LAW4002 การว่าความและการจัดทำเอกสารทางกฎหมาย การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2549

การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2549

ข้อสอบกระบวนวิชา LAW4002 การว่าความและการจัดทำเอกสารทางกฎหมาย

คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน จำนวน 4 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)

ข้อ 1. โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของเด็กชายดำรง โจทก์และจำเลยได้อยู่กินด้วยกัน ฉันสามีภรรยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรส มีบุตรด้วยกัน 1 คนคือเด็กชายดำรง อายุ 3 ขวบ เมื่อโจทก์ คลอดเด็กชายดำรงแล้ว จำเลยได้ประพฤติตัวห่างเหินไป โดยจำเลยได้ไปอยู่กับภรรยาคนเก่าและ ไม่ยอมไปมาหาสู่โจทก์ โจทก์จึงไปพบจำเลยเพื่อขอให้จำเลยจดทะเบียนรับเด็กชายดำรงเป็นบุตร แต่จำเลยปฏิเสธ โจทก์จึงฟ้องศาลให้จำเลยจดทะเบียนรับเด็กชายดำรงเป็นบุตร ศาลนัดสืบพยาน ในวันที่ 23 มีนาคม 2550 เวลา 09.00 น.

โจทก์มีความประสงค์ที่จะขอให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาโดยไม่เปิดเผย โดยอ้างเหตุผลดังนี้

1. ต้องนำสืบพยานบุคคลและพยานเอกสารถึงความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับจำเลย หากการ ดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลถูกเปิดเผยออกสู่ประชาชน อาจทำให้พยานและผู้เกี่ยวข้อง ได้รับความเสียหาย

2. เป็นการขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน

ให้ท่านในฐานะทนายโจทก์ร่างคำร้องเพี่อยื่นต่อศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ โดยขอให้ศาล ดำเนินกระบวนพิจารณาโดยไมเปิดเผยตามความประสงค์ของโจทก์ (ให้ร่างแต่ใจความในคำร้อง โดยไม่ต้องคำนึงถึงแบบพิมพ์ศาล)

ธงคำตอบ

คำร้องขอให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาโดยไม่เปิดเผย

ข้อ 1. คดีนี้ศาลนัดสืบพยานโจทก์ในวันนี้ เวลา 09.00 น. โจทก์ขอกราบเรียนต่อศาลว่า การดำเนินกระบวนพิจารณาในคดีนี้ โจทก์ต้องสืบพยานบุคคล และพยานเอกสารถึงความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับจำเลย หากการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลถูกเปิดเผยออกไปสู่สาธารณชน อาจทำให้พยานและผู้เกี่ยวข้อง ได้รับความเสียหาย และเป็นการขัดต่อศีลธรรมอันดีงามของประชาชน โจทก์จึงขอประทานกราบเรียนต่อศาล ได้โปรดมีคำสั่งให้ ดำเนินกระบวนพิจารณาโดยไม่เปิดเผย ขอศาลได้โปรดอนุญาตด้วย

ควรมีควรแล้วแต่จะโปรด

ลงชื่อ…..(ลายมือชื่อนักศึกษา)…..ทนายโจทก์

คำร้องฉบับนี้ ข้าพเจ้า (ชื่อนักศึกษา) ทนายโจทก์เป็นผู้เรียงและพิมพ์

ลงชื่อ……(ลายมือชื่อนักศึกษา)…..ผู้เรียงและพิมพ์

ข้อ 2. ในคดีฟ้องเรียกค่าเสียหายจากการผิดสัญญา เจ้าพนักงานเดินหมายของศาลได้นำหมายเรียกและ สำเนาคำฟ้องไปส่งให้กับจำเลยเป็นครั้งแรก แต่ไม่พบบริษัทจำเลย โดยพนักงานรักษาความปลอดภัย ประจำตึกแจ้งว่าบริษัทจำเลยได้ย้ายออกไปแล้ว โดยไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ใด และไม่ยอมรับหมายเรียก และสำเนาคำฟ้องไว้แทน เมื่อโจทก์ไปคัดหนังสือรับรองการจัดตั้งบริษัทของจำเลยจากกระทรวงพาณิชย์ ก็ไม่มีรายละเอียดการแจ้งย้ายที่อยู่ของจำเลย ทำให้ไม่สามารถส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แกจำเลยยังภูมิสำเนาได้เนื่องจากไม่ทราบที่อยู่ของจำเลยเพื่อให้การดำเนินคดีเป็นไปโดยไม่ล่าช้า โจทก์จึงขอส่งสำเนาหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แกจำเลยทราบทางหนังสือพิมพ์รายวัน ทั้งนี้ โจทก์ยอมเสียค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการประกาศทุกประการ

ดังนั้นจึงให้ท่านในฐานะทนายโจทก์ ยื่นคำแถลงต่อศาลขอให้ศาลมีคำสั่งให้ส่งหมายเรียกและ สำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยโดยการประกาศทางหนังสือพิมพ์รายรัน เพราะไม่ทราบที่อยู่ของจำเลย (ให้ร่างแต่ใจความในคำแถลงเท่านั้น โดยไมต้องคำนึงถึงแบบพิมพ์ศาล)

งคำตอบ

คำแถลงขอให้ประกาศทางหนังสือพิมพ์

ข้อ 1. คดีนี้เจ้าพนักงานเดินหมายของศาลได้นำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไปส่งให้จำเลย เป็นครั้งแรก แต่ไม่พบจำเลยโดยพนักงานประจำตึกแจ้งว่าจำเลยได้ย้ายออกไปแล้วไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ใด และไม่ยอมรับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไว้แทน รายละเอียดปรากฏตามรายงานการเดินหมายเอกสารท้ายคำร้องนี้ โจทก์ได้คัดหนังสือรับรองการจัดตั้งบริษัทของจำเลยจากกระทรวงพาณิชย์แล้ว ก็ไม่มีรายละเอียดการแจ้งย้ายที่อยู่ ของจำเลยแต่ประการใด จึงไม่ทราบว่าจำเลยมีภูมิสำเนาอยู่ที่ใด

ข้อ 2. เพื่อให้การดำเนินคดีเป็นไปโดยไม่ชักช้า โจทก์จึงขอประธานศาลได้โปรดมีคำสั่งให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยทราบโดยการประกาศทางหนังสือพิมพ์รายวัน ทั้งนี้ โจทก์ยอมเสียค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายในการประกาศทุกประการ ขอศาลได้โปรดกรุณาอนุญาต

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

ลงชื่อ……(ลายมือชื่อนักศึกษา)……ทนายโจทก์

คำแถลงฉบับนี้ ข้าพเจ้า (ชื่อนักศึกษา) ทนายโจทก์เป็นผู้เรียงและพิมพ์

ลงชื่อ…….(ลายมือชื่อนักศึกษา)……ผู้เรียงและพิมพ์

ข้อ 3. ข้อเท็จจริงในสำนวนการสอบสวนคดีเรื่องหนึ่งได้ความว่า เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2550 เวลาประมาณ 19.00 นาฬิกา ร้อยตำรวจเอกสมภพกับพวก ได้ออกตรวจไปถึงบริเวณคลองหลอด แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ได้พบนายแดงตั้งแผงขายวีชีดีอยู่ริมถนน จึงเข้าไปดู พบมีวีชีดีภาพยนตร์จำนวน 9 แผ่น ชายหญิงเปลือยกายแสดงการร่วมเพศการกระทำชำเราในท่า ต่าง ๆ ปะปนอยู่ด้วย จึงเข้าทำการจับกุมนายแดงกล่าวหาว่ามีแถบบันทึกภาพเสียงอันลามกไว้เพื่อประสงค์แห่งการค้า พร้อมกับยึดวีชีดีภาพยนตร์ดังกล่าวจำนวน 9 แผ่น เป็นของกลางนำส่ง พันตำรวจตรีสมบัติพนักงานสอบสวนทำการสอบสวน ชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ และ พนักงานสอบสวนอนุญาตให้นายแดงได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวไป และพนักงานสอบสวนได้ยื่น คำร้องขอผัดฟ้องนายแดงไว้ ตามคำร้องขอผัดฟ้องที่ ผ. 141/2546 ส่วนวีชีดีภาพยนตร์จำนวน 9 แผ่น พนักงานสอบสวนเก็บรักษาไว้ ตอมาวันนี้พนักงานสอบสวนนำตัวนายแดงพร้อมด้วยสำนวน การสอบสวนมาส่งพนักงานอัยการ พนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้องนายแดงตามข้อกล่าวหา

สมมติว่านักศึกษาเป็นพนักงานอัยการผู้รับผิดชอบคดีนี้ ให้นักศึกษาเรียงคำฟ้องคดีนี้เฉพาะเนื้อหา คำฟ้อง ตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 158(5)

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287 ผู้ใด

(1)       เพื่อความประสงค์แห่งการค้า หรือโดยการค้า เพื่อการจ่ายแจกหรือเพื่อการแสดงอวด แก่ประชาชน ทำ ผลิต มีไว้ นำเข้าหรือยังให้นำเข้าในราชอาณาจักร ส่งออกหรือยังให้ส่งออกไป นอกราชอาณาจักร พาไปหรือยังให้พาไป หรือทำให้แพร่หลายโดยประการใด ๆ ซึ่งเอกสาร ภาพเขียน ภาพพิมพ์ ภาพระบายสี สิ่งพิมพ์ รูปภาพ ภาพโฆษณา เครื่องหมาย รูปถ่าย ภาพยนตร์ แถบบันทึกเสียง แถบบันทึกภาพหรือสิ่งอื่นใดอันลามก

(2)       …

(3)       …

ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ธงคำตอบ

คำฟ้องอาญา

ข้อ 1. เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2550 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยนี้ เพื่อประสงค์แห่งการค้า และเพื่อจำหน่ายจ่ายแจกและแสดงอวดแก่ประชาชน ได้บังอาจมีวีซีดีภาพยนตร์ จำนวน 9 แผ่น ซึ่งเป็น แถบบันทึกภาพและเสียงดังกล่าวที่มีรูปเปลือยของชายหญิงแสดงการร่วมเพศ การกระทำชำเราในท่าต่าง ๆ ระหว่าง ชายหญิงซึ่งล้วนมีลักษณะหยาบคายลามก อันทำให้เสื่อมเสียศีลธรรมและวัฒนธรรมอันดีของชาติ

เหตุเกิดที่แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

ข้อ 2. ตามวันเวลาในฟ้องข้อ 1 เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมกับยึดแผนวิชีดีลามก จำนวน 9 แผ่น ดังกล่าวเป็นของกลางนำส่งเจ้าพนักงานสอบสวนทำการสอบสวน ชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ ระหว่างสอบสวนจำเลยไม่ถูกควบคุมตัวโดยมีผู้ประกันตัวไป ของกลางเจ้าพนักงานเก็บรักษาไว้

อนึ่ง คดีนี้พนักงานสอบสวนได้ยื่นคำร้องขอผัดฟ้องจำเลยไว้ ตามคำร้องขอผัดฟ้องที่ ผ. 141/2546 ของศาลนี้

 

ข้อ 4. นักศึกษามีความเข้าใจในข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พุทธศักราช 2529 เรื่องมรรยาทของทนายความที่มีต่อตัวความเป็นอย่างไร มีอะไรบ้าง ให้อธิบาย

ธงคำตอบ

อธิบาย

ตามข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529 เรื่องมรรยาททนายความ ต่อตัวความมีบัญญัติไว้ในข้อ 9 ถึงข้อ 15 มีดังต่อไปนี้

ข้อ 9 กระทำการใดอันเป็นการยุยงส่งเสริมให้มีการฟ้องร้องคดีกัน ในกรณีอันหามูลมิได้

ข้อ 10 ใช้อุบายอย่างใดอย่างหนึ่งดังกล่าวต่อไปนี้ เพื่อจูงใจให้ผู้ใดมอบคดีให้ว่าต่างหรือแก้ต่าง

(1)       หลอกลวงให้เขาหลงว่าคดีนั้นจะชนะ เมื่อตนรู้สึกแกใจว่าจะแพ้

(2)       อวดอ้างว่าตนมีความรู้ยิ่งกว่าทนายความอื่น

(3)       อวดอ้างว่าเกี่ยวเป็นสมัครพรรคพวกรู้จักคุ้นเคยกับผู้ใด อันกระทำให้เขาหลงว่าตน สามารถจะทำให้เขาได้รับผลเป็นพิเศษ นอกจากทางว่าความ หรือหลอกลวงว่าจะชักนำจูงใจให้ผู้นั้นช่วยเหลือคดี ในทางใด ๆ ได้ หรือแอบอ้างขู่ว่าถ้าไมให้ตนว่าคดีนั้น แล้วจะหาหนทางให้ผู้นั้นกระทำให้คดีของเขาแพ้

ข้อ 11 เปิดเผยความลับของลูกความที่ได้รู้ในหน้าที่ของทนายความ เว้นแต่จะได้รับอนุญาต จากลูกความนั้นแล้ว หรือโดยอำนาจศาล

ข้อ 12 กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งดังกล่าวต่อไปนี้ อันอาจทำให้เสื่อมเสียประโยชน์ของ

ลูกความ

(1)       จงใจขาดนัด หรือทอดทิ้งคดี

(2)       จงใจละเว้นหน้าที่ ที่ควรกระทำอันเกี่ยวแกการดำเนินคดีแห่งลูกความของตน หรือปิดบังข้อความที่ควรแจ้งให้ลูกความทราบ

ข้อ 13 ได้รับปรึกษาหารือ หรือได้รู้เรื่องกรณีแห่งคดีใดโดยหน้าที่อันเกี่ยวข้องกับคู่ความ ฝ่ายหนึ่ง แล้วภายหลังไปรับเป็นทนายความหรือใช้ความรู้ที่ได้มานั้นช่วยเหลือคูความอีกฝายหนึ่ง ซึ่งเป็นปรปักษ์ อยู่ในกรณีเดียวกัน

ข้อ 14 ได้รับเป็นทนายความแล้ว ภายหลังใช้อุบายด้วยประการใด ๆ โดยปราศจากเหตุผล อันสมควรเพื่อจะให้ตนได้รับประโยชน์นอกเหนือจากที่ลูกความได้ตกลงสัญญาให้

ข้อ 15 กระทำการ๒อันเป็นการฉ้อโกง ยักยอก หรือตระบัดสินลูกความ หรือครอบครองหรือ หน่วงเหนียวเงินหรือทรัพย์สินของลูกความที่ตนได้รับมาโดยหน้าที่อันเกี่ยวข้องไว้นานเกินกว่าเหตุ โดยมิได้รับ ความยินยอมจากลูกความ เว้นแต่จะมีเหตุอันสมควร

LAW4002 การว่าความและการจัดทำเอกสารทางกฎหมาย การสอบซ่อมภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2549

การสอบซ่อมภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2549

ข้อสอบกระบวนวิชา LAW4002 การว่าความและการจัดทำเอกสารทางกฎหมาย

คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน จำนวน 4 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)

ข้อ 1. ในคดีแพ่งเรื่องหนึ่ง จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ทนายโจทก์ไม่ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำพิพากษาให้ โจทก์ชนะโดยจำเลยขาดนัดตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา 198 เป็นเหตุให้ศาลสั่งจำหน่ายคดี ดังนี้ทนายโจทก์ จะมีความผิดเกี่ยวกับมรรยาททนายความหรือไม่ เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

ข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529

ข้อ 12 กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งดังกล่าวต่อไปนี้  อันอาจทำให้เสื่อมเสียประโยชน์ของ

ลูกความ

(1)  จงใจขาดนัด หรือทอดทิ้งคดี

วินิจฉัย

โดยหลักแล้ว เมื่อจำเลยไม่ได้ยื่นคำให้การภายในกำหนดเวลาตามที่กฎหมายกำหนด ก็ถือว่า จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ โจทก์หรือทนายโจทก์ก็ต้องมีหน้าที่ยื่นคำร้องขอต่อศาลเพี่อให้ศาลมีคำพิพากษาให้โจทก์ เป็นฝ่ายชนะคดีโดยจำเลยขาดนัดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 198

กรณีตามอุทาหรณ์ การที่ทนายโจทก์ไม่ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำพิพากษาให้โจทก์เป็นฝ่ายชนะ คดีโดยจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ จนเป็นเหตุให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดี การกระทำของทนายโจทก์ดังกล่าว ถือว่า เข้าลักษณะเป็นการทอดทิ้งคดี อันทำให้เสื่อมเสียประโยชน์ของลูกความ ซึ่งเป็นการประพฤติผิดมรรยาททนายความ ตามข้อบังคับสภาทนายความฯ ข้อ 12(1) (นัยคำสั่งสภานายกพิเศษฯ ที่ 5/2535)

สรุป    การกระทำของทนายโจทก์ดังกล่าว ถือว่าเป็นการประพฤติผิดมรรยาททนายความ

ตามข้อบังคับสภาทนายความฯ ข้อ 12(1)

