CDM2303 MCS1350 MCS1300 วาทวิทยา s/2561

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2561
ข้อสอบกระบวนวิชา MCS 1350 (MCS 1300) หลักการพูดเบื้องต้น
คําสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคําตอบเดียว

ข้อ 1. – 10. จงใช้ตัวเลือกดังต่อไปนี้ตอบคําถาม

(1) Intrapersonal Communication
(2) Interpersonal Communication
(3) Communication in group
(4) Communication in public
(5) Mass Communication

1.การประมวลความคิดให้ออกมาเป็นเรื่องราวเนื้อหา
ตอบ 1 (คําบรรยาย) การสื่อสารภายในตัวบุคคล (Intrapersonal Communication) เป็นการสื่อสาร กับตนเอง คือ เมื่อคนคิดหรือพูดกับตัวเองก็จะทําการประมวลความคิดให้ออกมาเป็นเรื่องราว เนื้อหา โดยตัวเราจะเป็นทั้งผู้ส่งสารและผู้รับสาร ดังนั้นการสื่อสารภายในตัวบุคคลจึงเป็นการ สื่อสารของบุคคลคนเดียว ซึ่งถือว่ามีปฏิสัมพันธ์จํานวนน้อยที่สุดในการสื่อสารเชิงวาทวิทยา

2. ตั้งสติกับปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อการพูดที่ดีขึ้นในครั้งต่อไป
ตอบ 4 (คําบรรยาย) ลักษณะของการพูดในที่ชุมชน (Communication in public) มีดังนี้
1. เป็นการพูดหน้าที่ประชุมชน ซึ่งผู้พูดต้องมีพื้นฐานความรู้ ประสบการณ์ หรือกรอบอ้างอิง เกี่ยวกับเรื่องที่พูดเป็นอย่างดี
2. ผู้พูดมักมีคุณสมบัติเป็นผู้นํา ส่วนผู้ฟังมีสภาพเป็นผู้ตาม
3. สาระการสื่อสารมักจะเป็นเรื่องที่มีการตระเตรียม โดยมีเป้าหมายการสื่อสารที่แน่ชัดและ เป็นแบบแผน รวมทั้งมีกระบวนการสื่อสารเป็นขั้นตอนตามแผนงาน
4. เป็นการพูดต่อหน้า ผู้ฟังจํานวนมาก ซึ่งอาจทําให้ผู้พูดเกิดอาการประหม่าและตื่นเต้น ดังนั้น ผู้พูดจึงควรตั้งสติกับปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อการพูดที่ดีขึ้นในครั้งต่อไป
5. อาจมีการใช้อุปกรณ์ประกอบการพูด เช่น ใช้โปรแกรม PowerPoint ใช้สไลด์ หรือใช้โมเดล ประกอบการนําเสนอ ฯลฯ

3. มีปฏิสัมพันธ์จํานวนน้อยที่สุดในการสื่อสารเชิงวาทวิทยา
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 1. ประกอบ

4 สื่อสารระหว่างกันและกันอย่างไม่เป็นทางการมีดังนี้
ตอบ 2 (คําบรรยาย) ลักษณะของการพูดระหว่างบุคคล (Interpersonal Communication) มีดังนี้
1. เป็นการสื่อสารระหว่างกันและกันอย่างไม่เป็นทางการ
2. เป็นการพูดขั้นพื้นฐานที่สุดของสังคมมนุษย์ เริ่มตั้งแต่การทักทาย ไต่ถาม บอกความ ถกเถียง เชื้อเชิญ และปรึกษาหารือ ซึ่งจะเน้นความรู้สึกร่วม
3. เป็นการสื่อสารตามอัธยาศัย โดยไม่จํากัดประเด็น เนื้อหา หรือเวลา ขึ้นอยู่กับสภาวะ ปฏิสัมพันธ์ของกันและกัน
4. มีความจําเพาะในสาระที่สื่อสาร รู้เรื่องกันเองในวงแคบ ฯลฯ

5. เริ่มมีบทบาทหน้าที่และความเป็นผู้นําเข้ามาเกี่ยวข้อง
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 2. ประกอบ

6 ขับเคลื่อนการสื่อสารระหว่างกันและกันด้วยประเด็นปัญหา หรือความรู้สึกร่วม
ตอบ 3 (คําบรรยาย) การพูดในกลุ่ม (Communication in group) เป็นการสื่อสารของกลุ่มบุคคล จํานวนหนึ่งตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป ซึ่งขับเคลื่อนการสื่อสารระหว่างกันและกันด้วยประเด็นปัญหา หรือความรู้สึกร่วมในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาในเรื่องต่าง ๆ หรือถกเถียง และ ตัดสินใจร่วมกัน เช่น อาจารย์นัดนักศึกษาที่มีปัญหาในวิชาพื้นฐานมาสอบถามความเข้าใจที่มี
ต่อบทเรียน เป็นต้น

7 มีความจําเพาะในสาระที่สื่อสาร รู้เรื่องกันเองในวงแคบ
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 4. ประกอบ

8 ผู้ส่งสารต้องได้รับมอบหมายหน้าที่หรือมีการคัดเลือก
ตอบ 5 (คําบรรยาย) การพูดผ่านสื่อสารมวลชน (Mass Communication) เป็นการอาศัยสื่อการ ถ่ายทอดหลักของสังคม เช่น วิทยุ โทรทัศน์ หรือสื่อสังคม เพื่อถ่ายทอดสาระการสื่อสารของ บุคคลหรือกลุ่มบุคคลออกไปให้ครอบคลุมพื้นที่ในช่วงระยะเวลาใกล้เคียงกัน ซึ่งผู้ส่งสารต้องได้รับมอบหมายหน้าที่หรือมีการคัดเลือกให้ทําหน้าที่โดยตรง เช่น ผู้ประกาศข่าว พิธีกร ฯลฯ โดยจะมีข้อกําหนดทางวิชาชีพหรือจรรยาบรรณเข้ามากดดันในการสื่อสาร

9 มีข้อกําหนดทางวิชาชีพหรือจรรยาบรรณเข้ามากดดันในการสื่อสาร
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 8. ประกอบ

10. อาจารย์นัดนักศึกษาที่มีปัญหาในวิชาพื้นฐานมาสอบถามความเข้าใจที่มีต่อบทเรียน
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 6. ประกอบ

11. นักพูดมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า
(1) วาทกรรม
(2) วาทกร
(3) วาทศิลปิน
(4) วาทการ
(5) วาทนิเทศ
ตอบ 2 (คําบรรยาย) นักพูด มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “วาทกร” จะเปรียบเสมือนนักแสดงใน แต่ละโอกาสหรือแต่ละเวที เพราะการพูดเป็นการแสดงใน 2 ส่วน คือ การแสดงตัวตน + วาจา ซึ่งการแสดงตัวตนในการพูด หมายถึง การแสดงบุคลิกภาพและอัตลักษณ์ ลีลา หรืออากัปกิริยา ท่าทางในระหว่างพูด ส่วนการแสดงวาจา หมายถึง การแสดงเนื้อหาสาระที่จะพูด น้ําเสียงและ สําเนียง ดังนั้นผู้พูดจึงต้องเตรียมความพร้อมทั้งในเรื่องเนื้อหา และบุคลิกภาพไปพร้อม ๆ กัน

12. ข้อใดตรงกับความหมายของ Speech Communication หรือวาทวิทยาที่สุด
(1) วาทกรรม
(2) วาทนิพนธ์
(3) วาทศิลป์
(4) วาทวิพากษ์
(5) วาทนิเทศ
ตอบ 2 หน้า 5 – 6. (คําบรรยาย) วาทวิทยา (Speech Communication) หรือวาทนิพนธ์ เป็นวิชา ที่ศึกษาเกี่ยวกับการพูดและการใช้บุคคลในการนําเสนอ จึงเป็นวิชาที่ว่าด้วยการใช้ประโยชน์ จากการสื่อสารของมนุษย์อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผู้รับสารได้รับทราบความหมาย ความรู้ ความรู้สึก ความต้องการ ตลอดจนเจตนารมณ์ต่าง ๆ โดยอาศัยการพูด อากัปกิริยา หรือการ แสดงออกใด ๆ ก็ตาม เพื่อสื่อความหมายนั้น ๆ

13. ผู้ปฏิบัติทําหน้าที่ด้าน Speech Communication ข้อใดซึ่งต้องรับผิดชอบในการรักษาและส่งเสริม
ภาพลักษณ์หน่วยงานหรือองค์กร
(1) ผู้สื่อข่าว
(2) ผู้ประกาศข่าว
(3) พิธีกร
(4) ประชาสัมพันธ์
(5) นักจัดรายการ
ตอบ 4 (คําบรรยาย) นักประชาสัมพันธ์ เป็นผู้ที่ทําหน้าที่หลักในการสื่อสารองค์กร โดยจะต้อง รับผิดชอบในการรักษา ส่งเสริม และนําเสนอภาพลักษณ์ของหน่วยงานหรือองค์กรเพื่อให้ กิจกรรมบรรลุเป้าหมาย และให้ประชาชนเกิดจินตภาพที่ดีต่อองค์กร

14 งานด้าน Speech Communication ข้อใดที่ต้องทําหน้าที่เกี่ยวกับการรายงานลําดับขั้นตอนในกิจกรรม ที่กําลังดําเนินอยู่
(1) ผู้สื่อข่าว
(2) ผู้ประกาศข่าว
(3) พิธีกร
(4) ประชาสัมพันธ์
(5) นักจัดรายการ
ตอบ 3 หน้า 444, (คําบรรยาย) หน้าที่ของพิธีกรจะคล้ายคลึงกับหน้าที่ของโฆษก ต่างกันที่ว่าหน้าที่ ของพิธีกรนั้นมักใช้ในกิจกรรมที่มีความเป็นพิธีการอย่างสูง ซึ่งมีผู้รับเชิญให้พูดมากกว่า 1 คน ขึ้นไป จึงมักพบเห็นในการประชุม สัมมนา หรือกิจกรรมที่มีการนําเสนอ โดยพิธีกรทําหน้าที่ รวบรวมว่ามีผู้พูดกี่คน กล่าวแนะนําผู้พูดเกี่ยวกับหน้าที่การงาน ความสามารถ เรื่องที่จะพูดตลอดจนรายงานลําดับขั้นตอนในกิจกรรมที่กําลังดําเนินอยู่

15. ในกระบวนการรับรู้ข่าวสารด้วยการพูด สิ่งใดจะเกิดขึ้นเป็นลําดับแรกของการพบเห็นเป็นส่วนใหญ่
(1) ตัวตน
(2) สัญญาณ
(3) แนวคิด
(4) ภาพลักษณ์
(5) ภาพพจน์
ตอบ 1 (คําบรรยาย) ในกระบวนการรับรู้ข่าวสารด้วยการพูด สิ่งที่จะเกิดขึ้นเป็นลําดับแรกของ การพบเห็นเป็นส่วนใหญ่ คือ ตัวตนของผู้พูด ซึ่งได้แก่ บุคลิกภาพทั้งหมดที่ปรากฏออกมา

16. การถ่ายทอดคําพูดของผู้พูด โดยปกติจะอาศัย “ระหว่างบุคคล” และ “สื่อมวลชน”
(1) ตัวตน
(2) เสียง
(3) ภาษ
(4) ช่องทาง
(5) ช่องว่าง
ตอบ 4 (คําบรรยาย) การถ่ายทอดสาระเนื้อหาของผู้พูด โดยปกติจะอาศัยช่องทาง “ระหว่างบุคคล ซึ่งก็คือ ใช้บทบาทของความเป็นตัวตนระหว่างบุคคลในการแลกเปลี่ยนความรู้ข่าวสารต่าง ๆ และ “สื่อมวลชน” ซึ่งก็คือ วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ ฯลฯ

17. ข้อใดพิจารณาจากวิธีการนําเสนอ ความชัดเจน และการถ่ายทอดอารมณ์
(1) ตัวตน
(2) เสียง
(3) ภาษา
(4) ช่องทาง
(5) ภาพลักษณ์
ตอบ 2 หน้า 13 – 14, (คําบรรยาย) เสียง คือ การเปล่งวาจาออกมา ซึ่งเสียงพูดที่มีประสิทธิภาพ จะต้องพิจารณาจากวิธีการนําเสนอ ความชัดเจน และการถ่ายทอดอารมณ์ (สําเนียง)

18 ข้อใดคือสิ่งที่เรียกว่า “เอกลักษณ์”
(1) ความโดดเด่น
(2) ความน่านิยม
(3) ผลรวมของตัวตน
(4) คุณค่าของบุคคล
(5) ลักษณะที่น่าเลื่อมใส
ตอบ 1 (คําบรรยาย) คําว่า “เอกลักษณ์” (Uniqueness) หมายถึง ความเป็นหนึ่งเดียว ความโดดเด่น หรือสภาวะที่ไม่มีผู้ใดเหมือน

19. ข้อใดเป็นหลักการสําคัญที่สุดของการเป็นนักพูดที่ดี
(1) การรู้จักใช้เหตุผลในการนําเสนอ
(2) สาระที่พูดต้องพิสูจน์ความจริงได้
(3) ต้องคิดให้รอบคอบก่อนพูด
(4) ผู้พูดต้องปรับตัวตามสถานการณ์
(5) การพูดต้องอาศัยความมีสติปัญญา ฉลาด และรอบรู้

ตอบ 3 หน้า 65, (คําบรรยาย) หลักการสําคัญที่สุดของการเป็นนักพูดที่ดี คือ ต้องคิดให้รอบคอบ ก่อนพูด ซึ่งเป็นมารยาทในการพูดที่วิชาวาทวิทยาให้ความสําคัญมากที่สุด เพราะถ้าหากพูด โดยไม่ยั้งคิด และขาดความรอบคอบในการไตร่ตรองเนื้อหาก่อนจะพูด อาจส่งผลเสียต่อผู้พูด ในภายหลัง ดังคํากล่าวที่ว่า “ก่อนที่จะพูดคุณเป็นนายคําพูด เมื่อพูดจบคําพูดจะเป็นนายคุณ

20. ภาษาในเชิงวาทวิทยานั้น ประกอบด้วย
(1) ภาษาที่ใช้ถ้อยคํา – ภาษาที่ไม่ใช้ถ้อยคํา
(2) ภาษาที่ใช้ถ้อยคํา – ภาษาท่าทาง
(3) ภาษาทางการ – ภาษาพิธีการ
(4) ภาษาหนังสือ – ภาษาท่าทาง
(5) ภาษาพูด – ภาษาท่าทาง
ตอบ 1 (คําบรรยาย) ภาษาในเชิงวาทวิทยานั้น ประกอบด้วย 2 ส่วนสําคัญ คือ
1. วัจนภาษา (ภาษาที่ใช้ถ้อยคํา) ได้แก่ ภาษาพูด และภาษาเขียน
2. อวัจนภาษา (ภาษาที่ไม่ใช้ถ้อยคํา) ได้แก่ น้ําเสียง สําเนียง กิริยาท่าทาง สีหน้า การแต่งกาย เวลา กลิ่น ภาพ สี ลักษณะตัวอักษร และวัสดุภาษาอื่น ๆ ที่สามารถสื่อความเข้าใจกันได้

21. เสียงในเชิงวาทวิทยาไม่สามารถสื่อสารถึง …….. ได้โดยตรง
(1) เนื้อหา
(2) ข้อมูล
(3) สาระ
(4) ความรู้สึก
(5) ความหมาย
ตอบ 4 (คําบรรยาย) การพูดในเชิงวาทวิทยา หมายถึง เครื่องมือทางการสื่อสารที่ใช้เสียงและสําเนียง โต้ตอบประกอบกันเสมอ โดยเสียงจะเป็นเพียงการเปล่งวาจาหรือเนื้อหาออกมา ส่วนสําเนียง
จะบอกถึงอากัปกิริยาหรืออารมณ์ที่สื่อออกไป ดังนั้นเสียงจะไม่สามารถสื่อสารถึงอารมณ์และ
ความรู้สึกได้โดยตรง หากไม่มีสําเนียงมาช่วย

22. ข้อจํากัดที่สําคัญของเสียงในเชิงการรับรู้และเรียนรู้ของกิจกรรมการสื่อสารมวลชน คือ
(1) ขึ้นอยู่กับสุขภาพกายและใจ
(2) ต้องอาศัยท่าทางประกอบจึงจะเข้าใจตรงกัน
(3) เสื่อมสลายไปได้ทันทีที่ถูกใช้งาน
(4) ต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้ฟังและสภาพแวดล้อม
(5) เป็นไปตามพรสวรรค์และความสามารถของแต่ละบุคคล
ตอบ 3 (คําบรรยาย)ข้อจํากัดที่สําคัญของเสียงในเชิงการรับรู้และเรียนรู้ของกิจกรรมการสื่อสารมวลชน คือ เสื่อมสลายไปได้ทันทีที่ถูกใช้งาน เพราะเสียงเมื่อพูดไปแล้วก็จบไปเลย หากผู้ฟัง ไม่มีโอกาสฟังซ้ําก็จะทําให้หลงลืม จึงไม่อาจนํามาเป็นหลักฐานได้

23. ข้อใดไม่เป็นปัจจัยสําคัญในการสร้างอารมณ์และเข้าถึงความรู้สึกของผู้พูด
(1) ระดับเสียงสูง – ต่ำ
(2) ความหนัก – เบา
(3) การใช้จังหวะถี่ – ห่าง
(4) พื้นฐานความรู้มาก – น้อย
(5) การเคลื่อนไหว – การหยุดนิ่ง
ตอบ 4 (คําบรรยาย) ปัจจัยสําคัญในการสร้างอารมณ์และเข้าถึงความรู้สึกของผู้พูด มีดังนี้
1. ระดับเสียงสูง – ต่ำ
2. การเน้นเสียงหนัก – เบา
3. การใช้จังหวะถี่ – ช่าง
4. การเคลื่อนไหว – การหยุดนิ่ง ฯลฯ

24. ข้อใดเป็นกระบวนการที่ต้องกระทําเป็นอันดับแรกในการพูดที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางสังคมทุกประเภท
(1) หาแหล่งอ้างอิง
(2) ประสานงานกับเจ้าภาพ
(3) ค้นคว้าข้อมูลทันที
(4) ร่างเนื้อหาการพูด
(5) วิเคราะห์ปัจจัยการสื่อสาร

ตอบ 2 (คําบรรยาย) ในการเตรียมเนื้อเรื่องที่จะพูดนั้น ผู้พูดต้องมีการประสานงานกับเจ้าภาพก่อน เป็นลําดับแรก เพราะเจ้าภาพเป็นตัวแปรหรือปัจจัยสําคัญในการจัดทิศทางหรือแนวความคิด ของเนื้อเรื่องที่จะพูด โดยผู้พูดต้องเลือกประเด็นหรือเนื้อหาที่สอดคล้องกับความต้องการหรือความสนใจของเจ้าภาพ ก่อนที่จะวางเค้าโครงเรื่องเพื่อการนําเสนอ

25. ข้อใดเป็นสิ่งที่สําคัญที่สุดในการพูดถึงเรื่องราวที่มีความสําคัญ
(1) ละเอียด
(2) ตรงประเด็น
(3) เป็นทางการ
(4) เตรียมโดยผู้รู้
(5) มีความเป็นกันเอง
ตอบ 2(คําบรรยาย) สิ่งสําคัญที่สุดในการพูดถึงเรื่องราวที่มีความสําคัญ คือ การพูดให้ตรงประเด็น ไม่อ้อมค้อมหรือเยิ่นเย้อ เพื่อเน้นจุดสําคัญที่ต้องการจะให้คนฟังได้รับทราบ

26. กระบวนการพูดที่มีประสิทธิผลนั้น ประกอบด้วย
(1) วิเคราะห์ผู้รับสาร – ปรับปรุงตน – พัฒนาบุคลิกภาพ
(2) วิเคราะห์ผู้ฟัง – นําเสนอแนวคิด – ออกแบบการพูด
(3) วิเคราะห์ผู้รับสาร – ปรับปรุงบุคลิกภาพ – ประมวลเนื้อหา
(4) วิเคราะห์ตนเอง – สร้างสรรค์เนื้อหา – นําเสนอบนเวที
(5) วิเคราะห์เนื้อหา – สรุปประเด็น – นําเสนอบนเวที
ตอบ 3 หน้า 11, (คําบรรยาย การพูดที่ดี มีประสิทธิภาพ และหวังประสิทธิผลนั้น มีองค์ประกอบ ที่สําคัญอยู่ทั้งหมด 3 สิ่ง ดังนี้
1. การปรับปรุงและพัฒนาบุคลิกภาพตัวผู้พูดในการนําเสนอ
2. การวิเคราะห์ผู้ฟังกลุ่มเป้าหมายและสถานการณ์การพูด (กาลเทศะ)
3. การเลือกเรื่องพูด และประมวลเนื้อหาเรื่องราวเพื่อออกแบบสาระข่าวสาร/เนื้อหาในการพูด

27. แนวความคิดด้านวาทวิทยานั้น สิ่งเร้าที่น่าสนใจเกิดจากข้อมูลกลุ่มใด
(1) ประโยชน์ – การเร่งรัด
(2) การเร่งรัด – ความพอใจ
(3) ความพอใจ – ความต้องการ
(4) ความต้องการ ภาพลักษณ์
(5) ภาพลักษณ์ – ความคุ้นเคย
ตอบ 3 (คําบรรยาย) สิ่งเร้าที่น่าสนใจ ซึ่งเกิดจากตัวผู้ชม ผู้ฟังนั้น ถือเป็นสิ่งเร้าของตนเอง
โดยพิจารณาจาก
1. ความสนใจ
2. ความพึงพอใจ
3. ความต้องการ
4. ประโยชน์ที่ได้รับ
5. ลักษณะของกลุ่ม

28 ก่อนจะวางเค้าโครงเรื่องเพื่อการนําเสนอ อะไรคือสิ่งที่ต้องทําทุกครั้ง
(1) ประมวลข้อมูล
(2) ตรวจสอบอุปกรณ์
(3) หาทีมงาน
(4) ติดต่อเจ้าภาพ
(5) สํารวจงบประมาณ
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 24. ประกอบ

29. โครงร่าง (Outline) มีประโยชน์ต่อการเตรียมเรื่องพูดอย่างไร
(1) ทําให้มีรสนิยม
(2) ทําให้มีเอกลักษณ์
(3) ทําให้น่าติดตาม
(4) ทําให้น่าเชื่อถือ
(5) ทําให้มีเอกภาพ
ตอบ 5 หน้า 31 – 32, (คําบรรยาย) ในการเตรียมเรื่องพูดนั้น ผู้พูดจําเป็นที่จะต้องเขียนโครงร่าง หรือโครงเรื่อง (Outline) ขึ้นมาก่อน ซึ่งมีประโยชน์ ดังนี้
1. ช่วยวางแนวทางว่าเรื่องที่จะพูดนั้นมีหัวข้ออะไรบ้าง
2. ช่วยเป็นแนวทางการเรียงลําดับ (Order) เรื่องที่จะพูด

3. ช่วยทําให้เนื้อหามีเอกภาพเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่หลุดกรอบแนวคิดหลักของเรื่อง
4. ช่วยให้การดําเนินเรื่องไม่สับสน และง่ายแก่การจดจําไปพูด

30. ไม่ว่าจะขึ้นคํานําด้วยประโยคใด ๆ ก็ตาม สิ่งที่ผู้พูดไม่สามารถละเลยได้ก็คือ
(1) ปฏิสันถารผู้ชม ผู้ฟังก่อน
(2) สร้างความตื่นเต้นเร้าใจผู้ฟัง
(4) สรุปเนื้อเรื่อง
(3) กล่าวอ้างอิงที่น่าเชื่อถือ
(5) กล่าวสวัสดี
ตอบ 1 หน้า 34 – 40, (คําบรรยาย) โครงสร้างของการพูด หรือลําดับของการพูดก่อน – หลัง ในการพูดตามปกตินั้น ประกอบด้วย
1. คําปฏิสันถาร หมายถึง คําทักทายผู้ฟัง เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับผู้ฟังก่อนเป็นลําดับแรก
2. คํานํา หมายถึง การเริ่มเข้าเรื่อง เป็นการเกริ่น อารัมภบท หรือเป็นบทนําเข้าสู่เนื้อหา
3. เนื้อเรื่อง หมายถึง เนื้อหาหรือข้อมูลหลักของการนําเสนอ หรือกลวิธีนําเสนอ
4. สรุป หมายถึง ความคิดรวบยอดของเรื่อง
5. คําลงท้าย หมายถึง ข้อความกล่าวทิ้งท้ายเพื่อความประทับใจ
(ในส่วนของสรุปและคําลงท้ายอาจสลับที่กันได้ ซึ่งจะทําเฉพาะในกรณีที่ผู้พูดมีความเชี่ยวชาญ
พอสมควร)

31. เหตุใดในการพูดแต่ละครั้งจะต้องมีการกล่าวทักทาย
(1) เพื่อสร้างความสนใจ
(2) เพื่อปรับสถานการณ์
(3) เพื่อให้ความเห็น
(4) เพื่อให้คําจํากัดความ
(5) สร้างความคุ้นเคย
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 30. ประกอบ

32. ข้อใดไม่ใช่แนวคิดของการมี “คํานํา”
(1) เปรียบเทียบข้อมูล
(2) ดึงดูดจิตใจ
(3) กระตุ้นความรู้สึก
(4) สร้างอารมณ์ร่วม
(5) ชี้ให้เห็นประเด็นสําคัญ
ตอบ 1 หน้า 35, (คําบรรยาย) ลักษณะของการกล่าวคํานําที่ดี ได้แก่
1. เป็นการเกริ่นด้วยเนื้อหาที่เร้าใจ
2. เป็นคํานําที่ชี้ให้เห็นประเด็นสําคัญ หรือเสนอแนวคิดรวบยอดของเรื่อง (แต่ไม่ใช่การสรุปสิ่งที่พูดเอาไว้ทั้งหมด)
3. เป็นบทนําที่ปูพื้นเหตุการณ์เอาไว้ก่อน หรือโยงเข้าสู่ข่าวสําคัญ
4. เป็นส่วนที่ดึงดูดจิตใจ สร้างความสนใจให้ติดตามเนื้อหา เพื่อกระตุ้นความรู้สึก หรือสร้างอารมณ์ร่วม ฯลฯ

33. ตามหลักการพูดแล้ว การขยายความเนื้อเรื่องจะเริ่มจากการ……..เสมอ
(1) เปรียบเทียบ
(2) สมมุติ
(3) ความเห็น
(4) นิยาม
(5) ตั้งคําถามสําคัญ
ตอบ 4 หน้า 37, (คําบรรยาย) ตามหลักการพูดแล้ว การขยายความเนื้อเรื่องจะเริ่มจากการนิยาม หรือให้คําจํากัดความก่อนเสมอ ซึ่งหมายถึง การอธิบายความหมายของศัพท์และประเด็นหลัก ด้วยการสร้างประโยคใหม่ แต่ความหมายเหมือนเดิม

34. การเริ่มพูดที่ดีควรจะ
(1) พูดดัง ๆ เปิดประเด็น
(2) พูดเร็วกว่าปกติในช่วงแรก
(3) พูดเบา ๆ ก่อน
(4) ทักทายผู้ที่คุ้นเคยก่อน
(5) พูดชัด ๆ และช้ากว่าปกติเล็กน้อย

ตอบ 5 (คําบรรยาย) เมื่อถึงเวลาที่ต้องพูดหลังจากมีการแนะนําตัวเสร็จแล้ว ผู้พูดควรพยายามรักษา บุคลิกภาพให้ดีและสง่างามที่สุดก่อนที่จะกล่าวคําอะไรออกไป โดยควรคํานึงถึงสิ่งต่าง ๆ ดังนี้
1. ในนาทีแรกที่เริ่มต้นพูดนั้นควรพูดชัด ๆ และช้ากว่าปกติเล็กน้อย ไม่ต้องรีบกล่าว
2. พยายามพูดให้ได้ตามที่เตรียมมาด้วยความมั่นใจ
3. เริ่มต้นด้วยการทักทาย กล่าวนํา และเปิดประเด็นด้วยน้ําเสียงที่ชัดเจน

35. สิ่งใดควรกระทําเมื่อขึ้นเวทีพูดเป็นอันดับแรก
(1) ทดสอบไมโครโฟน
(2) ตรวจสอบอุปกรณ์ช่วยนําเสนอ
(3) ยิ้มกับผู้ฟัง
(4) พูดขออภัยในความผิดพลาดของตัวเอง
(5) กล่าวขอบคุณเจ้าภาพ
ตอบ 3 หน้า 52 – 53, (คําบรรยาย) ข้อแนะนําเกี่ยวกับการขึ้นเวทีพูด มีดังนี้
1. พิธีกรกล่าวแนะนําและเชิญผู้พูดขึ้นพูด
2. ผู้พูดเดินไปทําความเคารพพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และทําความเคารพ ผู้ที่เป็นประธานในงาน จากนั้นจึงเดินเข้าที่ ณ ที่พูด
3. การเข้าไปยังที่นั่งของผู้พูดหลังจากพิธีกรเชิญผู้พูดขึ้นพูดแล้ว ผู้พูดไม่ต้องทําความเคารพ
หรือทักทายใครอีกแล้ว
4. เข้าที่พูดในลักษณะที่สง่างาม และผู้พูดควรยิ้มแย้มด้วยใบหน้าแจ่มใสเป็นอันดับแรก เพราะกฎเกณฑ์ง่าย ๆ ของการพูด คือ ยิ้มแย้มดีกว่าทิ้งตึง
5. หลีกเลี่ยงการกระแอมกระไอก่อนพูด ไม่ควรทดสอบเสียงโดยใช้มือเคาะไมโครโฟน หรือพูดว่า “ฮัลโหล ๆ
6. ในขณะที่พูด เมื่อผู้ฟังแสดงความพอใจด้วยการปรบมือ หรือแสดงความไม่พอใจด้วยการ โห่ร้องขึ้นมา ผู้พูดควรหยุดพูดก่อนชั่วคราว จนเมื่อเสียงของผู้ฟังซาลงจึงเริ่มพูดต่อไป ฯลฯ

36. อะไรคือ “ความเป็นทางการ” ในการพูด
(1) การรู้จักกาลเทศะ
(2) เข้ากับงานสังคมได้
(3) มีเจ้าภาพที่แน่นอน
(4) การพูดตามกําหนดการในพิธี
(5) การปฏิบัติตามแบบแผนที่กําหนดไว้
ตอบ 1 (คําบรรยาย) ความเป็นทางการในการพูด คือ การรู้จักกาลเทศะ (เวลาและสถานที่) ทั้งนี้ เพราะการพูดที่ดี หมายถึง การใช้ถ้อยคํา น้ําเสียง รวมทั้งอากัปกิริยาอย่างมีประสิทธิภาพเหมาะสมตามกาลเทศะ สอดคล้องกับจรรยามารยาท แบบธรรมเนียมนิยมของแต่ละสังคม

37. ข้อใดไม่ใช่ผลที่พึงปรารถนาจากการฝึกซ้อมพูด
(1) สร้างความประทับใจ
(2) กําจัดข้อผิดพลาด
(3) สํารวจตนเอง
(4) พัฒนาแนวทางของตนเอง
(5) หาเครื่องมือที่เหมาะสม
ตอบ 1 (คําบรรยาย) ผลที่พึงปรารถนาจากการฝึกซ้อมพูด มีดังนี้
1. เป็นการสํารวจและพัฒนาแนวทางของตนเองในด้านบุคลิกภาพ รวมทั้งยังเป็นการ
เตรียมความพร้อมทางด้านเนื้อหา
2. ช่วยสร้างความมั่นใจ เสริมความเชื่อมั่น
3. ช่วยสํารวจปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น
4. แก้ไขสิ่งที่ผิดพลาด กําจัดสิ่งที่ไม่เหมาะสมออกไป
5. ทําให้สามารถตรวจตราสิ่งที่จําเป็นในการนําเสนอเพิ่มเติม เช่น การหาอุปกรณ์เครื่องมือ
ที่มีความเหมาะสม ฯลฯ

38. นักพูดหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้าวงการไม่ควรกระทําการในข้อใด เพราะถือว่าเสี่ยงอย่างยิ่ง
(1) การสร้างศัพท์และคําสแลงขึ้นใหม่
(2) การรักษามารยาทตามธรรมเนียม
(3) การสํารวม อากัปกิริยาตามสถานะ
(4) การใช้ถ้อยคําและท่าทางที่เหมาะสม
(5) แสดงความเกรงใจและกล่าวขออภัยกรณีที่กระทําการผิดพลาด
ตอบ 1 (คําบรรยาย) ผู้พูดต้องแสดงบุคลิกภาพที่สร้างความเป็นมิตรและความเป็นกันเองกับผู้ฟัง ดังนี้
1. การมีบุคลิกลักษณะท่าทางและรสนิยมที่ดี สุภาพ มีหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส
2. การรักษามารยาทตามธรรมเนียม
3. การสํารวมอากัปกิริยาตามสถานะ
4. การใช้ถ้อยคําและแสดงท่าทางที่เหมาะสม
5. การแสดงความเกรงใจและกล่าวขออภัยกรณีที่กระทําการผิดพลาด ฯลฯ

39. ข้อใดมีความสัมพันธ์กับการฟังเพื่อวิเคราะห์
(1) แยกแยะประเด็นและสาระ
(2) มีจรรยาบรรณ
(3) มีความสํารวมขณะฟัง
(4) จดจําเนื้อหาสําคัญให้ได้
(5) มีเหตุผลพร้อมที่จะโต้แย้งได้
ตอบ 1(คําบรรยาย) วัตถุประสงค์ในการฟัง มีดังนี้
1. ฟังเพื่อรับรู้เนื้อหาสาระและข้อมูล
2. ฟังเพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ
3. ฟังเพื่อเข้าถึงทัศนคติ ความคิดเห็น
4. ฟังเพื่อความบันเทิง ความเพลิดเพลิน
5. ฟังเพื่อวิเคราะห์ (แยกแยะประเด็นและสาระสําคัญ) ประเมินผล และวิจารณ์

40. หากต้องพูดให้ความรู้เรื่อง “การตั้งรับภัยธรรมชาติในช่วงเปลี่ยนผ่านฤดู” นักศึกษาควรใช้แนวคิดใด ในการดําเนินเรื่องจึงจะเหมาะสมที่สุด
(1) การสร้างคุณงามความดี
(2) การพัฒนาตนเองเพื่อสังคม
(3) ท้าทายให้ปรับเปลี่ยน
(4) โอนอ่อนผ่อนตาม
(5) การป้องกันความเสี่ยง
ตอบ 5(คําบรรยาย) แนวคิดในการดําเนินเรื่องมีอยู่หลายวิธี ซึ่งนักพูดจะต้องเลือกใช้ให้เหมาะสม กับหัวเรื่องที่จะพูด ได้แก่
1. การสร้างคุณงามความดีในวิชาชีพของตน
2. การพัฒนาตนเองเพื่อสังคม
3. การท้าทายให้ปรับเปลี่ยน
4. การป้องกันความเสียงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ฯลฯ

41. เมื่อจัดทําต้นฉบับเสร็จเรียบร้อย สิ่งที่ต้องดําเนินการเพื่อป้องกันความผิดพลาด คือ
(1) เก็บไว้ในที่มิดชิดลับตา
(2) จัดวางไว้ที่ผู้พูดจะต้องขึ้นพูด
(3) ส่งต่อไปให้พิธีกร
(4) เข้าเล่มให้เรียบร้อย
(5) ทําสําเนา
ตอบ 5 หน้า 40, (คําบรรยาย สิ่งที่ผู้พูดต้องดําเนินการเมื่อจัดทําต้นฉบับเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีดังนี้
1. ตรวจทานและแก้ไขอย่างรอบคอบ
2. ซ้อมก่อนพูดหรือก่อนนําต้นฉบับไปใช้เสมอ
3. กําจัดสิ่งที่ไม่เหมาะสมออกไป
4. ทําสําเนาเก็บไว้อย่างน้อย 1 ชุด เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องประสานงานเก็บสํารองไว้ และยังช่วย ป้องกันความผิดพลาด ฯลฯ

42. ข้อใดไม่ส่งผลกับการเลือกหัวข้อที่จะพูดโดยตรง
(1) กระแสสาธารณมติ
(2) แผนงานที่ต้องดําเนินการ
(3) แผนหน่วยงาน
(4) ความต้องการของเจ้าภาพ
(5) สุขภาพของตัวผู้พูดเอง

ตอบ 5 (คําบรรยาย) ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเลือกหัวข้อที่จะพูดโดยตรง ได้แก่
1. ความต้องการ ของเจ้าภาพ
2. กระแสสาธารณมติ
3. นโยบาย/แผนของหน่วยงานที่ไปพูด
4. แผนงานที่ต้องดําเนินการ
5. ความเหมาะสมกับกลุ่มผู้ฟัง

43. ข้อใดเป็นคํากล่าวที่ไม่ถูกต้องตามหลักวาทวิทยา
(1) ผอ. ของผมแน่จริง ๆ ทํางานได้สมบูรณ์แบบอย่างที่สุด
(2) ผมไม่อาจนิ่งนอนใจได้มีแผนงานที่ต้องรีบดําเนินการ
(3) ขออภัยที่ต้องทํากับคุณแบบนี้ ผมได้รับคําสั่งมาครับ
(4) เจ้าภาพงานนี้มีรสนิยม ดูจากงานแต่งลูกสาวคนเล็กเมื่อวันก่อน
(5) ดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดีนะ โรคภัยและอุบัติเหตุไม่ควรมองข้าม
ตอบ 1 หน้า 6. (คําบรรยาย) ตามหลักวาทวิทยา Speech หมายถึง สาระหรือเนื้อหาหรือเนื้อเรื่อง ที่จะพูด ซึ่งต้องมีการเตรียมและบรรลุประสิทธิผลตามวัตถุประสงค์ของการสื่อสาร เนื่องจาก Speech เป็นกระบวนการพูดอย่างเป็นทางการที่จะต้องวิเคราะห์ผู้รับสาร (ผู้ฟัง) โดยมีการ เตรียมตัวในการพูดอย่างมีขั้นตอนและเป็นระบบ มีการลําดับและการดําเนินเรื่องที่ดี ถูกต้อง ตามหลักเกณฑ์ (ส่วน Speaking หมายถึง การพูดหรือการสนทนาในชีวิตประจําวันทั่ว ๆ ไป ซึ่งไม่ได้มีการเตรียมเนื้อหาหรือไม่มีเหตุผลประกอบการพูดมากนัก)

44. ข้อใดเป็นคํากล่าวที่ไม่ถูกต้องตามหลักวาทวิทยา
(1) น้อง ๆ ทั้งหลาย การสื่อสารของพวกคุณมีปัญหาทั้งการพูดและการเขียน
(2) เอาใจเขามาใส่ใจเราบ้างก็ดี รู้จักชั่งน้ำหนักบ้างว่าอะไรควรหรือไม่ควร
(3) ดู ๆ ไปแล้ว ญาติพี่น้องของคุณมีมนุษยสัมพันธ์ดี เข้ากับใครได้หมด
(4) อย่าทําตัวเป็นพวกเตี้ยอุ้มค่อมเลย จะพากันไปไม่รอดเสียเปล่า
(5) เหตุเพราะผมนอนตื่นสาย จึงไปสัมภาษณ์เพื่อขอรับทุนไม่ทัน เสียดายจริง !
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 43. ประกอบ

45. ในการพูดชักจูงใจ สิ่งสําคัญที่ทําให้ผู้ฟังเกิดการตัดสินใจคืออะไร
(1) มาตรฐานสังคมและทักษะการนําเสนอ (3) ความมีชีวิตชีวาและท่าทางของผู้พูด
(5) พยาน หลักฐาน และข้อมูล
(2) ถ้อยคําที่มีน้ําหนัก น่าเชื่อถือ
(4) น้ำเสียง ท่าทาง และการพูด
ตอบ 5 (คําบรรยาย) ในการพูดแบบชักจูงใจ สิ่งสําคัญที่ทําให้ผู้ฟังเกิดการตัดสินใจ คือ ผู้พูดจะต้อง ยกตัวอย่าง ยกเหตุผลข้อเท็จจริง พยาน หลักฐาน ข้อมูล และข้อโต้แย้งต่าง ๆ ขึ้นมาอ้างอิง เพื่อให้ผู้ฟังเชื่อถือในตัวผู้พูด และเห็นด้วยจนเกิดการตัดสินใจในที่สุด

46.การชมว่า นศ. มีแนวคิดเพื่อกิจกรรมสาธารณกุศล เป็นการพูดเพื่อเป็นแรงกระตุ้นทางใด
(1) ร่างกาย
(2) จิตใจ
(3) นิสัย
(4) สังคม
(5) พื้นฐาน
ตอบ 2 หน้า 96 การพูดกระตุ้นทางจิตใจ เป็นการพูดที่ผู้พูดจะต้องพูดให้ผู้ฟังมีความรู้สึกภาคภูมิใจ
มีความเชื่อมั่นในตนเอง มีเกียรติ มีความสามารถ มีความอดทน มีจิตสาธารณะ และเสียสละ
เพื่อส่วนรวม ฯลฯ

47. คําว่า “ถูกถ้วน” ในการสื่อสารแบบวาทวิทยา คือ
(1) เต็มที่
(2) เหมาะสม
(3) ได้ผล
(4) มีมาตรฐาน
(5) ครบครัน

ตอบ 2 (คําบรรยาย) คําว่า “ถูกถ้วน” ในการสื่อสารแบบวาทวิทยา คือ ความเหมาะสมทั้งในเรื่องของ บุคลิกลักษณะในการแต่งกาย การปรากฏตัว การเตรียมเนื้อหา คําปฏิสันถาร ฯลฯ ซึ่งจะต้อง
มีความเหมาะสมสอดคล้องกับเจ้าภาพและลักษณะของงาน

48. ข้อใดไม่เป็นองค์ประกอบหลักของการพูดเพื่อชักจูงใจ
(1) ผลตอบแทน
(2) แรงจูงใจ
(3) ความต้องการ
(4) จุดอ่อน
(5) อิทธิพลทางใจ
ตอบ 4 (คําบรรยาย) องค์ประกอบหลักของการพูดเพื่อชักจูงใจ มีดังนี้
1. ผลตอบแทนที่ได้
2. แรงจูงใจเพื่อใช้กระตุ้นการกระทํา
3. ความต้องการหรือความปรารถนาที่มีอยู่เดิม
4. อิทธิพลทางใจหรือแนวทางตัดสินใจในการเลือกแนวทางการกระทํา

49. ช่องทางการสร้างความรู้ความเข้าใจในทางวาทวิทยา คือ
(1) โสตประสาท
(2) เครื่องมือ
(3) ภาวะจิตใจ
(4) ลือ
(5) การกระทํา
ตอบ 2 หน้า 7 (คําบรรยาย) เครื่องมือสื่อความหมาย (Channel) หมายถึง ช่องทางหรืออะไรก็ตาม ที่ผู้พูดนํามาใช้เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อการนําเสนอ อันจะส่งผลต่อการสร้างความรู้ความเข้าใจ เข้าถึงอารมณ์ความรู้สึก เข้าแทรกแซงกระบวนการคิดและความเชื่อ แบ่งออกเป็น
1. อวัจนภาษา
2. โสตทัศนูปกรณ์
3. บุคคลและวัตถุพยาน

50 คําว่า “บรรยากาศที่ดีในการพูด” เป็นผลมาจาก
(1) ความเป็นจริงและมีความเหมาะสม
(2) มีความเหมาะสมและเป็นเหตุเป็นผล
(3) การสร้างความรู้สึกร่วมและเข้ากันได้
(4) มีมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับ
(5) แสดงบทบาทตามอํานาจหน้าที่ของกันและกัน
ตอบ 3 (คําบรรยาย) บรรยากาศที่ดีในการพูด เป็นผลมาจากการสร้างความรู้สึกร่วมและเข้ากันได้ ของคู่สื่อสาร เพราะอารมณ์และความรู้สึกร่วมระหว่างผู้พูดกับผู้ฟังจะเป็นปัจจัยสําคัญที่สุดในการเชื่อมต่อสถานการณ์การพูดให้ราบรื่นและดําเนินไปได้ตลอดรอดฝั่ง

51. ข้อใดเป็นข้อมูลข่าวสารระดับปฐมภูมิที่ผู้พูดสามารถใช้ประโยชน์ได้
(1) ประสบการณ์จมน้ำ
(2) คําพูดของนักข่าว
(3) ต้นฉบับของนักเขียน
(4) บทประพันธ์สมัย ร.1
(5) คําบอกเล่าของเหล่าไทยมุง
ตอบ 1 (คําบรรยาย) ข้อมูลข่าวสารระดับปฐมภูมิที่ผู้พูดสามารถนํามาใช้ประโยชน์ได้เป็นอย่างดี คือ ประสบการณ์ของผู้รอดตาย ซึ่งเป็นผู้ที่ประสบเหตุการณ์โดยตรง จึงทําให้การพูดนั้นน่าเชื่อถือ และมีคุณค่าแก่การนําเสนอ

52. การสื่อสารระหว่างกันและกันผ่านกระบวนการพูดนั้น สิ่งใดเป็นปัจจัยที่สําคัญที่สุดหากจะดําเนินการให้
ตลอดรอดฝั่ง
(1) ประเด็นสื่อสารที่ชัดเจน
(2) ความรู้สึกของตนเอง
(3) ภูมิปัญญาที่มี
(4) เนื้อหาที่ตรงไปตรงมา
(5) บอกถึงผลกระทบที่จะตามมา
ตอบ 1(คําบรรยาย) ประเด็นในการพูดที่ต้องการประสิทธิผลนั้น มักจะประกอบไปด้วยสาระที่ ควรพิจารณาดังต่อไปนี้
1. พิจารณาจากการเข้าถึงความสนใจของผู้ฟัง
2. พิจารณาจุดมุ่งหมายของการสื่อสารว่าต้องการให้ผู้ฟังได้รับอะไรจากการพูดบ้าง เช่น ได้รับความรู้ ได้รับความบันเทิง หรือได้ตระหนักถึงอะไร ฯลฯ
3. คุม ประเด็นการสื่อสารเอาไว้ให้ชัดเจน อย่าให้ออกนอกลู่นอกทาง ทั้งนี้เพื่อให้การพูด สามารถดําเนินไปได้ตลอดรอดฝั่ง
4. รักษาความสัมพันธ์ระหว่างเวลาและเนื้อหา

53. ข้อใดต่อไปนี้เป็นหัวใจของการพูดเพื่อวิพากษ์วิจารณ์
(1) ใช้วาทศิลป์ชั้นสูง
(2) มีสมดุล ติเพื่อก่อ
(3) ให้ข้อมูลที่เป็นจริง
(4) มองรายละเอียดที่คาดไม่ถึง
(5) พิจารณาผลกระทบตามลําดับ
ตอบ 2 หน้า 169 – 171, (คําบรรยาย) หัวใจของการพูดเพื่อวิพากษ์วิจารณ์ คือ มีความสมดุลในการ วิจารณ์ ซึ่งจะต้องพูดทั้งติและชมอย่างมีเหตุผล หากเป็นการตีก็ต้องติเพื่อก่อ โดยเสนอแนะว่าควรจะแก้ไขข้อบกพร่องทางด้านใดบ้าง

54. เนื้อหาการสื่อสารด้วยวาจาที่ดีตามลักษณะกลุ่มเป้าหมายพิจารณาจาก………เป็นอันดับแรก
(1) ความลื่นไหล
(2) ความไพเราะ
(3) ความหนัก – เบา
(4) ความเหมาะสม
(5) ความชอบพอกัน
ตอบ 4(คําบรรยาย) เนื้อหาการสื่อสารด้วยวาจาที่ดีตามลักษณะของกลุ่มเป้าหมายจะพิจารณาจาก ความเหมาะสมเป็นอันดับแรก เพราะการพูดชนิดเดียวกันอาจเหมาะสมสําหรับชนกลุ่มหนึ่ง แต่ไม่เหมาะสมสําหรับชนอีกกลุ่มหนึ่ง ดังนั้นจึงต้องวิเคราะห์ผู้ฟังหรือศึกษาถึงความแตกต่าง ระหว่างบุคคล และวิเคราะห์สถานการณ์แวดล้อม เพื่อจะได้จัดเตรียมเนื้อหาการพูดได้อย่าง ถูกต้องและเหมาะสม

55 บทบาทของการพูดที่สามารถสร้างและสลายความรู้สึกของบุคคล เกิดขึ้นจาก
(1) การรับรู้ข้อมูล
(2) การสื่อสารสองทาง
(3) การสร้างสมาธิและปัญญา
(4) การเข้าถึงอารมณ์
(5) การเร่งเร้าปฏิกิริยา
ตอบ 4 (คําบรรยาย) บทบาทของการพูด สามารถพิจารณาได้ดังต่อไปนี้
1. เป็นการสื่อสารสองทางในการสื่อสารระหว่างบุคคล ทําให้สามารถเข้าถึงปฏิกิริยาตอบกลับ ได้ทันที ซึ่งทําให้การพูดมีความแตกต่างจากการสื่อสารแบบอื่น ๆ
2. เป็นเครื่องมือเข้าสมาคม เชื่อมต่อสมาชิกสังคมทุกระดับ
3. เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ความเชื่อ และทัศนคติ
4. เป็นกระบวนการสร้างและสลายอารมณ์ความรู้สึกของบุคคล ซึ่งเกิดจากการเข้าถึงอารมณ์ ของผู้ฟังได้โดยตรง
5. ทําให้เกิดการถ่ายทอดแบบแผนวัฒนธรรม ประเพณี กฎระเบียบและข้อปฏิบัติทางสังคมไปยังคนรุ่นต่อไป เพื่อการคงอยู่ของประเพณีและวัฒนธรรม ฯลฯ

56. ภาพลักษณ์ของการนําเสนอ เกิดจาก
(1) เหตุผล
(2) ความสนใจ
(3) ตัวตน
(4) ผลลัพธ์
(5) ทรัพย์สิน
ตอบ 3 (คําบรรยาย) ภาพลักษณ์ของการนําเสนอ คือ สิ่งที่ผู้ฟังรู้สึกกับตัวตนของผู้พูดจากสิ่งที่รับรู้ จากประสบการณ์ หรือจากสิ่งที่เห็นและประเมินค่า

57. ความเป็น “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ในทางวาทวิทยา พิจารณาจาก
(1) หลักการ – วิธีการ
(2) ความรู้ – ความสามารถ
(3) ทักษะ การเรียนรู้
(4) ผลงาน – ความเข้าใจ
(5) ทฤษฎี – ประสบการณ์
ตอบ 1หน้า 3. (คําบรรยาย) การพูดเป็นทั้งวิทยาศาสตร์และศิลปะ คือ วิชาการพูดมีลักษณะของ ความเป็น “ศาสตร์” (Science) เพราะเป็นวิชาที่มีหลักการ แนวคิด และทฤษฎีรองรับ และ มีลักษณะเป็น “ศิลป์” (Art) เพราะเป็นวิชาที่ต้องใช้ศิลปะในการพูด หรือสร้างสุนทรียะในวิธีการนําเสนอ

58. ข้อใดเป็นการสื่อสารสองทางโดยอาศัยกิจกรรมทางวาทวิทยาที่หวังผลได้สูงสุด
(1) เสนอหัวข้อวิจัย
(2) เล่านิทานสนุก ๆ
(3) จัดการพบปะผู้นํา นศ.
(4) ให้ไปค้นคว้าในห้องสมุด
(5) จัดตลาดนัดชุมชน
ตอบ 5 (คําบรรยาย) การสื่อสารสองทาง หมายถึง การสื่อสารที่มีการโต้ตอบกันไปมาระหว่างบุคคล 2 ฝ่าย คือ ผู้ส่งสาร (ผู้พูด) และผู้รับสาร (ผู้ฟัง) ซึ่งสามารถเข้าถึงปฏิกิริยาโต้ตอบระหว่างกัน ได้ทันที ทั้งนี้การสื่อสารสองทางโดยอาศัยกิจกรรมทางวาทวิทยาที่หวังผลได้สูงสุด คือ การจัด ตลาดนัดชุมชน

59. หลักการพูดเพื่อประกาศผลรางวัลหรือการตัดสินความสามารถในปัจจุบันเป็นอย่างไร
(1) เชิดชูคนเก่ง
(2) ทุกคนมีแต่ได้
(3) สัมพันธ์แนบแน่น
(4) ละลายพฤติกรรม
(5) หนทางสู่ชัยชนะ
ตอบ 1 หน้า 448, (คําบรรยาย) หลักการพูดเพื่อประกาศผลรางวัลหรือการตัดสินความสามารถใน ปัจจุบันนั้น ผู้พูดควรพูดให้สั้นที่สุด (ไม่ควรพูดเกิน 15 นาที) โดยควรกล่าวยกย่องเชิดชูคนเก่ง ที่ได้รับรางวัลแต่พอสมควร และควรจดจําข้อเท็จจริงต่าง ๆ เช่น ชื่อ – นามสกุล และผลงาน ของผู้ได้รับรางวัลให้แม่นยํา

60. ข้อใดเป็นการดําเนินงานลําดับแรก เมื่อนักศึกษารับปากที่จะพูดตามหัวข้อที่รับเชิญ
(1) กําหนดแนวคิดในการนําเสนอ
(2) จองที่พักและยานพาหนะล่วงหน้า
(3) หาข้อมูลที่เกี่ยวข้องทันที
(4) เตรียมหาผู้ร่วมงานหรือผู้ช่วย
(5) ซ้อมบทพูดที่เกี่ยวข้องล่วงหน้า
ตอบ 3(คําบรรยาย) ขั้นตอนการรวบรวมข้อมูลเมื่อนักพูดรับปากที่จะพูดตามหัวข้อที่รับเชิญ มีดังนี้
1. หาข้อมูลที่เกี่ยวข้องทันทีเมื่อรู้ว่าจะต้องพูด
2. เริ่มหาข้อมูลจากความทรงจําที่มีอยู่
3. ดูจากข้อมูลที่มีอยู่
4. หาเพิ่มเติมในสิ่งที่ขาดหายไปหรือที่ต้องการใช้
5. พิจารณาเป้าหมายและวัตถุประสงค์การพูดด้วย

61. การสัมภาษณ์นั้นมีความหมายสําคัญในเชิงการสื่อสารอย่างไร
(1) การได้มาซึ่งข้อมูลเชิงลึก
(2) ทบทวนเหตุการณ์
(3) เปิดเผยความจริง
(4) จัดระเบียบข่าวสารให้ราบรื่น
(5) สร้างความเป็นธรรมให้สังคม
ตอบ 1 หน้า 33, 255, (คําบรรยาย) การสัมภาษณ์ หมายถึง การสื่อสารด้วยกระบวนการพูดคุย โดยมีเป้าประสงค์เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลสําคัญ ข่าวสาร หรือประเด็นที่เป็นสาระโดยตรงผ่าน บุคคลที่มีตําแหน่งหน้าที่สัมพันธ์กับคําถาม ทั้งนี้ข้อมูลที่ได้มาถือเป็นข้อมูลเชิงลึกส่วนบุคคล ที่มีความเฉพาะเจาะจงตามเป้าหมาย วัตถุประสงค์ และสถานการณ์ในขณะนั้น

62. การสัมภาษณ์อาศัยหลักการใดในการสื่อสาร
(1) ค้นหา – จับผิด
(2) ติดตาม – ตรวจสอบ
(3) สํารวจ – สื่อสารสองทาง
(4) ประเมินผล – หาความชัดเจน
(5) แสวงหาคําตอบ – พิสูจน์สมมุติฐาน
ตอบ 3 หน้า 255, (คําบรรยาย) การสัมภาษณ์ คือ การสนทนาระหว่างบุคคล 2 ฝ่าย โดยที่ฝ่ายหนึ่ง จะเป็นผู้ซักถาม เรียกว่า “ผู้สัมภาษณ์” และอีกฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ตอบ เรียกว่า “ผู้ให้สัมภาษณ์ ทั้งนี้การสัมภาษณ์จะอาศัยหลักการในการสื่อสาร คือ การสํารวจความคิดเห็น ทัศนคติ เพื่อให้ ได้ข้อมูลเชิงลึก โดยอาศัยการสื่อสารสองทาง

63. การกําหนดแนวคิดในการนําเสนอ ส่งผลอย่างไร
(1) ได้คํานําที่ประทับใจ
(2) มีทิศทางการนําเสนอ
(3) ได้ประเด็นที่ชัดเจน
(4) ได้เนื้อหาตามต้องการ
(5) ตอบคําถามจากผู้ชม – ผู้ฟังได้
ตอบ 3(คําบรรยาย) การกําหนดแนวคิดหรือกรอบความคิดในการนําเสนอจะส่งผลให้ได้ประเด็น
ที่ชัดเจน ซึ่งความชัดเจนในประเด็นการพูดเกิดขึ้นจากสาระหรือเนื้อหาที่มีการตระเตรียมไว้ เป็นอย่างดี โดยกําหนดประเด็นหลักและข้อมูลสนับสนุนที่สอดคล้องกัน

64. ข้อใดไม่ควรกระทําเมื่อผู้สื่อข่าวทําการสัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์กับผู้ที่มีวิธีตอบเลี่ยง โดยไม่ยอม
ตอบคําถามให้ตรงประเด็น
(1) แทรกบทตลกเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศจนกว่าจะยอมตอบ
(2) ให้ตอบอย่างตรงคําถามและทวนคําถามซ้ําอีก
(3) เปลี่ยนคําถามใหม่ แล้วขออภัยผู้ชมทางโทรทัศน์แทนแขกรับเชิญ
(4) แนะนําคําตอบเป็นทางเลือกสลับกับการพูดคุยกับผู้ชม
(5) ต่อโทรศัพท์ถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เป็นตัวแทนในการซักถาม
ตอบ 5 หน้า 264, (คําบรรยาย) สิ่งที่ผู้สื่อข่าวไม่ควรกระทําเมื่อจะต้องสัมภาษณ์ผู้ที่มีวิธีตอบเลี่ยง โดยไม่ยอมตอบคําถามให้ตรงประเด็นทางสถานีโทรทัศน์ คือ การต่อโทรศัพท์ไปถึงบุคคลที่มี ความเกี่ยวข้องเพื่อให้เป็นตัวแทนในการซักถาม เพราะการให้ผู้อื่นมาทําหน้าที่สัมภาษณ์แทน ตนเอง แสดงให้เห็นว่าผู้สื่อข่าวไม่มีความสามารถเพียงพอ ดังนั้นผู้สื่อข่าวจึงควรมีความอดทน ที่จะซักถามต่อไป โดยแก้ไขสถานการณ์ตามตัวเลือกที่เหลือข้างต้น

65. ข้อควรระวังที่สุดสําหรับการเล่าเรื่องราวที่มีประเด็นขัดแย้งทางสังคม ได้แก่
(1) ข้อมูลจากแหล่งอ้างอิงที่หลายหลาย
(2) ความสมดุลด้านข้อมูลของคู่กรณี
(3) หลักฐานที่ชัดเจนพอ
(4) หลักการที่ควรปฏิบัติ
(5) กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ตอบ 2(คําบรรยาย) ข้อควรระวังที่สุดสําหรับการเล่าเรื่องราวที่มีประเด็นขัดแย้งทางสังคม ได้แก่ ความสมดุลด้านข้อมูลของคู่กรณี ดังนั้นจึงควรเปิดโอกาสให้คู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายพูดและแสดง ความคิดเห็นได้อย่างเท่าเทียมกัน ไม่ควรผูกขาดการพูดไว้ที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะจะทําให้ เกิดความไม่สมดุลในโครงสร้างของการสื่อสาร

66. ในการปฏิบัติงานสื่อสารมวลชน บุคคลใดสมควรเป็นผู้ถูกสัมภาษณ์ในลําดับแรก
(1) ผู้นําองค์กร
(3) ผู้ที่สังคมให้ความสนใจ
(2) ผู้มีอํานาจตัดสินใจ
(4) ผู้เกี่ยวข้องและมีความรู้ในเรื่องนั้น
(5) ผู้ทําหน้าที่สื่อสารมวลชน
ตอบ 4 หน้า 257 – 258, (คําบรรยาย) คุณสมบัติของผู้ให้สัมภาษณ์ (ผู้ถูกสัมภาษณ์) ในงานด้าน สื่อสารมวลชน สามารถเรียงตามลําดับความสําคัญของบุคคลได้ดังต่อไปนี้
1. เป็นผู้รู้ (ถือว่ามีความสําคัญที่สุด)
2. เป็นผู้เกี่ยวข้อง รู้เห็น หรืออยู่ในเหตุการณ์
3. เป็นผู้นํา ผู้บริหาร หรือผู้ที่มีความสําคัญ
4. เป็นผู้ที่มีประสบการณ์
5. เป็นผู้ได้รับความสนใจ
6. เป็นผู้ที่มีตัวตนอยู่จริง

67. ข้อใดไม่เข้าพวก
(1) คํานํา
(2) บทนํา
(3) เกริ่น
(4) อารัมภบท
(5) ปฏิสันถาร
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 30. ประกอบ

68. การจัดปฐมนิเทศ นศ. สาขาสื่อสารมวลชน ไม่ควรเลือกใครเป็นวิทยากร
(1) ศิษย์เก่าในวงการ
(2) ผอ. สํานักข่าวไทย
(3) คณบดีคณะสื่อสารมวลชน
(4) คนดังในสื่อออนไลน์
(5) ออร์แกไนเซอร์ที่มีผลงานโดดเด่น
ตอบ 4(คําบรรยาย) การเลือกวิทยากรมาพูดในการจัดงานปฐมนิเทศข้างต้น ควรเลือกผู้ที่มีความรู้ มีประสบการณ์ และประสบความสําเร็จในการทํางานทางด้านสื่อสารมวลชน หรืออาจเป็นผู้ที่ มีความเกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัย จึงจะมีความเหมาะสมกับลักษณะของงานที่จัด

69. ในการบรรยายพิเศษ ทําไมจึงต้องมีการแนะนําผู้บรรยาย
(1) เพื่อให้ผู้ฟังรู้จักผู้พูด
(2) เพื่อให้เกียรติแก่ผู้ฟัง
(3) เพื่อฆ่าเวลา
(4) เพื่อยกย่องในเกียรติประวัติที่ทํามา
(5) เพื่อสร้างความสนใจจากผู้ฟัง
ตอบ 1 หน้า 310, 444 จุดมุ่งหมายในการแนะนําองค์ปาฐก ผู้บรรยาย ผู้ดําเนินการอภิปราย มีดังนี้
1. เพื่อให้ผู้ฟังรู้จักผู้พูดว่าเป็นใคร ทําอะไร และมีความสําคัญอย่างไร
2. เพื่อเป็นการให้เกียรติแก่ผู้พูด
3. เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้ฟังกับผู้พูด ฯลฯ

70. ถ้าท่านได้รับมอบหมายให้เป็นผู้แนะนําวิทยากรที่จะมาแสดงปาฐกถา ท่านจะถามหาข้อมูลเกี่ยวกับ
วิทยากรจากใครที่จะได้ตรงเป้าหมายที่สุด
(1) ประธานจัดงาน
(2) สื่อมวลชนที่คุ้นเคย
(3) คนวงการเดียวกันกับวิทยากร
(4) เลขานุการคณะกรรมการจัดงาน
(5) เลขานุการในทีมงาน
ตอบ 5 หน้า 311, (คําบรรยาย) ถ้าผู้แนะนําไม่รู้จักหรือไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับวิทยากร (องค์ปาฐก) ที่จะมาแสดงปาฐกถา ก็ควรติดต่อวิทยากรหรือถามจากเลขานุการในทีมงานวิทยากรว่า จะให้ตนแนะนําอย่างไร โดยต้องติดต่อกันก่อนวันแนะนําจริง

71. ข้อใดคือต้นฉบับที่พึงประสงค์หากพิจารณาจากประสิทธิผลการใช้งาน
(1) สวยงามมีคุณค่า
(2) โดดเด่นดูเตะตา
(3) ไม่มีร่องรอยแก้ไข
(4) ได้รับการรับรองแล้ว
(5) มีเนื้อหาเหมาะสมกับเวลาที่มี
ตอบ 5 หน้า 40, (คําบรรยาย) ลักษณะของต้นฉบับที่พึงประสงค์ มีดังนี้
1. ใช้ภาษาที่สุภาพ
2. มีเนื้อหาตามวัตถุประสงค์ และเป็นไปตามโครงสร้างของการพูดแบบสากล
3. ลําดับความคิดน่าติดตาม (ฟังแล้วไม่สับสน)
4. มีเนื้อหาเหมาะสมสอดคล้องหรือพอดีกับเวลาที่มี
5. อ่านง่ายทั้งแบบอักษรและขนาดตัวพิมพ์ ฯลฯ

72. เมื่อกล่าวขอบคุณผู้บรรยายพิเศษเสร็จสิ้น ควรทําอะไรต่อไป
(1) เชิญชวนให้มาพูดอีก
(2) เชิญชวนผู้ฟังปรบมือให้ผู้บรรยาย
(3) สรุปเนื้อหาสาระอีกรอบ
(4) สรุปเนื้อหาและวิจารณ์วิทยากรทันที
(5) เชิญชวนถ่ายรูปหมู่เป็นที่ระลึก

ตอบ 2 หน้า 312 หลังจากที่องค์ปาฐก ผู้บรรยาย ผู้ดําเนินการอภิปราย ฯลฯ ได้จบการพูดลงแล้ว พิธีกรจะต้องลุกขึ้นไปกล่าวขอบคุณเป็นข้อความสั้น ๆ หรือบางครั้งก็อาจจะกล่าวขอบคุณ และเชิญชวนผู้ฟังปรบมือให้องค์ปาฐก ผู้บรรยาย ผู้ดําเนินการอภิปราย ฯลฯ ด้วยก็ได้

73. ในการบรรยายพิเศษที่มีระยะเวลายาวนานพอสมควรนั้น ผู้บรรยายไม่ควรใช้วิธีการใดเพื่อให้เรื่องที่พูดนั้นเป็นเรื่องที่น่าสนใจ
(1) แทรกบทตลกในบางจังหวะ
(2) พูดเรื่องที่ผู้ฟังไม่น่าจะเคยรู้มาก่อน
(3) ชวนสุภาพสตรีให้ร่วมตอบคําถาม
(4) ระบายความน้อยเนื้อต่ำใจของตนเอง
(5) เล่าประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นของตนเอง
ตอบ 4 หน้า 308 – 309, (คําบรรยาย) ในการแสดงปาฐกถาหรือบรรยายพิเศษนั้น ผู้พูดควรพูด ในเรื่องที่น่าสนใจสําหรับผู้ฟัง หรือเรื่องที่ให้ความรู้ และควรเป็นเรื่องที่ผู้ฟังไม่เคยรู้มาก่อน ยกเว้นเรื่องที่เป็นความลับหรือเรื่องส่วนตัวของตนเองและผู้อื่น นอกจากนี้ผู้พูดอาจแทรก บทตลกได้เท่าที่จําเป็น หรือเล่าประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นของตนเอง หรืออาจชักชวนผู้ฟัง ให้ร่วมตอบคําถาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้ฟังเกิดความเบื่อหน่ายและไม่สนใจ หลังจากนั้นจึงดึงประเด็นเข้าสู่สาระหลักที่จะพูดต่อไป

74. ข้อใดหมายถึง การพัฒนาตนในบริบทของการนําเสนอเนื้อหาเชิงวาทวิทยา
(1) การสร้างเอกลักษณ์ของตนเอง
(2) การแสวงหาความรู้ให้มากพอ
(3) การริเริ่มแนวคิดเพื่อการนําเสนอ
(4) การปรับปรุงบุคลิกภาพ
(5) รู้จักการขยายเครือข่ายความสัมพันธ์กับหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ ๆ
ตอบ 4 หน้า 11, (คําบรรยาย) การพัฒนาตนในบริบทของการนําเสนอเนื้อหาเชิงวาทวิทยา หมายถึง
การปรับปรุงบุคลิกภาพให้เหมาะสมกับการนําเสนอ โดยบุคลิกภาพจะรวมไปถึงการใช้สายตา การใช้ภาษา น้ำเสียง การยืน การแต่งกาย กิริยาท่าทาง ฯลฯ ซึ่งเป็นเสมือนกับเครื่องมือที่ใช้ ซึ่ สื่อความหมายไปสู่ผู้ฟัง ดังนั้นผู้พูดจึงต้องรู้จักปรับปรุงตนเองเพื่อให้ใช้เครื่องมือสื่อความหมาย เหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

75. การเข้าไปยังที่นั่งของผู้พูด สิ่งที่ไม่ควรกระทํา คือ
(1) เดินตัวตรง ยิ้มให้กับผู้ชม ผู้ฟังตามสมควร
(2) เดินอกผายไหล่ผึ้ง ทําความเคารพประธาน ทักทายคนรู้จัก
(3) เดินตรงไปยังที่นั่งของตน สํารวจว่าตรงกับชื่อตัวเองหรือไม่ แล้วรีบนั่งลงไป
(4) เดินไปตามลําดับที่พิธีกรประกาศชื่อ ไม่ทักทายประธานในพิธี
(5) อยู่ ณ ที่พักของตนเอง และรอจนกว่าพิธีกรประกาศจึงเข้าประจําตําแหน่ง
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 35. ประกอบ

76. ประโยชน์ของการพูดในแง่มุมของการส่งเสริมแนวคิดประชาธิปไตย คือข้อใด
(1) เพื่อสร้างความเจริญก้าวหน้า
(2) เพื่อเผยแพร่นโยบาย
(3) เพื่อการแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างมีส่วนร่วม
(4) เพื่อปรับปรุงกฎระเบียบ
(5) เพื่อเป็นเวทีในการประกาศเจตนารมณ์
ตอบ 3 (คําบรรยาย) การพูดที่ส่งเสริมแนวคิดประชาธิปไตยจะพิจารณาจากความสมดุลในการสื่อสาร โดยประโยชน์ของการพูดในแง่มุมนี้ คือ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกับผู้อื่น เพราะสังคมประชาธิปไตยนั้นต้องการความคิดเห็นของสมาชิกเป็นสําคัญ

77. ข้อใดไม่ใช่หน้าที่ของนักพูด
(1) เตือนภัยสังคม
(2) บอกวิธีรักษาโรคให้ผู้ป่วย
(3) สร้างสรรค์ภาษาตามสมัย
(4) โน้มน้าวใจให้เกิดการซื้อ – ขาย
(5) ให้ความรู้ด้วยสาระบันเทิง
ตอบ 3 (คําบรรยาย) หน้าที่ของนักพูด มีดังนี้
1. บอกกล่าวเรื่องราว
2. ให้ความรู้
3. สอดส่องดูแลและเตือนภัยสังคม
4. สร้างความจรรโลงใจ
5. โน้มน้าวใจให้เกิดการกระทํา

78. ความชัดเจนในประเด็นการพูด เกิดขึ้นจาก
(1) เสียง
(2) อาการ
(3) สาระ
(4) หลักการ
(5) ความรู้จริง
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 63. ประกอบ

79. นักพูดที่ต้องใช้โปรแกรมสําเร็จรูปเพื่อการนําเสนอเป็นหลัก ควรปฏิบัติตนอย่างไร
(1) มาให้ตรงเวลาทุกครั้ง
(2) ทําการซ้อมอย่างเปิดเผยต่อหน้าผู้ชม
(3) ทําทุกอย่างเองเพื่อความสมบูรณ์แบบ
(4) ใช้ซอฟต์แวร์ทํา CG ที่ทันสมัยที่สุด
(5) มาก่อนเวลามากขึ้นเพื่อสํารวจสิ่งที่อาจบกพร่องของอุปกรณ์
ตอบ 5 (คําบรรยาย) วินัยที่ควรปฏิบัติของนักพูดที่มีความรับผิดชอบ คือ ต้องไปถึงสถานที่ที่จะพูด ก่อนเวลา หรือเผื่อเวลาไว้นานพอสมควรสําหรับการไปถึง เพื่อสํารวจจุดบกพร่องไม่ว่าจะเป็นเวที สถานที่ และอุปกรณ์ด้วยตนเอง

80. การกล่าวต้อนรับอย่างเป็นพิธีการจะต้องเริ่มด้วย
(1) การแนะนําเจ้าภาพ
(2) คําปฏิสันถาร
(3) บทประทับใจ
(4) การกล่าวขอบคุณแขกผู้มีเกียรติ
(5) คําชื่นชมในโอกาสนั้น ๆ
ตอบ 2 หน้า 445 การกล่าวต้อนรับ เป็นการแสดงออกถึงการให้เกียรติแก่ผู้ที่มาเยี่ยม เป็นการ แนะนําผู้มาเยี่ยม หรือผู้มาใหม่ให้รู้จักสถานที่นั้น ๆ ดีขึ้น โดยการกล่าวต้อนรับอย่างเป็น พิธีการจะต้องเริ่มต้นด้วยการกล่าวคําปฏิสันถารก่อนเสมอ

81. ผลของการชักจูงใจจะมีมาก – น้อย ไม่ได้ขึ้นอยู่กับระดับของ
(1) ความเชื่อมั่น
(2) ความเชื่อถือ
(3) ความเชื่อมือ
(4) ความเชื่อใจ
(5) เชื่อความเป็นไป
ตอบ 3 (คําบรรยาย) ผลของการชักจูงใจจะมีมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับ
1. ความเชื่อมัน
2. ความเชื่อถือ
3. ความเชื่อใจ
4. การเชื่อความเป็นไป

82. การวิเคราะห์ผู้ฟังด้านกลุ่มสังคมและประสบการณ์เฉพาะเรื่อง มีผลอย่างไรต่อการเตรียมข้อมูล
ในการพูดแต่ละครั้ง
(1) เพื่อสร้างศัพท์และระดับความซับซ้อนของข้อมูลที่นําเสนอ
(2) เพื่อเปิดประเด็นและหัวข้อที่จะพูดให้เหมาะสม
(3) เพื่อต้องการทราบแนวโน้มการตัดสินใจในเรื่องที่จะเป็นส่วนได้ – เสียของผู้ฟัง
(4) เพื่อกําหนดวาระการรับรู้และกระบวนการออกแบบเนื้อหา
(5) เพื่อสร้างความรู้สึกและความพึงพอใจให้กับกลุ่มเป้าหมาย
ตอบ 1 (คําบรรยาย) การวิเคราะห์ผู้ฟังด้านกลุ่มสังคมและประสบการณ์เฉพาะเรื่อง จะมีผลต่อการ เตรียมข้อมูลในการพูด คือ ทําให้ผู้พูดสามารถสร้างศัพท์และระดับความซับซ้อนหรือความลึก ของข้อมูลที่นําเสนอ เพื่อให้สอดคล้องกับประสบการณ์เฉพาะเรื่องของผู้รับสารในกลุ่มสังคมนั้น

83. ข้อใดไม่ใช่แนวทางการตัดสินใจที่ได้จากการวิเคราะห์สถานการณ์การพูดด้านผลกระทบที่จะเกิด
ในกระบวนการสื่อสารแต่ละครั้ง
(1) ดําเนินการต่อโดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลง
(2) ดําเนินการต่อไปโดยปรับเปลี่ยนเนื้อหาบางส่วน
(3) ยังต้องดําเนินการต่อไป แต่ปรับปรุงสาระสําคัญเนื่องจากไม่สามารถยกเลิกได้
(4) เปลี่ยนคนพูดโดยคงสาระหรือเนื้อหาตามที่เตรียมไว้แต่เดิมทุกประการ
(5) ผู้พูดยกเลิกการพูดครั้งนั้นไปเลย
ตอบ 4 (คําบรรยาย) แนวทางการตัดสินใจที่ได้จากการวิเคราะห์สถานการณ์การพูดด้านผลกระทบ ที่จะเกิดในกระบวนการสื่อสารแต่ละครั้ง มีดังนี้
1 ดําเนินการต่อโดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงเลย ทุกอย่างคงเดิม
2. ดําเนินการต่อไปโดยปรับเปลี่ยนเนื้อหาบางส่วนให้สอดคล้องกับสถานการณ์
3. เปลี่ยนประเด็นสําคัญ แต่ยังจะพูดต่อไปเนื่องจากไม่สามารถยกเลิกได้
4. ยกเลิกการพูดครั้งนั้นไปเลย

84. ข้อใดหมายถึง การพัฒนาตนในบริบทของการนําเสนอเนื้อหาเชิงวาทวิทยา
(1) การสร้างเอกลักษณ์ของตนเอง
(2) การแสวงหาความรู้ให้มากพอ
(3) การริเริ่มแนวคิดเพื่อการนําเสนอ
(4) การปรับปรุงบุคลิกภาพ
(5) รู้จักการขยายเครือข่ายความสัมพันธ์กับหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 74. ประกอบ

85. ผู้ดําเนินรายการที่ดี ไม่ควรกระทําการเช่นไร
(1) หลีกเลี่ยงการพูดถ้อยคําที่ซ้ำซาก
(2) แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี
(3) เลือกใส่เสื้อผ้าที่ดูสง่างามมีราศี
(4) พูดได้ทุกประเด็นเท่าที่ต้องการพูด
(5) ทําตัวให้กลมกลืนและเป็นธรรมชาติกับงานได้ในทุกกาลเทศะ
ตอน 4 (คําบรรยาย) สิ่งที่ผู้ดําเนินรายการที่ดีไม่ควรกระทํา คือ พูดได้ทุกประเด็นเท่าที่ต้องการพูด เพราะจะทําให้การพูดครั้งนั้นออกนอกเรื่องหรือนอกประเด็นสําคัญที่ต้องการจะพูด และทําให้เนื้อหาการพูดยาวเกินเวลาที่กําหนดอีกด้วย

86. เมื่อเข้า ณ ที่พูดแล้ว ผู้พูดไม่ควรทําอะไรต่อหน้าผู้ฟัง
(1) ยิ้ม
(2) ดื่มน้ำ
(3) ดูบันทึกย่อ
(4) ทดสอบเสียง
(5) นั่งสงบ
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 35. ประกอบ

87. การซ้อมการพูดโดยบุคคลสําคัญที่ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญในวิทยาการเฉพาะสาขา เป็นการระวังป้องกัน
ข้อผิดพลาดด้านใด
(1) อารมณ์และความรู้สึกที่อาจไม่สมจริง
(2) กิริยาท่าทางที่ไม่เป็นไปตามบทบาทที่เตรียมมา
(3) การที่อาจจะต้องตอบคําถามสื่อมวลชนอย่างกะทันหัน
(4) เพื่อให้เป็นไปตามความคาดหวังขององค์กร
(5) เนื้อหาที่คนนอกวงการอาจไม่รู้ความหมาย หรือทําให้เข้าใจง่ายขึ้น
ตอบ 5 (คําบรรยาย) การซ้อมการพูดโดยบุคคลสําคัญที่ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญในวิทยาการเฉพาะ สาขา เป็นการระวังป้องกันข้อผิดพลาดในด้านเนื้อหาที่อาจจะมีศัพท์เฉพาะสาขาวิชานั้น ๆ ซึ่งคนนอกวงการอาจไม่รู้ความหมาย หรือทําให้เข้าใจง่ายขึ้น

88. น้ำเสียงที่เป็นระดับเดียวกันโดยตลอดสร้างปัญหาให้แก่ผู้ฟังด้านใดมากที่สุด
(1) ไม่เข้าใจเนื้อหาที่ผู้พูดถ่ายทอด
(2) ทําให้เรื่องง่ายกลายเป็นเรื่องยาก
(3) หมดศรัทธา ไม่น่าเชื่อถือในตัวผู้พูด
(4) สร้างความสงสัยในเนื้อหา
(5) เบื่อหน่าย ละเลยการติดตามประเด็น
ตอบ 5 หน้า 14, (คําบรรยาย) หลักการใช้เสียงพูดที่ดีข้อหนึ่ง คือ ผู้พูดควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ําเสียง เนื่อย ๆ หรือน้ำเสียงที่เป็นระดับเดียวกัน (ไม่มีเสียงสูง – ต่ำ) โดยตลอด เพราะจะทําให้ผู้พูด พูดโดยขาดความมีชีวิตชีวา และผู้ฟังก็จะรู้สึกเบื่อหน่าย รําคาญ จนอาจไม่สนใจหรือละเลยการติดตามประเด็น

89. ปัญหาความเครียดและวิตกกังวลของผู้พูดเกิดจาก………มากที่สุด
(1) เครื่องแต่งกายที่ไม่เหมาะสม
(2) ความตั้งใจที่มีมากจนเกินไป
(3) การเตรียมตัวไม่ดีหรือไม่พร้อม
(4) อุปกรณ์บกพร่องไม่สามารถใช้งานได้
(5) การประสานงานจากบุคลากรที่เกี่ยวข้องไม่น่าประทับใจ
ตอบ 3 หน้า 54 – 55, (คําบรรยาย) สาเหตุหลักของการขาดความเชื่อมั่นในตนเอง จนก่อให้เกิด ความประหม่าตื่นเต้นบนเวที มีอยู่ 3 ประการ ดังนี้
1. การไม่เตรียมตัวมาอย่างดีพอ ซึ่งปัญหาความเครียดและวิตกกังวลของผู้พูดส่วนใหญ่ เกิดจากการเตรียมตัวไม่ดีหรือไม่พร้อม
2. การไม่ซักซ้อมอย่างเพียงพอ
3. การไม่ใส่ใจต่อบุคลิกภาพของตนเองเมื่อต้องปรากฏตัวให้เหมาะสมกับลักษณะพิธีการ สถานที่ และเจ้าภาพ เช่น การแต่งกายไม่ถูกกาลเทศะ ฯลฯ

90. การกําหนดวัตถุประสงค์ของการพูดยังไม่จําเป็น ต้องพิจารณาจาก……โดยตรง
(1) ระบบสังคมวัฒนธรรมของผู้ฟัง
(2) สถานการณ์บ้านเมืองล่าสุด
(3) การแบ่งหัวข้อเป็นประเด็นต่าง ๆ
(4) ประเด็นหลักและข้อมูลสนับสนุน
(5) เวลาที่เจ้าภาพให้กับการพูดครั้งนั้น
ตอบ 2 (คําบรรยาย) ในการประมวลความคิดนั้น ผู้พูดจะต้องเข้าใจในสถานการณ์การพูดแต่ละครั้ง หรือเข้าใจสถานการณ์บ้านเมืองล่าสุดเสียก่อน จึงจะสามารถกําหนดวัตถุประสงค์ของการพูดที่แน่ชัดได้

91. ข้อใดไม่เป็นลักษณะของการกล่าวคํานําที่ดี
(1) มีเนื้อหาเร้าใจ
(2) รวบรวมสิ่งที่จะพูดเอาไว้ให้หมด
(3) โยงเข้าสู่ข่าวสําคัญ
(4) เสนอแนวคิดรวบยอดของเรื่อง
(5) ปูพื้นเหตุการณ์เอาไว้ก่อน
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 32. ประกอบ

92. ข้อใดไม่ควรกระทํา หากผู้พูดต้องการให้ผู้ฟังมีส่วนร่วมแสดงความเห็น
(1) เลือกชื่อคนที่คุ้นเคยก่อน
(2) ยืนขึ้นแล้วชี้ลงไป
(3) เลือกคนที่ยกมือก่อน
(4) ใช้ปากกาชี้ระบุตัวคน
(5) ให้ประธานในงานนั้นช่วยเลือก
ตอบ 2 (คําบรรยาย) สิ่งที่ผู้พูดไม่ควรกระทําหากต้องการให้ผู้ฟังมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น คือ ยืนขึ้นแล้วชี้ลงไป เพราะการเอามือออกไปด้านหน้าตัวเอง หรือใช้มือชี้หน้าผู้ฟัง เป็นการ แสดงถึงความมีอํานาจเหนือผู้ฟัง

93. ข้อใดไม่ใช่ข้อพิจารณาหลักในการกําหนดประเด็นการพูด
(1) เวลาที่ผู้ร่วมอภิปรายให้กับการพูดครั้งนั้น
(2) ความน่าสนใจของข้อมูลประกอบกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป
(3) พิจารณาตามเหตุผลและข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ซึ่งมีผลกระทบในระดับที่ต่างกัน
(4) แนวคิดในการดําเนินเรื่องตามความถนัดของคนพูด
(5) ข่าวสารที่แพร่กระจายใน Social Media
ตอบ 5 (คําบรรยาย) ข้อพิจารณาหลักในการกําหนดประเด็นการพูด มีดังนี้
1. เวลาที่ผู้ร่วมอภิปรายให้กับการพูดครั้งนั้น
2. ความน่าสนใจของข้อมูลประกอบกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป
3. พิจารณาตามเหตุผลและข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ซึ่งมีผลกระทบในระดับที่ต่างกัน
4. แนวคิดในการดําเนินเรื่องตามความถนัดของผู้พูด

94. เรื่องสําคัญที่ต้องเน้นเป็นพิเศษ อาศัยหลักการใดในการพูด
(1) ดอกยาแต่ไม่ชาซาก
(2) ย้ำคิดย้ำทํา
(3) สั่งสอนให้รู้สํานึก
(4) บอกใบ้ให้ทายใจ
(5) ต่อเติมส่วนที่ขาดหาย
ตอบ 1 (คําบรรยาย) ผู้พูดควรกล่าวหรือตอกย้ำในเรื่องสําคัญที่ต้องการเน้นเป็นพิเศษ เพื่อให้ เรื่องที่พูดนั้นมีความชัดเจน น่าสนใจ และยังทําให้ผู้ฟังสามารถจดจําเรื่องนั้น ๆ ได้มากขึ้น แต่ต้องระวังไม่ไปตอกย้ำจนเกิดความซ้ำซาก หรือย้ําคิดย้ําทําจนมากเกินไป เพราะจะทําให้ผู้ฟังเกิดความเบื่อหน่าย และเรื่องที่เน้นก็จะกลายเป็นเรื่องที่ไม่สําคัญไป

95. ข้อใดเป็นแนวปฏิบัติหากต้องเตรียมเครื่องดื่มให้กับผู้บรรยายที่ไม่มีการกําหนดไว้
(1) ใช้น้ำแร่เย็นที่ซื้อหาได้สะดวก
(2) ใช้น้ำอุ่น
(3) ใช้น้ำชาร้อน
(4) ใช้น้ำสะอาดตามอุณหภูมิห้อง
(5) ใช้น้ำผลไม้ตามฤดูกาล
ตอบ 4(คําบรรยาย) แนวปฏิบัติของผู้ประสานงานหากต้องเตรียมเครื่องดื่มให้กับผู้บรรยายที่ไม่มีการกําหนดไว้ คือ ควรจัดเตรียมน้ำสะอาดตามอุณหภูมิห้อง เพื่อช่วยรักษาน้ำเสียงให้แจ่มใสกังวานชัดเจน

96. การวิเคราะห์ถึงจํานวนผู้ชม ผู้ฟัง มีผลต่อ…….โดยตรง
(1) การกําหนดวัตถุประสงค์
(2) การจัดทําวาทนิพนธ์
(3) สถานที่และอุปกรณ์
(4) การประมวลผลข้อมูล
(5) การแต่งกายให้ถูกต้องตามกาลเท
ตอบ 3 (คําบรรยาย) การวิเคราะห์จํานวนหรือขนาดของผู้ชม ผู้ฟัง จะทําให้ผู้พูดรู้ว่ากลุ่มผู้ฟังนั้น มีขนาดเล็กหรือใหญ่ มีพื้นที่และสถานที่เพียงพอหรือไม่ในการบรรจุผู้ฟัง เพราะขนาดผู้ฟังกับ สถานที่มีความสัมพันธ์กัน นอกจากนี้ยังทําให้ผู้พูดสามารถเตรียมวิธีการพูด รูปแบบในการพูดและอุปกรณ์เครื่องมือประกอบการพูดที่เหมาะสมได้อีกด้วย

97. การพูดเพื่อความจรรโลงใจ มีเป้าหมายอย่างไร
(1) สร้างอารมณ์ร่วม
(2) สร้างแรงผลักดันในหน้าที่
(3) ให้กําลังใจ
(4) ได้ความร่วมมือ
(5) ก่อให้เกิดการสํานึกในคุณงามความดี
ตอบ 5(คําบรรยาย) การพูดเพื่อจรรโลงใจ มีเป้าหมายเพื่อก่อให้เกิดความรู้สึกที่ดีงาม สูงส่ง โดยผู้พูด จะชี้ให้เห็นถึงอุดมคติ แนวทางในการดําเนินชีวิต การสร้างสรรค์คุณงามความดี ความประณีต งดงาม คุณค่าอันน่านิยม ตลอดจนความสนุกสนานเบิกบานใจ

98. นอกจากการเตรียมตัวไม่พร้อมแล้ว ความตื่นเต้นในเวทีมักจะเกิดจาก
(1) ขนาดห้องประชุม
(2) ขาดการประสานงาน
(3) แต่งกายผิดกาลเทศะ
(4) ค่าตอบแทนการพูดที่มากเกินจริง
(5) อุปกรณ์ไม่พร้อมหรืออยู่ในสภาพชํารุด
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 89. ประกอบ

99. ข้อใดแสดงออกถึงความสมดุลในกระบวนการพูด
(1) พูดเสนอความสามารถของตนเองหลังจากที่คนอื่นอภิปรายเสร็จสิ้นไปแล้ว
(2) เปิดช่องทางให้แสดงความเห็น มีการสนทนาโต้ตอบตรงไปตรงมา
(3) กล่าวตามยถากรรมปล่อยวางทุกสิ่ง เพื่อแสดงออกถึงความเป็นกลางทางความคิด
(4) ใช้วาจาอ่อนหวานโน้มน้าวใจ โดยไม่เร่งเร้าหรือแสดงอาการกดดัน
(5) นําเสนอข้อเท็จจริงพร้อมไปกับข่าวลือ หรือข้อความอันเป็นเท็จด้วยตนเอง
ตอบ 2 (คําบรรยาย), (ดูคําอธิบายข้อ 76. ประกอบ) ความสมดุลในกระบวนการพูด หมายถึงการเปิดช่องทางให้คู่สื่อสารร่วมแสดงความคิดเห็นหรือเปิดเผยข้อมูลระหว่างกันและกันโดยมีการสนทนาโต้ตอบอย่างตรงไปตรงมา จนเกิดบรรยากาศที่ดีในการสื่อสาร

100. การพูดเป็นการสื่อสารที่เน้นการแสดงออกอย่างน้อย 2 ด้าน คือ
(1) บุคคล – ตัวตน
(2) ตัวตน – วาจา
(3) วาจา – ภาษา
(4) ภาษา – ทักษะ
(5) ทักษะ — แนวคิด
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 11. ประกอบ

CDM2303 MCS1350 MCS1300 วาทวิทยา 1/2561

การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2561
ข้อสอบกระบวนวิชา MCS 1350 (MCS 1300) หลักการพูดเบื้องต้น
ให้นักศึกษาเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคําตอบเดียว
ข้อ 1. – 10. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม
(1) สุนทรพจน์
(2) ปฏิสันถาร
(3) คํานํา
(4) เนื้อหา
(5) สรุป

1. ข้อใดต่างจากข้ออื่นทั้งหมด
ตอบ 1 หน้า 34 โครงสร้างของการพูด หรือลําดับของการพูดก่อน – หลัง ในการพูดตามปกตินั้นประกอบด้วย 1. คําปฏิสันถาร
2. คํานํา
3. เนื้อหา
4. สรุป
5. คําลงท้าย
(ส่วนของสรุปและคําลงท้ายอาจสลับที่กันได้ ซึ่งใช้ในกรณีที่ผู้พูดมีความเชี่ยวชาญพอสมควร)

2.เป็นผลรวมของข้ออื่น
ตอบ 5 หน้า 38, (คําบรรยาย) สรุปหรือส่วนจบเรื่อง หมายถึง ความคิดรวบยอดของเรื่อง ซึ่งเป็น ผลรวมของโครงสร้างการพูดทั้งหมด โดยการสรุปหรือการจบเรื่องที่ดีจะต้องเป็นส่วนที่สร้าง ความประทับใจ และมีการขมวดประเด็นหรือแสดงผลสําเร็จของการพูด

3. เป็นสิ่งที่พัฒนาขึ้นมาจากข้อมูลดิบ
ตอบ 4 หน้า 36, (คําบรรยาย) เนื้อหา หมายถึง เนื้อเรื่องที่เป็นสาระในการสื่อสาร ข้อมูลหลักของ การนําเสนอ หรือกลวิธีการนําเสนอที่เน้นโครงสร้างและลําดับขั้นตอนในการถ่ายทอดข่าวสาร ดังนั้นเนื้อหาจึงมีปริมาณชุดข้อความมากที่สุด และเป็นสิ่งที่พัฒนาขึ้นมาจากข้อมูลดิบ

4 สร้างความคุ้นเคยโดยเริ่มต้นการมีปฏิสัมพันธ์
ตอบ 2 หน้า 34, (คําบรรยาย) คําปฏิสันถาร หมายถึง คําทักทายผู้ฟัง เพื่อที่จะสร้างความคุ้นเคย โดยเริ่มต้นการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ฟังก่อนเป็นลําดับแรก ซึ่งมีแนวทางปฏิบัติที่นิยมกัน ดังนี้
1. การทักทายในการเริ่มพูดโดยปกติแล้ว ควรกล่าวไม่เกิน 3 กลุ่มผู้ฟัง
2. คําปฏิสันถารมีทั้งแบบเป็นพิธีการ ไม่เป็นพิธีการ และกึ่งพิธีการ
3. ควรเริ่มต้นจากการทักประธานในพิธี หรือผู้ที่มีศักดิ์และตําแหน่งสูงสุดในการรับฟังก่อน แล้วจึงทักผู้ที่มีตําแหน่งรองลงไปจากใหญ่ไปเล็ก แต่ถ้ามีพระภิกษุ นักบวช และผู้ทรงศีล
ต้องทักก่อนเป็นลําดับแรก
4. เวลาทักใครแล้วต้องหันหน้าไปหาด้วย ฯลฯ

5. อารัมภบทอยู่ในกลุ่มนี้
ตอบ 3 หน้า 35, (คําบรรยาย) คํานํา หมายถึง การเริ่มเข้าเรื่อง เป็นการเกริ่น อารัมภบท หรือเป็น บทนําเข้าสู่เนื้อหา ซึ่งลักษณะการกล่าวคํานําที่ดี ได้แก่
1. เป็นการเกริ่นด้วยเนื้อหาที่เร้าใจ
2. เป็นคํานําที่ชี้ให้เห็นประเด็นสําคัญ หรือเสนอแนวคิดรวบยอดของเรื่อง (แต่ไม่ใช่การสรุป สิ่งที่พูดเอาไว้ทั้งหมด)
3. เป็นบทนําที่ปูพื้นเหตุการณ์เอาไว้ก่อน หรือโยงเข้าสู่ข่าวสําคัญ
4. เป็นส่วนที่ดึงดูดจิตใจ และสร้างความสนใจให้ติดตามเนื้อหา โดยอาศัยข้อมูลที่กระตุ้น ความรู้สึกหรือสร้างอารมณ์ร่วมในประเด็นหรือชุดข้อความที่น่าสนใจ ฯลฯ

6 เป็นการสื่อสารกระบวนการที่เน้นโครงสร้างและลําดับขั้นตอนในการถ่ายทอดข่าวสาร
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 3. ประกอบ

7. สื่อสารโดยอาศัยข้อมูลที่เป็นความรู้สึกร่วมในประเด็นหรือชุดข้อความที่น่าสนใจ
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 5. ประกอบ

8. มีปริมาณชุดข้อความมากที่สุด
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 3. ประกอบ

9.ไม่จําเป็นต้องมาวิพากษ์ตนเองอีกต่อไปแล้ว
ตอบ 5 หน้า 40, (คําบรรยาย) ข้อบกพร่องของการสรุป คือ หลีกเลี่ยงการจบแบบยุติเอาดื้อ ๆ อย่าจบเพราะหมดเวลา อย่าขอโทษ ขออภัยที่ต้องจบหรือหาที่ลงไม่ได้ นอกจากนี้ผู้พูด ไม่ควรวิพากษ์ตนเองหรือถ่อมตัวว่า ตนไม่มีความรู้ในเรื่องที่พูด มาพูดเพราะเหตุจําเป็น เพราะเป็นการไม่ให้เกียรติผู้ฟัง และยังแสดงถึงความไม่มั่นใจในตัวผู้พูดอีกด้วย

10. สร้างความประทับใจในตัวผู้ส่งสาร
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 2. ประกอบ

11. การถ่ายทอดข่าวสารของผู้พูดจะอาศัย “ระหว่างบุคคล” และ “สื่อมวลชน”
(1) เสียง
(2) สําเนียง
(3) ท่าทาง
(4) ช่องทาง
(5) ระยะห่าง
ตอบ 4 (คําบรรยาย) การถ่ายทอดสาระเนื้อหาของผู้พูด โดยปกติจะอาศัยช่องทาง “ระหว่างบุคคล” ซึ่งก็คือ ใช้บทบาทของความเป็นตัวตนระหว่างบุคคลในการแลกเปลี่ยนความรู้ข่าวสารต่าง ๆ และ “สื่อมวลชน” ซึ่งก็คือ วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ ฯลฯ

12. ในกระบวนการรับรู้ข่าวสารด้วยการพูดจะเกิดขึ้นเป็นลําดับแรกของการพบปะ
(1) ตัวตน
(2) เสียง
(3) อารมณ์
(4) ท่าที
(5) การประสานสายตา
ตอบ 1 (คําบรรยาย) ในกระบวนการรับรู้ข่าวสารด้วยการพูด สิ่งที่จะเกิดขึ้นเป็นลําดับแรกของ การพบเห็นเป็นส่วนใหญ่ คือ ตัวตนของผู้พูด ซึ่งได้แก่ บุคลิกภาพทั้งหมดที่ปรากฏออกมา

13 การออกแบบสาระข่าวสาร หมายถึง
(1) สร้างประโยค
(2) ประมวลเรื่องราว
(3) เลือกคําพูด
(4) ติดตามข่าวสาร
(5) ตีความข้อมูล
ตอบ 2 หน้า 11, (คําบรรยาย) การพูดที่ดี มีประสิทธิภาพ และหวังประสิทธิผลนั้น มีองค์ประกอบ ที่สําคัญอยู่ทั้งหมด 3 สิ่ง ดังนี้
1. การปรับปรุงและพัฒนาบุคลิกภาพตัวผู้พูดในการนําเสนอ
2. การวิเคราะห์ผู้ฟังกลุ่มเป้าหมายและสถานการณ์การพูด (กาลเทศะ)
3. การเลือกเรื่องพูด และประมวลเนื้อหาเรื่องราวเพื่อออกแบบสาระข่าวสาร/เนื้อหาในการพูด

14. พิจารณาจากวิธีการนําเสนอ ความชัดเจน และการถ่ายทอดอารมณ์
(1) ช่องทาง
(2) เสียง
(3) นิสัย
(4) อุปกรณ์
(5) ภูมิหลัง
ตอบ 2 หน้า 13 – 14, (คําบรรยาย) เสียง คือ การเปล่งวาจาออกมา ซึ่งการที่จะใช้เสียงพูดให้ มีประสิทธิภาพจะต้องพิจารณาจากวิธีการนําเสนอ ความชัดเจน และการถ่ายทอดอารมณ์ (สําเนียง)

15. ข้อใดไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่า การสื่อสารที่ไม่ใช้ถ้อยคํา
(1) การเลือกเวลา
(2) รูปแบบโต๊ะประชุม
(3) สีของแผ่นพับ
(4) ตัวอย่างเนื้อหาที่ได้จากข่าวหนังสือพิมพ์
(5) อักษร RU ที่ปกเสื้อวิทยากร
ตอบ 4 (คําบรรยาย) ภาษาในเชิงวาทวิทยานั้น ประกอบด้วย 2 ส่วนสําคัญ คือ
1. วัจนภาษา (ภาษาที่ใช้ถ้อยคํา) ได้แก่ ภาษาพูด และภาษาเขียน
2. อวัจนภาษา (ภาษาที่ไม่ใช้ถ้อยคํา) ได้แก่ น้ําเสียง สําเนียง กิริยาท่าทาง สีหน้า การแต่งกาย เวลา กลิ่น ภาพ สี ลักษณะตัวอักษร และวัสดุภาษาอื่น ๆ ที่สามารถสื่อความเข้าใจกันได้

16. พิจารณาจากความน่าเชื่อถือและเป็นอวัจนภาษาที่สอดคล้องกับสาระการนําเสนอ
(1) สติ
(2) เสียง
(3) ปฏิสัมพันธ์
(4) ความรู้
(5) ท่าทาง
ตอบ 5 หน้า 18, (คําบรรยาย) หลักการแสดงกิริยาท่าทางในการพูด ได้แก่
1. เป็นการเรียกความสนใจจากผู้ฟัง สร้างประสิทธิภาพการสื่อสาร
2. จําไว้ว่าคนเราสนใจภาพเคลื่อนไหวมากกว่าภาพนิ่ง
3. แสดงท่าทางประกอบเมื่อต้องการอธิบาย เน้นข้อความ หรือให้ความสําคัญกับสิ่งที่พูด เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ ซึ่งหากเป็นเรื่องสําคัญที่ต้องเน้นเป็นพิเศษควรใช้หลักการ ตอกย้ำแต่ไม่ซ้ำซาก
4. กิริยาท่าทางต้องสอดคล้องกับความรู้สึกนึกคิดและสาระการนําเสนอ
5. สุภาพเรียบร้อย เหมาะกับโอกาส เนื้อหาที่เตรียมมา และรูปแบบกิจกรรม
6. การแสดงท่าทางประกอบต้องมีชีวิตจิตใจ ไม่ซ้ำซากจําเจ และอย่าทําเป็นระบบจนผู้ฟัง คุ้นเคยหรือเดาทางออก โดยควรทําให้เห็นเด่นชัด และมีความหลากหลาย

17. ข้อใดสนับสนุนแนวคิดที่ว่าการพูดสร้างบุคคลเป็นผู้มีวิจารณญาณที่ดี
(1) การรู้จักใช้เหตุผลในการนําเสนอ
(2) สาระที่พูดต้องพิสูจน์ความจริงได้
(3) ต้องคิดให้รอบคอบก่อนพูด
(4) ผู้พูดต้องปรับตัวตามสถานการณ์
(5) การพูดต้องอาศัยความมีสติปัญญา ฉลาด และรอบรู้
ตอบ 1 หน้า 5, (คําบรรยาย) จุดมุ่งหมายของวิชาการพูดประการหนึ่ง คือ เพื่อฝึกให้ผู้เรียนเป็น ผู้มีวิจารณญาณที่ดี รู้จักใช้เหตุผลในการนําเสนอ รู้จักคิดรู้จักโต้แย้ง และรู้จักใช้ข้ออ้างอิงที่มีหลักฐานในการพูด

18. เสียงในเชิงวาทวิทยาใช้สื่อสารถึง…….โดยตรง
(1) เนื้อหา
(2) อารมณ์
(3) บริบท
(4) สภาวะ
(5) ความคิด
ตอบ 1 (คําบรรยาย) การพูดในเชิงวาทวิทยา หมายถึง เครื่องมือทางการสื่อสารที่ใช้เสียงและ สําเนียงโต้ตอบประกอบกันเสมอ โดยเสียงจะเป็นเพียงการเปล่งวาจาหรือเนื้อหาออกมา ส่วนสําเนียงจะบอกถึงอากัปกิริยาหรืออารมณ์ที่สื่อออกไป ดังนั้นเสียงจะไม่สามารถสื่อสารถึงอารมณ์ความรู้สึกได้โดยตรง หากไม่มีสําเนียงมาช่วย

