LAW3035 การสืบสวนและสอบสวน 1/2546

การสอบไล่ภาค  1  ปีการศึกษา  2546

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW3035 การสืบสวนและสอบสวน

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี  4  ข้อ

ข้อ  1  การตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุมีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการสืบสวนคดีอาญา  ดังนั้น  ให้ท่านอธิบายความหมายของการตรวจสถานที่เกิดเหตุ  และปัจจัยที่ทำให้สถานที่เกิดเหตุเสียหาย

ธงคำตอบ

การตรวจสถานที่เกิดเหตุ  หมายถึง  การตรวจสถานที่ที่มีการกระทำผิดเกิดขึ้น  และอาจหาพยานวัตถุได้ด้วย  ซึ่งจะทำให้ผู้ไปตรวจอ่านสภาพได้ว่าใครเป็นผู้กระทำความผิด  ทำอย่างไร  ด้วยวิธีการใด  เมื่อเวลาอะไร  และประสงค์ต่ออะไร

ปัจจัยที่ทำให้สถานที่เกิดเหตุเสียหาย

1       ไทยมุง

2       ผู้มาเฝ้าสถานที่เกิดเหตุมาช้าไป

3       มีการเปลี่ยนแปลงสถานที่เกิดเหตุด้วยความตั้งใจของคนร้าย

4       มีการเปลี่ยนแปลงรูปคดีด้วยเหตุผลของคนบางคน

5       สภาพภูมิประเทศ

ข้อ  2  ให้ท่านอธิบายหลักการทำงานของเครื่องจับเท็จ  และหลักการนำบุคคลเข้าตรวจสอบด้วยเครื่องจับเท็จ

ธงคำตอบ

หลักการทำงานของเครื่องจับเท็จ  คือ  การบันทึกข้อมูลความดันโลหิต  การเต้นของหัวใจ  การหายใจ  มาเปลี่ยนแปลงความต้านทานกระแส  ไฟฟ้าที่ผิวหนัง  และนำข้อมูลซึ่งแสดงเป็นรูปภาพมาวิเคราะห์

หลักการนำบุคคลเข้าตรวจสอบด้วยเครื่องจับเท็จมีดังนี้

1       ต้องได้รับความยินยอมด้วยความสมัครใจ

2       ชี้แจงการทำงานให้ทราบ

3       แนะนำให้เข้าใจ

4       ก่อนตรวจสอบควรสังเกตกริยาผู้รับการตรวจสอบซักระยะ

5       เมื่อผู้รับการตรวจสอบเข้าตรวจสอบ  ผู้คุมคดีควรแยกไปเสีย

 

ข้อ  3  ปลารับฝากนาฬิกาข้อมือ  2  เรือนจากป้อม  โดยรับฝากที่ประเทศมาเลเซียเพื่อนำไปให้ภรรยาของป้อมที่อำเภอเมือง  จังหวัดเชียงใหม่  ปรากฏว่าปลาไม่ได้นำนาฬิกาข้อมือ  2  เรือนนั้นไปให้ภรรยาของป้อม  ต่อมาป้อมทราบเรื่องจึงไปทวงถามปลา  โดยป้อมได้ทวงถามปลาที่อำเภอเมือง  จังหวัดเชียงใหม่  แต่ปลาปฏิเสธว่าไม่ได้รับฝาก  ป้อมจึงได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองจังหวัดเชียงใหม่  เพื่อให้สอบสวนดำเนินคดีกับปลา  ดังนี้  ให้วินิจฉัยว่า  พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่  มีอำนาจสอบสวนคดีนี้ได้หรือไม่   

ธงคำตอบ

มาตรา  18  ในจังหวัดอื่นนอกจากจังหวัดพระนครและจังหวัดธนบุรี  พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่  ปลัดอำเภอและข้าราชการตำรวจซึ่งมียศตั้งแต่ชั้นนายร้อยตำรวจตรีหรือเทียบเท่านายร้อยตำรวจตรีขึ้นไป  มีอำนาจสอบสวนความผิดอาญาซึ่งได้เกิดหรืออ้าง  หรือเชื่อว่าได้เกิดในเขตอำนาจของตน  หรือผู้ต้องหามีที่อยู่  หรือถูกจับในเขตอำนาจของตนได้

มาตรา  121  วรรคสอง  แต่ถ้าเป็นคดีความผิดต่อส่วนตัว  ห้ามมิให้ทำการสอบสวนเว้นแต่จะมีคำร้องทุกข์ตามระเบียบ

วินิจฉัย

จากข้อเท็จจริง  การที่ป้อมไปทวงถามปลาที่  อ.เมือง  จ.เชียงใหม่  แต่ปลาปฏิเสธว่าไม่ได้รับฝากทรัพย์  มูลความผิดฐานยักยอกทรัพย์เกิดเมื่อปลาปฏิเสธว่าไม่ดีรับฝากทรัพย์  เหตุจึงเกิดที่  อ.เมือง  จ.เชียงใหม่  ตาม  ป.วิ.อาญา  มาตรา  18  วรรคแรก  เมื่อปลาผู้เสียหายร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมือง  จ.เชียงใหม่  ดังนั้น  พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมือง จ.เชียงใหม่  จึงมีอำนาจสอบสวนคดีนี้ได้  ตาม  ป.วิ.อาญา  มาตรา  121  วรรคสอง  ประกอบมาตรา  18  วรรคแรก  (ฎ. 1573/2535)

ข้อ  4  สนิทออกเช็คเพื่อชำระหนี้ค่าชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์แก่สนอง  แต่เมื่อเช็คถึงกำหนดใช้เงิน  สนองได้นำเช็คดังกล่าวไปขึ้นที่ธนาคาร  ปรากฏว่าธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน  อ้างว่าเงินในบัญชีไม่พอจ่าย  ต่อมาสนองได้โอนเช็คฉบับดังกล่าวนั้นให้แก่สนั่น  และสนั่นได้นำเช็คนั้นไปยื่นที่ธนาคารเพื่อให้ใช้เงิน  แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินอีก  ดังนี้  ให้วินิจฉัยว่า  ใครเป็นผู้เสียหายที่จะมีสิทธิร้องทุกข์ขอให้ดำเนินคดีกับสนิทในข้อหาความผิดตาม  พ.ร.บ.  ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คได้  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

มาตรา  2(4)    ผู้เสียหายหมายความถึงบุคคลผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำผิดฐานใดฐานหนึ่ง  รวมทั้งบุคคลอื่นที่มีอำนาจจัดการแทนได้  ดั่งบัญญัติไว้ในมาตรา  4  ,  5     และ   6

วินิจฉัย

สนองเป็นผู้เสียหาย  ตาม  ป.วิ.อาญา  มาตรา  2(4)  สนองจึงมีอำนาจร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับสนิทได้  เพราะเป็นผู้ทรงเช็คอยู่ในขณะที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน  เนื่องจากการออกเช็คแต่ละฉบับหากจะเป็นความผิดก็เป็นได้เพียงครั้งเดียว  คือครั้งแรกที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน  (ฎ. 2703/2523) 

LAW3035 การสืบสวนและสอบสวน 2/2547

การสอบไล่ภาค  2  ปีการศึกษา  2547

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW3035 การสืบสวนและสอบสวน 

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี  4  ข้อ

ข้อ  1  วิธีการเฝ้าตรวจมีกี่วิธีอะไรบ้าง

ธงคำตอบ

การเฝ้าตรวจบุคคล  สิ่งของ  และสถานที่  มีวิธีปฏิบัติอยู่  3  วิธี  คือ

1       การเฝ้าตรวจชนิดเคลื่อนที่  ได้แก่

            การเฝ้าตรวจโดยวิธีเดินสะกดรอย

            การเฝ้าตรวจแบบใช้ยานพาหนะ

2       การเฝ้าตรวจชนิดประจำที่  ได้แก่  การเฝ้าสังเกตเคหะสถาน  อาคาร  สถานที่ต่างๆ

3       การเฝ้าตรวจชนิดใช้เครื่องอิเล็คโทรนิคส์  เช่น  เครื่องลอบฟัง  เครื่องดักฟัง

ข้อ  2  ให้อธิบายลักษณะการตายของบุคคลที่ต้องชันสูตรพลิกศพและไม่ต้องชันสูตรพลิกศพ  โดยสังเขป

ธงคำตอบ

1       การตายที่ต้องชันสูตรพลิกศพ

            ปรากฏเหตุแน่ชัดมีเหตุสงสัย

–                    ฆ่าตัวตาย

–                    ถูกผู้อื่นทำร้ายให้ตาย

–                    ฯลฯ

            ตายระหว่างการควบคุมของเจ้าพนักงาน

2       การตายที่ไม่ต้องถูกชันสูตรพลิกศพ

            ป่วยตายมีหลักฐานปรากฏชัด

            ตายโดยการประหารชีวิตตามกฎหมาย

 

ข้อ  3  นายเอกกับนางอ้อนอยู่กินด้วยกันฉันสามีภรรยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรส  ต่อมาได้รับนายโอ่งเป็นบุตรบุญธรรม  ปรากฏว่านายโอ่งถูกนายอ้วนฆ่าตาย  ดังนี้  ให้วินิจฉัยว่า  นายเอกจะร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อให้สอบสวนดำเนินคดีกับนายอ้วนในความผิดดังกล่าวนั้นได้หรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

มาตรา  2(4)  ในประมวลกฎหมายนี้

(1) ผู้เสียหาย  หมายความถึง  บุคคลผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำความผิดฐานใดฐานหนึ่ง  รวมทั้งบุคคลอื่นที่มีอำนาจจัดการแทนได้  ดังบัญญัติไว้ในมาตรา  4, 5 และ  6

มาตรา  2(7)  ในประมวลกฎหมายนี้

(7) คำร้องทุกข์  หมายความถึง  การที่ผู้เสียหายได้กล่าวหาต่อเจ้าหน้าที่ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้  ว่ามีผู้กระทำความผิดขึ้นจะรู้ตัวผู้กระทำความผิดหรือไม่ก็ตาม  ซึ่งกระทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหาย  และการกล่าวหาเช่นนั้นได้กล่าวโดยมีเจตนาจะให้ผู้กระทำความผิดรับโทษ

มาตรา  3(1)  บุคคลดั่งระบุในมาตรา  4, 5  และ  6  มีอำนาจจัดการต่อไปนี้แทนผู้เสียหายตามเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้นๆ

(1) ร้องทุกข์

มาตรา  5(2)  บุคคลเหล่านี้จัดการแทนผู้เสียหายได้

(2) ผู้บุพการี  ผู้สืบสันดาน  สามีหรือภริยาเฉพาะแต่ในความผิดอาญา  ซึ่งผู้เสียหายถูกทำร้ายถึงตายหรือบาดเจ็บจนไม่สามารถจะจัดการเองได้

วินิจฉัย

ภายใต้บทบัญญัติแห่ง  ป.วิอาญา  มาตรา  2(4)  ผู้เสียหายหมายความถึงบุคคล  2  จำพวก  คือ  ผู้ได้รับความเสียหายโดยตรง  กับบุคคลอื่นที่อำนาจจัดการแทน  ซึ่งได้แก่บุคคลดังบัญญัติไว้ในมาตรา  4, 5 และ  6  ซึ่งตามมาตรา  5(2)  นั้น  เป็นการจัดการแทนกันระหว่างบุคคลสองคู่ด้วยกัน  คือ