 

ข้อ 2. สมมติข้อเท็จจริงว่าเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2550 เวลาประมาณ 15 นาฬิกา น.ส.เขียด ได้เดินไป ตลาดบางกะปิ แขวงและเขตบางกะปิ กรุงเทพฯ เพื่อหาซื้อกับข้าว ได้มีคนร้ายทราบชื่อภายหลัง ว่านายสนั่นซึ่งเดินสวนมาบนทางเท้าก่อนถึงตลาดประมาณ 10 เมตร นายสนั่นได้กระชากสร้อยคอ ทองคำหนัก 2 บาท 1 เส้น ราคาประมาณ 25,000 บาท พร้อมองค์จตุคามรามเทพเลี่ยมทองคำ 1 องค์ ราคา 3,500 บาท ซึ่งแขวนอยู่กับสร้อยคอรวมราคา 28,500 บาท ขาดจากคอ น.ส.เขียด ผู้เสียหายแล้ววิ่งหนีไป ผู้เสียหายได้ร้องขอให้คนช่วย บรรดาคนขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง บริเวณนั้นช่วยกันสกัดจับตัวได้พร้อมของกลาง นำสงตำรวจทำการสอบสวนแล้วผู้ต้องหาให้การ รับสารภาพ ระหว่างสอบสวนผู้ต้องหาถูกควบคุมตัวมาโดยตลอดของกลางผู้เสียหายได้รับคืนไปแล้ว

สมมตินักศึกษาเป็นพนักงานอัยการ จงเรียบเรียงคำฟ้องอาญาฐานวิ่งราวทรัพย์ ตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 336 บัญญัติว่า ผู้ใดลักทรัพย์โดยฉกฉวยเอาซึ่งหน้าผู้นั้นกระทำผิด ฐานวิงราวทรัพย์…ฯลฯ” (ให้เรียบเรียงเฉพาะส่วนเนื้อหาของคำฟ้องตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 158(5))

ธงคำตอบ

คำฟ้องอาญา

ข้อ 1. เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2550 เวลากลางวัน จำเลยได้กระทำผิดต่อกฎหมาย กล่าวคือ จำเลยได้บังอาจลักเอาสร้อยคอทองคำ 1 เส้น หนัก 2 บาท ราคา 25,000 บาท กับองค์จตุคามรามเทพเลี่ยมทองคำ 1 องค์ ราคา 3,500 บาท ที่แขวนอยู่กับสร้อยคอ รวมราคา 28,500 บาท ของ น.ส.เขียด ผู้เสียหาย โดยจำเลยใช้กริยายาฉกฉวยกระชากเอาสร้อยคอพร้อมองค์จตุคามรามเทพดังกล่าวซึ่งสวมอยู่ที่คอผู้เสียหายพาหนีไปซึ่งหน้า

เหตุเกิดที่แขวงบางกะปิ เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร

ข้อ 2. ในวันเวลาดังกล่าวในฟ้องข้อ 1. เวลากลางวัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจับจำเลยได้ ทำการสอบสวนแล้ว จำเลยให้การรับสารภาพ ทรัพย์ของกลางผู้เสียหายได้รับคืนไปแล้ว

ระหว่างสอบสวนจำเลยได้ถูกควบคุมตัวมาโดยตลอด ได้ส่งตัวจำเลยมาพร้อมฟ้องนี้แล้ว

 

ข้อ 3. ในคดีอาญาที่ผู้เสียหายเป็นโจทก์ฟ้องเอง ทนายจำเลยจะต้องตรวจสอบในชั้นเตรียมคดีก่อนยื่นคำให้การอย่างไรบ้าง จงบอกเป็นข้อ ๆ

ธงคำตอบ

ในคดีอาญาที่ผู้เสียหายเป็นโจทก์ฟ้องเอง ทนายจำเลยจะต้องตรวจสอบในชั้นเตรียมคดี ก่อนยื่นคำให้การ ดังนี้

1.         ความเป็นผู้เสียหาย

ในคดีอาญาผู้เสียหายตามกฎหมายเท่านั้นที่มีอำนาจฟ้อง ดังนั้นหากโจทก์ไมใช่ผู้เสียหาย ตามความหมายของกฎหมายย่อมไม่มีอำนาจฟ้อง อนึ่ง แม้จะเป็นผู้ได้รับความเสียหาย แต่บางฐานความผิด ราษฎรก็ฟ้องเองไม่ได้ เช่น ความผิดตาม พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. 2522 รัฐเท่านั้นที่มีหน้าที่ดำเนินการกับผู้กระทำความผิด ผู้ถกจำเลยขับรถชนไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมาย ไม่มีอำนาจฟ้องฐานขับรถโดยไมมีใบอนุญาต (ฎ. 2096/2530ฎ. 1141/2531) เป็นต้น

2.         เรื่องเขตอำนาจศาล

ศาลที่รับฟ้องนั้นมีอำนาจที่จะพิจารณาพิพากษาคดีดังกล่าวหรือไม่ โดยพิจารณาจากชื่อศาล ที่ระบุว้ในคำฟ้อง กับสถานที่เกิดเหตุที่ระบุไว้ในคำฟ้อง หรือดูจากที่อยูของจำเลยว่าอยู่ในเขตอำนาจศาลหรือไม่ หากคดีไม่อยู่ในอำนาจศาล ศาลนั้นก็ย่อมไม่มีอำนาจพิจารณาคดี

3.         เรื่องอายุความของคดี

ตรวจสอบว่าโจทก์ฟ้องคดีขาดอายุความหรือไม่ โดยพิจารณาจากวัน เดือน ปี ที่ระบุ ในคำฟ้องกับวันเวลาที่เกิดเหตุ ทั้งดูว่าคดีนั้นหากเป็นความผิดอันยอมความได้ ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์หรือฟ้องคดี ภายในกำหนดเวลาตามกฎหมายหรือไม่ หากผู้เสียหายร้องทุกข์ก่อนฟ้องต้องมีการบรรยายให้ปรากฏโดยชัดเจน ว่าร้องทุกข์ภายในกำหนดเวลาตามกฎหมายแล้ว

4.         เรื่องอายุความของโจทก์

ตรวจสอบว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องเองหรือไม หรือหากเป็นผู้เยาว์ก็ย่อมไม่อาจฟ้องคดีอาญา ได้เอง ต้องให้ผู้แทนโดยชอบธรรมดำเนินการแทน

5.         โจทก์เป็นผู้ต้องห้ามฟ้องจำเลย

มีกฎหมายห้ามหรือจำกัดสิทธิมิให้โจทก์ฟ้องหรือไม เช่น ผู้สืบสันดานย่อมฟ้องผู้บุพการี ไมได้เป็น อุทลุม” เป็นต้น

6.         รายละเอียดของการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยทำผิด วัน เวลา สถานที่ บุคคล

หรือสิ่งของที่เกี่ยวข้อง

ดูว่าจำเลยถูกกล่าวหาว่าอย่างไร คำฟ้องบรรยายครบองค์ประกอบความผิดตามกฎหมาย หรือไม่โดยดูจากเนื้อหาคำฟ้องประกอบตัวบทกฎหมายที่โจทก์อ้าง

ข้อ 4. โจทก์ฟ้องจำเลยให้ชดใช้หนี้ที่ค้างชำระ จำเลยได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดีตามกฎหมาย ต่อมาคู่ความ ตกลงกันได้ โจทก์ประสงค์จะถอนฟ้อง ให้ท่านในฐานะทนายโจทก์เรียบเรียงคำร้องขอถอนฟ้อง. (ให้เรียบเรียงเนื้อความ โดยให้โจทก์ลงชื่อและท่านเป็นผู้เรียงและพิมพ์ ไม่ต้องคำนึงแบบพิมพ์คำร้อง)

ธงคำตอบ

คำร้องขอถอนฟ้อง

ข้อ 1.คดีนี้โจทก์ได้ยื่นฟ้องจำเลยและจำเลยได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดีตามกฎหมายแล้ว แต่โจทก์และจำเลยตกลงกันได้ โจทก์ไม่ติดใจที่จะดำเนินคดีกับจำเลยอีกต่อไป จึงขอถอนฟ้องคดีนี้ ขอศาลได้โปรด กรุณาอนุญาต

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

ลงชื่อ………..(ลายมือชื่อโจทก์)……….โจทก์

คำร้องฉบับนี้ ข้าพเจ้า (ชื่อนักศึกษา) ทนายโจทก์เป็นผู้เรียงและพิมพ์

ลงชื่อ …(ลายมือชื่อนักศึกษา)…..ผู้เรียงและพิมพ์

LAW4002 การว่าความและการจัดทำเอกสารทางกฎหมาย การสอบซ่อมภาค 1 ปีการศึกษา 2550

การสอบซ่อมภาค 1 ปีการศึกษา 2550

ข้อสอบกระบวนวิชา LAW4002 การว่าความและการจัดทำเอกสารทางกฎหมาย

คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน จำนวน 4 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)

ข้อ 1 ทนายจำเลยเรียกค่าจ้างว่าความเพิ่มจากที่ตกลงไว้ เพราะเห็นว่าค่าจ้างถูกเกินไปเมื่อเทียบกับทรัพย์ ที่จำเลยได้ไปจากการฉ้อโกงผู้เสียหาย ดังนี้ จะถือว่าทนายผิดมรรยาททนายความหรือไม่ เพราะ เหตุใด

ธงคำตอบ

ข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529

ข้อ 14 ได้รับเป็นทนายความแล้ว ภายหลังใช้อุบายด้วยประการใด ๆ โดยปราศจากเหตุผล อันสมควรเพื่อจะให้ตนได้รับประโยชน์นอกเหนือจากที่ลูกความได้ตกลงสัญญาให้

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์ การที่ทนายจำเลยเรียกค่าจ้างว่าความเพิ่มจากที่ตกลงไว้ เพราะเห็นว่าค่าจ้าง ถูกเกินไปเมื่อเทียบกับทรัพย์ที่จำเลยได้ไปจากการฉ้อโกงผู้เสียหาย ความประพฤติของทนายเช่นนี้ถือว่าเป็นการ ใช้อุบายด้วยประการใด ๆ โดยปราศจากเหตุผลอันสมควร เพื่อจะให้ตนได้รับประโยชน์นอกเหนือจากที่ลูกความ ได้ตกลงสัญญาให้ อันถือว่าเป็นการประพฤติผิดมรรยาททนายความ ตามข้อบังคับสภาทนายความฯ ข้อ 14

สรุป ความประพฤติของทนายดังกล่าวถือว่าเป็นการประพฤติผิดมรรยาททนายความ ตามข้อบังคับ สภาทนายความฯ ข้อ 14

 

ข้อ 2. สมมติว่าเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2550 เวลาเที่ยงวัน นายเอกไปรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหาร หน้าตลาดตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี รับประทานอาหารเสร็จได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ เพื่อจะกลับบ้าน ขับรถออกไปไม่ไกลจากร้านอาหาร นึกได้ว่าลืมโทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกีย 1 เครื่อง ราคา 17,000 บาท ไว้ที่ร้านอาหาร ได้ย้อนกลับไปที่ร้านอาหาร ปรากฏว่าโทรศัพท์หายไป สอบถามคนในร้านเห็นนายโทหยิบแล้วเดินไปทางท้ายตลาด นายเอกได้ติดตามไปพร้อมพยานพบนายโท นายเอกได้ขอโทรศัพท์คืนแตนายโทปฏิเสธไม่ได้หยิบมา พอดีตำรวจสายตรวจผ่านมา นายเอกได้ แจ้งให้ตำรวจ ๆ ขอค้นตัวนายโทพบโทรศัพท์ของกลางและนำนายโทส่งพนักงานสอบสวนทำการ สอบสวนแล้ว นายโทให้การรับสารภาพระหว่างสอบสวนนายโทถูกควบคุมตัวมาโดยตลอด ส่วน โทรศัพท์ของกลางพนักงานสอบสวนคืนให้นายเอกรับไปแล้ว

ให้ท่านนฐานะพนักงานอัยการ จงเรียบเรียงคำฟ้องอาญาฐานลักทรัพย์ตาม ป. อาญา มาตรา 334 “ผู้ใดเอาทรัพย์ของผู้อื่น…ไปโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานสักทรัพย์…ฯลฯ” (เรียบเรียงเฉพาะ ส่วนเนื้อหา ตาม ป.วิ. อาญา มาตรา 158(5))

ธงคำตอบ

คำฟ้องอาญา

ข้อ 1. เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2550 เวลากลางวัน จำเลยนี้ได้บังอาจลักเอาโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อโนเกียจำนวน 1 เครื่อง ราคา 17,000 บาท ของนายเอกผู้เสียหายไปโดยทุจริต

เหตุเกิดที่ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี

ข้อ 2. ตามวันเวลาดังกล่าวใน ข้อ 1. เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้พร้อมด้วยโทรศัพท์ที่ จำเลยลักไปดังกล่าวใน ข้อ 1. เป็นของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน ทำการสอบสวนแล้ว จำเลยให้การรับสารภาพ ของกลางเจ้าทรัพย์ได้รับคืนไปแล้ว ระหว่างสอบสวนจำเลยถูกควบคุมมาโดยตลอดและได้ส่งตัวจำเลยมาพร้อม ฟ้องนี้แล้ว

 

ข้อ 3. จากข้อเท็จจริงตามข้อ 2 หากนายโทให้การปฏิเสธว่าไมได้หยิบโทรศัพท์ไป และการค้นตัวก็ไมพบ ของกลาง เมื่อถูกฟ้องจำเลยประสงค์จะให้การปฏิเสธลอย ให้ท่านในฐานะทนายจำเลยจงเรียบเรียง คำให้การเช่นว่านี้ (เฉพาะส่วนเนื้อหา) โดยท่านลงลายมือชื่อแทนจำเลยด้วย

ธงคำตอบ

คำให้การปฏิเสธลอย (คดีอาญา)

ข้อ 1. จำเลยทราบฟ้องของโจทก์แล้ว ขอปฏิเสธฟ้องของโจทก์ตลอดข้อหาว่าจำเลยมิได้ กระทำผิดตามฟ้องแต่ประการใด รายละเอียดจำเลยจะให้การในชั้นพิจารณาคดี ขอศาลได้โปรดกรุณาพิพากษา ยกฟ้องโจทก์ปล่อยจำเลยพ้นข้อหาไป

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด ลงชื่อ …(ลายมือชื่อนักศึกษา)  ทนายจำเลย

คำให้การฉบับนี้ ข้าพเจ้า (ชื่อนักศึกษา) ทนายจำเลยเป็นผู้เรียงและพิมพ์

ลงชื่อ …(ลายมือชื่อนักศึกษา)….ผู้เรียงและพิมพ์

ข้อ 4. ในคดีแพ่งเรื่องหนึ่ง พนักงานส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องให้จำเลยไม่ได้ เพราะไม่พบตัวจำเลยและคนในบ้านจำเลยไม่มีผู้ใดยอมรับหมายฯ ให้ท่านในฐานะทนายโจทก์เรียบเรียงคำแถลงขอให้ ศาลสั่งให้ส่งหมายอีกครั้งหนึ่ง หากไม่พบตัวจำเลยและไม่มีผู้ใดรับหมายฯ แทนจำเลย ให้ขอศาล สั่งปิดหมายฯด้วย (เรียบเรียงเฉพาะส่วนเนื้อหา)

ธงคำตอบ

คำแถลงขอส่งหมาย (ถ้าส่งไม่ได้ ขอให้ปิดหมาย)

ข้อ 1. คดีนี้อยู่ระหว่างนำส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลย แต่พนักงานเดินหมาย นำส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง ให้จำเลยไม่ได้ เพราะไม่พบตัวจำเลยและไม่มีผู้ใดยอมรับหมายฯ ไว้โดยชอบ ตามรายงานการเดินหมายเอกสารท้ายคำแถลงนี้ ด้วยเหตุดังกล่าว โจทก์จึงกราบเรียนมาขอศาลได้โปรดมีคำสั่ง ให้เจ้าพนักงานส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยอีกครั้งหนึ่ง ทากไม่พบตัวจำเลยและไม่มีผู้ดรับหมาย ขอศาลปิดหมายไว้ ณ บ้านเรือนจำเลยต่อไปด้วย ขอได้โปรดกรุณาอนุญาต

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

ลงชื่อ …(ลายมือชื่อนักศึกษา)…..ทนายโจทก์

คำแถลงฉบับนี้ ข้าพเจ้า (ชื่อนักศึกษา) ทนายโจทก์เป็นผู้เรียงและพิมพ์

ลงชื่อ …(ลายมือชื่อนักศึกษา)…..ผู้เรียงและพิมพ์

LAW4002 การว่าความและการจัดทำเอกสารทางกฎหมาย การสอบไล่ภาค การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2550

การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2550

ข้อสอบกระบวนวิชา LAW4002 การว่าความและการจัดทำเอกสารทางกฎหมาย

คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน จำนวน 4 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)

