบรู) ทุกคนต้องทําการขริบปลายอวัยวะเพศ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ที่ยืนยันว่าชนชาติ อิสราเอลเป็นชนชาติแรกที่พระเจ้าทรงเลือก (The Chosen People) และยังถือเป็นส่วนหนึ่งของพันธสัญญากับพระเจ้า

76 คนแรกที่ประกาศให้ชายผู้นับถือพระเจ้าองค์เดียวต้องขริบปลายอวัยวะเพศ

(1) อับราฮัม

(2) โมเสส

(4) นบีมูฮัมหมัด

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 75 ประกอบ

77 ชนชาติแรกที่นับถือพระเจ้าองค์เดียว คือ

(1) ชาวกรีก

(2) ชาวอิสราเอล

(3) ชาวอาหรับ

(4) ชาวอียิปต์โบราณ

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 75 ประกอบ

78 มนุษย์สามารถติดต่อกับพระเจ้า (องค์เดียว) ได้โดยทาง

(1) บูชายัญ

(2) อ่านคัมภีร์

(3) สวดมนต์

(4) ถือศีลอดอาหาร

ตอบ 3 หน้า 360, (คําบรรยาย) ศาสนายูดาห์ เชื่อว่าพระเจ้าทรงติดต่อกับมนุษย์โดยทรงแสดงอภินิหารให้เห็น ส่วนมนุษย์จะติดต่อกับพระเจ้า (องค์เดียว) ได้ด้วยการสวดมนต์และการบําเพ็ญภาวนา โดยพระเจ้าทรงประทานโองการโดยผ่านทางศาสดา ได้แก่ อับราฮัม โมเสส และพระเมสสิอาห์ (Messiah หรือผู้ช่วยให้รอด) ซึ่งพระเจ้าจะส่งมาโปรดช่วยเหลือชาวอิสราเอลเมื่อมีความทุกข์อย่างหนัก โดยเดินทางมาในรูปร่างของมนุษย์

79 พระเจ้าประทานให้ชาวอิสราเอลคือ “ให้…ที่สุด”

(1) กล้าหาญ

(2) ฉลาด

(3) ร่ำรวย

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 2 หน้า 361 พระเจ้าประทานพรให้แก่อับราฮัมและลูกหลานชนชาติอิสราเอลทั้งปวงว่าชาวอิสราเอลทั้งหลายจะอยู่ทั่วไปในโลกดุจดวงดาวบนท้องฟ้า ลูกหลานอิสราเอลจะมีมากมาย ดุจเม็ดทรายในทะเลทราย ชาวอิสราเอลจะมีสติปัญญาเฉลียวฉลาดที่สุด และที่สําคัญจะประทาน “ดินแดนแห่งสัญญา” (The Promised Land) ให้ชาวอิสราเอลได้อยู่อาศัยสร้างบ้านเมืองที่ถาวรและอุดมสมบูรณ์

80 ผู้ที่นับถือศาสนายูดาห์ (ยิว) ที่เคร่งจะไม่กินเนื้อสัตว์ข้อใด

(1) วัว

(2) แพะ

(3) แกะ

(4) หมู

ตอบ 4 หน้า 370, (คําบรรยาย) ศาสนายูดาห์ (ยิว) มีข้อห้ามในเรื่องการรับประทานอาหาร คืออาหารที่รับประทานได้ประเภทเนื้อสัตว์ต้องเป็นสัตว์ประเภทเคี้ยวอาหาร เคี้ยวเอื้อง (เช่น วัว แพะ แกะ) ถ้าเป็นปลาต้องเป็นปลาที่มีครีบและหาง ถ้าเป็นสัตว์ปีกต้องฆ่าตามวิธีที่กําหนดไว้และเนื้อสัตว์ที่ฆ่าต้องเอาเลือดออกให้หมด นอกจากนี้ยังพบว่าชาวยิวที่เคร่งนั้นจะไม่กินเนื้อหมูและกุ้ง เพราะถือเป็นสัตว์ที่กินของสกปรก

81 สัญลักษณ์ของศาสนายูดาห์ คือ

(1) ตะเกียงจุดไฟ

(2) คบเพลิง

(3) เชิงเทียน 7 ก้าน

(4) เชิงเทียน 5 ก้าน

ตอบ 3 หน้า 371 สัญลักษณ์ของศาสนายูดาห์ คือ เชิงเทียน ซึ่งมีที่ตั้งเทียน 7 ก้าน (เล่ม) เรียงกัน

82 ประเทศที่มีผู้นับถือศาสนาอิสลามมากที่สุดในโลก คือ

(1) อิหร่าน

(2) อินโดนีเซีย

(3) อียิปต์

(4) ซาอุดิอาระเบีย

ตอบ 2 หน้า 391, (คําบรรยาย) ศาสนาอิสลามเกิดในดินแดนทะเลทรายในทวีปเอเชีย หรือที่เรียกว่าตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นดินแดนถิ่นฐานของชาวอาหรับ และปัจจุบันเป็นศาสนาที่มีจํานวน ผู้นับถือมากเป็นอันดับที่ 2 ของโลก รองจากศาสนาคริสต์ โดยประเทศที่มีประชากรนับถือศาสนาอิสลามมากที่สุดในโลก คือ อินโดนีเซีย

83 ผู้นับถือศาสนาอิสลามเป็นมุสลิมคนแรกที่มีความสัมพันธ์เป็น…..ของท่านนบี

(1) มารดา

(2) ลุง

(3) ภรรยา

(4) บุตรสาว

ตอบ 3 (คําบรรยาย) มุสลิม (ผู้นับถือศาสนาอิสลาม) คนแรกของโลก คือ นางคาดียะฮ์ (Khadijah) ซึ่งเป็นภรรยาคนแรกของท่านนบีมูฮัมหมัด โดยท่านนบีรักและเคารพภรรยาผู้นี้มาก และได้กล่าวถึงว่า “เมื่อข้าพเจ้ายากจน เธอทําให้ข้าพเจ้าร่ำรวยขึ้น เมื่อคนอื่นกล่าวว่าข้าพเจ้าพูดเท็จเธอเท่านั้นที่เชื่อในข้าพเจ้า”

84 ข้อเด่นของวัฒนธรรมอาหรับที่เป็นที่รู้กันมาแต่โบราณ ได้แก่

(1) ความรู้เรื่องดาราศาสตร์

(2) การทําพรม

(3) ภาษาอาหรับ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 392 393 วัฒนธรรมของชาวอาหรับ ได้แก่ ความรู้เรื่องดาราศาสตร์ การทําพรมภาษาอาหรับ นิทานอาหรับราตรี อาลาดินกับตะเกียงวิเศษ ฯลฯ

85 คัมภีร์อัล-กุรอานมาจากโกหร่าน แปลว่า

(1) การฟัง

(2) การเขียน

(3) การอ่าน

(4) การจํา

ตอบ 3 หน้า 399 คัมภีร์อัล-กุรอาน มาจากคัมภีร์ “โกหร่าน” แปลว่า “การอ่าน” ซึ่งเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นธรรมะสูงสุดของศาสนาอิสลาม เพื่อยึดเหนี่ยวให้ชาวมุสลิมทั่วโลกใช้เป็นแนวทางและธรรมนูญสูงสุดในการดํารงชีวิต

86 จังหวัดใดไม่ได้ใช้กฎหมายอิสลาม

(1) ระนอง

(2) ยะลา

(3) นราธิวาส

(4) สตูล

ตอบ 1 หน้า 391 ประเทศไทยมีชาวมุสลิมผู้นับถือศาสนาอิสลามอยู่ทั่วทุกจังหวัด และมีมากที่สุดใน 4 จังหวัดภาคใต้ คือ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสตูล โดยรัฐบาลไทยได้อนุญาตให้ใช้ กฎหมายอิสลามใน 4 จังหวัดภาคใต้ดังกล่าวนี้

87 ผู้ใดไม่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องถือศีลอด

(1) คนป่วย

(2) คนท้อง

(3) คนเดินทางไกล

(4) คนต้องโทษติดคุก

ตอบ 4 หน้า 402, (คําบรรยาย) การถือศีลอดจะถือเป็นเวลา 1 เดือนเต็ม (30 วัน) และจะเริ่มทําในวันแรกของเดือนที่ 9 แห่งปฏิทินอิสลาม ซึ่งเรียกว่า เดือนรอมาดอนหรือรอมดอน (Ramadan) โดยผู้ที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องถือศีลอด ได้แก่ ผู้ป่วย หญิงตั้งครรภ์ คนชรา ผู้เดินทาง ผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ และผู้วิกลจริตหรือมีสติสัมปชัญญะไม่สมบูรณ์ (สําหรับผู้ป่วยและผู้เดินทางที่จะต้องมาถือศีลอดชดเชยในภายหลังเมื่อพ้นภาวะนั้นแล้ว)

88 ตําแหน่งจุฬาราชมนตรีเกิดขึ้นในสมัยใด

(1) สุโขทัย

(2) อยุธยา

(3) กรุงธนบุรี

(4) รัตนโกสินทร์

ตอบ 2 หน้า 408 จุฬาราชมนตรีเป็นตําแหน่งผู้นําฝ่ายศาสนาอิสลามในประเทศไทยที่ฝ่ายบ้านเมืองสถาปนาขึ้นให้มีหน้าที่เป็นหัวหน้าบริหารศาสนาอิสลาม ซึ่งตําแหน่งนี้ปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรก ในแผ่นดินของสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมแห่งกรุงศรีอยุธยา โดยทรงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งพ่อค้าชาวเปอร์เซียชื่อ “เฉกอะหมัด” เป็นจุฬาราชมนตรีคนแรกของประเทศไทย

89 ข้อใดเป็นฮารอม (Haram)

(1) กระเป๋าหนังเทียม

(2) กระเป๋าหนังวัว

(3) กระเป๋าหนังอูฐ

(4) กระเป๋าหนังจระเข้

ตอบ 4 (คําบรรยาย) ผลิตภัณฑ์และอาหารฮาลาล (HALAL) หมายถึง ผลิตภัณฑ์และอาหารทุกชนิดที่ไม่มีองค์ประกอบของสิ่งที่ต้องห้ามในศาสนาอิสลาม ซึ่งจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อสัตว์นั้นผ่านการเชือด ที่ถูกต้องตามแนวทางอิสลาม ดังนี้

1 ผู้เชือดเป็นมุสลิมที่เข้าใจและรู้วิธีการเชือดแบบอิสลามอย่างแท้จริง

2 สัตว์ที่จะนํามาเชือดจะต้องไม่เป็นสัตว์ที่ต้องห้าม หรือที่เรียกว่าฮารอม (Haram) เช่น หมู สุนัข เสือดํา เหยี่ยว นกอินทรี ง จระเข้ ตะกวด ฯลฯ ส่วนสัตว์ที่สามารถนํามาเชือดได้ เช่น แพะ แกะ วัว อูฐ กวาง กระต่าย ฯลฯ

3 สัตว์ยังมีชีวิตขณะทําการเชือด

4 สัตว์ต้องตายสนิทก่อนที่จะแล่เนื้อ หรือดําเนินการใด ๆ ต่อไป

90 “นกอีแร้ง” เกี่ยวข้องกับผู้นับถือศาสนาใด

(1) ฮินดู

(2) อียิปต์โบราณ

(3) โซโรอัสเตอร์

(4) ซิกข์

ตอบ 3 หน้า 425 คติความเชื่อเกี่ยวกับความตายของศาสนาโซโรอัสเตอร์ คือ การห้ามไม่ให้เผาศพห้ามนําศพไปทิ้งน้ำ และห้ามนําศพไปฝังดิน ทั้งนี้เพราะเชื่อว่าศพนั้นเป็นสิ่งสกปรกซึ่งจะทําให้ ไฟ น้ำ และดินที่พวกเขานับถือต้องสกปรก แต่ให้ทําพิธีศพโดยการนําศพไปวางทิ้งไว้บนหอสูงเรียกว่า “หอคอยแห่งความสงบ” แล้วปล่อยให้แร้ง (นกอีแร้ง) มาจิกกินเป็นอาหาร

91 ศาสนาโซโรอัสเตอร์ถือว่าบาปที่สุด คือ

(1) โกง

(2) โกหก

(3) ขโมย

(4) ขี้ขลาด

ตอบ 2 หน้า 423 424 ศาสดาของศาสนาโซโรอัสเตอร์ได้สั่งสอนไม่ให้คนโกหก กล่าวเท็จเป็นพยานเท็จ และประณามผู้โกหก กล่าวเท็จอย่างมากว่าบาปที่สุด จนเป็นกฎบัญญัติ ให้ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดของศาสนานี้

92 อาณาจักรเปอร์เซีย ปัจจุบันคือประเทศ…

(1) อิรัก

(2) อิหร่าน

(3) ซีเรีย

(4) ตุรกี

ตอบ 2 หน้า 419, 428 429 ในสมัยโบราณศาสนาโซโรอัสเตอร์เดิมเป็นศาสนาประจําชาติของชาวเปอร์เซีย แต่ปัจจุบันอาณาจักรเปอร์เซียกลายเป็นประเทศอิหร่านและนับถือศาสนาอิสลาม เป็นศาสนาประจําชาติ ทําให้ชาวเปอร์เซียที่ไม่ยอมเปลี่ยนศาสนาอยู่ในประเทศของตนไม่ได้ ต้องอพยพลี้ภัยไปอยู่ในดินแดนต่าง ๆ ที่ใกล้เคียง และส่วนใหญ่อพยพไปตั้งถิ่นฐานรวมกลุ่มกัน อยู่มากเป็นชนกลุ่มน้อยและเรียกตัวเองว่า ชาวปาร์ซี (Parsee หรือ Parsi) ซึ่งในปัจจุบันผู้นับถือศาสนาโซโรอัสเตอร์ส่วนใหญ่นั้นตั้งถิ่นฐานอาศัยอยู่ในนครบอมเบย์ ประเทศอินเดีย

93 ดาโต๊ะยุติธรรม ต้องมีอายุตั้งแต่ ……. ขึ้นไป

(1) 25 ปี

(2) 30 ปี

(3) 35 ปี

(4) 40 ปี

ตอบ 1 หน้า 410 411, (คําบรรยาย) ดาโต๊ะยุติธรรม เป็นผู้มีอํานาจและหน้าที่ในการวินิจฉัยและชี้ขาดข้อกฎหมายอิสลามในคดีแพ่งที่เกี่ยวด้วยเรื่องครอบครัวและมรดกของศาลชั้นต้นใน 4 จังหวัดภาคใต้ โดยตําแหน่งดาโต๊ะยุติธรรมนั้น คัดเลือกจากอิสลามศาสนิกชนผู้มีคุณสมบัติดังนี้

1 มีสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป

2 มีภูมิรู้ในศาสนาอิสลามพอที่จะเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดข้อกฎหมายอิสลามเกี่ยวกับครอบครัวและมรดก

3 มีความรู้ภาษาไทยอ่านออกเขียนได้

94 คดีที่ดาโต๊ะยุติธรรมพิจารณาไม่ได้

(1) คดีแพ่ง

(2) คดีอาญา

(3) คดีมรดก

(4) คดีครอบครัว

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 93 ประกอบ

95 “หอคอยแห่งความสงบ” ของศาสนาโซโรอัสเตอร์ คือสถานที่

(1) เก็บคัมภีร์

(2) สวดมนต์

(3) เผาศพ

(4) ทิ้งศพให้สัตว์กิน

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 90 ประกอบ

96 ผู้นับถือศาสนาโซโรอัสเตอร์ ปัจจุบันอาศัยอยู่ประเทศอินเดียที่เมือง ….

(1) นิวเดลี

(2) บอมเบย์

(3) แคชเมียร์

(4) โอริสา

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 92 ประกอบ

97 ศาสนาที่อายุน้อยที่สุด คือ

(1) เชน

(2) คริสต์

(3) ซิกข์

(4) อิสลาม

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 65 ประกอบ

98 “สุวรรณวิหาร” เป็นศาสนสถานที่สําคัญของศาสนา

(1) ฮินดู

(2) เชน

(3) พุทธ

(4) ซิกข์

ตอบ 4 หน้า 346 คุรุอรชุน (ศาสดาองค์ที่ 5 ของศาสนาซิกข์) เป็นผู้สร้าง “สุวรรณวิหาร” หรือ“หริมณเฑียร” ขึ้นกลางสระอมฤต ซึ่งเป็นวิหารหรือวัดที่สวยงามมาก มีประตูสี่ด้าน ไม่มี รูปเคารพใด ๆ ทั้งสิ้น เป็นสีทองอร่ามไปทั่วทั้งวิหารทั้งภายนอกและภายใน ใช้ประกอบพิธี ทางศาสนา และถือเป็นศาสนสถานที่สําคัญที่สุดของศาสนาซิกข์

99 พระเจ้าพิมพิสารยกที่ดินสวนป่าไผ่ให้เป็นวัดแห่งแรกในพุทธศาสนา คือ (1) เวฬุวันมหาวิหาร

(2) เชตะวันมหาวิหาร

(3) บุปผารามมหาวิหาร

(4) โลหะปราสาท

ตอบ 1 หน้า 325, คําบรรยาย) เวฬุวันมหาวิหาร เป็นวัดแห่งแรกในพุทธศาสนา ตั้งอยู่ที่เมืองราชคฤห์แคว้นมคธ เดิมเป็นอุทยานสวนไม้ไผ่ซึ่งพระเจ้าพิมพิสาร กษัตริย์แห่งมคธได้ถวายเป็นพุทธบูชา และเป็นสถานที่ที่พระพุทธเจ้าแสดงโอวาทปาติโมกข์แก่พระอรหันต์จํานวน 1,250 รูป ในวันมาฆบูชา

100 ชายซิกข์ทุกคนต้องสวมกําไลทําด้วย…..

(1) ทองคํา

(2) ทองแดง

(3) เงิน ทอง

(4) เหล็ก

ตอบ 4 หน้า 348 349, (คําบรรยาย) คุรุโควินทสิงห์ เป็นศาสดาของศาสนาซิกข์ที่ให้ศีล 21 ข้อ ซึ่งเป็นศีลประจําชีวิตที่ชายผู้นับถือศาสนาซิกข์ทุกคนถือปฏิบัติ เช่น

1 มี “ก 5 ประการ” ไว้กับตน คือ เกศ (ไว้ผมยาว) กังฆา (หวี) กฉา (กางเกงขาสั้น) กรา (สวมกําไลเหล็ก) และกฤปาน (ดาบ)

2 ห้ามใช้สีแดง เพราะเป็นสีที่หมายถึงความรัก ความเมตตา ซึ่งขัดต่อนิสัยนักรบ

3 ให้ใช้คําว่า “สิงห์” ต่อท้ายตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

4 ให้โพกศีรษะ ห้ามเปลือยศีรษะ นอกจากเวลาอาบน้ำ

5 ห้ามตัดหรือโกนผม หนวด และเครา ฯลฯ

 

 

PHI1001 วัฒนธรรมและศาสนา 1/2560

การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2560

ข้อสอบกระบวนวิชา PHI 1001 วัฒนธรรมและศาสนา

คําสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคําตอบเดียว (ข้อสอบมีทั้งหมด 100 ข้อ)

1 วัฒนธรรม คือ

(1) สิ่งที่มนุษย์คิด เชื่อ สร้าง และสังคมยอมรับว่าดีมีประโยชน์

(2) วิถีชีวิตของมนุษย์และสังคมที่สืบเนื่องกันมา

(3) ความเจริญทางจิตใจ วัตถุ และสังคม

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 7 – 10, (คําบรรยาย) ความหมายของ “วัฒนธรรม” มีดังนี้

1 คือ สิ่งที่มนุษย์คิด เชื่อ สร้าง และสังคมยอมรับว่าดีมีประโยชน์ เช่น การสวดมนต์ข้ามปี การนอนอาบแดด การสร้างเรือหาปลา กระท่อมชาวเล ฯลฯ แต่วัฒนธรรมจะไม่รวมถึง สิ่งที่สังคมไม่ยอมรับ เห็นว่าเป็นสิ่งไม่ดี รวมทั้งพฤติกรรมที่เกิดจากสัญชาติญาณหรือพฤติกรรมตามธรรมชาติ (สัตว์และพืช) เช่น หาดทราย-สายลม แสงแดด ปลา ฯลฯ

2 คือ วิถีชีวิตของมนุษย์และสังคมที่สืบเนื่องกันมา เป็นมรดกของสังคม

3 คือ ความเจริญทางจิตใจ วัตถุ และสังคม ทั้งนี้ในวัฒนธรรมทุกชนชาตินั้นย่อมแสดงถึงสัญลักษณ์ความเจริญ เอกลักษณ์ อัตลักษณ์ นวัตกรรม และภูมิปัญญาของคนในชาตินั้นเป็นต้น

2 ข้อใดเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม

(1) ภูมิปัญญา

(2) เอกลักษณ์

(3) นวัตกรรม

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 1 ประกอบ

3 ข้อใดไม่เป็นวัฒนธรรม

(1) หาดทราย-สายลม

(2) นอนอาบแดด

(3) เรือหาปลา

(4) กระท่อมชาวเล

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 1 ประกอบ

4 วัฒนธรรมสําคัญมากเพราะ

(1) ดํารงเชื้อชาติ

(2) ทําให้เป็นมนุษย์

(3) แสดงถึงความเจริญ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 5, 12, (คําบรรยาย) วัฒนธรรมมีความสําคัญ ดังนี้

1 ดํารงเชื้อชาติ โดยจะเป็นกระจกเงาที่ส่องความเป็นมาของชนชาตินั้น ๆ เช่น ชาวอิสราเอล รักษาวัฒนธรรมมากกว่า 3,000 ปี, ชาวมอญสืบต่อวัฒนธรรมมาเกือบพันปี, ชาวเขาดํารงพิธีกรรมความเชื่อมาหลายร้อยปี

2 ทําให้คนเป็นมนุษย์ เพื่อปกปิดสัญชาตญาณธรรมชาติ อันเป็นสัญชาตญาณดิบ เช่น ไม่กินทันทีแม้กระหายอยากจะกิน แต่ต้องรอให้ถึงเวลากิน และกินอย่างมีระเบียบตามรูปแบบแห่งวัฒนธรรม

3 แสดงถึงความเจริญของชาติ สัญลักษณ์ ภูมิปัญญา และวิถีชีวิตของคนในชาติ เป็นต้น

5 ข้อใดเป็นอารยธรรม

(1) ฟุตบอล

(2) เลขอารบิค

(3) โทรศัพท์มือถือ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 14, (คําบรรยาย) วัฒนธรรมกับอารยธรรมมีความสัมพันธ์กัน กล่าวคือ วัฒนธรรมเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาก่อนแล้วขยายตัวขึ้นหรือเจริญแพร่หลายไปเป็นอารยธรรม หรืออารยธรรม เป็นความเจริญงอกงามที่เกิดจากการรวมตัวของวัฒนธรรม ดังนั้นอารยธรรมจึงมีลักษณะของ ความเป็นสากล หรือเป็นวัฒนธรรมที่แพร่หลายไปทั่วโลก เป็นที่ยอมรับนําไปใช้จนเป็นสากล เช่น การปกครองระบอบประชาธิปไตย, กีฬาโอลิมปิก, กีตาร์, เปียโน, ไวโอลิน, โทรศัพท์มือถือ, เลขอารบิค, รถยนต์, เครื่องบิน, การประกวดนางงามจักรวาล, การแข่งขันชิงแชมป์ฟุตบอลโลก, เครื่องหมายกาชาดสีแดง, 1 มกราคมเป็นวันปีใหม่, วันวาเลนไทน์, วันแรงงาน, เพลง Happy Birthday, เสื้อครุยปริญญา, ชุดสูท, การจัดงาน World Expo ฯลฯ

6 ภูมิปัญญาไทย ได้แก่

(1) กังหันน้ำชัยพัฒนา

(2) ต้มยํากุ้ง

(3) นวดแผนไทย

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 (คําบรรยาย) ภูมิปัญญาไทย คือ การใช้สติปัญญาสร้างสรรค์ขึ้นมา ซึ่งเป็นแนวความคิดทางสังคม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเป็นชาติ ความเป็นสังคม อันมีลักษณะเด่นเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง เป็นเครื่องชี้ถึงความเจริญรุ่งเรืองของสังคม และทําให้ได้รู้หรือเข้าใจความเป็นมาของ ชนชาติไทยในอดีตมากขึ้น โดยภูมิปัญญาไทยนั้นจะมีอยู่ในทุกวัฒนธรรม คือ วัฒนธรรมท้องถิ่น วัฒนธรรมหลวง และเอกลักษณ์ เช่น เรือนไทย วัดไทย ผ้าไทย (การใช้พืชย้อมผ้า ผ้าขาวม้า ผ้าไหม) คําไทย (พ่อ แม่ พี่ น้อง) อาหารไทย (ต้มยํากุ้ง) ยาไทย (ยาหอมแก้ลม) ดนตรีไทย นวดแผนไทย กังหันน้ำชัยพัฒนา รถตุ๊ก ๆ ฯลฯ

7 เอกลักษณ์ไทย ได้แก่

(1) รักในหลวง

(2) ไม่เป็นไร-ให้อภัย

(3) ไหว้

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 63 – 64, 67 – 68, (คําบรรยาย) ลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ของคนไทย ได้แก่ เคารพสถาบันพระมหากษัตริย์ รักพระเจ้าอยู่หัว (รักในหลวง) สุภาพอ่อนน้อม ลักษณะการไหว้ ยิ้มแย้มเป็นมิตร ยิ้มสู้-ยิ้มได้เมื่อภัยมา มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ใจบุญ เมตตากรุณา โอบอ้อมอารี ชอบช่วยเหลือ ผู้ทุกข์ยาก สนุกสนาน ลืมง่าย มักให้อภัยเสมอ โกรธไม่นาน ซึ่งคนไทยให้อภัยจนชอบพูดติดปากเสมอว่า “ไม่เป็นไร”

8 สัญลักษณ์ไทย ได้แก่

(1) ธงไตรรงค์

(2) ตราครุฑ

(3) พระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 9

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 (คําบรรยาย) สัญลักษณ์ของประเทศไทย ได้แก่

1 ธงไตรรงค์ (ธงชาติไทย)

2 ตราครุฑ

3 พระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 9

4 เรือสุพรรณหงส์

5 ศาลาไทย

6 ช้างไทย

7 อักษรไทย เป็นต้น

9 วัฒนธรรมพื้นบ้านภาคอีสาน ข้อใดไม่ใช่

(1) แห่ผีตาโขน

(2) แห่นางแมวขอฝน

(3) ประเพณีชิงเปรต

(4) พิธีบายศรีสู่ขวัญ

ตอบ 3 หน้า 61 – 62, (คําบรรยาย) วัฒนธรรมราษฎร์หรือวัฒนธรรมท้องถิ่นหรือวัฒนธรรมพื้นบ้านแต่ละภาค มีดังนี้

1 ภาคเหนือ เช่น การแอ่วสาว การไหว้ผี การผูกข้อมือ การจุดโคมลอย การฟ้อนเล็บ สะล้อ ซอ ซึง เปิงมาง ฯลฯ

2 ภาคกลาง เช่น เพลงกล่อมเด็ก เพลงอีแซว เพลงลูกทุ่ง เพลงรําวง นิทานพื้นบ้าน ลิเก ลําตัด

รํากลองยาว การรําถวาย การทําบุญตักบาตรวันสงกรานต์ที่สนามหลวง ฯลฯ 3 ภาคอีสาน เช่น การผิดผี การไหว้ผีปู่ย่า การรําผีฟ้า การไล่ผีปอบ การแห่ผีตาโขน การแห่นางแมวขอฝน การแห่บั้งไฟ พิธีบายศรีสู่ขวัญ รําซิ่ง การตีโปงลาง ฯลฯ

4 ภาคใต้ เช่น ประเพณีชิงเปรต ประเพณีเพลงบอก การสวดโอ้เอ้วิหารราย หนังตะลุง ลิเกป่า ลิเกตันหยง รํามโนราห์ ฯลฯ

10 วัฒนธรรมหลวง ข้อใดไม่ใช่

(1) พิธีแรกนาขวัญ

(2) พิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ

(3) พิธีบายศรีสู่ขวัญ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 3 หน้า 180 – 182, (คําบรรยาย) วัฒนธรรมหลวง ได้แก่ พิธีแรกนาขวัญ (พิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ) พิธีโล้ชิงช้า การแสดงโขนหน้าพระเมรุ การขับร้องเห่เรือสุพรรณหงส์ เพลงสรรเสริญ พระบารมี การอภัยโทษ พิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พิธีสมรสพระราชทาน เป็นต้น(ดูคําอธิบายข้อ 9 ประกอบ)

11 ประชาชนจํานวนมากตั้งใจว่า “จะทําความดีตามรอยพระบรมราโชวาทรัชกาลที่ 9” จัดเป็นวัฒนธรรม

(1) สหธรรม

(2) วัตถุธรรม

(3) เนติธรรม

(4) คติธรรม

ตอบ 4 หน้า 99 – 102, 104 (คําบรรยาย) วัฒนธรรมคติธรรม เป็นวัฒนธรรมทางจิตใจเกี่ยวกับศีลธรรมและจรรยาบรรณ อันเป็นหลักหรือแนวทางดําเนินชีวิตที่ดีที่ควรยึดถือและควรปฏิบัติ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากอิทธิพลของความเชื่อและคตินิยมทางศาสนา เช่น ประชาชนจํานวนมาก ตั้งใจว่า “จะทําความดีตามรอยพระบรมราโชวาทรัชกาลที่ 9” หรือ “เดินตามรอยพ่อ” ของรัชกาลที่ 9, คนไทยรักในหลวง, พุทธสุภาษิต (สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม กฎแห่งกรรม) คนดีผีคุ้ม), สุภาษิตคติเตือนใจเกี่ยวกับการงาน (หนักเอาเบาสู้ อย่าผัดวันประกันพรุ่ง), สุภาษิตคติเตือนใจในการคบมิตร (เพื่อนกินหาง่าย เพื่อนตายหายาก), สุภาษิตคติเตือนใจ ในการประพฤติ (ไม่เป็นไร, น้ำร้อนปลาเป็น-น้ำเย็นปลาตาย บวชก่อนเบียด) และคติธรรมสอนหญิง (รักนวลสงวนตัว)

12 ข้อใดเป็นโครงการในพระราชดําริของรัชกาลที่ 9

(1) แก้มลิง

(2) แกล้งดิน

(3) ชั่งหัวมัน

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 (คําบรรยาย) โครงการในพระราชดําริของรัชกาลที่ 9 ได้แก่ แก้มลิง แกล้งดิน ชั่งหัวมัน ฝนหลวง ฝายชะลอน้ำ หญ้าแฝก ฯลฯ

13 รัชกาลที่ 9 ทรงพระราชนิพนธ์เพลงจํานวนมาก ข้อใดไม่ใช่

(1) ชะตาชีวิต

(2) ชะตาฟ้า

(3) แสงเทียน

(4) ใกล้รุ่ง

ตอบ 2 (คําบรรยาย) บทเพลงพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 9 ได้แก่ ชะตาชีวิต แสงเทียน ใกล้รุ่ง อาทิตย์อับแสง ยามเย็น ยามค่ำ สายฝน สายลม ลมหนาว ฝัน รัก แผ่นดินของเรา เราสู้ พรปีใหม่ ฯลฯ

14 รัฐบาลประกาศให้เป็นวันหยุดแห่งชาติในปี 2560

(1) 28 กรกฎาคม

(2) 26 ตุลาคม

(3) 5 ธันวาคม

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 2 (คําบรรยาย) คณะรัฐมนตรีประกาศให้วันที่ 26 ตุลาคม 2560 เป็นวันหยุดราชการ เนื่องด้วยเป็นวันพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในงานพระราชพิธี

15 วัฒนธรรมเนติธรรมไทย ถ้าเมาแล้วขับจะถูกลงโทษ ข้อใดไม่ใช่

(1) ยึดใบขับขี่

(2) ยึดบัตรประจําตัวประชาชน

(3) คุมประพฤติ

(4) ปรับ

ตอบ 2 หน้า 106 – 109, (คําบรรยาย) วัฒนธรรมทางเนติธรรม เป็นวัฒนธรรมที่เกี่ยวกับกฎหมายกฎมณเฑียรบาล สิทธิหน้าที่ของพลเมืองตามกฎหมาย รัฐธรรมนูญ จารีตประเพณี ข้อห้าม ทางศาสนา และหมายความรวมถึงพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับการลงโทษ กระบวนการลงโทษ และกระบวนการพิจารณาความลงโทษด้วย เช่น วัฒนธรรมเนติธรรมของไทย ได้แก่ เมาไม่ขับ ถ้าเมาแล้วขับจะถูกยึดใบขับขี่ จับปรับและคุมประพฤติ, การที่รัฐบาลประกาศขยายเวลาใช้ พระราชกําหนดแรงงานที่มีบทลงโทษแรงงานผิดกฎหมาย ไปถึงสิ้นสุด 31 ธันวาคม 2560 และเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2561 เป็นต้นไป เป็นต้น

16 วัฒนธรรมเนติธรรมไทย รัฐประกาศขยายเวลาใช้ พระราชกําหนดแรงงานที่มีบทลงโทษแรงงานผิดกฎหมาย ไปถึง

(1) 1 พฤศจิกายน 2560

(2) 1 ธันวาคม 2560

(3) 1 มกราคม 2561

(4) 1 กุมภาพันธ์ 2561

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 15 ประกอบ

17 พิธีถวายพระเพลิงพระมหากษัตริย์ ประกอบด้วยวัฒนธรรม

(1) คติธรรม

(2) สหธรรม

(3) วัตถุธรรม

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 (คําบรรยาย) การถวายพระเพลิงพระบรมศพพระมหากษัตริย์ ตามราชพงศาวดารเรียกว่า“งานพระเมรุ” ซึ่งมีที่มาจาก พระเมรุมาศหรือพระเมรุ อันเป็นสถาปัตยกรรมเฉพาะกิจที่สร้าง ขึ้นเนื่องในพระราชพิธีสําคัญ ทั้งนี้พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระมหากษัตริย์ ประกอบด้วยวัฒนธรรมคติธรรม สหธรรม และวัตถุธรรม

18 พิธีถวายพระเพลิงพระมหากษัตริย์และราชวงศ์ชั้นสูง ณ ท้องสนามหลวงจะมีการแสดงทุกครั้ง

(1) รําอวยพร

(2) ละครชาตรี

(3) โขน

(4) ลิเก

ตอบ 3 (คําบรรยาย) โขน เป็นศิลปะการแสดงชั้นสูงของไทยที่มีความสง่างาม อลังการและอ่อนช้อยมีประวัติยาวนานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาและสืบต่อมาจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ ทั้งนี้โขนในสมัย โบราณนั้นถือเป็นการละเล่นของผู้มียศถาบรรดาศักดิ์ ใช้สําหรับแสดงในงานพระราชพิธีเท่านั้น (เช่น พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระมหากษัตริย์และราชวงศ์ชั้นสูง) ปัจจุบันสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์มีหน้าที่หลักในการสืบทอดการฝึกหัดโขน และกรมศิลปากรมีหน้าที่ในการจัดแสดง

19 วัฒนธรรมคติธรรม ได้แก่

(1) กฎแห่งกรรม

(2) น้ำร้อนปลาเป็น-น้ำเย็นปลาตาย

(3) บวชก่อนเบียด

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 11 ประกอบ

20 วัฒนธรรมคติธรรม ข้อใดไม่ใช่

(1) สําเนียงส่อภาษา-กิริยาส่อสกุล

(2) คนไทยรักในหลวง

(3) ไม่เป็นไร

(4) เดินตามรอยพ่อ

ตอบ 1 หน้า 125, (คําบรรยาย) วัฒนธรรมสหธรรม เป็นวัฒนธรรมที่เกี่ยวกับสังคมส่วนรวม ครอบครัวสาธารณชนและประเทศชาติ ได้แก่ ขนบธรรมเนียมประเพณี การละเล่นท้องถิ่น การแข่งขันกีฬา และจรรยามารยาทหรือกิริยามารยาทต่าง ๆ ในสังคม เช่น การที่ประชาชนจํานวนมาก มีจิตอาสาเก็บคัดแยกขยะในช่วงเวลาถวายบังคมพระบรมศพรัชกาลที่ 9 ที่สนามหลวง, การรู้จักกาลเทศะดังคําพังเพยที่กล่าวว่า “สําเนียงส่อภาษา-กิริยาส่อสกุล”, การลุกให้เด็ก คนชรา หญิงมีครรภ์นั่งในรถเมล์, การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก, เทศกาลสงกรานต์, วันสตรีสากล, เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ การ Countdown การจุดพลุ) เป็นต้น(ดูคําอธิบายข้อ 11 ประกอบ)

21 วัฒนธรรมสหธรรม ได้แก่

(1) การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก

(2) เทศกาลสงกรานต์

(3) วันสตรีสากล

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 20 ประกอบ

22 เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ข้อใดไม่เป็นวัฒนธรรมสหธรรม

(1) Countdown

(2) จุดพลุ

(3) ซื้อหวยเลขท้ายปี พ.ศ.