1       ผู้บุพการีกับผู้สืบสันดาน

2       สามีกับภริยา

ซึ่งจะเห็นว่าบุตรบุญธรรมไม่ใช่ผู้สืบสันดานและผู้รับบุตรบุญธรรมก็ไม่ใช่บุพการีของบุตรบุญธรรม  นายเอกจึงไม่ใช่ผู้เสียหายประเภทเป็นผู้มีอำนาจจัดการแทน  ตามมาตรา  2(4)  ประกอบมาตรา  5(2)  นายเอกจึงร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อให้สอบสวนดำเนินคดีกับนายอ้วน  ตามมาตรา  2(7)  ประกอบมาตรา  3(1)  ไม่ได้

ข้อ  4  นางสาวสวย  อายุ  17  ปี  ถูกนายเขี้ยวกระทำอนาจาร  ดังนี้  ให้วินิจฉัยว่า  นางสาวสวยซึ่งยังเป็นผู้เยาว์อยู่จะไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนด้วยตัวเองเพื่อให้สอบสวนดำเนินคดีกับนายเขี้ยวได้หรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

มาตรา  2(4)  ในประมวลกฎหมายนี้

(4) ผู้เสียหาย  หมายความถึง  บุคคลผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำความผิดฐานใดฐานหนึ่ง  รวมทั้งบุคคลอื่นที่มีอำนาจจัดการแทนได้  ดังบัญญัติไว้ในมาตรา  4, 5 และ  6

มาตรา  2(7)  ในประมวลกฎหมายนี้

(7) คำร้องทุกข์  หมายความถึง  การที่ผู้เสียหายได้กล่าวหาต่อเจ้าหน้าที่ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้  ว่ามีผู้กระทำความผิดขึ้นจะรู้ตัวผู้กระทำความผิดหรือไม่ก็ตาม  ซึ่งกระทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหาย  และการกล่าวหาเช่นนั้นได้กล่าวโดยมีเจตนาจะให้ผู้กระทำความผิดรับโทษ

วินิจฉัย

นางสาวสวยซึ่งยังเป็นผู้เยาว์อยู่สามารถร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนด้วยตนเองเพื่อให้สอบสวนดำเนินคดีกับนายเขียวได้  ตามมาตรา 2(4) (7)  เนื่องจากศาลฎีกาได้วินิจฉัยไว้เป็นบรรทัดฐานว่าการร้องทุกข์ไม่ใช่การทำนิติกรรม  เมื่อมีอายุพอสมควรย่อมร้องทุกข์เองได้  เพราะไม่มีกฎหมายบัญญัติตัดสิทธิแต่อย่างใด

LAW3035 การสืบสวนและสอบสวน 1/2547

การสอบไล่ภาค  1  ปีการศึกษา  2547

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW3035 การสืบสวนและสอบสวน

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี  4  ข้อ

ข้อ  1  ในทางคดีอาญา  การตรวจสถานที่เกิดเหตุถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากพยานหลักฐานต่างๆในสถานที่เกิดเหตุได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ให้อธิบายว่าหลักการตรวจสถานที่เกิดเหตุควรมีหลักปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างไร

ธงคำตอบ

1       เมื่อได้รับแจ้งเหตุต้องรีบเดินทางไปให้ถึงสถานที่เกิดเหตุโดยเร็วที่สุดและปลอดภัย

2       เมื่อไปถึงต้องกันบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากบริเวณที่เกิดเหตุ  แล้วจึงเริ่มลงมือตรวจสถานที่เกิดเหตุด้วยความละเอียดถี่ถ้วน  ป้องกันสถานที่เกิดเหตุให้อยู่ในสภาพเดิมให้มากที่สุด

3       ทำแผนที่สังเขป  และถ่ายรูปสิ่งต่างๆในที่เกิดเหตุไว้

4       ค้นหาร่องรอยและพยานหลักฐาน  ต้องทำการเก็บให้ถูกต้องตามหลักกฎหมายและตามหลักวิทยาศาสตร์  เพื่อให้สามารถนำไปใช้เป็นหลักฐานในชั้นศาลได้

5       ในขณะทำการตรวจสถานที่เกิดเหตุควรสอบถามว่ามีผู้ใดเข้าไปในที่เกิดเหตุหรือไม่  มีการเคลื่อนย้ายสิ่งของใดหรือไม่

6       ในคดีสำคัญควรเรียกผู้เชี่ยวชาญมาร่วมตรวจสถานที่เกิดเหตุด้วย

7       กรณีมีผู้บาดเจ็บให้ปฐมพยาบาลแล้วรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล

ข้อ  2  วิธีการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุมีกี่วิธี  อะไรบ้าง

ธงคำตอบ

การตรวจสถานที่เกิดเหตุสามารถทำได้  5  วิธี  คือ

1       วิธีการตรวจที่เกิดเหตุแบบแถวหน้ากระดาน

2       วิธีการตรวจที่เกิดเหตุแบบแถวหน้ากระดานประยุกต์

3       วิธีการตรวจที่เกิดเหตุแบบวงล้อ

4       วิธีการตรวจที่เกิดเหตุแบบวงกลม/ก้นหอย

5       วิธีการตรวจที่เกิดเหตุแบบแบ่งโซน

 

ข้อ  3  คดีความผิดฐานลักทรัพย์  เมื่อความผิดปรากฏต่อพนักงานสอบสวน  แต่ผู้เสียหายมิได้ร้องทุกข์ตามระเบียบ  พนักงานสอบสวนจะทำการสอบสวนคดีได้หรือไม่  เพราะเหตุใด  ให้อธิบายพร้อมยกหลักกฎหมายประกอบ

ธงคำตอบ

มาตรา  121  วรรคแรก  พนักงานสอบสวนมีอำนาจสอบสวนคดีอาญาทั้งปวง

วินิจฉัย

ความผิดฐานลักทรัพย์เป็นความผิดต่ออาญาแผ่นดิน  เมื่อความผิดปรากฏต่อพนักงานสอบสวน  พนักงานสอบสวนจึงมีอำนาจสอบสวนคดีนี้ได้  เนื่องจากในคดีความผิดต่ออาญาแผ่นดินนั้น  พนักงานสอบสวนจึงชอบที่จะทำการสอบสวนได้โดยไม่จำเป็นต้องมีคำร้องทุกข์จากผู้เสียหายตาม  ป.วิ.อาญา  มาตรา  121  วรรคแรก  (ฎ. 1681/2535  ฎ.  784/2483)

ข้อ  4  เป้เป็นเจ้าของร้านอาหาร  เป้ได้มอบหมายให้โป้งซึ่งเป็นลูกเขยเป็นผู้ดูแลร้านอาหารนั้น  โดยโป้งพักอาศัยอยู่ที่ร้านอาหารนั้นด้วย  ปรากฏว่าปอนด์ได้บุกรุกเข้าไปในร้านอาหาร  ดังนี้  ให้วินิจฉัยว่า  โป้งจะร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้สอบสวนดำเนินคดีกับปอนด์ในข้อหาความผิดฐานบุกรุกได้หรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

มาตรา  2(4)    ผู้เสียหายหมายความถึงบุคคลผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำผิดฐานใดฐานหนึ่ง  รวมทั้งบุคคลอื่นที่มีอำนาจจัดการแทนได้  ดั่งบัญญัติไว้ในมาตรา  4  ,  5     และ   6

มาตรา  2(7)  คำร้องทุกข์  หมายความถึงการที่ผู้เสียหายได้กล่าวหาต่อเจ้าหน้าที่ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้  ว่ามีผู้กระทำความผิดขึ้น  จะรู้ตัวผู้กระทำความผิดหรือไม่ก็ตามซึ่งกระทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหาย  และการกล่าวหาเช่นนั้นได้กล่าวโดยมีเจตนาจะให้ผู้กระทำความผิดได้รับโทษ

วินิจฉัย

โดยหลักแล้วผู้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ย่อมเป็นผู้เสียหาย  แต่ในบางกรณีผู้ครอบครองดูแลทรัพย์ในขณะที่เกิดการกระทำความผิดก็เป็นผู้เสียหายได้เช่นกัน  จากข้อเท็จจริงแม้เป้จะเป็นเจ้าของร้านอาหาร  แต่การที่เป้ได้มอบหมายให้โป้งซึ่งเป็นลูกเขยเป็นผู้ดูแลร้านอาหารนั้น  โดยโป้งพักอาศัยอยู่ในร้านอาหารนั้นด้วย  กรณีจึงต้องสงสัยว่าโป้งเป็นผู้มีสิทธิครอบครองในร้านอาหารดังกล่าวนั้น  เมื่อปอนด์บุกรุกเข้าไปในร้านอาหาร  โป้งจึงเป็นผู้เสียหาย  ตาม  ป.วิ.อาญา  มาตรา  2(4)  และมีอำนาจร้องทุกข์ตาม  ป.วิ.อาญา  มาตรา  1(7)  ต่อพนักงานสอบสวนให้สอบสวนดำเนินคดีกับปอนด์ในข้อหาความผิดฐานบุกรุกได้  (ฎ. 1284/2514)

LAW3035 การสืบสวนและสอบสวน ซ่อมภาค 2/2548

การสอบซ่อมภาค  2  ปีการศึกษา  2548

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW3035 การสืบสวนและสอบสวน

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี  4  ข้อ

ข้อ  1  การสืบสวนคดีอาญามีวิธีการสืบสวนอยู่หลายวิธี  ให้อธิบายเฉพาะวิธีการตรวจสถานที่เกิดเหตุ  และวิธีการเฝ้าตรวจ  มาโดยสังเขป

ธงคำตอบ

การตรวจสถานที่เกิดเหตุสามารถทำได้  5  วิธี  คือ

1       วิธีการตรวจที่เกิดเหตุแบบแถวหน้ากระดาน

2       วิธีการตรวจที่เกิดเหตุแบบแถวหน้ากระดานประยุกต์

3       วิธีการตรวจที่เกิดเหตุแบบวงล้อ

4       วิธีการตรวจที่เกิดเหตุแบบวงกลม/ก้นหอย

5       วิธีการตรวจที่เกิดเหตุแบบแบ่งโซน

การเฝ้าตรวจบุคคล  สิ่งของ  และสถานที่  มีวิธีปฏิบัติอยู่  3  วิธี  คือ

1       การเฝ้าตรวจชนิดเคลื่อนที่  ได้แก่

            การเฝ้าตรวจโดยวิธีสะกดรอย

            การเฝ้าตรวจแบบใช้ยานพาหนะ

2       การเฝ้าตรวจชนิดประจำที่  ได้แก่  การเฝ้าสังเกตเคหะสถาน  อาคาร  สถานที่ต่างๆ

3       การเฝ้าตรวจชนิดใช้เครื่องอิเล็คโทรนิคส์  เช่น  เครื่องลอบฟัง  เครื่องดักฟัง

ข้อ  2  ให้อธิบายความหมายของคำต่อไปนี้  ผู้ต้องหา  พยานหลักฐาน  พนักงานสอบสวน  และพนักงานอัยการ  พร้อมทั้งยกหลักกฎหมายประกอบ