19. ภาษาในเชิงวาทวิทยานั้น ประกอบด้วย
(1) ภาษาที่ใช้ถ้อยคํา – ภาษาที่ไม่ใช้ถ้อยคํา
(2) ภาษาที่ใช้ถ้อยคํา – ภาษาท่าทาง
(3) ภาษาทางการ – ภาษาพิธีการ
(4) ภาษาหนังสือ – ภาษาท่าทาง(5) ภาษาพูด – ภาษาท่าทาง
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 15. ประกอบ

20 ข้อใดไม่ได้หมายถึงการใช้ภาษาท่าทางเพื่อการสื่อสารร่วมกับวัจนภาษา
(1) นางสาวลีลาวดีชักสีหน้างอนแฟนหนุ่ม เพราะผิดนัดเป็นประจํา
(2) คุณตาปลื้มขยิบตาให้หลานชายเป็นนัยว่า เพื่อนหญิงของเขานิสัยดีเป็นที่ถูกใจ
(3) บ่ายนี้ร้อนจัดจนลูกจ้างในร้านพากันปาดเหงื่อ แต่ก็ขยันทํางานต่อจนหมดกะ
(4) หลานสาวชวนคุณปู่ไปทําบุญตักบาตรครบรอบวันเกิดเป็นที่น่าชื่นใจ
(5) สาวน้อยตัวอิจฉาหว่านเสน่ห์ให้พระเอกโดยหวังรวบรัดครอบครองมรดก
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 15. และ 16. ประกอบ
(ข้อความในตัวเลือกข้อ 4 ใช้แต่ภาษาพูด ซึ่งเป็นวัจนภาษาเพียงอย่างเดียว)

21. การพูดที่ดูมีกาลเทศะตามเนื้อหา เกิดจาก
(1) สภาพแวดล้อม
(2) การเลี้ยงดูทีดี
(3) การวิเคราะห์ผู้รับสาร
(4) พื้นฐานความรู้
(5) ความเข้าอกเข้าใจกันและกัน
ตอบ 1 (คําบรรยาย) การพูดที่ดูมีกาลเทศะตามเนื้อหา เกิดจากการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมหรือ สถานการณ์ที่จะไปพูด ได้แก่ เวลา สถานที่ โอกาส และเจ้าภาพหรือธรรมชาติของหน่วยงาน ที่เชิญไปพูด เพราะสภาพแวดล้อมหรือสถานการณ์การพูดจะบ่งบอกว่าเนื้อหาที่จะนําไปพูด เหมาะสมหรือไม่ หากไม่เหมาะสมก็จะต้องปรับเปลี่ยนเนื้อหาบางส่วน ส่วนใหญ่ หรือทั้งหมด

22. ข้อใดเป็นสิ่งที่สําคัญที่สุดในการพูดถึงเรื่องราวที่มีความสําคัญ
(1) ละเอียด
(2) ตรงประเด็น
(3) เป็นทางการ
(4) ไพเราะ
(5) เป็นกันเอง
ตอบ 2 (คําบรรยาย) สิ่งสําคัญที่สุดในการพูดถึงเรื่องราวที่มีความสําคัญ คือ การพูดให้ตรงประเด็น ไม่อ้อมค้อมหรือเยิ่นเย้อ เพื่อเน้นจุดสําคัญที่ต้องการจะให้คนฟังได้รับทราบ

23. ข้อใดคือสิ่งที่ต้องทําเป็นอันดับแรกในการพูดที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางสังคมทุกอย่าง
(1) หาแหล่งอ้างอิง
(2) ประสานงานกับเจ้าภาพ
(3) ค้นคว้าข้อมูลทันที
(4) ร่างเนื้อหา
(5) วิเคราะห์ปัจจัยการสื่อสาร
ตอบ 2(คําบรรยาย) ในการเตรียมเนื้อเรื่องที่จะพูดนั้น ผู้พูดจะต้องประสานงานกับเจ้าภาพก่อน เป็นลําดับแรก เพราะเจ้าภาพเป็นตัวแปรหรือปัจจัยสําคัญในการจัดทิศทางหรือแนวความคิด ของเนื้อเรื่องที่จะพูด โดยผู้พูดต้องเลือกประเด็นหรือเนื้อหาที่สอดคล้องกับความต้องการหรือ ความสนใจของเจ้าภาพ ก่อนที่จะวางเค้าโครงเรื่องเพื่อการนําเสนอ

24. กระบวนการพูดที่มีประสิทธิผลนั้น ประกอบด้วย
(1) วิเคราะห์ผู้รับสาร – ปรับปรุงตน – พัฒนาบุคลิกภาพ
(2) วิเคราะห์ผู้ฟัง – นําเสนอแนวคิด – ออกแบบการพูด
(3) วิเคราะห์ผู้รับสาร – ปรับปรุงบุคลิกภาพ – ประมวลเนื้อหา
(4) วิเคราะห์ตนเอง – สร้างสรรค์เนื้อหา – นําเสนอบนเวที
(5) วิเคราะห์เนื้อหา – สรุปประเด็น – นําเสนอบนเวที
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 13. ประกอบ

25. หากเพื่อนของนักศึกษาจะไปพูดกับประชาชนในฐานะนักสื่อสารองค์กรของหน่วยงานที่ไม่แสวงหากําไร ตัวนักศึกษาจะแนะนําวิธีเลือกเรื่องที่จะพูดอย่างไร
(1) ผู้พูดสนใจ – ผู้ฟังสนใจด้วย
(2) ผู้พูดมีความรู้ – ผู้ฟังสนใจ
(3) เรื่องที่ทันสมัย – ผู้ฟังน่าจะชอบ
(4) เรื่องดีมีสาระ – ผู้พูดอยากนําเสนอ
(5) ดูท้าทายความสามารถ – ผู้ฟังยังไม่คุ้น
ตอบ 1 หน้า 23 (คําบรรยาย) ในการเลือกเรื่องไปพูดนั้น ผู้พูดต้องพยายามเลือกเรื่องที่ทั้งผู้พูดและ ผู้ฟังสนใจเป็นอันดับแรก ถ้าเป็นเรื่องที่ผู้พูดถนัด มีความรู้ และสามารถหาข้อมูลมานําเสนอได้ ก็จะทําให้พูดได้ดี และถ้าเรื่องนั้นผู้ฟังสนใจด้วยก็ดูเหมือนว่าผู้พูดได้ประสบความสําเร็จขั้นต้น ในการเรียกความสนใจจากผู้ฟัง แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ผู้ฟังไม่สนใจ การพูดนั้นก็จะล้มเหลว

26. โครงร่าง (Outline) มีประโยชน์ต่อการเตรียมเรื่องพูดอย่างไร
(1) ทําให้มีรสนิยม
(2) ทําให้มีเอกลักษณ์
(3) ทําให้น่าติดตาม
(4) ทําให้น่าเชื่อถือ
(5) ทําให้มีเอกภาพ
ตอบ 5หน้า 31 – 32, (คําบรรยาย) ในการเตรียมเรื่องพูดนั้น ผู้พูดจําเป็นที่จะต้องเขียนโครงร่าง หรือโครงเรื่อง (Outline) ขึ้นมาก่อน ซึ่งมีประโยชน์ดังนี้
1. ช่วยวางแนวทางว่าเรื่องที่จะพูดนั้นมีหัวข้ออะไรบ้าง
2. ช่วยเป็นแนวทางการเรียงลําดับ (Order) เรื่องที่จะพูด
3. ช่วยทําให้เนื้อหามีเอกภาพเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่หลุดกรอบแนวคิดหลักของเรื่อง
4. ช่วยให้การดําเนินเรื่องไม่สับสน และง่ายแก่การจดจําไปพูด

27. ก่อนจะวางเค้าโครงเรื่องเพื่อการนําเสนอ อะไรคือสิ่งที่ต้องทําทุกครั้ง
(1) ประมวลข้อมูล
(2) ตรวจสอบอุปกรณ์
(3) หาทีมงาน
(4) ติดต่อเจ้าภาพ
(5) สํารวจงบประมาณ
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 23. ประกอบ

28. ไม่ว่าจะขึ้นคํานําด้วยประโยคใด ๆ ก็ตาม สิ่งที่ผู้พูดไม่สามารถละเลยได้ก็คือ
(1) ปฏิสันถารกับผู้ฟังก่อน
(2) สร้างความตื่นเต้นเร้าใจผู้ฟัง
(3) กล่าวอ้างอิงที่น่าเชื่อถือ
(4) สรุปเนื้อเรื่อง
(5) กล่าวสวัสดี
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 1. ประกอบ

29. ตามหลักการพูดแล้ว การขยายความเนื้อเรื่องจะเริ่มจาก
(1) การเปรียบเทียบ
(2) เรื่องที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา
(3) ความเห็น
(4) การนิยามหรือให้คําจํากัดความเสมอ
(5) ประเด็นคําถามสําคัญ
ตอบ 4 หน้า 37, (คําบรรยาย) ตามหลักการพูดแล้ว การขยายความเนื้อเรื่องจะเริ่มจากการนิยาม หรือให้คําจํากัดความก่อนเสมอ ซึ่งหมายถึง การอธิบายความหมายของศัพท์และประเด็นหลัก ด้วยการสร้างประโยคใหม่ แต่ความหมายเหมือนเดิม

30. การเริ่มพูดที่ดีควรจะ
(1) พูดดัง ๆ เปิดประเด็น
(2) พูดเร็วกว่าปกติในช่วงแรก
(3) พูดเบา ๆ ก่อน
(4) ทักทายผู้ที่คุ้นเคยก่อน
(5) พูดชัด ๆ และช้ากว่าปกติเล็กน้อย
ตอบ 5 (คําบรรยาย) เมื่อถึงเวลาที่ต้องพูดหลังจากมีการแนะนําตัวเสร็จแล้ว ผู้พูดควรพยายามรักษา บุคลิกภาพให้ดีและสง่างามที่สุดก่อนที่จะกล่าวคําอะไรออกไป โดยควรคํานึงถึงสิ่งต่าง ๆ ดังนี้

1. ในนาทีแรกที่เริ่มต้นพูดนั้นควรพูดชัด ๆ และช้ากว่าปกติเล็กน้อย ไม่ต้องรีบกล่าว
2. พยายามพูดให้ได้ตามที่เตรียมมาด้วยความมั่นใจ
3. เริ่มต้นด้วยการทักทาย กล่าวนํา และเปิดประเด็นด้วยน้ําเสียงที่ชัดเจน

31. สิ่งใดควรกระทําเมื่อขึ้นเวทีพูดเป็นอันดับแรก
(1) ทดสอบไมโครโฟน
(2) ตรวจสอบอุปกรณ์ช่วยนําเสนอ
(3) ยิ้มกับผู้ฟัง
(4) พูดขออภัยในความผิดพลาดของตัวเอง
(5) กล่าวขอบคุณเจ้าภาพ
ตอบ 3หน้า 52 – 53, (คําบรรยาย) ข้อแนะนําเกี่ยวกับการขึ้นเวทีพูด มีดังนี้
1. พิธีกรกล่าวแนะนําและเชิญผู้พูดขึ้นพูด
2. ผู้พูดเดินไปทําความเคารพพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และทําความเคารพ ผู้ที่เป็นประธานในงาน จากนั้นจึงเดินเข้าที่ ณ ที่พูด
3. การเข้าไปยังที่นั่งของผู้พูดหลังจากพิธีกรเชิญผู้พูดขึ้นพูดแล้ว ผู้พูดไม่ต้องทําความเคารพ
หรือทักทายใครอีกแล้ว
4. เข้าที่พูดในลักษณะที่สง่างาม และผู้พูดควรยิ้มแย้มด้วยใบหน้าแจ่มใสเป็นอันดับแรก เพราะกฎเกณฑ์ง่าย ๆ ของการพูด คือ ยิ้มแย้มดีกว่าทิ้งตึง
5. หลีกเลี่ยงการกระแอมกระไอก่อนพูด ไม่ควรทดสอบเสียงโดยใช้มือเคาะไมโครโฟน หรือพูดว่า “ฮัลโหล 6. ในขณะที่พูด เมื่อผู้ฟังแสดงความพอใจด้วยการปรบมือ หรือแสดงความไม่พอใจด้วยการ โห่ร้องขึ้นมา ผู้พูดควรหยุดพูดก่อนชั่วคราว จนเมื่อเสียงของผู้ฟังซาลงจึงเริ่มพูดต่อไป ฯลฯ

32 เมื่อผู้ฟังแสดงความพอใจอย่างมาก ผู้พูดควรปฏิบัติอย่างไร
(1) หยุดพูดสักครู่
(2) ทักทายอีกครั้ง
(3) พูดเร้าอารมณ์เพิ่มมากขึ้น
(4) กล่าวขอบคุณอย่างจริงใจ
(5) ทําความเคารพ
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 31. ประกอบ

33. อะไรคือ “ความเป็นทางการ” ในการพูด
(1) การรู้จักกาลเทศะ
(2) เข้ากับงานสังคมได้
(3) มีเจ้าภาพที่แน่นอน
(4) การพูดตามกําหนดการในพิธี
(5) การปฏิบัติตามแบบแผนที่กําหนดไว้
ตอบ 1 (คําบรรยาย) ความเป็นทางการในการพูด คือ การรู้จักกาลเทศะ (เวลาและสถานที่) ทั้งนี้ เพราะการพูดที่ดี หมายถึง การใช้ถ้อยคํา น้ําเสียง รวมทั้งอากัปกิริยาอย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสมตามกาลเทศะ สอดคล้องกับจรรยามารยาท แบบธรรมเนียมนิยมของแต่ละสังคม

34. ข้อใดที่ทําให้ความตื่นเต้นและประหม่าเวทีลดน้อยลงได้ตามธรรมชาติของมนุษย์
(1) ออกซิเจน
(2) อาหารและเครื่องดื่ม
(3) อุณหภูมิห้องที่เหมาะสม
(4) การต้อนรับของเจ้าภาพ
(5) เครื่องมือที่ทันสมัย
ตอบ 1 หน้า 54 – 55, (คําบรรยาย) วิธีแก้ความตื่นเวที ซึ่งสามารถทําให้อาการตื่นเต้นประหม่า
บรรเทาลงไปได้ มีดังนี้
1. หายใจเข้าปอดลึก ๆ แล้วผ่อนลมหายใจช้า ๆ 4 – 5 ครั้ง เพราะออกซิเจนจะช่วยให้หัวใจเต้นช้าลง ทําให้ลดความตื่นเต้นลงไปได้
2. เมื่อเริ่มพูดอย่าพูดเร็ว ให้พูดช้า ๆ ยิ้มแย้ม และประสานสายตากับผู้ฟัง
3. พยายามคิดว่าไม่มีอะไรน่ากลัว และผู้ฟังก็อยากฟังเราพูด

4. หลีกเลี่ยงการแต่งกายที่ตึง รัด และเป็นอุปสรรคต่อการพูด
5. ทําตัวตามสบาย อ่านหนังสือพิมพ์ หรือฟังเพลงที่ชอบก่อนขึ้นพูด ฯลฯ

35. ผู้พูดไม่สามารถสร้างความเป็นมิตรและความเป็นกันเองกับผู้ฟังได้ด้วย
(1) การสร้างมาตรฐานจริยธรรม
(2) การระวังตัวและรักษามารยาทอย่างดี
(3) การสํารวมอากัปกิริยาตามสถานะ
(4) การใช้ถ้อยคําและท่าทางที่เหมาะสม
(5) แสดงความเกรงใจและกล่าวขออภัยกรณีที่กระทําการผิดพลาด
ตอบ 1 (คําบรรยาย) ผู้พูดต้องแสดงบุคลิกภาพที่สร้างความเป็นมิตรและความเป็นกันเองกับผู้ฟัง ดังนี้
1. การมีบุคลิกลักษณะท่าทางและรสนิยมที่ดี สุภาพ มีหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส
2. การรักษามารยาทตามธรรมเนียม
3. การสํารวมอากัปกิริยาตามสถานะ
4. การใช้ถ้อยคําและแสดงท่าทางที่เหมาะสม
5. การแสดงความเกรงใจและกล่าวขออภัยกรณีที่กระทําการผิดพลาด ฯลฯ

36. ข้อใดมีความสัมพันธ์กับการฟังเพื่อวิเคราะห์
(1) แยกแยะประเด็นและสาระ
(2) มีจรรยาบรรณ
(3) มีความสํารวมขณะฟัง
(4) จดจําเนื้อหาสําคัญให้ได้
(5) มีเหตุผลพร้อมที่จะโต้แย้งได้
ตอบ 1(คําบรรยาย) วัตถุประสงค์ในการฟัง มีดังนี้
1. ฟังเพื่อรับรู้เนื้อหาสาระและข้อมูล
2. ฟังเพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ
3. ฟังเพื่อเข้าถึงทัศนคติ ความคิดเห็น
4. ฟังเพื่อความบันเทิง ความเพลิดเพลิน
5. ฟังเพื่อวิเคราะห์ (แยกแยะประเด็นและสาระสําคัญ) ประเมินผล และวิจารณ์

37. เมื่อจัดทําต้นฉบับเสร็จเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่จะต้องดําเนินการต่อไป คือ
(1) เก็บไว้ในที่มิดชิด
(2) จัดวางไว้ที่ผู้พูดจะต้องขึ้นพูด
(3) ส่งต่อไปให้พิธีกร
(4) เข้าเล่มให้เรียบร้อย
(5) ทําสําเนา
ตอบ 5หน้า 40, (คําบรรยาย) สิ่งที่ผู้พูดต้องดําเนินการเมื่อจัดทําต้นฉบับเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีดังนี้
1. ตรวจทานและแก้ไขอย่างรอบคอบ
2. ซ้อมก่อนพูดหรือก่อนนําต้นฉบับไปใช้เสมอ
3. กําจัดสิ่งที่ไม่เหมาะสมออกไป
4. ทําสําเนาเก็บไว้อย่างน้อย 1 ชุด เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องประสานงานเก็บสํารองไว้ และป้องกันความผิดพลาด ฯลฯ

38. หากต้องพูดให้ความรู้หัวเรื่อง “ภัยพิบัติเกิดขึ้นได้ทุกนาที : ทุกชีวีอย่าประมาท” นักศึกษาจะใช้แนวคิดใดในการดําเนินเรื่อง
(1) การระลึกถึงคุณงามความดี
(2) ความเมตตากรุณา
(3) ท้าทายสังคม
(4) โอนอ่อนผ่อนตาม
(5) การป้องกันความเสี่ยง
ตอบ 5 (คําบรรยาย) แนวคิดในการดําเนินเรื่องมีอยู่หลายวิธี ซึ่งนักพูดจะต้องเลือกใช้ให้เหมาะสม
กับหัวเรื่องที่จะพูด ได้แก่
1. การสร้างคุณงามความดีในวิชาชีพของตน
2. การพัฒนาตนเองเพื่อสังคม
3. การท้าทายให้ปรับเปลี่ยน
4. การป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ฯลฯ

39. ข้อใดไม่ส่งผลกับการเลือกหัวข้อที่จะพูดโดยตรง
(1) กระแสสาธารณมติ
(2) แผนงานที่ต้องดําเนินการ
(3) แผนหน่วยงาน
(4) ความต้องการของเจ้าภาพ
(5) สุขภาพของตัวผู้พูดเอง

ตอบ 5 (คําบรรยาย) ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเลือกหัวข้อที่จะพูดโดยตรง ได้แก่
1. ความต้องการของเจ้าภาพ
2. กระแสสาธารณมติ
3. นโยบาย/แผนของหน่วยงานที่ไปพูด
4. แผนงานที่ต้องดําเนินการ
5. ความเหมาะสมกับกลุ่มผู้ฟัง

40. ในการพูดชักจูงใจ สิ่งสําคัญที่ทําให้ผู้ฟังเชื่อถือในตัวผู้พูดในเบื้องต้นคืออะไร
(1) มาตรฐานสังคมและทักษะการนําเสนอ
(2) ถ้อยคําที่มีน้ำหนัก มีการอ้างอิง
(3) ความมีชีวิตชีวาและท่าทางของผู้พูด
(5) พยาน หลักฐาน และข้อมูล
(4) น้ำเสียง ท่าทาง และคําพูด
ตอบ 5 (คําบรรยาย) ในการพูดแบบชักจูงใจ สิ่งสําคัญที่ทําให้ผู้ฟังเกิดการตัดสินใจ คือ ผู้พูดจะต้อง ยกตัวอย่าง ยกเหตุผลข้อเท็จจริง พยาน หลักฐาน ข้อมูล และข้อโต้แย้งต่าง ๆ ขึ้นมาอ้างอิง เพื่อให้ผู้ฟังเชื่อถือในตัวผู้พูด และเห็นด้วยจนเกิดการตัดสินใจในที่สุด

41. ข้อใดไม่เป็นองค์ประกอบหลักของการพูดเพื่อชักจูงใจ
(1) ผลตอบแทนที่ได้
(2) แรงจูงใจเพื่อใช้กระตุ้นการกระทํา
(3) ความต้องการหรือความปรารถนาที่มีอยู่เดิม
(4) จุดอ่อนที่ผู้ฟังแสดงออกมา
(5) แนวทางตัดสินใจในการเลือกแนวทางการกระทํา
ตอบ 4 (คําบรรยาย) องค์ประกอบหลักของการพูดเพื่อชักจูงใจ มีดังนี้
1. ผลตอบแทนที่ได้
2. แรงจูงใจเพื่อใช้กระตุ้นการกระทํา
3. ความต้องการหรือความปรารถนาที่มีอยู่เดิม
4. อิทธิพลทางใจหรือแนวทางตัดสินใจในการเลือกแนวทางการกระทํา

42. ช่องทางการสร้างความรู้ความเข้าใจในทางวาทวิทยา คือ
(1) โสตประสาท
(2) เครื่องมือ
(3) ภาวะจิตใจ
(4) สื่อ
(5) การกระทํา
ตอบ 2 หน้า 7 (คําบรรยาย) เครื่องมือสื่อความหมาย (Channel) หมายถึง ช่องทางหรืออะไรก็ตาม
ที่ผู้พูดนํามาใช้เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อการนําเสนอ อันจะส่งผลต่อการสร้างความรู้ความเข้าใจ เข้าถึงอารมณ์ความรู้สึก เข้าแทรกแซงกระบวนการคิดและความเชื่อ แบ่งออกเป็น
1. อวัจนภาษา
2. โสตทัศนูปกรณ์
3. บุคคลและวัตถุพยาน

43.“ภาพพจน์” ในการสื่อสารแบบวาทวิทยา คือ

(1) เห็นชอบ
(2) เห็นตาม
(3) เห็นดี
(4) เห็นได้
(5) เห็นถูก
ตอบ 2 หน้า 12, (คําบรรยาย) การวิเคราะห์ตน (การวิเคราะห์ตัวผู้พูดเอง) ในการสื่อสารแบบ วาทวิทยาจะเกี่ยวข้องกับสิ่งที่สําคัญ 2 อย่าง ได้แก่
1 ภาพลักษณ์ คือ สิ่งที่ผู้ฟังรู้สึกกับตัวตนของผู้พูดจากประสบการณ์ จากสิ่งที่ได้รับรู้ หรือจากสิ่งที่เห็น จนสามารถประเมินค่าและเชื่อถือว่าผู้พูดเป็นเช่นนั้น
2. ภาพพจน์ คือ การเห็นภาพตามคําพูด หรือมีอารมณ์ร่วมในเรื่องที่พูด ซึ่งผู้พูดที่เก่ง จะต้องสามารถพูด แล้วทําให้ผู้ฟังเห็นภาพตามได้

44. คําว่า “บรรยากาศที่ดีในการพูด” เป็นผลมาจาก
(1) ความเป็นจริงและมีความเหมาะสม
(2) มีความเหมาะสมและเป็นเหตุเป็นผล
(3) การสร้างความรู้สึกร่วมและเข้ากันได้
(4) มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับ
(5) ยอมรับในบทบาทหน้าที่และขอบเขตของกันและกัน

ตอบ 3 (คําบรรยาย) บรรยากาศที่ดีในการพูด เป็นผลมาจากการสร้างความรู้สึกร่วมและเข้ากันได้
ของคู่สื่อสารเพราะอารมณ์และความรู้สึกร่วมระหว่างผู้พูดกับผู้ฟังจะเป็นปัจจัยสําคัญที่สุด
ในการเชื่อมต่อสถานการณ์การพูดให้ราบรื่นและดําเนินไปได้ตลอดรอดฝั่ง

45. ข้อใดเป็นข้อมูลข่าวสารระดับปฐมภูมิที่ผู้พูดสามารถใช้ประโยชน์ได้
(1) ประสบการณ์ของผู้รอดตาย
(2) บทความของ บก. คนดัง
(3) ต้นฉบับนักเขียน
(4) บทประพันธ์สมัย ร.1
(5) คําบอกเล่าของเหล่าไทยมุง
ตอบ 1 (คําบรรยาย) ข้อมูลข่าวสารระดับปฐมภูมิที่ผู้พูดสามารถนํามาใช้ประโยชน์ได้เป็นอย่างดี คือ ประสบการณ์ของผู้รอดตาย ซึ่งเป็นผู้ที่ประสบเหตุการณ์โดยตรง จึงทําให้การพูดนั้นน่าเชื่อถือ และมีคุณค่าแก่การนําเสนอ

46. การสื่อสารระหว่างกันและกันผ่านกระบวนการพูดนั้น สิ่งใดเป็นปัจจัยที่สําคัญที่สุดหากจะดําเนินการ
ให้ตลอดรอดฝั่ง
(1) ตัวตนที่ชัดเจน
(2) การรักษาบรรยากาศการสื่อสาร
(3) ความรู้ที่ได้
(4) เนื้อหาที่ตรงไปตรงมา
(5) บอกถึงผลกระทบที่ชัดเจน
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 44. ประกอบ

47. ข้อใดต่อไปนี้เป็นหัวใจของการพูดเพื่อวิพากษ์วิจารณ์
(1) ใช้วาทศิลป์ชั้นสูง
(2) มีสมดุล ติเพื่อก่อ
(3) ให้ข้อมูลที่เป็นจริง
(4) มองรายละเอียดที่คาดไม่ถึง
(5) พิจารณาผลกระทบตามลําดับ
ตอบ 2 หน้า 169 – 171, (คําบรรยาย) หัวใจของการพูดเพื่อวิพากษ์วิจารณ์ คือ มีความสมดุลในการ วิจารณ์ ซึ่งจะต้องพูดทั้งติและชมอย่างมีเหตุผล หากเป็นการติก็ต้องติเพื่อก่อ โดยเสนอแนะว่า ควรจะแก้ไขข้อบกพร่องทางด้านใดบ้าง

48. การพูดเป็นการสื่อสาร
(1) ด้วยบุคคล
(2) ภายในบุคคล
(3) ระหว่างบุคคล
(4) ระหว่างมวลชน
(5) โดยใช้ประชาชน
ตอบ 3 (คําบรรยาย) บทบาทของการพูด มีดังนี้
1. เป็นการสื่อสารสองทางในการสื่อสารระหว่างบุคคล ทําให้สามารถเข้าถึงปฏิกิริยาตอบกลับ ได้ทันที ซึ่งทําให้การพูดแตกต่างจากการสื่อสารอื่น ๆ
2. เป็นเครื่องมือเข้าสมาคม เชื่อมต่อสมาชิกสังคมทุกระดับ
3. เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ความเชื่อ ทัศนคติ
4. เป็นกระบวนการสร้างและสลายอารมณ์ความรู้สึกของบุคคล ซึ่งเกิดจากการเข้าถึงอารมณ์
ของผู้ฟังได้โดยตรง
5. ทําให้เกิดการถ่ายทอดแบบแผนวัฒนธรรม ประเพณี กฎระเบียบ และข้อปฏิบัติทางสังคม ไปยังคนรุ่นต่อไป เพื่อการคงอยู่ของประเพณีและวัฒนธรรม ฯลฯ

49 บทบาทของการพูดที่สามารถสร้างและสลายความรู้สึกของบุคคล เกิดขึ้นจาก
(1) การรับรู้ข้อมูล
(2) การสื่อสารโดยตรง
(3) การสร้างสมาธิและปัญญา
(4) การเข้าถึงอารมณ์
(5) การเร่งเร้าปฏิกิริยา
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 48. ประกอบ

50. การคงอยู่ของประเพณีและวัฒนธรรม อาศัยกลไกใดในเชิงวาทวิทยา
(1) สั่งสอนเรียนรู้
(2) ถ่ายทอดแบบแผน
(3) สร้างมาตรฐานใหม่
(4) เลียนแบบพฤติกรรมกันเอง
(5) จดจําสิ่งที่เห็นเป็นประสบการณ์
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 48. ประกอบ

51. ความเป็น “ศาสตร์” และ “ศิลป์” พิจารณาจาก
(1) หลักการ – วิธีการ
(2) ความรู้ – ความสามารถ
(3) ทักษะ – การเรียนรู้
(4) ผลงาน – ความเข้าใจ
(5) ทฤษฎี – ประสบการณ์
ตอบ 1 หน้า 3, (คําบรรยาย) การพูดเป็นทั้งวิทยาศาสตร์และศิลปะ คือ วิชาการพูดมีลักษณะของ ความเป็น “ศาสตร์” (Science) เพราะเป็นวิชาที่มีหลักการ แนวคิด และทฤษฎีรองรับ และ มีลักษณะเป็น “ศิลป์” (Art) เพราะเป็นวิชาที่ต้องใช้ศิลปะในการพูด หรือสร้างสุนทรียะใน วิธีการนําเสนอ

52. การกล่าวอุปมาอุปไมยและเปรียบเทียบ มักใช้กับการพูดชนิดใด
(1) รายงาน
(2) วิจารณ์
(3) เล่าเรื่อง
(4) อภิปราย
(5) เสวนา
ตอบ 3 หน้า 217 การเล่าเรื่องเป็นการสอน ถ่ายทอดความรู้ หรือนําเสนอข้อมูลในเชิงอุปมาอุปไมย และเปรียบเทียบ รวมทั้งยังเป็นการสอนในแง่ความคิดต่าง ๆ ในด้านปรัชญาและคติธรรม

53. การพูดในระดับ “ระหว่างบุคคล” มีลักษณะการสื่อสารแบบ
(1) น่าสนใจ
(2) ไต่ถามทุกข์ – สุข
(3) เป็นไปตามอัธยาศัย
(4) จากใจถึงใจ
(5) ให้แง่คิดดี ๆ
ตอบ 3 (คําบรรยาย) การพูดระหว่างบุคคล เป็นการพูดขั้นพื้นฐานที่สุดของสังคมมนุษย์ เริ่มตั้งแต่ การทักทาย ไต่ถาม บอกความ ถกเถียง เชื้อเชิญ และปรึกษาหารือ ซึ่งจะเน้นความรู้สึกร่วม และมีลักษณะของการสื่อสารตามอัธยาศัย โดยไม่จํากัดประเด็น เนื้อหา หรือเวลา ขึ้นอยู่กับ สภาวะปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลของกันและกัน

54. ข้อควรระวังที่สุดสําหรับการนําเสนอเรื่องราวที่มีประเด็นขัดแย้งทางสังคม ได้แก่
(1) ข้อมูลจากแหล่งอ้างอิงที่หลากหลาย
(2) ความสมดุลด้านข้อมูลของคู่กรณี
(3) หลักฐานที่ชัดเจนพอ
(4) หลักการที่ควรปฏิบัติ
(5) กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ตอบ 2 (คําบรรยาย) ข้อควรระวังที่สุดสําหรับการเล่าเรื่องราวที่มีประเด็นขัดแย้งทางสังคม ได้แก่ ความสมดุลด้านข้อมูลของคู่กรณี ดังนั้นจึงควรเปิดโอกาสให้คู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายพูดและแสดง ความคิดเห็นได้อย่างเท่าเทียมกัน ไม่ควรผูกขาดการพูดไว้ที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะจะทําให้ เกิดความไม่สมดุลในโครงสร้างของการสื่อสาร

55. หลักการพูดเพื่อประกาศผลรางวัลหรือการตัดสินความสามารถในปัจจุบันเป็นอย่างไร
(1) เชิดชูคนเก่ง
(2) ทุกคนมีแต่ได้
(3) สัมพันธ์แนบแน่น
(4) ละลายพฤติกรรม
(5) หนทางสู่ชัยชนะ
ตอบ 1หน้า 448, (คําบรรยาย) หลักการพูดเพื่อประกาศผลรางวัลหรือการตัดสินความสามารถในปัจจุบันนั้น ผู้พูดควรพูดให้สั้นที่สุด (ไม่ควรพูดเกิน 15 นาที) โดยควรกล่าวยกย่องเชิดชูคนเก่ง ที่ได้รับรางวัลแต่พอสมควร และควรจดจําข้อเท็จจริงต่าง ๆ เช่น ชื่อ – นามสกุล และผลงาน ของผู้ได้รับรางวัลให้แม่นยํา

56. ข้อใดเป็นการดําเนินงานลําดับแรก เมื่อนักศึกษารับปากที่จะพูดตามหัวข้อที่รับเชิญ
(1) กําหนดแนวคิดในการนําเสนอ
(2) จองที่พักและยานพาหนะล่วงหน้า
(3) หาข้อมูลที่เกี่ยวข้องทันที
(4) เตรียมหาผู้ร่วมงานหรือผู้ช่วย
(5) ซ้อมบทพูดที่เกี่ยวข้องล่วงหน้า
ตอบ 3(คําบรรยาย) ขั้นตอนการรวบรวมข้อมูล เมื่อนักพูดรับปากที่จะพูดตามหัวข้อที่รับเชิญ มีดังนี้
1. หาข้อมูลที่เกี่ยวข้องทันทีเมื่อรู้ว่าจะต้องพูด
2. เริ่มหาข้อมูลจากความทรงจําที่มีอยู่
3. ดูจากข้อมูลที่มีอยู่
4. หาเพิ่มเติมในสิ่งที่ขาดหายไปหรือที่ต้องการใช้
5. พิจารณาเป้าหมาย และวัตถุประสงค์การพูดด้วย

57. การสรุปเรื่องราวทําหน้าที่ในเชิงการสื่อสารอย่างไร
(1) ให้รู้ซึ้งถึงข้อมูลเชิงลึก
(2) รวมความเนื้อหา
(3) เปิดเผยความเป็นจริง
(4) ทําให้มีการจัดระเบียบข่าวสาร
(5) สร้างกระบวนการแลกเปลี่ยนข่าวสาร
ตอบ 2 หน้า 38 – 40, (คําบรรยาย) เทคนิคการสรุปการพูดหรือจบการนําเสนอ มีดังนี้
1. การรวมความเนื้อหา หรือทวนแนวคิดสําคัญ (การสรุปไม่ใช่การย่อความ)
2.การทิ้งประเด็น หรือนําเสนอกรอบความคิดใหม่ให้พิจารณา
3. การตั้งคําถามกับผู้ฟัง (ทิ้งคําถาม)
4. การให้การบ้าน หรือฝากหลักการกลับไปคิดต่อ
5. การกล่าวคําคม สุภาษิต หรือคําพังเพย ซึ่งจะต้องสอดคล้องกับสิ่งที่กล่าวมา
6. การชักชวน
7. การเรียกร้อง
8. การเฉลยปมปัญหา
9. การยกอุทาหรณ์
10. การยอมรับ/ปฏิเสธสมมุติฐาน

58. ข้อใดไม่ใช่การสรุปที่ควรจะเป็น
(1) เฉลยปัญหาคาใจ
(2) ให้หลักการไปคิดต่อ
(3) ยอมรับ/ปฏิเสธสมมุติฐาน
(4) ยกอุทาหรณ์เตือนใจ
(5) ไม่มีอะไรจะพูดซ้ำเพราะหมดเวลาแล้ว
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 57. ประกอบ

59. การยกสุภาษิตหรือคําพังเพยในการจบการนําเสนอ มีข้อพึงระวังที่สําคัญ คือ
(1) ถูกแบบแผนฉันทลักษณ์
(2) สอดคล้องกับสิ่งที่กล่าวมา
(3) ความทันสมัยทันเหตุการณ์
(4) มีหลักฐานอ้างอิง
(5) สื่อมวลชนนําเสนอเป็นข่าวดังอยู่ประจํา
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 57. ประกอบ

60. เนื้อหาการนําเสนอที่ผู้ฟังให้ความสนใจในเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมายโดยตรง มักมาจาก
(1) การตอบสนองต่อปัญหาและความคาดหวัง
(2) มีพลังและแรงผลักดันทางสังคม
(3) มีรสนิยมตามระดับชนชั้น
(4) เป็นนวัตกรรมที่แปลกใหม่
(5) มีเหตุผลกินใจไร้ที่ติ
ตอบ 1(คําบรรยาย) เนื้อหาการนําเสนอที่ผู้ฟังให้ความสนใจ คือ เรื่องราวที่ตอบสนองต่อปัญหาและ ความคาดหวังของกลุ่มเป้าหมายโดยตรง ดังนั้นการวิเคราะห์ผู้ฟังหรือผู้ชมในการพูดแต่ละครั้ง จึงเป็นสิ่งที่นักพูดถือว่าเป็นเรื่องจําเป็นและขาดไม่ได้ เพราะการพูดจะไม่ประสบความสําเร็จหากไม่รู้จักผู้ฟังดีพอ

61. ในการปฏิบัติงานสื่อสารมวลชน บุคคลใดสมควรเป็นผู้ให้ข้อมูลสําคัญในลําดับแรก
(1) ผู้นําองค์กร
(2) ผู้มีอํานาจตัดสินใจ
(3) ผู้ที่สังคมให้ความสนใจ
(4) ผู้เกี่ยวข้องและมีความรู้ในเรื่องนั้น
(5) ผู้ทําหน้าที่สื่อสารมวลชน
ตอบ 4 หน้า 257 – 258, (คําบรรยาย) คุณสมบัติของผู้ให้สัมภาษณ์ (ผู้ถูกสัมภาษณ์) เรียงตามลําดับ
ความสําคัญของบุคคลได้ ดังนี้ หรืออยู่ในเหตุการณ์
1. เป็นผู้รู้ (สําคัญที่สุด)
2. เป็นผู้เกี่ยวข้อง รู้เห็น
3. เป็นผู้นํา ผู้บริหาร หรือผู้ที่มีความสําคัญ
4. เป็นผู้มีประสบการณ์
5. เป็นผู้ได้รับความสนใจ
6. เป็นผู้ที่มีตัวตนอยู่จริง

62. นักประพันธ์บทภาพยนตร์ซึ่งเพิ่งรับรางวัลระดับโลก ได้เดินทางกลับมาประเทศไทย หลังจากที่ประกาศ
ผลการตัดสินมาแล้ว และเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์ นักศึกษารู้หรือไม่ว่าเป็นการสัมภาษณ์แบบใด
(1) One By One Interview
(2) Press Conference
(3) Press Interview
(4) Sport Conference
(5) Interview Meeting
ตอบ 2 หน้า 257 การเปิดให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์รวม (Press Conference) คือ การที่บุคคลสําคัญ เปิดโอกาสให้ผู้สื่อข่าวของสื่อมวลชนต่าง ๆ ทําการสัมภาษณ์รวม เพื่อซักถามข้อข้องใจอย่างเป็นพิธีการ

63. ในการบรรยายพิเศษ ทําไมจึงต้องมีการแนะนําผู้บรรยาย
(1) เพื่อให้ผู้ฟังรู้จักผู้พูด
(2) เพื่อให้เกียรติแก่ผู้ฟัง
(3) เพื่อฆ่าเวลา
(4) เพื่อยกย่องในเกียรติประวัติที่ทํามา
(5) เพื่อสร้างความสนใจจากผู้ฟัง
ตอบ 1 หน้า 310, 444 จุดมุ่งหมายในการแนะนําองค์ปาฐก ผู้บรรยาย ผู้ดําเนินการอภิปราย มีดังนี้
1. เพื่อให้ผู้ฟังรู้จักผู้พูดว่าเป็นใคร ทําอะไร และมีความสําคัญอย่างไร
2. เพื่อเป็นการให้เกียรติแก่ผู้พูด
3. เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้ฟังกับผู้พูด ฯลฯ

64. ถ้าท่านได้รับมอบหมายให้เป็นผู้แนะนําวิทยากรที่จะมาแสดงปาฐกถา ท่านจะถามหาข้อมูลเกี่ยวกับ
วิทยากรจากใครที่จะได้ตรงเป้าหมายที่สุด
(1) ประธาน
(2) สื่อมวลชน
(3) ผู้เชิญ
(4) เจ้าภาพ
(5) วิทยากร
ตอบ 5 หน้า 311, (คําบรรยาย) ถ้าผู้แนะนําไม่รู้จักหรือไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับวิทยากร (องค์ปาฐก) ที่จะมาแสดงปาฐกถา ก็ควรติดต่อวิทยากรหรือถามจากเลขานุการในทีมงานวิทยากรว่า จะให้ตนแนะนําอย่างไร โดยต้องติดต่อกันก่อนวันแนะนําจริง

65. ข้อใดคือต้นฉบับที่พึงประสงค์
(1) สวยงามมีคุณค่า
(2) โดดเด่นดูเตะตา
(3) ไม่มีร่องรอยแก้ไข
(4) ได้รับการรับรองแล้ว
(5) มีเนื้อหาเหมาะสมกับเวลาที่มี
ตอบ 5 หน้า 40, (คําบรรยาย) ลักษณะของต้นฉบับที่พึงประสงค์ มีดังนี้
1. ใช้ภาษาที่สุภาพ
2. มีเนื้อหาตามวัตถุประสงค์ และเป็นไปตามโครงสร้างของการพูดแบบสากล
3. ลําดับความคิดน่าติดตาม (ฟังแล้วไม่สับสน)
4. มีเนื้อหาเหมาะสมสอดคล้องหรือพอดีกับเวลาที่มี
5. อ่านง่ายทั้งแบบอักษรและขนาดตัวพิมพ์ ฯลฯ

66. เมื่อกล่าวขอบคุณผู้บรรยายพิเศษเสร็จสิ้น ควรทําอะไรต่อไป
(1) เชิญชวนให้มาพูดอีก
(2) เชิญชวนผู้ฟังปรบมือให้ผู้บรรยาย
(3) สรุปเนื้อหาสาระอีกรอบ
(4) สรุปเนื้อหาและวิจารณ์วิทยากรทันที
(5) เชิญชวนถ่ายรูปหมู่เป็นที่ระลึก
ตอบ 2 หน้า 312 หลังจากที่องค์ปาฐก ผู้บรรยาย ผู้ดําเนินการอภิปราย ฯลฯ ได้จบการพูดลงแล้ว พิธีกรจะต้องลุกขึ้นไปกล่าวขอบคุณเป็นข้อความสั้น ๆ หรือบางครั้งก็อาจจะกล่าวขอบคุณ และเชิญชวนผู้ฟังปรบมือให้องค์ปาฐก ผู้บรรยาย ผู้ดําเนินการอภิปราย ฯลฯ ด้วยก็ได้

67. ในการบรรยายพิเศษที่มีระยะเวลายาวนานพอสมควรนั้น ผู้พูดควรพูดอย่างไรเพื่อให้เรื่องที่พูดนั้น
เป็นเรื่องที่น่าสนใจ
(1) แทรกบทตลกตลอดเวลา
(2) พูดเรื่องที่ผู้ฟังไม่เคยรู้มาก่อน
(3) พาดพิงถึงบุคคลอื่นอย่างสนุกสนาน
(4) ระบายความน้อยเนื้อต่ำใจของตนเอง
(5) เล่าประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นของตนเอง
ตอบ 2 หน้า 308 – 309, (คําบรรยาย) ในการแสดงปาฐกถาหรือบรรยายพิเศษนั้น ผู้พูดควรพูด เรื่องที่น่าสนใจสําหรับผู้ฟัง หรือเรื่องที่ให้ความรู้ และควรจะเป็นเรื่องที่ผู้ฟังไม่เคยรู้มาก่อน ยกเว้นเรื่องที่เป็นความลับหรือเรื่องส่วนตัวของตนเองและผู้อื่น นอกจากนี้ผู้พูดอาจแทรก บทตลกได้เท่าที่จําเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้ฟังเกิดความเบื่อหน่ายและไม่สนใจ จากนั้น จึงดึงประเด็นเข้าสู่สาระหลักที่จะพูดต่อไป

68. ข้อใดหมายถึง การพัฒนาตนในบริบทของการนําเสนอเนื้อหาเชิงวาทวิทยา
(1) การสร้างอัตลักษณ์ของตนเอง
(2) การแสวงหาความรู้ให้มากพอ
(3) การริเริ่มแนวคิดเพื่อการนําเสนอ
(4) การปรับปรุงบุคลิกภาพ
(5) รู้จักการขยายเครือข่ายความสัมพันธ์กับองค์กรต่าง ๆ
ตอบ 4 หน้า 11, (คําบรรยาย) การพัฒนาตนในบริบทของการนําเสนอเนื้อหาเชิงวาทวิทยา หมายถึง การปรับปรุงบุคลิกภาพให้เหมาะสมกับการนําเสนอ โดยบุคลิกภาพจะรวมไปถึงการใช้สายตา การใช้ภาษา น้ําเสียง การยืน การแต่งกาย กิริยาท่าทาง ฯลฯ ซึ่งเป็นเสมือนกับเครื่องมือที่ใช้ สื่อความหมายไปสู่ผู้ฟัง ดังนั้นผู้พูดจึงต้องรู้จักปรับปรุงตนเองเพื่อให้ใช้เครื่องมือสื่อความหมาย เหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

69. การเข้าไปยังที่นั่งของผู้พูด สิ่งที่ไม่ควรกระทํา คือ
(1) เดินตัวตรง ยิ้มให้กับผู้ชม ผู้ฟังตามสมควร
(2) เดินอกผายไหล่ผึ้ง ทําความเคารพประธาน ทักทายคนรู้จัก
(3) เดินตรงไปยังที่นั่งของตน สํารวจว่าตรงกับชื่อตัวเองหรือไม่ แล้วรีบนั่งลงไป
(4) เดินไปตามลําดับที่พิธีกรประกาศชื่อ ไม่ทักทายประธานในพิธี
(5) อยู่ ณ ที่พักของตนเอง และรอจนกว่าพิธีกรประกาศจึงเข้าประจําตําแหน่ง
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 31. ประกอบ

70 ในการประชุมร่วมกันนั้น หากมีผู้ที่ต้องการพูดเพิ่มเติม ซึ่งเป็นประเด็นที่มีความสําคัญมาก แต่ลําดับ
การพูดของตนผ่านไปแล้ว เขาควรทําอย่างไร
(1) พูดแทรกเมื่อมีจังหวะแล้วจึงขออภัย
(2) ให้ทุกคนพูดจบแล้วจึงพูดเพิ่มเติม
(3) ขออนุญาตจากประธานก่อนแล้วจึงพูด
(4) ให้ผู้ดําเนินการสรุปจบก่อนแล้วจึงพูด
(5) ขออภัยและขออนุญาตสมาชิกในที่ประชุมจากนั้นจึงกล่าวถึงประเด็นของตน

ตอบ 3 หน้า 206 มารยาทของผู้เข้าร่วมประชุมประการหนึ่ง คือ เมื่อต้องการแสดงความคิดเห็น ในเรื่องที่สําคัญ หรือต้องการพูดคัดค้าน ควรให้สัญญาณหรือขออนุญาตจากประธานก่อน แสดงความคิดเห็น เช่น ยกมือขึ้นเพื่อเป็นการขออนุญาต เมื่อประธานอนุญาตจึงเริ่มพูดได้

71. ประโยชน์ของการพูดในแง่มุมของการส่งเสริมแนวคิดประชาธิปไตย คือข้อใด
(1) เพื่อสร้างความเจริญก้าวหน้า
(2) เพื่อเผยแพร่นโยบาย
(3) เพื่อการแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกับผู้อื่น
(4) เพื่อปรับปรุงกฎระเบียบ
(5) เพื่อเป็นเวทีในการประกาศเจตนารมณ์ของตนเอง
ตอบ 3 (คําบรรยาย) การพูดที่ส่งเสริมแนวคิดประชาธิปไตยจะพิจารณาจากความสมดุลในการ สื่อสาร โดยประโยชน์ของการพูดในแง่มุมนี้ คือ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกับผู้อื่น เพราะสังคมประชาธิปไตยนั้นต้องการความคิดเห็นของสมาชิกเป็นสําคัญ

72. ข้อใดไม่ใช่หน้าที่ของนักพูด
(1) กระตุ้นเตือนสังคม
(2) บอกวิธีรักษาโรคภัยให้ผู้ป่วย
(3) สร้างสรรค์สุนทรียะทางภาษา
(4) จูงใจให้เกิดการซื้อขาย
(5) ให้ความรู้ด้วยสาระความบันเทิง
ตอบ 3 (คําบรรยาย) หน้าที่ของนักพูด มีดังนี้
1. บอกกล่าวเรื่องราว
2. ให้ความรู้
3. สอดส่องดูแลและเตือนภัยสังคม
4. สร้างความจรรโลงใจ
5. โน้มน้าวใจให้เกิดการกระทํา

73. ความประหม่าของผู้พูด เป็นปัญหาการพูดในกลุ่มใด
(1) ภาษา
(2) แนวคิด
(3) สาระ
(4) การพัฒนาตน
(5) การปรับตัว
ตอบ 5(คําบรรยาย) ปัญหาที่เกิดกับการพูดด้านบุคลิกและการปรับตัวทั่วไป ได้แก่
1. แต่งกายไม่เหมาะสมกับผู้ฟังหรือสถานที่
2. การเดินไม่เป็นไปตามธรรมชาติ
3. ความประหม่าของผู้พูดที่จะต้องปรากฏกาย
4. เกรงว่าจะควบคุมกิริยาท่าทาง มารยาท การวางตัวไม่ได้ ฯลฯ

74. ข้อใดเป็นวินัยที่ควรปฏิบัติของนักพูดที่มีความรับผิดชอบ
(1) มาตรงเวลาทุกครั้ง
(2) ทําการซ้อมอย่างเปิดเผยต่อหน้าผู้ชม
(3) ทําทุกอย่างเองเพื่อความสมบูรณ์แบบ
(4) ทําตัวให้โดดเด่นน่าภูมิใจ
(5) มาก่อนเวลาเพื่อสํารวจจุดบกพร่อง
ตอบ 5 (คําบรรยาย) วินัยที่ควรปฏิบัติของนักพูดที่มีความรับผิดชอบ คือ ต้องไปถึงสถานที่ที่จะพูด ก่อนเวลา หรือเผื่อเวลาไว้นานพอสมควรสําหรับการไปถึง เพื่อสํารวจจุดบกพร่องไม่ว่าจะเป็น เวที สถานที่ และอุปกรณ์ด้วยตนเอง

75 การพูดแบบใดที่ส่งเสริมให้รู้จักพูดชักจูงใจให้คนฟังคล้อยตามความคิดเห็นของตน
(1) รายงาน
(2) อภิปราย
(3) โต้วาที
(4) วิจารณ์
(5) เสวนา
ตอบ 3 หน้า 403 การโต้วาที คือ การโต้แย้งด้วยการใช้คําพูดที่ประกอบด้วยเหตุผลและใช้วาทศิลป์ หักล้างเหตุผลของอีกฝ่ายหนึ่งเพื่อมุ่งให้ได้รับชัยชนะ ซึ่งการโต้วาทีถือเป็นการพูดแบบชักจูงใจ ให้คนฟังคล้อยตามความคิดเห็นของตน และเป็นการอภิปรายที่ต้องมีการโต้แย้งกันด้วยเหตุผล เพื่อตัดสินว่าจะรับหลักการหรือนโยบายนั้นหรือไม่

76. การวิเคราะห์ผู้ฟังด้านความเชื่อ ความคิดเห็น และทัศนคติ มีผลอย่างไรต่อการเตรียมข้อมูล ในการพูดแต่ละครั้ง
(1) เพื่อสร้างศัพท์และระดับความซับซ้อนของข้อมูลที่นําเสนอ
(2) เพื่อเปิดประเด็นและหัวข้อที่จะพูดให้เหมาะสม
(3) เพื่อต้องการทราบแนวโน้มการตัดสินใจในเรื่องที่จะเป็นส่วนได้ – เสีย ของผู้ฟัง
(4) เพื่อกําหนดวาระรับรู้และกระบวนการออกแบบเนื้อหา
(5) เพื่อสร้างความรู้สึกและความพึงพอใจให้กับกลุ่มเป้าหมาย
ตอบ 3 (คําบรรยาย) การวิเคราะห์ผู้ฟัง ผู้ชม เพื่อตรวจสอบความเชื่อ ความคิดเห็น และทัศนคติ จะทําให้ผู้พูดทราบถึงแนวโน้มการตัดสินใจในเรื่องที่จะเป็นส่วนได้ – เสีย ของผู้ฟัง เพื่อให้ ผู้พูดสามารถเตรียมข้อมูลในการพูดแต่ละครั้งได้สอดคล้องกับสิ่งที่ผู้ฟังเชื่อและยึดถือ ไม่ไป ขัดแย้งหรือดูถูกความเชื่อ ความคิดเห็น และทัศนคติที่ผู้ฟังมีอยู่แต่เดิม

77. ผู้ดําเนินรายการที่ดี ไม่ควรมีบุคลิกแบบใด
(1) หลีกเลี่ยงการพูดถ้อยคําที่ซ้ำซาก
(2) แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี
(3) เลือกใส่เสื้อผ้าที่ดูสง่างามมีราศี
(4) พูดได้ทุกประเด็นเท่าที่ต้องการพูด
(5) ทําตัวให้กลมกลืนและเป็นธรรมชาติกับงานได้ในทุกกาลเทศะ
ตอบ 4 (คําบรรยาย) สิ่งที่ผู้ดําเนินรายการที่ดีไม่ควรกระทํา คือ พูดได้ทุกประเด็นเท่าที่ต้องการพูด เพราะทําให้การพูดครั้งนั้นออกนอกเรื่องหรือนอกประเด็นสําคัญที่ต้องการจะพูด และทําให้เนื้อหาการพูดยาวเกินเวลาที่กําหนดอีกด้วย

78. การกล่าวต้อนรับอย่างเป็นพิธีการจะต้องเริ่มด้วย
(1) การแนะนําเจ้าภาพ
(2) คําปฏิสันถาร
(3) บทประทับใจ
(4) การกล่าวขอบคุณแขกผู้มีเกียรติ
(5) คําชื่นชมในโอกาสนั้น ๆ
ตอบ 2 หน้า 445 การกล่าวต้อนรับ เป็นการแสดงออกถึงการให้เกียรติแก่ผู้ที่มาเยี่ยม เป็นการ แนะนําผู้มาเยี่ยม หรือผู้มาใหม่ให้รู้จักสถานที่นั้น ๆ ดีขึ้น โดยการกล่าวต้อนรับอย่างเป็น พิธีการจะต้องเริ่มต้นด้วยการกล่าวคําปฏิสันถารก่อนเสมอ

79. การซ้อมการพูดโดยบุคคลสําคัญกับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะสาขา เป็นการระวังด้านใด
(1) อารมณ์
(2) ท่าทาง
(3) สื่อมวลชน
(4) องค์กร
(5) เนื้อหา
ตอบ 5 (คําบรรยาย) การซ้อมการพูดโดยบุคคลสําคัญที่ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญในวิทยาการเฉพาะ สาขา เป็นการระวังป้องกันข้อผิดพลาดในด้านเนื้อหาที่อาจจะมีศัพท์เฉพาะสาขาวิชานั้น ๆ ซึ่งคนนอกวงการอาจไม่รู้ความหมาย หรือทําให้เข้าใจง่ายขึ้น

80. น้ำเสียงที่เป็นระดับเดียวกันโดยตลอดสร้างปัญหาให้แก่ผู้ฟังด้านใดมากที่สุด
(1) ไม่เข้าใจเนื้อหาที่ผู้พูดถ่ายทอด
(2) ทําให้เรื่องง่ายกลายเป็นเรื่องยาก
(3) หมดศรัทธา ไม่น่าเชื่อถือในตัวผู้พูด
(4) สร้างความสงสัยในเนื้อหา
(5) เบื่อหน่าย ละเลยการติดตามประเด็น
ตอบ 5หน้า 14, (คําบรรยาย) หลักการใช้เสียงพูดที่ดีข้อหนึ่ง คือ ผู้พูดควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำเสียง เนื่อย ๆ หรือน้ำเสียงที่เป็นระดับเดียวกัน (ไม่มีเสียงสูง – ต่ำ) โดยตลอด เพราะจะทําให้ผู้พูด พูดโดยขาดความมีชีวิตชีวา และผู้ฟังก็จะรู้สึกเบื่อหน่าย รําคาญ จนอาจไม่สนใจหรือละเลย การติดตามประเด็น

81. ปัญหาความเครียดและวิตกกังวลของผู้พูดเกิดจาก ……. มากที่สุด
(1) เครื่องแต่งกายที่ไม่เหมาะสม
(2) ความตั้งใจที่มีมากจนเกินไป
(3) การเตรียมตัวไม่ดีหรือไม่พร้อม
(4) อุปกรณ์บกพร่องไม่สามารถใช้งานได้
(5) การประสานงานจากฝ่ายที่เกี่ยวข้องไม่น่าประทับใจ
ตอบ 3 หน้า 54 – 55, (คําบรรยาย) สาเหตุหลักของการขาดความเชื่อมั่นในตนเอง จนก่อให้เกิด ความประหม่าตื่นเต้นบนเวที มีอยู่ 3 ประการ ดังนี้
1. การไม่เตรียมตัวมาอย่างดีพอ ซึ่งปัญหาความเครียดและวิตกกังวลของผู้พูดส่วนใหญ่เกิดจากการเตรียมตัวไม่ดีหรือไม่พร้อม
2. การไม่ซักซ้อมอย่างเพียงพอ
3. การไม่ใส่ใจต่อบุคลิกภาพของตนเองเมื่อต้องปรากฏตัว ให้เหมาะสมกับลักษณะพิธีการ สถานที่ และเจ้าภาพ เช่น การแต่งกายไม่ถูกกาลเทศะ ฯลฯ

82. เมื่อเข้า ณ ที่พูดแล้ว ผู้พูดไม่ควรทําอะไรต่อหน้าผู้ฟัง
(1) ยิ้ม
(2) ดื่มน้ำ
(3) ดูบันทึกย่อ
(4) ทดสอบเสียง
(5) นั่งเฉย ๆ
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 31. ประกอบ

83. โดยปกติแล้วกระดาษบันทึกบทพูดมีขนาดเท่าไร
(1) ขนาด 20 คูณ 29.3 เซนติเมตร
(2) ขนาด 21 คูณ 29.7 เซนติเมตร
(3) ขนาด 21 คูณ 30 เซนติเมตร
(4) ขนาด 21 คูณ 30.9 เซนติเมตร
(5) ขนาด 21 คูณ 31.79 เซนติเมตร
ตอบ 2 (คําบรรยาย) โดยปกติแล้วกระดาษบันทึกบทพูดที่ใช้กันอยู่ทั่วไปจะมีขนาดมาตรฐาน A4 คือ
ขนาด 21 x 29.7 เซนติเมตร หรือ 210 x 297 มิลลิเมตร

84. การนําเสนอเนื้อหาสาระการพูดด้วยวิธีการต่าง ๆ มีข้อควรระวังที่เหมือนกัน คือ
(1) จัดทําเนื้อหาให้เป็นไปตามความต้องการของเจ้าภาพ
(2) กล่าวสรรเสริญและขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกครั้งที่มีโอกาส
(3) สร้างความประทับใจที่มีต่อคณะกรรมการจัดงานหรือผู้เกี่ยวข้อง
(4) พูดอย่างเป็นธรรมชาติให้เหมือนการสนทนาตามปกติ
(5) กล่าวขอบคุณผู้ที่มีส่วนช่วยให้ตนเองประสบความสําเร็จครั้งนี้
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 23. ประกอบ

85. การกําหนดวัตถุประสงค์ของการพูดพิจารณาจาก
(1) ผลการวิเคราะห์ปัจจัยการสื่อสาร
(2) ความยาว – สั้น ในการนําเสนอ
(3) การแบ่งหัวข้อเป็นประเด็นต่าง ๆ
(4) ประเด็นหลักและข้อมูลสนับสนุน
(5) เวลาที่เจ้าภาพให้กับการพูดครั้งนั้น
ตอบ 1 หน้า 24, (คําบรรยาย) การกําหนดวัตถุประสงค์ของการพูดพิจารณาจากผลการวิเคราะห์
ปัจจัยการสื่อสาร ได้แก่ การวิเคราะห์ผู้ฟังหรือผู้ชม โดยพิจารณาจากสภาพสังคมประชากร ประสบการณ์ กรอบอ้างอิง ทัศนคติ ระบบสังคมและวัฒนธรรมของผู้ฟัง

86. ข้อใดไม่ใช่ข้อพิจารณาหลักในการกําหนดประเด็นการพูด
(1) เวลาที่ผู้ร่วมอภิปรายให้กับการพูดครั้งนั้น
(2) ความน่าสนใจของข้อมูลประกอบกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป
(3) พิจารณาตามเหตุผลและข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ซึ่งมีผลกระทบในระดับที่ต่างกัน
(4) แนวคิดในการดําเนินเรื่องตามความถนัดของคนพูด
(5) ข่าวสารที่แพร่กระจายใน Social Media

ตอบ 5 (คําบรรยาย) ข้อพิจารณาหลักในการกําหนดประเด็นการพูด มีดังนี้
1. เวลาที่ผู้ร่วมอภิปรายให้กับการพูดครั้งนั้น
2. ความน่าสนใจของข้อมูลประกอบกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป
3. พิจารณาตามเหตุผลและข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ซึ่งมีผลกระทบ ในระดับที่ต่างกัน
4. แนวคิดในการดําเนินเรื่องตามความถนัดของผู้พูด

87. ข้อใดไม่ควรกระทํา หากผู้พูดต้องการให้ผู้ฟังมีส่วนร่วมแสดงความเห็น
(1) เลือกชื่อคนที่คุ้นเคยก่อน
(2) ยืนขึ้นแล้วชี้ลงไป
(3) เลือกคนที่ยกมือก่อน
(4) ใช้ปากกาชี้ระบุคน
(5) ให้ประธานช่วยเลือก
ตอบ 2 (คําบรรยาย) สิ่งที่ผู้พูดไม่ควรกระทําหากต้องการให้ผู้ฟังมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น คือ ยืนขึ้นแล้วชี้ลงไป เพราะการเอามือออกไปด้านหน้าตัวเอง หรือใช้มือชี้หน้าผู้ฟัง เป็นการ แสดงถึงความมีอํานาจเหนือผู้ฟัง

88. เรื่องสําคัญที่ต้องเน้นเป็นพิเศษ อาศัยหลักการใดในการพูด
(1) ตอกย้ำแต่ไม่ซ้ำซาก
(2) ย้ำคิดย้ำทํา
(3) สั่งสอนให้รู้สํานึก
(4) บอกใบ้ให้ทายใจ
(5) ต่อเติมส่วนที่ขาดหาย
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 16. ประกอบ

89. ข้อใดเป็นข้อปฏิบัติสําคัญของผู้มีความสง่างามในการนําเสนอเรื่องราวบนเวที
(1) ทําตามที่ตกลงไว้กับเจ้าภาพ
(2) มาก่อนเวลาเพื่อทดสอบคิว
(3) รู้จักกาลเทศะและสถานะการแสดงออก
(4) เอาใจใส่ผู้ชม – ผู้ฟัง
(5) ทําอย่างไรก็ได้ตามที่คุ้นเคย
ตอบ 3 (คําบรรยาย) ข้อปฏิบัติสําคัญของผู้มีความสง่างามในการนําเสนอเรื่องราวบนเวที คือ รู้จัก กาลเทศะและสถานะการแสดงออกที่เหมาะสมกับเวลา สถานที่ วาระโอกาส เจ้าภาพ และแบบธรรมเนียมของแต่ละสังคม

90 การพากย์กีฬาแข่งขันฟุตบอลซึ่งเป็นการถ่ายทอดสด เป็นการพูดลักษณะใด
(1) ท่องจํา
(2) อ่านจากต้นฉบับ
(3) พูดปากเปล่าโดยไม่มีการเตรียม
(4) พูดปากเปล่าโดยมีการฝึกซ้อม
(5) พูดโดยกําหนดวัตถุประสงค์ไว้ล่วงหน้า
ตอบ 3 หน้า 89, (คําบรรยาย) การพูดปากเปล่าโดยไม่มีการเตรียมล่วงหน้า (การพูดโดยกะทันหัน) เช่น การพากย์กีฬามวย ฟุตบอล หรือเรือยาว, การกล่าวทักทายเมื่อเผอิญได้พบกัน, การตอบ ปัญหาบางประการ ฯลฯ มีข้อควรปฏิบัติ ดังนี้
1. พยายามควบคุมสติไว้ให้ได้ ไม่ต้องรีบตอบ และประสานสายตากับผู้ฟังเสมอ
2. ใช้ปัญญาวิเคราะห์ หรือใช้ปฏิภาณไหวพริบให้มากที่สุด
3. พยายามนึกถึงโครงสร้างของการพูด
4. ฝึกซ้อมตอบคําถามในใจในเรื่องที่เตรียมได้
5. พูดหรือตอบคําถามให้สั้น กระชับ มีประเด็น มีความหมายชัดเจน หากไม่แน่ใจในประเด็น คําถามก็อาจขอให้ผู้ถามทวนคําถามเพื่อความแน่นอน หรือนัดหมายให้กลับมาถามใหม่อีกครั้งหากไม่สามารถตอบคําถามนั้นได้

91 ข่าวหลังละครช่วงดึก เป็นการพูดชนิดใด
(1) การพูดโดยการท่องจํา
(2) การพูดโดยอ่านจากต้นฉบับ
(3) การพูดปากเปล่าโดยไม่มีการเตรียม
(4) การพูดปากเปล่าโดยมีการฝึกซ้อม
(5) การพูดแบบมีบทโดยไม่เตรียมตัว

ตอบ 2 หน้า 90 การพูดโดยการอ่านจากต้นฉบับ เป็นการพูดที่อ่านจากโน้ตที่ได้เตรียมไว้โดยไม่ได้ มีการเปลี่ยนแปลงข้อความเลย จึงเป็นการอ่านมากกว่าการพูด มักใช้ในการพูดที่เป็นพิธีการ เช่น การอ่านข่าว การอ่านบทความ การอ่านรายงาน เปิดกิจการ สุนทรพจน์ของบุคคลสําคัญ การกล่าวคําปราศรัยเนื่องในโอกาสต่าง ๆ คําแถลงการณ์ของรัฐบาล/คณะปฏิวัติ ฯลฯ

92. นอกจากการเตรียมตัวไม่พร้อมแล้ว ความตื่นเต้นในเวทีมักจะเกิดจาก
(1) ขนาดห้องประชุม
(2) ขาดการประสานงาน
(3) แต่งกายผิดกาลเทศะ
(4) ค่าตอบแทนการพูดที่มากเกินจริง
(5) อุปกรณ์ไม่พร้อมหรืออยู่ในสภาพชํารุด
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 81. ประกอบ

93. ข้อใดแสดงออกถึงความสมดุลในกระบวนการพูด
(1) พูดเสนอความสามารถของตนเองหลังจากที่คนอื่นอภิปรายเสร็จสิ้นไปแล้ว
(2) เปิดช่องทางให้แสดงความเห็น มีการสนทนาโต้ตอบตรงไปตรงมา
(3) กล่าวตามยถากรรมปล่อยวางทุกสิ่ง เพื่อแสดงออกถึงความเป็นกลางทางความคิด
(4) ใช้วาจาอ่อนหวานโน้มน้าวใจ โดยไม่เร่งเร้าหรือแสดงอาการกดดัน
(5) นําเสนอข้อเท็จจริงพร้อมไปกับข่าวลือด้วยตนเอง
ตอบ 2 (คําบรรยาย), (ดูคําอธิบายข้อ 71. ประกอบ) ความสมดุลในกระบวนการพูด หมายถึง การเปิดช่องทางให้คู่สื่อสารร่วมแสดงความคิดเห็นหรือเปิดเผยข้อมูลระหว่างกันและกันโดยมีการสนทนาโต้ตอบอย่างตรงไปตรงมา จนเกิดบรรยากาศที่ดีในการสื่อสาร

94. ข้อใดแตกต่างจากการพูดในข้ออื่นหากพิจารณาจากสาระตามวัตถุประสงค์
(1) การรายงานข่าวของผู้สื่อข่าวภาคสนาม
(2) รณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง
(3) เชิญชวนนําหมา – แมว มาฉีดวัคซีน
(4) ขอความร่วมมือร่วมบริจาคโลหิต
(5) แนะนําชาวบ้านให้หันมาปลูกพืชไร่นาแบบผสมผสาน
ตอบ 1 หน้า 94 – 96, (คําบรรยาย) การพูดเพื่อชักจูงใจ เป็นการนําเสนอข้อมูลข่าวสารเพื่อให้เกิด การเปลี่ยนพฤติกรรม การกระทํา ความเชื่อ หรือทัศนคติ โดยต้องอาศัยหลักการที่สําคัญ คือ การสร้างเกณฑ์ทางใจหรืออิทธิพลเหนือจิตใจด้วยข้อมูลและการแสดงออกซึ่งตัวอย่างของการ พูดเพื่อชักจูงใจ เช่น การโฆษณาขายสินค้า, การรณรงค์ การเชิญชวน หรือการขอความร่วมมือ ในเรื่องต่าง ๆ, การพูดแนะนําให้เปลี่ยนพฤติกรรม ฯลฯ

95. หากพิจารณาจากสาระตามวัตถุประสงค์ ข้อใดไม่เข้าพวก
(1) อภิปรายปัญหาสังคมโดยผู้เชี่ยวชาญจากด้านพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
(2) เสวนาทางวิชาการโดยนักวิชาการอิสระ
(3) ตั้งวงสนทนาระหว่างผู้มีส่วนได้ – เสีย ในกิจการท่องเที่ยว
(4) การแสดงปาฐกถาโดยเมธีวิจัยอาวุโส ซึ่งเป็นศาสตราจารย์เกียรติคุณ
(5) ประชุมโต๊ะกลมโดยเชิญเจ้าหน้าที่ระดับหัวหน้างานมาให้ความคิดเห็น
ตอบ 4 (คําบรรยาย) การพูดที่มีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ความรู้ และปรึกษาหารือ ระหว่างกัน เช่น การอภิปราย การเสวนา การสัมมนา การสนทนา การประชุมโต๊ะกลม ฯลฯ

96. การพูดเป็นการสื่อสารที่เน้นการแสดงออกอย่างน้อย 2 ด้าน คือ
(1) บุคคล – ตัวตน
(2) ตัวตน – วาจา
(3) วาจา – ภาษา
(4) ภาษา – ทักษะ
(5) ทักษะ – แนวคิด

ตอบ 2 (คําบรรยาย) การพูดเป็นการแสดงออกใน 2 ส่วน คือ การแสดงตัวตน + วาจา ซึ่งการแสดง ตัวตนในการพูด หมายถึง การแสดงบุคลิกภาพและอัตลักษณ์ ลีลา หรืออากัปกิริยาท่าทางใน ระหว่างพูด ส่วนการแสดงวาจา หมายถึง การแสดงเนื้อหาสาระที่จะพูด น้ําเสียงและสําเนียง ดังนั้นผู้พูดจึงต้องเตรียมความพร้อมทั้งในเรื่องเนื้อหาและบุคลิกภาพไปพร้อม ๆ กัน

97. ในกรณีที่ถูกซักถามด้วยคําตอบที่ไม่ได้มีการเตรียมมา และไม่สามารถตอบคําถามนั้นได้อย่างแน่นอน
วิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด คือ
(1) นัดกลับมาถามใหม่
(2) ขอโทษที่ทําให้ผิดหวัง
(3) แก้ตัวว่าไม่พร้อม
(4) ย้อนถามว่ารู้มาจากไหน
(5) อยู่เฉย ๆ แล้วชวนสนทนาเรื่องอื่นไปก่อน
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 90. ประกอบ

98. แนวทางของการพูดในกิจกรรมขององค์กรสื่อมวลชนขึ้นอยู่กับ
(1) ลักษณะความสัมพันธ์ส่วนตัวของหน่วยปฏิบัติการ
(2) ทําตามกําหนดการที่มีอยู่
(3) มีการกําหนดหน้าที่ผู้พูดหรือมีการเลือกผู้พูดอย่างชัดเจน
(4) ลักษณะผู้นํา – ผู้ตาม ในหน่วยงานของสื่อ
(5) ผลกระทบตามกระแสสังคม
ตอบ 3 (คําบรรยาย) แนวทางการพูดในกิจกรรมขององค์กรสื่อมวลชน มักจะขึ้นอยู่กับการเลือกผู้พูด อย่างชัดเจน หรือการกําหนดให้ผู้พูดเป็นบุคคลที่ทําหน้าที่โดยตรง เช่น ผู้ประกาศข่าว พิธีกร ผู้ดําเนินรายการ สื่อมวลชน หรือเป็นผู้รับเชิญให้พูดเป็นกรณี ๆ ไป

99. ข้อใดผิด
(1) นมัสการพระคุณเจ้า ผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการทุกท่าน
(2) ท่านผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการที่เคารพ บุคลากรทั้งหลาย
(3) ท่านอธิการบดี ลูกศิษย์คณะต่าง ๆ ที่มารวมกัน ณ ที่นี้ และคณาจารย์ทุกท่าน
(4) สัมมนาสมาชิกผู้ร่วมอุดมการณ์ทุกท่านในห้องประชุมแห่งนี้
(5) ผู้มีเกียรติทุกท่าน รวมทั้งน้อง ๆ ที่น่ารัก ซึ่งมาร่วมงานกับพวกเราในวันนี้
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 4. ประกอบ

100. คําว่า “สติ” ในกิจกรรมทางวาทวิทยา หมายถึง
(1) การเข้าถึงปฏิกิริยาตอบกลับได้ทันทีด้วยความเป็นมืออาชีพ
(2) มีการใช้ทักษะของบุคคลเพื่อตอบโต้หรือแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ลุล่วง
(3) การใช้สื่อและช่องทางการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อประสิทธิผล
(4) สามารถดําเนินการได้เพียงลําพังด้วยความรู้ที่มีอยู่ไม่ต้องพึ่งพาใคร
(5) การคิดด้วยการวิเคราะห์ผลกระทบและสังเคราะห์บทโต้ตอบที่เหมาะสม
ตอบ 2 (คําบรรยาย) คําว่า “สติ” ในกิจกรรมทางวาทวิทยา หมายถึง การใช้ทักษะของบุคคลหรือ ใช้ปฏิภาณไหวพริบให้มากที่สุด เพื่อตอบโต้หรือแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี

CDM2303 MCS1350 MCS1300 วาทวิทยา 1/2560

การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2560
ข้อสอบกระบวนวิชา CDM2303 MCS1350 MCS1300 วาทวิทยา
คําสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคําตอบเดียว

ข้อ 1. – 10. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม
(1) นักพูด
(2) พิธีกร
(3) โฆษก
(4) นักประชาสัมพันธ์
(5) นักวิจารณ์

1 ทําหน้าที่หลักในการสื่อสารองค์กร
ตอบ 4 (คําบรรยาย) นักประชาสัมพันธ์ เป็นผู้ที่ทําหน้าที่หลักในการสื่อสารองค์กร โดยเน้นการ นําเสนอภาพลักษณ์เพื่อให้กิจกรรมขององค์กรบรรลุผลตามเป้าหมาย และให้ประชาชนเกิดจินตภาพที่ดีต่อองค์กร

2 แนวคิดในการทํางานต่างจากข้ออื่น
ตอบ 5 หน้า 169, (คําบรรยาย) นักวิจารณ์ เป็นผู้ที่มีแนวคิดในการทํางานต่างจากการพูดชนิดอื่น เพราะนักวิจารณ์จะต้องพูดทั้งติและชมสิ่งใดสิ่งหนึ่งในแง่ต่าง ๆ อย่างมีเหตุผลและถูกหลักการ วิจารณ์เพื่อเสนอแนะสิ่งที่ดีกว่า ดังนั้นจึงเป็นการพูดที่ต้องใช้หลักทางตรรกวิทยาหรือใช้หลักทาง เหตุผลมาประกอบ โดยไม่เอาอารมณ์ของผู้พูดเข้ามาเกี่ยวข้อง

3 เรียกอย่างเป็นทางการว่า “วาทกร
ตอบ 1 (คําบรรยาย) นักพูด หรือเรียกอย่างเป็นทางการว่า “วาทกร” จะเปรียบเสมือนนักแสดงใน แต่ละโอกาสหรือแต่ละเวที เพราะการพูดเป็นการแสดงใน 2 ส่วน คือ การแสดงตัวตน + วาจา ซึ่งการแสดงตัวตนในการพูด หมายถึง การแสดงบุคลิกภาพและอัตลักษณ์ ลีลา หรืออากัปกิริยา ท่าทางในระหว่างพูด ส่วนการแสดงวาจา หมายถึง การแสดงเนื้อหาสาระที่จะพูด น้ำเสียงและ สําเนียง ดังนั้นผู้พูดจึงต้องเตรียมความพร้อมทั้งในเรื่องเนื้อหาและบุคลิกภาพไปพร้อม ๆ กัน

4 เน้นการนําเสนอภาพลักษณ์เพื่อให้กิจกรรมบรรลุเป้าหมาย
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 1. ประกอบ

5. ทําหน้าที่ควบคุมกระบวนการทํางานด้วยการสื่อสารที่เป็นคําพูด
ตอบ 3 หน้า 443, (คําบรรยาย) การปฏิบัติหน้าที่ของโฆษก ได้แก่
1. เป็นตัวกลางติดต่อสื่อความหมายระหว่างผู้รับเชิญ (โดยปกติมีเพียง 1 คน) กับผู้ฟังหรือผู้ชม
2. ควบคุมกระบวนการทํางานด้วยการสื่อสารที่เป็นคําพูด
3. รายงานข้อมูลสําคัญและขั้นตอนต่าง ๆ ภายในงาน รวมทั้งกล่าวแนะนําผู้รับเชิญ และ กล่าวแทนผู้ฟังหรือผู้ชม ฯลฯ

6 เปรียบเสมือนนักแสดงในแต่ละโอกาสหรือแต่ละเวที
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 3. ประกอบ

7 ทําหน้าที่รายงานข้อมูลสําคัญ
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 5. ประกอบ

8.วางหลักการเพื่อเสนอแนะสิ่งที่ดีกว่า
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 2. ประกอบ

9. พบเห็นในการประชุม สัมมนา หรือกิจกรรมที่มีการนําเสนอ
ตอบ 2 หน้า 444, (คําบรรยาย) หน้าที่ของพิธีกรจะคล้ายคลึงกับหน้าที่ของโฆษก ต่างกันที่ว่าหน้าที่ ของพิธีกรนั้นมักใช้ในกิจกรรมที่มีความเป็นพิธีการอย่างสูง ซึ่งมีผู้รับเชิญให้พูดมากกว่า 1 คน ขึ้นไป จึงมักพบเห็นในการประชุม สัมมนา หรือกิจกรรมที่มีการนําเสนอ

10. มักใช้ในกิจกรรมที่มีความเป็นพิธีการอย่างสูง
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 9. ประกอบ

11. การถ่ายทอดสาระเนื้อหาของผู้พูด โดยปกติจะอาศัย …….“ระหว่างบุคคล” และ “สื่อมวลชน”
(1) ตัวตน
(2) เสียง
(3) ภาษา
(4) ช่องทาง
(5) ช่องว่าง
ตอบ 4 (คําบรรยาย) ในการถ่ายทอดสาระเนื้อหาของผู้พูด โดยปกติจะอาศัยช่องทาง “ระหว่างบุคคล” ซึ่งก็คือ ใช้บทบาทของความเป็นตัวตนระหว่างบุคคลในการแลกเปลี่ยนความรู้ข่าวสารต่าง ๆ และ “สื่อมวลชน” ซึ่งก็คือ วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ ฯลฯ

12. ในกระบวนการรับรู้ข่าวสารด้วยการพูด สิ่งใดจะเกิดขึ้นเป็นลําดับแรกของการพบเห็นเป็นส่วนใหญ่
(1) ตัวตน
(2) สัญญาณ
(3) แนวคิด
(4) ภาพลักษณ์
(5) ภาพพจน์
ตอบ 1 (คําบรรยาย) ในกระบวนการรับรู้ข่าวสารด้วยการพูด สิ่งที่จะเกิดขึ้นเป็นลําดับแรกของ การพบเห็นเป็นส่วนใหญ่ คือ ตัวตนของผู้พูด ซึ่งได้แก่ บุคลิกภาพทั้งหมดที่ปรากฏออกมา

13. ข้อใดพิจารณาจากวิธีการนําเสนอ ความชัดเจน และการถ่ายทอดอารมณ์
(1) ตัวตน
(2) เสียง
(3) ภาษา
(4) ช่องทาง
(5) ภาพลักษณ์
ตอบ 2 หน้า 13 – 14, (คําบรรยาย) เสียง คือ การเปล่งวาจาออกมา ซึ่งการที่จะใช้เสียงพูดให้ มีประสิทธิภาพจะต้องพิจารณาจากวิธีการนําเสนอ ความชัดเจน และการถ่ายทอดอารมณ์ (สําเนียง)

14. ข้อใดคือสิ่งที่เรียกว่า “อัตลักษณ์”
(1) ความโดดเด่น
(2) ความน่านิยม
(3) ผลรวมของตัวตน
(4) คุณค่าของบุคคล
(5) ลักษณะที่น่าเลื่อมใส
ตอบ 3 (คําบรรยาย) อัตลักษณ์ (Identity) คือ ผลรวมของตัวตน ความเป็นตัวตน หรือส่วนประกอบ ที่รวมเป็นตัวบุคคลคนหนึ่ง ซึ่งตัวอย่างของอัตลักษณ์ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด ได้แก่ บัตรประชาชน

15. ข้อใดเป็นหลักการสําคัญที่สุดของการเป็นนักพูดที่ดี
(1) การรู้จักใช้เหตุผลในการนําเสนอ
(2) สาระที่พูดต้องพิสูจน์ความจริงได้
(3) ต้องคิดให้รอบคอบก่อนพูด
(4) ผู้พูดต้องปรับตัวตามสถานการณ์
(5) การพูดต้องอาศัยความมีสติปัญญา ฉลาด และรอบรู้
ตอบ 3 หน้า 65, (คําบรรยาย) หลักการสําคัญที่สุดของการเป็นนักพูดที่ดี คือ ต้องคิดให้รอบคอบ ก่อนพูด ซึ่งเป็นมารยาทในการพูดที่วิชาวาทวิทยาให้ความสําคัญมากที่สุด เพราะถ้าหากพูด โดยไม่ยั้งคิด และขาดความรอบคอบในการไตร่ตรองเนื้อหาก่อนที่จะพูด อาจส่งผลเสียต่อผู้พูด ในภายหลัง ดังคํากล่าวที่ว่า “ก่อนที่จะพูดคุณเป็นนายคําพูด เมื่อพูดจบคําพูดจะเป็นนายคุณ

16. เสียงในเชิงวาทวิทยาไม่สามารถสื่อสารถึง……………………..
(1) เนื้อหา
(2) ข้อมูล
(3) สาระ
(4) ความรู้สึก
(5) ความหมาย
ตอบ 4 (คําบรรยาย) การพูดในเชิงวาทวิทยา หมายถึง เครื่องมือทางการสื่อสารที่ใช้เสียงและสําเนียง โต้ตอบประกอบกันเสมอ โดยเสียงจะเป็นเพียงการเปล่งวาจาออกมา ส่วนสําเนียงจะบอกถึง อากัปกิริยาหรืออารมณ์ที่สื่อออกไป ดังนั้นเสียงจะไม่สามารถสื่อสารถึงอารมณ์ความรู้สึกได้โดยตรง หากไม่มีสําเนียงมาช่วย

17. ภาษาในเชิงวาทวิทยานั้น ประกอบด้วย
(1) ภาษาที่ใช้ถ้อยคํา – ภาษาที่ไม่ใช้ถ้อยคํา
(2) ภาษาที่ใช้ถ้อยคํา – ภาษาท่าทาง
(3) ภาษาทางการ – ภาษาพิธีการ
(4) ภาษาหนังสือ – ภาษาท่าทาง
(5) ภาษาพูด – ภาษาท่าทาง
ตอบ 1 (คําบรรยาย) ภาษาในเชิงวาทวิทยานั้น ประกอบด้วย 2 ส่วนสําคัญ คือ
1. วัจนภาษา (ภาษาที่ใช้ถ้อยคํา) ได้แก่ ภาษาพูด และภาษาเขียน
2. อวัจนภาษา (ภาษาที่ไม่ใช้ถ้อยคํา) ได้แก่ น้ําเสียง สําเนียง กิริยาท่าทาง สีหน้า ฯลฯ

18. ข้อจํากัดที่สําคัญของเสียงในเชิงการรับรู้และเรียนรู้ของกิจกรรมการสื่อสารมวลชน คือ
(1) ขึ้นอยู่กับสุขภาพกายและใจ
(2) ต้องอาศัยท่าทางประกอบจึงจะเข้าใจตรงกัน
(3) เสื่อมสลายไปได้ทันทีที่ถูกใช้งาน
(4) ต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้ฟังและสภาพแวดล้อม
(5) เป็นไปตามพรสวรรค์และความสามารถของแต่ละบุคคล
ตอบ 3 (คําบรรยาย) ข้อจํากัดที่สําคัญของเสียงในเชิงการรับรู้และเรียนรู้ของกิจกรรมการสื่อสารมวลชน
คือ เสื่อมสลายไปได้ทันทีที่ถูกใช้งาน เพราะเสียงเมื่อพูดไปแล้วก็จบไปเลย หากผู้ฟังไม่มีโอกาส ฟังซ้ําก็จะทําให้หลงลืม จึงไม่อาจนํามาเป็นหลักฐานได้

19. ข้อใดไม่เป็นปัจจัยสําคัญในการสร้างอารมณ์และเข้าถึงความรู้สึกของผู้พูด
(1) ระดับเสียงสูง – ต่ำ
(2) ความหนัก – เบา
(3) การใช้จังหวะถี่ – ห่าง
(4) พื้นฐานความรู้มาก – น้อย
(5) การเคลื่อนไหว – การหยุดนิ่ง
ตอบ 4(คําบรรยาย) ปัจจัยสําคัญในการสร้างอารมณ์และเข้าถึงความรู้สึกของผู้พูด มีดังนี้
1. ระดับเสียงสูง – ต่ำ
2. การเน้นเสียงหนัก – เบา
3. การใช้จังหวะถี่ – ห่าง
4. การเคลื่อนไหว – การหยุดนิ่ง ฯลฯ

20. ข้อใดเป็นสิ่งที่สําคัญที่สุดในการพูดถึงเรื่องราวที่มีความสําคัญ
(1) ละเอียด
(2) ตรงประเด็น
(3) เป็นทางการ
(4) เตรียมโดยผู้รู้
(5) มีความเป็นกันเอง
ตอบ 2 (คําบรรยาย) สิ่งสําคัญที่สุดในการพูดถึงเรื่องราวที่มีความสําคัญ คือ การพูดให้ตรงประเด็น ไม่อ้อมค้อมหรือเยิ่นเย้อ เพื่อเน้นจุดสําคัญที่ต้องการจะให้คนฟังได้รับทราบ

21. ข้อใดเป็นกระบวนการที่ต้องกระทําเป็นอันดับแรกในการพูดที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางสังคมทุกประเภท
(1) หาแหล่งอ้างอิง
(2) ประสานงานกับเจ้าภาพ
(3) ค้นคว้าข้อมูลทันที
(4) ร่างเนื้อหาการพูด
(5) วิเคราะห์ปัจจัยการสื่อสาร

ตอบ 2 (คําบรรยาย) ในการเตรียมเนื้อเรื่องที่จะพูดนั้น ผู้พูดจะต้องประสานงานกับเจ้าภาพก่อน เป็นลําดับแรก เพราะเจ้าภาพเป็นตัวแปรหรือปัจจัยสําคัญในการจัดทิศทางหรือแนวความคิด ของเนื้อเรื่องที่จะพูด โดยผู้พูดต้องเลือกประเด็นหรือเนื้อหาที่สอดคล้องกับความต้องการหรือความสนใจของเจ้าภาพ ก่อนที่จะวางเค้าโครงเรื่องเพื่อการนําเสนอ

22 กระบวนการพูดที่มีประสิทธิผลนั้น ประกอบด้วย
(1) วิเคราะห์ผู้รับสาร – ปรับปรุงตน – พัฒนาบุคลิกภาพ
(2) วิเคราะห์ผู้ฟัง – นําเสนอแนวคิด – ออกแบบการพูด
(3) วิเคราะห์ผู้รับสาร – ปรับปรุงบุคลิกภาพ – ประมวลเนื้อหา
(4) วิเคราะห์ตนเอง – สร้างสรรค์เนื้อหา – นําเสนอบนเวที
(5) วิเคราะห์เนื้อหา – สรุปประเด็น – นําเสนอบนเวที
ตอบ 3 หน้า 11, (คําบรรยาย) การพูดที่ดี มีประสิทธิภาพ และหวังประสิทธิผลนั้น มีองค์ประกอบสําคัญ 3 สิ่ง ดังนี้
1 การปรับปรุงและพัฒนาบุคลิกภาพตัวผู้พูดในการนําเสนอ
2 การวิเคราะห์ผู้ฟังกลุ่มเป้าหมายและสถานการณ์การพูด (กาลเทศะ)
3. การเลือกเรื่องพูดและประมวลเนื้อหาเพื่อออกแบบสาระเนื้อหาในการพูด

23. แนวความคิดด้านวาทวิทยานั้น สิ่งเร้าที่น่าสนใจเกิดจากข้อมูลกลุ่มใด
(1) ประโยชน์ – การเร่งรัด
(2) การเร่งรัด – ความพอใจ
(3) ความพอใจ – ความต้องการ
(4) ความต้องการ – ภาพลักษณ์
(5) ภาพลักษณ์ — ความคุ้นเคย
ตอบ 3(คําบรรยาย) สิ่งเร้าที่น่าสนใจ ซึ่งเกิดจากตัวผู้ชม ผู้ฟังนั้น ถือเป็นสิ่งเร้าของตนเอง
โดยพิจารณาจาก
1. ความสนใจ
2. ความพึงพอใจ
3. ความต้องการ
4. ประโยชน์ที่ได้รับ
5. ลักษณะของกลุ่ม

24. โครงร่าง (Outline) มีประโยชน์ต่อการเตรียมเรื่องพูดอย่างไร
(1) ทําให้มีรสนิยม
(2) ทําให้มีเอกลักษณ์
(3) ทําให้น่าติดตาม
(4) ทําให้น่าเชื่อถือ
(5) ทําให้มีเอกภาพ
ตอบ 5 หน้า 31 – 32, (คําบรรยาย) ในการเตรียมเรื่องพูดนั้น ผู้พูดจําเป็นที่จะต้องเขียนโครงร่าง หรือโครงเรื่อง (Outline) ขึ้นมาก่อน ซึ่งมีประโยชน์ ดังนี้
1. ช่วยวางแนวทางว่า เรื่องที่จะพูดนั้นมีหัวข้ออะไรบ้าง
2. ช่วยเป็นแนวทางการเรียงลําดับ (Order) เรื่องที่จะพูด
3. ช่วยทําให้เนื้อหามีเอกภาพเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่หลุดกรอบแนวคิดหลักของเรื่อง
4. ช่วยให้การดําเนินเรื่องไม่สับสน และง่ายแก่การจดจําไปพูด

25. ก่อนจะวางเค้าโครงเรื่องเพื่อการนําเสนอ อะไรคือสิ่งที่ต้องทําทุกครั้ง
(1) ประมวลข้อมูล
(2) ตรวจสอบอุปกรณ์
(3) หาทีมงาน
(4) ติดต่อเจ้าภาพ
(5) สํารวจงบประมาณ
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 21. ประกอบ

26. ไม่ว่าจะขึ้นคํานําด้วยประโยคใด ๆ ก็ตาม สิ่งที่ผู้พูดไม่สามารถละเลยได้ก็คือ
(1) ปฏิสันถารกับผู้ฟังก่อน
(3) กล่าวอ้างอิงที่น่าเชื่อถือ
(2) สร้างความตื่นเต้นเร้าใจผู้ฟัง
(4) สรุปเนื้อเรื่อง
(5) กล่าวสวัสดี
ตอบ 1 หน้า 34 – 40, (คําบรรยาย) โครงสร้างของการพูด หรือลําดับของการพูดก่อน – หลัง ในการพูดตามปกตินั้น ประกอบด้วย
1 คําปฏิสันถาร หมายถึง คําทักทายผู้ฟัง เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับผู้ฟังก่อนเป็นลําดับแรก
2. คํานํา หมายถึง การเริ่มเข้าเรื่อง เป็นการเกริ่น อารัมภบท หรือเป็นบทนําเข้าสู่เนื้อหา
3. เนื้อเรื่อง หมายถึง เนื้อหาหรือข้อมูลหลักของการนําเสนอ หรือกลวิธีนําเสนอ
4. สรุป หมายถึง ความคิดรวบยอดของเรื่อง
5. คําลงท้าย หมายถึง ข้อความกล่าวทิ้งท้ายเพื่อความประทับใจ
(ในส่วนของสรุปและคําลงท้ายอาจสลับที่กันได้ ซึ่งจะทําเฉพาะในกรณีที่ผู้พูดมีความเชี่ยวชาญ
พอสมควร)

27. เหตุใดในการพูดแต่ละครั้งจะต้องมีการปฏิสันถาร
(1) เพื่อสร้างความสนใจ
(2) เพื่อปรับสถานการณ์
(3) เพื่อให้ความเห็น
(4) เพื่อให้คําจํากัดความ
(5) สร้างความคุ้นเคย
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 26. ประกอบ

28. ข้อใดไม่ใช่แนวคิดของการมี “คํานํา”
(1) เปรียบเทียบข้อมูล
(2) ดึงดูดจิตใจ
(3) กระตุ้นความรู้สึก
(4) สร้างอารมณ์ร่วม
(5) ชี้ให้เห็นประเด็นสําคัญ
ตอบ 1หน้า 35, (คําบรรยาย) ลักษณะของการกล่าวคํานําที่ดี ได้แก่
1. เป็นการเกริ่นด้วยเนื้อหาที่เร้าใจ
2. เป็นคํานําที่ชี้ให้เห็นประเด็นสําคัญ หรือเสนอแนวคิดรวบยอดของเรื่อง (แต่ไม่ใช่การสรุปสิ่งที่พูดเอาไว้ทั้งหมด)
3. เป็นบทนําที่ปูพื้นเหตุการณ์เอาไว้ก่อน หรือโยงเข้าสู่ข่าวสําคัญ
4. เป็นส่วนที่ดึงดูดจิตใจ สร้างความสนใจให้ติดตามเนื้อหา เพื่อกระตุ้นความรู้สึกหรือสร้างอารมณ์ร่วม ฯลฯ

29. ตามหลักการพูดแล้ว การขยายความเนื้อเรื่องจะเริ่มจาก ….. เสมอ
(1) การเปรียบเทียบ
(2) เรื่องที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา
(3) ความเห็น
(4) การนิยาม หรือให้คําจํากัดความ
(5) ประเด็นคําถามสําคัญ
ตอบ 4 หน้า 37, (คําบรรยาย) ตามหลักการพูดแล้ว การขยายความเนื้อเรื่องจะเริ่มจากการนิยาม หรือให้คําจํากัดความก่อนเสมอ ซึ่งหมายถึง การอธิบายความหมายของศัพท์และประเด็นหลัก ด้วยการสร้างประโยคใหม่ แต่ความหมายเหมือนเดิม

30. การเริ่มพูดที่ดีควรจะ
(1) พูดดัง ๆ เปิดประเด็น
(2) พูดเร็วกว่าปกติในช่วงแรก
(3) พูดเบา ๆ ก่อน
(4) ทักทายผู้ที่คุ้นเคยก่อน
(5) พูดชัด ๆ และช้ากว่าปกติเล็กน้อย

ตอบ 5 (คําบรรยาย) เมื่อถึงเวลาที่ต้องพูดหลังจากมีการแนะนําตัวเสร็จแล้ว ผู้พูดควรพยายามรักษา บุคลิกภาพให้ดีและสง่างามที่สุดก่อนที่จะกล่าวคําอะไรออกไป โดยควรคํานึงถึงสิ่งต่าง ๆ ดังนี้
1. ในนาทีแรกที่เริ่มต้นพูดนั้นควรพูดชัด ๆ และช้ากว่าปกติเล็กน้อย ไม่ต้องรีบกล่าว
2. พยายามพูดให้ได้ตามที่เตรียมมาด้วยความมั่นใจ
3. เริ่มต้นด้วยการทักทาย กล่าวนํา และเปิดประเด็นด้วยน้ําเสียงที่ชัดเจน

31. สิ่งใดควรกระทําเมื่อขึ้นเวทีพูดเป็นอันดับแรก
(1) ทดสอบไมโครโฟน
(2) ตรวจสอบอุปกรณ์ช่วยนําเสนอ
(3) ยิ้มกับผู้ฟัง
(4) พูดขออภัยในความผิดพลาดของตัวเอง
(5) กล่าวขอบคุณเจ้าภาพ
ตอบ 3หน้า 52 – 53, (คําบรรยาย) ข้อแนะนําเกี่ยวกับการขึ้นเวทีพูด มีดังนี้
1. พิธีกรกล่าวแนะนําและเชิญผู้พูดขึ้นพูด
2. ผู้พูดเดินไปทําความเคารพพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และทําความเคารพ ผู้ที่เป็นประธานในงาน จากนั้นจึงเดินเข้าที่ ณ ที่พูด
3. การเข้าไปยังที่นั่งของผู้พูดหลังจากพิธีกรเชิญผู้พูดขึ้นพูดแล้ว ผู้พูดไม่ต้องทําความเคารพหรือทักทายใครอีกแล้ว
4. เข้าที่พูดในลักษณะที่สง่างาม และผู้พูดควรยิ้มแย้มด้วยใบหน้าแจ่มใสเป็นอันดับแรก เพราะกฎเกณฑ์ง่าย ๆ ของการพูด คือ ยิ้มแย้มดีกว่าทิ้งตึง
5. หลีกเลี่ยงการกระแอมกระไอก่อนพูด ไม่ควรทดสอบเสียงโดยใช้มือเคาะไมโครโฟน หรือพูดว่า “ฮัลโหล ๆ” ฯลฯ

32. อะไรคือ “ความเป็นทางการ” ในการพูด
(1) การรู้จักกาลเทศะ
(2) เข้ากับงานสังคมได้
(3) มีเจ้าภาพที่แน่นอน
(4) การพูดตามกําหนดการในพิธี
(5) การปฏิบัติตามแบบแผนที่กําหนดไว้
ตอบ 1 (คําบรรยาย) ความเป็นทางการในการพูด คือ การรู้จักกาลเทศะ (เวลาและสถานที่) ทั้งนี้ เพราะการพูดที่ดี หมายถึง การใช้ถ้อยคํา น้ําเสียง รวมทั้งอากัปกิริยาอย่างมีประสิทธิภาพเหมาะสมตามกาลเทศะ สอดคล้องกับจรรยามารยาท แบบธรรมเนียมนิยมของแต่ละสังคม

33 ข้อใดไม่ใช่ผลที่พึงปรารถนาจากการฝึกซ้อมพูด
(1) สร้างรสนิยมที่ดี
(2) กําจัดข้อผิดพลาด
(3) สํารวจตนเอง
(4) พัฒนาแนวทางของตนเอง
(5) หาเครื่องมือที่เหมาะสม
ตอบ 1(คําบรรยาย) ผลที่พึงปรารถนาจากการฝึกซ้อมพูด มีดังนี้
1. เป็นการสํารวจ และพัฒนาแนวทางของตนเองในด้านบุคลิกภาพ รวมทั้งเตรียมความพร้อมของเนื้อหา
2. ช่วยสร้างความมั่นใจ เสริมความเชื่อมั่น
3. ช่วยสํารวจปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น
4. แก้ไขสิ่งที่ผิดพลาด กําจัดสิ่งที่ไม่เหมาะสมออกไป
5. ทําให้สามารถตรวจตรา สิ่งที่จําเป็นในการนําเสนอเพิ่มเติม เช่น การหาอุปกรณ์เครื่องมือที่เหมาะสม ฯลฯ

34. ผู้พูดไม่สามารถสร้างความเป็นมิตรและความเป็นกันเองกับผู้ฟังได้ด้วย
(1) การสร้างศัพท์และคําสแลงขึ้นใหม่
(2) การรักษามารยาทตามธรรมเนียม
(3) การสํารวมอากัปกิริยาตามสถานะ
(4) การใช้ถ้อยคําและท่าทางที่เหมาะสม
(5) แสดงความเกรงใจและกล่าวขออภัยกรณีที่กระทําการผิดพลาด

ตอบ 1 (คําบรรยาย) ผู้พูดต้องแสดงบุคลิกภาพที่สร้างความเป็นมิตรและความเป็นกันเองกับผู้ฟัง ดังนี้
1. การมีบุคลิกลักษณะท่าทางและรสนิยมที่ดี สุภาพ มีหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส
2. การรักษามารยาทตามธรรมเนียม
3. การสํารวมอากัปกิริยาตามสถานะ
4. การใช้ถ้อยคําและแสดงท่าทางที่เหมาะสม
5. การแสดงความเกรงใจและกล่าวขออภัยกรณีที่กระทําการผิดพลาด ฯลฯ

35. ข้อใดมีความสัมพันธ์กับการฟังเพื่อวิเคราะห์
(1) แยกแยะประเด็นและสาระ
(2) มีจรรยาบรรณ
(3) มีความสํารวมขณะฟัง
(4) จดจําเนื้อหาสําคัญให้ได้
(5) มีเหตุผลพร้อมที่จะโต้แย้งได้
ตอบ 1 (คําบรรยาย) วัตถุประสงค์ในการฟัง มีดังนี้
1. ฟังเพื่อรับรู้เนื้อหาสาระและข้อมูล
2. ฟังเพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ
3. ฟังเพื่อเข้าถึงทัศนคติ ความคิดเห็น
4. ฟังเพื่อความบันเทิง ความเพลิดเพลิน
5. ฟังเพื่อวิเคราะห์ (แยกแยะประเด็นและสาระสําคัญ) ประเมินผล และวิจารณ์