ข้อ 1. นายสมศักดิ์ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนางสาวสมศรีต่อศาลแพ่งเรื่องผิดสัญญาเงินกู้ และศาลนัดชี้สองสถานในวันที่ 24 ตุลาคม 2550 เวลา 13.30 น. นายสมศักดิ์ได้ตรวจดูคำฟ้องเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2550 แล้วเห็นว่ามีข้อผิดพลาดอยู่เล็กน้อยคือในคำฟ้องพิมพ์คำนำหน้าชื่อจำเลยผิด โดย ในคำฟ้องพิมพ์ชื่อจำเลยเป็นนางสมศรี ซึ่งที่ถูกต้องนั้นคือนางสาวสมศรี นายสมศักดิ์จึงปรึกษา ทนายความและประสงค์ที่จะให้ทนายความยื่นคำร้องเพื่อขอแก้ไขและเพิ่มเติมคำฟ้องต่อศาลเพี่อให้ ถูกต้องตามความเป็นจริง

ดังนั้น ให้ท่านในฐานะทนายความของนายสมศักดิ์ ยื่นคำร้องเพื่อขอแก้ไขและเพิ่มเติมคำฟ้องต่อศาลแพ่ง ตามความประสงค์ของนายสมศักดิ์ (ร่างแต่ใจความในคำร้องโดยไม่ต้องคำนึงถึงแบบพิมพ์ศาล)

ธงคำตอบ

คำร้องขอแก้ไขและเพิ่มเติมคำฟ้อง

ข้อ 1. คดีนี้ศาลนัดชี้สองสถานในวันที่ 24 ตุลาคม 2550 เวลา 13.30 น. ดังความแจ้งแล้วนั้น ข้อ 2. โจทก์ได้ตรวจดูคำฟ้องแล้วเห็นว่ามีข้อความผิดพลาดเล็กน้อย คือ คำนำหน้าชื่อของ จำเลย ซึ่งในคำฟ้องพิมพ์ว่า นางสมศรี แต่ที่ถูกต้องแล้วคือ นางสาวสมศรี โจทก์จึงขอแก้ไขข้อความดังกล่าวให้ถูกต้อง นอกจากที่โจทก์ขอแก้ไขแล้วโจทก์ขอถือตามฟ้องเดิมทุกประการ อนึ่ง การแก้ไขดังกล่าวเป็นการแก้ไข เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ทำให้จำเลยหลงต่อสู้แต่ประการใด ขอศาลได้โปรดอนุญาต

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

ลงชื่อ…..(ลายมือชื่อนักศึกษา)…..ทนายโจทก์

คำร้องฉบับนี้ ข้าพเจ้า (ชื่อนักศึกษา) ทนายโจทก์เป็นผู้เรียงและพิมพ์

ลงชื่อ….(ลายมือซื่อนักศึกษา)….ผู้เรียงและพิมพ์

ข้อ.2. นางสาวสุดสวยได้นำแหวนเพชรไปจำนำกับนายสุดรวยเป็นจำนวนเงิน 500,000 บาท (ห้าแสนบาทถ้วน) โดยตกลงกันว่านางสาวสุดสวยจะทำการไถ่คืนภายในระยะเวลา 1 ปี (หนึ่งปี) โดยยินยอมให้ นายสุดรวย คิดดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี และจะทำการไถ่คืนที่บ้านของนายสุดรวย และเมื่อ ครบกำหนดไถคืนแล้ว ถ้านางสาวสุดสวยไม่มาไถ่คืน นายสุดรวยจะฟ้องนางสาวสุดสวย ที่ศาลแพ่งเพี่อทำการบังคับคดีต่อไป

ดังนั้น ขอให้ท่านร่างสัญญาจำนำฉบับนี้ โดยมีข้อตกลงในสัญญาตามเงื่อนไขดังกล่าวข้างต้น

ธงคำตอบ

สัญญาจำนำ

ทำที่……………………………….

วันที่……………เดือน………….พ.ศ. ………….      

สัญญานี้ทำขึ้นระหว่าง นายสุดรวย อายุ…….ปี อยู่บ้านเลขที่……….ถนน……………    

แขวง………เขต……….จังหวัด……..ซึ่งต่อไปในสัญญานี้จะเรียกว่า ผู้รับจำนำ” ฝ่ายหนึ่ง กับ นางสาวสุดสวย

อายุ……….ปี อยู่บ้านเลขที่……….ถนน…………แขวง…………..เขต        

จังหวัด……………ซึ่งต่อไปในสัญญานี้จะเรียกว่า ผู้จำนำ” อีกฝ่ายหนึ่ง

ผู้จำนำเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในแหวนเพชร ซึ่งต่อไปในสัญญานี้จะเรียกว่า ทรัพย์สินที่จำนำ” คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงทำสัญญากันดังมีข้อความดังต่อไปนี้

ข้อ 1. ผู้จำนำตกลงจำนำ และผู้รับจำนำตกลงรับจำนำ ทรัพย์สิที่จำนำ เพื่อเป็นประกันการ ชำระหนี้จำนวนเงิน 500,000 บาท (ห้าแสนบาทถ้วน) ซึ่งผู้จำนำได้รับเงินจำนวนดังกล่าวเรียบร้อยแล้วใน วันทำสัญญานี้ โดยผู้จำนำตกลงให้ผู้รับจำนำคิดดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี และผู้จำนำได้มอบทรัพย์สินที่จำนำให้ แก่ผู้รับจำนำแล้ว

ข้อ 2. ผู้จำนำตกลงที่จะทำการไถ่คืนทรัพย์สินที่จำนำภายในระยะเวลา 1 ปี (หนึ่งปี)

ข้อ 3. ผู้จำนำและผู้รับจำนำ ตกลงกันที่จะทำการไถ่คืนทรัพย์สินที่จำนำที่บ้านของผู้รับจำนำ

ข้อ 4. ถ้าผู้จำนำไมไถ่คืนทรัพย์สินที่จำนำภายในระยะเวลาที่กำหนด ผู้รับจำนำจะฟ้องผู้จำนำ ที่ศาลแพงเพื่อบังคับคดีตอไป

สัญญาฉบับนี้ทำขึ้นเป็นสองฉบับ มีข้อความถูกต้องตรงกัน คูสัญญาทั้งสองฝ่ายได้อ่านและเข้าใจ ดีแล้ว จึงลงลายมือชื่อไว้ต่อหน้าพยานเป็นสำคัญ และเก็บสัญญาไว้ฝ่ายละฉบับ

ลงชื่อ………………….ผู้รับจำนำ      ลงชื่อ………………..ผู้จำนำ

   (…………………..)                       (……………………..)
ลงชื่อ……………พยาน               ลงชื่อ………………..พยาน

(……………………)                      (…………………….)


ข้อ 3. ข้อเท็จจริงในสำนวนการสอบสวนคดีเรื่องหนึ่งได้ความว่า เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2550 เวลา ประมาณ 19.30 นาฬิกา ขณะที่เด็กชายวินิจ จินดา อายุ 14 ปี ผู้ตาย พักอยู่ในบ้านพักอาศัย ได้มี เด็กชายโหดกับเด็กชายเหี้ยมซึ่งเป็นเพื่อนของผู้ตายมาหาที่บ้านและชวนออกไปข้างนอก เมื่อขับขี่รถจักรยานยนต์พากันไปที่คลองชลประทาน บริเวณประตูระบายน้ำ หมู่ 6 ตำบลบ้านเลือก อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี จากนั้นเด็กชายโหดกับเด็กชายเหี้ยมบังคับให้ผู้ตายสำเร็จความใคร่ ด้วยปากให้แต่ผู้ตายขัดขืนจึงรุมกันชกต่อยและใช้ของมีคมแทงทำร้ายบริเวณใบหน้า ศีรษะ แกะ ลำตัวกว่า 50 แผล จนผู้ตายถึงแก่ความตายจากนั้นจึงเอาศพโยนทิ้งน้ำในคลองอีจาง ตำบลวังเย็น อำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี ห่างจากที่เกิดเหตุ 1 กิโลเมตรเพื่อทำลายหลักฐาน

ต่อมาเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 24 กันยายน 2550 พ.ต.ท.ประภัทร พนักงานสอบสวน สภ.อ.บางแพ จ.ราชบุรี ได้รับแจ้งเหตุว่าพบศพผู้ตายในคลองดังกล่าว จึงไปตรวจสถานที่เกิดเหตุและให้เจ้าหน้าที่ มูลนิธิสว่างราชบุรีลงงมหาอาวุธที่คนร้ายอาจนำมาโยนทิ้ง แต่ยังไม่พบแต่อย่างใด ต่อมาเวลา 20.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมเด็กชายโหดกับเด็กชายเหี้ยม ได้นำส่งพนักงานสอบสวนทำการสอบสวน พนักงานสอบสวนสอบสวนแล้วผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพ

พนักงานสอบสวนได้ส่งตัวผู้ต้องหาทั้งสองไปควบคุมไว้ในสถานพินิจเด็กและเยาวชน จังหวัดราชบุรี ต่อมาในวันนี้พนักงานสอบสวนส่งสำนวนการสอบสวนให้พนักงานอัยการ และพนักงานอัยการ ตรวจสำนวนการสอบสวนแล้วมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งสองในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

สมมติว่านักศึกษาเป็นพนักงานอัยการผู้รับผิดชอบคดีนี้ ให้นักศึกษาเรียงคำฟ้องคดีนี้เฉพาะเนื้อหา คำฟ้องตาม ป.วิ. อาญา มาตรา 158(5)

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ในกรณีความผิดใดเกิดขึ้นโดยการกระทำของบุคคลตั้งแต่สองคน ขึ้นไป ผู้ที่ได้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันนั้นเป็นตัวการ ต้องระวางโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้ สำหรับความผิดนั้น

มาตรา 288 ผู้ใดฆ่าผู้อื่น ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบห้าปี ถึงยี่สิบปี

ธงคำตอบ

คำฟ้องอาญา

ข้อ 1. เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2550 เวลาประมาณกลางคืนหลังเที่ยง จำเลยที่ 1 และ จำเลยที่ 2 ได้บังอาจร่วมกันฆ่าเด็กชายวินิจ จินดา อายุ 14 ปี ผู้ตาย ด้วยการรุมกันชกต่อยและใช้ของมีคมแทง ทำร้ายบริเวณใบหน้า ศีรษะ และตัวกว่า 50 แผล รายละเอียดบาดแผลปรากฏตามรายงานการชันสูตรพลิกศพ ของแพทย์ท้ายฟ้อง จนเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายสมดังเจตนาของจำเลยทั้งสอง

เหตุเกิดที่ตำบลบ้านเลือก อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี

ข้อ 2. ต่อมาวันที่ 24 กันยายน 2550 เวลากลางคืนหลังเที่ยง เจ้าพนักงานจับจำเลยทั้งสองได้ ได้นำส่งพนักงานสอบสวนทำการสอบสวนแล้ว ชั้นสอบสวนจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ

ระหว่างสอบสวนพนักงานสอบสวนได้ส่งตัวผู้ต้องหาทั้งสองไปควบคุมไว้ในสถานพินิจเด็ก และเยาวชนจังหวัดราชบุรี ขอศาลเบิกตัวจำเลยทั้งสองมาพิจารณาพิพากษาโทษตามกฎหมายต่อไป

 

ข้อ 4. นักศึกษามีความเข้าใจในข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พุทธศักราช 2529 หมวด 2 เรื่องมรรยาทของทนายความต่อศาลและในศาล และหมวด 6 เรื่อง มรรยาทในการ ปฏิบัติตามคำสั่งตามกฎหมายและข้อบังคับเป็นอย่างไร มีอะไรบ้าง ให้อธิบาย

งคำอบ

อธิบาย

ตามข้อบังคับสภทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529 หมวด 2 เรื่อง มรรยาท ของทนายความต่อศาลและในศาล มีบัญญัติไว้ในข้อ 5 ถึงข้อ 8 มีดังต่อไปนี้

ข้อ 5 ไม่รับหน้าที่เมื่อผู้พิพากษาได้ขอแรงให้เป็นทนายความแก้ต่างในคดีอาญา เว้นแต่จะมีข้อแก้ตัวโดยสมควร

ข้อ 6 ไม่เคารพยำเกรงอำนาจศาล หรือกระทำการใดอันเป็นการดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษา ในศาลหรือนอกศาลอันเป็นการทำให้เสื่อมเสียอำนาจศาลหรือผู้พิพากษา

ข้อ 7 กล่าวความ หรือทำเอกสารหรือหลักฐานเท็จ หรือใช้กลอุบายลวงให้ศาลหลงหรือ กระทำการใดเพื่อทราบคำสั่ง หรือคำพิพากษาของศาลที่ยังไม่เปิดเผย

ข้อ 8 สมรู้เป็นใจโดยทางตรงหรือทางอ้อม เพื่อทำพยานหลักฐานเท็จ หรือเสี้ยมสอนพยาน ให้เบิกความเท็จ หรือโดยปกปิดซ่อนงำอำพรางพยานหลักฐานใด ๆ ซึ่งควรนำมายื่นต่อศาลหรือสัญญาจะให้สินบน แก่เจ้าพนักงาน หรือสมรู้เป็นใจในการให้สินบนแกเจ้าพนักงาน

และในหมวด 6 เรื่อง มรรยาทในการปฏิบัติตามคำสั่งตามกฎหมายและข้อบังคับ มีบัญญัติไว้ ในข้อ 21 มีดังต่อไปนี้

ข้อ 21 ทนายความจะต้องปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เป็นไปตามคำสั่งของสภานายกพิเศษ แห่งสภาทนายความ คณะกรรมการสภาทนายความ และคณะกรรมการมรรยาททนายความ ตลอดจนบรรดาข้อบังคับ หรือข้อกำหนดที่บุคคลหรือคณะบุคคลดังกล่าวได้สั่งหรือมีไว้ แล้วแต่กรณีตามอำนาจหน้าที่ซึ่งมีอยู่ตามบทบัญญัติ แห่งกฎหมาย

LAW4002 การว่าความและการจัดทำเอกสารทางกฎหมาย การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2550

การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2550

ข้อสอบกระบวนวิชา LAW4002 การว่าความและการจัดทำเอกสารทางกฎหมาย

คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน จำนวน 4 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)

ข้อ 1. โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์มรดกของผู้ตายจากจำเลยในฐานะทายาทผู้ครอบครองทรัพย์มรดกเป็นมูลค่า รวม 50 ล้านบาท จำเลยได้รับหมายเรียกของศาลและสำเนาคำฟ้องของโจทก์จากเจ้าพนักงานเดินหมาย เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2551 และครบกำหนดที่จำเลยจะต้องยื่นคำให้การต่อศาลในวันที่ 21 มีนาคม 2551 แต่จำเลยเพิ่งมาติดต่อให้นายสมศักดิ์เป็นทนายแก้ต่างเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2551 นายสมศักดิ์ ทนายความมีเวลาที่จะเตรียมเอกสารต่าง ๆ ตลอดจนร่างคำให้การต่อสู้คดีเพี่อยื่นต่อศาลเพียงวันเดียว เนื่องจากคดีนี้มีข้อเท็จจริงที่ยุ่งยากซึ่งนายสมศักดิ์จะต้องสอบหาข้อเท็จจริงจากบุคคลที่เกี่ยวข้อง หลายฝ่าย อีกทั้งยังต้องค้นคว้าเอกสารที่เกี่ยวข้องอีกหลายฉบับ จึงจะร่างคำให้การได้ นายสมศักดิ์ ทนายความจึงไม่สามารถที่จะยื่นคำให้การต่อสู้คดีได้ทันภายในกำหนดระยะเวลาดังกล่าว

ดังนั้น จึงให้ท่านซึ่งเป็น นายสมศักดิ์ ทนายจำเลยในคดีนี้ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การต่อศาลในวันที่ 21 มีนาคม 2551 ออกไปอีก 15 วัน นับแต่วันครบกำหนดเดิม

(ให้ร่างแต่ใจความในคำร้องเท่านั้น โดยไม่ต้องคำนึงถึงแบบพิมพ์ของศาล)

ธงคำตอบ

คำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การ

ข้อ 1. คดีนี้ จำเลยได้รับหมายเรียกของศาลและสำเนาคำฟ้องของโจทก์เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2551 และครบกำหนดที่จำเลยจะต้องยื่นคำให้การต่อศาลในวันนี้ ดังรายละเอียดปรากฏในสำนวนแล้ว

