MCS1300 (MCS1350) หลักการพูดเบื้องต้น การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2556

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2556

ข้อสอบกระบวนวิชา MCS 1300 (MCS 1350) หลักการพูดเบื้องต้น

คำสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว (ข้อสอบมีทั้งหมด 100 ข้อ)

ข้อ 1. – 10. จงใช้ตัวเลือกดังต่อไปนี้ตอบคำถาม

(1)       วิเคราะห์ตนเอง           (2) วิเคราะห์ผู้ชม-ผู้ฟัง

(3) วิเคราะห์เนื้อหา      (4) วิเคราะห์สถานการณ์

1.         พิจารณาถึงแผนผังสายการบังคับบัญชาของหน่วยงานที่จะไปพูด

ตอบ 4 (คำบรรยาย) การวิเคราะห์สถานการณ์ เป็นการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมหรือสถานการณ์ที่ จะไปพูด ซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมมากที่สุด เพราะสถานการณ์การพูดจะบ่งบอกว่า เนื้อหาที่จะนำไปพูดนั้นมีความเหมาะสมหรือไม่ หากไม่เหมาะสมก็จะต้องปรับเปลี่ยนเนื้อหาบางส่วน ส่วนใหญ่ หรือทั้งหมด ตัวอย่างสถานการณ์หรือสภาพแวดล้อมการพูด ได้แก่ เวลา สถานที่ โอกาส และเจ้าภาพ หรือธรรมชาติของหน่วยงานที่เชิญไปพูด เป็นต้น

2.         มองให้ออกว่ากลุ่มเป้าหมายชอบหรือไม่ชอบคนพูด

ตอบ 2 หน้า 20 – 23, (คำบรรยาย) การวิเคราะห์ผู้ชม-ผู้ฟัง เป็นสิ่งที่วิชาการพูดให้ความสำคัญ เป็นอันดับต้น ๆ เพราะในการพูดแต่ละครั้งผู้พูดจะต้องวิเคราะห์ผู้ชม-ผู้ฟัง โดยพิจารณาจาก 1. ผู้ฟังมีจำนวนทั้งสิ้นเท่าใด 2. ประกอบด้วยหญิง-ชาย วัยใด มีสัดส่วนเท่าใด

3.         ผู้ฟังมาจากกลุ่มสังคม กลุ่มอาชีพใด 4. มีพื้นฐานความรู้ ประสบการณ์อย่างไร

5.         รู้หรือมีประสบการณ์กับหัวข้อที่พูดแค่ไหน

6.         มีทัศนคติทางใด สนใจอะไร ชอบหรือไม่ชอบสิ่งใด

7.         มุ่งหวังอะไรจากการพูดฯลฯ

3.         คุณสุวิมลตัดสินใจที่จะใช้การสาธิตจังหวะเต้นรำโดยเชิญผู้ฟังขึ้นมา

ตอบ 3 (คำบรรยาย) การวิเคราะห์เนื้อหา เป็นการวิเคราะห์สิ่งที่จะนำไปพูด เพื่อให้ได้มาซึ่งลำดับ ประเด็นการพูด จุดเด่นหรือกลวิธีในการนำเสนอ และการใช้วัสดุอุปกรณ์ประกอบการนำเสนอ เพื่อให้ผู้ชม-ผู้ฟังมีความเข้าใจในเนื้อหาได้ดียิ่งขึ้น เช่น ใช้การสาธิต แบบจำลองหรือโมเดล แผนภูมิ แผนสถิติ ตลอดจนการให้อ่านเนื้อหามาล่วงหน้า เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้าฟัง การบรรยาย

4.         คณะสื่อสารมวลชนเชิญนักแสดงชื่อดังมาบรรยายความรู้ให้นักศึกษาหัวข้อ ถนนสู่ดวงดาว

ตอบ 1 (คำบรรยาย) การวิเคราะห์ตนเอง เป็นการวิเคราะห์ตัวผู้พูดเองเพื่อพัฒนาปรับปรุงและสร้างบุคลิกภาพในการพูดที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นในด้านการใช้ภาษา น้ำเสียง ความถนัด และทักษะของผู้พูด ความเชี่ยวชาญในเรื่องที่จะพูด ตลอดจนสุขภาพอนามัย และความเชื่อมั่น ในตนเองก่อนขึ้นพูด

5.         อุตส่าห์เตรียมตัวพูดเรื่องนี้ให้สะใจแบบจัดเต็ม แต่ผู้ประสานงานบอกว่ามีเวลาให้แค่ 20 นาที

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 1. ประกอบ

6.         คุณช่วยแจ้งกับท่านอธิบดีหน่อยว่า ผมคอเจ็บมากไปบรรยายตามคำเชิญไม่ได้แล้ว

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 4. ประกอบ

7.         การใช้โมเดลของเขื่อนกักเก็บน้ำประกอบการนำเสนอแผนกู้ภัยแล้งของกรมชลประทาน

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 3. ประกอบ

8.         ผมตัดสินใจเลือก ดร.นทีลักษณ์ ไปบรรยายแทนผม เพราะเข้ากับชาวบ้านได้ดีมาก

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 4. ประกอบ

9.         อาจารย์สอนวิชากายวิภาคเตรียมสั่งให้นักศึกษาอ่านบทเรียนล่วงหน้า

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 3. ประกอบ

10.       คุณเกนหลงต้องเปลี่ยนกระเป๋าก่อนลงจากรถ เพราะไมแน่ใจว่าแฟนคลับในจังหวัดนี้เป็น NGO พิทักษ์ สิทธิของสัตว์หรือเปล่า

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 2. ประกอบ

11.       วิชาที่ว่าด้วยการเตรียมเนื้อหาการพูดให้กับบุคคลในวาระโอกาสต่าง ๆ เรียกว่า

(1)       สารนิพนธ์        (2) บุคคลานิพนธ์        (3) วาทนิพนธ์  (4) บรรณานิพนธ์

ตอบ3(คำบรรยาย) วาทวิทยาหรือวาทนิพนธ์ คือ วิชาที่ว่าด้วยการเตรียมเนื้อหาการพูดให้กับ บุคคลในวาระโอกาสต่าง ๆ ซึ่งสามารถเตรียมสารได้ 2 กรณี คือ เตรียมสารให้กับตัวเอง และคนอื่นก็ได้ โดยสาระหรือเนื้อหาดังกล่าวจะพิจารณาจากความน่าสนใจในการนำเสนอ และการบรรลุถึงจุดมุ่งหมายในการสื่อสาร

12.       ความสัมพันธ์ระหว่างเสียงกับสำเนียง คือ

(1)       เสียงมีความหมาย แต่สำเนียงไม่มีความหมาย

(2)       เสียงเป็นการสื่อสารโดยตรง สำเนียงเป็นการสื่อสารทางอ้อม

(3)       เสียงไม่สามารถบอกอารมณ์ความรู้สึกได้หากไม่มีสำเนียงมาช่วย

(4)       เสียง คือ การพูดโดยตรง ในขณะที่สำเนียงไม่ใช่การพูด

ตอบ 3 (คำบรรยาย) การพูดในเชิงวาทวิทยา หมายถึง เครื่องมือทางการสื่อสารที่ใช้เสียงและสำเนียงโต้ตอบประกอบกันเสมอ โดยเสียงเป็นเพียงการเปล่งวาจาออกมา ส่วนสำเนียงจะบอกถึง อากัปกิริยาหรืออารมณ์ที่สื่อออกไป ดังนั้นเสียงจะไม่สามารถบอกอารมณ์ความรู้สึกได้ หากไม่มีสำเนียงมาช่วย

13.       ในกระบวนการพูดที่หวังประสิทธิผลนั้น มีองค์ประกอบสำคัญ 3 สิ่ง คือ

(1)       การวิเคราะห์เนื้อหา การถ่ายทอดอารมณ์ การสร้างความรู้สึกร่วม

(2)       การปรับปรุงตัวผู้พูด การวิเคราะห์ผู้ฟัง การเลือกเรื่อง

(3)       การสร้างบุคลิกภาพ การปรับปรุงน้ำเสียง การรักษาเวลา

(4)       การมีศิลปะในการถ่ายทอด การเร้าอารมณ์ การมีทักษะในการใช้อุปกรณ์

ตอบ 2 หน้า 11 การพูดที่ดีและมีประสิทธิภาพในกระบวนการพูดที่หวังประสิทธิผลนั้น จะต้องพิจารณาถึงองค์ประกอบสำคัญ 3 สิ่ง ดังนี้            1. การปรับปรุงตัวผู้พูด    2. การวิเคราะห์ผู้ฟังและสถานการณ์การพูด (กาลเทศะ)  3. การเลือกเรื่องพูด

14.       บุคลิกภาพของผู้พูดในการนำเสนอเรื่องบนเวทีเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นและน่าสนใจ ได้แก่

(1)       ภาษา ความคิด การสื่อความหมาย     (2) การใช้เสียง การเลือกคำที่มีความหมายถูกต้อง รสนิยม

(3) การแต่งกาย น้ำเสียง การปรากฏตน         (4) เทคนิคการนำเสนอ การตรงต่อเวลา ความมีวินัย

ตอบ 3 (คำบรรยาย) บุคลิกภาพของผู้พูดในการนำเสนอเรื่องบนเวทีเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นและน่าสนใจ ได้แก่ 1. น้ำเสียง (ต้องสอดคล้องกับเนื้อหา)     2. การแต่งกาย (เสื้อผ้า หน้า ผม ฯลา)  3. การปรากฏตนหรือปรากฏกาย (เช่น มาสาย มาช้า มารยาทในการทักทายคน ฯลฯ)

15.       ผู้ฟังกับผู้ชม ต่างกันที่

(1)       จำนวน (2) ความสนใจที่มีต่อเนื้อหา

(3) ความรู้สึกที่ให้แก่ผู้พูด       (4) สภาพการรับรู้ข่าวสารจากผู้ส่งสาร

ตอบ 4 หน้า 6, (คำบรรยาย) ผู้ชม-ผู้ฟัง (Audience or Listener) มีฐานะเป็นผู้รับสาร (Receiver) และมักเป็นกลุ่มเป้าหมายของการพูดเสมอ โดยผู้ชม-ผู้ฟังต่างกันที่สภาพการรับรู้ข่าวสารจาก ผู้ส่งสารหรือสื่อที่นำเสนอ กล่าวคือ ผู้ชม (Audience) จะรับรู้ข่าวสารจากการดูและฟัง เช่น ผู้ชมโทรทัศน์ ผู้ชมภาพยนตร์ ฯลฯ ส่วนผู้ฟัง (Listener) จะรับรู้ข่าวสารจากการฟังอย่างเดียว เช่น ผู้ฟังวิทยุ ฯลฯ

16.       ขั้นตอนต่อจากการวิเคราะห์ผู้ฟังและสถานการณ์การพูด คือ

(1)       การกำหนดวัตถุประสงค์ของการพูดให้มีความสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมาย

(2)       ร่างเนื้อหาสาระของการพูดให้มีความสัมพันธ์กับความสนใจผู้ฟัง

(3)       การกำหนดหัวข้อการพูดตามประเด็นต่าง ๆ อย่างละเอียดตามข้อมูลที่มีอยู่

(4)       ทำการผสมผสานข้อความเร้าอารมณ์หรือสร้างหัวข้อแปลกใหม่ให้น่าฟัง

ตอบ 1 หน้า 23 – 24, (คำบรรยาย) ขั้นตอนต่อจากการวิเคราะห์ผู้ฟังและสถานการณ์การพูด คือ การเลือกเรื่องพูดและการเตรียมเนื้อเรื่องโดยผู้พูดจะต้องกำหนดเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ของการพูดให้มีความสัมพันธ์กับระบบสังคมและวัฒนธรรมของผู้ฟังกลุ่มเป้าหมายก่อน แล้วจึงกำหนด หัวข้อการพูดตามประเด็นต่าง ๆ อย่างละเอียดตามข้อมูลที่มีอยู่หรือตามที่ได้ทำการค้นคว้า หาข้อเท็จจริงมา จากนั้นจึงร่างเนื้อหาสาระของการพูดให้มีความสัมพันธ์กับความสนใจของผู้ฟัง

17.       ภาพพจน์ของผู้พูด หมายถึง

(1)       เห็นดี   (2) เห็นได้        (3) ชื่นชม         (4) เชื่อถือ

ตอบ 2 หน้า 12, (คำบรรยาย) การวิเคราะห์ตน (ตัวผู้พูดเอง) จะเกี่ยวข้องกับสิ่งสำคัญ 2 อย่าง ได้แก่

1.         ภาพลักษณ์ คือ สิ่งที่ผู้ฟังรู้สึกกับตัวผู้พูดจากประสบการณ์ จากสิ่งที่รับรู้ หรือจากสิ่งที่เห็น และประเมินค่า

2.         ภาพพจน์ คือ การเห็นภาพตามคำพูด ซึ่งผู้ที่พูดเก่งต้องสามารถพูดแล้วทำให้ผู้ฟังเห็นภาพ ตามได้

18.       ข้อด้อยที่สุดของการซ้อมพูดกับคนคุ้นเคย คือ

(1)       การละเลยความผิดพลาดอันเป็นผลมาจากความเคยชิน

(2)       ไม่สามารถบอกความจริงที่เกิดขึ้นได้เลย

(3)       หาข้อผิดพลาดได้ยากเพราะรู้จักกันดี

(4)       มีความเกรงใจตามลักษณะคนไทยที่ไม่กล้าบอกความจริงมากเกินไป

ตอบ 3 หน้า 52, (คำบรรยาย) วิธีฝึกซ้อมพูดกับคนคุ้นเคย เช่น เพื่อน ๆ หรือญาติพี่น้องในครอบครัว มีข้อดีคือ คนคุ้นเคยจะรู้บุคลิกลักษณะของเราเป็นอย่างดี ทำให้บอกข้อดี-ข้อเสียของเราได้ แต่ก็อาจมีความเกรงใจจนไม่กล้าบอกความจริงมากเกินไป และที่เป็นข้อด้อยที่สุดก็คือ หาข้อผิดพลาดของเราได้ยากเพราะรู้จักกันดีจนชาชินกับการรับรู้

19.       ข้อใดเป็นแนวคิดพื้นฐานของวิชาการพูด

(1)       การพูดเป็นพรสวรรค์   (2) คนปกติพูดได้แต่อาจไม่ดีเท่ากัน

(3) การพูดเป็นทักษะที่ไม่อาจพัฒนาได้          (4) การพูดไม่ต้องอาศัยการเรียนรู้

ตอบ 2 (คำบรรยาย) แนวความคิดพื้นฐานเกี่ยวกับวิชาการพูด มีดังนี้

1.         ทุกคนพูดได้แต่อาจจะพูดดีไม่เท่ากัน  2. การจะพูดดีไม่จำเป็นต้องมีพรสวรรค์เสมอไป 3.      การพูดมีส่วนที่เป็นศาสตร์และศิลป์ประกอบกันเสมอ  4. การพูดเป็นวัจนภาษาที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงการใช้อวัจนภาษา 5. การพูดสามารถเรียนรู้ ฝึกฝน และพัฒนาได้

20.       สิ่งเร้าในการพูดที่นอกเหนือจากผู้พูดและผู้ฟัง จัดเป็น

(1)       ช่องทางการสื่อสาร      (2) ผลกระทบที่ได้จากการพูด

(3) ปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้พูดกับผู้ฟัง    (4) สิ่งแวดล้อม

ตอบ 4 หน้า 7, (คำบรรยาย) สิ่งแวดล้อมของการพูด คือ สถานการณ์หรือสิ่งที่จะส่งผลต่อการพูด จัดเป็นสิ่งเร้าในการพูดที่นอกเหนือจากผู้พูดและผู้ฟัง ซึ่งพิจารณาได้จากสิ่งต่าง ๆ ดังนี้

1.         ระบบสังคมวัฒนธรรม เช่น ศาสนา จารีตประเพณี แนวทางปฏิบัติของครอบครัว ฯลฯ

2.         กฎระเบียบ อำนาจหน้าที่ 3. กระแสสาธารณมติ 4. นโยบาย แผนงาบ และโครงการ

21.       สาระที่เหมาะสมในการพูด มีพื้นฐานมาจาก

(1)       ความคิดที่มีการกลั่นกรอง       (2) ประสบการณ์และกรอบอ้างอิง

(3) สื่อ หรือโสตทัศนูปกรณ์ที่ดีพอ       (4) การฝึกฝนด้วยตนเอง

ตอบ 1 (คำบรรยาย) สาระเนื้อหาหรือข้อมูลข่าวสารที่เหมาะสมในการพูดนั้น มีพื้นฐานมาจากความคิดและการกลั่นกรองโดยอาศัยสติปัญญาของผู้พูด ซึ่งการพูดจะประสบความสำเร็จได้ต้องมาจาก ความคิดและการแสดงออกที่สอดคล้องกัน

22.       การประสานสายตากับผู้ฟัง มีวิธีการอย่างไร

(1)       จ้องที่คนแถวหน้าสลับกับประธานหรือเจ้าภาพ

(2)       มองเป็นจุด ๆ อย่างเป็นระบบ แล้วทวนกลับไปใหม่

(3)       มองจากหลังมาหน้า ซ้ายไปขวา แล้วสุ่มมองทั่วห้องเป็นระยะ ๆ

(4)       สบตากับคนที่สนใจฟัง หรือผู้ที่เป็นจุดเด่นในห้อง

ตอบ 3 หน้า 1654, (คำบรรยาย) วิธีการใช้สายตาหรือการประสานสายตากับผู้ฟังในขณะที่พูด มีดังนี้

1.         สายตาจะต้องจับอยู่ที่ใบหน้าของผู้ฟัง

2.         ควรมองผู้ฟังให้ทั่วถึง อย่าหยุดที่จุดใดจุดหนึ่งนานเกินควร

3.         พยายามมองผู้ฟังที่อยู่ข้างหลังมาข้างหน้า และมองจากทางซ้ายไปทางขวา แล้วสุ่มมอง ทั่วห้องเป็นระยะ ๆ

4.         อย่ามองข้ามศีรษะผู้ฟัง และอย่ามองเพดาน มองไฟ มองนอกหน้าต่าง มองพื้น ฯลฯ

23.       การวิเคราะห์ผู้ฟังด้านประสบการณ์และกรอบอ้างอิง มีส่วนสำคัญในการเตรียมสารเรื่องใด

(1)       ระคับความยาก-ง่ายของการใช้ภาษา

(2)       การแบ่งหัวข้อตามระดับความสนใจ

(3)       การให้ข้อมูลเพื่อเปลี่ยนแปลงทัศนคติหรือความเชื่อ

(4)       สาระที่น่าสนใจและการยกตัวอย่างประกอบการอธิบาย

ตอบ 4 (คำบรรยาย) การวิเคราะห์ผู้ชม-ผู้ฟังด้านประสบการณ์และกรอบอ้างอิง จะมีส่วนสำคัญใน การเตรียมสาระที่น่าสนใจ และการยกคัวอย่างประกอบการอธิบาย หรือการกล่าวเปรียบเทียบ ให้เห็นจริง เพื่อให้สอดคล้องกับประสบการณ์และกรอบอ้างอิงของผู้รับสาร

24.       จุดเริ่มต้นของการเป็นนักพูดที่ดีเริ่มจาก

(1) การวิเคราะห์สถานการณ์หรือสภาพแวดล้อม        (2) การวิเคราะห์ตนเองและความสัมพันธ์กับบุคคลอื่น

(3) การวิเคราะห์เนื้อหาและสาระการพูด        (4) การวิเคราะห์ผู้ฟัง-ผู้ชม

ตอบ 2 (คำบรรยาย) การเป็นนักพูดที่ดีจะต้องรู้จักวิเคราะห์สิ่งต่าง ๆ เรียงตามลำคับต่อไปนี้

1.         วิเคราะห์ตนเอง และความสัมพันธ์กับบุคคลอื่น          2. วิเคราะห์ผู้ชม-ผู้ฟัง

3.         วิเคราะห์เนื้อหาและสาระการพูด        4. วิเคราะห์สถานการณ์หรือสภาพแวดล้อม

25.       การเลือกเรื่องที่พูดต้องพิจารณถึงอะไรเป็นอันดับแรก

(1) ความน่าสนใจในการนำเสนอ        (2) กรอบแนวคิด และความเชื่อด้านต่าง ๆ ของผู้ฟัง

(3) ข้อมูลที่มีอยู่หรือสามารถหามาได้  (4) ความยาก-ง่ายของภาษาหรือสำนวนที่ต้องการใช้

ตอบ 1 หน้า 23 – 24, (คำบรรยาย) การเลือกเรื่องที่พูดพิจารณาได้ ดังนี้

1.         เลือกประเด็นที่อยู่ในความสนใจ หรือเป็นประเด็นที่มีความน่าสนใจในการนำเสนอ

2.         สามารถค้นคว้าหาข้อมูลมานำเสนอได้

3.         เป็นประโยชน์ ควรค่าแก่การรับรู้ และง่ายต่อการทำความเข้าใจ

4.         ปรับให้เหมาะสมกับกลุ่มผู้ฟัง

26.       ลำดับของการนำเสนอสาระข้อมูลในการพูดตามปกตินั้น ประกอบด้วย

(1) ให้ความรู้ ชักจูงใจ เข้าถึงอารมณ์  (2) ให้ความรู้ เข้าถึงอารมณ์ ชักจูงใจ

(3) เข้าถึงอารมณ์ ชักจูงใจ ให้ความรู้  (4) ชักจูงใจ ให้ความรู้ เข้าถึงอารมณ์

ตอบ 2 (คำบรรยาย) ลำคับหรือขั้นตอนการนำเสนอสาระข้อมูลในการพูด ได้แก่

1.         การให้ความรู้ เป็นการบอกข้อมูลความจริงที่ผ่านมาแล้ว

2.         การเข้าถึงอารมณ์ความรู้สึก ซึ่งจะกระตุ้นผู้ฟังให้สนใจ ติดตาม และจดจำข้อมูลข่าวสาร ที่ได้รับง่ายขึ้น

3.         การชักจูงใจหรือโน้มน้าวจิตใจ เพื่อให้ผู้ฟังเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนพฤติกรรมอะไรบางอย่าง

27.       การวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายเพื่อตรวจสอบความเชื่อและทัศนคติ มีผลอย่างไรต่อการเตรียมข้อมูลในการพูด แต่ละครั้ง

(1)       เพื่อสร้างศัพท์และระดับความซับซ้อนของข้อมูลที่นำเสนอ

(2)       เพื่อเปิดประเด็นและหัวข้อที่จะพูดให้เหมาะสม

(3)       เพื่อต้องการทราบแนวโน้มการตัดสินใจในเรื่องที่จะเป็นส่วนได้-เสียของผู้ฟัง

(4)       เพื่อกำหนดวาระรับรู้และกระบวนการออกแบบเนื้อหา

ตอบ 3 (คำบรรยาย) การวิเคราะห์ผู้ชม-ผู้ฟังเพื่อตรวจสอบความเชื่อ ความคิดเห็น และทัศนคติ จะทำให้ผู้พูดทราบถึงแนวโน้มการตัดสินใจในเรื่องที่จะเป็นส่วนได้-เสียของผู้ฟัง เพื่อให้ผู้พูด สามารถเตรียมข้อมูลในการพูดแต่ละครั้งได้สอดคล้องกับสิ่งที่ผู้ฟังเชื่อและยึดถือ ไม่ไปขัดแย้ง หรือดูถูกความเชื่อ ความคิดเห็น และทัศนคติที่ผู้ฟังมีอยู่แต่เติม

28.       การเริ่มต้นเนื้อหาของการพูด ผู้พูดควรหลีกเลี่ยงเนื้อหาในข้อใด

(1)       ปัญหาที่ส่วนใหญ่ทุกคนรู้แล้ว (2) เรื่องขำขันของบางคน

(3) ประเด็นข่าวที่สะเทือนใจ   (4) ข่าวลือของบุคคลที่ทุกคนรู้จัก

ตอบ 4 หน้า 35 – 36, (คำบรรยาย) ในการพูดนั้น จะต้องมีคำนำเพื่อเป็นการเกริ่นหรือเสนอที่มา ของเรื่องที่จะพูด อีกทั้งยังเป็นการเรียกความสนใจเบื้องต้นของผู้ฟัง ดังนั้นผู้พูดที่ฉลาดจึงต้อง ระมัดระวังในเรื่องคำนำหรืออารัมภบทเป็นอย่างมาก ถ้าคำนำดี ผู้ฟังจะเกิดความเลื่อมใสศรัทธา ทำให้ตั้งใจฟังมากขึ้น แต่ถ้าคำนำไปกระทบเรื่องส่วนตัวของผู้ใดหรือพูดเรื่องส่วนตัวของตนเอง ผู้ฟังก็จะขาดความศรัทธาในตัวผู้พูด ซึ่งก็จะส่งผลให้การพูดไม่ประสบผลสำเร็จ

29.       สิ่งเร้าจากตัวผู้พูดที่ปรากฏระหว่างการสื่อสาร คือ

(1) บุคลิกภาพและน้ำเสียง     (2) ความรู้สึกนึกคิด

(3) ระดับการศึกษา     (4) ความเชื่อและทัศนคติ

ตอบ 1 หน้า 7, (คำบรรยาย) สิ่งเร้าที่เกิดจากตัวผู้พูด แบ่งออกเป็น

1.         สิ่งเร้าภายในตัวผู้พูด ได้แก่ อารมณ์ความรู้สึกนึกคิดและสุขภาพของผู้พูด เช่น ความรู้สึกหิว โกรธ เกลียด ปวดท้อง คลื่นไส้ไม่สบาย ฯลฯ ตลอดจนระดับการศึกษา ความเชื่อ และ ทัศนคติที่อยู่ภายในตัวผู้พูด

2.         สิ่งเร้าภายนอกตัวผู้พูด ได้แก่ สิ่งแวดล้อม เจ้าภาพ และผู้ชม-ผู้ฟังทั้งหลาย เช่น อุณหภูมิ ในห้องบรรยาย เวลาที่ให้กับผู้พูด ทัศนคติของเจ้าภาพ ความสนใจของผู้ชม-ผู้ฟัง ฯลฯ รวมทั้งสิ่งเร้าภายนอกที่เกิดจากตัวผู้พูด ซึ่งปรากฏระหว่างการสื่อสาร เช่น บุคลิกภาพ และน้ำเสียงที่ผู้พูดได้แสดงออกมา

30.       ข้อใดเป็นสิ่งเร้าที่เกิดจากสิ่งแวดล้อม

(1) กระแสสาธารณมติ            (2) อคติของผู้พูดที่มีต่อสถานที่จัดงาน

(3) ความสนใจของผู้ฟังที่มีต่อเนื้อหา  (4) เพศและระดับการศึกษาของผู้รับสาร

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 20. ประกอบ

31.       ในขั้นตอนของการริเริ่มกำหนดเค้าโครงของเรื่องราวที่จะพูด อะไรคือสิ่งสำคัญที่สุด

(1)       การตกลงใจที่จะเลือกใช้ข้อมูล

(2)       ความกล้าที่จะตัดสินใจเลือกประเด็นหลักหรือเนื้อหาที่จะพูด

(3)       การหาหลักฐานอ้างอิง

(4)       การพิจารณาถึงองค์ประกอบของกลุ่มผู้ฟัง

ตอบ 2 (คำบรรยาย) ในขั้นตอนของการริเริ่มกำหนดหรือวางเค้าโครงเรื่องราวที่จะพูดนั้น สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ผู้พูดต้องกล้าที่จะตัดสินใจเลือกประเด็นหลักหรือเนื้อหาที่จะพูด และเมื่อเลือกเนื้อหาที่จะพูดได้แล้ว ผู้พูดต้องวางแผนสร้างสรรค์เนื้อหา ซึ่งประกอบด้วย การเชื่อมโยงความเกี่ยวข้องของข้อมูลต่าง ๆ และการตัดสินใจที่จะเลือกใช้ข้อมูล

32.       เหตุใดผู้พูดจึงต้องค้นคว้าข้อมูลเพื่อการนำเสนอ และมีการระบุแหล่งที่มาของข้อมูลนั้น ๆ

(1) เพื่อให้ได้ข้อมูลมากที่สุด    (2) เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ละเอียดลึกซึ้ง

(3) เพื่อการอ้างอิงที่น่าเชื่อถือ  (4) เพื่อให้การสะสมข้อมูลเป็นไปอย่างราบรื่น

ตอบ 3 หน้า 32, (คำบรรยาย) ในการพูดนั้นจำเป็นที่จะต้องมีตัวอย่างข้ออ้างอิง รวมทั้งข้อความของผู้อื่นที่สนับสนุนความคิดเห็นของผู้พูด โดยมีการระบุแหล่งที่มาของข้อมูลนั้น ๆ ทั้งนี้ก็เพื่อเป็น การแสดงให้เห็นถึงการอ้างอิงที่น่าเชื่อถือ และมีคุณค่าแก่การนำเสนอ

33.       ทำไมผู้เตรียมสารจึงต้องมีการเขียนเค้าโครงเรื่อง

(1) เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม         (2) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในแหล่งที่มา

(3) เพื่อป้องกันความสับสน     (4) เพื่อให้ผู้ฟังได้รับข้อมูลที่มากพอ

ตอบ 3 หน้า 31 – 32, (คำบรรยาย) ในการเตรียมเรื่องพูดนั้น ผู้พูดจำเป็นที่จะต้องเขียนโครงร่าง หรือโครงเรื่อง (Outline) ขึ้นมาก่อน ซึ่งมีประโยชน์ ดังนี้

1.         ช่วยวางแนวทางว่าเรื่องที่จะพูดนั้นมีหัวข้ออะไรบ้าง

2.         ช่วยเป็นแนวทางการเรียงลำดับ (Order) เรื่องที่จะพูด

3.         ช่วยทำให้เนื้อหามีเอกภาพเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่หลุดกรอบแนวคิดหลักของเรื่อง

4.         ช่วยให้การดำเนินเรื่องไม่สับสน และง่ายแก่การจดจำไปพูด

34.       การพูดที่มีศัพท์ทางวิชาการมาเกี่ยวข้องกับเนื้อหาการนำเสนอนั้น

(1)       ไม่สามารถทำได้ หากการพูดนั้นไม่ใช่การวิจารณ์ทางวิชาการ

(2)       ไม่สามารถทำได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ฟังที่มีความรู้ในระดับต่ำ

(3)       สามารถทำได้ หากมีแหล่งอ้างอิง หรือบุคคลยืนยัน

(4)       สามารถทำได้ โดยต้องมีคำอธิบายประกอบที่คนนอกวงการเข้าใจได้

ตอบ 4 หน้า 93, (คำบรรยาย) การพูดที่มีศัพท์ทางเทคนิค ศัพท์ทางวิชาการ หรือศัพท์ภาษาอังกฤษ มาเกี่ยวข้องกับเนื้อหานั้น สามารถทำได้โดยผู้พูดจะต้องแปลหรืออธิบายความประกอบ ให้กลุ่มผู้ฟังเป้าหมายเข้าใจได้ ซึ่งเนื้อหาที่มักมีศัพท์ทางเทคนิคก็คือ เนื้อหาประเภทแนวคิด ทฤษฎี เป็นต้น

35.       ข้อใดมีความหมายใกล้เคียงกับการปรับปรุงตัวผู้พูดที่สุด

(1) การพูดแสดงออกบนเวที    (2) การพัฒนาบุคลิกภาพ

(3) การใช้ถ้อยคำและน้ำเสียงให้เป็นประโยชน์          (4) การเข้าถึงความรู้สึกของผู้ฟัง

ตอบ 2 หน้า 11, (คำบรรยาย) การปรับปรุงตัวผู้พูด หมายถึง การพัฒนาบุคลิกภาพให้เหมาะสมกับการนำเสนอ โดยบุคลิกภาพจะรวมไปถึงการใช้ภาษา น้ำเสียง การยืน การแต่งกาย การใช้สายตา กิริยาท่าทาง ฯลฯ ซึ่งเป็นเสมือนเครื่องมือสื่อความหมายไปสู่ผู้ฟัง ดังนั้นผู้พูดจึงต้องรู้จักปรับปรุงตัวให้ใช้เครื่องมือสื่อความหมายเหล่านั้นให้มีประสิทธิภาพ

36.       ไม่ว่าจะพูดขึ้นต้นด้วยประเด็นใดก็ตาม สิ่งที่ผู้พูดต้องกระทำก็คือ

(1)       พูดนำเสนอต้องตื่นเต้นเร้าใจตามมา

(2)       กล่าวถึงแหล่งอ้างอิงที่เชื่อถือได้ หรือบุคคลที่ไปรับข้อมูลมา

(3)       บอกถึงข้อมูลสนับสนุนที่สอดคล้องกับเนื้อเรื่องที่จะกล่าวตามลำดับ

(4)       ย้อนกลับไปกล่าวคำทักทายผู้ฟัง

ตอบ 3 หน้า 35, (ดูคำอธิบายข้อ 28. ประกอบ) การขึ้นต้นคำนำมีหลายวิธีและหลายแบบ ซึ่งผู้พูด อาจขึ้นต้นคำนำด้วยคำจำกัดความ คำถาม สุภาษิต คำคม อารมณ์ขัน ความประหลาดใจ ฯลฯ แต่ไม่ว่าจะขึ้นต้นด้วยประเด็นใดก็ตาม คำนำนั้น ๆ จะต้องบอกถึงข้อมูลสนับสนุนที่สอดคล้อง กับเนื้อเรื่อง (Main Body) ที่จะกล่าวในลำดับต่อไป

37.       การขยายเนื้อเรื่องด้วยการเปรียบเทียบ หมายถึง

(1)       อธิบายถึงคุณลักษณะของสิ่งต่าง ๆ มากกว่าหนึ่งอย่างให้เห็นชัดเจน

(2)       ชี้ให้เห็นประเด็นสำคัญของการพูด

(3)       การนำสิ่งต่าง ๆ มาแจกแจงจนทำให้ข้อความที่จะพูดยาวขึ้น

(4)       พูดถึงสิ่งที่เป็นผลกระทบของประเด็นที่จะนำเสนอด้วยข้อมูลที่มีความละเอียด

ตอบ 3 หน้า 37, (คำบรรยาย) การขยายความเนื้อเรื่องด้วยการเปรียบเทียบ หมายถึง การนำสิ่งต่าง ๆ มาเปรียบเทียบหรือแจกแจงคุณลักษณะจนทำให้ข้อความที่จะพูดยาวขึ้น โดยทั่วไปมักจะ เปรียบเทียบกับสิ่งที่คล้ายคลึง ซึ่งทำให้เข้าใจง่ายกว่าการอธิบายด้วยคำพูด

38.       การกำหนดเป้าหมายการพูด พิจารณาจาก

(1) สังคมและวัฒนธรรมของผู้ฟัง        (2) ระยะเวลาในการนำเสนอ

(3) การแบ่งหัวข้อเป็นประเด็นต่าง ๆ   (4) ประเด็นหลักและข้อมูลสนับสนุน

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 16. ประกอบ

39.       น้ำเสียงที่เป็นระดับเดียวกันโดยตลอด สร้างปัญหาให้แก่ผู้ฟังด้านใดมากที่สุด

(1)       ไม่เข้าใจเนื้อหาที่ผู้พูดถ่ายทอด

(2)       ทำให้เรื่องง่ายกลายเป็นเรื่องยาก

(3)       หมดศรัทธา ไม่มีความน่าเชื่อถือในตัวผู้พูด

(4)       เสี่ยงต่อความเบื่อหน่าย และการสนใจติดตามประเด็น

ตอบ 4 หน้า 14, (คำบรรยาย) หลักการใช้เสียงพูดที่ดีข้อหนึ่ง คือ ผู้พูดควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำเสียง เนือย ๆ หรือน้ำเสียงที่เป็นระดับเดียวกัน (ไม่มีเสียงสูงต่ำ) โดยตลอด เพราะจะทำให้ผู้พูดพูดโดยขาดความมีชีวิตชีวา และผู้ฟังก็จะรู้สึกเบื่อหน่าย รำคาญ หรือไม่สนใจติดตามประเด็น

40.       เมื่อเข้า ณ ที่พูดแล้ว ผู้พูดควรจะ……….เป็นอันดับแรก

(1) ยิ้ม (2) ดื่มน้ำ         (3) ตรวจเอกสาร          (4) ทดสอบไมโครโฟน

ตอบ 1 หน้า 1753, (คำบรรยาย) เมื่อปรากฏตัวหรือเข้าสู่ ณ สถานที่พูด ผู้พูดควรจะยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นอันดับแรก เพราะการยิ้มแย้มจะช่วยเรียกความสนใจจากผู้ฟัง ทำให้บรรยากาศไม่ตึงเครียด และช่วยสร้างความเป็นกันเองระหว่างผู้พูดกับผู้ฟัง ทั้งนี้การแสดงสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสยังเป็น การแสดงออกทางใบหน้าที่ใช้ได้ดีในทุกสถานการณ์การพูดอีกด้วย

41.       ปัญหาความเครียดและวิตกกังวลของผู้พูดส่วนใหญ่เกิดจาก

(1)       เครื่องแต่งกายที่ไม่เหมาะสม

(2)       ความตั้งใจที่มีมากจนเกินไป

(3)       การเตรียมตัวไม่ดีหรือไม่พร้อม

(4)       อุปกรณ์และเครื่องมือบนเวทีบกพร่อง หรือไม่สามารถใช้งานได้

ตอบ 3 หน้า 54 – 55, (คำบรรยาย) ปัญหาความเครียดและวิตกกังวลของผู้พูดส่วนใหญ่ จะเกิดจาก การเตรียมตัวที่ไม่ดีหรือไม่พร้อม ซึ่งทำให้ผู้พูดเกิดอาการตื่นเวที ดังนั้นวิธีแก้ไขประการแรกที่สุด ก็คือ ผู้พูดต้องเตรียมเรื่องพูดและซ้อมพูดมาอย่างดี เพราะถ้าหากเตรียมตัวพร้อม มีความเข้าใจ ในเรื่องที่พูดอย่างดี ก็จะมีความมั่นใจในตัวเอง เวลาพูดก็จะไม่เกิดความกลัว ความเครียดและ วิตกกังวลอีก

42.       ตัวแปรที่มีส่วนทำให้เนื้อหาการพูดที่เตรียมมาไม่สามารถถ่ายทอดตามความต้องการ ในขณะที่ผู้พูด มีความพร้อมอย่างเต็มที่แล้วคือ

(1)       เจ้าภาพ           (2) ผู้ร่วมเวทีและพิธีกร

(3) สถานที่ที่ได้รับเชิญไป        (4) การจัดรูปแบบของเวที

ตอบ 1 (คำบรรยาย) เจ้าภาพ เป็นตัวแปรหรือปัจจัยสำคัญในการจัดทิศทางหรือแนวความคิดของเนื้อเรื่องที่จะพูด แม้ว่าผู้พูดจะเตรียมเนื้อหาและเตรียมตัวมาพร้อมแล้วสำหรับการพูด แต่ถ้าเนื้อหา (หัวข้อหรือประเด็น) ที่เตรียมมาไม่ตรงกับความต้องการหรือความสนใจของเจ้าภาพ ผู้พูดก็ไม่สามารถที่จะถ่ายทอดหรือสื่อสารออกไปได้

43.       หลักการที่ว่า สายตาเป็นสิ่งที่บอกเป้าหมายของการสื่อสารได้” มีพื้นฐานจากสิ่งใด

1) แววตา และน้ำตา    (2) การเอี้ยวและหมุนได้ของลำคอ

(3) การกะพริบตา รวมทั้งการหรี่ตา     (4) ตาดำ-ตาขาว

ตอบ 4 (คำบรรยาย) หลักการใช้สายตา มีดังนี้

1.         สายตาเป็นสิ่งสะท้อนบุคลิกภาพ        2. สายตาเป็นสิ่งเร้าที่จะสร้างอารมณ์ความรู้สึก

3.         สายตาเป็นตัวประสานความรู้สึกร่วมระหว่างบุคคล

4.         สายตาสามารถบอกเป้าหมายเชิงกายภาพของการสื่อสารได้ ซึ่งมีพื้นฐานมาจากการตัดกัน อย่างชัดเจนระหว่างตาดำกับตาขาว ทำให้มนุษย์รู้ทิศทางการมองได้ดีกว่าสัตว์ชนิดอื่น

44.       หากพิจารณาในเชิงจิตวิทยาแล้ว เหตุใดมนุษย์จึงชอบพูดมากกว่าฟัง

(1)       เพราะสามารถสร้างความได้เปรียบในความถูกต้องได้มากกว่า

(2)       เพราะการพูดสร้างความมั่นใจและเชื่อมั่นในตนเองได้มากกว่า

(3)       เพราะการพูดเป็นช่องทางเลือกรับข้อมูลได้มากกว่า

(4)       เพราะการพูดรับปฏิกิริยาตอบกลับได้มากกว่า

ตอบ 2 หน้า 69 โดยปกติแล้วคนเราชอบพูดมากกว่าชอบฟัง เพราะในขณะที่พูดนั้นผู้พูดจะสร้าง ความมั่นใจและมีความรู้สึกว่าตนมีความเชื่อมั่นในตนเอง ตนได้แสดงความคิดเห็น และได้รับ ความสนใจจากผู้ฟัง

45.       ข้อใดเกี่ยวข้องกับการเดินเพื่อขึ้นพูด

(1)       ทำตามที่ตกลงไว้กับเจ้าภาพ   (2) มาก่อนเวลาเพื่อทดสอบคิว

(3) ประมาณจังหวะให้ดี          (4) ไม่ผูกขาดเอาไว้คนเดียว

ตอบ 3 หน้า 16, (คำบรรยาย) การเดินเมื่อขึ้นพูดบนเวที เป็นการปรากฏกายที่สะดุดตาหรือเป็นการ สร้างความสนใจในการติดตามเนื้อหาของผู้ฟัง ซึ่งวิธีการเดินที่ดีนั้นควรประมาณจังหวะให้ดี อย่าเดินเร็วหรือช้าเกินไป ต้องทรงตัวให้สง่างาม ไม่เดินหลังโก่งหรือยืดหน้าอก และขณะที่เดิน ให้แกว่งแขนตามสบาย ฯลฯ

46.       การเดินในวิชาการพูด มีความสัมพันธ์กับข้อใด

(1)       การเคลื่อนไหว การไม่หยุดนิ่ง การไม่สำรวม    (2) การปรากฏกาย การติดตามเนื้อหา การทรงตัว