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 20 ประกอบ

23 วัฒนธรรมไทย ข้อใดจัดเป็นความเชื่อเรื่องผีสางเทวดา

(1) ผีปอป-ผีฟ้า

(2) พระสยามเทวาธิราช

(3) เจ้าป่าเจ้าเขา

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 59, (คําบรรยาย) วัฒนธรรมของชาวไทยนั้น แต่เดิมมีความเชื่อมาจากการนับถือผีสาง-เทวดาตามลัทธิวิญญาณนิยม (เช่น ผีปอป-ผีฟ้า เจ้าป่าเจ้าเขา พระสยามเทวาธิราช ฯลฯ) ต่อมาเมื่อได้รับอิทธิพลของวัฒนธรรมอินเดียก็รับเอาคติความเชื่อของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู มานับถือ (เช่น เสาชิงช้าหน้าวัดสุทัศน์ แม่พระธรณีบีบมวยผมที่ท้องสนามหลวง พระเมรุมาศ ถวายพระเพลิงพระบรมศพ ฯลฯ) และเมื่อพุทธศาสนาเผยแผ่เข้ามาในดินแดนสุวรรณภูมิ ชาวไทยก็ศรัทธาเลื่อมใสพุทธศาสนามากจนยอมรับเป็นศาสนาประจําชาติ แต่ชาวไทยส่วนใหญ่ก็ยังไม่ละทิ้งความเชื่อเรื่องผีสางเทวดาและคติความเชื่อของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู

24 วัฒนธรรมไทยที่ได้รับอิทธิพลจากศาสนาพราหมณ์-ฮินดู

(1) เสาชิงช้าหน้าวัดสุทัศน์

(2) แม่พระธรณีบีบมวยผมที่ท้องสนามหลวง

(3) พระเมรุมาศถวายพระเพลิงพระบรมศพ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 23 ประกอบ

25 ข้อใดมีความสัมพันธ์กับอาณาจักรศรีวิชัย

(1) จตุคามรามเทพ

(2) พระพุทธสิหิงค์

(3) พระปฐมเจดีย์

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 1 หน้า 69 – 71, (คําบรรยาย) อาณาจักรศรีวิชัย เป็นอาณาจักรใหญ่ที่เจริญรุ่งเรืองทางอารยธรรมและวัฒนธรรมอย่างสูง ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของดินแดนสุวรรณภูมิ โดยศิลปวัฒนธรรมที่มีชื่อเสียง และเป็นเอกลักษณ์ ได้แก่ โบราณสถานวัดพระมหาธาตุ นอกจากนี้ยังมีศิลปะการแสดงที่ได้รับ อิทธิพลมาจากอินเดีย เช่น หนังใหญ่ หนังตะลุง อิทธิพลความเชื่อจากศาสนาพราหมณ์ ฮินดู เช่น จตุคามรามเทพ ขนบธรรมเนียมประเพณีที่ได้รับอิทธิพลมาจากศาสนาพุทธ เช่น ประเพณีกินเจ ประเพณีชิงเปรต ฯลฯ

26 ข้อใดมีความสัมพันธ์กับอาณาจักรทวาราวดี

(1) จตุคามรามเทพ

(2) พระพุทธสิหิงค์

(3) พระปฐมเจดีย์

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 3 หน้า 72 – 73 อาณาจักรทวาราวดี เป็นอาณาจักรที่เจริญรุ่งเรืองทางอารยธรรมและวัฒนธรรมอย่างสูงในบริเวณภาคกลางของประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันได้แก่ บริเวณจังหวัดนครปฐม (พระปฐมเจดีย์) ราชบุรี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี และดินแดนแถบลุ่มแม่น้ำแม่กลอง ไทรโยค แควใหญ่ และแควน้อย โดยชนชาติมอญครอบครองอาณาจักรนี้มาช้านาน ต่อมาเมื่ออาณาจักรทวาราวดีอ่อนแอลงจึง ได้ผนวกเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรไทยและมีการผสมกลมกลืนของวัฒนธรรม โดยส่วนใหญ่ แล้ววัฒนธรรมของอาณาจักรทวาราวดีนั้นได้รับอิทธิพลมาจากวัฒนธรรมอินเดีย ซึ่งที่สําคัญคือการรับคติความเชื่อทางศาสนาพราหมณ์-ฮินดูและพุทธ

27 ข้อใดมีความสัมพันธ์กับอาณาจักรสุโขทัย

(1) จตุคามรามเทพ

(2) พระพุทธสิหิงค์

(3) พระปฐมเจดีย์

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 2 หน้า 82 83 ในรัชสมัยของพ่อขุนรามคําแหง อาณาจักรสุโขทัยมีความเจริญสูงสุด และได้ขยายอาณาเขตกว้างใหญ่ออกไปมาก มีการทําสัมพันธไมตรีกับอาณาจักรทางเหนือของ พญามังรายและพญางําเมือง จนถึงกับทําสัญญาเป็นพระสหายร่วมสาบาน นอกจากนี้ พ่อขุนรามคําแหงยังได้เจริญพระราชไมตรีกับศรีลังกาจนได้รับมอบพระพุทธรูปที่งดงามล้ำค่ามากองค์หนึ่งให้แก่ประเทศไทย คือ “พระพุทธสิหิงค์”

28 ข้อใดไม่อยู่ในปัญญาสชาดก

(1) สังข์ทอง

(2) พระรถ-เมรี

(3) อิเหนา

(4) มโนราห์

ตอบ 3 หน้า 78 – 81 ปัญญาสชาดก ชาดก 50 เรื่อง) คือ วรรณกรรมพุทธศาสนานอกพระไตรปิฎกในสมัยอาณาจักรล้านนา ซึ่งถือเป็นต้นกําเนิดของวรรณคดีไทยหลายเรื่อง เช่น สุธนชาดก (พระสุธน-มโนราห์), รถเสนชาดก (พระรถเสน-เมรี-นางสิบสอง) และสุวัณณสังขชาดก(สังข์ทอง-รจนา) เป็นต้น ส่วนอิเหนาและพระอภัยมณี เป็นวรรณกรรมในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์)

29 วัฒนธรรมความเชื่อของฮินดูมีเทพเจ้าสูงสุด 3 องค์ รวมเรียกว่า

(1) ตรีเทพ

(2) ตรีเอกานุภาพ

(3) ตรีมูรติ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 3 หน้า 24, 273 – 275 ชาวอินเดียมีวัฒนธรรมความเชื่อว่าเทพเจ้าสูงสุดของศาสนาฮินดูมี 3 องค์ รวมเรียกว่า “ตรีมูรติ” ได้แก่

1 พระพรหม ผู้สร้างทุกสิ่งในจักรวาล พระพรหมมี 4 หน้า (4 พักตร์) โดยมีพระสุรัสวดีเป็นพระมเหสี

2 พระวิษณุ (พระนารายณ์) ผู้รักษาทุกสิ่งในจักรวาล พระวิษณุมี 4 มือ (4 กร)โดยมีพระลักษมีเป็นพระมเหสี

3 พระอิศวร (พระศิวะ) ผู้ทําลายทุกสิ่งในจักรวาล พระอิศวรมี 3 ตา (3 เนตร) ซึ่งตาที่สามอยู่ที่หน้าผาก โดยมีพระอุมาเทวี (เจ้าแม่ทุรคา เจ้าแม่กาลี) เป็นพระมเหสี และมีพระโอรส 2 พระองค์ คือ พระพิฆเนศ และพระขันทกุมาร

30 วัฒนธรรมอินเดียแบ่งชนชั้นอย่างเคร่งครัดโดยใช้เป็นตัวกําหนด

(1) สัญชาติ

(2) ชาติกําเนิด

(3) ฐานะทางเศรษฐกิจ

(4) ระดับการศึกษา

ตอบ 2 หน้า 24 – 25 วัฒนธรรมอินเดียแบ่งชนชั้นอย่างเคร่งครัดโดยใช้ชาติกําเนิดเป็นตัวกําหนดโดยชาวฮินดูเชื่อว่าพระพรหมเป็นผู้แบ่งชั้นวรรณะของมนุษย์ มนุษย์ทุกคนต้องยอมรับต่อฐานะ แห่งชาติกําเนิดของตนที่พระพรหมกําหนดให้ โดยปฏิบัติตนดํารงชีวิตไปตามฐานะวรรณะของ ตนในสังคม เช่น คนในวรรณะสูงก็จะแบ่งแยกไม่คบหาสมาคม มั่วสุมกับคนวรรณะต่ำ,อาชีพการงานก็ต้องทําจํากัดเฉพาะที่คนวรรณะต่ำควรทํา เป็นต้น

31 วรรณะจัณฑาลถูกจํากัดโดยศาสนาในเรื่องใด

(1) อาชีพการงาน

(2) การแต่งงาน

(3) ฐานะทางสังคม

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 24 – 25, 267, (คําบรรยาย) คนในวรรณะจัณฑาลในสังคมและวัฒนธรรมอินเดียมีสภาพความเป็นอยู่ที่แร้นแค้น ทุกข์ยาก ลําบาก ทํางานหนัก รายได้น้อย โดยวรรณะจัณฑาล ถูกจํากัดโดยศาสนาในหลายเรื่อง เช่น อาชีพการงาน มักเป็นอาชีพที่ต่ำ ลําบาก และคนทั่วไป ไม่อยากจะทํากัน ได้แก่ กวาดถนน เก็บขยะ ล้างส้วม สัปเหร่อ ฯลฯ, การแต่งงาน, ฐานะทาง สังคมต่ำสุด และรัฐบาลก็พยายามแยกคนพวกนี้ออกจากสิทธิเสรีภาพอันพึงมีทางกฎหมายไม่ให้ทัดเทียมกับคนวรรณะอื่น ๆ ในสังคม

32 มารดาของมหาตมะ คานธี สอนว่าเมื่อคานธีถูกตัวจัณฑาลให้ล้างมลทินโดยเอามือเช็ดที่

(1) พื้นดิน

(2) ต้นไม้ใหญ่

(3) ผ้าเช็ดเท้า

(4) ผู้นับถือศาสนาอื่น

ตอบ 4 หน้า 26, (คําบรรยาย) ท่านมหาตมะ คานธี ในวัยเด็กมักจะไปถูกต้องตัวเด็กวรรณะจัณฑาลอยู่บ่อย ๆ ขณะไปโรงเรียน มารดาของท่านจึงสอนวิธีชําระล้างมลทินแบบย่อโดยให้ท่านเอามือ ไปเช็ดคนนอกศาสนาหรือคนนับถือศาสนาอื่น ๆ เช่น พวกมุสลิม ฯลฯ ก็จะถือว่าทําให้มลทินหมดไปจากตัวแล้ว

33 อาบน้ำล้างบาปในแม่น้ำคงคาทําวันใดได้ผลมากที่สุด

(1) ศิวาราตรี

(2) วันที่เกิดสุริยคราส

(3) วันที่เกิดจันทรคราส

(4) วันเกิดตนเอง

ตอบ 1 หน้า 26, 284 วันศิวาราตรี เป็นวันที่ชาวฮินดูทําพิธีบวงสรวงบูชาและทําพลีกรรมแก่พระศิวะซึ่งตรงกับวันมาฆบูชา (วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3) ของพุทธศาสนา และนอกจากนี้ชาวฮินดูยังมี ความเชื่อว่า การอาบน้ำล้างบาปในแม่น้ำคงคาจะศักดิ์สิทธิ์และได้ผลมากที่สุดถ้าหากได้อาบในวันศิวาราตรีนี้

34 ประเทศใดได้รับอิทธิพลของวัฒนธรรมอินเดีย

(1) มาเลเซีย

(2) อินโดนีเซีย

(3) เนปาล

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 23, 51, (คําบรรยาย) วัฒนธรรมอินเดียมีอิทธิพลครอบคลุมและเป็นแม่แบบวัฒนธรรมของชาติต่าง ๆ ในทวีปเอเชีย ได้แก่ ไทย ลาว กัมพูชา พม่า มอญ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย (เกาะบาหลี) มาเลเซีย จีน ทิเบต ญี่ปุ่น เนปาล เป็นต้น โดยวัฒนธรรมอินเดียนั้นจะเข้ามามี อิทธิพลต่อวัฒนธรรมชาติต่าง ๆ โดยผ่านทางศาสนามากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อ พิธีกรรมการบูชาเทพเจ้า และอื่น ๆ

35 “วันศิวาราตรี” ตรงกับวัน

(1) วิสาขบูชา

(2) อาสาฬหบูชา

(3) มาฆบูชา

(4) วันลอยกระทง

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 33 ประกอบ

36 ชาวอินดูจะไม่…..ในแม่น้ำคงคา

(1) ทิ้งศพเด็ก

(2) ทิ้งเถ้ากระดูก

(3) อาบน้ำ-ซักผ้า

(4) ทิ้งขยะ

ตอบ 4 หน้า 26 – 27, 31, 287 ศรัทธาของชาวฮินดูที่มีต่อแม่น้ำคงคานั้น ได้ฝังลึกอยู่ในสายเลือดตั้งแต่บรรพบุรุษสืบทอดนับถือมาจนถึงปัจจุบัน โดยพวกเขาถือว่า แม่น้ำคงคานั้นเปรียบเสมือน มารดาผู้ให้ชีวิตและความอุดมสมบูรณ์หล่อเลี้ยงชาวอินเดียทั้งประเทศตลอดมาหลายพันปี ดังนั้นชาวอินเดียที่นับถือศาสนาฮินดูทุกคนจึงใช้แม่น้ำคงคานี้สําหรับทําพิธีล้างบาป อาบน้ำ ซักผ้า ทิ้งศพเด็ก ทิ้งเถ้ากระดูก (ของมนุษย์เท่านั้น) นําไปผสมทําพิธีกรรมต่าง ๆ ที่ใช้น้ำทําเป็นน้ำมนต์ดื่มกินเพื่อเป็นสิริมงคลและรักษาโรค

37 วัฒนธรรมอินเดียกินหมากเป็นของว่างและแจกหมากในการสิ้นสุด

(1) งานเลี้ยงฉลอง

(2) งานเผาศพ

(3) งานแข่งขันกีฬา

(4) งานพิธีบูชาเทพเจ้า

ตอบ 1 หน้า 34 – 35 วัฒนธรรมอินเดียเรื่องอาหารการบริโภคนั้น ชาวอินเดียถือเป็นแหล่งต้นตํารับของวัฒนธรรมการกินหมาก โดยธรรมเนียมปฏิบัติในการรับประทานอาหารในครอบครัวอินเดีย จะรับประทานพร้อมกันทั้งครอบครัว เมื่อรับประทานเสร็จล้างมือแล้วมักจะเคี้ยวหมากล้างปาก ซึ่งในการเลี้ยงอาหารต่าง ๆ เมื่อมีการนําถาดใส่หมากพลูมาเสิร์ฟ ก็แสดงว่าการรับประทานอาหารหรืองานเลี้ยงฉลองสิ้นสุดลงแล้ว

38 วัฒนธรรมอินเดียมีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมไทย ได้แก่

(1) ศาสนา

(2) สถาบันกษัตริย์

(3) เทศกาลประเพณี

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 59, 163, (คําบรรยาย) วัฒนธรรมอินเดียมีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมไทย ได้แก่ ศาสนา (พราหมณ์-ฮินดู) สถาบันกษัตริย์ สัญลักษณ์ราชวงศ์จักรี) เทศกาลประเพณี (เทศกาลสงกรานต์ ประเพณีลอยกระทง) วรรณกรรม (รามเกียรติ์) พิธีกรรม เทพเจ้า ภาษา อาหาร เป็นต้น

39 ประเทศอินเดียให้วัน…เป็นวันหยุดราชการ

(1) วันบูชาเจ้าแม่กาลี

(2) วันบูชาเจ้าแม่ทุรคา

(3) วันบูชาพระแม่อุมา

(4) วันบูชาพระแม่คงคา

ตอบ 2 (คําบรรยาย) เจ้าแม่ทุรคา เป็นปางหนึ่งของพระอุมาเทวี ซึ่งเป็นที่นับถือของคนอินเดียมากจนให้วันบูชาเจ้าแม่ทุรคาเป็นวันหยุดราชการเพื่อทําพิธีเฉลิมฉลองให้เจ้าแม่ทุรคา เรียกว่า เทศกาลนวราตรีคุเซราห์ ส่วนในประเทศไทยงานฉลองนี้จะมีขึ้นประจําทุกปีที่วัดพระศรีมหาอุมาเทวี(วัดแขกสีลม) โดยมีการแห่ไปตามท้องถนนในเวลากลางคืนด้วยดอกดาวเรืองและสิ่งบูชาต่าง ๆ

40 สตรีอินเดียได้ดํารงตําแหน่งสําคัญหลายตําแหน่ง… ข้อใดไม่ใช่

(1) นายกรัฐมนตรี

(2) หัวหน้าพรรคการเมือง

(3) ประธานสภาผู้แทน ๆ

(4) นางงามโลก

ตอบ 3 หน้า 28, (คําบรรยาย) ในปัจจุบันสังคมอินเดียได้รับวัฒนธรรมจากตะวันตกมากขึ้นตามลําดับโดยสตรีได้รับการศึกษาและมีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมบุรุษหลายประการตามกฎหมาย ทําให้ สตรีมีสิทธิได้เป็นผู้นําทางการเมือง ธุรกิจ และสังคมต่าง ๆ ได้ดํารงตําแหน่งสําคัญหลายตําแหน่ง เช่น นางอินทิรา คานธี เป็นสตรีฮินดูที่เคยดํารงตําแหน่งสูงสุดเป็นนายกรัฐมนตรีของอินเดีย, เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง เป็นนางงามโลก เป็นต้น

41 ชนชาติใดไม่เคยปกครองอาณาจักรจีน

(1) มองโกล

(2) แมนจู

(3) ทิเบต

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 3 หน้า 37, (คําบรรยาย) ประเทศจีนในสมัยโบราณมีชนเผ่าต่าง ๆ มากมาย เช่น เผ่าไทย มองโกล ทิเบต จีน แมนจู แม้ว เติร์ก เป็นต้น ต่อมาชนชาติมองโกลได้พยายามรวบรวม ดินแดนและชนเผ่าต่าง ๆ ไว้เป็นอาณาจักรเดียวกันได้ แต่ก็ยังยึดครองชนเผ่าจีนได้ไม่หมด ต่อมาชนชาติแมนจูเรืองอํานาจยกทัพมาตีได้ชนชาติจีนและรวบรวมอาณาจักรจีนเป็น อาณาจักรเดียวในพื้นแผ่นดินอันกว้างใหญ่นี้ จวบจนเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบสังคมนิยมในปัจจุบัน ซึ่งถือว่าแมนจูเป็นชนชาติที่เคยปกครองอาณาจักรยาวนานที่สุด

42 วัฒนธรรมทางจิตใจของจีน ข้อใดไม่ใช่

(1) ขยัน อดทน

(2) แก้แค้น พยาบาท

(3) ชอบการค้า

(4) เชื่อผี-เทวดา

ตอบ 2 หน้า 38 วัฒนธรรมทางจิตใจของชาวจีนนั้น ชาวจีนมีนิสัยกตัญญ ชอบทําการค้า ขยันมานะอดทน และมีอัธยาศัยอ่อนน้อมต่อลูกค้า นอกจากนี้ชาวจีนยังมีคตินิยมในการดํารงชีวิต เป็นลักษณะเฉพาะของตน มีปรัชญาและความเชื่อของตนเอง นับถือผีสางเทวดา วิญญาณ บรรพบุรุษ วีรชนและสัตว์ต่าง ๆ มีระเบียบวินัย ขนบธรรมเนียมประเพณี และพิธีกรรมต่าง ๆมานานหลายพันปี

43 วัฒนธรรมจีนที่แสดงถึงความกตัญญ ได้แก่

(1) เทศกาลเชงเม้ง

(2) เทศกาลกินเจ-แห่เจ้า

(3) เทศกาลไหว้พระจันทร์

(4) ล้างป่าช้า

ตอบ 1 หน้า 41, 44, คําบรรยาย) วัฒนธรรมทางจิตใจของจีนที่แสดงถึงความกตัญญ ได้แก่

1 สร้างฮวงซุ้ย (สุสาน) ฝังศพอย่างดี โดยชาวจีนเชื่อว่าหลุมฝังศพของบรรพบุรุษ เป็นที่สถิตแห่งดวงวิญญาณ นับเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของวงศ์ตระกูล

2 เทศกาลเชงเม้ง คือ ไหว้บรรพบุรุษที่ฮวงซุ้ย เป็นการแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ

3 เซ่นไหว้วันตรุษจีน โดยชาวจีนจะเตรียมอาหารอย่างดีไว้เซ่นไหว้บรรพบุรุษ และเทพเจ้าต่าง ๆ

4 ทําพิธีกงเต๊กงานศพ ซึ่งเป็นการทําบุญให้แก่ผู้ตายหรือบรรพบุรุษ โดยมีการสวดและเผากระดาษที่ทําเป็นรูปต่าง ๆ มีบ้านเรือน มีคนรับใช้ เป็นต้น

44 วรรณกรรมอมตะจีนที่มีความสัมพันธ์กับพุทธศาสนา คือ

(1) คัมภีร์อี้จิง

(2) สามก๊ก

(3) ไซอิ๋ว

(4) ซุนหวู่

ตอบ 3 หน้า 39 เมื่อพุทธศาสนานิกายมหายานเผยแผ่เข้ามาในประเทศจีน ความเชื่อในเรื่องพระโพธิสัตว์ก็เข้ามามีอิทธิพลต่อความเชื่อดั้งเดิมของชาวจีน เกิดการผสมผสานจนกลายเป็นความเชื่อเรื่อง ปีศาจ ผีสาง เทวดา เซียนเพิ่มขึ้นมา ทําให้เกิดตํานานเทพนิยาย และนิทานพื้นเมืองเกี่ยวกับความเชื่อดังกล่าวมากมายซึ่งที่รู้จักกันทั่วไปได้แก่ ตํานานเรื่อง “ไซอิ๋ว”

45 เมื่อชาวจีนตั้งถิ่นฐานชุมชนเจริญแล้วก็จะสร้าง… ข้อใดก่อน

(1) โรงรับจํานํา

(2) โรงเจ

(3) โรงน้ำชา

(4) ศาลเจ้า

ตอบ 4 หน้า 41, (คําบรรยาย) เมื่อชาวจีนตั้งถิ่นฐานชุมชนเจริญแล้ว ชาวจีนไม่ว่าจะอยู่ในดินแดนใดในโลก สิ่งแรกที่ชาวจีนจะสร้าง คือ ศาลเจ้า เพื่อทําพิธีตามความเชื่อหลักของวัฒนธรรม ของชนชาติจีน นอกจากนี้แล้วก็จะมีสุสานแห่งบรรพบุรุษ โรงเจ (โรงทาน) โรงรับจํานํา โรงงิ้ว และโรงน้ำชา เป็นต้น

46 วัฒนธรรมจีนเมื่อพบกันจะทักกันว่า

(1) รวยหรือยัง

(2) กินข้าวหรือยัง

(3) ค้าขายดีไหม

(4) มีลูกกี่คนแล้ว

ตอบ 2 หน้า 47 ตามวัฒนธรรมจีนนั้นคนจีนเมื่อพบปะกันในสมัยก่อนจะทักทายกันว่า “เจี๊ยะฮ้อ”คือ กินข้าวหรือยัง ทั้งนี้เพราะเขาถือว่า ปากท้องเป็นเรื่องสําคัญ สติปัญญาอยู่ที่ท้องถ้าท้องอิ่มก็เกิดสติปัญญา และกองทัพเดินด้วยท้อง

47 ธงชาติของประเทศจีนมีดาวดวง

(1) 3

(2) 5

(3) 7

(4) 9

ตอบ 2 (คําบรรยาย) ธงชาติจีนเป็นพื้นสีแดง มีดาวสีเหลืองจํานวน 5 ดวง (เป็นดาวดวงใหญ่ 1 ดวง และดวงเล็ก 4 ดวง) ซึ่งเรียงกันคล้ายกับลักษณะแผนที่จีน โดยมีความหมายว่า มีความเป็น อันหนึ่งอันเดียวกันของจีนทั้งประเทศ ภายใต้การนําของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ส่วนดาวที่เป็นสีเหลือง จะหมายถึงชาวจีนเป็นกลุ่มคนผิวเหลืองนั่นเอง

48 ประเทศจีนปกครองแบบ 1 ประเทศ…ระบบ

(1) 1 ระบบมีประเทศเดียว

(2) 2 ระบบ (จีน + เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน) (3) 3 ระบบ (จีน + เขตบริหารพิเศษฮ่องกงฯ + เขตบริหารพิเศษมาเก๊าฯ) (4) 2 ระบบ (จีน + ไต้หวัน)

ตอบ 2 (คําบรรยาย) ประเทศจีนปกครองแบบ 1 ประเทศ 2 ระบบ (One Country, Two Systems) ซึ่งเป็นแนวคิดที่ริเริ่มโดย เติ้ง เสี่ยวผิง เพื่อการรวมประเทศจีนระหว่างต้นคริสต์ทศวรรษ 1980 โดยเขาเสนอว่าจะมีเพียงจีนเดียว แต่เขตบริหารพิเศษฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวัน สามารถมีระบบเศรษฐกิจและการเมืองแบบทุนนิยมได้

49 วัฒนธรรมอาหารของชาติที่ได้รับวัฒนธรรมจีน แต่ไม่กินเนื้อสุนัข

(1) เกาหลี

(2) ญี่ปุ่น

(3) เวียดนาม

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 2 (คําบรรยาย) วัฒนธรรมอาหารของจีนนั้น ชาวจีนนิยมกินเนื้อสุนัขมานานแล้ว เพราะเชื่อว่าเนื้อสุนัขจะช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นและทนต่ออากาศหนาวได้ และยังพบว่ามีวัฒนธรรมอาหารของชาติอื่น ๆ ที่กินเนื้อสุนัขอย่างชาวจีน ได้แก่ เกาหลี เวียดนาม ทั้งนี้ยกเว้น ญี่ปุ่น ที่ไม่กินเนื้อสุนัข

50 วัฒนธรรมเนติธรรมของจีนปัจจุบันผู้กระทําผิดฆ่าหมีแพนด้ามีโทษสูงสุด คือ

(1) ประหารชีวิต

(2) จําคุกตลอดชีวิต

(3) จําคุก 50 ปี

(4) จําคุก 20 ปี

ตอบ 1 (คําบรรยาย) วัฒนธรรมเนติธรรมของจีนนั้น ในปัจจุบันกฎหมายในประเทศจีนมีความรุนแรงมากขึ้น โดยผู้ที่กระทําผิดด้วยการฆ่าคน ฆ่าหมีแพนด้า และตั้งซ่องโสเภณีจะมีโทษสูงสุด คือ ประหารชีวิต

51 ประเทศญี่ปุ่นมี….น้อยมาก

(1) อาหารจากทะเล

(2) พื้นที่เพาะปลูก

(3) ประชากรสูงอายุ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 2 หน้า 48 ประเทศญี่ปุ่นมีลักษณะพื้นที่เป็นหมู่เกาะน้อยใหญ่มากมาย ตั้งอยู่ในเขตอากาศอบอุ่น มี 4 ฤดู คือ ฤดูร้อน ฤดูหนาว ฤดูใบไม้ผลิ และฤดูใบไม้ร่วง มีประชากรรวมมากกว่า ร้อยล้านคน แต่มีพื้นที่เพาะปลูกน้อยเพียงประมาณ 17% ของพื้นที่ทั้งหมด

52 ชาวญี่ปุ่นมี….สูงมาก

(1) ชาตินิยม

(2) เจริญทางเทคโนโลยีหุ่นยนต์

(3) ประชากรสูงอายุ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 48, (คําบรรยาย) วัฒนธรรมญี่ปุ่น ชาวญี่ปุ่นมีลักษณะสําคัญดังนี้

1 มีความเป็นชาตินิยมสูงมากที่สุดชาติหนึ่งในโลก ซึ่งนับเป็นวัฒนธรรมที่เป็นลักษณะเฉพาะของชนชาติ

2 มีความเจริญทางเทคโนโลยีหุ่นยนต์สูงมากในโลก

3 มีประชากรสูงอายุสูงมาก ซึ่งชาวญี่ปุ่นจะมีอายุขัยเฉลี่ยถึง 82 ปี ถือว่ามีอายุยืนยาวมากที่สุดในโลก

53 วัฒนธรรมความเชื่อชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าจักรพรรดิองค์แรกสืบเชื้อสายจาก

(1) สุริยเทพ

(2) สุริยเทพี

(3) เทพนกกระเรียน

(4) เทพีแห่งดวงจันทร์

ตอบ 2 หน้า 49, 235 วัฒนธรรมความเชื่อของชาวญี่ปุ่นนั้น ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าจักรพรรดิองค์แรกของญี่ปุ่น ก็คือ สมเด็จพระจักรพรรดิยิมมูหรือยิมมูเทนโน ซึ่งสืบเชื้อสายมาจากสุริยเทพอะมะเตระสุ โดยจุติที่เกาะคิวชูพร้อมกับเพชร 1 เม็ด (หรือดวงแก้ว) ดาบ และกระจก เป็นของวิเศษสําคัญประจําตัวติดตัวมาจากสวรรค์ด้วย

54 วัฒนธรรมความเชื่อญี่ปุ่นเกี่ยวกับเทพเจ้า วิญญาณ พลังในธรรมชาติ ได้แก่

(1) ศาลเจ้า

(2) โทริ

(3) กามิ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 50 วัฒนธรรมทางคติธรรมความเชื่อของชาวญี่ปุ่น บรรพบุรุษชาวญี่ปุ่นมีความเชื่อเกี่ยวกับเทพเจ้า ผีสาง-เทวดา วิญญาณทั้งหลาย ซึ่งเชื่อว่าสิงสถิตอยู่ในธรรมชาติ เช่น วิญญาณภูเขา วิญญาณต้นไม้ วิญญาณแม่น้ำลําธาร โดยวิญญาณต่าง ๆ เหล่านี้เรียกว่า“กามิ” (KAMI) ซึ่งมีอยู่ทั่วไปในญี่ปุ่น และตั้งศาลเจ้ามีรูป “โทริ” (TDRI) อันถือว่าเป็นประตูวิญญาณ

55 ข้อใดเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับบูชิโด

(1) ฮาราคีรี

(2) ซามูไร

(3) มิกาเซ่

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 51, (คําบรรยาย) อิทธิพลของลัทธิบูชิโดที่มีต่อวัฒนธรรมญี่ปุ่น ได้แก่

1 วิถีทางแห่งนักรบซามูไร คือ “ยอมตายอย่างมีเกียรติดีกว่าอยู่อย่างไร้เกียรติ”

2 พิธีกรรมฆ่าตัวตายที่เรียกว่า “ฮาราคีรี”

3 การสละชีวิตตนเองของนักบินโดยการ ขับเครื่องบินพุ่งชนฝ่ายตรงข้ามให้ระเบิดไปพร้อมกันที่เรียกว่า “กามิกาเซ่”

4 ซามูไรไร้สังกัดหรือโรนิน ได้พัฒนาการมาเป็น “ยากูซ่า” ในปัจจุบัน เป็นต้น

56 ญี่ปุ่นได้รับวัฒนธรรมจากชนชาติ

(1) จีน

(2) อินเดีย

(3) เกาหลี

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 51 วัฒนธรรมญี่ปุ่นได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมของชาติอื่น ๆ มากมายหลายชาติ เช่น จีน อินเดีย เกาหลี ฮอลันดา โปรตุเกส ฯลฯ

57 วัฒนธรรมญี่ปุ่นที่ชาวโลกยอมรับและรู้จักกันทั่วมีมาก แต่ข้อใดไม่ใช่

(1) ชาเขียว

(2) อาหารญี่ปุ่น

(3) ยากูซ่า

(4) โดเรมอน

ตอบ 3 หน้า 53 – 55, (คําบรรยาย) วัฒนธรรมญี่ปุ่นที่ชาวโลกยอมรับและรู้จักกันทั่วโลก ได้แก่ การเขียนหนังสือการ์ตูนและการสร้างภาพยนตร์การ์ตูน (เช่น โดเรมอน) ชาเขียว อาหารญี่ปุ่น การทําดาบซามูไร การจัดสวนญี่ปุ่น ฯลฯ

58 วัฒนธรรมอาหารญี่ปุ่น ไม่กิน…

(1) ไข่ดิบ

(2) เลือดดิบ

(3) ปลาดิบ

(4) เนื้อวัวดิบ

ตอบ 2 หน้า 55, (คําบรรยาย) วัฒนธรรมในการบริโภคนั้น ชาวญี่ปุ่นมีวัฒนธรรมในการดํารงชีวิตแบบเรียบง่าย กินอาหารตามสภาพธรรมชาติ ปรุงแต่งน้อย นิยมกินผักดิบ เนื้อดิบ (เช่น เนื้อวัวดิบ เนื้อวาฬดิบ) ปลาดิบ ไข่ดิบ (ไม่กินเลือดดิบ เนื้อหมาดิบ) กินข้าวปั้นก้อน ๆใช้จานไม้และไม้ไผ่ และบริโภคอาหารด้วยมือ

59 สุภาษิตญี่ปุ่น “ใช้กุ้งตก ”

(1) ปลากะพง

(2) ปลาทูน่า

(3) ปลาไหล

(4) ปลาหมึก

ตอบ 1 หน้า 55 – 56 ชาวญี่ปุ่นนิยมกินปลาซีบรีม ซึ่งเป็นปลาที่มีลักษณะคล้ายปลากะพงแดงมากโดยปลานี้จะมีสีสดใส มีรสเป็นเลิศ ชาวญี่ปุ่นจึงยกให้เป็นราชาแห่งปลา และมีความเชื่อว่าเป็น ปลามงคลล้ำค่า ขาดไม่ได้ในงานมงคลต่าง ๆ เป็นปลาที่นิยมกินกันมากที่สุดตั้งแต่สมัยโบราณ จนมีคติธรรมหรือคําพังเพยเปรียบเทียบเกี่ยวกับปลาชนิดนี้ว่า “ถึงเน่าก็เน่าอย่างปลากะพง” คือ ถึงอดโซก็โซอย่างเสือ และ “ใช้กุ้งตกปลากะพง” คือ ยอมเสียกําเพื่อเอากอบ

60 ปี 2560 จักรพรรดิญี่ปุ่นทรงประกาศว่าจะ….