ข้อ 2. เนื่องจากจำเลยเพิ่งมาติดต่อให้ทนายจำเลยเป็นทนายแก้ต่างให้เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2551 ทนายจำเลยจึงมีเวลาที่จะสอบข้อเท็จจริงเพื่อยื่นคำให้การต่อศาลเพียงวันเดียวเท่านั้น เนื่องจากคดีนี้มี ปัญหาข้อเท็จจริงที่ยุ่งยาก ซึ่งทนายจำเลยจะต้องสอบหาข้อเท็จจริงจากบุคคลที่เกี่ยวข้องหลายฝ่าย อีกทั้งยัง ต้องค้นคว้าเอกสารที่เกี่ยวข้องอีกหลายฉบับ ทนายจำเลยจึงไม่สามารถที่จะยื่นคำให้การต่อสู้คดีได้ทันภายใน กำหนดระยะเวลาดังกล่าว

ดังนั้น เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จำเลยจึงขอความกรุณาศาลได้โปรดมีคำสั่งขยาย ระยะเวลายื่นคำให้การของจำเลยออกไปอีก 15 วัน นับแต่วันครบกำหนดเดิม ขอศาลได้โปรดอนุญาตด้วย

ควรมีควรแล้วแต่จะโปรด

ลงชื่อ……(ลายมือชื่อนายสมศักดิ์)…….ทนายจำเลย

คำร้องฉบับนี้ ข้าพเจ้า นายสมศักดิ์ ทนายจำเลย เป็นผู้เรียงและพิมพ์

ลงชื่อ……(ลายมือชื่อนายสมศักดิ์)……ผู้เรียงและพิมพ์

 

ข้อ 2. นางหวาน แช่มช้อย เป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของ นายชื่น แช่มช้อย ซึ่งได้ถึงแก่กรรมด้วย โรคไตวายเฉียบพลัน ที่โรงพยาบาลรามคำแหง เลขที่ 111 ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2551 ปรากฏตามใบมรณบัตร ขณะที่นายชื่น แช่มช้อย ถึงแก่กรรมมีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 222 ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ปรากฏตามสำเนาทะเบียนบ้าน ก่อนนายชื่น แช่มช้อย ถึงแก่กรรม ได้ทำพินัยกรรมไว้โดยยกทรัพย์สินทั้งหมดให้แก่นางหวาน แช่มช้อย ผู้เป็นภริยาแต่เพียงผู้เดียว และในพินัยกรรมยังได้ แต่งตั้งให้ นางหวาน แช่มช้อย ภริยาของตนเป็นผู้จัดการมรดกด้วย

ขณะที่ นายชื่น แช่มช้อย ถึงแก่กรรม มีทรัพย์มรดก คือ บัญชีเงินฝากที่ธนาคารกรุงเทพ สาขาหัวหมาก จำนวน 3 ล้านบาท ปรากฏตามบัญชีทรัพย์ นายชื่นและนางหวาน แช่มช้อย ไม่มีทายาทอื่นใด ส่วนบิดาและมารดา ของนายชื่น แช่มช้อย ได้ถึงแก่กรรมไปก่อนหน้านี้นานแล้ว ปรากฏตามบัญชีเครือญาติ หลังจาก นายชื่น แช่มช้อย ได้ถึงแก่กรรมแล้ว นางหวาน แช่มช้อย ในฐานะผู้จัดการมรดกได้ไปติดต่อขอรับเงิน จากธนาคารกรุงเทพ สาขาหัวหมาก ซึ่งเป็นของนายชื่น แช่มช้อย แต่ทางธนาคารฯ ได้แจ้งว่า นางหวาน แช่มช้อย จะต้องได้รับการแต่งตั้งจากศาลให้เป็นผู้จัดการมรดกของ นายชื่น แช่มช้อย เสียก่อน

ทางธนาคารจึงจะจ่ายเงินได้ จึงทำให้การจัดการทรัพย์มรดกของ นายชื่น แช่มช้อย มีเหตุขัดข้อง นางหวาน แช่มช้อย ต้องการ ยื่นต่อศาลขอให้ทำการไต่สวนและขอให้ศาลมีคำสั่งแต่งตั้งตนเป็นผู้จัดการมรดกของ นายชื่น แช่มช้อย ผู้ตาย ทั้งนี้ นางหวาน แช่มช้อย ไม่ได้เป็นบุคคลวิกลจริต บุคคลไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ หรือเป็นบุคคลล้มละลาย หรือเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวแต่ประการใด

ฉะนั้นให้ท่านในฐานะทนายความ ยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของนายชื่น แช่มช้อย ให้กับ นางหวาน แช่มช้อย ตามความประสงค์ ของตัวความ (ให้ร่างแต่ใจความในคำร้องเท่านั้น โดยไม่ต้อง คำนึงถึงแบบพิมพ์ศาล)

ธงคำตอบ

คำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก

ข้อ 1. ผู้ร้องเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของ นายชื่น แช่มช้อย ซึ่งได้ถึงแก่กรรมด้วย โรคไตวายเฉียบพลัน ที่โรงพยาบาลรามคำแหง เลขที่ 111 ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2551 ปรากฏตามสำเนาใบมรณบัตร เอกสารท้ายคำร้องหมายเลข 1 ขณะที่ผู้ตายถึงแก่กรรมมีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 222 ถนนรามคำแหงแขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ปรากฏตามสำเนา ทะเบียนบ้านเอกสารท้ายคำร้องหมายเลข 2

ก่อนที่ นายชื่น แช่มช้อย จะถึงแก่กรรมได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกทั้งหมดให้แก่ผู้ร้อง แต่เพียงผู้เดียว และแต่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดก ปรากฏตามสำเนาพินัยกรรม เอกสารท้ายคำร้องหมายเลข 3

ข้อ 2. ในขณะที่ นายชื่น แช่มช้อย เจ้ามรดกถึงแก่กรรมมีทรัพย์มรดกคือเงินฝากที่ธนาคาร กรุงเทพ สาขาหัวหมาก จำนวน 3 ล้านบาท ปรากฏตามบัญชีทรัพย์ เอกสารท้ายคำร้องหมายเลข 4 เจ้ามรดก ไม่มีทายาทอื่นใดนอกจากผู้ร้องแต่ผู้เดียว ส่วนบิดามารดาของเจ้ามรดกได้ถึงแก่กรรมไปนานแล้ว ปรากฏตามบัญชี เครือญาติเอกสารท้ายคำร้องหมายเลข 5

ข้อ 3. หลังจากที่ นายชื่น แช่มช้อย ได้ถึงแก่กรรมไปแล้ว ผู้ร้องในฐานะผู้จัดการมรดก ตามพินัยกรรมได้ไปติดต่อขอรับเงินจากธนาคารกรุงเทพ สาขาหัวหมาก ซึ่งเป็นของนายชื่น แช่มช้อย ผู้ตาย แต่ทางธนาคารฯ แจ้งว่าผู้ร้องต้องได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดกของ นายชื่น แช่มช้อย จากศาลก่อน จึงจะจ่ายเงินให้ จึงทำให้การจัดการทรัพย์มรดกของ นายชื่น แช่มช้อย ผู้ตายมีเหตุขัดข้อง

ด้วยเหตุดังที่ผู้ร้องได้ประทานกราบเรียนต่อศาลมาแล้วข้างต้น ผู้ร้องมีความจำเป็นต้องมายื่น คำร้องต่อศาล เพื่อขอความกรุณาศาลได้โปรดทำการไต่สวนและมีค่าสั่งแต่งตั้งให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของ นายชื่น แช่มช้อย ผู้ตายต่อไป ทั้งนี้ ผู้ร้องไม่ได้เป็นบุคคลวิกลจริต บุคคลไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ หรือเป็นบุคคลล้มละลาย หรือเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัว อันเป็นผู้ตองห้ามตามกฎหมายมิให้เป็นผู้จัดการมรดก แต่ประการใด ขอศาลได้โปรดอนุญาตด้วย

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

ลงชื่อ……(ลายมือชื่อนักศึกษา)……ทนายผู้ร้อง

คำร้องฉบับนี้ ข้าพเจ้า (ชื่อนักศึกษา) ทนายผู้ร้องเป็นผู้เรียงและพิมพ์

ลงชื่อ……(ลายมือชื่อนักศึกษา)…..ผู้เรียงและพิมพ์

 

ข้อ 3. ในสำนวนการสอบสวนเรื่องหนึ่ง ข้อเท็จจริงได้ความว่า เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา ประมาณ 05.00 นาฬิกา นายยุด ผู้ต้องหาที่ 1 กับนายหมัก ผู้ต้องหาที่ 2 ซึ่งเป็นคนสวนและคนขับรถลูกจ้างของนายสยามตามลำดับ ได้ร่วมกันลักเอาสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท จำนวน หนึ่งเส้นราคา 14,000 บาท กับแหวนเพชรอีกวง ราคา 35,000 บาท ของนายสยามที่ถอดวางไว้บนโต๊ะทำงานในบ้านพักเลขที่ 111 ตำบลศาลายา อำเภอศาลายา จังหวัดนครปฐม แล้วพากัน หลบหนีไป ต่อมาวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา 15.00 นาฬิกา เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุม นายยุดมาได้ พร้อมกับยึดสร้อยคอทองคำที่ผู้ต้องหาทั้งสองร่วมกันลักเอาไปเป็นของกลางนำส่ง พนักงานสอบสวนทำการสอบสวน ชั้นสอบสวนนายยุดให้การรับสารภาพและยังให้การว่านายหมัก เป็นคนเอาแหวนเพชรที่ลักไป พนักงานสอบสวนจึงสรุปสำนวนเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งสอง ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์และได้ขอออกหมายจับนายหมักต่อไป และควบคุมตัวนายยุดพร้อมส่ง สำนวนให้พนักงานอัยการจังหวัดนครปฐมดำเนินคดีต่อไป

สมมติว่านักศึกษาเป็นพนักงานอัยการจังหวัดนครปฐม ให้นักศึกษาเรียงคำฟ้องคดีอาญาเรื่องนี้ เฉพาะเนื้อหาคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)

ประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา 83 ในกรณีความผิดใดเกิดขึ้นโดยการกระทำของบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไป ผู้ที่ได้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันนั้นเป็นตัวการ ต้องระวางโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น

มาตรา 334 ผู้ใดเอาทรัพย์ของผู้อื่น หรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปโดยทุจริต ผู้นั้น

กระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี และปรับไม่เกินหกพันบาท

มาตรา 335 ผู้ใดลักทรัพย์

(1) ในเวลากลางคืน

(7) โดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป

(8) ในเคหสถาน สถานที่ราชการหรือสถานที่ที่จัดไว้เพื่อให้บริการสาธารณะที่ตนได้เข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือซ่อนตัวอยู่ในสถานที่นั้น ๆ

ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่…

ธงคำตอบ

คำฟ้องอาญา

ข้อ 1. เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2551 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง จำเลยที่ 1 กับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องอีกหนึ่งคนซึ่งเป็นลูกจ้างของนายสยาม ผู้เสียหาย ได้บังอาจร่วมกันลักเอาสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท จำนวนหนึ่งเส้นราคา 14,000 บาท กับแหวนเพชรอีกวง ราคา 35,000 บาท ซึ่งเก็บรักษาในบ้านพัก อันเป็นเคหสถานที่อยู่อาศัยของผู้เสียหาย รวม 2 รายการ ราคา 39,000 บาทของผู้เสียหายไปโดยทุจริต

เหตุเกิดที่ตำบลศาลายา อำเภอศาลายา จังหวัดนครปฐม

ข้อ 2. ต่อมาวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2551 เวลากลางวัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจับจำเลยนี้มาได้ พร้อมกับยึดสร้อยคอทองคำที่จำเลยกับพวกร่วมกันลักเอาไปเป็นของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวนทำการสอบสวน ชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ ของกลางพนักงานสอบสวนเก็บรักษาไว้

ระหว่างสอบสวนจำเลยถูกควบคุมตัวตลอดมาได้ส่งตัวจำเลยมาพร้อมฟ้องนี้เพื่อให้ศาล พิจารณาพิพากษาต่อไป

 

ข้อ 4. นักศึกษามีความเข้าใจในข้อบังดับสภาทนายความ ว่าด้วยมรรยาททนายความ พุทธศักราช 2529 เรื่อง มรรยาทต่อศาลและในศาล อย่างไร มีอะไรบ้าง ให้อธิบาย

ธงคำตอบ

อธิบาย

ตามข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พุทธดักราช 2529 เรื่องมรรยาทต่อศาล และในศาล มีบัญญัติไว้ในหมวด 2 ข้อ 5 ถึงข้อ 8 ดังต่อไปนี้

ข้อ 5 ไม่รับหน้าที่เมื่อผู้พิพากษาได้ขอแรงให้เป็นทนายความแก้ต่างในคดีอาญา เว้นแต่จะ มีข้อแก้ตัวโดยสมควร

ข้อ 6 ไม่เคารพยำเกรงอำนาจศาล หรือกระทำการใดอันเป็นการดูหมิ่นศาล หรือผู้พิพากษา ในศาลหรือนอกศาล อันเป็นการทำให้เสื่อมเสียอำนาจศาลหรือผู้พิพากษา

ข้อ 7 กล่าวความหรือทำเอกสารหรือหลักฐานเท็จ หรือใช้กลอุบายลวงให้ศาลหลงหรือกระทำการใดเพื่อทราบคำสั่ง หรือคำพิพากษาของศาลที่ยังไม่เปิดเผย

ข้อ 8 สมรู้เป็นใจโดยทางตรงหรือทางอ้อม เพื่อทำพยานหลักฐานเท็จ หรือเสี้ยมสอนพยาน ให้เบิกความเท็จ หรือโดยปกปิดซ่อนงำอำพรางพยานหลักฐานใด ๆ ซึ่งควรนำมายื่นต่อศาลหรือสัญญาจะให้สินบน แก่เจ้าพนักงาน หรือสมรู้เป็นใจในการให้สินบนแก่เจ้าพนักงาน

 

LAW4002 การว่าความและการจัดทำเอกสารทางกฎหมาย การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2550

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2550

ข้อสอบกระบวนวิชา LAW4002 การว่าความและการจัดทำเอกสารทางกฎหมาย

คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน จำนวน 4 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)

ข้อ 1. ในคดีแพ่งเรื่องหนึ่งทนายเจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้แทนเจ้าหนี้ แต่ไม่ส่งมอบแก่เจ้าหนี้ ความประพฤติ ของทนายเช่นนี้จะผิดมรรยาททนายความหรือไม่ เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

ข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529

ข้อ 15 กระทำการใดอันเป็นการฉ้อโกง ยักยอก หรือตระบัดสินลูกความ หรือครอบครองหรือ หน่วงเหนี่ยวเงินหรือทรัพย์สินของลูกความที่ตนได้รับมาโดยหน้าที่อันเกี่ยวข้องไว้นานเกินกว่าเหตุ โดยมิได้รับความยินยอมจากลูกความ เว้นแต่จะมีเหตุอันสมควร

วินิจฉัย

ในกรณีที่ทนายความมีอำนาจรับชำระหนี้แทนโจทก์ และเมื่อทนายความได้รับชำระหนี้มาแล้ว ก็ต้องนำเงินส่งแก่ลูกความโดยไม่ชักช้า จะครอบครองหรือหน่วงเหนี่ยวเงินหรือทรัพย์ของลูกความที่ตนได้รับ แทนโดยหน้าที่ทนายความอ้นเกี่ยวข้องไว้นานเกินกว่าเหตุโดยมิได้รับความยินยอมจากลูกความไม่ได้ เว้นแต่จะมีเหตุ อันสมควร เช่น มีข้อตกลงให้ทนายความหักเงินที่ได้รับไว้เป็นค่าทนายได้จนกว่าจะครบ ที่เหลือจึงส่งคืนลูกความ เช่นนี้ถือว่ามีเหตุอันสมควรย่อมทำได้

กรณีตามอุทาหรณ์ การที่ทนายเจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้แทนเจ้าหนี้แล้วแทนที่จะส่งเงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับชำระหนี้มาให้แก่เจ้าหนี้ลูกความของตน แต่กลับไม่ส่งมอบให้โดยไม่ปรากฏว่ามีข้อตกลงหรือลูกความให้ความยินยอม กรณีถือว่าเป็นการครอบครองหรือหน่วงเหนี่ยวเงิน หรือทรัพย์สินของลูกความที่ตนได้รับมาโดย หน้าที่อันเกี่ยวข้องไว้นานเกินกว่าเหตุโดยมิได้รับความยินยอมจากลูกความของตน และไม่มีเหตุอันสมควรที่จะครอบครองหรือหน่วงเหนี่ยวเงินหรือทรัพย์สินนั้นไว้ได้ อันเป็นการประพฤติผิดมรรยาททนายความ ตามข้อบังคับ สภาทนายความฯ ข้อ 15

สรุป ความประพฤติของทนายความดังกล่าวถือว่าเป็นการประพฤติผิดมรรยาททนายความ

 