(3) การแสดงออก การนำเสนอ การเคลื่อนที่   (4) การนำเสนอ การติความ การสร้างจุดสนใจ

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 45. ประกอบ

47.       การฟังเพื่อเก็บสาระ พิจารณาจาก

(1)       ลำดับการนำเสนอ       (2) ความสัมพันธ์กับหัวเรื่อง

(3) ประเด็นสำคัญตามจุดมุ่งหมาย     (4) ข้อสรุปในบททิ้งท้าย

ตอบ 3 หน้า 69 การฟังเพื่อเก็บสาระสำคัญ (Message Cues) เป็นการฟังที่ผู้ฟังจะต้องเข้าใจ จุดประสงค์ของตนเองว่าตนเองต้องการรับอะไรจากผู้พูด ในขณะเดียวกับก็ต้องเข้าใจด้วยว่า ผู้พูดต้องการจะให้อะไรแก่ผู้ฟัง เมื่อผู้ฟังสามารถรู้หรืออ่านแนวความคิดของผู้พูดได้แล้ว ผู้ฟังก็จะตั้งใจฟังเพื่อเก็บประเด็นสำคัญตามจุดมุ่งหมายหรือวัตถุประสงค์ของการฟัง

48.       ข้อใดเป็นความต้องการรู้ของผู้ฟัง ตามทัศนะของอริสโตเติล

(1) ความฉลาดของผู้พูด          (2) ทักษะของผู้พูด

(3) แรงบันดาลใจของผู้พูด      (4) ผลประโยชน์ของผู้พูด

ตอบ 1 หน้า 70, (คำบรรยาย) ความต้องการที่จะรู้ของอริสโตเติล (Aristotle) คือ สิ่งที่ผู้ฟัง ต้องการเห็นหรือต้องการรู้เกี่ยวกับตัวผู้พูด มีอยู่ 3 ประการ ได้แก่

1.         ความฉลาดหรือสติปัญญาของผู้พูด    2. บุคลิกลักษณะ ท่วงที หรือลีลาในการนำเสนอ

3. ข้อคิดหรือสาระดี ๆ ที่ได้จากการพูด (Goodwill)

49.       การแก้ปัญหาการพูดในสถานการณ์ที่ไม่สามารถจะเตรียมการพูดล่วงหน้าได้ สิ่งที่จะเป็นตัวช่วยที่สำคัญ นอกเหนือจาก สติ” คือ

(1) ข้อมูลส่วนตัว         (2) แนวความคิดที่ใช้เป็นประจำ

(3) ภาพลักษณ์ที่สร้างมา        (4) การฝึกซ้อมตอบคำถาม

ตอบ 4 หน้า 89, (คำบรรยาย) การพูดปากเปล่าโดยไม่มีการเตรียมล่วงหน้า (การพูดโดยกะทันหัน) เช่น การพากย์กีฬามวย ฟุตบอล หรือเรือยาวการกล่าวทักทายเมื่อเผอิญได้พบกัน,การตอบปัญหาบางประการ ฯลฯ มีข้อควรปฏิบัติ ดังนี้

1.         พยายามควบคุมสติไว้ให้ได้ ไม่ต้องรีบตอบ

2.         ใช้ปัญญาวิเคราะห์ หรือใช้ปฏิภาณไหวพริบให้มากที่สุด

3.         พยายามนึกถึงโครงสร้างของการพูด 4. ฝึกซ้อมตอบคำถามในใจในเรื่องที่เตรียมได้

5.         พูดหรือตอบคำถามให้สั้น กระชับ มีประเด็น และมีความหมายชัดเจน หากไม่แน่ใจในประเด็นคำถามก็อาจขอให้ผู้ถามทวนคำถามเพื่อความแน่นอน หรือนัดหมายให้กลับมาถามใหม่ หากไม่สามารถตอบคำถามนั้นได้

50.       การตอบคำถามในการพูดโดยไม่มีการเตรียมตัวเอาไว้ล่วงหน้า ควรมีลักษณะ

(1)       ชี้แจงรายละเอียดและให้ข้อมูลมากที่สุด

(2)       บอกปัดและถ่ายโอนไปให้ผู้ที่รู้มากกว่า หรือน่าจะรับผิดชอบแทนได้

(3)       สั้น กระชับ มีประเด็น และความหมายชัดเจน

(4)       นำสถิติและข้อมูลทางเทคนิคมาประกอบการทำความเข้าใจ

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 49. ประกอบ

51.       ในกรณีที่ถูกซักถามในคำตอบที่ไม่ได้มีการเตรียมมา และไม่สามารถตอบคำถามนั้นได้วิธีการแก้ปัญหา ที่ดีที่สุด คือ

(1)       นัดหมายให้กลับมาถามใหม่   (2) ขอโทษที่ทำให้ผิดหวัง

(3) แก้ตัวว่าไม่พร้อม    (4) ย้อนถามว่าคุณรู้มาจากไหน

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 49. ประกอบ

52.       ข้อใดเป็นการแบ่งการพูดตามจุดมุ่งหมาย

(1)       เร้าอารมณ์ สร้างจุดสนใจ        (2) ให้ความบันเทิง เล่าความจริง

(3) บอกเล่า กล่าวความจริง    (4) ท่องจำ กล่าวตามหัวข้อ

ตอบ 2 หน้า 92 – 95 การพูดที่แบ่งตามจุดมุ่งหมาย หรือวัตถุประสงค์ในการพูด ได้แก่

1.         การพูดเพื่อให้สาระความบันเทิง เช่น การพูดในโอกาสพบปะลังสรรค์ หรือในงานรื่นเริง ฯลฯ

2.         การพูดเพื่อให้ความรู้หรือเล่าข้อเท็จจริง เช่น การบรรยาย การปาฐกถา การพูดแนะนำ วิธีการใช้ยาหรือสมุนไพร ฯลฯ

3.         การพูดเพื่อชักจูงใจหรือโน้มน้าวจิตใจ เช่น การโฆษณาขายสินค้า การพูดหาเสียงเลือกตั้ง การพูดเชิญชวนให้บริจาคโลหิต ฯลฯ

53.       การเตรียมสาร ผู้เตรียมสามารถจัดทำได้ใน…….กรณี คือ

(1) กรณีเดียว คือ ของตัวเองเท่านั้น    (2) 2 กรณี คือ ตัวเอง และคนอื่น

(3)       3 กรณี คือ ตัวเอง ผู้ฟัง และผู้เกี่ยวข้อง

(4)       ไม่จำกัดกรณี เนื่องจากการพูดโดยปกติไม่สามารถจำกัดคนพูดได้

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 11. ประกอบ

54.       ในการพูดเพื่อให้ข้อมูลข่าวสาร มีอะไรเป็นสาระสำคัญ

(1) ความรู้        (2) บรรยากาศ

(3) อารมณ์ความรู้สึก  (4) ความจริงที่เกิดขึ้น

ตอบ 1 หน้า 93 – 94, (คำบรรยาย) การพูดเพื่อให้ความรู้หรือเล่าข้อเท็จจริง (ให้ข้อมูลข่าวสาร)มีจุดมุ่งหมายหรือสาระสำคัญ คือ เพื่อให้ความรู้และความเข้าใจแก่ผู้ฟัง โดยจะบอกหรือ นำเสนอข้อมูลความจริงที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งผู้ฟังจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ได้

55.       เป้าหมายของการพูดเพื่อชักจูงใจ คือ

(1) เปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนพฤติกรรม     (2) การทำตามคำสั่ง

(3) สร้างภาวะทางอารมณ์กดดัน        (4) ให้ตีความหมายข่าวสาร

ตอบ 1 หน้า 94 – 96, (คำบรรยาย) การพูดเพื่อชักจูงใจมีความแตกต่างจากการพูดจาตามปกติ ในเรื่องของการกำหนดเป้าหมายและวิธีการ เนื่องจากเป้าหมายของการพูดเพื่อชักจูงใจ คือ การชักจูงให้เปลี่ยน/ไม่เปลี่ยนพฤติกรรม เปลี่ยนการกระทำ หรือเปลี่ยนความเชื่อและทัศนคติ (เป็นสิ่งที่การพูดทำได้ยากที่สุด) โดยคำนึงถึงเงื่อนไขของการให้ข้อมูลเพื่อการโน้มน้าวใจ ได้แก่

1.         การสร้างความเลื่อมใสศรัทธา 2. นำเสนอสิ่งที่น่าสนใจ          3. ปลุกเร้าให้เกิดการกระทำ

56.       การเตรียมเนื้อหาของรายงานที่จะพูดนั้น ไม่ควรที่จะ

(1) มีหัวข้อที่สั้น กระชับ ชัดเจน           (2) ทำหัวข้อย่อย ๆ ให้มีความเด่น ง่ายต่อการอ่าน

(3) บรรจุเนื้อหาที่สมบูรณ์ของเรื่องลงไป         (4) จัดทำอย่างประณีตด้วยความรอบคอบ

ตอบ 3 หน้า 139, (คำบรรยาย) หลักการเตรียมเนื้อหาของรายงานที่จะพูด มีดังนี้

1.         เรียบเรียงเนื้อหาด้วยความประณีตและรอบคอบ

2.         ใจความสำคัญของเนื้อหาต้องสั้น กระชับ ชัดเจน พร้อมทั้งมีข้อมูลทางสถิติ

3.         ทำหัวข้อย่อย ๆ ให้มีความเด่น ง่ายต่อการอ่าน โดยมีการใส่หมึกไฮไลต์ขีดทับ

4.         ไม่ควรบรรจุเนื้อหาที่สมบูรณ์ของเรื่องลงไป

5.         เขียนบันทึกย่อประเด็นสำคัญที่ไม่อาจละเลยได้ในการพูดไว้ท้ายกระดาษ

6.         ใช้ข้อความที่ประกอบด้วยคำพูดเพื่อแสดงให้รู้ว่าจบเนื้อหาของเรื่องที่พูดตอนหนึ่ง ๆ แล้ว ฯลฯ

57.       การเตรียมเนื้อเรื่องที่จะพูดนั้น สิ่งใดเป็นตัวแปรที่เกิดจากเจ้าภาพได้มากที่สุด

(1)       ความเชื่อ ทัศนคติของผู้ฟัง      (2) ความสนใจที่มีต่อหัวข้อ

(3) เวลาที่ให้กับการพูด           (4) บรรยากาศการประชุม

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 42. ประกอบ

58.       การพูดในลักษณะวิพากษ์วิจารณ์มีลักษณะเฉพาะที่ต่างจากการพูดประเภทอื่น ๆ อย่างไร

(1) เนื้อหาที่จะพูดต้องเป็นข้อเท็จจริงเสมอ     (2) ต้องมีการนำเสนอโดยใช้เหตุผลประกอบ

(3)       ต้องมีการจัดสมดุลของเนื้อหา และผลกระทบที่เกิดขึ้นกับบุคคลที่กล่าวอ้าง

(4)       ต้องมีการใช้กติกา ข้อกำหนด หรือตัวบ่งชี้ต่าง ๆ มาเป็นเกณฑ์

ตอบ 2 หน้า 169 การพูดวิจารณ์ หมายถึง การพูดทั้งติและชมสิ่งใดสิ่งหนึ่งในแง่ต่าง ๆ อย่างมีเหตุผล และถูกหลักการวิจารณ์ ซึ่งลักษณะเฉพาะหรือจุดเด่นของการพูดวิพากษ์วิจารณ์ที่แตกต่างจาก การพูดชนิดอื่น ๆ คือ เป็นการพูดที่ต้องใช้หลักทางตรรกวิทยา (Logic) หรือใช้หลักทางเหตุผล มาประกอบ โดยจะไม่เอาอารมณ์ของผู้พูดเข้ามาเกี่ยวข้อง

59.       ข้อใดเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดมารยาทในการพูด

(1)       กล้าแสดงออกอย่างเหมาะสม            (2) คิดให้ดีและรอบคอบ

(3) การปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์  (4) การรู้จักระเบียบแบบแผนทางสังคม

ตอบ 2 หน้า 65, (คำบรรยาย) มารยาทในการพูดและฟัง ถือเป็นกฎเกณฑ์พื้นฐานของการรักษาไว้ ซึ่งบรรยากาศของการสื่อสารอย่างเห็นหน้าตากัน โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดมารยาทใน การพูด คือ การรู้จักคิดให้ดีและรอบคอบก่อนพูด ซึ่งเป็นมารยาทในการพูดข้อแรกที่วิชาวาทวิทยาให้ความสำคัญมากที่สุด

60.       คำนำ หมายถึง          

(1) การนำเข้าสู่เนื้อเรื่อง

(2)       กลวิธีนำเสนอ (3) การทักทายผู้ฟัง     (4) ความคิดรวบยอดของเรื่อง

ตอบ 1 หน้า 34 – 40, (คำบรรยาย) โครงสร้างของการพูด ประกอบด้วย

1.         คำปฏิสันถาร หมายถึง คำทักทายผู้ฟัง

2.         คำนำ หมายถึง การเริ่มเข้าเรื่อง หรือการนำเข้าสู่เนื้อเรื่อง

3.         เนื้อเรื่อง หมายถึง เนื้อหาหรือข้อมูลหลักของการนำเสนอ หรือกลวิธีนำเสนอ

4.         สรุป หมายถึง ความคิดรวบยอดของเรื่อง

5.         คำลงท้าย หมายถึง ข้อความกล่าวทิ้งท้ายเพื่อความประทับใจ

(ในส่วนของสรุปและคำลงท้ายอาจสลับที่กันได้ ซึ่งจะทำเฉพาะในกรณีที่ผู้พูดมีความเชี่ยวชาญ พอสมควร)

61.       ในโครงสร้างของการพูดส่วนที่เป็นเนื้อหานั้น ประเด็นหลักตามหัวข้อต่าง ๆ จะต้องถูกขยายความหรือ อธิบายตามด้วย

(1)       ส่วนเสริมอื่น ๆ            (2) ข้อมูลในประเด็นถัดไป

(3)       ข้อคิดเห็นของผู้พูด      (4) ข้อมูลสนับสนุนแต่ละประเด็น

ตอบ 4 (คำบรรยาย) โครงสร้างเนื้อหาของการพูด ประกอบด้วย 1. ประเด็นหลัก

2.         ข้อมูลสนับสนุนแต่ละประเด็น (อธิบายหรือขยายความประเด็นหลัก)

3.         ส่วนเสริมอื่น ๆ (เช่น แทรกมุขตลก ใช้สื่อประกอบการนำเสนอ ฯลฯ)

62.       หากพิจารณาตามแบบธรรมเนียมแล้ว การปฏิสันถารแบ่งเป็น          

(1) ภายนอก ภายใน

(2)       พิธีการ ไม่เป็นพิธีการ (3) ส่วนตัว ส่วนรวม     (4) เพื่อเจ้าภาพ เพื่อผู้รับเชิญ

ตอบ 2 หน้า 34, (คำบรรยาย) การกล่าวคำปฏิสันถารหรือคำทักทาย แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ

1.         คำปฏิสันถารที่เป็นพิธีการ คือ การกล่าวคำทักทายที่มีแบบแผน ขั้นตอน รูปแบบ และ ลำดับ ซึ่งมักจะใช้ในงานรัฐพิธี งานศาสนพิธี และงานพิธีต่าง ๆ

2.         คำปฏิสันถารที่ไม่เป็นพิธีการ คือ การกล่าวคำทักทายที่ไม่มีแบบแผน ขั้นตอน รูปแบบ และลำดับ ซึ่งมักจะใช้ในการพูดอภิปราย ปาฐกถา หรือการกล่าวคำปราศรัยของ นักการเมือง นักปกครอง ดารา ฯลฯ

63.       การพูดที่ส่งเสริมประชาธิปไตย พิจารณาจาก

(1) ความเห็นที่ถูกต้อง

(2)       สมดุลในการสื่อสาร     (3) มติที่ได้จากการลงคะแนน (4) ความเป็นผู้นำ-ผู้ตาม

ตอบ 2 หน้า 67, (คำบรรยาย) การพูดที่ส่งเสริมประชาธิปไตยจะพิจารณาจากความสมดุลในการสื่อสารเป็นสำคัญ โดยผู้พูดไม่ควรผูกขาดการพูดแต่เพียงคนเดียว ควรจะเปิดโอกาสให้ผู้อื่นพูดและ แสดงความคิดเห็นบ้าง อันเป็นการแสดงออกถึงมารยาทที่ดีงามในการพูด

64.       Rehearsal หมายถึง        

(1) พูดซ้ำ ๆ จนชำนาญ

(2)       ฟังความคิดเห็น          (3) ซักซ้อมและปรับปรุง          (4) ทบทวนสาระในการพูด

ตอบ 3 หน้า 51-52, (คำบรรยาย) การฝึกซ้อมพูด (Rehearsal.) ในเชิงวาทวิทยา คือ การทดสอบตัวเองโดยอาศัยแนวคิดการฟังตนและคนอื่น เพื่อเตรียมความพร้อมของเนื้อหาและบุคลิกภาพ ในการพูด ซึ่งการซ้อมพูดมีความสำคัญในฐานะเป็นกระบวนการสำรวจปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น ในระหว่างการพูด เพื่อปรับปรุงแก้ไขสิ่งผิดพลาดและกำจัดสิ่งที่ไม่เหมาะสมออกไปให้หมด แล้วจึงสำรวจสิ่งที่จำเป็นในการนำเสนอเพิ่มเติม

65.       ข้อใดไม่ใช่หน้าที่ประธานในการประชุม

(1) รักษาเวลาการประชุม        (2) จดบันทึกรายงานการประชุม

(3)       เปิดโอกาสให้มีการแสดงความเห็น    (4) ชักชวนให้ประชุมอย่างสงบ

ตอบ 2 หน้า 204 – 206 ประธานที่ประชุมมีหน้าที่ที่สำคัญ ดังนี้ 1. รักษาเวลาการประชุม

2.         เปิดโอกาสให้มีการแสดงความเห็น     3. ชักชวนให้ประชุมอย่างสงบ ฯลฯ

(ส่วนการจดบันทึกรายงานการประชุม เป็นหน้าที่ของเลขานุการ)

66.       การพูดเพื่อรายงานการประชุม มีความสัมพันธ์กับข้อใด

(1) พูดเพื่อชักจูงใจ      (2) พูดเพื่อให้เกิดความรู้สึกสมานฉันท์

(3)       พูดโดยไม่มีการเตรียมตัวล่วงหน้า       (4) พูดโดยอ่านจากต้นฉบับที่เตรียมไว้

ตอบ 4 หน้า 90207 การพูดรายงานการประชุมจะมีลักษณะคล้ายคลึงกับการพูดรายงานชนิดอื่น ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า การพูดรายงานการประชุมก็คือ การอ่านรายงานการประชุมที่เขียนเสร็จ เรียบร้อยแล้ว หรือเป็นการพูดโดยอ่านจากต้นฉบับที่เตรียมไว้นั่นเอง

67.       ข้อใดไม่ใช่การสรุปการพูดที่พึงประสงค์

(1)       ย่อความ          (2) รวมความ   (3) ทิ้งคำถาม  (4) ทวนแนวคิด

ตอบ 1 หน้า 38, (คำบรรยาย) เทคนิคหรือวิธีกรสรุปการพูด ได้แก่

1.         การรวมความ หรือทวนแนวคิดสำคัญ (การสรุปไม่ใช่การย่อความ)

2.         การทิ้งประเด็น           3. การถามผู้ฟัง (ทิ้งคำถาม)    4. การฝากกลับไปคิด ฯลฯ

68.       หลักการแสดงออกทางใบหน้าที่ใช้ได้ดีในทุกสถานการณ์การพูด คือ

(1)       ยิ้มแย้มเข้าไว้   (2) จริงจังและจริงไจ

(3)       จ้องหน้าอย่ากะพริบตา           (4) เปลี่ยนเรื่อง-เปลี่ยนสีหน้า

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 40. ประกอบ

69.       ข้อใด คือ ต้นฉบับที่พึงประสงค์โดยพิจารณาถึงประสิทธิภาพในการนำไปใช้งาน

(1)       สวยงามเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ผู้จัดงานหรือผู้นำไปใช้

(2)       พอดีกับเวลาที่มีโดยมีเนื้อหาเป็นไปตามโครงสร้างของการพูดแบบสากล

(3)       โดดด่นโดยมีเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของผู้พูดหรือลักษณะงาน

(4)       ไม่มีร่องรอยแก้ไขเพราะเป็นการแสดงออกถึงความมีวินัยและรอบคอบในการทำงาน

ตอบ 2 หน้า 40, (คำบรรยาย) ลักษณะของต้นฉบับที่พึงประสงค์ มีดังนี้ 1. ใช้ภาษาที่สุภาพ

2.         มีเนื้อหาตามวัตถุประสงค์ และเป็นไปตามโครงสร้างของการพูดแบบสากล

3.         ลำดับความคิดน่าติดตาม (ฟังแล้วไม่สับสน)  4. สอดคล้องหรือพอดีกับเวลาที่มี ฯลฯ

70.       เมื่อจัดทำต้นฉบับเสร็จเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่จะต้องดำเนินการต่อไป คือ

(1)       เก็บไว้ในที่ซึ่งมิดชิด ป้องกับการสูญหายหรือถูกโจรกรรม

(2)       จัดวางไว้ที่ผู้พูดจะต้องขึ้นพูด เพื่อเป็นการเตรียมพร้อม ลดขั้นตอนทำงาน

(3)       ทำสำเนาอีกอย่างน้อย 1 ชุด ให้ผู้เกี่ยวข้องประสานงานเก็บสำรองไว้

(4)       นำไปเย็บเข้าเล่มให้เรียบร้อย เพื่อเป็นหลักฐานการทำงาน

ตอบ 3 หน้า 40, (คำบรรยาย) สิ่งที่ผู้พูดต้องปฏิบัติหรือดำเนินการเมื่อจัดทำต้นฉบับเสร็จเรียบร้อย แล้ว มีดังนี้       1. ตรวจทานและแก้ไขอย่างรอบคอบ

2. ซ้อมก่อนพูดหรือก่อนนำต้นฉบับไปใช้เสมอ            3. กำจัดสิ่งที่ไม่เหมาะสมออกไป

4.         ทำสำเนาเก็บไว้อย่างน้อย 1 ชุด เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องประสานงานเก็บสำรองไว้ ฯลฯ

71.       ก่อนจะนำต้นฉบับไปใช้ ผู้พูดต้อง……….ก่อนเสมอ

(1) อ่านทบทวน           (2) บันทึกเลขลำดับ    (3) เก็บใส่ซอง (4) ซ้อม

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 70. ประกอบ

72.       ข้อใดไม่ใช่หลักการใช้กิริยาท่าทางในการพูดที่มีประสิทธิภาพ

(1) นิ่งสยบความเคลื่อนไหว    (2) เน้นย้ำสิ่งใดให้ทำท่าประกอบ

(3) ท่าทางสนับสนุนท่าที         (4) จัดระเบียบร่างกายให้สัมพันธ์กับพื้นที่

ตอบ 1 หน้า 18, (คำบรรยาย) หลักการแสดงกิริยาท่าทางในการพูด ได้แก่

1.         เป็นการเรียกความสนใจจากผู้ฟัง สร้างประสิทธิภาพการสื่อสาร

2.         จำไว้ว่าคนเราสนใจภาพเคลื่อนไหวมากกว่าภาพนิ่ง

3.         แสดงท่าทางประกอบเมื่อต้องการอธิบายหรือเน้นข้อความ

4.         กิริยาท่าทางต้องสอดคล้องกับความรู้สึกนึกคิด

5.         ต้องเหมาะกับโอกาสและเรื่องที่จะพูด

6.         เรียบร้อย สุภาพ         7. ไม่ซ้ำซาก มีชีวิตจิตใจ

73.       เรื่องสำคัญที่ต้องเน้นเป็นพิเศษ อาศัยหลักการใดในการพูด

(1)       ตอกย้ำแต่ไมซ้ำซาก     (2) ย้ำคิดย้ำทำ            (3) สั่งสอนห้สำนึก     (4) บอกใบ้ให้ทายใจ

ตอบ 1 (คำบรรยาย) ผู้พูดควรกล่าวย้ำหรือตอกย้ำในเรื่องสำคัญที่ต้องการเน้นเป็นพิเศษ เพื่อให้เรื่องที่พูดมีความชัดเจน น่าสนใจ และยังทำให้ผู้ฟังสามารถจดจำเรื่องนั้น ๆ ได้มากขึ้น แต่ ต้องระวังไม่ไปตอกย้ำจนเกิดความซ้ำซาก หรือย้ำคิดย้ำทำมากจนเกินไป เพราะจะทำให้ผู้ฟัง เกิดความเบื่อหน่าย และเรื่องที่เน้นก็จะกลายเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญไป

74.       บุคคลใดสมควรเป็นผู้ถูกสัมภาษณ์

(1)       ผู้นำองค์กร      (2) ผู้มีอำนาจตัดสิน

(3) ผู้เกี่ยวข้องและมีความรู้ในเรื่องนั้น            (4) ผู้ทำหน้าที่สื่อสารมวลชน

ตอบ 3 หน้า 257 – 258, (คำบรรยาย) คุณสมบัติของผู้ให้สัมภาษณ์ (ผู้ถูกสัมภาษณ์) เรียงตามลำดับ ความสำคัญของบุคคลได้ ดังนี้  1. เป็นผู้รู้ (สำคัญที่สุด) 2. เป็นผู้เกี่ยวข้อง รู้เห็น หรืออยู่ในเหตุการณ์ 3. เป็นผู้นำ ผู้บริหาร หรือผู้ที่มีความสำคัญ  4. เป็นผู้มีประสบการณ์ 5. เป็นผู้ได้รับความสนใจ  6. เป็นผู้ที่มีตัวตนอยู่จริง

75.       ข้อใดเป็นมารยาทสำคัญของการสัมภาษณ์แบบเป็นพิธีการ

(1)       ต้องสัมภาษณ์อย่างกระชับ ชัดเจน ใช้เวลาน้อยที่สุด

(2)       เลือกหัวข้อสัมภาษณ์ตรงตามภาระหน้าที่ของผู้สัมภาษณ์

(3)       มีการบันทึกเทป และออกอากาศตรงเวลาตามที่ตกลงกันไว้

(4)       มีการนัดเวลา และกำหนดโครงสร้างของแบบสัมภาษณ์

ตอบ 4 หน้า 256 การสัมภาษณ์แบบที่เป็นพิธีการ (Formal Interview) คือ การที่ผู้สัมภาษณ์จะต้องตระเตรียมและแจ้งเรื่องที่จะสัมภาษณ์ กำหนดโครงสร้างของแบบสัมภาษณ์ นัดวัน เวลา และ สถานที่ที่จะสัมภาษณ์ให้ผู้ถูกสัมภาษณ์ทราบล่วงหน้า เพื่อว่าผู้ถูกสัมภาษณ์จะได้มีเวลาเตรียมตัว ซึ่งการสัมภาษณ์ชนิดนี้มักจะเป็นการสัมภาษณ์บุคคลที่ไม่คุ้นเคยกัน เช่น บุคคลในวงการเมือง เชื้อพระวงศ์ ผู้บริหารประเทศ ฯลฯ

76.       ในการพูดที่ต้องอาศัยเครื่องมือต่าง ๆ ประกอบการพูดนั้น ความเป็นจริงที่ผู้พูดจะต้องระลึกไว้ตลอดเวลา คือ

(1)       อุปกรณ์ทุกอย่างสามารถใช้แทนคำพูดได้

(2)       อย่าใช้อุปกรณ์ในการนำเสนอมาทดแทนการให้ความรู้ในทุกเรื่อง

(3)       จับจ้องมองอุปกรณ์ตลอดเวลาที่ผู้ฟังมองมายังผู้พูด

(4)       อุปกรณ์ คือ ตัวแทนผู้พูดที่มีความน่าเชื่อถือสูงสุด

ตอบ 2 หน้า 122, (คำบรรยาย) หลักการใช้อุปกรณ์หรือเครื่องมือต่าง ๆ ประกอบการพูดเชิงสาธิต มีดังนี้ 1. อุปกรณ์ เครื่องมือ หรือสิ่งที่ใช้ประกอบต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์และสอดคล้องกับเนื้อหา ของการพูด     2. ผู้พูดสำคัญที่สุดในการถ่ายทอด ส่วนเครื่องมือเป็นเพียงส่วนเสริม จึงไม่มีอุปกรณ์ใด ๆ จะดีที่สุดในทุกกรณี  3. เครื่องมือไมใช่การพูด อย่าใช้เครื่องมือโดยไม่จำเป็น       4.   ขณะใช้สื่อเป็นเครื่องมือ ผู้พูดอย่าขัดจังหวะหรือดึงความสนใจออกจากผู้ชม/ผู้ฟัง

77.       การสัมภาษณ์นั้นมีความหมายสำคัญในเชิงการสื่อสารอย่างไร

(1)       ทำให้รู้ซึ้งถึงข้อมูลเชิงลึก         (2) ทำให้มีการทบทวนเหตุการณ์

(3) ทำให้ความจริงถูกเปิดเผย (4) ทำให้มีการจัดระเบียบข่าวสาร

ตอบ 1 หน้า 33255, (คำบรรยาย) การสัมภาษณ์ หมายถึง การสื่อสารด้วยกระบวบการพูดคุยโดยมี เป้าประสงค์เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลสำคัญ ข่าวสาร หรือประเด็นที่เป็นสาระโดยตรง ผ่านบุคคล ที่มีการเลือกสรรแล้ว ทั้งนี้ข้อมูลที่ได้มาถือเป็นข้อมูลเชิงลึกส่วนบุคคลที่มีความเฉพาะเจาะจง ตามเป้าหมาย วัตถุประสงค์และสถานการณ์ขณะนั้น

78.       มารยาทในการสัมภาษณ์มีความเกี่ยวข้องกับข้อใดมากที่สุด

(1)       การให้เกียรติ  (2) ข้อมูลสำคัญ          (3) ผลตอบแทน           (4) เวลา

ตอบ 1 หน้า 259263 มารยาทที่ดีของผู้สัมภาษณ์ย่อมทำให้ผู้ให้สัมภาษณ์ให้ความร่วมมือ ซึ่งการที่ ผู้สัมภาษณ์จะแสดงมารยาทที่ดีได้นั้นก็ต่อเมื่อมีทัศนคติที่ดีต่อผู้ให้สัมภาษณ์ และที่สำคัญ ต้องรู้จักให้เกียรติผู้ให้สัมภาษณ์ด้วยการรักษาความลับส่วนบุคคลของผู้ให้สัมภาษณ์ด้วย

79.       มนุษยสัมพันธ์ในการสัมภาษณ์ เป็นผลมาจากการรู้จัก        

(1) พัฒนาตน

(2)       นำเหตุผลมาใช้           (3) ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์            (4) ถาม

ตอบ 3 หน้า 258, (คำบรรยาย) คุณสมบัติของผู้สัมภาษณ์ประการหนึ่ง คือ จะต้องเป็นผู้ที่มีมนุษยสัมพันธ์ดี ซึ่งเป็นผลมาจากการรู้จักปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์และบุคคลทุกคน หรือไม่ทำลายบรรยากาศการพูดคุย จนสามารถสร้างความสัมพันธ์ได้ในระยะเวลาอันสั้น

80.       หากคุณเป็นผู้ประสานงานในการจัดสัมมนา คุณควรจัด……..ให้กับวิทยากร

(1) น้ำชาอุ่น ๆ  (2) น้ำเย็นพร้อมด้วยน้ำแข็ง

(3)       น้ำที่อุณหภูมิห้อง         (4) น้ำส้มหรือน้ำผลไม้ตามฤดูกาล

ตอบ 3 (คำบรรยาย) ในการจัดสัมมนา ผู้ประสานงานควรจัดเตรียมน้ำสะอาดที่อุณหภูมิห้องให้กับ วิทยากรที่ขึ้นพูด ทั้งนี้เพื่อเป็นการช่วยรักษาน้ำเสียงให้แจ่มใส กังวานชัดเจน

81.       ข้อใดไม่มีความเกี่ยวข้องกับการเตรียมเนื้อเรื่องโดยตรง

(1) ผู้ฟังเป็นใคร           (2) ใครเป็นเจ้าภาพ     (3) เวลามีอยู่เท่าใด     (4) พิธีกรคนไหน

ตอบ 4 หน้า 31, (คำบรรยาย) หลักการเตรียมเนื้อเรื่อง มีข้อควรพิจารณา ดังนี้

1.         ต้องวิเคราะห์ผู้ฟังว่าเป็นใคร มีอายุ ระดับการศึกษา เพศ อาชีพ ฯลฯ อย่างไร

2.         พิจารณาถึงสภาพแวดล้อมและสถานการณ์  3. ตรวจสอบว่ามีเวลาในการพูดเท่าไร

4.         ปรับให้เหมาะกับสถานที่ และเจ้าภาพ

82.       ประธานในที่ประชุมควรเสนอความคิดเห็นของตนอย่างไรจึงเหมาะสมที่สุด

(1) เป็นคนสุดท้าย       (2) ตลอดเวลา (3) ครั้งที่เปลี่ยนวาระ  (4) เป็นคนแรก

ตอบ 1 หน้า 205 หน้าที่ของประธานในที่ประชุมประการหนึ่ง คือ ประธานจะต้องเปิดโอกาส และช่วยให้ผู้เข้าประชุมได้ใช้ความคิดของตนเองอย่างเต็มความสามารถ โดยประธาน ไม่ควรเสนอความคิดเห็นของตนเป็นคนแรก แต่ควรเสนอความคิดเห็นเป็นคนสุดท้าย

83.       ถ้านายเยี่ยมยอดไร้ที่ติ ไม่เห็นด้วยกับมติของที่ประชุม (ที่ครบองค์ประชุม) เขาต้องทำอย่างไร

(1) ไม่ต้องปฏิบัติตาม  (2) ต้องปฏิบัติตาม

(3) ขอแปรญัตติต่อประธาน    (4) ขอให้มีการทบทวนมติ

ตอบ 2 หน้า 203 มติ คือ ข้อตกลงของที่ประชุมในญัตติต่าง ๆ ที่มีผู้เสนอ ซึ่งมติของที่ประชุม (ที่ครบองค์ประชุม)ให้ถือเป็นข้อยุติที่ทุกคนจะต้องปฏิบัติตามถึงแม้จะไม่เห็นด้วยก็ตาม

84.       ดร.รสสุคนธ์เป็น ส.ส. และต้องการขอแปรญัตติในที่ประชุม เขาควรทำอย่างไร

(1) เสนอด้วยวาจาต่อประธาน            (2) เสนอเป็นลายลักษณ์อักษรต่อประธาน

(3) เสนอด้วยวาจาต่อเลขาฯ    (4) เสนอเป็นลายลักษณ์อักษรต่อเลขาฯ

ตอบ 2 หน้า 203, (คำบรรยาย) แปรญัตติ หมายถึง การแสดงความคิดเห็นซ้อนขึ้นในญัตติ หรือการเสนอขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมญัตตินั้น ๆ โดย ส.ส./ส.ว. ที่ต้องการขอแปรญัตติ ในที่ประชุมจะต้องเสนอคำขอแปรญัตติของตนเป็นหนังสือ (เป็นลายลักษณ์อักษร) ต่อประธาน ภายในระยะเวลาที่กำหนด และคำแปรญัตติต้องมี ส.ส./ส.ว. อื่นรับรองเป็นจำนวนไม่น้อยกว่า ที่กำหนดไว้ในข้อบังคับการประชุมสภา

85.       ข้อใดไม่ใช่ประเด็นพิจารณาสำหรับการเริ่มคิด

(1) ใช้สื่ออะไรดี           (2) เกี่ยวกับอะไร

(3) มีข้อมูลหรือเปล่า   (4) มั่นใจที่จะพูดหรือไม่

ตอบ 1 หน้า 31, (คำบรรยาย) ขั้นตอนการเริ่มคิดในการเตรียมเนื้อเรื่องมีข้อควรพิจารณา ดังนี้ 1. เรื่องที่พูดเกี่ยวกับอะไร    2. มีข้อมูลหรือเปล่า 3. มั่นใจที่จะพูดหรือไม่

86.       การจัดลำดับของเนื้อเรื่องที่จะพูด ไม่ควรอาศัยกฎเกณฑ์ใด

(1) ความสำคัญของปัญหา     (2) ปริมาณของผลกระทบด้านต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น

(3) พื้นที่และขอบเขตทางภูมิศาสตร์   (4) ประสบการณ์รับรู้ของผู้เตรียมสาร

ตอบ 4 หน้า 36 – 37, (คำบรรยาย) การเรียงประเด็นหรือจัดลำดับเนื้อเรื่องของการพูดมีวิธีการดังนี้

1.         เรียงตามลำดับเวลา ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายต่อการนำเสนอและทำให้สับสนน้อยที่สุด

2.         เรียงตามสถานที่เกิดเหตุ หรือพื้นที่และขอบเขตทางภูมิศาสตร์

3.         เรียงตามคำจำกัดความ          4. เรียงตามหมวดหมู่

5.         เรียงตามเหตุผล          6. เรียงตามแนวคิด ทฤษฎี

7.         เรียงตามผลกระทบที่เกิดขึ้น   8. เรียงตามความสำคัญของปัญหา (เนื้อเรื่อง)

87.       การเรียงประเด็นหรือเนื้อหาของการพูดที่ง่ายต่อการนำเสนอที่สุด และทำให้เกิดความสับสนน้อยที่สุด คือ

(1)       เรียงตามลำดับตัวอักษรทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ

(2)       เรียงตามพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ หรือตำแหน่งที่เป็นสากล

(3)       เรียงตามลำดับเวลาก่อนหลังของเหตุการณ์

(4)       เรียงตามลักษณะของผลกระทบของปัญหาที่เกิดขึ้น

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 86. ประกอบ

88.       เมื่อคุณนึกหรือคิดเนื้อหาที่จะพูดในลำดับต่อไปไม่ออก วิธีการปฏิบัติเพื่อแก้ปัญหา คือ

(1)       หาเรื่องอื่นที่เกี่ยวข้องกับประเด็นที่พูดอยู่มาแทรกแล้วพูดต่อเนื่องไป

(2)       หยุดการพูด ขอพักชั่วคราว และรีบค้นต้นฉบับหรือบันทึกย่อที่เตรียมมาโดยด่วน

(3)       ส่งต่อการพูดไปยังพิธีกรหรือผู้ร่วมสัมมนา แล้วค่อย ๆ เรียบเรียงการพูดขึ้นใหม่

(4)       กลบเกลื่อนโดยการสนทนาร่วมกับเจ้าภาพ หรือผู้ดำเนินการอภิปราย

ตอบ 1 หน้า 54 ในบางครั้งการตื่นเวทีจะทำให้ผู้พูดลืมเรื่องที่เตรียมมาพูดได้ ซึ่งในกรณีเช่นนี้ผู้พูด ควรจะคิดหาเรืองอื่นที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับประเด็นหรือเรืองที่พูดมาแทรกแล้วพูดต่อเนื่องไป แต่ถ้าคิดไม่ทันก็ควรข้ามไปพูดหัวข้อตอนใหม่แทน ทั้งนี้ผู้พูดไม่ควรหยุดนึกหรือมองเพดาน เพราะจะยิ่งทำให้อึดอัดใจและเสียกำลังใจมากขึ้น

89.       หากนักศึกษาได้รับคำสบประมาทว่า ไม่สามารถพัฒนาการพูดของตนเองได้มากไปกว่านี้ นักศึกษาควรจะทำอย่างไรในฐานะผู้ที่เรียนวิชาการพูดหรือวาทวิทยามาแล้ว

(1)       ไม่ต้องสนใจ เพราะจะมีกี่คนที่เรียนการพูดมาโดยตรง เปล่าประโยชน์ที่จะฟัง

(2)       แสดงความรู้สึกให้เห็นว่าไม่เป็นเช่นนั้น คุณเป็นใคร มีสิทธิอะไรมาวิจารณ์

(3)       ฟังด้วยจิตใจสงบ หันมาสำรวจตนเอง ยอมรับและแก้ไขข้อผิดพลาด

(4)       ฟังแล้วก็ผ่านไป ใครก็พูดกันได้ทั้งนั้น คุณก็ไม่ต่างกับฉันซักเท่าไร

ตอบ 3 หน้า 486 ผู้ถูกวิจารณ์ไม่ควรท้อถอยเมื่อรู้ว่าการพูดของตนนั้นจะถูกนำไปวิจารณ์แต่ควรยึดถือข้อแนะนำ ดังนี้ 1. ต้องเป็นผู้มีมารยาทในการฟัง โดยฟังด้วยจิตใจที่สงบ ทำใจให้เป็นกลาง ยอมรับฟังข้อติของผู้อื่น โดยจะต้องไม่โกรธและถกเถียงกัน 2. นำข้อติและข้อแนะนำมาสำรวจตนเอง พร้อมทั้งปรับปรุงการพูดของตนให้ดีขึ้น

90.       สิ่งแรกที่ผู้พูดถูกจับตาจากผู้ชม-ผู้ฟัง คือ

(1)       ภาษาที่ใช้ว่ามีรสนิยมหรือสอดคล้องกับความเคยชินของกลุ่มเป้าหมายหรือไม่

(2)       การประมวลเรื่องจะเป็นการแสดงว่ามีการเตรียมตัวดีพอหรือไม่

(3)       ความคิดที่สอดคล้องเป็นเนื้อเดียวกันกับประเด็นที่จะถ่ายทอด

(4)       ท่าทีและการปรับตัวโดยทั่วไป โดยเฉพาะบุคลิกภาพที่กลมกลืนกับงานนั้น

ตอบ 4 หน้า 486 หลักเกณฑ์ประการแรกในการวิจารณ์หรือการประเมินผลการพูดทั่ว ๆ ไป คือการวิจารณ์ท่าทีและการปรับตัวโดยทั่วไป โดยเฉพาะบุคลิกภาพที่กลมกลืนกับงานนั้น เพราะ เป็นสิ่งแรกที่ผู้พูดจะถูกจับตาจากผู้ชม-ผู้ฟัง ซึ่งผู้วิจารณ์ต้องเริ่มพิจารณาจากการปรากฏตัว ของผู้พูดว่ามีความประหม่าหรือไม่ มีความมั่นใจในตนเองหรือไม่ ตลอดจนมีลักษณะที่แจ่มใส คล่องแคล่ว เป็นธรรมชาติ และสามารถปรับตัวให้เข้ากับบรรยากาศทั่ว ๆ ไปได้หรือไม่