(1) บริจาคราชทรัพย์ส่วนพระองค์ให้ประเทศ

(2) สละราชสมบัติ

(3) ทรงออกบวช

(4) เสด็จประพาสภูเขาไฟฟูจิ

ตอบ 2 (คําบรรยาย) เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2560 รัฐบาลญี่ปุ่นให้การรับรองกฎหมายที่จะเปิดทางให้สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะสละราชสมบัติ ซึ่งจะถือเป็นการสละราชสมบัติ ของจักรพรรดิญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในรอบ 200 ปี ทั้งนี้สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ อาจทรงสละราชสมบัติในวันที่ 30 เมษายน 2562 โดยมกุฎราชกุมารนารุฮิโตะ จะทรงขึ้นครองราชย์ต่อในวันที่ 1 พฤษภาคม 2562

61 ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ผู้ปฏิบัติโยคะมีความสัมพันธ์กับข้อใด

(1) โอม

(2) พระอิศวร

(3) พระศิวะ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 265 การปฏิบัติตามหลักปรัชญาโยคะ คือ การเพ่งจิตเพื่อไม่ให้จิตมีอารมณ์หวั่นไหวฝึกจิตให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับกาย โดยการเพ่งจิตให้แน่วแน่อยู่กับพระอิศวร (พระศิวะ) ทําให้ จิตสะอาดบริสุทธิ์ ควบคุมจิตได้ไม่ให้มีความหวั่นไหวสั่นคลอนแม้จะต้องพบกับอารมณ์แปรปรวน ทั้งนี้เพราะตั้งจิตมั่นอยู่กับพระอิศวรผู้ทรงพระนามว่าปรณพหรือโอม ดังนั้นเมื่อภาวนาว่า “โอม”ก็จะสามารถป้องกันอุปสรรคในการปฏิบัติโยคะได้

62 มีความเชื่อทางศาสนาว่า พราหมณ์เกิดจาก…ของพระพรหม

(1) ดวงตา

(2) จมูก

(3) ปาก

(4) หัวใจ

ตอบ 3 หน้า 266 267 ระบบชนชั้นวรรณะของศาสนาฮินดู แบ่งคนออกเป็น 4 วรรณะ คือ

1 วรรณะพราหมณ์ เป็นวรรณะสูงที่เกิดจากปากหรือศีรษะของพระพรหม

2 วรรณะกษัตริย์ เป็นวรรณะสูงที่เกิดจากอกและแขนของพระพรหม

3 วรรณะแพศย์ เป็นวรรณะกลางที่เกิดจากตะโพกและขาของพระพรหม

4 วรรณะศูทร เป็นวรรณะต่ําที่เกิดจากเท้าของพระพรหม

63 พระวิษณุนารายณ์ไม่ได้ประทับที่

(1) เกษียรสมุทร

(2) ทะเลน้ำนม

(3) วิมานฉิมพลี

(4) สะดือทะเล

ตอบ 3 หน้า 274 พระวิษณุหรือพระนารายณ์เป็นเทพเจ้าสูงสุดองค์หนึ่งของศาสนาฮินดู โดยชาวฮินดูเชื่อว่าพระวิษณุเป็นเทพเจ้าแห่งการรักษา มี 4 กร ทรงประทับอยู่ในเกษียรสมุทร (ทะเลน้ำนม) ณ สะดือทะเล ทรงบรรทมหลับอยู่นิรันดรบนขดของพญานาคนามว่า อนันตนาคราช เรียกว่า“นารายณ์บรรทมสินธุ์”

64 ผู้เผากามเทพไหม้เป็นจุลไป คือ

(1) พระพิฆเนศ

(2) พระศิวะ

(3) พระนารายณ์

(4) พระพรหม

ตอบ 2 หน้า 275 พระศิวะเป็นเทพเจ้าสูงสุดองค์หนึ่งของศาสนาฮินดู ซึ่งจะบําเพ็ญตบะนั่งสมาธิ บนยอดเขาไกรลาส โดยชาวฮินดูเชื่อว่าพระศิวะเป็นเทพเจ้าแห่งการทําลาย พระองค์มีตาที่สาม อยู่ที่หน้าผากและตานี้จะหลับปิดอยู่ตลอดเวลา ถ้าหากตาที่สามนี้เปิดลืมขึ้นเมื่อใดก็จะเกิด ไฟไหม้สิ่งที่อยู่ตรงหน้าพระองค์เป็นจุลไป ทั้งนี้มีตํานานฮินดูเล่าว่าพระองค์ถูกกามเทพแผลงศรจึงลืมตาที่สามขึ้น ทําให้กามเทพไหม้เป็นจุลไปและตายลง

65 นารายณ์ 10 ปาง พระนารายณ์อวตารเป็นครึ่งคนครึ่ง

(1) เสือ

(2) สิงห์

(3) นาค

(4) นก

ตอบ 2 หน้า 278 – 280, (คําบรรยาย) ชาวฮินดผู้นับถือนิกายไวษณวะ มีความเชื่อว่า พระนารายณ์(พระวิษณุ) ลงมาจุติยังโลก เพื่อปราบอธรรมและช่วยเหลือมนุษย์ 10 ครั้ง เรียกว่า พระนารายณ์อวตาร 10 ปาง ได้แก่

1 บ่างมัตสยา (ปลา)

2 ปางกูรมะ (เต่า)

3 ปางวราหะ (หมูป่า)

4 ปางนรสิงห์ (ครึ่งคนครึ่งสิงโต)

5 ปางวามนะ (คนค่อม)

6 ปางภาราสูราม (พราหมณ์)

7 ปางทศราชาราม (พระราม)

8 ปางกฤษณะ (พระกฤษณะ)

9 ปางพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้า/เจ้าชายสิทธัตถะ)

10 ปางกัลกี (พระกัสก/พระศรีอริยเมตไตรย)

66 พาหนะของพญามัจจุราช คือ

(1) กระบือ

(2) โค

(3) ม้า

(4) เสือ

ตอบ 1 หน้า 288 289, (คําบรรยาย) สัตว์ที่เป็นพาหนะของเทพเจ้าของศาสนาฮินดู ได้แก่ วัว (โค) เป็นพาหนะของพระศิวะ, พญาครุฑและพญานาคเป็นพาหนะของพระวิษณุ (พระนารายณ์), หงส์เป็นพาหนะของพระพรหม, นกยูงเป็นพาหนะของพระสุรัสวดี, หนูเป็นพาหนะของพระพิฆเนศ, สิงโตเป็นพาหนะของพระแม่ทุรคาและพระแม่กาลี, ควาย (กระบือ) เป็นพาหนะของพญายม (พญามัจจุราช) และข้างเอราวัณ (ช้าง 3 เศียร) เป็นพาหนะของพระอินทร์ ซึ่งสัตว์ต่าง ๆ เหล่านี้ถือว่าเป็นสัตว์ที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวฮินดู

67 ฆ่าพราหมณ์บาปเท่ากับฆ่า

(1) ช้าง

(2) ม้า

(3) โค

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 3 หน้า 288 ชาวฮินดูมีความเชื่อว่าวัว (โค) และพราหมณ์ถูกสร้างขึ้นโดยพระพรหมในวันเดียวกันจึงมีความศักดิ์สิทธิ์เท่ากัน ดังนั้นการฆ่าวัวจึงบาปเท่า ๆ กับการฆ่าพราหมณ์ และการรับประทานเนื้อวัวนั้นชาวฮินดูถือว่าเป็นสิ่งชั่วร้ายยิ่งกว่าการรับประทานเนื้อมนุษย์ วัวจึงเป็น สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของชาวฮินดู และทุกสิ่งทุกอย่างที่มาจากวัวล้วนเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์

68 ศาสนาเชนถือว่าการตายที่บริสุทธิ์ คือ ตายเพราะ

(1) เผาตัวตาย

(2) ทรมานร่างกายจนตาย

(3) กลั้นใจตายในน้ำ

(4) กระโดดจากที่สูงตาย

ตอบ 2 หน้า 338, (คําบรรยาย) ชาวเชนเชื่อว่าความตายโดยการทรมานร่างกายจนตายด้วยการอดอาหารเป็นความตายที่บริสุทธิ์ และถือเป็นการบําเพ็ญเพียรเพื่อตัดกิเลสและสะสมบุญ

69 ศาสนาใดไม่มีชั้นวรรณะ

(1) พุทธ

(2) เชน

(3) ซิกข์

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 1 หน้า 312 313, (คําบรรยาย) พุทธศาสนา เป็นศาสนาแรกที่เชื่อว่าทุกคนเกิดมาเท่าเทียมกันจะต่างกันก็ตรงกรรมที่สั่งสมมา ดังนั้นจึงปฏิเสธเรื่องการแบ่งชั้นวรรณะของมนุษย์ เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งสมมุติทั้งสิ้น คุณภาพของคนอยู่ที่ความดี มนุษย์ทุกคนไม่ว่าเพศใด อายุเท่าใด เกิดในชาติตระกูลใด มีฐานะยากดีมีจนต่างกันอย่างไร ก็สามารถบรรลุธรรมสูงสุดได้

70 ผู้นับถือศาสนาซิกข์คนแรกมีความสัมพันธ์เป็นของศาสดา

(1) มารดา

(2) พี่สาว

(3) ภรรยา

(4) ธิดา 2 วัน

ตอบ 2 หน้า 342 คุรุนานัก ผู้ก่อตั้งศาสนาซิกข์ (ศาสดาองค์ที่ 1 ของศาสนาซิกข์) มีพี่สาวคนหนึ่งชื่อนานกี (แปลว่า หลานตา) ซึ่งรักท่านคุรุนานักมากจึงได้เอาชื่อของตนไปตั้งชื่อให้แก่น้องชายว่า “นานัก” และคงเป็นเพราะว่ารักน้องชายมากนี้เอง ต่อมานางนานกีจึงได้สมัครเป็นชาวซิกข์คนแรกด้วย

71 ผู้นับถือศาสนาซิกข์จะไม่ใช้เสื้อผ้าสี …..

(1) ขาว

(2) เขียว

(3) แดง

(4) ดํา

ตอบ 3 หน้า 348 349 ครูโควินทสิงห์ (ศาสดาองค์ที่ 10 ของศาสนาซิกข์) ได้ให้ศีล 21 ข้อ ซึ่งเป็นศีลประจําชีวิตที่ศิษย์ของท่านทุกคนถือปฏิบัติ เช่น

1 มี “ก 5 ประการ” ไว้กับตน คือ เกศ กังฆา กฉา กรา และกฤปาน

2 ห้ามใช้สีแดง เพราะเป็นสีที่หมายถึงความรัก ความเมตตา ซึ่งขัดต่อนิสัยนักรบ

3 ให้ใช้คําว่า “สิงห์” ต่อท้ายตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

4 ห้ามเปลือยศีรษะ นอกจากเวลาอาบน้ำ

5 ห้ามตัดหรือโกนผม หนวด และเครา

6 ให้ถือว่าการขี่ม้า ฟันดาบ และมวยปล้ำ เป็นกิจที่ต้องทําอยู่เป็นนิจ ฯลฯ

72 พระพุทธเจ้าไม่ปฏิเสธเรื่องใด

(1) พรหมลิขิต

(2) ชั้นวรรณะ

(3) อาบน้ำล้างบาป

(4) ผีสางเทวดา

ตอบ 4 หน้า 290, 294, 310 – 313 ศาสนาพุทธเป็นศาสนาอเทวนิยม มีลักษณะสําคัญ ดังนี้

1 ไม่นับถือบูชาผีสาง-เทวดา หรือเทพเจ้าเป็นสิ่งสูงสุด (แต่ก็มิได้ปฏิเสธในเรื่องผีสาง-เทวดาหรือเทพเจ้า เพียงแต่สอนว่าไม่ใช่ทางนําไปสู่การหลุดพ้น)

2 เชื่อเรื่องกรรมลิขิต โดยปฏิเสธเรื่อง “พรหมลิขิต” ของศาสนาฮินดู

3 เชื่อว่าทุกคนเกิดมาเท่าเทียมกัน โดยปฏิเสธเรื่อง “การแบ่งชั้นวรรณะ” ของศาสนาฮินดู

4 เชื่อเรื่องบุญ-บาป โดยปฏิเสธเรื่อง “การอาบน้ําล้างบาป” ของศาสนาฮินดู เป็นต้น

73 พระโพธิธรรมา (ปรมาจารย์ตั๊กม้อ) คิดวิทยายุทธกําลังภายใน คือ

(1) กังฟู

(2) ไท้เก็ก

(3) หมัดเมา

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 1 หน้า 308 พระโพธิธรรมา (ปรมาจารย์ตั๊กม้อ) ได้นําวิธีการฝึกสมาธิจิตไปดัดแปลงเป็นการฝึกวิทยายุทธกําลังภายในของจีน ซึ่งเป็นการต่อสู้ด้วยมือเปล่า เรียกว่า “กังฟู” โดยเชื่อว่า การฝึกกังฟูจะช่วยให้ร่างกายและจิตใจแข็งแรงสมบูรณ์ มีพละกําลังเข้มแข็งเกินกว่าธรรมดาและด้วยเหตุนี้เองที่ทําให้พระมหายานในจีนนิยมฝึกวิทยายุทธกําลังภายในสืบต่อมา

74 ผู้สามารถบรรลุธรรมสูงสุดในพระพุทธศาสนา ได้แก่

(1) เด็ก

(2) ผู้หญิง

(3) คนชรา

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 69 ประกอบ

75 สังเวชนียสถาน 4 แห่งที่ชาวพุทธควรไปแสวงบุญ ข้อใดไม่ใช่

(1) สถานที่ตรัสรู้

(2) สถานที่ปฐมเทศนา

(3) สถานที่ปรินิพพาน

(4) สถานที่ถวายพระเพลิง

ตอบ 4 หน้า 320 – 325 สังเวชนียสถาน 4 แห่ง ที่พุทธศาสนิกชนผู้เปี่ยมด้วยศรัทธาควรจะไปแสวงบุญทําการบูชาสักการะด้วยความเคารพเลื่อมใส คือ

1 ลุมพินีวัน เป็นสถานที่ประสูติ

2 พุทธคยา เป็นสถานที่ตรัสรู้

3 สารนาถ (ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน) เป็นสถานที่แสดงปฐมเทศนา

4 กุสินารา (กุสินคร) เป็นสถานที่ปรินิพพาน

76 “กวนอิม” แปลว่า

(1) ผู้มีเมตตา

(2) ผู้ได้ยินเสียง

(3) ผู้เห็นทั่วหล้า

(4) ผู้มีพันกร

ตอบ 2 หน้า 307 พุทธศาสนานิกายมหายานในจีนจะนับถือศรัทธาพระโพธิสัตว์เด่นกว่าพระพุทธเจ้าโดยเรียกชื่อพระโพธิสัตว์ว่า “พระอวโลกิเตศวร” ซึ่งมี 6 ปาง โดยปางสําคัญที่ชาวพุทธมหายาน นับถือมากที่สุด คือ ปางที่เป็นพระกวนอิม ซึ่ง “กวนอิม” แปลว่า “ผู้ได้ยินเสียง” อันหมายถึงผู้ได้ยินเสียงสวดอ้อนวอนจากสัตว์โลก

77 “ดาโต๊ะยุติธรรม” มีหน้าที่พิจารณาคดี 4 จังหวัดภาคใต้ที่ใช้กฎหมายอิสลาม อายุตั้งแต่ ….

(1) 25 ปี

(2) 30 ปี

(3) 35 ปี

(4) 40 ปี

ตอบ 1 หน้า 410 411, (คําบรรยาย) ดาโต๊ะยุติธรรม เป็นผู้มีอํานาจและหน้าที่ในการวินิจฉัยและชี้ขาดข้อกฎหมายอิสลามในคดีแพ่งที่เกี่ยวด้วยเรื่องครอบครัวและมรดกของศาลชั้นต้นใน 4 จังหวัดภาคใต้ โดยตําแหน่งดาโต๊ะยุติธรรมนั้น คัดเลือกจากอิสลามศาสนิกชนผู้มีคุณสมบัติ

1 มีสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป

2 มีภูมิรู้ในศาสนาอิสลามพอที่จะเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดข้อกฎหมายอิสลามเกี่ยวกับครอบครัวและมรดก

3 มีความรู้ภาษาไทยอ่านออกเขียนได้

78 ศาสนายูดาห์ (ยิว) มีอายุยาวนานร่วมสมัยกับศาสนาใด

(1) พราหมณ์-ฮินดู

(2) กรีกโบราณ

(3) อียิปต์โบราณ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 359, (คําบรรยาย) ศาสนาที่มีอายุยาวนานร่วมสมัยกัน ได้แก่ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ศาสนายูดาห์ (ยิว) ศาสนากรีกโบราณ ศาสนาอียิปต์โบราณ ศาสนาอินคาโบราณ เป็นต้น

79 “บัญญัติ 10 ประการ” เป็นโองการของพระเจ้า ผู้นํามาประกาศแก่ชาวอิสราเอล คือ

(1) อับราฮัม

(2) โมเสส

(3) เยซู

(4) นบีมูฮัมหมัด

ตอบ 2 หน้า 364 365 โมเสสมีบทบาทสําคัญต่อประชาชนชาวอิสราเอล คือ

1 ช่วยให้ชาวอิสราเอลพ้นจากความเป็นทาสของอียิปต์

2 เป็นผู้รับโองการจากพระเจ้าเรียกว่า “บัญญัติ 10 ประการ” แล้วนํามาประกาศแก่ ชาวอิสราเอล โดยโมเสสได้สลักลงในแผ่นศิลา 2 แผ่น ให้ชาวอิสราเอลถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดแล้วจะพบดินแดนแห่งสัญญา แต่ถ้าฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามแล้วพระเจ้าก็จะลงโทษ

80 สัญลักษณ์ของศาสนายูดาห์คือเชิงเทียนมี…..ก้าน

(1) 7 ก้าน

(2) 5 ก้าน

(3) 3 ก้าน

(4) 2 ก้าน

ตอบ 1 หน้า 371 สัญลักษณ์ของศาสนายูดาห์ คือ เชิงเทียน ซึ่งมีที่ตั้งเทียน 7 ก้าน เรียงกัน

81 เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อพระเจ้าศาสดาอับราฮัมจะยอมฆ่าของตน (1) ภรรยา

(2) บุตร

(3) พี่น้อง

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 2 หน้า 361 ศาสดาอับราฮัม เป็นผู้มีความเคารพนับถือศรัทธาต่อพระเจ้าองค์เดียวสูงสุดโดยอับราฮัมได้พิสูจน์ในความจงรักภักดีและศรัทธาต่อพระเจ้าสูงสุดด้วยการยอมฆ่าบุตรของตน ซึ่งตนรอคอยอยากได้มานานเมื่อพระเจ้าสั่งให้ทํา ดังนั้นพระเจ้าจึงเห็นใจอับราฮัมไม่ให้ฆ่าบุตรและยังประทานพรให้แก่อับราฮัมและลูกหลานชนชาติอิสราเอลทั้งปวง

82 พรที่พระเจ้าประทานให้ชาวอิสราเอล ได้แก่

(1) ให้กล้าหาญที่สุด

(2) ให้ฉลาดกว่า

(3) ให้ปกครองโลก

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 2 หน้า 361 พระเจ้าประทานพรให้แก่อับราฮัมและลูกหลานชนชาติอิสราเอลทั้งปวงว่าชาวอิสราเอลทั้งหลายจะอยู่ทั่วไปในโลกดุจดวงดาวบนท้องฟ้า ลูกหลานอิสราเอลจะมีมากมาย ดุจเม็ดทรายในทะเลทราย ชาวอิสราเอลจะมีสติปัญญาเฉลียวฉลาดกว่า และที่สําคัญจะประทาน “ดินแดนแห่งสัญญา” (The Promised Land) ให้ชาวอิสราเอลได้อยู่อาศัยสร้างบ้านเมืองที่ถาวรและอุดมสมบูรณ์

83 ชาวอิสราเอลติดต่อกับพระเจ้าได้ โดย

(1) ผ่านนักบวช

(2) สวดมนต์

(3) บูชายัญ

(4) ไปแสวงบุญ

ตอบ 2 หน้า 360, (คําบรรยาย) ชาวอิสราเอล เชื่อว่าพระเจ้าทรงติดต่อกับมนุษย์โดยทรงแสดงอภินิหารให้เห็น ส่วนมนุษย์จะติดต่อกับพระเจ้าได้ด้วยการสวดมนต์และการบําเพ็ญภาวนา โดยพระเจ้าทรงประทานโองการโดยผ่านทางศาสดา ได้แก่ อับราฮัม โมเสส และพระเมสสิอาห์ (Messiah หรือผู้ช่วยให้รอด) ซึ่งพระเจ้าจะส่งมาโปรดช่วยเหลือชาวอิสราเอลเมื่อมีความทุกข์ อย่างหนัก โดยเดินทางมายังโลกในรูปร่างของมนุษย์

84 “The Chosen People” คือ

(1) ชาวฮิบรู

(2) ชาวอิสราเอล

(3) ชาวยิว

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 368 369, (คําบรรยาย) ศาสดาอับราฮัมของศาสนายูดาห์ เป็นผู้ประกาศให้ชายผู้นับถือพระเจ้าองค์เดียว (ชาวอิสราเอลหรือชาวยิวหรือชาวฮิบรู) ทุกคนต้องทําการขริบปลายอวัยวะเพศ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ที่ยืนยันว่าชนชาติอิสราเอลเป็นชนชาติแรกที่พระเจ้าทรงเลือก (The Chosen People) และยังถือเป็นส่วนหนึ่งของพันธสัญญากับพระเจ้า โดยอับราฮัมถือเป็นผู้ที่ขริบปลายอวัยวะเพศคนแรก

85 ชาวอิสราเอลผู้เคร่งศาสนาจะเขียนคําสอนของไว้ที่เสาประตูเข้าบ้าน

(1) อับราฮัม

(2) โมเสส

(3) เยซู

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 2 หน้า 369 370 ชาวอิสราเอลผู้เคร่งศาสนาจะเขียนคําสอนของโมเสสไว้ที่เสาประตูบ้านและบนประตูบ้าน โดยทุกครั้งที่เข้ามาข้างในหรือออกไปภายนอก ชาวอิสราเอลจะใช้ปลายนิ้วมือ 2 นิ้ว แตะที่เมซูซ่าห์ (หีบเล็ก ๆ ซึ่งบรรจุข้อความสําคัญ 2 ข้อ จากคัมภีร์ดิวตีโรโนมีข้อหนึ่ง และจากคําพูดของโมเสสข้อหนึ่ง) แล้วก็จูบ วิธีนี้จะทําให้ชาวอิสราเอลมีสติระลึกถึงพระเจ้าได้ทันทีทั้งเวลาออกไปและเข้ามา

86 อับราฮัมสอนไม่ให้ชาวอิสราเอลกินอาหารข้อใด

(1) เกาเหลาต้มเลือดหมู

(2) ลาบไข่มดแดง

(3) ยําไข่เต่า

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 370, (คําบรรยาย) ศาสนายูดาห์ มีข้อห้ามในเรื่องการรับประทานอาหาร คืออาหารที่รับประทานได้ประเภทเนื้อสัตว์ต้องเป็นสัตว์ประเภทเคี้ยวอาหาร เคี้ยวเอื้อง ถ้าเป็นปลาต้องเป็นปลาที่มีครีบและหาง (เช่น ปลาแซมอน ปลาช่อน) ถ้าเป็นสัตว์ปีกต้องฆ่าตามวิธีที่กําหนดไว้ และเนื้อสัตว์ที่ฆ่าต้องเอาเลือดออกให้หมด นอกจากนี้อับราฮัมยังห้ามชาวอิสราเอลไม่ให้กินเนื้อหมู เนื้อหมา ปลาหมึก ปลาไหล และกุ้ง เพราะเป็นสัตว์ที่กินของสกปรก

87 พระเยซูถูกทหารโรมันลงโทษตรึงกางเขนเพราะพระองค์ประกาศว่าเป็น (1) Messiah

(2) Son of God

(3) King of the kings

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 372, 375 – 379 385 พระเยซูทรงประกาศว่า พระองค์เป็นบุตรของพระเจ้า (Son of God) เป็นผู้มาไถ่บาปช่วยเหลือชาวยิวและมวลมนุษย์หรือพระคริสต์ (Christ) หรือพระเมสสิอาห์ (Messiah หรือพระผู้ช่วยให้รอด) และพระองค์คือกษัตริย์แห่งกษัตริย์ทั้งปวงในโลก (King of the kings) ซึ่งคําประกาศดังกล่าวไม่ตรงกับที่ชาวยิวหวังไว้ เพราะพระองค์เป็นคนธรรมดาสามัญไม่ใช่กษัตริย์ จริง ๆ ไม่มีกองทัพอันเกรียงไกรแล้วจะปลดปล่อยช่วยเหลือชาวยิวได้อย่างไร ทําให้ชาวยิว บางส่วนไม่เชื่อและไม่พอใจในพระองค์ จึงได้วางแผนใส่ร้ายและยุยงให้ผู้สําเร็จราชการโรมันจับพระองค์มาลงโทษด้วยการตรึงกางเขน

88 Pope องค์ปัจจุบัน พระนามว่า

(1) เดวิด

(2) จอห์น

(3) ฟรานซิส

(4) โจเซฟ

ตอบ 3 (ความรู้ทั่วไป) พระสันตะปาปา (Pope) องค์ปัจจุบันคือ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส (Francis) เป็นพระสันตะปาปาองค์ที่ 266 มีพระนามเดิมว่า คอร์เค มาเรียว เบร์โกเกลียว ซึ่งนับเป็นพระสันตะปาปาพระองค์แรกจากทวีปอเมริกาและคณะเยสุอิต

89 พระเยซูบอกว่าพระองค์มาโปรด “คนบาป” ซึ่งเปรียบเหมือน

(1) คนป่วย

(2) คนมีปมด้อย

(3) คนที่เป็นบริวารซาตาน

(4) คนหนักแผ่นดิน

ตอบ 1 หน้า 376 พระเยซูเสด็จไปในท่ามกลางคนจนและคนต่ำต้อย โดยรักษาคนเจ็บป่วย ปลอบโยน ผู้โศกเศร้า และนําความหวังมาสู่จิตใจของคนผู้สํานึกผิด และเมื่อพระเยซูถูกต่อว่าที่มาคลุกคลี กับคนบาป พระเยซูกล่าวว่า “บุคคลผู้สบายดีก็ไม่ต้องการหมอ แต่หมอจําเป็นสําหรับผู้เจ็บป่วย ข้าพเจ้ามาไม่ใช่เพื่อคนบุญ แต่มาเพื่อคนบาป เพื่อจะได้สํานึกผิด”

90 ศาสนาโซโรอัสเตอร์ถือว่าการกระทําใดบาปที่สุด

(1) ลักขโมย

(2) ปล้น

(3) พูดเท็จโกหก

(4) โกง

ตอบ 3 หน้า 423 – 424 ศาสดาของศาสนาโซโรอัสเตอร์ได้สั่งสอนไม่ให้คนโกหก กล่าวเท็จเป็นพยานเท็จ และประณามผู้โกหก กล่าวเท็จอย่างมากว่าบาปที่สุด จนเป็นกฎบัญญัติให้ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดของศาสนานี้

91 ชาวโซโรอัสเตอร์ทําพิธีศพ ซึ่งต้องเกี่ยวข้องกับ ….