ข้อ 2. ก. การเตรียมคดีก่อนฟ้อง หมายความว่าอย่างไร ให้อธิบายความหมายพอสังเขป

ธงคำตอบ

อธิบาย

เมื่อมีลูกความมาติดต่อให้เป็นทนายความว่าต่างแก้ต่างให้ ก่อนที่จะนำคดีไปสู่ศาล ทนายความ ที่ไม่ประมาทต้องรู้จักเตรียมคดี เพราะการที่จะชนะคดีนั้นนอกจากพยานหลักฐานที่ดีแล้วการเตรียมตัวที่ดีของทนาย ก็มีส่วนสำคัญ มิได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย

การเตรียมคดีก่อนฟ้อง หมายถึง การเตรียมข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน ทั้งพยานบุคคลและ พยานเอกสาร รวมถึงวัตถุพยานอื่น ๆ ที่จะทำให้ทราบในเบื้องต้นได้ว่า คดีควรจะดำเนินไปในแนวทางที่ถูกต้อง ประการใด เนื่องจากบุคคลที่เข้ามาติดต่อทนาย อาจเป็นผู้ถูกโต้แย้งสิทธิหรือมีความเดือดร้อนอย่างแท้จริงที่จะต้องพึ่งความยุติธรรม อาจจะถูกหลอกลวง ถูกโกง ถูกกล่าวหาโดยปราศจากมูลความจริง และอาจมีผู้ที่ไม่สุจริต แต่ประสงค์จะอาศัยทนายเป็นเครื่องมือ ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่บุคคลอื่น อาจจะแกล้งฟ้องร้อง กล่าวหา คนอื่นให้เสียชื่อเสียง ถ้าทนายความได้สอบข้อเท็จจริงก็จะได้ทราบในเบื้องต้นว่า ผู้ที่เข้ามาติดต่อเป็นสุจริตชน หรือไม่ ซึ่งทำให้ตัดสินใจได้ว่าควรจะรับเป็นทนายความหรือไม่

ข. สมมติข้อเท็จจริงนายไก่ขับรถห้องเย็นที่ดัดแปลงลักลอบนำคนงานต่างด้าวเข้ามาในประเทศไทย ก่อนถึงที่หมายได้ยินเสียงเคาะตัวถังรถยนต์จึงจอดรถแล้วเปิดประตูห้องเย็นพบคนงานบาง ส่วนเสียชีวิต นายไก่ได้หลบหนีเข้าป่าข้างทางแล้วเดินไปขึ้นถนนข้างหน้าห่างที่เกิดเหตุ 30เมตร พบนายไข่ซึ่งเป็นคนรู้จักขับรถบรรทุกผ่านที่เกิดเหตุมา นายไข่ได้จอดรถรับนายไก่ไปได้ประมาณ 3 กิโลเมตร นายไก่ได้ขอลงจากรถแล้วหลบหนีไป ก่อนลงจากรถ นายไก่ได้ฝากนายไข่บอกนายด้วย ต่อมานายไก่ถูกตำรวจจับตัวได้ ดังนี้ หากจะต้องดำเนินคดีอาญานายไข่ พนักงานสอบสวนจะต้องตั้งข้อหาอาญา ฐานใดจึงจะถูกต้อง

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา 189 ผู้ใดช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด อันมิใช่ความผิดลหุโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้นหรือโดยช่วยเหลือผู้นั้นด้วยประการใดเพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ต้องระวางโทษ…

มาตรา 291 ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

ต้องระวางโทษ…

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์ การที่นายไก่ขับรถห้องเย็นที่ดัดแปลงลักลอบคนงานต่างด้าวเข้ามาในประเทศจนมีคนงานบางส่วนเสียชีวิต การกระทำของนายไก่เช่นนี้ถือว่าเป็นกระทำโดยปราศจากความระมัดระวัง ซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่ นายไก่จึงต้องรับผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291

ต่อมาข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ภายหลังจากที่นายไก่กระทำความผิดแล้ว นายไก่ได้หลบหนี และได้พบนายไข่ซึ่งเป็นคนรู้จัก นายไข่ได้จอดรถรับนายไก่ไปประมาณ 3 กิโลเมตร นายไก่ได้ขอลงจากรถ และก่อนลงจากรถนายไก่ได้ฝากนายไข่บอกนายด้วย ต่อมานายไก่ถูกตำรวจจับตัวได้ กรณีเช่นนี้ หากจะต้องตำเนินคดี อาญากับนายไข่ พนักงานสอบสวนควรจะตั้งข้อหาอาญาฐานช่วยเหลือผู้กระทำความผิดเพื่อไม่ให้ต้องถูกจับ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 เพราะเหตุว่า พฤติการณ์ของนายไข่ดังที่กล่าวมาข้างต้น ถือว่าเป็นการ ช่วยเหลือผู้กระทำความผิด (จอดรถรับนายไก่) อันมิใช่ความผิดลหุโทษ (ความผิดฐานประมาทเป็นเหตุให้บุคคล อื่นถึงแก่ความตาย) เพี่อไม่ให้ต้องโทษ โดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใดเพี่อไม่ให้ถูกจับกุม

สรุป พนักงานสอบสวนจะตั้งข้อหานายไข่ฐานช่วยเหลือผู้กระทำความผิดเพี่อไม่ให้ถูกจับกุม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 189

 

ข้อ 3. สมมติข้อเท็จจริงว่าเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2551 เวลาประมาณ 19 นาฬิกา นายเอกไปรับประทาน อาหารที่ตลาดโต้รุ่ง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นนทบุรี ได้ลืมโทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง 1 เครื่อง ราคา 1,800 บาท ไว้ที่ร้านอาหาร เมื่อเดินออกจากร้านไปไม่ไกลนัก นึกได้จึงย้อนกลับไปที่ร้านเดิม ปรากฏว่าโทรศัพท์หายไปแล้วสอบถามเด็กเสิร์ฟบอกว่าเห็นชายคนหนึ่งหยิบเดินออกไปนอกร้าน นายเอกได้ติดตามไปพร้อมเด็กเสิร์ฟพบชายดังกล่าวทราบชื่อว่านายโท นายเอกได้ขอโทรศัพท์คืน แต่นายโทปฏิเสธว่าไม่ได้หยิบมา พอดีตำรวจสายตรวจผ่านมา นายเอกได้แจ้งตำรวจ ตำรวจขอ ตรวจค้นตัวนายโทแต่ไม่พบของกลางแต่พยานยืนยัน ตำรวจได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน ท้องที่ทำการสอบสวน ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ แต่พนักงานสอบสวนเห็นว่าคดีมีมูลทำความเห็น ส่งฟ้อง ส่วนผู้ต้องหาญาติได้ประกันตัวไป สมมติให้ท่านเป็นพนักงานอัยการ จงเรียบเรียงคำฟ้อง คดีอาญาฐานลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ตาม ป. อาญา มาตรา 334335(1) เรียบเรียงเฉพาะส่วน เนื้อหาคำฟ้องตาม ป.วิ. อาญา มาตรา 158(5)

ป. อาญา มาตรา 334 บัญญัติว่า ผู้ใดเอาทรัพย์ของผู้อื่น หรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไป โดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานลักทรัพย์…

มาตรา 335 “ผู้ใดลักทรัพย์ (1) ในเวลากลางคืน…

ฯลฯ

ธงคำตอบ

คำฟ้องอาญา

ข้อ 1. เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2551 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยนี้ได้บังอาจกระทำความผิด ต่อกฎหมายกล่าวคือ จำเลยได้เอา (ลักเอา) โทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง 1 เครื่อง ราคา 1,800 บาท ของนายเอก ผู้เสียหายไปโดยทุจริต

เหตุเกิดที่ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี

ข้อ 2. ตามวันเวลาดังกล่าวในข้อที่ 1. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากนายเอกผู้เสียหายว่า จำเลยได้ลักโทรศัพท์ไป จึงได้ทำการค้นตัวแต่ไม่พบของกลาง และได้ควบคุมตัวจำเลยส่งพนักงานสอบสวนทำการสอบสวนแล้ว ชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธ แต่คดีมีมูล ระหว่างสอบสวนจำเลยได้รับการประกันตัวไป ตั้งแต่วันถูกจับ ได้ส่งตัวจำเลยมาพร้อมฟ้องนี้แล้ว

 

ข้อ.4. คดีแพ่งเรื่องหนึ่ง จำเลยได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดีแล้ว ต่อมาจำเลยได้ตกลงชำระหนี้ให้โจทก์เป็น ส่วนใหญ่ คงค้างเล็กน้อย โจทก์ไม่ติดใจเรียกร้องส่วนที่เหลือประสงค์จะถอนพ้อง ให้ท่านใน ฐานะทนายโจทก์เรียบเรียงคำร้องขอถอนพ้อง (เรียบเรียงเฉพาะส่วนเนื้อหาคำร้องโดยให้ลงชื่อ เป็นผู้ร้องและเขียนคำร้องด้วย)

ธงคำตอบ

คำร้องขอถอนฟ้อง

ข้อ 1. คดีนี้โจทก์ได้ยื่นฟ้องจำเลยและจำเลยได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดีตามกฎหมายแล้ว แต่ โจทก์และจำเลยตกลงกันได้ โดยจำเลยยอมชำระหนี้ให้โจทก์เป็นส่วนใหญ่ คงค้างเล็กน้อย โจทก์ไม่ติดใจเรียกร้อง ในส่วนที่เหลืออีกต่อไป จึงขอถอนฟ้องคดีนี้เสีย ขอศาลได้โปรดกรุณาอนุญาตด้วย

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

ลงชื่อ…….(ลายมือชื่อนักศึกษา)…….ทนายโจทก์

คำร้องฉบับนี้ ข้าพเจ้า (ชื่อนักศึกษา) ทนายโจทก์เป็นผู้เรียงและพิมพ์

ลงชื่อ……..(ลายมือชื่อนักศึกษา)……ผู้เรียงและพิมพ์

ข้าพเจ้า………………………..จำเลยไม่ขัดข้องที่โจทก์ขอถอนฟ้อง

ลงชื่อ………………………………..จำเลย

LAW4002 การว่าความและการจัดทำเอกสารทางกฎหมาย การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2552

การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2552

ข้อสอบกระบวนวิชา LAW4002  การว่าความ

คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 4 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)

ข้อ 1. เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2551 นายเกษมได้กู้เงินไปจากนายสมัยเป็นจำนวนเงิน 400,000 บาท โดยนายเกษมยินยอมเสียดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี มีกำหนดใช้คืนภายใน 1 ปี นายเกษม ได้รับเงินจำนวนที่กู้ไปเป็นการถูกต้องแล้ว และนายเกษมได้ทำสัญญากู้ไว้เป็นหลักฐานในวัน ดังกล่าว ปรากฏว่าเมื่อครบกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ตามสัญญาแล้ว นายเกษมก็ไมยอมชำระหนี้ เงินกู้จำนวนดังกล่าวคืนให้แกนายสมัย อีกทั้งไม่เคยชำระดอกเบี้ยมาตั้งแต่ต้น นายสมัยได้ ทวงถามแล้ว แต่นายเกษมก็เพิกเฉย นายสมัยจึงได้มอบหมายให้ท่านเป็นทนายความฟ้องนายเกษม เพื่อเรียกเงินต้นคืน พร้อมดอกเบี้ยที่ค้างชำระทั้งหมดเป็นเวลา 1 ปีเต็ม เป็นเงิน 60,000 บาท

ฉะนั้น ให้ท่านในฐานะทนายความของนายสมัยผู้ให้กู้ ร่างคำฟ้องให้ตามความประสงค์ของตัวความ (ให้ร่างแต่ใจความในคำฟ้องและคำขอท้ายฟ้องเท่านั้น โดยไม่ต้องคำนึงถึงแบบพิมพ์ศาล)

ธงคำตอบ

คำฟ้อง

ข้อ 1. เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2551 จำเลยได้กู้เงินไปจากโจทก์เป็นจำนวน 400,000 บาท (สี่แสนบาทถ้วน) โดยจำเลยยอมเสียดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี กำหนดให้ใช้คืนภายใน 1 ปี จำเลยได้รับ เงินจำนวนที่กู้ไปเป็นการถูกต้องแล้วและได้ทำสัญญากู้ไว้เป็นหลักฐานในวันดังกล่าว รายละเอียดปรากฏตาม ภาพถ่ายสัญญากู้ฉบับลงวันที่ 20 กันยายน 2551 เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 1

ข้อ 2. เมื่อครบกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ตามสัญญาแล้ว จำเลยไม่ยอมชำระหนี้เงินกู้ จำนวนดังกล่าวคืนแกโจทก์ อีกทังยังไมเคยชำระดอกเบี้ยมาตั้งแต่ต้น โจทก์ได้ทวงถามจำเลยแล้ว แต่จำเลย เพิกเฉยเสีย โจทก์จึงขอบารมีศาลเป็นที่พึ่งได้โปรดบังคับชำระหนี้ให้กับโจทก์ต่อไป ทั้งนี้จำเลยได้ค้างเงินต้น จำนวน 400,000 บาท และดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จากเงินต้นจำนวนดังกล่าวเป็นเวลา 1 ปีเต็ม เป็นจำนวนดอกเบี้ยที่ค้างชำระ 60,000 บาท รวมเป็นเงินที่จำเลยจะต้องชำระให้กับโจทก์ทั้งสิ้น 460,000 บาท (สี่แสนหกหมื่นบาทถ้วน)

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

ลงชื่อ…..(ลายมือชื่อนักศึกษา)……ทนายโจทก์

คำฟ้องฉบับนี้ ข้าพเจ้า (ระบุชื่อนักศึกษา) ทนายโจทก์เป็นผู้เรียงและพิมพ์

ลงชื่อ……(ลายมือชื่อนักศึกษา)……ผู้เรียงและพิมพ์

คำขอท้ายฟ้อง

1.         ให้จำเลยใช้เงินต้นและดอกเบี้ยที่ค้างชำระเป็นเงินทั้งสิ้น 460,000 บาท (สี่แสน หกหมื่นบาทถ้วน) แกโจทก์

2.         ให้จำเลยชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จากเงินต้นจำนวน 400,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะใช้เงินทั้งหมดแก่โจทก์

3.         ให้จำเลยซดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนโจทก์

 

ข้อ 2. โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นจากจำเลยซึ่งเป็นหุ้นส่วนในบริษัทจำกัดแห่งหนึ่ง เป็นเงินจำนวน 30 ล้านบาท จำเลยได้รับหมายเรียกของศาลและสำเนาคำฟ้องของโจทก์เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2552 และครบกำหนดที่จำเลยจะต้องยื่นคำให้การต่อศาลในวันที่ 25 กันยายน 2552 แต่จำเลยเพิ่งมาติดต่อให้นายสมบูรณ์เป็นทนายแก้ต่างให้เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2552 นายสมบูรณ์ ทนายความมีเวลาที่จะเตรียมเอกสารต่าง ๆ ตลอดจนร่างคำให้การต่อสู้คดีเพื่อยื่นต่อศาลเพียงวันเดียว เนื่องจากคดีนี้มีทุนทรัพย์จำนวนสูงอีกทั้งยังมีข้อเท็จจริงที่ยุ่งยากซึ่งนายสมบูรณ์จะต้อง สอบหาข้อเท็จจริงจากบุคคลที่เกี่ยวข้องหลายฝ่าย อีกทั้งต้องค้นคว้าเอกสารที่เกี่ยวข้องอีกหลายฉบับ จึงจะร่างคำให้การได้ นายสมบูรณ์ทนายความจึงไม่สามารถที่จะยื่นคำให้การต่อสู้คดีได้ทันภายใน กำหนดระยะเวลาดังกล่าว

ดังนั้น จึงให้ท่านซึ่งเป็นนายสมบูรณ์ ทนายจำเลยในคดีนี้ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การ ต่อศาลในวันที่ 25 กันยายน 2552 ออกไปอีก 15 วัน นับแต่วันครบกำหนดเดิม (ให้ร่างแต่ใจความ ในคำร้องเท่านั้น โดยไม่ต้องคำนึงถึงแบบพิมพ์ศาล)

งคำตอบ

คำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การ

ข้อ 1. คดีนี้ จำเลยได้รับหมายเรียกของศาลและสำเนาคำฟ้องของโจทก์เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2552 และครบกำหนดที่จำเลยจะต้องยื่นคำให้การต่อศาลในวันนี้ ดังรายละเอียดปรากฏในสำนวนแล้ว

ข้อ 2. เนื่องจากจำเลยเพิ่งมาติดต่อให้ทนายจำเลยแก้ต่างให้เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2552 ทนายจำเลยจึงมีเวลาที่จะสอบข้อเท็จจริงเพื่อยื่นคำให้การต่อศาลเพียงวันเดียว เนื่องจากคดีมีทุนทรัพย์จำนวนสูง มีข้อเท็จจริงที่ยุ่งยากซึ่งทนายจำเลยจะต้องสอบหาข้อเท็จจริงจากบุคคลที่เกี่ยวข้องหลายฝ่าย อีกทั้งยังต้องค้นคว้า เอกสารที่เกี่ยวข้องอีกหลายฉบับ ทนายจำเลยจึงไม่สามารถที่จะยื่นคำให้การต่อสู้คดีได้ทันภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ดังนั้น เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จำเลยจึงขอความกรุณาศาลได้โปรดมีคำสั่งขยาย ระยะเวลายื่นคำให้การของจำเลยออกไปอีก 15 วัน นับจากวันครบกำหนดเดิม ขอศาลได้โปรดอนุญาต