91.       การพากย์กีฬาเรือยาว เป็นการพูดชนิดใด

(1) การพูดโดยการท่องจำ       (2) การพูดโดยอ่านจากต้นฉบับ

(3) การพูดปากเปล่าโดยไม่มีการเตรียม         (4) การพูดปากเปล่าโดยมีการฝึกซ้อม

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 49. ประกอบ

92.       ข่าวหลังละครช่วงดึก เป็นการพูดชนิดใด

(1) การพูดโดยการท่องจำ       (2) การพูดโดยอ่านจากต้นฉบับ

(3) การพูดปากเปล่าโดยไม่มีการเตรียม         (4) การพูดปากเปล่าโดยมีการฝึกซ้อม

ตอบ 2 หน้า 90 การพูดโดยการอ่านจากต้นฉบับ เป็นการพูดที่อ่านจากโน้ตที่ได้เตรียมไว้โดยไม่ได้ มีการเปลี่ยนแปลงข้อความเลย จึงเป็นการอ่านมากกว่าการพูด ซึ่งมักใช้ในการพูดที่เป็นพิธีการ เช่น สุนทรพจน์ของบุคคลสำคัญ ๆ การอ่านข่าว การอ่านบทความ การกล่าวคำปราศรัย เนื่องในโอกาลต่าง ๆ คำแถลงการณ์ของรัฐบาล/คณะปฏิวัติ การอ่านรายงาน เปิดกิจการ ฯลฯ

93.       นักพูดหน้าใหม่ที่มีประสบการณ์น้อย ควรฝึกซ้อมการพูดอย่างไรจึงจะดีที่สุด

(1)       ฝึกซ้อมพูดกลางถนน ท่ามกลางคนที่เดินผ่านไปมา

(2)       ฝึกซ้อมพูดกับรูปปั้นในสวนซึ่งเงียบสงบ ได้บรรยากาศที่ดี

(3)       ฝึกซ้อมพูดหน้ากระจกในห้องคนเดียว เนื่องจากมีอยู่แทบทุกบ้าน

(4)       ฝึกซ้อมพูดกับนักพูดเพื่อจะได้พัฒนาตนเองให้เร็วยิ่งขึ้น

ตอบ 4 หน้า 52, (คำบรรยาย) วิธีฝึกซ้อมพูดกับผู้เชี่ยวชาญ คือ มีนักพูดผู้เชี่ยวชาญ วิทยากรการพูด หรือครูอาจารย์ดี ๆ คอยแนะนำให้เป็นการส่วนตัว จึงถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับนักพูดหน้าใหม่ ที่มีประสบการณ์น้อย เพราะจะทำให้ทราบว่าตนเองบกพร่องในเรื่องใดและควรแก้ไขในข้อใด ซึ่งโดยปกติแล้วในการพูดนั้นจะฝึกซ้อมกับผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวกับการพูดโดยตรง 2 กลุ่ม ได้แก่ 1. ผู้เชี่ยวชาญในด้านบุคลิกภาพและวิธีการนำเสนอ  2. ผู้เชี่ยวชาญในด้านเนื้อหา

94.       สิ่งใดเป็นวิธีช่วยแก้ความตื่นเวทีได้

(1)       คิดไปว่าไม่มีอะไรน่ากลัว และเขาก็อยากฟังเราพูด

(2)       รีบ ๆ พูดให้เร็ว ๆ ซะ จะได้จบเกมกันเสียที

(3)       ดื่มน้ำเข้าไปเยอะ ๆ ทดแทนการเสียเหงื่อ

(4)       ใส่เสื้อผ้ารัด ๆ ฟิต ๆ ให้ดูเท่เข้าไว้ จะได้เพิ่มความมั่นใจ

ตอบ 1 หน้า 54 – 55 วิธีแก้ความตื่นเวที มีดังนี้

1.         หายใจเข้าปอดลึก ๆ แล้วผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ ประมาณ 4 – 5 ครั้ง

2.         เมื่อเริ่มพูด ถ้ารู้สึกว่าเสียงสั่นและยังประหม่ามากให้พูดช้า ๆ พยายามหลีกเลี่ยงการพูดเร็ว

3.         พยายามคิดว่าไม่มีอะไรน่ากลัว และคิดว่าผู้ฟังที่มองตานั้นเขามองด้วยความศรัทรา ให้กำลังใจ และอยากฟังเราพูด

4.         ควรหลีกเลี่ยงการแต่งกายที่ตึง รัด และเป็นอุปสรรคต่อการพูด ฯลฯ

95.       มารยาทที่ดีงามในการพูด คือข้อใด

(1)       พูดอวดความเก่งกาจของตนเอง

(2)       พูดอย่างเปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็น

(3)       แสดงพฤติกรรมตามยถากรรม และปล่อยวางทุกสิ่ง

(4)       ใช้วาจารุนแรงในการโน้มน้าวใจ

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 63. ประกอบ

96.       ข้อใดแตกต่างจากข้ออื่น

(1)       พูดโฆษณาขายกาแฟลดความอ้วน โดยบรรยายคุณภาพสินค้า

(2)       พูดหาเสียงเลือกตั้ง โดยนำเสนอสัญญาว่าจะทำอะไรในอนาคตให้กับชุมชน

(3)       พูดวิธีการใช้สมุนไพรในครัวเรือนอย่างถูกวิธี ประหยัด ปลอดภัย

(4)       พูดเชิญชวนบริจาคโลหิตด้วยการบอกบุญและประโยชน์สาธารณะ

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 52. ประกอบ

97.       การพูดให้ความในขั้นศาล เป็นการพูดชนิดใด

(1) การพูดรายงานแบบสรุปผล          (2) การพูดรายงานแบบความก้าวหน้าและผลสำเร็จ

(3) การพูดรายงานแบบประสบการณ์            (4) การพูดรายงานแบบแถลงข้อเท็จจริง

ตอบ 4 หน้า 140, (คำบรรยาย) การพูดรายงานแบบแถลงข้อเท็จจริง เป็นการเสนอข้อเท็จจริงหลักฐาน ข้อมูล วัตถุประสงค์ หลักการ และสมมุติฐานที่จะเกิดขึ้น ซึ่งอาจได้จากการสังเกต การทดลอง การสำรวจ และการศึกษาจากเอกสารต่าง ๆ ตัวอย่างของการพูดรายงานแบบนี้ คือ การพูดให้ความ (ให้การ) ในขั้นศาล การรายงานถึงโครงการหรือนโยบายที่จะกระทำ หรือที่ กำลังกระทำอยู่ เช่น โครงการกู้เงินตราต่างประเทศ โครงการศูนย์การค้าไทยในต่างประเทศ โครงการขออนุมัติงบประมาณ เป็นต้น

98.       การเตรียมเนื้อหาของนักศึกษาที่จะนำไปพูดเพื่อนำเสนอรายงานให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนนั้น ควรมีลักษณะดังนี้

(1)       ทำเป็นหัวข้อที่สั้น ๆ หรือเป็นบันทึกย่อ แล้วพูดโดยใช้ประสบการณ์

(2)       ทำหัวข้อย่อย ๆ ให้มีความเด่น ง่ายต่อการอ่าน โดยมีการใส่หมึกไฮไลต์ขีดทับ

(3)       บรรจุเนื้อหาที่สมบูรณ์ของเรื่องลงไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

(4)       ทำเป็นบันทึกย่อประเด็นสำคัญแยกให้กับทุกคนที่ต้องพูดนำเสนอ

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 56. ประกอบ

99.       การที่วิทยากรที่มาจากหน่วยงานซึ่งมีชื่อเสียงพูดชมนักศึกษาคณะสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยรามคำแหง ว่าแต่งกายเรียบร้อย มีระเบียบ สมวัย เป็นการกระตุ้นทางใด

(1) ทางร่างกาย           (2) ทางจิตใจ   (3) ทางนิสัย    (4) ทางสังคม

ตอบ 3 หน้า 96, (คำบรรยาย) การพูดกระตุ้นทางนิสัย เป็นการพูดในสิ่งที่ดีงามของผู้ฟัง เช่น กล่าวชมผู้ฟังว่าเป็นคนตรงต่อเวลา ทำงานดี เป็นผู้ที่มีรสนิยมดี น่ารัก แต่งกายเรียบร้อย มีระเบียบ สมวัย มีงานอดิเรกหรือมีความสนใจในสิ่งแวดล้อมดี เป็นต้น

100.    การพูดให้พนักงานร้านสะดวกซื้อที่เข้ามามีฝึกอบรมที่กระทรวงพาณิชย์มีความรู้สึกว่า ตนเอง เป็นคนมีเกียรติเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ ในสังคม ควรพูดกระตุ้นในทางใด

(1) ทางร่างกาย           (2) ทางจิตใจ   (3) ทางสังคม  (4) ทางนิสัย

ตอบ 3 หน้า 96 การพูดกระตุ้นทางสังคม ผู้พูดจะต้องพูดให้ได้ผลออกมาในรูปที่ว่า ผู้ฟังเป็นคนที่ กว้างขวาง มีเกียรติ เป็นที่รู้จักในวงสังคม หรือเป็นผู้ที่มีสิทธิเสมอภาคเท่าเทียมกับคนอื่น ๆ ในสังคมเหมือนกัน

MCS1101 ทฤษฎีการสื่อสาร การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา2556

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2556

ข้อสอบกระบวนวิชา MCS 1101 ทฤษฎีการสื่อสาร

คำสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว (ข้อสอบมีทั้งหมด 100 ข้อ)

ข้อ 1. – 6. ตัวเลือกต่อไปนี้ใช้สำหรับการตอบคำถาม

(1)       ออสกูดและชแรมม์      (2) ลาสเวลส์   (3) เบอร์โล

(4) นิวคอมบ   (5) แชนนันและวีเวอร์

1.         แบบจำลองการสื่อสารของผู้ใดข้างต้นที่เน้นถึงการสื่อสารเพื่อความเหมือนกันทางความคิด ความสมดุลและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

ตอบ 4 หน้า 61 – 63 แบบจำลองการสื่อสาร ABX ของธีโอดอร์ นิวคอมบ์ (Newcomb)เป็นแบบจำลองเชิงจิตวิทยาที่เน้นว่าการสื่อสารเกิดขึ้นเพราะมนุษย์ต้องการให้เกิดความสมดุล หรือเกิดความเหมือนกันทางความคิด ทัศนคติ และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่าง ๆ โดยมองว่า การสื่อสารระหว่างตัวต่อตัวจะทำให้ความคิดหรือทัศนคติของบุคคลทั้งสองเกี่ยวกับเรื่องเดียวกัน อยู่ในสภาพสมดุล จึงเป็นแบบจำลองที่ไม่สามารถนำไปอธิบายการสื่อสารของกลุ่มขนาดเล็ก ในระดับสังคมที่ใหญ่โตได้ เพราะสังคมที่ใหญ่นั้นมนุษย์มิได้มีความต้องการที่จะให้เหมือนกัน หรือไม่สามารถเป็นหนึ่งเดียวกันได้เหมือนในระดับบุคคล

2.         แบบจำลองการลือสารของผู้ใดข้างต้น กล่าวถึง Communication Source, Encoder, Message, Channel, Decoder, Communication Receiver

ตอบ 3 หน้า 57 – 58 แบบจำลองการสื่อสารขั้นพื้นฐานตามแนวคิดของเดวิด เค. เบอร์โล (Berlo) อธิบายว่า กระบวนการสื่อสารประกอบด้วยส่วนประกอบพื้นฐานสำคัญ 6 ประการ คือ

1.         ต้นแหล่งสาร (Communication Source) 2. ผู้เข้ารหัส (Encoder)

3.         สาร (Message)   4. ช่องทางการสื่อสาร (Channel)

5. ผู้ถอดรหัส (Decoder)  6. ผู้รับสาร (Communication Receiver)

ซึ่งจากส่วนประกอบเหล่านี้เขาได้นำเสนอเป็น แบบจำลอง SMCR ของเบอร์โล

ประกอบด้วย 1. ผู้ส่งสาร (Sender or Source : S) 2. สาร (Message : M)

3. ช่องทางการสื่อสาร (Channel : C)     4. ผู้รับสาร (Receiver : R)

3.         แบบจำลองการสื่อสารของผู้ใดข้างต้นที่เน้นถึงกระบวนการสื่อสารเชิงโน้มน้าวใจ

ตอบ 2 หน้า 51-53 แบบจำลองการสื่อสารขั้นพื้นฐานตามแนวคิดของฮาโรลด์ ดี. ลาสเวลส์(Lasswell) ที่เสนอไว้เมื่อปี พ.ศ.2491 (ค.ศ. 1948)ได้ระบุวา การที่จะเข้าใจกระบวนการสื่อสารได้นั้น ก่อนอื่นจะต้องตอบคำถามให้ได้ก่อนว่า ใคร กล่าวอะไร ผ่านช่องทางใด ถึงใคร และเกิดผลอย่างไร ซึ่งแบบจำลองนี้ถือเป็นตัวแทนของแบบจำลองการสื่อสารในระยะแรก โดยมองว่าผู้ส่งสารมีเจตนาที่จะมีอิทธิพลเหนือผู้รับสาร เพราะในช่วงระยะเวลานั้นนักวิชาการ เชื่อว่า กระบวนการสื่อสารส่วนใหญ่เป็นกระบวนการในเชิงโน้มน้าวใจ ประกอบกับลาสเวลส์ เป็นผู้ที่สนใจการสื่อสารทางการเมืองและการโฆษณาชวนเชื่อ จึงทำให้แบบจำลองนี้เหมาะแก่การ ใช้วิเคราะห์การโฆษณาชวนเชื่อทางการเมืองและการโน้มน้าวใจ

4.         แบบจำลองการสื่อสารของผู้ใดข้างต้นที่เน้นถึงประสาทสัมผัสของมนุษย์ อันได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย

ตอบ 3 หน้า 5961, (ดูคำอธิบายข้อ 2. ประกอบ) แบบจำลองการสื่อสารขั้นพื้นฐานตามแนวคิดของเดวิด เค. เบอร์โล ได้กล่าวถึงช่องทางการสื่อสาร (Channel : C) ซึ่งเป็นพาหนะนำสารไปสู่ ผู้รับสาร โดยทางติดต่อหรือช่องทางที่จะนำสารไปสู่ประสาทสัมผัสที่รับความรู้สึกของมนุษย์ มีอยู่ 5 ประการ ได้แก่    1. การเห็น (ตา) 2. การได้ยิน (หู)         3. การสัมผัส (กาย)  4. การได้กลิ่น (จมูก)           5. การลิ้มรส (ลิ้น)

5.         แบบจำลองการสื่อสารของผู้ใดข้างต้นที่เป็นแบบจำลองกระบวนการสื่อสารเชิงเส้นตรง

ตอบ 5 หน้า 49, (คำบรรยาย) แบบจำลองการสื่อสารขั้นพื้นฐานตามแนวคิดของแชนนัน (Shannon) และวีเวอร์ (Weaver) จะเน้นกระบวนการสื่อสารทางเดียวในเชิงเส้นตรงที่ถือว่า การสื่อสาร เกิดขึ้นจากการกระทำของผู้ส่งสารไปยังผู้รับสารเพียงฝ่ายเดียว (ไม่สนใจ Feedback ของผู้รับสาร) โดยกล่าวถึงเรื่องของช่องสัญญาณทางการสื่อสาร (Channel) และแหล่งเสียงรบกวนหรืออุปสรรค ระหว่างการสื่อสาร (Noise) ว่า ช่องทางใดที่จะสามารถนำสารจากแหล่งสารสนเทศ (ผู้ส่งสาร) ไปสู่จุดหมายปลายทาง (ผู้รับสาร) ได้มากที่สุด โดยให้เกิดแหล่งเสียงรบกวนน้อยที่สุด

6.         แบบจำลองการสื่อสารของผู้ใดข้างต้นที่มีความเกี่ยวพันกับสนามแห่งประสบการณ์ร่วมและกรอบแห่งการอ้างอิง

ตอบ 1 หน้า 5557 แบบจำลองการสื่อสารขั้นพื้นฐานตามแนวคิดของออสกูด (Osgood) และวิลเบอร์ ชแรมม์ (Schramm) ที่เสนอไว้เมื่อปี พ.ศ. 2497 (ค.ศ. 1954) จะมีลักษณะเป็นวงกลมที่เน้นให้เห็นว่า ทั้งผู้ส่งสารและผู้รับสารต่างมีหน้าที่เหมือนกัน 3 อย่าง คือ การเข้ารหัส (Encoding) การถอดรหัส (Decoding) และการตีความ (Interpreting) ซึ่งการตีความหมายสารของผู้ส่งสารและผู้รับสาร จะตรงกันหรือแตกต่างกันก็ขึ้นอยู่กับสนามแห่งประสบการณ์ร่วม (Field of Experience) และกรอบแห่งการอ้างอิง (Frame of Reference) ของทั้ง 2 ฝ่ายเป็นสำคัญ

7.         ทฤษฎี หมายถึง กลุ่มความสัมพันธ์ของคำตอบล่วงหน้า แนวความคิด คำจำกัดความ เป็นการให้ คำจำกัดความของผู้ใดต่อไปนี้

(1)       เคอร์ลินเจอร์    (2) เคอร์ลิงเจอร์           (3)       เคอร์รินเจอร์     (4)       เคอร์ริงเจอร์

ตอบ 1 หน้า 1522 เคอร์ลินเจอร์ (Kerlinger) กล่าวว่า ทฤษฎี คือ กลุ่มความสัมพันธ์ของแนวความคิด คำนิยาม (คำจำกัดความ) และสมมติฐาน (คำตอบล่วงหน้า) ซึ่งแสดงให้เห็น อย่างเป็นระบบถึงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น โดยอาศัยความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร

8.         องค์ประกอบพื้นฐานของทฤษฎีมีกี่ประการต่อไปนี้

(1)       สามประการ    (2)สี่ประการ    (3)ห้าประการ  (4)หกประการ

ตอบ 2 หน้า 19 – 20 ทฤษฎีมีองค์ประกอบหลัก ๆ ที่เป็นพื้นฐานสำคัญอยู่ 4 ประการ คือ

1.         ชื่อแนวความคิด มีหน้าที่และความสำคัญในเรื่องการบรรยายและแยกประเภท (Description and Classification)

2.         สมมติฐาน มีหน้าที่และความสำคัญในเรื่องการวิเคราะห์ (Analysis)

3.         นิยาม มีหน้าที่และความสำคัญในเรื่องความหมายและการวัด (Meaning and Measurement)

4.         ความเชื่อม มีหน้าที่และความสำคัญในเรื่องเหตุผลและการทดสอบ (Plausibility and Testability)

ทั้งนี้ทฤษฎีที่สมบูรณ์จริง ๆ ต้องมีองค์ประกอบทั้งหมด 6 ประการ โดยองค์ประกอบที่เพิ่มเติม เข้ามาอีก 2 ประการ คือ 1. การจัดลำดับแนวความคิด มีหน้าที่และความสำคัญในเรื่องการ กำจัดความซ้ำซ้อน (Elimination of Tautology) 2. การจัดลำดับสมมติฐาน มีหน้าที่และ ความสำคัญในเรื่องการกำจัดความไม่คงที่ (Elimination of Inconsistency)

9.         จากตัวอย่างการวิจัยเรื่อง การสื่อสารวิทยาศาสตร์ในรายการโทรทัศน์กับการมีเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ และ เจตคติทางวิทยาศาสตร์ที่ได้บรรยายให้ชั้นเรียนนั้น ควรนำแนวคิดหรือทฤษฎีใดต่อไปนี้มาเป็นกรอบในการศึกษา

(1)       ทฤษฎีการอบรมบ่มเพาะจากสื่อ         (2) ทฤษฎีการสื่อสารสองจังหวะ

(3) ทฤษฎีผู้ปิดและเปิดประตูสาร       (4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 1 (คำบรรยาย) จากตัวอย่างการวิจัยเรื่องดังกล่าว สามารถนำแนวคิดทฤษฎีการอบรมบ่มเพาะจากสื่อ หรือทฤษฎีการปลูกฝัง (Cultivation Theory) มาเป็นกรอบในการศึกษา ซึ่งมีแนวคิดว่าข่าวสาร หรือรายการต่าง ๆ ในสื่อโทรทัศน์ได้ปลูกฝังปั้นแต่งความคิดของผู้รับสารเกี่ยวกับโลกที่แท้จริง โดยอิทธิพลของโทรทัศน์ได้ทำให้ผู้รับสารเกิดพฤติกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง และการเปิดรับรายการ ทางโทรทัศน์มากหรือน้อยจะทำให้ผลของการอบรมบ่มเพาะแตกต่างกัน ซึ่งจะส่งผลให้มีเจตคติต่อเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่แตกต่างกันไปด้วย

10.       จากแนวคิดหรือทฤษฎีที่จะนำมาใช้ สามารถตั้งสมมติฐานได้ในข้อใดต่อไปนี้

(1)       ลักษณะทางประชากรศาสตร์ต่างกัน การเปิดรับรายการวิทยาศาสตร์ทางโทรทัศน์แตกต่างกัน

(2)       การเปิดรับรายการวิทยาศาสตร์ทางโทรทัศน์ มีความสัมพันธ์กับการมีเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ และเจตคติ ทางวิทยาศาสตร์

(3)       ลักษณะทางประชากรศาสตร์ต่างกัน มีเจตคติต่อวิทยาศาสตร์แตกต่างกัน

(4)       ถูกทุกข้อ

ตอบ 2 หน้า 2024 – 26, (ดูคำอธิบายข้อ 8. ประกอบ), (คำบรรยาย) จากแนวคิดหรือทฤษฎีที่นำมาใช้ในข้อ 9. สามารถตั้งสมมติฐานการวิจัยได้ว่า การเปิดรับรายการวิทยาศาสตร์ทาง โทรทัศน์ มีความสัมพันธ์กับการมีเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ และเจตคติทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งจากสมมติฐานการวิจัยดังกล่าวมีตัวแปรในการวิจัย ดังนี้

1.         ตัวแปรอิสระ (ตัวแปรต้นหรือตัวแปรเหตุ) หมายถึง ตัวแปรที่นักวิจัยกำหนดให้เป็นตัวแปร ที่มีอิทธิพลต่อตัวแปรอื่น และมีความคงทนถาวรมากที่สุด ซึ่งในที่นี้คือ การเปิดรับรายการ วิทยาศาสตร์ทางโทรทัศน์

2.         ตัวแปรตาม (ตัวแปรผล) หมายถึง ตัวแปรอื่นที่เปลี่ยนแปลงไปตามการเปลี่ยนแปลงของ ตัวแปรอิสระ (โดยทั่วไปตัวแปรอิสระจะเกิดขึ้นก่อนตัวแปรตาม) ซึ่งในที่นี้คือ การมีเจตคติ ต่อวิทยาศาสตร์ และเจตคติทางวิทยาศาสตร์

11.       ตัวแปรใดต่อไปนี้ที่เกี่ยวข้องกับสมมติฐานข้างต้น

(1)       การเปิดรับรายการวิทยาศาสตร์ทางโทรทัศน์  (2) ลักษณะทางประชากรศาสตร์

(3) ความพึงพอใจรายการ       (4) ความต้องการรายการวิทยาศาสตร์

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 10. ประกอบ

12.       หากตั้งสมมติฐานว่า การเปิดรับรายการวิทยาศาสตร์ทางโทรทัศน์ของนักเรียน มีความสัมพันธ์กับการมีเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ และเจตคติทางวิทยาศาสตร์ ตัวแปรอิสระ คือข้อใดต่อไปนี

(1)       ความพึงพอใจรายการวิทยาศาสตร์ทางโทรทัศน์

(2)       การเปิดรับรายการวิทยาศาสตร์ทางโทรทัศน์

(3)       การมีเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ และเจตคติทางวิทยาศาสตร์

(4)       ความต้องการรายการวิทยาศาสตร์ทางโทรทัศน์

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 10. ประกอบ

13.       หากตั้งสมมติฐานว่า การเปิดรับรายการวิทยาศาสตร์ทางโทรทัศนของนักเรียน มีความสัมพันธ์กับการมี เจตคติตอวิทยาศาสตร์ และเจตคติทางวิทยาศาสตร์ ตัวแปรตาม คือข้อใดต่อไปนี้

(1)       ความพึงพอใจรายการวิทยาศาสตร์ทางโทรทัศน์

(2)       การเปิดรับรายการวิทยาศาสตร์ทางโทรทัศน์

(3)       การมีเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ และเจตคติทางวิทยาศาสตร์

(4)       ความต้องการรายการวิทยาคาสตร์ทางโทรทัศน์

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 10. ประกอบ

14.       หากตั้งสมมติฐานว่า ลักษณะทางประชากรต่างกัน การเปิดรับรายการวิทยาศาสตร์ทางโทรทัศน์ แตกต่างกัน ตัวแปรอิสระ คือข้อใดต่อไปนี้

(1)       ลักษณะทางประขากร (2) การเปิดรับ

(3) การเปิดรับรายการวิทยาศาสตร์ทางโทรทัศน์         (4) อายุ ภูมิลำเนา

ตอบ 1 (ดูคำอธิบายข้อ 10. ประกอบ) จากสมมติฐานดังกล่าวมีตัวแปรในการวิจัย ดังนี้

1.         ตัวแปรอิสระ (ตัวแปรต้นหรือตัวแปรเหตุ) คือ ลักษณะทางประชากร

2.         ตัวแปรตาม (ตัวแปรผล) คือ การเปิดรับรายการวิทยาศาสตร์ทางโทรทัศน์

15.       หากตั้งสมมติฐานว่า ลักษณะทางประชากรต่างกัน การเปิดรับรายการวิทยาศาสตร์ทางโทรทัศน์ แตกต่างกับ ตัวแปรตาม คือข้อใดต่อไปนี้

(1)       ลักษณะทางประชากร (2) การเปิดรับ

(3) การเปิดรับรายการวิทยาศาสตร์ทางโทรทัศน์         (4) อายุ ภูมิลำเนา

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 14. ประกอบ

16.       คำว่า เจตคติทางวิทยาศาสตร์” นิยามเชิงทฤษฎี หมายถึงข้อใดต่อไปนี้

(1)       ความรู้สึก ความคิดเห็น และแนวโน้มการแสดงออกของบุคคลที่แสดงถึงคุณลักษณะนิสัย อันเกิดจาก การศึกษาหาความรู้โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์

(2)       ความคิดเห็นของบุคคลที่มีต่อวิทยาศาสตร์

(3)       แนวโน้มการแสดงออกของบุคคลที่มีต่อวิทยาคาสตร์ (4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 1 หน้า 20, (ดูคำอธิบายข้อ 8. ประกอบ), (คำบรรยาย) คำว่า เจตคติทางวิทยาศาสตร์” และ เจตคติต่อวิทยาศาสตร์” สามารถให้คำนิยามตามองค์ประกอบของทฤษฎีได้ ดังนี้

1.         เจตคติทางวิทยาศาสตร์ มีคำนิยามเชิงทฤษฎี หมายถึง ความรู้สึก ความคิดเห็น และแนวโน้ม การแสดงออกของบุคคลที่แสดงถึงคุณลักษณะนิสัย อันเกิดจากการศึกษาหาความรู้โดยใช้ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ส่วนคำนิยามเชิงปฏิบัติ หมายถึง ความมีเหตุผล ความสนใจใฝ่รู้ ความซื่อสัตย์ และความมีใจกว้าง

2.         เจตคติต่อวิทยาศาสตร์ มีคำนิยามเชิงทฤษฎี หมายถึง ความรู้สึก ความคิดเห็น และแนวโน้ม การแสดงออกของบุคคลที่มีต่อวิทยาศาสตร์ ส่วนคำนิยามเชิงปฏิบัติ หมายถึง การมีความสนใจ วิทยาศาสตร์ และการเห็นความสำคัญของวิทยาศาสตร์

17.       คำว่า เจตคติทางวิทยาศาสตร์” นิยามเชิงปฏิบัติ หมายถึงข้อใดต่อไปนี้

(1)       การมีความสนใจวิทยาศาสตร์ (2) การเห็นความสำคัญของวิทยาศาสตร์

(3) สนใจและเห็นความสำคัญของวิทยาศาสตร์          (4) มีเหตุผล สนใจใฝ่รู้ ซื่อสัตย์ ใจกว้าง

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 16. ประกอบ

18.       แนวคำถามที่สามารถใช้วัดความสำคัญของวิทยาศาสตร์ คือข้อใดต่อไปนี้

(1)       วิทยาศาสตร์ช่วยส่งเสริมจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์

(2)       การทดลองวิทยาศาสตร์เป็นเรืองน่าตื่นเต้น

(3)       กิจกรรมแข่งขันตอบปัญหาทางวิทยาศาสตร์เป็นกิจกรรมที่น่าสนใจ

(4)       ก่อนจะเชื่อสิ่งใดต้องใช้เหตุผลในการพิจารณา

ตอบ 1 (ดูคำอธิบายข้อ 16. ประกอบ), (คำบรรยาย) แนวคำถามที่สามารถใช้วัดความสำคัญของวิทยาศาสตร์ ตามคำนิยามเชิงปฏิบัติของ เจตคติต่อวิทยาศาสตร์” จะมีทั้งด้านบวกและด้านลบ เพื่อใช้วัดระดับความคิดเห็นของบุคคลว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย มีดังนี้

1.         วิทยาศาสตร์ทำให้เป็นคนช่างสังเกต

2.         วิทยาศาสตร์ก่อให้เกิดสงคราม

3.         วิทยาศาสตร์ช่วยส่งเสริมจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์

4.         วิทยาศาสตร์ทำให้มนุษย์มีการดำรงชีวิตที่ดีขึ้น ฯลฯ

19.       แนวคำถามที่สามารถใช้วัดความมีเหตุผล คือข้อใดต่อไปนี้

(1)       ควรซักถาม ฟัง และอ่านทุกครั้งที่ไม่เข้าใจเรื่องใดเรื่องหนึ่ง

(2)       กระบวนการทางวิทยาศาสตร์สามารถทำให้แก้ปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างเป็นระบบ

(3)       การลอกเลียนแบบผลงานของผู้อื่นเป็นสิ่งไม่ควรทำ

(4)       ความคิดเห็นที่มีเหตุผลของคนอื่น แม้จะขัดกับความรู้สึกของตนเองก็ควรรับฟัง

ตอบ 2 (ดูคำอธิบายข้อ 16. ประกอบ), (คำบรรยาย) แนวคำถามที่สามารถใช้วัดความมีเหตุผล ตามคำนิยามเชิงปฏิบัติของ เจตคติทางวิทยาศาสตร์” จะมีทั้งด้านบวกและด้านลบ เพื่อใช้วัดระดับความคิดเห็นของบุคคลว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย มีดังนี้

1.         ก่อนจะเชื่อสิ่งใดต้องใช้เหตุผลในการพิจารณา

2.         กระบวนการทางวิทยาศาสตร์สามารถทำให้แก้ปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างเป็นระบบ

3.         การจะสรุปเรื่องราวต่าง ๆ ต้องรวบรวมข้อมูลอย่างเพียงพอก่อน

4.         ควรทำการทดลองหลาย ๆ ครั้ง เพื่อให้ได้คำตอบที่ถูกต้อง ฯลฯ

20.       แนวคำถามที่สามารถใช้วัดความมีใจกว้าง คือข้อใดต่อไปนี้

(1)       ควรซักถาม ฟัง และอ่านทุกครั้งที่ไม่เข้าใจเรื่องใดเรื่องหนึ่ง

(2)       กระบวนการทางวิทยาศาสตร์สามารถทำให้แก้ปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างเป็นระบบ

(3)       การลอกเลียนแบบผลงานของผู้อื่นเป็นสิ่งไม่ควรทำ

(4)       ความคิดเห็นที่มีเหตุผลของคนอื่น แม้จะขัดกับความรู้สึกของตนเองก็ควรรับฟัง

ตอบ 4 (ดูคำอธิบายข้อ 16. ประกอบ), (คำบรรยาย) แนวคำถามที่สามารถใช้วัดความมีใจกว้าง ตามคำนิยามเชิงปฏิบัติของ เจตคติทางวิทยาศาสตร์” จะมีทั้งด้านบวกและด้านลบ เพื่อใช้วัดระดับความคิดเห็นของบุคคลว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย มีดังนี้

1.         การบอกสิ่งที่ตนเองค้นพบให้ผู้อื่นทราบจะทำให้เกิดการเลียนแบบ

2.         ถ้าให้แสดงความคิดเห็นหลายคนจะทำให้ได้ความรู้ที่หลากหลาย

3.         การขอความร่วมมือจากผู้อื่นทำให้เสียเวลา

4.         ความคิดเห็นที่มีเหตุผลของคนอื่น แม้จะขัดกับความรู้สึกของตนเองก็ควรรับฟัง ฯลฯ

21.       แนวคำถามที่สามารถใช้วัดความสนใจใฝ่รู้ คือข้อใดต่อไปนี้

(1)       ควรซักถาม ฟัง และอ่านทุกครั้งที่ไม่เข้าใจเรื่องใดเรื่องหนึ่ง

(2)       กระบวบการทางวิทยาศาสตร์สารถทำให้แก้ปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างเป็นระบบ

(3)       การลอกเลียบแบบผลงานของผู้อื่นเป็นสิ่งไม่ควรทำ

(4)       ความคิดเห็นที่มีเหตุผลของคนอื่น แม้จะขัดกับความรู้สึกของตนเองก็ควรรับฟัง

ตอบ 1 (ดูคำอธิบายข้อ 16. ประกอบ), (คำบรรยาย) แนวคำถามที่สามารถใช้วัดความสนใจใฝ่รู้ตามคำนิยามเชิงปฏิบัติของ เจตคติทางวิทยาศาสตร์” จะมีทั้งด้านบวกและด้านลบ เพื่อใช้วัดระดับความคิดเห็นของบุคคลว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย มีดังนี้

1.         ควรซักถาม ฟัง และอ่านทุกครั้งที่ไม่เข้าใจเรื่องใดเรื่องหนึ่ง

2.         ควรสังเกตสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวเสมอ

3.         การค้นคว้าทดลองเป็นการแสวงหาความรู้ใหม่ ๆ

4.         การติดตามข่าวสารด้านวิทยาศาสตร์เป็นประจำทำให้เป็นคนรอบรู้ ฯลฯ

22.       แนวคำถามที่สามารถใช้วัดความซื่อสัตย์ คือข้อใดต่อไปนี้

(1)       ควรซักถาม ฟัง และอ่านทุกครั้งที่ไม่เข้าใจเรื่องใดเรื่องหนึ่ง

(2)       กระบวนการทางวิทยาศาสตร์สามารถทำให้แก้ปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างเป็นระบบ

(3)       การลอกเลียนแบบผลงานของผู้อื่นเป็นสิ่งไม่ควรทำ

(4)       ความคิดเห็นที่มีเหตุผลของคนอื่น แม้จะขัดกับความรู้สึกของตนเองก็ควรรับฟัง

ตอบ 3 (ดูคำอธิบายข้อ 16. ประกอบ), (คำบรรยาย) แนวคำถามที่สามารถใช้วัดความซื่อสัตย์ ตามคำนิยามเชิงปฏิบัติของ เจตคติทางวิทยาศาสตร์” จะมีทั้งด้านบวกและด้านลบ เพื่อใช้วัดระดับความคิดเห็นของบุคคลว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย มีดังนี้

1.         การเขียนรายงานผลทางวิทยาศาสตร์ตามความเป็นจริงจะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษา

2.         การลอกเลียนแบบผลงานของผู้อื่นเป็นสิ่งไม่ควรทำ

3.         ควรอ้างอิงผลงานที่นำมาใช้ให้ผู้อื่นทราบ

4.         ควรเสนอผลการทดลองตามความเป็นจริง ถึงแม้จะเกิดความผิดพลาดในการทดลอง ฯลฯ

23.       แนวคำถามที่สามารถใช้วัดความซื่อสัตย์ คือข้อใดต่อไปนี้

(1)       การบอกสิ่งที่ตนเองค้นพบให้ผู้อื่นทราบจะทำให้เกิดการเลียนแบบ

(2)       ควรอ้างอิงผลงานที่นำมาใช้ให้ผู้อื่นทราบ

(3)       การติดตามข่าวสารด้านวิทยาศาสตร์เป็นประจำทำให้เป็นคนรอบรู้

(4)       ควรทำการทดลองหลาย ๆ ครั้ง เพื่อให้ได้คำตอบที่ถูกต้อง

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 22. ประกอบ

24.       แนวคำถามที่สามารถใช้วัดความสนใจใฝ่รู้ คือข้อใดต่อไปนี้

(1)       การบอกสิ่งที่ตนเองค้นพบให้ผู้อื่นทราบจะทำให้เกิดการเลียนแบบ

(2)       ควรอ้างอิงผลงานที่นำมาใช้ให้ผู้อื่นทราบ

(3)       การติดตามข่าวสารด้านวิทยาศาสตร์เป็นประจำทำให้เป็นคนรอบรู้

(4)       ควรทำการทดลองหลาย ๆ ครั้ง เพื่อให้ได้คำตอบที่ถูกต้อง

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 21. ประกอบ

25.       แนวคำถามที่สามารถใช้วัดความมีใจกว้าง คือข้อใดต่อไปนี้

(1)       การบอกสิ่งที่ตนเองค้นพบให้ผู้อื่นทราบจะทำให้เกิดการเลียนแบบ

(2)       ควรอ้างอิงผลงานที่นำมาใช้ให้ผู้อื่นทราบ

(3)       การติดตามข่าวสารด้านวิทยาศาสตร์เป็นประจำทำให้เป็นคนรอบรู้

(4)       ควรทำการทดลองหลาย ๆ ครั้ง เพื่อให้ได้คำตอบที่ถูกต้อง

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 20. ประกอบ

26.       แนวคำถามที่สามารถใช้วัดความมีเหตุผล คือข้อใดต่อไปนี้

(1)       การบอกสิ่งที่ตนเองค้นพบให้ผู้อื่นทราบจะทำให้เกิดการเลียนแบบ

(2)       ควรอ้างอิงผลงานที่นำมาใช้ให้ผู้อื่นทราบ

(3)       การติดตามข่าวสารด้านวิทยาศาสตร์เป็นประจำทำให้เป็นคนรอบรู้

(4)       ควรทำการทดลองหลาย ๆ ครั้ง เพื่อให้ได้คำตอบที่ถูกต้อง

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 19. ประกอบ

27.       ทฤษฎีใดต่อไปนี้ที่กล่าวถึงผลของการสื่อสารมวลชนในระยะยาว

(1)       ทฤษฎีการสื่อสารจังหวะเดียว (2) ทฤษฎีการสื่อสารสองจังหวะ

(3) ทฤษฎีการกำหนดระเบียบวาระ    (4) ทฤษฎีความโน้มเอียงร่วม

ตอบ 3 หน้า 179200 – 201 ทฤษฎีการกำหนดระเบียบวาระ (Agenda – setting Theory) จะเน้นวิเคราะห์ประสิทธิผลของการสื่อสารมวลชนที่มีต่อประชาชนในระยะยาวไม่ใช่ทันทีทันใด โดยได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างสื่อมวลชนกับผู้รับสารว่า ยิ่งสื่อมวลชนเลือกเน้นเสนอประเด็น หัวข้อสำคัญใดแล้ว ผู้รับสารก็จะตระหนักถึงสาระสำคัญของหัวข้อนั้น ๆ มากตามไปด้วย ดังนั้น สื่อมวลชนจึงมีผลอย่างมหาศาลต่อการเสนอแนะประชาชนว่าน่าคิดเกี่ยวกับเรื่องอะไร (What About)

28.       Bagdikian กล่าวถึง การที่นักข่าวและบรรณาธิการจะตัดสินใจเลือกข่าวอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยใดต่อไปนี้

(1) หลักการที่ยึดถือในการบริหารงานขององค์กร       (2) การมองความต้องการของผู้รับสาร

(3) การประเมินค่าของข่าวสาร            (4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 199 Bagdikian ได้เสนอข้อเขียนเกี่ยวกับทฤษฎีผู้ปิดและเปิดประตูสาร (Gatekeeper Theory) โดยกล่าวถึงการที่นักข่าวและบรรณาธิการข่าวจะตัดสินใจเลือกข่าวอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยดังต่อไปนี้            1. หลักที่ยึดถือในการบริหารงานขององค์กร  2. การมองโลกของความจริงและนิสัยของคน โดยมองว่าผู้อ่านหรือผู้รับสารต้องการอะไร และมีความปรารถนาอย่างไร         3. ค่านิยม ซึ่งยึดถือโดยกองบรรณาธิการที่มีความเชี่ยวชาญในวิชาชีพ     4. การประเมินค่าของข่าวสารโดยการแข่งขันของสื่อ  5.ค่านิยมส่วนตัวและนิสัยแปลก ๆ ของบรรณาธิการ

29.       ผู้ใดต่อไปนี้กล่าวว่า Gatekeeper เป็นผู้มีสิทธิในการเปิดและปิดประตูข่าวสารต่าง ๆ ที่มีมาถึง Gatekeeper

(1) วิลเบอร์ ชแรมม์      (2) เค เลวิน     (3) ดี. เอ็ม. ไวท์            (4) เบอร์โล

ตอบ 1 หน้า 198 วิลเบอร์ ชแรมม์ (Wilbur Schramm) กล่าวไว้ว่า Gatekeeper เป็นผู้ที่มีสิทธิ ในการเปิดและปิดประตูข่าวสารต่าง ๆ ที่มีมาถึง Gatekeeper ซึ่งบุคคลเหล่านี้ ได้แก่ นักข่าว (ผู้สื่อข่าว) บรรณาธิการข่าว หัวหน้าฝ่ายข่าวต่าง ๆ ผู้เขียนข่าว ผู้พิมพ์ นักวิจารณ์ หัวหน้าหน่วยงาน ด้านสื่อสาร ผู้จัดการโฆษณา สำนักข่าวต่าง ๆ ประธาน ครู และพ่อแม่ เป็นต้น

30.       ทฤษฎีใดต่อไปนี้ที่กล่าวถึง การที่นักสื่อสารมวลชนมีหน้าที่เลือกสรร ตกแต่งเรื่องราวหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ก่อนที่จะเสนอไปยังผู้รับสาร