36. เมื่อจัดทําต้นฉบับเสร็จเรียบร้อย สิ่งที่ต้องดําเนินการเพื่อป้องกันความผิดพลาด คือ
(1) เก็บไว้ในที่มิดชิดลับตา
(2) จัดวางไว้ที่ผู้พูดจะต้องขึ้นพูด
(3) ส่งต่อไปให้พิธีกร
(4) เข้าเล่มให้เรียบร้อย
(5) ทําสําเนา
ตอบ 5 หน้า 40, (คําบรรยาย) สิ่งที่ผู้พูดต้องดําเนินการเมื่อจัดทําต้นฉบับเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีดังนี้
1. ตรวจทานและแก้ไขอย่างรอบคอบ
2. ซ้อมก่อนพูดหรือก่อนนําต้นฉบับไปใช้เสมอ
3. กําจัดสิ่งที่ไม่เหมาะสมออกไป
4. ทําสําเนาเก็บไว้อย่างน้อย1ชุด เพื่อให้ ผู้เกี่ยวข้องประสานงานเก็บสํารองไว้ และป้องกันความผิดพลาด ฯลฯ

37. หากต้องพูดให้ความรู้เรื่อง “การสร้างวินัยในวิชาชีพเพื่อความเข้มแข็งที่ยั่งยืน” นักศึกษาไม่ควรใช้
แนวคิดใดในการดําเนินเรื่อง
(1) การสร้างคุณงามความดี
(2) การพัฒนาตนเองเพื่อสังคม
(3) ท้าทายให้ปรับเปลี่ยน
(4) โอนอ่อนผ่อนตาม
(5) การป้องกันความเสี่ยง
ตอบ 4 (คําบรรยาย) แนวคิดในการดําเนินเรื่องหากต้องพูดให้ความรู้เรื่องดังกล่าว ได้แก่
1. การสร้างคุณงามความดีในวิชาชีพของตน
2. การพัฒนาตนเองเพื่อสังคม
3. การท้าทายให้ปรับเปลี่ยน
4. การป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

38. ข้อใดไม่ส่งผลกับการเลือกหัวข้อที่จะพูดโดยตรง
(1) กระแสสาธารณมติ
(2) แผนงานที่ต้องดําเนินการ
(3) แผนหน่วยงาน
(4) ความต้องการของเจ้าภาพ
(5) สุขภาพของตัวผู้พูดเอง
ตอบ 5 (คําบรรยาย) ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเลือกหัวข้อที่จะพูดโดยตรง ได้แก่
1. ความต้องการของเจ้าภาพ
2. กระแสสาธารณมติ
3. นโยบาย/แผนของหน่วยงานที่ไปพูด
4. แผนงานที่ต้องดําเนินการ
5. ความเหมาะสมกับกลุ่มผู้ฟัง

39. ข้อใดเป็นคํากล่าวที่ไม่ถูกต้องตามหลักวาทวิทยา
(1) ผอ. ของผมแน่จริง ๆ ทํางานได้สมบูรณ์แบบอย่างที่สุด
(2) ผมไม่อาจนิ่งนอนใจได้มีแผนงานที่ต้องรีบดําเนินการ
(3) ขออภัยที่ต้องทํากับคุณแบบนี้ ผมได้รับคําสั่งมาครับ
(4) เจ้าภาพงานนี้มีรสนิยม ดูจากงานแต่งลูกสาวคนเล็กเมื่อวันก่อน
(5) ดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดีนะ โรคภัยและอุบัติเหตุไม่ควรมองข้าม
ตอบ 1 หน้า 6, (คําบรรยาย) ตามหลักว่าทวิทยา Speech หมายถึง สาระหรือเนื้อหาหรือเนื้อเรื่องที่พูด ซึ่งต้องมีการเตรียมและบรรลุประสิทธิผลตามวัตถุประสงค์ของการสื่อสาร เพราะ Speech เป็นกระบวนการพูดอย่างเป็นทางการที่จะต้องวิเคราะห์ผู้รับสาร (ผู้ฟัง) โดยมีการเตรียมตัว พูดอย่างมีขั้นตอนและเป็นระบบ มีการลําดับและการดําเนินเรื่องที่ดี ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ (ส่วน Speaking หมายถึง การพูดหรือการสนทนาในชีวิตประจําวันทั่ว ๆ ไป ซึ่งไม่ได้มีการเตรียมเนื้อหาหรือไม่มีเหตุผลประกอบการพูดมากนัก)

40. ข้อใดเป็นคํากล่าวที่ไม่ถูกต้องตามหลักวาทวิทยา
(1) น้อง ๆ ทั้งหลาย การสื่อสารของพวกคุณมีปัญหาทั้งการพูดและการเขียน
(2) เอาใจเขามาใส่ใจเราบ้างก็ดี รู้จักชั่งน้ําหนักบ้างว่าอะไรควรหรือไม่ควร
(3) ดู ๆ ไปแล้ว ญาติพี่น้องของคุณมีมนุษยสัมพันธ์ดี เข้ากับใครได้หมด
(4) อย่าทําตัวเป็นพวกเตี้ยอุ้มค่อมเลย จะพากันไปไม่รอดเสียเปล่า
(5) เหตุเพราะผมนอนตื่นสาย จึงไปสัมภาษณ์เพื่อขอรับทุนไม่ทัน เสียดายจริง !
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 39. ประกอบ

41. การกล่าวถึงแฟชั่นตามสมัยนิยม เป็นการพูดเพื่อเป็นแรงกระตุ้นทางใด
(1) ร่างกาย
(2) จิตใจ
(3) นิสัย
(4) สังคม
(5) พื้นฐาน
ตอบ 4 หน้า 96, (คําบรรยาย) การพูดกระตุ้นทางสังคม ผู้พูดจะต้องพูดให้ได้ผลออกมาในรูปที่ว่า ผู้ฟังเป็นคนที่กว้างขวาง มีเกียรติ เป็นที่รู้จักในวงสังคม หรือเป็นผู้ที่ตามกระแสสังคม เช่น การกล่าวถึงแฟชั่นตามสมัยนิยม เป็นต้น

42. ในการพูดชักจูงใจ สิ่งสําคัญที่ทําให้ผู้ฟังเกิดการตัดสินใจคืออะไร
(1) มาตรฐานสังคมและทักษะการนําเสนอ
(2) ถ้อยคําที่มีน้ำหนัก น่าเชื่อถือ
(3) ความมีชีวิตชีวาและท่าทางของผู้พูด
(4) น้ำเสียง ท่าทาง และคําพูด
(5) พยาน หลักฐาน และข้อมูล
ตอบ 5 (คําบรรยาย) ในการพูดชักจูงใจ สิ่งสําคัญที่ทําให้ผู้ฟังเกิดการตัดสินใจ คือ ผู้พูดจะต้อง ยกตัวอย่าง ยกเหตุผลข้อเท็จจริง พยาน หลักฐาน ข้อมูลและข้อโต้แย้งต่าง ๆ ขึ้นมาอ้างอิง เพื่อให้ผู้ฟังเชื่อถือและเห็นด้วยจนเกิดการตัดสินใจในที่สุด

43. ข้อใดไม่เป็นองค์ประกอบหลักของการพูดเพื่อชักจูงใจ
(1) ผลตอบแทน
(2) แรงจูงใจ
(3) ความต้องการ
(4) จุดอ่อน
(5) อิทธิพลทางใจ
ตอบ 4 (คําบรรยาย) องค์ประกอบหลักของการพูดเพื่อชักจูงใจ มีดังนี้
1. ผลตอบแทน
2. แรงจูงใจ
3. ความต้องการ
4. อิทธิพลทางใจ

44. ช่องทางการสร้างความรู้ความเข้าใจในทางวาทวิทยา คือ
(1) โสตประสาท
(2) เครื่องมือ
(3) ภาวะจิตใจ
(4) สื่อ
(5) การกระทํา
ตอบ 2 หน้า 7, (คําบรรยาย) เครื่องมือสื่อความหมาย (Channel) หมายถึง ช่องทางหรืออะไรก็ตาม ที่ผู้พูดใช้เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อการนําเสนอ อันจะส่งผลต่อการสร้างความรู้ความเข้าใจ เข้าถึงอารมณ์ความรู้สึก เข้าแทรกแซงกระบวนการคิดและความเชื่อ แบ่งออกเป็น
1 อวัจนภาษา
2 โสตทัศนูปกรณ์
3 บุคคลและวัตถุพยาน

45.คําว่า “ถูกถ้วน” ในการสื่อสารแบบวาทวิทยา คือ
(1) เต็มที่
(2) เหมาะสม
(3) ได้ผล
(4) มีมาตรฐาน
(5) ครบครัน
ตอบ 2 (คําบรรยาย) คําว่า “ถูกถ้วน” ในการสื่อสารแบบวาทวิทยา คือ ความเหมาะสม ทั้งในเรื่อง ของบุคลิกลักษณะในการแต่งกาย การปรากฏตัว การเตรียมเนื้อหา คําปฏิสันถาร ฯลฯ ซึ่งต้องมีความเหมาะสมสอดคล้องกับเจ้าภาพและลักษณะของงาน

46 คําว่า “บรรยากาศที่ดีในการพูด” เป็นผลมาจาก
(1) ความเป็นจริงและมีความเหมาะสม
(2) มีความเหมาะสมและเป็นเหตุเป็นผล
(3) การสร้างความรู้สึกร่วมและเข้ากันได้
(4) มีมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับ
(5) แสดงบทบาทหน้าที่และอํานาจของกันและกัน
ตอบ 3(คําบรรยาย) บรรยากาศที่ดีในการพูด เป็นผลมาจากการสร้างความรู้สึกร่วมและเข้ากันได้ ของคู่สื่อสาร เพราะอารมณ์และความรู้สึกร่วมระหว่างผู้พูดกับผู้ฟังจะเป็นปัจจัยสําคัญที่สุด
ในการเชื่อมต่อสถานการณ์การพูดให้ราบรื่นและดําเนินไปได้ตลอดรอดฝั่ง

47. ข้อใดเป็นข้อมูลข่าวสารระดับปฐมภูมิที่ผู้พูดสามารถใช้ประโยชน์ได้
(1) ประสบการณ์ของผู้รอดตาย
(2) บทความของ บก. คนดัง
(3) ต้นฉบับนักเขียน
(4) บทประพันธ์สมัย ร.1
(5) คําบอกเล่าของเหล่าไทยมุง
ตอบ 1 (คําบรรยาย) ข้อมูลข่าวสารระดับปฐมภูมิที่ผู้พูดสามารถนํามาใช้ประโยชน์ได้เป็นอย่างดี คือ ประสบการณ์ของผู้รอดตาย ซึ่งเป็นผู้ที่ประสบเหตุการณ์โดยตรง จึงทําให้การพูดนั้นน่าเชื่อถือ และมีคุณค่าแก่การนําเสนอ

48 การสื่อสารระหว่างกันและกันผ่านกระบวนการพูดนั้น สิ่งใดเป็นปัจจัยที่สําคัญที่สุดหากจะดําเนินการ
ให้ตลอดรอดฝั่ง
(1) ตัวตนที่ชัดเจน
(2) การรักษาความรู้สึกร่วม
(3) ความรู้ที่ได้
(4) เนื้อหาที่ตรงไปตรงมา
(5) บอกถึงผลกระทบที่ชัดเจน
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 46. ประกอบ

49. ข้อใดต่อไปนี้เป็นหัวใจของการพูดเพื่อวิพากษ์วิจารณ์
(1) ใช้วาทศิลป์ชั้นสูง
(2) มีสมดุล ติเพื่อก่อ
(3) ให้ข้อมูลที่เป็นจริง
(4) มองรายละเอียดที่คาดไม่ถึง
(5) พิจารณาผลกระทบตามลําดับ
ตอบ 2หน้า 169 – 171, (คําบรรยาย) หัวใจของการพูดเพื่อวิพากษ์วิจารณ์ คือ มีความสมดุลในการ วิจารณ์ ซึ่งต้องพูดทั้งติและชมอย่างมีเหตุผล หากเป็นการติก็ต้องติเพื่อก่อ โดยเสนอแนะว่าควรจะแก้ไขข้อบกพร่องทางด้านใดบ้าง

50. การพูดเป็นการสื่อส
(1) ด้วยบุคคล
(2) ภายในบุคคล
(3) ระหว่างบุคคล
(4) ระหว่างสาธารณชน
(5) โดยใช้ประชาชน
ตอบ 3(คําบรรยาย) บทบาทของการพูด มีดังนี้
1 เป็นการสื่อสารสองทางในการสื่อสารระหว่างบุคคล ทําให้สามารถเข้าถึงปฏิกิริยาตอบกลับ ได้ทันที ซึ่งทําให้การพูดแตกต่างจากการสื่อสารอื่น ๆ
2. เป็นเครื่องมือเข้าสมาคม เชื่อมต่อสมาชิกสังคมทุกระดับ
3. เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ความเชื่อ ทัศนคติ
4. เป็นกระบวนการสร้างและสลายอารมณ์ความรู้สึกของบุคคล ซึ่งเกิดจากการเข้าถึงอารมณ์ ของผู้ฟังได้โดยตรง ฯลฯ

51. บทบาทของการพูดที่สามารถสร้างและสลายความรู้สึกของบุคคล เกิดขึ้นจาก
(1) การรับรู้ข้อมูล
(2) การสื่อสารสองทาง
(3) การสร้างสมาธิและปัญญา
(4) การเข้าถึงอารมณ์
(5) การเร่งเร้าปฏิกิริยา
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 50. ประกอบ

52. ความเป็น “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ในทางวาทวิทยา พิจารณาจาก
(1) หลักการ – วิธีการ
(2) ความรู้ – ความสามารถ
(3) ทักษะ – การเรียนรู้
(4) ผลงาน – ความเข้าใจ
(5) ทฤษฎี – ประสบการณ์
ตอบ 1หน้า 3, (คําบรรยาย) การพูดเป็นทั้งวิทยาศาสตร์และศิลปะ คือ วิชาการพูดมีลักษณะของ ความเป็น “ศาสตร์” (Science) เพราะเป็นวิชาที่มีหลักการ แนวคิด และทฤษฎีรองรับ และ มีลักษณะเป็น “ศิลป์” (Art) เพราะเป็นวิชาที่ต้องใช้ศิลปะในการพูด หรือสร้างสุนทรียะในวิธีการนําเสนอ

53. ภาพลักษณ์ของการนําเสนอ เกิดจาก
(1) เหตุผล
(2) ความสนใจ
(3) ตัวตน
(4) ผลลัพธ์
(5) ทรัพย์สิน
ตอบ 3 (คําบรรยาย) ภาพลักษณ์ของการนําเสนอ คือ สิ่งที่ผู้ฟังรู้สึกกับตัวตนของผู้พูดจาก ประสบการณ์ จากสิ่งที่รับรู้ หรือจากสิ่งที่เห็นและประเมินค่า

54. ข้อใดเป็นการสื่อสารสองทางโดยอาศัยกิจกรรมทางวาทวิทยาที่หวังผลได้สูงสุด
(1) เสนอหัวข้อวิจัย
(2) เล่านิทานสนุก ๆ
(3) จัดการพบปะผู้ปกครอง
(4) ให้ไปค้นคว้าในห้องสมุด
(5) จัดตลาดนัดชุมชน
ตอบ 5 (คําบรรยาย) การสื่อสารสองทาง หมายถึง การสื่อสารที่มีการโต้ตอบกันไปมาระหว่างผู้ส่งสาร (ผู้พูด) และผู้รับสาร (ผู้ฟัง) ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายสามารถเข้าถึงปฏิกิริยาโต้ตอบระหว่างกันได้ทันที ทั้งนี้ การสื่อสารสองทางโดยอาศัยกิจกรรมทางวาทวิทยาที่หวังผลได้สูงสุด คือ การจัดตลาดนัดชุมชน

55. ข้อควรระวังที่สุดสําหรับการเล่าเรื่องราวที่มีประเด็นขัดแย้งทางสังคม ได้แก่
(1) ข้อมูลจากแหล่งอ้างอิงที่หลากหลาย
(2) ความสมดุลด้านข้อมูลของคู่กรณี
(3) หลักฐานที่ชัดเจนพอ
(4) หลักการที่ควรปฏิบัติ
(5) กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ตอบ 2 (คําบรรยาย) ข้อควรระวังที่สุดสําหรับการเล่าเรื่องราวที่มีประเด็นขัดแย้งทางสังคม ได้แก่ ความสมดุลด้านข้อมูลของคู่กรณี ดังนั้นจึงควรเปิดโอกาสให้คู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายพูดและแสดง ความคิดเห็นได้อย่างเท่าเทียมกัน ไม่ควรผูกขาดการพูดไว้ที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะจะทําให้ เกิดความไม่สมดุลในโครงสร้างของการสื่อสาร

56 หลักการพูดเพื่อประกาศผลรางวัลหรือการตัดสินความสามารถในปัจจุบันเป็นอย่างไร
(1) เชิดชูคนเก่ง
(2) ทุกคนมีแต่ได้
(3) สัมพันธ์แนบแน่น
(4) ละลายพฤติกรรม
(5) หนทางสู่ชัยชนะ
ตอบ 1หน้า 448, (คําบรรยาย) หลักการพูดเพื่อประกาศผลรางวัลหรือการตัดสินความสามารถใน ปัจจุบันนั้น ผู้พูดควรพูดให้สั้นที่สุด (ไม่ควรพูดเกิน 15 นาที) โดยควรกล่าวยกย่องเชิดชูคนเก่ง ที่ได้รับรางวัลแต่พอสมควร และควรจดจําข้อเท็จจริงต่าง ๆ เช่น ชื่อ – นามสกุล และผลงาน ของผู้ได้รับรางวัลให้แม่นยํา

57. ข้อใดเป็นการดําเนินงานลําดับแรก เมื่อนักศึกษารับปากที่จะพูดตามหัวข้อที่รับเชิญ
(1) กําหนดแนวคิดในการนําเสนอ
(2) จองที่พักและยานพาหนะล่วงหน้า
(3) หาข้อมูลที่เกี่ยวข้องทันที
(4) เตรียมหาผู้ร่วมงานหรือผู้ช่วย
(5) ซ้อมบทพูดที่เกี่ยวข้องล่วงหน้า
ตอบ 3(คําบรรยาย) ขั้นตอนการรวบรวมข้อมูล เมื่อนักพูดรับปากที่จะพูดตามหัวข้อที่รับเชิญ มีดังนี้
1. หาข้อมูลที่เกี่ยวข้องทันทีเมื่อรู้ว่าจะต้องพูด
2. เริ่มหาข้อมูลจากความทรงจําที่มีอยู่
3. ดูจากข้อมูลที่มีอยู่
4. หาเพิ่มเติมในสิ่งที่ขาดหายไปหรือที่ต้องการใช้
5. พิจารณาเป้าหมายและวัตถุประสงค์การพูดด้วย

58. การสัมภาษณ์นั้นมีความหมายสําคัญในเชิงการสื่อสารอย่างไร
(1) การได้มาซึ่งข้อมูลเชิงลึก
(2) ทบทวนเหตุการณ์
(3) เปิดเผยความจริง
(4) จัดระเบียบข่าวสารให้ราบรื่น
(5) สร้างความเป็นธรรมให้สังคม
ตอบ 1 หน้า 33, 255, (คําบรรยาย) การสัมภาษณ์ หมายถึง การสื่อสารด้วยกระบวนการพูดคุย โดยมีเป้าประสงค์เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลสําคัญ ข่าวสาร หรือประเด็นที่เป็นสาระโดยตรงผ่าน บุคคลที่มีตําแหน่งหน้าที่สัมพันธ์กับคําถาม ทั้งนี้ข้อมูลที่ได้มาถือเป็นข้อมูลเชิงลึกส่วนบุคคล ที่มีความเฉพาะเจาะจงตามเป้าหมาย วัตถุประสงค์ และสถานการณ์ขณะนั้น

59. โครงสร้างของคําถามในการสัมภาษณ์มีอะไรบ้าง
(1) แบบตรง – แบบโดยอ้อม
(2) แบบถามนํา – แบบถามต่อเนื่อง
(3) แบบยอมรับ – แบบปฏิเสธ
(4) แบบแน่นอน – แบบไม่แน่นอน
(5) แบบถามนํา – แบบปลายเปิด
ตอบ 4(คําบรรยาย) ชนิดของการสัมภาษณ์แบ่งโดยการนําเสนอข้อมูลมีอยู่ 3 ชนิด ได้แก่
1. การสัมภาษณ์ที่มีโครงสร้างคําถามแบบแน่นอน
2. การสัมภาษณ์ที่มีโครงสร้างคําถามแบบไม่แน่นอน
3. การสัมภาษณ์แบบผสม

60. ในกระบวนการสัมภาษณ์มีบุคคล 2 ฝ่าย คือ
(1) ผู้พูด – ผู้ให้ความเห็น
(2) ผู้สัมภาษณ์ – ผู้ให้สัมภาษณ์
(3) ผู้นําสัมภาษณ์ – ผู้ถูกสัมภาษณ์
(4) ผู้กล่าวสัมภาษณ์ – ผู้ให้ข้อมูล
(5) สื่อมวลชน – แหล่งข่าว
ตอบ 2 หน้า 255, (คําบรรยาย) การสัมภาษณ์ คือ การสนทนาระหว่างบุคคลสองฝ่าย โดยที่ฝ่ายหนึ่ง เป็นผู้ซักถาม เรียกว่า “ผู้สัมภาษณ์” และอีกฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ตอบ เรียกว่า “ผู้ให้สัมภาษณ์

61 ข้อใดไม่ควรกระทําเมื่อผู้สื่อข่าวทําการสัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์กับผู้ที่มีวิธีตอบเลี่ยง โดยไม่ยอม
ตอบคําถามให้ตรงประเด็น
(1) แทรกบทตลกเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศจนกว่าจะยอมตอบ
(2) ให้ตอบอย่างตรงคําถามและทวนคําถามซ้ําอีก
(3) เปลี่ยนคําถามใหม่ แล้วขออภัยผู้ชมทางโทรทัศน์แทนแขกรับเชิญ
(4) แนะนําคําตอบเป็นทางเลือกสลับกับการพูดคุยกับผู้ชม
(5) ต่อโทรศัพท์ถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เป็นตัวแทนในการซักถาม
ตอบ 5 หน้า 264, (คําบรรยาย) สิ่งที่ผู้สื่อข่าวไม่ควรกระทําเมื่อต้องสัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์กับ ผู้ที่มีวิธีตอบเลี่ยง โดยไม่ยอมตอบคําถามให้ตรงประเด็น คือ การต่อโทรศัพท์ถึงบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เป็นตัวแทนในการซักถาม เพราะการให้ผู้อื่นมาทําหน้าที่สัมภาษณ์แทนตนเอง แสดงให้ เห็นว่าผู้สื่อข่าวไม่มีความสามารถเพียงพอ ดังนั้นผู้สื่อข่าวจึงควรมีความอดทนที่จะซักถามต่อไป โดยแก้ไขสถานการณ์ตามตัวเลือกที่เหลือข้างต้น

62 ในการปฏิบัติงานสื่อสารมวลชน บุคคลใดสมควรเป็นผู้ถูกสัมภาษณ์ในลําดับแรก
(1) ผู้นําองค์กร
(2) ผู้มีอํานาจตัดสินใจ
(3) ผู้ที่สังคมให้ความสนใจ
(4) ผู้เกี่ยวข้องและมีความรู้ในเรื่องนั้น
(5) ผู้ทําหน้าที่สื่อสารมวลชน
ตอบ 4 หน้า 257 – 258, (คําบรรยาย) คุณสมบัติของผู้ให้สัมภาษณ์ (ผู้ถูกสัมภาษณ์) เรียงตามลําดับ
ความสําคัญของบุคคลได้ ดังนี้
1 เป็นผู้รู้ (สําคัญที่สุด)
2. เป็นผู้เกี่ยวข้อง รู้เห็นหรืออยู่ในเหตุการณ์
3. เป็นผู้นํา ผู้บริหาร หรือผู้ที่มีความสําคัญ
4. เป็นผู้มีประสบการณ์
5. เป็นผู้ได้รับความสนใจ
6. เป็นผู้ที่มีตัวตนอยู่จริง

63. ข้อใดไม่เข้าพวก
(1) คํานํา
(2) บทนํา
(3) เกริ่น
(4) อารัมภบท
(5) ปฏิสันถาร
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 26. ประกอบ

64. การจัดปฐมนิเทศ นศ. สาขาสื่อสารมวลชน ไม่ควรเลือกใครเป็นวิทยากร
(1) ศิษย์เก่าในวงการ
(2) ผอ. สํานักข่าวไทย
(3) คณบดีคณะสื่อสารมวลชน
(4) คนดังในสื่อออนไลน์
(5) ออร์แกไนเซอร์ที่มีผลงานโดดเด่น
ตอบ 4 (คําบรรยาย) การเลือกวิทยากรมาพูดในการจัดงานปฐมนิเทศข้างต้น ควรเลือกผู้ที่มีความรู้ มีประสบการณ์ และประสบความสําเร็จในการทํางานด้านสื่อสารมวลชน หรืออาจเป็นผู้ที่ มีความเกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัย จึงจะมีความเหมาะสมกับลักษณะของงานที่จัด

65. ในการบรรยายพิเศษ ทําไมจึงต้องมีการแนะนําผู้บรรยาย
(1) เพื่อให้ผู้ฟังรู้จักผู้พูด
(2) เพื่อให้เกียรติแก่ผู้ฟัง
(3) เพื่อฆ่าเวลา
(5) เพื่อสร้างความสนใจจากผู้ฟัง
(4) เพื่อยกย่องในเกียรติประวัติที่ทํามา
ตอบ 1 หน้า 310, 444 จุดมุ่งหมายในการแนะนําองค์ปาฐก ผู้บรรยาย ผู้ดําเนินการอภิปราย มีดังนี้
1. เพื่อให้ผู้ฟังรู้จักผู้พูดว่าเป็นใคร ทําอะไร และมีความสําคัญอย่างไร
2. เพื่อเป็นการให้เกียรติแก่ผู้พูด
3. เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้ฟังกับผู้พูด ฯลฯ

66. ถ้าท่านได้รับมอบหมายให้เป็นผู้แนะนําวิทยากรที่จะมาแสดงปาฐกถา ท่านจะถามหาข้อมูลเกี่ยวกับ
วิทยากรจากใครที่จะได้ตรงเป้าหมายที่สุด
(1) ประธานจัดงาน
(2) สื่อมวลชนที่คุ้นเคย
(3) คนวงการเดียวกันกับวิทยากร
(4) เลขานุการคณะกรรมการจัดงาน
(5) เลขานุการในทีมงานวิทยากร
ตอบ 5 หน้า 311, (คําบรรยาย) ถ้าผู้แนะนําไม่รู้จักหรือไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับวิทยากร (องค์ปาฐก) ที่จะมาแสดงปาฐกถา ก็ควรติดต่อวิทยากรหรือถามจากเลขานุการในทีมงานวิทยากรว่าจะให้ตนแนะนําอย่างไร โดยต้องติดต่อกันก่อนวันแนะนําจริง

67 ข้อใดคือต้นฉบับที่พึงประสงค์หากพิจารณาจากประสิทธิผลการใช้งาน
(1) สวยงามมีคุณค่า
(2) โดดเด่นดูเตะตา
(3) ไม่มีร่องรอยแก้ไข
(4) ได้รับการรับรองแล้ว
(5) มีเนื้อหาเหมาะสมกับเวลาที่มี
ตอบ 5หน้า 40, (คําบรรยาย) ลักษณะของต้นฉบับที่พึงประสงค์ มีดังนี้
1 ใช้ภาษาที่สุภาพ
2 มีเนื้อหาตามวัตถุประสงค์ และเป็นไปตามโครงสร้างของการพูดแบบสากล
3 ลําดับความคิดน่าติดตาม (ฟังแล้วไม่สับสน)
4 มีเนื้อหาเหมาะสมสอดคล้องหรือพอดีกับเวลาที่มี
5. อ่านง่ายทั้งแบบอักษรและขนาดตัวพิมพ์ ฯลฯ

68. เมื่อกล่าวขอบคุณผู้บรรยายพิเศษเสร็จสิ้น ควรทําอะไรต่อไป
(1) เชิญชวนให้มาพูดอีก
(2) เชิญชวนผู้ฟังปรบมือให้ผู้บรรยาย
(3) สรุปเนื้อหาสาระอีกรอบ
(4) สรุปเนื้อหาและวิจารณ์วิทยากรทันที
(5) เชิญชวนถ่ายรูปหมู่เป็นที่ระลึก
ตอบ 2 หน้า 312 หลังจากที่องค์ปาฐก ผู้บรรยาย ผู้ดําเนินการอภิปราย ฯลฯ ได้จบการพูดลงแล้ว พิธีกรจะต้องลุกขึ้นไปกล่าวขอบคุณเป็นข้อความสั้น ๆ หรือบางครั้งก็อาจจะกล่าวขอบคุณ และเชิญชวนผู้ฟังปรบมือให้องค์ปาฐก ผู้บรรยาย ผู้ดําเนินการอภิปราย ฯลฯ ด้วยก็ได้

69. ในการบรรยายพิเศษที่มีระยะเวลายาวนานพอสมควรนั้น ผู้บรรยายไม่ควรใช้วิธีการอย่างไรเพื่อให้
เรื่องที่พูดนั้นเป็นเรื่องที่น่าสนใจ
(1) แทรกบทตลกในบางจังหวะ
(2) พูดเรื่องที่ผู้ฟังไม่น่าจะเคยรู้มาก่อน
(3) ชวนสุภาพสตรีให้ร่วมตอบคําถาม
(4) ระบายความน้อยเนื้อต่ําใจของตนเอง
(5) เล่าประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นของตนเอง

ตอบ 4 หน้า 308 – 309, (คําบรรยาย) ในการแสดงปาฐกถาหรือบรรยายพิเศษนั้น ผู้พูดควรพูดใน เรื่องที่น่าสนใจสําหรับผู้ฟัง หรือเรื่องที่ให้ความรู้ และควรจะเป็นเรื่องที่ผู้ฟังไม่เคยรู้มาก่อน ยกเว้นเรื่องที่เป็นความลับหรือเรื่องส่วนตัวของตนเองและผู้อื่น นอกจากนี้ผู้พูดอาจแทรก บทตลกได้เท่าที่จําเป็น หรือเล่าประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นของตนเอง หรือชักชวนให้ผู้ฟัง ร่วมตอบคําถาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้ฟังเกิดความเบื่อหน่ายและไม่สนใจ จากนั้นจึงดึงประเด็นเข้าสู่สาระหลักที่จะพูดต่อไป

70. ข้อใดหมายถึง การพัฒนาตนในบริบทของการนําเสนอเนื้อหาเชิงวาทวิทยา
(1) การสร้างอัตลักษณ์ของตนเอง
(2) การแสวงหาความรู้ให้มากพอ
(3) การริเริ่มแนวคิดเพื่อการนําเสนอ
(4) การปรับปรุงบุคลิกภาพ
(5) รู้จักการขยายเครือข่ายความสัมพันธ์กับหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ
ตอบ 4 หน้า 11, (คําบรรยาย) การพัฒนาตนในการนําเสนอเนื้อหาเชิงวาทวิทยา หมายถึง การปรับปรุง บุคลิกภาพให้เหมาะสมกับการนําเสนอ โดยบุคลิกภาพจะรวมไปถึงการใช้ภาษา น้ําเสียง การยืน การแต่งกาย การใช้สายตา กิริยาท่าทาง ฯลฯ ซึ่งเป็นเสมือนเครื่องมือสื่อความหมายไปสู่ผู้ฟัง ดังนั้นผู้พูดจึงต้องรู้จักปรับปรุงตัวให้ใช้เครื่องมือสื่อความหมายเหล่านั้นให้มีประสิทธิภาพ

71. การเข้าไปยังที่นั่งของผู้พูด สิ่งที่ไม่ควรกระทํา คือ
(1) เดินตัวตรง ยิ้มให้กับผู้ชม ผู้ฟังตามสมควร
(2) เดินอกผายไหล่ผึ้ง ทําความเคารพประธาน ทักทายคนรู้จัก
(3) เดินตรงไปยังที่นั่งของตน สํารวจว่าตรงกับชื่อตัวเองหรือไม่ แล้วรีบนั่งลงไป
(4) เดินไปตามลําดับที่พิธีกรประกาศชื่อ ไม่ทักทายประธานในพิธี
(5) อยู่ ณ ที่พักของตนเอง และรอจนกว่าพิธีกรประกาศจึงเข้าประจําตําแหน่ง
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 31. ประกอบ

72. ประโยชน์ของการพูดในแง่มุมของการส่งเสริมแนวคิดประชาธิปไตย คือข้อใด
(1) เพื่อสร้างความเจริญก้าวหน้า
(2) เพื่อเผยแพร่นโยบาย
(3) เพื่อการแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกับผู้อื่น
(4) เพื่อปรับปรุงกฎระเบียบ
(5) เพื่อเป็นเวทีในการประกาศเจตนารมณ์ของตนเอง
ตอบ 3 (คําบรรยาย) การพูดที่ส่งเสริมแนวคิดประชาธิปไตยจะพิจารณาจากความสมดุลในการสื่อสาร โดยประโยชน์ของการพูดในแง่มุมนี้ คือ เพื่อการแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกับผู้อื่น เพราะสังคม ประชาธิปไตยนั้นต้องการความคิดเห็นของสมาชิกเป็นสําคัญ

73. ข้อใดไม่ใช่หน้าที่ของนักพูด
(1) เตือนภัยสังคม
(2) บอกวิธีรักษาโรคให้ผู้ป่วย
(3) สร้างสรรค์ภาษาตามสมัย
(4) โน้มน้าวใจให้เกิดการซื้อ – ขาย
(5) ให้ความรู้ด้วยสาระบันเทิง
ตอบ 3(คําบรรยาย) หน้าที่ของนักพูด มีดังนี้
1. บอกกล่าวเรื่องราว
2. ให้ความรู้
3. สอดส่องดูแลและเตือนภัยสังคม
4. สร้างความจรรโลงใจ
5. โน้มน้าวใจให้เกิดการกระทํา

74. ความประหม่าของผู้พูด เป็นปัญหาการพูดในกลุ่มใด
(1) ภาษา
(2) แนวคิด
(3) สาระ
(4) การพัฒนาตน
(5) การปรับตัว

ตอบ 5 (คําบรรยาย) ปัญหาที่เกิดกับการพูดด้านบุคลิกและการปรับตัวทั่วไป ได้แก่
1. แต่งกายไม่เหมาะสมกับผู้ฟังหรือสถานที่
2. การเดินไม่เป็นไปตามธรรมชาติ
3. ความประหม่าของผู้พูดที่จะต้องปรากฏกาย
4. เกรงว่าจะควบคุมกิริยาท่าทาง มารยาท การวางตัวไม่ได้ ฯลฯ

75. ข้อใดเป็นวินัยที่ควรปฏิบัติของนักพูดที่มีความรับผิดชอบ
(1) มาตรงเวลาทุกครั้ง
(2) ทําการซ้อมอย่างเปิดเผยต่อหน้าผู้ชม
(3) ทําทุกอย่างเองเพื่อความสมบูรณ์แบบ
(4) ทําตัวให้โดดเด่นน่าภูมิใจ
(5) มาก่อนเวลาเพื่อสํารวจจุดบกพร่อง
ตอบ 5(คําบรรยาย) วินัยที่ควรปฏิบัติของนักพูดที่มีความรับผิดชอบ คือ ต้องไปถึงสถานที่ที่จะพูด ก่อนเวลา หรือเผื่อเวลาไว้นานพอสมควรสําหรับการไปถึง เพื่อสํารวจจุดบกพร่องไม่ว่าจะเป็น เวที สถานที่ และอุปกรณ์ด้วยตนเอง

76. การกล่าวต้อนรับอย่างเป็นพิธีการจะต้องเริ่มด้วย
(1) การแนะนําเจ้าภาพ
(2) คําปฏิสันถาร
(3) บทประทับใจ
(4) การกล่าวขอบคุณแขกผู้มีเกียรติ
(5) คําชื่นชมในโอกาสนั้น ๆ
ตอบ 2 หน้า 445 การกล่าวต้อนรับ เป็นการแสดงออกถึงการให้เกียรติแก่ผู้ที่มาเยี่ยม เป็นการ แนะนําผู้มาเยี่ยม หรือผู้มาใหม่ให้รู้จักสถานที่นั้น ๆ ดีขึ้น โดยการกล่าวต้อนรับอย่างเป็น พิธีการจะต้องเริ่มต้นด้วยการกล่าวคําปฏิสันถารก่อนเสมอ

77. ข้อใดไม่ใช่แนวทางการตัดสินใจที่ได้จากการวิเคราะห์สถานการณ์การพูดด้านผลกระทบที่จะเกิด
ในกระบวนการสื่อสารแต่ละครั้ง
(1) ดําเนินการต่อโดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลง
(2) ดําเนินการต่อไปโดยปรับเปลี่ยนเนื้อหาบางส่วน
(3) ยังต้องดําเนินการต่อไป แต่ปรับปรุงสาระสําคัญเนื่องจากไม่สามารถยกเลิกได้
(4) เปลี่ยนคนพูดโดยคงสาระหรือเนื้อหาตามที่เตรียมไว้แต่เดิมทุกประการ
(5) ผู้พูดยกเลิกการพูดครั้งนั้นไปเลย
ตอบ 4 (คําบรรยาย) แนวทางการตัดสินใจที่ได้จากการวิเคราะห์สถานการณ์การพูดด้านผลกระทบ ที่จะเกิดในกระบวนการสื่อสารแต่ละครั้ง มีดังนี้
1. ดําเนินการต่อโดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงเลย ทุกอย่างคงเดิม
2. ดําเนินการต่อไปโดยปรับเปลี่ยนเนื้อหาบางส่วนให้สอดคล้องกับสถานการณ์
3. เปลี่ยนประเด็นสําคัญ แต่ยังจะพูดต่อไปเนื่องจากไม่สามารถยกเลิกได้ 4. ยกเลิกการพูดครั้งนั้นไปเลย

78. การวิเคราะห์ผู้ฟังด้านกลุ่มสังคมและประสบการณ์เฉพาะเรื่อง มีผลอย่างไรต่อการเตรียมข้อมูล
ในการพูดแต่ละครั้ง
(1) เพื่อสร้างศัพท์และระดับความซับซ้อนของข้อมูลที่นําเสนอ
(2) เพื่อเปิดประเด็นและหัวข้อที่จะพูดให้เหมาะสม
(3) เพื่อต้องการทราบแนวโน้มการตัดสินใจในเรื่องที่จะเป็นส่วนได้ – เสียของผู้ฟัง
(4) เพื่อกําหนดวาระการรับรู้และกระบวนการออกแบบเนื้อหา
(5) เพื่อสร้างความรู้สึกและความพึงพอใจให้กับกลุ่มเป้าหมาย

ตอบ 1 (คําบรรยาย) การวิเคราะห์ผู้ฟังด้านกลุ่มสังคมและประสบการณ์เฉพาะเรื่อง จะมีผลต่อการ เตรียมข้อมูลในการพูด คือ ทําให้ผู้พูดสามารถสร้างศัพท์และระดับความซับซ้อนหรือความลึก ของข้อมูลที่นําเสนอ เพื่อให้สอดคล้องกับประสบการณ์เฉพาะเรื่องของผู้รับสารในกลุ่มสังคมนั้น ๆ

79. ผู้ดําเนินรายการที่ดี ไม่ควรกระทําการเช่นไร
(1) หลีกเลี่ยงการพูดถ้อยคําที่ซ้ำซาก
(2) แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี
(3) เลือกใส่เสื้อผ้าที่ดูสง่างามมีราศี
(4) พูดได้ทุกประเด็นเท่าที่ต้องการพูด
(5) ทําตัวให้กลมกลืนและเป็นธรรมชาติกับงานได้ในทุกกาลเทศะ
ตอบ 4 (คําบรรยาย) สิ่งที่ผู้ดําเนินรายการที่ดีไม่ควรกระทํา คือ พูดได้ทุกประเด็นเท่าที่ต้องการพูด เพราะจะทําให้การพูดครั้งนั้นออกนอกเรื่องหรือนอกประเด็นสําคัญที่ต้องการจะพูด และทําให้เนื้อหาการพูดยาวเกินเวลาที่กําหนดอีกด้วย

80. การซ้อมการพูดโดยบุคคลสําคัญที่ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญในวิทยาการเฉพาะสาขา เป็นการระวังป้องกัน
ข้อผิดพลาดด้านใด
(1) อารมณ์และความรู้สึกที่อาจไม่สมจริง
(2) กิริยาท่าทางที่ไม่เป็นไปตามบทบาทที่เตรียมมา
(3) การที่อาจจะต้องตอบคําถามสื่อมวลชนอย่างกะทันหัน
(4) เพื่อให้เป็นไปตามความคาดหวังขององค์กร
(5) เนื้อหาที่คนนอกวงการอาจไม่รู้ความหมาย หรือทําให้เข้าใจง่ายขึ้น
ตอบ 5 (คําบรรยาย) การซ้อมการพูดโดยบุคคลสําคัญที่ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญในวิทยาการเฉพาะ สาขา เป็นการระวังป้องกันข้อผิดพลาดในด้านเนื้อหาที่อาจจะมีศัพท์เฉพาะสาขาวิชานั้น น ๆ ซึ่งคนนอกวงการอาจไม่รู้ความหมาย หรือทําให้เข้าใจง่ายขึ้น

81. เมื่อเข้า ณ ที่พูดแล้ว ผู้พูดไม่ควรทําอะไรต่อหน้าผู้ฟัง
(1) ยิ้ม
(2) ดื่มน้ำ
(3) ดูบันทึกย่อ
(4) ทดสอบเสียง
(5) นั่งสงบ
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 31. ประกอบ

82. น้ำเสียงที่เป็นระดับเดียวกันโดยตลอดสร้างปัญหาให้แก่ผู้ฟังด้านใดมากที่สุด
(1) ไม่เข้าใจเนื้อหาทีผู้พูดถ่ายทอด
(2) ทําให้เรื่องง่ายกลายเป็นเรื่องยาก
(3) หมดศรัทธา ไม่น่าเชื่อถือในตัวผู้พูด
(4) สร้างความสงสัยในเนื้อหา
(5) เบื่อหน่าย ละเลยการติดตามประเด็น
ตอบ 5 หน้า 14, (คําบรรยาย) หลักการใช้เสียงพูดที่ดีข้อหนึ่ง คือ ผู้พูดควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ําเสียง เนื่อย ๆ หรือน้ําเสียงที่เป็นระดับเดียวกัน (ไม่มีเสียงสูง – ต่ํา) โดยตลอด เพราะจะทําให้ผู้พูด พูดโดยขาดความมีชีวิตชีวา และผู้ฟังก็จะรู้สึกเบื่อหน่าย รําคาญ จนอาจไม่สนใจหรือละเลย การติดตามประเด็น

83. ปัญหาความเครียดและวิตกกังวลของผู้พูดเกิดจาก
(1) เครื่องแต่งกายที่ไม่เหมาะสม
(2) ความตั้งใจที่มีมากจนเกินไป
(3) การเตรียมตัวไม่ดีหรือไม่พร้อม
(4) อุปกรณ์บกพร่องไม่สามารถใช้งานได้
(5) การประสานงานจากฝ่ายที่เกี่ยวข้องไม่น่าประทับใจมากที่สุด
ตอบ 3 หน้า 54 – 55, (คําบรรยาย) สาเหตุหลักของการขาดความเชื่อมั่นในตนเอง จนก่อให้เกิด ความประหม่าตื่นเต้นบนเวที มีอยู่ 3 ประการ ดังนี้

1. การไม่เตรียมตัวมาอย่างดีพอ ซึ่งปัญหาความเครียดและวิตกกังวลของผู้พูดส่วนใหญ่ เกิดจากการเตรียมตัวไม่ดีหรือไม่พร้อม
2. การไม่ซักซ้อมอย่างเพียงพอ
3. การไม่ใส่ใจต่อบุคลิกภาพของตนเองเมื่อต้องปรากฏตัวให้เหมาะสมกับลักษณะพิธีการ สถานที่ และเจ้าภาพ เช่น การแต่งกายไม่ถูกกาลเทศะ ฯลฯ

84. การกําหนดวัตถุประสงค์ของการพูดยังไม่จําเป็น พิจารณาจาก……..โดยตรง
(1) ระบบสังคมวัฒนธรรมของผู้ฟัง
(2) สถานการณ์บ้านเมืองล่าสุด
(3) การแบ่งหัวข้อเป็นประเด็นต่าง ๆ
(4) ประเด็นหลักและข้อมูลสนับสนุน
(5) เวลาที่เจ้าภาพให้กับการพูดครั้งนั้น
ตอบ 2 (คําบรรยาย) ในการประมวลความคิดนั้น ผู้พูดต้องเข้าใจในสถานการณ์การพูดแต่ละครั้ง หรือเข้าใจสถานการณ์บ้านเมืองล่าสุดเสียก่อน จึงจะสามารถกําหนดวัตถุประสงค์ของการพูดที่แน่ชัดได้

85. ข้อใดไม่ใช่ข้อพิจารณาหลักในการกําหนดประเด็นการพูด
(1) เวลาที่ผู้ร่วมอภิปรายให้กับการพูดครั้งนั้น
(2) ความน่าสนใจของข้อมูลประกอบกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป
(3) พิจารณาตามเหตุผลและข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ซึ่งมีผลกระทบในระดับที่ต่างกัน
(4) แนวคิดในการดําเนินเรื่องตามความถนัดของคนพูด
(5) ข่าวสารที่แพร่กระจายใน Social Media
ตอบ 5 (คําบรรยาย) ข้อพิจารณาหลักในการกําหนดประเด็นการพูด มีดังนี้
1. เวลาที่ผู้ร่วมอภิปรายให้กับการพูดครั้งนั้น
2. ความน่าสนใจของข้อมูลประกอบกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป
3. พิจารณาตามเหตุผลและข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ซึ่งมีผลกระทบในระดับที่ต่างกัน
4. แนวคิดในการดําเนินเรื่องตามความถนัดของผู้พูด

86. ข้อใดไม่ควรกระทํา หากผู้พูดต้องการให้ผู้ฟังมีส่วนร่วมแสดงความเห็น
(1) เลือกชื่อคนที่คุ้นเคยก่อน
(2) ยืนขึ้นแล้วชี้ลงไป
(3) เลือกคนที่ยกมือก่อน
(4) ใช้ปากกาชี้ระบุคน
(5) ให้ประธานในงานนั้นช่วยเลือก
ตอบ 2(คําบรรยาย) สิ่งที่ผู้พูดไม่ควรกระทําหากต้องการให้ผู้ฟังมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น คือ ยืนขึ้นแล้วชี้ลงไป เพราะการเอามือออกไปด้านหน้าตัวเอง หรือใช้มือชี้หน้าผู้ฟัง เป็นการ แสดงถึงความมีอํานาจเหนือผู้ฟัง

87. เรื่องสําคัญที่ต้องเน้นเป็นพิเศษ อาศัยหลักการใดในการพูด
(1) ตอกย้ำแต่ไม่ซ้ำซาก
(2) ย้ำคิดย้ำทํา
(3) สั่งสอนให้รู้สํานึก
(4) บอกใบ้ให้ทายใจ
(5) ต่อเติมส่วนที่ขาดหาย
ตอบ 1 (คําบรรยาย) ผู้พูดควรกล่าวหรือตอกย้ําในเรื่องสําคัญที่ต้องการเน้นเป็นพิเศษ เพื่อให้เรื่องที่พูดนั้นมีความชัดเจน น่าสนใจ และยังทําให้ผู้ฟังสามารถจดจําเรื่องนั้น ๆ ได้มากขึ้น แต่ต้องระวังไม่ไปตอกย้ำจนเกิดความซ้ำซาก หรือย้ำคิดย้ำทําจนมากเกินไป เพราะจะทําให้ ผู้ฟังเกิดความเบื่อหน่าย และเรื่องที่เน้นก็จะกลายเป็นเรื่องที่ไม่สําคัญไป

88. ข้อใดเป็นแนวปฏิบัติหากต้องเตรียมเครื่องดื่มให้กับผู้บรรยายที่ไม่มีการกําหนดไว้
(1) ใช้น้ำแร่เย็นที่ซื้อหาได้สะดวก
(2) ใช้น้ำอุ่น
(3) ใช้น้ำชาร้อน
(4) ใช้น้ำสะอาดตามอุณหภูมิห้อง
(5) ใช้น้ำผลไม้ตามฤดูกาล
ตอบ 4 (คําบรรยาย) แนวปฏิบัติของผู้ประสานงานหากต้องเตรียมเครื่องดื่มให้กับผู้บรรยายที่ไม่มี การกําหนดไว้ คือ ควรจัดเตรียมน้ำสะอาดตามอุณหภูมิห้อง เพื่อช่วยรักษาน้ําเสียงให้แจ่มใสกังวานชัดเจน

89. การพากย์กีฬาแข่งขันฟุตบอลซึ่งเป็นการถ่ายทอดสด เป็นการพูดลักษณะใด
(1) ท่องจํา
(2) อ่านจากต้นฉบับ
(3) พูดปากเปล่าโดยไม่มีการเตรียม
(4) พูดปากเปล่าโดยมีการฝึกซ้อม
(5) พูดโดยกําหนดวัตถุประสงค์ไว้ล่วงหน้า
ตอบ 3 หน้า 89, (คําบรรยาย) การพูดปากเปล่าโดยไม่มีการเตรียมล่วงหน้า (การพูดโดยกะทันหัน) เช่น การพากย์กีฬามวย ฟุตบอล หรือเรือยาว, การกล่าวทักทายเมื่อเผอิญได้พบกัน, การตอบ ปัญหาบางประการ ฯลฯ มีข้อควรปฏิบัติ ดังนี้
1. พยายามควบคุมสติไว้ให้ได้ ไม่ต้องรีบตอบ และประสานสายตากับผู้ฟังเสมอ
2. ใช้ปัญญาวิเคราะห์ หรือใช้ปฏิภาณไหวพริบให้มากที่สุด
3. พยายามนึกถึงโครงสร้างของการพูด
4. ฝึกซ้อมตอบคําถามในใจในเรื่องที่เตรียมได้
5. พูดหรือตอบคําถามให้สั้น กระชับ มีประเด็น และมีความหมายชัดเจน หากไม่แน่ใจใน ประเด็นคําถามก็อาจขอให้ผู้ถามทวนคําถามเพื่อความแน่นอน หรือนัดหมายให้กลับมา ถามใหม่อีกครั้ง หากไม่สามารถตอบคําถามนั้นได้

90. การวิเคราะห์ถึงจํานวนผู้ชม – ผู้ฟัง มีผลต่อ……..โดยตรง
(1) การกําหนดวัตถุประสงค์
(2) การจัดทําวาทนิพนธ์
(3) สถานที่และอุปกรณ์
(4) การประมวลผลข้อมูล
(5) การแต่งกายให้ถูกต้องตามกาลเทศะตอบ 3 (คําบรรยาย) การวิเคราะห์จํานวนหรือขนาดของผู้ชม ผู้ฟังจะทําให้ผู้พูดรู้ว่ากลุ่มผู้ฟังนั้น ๆ มีขนาดเล็กหรือใหญ่ มีพื้นที่และสถานที่เพียงพอหรือไม่ในการบรรจุผู้ฟัง เพราะขนาดผู้ฟังกับ สถานที่มีความสัมพันธ์กัน นอกจากนี้ยังทําให้ผู้พูดสามารถเตรียมวิธีการพูด รูปแบบการพูดและอุปกรณ์เครื่องมือประกอบการพูดที่เหมาะสมได้อีกด้วย

91 นอกจากการเตรียมตัวไม่พร้อมแล้ว ความตื่นเต้นในเวทีมักจะเกิดจาก
(1) ขนาดห้องประชุม
(2) ขาดการประสานงาน
(3) แต่งกายผิดกาลเทศะ
(4) ค่าตอบแทนการพูดที่มากเกินจริง
(5) อุปกรณ์ไม่พร้อมหรืออยู่ในสภาพชํารุด
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 83. ประกอบ

92. ข้อใดแสดงออกถึงความสมดุลในกระบวนการพูด
(1) พูดเสนอความสามารถของตนเองหลังจากที่คนอื่นอภิปรายเสร็จสิ้นไปแล้ว
(2) เปิดช่องทางให้แสดงความเห็น มีการสนทนาโต้ตอบตรงไปตรงมา
(3) กล่าวตามยถากรรมปล่อยวางทุกสิ่ง เพื่อแสดงออกถึงความเป็นกลางทางความคิด
(4) ใช้วาจาอ่อนหวานโน้มน้าวใจ โดยไม่เร่งเร้าหรือแสดงอาการกดดัน
(5) นําเสนอข้อเท็จจริงพร้อมไปกับข่าวลือ หรือข้อความอันเป็นเท็จด้วยตนเอง
ตอบ 2 (คําบรรยาย), (ดูคําอธิบายข้อ 72. ประกอบ) ความสมดุลในกระบวนการพูด คือ การเปิด ช่องทางให้คู่สื่อสารแสดงความคิดเห็นหรือเปิดเผยข้อมูลระหว่างกันและกัน โดยมีการสนทนา โต้ตอบอย่างตรงไปตรงมา จนเกิดบรรยากาศที่ดีในการสื่อสาร

93. ข้อใดแตกต่างจากการพูดในข้ออื่นหากพิจารณาจากสาระตามวัตถุประสงค์
(1) โฆษณาเพื่อขายสินค้า
(2) หาเสียงเลือกตั้ง
(3) รณรงค์ต่อต้านคอร์รัปชั่น
(4) เชิญชวนบริจาคอวัยวะ
(5) สอนชาวบ้านให้พึ่งพาตนเอง
ตอบ 5 หน้า 93 – 96, (คําบรรยาย) การพูดเพื่อชักจูงใจ เป็นการนําเสนอข้อมูลข่าวสารเพื่อให้เกิด การเปลี่ยนพฤติกรรม การกระทํา ความเชื่อ หรือทัศนคติ โดยต้องอาศัยหลักการที่สําคัญ คือ การสร้างเกณฑ์ทางใจหรืออิทธิพลเหนือจิตใจด้วยข้อมูลและการแสดงออก ซึ่งตัวอย่างของการ พูดชักจูงใจ เช่น การโฆษณาขายสินค้า, การหาเสียงเลือกตั้ง, การรณรงค์ต่อต้านคอร์รัปชั่น การเชิญชวนบริจาคอวัยวะ ฯลฯ (ส่วนตัวเลือกข้อ 5 เป็นการพูดเพื่อให้ความรู้)

94. การพูดเป็นการสื่อสารที่เน้นการแสดงออกอย่างน้อย 2 ด้าน คือ
(1) บุคคล – ตัวตน
(2) ตัวตน – วาจา
(3) วาจา – ภาษา
(4) ภาษา – ทักษะ
(5) ทักษะ – แนวคิด
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 3. ประกอบ

95. ในกรณีที่ถูกซักถามด้วยคําตอบที่ไม่ได้มีการเตรียมมา และไม่สามารถตอบคําถามนั้นได้ วิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด คือ
(1) นัดกลับมาถามใหม่
(2) ขอโทษที่ทําให้ผิดหวัง
(3) แก้ตัวว่าไม่พร้อม
(4) ย้อนถามว่ารู้มาจากไหน
(5) อยู่เฉย ๆ แล้วชวนสนทนาเรื่องอื่นไปก่อน
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 89. ประกอบ

96. หากพิจารณาจากสาระตามวัตถุประสงค์ ข้อใดไม่เข้าพวก
(1) อภิปราย
(2) เสวนา
(3) สนทนา
(4) ให้โอวาท
(5) ประชุมโต๊ะกลม
ตอบ 4 (คําบรรยาย) การพูดที่มีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ความรู้ และปรึกษาหารือ ระหว่างกัน เช่น การอภิปราย การเสวนา การสัมมนา การสนทนา การประชุมโต๊ะกลม ฯลฯ (ส่วนตัวเลือกข้อ 4 เป็นการพูดเพื่อให้ความรู้

97. หลักการสําคัญของการพูดเพื่อชักจูงใจ คือ
(1) สร้างอิทธิพลเหนือจิตใจด้วยข้อมูลและการแสดงออก
(2) ทําตามหลักการหรือวิธีการที่ถูกต้องจึงจะได้ผล
(3) เร่งเร้าตัดสินใจโดยสร้างข้อจํากัดด้านเวลา
(4) สื่อสารด้วยข้อมูลที่ดีให้มีการตีความหมายในเชิงบวก
(5) ทําให้หลงเชื่อคล้อยตามกระแสสังคม ชิงความเป็นผู้นําในแวดวง
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 93. ประกอบ

98. ผลของการชักจูงใจจะมีมาก – น้อย ไม่ได้ขึ้นอยู่กับระดับของ
(1) ความเชื่อมั่น
(2) ความเชื่อถือ
(3) ความเชื่อมือ
(4) ความเชื่อใจ
(5) เชื่อความเป็นไป
ตอบ 3 (คําบรรยาย) ผลของการชักจูงใจจะมีระดับมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับ
1. ความเชื่อมั่น
2. ความเชื่อถือ
3. ความเชื่อใจ
4. การเชื่อความเป็นไป

99. ข้อใดไม่เป็นลักษณะของการกล่าวคํานําที่ดี
(1) มีเนื้อหาเร้าใจ
(2) สรุปสิ่งที่พูดเอาไว้ให้หมด
(3) โยงเข้าสู่ข่าวสําคัญ
(4) เสนอแนวคิดรวบยอดของเรื่อง
(5) ปูพื้นเหตุการณ์เอาไว้ก่อน
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 28. ประกอบ

100. การพูดต่างจากการสื่อสารอื่น ๆ ที่
(1) การเข้าถึงปฏิกิริยาตอบกลับทันที
(2) มีการใช้ทักษะของบุคคล
(3) ปราศจากสื่อและช่องทางอื่น
(4) สามารถดําเนินการได้เพียงลําพัง
(5) ให้ความสําคัญกับมนุษย์ในฐานะผู้สื่อสาร
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 50. ประกอบ

CDM2402 MCS2150 MCS2100 การประชาสัมพันธ์เบื้องต้น s/2563

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2563

ข้อสอบกระบวนวิชา CDM2402 MCS2150 MCS2100 การประชาสัมพันธ์เบื้องต้น
คําสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคําตอบเดียว

1 คําว่า PR ย่อมาจากคําใด
(1) Public Retention
(2) Publish Relations
(3) Public Relations
(4) Publish Retention
ตอบ 3 PDF (MCS 2150 : D1) คําว่า PR ย่อมาจากคําว่า “Public Relations” ซึ่งสามารถแยก ความหมายได้ดังนี้
1 Public หมายถึง กลุ่มคน ประชาชน สาธารณชน หรือผู้มีส่วนได้เสีย
2 Relations หมายถึง ความสัมพันธ์ หรือความเกี่ยวข้องผูกพัน

2 การประชาสัมพันธ์มุ่งเน้นการสื่อสารในระดับใด
(1) การสื่อสารระดับสาธารณะ (Public Communication)
(2) การสื่อสารระดับมวลชน (Mass Communication)
(3) การสื่อสารระดับกลุ่ม (Group Communication)
(4) การสื่อสารระดับภายใน (Intra – Communication)
ตอบ 1 PDF (MCS 2150 : D1), (คําบรรยาย) การประชาสัมพันธ์สามารถเข้าไปเกี่ยวข้องกับการ สื่อสารในระดับอื่น ๆ ได้ แต่การประชาสัมพันธ์จะมุ่งเน้นไปที่การสื่อสารในระดับสาธารณะ (Public Communication) มากที่สุด คือ การสื่อสารกับคนจํานวนมากที่เป็นกลุ่มภาคส่วน ต่าง ๆ แต่ยังเป็นรูปแบบความสัมพันธ์ที่เห็นหน้าค่าตากัน (Face – to – Face) มากกว่าจะเป็นแบบการสื่อสารที่ผ่านตัวกลาง

3 ข้อใดไม่ใช่ความหมายของการประชาสัมพันธ์
(1) มีจุดมุ่งหมายเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีและความเข้าใจอันดี
(2) การสื่อสารข่าวสารกับกลุ่มประชาชน รวมทั้งรับฟังความคิดเห็นในขณะเดียวกัน
(3) การสื่อสารนําเสนอข้อมูลผ่านการให้เหตุผลเพียงข้างเดียว
(4) มุ่งหวังให้เกิดการยอมรับ และมีรูปแบบเป็นการสื่อสารสองทาง
ตอบ 3 PDF (MCS 2150 : D1) การประชาสัมพันธ์ หมายถึง การสื่อสารความคิดเห็น ข่าวสาร และ ข้อเท็จจริงต่าง ๆ ไปสู่กลุ่มประชาชน รวมทั้งรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในขณะเดียวกัน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีและความเข้าใจอันดีต่อกันระหว่างหน่วยงาน (Organization) กับกลุ่มประชาชน (Public) เพื่อหวังผลในความร่วมมือสนับสนุนจากประชาชน รวมทั้งชื่อเสียงที่ดี (Good Reputation) และภาพลักษณ์ที่ดี (Good Image) ของหน่วยงาน ตลอดจนให้เกิดการยอมรับการดําเนินงานของสถาบัน โดยมีรูปแบบเป็นการสื่อสารสองทาง

4 ข้อใดไม่ใช่คุณลักษณะของการประชาสัมพันธ์
(1) เป็นการสื่อสารแบบทางเดียว
(2) มีจุดหมายเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดี
(3) มีการวางแผน และมีการประเมินผล
(4) ต้องการให้เกิดอิทธิพลทางความคิด ทัศนคติ

ตอบ 1 PDF (MCS 2150 : D3) คุณลักษณะของการประชาสัมพันธ์ มีดังนี้
1 เป็นการทํางานที่มีจุดหมายเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดี
2 เป็นการทํางานที่ต้องการให้เกิดอิทธิพลทางความคิดและทัศนคติ
3 เป็นการทํางานที่มีการวางแผนอย่างรัดกุม และมีการประเมินผล
4 เป็นการสื่อสารแบบสองทาง และเป็นการสื่อสารแบบโน้มน้าวใจ
5 เป็นการทํางานที่ทําต่อเนื่อง และหวังผลระยะยาว

5 การประชาสัมพันธ์มุ่งเน้นการสร้าง/ก่อให้เกิดประโยชน์ในด้านใด
(1) สร้างการรับรู้ข้อมูลการดําเนินงานขององค์กรให้กลุ่มประชาชนที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ
(2) สร้างความน่าเชื่อถือ และความเชื่อมั่นในตัวองค์กรแก่ผู้มีส่วนได้เสีย
(3) ข้อ 1 และ 2 ถูกต้อง
(4) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 3 PDF (MCS 2150 : D1) การประชาสัมพันธ์มุ่งสร้าง/ก่อ (Create) ให้เกิดประโยชน์ดังนี้
1 สร้างการรับรู้ เพื่อสื่อสารถึงนโยบาย วัตถุประสงค์ การดําเนินงาน และประเภทของ การดําเนินงานขององค์กรให้กลุ่มประชาชนที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ
2 สร้างความเข้าใจ เพื่อสื่อสารให้ฝ่ายบริหารหรือฝ่ายปฏิบัติการได้ทราบถึงประชามติ
หรือความรู้สึกนึกคิดของประชาชนที่มีต่อหน่วยงาน
3 สร้างการยอมรับ เพื่อให้ประชาชนยอมรับหรือเกิดทัศนคติเชิงบวกกับสินค้า/ผลิตภัณฑ์ องค์กร และบริการ รวมทั้งมีส่วนเพิ่มพูนปริมาณการขายทางอ้อมด้วย 4. สร้างความน่าเชื่อถือ และความเชื่อมั่นในตัวองค์กรแก่ผู้มีส่วนได้เสีย

6 การประชาสัมพันธ์สามารถช่วยป้องกันปัญหาในด้านใดได้บ้าง
(1) ป้องกันการเข้าใจผิด หรือข่าวลือที่จะกระทบต่อองค์กร ด้วยการควบคุมข้อมูลข่าวสาร
(2) ป้องกันการเป็นปฏิปักษ์ต่อองค์กร ด้วยการพยายามรักษาความสัมพันธ์อันดี
(3) ป้องกันการโจมตีชื่อเสียง หรือการลดความน่าเชื่อถือ ด้วยการสื่อสารอย่างต่อเนื่อง
(4) ถูกทุกข้อ
ตอบ 4 PDF (MCS 2150 : D1) การประชาสัมพันธ์ช่วยเสริม/ป้องกัน (Prevent) ปัญหาดังนี้
1 ป้องกันปัญหายุ่งยากต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในหน่วยงาน
2 ป้องกันการเข้าใจผิด หรือข่าวลือที่จะกระทบการปฏิบัติงาน ด้วยการควบคุมข้อมูลข่าวสาร
3 ป้องกันการเป็นปฏิปักษ์ต่อองค์กร ด้วยการพยายามรักษาความสัมพันธ์อันดี
4 ป้องกันการโจมตีชื่อเสียง หรือการลดความน่าเชื่อถือ (Discredit) ด้วยการให้ข้อมูลข่าวสาร จากองค์กรอย่างต่อเนื่อง
5 ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์และชื่อเสียงให้แก่องค์กร

7 การประชาสัมพันธ์สามารถช่วยแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้ ยกเว้นข้อใด
(1) แก้ไขความเข้าใจที่ผิดที่เกิดขึ้นกับองค์กร
(2) แก้ไขภาพลักษณ์ที่เป็นลบให้เป็นกลาง หรือกลายเป็นบวก
(3) แก้ไขผลกระทบจากภาวะวิกฤติ ด้วยการอธิบายและให้ข้อมูล
(4) แก้ไขการแทรกแซงผลประโยชน์ผ่านการควบคุมสื่อมวลชน
ตอบ 4 PDF (MCS 2150 : D1) การประชาสัมพันธ์ช่วยซ่อม/แก้ไข (Adjust) ปัญหาต่าง ๆ ดังนี้
1 แก้ไขความเข้าใจที่ผิดที่เกิดขึ้นกับองค์กร รวมไปถึงขจัดปัญหาความยุ่งยากต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ด้วยการสื่อสารข้อมูล

2 เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการอธิบายและให้ข้อมูลเมื่อเกิดภาวะวิกฤติ ซึ่งช่วยลดผลกระทบทั้ง
ทางตรงและทางอ้อมแก่องค์กร
3 แก้ไขภาพลักษณ์ที่เป็นลบให้เป็นกลาง หรือกลายเป็นบวก

8 ข้อใดไม่ใช่บทบาทหน้าที่ของการประชาสัมพันธ์รูปแบบใหม่ตามแนวคิดของ Thomas Harris
(1) เป็นสื่อกลางในการตรวจสอบการดําเนินงานของภาครัฐ
(2) สร้างความสนใจแก่ผู้รับสาร
(3) แนะนําสินค้าใหม่ หรือตัวองค์กรแก่ผู้รับสาร
(4) โน้มน้าวผู้มีอิทธิพล (Influencer) ผู้มีอํานาจในการตัดสินใจผ่านการให้ข้อมูล
ตอบ 1 PDF (MCS 2150 : D1) บทบาทหน้าที่ของการประชาสัมพันธ์รูปแบบใหม่ (New Role of PR) ตามแนวคิดของ Thomas L. Harris (1998) มีดังนี้
1 สร้างความสนใจแก่ผู้รับสาร (สร้างความสนใจแก่ตลาดก่อนที่จะใช้โฆษณา) เช่น ก่อนที่ Apple จะเปิดตัว iPhone หรือ iOS เขาใช้การแจ้งข้อมูลผ่านการ PR (ผ่านงาน WWDC หรือกิจกรรมพิเศษ) จากนั้นจึงมีการปล่อยตัวสินค้าอย่างเปิดทางการในภายหลัง เป็นต้น
2 ช่วยเพิ่ม ROI (ผลตอบแทนทางธุรกิจ) เนื่องจาก PR ในปัจจุบันจะช่วยสร้างผลลัพธ์ทาง การตลาดมากขึ้น จึงมีบทบาทในการช่วยสร้างกําไร และลดค่าใช้จ่ายทางด้านการตลาด โดยรวมได้ (ลดการใช้สื่อโฆษณาที่ถี่และเยอะแบบแต่ก่อน)
3 สร้างกระแส คือ เมื่อไม่มีข่าวเกี่ยวกับตัวสินค้าก็จะใช้เทคนิคการสร้างความสงสัยให้แก่ ประชาชน/สื่อมวลชน
4 การแนะนําสินค้าใหม่ บริการ หรือตัวองค์กรแก่ผู้รับสาร (โดยไม่พึ่งการโฆษณามากนัก) คือ การใช้ PR เป็นสื่อนําในการเปิดตัวสินค้า/บริการ ทําให้ในช่วงหลังเรามักเห็นการทํา PR Event ต่าง ๆ ก่อนการโฆษณาในภายหลัง เช่น Grand Opening, แถลงข่าวเปิดตัว สินค้า, การร่วมงาน Expo/Road Show เป็นต้น
5 โน้มน้าวผู้มีอิทธิพล (Influencer) หรือผู้มีอํานาจในการตัดสินใจ (Decision Maker) คือ การให้ข้อมูลของ PR จะช่วยให้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจแก่ผู้ที่มีบทบาทสําคัญ เช่น ช่วยผลักดันนโยบาย หรือช่วยให้ผู้ที่มีอิทธิพลสนับสนุนกิจกรรมขององค์กร เป็นต้น

9 กระบวนการทางการประชาสัมพันธ์แบบ RACE ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง
(1) Research, Advertising, Communication, Evaluation
(2) Research, Advance Planning, Communication, Evaluation
(3) Result, Advance Planning, Community, End Result
(4) Result, Advertising, Community, End Result
ตอบ 2 PDF (MCS 2150 : D1) กระบวนการทางการประชาสัมพันธ์แบบ RACE ประกอบด้วย
1 Research คือ การตรวจสอบ/วิเคราะห์สภาพการณ์ ปัญหา และรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
2 Advance Planning คือ การวางแผนและตัดสินใจเพื่อกําหนดวัตถุประสงค์ เป้าหมาย กลยุทธ์ และวิธีการดําเนินงาน
3 Communication คือ การสื่อสารตามแผนที่วางไว้อย่างเป็นขั้นตอนโดยใช้เครื่องมือ เทคนิค และกลยุทธ์ทางการสื่อสารที่วางไว้
4 Evaluation คือ การตรวจสอบวัดผลว่างานประชาสัมพันธ์ที่ทําไปให้ผลดีมากน้อยเพียงใด

10. ข้อใดต่อไปนี้นับเป็นวัตถุประสงค์ของการทําการประชาสัมพันธ์
(1) ก่อ – กัน – แก้
(2) สร้าง – ซ่อม – เสริม
(3) ข้อ 1 และ 2 ถูกต้อง
(4) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 3 PDF (MCS 2150 : D1) วัตถุประสงค์ของการทําการประชาสัมพันธ์ ได้แก่
1 ก่อสร้าง (ดูคําอธิบายข้อ 5. ประกอบ)
2 ก้น/เสริม (ดูคําอธิบายข้อ 6. ประกอบ)
3 แก้ไข ซ่อม (ดูคําอธิบายข้อ 7. ประกอบ)

11 ข้อใดไม่ใช่ความสําคัญของการวางแผนเพื่อการประชาสัมพันธ์
(1) เพื่อควบคุมปัจจัยภายนอกและสภาพแวดล้อมภายนอกที่กระทบกับงาน
(2) เพื่อลดความเสียหายจากการทํางานซ้ำซ้อน
(3) เพื่อลดความไม่แน่นอน และเพื่อคาดคะเนการเปลี่ยนแปลง
(4) เพื่อให้รู้ทิศทางในการดําเนินงานประชาสัมพันธ์และควบคุมมาตรฐาน
ตอบ 1 PDF (MCS 2150 : D3) ความสําคัญของการวางแผนเพื่อการประชาสัมพันธ์ มีดังนี้
1 เพื่อให้รู้ทิศทางในการดําเนินงานประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ
2 เพื่อลดความไม่แน่นอน และเพื่อคาดคะเนการเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
3 เพื่อลดความเสียหายจากการทํางานซ้ําซ้อน
4 เพื่อควบคุมมาตรฐานในการดําเนินงาน

12 ข้อใดไม่ใช่ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการวางแผนเพื่อการประชาสัมพันธ์
(1) เวลา และสถานการณ์
(2) ต้นทุน และงบประมาณ
(3) ระดับความสําคัญ
(4) โครงสร้างของหน่วยงาน
ตอบ 4 PDF (MCS 2150 : D3) ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการวางแผนเพื่อการประชาสัมพันธ์ มีดังนี้
1 เวลา (บริหารจัดการได้ แต่ควบคุมไม่ได้)
2 สถานการณ์ (ตึงเครียด/สบาย ๆ /บีบคั้น)
3 ต้นทุน และงบประมาณ (ทั้งที่เป็นตัวเงินและไม่ใช่ตัวเงิน)
4 ระดับความสําคัญ ได้แก่ ปัจจัยภายนอก (สภาพแวดล้อมต่าง ๆ ที่เราไม่สามารถกําหนด/ ควบคุมได้ที่อยู่ภายนอกองค์กร) และปัจจัยภายใน (สภาพแวดล้อมต่าง ๆ ที่เราสามารถ กําหนด/ควบคุมได้ที่อยู่ภายในองค์กร)

13 ปัจจัยภายนอก หมายถึงข้อใด
(1) สภาพแวดล้อมต่าง ๆ ที่เราสามารถกําหนด/ควบคุมได้
(2) สภาพแวดล้อมต่าง ๆ ที่เราไม่สามารถกําหนด/ควบคุมได้
(3) รูปแบบการวางแผนที่มีโครงสร้างชัดเจน
(4) รูปแบบการวางแผนที่มีโครงสร้างไม่ชัดเจน
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 12. ประกอบ

14 ปัจจัยภายใน หมายถึงข้อใด
(1) สภาพแวดล้อมต่าง ๆ ที่เราสามารถกําหนด/ควบคุมได้
(2) สภาพแวดล้อมต่าง ๆ ที่เราไม่สามารถกําหนด/ควบคุมได้
(3) รูปแบบการวางแผนที่มีโครงสร้างชัดเจน
(4) รูปแบบการวางแผนที่มีโครงสร้างไม่ชัดเจน
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 12. ประกอบ

ข้อ 15. – 20. จงเลือกจับคู่วัตถุประสงค์ของการประชาสัมพันธ์ที่สอดคล้องกับรูปแบบของ แผนประชาสัมพันธ์ โดยพิจารณาจากตัวเลือกวัตถุประสงค์ต่อไปนี้
(1) ก่อ/สร้าง
(2) ป้องกัน
(3) แก้ไข/ซ่อม
(4) เสริม

15. แผนประชาสัมพันธ์ที่มุ่งเน้นให้เกิดการยอมรับในการทํางานขององค์กร
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 5. ประกอบ

16. แผนประชาสัมพันธ์เพื่อควบคุม/เป็นแนวทางในการให้ข้อมูลเมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินวิกฤติ ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 7. ประกอบ

17. แผนประชาสัมพันธ์ที่มุ่งเน้นให้เกิดความน่าเชื่อถือแก่องค์กร
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 5. ประกอบ

18. แผนประชาสัมพันธ์ที่มุ่งเน้นให้เกิดทัศนคติเชิงบวกกับสินค้าและบริการขององค์กร ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 5. ประกอบ

19. แผนประชาสัมพันธ์ปรับความเข้าใจที่ผิดพลาดเกี่ยวกับองค์กร
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 6. ประกอบ

20. แผนประชาสัมพันธ์ส่งเสริมภาพลักษณ์และชื่อเสียงแก่องค์กร
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 6. ประกอบ

ข้อ 21. – 25. จงเลือกจับคู่บทบาทของการประชาสัมพันธ์ตามแนวคิดของ New Role of PR (Thomas L. Harris, 1998) ที่สอดคล้องกับผลลัพธ์/กิจกรรมการประชาสัมพันธ์ โดยพิจารณาจากตัวเลือกต่อไปนี้
(1) สร้างความสนใจ/กระแส
(2) เพิ่มผลตอบแทนทางธุรกิจ
(3) แนะนําสินค้า/บริการ/องค์กร
(4) โน้มน้าวใจ/สร้างการยอมรับ

21. การแจ้งข้อมูลรายละเอียดแก่ผู้รับสารผ่านการประชาสัมพันธ์/ผ่านกิจกรรมพิเศษ
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 8. ประกอบ

22. การใช้การประชาสัมพันธ์สร้างความสงสัยให้แก่ประชาชน สื่อมวลชน เมื่อไม่มีข่าวเกี่ยวกับตัวสินค้า
หรือองค์กร
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 8. ประกอบ

23. การใช้การประชาสัมพันธ์เป็นสื่อนําในการเปิดตัวสินค้า/บริการ ก่อนการโฆษณาในภายหลัง ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 8. ประกอบ

24. การให้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจแก่ผู้มีบทบาทสําคัญ เช่น ช่วยในการผลักดันนโยบาย หรือช่วยให้ผู้ที่ มีอิทธิพลสนับสนุนกิจกรรมขององค์กร
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 8. ประกอบ

25. การสร้างผลลัพธ์ทางการตลาดผ่านการประชาสัมพันธ์ในการช่วยสร้างกําไร และลดค่าใช้จ่าย
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 8. ประกอบ

26 ข้อใดไม่ใช่กลุ่มประชาชน/ผู้รับสารภายใน (Internal Public) ในการประชาสัมพันธ์
(1) ผู้บริหารขององค์กร
(2) พนักงาน/เจ้าหน้าที่
(3) หน่วยงานราชการ
(4) ข้อ 1 และ 2 ถูกต้อง
ตอบ 3 PDF (MCS 2150 : D3) กลุ่มเป้าหมายหรือประชาชนเป้าหมายในการประชาสัมพันธ์ มีดังนี้
1 กลุ่มประชาชน/ผู้รับสารภายใน (Internal Public) คือ กลุ่มที่ใกล้ชิดมีความเกี่ยวข้องกับ การดําเนินงานขององค์กรโดยตรง หรือมีผลประโยชน์ส่วนได้ส่วนเสียร่วมกับองค์กร เช่น ผู้บริหารขององค์กร, พนักงาน/เจ้าหน้าที่ ฯลฯ
2 กลุ่มประชาชน/ผู้รับสารภายนอก (External Public) คือ กลุ่มต่าง ๆ ที่อยู่ภายนอกองค์กร ไม่เกี่ยวข้องโดยตรง แต่มีอิทธิพลและส่งผลกระทบต่อการทํางานขององค์กร เช่น นักลงทุน, ลูกค้า, ผู้ถือหุ้น, หน่วยงานราชการ, ชุมชน, สื่อมวลชน ฯลฯ

27 ข้อใดคือกลุ่มประชาชน/ผู้รับสารภายนอก (External Public) ในการประชาสัมพันธ์
(1) ผู้บริหารขององค์กร
(2) พนักงาน/เจ้าหน้าที่
(3) หน่วยงานราชการ
(4) ข้อ 1 และ 2 ถูกต้อง
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 26. ประกอบ

28 ข้อใดไม่ใช่ความหมายหรือนิยามของผู้ประกอบวิชาชีพนักประชาสัมพันธ์
(1) ผู้สร้างความนิยม ทัศนคติที่ดี และรักษาภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กร
(2) ผู้ที่ทําหน้าที่ติดต่อประสานงานและสร้างความสัมพันธ์อันดี
(3) ผู้ที่ทําหน้าที่ให้คําปรึกษาด้านการวางแผนการสื่อสารและให้ข้อมูล
(4) ผู้ที่ทําหน้าที่ต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ ลูกค้า และนําเสนอสิทธิประโยชน์
ตอบ 4 PDF (MCS 2150 : D2) นิยามอาชีพผู้ปฏิบัติงานนักประชาสัมพันธ์/เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ (Public Relations Officer) ทําหน้าที่เป็นผู้สร้างความนิยม ทัศนคติที่ดี และรักษาภาพลักษณ์ ที่ดีขององค์กร รวมไปถึงส่งเสริมงานบริการหรือสินค้าขององค์กรต่อสาธารณชนหรือประชาชนให้คําปรึกษาด้านการวางแผนการสื่อสารและให้ข้อมูล ตลอดจนติดต่อประสานงานและสร้าง ความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า พนักงานขององค์กร ผู้ขายหรือผู้จัดส่งสินค้าให้องค์กร นักลงทุน ผู้ถือหุ้น เจ้าหน้าที่ของรัฐ สาธารณชนหรือชุมชนทั่วไป

29 ข้อใดไม่นับว่าเป็นหน้าที่ของนักประชาสัมพันธ์
(1) วิชชุตาทําการตรวจสอบและรวบรวมข่าวสารที่มีผลกระทบต่อองค์กร
(2) อาลีทําการออกแบบสื่อโฆษณาและจัดเตรียมข้อมูลทางการขาย
(3) อนุรักษ์ทําหน้าที่ประสานงานและจัดส่งข้อมูลขององค์กรแก่สื่อมวลชน
(4) สุดารัตน์ทําหน้าที่ร่างคําแถลงการณ์ให้แก่ผู้บริหาร
ตอบ 2 PDF (MCS 2150 : D2) หน้าที่ของนักประชาสัมพันธ์ มีดังนี้
1 ศึกษางาน กิจกรรม หรือสินค้าขององค์กร ตลอดจนศึกษานโยบาย วัตถุประสงค์ และ เป้าหมายที่ต้องการทําการประชาสัมพันธ์
2 วิเคราะห์และวางแผนงานโครงการ เพื่อดําเนินงานประชาสัมพันธ์
3 คัดเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมกับงาน หรือผลิตภัณฑ์ที่จะประชาสัมพันธ์
4 ประสานงานและจัดส่งข้อมูลขององค์กรให้แก่สื่อมวลชน
5 จัดทําข่าวสารหรือจัดเตรียมการแถลงข่าวของผู้บริหารองค์กร และร่างสุนทรพจน์ คําปราศรัย หรือคําแถลงการณ์ให้แก่ผู้บริหาร
6 จัดเก็บข่าวขององค์กร ตรวจสอบและรวบรวมข่าวสารที่มีผลกระทบต่อองค์กร ฯลฯ

30 ทักษะใดเกี่ยวข้องกับงานประชาสัมพันธ์น้อยที่สุด
(1) การเสาะแสวงหา เข้าถึงแหล่งข่าวที่รวดเร็วฉับไว
(2) การวิเคราะห์และวางแผน
(3) ไหวพริบและความฉลาดทางอารมณ์
(4) ทักษะการสื่อสาร
ตอบ 1 PDF (MCS 2150 : D2), (ดูคําอธิบายข้อ 29. ประกอบ) นักประชาสัมพันธ์ที่ดีควรมีคุณสมบัติ
5 ประการ ดังนี้
1. มีบุคลิกภาพที่เพียบพร้อม
2. มีความรู้ความสามารถเกี่ยวกับบริษัทในทุกเรื่อง 3. มีทักษะการสื่อสารด้วยการพูดที่ดี
4. มีใจรักงานบริการอย่างแท้จริง
5. มีไหวพริบและความฉลาดทางอารมณ์เป็นเลิศ

ข้อ 31. – 34. จงเลือกจับคู่ความหมายของประเภทงานประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ โดยพิจารณาจาก
ตัวเลือกต่อไปนี้
(1) สื่อมวลชนสัมพันธ์
(2) การรณรงค์
(3) การประชาสัมพันธ์ทางการตลาด
(4) การประชาสัมพันธ์องค์กร

31. มุ่งสร้างชื่อเสียงและภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่หน่วยงาน สู่สายตาของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
ตอบ 4 PDF (MCS 2150 : D4) การประชาสัมพันธ์องค์กร (Corporate Public Relations) คือ การประชาสัมพันธ์ที่มุ่งสร้างชื่อเสียงและภาพลักษณ์ที่ดีแก่องค์กรให้ประจักษ์ต่อสายตาของ
ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมถึงการประชาสัมพันธ์จุดยืนขององค์กรให้สาธารณชนได้รับรู้อีกด้วย ซึ่งมีลักษณะดังนี้ 1. เน้นสื่อสารถึงภาพลักษณ์ เรื่องราวดี ๆ 3. เน้นความใส่ใจต่อสังคม ผู้มีส่วนได้เสีย
2. เน้นวิสัยทัศน์ที่ก้าวหน้ายั่งยืน

32. เน้นให้ข้อมูลเพื่อโน้มน้าวใจและใช้ความน่าเชื่อถือในการจูงใจลูกค้า
ตอบ 3 PDF (MCS 2150 : D4) การประชาสัมพันธ์ทางการตลาด (Marketing Public Relations : MPR) เป็นกิจกรรมที่มุ่งให้ลูกค้าซื้อสินค้า โดยเน้นให้ข้อมูลเพื่อชักจูงและใช้ความน่าเชื่อถือ ในการจูงใจลูกค้า นอกจากนี้ยังหมายถึงวัตถุประสงค์อื่น ๆ “ที่นอกเหนือไปจากการทําให้รู้จัก เชื่อใจ เข้าใจ ให้ความรู้ โน้มน้าว ปฏิบัติตาม หรือซื้อ” ในลักษณะหวังผลประโยชน์ทางอ้อม เช่น การเชิญนักข่าวมาทานอาหาร เพื่อให้กลับไปแนะนําร้าน, การเชิญนักข่าวมาทดสอบรถ รุ่นใหม่ หรือการเชิญผู้มีชื่อเสียงมาร่วมงาน, การถ่ายทอดแฟชั่นโชว์ทางอินเทอร์เน็ต เป็นต้น

33. มุ่งเน้นการสร้างการรับรู้และตระหนักต่อปัญหา เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในประเด็นต่าง ๆ ตอบ 2 PDF (MCS 2150 : D4) การรณรงค์ (Campaigns) คือ การประชาสัมพันธ์ที่มีเป้าหมายเพื่อ สร้างการเปลี่ยนแปลงในประเด็นต่าง ๆ (โดยเฉพาะต่อโครงสร้างเชิงสังคม) ซึ่งจะมุ่งเน้นการ สร้างการรับรู้และตระหนักต่อปัญหา จากนั้นจึงทําการโน้มน้าวใจและกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมาย กระทําบางอย่าง ยอมรับ หรือเปลี่ยนแปลงทัศนคติและพฤติกรรมตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้

34. สร้างความสัมพันธ์กับสื่อในรูปแบบการให้ข้อมูลข่าวสาร โดยการเชิญมาทําข่าว/ทําข่าวแจก
ตอบ 1 PDF (MCS 2150 : D4) สื่อมวลชนสัมพันธ์ (Media Relations) ทําหน้าที่สร้างความสัมพันธ์ กับสื่อในรูปแบบการให้ข้อมูลข่าวสาร โดยใช้วิธีการเชิญมาทําข่าว จัดทําข่าวแจกแก่สื่อ จัดให้ สื่อเข้ามาสัมภาษณ์ผู้บริหาร จัดให้ผู้เชี่ยวชาญตอบคําถามสื่อมวลชน หรือการจัดกิจกรรมเพื่อ เชื่อมสัมพันธ์กับสื่อมวลชน

35. ข้อใดคือความหมายของ Press Release
(1) การนําสื่อมวลชนเข้าชมกิจการของหน่วยงาน เพื่อนําเสนอข้อมูลสู่สาธารณชน
(2) บทความที่เขียนขึ้น และภาพที่ส่งไปให้สื่อมวลชน เพื่อให้นําไปใช้เผยแพร่ต่อ
(3) การให้ถ้อยแถลงอย่างเป็นทางการขององค์กรแก่สาธารณชน
(4) การตอบคําถามสื่อมวลชนในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง และเป็นการให้ข้อมูลผ่านข้อคําถาม
ตอบ 2 PDF (MCS 2150 : D4) ข่าวแจก (Press & Photo Release) เป็นบทความและภาพที่ ฝ่าย PR เขียนขึ้นและส่งไปให้สื่อมวลชน เพื่อให้นําไปใช้เผยแพร่ต่อ โดยข่าวที่ส่งออกไปนี้ อาจเกี่ยวเนื่องกับองค์กรในด้านต่าง ๆ เช่น การออกผลิตภัณฑ์ใหม่, การได้รับรางวัลต่าง ๆ หรือกิจกรรมที่องค์กรทํา

36 ข้อใดตรงกับคําว่า “ความรับผิดชอบต่อสังคม” (CSR)
(1) Corporate Social Responsibility
(2) Canvas Social Responsibility
(3) Creative Social Responsibility
(4) Copper Social Responsibility
ตอบ 1 PDF (MCS 2150 : D5) ความรับผิดชอบต่อสังคม (Corporate Social Responsibility : CSR) มีที่มาจากโลกาภิวัตน์ (Globalization) และการตลาดหนึ่งเดียว จนส่งผลให้เกิด CSR เป็นการประชาสัมพันธ์แนวใหม่ที่มีต้นกําเนิดมาจากยุโรป ซึ่งเป็นมากกว่าการประชาสัมพันธ์ ตนเอง มากกว่าการกุศล โดยมีเป้าหมายมากกว่าการสร้างภาพลักษณ์ (เน้นสร้างความยั่งยืน)

37. ข้อใดเป็นที่มาของความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR)
(1) โลกาภิวัตน์ (Globalization)
(2) การตลาดหนึ่งเดียว
(3) การประชาสัมพันธ์แนวใหม่
(4) ถูกทุกข้อ
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 36. ประกอบ

38. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง
(1) CSR เป็นรูปแบบการส่งเสริมจากภายในองค์กรเท่านั้น
(2) CSR เป็นการดําเนินกิจกรรมขององค์กรที่คํานึงถึงผลกระทบต่อสังคม
(3) CSR เป็นการดําเนินกิจกรรมขององค์กรที่คํานึงถึงผลกระทบต่อสังคมในระดับย่อย
(4) CSR เป็นการดําเนินกิจกรรมขององค์กรที่คํานึงถึงผลกระทบต่อสังคมในระดับโดยรวม
ตอบ 1 PDF (MCS 2150 : D5) ความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) เป็นการดําเนินกิจกรรมขององค์กร ที่คํานึงถึงผลกระทบต่อสังคมทั้งในระดับย่อยและระดับสังคมโดยรวม ได้แก่ พนักงาน ลูกค้า และชุมชน เช่น ประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อม หรือเรื่องสิทธิมนุษยชน ฯลฯ โดยส่งเสริมจากภายใน องค์กรไปสู่ภายนอกองค์กร ในลักษณะที่เป็นไปตามกฎหมาย และตรงตามความต้องการของ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเป็นสําคัญ

39. ข้อใดกล่าวถูกต้อง
(1) CSR ไม่ต่างจากการประชาสัมพันธ์
(2) CSR ไม่เน้นการสื่อสารความสําเร็จขององค์กร
(3) CSR เป็นการจัดการความรู้ของสังคม
(4) CSR เป็นความไว้วางใจของประชาชนที่มีต่อองค์กร
ตอบ 4 PDF (MCS 2150 : D5) ความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) เป็นความไว้วางใจของประชาชน
ที่มีต่อองค์กร ซึ่งมีลักษณะดังนี้
1. ต้องใช้ระยะเวลาในการสั่งสม
2. เกิดขึ้นจากพฤติกรรมองค์กร
3. เกิดขึ้นจากการกระทําของบุคลากรในองค์กร

40. ข้อใดเป็นความสําคัญของการทํา CSR
(1) เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน
(2) เกิดกระบวนทัศน์ใหม่ในการสร้างนวัตกรรมต่าง ๆ จากภาคสังคม ๆ
(3) เกิดความร่วมมือระหว่างบริษัทเอกชนและกลุ่มรักษาประโยชน์สาธารณะ
(4) ถูกทุกข้อ
ตอบ 4 PDF (MCS 2150 : D5) ความสําคัญของการทํา CSR มีดังนี้
1. ช่วยให้องค์กรธุรกิจหรือหน่วยงานภาครัฐเห็นแรงบันดาลใจด้านต่าง ๆ จากภาคสังคม
2. เกิดกระบวนทัศน์ใหม่ในการสร้างนวัตกรรมต่าง ๆ จากภาคสังคม
3. เกิดความร่วมมือระหว่างบริษัทเอกชนและกลุ่มรักษาประโยชน์สาธารณะ
4. เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน และเกิดผลตอบแทนอย่างคุ้มค่ากับทั้งสองฝ่าย

41. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง
(1) CSR เป็นการทํากิจกรรมเพื่อสังคม
(2) CSR เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทางธุรกิจ
(3) การสื่อสารไม่ใช่เครื่องมือในการดําเนินโครงการ CSR
(4) CSR ช่วยให้องค์กรเห็นโอกาสจากความต้องการของชุมชน
ตอบ 3 PDF (MCS 2150 : D6) ความสําคัญของการสื่อสารในฐานะที่เป็นเครื่องมือในการดําเนิน โครงการ CSR มีดังนี้
1. การทํากิจกรรมต่าง ๆ ของ CSR เป็นการดําเนินงานกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับชุมชน
2. ต้องใช้การสื่อสารทั้งภายในและภายนอกองค์กร
3. การสื่อสารที่ดีจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้เทคโนโลยีหรือทักษะใหม่ ๆ
4. การสื่อสารช่วยปรับปรุงคุณภาพของสินค้า/บริการ
5. การสื่อสารช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ
6. การสื่อสารส่งเสริมให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน
7. การสื่อสารจะส่งผลหรือมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมที่เกิดขึ้นตามมา

ข้อ 42 – 48, จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม
(1) การตลาดสังคมองค์กร
(2) การตลาดเหตุสัมพันธ์
(3) การให้เพื่อสังคมขององค์กร
(4) การอาสาชุมชน

42. พนักงานเป็นผู้คัดเลือกกิจกรรมแล้วนําเสนอเพื่อรับการสนับสนุนจากองค์กร
ตอบ 4 PDF (MCS 2150 : D5) การอาสาชุมชน (Community Volunteering) คือ การสนับสนุน/ จูงใจพนักงาน คู่ค้า และสมาชิกให้มาร่วมสละเวลาแรงงานในการทํางานให้แก่ชุมชนที่องค์กร ตั้งอยู่ เพื่อตอบสนองต่อประเด็นปัญหาทางสังคมที่องค์กรให้ความสนใจหรือห่วงใย ผ่านการดําเนินการเองหรือร่วมมือกับองค์กรอื่นก็ได้ หรือพนักงานเป็นผู้คัดเลือกกิจกรรมแล้วนําเสนอ เพื่อรับการสนับสนุนจากองค์กร

43. การนําการรณรงค์ไปปฏิบัติ “เพื่อเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
ตอบ 1 PDF (MCS 2150 : D5) การตลาดสังคมองค์กร (Corporate Social Marketing) มีลักษณะดังนี้
1. สนับสนุนการพัฒนาหรือนําการรณรงค์ไปปฏิบัติ “เพื่อเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
2. การปรับปรุงด้านสาธารณสุข ด้านความปลอดภัย ด้านสิ่งแวดล้อม หรือความอยู่ดีของชุมชน
3. มุ่งแก้ไขปัญหาสังคม
4. เน้นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม

44. มุ่งแก้ไขปัญหาสังคม
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 43. ประกอบ

45. การผูกมัดในการให้หรือบริจาคจากจํานวนร้อยละของรายได้ คิดจากยอดขายสินค้า
ตอบ 2 PDF (MCS 2150 : D5) การตลาดเหตุสัมพันธ์ (Cause – related Marketing) หมายถึง การผูกมัดในการให้หรือบริจาคจากจํานวนร้อยละของรายได้ คิดจากยอดขายสินค้า/บริการ เพื่อสนับสนุนแก้ไขประเด็นปัญหาทางสังคมในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ซึ่งจะมีการประกาศอย่าง มีระยะเวลาแน่นอนกับสินค้าที่ร่วมรายการ และเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือการกุศล ผ่านทางการซื้อสินค้าโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ทั้งนี้จะเน้นเรื่องการ ตระหนักเกี่ยวกับปัจจัยทางสังคม การสนับสนุนด้านทรัพยากร เพื่อให้รับรู้ประเด็นปัญหา

46. เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือการกุศล ผ่านการซื้อสินค้าโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 45. ประกอบ

47. เพิ่มการตระหนักเกี่ยวกับปัจจัยทางสังคม
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 45. ประกอบ

48. สนับสนุน/จูงใจพนักงาน คู่ค้า สมาชิกให้มาร่วมสละเวลาแรงงานในการทํางานให้แก่ชุมชนที่องค์กรตั้งอยู่
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 42. ประกอบ

49. ข้อใดไม่ใช่คุณลักษณะของการสื่อสาร
(1) ความไม่เป็นพลวัตร
(2) การที่ไม่สามารถเพิกถอนได้
(3) การกระทําล่วงหน้าเชิงป้องกัน
(4) ปฏิสัมพันธ์
ตอบ 1 PDF (MCS 2150 : D6) คุณลักษณะของการสื่อสาร มีดังนี้
1. ความเป็นพลวัตร
2. การที่ไม่สามารถเพิกถอนได้
3. การกระทําล่วงหน้าเชิงป้องกัน
4. ปฏิสัมพันธ์
5. บริบท

ข้อ 50 – 55. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม
(1) ถูก
(2) ผิด

50. การทํากิจกรรมต่าง ๆ ของ CSR เป็นการดําเนินงานกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับชุมชน
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 41. ประกอบ

51. การสื่อสารที่ดีจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้เทคโนโลยีหรือทักษะใหม่ ๆ ในการจัดกิจกรรม CSR ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 41. ประกอบ
52. การสื่อสารเกิดจากความว่างเปล่า
ตอบ 2 PDF (MCS 2150 : D6), (ดูคําอธิบายข้อ 49. ประกอบ) คุณลักษณะของการสื่อสารข้อหนึ่ง คือ บริบท เนื่องจากการสื่อสารไม่ได้เกิดจากความว่างเปล่า โดยการสนทนาในที่ประชุม หรือ การสนทนากับลูกค้าทางโทรศัพท์ ก็จะแวดล้อมไปด้วยผู้ร่วมประชุมหรือผู้ร่วมสนทนา ดังนั้น บรรยากาศจึงมีผลกระทบต่อปฏิกิริยาของคนที่มีต่อข่าวสาร เช่น ความเบื่อหน่ายที่เกิดขึ้นจาก การโต้เถียง ความกระตือรือร้น หรือการไม่ให้ความสนใจ

53. การสื่อสารมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมที่จะเกิดขึ้นตามมาได้
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 41. ประกอบ

54. บรรยากาศมีผลกระทบต่อปฏิกิริยาของคนที่มีต่อข่าวสาร
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 52. ประกอบ

55. การจัดกิจกรรม CSR ไม่จําเป็นต้องใช้การสื่อสารทั้งภายในและภายนอกองค์กร
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 41. ประกอบ

ข้อ 56. – 60. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม
(1) การสื่อสารแบบเผชิญหน้า
(2) การสื่อสารด้วยคําพูดผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
(3) การสื่อสารด้วยการเขียนแบบส่วนตัว
(4) การสื่อสารด้วยการเขียนแบบไม่ใช่ส่วนตัว

56. สื่อหนังสือพิมพ์
ตอบ 4 PDF (MCS 2150 : D6) การสื่อสารด้วยการเขียนแบบไม่ใช่ส่วนตัว มีลักษณะดังนี้
1. ความเข้มข้นของข่าวสารน้อยที่สุด
2. ไม่ทราบว่าผู้รับจะเป็นใคร
3. ไม่สามารถสื่อสารในเรื่องที่ลึกซึ้งได้
4. ใช้ถ้อยคําทั่วไปในการสื่อสาร
5. มีข้อดี คือ สามารถส่งไปยังผู้รับสารหลายรายและคาดหวังการตอบกลับที่น้อย
เช่น สื่อหนังสือพิมพ์, รายงานต่าง ๆ ฯลฯ

57. การส่งข่าวสารภายในองค์กรผ่านอีเมล
ตอบ 3 PDF (MCS 2150 : D6) การสื่อสารด้วยการเขียนแบบส่วนตัว มีลักษณะดังนี้
1. มีความเข้มข้นของข่าวสารต่ํากว่าการสื่อสารด้วยวาจา
2. ส่งตรงไปยังบุคคลที่ต้องการได้รูปแบบของจดหมายส่วนตัวและอีเมล
3. แน่ใจได้ว่าผู้รับข่าวสารจะได้อ่าน ซึ่งอยู่ใน
4. เหมาะสําหรับข่าวสารที่มีความซับซ้อน
5. มีข้อจํากัด คือ ไม่สามารถส่งกลับไปยังผู้ส่งสารได้

58. ผู้บริหารสนทนาทางโทรศัพท์กับลูกค้าที่อยู่ต่างจังหวัด
ตอบ 2 PDF (MCS 2150 : D6) การสื่อสารด้วยคําพูดผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ มีลักษณะดังนี้
1. มีความเข้มข้นของข่าวสารมากเป็นอันดับสอง
2. การสนทนาทางโทรศัพท์จะทําให้มีความเข้มข้นของข่าวสารด้วยโทนเสียง
3. เน้นเสียงของผู้ส่งสารและการตอบกลับอย่างรวดเร็ว
4. ไม่สามารถให้ภาพและส่วนที่ไม่ใช้เสียงได้

59. ผู้บริหารระดับสูงลงไปหาข้อเท็จจริงภาคสนาม
ตอบ 1 PDF (MCS 2150 : D6) การสื่อสารแบบเผชิญหน้า (Face – to – Face Communication) มีลักษณะดังนี้
1. เป็นการสื่อสารที่มีความเข้มข้นของข่าวสารสูงสุด
2. สามารถโต้ตอบซักถามได้ทันที
3. ใช้ทั้งภาษาพูดและภาษาท่าทาง
4. ปัจจุบันใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้การสื่อสารสะดวกสบายขึ้น ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
ช่วยร่นระยะเวลา และทําได้ง่าย
5. การสื่อสารแบบเผชิญหน้าสามารถใช้เป็นเทคนิคในการ “จัดการโดยการเดินไปรอบ ๆ”
6. ผู้บริหารระดับสูงลงไปหาข้อเท็จจริงภาคสนาม หรือการไปเยี่ยมลูกค้าต่างจังหวัด ทําให้ทราบข้อมูลที่ไม่อยู่ในรายงานที่ได้รับได้

60. เอมิลี่เขียนจดหมายหาแฟนหนุ่มที่อเมริกาบอกว่า ตนเองสบายดี
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 57. ประกอบ

ข้อ 61. – 65. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม
(1) ถูก
(2) ผิด

61. กลยุทธ์การสื่อสารในบริบทของความรับผิดชอบต่อสังคม องค์กรทําหน้าที่ส่งข้อมูล
ตอบ 1 PDF (MCS 2150 : D6) การพัฒนากลยุทธ์การสื่อสารองค์กรในบริบทของความรับผิดชอบ ต่อสังคม (CSR) ต้องระมัดระวังใน 3 ปัจจัย ดังนี้
1. องค์กรผู้ทําหน้าที่ส่งข้อมูล
2. ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหรือกลุ่มคนที่รับสาร
3. สาร/ภาพลักษณ์ที่ส่งออกไป