ควรมีควรแล้วแต่จะโปรด

ลงชื่อ……(ลายมือชื่อนายสมบูรณ์)…..ทนายจำเลย

คำร้องฉบับนี้ ข้าพเจ้า (นายสมบูรณ์) ทนายจำเลยเป็นผู้เรียงและพิมพ์

ลงชื่อ…….(ลายมือชื่อนายสมบูรณ์)…….ผู้เรียงและพิมพ์

ข้อ 3. ข้อเท็จจริงตามสำนวนการสอบสวนได้ความว่า เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2552 เวลาประมาณ 20.00 น.นายณรงค์ ฉายา ภาพ มือปืนร้อยศพ” ผู้ต้องหาที่ 1 ได้ใช้อาวุธปืนลูกซองยิง นายจู๊ด อายุ 45 ปี จำนวน 3 นัด กระสุนถูกบริเวณหน้าอกเสียชีวิตคาที่หน้าบ้าน ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ครั้นต่อมาเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2552 เวลาประมาณ 08.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมนายณรงค์ ได้นำส่งพนักงานสอบสวนทำการสอบสวน ชั้นสอบสวนนายณรงค์ให้การรับสารภาพว่าเป็นคนฆ่า นายจู๊ดผู้ตายจริง โดยมีนางอัมพรเมียชองนายจู๊ดผู้ตายเป็นผู้จ้างฆ่าในราคา 1 แสนบาท ดังนั้น ในเวลาประมาณ 12.00 น. เจ้าพนักงานตำรวจจึงได้นำหมายจับของศาลจังหวัดพัทยาเข้าจับกุม นางอัมพร ผู้ต้องหาที่ 2 นำส่งพนักงานสอบสวนทำการสอบสวน ชั้นสอบสวนนางอัมพรให้การ รับสารภาพว่าเป็นผู้จ้างฆ่าจริง พนักงานสอบสวนจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองไปฝากขัง ศาลจังหวัดพัทยา ตามคดีหมายเลขดำที่ ฝ. 456 ต่อมาเมื่อพนักงานสอบสวนทำการสอบสวนเสร็จ จึงสรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการจังหวัดพัทยามีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 1 ในข้อหาฆ่าผู้อื่น โดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อนและเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 2 ในข้อหาจ้างวานให้ฆ่าผู้อื่น โดยไตร่ตรองไว้ก่อน พนักงานอัยการจังหวัดพัทยาพิจารณาแล้วเห็นด้วยกับความเห็นของ พนักงานสอบสวน จึงมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งสองตามข้อกล่าวหา

สมมติว่านักศึกษาเป็นพนักงานอัยการจังหวัดพัทยา ให้นักศึกษาเรียงคำฟ้องคดีนี้เฉพาะเนื้อหาคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158 เท่านั้น

มาตรา 288 ผู้ใดฆ่าผู้อื่น ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบห้าปี ถึงยี่สิบปี

มาตรา 289 ผู้ใด

(1) …

(4) ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ต้องระวางโทษประหารชีวิต

ธงคำตอบ

คำฟ้องอาญา

ข้อ 1. เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2552 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยที่ 1 โดยการจ้างวานใช้ ของจำเลยที่ 2 ได้บังอาจใช้อาวุธปืนลูกซองยิง นายจู๊ด ผู้ตาย จำนวน 3 นัด กระสุนถูกบริเวณหน้าอก เป็นเหตุให้ ผู้ตายถึงแกความตายสมดังเจตนาของจำเลยทั้งสอง รายละเอียดบาดแผลปรากฏตามรายงานการชันสูตรพลิกศพ ของแพทย์ท้ายฟ้อง

เหตุเกิดที่ ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี

ข้อ 2. ต่อมาเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2552 เวลากลางวัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมจำเลยทั้งสอง ได้ นำส่งพนักงานสอบสวน ทำการสอบสวนแล้ว ชั้นสอบสวนจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ

ระหว่างสอบสวนจำเลยทั้งสองถูกควบคุมตัวตลอดมา ขณะนี้ต้องขังอยูตามหมายขังศาลในคดีนี้ หมายเลขดำที่ ฝ. 456

 

ข้อ 4. นายชื่นทนายความรับเป็นทนายความในการเขียนอุทธรณ์และฎีกาให้แก่บุตรชายทั้งสองของนายชอบ ในคดีอาญา ค่าทนายความเป็นเงินจำนวน 50,000 บาท และนายชื่นยังรับวิ่งเต้นคดีให้บุตรชาย ทั้งสองของนายชอบด้วย โดยนายชื่นได้ติดต่อให้นายชุ่มทนายความอีกคนหนึ่งดำเนินการวิ่งเต้นคดี นายชุ่มรู้จักกับผู้พิพากษาให้ช่วยเหลือคดีได้ขอค่าใช้จ่ายในการวิ่งเต้นคดี นายชอบได้จ่ายเงินค่า วิ่งเต้นคดีให้แก่นายชื่น จำนวน 200,000 บาท นายชื่นตกลงว่า หากไม่สามารถช่วยทางคดีให้ชนะได้ ก็จะนำเงินจำนวน 200,000 บาท คืนให้แกนายชอบปรากฏว่า ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาพิพากษา จำคุกบุตรชายทั้งสองของนายชอบตลอดชีวิต

ให้วินิจฉัยว่า การกระทำของนายชื่นและนายชุ่มทนายความ มีความผิดตามข้อบังคับสภาทนายความ ว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529 หรือไม่ อย่างไร ให้อธิบาย

ธงคำตอบ

ข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529

ข้อ 6 ไมเคารพยำเกรงอำนาจศาล หรือกระทำการใดอันเป็นการดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษา ในศาลหรือนอกศาล อันเป็นการทำให้เสื่อมเสียอำนาจศาลหรือผู้พิพากษา

ข้อ 10 ใช้อุบายอย่างใดอย่างหนึ่งดังกล่าวต่อไปนี้ เพื่อจูงใจให้ผู้ใดมอบคดีให้ว่าต่างหรือแก้ต่าง

(3) อวดอ้างว่าเกี่ยวเป็นสมัครพรรคพวกรู้จักคุ้นเคยกับผู้ใดอันกระทำให้เขาหลงว่าตนสามารถ จะทำให้เขาได้รับผลเป็นพิเศษ นอกจากทางว่าความหรือหลอกลวงว่าจะชักนำจูงใจให้ผู้นั้นช่วยเหลือคดีในทางใด ๆ ได้ หรือแอบอ้างขู่ว่าถ้าไม่ให้ตนว่าคดีนั้นแล้วจะหาทางให้ผู้นั้นกระทำให้คดีของเขาแพ้

ข้อ 18 ประกอบอาชีพ ดำเนินธุรกิจ หรือประพฤติตนอันเป็นการฝ่าฝืนต่อศีลธรรมอันดี หรือเป็นการเสื่อมเสียต่อศักดิ์ศรีและเกียรติคุณของทนายความ

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์ การที่นายชื่นและนายชุ่มทนายความตกลงรับวิ่งเต้นคดี ถือว่าเป็นการหมิ่น ศาลอันเป็นการทำให้เสื่อมเสียอำนาจศาลหรือผู้พิพากษา จึงมีความผิดตามข้อบังคับสภาทนายความฯ ข้อ 6

สำหรับการที่นายชื่นและนายชุ่มซึ่งเป็นทนายความไปวิ่งเต้นคดี โดยอ้างกับนายชอบว่า นายชุ่ม รู้จักกับผู้พิพกษา ถือว่าเป็นการหลอกลวงว่าจะไปจูงใจผู้พิพากษาให้ช่วยเหลือให้คดีชนะ จึงมีความผิดตาม ข้อบังคับสภาทนายความฯ ข้อ 10(3)

ผู้ประกอบวิชาชีพทนายความ นอกจากจะมีหน้าที่ต่อลูกความแล้ว ยังต้องมีความรับผิดชอบ ต่อสังคม ต่อกระบวนการยุติธรรมในฐานะผู้รู้และใช้กฎหมาย ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้อง ความชอบธรรม ให้เป็นไปตามกฎหมาย และต้องไมประพฤติตนอันเป็นการฝ่าฝืนต่อศีลธรรมอันดี หรือเป็นการเสื่อมเสียต่อ ศักดิ์ศรีและเกียรติคุณของทนายความ การที่นายชื่นและนายชุ่มทนายความ กลับส่งเสริมหรือสนับสนุนให้มีการ วิ่งเต้นคดี จึงมีความผิดตามข้อบังคับสภาทนายความฯ ข้อ 18 อีกด้วย

ดังนั้น การกระทำของนายชื่นและนายชุ่มทนายความจึงมีความผิดตามข้อบังคับสภาทนายความฯ ข้อ 6 ข้อ 10(3) และข้อ 18 (เทียบคำสั่งสภานายกพิเศษฯ ที่ 1/2547)

สรุป  การกระทำของนายชื่นและนายชุ่มทนายความมีความผิดตามข้อบังคับสภาทนายความฯ ข้อ 6 ข้อ 10(3) และข้อ 18

LAW4002 การว่าความและการจัดทำเอกสารทางกฎหมาย การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2552

การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2552

ข้อสอบกระบวนวิชา LAW4002  การว่าความ

คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 4 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)

ข้อ 1. นาย ก. มีบุตรชายสองคนคือ นาย ข. และนาย ค. ต่อมา นาย ก. ได้ถึงแก่กรรมลงโดยมิได้ทำ พินัยกรรมไว้ และไม่ได้กำหนดให้ผู้ใดเป็นผู้จัดการมรดก นาย ค. บุตรต่างมารดาของนาย ก. ได้ ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งขอเป็นผู้จัดการมรดกของนาย ก. เจ้ามรดก นาย ข. ทราบเรื่องจึงมีความประสงค์ที่จะคัดค้านความไมเหมาะสมของการร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของนาย ค. โดยมีเหตุผล ดังนี้

1.         นาย ค. เป็นบุคคลที่ชอบเล่นการพนันและเมาสุราเป็นอาจิณ เป็นเหตุที่แสดงให้เห็นถึงความไม่สามารถของผู้ร้องที่จะจัดการมรดกให้เป็นไปโดยสุจริต

2.         นาย ค. เป็นบุคคลที่ถูกศาลพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1718(3) เป็นการแสดงให้เห็นความขาดคุณสมบัติของผู้ร้องตามกฎหมาย

ดังนั้น ให้ท่านในฐานะทนายความของนาย ข. ยื่นคำร้องคัดค้านการขอเป็นผู้จัดการมรดกของ

นาย ค. ตามความประสงค์ของตัวความ

(ให้ร่างแต่ใจความในคำร้องโดยไม่ต้องคำนึงถึงแบบพิมพ์ศาล)

ธงคำตอบ

ข้อ 1. คดีนี้ ผู้ร้องได้ร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของนาย ก. ผู้ตาย โดยนาย ก. ผู้ตายไม่ได้ ทำพินัยกรรมไว้ และไม่ได้ตั้งผู้ใดเป็นผู้จัดการมรดก ดังความแจ้งแล้วนั้น

ข้อ 2. ผู้ร้องคัดค้านเป็นบุตรของผู้ตายและเป็นทายาทโดยชอบด้วยกฎหมาย ขอร้องคัดค้าน ความไม่เหมาะสมของการร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ร้อง ทั้งนี้ผู้ร้องคัดค้านมีเหตุผลดังต่อไปนี้

2.1       ผู้ร้องเป็นบุคคลที่ชอบเล่นการพนันและเมาสุราเป็นอาจิณ เป็นเหตุที่แสดงให้เห็น ถึงความไม่สามารถของผู้ร้องที่จะจัดการมรดกให้เป็นไปโดยสุจริตและยุติธรรม

2.2       ผู้ร้องเป็นบุคคลที่ถูกศาลสั่งให้เป็นบุคคลล้มละลายตามประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์มาตรา 1718(3) เป็นการแสดงให้เห็นความขาดคุณสมบัติของผู้ร้องตามกฎหมาย

ด้วยเหตุผลดังได้กล่าวมาแล้วข้างต้น ผู้ร้องคัดค้านจึงขอคัดค้านการขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ร้อง โดยขอศาลได้โปรดยกคำร้องของผู้ร้องเสีย

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

ลงชื่อ……(ลายมือชื่อนาย ข.)……ผู้ร้องคัดค้าน

คำร้องฉบับนี้ ข้าพเจ้า (ชื่อนักศึกษา) ทนายผู้ร้องคัดค้านเป็นผู้เรียงและพิมพ์

ลงชื่อ…….(ลายมือชื่อนักศึกษา)…….ผู้เรียงและพิมพ์

ข้อ 2. ในคดีฟ้องล้มละลายระหว่างธนาคาร ก. โจทก์กับนาย ข. จำเลย ในชั้นดำเนินกระบวนพิจารณา ธนาคาร ก. ได้อ้างเอกสารเป็นพยานหลักฐานจำนวนไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันฉบับ ทำให้การคัดสำเนา เอกสารเพื่อส่งให้กับจำเลยเป็นไปด้วยความลำบากเพราะต้องใช้เวลามาก ซึ่งจะทำให้กระบวน พิจารณาคดีของศาลล่าช้า ธนาคาร ก. จึงมีความประสงค์จะยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขออนุญาตไมส่ง สำเนาพยานเอกสารให้กับนาย ข. โดยขอส่งต้นฉบับทั้งหมดต่อศาลและให้นาย ข. มาตรวจพยาน เอกสารที่ศาลเอง ดังนั่น ให้ท่านในฐานะทนายความของธนาคาร ก. ร่างคำร้องยื่นต่อศาลตาม ความประสงค์ของตัวความ (ให้ร่างแต่ใจความในคำร้องเท่านั้นโดยไม่ต้องคำนึงถึงแบบพิมพ์ศาล)

ธงคำตอบ

คำร้องขอให้คู่ความตรวจเอกสารเพราะเหตุสำเนาให้ไม่ทัน

ข้อ 1. คดีนี้ โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้เป็นบุคคลล้มละลาย คดีอยู่ระหว่างการนัดสืบพยาน แต่เนื่องจากพยานเอกสารที่โจทก์ยื่นต่อศาลนั้นมีไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันฉบับ การคัดสำเนาเอกสารเพื่อส่งให้กับจำเลย เป็นไปด้วยความลำบากเพราะต้องใช้เวลามากอาจทำให้กระบวนพิจารณาของศาลล่าช้า โจทก์จึงขอส่งต้นฉบับ เอกสารทั้งหมดต่อศาล และขอให้จำเลยมาตรวจเอกสารที่ศาลเอง ทั้งนี้เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ขอศาล ได้โปรดอนุญาต

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

ลงชื่อ…..(ลายมือชื่อธนาคาร ก.)……ผู้ร้อง

คำร้องฉบับนี้ ข้าพเจ้า (ชื่อนักศึกษา) ทนายโจทก์เป็นผู้เรียงและพิมพ์

ลงชื่อ……(ลายมือชื่อนักศึกษา)…..ผู้เรียงและพิมพ์

ข้อ3. ข้อเท็จจริงตามสำนวนการสอบสวนได้ความว่า เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2553 เวลาประมาณ 03.00 น.ขณะที่นายชัยเดินผ่านร้านสะดวกเอแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนสุขุมวิท ตำบลบางปลาสร้อย อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี ได้พบเห็นนางสาวน้อยสวมสร้อยคอทองคำหนักหนึ่งบาท ราคา 17,000 บาท นายชัย จึงเดินเข้าไปทางด้านหลังของนางสาวน้อย แล้วเอื้อมมือไปกระชากสร้อยคอทองคำของนางสาวน้อย แต่นางสาวน้อยไหวตัวทันจึงคว้ามือนายชัยไว้มิให้นายชัยกระชากสร้อยคอไปพร้อมร้องตะโกนให้ คนช่วย นายชัยตกใจจึงปล่อยมือออกจากสร้อยคอแล้ววิ่งหนีไป ระหว่างนั้นเองมีตำรวจสายตรวจ สองนายขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมา จึงไล่ติดตามและจับนายชัยมาได้นำส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองชลบุรี ชั้นสอบสวนนายชัยให้การรับสารภาพ ระหว่างพนักงานสอบสวนได้ นำตัวนายชัยไปฝากขังที่ศาลจังหวัดชลบุรี ตามคดีหมายเลขดำที่ ฝ. 125/2553

สมมุติว่านักศึกษาเป็นพนักงานอัยการจังหวัดชลบุรี   ผู้รับผิดชอบสำนวนคดีนี้ได้มีคำสั่งฟ้อง