(1) ทฤษฎีการสื่อสารสองจังหวะ         (2) ทฤษฎีผู้ปิดและเปิดประตูสาร

(3) ทฤษฎีการกำหนดระเบียบวาระ    (4) ทฤษฎีความโน้มเอียงร่วม

ตอบ 2 หน้า 195197 – 198 ทฤษฎีผู้ปิดและเปิดประตูสาร (Gatekeeper Theory) คือ การที่ นักสื่อสารมวลชนทำหน้าที่เลือกสรร ตกแต่งเรื่องราวหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น รวมทั้ง ลดหรือเพิ่มปริมาณความถี่ของข่าวสาร ก่อนที่จะเสนอไปยังผู้รับสาร ซึ่งทำหน้าที่คล้ายกับเป็น ผู้เฝ้าประตู (Gatekeeper) หรือนายทวารข่าวสาร เช่น บรรณาธิการข่าวคัดเลือกข่าวสารที่ เกิดขึ้นมากมายในวันหนึ่ง ๆ แล้วนำเสนอเพียงบางข่าว ส่วนอีกหลายข่าวก็อาจถูกโยนทิ้งไป

31.       ทฤษฎีใดต่อไปนี้ที่กล่าวถึง ผู้นำความคิดเห็น

(1) ทฤษฎีการสื่อสารสองจังหวะ         (2) ทฤษฎีผู้ปิดและเปิดประตูสาร

(3) ทฤษฎีการกำหนดระเบียบวาระ    (4) ทฤษฎีความโน้มเอียงร่วม

ตอบ 1 หน้า 182187194 ทฤษฎีการสื่อสารสองจังหวะ (Two-step Flow Theory) ได้ชี้ให้เห็นว่า ข่าวสารของสื่อมวลชนไม่ได้เข้าถึงและมีอิทธิพลโดยตรงต่อผู้รับ แต่อิทธิพลของบุคคล (Personal Influence) หรือความเป็นผู้นำความคิดเห็น (Opinion Leadership) กลับเป็นปัจจัยแทรกที่สำคัญ ในการโน้มน้าวพฤติกรรมของผู้รับสารให้เป็นไปตามที่ต้องการ และมีอิทธิพลเช่นนี้ได้ค่อนข้างบ่อย

32.       การสื่อสารประเภทใดต่อไปนี้ที่เป็นการแบ่งโดยดูจากความแตกต่างระหว่างผู้ส่งสารกับผู้รับสารเป็นเกณฑ์

(1) การสื่อสารมวลชน (2) การสื่อสารสาธารณะ

(3) การสื่อสารระหว่างประเทศ            (4) การสื่อสารในองค์การ

ตอบ 3 หน้า 44 – 45 ทฤษฎีการสื่อสารขั้นพื้นฐานที่แบ่งโดยดูจากความแตกต่างระหว่างผู้ส่งสาร และผู้รับสารเป็นเกณฑ์ แบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ 1. การสื่อสารระหว่างเชื้อชาติ  2. การสื่อสารระหว่างวัฒนธรรม    3. การสื่อสารระหว่างประเทศ

33.       มนุษย์สามารถติดต่อสื่อสารกันได้อย่างกว้างขวางด้วยเหตุผลหลายประการ แต่สาเหตุที่สำคัญที่สุดน่าจะ เป็นข้อใดต่อไปนี้

(1) มนุษย์มีการใช้อาณัติสัญญาณต่าง ๆ       (2) มนุษย์อยู่ลำพังคนเดียวไม่ได้

(3) มนุษย์เกี่ยวข้องกับการสื่อสารตั้งแต่เกิดจนตาย (4) มนุษย์มีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร

ตอบ 4 หน้า 1 การติดต่อสื่อสารหรือสื่อความหมายของมนุษย์ในสมัยก่อนจะเริ่มจากการใช้อาณัติสัญญาณต่าง ๆ เช่น เสียงกลอง ควันไฟ ฯลฯ เป็นสัญลักษณ์ในการสื่อสาร จากนั้นจึงเริ่มรู้จัก ขีดเขียนภาพบนผนังถ้ำ และต่อมาก็มีการประดิษฐ์คิดค้นตัวอักษรขึ้นใช้ในลักษณะของการบันทึก เป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรนี้เองที่เป็นสาเหตุสำคัญที่สุดที่ทำให้ การติดต่อสื่อสารของมนุษย์เป็นไปได้อย่างกว้างขวางมากขึ้น

34.       ผู้ใดต่อไปนี้ค้นพบทฤษฎีความไม่สอดคล้องทางความคิด

(1) เฟสติงเจอร์            (2) เฟสติงเกอร์            (3) เฟสลิงเตอร์            (4) เฟสติงเยอร์

ตอบ 1 หน้า 63 เฟสติงเจอร์ เป็นผู้ก่อตั้งทฤษฎีความไม่สอดคล้องทางความคิด (Cognitive Dissonance Theory) โดยเขาเป็นผู้ค้นพบว่า การตัดสินใจ ทางเลือก และข้อมูลข่าวสาร ใหม่ ๆ มีศักยภาพสูงพอที่จะก่อให้เกิดความไม่สอดคล้องหรือความไม่เหมือนกันทางความคิด ซึ่งก่อให้เกิดความยุ่งยากใจที่ถือได้ว่าเป็นความรู้สึกทางจิตวิทยา

35.       การอ่านทวนจดหมายที่เราเขียนขึ้นเองก่อนส่งไปให้เพื่อนเรา สามารถเรียกว่าการสื่อสารประเภทใดต่อไปนี้

(1)       การสื่อสารระหว่างบุคคล        (2) การสื่อสารภายในตัวบุคคล

(3) การสื่อสารแบนตัวต่อตัว    (4) การสื่อสารแบบเผชิญหน้า

ตอบ 2 หน้า 73638 – 39 การสื่อสารภายในตัวบุคคล (Intrapersonal Communication)เป็นกระบวนการสื่อสารที่เกิดขึ้นภายในระบบประสาทและความนึกคิดของบุคคล โดยอาศัย ระบบประสาทส่วนกลาง 2 ส่วน คือ Motor Skills ทำหน้าที่เป็นผู้ส่งสาร และ Sensory Skills ทำหน้าที่เป็นผู้รับสาร ซึ่งการสื่อสารกับตัวเองนี้อาจเกิดขึ้นได้ทั้งแบบรู้สึกตัว เช่น การพูดกับตัวเอง การร้องเพลงคนเดียว การเล่นเกม (ในคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ) การคิดคำนวณ การนึก การอ่านทวนจดหมายที่ตัวเองเขียนก่อนส่ง ฯลฯ และแบบไม่รู้สึกตัว เช่น การฝัน การละเมอ ฯลฯ

36.       การสื่อสารประเภทใดต่อไปนี้ที่ผู้ส่งสารและผู้รับสารสามารถแยกหน้าที่กันได้อย่างชัดเจน

(1)       การสื่อสารภายในตัวบุคคล     (2) การสื่อสารระหว่างบุคคล

(3) การสื่อสารสาธารณะ         (4) การสื่อสารภาย ในองค์การ

ตอบ 3 หน้า 42 – 43, (คำบรรยาย) ลักษณะสำคัญของการสื่อสารกลุ่มใหญ่หรือการสื่อสาร สาธารณะ (Large Group Communication or Public Communication) มีดังนี้

1.         ผู้รับสารเป็นคนจำนวนมากที่มาอยู่รวมในที่เดียวกันหรือใกล้เคียงกัน

2.         ผู้ส่งสารและผู้รับสารสามารถแยกหน้าที่กันได้อย่างชัดเจนว่าใครเป็นผู้ส่งสาร และใครเป็นผู้รับสาร

3.         ผู้ส่งสารทำหน้าที่ส่งสารในฐานะที่เป็นตัวแทนของตัวเอง องค์การและสถาบัน

4.         ปฏิกิริยาตอบกลับจะเกิดขึ้นค่อนข้างยาก

5.         ผู้รับสารจะมีคุณลักษณะทางประชากรศาสตร์อย่างใดอย่างหนึ่งที่เหมือนกัน ฯลฯ

37.       รหัสของสารมีกี่ประเภท

(1)สอง (2)สาม            (3)สี่     (4)ห้า

ตอบ 1 หน้า 68 รหัสของสาร คือ ภาษา สัญลักษณ์ หรือสัญญาณที่มนุษย์คิดขึ้นเพื่อใช้แสดงออก แทนความคิดเกี่ยวกับบุคคลและสรรพสิ่งต่าง ๆ โดยสามารถแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ

1.         รหัสของสารที่ใช้คำพูด (Verbal Message Codes)

2.         รหัสของสารที่ไม่ใช้คำพูด (Nonverbal Message Codes)

38.       การสื่อสารประเภทใดต่อไปนี้ที่ผู้ส่งสารและผู้รับสารทำหน้าที่สลับกันในเวลาใกล้เคียงกันมากที่สุด

(1) การสื่อสารภายในตัวบุคคล           (2) การสื่อสารระหว่างบุคคล

(3) การสื่อสารกลุ่มเล็ก           (4) การสื่อสารกลุ่มใหญ่

ตอบ 2 หน้า 41 – 4275, (คำบรรยาย) การสื่อสารระหว่างบุคคล (Interpersonal Communication) คือ การสื่อสารของคนตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปในลักษณะที่ทั้งผู้ส่งสารและผู้รับสารสามารถแลกเปลี่ยน ข่าวสารกันได้โดยตรง สามารถสังเกตกิริยาท่าทางของฝ่ายตรงข้าม และมีผลตอบกลับ ได้รวดเร็วทันที ซึ่งอาจเป็นการสื่อสารตัวต่อตัวหรือการสื่อสารแบบเผชิญหน้าที่ผู้ส่งสาร และผู้รับสารต่างก็ทำหน้าที่เข้ารหัส ตีความ และถอดรหัสโดยสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกัน ในเวลาที่ใกล้เคียงกัน เช่น การเล่าความฝันให้เพื่อนฟัง ฯลฯ หรือเป็นการสื่อสารแบบไม่เผชิญหน้า ก็ได้ เช่น การพูดคุยและส่ง SMS ทางโทรศัพท์ การอ่านจดหมายที่เพื่อนส่งมาให้ การส่ง E-mail และการสนทนาโต้ตอบกันหรือ Chat ทางอินเทอร์เน็ต ฯลฯ

39.       ตัวแปรใดต่อไปนี้มีความคงทนมากที่สุด

(1)       ตัวแปรเหตุ       (2) ตัวแปรกด  (3) ตัวแปรตาม            (4) ตัวแปรแทรก

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 10. ประกอบ

40.       ช่องทางการสื่อสาร” หมายถึงข้อใดต่อไปนี้

(1)       ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของมนุษย์           (2) วิทยุและโทรทัศน์

(3) หนังสือพิมพ์           (4) สื่อมวลชน

ตอบ 1 หน้า 72, (ดูคำอธิบายข้อ 4. ประกอบ) คำว่า ช่องทางการสื่อสาร” หมายถึง ทางที่ทำให้ผู้ ส่งสารกับผู้รับสารติดต่อกันได้ซึ่งก็คือ ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของมนุษย์ ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น และกาย ส่วนคำว่า สื่อ” หมายถึง สื่อที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ได้แก่ อากาศ แสง เสียง ตลอดจน อุปกรณ์หรือเครื่องมือที่มนุษย์คิดขึ้นเพื่อใช้ในการติดต่อสื่อสารไปถึงกันและกัน

41.       อุปกรณ์หรือเครื่องมือที่มนุษย์คิดขึ้นเพื่อใช้ในการติดต่อสื่อสารถึงกัน เป็นหนึ่งของความหมายในข้อใดต่อไปนี้

(1)       ช่องทาง           (2)พาหนะ       (3)สื่อ   (4)เครื่องมือ

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 40. ประกอบ

42.       อาจารย์ใช้แผ่นใส วิดีโอ และการเขียนกระดานดำสอนนักศึกษาขณะบรรยายในชั้นเรียน ถือว่าอาจารย์ ใช้สื่อประเภทใดต่อไปนี้ ถ้าดูจากจำนวนการเข้าถึงผู้รับสารเป็นเกณฑ์

(1)       สื่อมวลชน        (2) สื่อเฉพาะกิจ          (3) สื่อประสม  (4) สื่อระหว่างบุคคล

ตอบ 4 หน้า 73 – 74 สื่อระหว่างบุคคล เป็นสื่อที่มนุษย์ใช้ติดต่อสื่อสารระหว่างบุคคลที่อยู่ห่างไกลกัน จนไม่อาจจะติดต่อกันโดยไม่ผ่านสื่อหรือไม่มีสื่อได้ จึงจัดเป็นสื่อที่ใช้เฉพาะบุคคล มีลักษณะเป็น ส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับผู้อื่นที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการสื่อสารในขณะนั้น ๆ เช่น จดหมาย โทรเลข โทรศัพท์ ภาพถ่ายในครอบครัว บันทึกช่วยจำ อนุทิน เป็นต้น นอกจากนั้นก็ยังมีเครื่องมืออุปกรณ์ บางชนิดที่จัดว่าเป็นสื่อที่ใช้ในการสื่อสารระหว่างบุคคล ได้แก่ การประชุมกลุ่มย่อย การเรียน การสอน ซึ่งจำเป็นจะต้องใช้สื่อต่าง ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เช่น กระดานดำ หนังสือ เอกสาร แผ่นใส วิดีโอ เป็นต้น

43.       การสื่อสารที่เน้น Interaction ระหว่างผู้ส่งสารกับผู้รับสาร สามารถเรียกได้อย่างไรต่อไปนี้

(1) One-way Communication   (2) Two-way Communication

(3) Mass Communication (4) Communications

ตอบ 2 หน้า 4-51454 การสื่อสารที่เป็นกระบวนการ 2 วิถี หรือการสื่อสารแบบ 2 ทาง (Two-way Communication) จะมีความหมายครอบคลุมไปถึงการรับสาร ปฏิกิริยา สะท้อนกลับหรือปฏิกิริยาตอบกลับ (Feedback) และปฏิกิริยาที่ผู้ส่งสารและผู้รับสาร มีต่อกันหรืออันตรกิริยา (Interaction) ซึ่งจะเป็นตัวนำไปสู่กระบวนการเข้าใจความหมาย (Meaning) ร่วมกันอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลาย ๆ อย่าง

44.       การสื่อสารที่ครอบคลุมถึงการรับสาร ปฏิกิริยาสะท้อนกลับ และปฏิกิริยาที่มีต่อกันระหว่างผู้ส่งสารและ ผู้รับสาร สามารถนำไปสู่กระบวนการใดต่อไปนี้

(1) การถอดรหัส          (2) การเข้ารหัส

(3) การเข้าใจความหมายร่วมกัน         (4) การเข้ารหัส – ถอดรหัส

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 43. ประกอบ

45.       ผู้ใดต่อไปนี้ให้คำจำกัดความการสื่อสารว่า เป็นกระบวนการที่บุคคลหนึ่งส่งสิ่งเร้าเพื่อเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของบุคคลอื่น  

(1) จอร์จ เอ. มิลเลอร์

(2)       เจอร์เกน รอยซ์ (3) คาร์ล ไอ. โฮฟแลนด์           (4) วอร์เรน ดับเบิลยู. วีเวอร์

ตอบ 3 หน้า 3 คาร์ล ไอ. โฮฟแลนด์ (Carl I. Hoveland) และคณะ ให้ความเห็นว่า การสื่อสาร คือ กระบวนการที่บุคคลหนึ่ง (ผู้ส่งสาร) ส่งสิ่งเร้า (โดยปกติจะเป็นภาษาพูดหรือภาษาเขียน) เพื่อเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของบุคคลอื่น ๆ (ผู้รับสาร)

46.       ผู้เข้ารหัส” ตรงกับข้อใดต่อไปนี้

(1)       Decoder   (2)       Encoder   (3)       Sender     (4) Receiver

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 2. ประกอบ

47.       ข้อความเฉพาะซึ่งแสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างของสองสิ่ง หรือตัวแปร 2 ตัว หรือมากกว่านั้น’’เป็นคำจำกัดความของคำใดต่อไปนี้

(1)       ทฤษฎี  (2)       สมมติฐาน       (3)       ตัวแปร (4) แบบจำลอง

ตอบ 2 หน้า 2026 สมมติฐาน (Hypothesis) คือ ข้อความเฉพาะซึ่งแสดงถึงความสัมพันธ์ ระหว่างของสองสิ่ง หรือตัวแปรสองตัว หรือมากกว่านั้น

48.       องค์ประกอบหลักของทฤษฎีมีกี่ประการ

(1) 3 ประการ  (2)       4 ประการ        (3)       5 ประการ        (4) 6 ประการ

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 8. ประกอบ

49.       องค์ประกอบที่ทำให้ทฤษฎีสมบูรณ์มีกี่ประการ

(1) 3 ประการ  (2)       4 ประการ        (3)       5 ประการ        (4) 6 ประการ

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 8. ประกอบ

50.       หากผู้วิจัยอาศัยหลักเหตุผล ความรู้ หรือผลงานวิจัยที่มีมาก่อนเป็นตัวกำหนดสมมติฐาน สามารถเรียก การตั้งสมมติฐานลักษณะเช่นนี้ว่าอย่างไรต่อไปนี้

(1)       การตั้งสมมติฐานแบบอุปมานอย่างมีเหตุผล

(2)       การตั้งสมมติฐานแบบการอนุมานอย่างมีเหตุผล

(3)       การตั้งสมมติฐานโดยวิธีพฤตินัย

(4)       การตั้งสมมติฐานแบบพฤตินัย

ตอบ 2 หน้า 27 อริสโตเติล (Aristotle) เป็นผู้ที่คิดค้นและนำวิธีการตั้งสมมติฐานที่เกิดขึ้นโดยนิรนัย (Deduction) หรือการอนุมานอย่างมีเหตุผลมาใช้ ซึ่งเป็นสมมติฐานที่เกิดขึ้นจากการคาดการณ์ คำตอบที่คาดหวังจากการวิจัยของผู้วิจัย โดยอาศัยหลักเหตุผล ความรู้ ประสบการณ์ ผลงานการวิจัย ที่มีมาก่อน หรือจากสามัญสำนึก หรือเป็นสมมติฐานที่นิรนัยมาจากทฤษฎี ทั้งนี้สามารถแบ่งวิธี อนุมานออกเป็น 3 ขั้นตอน คือ 1. ข้อเท็จจริงหลัก 2. ข้อเท็จจริงรอง  3. ข้อสรุป

51.       ข้อความใดต่อไปนี้ถูกต้อง

(1)       Paradigm หมายถึง แบบหรือทฤษฎีที่คิดค้นและวิวัฒนาการจากศาสตร์สาขาวิขาเดียวกัน

(2)       Paradigm หมายถึง แบบหรือทฤษฎีที่คิดค้นและวิวัฒนาการจากศาสตร์สาขาเดียวกันหรือต่างสาขากันก็ได้

(3)       Model หมายถึง แบบหรือทฤษฎีที่คิดค้นและวิวัฒนาการจากศาสตร์แขนงเดียวกัน

(4)       Model หมายถึง แบบหรือทฤษฎีที่คิดค้นและวิวัฒนาการจากศาสตร์ต่างสาขากัน

ตอบ3 หน้า 21 Model หมายถึง ทฤษฎีหรือแบบจำลองที่ประดิษฐ์คิดค้นและวิวัฒนาการหรือ พัฒนามาจากศาสตร์ภายในสาขาวิขาแขนงเดียวกัน ส่วน Paradigm หมายถึง ทฤษฎีหรือ แบบจำลองที่ประดิษฐ์คิดค้นและวิวัฒนาการมาจากศาสตร์หรือวิชาการ (Discipline)ต่างสาขากัน หรือยืมมาจากสาขาวิชาอื่น

52.       ตัวแปรเหตุ สามารถเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าอย่างไรต่อไปนี้

(1) ตัวแปรตาม            (2) ตัวแปรอิสระ          (3) ตัวแปรแทรก          (4) ตัวแปรกด

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 10. ประกอบ

53.       การสื่อสารประเภทใดต่อไปนี้ ผู้ส่งสารทำหน้าที่เป็นตัวแทนของสถาบัน และเป็นตัวแทนของตัวเอง

(1) การสื่อสารภายในองค์การ (2) การสื่อสารมวลชน

(3)       การสื่อสารระหว่างบุคคล        (4) การสื่อสารกลุ่มใหญ่

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 36. ประกอบ

54.       หน้าที่พื้นฐานของสื่อมวลชนที่มีต่อสังคม ตรงกับข้อใดต่อไปนี้

(1) เป็นสื่อกลางของสถาบันหลัก ๆ     (2) เป็นสื่อกลางของสาธารณะ

(3) เป็นสื่อกลางของความสัมพันธ์ต่าง ๆ ในสังคม      (4) ถูกทั้งข้อ 2 และข้อ 3

ตอบ 4 หน้า 93 – 94. 97 – 99 การศึกษาโครงร่างความเป็นสื่อกลางของสื่อมวลชนจะมีความเกี่ยวข้องกับบทบาทหน้าที่พื้นฐานของสื่อมวลชนที่มีต่อสังคมใน 2 ลักษณะ ดังนี้

1.         บทบาทของสื่อมวลชนในฐานะที่เป็นสื่อกลางของความสัมพันธ์ต่าง ๆ ในสังคม คือ ลักษณะความสัมพันธ์ของสื่อมวลชนกับสถาบันอื่น ๆ ในสังคม

2.         บทบาทของสื่อมวลขนในฐานะที่เป็นสื่อกลางของสาธารณชนหรือสาธารณะ คือ ลักษณะความสัมพันธ์ของสื่อมวลชนกับสาธารณชนหรือมวลชนผู้รับสารโดยทั่วไปในสังคม

55.       ข้อใดต่อไปนี้เป็นสื่ออิเล็กทรอนิกส์

(1) วารสาร      (2) หนังสือพิมพ์           (3) นิตยสาร     (4) คอมพิวเตอร์

ตอบ 4 หน้า 73 การแบ่งประเภทของสื่อโดยใช้คุณลักษณะของสื่อเป็นเกณฑ์มี 5 ประเภท คือ

1.         สื่อธรรมชาติ ได้แก่ บรรยากาศรอบตัวมนุษย์ที่มีอยู่ตามธรรมชาติ

2.         สื่อมนุษย์ ได้แก่ โฆษก ตัวแทนการเจรจาปัญหาต่าง ๆ ผู้ทำการสื่อสาร ฯลฯ

3.         สื่อสิ่งพิมพ์ ได้แก่ หนังสือพิมพ์ แผ่นพับ นิตยสาร วารสาร ใบประกาศ โปสเตอร์ โฟลเดอร์ (ใบโฆษณาที่เป็นกระดาษแข็งพับ) ฯลฯ

4.         สื่ออิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ วิทยุ โทรทัศน์ โทรพิมพ์ วิดีโอเทป เครื่องฉายภาพ คอมพิวเตอร์ (เช่น เว็บไซต์ฝ้ายคำของ ม.รามคำแหง) ฯลฯ

5.         สื่อระคน ได้แก่ หนังสือพิมพ์กำแพง วัตถุจารึก (ศิลาจารึก) สื่อพื้นบ้าน ฯลฯ

56.       ข้อใดต่อไปนี้ที่เป็นสื่อกลางในการเชื่อมโยงผู้รับสารในสังคมกับความเป็นจริงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในสังคม

(1) วิทยุและโทรทัศน์   (2) หนังสือพิมพ์           (3) คอมพิวเตอร์           (4) สื่อมวลชน

ตอบ 4 หน้า 94 – 95 สถาบันสื่อมวลชนนับว่าเป็นตัวกลางระหว่างผู้รับสาร (สาธารณชนหรือมวลชน) กับสถาบันอื่น ๆ หรือระหว่างสถาบันต่าง ๆ ในสังคมด้วยกันเอง จึงมีการเปรียบสื่อมวลชน ว่าเป็นเสมือนสื่อกลางในการเชื่อมโยงผู้รับสารกับความเป็นจริงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในสังคม หรือในโลก เพราะไม่ว่าเหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้น ณ แห่งหนตำบลใด หรือในซีกโลกใด สื่อมวลชน ก็สามารถนำมาเสนอสู่สายตาของสาธารณชนได้

57.       ในปัจจุบันสื่อใดต่อไปนี้สามารถคานอำนาจสื่อหนังสือพิมพ์

(1)       วิทยุและโทรทัศน์        (2) วิทยุกระจายเสียง  (3) คอมพิวเตอร์           (4) วิทยุโทรทัศน์

ตอบ 1 หน้า 88 – 89, (คำบรรยาย) ความสำคัญของวิทยุและโทรทัศน์ มีดังนี้

1.         เป็นเทคโนโลยีที่ตอบสนองการใช้งานในตัวของสื่อเอง มากกว่าตอบสนองความต้องการ ทางด้านเนื้อหาหรือบริการในรูปแบบใหม่

2.         สามารถเสนอข่าวสารได้รวดเร็วฉับพลัน

3.         ทำหน้าที่ได้ทั้งการเสนอข่าวสารการเมือง เรื่องที่คนนิยม หรือเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ดังนั้นจึงเป็นสื่อที่สามารถคานอำนาจสื่อหนังสือพิมพ์ได้

4.         เป็นสื่อที่แพร่กระจายได้กว้างไกล มีอิทธิพลต่อความคิดเห็นทางการเมืองและการดำเนินชีวิต ของประชาชนในสังคมเป็นอย่างมาก ฯลฯ

58.       วัฒนธรรม หมายถึงข้อใดต่อไปนี้      

(1) การแต่งกาย

(2)       ทรงผม            (3) สรรพสิ่งทั้งหลายที่มนุษย์สร้างขึ้น (4) มรดก

ตอบ 3 หน้า 118 – 119 คำวา วัฒนธรรม คือ สรรพสิ่งทั้งหลายที่มนุษย์สร้างขึ้น ดังนั้นจึงพอจะ สรุปความได้ว่า วัฒนธรรมเป็นมรดกทางสังคมที่ครอบคลุมทุกสิ่งทุกอย่างอันเป็นแบบแผน ในความคิดและการกระทำที่แสดงออกถึงวิถีชีวิตของมนุษย์ โดยแต่ละสังคมมีวัฒนธรรม เฉพาะของตนเอง เพราะเป็นวิถีชีวิตที่แตกต่างกันของแต่ละกลุ่มสังคม

59.       ผู้ใดต่อไปนี้ให้คำจำกัดความคำว่า มวลชน” โดยเปรียบเทียบกับคำที่มีลักษณะการรวมตัวกับของคนหมู่มาก

(1)       Blomer     (2) Blumer          (3) Bluner (4) Baumen

ตอบ 2 หน้า 77 เฮอร์เบิร์ท บลูเมอร์ (Herbert Blumer) ได้ให้คำจำกัดความของคำว่า มวลชน” (Mass) โดยนำไปเปรียบเทียบกับคำอื่น ๆ ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันหรือเกี่ยวข้องกับการรวมตัวกัน ของคนหมู่มาก ซึ่งได้แก่ คำว่ากลุ่มคน (Group), ฝูงชน (Crowd) และสาธารณชน (Public)

60.       การตีความหมายสารของผู้ส่งสารและผู้รับสารจะตรงกันมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบใดต่อไปนี้

(1) การถอดรหัส          

(2) การรับรู้

(3)       การแปลความหมาย   

(4) สนามแห่งประสบการณ์ร่วม

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 6. ประกอบ

61.       สื่อมวลชนได้รับความสนใจ และศึกษาอย่างเป็นระบบมากขึ้น เพราะสาเหตุใดต่อไปนี้

(1)       สื่อมวลชนเติบโตอย่างรวดเร็ว

(2)       สื่อมวลชนเป็นแหล่งผลิตและแพร่กระจายความรู้

(3)       สื่อมวลชนเป็นช่องทางเชื่อมโยงกลุ่มคน

(4)       การมีส่วนร่วมของผู้ชม/ผู้ฟังเป็นไปโดยสมัครใจ

ตอบ 1 หน้า 90 – 91 สาเหตุที่สื่อมวลชนได้รับความสนใจ และมีการศึกษาอย่างเป็นระบบมากขึ้น มีดังนี้

1.         กิจการสื่อมวลชนเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

2.         สื่อมวลชนมีบทบาทควบคุมการจัดการทรัพยากรต่าง ๆ

3.         สื่อมวลชนเปิดโอกาสให้มีการเผยแพร่และแลกเปลี่ยนสภาพการดำรงชีวิตของคนในสังคมมากขึ้น

4.         สื่อมวลชนก่อให้เกิดพัฒนาการด้านวัฒนธรรมในรูปแบบต่าง ๆ

5.         สื่อมวลชนก่อให้เกิดคำนิยม ทัศนคติ แนวความคิด และรูปแบบการตัดสินใจของปัจเจกชน

62.       โครงสร้างของสื่อมวลชนของสาธารณชน เกิดจากความกดดันด้านใดต่อไปนี้

(1)       ความแตกต่างด้านต่าง ๆ ในโครงสร้างสังคม

(2)       ความสามารถเข้าถึงแหล่งข่าวที่เหมือนกันของสื่อมวลชน

(3)       ความสนใจของสาธารณชนที่เหมือนกัน

(4)       ความสามารถแยกผลกระทบที่ชัดเจนภายในโครงสร้างสังคม

ตอบ 1 หน้า 100 – 101 ตามบทบาทความเป็นสื่อกลางของสาธารณชนหรือสาธารณะนั้นโครงสร้างของสื่อมวลชนของสาธารณชนเป็นรูปเป็นร่างขึ้นได้จากความกดดันต่าง ๆ ดังนี้

1.         ความสนใจของสาธารณชน เช่น ความสามารถของสื่อมวลชนในการเข้าถึงแหล่งข่าวแตกต่างกัน ทำให้ข่าวสารที่ออกมามีความหลากหลายในรสนิยม การศึกษา และสถานการณ์ทั่วไป

2.         ด้านเศรษฐกิจ เช่น ค่าใช้จ่ายของสื่อมวลชนตั้งแต่เริ่มทำข่าวหรือหาข่าวสารข้อมูล จนกระทั่ง นำเสนอต่อสาธารณชน

3.         ความแตกต่างด้านต่าง ๆ ในโครงสร้างสังคม เช่น ที่อยู่อาศัย ชนชั้น ศาสนา รสนิยม การศึกษา ฐานะการเงิน และสถานภาพทางสังคม

63.       จากโครงร่างความเป็นสื่อกลางของสื่อมวลชน สามารถพิจารณาจากหัวข้อใดต่อไปนี้

(1)       ความสัมพันธ์ระหว่างสื่อมวลชนกับสถาบันอื่น ๆ

(2)       ความสัมพันธ์ระหว่างสื่อมวลชนกับสาธารณชน

(3)       ความสัมพันธ์ระหว่างสื่อมวลชนกับแหล่งข่าว           

(4) ถูกทั้งข้อ 1 และข้อ 2 ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 54. ประกอบ

64.       องค์กรหรือหน่วยงานลักษณะใดต่อไปนี้ สามารถเรียกว่าสถาบันสื่อสารมวลชน

(1)       เป็นหน่วยงานที่ต้องพึ่งพาอาศัยสถาบันการเมือง

(2)       เป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงกลุ่มคนกับคนอื่น ๆ

(3)       เป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ผลิตและแพร่กระจายความรู้ในรูปข่าวสาร 

(4) ถูกทั้งข้อ 2 และข้อ 3

ตอบ 4 หน้า 91 – 92 สถาบันสื่อสารมวลชน (The Mass Media Institution) มีลักษณะดังนี้

1.         มีหน้าที่ผลิตและแพร่กระจายความรู้ในรูปข่าวสาร ความคิด และวัฒนธรรม

2.         เป็นช่องทางเชื่อมโยงกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งกับคนอื่น ๆ

3.         มีบรรยากาศของความเป็นสาธารณะ

4.         การมีส่วนร่วมของผู้ชม/ผู้ฟังในสถาบันสื่อเป็นไปโดยสมัครใจ

5.         มีความเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมและการตลาดในลักษณะพึ่งพาอาศัยกัน

6.         ไม่มีอำนาจในตัวเอง แต่มักจะเกี่ยวข้องกับอำนาจรัฐอยู่เสมอ

65.       บุคคลที่ได้รับข้อมูลข่าวสารจากแหล่งข้อมูลเดียวกัน จะทำให้เกิดเหตุการณ์ใดต่อไปนี้

(1)       ความคิดและความเชื่อโดยทั่วไปสามารถคล้ายกับได้

(2)       ความคิดและความเชื่อโดยทั่วไปไม่สามารถคล้ายกันได้

(3)       ความคิดและความเชื่อยังคงเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละกลุ่ม  

(4) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 1 หน้า 94 ความคิด ความเชื่อ และข่าวสารข้อมูลต่าง ๆ ที่มีอยู่ในสังคมนั้น สาธารณขน สามารถรับรู้ได้จากสื่อมวลชนทั้งหลาย แม้ว่ากลุ่มคนต่าง ๆ ในสังคมจะมีความคิดและความเชื่อ ที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละกลุ่มหรือแต่ละบุคคล แต่ถ้าบุคคลเหล่านี้ได้รับข้อมูลข่าวสาร จากแหล่งข้อมูลเดียวกัน ก็จะทำให้ความคิดและความเชื่อโดยทั่วไปสามารถคล้ายกันได้

66.       ผู้ใดต่อไปนี้ที่มีภาพพจน์ต่อสื่อมวลชนว่า เป็นผู้ให้ความกระจ่างแจ้งกับประเด็นหรือปมปัญหาของ เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น

(1)       สาธารณชน     (2) สถาบันการเมือง    (3) สถาบันสังคม         (4) สถาบันสื่อมวลชน

ตอบ 1 หน้า 94 – 96, (คำบรรยาย) ตามบทบาทของสื่อมวลชนในฐานะที่เป็นสื่อกลางของ สาธารณชนนั้น ผู้รับสารหรือสาธารณชนโดยทั่วไปจะมีภาพพจน์ต่าง ๆ ต่อสื่อมวลชน ดังนี้

1.         เป็นหน้าต่างสู่ประสบการณ์ คือ ทำให้ผู้รับสารมีโลกทัศน์กว้างขึ้น โดยการบอกให้ประชาชน ทราบอย่างปราศจากอคติว่าใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร เมื่อไร และทำไม

2.         เป็นผู้ให้ความกระจ่างแจ้งกับประเด็นหรือชี้ปมปัญหาของเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น

3.         เป็นเวทีหรือตัวกลางในการปะทะสังสรรค์ระหว่างผู้รับสารและผู้ส่งสาร

4.         เป็นตัวกรองข่าวเพื่อเสนอต่อประชาชน ซึ่งจะต้องกระทำอย่างตั้งใจ โดยคำนึงถึงหน้าที่ และความรับผิดชอบที่มีต่อสังคมของสื่อนั้น ๆ ฯลฯ

67.       สื่อมวลชนเป็นตัวกรองข่าวเพื่อเสนอต่อประชาชน โดยคำนึงถึงหน้าที่และความรับผิดชอบที่มีต่อสังคม ของสื่อนั้น ๆ เกี่ยวข้องกับข้อใดต่อไปนี้

(1)       เป็นภาพพจน์ที่สาธารณชนมีต่อสื่อในฐานะสื่อกลางของสาธารณชน

(2)       เป็นภาพพจน์ที่สถาบันการเมืองมีต่อสื่อ

(3)       เป็นภาพพจน์ที่สถาบันสื่อมวลชนมองตนเอง

(4)       เป็นภาพพจน์ที่สถาบันสังคมมองสื่อ

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 66. ประกอบ

68.       กระแสการสื่อสาร มีตัวแปรสำคัญในข้อใดต่อไปนี้

(1) การเก็บข่าวสาร และการใช้ข่าวสาร          (2) การเก็บข่าวสารแบบศูนย์กลาง และปัจเจกบุคคล

(3) การเก็บข่าวสาร และการควบคุมการเข้าถึง          (4) ถูกทั้งข้อ 1 และข้อ 3

ตอบ 4 หน้า 123 การไหลของข่าวสาร (Information Traffic) จะประกอบด้วยตัวแปรที่สำคัญของ กระแสการสื่อสาร (Communication Flow) จำนวน 2 ตัวแปร คือ

1.         การเก็บข่าวสาร (The Centrality)

2.         การควบคุมการเข้าถึงหรือการใช้ข่าวสาร (The Controlity)

69.       การสื่อสารสามารถมองได้ในลักษณะใดต่อไปนี้

(1)       เครื่องมือในการถ่ายทอดข่าวสาร

(2)       เป็นตัวแทนของการแลกเปลี่ยนความเชื่อและการแสดงออก

(3)       เป็นการดึงดูดความสนใจของผู้รับสาร           (4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 129 – 130 James Carey กล่าวว่า การสื่อสารสามารถมองได้หลายลักษณะ ดังนี้

1.         การสื่อสารในฐานะเครื่องมือในการถ่ายทอดข่าวสาร คือ การส่งผ่านหรือถ่ายทอดข่าวสาร จากศูนย์กลางไปยังบุคคลอื่น

2.         การสื่อสารในลักษณะของแบบแผนวัฒนธรรม คือ การสื่อสารที่เป็นเครื่องมือในการค้ำจุนเกื้อหนุน สังคมในเวลาที่สังคมต้องการ ตลอดจนเป็นตัวแทนของการแลกเปลี่ยนความเชื่อและการแสดงออก

3.         การสื่อสารในฐานะของการรวบรวมและมอบความใส่ใจ คือ การสื่อสารที่เป็นเครื่องมือในการดึงดูดความสนใจของผู้รับสาร (ผู้ชม/ผู้ฟัง) ตลอดจนความสามารถหรือความชำนาญ ของผู้รับสารในการพัฒนาตนเอง

70.       วัตถุประสงค์ของการใช้ที่เน้นความพึงพอใจอย่างฉับพลัน หรือเน้นความเพลิดเพลินนั้น จัดอยู่ใน วัฒนธรรมแบบใดต่อไปนี้

(1)       วัฒนธรรมขั้นสูง          (2) วัฒนธรรมมวลชน

(3) วัฒนธรรมพื้นบ้าน (4) ถูกทุกข้อ

ตอบ2 หน้า 121 – 122 วัฒนธรรมมวลชน (Mass Culture) จะมีลักษณะต่าง ๆ ดังนี้

1.         ชนิดของสถาบัน จะขึ้นอยู่กับสื่อและตลาด

2.         ชนิดขององค์กรเพื่อการผลิต จะผลิตขึ้นจำนวนมากเพื่อตลาดขนาดใหญ่ โดยใช้เทคโนโลยี ที่ได้มีการวางแผนและการจัดการเป็นอย่างดี

3.         เนื้อหาและความหมาย มีลักษณะผิวเผิน ชัดเจนเป็นสากล แต่ไม่ยั่งยืน

4.         ผู้รับสาร จะเป็นคนทุกคนที่มีความหลากหลาย และมีแนวโน้มที่จะเป็นผู้บริโภค

5.         วัตถุประสงค์ของการใช้และประสิทธิผล เพื่อความพอใจอย่างฉับพลันหรือความเพลิดเพลิน

71.       ชนิดขององค์กรเพื่อการผลิตที่เน้นการผลิตจำนวนมากด้วยการใช้เทคโนโลยี พร้อมกับมีการวางแผนและ การจัดการเป็นอย่างดี จัดอยู่ในวัฒนธรรมใดต่อไปนี้

(1) วัฒนาธรรมขั้นสูง   (2) วัฒนธรรมมวลชน

(3) วัฒนธรรมพื้นบ้าน (4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 70. ประกอบ

72.       สื่อมวลชนที่ทำหน้าที่เป็น Watchdog นั้น สามารถจัดอยู่ในทฤษฎีใดต่อไปนี้

(1) ทฤษฎีอำนาจนิยม (2) ทฤษฎีเสรีนิยม

(3) ทฤษฎีความรับผิดชอบทางสังคม  (4) ทฤษฎีสื่อสารเพื่อการพัฒนา

ตอบ3. หน้า 265 – 266 ทฤษฎีความรับผิดชอบทางสังคม จะเน้นที่ความรับผิดชอบในการ ปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชนให้เกิดผลดีต่อสังคมส่วนรวมอย่างแท้จริง ได้แก่

1.         มีภาระหน้าที่หลักที่จะให้บริการแก่ระบบการเมือง

2.         ส่งเสริมกระบวนการประชาธิปไตยและให้ความสว่างทางปัญญาแก่สาธารณชน

3.         พิทักษ์รักษาสิทธิของบุคคล โดยทำหน้าที่เป็นสุนัขเฝ้ายาม (Watchdog) เพื่อคอยเฝ้าดู และตรวจสอบรัฐบาล ฯลฯ

73.       ทฤษฎีอำนาจนิยม เสรีนิยม ความรับผิดชอบทางสังคม เบ็ดเสร็จนิยม สื่อสารเพื่อการพัฒนา และทฤษฎี สื่อมวลชนของประชาชน สามารถจัดอยู่ในประเภทของทฤษฎีใดต่อไปนี้

(1) ทฤษฎีสังคมศาสตร์           (25 ทฤษฎีปทัสถาน

(3) ทฤษฎีแนวปฏิบัติ  (4) ทฤษฎีสามัญสำนึก

ตอบ 2 หน้า 253 – 276279 – 281 ทฤษฎีด้านการสื่อสารมวลชนที่จัดอยู่ในประเภทของ ทฤษฎีปทัสถาน อาจแบ่งได้ดังนี้ 1. ทฤษฎีอำนาจนิยม 2. ทฤษฎีเสรีนิยมหรืออิสรภาพนิยม          3. ทฤษฎีความรับผิดชอบทางสังคม  4.ทฤษฎีเบ็ดเสร็จนิยมหรือทฤษฎีโซเวียตคอมมิวนิสต์  5.ทฤษฎีสื่อสารเพื่อการพัฒนา            6. ทฤษฎีสื่อมวลชนของประชาชน

74.       รูปแบบการไหลของข่าวสาร (Flow of Information) มีกี่ลักษณะ

(1) 2 ลักษณะ (2) 3 ลักษณะ (3) 4 ลักษณะ (4) 5 ลักษณะ

ตอบ 3 หน้า 126 – 128 รูปแบบการไหลของข่าวสาร (Flow of Information) แบ่งได้ 4 ลักษณะ ดังนี้

1.         Allocution คือ การส่งจดหมายตรงจากผู้นำถึงผู้ตาม ซึ่งจะเหมาะกับสื่อกระจายเสียงและ แพร่ภาพของชาติ เช่น สื่อวิทยุและโทรทัศน์