(1) นกอินทรี

(2) นกแร้ง

(3) นกเหยี่ยว

(4) นกอีกา

ตอบ 2 หน้า 421, 425 – 426 คติความเชื่อของศาสนาโซโรอัสเตอร์ ได้แก่

1 การบูชาไฟ และเซ่นสังเวยพระเจ้าด้วยเหล้าศักดิ์สิทธิ์

2 การทําพิธีศพโดยนําศพไปวางทิ้งบนหอสูง เรียกว่า “หอคอยแห่งความสงบ” แล้วปล่อยให้นกแร้งมาจิกกินเป็นอาหาร

3 การมี “สะพานแห่งการแก้แค้น” เพื่อนําวิญญาณที่ดีไปสู่สวรรค์ และนําวิญญาณเลวลงนรก เป็นต้น

92 ปัจจุบันผู้นับถือศาสนาโซโรอัสเตอร์อาศัยอยู่ในประเทศ…

(1) อินเดีย

(2) อินโดนีเซีย

(3) อิรัก

(4) อียิปต์

ตอบ 1 หน้า 419, 428 429 ในสมัยโบราณศาสนาโซโรอัสเตอร์เดิมเป็นศาสนาประจําชาติของชาวเปอร์เซีย แต่ปัจจุบันอาณาจักรเปอร์เซียกลายเป็นประเทศอิหร่านและนับถือศาสนาอิสลาม เป็นศาสนาประจําชาติ ทําให้ชาวเปอร์เซียที่ไม่ยอมเปลี่ยนศาสนาอยู่ในประเทศของตนไม่ได้ ต้องอพยพลี้ภัยไปอยู่ในดินแดนต่าง ๆ ที่ใกล้เคียง และส่วนใหญ่อพยพไปตั้งถิ่นฐานรวมกลุ่มกัน อยู่มากเป็นชนกลุ่มน้อยและเรียกตัวเองว่า ชาวปาร์ซี (Parsee หรือ Parsi) ซึ่งในปัจจุบันผู้นับถือศาสนาโซโรอัสเตอร์ส่วนใหญ่นั้นตั้งถิ่นฐานอาศัยอยู่ในนครบอมเบย์ ประเทศอินเดีย

93 วัฒนธรรมความเชื่อเรื่องแพะรับบาปเป็นของ

(1) ชาวอิสราเอล

(2) ชาวคริสต์

(3) ชาวมุสลิม

(4) ชาวซิกข์

ตอบ 1 หน้า 367 368 เทศกาลยมคัปปูร์ (Yom-Kippur) เป็นเทศกาลที่ชาวอิสราเอลทําพิธีสํานึกบาปหรือเรียกว่า 10 วันแห่งการล้างบาป โดยชาวอิสราเอลจะปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัดทําการอดอาหาร ในตอนกลางวัน ทําจิตใจให้สงบระงับ ไม่ทําบาปใดเลย และในการทําพิธีสํานึกบาปนี้ ชาวอิสราเอล จะทําพิธีเป็นว่าได้ยกบาปไปไว้ที่แพะ (ตัวผู้) ให้แพะรับบาปแล้วไล่แพะเข้าป่าพาเอาบาปของชาวอิสราเอลไปเสีย

94 ศาสนาใดไม่มีนักบวช

(1) อิสลาม

(2) ซิกข์

(3) โปรเตสแตนต์

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 (คําบรรยาย) ศาสนาที่ไม่มีนักบวช ได้แก่

1 ศาสนาอิสลาม

2 ศาสนาซิกข์

3 ศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์

95 ศาสนาใดมีนักบวชเปลือยกาย

(1) ฮินดู

(2) เชน

(3) ซิกข์

(4) โซโรอัสเตอร์

ตอบ 2 หน้า 338, 340, (คําบรรยาย) พระมหาวีระ ศาสดาของศาสนาเชนไม่ให้มีนักบวชหญิงและปฏิเสธการปฏิบัติธรรมของสตรี โดยเห็นว่า “สตรีเพศเป็นเหตุแห่งบาป” และเป็นที่ตั้งแห่งกิเลสทั้งหลาย ซึ่งนิกายทิคัมพรในศาสนาเชนนั้นเชื่อว่าสตรีไม่สามารถบรรลุธรรมสูงสุดได้ อีกทั้งนักบวชในนิกายนี้ต้องเปลือยกาย ดังนั้นหากสตรีเพศต้องเปลือยกายอาจจะทําให้นักบวชชายเกิดกิเลสได้

96 ผู้ประกาศให้ชายผู้นับถือพระเจ้าองค์เดียวต้องขริบปลายอวัยวะเพศ

(1) อับราฮัม

(2) โมเสส

(3) เยซู

(4) นบีมูฮัมหมัด

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 84 ประกอบ

97 “หอคอยแห่งความสงบ” คือ สถานที่ของศาสนาที่บูชาไฟ

(1) สวดมนต์

(2) บูชาพระเจ้า

(3) ทําศพ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 91 ประกอบ

98 “สตรีเป็นเหตุแห่งบาป” เป็นคําสอนของศาสดา

(1) อับราฮัม

(2) คุรุนานัก

(3) มหาวีระ

(4) โมเสส

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 95 ประกอบ

99 ผู้นับถือศาสนาใดกินมังสวิรัติ

(1) ฮินดู

(2) ซิกข์

(3) เชน

(4) โซโรอัสเตอร์

ตอบ 3 หน้า 337 จากการที่ผู้นับถือศาสนาเชน (รวมทั้งศาสดาและนักบวช) ต้องรักษาศีลข้อแรก(ไม่ฆ่าและไม่ทําร้ายสิ่งมีชีวิตใด ๆ ด้วยคําพูด ความคิด หรือการกระทําแม้ในการป้องกันตนเอง) และมีความเชื่อในอหิงสาอย่างแนบแน่นอยู่ในจิตใจนั้น จึงทําให้ชาวเชนสมถะพอเพียงและกลายเป็นนักมังสวิรัติ ไม่กินเนื้อสัตว์และไม่ดื่มนมจากสัตว์ตลอดชีวิต แม้ในเวลาที่เป็นปัญหาแห่งสุขภาพเพื่อมีชีวิตอยู่รอดก็ตาม

100 “สุวรรณวิหาร” เป็นศาสนสถานที่สําคัญของศาสนาใด

(1) ฮินดู

(2) ซิกข์

(3) เชน

(4) โซโรอัสเตอร์

ตอบ 2 หน้า 346 คุรุอรชุน (ศาสดาองค์ที่ 5 ของศาสนาซิกข์) เป็นผู้สร้าง “สุวรรณวิหาร” หรือ“หริมณเฑียร” ขึ้นกลางสระอมฤต ซึ่งเป็นวิหารหรือวัดที่สวยงามมาก มีประตูสี่ด้าน ไม่มีรูปเคารพใด ๆ ทั้งสิ้น เป็นสีทองอร่ามไปทั่วทั้งวิหารทั้งภายนอกและภายใน ใช้ประกอบพิธีทางศาสนา และ ถือเป็นศาสนสถานที่สําคัญที่สุดของศาสนาซิกข์

PHI1003 ปรัชญาเบื้องต้น S/2558

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2558

ข้อสอบกระบวนวิชา PHI 1003 ปรัชญาเบื้องต้น

คําสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคําตอบเดียว (ข้อสอบมีทั้งหมด 100 ข้อ)

1 ทําไม “ปรัชญา” จึงเกี่ยวข้องกับมนุษย์

(1) เพราะมนุษย์มีปัญหา

(2) เพราะมนุษย์มีปัญญา

(3) เพราะมนุษย์มีปรัชญา

(4) เพราะมนุษย์รู้ปรัชญา

ตอบ 2 หน้า 1 ปรัชญาเป็นเรื่องราวของการใช้ปัญญาเพื่อไตร่ตรองในสิ่งที่ตนยังสงสัยหรือคิดว่าเป็นปัญหาอยู่ และเป็นการพยายามใช้ปัญญาไตร่ตรองถึงคําตอบที่เป็นไปได้สําหรับปัญหา ที่ตนยังติดใจสงสัย ดังนั้นปรัชญาจึงเป็นเรื่องของผู้ใช้ปัญญา หรือผู้มีความปรารถนาจะรู้ในสิ่งที่ตนไม่รู้ ด้วยเหตุนี้ปรัชญาจึงเกิดขึ้นพร้อมกับมนุษย์ เพราะมนุษย์เป็นผู้มีปัญญา

2 ข้อใดกล่าวได้ถูกต้อง

(1) คําว่า “ปรัชญา” บัญญัติแทน “Philosophy” และมีความหมายตรงกัน

(2) คําว่า “ปรัชญา” บัญญัติแทน “Philosophy” แต่มีความหมายไม่ตรงกัน

(3) คําว่า “ปรัชญา” ไม่ได้บัญญัติแทน “Philosophy” แต่มีความหมายตรงกัน

(4) คําว่า “ปรัชญา” ไม่ได้บัญญัติแทน “Philosophy” จึงมีความหมายไม่ตรงกัน

ตอบ 1 หน้า 1 คําว่า “ปรัชญา” เป็นศัพท์บัญญัติของพระเจ้าวรวงศ์เธอกรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ซึ่งใช้แปลคําว่า Philosophy ในภาษาอังกฤษ ดังนั้นคําว่าปรัชญาจึงมีความหมายที่สอดคล้อง หรือเหมือนกันทุกประการกับ Philosophy ซึ่งหมายถึง ผู้รักความปราดเปรื่อง หรือผู้ปรารถนาจะเป็นปราชญ์ หรือผู้ปรารถนาจะฉลาด หรือผู้ที่ยังไม่รู้และปรารถนาจะรู้มากขึ้น

3 ข้อใดคือท่าทีของ “ปรัชญา” ตามความหมายในวิชา PHI 1003

(1) การศึกษาเรื่องความรู้อันประเสริฐ

(2) การสงสัยและหาคําตอบ

(3) การหาหลักการให้กับองค์กร

(4) การศึกษาเพื่อการพ้นทุกข์

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 1 ประกอบ

4 สิ่งที่ “ปรัชญา” ไม่สามารถช่วยได้คือข้อใด

(1) ความสามารถคิดอย่างมีเหตุผล

(2) การมีทัศนะกว้างขึ้น

(3) การมีใจกว้างขึ้น

(4) การหางานทําได้ง่ายขึ้น

ตอบ 4 หน้า 1 – 2, (คําบรรยาย) ปรัชญาเป็นสิ่งที่ทําให้มนุษย์สามารถคิดอย่างมีเหตุผล ไม่ยอมรับสิ่งใดโดยง่ายดาย แต่ก็มีใจกว้าง ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น จึงทําให้มีทัศนะกว้างขวางขึ้นและพยายามแสวงหาคําตอบสําหรับปัญหาของตนตลอดเวลา แต่ไม่ได้ทําให้หางานทําได้ง่ายขึ้น

5 ข้อใดสัมพันธ์กันอย่างถูกต้อง

(1) เทพประจําธรรมชาติ – ปฐมธาตุ

(2) เทพประจําธรรมชาติ – ระเบียบของปรากฏการณ์ธรรมชาติ

(3) ปฐมธาตุ – ความไร้ระเบียบของปรากฏการณ์ธรรมชาติ

(4) ปฐมธาตุ – ระเบียบของปรากฏการณ์ธรรมชาติ

ตอบ 2 หน้า 2 ปรัชญายุคดึกดําบรรพ์ เชื่อว่า จักรวาลหรือเอกภพมีกฎเกณฑ์ที่ไม่แน่นอนตายตัวดังนั้นปรากฏการณ์ธรรมชาติทั้งหลายจึงเกิดขึ้นตามน้ําพระทัยของเทพเจ้า หรืออาจกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เทพเจ้าเป็นผู้กําหนดระเบียบของปรากฏการณ์ธรรมชาตินั่นเอง

6 ข้อใดสัมพันธ์กันอย่างถูกต้อง

(1) โซฟิสต์ – ความรู้เชิงปรนัย

(2) โซเครตีส – ความรู้เชิงอัตนัย

(3) โซฟิสต์ ปัญญา

(4) โซเครตีส – ปัญญา

ตอบ 4 หน้า 8, (คําบรรยาย) โซเครตีส เพลโต และอริสโตเติล เชื่อว่า มนุษย์มีสมรรถภาพพอที่จะรู้ความเป็นจริงได้ (ความรู้เชิงปรนัย) ถ้ามนุษย์ใช้ปัญญาหรือเหตุผลที่เป็นสมรรถภาพเหนือผัสสะ ส่วนโซฟิสต์ เห็นว่า มนุษย์ไม่มีความสามารถที่จะรู้ว่าอะไรคือสารเบื้องต้นของธรรมชาติที่แท้จริงนักปรัชญาแต่ละคนจึงได้ตอบไปตามความเห็นของตนเท่านั้น

7 ที่ว่าสสารนิยมเป็น “เอกนิยม” (Monism) มีความหมายอย่างไร

(1) โลกเป็นปรากฏการณ์ของสสารเท่านั้น

(2) โลกเป็นปรากฏการณ์ของสสารชนิดเดียว

(3) โลกมีเพียงโลกเดียว

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 31 สสารนิยมเป็นเอกนิยม (Monism) ถือว่าปรากฏการณ์ของสสารเท่านั้นที่เป็นจริง เป็นความจริงประเภทเดียว และเป็นปรากฏการณ์ของสสารชนิดเดียว โดยสสารจะเป็นสิ่งที่ครองที่ คือ แผ่ไปในที่ว่าง เป็นสิ่งที่มีอยู่และเกิดขึ้นในที่ว่าง ถ้าวัตถุชิ้นหนึ่งครองที่อยู่ ณ ที่หนึ่งแล้ว วัตถุชิ้นอื่นจะครองที่นั้นในเวลาเดียวกันนั้นไม่ได้

8 ปรัชญาตะวันตกยุคใดที่ได้รับฉายาว่า สาวใช้ของศาสนา

(1) ยุคดึกดําบรรพ์

(2) ยุคโบราณ

(3) ยุคกลาง

(4) ยุคใหม่

ตอบ 3 หน้า 8, 249 ปรัชญาตะวันตกยุคกลาง เป็นช่วงสมัยที่ศาสนาคริสต์ได้รับการยอมรับนับถือกันทั่วไป ดังนั้นปรัชญาตะวันตกยุคกลางจึงได้รับฉายาว่า “สาวใช้ของศาสนา” เนื่องจากปรัชญา ถูกดึงไปเป็นเครื่องมือสําหรับอธิบายและส่งเสริมคําสอนของศาสนาคริสต์ให้ดูมีเหตุมีผลยิ่งขึ้นถือเป็นการประนีประนอมระหว่างปรัชญากรีกกับคริสต์ศาสนา

9 ปรัชญาตะวันตกยุคใดที่ได้ชื่อว่า ได้รับอิทธิพลของวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์

(1) ยุคดึกดําบรรพ์

(2) ยุคโบราณ

(3) ยุคกลาง

(4) ยุคใหม่

ตอบ 4 หน้า 8, 251 – 255, (คําบรรยาย) ปรัชญาตะวันตกยุคใหม่ หมายถึง ปรัชญาตะวันตกที่นับตั้งแต่ปรัชญาตะวันตกสมัยกลางสิ้นสุดลง (ประมาณศตวรรษที่ 15 เป็นต้นมา) ซึ่งปรัชญาในยุคนี้ จะได้รับอิทธิพลจากวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์เป็นอย่างมาก โดยมีนักปรัชญาที่สําคัญ ได้แก่ เดส์การ์ต (Descartes), สปิโนซ่า (Spinoza), ไลบ์นิตซ์ (Leibnitz), จอห์น ล็อค (John Locke), เดวิด ฮูม (David Hume), โธมัส ฮอบส์ (Thomas Hobbes) เป็นต้น

10 “ปรัชญาบริสุทธิ์” คืออะไร

(1) ความเป็นจริง

(2) การรู้ความเป็นจริง

(3) การปฏิบัติตนให้สอดคล้องกับความเป็นจริง

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 11 – 17 ปรัชญาบริสุทธิ์ (Pure Philosophy) หมายถึง ปัญหาหรือขอบเขตของปรัชญาที่เป็นเรื่องของปรัชญาโดยเฉพาะไม่เกี่ยวข้องกับข้อสรุปของวิชาอื่น ๆ ที่แยกตัวออกไปจาก วิชาปรัชญาแล้ว ซึ่งปรัชญาบริสุทธิ์จะศึกษาถึงปัญหาเกี่ยวกับความเป็นจริงใน 3 ประเด็น คือ

1 ความเป็นจริงคืออะไร

2 เรารู้ความเป็นจริงได้อย่างไร

3 เราพึงปฏิบัติตนอย่างไรจึงจะสอดคล้องกับความเป็นจริง

11 นักปรัชญาใช้วิธีการใดในการตอบข้อสงสัยของตนเอง

(1) การไตร่ตรองด้วยเหตุผลเป็นหลัก

(2) การเก็บข้อมูลจากประสบการณ์ และสรุปเป็นทฤษฎีด้วยการทดลอง

(3) การศึกษาจากคัมภีร์ของศาสนาต่าง ๆ

(4) การหยั่งรู้โดยตรง

ตอบ 1 ดูคําบรรยายข้อ 1 และ 4 ประกอบ

12 ข้อใดคือลักษณะของการตอบคําถามของนักปรัชญา

(1) ปัญหาเดียวกัน หลายคนช่วยกันคิดให้มีคําตอบเดียว

(2) ปัญหาเดียวกัน นักปรัชญาคนเดียวกันมีหลายคําตอบ

(3) ปัญหาเดียวกัน นักปรัชญาหลายคนมีคําตอบต่างกัน

(4) ปัญหาเดียวกัน มีหลายคําตอบ แต่เป็นไปได้คําตอบเดียว

ตอบ 3 หน้า 9 ลักษณะสําคัญประการหนึ่งของปรัชญา ก็คือ แม้แต่คําตอบต่อปัญหาอันเดียวกันนั้นนักปรัชญาหลายคนก็อาจมีคําตอบที่แตกต่างกัน และอาจมีคําตอบที่เป็นไปได้หลายคําตอบโดยยังไม่มีการกําหนดหรือยอมรับกันลงไปว่าคําตอบใดเป็นคําตอบที่ถูกต้องที่สุด

13 ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับคานท์

(1) ประนีประนอมเหตุผลนิยมกับประสบการณ์นิยม

(2) ประนีประนอมสุขนิยมกับอสุขนิยม

(3) ประนีประนอมสสารนิยมกับจิตนิยม

(4) ประนีประนอมสัมพัทธ์นิยมกับสัมบูรณ์นิยม

ตอบ 1 หน้า 8 – 9, (คําบรรยาย) ปรัชญาตะวันตกยุคใหม่ซึ่งเริ่มนับตั้งแต่ประมาณศตวรรษที่ 15 จนมาสิ้นสุดที่คานท์ (Kant) แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มเหตุผลนิยม และกลุ่มประสบการณ์นิยม (ประจักษนิยม) โดยคานท์เป็นผู้ประนีประนอมความคิด/ความเชื่อของทั้ง 2 กลุ่มเข้าด้วยกัน

14 ข้อใดคือท่าทีของนักปรัชญาตะวันตกสมัยกลางต่อเพลโต

(1) ปรัชญาของเพลโตเป็นปฏิปักษ์กับคําสอนของศาสนาคริสต์

(2) ปรัชญาของเพลโตเข้ากันได้กับคําสอนของศาสนาคริสต์

(3) เพลโตเป็นศิษย์คนหนึ่งของพระเยซู

(4) เพลโตเป็นนักปรัชญาที่เชื่อเรื่องพระเจ้า

ตอบ 2 หน้า 28, (คําบรรยาย) ปรัชญาของเพลโตเป็นจิตนิยม ซึ่งถือว่า ค่าทั้งหลายที่มีอยู่ในโลกของวัตถุและโลกของมนุษย์มีต้นตออยู่ที่อสสารด้วย เช่น ความดี ความงาม ความยุติธรรม เป็นค่า หรือคุณธรรมที่มีอยู่ในโลก ดังนั้นจึงสอดคล้องกับทัศนะของนักปรัชญาตะวันตกสมัยกลางที่เห็นว่าคุณค่าต่าง ๆ ในโลกเป็นสิ่งที่พระเจ้าสร้างขึ้น มิใช่สิ่งที่มนุษย์คิดขึ้นหรือตั้งขึ้นมา

15 ข้อใดคือท่าทีของนักเหตุผลนิยมเกี่ยวกับประสบการณ์

(1) มนุษย์สามารถพึ่งพาประสบการณ์ได้บางเรื่อง

(2) มนุษย์สามารถพึ่งพาประสบการณ์ได้ทุกเรื่อง

(3) มนุษย์ไม่สามารถพึ่งพาประสบการณ์ได้เลย

(4) มนุษย์ต้องอาศัยประสบการณ์เป็นข้อมูลสําหรับคิด

ตอบ 1 หน้า 106 107, (คําบรรยาย) พวกเหตุผลนิยม เห็นว่า ความรู้ที่แท้จริงแน่นอนไม่อาจจะได้รับจากประสาทสัมผัส แต่ได้จากความคิดหรือเหตุผล แต่ยอมรับว่าประสบการณ์ทางผัสสะ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความรู้ หรือเป็นสิ่งที่มาจุดประกายให้สติปัญญาเริ่มทํางานเท่านั้น ดังนั้น จึงถือได้ว่ามนุษย์สามารถพึ่งพาประสบการณ์ได้ในบางเรื่องเท่านั้น

16 ปัญหาเรื่องปฐมธาตุของนักปรัชญากรีกโบราณจัดเป็นปัญหาปรัชญาสาขาใด

(1) อภิปรัชญา

(2) ญาณวิทยา

(3) จริยศาสตร์

(4) ปรัชญาประยุกต์

ตอบ 1 หน้า 17, 21 – 23 อภิปรัชญา เป็นศาสตร์ที่มุ่งศึกษาปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง “ความเป็นจริงคืออะไร” โดยมุ่งที่จะสืบค้นไปถึงสิ่งที่จริงที่สุด ซึ่งอาจซ่อนอยู่เบื้องหลัง ปรากฏการณ์ของโลกที่ปรากฏต่อผัสสะของมนุษย์ หรือสิ่งที่อยู่ล่วงเลยขอบเขตของสสาร (อสสาร) ซึ่งแยกออกได้เป็น 3 ปัญหา คือ

1 ปัญหาเกี่ยวกับความเป็นจริงของโลก เช่น ปฐมธาตุหรือแก่นแท้ของจักรวาลคืออะไร

2 ปัญหาเกี่ยวกับความเป็นจริงของจิต เช่น จิตหรือวิญญาณของมนุษย์มีจริงหรือไม่

3 ปัญหาเกี่ยวกับความเป็นจริงของพระเจ้า เช่น พระเจ้ามีอยู่และเกี่ยวข้องกับโลกอย่างไร

17 ความหมายตามศัพท์ของ “Metaphysics” ตรงกับศัพท์ใดมากที่สุด (1) อภิปรัชญา

(2) ปรมัตถ์

(3) อตินทรีย์วิทยา

(4) ปรัชญา

ตอบ 3 หน้า 21 – 22 Metaphysics แปลว่า วิชาที่ว่าด้วยสิ่งที่อยู่เบื้องหลังวัตถุ หรือวิชาที่ว่าด้วยสิ่งที่อยู่เบื้องหลังสิ่งที่รู้สึกทางประสาทสัมผัส จะมีความหมายตรงกับคําว่า “อตินทรีย์วิทยา” ซึ่งแปลว่า ล่วงเลยอินทรีย์หรือประสาทสัมผัส แต่คําว่าอตินทรีย์วิทยานี้ไม่เป็นที่นิยมใช้กันโดยคําที่นิยมใช้ก็คือ “อภิปรัชญา” ซึ่งแปลว่า ความรู้อันประเสริฐที่ยิ่งใหญ่

18 ข้อใดจัดเป็นปัญหาอภิปรัชญา

(1) โลกเป็นปรากฏการณ์ของอะไร

(2) มนุษย์มีวิญญาณหรือไม่

(3) พระเจ้าเกี่ยวข้องกับโลกอย่างไร

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 16 ประกอบ

19 ในฐานะเป็นแนวคิดทางอภิปรัชญา “จิตนิยม” (Idealism) มีความหมายอย่างไร

(1) คนชอบคิดถึงสิ่งเหนือจริง

(2) คนเชื่อว่าสสารเป็นจริงที่สุด

(3) คนเชื่อว่าอสสารจริงกว่าสสาร

(4) คนเชื่อว่าสสารเป็นสิ่งธรรมชาติอย่างหนึ่ง

ตอบ 3 หน้า 25 – 27 จิตนิยม เห็นว่า สสาร วัตถุ หรือสิ่งที่เป็นรูปธรรมทั้งหมดนั้นมีอยู่จริงแต่ยังมีสิ่งที่จริงถว่าวัตถุและสสาร กล่าวคือ ยังมี “ของจริง” อีกอย่างหนึ่งที่จับต้องหรือ สัมผัสไม่ได้ มองเห็นไม่ได้ ไม่มีตัวตน (ไร้รูปร่าง) มีอยู่เป็นนิรันดรหรือมีสภาวะเป็นอมตะ (ไร้อายุขัย) และไม่อยู่ในระบบของอวกาศและเวลา ซึ่งมีลักษณะเป็นอสสาร (Immaterial) สิ่งนั้นคือ “จิต” เช่น แบบ วิญญาณ และพระเจ้า ฯลฯ อันเป็นต้นกําเนิดหรือต้นแบบของวัตถุดังนั้นสิ่งที่มนุษย์มองเห็นอยู่บนโลกนี้ จึงเป็นเพียงสภาพที่ปรากฏของสิ่งที่เป็นจริงเท่านั้น

20 ในฐานะเป็นแนวคิดทางอภิปรัชญา “สสารนิยม” มีความหมายอย่างไร

(1) คนชอบคิดถึงสิ่งเหนือจริง

(2) คนเชื่อว่าสสารเป็นจริงที่สุด

(3) คนเชื่อว่าอสสารจริงกว่าสสาร

(4) คนเชื่อว่าสสารเป็นสิ่งธรรมชาติอย่างหนึ่ง

ตอบ 2 หน้า 25, 31 – 32 ลัทธิสสารนิยม เห็นว่า สสารหรือวัตถุเท่านั้นที่เป็นจริง ซึ่งแนวความคิด ทั่วไปของลัทธินี้ได้แก่

1 สสารนิยมเป็นเอกนิยม

2 สสารนิยมยอมรับทฤษฎีหน่วยย่อย

3 สสารนิยมยอมรับแนวความคิดเรื่องการทอนลง

4 สสารนิยมเห็นว่าค่าเป็นสิ่งสมมุติ

5 สสารนิยมถือว่าจักรวาลอยู่ในระบบจักรกล

21 ในฐานะเป็นแนวคิดทางอภิปรัชญา “ธรรมชาตินิยม” มีความหมายอย่างไร

(1) คนชอบคิดถึงสิ่งเหนือจริง

(2) คนเชื่อว่าสสารเป็นจริงที่สุด

(3) คนเชื่อว่าอสสารจริงกว่าสสาร

(4) คนเชื่อว่าสสารเป็นสิ่งธรรมชาติอย่างหนึ่ง

ตอบ 4 หน้า 33 – 34 ธรรมชาตินิยม เห็นว่า สสารเป็นสิ่งธรรมชาติที่มีลักษณะ 2 ประการ คือ

1 เป็นสิ่งที่ดํารงอยู่ในระบบของอวกาศ

2 เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นและดับลงด้วยสาเหตุธรรมชาติ นอกจากนี้ยังเห็นว่า สิ่งธรรมชาติมีความจริงอยู่ในตัวมันเอง ไม่สามารถตัดทอนลงเป็นอะตอมได้

22 นักจิตนิยม มีความเห็นเกี่ยวกับโลกมนุษย์อย่างไร

(1) โลกเป็นสถานที่แห่งเดียวของมนุษย์

(2) โลกเป็นสถานที่ชั่วคราวที่มนุษย์ใช้ชีวิตเป็นทางผ่านไปสู่โลกหลังการตายที่ประเสริฐกว่า

(3) โลกเป็นมายา

(4) โลกมีแต่สิ่งชั่วร้าย

ตอบ 2 (คําบรรยาย) นักจิตวิยม เห็นว่า โลกเป็นสถานที่ชั่วคราวสําหรับมนุษย์ที่ใช้เป็นทางผ่านไปสู่โลกหลังความตายที่ประเสริฐกว่า ซึ่งเป็นโลกที่อยู่เหนือประสาทสัมผัสหรือโลกของแบบที่แท้จริง

23 นักธรรมชาตินิยม มีความเห็นเกี่ยวกับโลกมนุษย์อย่างไร

(1) โลกเป็นสถานที่แห่งเดียวของมนุษย์

(2) โลกเป็นสถานที่ชั่วคราวที่มนุษย์ใช้ชีวิตเป็นทางผ่านไปสู่โลกหลังการตายที่ประเสริฐกว่า

(3) โลกเป็นมายา

(4) โลกมีแต่สิ่งชั่วร้าย

ตอบ 1 (คําบรรยาย) พวกธรรมชาตินิยมหรือสัจนิยมนั้น มีทัศนะว่า โลกหรือวัตถุทั้งหลายมีความแท้จริงตามสภาพของมันโดยไม่ได้ขึ้นอยู่ว่าจะมีมนุษย์รับรู้มันหรือไม่ และมีอยู่ก่อนที่จะมีผู้ใดมารับรู้มัน ดังนั้นโลกจึงเป็นสถานที่แห่งเดียวของมนุษย์

24 อสสารมีลักษณะอย่างไร

(1) มีรูปร่าง จับต้องได้ แต่ไร้อายุขัย

(2) มีรูปร่าง จับต้องได้ มีอายุขัย

(3) ไร้รูปร่าง จับต้องไม่ได้ แต่มีอายุขัย

(4) ไร้รูปร่าง จับต้องไม่ได้ ไร้อายุขัย

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 19 ประกอบ

25 ลัทธิจิตนิยม มีทัศนะเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างไร

(1) ปัจจุบันเป็นผลของอดีต

(2) ปัจจุบันเป็นผลของอนาคต

(3) ปัจจุบันเป็นผลของการก้าวกระโดดของอดีต

(4) ปัจจุบันคือสิ่งใหม่ที่เกิดโดยบังเอิญ

ตอบ 1 (คําบรรยาย) ลัทธิจิตนิยมมีความเชื่อในเรื่องของพระเจ้า หรือในเรื่องของอํานาจบุญและบาปดังนั้นจึงมีทัศนะเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของโลกว่า ปัจจุบันเป็นผลของอดีต นั่นคือ การกระทําใด ๆ ที่เกิดขึ้นในอดีต จะต้องส่งผลให้เกิดสิ่งต่าง ๆ ขึ้นในปัจจุบันหรือในอนาคตอย่างแน่นอน

  1. ลัทธิธรรมชาตินิยม มีทัศนะเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างไร

(1) ปัจจุบันเป็นผลของอดีต

(2) ปัจจุบันเป็นผลของอนาคต

(3) ปัจจุบันเป็นผลของการก้าวกระโดดของอดีต

(4) ปัจจุบันคือสิ่งใหม่ที่เกิดโดยบังเอิญ

ตอบ 3 (คําบรรยาย) ลัทธิธรรมชาตินิยมมีทัศนะบางอย่างคล้ายกับลัทธิสสารนิยมเป็นอย่างมากตัวอย่างเช่น เรื่องการเปลี่ยนแปลงแบบ “ก้าวกระโดด” ที่เห็นว่า เป็นการเรียงตัวของหน่วย ย่อยในรูปแบบใหม่ ไม่มีอะไรเกิด ไม่มีอะไรสูญ สามารถเข้าใจได้ และเป็นการเปลี่ยนแปลง ที่ไปสู่จุดมุ่งหมายเร็วขึ้น

27 นักจิตนิยม มีทัศนะเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างจิตกับกายของมนุษย์อย่างไร

(1) จิตคือกาย ร่างกายตายจิตก็สูญสิ้น

(2) จิตไม่ใช่กาย จิตไม่สูญสิ้นไปพร้อมกับร่างกาย

(3) จิตเป็นคุณภาพของร่างกาย ร่างกายตายจิตก็สูญสิ้น

(4) จิตเป็นคุณภาพของร่างกาย จิตไม่สูญสิ้นไปพร้อมกับร่างกาย

ตอบ 2 หน้า 34 – 35 จิตนิยม เชื่อว่า วิถีชีวิตของแต่ละคนนั้น ย่อมเป็นไปตามการบังคับบัญชาของจิตแต่ละคน ร่างกายเป็นเพียงการตอบสนองต่อเจตจํานงของจิตเท่านั้น ดังนั้นจิตจึงมีธรรมชาติ ที่ต่างไปจากร่างกายและมีสภาวะเป็นนิรันดร์ ไม่สูญสลายไปตามร่างกาย ซึ่งตรงกับสุภาษิตที่ว่า“ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว”

28 นักธรรมชาตินิยม มีทัศนะเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างจิตกับกายของมนุษย์อย่างไร

(1) จิตคือกาย ร่างกายตายจิตก็สูญสิ้น

(2) จิตไม่ใช่กาย จิตไม่สูญสิ้นไปพร้อมกับร่างกาย

(3) จิตเป็นคุณภาพของร่างกาย ร่างกายตายจิตก็สูญสิ้น

(4) จิตเป็นคุณภาพของร่างกาย จิตไม่สูญสิ้นไปพร้อมกับร่างกาย

ตอบ 3 (คําบรรยาย) ธรรมชาตินิยม เชื่อว่า ร่างกายเป็นผลิตผลเชิงวิวัฒนาการของการจัดระบบของสสารขั้นที่หนึ่ง ส่วนจิตจะถือกําเนิดจากร่างกายในอีกขั้นหนึ่ง ดังนั้นจึงอาจถือได้ว่าจิตเป็นคุณภาพของร่างกาย ร่างกายตายจิตก็สูญสิ้น

29 คนที่ยอมทํางานหนักเพื่อแลกกับเงินเดือนที่สามารถช่วยให้ชีวิตสุขสบาย เป็นคนมีจิตแบบใดในทัศนะของเพลโต

(1) มีจิตภาคตัณหาเด่น

(2) มีจิตภาคน้ำใจเด่น

(3) มีจิตภาคตัณหาและน้ำใจเด่น

(4) มีจิตภาคเหตุผลเด่น

ตอบ 1 หน้า 35 – 36, 245 246 จิตในทัศนะของเพลโต แบ่งเป็น 3 ภาค คือ

1 ภาคตัณหา คือ ความต้องการความสุขทางกาย โดยจะพยายามทําทุกอย่างเพื่อแสวงหาเงินมาสนองความสุขแบบโลก ๆ จึงเป็นบุคคลที่ลุ่มหลงในโลกยสุข

2 ภาคน้ำใจ คือ มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ยึดถือเกียรติและสัจจะเป็นสําคัญ พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือแก่ผู้อื่นที่ตกทุกข์ได้ยากทุกเมื่อ

3 ภาคเหตุผลหรือภาคปัญญา เป็นจิตภาคที่พัฒนาขึ้นมาสูงสุดแล้ว คือ มีความใฝ่ในสัจจะโดยจะทุ่มเทชีวิตเพื่อแสวงหาความรู้ ความจริง ความดี ความงาม และคุณธรรม

30 คนที่ยอมทิ้งความสุขสบายทางกาย มุ่งแสวงหาความเข้าใจเรื่องความจริง ความดี ความงาม เป็นคนมีจิตแบบใดในทัศนะของเพลโต

(1) มีจิตภาคตัณหาเด่น

(2) มีจิตภาคน้ำใจเด่น

(3) มีจิตภาคตัณหาและน้ำใจเด่น

(4) มีจิตภาคเหตุผลเด่น

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 29 ประกอบ

31 คนที่สามารถหักห้ามใจไม่รับสินบนก้อนโตจากพ่อค้า ถึงแม้ว่าเงินนั้นจะทําให้ชีวิตของตนสบายขึ้นเป็นคนมีจิตแบบใดในทัศนะของเพลโต

(1) มีจิตภาคตัณหาเด่น

(2) มีจิตภาคน้ำใจเด่น

(3) มีจิตภาคตัณหาและน้ำใจเด่น

(4) มีจิตภาคเหตุผลเด่น

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 29 ประกอบ

32 “พระเจ้าคือสิ่งทั้งปวง” คือ ลักษณะของความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้ากับโลก ตามลัทธิใด

(1) Deism

(2) Theism

(3) Pantheism

(4) Panentheism

ตอบ 3 หน้า 45 ลัทธิสกลเทพนิยม (Pantheism) เชื่อว่า พระผู้เป็นเจ้าอยู่ในโลกและในวิญญาณของมนุษย์ พระผู้เป็นเจ้าจึงเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับโลก โดยอาจจะกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ“พระผู้เป็นเจ้าคือสิ่งทั้งปวง และสิ่งทั้งปวงคือพระผู้เป็นเจ้า”

33 “โลกคือการแสดงออกของพระเจ้าบางส่วน แต่พระองค์ก็แตกต่างจากโลกนี้” คือ แนวคิดของลัทธิใด

(1) Deism

(2) Theism

(3) Pantheism

(4) Panentheism

ตอบ 2 หน้า 45, (คําบรรยาย) ลัทธิสรรพเทวนิยม (Theism) เชื่อว่า พระผู้เป็นเจ้าเป็นสภาวะทั้งที่อยู่เหนือโลกและอยู่ในโลก แต่อยู่เหนือวิญญาณมนุษย์โดยประการทั้งปวง ดังนั้นโลกจึงเป็นการแสดงออกบางส่วนของพระเจ้า แต่พระองค์ก็แตกต่างจากโลกนี้

34 ทฤษฎีพิสูจน์การมีอยู่ของพระเจ้าทฤษฎีใดที่เริ่มจากการสังเกตความสอดคล้องกลมกลืนของโลกจนเชื่อว่า น่าจะเกิดจากการออกแบบของพระเจ้า

(1) ทฤษฎีเชิงเอกภพ

(2) ทฤษฎีเชิงวัตถุประสงค์

(3) ทฤษฎีเชิงภววิทยา

(4) ทฤษฎีเชิงจริยธรรม

ตอบ 2 หน้า 43 ทฤษฎีเชิงวัตถุประสงค์ ถือว่า โลกนี้มีเอกภาพ มีระเบียบ มีความกลมกลืนกัน เช่น มีที่ราบ ภูเขา ทะเล พืช สัตว์ และมนุษย์ ซึ่งต่างก็ปรับตัวให้เข้ากับระเบียบที่กําหนดไว้แล้ว ในธรรมชาติ ซึ่งแสดงว่าโลกนี้ต้องมีผู้ออกแบบที่ชาญฉลาดสร้างขึ้นมา และมีวัตถุประสงค์ที่จะให้เป็นเช่นนั้น โดยผู้ออกแบบสร้างโลกนี้ก็คือพระผู้เป็นเจ้า เพราะฉะนั้นพระผู้เป็นเจ้าจึงมีอยู่