62. การกําหนดกลยุทธ์ระดับองค์กรไม่จําเป็นต้องกําหนดวัตถุประสงค์ในการสื่อสาร
ตอบ 2 PDF (MCS 2150 : D6), (ดูคําอธิบายข้อ 61. ประกอบ) องค์กรผู้ทําหน้าที่ส่งข้อมูล มีขั้นตอนในการดําเนินการดังนี้
1. ต้องกําหนดกลยุทธ์ระดับองค์กร ได้แก่ การกําหนดวัตถุประสงค์ในการสื่อสาร (องค์กรต้องการให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทําอะไร)
2. การตัดสินใจเกี่ยวกับทรัพยากรที่ต้องใช้ ได้แก่ เงิน เวลา และคน
3. ต้องตอบคําถามให้ได้ว่า ภาพลักษณ์ขององค์กรด้านใดที่มีความน่าเชื่อถือในสายตา ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

63. การสื่อสารในรูปแบบของความรับผิดชอบต่อสังคมใช้ทั้งการสื่อสารแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ
ตอบ 1 PDF (MCS 2150 : D6) การสื่อสารในรูปแบบของความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) มีดังนี้
1. สามารถสื่อสารได้ทั้งแบบเป็นทางการ ซึ่งทําในนามขององค์กร และแบบไม่เป็นทางการ ทําส่วนตัว/ปกปิดแหล่งข่าว/ไม่ทราบแหล่งข่าว
2. การสื่อสารภายนอกองค์กรที่มุ่งไปยังผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย/ชุมชน และการสื่อสารภายใน องค์กรที่มุ่งสู่พนักงานในองค์กร เพื่อเกิดการรับรู้ ภูมิใจ ระดมส่งเสริมอาสาสมัคร

64. การสื่อสารในรูปแบบของความรับผิดชอบต่อสังคมไม่จําเป็นต้องกําหนดกลุ่มผู้รับข่าวสาร
ตอบ 2 PDF (MCS 2150 : D6) การสื่อสารในรูปแบบของความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) จะต้อง กําหนดกลุ่มผู้รับข่าวสารว่า ควรจะสื่อสารกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกลุ่มไหน ประเด็นอะไร และ ระดับในการสื่อสารจะต้องส่งสารอยู่ในระดับใด ซึ่งจะขึ้นอยู่กับสภาพพื้นฐานของกลุ่มต่าง ๆ

65. การได้มาซึ่งหน้าข่าวที่ดี เป็นตัวชี้วัดกิจกรรมความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร
ตอบ 1 PDF (MCS 2150 : D6) การได้มาซึ่งหน้าข่าวที่ดี จะเป็นตัวชี้วัดกิจกรรมความรับผิดชอบต่อ สังคม (CSR) ขององค์กร เพื่อต่อยอดด้านการสร้างภาพลักษณ์ขององค์กร และเพื่อต่อยอดทาง การตลาด ทั้งนี้เพราะ “ข่าวร้ายลงฟรี ข่าวดีเสียตังค์” แต่ถ้าหากกิจกรรมขององค์กรมีความคิด สร้างสรรค์ สื่อต่าง ๆ ก็ยินดีลงข่าวให้ฟรีเหมือนกัน

ข้อ 66 – 70. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม
(1) วางแผน (Plan)
(2) ปฏิบัติ (Do)
(3) ตรวจสอบ (Check)
(4) ดําเนินการ (Act)

66. วางแผนปรับปรุงแผนงาน
ตอบ 1 PDF (MCS 2150 : D7) วงจร PDCA เป็นขั้นตอนการตรวจสอบ “การเผชิญปัญหา” ไปสู่ “การแก้ปัญหา” แบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอนดังนี้

1. วางแผน (Plan) คือ วางแผนปรับปรุงแผนงาน โดยค้นหาว่าสิ่งใดทําให้เกิดความผิดพลาด จึงเป็นขั้นตอนการกําหนดปัญหา และหาแนวคิดสําหรับการแก้ปัญหานั้น ๆ
2. ปฏิบัติ (Do) คือ การแก้ปัญหาตามที่เราได้เลือกไว้ในระดับเล็ก ๆ หรือระดับทดลองตามที่ กําหนดไว้ในการวางแผน โดยมีการตรวจสอบระหว่างการปฏิบัติว่า ได้ดําเนินไปในทิศทาง ที่ถูกต้องตามที่ตั้งใจไว้หรือไม่
3. ตรวจสอบ (Check) คือ การตรวจสอบการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงในระดับเล็ก/ระดับทดลอง ว่าได้ผลหรือไม่ เพื่อทําให้ทราบว่าการปฏิบัติในขั้นตอนที่สองสามารถบรรลุเป้าหมายตามที่
ต้องการหรือไม่
4. ดําเนินการ (Act) คือ การนําเอาวิธีการที่ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไปดําเนินการในระยะที่ใหญ่ กว่าระดับทดลอง เป็นการนําไปใช้ในงานประจํา โดยนําแนวทางหรือการปฏิบัติที่สําเร็จนั้น มาจัดทําให้เป็นมาตรฐานหรือมีการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น

67. การหาแนวคิดสําหรับการแก้ปัญหานั้น ๆ
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 66. ประกอบ

68. การแก้ปัญหาตามที่เราเลือกไว้ในระดับเล็ก ๆ หรือระดับทดลองตามที่กําหนดไว้ในการวางแผน
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 66. ประกอบ

69. การตรวจสอบการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงในระดับเล็กหรือระดับทดลองว่าได้ผลหรือไม่
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 66. ประกอบ

70. นําแนวทางหรือการปฏิบัติที่สําเร็จนั้นมาจัดทําให้เป็นมาตรฐานหรือมีการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 66. ประกอบ

ข้อ 71 – 75. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถามว่าสื่อในข้อต่าง ๆ เหล่านี้ คือ สื่อประเภทใด
(1) Owned Media
(2) Paid Media
(3) Earned Media
(4) Shared Media

71. จารุวัฒน์เห็นสื่อโฆษณาขึ้นบนเว็บไซต์ข่าวที่กําลังอ่าน
ตอบ 2 PDF (MCS 2150 : D9) Paid Media คือ สื่อที่ต้องจ่ายเงิน ไม่ว่าจะเป็นสื่อออนไลน์หรือสื่อ ออฟไลน์ ถ้าต้องการใช้เงินเพื่อซื้อพื้นที่โฆษณาให้คิดว่าเป็น Paid Media ได้เลย ดังนั้นสื่อแบบ ชําระเงินจึงมีบทบาทสําคัญในการสร้างการรับรู้ในวงกว้าง ทําให้กลุ่มเป้าหมายพบเห็นเนื้อหา โฆษณาที่ต้องการได้ทันที โดยไม่ต้องรอให้คนมาติดตามหรือค้นหา ส่วนใหญ่จะปรากฏ/แทรกหรือขัดจังหวะในขณะที่กลุ่มเป้าหมายกําลังรับชม หรือกําลังอ่านเนื้อหาที่พวกเขาสนใจ เช่น สื่อโฆษณาที่แทรกบนเว็บไซต์ข่าว, ป้ายบิลบอร์ดขนาดใหญ่, จอ LED ขนาดใหญ่, สติ๊กเกอร์ เพื่อการโฆษณาบนรถบัสแบบติดเต็มทั้งคันและติดครึ่งคัน ฯลฯ

72. ยุทธพงศ์อ่านกระทู้รีวิวโรงแรมที่พักย่านหัวหินจากเว็บบอร์ด โดยที่ผู้ตั้งกระทู้ไม่ได้เป็นบุคคลมีชื่อเสียง ตอบ 3 PDF (MCS 2150 : D9) Earned Media คือ สื่อที่ผู้อื่นสร้างให้หรือสื่อที่ได้มาจากการพูดถึง หรือบอกต่อ ซึ่งจะแตกต่างจาก Paid Media และ Owned Media เพราะเป็นสื่อที่ไม่สามารถ ซื้อหรือว่าจ้าง ไม่สามารถควบคุมสื่อชนิดนี้ได้ เพราะส่วนใหญ่สื่อที่ผู้อื่นสร้างให้เป็นผลลัพธ์ที่ มาจากการทดลองใช้สินค้าหรือบริการ หรือภายหลังจากที่ได้รับเนื้อหาคุณภาพที่เกี่ยวข้องและ เป็นประโยชน์ ผู้ชม/ผู้สนใจจึงยินดีที่จะรีวิว เผยแพร่ แชร์เนื้อหา หรือบอกต่อ

73. สรุจเห็นป้ายโฆษณา LED จอใหญ่ ขณะขับรถในถนนทางพิเศษบูรพาวิถี
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 71. ประกอบ

74 วรันทรอัปโหลดภาพถ่ายอาหารลง Instagram พร้อมเขียนคําอธิบายว่า “อร่อยมาก ๆ”
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 72. ประกอบ

75. พิชัยสร้างเว็บไซต์ของร้านค้าตนเอง โดยในเว็บไซต์มีรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ พร้อมราคา
ตอบ 1 PDF (MCS 2150 : D9) Owned Media คือ สื่อที่แบรนด์หรือองค์กรเป็นเจ้าของ หมายถึง สินทรัพย์ทางการตลาดที่องค์กรเป็นเจ้าของ เช่น เว็บไซต์, บัญชีในโซเชียลมีเดีย, สื่อสิ่งพิมพ์, สื่อสิ่งพิมพ์ดิจิทัล ฯลฯ ทั้งนี้การใช้สื่อ Owned Media หมายความว่า เราสามารถควบคุมได้ ตั้งแต่รูปลักษณ์และสีสันไปจนถึงรูปแบบเนื้อหา, ความถี่ของการอัปเดต, วิธีการเผยแพร่ และวิธีการประชาสัมพันธ์

76. ในการเลือกใช้เครื่องมือหรือสื่อเพื่อการประชาสัมพันธ์ จําเป็นต้องพิจารณาถึงองค์ประกอบใดบ้าง
(1) กลุ่มเป้าหมาย
(2) งบประมาณ
(3) วัตถุประสงค์ของการประชาสัมพันธ์
(4) ถูกทุกข้อ
ตอบ 4PDF (MCS 2150 : D9) การเลือกเครื่องมือหรือสื่อที่จะใช้ในการประชาสัมพันธ์ในกรณีใด ก็ตาม ต้องมีการกําหนดวัตถุประสงค์ของการประชาสัมพันธ์ ซึ่งสิ่งที่เป็นตัวกําหนดเครื่องมือ หรือสื่อที่จะใช้ ได้แก่ กลุ่มเป้าหมายหรือผู้รับสาร ตัวข่าวสารเอง องค์ประกอบด้านเวลา และ งบประมาณขององค์กร โดยปกติในการประชาสัมพันธ์มักจะใช้สื่อมากกว่าหนึ่งอย่าง

77. ข้อต่อไปนี้คือ สื่อที่สามารถควบคุมได้ (Controlted Media) ยกเว้นข้อใด
(1) ป้ายบิลบอร์ด
(2) ผู้ใช้งานทั่วไปรีวิวในเว็บบอร์ด
(3) โฆษณาในโทรทัศน์
(4) การแต่งตั้งพรีเซ็นเตอร์ขององค์กร
ตอบ 2 PDF (MCS 2150 : D9) สื่อที่สามารถควบคุมได้ (Controlled Media) คือ สื่อที่แบรนด์ หรือองค์กรสามารถควบคุมได้อย่างสมบูรณ์ทั้งในด้านเนื้อหา รูปแบบ การผลิต และวิธีการ เผยแพร่ไปสู่สาธารณชนกลุ่มเป้าหมาย เช่น กระดานป้าย (Billboard) ซึ่งองค์กรสามารถ ควบคุมเนื้อหาและรูปร่างลักษณะได้อย่างเต็มที่, เว็บไซต์ขององค์กร, โฆษณาในโทรทัศน์, โฆษณาบนจอ LED ทั่วเมือง, การแต่งตั้งพรีเซ็นเตอร์ขององค์กร, การลงทุนจ้างผู้มีอิทธิพล ทางความคิด ฯลฯ (ส่วนผู้ใช้งานทั่วไปรีวิวในเว็บบอร์ด จัดเป็นสื่อที่ไม่สามารถควบคุมได้) (ดูคําอธิบายข้อ 72. ประกอบ)

78. ข้อใดต่อไปนี้คือ สื่อที่ไม่สามารถควบคุมได้ (Uncontrolled Media)
(1) ข่าววิทยุ โทรทัศน์
(2) เว็บไซต์ขององค์กร
(3) โฆษณาบนจอ LED ทั่วเมือง
(4) การลงทุนจ้างผู้มีอิทธิพลทางความคิด
ตอบ 1 PDF (MCS 2150 : D9) สื่อที่ไม่สามารถควบคุมได้ (Uncontrolled Media) คือ สื่อที่องค์กร หรือแบรนด์ไม่สามารถควบคุมได้ เนื่องจากองค์กรไม่ใช่เจ้าของสื่อเหล่านี้ ดังนั้นจึงไม่สามารถ บังคับให้สื่อเหล่านี้เสนอข่าวสารตามที่องค์กรต้องการได้ ซึ่งลักษณะของสื่อแบบนี้จะเป็นสื่อที่ สามารถเข้าถึงสาธารณชนจํานวนมากได้ หรือเรียกว่า “สื่อมวลชน” (Mass Media) เช่น ข่าว ในวิทยุ โทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์, การที่ผู้ใช้สินค้าหรือบริการรีวิว เผยแพร่ แซร์เนื้อหา หรือ บอกต่อถึงคุณภาพและความประทับใจที่มีต่อผลิตภัณฑ์ เป็นต้น

79. ข้อต่อไปนี้คือ สื่อนอกบ้าน (Out of Home Media) ยกเว้นข้อใด
(1) สติ๊กเกอร์แปะรอบขบวนรถไฟฟ้าบีทีเอส
(2) ป้ายโฆษณาที่ท่าเรือคลองแสนแสบ
(3) ภาพยนตร์โฆษณาที่เปิดดูผ่านเฟซบุ๊กขณะอยู่นอกบ้าน
(4) จอดิจิทัลในศูนย์การค้าชั้นนํา
ตอบ 3 PDF (MCS 2150 : D9) ตัวอย่างสื่อนอกบ้าน (Out of Home Media : OOH) ได้แก่
1. ป้ายโฆษณา (Billboard) ขนาดใหญ่
2. จอ LED ขนาดใหญ่
3. สติ๊กเกอร์บนรถไฟฟ้า BTS ทั้งคัน, โปสเตอร์ในขบวนรถไฟฟ้า BTS, ที่จับในขบวนรถ และสื่อบน LED ในขบวน
4. จอดิจิทัลในศูนย์การค้าชั้นนํา ฯลฯ

80. ข้อใดสําคัญที่สุดในการทํา Search Engine Optimization (SEO)
(1) คําสําคัญ (Keyword)
(2) ความยาวของบทความ
(3) รูปภาพที่ประกอบบทความ
(4) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 1 PDF (MCS 2150 : D9) Search Engine Optimization (SEO) คือ วิธีการปรับแต่งเว็บไซต์ การปรับปรุงเนื้อหา และการเพิ่ม Backlink ซึ่งเป็นลิงค์ที่มีคุณภาพมายังเว็บไซต์ เพื่อให้เว็บไซต์ ติดอยู่ในอันดับต้น ๆ บน Search Result Page (หน้าแสดงผลการค้นหา) เมื่อกรอกคําสําคัญ หรือ Keyword (ถือเป็นสิ่งสําคัญที่สุดในการทํา SEO) ที่ต้องการผ่าน Search Engine ต่าง ๆ เช่น Google, Yahoo, Bing เป็นต้น โดยเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มยอดผู้เข้าชมเว็บไซต์ในระยะยาว

81. ข้อต่อไปนี้คือ บทบาทของการประชาสัมพันธ์ ยกเว้นข้อใด
(1) สื่อมวลชนสัมพันธ์
(2) ชุมชนสัมพันธ์
(3) การจัดการประเด็นและภาวะวิกฤติ
(4) การโฆษณา
ตอบ 4 PDF (MCS 2150 : D10) บทบาทของการประชาสัมพันธ์ในด้านต่าง ๆ มีดังนี้
1. การเป็นที่ปรึกษา (Counseling)
2. การวิจัย (Research)
3. สื่อมวลชนสัมพันธ์และผู้มีอิทธิพล (Media and Influencers Relations)
4. การเผยแพร่ (Publicity)
5. ชุมชนสัมพันธ์ (Community Relations)
6. พนักงานหรือสมาชิกสัมพันธ์(Employee/Member Relations)
7. การสื่อสารกิจการสาธารณะ (Public Affairs)
8. การจัดการประเด็นและภาวะวิกฤติ (Issues and Crisis Management) ฯลฯ

82. ข้อใดต่อไปนี้คือ บทบาทของการประชาสัมพันธ์ในแง่ของการเป็นที่ปรึกษา (Counseling)
(1) ผังโครงสร้างองค์กรมีฝ่ายประชาสัมพันธ์ขึ้นตรงกับผู้บริหาร
(2) นักประชาสัมพันธ์สามารถเป็นที่ปรึกษาเรื่องการสร้างสื่อได้
(3) การออกแบบสื่อประชาสัมพันธ์จําเป็นต้องปรึกษานักประชาสัมพันธ์เสมอ
(4) นักประชาสัมพันธ์เป็นที่ปรึกษาในงานวิจัยเพื่อการประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ
ตอบ 1 PDF (MCS 2150 : D10) การเป็นที่ปรึกษา (Counseling) หมายถึง บทบาทในการเป็น ที่ปรึกษาให้ผู้บริหารในการตัดสินใจและกําหนดนโยบายต่าง ๆ เช่น การกําหนดนโยบาย การตลาด การสร้างภาพลักษณ์สินค้าหรือบริการ การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ การขยายฐาน การผลิต การแถลงผลประกอบการ ฯลฯ ซึ่งบทบาทในด้านนี้จะทําได้ดีหากผังโครงสร้าง องค์กรมีฝ่ายประชาสัมพันธ์ขึ้นตรงกับผู้บริหาร และนักประชาสัมพันธ์สามารถเข้าร่วมใน การประชุมผู้บริหารระดับสูง หรือเป็นคณะกรรมการบริหารของหน่วยงาน

83. การออกแบบเนื้อหาสารให้มีประสิทธิภาพ ควรคํานึงถึงเรื่องใดมากที่สุด
(1) การออกแบบเนื้อหาสารให้ตรงกับความต้องการของคนทั่วไป
(2) การออกแบบเนื้อหาสารให้ตรงกับที่หน่วยงานภาครัฐกําหนด
(3) การสื่อสารเนื้อหาสารที่ตรงกับความคิดส่วนลึกในใจของผู้รับสาร
(4) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 3 PDF (MCS 2150 : D10) การออกแบบเนื้อหาสารให้มีประสิทธิภาพ ควรคํานึงถึงเรื่องการ สื่อสารเนื้อหาสารที่ตรงกับความคิดส่วนลึกในใจของผู้รับสาร (Consumer Insight) ทั้งนี้เพื่อ ประสิทธิผลในการสร้างสรรค์สื่อประชาสัมพันธ์ที่แสดงให้ผู้บริโภคเห็นว่าองค์กรนั้น ๆ เข้าใจถึงความต้องการของผู้บริโภคเป็นอย่างดี

84. การทําวิจัยเพื่อค้นหาความคิดส่วนลึกที่อยู่ในใจของผู้บริโภค (Consumer Insight) มีทั้งหมดกี่ขั้นตอน
(1) 2 ขั้นตอน
(2) 3 ขั้นตอน
(3) 4 ขั้นตอน
(4) 5 ขั้นตอน
ตอบ 3 PDF (MCS 2150 : D10) การทําวิจัยเพื่อค้นหาความคิดส่วนลึกที่อยู่ในใจของผู้บริโภค (Consumer Insight) มีทั้งหมด 4 ขั้นตอน ได้แก่
1. การตั้งคําถามหรือประเด็นที่ต้องการทราบจากผู้บริโภค
2. การค้นหาข้อมูลทุติยภูมิจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ
3. การค้นหาข้อมูลปฐมภูมิจากการทําวิจัย
4. การแปลผลเพื่อนําข้อมูลที่ได้ไปใช้ประโยชน์ต่อไป

85. การเขียนเอกสารสรุปเพื่อการสร้างสรรค์ (Creative Brief) แบ่งเป็นส่วนประกอบต่าง ๆ ยกเว้นข้อใด
(1) ใคร คือ ผู้บริโภคหรือผู้รับสารกลุ่มเป้าหมาย
(2) ความต้องการให้ผู้รับสารรู้สึกอย่างไรต่อเนื้อหาสาร
(3) แก่นของความคิดในการสื่อสาร
(4) ความสามารถในการสื่อสารของผู้รับสาร
ตอบ 4 PDF (MCS 2150 : D10) รูปแบบการเขียนเอกสารสรุปเพื่อการสร้างสรรค์ (Creative Brief) แบ่งออกเป็นส่วนประกอบต่าง ๆ ดังนี้
1. ใคร คือ ผู้บริโภค/ผู้รับสารกลุ่มเป้าหมาย ๆ
2. ผู้บริโภคมีปฏิสัมพันธ์กับองค์กรหรือแบรนด์อย่างไร
3. ความต้องการให้ผู้รับสารรับรู้หรือรู้สึกอย่างไรต่อเนื้อหาสารและตราสินค้าของบริษัท 4. แก่นของความคิดในการสื่อสาร

86. ข้อใดคือเป้าหมายสูงสุดของการทํา Customer Journey
(1) การรับรู้ (Awareness)
(2) การเปรียบเทียบเพื่อการตัดสินใจ (Evaluation)
(3) การใช้สินค้าหรือบริการ (Purchase)
(4) ความภักดีต่อแบรนด์หรือองค์กร (Loyalty) PDF (MCS 2150 : D10) Customer Journey คือ การเดินตอบ 4 ทางของลูกค้า จะบอกเล่าถึง ประสบการณ์ของลูกค้าตั้งแต่การรับรู้ถึงตัวตนของแบรนด์หรือองค์กรครั้งแรก สู่กระบวนการ ซื้อขายหรือการใช้บริการ การทดลองใช้งาน จนกระทั่งเกิดความภักดีต่อแบรนด์หรือองค์กร (Loyalty) ซึ่งถือเป้าหมายสูงสุดของการทํา Customer Journey ในระยะยาว ทั้งหมดนี้คือ เรื่องของปฏิสัมพันธ์และประสบการณ์ที่ลูกค้าหรือผู้รับบริการมีต่อแบรนด์หรือองค์กร

87. การออกแบบสารที่มีประสิทธิภาพ ควรพิจารณาถึงองค์ประกอบใดต่อไปนี้
(1) ความเหมาะสมตรงประเด็น
(2) จดจําได้ง่าย
(3) มีความน่าเชื่อถือ
(4) ถูกทุกข้อฃ

ตอบ 4 PDF (MCS 2150 : D11) Patrick Jackson (2000) ซึ่งเป็นบรรณาธิการของวารสาร PR Reporter ได้แนะนําการออกแบบสารประชาสัมพันธ์ที่มีประสิทธิภาพว่า ควรพิจารณาถึง องค์ประกอบต่อไปนี้
1. ความเหมาะสมตรงประเด็น (Appropriate)
2. มีความน่าเชื่อถือ (Meaningful)
3. จดจําได้ง่าย (Memorable)
4. เข้าใจได้ทันที (Understandable)
5. มีความน่าเชื่อถือ (Believable)

88. ข้อใดเป็นตัวอย่างการใช้ตัวย่อของชื่อองค์กร โดยเป็นการทําให้เป็นชื่อที่ผู้รับสารเรียกอย่างติดปาก คุ้นหู
(1) MERCEDES
(2) UNESCO
(3) KONAMI
(4) PANASONIC
ตอบ 2 PDF (MCS 2150 : D11) ตัวอย่างของการใช้สัญลักษณ์ สโลแกน และตัวย่อของชื่อองค์กร (Symbols, Slogans, Acronyms) โดยเป็นการทําให้เป็นชื่อที่ผู้รับสารเรียกอย่างติดปากและ คุ้นหู ได้แก่ 1. AIDS (Acquired Immune Deficiency Syndrome)
2. UNESCO (United Nations, Educational, Scientific and Cultural Organization) 3. NOW (National Organization for Women) ฯลฯ

89.อัตลักษณ์องค์กร หรือ CI มีความหมายภาษาอังกฤษ ตรงกับข้อใด
(1) Corporate Internet
(2) Community Integration
(3) Corporate Identity
(4) Connection Interrupt
ตอบ 3 PDF (MCS 2150 : D11) อัตลักษณ์องค์กร (Corporate Identity : CI) จะเกี่ยวข้องกับ การออกแบบการสื่อสารขององค์กร ดังต่อไปนี้
1. การใช้คู่สีใดสีหนึ่งเป็นประจํา
2. การใช้ฟอนต์ตัวอักษรแบบใดแบบหนึ่งโดยเฉพาะ อย่าใช้ฟอนต์หลายตระกูล
3. การเน้นให้เกิดภาพจําภาพลักษณ์ขององค์กร โดยการใช้ซ้ํา ๆ ฯลฯ

90. ข้อใดเกี่ยวข้องกับการออกแบบการสื่อสารที่เป็นการสื่อสารอัตลักษณ์องค์กร
(1) ในการออกแบบการสื่อสารขององค์กรใช้คู่สีใดคู่สีหนึ่งเป็นประจํา
(2) ในการออกแบบการสื่อสารมีการใช้ฟอนต์ตัวอักษรแบบใดแบบหนึ่งโดยเฉพาะ
(3) ในการออกแบบการสื่อสารมีการเน้นให้เกิดภาพจําภาพลักษณ์ขององค์กร
(4) ถูกทุกข้อ
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 89. ประกอบ

91. การเล่าเรื่อง (Storytelling) ถูกนํามาใช้ในการสื่อสารเนื้อหาในด้านต่าง ๆ ยกเว้นข้อใด
(1) ภาพยนตร์โฆษณาทางโทรทัศน์
(2) การออกแบบอัตลักษณ์องค์กร
(3) การรักษาความสดใหม่ของสินค้า
(4) การเขียนบทความทางเว็บไซต์
ตอบ 3 PDF (MCS 2150 : D11) การเล่าเรื่อง (Storytelling) ถือเป็นรูปแบบการเล่าเรื่องแบบหนึ่ง ที่ใช้กระบวนการเล่าเหมือนกับนิทาน หรือเรื่องราวของนิยาย เรื่องเล่าต่าง ๆ ร้อยต่อกัน และ สร้างอารมณ์ร่วมให้ผู้รับสารสนใจ ให้ความตั้งใจ และจดจําเรื่องราวเหล่านั้นขึ้นมา มักถูกนํามา ใช้ในการสื่อสารเนื้อหาในด้านต่าง ๆ เช่น ภาพยนตร์โฆษณาทางโทรทัศน์, การเขียนบทความ ทางเว็บไซต์, การออกแบบอัตลักษณ์องค์กร ฯลฯ

92. ข้อต่อไปนี้คือกลยุทธ์การสื่อสารที่สําคัญที่สุด
(1) เป้าหมายในการสื่อสาร
(2) ช่องทางในการสื่อสาร
(3) การวิเคราะห์และวิจัยกลุ่มเป้าหมาย
(4) บูรณาการทุกข้อร่วมกัน

ตอบ 4 PDF (MCS 2150 : D11) กลยุทธ์การสื่อสาร (Communication Strategy) ที่สําคัญที่สุด
จะต้องบูรณาการทุกข้อร่วมกัน ได้แก่
1. เป้าหมายในการสื่อสาร
2. สถานการณ์ปัจจุบัน
3. การวิเคราะห์คู่แข่ง
4. การวิจัยและวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย
5. ส่วนลึกในใจผู้บริโภค
6. ช่องทางในการสื่อสาร
7. เป้าหมายของธุรกิจ/เป้าหมายขององค์กร

93. เป้าหมายที่สําคัญที่สุดของการสร้างสารเพื่อการประชาสัมพันธ์ คือ
(1) การปฏิบัติตามสาร
(2) การจดจําสาร
(3) การสร้างความน่าเชื่อถือ
(4) การสร้างความสนใจต่อสาร
ตอบ 1 PDF (MCS 2150 : D11) เป้าหมายที่สําคัญที่สุดของการสร้างสารเพื่อการประชาสัมพันธ์ คือ การปฏิบัติตามสาร ซึ่งการที่ผู้รับสารจะปฏิบัติตามสารที่เราส่งออกไปจะมีขั้นตอน ดังนี้
1. Awareness (รับรู้)
2. Interest (สนใจ)
3. Evaluation (ประเมิน)
4. Trail (ทดลอง)
5. Adoption (ยอมรับ)

94. การวัดการประชาสัมพันธ์จากผลการสื่อสารในระดับใด คือ ระดับที่เป็นเป้าหมายสูงสุด
(1) การจดจําเนื้อหา
(2) การยอมรับว่าเป็นความรู้
(3) การเปลี่ยนทัศนคติ
(4) การเปลี่ยนพฤติกรรม
ตอบ 4 PDF (MCS 2150 : D12) การวัดการประชาสัมพันธ์จากผลการสื่อสารแบ่งเป็น 5 ระดับ ดังนี้
1. การเผยแพร่และการสื่อสาร
2. การจดจําเนื้อหา
3. การยอมรับว่าเป็นความรู้
4. การเริ่มก่อตัว หรือการเปลี่ยนทัศนคติ
5. การเกิด/เปลี่ยนพฤติกรรม (เป็นระดับที่เป็นเป้าหมายสูงสุด)

95. จากการทําแคมเปญรณรงค์ “แกว่งแขวน” ผ่านโครงการลดพุง ลดโรค ของ สสส. หากผู้รับสารสามารถ จดจําภาพและสามารถปฏิบัติตามในโฆษณาได้ แต่ไม่ได้นํามาถือปฏิบัติ ถือเป็นผลการสื่อสารในระดับใด
(1) การจดจําเนื้อหา
(2) การเปลี่ยนทัศนคติ
(3) การยอมรับว่าเป็นความรู้
(4) การเกิดพฤติกรรม
ตอบ 1 PDF (MCS 2150 : D12), (ดูคําอธิบายข้อ 94. ประกอบ) ขั้นการจดจําเนื้อหา (Retention of Message) คือ การวัดผลที่เกิดจากการที่ผู้ที่ได้รับสารเข้าใจเนื้อหาสาร และจดจําเนื้อหาได้ แต่ยังไม่มีแนวโน้มที่จะแสดงความคิดหรือเปลี่ยนพฤติกรรมอะไร ดังนั้นจึงเป็นการวัดในระดับที่สูงขึ้นมาอีก เพื่อบอกว่าผู้อ่านเข้าใจข่าวสารที่เผยแพร่ในสื่อมากน้อยเพียงใด

96. การวัดการประชาสัมพันธ์ตามกระบวนการดําเนินงานแบ่งเป็นระดับ ยกเว้นข้อใด
(1) ระดับเตรียมงาน
(2) ระดับปฏิบัติงาน
(3) ระดับผลกระทบ
(4) ระดับประเมินผล
ตอบ 4 PDF (MCS 2150 : D12) การวัดการประชาสัมพันธ์ตามกระบวนการดําเนินงาน สามารถ แบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่
1. ระดับเตรียมงาน (Preparation)
2. ระดับปฏิบัติงาน (Implementation)
3. ระดับผลกระทบ (Impact)

ข้อ 97. – 100, การประเมินผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานประชาสัมพันธ์ดังที่กล่าว คือ คุณลักษณะของมิติใด ให้ใช้คําตอบจากตัวเลือกดังต่อไปนี้
(1) มิติด้านประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของนักประชาสัมพันธ์
(2) มิติด้านผลประโยชน์ของความรู้สึกของกลุ่มเป้าหมาย
(3) มิติด้านพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย
(4) มิติด้านผลประโยชน์ขององค์กร

97. เป็นความสําเร็จขั้นต้นของการปฏิบัติงานประชาสัมพันธ์ที่มีคุณลักษณะด้านปริมาณ และคุณภาพของ
การปฏิบัติงานของผู้ปฏิบัติงานประชาสัมพันธ์
ตอบ 1 PDF (MCS 2150 : D12) มิติด้านประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของนักประชาสัมพันธ์
เป็นความสําเร็จขั้นต้นของการปฏิบัติงานประชาสัมพันธ์ที่มีคุณลักษณะด้านปริมาณ และ คุณภาพของการปฏิบัติงานของผู้ปฏิบัติงานประชาสัมพันธ์ โดยมีตัวชี้วัด 3 ประการ ได้แก่
1. ปริมาณและคุณภาพของงานที่ปฏิบัติ
2. ความคุ้มค่าในการลงทุนที่ใช้ไปในการปฏิบัติงาน
3. การบรรลุวัตถุประสงค์ของการปฏิบัติงาน

98. เป็นผลของการสื่อสารที่เกิดขึ้นกับกลุ่มเป้าหมายหลังจากที่กลุ่มเป้าหมายได้รับข่าวสารที่องค์กรเผยแพร่ ออกไป และข่าวสารนั้นก่อให้เกิดผลในด้านการรับรู้ความรู้ที่เขามีต่อองค์กร
ตอบ 2 PDF (MCS 2150 : D12) มิติด้านผลประโยชน์ของความรู้สึกของกลุ่มเป้าหมาย เป็นผลของ การสื่อสารที่เกิดขึ้นกับกลุ่มเป้าหมายหลังจากที่กลุ่มเป้าหมายได้รับข่าวสารที่องค์กรเผยแพร่ ออกไป และข่าวสารนั้นก่อให้เกิดผลในด้านการรับรู้ความรู้ที่เขามีต่อองค์กร จากความรู้นี้ได้ เปลี่ยนเป็นความรู้สึกชอบ/ไม่ชอบ ซึ่งจะเป็นตัวผลักดันพฤติกรรมของเขาที่มีต่อองค์กร และความสําเร็จที่จะเกิดขึ้นได้เมื่อการปฏิบัติงานประชาสัมพันธ์มีประสิทธิภาพ

99. เป็นผลจากการสื่อสารประชาสัมพันธ์ที่เกิดจากการที่กลุ่มเป้าหมายได้รับข่าวสารที่องค์กรเผยแพร่ออกไปแล้วข่าวสารนั้นได้ก่อให้เกิดผลในด้านการรับรู้และความรู้สึก ซึ่งมีระดับมากเพียงพอที่จะผลักดันให้เกิด
พฤติกรรมที่มีต่อองค์กร
ตอบ 3 PDF (MCS 2150 : D12) มิติด้านพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย เป็นผลมาจากการสื่อสารประชาสัมพันธ์ที่เกิดจากการที่กลุ่มเป้าหมายได้รับข่าวสารที่องค์กรเผยแพร่ออกไป จากนั้นข่าวสารที่ก่อให้เกิดผลในด้านการรับรู้และความรู้สึก ซึ่งมีระดับมากเพียงพอที่จะผลักดันให้ เกิดพฤติกรรมที่มีต่อองค์กร โดยมีตัวชี้วัดความสําเร็จ 2 ประการ ได้แก่
1. ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างองค์กรกับกลุ่มเป้าหมาย
2. พฤติกรรมที่กลุ่มเป้าหมายแสดงออกเป็นไปตามที่องค์กรต้องการ

100. เป็นความสําเร็จที่เกิดจากการสนับสนุนของการปฏิบัติงานประชาสัมพันธ์ ความสําเร็จนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากการประชาสัมพันธ์โดยตรง แต่การปฏิบัติงานประชาสัมพันธ์ที่ประสบความสําเร็จจะช่วยสนับสนุนให้เกิด ผลด้านนี้ขึ้น
ตอบ 4 PDF (MCS 2150 : D12) มิติด้านผลประโยชน์ขององค์กร เป็นความสําเร็จที่เกิดขึ้นจากการ สนับสนุนของการปฏิบัติงานประชาสัมพันธ์ ความสําเร็จนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากการประชาสัมพันธ์โดยตรง แต่การปฏิบัติงานประชาสัมพันธ์ที่ประสบความสําเร็จจะช่วยสนับสนุนให้เกิดผลทาง ด้านนี้ขึ้น นอกจากนี้ผลประโยชน์ขององค์กรยังเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นอีกว่า การประชาสัมพันธ์มีคุณค่าและมีความสําคัญต่อองค์กร

 

CDM2402 MCS2150 MCS2100 การประชาสัมพันธ์เบื้องต้น 1/2561

การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2561
ข้อสอบกระบวนวิชา MCS 2150 (MCS 2100) การประชาสัมพันธ์เบื้องต้น
คําสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคําตอบเดียว

1 การประชาสัมพันธ์เป็นกระบวนการอย่างไร
(1) ทิศทางเดียว (One-way Process)
(2) สองทิศทาง (Two-way Process)
(3) สามทิศทาง (Tri-way Process)
(4) หลากทิศทาง (Many-way Process)
ตอบ 2 หน้า 8, 53, 68, 71, (คําบรรยาย) การประชาสัมพันธ์เป็นกระบวนการแบบสองทิศทางหรือ ระบบยุคลวิถี (Two-way Process) คือ วิธีการสื่อสารจากองค์การไปสู่กลุ่มประชาชน และ ในขณะเดียวกันก็ฟังเสียงสะท้อนกลับของประชาชนมาสู่องค์การด้วย ดังนั้นการประชาสัมพันธ์แบบ Two-way Process จึงมุ่งหวังที่จะสร้างประโยชน์ให้เกิดแก่องค์การและประชาชนทั้ง 2 ฝ่ายโดยวิธีการติดตามผลหรือตรวจสอบกระแสประชามติ ดังที่นักประชาสัมพันธ์มืออาชีพ กล่าวไว้ว่า “จงออกไปฟังเสียงประชาชน มิใช่คอยจนมีเสียงจากประชาชนเข้ามาต่อว่าเรา”

2 ใครคือนักประชาสัมพันธ์ตัวจริง
(1) ผู้บริหารระดับสูง
(2) เจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์บริการข้อมูล
(3) ทุกคนในองค์การ
(4) พนักงานบริษัท
ตอบ 1 หน้า 3, 7, 12, (คําบรรยาย) งานประชาสัมพันธ์เป็นงานระดับบริหาร และเป็นเครื่องมือของ การบริหารงาน ซึ่งฝ่ายบริหาร (Executive) หรือฝ่ายจัดการจะถือว่า การประชาสัมพันธ์เป็น ส่วนหนึ่งของงานในภาระหน้าที่และความรับผิดชอบของตน ดังนั้นนักประชาสัมพันธ์ตัวจริงจึงควรอยู่ในตําแหน่งผู้บริหารระดับสูง หรือผู้ช่วยผู้บริหาร

3 ข้อใดเป็นความเข้าใจผิดว่าสิ่งนี้คือ “งานประชาสัมพันธ์
(1) ณเดชน์วิจัยเพื่อสื่อสารกับเกษตรกรในจังหวัด
(2) ญาญ่าเตรียมสุนทรพจน์ให้คําปรึกษาแก่ผู้บริหาร
(3) น้าไก่อูผู้ประสานงานและวางแผนสื่อสาร
(4) เสกข์มาไซโคให้ข้อมูลเกี่ยวกับโครงการใหม่
ตอบ 4 หน้า 4 คําว่า “การประชาสัมพันธ์” เป็นคําที่คนเข้าใจผิดกันมากคําหนึ่ง คือ เข้าใจสับสนไขว้เขวไปทั้งในทางบวกและลบ ซึ่งทางลบที่หนักที่สุดจะเป็นการเข้าใจว่า การประชาสัมพันธ์ เป็นการโฆษณาชวนเชื่อ (Propaganda) หรือล้างสมอง (Indoctrination) ที่เบาลงมาหน่อย ก็คือ เข้าใจผิดว่าเป็นการโฆษณา (Advertising) คล้ายกับคําว่า “ไซโค” (Psycho) มาจาก คําเต็มว่า “Psychology” อันหมายถึง จิตวิทยา

4 ใครต่อไปนี้เหมาะสมกับ “นักประชาสัมพันธ์”
(1) วรัญดาฉลาดสุขุม
(2) ศิริวรรณาใจดี
(3) นริศเอาใจใส่ครอบครัว
(4) น้องนวลมีมนุษยสัมพันธ์
ตอบ 4 หน้า 234, 236 คุณสมบัติอันจําเป็นของนักประชาสัมพันธ์ในด้านบุคลิกภาพ มีดังนี้
1 มีทักษะในการติดต่อ มีบุคลิกที่เป็นมิตร เข้ากับผู้อื่นได้ดี
2 รักงานบริการและชอบบริการผู้อื่น
3 มีมนุษยสัมพันธ์ดี รักษาคําพูด จริงใจ
4 กระตือรือร้นอยู่เสมอ
5 ยิ้มแย้มแจ่มใส มีอารมณ์ขัน ฯลฯ

5 สมาคมการประชาสัมพันธ์แห่งสหรัฐอเมริกา ตรงกับข้อใด
(1) La Maison de Public : LMP (ลา เมซอง เดอ พับลิก)
(2) Public Relations Society of America : PRSA (พับลิก รีเลชั่น โซไซตี้ ออฟ อเมริกา)
(3) American Public Agency : APA (อเมริกัน พับลิก เอเยนซี)
(4) American Public Society Associate : APSA (อเมริกัน พับลิก โซไซตี้ แอสโซซิเอท)
ตอบ 2 หน้า 42 – 43 สมาคมนักประชาสัมพันธ์ของสหรัฐอเมริกา (Public Relations Society of America : PRSA) ได้ริเริ่มก่อตั้งหลักจรรยาบรรณของนักประชาสัมพันธ์ (The PRSA Code) ขึ้นมาเป็นประเทศแรกในปี ค.ศ. 1954 เพื่อเป็นหลักมาตรฐานของวิชาชีพการประชาสัมพันธ์ ในการให้บริการร่วมกันในระดับที่ดีเด่นกับประชาชน และเป็นที่ยอมรับนับถือโดยทั่วไป

6 จากข้อ 5. สมาคมดังกล่าวประกาศหลักการจรรยาบรรณวิชาชีพในปีอะไร
(1) 1924
(2) 1944
(3) 1954
(4) 1964
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 5. ประกอบ

7 การสร้างความสัมพันธ์อันดีกับผู้ร่วมงาน ควรทํากิจกรรมใดจึงเหมาะสมกับยุคนี้
(1) จิบน้ำชายามบ่ายและพูดคุยถึงองค์การ
(2) พาไปทัศนศึกษาดูงานต่างประเทศ
(3) แจกอังเปาทุกคนในองค์การ
(4) อนุญาตให้หยุดงานตลอดทั้งเดือน
ตอบ 2 หน้า 341 – 342 หลักการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับผู้ร่วมงานประการหนึ่ง คือ การจัดงาน พบปะสังสรรค์ระหว่างพนักงานในโอกาสพิเศษต่าง ๆ เพื่อความสนิทสนมกลมเกลียวกัน และ มองเห็นความสําคัญของฝ่ายอื่น ๆ ที่มีต่อสถาบันโดยส่วนรวม เช่น ส่งเสริมด้านกีฬา ดนตรี ทัศนศึกษาดูงานต่างประเทศ จัดฉายภาพยนตร์ ฯลฯ

8 ข้อใดอธิบายถึง “การโฆษณาชวนเชื่อ” (Propaganda) ได้ดีที่สุด
(1) เท็จก็ว่าจริง ควบคุม ปลุกปั่น เพื่อให้ได้ผลที่ต้องการ
(2) ชักจูงใจด้วยข้อมูลหลากหลายให้ตัดสินใจซื้อ
(3) วางแผนให้มีการส่งเสริม เสนอแนะ สร้างความล่อใจ
(4) แก้ไขความเข้าใจผิดให้ถูก ปลุกความนิยมอุดมการณ์ ศิลปวัฒนธรรม
ตอบ 1 หน้า 14 การโฆษณาชวนเชื่อ (Propaganda) คือ การเผยแพร่ลัทธินิยมโดยเจตนาโน้มน้าว ชักจูงใจคนด้วยกลวิธีต่าง ๆ ให้หลงเชื่อ ให้เห็นดีเห็นงาม หรือให้เป็นปรปักษ์กับสิ่งหรือคนที่ ต้องการประณาม โดยจะพยายามควบคุม ปลุกปั่น และเป็นเครื่องมือทางการเมือง เพื่อที่จะ ให้ได้ผลตามที่ต้องการ ซึ่งมีลักษณะสําคัญคือ พูดเอาแต่ได้ เรื่องเท็จก็ว่าจริง อ้างว่าเป็นเรื่อง หรือข้อคิดของคนส่วนใหญ่ และพยายามปิดซ่อนที่มาของแหล่งข่าว

9 จากข้อ 8. ข้อใดกล่าวถึง “การโฆษณา” (Advertising)
ตอบ 3 หน้า 15 – 16 การโฆษณา (Advertising) ที่ดีนั้น จะต้องมีการวางแผนล่อใจที่แฝงไว้ด้วย “การเสนอแนะ” และ “ส่งเสริม” ดังนั้นจึงเป็นเรื่องของการกระทําหรือชักนําความเชื่อ และสร้างศรัทธาด้วยการดึงดูดถึงเหตุผลของการโฆษณาหรืออารมณ์จากผู้พบเห็น จนกลายเป็น เรื่องของการสร้างความล่อใจ (Persuasion) ขึ้นมา

10 จากข้อ 8. จุดมุ่งหมายของ “การสารนิเทศ” (Information Service) คือข้อใด
ตอบ 4 หน้า 17 – 18 การสารนิเทศ (Information Service) คือ การให้ข่าวสารข้อเท็จจริงต่าง ๆ เพื่อเผยแพร่ให้ชาวต่างชาติได้รู้จักประเทศไทย เช่น ข่าวสารทั่วไปเกี่ยวกับเมืองไทย นโยบาย ของรัฐบาล ตลอดจนการให้ความสะดวก ช่วยเหลือ ปรับความเข้าใจ แก้ไขความเข้าใจผิดให้ ถูกต้อง และการแสดงอัธยาศัยไมตรีหรือผูกสัมพันธไมตรี ปลุกความนิยมในอุดมการณ์และ ศิลปวัฒนธรรมของชาติตน ฯลฯ ซึ่งประเทศไทยได้ทําการสารนิเทศมานานมากแล้ว โดยมี สํานักงานแถลงข่าวไทยในสังกัดของกรมประชาสัมพันธ์ อยู่ที่กรุงวอชิงตัน ลอนดอน ฯลฯ

11 จากข้อ 8. ข้อใดตรงกับ “การขาย” (Sales)
ตอบ 2 (คําบรรยาย) การขาย (Sales) คือ การชักจูงใจผู้ซื้อด้วยข้อมูลที่หลากหลายให้ตัดสินใจ ซื้อสินค้าหรือบริการ โดยจะใช้กิจกรรมทางการตลาดช่วยส่งเสริมการขายให้เกิดขึ้น เช่น การโฆษณา การขายโดยพนักงาน การลดราคาสินค้า การแจกของแถม ฯลฯ

12 สื่อมวลชนสัมพันธ์ (Press Relations Affairs) มีวิธีใดที่จะสร้างความสัมพันธ์ให้เหมาะสม
(1) พูดเก่ง ยิ้มหวาน ต้อนรับดี
(2) ทํางานประสานคู่กับสื่อมวลชนตรงเวลา
(3) ทําข่าวแจก (Press Release) ให้สื่อมวลชนทุกวัน
(4) แทรกโฆษณาสินค้าในข่าวแจกไปพร้อมกัน
ตอบ 2 หน้า 326, 330 – 331, (คําบรรยาย) วิธีการสร้างความสัมพันธ์กับสื่อมวลชนสัมพันธ์ (Press Relations Affairs) ให้เหมาะสม มีดังนี้
1 ให้ข่าวประชาสัมพันธ์ที่เป็นจริง ถูกต้อง แม่นยํา น่าอ่าน และกระชับ
2 ทํางานประสานคู่กับสื่อมวลชนตรงเวลา
3 อย่าแทรกโฆษณาสินค้าร่วมไปกับข่าวแจก (Press Release or News Release)
4 อย่าส่งข่าวบ่อยเกินไป แต่ควรส่งเฉพาะข่าวสําคัญอย่างแท้จริง ฯลฯ

13 การจัด Big Cleaning Day เป็นการทําประชาสัมพันธ์กับกลุ่มใดได้ดีที่สุด
(1) พนักงาน
(2) ผู้บริหาร
(3) สื่อมวลชน
(4) ชุมชน
ตอบ 4 หน้า 346, (คําบรรยาย) ความสัมพันธ์ในชุมชน หรือชุมชนสัมพันธ์ หมายถึง การเสริมสร้าง ความเข้าใจ ความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันระหว่างองค์การ/สถาบันกับชุมชน เป็นการให้ความสนใจ เอาใจใส่ถึงความต้องการและทัศนคติของสมาชิกทุกคนในชุมชน โดยชุมชนในที่นี้จะหมายถึง กลุ่มมวลชนที่ได้พักพิงอาศัยอยู่ในท้องถิ่นเดียวกันหรือใกล้เคียงกันกับองค์การ ซึ่งตัวอย่างของ การทําชุมชนสัมพันธ์ ได้แก่ กิจกรรม Big Cleaning Day ทําความสะอาดในเขตบ้านเรือน ใกล้องค์การ เป็นต้น

14 นักประชาสัมพันธ์มืออาชีพ ควรมีคุณสมบัติอะไรบ้าง
(1) มีความรู้กว้าง สื่อสารดี
(2) แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าแบรนด์เนม
(3) พร้อมทํางานในออฟฟิศ
(4) มีรถยนต์เป็นของตัวเอง
ตอบ 1 หน้า 28 รศ.วิรัช อภิรัตนกุล อาจารย์ประจําคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ได้กล่าวว่า นักประชาสัมพันธ์จําเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีความรอบรู้อย่างกว้างขวางทางด้าน สังคมศาสตร์ ในขณะเดียวกันก็ต้องมีทักษะในการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารเป็นอย่างดี ไม่ว่า ด้านการเขียน พูด อ่าน ฟัง หรือคิด

15. ใครกล่าวว่า “การกระทําสําคัญกว่าคําพูด ดังนั้นประชาสัมพันธ์ คือ ปรัชญาแห่งการกระทํา”
(1) Ivy Lee
(2) Albert Sullivan
(3) Paul W. Garrett
(4) Edward L. Bernays:
ตอบ 3 หน้า 21 Paul W. Garrett ซึ่งเป็นนักประชาสัมพันธ์ผู้มีชื่อเสียงชาวอเมริกัน ได้กล่าวไว้ว่า “การกระทํานั้นสําคัญกว่าคําพูด ดังนั้นการประชาสัมพันธ์ หมายถึง ปรัชญาแห่งการกระทํา ในสิ่งที่ประชาชนส่วนใหญ่เห็นชอบ และลงมือทําในแนวทางที่ประชาชนต้องการ

16 จากข้อ 15. ใครกล่าวว่า “นักประชาสัมพันธ์ควรมีความรู้ด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์”
ตอบ 4หน้า 28 Edward L. Bernays และ Howard Stephenson ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้าน การประชาสัมพันธ์ที่มีชื่อเสียงมาก ได้กล่าวไว้ว่า ผู้ที่อยากจะเป็นนักประชาสัมพันธ์ที่ดีนั้น จะต้องศึกษาในวิชามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์เพื่อเป็นพื้นฐาน

17 ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของงานประชาสัมพันธ์
(1) วางแผนระยะสั้น
(2) โน้มน้าวชักจูงใจ
(3) วิจัยและสํารวจความคิดเห็น
(4) สื่อสารจากสถาบันไปยังกลุ่มประชาชน
ตอบ 1 หน้า 7, 10, (คําบรรยาย) การประชาสัมพันธ์เป็นการสื่อสารจากสถาบันไปยังกลุ่มประชาชน โดยมีจุดมุ่งหมายสําคัญ คือ เพื่อที่จะสร้างความนิยมและสร้างความศรัทธาเชื่อมั่นต่อองค์การ ดังนั้นการวางแผนประชาสัมพันธ์จึงต้องวางแผนระยะยาว มีการติดต่อสื่อสารโน้มน้าวชักจูงใจ มีการค้นคว้าวิจัย สํารวจความคิดเห็น และประเมินผล จึงไม่อาจเห็นผลได้ในระยะเวลาอันสั้น แต่ต้องดําเนินการปฏิบัติงานติดต่อกันเป็นเวลายาวนาน

18 งานประชาสัมพันธ์เป็นงานเน้นด้านใดเป็นหลัก
(1) ด้านความรู้
(2) ด้านบริการ
(3) ด้านทักษะ
(4) ด้านสํารวจความคิด
ตอบ 2 หน้า 27 งานประชาสัมพันธ์เป็นงานเน้นด้านขายบริการเป็นหลัก มิใช่ขายสินค้าหรือวัตถุดิบ แต่จะเป็นบริการในด้านการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถาบันกับสังคมภายนอก เพื่อให้ประชาชนเกิดจินตภาพที่ดีต่อสถาบัน ดังนั้นจึงมีความจําเป็นอย่างยิ่งที่ต้องอาศัยความร่วมมือ จากหลาย ๆ ฝ่ายในสังคม

19 อะไรเป็นองค์ประกอบการสื่อสารที่สําคัญของการประชาสัมพันธ์
(1) ผู้รับสาร
(2) ผู้บริหาร
(3) บริบทสังคม
(4) สื่อมวลชน
ตอบ 1 หน้า 153 – 155 องค์ประกอบการสื่อสารที่มีความสําคัญยิ่งของกรรมวิธีการติดต่อเพื่องานประชาสัมพันธ์ มีดังนี้
1 ผู้ดําเนินการสื่อสาร (Communicator)
2 ข่าวสาร (Message)
3 ผู้รับสาร (Audience)

20 ข้อใดบอกถึงการสื่อสารประชาสัมพันธ์แล้วได้ผลสมบูรณ์
(1) พี่ตูน Bodyslam เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้โครงการไม่สูบบุหรี่
(2) ใช้เฟซบุ๊กเข้าถึงกลุ่มผู้สูงอายุ
(3) จัดวิ่งแข่งมาราธอนนักเรียนประถม
(4) ใช้กระดาษ A4 ทําป้ายบอกทางไปงานสัมมนาระยอง
ตอบ 1 หน้า 170 – 172 การสื่อสารประชาสัมพันธ์จะให้ผลสมบูรณ์ได้ ควรปฏิบัติตามหลักการ สําคัญ 7 ประการ ได้แก่
1 ความน่าเชื่อถือของข่าวสาร วิธีการส่งสาร และตัวผู้ส่งสาร
2 การเข้ากันได้กับสภาพแวดล้อม
3. เนื้อหาสาระ
4. ความชัดเจนของข่าวสาร
5. ความต่อเนื่องและสม่ําเสมอ
6. ช่องทางในการสื่อสารที่ผู้รับสารคุ้นเคย
7. ขีดความสามารถของผู้รับสาร

21 สุวรรณีเดินเข้าไปในโรงแรมดุสิตธานี เธอต้องการจองห้องจัดเลี้ยงจึงเดินไปถามเจ้าหน้าที่บริการข้อมูล ถามว่าหน่วยงานบริการข้อมูลนั้น คือหน่วยงานใด
(1) Customer Service
(2) Information Counter
(3) Press Agent
(4) Room Service
ตอบ 2 หน้า 7, 95, 97 แผนกติดต่อสอบถาม (Information) หรือที่ชาวอังกฤษและกลุ่มประเทศ ที่เคยเป็นอาณานิคมของอังกฤษนิยมใช้คําว่า “Enquiry” คือ งานต้อนรับหรือติดต่อสอบถาม เรื่องราวทั่วไปของสถาบันนั้น ๆ ซึ่งถือเป็นบริการของหน่วยงานด่านแรกที่ได้ให้กับประชาชน โดยเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการจะต้องมีความรู้ในสถาบันของเขาเป็นอย่างดียิ่ง หรือทําหน้าที่เป็น เหมือนผู้ต้อนรับ (Receptionist) ซึ่งจะคอยชี้แจงเรื่องราวต่าง ๆ และพร้อมที่จะช่วยเหลือ อํานวยความสะดวกแก่แขกหรือผู้มาติดต่อด้วยความเต็มใจ

22. ประเทศใดต่อไปนี้มักใช้ Enquiry ในการติดต่อสอบถามเพื่อให้ข้อมูล
(1) อังกฤษ
(2) ญี่ปุ่น
(3) ไทย
(4) สิงคโปร์
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 21. ประกอบ

23. หน่วยงานใดไม่จัดว่าเป็นหน่วยงานประชาสัมพันธ์
(1) สํานักงานทะเบียนตํารวจแห่งชาติ
(2) กรมประชาสัมพันธ์
(3) สํานักงานที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์
(4) ฝ่ายประชาสัมพันธ์และพัฒนายังยืน
ตอบ 1 หน้า 35 – 36, (คําบรรยาย) หน่วยงานที่จัดเป็นหน่วยงานประชาสัมพันธ์ ได้แก่
1. บริษัทรับจ้างทําประชาสัมพันธ์ (Public Relations Agency)
2. สํานักงานที่ปรึกษาทางด้านการประชาสัมพันธ์ (Public Relations Counseling Firm)
3. ฝ่ายประชาสัมพันธ์และโฆษณา (Public Relations & Advertising Department)

24 การจัดอันดับปี 2017 บริษัทยักษ์ใหญ่อันดับแรกด้านประชาสัมพันธ์ คือองค์การใด
(1) Edelman (เอเดลแมน)
(2) Weber Shandwick (เว็บเบอร์ แซนวิค)
(3) Hill & Knowtton (ฮิล แอนด์ นอร์ลตัน)
(4) Ogilvy PR (โอกิลวี่)
ตอบ 1 (คําบรรยาย) ในปี ค.ศ. 2015 ได้มีการจัดอันดับบริษัทยักษ์ใหญ่อันดับแรกของโลกในด้านประชาสัมพันธ์ คือ บริษัท Edelman ของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีรายได้จากการรับจ้าง ทําประชาสัมพันธ์ถึงปีละประมาณ 812,300,000 ดอลลาร์ โดยจะมีจํานวนเจ้าหน้าที่และ พนักงานทั้งหมด 5,500 คน ทั้งนี้บริษัท Edelman ก็ยังครองตําแหน่งบริษัทยักษ์ใหญ่เป็น อันดับแรกของโลกด้านประชาสัมพันธ์มาจนกระทั่งปี ค.ศ. 2017

25 ในปี 1969 บริษัทยักษ์ใหญ่อันดับแรกที่มีกิจการใหญ่โตด้านประชาสัมพันธ์ คือใคร
(1) Cart Byoir & Associates (คาร์ล ไบเออร์ แอสโซซิเอท)
(2) Densu Agency (เดนส์ เอเยนซี)
(3) Ruder & Finn (รูเดอร์ ฟินน์
(4) Hill and Knowlton (ฮิล แอนด์ นอร์ลตัน)
ตอบ 4 หน้า 37 – 38, 69 ในปี ค.ศ. 1969 บริษัทยักษ์ใหญ่อันดับแรกที่มีกิจการใหญ่โตด้าน ประชาสัมพันธ์ คือ บริษัท Hill and Knowlton หรือเรียกชื่อสั้น ๆ ว่า “H & K” โดยมี John W. Hill อดีตนักหนังสือพิมพ์อเมริกัน เป็นผู้ก่อตั้งสํานักงานที่ปรึกษาทางด้านการ ประชาสัมพันธ์ที่ใหญ่โตเป็นอันดับ 1 ของโลกในยุคบุกเบิก

26 ข้อใดระบุถึงจรรยาบรรณของวิชาชีพประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับความถูกต้องของข้อมูล
(1) ไม่จงใจทําลายชื่อเสียงวิชาชีพหรือสมาชิกคนอื่น ๆ
(2) ไม่รับค่าตอบแทนจากบุคคลใด ๆ ซึ่งไม่ใช่ลูกค้าหรือนายจ้างของตน
(3) ระลึกว่า ลูกค้าของเราเป็นฝ่ายถูกเสมอ เพราะเป็นผู้จ่ายค่าจ้าง
(4) การเผยแพร่ข่าวสาร ต้องเตรียมพร้อมที่จะระบุต้นตอแหล่งที่มาของข่าว
ตอบ 4 หน้า 43 – 44 จรรยาบรรณของวิชาชีพประชาสัมพันธ์ที่เกี่ยวกับความถูกต้องของข้อมูล เช่น ข้อ 6 การดําเนินการเผยแพร่ข่าวสารนั้น นักประชาสัมพันธ์จะต้องเตรียมพร้อมเสมอที่จะระบุต้นตอหรือแหล่งที่มาของข่าวสาร รวมทั้งชื่อลูกค้าและนายจ้างที่อยู่ในความรับผิดชอบของตน

27 จากข้อ 26. ข้อใดกล่าวถึงความสําคัญของลูกค้า
ตอบ 3หน้า 43 จรรยาบรรณของวิชาชีพประชาสัมพันธ์ที่เกี่ยวกับความสําคัญของลูกค้า เช่น ข้อ 4 จงระลึกเสมอว่า “ลูกค้าของเรานั้นเป็นฝ่ายถูกเสมอ” อย่าได้สร้างความขัดแย้งหรือเป็นปรปักษ์ กับลูกค้า นายจ้าง และประชาชนทั่วไป

28 มาตรฐานจรรยาบรรณวิชาชีพประชาสัมพันธ์ บ่งบอกถึงอะไร
(1) เป็นมาตรฐานการบริการ
(2) มวลชนเกิดความเชื่อมั่นศรัทธา
(3) นักประชาสัมพันธ์ต้องสนใจสังคม
(4) เป็นอาชีพพิเศษต้องรับผิดชอบสังคม
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 5. ประกอบ

29 คําขวัญประชาสัมพันธ์ คือข้อใด
(1) นึกถึงอาหาร นึกถึงฟูดแลนด์
(2) ก้าวให้ไกลตั้งแต่ก้าวแรก แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์
(3) รู้ลึก รู้จริง รอบด้าน ข่าวสามมิติ
(4) มหานครสวย ชาวกรุงเทพฯ ร่วมใจลดขยะให้เป็นศูนย์
ตอบ 4 หน้า 129 – 130, 314 – 315 คําขวัญประชาสัมพันธ์ คําขวัญโฆษณาเพื่องานประชาสัมพันธ์ หรือการวางแผนกําหนดหัวข้อประชาสัมพันธ์ (Themes) คือ คําขวัญที่มีเนื้อหาเพื่อช่วยเหลือ สังคม ซึ่งจะต้องไม่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการขององค์การ โดยอาจใช้คําพูดสั้น ๆ ที่กินใจ และจดจําได้ง่าย หรืออาจจะใช้เป็นภาพสัญลักษณ์เพื่อเตือนใจและติดตามกลุ่มเป้าหมายก็ได้ (ส่วนตัวเลือกข้ออื่นเป็นคําขวัญโฆษณาสินค้า คือ ข้อความที่มุ่งเน้นในตัวสินค้า บริการ หรือ ความคิด ซึ่งต้องเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทางธุรกิจขององค์การนั้น ๆ)

30 เหตุใดสถาบันต้องสร้างความสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มประชาชนทั่วไป
(1) ประชาชนทั่วไปมีจํานวนมหาศาล
(2) ประชาชนทั่วไปรับรู้ภาพลักษณ์สถาบัน
(3) สถาบันจําเป็นต้องเรียนรู้ประชาชน
(4) ประชาชนมีพลังมาก
ตอบ 2 หน้า 51 – 52 กลุ่มประชาชนทั่วไป หมายถึง กลุ่มประชาชนกลุ่มอื่น ๆ ที่นอกเหนือไปจาก กลุ่มประชาชนที่เกี่ยวข้องโดยตรงและกลุ่มประชาชนในท้องถิ่น ซึ่งทางสถาบันจะต้องเกี่ยวข้องเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อกัน เพื่อให้กลุ่มประชาชนทั่วไปรับรู้ภาพลักษณ์หรือจินตภาพที่งดงามของสถาบัน

31 “ทูตประชาสัมพันธ์ของสถาบัน” ในการช่วยเหลือเกื้อกูลร่วมมือร่วมใจกัน คือกลุ่มใด
(1) กลุ่มสื่อมวลชน
(2) กลุ่มพนักงาน
(3) กลุ่มชุมชน
(4) กลุ่มผู้บริหารระดับสูง

ตอบ 2 หน้า 49 กลุ่มประชาชนภายในสถาบัน หมายถึง บรรดามวลชนที่ทํางานอยู่ภายในของสถาบัน เช่น ข้าราชการและพนักงานในกระทรวง ทบวง กรม, เหล่าทหารในกองทัพ, ครูในวิทยาลัย และมหาวิทยาลัย ฯลฯ ซึ่งเปรียบเสมือนทูตประชาสัมพันธ์ของสถาบันที่จําเป็นต้องช่วยเหลือ เกื้อกูลกัน ให้ความร่วมมือร่วมใจกันรักษาจินตภาพที่ดีงามของสถาบันไว้ ทั้งนี้เพื่อความเจริญ ก้าวหน้าต่อไปในอนาคต

32 ใครเป็นผู้นําทางความคิด (Opinion Leader)
(1) พระ
(2) เจ้าหน้าที่เกษตร
(3) นักประชาสัมพันธ์
(4) นักศึกษา
ตอบ 1 หน้า 52, 156 – 159, (คําบรรยาย) ตามทฤษฎีการติดต่อสองทิศทาง (The Two Step Flow Theory) นั้น การเข้าถึงประชาชนกลุ่มใหญ่ที่มักได้ผลดี คือ การเข้าถึงผู้เป็นกุญแจประชามติ ผู้นําท้องถิ่น หรือผู้นําทางความคิด (Opinion Leader) ได้แก่ ผู้เป็นหัวหน้าที่มีอิทธิพลในชุมชน และเป็นที่เคารพยอมรับนับถือในสังคม ซึ่งจะเข้าใจข่าวสารได้ดีกว่าและเป็นสื่อกลางเผยแพร่ ความรู้ รวมทั้งชักจูงใจบุคคลอื่น ๆ ต่อไปได้ เช่น ผู้นําทางความคิดในสังคมชนบท ได้แก่ พระ ครู กํานัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ส่วนผู้นําทางความคิดในสังคมเมืองใหญ่ เช่น ในกรุงเทพฯ ได้แก่ นายกรัฐมนตรี หรือนักการเมืองที่มีชื่อเสียงและมีบทบาทในสังคม

33 นักประชาสัมพันธ์ต้องเผชิญกับสิ่งใดตลอดเวลา
(1) ประสานงานกับสื่อมวลชน
(2) รับฟังคําติชมข้อเสนอแนะของมวลชน
(3) สร้างสรรค์กิจกรรมในองค์การ
(4) สร้างความมั่นใจให้องค์การ
ตอบ 2 หน้า 54, 199, (คําบรรยาย) นักประชาสัมพันธ์จะต้องมีความรู้และความเข้าใจในมติมหาชน
โดยการรับฟังคําติชมหรือข้อเสนอแนะของมวลชนอยู่ตลอดเวลา เพื่อนํามาพิจารณาปรับปรุง แผนงานให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับความคิดเห็นของประชาชน ซึ่งถือเป็นหัวใจของ การดําเนินงานต่าง ๆ ให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี

34 กลุ่มใดเป็นกลุ่มประชาชนภายนอกสถาบัน
(1) เจ้าหน้าที่ประจําหน่วยงาน
(2) แม่ค้าขายของในบริษัท
(3) สื่อมวลชน
(4) ผู้ถือหุ้น
ตอบ 3. 4 หน้า 51 กลุ่มประชาชนที่เกี่ยวข้องโดยตรง หมายถึง กลุ่มประชาชนภายนอกสถาบัน ที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องด้วยโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผลประโยชน์ นโยบาย หรือกิจการ อย่างใดอย่างหนึ่งของสถาบันดังกล่าว ได้แก่ ผู้ถือหุ้น ลูกค้า ครู นักเรียน สื่อมวลชน ฯลฯ

35 ข้อใดคือ กิจกรรมประชาสัมพันธ์ภายในองค์การ
(1) วารสารสําหรับพนักงาน
(2) รายการโทรทัศน์แนะนําองค์การ
(3) รางวัลพนักงานดีเด่น
(4) สุนทรพจน์วันเปิดกองทุนบริษัท
ตอบ 1หน้า 50, (คําบรรยาย) กิจกรรมประชาสัมพันธ์ภายในองค์การ คือ กิจกรรมที่สร้าง ความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถาบันกับกลุ่มมวลชนภายในองค์การ ได้แก่
1. กําหนดแผนงานประชาสัมพันธ์
2. ตั้งที่ติดต่อสอบถาม (Information)
3. ตั้งแผงปิดประกาศ เช่น บอร์ดติดดาวพนักงาน ฯลฯ
4. ออกวารสารข่าวภายใน เช่น ข่าวรามคําแหง วารสารสําหรับพนักงาน ฯลฯ
5. จัดงานพิเศษที่เกี่ยวข้องกับมวลชนภายในองค์การ เช่น ให้รางวัลพนักงานดีเด่น ฯลฯ
6. ให้หยุดพักผ่อน ให้ประกันสุขภาพ หรือให้ทุนการศึกษาแก่บุตรของพนักงาน

36 จุดมุ่งหมายสําคัญของการประชาสัมพันธ์ คือข้อใด
(1) ชักจูงโน้มน้าวใจ
(2) ปกป้องผู้บริหารองค์การ
(3) สร้างความนิยมและศรัทธา
(4) สร้างความเพลิดเพลินใจ
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 17. ประกอบ

37 ในยุคแสงสว่างของประชาสัมพันธ์ ใครกล่าวว่า “The Public be informed
(1) Paul W. Garrett
(2) Ivy Lee
(3) John W. Hill
(4) William Van Derbilt
ตอบ 2 หน้า 66 – 67 ไอวี่ ลี (Ivy Lee) เป็นนักหนังสือพิมพ์ชาวอเมริกันที่ทําให้ความเชื่อเก่า ๆ ที่ว่าประชาชนโง่เขลา ไม่จําเป็นต้องรู้อะไรเลย (The Public be damned) เปลี่ยนไปเป็น ประชาชนควรรู้ข่าวสารต่าง ๆ (The Public be informed) ซึ่งถือว่าเป็นยุคแสงสว่างของ การประชาสัมพันธ์อย่างแท้จริง กล่าวคือ การทํางานจะมีประสิทธิภาพได้นั้นจะต้องได้รับ ความสนับสนุนจากประชาชน โดยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะอย่างจริงใจ ตรงไปตรงมา เพราะการปกปิดข้อมูลเป็นความคิดที่ผิด

38 จากข้อ 37. คํากล่าว “The Public be informed” แสดงถึงความคิดใดต่อไปนี้
(1) การสนับสนุนจากประชาชน
(2) การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะ
(3) การแสดงถึงการบริหารที่ดี
(4) การเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึง
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 37. ประกอบ

39 การประชาสัมพันธ์เปรียบเสมือนน้ําในร่างกายให้ทุกส่วนราบรื่น หมายถึงข้อใด
(1) Two-way Communication
(2) Public Opinion
(3) Co-operate
(4) Voice of Population
ตอบ 3 หน้า 8, 11, (คําบรรยาย) ความหมายของการประชาสัมพันธ์ สรุปได้ดังนี้
1 การประชาสัมพันธ์เสมือนสะพานที่เชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างองค์การกับประชาชน ที่เกี่ยวข้อง โดยใช้การสื่อสารสองทาง (Two-way Communication)
2 การประชาสัมพันธ์เสมือนแสงสว่างที่ส่องให้ประชาชนมองเห็นองค์การ และองค์การ มองเห็นประชาชน โดยใช้ประชามติ (Public Opinion)
3 การประชาสัมพันธ์เสมือนน้ําในร่างกายที่ทําให้ทุกส่วนเคลื่อนไหวราบรื่น โดยใช้ การประสานทุกฝ่ายเข้าด้วยกัน (Co-operate)

40 สิ่งที่มี “พลัง” สูงสุดในการประชาสัมพันธ์และได้ผลเวลาใช้ คืออะไร
(1) การแสดงออก
(2) การวิเคราะห์
(3) การพูด
(4) การเขียน
ตอบ 3 หน้า 244, (คําบรรยาย) คําพูด (Spoken Words) นับเป็นสื่อที่สําคัญยิ่งของมนุษย์ซึ่งมีมา แต่กําเนิด และใช้กันอย่างแพร่หลายมากกว่าสื่อในการประชาสัมพันธ์อื่น ๆ ดังนั้นสื่อคําพูด จึงนับเป็นเครื่องมือในการสื่อสารเพื่องานประชาสัมพันธ์ที่เก่าแก่ที่สุดชนิดหนึ่ง จัดได้ว่าเป็น สื่อพื้นฐานของมนุษย์ที่ถูกนํามาใช้อย่างกว้างขวางและแพร่หลายมากที่สุด ทั้งนี้เพราะการพูด เป็นสิ่งที่มีพลังสูงสุดในการประชาสัมพันธ์และได้ผลเวลาใช้

41 ข้อใดเป็นสื่อเพื่อการประชาสัมพันธ์ภายในหน่วยงาน
(1) บอร์ดติดดาวพนักงาน
(2) หนังสือพิมพ์รายวันในห้องโถง
(3) ใบปลิวแนะนําการฝากเงิน
(4) ไลน์เสนอขายสินค้าแก่สมาชิก
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 35. ประกอบ

ข้อ 42 – 45. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถามเกี่ยวกับกําเนิดการประชาสัมพันธ์สมัยใหม่
(1) Ivy Lee (ไอวี่ ลี)
(2) Edward L. Bernays (เอ็ดเวิร์ด แอล. เบอร์แนร์)
(3) Cart Byoir (คาร์ล ไบเออร์)
(4) Paul W. Garrett (พอล ดับเบิลยู. แกร์เร็ต)

42. ผู้ก่อตั้งสถาบันที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์ครั้งแรกในยุคบุกเบิก
ตอบ 1 หน้า 68 – 69 ภายหลังจากที่ไอวี่ ลี (Ivy Lee) ทํางานประชาสัมพันธ์ให้กับตระกูลรอคกี้ เฟลเลอร์ ได้ประมาณ 2 ปี เขาจึงกลับมายังนิวยอร์กเพื่อทํางานอิสระของตัวเอง คือ ก่อตั้ง สํานักงานที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์ครั้งแรกในยุคบุกเบิก เพื่อให้บริการกับสถาบันทางธุรกิจ อุตสาหกรรมและองค์การสาธารณประโยชน์อื่น ๆ อย่างมากมาย เช่น บริษัทน้ํามัน บริษัท เหล็กกล้า เหมืองถ่านหิน โรงพยาบาลเอกชน ฯลฯ

43. ผู้ได้รับการยกย่องเป็น “บิดาแห่งการประชาสัมพันธ์สมัยใหม่” คือใคร
ตอน 1 หน้า 66, 71 ผู้ที่ได้บุกเบิกแนวทางของการประชาสัมพันธ์สมัยใหม่ คือ ไอวี่ ลี (Ivy Lee) นักหนังสือพิมพ์หนุ่มชาวอเมริกัน ซึ่งถือเป็นบุคคลสําคัญผู้หนึ่งของสหรัฐอเมริกาในฐานะ ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “บิดาแห่งการประชาสัมพันธ์สมัยใหม่” (Father of Modern Public Relations) หรือผู้วางรากฐานของวิชาชีพประชาสัมพันธ์ในสหรัฐอเมริกา

44. นักประชาสัมพันธ์รุ่นบุกเบิกอยู่ในอุตสาหกรรมรถยนต์อเมริกา GM คือใคร
ตอบ 4 หน้า 70 ในระยะปี ค.ศ. 1920 เป็นยุคที่การประชาสัมพันธ์ได้แพร่หลายอย่างสูงสุดและ เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไป ซึ่งนักประชาสัมพันธ์ที่ช่วยบุกเบิกงานประชาสัมพันธ์เพื่อธุรกิจให้กับ บริษัทรถยนต์ เจนเนอรัล มอเตอร์ (General Motor : GM) คือ Paul W. Garrett

45 นักประชาสัมพันธ์บุกเบิกที่เป็นนักวิชาการ และเปิดหลักสูตรเป็นครั้งแรก คือใคร
ตอบ 2 หน้า 70, 72 ในปี ค.ศ. 1923 Edward L. Bernays ซึ่งเป็นนักประชาสัมพันธ์ยุคบุกเบิก ที่เป็นนักวิชาการ ได้เปิดสอนหลักสูตรวิชาการประชาสัมพันธ์ขึ้นที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก เป็นแห่งแรก จึงนับว่าเป็นการเปิดบรรยายวิชาการประชาสัมพันธ์ขึ้นเป็นครั้งแรกในระดับ มหาวิทยาลัยของสหรัฐอเมริกา โดยมีนักวิชาการเขียนตําราเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ไว้ มากมายหลายเล่มด้วยกัน

46 ผู้กําหนดใช้คําว่า “Public Relat ons” คือท่านใด
(1) Amos Kendall (เอมอส เคนดัล)
(2) Ivy Lee (ไอวี่ ลี)
(3) Arther Page (อาร์เธอร์ เพจ)
(4) Theodore Newton Vail (ธีโอดอร์ นิวตัน วิล)
ตอบ 4 หน้า 69 ผู้ที่กําหนดใช้คําว่า “Public Relations” ขึ้นเป็นคนแรกนั้นไม่ใช่ Ivy Lee แต่เป็น Theodore Newton Vail ซึ่งเป็นประธานองค์การโทรศัพท์และโทรคมนาคมอเมริกัน ได้นํา คํานี้มาใช้เป็นคนแรกและเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1908

47 จากข้อ 46. นักประชาสัมพันธ์บุกเบิกนําวงการไปสู่ความก้าวหน้าหลังสงครามกลางเมือง คือใคร
ตอบ 1 หน้า 63 นักประชาสัมพันธ์ในรุ่นบุกเบิกหลังจากสงครามกลางเมือง ผู้นําวงการประชาสัมพันธ์ ของสหรัฐอเมริกาไปสู่ความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว คือ เอมอส เคนดัล (Amos Kendall) ซึ่งเคย ทํางานประชาสัมพันธ์เป็นหัวคะแนนให้แจคสันในสมัยที่รณรงค์หาเสียงเลือกตั้งเพื่อชิงตําแหน่ง ประธานาธิบดี ต่อมาเขาก็ได้กลายมาเป็นที่ปรึกษาคนสําคัญในการบริหารงาน และเป็นผู้ช่วยชั้นมันสมองของประธานาธิบดีแจคสันในการจัดวางนโยบายระดับสูง ดังนั้นเขาจึงมีส่วนสําคัญ ที่สุดในการสร้างผังความสําเร็จทางการเมืองให้กับประธานาธิบดีแจคสัน หรือเรียกกันทั่วไปว่า “ศักราชของแจคสัน”

48 ข้อใดบอกถึงการพูดในการประชาสัมพันธ์ได้เหมาะสม
(1) ต้องจองสินค้าและมัดจําก่อน ของแถมไม่มีให้ ถ้าไม่ได้ซื้อที่เคาน์เตอร์
(2) คราวหน้าช่วยเตรียมสตางค์มาให้พอดี คุณจะได้ไม่ต้องเสียอารมณ์นะคะ
(3) เรามีบริการยอดเยี่ยมแก่ลูกค้าทุกคน ยกเว้นผู้ไม่ได้เป็นสมาชิกครับ
(4) ขอบคุณสําหรับการติดตามและใช้บริการของเรา หวังว่าจะได้รับใช้ท่านอีกค่ะ
ตอบ 4 หน้า 244 นักประชาสัมพันธ์มีหน้าที่โดยตรงที่จะใช้คําพูดในการปฏิบัติงานประชาสัมพันธ์ อยู่ตลอดเวลา เพราะงานของสถาบันจะได้รับความสําเร็จมากหรือน้อยเพียงใดย่อมขึ้นอยู่กับ คําพูดที่เหมาะสมกับสถานการณ์ และให้ประโยชน์ในกระบวนการติดต่อสื่อสารมากที่สุด

49 บทบาทนักประชาสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับการเผยแพร่ข่าวสาร คือข้อใด
(1) ให้ความรู้แก่พนักงานในเครือบริษัทเรื่องสินค้าใหม่
(2) จัดทํารายงานผลดําเนินการประจําปีและความก้าวหน้า
(3) ปีใหม่ส่งการ์ดอวยพรให้ลูกค้า
(4) ส่งข่าวเปิดตัวโครงการวิจัยขององค์การไปยังสื่อมวลชน
ตอบ 4 หน้า 9, 329, (คําบรรยาย) บทบาทนักประชาสัมพันธ์ในการเผยแพร่ข่าวสาร คือ การติดต่อ เผยแพร่ข่าวสารและนโยบายขององค์การไปยังประชาชนทั้งหลายที่มีส่วนสัมพันธ์ โดยการใช้สื่อมวลชนเป็นสื่อกลางนําข่าวสารไปยังประชาชน เพื่อก่อให้เกิดความเข้าใจอันดีระหว่างกัน เช่น การส่งข่าวแจกเปิดตัวโครงการวิจัยขององค์การไปยังสื่อมวลชน เป็นต้น

ข้อ 50 – 58. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถามเกี่ยวกับสื่อเพื่อการประชาสัมพันธ์
(1) ประเภทวัสดุ (Audio Visual
(2) ประเภทเครื่องมือ (Audio Visual Equipment)
(3) ประเภทกิจกรรม (Activity)
(4) ประเภทสื่อสารพบปะ (Meeting)

50 สัมภาษณ์ผู้บริหารลงหนังสือพิมพ์ออนไลน์ เป็นสื่อเพื่อประชาสัมพันธ์ประเภทใด
ตอบ 4 หน้า 242 – 245, (คําบรรยาย) สื่อเพื่อการประชาสัมพันธ์ที่น่าสนใจ มีดังนี้
1 ประเภทวัสดุ (Audio Visual) ได้แก่ กราฟ กระดานนิเทศ โปสเตอร์ ใบปลิว ฯลฯ
2 ประเภทเครื่องมือ (Audio Visual Equipment) ได้แก่ เครื่องฉายภาพยนตร์ เครื่องเล่นแผ่นเสียง เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์ ฯลฯ
3 ประเภทกิจกรรม (Activity) ได้แก่ นิทรรศการ การเล่นแบบละคร การสาธิต การศึกษานอกสถานที (Field Trip) ฯลฯ
4 ประเภทสื่อสารพบปะ (Meeting) ได้แก่ การประชุม สัมมนา กล่าวสุนทรพจน์ การสัมภาษณ์ การแถลงข่าว การบอกปากต่อปาก ฯลฯ

51 การบอกปากต่อปากในสื่อสังคมออนไลน์ (Word of Mouth : WoM)
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 50. ประกอบ

52 นิทรรศการ (Exhibition)
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 50. ประกอบ

53. รายการถ่ายทอดสดกีฬาทางโทรทัศน์ จัดเป็นสื่อเพื่อการประชาสัมพันธ์ประเภทใด
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 50. ประกอบ

54. เดินทางไปเยี่ยมชมโครงการผลิตกระดาษ วัตถุดิบจากไม้ไผ่ (Field Trip)
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 50. ประกอบ

55. แถลงข่าว (Press Conference)
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 50. ประกอบ

56. การแสดงละครหุ่นโรงเล็ก (Dramatization)
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 50. ประกอบ

57. สาธิตการทําอาหารหมูชะมวง (Demonstrations)
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 50. ประกอบ

58. เครื่องฉายภาพยนตร์ (Motion Picture Projector)
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 50. ประกอบ

59. การประชาสัมพันธ์ยุคเริ่มแรก จัดตั้งขึ้นในคณะใด
(1) คณะศิลปศาสตร์
(2) คณะนิเทศศาสตร์
(3) คณะวารสารศาสตร์
(4) คณะสื่อสารมวลชน
ตอบ 2 หน้า 29 ในปี ค.ศ. 1970 การเปิดอบรมทางการประชาสัมพันธ์ยุคเริ่มแรก ได้กระจายไปตาม สถาบันต่าง ๆ อย่างกว้างขวาง ซึ่งวิชาการในแขนงต่าง ๆ เช่น การหนังสือพิมพ์ วิทยุโทรทัศน์ นิตยสาร วารสาร ภาพยนตร์ การประชาสัมพันธ์ วาทวิทยา และสื่อสารการแสดง ได้มารวมกัน ภายใต้ชื่อว่า “นิเทศศาสตร์” (Communication Arts)

60 ประเทศแรกที่ประกาศหลักจรรยาบรรณวิชาชีพประชาสัมพันธ์ คือใคร
(1) อังกฤษ
(2) อเมริกา
(3) ฝรั่งเศส
(4) เยอรมนี
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 5. ประกอบ

61 หน่วยงาน “การสารนิเทศ” ระดับชาติของไทย คือหน่วยใด
(1) สถาบันการจัดการความรู้ไทย
(2) สํานักนายกรัฐมนตรี
(3) สํานักงานแถลงข่าวไทย
(4) กระทรวงดิจิทัลเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 10. ประกอบ

62. ข้อใดถือเป็นวิกฤติฉุกเฉินในงานประชาสัมพันธ์องค์การ
(1) โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิด
(2) ผู้โดยสารคลอดลูกในรถบนทางด่วน
(3) รถไฟฟ้างดเดินรถกะทันหัน
(4) ต้นไม้หน้าบริษัทโค่นทับรถสิบคัน
ตอบ 1 หน้า 126, 144 – 145 การวางแผนประชาสัมพันธ์ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุและฉุกเฉิน เช่น
ภูเขาไฟระเบิด รถไฟชนกัน เครื่องบินตก น้ําท่วม เกิดระเบิด ไฟไหม้ ฯลฯ นักประชาสัมพันธ์ ย่อมไม่มีเวลามากนักที่จะวางแผนหรือใช้เวลาปรึกษาหารือผู้ใด ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นนักประชาสัมพันธ์จึงมีเวลาตัดสินใจวางแผนประชาสัมพันธ์เพียงไม่กี่ชั่วโมงหรือไม่กี่นาทีที่จะตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแทนผู้บริหารระดับสูงได้

63. ข้อใดต้องคํานึงถึงในการวางแผนเพื่อเผยแพร่ข่าวที่เป็นเหตุการณ์พิเศษ
(1) เตรียมเผยแพร่ข่าวสารล่วงหน้า
(2) เขียนข่าวยาวไว้ก่อนให้บรรณาธิการเลือก
(3) อํานวยความสะดวกผู้สื่อข่าวทีวี
(4) ไลน์แจ้งเฉพาะผู้สื่อข่าวที่เกี่ยวข้อง
ตอบ 1 หน้า 225 สิ่งที่ต้องคํานึงถึงในการวางแผนเพื่อเผยแพร่ข่าวที่เป็นเหตุการณ์พิเศษ มีดังนี้
1. เตรียมเผยแพร่ข่าวสารไว้ล่วงหน้า
2. ออกหนังสือเชื้อเชิญเจ้าหน้าที่สื่อมวลชน
3. แจกข้อมูลสั้น ๆ เกี่ยวกับความปลอดภัย
4. ช่วยให้ความสะดวกและบริการที่ดีต่อนักข่าว ฯลฯ

64. หลักการใดที่ทําให้การสื่อสารสัมฤทธิ์ผล
(1) ความจริง
(2) ความน่าเชื่อถือ
(3) ความยืดหยุ่น
(4) ความสอดคล้อง
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 20. ประกอบ

65. ข้อใดเป็นเป้าหมายแรกที่นักประชาสัมพันธ์ต้องติดต่อสัมพันธ์
(1) พนักงานการเงินและบัญชี
(2) กรรมการบริหาร
(3) เจ้าหน้าที่ลูกค้าสัมพันธ์
(4) เลขานุการ
ตอบ 2หน้า 216 เป้าหมายกลุ่มแรกที่นักประชาสัมพันธ์จะต้องติดต่อสัมพันธ์ด้วย คือ ฝ่ายบริหาร ของสถาบัน เพราะถ้าหากการติดต่อประสานงานกันปราศจากความเข้าใจ ความช่วยเหลือ ความสนับสนุน และความเกื้อกูลจากฝ่ายบริหารระดับสูงแล้ว โครงการปฏิบัติการตามแผนประชาสัมพันธ์ของสถาบันจะไม่ได้รับความสําเร็จได้เลย

66. ประชามติ หมายถึงอะไร
(1) ความชอบและไม่ชอบของมวลชนต่อปัญหาต่าง ๆ
(2) ความเห็นของคนจํานวนมาก
(3) ความรู้สึกเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งทั้งบวกและลบ
(4) ความรู้สึกนึกคิดที่แสดงออกของมวลชนต่อเหตุการณ์ใด ๆ
ตอบ 4 หน้า 197 ประชามติ (Public Opinion) หมายถึง ทัศนคติหรือความรู้สึกนึกคิดของมวลชน ที่ได้แสดงออกต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ต่อปัญหาใดปัญหาหนึ่งที่มีความสําคัญต่อสังคมโดยรวม หรือ ต่อเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งโดยเฉพาะ และตัวเองย่อมมีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีผลได้ผลเสียร่วมอยู่ด้วย

67 ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับเงื่อนไขการเกิดประชามติ
(1) ความหนาแน่นของประชาชน
(2) ผ่านเทคโนโลยีการสื่อสาร
(3) ผู้เสนอความคิดรอบรู้ในประเด็น
(4) ทุกข้อข้างต้น
ตอบ 4 หน้า 197 ประชามติจะก่อตัวขึ้นเมื่อมีเงื่อนไข ดังนี้
1 ต้องมีปัญหาที่เรียกร้องความสนใจของประชาชนทั่วไปเกิดขึ้น
2 ความรอบรู้และประสบการณ์ของผู้เสนอข้อคิดเห็น
3 ระเบียบกฎหมายและสังคมเปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็น
4 ความหนาแน่นของประชาชน
5 ต้องผ่านเทคโนโลยีหรืออุปกรณ์การสื่อสาร เช่น วิทยุ โทรทัศน์ ฯลฯ
6 มาตรการทางสังคมและตัวบทกฎหมาย

68. การเข้าถึงประชาชนที่ได้ผลตามทฤษฎี Two Step Flow Theory คือการเข้าถึงใคร
(1) ผู้ปฏิบัติการ
(2) ผู้นําทางความคิด
(3) ผู้บริหาร
(4) ผู้ควบคุมดูแล
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 32. ประกอบ

69. เงื่อนไขประชามติจะเกิดขึ้นได้ เมื่ออยู่ในสังคมแบบใด
(1) สังคมอํานาจนิยม
(2) สังคมเผด็จการนิยม
(3) สังคมสมบูรณาญาสิทธิราชย์
(4) สังคมประชาธิปไตย
ตอบ 4 หน้า 197 เงื่อนไขประชามติจะเกิดขึ้นได้ เมื่อประเทศปกครองตามระบอบประชาธิปไตย เพราะประชาชนจะมีมาตรฐานทางเศรษฐกิจ สังคม และระดับความรู้ จึงเป็นช่องทางที่ทําให้ ประชามติมีพลังเพิ่มขึ้น แต่ในบางประเทศ เช่น ประเทศในโลกที่ 3 หรือประเทศกําลังพัฒนา ประชาชนมีมาตรฐานดังกล่าวอยู่ในเกณฑ์ต่ํา ย่อมทําให้ประชามติไม่ได้รับความสนใจจากผู้นํา

70. ข้อใดหมายถึง การสํารวจประชามติจากมวลชนแท้จริง
(1) หนึ่งคนหนึ่งเสียง เป็นจํานวนมาก เป็นตัวแทน
(2) หนึ่งคน เลือกได้หลายครั้ง เป็นจํานวนมาก
(3) หลายคนหลายเสียง จํากัดจํานวน
(4) หลายคนเสียงเดียว เป็นตัวแทน
ตอบ 1 (คําบรรยาย) การสํารวจประชามติจากมวลชนแท้จริง หมายถึง การสํารวจความต้องการของประชาชนโดยส่วนรวม เพื่อหาทางตอบสนองประชามติหรือความต้องการในสิ่งที่ถูก ที่ชอบของเขาเหล่านั้น ซึ่งมีวิธีการ คือ หนึ่งคนหนึ่งเสียง เป็นจํานวนมาก เป็นตัวแทน

71 “SMS โหวตให้ผู้แข่งขันในรายการเดอะโว้ย” เป็นการรวบรวมประชามติแบบใด
(1) สํารวจทางตรง
(2) สํารวจทางอ้อม
(3) สํารวจความนิยมทางสื่อ
(4) สํารวจผ่านเครื่องมือ
ตอบ 1 หน้า 201 – 203, (คําบรรยาย) การสํารวจประชามติ แบ่งออกเป็น 2 แบบ ดังนี้
1. การสํารวจทางตรง (Direct Survey) คือ การตรวจสอบประชามติหรือสํารวจความคิดเห็น กลุ่มประชาชนโดยตรง เช่น การลงคะแนน (Votes), การตั้งหน่วยรับฟังความคิดเห็น การสัมภาษณ์แบบเผชิญหน้า, การสํารวจทัศนคติทางโทรศัพท์, การส่งไปรษณียบัตร ทายผลฟุตบอลโลก, การส่งไลน์ไปแสดงความคิดเห็นในรายการข่าว ฯลฯ
2. การสํารวจทางอ้อม (Indirect Survey) คือ การตรวจสอบประชามติจากข้อมูลที่มีผู้ทํา ไว้ก่อนแล้ว เช่น การตรวจสอบจากข่าว บทวิจารณ์ ตําราวิชาการต่าง ๆ, การวิเคราะห์ เสียงแสดงความคิดเห็นจากสื่อมวลชน, การเข้าถึงผู้นําทางความคิด ฯลฯ

72 จากข้อ 71. ประชาชนลงคะแนนเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา จัดเป็นประชามติในรูปแบบใด ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 71. ประกอบ

73 จากข้อ 71. ส่งไลน์ไปแสดงความคิดเห็นในรายการข่าว เป็นประชามติแบบใด
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 71. ประกอบ

74. เราจะยึดถือประชามติตลอดไปได้หรือไม่ เพราะอะไร
(1) ได้ เพราะนั่นคือเสียงของประชาชน
(2) ได้ เพราะทุกคนเห็นปัญหาร่วมกัน
(3) ไม่ได้ เพราะคนเหล่านั้นไม่มีความรู้
(4) ไม่ได้ เพราะความรู้สึกนึกคิดไม่ใช่สิ่งที่คงทนแน่นอน

ตอบ 4 หน้า 199, (คําบรรยาย) ประชามติไม่ใช่สิ่งที่จะยึดถือได้ตลอดไป เพราะว่าไม่ใช่สิ่งที่มีอยู่ อย่างคงทนแน่นอน แต่เป็นเพียงความรู้สึกนึกคิด ความเชื่อถือ ซึ่งอาจจะมีเหตุผลหรืออาจ เป็นความเข้าใจผิดหรือหลงผิดไปบางขณะก็ได้ จึงอยู่ในดุลพินิจหรือความรับผิดชอบของนักประชาสัมพันธ์ที่จะชี้แนะหรือปรับปรุงแก้ไขประชามติไปในทางที่ถูกต้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ด้วยจิตใจที่เป็นกลาง

75. “ถ้าอยากให้เขาพูดดี ๆ กับเราก็จงทําดีกับเขา” เป็นคํากล่าวในงานประชาสัมพันธ์ของใคร
(1) Voltaire
(2) Trump
(3) Lee Guan Yue
(4) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
ตอบ 1 หน้า 213 Voltaire นักปราชญ์ผู้มีชื่อเสียง ได้กล่าวไว้ว่า “ถ้าอยากให้เขาพูดดี ๆ กับเรา ก็จงทําดีกับเขา” ซึ่งนํามาใช้ได้ผลเป็นอย่างดีในการทํางานประชาสัมพันธ์

76 องค์การใดที่มีส่วนช่วยเหลือสตรีให้มีบทบาทในอาชีพประชาสัมพันธ์
(1) PRSA
(2) FCCT
(3) PR CSR
(4) PREA
ตอบ 1 หน้า 32 – 33 สมาคมนักประชาสัมพันธ์ของสหรัฐอเมริกา (PRSA) ได้ให้ความร่วมมือกับ หน่วยงานธุรกิจเอกชนที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง เพื่อจัดทําโครงการให้ความช่วยเหลือสตรีให้ได้ ประกอบอาชีพในงานประชาสัมพันธ์ และมีการจัดพิมพ์คู่มือเกี่ยวกับงานอาชีพประชาสัมพันธ์ ซึ่งมีคําแนะนําที่มีประโยชน์อย่างมาก นอกจากนี้ยังวางแผนส่งเสริมสถานภาพสตรีในแวดวง งานประชาสัมพันธ์ระดับสากล ทําให้สตรีมีโอกาสทํางานประชาสัมพันธ์กันมากขึ้น

77 วัตถุประสงค์ประชาสัมพันธ์ คือข้อใด
(1) ทําให้คนศรัทธาเชื่อมั่นองค์การ
(2) ทําให้องค์การมีกําไรสูงสุด
(3) ทําให้พนักงานลาน้อยที่สุด
(4) ช่วยสร้างบรรยากาศดีในสังคม
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 17. ประกอบ

78. ใครคือผู้ที่ทํางานแล้วต้องคิดค่าธรรมเนียมการให้คําปรึกษาประชาสัมพันธ์
(1) นักประชาสัมพันธ์ประจําองค์การ
(2) นักประชาสัมพันธ์อิสระ
(3) นักประชาสัมพันธ์เฉพาะทาง
(4) นักประชาสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ตอบ 2หน้า 90, 94, (คําบรรยาย) นักประชาสัมพันธ์แบ่งออกได้ 2 ประเภท ดังนี้
1 นักประชาสัมพันธ์ประจําองค์การหรือหน่วยงาน คือ นักประชาสัมพันธ์ที่ทํางานประจํา และให้คําปรึกษาแนะนําแก่ผู้บริหารองค์การ ซึ่งต้องดําเนินงานตามแต่ละขั้นตอนของ การวางแผนประชาสัมพันธ์ภายในองค์การนั้น ๆ
2 นักประชาสัมพันธ์อิสระ คือ นักประชาสัมพันธ์จากภายนอกองค์การ ซึ่งเป็นผู้ที่รับจ้าง ทํางานประชาสัมพันธ์ โดยมีการคิดค่าธรรมเนียมการให้คําปรึกษาประชาสัมพันธ์ ดังนั้นจึงถือเป็นผู้ที่ทํารายได้สุทธิต่อปีสูงสุดในการจัดอันดับการทํางานประชาสัมพันธ์

79 กลุ่มประชาชนเป้าหมายเพื่อประชาสัมพันธ์ แบ่งเป็นกลุ่ม
(1) 2 กลุ่ม
(2) 3 กลุ่ม
(3) 4 กลุ่ม
(4) กลุ่มเดียว
ตอบ 1 หน้า 49 ในการดําเนินงานประชาสัมพันธ์นั้น ได้มีการแบ่งกลุ่มประชาชนเป้าหมาย ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างสําคัญออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
1. กลุ่มประชาชนภายในสถาบัน
2. กลุ่มประชาชนภายนอกสถาบัน

ข้อ 80 – 84. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถามเกี่ยวกับการทําประชาสัมพันธ์
(1) วิจัยและรับฟัง
(2) วางแผนการสื่อสาร
(3) ติดต่อสื่อสาร
(4) ประเมินผล

80. ขั้นแรกของการทําประชาสัมพันธ์ คือข้อใด
ตอบ 1 หน้า 99 – 101, 106 -107, (คําบรรยาย) ขั้นการวิจัยและรับฟัง ถือเป็นขั้นแรกของการทํา ประชาสัมพันธ์ซึ่งเป็นขั้นตอนการสํารวจดูตัวเองเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดที่เราไม่อาจจะมองเห็น
ได้ด้วยตนเอง และรับฟังข้อมูลย้อนกลับตามแนวทางของการติดต่อสื่อสารแบบยุคลวิถี ดังนั้น จึงเป็นขั้นของการค้นหาว่า “ปัญหาของเราคืออะไร” เช่น บริษัทผลิตนม Opinion Research Corporation สํารวจความคิดเห็นของประชาชนว่ามีทัศนคติอย่างไรต่อบริษัท หลังจากบริษัทถูกฟ้องข้อหาผูกขาดการผลิตนม เป็นต้น

81. การจัดทํากลยุทธ์รณรงค์ให้คนอ่านหนังสือจากกระดาษ อยู่ในขั้นตอนใด
ตอบ 2 หน้า 129 – 130, (คําบรรยาย) ขั้นวางแผนการสื่อสาร ประกอบไปด้วย เป้าหมาย ยุทธวิธี และกลยุทธ์ที่จะดําเนินการให้บรรลุผล โดยควรพิจารณาถึงหัวใจของการวางแผนงาน ดังนี้
1. กําหนดจุดมุ่งหมายหรือวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน
2. กําหนดกลุ่มเป้าหมายหลัก/กลุ่มเป้าหมายรอง
3. กําหนดหัวข้อประชาสัมพันธ์ (Themes/Big Idea)
4. กําหนดจังหวะหรือช่วงเวลาที่เหมาะสม
5. กําหนดใช้สื่อให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย
6. กําหนดงบประมาณให้เพียงพอ

82. การเลือกใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อให้ข้อมูลประชาชน โครงการขับขี่ปลอดภัยในรามคําแหง อยู่ในขั้นตอนใด
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 81. ประกอบ

83. สรุปผลโครงการวิ่งการกุศลชวนบริจาคเพื่อโรงพยาบาลของศิลปิน ตูน บอดี้สแลม ประสบความสําเร็จ แค่ไหน อยู่ในขั้นตอนใด
ตอบ 4 หน้า 173 – 174 ขั้นประเมินผลการวิจัย เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการทําประชาสัมพันธ์ โดยเป็นขั้นของการประเมินค่าหรือสรุปผลการดําเนินงานการใช้เครื่องมือต่าง ๆ ตามแผน การประชาสัมพันธ์ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ได้ผลดีหรือมีผลเสียต่อสถาบันอย่างไร และสถาบันได้รับผลตอบแทนคุ้มค่าเงินที่ได้อนุมัติเพื่อโครงการประชาสัมพันธ์หรือไม่

84. การเชิญชวนให้ผู้คนร่วมเป็นจิตอาสาทําความสะอาดบ้านเมืองผ่านรายการโทรทัศน์ อยู่ในขั้นตอนใด ตอบ 3หน้า 149, 164 ขั้นติดต่อสื่อสาร คือ การอาศัยกระบวนการติดต่อสื่อสารเป็นหลักสําคัญ ที่นําไปสู่การปฏิบัติการให้ได้รับผลสมบูรณ์ โดยนักประชาสัมพันธ์ต้องรู้จักปรับปรุงดัดแปลง ข่าวสารให้น่าสนใจ ให้เข้ากับ
เวลา สถานที่ สถานการณ์ และให้เข้ากับทัศนคติของผู้รับสาร ผ่านสื่อที่ใช้ในการสื่อสารอย่างถูกต้อง

85. การบอกว่าคุ้มค่าเงินหรือไม่ในการประชาสัมพันธ์ คือการยอมรับอะไร
(1) การวางแผน
(2) การติดต่อสื่อสาร
(3) การวิจัย
(4) การประเมิน
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 83. ประกอบ

86. โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยว “กาลครั้งหนึ่งที่บ้านขุนสมุทรจีน” ควรมีกลุ่มเป้าหมายเป็นใคร
(1) นักเรียนอนุบาล
(2) นักท่องเที่ยวไทยและเทศ
(3) เจ้าหน้าที่ตํารวจ
(4) นักศึกษาแพทย์
ตอบ 2 หน้า 129 การกําหนดกลุ่มประชาชน (Audiences) คือ กลุ่มประชาชนเป้าหมายที่จะได้รับ ข่าวสารนั้นเป็นใครบ้าง และใครที่จะเป็นกุญแจประชามติ ซึ่งนักประชาสัมพันธ์จะต้องกําหนด ลงไปให้แน่นอน เช่น กลุ่มเป้าหมายของโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยว “กาลครั้งหนึ่งที่บ้าน ขุนสมุทรจีน” ได้แก่ นักท่องเที่ยวไทยและต่างประเทศ, กลุ่มเป้าหมายของโครงการรักอ่าน เตรียมพร้อมสอบเข้ามหาวิทยาลัย ได้แก่ นักเรียนมัธยมทุกภูมิภาค เป็นต้น

87. โครงการรักอ่านเตรียมพร้อมสอบเข้ามหาวิทยาลัย ควรมีกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มใด
(1) นักเรียนมัธยมทุกภูมิภาค
(2) นักศึกษามหาวิทยาลัยปี 1
(3) ผู้ต้องการเพิ่มความรู้
(4) นักศึกษาแพทย์
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 86. ประกอบ

88. ขั้นตอนแรกก่อนการทําโครงการรักอ่านนิทานในเด็กเล็ก คือข้อใด
(1) สํารวจความเห็น
(2) วางแผนการใช้สื่อ
(3) กําหนดงบประมาณ
(4) ประเมินความสําเร็จของพนักงาน
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 80. ประกอบ

89. ข้อใดเป็นอุปสรรคการสื่อสาร
(1) แม่รีดผ้า ดูทีวี และฟังลูก
(2) อากงรดน้ำต้นไม้และเปิดวิทยุฟังข่าว
(3) เชฟทําอาหารผ่านยูทูป
(4) หนูนิดดูการ์ตูนในหนังสือพิมพ์
ตอบ 1 หน้า 162 – 165, (คําบรรยาย) อุปสรรคของการติดต่อสื่อสาร คือ อุปสรรคหรือข้อผิดพลาด ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นและทําให้การสื่อสารไม่บรรลุผลสําเร็จตามเป้าหมาย ได้แก่ ผู้พูดอาจจะพูดผิด หรือใช้ภาษาไม่ถูกต้อง ทําให้ผู้ฟังไม่เข้าใจ, ผู้พูดกับผู้ฟังขาดประสบการณ์ร่วมกัน, เสียงรบกวน จากแหล่งต่าง ๆ ที่เข้ามาแทรกในขณะที่สื่อสารกัน ทําให้ฟังไม่รู้เรื่อง เช่น แม่รีดผ้า ดูทีวี และ ฟังลูกไปด้วย เป็นต้น

90. ข้อใดเป็นการสํารวจวิจัยทางตรง (Direct Survey)
(1) รัฐบาลสํารวจความคิดประชาชน
(2) ผู้ดําเนินรายการเชิญชวนให้ร่วมคุยข่าว
(3) ผู้ดูแลเว็บตอบขอบคุณลูกค้า
(4) ฟังความเห็นสื่อมวลชน
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 71. ประกอบ

91. ภาคธุรกิจนําแนวคิด “ทูตการประชาสัมพันธ์” มาใช้ และเรียกชื่อใหม่ว่า
(1) แบรนด์ แอมบาสซาเดอร์
(2) คันทรี่ แอมบาสซาเดอร์
(3) ไทยแลนด์ แอมบาสซาเดอร์
(4) บิวตี้ แอมบาสซาเดอร์
ตอบ 1 (คําบรรยาย) Brand Ambassador (แบรนด์ แอมบาสซาเดอร์) หมายความว่า ตัวแทนหรือ ทูตการประชาสัมพันธ์ของบริษัท ซึ่งมีการว่าจ้างหรือบางบริษัทอาจจะไม่มีการว่าจ้างแต่จะใช้ เจ้าของบริษัทเป็นตัวแทน หรือบางบริษัทอาจใช้ดารา นักกีฬา นักร้อง ฯลฯ เป็นตัวแทนก็ได้ โดยจะมีการทํากิจกรรมของบริษัทผ่าน Brand Ambassador เพื่อให้สินค้าหรือบริการของ บริษัทเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง

92. ข้อใดพูดถึง “หน้าที่สําคัญของกรมประชาสัมพันธ์” ถูกต้อง
(1) สนับสนุนประชาชนให้อยู่ดีกินดี
(2) เป็นตัวกลางสื่อสารระหว่างประชาชนกับรัฐ
(3) เป็นผู้ดูแลสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 ทั่วประเทศ
(4) ติดตามข่าวสารของสื่อมวลชน
ตอบ 2 หน้า 360 รัฐบาลไทยมีกรมประชาสัมพันธ์เป็นศูนย์กลางการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ เพื่อทํา
การประชาสัมพันธ์ของรัฐทั้งภายในและต่างประเทศ ซึ่งหน้าที่สําคัญของกรมประชาสัมพันธ์ คือ เป็นตัวกลางสื่อสารระหว่างประชาชนกับรัฐบาล โดยมีจุดมุ่งหมายในการดําเนินงานให้ เข้าถึงจิตใจของประชาชนทั่วประเทศ เพื่อจูงใจให้ประชาชนได้อยู่ร่วมกันอย่างใกล้ชิดและ
สันติ มีความสามัคคีภายในชาติ

93. ปี 1970 ผู้นําประเทศใดให้ความสําคัญต่อองค์การประชาสัมพันธ์
(1) ประธานาธิบดีทรัมป์ สหรัฐอเมริกา
(2) ประธานาธิบดีกอบาชอฟ รัสเซีย
(3) ประธานาธิบดีทรูโด แคนาดา
(4) ประธานาธิบดีฟรองซัว ฝรั่งเศส
ตอบ 3 หน้า 356 ในปี ค.ศ. 1970 ประธานาธิบดีทรูโด แห่งประเทศแคนาดา ได้ให้ความสําคัญต่อ องค์การประชาสัมพันธ์ของรัฐมาก เนื่องจากเขาได้จัดตั้งสํานักข่าวประชาสัมพันธ์ของรัฐ ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนงานสํารวจประชามติอย่างเข้มแข็ง

94. การแถลงข่าวของรัฐบาลควรเป็นเช่นไร
(1) นักวิชาการช่วยแถลงข่าว
(2) ใครก็ได้แถลงข่าว
(3) โฆษกรัฐบาลแถลงข่าว
(4) สื่อมวลชนแถลงข่าว
ตอบ 3 หน้า 357, (คําบรรยาย) โฆษกสํานักนายกรัฐมนตรี หรือโฆษกของรัฐบาล (Press Secretary) คือ ผู้ที่อยู่ในฐานะนักประชาสัมพันธ์ของรัฐบาล ซึ่งมีหน้าที่แถลงข่าว เผยแพร่ข่าวสาร/ผลงาน และเสนอนโยบายของรัฐบาลหรือหน่วยงานรัฐผ่านทางสื่อมวลชนไปให้ประชาชนได้รับทราบ ตามที่นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นหัวหน้าใหญ่ในการประชาสัมพันธ์ของรัฐบาลได้มอบหมาย โดยมี จุดประสงค์เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มประชาชนให้เกิดความเข้าใจและให้การสนับสนุน

95. กลุ่มใดช่วยประชาสัมพันธ์ในองค์การตํารวจได้ดีเยี่ยม
(1) เด็กและเยาวชน
(2) โจร
(3) ผู้บังคับบัญชา
(4) ภาคธุรกิจที่สนับสนุน
ตอบ 3 หน้า 378 – 379 งานประชาสัมพันธ์ในองค์การตํารวจเป็นงานที่ต้องการความร่วมมือจาก นายตํารวจทุกคน ตั้งแต่นายตํารวจชั้นผู้น้อยไปจนถึงผู้บังคับบัญชาระดับสูง ซึ่งต่างก็เป็นทูต ของการประชาสัมพันธ์ทั้งสิ้น ดังนั้นงานประชาสัมพันธ์จึงไม่ใช่งานของคนเพียงคนเดียวหรือ
เป็นงานของแผนกประชาสัมพันธ์แต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น

96. ลักษณะข่าวประชาสัมพันธ์ควรเป็นอย่างไร
(1) ข่าวถูกต้อง แม่นยํา น่าอ่าน กระชับ
(2) ข่าวสั้น ๆ แทรกโฆษณาสินค้า
(3) ข่าวสนุกสนานเพลิดเพลิน
(4) แหล่งข่าวเป็นผู้มีชื่อเสียงเท่านั้น
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 12. ประกอบ

97. ข้อใดเป็นจุดมุ่งหมายของการประชาสัมพันธ์ด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม
(1) รับสมัครพนักงานขับรถไฟลอยฟ้าสายสีม่วง
(2) สอนทําอาหารด้วยวัตถุดิบธรรมชาติของร้านผ่านยูทูป
(3) เชิญชวนซื้อน้ําดื่มรสชานมเย็นมาใหม่
(4) องค์การร่วมมือกันเก็บขยะในน่านน้ำไทย

ตอบ 4 (คําบรรยาย) Corporate Social Responsibility (CSR) หมายถึง การประชาสัมพันธ์ สมัยใหม่ด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งก็คือ การดําเนินกิจการภายใต้ หลักจริยธรรมและการจัดการที่ดี โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อรับผิดชอบสังคมและสิ่งแวดล้อม ทั้งภายในและภายนอกองค์การ อันจะนําไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน เช่น องค์การร่วมมือกัน เก็บขยะในน่านน้ําไทย เป็นต้น

98. การประชาสัมพันธ์สมัยใหม่ด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม ตรงกับข้อใด
(1) CAR
(2) CSR
(3) SRPR
(4) GPR
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 97. ประกอบ

99. “ผลสะท้อนกลับ” ที่เกิดจากปฏิบัติการสื่อสารล้มเหลว เรียกว่าอะไร
(1) โกโบล เอฟเฟ็ก
(2) โซเชี่ยล เอฟเฟ็ก
(3) เฟล เอฟเฟ็ก
(4) บูมเมอแรง เอฟเฟ็ก
ตอบ 4 หน้า 178 Boomerang Effect (บูมเมอแรง เอฟเฟ็ก) หมายถึง ผลกระทบย้อนกลับที่เกิดขึ้น จากการปฏิบัติการสื่อสารที่ผิดพลาดหรือล้มเหลว และยังส่งผลต่อเนื่องกลับมาหาตัวผู้ส่งสาร ในทางที่มีผลเสียหายหรือมีผลร้ายมากกว่าผลดี

100. การประชาสัมพันธ์เบื้องต้น ภาคการศึกษา 1/2561 เรียนที่ห้องใด
(1) SBB 201
(2) VKB 401
(3) VPB 301
(4) KLB 501
ตอบ 2 ตาราง มร. 30 ภาค 1 ปีการศึกษา 2561 ได้ระบุเอาไว้ว่า วิชาการประชาสัมพันธ์เบื้องต้น MCS 2150 (MCS 2100) เรียนทุกวันพุธ เวลา 9.30 – 11.20 น. ที่ห้อง VKB 401

 

CDM2402 MCS2150 MCS2100 การประชาสัมพันธ์เบื้องต้น 1/2558

การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2558
ข้อสอบกระบวนวิชา MCS 2150 (MCS 2100) การประชาสัมพันธ์เบื้องต้น
คําสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคําตอบเดียว

1 นักประชาสัมพันธ์ต้องใช้ทักษะด้านใดในการสื่อสารที่ดี
(1) การใช้ใบหน้าที่ขาวสะอาด
(2) ใช้ภาษาที่ถูกต้อง
(3) การใช้การเขียน
(4) การใช้การพูด
(5) การใช้ความคิด
ตอบ 2 หน้า 234 – 235, (คําบรรยาย) คุณสมบัติอันจําเป็นของนักประชาสัมพันธ์ด้านความรู้ มีดังนี้
1 มีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับงานด้านสื่อมวลชน
2 มีทักษะในการติดต่อสื่อสารที่ดี คือ การใช้ภาษาที่ถูกต้อง เช่น การเขียน การพูด การสนทนา ฯลฯ
3 มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องประชามติ การตลาด เศรษฐกิจ สังคม ฯลฯ
4 มีทัศนคติที่ดีต่อองค์กร เชื่อมั่นและเข้าใจงานประชาสัมพันธ์ ฯลฯ

2 หน้าที่หลักสําคัญของนักประชาสัมพันธ์ คือ
(1) ทักษะการเขียนถูกต้อง
(2) การเขียนข่าวแจก
(3) การเขียนรายงานข่าว
(4) การเผยแพร่บทความวิชาการ
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 หน้า 85 ภาระหน้าที่หลักของนักประชาสัมพันธ์ประการหนึ่ง ได้แก่ การเขียน (Writing) คือ มีทักษะในการเขียนที่ถูกต้อง เช่น การเขียนรายงานข่าว การเขียนข่าวแจก (News Release) เอกสารเผยแพร่บทความทางวิทยุและโทรทัศน์ การปาฐกถา บทภาพยนตร์ของสถาบัน วารสาร หนังสือ การเผยแพร่บทความทางวิชาการและทางเทคนิคอื่น ๆ ฯลฯ

3 การติดต่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันกับผู้สื่อข่าว จัดเป็น…….ของนักประชาสัมพันธ์
(1) ภาพลักษณ์
(2) ภาระหน้าที่
(3) ขอบเขตสถาบัน
(4) การสื่อสาร
(5) ผิดทุกข้อ
ตอบ 2 หน้า 85 ภาระหน้าที่หลักของนักประชาสัมพันธ์ประการหนึ่ง ได้แก่ การติดต่อสื่อสาร (Placement) คือ การติดต่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันกับผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ตลอดจน วารสาร อนุสาร หนังสือพิมพ์ฉบับพิเศษ บรรณาธิการข่าวพาณิชย์ และอื่น ๆ เพื่อศึกษาถึงนโยบาย ลักษณะการดําเนินงาน จํานวนจําหน่าย ความสนใจ และมวลชนเป้าหมายของสื่อมวลชนดังกล่าว ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความร่วมมือร่วมใจกันในการดําเนินงานประชาสัมพันธ์ให้ได้รับผลอย่างสมบูรณ์

4 การจัดงานเลี้ยงขอบคุณสื่อมวลชน สัมพันธ์กับข้อใด
(1) การติดต่อสื่อมวลชน
(2) การจัดทําข่าว
(3) การส่งเสริมเผยแพร่ในโอกาสพิเศษ
(4) เปิดตัวสื่อมวลชน
(5) การสร้างความสัมพันธ์กับผู้สื่อข่าว
ตอบ 3 หน้า 85, 303 – 308 การส่งเสริมเผยแพร่ (Promotion) หมายถึง การจัดงานในกรณีพิเศษ หรือในโอกาสพิเศษเพื่อผลงานประชาสัมพันธ์ หรือเพื่อช่วยส่งเสริมเผยแพร่ชื่อเสียงเกียรติคุณของสถาบัน เช่น การจัดเฉลิมฉลองวันครบรอบปี วันสัปดาห์หรือเดือนพิเศษ การเปิดให้ชมกิจการการจัดแสดงต่าง ๆ นิทรรศการ ปีใหม่ เทศกาล การจัดงานเลี้ยงขอบคุณสื่อมวลชน งานแนะนํา ผลิตภัณฑ์ใหม่ งานประกวดและให้รางวัลผู้มีเกียรติ ตลอดจนงานออกร้านและอื่น ๆ

5 Placement ตรงกับความหมายในข้อใด
(1) การติดต่อกับสื่อ
(2) การติดต่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันกับผู้สื่อข่าว
(3) การจัดกิจกรรมพิเศษ
(4) ส่งเสริมเผยแพร่กิจกรรม
(5) นโยบายสื่อมวลชน
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 3. ประกอบ

6 การโฆษณาสถาบัน มีความหมายตรงกับข้อใด
(1) การสร้างชื่อเสียงให้องค์กร
(2) การสร้างความเชื่อถือศรัทธาให้กับสถาบัน
(3) การเผยแพร่องค์กร
(4) การเผยแพร่ผลงาน
(5) การโฆษณาสถาบัน
ตอบ 2 หน้า 86 การโฆษณาสถาบัน (Institutional Advertising) คือ การสร้างความเชื่อถือศรัทธา และเผยแพร่ชื่อเสียงเกียรติคุณให้กับสถาบัน เช่น การซื้อเวลาของการโฆษณาทางวิทยุและ โทรทัศน์ การซื้อหน้าหนังสือพิมพ์และวารสารเพื่อเผยแพร่ผลงาน ฯลฯ ซึ่งวิธีการโฆษณา สถาบันและวิธีการโฆษณาเพื่องานประชาสัมพันธ์จะสําเร็จได้นั้น ต้องร่วมมือร่วมใจกันระหว่างแผนกโฆษณาและฝ่ายประชาสัมพันธ์

7 Speaking ตรงกับความหมายข้อใด
(1) การสร้างชื่อเสียงให้องค์กร
(2) การสร้างความเชื่อถือศรัทธาให้กับสถาบัน
(3) การเผยแพร่องค์กร
(4) การเผยแพร่ผลงาน
(5) การโฆษณาสถาบัน
ตอบ 2 หน้า 86, 248 – 250, (คําบรรยาย) ปาฐกถา (Speaking) เป็นการพูดโน้มน้าวใจหรือดึงดูดใจ มวลชนเพื่อสร้างความเชื่อถือศรัทธาให้กับสถาบัน โดยจะอยู่ในความรับผิดชอบของแผนกการพูด ของสถาบันในการปรากฏตัวและกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมชน รวมทั้งการจัดเตรียมสุนทรพจน์ ให้ผู้บริหารและการเผยแพร่สุนทรพจน์ที่สําคัญไปยังสื่อมวลชนและประชาชนทั่วไป

8 องค์ประกอบของการประชาสัมพันธ์ที่มีประสิทธิภาพ ตรงกับข้อใด
(1) การจัดทําแผนงานประชาสัมพันธ์อย่างมีระบบ
(2) การวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายและกําหนดนโยบาย
(3) การดําเนินการสร้างแรงจูงใจในการประชาสัมพันธ์
(4) การพัฒนาปรับปรุงองค์กรอย่างต่อเนื่อง
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 หน้า 205, (คําบรรยาย) องค์ประกอบของการประชาสัมพันธ์ที่มีประสิทธิภาพ มีดังนี้
1 การจัดทําแผนงานประชาสัมพันธ์อย่างมีระบบ
2 การวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายและ กําหนดนโยบาย
3 การดําเนินการสื่อสารและสร้างแรงจูงใจในการประชาสัมพันธ์
4 การพัฒนาปรับปรุงองค์กรอย่างต่อเนื่อง

9 ผู้ใดเชื่อมั่นว่าชื่อเสียงของสถาบันจะอยู่เคียงข้างกับมวลชนได้ ขึ้นอยู่กับความรับผิดชอบของประชาสัมพันธ์โดยตรง
(1) General
(2) Mortors
(3) Anthony
(4) Anthony De
(5) Anthony De Lorenzo
ตอบ 5 หน้า 206 Anthony De Lorenzo รองประธานฝ่ายประชาสัมพันธ์บริษัท Generat Motors
เชื่อมั่นว่าชื่อเสียงของสถาบันจะอยู่เคียงข้างกับมวลชนได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความรับผิดชอบ โดยตรงของฝ่ายประชาสัมพันธ์ของสถาบันนั้น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานประชาสัมพันธ์ จะเป็นฝ่ายที่สร้างรากฐานของความเชื่อถือและไว้วางใจให้กับสถาบัน เพื่อเป็นประโยชน์ต่อชื่อเสียงและเกียรติคุณของสถาบันในสังคม

10 ข้อใดต่อไปนี้ตรงกับคุณสมบัติของนักประชาสัมพันธ์
(1) มีทักษะในการสื่อสาร เช่น การเขียน การพูด การสนทนา
(2) มีความรู้เรื่องการตลาด เศรษฐกิจ สังคม
(3) มีทัศนคติที่ดีต่อองค์กร
(4) มีความเชื่อมั่นและเข้าใจงานประชาสัมพันธ์
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 1. ประกอบ

11 Spoken Words หมายถึง
(1) สื่อที่สําคัญของมนุษย์มีมาแต่กําเนิด
(2) คําพูดเป็นสื่อที่สําคัญในการประชาสัมพันธ์
(3) เครื่องมือสื่อสารเพื่อการประชาสัมพันธ์
(4) การประชาสัมพันธ์ที่เก่าแก่ที่สุดชนิดหนึ่ง
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 หน้า 244 คําพูด (Spoken Words) เป็นสื่อที่สําคัญยิ่งของมนุษย์ซึ่งมีมาแต่กําเนิด และใช้กัน อย่างแพร่หลายมากกว่าสื่อในการประชาสัมพันธ์อื่น ๆ ดังนั้นสื่อคําพูดจึงนับเป็นเครื่องมือ ในการสื่อสารเพื่องานประชาสัมพันธ์ที่เก่าแก่ที่สุดชนิดหนึ่ง จัดได้ว่าเป็นสื่อพื้นฐานของมนุษย์ ที่ถูกนํามาใช้อย่างกว้างขวางและแพร่หลายมากที่สุด

12 การสื่อสารที่ทําให้คนมาร่วมกันเพื่อแลกเปลี่ยนทัศนคติต่อกัน คือ
(1) การจัดกิจกรรมสาธารณะ
(2) การสร้างความนิยม
(3) การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
(4) การเสนอความเห็น
(5) การประชุมพบปะกัน
ตอบ 5 หน้า 245 การประชุมพบปะกัน (Meetings) หรือสังสรรค์กัน เป็นวิธีการสื่อสารที่ได้นําผู้คนให้มา อยู่ร่วมกันเพื่อได้พูดคุยแลกเปลี่ยนทัศนคติต่อกัน ดังนั้นจึงเป็นการสื่อสารแบบสองทิศทางที่ทําให้ ผู้พูดและผู้ฟังได้มีโอกาสเรียนรู้ประสบการณ์ที่แปลกใหม่ ทําให้ได้รับความรู้อย่างกว้างขวางกว่าเดิม

13 Public Relations Men หรือที่เรียกว่า
(1) นักหนังสือพิมพ์
(2) นักโฆษณา
(3) นักประชาสัมพันธ์
(4) นักข่าว
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 3หน้า 71, 323, (คําบรรยาย) คําว่า “Public Relations Men” หมายถึง นักประชาสัมพันธ์ ซึ่งมีชื่อเรียกได้อีกหลายอย่าง ได้แก่
1 เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ (Public Relations Officer : PR Officer)
2 ที่ปรึกษาการประชาสัมพันธ์ (Public Relations Counselor : PR Counselor)

14 การสร้างความเข้าใจอันดีกับชุมชน ตรงกับการใช้สื่อใด
(1) Radio
(2) Television
(3) Press Relations
(4) Press Agent
(5) Publicity Man
ตอบ 3 หน้า 323 การหนังสือพิมพ์สัมพันธ์ (Press Relations) หรือการสร้างความสัมพันธ์อันดีงาม กับหนังสือพิมพ์ หมายถึง วิธีการประชาสัมพันธ์ที่มุ่งสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจในวงการหนังสือพิมพ์ และสื่อสารมวลชน เพื่อให้การเสนอข่าวและเนื้อหาของหนังสือพิมพ์และสื่อสารมวลชนนั้นเป็นประโยชน์แก่การสร้างความเข้าใจอันดีกับชุมชน

15 การเข้าถึงสื่อสิ่งพิมพ์ต้องศึกษาอะไรในข้อต่อไปนี้
(1) นโยบายและความต้องการของหนังสือพิมพ์แต่ละชนิด
(2) การดําเนินงานของหนังสือพิมพ์
(3) รวบรวมข้อมูล
(4) ผลกระทบของสื่อ
(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 1 หน้า 327 – 328 ในการเข้าถึงสื่อสิ่งพิมพ์ เช่น หนังสือพิมพ์ นักประชาสัมพันธ์จะต้องศึกษา ถึงนโยบายและความต้องการของหนังสือพิมพ์แต่ละชนิดว่าเน้นหนักไปในแนวทางใด เพราะ หนังสือพิมพ์แต่ละชนิดจะมีจุดมุ่งหมายในการดําเนินงานและฐานะทางเศรษฐกิจแตกต่างกัน นักประชาสัมพันธ์จึงต้องศึกษาข้อมูลดังกล่าวอย่างละเอียด เพื่อเป็นแนวทางในการเข้าถึง ประชาชนเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อ 16. – 28. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม
(1) เทพีแห่งสันติภาพ
(2) การย้ำข่าวสารข้อมูล
(3) การประชาสัมพันธ์
(4) Two-way Street Concept
(5) ข่าวประชาสัมพันธ์/ประชาสัมพันธ์กรณีฉุกเฉิน ใบแทรกเอกสารข่าว/บรรณาธิการเอกสารประชาสัมพันธ์

16 ……… การนําเสนอข่าวโดยไม่มีการปิดกั้นข้อมูล
ตอบ 5 หน้า 54, 67, 329 – 331 ข่าวประชาสัมพันธ์หรือเอกสารข่าวแจก (News Releases or Press Releases) เป็นการนําเสนอข่าวที่เกี่ยวข้องกับการดําเนินงานของสถาบันโดยยึดหลัก ความจริง ไม่ปิดกั้นข้อมูลข่าวสาร และต้องคํานึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนเป็นจุดมุ่งหมาย ที่สําคัญ ไม่ควรคิดแต่ผลกําไรของสถาบันแต่เพียงอย่างเดียว เพราะถ้าหากขาดความเชื่อถือศรัทธา จากประชาชนแล้ว สถาบันก็ไม่สามารถยืนหยัดอยู่ในสังคมได้

17 .……… บทบาทภาระหน้าที่ในการตัดสินใจเสนอข้อมูล
ตอบ 5 หน้า 276 – 277, (คําบรรยาย) กองบรรณาธิการของเอกสารประชาสัมพันธ์ ถือเป็นหัวใจสําคัญ ที่ช่วยเป็นหลักในการดําเนินงานประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ข่าวสารขององค์กรให้เป็นไปด้วยดี ดังนั้นหน้าที่และตําแหน่งบรรณาธิการจึงเปรียบเสมือนนักประชาสัมพันธ์ระดับสูง ซึ่งมีบทบาทภาระหน้าที่หลายฝ่ายตั้งแต่วางแผนประชาสัมพันธ์ เป็นผู้ตัดสินใจเสนอข้อมูลและจัดทําเอกสารประชาสัมพันธ์ ไปจนถึงการให้คําปรึกษาแนะนํากับฝ่ายบริหาร

18 …….. การย้ำเตือนผู้รับสารในการยอมรับข่าวสาร
ตอบ 2 หน้า 154 การย้ำข่าวสารข้อมูล (Repetition of Message) คือ การติดต่อสื่อสารในกรณีที่ ผู้รับฟังได้ยินไม่ชัดเจนหรือขาดการติดต่อกันไป หรือต้องการย้ําเพื่อความแน่ใจว่าข่าวสารนั้น ถึงเป้าหมายแน่นอนหรือไม่ โดยในบางครั้งจะใช้ในกรณีเตือนความจําผู้รับสารให้มั่นใจ เชื่อถือ และยอมรับในข่าวสารจนนําไปปฏิบัติการในที่สุด ซึ่งส่วนใหญ่มักจะนําไปใช้ในการโฆษณาสินค้า

19 ……… การโฆษณาสินค้ามีความจําเป็นต้องใช้
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 18 ประกอบ

20 .……… การพูดคุยโดยตรงกับประชาชนชาวอเมริกันของประธานาธิบดีแฟรงกินส์ รูสเวลส์
ตอบ 4 หน้า 106 ผลสําเร็จอันยิ่งใหญ่ของประธานาธิบดีแฟรงกินส์ รูสเวลส์ ในการวิจัยทัศนคติของ ชาวอเมริกัน คือ การเปิดรับฟังความคิดเห็นโดยการติดต่อสื่อสารกับประชาชนผ่านสื่อมวลชน เช่น การแสดงประชามติ และการได้พูดคุยโดยตรงกับประชาชนชาวอเมริกัน ดังนั้นวิธีก ที่มีประสิทธิภาพก็คือ การสื่อสารแบบสองทิศทาง (The Two-way Street Concept) หรือ การรับฟังข้อมูลย้อนกลับตามแนวทางการติดต่อสื่อสารแบบยุคลวิถี

21……..มีเอกลักษณ์ในการประชาสัมพันธ์
ตอบ 1 หน้า 168 – 169 สัญลักษณ์ของสถาบันเป็นสิ่งสําคัญที่ใช้แทนภาษาได้อย่างดียิ่ง เมื่อผู้ใดเห็น ย่อมเข้าใจอย่างลึกซึ้ง โดยควรมีลักษณะที่สําคัญ คือ ควรอยู่ในความทรงจําของคนทั่วไป ให้นานที่สุด เป็นสัญลักษณ์ที่ง่ายแก่การจดจํา เหมาะสมกับสถานการณ์ และมีเอกลักษณ์ ในการประชาสัมพันธ์ให้เห็นเด่นชัด เช่น อนุสาวรีย์เทพีแห่งสันติภาพที่นิวยอร์ก เป็นต้น

22 .…….การรับฟังข้อมูลในแนวทางแบบยุคลวิถี
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 20. ประกอบ

23………สัญลักษณ์ที่ง่ายต่อการจดจํา
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 21. ประกอบ

24 ……….Repetition of Message
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 18. ประกอบ

25 …… แข่งขันกันด้วยความคิดและการวางแผน
ตอบ 3 หน้า 12, 54 – 55, (คําบรรยาย) การประชาสัมพันธ์ (Public Relations) เป็นงานที่ต้อง แข่งขันกันด้วยความคิด มีการวางแผนงานและการกระทําที่ต่อเนื่องกันไป รวมทั้งมีการประเมินผล เช่นเดียวกับงานระดับบริหารอื่น ๆ โดยเป้าหมายของการวางแผนงานประชาสัมพันธ์ คือ ต้องการสร้างและรักษาความเข้าใจอันดีระหว่างสถาบันกับประชาชน ซึ่งการที่จะบรรลุเป้าหมาย ได้นั้นต้องอาศัยเวลาดําเนินงานเป็นขั้น ๆ ไปให้ต่อเนื่องกัน

26 …….การจัดแถลงข่าวสื่อมวลชน
ตอบ 5 หน้า 144 – 146 การวางแผนประชาสัมพันธ์ในกรณีอุบัติเหตุและฉุกเฉินของบริษัท G.C. Reitinger มีดังนี้
1 ส่งเจ้าหน้าที่มายังที่เกิดเหตุภายใน 7 ซม. หลังจากเกิดอุบัติเหตุ
2 จัดแถลงข่าวผ่านสื่อมวลชน
3 ส่งคณะกรรมการของบริษัทไปเยี่ยมครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ
4 ให้เงินช่วยเหลือตามความจําเป็น
5 จดหมายฉบับพิเศษเขียนด้วยลายมือประธานบริษัท ส่งไปถึงครอบครัวของผู้เสียชีวิต ฯลฯ

27 …….นักประชาสัมพันธ์นําไปใช้ในการรณรงค์ทางการเมือง
ตอบ 5 หน้า 284 ใบแทรกและเอกสารข่าว มักถูกสอดมาในหนังสือพิมพ์หรือใบเสร็จต่าง ๆ และจะใช้เมื่อบริษัทต้องการเผยแพร่นโยบายหรือเกิดปัญหาสําคัญที่จะมีผลกระทบกระเทือนต่อการ ดําเนินงานขององค์กร หรือในบางครั้งก็อาจจะเป็นการโฆษณาสถาบัน เช่น แจกรูปบุคคลสําคัญ รูปภาพฉลองวันพิเศษขององค์กร ฯลฯ ซึ่งมีข้อดีคือ ราคาถูก น้ำหนักเบา ประหยัดค่าไปรษณีย์ และมักถูกนํามาใช้ในกิจกรรมขององค์กรสาธารณประโยชน์ การรณรงค์ทางการเมืองและสังคม

28 ดําเนินงานการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ข่าวสาร
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 17. ประกอบ

29 ข้อใดตรงกับคุณสมบัติที่ดีของนักประชาสัมพันธ์
(1) กระตือรือร้น
(2) ซื่อสัตย์
(3) ยิ้มเสมอเมื่อให้บริการ
(4) มั่นใจในตนเอง
(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 5 หน้า 228 – 230 Cuttip and Center ได้กล่าวถึงคุณสมบัติที่ดีของนักประชาสัมพันธ์ไว้ ดังนี้
1 ควรมีบุคลิกที่ดี ซึ่งสิ่งสําคัญก็คือ ควรมีความเชื่อมั่นหรือมั่นใจในตนเอง ยิ้มแย้มแจ่มใสเสมอ เมื่อให้บริการ

2 อุปนิสัยดี ควรมีจริยธรรมในใจ เป็นคนดี ซื่อสัตย์ ยุติธรรม อดทน ยินดีบริการ และช่วยเหลือด้วยความเต็มใจ
3 มีความเฉลียวฉลาด มีปฏิภาณไหวพริบดี กระตือรือร้น
4 มีการศึกษาอบรมและประสบการณ์ด้านสื่อสารมวลชน
5 มีความสามารถในการบริหารงาน

30 ข้อใดคือข่าวประชาสัมพันธ์ที่เกิดฉุกเฉิน
(1) รัฐบาลมาเลเซียให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากแผ่นดินไหว
(2) นักเขียนจีรนันท์ พิตรปรีชา บริจาคหนังสือ
(3) น้ำดื่มสิงห์จัดการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย
(4) นิสสันจัดแข่งรถการกุศล
(5) โตโยต้าบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือคนพิการ
ตอบ 1 หน้า 144, 267 ลักษณะพิเศษของข่าวประชาสัมพันธ์แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ
1 ข่าวที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้คาดการณ์ไว้ก่อน หรือไม่ได้คาดหวังว่าจะเกิดขึ้น มักเป็นข่าวในกรณี อุบัติเหตุและฉุกเฉิน ซึ่งจะปรากฏขึ้นอย่างฉับพลันหรือไม่คาดคิด เช่น เกิดระเบิด น้ําท่วม แผ่นดินไหว พายุรุนแรง ไฟไหม้ และภัยพิบัติต่าง ๆ ฯลฯ
2 ข่าวที่ได้เตรียมการดําเนินงานไว้ล่วงหน้า ซึ่งจะถูกนํามาเขียนเป็นข่าวประชาสัมพันธ์บ่อยมาก เช่น ข่าวการจัดประชุม ข่าวการบริจาคเงินหรือแจกทุน ข่าวกิจกรรมพิเศษของสถาบัน ฯลฯ

ข้อ 31. – 42. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม
(1) กิจกรรมประชาสัมพันธ์ภายนอกองค์กร
(2) กิจกรรมประชาสัมพันธ์ภายใน
(3) ภาพข่าวประชาสัมพันธ์
(4) Press Kits
(5) Press Party/Two-way Process/Two Step Flow of Communication/ข่าวรามคําแหง

31 ………นักประชาสัมพันธ์มืออาชีพ กล่าวไว้ว่า
“จงออกไปฟังเสียงประชาชน มิใช่คอยจนมีเสียงจากประชาชนเข้ามาต่อว่าเรา”
ตอบ 5 หน้า 8, 53, 68, 71, (คําบรรยาย) การประชาสัมพันธ์เป็นกระบวนการแบบสองทิศทางหรือ ระบบยุคลวิถี (Two-way Process) คือ วิธีการสื่อสารจากองค์กรไปสู่กลุ่มประชาชน และ ในขณะเดียวกันก็ฟังเสียง
สะท้อนกลับของประชาชนมาสู่องค์กรด้วย ดังนั้นวิธีการประชาสัมพันธ์แบบ Two-way Process จึงมุ่งหวังที่จะสร้างประโยชน์ให้เกิดแก่องค์กรและประชาชนทั้งสองฝ่าย โดยวิธีติดตามผลหรือตรวจสอบกระแสประชามติ ดังที่นักประชาสัมพันธ์มืออาชีพ กล่าวไว้ว่า “จงออกไปฟังเสียงประชาชน มิใช่คอยจนมีเสียงจากประชาชนเข้ามาต่อว่าเรา”

32 ………. ผู้นํากลุ่มเป็นผู้ส่งสารและผู้รับสารในขณะเดียวกัน
ตอบ 5 หน้า 158 – 159 ทฤษฎีการติดต่อสองทิศทางในรูปของ Two Step Flow of Communication ที่นํามาใช้ได้ผลดี คือ
1 ผู้นํากลุ่มหรือผู้นําทางความคิด (Opinion Leaders) เช่น ผู้นําความคิด ทางการเมือง เศรษฐกิจ ผู้นําทางศาสนา ฯลฯ มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของประชาชน
2 ผู้นํากลุ่มปฏิบัติการอย่างแข็งขัน เป็นทั้งผู้ส่งสารและผู้รับสารในขณะเดียวกัน
3 การสื่อสารในรูปของปากต่อปาก เป็นข่าวสารที่สมาชิกในกลุ่มได้แลกเปลี่ยนทัศนคติและ ได้ตัดสินใจร่วมกันที่จะปฏิบัติตามมติของมวลสมาชิก

33 ……….การสื่อสารจากองค์กรไปสู่กลุ่มประชาชนโดยฟังเสียงสะท้อนกลับ
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 31. ประกอบ

34 ……….มุ่งหวังที่จะสร้างประโยชน์ให้เกิดแก่องค์กรและประชาชนทั้งสองฝ่ายโดยวิธีติดตามผล
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 31. ประกอบ

35 ……….หลวงพ่อคูณที่ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของประชาชน
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 32. ประกอบ

36 ………งานแสดงสินค้า OTOP ทุกภาคของประเทศไทย ผู้เข้าชมต่างยกนิ้วให้ว่ามีคุณภาพมาก ๆ
ตอบ 1 หน้า 52, (คําบรรยาย) กิจกรรมประชาสัมพันธ์ภายนอกองค์กร คือ กิจกรรมที่สร้าง ความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถาบันกับกลุ่มมวลชนภายนอกองค์กร ได้แก่
1 ออกหนังสือพิมพ์ วารสาร ฯลฯ เพื่อเผยแพร่ภายนอก
2 จัดประชุมผู้สื่อข่าว
3 จัดงานพิเศษ งานแข่งขันกีฬา นิทรรศการ ฯลฯ ที่เกี่ยวข้องกับมวลชนภายนอกองค์กร
4 บริการให้ประชาชนเข้าชมหน่วยงาน
5 ถ่ายภาพ สไลด์ ทําภาพโปสเตอร์ และจัดทําภาพยนตร์ออกเผยแพร่ ฯลฯ

37……การเผยแพร่ข่าวที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงอาหารกลางวัน และเดินรับประทานอาหารเพื่อสร้าง
ความคุ้นเคยในโอกาสต่อ ๆ ไป
ตอบ 5 หน้า 337 การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับบุคคลในวงการหนังสือพิมพ์ ถือเป็นหัวใจสําคัญ ของการหนังสือพิมพ์สัมพันธ์ โดยนักประชาสัมพันธ์จะมีหน้าที่คอยประสานงาน ได้แก่ การจัด Press Party หรือเข้าสังคมพบปะผู้คนอยู่เสมอ เช่น จัดงานเลี้ยงอาหารกลางวัน จัดงานเลี้ยง อาหารค่ําหรือน้ำชาในบางโอกาส ฯลฯ เพื่อสร้างความสนิทสนมคุ้นเคยกันในโอกาสต่อ ๆ ไป และทําให้ได้รู้จักบุคคลในวงการสื่อมวลชนมากยิ่งขึ้น

38 ………วิธีนี้ไม่ใช่การส่งข่าวหรือการแจกข่าว แต่เป็นการกําหนดมุมของข่าวให้สื่อ
ตอบ 4 หน้า 332, (คําบรรยาย) การจัดทําสมุดคู่มือหรือเอกสารแจกผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ (Press Kits) เป็นสําเนารายละเอียดของข่าว ข้อมูลเพิ่มเติมประกอบข่าวแจกที่นักหนังสือพิมพ์ได้รับ เช่น รูปภาพประกอบข่าว สําเนาข่าวแจกที่นักข่าวอาจจะจดรายละเอียดไม่ทัน แผนภูมิ สถิติ ประวัติบุคคล ฯลฯ ดังนั้นสมุดคู่มือจึงไม่ใช่การส่งข่าวหรือการแจกข่าว แต่เป็นการกําหนดมุม ของข่าวให้สื่อ เพื่อช่วยให้นักข่าวเขียนข่าวได้รวดเร็วและง่ายขึ้น ข่าวของสถาบันจึงมีความสมบูรณ์
แม่นยํา ไม่ผิดพลาด

39 ………ไม่ควรมีขนาดเล็กกว่าขนาดโปสเตอร์
ตอบ 3 หน้า 332 ภาพข่าวประชาสัมพันธ์ไม่ควรมีขนาดเล็กกว่าขนาดโปสเตอร์และควรเป็นแบบขัดมัน
โดยต้องมีลักษณะจูงใจให้ผู้อ่านสนใจ มีสีสันสะดุดตา ชัดเจน มีเนื้อหาแสดงให้ผู้ชม-ผู้อ่าน เกิดความเข้าใจและรู้เรื่องได้ดี นอกจากนี้ควรมีคําอธิบายภาพให้ถูกต้องตามหลักวิชา การหนังสือพิมพ์ คือ รูปของใคร ทําอะไร ที่ไหน เมื่อไร และอย่างไร

40 ………ถ้าสิ่งที่เราส่งไปเป็นสิ่งใหม่ไม่เคยมีมาก่อน เราก็มีโอกาสได้รับการตีพิมพ์
ตอบ 5 หน้า 268, 274 – 275, (คําบรรยาย) ข่าวรามคําแหง เป็นเอกสารเพื่อการประชาสัมพันธ์ ทั้งภายในและภายนอกสถาบัน เพื่อใช้เผยแพร่ข่าวสารของมหาวิทยาลัยให้ผู้สนใจทั้งภายใน และภายนอกสถาบันได้รับรู้ โดยข่าวของสถาบันที่เผยแพร่นั้นควรเป็นข่าวใหม่ทันต่อเหตุการณ์ เป็นข่าวสด และถ้าหากข่าวนั้นเป็นสิ่งใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน ก็ยิ่งมีโอกาสได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่

41……..ประกาศของมหาวิทยาลัยรามคําแหงให้อาจารย์ ข้าราชการทุกคณะ ร่วมมือกันออกกําลังกาย
ช่วงเวลาเย็น อาทิตย์ละครั้ง
ตอบ 2 หน้า 50, (คําบรรยาย) กิจกรรมประชาสัมพันธ์ภายในองค์กร คือ กิจกรรมที่สร้างความสัมพันธ์ อันดีระหว่างสถาบันกับกลุ่มมวลชนภายในองค์กร ได้แก่
1 กําหนดแผนงานประชาสัมพันธ์
2 ตั้งที่ติดต่อสอบถาม (Information)
3 ตั้งแผงปิดประกาศ
4 ออกวารสารข่าวภายใน เช่น แผ่นปลิวประชาสัมพันธ์ ฯลฯ
5 จัดงานพิเศษที่เกี่ยวข้องกับมวลชนภายในองค์กร 6. ให้หยุดพักผ่อน ให้ประกันสุขภาพ หรือให้ทุนการศึกษาแก่บุตรของพนักงาน

42 ……..เอกสารแจกผู้สื่อข่าว
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 38. ประกอบ

43 การรับฟังข้อมูลย้อนกลับตามแนวทางการสื่อสารแบบแฟรงกินส์ รูสเวลส์
(1) จดหมายข่าว
(2) ยุคลวิถี
(3) พื้นที่โฆษณา
(4) พูดโน้มน้าวใจ
(5) สื่อสารตรงไปตรงมา
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 20. ประกอบ

44 การวางแผนชนิดใดที่เหมาะสมที่สุดกับการเผยแพร่งานศิลปวัฒนธรรม
(1) การกําหนดภาพลักษณ์ประชาสัมพันธ์
(2) การทําแผนงานประชาสัมพันธ์
(3) การกําาหนดสื่อ
(4) การเผยแพร่รูปภาพ
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 หน้า 129 – 130, (คําบรรยาย) หัวใจของการวางแผนงานประชาสัมพันธ์ มีดังนี้
1 กําหนดจุดมุ่งหมายในการทําแผนงานประชาสัมพันธ์
2 กําหนดกลุ่มประชาชนเป้าหมาย
3 กําหนดหัวข้อประชาสัมพันธ์เป็นคําพูดที่กินใจ หรือกําหนดเป็นภาพลักษณ์ประชาสัมพันธ์
4 กําหนดจังหวะ หรือช่วงเวลาให้เหมาะสม
5 กําหนดสื่อ เช่น การเผยแพร่รูปภาพ ในสื่อสิ่งพิมพ์ หรือการใช้สื่อวิทยุ โทรทัศน์ ฯลฯ
6 กําหนดงบประมาณ

45 สื่อการประชาสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมในสมัยสุโขทัย ตรงกับข้อใด
(1) วรรณคดีสรรเสริญพระมหากษัตริย์
(2) เพลงกล่อมเด็ก
(3) ผูกใบลาน
(4) จารลงบนดินเหนียว
(5) ผิดทุกข้อ
ตอบ 1 หน้า 77 สื่อการประชาสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมในสมัยสุโขทัย ได้แก่ งานก่อสร้างสถานที่สําคัญ
ทางศาสนา ปราสาทราชวัง การจัดระเบียบการปกครอง การสร้างวรรณคดีทางศาสนา การประชุมราษฎร การสร้างนิยายปรัมปราเพื่อสรรเสริญคุณความดีและความสามารถของ ผู้เป็นประมุข ซึ่งตัวอย่างที่สําคัญก็คือ หลักฐานที่ปรากฏในศิลาจารึกของพ่อขุนรามคําแหง

46 การประชาสัมพันธ์ในประเทศไทยเกิดขึ้นเมื่อใด
(1) ชุมชนบริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา
(2) อาณาจักรล้านนา
(3) ภาพเขียนในถ้ำ
(4) กําเนิดชนชาติไทย
(5) ผิดทุกข้อ
หน้า 58, 76 – 77 ประวัติความเป็นมาของงานประชาสัมพันธ์มีมาพร้อมกับมนุษย์ ดังนั้นการประชาสัมพันธ์ในประเทศไทยจึงเกิดขึ้นมาพร้อมกับการกําเนิดของชนชาติไทย โดยสื่อประชาสัมพันธ์ของไทยในสมัยดั้งเดิม ได้แก่ การใช้คําพูดปลุกใจ การประชุมป่าวร้อง การใช้เพลงปลุกใจและสรรเสริญวีรกรรมของบรรพบุรุษ และการสร้างนิยายที่แสดงถึง ชาติกําเนิดของชนชาติไทย ฯลฯ

47 งานเฉลิมฉลองสินค้า OTOP มหากุศลแด่มหาราชินี เป็นกิจกรรมประชาสัมพันธ์ในข้อใด
(1) Promotion
(2) Press Relations
(3) Press
(4) Advertising
(5) Production
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 4. ประกอบ

48 การส่งเสริมเผยแพร่ (Promotion) หมายถึงอะไร
(1) การจัดงานในกรณีพิเศษ
(2) การส่งเสริมเผยแพร่ชื่อเสียงของสถาบัน
(3) การจัดเฉลิมฉลองวันครบรอบปี
(4) การจัดนิทรรศการวันแห่งบิดากฎหมาย
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 4. ประกอบ

49 ข้อใดคือเครื่องมือในการค้นหาคําตอบของแผนกติดต่อสอบถามคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคําแหง
(1) โทรทัศน์ ภาพ
(2) ข่าวแจก
(3) การจัดงานพิเศษ
(4) แฟ้มระเบียบ คําสั่ง
(5) ผิดทุกข้อ
ตอบ 4 หน้า 96 เครื่องมือในการค้นหาคําตอบของแผนกติดต่อสอบถามที่เป็นหน่วยงานใหญ่ควรมีการจัดทําบัตรค้นหรือแฟ้มคู่มือค้นหาคําตอบของเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ แฟ้มรายชื่อราชการ เรียงตามตัวอักษร พร้อมหน่วยงาน ที่อยู่ เลขหมายโทรศัพท์ติดต่อภายในและภายนอก, แฟ้มหน้าที่ส่วนราชการภายใน, แฟ้มระเบียบ คําสั่ง ประกาศ นอกจากนี้ควรมีเครื่องมือ ติดต่อสื่อสาร เช่น โทรศัพท์ เพื่อใช้ติดต่อทั้งภายในและภายนอกหน่วยงาน

50 ข้อใดต่อไปนี้ไม่ใช่กรรมวิธีการวางแผนการประชาสัมพันธ์
(1) ผู้วิจัยค้นคว้าและรับฟัง
(2) ผู้วางแผนและตัดสินใจ
(3) ผู้นําเสนอประชามติ
(4) ผู้ประเมินผล
(5) ผู้ติดต่อสื่อสาร
ตอบ 3หน้า 99 กรรมวิธีของการวางแผนงานประชาสัมพันธ์ เพื่อดําเนินโครงการให้ได้รับผลสําเร็จ
มีหลักพื้นฐานอยู่ 4 ขั้นตอน คือ
1 เป็นผู้วิจัยค้นคว้าและรับฟัง (Research Listening)
2 เป็นผู้วางแผนและตัดสินใจ (Planning Decision Making) หรือผู้ให้คําปรึกษาแนะนํา (Counselor)
3 เป็นผู้ติดต่อสื่อสาร (Communication)
4 เป็นผู้ประเมินผล (Evaluation)

51 นิยามของ “การประชาสัมพันธ์” ข้อใดถูกที่สุด
(1) การสร้างความเข้าใจอันดีกับสาธารณะ
(2) การสร้างค่านิยมที่ดีแก่สาธารณะ
(3) การสร้างภาพพจน์ที่ดีแก่มวลชน
(4) สิ่งที่องค์กรจะต้องดําเนินการตามข้อ 1, 2 และ 3
(5) ไม่มีข้อใดถูกต้อง
ตอบ 4 (เอกสารบทที่ 1) นิยามหรือคําจํากัดความของ “การประชาสัมพันธ์” เป็นประเด็นที่เกี่ยวข้อง ระหว่างองค์กรกับสาธารณะ ซึ่งอาจเป็นองค์กร คนหรือกลุ่มคน หน่วยงานทั้งภายในหรือ ภายนอกองค์กร เพื่อสร้างภาพพจน์ที่ดี (Good Image) ค่านิยมที่ดี (Good Wilt) และ ความเข้าใจอันดี (Good Understand) กับสาธารณะหรือมวลชน

52 การประชาสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับข้อใด
(1) คน
(2) กลุ่มคน
(3) องค์กร
(4) หน่วยงานภายใน
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 51. ประกอบ

53 วลีในข้อใดเกี่ยวข้องกับคําจํากัดความของการประชาสัมพันธ์
(1) Good Image
(2) Good Will
(3) Good Understand
(4) Good Job
(5) ถูกเฉพาะข้อ 1, 2 และ 3
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 51. ประกอบ

54 “การประชาสัมพันธ์” ตามภาษาชาวบ้าน ตรงกับข้อใด
(1) พูดไม่หมด
(2) พูดแต่สิ่งดี ๆ
(3) พูดแต่ความถูกต้อง
(4) พูดทุกอย่าง
(5) ถูกเฉพาะข้อ 1, 2 และ 3
ตอบ 5 (คําบรรยาย) คําว่า “การประชาสัมพันธ์” ตามภาษาชาวบ้าน หมายถึง การพูดไม่หมด โดยให้พูดแต่สิ่งดี ๆ และพูดแต่ความถูกต้อง ส่วนการประชาสัมพันธ์ตามจิตวิทยาความมั่นคง หมายถึง การพูดตามสถานการณ์ เพื่อให้สังคมหรือประเทศสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข

55 “การประชาสัมพันธ์” ตามแนวความมั่นคง ตรงกับข้อใด
(1) พูดไม่หมด
(2) พูดแต่สิ่งดี ๆ
(3) พูดตามสถานการณ์
(4) พูดทุกอย่าง
(5) ถูกเฉพาะข้อ 1, 2 และ 3
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 54. ประกอบ

56 ความรับผิดชอบงาน “การประชาสัมพันธ์” ตรงกับข้อใด
(1) วิเคราะห์แนวโน้ม
(2) พยากรณ์ผลกระทบ
(3) ให้บริการสาธารณะ
(4) แนะนําผู้บริหาร
(5) ถูกทั้งหมดข้างต้น
ตอบ 5 (เอกสารบทที่ 1), (คําบรรยาย) ความรับผิดชอบและหน้าที่ของการประชาสัมพันธ์นั้น เป็นการวิเคราะห์แนวโน้ม การพยากรณ์ผลกระทบ การแนะนําให้คําปรึกษาผู้บริหารหรือ ฝ่ายบริหาร การปฏิบัติตามแผนหรือนําแผนกลยุทธ์มาดําเนินการ การบริการผลประโยชน์และ ให้บริการสาธารณะ ดังนั้นหน้าที่งานการประชาสัมพันธ์จึงเกี่ยวข้องกับการควบคุมมวลประชา หรือชี้นําประชาชนไปในทางที่ต้องการ เพื่อให้ได้รับผลสัมฤทธิ์ทั้งองค์กรและสาธารณะ

57 หน้าที่งาน “การประชาสัมพันธ์” ตรงกับข้อใด
(1) การควบคุมมวลประชา
(2) การชี้นําประชาชนไปในทางที่ต้องการ
(3) ทําให้ได้รับผลสัมฤทธิ์ทั้งองค์กรและสาธารณะ
(4) ถูกทั้ง 3 ข้อข้างต้น
(5) ไม่มีข้อใดถูกต้องชัดเจน
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 56. ประกอบ

58 “การประชาสัมพันธ์” ต้องการสิ่งใด
(1) ภาพพจน์องค์กรที่ดี
(2) ความรู้สึกที่ดีต่อองค์กร
(3) สื่อกล่าวถึงองค์กรในทางที่ดี
(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 2
(5) ข้อ 1, 2 และ 3 รวมกันถูกที่สุด
ตอบ 5(เอกสารบทที่ 1), (คําบรรยาย) การประชาสัมพันธ์มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างภาพพจน์ที่ดี (Good Image) ความรู้สึกที่ดี (Good Will) ความเข้าใจอันดี (Good Understanding) และ ให้สื่อกล่าวถึงองค์กรในทางที่ดีหรือทางบวก (Good Mentioned by Media)

59. วัตถุประสงค์ของ “การประชาสัมพันธ์” สอดคล้องกับข้อใด
(1) Good Will
(2) Good Image
(3) Good Mentioned by Media

(4) Good Understanding
(5) ถูกทั้งหมดข้างต้นรวมกัน
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 58, ประกอบ

60 องค์ประกอบของ “การประชาสัมพันธ์” ตรงกับข้อใด
(1) Understanding News
(2) PR Writing
(3) Media Relation
(4) External Relation
(5) ถูกทั้งหมดข้างต้นรวมกัน
ตอบ 5 (เอกสารบทที่ 1) องค์ประกอบของการประชาสัมพันธ์ ประกอบด้วย
1 ความเข้าใจในข่าวหรือ กระบวนการข่าว (Understanding News)
2 การเขียนเพื่องานการประชาสัมพันธ์ (PR Writing)
3 สื่อมวลชนสัมพันธ์ (Media Relation) 4. ความสัมพันธ์ภายนอก (External Relation)
5 สื่อใหม่ (New Media) หรือไม่ใช่สื่อดั้งเดิม

61 หน้าที่ของ “การประชาสัมพันธ์” ข้อใดถูกที่สุด
(1) พยากรณ์ผลกระทบ
(2) ให้คําปรึกษาผู้บริหาร
(3) นําแผนกลยุทธ์มาปฏิบัติ
(4) บริการผลประโยชน์แก่สาธารณะ
(5) ถูกทั้งหมดข้างต้นรวมกัน
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 56. ประกอบ

62 นักประชาสัมพันธ์ควรมีคุณสมบัติตามข้อใด
(1) มีความสามารถในการสื่อสาร
(2) มีความสามารถในการจัดระเบียบ
(3) มีความสามารถเข้ากับผู้คนได้
(4) มีภาพลักษณ์ที่ดี
(5) ถูกทั้งหมดข้างต้นรวมกัน
ตอบ 5 (เอกสารบทที่ 1) คุณสมบัติของนักประชาสัมพันธ์ มีดังนี้
1. มีความสามารถในการสื่อสาร
2. มีความสามารถในการจัดระเบียบ
3. มีความสามารถในการเข้ากับคนหรือกลุ่มคน
4. เป็นผู้มีความเพียบพร้อมหรือสมบูรณ์ในตน
5. เป็นผู้ที่มีภาพพจน์หรือภาพลักษณ์ที่ดี
6. มีความตั้งใจที่จะเรียนรู้ตลอดเวลา หรือใส่ใจศึกษาเรียนรู้อยู่เป็นนิตย์

63 ความพร้อม ความสมบูรณ์ มีความตั้งใจเรียนรู้ตลอดเวลา หรือใส่ใจเรียนรู้อยู่เป็นนิตย์ สอดคล้องกับข้อใด
(1) ผู้อํานวยการ
(2) ผู้จัดการ
(3) นักประชาสัมพันธ์
(4) เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ
(5) ถูกทั้งหมดข้างต้นรวมกัน
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 62. ประกอบ

64 ทําไมต้องให้ความรู้ (Knowledge) กับประชาชนเป้าหมาย
(1) การต่อต้าน
(2) ความอคติ
(3) ความเฉยเมย
(4) ความไม่รู้
(5) ถูกทั้งหมดข้างต้นรวมกัน
ตอบ 5 (เอกสารบทที่ 1) เหตุผลที่การประชาสัมพันธ์ต้องให้ความรู้ (Knowledge) คือ ความอคติ ความเฉยเมยหรือไม่แยแส ความไม่รู้หรือความเขลา และการต่อต้านของประชาชนเป้าหมาย ส่วนการสร้างความเข้าใจ (Understanding) ในการประชาสัมพันธ์ เพื่อให้เกิดความสนใจ การยอมรับ ความเป็นพวกหรือเห็นอกเห็นใจ และการใส่ใจของสาธารณชนหรือกลุ่มเป้าหมาย

65 ทําไมต้องสร้างความเข้าใจ (Understanding)
(1) ความสนใจ
(2) การยอมรับ
(3) ความเป็นพวก
(4) การใส่ใจ
(5) ถูกทั้งหมดข้างต้นรวมกัน
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 64. ประกอบ

66 บทบาท “นักประชาสัมพันธ์” สอดคล้องกับข้อใด
(1) เป็นเจ้าหน้าที่
(2) เป็นนักแก้ไขปัญหา
(3) เป็นผู้ผลิตและเผยแพร่จดหมายข่าว
(4) ถูกทั้ง 3 ข้อข้างต้น
(5) ไม่มีข้อใดถูกต้อง
ตอบ 4 (เอกสารบทที่ 1), (คําบรรยาย) บทบาทการประชาสัมพันธ์ คือ สามารถสร้างภาพพจน์ สร้างความตระหนัก ให้ความรู้ความเข้าใจ สร้างความศรัทธาและความน่าเชื่อถือ ยกระดับ ความเข้าใจ เปลี่ยนพฤติกรรม และจัดการผู้นําความคิดให้เป็นพวกเดียวกัน ดังนั้นบทบาทของ นักประชาสัมพันธ์จึงอยู่ในตําแหน่งเจ้าหน้าที่ผู้ให้คําปรึกษาแนะนํา ควบคุมการปฏิบัติการตามแผนเป็นนักแก้ไขปัญหา ตลอดจนเป็นผู้ผลิตและเผยแพร่จดหมายข่าว

67 ทฤษฎีการประชาสัมพันธ์ที่น่าสนใจ คือ
(1) ทฤษฎีเชิงการโน้มน้าว
(2) ทฤษฎีเชิงการจูงใจ
(3) ทฤษฎีเชิงพฤติกรรม
(4) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3
(5) ไม่มีข้อใดถูกต้อง
ตอบ 4 (คําบรรยาย) ทฤษฎีการประชาสัมพันธ์ (PR Theory) เป็นทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการจัดการ กับมวลชน (The Management of Population) โดยทฤษฎีการประชาสัมพันธ์ที่น่าสนใจ และเกี่ยวข้องโดยตรง ได้แก่
1. ทฤษฎีเชิงการโน้มน้าว (Persuade)
2. ทฤษฎีเชิงการจูงใจ (Motivation)
3. ทฤษฎีเชิงพฤติกรรม (Behaviour)

68 ทฤษฎีเชิงการโน้มน้าวจูงใจและพฤติกรรม มีสาระสําคัญสอดคล้องกับข้อใด
(1) การเรียนรู้สังคม
(2) การแลกเปลี่ยน
(3) ความคิดเห็น
(4) ทัศนคติและความเชื่อ
(5) ถูกทั้งหมดที่กล่าวข้างต้นรวมกัน
ตอบ 5(เอกสารบทที่ 2) ทฤษฎีเชิงการโน้มน้าวจูงใจและพฤติกรรม มีทฤษฎีสําคัญที่ควรศึกษา ได้แก่
1. ทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคม
3. ทฤษฎีความคิดเห็น ทัศนคติ และความเชื่อศรัทธา
2. ทฤษฎีการแลกเปลี่ยน
4. ทฤษฎีการเผยแพร่

69. ทฤษฎีการประชาสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องโดยตรงมากที่สุด คือข้อใด
(1) การสื่อสาร
(2) การโน้มน้าว
(3) การชี้ชวน
(4) แลกเปลี่ยน
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 67. ประกอบ

70 แบบจําลองเชิงการเผยแพร่ข่าวสาร มีสาระสําคัญสอดคล้องกับข้อใด
(1) มุ่งเน้นเผยแพร่ข้อมูลองค์กร
(2) เผยแพร่ข้อมูลด้านผลิตภัณฑ์
(3) เผยแพร่ข้อมูลด้านบริการ
(4) ถูกเฉพาะข้อ 2 และ 3 เท่านั้น
(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3
ตอบ 1 (เอกสารบทที่ 2), (คําบรรยาย) แบบจําลองเชิงการเผยแพร่ข่าวสาร มีสาระสําคัญคือ เป็นลักษณะเชิงโฆษณาชวนเชื่อ โดยมุ่งเน้นเผยแพร่ข้อมูลองค์กรในลักษณะการสื่อสารทางเดียว จากแหล่งสารไปยังผู้รับสาร

71 แบบจําลองเชิงการประชาสนเทศ มีสาระสําคัญสอดคล้องกับข้อใด
(1) เผยแพร่ข้อมูลที่เป็นความจริง
(2) เผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วน
(3) เผยแพร่ข้อมูลเท่าที่จําเป็น
(4) เผยแพร่ข้อมูลที่สร้างภาพพจน์
(5) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 2
ตอบ 1 (เอกสารบทที่ 2) แบบจําลองเชิงการประชาสนเทศ มีสาระสําคัญคือ เน้นการเผยแพร่ ข้อสนเทศที่เป็นความจริง (Fact) ในลักษณะการสื่อสารทางเดียวจากแหล่งสารไปยังผู้รับสาร

72 แบบจําลองเชิงการสื่อสารสองทางแบบสมดุล มีสาระสําคัญสอดคล้องกับข้อใด
(1) พัฒนาความเข้าใจระหว่างองค์กรกับสาธารณะ
(2) มุ่งสร้างทัศนคติที่ดีต่อองค์กร
(3) มุ่งสร้างความศรัทธาต่อองค์กร
(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 2
(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3
ตอบ 1 (เอกสารบทที่ 2) แบบจําลองเชิงการสื่อสารสองทางแบบสมดุล มีสาระสําคัญคือ มุ่งเน้น พัฒนาความเข้าใจระหว่างองค์กรกับสาธารณะในลักษณะการสื่อสารสองทางแบบสมดุล จากกลุ่มผู้ส่งไปยังกลุ่มผู้รับ และมีการตอบกลับ

73 แบบจําลองเชิงการสื่อสารสองทางแบบอสมดุล มีสาระสําคัญสอดคล้องกับข้อใด
(1) มุ่งโน้มน้าวสาธารณะให้ยอมรับแนวคิดองค์กร
(2) มุ่งสร้างทัศนคติที่ดีต่อองค์กร
(3) มุ่งสร้างความศรัทธาต่อองค์กร
(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 2
(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3
ตอบ 1 (เอกสารบทที่ 2) แบบจําลองเชิงการสื่อสารสองทางแบบอสมดุล มีสาระสําคัญคือ มุ่งเน้นการโน้มน้าวสาธารณะให้ยอมรับแนวคิดองค์กรในลักษณะการสื่อสารแบบสองทางที่ไม่เท่าเทียมกันจากแหล่งสารไปยังผู้รับสาร และมีการตอบกลับ

74 ทฤษฎีเชิงการเรียนรู้ทางสังคม (Social Learning Theory) มีสาระสอดคล้องกับข้อใด
(1) ศึกษาทัศนคติและพฤติกรรมมวลชน
(2) การเปลี่ยนและสร้างทัศนคติ
(3) การให้และการรับ
(4) การให้ความตระหนักและสนใจ
(5) ถูกทุกข้อข้างต้น

ตอบ 1 (เอกสารบทที่ 2) สาระสําคัญของทฤษฎีเชิงการเรียนรู้ทางสังคม (Social Learning Theory) คือ เป็นการศึกษาด้านทัศนคติและพฤติกรรมมวลชน

75 ผู้ใดเป็นผู้บุกเบิกแนวทางของการประชาสัมพันธ์สมัยใหม่
(1) Ivy Lee
(2) Thomas J. Lipton
(3) Boston
(4) H & K
(5) Napoleon
ตอบ 1 หน้า 66, 71 ผู้บุกเบิกแนวทางของการประชาสัมพันธ์สมัยใหม่ คือ ไอวี่ ลี (Ivy Lee) นักหนังสือพิมพ์หนุ่มชาวอเมริกัน ซึ่งถือเป็นบุคคลสําคัญผู้หนึ่งของสหรัฐอเมริกาในฐานะที่ ได้รับการยกย่องว่าเป็น “บิดาของการประชาสัมพันธ์สมัยใหม่” (Father of Modern Public Relations) หรือผู้วางรากฐานของวิชาชีพประชาสัมพันธ์ในสหรัฐอเมริกา

76 ทฤษฎีเชิงการแลกเปลี่ยน (Exchange Theory) มีสาระสอดคล้องกับข้อใด
(1) ศึกษาทัศนคติและพฤติกรรมมวลชน
(2) การเปลี่ยนและสร้างทัศนคติ
(3) การให้และการรับ
(4) การให้ความตระหนักและสนใจ
(5) ถูกทุกข้อข้างต้น
ตอบ 3 (เอกสารบทที่ 2) สาระสําคัญของทฤษฎีเชิงการแลกเปลี่ยน (Exchange Theory) คือ การให้ความสนใจทางด้านการให้และการรับในประเด็นเรื่องการให้ความรักความใยดี ให้การ เคารพนับถือซึ่งกันและกัน ให้การช่วยเหลือด้านแรงงาน ให้การแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ

77 ทฤษฎีเชิงความคิดเห็น ทัศนคติ และความเชื่อศรัทธา (Opinion, Attitude, Belief) มีสาระสอดคล้องกับข้อใด
(1) ศึกษาทัศนคติและพฤติกรรมมวลชน
(2) การเปลี่ยนและสร้างทัศนคติ
(3) การให้และการรับ
(4) การให้ความตระหนักและสนใจ
(5) ถูกทุกข้อข้างต้น
ตอบ 2 (เอกสารบทที่ 2) สาระสําคัญของทฤษฎีเชิงความคิดเห็น ทัศนคติ และความเชื่อศรัทธา (Opinion, Attitude, Belief) คือ การให้ความสนใจเกี่ยวกับการรณรงค์ เพื่อการเปลี่ยนแปลง และสร้างความคิดเห็น ทัศนคติ และความเชื่อ นําไปสู่ความต้องการที่ประสงค์

78 ทฤษฎีเชิงการเผยแพร่ (Diffusion Theory) มีสาระสอดคล้องกับข้อใด
(1) ศึกษาทัศนคติและพฤติกรรมมวลชน
(2) การเปลี่ยนและสร้างทัศนคติ
(3) การให้และการรับ
(4) การให้ความตระหนักและสนใจ
(5) ถูกทุกข้อข้างต้น
ตอบ 4 (เอกสารบทที่ 2) สาระสําคัญของทฤษฎีเชิงการเผยแพร่ (Diffusion Theory) คือ การเน้น เรื่องการให้ความตระหนักและสนใจ

79 ทฤษฎีเชิงการใช้และความพอใจ (Use and Gratification Theory) มีสาระสอดคล้องกับข้อใด
(1) มวลชนใช้สื่อมุ่งเน้นต่างกัน
(2) มวลชนใช้สื่อต่างวัตถุประสงค์
(3) มวลชนใช้สื่อเฉพาะกรณี
(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 2
(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3
ตอบ 5 (เอกสารบทที่ 2) สาระสําคัญของทฤษฎีเชิงการใช้และความพอใจ (Use and Gratification Theory) คือ การให้ความสนใจมวลชนในการใช้สื่อที่มุ่งเน้นต่างกันและใช้ต่างวัตถุประสงค์ หรือเป็นการใช้สื่อเฉพาะกรณีไป

80. ทฤษฎีเชิงการกรุประเด็น (Agenda Setting Theory) มีสาระสอดคล้องกับข้อใด
(1) สื่อมีอิทธิพลต่อมวลชน
(2) สื่อสามารถสร้าง/กรุประเด็น
(3) สื่อกรุประเด็นแบบมีคุณธรรม
(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 2
(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3
ตอบ 5 (เอกสารบทที่ 2) สาระสําคัญของทฤษฎีเชิงการกรุประเด็น (Agenda Setting Theory) คือ การเน้นในเรื่องสื่อมีอิทธิพลต่อมวลชน จึงสามารถสร้าง/กรุประเด็นแบบมีคุณธรรมได้

81. ทฤษฎีเชิงผู้ส่งสาร/ผู้รับสาร (Sender/Receiver Theory) มีสาระสอดคล้องกับข้อใด
(1) Source
(2) Message & Message Transmitted
(3) Message Received
(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 2
(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3
ตอบ 5(เอกสารบทที่ 2) สาระสําคัญของทฤษฎีเชิงผู้ส่งสารและผู้รับสาร (Sender and Receiver Theory) คือ การให้ความสนใจในแหล่งสาร (Source) สาร (Message) การถ่ายทอดสาร (Message Transmitted) และสารที่ได้รับ (Message Received)

82. ทําไมการประชาสัมพันธ์จึงต้องสร้างความสัมพันธ์กับมวลชน
(1) การประชาสัมพันธ์ใช้สื่อมวลชนเป็นประโยชน์ในการสร้างความเข้าใจอันดีกับชุมชน
(2) การประชาสัมพันธ์เอื้อต่อวงการสื่อมวลชน
(3) นักประชาสัมพันธ์ยุคใหม่ต้องใกล้ชิดสื่อ
(4) นักประชาสัมพันธ์ยุคใหม่ต้องมีการติดต่อสื่อสารกับสื่อ
(5) นักประชาสัมพันธ์ต้องสร้างมนุษยสัมพันธ์
ตอบ 1 หน้า 323, (คําบรรยาย) สาเหตุที่การประชาสัมพันธ์ต้องสร้างความสัมพันธ์กับมวลชน คือ การประชาสัมพันธ์ใช้สื่อมวลชนเป็นประโยชน์ในการสร้างความเข้าใจอันดีกับชุมชน เพราะ สื่อมวลชนต่าง ๆ เช่น หนังสือพิมพ์ นิตยสาร สถานีวิทยุ สถานีโทรทัศน์ ฯลฯ ถือเป็นหัวใจ สําคัญในการเผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ขององค์กรต่าง ๆ ไปสู่สังคมภายนอก

83 ทําไมการประชาสัมพันธ์ต้องใช้สื่อเป็นเครื่องถ่ายทอดจึงจะทําการประชาสัมพันธ์ได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพ
(1) การประชาสัมพันธ์เป็นกระบวนการการใช้สื่ออย่างตรงประเด็นกับผู้รับสาร
(2) การสร้างความรู้สึกที่ดี
(3) การนําเสนอที่คุ้มค่า
(4) การให้ประโยชน์ในกลุ่มเป้าหมาย
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 1 หน้า 241, (คําบรรยาย) สาเหตุที่การประชาสัมพันธ์ต้องใช้สื่อเป็นเครื่องถ่ายทอดจึงจะทํา
การประชาสัมพันธ์ได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพ คือ การประชาสัมพันธ์เป็นกระบวนการการใช้ สื่ออย่างตรงประเด็นกับผู้รับสาร ซึ่งถ้าหากเลือกใช้สื่อเพื่อการประชาสัมพันธ์ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมกับสถานการณ์และความสามารถของผู้รับสารเป้าหมายที่ต้องการแล้ว จะได้ผลดีในการเผยแพร่ข่าวสารอย่างมหาศาล

84 การติดต่อสื่อสารแบบเผชิญหน้า Face to Face มีผลดีในการเผยแพร่ข่าวสารอย่างไร
(1) สร้างมนุษยสัมพันธ์ที่ดี
(2) สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับสื่ออื่น ๆ
(4) ติดต่อสื่อสารอย่างมีความหมาย
(3) สร้างกลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจน
(5) นําไปใช้ในงานประชาสัมพันธ์ได้
ตอบ 2 หน้า 241, 244, (คําบรรยาย) การติดต่อสื่อสารแบบเผชิญหน้า (Face to Face Communication) มีผลดีในการเผยแพร่ข่าวสาร คือ ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับสื่ออื่น ๆ เพราะทําให้ทั้ง 2 ฝ่าย ได้เห็นปฏิกิริยาโต้ตอบกันได้อย่างเต็มที่ เมื่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่เข้าใจคําพูดก็สามารถปรับสารนั้น ให้ถูกต้องจนเข้าใจกันได้ ก่อให้เกิดความสนิทสนมคุ้นเคย ได้ใกล้ชิด ไว้เนื้อเชื่อใจ และเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน

85 การเอาชนะใจคนตามแนวความคิดของเรา ตรงกับข้อใด
(1) การพูดจาไพเราะเป็นมิตรด้วย
(2) ทําให้เขารู้สึกว่าดีกับเรา
(3) จงเรียกร้องและพูดในปมด้อยของเขา
(4) จงยั่วยุให้เกิดการแข่งขันและยอมแพ้หรือเอาชนะกัน
(5) การเปลี่ยนแนวคิดด้วยสายตา

ตอบ 1 หน้า 239 การเอาชนะใจคนให้หันมาตามแนวความคิดของเรา มีดังนี้
1 การไม่โต้เถียง
2 เคารพในความคิดเห็นของเขา อย่าบอกว่าเขาผิด
3 เริ่มต้นด้วยความเป็นมิตร พูดจาไพเราะ อ่อนหวาน
4 มองดูเรื่องต่าง ๆ ในแง่หรือสายตาของเขา
5 ไม่ควรพูดถึงปมด้อยของเขา
6 ไม่ยั่วยุให้เกิดความรู้สึกแข่งขัน ไม่ยอมแพ้กัน หรือไม่น้อยหน้าใคร ฯลฯ

86 การพยายามเปลี่ยนทัศนคติที่มีอยู่ของผู้รับสารให้เกิดการตอบสนอง ตรงกับข้อใด
(1) การรับรู้ข่าวสาร
(2) การมีคติที่ดีต่อผู้รับสาร
(3) ต้องการให้เชื่อถือ
(4) ต้องการให้เคารพยกย่อง
(5) การโน้มน้าวชักจูงใจ
ตอบ 5หน้า 238 การโน้มน้าวชักจูงใจ เป็นความพยายามที่จะเสริมหรือเปลี่ยนทัศนคติที่มีอยู่ของ ผู้รับสารให้เกิดการตอบสนองอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งวิธีการสร้างศิลปะในการโน้มน้าวจิตใจ มีดังนี้
1 ทําให้ผู้รับสารได้รับรู้ในข่าวสารนั้น ๆ
2 ขจัดข้อเคลือบแคลงที่มีอยู่
3 ขจัดความไม่เห็นด้วย
4 ขจัดอคติที่ผู้รับสารมีอยู่
5 ทําให้ผู้รับสารเกิดความนิยมยกย่องยําเกรง
6 ต้องการให้เชื่อตาม
7 ต้องการให้กระทําหรือปฏิบัติตาม

87 บุคลิกภาพ มีความหมายตรงกับข้อใด
(1) มีมารยาทดี พูดเก่ง
(2) มีอารมณ์ขันเสมอ
(3) มีใบหน้ายิ้มตลอดเวลา
(4) มีทักษะที่ดีเป็นมิตรกับผู้อื่น กระตือรือร้นเสมอ
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 4 หน้า 234, 236, (คําบรรยาย) คุณสมบัติอันจําเป็นของนักประชาสัมพันธ์ด้านบุคลิกภาพ มีดังนี้
1 มีทักษะที่ดีในการติดต่อกับประชาชน มีบุคลิกที่เป็นมิตร และเข้ากับผู้อื่นได้ดี
2 รักงานบริการและชอบบริการผู้อื่น โอบอ้อมอารี
3 มีความกระตือรือร้นอยู่เสมอ ทํางานได้รวดเร็วกระฉับกระเฉง ฯลฯ

88 การเป็นนักประชาสัมพันธ์ที่ดีไม่จําเป็นต้องมีอะไรในข้อต่อไปนี้
(1) มนุษยสัมพันธ์
(2) การศึกษาและผ่านการอบรมด้านสื่อสารมวลชน
(3) ประสบการณ์ด้านสื่อสารมวลชน
(4) ปฏิภาณไหวพริบ กระตือรือร้น
(5) บุคลิกที่ดี เชื่อมั่นในตัวเอง
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 29. ประกอบ

89 จําเป็นหรือไม่ที่นักประชาสัมพันธ์ต้องมีคุณสมบัติที่มีการศึกษามาจากต่างประเทศ
(1) มีการศึกษาจบจากต่างประเทศ
(2) มีประสบการณ์ทางด้านสื่อสารมวลชน
(3) มีปฏิภาณและไหวพริบเฉลียวฉลาด มีความรู้ในเรื่องการสื่อสารมวลชนพอสมควร
(4) เป็นคนพูดเก่ง พูดไพเราะ
(5) เป็นคนต้อนรับดีมาก
ตอบ 3 หน้า 229, (คําบรรยาย) บุคคลที่จะเป็นนักประชาสัมพันธ์ที่ดีไม่จําเป็นต้องมีการศึกษา มาจากต่างประเทศ แต่ต้องมีปฏิภาณและไหวพริบเฉลียวฉลาด มีความรู้และผ่านการศึกษา ด้านสื่อสารมวลชน หรือได้รับการฝึกอบรมด้านการประชาสัมพันธ์พอสมควร

90 ข้อใดต่อไปนี้เรียกว่าคุณสมบัติที่ดีของนักประชาสัมพันธ์
(1) มีความเฉลียวฉลาดไหวพริบดี
(2) มีรูปร่างหน้าตาสวยและหล่อมาก
(3) มีการศึกษาในระดับปริญญาเอก
(4) มีการศึกษาวิชาสังคมศาสตร์
(5) มีการศึกษาจากสหรัฐอเมริกา
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 29. ประกอบ

91 การจัดตั้งองค์กรจากงานมาเป็นกองงานต้องคํานึงถึงข้อใดต่อไปนี้
(1) ลักษณะขนาดของงาน
(2) คุณภาพประสิทธิภาพของงาน
(3) ปริมาณงานกับบุคลากรที่ทํางาน
(4) วิธีการดําเนินงานแต่ละขั้นตอน
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 1 (คําบรรยาย) การจัดตั้งองค์กรประชาสัมพันธ์จากงานมาเป็นกองงาน ต้องคํานึงถึงลักษณะ ขนาดของงานเป็นสําคัญ คือ มีงานสําคัญที่เป็นงานใหญ่จํานวนมากพอที่จะเป็นกองงานหรือไม่ รวมไปถึงขนาดขององค์กรมีกี่หน่วยงาน มีเจ้าหน้าที่หรือบุคลากรทั้งหมดกี่คน

92 การจัดตั้งแผนกประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานในสถาบันขึ้นอยู่กับอะไร
(1) ลักษณะการบริการ จุดมุ่งหมาย และขนาดขององค์กร
(2) ปัจจัยที่ทําให้เกิดงานประชาสัมพันธ์
(3) ความรับผิดชอบขององค์กร
(4) จํานวนงานขององค์กร
(5) การเผยแพร่ของหน่วยงาน
ตอบ 1 หน้า 206 การจัดตั้งแผนกประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานในสถาบันต่าง ๆ ย่อมแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับรูปแบบ ลักษณะของผลิตภัณฑ์ ลักษณะการบริการ จุดมุ่งหมาย ขนาดของแต่ละองค์กร และปัจจัยอื่น ๆ

93 องค์ประกอบที่ดีของการประชาสัมพันธ์คืออะไร
(1) วิธีการดําเนินการรณรงค์การประชาสัมพันธ์
(2) การดําเนินการสื่อสารและจูงใจ
(3) การวิเคราะห์และปรับปรุง
(4) การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
(5) การวางแผนเกี่ยวกับงานประชาสัมพันธ์
ตอบ 5 หน้า 205, (คําบรรยาย) องค์ประกอบที่ดีของการประชาสัมพันธ์ คือ การวางแผนเกี่ยวกับ งานประชาสัมพันธ์ ซึ่งถือเป็นหัวใจที่สําคัญที่สุดของงานประชาสัมพันธ์ และเป็นสิ่งที่นักประชาสัมพันธ์ควรตระหนักถึงเป็นจุดแรก

94 การสร้างความสัมพันธ์ในชุมชนของนักประชาสัมพันธ์ ตรงกับข้อใด
(1) สร้างความเข้าใจเสริมความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างองค์กรกับชุมชน
(2) สร้างศิลปวัฒนธรรมที่ดีกับชุมชน
(3) สร้างความรักและความเข้าใจกับชุมชน
(4) สร้างจิตสํานึกที่ดีระหว่างองค์กรกับชุมชน
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 1 หน้า 346 การสร้างความสัมพันธ์ในชุมชนของนักประชาสัมพันธ์ หมายถึง การเสริมสร้าง ความเข้าใจ ความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันระหว่างองค์กรหรือสถาบันกับชุมชน เป็นการให้ความสนใจ เอาใจใส่ถึงความต้องการและทัศนคติของสมาชิกทุกคนในชุมชน

95 นักประชาสัมพันธ์ควรตระหนักถึงสิ่งใดเป็นจุดแรก
(1) การวางแผนการประชาสัมพันธ์
(2) การโฆษณา
(3) การอธิบายถึงการวางแผนงานประชาสัมพันธ์
(4) การรวบรวมข้อมูล
(5) งบประมาณ
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 93. ประกอบ

96 ในแต่ละสถาบันนักประชาสัมพันธ์จะมีความรับผิดชอบที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับอะไร
(1) ปริมาณงานของแผนกประชาสัมพันธ์ เมื่อเทียบกับจํานวนบุคลากรในสถาบัน
(2) ระดับการศึกษาของนักประชาสัมพันธ์
(3) ประสบการณ์ของนักประชาสัมพันธ์
(4) งบประมาณขององค์กร
(5) จํานวนของนักประชาสัมพันธ์

ตอบ 1 หน้า 205 – 206, (คําบรรยาย) นักประชาสัมพันธ์ในแต่ละสถาบันจะมีความรับผิดชอบที่ แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับปริมาณงานของแผนกประชาสัมพันธ์ เมื่อเทียบกับจํานวนบุคลากรในสถาบันซึ่งถ้าหากเป็นสถาบันขนาดเล็ก นักประชาสัมพันธ์อาจมีความรับผิดชอบในงานหลายอย่าง ควบคู่กันไป ส่วนสถาบันใหญ่ ๆ ก็ต้องมีแผนกประชาสัมพันธ์ที่มีบุคลากรแบ่งแยกหน้าที่กัน ออกไปหลายฝ่ายตามปริมาณงานของแผนกประชาสัมพันธ์นั้น

97 การนําเสนอข่าวด้วยวิธีการใดที่ทําให้ผู้ชมเกิดการจูงใจและดึงดูดใจ
(1) ภาพเคลื่อนไหว
(2) เสียงบันทึก
(3) เขียนบรรยาย
(4) ร้องเพลง
(5) เล่านิทาน
ตอบ 1หน้า 292, (คําบรรยาย) การนําเสนอข่าวประชาสัมพันธ์ด้วยการใช้ภาพเคลื่อนไหว เช่น ภาพยนตร์ สามารถทําให้ผู้ชมได้รับความรู้ ข่าวสาร และความบันเทิงควบคู่กันไป นอกจากนี้ ภาพยนตร์ยังเป็นจุดรวมของภาพ เสียง สี ดนตรี และการเคลื่อนไหวอย่างมีชีวิตจิตใจ จึงทําให้ผู้ชมเกิดการจูงใจ เร้าใจ และดึงดูดใจให้เกิดความสนใจใคร่ติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ

98 คุณสมบัติของประชาสัมพันธ์ ควรพิจารณาจากคุณสมบัติด้านใด
(1) ความสามารถ ทัศนคติ ความรู้
(2) บุคลิกภาพ ความรู้ ทักษะในการประชาสัมพันธ์
(3) ความรู้ ความสามารถ บุคลิกภาพ
(4) ทัศนคติ บุคลิกภาพ ความรู้
(5) ทักษะในการประชาสัมพันธ์ ความรู้ ทัศนคติ
ตอบ 3 หน้า 234 – 236 คุณสมบัติอันจําเป็นของนักประชาสัมพันธ์ อาจพิจารณาจากด้านต่าง ๆ ดังนี้
1 ความรู้
2 ความสามารถ
3 บุคลิกภาพ

99 ข้อใดไม่ใช่วิธีการสร้างศิลปะในการโน้มน้าวจิตใจ
(1) ทําให้ผู้รับสารได้รับรู้ในข่าวสารนั้น ๆ
(2) ขจัดความไม่เห็นด้วยของผู้รับสาร
(3) ขจัดอคติที่ผู้รับสารมีอยู่
(4) ทําให้ผู้รับสารเกิดความนิยมยกย่องยําเกรง
(5) ไม่ต้องการให้ผู้รับสารกระทําหรือปฏิบัติตาม
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 86. ประกอบ

100 ความสําคัญของการประชาสัมพันธ์คือข้อใดต่อไปนี้
(1) การประชาสัมพันธ์เป็นงานที่ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์และสร้างค่านิยมขององค์กรให้ดีขึ้น
(2) การประชาสัมพันธ์ช่วยปกป้องรักษาชื่อเสียงขององค์กร
(3) การประชาสัมพันธ์ช่วยสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง
(4) การประชาสัมพันธ์ช่วยในเรื่องการขายและการตลาด
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 (คําบรรยาย) ความสําคัญของการประชาสัมพันธ์ มีดังนี้

1 การประชาสัมพันธ์เป็นงานที่ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์และสร้างค่านิยมขององค์กรให้ดีขึ้น
2 การประชาสัมพันธ์ช่วยปกป้องรักษาชื่อเสียงขององค์กร
3 การประชาสัมพันธ์ช่วยสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง สร้างความเลื่อมใสศรัทธาต่อองค์กร
4 การประชาสัมพันธ์ที่ดีช่วยส่งเสริมในเรื่องการขายและการตลาด

CDM2402 MCS2150 MCS2100 การประชาสัมพันธ์เบื้องต้น s/2558

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2558
ข้อสอบกระบวนวิชา MCS 2150 (MCS 2100) การประชาสัมพันธ์เบื้องต้น
คําสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคําตอบเดียว

1 คําใดต่อไปนี้พูดถึง “การประชาสัมพันธ์” ถูกต้อง
(1) ต้อนรับผู้คนอย่างสุภาพ ประทับใจ
(2) สร้างความสัมพันธ์และความเข้าใจอันดี
(3) พูดเก่ง ยิ้มหวาน ทํางานดี
(4) สร้างสรรค์สินค้าบริการ มีกําไร
ตอบ 2 หน้า 7, 10 การประชาสัมพันธ์ (Public Relations) หมายถึง วิธีการของสถาบันหรือองค์การ
ที่มีแผนการและกระทําต่อเนื่องกันไปในอันที่จะสร้างหรือรักษาไว้ซึ่งความสัมพันธ์และความเข้าใจอันดีระหว่างสถาบันกับกลุ่มประชาชนเพื่อให้สถาบันกับกลุ่มประชาชนที่เกี่ยวข้อง มีความรู้ความเข้าใจ ให้ความสนับสนุนร่วมมือซึ่งกันและกัน และเพื่อให้งานของสถาบันดําเนิน ไปด้วยดี โดยมีประชามติเป็นแนวบรรทัดฐาน

2 ข้อใดเป็นความเข้าใจผิดว่าสิ่งนี้คือ “การประชาสัมพันธ์”
(1) ยาวิเศษแก้ไขได้ทุกปัญหาของหน่วยงาน
(2) มีการวางแผนอย่างดีต่อเนื่องยาวนาน
(3) สร้างความสัมพันธ์กับทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง
(4) ต้องใช้ข้อมูลวิจัยเพื่อปรับปรุงแก้ไขปัญหาองค์การ
ตอบ 1 หน้า 7 การประชาสัมพันธ์ไม่ใช่ยาวิเศษที่จะแก้ไขได้ทุกปัญหาของหน่วยงานเหมือนสิ่งมหัศจรรย์
แต่เป็นเพียงงานบริหารที่จะแก้ไขปัญหาได้เพียงเฉพาะอย่างเท่านั้น ดังนั้นการวางแผน ประชาสัมพันธ์จึงต้องวางแผนระยะยาว มีการติดต่อสื่อสาร การค้นคว้าวิจัย และการประเมินผล จึงไม่อาจเห็นผลได้ในชั่วระยะเวลาอันสั้น แต่ต้องดําเนินการปฏิบัติงานติดต่อกันเป็นเวลายาวนาน

3 ในสังคมโลกาภิวัตน์สิ่งใดจะเป็นตัวช่วยกระจายข่าวสารให้ทั่วถึง
(1) บุคคลทั่วไป
(2) สื่อมวลชน
(3) รัฐบาล
(4) นักการเมือง
ตอบ 2(คําบรรยาย) ในปัจจุบันเป็นยุคสังคมโลกาภิวัตน์ได้มีการพัฒนาทําสารประชาสัมพันธ์ผ่าน สื่อมวลชน เช่น หนังสือพิมพ์ นิตยสาร วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ ฯลฯ อย่างแพร่หลาย เนื่องจากสื่อมวลชนมีคุณสมบัติเด่น คือ สามารถช่วยกระจายข่าวสารให้เข้าถึงคนจํานวนมาก ที่มีความแตกต่างกัน และอยู่ในที่ต่าง ๆ กันทั่วประเทศหรือทั่วโลกได้อย่างทั่วถึงและรวดเร็ว

4 ข้อใดกล่าวถึง “การโฆษณาชวนเชื่อ” (Propaganda) ได้ดีที่สุด
(1) เท็จก็ว่าจริง ควบคุม ปลุกปั่น เพื่อให้ได้ผลที่ต้องการ
(2) ชักจูงใจด้วยข้อมูลหลากหลายให้เชื่อ ยอมรับ สนับสนุน
(3) สร้างความล่อใจ เสนอแนะ ให้ตัดสินใจซื้อ
(4) แก้ไขความเข้าใจผิดให้ถูก ปลูกความนิยมอุดมการณ์ ศิลปวัฒนธรรม
ตอบ 1 หน้า 14 การโฆษณาชวนเชื่อ (Propaganda) คือ การเผยแพร่ลัทธินิยมโดยเจตนาที่จะโน้มน้าว ชักจูงใจคนด้วยกลวิธีต่าง ๆ ให้หลงเชื่อ ให้เห็นดีเห็นงาม หรือให้เป็นปรปักษ์กับสิ่งหรือคนที่ ต้องการประณาม โดยจะพยายามควบคุม ปลุกปั่น และเป็นเครื่องมือทางการเมือง เพื่อที่จะ ให้ได้ผลตามที่ต้องการ ซึ่งมีลักษณะสําคัญคือ พูดเอาแต่ได้ เรื่องเท็จก็ว่าจริง อ้างว่าเป็นเรื่อง หรือข้อคิดของคนส่วนใหญ่ และพยายามปิดซ่อนที่มาของแหล่งข่าว

5 จากข้อ 4. ข้อใดกล่าวถึง “การโฆษณา” (Advertising)
ตอบ 3 หน้า 15 – 16 การโฆษณา (Advertising) ที่ดีจะต้องมีการวางแผนล่อใจแฝงไว้ด้วย “การเสนอแนะ” และ “ส่งเสริม” ดังนั้นจึงเป็นเรื่องของการกระทําหรือชักนําความเชื่อ และ สร้างศรัทธาด้วยการดึงดูดถึงเหตุผลของการโฆษณาหรืออารมณ์จากผู้พบเห็น จนกลายเป็น เรื่องของการสร้างความล่อใจ (Persuasion) เพื่อให้ผู้บริโภคต้องการและตัดสินใจซื้อสินค้า
หรือบริการของตน

6 จากข้อ 4. จุดมุ่งหมายของ “การสารนิเทศ” (Information Service) คือข้อใด
ตอบ 4 หน้า 17 – 18 การสารนิเทศ (Information Service) คือ การให้ข่าวสารข้อเท็จจริงต่าง ๆ เพื่อเผยแพร่ให้ชาวต่างชาติได้รู้จักประเทศไทย เช่น ข่าวสารทั่วไปเกี่ยวกับเมืองไทย นโยบาย ของรัฐบาล ตลอดจนการให้ความสะดวก ช่วยเหลือ ปรับความเข้าใจ แก้ไขความเข้าใจผิด ให้ถูก และการแสดงอัธยาศัยไมตรีหรือผูกสัมพันธไมตรี ปลูกความนิยมในอุดมการณ์และ ศิลปวัฒนธรรมของชาติตน ฯลฯ ซึ่งประเทศไทยได้ทําการสารนิเทศมานานแล้ว โดยมี สํานักงานแถลงข่าวไทยในสังกัดของกรมประชาสัมพันธ์ อยู่ที่กรุงวอชิงตัน ลอนดอน ฯลฯ

7 การส่งเสริมการจําหน่าย (Sale Promotion) เป็นส่วนหนึ่งของงานอะไร
(1) การประชาสัมพันธ์
(2) การโฆษณา
(3) การตลาด
(4) การโน้มน้าวจิตใจ
ตอบ 3 หน้า 18 การส่งเสริมการจําหน่าย (Sale Promotion) เป็นกิจกรรมทางการตลาดที่น่าสนใจ ได้นํามาช่วยส่งเสริมให้ได้ผลเป็นการขายเกิดขึ้น ซึ่งการส่งเสริมการจําหน่ายจะไม่ใช่วิธีการขาย โดยพนักงานหรือการโฆษณา แต่เป็นวิธีการขายในโอกาสพิเศษต่าง ๆ เช่น การจัดแสดงสินค้า, การจัดแสดง ณ แหล่งขาย, การจัดแสดงภายในร้าน, การจัดตู้โชว์สินค้า ฯลฯ

8 องค์การใดต่อไปนี้ทํางานเกี่ยวกับกิจการสาธารณะ (Public Affairs)
(1) คลินิกรักษาผู้ป่วย
(2) ห้างสรรพสินค้ารอบริการลูกค้า
(3) องค์การตลาดขายสินค้าเกษตร
(4) กองทัพบกพบประชาชน
ตอบ 4 หน้า 18 (คําบรรยาย) กิจการสาธารณะ (Public Affairs) เป็นการให้ข่าวสารเฉพาะกิจ ซึ่งถือเป็นกิจกรรมส่วนย่อยของงานประชาสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องเป็นกรณีพิเศษในเรื่องของ
ความสัมพันธ์กับชุมชน รัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐ องค์การสาธารณกุศล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หน่วยงานทางทหารที่จัดตั้งกิจการสาธารณะเพื่อดําเนินการเผยแพร่ข่าวสาร นโยบาย คําสั่ง
ชี้แจง และแถลงผลงานของกองทัพ เช่น กองทัพบกพบประชาชน เป็นต้น

9 ข้อใดคือชื่อหน่วยงาน “การสารนิเทศ” ระดับชาติของไทย
(1) สํานักนายกรัฐมนตรี
(2) สํานักงานแถลงข่าวไทย
(3) สํานักข่าวไทย
(4) สถาบันสารนิเทศไทย
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 6. ประกอบ

10 ใครเป็นผู้กล่าว “การกระทําสําคัญกว่าคําพูด ดังนั้นประชาสัมพันธ์ คือ ปรัชญาแห่งการกระทํา”
(1) Abraham Lincoln
(3) Paul W. Garrett
(2) Lvy Lee
(4) Edward L. Bernays
ตอบ 3 หน้า 21 Paul W. Garrett นักประชาสัมพันธ์ผู้มีชื่อเสียงชาวอเมริกัน ได้กล่าวไว้ว่า “การกระทํานั้นสําคัญกว่าคําพูด ดังนั้นการประชาสัมพันธ์จึงหมายถึง ปรัชญาแห่งการกระทํา ในสิ่งที่ประชาชนส่วนใหญ่เห็นชอบและลงมือทําในแนวทางที่ประชาชนต้องการ

11 จากข้อ 10. ผู้ที่ถูกยกย่องให้เป็นบิดาแห่งการประชาสัมพันธ์ คือท่านใด
ตอบ 2 หน้า 66, 71 ผู้บุกเบิกแนวทางของการประชาสัมพันธ์สมัยใหม่ คือ ไอวี่ ลี (Ivy Lee) นักหนังสือพิมพ์หนุ่มชาวอเมริกัน ซึ่งถือเป็นบุคคลสําคัญผู้หนึ่งของสหรัฐอเมริกาในฐานะที่ ได้รับการยกย่องว่าเป็น “บิดาของการประชาสัมพันธ์สมัยใหม่” (Father of Modern Public Relations) หรือผู้วางรากฐานของวิชาชีพประชาสัมพันธ์ในสหรัฐอเมริกา

12 จากข้อ 10. ใครคือผู้ให้ความสําคัญต่อการสื่อสารแบบสองทิศทาง
ตอบ 4 หน้า 71 Edward L. Bernays เป็นผู้ที่ให้ความสําคัญและได้ชี้แจงทฤษฎีการติดต่อสื่อสาร แบบสองทิศทางให้กระจ่างแจ้งยิ่งขึ้น โดยได้เผยแพร่อย่างกว้างขวางทั่วไปจนบังเกิดความเข้าใจ ถึงวิธีการติดต่อสองทิศทาง ซึ่งหลังจากเบอร์แนร์ได้ย้ําให้เห็นถึงการติดต่อสื่อสารแบบสองทิศทาง ว่าเป็นหลักสําคัญของการประชาสัมพันธ์ และได้นําไปดําเนินการอย่างได้ผลสําเร็จแล้ว ทําให้วงการประชาสัมพันธ์ตื่นตัวและเป็นที่รู้จักในวงการธุรกิจอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ

13 องค์การรัฐวิสาหกิจใดที่มีการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ที่ดี
(1) องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (อ.ส.ม.ท.)
(2) ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน (RBS)
(3) สํานักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)
(4) มูลนิธิกระจกเงา
ตอบ 1หน้า 213 จินตภาพหรือภาพลักษณ์ (Image) หมายถึง ภาพที่เกิดขึ้นในจิตใจที่มีต่อหน่วยงาน หรือองค์การ ซึ่งไม่อาจสร้างขึ้นมาได้ด้วยการบังคับ กดดัน หรือการออกคําสั่งขู่เข็ญ แต่การ สร้างจินตภาพที่ดีงามขององค์การจะมาจากรากฐานของการให้ข่าวสารที่เป็นความจริง และ ที่เกิดขึ้นจากความประทับใจอย่างแท้จริงของบุคคลหรือมวลชนในสังคม ซึ่งตัวอย่าง องค์การรัฐวิสาหกิจที่มีการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ที่ดี ได้แก่ องค์การสื่อสารมวลชนแห่ง ประเทศไทย (อ.ส.ม.ท.) เป็นต้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจาก

14 งานประชาสัมพันธ์เป็นงานเน้นด้านใดเป็นหลัก
(1) ด้านความรู้
(2) ด้านสํารวจความคิด
(3) ด้านทักษะ
(4) ด้านบริการ
ตอบ 4 หน้า 27 งานประชาสัมพันธ์เป็นงานด้านขายบริการเป็นหลัก มิใช่ขายสินค้าหรือวัตถุดิบ แต่เป็นบริการในด้านการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถาบันกับสังคมภายนอก เพื่อให้ประชาชนเกิดจินตภาพที่ดีต่อสถาบัน ดังนั้นจึงมีความจําเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยความร่วมมือจากหลาย ๆ ฝ่ายในสังคม

15 ใครเป็นผู้ระบุว่า “จงทําตัวให้ใกล้ชิดสนิทสนมกับประชาชนให้มากที่สุด”
(1) Ivy Ledbetter Lee
(2) Abraham Lincoln
(3) Voltaire
(4) Hollow Stephen
ตอบ 2 หน้า 113 Abraham Lincoln อดีตประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ถือเป็นผู้มีวิญญาณของ นักประชาสัมพันธ์สูง เนื่องจากท่านได้เคยเสนอแนะไว้ว่า “จงทําตัวให้ใกล้ชิดสนิทสนมกับ ประชาชนให้มากที่สุด” และตัวของท่านเองก็ได้ปฏิบัติตามข้อความดังกล่าวข้างต้นตลอด ชั่วชีวิตของท่าน

16 จากข้อ 15. ใครเป็นผู้กล่าวว่า “ถ้าอยากให้เขาพูดดี ๆ กับเราก็จงทําดีกับเขา ซึ่งใช้กับงานประชาสัมพันธ์”

ตอบ 3 หน้า 213 Voltaire นักปราชญ์ผู้มีชื่อเสียง ได้กล่าวไว้ว่า “ถ้าอยากให้เขาพูดดี ๆ กับเรา ก็จงทําดีกับเขา” ซึ่งนํามาใช้ได้ผลเป็นอย่างดีในการทํางานประชาสัมพันธ์

17 ความสําคัญของประชาสัมพันธ์ในการสร้างสรรค์สังคม คือข้อใด
(1) ช่วยให้วงการธุรกิจและอุตสาหกรรมขยายตัวเพิ่ม
(2) ช่วยให้ธุรกิจสื่อมวลชนเข้าตลาดหลักทรัพย์
(3) ทบทวนการลงทุนรถไฟฟ้าและขนส่งมวลชน
(4) ชาวบ้านมีทางเลือกในการซื้อขาย
ตอบ 1 หน้า 35 ความสําคัญในอาชีพการประชาสัมพันธ์ที่จําเป็นในการสร้างสรรค์สังคม ได้แก่
1 ช่วยให้วงการธุรกิจและอุตสาหกรรมขยายตัวเพิ่มมากขึ้น
2 ก่อให้เกิดการพัฒนาทางสื่อมวลชนอย่างกว้างขวาง
3 เกิดการลงทุนในวงการอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็ว
4 เกิดการกระตือรือร้นและแข่งขันกันในการดําเนินงานต่าง ๆ ซึ่งมีผลให้เกิดประชามติและการสนับสนุนของประชาชนในสังคม