2.         Consultation คือ การให้คำแนะนำปรึกษาหารือ มักพบในสื่อหนังสือพิมพ์และการสื่อสาร ระหว่างบุคคล

3.         Conversation คือ การสนทนา เป็นการไหลแบบพื้น ๆ มักพบเห็นได้ทั่วไป

4.         Registration คือ การจดบันทึกหรือขึ้นทะเบียน

75.       ผู้ใดต่อไปนี้เสนอว่า การสื่อสารระหว่างตัวต่อตัวจะทำให้ความคิดหรือทัศนคติของบุคคลทั้งสองเกี่ยวกับ เรื่องเดียวกับอยู่ในสภาพสมดุล

(1) Heider (2) Herbert Mead      (3) Newcomb    (4) Herbert Blumer

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 1. ประกอบ

76.       แบบจำลองการสื่อสารสามารถแบ่งได้ 2 ประเภท คือ

(1)       แบบจำลองที่แสดงโครงสร้างและแบบจำลองตัวแปร

(2)       แบบจำลองแสดงหน้าที่และแบบจำลองแสดงเหตุการณ์

(3)       แบบจำลองแสดงโครงสร้างและแบบจำลองแสดงหน้าที่

(4)       แบบจำลองจัดระเบียบและแบบจำลองแสดงหน้าที่

ตอบ 3 หน้า 29 – 30 แบบจำลองการสื่อสารแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ

1.         แบบจำลองที่แสดงโครงสร้างหรือคุณสมบัติของสิ่งต่าง ๆ หรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ซึ่งเป็น การย่อส่วนหรือจำลองของจริง เช่น แบบจำลองบ้านจัดสรรของโครงการหมู่บ้านต่าง ๆ

2.         แบบจำลองที่แสดงหน้าที่หรือการทำงานของระบบ หรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ซึ่งอาจเป็น ภาพเชิงเส้นแสดงระบบการทำงาน เช่น แบบจำลองระบบการทำงานของสมองมนุษย์

77.       ทฤษฎีสื่อสารมวลชนใดต่อไปนี้ถือเป็นทฤษฎีประวัติศาสตร์ 

(1) ทฤษฎีอิสรภาพนิยม

(2)       ทฤษฎีอำนาจนิยม      (3) ทฤษฎีความรับผิดชอบทางสังคม  (4) ทฤษฎีเบ็ดเสร็จนิยม

ตอบ 2 หน้า 254256 ทฤษฎีอำนาจนิยม ถือเป็นทฤษฎีประวัติศาสตร์ที่เกิดก่อนทฤษฎีอื่น ๆและมักจะถูกใช้ในประเทศที่มีระบบการเมืองการปกครองแบบเผด็จการ โดยปรัชญาพื้นฐาน ที่มาสนับสนุนทฤษฎีนี้สามารถวิเคราะห์ย้อนหลังได้ในหนังสืออุตมรัฐ (Republic) ของเพลโต (Plato) และต่อมาก็มีนักปรัชญาทางการเมืองหลายท่านได้แสดงความนิยมยึดมั่นในอุดมการณ์ ของทฤษฎีนี้ ได้แก่ มาเคียเวลลี่ (Machiavelli), ฮอบส์ (Hobbes) และเฮเกล (Hegel) เป็นต้น

78.       ทฤษฎีใดต่อไปนี้ที่เป็นทฤษฎีล่าสุดในบรรดากลุ่มทฤษฎีปทัสถาน

(1) ทฤษฎีสื่อสารเพื่อการพัฒนา         (2) ทฤษฎีสื่อมวลชนของประชาชน

(3)       ทฤษฎีเสรีนิยม            (4) ทฤษฎีเบ็ดเสร็จนิยม

ตอบ 2 หน้า 276 – 277, (คำบรรยาย) ทฤษฎีสื่อมวลชนของประชาชน หรือความมีส่วนร่วม แบบประชาธิปไตย หรือทฤษฎีผู้มีความเป็นประชาธิปไตย เป็นทฤษฎีใหม่ล่าสุดในบรรดา กลุ่มทฤษฎีปทัสถาน และเป็นทฤษฎีที่ยากที่สุดในการทำความเข้าใจ เพราะเป็นทฤษฎีลูกผสม ระหว่างทฤษฎีความรับผิดชอบทางสังคมกับทฤษฎีสื่อสารเพื่อการพัฒนา โดยจะเน้นถึงความสำคัญ ของทุกคน เน้นการสื่อสารแนวนอนมากกว่าแนวตั้ง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองและสังคม จึงถือเป็นรูปแบบ ของสื่อมวลชนที่ประชาชนปรารถนาและน่าจะพึงพอใจมากที่สุด แต่ยังคงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยาก ในแนวปฏิบัติ

79.       ทฤษฎีใดต่อไปนี้ในกลุ่มทฤษฎีปทัสถานที่เป็นทฤษฎีที่ยากที่สุดในการทำความเข้าใจ

(1) ทฤษฎีสื่อสารเพื่อการพัฒนา         (2) ทฤษฎีสื่อมวลชนของประชาชน

(3) ทฤษฎีเสรีนิยม       (4) ทฤษฎีเบ็ดเสร็จนิยม

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 78. ประกอบ

80.       ตัวแปรใดต่อไปนี้เป็นตัวแปรที่เปลี่ยนแปลงไปตามตัวแปรเหตุ

(1) ตัวแปรกด  (2) ตัวแปรต้น  (3) ตัวแปรแทรก          (4) ตัวแปรผล

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 10. ประกอบ

 

81.       นักปรัชญาทางการเมืองผู้ใดต่อไปนี้ที่ยึดมั่นในอุดมการณ์และปรัชญาพื้นฐานที่สนับสนุนทฤษฎีอำนาจนิยม

(1) มาเคียเวลลี่           (2) ฮอบส์         (3) เฮเกล         (4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 77. ประกอบ

82.       ทฤษฎีสื่อมวลชนของประชาชน เป็นทฤษฎีลูกผสมระหว่างทฤษฎีใดกับทฤษฎีใดต่อไปนี้

(1)       ทฤษฎีความรับผิดชอบทางสังคมกับทฤษฎีสื่อสารเพื่อการพัฒนา

(2)       ทฤษฎีความรับผิดชอบทางสังคมกับทฤษฎีเสรีนิยม

(3)       ทฤษฎีเสรีนิยมกับทฤษฎีสื่อสารเพื่อการพัฒนา

(4)       ทฤษฎีอิสรภาพนิยมกับทฤษฎีอำนาจนิยม

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 78. ประกอบ

83.       องค์ประกอบของทฤษฎีในส่วนสมมติฐาน มีหน้าที่และความสำคัญอย่างไร

(1) บรรยายและแยกประเภท  (2) วิเคราะห์

(3) กำจัดความซับซ้อน            (4) กำจัดความไม่คงที่

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 8. ประกอบ

84.       Free Market of Ideas อยู่ในทฤษฎีใดต่อไปนี้

(1) ทฤษฎีสื่อสารเพื่อการพัฒนา         (2) ทฤษฎีสื่อมวลชนของประชาชน

(3) ทฤษฎีเสรีนิยม       (4) ทฤษฎีเบ็ดเสร็จนิยม

ตอบ 3 หน้า 256 – 258279 ทฤษฎีเสรีนิยมหรืออิสรภาพนิยม หรือทฤษฎีสื่อเสรีได้กล่าวถึงเสรีภาพของหนังสือพิมพ์ว่ามิได้เป็นแต่เพียงเครื่องมือในการแสดงออก ของบุคคลเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับกระบวนการพิสูจน์ตนเองของสัจจะ หรือเป็นเครื่องมือ แสวงหาสัจจะของสังคม โดยเปิดหนทางและโอกาสให้กับทัศนะต่าง ๆ ทั้งผิดและถูก มาประชันแข่งขันใน ‘‘ตลาดเสรีความคิดอ่าน” (Free Market of Ideas) และให้สาธารณชน เป็นผู้ตัดสิน

85.       ผู้ใดต่อไปนี้มีส่วนวางรากฐานทฤษฎีความรับผิดชอบทางสังคม

(1) โจเซฟ พูลิตเซอร์    (2) ฮอบส์         (3) เฮเกล         (4) โคเฮ็น

ตอบ 1 หน้า 263 โจเซฟ พูลิตเซอร์ (Joseph Pulitzer) เป็นผู้ที่มีส่วนในการวางรากฐานของทฤษฎี ความรับผิดชอบทางสังคมเป็นอย่างมาก และนับตั้งแต่นั้นมาการพูดถึงทฤษฎีนี้ก็ขยายวงกว้าง ออกไป โดยมีแนวคิดว่าหนังสือพิมพ์ต้องมีเสรีภาพตามแนวความคิดเสรีนิยมหรืออิสรภาพนิยม แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องมีความรับผิดชอบควบคู่กันไปด้วย

86.       แบบจำลองใดต่อไปนี้ที่เหมาะสมแก่การใช้วิเคราะห์การโฆษณาชวนเชื่อทางการเมืองและการโน้มน้าวใจ

(1)       แบบจำลองการสื่อสารของลาสเวลส์

(2)       แบบจำลองการสื่อสารของออสกูด

(3)       แบบจำลองการสื่อสารของเอ็ดเวิร์ด สะเพียร์

(4)       แบบจำลองการสื่อสารของคาร์ล ไอ. โฮฟแลนด์

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 3. ประกอบ

87.       ตัวแปรใดที่ทำให้ตัวแปรอิสระและตัวแปรตามไม่มีความสัมพันธ์กัน

(1) ตัวแปรแทรก          (2) ตัวแปรตาม            (3) ตัวแปรกด  (4) ตัวแปรอิสระ

ตอบ 3 หน้า 25 – 26, (คำบรรยาย) ตัวแปรกด หมายถึง ตัวแปรที่ทำให้ตัวแปรอิสระและตัวแปรตาม ไม่มีความสัมพันธ์กัน ทั้งที่จริง ๆ แล้วควรจะมี แต่ถูกตัวแปรกดกดเอาไว้ หรือเป็นตัวแปร ที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรอิสระและตัวแปรตามเบี่ยงเบนไปจากเดิม ต่อเมื่อเราควบคุม ตัวแปรกดแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรอิสระและตัวแปรตามจึงจะเกิดขึ้น

88.       สมมติฐานที่เกิดขึ้นโดยนิรนัย (Deduction) ซึ่งเป็นการอนุมานอย่างมีเหตุผล ผู้ใดต่อไปนี้เป็นผู้นำวิธีนี้มาใช้คือ

(1) Aristotle       (2) Leonado di Caprio

(3) Francis Bacom      (4) Francis Bacon

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 50. ประกอบ

89.       การสื่อสารจะเกิดขึ้นเมื่อฝ่ายหนึ่ง คือ ผู้ส่งสาร มีอิทธิพลต่ออีกฝ่ายหนึ่ง คือ ผู้รับสาร โดยใช้สัญลักษณ์ ต่าง ๆ ซึ่งถูกส่งผ่านสื่อเชื่อมระหว่าง 2 ฝ่าย เป็นการให้ความหมายของการสื่อสารของผู้ใดต่อไปนี้

(1) จอร์จ เอ. มิลเลอร์   (2) คาร์ล ไอ. โฮฟแลนด์

(3) ชาร์ลส์ อี. ออสกูด  (4) วิลเบอร์ ชแรมม์

ตอบ 3 หน้า 4 ขาร์ลส์ อี. ออสกูด (Charles E. Osgood) กล่าวว่า ความหมายโดยทั่วไป ของการสื่อสารจะเกิดขึ้นเมื่อฝ่ายหนึ่ง คือ ผู้ส่งสาร มีอิทธิพลต่ออีกฝ่ายหนึ่ง คือ ผู้รับสาร โดยใช้สัญลักษณ์ต่าง ๆ ซึ่งถูกส่งผ่านสื่อที่เชื่อมระหว่างสองฝ่าย

90.       กรณีวาทกรรมต่าง ๆ ของบรรดานักการเมืองที่พูดในสังคมปัจจุบัน และสื่อมวลชนนำมาเผยแพร่เป็น ข่าวรายวัน ท่านคิดว่าการรายงานข่าวในลักษณะนั้นเป็นสารประเภทใดต่อไปนี้

(1) สารประเภทข้อเท็จจริง      (2) สารประเภทข้อคิดเห็น

(3) สารประเภทความรู้สึก       (4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 2 หน้า 69 – 71 สารประเภทข้อคิดเห็น ได้แก่ สารที่เกิดขึ้นจากการประเมินของผู้ส่งสาร อาจเป็นความรู้สึก แนวคิด และความเชื่อที่บุคคลมีต่อตนเอง บุคคลอื่น วัตถุ หรือต่อเหตุการณ์ ใดก็ตาม ซึ่งสารประเภทนี้ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าจริงหรือไม่ เมื่อไปปรากฏอยู่ในเนื้อหาของข่าว ก็จะทำให้ประชาชนผู้รับสารเกิดความสับสนและไขว้เขวได้ง่าย เช่น กรณีวาทกรรมต่าง ๆ ของบรรดานักการเมืองที่พูดในสังคมปัจจุบัน แล้วสื่อมวลชนนำมาเผยแพร่เป็นข่าวรายวัน เป็นต้น

91.       ปฏิกิริยาตอบกลับและปฏิกิริยาที่ผู้ส่งสารและผู้รับสารมีต่อกัน อยู่ในการสื่อสารรูปแบบใด

(1) Interaction  (2) One-way Communication

(3) Two-way Communication   (4) การสื่อสารล้มเหลว

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 43. ประกอบ

92.       จุดมุ่งหมายของการสร้างทฤษฎีขึ้นมาเพื่อทำให้สามารถอธิบายได้ว่าเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นเพราะอะไร และยังช่วยทำนายเหตุการณ์ต่าง ๆ ด้วยว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก ทั้งนี้โดยอาศัยสิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งในการช่วยทำนายเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น สิ่งนั้นก็คือ

(1) ตัวแทน       (2) ตัวแปร       (3) แบบจำลอง            (4) สมมติฐาน

ตอบ 2 หน้า 22 จุดมุ่งหมายสำคัญในการสร้างทฤษฎีขึ้นมาก็เพื่อทำให้สามารถอธิบายได้ว่า เหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นเพราะอะไร และยังช่วยทำนายเหตุการณ์ต่าง ๆ ด้วยว่า จะเกิดอะไรขึ้นอีก ทั้งนี้โดยอาศัยสิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งในการช่วยทำนายเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งสิ่งนั้นก็คือ ตัวแปรนั่นเอง

93.       ใครเป็นผู้ให้ความหมายของการสื่อสารว่า “ การถ่ายทอดข่าวสารจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง 

(1) Carl I. Hoveland   (2) Warren WWeaver

(3) George A. Miller  (4) Jurgen Ruesch

ตอบ 3 หน้า 3 จอร์จ เอ. มิลเลอร์ (George A. Miller) กล่าวว่า การสื่อสาร หมายถึง การถ่ายทอด ข่าวสารจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง

94.       สื่อในข้อใดต่อไปนี้เป็นการเรียกตามคุณลักษณะของสื่อ

(1) สื่อระหว่างบุคคล   (2) สื่ออิเล็กทรอนิกส์

(3) สื่อเฉพาะกิจ          (4) สื่อมวลชน

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 55. ประกอบ

95.       Communication Breakdown เกิดจากสาเหตุใดต่อไปนี้

(1)       สารที่ใช้ในการส่งถึงกันไม่ชัดเจน

(2)       ประสบการณ์หรือภูมิหลังของแต่ละคนต่างกัน

(3)       วัตถุประสงค์ของผู้ส่งสารและผู้รับสารไม่ตรงกัน       (4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 1014, (คำบรรยาย) ในการติดต่อสื่อสารกันอาจมีสิ่งรบกวนที่เรียกว่า “Noise”ทำให้การสื่อสารไม่บรรลุผลตามเป้าหมาย หรือตามเจตนารมณ์ของผู้ส่งสาร ทำให้เกิด ความล้มเหลวในการสื่อสารขึ้น (Communication Breakdown) เช่น วัตถุประสงค์ของ ผู้ส่งสารและผู้รับสารไม่ตรงกัน สารที่ใช้ในการส่งถึงกันไม่ชัดเจน และประสบการณ์หรือ ภูมิหลังของแต่ละคนต่างกัน ฯลฯ

ข้อ 96. – 100. ตัวเลือกต่อไปนี้ใช้สำหรับการตอบคำถาม

(1) รูปแบบของการสื่อสารแบบการสั่งการ      (2) รูปแบบของการสื่อสารแบบการเป็นสมาชิก

(3) รูปแบบของการสื่อสารแบบการบริการ      (4) รูปแบบของการสื่อสารแบบการสนทนา

(5)       รูปแบบของการสื่อสารแบบการปรึกษาหารือ

96.       Manipulation ตรงกับรูปแบบการสื่อสารใดข้างต้น

ตอบ 1 หน้า 117 รูปแบบของการสื่อสารแบบการสั่งการ (Command Mode) ตรงกับประเด็น ของทฤษฎีสื่อสารมวลชน ดังนี้ 1. Propaganda (การโฆษณาชวนเชื่อ) 2. Manipulation (การจัดการ) 3. Mass Society (สังคมมวลชน) 4. Class Dominance (การมีอิทธิพลเหนือกว่าด้านชนชั้น)

97.       Communication Market ตรงกับรูปแบบการสื่อสารใดข้างต้น

ตอบ 3 หน้า 117 รูปแบบของการสื่อสารแบบการบริการ (Service Mode) ตรงกับประเด็น ของทฤษฎีสื่อสารมวลชน ดังนี้

1.         Commercialization (การค้าการพาณิชย์)

2.         Audience Behavior (พฤติกรรมของผู้รับสาร)

3.         Communication Market (ตลาดการสื่อสาร)

4.         Information Society (สังคมข้อมูลข่าวสาร)

98.       Information Society ตรงกับรูปแบบการสื่อสารใดข้างต้น

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 97. ประกอบ

99.       Normative Media Theory ตรงกับรูปแบบการสื่อสารใดข้างต้น

ตอบ 2 หน้า 117 รูปแบบของการสื่อสารแบบการเน้นสมาชิก (Association Mode)ตรงกับประเด็นของทฤษฎีสื่อสารมวลชน ดังนี้

1.         Participation and Interaction (การมีส่วนร่วมและปฏิสัมพันธ์)

2.         Social Fragmentation (การแบ่งแยกทางสังคม)

3.         Normative Media Theory (ทฤษฎีสื่อปทัสถาน)

4.         Media Audience Link (ความเกี่ยวข้องของผู้รับสารกับสื่อ)

100.    Audience Behavior ตรงกับรูปแบบการสื่อสารใดข้างต้น

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 97. ประกอบ

MCS1100 การสื่อสารมวลชนเบื้องต้น การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2556

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2556

ข้อสอบกระบวนวิชา MCS 1100 การสื่อสารมวลชนเบื้องต้น

คำสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว 

1.         Right to Communication หมายถึงอะไร

(1)       เสรีภาพในการสื่อสาร  

(2) การสื่อสารอย่างถูกต้อง

(3) สิทธิในการสื่อสาร  

(4) การสื่อสารมวลชน

ตอบ 3 หน้า 66, (คำบรรยาย) ระบบสื่อมวลชนตามทฤษฎีสื่อมวลชนเพื่อการพัฒนา มีแนวคิด ที่เน้นเกี่ยวกับ สิทธิในการสื่อสาร’’ (A Right to Communication) ซึ่งยึดตาม มาตรา 19 ของปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนขององค์การสหประชาชาติที่บัญญัติว่า ทุกคนมีสิทธิที่จะมีเสรีภาพในความคิดเห็นและการแสดงออก สิทธินี้รวมไปถึงเสรีภาพ ที่จะแสวงหา รับแจ้งข่าวสารและความคิดผ่านสื่อใดสื่อหนึ่งโดยปราศจากพรมแดน

2.         ประชาชนที่อาศัยอยู่ในสังคมเมือง มีการรับรู้ข่าวสารกันอย่างไร

(1)       รับรู้ข่าวสารจากพ่อ      

(2) รับรู้ข่าวสารจากจดหมายแม่

(3) รับรู้ข่าวสารจากหนังสือพิมพ์         

(4) รับรู้ข่าวสารจากเพื่อน

ตอบ 3 หน้า 34 – 35, (คำบรรยาย) ปัจจุบันคนที่อาศัยอยู่ในสังคมเมืองหรือสังคมมวลชนจะมีการ รับรู้ข่าวสารจากสื่อ เช่น วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ ฯลฯ ซึ่งยังคงรักษาความสัมพันธ์ที่ดี ระหว่างครอบครัว เพื่อน และกลุ่มอื่น ๆ ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ส่วนคนที่อาศัยอยู่ในสังคมชนบทจะมีการรับรู้ข่าวสารจากผู้อื่น

3.         แบบจำลองการสื่อสารของ Harold Lasswell มีลักษณะอย่างไร

(1)       เป็นกระบวนการที่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ   (2) เป็นกระบวนการการสื่อสารสองทาง

(3) เป็นกระบวนการที่โน้มน้าวใจผู้รับสาร       (4) เป็นกระบวนการที่สารโน้มน้าวใจผู้ส่งสาร

ตอบ 3 หน้า 25 – 26 แบบจำลองการสื่อสารของฮาโรลด์ ลาสเวลส์ (Harold Lasswell) เป็นลักษณะ ของการสื่อสารทางเดียว (One Way Communication) ที่ไม่ได้คำนึงถึงการมีปฏิกิริยาโต้ตอบ (Feedback) ในการสื่อสาร และเป็นกระบวนการที่โน้มน้าวใจ (Persuasive Process) ผู้รับสาร ซึ่งสันนิษฐานได้ว่าสารที่ส่งไปให้ผู้รับสารนั้นย่อมบังเกิดผลตามมาเสมอ

4.         คณะกรรมาธิการฮัทชินส์ (The Hutchins Commission) เกี่ยวข้องในด้านใด

(1)       คณะกรรมาธิการตรวจสอบสื่อมวลชน            (2) คณะกรรมาธิการจริยธรรมสื่อมวลชน

(3) คณะกรรมาธิการสิทธิสื่อมวลชน   (4) คณะกรรมาธิการเสรีภาพสื่อมวลชน

ตอบ 4 หน้า หน้า 64 – 65 คณะกรรมาธิการฮัทชินส์ (The Hutchins Commission) เป็นคณะกรรมาธิการ เสรีภาพสื่อมวลชน (The Commission on Freedom of The Press) ของสหรัฐอเมริกาที่ตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1942 โดยมีโรเบิร์ต เอ็ม. ฮัทชินส์ (Robert M. Hutchins) เป็นประธาน

5.         ภาพยนตร์ในช่วงแรก ๆ มีความยาวนานเท่าไร

(1)       1 – 2 นาที        (2) 1 – 3 นาที   (3) 1 – 5 นาที   (4) 1 – 10 นาที 

ตอบ 1 หน้า 143 ภายนตร์ในช่วงแรก ๆ จะมีความยาวเพียงแค่ 1-2 นาที โดยผู้ชมจะได้เห็นเพียงบางสิ่งบางอย่างที่เคลื่อนไหวอยู่บนจอภาพอย่างรวดเร็วเท่านั้น ซึ่งก็จะทำให้ผู้ชมตื่นเต้นแล้ว ดังนั้นผู้สร้างภาพยนตร์จึงต้องสร้างภาพยนตร์ที่มีความยาวมากกว่าเดิม โดยการเพิ่มเนื้อหา ที่น่าสนใจเพื่อให้สามารถดึงดูดใจผู้ชมได้มากขึ้น

6.         ระบบสื่อมวลชนตามทฤษฎีสื่อมวลชนเพื่อการพัฒนา รัฐมีสิทธิที่จะแทรกแซงหรือจำกัดการปฏิบัติหน้าที่ ของสื่อมวลชน ด้วยวิธีการใด

(1) บอยคอด    (2) จำกัดเสรีภาพ        (3) เซ็นเซอร์     (4) ควบคุม

ตอบ 3 หน้า 67 ระบบสื่อมวลชนตามทฤษฎีสื่อมวลชนเพื่อการพัฒนา มีลักษณะที่สำคัญดังนี้

1.         สื่อมวลชนทำหน้าที่และปฏิบัติงานด้านการพัฒนาให้สอดคล้องกับนโยบายของชาติ

2.         สื่อมวลชนควรให้ความสำคัญต่อเนื้อหาทางด้านวัฒนธรรมและภาษาของชาติเป็นลำดับแรก

3.         เสรีภาพของสื่อมวลชนสามารถควบคุมได้

4.         รัฐมีสิทธิแทรกแซงหรือจำกัดการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชนด้วยวิธีการเซ็นเซอร์ การให้เงินอุดหนุน และการควบคุมสื่อมวลชนโดยตรงจึงเป็นวิธีการที่มีเหตุผล

7.         การปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชนที่ทำตามคำสั่งจากเบื้องบนสู่เบื้องล่าง เป็นวิธีการของระบบทฤษฎีใด

(1) ทฤษฎีอำนาจนิยม (2) ทฤษฎีเสรีนิยม

(3) ทฤษฎีโซเวียตคอมมิวนิสต์ (4) ทฤษฎีความรับผิดชอบต่อสังคม

ตอบ 1 หน้า 60 ระบบสื่อมวลชนตามทฤษฎีอำนาจนิยมเป็นทฤษฎีที่เก่าแก่มากที่สุด เพราะกำเนิด ขึ้นมาในบรรยากาศอำนาจนิยมตอนปลายสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการ ภายหลังจากการประดิษฐ์ เครื่องพิมพ์ได้ไม่นาน (หลังกำเนิดการพิมพ์) ซึ่งในสังคมสมัยนั้นเชื่อกันว่า ความจริงไม่ได้เกิดขึ้น โดยประชาชนส่วนใหญ่ แต่เกิดจากนักปราชญ์ผู้รู้พียงไม่กี่คนเท่านั้น และความจริงจะต้องรวมอยู่ใกล้กับศูนย์กลางของอำนาจ ดังนั้นหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนจึงต้องเป็นผู้รับใช้รัฐ หรือผู้ปกครอง และปฏิบัติหน้าที่โดยวิธีการทำตามคำสั่งจากเบื้องบนลงสู่เบื้องล่าง หรือ ปฏิบัติหน้าที่ตามความต้องการของผู้ปกครอง

8.         การสื่อสารในลักษณะที่เป็นการปรึกษาปัญหาร่วมกันของคนจำนวนหนึ่ง เป็นการสื่อสารประเภทใด

(1) การสื่อสารระหว่างบุคคล  (2) การสื่อสารกลุ่มย่อย

(3) การสื่อสารในที่สาธารณะ  (4) การสื่อสารมวลชน

ตอบ 2 หน้า 18, (คำบรรยาย) การสื่อสารกลุ่มย่อย (Small Group Communication) คือ การสื่อสารที่มีคนจำนวนหนึ่ง ซึ่งมีจำนวนจำกัดตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป แต่ไม่ควรเกิน 25 คน มาสื่อสารกัน เพื่อที่จะพบปะพูดคุย ปรึกษาหารือหรือแก้ไขปัญหาในเรื่องต่าง ๆ และ ตัดสินใจร่วมกัน ทั้งนี้สมาชิกกลุ่มย่อยไม่ควรมีจำนวนมากนัก เพื่อให้เข้าลักษณะของ การสื่อสารสองทาง (Two Way Communication) ซึ่งทุกคนสามารถมีปฏิกิริยาโต้ตอบ หรือมีโอกาสพูดคุยกันอย่างใกล้ชิด และแสดงความคิดเห็นกันได้ถ้วนหน้า

9.         เพราะเหตุใดผู้ชมบางคนจึงชอบดูรายการกีฬา และบางคนชอบดูรายการตลก

(1) การเข้ารหัสความหมายของสารต่างกัน     (2) การถอดรหัสความหมายของสารต่างกัน

(3) การเข้ารหัสความหมายของสารตรงกัน     (4) การถอดรหัสความหมายของสารตรงกัน

ตอบ2 หน้า 1135 – 36 ผู้รับสารในการสื่อสารรูปแบบต่าง ๆ โดยเฉพาะผู้รับสารในการสื่อสารมวลชนซึ่งมีความหลากหลาย อาจจะถอดรหัสหรือแปลความหมายซองสารแตกต่างกันไปแม้จะได้รับสาร เหมือน ๆ กัน เช่น คนที่เข้าไปชมภาพยนตร์ผี บางคนอาจจะมีความกลัวมาก แต่บางคนกลับ รู้สึกว่าตลกดีผู้ชมรายการโทรทัศน์อาจจะชอบชมรายการที่ไม่เหมือนกัน บางคนชอบดูกีฬา แต่บางคนชอบดูตลก เป็นต้น

10.       นิตยสารไทยชื่ออะไรที่เป็นต้นแบบของหนังสือนิตยสารผู้หญิง

(1)       นารีนาถ           (2) สตรีสยาม  (3) นารีเขษม   (4) สตรีไทย

ตอบ 4 หน้า 133 นิตยสารไทยชื่อว่า สตรีไทย” เป็นนิตยสารที่เป็นต้นแบบของนิตยสารผู้หญิง เล่มอื่น ๆ ในยุคต่อ ๆ มา โดยเฉพาะในด้านการจัดรูปเล่ม ภาพประกอบ และการเสนอเนื้อหาที่ค่อนข้างหนัก นอกจากนี้คอลัมน์ต่าง ๆ ก็เป็นแบบฉบับที่ดีและน่าสนใจแก่นิตยสารในยุคต่อ ๆ มา

11.       ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นผู้รับสาร ได้แก่ข้อใด

(1) นักข่าว       

(2) ผู้สื่อข่าว     

(3) บรรณาธิการข่าว 

(4) ผู้อ่านข่าว

ตอบ 4 หน้า 4-5 ผู้รับสาร (Receiver) หรือจุดหมายปลายทาง (Destination) อาจจะเป็นบุคคลคนหนึ่งที่กำลังฟัง ดู และอ่าน หรืออาจเป็นกลุ่มคน เช่น กลุ่มผู้ฟังการสนทนา กลุ่มผู้ฟ้งการบรรยาย กลุ่มผู้ชมฟุตบอล กลุ่มผู้ชมภาพเขียน ฯลฯ หรืออาจเป็นบุคคล จากกลุ่มที่เรียกว่าผู้รับสารมวลชน (Mass Audience) เช่น กลุ่มผู้อ่านข่าวหนังสือพิมพ์ กลุ่มผู้ฟังรายการวิทยุ กลุ่มผู้ชมภาพยนตร์ กลุ่มผู้ชมรายการโทรทัศน์ เป็นต้น

12.       วัตถุประสงค์หลักของสื่อมวลชนตามระบบทฤษฎีอำนาจนิยม สนับสนุนนโยบายของใคร

(1) ประชาชน   

(2) สาธารณชน           

(3) เอกชน        

(4) รัฐ

ตอบ 4 หน้า 60-61, (คำบรรยาย) ระบบสื่อมวลชนตามทฤษฎีอำนาจนิยม มีลักษณะสำคัญดังนี้

1.         มีวิวัฒนาการเริ่มต้นที่ประเทศอังกฤษในคริสต์ศตวรรษที่ 16 และ 17

2.         มีรากฐานมาจากลัทธิเผด็จการ โดยมีที่มาจากปรัชญาของระบบอำนาจเด็ดขาดของกษัตริย์ หรือปรัชญาที่เกี่ยวกับอำนาจสมบูรณาญาสิทธิราชย์ และรัฐบาลของกษัตริย์

3.         วัตถุประสงค์หลักที่สำคัญของสื่อมวลชน คือ เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมนโยบายของรัฐ หรือผู้ปกครองที่กำลังมีอำนาจอยู่ และเพื่อรับใช้รัฐ

4.         สื่อมวลชนทำหน้าที่เป็นเครื่องมือที่สนับสนุนนโยบายของรัฐบาล โดยที่รัฐบาลไม่จำเป็น ต้องเป็นเจ้าของกิจการสื่อมวลชนเสมอไป ฯลฯ

13.       ประเทศใดเป็นต้นกำเนิดหนังสือพิมพ์ที่มีลักษณะเป็นใบปลิวข่าวสั้น ๆ

(1) ฮอลแลนด์  (2) เยอรมนี      (3) อังกฤษ      (4) อเมริกา

ตอบ 1 หน้า 95 – 96 การบุกเบิกสิ่งที่เรียกว่าหนังสือพิมพ์ (ในช่วงแรก ๆ มักใช้ชื่อว่า Gazette) ได้เริ่มต้นขึ้นที่ประเทศเยอรมนีในปี ค.ศ. 1609 แต่ก็ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักกันมากนัก และต่อมา ในระยะเวลาเดียวกันนี้ก็มีหนังสือพิมพ์ที่เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น คือ หนังสือพิมพ์ที่ชื่อว่า Coranto ซึ่งมีลักษณะเป็นใบปลิวข่าวสั้น ๆ และมีต้นกำเนิดมาจากประเทศฮอลแลนด์

14.       ทฤษฎีสังคมนิยมพัฒนาการมาจากทฤษฎี

(1) ทฤษฎีความรับผิดชอบต่อสังคม    (2) ทฤษฎีโซเวียตคอมมิวนิสต์

(3) ทฤษฎีเสรีนิยม       (4) ทฤษฎีอำนาจนิยม

ตอบ4 หน้า 63, (คำบรรยาย) ทฤษฎีโซเวียตคอมมิวนิสต์ หรือเรียกว่าทฤษฎีเบ็ดเสร็จนิยม หรือ ทฤษฎีสังคมนิยม มีพัฒนาการมาจากทฤษฎีอำนาจนิยม โดยมีรากฐานมาจากลัทธิมาร์กซ์ (Marx)ละมีสาเหตุมาจากความจำเป็นทางการเมืองในการที่จะรักษาอำนาจทางการเมืองของ พรรคคอมมิวนิสต์ที่เข้ามาบริหารประเทศสหภาพโซเวียตตั้งแต่ปี ค.ศ. 1917

15.       หนังสือที่พระคัดลอกด้วยลายมือ ถือได้ว่าเป็นผลงานทางศิลปะและภาพวาดที่งดงาม คือหนังสือเล่มใด

(1)       The 44 Line Bible      (2) The Books of Kells

(3) The Books of Yells        (4) The 42 Line Bible

ตอบ 2 หน้า 83 หนังสือที่พวกพระเป็นผู้คัดลอกด้วยลายมือเป็นจำนวนพัน ๆ เล่ม เรียกว่าManuscripti โดยหนังสือบางฉบับถือเป็นผลงานทางศิลปะที่งดงาม ตกแต่งด้วยตัวอักษร และมีภาพวาดที่มีความประณีตสวยงามมาก จนจัดเป็นหนังสือที่สวยที่สุดที่ได้ผลิตออกมา และมีความพิเศษที่ไม่ธรรมดาเลย คือ หนังสือ The Books of Kells ซึ่งสร้างสรรค์ผลงาน โดยพวกพระ เมื่อประมาณ 800 A.D.

16.       การใช้ Link ที่มีเนื้อหามัลติมีเดียมากขึ้นสำหรับคนรุ่นใหม่ เรียกว่าอะไร

(1)       Internet Generation         (2) Net Generation

(3) Six Generation     (4) Three Generation

ตอบ 2 หน้า 196 ปัจจัยสำคัญที่ทำให้รูปแบบการสื่อสารเปลี่ยนจากการสนทนาแบบจุดต่อจุด(Point to Point) และสองทาง (Two-way) ไปสู่การสื่อสารระหว่างผู้ใช้หลายคน (Many to Many) คือ การใช้ Link วีดิทัศน์ ภาพถ่าย และเนื้อหามัลติมีเดียที่มากขึ้น โดยกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่เรียกว่า Net Generation ซึ่งเติบโตมาพร้อมกับแนวคิดความฉลาดของฝูงชน (Wisdom of Crowds) เช่น การทำหน้าที่ให้คะแนน หรือจัดอันดับต่าง ๆ เป็นต้น

17.       ระบบสื่อมวลชนตามทฤษฎีใดที่สื่อมวลชนทำหน้าที่ควบคุมดูแลกันเอง

(1)       ทฤษฎีอำนาจนิยม       (2) ทฤษฎีเสรีนิยม

(3) ทฤษฎีโซเวียตคอมมิวนิสต์ (4) ทฤษฎีความรับผิดชอบต่อสังคม

ตอบ 2 หน้า 62 – 63, (คำบรรยาย) ระบบสื่อมวลชนตามทฤษฎีเสรีนิยม มีลักษณะสำคัญดังนี้

1.         เริ่มใช้เป็นครั้งแรกที่ประเทศอังกฤษในคริสต์ศตวรรษที่ 17 และ 18 . 2. มีวัตถุประสงค์ที่สำคัญ คือ เพื่อแจ้งข่าวสาร เพื่อให้ความบันเทิง เพื่อการค้า และสิ่งที่ สำคัญที่สุดคือ เพื่อแสวงหาความจริง และเพื่อควบคุมรัฐบาล

3.         หน้าที่หลักของสื่อมวลชน คือ เพื่อเปิดเผยความจริง และเพื่อตรวจสอบการปฏิบัติงานของรัฐบาล

4.         การควบคุมสื่อมวลชน คือ สื่อมวลชนควบคุมดูแลกับเอง และจะใช้กระบวนการยุติธรรมของศาล เพื่อทำหน้าที่ตัดสินความถูกผิดของสื่อมวลชนตามกฎหมาย (เช่น พระราชบัญญัติ รัฐธรรมนูญฯ)

5.         ส่วนใหญ่แล้วเอกชนจะเป็นเจ้าของสื่อมวลชน

18.       กระดาษของจีน ทำมาจากอะไร

(1)       ต้นกก  (2) ต้นไผ่         (3) ต้นอ้อ         (4) ต้นข่อย

ตอบ 2 หน้า 85, (คำบรรยาย) ชาวจีนได้พัฒนาการทำกระดาษจากต้นไผ่ ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลาย เมื่อประมาณศตวรรษที่ 2 และในช่วงกลางศตวรรษที่ 8 ทหารเปอร์เซียนได้จับกุมกลุ่มชาวจีน ที่ทำกระดาษ และบังคับให้สอนวิธีการทำกระดาษให้กับพวกตน โดยชาวจีนได้ถูกทหาร ทำทารุณกรรมอย่างแสนสาหัส

19.       ตลาดเสรีของความคิดและข่าวสาร หมายถึงอะไร

(1)       ประชาชนทั่วไปมีโอกาสเข้าถึงสื่อมวลชนได้    (2) รัฐมีโอกาสในการเข้าถึงสื่อมวลชนได้

(3) ผู้ปกครองมีโอกาสเข้าถึงสื่อมวลชนได้      (4) สื่อมวลชนมีโอกาสเข้าถึงประชาชนได้

ตอบ 1 หน้า 62 ระบบสื่อมวลชนตามทฤษฎีเสรีนิยมถือว่า สื่อมวลชนไม่ได้เป็นเครื่องมือของรัฐบาล แต่เป็นเครื่องมือในการแสดงหลักฐานและข้อโต้แย้งต่าง ๆ ที่ประชาชนจะใช้เป็นข้อมูลในการ ตรวจสอบหรือควบคุมรัฐบาล และตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายซองรัฐบาล ดังนั้นจึงต้องมี ตลาดเสรี” ของความคิดและข่าวสารหรือข้อเท็จจริงต่าง ๆ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นคนกลุ่มน้อยหรือคนกลุ่มใหญ่ และคนที่มีอำนาจหรือปราศจากอำนาจ จะต้องมีโอกาสเข้าถึงสื่อมวลชนได้อย่างเท่าเทียมกัน

20.       โรงภาพยนตร์ Nickelodeon เก็บเงินค่าเข้าชมภาพยนตร์เท่าไร

(1) 1 เซ็นต์       (2) 3 เซ็นต์       (3) 5 เซ็นต์       (4) 10 เซ็นต์

ตอบ 3 หน้า 144 ในปี ค.ศ. 1905 มีผู้ร่วมกันลงทุน 2 คน มาจากเมือง Pittsburgh คือ Harry p. Davis และ John p. Harris ได้เริ่มต้นธุรกิจการทำโรงภาพยนตร์ที่มีชื่อว่า The Nickelodeon อยู่ในเมือง Pittsburgh โดยเก็บเงินค่าเข้าชมภาพยนตร์จากคนดูเพียง 5 เซ็นต์เท่านั้น ทำให้ในเวลาเพียงแคสัปดาห์เดียว ก็สามารถทำเงินได้ถึง 1,000 เหรียญสหรัฐ

21.       หน้าที่ในการลดความตึงเครียดจากสถานการณ์ต่าง ๆในสังคม เป็นหน้าที่ทางด้านใด

(1) หน้าที่ในการประสานสัมพันธ์ส่วนต่าง ๆ ของสังคม          

(2) หน้าที่ในการถ่ายทอดมรดกทางสังคม

(3) หน้าที่ในการสังเกตสภาพแวดล้อมของสังคม        

(4) หน้าที่ในการให้ความบันเทิง

ตอบ 4 หน้า 51 หน้าที่ในการให้ความบันเทิง คือ หน้าที่ในการสร้างความสนุกสนานเพลิดเพลินให้แก่สมาชิกในสังคม เพื่อเป็นการพักผ่อน สนุกสนาน และลดความตึงเครียดจากสถานการณ์ ต่าง ๆ ที่แต่ละคนในสังคมกำลังประสบอยู่

22.       หนังสือพิมพ์มีลักษณะอย่างไร

(1) มีเรื่องราวที่เป็นข่าวสารโดยเฉพาะ            

(2) มีเรื่องราวสำหรับการโฆษณาที่น่าสนใจ

(3) มีเรื่องราวที่น่าสนใจ           

(4) มีเรื่องราวที่น่าสนใจทั่ว ๆ ไป

ตอบ 4 หน้า 96 ลักษณะของหนังสือพิมพ์ที่แท้จริง มีดังนี้

1.         พิมพ์จำหน่ายอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง 2. พิมพ์โดยใช้เครื่องมือในการพิมพ์ 3. คนทั่วไปสามารถซื้ออ่านได้ง่าย            4. พิมพ์ข่าวสารในเรื่องราวที่น่าสนใจทั่ว ๆ ไปมากกว่าที่จะพิมพ์ในหัวข้อใดหัวข้อหนึ่ง 5. ใช้ภาษาที่คนทั่วไปอ่านแล้วเข้าใจได้ง่าย 6.ออกจำหน่ายตามเวลาที่กำหนด 7. วางจำหน่ายอย่างสม่ำเสมอ