35 ทฤษฎีพิสูจน์การมีอยู่ของพระเจ้าทฤษฎีใดที่เริ่มจากความคิดเกี่ยวกับพระเจ้าของมนุษย์ว่าน่าจะมาจากพระเจ้า

(1) ทฤษฎีเชิงเอกภพ

(2) ทฤษฎีเชิงวัตถุประสงค์

(3) ทฤษฎีเชิงภววิทยา

(4) ทฤษฎีเชิงจริยธรรม

ตอบ 3 หน้า 43 ทฤษฎีเซงาววิทยา ถือว่า พระเจ้าเป็นสิ่งสัมบูรณ์ ส่วนมนุษย์เป็นสิ่งสัมพัทธ์ แต่การที่มนุษย์มีความคิดในเรื่องพระเจ้าได้นั้น เกิดจากพระเจ้าเป็นต้นเหตุให้มนุษย์คิดถึงสิ่งที่ไร้ขอบเขตนี้ขึ้นมาได้ เพราะฉะนั้นพระผู้เป็นเจ้าจึงมีอยู่

36 “แบบ” ของเพลโตกับ “พระเจ้า” ของศาสนาคริสต์ มีลักษณะเหมือนหรือต่างกันอย่างไร

(1) เป็นสิ่งที่มนุษย์สามารถพูดคุยได้เหมือนกัน

(2) มีสถานภาพเป็นอสสารเหมือนกัน

(3) เป็นแหล่งกําเนิดของโลกเหมือนกัน

(4) ถูกข้อ 2 และ 3

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 14 ประกอบ

37 “เทวสิทธิ์” (Divine Right) หมายถึงอะไร

(1) การอ้างว่าพระเจ้าเป็นเจ้าของชีวิตมนุษย์ทุกคน

(2) การอ้างอํานาจของพระเจ้าเพื่อสนับสนุนอํานาจในการปกครอง

(3) การอ้างอํานาจของพระเจ้าเพื่อการควบคุมปรากฏการณ์ธรรมชาติ

(4) การอ้างอํานาจพระเจ้าในพิธีบูชาพระเจ้า

ตอบ 2 หน้า 44 – 45 ทฤษฎีการอ้างเทวสิทธิ์ (Divine Right) หมายถึง การที่ผู้ปกครองอ้างอํานาจของพระเจ้าเพื่อสนับสนุนอํานาจในการปกครองของตน โดยอ้างว่าตนเป็นสมมติเทพหรือเป็น เทพผู้ยิ่งใหญ่ที่เทพบดีคัดเลือกส่งมาปกครอง ถือตนว่าเป็นบุตรแห่งสวรรค์หรือเป็นผู้สืบเชื้อส มาจากเทพ จึงมีสิทธิโดยชอบธรรมที่จะปกครอง

38 ข้อใดเป็นลักษณะของปรมาณูของไวเศษิกะ

(1) ปรมาณู แตกต่างกันทั้งทางด้านปริมาณและคุณภาพ

(2) ปรมาณู เหมือนกันทั้งทางด้านปริมาณและคุณภาพ

(3) ปรมาณู แตกต่างกันทางด้านปริมาณเท่านั้น

(4) ปรมาณู แตกต่างกันทางด้านคุณภาพเท่านั้น

ตอบ 1 หน้า 57 ลัทธิไวเศษกะ ถือว่า ปรมาณูแต่ละชนิดแตกต่างกันทั้งทางด้านปริมาณและคุณภาพ ส่วนปรัชญากรีก ถือว่า ปรมาณูมีความแตกต่างกันเฉพาะปริมาณเท่านั้น แต่ในด้านคุณภาพมีลักษณะเหมือนกัน

39 การเคลื่อนไหวของปรมาณู ตามทัศนะของไวเศษกะเป็นอย่างไร

(1) หยุดนิ่งตลอดเวลา

(2) ปกติหยุดนิ่ง แต่จะเคลื่อนไหวโดยอาศัยพระเจ้ากําหนด

(3) เคลื่อนไหวด้วยตัวเองตลอดเวลา

(4) ปกติหยุดนิ่ง แต่จะเคลื่อนไหวด้วยตัวเองเมื่อถึงเวลา

ตอบ 2 หน้า 58 – 59 ลัทธิเวเศษกะ ถือว่า ปรมาณูเป็นสิ่งที่ไร้กัมมันตภาพและจลนภาพ จึงอยู่ในภาวะที่หยุดนิ่ง การเคลื่อนไหวของปรมาณูจะต้องอาศัยพลังแห่งอํานาจที่มองไม่เห็นและเจตจํานงของพระผู้เป็นเจ้าเป็นสิ่งผลักดันและชักจูง

40 การเคลื่อนไหวของปรมาณูหรืออะตอม ตามทัศนะของปรัชญากรีกเป็นอย่างไร

(1) หยุดนิ่งตลอดเวลา

(2) ปกติหยุดนิ่ง แต่จะเคลื่อนไหวโดยอาศัยพระเจ้ากําหนด

(3) เคลื่อนไหวด้วยตัวเองตลอดเวลา

(4) ปกติหยุดนิ่ง แต่จะเคลื่อนไหวด้วยตัวเองเมื่อถึงเวลา

ตอบ 3 หน้า 58 ปรัชญากรีก ถือว่า ปรมาณูมีทั้งกัมมันตภาพและจลนภาพอยู่ในตัวโดยธรรมชาตินั่นคือ แต่ละปรมาณูไม่มีการหยุดนิ่ง หากแต่มีการเคลื่อนไหวด้วยตัวเองอยู่ตลอดเวลา

41 ตามทัศนะของไวเศษกะ วัตถุจะเกิดจากการรวมตัวของปรมาณูอย่างน้อยกี่ปรมาณู

(1) 2 ปรมาณู

(2) 3 ปรมาณู

(3) 4 ปรมาณู

(4) 5 ปรมาณู

ตอบ 1 หน้า 59 ลัทธิไวเศษกะ ถือว่า วัตถุจะต้องเกิดจากการรวมตัวกันของปรมาณูอย่างน้อย 2 ปรมาณู ส่วนวัตถุที่เราพอจะรู้ตัวยประสาทสัมผัสนั้น จะต้องเกิดขึ้นจากการรวมตัวของปรมาณูตั้งแต่ 3 ปรมาณูขึ้นไป

42 ตามทัศนะของไวเศษกะ วัตถุที่มนุษย์สามารถสัมผัสได้ต้องเกิดจากการรวมตัวของปรมาณูอย่างน้อยกี่ปรมาณู

(1) 2 ปรมาณู

(2) 3 ปรมาณู

(3) 4 ปรมาณู

(4) 5 ปรมาณู

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ

41 ประกอบ “ปรพรหม” คืออะไร

(1) พระเจ้าที่มีรูปร่างอย่างมนุษย์

(2) สภาวะที่ไม่มีรูปร่าง

(3) สภาวะที่มีรูปร่าง

(4) พระเจ้าที่มีรูปร่างแตกต่างจากมนุษย์

ตอบ 2 หน้า 62 63 พรหมัน ในฐานะที่เป็นปรพรหมนั้น หมายถึง อันติมะสัจจะที่ไม่มีรูปร่าง หรือสภาวะที่ไม่มีรูปร่าง หากเป็นเพียงภาวะอันหนึ่งซึ่งเป็นพืชของสรรพสิ่ง ส่วนพรหมันในฐานะที่เป็นอปรพรหม-หมายถึง พระผู้เป็นเจ้าสูงสุดหรือพระผู้เป็นเจ้าที่มีตัวตน มีรูปร่างหน้าตาเหมือนมนุษย์

44 “อปรพรหม” คืออะไร

(1) พระเจ้าที่มีรูปร่างอย่างมนุษย์

(2) สภาวะที่ไม่มีรูปร่าง

(3) สภาวะที่มีรูปร่าง

(4) พระเจ้าที่มีรูปร่างแตกต่างจากมนุษย์

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 43 ประกอบ

45 “ไม่ว่าโลกนี้จะมีจุดจบหรือไร้จุดจบ ไม่ว่าโลกนี้จะมีขอบเขตหรือไร้ขอบเขต เรื่องการหลุดพ้นจากวัฏสงสาร ก็ยังคงเป็นปัญหาอยู่เช่นเดิม” คําพูดนี้แสดงทัศนะของพระพุทธเจ้าในเรื่องใด

(1) ปัญหาทางอภิปรัชญา แก้ไขเรื่องการพ้นทุกข์ของมนุษย์ไม่ได้

(2) ปัญหาญาณวิทยา แก้ไขเรื่องการพันทุกข์ของมนุษย์ไม่ได้

(3) ปัญหาจริยศาสตร์ แก้ไขเรื่องการพ้นทุกข์ของมนุษย์ไม่ได้

(4) ปรัชญาตะวันออก แก้ไขเรื่องการพ้นทุกข์ของมนุษย์ไม่ได้

ตอบ 1 หน้า 75 – 76 พระพุทธเจ้า ทรงเห็นว่า การแสวงหาความจริงทางอภิปรัชญาไม่สามารถนําบุคคลไปสู่เป้าหมายที่แท้จริงของชีวิต คือ การหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวงได้ ดังนั้น พระพุทธองค์จะไม่ทรงตอบปัญหาในทางอภิปรัชญาและปัญหาที่ไร้ประโยชน์ในทาง จริยศาสตร์ เช่น จักรวาลมีขอบเขตจํากัดหรือไม่, ผู้รู้สัจจะตายแล้วเกิดอีกหรือไม่ ฯลฯ โดยพระองค์จะทรงพยายามให้บุคคลหันมาเผชิญกับปัญหาอันเป็นสัจภาวะที่แท้จริง เช่นความดับทุกข์ หรือการหลุดพ้นจากวัฏสงสาร ฯลฯ

46 ข้อใดจัดเป็น “สภาวะทุกข์” ตามคําสอนของอริยสัจ 4

(1) ความแก่

(2) ความเศร้าใจจากความแก่

(3) ความพลัดพรากจากของรักเพราะความแก่

(4) ความคับแค้นใจเพราะความแก่

ตอบ 1 หน้า 82 สภาวทุกข์ หมายถึง ทุกข์โดยสภาพหรือทุกข์ประจํา ได้แก่ ความเกิด ความแก่และความตาย (ส่วนทุกข์จรนั้น เป็นทุกข์ที่เกิดขึ้นเพียงบางครั้งบางคราว เช่น ความเศร้าใจ ความระทมใจ ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจ ความพลัดพราก เป็นต้น

47 ตามคําสอนของอริยสัจ 4 สิ่งที่คนฉลาดควรกลัวเป็นอย่างยิ่ง คืออะไร

(1) การเกิด

(2) การแก่

(3) การตาย

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 1 หน้า 83 ตามคําสอนของอริยสัจ 4 นั้น ถือว่า ความเกิดเป็นประตูแห่งความทุกข์ทั้งปวง ดังนั้นคนฉลาดจึงกลัวความเกิดไม่ใช่กลัวความตาย เพราะความเกิดนั้นเองเป็นเหตุให้ต้องตาย ถ้าไม่เกิดเสียอย่างเดียวก็ไม่ต้องตาย และไม่ต้องลําบากจนกว่าตัวเองจะแก่ตาย

48 “อัชญัตติกญาณ” (Intuition) เป็นวิธีมีความรู้แบบใด

(1) การพิสูจน์โดยอาศัยประสบการณ์เป็นข้อมูล

(2) การพิสูจน์โดยอาศัยความรู้ติดตัวเป็นข้อมูล

(3) การหยั่งรู้โดยตรงโดยไม่ต้องอาศัยสื่อใด ๆ ทั้งสิ้น

(4) การเปิดเผยของพระเจ้าให้มนุษย์รู้โดยตรง

ตอบ 3 หน้า 104, 115 116 อัชฌัตติกญาณ (Intuition) ตามทัศนะของพวกเหตุผลนิยม หมายถึง การหยั่งรู้โดยตรงด้วยจิตใจ หรือแสงสว่างแห่งเหตุผล/แสงสว่างแห่งปัญญา และตามทัศนะของพวกประจักษนิยม หมายถึง การมีความรู้และเข้าใจโดยตรงในความจริงที่ง่าย ๆ ธรรมดา ๆ ของประสบการณ์ทางประสาทสัมผัส

49 “นิรนัย” (Deduction) เป็นวิธีมีความรู้แบบใด

(1) การพิสูจน์โดยอาศัยประสบการณ์เป็นข้อมูล

(2) การพิสูจน์โดยอาศัยความรู้ติดตัวเป็นข้อมูล

(3) การหยั่งรู้โดยตรงโดยไม่ต้องอาศัยสื่อใด ๆ ทั้งสิ้น

(4) การเปิดเผยของพระเจ้าให้มนุษย์รู้โดยตรง

ตอบ 2 หน้า 105 – 106 วิธีการคิดหาเหตุผลแบบนิรนัย (Deduction) คือ การพิสูจน์ความเชื่อใดๆ โดยอาศัยความจริงพื้นฐานที่มีอยู่ก่อนหรือที่ยอมรับกันโดยทั่วไปเป็นหลัก แล้วก็ใช้ความคิดสืบสวน จากความรู้นั้นไปเพื่อที่จะรู้ในสิ่งอื่น โดยที่ข้อสรุปต้องได้มาจากข้ออ้าง ถ้าหากข้ออ้างเป็นจริงข้อสรุปก็ต้องเป็นจริงด้วย ซึ่งวิชาคณิตศาสตร์ เรขาคณิต และพีชคณิตก็ใช้วิธีการคิดหาเหตุผลแบบนิรนัยนี้ในการแสวงหาความจริงโดยไม่อาศัยการพิสูจน์หรือยืนยันจากประสบการณ์ด้วย

50 “Necessary Truth” หมายถึงความรู้ประเภทใด

(1) ความรู้ที่ถูกต้องตลอดกาล

(2) ความรู้ที่ติดตัวมนุษย์มาตั้งแต่เกิด

(3) ความรู้ที่มนุษย์สามารถหยั่งรู้โดยตรงโดยไม่ต้องอาศัยหลักฐาน

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 1 หน้า 104 105, 115 116 นักปรัชญาเหตุผลนิยมที่สําคัญ เช่น เดส์การ์ต (Descartes) สปิโนซา (Spinoza) และไลบ์นิตซ์ (Leibnitz) เชื่อว่า ความรู้ก่อนประสบการณ์เป็นความจริงที่ จําต้องเป็น (Necessary Truth) คือ ต้องจริงในทุกที่และทุกเวลา โดยไม่ต้องมีสิ่งใดมายืนยัน และจิตของมนุษย์ก็สามารถรู้ความจริงชนิดนี้ได้โดยอัชญัตติกญาณ (หยั่งรู้ด้วยจิตใจหรือแสงสว่างด้วยปัญญาทันทีทันใด) เช่น ข้อความว่า “เส้นตรงที่ขนานกันจะไม่มีวันมาบรรจบกันได้” ฯลฯ

51 วิธีแสวงหาความรู้ที่เดส์การ์ต (Descartes) ใช้เป็นแม่แบบในการพิสูจน์ความจริงของโลกและพระเจ้า คืออะไร

(1) คณิตศาสตร์

(2) พีชคณิต

(3) เรขาคณิต

(4) วิทยาศาสตร์

ตอบ 3 หน้า 8, 107, (คําบรรยาย) เดส์การ์ต (Descartes) ได้รับการยกย่องให้เป็นบิดาแห่งปรัชญาตะวันตกยุคใหม่ โดยเขาเป็นผู้ที่ฟื้นฟูแนวคิดเหตุผลนิยมขึ้นมาอย่างจริงจังในศตวรรษที่ 17 และได้นําวิธีการของเรขาคณิตมาใช้ในความคิดทางปรัชญาด้วย

52 การสงสัยในความรู้ทุกอย่างของเดส์การ์ต นําไปสู่ข้อสรุปใด

(1) ไม่มีความรู้ใดที่สงสัยไม่ได้

(2) ไม่มีความรู้ใดที่สงสัยได้

(3) สิ่งที่สงสัยไม่ได้ คือตัวตนของเขาเอง

(4) สิ่งที่สงสัยได้ มีอย่างเดียว คือตัวตนของเขาเอง

ตอบ 3 หน้า 108 เดส์การ์ต เห็นว่า การสงสัยเป็นการคิดอย่างหนึ่ง ซึ่งการคิดนั้นก็จะต้องมีผู้คิด ดังนั้น เราจึงไม่อาจสงสัยการมีอยู่ของตัวเองในฐานะที่เป็นผู้คิดได้ จากเหตุผลดังกล่าวทําให้เดส์การ์ตพบว่าสิ่งที่เป็นความจริงอย่างชัดเจนและแจ่มแจ้ง ก็คือ “ฉันคิด ดังนั้น ฉันจึงมีอยู่”

53 เดส์การ์ตมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องพระเจ้า

(1) เนื่องจากมนุษย์ไม่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับพระเจ้า พระเจ้าจึงไม่มีอยู่จริง

(2) พระเจ้าต้องมีจริง เพราะกล่าวไว้ในคัมภีร์ไบเบิล

(3) เพราะเรื่องพระเจ้าแจ่มแจ้งชัดเจนมาก จึงต้องมีจริง

(4) เนื่องจากมนุษย์สามารถมีความคิดเกี่ยวกับพระเจ้าได้ แสดงว่าพระเจ้านั้นเองเป็นผู้ทําให้ความคิดนั้นเกิดขึ้น

ตอบ 4 หน้า 110 เดส์การ์ต เห็นว่า ธรรมชาติของมนุษย์ตรงกันข้ามกับธรรมชาติของพระเจ้าซึ่งการที่มนุษย์สามารถมีความคิดเกี่ยวกับพระเจ้าได้ก็มิได้เกิดขึ้นเอง แต่พระเจ้าทรงเป็นผู้ประทานความคิดเกี่ยวกับพระองค์เองให้มนุษย์ ดังนั้นจึงแสดงว่าต้องมีพระเจ้าอยู่จริง

54 ข้อมูลที่จิตใช้ไตร่ตรองมีแหล่งที่มาจากอะไรในทัศนะของลัทธิเหตุผลนิยม

(1) จากประสบการณ์ที่มีสาเหตุจากวัตถุภายนอก

(2) จากประสบการณ์ที่ไม่สามารถพิสูจน์ว่ามีสาเหตุมาจากวัตถุภายนอก

(3) จากภาพเหมือนของประสบการณ์ที่ผ่านไปแล้ว

(4) จากข้อมูลที่ติดตัวมาตั้งแต่แรกเกิด

ตอบ 4 หน้า 108 – 109 เดส์การ์ต เป็นนักปรัชญาคนสําคัญของกลุ่มเหตุผลนิยม ที่เชื่อว่า คนเรามี“ความคิดที่มีมาแต่กําเนิด” (Innate Ideas) ซึ่งเป็นความคิดที่ไม่ได้มาจากประสบการณ์หรือ จินตนาการของคน หากแต่เป็นความคิดที่มีอยู่เองโดยธรรมชาติที่เกิดจากการทําหน้าที่ของจิต หรือวิญญาณของแต่ละบุคคล ดังนั้นจึงอาจถือได้ว่าจิตหรือวิญญาณมีศักยภาพในการคิดหรือสร้างความรู้มาโดยกําเนิด

55 ตามทัศนะของล็อค “ความคิด” ในจิตมนุษย์หมายถึงอะไร

(1) ข้อมูลที่ติดตัวมาตั้งแต่แรกเกิตของจิต

(2) ข้อมูลที่จิตรับรู้จากประสบการณ์ แต่ตรงกับวัตถุภายนอก

(3) ข้อมูลที่จิตรับรู้จากประสบการณ์ แต่ไม่อาจสรุปว่ามีสาเหตุมาจากวัตถุภายนอก

(4) ภาพลางเลือนของประสบการณ์

ตอบ 3 หน้า 117, 121 ล็อค เห็นว่า ความรู้ของมนุษย์ไม่ได้มีติดตัวมาตั้งแต่เกิด แต่มีบ่อเกิดหรือเริ่มต้นจากประสบการณ์ ความรู้ทุกอย่างและข้อมูลทั้งหลายเกี่ยวกับโลกภายนอกจึงมาจากประสบการณ์ วัตถุจริง ๆ กับวัตถุที่เป็นสิ่งรู้ของคนเราจะไม่เหมือนกัน การที่เรารู้จักตัวแทนของวัตถุจึงไม่ได้รู้จักวัตถุตัวจริง

  1. ตามทัศนะของฮูม “ความคิด” ในจิตมนุษย์หมายถึงอะไร

(1) ข้อมูลที่ติดตัวมาตั้งแต่แรกเกิดของจิต

(2) ข้อมูลที่จิตรับรู้จากประสบการณ์โดยทั่วไป

(3) ข้อมูลที่จิตรับรู้จากประสบการณ์ที่ชัดเจนจึงชัดเจนเท่าประสบการณ์

(4) ข้อมูลที่จิตรับรู้จากประสบการณ์ที่ชัดเจนแต่ลางเลือนแล้ว

ตอบ 4 หน้า 122 123 ซูม เห็นว่า ความรู้ของมนุษย์แบ่งออกได้เป็น 2 ส่วน คือ ความประทับใจ (Impression) ซึ่งเป็นการรับรู้ในผัสสะ กับความคิด (Idea) ซึ่งเป็นการรับรู้ในสิ่งที่เกิดจากจินตนาการหรือความจํา เช่น เมื่อเอามือไปแตะน้ำแข็ง จะเกิดสัมผัสของความเย็น ผัสสะนี้มีความแจ่มชัดในทันทีทันใด ซึ่งเรียกว่า “ความประทับใจ” พอเหตุการณ์นี้ผ่านไปแล้ว แต่เรายังจดจําภาพของความเย็นได้อย่างลาง ๆ นั้น เราเรียกว่า “ความคิด” หรือ “จิตภาพ”

57 ตามทัศนะของฮูม “ความประทับใจ” (Impression) หมายถึงอะไร

(1) ข้อมูลที่ติดตัวมาตั้งแต่แรกเกิดของจิต

(2) ข้อมูลขณะมีประสบการณ์โดยทั่วไป

(3) ข้อมูลขณะมีประสบการณ์ที่ชัดเจน

(4) ภาพลางเลือนของประสบการณ์

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 56 ประกอบ

58 ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับนักประสบการณ์นิยม

(1) บางคนยังเชื่อเรื่องพระเจ้า

(2) ทุกคนเชื่อเรื่องพระเจ้า

(3) ไม่มีใครเลยเชื่อเรื่องพระเจ้า

(4) ทุกคนเชื่อเรื่องพระเจ้า แต่ไม่ให้ความสําคัญ

ตอบ 1 หน้า 121, 124 ล็อค เป็นนักประสบการณ์นิยมที่ยอมรับในเรื่องพระเจ้า โดยเขาเห็นว่าความรู้บางอย่างอาจมิได้เกิดขึ้นจากประสบการณ์ เช่น ความเชื่อเรื่องวิญญาณและพระเจ้า แต่อาจเกิดจากบางสิ่งที่ไม่ถูกจํากัดด้วยเวลาอันเป็นสิ่งที่มีอยู่ตลอดกาล คือ พระเจ้าเป็นผู้สร้าง

59 ข้อใดกล่าวได้ถูกต้องเกี่ยวกับนักประสบการณ์นิยม

(1) บางคนสนับสนุนวิชาวิทยาศาสตร์

(2) บางคนทําลายวิชาวิทยาศาสตร์

(3) บางคนใช้พระเจ้าสนับสนุนวิชาวิทยาศาสตร์

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 1 หน้า 111 – 113 ประสบการณ์นิยม เชื่อว่า ประสบการณ์เป็นบ่อเกิดหรือที่มาของความรู้ซึ่งสอดคล้องกับหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่เห็นว่า “วิทยาศาสตร์ต้องอาศัยประสบการณ์” (Science Resorts to Experience) โดยเดวิด ฮูม เป็นผู้ที่เชื่อมั่นในหลักการนี้อย่างสุดโต่ง ในขณะที่ล็อคกลับไม่ยืนยันว่าความรู้ทุกอย่างต้องพบในประสบการณ์เท่านั้น โดยเขาเห็นว่าความรู้บางอย่างอาจเกิดจากเหตุผลก็ได้ (ดูคําอธิบายข้อ 58 ประกอบ)

60 นักปรัชญาที่เรียกว่านักเหตุผลนิยมจะปฏิเสธวิธีแสวงหาความรู้วิธีใด

(1) คณิตศาสตร์

(2) พีชคณิต

(3) เรขาคณิต

(4) วิทยาศาสตร์

ตอบ 4 หน้า 105 นักเหตุผลนียมจะแสวงหาความรู้โดยวิธีนิรนัย (ดูคําอธิบายข้อ 49 ประกอบ)

61 “Tabula Rasa” สัมพันธ์กับนักปรัชญาคนใด

(1) Descartes

(2) Locke

(3) Berkley

(4) Hume

ตอบ 2 หน้า 117, (คําบรรยาย) ล็อค (Locke) ถือว่า สภาพจิตของมนุษย์ในตอนเริ่มแรกนั้นมีแต่ความว่างเปล่าเหมือนกระดาษขาวบริสุทธิ์ ปราศจากความคิดและความรู้ใด ๆ ทั้งสิ้นเรียกว่า “Tabula Rasa” ที่หมายถึง สมุดบันทึกที่ว่างเปล่าปราศจากข้อความใด ๆ ทั้งสิ้น

62 ส่วนใดของวัตถุที่ผัสสะของมนุษย์ไม่สามารถรับรู้ได้ในทัศนะของ Locke (1) คุณสมบัติปฐมภูมิ

(2) คุณสมบัติทุติยภูมิ

(3) สารรองรับคุณสมบัติของวัตถุ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 3 หน้า 119 ล็อค เชื่อว่า สารเป็นสิ่งแท้จริงที่อยู่ภายในตัววัตถุ แต่มนุษย์ไม่อาจจะรู้จักสารได้เพราะไม่อาจเป็นประสบการณ์ของใคร จึงเป็นสิ่งที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร แต่ก็ต้องยอมรับว่าทุกสิ่งต้องมีสาร เพราะสารเป็นพื้นฐานที่รองรับคุณสมบัติปฐมภูมิของวัตถุซึ่งก่อให้เกิดความคิดเชิงเดี่ยว

63 นักปรัชญาคนใดนําพระเจ้ามารับรองวิทยาศาสตร์

(1) เดส์การ์ต

(2) ล็อค

(3) เบอร์คเลย์

(4) ซูม

ตอบ 1 หน้า 107, 110 เดส์การ์ตได้นําวิธีการของเรขาคณิตมาใช้ในความคิดทางปรัชญาของเขาจนทําให้สามารถพิสูจน์ได้ว่า จิต พระเจ้า โลก และสรรพสิ่งทั้งหลายมีอยู่จริง

64 นักปรัชญาคนใดที่ทําลายวิชาวิทยาศาสตร์

(1) เดส์การ์ต

(2) ล็อค

(3) เบอร์คเลย์

(4) ซูม

ตอบ 3 หน้า 128, 130 131 ปรัชญาของเบอร์คเลย์ ถือเป็นทฤษฎีอสสารนิยม (Immaterialism) กล่าวคือ ทุกสิ่งที่เรารับรู้นั้นเป็นเพียงความคิดของจิตอันหนึ่ง โดยความคิดในสิ่งต่าง ๆ นี้ เกิดขึ้นได้เพราะมีจิตสากล หรือจิตแห่งพระเจ้าเป็นผู้สร้างให้กับมนุษย์ ส่วนหลักวิทยาศาสตร์จะยอมรับว่าทุกสิ่งมีจริงและเป็นสิ่งในธรรมชาติ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการรับรู้ของจิตมนุษย์

65 “นั่นคือดอกกุหลาบ สีแดง กลิ่นหอม ดอกใหญ” สิ่งใดตรงกับข้อเท็จจริงในทัศนะของล็อค

(1) ขนาดของดอกกุหลาบ

(2) สีของดอกกุหลาบ

(3) กลิ่นของดอกกุหลาบ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 1 หน้า 118 119 ล็อค มีความคิดว่า คุณสมบัติปฐมภูมิมีอยู่ในตัววัตถุจริง เช่น รูปร่าง ขนาด น้ำหนัก และการเคลื่อนที่ ส่วนคุณสมบัติทุติยภูมิจะไม่มีอยู่จริง เช่น สี กลิ่น เสียง รส และอุณหภูมิ แต่วัตถุในการรับรู้ของเรามีคุณสมบัติทุติยภูมิด้วย ดังนั้นวัตถุจริงกับวัตถุ ในฐานะที่เรารับรู้นั้นจะเป็นคนละสิ่งกัน วัตถุที่เรารับรู้จึงถือว่าเป็นตัวแทนของวัตถุจริง

66 ทฤษฎีใดถือว่าวัตถุก่อนการรับรู้และหลังการรับรู้ของมนุษย์ไม่ต่างกัน

(1) สัจนิยมแบบผิวเผิน

(2) สัจนิยมแบบสามัญสํานึก

(3) สัจนิยมใหม่

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 2 หน้า 135 สัจนิยมแบบสามัญสํานึก เห็นว่า วัตถุในขณะที่ยังไม่ได้ถูกรับรู้กับวัตถุที่ถูกรับรู้แล้วจะไม่มีความแตกต่างกันเลย เพราะการรับรู้ของคนมิได้มีการเพิ่มเติมหรือลดทอนคุณสมบัติ อะไรบางอย่างให้กับวัตถุเลย วัตถุมีธรรมชาติหรือลักษณะที่แท้จริงอย่างไร เมื่อมาปรากฏต่อจิตของคนก็คงจะเป็นอย่างนั้น

67 ทฤษฎีใดถือว่าวัตถุชิ้นเดียวกันมนุษย์สามารถรับรู้ต่างกันได้

(1) สัจนิยมแบบผิวเผิน

(2) สัจนิยมแบบสามัญสํานึก

(3) สัจนิยมใหม่

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 3 หน้า 136 137, 141 สัจนิยมใหม่ เห็นว่า ในการรับรู้วัตถุทั้งหลายของคนเรานั้นจะเป็นการรู้จักมันโดยตรง แต่ทั้งนี้ในการรับรู้วัตถุชิ้นเดียวกัน คนแต่ละคนก็อาจจะรับรู้ต่างกันก็ได้ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับระบบประสาทของคน ๆ นั้น

68 ทฤษฎีใดถือว่าวัตถุก่อนการรับรู้กับหลังการรับรู้ที่ต่างกัน คือ คุณสมบัติทุติยภูมิ

(1) สัจนิยมโดยตรง

(2) สัจนิยมแบบตัวแทน

(3) สัจนิยมวิจารณ์

(4) จิตนิยมแบบอัตนัย

ตอบ 2 หน้า 138 – 139 สัจนิยมแบบตัวแทน เห็นว่า วัตถุทั้งหลายที่อยู่ภายนอกตัวคนเป็นสสารที่มีแต่คุณสมบัติปฐมภูมิ (ขนาด รูปร่าง น้ำหนัก) และคุณสมบัติปฐมภูมิเท่านั้นที่มีอยู่อย่างแท้จริง ส่วนคุณสมบัติทุติยภูมิ (สี กลิ่น รส อุณหภูมิ) ไม่ได้เป็นสิ่งที่มีอยู่ในตัววัตถุเพราะมันเป็นสิ่งที่จิต ของคนเป็นผู้สร้างขึ้นมา ดังนั้นจึงถือได้ว่าวัตถุก่อนการรับรู้กับหลังการรับรู้มีความแตกต่างกันที่คุณสมบัติทุติยภูมิ ซึ่งนักปรัชญาที่สําคัญของทฤษฎีนี้ คือ จอห์น ล็อค

69 จอห์น ล็อค เป็นนักปรัชญาที่เป็นเจ้าของทฤษฎีใด

(1) สัจนิยมโดยตรง

(2) สัจนิยมแบบตัวแทน

(3) สัจนิยมวิจารณ์

(4) จิตนิยมแบบอัตนัย

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 68 ประกอบ

70 เบอร์คเลย์ เป็นนักปรัชญาที่เป็นเจ้าของทฤษฎีใด

(1) สัจนิยมโดยตรง

(2) สัจนิยมแบบตัวแทน

(3) สัจนิยมวิจารณ์

(4) จิตนิยมแบบอัตนัย

ตอบ 4 หน้า 129, 131 เบอร์คเลย์ เป็นนักปรัชญาลัทธิจิตนิยมแบบอัตนัยที่มีทัศนะว่า วัตถุทั้งหลายหรือโลกภายนอกเป็นเพียงภาพสะท้อนของจิตมนุษย์ โดยสิ่งต่าง ๆ ที่เราเห็นหรือรู้นั้นก็คือความคิด ของจิตของเรานั้นเอง เพราะว่าสิ่งที่เรารู้หรือความรู้ของเรา ได้แก่ วัตถุและสิ่งทั้งหลายภายในโลก สิ่งเหล่านี้มีแก่นแท้คือการรับรู้ด้วยจิตของมนุษย์ ดังนั้นการมีอยู่ของมันจึงเป็นอิสระจากจิตไม่ได้

71 ทัศนะทางจริยศาสตร์ของนักปรัชญาสัมพันธ์กับทัศนะเรื่องใดของนักปรัชญา

(1) ศาสนา

(2) ประเพณี

(3) อภิปรัชญา

(4) ญาณวิทยา

ตอบ 1 หน้า 147, (คําบรรยาย) จริยศาสตร์ (Ethics) หมายถึง ศาสตร์ที่ว่าด้วยความประพฤติโดยจะศึกษาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่มนุษย์ควรกระทํา ไม่ควรกระทํา สิ่งที่ถูก สิ่งที่ผิด ความดี ความชั่ว และหน้าที่ของความเป็นมนุษย์ ทั้งนี้พื้นฐานอันดีงามของจริยศาสตร์ก็คือ ศาสนา ในขณะที่ศาสนาก็ต้องอาศัยจริยศาสตร์ เพราะจริยศาสตร์ทําให้ศาสนามีความบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น

  1. ข้อใดจัดเป็นทัศนะทางจริยศาสตร์

(1) จากการสํารวจพบว่าเด็กในวัยเรียนทําแท้งกันมากขึ้น

(2) บางคนเชื่อว่าการทําแท้งในขณะตั้งครรภ์ไม่ถึง 12 สัปดาห์ทําได้

(3) แพทย์ยืนยันว่าการทําแท้งอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการไม่เป็นอันตรายต่อหญิง