นายชัยในข้อหาพยายามวิ่งราวทรัพย์ ให้นักศึกษาเรียงคำฟ้องคดีดังกล่าวเฉพาะเนื้อคำฟ้องตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158

ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 336 ผู้ใดลักทรัพย์โดยฉกฉวยเอาซึ่งหน้า ผู้นั้นกระทำความผิด ฐานวิงราวทรัพย์…

มาตรา 80 ผู้ใดลงมือกระทำความผิดไปไม่ตลอด หรือกระทำไปตลอดแล้วแต่การนั้นไม่บรรลุผล ผู้นั้นพยายามกระทำความผิด

ธงคำตอบ

ถ้าข้าพเจ้าเป็นพนักงานอัยการจังหวัดชลบุรี ผู้รับผิดชอบของสำนวนคดีนี้ ข้าพเจ้าจะเรียงคำ ฟ้องคดีนายชัยในข้อหาพยายามวิ่งราวทรัพย์ ดังต่อไปนี้

ข้อ 1. เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2553 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง จำเลยได้กระทำผิดต่อ กฎหมายกล่าวคือ จำเลยได้บังอาจลักเอาสร้อยคอทองคำหนักหนึ่งบาท ราคา 17,000 บาท ของนางสาวน้อย ผู้เสียหายไปโดยทุจริต โดยในการลักทรัพย์ดังกล่าวจำเลยได้ฉกฉวยเอาซึ่งหน้า จำเลยได้ลงมือกระทำความผิด ไปตลอดแล้ว แต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล เพราะผู้เสียหายไหวตัวทันแล้วขัดขวางมิให้จำเลยเอาสร้อยคอทองคำ ของผู้เสียหายไป จำเลยจึงไม่ได้ไปซึ่งสร้อยคอทองคำของผู้เสียหายสมดังเจตนาของจำเลย

เหตุเกิดที่ตำบลบางปลาสร้อย อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี

ข้อ 2. ตามวันเวลาดังกล่าวในฟ้องข้อ 1. ภายหลังจากที่จำเลยกระทำความผิดดังกล่าวในฟ้อง ข้อ 1. แล้ว เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้ และได้นำส่งพนักงานสอบสวน

ชั้นสอบสวน จำเลยให้การรับสารภาพ

ระหว่างสอบสวน จำเลยถูกควบคุมตัวตลอดมา ขณะนี้ต้องขังอยู่ตามหมายขังของศาลนี้ในคดี หมายเลขดำที่ ฝ. 125/2553 ขอให้ศาลเบิกตัวจำเลยมาเพื่อพิจารณาลงโทษต่อไป

 

ข้อ 4. นายสมชาย ได้เป็นโจทก์ฟ้องนายเก่งและนายอ้วนเป็นจำเลยในคดีแพ่ง ต่อมาโจทก์และจำเลยทั้งสอง ได้ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความ และศาลพิพากษาตามยอม จำเลยทั้งสองผิดนัดชำระหนี้ ศาลออกหมายบังคับคดี นายชัยรัตน์ ทนายความได้รับการแต่งตั้งจากโจทก์ ให้มีหน้าที่ดูแลและบังคับคดีแทนโจทก์ โจทก์ได้โอนเงินเข้าบัญชี เงินฝากของนายชัยรัตน์ เป็นเงินจำนวน 100,000 บาท (หนึ่งแสนบาท) เพื่อให้ไปดำเนินการประมูลทรัพย์สินในคดีที่ถูกนำออกขายทอดตลาด เจ้าพนักงาน บังคับคดี ได้ขายทอดตลาดที่ดินในคดีนี้ไปโดยที่นายชัยรัตน์ไม่ได้ไปติดตามดูแลการขายทอดตลาด แต่อย่างใด หลังจากนั้น โจทก์จึงได้ทวงถามเงินจำนวน 100,000 บาท (หนึ่งแสนบาท) จาก นายชัยรัตน์คืน แต่นายชัยรัตน์ไม่ยอมคืนเงินที่ได้มาให้แกโจทก์แต่อย่างใด

ให้วินิจฉัยว่า นายชัยรัตน์ ทนายความ มีความผิดตามข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมารยาททนายความ พ.ศ. 2529 หรือไม่ อย่างไร ให้อธิบาย

ธงคำตอบ

ตามข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529 หมวด 3 เรื่องมรรยาท

ต่อตัวความ

ข้อ 12. การกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งดังกล่าวต่อไปนี้ อันอาจทำให้เสื่อมเสียประโยชน์

ของลูกความ

(1)       จงใจขาดนัด หรือทอดทิ้งคดี

(2)       จงใจละเว้นหน้าที่ ที่ควรกระทำอันเกี่ยวแก่การดำเนินคดีแห่งลูกความของตน หรือปิดบังข้อความที่ควรแจ้งให้ลูกความทราบ

 ข้อ 15. กระทำการอันใดอันเป็นการฉ้อโกง ยักยอก หรือตระบัดสินลูกความ หรือครอบครอง หรือหน่วงเหนี่ยวเงินหรือทรัพย์สินของลูกความที่ตนได้รับมาโดยหน้าที่อันเกี่ยวข้องไว้นานเกินกว่าเหตุ โดยมิได้รับ ความยินยอมจากลูกความ เว้นแต่จะมีเหตุอันสมควร

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์ การที่นายชัยรัตน์ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทนายโจทก์ และได้รับเงินจาก โจทก์จำนวน 100,000 บาท (หนึ่งแสนบาท) เพื่อไปดำเนินการประมูลทรัพย์สินในคดีที่ถูกนำออกขายทอดตลาด แต่นายชัยรัตน์ไม่ได้ไปติดตามดูแลการขายทอดตลาด จนทำให้เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดที่ดินไป การกระทำของนายชัยรัตน์ดังกล่าว ถือว่าเป็นการจงใจละเว้นหน้าที่ที่ควรกระทำอันเกี่ยวแก่การดำเนินคดีของ ลูกความ เป็นการประพฤติผิดมรรยาททนายความตามข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529 ข้อ 12.

และนอกจากนั้น เมื่อโจทก์ขอให้นายชัยรัตน์คืนเงินจำนวน 100,000 บาท (หนึ่งแสนบาท) แต่นายชัยรัตน์ไม่ยอมคืนเงินที่ได้มาให้แกโจทก์ถือได้ว่า เป็นการยักยอกเงิน หรือตระบัดสินลูกความ อันเป็น การประพฤติผิดมรรยาททนายความ ตามข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529 ข้อ 15. อีกข้อหนึ่งด้วย (เทียบได้ตามคำสั่งสภานายกพิเศษแห่งสภาทนายความที่ 9/2547)

สรุป    นายชัยรัตน์ ทนายความ มีความผิดตามข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529 ข้อ 12. และข้อ 15.

LAW4002 การว่าความและการจัดทำเอกสารทางกฎหมาย การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2552

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2552

ข้อสอบกระบวนวิชา LAW4002  การว่าความ

คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 4 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)

ข้อ1. (ก) ความเป็นทนายจะสิ้นสุดลงได้ในกรณีใดบ้าง จงนอกเป็นข้อ ๆ

(ข) นายเอกได้รับหมายศาลขอแรงให้เป็นทนายแก้ต่างจำเลยในคดีอาญาเรื่องหนึ่ง นายเอกไม่ได้ ไปทำหน้าที่เพราะใบอนุญาตเป็นทนายความขาดต่ออายุ แต่นายเอกก็มิได้แจ้งเหตุขัดข้องให้ ศาลทราบ ดังนี้ จะถือว่านายเอกประพฤติผิด พ.ร.บ. ทนายความ พ.ศ. 2528 ว่าด้วย มรรยาททนายความหรือไม เพราะเหตุใด

งคำตอบ

(ก) ตาม พ.ร.บ. ทนายความ พ.ศ. 2528 มาตรา 44 ได้บัญญัติไว้ว่า ทนายความขาดจากการเป็น ทนายความ เมื่อ

1.         ตาย

2.         บอกเลิกจากการเป็นทนายความ

3.         ขาดการต่อใบอนุญาตตามมาตรา 39 วรรคสอง

4.         ถูกจำหน่ายชื่อลอกจากทะเบียนทนายความตามมาตรา 43 หรือ

5.         ถูกลบชื่อออกจากทะเบียนทนายความตามมาตรา 66 มาตรา 67 มาตรา 68 หรือมาตรา 69

(ข) ตาม พ.ร.บ. ทนายความ พ.ศ. 2528 และข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ

พ.ศ. 2529

ข้อ 4 “ทนายความผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับข้อใดข้อหนึ่ง ดังจะกล่าวต่อไปนี้ ให้ถือว่าทนายความผู้นั้นประพฤติผิดมรรยาททนายความ

ข้อ 5 “ไม่รับหน้าที่เมื่อผู้พิพากษาได้ขอแรงให้เป็นทนายความแก้ต่างคดีอาญา เว้นแต่จะมี ข้อแก้ตัวโดยสมควร

วินัจนัย

โดยหลักแล้วทนายความผู้ใด เมื่อผู้พิพากษาได้ขอแรงให้เป็นทนายแก้ต่างให้จำเลยในคดีอาญา ทนายความผู้นั้นจะต้องรับหน้าที่ดังกล่าวนั้น ถ้าทนายความไม่รับหน้าที่ในการนั้นโดยไม่มีเหตุสมควร ถือว่าเป็น การผิดมรรยาททนายความ และถ้ามีเหตุขัดข้องอย่างใดที่ทำให้ไม่อาจรับหน้าที่ได้ ต้องแจ้งเหตุขัดข้องดังกล่าว ให้ศาลทราบ เพื่อศาลจะได้ขอแรงทนายความคนอื่นต่อไป

กรณีตามอุทาหรณ์ การที่นายเอกได้รับหมายศาลขอแรงให้เป็นทนายแก้ต่างให้จำเลยในคดีอาญาเรื่องหนึ่ง แต่นายเอกไม่ได้ไปทำหน้าที่นั้น     และแม้ว่านายเอกจะมีเหตุขัดข้องคือใบอนุญาตเป็นทนายความขาดต่ออายุ แต่นายเอกก็มิได้แจ้งเหตุขัดข้องให้ศาลทราบ ดังนี้ถือว่าการกระทำของนายเอก เป็นการประพฤติผิด พ.ร.บ. ทนายความ พ.ศ. 2528 ว่าด้วยมรรยาททนายความ ข้อ 5. ดังกล่าวข้างต้น

สรุป กรณีดังกล่าว ถือว่านายเอกประพฤติผิด พ.ร.บ. ทนายความ พ.ศ. 2528 วาด้วยมรรยาททนายความ (ตามข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความฯ ข้อ 5.)

 

ข้อ 2. สมมุติข้อเท็จจริงว่า เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2553 เวลาประมาณ 10 นาฬิกาเศษ นายอิ่ม เอมทรัพย์ ขับรถจักรยานยนต์ไปส่งภริยาจ่ายกับข้าวที่ตลาดสด แขวง และเขตสะพานสูง กรุงเทพฯ ระหว่าง รอรับภริยา นายอิ่มได้เดินไปซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล ขณะถือกระเป๋าใส่สตางค์เพื่อจะหยิบเงิน จ่ายค่าสลากกินแบ่งให้ผู้ขาย ได้ถูกคนร้ายกระชากกระเป๋าสตางค์ ราคา 300 บาท ในกระเป๋า มีธนบัตรชนิดต่าง ๆ รวม 6.000 บาท บัตรเครดิตธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) 1 ใบ ใบอนุญาตขับขี่รถจักรฆานยนต์ 1 ใบ คนร้ายวิ่งหนีไป นายอิ่มได้ตะโกนให้คนช่วยจับ บรรดา คนขับรถจักรยานยนต์รับจ้างบริเวณนั้นได้ช่วยกันจับคนร้ายได้ ทราบชื่อว่านายจน ขัดสนทรัพย์ นายอิ่มโทรศัพท์แจ้งตำรวจท้องที่รับตัวนายจนไปทำการสอบสวน ให้การรับสารภาพว่าติดยาบ้า ต้องการเงินไปซื้อยาบ้าเพื่อเสพย์ระหว่างสอบสวนผู้ต้องหาถูกควบคุมตัวมาโดยตลอด ส่วนของกลาง ตำรวจคืนให้ผู้เสียหายรับไปแล้วสมมุติท่านในฐานะพนักงานอัยการที่รับผิดชอบคดีนี้ จงเรียบเรียง คำฟ้องอาญาฐานวิ่งราวทรัพย์ตาม บ่.อาญามาตรา 336 ซึ่งบัญญัติว่า ผู้ใดลักทรัพย์โดยฉกฉวยเอา ซึ่งหน้า ผู้นั้นกระทำความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ ต้องระวางโทษ… ฯลฯ” (เรียบเรียงเฉพาะเนื้อหา คำฟ้องตาม ป.วิ.อาญามาตรา 158(5))

ธงคำตอบ

คำฟ้องอาญา

ข้อ 1. เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2553 เวลากลางวัน จำเลยได้กระทำผิดต่อกฎหมาย กล่าวคือ จำเลยได้บังอาจลักเอากระเป๋าสตางค์ราคา 300 บาท ในกระเป๋ามีธนบัตรชนิดต่าง ๆ รวม 6,000 บาท บัตรเครดิตธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) 1 ใบ ใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์ 1 ใบ ของนายอิ่ม เอมทรัพย์ ผู้เสียหายโดยจำเลยใช้กริยาฉกฉวยกระชากเอากระเป๋าสตางค์พร้อมทรัพย์สินดังกล่าวของผู้เสียหายหนีไปซึ่งหน้า เหตุเกิดที่แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพมหานคร

ข้อ 2. ในวันเวลาดังกล่าวในฟ้องข้อ 1. เวลากลางวัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจับจำเลยได้ทำการ สอบสวนแล้ว จำเลยให้การรับสารภาพ ทรัพย์ของกลางผู้เสียหายได้รับคืนไปแล้ว

ระหว่างสอบสวนจำเลยได้ถูกควบคุมตัวมาโดยตลอด ได้ส่งตัวจำเลยมาพร้อมคำฟ้องนี้แล้ว

 

ข้อ 3. ในคดีแพ่งเรื่องหนึ่ง พนักงานส่งหมายรายงานศาลว่าส่งหมายเรียกและสำเนฟ้องให้จำเลยไม่ได้ เนื่องจากไมพบตัวจำเลย ทั้งประตูรั้วบ้านจำเลยใส่กุญแจไว้ ให้ท่านในฐานะทนายโจทก์เรียบเรียง คำแถลงขอศาลสั่งให้ส่งหมายฯ ให้จำเลยอีกครั้งหนึ่ง หากไม่พบจำเลยหรือไม่มีผู้ใดรับหมายฯ แทน ให้ขอศาลสั่งปิดหมายฯ ด้วย (เรียบเรียงเฉพาะเนื้อหา โดยไม่ต้องคำนึงถึงแบบพิมพ์ศาล แต่ให้ ท่านลงชื่อให้บริบูรณ์ด้วย)

ธงคำตอบ

คำแถลงขอส่งหมาย

ข้อ 1. คดีนี้ ตามรายงานเจ้าหน้าที่ส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องให้จำเลยไมได้ รายละเอีย ดังปรากฏตามรายงานเจ้าหน้าที่แล้วนั้น โจทก์ขอยืนยันว่าจำเลยมีหลักฐานที่อยู่ดังปรากฏตามฟ้องแน่นอน ทั้งทราบล่วงหน้าด้วยว่าจะถูกโจทก์ฟ้อง จึงพยายามหลบหลีกการรับหมายเป็นการประวิงคดีให้ล่าช้า โจทก์จึงกราบเรียนมา ขอศาลได้โปรดมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานส่งหมายแก่จำเลยอีกครั้งหนึ่ง หากไมพบตัวจำเลยและไม่มีผู้ใดรับหมาย ขอศาลปิดหมายไว้ ณ บ้านเรือนจำเลยต่อไปด้วย ขอได้โปรดกรุณาอนุญาต

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

ลงชื่อ…..(ลายมือชื่อนักศึกษา)…..ผู้แถลง

คำแถลงฉบับนี้ ข้าพเจ้า (ชื่อนักศึกษา) ทนายโจทก์เป็นผู้เรียงและพิมพ์

ลงชื่อ…..(ลายมือชื่อนักศึกษา)…..ผู้เรียงและพิมพ์

ข้อ 4 โจทก์ฟ้องขอหย่าและแบ่งสินสมรสจากจำเลย 200 ล้านบาท จำเลยให้การต่อสู้คดีตามกฎหมายแล้ว ต่อมาญาติผู้ใหญ่ที่ทั้งสองฝ่ายให้ความนับถือไกล่เกลี่ย โจทก์จำเลยตกลงกันได้ โจทก์ต้องการ ถอนฟ้องคดีนี้ ให้ท่านในฐานะทนายโจทก์เรียบเรียงคำร้องขอถอนฟ้อง (เฉพาะส่วนเนื้อหาโดย ไม่ต้องคำนึงถึงแบบพิมพ์ศาล แต่ให้ท่านลงชื่อให้บริบูรณ์ด้วย)