23.       หนังสือพิมพ์ที่มีลักษณะเป็นหนังสือพิมพ์ที่แท้จริง มีชื่อว่าอะไร

(1) The New England Courant  

(2) Daily Courant

(3) Oxford Gazette    

(4) Boston News-Letter

ตอบ 3 หน้า 96 หนังสือพิมพ์ที่มีลักษณะเป็นหนังสือพิมพ์ที่แท้จริงฉบับแรก คือ Oxford Gazette (ต่อมาภายหลังใช้ชื่อว่า The London Gazette) โดยพิมพ์จำหน่ายครั้งแรกในปี ค.ศ. 1665 ในสมัยของ King Charles II

24.       Phonograms หมายถึงอะไร     

(1) เสียงที่เชื่อมความคิด

(2)       ภาพที่เชื่อมความคิด    (3) ภาพที่เชื่อมความหมาย      (4) เสียงที่เชื่อมต่อภาพ

ตอบ 4 หน้า 76 Phonograms คือ สัญลักษณ์รูปภาพที่เชื่อมต่อกับเสียง (เสียงที่เชื่อมต่อภาพ)ดังนั้นภาพที่แสดงความหมายแต่ละภาพก็จะมีเสียงเฉพาะสำหรับภาพนั้น ซึ่งการกำหนดว่า เสียงใดจะใช้กับภาพอะไรนั้นจะต้องมีกฎเกณฑ์มาตรฐานสำหรับกลุ่มคนที่พูดภาษานั้น ๆ เพื่อจะได้เข้าใจความหมายได้ตรงกัน

25.       อะไรคือหน้าที่ของสื่อมวลชนในการประสานสัมพันธ์ส่วนต่าง ๆ ของสังคมให้อยู่รวมกันได้

(1)       การปลูกฝังค่านิยม ความเชื่อ ไปสู่สมาชิกในสังคม (2) การรวบรวมและกระจายข้อมูลข่าวสาร

(3)       การตีความข้อมูลข่าวสาร        (4) การช่วยลดความตึงเครียดจากสถานการณ์ต่าง ๆ

ตอบ 3 หน้า 51 หน้าที่ในการประสานสัมพันธ์ส่วนต่าง ๆ ของสังคมให้อยู่รวมกันได้ตามสภาพแวดล้อมของสังคม คือ หน้าที่ในการตีความข้อมูลข่าวสาร ซึ่งถูกเสนอเกี่ยวกับ สภาพแวดล้อมของสังคม และการแนะนำว่าควรปฏิบัติต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างไร เพื่อเป็นการเสริมบรรทัดฐานทางสังคมและธำรงไว้ซึ่งความคิดเห็นที่เป็นหนึ่งเดียวกันหรือมี ความเป็นเอกฉันท์

26.       ใครคือผู้ที่สร้างสถานีวิทยุ 8XK ขึ้นมา

(1)       David Sarnoff  (2) Frank Conrad

(3) Samuel F.B. Morse       (4) Guglielmo Marconi

ตอบ 2 หน้า 163 – 164 การกระจายเสียงในสหรัฐอเมริกาเริ่มขึ้นครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายน ค.ศ. 1920 ที่เมือง Pittsburgh โดยวิศวกรที่มีชื่อว่า Dr. Frank Conrad ได้สร้างเครื่องส่งกระจายเสียงขึ้น ในโรงรถที่บ้าน และได้จดทะเบียนเป็น สถานีวิทยุ 8XK” เพื่อทดลองถ่ายทอดรายการวิทยุ ออกอากาศตามปกติในเวลาเย็น สัปดาห์ละ 2 วัน

27.       ในสมัยโบราณมนุษย์ใช้วิธีการใดในการบันทึกประวัติศาสตร์ของกลุ่มคนในสังคม

(1)       ใช้บันทึกโดยการวาดภาพ       (2) ใช้บันทึกโดยการเขียน

(3) ใช้บันทึกโดยการเล่านิทาน            (4) ใช้บันทึกโดยการพิมพ์เรื่องราว

ตอบ 3 หน้า 69 มนุษย์ในสมัยโบราณจะใช้วิธีการส่งสัญญาณและสัญลักษณ์ต่าง ๆ ในการสื่อสารกัน เช่น การใช้ธงชาติ ควันไฟ เสียงกลอง ฯลฯ ซึ่งสังคมในสมัยโบราณยุคก่อนที่จะมีการเขียน เกิดขึ้นนั้น การสื่อสารด้วยคำพูดและเสียงจะมีข้อจำกัดมาก แต่นักเล่าเรื่องราวก็สามารถ ฝึกฝนคนรุ่นใหม่ด้วยการเล่าเรื่องนิทานและตำนาน เพื่อเก็บรักษาและบันทึกประวัติศาสตร์ ของกลุ่มคนในสังคมไว้ แต่ความคิดของคนสมัยก่อนก็ไม่สามารถเก็บสะสมไว้ให้คงทนถาวรได้

28.       นักเขียนคนใดที่ถูกตัดสินประหารชีวิตโดยผู้นำแห่งประเทศอิหร่าน

(1)       Salman Satanic        (2) Satan Rushdie     (3) Salman Rushdie  (4) Satan Satanic

ตอบ 3 หน้า 94 ในปี ค.ศ. 1989 นักเขียนชาวอิหร่านที่ชื่อ Salman Rushdie ได้ถูกตัดสินลงโทษ ประหารชีวิต โดย Ayatollah Khomeini ซึ่งเป็นผู้นำทางศาสนาและผู้นำแห่งประเทศอิหร่าน ทั้งนี้มีสาเหตุอันเนื่องมาจากหนังสือของเขาที่ชื่อว่า Satanic Verses ซึ่งผู้นำประเทศเห็นว่า เป็นพิษเป็นภัยต่อสังคมมาก

29.       ประเทศใดบุกเบิกกิจการหนังสือพิมพ์

(1)       อังกฤษ            (2) อเมริกา      (3) ฮอลแลนด์  (4) เยอรมนี

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 13. ประกอบ

30.       ทฤษฎีอำนาจนิยม มีรากฐานมาจากลัทธิใด

(1) เผด็จการ    (2) มาร์กซ์       (3) โซเวียต      (4) เสรีนิยม

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 12. ประกอบ

31.       การมีปฏิกิริยาโต้ตอบกลับ หมายถึงข้อใด

(1) Defeat Feedback 

(2) Delete Feedback

(3) Detect Feedback 

(4) Delayed Feedback

ตอบ 4 หน้า 43 – 44 การมีปฏิกิริยาโต้ตอบกลับ (Delayed Feedback) ในการสื่อสารมวลชน จะมีลักษณะเป็นปฏิกิริยาโต้ตอบกลับที่ไม่ได้เกิดขึ้นในทันทีทันใด หรือสมบูรณ์แบบได้ เหมือนกับการสื่อสารแบบเผชิญหน้ากัน เช่น การที่ผู้ชมรายการโทรทัศน์เขียนจดหมาย หรือโทรศัพท์ไปยังสถานีโทรทัศน์เพื่อติชมรายการ เป็นต้น

32.       มนุษย์เราต้องการตรวจสอบ ประเมิน และควบคุมสิ่งแวดล้อมอยู่ตลอดเวลา ซึ่งการกระทำดังกล่าวจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อเรามีข้อมูลเพียงพอ เป็นแนวคิดของทฤษฎีใด

(1) ทฤษฎีสื่อสารเชิงปฏิสัมพันธ์         

(2) ทฤษฎีสื่อสารพฤติกรรม

(3) ทฤษฎีสื่อสารเชิงบริบททางสังคม  

(4) ทฤษฎีสื่อสารเชิงพฤติกรรมถอดรหัสและเข้ารหัส

ตอบ 4 หน้า 47 ทฤษฎีสื่อสารเชิงพฤติกรรมถอดรหัสและเข้ารหัส เชื่อว่า มนุษย์ต้องการตรวจสอบ ประเมิน และควบคุมสิ่งแวดล้อมอยู่ตลอดเวลา ซึ่งการกระทำดังกล่าวจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อ เรามีข้อมูลเพียงพอ ดังนั้นมนุษย์จึงต้องทำการสื่อสารด้วยการถอดรหัสและเข้ารหัสความหมายของสารอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ได้ข้อมูลข่าวสารอย่างเพียงพอ

33.       ระบบสื่อมวลชนตามทฤษฎีอำนาจนิยม เกิดขึ้นในยุคใด

(1) ก่อนกำเนิดการพิมพ์          (2) ช่วงระหว่างกำเนิดการพิมพ์

(3) หลังกำเนิดการพิมพ์          (4) ช่วงปลายกำเนิดการพิมพ์

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 7. ประกอบ

34.       Mass Communication มีความหมายตรงกับข้อใด

(1)       กระบวนการออกแบบสารจำนวนมากที่มีความหลากหลาย

(2)       กระบวบการเลือกสรรสารที่มีความหลากหลาย

(3)       กระบวนการที่ผู้ส่งสารส่งสารไปยังผู้รับสารที่มีจำนวนมาก

(4)       กระบวนการส่งสารจากผู้ส่งสารไปยังผู้รับสาร

ตอบ 3 หน้า 37 การสื่อสารมวลชน (Mass Communication) คือ กระบวนการที่ผู้ส่งสารมืออาชีพ ออกแบบการใช้สื่อในการเผยแพร่ข่าวสารไปอย่างกว้างไกล รวดเร็ว และมีความต่อเนื่อง เพื่อที่จะ ส่งความหมายตามที่ตั้งใจไปยังผู้รับสารที่มีจำนวนมาก มีความหลากหลาย ซึ่งอยู่ในที่ต่าง ๆ กัน และสารที่ส่งมาก็ได้รับการเลือกสรรมาแล้ว โดยผู้ส่งสารพยายามที่จะให้สารนั้นมีอิทธิพลเหนือ ผู้รับสารด้วยวิธีการต่าง ๆ

35.       สื่อใดที่เป็นสื่อมวลชน

(1)โทรศัพท์      (2) เครื่องโทรสาร

(3) การบรรยายผ่านทางโทรทัศน์วงจรปิด       (4) การปราศรัยผ่านเครือข่ายวิทยุโทรทัศน์

ตอบ 4 หน้า 37 – 38 สื่อมวลชนที่สำคัญ มีดังนี้

1.         สื่อสิ่งพิมพ์ ได้แก่ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร หนังสือ แผ่นปลิวโฆษณา ฯลฯ

2.         ภาพยนตร์ ได้แก่ ภาพยนตร์โฆษณา ฯลฯ

3.         สื่อการกระจายเสียงหรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ เคเบิลทีวี วิดีโอคาสเซ็ท ฯลฯ

4.         สื่อสังคมออนไลน์ เช่น ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ฯลฯ

(ส่วนโทรศัพท์ เครื่องโทรสาร และการบรรยายผ่านทางโทรทัศน์วงจรปิด ไม่ได้เข้าลักษณะ ของการสื่อสารมวลชน แต่เป็นรูปแบบการสื่อสารของมนุษย์)

36.       คนที่อาศัยอยู่ในสังคมชนบท มีการรับรู้ข่าวสารกันอย่างไร   

(1) รับรู้ข่าวสารจากเพื่อน

(2)       รับรู้ข่าวสารจากครอบครัว      (3) รับรู้ข่าวสารจากสื่อ            (4) รับรู้ข่าวสารจากผู้อื่น

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 2. ประกอบ

37.       การนำสื่อกลางเข้ามาใช้ในการสื่อสาร ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร

(1)       เกิดการขาดหายไปของผู้ส่งสาร          (2) เกิดการขาดหายไปของผู้รับสาร

(3)       เกิดการขาดหายไปของสาร    (4) เกิดการขาดหายไปของการโต้ตอบกลับ

ตอบ4 หน้า 39 การนำสื่อกลางเข้ามาใช้ในการสื่อสารระหว่างคน 2 คน หรือการสื่อสารกลุ่มย่อย ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงทางกระบวนการสื่อสารอย่างชัดเจน ซึ่งผลที่เกิดขึ้นที่สำคัญมีอยู่ 2 ข้อ ได้แก่

1.         การขาดหายไปของปฏิกิริยาโต้ตอบ (Feedback) หรือการโต้ตอบกลับ

2.         ข้อจำกัดของผลที่เกิดขึ้น เพราะการขาดหายไปของปฏิกิริยาโต้ตอบนั้น

38.       คุณสมบัติที่ดีของรายการวิทยุ ควรประกอบด้วยอะไรบ้าง     

(1) รับฟังได้ทุกที่

(2)       รับฟังได้ชัดเจน (3) รับฟังได้ชัดไม่มีคลื่นแทรกรบกวน (4) เหมาะสำหรับรับฟังในบ้าน

ตอบ 3 หน้า 162, (คำบรรยาย) คุณสมบัติที่ดีของรายการวิทยุ คือ เป็นรายการที่ผู้ฟังส่วนใหญ่ ต้องการฟัง นอกจากนี้การรับฟังรายการวิทยุจะต้องมีความชัดเจน ปราศจากคลื่นรบกวน และเสียงแทรกจากสถานีอื่น

39.       การสื่อสารมวลชนเป็นกระบวนการสื่อสารลักษณะใด

(1)       กระบวนการสื่อสารแบบ Linener Process

(2)       กระบวนการสื่อสารแบบ Linear Process

(3)       กระบวนการสื่อสารแบบ Face-to-Face Process

(4)       กระบวบการสื่อสารแบบ One-to-One Process

ตอบ 2 หน้า 29 – 3039 การสื่อสารมวลชนเป็นกระบวนการสื่อสารในแนวเส้นตรง (Linear Process) ซึ่งผู้ส่งสารได้เข้ารหัสความหมายของสาร และส่งสารมากมายหลายชนิดผ่านสื่อมวลชนไปยัง ที่ต่าง ๆ ในสาธารณะด้วยเหตุผลหลายประการ เพื่อให้แพร่กระจายไปยังผู้รับสารจำนวนมาก ที่แตกต่างกัน ซึ่งผู้รับสารจะเลือกรับสารตามวิธีการของแต่ละคน และแปลความหมายของสารที่ คัดเลือกไว้ โดยความหมายของสารอาจเหมือนหรือไม่เหมือนกับที่ผู้ส่งสารหมายความถึงก็ได้

40.       หน้าที่ในการติดตามเอาใจใส่เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคม เป็นหน้าที่ทางด้านใด

(1)       ประสานสัมพันธ์ส่วนต่าง ๆ ของสังคม            (2) ให้ความบันเทิง

(3)       สังเกตการณ์สภาพแวดล้อมของสังคม           (4) ถ่ายทอดมรดกทางสังคม

ตอบ 3 หน้า 51 หน้าที่ในการสังเกตการณ์สภาพแวดล้อมของสังคม คือ หน้าที่ในการสังเกตและ ติดตามเอาใจใส่เกี่ยวกับเหตุการณ์หรือเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับสภาพแวดล้อมของสังคม ทั้งที่เกิดขึ้นภายในและภายนอกสังคม โดยสื่อมวลชนจะทำหน้าที่ในการรวบรวมและกระจาย ข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ เพื่อที่จะเตือนให้ทราบถึงอันตรายที่คาดว่าจะมี รวมถึงการให้ข้อมูลข่าวสาร ที่จำเป็นต่อเศรษฐกิจ สังคม และประชาชนทั่วไป

41.       แนวคิดเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคมของสื่อมวลชน มีที่มาจากบรรณาธิการและผู้พิมพ์หนังสือพิมพ์ ในประเทศอะไร

(1)       อังกฤษ            

(2) เยอรมนี      

(3) อเมริกา      

(4) ฝรั่งเศส

ตอบ 3 หน้า 65 แนวคิดเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคมของสื่อมวลชน มีที่มาจากบรรณาธิการและผู้พิมพ์หนังสือพิมพ์ในสหรัฐอเมริกาที่ได้คาดการณ์ไว้ว่า ใบศตวรรษที่ 20 ระบบของสื่อมวลชน จะต้องเปลี่ยนแปลงไปจากระบบเสรีนิยม คือ สื่อมวลชนจะต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคม เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะตรงกับปฏิกิริยาของประชาชนที่ต้องการให้มี การปฏิวัติการสื่อสาร(The Communication Revolution)

42.       ระบบทฤษฎีใดที่ให้ความสำคัญของความเป็นมนุษย์           

(1) ทฤษฎีความรับผิดชอบต่อสังคม

(2)       ทฤษฎีเสรีนิยม            

(3) ทฤษฎีโซเวียตคอมมิวนิสต์ 

(4) ทฤษฎีอำนาจนิยม

ตอบ 2 หน้า 61 ระบบสื่อมวลชนตามทฤษฎีเสรีนิยมจะให้ความสำคัญของความเป็นมนุษย์เพราะมองว่ามนุษย์สามารถพึ่งตนเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพาคนอื่น มนุษย์เป็นคนที่มีเหตุผล สามารถมองเห็นความแตกต่างระหว่างความจริงและความผิด สามารถตัดสินใจเลือกทางเลือก ที่ดีกับทางเลือกที่ไม่ดี เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหลักฐานที่ขัดแย้งและทางเลือกต่าง ๆ กัน

43.       สื่อชนิดแรกที่มนุษย์ใช้ในการบันทึกเรื่องราว คืออะไร

(1) แผ่นหนัง    (2) แผ่นกระดาษ         (3) แผ่นดินเหนียว       (4) แผ่นหิน

ตอบ 4 หน้า 69 สื่อชนิดแรกที่มนุษย์ในสมัยก่อนใช้ในการสื่อสารกัน คือ แผ่นหิน (Stone) ซึ่งใช้สำหรับบันทึกเรื่องราว แต่การใช้แผ่นหินเป็นเรื่องที่มีความยุ่งยากมาก เพราะเอกสารแผ่นหิน (Stone Documents) ไม่สามารถเคลื่อนย้ายหรือนำติดตัวไปได้โดยง่าย

44.       มนุษย์เราใช้สื่อมวลชนอย่างไร

(1)       ใช้อย่างมีจุดมุ่งหมาย (2) ใช้อย่างรอบคอบ   (3) ใช้เพื่อความรู้         (4)ใช้เพื่อความบันเทิง

ตอบ 1 หน้า 56 – 57 แนวคิดทฤษฎีการใช้สื่อเพื่อประโยชน์และความพึงพอใจ จะเน้นที่ความสำคัญของผู้รับสารในฐานะที่เป็นปัจจัยหลัก ซึ่งมีข้อสรุปดังนี้

1.         มนุษย์จงใจที่จะแสวงหาข่าวสาร ไม่ได้ถูกยัดเยียดให้อ่าน ดู หรือฟัง

2.         การใช้สื่อมวลชนของมนุษย์ย่อมมีจุดมุ่งหมาย

3.         สื่อสารมวลชนต้องแข่งขันกับสิ่งเร้าอื่น ๆ ที่อาจตอบสนองความต้องการการรับรู้ของมนุษย์ได้

4.         มนุษย์เป็นผู้กำหนดความต้องการของตัวเองจากความสนใจและแรงจูงใจที่เกิดขึ้นในกรณีต่าง ๆ กัน

45.       ใครเป็นผู้ที่ดำเนินการ Pennsylvania Gazette ในเมือง Philadelphia

(1) Benjamin Franklin

(2)       Benjamin Day (3) Benjamin Harris  (4) James Franklin

ตอบ 1 หน้า 98 ในปี ค.ศ. 1729 Benjamin Franklin ได้เข้ามาดำเนินงานที่หนังสือพิมพ์ The Pennsylvania Gazette ในเมือง Philadelphia และประสบผลสำเร็จอีกด้วย

46.       การควบคุมสื่อมวลชนตามระบบทฤษฎีเสรีนิยม มีวิธีการอย่างไร

(1) รัฐควบคุมสื่อมวลชน          (2) สื่อมวลชนควบคุมกันเอง

(3)       ประชาชนควบคุมสื่อมวลชน    (4) เอกชนควบคุมสื่อมวลชน

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 17. ประกอบ

47.       Marconi ได้จัดตั้งบริษัทใดขึ้นมาเพื่อดูแลผลประโยชน์จากสิ่งประดิษฐ์ของเขา

(1) The Marconi Company        (2) The American Company

(3)       The American Marconi Company

(4) The American Marconi Communication Company

ตอบ 3 หน้า 161 ในปี ค.ศ. 1899 Guglielmo Marconi ได้จัดตั้งบริษัท The American Marconi Company ขึ้น เพื่อปกป้องความเป็นเจ้าของสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ และเพื่อดูแลผลประโยชน์ ที่ได้มาจากการสื่อสารแบบไร้สาย (Wireless Communication)

48.       ความเชื่อ ความคิดเห็น และทัศนคติของมนุษย์ เป็นผลมาจากสิ่งใด

(1)       ผู้ส่งสาร          (2) เนื้อหาสาร  (3) ผู้รับสาร     (4) จุดหมายปลายทาง

ตอบ 2 หน้า 36 เนื้อหาของสารสามารถมีอิทธิพลต่อความเชื่อ ความคิดเห็น และทัศนคติของมนุษย์ได้โดยการเปลี่ยนความคิดของมนุษย์ในเรื่องปัญหาของสังคมหรือความนิยมต่อพรรคการเมือง จะถูกกระตุ้นด้วยเนื้อหาสาร ซึ่งสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมของคนได้ เช่น การมีอิทธิพลต่อการซื้อ การบริจาค การแต่งกายตามแฟชั่น การเลิกสูบบุหรี่ การลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ฯลฯ

49.       ผู้ส่งสารมวลชน มีลักษณะอย่างไร    

(1) เป็นองค์กรที่เป็นทางการที่มีค่าใช้จ่ายสูงมาก

(2)       เป็นองค์กรที่มีโครงสร้างง่าย ๆ ไม่สลับซับซ้อน

(3)       เป็นองค์กรที่มีรูปแบบไม่เป็นทางการ

(4)       เป็นองค์กรที่มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานไม่สูงมาก

ตอบ 1 หน้า 24 Dennis McQuail ได้ให้ทัศนะเกี่ยวกับคุณลักษณะของการสื่อสารมวลชนไว้ ประการหนึ่ง คือ ผู้ส่งสารมวลชนเป็นองค์กรที่มีโครงสร้างซับซ้อน มีค่าใช้จ่ายในการ ดำเนินงานที่สูงมาก และเป็นองค์กรที่มีรูปแบบเป็นทางการ

50.       ระบบสื่อมวลชนตามทฤษฎีเสรีนิยม เริ่มใช้เป็นครั้งแรกที่ประเทศใด

(1)       ฝรั่งเศส            (2) เยอรมนี      (3)       อเมริกา            (4)       อังกฤษ

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 17. ประกอบ

51.       The London Gazette มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าอะไร

(1) Daily Courant

(2)       The England Gazette       

(3) Oxford Gazette 

(4) The New England Courant

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 23. ประกอบ

52.       ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นผู้กรองสาร หมายถึงข้อใด

(1) ผู้เขียนข่าว 

(2) ผู้ประกาศข่าว        

(3)       ผู้อ่านข่าว         

(4)       ผู้ชมข่าว

ตอบ 1 หน้า 55 ผู้เฝ้าประตู (Gate Keeper) หรือผู้กรองสาร หมายถึง บุคคลที่ทำหน้าที่ตรวจสอบ คัดเลือก และตีความสาร ก่อนที่จะส่งผ่านไปยังผู้รับสาร จึงเป็นเสมือนนายทวารในการรับข่าวสาร ของประชาชน โดยจะควบคุมการไหลของข่าวสารและตัดสินว่าข่าวอะไรควรจะส่งต่อไป และข่าวอะไรควรจะตัดออกไปทั้งหมด ซึ่งบุคคลที่ทำหน้าที่นี้ ได้แก่ นักข่าวหรือผู้สื่อข่าว บรรณาธิการข่าว ผู้เขียนข่าว ผู้พิมพ์ นักวิจารณ์ ฯลฯ

53.       การโฆษณาขายสินค้าทาง Internet เป็นการสื่อสารแบบใด       

(1) การสื่อสารระหว่างบุคคล

(2)       การสื่อสารส่วนบุคคล  (3) การสื่อสารมวลชน (4) การสื่อสารกลุ่มย่อย

ตอบ 3 หน้า 1419 การสื่อสารมวลชน (Mass Communication) คือ การสื่อสารที่เกี่ยวข้องกับสื่อสิ่งพิมพ์ เช่น หนังสือ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร ฯลฯ หรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น ภาพยนตร์ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ ระบบเครือข่าย Internet ฯลฯ เพื่อทำการสื่อสารกับคน จำนวนมากซึ่งอยู่ในที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศหรือทั่วโลก โดยไม่มีการเผชิญหน้ากันระหว่าง ผู้ส่งสารกับผู้รับสาร

54.       การสื่อสารมวลชนเกี่ยวข้องกับผู้รับสารที่มีลักษณะอย่างไร

(1)       ผู้รับสารจำนวนมากที่มีความหลากหลาย

(2)       ผู้รับสารจำนวนหนึ่งที่มีความหลากหลาย

(3)       ผู้รับสารจำนวนมากที่มีความหลากหลายแตกต่างกัน

(4)       ผู้รับสารจำนวนหนึ่งที่มีความหลากหลายแตกต่างกัน

ตอบ 3 หน้า 38 ลักษณะที่สำคัญของการสื่อสารมวลชน ซึ่งมีความแตกต่างจากการสื่อสาร ในรูปแบบอื่น มีดังนี้ 1. การสื่อสารมวลชนต้องอาศัยเครื่องมือ หรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์

2.         ผู้รับสารมวลชนมีจำนวนมาก และมีความหลากหลายแตกต่างกัน

3.         ผู้รับสารมวลชนอยู่ในที่ต่าง ๆ กัน

55.       ระบบสื่อมวลชนตามทฤษฎีความรับผิดชอบต่อสังคม พัฒนามาจากทฤษฎีใด

(1) ทฤษฎีอำนาจนิยม (2) ทฤษฎีเสรีนิยม

(3)       ทฤษฎีโซเวียตคอมมิวนิสต์      (4) ทฤษฎีความรับผิดชอบต่อสังคม

ตอบ 2 หน้า 64 ระบบสื่อมวลชนตามทฤษฎีความรับผิดชอบต่อสังคม ไต้รับการพัฒนามาจากทฤษฎี เสรีนิยมที่เกิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ ซึ่งสื่อมวลชนเกือบจะเป็นอิสระเต็มที่ จากอิทธิพลของรัฐบาล และยังมีการส่งเสริมให้สื่อมวลชนทำหน้าที่เป็น ฐานันดรที่ 4” (A Fourth Estate) ต่อจากนั้นจึงได้มีการพัฒนาให้สื่อมวลชนมีความรับผิดชอบต่อสังคม มากยิ่งขึ้นจนกลายมาเป็นทฤษฎีใหม่นี้

56.       ตามระบบทฤษฎีเสรีนิยม ส่วนใหญ่ใครที่เป็นเจ้าของสื่อมวลชน

(1) เอกชน        (2) รัฐบาล       (3)       ผู้ปกครอง        (4)       สื่อมวลชน

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 17. ประกอบ

57.       Miscommunication หมายถึงอะไร

(1) ความผิดพลาดในการสื่อสาร         (2) ความสำเร็จในการสื่อสาร

(3)       ความมีประสิทธิภาพในการสื่อสาร      (4) ความล้มเหลวในการสื่อสาร

ตอบ 1 หน้า 4 การสื่อสารจะประสบผลสำเร็จ (Effective Communication) ก็ต่อเมื่อผู้รับสาร ได้รับสารแล้วแปลสารให้เข้าใจตรงกับที่ผู้ส่งสารต้องการ แต่ถ้าหากผู้รับสารได้รับสารแล้วแปลสาร ไม่ตรงตามความหมายที่ผู้ส่งสารต้องการ ก็จะเกิดสิ่งที่เรียกว่า ความล้มเหลวในการสื่อสาร (Communication Breakdown) หรือเกิดความผิดพลาดในการสื่อสาร (Miscommunication)

58.       ตัวอักษร Cuneiform Writing เป็นของพวกใด

(1) Etruscans     (2) Roman          (3)       Sumerians        (4)       Greek

ตอบ 3 หน้า 78 – 79 ระบบเสียงของภาษาเขียนเกิดขึ้นเมื่อชาวสุเมเรียน (Sumerians) ซึ่งเป็นพวกเกษตรกรที่อาศัยอยู่ระหว่าง 3,000 – 1,700 B.C. ภายใต้ดินแดนที่เรียกว่า Fretile Crescent (ดินแดนที่รวมเอาส่วนหนึ่งของ Iraq อยู่ด้วย) ได้นำตัวอักษรมาแก้ไขปรับปรุง และเริ่มใช้ การเขียนตัวอักษรคิวนิฟอร์ม (Cuneiform Writing) ไว้ในแผ่นดินเหนียว (Clay Tablet)ซึ่งนำมาใช้เป็นสื่อกลางได้ดีกว่าถ้าจะเปรียบเทียบกับแผ่นหิน

59.       การโทรศัพท์ถึงเพื่อน ๆ ที่เชียงใหม่ เป็นการสื่อสารแบบใด   

(1) การสื่อสารในสาธารณะ

(2)       การสื่อสารระหว่างบุคคล        (3) การสื่อสารมวลชน (4) การสื่อสารกลุ่มย่อย

ตอบ 2 หน้า 182237 – 38, (คำบรรยาย) การสื่อสารระหว่างบุคคล (Interpersonal Communication) คือ การสื่อสารที่เกิดขึ้นระหว่างบุคคลหนึ่งกับอีกบุคคลหนึ่ง หรือกับคนอื่น ที่มีจำนวนไม่มากนัก โดยบางครั้งผู้ส่งสารกับผู้รับสารก็มีความคุ้นเคยกัน เช่น การพูดคุยกันใน กลุ่มเพื่อนการสื่อสารกันในงานเลี้ยงสังสรรค์การพูดคุยและส่ง SMS/MMS กันทางโทรศัพท์การเขียนจดหมายถึงกัน ฯลฯ หรืออาจไม่มีความคุ้นเคยกัน เช่น คนแปลกหน้าพูดคุยกัน บนถนน บนรถโดยสาร หรือในห้างสรรพสินค้า ๆลฯ นอกจากนี้การใช้เครื่องโทรสารและ เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัว เพื่อติดต่อหรือแลกเปลี่ยนข่าวสารระหว่างกัน ก็เป็นการสื่อสาร ระหว่างบุคคลด้วยเช่นกัน

60.       การสั่งซื้อสินค้าทางโทรสาร เป็นการสื่อสารแบบใด  

(1) การสื่อสารระหว่างบุคคล

(2)       การสื่อสารส่วนบุคคล (3) การสื่อสารมวลชน (4) การสื่อสารกลุ่มย่อย

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 59. ประกอบ

61.       มนุษย์ในสมัยก่อนยังไม่มีการพูดเพื่อการสื่อสารกัน เพราะโครงสร้างทางร่างกายที่ทำให้มนุษย์พวกใดไม่สามารถควบคุมเสียงที่เปล่งออกมาเป็นคำพูดได้

(1)       Cro-Magnon 

(2) Homo Erectus 

(3) Neanderthal 

(4) Habilis

ตอบ 2 หน้า 1 มนุษย์ในสมัยก่อน เช่น พวก Australopithecus, Homo Habilis และ Homo Erectus ยังไม่มีการพูดเพื่อสื่อสารกัน ทั้งนี้เป็นเพราะลักษณะโครงสร้างของกล่องเสียงยังเหมือนกับ พวกลิงที่ส่งเสียงได้เท่านั้น และด้วยโครงสร้างทางกายภาพด้านร่างกายก็ทำให้มนุษย์พวกนี้ ไม่สามารถควบคุมเสียงให้เปล่งออกมาเป็นคำพูดได้

62.       นายกสมาคมศิษย์เก่ากำลังฝึกซ้อมอ่านคำปราศรัยของตัวเอง เพื่อจะได้ไมเกิดการผิดพลาดในงานการกุศลหาทุนเพื่อช่วยเด็กผู้ยากไร้ นายกสมาคมศิษย์เก่ากำลังใช้การสื่อสารแบบใด

(1)       การสื่อสารมวลชน       

(2) การสื่อสารในที่สาธารณะ

(3)       การสื่อสารระหว่างบุคคล       

(4) การสื่อสารส่วนบุคคล

ตอบ 4 หน้า 18, (คำบรรยาย) การสื่อสารส่วนบุคคล (Intrapersonal Communication) คือการสื่อสารที่เกิดขึ้นภายในร่างกายหรือในตัวของเราเอง ซึ่งเรื่องราวหรือเนื้อหาจะประกอบด้วย ความคิด และสื่อกลางหรือช่องทางคือ ระบบประสาทที่ผ่านความคิดและกระบวนการในสมอง เช่น การพูดเบา ๆ การซ้อมร้องเพลง หรือฝึกซ้อมอ่านคำปราศรัย และการคิดถึงสิ่งหนึ่งสิ่งใด ในใจแล้วพูดรำพึงรำพัน หรือหัวเราะกับตัวเอง ฯลฯ

63.       พวกกรีกได้นำตัวอักษรของพวกใดมาแก้ไขปรับปรุงให้มีความสวยงามขึ้น

(1)       Etruscans (2) Romania      (3) Roman          (4) Sumerians

ตอบ 4 หน้า 77 ชาวกรีกไม่ได้เป็นผู้สร้างตัวอักษรขึ้นมาเอง แต่พวกเขาได้แก้ไขปรับปรุงตัวอักษร ให้มีความสวยงามขึ้นกว่าของพวก Phoenicians, Assyrians, Babylonians ไปจนถึงพวก Sumerians ซึ่งอาจจะเป็นผู้ที่เริ่มสร้างตัวอักษรก็ได้ หลังจากนั้นในสมัยต่อมาชาวโรมันก็ได้ แก้ไขปรับปรุงตัวอักษรที่นำมาจากพวก Etruscans ซึ่งได้ลอกเลียนมาจากตัวอักษรของ พวกกรีกอีกที แล้วทำให้มีความสวยงามจนกลายเป็นแบบของตัวอักษรที่ใช้กันในปัจจุบัน

64.       Communication Breakdown หมายถึงอะไร

(1)       ความมีประสิทธิภาพในการสื่อสาร      (2) ความผิดพลาดในการสื่อสาร

(3)       ความล้มเหลวในการสื่อสาร    (4) ความสำเร็จในการสื่อสาร

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 57. ประกอบ

65.       การสื่อสารของมนุษย์มีจุดเริ่มต้นมาจากสิ่งใด

(1) ความคิด    (2) ภาษา         (3) กิริยาท่าทาง           (4) ภาพเขียน

ตอบ 2 หน้า 1 การใช้ภาษาได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อประมาณ 40,000 ปีมาแล้ว และการสื่อสารก็เริ่มมีการ พัฒนาขึ้นเป็นครั้งแรกด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า ภาษา คือ จุดเริ่มต้นของกระบวนการ สื่อสารของมนุษย์ที่พัฒนาต่อมาจนถึงการสื่อสารมวลชน

66.       หนังสือที่พวกพระเป็นผู้ที่คัดลอกหนังสือด้วยมือเป็นจำนวนพัน ๆ เล่ม เรียกว่าอะไร

(1) Manuscripto         (2) Manuscripti          (3) Scriptoria    (4) Scripti

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 15. ประกอบ

67.       นิตยสารฉบับใดที่มีความเหมาะสมมากที่สุดกับคำว่า นิตยสาร

(1) General’s Magazine    (2) Gentle’s Magazine

(3) Gentleman’s Magazine        (4) Genre’s Magazine

ตอบ 2 หน้า 114 นิตยสารที่ชื่อ “Gentle’s Magazine” ของ Edward Cave ถือว่าเป็นสิ่งพิมพ์ที่เหมาะสมมากที่สุดกับคำว่า นิตยสาร” เพราะเป็นสิ่งพิมพ์ชนิด Storehouse ที่รวมเรื่องราว ต่าง ๆ ทั้งรายงาน บทความ ตลอดจนเรื่องที่เคยตีพิมพ์ในนิตยสารฉบับอื่นมาแล้ว นอกจากนี้ ก็ยังมีบทบาทหน้าที่และมีบางอย่างที่เหมือนกับรูปแบบของ Reader’s Digestในปัจจุบัน

68.       การปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชนใบระบบทฤษฎีอำนาจนิยม มีลักษณะแบบใด

(1) ปฏิบัติหน้าที่ตามความต้องการของสาธารณชน (2) ปฏิบัติหน้าที่ตามความต้องการของสื่อมวลชน (3) ปฏิบัติหน้าที่ตามความต้องการของผู้ปกครอง        (4) ปฏิบัติหน้าที่ตามความต้องการของนายทุน

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 7. ประกอบ

69.       ข้อใดที่ไม่ใช่ลักษณะของหนังสือพิมพ์ที่แท้จริง

(1) วางจำหน่ายอย่างสม่ำเสมอ          (2) พิมพ์โดยใช้เครื่องมือในการพิมพ์

(3) พิมพ์จำหน่ายอย่างน้อยเดือนละฉบับ       (4) ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 22. ประกอบ

70.       ประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 17 เกิดขึ้นในยุคใด

(1) หนังสือพิมพ์ยุคราชสำนัก  (2) หนังสือพิมพ์ยุคประชาธิปไตยระยะแรก

(3) หนังสือพิมพ์ยุคมืด (4) หนังสือพิมพ์ยุคปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน

ตอบ3 หน้า 103 หนังสือพิมพ์ยุคมืด (พ.ศ. 2501 – 2512) เป็นยุคที่รัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ใช้อำนาจเข้าควบคุมและบังคับไม่ให้หนังสือพิมพ์แสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรี โดยการ ออกกฎหมายเป็น “’ประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 17” อีกทั้งยังใช้กำลังคุกคามสิทธิเสรีภาพของนักหนังสือพิมพ์โดยการจับกุมและตั้งข้อหาว่ามีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์

71.       ประเทศอะไรสามารถผลิตกระดาษจากต้นไม้ได้เป็นชาติแรก

(1)  โรมัน    

(2) กรีก            

(3) อียิปต์        

(4) จีน

ตอบ 3 หน้า 79 ในยุค 3,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช ชาวอียิปต์สามารถผลิตกระดาษได้สำเร็จเป็นชาติแรก โดยได้พัฒนาวิธีการทำกระดาษมาจากต้น Papyrus (ปัจจุบันเรียกว่า Paper) ซึ่งเป็นต้นไม้ จำพวกต้นกกหรือหญ้าที่ขึ้นอยู่ใบบริเวณที่มีน้ำเฉอะแฉะริมฝั่งแม่น้ำไนล์ (The Nile)

72.       การพัฒนาเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในปี ค.ศ. 1969 เรียกว่าอะไร

(1) ARPANET      

(2) ARNET 

(3) APANET        

(4) ALPANET

ตอบ 1 หน้า 193 – 194 การพัฒนาเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 1969 โดยมีเครือข่ายที่ เรียกว่า ARPANET (Advanced Research Projects Agency Network) เกิดขึ้นมาครั้งแรก ในโลก และได้มีการพัฒนาโดยกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลัก คือ การทำให้คอมพิวเตอร์สามารถเชื่อมต่อและมีปฏิสัมพันธ์กันได้จนเกิดระบบ World Wide Web ที่ใช้ระบบไฮเปอร์เท็กซ์ ซึ่งเป็นรูปแบบการนำเสนอข้อความเป็นหลัก โดยมีการเชื่อมโยง ระหว่างกันทั้งภายใน ภายนอก และไปยังส่วนที่เกี่ยวข้อง

73.       Ideographic Writing หมายถึงอะไร

(1) ความคิด    (2) ความนึกคิด           (3) ภาพความคิด         (4) การเขียนภาพ

ตอบ 3 หน้า 74 ระบบการสื่อสารที่เรียกว่า Ideographic Writing หมายถึง ภาษาเขียนที่บอก ความคิด หรือการเขียนภาพความคิด ซึ่งบางครั้งก็อาจเรียกว่า Pictographic Writing คือ การเขียนภาษาภาพ หรือเรียกว่า Thought Writing คือ การเขียนความคิด การแสดงความคิด เฉพาะเรื่อง หรือความหมายเฉพาะด้วยรูปภาพ

74.       การโฆษณาการทำหนังสือ คืออะไร

(1) Scriptoria     (2) Scripti  (3) Scroll   (4) Scar

ตอบ 1 หน้า 83 ในขณะที่ยุโรปกำลังจะผ่านพ้นยุคมืด (Dark Ages) ไปอย่างช้า ๆ นั้น ความสนใจ ในเรื่องของหนังสือและการเขียนได้มีการพัฒนาขึ้น มีผู้รู้หนังสือมากขึ้น จึงไม่เพียงแต่พวกพระ เท่านั้นที่สามารถคัดลอกหนังสือด้วยลายมือได้ โดยในศูนย์กลางเมืองที่เจริญหลาย ๆ เมือง ก็มีการโฆษณาการทำหนังสือและการขายขึ้น เรียกว่า Scriptoria ซึ่งองค์ประกอบสำคัญที่ สนับสนุนให้มีการผลิตหนังสือก็คือ การที่ประชาชนมีความรู้มากขึ้น

75.       Pictographic Writing หมายถึงอะไร

(1) ภาพ           (2) ความนึกคิด           (3) ภาพความคิด         (4) ความคิด

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 73. ประกอบ

76.       ผู้รับสารมวลชน มีลักษณะอย่างไร

(1) ผู้รับสารมีความแตกต่างกัน           (2) ผู้รับสารมีจำนวนมาก

(3)       ผู้รับสารมีจำนวนจำกัด            (4) ผู้รับสารจำนวนมากมีความแตกต่างกัน

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 54. ประกอบ

77.       ระบบทฤษฎีใดที่ถือว่าสื่อมวลชนเป็นของราชสำนัก

(1) ทฤษฎีอำนาจนิยม (2) ทฤษฎีเสรีนิยม

(3) ทฤษฎีโซเวียตคอมมิวนิสต์ (4) ทฤษฎีความรับผิดชอบต่อสังคม

ตอบ 1 หน้า 60 ระบบสื่อมวลชนตามทฤษฎีอำนาจนิยมในประเทศอังกฤษ กษัตริย์ในราชวงศ์ทิวดอร์ (Tudors) และราชวงศ์สจ๊วตส์ (Stuarts) จะถือว่า หนังสือพิมพ์และสื่อมวลชนเป็นของ ราชบัลลังก์หรือราชสำนักเท่านั้น ดังนั้นสื่อมวลชนจึงต้องสนับสนุนนโยบายของกษัตริย์

78.       แบบจำลองใดเป็นลักษณะของการสื่อสารสองทาง (Two Way Communication)