ธงคำตอบ

ผู้ต้องหา  หมายถึง  บุคคลผู้ถูกกล่าวหาว่าได้กระทำความผิดแต่ยังมิได้ถูกฟ้องต่อศาล ตาม  ป.วิ.อาญา  มาตรา  2(2)

พนักงานอัยการ  หมายความถึง  เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ฟ้องผู้ต้องหาต่อศาล  ทั้งนี้จะเป็นข้าราชการในกรมอัยการ  หรือเจ้าพนักงานอื่นผู้มีอำนาจเช่นนั้นก็ได้  ตาม  ป.วิ.อาญา  มาตรา  2(5)

พนักงานสอบสวน  หมายความถึง  เจ้าพนักงานซึ่งกฎหมายให้มีอำนาจและหน้าที่ทำการสอบสวน  ตาม  ป.วิ.อาญา  มาตรา  2(6)

พยานหลักฐาน  หมายถึง  พยานวัตถุ  พยานเอกสาร  หรือพยานบุคคล  ตลอดจนหลักฐานต่างๆซึ่งอาจจะเป็นเครื่องมือพิสูจน์การกระทำได้  ตาม  ป.วิ.อาญา  มาตรา  226

 

ข้อ  3  เปรมยักยอกทรัพย์ของป้อมไปเป็นเงินหนึ่งแสนบาท  ป้อมจึงร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับเปรมในความผิดดังกล่าว  พนักงานสอบสวนรับคำร้องทุกข์ตามระเบียบแล้วเปรมจึงคืนเงินที่ยักยอกไปให้กับป้อมเป็นเงินหนึ่งแสนบาท  ดังนี้  ถ้าท่านเป็นพนักงานสอบสวนจะดำเนินการในคดีดังกล่าวนี้ต่อไปอย่างไร  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

มาตรา  39(2)  สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป

(2) ในคดีความผิดส่วนตัว  เมื่อได้ถอนคำร้องทุกข์  ถอนฟ้องหรือยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมาย

มาตรา  121  บัญญัติว่า  พนักงานสอบสวนมีอำนาจสอบสวนคดีอาญาทั้งปวง

แต่ถ้าเป็นคดีความผิดต่อส่วนตัวห้ามมิให้ทำการสอบสวน  เว้นแต่จะมีคำร้องทุกข์ตามระเบียบ

มาตรา  126  บัญญัติว่า  ผู้ร้องทุกข์จะแก้คำร้องทุกข์ในระยะใด  หรือจะถอนคำร้องทุกข์เสียเมื่อใดก็ได้

ในคดีซึ่งมิใช่ความผิดต่อส่วนตัว  การถอนคำร้องทุกข์เช่นนั้น  ย่อมไม่ตัดอำนาจพนักงานสอบสวนที่จะสอบสวน  หรือพนักงานอัยการที่จะฟ้องคดีนั้น

วินิจฉัย

ความผิดฐานยักยอกทรัพย์เป็นความผิดต่อส่วนตัว  เมื่อมีการร้องทุกข์จากป้อมผู้เสียหายแล้ว  พนักงานสอบสวนจึงมีอำนาจทำการสอบสวนได้  ตาม  ป.วิ.อาญา  มาตรา  121  วรรคสอง  ต่อมาปรากฏว่าเปรมได้ทำการคืนเงินที่ได้ยักยอกไปแก่ป้อมผู้เสียหายเป็นเงินหนึ่งแสนบาท กรณีนี้แม้ผู้เสียหายจะยอมรับก็ไม่ถือว่าเป็นการถอนคำร้องทุกข์โดยปริยาย  เมื่อไม่มีการถอนคำร้องทุกข์จึงมิใช่กรณีตาม  ป.วิ.อาญา มาตรา  126  ที่พนักงานสอบสวนจะถูกจำกัดอำนาจในการสอบสวนได้  ไม่ถือว่าเป็นการถอนคำร้องทุกข์ตามกฎหมาย  ดังนั้น  พนักงานสอบสวนจึงต้องทำการสอบสวนต่อไป

ข้อ  4   ขาวร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับดำในความผิดฐานลักทรัพย์ในเวลากลางคืน  พนักงานสอบสวนรับคำร้องทุกข์ตามระเบียบแล้วทำการสอบสวนโดยไม่สามารถจับตัวดำมาสอบสวนในฐานะผู้ต้องหา  การสอบสวนเสร็จแล้วไม่มีพยานหลักฐานว่าดำกระทำความผิดดังกล่าว  ดังนี้  ถ้าท่านเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบในการสอบสวนจะมีความเห็นทางคดีนี้ได้อย่างไร

ธงคำตอบ

มาตรา  141  วรรคแรก  ถ้ารู้ตัวผู้กระทำความผิด  แต่เรียกหรือจับตัวยังไม่ได้  เมื่อได้รับความตามทางสอบสวนอย่างใด  ให้ทำความเห็นว่าควรสั่งฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้องส่งไปพร้อมกับสำนวนพนักงานอัยการ

วินิจฉัย

กรณีรู้ตัวผู้กระทำความผิด  แต่เรียกตัวหรือจับตัวยังไม่ได้  เมื่อได้ความตามทางสอบสวนอย่างใด  ให้ทำความเห็นว่าควรสั่งฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้อง  ซึ่งจากข้อเท็จจริงปรากฏว่าไม่สามารถจับตัวดำผู้ต้องหามาสอบสวนได้และเมื่อได้ทำการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้วปรากฏว่าไม่มีพยานหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าดำกระทำความผิดดังกล่าว  ดังนั้น  พนักงานสอบสวนจะต้องทำความเห็นว่าควรสั่งไม่ฟ้องพร้อมกับสำนวนส่งไปยังพนักงานอัยการ  ตาม  ป.วิ.อาญา  มาตรา  141  วรรคแรก    

LAW3035 การสืบสวนและสอบสวน ภาคฤดูร้อน/2548

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน  ปีการศึกษา  2548

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW3035 การสืบสวนและสอบสวน

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี  4  ข้อ

ข้อ  1  ให้อธิบายความแตกต่างระหว่างการสืบสวนกับการสอบสวนมาโดยละเอียด  พร้อมยกหลักกฎหมายประกอบ

ธงคำตอบ

การสืบสวน  หมายความถึง  การแสวงหาข้อเท็จจริงและหลักฐาน  ซึ่งพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจได้ปฏิบัติตามอำนาจและหน้าที่เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน  และเพื่อที่จะทราบรายละเอียดแห่งความผิด  ตาม  ป.วิอาญา  มาตรา  2(10)

การสอบสวน  หมายความถึง  การรวบรวมพยานหลักฐาน  และการดำเนินการทั้งหลายอื่นตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้  ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ทำไปเกี่ยวกับความผิดที่กล่าวหา  เพื่อที่จะทราบข้อเท็จจริงหรือพิสูจน์ความผิดและเพื่อจะเอาตัวผู้กระทำผิดมาฟ้องลงโทษ  ตาม  ป.วิอาญา  มาตรา  2(11)

จากนิยามความหมายดังกล่าว  สามารถแยกความแตกต่างระหว่างการสืบสวนและการสอบสวนได้ดังนี้

1       วิธีการ

–                    การสืบสวน  เป็นลักษณะของการแสวงหาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำความผิด  ซึ่งอาจจะเป็นขั้นตอนก่อนที่จะมีการกระทำความผิดทางอาญาเกิดขึ้นก็ได้

–                    การสอบสวน  เป็นเรื่องที่พนักงานสอบสวนได้ทำไปเกี่ยวกับความผิดที่เกิดขึ้นและมีการกล่าวหาในความผิดนั้น

2       สิ่งที่ต้องการ

–                    การสืบสวน  สิ่งที่ต้องการคือ  ข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำความผิด

–                    การสอบสวน  สิ่งที่ต้องการคือ  พยานหลักฐาน  ซึ่งแบ่งได้เป็นพยานบุคคล  พยานวัตถุ  และพยานเอกสาร

3       วัตถุประสงค์

–                    การสืบสวน  เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน  และเพื่อทราบรายละเอียดแห่งความผิด

–                    การสอบสวน  เพื่อที่จะทราบข้อเท็จจริงและพฤติการณ์เกี่ยวกับความผิดที่กล่าวหา  หรือพิสูจน์ความผิดและเอาตัวผู้กระทำผิดมาฟ้องลงโทษ  ซึ่งอาจจะไม่มีผู้กระทำผิดตามที่กล่าวหาก็ได้

4       เจ้าพนักงานที่มีอำนาจ

–                    การสืบสวน  ได้แก่  พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ  รวมทั้งเจ้าพนักงานอื่นๆตามกฎหมายเฉพาะ  เช่น  พัศดี  เจ้าพนักงานกรมสรรพสามิต  กรมศุลกากร  กรมเจ้าท่า  พนักงานตรวจคนเข้าเมือง  เป็นต้น

–                    การสอบสวน  ได้แก่  พนักงานสอบสวน  ซึ่งหมายถึงเจ้าพนักงานซึ่งกฎหมายให้มีอำนาจและหน้าที่ทำการสอบสวน  ดังที่บัญญัติไว้ใน  ป.วิอาญา  มาตรา  18, 19, 20  และ  21

5       เงื่อนไข 

–                    การสืบสวน  สามารถกระทำก่อน  ขณะ  หรือหลังจากเหตุเกิดก็ได้  โดยไม่จำเป็นต้องมีความผิดเกิดขึ้น

–                    การสอบสวน  ต้องมีความผิดเกิดขึ้น  หรือมีการกล่าวหาในความผิดนั้นจึงทำการสอบสวน

 

ข้อ  2  ผู้เสียหายในคดีอาญามีความหมายว่าอย่างไร  มีกี่ประเภท  อะไรบ้าง  และมีหลักเกณฑ์ใดบ้างที่จะพิจารณาว่าบุคคลใดจะเป็นผู้เสียหายตามหลักกฎหมายหรือไม่

ธงคำตอบ

มาตรา  2(4)  ในประมวลกฎหมายนี้

(4) ผู้เสียหาย  หมายความถึง  บุคคลผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำความผิดฐานใดฐานหนึ่ง  รวมทั้งบุคคลอื่นที่มีอำนาจจัดการแทนได้  ดังบัญญัติไว้ในมาตรา  4, 5 และ  6

จากตัวบทกฎหมายดังกล่าว  สามารแยกอธิบายได้ดังนี้

1       ผู้เสียหายโดยตรง  คือ  ผู้เสียหายที่แท้จริง  ซึ่งการพิจารณาว่าบุคคลใดจะเป็นผู้เสียหายตามกฎหมายหรือไม่นั้น  มีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาดังนี้  คือ

            ต้องมีการกระทำความผิดทางอาญาเกิดขึ้น

            บุคคลนั้นจะต้องเป็นผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำความผิดนั้น

            เป็นความเสียหายต่อสิทธิ

            บุคคลนั้นต้องเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัย

2       ผู้มีอำนาจจัดการแทนผู้เสียหาย  คือ  แม้ไม่ได้เป็นผู้เสียหายแท้จริง  แต่กฎหมายบัญญัติให้อยู่ในความหมายของคำว่า  ผู้เสียหาย  ด้วย