18 หน่วยงานที่ไม่ได้จัดว่าเป็นหน่วยงานประชาสัมพันธ์ คือข้อใด
(1) สํานักงานเผยแพร่ข่าวสาร (Press Agent)
(2) บริษัทรับจ้างทําประชาสัมพันธ์ (Public Relations Agency)
(3) สํานักงานที่ปรึกษาด้านประชาสัมพันธ์ (Public Relations Counseling Firm)
(4) ฝ่ายประชาสัมพันธ์และโฆษณา (Public Relations & Advertising Department)
ตอบ 1 หน้า 35 – 36, (คําบรรยาย) หน่วยงานที่จัดเป็นหน่วยงานประชาสัมพันธ์ ได้แก่
1 บริษัทรับจ้างทําประชาสัมพันธ์ (Public Relations Agency)
2 สํานักงานที่ปรึกษาทางด้านการประชาสัมพันธ์ (Public Relations Counseling Firm)
3 ฝ่ายประชาสัมพันธ์และโฆษณา (Public Relations & Advertising Department) (ส่วนสํานักงานบริการเผยแพร่ข่าว (Press Agent) ไม่ใช่งานประชาสัมพันธ์ แต่เป็นการ เผยแพร่ข่าวสารหรือข่าวแจก)

19 ในปี 1969 บริษัทยักษ์ใหญ่อันดับแรกที่มีกิจการใหญ่โตด้านประชาสัมพันธ์ คือใคร
(1) Carl Byoir & Associates
(3) Ruder & Finn
(2) Hill and Knowlton
(4) Densu Agency
ตอบ 2 หน้า 37 – 38, 69 ในปี ค.ศ. 1969 บริษัทยักษ์ใหญ่อันดับแรกที่มีกิจการใหญ่โตด้าน ประชาสัมพันธ์ คือ บริษัท Hill and Knowlton หรือเรียกชื่อสั้น ๆ ว่า H & K โดยมี John W. Hill อดีตนักหนังสือพิมพ์อเมริกัน เป็นผู้ก่อตั้งสํานักงานที่ปรึกษาทางด้าน การประชาสัมพันธ์ที่ใหญ่โตเป็นอันดับ 1 ของโลกในยุคบุกเบิก

20 การจัดอันดับปี 2015 บริษัทยักษ์ใหญ่อันดับแรกด้านประชาสัมพันธ์ คือใคร
(1) Edelman
(2) Weber Shandwick
(3) Hill & Knowlton Strategies
(4) Ogilvy PR
ตอบ 1 (คําบรรยาย) ในปี ค.ศ. 2015 ได้มีการจัดอันดับบริษัทยักษ์ใหญ่อันดับแรกของโลกด้าน ประชาสัมพันธ์ คือ บริษัท Edelman ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีรายได้จากการรับจ้างทําประชาสัมพันธ์ ถึงปีละประมาณ 812,300,000 ดอลลาร์ โดยมีจํานวนเจ้าหน้าที่และพนักงานทั้งหมด 5,500 คน

21 ความรู้สึกอยากเข้าทํางานในองค์การชั้นนําหรือองค์การที่รู้จักชื่นชอบมาจากเหตุใด
(1) ภาพลักษณ์ขององค์การดี
(2) ชื่อเสียงของสถาบันดี
(3) เชื่อมั่นศรัทธาองค์การ
(4) ทุกข้อที่กล่าวมา
ตอบ 4 (คําบรรยาย) ความรู้สึกอยากเข้าทํางานในองค์การชั้นนําหรือองค์การที่รู้จักชื่นชอบมาจาก
สาเหตุ ดังนี้
1 ภาพลักษณ์ขององค์การดี
2 ชื่อเสียงขององค์การหรือสถาบันดี
3 ความเชื่อมั่นเลื่อมใสศรัทธาในองค์การ
4 ความนิยมชมชอบในองค์การ ฯลฯ

22 ข้อใดระบุถึงจรรยาบรรณของวิชาชีพประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับค่าตอบแทน
(1) ไม่เปิดเผยความลับนายจ้างและลูกค้าทั้งอดีตและปัจจุบัน
(2) ระลึกว่าลูกค้าของเราเป็นฝ่ายถูกเสมอ เพราะเป็นผู้จ่ายค่าจ้าง
(3) ไม่เรียกร้องสิ่งมีค่า/ค่าธรรมเนียมมากกว่าที่ทําสัญญา
(4) อนุญาตให้รับค่าตอบแทนจากนายจ้างได้หลายคน
ตอบ 3 หน้า 43 – 44 จรรยาบรรณของวิชาชีพประชาสัมพันธ์ที่เกี่ยวกับค่าตอบแทน ได้แก่ ข้อ 12 ระบุว่า ไม่รับค่านายหน้าหรือค่าตอบแทนใด ๆ จากบุคคลใดบุคคลหนึ่งซึ่งไม่ใช่ลูกค้า หรือนายจ้างของตน โดยปราศจากความเห็นชอบจากนายจ้าง และข้อ 13. ระบุว่า เมื่องาน ประสบความสําเร็จ นักประชาสัมพันธ์ต้องไม่เรียกร้องสิ่งมีค่าหรือค่าธรรมเนียมใด ๆ มากไปกว่า ที่ได้ทําสัญญากันไว้กับลูกค้าและผู้ว่าจ้าง

23 เหตุใดนักประชาสัมพันธ์ต้องมีมาตรฐานจรรยาบรรณวิชาชีพ
(1) นักประชาสัมพันธ์ตกลงกัน
(2) มวลชนเกิดความเข้าใจอาชีพ
(3) เป็นมาตรฐานการบริการร่วมกัน
(4) เป็นอาชีพพิเศษ
ตอบ 3หน้า 42 – 43 สมาคมนักประชาสัมพันธ์ของประเทศสหรัฐอเมริกา (PRSA) ได้ริเริ่มก่อตั้ง หลักจรรยาบรรณของนักประชาสัมพันธ์ (The PRSA Code) ขึ้นมาเป็นประเทศแรกในปี ค.ศ. 1954 เพื่อเป็นหลักมาตรฐานของวิชาชีพการประชาสัมพันธ์ในการให้บริการร่วมกัน ในระดับที่ดีเด่นกับประชาชน และเป็นที่ยอมรับนับถือโดยทั่วไป

24 ประเทศแรกที่ประกาศหลักจรรยาบรรณวิชาชีพประชาสัมพันธ์ คือใคร
(1) อังกฤษ
(2) ฝรั่งเศส
(3) ซาอุดิอาระเบีย
(4) อเมริกา
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 23. ประกอบ

25 นักประชาสัมพันธ์ที่ทํางานประจําและให้คําปรึกษาผู้บริหารองค์การ มีชื่อเรียกว่า

(1) นักประชาสัมพันธ์ประจําองค์การ
(2) นักประชาสัมพันธ์อิสระ
(3) นักประชาสัมพันธ์รับจ้างประจํา
(4) นักประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข่าว
ตอบ 1หน้า 90, 94, (คําบรรยาย) นักประชาสัมพันธ์แบ่งออกได้ 2 ประเภท ดังนี้
1. นักประชาสัมพันธ์ประจําองค์การหรือหน่วยงาน คือ นักประชาสัมพันธ์ที่ทํางานประจําและ ให้คําปรึกษาแนะนําแก่ผู้บริหารองค์การ ซึ่งต้องดําเนินงานตามแต่ละขั้นตอนของการ วางแผนประชาสัมพันธ์ภายในองค์การนั้น ๆ
2. นักประชาสัมพันธ์อิสระ คือ นักประชาสัมพันธ์จากภายนอกองค์การ ซึ่งเป็นผู้ที่รับจ้าง ทํางานประชาสัมพันธ์ โดยมีการคิดค่าธรรมเนียมการให้คําปรึกษาประชาสัมพันธ์ ดังนั้น
จึงถือเป็นผู้ที่ทํารายได้สุทธิต่อปีสูงสุดในการจัดอันดับการทํางานประชาสัมพันธ์

26 จากข้อ 25. ใครคือผู้ที่ทํางานแล้วต้องคิดค่าธรรมเนียมการให้คําปรึกษาประชาสัมพันธ์
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 25. ประกอบ

27 จากข้อ 25. ผู้ที่ทํารายได้สุทธิต่อปีสูงสุดในการจัดอันดับการทํางานประชาสัมพันธ์
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 25 ประกอบ

28 ข้อใดแสดงถึงประโยค “งานจะไม่ชะงักโดยที่งบประมาณหมด
(1) วางแผน
(2) งบประมาณ
(3) วิจัยและรับฟัง
(4) ประเมินผล

ตอบ 1 หน้า 136 – 137 ปัจจัยสําคัญที่จะทําให้การดําเนินการประชาสัมพันธ์ไม่หยุดชะงักหรือ ขาดตอนไป คือ การวางแผนกําหนดค่าใช้จ่ายไว้อย่างรอบคอบและถูกต้อง โดยการวางแผน ตั้งงบประมาณก็ควรมีการยืดหยุ่นพอสมควรเผื่อไว้สําหรับค่าใช้จ่ายในส่วนที่มองไม่เห็น เพื่อประโยชน์ที่ว่า “งานจะไม่ชะงักโดยที่งบประมาณหมด

29 เหตุที่นักประชาสัมพันธ์ได้ชื่อว่าเป็น “นักบริหาร” คือข้อใด
(1) ทํางานควบคู่กับการบริหาร
(2) มีความคิดสร้างสรรค์แบบนักบริหาร
(3) กําหนดนโยบายและแผนร่วมกับผู้บริหาร
(4) ประสานงานทุกหน่วยในองค์การ
ตอบ 3 หน้า 3, 7, 12, (คําบรรยาย) งานประชาสัมพันธ์เป็นงานระดับบริหาร และเป็นเครื่องมือ ของการบริหารงาน ดังนั้นหน้าที่ของนักประชาสัมพันธ์จึงควรอยู่ในตําแหน่งผู้บริหาร หรือ ผู้ช่วยผู้บริหาร เนื่องจากนักประชาสัมพันธ์ต้องกําหนดนโยบายและวางแผนร่วมกับผู้บริหาร เพื่อให้ได้รับผลสําเร็จตามวัตถุประสงค์ ดังนั้นฝ่ายบริหาร (Executive) หรือฝ่ายจัดการจึงถือว่า การประชาสัมพันธ์เป็นส่วนหนึ่งของงานในภาระหน้าที่และความรับผิดชอบของตน

30 นักประชาสัมพันธ์ต้องเผชิญกับสิ่งใดตลอดเวลา
(1) รับฟังคําติชมข้อเสนอแนะของมวลชน
(2) ประสานงานกับสื่อมวลชน
(3) สร้างสรรค์กิจกรรมในองค์การ
(4) สร้างความมั่นใจให้ผู้ถือหุ้น
ตอบ 1 หน้า 54, 199, (คําบรรยาย) นักประชาสัมพันธ์จะต้องมีความรู้และความเข้าใจในมติมหาชน โดยการรับฟังคําติชมหรือข้อเสนอแนะของมวลชนอยู่ตลอดเวลา เพื่อนํามาพิจารณาปรับปรุง แผนงานให้เหมาะสมและสอดคล้องกับความคิดเห็นของประชาชน ซึ่งเป็นหัวใจของการดําเนินงานต่าง ๆ ให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี

31 จากข้อ 30. ข้อใดคือ ประชาสัมพันธ์ภายในองค์การ
ตอบ 3 หน้า 50, (คําบรรยาย) กิจกรรมประชาสัมพันธ์ภายในองค์การ คือ กิจกรรมที่สร้าง ความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถาบันกับกลุ่มมวลชนภายในองค์การ ได้แก่
1 กําหนดแผนงานประชาสัมพันธ์
2 ตั้งที่ติดต่อสอบถาม (Information)
3 ตั้งแผงปิดประกาศ
4 ออกวารสารข่าวภายใน เช่น แผ่นปลิวประชาสัมพันธ์ ฯลฯ
5 จัดงานพิเศษหรือสร้างสรรค์กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับมวลชนภายในองค์การ ฯลฯ

32 จากข้อ 30. สื่อมวลชนสัมพันธ์ คือข้อใด
ตอบ 2 หน้า 36, 323, (คําบรรยาย) สื่อมวลชนสัมพันธ์ หรือหนังสือพิมพ์สัมพันธ์ (Press Relations) หมายถึง วิธีการประชาสัมพันธ์ที่มุ่งสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจในวงการหนังสือพิมพ์และประสานงาน กับสื่อมวลชนต่าง ๆ เพื่อให้การเสนอข่าวหรือเนื้อหาของหนังสือพิมพ์และสื่อมวลชนนั้น เป็นประโยชน์แก่การสร้างความเข้าใจอันดีกับชุมชน

33 จินตภาพ หมายถึงอะไร
(1) สร้างภาพ
(2) มองเห็นเป็นภาพ
(3) ภาพในใจ
(4) ลีลาของภาพ
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 13. ประกอบ

34 จากข้อ 33. ข้อใดที่ไม่ส่งเสริม “การประชาสัมพันธ์” ในระยะยาว
ตอบ 1 (คําบรรยาย) ในปัจจุบันยุคสมัยการประชาสัมพันธ์แบบ “จัดฉากตีปี๊บ” คือ การสร้างภาพ ในลักษณะโฆษณาชวนเชื่อแล้วเผยแพร่ผ่านทางสื่อมวลชนได้หมดลงไปแล้ว ดังนั้นหลักสําคัญ ของงานประชาสัมพันธ์ในปัจจุบันซึ่งเป็นยุคโลกาภิวัตน์จึงเป็นแบบ “มีดีต้องตีปี๊บ” คือ มีสิ่งดี เกิดขึ้นในองค์การต้องเผยแพร่ผ่านทางสื่อมวลชน โดยต้องให้ข้อเท็จจริงกับประชาชนเท่านั้น

35 บุคคลใดเป็นผู้กล่าวว่า “The Public be damned” (ประชาชนโง่!) ทําให้อเมริกันชนโกรธ
(1) Ivy Lee
(2) William Van Derbilt
(3) John W. Hill
(4) Paul W. Garrett
ตอบ 2 หน้า 65 ในปี ค.ศ. 1879 สมัยที่นายวิลเลี่ยม แวน เดอร์บิลท์ (Wittiam Van Derbilt) เป็น ผู้อํานวยการรถไฟในนิวยอร์ก เขาได้ถูกนักข่าวถามว่าทําไมถึงเลิกรถไฟด่วนสายนิวยอร์กกับชิคาโก แต่นายวิลเลี่ยมตอบว่ากิจการรถไฟขาดทุน ไม่คุ้มกับรายจ่ายของบริษัท (ทั้งที่ความจริงแล้ว กิจการรถไฟขาดคุณภาพ บริการไม่ดี แต่จะเอากําไรมาก ๆ) และเขาได้ตอบนักข่าวไปอีกว่า “The Public be darnned” (ประชาชนนั้นโง่ ไม่มีความจําเป็นจะต้องรู้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ การบริหารงานขององค์การ) ซึ่งเมื่อคําพูดนี้เผยแพร่ออกไปก็ได้สร้างความโกรธแค้นให้ ชาวอเมริกันเป็นอย่างมาก

36 จากข้อ 35. “The Public be informed” ในยุคแสงสว่างของประชาสัมพันธ์ ใครเป็นผู้พูด
ตอบ 1 หน้า 66 – 67 ไอวี่ ลี (Ivy Lee) เป็นนักหนังสือพิมพ์ชาวอเมริกันที่ทําให้ความเชื่อเก่า ๆ ที่ว่า ประชาชนโง่เขลา ไม่จําเป็นต้องรู้อะไรเลย (The Public be damned) เปลี่ยนไปเป็นประชาชน ควรรู้ข่าวสารต่าง ๆ (The Public be informed) ซึ่งถือเป็นยุคแสงสว่างของการประชาสัมพันธ์ อย่างแท้จริง กล่าวคือ การทํางานจะมีประสิทธิภาพได้จะต้องได้รับความสนับสนุนจากประชาชน โดยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารอย่างจริงใจ ตรงไปตรงมา เพราะการปกปิดข้อมูลต่อประชาชนนั้นเป็นความคิดที่ผิด

37 จากข้อ 35. เหตุการณ์ดังกล่าวที่ทําให้เขาพูดได้เช่นนั้น คือเหตุการณ์อะไร
(1) นายทุนทํางานให้ผู้ถือหุ้นไม่ใช่ผู้สื่อข่าว
(2) กิจการรถไฟขาดคุณภาพ ขาดทุน แต่อยากได้กําไรสูง
(3) ไกล่เกลี่ยการประท้วงหยุดงานคนงานเหมืองถ่านหิน
(4) เสนอบริการข่าวแจกให้บรรณาธิการหนังสือพิมพ์
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 35. ประกอบ

38 คํากล่าว “The Public be informned” แสดงถึงความคิดใดต่อไปนี้
(1) การทํางานต้องได้รับความสนับสนุนจากประชาชน
(2) เปิดเผยข้อมูลข่าวสารตรงไปตรงมา จริงใจ ประชาชนย่อมสนับสนุน
(3) ปกปิดข้อมูลต่อประชาชนเป็นความคิดที่ผิด
(4) ข้อ 1, 2 และ 3
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 36. ประกอบ

39 บุคคลแรกที่ประกาศหลักการ “Declaration of Principles
(1) Ivy Lee
(2) Edward L. Bernays
(3) John W. Hill
(4) Paul W. Garrett

ตอบ 1 หน้า 67 ไอวี่ ลี (Ivy Lee) ได้ประกาศหลักการ (Declaration of Principles) ไว้ในจดหมายที่มี ไปถึงหนังสือพิมพ์ต่าง ๆ ว่า “สํานักงานของเราไม่ใช่สํานักงานสื่อข่าวที่มีกิจการลับ งานทุกอย่าง จะดําเนินการอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมา เรามีจุดประสงค์ที่จะเผยแพร่ข่าวสาร ไม่ใช่สํานักงาน รับจ้างทําการโฆษณา… รายละเอียดเพิ่มเติมเรายินดีส่งให้ทันทีและยินดีที่จะช่วยชี้แจงรายละเอียด ของเรื่องราวที่เป็นความจริงเสมอ กล่าวโดยย่อแผนงานของเราเปิดเผยทุกอย่าง…”

40 จากข้อ 39. ผู้ที่เรียกตัวเองว่า ที่ปรึกษาการโฆษณาเผยแพร่ (Publicity Man)
ตอบ 1 หน้า 69 ในระยะเวลาที่ไอวี่ ลี (Ivy Lee) ยังมีชีวิตอยู่ เขาไม่ได้ใช้คําว่า “การประชาสัมพันธ์” แต่เขาชอบเรียกตัวเองว่า “ที่ปรึกษาการโฆษณาเผยแพร่” (Publicity Man) ดังนั้นเขาจึงเป็น บุคคลแรกที่กําหนดใช้คําว่า “การโฆษณาเผยแพร่” (Publicity) กับคําว่า “การโฆษณาหรือ การแจ้งความ” (Advertising) เพื่อชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างกับคําว่า “การประชาสัมพันธ์” (Public Relations)

41 จากข้อ 39. ผู้ก่อตั้งสถาบันที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์อันดับ 1 ของโลกในยุคบุกเบิก
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 19. ประกอบ

42 จากข้อ 39. นักประชาสัมพันธ์บุกเบิกประชาสัมพันธ์ในธุรกิจรถยนต์ เจนเนอรัล มอเตอร์
ตอบ 4 หน้า 70 ในระยะปี ค.ศ. 1920 เป็นยุคที่การประชาสัมพันธ์แพร่หลายอย่างสูงสุดและเป็นที่ รู้จักกันโดยทั่วไป ซึ่งนักประชาสัมพันธ์ที่ช่วยบุกเบิกงานประชาสัมพันธ์เพื่อธุรกิจให้กับบริษัท รถยนต์ เจนเนอรัล มอเตอร์ คือ Paul W. Garrett

43 จากข้อ 39. ผู้ค้นพบว่าประชาสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับสถาบันการเมืองและประชามติ คือใคร
ตอบ 2 หน้า 70 Edward L. Bernays เป็นผู้ที่ได้ศึกษางานประชาสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งและพบว่า การประชาสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับสถาบันทางการเมือง โดยมีสาเหตุมาจากประชามติ (Public Opinion) ดังนั้นเขาจึงจัดพิมพ์หนังสือเล่มแรกในชีวิตชื่อว่า “Crystallizing Public Opinion” ขึ้น ในปี ค.ศ. 1923 และในปีเดียวกันนี้เขาก็ได้เปิดหลักสูตรบรรยายวิชาการประชาสัมพันธ์ขึ้น ที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ซึ่งนับว่าเป็นการเปิดบรรยายวิชาการประชาสัมพันธ์ขึ้นเป็นครั้งแรก ในระดับมหาวิทยาลัยของสหรัฐอเมริกา

44 จากข้อ 39. อาจารย์เปิดหลักสูตรการประชาสัมพันธ์แห่งแรกในมหาวิทยาลัย คือใคร
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 43. ประกอบ

45 หลักสูตรการประชาสัมพันธ์แห่งแรกเกิดขึ้นที่มหาวิทยาลัยใด
(1) นิวยอร์ก
(2) ฮาร์วาร์ด
(3) พรินส์ตัน
(4) รามคําแหง
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 43. ประกอบ

46 ข้อใดอธิบายถึง “1 แสนคนรู้ข่าวว่ารถไฟลอยฟ้าสายสีม่วงเปิดบริการให้ประชาชนขึ้นฟรี”
(1) Audience Coverage เข้าถึงประชาชน
(2) Audience Response ปฏิกิริยาของประชาชน
(3) Communication Impact ผลกระทบที่เกิดจากการสื่อสาร
(4) Process of Influence อิทธิพลของกระบวนการสื่อสาร

ตอบ 1 หน้า 184 Audience Coverage หมายถึง การเข้าถึงประชาชน หรือเข้ากับประชาชนได้ เป็นอย่างดี ถือเป็นความสําเร็จในการปฏิบัติการสื่อสาร ซึ่งผู้สํารวจจะต้องรู้ว่ากลุ่มประชาชน เป้าหมายมีจํานวนคนมากน้อยเท่าใด เขาเหล่านั้นมีลักษณะอย่างไร มีทัศนคติอะไรบ้าง และ อัตราส่วนของประชาชนที่ได้ดําเนินการสื่อสารนั้นเป็นอัตราส่วนเท่าใดของเป้าหมายที่ต้องการ

47 การประชาสัมพันธ์เปรียบเสมือนสะพาน หมายถึงข้อใด
(1) Two Way Communication
(2) Public Opinion
(3) Co-operate
(4) Voice of Population
ตอบ 1 หน้า 8, 11, (คําบรรยาย) ความหมายของการประชาสัมพันธ์ สรุปได้ดังนี้
1 การประชาสัมพันธ์เสมือนสะพานที่เชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างองค์การกับประชาชน ที่เกี่ยวข้อง โดยใช้การสื่อสารสองทาง (Two Way Communication)
2 การประชาสัมพันธ์เสมือนแสงสว่างที่ส่องให้ประชาชนมองเห็นองค์การ และองค์การมองเห็น ประชาชน โดยใช้ประชามติ (Public Opinion)
3 การประชาสัมพันธ์เสมือนน้ําในร่างกายที่ทําให้ทุกส่วนเคลื่อนไหวราบรื่น โดยใช้การประสาน ทุกฝ่ายเข้าด้วยกัน (Co-operate)

48 จากข้อ 47. อะไรเสมือนน้ำในร่างกายให้ทุกส่วนเคลื่อนไหวราบรื่นเช่นเดียวกับประชาสัมพันธ์
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 47. ประกอบ

49 จากข้อ 47. แสงสว่างส่องให้ประชาชนมองเห็นองค์การ องค์การเห็นประชาชน คือข้อใด
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 47. ประกอบ

50 ข้อใดเป็นเครื่องมือการสํารวจความคิดเห็นในการประชาสัมพันธ์
(1) แบบสอบถาม
(2) คูปองแลกสินค้า
(3) แบบรับสมาชิก
(4) อีเมลข่าวสารถึงลูกค้า
ตอบ 1 หน้า 203, (คําบรรยาย) แบบสอบถาม เป็นเครื่องมือการสํารวจความคิดเห็นในการวิจัย ประชาสัมพันธ์ โดยเป็นแบบการสํารวจท่าทีของประชาชนกลุ่มเป้าหมายว่าชอบหรือไม่ชอบ เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยอย่างไร ทั้งนี้การนําแบบสอบถามมาทดลองใช้กับประชากรหลายกลุ่ม จะทําให้ได้ทราบถึงปัญหาข้อบกพร่องที่เกิดขึ้น เพื่อหาทางแก้ไขได้อย่างสมบูรณ์

51 ข้อใดเป็นการทําชุมชนสัมพันธ์
(1) Big Cleaning Day ทําความสะอาดในเขตบ้านเรือนใกล้องค์การ
(2) Smart English สอนภาษาอังกฤษให้น้อง ๆ มัธยมศึกษา
(3) Warmly Blanket มอบผ้าห่มให้มูลนิธิเด็กอ่อน
(4) Thanks Press Meeting จัดเลี้ยงขอบคุณนักข่าวและบรรณาธิการทุกหน่วย
ตอบ 1 หน้า 346, (คําบรรยาย) ความสัมพันธ์ในชุมชน หรือชุมชนสัมพันธ์ หมายถึง การเสริมสร้าง ความเข้าใจ ความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันระหว่างองค์การหรือสถาบันกับชุมชน เป็นการให้ความสนใจ เอาใจใส่ถึงความต้องการและทัศนคติของสมาชิกทุกคนในชุมชน โดยชุมชนในที่นี้ หมายถึง กลุ่มมวลชนที่ได้พักพิงอาศัยอยู่ในท้องถิ่นเดียวกันหรือใกล้เคียงกันกับองค์การ ซึ่งตัวอย่างของ การทําชุมชนสัมพันธ์ ได้แก่ กิจกรรม Big Cleaning Day ทําความสะอาดในเขตบ้านเรือน ใกล้องค์การ เป็นต้น

52 ข้อใดเป็นสื่อเพื่อการประชาสัมพันธ์ทั้งภายในและภายนอก
(1) รายงานประจําปี
(2) อนุสาร
(3) วารสารข้าราชการ
(4) ทุกข้อที่กล่าว
ตอบ 4 หน้า 271 – 275, 279 – 280 ลักษณะที่สําคัญของเอกสารประชาสัมพันธ์ มีดังนี้
1 เอกสารเพื่อการประชาสัมพันธ์ภายใน เช่น วารสารพนักงาน วารสารผู้ถือหุ้น ฯลฯ
2 เอกสารเพื่อการประชาสัมพันธ์ภายนอก เช่น วารสารผู้บริโภค ฯลฯ
3 เอกสารเพื่อการประชาสัมพันธ์ทั้งภายในและภายนอก เช่น วารสารของข้าราชการ วารสารของสมาคม มูลนิธิ รายงานประจําปี อนุสาร (Booklets) ฯลฯ

53 วารสารผู้ถือหุ้น จัดเป็นสื่อเพื่อการประชาสัมพันธ์ประเภทใด
(1) สื่อภายใน
(2) สื่อภายนอก
(3) สื่อผสม
(4) สื่อภายในและภายนอก
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 52. ประกอบ

54 สิ่งที่มี “พลัง” สูงสุดในการประชาสัมพันธ์และได้ผลเวลาใช้ คืออะไร
(1) การแสดงออก
(2) การพูด
(3) การคิด
(4) การฟัง
ตอบ 2 หน้า 244, (คําบรรยาย) คําพูด (Spoken Words) เป็นสื่อที่สําคัญยิ่งของมนุษย์ซึ่งมีมาแต่กําเนิด และใช้กันอย่างแพร่หลายมากกว่าสื่อในการประชาสัมพันธ์อื่น ๆ ดังนั้นสื่อคําพูดจึงนับเป็น เครื่องมือในการสื่อสารเพื่องานประชาสัมพันธ์ที่เก่าแก่ที่สุดชนิดหนึ่ง จัดได้ว่าเป็นสื่อพื้นฐาน ของมนุษย์ที่ถูกนํามาใช้อย่างกว้างขวางและแพร่หลายมากที่สุด ทั้งนี้เพราะการพูดเป็นสิ่งที่มี พลังสูงสุดในการประชาสัมพันธ์และได้ผลเวลาใช้

ข้อ 55 – 63. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถามเกี่ยวกับสื่อเพื่อการประชาสัมพันธ์
(1) ประเภทวัสดุ (Audio Visual)
(2) ประเภทเครื่องมือ (Audio Visual Equipment)
(3) ประเภทกิจกรรม (Activity)
(4) ประเภทสื่อสารพบปะ (Meeting)

55 โปสเตอร์ “ขี่ตรง ไม่ขี่ย้อน” เป็นสื่อเพื่อประชาสัมพันธ์ประเภทใด
ตอบ 1 หน้า 242 – 245 สื่อเพื่อการประชาสัมพันธ์ที่น่าสนใจ มีดังนี้
1 ประเภทวัสดุ (Audio Visual) ได้แก่ กราฟ กระดานนิเทศ โปสเตอร์ ใบปลิว แผนที่ พิพิธภัณฑ์ ฟิล์มภาพยนตร์ ภาพถ่าย ฯลฯ
2 ประเภทเครื่องมือ (Audio Visual Equipment) ได้แก่ เครื่องฉายภาพยนตร์ เครื่องเล่นแผ่นเสียง เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์ ฯลฯ
3 ประเภทกิจกรรม (Activity) ได้แก่ นิทรรศการ การเล่นแบบละคร การสาธิต ฯลฯ
4 ประเภทสื่อสารพบปะ (Meeting) ได้แก่ การประชุม สัมมนา กล่าวสุนทรพจน์ ฯลฯ
56. ภาพยนตร์รณรงค์ “อ่านทวนก่อนสอบ” นับเป็นสื่อเพื่อประชาสัมพันธ์ประเภทใด
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 55. ประกอบ

57 กระดานนิเทศ (Bulletin Board) รณรงค์ “เรียนรู้ภาษาอังกฤษ & อาเซียน”
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 55. ประกอบ

58 เครื่องเล่นแผ่นเสียง (Record Player) ในร้านน้ําชา
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 55. ประกอบ

59 พิพิธภัณฑ์ (Museum) แสดงการก่อตั้งมหาวิทยาลัยรามคําแหง
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 55. ประกอบ

60 ใบปลิว บอกวันรับสมัครนักศึกษา
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 55. ประกอบ

61 การเล่นแบบละคร (Dramatization) ในโครงการเดินทางปลอดภัยวันสงกรานต์
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 55. ประกอบ

62 นิทรรศการ (Exhibition) “ลดขยะพลาสติกลดโลกร้อน”
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 55. ประกอบ

63 กล่าวสุนทรพจน์ (Speech) ของนายกรัฐมนตรี
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 55. ประกอบ

64 หลักการที่ก้าวไปสู่การเป็นนักพูดชํานาญการ คือข้อใด
(1) หลักผู้ฟังและโอกาสที่พูด
(2) หลักการแสดงต่อที่สาธารณะ
(3) หลักโน้มน้าวใจ
(4) หลักปฏิบัติคู่กับทฤษฎี
ตอบ 1 หน้า 251 หลักการที่ก้าวไปสู่การเป็นนักพูดชํานาญการหรือนักแสดงปาฐกถา มีดังนี้
1 หลักที่ว่าด้วยตัวผู้ฟังและโอกาสที่พูด
2 หลักที่ว่าด้วยตัวผู้พูดและจุดมุ่งหมายในการพูด

65. ขั้นตอนแรกของ 7 ขั้นการพูดสู่ความสําเร็จ คืออะไร
(1) วางแนวเรื่องที่จะพูด
(2) หาตัวอย่างสนับสนุน
(3) ซักซ้อมการพูด
(4) ค้นคว้าหาข้อมูล
ตอบ 4หน้า 251 – 252 ขั้นตอนสําคัญที่จะก้าวไปสู่การเป็นนักพูดที่ประสบความสําเร็จนั้น แบ่งออก เป็น 7 ขั้นตอน ดังนี้
1 ค้นคว้าหารายละเอียดข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่จะพูดมาให้มากที่สุด
2 วางแนวเรื่องที่จะพูด
3 ค้นหาตัวอย่างมาเป็นข้อสนับสนุน
4 เตรียมข้อความเริ่มต้นหรือการแนะนําตัว
5 การสรุปความตอนจบ
6 การซักซ้อมพูดเพื่อให้เกิดความชํานาญ
7 ขึ้นเวทีแสดงปาฐกถาจริง ๆ

66 ข้อใดทําให้ท่าน/องค์การดูแย่ในโอกาสกล่าวสุนทรพจน์เพื่อประชาสัมพันธ์องค์การ
(1) พูดสุนทรพจน์สั้น ๆ
(2) หาโอกาสจัดประชุมกล่าวสุนทรพจน์
(3) ใช้วิธีการหลอกลวงผู้ฟัง
(4) แสดง/พูดตามบุคลิกของตัวเอง
ตอบ 3 หน้า 259, (คําบรรยาย) สิ่งที่ไม่ควรทําในการใช้การพูดเพื่อประชาสัมพันธ์องค์การ คือ
1 ให้การพูดผิดพลาดเกิดขึ้น โดยขาดการพิจารณาถึงความต้องการและทัศนคติของผู้ฟัง
2 พูดไปผิด ๆ โดยไม่มีการเตรียมตัวให้พร้อม
3 ลืมกล่าวสรุปความโดยย่อทุกตอนที่สําคัญ
4 ใช้วิธีการหลอกล่อหรือโกหกหลอกลวงผู้ฟัง ฯลฯ

67 ข่าวประชาสัมพันธ์มีลักษณะพิเศษดังนี้
(1) ข่าวภายใน ข่าวภายนอก
(2) ข่าวภาพ ข่าวเนื้อหา
(3) ข่าวไม่ได้คาดการณ์ไว้ก่อน ข่าวเตรียมการล่วงหน้า
(4) ข่าวเกี่ยวกับหน่วยงาน ข่าวเสริมภาพลักษณ์หน่วยงาน
ตอบ 3 หน้า 144, 267, 329 ลักษณะพิเศษของข่าวประชาสัมพันธ์ แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ
1 ข่าวที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้คาดการณ์ไว้ก่อน หรือไม่ได้คาดหวังว่าจะเกิดขึ้น มักเป็นข่าวในกรณี อุบัติเหตุและฉุกเฉิน ซึ่งจะปรากฏขึ้นอย่างฉับพลันหรือไม่คาดคิด เช่น เกิดระเบิด น้ําท่วม แผ่นดินไหว พายุรุนแรง ไฟไหม้ และภัยพิบัติต่าง ๆ ฯลฯ
2 ข่าวที่ได้เตรียมการดําเนินงานไว้ล่วงหน้า ซึ่งจะถูกนํามาเขียนเป็นข่าวประชาสัมพันธ์บ่อยมาก เช่น ข่าวการจัดประชุม ข่าวกิจกรรมพิเศษของสถาบัน ภาพข่าวแนะนําผลิตภัณฑ์ใหม่ ฯลฯ

68 “ภาพข่าวสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดใช้งานง่าย ราคาไม่แพง” เกี่ยวกับคําตอบในข้อ 67. ข้อใด
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 67. ประกอบ

69 ความสําคัญของการเขียนข่าวประชาสัมพันธ์ ได้แก่ข้อใด
(1) ข้อมูลถูกต้องและน่าสนใจ
(2) เป็นเหตุการณ์ของหน่วยงาน
(3) อนุญาตให้มีความเห็นส่วนตัวในข่าว
(4) ทุกข้อข้างต้นที่กล่าวมา
ตอบ 4หน้า 268 – 269, (คําบรรยาย) ความสําคัญของการเขียนข่าวประชาสัมพันธ์ มีดังนี้
1 ข่าวนั้นต้องเป็นเหตุการณ์ของหน่วยงานหรือสถาบัน
2 ควรเป็นข่าวสดใหม่ และทันต่อเหตุการณ์
3 ข้อมูลข่าวควรมีความถูกต้องและน่าสนใจ
4 ข้อเขียนที่เป็นการแสดงความคิดเห็นที่ดีควรเป็นข้อคิดในเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะเพียงเรื่องเดียว
5 เขียนข่าวโดยปราศจากอคติ ฯลฯ

70 การใช้สื่อเพื่อการประชาสัมพันธ์ต้องคํานึงถึงเรื่องใด
(1) ตรงกลุ่มเป้าหมาย
(2) ผลสัมฤทธิ์ในการสื่อสาร
(3) งบประมาณ
(4) ถูกทุกข้อ
ตอบ 4 หน้า 241, (คําบรรยาย) การเลือกใช้สื่อเพื่อการประชาสัมพันธ์ต้องพิจารณาถึงสิ่งต่าง ๆ ดังนี้
1 จุดประสงค์ที่จะใช้สื่อ
2 ตรงกับผู้รับสารกลุ่มเป้าหมายหรือไม่ โดยคํานึงถึงความสามารถ รับรู้ของผู้รับสาร และความนิยมของสังคมนั้น
3 สถานการณ์ในช่วงเวลาที่ใช้สื่อ
4 งบประมาณ
5 ผลสัมฤทธิ์ในการสื่อสารที่ต้องการภายหลัง ฯลฯ

71 การเขียนโครงการเพื่อประชาสัมพันธ์ให้บรรลุเป้าหมายต้องมีสิ่งใด
(1) วัตถุประสงค์ชัดเจน
(2) งบประมาณเพียงพอ
(3) ใช้สื่อตรงกับกลุ่มเป้าหมาย
(4) ต้องใช้ทุกข้อดังกล่าว
ตอบ 4หน้า 129 – 130) (คําบรรยาย) หัวใจของการวางแผนในการเขียนโครงการเพื่องานประชาสัมพันธ์ ให้บรรลุเป้าหมาย มีดังนี้
1 กําหนดจุดมุ่งหมายหรือวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน
2 กําหนดกลุ่มเป้าหมายหลัก/กลุ่มเป้าหมายรอง (Themes/Big Idea)
3 กําหนดหัวข้อประชาสัมพันธ์
4 กําหนดจังหวะหรือช่วงเวลาที่เหมาะสม
5 กําหนดใช้สื่อให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย
6 กําหนดงบประมาณให้เพียงพอ

72 ประชามติ หมายถึงอะไร
(1) ความเห็นของคนจํานวนมาก
(2) ความรู้สึกทั้งบวกและลบเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
(3) ความรู้สึกนึกคิดที่แสดงออกของมวลชนต่อเหตุการณ์สําคัญ
(4) ความชอบและไม่ชอบของมวลชนต่อปัญหาต่าง ๆ
ตอบ 3 หน้า 197 ประชามติ (Public Opinion) หมายถึง ทัศนคติหรือความรู้สึกนึกคิดของมวลชนที่ได้ แสดงออกต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ปัญหาใดปัญหาหนึ่งที่มีความสําคัญต่อสังคมโดยรวม หรือเหตุการณ์ใด เหตุการณ์หนึ่งโดยเฉพาะ และตัวเองย่อมมีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีผลได้ผลเสียร่วมอยู่ด้วย

73 ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับเงื่อนไขการเกิดประชามติ
(1) ปัญหาเรียกความสนใจของมวลชน
(2) เวทีแสดงความคิด
(3) ผู้นําทางจิตวิญญาณ
(4) รัฐบาล
ตอบ 1หน้า 197 ประชามติจะก่อตัวขึ้นเมื่อมีเงื่อนไข ดังนี้
1 ต้องมีปัญหาที่เรียกร้องความสนใจ ของประชาชนทั่วไปเกิดขึ้น
2 ความรอบรู้และประสบการณ์ของผู้เสนอข้อคิดเห็น
3 ระเบียบกฎหมายและสังคมเปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็น
4 ความหนาแน่นของประชาชน
5 อุปกรณ์การสื่อสาร
6 มาตรการทางสังคมและตัวบทกฎหมาย

74 ใครเป็นผู้ชี้ให้เห็นว่า “ประชามติกับประชาสัมพันธ์” เกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิด
(1) รองศาสตราจารย์วิรัช สภิรัตนกุล
(2) รองศาสตราจารย์วัฒนา พุทธางกูรานนท์
(3) Ivy Lee
(4) Albert Sullivan
ตอบ 3 หน้า 199 ไอวี่ ลี (Ivy Lee) เป็นผู้ชี้ให้เห็นว่า “ประชามติกับงานประชาสัมพันธ์” มีความสัมพันธ์ เกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิด โดยนักประชาสัมพันธ์ต้องรับรู้ถึงปฏิกิริยา ความคิดเห็น ท่าที เจตนารมณ์ ตลอดจนความต้องการของประชาชนโดยส่วนรวม เพื่อหาทางตอบสนองประชามติ หรือความต้องการในสิ่งที่ถูกทีชอบของเขาเหล่านั้น ซึ่งถือเป็นหลักสําคัญยิ่งของการปฏิบัติการของงานประชาสัมพันธ์

75 “ประชามติ” เรียกอีกอย่างว่าอะไร
(1) เสียงของมวลชน
(2) มติมหาชน
(3) การลงคะแนนเสียง
(4) การสํารวจเสียงประชาชน
ตอบ 2 หน้า 198 ประชามติเป็นข้อคิดเห็นเพื่อแก้ปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งประชามติจะยังไม่เกิดขึ้น จนกว่าจะมีคนนําความรู้และข้อคิดเห็นนั้นเผยแพร่ต่อ ๆ ไปยังบุคคลอื่น โดยอาศัยวิธีการถ่ายทอด ซึ่งถ้าข้อคิดเห็นนั้น ๆ เป็นที่ยอมรับจึงเรียกว่า “ประชามติ” หรือเรียกอีกอย่างว่า “มติมหาชน”

76 เราจะยึดถือประชามติตลอดไปได้หรือไม่ เพราะอะไร
(1) ได้ เพราะนั่นคือเสียงของประชาชนส่วนรวม
(2) ได้ เพราะทุกคนมีมติเห็นชอบในปัญหาร่วมกัน
(3) ไม่ได้ เพราะเป็นความเห็นของกลุ่มคนส่วนหนึ่งเท่านั้น
(4) ไม่ได้ เพราะความรู้สึกนึกคิดของคนไม่ใช่สิ่งที่คงทนแน่นอน
ตอบ 4 หน้า 199, (คําบรรยาย) ประชามติไม่ใช่สิ่งที่จะยึดถือได้ตลอดไป เพราะไม่ใช่สิ่งที่มีอยู่อย่าง คงทนแน่นอน แต่เป็นเพียงความรู้สึกนึกคิด ความเชื่อถือ ซึ่งอาจจะมีเหตุผลหรืออาจเป็น ความเข้าใจผิดหรือหลงผิดไปบางขณะก็ได้ จึงอยู่ในดุลพินิจหรือความรับผิดชอบของนักประชาสัมพันธ์ที่จะชี้แนะหรือปรับปรุงแก้ไขประชามติไปในทางที่ถูกต้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ด้วยจิตใจที่เป็นกลาง

77 วิธีการรวบรวมเสียงประชามติ ได้แก่วิธีใด
(1) ลงคะแนนเสียง
(2) สํารวจในชั้นเรียน
(3) โทรศัพท์เข้ามาในรายการวิทยุ
(4) ส่งไปรษณียบัตรถึงหน่วยงาน
ตอบ 1 หน้า 201 วิธีการรวบรวมเสียงประชามติหรือเสียงจากประชาชนมีอยู่ 4 วิธี คือ
1 การลงคะแนน (Votes)
2 วิเคราะห์เสียงแสดงความคิดเห็นจากสื่อมวลชนอื่น ๆ
3 ตั้งหน่วยรับฟังความคิดเห็น
4 ออกไปสอบถามและบันทึกความคิดเห็นของประชาชนแต่ละคน

78 ข้อใดเป็นการสํารวจทางอ้อมเพื่อประชามติ
(1) สัมภาษณ์แบบเผชิญหน้า
(2) สํารวจทัศนคติ
(3) หน่วยรับความคิดเห็นถามปัญหา
(4) เข้าถึงผู้นําทางความคิด
ตอบ 4 หน้า 201 – 203, (คําบรรยาย) การสํารวจประชามติ แบ่งออกเป็น 2 แบบ ดังนี้
1 การสํารวจทางตรง คือ การตรวจสอบประชามติไปยังกลุ่มประชาชนโดยตรง เช่น การลงคะแนน (Votes), การตั้งหน่วยรับฟังความคิดเห็น, การสัมภาษณ์แบบเผชิญหน้า การสํารวจทัศนคติทางโทรศัพท์, การที่แฟนบอลส่งไปรษณียบัตรทายผลฟุตบอลโลก ฯลฯ
2 การสํารวจทางอ้อม คือ การตรวจสอบประชามติจากข้อมูลที่มีผู้ทําไว้ก่อนแล้ว เช่น การตรวจสอบจากข่าว บทวิจารณ์ ตําราวิชาการต่าง ๆ, การวิเคราะห์เสียงแสดง ความคิดเห็นจากสื่อมวลชน, การเข้าถึงผู้นําทางความคิด ฯลฯ

79 การลงคะแนนเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ เป็นการรวบรวมประชามติแบบใด
(1) สํารวจทางตรง
(2) สํารวจทางอ้อม
(3) สํารวจใกล้ชิด
(4) สํารวจผ่านเครื่องมือ
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 78. ประกอบ

80 จากข้อ 79. แฟนบอลส่งไปรษณียบัตรทายผลทีมฟุตบอลโลกชิงชนะเลิศ จัดเป็นประชามติในรูปแบบใด
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 78. ประกอบ

81 ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับประชามติมีความสําคัญต่อองค์การ
(1) ประชามติเป็นกระจกส่ององค์การ
(2) ข้อมูลจากประชามติครั้งเดียวใช้กับการตัดสินใจได้ตลอด
(3) ใช้ประชามติเป็นเครื่องมือสื่อสารกับคนในองค์การ
(4) ประชามติสามารถประยุกต์ใช้กับการตลาดเท่านั้น
ตอบ 1 หน้า 107, (คําบรรยาย) ประชามติเปรียบเหมือนกระจกส่ององค์การ เพราะประชามติจะ สะท้อนภาพความรู้สึกนึกคิดของประชาชนที่มีต่อองค์การให้เห็นอย่างเด่นชัด ในทํานองเดียวกัน กระจกอันนั้นย่อมสะท้อนกลับถึงพฤติกรรมขององค์การว่ามีผลกระทบต่อมวลชนอย่างไรบ้าง

ข้อ 82 – 85. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถามเกี่ยวกับการทําประชาสัมพันธ์
(1) วิจัยและรับฟัง
(2) วางแผนการสื่อสาร
(3) ติดต่อสื่อสาร
(4) ประเมินผล

82 ขั้นแรกของการทําประชาสัมพันธ์ คือข้อใด
ตอบ 1 หน้า 99 – 101, 106 -107, (คําบรรยาย) ขั้นการวิจัยและรับฟัง (Research Listening) ถือเป็นขั้นแรกของการทําประชาสัมพันธ์ โดยเป็นขั้นตอนของการสํารวจดูตัวเองเพื่อแก้ไข ข้อผิดพลาดที่เราไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตนเอง และรับฟังข้อมูลย้อนกลับตามแนวทางของ การติดต่อสื่อสารแบบยุคลวิถี จึงเป็นขั้นของการค้นหาว่า “ปัญหาของเราคืออะไร” เช่น บริษัทผลิตนม Opinion Research Corporation สํารวจความคิดเห็นของประชาชนว่า มีทัศนคติอย่างไรต่อบริษัท หลังจากบริษัทถูกฟ้องข้อหาผูกขาดการผลิตนม เป็นต้น

83 การเลือกใช้สื่อป้ายไวนิลเพื่อให้ข้อมูลประชาชน อยู่ในขั้นตอนใด
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 71. ประกอบ

84 บริษัท Opinion Research Corporation สํารวจความคิดเห็นของประชาชน หลังบริษัทถูกฟ้องข้อหา ผูกขาดการผลิตนม เหตุการณ์นี้อยู่ในขั้นตอนใด
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 82. ประกอบ

85 การรับฟังข้อมูลย้อนกลับ เกี่ยวข้องกับกระบวนการข้อใด
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 82. ประกอบ

ข้อ 86. – 90. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถามเกี่ยวกับกระบวนการประชาสัมพันธ์
(1) ขั้นการวิจัย
(2) ขั้นวางแผน
(3) ขั้นปฏิบัติการ
(4) ขั้นประเมินผล

86 “สํารวจตัวเองเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาด” ควรอยู่ในขั้นตอนใดของการทําประชาสัมพันธ์
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 82. ประกอบ

87 การบริหารภาวะวิกฤติของสายการบิน Nok จะแก้ไขได้ดี เมื่อทําเช่นไร
ตอบ 2 หน้า 133, 144, (คําบรรยาย) แนวความคิดในการวางแผนประชาสัมพันธ์มีอยู่ 2 ระยะ คือ
1 การวางแผนระยะสั้น เหมาะสําหรับแผนงานที่ใช้เวลาไม่นาน (3 – 6 เดือน หรือ 1 ปี) อาจเป็นโครงการพิเศษ หรือโครงการที่ต้องการคําตอบโดยรีบด่วน ได้แก่ การวางแผนงาน ในกรณีเกิดภาวะวิกฤติหรือเกิดอุบัติเหตุและฉุกเฉิน การจัดงานพิธี งานประกวด การแข่งขันกีฬา การชักชวนให้มาสมัครเรียนตามระยะเวลาที่กําหนด ฯลฯ
2 การวางแผนระยะยาว เหมาะสําหรับโครงการที่มีรายละเอียดมากมายหลายขั้นตอน ถือเป็น งานสําคัญยิ่งของสถาบัน เป็นงานที่กว้างขวางและไม่มีที่สิ้นสุด (5 – 10 ปีขึ้นไป) ซึ่งข้อมูล ที่ได้รับจะเป็นแนวทางค้นคว้าและวิเคราะห์สภาพปัญหาของการวางแผนในครั้งต่อ ๆ ไป

88 Boomerang Effect เกิดขึ้นเมื่อวิเคราะห์ปฏิกิริยาผู้ชมภาพยนตร์ อยู่ในขั้นตอนใด
ตอบ 4 หน้า 176, 178 – 179 ขั้นการประเมินผล (Evaluation) มีอยู่ 2 วิธีการ คือ
1. Pre-testing เป็นการวัดผลล่วงหน้าก่อนที่จะดําเนินการตามแผนประชาสัมพันธ์เพื่อป้องกัน การเกิด “Boomerang Effect” หมายถึง ผลกระทบย้อนกลับที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติการ สื่อสารที่ผิดพลาดหรือล้มเหลว และยังส่งผลต่อเนื่องกลับมาหาผู้ส่งสารในทางที่มีผลเสียหาย หรือมีผลร้ายมากกว่าผลดี
2 Post-testing เป็นการวัดผลภายหลังปฏิบัติการประชาสัมพันธ์ตามแผนไปแล้ว เพื่อปรับปรุง แผนงานให้เหมาะสมยิ่งขึ้น

89 การวัดผลหลังปฏิบัติการประชาสัมพันธ์แล้ว อยู่ในขั้นตอนใด
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 88. ประกอบ

90 George Creet ใช้ทฤษฎีรูปตัว T เพื่อขอความสนับสนุนจากพันธมิตรช่วงสงคราม เกี่ยวข้องกับข้อใด ตอบ 3 หน้า 149, 156 – 158 ขั้นปฏิบัติการ (Action) จะต้องอาศัยกระบวนการติดต่อสื่อสาร (Communication) เป็นหลักสําคัญที่จะนําไปสู่การปฏิบัติการที่ได้รับผลสมบูรณ์ โดยได้ กล่าวถึงทฤษฎีการติดต่อสื่อสารที่สําคัญ ได้แก่

1. ทฤษฎีการติดต่อแบบสองทิศทาง (The Two-step Flow Theory) ซึ่งได้รับความสนใจ มาตั้งแต่สมัยที่ไอวี่ ลี (Ivy Lee) ได้ทําการบุกเบิกวิชาการประชาสัมพันธ์
2. ทฤษฎีรูปตัว T ซึ่งผู้อํานวยการประชาสัมพันธ์ของรัฐบาลสหรัฐฯ คือ George Creet ได้นํามาใช้ เพื่อขอความร่วมมือสนับสนุนจากประเทศในเครือสัมพันธมิตรในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 ฯลฯ

91 เดล คาร์เนกี เสนอขายความคิดด้วยวิธีการชนะมิตรและจูงใจคนไว้อย่างไร
(1) ให้โอกาสคนรักษาหน้า
(2) ทําเท่ากับพูด
(3) พูดดีกว่าทํา
(4) ให้แนวทางเป็นมิตร
ตอบ 1 หน้า 140 – 141 เดล คาร์เนกี ได้เสนอการขายความคิดโดยวิธีชนะมิตรและจูงใจคนไว้ ดังนี้
1 ให้โอกาสเขารักษาหน้า โดยพยายามพูดตะล่อมความคิดให้เข้าจุดที่เราต้องการ เพื่อให้เขารู้สึกว่า ความคิดนั้นเป็นของเขา แต่ถ้าความคิดในการแก้ปัญหานั้นตรงกับสิ่งที่เราคิดเอาไว้ก็ให้รีบยอมรับทันที
2 อ้างความรู้ทางเทคนิคหรือวิชาการ
3 สร้างเครดิตและความเป็นผู้นําให้น่าเชื่อถือ
4 ในกรณีที่ไม่มีเวลาพอและเป็นเรื่องรีบด่วน ให้ใช้วิธีออกคําสั่งเพื่อให้ปฏิบัติตาม

92 ข้อใดเป็น Fact Finding
(1) เข้าห้องสมุดมหาวิทยาลัยรามคําแหงค้นหาข้อมูล
(2) ชุมชนยื่นข้อเสนอให้องค์การ
(3) รายการทีวีสัมภาษณ์ผู้บริหาร
(4) ประชุมผู้ถือหุ้น
ตอบ 1หน้า 110 Fact Finding คือ การรวบรวมข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับสถาบัน โดยจะมีหน่วยงาน ของตนเองที่เรียกว่า Fact File เป็นแหล่งของข้อมูลและหลักฐานต่าง ๆ ที่ได้รวบรวมไว้เป็น หมวดหมู่ อาจอยู่ในรูปของห้องสมุดขนาดย่อมที่เรียกว่า “ห้องสมุดเฉพาะ หรือห้องสมุดของ องค์การ” ซึ่งมีลักษณะเป็นที่สะสมตํารา เอกสารวิชาการ เอกสารข่าว และข้อมูลอ้างอิงอื่น ๆ ดังนั้นหน่วยงานนี้จึงเป็นเหมือนกับศูนย์กลางของข่าวสารสถาบันที่หน่วยงานอื่น ๆ ในสถาบันสามารถพึ่งพาอาศัยสอบถามได้ตลอดเวลา

93 การเลือกกลุ่มตัวอย่างอย่างง่าย โดยที่ทุกคนมีโอกาสเท่ากันที่จะเป็นตัวอย่างในการสอบถามข้อมูล
เรียกอีกอย่างว่าอะไร
(1) Quota Sample
(2) Probability Sample
(3) Non–probability Sample
(4) Area Sample
ตอบ 2 หน้า 120, (คําบรรยาย) Probability Sample หมายถึง การเลือกกลุ่มบุคคลที่จะมาเป็น กลุ่มตัวอย่างอย่างง่าย ซึ่งจะใช้วิธี Random คือ ไม่มีกฎเกณฑ์ที่แน่นอน โดยทุกคนมีโอกาส เท่ากันที่จะเป็นตัวอย่างในการสอบถามข้อมูล

94 นักประชาสัมพันธ์ทําหน้าที่อะไรบ้าง
(1) ให้คําปรึกษาผู้บริหาร
(2) วางแผนการสื่อสาร
(3) สร้างความเชื่อถือศรัทธา
(4) ถูกทุกข้อ
ตอบ 4 หน้า 83, 97 – 98, (คําบรรยาย) หน้าที่ของนักประชาสัมพันธ์โดยตรง คือ เป็นผู้ที่ให้คําปรึกษา แนะนําแก่ผู้บริหาร ผู้ร่วมงาน ตลอดจนสร้างความเข้าใจอันดีและความเชื่อถือศรัทธากับประชาชน ที่เกี่ยวข้องกับสถาบันทั้งทางตรงและทางอ้อม นอกจากนี้ยังทําหน้าที่วางแผนประชาสัมพันธ์ สํารวจวิจัย ปฏิบัติการสื่อสาร และประเมินผลงานประชาสัมพันธ์

95 ทําไมต้องวิจัยเพื่อทําประชาสัมพันธ์
(1) เน้นคุณค่าการรับฟังและสื่อสารแบบยุคลวิถี
(2) ส่องกระจกดูตัวเองรู้ปัญหา
(3) ช่วยรายงานข่าวกรองต่อผู้บริหาร
(4) ทุกข้อที่กล่าวข้างต้น
ตอบ 4 หน้า 102 – 109, (คําบรรยาย) สาเหตุที่ต้องมีการวิจัยเพื่อทําประชาสัมพันธ์ มีดังนี้
1 การวิจัยโดยวิธีทางสังคมศาสตร์จะให้คําตอบที่สังเกตได้ชัดเจน ผู้คนยอมรับ และเป็น
หลักฐานมั่นคงเชิงประจักษ์
2 การวิจัยทําให้สามารถนําความรู้จากข้อมูลมาใช้ประโยชน์ได้โดยตรงและถูกต้อง
3 การวิจัยเน้นคุณค่าของการรับฟังและการสื่อสารแบบยุคลวิถี
4 การวิจัยทําให้สถาบันมีโอกาสส่องกระจกดูตัวเองเพื่อให้รู้ปัญหา
5 การวิจัยช่วยรายงานข่าวกรองเสนอต่อผู้บริหารระดับสูง ฯลฯ

96 ข้อใดเป็นวิจัยไม่เป็นทางการเพื่อทํางานประชาสัมพันธ์
(1) วิจัยทางวิทยาศาสตร์
(2) พูดคุยติดต่อขอคําปรึกษากับบุคคลต่างๆ
(3) วิจัยผู้บริโภคติดต่อกันหลายครั้ง
(4) วิเคราะห์เนื้อหาสาระข่าวสารจากสื่อ

ตอบ 2 หน้า 114 – 116, (คําบรรยาย) วิธีการวิจัยอย่างไม่เป็นทางการ มีดังนี้
1 การติดต่อส่วนตัว (Personal Contacts) หรือพูดคุยติดต่อขอคําปรึกษากับบุคคลต่าง ๆ
2 การรวบรวมความคิดเห็นและการแลกเปลี่ยนสนทนากัน (Idea Juries Panels)
3 การวิเคราะห์ทางไปรษณีย์ (Mail Analysis)
4 การเสนอข่าวสารผ่านสื่อมวลชน (Media Reports)
5.การใช้บันทึกการขาย (Sale Record) ฯลฯ

97 ข้อใดเป็นการวางแผนประชาสัมพันธ์ระยะสั้น
(1) รณรงค์ไม่มีคอร์รัปชั่น
(2) ชวนให้แม่บ้านเลิกใช้ถุงพลาสติก
(3) รณรงค์แก้ปัญหาจราจรไม่ขี่ย้อนศร
(4) ชวนให้นักเรียนมาสมัครเรียนรามคําแหง
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 87. ประกอบ

98 ข้อใดเป็นจุดมุ่งหมายของการวางแผนประชาสัมพันธ์เพื่อ “ก่อ” หรือสร้าง
(1) บริษัทปากกามาร์คเกอร์จัดโครงการ Penfriend Prograrn เขียนจดหมายหากัน
(2) ธนาคารโคลัมเบียรับคนผิวดําทํางาน แก้ปัญหาผิวสี
(3) บริษัท G.C. Reitinger รับผิดชอบผู้บาดเจ็บเสียชีวิตจากการระเบิด
(4) บริษัท V.K. แก้ไขรายงานการผลิตรถยนต์ปล่อยควันพิษลดลง
ตอบ 1 หน้า 55, 134, (คําบรรยาย) ความมุ่งหมายของงานประชาสัมพันธ์มีอยู่ 2 ประเภท คือ
1 เพื่อสร้างความนิยม (Goodwill) คือ การประชาสัมพันธ์เชิงรุกที่แสดงออกให้ประชาชน เห็นถึงการดําเนินกิจการของสถาบัน เพื่อก่อหรือสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างประชาชน กับสถาบัน เช่น บริษัทปากกามาร์คเกอร์จัดโครงการ Penfriend Program เขียนจดหมาย หากัน, การจัดกิจกรรมช่วยเหลือสังคม หรือกิจกรรมพิเศษต่าง ๆ ฯลฯ
2 เพื่อป้องกันชื่อเสียง (Reputation) คือ การประชาสัมพันธ์เชิงรับที่พยายามขจัดความขัดแย้ง ต่าง ๆ อันจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดแก่ประชาชน ดังที่ Sam Black ได้กล่าวว่า “การประชาสัมพันธ์ คือ การกระทําเพื่อค้นหาและทําลายเสียซึ่งที่มาของความเข้าใจผิด” เช่น การแถลงข่าวแสดงความเสียใจเมื่อเกิดวิกฤติการณ์ร้ายแรงในองค์การ ฯลฯ

99 การบอกว่าคุ้มค่าเงินหรือไม่ในการประชาสัมพันธ์ คือการยอมรับอะไร
(1) การวางแผน
(2) การติดต่อสื่อสาร
(3) การวิจัย
(4) การประเมิน
ตอบ 4 หน้า 173 – 174 การประเมินผลการวิจัย เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการทําประชาสัมพันธ์ โดยเป็นขั้นของการประเมินค่าหรือสรุปผลการดําเนินงานการใช้เครื่องมือต่าง ๆ ตามแผน การประชาสัมพันธ์ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ได้ผลดีหรือมีผลเสียต่อสถาบันอย่างไร และสถาบันได้รับผลตอบแทนคุ้มค่าเงินที่ได้อนุมัติเพื่อโครงการประชาสัมพันธ์หรือไม่

100 Goodwill หมายถึงความมุ่งหมายประชาสัมพันธ์ในข้อใด
(1) ป้องกันชื่อเสียง
(2) สร้างภาพลักษณ์
(3) สร้างความนิยม
(4) เสริมความแข็งแกร่งให้องค์การ
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 98. ประกอบ

CDM2402 MCS2150 MCS2100 การประชาสัมพันธ์เบื้องต้น s/2557

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2557
ข้อสอบกระบวนวิชา MCS2150 (MCS2100) การประชาสัมพันธ์เบื้องต้น
คําสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคําตอบเดียว

1 นักประชาสัมพันธ์ต้องใช้ทักษะด้านใดในการสื่อสารที่ดี
(1) การใช้ใบหน้าที่ขาวสะอาด
(2) ใช้ภาษาที่ถูกต้อง
(3) การใช้การเขียน
(4) การใช้การพูด
(5) การใช้ความคิด
ตอบ 2 หน้า 234 – 235, (คําบรรยาย) คุณสมบัติอันจําเป็นของนักประชาสัมพันธ์ด้านความรู้ มีดังนี้
1 มีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับงานด้านสื่อมวลชน
2 มีทักษะในการติดต่อสื่อสารที่ดี คือ การใช้ภาษาที่ถูกต้อง เช่น การเขียน การพูด การสนทนา ฯลฯ
3 มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องประชามติ การตลาด เศรษฐกิจ สังคม ฯลฯ
4 มีทัศนคติที่ดีต่อองค์กร เชื่อมั่นและเข้าใจงานประชาสัมพันธ์ ฯลฯ

2 หน้าที่หลักสําคัญของนักประชาสัมพันธ์ คือ
(1) ทักษะการเขียนถูกต้อง
(2) การเขียนข่าวแจก
(3) การเขียนรายงานข่าว
(4) การเผยแพร่บทความวิชาการ
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 หน้า 85 ภาระหน้าที่หลักของนักประชาสัมพันธ์ประการหนึ่ง ได้แก่ การเขียน (Writing) คือ มีทักษะในการเขียนที่ถูกต้อง เช่น การเขียนรายงานข่าว การเขียนข่าวแจก (News Release) เอกสารเผยแพร่บทความทางวิทยุและโทรทัศน์ การปาฐกถา บทภาพยนตร์ของสถาบัน วารสาร หนังสือ การเผยแพร่บทความทางวิชาการและทางเทคนิคอื่น ๆ ฯลฯ

3 การติดต่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันกับผู้สื่อข่าว จัดเป็น…….ของนักประชาสัมพันธ์
(1) ภาพลักษณ์
(2) ภาระหน้าที่
(3) ขอบเขตสถาบัน
(4) การสื่อสาร
(5) ผิดทุกข้อ
ตอบ 2หน้า 85 ภาระหน้าที่หลักของนักประชาสัมพันธ์ประการหนึ่ง ได้แก่ การติดต่อสื่อสาร (Placement) คือ การติดต่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันกับผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ตลอดจนวารสาร อนุสาร หนังสือพิมพ์ฉบับพิเศษ บรรณาธิการข่าวพาณิชย์ และอื่น ๆ เพื่อ ศึกษาถึงนโยบาย ลักษณะการดําเนินงาน จํานวนจําหน่าย ความสนใจ และมวลชนเป้าหมาย ของสื่อมวลชนดังกล่าว ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความร่วมมือร่วมใจกันในการดําเนินงานประชาสัมพันธ์ ให้ได้รับผลอย่างสมบูรณ์

4 การจัดงานเลี้ยงขอบคุณสื่อมวลชน สัมพันธ์กับข้อใด
(1) การติดต่อสื่อมวลชน
(2) การจัดทําข่าว
(3) การส่งเสริมเผยแพร่ในโอกาสพิเศษ
(4) เปิดตัวสื่อมวลชน
(5) การสร้างความสัมพันธ์กับผู้สื่อข่าว
ตอบ 3หน้า 85, 303 – 308 การส่งเสริมเผยแพร่ (Promotion) หมายถึง การจัดงานในกรณีพิเศษ หรือในโอกาสพิเศษเพื่อผลงานประชาสัมพันธ์ หรือเพื่อช่วยส่งเสริมเผยแพร่ชื่อเสียงเกียรติคุณของสถาบัน เช่น การจัดเฉลิมฉลองวันครบรอบปี วันสัปดาห์หรือเดือนพิเศษ การเปิดให้ชมกิจการ การจัดแสดงต่าง ๆ นิทรรศการ ปีใหม่ เทศกาล การจัดงานเลี้ยงขอบคุณสื่อมวลชน งานแนะนํา ผลิตภัณฑ์ใหม่ งานประกวดและให้รางวัลผู้มีเกียรติ ตลอดจนงานออกร้านและอื่น

5 Placement ตรงกับความหมายในข้อใด
(1) การติดต่อกับสื่อ
(2) การติดต่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันกับผู้สื่อข่าว
(3) การจัดกิจกรรมพิเศษ
(4) ส่งเสริมเผยแพร่กิจกรรม
(5) นโยบายสื่อมวลชน
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 3. ประกอบ

6 การโฆษณาสถาบัน มีความหมายตรงกับข้อใด
(1) การสร้างชื่อเสียงให้องค์กร
(2) การสร้างความเชื่อถือศรัทธาให้กับสถาบัน
(3) การเผยแพร่องค์กร
(4) การเผยแพร่ผลงาน
(5) การโฆษณาสถาบัน
ตอบ 2 หน้า 86 การโฆษณาสถาบัน (Institutional Advertising) คือ การสร้างความเชื่อถือศรัทธา และเผยแพร่ชื่อเสียงเกียรติคุณให้กับสถาบัน เช่น การซื้อเวลาของการโฆษณาทางวิทยุและ โทรทัศน์ การซื้อหน้าหนังสือพิมพ์และวารสารเพื่อเผยแพร่ผลงาน ฯลฯ ซึ่งวิธีการโฆษณา สถาบันและวิธีการโฆษณาเพื่องานประชาสัมพันธ์จะสําเร็จได้นั้น ต้องร่วมมือร่วมใจกันระหว่างแผนกโฆษณาและฝ่ายประชาสัมพันธ์

7 Speaking ตรงกับความหมายข้อใด
(1) การสร้างชื่อเสียงให้องค์กร
(2) การสร้างความเชื่อถือศรัทธาให้กับสถาบัน
(3) การเผยแพร่องค์กร
(4) การเผยแพร่ผลงาน
(5) การโฆษณาสถาบัน
ตอบ 2 หน้า 86, 248 – 250, (คําบรรยาย) ปาฐกถา (Speaking) เป็นการพูดโน้มน้าวใจหรือดึงดูดใจ มวลชนเพื่อสร้างความเชื่อถือศรัทธาให้กับสถาบัน โดยจะอยู่ในความรับผิดชอบของแผนกการพูด ของสถาบันในการปรากฏตัวและกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมชน รวมทั้งการจัดเตรียมสุนทรพจน์ ให้ผู้บริหารและการเผยแพร่สุนทรพจน์ที่สําคัญไปยังสื่อมวลชนและประชาชนทั่วไป

8 องค์ประกอบของการประชาสัมพันธ์ที่มีประสิทธิภาพ ตรงกับข้อใด
(1) การจัดทําแผนงานประชาสัมพันธ์อย่างมีระบบ
(2) การวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายและกําหนดนโยบาย
(3) การดําเนินการสร้างแรงจูงใจในการประชาสัมพันธ์
(4) การพัฒนาปรับปรุงองค์กรอย่างต่อเนื่อง
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 หน้า 205, (คําบรรยาย) องค์ประกอบของการประชาสัมพันธ์ที่มีประสิทธิภาพ มีดังนี้
1 การจัดทําแผนงานประชาสัมพันธ์อย่างมีระบบ
2 การวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายและกําหนดนโยบาย
3 การดําเนินการสื่อสารและสร้างแรงจูงใจในการประชาสัมพันธ์
4 การพัฒนาปรับปรุงองค์กรอย่างต่อเนื่อง

9 ผู้ใดเชื่อมั่นว่าชื่อเสียงของสถาบันจะอยู่เคียงข้างกับมวลชนได้ ขึ้นอยู่กับความรับผิดชอบของประชาสัมพันธ์โดยตรง
(1) General
(2) Motors
(3) Anthony
(4) Anthony De
(5) Anthony De Lorenzo
ตอบ 5 หน้า 206 Anthony De Lorenzo รองประธานฝ่ายประชาสัมพันธ์บริษัท General Motors
เชื่อมั่นว่าชื่อเสียงของสถาบันจะอยู่เคียงข้างกับมวลชนได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความรับผิดชอบ โดยตรงของฝ่ายประชาสัมพันธ์ของสถาบันนั้น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานประชาสัมพันธ์ จะเป็นฝ่ายที่สร้างรากฐานของความเชื่อถือและไว้วางใจให้กับสถาบัน เพื่อเป็นประโยชน์ต่อชื่อเสียงและเกียรติคุณของสถาบันในสังคม

10 ข้อใดต่อไปนี้ตรงกับคุณสมบัติของนักประชาสัมพันธ์
(1) มีทักษะในการสื่อสาร เช่น การเขียน การพูด การสนทนา
(2) มีความรู้เรื่องการตลาด เศรษฐกิจ สังคม
(3) มีทัศนคติที่ดีต่อองค์กร
(4) มีความเชื่อมั่นและเข้าใจงานประชาสัมพันธ์
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 1. ประกอบ

11 Spoken Words หมายถึง
(1) สื่อที่สําคัญของมนุษย์มีมาแต่กําเนิด
(2) คําพูดเป็นสื่อที่สําคัญในการประชาสัมพันธ์
(3) เครื่องมือสื่อสารเพื่อการประชาสัมพันธ์
(4) การประชาสัมพันธ์ที่เก่าแก่ที่สุดชนิดหนึ่ง
(5) ถูกทุกข้อ
ตอน 5 หน้า 244 คําพูด (Spoken Words) เป็นสื่อที่สําคัญยิ่งของมนุษย์ซึ่งมีมาแต่กําเนิด และใช้กัน อย่างแพร่หลายมากกว่าสื่อในการประชาสัมพันธ์อื่น ๆ ดังนั้นสื่อคําพูดจึงนับเป็นเครื่องมือ ในการสื่อสารเพื่องานประชาสัมพันธ์ที่เก่าแก่ที่สุดชนิดหนึ่ง จัดได้ว่าเป็นสื่อพื้นฐานของมนุษย์ ที่ถูกนํามาใช้อย่างกว้างขวางและแพร่หลายมากที่สุด

12 การสื่อสารที่ทําให้คนมาร่วมกันเพื่อแลกเปลี่ยนทัศนคติต่อกัน คือ
(1) การจัดกิจกรรมสาธารณะ
(2) การสร้างความนิยม
(3) การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
(4) การเสนอความเห็น
(5) การประชุมพบปะกัน
ตอบ 5 หน้า 245 การประชุมพบปะกัน (Meetings) หรือสังสรรค์กัน เป็นวิธีการสื่อสารที่ได้นําผู้คน ให้มาอยู่ร่วมกันเพื่อได้พูดคุยแลกเปลี่ยนทัศนคติต่อกัน ดังนั้นจึงเป็นการสื่อสารในลักษณะ สองทิศทางที่ทําให้ผู้พูดและผู้ฟังได้มีโอกาสเรียนรู้ประสบการณ์ที่แปลกใหม่ ทําให้ได้รับความรู้อย่างกว้างขวางกว่าเดิม

13 Public Relations Men หรือที่เรียกว่า
(1) นักหนังสือพิมพ์
(2) นักโฆษณา
(3) นักประชาสัมพันธ์
(4) นักข่าว
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 3 หน้า 71, 323, (คําบรรยาย) คําว่า “Public Relations Men” หมายถึง นักประชาสัมพันธ์ ซึ่งอาจมีชื่อเรียกได้อีกหลายอย่าง ได้แก่
1 เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ (Public Relations Officer : PR Officer)
2 ที่ปรึกษาการประชาสัมพันธ์ (Public Relations Counselor : PR Counselor)

14 การสร้างความเข้าใจอันดีกับชุมชน ตรงกับการใช้สื่อใด
(1) Radio
(2) Television
(3) Press Relations
(4) Press Agent
(5) Publicity Man
ตอบ 3 หน้า 323 การหนังสือพิมพ์สัมพันธ์ (Press Relations) หรือการสร้างความสัมพันธ์อันดีงาม กับหนังสือพิมพ์ หมายถึง วิธีการประชาสัมพันธ์ที่มุ่งสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจในวงการหนังสือพิมพ์ และสื่อสารมวลชน เพื่อให้การเสนอข่าวและเนื้อหาของหนังสือพิมพ์และสื่อสารมวลชนนั้นเป็นประโยชน์แก่การสร้างความเข้าใจอันดีกับชุมชน

15 การเข้าถึงสื่อสิ่งพิมพ์ต้องศึกษาอะไรในข้อต่อไปนี้
(1) นโยบายและความต้องการของหนังสือพิมพ์แต่ละชนิด
(2) การดําเนินงานของหนังสือพิมพ์
(3) รวบรวมข้อมูล
(4) ผลกระทบของสื่อ
(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 1 หน้า 327 – 328 ในการเข้าถึงสื่อสิ่งพิมพ์ เช่น หนังสือพิมพ์ นักประชาสัมพันธ์จะต้องศึกษาถึง นโยบายและความต้องการของหนังสือพิมพ์แต่ละชนิดว่าเน้นหนักไปในแนวทางใด เพราะ หนังสือพิมพ์แต่ละชนิดจะมีจุดมุ่งหมายในการดําเนินงานและฐานะทางเศรษฐกิจแตกต่างกันนักประชาสัมพันธ์จึงต้องศึกษาข้อมูลดังกล่าวอย่างละเอียด เพื่อเป็นแนวทางในการเข้าถึง ประชาชนเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อ 16. – 28. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม
(1) เทพีแห่งสันติภาพ
(2) การย้ำข่าวสารข้อมูล
(3) การประชาสัมพันธ์
(4) Two-way Street Concept
(5) ข่าวประชาสัมพันธ์/ประชาสัมพันธ์กรณีฉุกเฉิน ใบแทรกเอกสารข่าว/บรรณาธิการเอกสารประชาสัมพันธ์

16 …….การนําเสนอข่าวโดยไม่มีการปิดกั้นข้อมูล
ตอบ 5 หน้า 54, 67, 329 – 331 ข่าวประชาสัมพันธ์หรือเอกสารข่าวแจก (News Releases or Press Releases) เป็นการนําเสนอข่าวที่เกี่ยวข้องกับการดําเนินงานของสถาบันโดยยึดหลักความจริง ไม่ปิดกั้นข้อมูลข่าวสาร และต้องคํานึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนเป็นจุดมุ่งหมายที่สําคัญไม่ควรคิดแต่ผลกําไรของสถาบันแต่เพียงอย่างเดียว เพราะถ้าหากขาดความเชื่อถือศรัทธาจากประชาชนแล้ว สถาบันก็ไม่สามารถยืนหยัดอยู่ในสังคมได้

17…….. บทบาทภาระหน้าที่ในการตัดสินใจเสนอข้อมูล
ตอบ 5 หน้า 276 – 277, (คําบรรยาย) กองบรรณาธิการของเอกสารประชาสัมพันธ์ ถือเป็นหัวใจสําคัญ ที่ช่วยเป็นหลักในการดําเนินงานประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ข่าวสารขององค์กรให้เป็นไปด้วยดี ดังนั้นหน้าที่และตําแหน่งบรรณาธิการจึงเปรียบเสมือนนักประชาสัมพันธ์ระดับสูง ซึ่งมีบทบาทภาระหน้าที่หลายฝ่ายตั้งแต่วางแผนประชาสัมพันธ์ เป็นผู้ตัดสินใจเสนอข้อมูลและจัดทําเอกสารประชาสัมพันธ์ ไปจนถึงการให้คําปรึกษาแนะนํากับฝ่ายบริหาร

18 ……..การย้ำเตือนผู้รับสารในการยอมรับข่าวสาร
ตอบ 2 หน้า 154 การย้ําข่าวสารข้อมูล (Repetition of Message) คือ การติดต่อสื่อสารในกรณีที่ ผู้รับฟังได้ยินไม่ชัดเจนหรือขาดการติดต่อกันไป หรือต้องการย้ําเพื่อความแน่ใจว่าข่าวสารนั้น ถึงเป้าหมายแน่นอนหรือไม่ โดยในบางครั้งจะใช้ในกรณีเตือนความจําผู้รับสารให้มั่นใจ เชื่อถือ และยอมรับในข่าวสารจนนําไปปฏิบัติการในที่สุด ซึ่งส่วนใหญ่มักจะนําไปใช้ในการโฆษณาสินค้า

19……. การโฆษณาสินค้ามีความจําเป็นต้องใช้
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 18. ประกอบ

20……. การพูดคุยโดยตรงกับประชาชนชาวอเมริกันของประธานาธิบดีแฟรงกินส์ รูสเวลส์
ตอบ 4 หน้า 106 ผลสําเร็จอันยิ่งใหญ่ของประธานาธิบดีแฟรงกินส์ รูสเวลส์ ในการวิจัยทัศนคติของ ชาวอเมริกัน คือ การเปิดรับฟังความคิดเห็นโดยการติดต่อสื่อสารกับประชาชนผ่านสื่อมวลชน เช่น การแสดงประชามติ และการได้พูดคุยโดยตรงกับประชาชนชาวอเมริกัน ดังนั้นวิธีการวิจัย ที่มีประสิทธิภาพก็คือ การสื่อสารแบบสองทิศทาง (The Two-way Street Concept) หรือ การรับฟังข้อมูลย้อนกลับตามแนวทางการติดต่อสื่อสารแบบยุคลวิถี

21 ……..มีเอกลักษณ์ในการประชาสัมพันธ์
ตอบ 1 หน้า 168 – 169 สัญลักษณ์ของสถาบันเป็นสิ่งสําคัญที่ใช้แทนภาษาได้อย่างดียิ่ง เมื่อผู้ใดเห็น ย่อมเข้าใจอย่างลึกซึ้ง โดยควรมีลักษณะที่สําคัญ คือ ควรอยู่ในความทรงจําของคนทั่วไปให้นานที่สุด เป็นสัญลักษณ์ที่ง่ายแก่การจดจํา เหมาะสมกับสถานการณ์ และมีเอกลักษณ์ในการประชาสัมพันธ์ ให้เห็นเด่นชัด เช่น อนุสาวรีย์เทพีแห่งสันติภาพที่นิวยอร์ก เป็นต้น

22 ……..การรับฟังข้อมูลในแนวทางแบบยุคลวิถี
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 20 ประกอบ

23 ……..สัญลักษณ์ที่ง่ายต่อการจดจํา
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 21 ประกอบ

24 ………Repetition of Message
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 18 ประกอบ

25 …….แข่งขันกันด้วยความคิดและการวางแผน
ตอบ 3หน้า 12, 54 – 55, (คําบรรยาย) การประชาสัมพันธ์ (Public Relations) เป็นงานที่ต้องแข่งขันกัน ด้วยความคิด มีการวางแผนงานและการกระทําที่ต่อเนื่องกันไป รวมทั้งมีการประเมินผล เช่นเดียวกับงานระดับบริหารอื่น ๆ โดยเป้าหมายของการวางแผนงานประชาสัมพันธ์ คือ ต้องการ สร้างและรักษาความเข้าใจอันดีระหว่างสถาบันกับประชาชน ซึ่งการที่จะบรรลุเป้าหมายได้นั้น ต้องอาศัยเวลาดําเนินงานเป็นขั้น ๆ ไปให้ต่อเนื่องกัน

26 ………การจัดแถลงข่าวสื่อมวลชน
ตอบ 5 หน้า 144 – 146 การวางแผนประชาสัมพันธ์ในกรณีอุบัติเหตุและฉุกเฉินของบริษัท G.C. Reitinger มีดังนี้
1 ส่งเจ้าหน้าที่มายังที่เกิดเหตุภายใน 7 ชม. หลังจากเกิดอุบัติเหตุ
2 จัดแถลงข่าวผ่านสื่อมวลชน
3 ส่งคณะกรรมการของบริษัทไปเยี่ยมครอบครัว
4 ให้เงินช่วยเหลือตามความจําเป็นของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ
5 จดหมายฉบับพิเศษเขียนด้วยลายมือประธานบริษัท ส่งไปถึงครอบครัวของผู้เสียชีวิต ฯลฯ

27………นักประชาสัมพันธ์นําไปใช้ในการรณรงค์ทางการเมือง
ตอบ 5 หน้า 284 ใบแทรกและเอกสารข่าว มักถูกสอดมาในหนังสือพิมพ์หรือใบเสร็จต่าง ๆ และจะใช้
เมื่อบริษัทต้องการเผยแพร่นโยบายหรือเกิดปัญหาสําคัญที่จะมีผลกระทบกระเทือนต่อการ ดําเนินงานขององค์กร หรือในบางครั้งก็อาจจะเป็นการโฆษณาสถาบัน เช่น แจกรูปบุคคลสําคัญ รูปภาพฉลองวันพิเศษขององค์กร ฯลฯ ซึ่งมีข้อดีคือ ราคาถูก น้ําหนักเบา ประหยัดค่าไปรษณีย์ และมักถูกนํามาใช้ในกิจกรรมขององค์กรสาธารณประโยชน์ การรณรงค์ทางการเมืองและสังคม

28 ………ดําเนินงานการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ข่าวสาร
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 17 ประกอบ

29 ข้อใดตรงกับคุณสมบัติที่ดีของนักประชาสัมพันธ์
(1) กระตือรือร้น
(2) ซื่อสัตย์
(3) ยิ้มเสมอเมื่อให้บริการ
(4) มั่นใจในตนเอง
(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 5 หน้า 228 – 230 Cutlip and Center ได้กล่าวถึงคุณสมบัติที่ดีของนักประชาสัมพันธ์ไว้ดังนี้
1 ควรมีบุคลิกที่ดี ซึ่งสิ่งสําคัญก็คือควรมีความเชื่อมั่นหรือมั่นใจในตนเอง ยิ้มแย้มแจ่มใสเสมอ เมื่อให้บริการ 2 อุปนิสัยดี ควรมีจริยธรรมในใจ เป็นคนดี ซื่อสัตย์ ยุติธรรม อดทน
3 มีความเฉลียวฉลาด กระตือรือร้น
4 มีการศึกษาและประสบการณ์
5 มีความสามารถในการบริหารงานยินดีบริการและช่วยเหลือด้วยความเต็มใจ

30 ข้อใดคือข่าวประชาสัมพันธ์ที่เกิดฉุกเฉิน
(1) รัฐบาลมาเลเซียให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากแผ่นดินไหว
(2) นักเขียนจีรนันท์ พิตรปรีชา บริจาคหนังสือ
(3) น้ำดื่มสิงห์จัดการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย
(4) นิสสันจัดแข่งรถการกุศล
(5) โตโยต้าบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือคนพิการ
ตอบ 1 หน้า 144, 267 ลักษณะพิเศษของข่าวประชาสัมพันธ์แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ
1 ข่าวที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้คาดการณ์ไว้ก่อน หรือไม่ได้คาดหวังว่าจะเกิดขึ้น มักเป็นข่าวในกรณี อุบัติเหตุและฉุกเฉิน ซึ่งจะปรากฏขึ้นอย่างฉับพลันหรือไม่คาดคิด เช่น เกิดระเบิด น้ําท่วม แผ่นดินไหว พายุรุนแรง ไฟไหม้ และภัยพิบัติต่าง ๆ ฯลฯ
2 ข่าวที่ได้เตรียมการดําเนินงานไว้ล่วงหน้า ซึ่งจะถูกนํามาเขียนเป็นข่าวประชาสัมพันธ์บ่อยมาก เช่น ข่าวการจัดประชุม ข่าวการบริจาคเงินหรือแจกทุน ข่าวกิจกรรมพิเศษของสถาบัน ฯลฯ

ข้อ 31. – 42. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม
(1) กิจกรรมประชาสัมพันธ์ภายนอกองค์กร
(2) กิจกรรมประชาสัมพันธ์ภายใน
(3) ภาพข่าวประชาสัมพันธ์
(4) Press Kits
(5) Press Party/Two-way Process/Two Step Flow of Communication/ข่าวรามคําแหง

31 ……นักประชาสัมพันธ์มืออาชีพ กล่าวไว้ว่า
“จงออกไปฟังเสียงประชาชน มิใช่คอยจนมีเสียงจากประชาชนเข้ามาต่อว่าเรา”
ตอบ 5 หน้า 8, 53, 68, 71, (คําบรรยาย) การประชาสัมพันธ์เป็นกระบวนการแบบสองทิศทางหรือ ระบบยุคลวิถี (Two-way Process) คือ วิธีการสื่อสารจากองค์กรไปสู่กลุ่มประชาชน และ ในขณะเดียวกันก็ฟังเสียงสะท้อนกลับของประชาชนมาสู่องค์กรด้วย ดังนั้นวิธีการประชาสัมพันธ์แบบ Two-way Process จึงมุ่งหวังที่จะสร้างประโยชน์ให้เกิดแก่องค์กรและประชาชนทั้งสองฝ่าย โดยวิธีติดตามผลหรือตรวจสอบกระแสประชามติ ดังที่นักประชาสัมพันธ์มืออาชีพ กล่าวไว้ว่า “จงออกไปฟังเสียงประชาชน มิใช่คอยจนมีเสียงจากประชาชนเข้ามาต่อว่าเรา”

32 ……..ผู้นํากลุ่มเป็นผู้ส่งสารและผู้รับสารในขณะเดียวกัน
ตอบ 5 หน้า 158 – 159 ทฤษฎีการติดต่อสองทิศทางในรูปของ Two Step Flow of Communication ที่นํามาใช้ได้ผลดี คือ
1 ผู้นํากลุ่มหรือผู้นําทางความคิด (Opinion Leaders) เช่น ผู้นําความคิด ทางการเมือง เศรษฐกิจ ผู้นําทางศาสนา ฯลฯ มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของประชาชน
2 ผู้นํากลุ่มปฏิบัติการอย่างแข็งขัน เป็นทั้งผู้ส่งสารและผู้รับสารในขณะเดียวกัน
3 การสื่อสารในรูปของปากต่อปาก เป็นข่าวสารที่สมาชิกในกลุ่มได้แลกเปลี่ยนทัศนคติและ ได้ตัดสินใจร่วมกันที่จะปฏิบัติตามมติของมวลสมาชิก

33 ……..การสื่อสารจากองค์กรไปสู่กลุ่มประชาชนโดยฟังเสียงสะท้อนกลับ
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 31 ประกอบ

34 ……..มุ่งหวังที่จะสร้างประโยชน์ให้เกิดแก่องค์กรและประชาชนทั้งสองฝ่ายโดยวิธีติดตามผล
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 31. ประกอบ

35 ………หลวงพ่อคูณที่ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของประชาชน
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 32. ประกอบ

36 ……….งานแสดงสินค้า OTOP ทุกภาคของประเทศไทย ผู้เข้าชมต่างยกนิ้วให้ว่ามีคุณภาพมาก ๆ
ตอบ 1หน้า 52, (คําบรรยาย) กิจกรรมประชาสัมพันธ์ภายนอกองค์กร คือ กิจกรรมที่สร้าง ความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถาบันกับกลุ่มมวลชนภายนอกองค์กร ได้แก่
1 ออกหนังสือพิมพ์ วารสาร ฯลฯ เพื่อเผยแพร่ภายนอก
2 จัดประชุมผู้สื่อข่าว
3 จัดงานพิเศษ งานแข่งขันกีฬา นิทรรศการ ฯลฯ ที่เกี่ยวข้องกับมวลชนภายนอกองค์กร
4 บริการให้ประชาชนเข้าชมหน่วยงาน
5 ถ่ายภาพ สไลด์ ทําภาพโปสเตอร์ และจัดทําภาพยนตร์ออกเผยแพร่ ฯลฯ

37 ……….การเผยแพร่ข่าวที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงอาหารกลางวัน และเดินรับประทานอาหารเพื่อสร้าง
ความคุ้นเคยในโอกาสต่อ ๆ ไป
ตอบ 5 หน้า 337 การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับบุคคลในวงการหนังสือพิมพ์ ถือเป็นหัวใจสําคัญของ การหนังสือพิมพ์สัมพันธ์ โดยนักประชาสัมพันธ์จะมีหน้าที่คอยประสานงาน ได้แก่ จัด Press Party หรือเข้าสังคมพบปะผู้คนอยู่เสมอ เช่น จัดงานเลี้ยงอาหารกลางวัน จัดงานเลี้ยงอาหารค่ําหรือ น้ำชาในบางโอกาส ฯลฯ เพื่อสร้างความสนิทสนมคุ้นเคยกันในโอกาสต่อ ๆ ไป และทําให้ได้ รู้จักบุคคลในวงการสื่อมวลชนมากยิ่งขึ้น

38 ………วิธีนี้ไม่ใช่การส่งข่าวหรือการแจกข่าว แต่เป็นการกําหนดมุมของข่าวให้สื่อ
ตอบ 4 หน้า 332, (คําบรรยาย) การจัดทําสมุดคู่มือหรือเอกสารแจกผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ (Press Kits) เป็นสําเนารายละเอียดของข่าว ข้อมูลเพิ่มเติมประกอบข่าวแจกที่นักหนังสือพิมพ์ได้รับ เช่น รูปภาพประกอบข่าว สําเนาข่าวแจกที่นักข่าวอาจจะจดรายละเอียดไม่ทัน แผนภูมิ สถิติ ประวัติบุคคล ฯลฯ ดังนั้นสมุดคู่มือจึงไม่ใช่การส่งข่าวหรือการแจกข่าว แต่เป็นการกําหนดมุม ของข่าวให้สื่อ เพื่อช่วยให้นักข่าวเขียนข่าวได้รวดเร็วและง่ายขึ้น ข่าวของสถาบันจึงมีความสมบูรณ์ แม่นยํา ไม่ผิดพลาด

39 ……….ภาพข่าวประชาสัมพันธ์ไม่ควรมีขนาดเล็กกว่าขนาดโปสเตอร์
ตอบ 3 หน้า 332 ภาพข่าวประชาสัมพันธ์ไม่ควรมีขนาดเล็กกว่าขนาดโปสเตอร์และควรเป็นแบบขัดมัน โดยต้องมีลักษณะจูงใจให้ผู้อ่านสนใจ มีสีสันสะดุดตา ชัดเจน มีเนื้อหาแสดงให้ผู้ชม-ผู้อ่านเกิด ความเข้าใจและรู้เรื่องได้ดี นอกจากนี้ควรมีคําอธิบายภาพให้ถูกต้องตามหลักวิชาการหนังสือพิมพ์ คือ รูปของใคร ทําอะไร ที่ไหน เมื่อไร และอย่างไร

40 ……….ถ้าสิ่งที่เราส่งไปเป็นสิ่งใหม่ไม่เคยมีมาก่อน เราก็มีโอกาสได้รับการตีพิมพ์
ตอบ 5 หน้า 268, 274 – 275, (คําบรรยาย) ข่าวรามคําแหง เป็นเอกสารเพื่อการประชาสัมพันธ์ ทั้งภายในและภายนอกสถาบัน เพื่อใช้เผยแพร่ข่าวสารของมหาวิทยาลัยให้ผู้สนใจทั้งภายใน และภายนอกสถาบันได้รับรู้ โดยข่าวของสถาบันที่เผยแพร่นั้นควรเป็นข่าวใหม่ทันต่อเหตุการณ์ เป็นข่าวสด และถ้าหากข่าวนั้นเป็นสิ่งใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน ก็ยิ่งมีโอกาสได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่

41 ……..ประกาศของมหาวิทยาลัยรามคําแหงให้อาจารย์ ข้าราชการทุกคณะ ร่วมมือกันออกกําลังกาย
ช่วงเวลาเย็น อาทิตย์ละครั้ง
ตอบ 2 หน้า 50, (คําบรรยาย) กิจกรรมประชาสัมพันธ์ภายในองค์กร คือ กิจกรรมที่สร้าง ความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถาบันกับกลุ่มมวลชนภายในองค์กร ได้แก่
1. กําหนดแผนงานประชาสัมพันธ์
3. ตั้งแผงปิดประกาศ
2. ตั้งที่ติดต่อสอบถาม (Information)
4. ออกวารสารข่าวภายใน เช่น แผ่นปลิวประชาสัมพันธ์ ฯลฯ
5. จัดงานพิเศษที่เกี่ยวข้องกับมวลชนภายในองค์กร
6. ให้หยุดพักผ่อน ให้ประกันสุขภาพ หรือให้ทุนการศึกษาแก่บุตรของพนักงาน

42 ………เอกสารแจกผู้สื่อข่าว
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 38. ประกอบ

43 การรับฟังข้อมูลย้อนกลับตามแนวทางการสื่อสารแบบแฟรงกินส์ รูสเวลส์
(1) จดหมายข่าว
(2) ยุคลวิถี
(3) พื้นที่โฆษณา
(4) พูดโน้มน้าวใจ
(5) สื่อสารตรงไปตรงมา
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 20. ประกอบ

44 การวางแผนชนิดใดที่เหมาะสมที่สุดกับการเผยแพร่งานศิลปวัฒนธรรม
(1) การกําหนดภาพลักษณ์ประชาสัมพันธ์
(2) การทําแผนงานประชาสัมพันธ์
(3) การกําหนดสื่อ
(4) การเผยแพร่รูปภาพ
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 หน้า 129 – 130, (คําบรรยาย) หัวใจของการวางแผนงานประชาสัมพันธ์ มีดังนี้
1 กําหนดจุดมุ่งหมายในการทําแผนงานประชาสัมพันธ์
2 กําหนดกลุ่มประชาชนเป้าหมาย
3 กําหนดหัวข้อประชาสัมพันธ์เป็นคําพูดที่กินใจ หรือกําหนดเป็นภาพลักษณ์ประชาสัมพันธ์
4 กําหนดจังหวะ หรือช่วงเวลาให้เหมาะสม
5 กําหนดสื่อ เช่น การเผยแพร่รูปภาพในสื่อสิ่งพิมพ์ หรือการใช้สื่อวิทยุ โทรทัศน์ ฯลฯ
6 กําหนดงบประมาณ

45 สื่อการประชาสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมในสมัยสุโขทัย ตรงกับข้อใด
(1) วรรณคดีสรรเสริญพระมหากษัตริย์
(2) เพลงกล่อมเด็ก
(3) ผูกใบลาน
(4) จารลงบนดินเหนียว
(5) ผิดทุกข้อ
ตอบ 1 หน้า 77 สื่อการประชาสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมในสมัยสุโขทัย ได้แก่ งานก่อสร้างสถานที่สําคัญ
ทางศาสนา ปราสาทราชวัง การจัดระเบียบการปกครอง การสร้างวรรณคดีทางศาสนา การประชุมราษฎร การสร้างนิยายปรัมปราเพื่อสรรเสริญคุณความดีและความสามารถของ ผู้เป็นประมุข ซึ่งตัวอย่างที่สําคัญก็คือ หลักฐานที่ปรากฏในศิลาจารึกของพ่อขุนรามคําแหง

46 การประชาสัมพันธ์ในประเทศไทยเกิดขึ้นเมื่อใด
(1) ชุมชนบริเวณลุ่มแม่น้ําเจ้าพระยา
(2) อาณาจักรล้านนา
(3) ภาพเขียนในถ้ำ
(4) กําเนิดชนชาติไทย
(5) ผิดทุกข้อ
ตอบ 4 หน้า 58, 76 – 77 ประวัติความเป็นมาของงานประชาสัมพันธ์มีมาพร้อมกับมนุษย์ ดังนั้น การประชาสัมพันธ์ในประเทศไทยจึงเกิดขึ้นมาพร้อมกับการกําเนิดของชนชาติไทย โดยสื่อ ประชาสัมพันธ์ของไทยในสมัยดั้งเดิม ได้แก่ การใช้คําพูดปลุกใจ การประชุมป่าวร้อง การใช้ เพลงปลุกใจและสรรเสริญวีรกรรมของบรรพบุรุษ และการสร้างนิยายที่แสดงถึงชาติกําเนิด ของชนชาติไทย ฯลฯ

47 งานเฉลิมฉลองสินค้า OTOP มหากุศลแด่มหาราชินี เป็นกิจกรรมประชาสัมพันธ์ในข้อใด
(1) Promotion
(2) Press Relations
(3) Press
(4) Advertising
(5) Production
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 4 ประกอบ

48 การส่งเสริมเผยแพร่ (Promotion) หมายถึงอะไร
(1) การจัดงานในกรณีพิเศษ
(2) การส่งเสริมเผยแพร่ชื่อเสียงของสถาบัน
(3) การจัดเฉลิมฉลองวันครบรอบปี
(4) การจัดนิทรรศการวันแห่งบิดากฎหมาย
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 4. ประกอบ

49 ข้อใดคือเครื่องมือในการค้นหาคําตอบของแผนกติดต่อสอบถามคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคําแหง
(1) โทรทัศน์ ภาพ
(2) ข่าวแจก
(3) การจัดงานพิเศษ
(4) แฟ้มระเบียบ คําสั่ง
(5) ผิดทุกข้อ
ตอบ 4 หน้า 96 เครื่องมือในการค้นหาคําตอบของแผนกติดต่อสอบถามที่เป็นหน่วยงานใหญ่
ควรมีการจัดทําบัตรค้นหรือแฟ้มคู่มือค้นหาคําตอบของเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ แฟ้มรายชื่อราชการ เรียงตามตัวอักษร พร้อมหน่วยงาน บ้านที่อยู่ เลขหมายโทรศัพท์ติดต่อภายในและภายนอก, แฟ้มหน้าที่ส่วนราชการภายใน, แฟ้มระเบียบ คําสั่ง ประกาศ นอกจากนี้ควรมีเครื่องมือ ติดต่อสื่อสาร เช่น โทรศัพท์ เพื่อใช้ติดต่อทั้งภายในและภายนอกหน่วยงาน

50 ข้อใดต่อไปนี้ไม่ใช่กรรมวิธีการวางแผนการประชาสัมพันธ์
(1) ผู้วิจัยค้นคว้าและรับฟัง
(2) ผู้วางแผนและตัดสินใจ
(3) ผู้นําเสนอประชามติ
(4) ผู้ประเมินผล
(5) เป็นผู้ติดต่อสื่อสาร
ตอบ 3 หน้า 99 กรรมวิธีของการวางแผนงานประชาสัมพันธ์ เพื่อดําเนินโครงการให้ได้รับผลสําเร็จ มีหลักพื้นฐานอยู่ 4 ขั้นตอน คือ
1 เป็นผู้วิจัยค้นคว้าและรับฟัง (Research Listening)
2 เป็นผู้วางแผนและตัดสินใจ (Planning Decision Making) หรือผู้ให้คําปรึกษาแนะนํา (Counselor)
3 เป็นผู้ติดต่อสื่อสาร (Communication)
4 เป็นผู้ประเมินผล (Evaluation)

51 นิยามของ “การประชาสัมพันธ์” ข้อใดถูกที่สุด
(1) การสร้างความเข้าใจอันดีกับสาธารณะ
(2) การสร้างค่านิยมที่ดีแก่สาธารณะ
(3) การสร้างภาพพจน์ที่ดีแก่มวลชน
(4) สิ่งที่องค์กรจะต้องดําเนินการตามข้อ 1, 2 และ 3
(5) ไม่มีข้อใดถูกต้อง
ตอบ 4(เอกสารบทที่ 1) นิยามหรือคําจํากัดความของ “การประชาสัมพันธ์” เป็นประเด็นที่เกี่ยวข้อง ระหว่างองค์กรกับสาธารณะ ซึ่งอาจเป็นองค์กร คนหรือกลุ่มคน หน่วยงานทั้งภายในหรือภายนอก องค์กร เพื่อสร้างภาพพจน์ที่ดี (Good Image) ค่านิยมที่ดี (Good Will) และความเข้าใจอันดี (Good Understand) กับสาธารณะหรือมวลชน

52 การประชาสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับข้อใด
(1) คน
(2) กลุ่มคน
(3) องค์กร
(4) หน่วยงานภายใน
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 51. ประกอบ

53 วลีในข้อใดเกี่ยวข้องกับคําจํากัดความของการประชาสัมพันธ์
(1) Good Image
(2) Good Will
(3) Good Understand
(4) Good Job
(5) ถูกเฉพาะข้อ 1, 2 และ 3
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 51. ประกอบ

54 “การประชาสัมพันธ์” ตามภาษาชาวบ้าน ตรงกับข้อใด
(1) พูดไม่หมด
(2) พูดแต่สิ่งดี ๆ
(3) พูดแต่ความถูกต้อง
(4) พูดทุกอย่าง
(5) ถูกเฉพาะข้อ 1, 2 และ 3
ตอบ 5 (คําบรรยาย) คําว่า “การประชาสัมพันธ์” ตามภาษาชาวบ้าน หมายถึง การพูดไม่หมด โดยให้พูดแต่สิ่งดี ๆ และพูดแต่ความถูกต้อง ส่วนการประชาสัมพันธ์ตามจิตวิทยาความมั่นคง หมายถึง การพูดตามสถานการณ์ เพื่อให้สังคมหรือประเทศสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข

55 “การประชาสัมพันธ์” ตามแนวความมั่นคง ตรงกับข้อใด
(1) พูดไม่หมด
(2) พูดแต่สิ่งดี ๆ
(3) พูดตามสถานการณ์
(4) พูดทุกอย่าง
(5) ถูกเฉพาะข้อ 1, 2 และ 3
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 54. ประกอบ

56 ความรับผิดชอบงาน “การประชาสัมพันธ์” ตรงกับข้อใด
(1) วิเคราะห์แนวโน้ม
(2) พยากรณ์ผลกระทบ
(3) ให้บริการสาธารณะ
(4) แนะนําผู้บริหาร
(5) ถูกทั้งหมดข้างต้น
ตอบ 5 (เอกสารบทที่ 1), (คําบรรยาย) ความรับผิดชอบและหน้าที่ของการประชาสัมพันธ์นั้น เป็นการวิเคราะห์แนวโน้ม การพยากรณ์ผลกระทบ การแนะนําให้คําปรึกษาผู้บริหารหรือ ฝ่ายบริหาร การปฏิบัติตามแผนหรือนําแผนกลยุทธ์มาดําเนินการ การบริการผลประโยชน์และ ให้บริการสาธารณะ ดังนั้นหน้าที่งานการประชาสัมพันธ์จึงเกี่ยวข้องกับการควบคุมมวลประชา หรือชี้นําประชาชนไปในทางที่ต้องการ เพื่อให้ได้รับผลสัมฤทธิ์ทั้งองค์กรและสาธารณะ

57 หน้าที่งาน “การประชาสัมพันธ์” ตรงกับข้อใด
(1) การควบคุมมวลประชา
(2) การชี้นําประชาชนไปในทางที่ต้องการ
(3) ทําให้ได้รับผลสัมฤทธิ์ทั้งองค์กรและสาธารณะ
(4) ถูกทั้ง 3 ข้อข้างต้น
(5) ไม่มีข้อใดถูกต้องชัดเจน
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 56. ประกอบ

58 “การประชาสัมพันธ์” ต้องการสิ่งใด
(1) ภาพพจน์องค์กรที่ดี
(2) ความรู้สึกที่ดีต่อองค์กร
(3) สื่อกล่าวถึงองค์กรในทางที่ดี
(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 2
(5) ข้อ 1, 2 และ 3 รวมกันถูกที่สุด
ตอบ 5 (เอกสารบทที่ 1), (คําบรรยาย) การประชาสัมพันธ์มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างภาพพจน์ที่ดี (Good Image) ความรู้สึกที่ดี (Good Will) ความเข้าใจอันดี (Good Understanding) และ ให้สื่อกล่าวถึงองค์กรในทางที่ดีหรือทางบวก (Good Mentioned by Media)

59 วัตถุประสงค์ของ “การประชาสัมพันธ์” สอดคล้องกับข้อใด
(1) Good Will
(2) Good Image
(3) Good Mentioned by Media
(4) Good Understanding
(5) ถูกทั้งหมดข้างต้นรวมกัน
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 58. ประกอบ

60 องค์ประกอบของ “การประชาสัมพันธ์” ตรงกับข้อใด
(1) Understanding News
(2) PR Writing
(3) Media Relation
(4) External Relation
(5) ถูกทั้งหมดข้างต้นรวมกัน
(เอกสารบทที่ 1) องค์ประกอบของการประชาสัมพันธ์ ประกอบด้วย
1 ความเข้าใจในข่าวหรือกระบวนการข่าว (Understanding News)
2 การเขียนเพื่องานการประชาสัมพันธ์ (PR Writing)
3 สื่อมวลชนสัมพันธ์ (Media Relation)
4 ความสัมพันธ์ภายนอก (External Relation)
5 สื่อใหม่ (New Media) หรือไม่ใช่สื่อดั้งเดิม

61 หน้าที่ของ “การประชาสัมพันธ์” ข้อใดถูกที่สุด
(1) พยากรณ์ผลกระทบ
(2) ให้คําปรึกษาผู้บริหาร
(3) นําแผนกลยุทธ์มาปฏิบัติ
(4) บริการผลประโยชน์แก่สาธารณะ
(5) ถูกทั้งหมดข้างต้นรวมกัน
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 56. ประกอบ

62 นักประชาสัมพันธ์ควรมีคุณสมบัติตามข้อใด
(1) มีความสามารถในการสื่อสาร
(2) มีความสามารถในการจัดระเบียบ
(3) มีความสามารถเข้ากับผู้คนได้
(4) มีภาพลักษณ์ที่ดี
(5) ถูกทั้งหมดข้างต้นรวมกัน
ตอบ 5 (เอกสารบทที่ 1) คุณสมบัติของนักประชาสัมพันธ์ มีดังนี้
1. มีความสามารถในการสื่อสาร
2. มีความสามารถในการจัดระเบียบ
3. มีความสามารถในการเข้ากับคนหรือกลุ่มคน
4. เป็นผู้มีความเพียบพร้อมหรือสมบูรณ์ในตน
5. เป็นผู้ที่มีภาพพจน์หรือภาพลักษณ์ที่ดี
6. มีความตั้งใจที่จะเรียนรู้ตลอดเวลา หรือใส่ใจศึกษาเรียนรู้อยู่เป็นนิตย์

63 ความพร้อมความสมบูรณ์ มีความตั้งใจเรียนรู้ตลอดเวลา หรือใส่ใจเรียนรู้อยู่เป็นนิตย์ สอดคล้องกับข้อใด
(1) ผู้อํานวยการ
(2) ผู้จัดการ
(3) นักประชาสัมพันธ์
(4) เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ
(5) ถูกทั้งหมดข้างต้นรวมกัน
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 62. ประกอบ

64 ทําไมต้องให้ความรู้ (Knowledge) กับประชาชนเป้าหมาย
(1) การต่อต้าน
(2) ความอคติ
(3) ความเฉยเมย
(4) ความไม่รู้
(5) ถูกทั้งหมดข้างต้นรวมกัน
ตอบ 5 (เอกสารบทที่ 1) เหตุผลที่การประชาสัมพันธ์ต้องให้ความรู้ (Knowledge) คือ ความอคติ ความเฉยเมยหรือไม่แยแส ความไม่รู้หรือความเขลา และการต่อต้านของประชาชนเป้าหมาย ส่วนการสร้างความเข้าใจ (Understanding) ในการประชาสัมพันธ์ เพื่อให้เกิดความสนใจ การยอมรับ ความเป็นพวกหรือเห็นอกเห็นใจ และการใส่ใจของสาธารณชนหรือกลุ่มเป้าหมาย

65 ทําไมต้องสร้างความเข้าใจ (Understanding)
(1) ความสนใจ
(2) การยอมรับ
(3) ความเป็นพวก
(4) การใส่ใจ
(5) ถูกทั้งหมดข้างต้นรวมกัน

66 บทบาท “นักประชาสัมพันธ์” สอดคล้องกับข้อใด
(1) เป็นเจ้าหน้าที่
(2) เป็นนักแก้ไขปัญหา
(3) เป็นผู้ผลิตและเผยแพร่จดหมายข่าว
(4) ถูกทั้ง 3 ข้อข้างต้น
(5) ไม่มีข้อใดถูกต้อง
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 64. ประกอบ
ตอบ 4 (เอกสารบทที่ 1), (คําบรรยาย) บทบาทการประชาสัมพันธ์ คือ สามารถสร้างภาพพจน์ สร้างความตระหนัก ให้ความรู้ความเข้าใจ สร้างความศรัทธาและความน่าเชื่อถือ ยกระดับ ความเข้าใจ เปลี่ยนพฤติกรรม และจัดการผู้นําความคิดให้เป็นพวกเดียวกัน ดังนั้นบทบาทของ นักประชาสัมพันธ์จึงอยู่ในตําแหน่งเจ้าหน้าที่ผู้ให้คําปรึกษาแนะนํา ควบคุมการปฏิบัติการตามแผน เป็นนักแก้ไขปัญหา ตลอดจนเป็นผู้ผลิตและเผยแพร่จดหมายข่าว

67 ทฤษฎีการประชาสัมพันธ์ที่น่าสนใจ คือ
(1) ทฤษฎีเชิงการโน้มน้าว
(2) ทฤษฎีเชิงการจูงใจ
(3) ทฤษฎีเชิงพฤติกรรม
(4) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3
(5) ไม่มีข้อใดถูกต้อง

ตอบ 4 (คําบรรยาย) ทฤษฎีการประชาสัมพันธ์ (PR Theory) เป็นทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการจัดการ กับมวลชน (The Management of Population) โดยทฤษฎีการประชาสัมพันธ์ที่น่าสนใจ และเกี่ยวข้องโดยตรง ได้แก่
1 ทฤษฎีเชิงการโน้มน้าว (Persuade)
2 ทฤษฎีเชิงการจูงใจ (Motivation)
3 ทฤษฎีเชิงพฤติกรรม (Behaviour)

68 ทฤษฎีเชิงการโน้มน้าวจูงใจและพฤติกรรม มีสาระสําคัญสอดคล้องกับข้อใด
(1) การเรียนรู้สังคม
(2) การแลกเปลี่ยน
(3) ความคิดเห็น
(4) ทัศนคติและความเชื่อ
(5) ถูกทั้งหมดที่กล่าวข้างต้นรวมกัน
ตอบ 5 (เอกสารบทที่ 2) ทฤษฎีเชิงการโน้มน้าวจูงใจและพฤติกรรม มีทฤษฎีสําคัญที่ควรศึกษา ได้แก่
1. ทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคม
2. ทฤษฎีการแลกเปลี่ยน
3. ทฤษฎีความคิดเห็น ทัศนคติ และความเชื่อศรัทธา
4. ทฤษฎีการเผยแพร่

69 ทฤษฎีการประชาสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องโดยตรงมากที่สุด คือข้อใด
(1) การสื่อสาร
(2) การโน้มน้าว
(3) การชี้ชวน
(4) แลกเปลี่ยน
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 67. ประกอบ

70 แบบจําลองเชิงการเผยแพร่ข่าวสาร มีสาระสําคัญสอดคล้องกับข้อใด
(1) มุ่งเน้นเผยแพร่ข้อมูลองค์กร
(2) เผยแพร่ข้อมูลด้านผลิตภัณฑ์
(3) เผยแพร่ข้อมูลด้านบริการ
(4) ถูกเฉพาะข้อ 2 และ 3
(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3
ตอบ 1 (เอกสารบทที่ 2), (คําบรรยาย) แบบจําลองเชิงการเผยแพร่ข่าวสาร มีสาระสําคัญคือ เป็นลักษณะเชิงโฆษณาชวนเชื่อ โดยมุ่งเน้นเผยแพร่ข้อมูลองค์กรในลักษณะการสื่อสารทางเดียว จากแหล่งสารไปยังผู้รับสาร

71 แบบจําลองเชิงการประชาสนเทศ มีสาระสําคัญสอดคล้องกับข้อใด
(1) เผยแพร่ข้อมูลที่เป็นความจริง
(2) เผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วน
(3) เผยแพร่ข้อมูลเท่าที่จําเป็น
(4) เผยแพร่ข้อมูลที่สร้างภาพพจน์
(5) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 2
ตอบ 1 (เอกสารบทที่ 2) แบบจําลองเชิงการประชาสนเทศ มีสาระสําคัญคือ เน้นการเผยแพร่ข้อสนเทศ ที่เป็นความจริง (Fact) ในลักษณะการสื่อสารทางเดียวจากแหล่งสารไปยังผู้รับสาร

72 แบบจําลองเชิงการสื่อสารสองทางแบบสมดุล มีสาระสําคัญสอดคล้องกับข้อใด
(1) พัฒนาความเข้าใจระหว่างองค์กรกับสาธารณะ
(2) มุ่งสร้างทัศนคติที่ดีต่อองค์กร
(3) มุ่งสร้างความศรัทธาต่อองค์กร
(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 2
(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3
ตอบ 1 (เอกสารบทที่ 2) แบบจําลองเชิงการสื่อสารสองทางแบบสมดุล มีสาระสําคัญคือ มุ่งเน้น
พัฒนาความเข้าใจระหว่างองค์กรกับสาธารณะในลักษณะการสื่อสารสองทางแบบสมดุล จากกลุ่มผู้ส่งไปยังกลุ่มผู้รับ และมีการตอบกลับ

73 แบบจําลองเชิงการสื่อสารสองทางแบบอสมดุล มีสาระสําคัญสอดคล้องกับข้อใด
(1) มุ่งโน้มน้าวสาธารณะให้ยอมรับแนวคิดองค์กร
(2) มุ่งสร้างทัศนคติที่ดีต่อองค์กร
(3) มุ่งสร้างความศรัทธาต่อองค์กร
(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 2
(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 1 (เอกสารบทที่ 2) แบบจําลองเชิงการสื่อสารสองทางแบบอสมดุล มีสาระสําคัญคือ มุ่งเน้น การโน้มน้าวสาธารณะให้ยอมรับแนวคิดองค์กรในลักษณะการสื่อสารแบบสองทางที่ไม่เท่าเทียมกัน จากแหล่งสารไปยังผู้รับสาร และมีการตอบกลับ

74 ทฤษฎีเชิงการเรียนรู้ทางสังคม (Social Learning Theory) มีสาระสอดคล้องกับข้อใด
(1) ศึกษาทัศนคติและพฤติกรรมมวลชน
(2) การเปลี่ยนและสร้างทัศนคติ
(3) การให้และการรับ
(4) การให้ความตระหนักและสนใจ
(5) ถูกทุกข้อข้างต้น
ตอบ 1 (เอกสารบทที่ 2) สาระสําคัญของทฤษฎีเชิงการเรียนรู้ทางสังคม (Social Learning Theory) คือ เป็นการศึกษาด้านทัศนคติและพฤติกรรมมวลชน

75 ผู้ใดเป็นผู้บุกเบิกแนวทางของการประชาสัมพันธ์สมัยใหม่
(1) Ivy Lee
(2) Thomas J. Lipton
(3) Boston
(4) H & K
(5) Napoleon
ตอบ 1 หน้า 66, 71 ผู้บุกเบิกแนวทางของการประชาสัมพันธ์สมัยใหม่ คือ ไอวี่ ลี (Ivy Lee) นักหนังสือพิมพ์หนุ่มชาวอเมริกัน ซึ่งถือเป็นบุคคลสําคัญผู้หนึ่งของสหรัฐอเมริกาในฐานะที่ ได้รับการยกย่องว่าเป็น “บิดาของการประชาสัมพันธ์สมัยใหม่” (Father of Modern Public Relations) หรือผู้วางรากฐานของวิชาชีพประชาสัมพันธ์ในสหรัฐอเมริกา

76 ทฤษฎีเชิงการแลกเปลี่ยน (Exchange Theory) มีสาระสอดคล้องกับข้อใด
(1) ศึกษาทัศนคติและพฤติกรรมมวลชน
(2) การเปลี่ยนและสร้างทัศนคติ
(3) การให้และการรับ
(4) การให้ความตระหนักและสนใจ
(5) ถูกทุกข้อข้างต้น
ตอบ 3 (เอกสารบทที่ 2) สาระสําคัญของทฤษฎีเชิงการแลกเปลี่ยน (Exchange Theory) คือ การให้ ความสนใจทางด้านการให้และการรับในประเด็นเรื่องการให้ความรักความใยดี ให้การเคารพนับถือ ซึ่งกันและกัน ให้การช่วยเหลือด้านแรงงาน ให้การแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ

77 ทฤษฎีเชิงความคิดเห็น ทัศนคติ และความเชื่อศรัทธา (Opinion, Attitude, Belief) มีสาระสอดคล้อง
กับข้อใด
(1) ศึกษาทัศนคติและพฤติกรรมมวลชน
(2) การเปลี่ยนและสร้างทัศนคติ
(3) การให้และการรับ
(4) การให้ความตระหนักและสนใจ
(5) ถูกทุกข้อข้างต้น
ตอบ 2 (เอกสารบทที่ 2) สาระสําคัญของทฤษฎีเชิงความคิดเห็น ทัศนคติ และความเชื่อศรัทธา (Opinion, Attitude, Belief) คือ การให้ความสนใจเกี่ยวกับการรณรงค์ เพื่อการเปลี่ยนแปลง และสร้างความคิดเห็น ทัศนคติ และความเชื่อ นําไปสู่ความต้องการที่ประสงค์

78 ทฤษฎีเชิงการเผยแพร่ (Diffusion Theory) มีสาระสอดคล้องกับข้อใด
(1) ศึกษาทัศนคติและพฤติกรรมมวลชน
(2) การเปลี่ยนและสร้างทัศนคติ
(3) การให้และการรับ
(4) การให้ความตระหนักและสนใจ
(5) ถูกทุกข้อข้างต้น
ตอบ 4 (เอกสารบทที่ 2) สาระสําคัญของทฤษฎีเชิงการเผยแพร่ (Diffusion Theory) คือ การเน้นเรื่อง
การให้ความตระหนักและสนใจ

79 ทฤษฎีเชิงการใช้และความพอใจ (Use and Gratification Theory) มีสาระสอดคล้องกับข้อใด
(1) มวลชนใช้สื่อมุ่งเน้นต่างกัน
(2) มวลชนใช้สื่อต่างวัตถุประสงค์
(3) มวลชนใช้สื่อเฉพาะกรณี
(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 2
(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 5 (เอกสารบทที่ 2) สาระสําคัญของทฤษฎีเชิงการใช้และความพอใจ (Use and Gratification Theory) คือ การให้ความสนใจมวลชนในการใช้สื่อที่มุ่งเน้นต่างกันและใช้ต่างวัตถุประสงค์ หรือเป็นการใช้สื่อเฉพาะกรณีไป

80 ทฤษฎีเชิงการกรุประเด็น (Agenda Setting Theory) มีสาระสอดคล้องกับข้อใด
(1) สื่อมีอิทธิพลต่อมวลชน
(2) สื่อสามารถสร้าง/กรุประเด็น
(3) สื่อกรุประเด็นแบบมีคุณธรรม
(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 2
(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3
ตอบ 5 (เอกสารบทที่ 2) สาระสําคัญของทฤษฎีเชิงการกรุประเด็น (Agenda Setting Theory) คือ การเน้นในเรื่องสื่อมีอิทธิพลต่อมวลชน จึงสามารถสร้าง/กรุประเด็นแบบมีคุณธรรมได้

81 ทฤษฎีเชิงผู้ส่งสาร/ผู้รับสาร (Sender/Receiver Theory) มีสาระสอดคล้องกับข้อใด
(1) Source
(2) Message & Message Transmitted
(3) Message Received
(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 2
(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3
ตอบ 5 (เอกสารบทที่ 2) สาระสําคัญของทฤษฎีเชิงผู้ส่งสารและผู้รับสาร (Sender and Receiver Theory) คือ การให้ความสนใจในแหล่งสาร (Source) สาร (Message) การถ่ายทอดสาร (Message Transmitted) และสารที่ได้รับ (Message Received)

82 คําพยางค์สําคัญ “นิยาม” การวิจัยประชาสัมพันธ์ สอดคล้องกับข้อใด
(1) รวบรวมข้อมูล
(2) เข้าใจสถานการณ์
(3) ตรวจสอบข้อมูลที่มีอยู่หรือขาดหาย
(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 2
(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3
ตอบ 5(เอกสารบทที่ 5) นิยามของการวิจัยประชาสัมพันธ์ หมายถึง การรวบรวมข้อมูลเพื่อให้เข้าใจ สถานการณ์ การตรวจสอบสมมุติฐานที่เกี่ยวข้องกับสาธารณะ รวมทั้งผลกระทบที่เกี่ยวกับ การประชาสัมพันธ์ และตรวจสอบข้อมูลที่มีอยู่หรือที่ขาดหายให้มีความมั่นใจและมีความเชื่อถือได้

83 ความสําคัญของการวิจัยประชาสัมพันธ์ สอดคล้องกับข้อใด
(1) ส่วนหนึ่งของการวางแผนงานประชาสัมพันธ์
(2) พัฒนาปรับปรุงโครงการงานประชาสัมพันธ์
(3) เป็นกระบวนการประเมินงานประชาสัมพันธ์
(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 2
(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3
ตอบ 5 (เอกสารบทที่ 5) ความสําคัญของการวิจัยประชาสัมพันธ์ คือ เป็นการให้ข้อมูลนําหน้าหรือ ล่วงหน้า (Feedforward) เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนงานประชาสัมพันธ์ และพัฒนา ปรับปรุงโครงการงานประชาสัมพันธ์ รวมทั้งยังเป็นการให้ข้อมูลย้อนกลับ (Feedback) เพื่อ เป็นกระบวนการประเมินและวัดประเมินผลงานประชาสัมพันธ์ ได้แก่ ผลรับ ผลกระทบ และประสิทธิผลทั้งหมดเพื่อการวางแผนการประชาสัมพันธ์ทั้งโครงการใหม่และกิจกรรมทั้งหลาย

84 วัตถุประสงค์ของการวิจัยประชาสัมพันธ์ สอดคล้องกับข้อใด
(1) การวางแผน/พัฒนา/ปรับปรุงงานประชาสัมพันธ์
(2) ติดตามงานประชาสัมพันธ์
(3) ผลกระทบ/ประสิทธิผลของแผนงานการประชาสัมพันธ์
(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 2
(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3
ตอบ 5 (เอกสารบทที่ 5) วัตถุประสงค์ของการวิจัยประชาสัมพันธ์ ได้แก่
1 เพื่อการวางแผน การพัฒนา และการปรับปรุงงานประชาสัมพันธ์สําหรับโครงการใหม่ แผนกลยุทธ์ และแผนกิจกรรม
2 เพื่อการติดตามงานประชาสัมพันธ์และกิจกรรมทั่วไป

3 เพื่อการวัดการประเมินผลลัพธ์ ผลกระทบ และประสิทธิผลของแผนโครงการประชาสัมพันธ์ รวมทั้งการเผยแพร่และส่งเสริมกิจกรรม

85 ประโยชน์ของการวิจัยประชาสัมพันธ์ สอดคล้องกับข้อใด
(1) การบริหารจัดการการสื่อสาร
(2) การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร
(4) ชุมชนสัมพันธ์
(5) ถูกทุกข้อที่กล่าวข้างต้น
(3) สร้างภาพลักษณ์องค์กร
ตอบ 5 (เอกสารบทที่ 5) ประโยชน์ของการวิจัยประชาสัมพันธ์ คือ เพื่อการบริหารจัดการการสื่อสาร ชิ้นงานประชาสัมพันธ์ การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร การสร้างภาพลักษณ์หรืออัตลักษณ์องค์กร การวิเคราะห์เนื้อหา ชุมชนสัมพันธ์ โฆษณาสถาบัน รวมทั้งการเงินสัมพันธ์

86 เทคนิคสําคัญของการวิจัยประชาสัมพันธ์ สอดคล้องกับข้อใด
(1) การใช้สื่อเผยแพร่
(2) การเฝ้าติดตาม
(3) การสํารวจทางโทรศัพท์
(4) การสัมภาษณ์เจาะลึก
(5) ถูกทุกข้อที่กล่าวข้างต้น
ตอบ 5 (เอกสารบทที่ 5) เทคนิคสําคัญของการวิจัยประชาสัมพันธ์ มีดังนี้
1 การใช้สื่อเผยแพร่
2. การติดตามหรือเฝ้าดู
3. การสํารวจทางโทรศัพท์
4. การตรวจสอบการสื่อสาร
5. การสัมภาษณ์เจาะลึก
6. การสํารวจ
7. การสังเกต
8. การศึกษาเฉพาะกรณี

87 วิธีการวิจัยประชาสัมพันธ์มีอะไรบ้าง
(1) Formal Research for Public Relations
(2) Informal Research for Public Relations
(3) Survey Research for Public Relations
(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 2
(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3
ตอบ 4 (เอกสารบทที่ 5) วิธีการวิจัยประชาสัมพันธ์ แบ่งออกได้ดังนี้
1 การวิจัยประชาสัมพันธ์ที่เป็นทางการ (Format Research for Public Relations)
2 การวิจัยประชาสัมพันธ์ที่ไม่เป็นทางการ (Informal Research for Public Relations)

88 การวิจัยประชาสัมพันธ์แบบทางการมีอะไรบ้าง
(1) วิจัยเชิงปริมาณ
(2) วิจัยเชิงคุณภาพ
(3) วิจัยสํารวจ
(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 2
(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3
ตอบ 5 (เอกสารบทที่ 5) การวิจัยประชาสัมพันธ์แบบทางการ ประกอบด้วย
1 การวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research)
2. การวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research)
3. การวิจัยเชิงสํารวจ (Survey Research)

89 การวิจัยประชาสัมพันธ์เชิงปริมาณมีอะไรบ้าง
(1) Survey Research
(2) Content Analysis
(3) Delphi Technique
(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 2
(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3
ตอบ 1 (เอกสารบทที่ 5), (คําบรรยาย) เทคนิคการวิจัยประชาสัมพันธ์เชิงปริมาณ ได้แก่ การวิจัยสํารวจ (Survey Research) และการทดลอง (Experiment)

90 การวิจัยประชาสัมพันธ์เชิงคุณภาพมีอะไรบ้าง
(1) Focus Group
(2) In-depth Interview
(3) Case Studies
(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 2
(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3
ตอบ 5 (เอกสารบทที่ 5), (คําบรรยาย) เทคนิคการวิจัยประชาสัมพันธ์เชิงคุณภาพ ได้แก่ การสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) การสนทนากลุ่ม (Focus Group) การศึกษาเผ่าพันธุกรรม (Ethnography Studies) การศึกษาเฉพาะกรณี (Case Studies) การวิจัยอนาคต (Futures Research) การสังเกตโดยตรง (Direct Observation) การวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) และประวัติศาสตร์ความเป็นมา (Historical)

91 การวิจัยประชาสัมพันธ์เชิงสํารวจ มีสาระสอดคล้องกับข้อใด
(1) การสังเกตการณ์ทางสังคมศาสตร์
(2) การใช้สถิติวิเคราะห์
(3) ใช้แบบสอบถาม
(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 2
(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3
ตอบ 5 (เอกสารบทที่ 5), (คําบรรยาย) เทคนิคการวิจัยประชาสัมพันธ์เชิงสํารวจ ได้แก่ การสังเกตการณ์ ทางสังคมศาสตร์ การใช้สถิติวิเคราะห์ การใช้แบบสอบถาม การสํารวจทางจดหมาย จดหมายอิเล็กทรอนิกส์หรืออีเมล โทรศัพท์ แฟกซ์ แฟกซ์ตามอุปสงค์ จดหมายข่าว และสื่อสังคม

92 การวิจัยประชาสัมพันธ์เชิงสํารวจ มีแนวทางดําเนินการตามข้อใด
(1) สํารวจทางจดหมาย/อีเมล
(2) สํารวจทางโทรศัพท์
(3) สํารวจกลุ่มเป้าหมายโดยตรง
(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 2
(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 91. ประกอบ

93 การวิจัยประชาสัมพันธ์เชิงคุณภาพ มีแนวทางดําเนินการตามข้อใด
(1) การสังเกตโดยตรง
(2) การวิเคราะห์เนื้อหา
(3) ประวัติศาสตร์
(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 2
(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 90. ประกอบ

94 การวิจัยประชาสัมพันธ์เชิงอนาคตมีอะไรบ้าง
(1) Delphi Technique
(2) Ethnographic Futures Research
(3) Ethnographic-Delphi Futures Research
(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 2
(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3
ตอบ 5 (เอกสารบทที่ 5), (คําบรรยาย) เทคนิคการวิจัยประชาสัมพันธ์เชิงอนาคต มีดังนี้
1. การวิจัยอนาคตแบบเดลฟาย (Delphi Technique)
2. การวิจัยอนาคตแบบ Ethnographic Futures Research (EFR)
3. การวิจัยอนาคตแบบ Ethnographic-Delphi Futures Research (EDFR)

95 การวิจัยประชาสัมพันธ์แบบเดลฟาย มีสาระสอดคล้องกับข้อใด
(1) รอบแรก ส่งคําถามปลายเปิด
(2) รอบที่สอง คําถามปลายปิดสรุปจากรอบแรก
(3) รอบที่สาม คําถามปลายปิดยืนยัน/เปลี่ยนใจ
(4) รอบที่สี่ คําถามปลายปิดสรุปจากรอบ 3
(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 5 (คําบรรยาย) ในการวิจัยประชาสัมพันธ์แบบเดลฟาย ผู้วิจัยจะส่งแบบสอบถามให้ผู้เชี่ยวชาญ
1 ส่งเป็นคําถามปลายเปิด (อัตนัย) ให้ผู้เชี่ยวชาญที่เลือกสรรแล้วเพื่อตอบคําถาม
2 ส่งเป็นคําถามปลายปิด (ปรนัย) สรุปจากรอบแรก
3 ส่งเป็นคําถามปลายปิดเพื่อยืนยัน/เปลี่ยนใจ
4 ส่งเป็นคําถามปลายปิดสรุปจากรอบสาม
ตอบ 4 รอบ ดังนี้

96 การวิจัยประชาสัมพันธ์เชิงติดตามผล มีสาระสําคัญตามข้อใด
(1) พิจารณาปัจจัยนําเข้าและส่งออก
(2) กําหนดผลลัพธ์
(3) ได้ข้อมูลกําหนดแผนกลยุทธ์และแผนงาน
(4) นักประชาสัมพันธ์ได้จัดทําแผนนําทาง
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 (เอกสารบทที่ 5) สาระสําคัญของการวิจัยประชาสัมพันธ์เชิงติดตามผล คือ การให้ ความสําคัญในเรื่องการพิจารณาปัจจัยนําเข้าและส่งออก การกําหนดผลลัพธ์ การจัดการ เส้นทางดําเนินการหรือแผนนําทางที่เหมาะสมในประเด็นตัวบ่งชี้ ปัญหา/โอกาสที่เป็นจริง การรับรู้ ความเชื่อในสาธารณะ และกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งเครื่องมือหรือวิธีการสื่อสารที่ช่วย ให้องค์กรมีผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมาย เพื่อให้ได้ข้อมูลกําหนดแผนกลยุทธ์และแผนโครงการ

97 การวิจัยประชาสัมพันธ์เชิงประเมินสรุป มีสาระสําคัญตามข้อใด
(1) ติดตามความก้าวหน้า
(2) กําหนดวัตถุประสงค์/เป้าหมาย
(3) วัดผลสําเร็จและดูความผิดพลาด
(4) พิจารณาปรับปรุงงบประมาณ/ค่าใช้จ่าย
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 (เอกสารบทที่ 5) สาระสําคัญของการวิจัยประชาสัมพันธ์เชิงประเมินสรุป คือ การให้ความสําคัญ เรื่องการติดตามความก้าวหน้าตามที่ได้กําหนดวัตถุประสงค์/เป้าหมายไว้ การเรียนรู้เรื่องการ วัดผลสําเร็จและดูความผิดพลาดของแผนประชาสัมพันธ์เพื่อแก้ไขปัญหาในคราวต่อไป รวมทั้ง การพิจารณาปรับปรุงงบประมาณและค่าใช้จ่ายในงานประชาสัมพันธ์

98 การวิจัยประชาสัมพันธ์เชิงติดตามผลมีอะไรบ้าง
(1) Exploratory Research
(2) Development Research
(3) Benchmarking Research
(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 2
(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3
ตอบ 5 (เอกสารบทที่ 5) วิธีการวิจัยประชาสัมพันธ์เชิงติดตามผล มีดังนี้
1 การสํารวจตรวจสอบ (Exploratory Research)
2 การวิจัยเชิงพัฒนา (Development Research)
3 การวิจัยหามาตรฐาน (Benchmarking Research)

99 การวิจัยประชาสัมพันธ์เชิงประเมินสรุปมีอะไรบ้าง
(1) Analysis of Existing Data
(2) Benchmarking Research
(3) Focus Group Discuss
(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 2
(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3
ตอบ 5 (เอกสารบทที่ 5) วิธีการวิจัยประชาสัมพันธ์เชิงประเมินสรุป มีดังนี้
1 การวิเคราะห์ข้อมูลที่มีอยู่จริง (Analysis of Existing Data)
2 การวิจัยหามาตรฐาน (Benchmarking Research)
3 การสนทนากลุ่ม (Focus Group Discuss)

100 แผนงานการประชาสัมพันธ์มีอะไรบ้าง
(1) Strategic Planning
(2) Program Planning
(3) Project Planning
(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 2
(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3
ตอบ 5 (เอกสารบทที่ 7) แผนงานการประชาสัมพันธ์แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่
1 แผนการประชาสัมพันธ์เชิงกลยุทธ์ (Strategic Planning)
2 แผนการประชาสัมพันธ์เชิงโครงการ (Program Planning or Project Planning)

CDM2105 MCS2390 เทคโนโลยีเพื่อการสื่อสารมวลชน 1/2564

การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2564
ข้อสอบกระบวนวิชา MCS 2390 (MCS 2108) เทคโนโลยีเพื่อการสื่อสารมวลชน
คําสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคําตอบเดียว

ข้อ 1. – 10. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม
(1) สื่อวิทยุกระจายเสียง
(2) www.youtube.com
(3) ภาษาดิจิทัล
(4) เทคโนโลยี

1 กลไกในการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ คือข้อใด
ตอบ 3 หน้า 35 – 50, 109, (คําบรรยาย) สื่อใหม่ (New Media) ได้แก่ อินเทอร์เน็ต, สื่อออนไลน์, เว็บไซต์ (เช่น www.youtube.com), อีเมล (E-mail) ฯลฯ ซึ่งมีลักษณะสําคัญดังนี้
1 มีการใช้ภาษาระบบตัวเลขหรือภาษาดิจิทัล (Digital Language) เป็นกลไกในการสื่อสาร ข้อมูลและกระบวนการทํางานผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์
2 ผู้รับสารมีลักษณะ Active Seeker คือ ผู้รับสารกระตือรือร้นเสาะแสวงหาข้อมูลข่าวสาร ด้วยตัวเองตามความสนใจและความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองอย่างอิสรเสรี
3 มีช่องทางการปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ส่งสารและผู้รับสารในลักษณะของการสื่อสารแบบ สองทาง (Two-way Communication) ฯลฯ

2 ข้อใดเป็นสื่อที่นําเสนอเนื้อหาสารในรูปภาษาพูด
ตอบ 1 หน้า 30, (คําบรรยาย) คุณลักษณะของสื่อวิทยุกระจายเสียง (Radio) มีดังนี้
1 ครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างขวาง เข้าถึงผู้รับสารได้อย่างครอบคลุม
2 มีความรวดเร็ว ทําให้ผู้ฟังได้รับข่าวสารทันต่อเวลาที่เกิดขึ้นจริง (Real Time)
3 เป็นสื่อที่นําเสนอเนื้อหาสารในรูปภาษาพูด จึงสามารถทําลายข้อจํากัดในการอ่านออก
เขียนได้ของผู้รับสาร
4 เป็นสื่อที่มีความคงทนต่ํา คือ ผู้รับสารไม่สามารถย้อนกลับไปเปิดรับเนื้อหาสารได้ซ้ําครั้ง ตามที่ตนต้องการ ฯลฯ

3 สื่อข้อใดมีช่องทางในการปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ส่งสารและผู้รับสาร
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 1. ประกอบ

4สื่อข้อใดที่ทําลายข้อจํากัดในการอ่านออกเขียนได้ของผู้รับสาร
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 2. ประกอบ

5 ข้อใดคือกลไกการทํางานของสื่อใหม่
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 1. ประกอบ

6 ข้อใดช่วยให้เกิดประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และความประหยัดต่อกระบวนการผลิตหรือระบบการทํางาน ตอบ 4 หน้า 3 โดยทั่วไปแล้วเทคโนโลยีจะช่วยให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีต่อกระบวนการผลิตหรือระบบการ
ทํางานใด ๆ ก็ตามอยู่ 3 ประการ ได้แก่
1 ประสิทธิภาพ (Efficiency)
2 ประสิทธิผล (Productivity)
3 ประหยัด (Economy)

7 ข้อใดจัดเป็นสื่อสารมวลชนในกลุ่ม New Media
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 1. ประกอบ

8 การนําความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อกระบวนการผลิต หมายถึงข้อใด
ตอบ 4 หน้า 1 – 2, (ดูคําอธิบายข้อ 6. ประกอบ) บราวน์ (Brown) ให้ความหมายของ “เทคโนโลยี” (Technology) ว่า การนําวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ให้บังเกิดผลประโยชน์ ส่วนพจนานุกรม เว็บสเตอร์ (Webster) ให้ความหมายของเทคโนโลยีไว้ประการหนึ่ง คือ การใช้ทางวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อวัตถุประสงค์ทางด้านอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรม

9 ผู้รับสารของสื่อข้อใดที่มีลักษณะเป็น Active Seeker
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 1. ประกอบ

10 ผู้รับสารของสื่อข้อใดที่มีลักษณะเป็น Passive Audience
ตอบ 1 หน้า 17, 27, 32 – 33 สื่อดั้งเดิม (Traditional Media) ได้แก่ สื่อสิ่งพิมพ์ (เช่น หนังสือพิมพ์ จดหมายข่าว (News Letter), นิตยสาร, วารสาร ฯลฯ) สื่อวิทยุโทรทัศน์ สื่อวิทยุกระจายเสียง สื่อภาพยนตร์ ฯลฯ มีลักษณะของผู้รับสารดังนี้
1 ผู้รับสารในสังคมคุ้นเคยและมีทัศนคติเชิงบวกต่อการเปิดรับข้อมูลข่าวสารจากสื่อดั้งเดิม
2 ผู้รับสารมีลักษณะ Passive Audience คือ มีหน้าที่เปิดรับข้อมูลข่าวสาร และจะได้รับ ข้อมูลข่าวสารก็ต่อเมื่อผู้ส่งสารนําเสนอหรือส่งสารผ่านสื่อหรือช่องทางในการสื่อสารมาสู่ ผู้รับสารเท่านั้น เช่น ผู้อ่านจะได้อ่านสิ่งพิมพ์ก็ต่อเมื่อตีพิมพ์เสร็จและวางแผง เป็นต้น
3 มีลักษณะการสื่อสารไปยังผู้รับสารแบบทางเดียว (One-way Communication) ดังนั้น จึงแทบไม่มีช่องทางในการรับรู้ปฏิกิริยาตอบกลับ (Feedback) ของผู้รับสาร ฯลฯ

11 การใช้สัญญาณควันไฟเพื่อสื่อสารไปยังคนหมู่มากในชุมชน เป็นรูปแบบการสื่อสารในยุคใด
(1) ยุคการใช้ตัวอักษร
(2) ยุคก่อนการใช้ตัวอักษร
(3) ยุคการพิมพ์
(4) ยุคสื่อไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
(5) ยุคการสื่อสารผ่านเครือข่ายและสื่อดิจิทัล
ตอบ 2 หน้า 11 – 12 รูปแบบและวิธีการสื่อสารมวลชนของมนุษย์ยุคแรก ๆ ก่อนที่จะมีการใช้ ตัวอักษรนั้น จะเป็นวิธีการสื่อสารอย่างง่าย เช่น การใช้สัญญาณควันไฟเพื่อสื่อสารไปยังคน หมู่มากในชุมชน การใช้เสียงกลอง การขีดเขียนสัญลักษณ์ หรือภาพเขียนตามผนังถ้ํา ฯลฯ

12 มนุษย์เรียนรู้การสื่อสารมวลชน (Mass Communication) ตั้งแต่เมื่อใด
(1) ตั้งแต่ยุคที่มนุษย์คิดค้นการใช้ตัวอักษรในการสื่อสาร
(2) ตั้งแต่ยุคที่มีการประดิษฐ์แท่นพิมพ์
(3) ตั้งแต่ยุคที่มนุษย์มีที่อยู่อาศัยรวมกันเป็นหลักแหล่ง
(4) ตั้งแต่ยุคที่มีการค้นพบคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
(5) ตั้งแต่ยุคที่มีการสื่อสารด้วยภาษาระบบตัวเลข
ตอบ 3 หน้า 11 การสื่อสารไปสู่กลุ่มคนจํานวนมากในลักษณะของการสื่อสารมวลชนได้เกิดขึ้นมา นานแล้ว นับตั้งแต่ยุคที่มนุษย์มีที่อยู่อาศัยรวมกันเป็นหลักแหล่ง โดยมีการรวมตัวกันเป็นกลุ่ม สังคมและชุมชน จนกระทั่งมีความจําเป็นต้องแจ้งข่าวสารจากผู้นํากลุ่มสังคมไปยังคนในกลุ่ม จึงได้หาวิธีการส่งข้อมูลข่าวสารไปยังคนจํานวนมากเพื่อให้ได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารได้พร้อมกัน

13 นักวิทยาศาสตร์ผู้ประดิษฐ์แท่นพิมพ์และนําตัวอักษรมาเรียงบนแท่นพิมพ์เพื่อจัดพิมพ์บนกระดาษ คือผู้ใด
(1) กูกลิเอลโม มาร์โคนี
(2) ลี เดอ ฟอเรสต์
(3) โจฮัน กูเตนเบิร์ก
(4) เฮนริช รูดอล์ฟ เฮิรตซ์
(5) เจมส์ คลาร์ค แม็กซ์เวล
ตอบ 3 หน้า 13 – 15 เมื่อประมาณ ค.ศ. 1450 ได้เกิดการพิมพ์แบบอุตสาหกรรมขึ้นในทวีปยุโรป
กล่าวคือ โจฮัน กูเตนเบิร์ก (Johann Gutenberg) ชาวเยอรมัน เป็นผู้คิดประดิษฐ์แท่นพิมพ์ ที่สามารถพิมพ์ได้ครั้งละมาก ๆ อันเป็นแบบอย่างของระบบการพิมพ์ในปัจจุบัน และสามารถ นําตัวอักษรมาเรียงบนแท่นพิมพ์เพื่อจัดพิมพ์บนกระดาษได้สําเร็จ

14 ข้อใดคือลักษณะของสื่อสิ่งพิมพ์ (Printed Media)
(1) เป็นสื่อที่มีความคงทนต่ำ
(2) เป็นสื่อที่ทําลายข้อจํากัดในการอ่านออกเขียนได้ของผู้รับสาร
(3) เป็นสื่อที่มีความคงทนสูง
(4) เป็นสื่อที่มีช่องทางปฏิสัมพันธ์
(5) เป็นสื่อที่นําเสนอเนื้อหาสารในลักษณะ Real Time
ตอบ 3 หน้า 17, 27 – 28, 33 คุณลักษณะของสื่อสิ่งพิมพ์ (Printed Media) เช่น วารสาร นิตยสาร หนังสือพิมพ์ จุลสาร จดหมายข่าว (News Letter) ฯลฯ ซึ่งจัดเป็นสื่อแบบดั้งเดิม มีดังนี้
1 เป็นสื่อที่เข้าถึงกลุ่มผู้รับสารได้อย่างกว้างขวาง
2 นําเสนอเนื้อหาสารในรูปภาษาเขียน (ตัวอักษร) และภาพ
3 ผู้จัดทําเนื้อหาสารในฐานะผู้ส่งสารสามารถจัดทําเนื้อหาที่เหมาะสม สอดคล้องกับผู้รับสาร
เป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4 เป็นสื่อที่มีความน่าเชื่อถือสูง จึงมักถูกใช้เป็นสื่อเพื่อการอ้างอิง (Referenced Media)
5 เป็นสื่อที่มีความคงทนสูง คือ ผู้รับสารสามารถย้อนกลับไปเปิดรับเนื้อหาสารจากสื่อได้ซ้ําครั้ง ตามที่ผู้รับสารต้องการ
6 จัดเป็นสื่อสารมวลชนสื่อแรกที่มีความเก่าแก่ที่สุด ฯลฯ

15 Nipcow Disc เป็นการทดลองแพร่ภาพเคลื่อนไหวโดยใช้เทคโนโลยีในข้อใด
(1) เทคโนโลยีจักรกล
(2) เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์
(3) เทคโนโลยีดิจิทัล
(4) เทคโนโลยีสื่อประสม
(5) เทคโนโลยีแรงคน
ตอบ 1 หน้า 22 ใน ค.ศ. 1884 พอล นิปโคว์ (Paul Nipkow) เป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมัน ที่ประสบความสําเร็จในการทดลองแพร่ภาพเคลื่อนไหวด้วยเทคโนโลยีจักรกลเป็นครั้งแรกเพราะเขาได้ค้นพบการสแกนภาพจากจานหมุนที่ถูกตั้งชื่อว่า “Nipcow Disc” ซึ่งนําไปสู่ การประดิษฐ์สื่อวิทยุโทรทัศน์จักรกลในยุคแรก แต่ก็มีข้อจํากัดหลายประการ เช่น เสียงดังมีขนาดใหญ่ และยังมีระบบการทํางานที่ไม่สัมพันธ์กันระหว่างจานรับกับจานส่ง

16 “กระบวนการแปลงข้อมูลข่าวสารลักษณะต่าง ๆ ให้อยู่ในรูปภาษาดิจิทัล” ตรงกับคําใด
(1) Digital Evolution
(2) Digitization
(3) Digital Revolution
(4) Digital Innovation
(5) Digitalization
ตอบ 2 หน้า 36 การปฏิวัติแห่งระบบดิจิทัล หรือการปฏิวัติแห่งระบบตัวเลข (Digital Revolution) หมายถึง ข้อมูลข่าวสารไม่ว่าจะอยู่ในรูปของข้อความ เสียง รูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว ถูกแปลง ให้เป็นภาษารูปแบบเดียวกัน คือ ภาษาดิจิทัล (Digital Language) ซึ่งรูปแบบของกระบวนการ แปลงข้อมูลข่าวสารลักษณะต่าง ๆ ให้อยู่ในรูปภาษาดิจิทัล ตรงกับคําว่า “การทําให้เป็นภาษา ระบบตัวเลข” (Digitization)

17 “ผู้อ่านจะได้อ่านสิ่งพิมพ์ก็ต่อเมื่อตีพิมพ์เสร็จและวางแผง” คือลักษณะของผู้รับสารจากสื่อประเภทใด
(1) Local Media
(2) New Media
(3) Traditional Media
(4) Alternative Media
(5) Social Media
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 10. ประกอบ

18 ลักษณะของผู้รับสารในข้อ 17. ตรงกับคําใด
(1) Active Seeker
(2) Active Receiver
(3) Passive Audience
(4) Passive Seeker
(5) Negative Audience
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 10. ประกอบ

19 สื่อสิ่งพิมพ์เป็นสื่อที่เปิดโอกาสให้ผู้รับสารเปิดรับสารได้ซ้ําครั้ง ตรงกับคําใด
(1) มีความเสถียรสูง
(2) มีความน่าเชื่อถือสูง
(3) มีความคงทนสูง
(4) มีความยั่งยืนสูง
(5) ความเป็นมิตรต่อผู้รับสารสูง
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 14. ประกอบ

20 ข้อใดคือความหมายของคําว่า “การปฏิวัติแห่งระบบดิจิทัล” (Digital Revolution)
(1) ข้อมูลข่าวสารในรูปข้อความ เสียง ภาพเคลื่อนไหว ถูกแปลงให้เป็นภาษาดิจิทัล
(2) ข้อมูลข่าวสารในรูปภาษาดิจิทัล ถูกแปลงให้อยู่ในรูปข้อความ เสียง ภาพเคลื่อนไหว
(3) ข้อมูลข่าวสารในรูปข้อความ ถูกแปลงให้เป็นสัญญาณเสียง
(4) ข้อมูลข่าวสารในรูปสัญญาณเสียง ถูกแปลงให้อยู่ในรูปข้อความ
(5) ข้อมูลข่าวสารในรูปข้อความ ถูกแปลงให้อยู่ในรูปสัญญาณภาพเคลื่อนไหว
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 16. ประกอบ

21 ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของ New Media
(1) เป็นสื่อที่เอื้อให้ผู้ส่งสารและผู้รับสารทําหน้าที่ส่งสารและรับสารได้พร้อมกัน
(2) มีรูปแบบการสื่อสารแบบทางเดียว
(3) มีรูปแบบการสื่อสารแบบสองทาง
(4) ส่งสารผ่านช่องทางสื่อสารได้หลายอย่างพร้อมกัน
(5) มีความรวดเร็วในการนําเสนอเนื้อหาสารไปสู่ผู้รับปลายทาง
ตอบ 2 หน้า 38 Burnett, R. and Marshall (2003) ได้นิยามสื่อใหม่ (New Media) ว่า เป็นสื่อที่ เอื้อให้ผู้ส่งสารและผู้รับสารทําหน้าที่ส่งสารและรับสารได้พร้อมกัน และสื่อยังทําหน้าที่ส่งสาร ผ่านช่องทางการสื่อสารได้หลาย ๆ อย่างพร้อมกัน คือ ภาพ เสียง และข้อความ โดยการรวม เทคโนโลยีของสื่อดั้งเดิมเข้ากับความก้าวหน้าของระบบเทคโนโลยีสัมพันธ์ ทําให้มีรูปแบบการ สื่อสารแบบสองทางผ่านทางระบบเครือข่ายและมีศักยภาพเป็นสื่อแบบประสม (Multimedia)

22 Freedom from geological boundaries หมายถึง ความเป็นอิสระด้านใดของสื่อใหม่
(1) ความเป็นอิสระจากข้อจํากัดด้านรูปแบบ
(2) ความเป็นอิสระจากข้อจํากัดด้านขนาด
(3) ความเป็นอิสระจากข้อจํากัดด้านเวลา
(4) ความเป็นอิสระจากข้อจํากัดด้านพรมแดน
(5) ความเป็นอิสระจากข้อจํากัดด้านพื้นที่
ตอบ 4 หน้า 38 – 39 Kent Wertime and Lan Fenwick กล่าวว่า ลักษณะสําคัญของเนื้อหา ในรูปแบบดิจิทัล ประกอบด้วย ความเป็นอิสระ 5 ประการ ได้แก่
1 ความเป็นอิสระจากข้อจํากัดด้านเวลา (Freedom from scheduling)

2 ความเป็นอิสระจากข้อจํากัดด้านพรมแดน (Freedom from geological boundaries)
3 ความเป็นอิสระจากข้อจํากัดด้านขนาด (Freedom to scale)
4 ความเป็นอิสระจากข้อจํากัดด้านรูปแบบ (Freedom from formats)
5 ความเป็นอิสระจากยุคนักการตลาดสร้างเนื้อหา มาสู่ยุคนักบริโภคริเริ่มสร้างและควบคุม เนื้อหาเอง (Freedom from marketer-driven to consumer-initiated, created and controlled)

23 ด้วยคุณลักษณะข้อใดที่ส่งผลให้อินเทอร์เน็ต (Internet) ถูกนับเป็นสื่อสารมวลชน (Mass Media)
(1) สามารถส่งข้อมูลข่าวสารได้อย่างรวดเร็วไปสู่ผู้รับสารในวงกว้าง
(2) มีช่องทางให้ผู้รับสารสามารถสื่อสารตอบกลับแบบสองทาง
(3) นําเสนอเนื้อหาสารได้ทุกลักษณะของสื่อแบบดั้งเดิม
(4) ใช้ภาษาดิจิทัลเป็นกลไกในกระบวนการทํางาน
(5) ส่งเนื้อหาสารผ่านสื่อคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อแบบเครือข่าย
ตอบ 3 หน้า 40, 55, (คําบรรยาย) สื่ออินเทอร์เน็ตถูกจัดเป็นสื่อสารมวลชนหรือสื่อมวลชน (Mass Communication/Mass Media) ด้วยศักยภาพทางเทคโนโลยีที่สามารถนําเสนอเนื้อ เอหาสาร ได้ในลักษณะเดียวกันกับสื่อมวลชนแบบดั้งเดิมทุกประเภททั้งสื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และภาพยนตร์

24 IOS จัดเป็นข้อใด
(1) Mobile Telephone
(2) Mobile Platform
(3) Mobile Game
(4) Mobile Computing
(5) Mobile Network
ตอบ 2 หน้า 41 เทคโนโลยีสําหรับอุปกรณ์พกพาหรือแพลตฟอร์มเคลื่อนที่ (Mobile Platform) หมายถึง ระบบปฏิบัติการสําหรับอุปกรณ์พกพา ซึ่งประกอบไปด้วย ระบบปฏิบัติการของ โทรศัพท์เคลื่อนที่หรืออุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่อื่น ๆ โดยมีผู้ให้บริการเทคโนโลยีในระบบ ปฏิบัติการหลากหลายเครือข่ายการสื่อสาร เช่น ระบบปฏิบัติการ IOS, ระบบปฏิบัติการ Android, ระบบปฏิบัติการ Windows Phone 7 ฯลฯ

25 การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ จัดเป็น New Media ตรงกับคําในข้อใด
(1) E-mail
(2) E-banking
(3) E-commerce
(4) E-book
(5) E-document
ตอบ 3 หน้า 66 สื่ออินเทอร์เน็ตมักถูกใช้เป็นช่องทางประกอบธุรกรรมทางธุรกิจทั้งการซื้อขายสินค้า ออนไลน์ การโฆษณาประชาสัมพันธ์ออนไลน์ การโอนเงินออนไลน์ การจองตั๋วเครื่องบินออนไลน์ และยังเป็นช่องทางสําคัญที่ผู้ประกอบการใช้ส่งเสริมการตลาดออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นจึงเป็นที่มาของคําว่า “E-Commerce” (Electronic Commerce) หรือที่เราเรียกกันใน ภาษาไทยว่า “การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์” เช่น www.lazada.com, www.alibaba.com, www.shopee.co.th, www.tarad.com ฯลฯ

26 ส่วนที่ใช้ในการเชื่อมต่อเว็บเพจเข้าหากัน และเป็นส่วนที่ให้ผู้ใช้สามารถเปิดเว็บเพจหน้าถัดไป หมายถึง
ข้อใด
(1) Upload
(2) Download
(3) Streaming
(4) Browser
(5) Link

ตอบ 5 หน้า 40, (คําบรรยาย) การเชื่อมโยงหลายมิติ (Hyperlink) ซึ่งมักเรียกกันย่อ ๆ ว่า “Link” หมายถึง ส่วนที่ใช้ในการเชื่อมต่อเว็บเพจเข้าหากัน และเป็นส่วนที่ให้ผู้ใช้สามารถเปิดเว็บเพจ หน้าถัดไป ซึ่งอาจมีลักษณะเป็นข้อความ ปุ่มกด หรือรูปภาพที่ผู้ใช้สามารถคลิกเพื่อให้เกิดการ เชื่อมโยงไปสู่เว็บเพจหน้าอื่นที่กําหนดไว้ แทนที่จะพิมพ์ในแถบที่อยู่ของเว็บบราวเซอร์โดยตรง

ข้อ 27. – 29. จงจับคู่ตัวเลือกต่อไปนี้กับข้อความ
(1) Teletext
(2) Videotext
(3) Podcast

27 เนื้อหาในรูปของข้อมูลเสียง (Content Audio) ที่จัดทําขึ้นและเผยแพร่บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ตอบ 3 หน้า 44 พอดแคสต์ (Podcast) หมายถึง เนื้อหาที่อยู่ในรูปของข้อมูลที่เป็นเสียง
(Content Audio) ซึ่งจัดทําขึ้นและเผยแพร่บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต

28 การนําเสนอข่าวสารของสื่อสิ่งพิมพ์โดยส่งข้อมูลไปพร้อมกับการส่งสัญญาณคลื่นโทรทัศน์
ตอบ 1 หน้า 67 ในปี ค.ศ. 1970 (พ.ศ. 2513) ประเทศอังกฤษได้คิดค้นวิธีการนําเสนอข่าวสารของ สื่อสิ่งพิมพ์โดยส่งข้อมูลไปพร้อมกับการส่งคลื่นสัญญาณโทรทัศน์ และได้เรียกสื่อดังกล่าวนี้ว่า“โทรภาพสาร” (Teletext)

29 การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารโดยเชื่อมโยงระบบโทรศัพท์สาธารณะเข้ากับศูนย์ข้อมูลและเชื่อมต่อเข้ากับ อุปกรณ์ปลายทางของผู้ใช้ ปรากฏเนื้อหาในรูปข้อความและภาพบนเครื่องรับปลายทาง
ตอบ 2 หน้า 67 – 68 บริษัท British Telecom ประเทศอังกฤษ ได้พัฒนาเทคโนโลยีการเผยแพร่ ข้อมูลข่าวสารในรูปวิดีสาร (Videotext) ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงระบบโทรศัพท์สาธารณะเข้ากับ ศูนย์ข้อมูลและเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์ปลายทางของผู้ใช้ โดยที่เครื่องรับจะมีเครื่องแปลงรหัสที่สามารถแปลงรหัสให้ปรากฏบนจอรับปลายทางได้ทั้งในลักษณะข้อความและภาพ ต่อมาใน พ.ศ. 2523 องค์กรหนังสือพิมพ์ได้นําเนื้อหาข่าวเผยแพร่สู่ประชาชนผ่านสื่อวิดีสารเป็นครั้งแรก

ข้อ 30 – 34. จงจับคู่ตัวเลือกต่อไปนี้กับข้อความ
(1) Virtual Space
(2) Metaverse
(3) System Software
(4) Application Software
(5) Connectivity

30 ซอฟต์แวร์ระบบ
ตอบ 3 หน้า 42 ซอฟต์แวร์ (Software) เป็นชุดคําสั่งหรือโปรแกรมที่เขียนขึ้นเพื่อให้คอมพิวเตอร์
ทํางานซึ่งจะทําหน้าที่เสมือนตัวเชื่อมระหว่างผู้ใช้งานกับคอมพิวเตอร์ให้สามารถเข้าใจกันได้
แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
1 ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software, Operating Software : OS)
2 ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software)

31 จักรวาลนฤมิต
ตอบ 2 (คําบรรยาย) จักรวาลนฤมิต (Metaverse) มาจากคําว่า “Meta + Verse” ซึ่งรวมแล้วจะได้ ความหมายว่า “จักรวาลที่อยู่เหนือจินตนาการ” ปรากฏครั้งแรกในนวนิยาย Sci-Fi ที่มีชื่อว่า “Snow Crash” โดยจักรวาลนฤมิตหรือ Metaverse นี้จะกลายมาเป็นโลกอีกใบที่ให้ผู้คนได้ เข้ามามีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันผ่านการจําลองเป็นตัวละครต่าง ๆ (Avatar) ด้วยการใช้เทคโนโลยี คือ Augmented Reality (AR) และ Virtual Reality (VR)

32 ซอฟต์แวร์ประยุกต์
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 30 ประกอบ

33 สามารถเชื่อมต่อกันได้โดยง่าย
ตอบ 5 หน้า 47 กาญจนา แก้วเทพ (2555) นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชน ได้กล่าวถึงคุณลักษณะ สําคัญของสื่อใหม่ (New Media) ว่ามีคุณสมบัติในเชิงเทคนิค เชิงสังคม และอื่น ๆ ดังนี้
1 การมีปฏิสัมพันธ์ได้ง่าย (Interactivity) เพราะเป็นสื่อที่มีรูปแบบการสื่อสารแบบสองทาง
2 มีความสามารถเคลื่อนที่ได้สูง (Mobility) (Two-way Communication)
3 สามารถดัดแปลงเปลี่ยนรูปได้ (Convertibility)
4 สามารถเชื่อมต่อกันได้โดยง่าย (Connectivity)
5 สามารถหาได้หรือใช้ประโยชน์ในทุกที่ (Ubiquity)
6 มีความรวดเร็วในการสื่อสาร (Speed of Communication)
7 มีลักษณะที่ไร้พรมแดน (Absence of Boundaries)
8 มีความเป็นดิจิทัล (Digitization)

34 พื้นที่เสมือน
ตอบ 1 หน้า 42, (คําบรรยาย) Cyber Space หมายถึง พื้นที่เสมือน (Virtual Space) ซึ่งเป็นพื้นที่ อิเล็กทรอนิกส์หรือภูมิประเทศเสมือนที่อยู่บนการสื่อสารแบบออนไลน์

35 ข้อใดไม่ใช่คําอธิบายของคําว่า Media Convergence
(1) การบรรจบกันของเทคโนโลยีสื่อแบบดั้งเดิมกับสื่อใหม่
(2) การหลอมรวมเนื้อหาของสื่อแบบดั้งเดิมให้ปรากฏบนสื่ออินเทอร์เน็ต
(3) การหลอมรวมระหว่างสื่อ
(4) การรวมเทคโนโลยีสื่อที่แตกต่างกันเข้าไว้ด้วยกันในศูนย์เดียว
(5) การหลอมรวมเนื้อหาดิจิทัลผ่านสื่อแบบดั้งเดิม
ตอบ 5 หน้า 50 – 51 Media Convergence หมายถึง การบรรจบกันของเทคโนโลยีสื่อแบบดั้งเดิม กับสื่อใหม่ หรือเป็นการรวมเทคโนโลยีสื่อที่แตกต่างกันเข้าไว้ด้วยกันในศูนย์เดียว จนต่อมาได้มี ผู้นิยามศัพท์ว่า “การหลอมรวมระหว่างสื่อ หรือการหลอมรวมสื่อ” อันเป็นผลมาจากศักยภาพ ในการแปลงเนื้อหาจากแหล่งสารต่าง ๆ ให้อยู่ในรูปข้อมูลดิจิทัลหรือภาษาดิจิทัล พร้อมกับการ แปลงข้อมูลดิจิทัลให้ปรากฏในลักษณะเดียวกันกับรูปแบบเนื้อหาสารจากแหล่งสารที่นําเสนอผ่านสื่อแบบดั้งเดิม

36 พนม ยีรัมย์ ถูกทาบทามให้ร่วมแสดงในภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด เป็นปรากฏการณ์ข้อใด
(1) Global Convergence
(2) Corporate Convergence
(3) Technological Convergence
(4) Functional Convergence
(5) Cultural Convergence
ตอบ 1 หน้า 54 Global Convergence หมายถึง ปรากฏการณ์การหลอมรวมระดับโลกจนส่งผล ให้เกิดการผสมผสานทางวัฒนธรรม อันเป็นผลมาจากการเผยแพร่เนื้อหาสื่อระหว่างกันของ ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก เช่น การนําดาราชาวเอเชียมาร่วมแสดงในภาพยนตร์ของฮอลลีวู้ด ซึ่งเป็นผลมาจากการเผยแพร่ผลงานภาพยนตร์เอเชียไปทั่วโลก เป็นต้น

37 การนําเนื้อหาของนวนิยายเรื่อง Jungle Book ไปสร้างเป็นภาพยนตร์ หนังสือการ์ตูน และเกมออนไลน์ เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างกว่าเดิม เป็นปรากฏการณ์ที่ตรงกับข้อใด

(1) Operational Convergence
(2) Corporate Convergence
(3) Technological Convergence
(4) Economic Convergence
(5) Cultural Convergence

ตอบ 4 หน้า 53 Economic Convergence หมายถึง ปรากฏการณ์การหลอมรวมธุรกิจสื่อเพื่อขยาย พื้นที่หรือฐานทางการตลาดให้กว้างขวางขึ้น เช่น การนํานวนิยายเรื่อง Jungle Book ไปสร้าง เป็นภาพยนตร์ หนังสือการ์ตูน และเกมออนไลน์ เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างกว่าเดิม เป็นต้น

38 บริษัท A ผู้ประกอบการสื่อใหม่ ควบรวมกิจการกับบริษัท B ผู้ประกอบการสื่อแบบดั้งเดิม โดยมุ่งให้บริการ เนื้อหาผ่านสื่อใหม่และสื่อแบบดั้งเดิมอย่างครอบคลุม ลักษณะนี้ตรงกับคําใด
(1) Operational Convergence
(2) Corporate Convergence
(3) Technological Convergence
(4) Economic Convergence
(5) Cultural Convergence
ตอบ 2 หน้า 52 Corporate Convergence หมายถึง การหลอมรวมองค์กร ซึ่งปรากฏการณ์นี้ เกิดขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1980 – 1989 เมื่อเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทในธุรกิจทางการ สื่อสาร จึงส่งผลให้ผู้ประกอบการธุรกิจทางการสื่อสารหันมาควบรวมกิจการในลักษณะการหลอมรวมองค์กรด้วยวิสัยทัศน์ที่ว่า “หนึ่งองค์กรสามารถให้บริการได้ทุกอย่างพร้อมสรรพ เช่น บริษัท A ผู้ประกอบการสื่อใหม่ ได้ควบรวมกิจการกับบริษัท B ผู้ประกอบการสื่อแบบ ดั้งเดิม โดยมุ่งให้บริการเนื้อหาผ่านสื่อใหม่และสื่อแบบดั้งเดิมอย่างครอบคลุม เป็นต้น

39 ไทยรัฐรวมศูนย์ข่าวไว้ที่เดียวเพื่อให้บริการข้อมูลข่าวผ่านทุกสื่อในเครือไทยรัฐ ลักษณะนี้ตรงกับคําว่า
(1) Operational Convergence
(2) Corporate Convergence
(3) Technological Convergence
(4) Economic Convergence
(5) Cultural Convergence
ตอบ 1 หน้า 52 Operational Convergence หมายถึง การรวมศูนย์การปฏิบัติงานไว้ในที่เดียว หรือศูนย์เดียว โดยผู้ประกอบการเจ้าของธุรกิจสื่อหลากหลายประเภทพยายามรวมศูนย์การ ปฏิบัติงานไว้ที่เดียวกัน เช่น ไทยรัฐและเนชั่นรวมศูนย์ข่าวไว้ที่เดียวเพื่อให้บริการข้อมูลข่าว ผ่านทุกสื่อในเครือ เป็นต้น

40 สมาร์ทโฟนเครื่องเดียวรวมรูปแบบการใช้งานของสื่อต่าง ๆ ทั้งกล้องถ่ายภาพ โปรแกรมอัดวิดีโอ โปรแกรมเล่นเกม โปรแกรมการใช้งานอินเทอร์เน็ต สิ่งนี้ตรงกับคําว่า
(1) Operational Convergence
(2) Corporate Convergence
(3) Technological Convergence
(4) Economic Convergence
(5) Cultural Convergence
ตอบ 3 หน้า 51 Technological or Device Convergence หมายถึง การแปลงเนื้อหาของสื่อ ทุกประเภททั้งตัวอักษร ภาพ เสียง ให้อยู่ในรูปภาษาดิจิทัล และนําเทคโนโลยีของสื่อแต่ละ ประเภทมารวมเอาไว้ในสื่อหรืออุปกรณ์เดียว เช่น สมาร์ทโฟนเครื่องเดียวหลอมรวมรูปแบบ การใช้งานของสื่อต่าง ๆ ทั้งกล้องถ่ายภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว โปรแกรมอัดวิดีโอ โปรแกรม เล่นเกม โปรแกรมการใช้งานอินเทอร์เน็ต เป็นต้น

41 รูปนี้มีหน้าที่ทําข่าวเพื่อเผยแพร่ทางสื่อสิ่งพิมพ์ ถ่ายภาพข่าว ตัดต่อภาพและเสียงเพื่อเผยแพร่ข่าวผ่าน สื่อวิทยุกระจายเสียงและสื่อออนไลน์ในองค์กรที่เธอสังกัด การทํางานของรูปนี้ตรงกับข้อใด
(1) Operational Convergence
(2) Corporate Convergence
(3) Technological Convergence
(4) Functional Convergence
(5) Cultural Convergence
ตอบ 4 หน้า 53 Functional Convergence หมายถึง การหลอมรวมหลากหลายหน้าที่เอาไว้ ในบุคคลเดียว เช่น ผู้สื่อข่าวคนเดียวจัดทําเนื้อหาข่าวสารเพื่อเผยแพร่ทั้งบนสื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง สื่อออนไลน์ เป็นต้น

42 เครือข่ายที่ศึกษาวิจัยการสื่อสารผ่านสื่อคอมพิวเตอร์ในลักษณะเชื่อมต่อกันแบบเครือข่ายกระทั่งประสบ ผลสําเร็จและแพร่หลายไปทั่วโลก คือเครือข่ายในข้อใด
(1) เครือข่ายโซเชียลเน็ต
(2) เครือข่ายอุลตราเน็ต
(3) เครือข่ายอาร์พาเน็ต
(4) เครือข่ายสปาร์ตาเน็ต
(5) เครือข่ายยูยูเน็ต
ตอบ 3 หน้า 55 – 56 (คําบรรยาย) สื่ออินเทอร์เน็ตเริ่มใช้งานครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2511 โดยองค์กร ที่มีชื่อว่า “ARPANET” (Advanced Research Projects Agency Network) ซึ่งอยู่ในสังกัด กระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกา ได้พัฒนาเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขึ้นมาเพื่อใช้ทางการทหาร เรียกว่า “เครือข่ายอาร์พาเน็ต” เพื่อให้ทําหน้าที่ศึกษาวิจัยการสื่อสารผ่านทางสื่อคอมพิวเตอร์ ในลักษณะเชื่อมต่อกันแบบเครือข่าย จนกระทั่งประสบผลสําเร็จและแพร่หลายไปทั่วโลก

43 อินเทอร์เน็ตเป็นระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อครอบคลุมระหว่างกันทั่วโลก ด้วยโปรโตคอล TCP/IP คําว่า “โปรโตคอล” หมายถึงข้อใด
(1) ข้อกําหนดรูปแบบทางการสื่อสารผ่านสื่อดิจิทัล
(2) ข้อกําหนดด้านรูปแบบการสื่อสารเฉพาะเพื่อให้การสื่อสารในระบบเครือข่ายทํางานด้วยกันทั้งระบบ
(3) ข้อกําหนดรูปแบบทางการสื่อสารผ่านสื่อสารสนเทศ
(4) ข้อกําหนดรูปแบบทางการสื่อสารผ่านระบบเครือข่าย
(5) ข้อกําหนดรูปแบบทางการสื่อสารผ่านระบบการสื่อสารสากล
ตอบ 2 หน้า 40, 55, (คําบรรยาย) โปรโตคอล (Protocol) หมายถึง ข้อกําหนดด้านรูปแบบการ สื่อสารเฉพาะระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ ทั้งวิธีการส่งและรับข้อมูล วิธีการตรวจสอบ ข้อผิดพลาดของการส่งและรับข้อมูล การแสดงผลข้อมูลเมื่อส่งและรับกันระหว่างเครื่องทั้ง 2 เครื่อง ทั้งนี้เพื่อให้การสื่อสารในระบบเครือข่ายทํางานได้ด้วยกันทั้งระบบ และมีมาตรฐาน ในการรับส่งข้อมูลระหว่างกันที่เป็นสากลหนึ่งเดียวทั่วโลก ซึ่งนั่นก็คือ โปรโตคอล TCP/IP (Transmission Control Protocol/Internet Protocol)

44 อินเทอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทในประเทศไทย โดยเริ่มจากสถาบันอุดมศึกษา 2 แห่ง เป็นผู้นําร่องใช้รูปแบบการสื่อสารใด
(1) การสื่อสารผ่านเว็บบล็อก
(2) การจัดทําเว็บไซต์
(3) การส่งและรับไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์
(4) การสนทนาออนไลน์
(5) เว็บบอร์ด
ตอบ 3 หน้า 57 อินเทอร์เน็ตเริ่มเข้ามามีบทบาทในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2530 โดยมหาวิทยาลัย สงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ (PSU) กับสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชียหรือสถาบันเอไอที (AIT) ได้ใช้บริการส่งและรับจดหมายหรือไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Mail : E-mail) เป็นครั้งแรก โดยได้รับความร่วมมือจากประเทศออสเตรเลีย

45 รูปแบบการสื่อสารบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่สถาบันอุดมศึกษาทั้ง 2 แห่ง เป็นผู้เริ่มนํามาใช้งาน ในประเทศไทย (ตามข้อ 44.) ได้รับความร่วมมือจากประเทศใด
(1) สหรัฐอเมริกา
(2) ญี่ปุ่น
(3) ออสเตรเลีย
(4) เยอรมนี
(5) แคนาดา
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 44. ประกอบ

46 เครือข่ายการสื่อสารใดที่มีประตูสู่เครือข่ายอินเทอร์เน็ต (Gateway) เป็นแห่งแรกของประเทศไทย
(1) เครือข่ายยูยูเน็ต
(2) เครือข่ายไทยสาร
(3) เครือข่ายไทยเน็ต
(4) เครือข่ายจุฬาเน็ต
(5) เครือข่ายอาร์พาเน็ต
ตอบ 3 หน้า 58 ในปี พ.ศ. 2535 เครือข่ายไทยเน็ตถือเป็นเครือข่ายที่มีเกตเวย์ (Gateway) หรือ ประตูสู่เครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นแห่งแรกของประเทศไทย โดยมีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นศูนย์กลาง ต่อมาในปีเดียวกัน NECTEC ได้จัดตั้งเครือข่ายไทยสารเป็นเกตเวย์สู่เครือข่าย อินเทอร์เน็ตแห่งที่ 2 ของประเทศไทย

47 www.ru.ac.th เป็นลักษณะการกําหนดชื่ออ้างอิงของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานบนอินเทอร์เน็ตในข้อใด
(1) IP System
(2) TCP/IP System
(3) Domain Name System
(4) Protocol System
(5) E-mail System
ตอบ 3 หน้า 60 ระบบโดเมนเนม (Domain Name System : DNS) คือ ระบบการตั้งชื่อหรือใช้ ตัวอักษรแทนหมายเลข IP Address เนื่องจากตัวเลข IP Address เป็นสิ่งที่ค่อนข้างยาก และ อาจจําสับสนหรือจําผิดได้ ดังนั้นจึงมีการหาทางออกโดยการตั้งชื่อหรือตัวอักษรขึ้นมาแทนที่ เพื่อให้สะดวกในการจดจํา เช่น ระบบ DNS ของมหาวิทยาลัยรามคําแหงชื่อ ru.ac.th

48 ข้อใดคือระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตส่วนบุคคล
(1) LAN
(2) MAN
(3) CAN
(4) WAN
(5) PAN
ตอบ 5 หน้า 61 เครือข่ายส่วนบุคคล หรือแพน (Personal Area Network : PAN) เป็นระบบ เครือข่ายระหว่างอุปกรณ์เคลื่อนที่ส่วนบุคคล เช่น โน้ตบุ๊ก โทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งอาจอยู่ใน ลักษณะใช้สายหรือไร้สายก็ได้

49 “การใช้คอมพิวเตอร์ในการสร้างภาพและจัดการเกี่ยวกับรูปภาพ เพื่อสื่อความหมายของข้อมูลต่าง ๆ
ให้น่าสนใจยิ่งขึ้น” หมายถึงข้อใด
(1) ดาต้ากราฟิก
(2) อินโฟกราฟิก
(3) โมชั่นกราฟิก
(4) กราฟิกดีไซน์
(5) คอมพิวเตอร์กราฟิก
ตอบ 5 (คําบรรยาย) คอมพิวเตอร์กราฟิก คือ การใช้คอมพิวเตอร์ในสร้างภาพและจัดการเกี่ยวกับ รูปภาพ เพื่อใช้สื่อความหมายของข้อมูลต่าง ๆ ให้น่าสนใจยิ่งขึ้น เช่น การใช้กราฟนําเสนอ ข้อมูลยอดขายสินค้าในแต่ละปี, การสร้างสื่อการสอน (CAI), การใช้ภาพกราฟิกประกอบ การโฆษณาสินค้าต่าง ๆ, การสร้างเว็บเพจ, การสร้างการ์ตูน เป็นต้น

50 “การสนทนาบนอินเทอร์เน็ต โดยผู้สนทนาส่งข้อมูลถึงกันโดยทันใดและสามารถส่งสัญลักษณ์ต่าง ๆ อาทิ รูปภาพ ไฟล์ข้อมูลได้ด้วย” หมายถึงข้อใด
(1) Webboard
(2) Web Chat
(3) Tetnet
(4) Instant Messaging
(5) Bulletin Board

ตอบ 4 หน้า 63, (คําบรรยาย) การสนทนาออนไลน์โดยตรงระหว่างผู้ใช้อินเทอร์เน็ต เป็นรูปแบบ การสนทนาออนไลน์ที่ไม่ต้องผ่านเครื่องเซิร์ฟเวอร์กลาง เรียกว่า “การรับส่งสารแบบทันทีทันใด” (Instant Messaging) ซึ่งนอกจากผู้สนทนาจะสามารถส่งข้อมูลถึงกันโดยทันใดแล้ว ยังสามารถส่งสัญลักษณ์ต่าง ๆ เช่น รูปภาพ ไฟล์ข้อมูลได้ด้วย เช่น โปรแกรม ICQ, MSN Messenger, Yahoo Messenger, Windows Messenger เป็นต้น

51 File Transfer Protocol หรือ FTP เป็นการให้บริการบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในลักษณะใด
(1) การให้บริการในรูปกระดานสนทนา
(2) การให้บริการสนทนาออนไลน์โดยตรง
(3) การให้บริการสืบค้นข้อมูลบนระบบเครือข่าย
(4) การให้บริการคัดลอกข้อมูลข้ามเครือข่าย
(5) การให้บริการแลกเปลี่ยนข้อความแบบดิจิทัล
ตอบ 4 หน้า 65 การขนถ่ายหรือการโอนถ่ายไฟล์ (File Transfer Protocol : FTP) เป็นบริการ คัดลอกข้อมูลข้ามเครือข่าย โดยใช้ส่งข้อมูลจากเครื่องลูกข่าย (Client) ไปยังเครื่องแม่ข่าย (Server) และใช้ดาวน์โหลด (Download) ข้อมูลจากเครื่องแม่ข่ายมาไว้ที่เครื่องลูกข่าย ซึ่งบริการดังกล่าวสามารถกระทําได้ทั้งผู้ที่เป็นสมาชิก FTP Server และบุคคลภายนอกที่ไม่ได้เป็นสมาชิก

52 ข้อใดต่อไปนี้ไม่นับเป็นรูปแบบการใช้งานในลักษณะ E-Commerce บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
(1) การซื้อขายสินค้าออนไลน์
(2) การโอนเงินออนไลน์
(3) พนันบอลออนไลน์
(4) การโฆษณาออนไลน์
(5) การส่งเสริมการตลาดออนไลน์
ตอบ 3 หน้า 66 สื่ออินเทอร์เน็ตมักถูกใช้เป็นช่องทางประกอบธุรกรรมทางธุรกิจทั้งการซื้อขายสินค้า ออนไลน์ การโฆษณาประชาสัมพันธ์ออนไลน์ การโอนเงินออนไลน์ การจองตั๋วเครื่องบินออนไลน์ และยังเป็นช่องทางสําคัญที่ผู้ประกอบการใช้ส่งเสริมการตลาดออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นจึงเป็นที่มาของคําว่า “E-commerce” (Electronic Commerce) หรือที่เราเรียกกันใน ภาษาไทยว่า “การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์” เช่น www.lazada.com, www.alibaba.com, www.shopee.co.th, www.tarad.com ฯลฯ

53 ผู้ให้บริการข้อมูลข่าวสารในรูปหนังสือพิมพ์ออนไลน์แห่งแรกในประเทศไทย คือ
(1) หนังสือพิมพ์มติชน
(2) หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
(3) หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
(4) หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์
(5) หนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น
ตอบ 4 หน้า 69 หนังสือพิมพ์ออนไลน์ในประเทศไทยเกิดขึ้นจากกระแสความนิยมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศจากต่างประเทศ ประกอบกับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ําทั่วโลก ส่งผลให้ ผู้ประกอบการไทยสนใจจัดทําเนื้อหาหนังสือพิมพ์เผยแพร่ผ่านอินเทอร์เน็ต โดยหนังสือพิมพ์ บางกอกโพสต์เป็นองค์กรแรกที่ให้บริการหนังสือพิมพ์ออนไลน์ เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2539

54 ผู้ให้บริการในข้อใดต่อไปนี้ไม่ใช่ผู้ให้บริการข้อมูลข่าวสารที่มีฐานมาจากการเป็นผู้ประกอบการสิ่งพิมพ์
แบบดั้งเดิมมาก่อน
(1) www.thairath.co.th
(2) www.dailynews.co.th
(3) www.matichon.co.th
(4) www.prachathai.com
(5) www.bangsaenpost.com
ตอบ 4 หน้า 71 – 72 ผู้ให้บริการหนังสือพิมพ์ออนไลน์ที่มีฐานมาจากผู้ประกอบการหนังสือพิมพ์
แบบกระดาษ (แบบดั้งเดิม) มีดังนี้

1 เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ส่วนกลาง เช่น www.thairath.co.th, www.dailynews.co.th,
www.matichon.co.th ฯลฯ
2 เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาค เช่น www.bangsaenpost.com, www.koratdaily.corn ฯลฯ
3 เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ไทยในต่างประเทศ เช่น www.sereechai.com ฯลฯ(ส่วน wwww.prachathai.com, www.andamannews.com เป็นเว็บไซต์ของผู้ให้บริการหนังสือพิมพ์ออนไลน์ที่ให้บริการเฉพาะบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต)

55 ข้อใดไม่ใช่เหตุผลในการให้บริการข้อมูลข่าวสารในรูปสิ่งพิมพ์ออนไลน์
(1) เพื่อเพิ่มช่องทางในการสื่อสารกับผู้รับสาร
(2) เพื่อเพิ่มช่องทางในการแสวงหารายได้จากค่าโฆษณา
(3) เพื่อเป็นช่องทางนําเสนอนโยบายด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของผู้บริหารประเทศ
(4) เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ความทันสมัยทางเทคโนโลยีแก่องค์กร
(5) เพื่อเพิ่มกลุ่มเป้าหมายให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
ตอบ 3 หน้า 69 – 70 เหตุผลในการให้บริการข้อมูลข่าวสารในรูปของหนังสือพิมพ์ออนไลน์ (Online Newspaper) มีดังนี้
1 เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ความทันสมัยทางเทคโนโลยีแก่องค์กร
2 เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการเสนอข่าว
3 เพื่อเพิ่มกลุ่มเป้าหมายให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
4 เพื่อเพิ่มช่องทางติดต่อสื่อสารกับผู้รับสาร
5 เพื่อเพิ่มช่องทางด้านการตลาด เช่น การขายพื้นที่โฆษณาบนเว็บไซต์, การหารายได้เสริมจากค่าสมาชิก ค่าธรรมเนียม ฯลฯ

56 ข้อใดต่อไปนี้กล่าวไว้ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการทํางานของ Streaming Server
(1) ต้องคัดลอกแฟ้มข้อมูลมายังผู้ใช้งานให้ครบก่อนจึงเริ่มแสดงผล
(2) ข้อมูลถูกส่งมายังเครื่องลูกข่ายต่อเนื่อง โดยไม่ต้องรอให้ดาวน์โหลดไฟล์จากเซิร์ฟเวอร์จนครบ
(3) มีการส่งสัญญาณในลักษณะ Real Time จากเครื่องเซิร์ฟเวอร์มายังเครื่องลูกข่าย
(4) เป็นเครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่ให้บริการข้อมูลในลักษณะประสานสื่อ
(5) เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งาน (User) ทําหน้าที่ผู้ผลิตรายการวิทยุหรือโทรทัศน์ออนไลน์ได้
ตอบ 1 หน้า 76 – 77 Streaming Server คือ เครื่องให้บริการกระจายสัญญาณแบบสายธาร ซึ่งเป็น เครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่บริการข้อมูลในลักษณะสื่อประสมหรือประสานสื่อ (Multimedia) โดยข้อมูล จะถูกส่งมายังเครื่องลูกข่ายอย่างต่อเนื่อง และไม่ต้องรอให้ดาวน์โหลด (Download) ไฟล์จาก เซิร์ฟเวอร์จนครบแล้วจึงเริ่มแสดงผล ดังนั้นจึงเป็นการส่งสัญญาณเสียงและภาพเคลื่อนไหวใน ลักษณะทันต่อเวลา (Real Time) จากเครื่องเซิร์ฟเวอร์มายังเครื่องลูกข่ายที่ได้รับความนิยมอยู่ ในปัจจุบัน นอกจากนี้ Streaming Server ยังเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งาน (User) สามารถทําหน้าที่ เป็นผู้ผลิตรายการวิทยุหรือโทรทัศน์ออนไลน์ได้อีกด้วย

57 ข้อใดคือความหมายของสื่อออนไลน์
(1) ช่องทางในการเผยแพร่ข้อมูลรูปแบบต่าง ๆ ผ่านสื่อดิจิทัล
(2) ช่องทางในการเผยแพร่ข้อมูลรูปแบบต่าง ๆ ผ่านสื่อประสม
(3) ช่องทางในการเผยแพร่ข้อมูลรูปแบบต่าง ๆ ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
(4) ช่องทางในการเผยแพร่ข้อมูลและเปิดรับข้อมูลแบบสองทาง
(5) ช่องทางในการเผยแพร่ข้อมูลรูปแบบต่าง ๆ ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

ตอบ 3 หน้า 81 สื่อออนไลน์ หมายถึง ช่องทางของการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารในรูปแบบต่าง ๆ โดยผู้ส่งสารใช้อินเทอร์เน็ตเป็นช่องทางในการเผยแพร่ข้อมูลและผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตข่าวสาร ส่วนผู้รับสารก็จะใช้อินเทอร์เน็ตเป็นช่องทางในการเข้าถึงข้อมูลและข่าวสารเช่นกัน

58 ข้อใดคือสํานักข่าวที่จัดทําขึ้นเพื่อให้บริการเฉพาะบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
(1) เว็บไซต์สํานักข่าวไอเอ็นเอ็น
(2) เว็บไซต์สํานักข่าวไทย
(3) เว็บไซต์สํานักข่าวซีเอ็นเอ็น
(4) เว็บไซต์สํานักข่าวพีเพิลยูนิตี้
(5) เว็บไซต์สํานักข่าวอิศรา
ตอบ 4 หน้า 83 สํานักข่าวออนไลน์ที่จัดทําขึ้นเพื่อให้บริการเฉพาะบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ได้แก่
1 เว็บไซต์สํานักข่าวพีเพิลยูนิตี้ (People Unity News Agency)
2 เว็บไซต์สํานักข่าวทีนิวส์
3 เว็บไซต์เฟซบุ๊ก นิวส์ไวร์ (FB Newswire)
4 เว็บไซต์สํานักข่าวอาร์วายทีไนน์ ฯลฯ
(ส่วนตัวเลือกข้ออื่นเป็นสํานักข่าวออนไลน์ที่มีฐานจากสํานักข่าวแบบดั้งเดิม)

59 รูปแบบของเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นพื้นที่สนทนา พูดคุยอภิปรายในสังคมออนไลน์ ซึ่งเปิดโอกาสให้ ผู้ใช้งานเลือกเข้าสังกัดกลุ่มคนที่มีพื้นฐานความสนใจร่วมกัน คือข้อใด
(1) News Group
(2) Webboard
(3) Online News Clipping
(4) Social Network
(5) Online News Agency
ตอบ 2 หน้า 63, 83 – 85 กระดานข่าว (Webboard) เป็นรูปแบบของเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ เป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนบทสนทนา พูดคุย อภิปรายในสังคมออนไลน์ ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งาน (User) เลือกเข้าสังกัดกลุ่มคนที่มีพื้นฐานความสนใจร่วมกันเกี่ยวกับเรื่องราวหรือประเด็น ทางสังคม อันนําไปสู่การรวมกลุ่มกันในลักษณะชุมชนออนไลน์ (Online Communities) เช่น www.pantip.com, www.MThai.com (MThai Talk) ฯลฯ

60 รูปแบบของเว็บไซต์ที่จัดทําในรูปกลุ่มสนทนา แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารในหัวข้อต่าง ๆ โดยแบ่งหมวดหมู่ และกําหนดชื่อของกลุ่มตามประเภทของกลุ่มข่าว คือข้อใด
(1) News Group
(2) Webboard
(4) Social Network
(3) Online News Clipping
(5) Online News Agency
ตอบ 1 หน้า 85 – 86 กลุ่มข่าวสาร (News Group) เป็นรูปแบบของเว็บไซต์ที่จัดทําขึ้นในรูปของ กลุ่มสนทนา เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารในหัวข้อต่าง ๆ และเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานทุกคน มีส่วนร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกันได้อย่างอิสระ โดยมีการแบ่งหมวดหมู่ และกําหนดชื่อของกลุ่มตามประเภทของกลุ่มข่าว ทั้งนี้กลุ่มข่าวต่าง ๆ จะถูกแบ่งหมวดหมู่ และเก็บไว้ในบอร์ดข่าวสารขนาดใหญ่ เรียกว่า “User’s Network” (Usenet) และข่าวใน กลุ่มข่าวทั้งหมดจะถูกเก็บไว้บน Usenet Server

61 กฤตภาคข่าวออนไลน์ เป็นการให้บริการข้อมูลข่าวสารบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ตรงกับคําใด
(1) News Group
(2) Webboard
(3) Online News Clipping
(4) Social Network
(5) Online News Agency

ตอบ 3 หน้า 86 – 87 กฤตภาคข่าวออนไลน์ (Online News Clipping) คือ บริการข่าวตัดออนไลน์ บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยตัดข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์ฉบับต่าง ๆ พร้อมกับระบุแหล่งที่มา ของหนังสือพิมพ์ ซึ่งตัวอย่างของเว็บไซต์กฤตภาคข่าวออนไลน์ในประเทศไทยที่เปิดให้บริการ อยู่ในปัจจุบัน เช่น ห้องสมุดข่าวมติชน (Matichon E-library), iQNewsClip, นิวส์เซ็นเตอร์ (Newscenter) เป็นต้น

ข้อ 62 – 64. จงจับคู่ตัวเลือกต่อไปนี้กับข้อความ
(1) Passion Network
(2) Creative Network
(3) Collaboration Network

62 www.youtube.com
ตอบ 2 หน้า 88 – 90 ประเภทของเครือข่ายสังคมออนไลน์ มีดังนี้
1 สร้างและประกาศตัวตน (Identity Network) เช่น Web Blog, Twitter, Instagram ฯลฯ
2 สร้างและประกาศผลงาน (Creative Network) เช่น www.youtube.com, Multiply, Flickr, Photobucket, Slideshare ฯลฯ
3 ความชอบในสิ่งเดียวกัน (Passion Network) เช่น Digg, Zickr, Catch, Reddit ฯลฯ
4 เวทีทํางานร่วมกัน (Collaboration Network) เช่น Wikipedia, Google Maps ฯลฯ
5 ประสบการณ์เสมือนจริง (Virtual Reality) มีลักษณะเป็นเกมออนไลน์ (Online Game) เช่น Audition, Second Life, Ragnarok, Pangya, World of Warcraft ฯลฯ
6 เว็บท่า (Portal Website) ที่รวบรวมลิงค์ของสื่อออนไลน์ประเภทต่าง ๆ เช่น www.sanook.com, www.kapook.com ฯลฯ

63 www.wikipedia.com
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 62. ประกอบ

64 www.reddit.com
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 62. ประกอบ

ข้อ 65 – 74. ข้อใดที่กล่าวไว้ถูกต้องให้ระบายตัวเลือก 1 ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องให้ระบายตัวเลือก 2

65 YouTube ถูกออกแบบให้ผู้ใช้งานสร้างสรรค์เนื้อหาในลักษณะ User-Generated Content
ตอบ 1 หน้า 88, 90 – 91 พื้นที่ของเครือข่ายสังคมออนไลน์ส่วนใหญ่มุ่งนําเสนอเนื้อหาในลักษณะ ที่เรียกว่า “User-Generated Content” (UGC) กล่าวคือ ผู้ใช้งานสื่อเป็นผู้ผลิตเนื้อหาเอง สืบเนื่องมาจากเทคโนโลยีการผลิตเนื้อหาสารค่อนข้างสะดวกในการใช้งาน ประกอบกับกล้อง ดิจิทัลมีราคาถูกลง อีกทั้งเว็บไซต์ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้แบ่งปันภาพและวิดีโอ เช่น YouTube, Flickr, Blog ฯลฯ ต่างก็ถูกออกแบบเพื่อให้ผู้ใช้สามารถ Upload เนื้อหาได้อย่างง่ายดาย

66 การสื่อสารบนเครือข่ายสังคมออนไลน์มุ่งนําเสนอเนื้อหาในลักษณะ Web 1.0
ตอบ 2 หน้า 88 การสื่อสารบนเครือข่ายสังคมออนไลน์จะมุ่งนําเสนอเนื้อหาในลักษณะ Web 2.0 คือ เว็บไซต์เชิงสังคมที่มุ่งให้ผู้ใช้งานสร้างเนื้อหาได้เอง แบ่งปันเนื้อหาให้กัน และมีส่วนร่วม ระหว่างกัน โดยจุดเด่นของ Web 2.0 ก็คือ การที่ผู้ใช้งานสามารถสร้างเนื้อหาได้เอง เรียกว่า User-Generated Content (UGC) ซึ่งมีข้อดี คือ ทําให้มีการผลิตเนื้อหาเผยแพร่บนพื้นที่ เครือข่ายสังคมออนไลน์เป็นจํานวนมาก และมีความหลากหลายของมุมมองทางความคิด

67 Web 2.0 เป็นเว็บเชิงสังคม มุ่งให้ผู้ใช้งานสร้างเนื้อหา แบ่งปันเนื้อหา และมีส่วนร่วมระหว่างกัน
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 66. ประกอบ

68 www.sanook.com จัดเป็นเว็บไซต์ประเภทเว็บท่า (Portal Website)
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 62. ประกอบ

69 www.pantip.com จัดเป็นการให้บริการข้อมูลข่าวสารออนไลน์ในลักษณะ Online News Clipping
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 59. และ 61. ประกอบ

70 ข่าวสารออนไลน์ที่จัดทําโดยสํานักข่าวออนไลน์ เรียกชื่อว่า กฤตภาคข่าวออนไลน์
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 61. ประกอบ

71 www.instagram.com เป็นเว็บไซต์ประเภทเครือข่ายทางสังคม
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 62. ประกอบ

72 ปัจจุบันสถานีวิทยุกระจายเสียงคลื่นต่าง ๆ ในประเทศไทยกระจายสัญญาณในระบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ ตอบ 2หน้า 21, (คําบรรยาย) ในปัจจุบันสถานีวิทยุกระจายเสียงคลื่นต่าง ๆ ในประเทศไทยยังคง เป็นวิทยุแบบแอนะล็อก (มีระบบ AM และ FM) แต่ได้เริ่มทดสอบกระจายสัญญาณในระบบ ดิจิทัลบ้างแล้ว โดย กสทช. เป็นผู้รับผิดชอบโครงการตามแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (พ.ศ. 2559 – 2563)

73 คุณลักษณะของข้อมูลข่าวสารที่นําเสนอผ่านสื่อออนไลน์ คือ สามารถนําเสนอเนื้อหาข้อมูลข่าวสารได้อย่าง รวดเร็วตามเวลาที่เกิดขึ้นจริง (Real Time)
ตอบ 1 หน้า 91 คุณลักษณะของข้อมูลข่าวสารที่นําเสนอผ่านสื่อออนไลน์ประการหนึ่ง ได้แก่ ทันกาล (Real Time) คือ สามารถนําเสนอเนื้อหาข้อมูลข่าวสารได้อย่างรวดเร็วตามเวลาที่เกิดขึ้นจริง เช่น การนําเสนอข่าวที่เพิ่งเกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ บนเว็บไซต์ขององค์กรสื่อสารมวลชนหรือบนเว็บไซต์สํานักข่าว เป็นต้น

74 คาดว่าแนวโน้มของรูปแบบการให้บริการข้อมูลข่าวสารออนไลน์ในอนาคต จะมุ่งจัดทําเนื้อหาตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีมากขึ้น
ตอบ 2 หน้า 92 แนวโน้มการให้บริการข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อออนไลน์ในอนาคต มีดังนี้
1 จัดทําเนื้อหาหลากประเภทมากขึ้น เพื่อมุ่งสนองตอบต่อความต้องการใช้งานของ ผู้ใช้งานอย่างเฉพาะเจาะจงมากขึ้น
2 เชื่อมต่อข้อมูลข่าวสารผ่านเว็บไซต์เครือข่ายทางสังคมอย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น
3 ใช้คุณสมบัติด้านการประสานสื่อ (Multimedia) และใช้ภาพกราฟิกในการนําเสนอ ข้อมูลข่าวสารออนไลน์มากขึ้น

75 E-banking เป็นตัวย่อที่มาจากคําใด
(1) Elective Banking
(2) Electronic Banking
(4) External Banking
(3) Evaluated Banking
(5) Excessive Bankin
ตอบ 2 (คําบรรยาย) E-banking มาจากคําว่า “Electronic Banking” ซึ่งศัพท์บัญญัติภาษาไทย
ได้แก่ การธนาคารอิเล็กทรอนิกส์

76 ข้อใดกล่าวไว้ถูกต้อง
(1) สื่อออนไลน์เป็นสื่อใหม่ และเป็นสื่อที่มีความคงทนต่ํา
(2) สื่อวิทยุกระจายเสียงเป็นสื่อแบบดั้งเดิม และเป็นสื่อที่มีความคงทนสูง
(3) สื่อภาพยนตร์เป็นสื่อใหม่ และเป็นสื่อที่มีความคงทนต่ํา
(4) สื่อสิ่งพิมพ์เป็นสื่อแบบดั้งเดิม และเป็นสื่อที่มีความคงทนสูง
(5) สื่อวิทยุโทรทัศน์เป็นสื่อใหม่ และเป็นสื่อที่มีความคงทนสูง
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 14. ประกอบ

77 สัมพันธภาพของผู้ใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์ ตรงกับคําว่า
(1) องค์กรออนไลน์
(2) บรรษัทออนไลน์
(3) ชุมชนออนไลน์
(4) หุ้นส่วนออนไลน์
(5) สายสัมพันธ์ออนไลน์
ตอบ 3 หน้า 85 การรวมกลุ่มกันในลักษณะของ “ชุมชนออนไลน์” (Online Communities) เช่น Webboard, Facebook, Instagram, YouTube ฯลฯ จัดเป็นรูปแบบของสัมพันธภาพของ ผู้ใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยที่สมาชิกของชุมชนออนไลน์มีคุณลักษณะสําคัญ ดังนี้
1 มีความสัมพันธ์ทางสังคม (Social Relationship)
2 มีการติดต่อสื่อสารระหว่างกันผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต

78 ข้อใดไม่ใช่คุณลักษณะของ “ข้อมูลข่าวสารออนไลน์”
(1) ทันกาล
(2) ไร้กาล
(3) อนาคตกาล
(4) ประสานสื่อ
(5) มีช่องทางปฏิสัมพันธ์
ตอบ 3หน้า 91 คุณลักษณะของข้อมูลข่าวสารที่นําเสนอผ่านสื่อออนไลน์ มีดังนี้
1 ทันกาล (Reat Time)
2 ไร้กาล (Shifted Time)
3 ประสานสื่อ (Multimedia)
4 มีช่องทางปฏิสัมพันธ์ (Interactive)

79 แนวคิด Medium is the Message มีสาระสําคัญว่าอย่างไร
(1) สภาพแวดล้อมทางสังคมปั้นแต่งวิถีการสื่อสารของผู้คน
(2) วิถีการสื่อสารของผู้คนปั้นแต่งสภาพแวดล้อมทางสังคม
(3) เทคโนโลยีการสื่อสารปั้นแต่งวิถีการสื่อสารของคนในสังคม
(4) วิถีสื่อสารของคนในสังคมปั้นแต่งเทคโนโลยีการสื่อสาร
(5) คนในสังคมปั้นแต่งวิถีของเทคโนโลยีการสื่อสาร
ตอบ 3 หน้า 109 Marshall McLuhan นักวิชาการสื่อสารมวลชนชาวอเมริกัน เป็นผู้ที่คิดแนวคิด “สื่อ คือ สาร” (Medium is the Message) และมีความเชื่อว่า สื่อเป็นสิ่งกําหนดหรือปั้นแต่ง วัฒนธรรมทางการสื่อสารของมนุษย์ หรือรูปแบบทางเทคโนโลยีปั้นแต่งและกําหนดวิถีทางการ สื่อสารของคนในสังคม ตลอดจนเปลี่ยนธรรมชาติในการสื่อสารของมนุษย์ทั้งสิ่งที่สื่อ วิธีที่สื่อและการรับรู้เกี่ยวกับรูปแบบการสื่อสารของคนในสังคม

80 ผู้ใดเป็นเจ้าของแนวคิด Medium is the Message
(1) มาร์แชล แมคเกรเกอร์
(2) มาร์แชล แมคลูฮาน
(3) มาร์แชล แมคโดนัลด์
(4) มาร์แชล แมคมาร์เกอร์
(5) มาร์แชล โอโดแนลด์
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 79 ประกอบ

81 สื่อใหม่ในข้อใดต่อไปนี้ที่จัดอยู่ในประเภท Virtual Reality
(1) E-mail
(2) Crowd Source
(3) Website
(4) Online Game
(5) E-book
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 62. ประกอบ

82 อินเทอร์เน็ตเปิดโอกาสให้ทุกคนทําหน้าที่ผู้ส่งสารบนพื้นที่ของตนเองสู่สาธารณะ ก่อให้เกิดผลกระทบ
ด้านต่าง ๆ ยกเว้นข้อใด
(1) เปิดโอกาสให้ผู้รับสารมีทางเลือกในการเปิดรับข่าวสารในประเด็นที่สื่อแบบดั้งเดิมไม่ได้นําเสนอ
(2) เป็นแหล่งสารของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อแบบดั้งเดิม
(3)ผู้ใช้งานตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลข่าวสารอย่างเข้มงวดก่อนเผยแพร่
(4) ผู้ใช้งานสามารถส่งผ่านข้อมูลจากระดับบุคคลไปสู่กลุ่มคนต่างเครือข่าย
(5) ทุกคนทําหน้าที่นําาเสนอข้อมูลข่าวสารไปสู่สาธารณะอย่างเสรี
ตอบ 3 หน้า 95, 99 – 100 ผลกระทบด้านลบจากการที่อินเทอร์เน็ตเปิดโอกาสให้ทุกคนทําหน้าที่ ผู้ส่งสารบนพื้นที่ของตนเองสู่สาธารณะ คือ ผู้ใช้งานนําเสนอข้อมูลข่าวสารได้โดยไม่ต้องผ่าน กระบวนการตรวจสอบ คัดเลือก คัดกรอง จากบรรณาธิการ จึงทําให้ข้อมูลข่าวสารผิดพลาด ได้ง่าย จนอาจจะส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของข้อมูลข่าวสารที่เผยแพร่สู่สาธารณชน(ส่วนตัวเลือกข้ออื่นเป็นผลกระทบด้านบวก)

83 แนวโน้มในอนาคตของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชน คือ ประกาศความเป็นมืออาชีพให้เป็นที่ประจักษ์
โดย…
(1) นําเสนอข้อมูลข่าวสารที่มีคุณภาพแตกต่างจากผู้ใช้งานทั่วไป
(2) นําเสนอข้อมูลข่าวสารภายใต้กรอบจริยธรรมและจรรยาบรรณ
(3) ส่งเสริมบุคลิกภาพความเป็นนักวิชาชีพสื่อสารมวลชนให้แตกต่างจากผู้ใช้งานทั่วไป
(4) นําเสนออัตลักษณ์ของตนให้แตกต่างจากผู้ใช้งานทั่วไป
(5) นําเสนอข้อมูลข่าวสารที่ฉับไว เพื่อสนองความต้องการของผู้รับสารอย่างทันท่วงที
ตอบ 2 หน้า 100 – 101 แนวโน้มที่เกี่ยวกับบทบาทของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชนในอนาคต จะมีลักษณะอยู่ประการหนึ่ง ได้แก่ การประกาศความเป็นนักวิชาชีพสื่อสารมวลชนมืออาชีพ (Professional) ให้เป็นที่ประจักษ์ชัด กล่าวคือ ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชนต้องทําหน้าที่ นําเสนอข้อมูลข่าวสารภายใต้กรอบปฏิบัติด้านวิชาชีพ กรอบจริยธรรม และจรรยาบรรณทาง วิชาชีพสื่อสารมวลชน อันจะนําไปสู่การยอมรับ เชื่อถือ และเชื่อมั่นจากผู้เปิดรับข้อมูลข่าวสารในสังคมต่อไป