(1) แบบจำลองของลาสเวลส์  (2) แบบจำลองของออสกูด-ชแรมม์

(3) แบบจำลองของไวท์           (4) แบบจำลองของไรท์

ตอบ 2 หน้า 26 แบบจำลองซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในเรื่องของการมีปฏิกิริยาโต้ตอบในกระบวนการสื่อสาร ได้แก่ แบบจำลองของออสกูด-ชแรมม์, (The Osgood-Schramm Circular Model) ซึ่งเป็นลักษณะของการสื่อสารสองทาง (Two Way Communication) เพราะการมีปฏิกิริยาโต้ตอบระหว่างผู้ส่งสารกับผู้รับสาร

79.       สถานีวิทยุกระจายเสียงของไทยที่ทำการทดลองออกอากาศเป็นครั้งแรก มีชื่อว่าอะไร

(1)       4 พี.พี (2) 4 พี.เจ        (3) 4 เอช.เค     (4) 4 เจ.เจ

ตอบ 2 หน้า 169 เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2471 สถานีที่มีชื่อว่า 4 พี.เจ” (บูรฉัตรไชยากร) เป็นสถานีวิทยุกระจายเสียงของไทยที่ทำการทดลองออกอากาศเป็นครั้งแรก ด้วยขนาด คลื่นสั้น 37 เมตร กำลังส่ง 200 วัตต์ ดังนั้นจึงนับเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยมีเครื่องส่ง วิทยุกระจายเสียง (ทดลอง)

80.       วิทยุโทรทัศน์เกิดขึ้นครั้งแรกในสมัยใด          

(1) ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1

(2)       หลังสงครามโลกครั้งที่ 1        (3) ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2   (4) หลังสงครามโลกครั้งที่ 2

ตอบ 3 หน้า 175 วิทยุโทรทัศน์เกิดขึ้นครั้งแรกท่ามกลางความขัดแย้งในสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2แต่หยุดชะงักลงชั่วคราวระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 และถูกเปลี่ยนจากปรากฏการณ์ทาง วิทยาศาสตร์ไปสู่การเป็นสื่อมวลชนที่ทันสมัยที่สุดในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2

81.       สารมวลชน มีลักษณะอย่างไร

(1) สารถูกเผยแพร่ทางการกระจายเสียง        

(2) สารถูกเผยแพร่ไปยังผู้รับสาร

(3)       สารถูกเผยแพรโดยผ่านเทคนิคพิเศษ 

(4) สารถูกเผยแพร่โดยผู้ส่งสาร

ตอบ 3 หน้า 30 ลักษณะของสารมวลชน คือ สารจะถูกเผยแพร่หรือถ่ายทอดออกไปให้ผู้รับสาร โดยผ่านการใช้เทคนิคพิเศษของสื่อ ได้แก่ ภาพยนตร์ สิ่งพิมพ์ หรือการกระจายเสียงไปได้ อย่างกว้างไกลเท่าที่สามารถจะทำได้

82.       ภาพยนตร์เรื่องที่มีบทพูดเป็นเรื่องแรก The Jazz Singer สร้างโดยบริษัทใด

(1) Warner Brothers 

(2) Paramount  

(3) Columbia     

(4) Universal

ตอบ 1 หน้า 148 ในระหว่างปี ค.ศ. 1927 – 1928 บริษัท Warner Brothers ได้ผลิตภาพยนตร์ที่มี บทพูดเป็นเรื่องแรกคือ เรื่อง The Jazz Singer นำแสดงโดย AL Jason ซึ่งเป็นภาพยนตร์ ที่มีเสียงเพียงบางช่วงเพราะระบบเสียงยังไม่สามารถทำงานได้เต็มระบบ โดยใส่เสียงได้เพียง 2-3 เพลง และมีบทพูดอีก 2-3 นาที ส่วนที่เหลือก็เป็นภาพยนตร์เงียบหรือไม่มีเสียง

83.       มนุษย์พวกใดที่สามารถสื่อสารกันโดยใช้ภาษาท่าทาง และการเคลื่อนไหวร่างกาย

(1) Homo Erectus (2) Cro-Magnon (3) Habilis    (4) Neanderthal

ตอบ 4 หน้า 1 มนุษย์พวก Neanderthal (Homo Sapiens Neanderthalensis) ที่อาศัยอยู่ตั้งแต่ สมัยโบราณเมื่อประมาณ 150,000 – 125,000 ปีมาแล้ว จะสามารถสื่อสารกันได้ด้วยภาษา ท่าทาง โดยใช้วิธีการเคลื่อนไหวทางร่างกาย และใช้เสียงเท่าที่จะสามารถเปล่งออกมาได้เท่านั้น

84.       เพราะเหตุใดคนที่เข้าไปชมภาพยนตร์ผี บางคนจึงมีความกลัวมาก แต่บางคนกลับรู้สึกว่าตลกดี

(1)       การถอดรหัสความหมายสารต่างกัน   (2) การเข้ารหัสความหมายสารตรงกัน

(3) การถอดรหัสความหมายสารตรงกัน          (4) การเข้ารหัสความหมายสารต่างกัน

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 9. ประกอบ

85.       การประชุมทางวิชาการเรื่อง อนาคตเศรษฐกิจไทย ณ ห้องประขุมพ่อขุนรามคำแหง มหาวิทยาลัยรามคำแหงมีผู้เข้าร่วมประชุมประมาณ 300 คน และเปิดโอกาสให้มีการซักถามปัญหากับวิทยากร ลักษณะเช่นนี้ เป็นการสื่อสารประเภทใด      

(1) การสื่อสารมวลชน

(2)       การสื่อสารในที่สาธารณะ       (3) การสื่อสารกลุ่มใหญ่          (4) การสื่อสารกลุ่มย่อย

ตอบ 2 หน้า 19, (คำบรรยาย) การสื่อสารในที่สาธารณะ (Public Communication) จะเกี่ยวข้องกับการพูดในที่สาธารณะ ซึ่งมีลักษณะดังนี้

1.         ต้องเกิดขึ้นในที่สาธารณะมากกว่าที่ส่วนบุคคล เช่นในห้องบรรยายขนาดใหญ่ ห้องประชุม ๆลฯ แต่ถ้ามีผู้ฟังมากอาจต้องถ่ายทอดผ่านโทรทัศน์วงจรปิด เพื่อให้ทุกคนมีโอกาสเข้าฟังพร้อมกัน

2.         เป็นการพูดแบบเป็นทางการมากกว่าการพูดในที่ส่วนบุคคลโดยต้องมีการวางแผนการพูดไว้ล่วงหน้า

3.         มีความเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมที่มีรูปแบบชัดเจน เช่น ต้องมีการให้ผู้ฟังซักถามปัญหากับวิทยากร หลังจากการพูดจบลงแล้ว เป็นต้น

86.       ผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการนำเอาวิทยุมาใช้ในบ้านมาสู่สาธารณชน คือใคร

(1) Maxwell       (2) Sarnoff          (3) Marconi       (4) Hertz

ตอบ 2 หน้า 162 – 163 ในปี ค.ศ. 1916 David Sarnoff ได้เขียนบันทึกที่มีชื่อเสียงในเวลาต่อมา ให้กับเจ้านายของเขา ซึ่งสามารถสรุปความได้ว่าวิทยุกระจายเสียงสามารถเป็นสื่อสำหรับใช้ ในบ้านได้ และต่อมาในปี ค.ศ. 1919 เขาก็ได้มีบทบาทสำคัญในการนำเอาวิทยุมาสู่สาธารณชน

87.       ชาว Sumerians ได้นำตัวอักษรมาแก้ไขปรับปรุงก่อนนำมาใช้กับอะไร

(1) แผ่นหนัง    (2) กระดาษ     (3) ดินเหนียว   (4) แผ่นหิน

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 58. ประกอบ

88.       หน้าที่ในการถ่ายทอดมรดกทางสังคม สื่อมวลชนทำหน้าที่อย่างไร

(1)       หน้าที่ในการปลูกฝังค่านิยม ความเชื่อ ไปสู่สมาชิกในสังคม

(2)       หน้าที่ในการรวบรวมและกระจายข้อมูลข่าวสาร

(3)       หน้าที่ในการช่วยลดความตึงเครียดจากสถานการณ์ต่าง ๆ

(4)       หน้าที่ในการตีความข้อมูลข่าวสาร

ตอบ 1 หน้า 51 หน้าที่ในการถ่ายทอดมรดกทางสังคมจากคนรุ่นหนึ่งไปยังคนรุ่นต่อไป คือ หน้าที่ในการถ่ายทอดและปลูกฝังค่านิยม ความเชื่อ บรรทัดฐานทางสังคม ความรู้ และส่วนประกอบอื่น ๆ ทางด้านวัฒนธรรมไปสู่สมาชิกในสังคม ซึ่งไม่เพียงแต่จะถ่ายทอดจากคนรุ่นหนึ่งไปยังคนอีกรุ่นหนึ่ง เท่านั้น แต่ยังเป็นการถ่ายทอดไปยังคนรุ่นต่อ ๆ ไปด้วย

89.       สื่อมวลชนตามระบบทฤษฎีความรับผิดชอบต่อสังคม เราใช้สิ่งใดในการควบคุม

(1) พระราชบัญญัติ     (2) กฎเกณฑ์   (3) จริยธรรม    (4) การลงโทษ

ตอบ 3 หน้า 65 การควบคุมสื่อมวลชนตามระบบทฤษฎีความรับผิดชอบต่อสังคม สามารถกระทำได้ดังนี้ 1. ความคิดเห็นของชุมชน 2. ปฏิกิริยาของผู้อ่าน ผู้ฟัง 3. จริยธรรมของวิชาชีพสื่อสารมวลชน

90.       ผู้ที่กล่าวไว้ว่า มนุษย์เราสามารถบรรลุจุดมุ่งหมายตามที่ต้องการได้โดยใช้การสื่อสาร คือใคร

(1)       Aristotle (2) Archimesdes        (3) Charles Wright    (4) Lasswell

ตอบ 1 หน้า 3 อริสโตเติล (Aristotle) นักปราชญ์ชาวกรีก เป็นปรมาจารย์ที่ได้ศึกษาในเรื่องของศาสตร์ที่เกี่ยวกับการสื่อสาร และเป็นผู้ที่มองเห็นความสำคัญของการสื่อสารว่า การสื่อสาร เป็นช่องทางที่ทำให้มนุษย์เราสามารถบรรลุจุดมุ่งหมายตามที่ต้องการได้

91.       สื่อ มีความสำคัญต่อการสื่อสารของมนุษย์อย่างไร   

(1) ช่วยในการส่งสารผ่านระยะเวลา

(2)       ช่วยในการส่งสารผ่านระยะทาง         

(3) ช่วยในการส่งสารผ่านระยะเวลาและระยะทาง

(4) ช่วยในการส่งสารผ่านระยะเวลาหนึ่งไปอีกเวลาหนึ่ง

ตอบ 3 หน้า 132133 สื่อ (Medium/Media) คือ เครื่องมือที่ใช้สำหรับถ่ายทอดข้อมูลข่าวสาร ผ่านระยะเวลาและระยะทาง นอกจากนี้ยังหมายถึง สิ่งของหรือเครื่องมือที่ใช้ในการสื่อเนื้อหา ของสาร (Message) โดยการส่งข่าวสารผ่านระยะทาง หรือเก็บรักษาไว้ผ่านระยะเวลา

92.       สื่อมวลชนของโซเวียตมีลักษณะอย่างไร ตามความคิดของผู้มีอำนาจ

(1) มีเสรีภาพจำกัด      

(2) ไม่มีเสรีภาพ

(3)       มีเสรีภาพที่จะพูดความจริง    

(4) ไม่มีเสรีภาพที่จะพูดความจริง

ตอบ 3 หน้า 63 ผู้มีอำนาจในโซเวียตคิดว่า สื่อมวลชนของตนมีเสรีภาพ เพราะว่าสื่อมวลชนของโซเวียต มีเสรีภาพที่จะพูดความจริง (Truth) ซึ่งตามทัศนะของพรรคคอมมิวนิสต์โซเวียตมองว่า สื่อมวลชนในอเมริกาและในประเทศระบบเสรีนิยมไม่มีเสรีภาพที่แท้จริง เนื่องจากถูกควบคุม โดยธุรกิจหรือผู้ที่มีอำนาจทางเศรษฐกิจ ดังนั้นตามความคิดของมาร์กซิสต์ สื่อมวลชนในระบบ เสรีนิยมจึงไม่มีเสรีภาพที่จะพูดความจริง

93.       ระบบสื่อมวลชนตามทฤษฎีสื่อมวลชนเพื่อการพัฒนา เป็นทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องใด

(1) การสื่อสารในประเทศพัฒนา         (2) การสื่อสารในประเทศมหาอำนาจ

(3)       การสื่อสารในโลกที่ 3  (4) การสื่อสารในโลกปัจจุบัน

ตอบ 3 หน้า 66 ระบบสื่อมวลชนตามทฤษฎีสื่อมวลชนเพื่อการพัฒนา เป็นทฤษฎีที่พูดถึงการสื่อสาร ในประเทศที่กำลังพัฒนา หรือการสื่อสารในโลกที่ 3 (Third World Communication)ซึ่งมีแนวคิดมาจากคณะกรรมาธิการระหว่างประเทศเพื่อศึกษาปัญหาการสื่อสารของ องค์การยูเนสโก และมีสถานการณ์ร่วมกันบางสถานการณ์ของประเทศกำลังพัฒนาที่เป็น ลักษณะเฉพาะของประเทศเหล่านี้

94.       หน้าที่ในการสังเกตการณ์สภาพแวดล้อมของสังคม สื่อมวลชนทำหน้าที่อย่างไร

(1) หน้าที่ในการตีความข้อมูลข่าวสาร (2) หน้าที่ในการรวบรวมและกระจายข้อมูลข่าวสาร

(3)       หน้าที่ในการช่วยลดความตึงเครียดจากสถานการณ์ต่าง ๆ

(4)       หน้าที่ในการปลูกฝังค่านิยม ความเชื่อ ไปสู่สมาชิกในสังคม

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 40. ประกอบ

95.       McCall’s เป็นนิตยสารประเภทใด

(1) Newsmagazines  (2) Women’s Interest Magazines

(3) Humor Magazines        (4) Consumer Magazines

ตอบ2  หน้า 123, (คำบรรยาย) Women’s Interest Magazines เป็นนิตยสารสำหรับผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกา มียอดจำหน่ายสูงที่สุด และมักมีที่มา จากวารสารผู้หญิงที่ชื่อ Ms. เช่น Ladies’ Home Journal, Savvy’ Better, McCall’s, Homes and Gardens (บ้านและสวน), Good Housekeeping รวมทั้งนิตยสารกีฬา สำหรับผู้หญิงบางประเภท เช่น Golf Digest, Tennis ฯลฯ (ส่วนของไทยก็มีนิตยสารดิฉันแพรวทีวีพูล, Image, Gossip, Life and Home, My Home ฯลฯ)

96.       สิ่งใดที่มนุษย์เราต้องคำนึงถึงเมื่อทำการสื่อสารกัน

(1) วัฒนธรรมและกฎระเบียบทางสังคม        (2) วัฒนธรรม

(3) ภาษาพูดและกฎระเบียบทางสังคม          (4) ภาษาพูด

ตอบ1 หน้า 7 การสื่อสารของมนุษย์ย่อมแตกต่างจากสิ่งต่าง ๆ ที่ดำรงชีวีตอยู่บนโลก ทั้งนี้เพราะมีแต่มนุษย์เท่านั้นที่ทำการสื่อสารกัน โดยต้องคำนึงถึงวัฒนธรรมและกฎระเบียบต่าง ๆ ของสังคม

97.       สื่อมวลชนเป็นผู้รับใช้รัฐหรือผู้ปกครอง เป็นการปฏิบัติของทฤษฎีใด

(1) ทฤษฎีอำนาจนิยม (2) ทฤษฎีเสรีนิยม

(3) ทฤษฎีโซเวียตคอมมิวนิสต์ (4) ทฤษฎีความรับผิดชอบต่อสังคม

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 7. ประกอบ

98.       มนุษย์ในสมัยโบราณใช้วิธีการใดในการสื่อสารกัน

(1) ใช้วิธีการพูด           (2) ใช้วิธีการส่งสัญญาณ

(3) ใช้สื่อ          (4) ใช้วิธีการเขียนเรื่องราว

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 27. ประกอบ

99.       สื่อมวลชนควรให้ความสำคัญต่อเนื้อหาทางด้านวัฒนธรรมและภาษาของชาติเป็นลำดับแรกเป็นแนวคิดของทฤษฎีใด        

(1) ทฤษฎีสื่อมวลชนเพื่อการพัฒนา

(2)       ทฤษฎีสื่อมวลชนที่ประชาชนเป็นผู้มีส่วนร่วมแบบประชาธิปไตย

(3)       ทฤษฎีความรับผิดชอบต่อสังคม         (4) ทฤษฎีสังคมมวลชน

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 6. ประกอบ

100.    วัตถุประสงค์ของระบบสื่อมวลชนตามทฤษฎีเสรีนิยม คืออะไร

(1) เพื่อแจ้งข่าวสาร     (2) เพื่อสนับสนุนรัฐ

(3) เพื่อแจ้งข่าวผู้มีอำนาจ       (4) เพื่อสนับสนุนเอกชน

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 17. ประกอบ

LIS1001 สารสนเทศและเทคโนโลยีเพื่อการค้นคว้า การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2556

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน  ปีการศึกษา 2556

ข้อสอนกระบวนวิชา LIS 1001 สารสนเทศและเทคโนโลยีเพื่อการค้นคว้า

คำสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว (ข้อสอบมีทั้งหมด 100 ข้อ)

1.    ข้อใดเป็นลักษณะของสารสนเทศที่สำคัญต่อการพัฒนาคุณภาพการดำรงชีวิตของมนุษย์

(1)  ความสมบูรณ์

(2) ความถูกต้อง   

(3) ความเที่ยงตรง

(4) ความทันสมัย

ตอบ 2 หนา 5(IS 103 เลขพิมพ์ 53345 หน้า 5-6) สารสนเทศที่มีความถูกต้องเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นต่อการพัฒนาคุณภาพการดำรงชีวิตของมนุษย์ในทุกด้าน ซึ่งก่อให้เกิด ประโยชน์ดังต่อไปนี้     

1. ลดอัตราการตายจากโรคภัยไข้เจ็บ

2. ช่วยให้ประชาชนเป็นผู้บริโภคอย่างฉลาด รู้จักเลือกใช้สินค้าที่มีประโยชน์ และประเมิน คุณภาพของสินค้าได้     

3. พัฒนาประสิทธิภาพการทำงานให้ดีขึ้น

4.ช่วยลดความผิดพลาดในการตัดสินใจ

5. ส่งเสริมการศึกษาค้นคว้า และลดค่าใช้จ่ายจากการทำวิจัยซ้ำซ้อน 

6. รู้จักแก้ปัญหาได้ดีขึ้น

7. เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างองค์ความรู้

8. เป็นองค์ประกอบสำคัญในการพัฒนาประเทศ

2.    ข้อใดเป็นองค์ประกอบช่วยให้ประชาชนมีความฉลาด รู้จักเลือกใช้สินค้าที่มีประโยชน์

(1)  ข้อมูล    

(2) ความรู้    

(3) สารสนเทศ     

(4) ปัญญา

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 1. ประกอบ

3.    “การพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันขององค์กร”เป็นแนวความคิดของสังคมใด

(1)  สังคมโบราณ 

(2) สังคมเกษตรกรรม  

(3) สังคมอุตสาหกรรม 

(4) สังคมสารสนเทศ

ตอบ 4 หน้า 135 – 6 สังคมในศตวรรษที่ 21 เป็นสังคมแห่งภูมิปัญญาที่มีพื้นฐานมาจาก สังคมสารสนเทศ เป็นสังคมที่นานาประเทศเร่งพัฒนาบุคลากรที่มีคุณภาพหรือที่เรียกว่า “พนักงานแห่งภูมิปัญญา” (Knowledge Workerซึ่งมีความเชี่ยวชาญในวิชาชีพต่าง ๆ ขึ้น โดยบุคลากรกลุ่มนี้จะใช้สารสนเทศและประสบการณ์ในการสร้างองค์ความรู้ใหม่ให้แก่องค์กร รวมทั้งยังช่วยสร้างจุดแข็งให้แก่องค์กร ทำให้เกิดความได้เปรียบในการแข่งขันและการต่อรอง ทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับชาติ และระดับนานาชาติ

4.    ข้อใดคืออักษรที่ชาวสุเมเรียนนำมาใช้บันทึกความรู้และเหตุการณ์สำคัญ

(1) เทวะนาคี 

(2) ไฮโรกลิฟิก     

(3) คานาดะ  

(4) คูนิฟอร์ม

ตอบ 4 หน้า 7-8 ชาวสุเมเรียนเป็นชนชาติแรกที่คิดประดิษฐ์ตัวอักษรคูนิฟอร์ม (Cuneiform) หรืออักษรรูปลิ่มขึ้นเมื่อประมาณ 3,100 B.Cซึ่งตัวอักษรรูปลิ่มนี้เกิดจากการใช้เหล็กแหลม หรือไม้กกกดลงบนแผ่นดินเหนียว แล้วนำไปเผาหรือตากให้แห้ง เพื่อใช้บันทึกเรื่องราว ทางประวัติศาสตร์ วรรณกรรม ศาสนา และนำไปรวมจัดเก็บในห้องสมุดแผ่นดินเหนียว ซึ่งห้องสมุดที่สำคัญ ได้แก่ ห้องสมุดเทลเลาะห์ (Telloh)

5.    ชาวกริกโบราณได้พัฒนางานการบันทึกข้อมูลในข้อใด

(1) อักษรคูนิฟอร์ม

(2) แผ่นหนังสัตว์โคเด็กซ์    

(3) อักษรไฮโรกลิฟิก   

(4) กระดาษปาไปรัส

ตอบ 2 หน้า 9 ชาวกรีกโบราณได้นำแผ่นหนังสัตว์ฟอกมาใช้บันทึกเรื่องราวต่าง ๆ แทนแผ่นดินเหนียว กระดาษปาไปรัส แผ่นไม้ แผ่นหิน แผ่นบรอนซ์ ฯลฯ ซึ่งแผ่นหนังสัตว์เหล่านี้เมื่อนำมาเย็บรวมกันเป็นเล่มจะเรียกว่า “โคเด็กซ์” (Codexหรือหนังสือแผ่นหนังสัตว์ ซึ่งถือเป็นต้นแบบ ของการเย็บเล่มหนังสือในปัจจุบัน โดยห้องสมุดที่รวบรวมแผ่นหนังที่สำคัญคือ ห้องสมุด เปอร์กามัมของกรีก

6.    ใครเป็นชนชาติแรกที่บันทึกข่าวสารความรู้ลงบนแผ่นดินเหนียว

(1) ชาวอัสสิเรียน  

(2) ชาวบาบิโลเนียน    

(3) ชาวบอร์เวเจียน     

(4) ชาวสุเมเรียน

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 4. ประกอบ

7. ข้อใดกล่าวถึงกำเนิดของห้องสมุดไม่ถูกต้อง   

(1) เกิดขึ้นพร้อมกับการที่มนุษย์รู้จักขีดเขียน

(2)  รวบรวมความรู้ไว้เป็นมรดกตกทอดถึงชนรุ่นหลัง

(3)  ต้องการแหล่งจารึกความรู้ความคิดและเหตุการณ์ต่าง ๆ

(4)  สะสมสรรพวิทยาการเฉพาะเรื่องที่ผ่านการกลั่นกรองแล้ว

ตอบ 4 (IS 103 เลขพิมพ์ 53345 หน้า 6-814) ห้องสมุดเกิดขึ้นพร้อมกับการที่มนุษย์รู้จักขีดเขียน และต้องการจารึกความรู้ ความคิด และเหตุการณ์ต่าง ๆ ไว้ใช้ในภายหลัง เพื่อเป็นมรดกตกทอดถึงชนรุ่นหลัง

8.    ห้องสมุดประชาชนของไทยเกิดขึ้นครั้งแรกในสมัยใด

(1) รัชกาลที่ 1

(2) รัชกาลที่ 2

(3) รัชกาลที่ 3

(4) รัชกาลที่ 4

ตอบ 3 หน้า 12(คำบรรยาย) ในสมัยรัชกาลที่ 3 ได้โปรดเกล้าฯ ให้มีการปฏิสังขรณ์วัตพระเชตุพนวิมลมังคลารามหรือวัดโพธิ์ เพื่อให้เป็นแหล่งศึกษ หาความรู้ในศิลปวิทยาการด้านต่าง ๆ ของประชาชนทั่วไป เช่น ตำรายาแพทย์แผนไทย วรรณคดี ประวัติพระพุทธศาสนา ฯลฯ ทั้งนี้ได้มีการจารึกความรู้ต่าง ๆ ลงบนแผ่นศิลาที่ประดับไว้ตามระเบียงศาลารอบพระอุโบสถ ดังนั้นวัดพระเชตุพนฯ จึงถือเป็นห้องสมุดประชาชนแห่งแรกในประเทศไทย และยังได้ชื่อว่า เป็นมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์แห่งแรกของไทยอีกด้วย

9.    ข้อใดเป็นรากฐานของหอสมุดแห่งชาติในปัจจุบัน

(1) หอพระมณเฑียรธรรม   

(2) หอพุทธสาสนสังคหะ

(3) หอพระสมุดวชิรญาณสำหรับพระนคร  

(4) หอพระสมุดวชิรญาณ

ตอบ 3 หน้า 12(IS 103 เลขพิมพ์ 53345 หน้า 10) ในสมัยรัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้รวมหอพระมณเฑียรธรรม หอพุทธสาสนสังคหะ และหอพระสมุดวชีรญาณเข้าด้วยกัน จากนั้น จึงสร้างเป็นห้องสมุดแห่งใหม่ในพระบรมมหาราชวังชื่อว่า “หอพระสมุดวชีรญาณสำหรับพระนคร” ซึ่งถือเป็นรากฐานของหอสมุดแห่งชาติในปัจจุบัน ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 6 โปรดเกล้าฯ ให้ย้าย มาอยู่ที่ตึกถาวรวัตถุนอกพระบรมมหาราชวัง จนกระทั่งในสมัยรัชกาลที่ 7 ได้โปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อเป็น “หอสมุดแห่งชาติ” และใช้เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

10. ข้อใดไม่ใช่หน้าที่สำคัญของหอสมุดแห่งชาติ

(1) รวบรวมและจัดพิมพ์บรรณานุกรมแห่งชาติ  

(2) เป็นศูนย์กลงความรู้เกี่ยวกับภูมิปัญญาท้องถิ่น

(3)  รับมอบสิ่งพิมพ์ทุกเล่มที่จัดพิมพ์ในประเทศไทย

(4)  เป็นศูนย์กลางบริการมรดกทางศิลปะและวัฒนธรรมของชาติ

ตอบ 2 หน้า 24 – 25(คำบรรยาย) หอสมุดแห่งชาติมีหน้าที่สำคัญ ดังนี้

1.    เป็นศูนย์กลางในการเก็บรวบรวม สงวนรักษา จัดระบบ และให้บริการมรดกทางศิลปะและวัฒนธรรมของชาติทุกรูปแบบ เช่น ต้นฉบับเพลงไทยและเพลงลากล ตัวพิมพ์ วัสดุไม่ตีพิมพ์ ฯลฯ

2.    เผยแพร่และบริการสารสนเทศที่ได้รวบรวมไว้แก่นักเรียน นักศึกษา นักวิจัย และบุคคลทั่วไป

3.    เป็นศูนย์ข้อมูลและกำหนดหมายเลข ISSN และ ISBN

4.    รับมอบสิ่งพิมพ์ทุกเล่มที่จัดพิมพ์ขึ้นภายในประเทศ เพื่อประโยชน์ในการค้นคว้าวิจัย

5.    รวบรวมและจัดพิมพ์บรรณานุกรมแห่งชาติ

6.    สงวนรักษาสื่อความรู้และความคิดของคนในชาติ เพื่อเป็นมรดกของชาติ

11. ศูนย์สื่อการเรียนการสอน จัดเป็นแหล่งทรัพยากรสารสนเทศประเภทใด  

(1) ห้องสมุดฉพาะ

(2) ห้องสมุดประชาชน 

(3) ห้องสมุดโรงเรียน   

(4) ห้องสมุดสถาบันอุดมศึกษา

ตอบ 3 หน้า 25 – 26 ห้องสมุดโรงเรียน คือ แหล่งสารสนเทศที่รวบรวมวัสดุสารสนเทศประเภทต่าง ๆและอุปกรณ์การสอนที่สอดคล้องกับหลักสตรในปัจจุบันของโรงเรียนระดับต่าง ๆ ในปัจจุบัน ห้องสมุดโรงเรียนจะเป็นศูนย์กลางวัสดุสื่อการศึกษาโดยเฉพาะสื่อโสตทัศน์ เพื่อให้ครูและนักเรียน นำมาใช้ประกอบการศึกษา เช่น มัลติมีเดีย เทปเสียง วีดิทัศน์ ภาพยนตร์ ดังนั้น ห้องสมุดโรงเรียนจึงมีชื่อเรียกแตกต่างกันไป เช่น ศูนย์ลสื่อการเรียนการสอน ศูนย์วัสดุการศึกษา เป็นต้น

12. สัญลักษณ์ เมื่อสืบค้นสารสนเทศแบบออนไลน์ของสำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคำแหง หมายถึงข้อใด

(1)  ผู้แต่ง     

(2) ชื่อเรื่อง   

(3) คำสำคัญ  

(4) รายการจอง

ตอบ 4 หน้า 29 – 30 การสืบค้นสารสนเทศแบบออนไลน์ผ่านระบบ OPAC ของสำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคำแหง สามารถทำได้โดยเลือกคำสั่งจากเมนูหลักที่กำหนดไว้แล้ว (Menu Drivenเช่น สัญลักษณ์ R > รายการจอง, A > ผู้แต่ง, T > ชื่อเรื่อง, S หัวเรื่อง, W> คำสำคัญ เป็นต้น

13. ข้อใดคือห้องสมุดเฉพาะ

(1) ห้องสมุดธนาคารศรีนคร

(2) ห้องสมุดเฉลิมราชกุมารี

(3) ห้องสมุดสถาบันภาษา เอ.ยู.เอ.     

(4ห้องสมุดคณะแพทยศาสตร์

ตอบ 4 หน้า 33 – 34 ห้องสมุดเฉพาะ คือ แหล่งสารสนเทศที่จัดตั้งขึ้นในหน่วยงานราชการ กระทรวง ทบวง กรม รัฐวิสาหกิจ องค์กร สำนักงาน สถาบันการค้นคว้าวิจัย ธนาคาร สมาคมวิชาชีพ องค์การระหว่างประเทศ หรือเอกชนต่าง ๆ เพื่อให้บริการสารสนเทศเฉพาะสาขาวิชาในทุกรูปแบบ โดยมุ่งให้บริการแก่ผู้ใช้เฉพาะกลุ่ม ตัวอย่างของห้องสมุดเฉพาะ ได้แก่ ห้องสมุดสถาบันวิจัย เช่น ห้องสมุดสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์, ห้องสมุดของคณะวิซาในมหาวิทยาลัย เช่น ห้องสมุดคณะ แพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลห้องสมุดเฉพาะอื่น ๆ เช่น ห้องสมุดโรงเรียนคนตาบอด ฯลฯ

14. บุคลากรที่เรียกว่า Subject Specialist ของศูนย์สารสนเทศคือใคร

(1) บรรณารักษ์    

(2) เจ้าหน้าที่ห้องสมุด  

(3) ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะวิชา    

(4) บรรณารักษ์ระบบ

ตอบ 3 หน้า 34 ศูนย์สารสนเทศ หมายถึง หน่วยงานหรือองค์กรที่ทำหน้าทีจัดหา จัดเก็บ และให้บริการสารสนเทศเฉพาะเรื่องหรือเฉพาะสาขาวิชาแก่ผู้ใช้เฉพาะกลุ่ม โดยเฉพาะนักวิทยาคาสตร์ และนักวิจัย ทั้งนี้บุคลากรของศูนย์สารสนเทศจะประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะวิชาที่เรียกว่า “Subject Specialist” หรือนักเอกสารสนเทศ ซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้ในเนื้อหาสาขาวิชาเฉพาะด้าน

15. ข้อใดคือเครือข่ายระบบห้องสมุดอัตโนมัติ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

(1) Ram UniNet   

(2) RAMLINET     

(3) RU NETWORK

(4) RU LibNet

ตอบ 2 หน้า 12 – 132729 ระบบห้องสมุดอัตโนมัติ (Automatic Library Systemคือการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการดำเนินงานของห้องสมุด เพื่อให้ผู้ใช้สามารถสืบค้น และเข้าถึงสารสนเทศได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ซึ่งสำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้พัฒนาห้องสมุดให้เป็นระบบเครือข่ายห้องสมุดอัตโนมัติเรียกว่า “RAMLINET

16. หน่วยงานที่ทำหน้าที่เลือกสรรและประเมินค่าสารสนเทศเรียกว่าอะไร

(1)  ศูนย์วิเคราะห์สารสนเทศ

(2) ศูนย์แนะแหล่งสารสนเทศ

(3) ศูนย์แจกจ่ายสารสนเทศ 

(4) ศูนย์สารสนเทศ

ตอบ1 หน้า 37 ศูนย์วิเคราะห์สารสนเทศ (Information Analysis Centerเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่เลือกสรร ประเมินค่า จัดเก็บ และนำเสนอข้อสนเทศเฉพาะวิชา โดยจะจำกัดขอบเขตเนื้อหาที่ครอบคลุมลึกซึ้งกว่าห้องสมุดเฉพาะ และเน้นการจัดหาเอกสารที่ไม่ได้พิมพ์เผยแพร่แก่ผู้ใช้ที่ เป็นนักวิชาการหรือนักวิจัยในสาขาวิชา ทำให้สามารถติดตามกิจกรรมความรู้และสิ่งพิมพ์ ใหม่ ๆ ได้อย่างทันเหตุการณ์

17. ข้อใดเก็บรักษาเอกสารราชการ บันทึก รายงาน แบบพิมพ์ ภาพถ่าย เพื่อเป็นหลักฐานแสดงประวิติศาสตร์ และมรดกทางวัฒนธรรม

(1) หอสมุดแห่งชาติ     

(2) หอสมุดรัฐสภา

(3) หอจดหมายเหตุ      

(4) ศูนย์สารสนเทศ

ตอบ 3 หน้า 38 หอจดหมายเหตุ เป็นแหล่งเก็บรักษาเอกสารจดหมายเหตุ ได้แก่ เอกสารราชการ ระเบียบข้อบังคับ คำสั่ง จดหมายโต้ตอบ บันทึกส่วนตัว รายงาน แบบพิมพ์ แผนที่ แผนผัง และภาพถ่าย เพื่อใช้เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ หรือแสดงพัฒนาการ นโยบาย และ การดำเนินงานของสถาบันภาครัฐหรือเอกชน เพื่อใช้อ้างอิงในการปฎิบัติหน้าที่ รวมทั้งเป็น หลักฐานสำหรับการค้นคว้าวิจัยและเป็นมรดกทางวัฒนธรรม ตัวอย่างของหอจดหมายเหตุ เช่น หอจดหมายเหตุแห่งชาติกองบรรณสารและห้องสมุด กระทรวงการต่างประเทศ เป็นต้น

18. WebOPAC เกี่ยวข้องกับข้อใดมากที่สุด

(1) การจัดเก็บข้อมูล    

(2) การจัดหมวดหมู่หนังสือ

(3) ระบบการยืมคืนสารสนเทศ    

(4) การตรวจสอบรายชื่อหนังสือของห้องสมุด

ตอบ 4 หน้า 30 – 3157 – 58228 ระบบ WebOPAC เป็นบริการสืบค้นฐานข้อมูลบัตรรายการ หรือข้อมูลบรรณานุกรมทรัพยากรสารสนเทศในห้องสมุด ซึ่งจะจัดเก็บไว้ในรูปของฐานข้อมูล บรรณานุกรมและนำเสนอบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เพื่อให้ผู้ใสามารถสืบค้นและเข้าถึง รายการทรัพยากรสารสนเทศในห้องสมุดดิจิตอลได้ ในปัจจุบันผู้ใช้บริการสำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคำแหง สามารถสืบค้นรายการหนังสือและทรัพยากรสารสนเทศต่าง ๆ ของห้องสมุดผ่านระบบ WebOPAC ได้ โดยเข้าไปที่เว็บไซต์ www.lib.ru.ac.th

19. รายการ http://www.siamhealth.net/public เกี่ยวข้องกับข้อใดมากที่สุด

(1) ตำแหน่งข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต

(2) ผู้ให้บริการข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต

(3) การส่งข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต  

(4) ระบบภารสืบค้นฐานข้อมูลห้องสมุด

ตอบ 1 หน้า 4556 การเข้าถึงสารสนเทศบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ผู้ใช้สามรถเข้าถึงเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ได้โดยผ่านเซิร์ฟเวอร์ของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โดยระบุที่อยู่ของเว็บไซต์ หรือตำแหน่งข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตที่เรียกว่า “URL Address” (Uniform Resource Locationเช่น http://wwwsiamhealth.netทั้งนี้สารสนเทศที่ปรากฏบนหน้าจอแรกของเว็บ จะเรียกว่า “โฮมเพจ” (Home Pageซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกรายการที่ต้องการค้นคว้าต่อไปได้

20. ห้องสมุดประเภทใดที่มีทรัพยากรสารสนเทศจากสื่อต่าง ๆ ที่อยู่ในรูปของสื่ออิเล็กทรอนิกส์

(1)  ห้องสมุดดิจิตอล    

(2) ห้องสมุดไร้พรมแดน

(3) ห้องสมุดอัตโนมัติ   

(4) ห้องสมุดคอมพิวเตอร์

ตอบ 1 หน้า 42 – 57(คำบรรยาย) ห้องสมุดดิจิตอล (Digital Librariesหมายถึง ห้องสมุดที่มีการจัดการทรัพยากรสารสนเทศจากสื่อชนิดต่าง ๆ ให้อยู่ในรูปดิจิตอลหรือเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีการนำเสนอในรูปของสื่อผสม (Multimediaทั้งนี้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงหรือสืบค้นสารสนเทศ ได้ด้วยการเชื่อมต่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ตผ่านผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเชิงพาณิชย์ (ISP) นอกจากนี้ขอบเขตของห้องสมุดดิจิตอลยังอาจกว้างไกลไปถึงแหล่งสะสมสารสนเทศที่สามารถ เชื่อมโยงถึงกันได้ในลักษณะของเครือข่ายใยแมงมุม (WWWโดยไม่ต้องคำนึงถึงสื่อในรูปลักษณ์ ต่างๆ ซึ่งเป็นที่มาของข้อมูลหรือสารสนเทศเหล่านั้นก็ได้

21. อาร์พาเน็ตเกิดขึ้นเพื่อจุดประสงค์ใดมากที่สุด

(1)  การทหาร

(2) การพาณิชย์    

(3) การศึกษา

(4) การปกครอง

ตอบ 1 หน้า 47 – 48(คำบรรยาย) ในปี พ.ศ. 2512 กระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกาได้ให้ทุน สนับสนุนโครงการพัฒนาเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ซึ่งเริ่มแรกนั้นได้มีการจัดตั้งเครือข่ายอาร์พาเน็ต (ARPAnetขึ้น เพื่อใช้ในการสื่อสารข้อมูลทางการทหารในช่วงสงครามเย็น และเพื่อเชื่อมโยง คอมพิวเตอร์ของหน่วยงานในมหาวิทยาลัย 4 แห่ง ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับงานวิจัย จนกระทั่ง ในปี พ.ศ. 2526 จึงพัฒนามาเป็นเครือข่ายอินเทอร์เนึต และในปัจจุบันก็ได้มีการนำอินเทอร์เน็ต มาใช้งานในเชิงพาณิชย์มากขึ้น

22. TOT เกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ตในข้อใดมากที่สุด

(1)  ตัวกลางเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้ากับอินเทอร์เน็ต

(2) ผู้ควบคุมการส่งแฟ้มข้อมูล    

(3) การกำหนดตำแหน่งข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต

(4)  ผู้จัดสรรเวลาในการใช้เครื่องระยะไกล

ตอบ 1 หน้า 49 ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ดเชิงพาณิชย์ (Internet Service Provider : ISPคือบริษัทเอกชนที่ให้บริการเชื่อมต่อผู้ใช้เข้ากับอินเทอร์เน็ต โดยมีรูปแบบและราคาที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ผู้ใช้บริการสามารถเลือกซื้อบริการได้เป็นรายชั่วโมง โดยมีการเก็บค่าใช้จ่ายตามจำนวนครั้ง ที่เชื่อมต่อและเวลาที่ใช้งานจริง หรืออาจจ่ายเป็นรายเดือนก็ได้ ซึ่งบริษัทที่ให้บริการอินเทอร์เน็ต เช่น บริษัท True Corporation (Truewifi True Internet), Loxinfo, Samart, KSC, ANET, TOT, TT&T, Idea Net, Internet Thailand เป็นต้น

23. Yahoo Messenger เกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ตอย่างไร

(1)  บริการส่งข่าวออนไลน์อย่างด่วน  

(2) บริการสนทนาออนไลน์แบบทันทีทันใด

(3) บริการสืบค้นฐานข้อมูลห้องสมุด   

(4) บริการช่วยการค้นคว้าออนไลน์ผ่านอินทอร์เน็ต

ตอบ 2 หน้า 50(คำบรรยาย) บริการสนทนาออนไลน์ (Messengerเป็นบริการที่ช่วยให้บุคคลสานารถติดต่อสื่อสารด้วยการส่งข้อความไปมาระหว่างกันได้ในช่วงเวลาเดียวกัน (Real Timeทั้งนี้มักใช้งานร่วมกับเครื่องมือต่าง ๆ ได้แก่ กล้องดิจิตอล ไมโครโฟน ลำโพง และการส่งแฟ้มข้อมูล เพื่อช่วยให้การสนทนามีความหลากหลายและชัดเจนมากขึ้น เช่น โปรแกรม MSN Messenger, Yahoo Messenger, Google Talk, Yahoo Twitter เป็นต้น