ผู้มีอำนาจจัดการแทนผู้เสียหาย  ตามมาตรา  4

ในคดีอาญาผู้เสียหายเป็นหญิงมีสามีและเป็นผู้เสียหายโดยตรง  หญิงมีสามีนั้นสามารถฟ้องคดีอาญาได้เองโดยไม่ต้องได้รับอนุญาตจากสามีก่อน  ตามกฎหมายถือว่าหญิงมีสามีมีอำนาจเต็มทุกประการ  ทั้งนี้  ตาม  ป.วิอาญา  มาตรา  4  วรรคแรก

และในมาตรา  4  วรรคสอง  ก็ได้บัญญัติต่อไปว่า  สามีมีอำนาจจัดการ  (ฟ้องคดีอาญา)  แทนภริยาได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตโดยชัดแจ้งจากภริยา  แต่ทั้งนี้ต้องอยู่ภายใต้บังคับแห่งมาตรา  5(2)  ด้วย

ผู้มีอำนาจจัดการแทนผู้เสียหาย  ตามมาตรา  5  บุคคลที่มีอำนาจจัดการแทนตามมาตรา  5  นั้น  ได้แก่

(1) ผู้แทนโดยชอบธรรมหรือผู้อนุบาล  เฉพาะแต่ในความผิดซึ่งได้กระทำต่อผู้เยาว์หรือผู้ไร้ความสามารถซึ่งอยู่ในความดูแล

(2) ผู้บุพการี  ผู้สืบสันดาน  สามีหรือภริยา  เฉพาะแต่ในความผิดอาญาซึ่งผู้เสียหายถูกทำร้ายถึงตายหรือบาดเจ็บจนไม่สามารถจะจัดการเองได้

(3) ผู้จัดการหรือผู้แทนอื่นๆของนิติบุคคล  เฉพาะความผิดซึ่งกระทำลงแก่นิติบุคคลนั้น

ผู้มีอำนาจจัดการแทนผู้เสียหาย  ตามมาตรา  6

กรณีที่จะมีการร้องขอต่อศาลเพื่อให้ศาลตั้งผู้แทนเฉพาะคดีตามมาตรา  6  นั้น  มีอยู่  2  ประการ  คือ

(1) ในคดีอาญาซึ่งผู้เสียหายเป็นผู้เยาว์  ไม่มีผู้แทนโดยชอบธรรม  หรือผู้แทนโดยชอบธรรมไม่สามารถจะทำการตามหน้าที่โดยเหตุหนึ่งเหตุใด  หรือผู้แทนโดยชอบธรรมมีผลประโยชน์ขัดกันกับผู้เยาว์

(2) ในคดีอาญาซึ่งผู้เสียหายเป็นผู้วิกลจริตหรือคนไร้ความสามารถ  ไม่มีผู้อนุบาล  หรือผู้อนุบาลไม่สามารถจะทำการตามหน้าที่โดยเหตุหนึ่งเหตุใด  หรือผู้อนุบาลมีผลประโยชน์ขัดกันกับคนไร้ความสามารถ

 

ข้อ  3  โต้งหลอกลวงเตี้ยว่า  จะช่วยให้บุตรของเตี้ยเข้าเป็นเสมียนปกครองได้ตามที่สมัครสอบไว้  เตี้ยหลงเชื่อจึงให้เงินแก่โต้งไป  แต่ปรากฏว่าบุตรของเตี้ยสอบเข้าไม่ได้  ดังนี้  ให้วินิจฉัยว่าเตี้ยจะเป็นผู้เสียหายในความผิดฐานฉ้อโกงได้หรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

มาตรา  2(4)  ในประมวลกฎหมายนี้

(4) ผู้เสียหาย  หมายความถึง  บุคคลผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำความผิดฐานใดฐานหนึ่ง  รวมทั้งบุคคลอื่นที่มีอำนาจจัดการแทนได้  ดังบัญญัติไว้ในมาตรา  4, 5 และ  6

วินิจฉัย

โต้งเพียงหลอกลวงเตี้ยว่าจะช่วยให้บุตรของเตี้ยเข้าเป็นเสมียนปกครองได้ตามที่สมัครสอบไว้  เมื่อไม่ปรากฏว่าเตี้ยให้เงินแก่โต้งไปเพื่อให้โต้งนำไปให้แก่เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องในการสอบคัดเลือกให้กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่โดยทุจริต  จึงไม่ถือว่าเตี้ยร่วมกับโต้งนำสินบนไปให้เจ้าพนักงานอันเป็นการใช้ให้เจ้าพนักงานกระทำความผิด  ดังนั้น  เตี้ยจึงเป็นผู้เสียหายตาม  ป.วิอาญา  มาตรา  2(4)  มีสิทธิร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีในความผิดฐานฉ้อโกงได้  (ฎ. 4744/2537)

ข้อ  4  ชัยเป็นบุตรบุญธรรมขอบชาติ  ต่อมาชาติถูกชั่วฆ่าตาย  คดีนี้ความผิดเกิดขึ้นในเขตอำนาจการสอบสวนของพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลหัวหมาก  กรุงเทพฯ  ชัยจึงได้ยื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธร  อ.เมือง  จ.นครสวรรค์  เพื่อให้มีการสอบสวนดำเนินคดีกับชั่วในข้อหาความผิดฐานฆ่าชาติตายโดยเจตนา  ในกรณีดังกล่าวนี้ให้วินิจฉัยว่า  การร้องทุกข์ของชัยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่  และถ้าต่อมาปรากฏว่าชั่วถูกจับกุมตัวได้ในเขตอำนาจการสอบสวนของสถานีตำรวจนครบาลหัวหมาก  กรุงเทพฯ พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลหัวหมาก  กรุงเทพฯ  จะมีอำนาจสอบสวนคดีนี้หรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

มาตรา  2(4)  ในประมวลกฎหมายนี้

(4) ผู้เสียหาย  หมายความถึง  บุคคลผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำความผิดฐานใดฐานหนึ่ง  รวมทั้งบุคคลอื่นที่มีอำนาจจัดการแทนได้  ดังบัญญัติไว้ในมาตรา  4, 5 และ  6

มาตรา  2(7)  ในประมวลกฎหมายนี้

(7) คำร้องทุกข์  หมายความถึง  การที่ผู้เสียหายได้กล่าวหาต่อเจ้าหน้าที่ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้  ว่ามีผู้กระทำความผิดขึ้นจะรู้ตัวผู้กระทำความผิดหรือไม่ก็ตาม  ซึ่งกระทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหาย  และการกล่าวหาเช่นนั้นได้กล่าวโดยมีเจตนาจะให้ผู้กระทำความผิดรับโทษ

มาตรา  3(1)  บุคคลดั่งระบุในมาตรา  4, 5  และ  6  มีอำนาจจัดการต่อไปนี้แทนผู้เสียหายตามเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้นๆ

(1) ร้องทุกข์

มาตรา  5(2)  บุคคลเหล่านี้จัดการแทนผู้เสียหายได้

(2) ผู้บุพการี  ผู้สืบสันดาน  สามีหรือภริยาเฉพาะแต่ในความผิดอาญา  ซึ่งผู้เสียหายถูกทำร้ายถึงตายหรือบาดเจ็บจนไม่สามารถจะจัดการเองได้

มาตรา  121  วรรคแรก  พนักงานสอบสวนมีอำนาจสอบสวนคดีอาญาทั้งปวง

วินิจฉัย

ภายใต้บทบัญญัติแห่ง  ป.วิอาญา  มาตรา  2(4)  ผู้เสียหายหมายความถึงบุคคล  2  จำพวก  คือ  ผู้ได้รับความเสียหายโดยตรง  กับบุคคลอื่นที่อำนาจจัดการแทน  ซึ่งได้แก่บุคคลดังบัญญัติไว้ในมาตรา  4, 5 และ  6  ซึ่งตามมาตรา  5(2)  นั้น  เป็นการจัดการแทนกันระหว่างบุคคลสองคู่ด้วยกัน  คือ

1       ผู้บุพการีกับผู้สืบสันดาน

2       สามีกับภริยา

ซึ่งจะเห็นว่าบุตรบุญธรรมไม่ใช่ผู้สืบสันดานและผู้รับบุตรบุญธรรมก็ไม่ใช่บุพการีของบุตรบุญธรรม  ชัยจึงไม่ใช่ผู้เสียหายประเภทเป็นผู้มีอำนาจจัดการแทน  ตามมาตรา  2(4)  ประกอบมาตรา  5(2)  ชัยจึงร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อให้สอบสวนดำเนินคดีกับชั่วไม่ได้  การร้องทุกข์ของชัยไม่ชอบด้วยกฎหมาย  ตามมาตรา  2 (7)  ประกอบมาตรา  3(1)

แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า  ชั่วถูกจับกุมตัวได้ในเขตอำนาจการสอบสวนของสถานีตำรวจนครบาลหัวหมาก  กรุงเทพฯ  พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลหัวหมาก  กรุงเทพฯ  ย่อมมีอำนาจสอบสวนคดีนี้  เนื่องจากในคดีความผิดต่ออาญาแผ่นดินนั้น  พนักงานสอบสวนชอบที่จะทำการสอบสวนได้โดยไม่จำเป็นต้องมีคำร้องทุกข์จากผู้เสียหาย  ตาม  ป.วิ.อาญา  มาตรา  121  วรรคแรก  (ฎ. 1681/2535  ฎ. 784/2483)

LAW3035 การสืบสวนและสอบสวน 1/2549

การสอบไล่ภาค  1  ปีการศึกษา  2549

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW3035 การสืบสวนและสอบสวน 

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี  4  ข้อ

ข้อ  1  การสัมภาษณ์พยานหมายความว่าอย่างไร  มีข้อปฏิบัติในการสัมภาษณ์พยานอย่างไร

ธงคำตอบ

การสัมภาษณ์พยาน  คือ  การสนทนาเผชิญหน้าระหว่างเจ้าหน้าที่ที่สืบสวนพยาน  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อได้ข้อมูลจากผู้ถูกสัมภาษณ์ว่าเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลและสถานที่ในคดี  และมีความรู้ถึงอาชญากรรมหรือสถานการณ์เกี่ยวกับคดีนั้นๆว่าเป็นอย่างไร

การสัมภาษณ์พยานจะต้องกระทำโดยยึดหลักดังนี้

1       จะไม่ถามเชิงแนะนำที่ดูเหมือนว่าต้องการคำตอบอย่างใดอย่างหนึ่ง  เจ้าหน้าที่สืบสวนต้องมีแผนในการสัมภาษณ์เพื่อประหยัดเวลา

2       จะไม่ป้อนข่าวและข้อมูลให้แก่พยานที่ไม่รู้มาก่อน  เพราะพยานอาจจะเพิ่มเติมเรื่องของตนเข้าไปผสมผสานกับคำแนะนำหรือความเห็นจากการป้อนข่าวของเจ้าหน้าที่  ซึ่งอาจเป็นไปโดยรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม  ทำให้ผลที่ได้ในเรื่องดังกล่าวไม่ตรงกับที่พยานได้เห็นเหตุการณ์ในสถานที่เกิดเหตุนั้น