(4) การทําแท้งเป็นเรื่องผิดเพราะเป็นการฆ่าคน

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 71 ประกอบ

73 ข้อใดกล่าวได้ถูกต้องเกี่ยวกับนักสุขนิยม

(1) นักสุขนิยมทุกคน สนับสนุนให้ใช้ชีวิตหรูหราฟุ่มเฟือย

(2) นักสุขนิยมบางคน สนับสนุนชีวิตแบบสมถะ

(3) นักสุขนิยมบางคน ไม่สนับสนุนให้แสวงหาความสุข

(4) นักสุขนิยมทุกคน เชื่อในชีวิตหลังการตาย

ตอบ 1 หน้า 155 สุขนิยม (Hedonism) เป็นแนวความคิดที่ถือว่าอารมณ์แห่งความสุข ความยินดี ความสนุกสนาน และความเพลิดเพลิน เป็นสิ่งที่ดีที่สุดของชีวิต ซึ่งเป็นทัศนะที่สอนให้บุคคล มุ่งมั่นที่จะแสวงหาความสุขทางประสาทสัมผัส แสวงหาความสะดวกและความสุขสบาย เป็นชีวิตที่มีแต่โลกียสุข และส่งเสริม/สนับสนุนให้ใช้ชีวิตหรูหราฟุ่มเฟือย

74 Socrates คิดว่าคุณธรรมจะเกิดกับคนชนิดใด

(1) คนที่มีความสุขทางกาย

(2) คนที่มีความสุขทางใจ

(3) คนที่เข้าใจความดี

(4) คนที่มีชีวิตอย่างสุนัข

ตอบ 3 หน้า 150 โซเครตีส (Socrates) กล่าวว่า “คุณธรรมคือความรู้” โดยความดี/ความมีคุณธรรม จะต้องเกิดจากความรู้ ถ้าบุคคลรู้และเข้าใจถึงธรรมชาติของความดีจริง ๆ เขาก็จะไม่กระทําความชั่วหรือความผิด แต่เนื่องจากบุคคลไม่รู้ไม่เข้าใจจึงต้องกระทําความชั่ว

75 นักปรัชญาคนใดถือว่าคนดีไม่จําเป็นต้องมีความสุข

(1) โซฟิสต์

(2) เวสเตอร์มาร์ค

(3) มิลล์

(4) คานท์

ตอบ 4 หน้า 169 คานท์ (Kant) เห็นว่าความสุขไม่ใช่สิ่งดีที่สุดในชีวิต ดังนั้นความสุขจะเป็นเครื่องมือในการตัดสินศีลธรรมไม่ได้ แต่ศีลธรรมนั้นเป็นสิ่งที่มีค่าในตัวมันเอง เช่นเดียวกันกับคนดีก็คือ คนทําสิ่งที่ดีโดยไม่หวังผลตอบแทน และคนดีก็ไม่จําเป็นต้องมีความสุขหรือต้องสุขสบายหรือทําให้ผู้อื่นมีความสุข

  1. “การทําแท้งเป็นสิ่งที่สังคมไทยรับไม่ได้ ถือว่าเป็นการกระทําที่ผิด” คําพูดนี้แสดงให้เห็นความคิดเกี่ยวกับความดีอย่างไร

(1) ความดี เป็นคุณค่าที่แน่นอนตายตัว

(2) ความดี ขึ้นกับความเห็นของสังคม

(3) ความดี เป็นคุณค่าที่เปลี่ยนแปลงได้

(4) ถูกข้อ 2 และ 3

ตอบ 4 (คําบรรยาย) การตัดสินคุณค่าตามจารีตประเพณี ถือว่า การตัดสินคุณค่าของการกระทําใด ๆของแต่ละสังคมจะขึ้นอยู่กับจารีตประเพณี วัฒนธรรม และค่านิยมที่สั่งสมมาตั้งแต่ในอดีต ซึ่งคุณค่าความดีของสังคมหนึ่งอาจไม่ใช่คุณค่าความดีของอีกสังคมหนึ่งก็ได้ ดังนั้นคุณค่า ตามความเห็นของสังคมอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามสังคมและกาลเวลา

77 “ชั่วเจ็ดที่ ดีเจ็ดหน” เป็นสุภาษิตเตือนใจที่เข้ากับหลักธรรมข้อใด

(1) ขันติ

(2) โสรัจจะ

(3) สัจจะ

(4) อิทธิบาท 4

ตอบ 1 หน้า 189 – 191 ขันติ หมายถึง ความอดทนซึ่งเป็นหลักธรรมที่แสดงถึงความเข้มแข็งของจิตใจสามารถทนทานต่อเหตุร้ายต่าง ๆ ได้ และสามารถบังคับกายกับวาจาให้อยู่ในอํานาจได้ด้วย เช่น ความอดทนต่อความทุกข์เพื่อให้ได้มาซึ่งความสุข, ความอดทนต่อความลําบากเพื่อให้ได้มา ซึ่งความสบาย, ความอดทนต่อความเจ็บใจตัวเองเพื่อให้คนในสังคมมีความสุข, ความอดทนต่อสิ่งที่กวนใจเพื่อให้ได้มาซึ่งความเป็นคนดี เป็นต้น

78 “ขุดด้วยปาก ถากด้วยตา” เป็นคนชนิดใด

(1) มีโสรัจจะ แต่ขาดสัจจะ

(2) มีโสรัจจะ แต่ขาดขันติ

(3) ขาดโสรัจจะและสัจจะ

(4) ขาดโสรัจจะและขันติ

ตอบ 4 หน้า 192 193 โสรัจจะ หมายถึง ความสงบเสงี่ยมซึ่งมีลักษณะเป็นความมีปกติอันดีของกาย วาจา และใจ ไม่แสดงอาการไม่ดีหรือไม่งามผิดปกติ เมื่อได้รับความตรากตรําลําบากหรือได้รับความเจ็บใจ โดยโสรัจจะเป็นธรรมคู่กับขันติ (ความอดทน)

79 “ปากปราศรัย น้ำใจเชือดคอ” เป็นคนชนิดใด

(1) มีโสรัจจะ แต่ขาดสัจจะ

(2) มีโสรัจจะ แต่ขาดขันติ

(3) ขาดโสรัจจะและสัจจะ

(4) ขาดโสรัจจะและขันติ

ตอบ 1 หน้า 194, (ดูคําอธิบายข้อ 78. ประกอบ) สัจจะ หมายถึง ความจริงใจซึ่งเป็นลักษณะของความซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา ทั้งต่อบุคคล กาลเวลา และหน้าที่การงาน ทั้งต่อหน้าและลับหลัง

80 หลักธรรมที่แสดงถึงความเข้มแข็งของกายและใจ คืออะไร

(1) ขันติ

(2) โสรัจจะ

(3) สัจจะ

(4) วุฒิธรรม

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 77 ประกอบ

81 หลักธรรมที่แสดงถึงความปกติอันดีของกาย วาจา ใจ คืออะไร

(1) ขันติ

(2) โสรัจจะ

(3) สัจจะ

(4) วุฒิธรรม

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 78 ประกอบ

82 หลักธรรมที่นําไปสู่ความงอกงามของปัญญา คืออะไร

(1) ขันติ

(2) โสรัจจะ

(3) สัจจะ

(4) วุฒิธรรม

ตอบ 4 หน้า 207 หลักวุฒิธรรม คือ หลักการสร้างความเจริญงอกงามแห่งปัญญา ซึ่งมีข้อพึงปฏิบัติ 4 ประการ คือ

1 หมั่นเสวนาคบหากับท่านผู้รู้ ผู้มีภูมิธรรม

2 เอาใจใส่สดับตรับฟังแสวงหาความรู้จริง

3 ได้รู้ได้เห็นได้ฟังสิ่งใดแล้ว รู้จักคิดพิจารณาด้วยตนเอง

4 นําสิ่งที่ได้เล่าเรียน รับฟัง และตริตรองแล้วไปใช้หรือปฏิบัติด้วยตนเอง

83 อํานาจการปกครองมาจากสิ่งใดในทัศนะของเพลโต

(1) ความสูงส่งของสายเลือด

(2) พระเจ้า

(3) ความฉลาดรอบรู้

(4) การยินยอมของบุคคล

ตอบ 3 หน้า 246, 269 เพลโต กล่าวว่า ราชาปราชญ์ หมายถึง กลุ่มบุคคลผู้มีจิตภาคปัญญาเด่นเหนือภาคอื่น ๆ ดังนั้นจึงเป็นบุคคลที่มุ่งแสวงหาสัจจะ คุณค่าของความงาม และคุณธรรม ซึ่งบุคคลกลุ่มนี้เป็นบุคคลที่เหมาะสมที่สุดและดีที่สุดสําหรับการเป็นผู้ปกครองประเทศ

84 อํานาจการปกครองมาจากสิ่งใดในทัศนะของฮอบส์

(1) ความสูงส่งของสายเลือด

(2) พระเจ้า

(3) ความฉลาดรอบรู้

(4) การยินยอมของบุคคล

ตอบ 4 หน้า 253 ฮอบส์ อธิบายว่า มนุษย์ได้ตกลงพร้อมใจกันจัดตั้งรัฐและสังคมขึ้นมาเพื่อปกป้องชีวิตและความปลอดภัย รวมทั้งรักษาเสถียรภาพและขจัดความหวาดกลัวของมนุษย์ให้หมดไป โดยสมาชิกของสังคมต้องมอบอํานาจสูงสุดให้กับองค์รัฏฐาธิปัตย์ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบปกครองสังคมนั้น และมนุษย์ก็ต้องเชื่อฟังและภักดีต่อรัฐเพื่อแลกกับความปลอดภัยที่ตนจะได้รับด้วย

85 สิ่งที่รัฐต้องสนับสนุนให้เกิดกับประชาชนคืออะไรในทัศนะของเพลโต

(1) ความร่ำรวย

(2) ความปลอดภัย

(3) ความยุติธรรม

(4) การพัฒนาตนให้สมบูรณ์

ตอบ 3 หน้า 247, 270 เพลโต เห็นว่า จิตของมนุษย์มี 3 ประเภท หากสังคมใดสามารถกําหนดให้มนุษย์สามารถทําหน้าที่ที่เหมาะสมกับจิตของตนเองแล้ว เมื่อนั้นความยุติธรรมก็จะปรากฏขึ้น ในสังคม และสังคมดังกล่าวย่อมเป็นสังคมที่ดีที่สุดสําหรับชีวิตที่ดีที่สุดของมนุษย์ผู้จําเป็นต้องอยู่ในสังคม ดังนั้นสิ่งที่รัฐต้องสนับสนุนให้เกิดกับประชาชนคือความยุติธรรม

86 สิ่งที่รัฐต้องสนับสนุนให้เกิดกับประชาชนคืออะไรในทัศนะของ Aristotle

(1) ความร่ำรวย

(2) ความปลอดภัย

(3) ความยุติธรรม

(4) การพัฒนาตนให้สมบูรณ์

ตอบ 4 หน้า 248 249 อริสโตเติล เห็นว่า สังคมและรัฐที่ดี คือสังคมและรัฐที่สามารถทําให้มนุษย์มีชีวิตที่ดี ซึ่งมี 2 รูปแบบ คือ

1 ช่วยพัฒนาชีวิตให้มีเหตุผล คือ ชีวิตที่สามารถ ประพฤติปฏิบัติตนได้อย่างเหมาะสมมีคุณธรรมทางศีลธรรม

2 ช่วยพัฒนาให้ใช้ชีวิต ที่ตริตรองถึงสัจจะได้ คือ การใช้ชีวิตเพื่อแสวงหาสัจจะหรือที่เรียกว่า คุณธรรมทางปัญญา ดังนั้นสิ่งที่รัฐต้องสนับสนุนให้เกิดกับประชาชนคือการพัฒนาตนให้สมบูรณ์

87 คุณสมบัติที่สมาชิกของรัฐควรมีคืออะไรในทัศนะของรุสโซ

(1) ความจงรักภักดี

(2) การเชื่อฟัง

(3) การคํานึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวม

(4) ความใสซื่อตามสัญชาตญาณ

ตอบ 3 หน้า 256 257 ในทัศนะของรุสโซนั้น อํานาจอธิปไตยเป็นของประชาชนทุกคนเพราะสังคมเกิดจากเจตจํานงร่วม (General Wil) ของมนุษย์ ดังนั้นผู้ปกครองกับพลเมืองก็คือ คน ๆ เดียวกัน แต่มองคนละด้านเท่านั้น เมื่อสังคมเกิดเป็นองค์กรร่วมหรือเป็นเอกภาพ เจตจํานงเพื่อผลประโยชน์ของแต่ละคนต้องหมดไป เหลือแต่เจตจํานงทั่วไปอันเป็นเจตจํานงเพื่อผลประโยชน์ของส่วนรวมเท่านั้น

88 นักปรัชญาคนใดพยายามใช้การศึกษาเพื่อดึงคนห่างจากรัฐ

(1) เพลโต

(2) เซนต์ ออกัสติน

(3) จอห์น ล็อค

(4) อัตถิภาวนิยม

ตอบ 2 หน้า 273 จุดมุ่งหมายของการศึกษาในทัศนะของเซนต์ ออกัสติน คือ การห่างออกจากสังคมและรัฐ โดยมีจุดมุ่งหมายสู่สวรรค์หรืออาณาจักรของพระเจ้า แต่นักปรัชญาตะวันตกสมัยใหม่ เชื่อว่า จุดหมายของการศึกษาต้องเป็นจุดหมายเพื่อสังคมและรัฐ มิใช่ดึงคนให้ห่างออกจาก สังคมและรัฐ

89 นักปรัชญาคนใดพยายามใช้การศึกษารับใช้บุคคล

(1) เพลโต

(2) เซนต์ ออกัสติน

(3) จอห์น ล็อค

(4) อัตถิภาวนิยม

ตอบ 4 หน้า 279 280 ปรัชญาอัตถิภาวนิยม เป็นปรัชญาที่เชื่อในความสําคัญของปัจเจกบุคคลว่ามีเสรีภาพที่จะเลือกวิถีชีวิตของตนเอง โดยไม่มีใครสามารถกําหนดการเลือกของใครได้ ดังนั้น ปรัชญาการศึกษาของอัตถิภาวนิยมจึงได้แก่ ศูนย์กลางของการศึกษาคือ ผู้เรียนแต่ละคนในฐานะบุคคลที่เป็นตัวของตัวเอง มีเสรีภาพอย่างเต็มที่ และต้องมีโอกาสเลือกจัดแผนการศึกษาของตัวเอง

90 นักปรัชญาคนใดที่ยึดหลักการว่า เป้าหมายของการศึกษาคือคุณธรรม

(1) นักปรัชญายุคก่อนโซฟิสต์

(2) ยุคโซฟิสต์

(3) โซเครตีส

(4) ยุคหลังอริสโตเติล

ตอบ 3 หน้า 268 269 โซเครตีส (Socrates) มีทัศนะว่า การศึกษามิใช่กระบวนการที่มีจุดมุ่งหมายเพียงเพื่อการแสวงหาผลประโยชน์และความสําเร็จเฉพาะตนเท่านั้น แต่การศึกษาจะต้องมี จุดมุ่งหมายเพื่อการค้นพบสัจธรรมหรือความจริงเกี่ยวกับคุณธรรม โดยวิธีการศึกษาที่จะนําไปสู่การค้นพบดังกล่าวได้ก็คือ การสนทนาถกเถียง และการซักถาม

91 ข้อใดเป็นวิธีการศึกษาในระดับเริ่มแรกตามแนวคิดของรุสโซ

(1) การเรียนรู้ด้วยประสบการณ์ตรง

(2) การใช้การสนทนาถกเถียงเพื่อขจัดความสับสนทางความคิด

(3) การมีศรัทธาอย่างสุดจิตใจ

(4) การใช้เหตุผลพิสูจน์ความศรัทธา

ตอบ 1 หน้า 275 รุสโซ เห็นว่า การศึกษาในชั้นเริ่มแรกสําหรับเด็กเล็ก ๆ คือ การเปิดโอกาสให้เด็กได้มีประสบการณ์เป็นของตัวเอง หรือเปิดโอกาสให้เด็กได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของตนเอง มิใช่การเรียนรู้โดยการอ่านหนังสือ ยกเว้นหนังสืออย่างเรื่องการผจญภัยของโรบินสัน ครูโซ ซึ่งเป็นหนังสือที่เน้นถึงประสบการณ์และการแก้ปัญหาด้วยตัวเองของโรบินสัน ครูโซ

92 ข้อใดเป็นวิธีการศึกษาในระดับก้าวหน้าของ ST. Augustine

(1) การใช้ประสบการณ์ตรงทําความรู้จักสิ่งแวดล้อม

(2) การใช้การสนทนาถกเถียงเพื่อขจัดความสับสนทางความคิด

(3) การมีศรัทธาอย่างสุดจิตใจ

(4) การใช้เหตุผลพิสูจน์ความศรัทธา

ตอบ 4 หน้า 273 เซนต์ ออกัสติน ได้แบ่งการศึกษาออกเป็น 2 ระดับ คือ

1 ระดับเริ่มแรก ซึ่งเป็นการศึกษาที่อ่านจากคัมภีร์ไบเบิ้ลเป็นหลัก มีลักษณะเข้มงวดและบังคับให้เชื่อโดยยังไม่ใช้เหตุผล

2 ระดับก้าวหน้า ซึ่งเป็นการศึกษาที่มีลักษณะของการใช้เหตุผลและพิสูจน์ให้เห็นจริงด้วยตนเองว่าทําไมความเชื่อและศรัทธาในขั้นเริ่มแรกจึงถูกต้อง

93 ข้อใดคือหลักการจัดการศึกษาของเพลโต

(1) จัดให้ลูกคนมีฐานะเท่านั้น

(2) จัดให้เฉพาะลูกผู้ดีมีตระกูล

(3) จัดให้กับลูกกรรมกรเท่านั้น

(4) จัดให้กับคนทุกคนอย่างทั่วถึง

ตอบ 4 หน้า 270, (คําบรรยาย) เพลโต (Plato) เห็นว่า การศึกษามีจุดมุ่งหมายที่จะก่อให้เกิดความยุติธรรมขึ้นในสังคมด้วยการปฏิรูปคนและการปฏิรูปรัฐ โดยรัฐต้องจัดการศึกษาแบบทั่วถึง กล่าวคือ เป็นการศึกษาที่สามารถให้กับทุกคนในสังคมและเป็นการศึกษาภาคบังคับ เพื่อให้ เด็กทุกคนมีโอกาสศึกษาเพื่อทดสอบความสามารถของตนเอง ก่อนที่เขาจะไปปฏิบัติหน้าที่ ตามความเหมาะสมของตนให้กับรัฐและสังคม

94 คนที่เป็นผู้ปกครองควรเรียนวิชาใดจนสําเร็จ ในทัศนะของเพลโต

(1) วิชาเศรษฐศาสตร์

(2) วิชาทหาร

(3) วิชาพลศึกษา

(4) วิชาอภิปรัชญา

ตอบ 4 หน้า 246, 270 บุคคลที่เหมาะสมที่สุดและดีที่สุดสําหรับการเป็นผู้ปกครองในทัศนะของเพลโตคือ ราชาปราชญ์ ซึ่งบุคคลกลุ่มนี้ควรจะเรียนวิชาอภิปรัชญาจนสําเร็จ

95 ข้อใดคือแนวคิดของ “Anarchism” ในเรื่องเสรีภาพ

(1) เสรีภาพไม่ควรมีขอบเขต

(2) ไม่ควรมเสรีภาพแต่อย่างใด

(3) ไม่ควรจํากัดเสรีภาพกิจกรรมส่วนตนที่ไม่มีผลกระทบคนอื่น ๆ

(4) ควรจํากัดเสรีภาพกิจกรรมส่วนตน เช่น ความประพฤติทางเพศด้วย

ตอบ 1 หน้า 320 ลัทธิอนาธิปไตย (Anarchism) สนับสนุนการใช้เสรีภาพอย่างไม่ถูกจํากัดของบุคคลในสังคม โดยลัทธินี้เห็นว่า รัฐควรมอบเสรีภาพที่สมบูรณ์แก่พลเมืองของตนและไม่ควรเข้าไปยุ่งหรือบังคับให้พลเมืองกระทําสิ่งใด ๆ ที่ขัดต่อเสรีภาพที่มีอยู่

96 ข้อใดคือแนวคิดของมิลล์ ในเรื่องเสรีภาพ

(1) เสรีภาพไม่ควรมีขอบเขต

(2) ไม่ควรมีเสรีภาพแต่อย่างใด

(3) ไม่ควรจํากัดเสรีภาพกิจกรรมส่วนตนที่ไม่มีผลกระทบคนอื่น ๆ

(4) ควรจํากัดเสรีภาพกิจกรรมส่วนตน เช่น ความประพฤติทางเพศด้วย

ตอบ 3 หน้า 319 321 มิลล์ สนับสนุนการใช้เสรีภาพของบุคคลอย่างเต็มที่ และไม่ควรจํากัด เสรีภาพของบุคคลที่กระทําในสิ่งที่ไม่มีผลกระทบกระเทือนต่อบุคคลอื่น เนื่องจากเสรีภาพมีบทบาทสําคัญสําหรับการพัฒนาปัญญาและบุคลิกภาพของบุคคล

97 หลักการแบ่งปันผลประโยชน์หลักการใด มีความเห็นแตกต่างจากหลักการอื่น ๆ ในเรื่องมนุษย์

(1) หลักการแบ่งปันเท่าเทียมกันอย่างสมบูรณ์

(2) หลักการแบ่งปันตามความเหมาะสม

(3) หลักการแบ่งปันตามส่วนของแรงงาน

(4) หลักการแบ่งปันตามความมานะพยายาม

ตอบ 1 หน้า 332 338 หลักการแบ่งปันผลประโยชน์ที่เท่าเทียมกันอย่างสมบูรณ์มีความเห็นที่แตกต่างจากหลักการอื่น ๆ เพราะการแบ่งปันผลประโยชน์ประเภทนี้จะแบ่งให้กับมนุษย์ ทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน โดยไม่ขึ้นอยู่กับความสามารถ อายุ เพศ ความมานะพยายาม หรือความเหมาะสมใด ๆ ทั้งสิ้น

98 คนอ่อนแอและคนพิการจะไม่ได้รับความยุติธรรม ถ้าใช้หลักการแบ่งปันผลประโยชน์หลักการใด

(1) หลักการแบ่งปันเท่าเทียมกันอย่างสมบูรณ์

(2) หลักการแบ่งปันตามความเหมาะสม

(3) หลักการแบ่งปันตามส่วนของแรงงาน

(4) หลักการแบ่งปันตามความมานะพยายาม

ตอบ 4 หน้า 337 338 หลักการแบ่งปันผลประโยชน์ตามความมานะพยายาม เห็นว่า การแบ่งปันและเบาะโยชนะมากหรือน้อยต้องขึ้นอยู่กับความมานะพยายาม โดยผู้ที่มีความขยันขันแข็ง ในการทํางานจะต้องได้รับการแบ่งปันผลประโยชน์มากกว่าคนขี้เกียจ ซึ่งข้อบกพร่องของ หลักการนี้ก็คือ ไม่ยุติธรรมกับคนที่อ่อนแอและพิการ

99 “ห้ามรถยนต์ใช้ความเร็วเกิน 30 กม./ชม. ในเขตมหาวิทยาลัยรามคําแหง ยกเว้นรถอธิการบดี” เป็นกฎที่ถูกบังคับใช้อย่างเข้มงวดต่อทุกคน การบังคับใช้กฏดังกล่าวมีความยุติธรรมอย่างไร

(1) เนื้อหาของกฎหมายไม่ยุติธรรม แต่บังคับใช้อย่างยุติธรรม

(2) เนื้อหาของกฎหมายไม่ยุติธรรม และบังคับใช้อย่างไม่ยุติธรรม

(3) เนื้อหาของกฎหมายยุติธรรม และบังคับใช้อย่างยุติธรรม

(4) เนื้อหาของกฎหมายยุติธรรม แต่บังคับใช้อย่างไม่ยุติธรรม

ตอบ 2 หน้า 330 331 ความไม่ยุติธรรมในเนื้อหาหรือจุดประสงค์ของกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมายอย่างไม่ยุติธรรมนั้น เกิดจากการกําหนดข้อยกเว้นที่ไม่ถูกต้องและมีการบังคับใช้ อย่างไม่เป็นธรรม เช่น กฎหมายจํากัดความเร็วของรถเป็นกฎหมายที่ดี แต่การระบุข้อยกเว้น ในการใช้ความเร็วแก่รถของอธิการบดี ถือว่าเป็นข้อยกเว้นที่ไม่ยุติธรรมและมีการบังคับใช้ที่ไม่เป็นธรรม ดังนั้นกฎหมายดังกล่าวก็จะกลายเป็นกฎหมายที่ไม่ยุติธรรมด้วย

100 “ห้ามรถยนต์ใช้ความเร็วเกิน 30 กม./ชม. ในเขตมหาวิทยาลัยรามคําแหง ยกเว้นรถพยาบาล” เป็นกฎที่บังคับใช้อย่างเข้มงวดต่อทุกคน การบังคับใช้กฏดังกล่าวมีความยุติธรรมอย่างไร

(1) เนื้อหาของกฎหมายไม่ยุติธรรม แต่บังคับใช้อย่างยุติธรรม

(2) เนื้อหาของกฎหมายไม่ยุติธรรม และบังคับใช้อย่างไม่ยุติธรรม

(3) เนื้อหาของกฎหมายยุติธรรม และบังคับใช้อย่างยุติธรรม

(4) เนื้อหาของกฎหมายยุติธรรม แต่บังคับใช้อย่างไม่ยุติธรรม

ตอบ 3 หน้า 330 331 โดยทั่วไปกฎหมายต้องมีข้อความที่ระบุถึงกลุ่มคนที่กฎหมายนั้นต้องใช้บังคับและระบุถึงกลุ่มคนที่ได้รับข้อยกเว้นจากกฎหมายนั้น เช่น กฎหมายห้ามรถยนต์ใช้ความเร็ว เกิน 30 กม./ชม. ในเขตมหาวิทยาลัย ยกเว้นรถพยาบาล ซึ่งการยกเว้นดังกล่าวถือว่ามีความ ยุติธรรม ทั้งนี้เพราะรถพยาบาลมีความแตกต่างจากรถโดยทั่วไปที่จําเป็นต้องเร่งรีบนําคนป่วย หรือผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาล

PHI1001 วัฒนธรรมและศาสนา 1/2559

การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2559

ข้อสอบกระบวนวิชา PHI 1001 วัฒนธรรมและศาสนา

คําสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคําตอบเดียว (ข้อสอบมีทั้งหมด 100 ข้อ)

1 วัฒนธรรมสําคัญอย่างไร

(1) ทําให้คนเป็นมนุษย์

(2) ดํารงเชื้อชาติ

(3) แสดงถึงความเจริญ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 5, 12, (คําบรรยาย) วัฒนธรรมมีความสําคัญ ดังนี้

1 ทําให้คนเป็นมนุษย์ เพื่อปกปิดสัญชาตญาณธรรมชาติ อันเป็นสัญชาตญาณดิบ เช่น ไม่กินทันทีแม้กระหายอยากจะกิน แต่ต้องรอให้ถึงเวลากิน และกินอย่างมีระเบียบตามรูปแบบแห่งวัฒนธรรม

2 ดํารงเชื้อชาติ โดยจะเป็นกระจกเงาที่ส่องความเป็นมาของชนชาตินั้น ๆ เช่น ชาวอิสราเอล รักษาวัฒนธรรมมากกว่า 3,000 ปี, ชาวมอญสืบต่อวัฒนธรรมมาเกือบพันปี, ชาวเขาดํารงพิธีกรรมความเชื่อมาหลายร้อยปี

3 แสดงถึงความเจริญของชาติ สัญลักษณ์ ภูมิปัญญา และวิถีชีวิตของคนในชาติ เป็นต้น

2 ข้อใดเป็นวัฒนธรรม

(1) แผ่นดินไหว

(2) คลื่นยักษ์ถล่มเมืองชายฝั่งทะเล

(3) ฝูงชนมาช่วยค้นหาผู้รอดชีวิตจากภัยธรรมชาติ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 3 หน้า 8 – 10, (คําบรรยาย) วัฒนธรรม หมายถึง ทุกสิ่งทุกอย่างที่มนุษย์ที่อยู่รวมกันในรูปขององค์กรทางสังคมสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อให้ดํารงชีวิตอยู่ร่วมกันได้ หรือหมายถึง วิถีชีวิตความ เจริญงอกงาม มรดกแห่งสังคม หรือการกระทําใด ๆ ของมนุษย์ในส่วนรวม ถ่ายทอดกันได้ เอาอย่างกันได้ เช่น การที่ฝูงชนมาช่วยค้นหาผู้รอดชีวิตจากภัยธรรมชาติ การนับถอยหลังหรือ เคาท์ดาวน์ (Countdown) การสวดมนต์ข้ามปี การปล่อยโคมลอย การผลิตยารักษาโรค (เช่น ชาวเขากินฝันแก้ปวดมาตั้งแต่บรรพบุรุษ, แพทย์ปัจจุบันใช้มอร์ฟีนระงับอาการปวดของคนไข้) อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ฯลฯ ซึ่งในวัฒนธรรมทุกชนชาตินั้นย่อม แสดงถึงสัญลักษณ์ ความเจริญ เอกลักษณ์และภูมิปัญญาของคนในชาตินั้น แต่วัฒนธรรมจะไม่รวมถึงสิ่งที่สังคมไม่ยอมรับ เห็นว่าเป็นสิ่งไม่ดี (เช่น นักวิทยาศาสตร์ผลิตยาบ้าเรืองแสงได้, การเล่นหวย) รวมทั้งพฤติกรรมที่เกิดจากสัญชาตญาณหรือพฤติกรรมตามธรรมชาติ (สัตว์และพืช) หรือสิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่น คนตาย ข้าวเปลือก อินทผลัม อูฐ วัว ควาย คลื่นยักษ์

แผ่นดินไหว ภูเขาไฟ เกาะ ทะเลทราย แม่น้ำ ถ้ำ ฯลฯ

3 ข้อใดไม่เป็นวัฒนธรรม

(1) ชาวเขากินฝิ่นแก้ปวดมาตั้งแต่บรรพบุรุษ

(2) แพทย์ปัจจุบันใช้มอร์ฟีนระงับอาการปวดของคนไข้

(3) นักวิทยาศาสตร์ผลิตยาบ้าเรืองแสงได้

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 2 ประกอบ

4 ข้อใดไม่ใช่วัฒนธรรมพื้นบ้าน

(1) การแสดงโขนหน้าพระเมรุ

(2) การรําถวายพระพรหมที่สี่แยกราชประสงค์

(3) การรําถวายพระพุทธรูปหลวงพ่อโสธร

(4) การแสดงละครชาตรีที่ศาลหลักเมือง

ตอบ 1 หน้า 61 – 62, (คําบรรยาย) วัฒนธรรมท้องถิ่นหรือวัฒนธรรมพื้นบ้านแต่ละภาค มีดังนี้

1 ภาคเหนือ เช่น การแอ่วสาว การไหว้ผี การผูกข้อมือ การจุดโคมลอย การประดับตุง เรือนกาแล ฯลฯ

2 ภาคกลาง เช่น เพลงกล่อมเด็ก เพลงลูกทุ่ง เพลงอีแซว เพลงรําวง นิทานพื้นบ้าน ลิเก ลําตัด รํากลองยาว การรําถวาย พระพรหมที่สี่แยกราชประสงค์, พระพุทธรูปหลวงพ่อโสธร) การแสดงละครชาตรีที่ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร ฯลฯ

3 ภาคอีสาน เช่น การผิดผี การไหว้ผีปู่ตา การรําผีฟ้า รําซิ่ง การไล่ผีปอบ การแห่ผีตาโขน การแห่บั้งไฟ ผ้าไหมแพรวา ฯลฯ

4 ภาคใต้ เช่น ประเพณีเพลงบอก การสวดโอ้เอ้วิหารราย หนังตะลุง ลิเกป่า ลิเกตันหยงรํามโนราห์ ฯลฯ

5 ข้อใดเป็นวัฒนธรรมหลวง

(1) การขับร้องเห่เรือสุพรรณหงส์

(2) การร้องขับเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน

(3) ประชาชนพร้อมใจจุดเทียนถวายพระพรในหลวงคืนวันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 1 หน้า 180 – 182, (คําบรรยาย) วัฒนธรรมหลวง ได้แก่ พิธีแรกนาขวัญ (พิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ) พิธีโล้ชิงช้า การแสดงโขนหน้าพระเมรุ การขับร้องเห่เรือสุพรรณหงส์ เพลงสรรเสริญพระบารมี การอภัยโทษ การพระราชทานเพลิงศพ พิธีสมรสพระราชทาน เป็นต้น

6 เทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ข้อใดไม่เป็นวัฒนธรรม

(1) Countdown

(2) สวดมนต์ข้ามปี

(3) ปล่อยโคมลอย

(4) ซื้อหวยเลขท้าย ปี พ.ศ.