ธงคำตอบ

ข้อ 1. คดีนี้ โจทก์ได้ยื่นฟ้องจำเลยและจำเลยได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดีตามกฎหมายแล้ว แต่ โจทก์และจำเลยตกลงกันได้ โจทก์ไม่ติดใจที่จะดำเนินคดีกับจำเลยอีกต่อไป จึงขอถอนฟ้องคดีนี้ ขอศาลได้โปรดกรุณาอนุญาต

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

ลงชื่อ…..(ลายมือชื่อโจทก์)….โจทก์

คำร้องฉบับนี้ ข้าพเจ้า (ชื่อนักศึกษา) ทนายโจทก์เป็นผู้เรียงและพิมพ์           

ลงชื่อ……(ลายมือชื่อนักศึกษา)…….ผู้เรียงและพิมพ์

LAW4002 การว่าความและการจัดทำเอกสารทางกฎหมาย การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2553

การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2553

ข้อสอบกระบวนวิชา LAW4002 การว่าความ

คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 4 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)

ข้อ 1. ในคดีมรดกที่โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์มรดกในฐานะทายาทโดยธรรมของนาย ก. เจ้ามรดก จากจำเลย ในฐานะผู้จัดการมรดก คดีอยู่ระหว่างสืบพยานโจทก์นัดที่สอง ซึ่งโจทก์และจำเลยต่างใช้สิทธิระบุ พยานครั้งแรก และระบุพยานเพิ่มเติมเสร็จสิ้นแล้ว บังเอิญโจทก์ทราบภายหลังว่านาย ก. เจ้ามรดก มีเอกสารเก็บอยู่ในตู้นิรภัยที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขารามคำแหง ในวันที่ 8 กันยายน 2553 โจทก์ในฐานะทายาทของนาย ก. เจ้ามรดกได้นำกุญแจไปขอเปิดตู้นิรภัยที่ธนาคารดังกล่าว ปรากฏว่า ได้พบพินัยกรรมฉบับของนาย ก. เจ้ามรดกแบบเขียนเองทั้งฉบับลงวันที่ 1 มกราคม 2553 ยก ทรัพย์มรดกทั้งปวงให้กับโจทก์แต่เพียงผู้เดียว ซึ่งทำให้จำเลยและทายาทอื่นหมดสิทธิที่จะรับ ทรัพย์มรดกตามพินัยกรรม

โจทก์มีความประสงค์ที่จะขอยื่นระบุพยานอ้างพินัยกรรมฉบับดังกล่าวต่อศาล โดยอ้างเหตุว่า โจทก์ไม่สามารถทราบได้ว่ามีเอกสารนี้มาก่อน จึงจำเป็นต้องยื่นเอกสารดังกล่าวนี้ต่อศาลในขณะนี้

ดังนั้น ให้ท่านในฐานะทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอระบุพยานเพิ่มเติมเป็นกรณีพิเศษตามประมวลวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 88 วรรคสาม (ให้ร่างแต่ใจความในคำร้องเท่านั้น)

ธงคำตอบ

คำร้องขอระบุพยานเพิ่มเติม (ในกรณีพิเศษ)

ข้อ 1. คดีนี้อยู่ระหว่างการสืบพยานโจทก์ โจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานครั้งแรกและได้ยื่น บัญชีระบุพยานเพิ่มเติม ดังความแจ้งแล้วนั้น

ข้อ 2. โจทก์ขอประทานเกราบเรียนต่อศาลว่า โจทก์เพิ่งทราบว่าเจ้ามรดกมีเอกสารเก็บอยู่ที่ ตู้นิรภัยที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขารามคำแหง เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2553 โจทก์ในฐานะทายาทของเจ้ามรดกได้นำ กุญแจไปเปิดตู้นิรภัยดังกล่าว และได้พบพินัยกรรมแบบเขียนเองทั้งฉบับของเจ้ามรดก ฉบับลงวันที่ 1 มกราคม 2553 ยกทรัพย์มรดกทั้งปวงให้กับโจทก์แต่เพียงผู้เดียว โจทก์ประสงค์ที่จะอ้างพินัยกรรมฉบับดังกล่าวเป็นพยานเอกสาร ของโจทก์ เนื่องจากระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดให้ยื่นบัญชีระบุพยานได้ล่วงเลยมาแล้ว แต่โจทก์เพิ่งทราบว่า มีพยานเอกสารนี้อยู่ในภายหลัง โจทก์จึงขอประทานอนุญาตศาลขอยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมที่ได้แนบมาพร้อม คำร้องนี้เป็นกรณีพิเศษ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ขอศาลได้โปรดอนุญาต

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

ลงชื่อ…..(ลายมือชื่อผู้ร้องหรือทนายโจทก์)…..ผู้ร้อง

คำร้องฉบับนี้ ข้าพเจ้า (ชื่อนักศึกษา) ทนายผู้ร้องเป็นผู้เรียงและพิมพ์

ลงชื่อ…..(ลายมือชื่อนักศึกษา)…..ผู้เรียงและพิมพ์

หมายเหตุ

(1) การยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมในกรณีปกติให้ยื่นเป็น คำแถลง” ขอระบุพยานเพิ่มเติม ต่อศาล (ป.วิ.แพ่ง มาตรา 88 วรรคสอง)

(2) การยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมในกรณีพิเศษ ให้ยื่นเป็น คำร้อง” ขออนุญาตระบุพยาน เพิ่มเติมต่อศาล (ป.วิ.แพ่ง มาตรา 88 วรรคสาม)

 

ข้อ 2. ในคดีที่โจทก์ฟ้องจำเลยในข้อหาละเมิดเรียกค่าเสียหายจำนวน 1 ล้านบาท โจทก์ได้ส่งหมายเรียก และสำเนาคำฟ้องให้จำเลยแล้ว ครบกำหนดยื่นคำให้การในวันที่ 15 ตุลาคม 2553 และจำเลยยัง มิได้ยื่นคำให้การ ต่อมาในวันที่ 5 ตุลาคม 2553 โจทก์และจำเลยสามารถตกลงเรื่องค่าเสียหายได้ โดยจำเลยยอมชำระค่าเสียหายตามที่โจทก์เรียกร้อง โจทก์จึงไม่ประสงค์ที่จะดำเนินคดีกับจำเลย อีกต่อไป และมีความประสงค์ที่จะถอนฟ้องคดีนี้เสีย

ดังนั้น ให้ท่านในฐานะทนายความของโจทก์ร่างคำบอกกล่าวขอถอนฟ้องคดีให้แกโจทก์ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 175 (ให้ร่างแต่ใจความในคำบอกกล่าวเท่านั้น)

ธงคำตอบ

คำบอกกล่าวขอถอนฟ้อง

ข้อ 1. คดีนี้โจทก์ได้ส่งหมายเรียกสำเนาฟ้องให้จำเลยแล้ว ครบกำหนดยื่นคำให้การในวันที่ 15 ตุลาคม 2553 และจำเลยยังมิได้ยื่นคำให้การ รายละเอียดปรากฏในสำนวนแล้วนั้น

ข้อ 2. บัดนี้โจทก์และจำเลยสามารถตกลงกันได้โดยจำเลยยินยอมชดใช้ค่าเสียหายแกโจทก์ ตามที่โจทก์เรียกร้อง โจทก์จึงขอถอนฟ้องจำเลยเสีย ขอศาลได้โปรดอนุญาต และขอความกรุณาศาลได้โปรดสั่งคืน ค่าธรรมเนียมให้แก่โจทก์ด้วย

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

ลงชื่อ……..(ลายมือชื่อโจทก์หรือนักศึกษา)……..ผู้บอกกล่าว (หรือโจทก์)

คำบอกกล่าวฉบับนี้ ข้าพเจ้า (ชื่อนักศึกษา) ทนายโจทก์ เป็นผู้เรียงและพิมพ์

ลงชื่อ……..(ลายมือชื่อนักศึกษา)……ผู้เรียงและพิมพ์

 หมายเหตุ

(1)       การขอถอนฟ้องก่อนจำเลยยื่นคำให้การต้องทำเป็น คำบอกกล่าว” เป็นหนังสือยื่น

ต่อศาล ซึ่งเมื่อศาลได้รับคำบอกกล่าวขอถอนฟ้อง กรณีนี้ศาลย่อมมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนไปได้เลยโดย ไม่จำเป็นต้องสอบถามจำเลย เนื่องจากในชั้นนี้จำเลยยังไม่ได้ยื่นคำให้การ จำเลยยังไม่ได้เข้ามาในคดี

(2)       การขอถอนฟ้องภายหลังจากจำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดีแล้ว ต้องทำเป็น คำร้อง” ยื่นต่อศาล ซึ่งเมื่อศาลได้รับคำร้องแล้ว ศาลจะอนุญาตให้ถอนหรือไม่อนุญาตก็ได้ ในกรณีที่ศาลเห็นสมควร อนุญาตให้ถอนฟ้องได้นั้น ก่อนที่ศาลจะมีคำสั่ง ศาลต้องฟังคำชี้แจงของจำเลย หรือผู้ร้องสอด (ถ้ามี) เสียก่อน

ดังนั้น การขอถอนฟ้องในกรณีหลังนี้ เพื่อความรวดเร็วไม่ต้องรอให้ศาลสอบถามจำเลยว่าจะ คัดค้านการถอนฟ้องหรือไม่ จำเลยอาจบันทึกคำยินยอมให้โจทก์ถอนฟ้องต่อท้ายคำร้องขอถอนฟ้องของโจทก์ก็ได้

 

ข้อ 3. คดีอาญาเรื่องหนึ่งได้ความว่า เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2553 เวลาประมาณ 20 นาฬิกาเศษ นายแดง กับนายดำ ได้ร่วมกันใช้อาวุธปืนขนาด .38 ยิงนายขาว ในขณะที่นายขาวนั่งรับประทานอาหารอยูที่ ร้านอาหารข้างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร จำนวน 3 นัด กระสุนถูกบริเวณลำตัวทะลุออกด้านหลังทั้งสามนัด แล้วทั้งนายแดงและนายดำพากัน หลบหนีไป ส่วนนายขาวนั้นมีพลเมืองดีนำส่งโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษา นายขาวจึงไม่ถึงแก่ความตาย เพียงแต่ได้รับอันตรายสาหัส เมื่อพนักงานสอบสวนมาตรวจสถานที่เกิดเหตุ พบหัวกระสุนปืน จำนวน 3 หัว ตกอยู่ที่พื้น จึงยึดเป็นของกลาง ต่อมาวันที่ 1 กันยายน 2553 เวลา 07.00 นาฬิกา นายแดงถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับได้นำส่งพนักงานสอบสวน ชั้นสอบสวนนายแดงให้การรับสารภาพ พนักงานสอบสวนจึงนำตัวนายแดงไปฝากขังที่ศาลอาญาตามหมายขังที่ ฝ. 424/2553 และต่อมา พนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนการสอบสวนส่งพนักงานอัยการ สำนักงานคดีอาญา และ พนักงานอัยการได้มีคำสั่งพ้องนายแดงในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

หากนักศึกษาเป็นพนักงานอัยการผู้รับผิดชอบ นักศึกษาจะเรียงคำพ้องคดีนี้อย่างไร ให้เรียงเฉพาะ เนื้อหาคำพ้องตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 158(5) เท่านั้น โดยไม่ต้องคำนึงถึงแบบพิมพ์คำฟ้อง

ป. อาญา มาตรา 288 ผู้ใดฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา…

ป. อาญา มาตรา 80 ผู้ใดลงมือกระทำความผิดแต่กระทำไปไม่ตลอด หริอกระทำไปตลอดแล้วแต่ การกระทำนั้นไม่บรรลุผล ผู้นั้นพยายามกระทำความผิด

งคำตอบ

ถ้าข้าพเจ้าเป็นพนักงานอัยการผู้รับผิดชอบคดีนี้ ข้าพเจ้าจะเรียงคำพ้องคดีนี้ ดังต่อไปนี้

คำฟ้องอาญา

ข้อ 1. เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2553 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยนี้กับพวกที่ยังไมได้ตัว มาฟ้องได้บังอาจร่วมกันใช้อาวุธปีนขนาด .38 ยิงนายขาวผู้เสียหาย โดยเจตนาฆ่าจำนวน 3 นัด กระสุนถูกบริเวณ ลำตัวผู้เสียหาย จำเลยกับพวกได้ลงมือกระทำไปตลอดแล้ว แต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผลเพราะผู้เสียหายได้รับ การรักษาพยาบาลอย่างทันทวงที ผู้เสียหายจึงไม่ถึงแกความตายสมดังเจตนาของจำเลยกับพวก เพียงแต่ได้รับ อันตรายสาหัส รายละเอียดบาดแผลปรากฏตามรายงานการชันสูตรบาดแผลของแพทย์ท้ายฟ้อง

เหตุเกิดที่ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

ข้อ 2. ตามวันเวลาดังกล่าวในฟ้องข้อ 1. พนักงานสอบสวนยึดหัวกระสุนปืนจำนวน 3 หัว ตกอยูที่พื้นเป็นของกลาง และต่อมาวันที่ 1 กันยายน 2553 เวลากลางวัน เจ้าพนักงานจับจำเลยนี้ได้ และได้นำส่ง พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนแล้ว

ชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ ของกลาง เจ้าพนักงานเก็บรักษาไว้

ระหว่างสอบสวน จำเลยถูกควบคุมตัวตลอดมา ขณะนี้ต้องขังอยู่ตามหมายขังที่ ฝ. 424/2523 ของศาลนี้ จึงขอศาลเบิกตัวจำเลยมาพิจารณาพิพากษาลงโทษตามกฎหมายต่อไป

 

ข้อ 4. นายสมชาย ทนายความตกลงรับจ้างว่าความให้แก่นายเอกจำเลยในคดีอาญาข้อหาลักทรัพย์ ซึ่งคดี ดังกล่าว ศาลนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 1 กันยายน 2553 เมื่อถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ นายสมชาย ทนายความไม่ไปศาล และไม่มีทนายความอื่นมาศาล ทำให้ศาลไมสามารถสืบพยานโจทก์ได้ โดย นายสมชายทนายความอ้างว่า นายเอกจำเลยแจ้งว่าได้ดำเนินการว่าจ้างทนายความคนใหม่แล้ว

ให้วินิจฉัย ข้ออ้างของนายสมชายทนายความ รับฟังไต้หรือไม่ และการที่นายสมชายทนายความ ไม่ไปศาล มีความผิดตามข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529 หรือไม่ อย่างไร

ธงคำตอบ

ตามข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529 หมวด 3 เรื่องมรรยาท

ต่อตัวความ

ข้อ 12. การกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งดังกล่าวต่อไปนี้ อันอาจทำให้เสื่อมเสียประโยชน์

ของลูกความ

(1)       จงใจขาดนัด หรือทอดทิ้งคดี

(2)       ……………………….

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์ การที่นายสมชาย ทนายความ รับเป็นทนายความให้แกนายเอกแล้ว แต่ ไม่ได้ไปศาลในวันนัดสืบยานโจทก์ โดยอ้างว่า นายเอกจำเลยแจ้งว่าได้ดำเนินการว่าจ้างทนายความคนใหม่แล้วนั้น ข้อข้างชองนายสมชายทนายความรับฟังไม่ได้ ทั้งนี้เพราะแม้นายเอกจำเลยจะได้ดำเนินการว่าจ้างทนายความ คนใหม่แล้วก็ตาม แต่นายสมชายทนายความก็ยังมีหน้าที่ต้องไปศาล เพื่อทำหน้าที่ทนายความให้แกนายเอกจำเลย จนกว่าศาลจะมีคำสั่งอนุญาตให้ถอนตัวจากการเป็นทนายความ จึงจะถือว่าหมดหน้าที่ของทนายความ

และการที่นายสมชายทนายความไม่ไปศาลตามกำหนดนัด ย่อมเล็งเห็นได้ว่าอาจทำให้เสื่อมเสีย ประโยชน์ของนายเอกลูกความและต่อกระบวนการพิจารณาซองศาล จึงถือว่าเป็นการทอดทิ้งคดี ดังนั้นการกระทำ ของนายสมชายดังกล่าว จึงเป็นการประพฤติผิดมรรยาททนายความ ตามข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาท ทนายความฯ ข้อ 12.(1)… (เทียบได้ตามคำสั่งสภานายกพิเศษแห่งสภาทนายความที่ 9/2548)

สรุป ข้ออ้างของนายสมชายทนายความรับฟังไม่ได้ และการกระทำของนายสมชายทนายความ ที่ไม่ไปศาลนั้น ถือว่าเป็นการทอดทิ้งคดี มีความผิดตามข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความฯ ข้อ 12.(1)

WordPress Ads
error: Content is protected !!