3       สิ่งที่ต้องการได้แก่เรื่องจริงที่จำได้เท่านั้นจึงจะเป็นลักษณะของงานสืบสวนที่กำลังปฏิบัติอยู่

4       ต้องไม่ย่อท้อเมื่อสัมภาษณ์พยานแต่ละคน  จนกว่าจะสามารถรู้เรื่องที่พยานรู้และได้เห็นโดยตลอด  และเข้าใจชัดเจนปรากฏเป็นรูปร่างขึ้นในความคิดขนาดที่ผู้สืบสวนคดีสามารถจินตนาการได้ว่าเป็นคนเห็นหรือได้ยินด้วยตนเองหรือเสมือนกับว่าตนได้อยู่ในที่นั้นด้วย

5       พิจารณาโดยมิให้ผู้ถูกสัมภาษณ์รู้สึกว่าพยานเชื่อถือได้  ไว้ใจได้  และมีความสามารถขนาดไหน  ควรรู้จักธรรมชาติของพยานเพื่อสรุปอย่างตรงประเด็นว่าพยานรู้อะไร  เห็นอะไร  และไม่รู้อะไร  ไม่เห็นอะไร

6       รักษามารยาทที่ดีงามตามแบบแผนและประเพณีของสังคม  ทั้งต้องคำนึงถึงสิทธิมนุษยชน  (Human  Rights)  ด้วย

 

ข้อ  2  AFIS  คืออะไร  มีขอบข่ายการทำงานอย่างไรบ้าง

ธงคำตอบ

ระบบพิมพ์ลายนิ้วมืออัตโนมัติ  หรือ  AFIS  คือ  เครื่องตรวจลายพิมพ์นิ้วมือโดยอัตโนมัติ  (ลายนิ้วมือ  ฝ่ามือ  ฝ่าเท้า)  ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งในวิชาการตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์ของบุคคล

เครื่องตรวจลายนิ้วมืออัตโนมัตินี้  เป็นเครื่องมือที่สามารถทำประโยชน์อย่างมากให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจในการสืบสวนสอบสวนและติดตามตัวผู้กระทำความผิด  โดยเฉพาะคดีที่ยังหาตัวผู้ต้องสงสัยไม่ได้และคาดว่าผู้ต้องสงสัยน่าจะเคยกระทำความผิดมาก่อน  โดยลายนิ้วมือแฝงที่เก็บได้จากสถานที่เกิดเหตุสามารถนำมาตรวจเปรียบเทียบกับข้อมูลลายพิมพ์นิ้วมือของอาชญากรที่เก็บไว้ในสารบบได้ด้วยความรวดเร็วและถูกต้อง  ซึ่งผลของการปฏิบัติงานมีส่วนช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถติดตามตัวผู้กระทำผิดได้เป็นจำนวนมาก

ขอบเขตการทำงานของเครื่องตรวจลายนิ้วมืออัตโนมัติ

1       ตรวจเปรียบเทียบลายพิมพ์นิ้วมือแฝงที่เก็บได้จากสถานที่เกิดเหตุ  กับลายพิมพ์นิ้วมือ  10  นิ้วของคนร้ายที่เก็บไว้ในสารบบ  เป็นงานในหน้าที่ของกองพิสูจน์หลักฐาน  ซึ่งเป็นจุดประสงค์สำคัญในการใช้งานของ  AFIS  วิธีนี้เรียกว่า  Latent  to  Inquiry (LI)

2       ตรวจเปรียบเทียบลายพิมพ์นิ้วมือ  10  นิ้ว  ของอาชญากรหรือผู้ต้องสงสัยกับลายนิ้วมือแฝงที่เก็บไว้ในสารบบ เป็นงานในหน้าที่ของกองพิสูจน์หลักฐาน  ซึ่งวิธีการนี้เรียกว่า  Ten  Prin  to  Inquiry  (TLI)

3       ตรวจเปรียบเทียบลายพิมพ์นิ้วมือ  10  นิ้ว  กับลายพิมพ์นิ้วมือ  10  นิ้วในสารบบ  เป็นการตรวจยืนยันตัวบุคคลเพื่อตรวจสอบประวัติ  ซึ่งเป็นงานของกองทะเบียนประวัติอาชญากร  ซึ่งหากขยายเรื่อง  AFIS  ปัจจุบันให้รับข้อมูลพื้นฐานได้  6,000,000  แผ่น  แล้วจะสามารุเปลี่ยนงานตรวจสอบประวัตินี้เป็นระบบคอมพิวเตอร์ได้เช่นกัน  วิธีการนี้เรียกว่า  Ten  Prin  to  Ten  Inquiry  (TI)

4       ตรวจเปรียบเทียบลายนิ้วมือแฝงในคดีหนึ่งกับลายนิ้วมือแฝงในคดีอื่นๆที่เก็บไว้ในสารบบ  เนื่องจากยังไม่สามารถระบุตัวผู้กระทำความผิดได้  เพื่อจะได้ทราบว่าคดีต่างคดีกันได้เกิดขึ้นโดยบุคคลคนเดียวกันหรือไม่ วิธีการนี้เรียกว่า  Latent  to  Latent  Inquiry  (LLI)  ประโยชน์ที่จะได้รับในการตรวจประเภทนี้ยังมีน้อย  เนื่องจากเป็นวิธีการซึ่งยังไม่สามารถระบุตัวผู้กระทำผิดได้แต่อย่างใด

 

ข้อ  3  เจ้าหน้าที่ของธนาคารไทยพัฒนาได้นำเงินฝากจำนวนหนึ่งล้านบาทของนายชาติซึ่งเป็นลูกค้ารายหนึ่งของธนาคารไทยพัฒนาเข้าบัญชีของนายช่วงโดยผิดพลาด  ปรากฏว่านายช่วงรู้ว่ามีการนำเงินของผู้อื่นเข้าบัญชีของตนโดยผิดพลาด  แต่นายช่วงก็ยังเบิกเงินจำนวนดังกล่าวนั้นออกมาใช้จ่ายจนหมด  ดังนี้  ให้ท่านวินิจฉัยว่า  ในส่วนของความผิดอาญาที่นายช่วงได้กระทำลงไปนั้น  ใครเป็นผู้เสียหาย  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

มาตรา  2(4)  ในประมวลกฎหมายนี้

(4) ผู้เสียหาย  หมายความถึง  บุคคลผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำความผิดฐานใดฐานหนึ่ง  รวมทั้งบุคคลอื่นที่มีอำนาจจัดการแทนได้  ดังบัญญัติไว้ในมาตรา  4, 5 และ  6

วินิจฉัย

การที่เจ้าหน้าที่ธนาคารไทยพัฒนาได้นำเงินฝากจำนวนหนึ่งล้านบาทของนายชาติซึ่งเป็นลูกค้ารายหนึ่งของธนาคารเข้าบัญชีของนายช่วงโดยผิดพลาด  และนายช่วงได้ถอนเงินดังกล่าวออกไปใช้จนหมด  ถือว่า  ธนาคารเป็นผู้เสียหาย  เพราะเงินที่จ่ายไปเป็นของธนาคาร กล่าวคือ  ธนาคารเป็นที่รับฝากเงิน  ธนาคารสามารถนำเงินที่ฝากนั้นออกไปใช้ได้  แต่ธนาคารต้องคืนเงินที่ฝากให้กับผู้รับฝากจนครบจำนวน  แม้เงินที่ฝากนั้นจะได้สูญหายไปด้วยเหตุสุดวิสัยก็ตาม  ดังนั้น  ธนาคารจึงเป็นผู้เสียหายในความผิดฐานยักยอก  ตาม  ป.วิ.อาญา  มาตรา  2(4)

ข้อ  4  จากข้อเท็จจริงตามข้อสอบในข้อ  3  ข้างต้นนั้น  ถ้าต่อมาปรากฏว่านายชาติซึ่งเป็นลูกค้าของธนาคารไทยพัฒนาได้ไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้สอบสวนดำเนินคดีกับนายช่วงในความผิดฐานยักยอกตาม  ป.อาญา  มาตรา  352  วรรคสอง  ดังนี้  ให้ท่านวินิจฉัยว่า  พนักงานสอบสวนจะมีอำนาจในการสอบสวนคดีนี้ได้หรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

มาตรา  2(4)  ในประมวลกฎหมายนี้

(5) ผู้เสียหาย  หมายความถึง  บุคคลผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำความผิดฐานใดฐานหนึ่ง  รวมทั้งบุคคลอื่นที่มีอำนาจจัดการแทนได้  ดังบัญญัติไว้ในมาตรา  4, 5 และ  6

มาตรา  2(7)  ในประมวลกฎหมายนี้

(7) คำร้องทุกข์  หมายความถึง  การที่ผู้เสียหายได้กล่าวหาต่อเจ้าหน้าที่ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้  ว่ามีผู้กระทำความผิดขึ้นจะรู้ตัวผู้กระทำความผิดหรือไม่ก็ตาม  ซึ่งกระทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหาย  และการกล่าวหาเช่นนั้นได้กล่าวโดยมีเจตนาจะให้ผู้กระทำความผิดรับโทษ

มาตรา  121  วรรคสอง  แต่ถ้าเป็นคดีความผิดต่อส่วนตัว  ห้ามมิให้ทำการสอบสวน  เว้นแต่จะมีคำร้องทุกข์ตามระเบียบ

วินิจฉัย

นายชาติไม่เป็นผู้เสียหาย  ตาม  ป.วิ.อาญา  มาตรา  2(4)  นายชาติจึงร้องทุกข์ไม่ได้  เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่านายชาติได้ไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้สอบสวนดำเนินคดีกับนายช่วง  การร้องทุกข์ดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย  ตาม  ป.วิ.อาญา  มาตรา  2(4)  และ (7)  และเมื่อการร้องทุกข์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย  พนักงานสอบสวนจึงไม่มีอำนาจสอบสวนตาม  ป.วิ.อาญา  มาตรา  121  วรรคสอง

LAW3035 การสืบสวนและสอบสวน 2/2549

การสอบไล่ภาค  2  ปีการศึกษา  2549

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW3035 การสืบสวนและสอบสวน 

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี  4  ข้อ

ข้อ  1  เครื่องจับเท็จ (Polygraph)  คืออะไร  มีหลักการวิเคราะห์และประโยชน์อย่างไรบ้าง

ธงคำตอบ

เครื่องจับเท็จจริง  คือ  เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถตรวจและบันทึกการเปลี่ยนแปลงบางอย่างทางสรีระที่ไม่สามารถสังเกตจากภายนอกได้  ซึ่งจะบันทึกออกมาในรูปกราฟที่สามารถนำมาประเมินผลวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ในเรื่องการพูดจริงหรือเท็จ

หลักการวิเคราะห์

เพื่อบันทึกข้อมูลความดันโลหิต  การเต้นของหัวใจ  และการเปลี่ยนแปลงความต้านทานกระแสไฟฟ้าที่ผิวหนัง  แล้วนำข้อมูลที่แสดงเป็นรูปกราฟนั้นมาวิเคราะห์