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 2 ประกอบ

  1. วัฒนธรรมสหธรรม ประเทศที่จะเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกครั้งต่อไปคือ

(1) จีน

(2) ญี่ปุ่น

(3) อินเดีย

(4) ออสเตรเลีย

ตอบ 2 หน้า 125, (คําบรรยาย) วัฒนธรรมสหธรรม เป็นวัฒนธรรมที่เกี่ยวกับสังคมส่วนรวม ครอบครัวสาธารณชนและประเทศชาติ ได้แก่ ขนบธรรมเนียมประเพณี การละเล่นท้องถิ่น การแข่งขัน กีฬา และจรรยามารยาทหรือกิริยามารยาทต่าง ๆ ในสังคม เช่น การเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิก ครั้งต่อไปที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นในปี พ.ศ. 2563 (ค.ศ. 2020), การเดินทางไปท่องเที่ยว,การประกวดต่าง ๆ, การเป็นประเทศในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ฯลฯ

8 วัฒนธรรมสหธรรม ได้แก่

(1) การเดินทางท่องเที่ยว

(2) การแข่งขันกีฬา

(3) การประกวดต่าง ๆ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 7. ประกอบ

9 เอกลักษณ์ไทย ได้แก่

(1) รักในหลวง

(2) ไม่เป็นไร-ให้อภัย

(3) เมตตาอารี-ช่วยเหลือ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 63 – 64, 67 – 68, (คําบรรยาย) ลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ของคนไทย ได้แก่ เคารพสถาบันพระมหากษัตริย์ รักพระเจ้าอยู่หัว (ในหลวง) สุภาพอ่อนน้อม ยิ้มแย้มเป็นมิตร ยิ้มสู้ ยิ้มได้เมื่อภัยมา มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ใจบุญ เมตตากรุณา โอบอ้อมอารี ชอบช่วยเหลือผู้ทุกข์ยาก สนุกสนาน ลืมง่าย มักให้อภัยเสมอ โกรธไม่นาน ซึ่งคนไทยให้อภัยจนชอบพูดติดปากเสมอว่า “ไม่เป็นไร”

  1. สัญลักษณ์ไทย ได้แก่

(1) ธงไตรรงค์

(2) ตราครุฑ

(3) พระบรมฉายาลักษณ์ในหลวง

4 ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 (คําบรรยาย) สัญลักษณ์ของประเทศไทย ได้แก่

1 ธงไตรรงค์ (ธงชาติไทย)

2 ตราครุฑ

3 พระบรมฉายาลักษณ์ในหลวง

4 เรือสุพรรณหงส์

5 ศาลาไทย

6 ช้างไทย

7 อักษรไทย เป็นต้น

11 ข้อใดจัดเป็นการผสมผสานทางวัฒนธรรม

(1) พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท อาคารเป็นตึกปูนหลังคาปราสาท

(2) พระที่นั่งอนันตสมาคม สถาปัตยกรรมยุโรปสร้างด้วยหินอ่อนอิตาลี

(3) อนุสาวรีย์พระบรมรูปทรงม้า

(4) สนามแข่งม้า

ตอบ 1 หน้า 22, (คําบรรยาย) การผสมผสานทางวัฒนธรรม (Acculturation) เป็นวิธีการที่รับเอาวัฒนธรรมของสังคมอื่นมาปฏิบัติ เช่น พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ภายในพระบรมมหาราชวัง โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2419 ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมไทยกับสถาปัตยกรรม ยุโรป โดยตัวอาคารเป็นตึกปูนมีรูปแบบสถาปัตยกรรมยุโรป แต่หลังคาปราสาทเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมไทย จนเป็นที่มาของชื่อ “ฝรั่งสวมชฎา” เป็นต้น

12 วัฒนธรรมพื้นบ้านภาคกลาง

(1) เพลงลูกทุ่ง

(2) เพลงอีแซว

(3) เพลงรําวง

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 4 ประกอบ

13 วัฒนธรรมความเชื่อภาคอีสาน ข้อใดไม่ใช่

(1) ผีฟ้า

(2) ผีปอบ

(3) ผีกระสือ

(4) ผีตาโขน

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 4 ประกอบ

  1. ดินแดนเดิมของอาณาจักรทวาราวดี ได้แก่จังหวัดใด

(1) ราชบุรี

(2) เพชรบุรี

(3) สระบุรี

(4) จันทบุรี

ตอบ 1 หน้า 72 – 73 อาณาจักรทวาราวดี เป็นอาณาจักรที่เจริญรุ่งเรืองทางอารยธรรมและวัฒนธรรมอย่างสูงในบริเวณภาคกลางของประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันได้แก่ บริเวณจังหวัดนครปฐม ราชบุรี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี และดินแดนแถบลุ่มแม่น้ําแม่กลอง ไทรโยค แควใหญ่ และแควน้อย โดยชนชาติมอญครอบครองอาณาจักรนี้มาช้านาน ต่อมาเมื่ออาณาจักรทวาราวดีอ่อนแอลงจึง ได้ผนวกเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรไทยและมีการผสมกลมกลืนของวัฒนธรรม โดยส่วนใหญ่ แล้ววัฒนธรรมของอาณาจักรทวาราวดีนั้นได้รับอิทธิพลมาจากวัฒนธรรมอินเดีย ซึ่งที่สําคัญคือการรับคติความเชื่อทางศาสนาพราหมณ์และพุทธ

15 ชนชาติใดครอบครองอาณาจักรทวาราวดีเดิม

(1) ขอม

(2) มอญ

(3) พม่า

(4) ลาว

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 14 ประกอบ

16 เทศกาล “กินเจ-แห่เจ้า” ที่มีชื่อเสียงมากอยู่ที่จังหวัด

(1) ภูเก็ต

(2) เชียงใหม่

(3) นครราชสีมา

(4) นครศรีธรรมราช

ตอบ 1 (คําบรรยาย) เทศกาล “กินเจและแห่เจ้า” เป็นประเพณีที่มีชื่อเสียงมากของจังหวัดภูเก็ตซึ่งจะตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ ถึง 9 ค่ำ ตามปฏิทินจีนของทุก ๆ ปี โดยจะจัดขึ้นเป็นเวลาทั้งสิ้น 9 วัน เพื่อเป็นการชําระล้างบาปเคราะห์ ละเว้นจากการละเมิดศีลห้า รักษากายวาจาใจให้บริสุทธิ์สะอาด

17 วัฒนธรรมท้องถิ่นที่ถูกควบคุมความปลอดภัย ได้แก่

(1) การปล่อยโคมลอย

(2) การยิงบั้งไฟ

(3) การจุดประทัดไฟพะเนียงวันลอยกระทง

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 (คําบรรยาย) วัฒนธรรมท้องถิ่นที่ถูกควบคุมความปลอดภัย ได้แก่

1 การปล่อยโคมลอยและโคมควัน

2 การยิงบั้งไฟ

3 การจุดพลุ ตะไล ประทัด ไฟพะเนียง หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายคลึงกัน ฯลฯ

18 วรรณกรรมใดอยู่ในปัญญาสชาดก

(1) สังข์ทอง

(2) อิเหนา

(3) พระอภัยมณี

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 1 หน้า 78 – 81 ปัญญาสชาดก ชาดก 50 เรื่อง คือ วรรณกรรมพุทธศาสนานอกพระไตรปิฎกในสมัยอาณาจักรล้านนา ซึ่งถือเป็นต้นกําเนิดของวรรณคดีไทยหลายเรื่อง เช่น สุธนชาดก (พระสุธน-มโนราห์), รถเสนชาดก (พระรถเสน-เมรี-นางสิบสอง) และสุวัณณสังขชาดก(สังข์ทอง-รจนา) เป็นต้น ส่วนอิเหนาและพระอภัยมณี เป็นวรรณกรรมในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์)

19 วรรณกรรมใดที่แสดงถึงวิถีชีวิตของชาวบ้าน ขุนนาง และทหาร

(1) ขุนช้าง-ขุนแผน

(2) อิเหนา

(3) พระอภัยมณี

(4) สามก๊ก

ตอบ 1 หน้า 89, (คําบรรยาย) “ขุนช้างขุนแผน” เป็นวรรณกรรมไทยในสมัยอาณาจักรอยุธยาที่แสดงถึงวัฒนธรรมความเชื่อในเรื่องผีสางเทวดา (ผีนางตะเคียน, ผีนางตานี, กุมารทอง, เปรต นางวันทอง) ไสยศาสตร์ (เวทมนตร์, คาถา, การทําเสน่ห์, การเปลี่ยนชื่อสะเดาะเคราะห์) คติความเชื่อของศาสนาพุทธและพราหมณ์ เป็นวรรณกรรมที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นวรรณคดี อมตะที่สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตระดับสังคมชาวบ้านพื้น ๆ ที่มีฐานะปานกลาง ชีวิตของขุนนาง และทหาร สภาพสังคม การปกครอง วัฒนธรรม และขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวไทยในสมัยอยุธยาทุกแง่ทุกมุม

  1. วรรณกรรมใดที่มีเรื่องความเชื่อเกี่ยวกับผีเวทมนตร์คาถา

(1) ขุนช้าง-ขุนแผน

(2) อิเหนา

(3) พระอภัยมณี

(4) สามก๊ก

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 19 ประกอบ

21 วัฒนธรรมมอญเข้ามาในเมืองไทยมากในสมัยรัชกาลที่

(1) รัชกาลที่ 1

(2) รัชกาลที่ 2

(3) รัชกาลที่ 4

(4) รัชกาลที่ 5

ตอบ 3 หน้า 92 ในสมัยรัชกาลที่ 4 (พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) วัฒนธรรมทางศาสนาของไทยได้รับอิทธิพลจากพระสงฆ์ชาวมอญมาก รวมทั้งวัฒนธรรมด้านขนบธรรมเนียมประเพณีพิธีหลวง พิธีในราชสํานัก และโหราศาสตร์ก็ได้รับอิทธิพลจากคติความเชื่อของชนชาติมอญมาก

22 สัญลักษณ์ที่สื่อถึงวัฒนธรรมมอญคือ

(1) ครุฑ

(2) นาค

(3) หงส์

(4) สิงโต

ตอบ 3 หน้า 67 ในสมัยรัตนโกสินทร์ พุทธศาสนานิกายธรรมยุตินิกายของชาวมอญได้เข้ามามีอิทธิพลในเมืองไทยอย่างมาก เช่น มีการสวดมนต์ปัดรังควานในพระบรมมหาราชวังทุก 7 วัน มีพิธี ทําน้ำมนต์ร้อยปี การสร้างหงส์ประดับตกแต่งในเจดีย์และพระราชวัง ราชบัลลังก์ ฯลฯ

  1. การแต่งกายและทรงผมของวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามาเมืองไทยเริ่มมากขึ้น โดยทรงสนับสนุนส่งเสริม

(1) รัชกาลที่ 1

(2) รัชกาลที่ 3

(3) รัชกาลที่ 5

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 3 หน้า 92 – 93, 186, (คําบรรยาย) รัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงพระปรีชาสามารถอย่างสูงในการนําประเทศให้อยู่รอดปลอดภัยจนได้รับการยกย่องให้เป็นพระปิยะมหาราช ทรงสนับสนุนส่งเสริม ปรับปรุง แก้ไขวัฒนธรรมบางอย่างเพื่อแสดงให้เห็นว่าไทยคืออารยประเทศ หลังจากที่พระองค์เสด็จกลับจากประพาสประเทศต่าง ๆ ในตะวันตกหรือยุโรปแล้ว โดยพระองค์ทรงเปลี่ยนแปลงและยกเลิกครั้งสําคัญ คือ การเลิกทาส การแต่งกาย ทรงผม และพิธีการเข้าเฝ้า

  1. ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา นายบารัก โอบามา ชื่นชมวัดของไทยจึงมาเยี่ยมชมวัด….

(1) วัดพระแก้ว

(2) วัดอรุณฯ

(3) วัดโพธิ์

(4) วัดธรรมกาย

ตอบ 3 (คําบรรยาย) นายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ได้นําคณะเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 18 – 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ในโอกาสครบรอบ 180 ปี ของมิตรภาพระหว่างสหรัฐอเมริกาและราชอาณาจักรไทย ซึ่งในโอกาสดังกล่าวนายบารัก ได้เดินทางไปที่วัดเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือ “วัดโพธิ์” เพื่อเยี่ยมชมภายในวัด โดยได้กล่าวชื่นชมว่าวัดโพธิ์เป็นสถานที่ที่เงียบสงบ และเขาโชคดีแล้วที่ได้มาเยี่ยมชมวัดโพธิ์เป็นการส่วนตัว

25 ชาวอินเดียมักถูกคนไทยเรียกว่า

(1) แขก

(2) ชาวฮินดู

(3) ชาวภารตะ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 1 หน้า 23, (คําบรรยาย) ประเทศอินเดียแต่เดิมมีชื่อเรียกว่า “ชมพูทวีป” ซึ่งแปลว่า ประเทศหรือดินแดนแห่งต้นหว้า (หรือภารตวรรษหรือดินแดนภารตะ) ซึ่งคําว่า “ชมพู” นั้นได้มาจาก เนื้อในของลูกหว้าที่มีสีชมพู โดยชาวอินเดียมักถูกเรียกว่า “ชาวฮินดูหรือชาวภารตะ” แต่คนไทยมักจะเรียกชาวอินเดียว่า “แขก”

26 ประเทศใดที่ไม่ได้แบ่งแยกดินแดนมาจากดินแดนเดิมของประเทศอินเดีย (1) ทิเบต

(2) ปากีสถาน

(3) อัฟกานิสถาน

(4) บังกลาเทศ

ตอบ 1 หน้า 23, (คําบรรยาย) ประเทศที่แบ่งแยกดินแดนมาจากดินแดนเดิมของประเทศอินเดียได้แก่ ปากีสถาน อัฟกานิสถาน บังกลาเทศ ศรีลังกา เนปาล เป็นต้น

27 ชาวอินเดียมีชนเผ่ามาก มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมจึงมีมากที่สุดในโลก

(1) ภาษา

(2) เครื่องดนตรี

(3) พันธุ์ข้าว

(4) รถยนต์หลายยี่ห้อ

ตอบ 1 หน้า 23, (คําบรรยาย) ชาวอินเดียประกอบด้วยชนหลายเผ่าพันธุ์ หลายความเชื่อ และมีภาษาหลายร้อยภาษา ซึ่งนับเป็นประเทศที่มีภาษามากที่สุดในโลก ด้วยเหตุนี้จึงทําให้ วัฒนธรรมอินเดียมีความหลากหลายและมีวัฒนธรรมแยกย่อยไปตามกลุ่มชน เผ่า ภาษาและความเชื่อต่าง ๆ มากมาย

28 ประเทศที่ได้รับอิทธิพลของวัฒนธรรมอินเดีย ได้แก่

(1) สิงคโปร์

(2) มาเลเซีย

(3) อินโดนีเซีย

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 23, 51, (คําบรรยาย) วัฒนธรรมอินเดียมีอิทธิพลครอบคลุมและเป็นแม่แบบวัฒนธรรมของชาติต่าง ๆ ในทวีปเอเชีย ได้แก่ ไทย ลาว กัมพูชา พม่า มอญ สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย จีน ทิเบต ญี่ปุ่น เป็นต้น โดยวัฒนธรรมอินเดียนั้นจะเข้ามามีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมชาติต่าง ๆ โดยผ่านทางศาสนามากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อ พิธีกรรม การบูชาเทพเจ้า และอื่น ๆ

  1. ความเชื่อของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู มีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมอินเดีย ได้แก่

(1) ศิลปะ

(2) ประเพณี

(3) อาหาร

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 23 – 24, (คําบรรยาย) รากฐานที่มาแห่งวัฒนธรรมอินเดียส่วนใหญ่มาจากความเชื่อทางลัทธิศาสนาเป็นหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเชื่อของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ซึ่งเป็นศาสนาเก่าแก่ คู่มากับประวัติศาสตร์ชนชาติอินเดีย แม้ว่าในสมัยหลังจะมีอิทธิพลของศาสนาอื่น ๆ และ วัฒนธรรมตะวันตกเข้ามาในอินเดีย แต่วัฒนธรรมดั้งเดิมที่มาจากรากฐานแห่งความเชื่อของ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ก็ยังไม่เสื่อมคลายไปจากสังคมของชนชาตินี้ โดยสามารถเห็นได้จากวิถีชีวิตความเป็นอยู่ อาหารการบริโภค ประเพณี ตลอดจนผลงานทางศิลปะต่าง ๆ

30 ความเชื่อของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู มีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมไทย ได้แก่

(1) ศิลปะ

(2) ประเพณี

(3) อาหาร

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 59, (คําบรรยาย) อิทธิพลความเชื่อของศาสนาพราหมณ์-ฮินดูที่มีต่อวัฒนธรรมไทยได้แก่ อาหาร ภาษา ที่อยู่อาศัย ความเชื่อ พีธีกรรม การบูชาเทพเจ้า ประเพณี ศิลปะการละเล่นและเทศกาลต่าง ๆ เป็นต้น

31 ชาวฮินดูวรรณะจัณฑาลทํางานใดไม่ได้ในร้านอาหาร

(1) คนเสิร์ฟอาหาร

(2) คนล้างจาน

(3) คนเช็ดโต๊ะอาหาร

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 24, 31, 267, (คําบรรยาย) ชาวฮินดูวรรณะจัณฑาล เกิดจากการแต่งงานกันของคนวรรณะสูงกับคนวรรณะต่ำ เป็นพวกที่ถูกดูถูกเหยียดหยามและรังเกียจของคนทั่วไป ซึ่งอาชีพที่พวกนี้ทํามักเป็นอาชีพที่ต่ำ ลําบาก และคนทั่วไปไม่อยากจะทํากัน เช่น กวาดถนน เก็บขยะ ล้างส้วม สัปเหร่อ ดูแลป่าช้า เก็บศพ แบกศพ ขุดหลุมศพ ฝังศพ เผาศพ เก็บเถ้ากระดูก ขอทาน เป็นต้น (ส่วนอาชีพกรรมกร คนรับใช้ ผู้ใช้แรงงาน ลูกจ้าง คนเสิร์ฟอาหาร คนล้างจาน คนเช็ดโต๊ะอาหาร ฯลฯ มักเป็นอาชีพของวรรณะศูทร)

32 ชาวฮินดูวรรณะศูทรทํางานใดได้ในร้านอาหาร

(1) คนเสิร์ฟอาหาร

(2) คนล้างจาน

(3) คนเช็ดโต๊ะอาหาร

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 31 ประกอบ

33 พิธีทําศพเด็กของชาวฮินดูโดยทั่วไปจะ

(1) เผา

(2) ฝัง

(3) ทิ้งถ่วงน้ำในแม่น้ำ

(4) ให้แร้งกิน

ตอบ 3 หน้า 31 วัฒนธรรมการทําศพเด็กของชาวฮินดูนั้น พ่อแม่จะไม่นิยมเผา แต่จะนําผ้าขาวมาพันหรือห่อศพแล้วใส่เรือไปทิ้งกลางแม่น้ำ โดยใช้หินถ่วงศพให้จมลงสู่ก้นแม่น้ำคงคา ซึ่งวิธีนี้ นอกจากจะใช้กับศพที่เป็นเด็กอายุน้อยแล้วยังใช้กับศพที่ยากจนไม่มีเงินพอที่จะซื้อถ่านหรือพื้นที่มีราคาแพงมาเผาศพได้

34 การเลี้ยงอาหารตามวัฒนธรรมชาวฮินดู ถ้าเสิร์ฟ แสดงว่างานสิ้นสุด

(1) โยเกิร์ต

(2) กาแฟ

(3) หมาก

(4) ผลไม้

ตอบ 3 หน้า 34 – 35 ธรรมเนียมปฏิบัติในการรับประทานอาหารในครอบครัวอินเดีย จะรับประทานพร้อมกันทั้งครอบครัว เมื่อรับประทานเสร็จล้างมือแล้วมักจะเคี้ยวหมากล้างปาก ซึ่งในการ เลี้ยงอาหารต่าง ๆ ของอินเดีย เมื่อมีการนําถาดใส่หมากพลูมาเสิร์ฟ ก็แสดงว่าการรับประทาน อาหารสิ้นสุดลงแล้ว

35 ประธานาธิบดีของจีนคนปัจจุบันคือ การประกอบอาหาร

(1) หลี ผิง

(2) สี จิ้นผิง

(3) หู จิ่นเทา

(4) เจียง เจ๋อหมิง

ตอบ 2 (คําบรรยาย) ประธานาธิบดีของจีนคนปัจจุบัน คือ นายสี จิ้นผิง (Xi Jinping) ซึ่งปัจจุบันเขายังดํารงตําแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน, ประธานคณะกรรมาธิการกลางการทหาร, อธิการบดีโรงเรียนพรรคกลาง และดํารงตําแหน่งเป็นสมาชิกระดับสูงสุดของสํานักงานเลขาธิการกลางแห่งพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน

36 บรรพบุรุษจีนมีลักษณะนิสัยเป็นอัตลักษณ์ ข้อใดไม่ใช่

(1) ขยัน

(2) รักการค้า

(3) ให้อภัยศัตรู

(4) กตัญญู

ตอบ 3 หน้า 38 บรรพบุรุษของชาวจีนมีลักษณะนิสัยเป็นอัตลักษณ์ของชนชาติ ได้แก่ มีนิสัยกตัญญูชอบทําการค้า ขยันขันแข็ง มานะอดทน เป็นนักการค้าที่เก่งและมีวัฒนธรรมในการค้าขาย คือ สุภาพอ่อนน้อมต่อลูกค้า นอกจากนี้ยังมีคตินิยมในการดํารงชีวิตเป็นลักษณะเฉพาะของตน มีปรัชญาและความเชื่อของตนเอง มีระเบียบวินัย ขนบธรรมเนียมประเพณี และพิธีกรรมต่าง ๆมานานหลายพันปี

37 “น้ำชา” เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตชาวจีนในเรื่องใด

(1) เซ่นไหว้

(2) แต่งงาน

(3) อวยพร

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 45, 172, (คําบรรยาย) ในประเทศจีน “น้ำชา” ถือเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ขาดไม่ได้ในชีวิตประจําวัน และมีความสําคัญต่อวิถีชีวิตของชาวจีน โดยในวัฒนธรรมจีนนั้นจะใช้น้ำชา ในงานพิธีต่าง ๆ เช่น พิธีแต่งงาน การอวยพรของผู้ใหญ่ การเซ่นไหว้เจ้าในวันตรุษจีน เทศกาลเชงเม้ง เป็นต้น

38 ข้อใดแสดงถึงความกตัญญของชาวจีน

(1) ตรุษจีน

(2) เชงเม้ง

(3) สารทจีน

(4 ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 44, (คําบรรยาย) วัฒนธรรมทางจิตใจที่แสดงถึงความกตัญญของชาวจีน เช่น เทศกาลตรุษจีน เชงเม้ง สารทจีน พิธีกงเต็ก เป็นต้น

39 ข้อใดแสดงถึงความเชื่อเรื่องผีสาง-เทวดาของชาวจีน

(1) เชงเม้ง

(2) พิธีล้างป่าช้า

(3) ศาลเจ้าพ่อเสือ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 38 – 40, (คําบรรยาย) ชาวจีนมีความเชื่อแบบวิญญาณนิยม (Animism) นับถือผีสางเทวดาวิญญาณบรรพบุรุษ วิญญาณวีรชนหรือวีรบุรุษและสัตว์ต่าง ๆ ได้แก่ การเซ่นไหว้วันตรุษจีน สารทจีน เชงเม้ง พิธีล้างป่าช้า การสร้างศาลเจ้าพ่อเสือ ศาลเจ้าพ่อกวนอู ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวศาลเจ้าแม่ทับทิม ซำปอกง ฯลฯ

40 ชาวจีนตั้งรกรากได้มั่นคง มั่งคั่ง ณ ที่ใดก็จะสร้างในชุมชนชาวจีน

(1) โรงจำนำ

(2) โรงน้ำชา

(3) โรงเจ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 41, (คําบรรยาย) เมื่อชาวจีนตั้งถิ่นฐานได้มั่นคง มั่งคั่งเป็นชุมชนชาวจีนขึ้นมาไม่ว่าจะอยู่ ณ ที่ใดในโลก สิ่งแรกที่ชาวจีนจะสร้าง คือ ศาลเจ้า จากนั้นก็จะมีสุสานบรรพบุรุษ โรงเจ(โรงทาน) โรงรับจํานํา โรงงิ้ว และโรงน้ำชา เป็นต้น

41 วรรณกรรมอมตะเรื่อง “ไซอิ๋ว” เกี่ยวข้องกับศาสนา

(1) เต่า

(2) ขงจื้อ

(3) พุทธ

(4) ชินโต

ตอบ 3 หน้า 39 เมื่อพุทธศาสนานิกายมหายานเผยแผ่เข้ามาในประเทศจีน ความเชื่อในเรื่องพระโพธิสัตว์ก็เข้ามามีอิทธิพลต่อความเชื่อดั้งเดิมของชาวจีน เกิดการผสมผสานจนกลายเป็นความเชื่อเรื่อง ปีศาจ ผีสาง เทวดา เซียนเพิ่มขึ้นมา ทําให้เกิดตํานานเทพนิยาย และนิทานพื้นเมืองเกี่ยวกับความเชื่อดังกล่าวมากมายซึ่งที่รู้จักกันทั่วไปได้แก่ ตํานานเรื่อง “ไซอิ๋ว”

42 ชาวจีนจะเชิดสิงโตในงานต่าง ๆ ยกเว้น

(1) แต่งงาน

(2) เปิดร้าน กิจการค้า

(3) พิธีกงเต็ก

(4) วันคล้ายวันเกิดแซยิด

ตอบ 3 หน้า 40 – 41, (คําบรรยาย) ชาวจีนมีประเพณีการเชิดสิงโตในงานฉลองรื่นเริงมงคลต่าง ๆเช่น เทศกาลตรุษจีน สารทจีน งานวันเกิด งานวันแซยิด (ครบรอบอายุ 60 ปี) งานแต่งงาน งานเปิด ร้านค้ากิจการใหม่ เป็นต้น (ส่วนเทศกาลเชงเม้ง พิธีล้างป่าช้า พิธีกงเต็ก และงานทิ้งกระจาดจะไม่มีการเชิดสิงโต)

43 ข้อใดเป็นการแสดงถึงความนับถือวีรบุรุษผู้เป็นบรรพชน

(1) ศาลเจ้าพ่อกวนอู

(2) ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว

(3) ซําปอกง

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 39 ประกอบ

44 “มังกร” เกี่ยวข้องกับ…ในวัฒนธรรมจีน

(1) ฮ่องเต้

(2) เจ้าแม่กวนอิม

(3) แม่น้ำฮวงโห

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 40 ชาวจีนมีความเชื่อว่า มังกรเป็นเทพเจ้า เป็นพาหนะของเจ้าแม่กวนอิม และยังเชื่อว่าการที่น้ำในแม่น้ำฮวงโหไหลบ่าท่วมท้นเป็นเพราะมังกรพิโรธ นอกจากนี้ชาวจีนยังนํามังกรมาเป็นสัญลักษณ์แห่งฮ่องเต้ เช่น ประเพณีสําคัญที่ยิ่งเต้ต้องสวมเสื้อคลุมปักเป็นรูปมังกร เรียกว่า“เสื้อลายมังกร” ในวันที่ทําพิธีราชาภิเษกขึ้นครองราชย์ และประทับนั่งบนบัลลังก์มังกรด้วย

45 กลุ่มกรีนพีซ (Greenpeace) ต่อต้านการล่าวาฬของชาว

(1) จีน

(2) ญี่ปุ่น

(3) เกาหลี

(4) เวียดนาม

ตอบ 2 (ความรู้ทั่วไป) กลุ่มกรีนพีซ (Greenpeace) เป็นองค์การสาธารณประโยชน์นานาชาติที่ดําเนินการด้านสิ่งแวดล้อมและสันติภาพ โดยมีสํานักงานประจําประเทศและภูมิภาคอยู่ใน 41 ประเทศทั่วโลก ซึ่งในปัจจุบันพบว่าประเด็นที่กลุ่มกรีนพีซเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กําลังดําเนิน การรณรงค์ต่อต้าน ได้แก่ การต่อต้านการล่าวาฬของชาวญี่ปุ่น, การต่อต้านการล่าปลาฉลามและการกินอุ้งตีนหมีของชาวจีน, การต่อต้านการกินเนื้อสุนัขของชาวเวียดนาม ฯลฯ

46 กลุ่มกรีนพีซ (Greenpeace) ต่อต้านการล่าปลาฉลามของชาว

(1) จีน

(2) ญี่ปุ่น

(3) เกาหลี

(4) เวียดนาม

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 45 ประกอบ

47 กลุ่มกรีนพีซ (Greenpeace) ต่อต้านการกินอุ้งตีนหมีของชาว

(1) จีน

(2) ญี่ปุ่น

(3) เกาหลี

(4) เวียดนาม

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 45 ประกอบ

48 กลุ่มกรีนพีซ (Greenpeace) ต่อต้านการกินเนื้อสุนัขของชาว

(1) จีน

(2) ญี่ปุ่น

(3) เกาหลี

(4) เวียดนาม

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 45 ประกอบ

49 ประเทศที่มีประชากรสูงอายุมากที่สุดคือ

(1) จีน

(2) ญี่ปุ่น

(3) เกาหลี

(4) เวียดนาม

ตอบ 2 (ความรู้ทั่วไป) ในกลุ่มอาเซียน (อาเซียน +3) ประเทศที่มีประชากรอายุยืนมากที่สุด คือ ญี่ปุ่น โดยคนญี่ปุ่นจะมีอายุขัยเฉลี่ยถึง 82 ปี ซึ่งถือว่ามีอายุยืนยาวมากที่สุดในโลก และนับเป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่มีสัดส่วนของผู้สูงอายุมากที่สุดในโลกอีกด้วย

50 ประเทศที่มีประชากรเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศมากที่สุดคือ

(1) จีน

(2) ญี่ปุ่น

(3) เกาหลี

(4) เวียดนาม

ตอบ 1 (คําบรรยาย) จีน เป็นประเทศที่มีประชากรเดินทางไปท่องเที่ยวในต่างประเทศมากที่สุดปีละกว่า 200 ล้านคน ส่วนประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวในประเทศมากที่สุดคือ ฝรั่งเศส ซึ่งมีจํานวนมากถึง 83.7 ล้านคนต่อปี

51 ลักษณะเฉพาะเป็นอัตลักษณ์ของชาวญี่ปุ่น ข้อใดไม่ใช่

(1) ชาตินิยมมากที่สุดชาติหนึ่งในโลก

(2) มีภัยธรรมชาติมากจนชาวญี่ปุ่นท้อแท้

(3) มีความสามารถทําการประมงเก่งมาก

(4) เจริญทางเทคโนโลยีหุ่นยนต์สูงมาก

ตอบ 2 หน้า 48, (คําบรรยาย) ลักษณะเฉพาะซึ่งเป็นอัตลักษณ์ของชาวญี่ปุ่น ได้แก่

1 มีความเป็นชาตินิยมสูงมากที่สุดชาติหนึ่งในโลก

2 มีความสามารถทําการประมงเก่งมาก

3 มีความเจริญทางเทคโนโลยีหุ่นยนต์สูงมาก

4 ประสบภัยธรรมชาติมากจนทําให้ชาวญี่ปุ่นเป็นคนทรหดอดทน ต่อสู้กับอุปสรรคต่าง ๆ อย่างจริงจัง เป็นต้น

52 ชาวญี่ปุ่นมีตํานานความเชื่อว่าจักรพรรดิองค์แรกมาจุติโดยนําของวิเศษมาด้วย ข้อใดไม่ใช่

(1) ดวงแก้ว

(2) ดาบ

(3) หน้ากากทองคํา

(4) กระจก

ตอบ 3 หน้า 49, 235 ชาวญี่ปุ่นมีตํานานเชื่อว่าจักรพรรดิองค์แรกของญี่ปุ่น ก็คือ สมเด็จพระจักรพรรดิยิมมูหรือยิมมูเทนโน ซึ่งสืบเชื้อสายมาจากสุริยเทพอะมะเตระสุ โดยจุติที่เกาะคิวชูพร้อมกับเพชร 1 เม็ด (หรือดวงแก้ว) ดาบ และกระจกเป็นของวิเศษสําคัญประจําตัวติดตัวมาจากสวรรค์ด้วย

53 ศาลเจ้าญี่ปุ่นที่ทางเข้าจะมีประตูเสาไม้ทาสีแดงอยู่ 2 ข้าง เรียกว่า โทริ คือ

(1) ประตูสวรรค์

(2) ประตูวิญญาณ

(3) ประตูเทพ

(4) ประตูโชคลาภ

ตอบ 2 หน้า 240 – 241, (คําบรรยาย) ตามศาสนสถานของศาสนาชินโตนั้น ก่อนจะถึงบริเวณของศาลเจ้าญี่ปุ่นที่ทางเข้าจะมีการสร้างประตูขึ้นเป็นสัญลักษณ์ เรียกว่า “โทริ” (TORI) อันถือว่าเป็น ประตูวิญญาณ โดยประตูนี้สร้างขึ้นเป็นรูปประตูประกอบจากเสาไม้ 2 ข้าง และมีไม้ 2 อันวางขวางอยู่ข้างบน และมักจะทาสีแดง

54 วัฒนธรรมคติธรรมญี่ปุ่น ข้อใดไม่ใช่

(1) ถึงอดโซก็โซอย่างเสือ

(2) น้ำร้อนปลาเป็นน้ำเย็นปลาตาย

(3) ถึงเน่าก็เน่าอย่างปลากะพง

(4) ใช้กุ้งตกปลากะพง

ตอบ 2 หน้า 55 – 56 ชาวญี่ปุ่นนิยมกินปลาซีบรีม ซึ่งเป็นปลาที่มีลักษณะคล้ายปลากะพงแดงมากโดยปลานี้จะมีสีสดใส มีรสเป็นเลิศ ชาวญี่ปุ่นจึงยกให้เป็นราชาแห่งปลา และมีความเชื่อว่าเป็นปลามงคลล้ำค่า ขาดไม่ได้ในงานมงคลต่าง ๆ เป็นปลาที่นิยมกินกันมากที่สุดตั้งแต่สมัยโบราณ จนมีคติธรรมหรือคําพังเพยเปรียบเทียบเกี่ยวกับปลาชนิดนี้ว่า “ถึงเน่าก็เน่าอย่างปลากะพง” คือ ถึงอดโซกโซอย่างเสือ และ “ใช้กุ้งตกปลากะพง” คือ ยอมเสียกําเพื่อเอากอบ

55 ลัทธิบูชิโดมีอิทธิพลต่อข้อใดน้อยที่สุด

(1) ฮาราคีรี

(2) นินจา

(3) ยากูซ่า

(4) กามิกาเซ่

ตอบ 2 หน้า 51, (คําบรรยาย) อิทธิพลของลัทธิบูชิโดที่มีต่อวัฒนธรรมญี่ปุ่น ได้แก่

1 วิถีทางแห่งนักรบซามูไร คือ “ยอมตายอย่างมีเกียรติดีกว่าอยู่อย่างไร้เกียรติ”

2 พิธีกรรมฆ่าตัวตายที่เรียกว่า “ฮาราคีรี”

3 การสละชีวิตตนเองของนักบินโดยการ ขับเครื่องบินพุ่งชนฝ่ายตรงข้ามให้ระเบิดไปพร้อมกันที่เรียกว่า “กามิกาเซ่”

4 ซามูไรไร้สังกัด หรือโรนิน ได้พัฒนาการมาเป็น “ยากูซ่า” ในปัจจุบัน เป็นต้น ส่วน “นินจา” นั้นถือกําเนิดมาจากจีน ประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 6 ซึ่งตรงกับสมัยพระเจ้าถังไท้จงแห่งราชวงศ์ถังของจีน)

56 ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าเป็นเทพเจ้าองค์หนึ่งของศาสนาชินโต