84 ปัญหาอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ (Cyber Crime) เป็นประเด็นปัญหาจริยธรรมทางการสื่อสารผ่าน สื่ออินเทอร์เน็ตข้อใด
(1) Information Privacy
(2) Information Accuracy
(3) Information Property
(4) Data Accessibility
(5) Information Literacy
ตอบ 4 หน้า 118 – 119 ประเด็นปัญหาที่ขัดกับจริยธรรมการเข้าถึงข้อมูล (Data Accessibility) คือ การก่อปัญหาอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ หรืออาชญากรรมไซเบอร์ (Computer Crime or Cyber Crime) เช่น การพยายามเจาะเข้าสู่ฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ การเจาะเข้าสู่ระบบรักษาความปลอดภัยส่วนบุคคล ฯลฯ

85 การคัดเลือก คัดกรอง และตรวจสอบความถูกต้องก่อนเผยแพร่เนื้อหาผ่านสื่อ คือ การทําหน้าที่ใดของ
ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชน
(1) Goalkeeper
(2) Housekeeper

(3) Gatekeeper
(4) Scorekeeper
(5) Groundskeeper
ตอบ 3 หน้า 100, 110 ด้วยเหตุที่อินเทอร์เน็ตเปิดโอกาสให้ทุกคนทําหน้าที่ผู้ส่งสารบนพื้นที่ของ ตนเองสู่สาธารณะ โดยไม่มีผู้ทําหน้าที่เฝ้าประตูข้อมูลข่าวสาร (Gatekeeper) ส่งผลให้เกิด ผลกระทบต่อวิชาชีพวารสารศาสตร์ของสื่อแบบดั้งเดิมที่ให้ความสําคัญกับผู้เฝ้าประตูข้อมูลข่าวสาร (Gatekeeper) ซึ่งก็คือ บรรณาธิการผู้ทําหน้าที่คัดเลือก คัดกรอง และตรวจสอบ ความถูกต้องของเนื้อหาสารก่อนนําเสนอสู่ผู้รับสารในสังคม

86 การรวบรวมข้อมูลของผู้ใช้อินเทอร์เน็ต เพื่อนําไปสร้างฐานข้อมูลประวัติลูกค้าขึ้นใหม่ แล้วนําไปขายให้แก่ ผู้ประกอบการธุรกิจบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต สิ่งนี้ขัดกับจริยธรรมการสื่อสารข้อใด
(1) Information Accuracy
(2) Information Privacy
(3) Information Property
(4) Data Accessibility
(5) จริยธรรมของผู้จัดทําสื่อ
ตอบ 2 หน้า 115 – 116 ประเด็นปัญหาที่ขัดกับจริยธรรมความเป็นส่วนตัว (Information Privacy) เช่น การลักลอบเข้าไปเปิดอ่านไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) ของผู้อื่น, การใช้ข้อมูลของ ลูกค้าจากแหล่งต่าง ๆ เพื่อผลประโยชน์ในการขยายตลาด, การรวบรวมหมายเลขบัตรเครดิต หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่ของอีเมล และข้อมูลส่วนตัว เพื่อนําไปใช้สร้างฐานข้อมูลประวัติลูกค้า ขึ้นใหม่ แล้วนําไปขายให้แก่บริษัทอื่น ฯลฯ

87 ผู้ใช้งานเฟซบุ๊กโพสเนื้อหาที่เข้าข่ายหมิ่นประมาทบุคคลอื่น สิ่งนี้ขัดกับจริยธรรมข้อใด
(1) Information Privacy
(2) Information Accuracy
(3) Information Property
(4) จริยธรรมของผู้ใช้สื่อ
(5) จริยธรรมของผู้จัดทําสื่อ
ตอบ 4 หน้า 119 – 120 ประเด็นปัญหาที่ขัดกับจริยธรรมของผู้ใช้สื่อ เช่น ผู้ใช้งาน (User) หรือ ผู้เปิดรับข้อมูลข่าวสารจากสื่อ ได้นําเสนอเนื้อหาหรือข้อความในลักษณะหมิ่นประมาทบน พื้นที่การใช้งานบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต, การใช้โปรแกรม Camfrog ซึ่งผู้ใช้งานสามารถ เห็นหน้าค่าตากันในระหว่างพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อมุ่งสร้างความรู้สึกเสมือนอยู่ใกล้ชิดกัน แต่ผู้ใช้งานบางคนกลับใช้เป็นช่องทางในการจัดทําและให้บริการเนื้อหาหรือ ภาพลามกอนาจารบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ฯลฯ

88 คําว่า Citizen Reporter ในภาษาไทยใช้คําใด
(1) พลเมืองนักข่าว
(2) นักข่าวพลเมือง
(3) ประชากรนักข่าว
(4) พลเมืองนักวารสารศาสตร์
(5) นักวารสารศาสตร์พลเมือง
ตอบ 1 หน้า 95, 104 นักข่าวพลเมือง ผู้สื่อข่าวภาคพลเมือง หรือผู้สื่อข่าวภาคประชาชน (Citizen Reporter) หมายถึง ผู้ใช้งานสื่ออินเทอร์เน็ตทุกคน ซึ่งมีบทบาทเป็นผู้ส่งสารผ่านพื้นที่ของ ตนเองไปสู่สาธารณะได้อย่างเท่าเทียมกัน โดยจะมีบทบาทเป็นผู้รายงานข่าวสารคล้ายกับ บทบาทของผู้สื่อข่าว (News Reporter) ในองค์กรสื่อสารมวลชนแบบดั้งเดิม เช่น อาณิก มีอาชีพเป็นแม่ค้าออนไลน์ และได้นําเสนอข่าวสารด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมผ่านทาง เว็บบล็อก (Web Blog) เป็นต้น

89 บุคคลในข้อใดต่อไปนี้จัดเป็น Citizen Reporter
(1) อาจินต์เป็นผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ที่เผยแพร่ข่าวผ่านสื่อออนไลน์อีกทางหนึ่ง
(2) อารมณ์เป็นผู้สื่อข่าวที่มุ่งเข้าถึงแหล่งข่าวประชาชนทั่วไป
(3) อาณิกมีอาชีพแม่ค้าออนไลน์ และนําเสนอข่าวสารด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมผ่านเว็บบล็อก
(4) อานนท์เป็นผู้สื่อข่าวที่รายงานข่าวสารด้านสํามะโนประชากร
(5) อากรเป็นผู้สื่อข่าวผ่านสื่อออนไลน์ และรายงานข่าวผ่านสิ่งพิมพ์แบบกระดาษด้วย
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 88. ประกอบ

90 อินเทอร์เน็ตก่อให้เกิดผลกระทบต่อวิชาชีพวารสารศาสตร์ของสื่อแบบดั้งเดิมที่ให้ความสําคัญกับผู้เฝ้า ประตูข้อมูลข่าวสาร (Gatekeeper) ด้วยเหตุที่
(1) เปิดโอกาสให้ทุกคนทําหน้าที่ผู้ส่งสาร – ผู้รับสารโดยเท่าเทียม
(2) เปิดโอกาสให้ทุกคนมีโอกาสสื่อสารตอบกลับผ่านรูปแบบการสื่อสารสองทาง
(3) เปิดโอกาสให้ทุกคนทําหน้าที่ผู้ส่งสารบนพื้นที่ของตนเองสู่สาธารณะ
(4) เปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้โดยไม่จํากัด
(5) เปิดโอกาสให้ทุกคนสื่อสารผ่านเครือข่ายที่ครอบคลุมทั่วโลก
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 85. ประกอบ

91 การกํากับดูแลเกี่ยวกับการสื่อสารผ่านสื่ออินเทอร์เน็ตในประเทศไทย อยู่ในอํานาจหน้าที่ของหน่วยงานใด
(1) สภาวิชาชีพกิจการแพร่ภาพการกระจายเสียง (ประเทศไทย)
(2) สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ
(3) กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม
(4) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
(5) กระทรวงมหาดไทย
ตอบ 4 หน้า 124, (คําบรรยาย) การกํากับดูแลเกี่ยวกับการสื่อสารผ่านสื่ออินเทอร์เน็ต อยู่ในอํานาจ หน้าที่ของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที (ปัจจุบัน คือ กระทรวง ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม) โดยอาศัยอํานาจตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทําความผิด เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ซึ่งมุ่งเน้นในการกํากับดูแลเกี่ยวกับการกระทําความผิดต่อกฎหมายเป็นสําคัญ

92 ดูแลเกี่ยวกับการสื่อสารผ่านสื่ออินเทอร์เน็ต อยู่ในอํานาจหน้าที่ของหน่วยงานในข้อ 91 โดยอาศัยอํานาจตามความในกฎหมายฉบับใด
(1) พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
(2) พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2538
(3) พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2)
พ.ศ. 2551
(4) พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
(5) พระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2552
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 91. ประกอบ

93 ตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ข้อใดถือว่าเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์
(1) ข่าวประจําวัน
(2) คําพิพากษา คําวินิจฉัยของทางราชการ
(3) งานดนตรีกรรม
(4) รัฐธรรมนูญ
(5) ระเบียบ ข้อบังคับของกระทรวง

ตอบ 3 หน้า 127, 129 พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 7 ระบุว่า สิ่งต่อไปนี้ไม่ถือว่าเป็นงาน อันมีลิขสิทธิ์ตาม พ.ร.บ. นี้
1 ข่าวประจําวันและข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่มีลักษณะเป็นเพียงข่าวสาร อันมิใช่งานในแผนก วรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ
2 รัฐธรรมนูญและกฎหมาย
3 ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คําสั่ง คําชี้แจง และหนังสือโต้ตอบของกระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น
4 คําพิพากษา คําสั่ง คําวินิจฉัย และรายงานของทางราชการ
5 คําแปลและการรวบรวมสิ่งต่าง ๆ ตาม 1. – 4. ที่กระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงาน อื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่นจัดทําขึ้น

94 ตามมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ระบุว่า งานที่ผู้สร้างสรรค์ได้สร้างสรรค์ขึ้น โดยการรับจ้างบุคคลอื่น ให้ลิขสิทธิ์ในงานนั้นเป็นของใคร
(1) ผู้รับจ้าง
(2) องค์กร
(3) ผู้ว่าจ้าง
(4) ทั้งผู้รับจ้างและผู้ว่าจ้าง
(5) ทั้งองค์กรและผู้ว่าจ้าง
ตอบ 3 หน้า 130 พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 10 ระบุว่า งานที่ผู้สร้างสรรค์ได้สร้างสรรค์ขึ้น โดยการรับจ้างบุคคลอื่น ให้ผู้ว่าจ้างเป็นผู้มีลิขสิทธิ์ในงานนั้น เว้นแต่ผู้สร้างสรรค์และผู้ว่าจ้าง จะได้ตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น

95 ลายน้ำที่ประทับบนภาพถ่ายดิจิทัล ตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 จัดเป็นข้อใด
(1) ข้อมูลการบริหารสิทธิ
(2) มาตรการทางเทคโนโลยี
(3) มาตรการการบริหารสิทธิ
(4) ข้อมูลทางเทคโนโลยี
(5) มาตรการทางข้อมูลการบริหารสิทธิ
ตอบ 1 หน้า 136 พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 มาตรา 3 (2) ระบุไว้ว่า “ข้อมูลการบริหาร สิทธิ” หมายความว่า ข้อมูลที่บ่งชี้ถึงผู้สร้างสรรค์ งานสร้างสรรค์ นักแสดง การแสดง เจ้าของ ลิขสิทธิ์ หรือระยะเวลาและเงื่อนไขในการใช้งานอันมีลิขสิทธิ์ ตลอดจนตัวเลขหรือรหัสแทน ข้อมูลดังกล่าว โดยข้อมูลเช่นว่านี้ติดอยู่หรือปรากฏเกี่ยวข้องกับงานอันมีลิขสิทธิ์หรือสิ่งบันทึก การแสดง (เช่น การจัดทําเครื่องหมายลายน้ําบนรูปภาพ ธนบัตร, เลขมาตรฐานสากลประจํา หนังสือ หรือ International Standard Book Number : ISBN เป็นต้น)

96 “การตั้งรหัสในการเข้ารับฟังเพลงต่าง ๆ ผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยกําหนดให้ผู้ที่ต้องการฟังเพลงหรือ ดาวน์โหลดเพลงต้องจ่ายเงิน เพื่อให้ได้รหัสในการฟังหรือดาวน์โหลดเพลงนั้น ๆ” ตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 การตั้งรหัสในการเข้ารับฟังเพลงดังกล่าว จัดเป็นข้อใด
(1) ข้อมูลการบริหารสิทธิ
(2) มาตรการทางเทคโนโลยี
(3) มาตรการการบริหารสิทธิ
(4) ข้อมูลทางเทคโนโลยี
(5) ข้อมูลบ่งชี้กรรมสิทธิ์
ตอบ 2 หน้า 136 พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 มาตรา 3 (3) ระบุไว้ว่า “มาตรการทาง เทคโนโลยี” หมายความว่า เทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันการทําซ้ําหรือควบคุมการ เข้าถึงงานอันมีลิขสิทธิ์หรือสิ่งบันทึกการแสดง โดยเทคโนโลยีเช่นที่ว่านี้ได้นํามาใช้กับงาน อันมีลิขสิทธิ์หรือสิ่งบันทึกการแสดงนั้นอย่างมีประสิทธิภาพ

97 จากข้อ 96. หากนายเก่งกาจหาวิธีการเข้าไปฟังเพลงหรือดาวน์โหลดเพลงฟรี (ไม่จ่ายเงินตามเงื่อนไข)
กล่าวได้ว่าการกระทําของนายเก่งกาจเข้าข่ายข้อใด
(1) ละเมิดข้อมูลการบริหารสิทธิ
(2) หลบเลี่ยงมาตรการทางเทคโนโลยี
(3) หลบเลี่ยงมาตรการการบริหารสิทธิ
(4) ละเมิดข้อมูลทางเทคโนโลยี
(5) ละเมิดข้อมูลบ่งชี้กรรมสิทธิ์
ตอบ 2 หน้า 136 พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 มาตรา 3 (4) ระบุว่า “การหลบเลี่ยง มาตรการทางเทคโนโลยี” หมายความว่า การกระทําด้วยประการใด ๆ ที่ทําให้มาตรการ ทางเทคโนโลยีไม่เกิดผล (ดูคําอธิบายข้อ 96. ประกอบ)

98 International Standard Book Number : ISBN หรือเลขมาตรฐานสากลประจําหนังสือ ตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 จัดเป็นข้อใด
(1) ข้อมูลการบริหารสิทธิ
(2) มาตรการทางเทคโนโลยี
(3) มาตรการการบริหารสิทธิ
(4) ข้อมูลทางเทคโนโลยี
(5) มาตรการทางข้อมูลการบริหารสิทธิ
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 95. ประกอบ

99 ตามมาตรา 3 แห่ง พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 “ข้อมูล ข้อความ คําสั่ง ชุดคําสั่งหรือสิ่งอื่นใดบรรดาที่อยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ในสภาพที่ระบบคอมพิวเตอร์อาจประมวลผลได้ และให้หมายความรวมถึงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วย”
หมายถึงข้อใด
(1) ระบบคอมพิวเตอร์
(2) ข้อมูลคอมพิวเตอร์
(3) ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์
(4) ระบบข้อมูลคอมพิวเตอร์
(5) ระบบจราจรทางคอมพิวเตอร์
ตอบ 2 หน้า 159 พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 3 (2)
ระบุไว้ว่า “ข้อมูลคอมพิวเตอร์” หมายถึง ข้อมูล ข้อความ คําสั่ง ชุดคําสั่งหรือสิ่งอื่นใดบรรดา ที่อยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ในสภาพที่ระบบคอมพิวเตอร์อาจประมวลผลได้ และให้หมายความ รวมถึงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วย

100 ตามมาตรา 11 แห่ง พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ระบุว่า “ผู้ใดส่ง ข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แก่บุคคลอื่นโดยปกปิดหรือปลอมแปลงแหล่งที่มาของการ
ส่งข้อมูลดังกล่าว อันเป็นการรบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่นโดยปกติสุข” กําหนดโทษเช่นไร

(1) ปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท
(2) ปรับไม่เกินเจ็ดหมื่นบาท
(3) ปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
(4) ปรับไม่เกินสองแสนบาท
(5) ปรับไม่เกินสามแสนบาท
ตอบ 3 หน้า 160 พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 11 ได้ระบุว่า ผู้ใดส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แก่บุคคลอื่นโดยปกปิดหรือปลอมแปลงแหล่งที่มาของการส่งข้อมูลดังกล่าว อันเป็นการรบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ ของบุคคลอื่นโดยปกติสุข ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท

CDM2105 MCS2390 เทคโนโลยีเพื่อการสื่อสารมวลชน s/2563

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2563
ข้อสอบกระบวนวิชา MCS 2390 (MCS2108) เทคโนโลยีเพื่อการสื่อสารมวลชน
คําสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคําตอบเดียว

ข้อ 1. – 10. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม
(1) จุลสาร
(2) www.sanook.com
(3) Digital Language
(4) เทคโนโลยี

1 การนําความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาใช้ประโยชน์เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ด้านอุตสาหกรรม
ตอบ 4 หน้า 1 – 2 บราวน์ (Brown) ให้ความหมายของ “เทคโนโลยี” (Technology) ว่า เป็นการ นําวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ให้บังเกิดผลประโยชน์ ส่วนพจนานุกรมเว็บสเตอร์ (Webster) ให้ความหมายของเทคโนโลยีไว้ประการหนึ่ง คือ การใช้ทางวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพื่อวัตถุประสงค์ทางด้านอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรม

2 จัดเป็นสื่อสารมวลชนประเภท New Media
ตอบ 2 หน้า 35 – 50, 109, (คําบรรยาย) สื่อใหม่ (New Media) ได้แก่ อินเทอร์เน็ต, สื่อออนไลน์, เว็บไซต์ (เช่น www.sanook.com), อีเมล (E-mail) ฯลฯ ซึ่งมีลักษณะสําคัญดังนี้
1 มีการใช้ภาษาระบบตัวเลขหรือภาษาดิจิทัล (Digital Language) เป็นกลไกในการสื่อสาร ข้อมูลและกระบวนการทํางานผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์
2 ผู้รับสารมีลักษณะ Active Seeker คือ ผู้รับสารกระตือรือร้นเสาะแสวงหาข้อมูลข่าวสาร ด้วยตัวเองตามความสนใจและความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองอย่างอิสรเสรี
3 มีช่องทางการปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ส่งสารและผู้รับสารในลักษณะของการสื่อสารแบบ สองทาง (Two-way Communication) ฯลฯ

3 ช่วยให้เกิดประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และประหยัดในระบบการทํางาน
ตอบ 4 หน้า 3 โดยทั่วไปแล้วเทคโนโลยีจะช่วยให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีต่อกระบวนการผลิตหรือระบบ
การทํางานใด ๆ ก็ตามอยู่ 3 ประการ ได้แก่
1 ประสิทธิภาพ (Efficiency)
2 ประสิทธิผล (Productivity)
3 ประหยัด (Economy)

4 ผู้รับสารมีลักษณะเป็น Active Seeker
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 2. ประกอบ

5 ผู้รับสารมีลักษณะเป็น Passive Audience
ตอบ 1 หน้า 17, 27, 32 – 33 สื่อดั้งเดิม (Traditional Media) ได้แก่ สื่อสิ่งพิมพ์ (เช่น หนังสือพิมพ์
จดหมายข่าว (News Letter), นิตยสาร, จุลสาร ฯลฯ) สื่อวิทยุโทรทัศน์ สื่อวิทยุกระจายเสียง
สื่อภาพยนตร์ ฯลฯ มีลักษณะของผู้รับสารดังนี้
1 ผู้รับสารในสังคมคุ้นเคยและมีทัศนคติเชิงบวกต่อการเปิดรับข้อมูลข่าวสารจากสื่อดั้งเดิม เนื่องจากเป็นสื่อที่มีบทบาทในกระบวนการสื่อสารมวลชนในสังคมมายาวนาน

2 ผู้รับสารมีลักษณะ Passive Audience คือ มีหน้าที่เปิดรับข้อมูลข่าวสาร และจะได้รับ ข้อมูลข่าวสารก็ต่อเมื่อผู้ส่งสารนําเสนอหรือส่งสารผ่านสื่อหรือช่องทางการสื่อสารมาสู่ผู้รับสารเท่านั้น
3 มีลักษณะการสื่อสารไปยังผู้รับสารแบบทางเดียว (One-way Communication) ดังนั้น จึงแทบไม่มีช่องทางในการรับรู้ปฏิกิริยาตอบกลับ (Feedback) ของผู้รับสาร ฯลฯ

6 กลไกในการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 2. ประกอบ

7 นําเสนอเนื้อหาสารในรูปภาษาเขียน
ตอบ 1 หน้า 17, 27 – 28, 33 คุณลักษณะของสื่อสิ่งพิมพ์ (Printed Media) เช่น วารสาร นิตยสาร หนังสือพิมพ์ จุลสาร จดหมายข่าว (News Letter) ฯลฯ ซึ่งจัดเป็นสื่อแบบดั้งเดิม มีดังนี้
1 เข้าถึงกลุ่มผู้รับสารได้อย่างกว้างขวาง
2 นําเสนอเนื้อหาสารในรูปภาษาเขียน (ตัวอักษร) และภาพ
3 มีความน่าเชื่อถือสูง จึงมักถูกใช้เป็นสื่อเพื่อการอ้างอิง (Referenced Media)
4 มีความคงทนสูง คือ ผู้รับสารสามารถย้อนกลับไปเปิดรับเนื้อหาสารจากสื่อได้ซ้ําครั้ง ตามที่ตนต้องการ
5 จัดเป็นสื่อสารมวลชนสื่อแรกที่มีความเก่าแก่ที่สุด ฯลฯ

8 มีช่องทางในการปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ส่งสารและผู้รับสาร
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 2. ประกอบ

9 สื่อแบบดั้งเดิม มีความคงทนสูง
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 7. ประกอบ

10 ภาษาระบบตัวเลข
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 2. ประกอบ

11 ภาษาแรกของมนุษยชาติ คือ
(1) ภาษาเขียน
(2) ภาษาพูด
(3) ภาษากาย
(4) ภาษาสัญลักษณ์
(5) ภาษาระบบตัวเลข
ตอบ 2 หน้า 6 – 7 ภาษาพูด ถือเป็นวัจนภาษาที่ถูกบันทึกไว้ว่า เป็นภาษาแรกเริ่มของมนุษยชาติ ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้อวัยวะที่ติดตัวมาแต่กําเนิดในการสร้าง “สาร” ในรูปของเสียง และสร้างความหมายในรูปของคําพูด เพื่อสื่อสารระหว่างกัน

12 นับตั้งแต่มนุษย์มีที่อยู่อาศัยรวมกันเป็นหลักแหล่ง มนุษย์เรียนรู้ที่จะสื่อสารกันในลักษณะใด
(1) สื่อสารระหว่างบุคคล
(2) สื่อสารด้วยภาษากาย
(3) สื่อสารมวลชน
(4) สื่อสารด้วยภาษาเขียน
(5) สื่อสารด้วยภาษาพูด
ตอบ 1 หน้า 7 การสื่อสารระหว่างบุคคล ถือเป็นรูปแบบการสื่อสารพื้นฐานของมนุษย์ นับตั้งแต่ มนุษย์ถือกําเนิดขึ้นบนโลก เพราะโดยธรรมชาติของมนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่ต้องมีที่อยู่อาศัย รวมกันเป็นหลักแหล่ง ดังนั้นการสื่อสารจึงเป็นความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์ในการ ถ่ายทอดแลกเปลี่ยนความคิด ความรู้สึก ความต้องการ ความรู้ และประสบการณ์ต่าง ๆ เพื่อดํารงชีวิตอยู่ร่วมกันในชุมชนหรือสังคม

13 ข้อใดคือความหมายที่ถูกต้องของสื่อแบบดั้งเดิม (Traditional Media)
(1) สื่อที่เกิดขึ้นมาเนิ่นนานแล้ว แต่ปัจจุบันไม่มีบทบาทอีกต่อไป
(2) สื่อที่มีเทคโนโลยีการใช้งานแบบดั้งเดิม ไม่ทันยุคสมัยแห่งการเปลี่ยนแปลง
(3) สื่อที่เคยมีบทบาทในสังคมมนุษย์ แต่ปัจจุบันกําลังลดบทบาทลง
(4) สื่อที่ทําหน้าที่ส่งสารตัวหนังสือหรือเสียงหรือภาพเพียงอย่างเดียวผ่านช่องทางการสื่อสาร
(5) สื่อที่มีรูปแบบการส่งสารผ่านช่องทางการสื่อสารแบบแอนะล็อก
ตอบ 4 หน้า 14 นิยามของสื่อแบบดั้งเดิม (Traditional Media) ประกอบด้วย
1 สื่อที่ทําหน้าที่ส่งสารเพียงอย่างเดียว หมายถึง สื่อที่ทําหน้าที่ส่งสารในรูปตัวหนังสือ หรือเสียงหรือภาพเพียงอย่างเดียวผ่านช่องทางการสื่อสาร ได้แก่ สื่อสิ่งพิมพ์ และสื่อวิทยุกระจายเสียง
2 สื่อที่ทําหน้าที่ส่งสารสองอย่าง หมายถึง สื่อที่ทําหน้าที่ส่งสารทั้งในรูปภาพและเสียง พร้อมกันผ่านช่องทางการสื่อสาร ได้แก่ สื่อวิทยุโทรทัศน์ และสื่อภาพยนตร์

14 ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของสื่อสิ่งพิมพ์ (Printed Media)
(1) มีความคงทนสูง
(2) เป็นสื่อที่คนทุกรุ่นในสังคมคุ้นเคย
(3) มีความน่าเขือถือสูง
(4) เป็นสื่อสารมวลชนที่เก่าแก่ที่สุด
(5) สามารถนําเสนอเนื้อหาสารในลักษณะ Real Time
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 5 และ 7 ประกอบ

15 Nipcow Disc เป็นการทดลองแพร่ภาพเคลื่อนไหวโดยใช้เทคโนโลยีในข้อใด
(1) เทคโนโลยีจักรกล
(2) เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์
(3) เทคโนโลยีดิจิทัล
(4) เทคโนโลยีสื่อประสม
(5) เทคโนโลยีแรงคน
ตอบ 1 หน้า 22 ใน ค.ศ. 1884 พอล นิปโคว์ (Paul Nipkow) เป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมัน
ที่ประสบความสําเร็จในการทดลองแพร่ภาพเคลื่อนไหวด้วยเทคโนโลยีจักรกลเป็นครั้งแรก
เพราะเขาได้ค้นพบการสแกนภาพจากจานหมุนที่ถูกตั้งชื่อว่า “Nipcow Disc ซึ่งนําไปสู่ การประดิษฐ์สื่อวิทยุโทรทัศน์จักรกลในยุคแรก แต่ก็มีข้อจํากัดหลายประการ เช่น เสียงดัง มีขนาดใหญ่ และยังมีระบบการทํางานที่ไม่สัมพันธ์กันระหว่างจานรับกับจานส่ง

16 ผู้ฟังจะได้รับฟังก็ต่อเมื่อสถานีเปิดและออกอากาศ คือ ลักษณะของผู้รับสารจากสื่อประเภทใด
(1) Local Media
(2) New Media
(3) Traditional Media
(4) Alternative Media
(5) Social Media
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 5 ประกอบ

17 ลักษณะของผู้รับสารในข้อ 16. ตรงกับคําใด
(1) Active Seeker
(2) Active Receiver
(3) Passive Audience
(4) Passive Seeker
(5) Negative Audience
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 5 ประกอบ

18 กระบวนการแปลงข้อมูลข่าวสารลักษณะต่างๆ ให้อยู่ในรูปภาษาดิจิทัล ตรงกับคําใด
(1) Digital Evolution
(2) Digitization
(3) Digital Revolution
(4) Digital Innovation
(5) Digitalization

ตอบ 2 หน้า 36 การปฏิวัติแห่งระบบดิจิทัล หรือการปฏิวัติแห่งระบบตัวเลข (Digital Revolution) หมายถึง ข้อมูลข่าวสารไม่ว่าจะอยู่ในรูปของข้อความ เสียง รูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว ถูกแปลง ให้เป็นภาษารูปแบบเดียวกัน คือ ภาษาดิจิทัล (Digital Language) ซึ่งรูปแบบของกระบวนการ แปลงข้อมูลข่าวสารลักษณะต่าง ๆ ให้อยู่ในรูปภาษาดิจิทัล ตรงกับคําว่า “การทําให้เป็นภาษา ระบบตัวเลข” (Digitization)

19 สื่อนิตยสารเป็นสื่อที่มีความคงทนสูง หมายความว่าอย่างไร
(1) เป็นสื่อที่มีอายุการใช้งานยาวนาน
(2) เป็นสื่อที่มีเทคโนโลยีการสื่อสารที่มีความเสถียรสูง
(3) เป็นสื่อที่ผู้รับสารสามารถเปิดรับสารได้ซ้ําครั้ง
(4) เป็นสื่อที่มีการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีน้อยมาก
(5) เป็นสื่อที่ไม่ถูกคุกคามจากปัจจัยภายนอกได้อย่างง่ายดาย
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 7 ประกอบ

20 ข้อใดคือความหมายของคําว่า การปฏิวัติแห่งระบบดิจิทัล (Digital Revolution)
(1) ข้อมูลข่าวสารในรูปข้อความ เสียง ภาพเคลื่อนไหว ถูกแปลงให้เป็นภาษาดิจิทัล
(2) ข้อมูลข่าวสารในรูปภาษาดิจิทัล ถูกแปลงให้อยู่ในรูปข้อความ เสียง ภาพเคลื่อนไหว
(3) ข้อมูลข่าวสารในรูปข้อความ ถูกแปลงให้เป็นสัญญาณเสียง
(4) ข้อมูลข่าวสารในรูปสัญญาณเสียง ถูกแปลงให้อยู่ในรูปข้อความ
(5) ข้อมูลข่าวสารในรูปข้อความ ถูกแปลงให้อยู่ในรูปสัญญาณภาพเคลื่อนไหว
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 18 ประกอบ

21 ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของ New Media
(1) เป็นสื่อที่เอื้อให้ผู้ส่งสารและผู้รับสารทําหน้าที่ส่งสารและรับสารได้พร้อมกัน
(2) มีรูปแบบการสื่อสารแบบทางเดียว
(3) มีรูปแบบการสื่อสารแบบสองทาง
(4) ส่งสารผ่านช่องทางสื่อสารได้หลายอย่างพร้อมกัน
(5) มีศักยภาพเป็นสื่อแบบประสม
ตอบ 2 หน้า 38 Burnett, R. and Marshall (2003) ได้นิยามสื่อใหม่ (New Media) ว่า เป็นสื่อที่
เอื้อให้ผู้ส่งสารและผู้รับสารทําหน้าที่ส่งสารและรับสารได้พร้อมกัน และสื่อยังทําหน้าที่ส่งสาร ผ่านช่องทางการสื่อสารได้หลาย ๆ อย่างพร้อมกัน คือ ภาพ เสียง และข้อความ โดยการรวม เทคโนโลยีของสื่อดั้งเดิมเข้ากับความก้าวหน้าของระบบเทคโนโลยีสัมพันธ์ ทําให้มีรูปแบบการ สื่อสารแบบสองทางผ่านทางระบบเครือข่ายและมีศักยภาพเป็นสื่อแบบประสม (Multimedia)

22 Freedom from formats หมายถึง ความเป็นอิสระด้านใดของสื่อใหม่
(1) ความเป็นอิสระจากข้อจํากัดด้านรูปทรง
(2) ความเป็นอิสระจากข้อจํากัดด้านขนาด
(3) ความเป็นอิสระจากข้อจํากัดด้านรูปแบบ
(4) ความเป็นอิสระจากข้อจํากัดด้านพรมแดน
(5) ความเป็นอิสระจากข้อจํากัดด้านพื้นที่
ตอบ 3 หน้า 38 – 39 Kent Wertime and Lan Fenwick กล่าวว่า ลักษณะสําคัญของเนื้อหาใน รูปแบบดิจิทัล ประกอบด้วย ความเป็นอิสระ 5 ประการ ได้แก่

1 ความเป็นอิสระจากข้อจํากัดด้านเวลา (Freedom from scheduling)
2 ความเป็นอิสระจากข้อจํากัดด้านพรมแดน (Freedom from geological boundaries)
3 ความเป็นอิสระจากข้อจํากัดด้านขนาด (Freedom to scale)
4 ความเป็นอิสระจากข้อจํากัดด้านรูปแบบ (Freedom from formats)
5 ความเป็นอิสระจากยุคนักการตลาดสร้างเนื้อหา มาสู่ยุคนักบริโภคริเริ่มสร้างและควบคุม
เนื้อหาเอง (Freedom from marketer-driven to consumer-initiated, created and controlled)

23 การทําให้เป็นภาษาระบบตัวเลข (Digitization) หมายถึงข้อใด
(1) การแปลงข้อมูลข่าวสารลักษณะต่าง ๆ ให้อยู่ในระบบแอนะล็อก
(2) การแปลงข้อมูลข่าวสารลักษณะต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับสื่อแอนะล็อก
(3) การแปลงข้อมูลข่าวสารลักษณะต่าง ๆ ให้อยู่ในรูปภาษาดิจิทัล
(4) การแปลงข้อมูลข่าวสารลักษณะต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับสื่อดิจิทัล
(5) การแปลงข้อมูลข่าวสารจากระบบดิจิทัลให้อยู่ในระบบแอนะล็อก
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 18 ประกอบ

24 ด้วยคุณลักษณะข้อใดที่ส่งผลให้อินเทอร์เน็ต (Internet) ถูกจัดเป็นสื่อสารมวลชน
(1) เป็นสื่อที่สามารถส่งข้อมูลข่าวสารได้อย่างรวดเร็วไปสู่ผู้รับสารในวงกว้าง
(2) เป็นสื่อที่มีช่องทางให้ผู้รับสารสามารถสื่อสารตอบกลับแบบสองทาง
(3) เป็นสื่อที่นําเสนอเนื้อหาสารได้ในลักษณะเดียวกันกับสื่อแบบดั้งเดิมทุกประเภท
(4) เป็นสื่อที่ใช้ภาษาดิจิทัลเป็นกลไกในกระบวนการทํางาน
(5) เป็นสื่อที่มีการส่งเนื้อหาสารผ่านสื่อคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกันในลักษณะเครือข่าย
ตอบ 3 หน้า 40, 55, (คําบรรยาย) สื่ออินเทอร์เน็ตถูกจัดเป็นสื่อสารมวลชนหรือสื่อมวลชน (Mass Communication/Mass Media) ด้วยศักยภาพทางเทคโนโลยีที่สามารถนําเสนอเนื้อหาสาร ได้ในลักษณะเดียวกันกับสื่อมวลชนแบบดั้งเดิมทุกประเภททั้งสื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และภาพยนตร์

25 IOS จัดเป็นระบบปฏิบัติการในข้อใด
(1) Mobile Telephone
(2) Mobile Platform
(3) Mobile Game
(4) Mobile Computing
(5) Mobile Network
ตอบ 2 หน้า 41 เทคโนโลยีสําหรับอุปกรณ์พกพาหรือแพลตฟอร์มเคลื่อนที่ (Mobile Platform) หมายถึง ระบบปฏิบัติการสําหรับอุปกรณ์พกพา ซึ่งประกอบไปด้วย ระบบปฏิบัติการของ โทรศัพท์เคลื่อนที่หรืออุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่อื่น ๆ โดยมีผู้ให้บริการเทคโนโลยีในระบบ ปฏิบัติการหลากหลายเครือข่ายการสื่อสาร เช่น ระบบปฏิบัติการ IOS, ระบบปฏิบัติการ Android, ระบบปฏิบัติการ Windows Phone 7 ฯลฯ

26 การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ จัดเป็น New Media ตรงกับคําในข้อใด
(1) E-business
(2) E-marketing
(3) E-buying
(4) E-banking
(5) E-commerce
ตอบ 5 หน้า 66 สื่ออินเทอร์เน็ตมักถูกใช้เป็นช่องทางประกอบธุรกรรมทางธุรกิจทั้งการซื้อข อขายสินค้า ออนไลน์ การโฆษณาประชาสัมพันธ์ออนไลน์ การโอนเงินออนไลน์ การจองตั๋วเครื่องบินออนไลน์
และยังเป็นช่องทางสําคัญที่ผู้ประกอบการใช้ส่งเสริมการตลาดออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ดังนั้นจึงเป็นที่มาของคําว่า “E-commerce” (Electronic Commerce) หรือที่เราเรียกกันใน ภาษาไทยว่า “การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์” เช่น www.lazada.com, www.alibaba.com, www.shopee.co.th, www.tarad.com ฯลฯ

27 โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ผู้ใช้สามารถดูข้อมูลและโต้ตอบกับข้อมูลสารสนเทศที่จัดเก็บในหน้าเว็บไซต์
ที่สร้างด้วยภาษาเฉพาะ คือข้อใด
(1) Upload
(2) Download
(3) Streaming
(4) Web browser
(5) Link
ตอบ 4 หน้า 41, (คําบรรยาย) โปรแกรมค้นดูเว็บ (Web browser) คือ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ผู้ใช้ สามารถดูข้อมูลและโต้ตอบกับข้อมูลสารสนเทศที่จัดเก็บในหน้าเว็บไซต์ที่สร้างด้วยภาษาเฉพาะ เช่น ภาษา HTML เป็นต้น ทั้งนี้โปรแกรมค้นดูเว็บเปรียบเสมือนเป็นเครื่องมือในการติดต่อกับ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เรียกว่า World Wide Web ตัวอย่างของเว็บบราวเซอร์ เช่น Internet Explorer, Mozila Firefox, Google Chrome เป็นต้น

ข้อ 28. – 30. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม
(1) Digital
(2) Analog
(3) Mobile Platform

28 ระบบปฏิบัติการของอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 25. ประกอบ

29 สัญญาณข้อมูลแบบต่อเนื่อง (Continuous Data) มีขนาดของสัญญาณไม่คงที่
ตอบ 2 หน้า 37 สัญญาณแอนะล็อก (Analog Signal) คือ สัญญาณข้อมูลแบบต่อเนื่อง (Continuous Data) มีขนาดของสัญญาณไม่คงที่ มีการเปลี่ยนแปลงขนาดของสัญญาณแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งมีลักษณะเป็นเส้นโค้งต่อเนื่องกัน โดยการส่งสัญญาณแบบแอนะล็อกจะถูกรบกวนให้มีการ แปลความหมายผิดพลาดได้ง่าย เช่น สัญญาณโทรศัพท์, สัญญาณวิทยุกระจายเสียง, สัญญาณ วิทยุโทรทัศน์ เป็นต้น

30 สัญญาณที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลแบบไม่ต่อเนื่อง (Discrete Data) ที่มีขนาดแน่นอน
ตอบ 1 หน้า 37 สัญญาณดิจิทัล (Digital Signal) คือ สัญญาณข้อมูลแบบไม่ต่อเนื่อง (Discrete Data) ที่มีขนาดแน่นอน ซึ่งอยู่ระหว่างค่า 2 ค่า ได้แก่ สัญญาณระดับสูงสุด (แทนค่าด้วยเลข 1) และ สัญญาณระดับต่ําสุด (แทนค่าด้วยเลข 0) โดยเป็นระบบสัญญาณที่ใช้ในการทํางานและติดต่อ สื่อสารผ่านสื่อคอมพิวเตอร์ เมื่อนํามาใช้ในระบบการส่งสัญญาณผ่านสื่ออื่น ๆ ทั้งวิทยุโทรทัศน์ และวิทยุกระจายเสียง พบว่า ก่อให้เกิดผลดีทั้งในแง่ของความแม่นยํา รวมทั้งความชัดเจนของ สัญญาณภาพและเสียง

31 ข้อใดต่อไปนี้ไม่ใช่นิยามของคําว่า Media Convergence
(1) การบรรจบกันของเทคโนโลยีสื่อแบบดั้งเดิมกับสื่อใหม่
(2) การแปลงเนื้อหาจากแหล่งสารต่าง ๆ ให้อยู่ในรูปภาษาดิจิทัล พร้อมกับแปลงข้อมูลดิจิทัล ให้ปรากฏในลักษณะเดียวกันกับเนื้อหาสารจากแหล่งสาร
(3) การหลอมรวมระหว่างสื่อ
(4) การรวมเทคโนโลยีสื่อที่แตกต่างกันเข้าไว้ด้วยกันในศูนย์เดียว
(5) การหลอมรวมเนื้อหาดิจิทัลผ่านสื่อแบบดั้งเดิม

ตอบ 5 หน้า 50 – 51 Media Convergence หมายถึง การบรรจบกันของเทคโนโลยีสื่อแบบดั้งเดิม กับสื่อใหม่ หรือเป็นการรวมเทคโนโลยีสื่อที่แตกต่างกันเข้าไว้ด้วยกันในศูนย์เดียว จนต่อมาได้มี ผู้นิยามศัพท์ว่า “การหลอมรวมระหว่างสื่อ หรือการหลอมรวมสื่อ” อันเป็นผลมาจากศักยภาพ ในการแปลงเนื้อหาจากแหล่งสารต่าง ๆ ให้อยู่ในรูปข้อมูลดิจิทัลหรือภาษาดิจิทัล พร้อมกับการ แปลงข้อมูลดิจิทัลให้ปรากฏในลักษณะเดียวกันกับรูปแบบเนื้อหาสารจากแหล่งสารที่นําเสนอ
ผ่านสื่อแบบดั้งเดิม

32 หลี หมิง ดาราชาวจีนถูกทาบทามให้ร่วมแสดงในภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด เป็นปรากฏการณ์ใด
(1) Corporate Convergence
(2) Global Convergence
(3) Technological Convergence
(4) Functional Convergence
(5) Cultural Convergence
ตอบ 2 หน้า 54 Global Convergence หมายถึง ปรากฏการณ์การหลอมรวมระดับโลกจนส่งผล ให้เกิดการผสมผสานทางวัฒนธรรม อันเป็นผลมาจากการเผยแพร่เนื้อหาสื่อระหว่างกันของ ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก เช่น การนําดาราชาวเอเชียมาร่วมแสดงอยู่ในภาพยนตร์ของฮอลลีวู้ด ซึ่งเป็นผลมาจากการเผยแพร่ผลงานภาพยนตร์เอเชียไปทั่วโลก เป็นต้น

33 การนํานวนิยายเรื่อง A Jungle Book ไปสร้างเป็นภาพยนตร์ หนังสือการ์ตูน และเกมออนไลน์ เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างกว่าเดิม เป็นปรากฏการณ์ที่ตรงกับข้อใด
(1) Operational Convergence
(2) Corporate Convergence
(3) Technological Convergence
(4) Economic Convergence
(5) Cultural Convergence
ตอบ 4 หน้า 53 Economic Convergence หมายถึง ปรากฏการณ์ในการหลอมรวมธุรกิจสื่อ เพื่อขยายพื้นที่หรือฐานทางการตลาดให้กว้างขวางขึ้นกว่าเดิม เช่น การนํานวนิยายเรื่อง A Jungle Book ไปสร้างเป็นภาพยนตร์ หนังสือการ์ตูน และเกมออนไลน์ เพื่อขยายฐาน ลูกค้าให้กว้างกว่าเดิม เป็นต้น

34 เดลินิวส์รวมศูนย์ข่าวไว้ที่เดียวเพื่อให้บริการข้อมูลข่าวผ่านทุกสื่อในเครือ ตรงกับคําใด
(1) Operational Convergence
(2) Corporate Convergence
(3) Technological Convergence
(5) Cultural Convergence
(4) Social Convergence

ตอบ 1 หน้า 52 Operational Convergence หมายถึง การรวมศูนย์การปฏิบัติงานไว้ในที่เดียว หรือศูนย์เดียว โดยผู้ประกอบการเจ้าของธุรกิจสื่อหลากหลายประเภทพยายามรวมศูนย์การ ปฏิบัติงานไว้ที่เดียวกัน เช่น ไทยรัฐ เดลินิวส์ และเนชั่น รวมศูนย์ข่าวไว้ที่เดียวเพื่อให้บริการ ข้อมูลข่าวผ่านทุกสื่อในเครือ เป็นต้น

35 สมาร์ทโฟนเครื่องเดียวรวมรูปแบบการใช้งานของสื่อต่าง ๆ ทั้งกล้องถ่ายภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว โปรแกรมเล่นเกม โปรแกรมการใช้งานอินเทอร์เน็ต สิ่งนี้ตรงกับคําว่า
(1) Operational Convergence
(2) Corporate Convergence
(3) Technological Convergence
(4) Social Convergence
(5) Cultural Convergence

ตอบ 3 หน้า 51 Technological or Device Convergence หมายถึง การแปลงเนื้อหาของสื่อ ทุกประเภททั้งตัวอักษร ภาพ เสียง ให้อยู่ในรูปภาษาดิจิทัล และนําเทคโนโลยีของสื่อแต่ละ ประเภทมารวมเอาไว้ในสื่อหรืออุปกรณ์เดียว เช่น สมาร์ทโฟนเครื่องเดียวหลอมรวมรูปแบบ การใช้งานของสื่อต่าง ๆ ทั้งกล้องถ่ายภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว โปรแกรมอัดวิดีโอ โปรแกรม เล่นเกม โปรแกรมการใช้งานอินเทอร์เน็ต เป็นต้น

36 กิตติเป็นผู้สื่อข่าวที่สามารถทําข่าวเพื่อเผยแพร่ทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง สื่อออนไลน์ ในองค์กรสื่อที่ เขาสังกัด ลักษณะการทํางานของกิตติตรงกับข้อใด
(1) Operational Convergence
(2) Corporate Convergence
(4) Functional Convergence
(3) Technological Convergence
(5) Cultural Convergence
ตอบ 4 หน้า 53 Functional Convergence หมายถึง การหลอมรวมหลากหลายหน้าที่เอาไว้ ในบุคคลเดียว เช่น ผู้สื่อข่าวคนเดียวจัดทําเนื้อหาข่าวสารเพื่อเผยแพร่ทั้งบนสื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง สื่อออนไลน์ เป็นต้น

37 ARPANET เป็นองค์กรผู้พัฒนาเครือข่ายอินเทอร์เน็ต อยู่ในสังกัดหน่วยงานใดของสหรัฐอเมริกา
(1) กระทรวงมหาดไทย
(2) กระทรวงการต่างประเทศ
(3) กระทรวงกลาโหม
(4) กระทรวงศึกษาธิการ
(5) กระทรวงวิทยาศาสตร์
ตอบ 3หน้า 55 สื่ออินเทอร์เน็ตเริ่มใช้งานครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2511 โดยองค์กรที่มีชื่อว่า ARPANET (Advanced Research Projects Agency Network) ซึ่งอยู่ในสังกัดกระทรวงกลาโหมของ สหรัฐอเมริกา ได้พัฒนาเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขึ้นมาเพื่อใช้ทางการทหาร และสามารถรับส่งข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์ได้อย่างไม่ผิดพลาด

38 อินเทอร์เน็ตเป็นระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อครอบคลุมระหว่างกันทั่วโลก ด้วยโปรโตคอล TCP/IP คําว่า “โปรโตคอล” หมายถึง
(1) ข้อกําหนดรูปแบบทางการสื่อสารผ่านสื่อดิจิทัล
(2) ข้อกําหนดด้านรูปแบบการสื่อสารเฉพาะเพื่อให้การสื่อสารในระบบเครือข่ายทํางานด้วยกันทั้งระบบ
(3) ข้อกําหนดรูปแบบทางการสื่อสารผ่านสื่อสารสนเทศ
(4) ข้อกําหนดรูปแบบทางการสื่อสารผ่านระบบเครือข่าย
(5) ข้อกําหนดรูปแบบทางการสื่อสารผ่านระบบการสื่อสารสากล
ตอบ 2 หน้า 40, 55, (คําบรรยาย) โปรโตคอล (Protocol) หมายถึง ข้อกําหนดด้านรูปแบบการ สื่อสารเฉพาะระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ ทั้งวิธีการส่งและรับข้อมูล วิธีการตรวจสอบ ข้อผิดพลาดของการส่งและรับข้อมูล การแสดงผลข้อมูลเมื่อส่งและรับกันระหว่างเครื่องทั้ง 2 เครื่อง ทั้งนี้เพื่อให้การสื่อสารในระบบเครือข่ายทํางานได้ด้วยกันทั้งระบบ และมีมาตรฐาน ในการรับส่งข้อมูลระหว่างกันที่เป็นสากลหนึ่งเดียวทั่วโลก ซึ่งนั่นก็คือ โปรโตคอล TCP/IP (Transmission Control Protocol/Internet Protocol)

39 รูปแบบการสื่อสารผ่านสื่ออินเทอร์เน็ตที่นํามาใช้เป็นครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2530 โดยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ กับสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย คือ
(1) การจัดทําเว็บไซต์
(2) การสื่อสารผ่านเว็บบล็อก
(3) การส่งและรับไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์
(5) เว็บบอร์ด
(4) การสนทนาออนไลน์

ตอบ 3 หน้า 57 อินเทอร์เน็ตเริ่มเข้ามามีบทบาทในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2530 โดยมหาวิทยาลัย สงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ (PSU) และสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชียหรือสถาบันเอไอที (AIT) ได้ใช้บริการส่งและรับจดหมายหรือไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Mail : E-mail) เป็นครั้งแรก โดยได้รับความร่วมมือจากประเทศออสเตรเลีย

40 รูปแบบการสื่อสารบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่สถาบันอุดมศึกษาทั้งสองแห่งเป็นผู้เริ่มนํามาใช้งานใน ประเทศไทย (ตามข้อ 39.) ได้รับความร่วมมือจากประเทศใด
(1) สหรัฐอเมริกา
(2) ญี่ปุ่น
(3) ออสเตรเลีย
(4) เยอรมนี
(5) แคนาดา
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 39 ประกอบ

41 เครือข่ายการสื่อสารใดที่เป็นประตูสู่เครือข่ายอินเทอร์เน็ต (Gateway) แห่งแรกของประเทศไทย
(1) เครือข่ายยูเน็ต
(2) เครือข่ายไทยสาร
(3) เครือข่ายไทยเน็ต
(4) เครือข่ายจุฬาเน็ต
(5) เครือข่ายอาร์พาเน็ต
ตอบ 3 หน้า 58 ในปี พ.ศ. 2535 เครือข่ายไทยเน็ตถือเป็นเครือข่ายที่มีเกตเวย์ (Gateway) หรือ ประตูสู่เครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นแห่งแรกของประเทศไทย โดยมีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นศูนย์กลาง ต่อมาในปีเดียวกัน NECTEC ได้จัดตั้งเครือข่ายไทยสารเป็นเกตเวย์สู่เครือข่าย อินเทอร์เน็ตแห่งที่ 2 ของประเทศไทย

42 IP Address มีความสําคัญต่อการสื่อสารผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตอย่างไร
(1) เป็นข้อมูลบ่งชี้ประเภทคอมพิวเตอร์ที่ใช้งาน
(2) เป็นข้อมูลบ่งชี้ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของผู้ใช้งาน
(3) เป็นข้อมูลอ้างอิงเพื่อใช้ติดต่อกับผู้ใช้งานอื่น ๆ ในเครือข่าย
(4) เป็นข้อมูลบ่งชี้ประเภทองค์กรผู้ใช้งาน
(5) เป็นข้อมูลบ่งชี้ระบบเครือข่ายของผู้ใช้งาน
ตอบ 3 หน้า 59 เครื่องคอมพิวเตอร์ทุก ๆ เครื่องที่เชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตนั้น จะต้อง มีหมายเลขประจําเครื่อง เรียกว่า “IP Address” (Internet Protocol Address) เป็นข้อมูล อ้างอิงเพื่อที่จะใช้ติดต่อกับผู้ใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์อื่น ๆ ในเครือข่าย ซึ่งในช่วงแรกเริ่มนั้น
IP Address จะถูกจัดเป็นตัวเลขชุดหนึ่ง มีขนาด 32 บิต (Bit)

43 ในช่วงแรกเริ่ม IP Address ถูกจัดเป็นตัวเลขชุดหนึ่ง มีขนาดกี่บิต
(1) 40 บิต
(2) 44 บิต
(3) 48 บิต
(4) 32 บิต
(5) 36 บิต
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 42. ประกอบ

44 ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ในเขตนครหลวง คือข้อใด
(1) MAN
(2) LAN
(3) CAN
(4) WAN
(5) PAN
ตอบ 1 หน้า 61, (คําบรรยาย) ระบบเครือข่ายงานบริเวณนครหลวงหรือมหานคร (Metropolitan Area Network : MAN) เป็นการเชื่อมต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่มีระยะทางการเชื่อมต่อไกล กว่าระบบเครือข่ายท้องถิ่น (LAN) แต่ระยะทางยังคงใกล้กว่าระบบเครือข่ายวงกว้าง (WAN) เช่น เครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกันภายในเมืองหรือเขตพื้นที่มหานคร หรือภายในจังหวัด เดียวกัน หรือในเขตเดียวกัน เป็นต้น

45 ระบบส่งข้อความทันที เป็นรูปแบบการให้บริการบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ตรงกับคําใด
(1) Web board
(2) Web Chat
(3) Telnet
(4) Instant Messaging
(5) Bulletin Board
ตอบ 4 หน้า 63 การสนทนาออนไลน์โดยตรงระหว่างผู้ใช้อินเทอร์เน็ต เป็นรูปแบบของการสนทนา ออนไลน์ในลักษณะที่ไม่ต้องผ่านเครื่องเซิร์ฟเวอร์กลาง ซึ่งเรียกว่า “การรับส่งสารแบบทันที ทันใด” (Instant Messaging) เช่น โปรแกรม ICQ, MSN Messenger, Yahoo Messenger, Windows Messenger เป็นต้น

46 บริการขอเข้าใช้เครื่องคอมพิวเตอร์จากระยะไกล โดยผู้ใช้บริการต้องติดต่อผ่านเครือข่ายที่ได้รับอนุญาต
คือข้อใด
(1) Web board
(2) Web Chat
(3) Telnet
(4) Instant Messaging
(5) Bulletin Board
ตอบ 3 หน้า 64 บริการเข้าระบบระยะไกล (Telnet) เป็นการให้บริการบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เพื่อขอเข้าใช้เครื่องคอมพิวเตอร์จากระยะไกล โดยผู้ใช้บริการต้องติดต่อผ่านเครือข่ายที่ได้รับอนุญาต และไม่จําเป็นที่ผู้ใช้บริการต้องนั่งอยู่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องนั้น

47 ผู้ใช้บริการคัดลอกข้อมูลข้ามเครือข่าย (File Transfer Protocol) ประเภท Anonymous คือ
(1) ผู้ใช้บริการแบบระบุตัวตน
(2) ผู้ใช้บริการแบบไม่ระบุตัวตน
(3) ผู้ใช้บริการแบบไม่มีตัวตน
(5) ผู้ใช้บริการแบบอ้างตัวตน
(4) ผู้ใช้บริการแบบปรากฏตัวตน
ตอบ 2 หน้า 65 ผู้ใช้บริการคัดลอกข้อมูลข้ามเครือข่าย (File Transfer Protocol : FTP) สามารถ
แบ่งออกได้ 2 ลักษณะ ได้แก่
1 ผู้ใช้บริการแบบไม่ระบุตัวตน (Anonymous)
2 ผู้ใช้บริการแบบระบุตัวตน ซึ่งต้องมี User Name และ Password ในการเข้าใช้บริการ

48 ข้อใดต่อไปนี้ไม่นับเป็นรูปแบบการให้บริการ E-commerce บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
(1) ซื้อขายสินค้าออนไลน์
(2) โอนเงินออนไลน์
(3) คาสิโนออนไลน์
(4) โฆษณาออนไลน์
(5) จองตั๋วเครื่องบินออนไลน์
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 26. ประกอบ

49 ข้อใดไม่ใช่เหตุผลในการให้บริการข้อมูลข่าวสารบน Online Newspaper
(1) เพื่อเพิ่มช่องทางในการสื่อสารกับผู้รับสาร
(2) เพื่อเพิ่มช่องทางในการแสวงหารายได้จากค่าโฆษณา
(3) เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ความทันสมัยทางเทคโนโลยีแก่องค์กร
(4) เพื่อรักษากลุ่มเป้าหมายของหนังสือพิมพ์แบบกระดาษให้เหนียวแน่นยิ่งขึ้น
(5) เพื่อเพิ่มกลุ่มเป้าหมายให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
ตอบ 4 หน้า 69 – 70 เหตุผลในการให้บริการข้อมูลข่าวสารในรูปของหนังสือพิมพ์ออนไลน์ (Online Newspaper) มีดังนี้
1 เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ความทันสมัยทางเทคโนโลยีแก่องค์กร
2 เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการเสนอข่าว
3 เพื่อเพิ่มกลุ่มเป้าหมายให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
4 เพื่อเพิ่มช่องทางติดต่อสื่อสารกับผู้รับสาร 5. เพื่อเพิ่มช่องทางด้านการตลาด เช่น การขายพื้นที่โฆษณาบนเว็บไซต์, การหารายได้เสริมจากค่าสมาชิก ค่าธรรมเนียม ฯลฯ

50 ผู้ให้บริการในข้อใดต่อไปนี้ไม่ใช่ผู้ให้บริการข้อมูลข่าวสารที่มีฐานมาจากการเป็นผู้ประกอบการสิ่งพิมพ์
แบบดั้งเดิมมาก่อน
(1) www.thairath.co.th
(2) www.dailynews.co.th
(3) www.matichon.co.th
(4) www.prachathai.com
(5) www.bangsaenpost.com
ตอบ 4หน้า 71 – 72 ผู้ให้บริการหนังสือพิมพ์ออนไลน์ที่มีฐานมาจากผู้ประกอบการหนังสือพิมพ์ แบบกระดาษ (แบบดั้งเดิม) มีดังนี้
1 เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ส่วนกลาง เช่น www.thairath.co.th, www.dailynews.co.th, www.matichon.co.th ฯลฯ
2 เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาค เช่น www.bangsaenpost.com, www.koratdaily.com ฯลฯ
3 เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ไทยในต่างประเทศ เช่น www.sereechai.com ฯลฯ (ส่วน www.prachathai.com, www.andamannews.com เป็นเว็บไซต์ของผู้ให้บริการหนังสือพิมพ์ออนไลน์ที่ให้บริการเฉพาะบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต)

51 ข้อใดเป็นเว็บไซต์ของผู้ให้บริการหนังสือพิมพ์ไทยในต่างประเทศ
(1) www.thairath.co.th
(2) www.sereechai.com
(3) www.matichon.co.th
(4) www.andamannews.com
(5) www.bangsaenpost.com
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 50. ประกอบ

52 ข้อใดไม่ใช่ลักษณะการส่งสัญญาณเสียงและภาพเคลื่อนไหวผ่าน Streaming Server
(1) ต้องคัดลอกแฟ้มข้อมูลผ่านเครือข่ายมายังผู้ใช้งานให้ครบก่อนจึงเริ่มแสดงผล
(2) ข้อมูลถูกส่งมายังเครื่องลูกข่ายอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ต้องรอให้ดาวน์โหลดไฟล์จากเซิร์ฟเวอร์จนครบ
(3) เป็นการส่งสัญญาณในลักษณะ Real Time จากเครื่องเซิร์ฟเวอร์มายังเครื่องลูกข่าย
(4) เป็นเครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่ให้บริการข้อมูลในลักษณะประสานสื่อ
(5) เป็นการส่งสัญญาณที่ถูกเรียกขานว่า การส่งสัญญาณแบบสายธาร
ตอบ 1 หน้า 76 – 77 Streaming Server คือ เครื่องให้บริการกระจายสัญญาณแบบสายธาร ซึ่งเป็น เครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่บริการข้อมูลในลักษณะสื่อประสมหรือประสานสื่อ (Multimedia) โดยข้อมูล จะถูกส่งมายังเครื่องลูกข่ายอย่างต่อเนื่อง และไม่ต้องรอให้ดาวน์โหลด (Download) ไฟล์จาก เซิร์ฟเวอร์จนครบแล้วจึงเริ่มแสดงผล ดังนั้นจึงเป็นการส่งสัญญาณเสียงและภาพเคลื่อนไหวใน ลักษณะทันต่อเวลา (Real Time) จากเครื่องเซิร์ฟเวอร์มายังเครื่องลูกข่ายที่ได้รับความนิยมอยู่ ในปัจจุบัน นอกจากนี้ Streaming Server ยังเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งาน (User) สามารถทําหน้าที่ เป็นผู้ผลิตรายการวิทยุหรือโทรทัศน์ออนไลน์ได้อีกด้วย

53 ข้อใดคือความหมายของสื่อออนไลน์
(1) ช่องทางในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารรูปแบบต่าง ๆ ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
(2) ช่องทางในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารรูปแบบต่าง ๆ ผ่านสื่อแบบประสม
(3) ช่องทางในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารรูปแบบต่าง ๆ ผ่านสื่อดิจิทัล
(4) ช่องทางในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารและเปิดรับข้อมูลข่าวสารแบบสองทาง
(5) ช่องทางในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารรูปแบบต่าง ๆ ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

ตอบ 1 หน้า 81 สื่อออนไลน์ หมายถึง ช่องทางของการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารในรูปแบบต่าง ๆ ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยผู้ส่งสารใช้อินเทอร์เน็ตเป็นช่องทางในการเผยแพร่ข้อมูลและ ข่าวสาร ส่วนผู้รับสารก็จะใช้อินเทอร์เน็ตเป็นช่องทางในการเข้าถึงข้อมูลและข่าวสารเช่นกัน

54 ข้อใดคือสํานักข่าวที่จัดทําขึ้นเพื่อให้บริการแรกเริ่มบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
(1) เว็บไซต์สํานักข่าวไอเอ็นเอ็น
(2) เว็บไซต์สํานักข่าวไทย
(3) เว็บไซต์สํานักข่าวซีเอ็นเอ็น
(4) เว็บไซต์สํานักข่าวพีเพิลยูนิตี้
(5) เว็บไซต์สํานักข่าวอิศรา
ตอบ 4 หน้า 83 สํานักข่าวออนไลน์ที่จัดทําขึ้นเพื่อให้บริการเฉพาะบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ได้แก่
1 เว็บไซต์สํานักข่าวพีเพิลยูนิตี้ (People Unity News Agency)
2 เว็บไซต์สํานักข่าวทีนิวส์
3 เว็บไซต์เฟซบุ๊ก นิวส์ไวร์ (FB Newswire)
4 เว็บไซต์สํานักข่าวอาร์วายทีไนน์ ฯลฯ (ส่วนตัวเลือกข้ออื่นเป็นสํานักข่าวออนไลน์ที่มีฐานจากสํานักข่าวแบบดั้งเดิม)

55 รูปแบบของเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนบทสนทนา อภิปรายในสังคมออนไลน์ ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานเลือกเข้าสังกัดกลุ่มคนที่มีพื้นฐานความสนใจร่วมกัน คือ
(1) News Group
(2) Web board
(3) Online News Clipping
(4) Social Network
(5) Online News Agency
ตอบ 2 หน้า 63, 83 – 85 กระดานข่าว (Web board) เป็นรูปแบบของเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ เป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนบทสนทนา พูดคุย อภิปรายในสังคมออนไลน์ ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งาน (User) เลือกเข้าสังกัดกลุ่มคนที่มีพื้นฐานความสนใจร่วมกันเกี่ยวกับเรื่องราวหรือประเด็น ทางสังคม อันนําไปสู่การรวมกลุ่มกันในลักษณะชุมชนออนไลน์ (Online Communities) เช่น www.pantip.com, www.MThai.com (MThai Talk) ฯลฯ

56 รูปแบบของเว็บไซต์ที่จัดทําในรูปกลุ่มสนทนา แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารในหัวข้อต่าง ๆ โดยแบ่งหมวดหมู่ และกําหนดชื่อของกลุ่มตามประเภทของกลุ่มข่าว คือข้อใด
(1) Web board
(2) Online News Clipping
(3) News Group
(4) Social Network
(5) Online News Agency
ตอบ 3 หน้า 85 – 86 กลุ่มข่าวสาร (News Group) เป็นรูปแบบของเว็บไซต์ที่จัดทําขึ้นในรูปของ กลุ่มสนทนา เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารในหัวข้อต่าง ๆ และเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานทุกคน มีส่วนร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกันได้อย่างอิสระ โดยมีการแบ่งหมวดหมู่ และกําหนดชื่อของกลุ่มตามประเภทของกลุ่มข่าว ทั้งนี้กลุ่มข่าวต่าง ๆ จะถูกแบ่งหมวดหมู่ และเก็บไว้ในบอร์ดข่าวสารขนาดใหญ่ เรียกว่า “User’s Network” (Usenet) และข่าวใน กลุ่มข่าวทั้งหมดจะถูกเก็บไว้บน Usenet Server

57 Online News Clipping เป็นรูปแบบการให้บริการข้อมูลข่าวสารผ่านอินเทอร์เน็ต ตรงกับคําใด
(1) สํานักข่าวออนไลน์
(2) กฤตภาคข่าวออนไลน์
(3) กระดานข่าว
(4) เครือข่ายสังคมออนไลน์
(5) ข่าวแจกออนไลน์
ตอบ 2 หน้า 86 – 87 กฤตภาคข่าวออนไลน์ (Online News Clipping) คือ บริการข่าวตัดออนไลน์ บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยตัดข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์ฉบับต่าง ๆ พร้อมกับระบุแหล่งที่มา ของหนังสือพิมพ์ ซึ่งตัวอย่างของเว็บไซต์กฤตภาคข่าวออนไลน์ในไทยปัจจุบัน เช่น ห้องสมุดข่าว มติชน (Matichon E-Library), iQNewsClip, นิวส์เซ็นเตอร์ (Newscenter) เป็นต้น

ข้อ 58 – 61. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม
(1) Creative Network
(2) Peer to Peer
(3) Identity Network
(4) Virtual Reality

58 www.youtube.com
ตอบ 1 หน้า 88 – 90 ประเภทของเครือข่ายสังคมออนไลน์ มีดังนี้

1 สร้างและประกาศตัวตน (Identity Network) เช่น Web Blog, www.twitter.com ซึ่งจะนําเสนอเนื้อหาในลักษณะ Micro Blog โดยมุ่งให้ผู้ใช้โพสต์ข้อความสั้น ๆ ไม่เกิน
140 ตัวอักษร ฯลฯ
2 สร้างและประกาศผลงาน (Creative Network) เช่น www.youtube.com, Flickr, Multiply, Photobucket, Slideshare ฯลฯ
3 ความชอบในสิ่งเดียวกัน (Passion Network) เช่น Digg, Zickr, Catch, Reddit ฯลฯ
4 เวทีทํางานร่วมกัน (Collaboration Network) เช่น Google Earth, Google Maps ฯลฯ
5 ประสบการณ์เสมือนจริง (Virtual Reality) ซึ่งมีลักษณะเป็นเกมออนไลน์ เช่น Audition, Second Life, Ragnarok, Pangya, World of Warcraft “a”
6 เครือข่ายเพื่อการประกอบอาชีพ (Professional Network) เช่น Linkedin ฯลฯ
7 เครือข่ายที่เชื่อมต่อกันระหว่างผู้ใช้ (Peer to Peer : P2P) เช่น Skype, BitTorrent ฯลฯ
8 เว็บท่า (Portal Website) ที่รวบรวมลิงค์ของสื่อออนไลน์ประเภทต่าง ๆ เช่น www.sanook.com, www.kapook.com ฯลฯ

59 Skype
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 58 ประกอบ

60 Pangya
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 58. ประกอบ

61 www.twitter.com
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 58. ประกอบ

ข้อ 62 – 65. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม
(1) Web 2.0
(2) Web board
(3) User-Generated Content
(4) Web 1.0

62 เนื้อหาที่ผู้ใช้งานสื่อเป็นผู้ผลิตเอง
ตอบ 3 หน้า 88, 90 พื้นที่ของเครือข่ายสังคมออนไลน์ส่วนใหญ่จะมุ่งนําเสนอเนื้อหาในลักษณะที่ เรียกว่า “User-Generated Content” (UGC) กล่าวคือ ผู้ใช้งานสื่อเป็นผู้ผลิตเนื้อหาเอง เช่น Myspace เป็นเว็บไซต์ที่บริษัท นิวส์คอร์ปอเรชั่น ซื้อกิจการมาดําเนินการในราคา 580 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากนี้ยังมี Flickr ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ Yahoo ซื้อกิจการมาดําเนินการ ในราคา 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นต้น

63 MThai.com
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 55 ประกอบ

64 เว็บไซต์ที่แสดงเนื้อหามุ่งให้ผู้ใช้งานอ่านแต่เพียงอย่างเดียว
ตอบ 4 หน้า 88 การกําเนิดขึ้นและการเติบโตของเครือข่ายสังคมออนไลน์ เป็นผลมาจากการพัฒนา ทางเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตจาก Web 1.0 คือ เว็บไซต์ที่แสดงเนื้อหามุ่งให้ผู้ใช้งานอ่านแต่เพียง อย่างเดียว มาสู่ Web 2.0 ซึ่งก็คือ เว็บไซต์เชิงสังคมที่มุ่งให้ผู้ใช้งานสร้างเนื้อหาเองได้ แบ่งปัน เนื้อหาให้กัน และมีส่วนร่วมระหว่างกัน

65 เว็บไซต์เชิงสังคมที่มุ่งให้ผู้ใช้งานสร้างเนื้อหาเองได้ แบ่งปันเนื้อหา และมีส่วนร่วมระหว่างกัน ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 64. ประกอบ

ข้อ 66. – 75. ข้อใดที่กล่าวไว้ถูกต้องให้ระบายตัวเลือก 1 ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องให้ระบายตัวเลือก 2

66 www.facebook.com เป็นเว็บไซต์ประเภทเครือข่ายทางสังคมที่นําเสนอเนื้อหาในลักษณะ Micro Blog ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 58. ประกอบ

67 พื้นที่ของเครือข่ายสังคมออนไลน์ส่วนใหญ่มุ่งนําเสนอเนื้อหาในลักษณะ User-Generated Content ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 62. ประกอบ

68 iQNewsClip จัดเป็นการให้บริการข้อมูลข่าวสารในลักษณะ Online News Clipping
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 57. ประกอบ

69 การนําเสนอข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อออนไลน์สามารถนําเสนอเนื้อหาข้อมูลข่าวสารได้ในลักษณะ Shifted Time หมายถึง นําเสนอเนื้อหาข้อมูลข่าวสารได้ในลักษณะทันต่อเวลาที่เกิดขึ้นจริง
ตอบ 2 หน้า 91 คุณลักษณะของข้อมูลข่าวสารที่นําเสนอผ่านสื่อออนไลน์ประการหนึ่ง ได้แก่ ไร้กาล (Shifted Time) กล่าวคือ อยู่เหนือข้อจํากัดด้านเวลาในการนําเสนอเนื้อหาสาร โดยผู้จัดทํา นําเสนอเนื้อหาสารทั้งในลักษณะทันกาล และจัดเก็บเนื้อหาสารเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถสืบค้น
ย้อนหลังได้ด้วย

70 การสื่อสารบน YouTube จัดเป็นรูปแบบการสื่อสารที่เปิดให้ผู้ใช้งานรวมกลุ่มกันในลักษณะชุมชนออนไลน์ (Online Communities)
ตอบ 1 หน้า 85 การรวมกลุ่มกันในลักษณะของ “ชุมชนออนไลน์” (Online Communities) เช่น Web board, Facebook, Instagram, YouTube ฯลฯ จัดเป็นรูปแบบของสัมพันธภาพของ ผู้ใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยที่สมาชิกของชุมชนออนไลน์มีคุณลักษณะสําคัญ ดังนี้
1 มีความสัมพันธ์ทางสังคม (Social Relationship) เช่น มีความสนใจเกี่ยวกับข่าว เรื่องราว หรือประเด็นทางสังคมในลักษณะที่คล้ายคลึงกัน
2 มีการติดต่อสื่อสารระหว่างกันผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยที่ในโลกความเป็นจริง ผู้ใช้งาน (User) อาจไม่ได้อาศัยอยู่ใกล้กันทางกายภาพ แต่อาจเป็นคนหลายเชื้อชาติ และมีภูมิลําเนาในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก

71 สื่อออนไลน์เป็นสื่อใหม่ และเป็นสื่อที่มีความคงทนต่ํา ส่วนสื่อนิตยสารเป็นสื่อแบบดั้งเดิม และเป็นสื่อที่ มีความคงทนสูง
ตอบ 2 (คําบรรยาย), (ดูคําอธิบายข้อ 2. และ 7. ประกอบ) สื่อออนไลน์เป็นสื่อใหม่ที่ไม่มีข้อจํากัด ด้านเวลาในการเข้าถึง ทําให้ผู้ใช้งานเปิดรับข้อมูลข่าวสารได้ซ้ําครั้งตามที่ตนต้องการในเวลา อันรวดเร็ว ดังนั้นสื่อออนไลน์จึงมีความคงทนสูงพอ ๆ กับสื่อนิตยสาร ซึ่งเป็นสื่อแบบดั้งเดิม

72 Online News Clipping คือ การให้บริการข่าวตัดผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 57. ประกอบ

73 การให้บริการในรูปกลุ่มข่าวสาร (News Group) กลุ่มข่าวต่าง ๆ จะถูกแบ่งหมวดหมู่และเก็บไว้ในบอร์ด ข่าวสารขนาดใหญ่ เรียกว่า User’s Network (Usenet)
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 56. ประกอบ

74 Electronic Magazine คือ การให้บริการเนื้อหาวารสารบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ตอบ 2 หน้า 72 นิตยสารออนไลน์ (Online Magazine) หรือนิตยสารอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Magazine) คือ การให้บริการเนื้อหานิตยสารบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีทั้งรูปแบบที่เป็น การเปิดหน้ากระดาษคล้ายหนังสือจริง (Flip Page) โดยผู้อ่านต้องดาวน์โหลดไฟล์ของนิตยสาร ออนไลน์มาไว้ที่เครื่องคอมพิวเตอร์แล้วเปิดอ่าน และยังจัดทําในรูปแบบเว็บไซต์ที่เป็นทางการ ขององค์กร (Official Website)

75 ปัจจุบันสื่อหนังสือพิมพ์ออนไลน์เข้ามาแทนที่สื่อหนังสือพิมพ์แบบกระดาษแล้วอย่างสิ้นเชิง
ตอบ 2 หน้า 72, (คําบรรยาย) ในปัจจุบันผู้ประกอบการหนังสือพิมพ์แบบกระดาษส่วนใหญ่จัดทํา เว็บไซต์ในรูปหนังสือพิมพ์ออนไลน์ เพื่อเป็นช่องทางในการให้บริการข้อมูลข่าวสารออนไลน์ เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งช่องทาง ซึ่งถึงแม้สื่อหนังสือพิมพ์ออนไลน์จะได้รับความนิยมมากขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถทําให้สื่อหนังสือพิมพ์แบบกระดาษหายไปได้อย่างสิ้นเชิง

76 ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-mail มาจากคําว่าอะไร
(1) Elective Mail
(2) Electronic Mail
(3) Evaluated Mail
(4) External Mail
(5) Excessive Mail
ตอบ 2 หน้า 41, 62, (ดูคําอธิบายข้อ 39. ประกอบ) E-mail, Email มาจากคําว่า “Electronic Mail” ซึ่งศัพท์บัญญัติภาษาไทย ได้แก่ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์, ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์

77 ข้อใดกล่าวไว้ถูกต้อง
(1) สื่อออนไลน์เป็นสื่อใหม่ และเป็นสื่อที่มีความคงทนต่ํา
(2) สื่อวิทยุกระจายเสียงเป็นสื่อแบบดั้งเดิม และเป็นสื่อที่มีความคงทนสูง
(3) สื่อสิ่งพิมพ์เป็นสื่อแบบดั้งเดิม และเป็นสื่อที่มีความคงทนต่ํา
(4) สื่อสิ่งพิมพ์เป็นสื่อแบบดั้งเดิม และเป็นสื่อที่มีความคงทนสูง
(5) สื่อวิทยุโทรทัศน์เป็นสื่อใหม่ และเป็นสื่อที่มีความคงทนสูง
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 7. และ 71. ประกอบ

78 รูปแบบของสัมพันธภาพของผู้ใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์ นําสู่คําเรียกขานว่าอะไร
(1) องค์กรออนไลน์
(2) ชุมชนออนไลน์
(3) บรรษัทออนไลน์
(4) หุ้นส่วนออนไลน์
(5) สายสัมพันธ์ออนไลน์
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 70. ประกอบ

79 ข้อใดไม่ใช่คุณลักษณะของ “ข้อมูลข่าวสารออนไลน์”
(1) ทันกาล
(2) ไร้กาล
(3) ประสานสื่อ
(4) นําเสนอเนื้อหาสารแบบทางเดียว
(5) มีช่องทางปฏิสัมพันธ์

ตอบ 4 หน้า 91 คุณลักษณะของข้อมูลข่าวสารที่นําเสนอผ่านสื่อออนไลน์ มีดังนี้
1 ทันกาล (Real Time)
2 ไร้กาล (Shifted Time)
3 ประสานสื่อ (Multimedia)
4 มีช่องทางปฏิสัมพันธ์ (Interactive)

80 สื่อเป็นสิ่งกําหนดหรือปั้นแต่งวัฒนธรรมทางการสื่อสารของมนุษย์ คือสาระสําคัญของแนวคิดใด
(1) Message is the Medium
(2) Medium is the Message
(3) Medium as the Message
(5) Medium of the Message
(4) Message as the Medium
ตอบ 2 หน้า 109 Marshall McLuhan นักวิชาการสื่อสารมวลชนชาวอเมริกัน เป็นผู้ที่คิดแนวคิด “สื่อ คือ สาร” (Medium is the Message) และมีความเชื่อว่า สื่อเป็นสิ่งกําหนดหรือปั้นแต่ง วัฒนธรรมทางการสื่อสารของมนุษย์ หรือรูปแบบทางเทคโนโลยีปั้นแต่งและกําหนดวิถีทางการ สื่อสารของคนในสังคม ตลอดจนเปลี่ยนธรรมชาติในการสื่อสารของมนุษย์ทั้งสิ่งที่สื่อ วิธีที่สื่อและการรับรู้เกี่ยวกับรูปแบบการสื่อสารของคนในสังคม

81 อินเทอร์เน็ตเป็นสื่อที่สามารถตอบสนองการทํางานของทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง และวิทยุโทรทัศน์ ด้วยศักยภาพในการนําเสนอเนื้อหาสารในลักษณะใด
(1) Mega Media
(2) Multimedia
(3) Transmedia
(4) Social Media
(5) Virtual Media
ตอบ 2 หน้า 81 – 82 ด้วยศักยภาพในการนําเสนอเนื้อหาสารในลักษณะประสานสื่อ (Multimedia) ซึ่งมีทั้งตัวอักษร ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และเสียง ส่งผลให้อินเทอร์เน็ตสามารถตอบสนอง การทํางานของสื่อแบบดั้งเดิมทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และภาพยนตร์

82 ข้อใดไม่ใช่ผลจากการที่อินเทอร์เน็ตเปิดโอกาสให้ทุกคนทําหน้าที่ผู้ส่งสารบนพื้นที่ของตนเองสู่สาธารณะ
(1) เปิดโอกาสให้ผู้รับสารมีทางเลือกเปิดรับข้อมูลข่าวสารในประเด็นที่สื่อแบบดั้งเดิมไม่ได้นําเสนอ
(2) เป็นแหล่งสารของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อแบบดั้งเดิม
(3) ผู้ใช้งานเข้มงวดในการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลข่าวสารก่อนเผยแพร่
(4) ผู้ใช้งานสามารถส่งผ่านข้อมูลจากระดับบุคคลไปสู่กลุ่มคนต่างเครือข่าย
(5) ทุกคนทําหน้าที่นําเสนอข้อมูลข่าวสารไปสู่สาธารณะอย่างเสรี
ตอบ 3 หน้า 95, 99 – 100 ผลกระทบด้านลบจากการที่อินเทอร์เน็ตเปิดโอกาสให้ทุกคนทําหน้าที่ ผู้ส่งสารบนพื้นที่ของตนเองสู่สาธารณะ คือ ผู้ใช้งานนําเสนอข้อมูลข่าวสารได้โดยไม่ต้องผ่าน กระบวนการตรวจสอบ คัดเลือก คัดกรอง จากบรรณาธิการ จึงทําให้ข้อมูลข่าวสารผิดพลาดได้ง่าย จนอาจจะส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของข้อมูลข่าวสารที่เผยแพร่สู่สาธารณชน (ส่วนตัวเลือกข้ออื่นเป็นผลกระทบด้านบวก)

83 ด้วยข้อจํากัดของสื่อแบบดั้งเดิมข้อใดที่ส่งผลให้ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชนมีอํานาจผูกขาดในการ
ทําหน้าที่ผู้ส่งสาร
(1) ความรวดเร็วในการนําเสนอข้อมูลข่าวสาร
(2) ช่องทางการสื่อสารตอบกลับ
(3) ความหลากหลายในการนําเสนอเนื้อหาสารของสื่อแต่ละประเภท
(4) ขอบเขตทางภูมิศาสตร์ในการกระจายเนื้อหาสาร
(5) การเชื่อมต่อการสื่อสารในลักษณะเครือข่าย

ตอบ 4 หน้า 93, 98, (คําบรรยาย) ในอดีตผู้ประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชนแบบดั้งเดิมมีอํานาจผูกขาด ในการทําหน้าที่ผู้ส่งสาร เพราะขอบเขตทางภูมิศาสตร์ในการกระจายเนื้อหาสารแบบทางเดียว (One-way Communication) ในลักษณะจากบนลงล่าง (Top-Down Communication) กล่าวคือ ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชนในฐานะผู้ส่งสารจะมีอํานาจเบ็ดเสร็จในการจัดทําและนําเสนอข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อมวลชนในสังคม โดยที่ผู้รับสารจะได้รับข่าวสารก็ต่อเมื่อผู้ส่งสาร ส่งข่าวสารผ่านสื่อมาสู่ผู้รับสารปลายทางเท่านั้น

84 การพยายามเข้าไปอ่านอีเมลในเมลบอกซ์ของผู้อื่น สิ่งนี้ขัดกับจริยธรรมการสื่อสารข้อใด
(1) Information Privacy
(2) Information Accuracy
(3) Information Property
(4) Data Accessibility
(5) จริยธรรมของผู้จัดทําสื่อ
ตอบ 2 หน้า 115 – 116 ประเด็นปัญหาที่ขัดกับจริยธรรมความเป็นส่วนตัว (Information Privacy) เช่น การลักลอบเข้าไปเปิดอ่านไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) ของผู้อื่น, การใช้ข้อมูลของ ลูกค้าจากแหล่งต่าง ๆ เพื่อผลประโยชน์ในการขยายตลาด, การรวบรวมหมายเลขบัตรเครดิต หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่ของอีเมล และข้อมูลส่วนตัว เพื่อนําไปใช้สร้างฐานข้อมูลประวัติลูกค้า ขึ้นใหม่ แล้วนําไปขายให้แก่บริษัทอื่น ฯลฯ

85 การนําข้อมูลลงสู่ระบบฐานข้อมูลโดยไม่ตรวจตราความถูกต้องอย่างเข้มงวด ส่งผลให้สารสนเทศบน
เครือข่ายอินเทอร์เน็ตไม่ถูกต้อง สิ่งนี้ขัดกับจริยธรรมการสื่อสารข้อใด
(1) Information Privacy
(2) Information Accuracy
(3) Information Property
(5) จริยธรรมของผู้จัดทําสื่อ
(4) Data Accessibility
ตอบ 2 หน้า 116 ประเด็นปัญหาที่ขัดกับจริยธรรมความถูกต้อง (Information Accuracy) คือ ความผิดพลาดของข้อมูลที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง อันเป็นผลมาจากการไม่มีผู้ทําหน้าที่ตรวจสอบหรือคัดกรองความถูกต้องของข้อมูลก่อนจัดเก็บเข้าสู่ระบบฐานข้อมูล ส่งผลให้สารสนเทศ ที่จัดเก็บและเผยแพร่บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตไม่ถูกต้อง

86 กรณี User จัดทําและให้บริการเนื้อหาหมิ่นประมาทบุคคลอื่นบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต สิ่งนี้ขัดกับ
จริยธรรมข้อใด
(1) Information Privacy
(2) Information Accuracy
(3) Information Property
(4) จริยธรรมของผู้ใช้สื่อ
(5) จริยธรรมของผู้จัดทําสื่อ
ตอบ 4 หน้า 119 – 120 ประเด็นปัญหาที่ขัดกับจริยธรรมของผู้ใช้สื่อ เช่น ผู้ใช้งาน (User) หรือ ผู้เปิดรับข้อมูลข่าวสารจากสื่อ ได้นําเสนอเนื้อหาหรือข้อความในลักษณะหมิ่นประมาทบน พื้นที่การใช้งานบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต, การใช้โปรแกรม Camfrog ซึ่งผู้ใช้งานสามารถ เห็นหน้าค่าตากันในระหว่างพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อมุ่งสร้างความรู้สึกเสมือนอยู่ใกล้ชิดกัน แต่ผู้ใช้งานบางคนกลับใช้เป็นช่องทางในการจัดทําและให้บริการเนื้อหาหรือ ภาพลามกอนาจารบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ฯลฯ

87 การทําซ้ําหรือเผยแพร่โปรแกรมคอมพิวเตอร์ประเภท Copyright ขัดกับจริยธรรมข้อใด
(1) Information Privacy
(2) Information Accuracy
(3) Information Property
(4) Data Accessibility
(5) จริยธรรมของผู้จัดทําสื่อ

ตอบ 3 หน้า 117 – 118 ประเด็นปัญหาที่ขัดกับจริยธรรมเรื่องความเป็นเจ้าของ (Information Property) คือ การละเมิดลิขสิทธิ์โปรแกรมคอมพิวเตอร์ (ซอฟต์แวร์) ดังนี้
1 Copyright or Software License คือ ซอฟต์แวร์ที่ซื้อลิขสิทธิ์มาแล้วมีสิทธิใช้งานเท่านั้น ห้ามทําซ้ำหรือเผยแพร่โปรแกรมคอมพิวเตอร์ลิขสิทธิ์ทุกกรณี
2 Shareware คือ ซอฟต์แวร์ที่ให้ทดลองใช้ได้ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ ซึ่งมีสิทธิใช้ในระยะเวลา ที่กําหนดเท่านั้น เป็นต้น
3 Freeware คือ ซอฟต์แวร์ที่ใช้งานได้ฟรี คัดลอก และเผยแพร่ให้ผู้อื่นได้

88 เหตุผลข้อใดที่ทําให้ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชนยุคปัจจุบันจําเป็นต้องมีทักษะทางเทคโนโลยี
(1) เพื่อจะได้รู้เท่าทันเทคโนโลยีการสื่อสารที่เปลี่ยนแปลงไปจากอดีต
(2) เพื่อจะได้เข้าใจสถานการณ์การแข่งขันระหว่างสื่อใหม่และสื่อแบบดั้งเดิม
(3) เพื่อจะได้สามารถใช้งานสื่อใหม่ในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งช่องทาง
(4) เพื่อจะได้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีการสื่อสาร
(5) เพื่อประโยชน์ต่อการกําหนดมาตรฐานจริยธรรมการสื่อสารให้ทันสมัยยิ่งขึ้น
ตอบ 3 หน้า 94 – 95 ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชนในยุคปัจจุบัน จําเป็นต้องมีทักษะทางด้าน เทคโนโลยีควบคู่กับทักษะด้านวิชาชีพสื่อสารมวลชน เพื่อจะได้สามารถใช้งานสื่อใหม่ในการ เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งช่องทาง เช่น ต้องมีความรู้เรื่องการอัปโหลด (Upload) ข้อมูลข่าวสารให้ปรากฏบนเว็บไซต์ขององค์กร, มีความรู้เรื่องโปรแกรมการใช้งานเพื่อเผยแพร่ ข้อมูลข่าวสารผ่านอุปกรณ์ดิจิทัลอื่น ๆ ฯลฯ

89 จากการที่สื่ออินเทอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทในฐานะช่องทางหนึ่งขององค์กรสื่อแบบดั้งเดิม ส่งผลให้
ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อแบบดั้งเดิมต้องปรับตัวในการทํางาน ยกเว้นข้อใด
(1) ผู้ประกอบวิชาชีพจําเป็นต้องเรียนรู้และฝึกฝนทักษะการใช้สื่ออินเทอร์เน็ตในการทํางาน
(2) ผู้ประกอบวิชาชีพจําเป็นต้องยอมรับอินเทอร์เน็ตเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการเผยแพร่ข่าวสาร
(3) ผู้ประกอบวิชาชีพจําเป็นต้องฝึกทักษะในการพัฒนาซอฟต์แวร์ด้วยตนเอง
(4) ผู้ประกอบวิชาชีพในองค์กรจําเป็นต้องปรับโครงสร้างการทํางานในองค์กรที่แตกต่างจากเดิม
(5) ผู้ประกอบวิชาชีพจําเป็นต้องนําเสนอข้อมูลข่าวสารผ่านช่องทางสื่อต่าง ๆ แบบบูรณาการ
ตอบ 3 หน้า 105 – 106 การปรับตัวของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชนแบบดั้งเดิม มีดังนี้
1 ยอมรับสื่ออินเทอร์เน็ตเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการเผยแพร่ข่าวสาร
2 ปรับโครงสร้างการทํางานภายในองค์กรที่ต่างจากเดิม โดยจัดให้มีฝ่ายจัดทําและเผยแพร่ ข้อมูลข่าวสารผ่านสื่ออินเทอร์เน็ตโดยเฉพาะ หรืออาจใช้บุคลากรร่วมกับสื่อแบบดั้งเดิม
3 เรียนรู้และฝึกฝนทักษะการใช้สื่ออินเทอร์เน็ตในการทํางาน
4 นําเสนอข้อมูลข่าวสารผ่านช่องทางสื่อต่าง ๆ แบบบูรณาการ ฯลฯ

90 เพราะเหตุใดอินเทอร์เน็ตจึงก่อให้เกิดผลกระทบต่อวิชาชีพวารสารศาสตร์ของสื่อแบบดั้งเดิม ที่ให้ความสําคัญต่อผู้เฝ้าประตูข้อมูลข่าวสาร (Gatekeeper)
(1) เพราะอินเทอร์เน็ตเปิดโอกาสให้ทุกคนทําหน้าที่ผู้ส่งสารและผู้รับสารโดยเท่าเทียม
(2) เพราะอินเทอร์เน็ตเปิดโอกาสให้ทุกคนมีโอกาสสื่อสารตอบกลับในลักษณะการสื่อสารสองทาง
(3) เพราะอินเทอร์เน็ตเปิดโอกาสให้ทุกคนทําหน้าที่ผู้ส่งสารบนพื้นที่ของตนเองสู่สาธารณะ
(4) เพราะอินเทอร์เน็ตเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้โดยไม่จํากัด
(5) เพราะอินเทอร์เน็ตเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถสื่อสารผ่านเครือข่ายที่ครอบคลุมทั่วโลก

ตอบ 3 หน้า 100, 110 ด้วยเหตุที่อินเทอร์เน็ตเปิดโอกาสให้ทุกคนทําหน้าที่ผู้ส่งสารบนพื้นที่ของ ตนเองสู่สาธารณะ โดยไม่มีผู้ทําหน้าที่เฝ้าประตูข้อมูลข่าวสาร (Gatekeeper) ส่งผลให้เกิด ผลกระทบต่อวิชาชีพวารสารศาสตร์ของสื่อแบบดั้งเดิมที่ให้ความสําคัญกับผู้เฝ้าประตูข้อมูล ข่าวสาร (Gatekeeper) ซึ่งก็คือ บรรณาธิการผู้ทําหน้าที่คัดเลือก คัดกรอง และตรวจสอบ ความถูกต้องของเนื้อหาสารก่อนนําเสนอสู่ผู้รับสารในสังคม

91 ข้อใดคือความหมายของ Citizen Reporter
(1) ผู้ใช้งานสื่ออินเทอร์เน็ตทุกคน ซึ่งมีบทบาทเป็นผู้ส่งสารผ่านพื้นที่ของตนเองสู่สาธารณะ
(2) ผู้สื่อข่าวสื่อแบบดั้งเดิมที่ใช้สื่อใหม่เป็นช่องทางในการเผยแพร่ข่าวสาร
(3) ประชาชนทั่วไปที่ทําหน้าที่รายงานข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อแบบดั้งเดิม
(4) ผู้สื่อข่าวผ่านสื่อใหม่ที่ทําหน้าที่รายงานข่าวผ่านสื่อแบบดั้งเดิมด้วย
(5) ผู้สื่อข่าวของสื่อแบบดั้งเดิมที่ทํางานร่วมกับประชาชนในสังคม
ตอบ 1 หน้า 95, 104 ผู้สื่อข่าวภาคพลเมือง (Citizen Reporter) หรือผู้สื่อข่าวภาคประชาชน หมายถึง ผู้ใช้งานสื่ออินเทอร์เน็ตทุกคน ซึ่งมีบทบาทเป็นผู้ส่งสารผ่านพื้นที่ของตนเองไปสู่ สาธารณะได้อย่างเท่าเทียมกัน โดยจะมีบทบาทเป็นผู้รายงานข่าวสารคล้ายกับบทบาทของ ผู้สื่อข่าว (News Reporter) ในองค์กรสื่อสารมวลชนแบบดั้งเดิม เช่น สมศรีมีอาชีพครูและ นําเสนอข่าวสารด้านสิ่งแวดล้อมชุมชนผ่านทางเว็บบล็อก (Web Blog) เป็นต้น

92 จากความหมายในข้อ 91. บุคคลในข้อใดต่อไปนี้จัดเป็น Citizen Reporter
(1) สมหมายเป็นผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ที่เผยแพร่ข่าวผ่านสื่อออนไลน์อีกทางหนึ่งด้วย
(2) สมบัติเป็นผู้สื่อข่าวที่มุ่งเข้าถึงแหล่งข่าวที่เป็นประชาชนทั่วไป
(3) สมศรีมีอาชีพครูและนําเสนอข่าวสารด้านสิ่งแวดล้อมชุมชนผ่านเว็บบล็อก
(4) สมใจเป็นผู้สื่อข่าวที่มุ่งรายงานข่าวสารด้านประชากรศาสตร์
(5) สมทรงเป็นผู้สื่อข่าวผ่านเว็บไซต์และรายงานข่าวผ่านสิ่งพิมพ์แบบกระดาษด้วย
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 91. ประกอบ

93 ข้อใดต่อไปนี้คือหน้าที่สําคัญของ Gatekeeper
(1) จัดเก็บข้อมูลที่ถูกต้องหลังจากเผยแพร่
(2) คัดกรองความถูกต้องของข่าวสารก่อนเผยแพร่
(3) แก้ไขข่าวสารที่ผิด ๆ ซึ่งเผยแพร่ไปแล้วให้ถูกต้อง
(4) เลือกรูปแบบตัวอักษรที่เหมาะสมในการพาดหัวข่าวก่อนพิมพ์เผยแพร่
(5) ติดตามผลกระทบของข่าวสารหลังจากเผยแพร่
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 90. ประกอบ

94 กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ถูกยกเลิกตามประกาศ พ.ร.บ. ปรับปรุงกระทรวง
ทบวง กรม (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2559 โดยจัดตั้งกระทรวงใดขึ้นมาแทน
(1) กระทรวงดิจิทัลเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
(2) กระรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
(3) กระทรวงดิจิทัลเพื่อสารสนเทศและการสื่อสาร
(4) กระทรวงดิจิทัลเพื่อสังคมและเศรษฐกิจ
(5) กระทรวงดิจิทัลเพื่อการสื่อสารและสารสนเทศ

ตอบ 2 (คําบรรยาย) ตามประกาศ พ.ร.บ. ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2559 ระบุว่า ให้ยกเลิกกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) และจัดตั้งกระทรวง ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งมีหน้าที่ในการวางแผน ส่งเสริม และพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล

95 ตามมาตรา 10 แห่ง พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ระบุว่า งานที่ผู้สร้างสรรค์ได้สร้างสรรค์ขึ้นโดยการรับจ้าง บุคคลอื่น ให้ผู้ใดเป็นผู้มีลิขสิทธิ์ในงานนั้น
(1) ผู้สร้างสรรค์
(2) ผู้ว่าจ้าง
(4) องค์กรของผู้สร้างสรรค์
(3) องค์กรของผู้ว่าจ้าง
(5) ผู้ว่าจ้างและองค์กร
ตอบ 2 หน้า 130 พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 10 ระบุว่า งานที่ผู้สร้างสรรค์ได้สร้างสรรค์ขึ้น โดยการรับจ้างบุคคลอื่น ให้ผู้ว่าจ้างเป็นผู้มีลิขสิทธิ์ในงานนั้น เว้นแต่ผู้สร้างสรรค์และผู้ว่าจ้าง จะได้ตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น

96 เครื่องหมายลายน้ําบนภาพถ่ายดิจิทัล ตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 จัดเป็นข้อใด
(1) ข้อมูลการบริหารสิทธิ
(2) มาตรการทางเทคโนโลยี
(3) มาตรการการบริหารสิทธิ
(4) ข้อมูลทางเทคโนโลยี
(5) มาตรการทางข้อมูลการบริหารสิทธิ
ตอบ 1 หน้า 136 พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 มาตรา 3 (2) ระบุไว้ว่า “ข้อมูลการบริหาร สิทธิ” หมายความว่า ข้อมูลที่บ่งชี้ถึงผู้สร้างสรรค์ งานสร้างสรรค์ นักแสดง การแสดง เจ้าของ ลิขสิทธิ์ หรือระยะเวลาและเงื่อนไขในการใช้งานอันมีลิขสิทธิ์ ตลอดจนตัวเลขหรือรหัสแทน ข้อมูลดังกล่าว โดยข้อมูลเช่นว่านี้ติดอยู่หรือปรากฏเกี่ยวข้องกับงานอันมีลิขสิทธิ์หรือสิ่งบันทึก การแสดง (เช่น การจัดทําเครื่องหมายลายน้ําบนรูปภาพ ธนบัตร, เลขมาตรฐานสากลประจําหนังสือ หรือ International Standard Book Number : ISBN เป็นต้น)

97 “การตั้งรหัสในการเข้ารับฟังเพลงต่าง ๆ ผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยกําหนดให้ผู้ที่ต้องการฟังเพลงหรือ ดาวน์โหลดเพลงต้องจ่ายเงิน เพื่อให้ได้รหัสในการฟังหรือดาวน์โหลดเพลงนั้น ๆ” ตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 การตั้งรหัสในการเข้ารับฟังเพลงดังกล่าว จัดเป็นข้อใด
(1) ข้อมูลการบริหารสิทธิ
(2) มาตรการทางเทคโนโลยี
(3) มาตรการการบริหารสิทธิ
(4) ข้อมูลทางเทคโนโลยี
(5) ข้อมูลบ่งชี้กรรมสิทธิ์
ตอบ 2 หน้า 136 พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 มาตรา 3 (3) ระบุไว้ว่า “มาตรการทาง เทคโนโลยี” หมายความว่า เทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันการทําซ้ําหรือควบคุมการ เข้าถึงงานอันมีลิขสิทธิ์หรือสิ่งบันทึกการแสดง โดยเทคโนโลยีเช่นว่านี้ได้นํามาใช้กับงานอัน มีลิขสิทธิ์หรือสิ่งบันทึกการแสดงนั้นอย่างมีประสิทธิภาพ

98 จากข้อ 97. หากนายเก่งกาจหาวิธีการเข้าไปฟังเพลงหรือดาวน์โหลดเพลงฟรี (ไม่จ่ายเงินตามเงื่อนไข)
กล่าวได้ว่าการกระทําของนายเก่งกาจเข้าข่ายข้อใด
(1) ละเมิดข้อมูลการบริหารสิทธิ
(2) หลบเลี่ยงมาตรการทางเทคโนโลยี
(3) หลบเลี่ยงมาตรการการบริหารสิทธิ
(4) ละเมิดข้อมูลทางเทคโนโลยี
(5) ละเมิดข้อมูลบ่งชี้กรรมสิทธิ์
ตอบ 2 หน้า 136 พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 มาตรา 3 (4) ระบุว่า “การหลบเลี่ยงมาตรการทางเทคโนโลยี” หมายความว่า การกระทําด้วยประการใด ๆ ที่ทําให้มาตรการ ทางเทคโนโลยีไม่เกิดผล (ดูคําอธิบายข้อ 97. ประกอบ)

99 ตามมาตรา 5 แห่ง พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ระบุว่า “ผู้ใด เข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้
มีไว้สําหรับตน” กําหนดโทษเช่นไร
(1) จําคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
(2) จําคุกไม่เกินห้าเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
(3) จําคุกไม่เกินแปดเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
(4) จําคุกไม่เกินสิบเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
(5) จําคุกไม่เกินเก้าเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
ตอบ 1 หน้า 160 พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 5 ระบุว่า ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ และมาตรการนั้นมิได้มีไว้สําหรับตน ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกิน หนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

100 ตามมาตรา 11 แห่ง พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ระบุว่า “ผู้ใดส่ง ข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แก่บุคคลอื่นโดยปกปิดหรือปลอมแปลงแหล่งที่มาของการ
ส่งข้อมูลดังกล่าว อันเป็นการรบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่นโดยปกติสุข” กําหนดโทษเช่นไร (1) ปรับไม่เกินหกหมื่นบาท
(2) ปรับไม่เกินเจ็ดหมื่นบาท
(3) ปรับไม่เกินแปดหมื่นบาท
(4) ปรับไม่เกินเก้าหมื่นบาท
(5) ปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
ตอบ 5 หน้า 160 พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 11 ได้ระบุว่า ผู้ใดส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แก่บุคคลอื่นโดยปกปิดหรือปลอมแปลงแหล่งที่มาของการส่งข้อมูลดังกล่าว อันเป็นการรบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ ของบุคคลอื่นโดยปกติสุข ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท

WordPress Ads
error: Content is protected !!