ประโยชน์ในการใช้เครื่องจับเท็จ

เครื่องจับเท็จเป็นเครื่องมือที่ใช้เพื่อนำข้อมูลที่ได้จากการบันทึกของเครื่องมาเป็นพื้นฐานในการวิเคราะห์ว่าบุคคลนั้นพูดจริงหรือพูดเท็จ

เครื่องจับเท็จใช้ในงานด้านการสืบสวนเพื่อประโยชน์  ดังนี้

1)    ตรวจพยานบุคคลว่าเชื่อถือได้เพียงใด

2)    เพื่อคัดแยกผู้บริสุทธิ์ออก

3)    จำกัดจำนวนผู้ต้องสงสัย

4)    ช่วยพนักงานสอบสวนในการสืบหาตัวผู้กระทำผิด

 

ข้อ  2  ให้อธิบายความหมายของการตรวจสถานที่เกิดเหตุ  และมีหลักการปฏิบัติในการตรวจอย่างไรบ้าง

ธงคำตอบ

การตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ  หมายความถึง  การตรวจวิเคราะห์สถานที่ที่เป็นจุดเริ่มแรกของการกระทำความผิดทั้งหลาย  รวมทั้งบริเวณที่เกี่ยวเนื่องจากการกระทำผิดนั้นๆด้วย  โดยมีวัตถุประสงค์จะแสวงหาและรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆที่จะเป็นประโยชน์ในการติดตามตัวคนร้ายและพิสูจน์การกระทำความผิด  ผู้ที่ไปตรวจสถานที่เกิดเหตุจำต้องตรวจสถานที่เกิดเหตุด้วยความละเอียดรอบคอบเพื่อให้ทราบเบื้องต้นว่าผู้ใดเป็นผู้กระทำความผิด  กระทำอย่างไร  ด้วยวิธีการใด  วันเวลาที่เกิดเหตุ  และมีวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายในการกระทำผิดอย่างไร  เนื่องจากโดยหลักการแล้วไม่มีอาชญากรรมใดที่กระทำได้อย่างสมบูรณ์โดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆไว้ในสถานที่เกิดเหตุ  ดังนั้น  ถ้าผู้ตรวจที่เกิดเหตุได้ทำการตรวจสถานที่เกิดเหตุอย่างมีระเบียบแบบแผน  ขั้นตอน  ตามหลักการแล้ว  จะทำให้สามารถใช้ประโยชน์จากพยานวัตถุต่างๆในสถานที่เกิดเหตุซึ่งจะนำไปสู่ความสำเร็จสามารถคลี่คลายคดีนั้นๆได้

หลักการตรวจสถานที่เกิดเหตุ

ในการตรวจสถานที่เกิดเหตุ  มีหลักปฏิบัติตามขั้นตอนดังนี้

1       เมื่อได้รับแจ้งเหตุต้องรีบเดินทางไปให้ถึงสถานที่เกิดเหตุโดยเร็วที่สุด  เพราะว่าถ้าปล่อยไว้เนิ่นนาน  ร่องรอยพยานหลักฐานอาจถูกทำลาย  สูญหาย  หรืออาจเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพ  ซึ่งการไปถึงสถานที่เกิดเหตุด้วยความรวดเร็วจะก่อให้เกิดประโยชน์หลายประการ  เช่น  สามารถระงับเหตุได้ทันท่วงที  ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บได้ ก่อนที่เหตุการณ์จะลุกลามอันทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรง  นอกจากนี้หากคนร้ายยังอยู่ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจอาจพบตัวคนร้ายและทำการจับกุมตัวได้

2       เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุแล้ว  ต้องกันบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องให้ออกจากบริเวณที่เกิดเหตุแล้วจึงเริ่มลงมือตรวจสถานที่เกิดเหตุด้วยความละเอียดถี่ถ้วน  เพราะการป้องกันรักษาสถานที่เกิดเหตุให้อยู่ในสภาพเดิมมากที่สุดถือว่าเป็นหัวใจของการตรวจสถานที่เกิดเหตุเพื่อนำไปสู่การคลี่คลายคดีได้ในที่สุด

3       ทำแผนที่สังเขปและถ่ายรูปสิ่งต่างๆในที่เกิดเหตุ  ซึ่งการถ่ายรูปไว้จะช่วยในการพิจารณาในภายหลังได้อีกในกรณีที่เรามองข้ามบางสิ่งบางอย่างไป

4       การค้นหาร่องรอยและพยานหลักฐานต้องทำการเก็บให้ถูกต้องตามหลักกฎหมายหรือตามหลักวิทยาศาสตร์เพื่อป้องกันการผิดพลาด  และสามารถนำไปใช้เป็นหลักฐานในขั้นพิจารณาของศาลได้  หรือสามารถส่งไปตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ได้  โดยวัตถุที่ส่งไปตรวจไม่เสียหาย

5       ในขณะทำการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุควรสอบถามว่ามีผู้ใดเข้าไปในที่เกิดเหตุหรือมีการเคลื่อนย้ายสิ่งของใดหรือไม่  และถ้าพบบุคคลที่อยู่ใกล้ชิดกับเหตุการณ์ให้รีบซักถามหรือสอบสวนทันที

6       ในคดีสำคัญๆถ้าเห็นว่า  การตรวจสถานที่เกิดเหตุอาจไม่ละเอียดเพียงพอหรือต้องให้ผู้เชี่ยวชาญมาร่วมตรวจสถานที่เกิดเหตุด้วย  ก็ให้ป้องกันรักษาสถานที่เกิดเหตุให้คงสภาพเดิมมากที่สุด  เช่น  กรณีสถานที่เกิดเหตุอยู่ในอาคาร  ตัวบ้าน  ห้อง  ให้กั้นโดยการปิดล็อกทางเข้าทุกทาง  หรือหากสถานที่เกิดเหตุอยู่นอกอาคาร  เช่น  บนทางเท้า  สวนสาธารณะ  ให้ใช้เชือกหรือแผงเหล็กจราจรกั้นล้อมบริเวณที่เกิดเหตุไว้  ห้ามบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในสถานที่เกิดเหตุได้  หรืออาจจัดยามเฝ้าเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใดเข้าไปทำลายพยานหลักฐานเพื่อประโยชน์ในการตรวจในคราวต่อไป

7       กรณีพบผู้บาดเจ็บในสถานที่เกิดเหตุ  ให้ทำการปฐมพยาบาลแล้วรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลเป็นอันดับแรก  ในการนำส่งผู้บาดเจ็บควรมีเจ้าหน้าที่ตำรวจไปด้วยทุกครั้ง  เพราะผู้บาดเจ็บอาจพูดอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีได้  โดยเฉพาะคำกล่าวของคนใกล้ตายที่รู้ว่าจะถึงแก่ความตายสามารถใช้เป็นพยานหลักฐานทางคดีได้  ในกรณีที่พบศพห้ามเคลื่อนย้ายจนกว่าจะได้รับการชันสูตรพลิกศพตามกฎหมาย

8       สิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดแรกควรปฏิบัติขณะที่รอผู้ชำนาญการมาถึง  เจ้าหน้าที่ตำรวจในสถานที่เกิดเหตุไม่ควรปล่อยเวลาให้เปล่าประโยชน์  ควรใช้เวลาระหว่างการรอคอยนี้ให้เป็นประโยชน์ด้วย

 

ข้อ  3  เอ็มได้เปิดบัญชีเงินฝากไว้กับธนาคารแห่งหนึ่งเป็นจำนวนหนึ่งพันบาท  หลังจากนั้นไม่ได้เอาเงินฝากอีกเลย  ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ธนาคารได้นำเงินฝากจำนวนสองหมื่นบาทของอ้วนซึ่งเป็นลูกค้าอีกรายหนึ่งของธนาคารเข้าบัญชีของเอ็มโดยผิดพลาด  เอ็มรู้ว่ามีการนำเงินของผู้อื่นเข้าบัญชีของตนโดยผิดพลาด  แต่เอ็มก็ยังถอนเงินดังกล่าวออกไปใช้จนหมด  การกระทำดังกล่าวของเอ็มจึงเป็นความผิดฐานยักยอกตาม  ป.อาญา  มาตรา  352  วรรคสอง ดังนี้  ให้ท่านวินิจฉัยว่า  ในความผิดดังกล่าวนี้ใครเป็นผู้เสียหาย  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

มาตรา  2(4)  ในประมวลกฎหมายนี้

(4) ผู้เสียหาย  หมายความถึง  บุคคลผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำความผิดฐานใดฐานหนึ่ง  รวมทั้งบุคคลอื่นที่มีอำนาจจัดการแทนได้  ดังบัญญัติไว้ในมาตรา  4, 5 และ  6

วินิจฉัย

การที่เจ้าหน้าที่ธนาคารได้นำเงินฝากจำนวนสองหมื่นบาทของอ้วนซึ่งเป็นลูกค้าอีกรายหนึ่งของธนาคารเข้าบัญชีของเอ็มโดยผิดพลาด  และเอ็มได้ถอนเงินดังกล่าวออกไปใช้จนหมด  ถือว่าธนาคารเป็นผู้เสียหาย  เพราะเงินที่จ่ายไปเป็นของธนาคาร  กล่าวคือ  ธนาคารเป็นที่รับฝากเงิน  ธนาคารสามารถนำเงินที่ฝากนั้นออกไปใช้ได้  แต่ธนาคารต้องคืนเงินที่ฝากให้กับผู้รับฝากจนครบจำนวน  แม้เงินที่ฝากนั้นจะได้สูญหายไปด้วยเหตุสุดวิสัยก็ตาม  ดังนั้น  ธนาคารจึงเป็นผู้เสียหายในความผิดฐานยักยอก  ตาม  ป.วิ.อาญา  มาตรา  2(4)

ข้อ  4  เกรียงไกรงัดตู้โทรศัพท์สาธารณะขององค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยแล้วเอาเหรียญกษาปณ์ที่ค้างอยู่ในตู้ไป  โดยเงินดังกล่าวนั้นเป็นเงินของประชาชนที่มาใช้โทรศัพท์แล้วไม่สามารถติดต่อปลายทางได้  ทำให้เหรียญกษาปณ์ตกลงไปในช่องคืนเหรียญ  แต่เจ้าของเหรียญกษาปณ์ยังเอาเหรียญกษาปณ์คืนไปไม่ได้เพราะเหรียญกษาปณ์ติดค้างอยู่บนกระดาษที่เกรียงไกรเอาไปอุดไว้  หลังจากนั้นเกรียงไกรก็เข้าไปงัดตู้โทรศัพท์โดยใช้ลวดเขี่ยให้เหรียญกษาปณ์ไหลลงมาแล้วเอาเหรียญนั้นไป  ปรากฏว่าองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อให้สอบสวนดำเนินคดีกับเกรียงไกรในความผิดฐานลักทรัพย์  ดังนี้  ให้ท่านวินิจฉัยว่า  การร้องทุกข์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

มาตรา  2(4)  ในประมวลกฎหมายนี้

(5) ผู้เสียหาย  หมายความถึง  บุคคลผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำความผิดฐานใดฐานหนึ่ง  รวมทั้งบุคคลอื่นที่มีอำนาจจัดการแทนได้  ดังบัญญัติไว้ในมาตรา  4, 5 และ  6