(1) พระโพธิสัตว์

(2) จักรพรรดิ

(3 เซียน

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 1 หน้า 52 วัฒนธรรมอินเดียเข้ามามีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมญี่ปุ่นโดยทางอ้อม โดยผ่านทางพุทธศาสนามหายานที่จีนและเกาหลีเผยแผ่มาสู่ชาวญี่ปุ่น ด้วยเหตุที่พระพุทธศาสนามีลักษณะไม่บังคับและยังปรับตัวให้เข้ากับลัทธิความเชื่อดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่น พระในพุทธศาสนาก็ไปร่วมพิธีทางลัทธิชินโต จนต่อมาชาวญี่ปุ่นจํานวนมากนับถือว่าพระโพธิสัตว์เป็นเทพเจ้าองค์หนึ่งของศาสนาชินโต

57 ศิลปะของญี่ปุ่นที่ได้รับการยกย่องไปทั่วโลก ได้แก่

(1) หุ่นยนต์ (Robot)

(2) ทําดาบซามูไร

(3) จัดสวน

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 53 – 55, (คําบรรยาย) ศิลปะของญี่ปุ่นที่ได้รับยกย่องและเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ได้แก่ การแกะสลักไม้ การทําหุ่นยนต์ (Robot) การทําดาบซามูไร การจัดสวน การจัดดอกไม้การชงน้ำชา การแสดงละครสวมหน้ากาก “โน” ฯลฯ

58 วัฒนธรรมอาหารของญี่ปุ่น ได้แก่ การรับประทาน

(1) เนื้อดิบ

(2) ปลาดิบ

(3) ไข่ดิบ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 55, (คําบรรยาย) วัฒนธรรมในการบริโภคนั้น ชาวญี่ปุ่นมีวัฒนธรรมในการดํารงชีวิตแบบเรียบง่าย กินอาหารตามสภาพธรรมชาติ ปรุงแต่งน้อย นิยมกินผักดิบ เนื้อดิบ ปลาดิบ ไข่ดิบ กินข้าวปั้นก้อน ๆ ใช้จานไม้และไม้ไผ่ และบริโภคอาหารด้วยมือ

59 “ชาเขียว” ชาวญี่ปุ่นใช้เป็นส่วนผสมของ

(1) เครื่องสําอาง

(2) ขนม

(3) เครื่องดื่ม

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 54, (คําบรรยาย) ชาเขียวถือเป็นวัฒนธรรมอาหารของญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงรู้จักไปทั่วโลกซึ่งชาวญี่ปุ่นนิยมใช้ชาเขียวในพิธีชงชาต้อนรับแขก นอกจากนี้ยังถูกใช้เป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ในหลาย ๆ ชนิด เช่น เครื่องสําอาง ขนม เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เป็นต้น

60 ปลาอะไรที่ไม่เกี่ยวข้องกับญี่ปุ่น

(1) ปลานิล

(2) ปลาทับทิม

(3) ปลามังกร

(4) ปลาคาร์พ

ตอบ 3 (คําบรรยาย) ปลาที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับญี่ปุ่น ได้แก่

1 ปลานิล เป็นปลาที่ญี่ปุ่นส่งพันธุ์มาให้ไทยนําไปเพาะเลี้ยง

2 ปลาทับทิม เป็นปลาที่ได้จากการผสมพันธุ์ของปลานิลญี่ปุ่น

3 ปลาคาร์พเป็นปลาสวยงาม มีราคาแพง นิยมเลี้ยงไว้ที่สวนและสระน้ำ โดยจะไม่นํามารับประทาน

61 ข้อใดไม่ถูกต้องกับความหมายของ “หยิน-หยาง”

(1) ฟ้า-ดิน

(2) หญิง-ชาย

(3) อ่อน-แข็ง

(4) ดํา-ขาว

ตอบ 1 หน้า 241, (คําบรรยาย) ในสมัยโบราณชาวจีนมีความเชื่ออันเป็นความภาคภูมิของประเทศ คือเชื่อว่า ประเทศจีนอยู่ใจกลางของโลก จึงทําให้เกิดความเชื่อว่าโลกมีวิญญาณสถิตอยู่ มีเพศเป็นหญิง เรียกว่า “หยิน” ซึ่งเป็นวิญญาณแห่งดิน ความมืด กลางคืน ดวงจันทร์ ฯลฯ และเนื่องจากการที่มนุษย์อาศัยอยู่บนโลก ชาวจีนจึงยกย่อง “หยิน” ว่ามีอํานาจเหนือกว่า “หยาง” ซึ่งเป็นเพศชายอันเป็นวิญญาณแห่งฟ้า ความสว่าง กลางวัน ดวงอาทิตย์ ฯลฯ ดังนั้นจึงกล่าว ได้ว่า “หยิน-หยาง” หมายถึง หญิง-ชาย, ดิน-ฟ้า, ความมืด-ความสว่าง, กลางคืน-กลางวัน,ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์, อ่อน-แข็ง, ดํา-ขาว ฯลฯ

62 ขงจื๊อสอนเรื่องผีสางเทวดาไว้ว่า “จงเคารพบูชาผีและเทพเจ้า แต่ควร ”

(1) ประจบใกล้ชิดสม่ำเสมอ

(2) ขอโชคลาภเสมอ ๆ

(3) อยู่ให้ห่าง ๆ

(4) อยู่ใกล้ ๆ ศาลเจ้า

ตอบ 3 หน้า 248 249, (คําบรรยาย) ปรัชญาและหลักคําสอนที่สําคัญของขงจื้อ ได้แก่

1 สอนให้ประชาชนทําพิธีเซ่นไหว้วิญญาณบรรพบุรุษ และให้ถือว่าการเซ่นไหว้วิญญาณบรรพบุรุษเป็นหน้าที่ของลูกหลานผู้สืบสกุล ต้องทําเป็นประจําทุกปี และทุกเทศกาล

2 สอนให้ชาวจีนทําพิธีบวงสรวงเทพเจ้าตามจารีตประเพณีของชาวจีนในสมัยโบราณ แต่สอนว่า “จงเคารพบูชาผีและเทพเจ้า แต่ควรอยู่ให้ห่าง ๆ”

3 สอนหลักการปกครอง โดยมีความเห็นว่า การปกครองโดยนิติธรรมเนียม ควรนํามาใช้มากกว่าการปกครองแบบอํานาจและอาชญา เป็นต้น

63 ชาวจีนเชื่อตามลัทธิเต๋าว่า…สําคัญที่สุด

(1) สถานที่เกิด

(2) สถานที่ตาย

(3) สถานที่ฝังศพ

(4) สถานที่เผาศพ

ตอบ 3 หน้า 41, (คําบรรยาย) ชาวจีนมีความเชื่อตามลัทธิเต๋าว่า สุสานหรือสถานที่ฝังศพของบรรพบุรุษนั้นถือเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสําคัญที่สุด เพราะเชื่อว่าเป็นที่สถิตแห่งดวงวิญญาณและเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ของวงศ์ตระกูล ดังนั้นถ้าหากฝังศพไว้ในที่ดินที่ถูกโฉลกและเซ่นไหว้บวงสรวงอย่างดีแล้วก็จะทําให้ลูกหลานร่ำรวย เจริญรุ่งเรือง และมีความสุข

64 ข้อใดไม่ใช่ความรู้ความสามารถของนักบวชเต๋า

(1) ทําหลุมศพ

(2) ทําคลอด

(3) ทํากงเต็ก

(4) ทํายาอายุวัฒนะ

ตอบ 2 หน้า 257 – 258, (คําบรรยาย) ศาสนาเต๋าในระยะหลัง ๆ เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องไสยศาสตร์มากขึ้น ทําให้นักบวชในศาสนาเต๋ากลายเป็นผู้มีความชํานาญพิเศษในการประกอบพิธีกรรม เกี่ยวกับไสยศาสตร์ สามารถทํานายดวงชะตาและเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ มีญาณติดต่อเทพเจ้าและ เซียนได้ มีพลังจิตสะกดวิญญาณและปราบผีปีศาจได้ ทําคุณไสย ทําหลุมศพ ทํากงเต็ก และมีความสามารถในการทํายาอายุวัฒนะ

65 ข้อใดไม่ใช่พรสวรรค์พิเศษของนักบวชเต๋า

(1) มีญาณติดต่อเทพ-เซียนได้

(2) มีพลังจิตสะกดวิญญาณได้

(3) ทํานายดวงชะตา

(4) ช่วยคนตายใหม่ ๆ ให้ฟื้นได้

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 64 ประกอบ

66 ข้อใดมีความหมายตรงกับ “ฮวงจุ้ย”

(1) ลม-น้ำ

(2) ดิน-ฟ้า

(3) รุ่งเรือง-ร่ำรวย

(4) อายุ-ยืนนาน

ตอบ 1 (คําบรรยาย) คําว่า “ฮวงจุ้ย” มีความหมายตรงกับคําว่า ลม (ฮวง) และน้ำ (จุ้ย) เป็นภาษาจีนแต้จิ๋ว ซึ่งถือเป็นศาสตร์แห่งการพยากรณ์ของชาวจีนในการเลือกสรรทําเลที่ตั้งของสถานที่ทั้งสําหรับคนเป็นและคนตาย โดยยึดหลักแห่งความสมดุลของสภาพแวดล้อมให้มีความกลมกลืนกันเพื่อให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองแก่คนในครอบครัวและลูกหลาน

67 การทําศพของผู้นับถือศาสนาโซโรอัสเตอร์เกี่ยวข้องกับ

(1) นกพิราบ

(2) นกแร้ง

(3) นกเหยี่ยว

(4) นกอินทรี

ตอบ 2 หน้า 425 คติความเชื่อเกี่ยวกับความตายของศาสนาโซโรอัสเตอร์ คือ การห้ามไม่ให้เผาศพห้ามนําศพไปทิ้งน้ำ และห้ามนําศพไปฝังดิน ทั้งนี้เพราะเชื่อว่าศพนั้นเป็นสิ่งสกปรกซึ่งจะทําให้ ไฟ น้ำ และดินที่พวกเขานับถือต้องสกปรก แต่ให้ทําพิธีศพโดยการนําศพไปวางทิ้งไว้บนหอสูงเรียกว่า “หอคอยแห่งความสงบสุข” แล้วปล่อยให้นกแร้งมาจิกกินเป็นอาหาร

68 ความเชื่อเรื่องบูชาพระเจ้าของชาวโซโรอัสเตอร์เกี่ยวข้องกับ..

(1) ดิน

(2) น้ำ

(3) ลม

(4) ไฟ

ตอบ 4 หน้า 421 ศาสนาโซโรอัสเตอร์ เป็นศาสนาที่มีพิธีบูชาพระเจ้าด้วยไฟ เซ่นสังเวยพระเจ้าด้วยเหล้าศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งพระเจ้าของศาสนาโซโรอัสเตอร์มีพระนามว่า เทพเจ้าอนุรา มาสดา (Ahura Mazda)

69 ศาสนาโซโรอัสเตอร์มีอายุร่วมสมัยกับศาสนาใด

(1) กรีกโบราณ

(2) อียิปต์โบราณ

(3) ยูดาห์

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 (คําบรรยาย) ศาสนาที่เกิดร่วมสมัยกับศาสนาโซโรอัสเตอร์ ได้แก่ กรีกโบราณ อียิปต์โบราณ ยูดาห์ ฮินดู อินคา เป็นต้น

  1. 70. ศาสนาโซโรอัสเตอร์ถือว่าบาปที่สุดคือ

(1) เล่นการพนัน

(2) ลักขโมย

(3) พูดเท็จ

(4) เมาสุรา

ตอบ 3 หน้า 423 424 ศาสดาของศาสนาโซโรอัสเตอร์ได้สั่งสอนไม่ให้คนโกหก กล่าวเท็จเป็นพยานเท็จ และประณามผู้โกหก กล่าวเท็จอย่างมากว่าบาปที่สุด จนเป็นกฎบัญญัติให้ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดของศาสนานี้

71 ศาสดามหาวีระของศาสนาเชนอยู่ร่วมสมัยกับศาสดาของศาสนาใด

(1) ฮินดู

(2) พุทธ

(3) ซิกข์

(4) โซโรอัสเตอร์

ตอบ 2 หน้า 291, 329 ศาสดามหาวีระของศาสนาเชนเกิดในยุคสมัยเดียวกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของศาสนาพุทธ โดยทั้งสองศาสนาจะมีความคล้ายกันหลายประการ เช่น เป็นศาสนาแห่งเหตุผล สั่งสอนไม่ให้คนหลงงมงาย ชาติกําเนิดและชีวประวัติของศาสดา (มีชื่อพระชายา ยโสธรา เหมือนกัน) รวมทั้งหลักธรรมคําสอนก็คล้ายคลึงกันมากจนมีนักวิชาการหลายท่านคิดว่าเป็นศาสนาเดียวกัน

72 ชื่อศาสดา “มหาวีระ” มีความหมายว่า

(1) ฉลาดมาก

(2) ปัญญามาก

(3) กล้าหาญมาก

(4) บารมีมาก

ตอบ 3 หน้า 330, (คําบรรยาย) พระมหาวีระ ศาสดาของศาสนาเชนมีพระนามเดิมว่าเจ้าชายวรรธมานะหรือวัธมานะ เกิดในวรรณะกษัตริย์ พระนาม “มหาวีระ” แปลว่า มหาบุรุษผู้ยิ่งใหญ่กล้าหาญ ซึ่งเหตุที่ได้รับขนานนามว่า พระมหาวีระผู้กล้าหาญมาก เพราะในขณะเมื่อยังทรงพระเยาว์อยู่นั้น พระองค์เคยปราบช้างตกมันที่วิ่งพลัดเข้ามาในอุทยาน โดยสามารถขึ้นขี่ช้างพลายนั้นและบังคับไปสู่โรงช้างได้อย่างเรียบร้อย โดยมิได้แสดงพระอาการเกรงกลัวแต่อย่างใด

73 ชาวเชนมีความเชื่อว่าเป็นการตัดกิเลสและจะได้บุญมาก

(1) เดินทางแสวงบุญจนตาย

(2) ทรมานทําร้ายร่างกายจนตาย

(3) อดอาหารจนตาย

(4) สวดสรรเสริญจนตาย

ตอบ 3 หน้า 338, (คําบรรยาย) ชาวเชนมีความเชื่อว่า ความตายที่บริสุทธิ์คือการอดอาหารตายและถือเป็นการบําเพ็ญเพียรเพื่อตัดกิเลสและจะได้บุญมาก

74 ผู้นับถือศาสนาเชนผู้หญิง จะทําข้อใด

(1) กินมังสวิรัติ

(2) เป็นนักบวช

(3) บรรลุธรรมสูงสุด

(4) ตัดกิเลสด้วยการเปลือยกาย

ตอบ 1 หน้า 337 338, 340, (คําบรรยาย) ศาสดามหาวีระของศาสนาเชนไม่ให้มีนักบวชหญิงและปฏิเสธการปฏิบัติธรรมของสตรี โดยเห็นว่า “สตรีเพศเป็นเหตุแห่งบาป” และเป็นที่ตั้งแห่งกิเลส ทั้งหลาย ซึ่งนิกายทิคัมพรในศาสนาเชนนั้นเชื่อว่าสตรีไม่สามารถบรรลุธรรมสูงสุดได้ อีกทั้ง นักบวชในนิกายนี้ต้องเปลือยกาย ดังนั้นหากสตรีเพศต้องเปลือยกายอาจจะทําให้นักบวชชายเกิดกิเลสได้ ส่วนการกินมังสวิรัตินั้นผู้ที่นับถือศาสนาเชนทุกคนไม่ว่าชายหรือหญิงสามารถทําได้

75 ศาสดามหาวีระเกิดในวรรณะใด

(1) พราหมณ์

(2) กษัตริย์

(3) แพศย์

(4) ศูทร

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 72 ประกอบ

76 ผู้นับถือศาสนาซิกข์คนแรกมีความสัมพันธ์เป็น….ของศาสดาซิกข์

(1) มารดา

(2) พี่สาว

(3) น้องสาว

(4) ภรรยา

ตอบ 2 หน้า 342 คุรุนานัก ผู้ก่อตั้งศาสนาซิกข์ (ศาสดาองค์ที่ 1 ของศาสนาซิกข์) มีพี่สาวคนหนึ่งชื่อนานกี (แปลว่า หลานตา) ซึ่งรักท่านครูนานักมากจึงได้เอาชื่อของตนไปตั้งชื่อให้แก่น้องชายว่า “นานัก” และคงเป็นเพราะว่ารักน้องชายมากนี้เอง ต่อมานางนานกีจึงได้สมัครเป็นชาวซิกข์คนแรกด้วย

77 ชาวซิกข์จะไม่ใส่เสื้อผ้าชุดสี

(1) ดํา

(2) ขาว

(3) แดง

(4) เหลือง

ตอบ 3 หน้า 348 349 คุรุโควินทสิงห์ เป็นศาสดาของศาสนาซิกข์ที่ให้ศีล 21 ข้อ ซึ่งเป็นศีลประจําชีวิตที่ศิษย์ของท่านทุกคนถือปฏิบัติ เช่น

1 มี “ก 5 ประการ” ไว้กับตน คือ เกศ กังฆา กฉา กรา และกฤปาน

2 ห้ามใช้สีแดง เพราะเป็นสีที่หมายถึงความรัก ความเมตตา ซึ่งขัดต่อนิสัยนักรบ

3 ให้ใช้คําว่า “สิงห์” ต่อท้ายตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

4 ห้ามเปลือยศีรษะ นอกจากเวลาอาบน้ำ

5 ห้ามตัดหรือโกนผม หนวด และเครา

6 ให้ถือว่าการขี่ม้า ฟันดาบ และมวยปล้ำ เป็นกิจที่ต้องทําอยู่เป็นนิจ ฯลฯ

78 ชาวซิกข์ในประเทศอินเดียส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในแคว้น

(1) โอริสสา

(2) แคชเมียร์

(3) ปัญจาบ

(4) มคธ

ตอบ 3 หน้า 341 ในปัจจุบันผู้นับถือศาสนาซิกข์มีอยู่กระจัดกระจายทั่วโลก ในประเทศอินเดียผู้นับถือศาสนาซิกข์ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในแคว้นปัญจาบ ทั้งนี้เพราะแคว้นปัญจาบเป็นแหล่ง ที่เกิดของศาสนา และที่สําคัญก็คืออักษรและภาษาของแคว้นปัญจาบที่เป็นภาษาประจําถิ่น ก็มาจากศาสนาซิกข์ นอกจากนี้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนาซิกข์ที่สําคัญส่วนใหญ่สร้างขึ้นในแคว้นปัญจาบแทบทั้งสิ้น

79 การดํารงชีวิตของชาวซิกข์ ได้แก่

(1) กล้าหาญ

(2) มีการรยาคนเดียว

(3) สตรีไม่ต้องคลุมหน้า

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 340, 345, 353, (คําบรรยาย) หลักการดํารงชีวิตของชาวซิกข์ ได้แก่

1 เป็นผู้กล้าหาญและผู้เสียสละ

2 ชายมีภรรยาได้แค่คนเดียว

3 สตรีไม่ต้องคลุมหน้าเมื่อออกนอกบ้าน

4 สามี-ภรรยามีสิทธิเท่าเทียมกัน

5 หญิงไม่ต้องจ่ายค่าสินสอดสู่ขอชาย ฯลฯ

80 ศาสดาของศาสนาซิกข์ชื่อ ท่าน

(1) รพิณทรนาถ

(2) นานัก

(3) วรรธมานะ

(4) โควินทะ

ตอบ 2 หน้า 342, 345 – 347 ศาสนาซิกข์มี “คุรุ” หรือศาสดาทั้งหมด 10 ท่าน ได้แก่

1 นานัก 2 อังคัพ 3 อมรทาส 4 รามทาส 5 อรชุน  6 หริโควินท์ 7 หริไร 8 หรึกฤษัน 9 เฒฆพหฑูร์ 10 โควินทสิงห์

81 ศาสนายูดาห์เป็นศาสนาของชนชาติ

(1) อิสราเอล

(2) ยิว

(3) ฮิบรู

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 359, (คําบรรยาย) ศาสนายูดาห์ เป็นศาสนาของชนชาติอิสราเอลหรือยิวหรือฮิบรูมีความสัมพันธ์อย่างแนบแน่นลึกซึ้งต่อประวัติศาสตร์ความเป็นมาของชนชาติอิสราเอล จนอาจกล่าวได้ว่าศาสนายูดาห์เกิดขึ้นเพื่อชนชาติอิสราเอลโดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังถือเป็น ศาสนาที่สําคัญศาสนาหนึ่งของโลก เพราะมีอายุยืนนานกว่า 4,000 ปี และยังคงมีผู้คนนับถือสืบต่อมาอย่างไม่ขาดสายจนถึงปัจจุบัน

82 ศาสดาองค์ใดนําบัญญัติ 10 ประการ มาสู่มนุษย์

(1) อับราฮัม

(2) โมเสส

(3) เยซู

(4) นบีมูฮัมหมัด

ตอบ 2 หน้า 364 365 บทบาทสําคัญของโมเสสที่มีต่อประชาชนชาวอิสราเอล คือ ช่วยให้ชาวอิสราเอลพ้นจากความเป็นทาสของอียิปต์ รวมทั้งโมเสสยังเป็นผู้รับโองการจากพระเจ้า เรียกว่า บัญญัติ 10 ประการ ซึ่งพระเจ้าประทานแก่ชาวอิสราเอล โดยโมเสสได้สลักลงใน แผ่นศิลา 2 แผ่น ให้ขาวอิสราเอลถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดแล้วจะพบดินแดนแห่งสัญญาแต่ถ้าฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามแล้วพระเจ้าก็จะลงโทษ

83 ศาสดาองค์ใดที่กําหนดไม่ให้กินเนื้อหมูเป็นคนแรก

(1) อับราฮัม

(2) โมเสส

(3) เยซู

(4) นบีมูฮัมหมัด

ตอบ 1 หน้า 370, (คําบรรยาย) ศาสดาอับราฮัมของศาสนายูดาห์ เป็นคนแรกที่สอนมนุษย์ไม่ให้กินเนื้อหมู เนื้อหมา เนื้อหนู เนื้องู ปลาหมึก ปลาไหล และกุ้ง ทั้งนี้เพราะเป็นสัตว์ที่กินของสกปรก

84 วันพระของศาสนายูดาห์คือ วัน

(1) ศุกร์

(2) เสาร์

(3) อาทิตย์

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 2 หน้า 364, 367, (คําบรรยาย) วันเสาร์ถือเป็นวันพระของศาสนายูดาห์ เรียกว่า วันแซบบาธหรือวันซะบาโต คือวันที่พระเจ้าทรงสร้างโลกและจักรวาลเสร็จ และทรงหยุดพักผ่อนในวันที่ 7 โดยวันแซบบาธเป็นวันที่ชาวอิสราเอลทั้งหลายจะหยุดทํางาน และการทํากิจการต่าง ๆ ทุกชนิด แม้แต่การก่อไฟในเตาก็งดเว้น เพื่อบูชาพระเจ้าตามที่ปรากฏในบัญญัติ 10 ประการ คือห้ามทําการสิ่งใดในวันที่ 7 และให้ถือเป็นวันศักดิ์สิทธิ์ด้วย

85 วันพระของศาสนายูดาห์ ชาวอิสราเอลจะไม่ทําข้อใด

(1) ทําความสะอาดบ้าน

(2) ปรุงอาหารเลี้ยง

(3) จัดงานแต่งงาน

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 84 ประกอบ

86 จังหวัดใดไม่ได้ใช้กฎหมายอิสลาม

(1) ระนอง

(2) สตูล

(3) นราธิวาส

(4) ปัตตานี

ตอบ 1 หน้า 391 ประเทศไทยมีชาวมุสลิมผู้นับถือศาสนาอิสลามอยู่ทั่วทุกจังหวัด และมีมากที่สุดใน 4 จังหวัดภาคใต้ คือ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสตูล โดยรัฐบาลไทยได้อนุญาตให้ใช้กฎหมายอิสลามใน 4 จังหวัดภาคใต้ดังกล่าวนี้

87 ข้อใดไม่ใช่วัฒนธรรมอาหรับ

(1) อิฐ

(2) พรม

(3) ภาษา

(4) นิทานอาหรับราตรี

ตอบ 1 หน้า 392 393 วัฒนธรรมของชาวอาหรับ ได้แก่ การทําพรม ภาษาอาหรับ ความรู้เรื่องดาราศาสตร์ นิทานอาหรับราตรี อาลาดินกับตะเกียงวิเศษ ฯลฯ (ดูคําอธิบายข้อ 2 ประกอบ)

88 มุสลิมคนแรกคือ….ของนบีมูฮัมหมัด

(1) มารดา

(2) พี่สาว

(3) ภรรยา

(4) ลูกสาว

ตอบ 3 (คําบรรยาย) มุสลิม (ผู้นับถือศาสนาอิสลาม) คนแรกของโลก คือ นางคาดียะฮ์ (Khadiah) ซึ่งเป็นภรรยาคนแรกของท่านนบีมูฮัมหมัด โดยท่านนบีรักและเคารพภรรยาผู้นี้มาก และได้ กล่าวถึงว่า “เมื่อข้าพเจ้ายากจน เธอทําให้ข้าพเจ้าร่ํารวยขึ้น เมื่อคนอื่นกล่าวว่าข้าพเจ้าพูดเท็จเธอเท่านั้นที่เชื่อในข้าพเจ้า”

89 “ดาโต๊ะยุติธรรม” ต้องมีอายุตั้งแต่ ปีขึ้นไป

(1) 25 ปี

(2) 30 ปี

(3) 35 ปี

(4) 40 ปี

ตอบ 1 หน้า 410 411, (คําบรรยาย) ตําแหน่งดาโต๊ะยุติธรรมนั้น คัดเลือกจากอิสลามศาสนิกชนผู้มีคุณสมบัติดังนี้

1 มีสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป

2 มีภูมิรู้ในศาสนาอิสลามพอที่จะ เป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดข้อกฎหมายอิสลามเกี่ยวกับครอบครัวและมรดก

3 มีความรู้ภาษาไทยอ่านออกเขียนได้

90 นบีมูฮัมหมัดได้รับยกย่องตั้งแต่วัยเยาว์ว่าเป็น

(1) ผู้ชาญฉลาด

(2) ผู้กล้าหาญ

(3) ผู้ไว้ใจได้

(4) ผู้มีรูปงาม

ตอบ 3 หน้า 394 395 ศาสดาผู้ก่อตั้งศาสนาอิสลาม คือท่านศาสดา “นบีมูฮัมหมัด” ซึ่งคําว่า “นบี”แปลว่า ผู้ประกาศข่าว อันหมายถึง บุคคลผู้เป็นศาสดาแห่งศาสนาอิสลาม โดยในช่วงวัยเยาว์นั้น ท่านนบีได้ขยันช่วยงานอาชีพของลุงท่านเป็นอย่างดี อีกทั้งยังสุขุม เยือกเย็น สุภาพอ่อนโยน และรักความยุติธรรมผิดกับเด็กอื่น ๆ ที่อยู่ในวัยเดียวกัน จนคนทั่วไปนิยมเชื่อถือท่านว่ามีความซื่อสัตย์และได้ขนานนามท่านว่า “อัล-อามิน” ซึ่งแปลว่า ผู้ไว้ใจได้ตั้งแต่วัยเยาว์

91 “ใช้ชีวิตแบบคนป่วย” เป็นหลักการดํารงชีวิตของศาสนาใด

(1) ฮินดู

(2) เชน

(3) ซิกข์

(4) โซโรอัสเตอร์

ตอบ 2 หน้า 338, (คําบรรยาย) พระมหาวีระ ศาสดาของศาสนาเชน กล่าวว่า “คนมีคุณธรรมย่อมถือความสบายเท่ากับความเจ็บป่วย” นั่นคือ ทรงสอนให้ใช้ชีวิตแบบคนป่วย หรือให้สมถะพอเพียงไม่อยากได้สิ่งที่ไม่จําเป็น คนไม่ว่าจะร่ํารวยเพียงใดก็ตามต้องไม่หมกมุ่นกับตัณหาของตน

92 ศาสนาใดมีอายุน้อยที่สุด

(1) เชน

(2) ซิกข์

(3) อิสลาม

(4) คริสต์

ตอบ 2 หน้า 340 341 ศาสนาซิกข์ เป็นศาสนาที่มีอายุน้อยที่สุดในบรรดาศาสนาทั้งหลายในประเทศอินเดีย เป็นศาสนาที่เกิดจากการถูกบีบบังคับทางการเมืองและถูกคนในศาสนาอื่นบังคับ ขู่เข็ญ อีกทั้งยังเป็นศาสนาที่ผู้นับถือชายเกือบทุกคนเป็นนักรบในสมัยที่ตั้งศาสนาตอนแรก ๆจึงกลายเป็นศาสนาของผู้กล้าหาญ ผู้เสียสละ และเป็นศาสนาของทหารหรือนักรบ โดยทหารซิกข์ นับเป็นทหารชั้นหนึ่งของอินเดียจนกระทั่งได้รับสมญาว่า “แขนคือดาบ”

93 “นกมีหู-หนูมีปีก” หมายถึงศาสนาใด

(1) เชน

(2) ซิกข์

(3) อิสลาม

(4) คริสต์

ตอบ 2 หน้า 341, 344, (คําบรรยาย) คุรุนานัก เดิมนั้นนับถือศาสนาฮินดู แต่ท่านได้หาวิธีที่จะทําให้ชาวอินเดียที่นับถือศาสนาฮินดูและศาสนาอิสลาม มีความสมัครสมานสามัคคีเป็นพวกเดียวกัน เลิกรบราฆ่าฟันและเป็นศัตรูกัน โดยได้ก่อตั้งศาสนาซิกข์ขึ้นมา ซึ่งท่านนําหลักการของทั้งฮินดูและ อิสลามมาประยุกต์ปรับปรุงให้เข้ากันแล้วเพิ่มหลักธรรมของท่านลงไป ซึ่งทําให้จักรพรรดิโอรังเซป กษัตริย์มุสลิมทรงประณามศาสนาซิกข์ว่าเป็นเหมือนค้างคาว หรือพวก “นกมีหู หนูมีปีก” คือ เป็นฮินดูก็ไม่ใช่ เป็นอิสลามก็ไม่ใช่

94 “สุวรรณวิหาร” เป็นศาสนสถานที่สําคัญที่สุดของศาสนาใด

(1) ฮินดู

(2) เชน

(3) ซิกข์

(4) พุทธ

ตอบ 3 หน้า 346 คุรุอรชุน เป็นผู้สร้าง “สุวรรณวิหาร” หรือหริมณเฑียรขึ้นกลางสระอมฤต ซึ่งเป็นวิหารหรือวัดที่สวยงามมาก มีประตูสี่ด้าน ไม่มีรูปเคารพใด ๆ ทั้งสิ้น เป็นสีทองอร่ามไปทั่วทั้ง วิหารทั้งภายนอกและภายใน ใช้ประกอบพิธีทางศาสนา และถือเป็นศาสนสถานที่สําคัญที่สุดของศาสนาซิกข์

95 สามี-ภรรยาเท่าเทียมกัน คือ หลักการดํารงชีวิตของชาว

(1) ชาวยิว

(2) ชาวซิกข์

(3) ชาวพุทธ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 79 ประกอบ

96 วัดที่จะรับกฐินได้ต้องมีพระจําพรรษาอยู่ไม่น้อยกว่ารูป

(1) 3 รูป

(2) 5 รูป

(3) 7 รูป

(4) 9 รูป

ตอบ 2 หน้า 151 – 152, 155 การทําบุญถวายผ้ากฐิน หรือที่ชาวบ้านทั่วไปมักเรียกว่า “ทอดกฐิน”นับเป็นการทําบุญที่ยิ่งใหญ่และทําเพียงปีละครั้ง โดยวัดที่จะรับผ้ากฐินได้ต้องมีพระสงฆ์จําพรรษา อยู่ไม่น้อยกว่า 5 รูป จึงจะรับผ้ากฐินได้ ทั้งนี้กฐินทานเป็นทานพิเศษประเภทหนึ่งที่ถวายได้เฉพาะกาล คือ ตั้งแต่แรม 1 ค่ำ เดือน 11 ไปจนถึงวันเพ็ญเดือน 12

97 “สตรีเป็นเหตุแห่งบาป” เป็นคําสอนของศาสดา

(1) มหาวีระ

(2) นานัก

(3) เยซู

(4) โมเสส

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 74 ประกอบ

98 ศาสดาองค์ใดเป็นชาวอิสราเอล

(1) อับราฮัม

(2) โมเสส

(3) เยซู

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 360 361, 372 อับราฮัม และโมเสส เป็นชาวอิสราเอลและถือเป็นศาสดาของศาสนายูดาห์รวมทั้งพระเยซู ศาสดาผู้ก่อตั้งศาสนาคริสต์ ก็เป็นชาวอิสราเอลและนับถือศาสนายูดาห์มาตั้งแต่เกิดจนตาย

99 ศาสดาองค์แรกที่ประกาศว่าพระเจ้าให้ชายขริบอวัยวะเพศ

(1) นบีมูฮัมหมัด

(2) อับราฮัม

(3) โมเสส

(4) เยซู

ตอบ 2 หน้า 368 369, (คําบรรยาย) ศาสดาอับราฮัมของศาสนายูดาห์ ได้ให้คํามั่นสัญญากับพระเจ้าว่า ลูกชายชาวอิสราเอล (ชาวยิวหรือชาวฮิบรู) ทุกคนต้องทําการขริบปลายอวัยวะเพศ เพื่อเป็น สัญลักษณ์ที่ยืนยันว่าชนชาติอิสราเอลเป็นชนชาติแรกที่พระเจ้าทรงเลือก (The Chosen People) และยังถือเป็นส่วนหนึ่งของพันธสัญญากับพระเจ้า

100 ปี พ.ศ. 2559 มหาวิทยาลัยรามคําแหงได้กฐินพระราชทานไปถวายกฐินที่จังหวัด…

(1) เพชรบุรี

(2) ราชบุรี

(3) สุพรรณบุรี

(4) กาญจนบุรี

ตอบ 3 (คําบรรยาย) มหาวิทยาลัยรามคําแหง ถวายผ้าพระกฐินพระราชทานประจําปี 2559 ณ วัดสองพี่น้อง พระอารามหลวง จังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 เวลา 10.00 น. โดยมีคณะผู้บริหาร คณาจารย์ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ นักศึกษาและศิษย์เก่า รวมทั้งประชาชนเข้ารวมในพิธี

WordPress Ads
error: Content is protected !!