มาตรา  2(7)  ในประมวลกฎหมายนี้

(7) คำร้องทุกข์  หมายความถึง  การที่ผู้เสียหายได้กล่าวหาต่อเจ้าหน้าที่ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้  ว่ามีผู้กระทำความผิดขึ้นจะรู้ตัวผู้กระทำความผิดหรือไม่ก็ตาม  ซึ่งกระทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหาย  และการกล่าวหาเช่นนั้นได้กล่าวโดยมีเจตนาจะให้ผู้กระทำความผิดรับโทษ

วินิจฉัย

ถือได้ว่าเหรียญกษาปณ์ดังกล่าวนั้นยังเป็นของผู้ใช้โทรศัพท์อยู่  เพราะเหตุที่เหรียญติดค้างเพราะกระดาษที่เกรียงไกรเอาไปอุดไว้ความครอบครองยังอยู่กับเจ้าของเหรียญกษาปณ์อยู่  ผู้เสียหายในคดีนี้ก็คือ  ประชาชนที่มาใช้โทรศัพท์  ดังนั้น  การร้องทุกข์ขององค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย  เพราะองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยไม่อยู่ในฐานะเป็นผู้เสียหายตาม  ป. วิอาญา มาตรา  2(4) (7)

LAW3035 การสืบสวนและสอบสวน 2/2550

การสอบไล่ภาค  2  ปีการศึกษา  2550

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW3035 การสืบสวนและสอบสวน 

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี  4  ข้อ

ข้อ  1  จงอธิบายความหมายของพยานหลักฐาน  และคุณค่าของพยานวัตถุ

ธงคำตอบ

พยานหลักฐาน  หมายถึง  พยานวัตถุ  พยานเอกสาร  หรือพยานบุคคล  ซึ่งน่าจะพิสูจน์ได้ว่าจำเลยมีความผิดหรือบริสุทธิ์  ใช้อ้างเป็นพยานหลักฐานได้  แต่ต้องเป็นพยานชนิดที่มิได้เกิดจากการจูงใจ  มีคำมั่นสัญญา  ขู่เข็ญ  หลอกลวง  หรือมิชอบประการอื่นๆ

คุณค่าของพยานหลักฐาน  ความสำคัญของพยานหลักฐานอยู่ที่การยอมรับของศาล  หากศาลยอมรับถือว่าพยานมีน้ำหนักรับฟังได้

คุณค่าของพยานวัตถุ

1       เป็นสิ่งที่พิสูจน์ถึงการเกิดขึ้นจริงของคดี  หรือเป็นการพิสูจน์ว่ามีความผิดเกิดขึ้น

2       เชื่อมโยงผู้ต้องสงสัยให้เข้ามาเกี่ยวข้องกับผู้เสียหายหรือสถานที่เกิดเหตุ

3       สามารถชี้ตัวผู้กระทำความผิด  และป้องกันผู้บริสุทธิ์ที่ถูกกล่าวหาได้

4       สามารถยืนยันคำให้การของผู้เสียหาย

5       ทำให้เกิดการรับสารภาพ

6       เชื่อถือได้มากกว่าประจักษ์พยาน

7       ช่วยศาลในการวินิจฉัยคดี  โดยเฉพาะพยานที่ผ่านการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์

8       ใช้ในการยุติข้อโต้แย้งของคดี

 

ข้อ  2  ความแตกต่างระหว่างการฆ่าตัวตายกับการถูกฆาตกรรมในการสืบสวนมีหลักการพิจารณาสำคัญๆอะไรบ้าง  จงอธิบาย

ธงคำตอบ

ความแตกต่างระหว่างการฆ่าตัวตายกับการถูกฆาตกรรมในการสืบสวนมีหลักการพิจารณา  ดังนี้

1       พิจารณาจากบาดแผล

–                    ตำแหน่งของบาดแผล  จำนวนบาดแผล  จุดเริ่มต้นของบาดแผล  บาดแผลที่กระดูก  บาดแผลจากการป้องกันตัว

–                    แผลที่เกิดจากการพยายามฆ่าตัวตาย

–                    การฉีกขาดของเครื่องแต่งกาย

–                    คราบโลหิตที่มือ

–                    อาวุธ  การเลือกอาวุธ  จำนวนอาวุธ

–                    ร่องรอย  สิ่งของต่างๆ  เช่น  เสื้อผ้า  กางเกง

–                    การไหลของโลหิต

2       ร่องรอยการต่อสู้ในสถานที่เกิดเหตุ

–                    รอยโลหิต  ร่องรอยการดิ้นรนต่อสู้  การล้มลงของเฟอร์นิเจอร์

–                    ร่อยรอยอาวุธ  กรณีพบรอย  เช่น  รอยมีด  รอบขวาน  รอยถูกยิง  ปลอกกระสุน

–                    บาดแผลป้องกันตัว

–                    รอบขีดข่วน  รอยถลอกตามร่างกาย

–                    สภาพของเสื้อผ้าฉีกขาด

3       เหตุจูงใจในการตาย

สภาพปัญหาทางร่างกาย  จิตใจ  ปัญหาครอบครัว  การเรียน  การทำงาน  ปัญหาทางเศรษฐกิจ  อาจสอบถามจากญาติ เพื่อน  คนใกล้ชิด

 4       สภาพทางเข้า  ออก ของสถานที่เกิดเหตุ

5       ร่องรอยอาชญากรรมอื่นในสถานที่เกิดเหตุ

 

ข้อ  3  นายต้น  อายุ  21  ปี  เป็นบุตรบุญธรรมของนายต้อม  ต่อมานายต้นถูกนายเตี้ยฆ่าตาย  นายต้อมจึงไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อให้สอบสวนดำเนินคดีกับนายเตี้ย  ดังนี้  ให้วินิจฉัยว่า  การร้องทุกข์ของนายต้อมชอบด้วยกฎหมายหรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

มาตรา  2(4)  ในประมวลกฎหมายนี้

(4) ผู้เสียหาย  หมายความถึง  บุคคลผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำความผิดฐานใดฐานหนึ่ง  รวมทั้งบุคคลอื่นที่มีอำนาจจัดการแทนได้  ดังบัญญัติไว้ในมาตรา  4, 5 และ  6

มาตรา  2(7)  ในประมวลกฎหมายนี้

(7) คำร้องทุกข์  หมายความถึง  การที่ผู้เสียหายได้กล่าวหาต่อเจ้าหน้าที่ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้  ว่ามีผู้กระทำความผิดขึ้นจะรู้ตัวผู้กระทำความผิดหรือไม่ก็ตาม  ซึ่งกระทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหาย  และการกล่าวหาเช่นนั้นได้กล่าวโดยมีเจตนาจะให้ผู้กระทำความผิดรับโทษ

มาตรา  3 (1)  บุคคลดังระบุในมาตรา  4, 5 และ  6  มีอำนาจจัดการต่อไปนี้แทนผู้เสียหายตามเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้นๆ

(1) ร้องทุกข์

มาตรา  5(2)  บุคคลเหล่านี้จัดการแทนผู้เสียหายได้

(2) บุพการี  ผู้สืบสันดาน  สามีหรือภริยาเฉพาะแต่ในความผิดอาญา  ซึ่งผู้เสียหายถูกทำร้ายถึงตายหรือบาดเจ็บจนไม่สามารถจะจัดการเองได้

วินิจฉัย

บุตรบุญธรรมไม่ใช่ผู้สืบสันดาน  ปละผู้รับบุตรบุญธรรมก็ไม่ใช่บุพการีของบุตรบุญธรรมเช่นกัน  ตามมาตรา  5(2)  นายต้อมจึงไม่ใช่ผู้เสียหายประเภทเป็นผู้มีอำนาจจัดการแทน  ตามมาตรา  2(4)  ประกอบมาตรา  5(2)  ดังนั้น  การร้องทุกข์ของนายต้อมจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย  ตามมาตรา  2  (7)  ประกอบมาตรา 3 (1)

ข้อ  4  จากข้อเท็จจริงตามข้อสอบในข้อ  3  ให้วินิจฉัยว่า  พนักงานสอบสวนจะมีอำนาจในการสอบสวนคดีนี้หรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

มาตรา  121  วรรคแรก  พนักงานสอบสวนมีอำนาจสอบสวนคดีอาญาทั้งปวง

วินิจฉัย

การที่นายต้นถูกนายเตี้ยฆ่าตาย  เป็นความผิดต่ออาญาแผ่นดิน  พนักงานสอบสวนจึงมีอำนาจสอบสวนคดีนี้ได้  แม้การร้องทุกข์ของนายต้อมไม่ชอบด้วยกฎหมายก็ตาม  เนื่องจากในคดีความผิดอาญาแผ่นดินนั้น  พนักงานสอบสวนชอบที่จะทำการสอบสวนได้โดยไม่จำเป็นต้องมีคำร้องทุกข์จากผู้เสียหาย  ตาม  ป.วิ.อาญา  มาตรา  121  วรรคแรก  (ฎ. 1681/2535 ฎ. 784/2483)

LAW3035 การสืบสวนและสอบสวน ภาคฤดูร้อน/2550

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน  ปีการศึกษา  2550

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW3035 การสืบสวนและสอบสวน 

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี  4  ข้อ

ข้อ  1  จงอธิบายถึงวิธีการสืบสวนคดีอาญาว่ามีอะไรบ้าง

ธงคำตอบ

วิธีการสืบสวนคดีอาญามี  5  วิธีคือ

1       การซักถามบุคคล

2       การตรวจสถานที่เกิดเหตุ

3       การเฝ้าตรวจบุคคลสิ่งของและสถานที่โดยวิธีปิด

4       การใช้สายลับ

5       ข่าวกรองตำรวจ

ข้อ  2  การสอบสวนมีความสำคัญต่อการฟ้องคดีอาญาของพนักงานอัยการอย่างไร  ให้อธิบายพร้อมยกหลักกฎหมายประกอบคำอธิบาย

ธงคำตอบ

มาตรา  120  ห้ามมิให้พนักงานอัยการยื่นฟ้องคดีใด  โดยมิได้มีการสอบสวนในความผิดนั้นก่อน

วินิจฉัย

จากบทบัญญัติมาตรา  120  อำนาจของพนักงานอัยการในการฟ้องคดีอาญาทั้งปวงนั้นหมายถึงคดีอาญาทุกความผิด  ไม่ว่าจะเป็นคดีความผิดต่อส่วนตัวหรือต่ออาญาแผ่นดินก็ตาม  พนักงานอัยการจะฟ้องคดีได้ก็ต่อเมื่อมีการสอบสวนโดยพนักงานสอบสวนในความผิดนั้นแล้วเท่านั้น  อนึ่ง  การสอบสวนนั้นจะต้องชอบด้วยกฎหมายด้วย  ถ้าการสอบสวนของพนักงานสอบสวนเป็นไปโยไม่ชอบ  พนักงานอัยการก็ไม่มีอำนาจฟ้อง  (ฎ. 3831/2532)

 

ข้อ  3  นายสนิทเป็นทนายความของนายสนอง  (ตัวความ)  ต่อมาปรากฏว่านายสนิทรับชำระเงินจำนวนหนึ่งแสนบาทจากฝ่ายตรงข้าม โดยที่นายสนองไม่ได้มอบหมายให้นายสนิทมีอำนาจรับเงินจากฝ่ายตรงข้าม  และนายสนิทได้เบียดบังเงินจำนวนดังกล่าวไว้เป็นของตนโดยทุจริต  ดังนี้  ให้วินิจฉัยว่า  ในความผิดอาญาที่นายสนิทได้กระทำไปนั้นใครคือผู้เสียหาย  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

มาตรา  2(4)  ในประมวลกฎหมายนี้

(4) ผู้เสียหาย  หมายความถึง  บุคคลผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำความผิดฐานใดฐานหนึ่ง  รวมทั้งบุคคลอื่นที่มีอำนาจจัดการแทนได้  ดังบัญญัติไว้ในมาตรา  4, 5 และ  6

วินิจฉัย

นายสนอง  (ตัวความ)  ไม่เป็นผู้เสียหาย  ผู้เสียหายในกรณีนี้คือฝ่ายตรงข้ามที่เป็นเจ้าของเงิน  ตาม  ป.วิ. อ. มาตรา  2 (4)  เนื่องจากเงินดังกล่าวนายสนิททนายความไม่ได้รับมอบอำนาจจากนายสนองให้มีอำนาจรังเงินจากฝ่ายตรงข้าม  เมื่อฝ่ายตรงข้ามมอบเงินให้แก่นายสนิท  เงินนั้นก็ยังคงเป็นของฝ่ายตรงข้าม  ไม่ได้เป็นของนายสนิทแต่อย่างใด  ดังนั้น  นายสนองไม่เป็นผู้เสียหายและไม่มีอำนาจร้องทุกข์  (ฎ. 815/2535 (ที่ประชุมใหญ่))

ข้อ  4  จากข้อเท็จจริงตามข้อสอบในข้อ  3  ข้างต้นนั้น  ถ้าต่อมาปรากฏว่านายสนองได้ไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้สอบสวนดำเนินคดีกับนายสนิทในความผิดอาญาดังกล่าว  ดังนี้  ให้วินิจฉัยว่า  พนักงานสอบสวนจะมีอำนาจในการสอบสวนคดีนี้หรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

มาตรา  2(4)  ในประมวลกฎหมายนี้

(4) ผู้เสียหาย  หมายความถึง  บุคคลผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำความผิดฐานใดฐานหนึ่ง  รวมทั้งบุคคลอื่นที่มีอำนาจจัดการแทนได้  ดังบัญญัติไว้ในมาตรา  4, 5 และ  6

มาตรา  2(7)  ในประมวลกฎหมายนี้

(7) คำร้องทุกข์  หมายความถึง  การที่ผู้เสียหายได้กล่าวหาต่อเจ้าหน้าที่ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้  ว่ามีผู้กระทำความผิดขึ้นจะรู้ตัวผู้กระทำความผิดหรือไม่ก็ตาม  ซึ่งกระทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหาย  และการกล่าวหาเช่นนั้นได้กล่าวโดยมีเจตนาจะให้ผู้กระทำความผิดรับโทษ

มาตรา  121  วรรคสอง  แต่ถ้าเป็นคดีความผิดโดยส่วนตัว  ห้ามมิให้ทำการสอบสวน  เว้นแต่จะมีคำร้องทุกข์ตามระเบียบ

วินิจฉัย

นายสนอง  (ตัวความ)  ไม่เป็นผู้เสียหาย  ตาม  ป.วิ.อ. มาตรา  2(4)  นายสนองจึงร้องทุกข์ไม่ได้  เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่านายสนองได้ไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้สอบสวนดำเนินคดีกับนายสนิท  การร้องทุกข์ดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย  ตาม  ป.วิ.อ มาตรา  2(4)  และ  (7)  และเมื่อการร้องทุกข์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย  พนักงานสอบสวนจึงไม่มีอำนาจสอบสวนตาม  ป.วิ.อ  มาตรา  121  วรรคสอง

LAW3035 การสืบสวนและสอบสวน 2/2551

การสอบไล่ภาค  2  ปีการศึกษา  2551

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW3035 การสืบสวนและสอบสวน

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน  มี  4  ข้อ

ข้อ  1  ในทางคดีอาญา  การตรวจสถานที่เกิดเหตุถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากพยานหลักฐานต่างๆ  ในสถานที่เกิดเหตุได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ให้อธิบายว่าหลักการตรวจสถานที่เกิดเหตุควรมีหลักปฏิบัติขั้นตอนอย่างไร

ธงคำตอบ

1       เมื่อได้รับแจ้งเหตุต้องรีบเดินทางไปให้ถึงสถานที่เกิดเหตุโดยเร็วที่สุดและปลอดภัย

2       เมื่อไปถึงต้องกันบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากบริเวณที่เกิดเหตุ  แล้วจึงเริ่มลงมือตรวจสถานที่เกิดเหตุด้วยความละเอียดถี่ถ้วน  ป้องกันสถานที่เกิดเหตุให้อยู่ในสภาพเดิมให้มากที่สุด

3       ทำแผนที่สังเขป  และถ่ายรูปสิ่งต่างๆในที่เกิดเหตุไว้

4       ค้นหาร่องรอยและพยานหลักฐาน  ต้องทำการเก็บให้ถูกต้องตามหลักกฎหมายและตามหลักวิทยาศาสตร์  เพื่อให้สามารถนำไปใช้เป็นหลักฐานในชั้นศาลได้

5       ในขณะทำการตรวจสถานที่เกิดเหตุควรสอบถามว่ามีผู้ใดเข้าไปในที่เกิดเหตุหรือไม่  มีการเคลื่อนย้ายสิ่งของใดหรือไม่

6       ในคดีสำคัญควรเรียกผู้เชี่ยวชาญมาร่วมตรวจสถานที่เกิดเหตุด้วย

7       กรณีมีผู้บาดเจ็บให้ปฐมพยาบาลแล้วรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล

ข้อ  2  เจ้าพนักงานผู้สอบสวนคดีอาญา  นอกจากจะต้องเป็นผู้รู้ตัวบทกฎหมายแล้ว  ผู้สืบสวนจะต้องมีคุณสมบัติที่สำคัญและยึดถือหลักปฏิบัติอย่างไร

ธงคำตอบ

ผู้สืบสวนที่ดีควรจะต้องมีคุณสมบัติและยึดถือหลักปฏิบัติดังต่อไปนี้

1       ต้องตั้งตนเป็นกลาง

2       มีความอดทนและเพียรพยายาม

3       มีปฏิภาณไหวพริบดี

4       มีความกล้าหาญ

5       ต้องเพาะความนิยม

6       ต้องมีความรอบคอบ

7       มีความรู้เกี่ยวกับเทคนิคสมัยใหม่

8       มีความสำนึกในเกียรติและซื่อตรงต่อหน้าที่

 

ข้อ  3  นายเจมส์  อายุ  18  ปี  บิดาและมารดาถึงแก่ความตายหมดแล้ว  นายเจมส์มีพี่ชายเพียงคนเดียวคือนายโจ  ต่อมานายเจมส์ถูกนายจอมฆ่าตาย  นายโจจึงไปแจ้งข้อกล่าวหาต่อพนักงานสอบสวนเพื่อให้สอบสวนดำเนินคดีกับนายจอม  ดังนี้  ให้วินิจฉัยว่า  คำกล่าวหาของนายโจเป็นคำร้องทุกข์ตามกฎหมายหรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

มาตรา  2(4)    ผู้เสียหายหมายความถึงบุคคลผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำผิดฐานใดฐานหนึ่ง  รวมทั้งบุคคลอื่นที่มีอำนาจจัดการแทนได้  ดั่งบัญญัติไว้ในมาตรา  4  ,  5     และ   6

มาตรา  2(7)  คำร้องทุกข์  หมายความถึงการที่ผู้เสียหายได้กล่าวหาต่อเจ้าหน้าที่ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้  ว่ามีผู้กระทำความผิดขึ้น  จะรู้ตัวผู้กระทำความผิดหรือไม่ก็ตามซึ่งกระทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหาย  และการกล่าวหาเช่นนั้นได้กล่าวโดยมีเจตนาจะให้ผู้กระทำความผิดได้รับโทษ

มาตรา  3 (1)  บุคคลดั่งระบุในมาตรา  4, 5  และ  6  มีอำนาจจัดการต่อไปนี้แทนผุ้เสียหายตามเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้นๆ

(1) ร้องทุกข์

มาตรา  5 (2)  บุคคลเหล่านี้จัดการแทนผู้เสียหายได้

(2) ผู้บุพการี  ผู้สืบสันดาน  สามีภรรยาเฉพาะแต่ในความผิดอาญา  ซึ่งผู้เสียหายถูกทำร้ายถึงตายหรือบาดเจ็บจนไม่สามารถจะจัดการเองได้

วินิจฉัย

ภายใต้บทบัญญัติแห่ง  ป. วิอาญา  มาตรา  2 (4)  ผู้เสียหายหมายความถึงบุคคล  2  จำพวก  คือ  ผู้ได้รับความเสียหายโดยตรง  กับบุคคลอื่นที่มีอำนาจจัดการแทน  ซึ่งได้แก่บุคคลดังบัญญัติไว้ในมาตรา  4 , 5 และ 6  ซึ่งตามมาตรา  5 (2)  นั้น  เป็นการจัดการแทนกันได้ระหว่างบุคคลสองคู่ด้วยกัน  คือ

1       ผู้บุพการีกับผู้สืบสันดาน

2       สามีกับภริยา

ซึ่งจะเห็นว่าพี่ชายไม่ใช่ผู้เสียหายประเภทเป็นผู้มีอำนาจจัดการแทน  ตามมาตรา  2 (4)  ประกอบมาตรา  5 (2)  นายโจจึงร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อให้สอบสวนดำเนินคดีกับนายจอม  ตามมาตรา  2 (7)  ประกอบมาตรา  3 (1)  ไม่ได้  ดังนั้นคำกล่าวหาของนายโจจึงไม่เป็นคำร้องทุกข์ตามกฎหมาย

ข้อ  4  จากข้อเท็จจริงตามข้อสอบในข้อ  3  ข้างต้นนั้น  ให้วินิจฉัยว่า  พนักงานสอบสวนจะมีอำนาจในการสอบสวนคดีนี้ได้หรือไม่  เพราะเหตุใด 

ธงคำตอบ

มาตรา  121  วรรคแรก  พนักงานสอบสวนมีอำนาจสอบสวนคดีอาญาทั้งปวง

วินิจฉัย

การที่นายเจมส์ถูกนายจอมฆ่าตาย  เป็นความผิดต่ออาญาแผ่นดิน  พนักงานสอบสวนจึงมีอำนาจสอบสวนคดีนี้ได้  เนื่องจากในคดีความผิดอาญาแผ่นดินนั้น  พนักงานสอบสวนชอบที่จะทำการสอบสวนได้โดยไม่จำเป็นต้องมีคำร้องทุกข์จากผู้เสียหาย  ตาม  ป. วิ . อาญา  มาตรา  121  วรรคแรก  เทียบนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 1681 / 2535 , 784/2483)

WordPress Ads
error: Content is protected !!