24. Web board เกี่ยวข้องกับข้อใดมากที่สุด

(1)  บริการส่งจดหมาย 

(2) บริการสืบค้นข้อมูลหนังสือห้องสมุด

(3) การให้บริการอินเทอร์เน็ต     

(4) การประกาศและแสดงความคิดเห็นออนไลน์

ตอบ 4 หน้า 51 บอร์ดแสดงความคิดเห็นออนไลน์หรือเว็บบอร์ด (Web boardเป็นบริการที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตสามารถประกาศสิ่งต่าง ๆ และทั้งหัวข้อแสดงความคิดเห็น เพื่อให้ผู้ใช้คนอื่น เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างเสรี ซึ่งบริการนี้จะช่วยให้ประชาชนกล้าแสดงความคิดเห็น และส่งเสริมประชาธิปไตยของสังคม เพราะผู้ใช้สามารถแสดงความคิดเห็นโดยไม่ต้องแสดงตน และไม่ทราบว่าใครเป็นใคร อย่างไรก็ตาม การแสดงความคิดเห็นต้องอยู่บนพื้นฐานของสิทธิ และเสรีภาพของตนเองและผู้อื่นด้วย

25. www.yahoo.com เกี่ยวข้องกับข้อใดมากที่สุด

(1) การแสดงผลข้อมูล  

(2) การเก็บข้อมูล 

(3) การส่งอีเมล์    

(4) การค้นหาข้อมูล

ตอบ 4 หน้า 55 Search Engine คือ เครื่องมือช่วยค้นหาข้อมูลทีให้บริการบนอินเทอร์เน็ต โดยจัดเป็นเว็บไซต์ประเภทหนึ่งที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงข้อมูลบนเครื่อง Server ซึ่งให้บริการ สารสนเทศแก่เครื่องลูกข่ายบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เหมือนกับการใช้ตู้บัตรรายการค้นหา หนังสือที่มีอยู่ในห้องสมุด ทั้งนี้ Search Engine ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เช่นwww.yahoo.com,www.googLe.co.th,www.altavista.com เป็นต้น

26. ในการสืบค้นสารสนเทศผู้ใช้สามารถเข้าถึงเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ผ่านเซิร์ฟเวอร์ของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้อย่างไร 

(1) ระบุที่ตั้งของ Home Page

(2) ระบุที่จัดเก็บ Server

(3) ระบุชื่อ WWW

(4) ระบุที่อยู่ URLAddress

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 19. ประกอบ

27. ข้อใดใช้เป็นเครื่องมือช่วยค้นหาข้อมูลทางเว็บไซต์

(1)  Proxy     

(2) OPAC      

(3) Metadata       

(4) Search Engine

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 25. ประกอบ

28. เอกสารประชาสัมพันธ์ “รับมือโรคภัยจากแสงแดด” เป็นทรัพยากรสารสนเทศประเภทใด

(1)  เอกสารประกอบการสอน     

(2) หนังสือ    

(3) วารสาร   

(4) จุลสาร

ตอบ 4 หน้า 83 จุลสาร (Pamphletsเป็นสื่งพิมพ์ที่ให้สารสนเทศเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่ทันสมัยและอยู่ในความสนใจของบุคคลทั่วไป โดยอาจเป็นความรู้ในรูปของบทความวิชาการต่างๆ ที่มีประโยชน์ หรือเป็นความรู้ที่หน่วยงานราชการ องค์การ หรือสมาคมต้องการเผยแพร่ให้ ประชาชนทราบ ซึ่งจุลสารอาจพิมพ์เป็นเล่มเดี่ยว ๆ หรือพิมพ์เป็นตอน ๆ รูปเล่มโดยทั่วไป จะไม่มีการเข้าปกเย็บเล่มถาวรและมีจำนวนหน้าไม่เกิน 60 หน้า ทั้งนี้อาจมีลักษณะเป็นแผ่นพับ หรืออยู่ในรูปแบบที่เรียกว่า “อนุสาร” (Brochureก็ได้

29. ข้อใดเป็นส่วนที่ผู้เขียนนำเข้าสู่เนื้อเรื่อง โดยให้ข้อมูลเพื่อปูพื้นความเข้าใจเนื้อหาของหนังสือ

(1)  หน้าคำนำ      

(2) หน้าบทนำ

(3) หน้าคำนิยม    

(4) หน้าสารบัญ

ตอบ 2 หน้า 79 หน้าบทนำ (Introductionเป็นส่วนที่ผู้เขียนหนังสือนำเข้าสู่เนื้อเรื่อง โดยให้ข้อมูล เพื่อปูพื้นความเข้าใจเนื้อหาของหนังสือ อาจกล่าวถึงประวัติ ความหมาย และรายละเอียดอื่นๆ ที่เป็นใจความสำคัญของเรื่องและการจัดลำดับเนื้อหาในตัวเล่ม ทั้งนี้หนังสือบางเล่มอาจไม่มี ส่วนที่เป็นบทนำ แต่จะนำไปรวมเขียนไว้กับส่วนที่เป็นคำนำ

30. ส่วนใดของหนังสือที่ช่วยให้เนื้อหาบางตอนในหนังสือทันสมัยขึ้น

(1)  บรรณานุกรม

(2) ภาคผนวก

(3) อภิธานคัพท์   

(4) ดรรชนี

ตอบ 2 หน้า 80338 ภาคผนวก (Appendixเป็นส่วนที่จัดไว้ท้ายเล่มของหนังสือหรืออยู่ใน ตอนท้ายของรายงาน เพื่อให้รายละเอียดเพิ่มเติมนอกเหนือจากส่วนที่เป็นเนื้อเรื่อง เช่น ตาราง แผนภูมิ แบบสอบถาม แผนสถิติ ภาพหรือข้อมูลที่ช่วยเสริมเนื้อหาบางตอนของหนังสือ หรือรายงานให้สมบูรณ์และทันสมัยขึ้น

31. ต้องการอ่านบทความเกี่ยวกับ “การแปรรูปพลังงานแสงอาทิตย์” จะหาอ่านได้จากวารสารประเภทใด

(1)  นิตยสาร 

(2) วารสารทางวิชาการ

(3)  วารสารวิทยาศาสตร์     

(4) วารสารวิเคราะห์และวิจารณ์ข่าว

ตอบ 2 หน้า 72 วารสารทางวิชาการ (Journalเป็นวารสารที่จัดพิมพ์โดยสถาบันหรือหน่วยงานทางวิชาการในสาขาวิชาใดวิชาหนึ่ง ซึ่งขอบเขตของเนื้อเรื่องประกอบด้วยบทความทางวิชาการ รายงาน และข่าวความเคลื่อนไหวในวงการ เพื่อส่งเสริมให้ผู้อ่านมีความรู้ทันความก้าวหน้า ของวิชาการนั้น ๆ เช่น วารสารรามคำแหง วารสารเคมีสัมพันธ์ คอมพิวเตอร์สารสนเทศ ฯลฯ ทั้งนี้ในแต่ละบทความจะเขียนโดยผู้ทรงคุณวุฒิในสาขานั้น ๆ

32. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับกฤตภาค

(1)  เป็นสิ่งพิมพ์ที่คัดมาจากบทความที่น่าสนใจ

(2)  เป็นสิ่งพิมพ์ที่ให้สารสนเทศที่ทันสมัยอยู่ในความสนใจของบุคคลทั่วไป

(3)  เป็นสิ่งพิมพ์ที่ให้สารสนเทศใหม่ๆ ซึ่งไม่สามารถพบได้ในหนังสือ

(4)  เป็นสิ่งพิมพ์ที่ใช้เป็นส่วนเสริมเนื้อหาความรู้จากหนังสือให้ทันสมัย

ตอบ 2 หน้า 83(ดูคำอธิบายข้อ 28. ประกอบ) กฤตภาค (Clippingเป็นบทความ เหตุการณ์สำคัญ หรือเรื่องราวต่าง ๆ ที่มีคุณค่าพอที่จะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาค้นคว้าของผู้ใช้ ซึ่งบรรณารักษ์ จะเป็นผู้เลือกคัดสารสนเทศดังกล่าวมาจากนิตยสาร หนังสือพิมพ์ หรือวารสาร แล้วนำมาผนึก ติดกับกระดาษแข็งที่มีขนาดเท่า ๆ กัน โดยประโยชน์ของกฤตภาคคือ จะให้สารสนเทศใหม่ ๆ ที่ไม่อาจพบได้ในหนังสือทั่วไป และใช้เป็นส่วนเสริมเนื้อหาความรู้จากหนังสือให้ทันสมัย

33. วัสดุข้อใดเป็นสื่อที่ช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจสภาพของโลกได้ใกล้เคียงกว่าแผนที่

(1)  รูปภาพ  

(2) หุ่นจำลอง

(3) ของตัวอย่าง    

(4) ลูกโลก

ตอบ 4 หน้า 85 ลูกโลก (Globeเป็นหุ่นจำลองโลกที่สร้างจากวัสดุต่าง ๆ เช่น กระดาษ โลหะ พลาสติก หรือยาง เพื่อใช้แสดงแทนรูปสัณฐานของโลกซึ่งมีลักษณะกลม ลูกโลกจึงเป็นสื่อที่ช่วยให้ผู้ใช้ เข้าใจสภาพของโลกได้ใกล้เคียงกวาแผนที่ โดยทั้งแผนที่และลูกโลกต่างก็เป็นสื่อทีใช้ประกอบ การศึกษาค้นคว้า หรือประกอบการศึกษาวิชาภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และสังคมศาสตร์ได้ดี

34. ข้อใดไม่ใช่ฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์

(1) ซีดีรอม   

(2) ซีดีออดิโอ

(3) เทปแม่เหล็ก   

(4) แผ่นจนแม่เหล็ก

ตอบ 2 หน้า 84166 ฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์(Computerized Databaseเป็นระเบียบทางบรรณานุกรม ข้อมูลเนื้อหา หรือข้อมูลตัวเลข ที่มีการจัดเก็บอย่างมีระบบลงในสื่อที่คอมพิวเตอร์ อ่านได้ เช่น แผ่นจานแม่เหล็ก เทปแม่เหล็ก ซีดีรอม เป็นต้น (ซีดีออดิโอจัดเป็นสื่อโสตวัสดุ ประเภทหนึ่ง)

35. หนังสืออ้างอิงที่มีการเจาะริมหน้ากระดาษและมีอักษรกำกับไว้ เพื่อให้ผู้ใช้หนังสือสามารถหาคำที่ต้องการ ได้ทันทีเรียกว่าอะไร

(1) คำนำทาง 

(2) อักษรนำเล่ม   

(3) ดรรชนี   

(4) ดรรชนีริมหน้ากระดาษ

ตอบ 4 หน้า115 ดรรชนีริมหน้ากระดาษ (Thumb Indexส่วนมากจะมีอยู่ในหนังสืออ้างอิงเล่มหนาๆ เช่น พจนานุกรมและสารานุกรม โดยมีการเจาะริมหน้ากระดาษและมีอักษรกำกับไว้ เพื่อช่วยให้ ผู้ใช้หนังสือสามารถเปิดหาคำที่ต้องการได้ทันที และทำให้ผู้ใช้สามารถทราบตำแหน่งที่ปรากฏคำ ในหน้านั้น ๆ ได้อย่างสะดวกที่สุด

36. ข้อใดไม่จัดเป็นเครื่องมือช่วยค้นหาความรู้จากหนังสืออ้างอิง

(1)  Volume Guide

(2) Bibliography

(3) Thumb Index

(4) Running Word

ตอบ 2 หน้า 115-116 เครื่องมือที่ช่วยค้นหาความรู้จากหนังสืออ้างอิงได้อย่างสะดวก ได้แก่ คำนำทาง (Guide Word หรือ Running Word)ดรรชนีริมหน้ากระดาษ (Thumb Index). อักษรนำเล่ม (Volume Guide)ส่วนโยง (Cross Referenceและดรรชนี (Index)

37. ข้อใดคือความหมายของพจนานุกรมเฉพาะสาชาวิชา(1)ให้ความรู้สาขาวิชาต่างๆอย่างสั้นๆ

(2) รวบรวมคำศัพท์ภาษาอังกฤษทางด้านคอมพิวเตอร์

(3) รวบรวมภาษิต คำพังเพย และสำนวนไท

(4)  ให้คำเทียบศัพท์ที่มีความหมายเดียวกันเป็นภาษาไทย

ตอบ 2 หน้า 118124 – 125 พจนานุกรมเฉพาะวิชา คือ พจนานุกรมสำหรับค้นหาความหมาย ของคำที่ใช้ในสาขาวิชาใดวิชาหนึ่ง เช่น พจนานุกรมศัพท์คอมพิวเตอร์ พจนานุกรมรวมคำศัพท์ กฎหมายไทย พจนานุกรมศัพท์ภูมิศาสตร์ เป็นต้น

38. ข้อใดคือลักษณะของสารานุกรม

(1) ให้ความรู้ด้านต่าง ๆ อย่างละเอียดในรูปบทความ 

(2) ให้ความรู้หลากหลายสั้น ๆ พอสังเขป

(3) เรียบเรียงบทความตามลำดับอักษรแบบคำต่อคำ  

(4) ให้โครงร่างความรู้สาขาวิชาต่าง ๆ

ตอบ 3 หน้า 125/- 132 สารานุกรม (Encyclopediaคือ หนังสือที่รวบรวมความรู้ในแขนงวิชาต่าง ๆ ซึ่งเขียนโดยผู้ชำนาญในแต่ละสาขาวิชา และจัดเรียงเนื้อหาที่อยู่ในรูปของบทความ ตามลำดับอักษรแบบคำต่อคำ หรือแบ่งเป็นหมวดหมู่วิชา เพื่อใช้ค้นคว้าเรื่องที่ต้องการหรือ เป็นพื้นฐานความรู้เกี่ยวกับความเป็นมาของเรื่องนั้น ๆ ซึ่งอจมีเล่มเดียวจบหรือหลายเล่มจบที่เรียกว่า หนังสือชุด โดยสารานุกรมส่วนมากจะมีภาพประกอบและมีดรรชนีอยู่ตอนท้ายเล่ม หรือถ้าเป็นหนังสือชุดก็จะอยู่เล่มสุดท้าย

39. หนังสืออ้างอิงข้อใดรวมความรู้เบ็ดเตล็ดหลายด้านของทุกประเทศในรอบหลายปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน

(1) อักขรานุกรมภูมิศาสตร์  

(2) สารานุกรม

(3) ปูมปฏิทิน,หรือสมพัตสร 

(4) สยามออลมาแนค

ตอบ 3 หน้า 144 – 145 ปฏิทินเหตุภารณ์รายปี สมพัตสร หรือปูมปฏิทิน (Almanacเป็นหนังสือ ที่รวบรวมความรู้เบ็ดเตล็ดหลายด้านและสถิติทั่วไปในรอบหลาย ๆ ปีที่ผ่านมาจนถึงปีปัจจุบัน ของทุกประเทศในโลก โดยจะให้ข้อมูลอย่างสังเขปครอบคลุมเรื่องราวเกี่ยวกับปฏิทินลำดับเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในรอบปี ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ ธุรกิจการพาณิชย์ การเมือง สถิติต่าง ๆ ในรูปของตาราง เป็นต้น

40. หนังสืออ้างอิงที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับชื่อสถานที่สำคัญทางภูมิศาสตร์ และมีลักษณะคล้ายพจนานุกรมเรียกว่าอะไร

(1) สารานุกรม     

(2) อักขรานุกรมภูมิศาสตร์

(3) หนังสือแผนที่ 

(4) พจนานุกรมท่องเที่ยว

ตอบ 2 หน้า 147 อักขรานุกรมภูมิศาสตร์ (Geographical Dictionaryเปีนหนังสืออ้างอิงที่ให้ข้อมูล อย่างสังเขปเกี่ยวกับชื่อของสถานที่สำคัญทางภูมิศาสตร์ โดยมีลักษณะคล้ายพจนานุกรม ที่ให้คำจำกัดความเกี่ยวกับชื่อและสถานที่ทางภูมิศาสตร์อย่างสั้น ๆ รวมทั้งให้คำอ่านและรายละเอียดอื่น ๆ เช่น สถานที่ตั้ง ระยะทาง เส้นรุ้งเส้นแวง ความสูงของภูเขา จำนวนประชากร เป็นต้น

41. ต้องการค้นรายชื่อหนังสือเกี่ยวกับดนตรีไทยระนาดได้จากหนังสืออ้างอิงประเภทใด

(1) หนังสือคู่มือ    

(2) บรรณานุกรม 

(3) ดรรชนีวารสาร

(4) สาระสังเขป

ตอบ 2 หน้า 164 หนังสือบรรณานุกรม (Bibliographyเป็นหนังสืออ้างอิงที่รวบรวมรายชื่อหนังสือ หรือทรัพยากรสารสนเทศประเภทต่าง ๆ ทั้งที่ผลิตในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งมีทั้งที่จัดทำเป็นตัวเล่ม,หนังสือ หรืออาจปรากฏที่ท้ายเล่มหนังสือหรือท้ายบทแต่ละบท เพื่อทำหน้าที่ เป็นเอกสารอ้างอิง โดยบรรณานุกรมจะให้รายละเอียดเกี่ยวกับชื่อผู้แต่ง ชื่อสิ่งพิมพ์หรือ ทรัพยากรสารสนเทศรูปแบบอื่น ๆ ชื่อผู้ผลิต (สำนักพิมพ์) สถานที่ผลิต ปีที่ผลิต ลักษณะรูปเล่ม และราคา บางเล่มอาจมีบรรณนิทัศน์สังเขปและบทวิจารณ์ประกอบอยู่ด้วย

42. ฐานข้อมูลสมุนไพรไทยเขตอีสานใต้” จัดเป็นฐานข้อมูลประเภทใด      

(1) ฐานข้อมูลบรรณานุกรม

(2) ฐานข้อมูลที่ให้สารสนเทศฉบับเต็ม

(3) ฐานข้อมูลพจนานุกรม   

(4) ฐานข้อมูลชี้แนะแหล่ง

ตอบ 2 หน้า 166 – 167(คำบรรยาย) ฐานข้อมูลสมุนไพรไทยเขตอีสานใต้ จัดเป็นฐานข้อมูลที่ให้สารสนเทศฉบับเต็ม (Source Databaseที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของ พืชสมุนไพร สรรพคุณทางยา องค์ประกอบทางเคมี ภาพของพรรณไม้ และบทความทาง วิชาการในด้านต่าง ๆ ของสมุนไพร ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งทั้งต่อนักวิจัย ผู้ที่สนใจ และ ประชาชนทั่วไป

43. สัญลักษณ์ที่แสดงเนื้อหาของหนังสือแต่ละประเภทหมายถึงข้อใด

(1) เลขเรียกหนังสือ

(2) เลขหมู่หนังสือ 

(3) เลขทะเบียนหนังสือ

(4) เลขประจำหนังสือสากล

ตอบ 2 หน้า 194 เลขหมู่หนังสือ (Class Numberเป็นสัญลักษณ์ที่กำหนดขึ้นเพื่อแสดงเนื้อหาสาระของหนังสือและ/หรือประพันธ์วิธีของหนังสือนั้นๆ ซึ่งอาจแตกต่างกันตามระบบการจัดหมู่ หนังสือที่ห้องสมุดแต่ละแห่งเลือกใช้

44. ห้องสมุดในข้อใดที่นิยมใช้ระบบการจัดหมู่หนังสือแบบทศนิยมดิวอี้

(1) ห้องสมุดคณะแพทยศาสตร์   

(2) สำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคำแหง

(3) ศูนย์ข้อมูลพลังงานแห่งประเทศไทย     

(4) ห้องสมุด “เฉลิมราชกุมารี”

ตอบ 4 หน้า 23186 – 188 ระบบการจัดหมู่หนังสือแบบทศนิยมดิวอี้ (Dewey Decimal Classification : DDC หรือ DCเป็นระบบที่นิยมใช้อย่างแพร่หลายในห้องสมุดขนาดเล็ก หรือขนาดกลางที่มีหนังสือทั่ว ๆ ไปหลายประเภทหลายสาขาวิชาในจำนวนไม่มากนัก เช่น ห้องสมุดโรงเรียน ห้องสมุดประชาชน (ห้องสมุดประชาชนเฉลิมราซกุมารี) เป็นต้น ซึ่งระบบทศนิยมดิวอิ้นั้นจะมีการแบ่งสรรพวทยาการในโลกออกเป็น 10 หมวดใหญ่ และใช้ สัญลักษณ์เป็นเลขอารบิก 3 ตัวตั้งแต่ 100 – 000 เพื่อแสดงเนื้อหาของหนังสือ แต่ถ้าต้องการ ระบุเนื้อหาของหนังสือให้ชี้เฉพาะยิ่งขึ้น ก็ให้ใช้วิธีเขียนเป็นจุดทศนิยมตั้งแต่ 1 ตำแหน่งขึ้นไป จนถึงหลาย ๆ ตำแหน่งตามความเหมาะสม

45. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของเลขเรียกหนังสือ

(1)  มักปรากฏที่สันหนังสือตอนล่าง เพื่อให้ผู้ใช้สังเกตได้ง่าย

(2)  ทำให้หนังสือทุกเล่มมีสัญลักษณ์ที่แสดงความเป็นสากลเหมือนกัน

(3)  ช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงหนังสือเล่มที่ต้องการจากชั้นหนังสือได้อย่างรวดเร็ว

(4)  เป็นสัญลักษณ์ของหนังสือ ประกอบด้วย เลขหมู่หนังสือ เลขผู้แต่ง อักษรชื่อเรื่อง

ตอบ 2 หน้า 194 – 195197 เลขเรียกหนังสือ (Call Numberคือ สัญลักษณ์หรือเครื่องหมายเฉพาะ ที่ห้องสมุดกำหนดให้กับหนังสือแต่ละเล่มในห้องสมุดประกอบด้วย 3ส่วนสำคัญได้แก่ เลขหมู่หนังสือ เลขผู้แต่ง และอักษรชื่อเรื่อง โดยทั่วไปเลขเรียกหนังสือของหนังสือแต่ละเล่ม จะปรากฏที่สันหนังสือตอนล่าง เพื่อให้ผู้ใช้ห้องสมุดสังเกตได้ง่าย และสามารถเข้าถึงหนังสือ เล่มที่ต้องการจากชั้นหนังสือได้อย่างรวดเร็ว

46. ข้อใดเป็นลักษณะการจัดเรียงหนังสือบนชั้นที่ไม่ถูกต้อง

(1)  หนังสือที่จัดตามระบบรัฐสภาอเมริกัน ให้เรียงตามตัวอักษรและตัวเลขจากน้อยไปหามาก

(2)  หนังสือที่จัดตามระบบดิวอี้ ให้เรียงจากเลขน้อยไปหาเลขมาก

(3)  หนังสือที้มีเลขหมู่ซํ้ากัน พิจารณาจากอักษรผู้แต่ง

(4)  หนังสือที่แต่งโดยผู้แต่งคนเดียวกันในหมวดเดียวกัน พิจารณาจากอักษรชื่อเรื่อง

ตอบ 4 หน้า 194 – 195197 วิธีการจัดเรียงหนังสือบนชั้นในห้องสมุด จะพิจารณาจากเลขเรียก หนังสือจากซ้ายไปขวา จากบนลงล่าง และจะพิจารณาจัดลำดับจากเลขหมู่หนังสือก่อน โดยห้องสมุดที่จัดหมู่หนังสือด้วยระบบทศนิยมดิวอี้จะเรียงลำดับจากเลขหมู่น้อยไปหาเลขหมู่มาก สวนห้องสมุดที่จัดหมู่หนังสือด้วยระบบห้องสมุดรัฐสภาอเมริกันจะพิจารณาเรียงลำดับตาม ตัวอักษร – ก่อน ต่อเมื่อตัวอักษรซ้ำกันจึงค่อยเรียงลำดับจากเลขหมู่น้อยไปหาเลขหมู่มาก แต่ถ้าเลขหมู่ซ้ำกันก็ให้พิจารณาจากอักษรผู้แต่ง ถ้าอักษรผู้แต่งเหมือนกันให้พิจารณาจาก เลขประกอบอักษรผู้แต่งจากเลขน้อยไปหาเลขมาก และถ้าเลขผู้แต่งเหมือนกันอีกก็ให้พิจารณา จากอักษรชื่อเรื่อง

47. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของการจัดเก็บสิ่งพิมพ์รัฐบาล

(1)  ใช้ระบบการจัดหมู่แตกต่างจากระบบการจัดหมู่หนังสือธรรมดา

(2)  นำระบบการจัดสิ่งพิมพ์ของประเทศสหรัฐอเมริกาและอินโดนีเซียมาเป็นพื้นฐานในการจัด

(3)  เลขหมู่ของสิ่งพิมพ์รัฐบาลประกอบไปด้วยสัญลักษณ์ของหน่วยงานและเลขของสิ่งพิมพ์

(4)  บัตรรายการของสิ่งพิมพ์รัฐบาลมีรูปแบบเดียวกับหนังสือ

ตอบ 2 หน้า 201 – 202 ห้องสมุดส่วนใหญ่นิยมจัดแยกสิ่งพิมพ์รัฐบาลออกเป็นทรัพยากรลักษณะพิเศษ แล้วกำหนดระบบการจัดหมู่สำหรับสิ่งพิมพ์รัฐบาลขึ้นโดยเฉพาะ ทั้งนี้ได้นำเอาระบบการจัด สิ่งพิมพ์รัฐบาลของประเทศสหรัฐอเมริกาและฟิลิปปินส์มาเป็นพื้นฐานในการจัด และมีการกำนด เลขหมู่ให้กับสิ่งพิมพ์รัฐบาลซึ่งประกอบด้วยอักษรย่อชื่อของหน่วยงานราชการ เลขประจำ หน่วยงาน เลขแสดงปีที่พิมพ์ และเลขประเภทของสิ่งพิมพ์ สำหรับบัตรรายกรของสิ่งพิมพ์ รัฐบาลนั้นจะมีขนาดและรูปแบบเช่นเดียวกับบัตรรายการของหนังสือ แต่จะใช้เป็นบัตรสี

48. ลักษณะของเลขหมู่หนังสือของระบบ LC มีความสั้น-ยาวแตกต่างกันเพราะเหตุใด

(1)  การแบ่งย่อยโดยการเพิ่มตัวอักษรหรือตัวเลขไม่เท่ากัน

(2)  แบ่งสรรพวิทยาการออกเป็น 20 หมวด ซึ่งต่างจากระบบอื่น

(3)  เป็นระบบการจัดหมู่หนังสือที่นิยมใช้ในห้องสมุดขนาดใหญ่

(4)  เป็นระบบการจัดหมู่หนังสือที่มีสัญลักษณ์แบบผสมทั้งตัวอักษรและตัวเลข

ตอบ 1 หน้า 189 – 191(คำบรรยาย) ระบบการจัดหมู่หนังสือแบบห้องสมุดรัฐสภาอเมริกัน(Library of Congress Classification : LCC หรือ LCเป็นระบบที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ในห้องสมุดขนาดใหญ่ เช่น ห้องสมุดเฉพาะ ห้องสมุดมหาวิทยาลัย ซึ่งมีหนังสือเฉพาะสาขา วิชาใดวิชาหนึ่งหรือมีหนังสือทั่วไปทุกประเภทเป็นจำนวนมาก และจะใช้สัญลักษณ์ของการ จัดหมู่หนังสือเป็นแบบผสมคือ มีทั้งตัวอักษรโรมันและเลขอารบิกผสมกัน ทั้งนี้ได้มีการแบ่ง สรรพวิทยาการออกเป็น 20 หมวดใหญ่ โดยใช้อักษร – (ยกเว้น I, 0, W, X, Yเป็น สัญลักษณ์แสดงเนื้อหา นอกจากนี้ยังสามารถแบ่งหมวดใหญ่ออกเป็นหมวดย่อย และสามารถ แยกย่อยได้อีกด้วยการจำแนกเรื่องของหนังสือ โดยใช้เลขอารบิกตั้งแต่ 1 – 9999 กับทศนิยม อีกไม่จำกัดตำแหน่งเป็นสัญลักษณ์ ทำให้เลขหมู่หนังสือในระบบนี้มีความสั้นยาวแตกต่างกัน

49. ข้อใดไม่ใช่ส่วนประกอบสำคัญของเลขเรียกหนังสือ

(1) เลขหมู่หนังสือ 

(2) เลขผู้แต่ง

(3)  อักษรชื่อเรือง

(4) เครื่องหมายหนังสือ

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 45. ประกอบ

50. ข้อใดต่อไปนี้กล่าวไม่ถูกต้อง

(1)  วารสารเย็บเล่มจะรวมไว้กับวารสารย้อนหลัง

(2)  ห้องสมุดจัดเก็บวารสารใหม่ด้วยการใช้ระบบจัดหมู่

(3)  หนังสือพิมพ์ฉบับใหม่จัดเก็บโดยวางไว้บนที่วางหนังสือพิมพ์โดยเฉพาะ

(4)  หนังสือพิมพ์ฉบับย้อนหลังจัดเก็บโดยถ่ายเอกสารเก็บไว้ในรูปของไมโครฟิล์ม

ตอบ 2 หน้า 198 – 199 วิธีการจัดเก็บวารสารมี 2 ลักษณะ ดังนี้

1.    วารสารฉบับใหม่ คือ วารสารฉบับล่าสุดที่ห้องสมุดได้รับ โดยห้องสมุดจะจัดเรียงไว้บนชั้นเอียง ตามลำดับอักษรของชื่อวารสารจากซ้ายไปขวา และติดป้ายชื่อวารสารกำกับไว้ที่ชั้นตรงกับ ตำแหน่งของวารสาร

2.    วารสารฉบับย้อนหลัง คือ วารสารที่ไม่ใช่ฉบับส่าสุด เพราะมีฉบับที่ใหม่กว่าพิมพ์ออกมาอีก โดยทั่วไปห้องสมุดจะจัดรวมไว้กับวารสารย้อนหลังฉบับก่อน ๆ โดยนำไปเย็บรวมเป็นเล่ม เมื่อได้รับครบปีแล้ว จากนั้นให้นำไปจัดเรียงไว้บนชั้นตามลำดับอักษรของชื่อวารสาร

ข้อ 51. – 55. จงพิจารณาสัญลักษณ์ของหนังสือชื่อ “การอพยพของประชากรในประเทศไทย

Migration in Thailand” โดย Nasra MShah แล้วตอบคำถามต่อไปนี้

JV

6891

.T5S45

2014

51. การจัดหมวดหมู่ของหนังสือเล่มนี้ใช้ระบบใด

(1) ระบบห้องสมุดรัฐสภาอเมริกัน

(2) ระบบทศนิยมดิวอี้

(3) ระบบขยายของคัดเตอร์ 

(4) ระบบทศนิยมสากล

ตอบ 1 หน้า 189 – 191194 – 196(คำบรรยาย) เลขเรียกหนังสือตามระบบการจัดหมู่หนังสือ แบบห้องสมุดรัฐสภาอเมริกัน ประกอบด้วย   1. เลขหมู่หนังสือ จะใช้อักษรโรมัน – Z (ยกเว้น I, 0, W, X, Yเป็นสัญลักษณ์แสดงเนื้อหาของหนังสือ และใช้เลขอารบิก ตั้งแต่ 1 – 9999 กับทศนิยมอีกไม่จำกัดตำแหน่งในการจัดจำแนกเรื่องของหนังสือ

2.    เลขผู้แต่ง ประกอบด้วยตัวอักษรและตัวเลข

3.    อักษรชื่อเรื่อง เป็นพยัญชนะตัวแรกของชื่อหนังสือ ดังตัวอย่างต่อไปนี้

JV  

6891

เลขหม่หนังสือ ซึ่งอักษร JV แสดงว่าเป็นหนังสือเกี่ยวกับการเมือง การปกครอง และรัฐศาสตร์

.T5S45 เลขประจำหนังสือ ประกอบด้วย เลขผู้แต่งและอักษรชื่อเรื่อง

2014 ปีที่พิมพ์ คือ ปีที่หนังสือได้รับการจัดพิมพ์ ซึ่งทำให้ผู้ช้ห้องสมุดทราบความทันสมัยของหนังสือว่าเป็นหนังสือเก่าหรือใหม่

52. หมวด เป็นหมวดหมู่สำหรับเนื้อหาใด

(1) มานุษยวิทยา  

(2) สังคมวิทยา     

(3) รัฐประศาสนศาสตร์

(4) รัฐศาสตร์

ตอบ 4    ดูคำอธิบายข้อ 51. ประกอบ

53. ข้อใดคือเลขหมู่หนังสือ

(1) JV    

(2) JV 6891 

(3)  JV 6891 .T

(4)  JV 6891 .T5S45

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 51. ประกอบ

54. ข้อใดคือเลขประจำหนังสือ

(1) .T5  

(2) .S45

(3)  .T5S45  

(4)  JV 6891

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 51. ประกอบ

55. เลข “2014” ให้ความรู้อะไรแก้ผู้ใช้ห้องสมุด

(1) ทราบปีลิขสิทธิ์

(2) ทราบจำนวนที่ผลิต

(3) ทราบความทันสมัยของหนังสือ     

(4) ทราบปีของข้อมูล

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 51. ประกอบ

56. ข้อใดคือทางเลือกที่ใช้ค้นข้อมูลออนไลน์

(1) ราคาหนังสือ   

(2) เลขหมู่หนังสือ 

(3)  เลขเรียกหนังสือ    

(4)  เลขผู้แต่งหนังสือ

ตอบ 3 หน้า 228 ผู้ใช้สามารถสืบค้นข้อมูลด้วยการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ผ่านระบบ OPAC ได้จาก หลาย ๆ ทางเลือก โดยใช้คำสั่งจากเมนูหลักของบัตรรายการออนไลน์ ได้แก่ ชื่อผู้แต่ง (Author)ชื่อเรื่อง (Title)หัวเรื่อง (Subject Heading)คำสำคัญ (Keyword)เลขเรียกหนังสือ (Call Number)เลขประจำหนังสือสากล (ISBNและเลขประจำวารสาร (ISSN)

57. รายการทางบรรณานุกรมทรัพยากรสารสนเทศอิเล็กทรอนิกส์บนอินเทอร์เน็ตคือข้อใด

(1)  Online Catalog

(2) Card Catalog

(3) Metadata       

(4) OPAC

ตอบ 3 หน้า 217234245 เมต้าดาต้า (Metadataคือ การลงรายการทางบรรณานุกรมสำหรับ การจัดหมวดหมู่ทรัพยากรสารสนเทศในสืออิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตหรือ เว็บไซต์ โดยจะให้รายละเอียดของทรัพยากรสารสนเทศที่มีมากมายมหาศาลบนเครือข่าย อินเทอร์เน็ต เพื่อช่วยจัดการข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต ทำให้การสืบค้นข้อมูลในเว็บไซต์ มีประสิทธิภาพและมีการจัดเก็บอย่างเป็นระบบ

58. ข้อใดเป็นรูปแบบรายการทรัพยากรสารสนเทศที่ใช้ในสำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคำแหง

(1) รายการแบบบัตร

(2) รายการแบบออนไลน์

(3) รายการแบบรวมเล่ม

(4) รายการบนซีดีรอม

ตอบ 2 หน้า 29 – 30219227 – 228288(คำบรรยาย) ระบบสืบค้นข้อมูลภายในห้องสมุดที่เรียกว่า “OPAC” (Online Public Access Catalogเป็นระบบสืบค้นรายการหนังสือหรือ ตรวจสอบทรัพยากรสารสนเทศของห้องสมุดในรูปแบบรายการออนไลน์ (Online Catalogจากฐานข้อมูลในรูปที่อ่านได้ด้วยคอมพิวเตอร์ โดยจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับบรรณานุกรม แหล่งจัดเก็บและบริการ สถานภาพของวัสดุสารสนเทศนั้น ๆ การสืบค้นข้อมูลของห้องสมุด เป็นต้น ทั้งนี้ผู้ใช้สามารถเรียกดูข้อมูลได้จากหน้าจอคอมพิวเตอร์โดยเลือกใช้คำสั่งจากเมนูหลัก ที่กำหนดไว้ ในปัจจุบันผู้ใช้บริการสำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคำแหง สามารถค้นหา รายการทรัพยากรสารสนเทศในห้องสมุดผ่านระบบ OPAC โดย Telnet ไปยัง www.library.lib.ru.ac.th และ login : library

59. ข้อใดเป็นวิธีการที่ทำให้การค้นข้อมูลบนเว็บไซต์มีประสิทธิภาพ

(1) โปรแกรมค้นหา (Search Engine)

(2) โอแพค (OPAC)

(3) เมต้าดาด้า (Metadata)  

(4) รายการออนไลน์ (Online Catalog)

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 57. ประกอบ

60. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของหัวเรื่องย่อย

(1) เป็นคำขยายหัวเรื่องใหญ่ให้ชัดเจนขึ้น  

(2) เป็นคำแบ่งขอบเขตเนื้อหาตามปีที่พิมพ์

(3) เป็นคำแบ่งตามขอบเขตเนื้อเรื่องหนังสือ

(4) เป็นการบอกเหตการณ์ตามสมัย

ตอบ 2 หน้า 254 – 257 หัวเรื่องย่อย เป็นคำหรือวลีที่ใช้เป็นหัวเรื่องย่อยเพื่อขยายหัวเรื่องใหญ่ ให้เห็นชัดเจนหรือเฉพาะเจาะจงขึ้น โดยหัวเรื่องย่อยจะมีขีดสั้น 2 ขีด (—) อยู่ข้างหน้าคำ แบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ

1. แบ่งตามวิธีเขียน เช่น คณิตศาสตร์-คู่มือเตรียมสอบ ฯลฯ

2.    บอกลำดับเหตุการณ์ โดยแบ่งตามปีคริสต์ศักราช ยุคสมัย หรือแผ่นดิน เช่น ไทย—ประวัติศาสตร์ไทย—กรุงศรีอยุธยา1393 – 2310 ฯลฯ

3.    แบ่งตามขอบเขตของเนื้อหา เช่น บรรณารักษศาสตร์—การประชุม, เศรษฐศาสตร์—ประวัติ ฯลฯ

4. แบ่งตามสภาพภูมิศาสตร์ เช่น ReligionHong Kongอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว—ไทย ฯลฯ

61. ข้อใดคืหัวเรื่องเฉพาะ

(1) วงดนตรี RU BAND

(2) วนอุทยานแห่งชาติ 

(3) วอลเลย์บอล    

(4) วัชพืชในนาข้าว

ตอบ 1 หน้า 252 – 254(คำบรรยาย) การกำหนดคำค้นที่ใช้เป็นหัวเรื่องใหญ่มีลักษณะดังนี้

1.    คำนามคำเดียวหรือคำโดด เช่น ปลา นก คอมพิวเตอร์ ทรัพยากรมนุษย์ ฯลฯ

2. คำผสมที่เป็นคำนาม 2 คำเชื่อมด้วย “andกับ”และ” ที่มีเนื้อหาสาระสองด้าน คล้อยตามใปในทางเดียวกับ เช่น อิทธิพลและสิ่งแวดล้อม ฯลฯ

3. คำผสมที่เป็นคำนาม 2 คำซึ่งมีเนื้อหาค้านกัน เช่น ศาสนาและวิทยาศาสตร์ ความดีและ ความชั่ว ฯลฯ

4.    คำนามที่ตามด้วยเครื่องหมายจุลภาคและคำคุณศัพท์ที่ขยายคำแรกให้สื่อความหมายดีขึ้น เช่น เคมีวัตถุ ฯล

5.    กลุ่มคำหรือวลี เช่น ภาษาอังกฤษสำหรับอนุบาล การนวดสลายไขมัน หนังสือการ์ตูน ฯลฯ

6.    ชื่อเฉพาะที่เป็นคำวิสามานยนาม เช่น ชื่อบุคคล ชื่อวงดนตรี ชื่อสัตว์ ชื่อสถานที่ ชื่อแม่น้ำ ฯลฯ

62. ข้อใดคือหัวเรื่องที่มีความหมายคล้อยตามกัน

(1) อิทธิพลและสิ่งแวดล้อม

(2) ศิลปะกับประวัติศาสตร์  

(3) อุตสาหกรรมกับรัฐ 

(4) ความสัมพันธ์กับต่างประเทศ

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 61. ประกอบ

63. ข้อใดไม่ใช่ตรรกะบูลีน (Boolean Logicที่ใช้เป็นคำค้นสารสนเทศให้มีประสิทธิภาพ

(1)  and

(2) or     

(3) not  

(4) with

ตอบ 4 หน้า 262268 การใช้คำสำคัญในการค้นหาสารสนเทศทางออนไลน์มีวิธีการดังนี้

1.    ใช้วิธีการสืบค้นข้อมูลเช่นเดียวกับการใช้หัวเรื่อง

2.    การค้นสารสนเทศอาจแสดงผลต่างกันในแต่ละฐานข้อมูล

3.    สามารถใช้คำสำคัญโดยผสมคำทั่วใปกับคำวิสามานยนาม

4.    ใช้ตรรกะของบูลีน (Boolean Logicโดยใช้คำว่า และ (and)หรือ (or)ไม่ใช่ (not) เพื่อเชื่อมโยงการสืบค้นให้มีประสิทธิภาพ

64. ข้อใดสะกดเป็นคำเต็มไม่ถูกต้อง

(1)  WWW คือ World Wide Web

(2)  OPAC คือ Online Public Access Catalog

(3)  ISBN คือ International Standard Book Number

(4)  DDC คือ Demo Decimal Classification

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 44. ประกอบ

65. ข้อใดคือหัวเรื่องย่อยแบ่งตามสภาพภูมิศาสตร์

(1)  Thai languageWriting    

(2) DogsTraining

(3)  ReligionHong Kong

(4) ChildrenChild care

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 60. ประกอบ

66. สัญสักษณใดที่แสดงความสัมพันธ์ของคำที่ไม่ใช้เป็นหัวเรื่องแล้ว

(1)  UF Use For       

(2) BT Broader Term

(3) NT Narrower Term  

(4) RT Related Term

ตอบ 1 หน้า 249256 รายการโยง (Cross Referenceคือ สัญลักษณ์ที่ใช้แสดงให้ทราบว่าคำหรือวลี ที่ตามมาจะใช้เป็นหัวเรื่องได้หรือไม่ และมีความเกี่ยวข้องสัมพันธใกล้เคียงกับเนื้อหามากน้อย เพียงใด เช่น sa (see alsoหรือ “ดูเพิ่มเติม” จะใช้โยงไปยังหัวเรื่องอื่นที่มีความสัมพันธ์กัน แต่มีเนื้อหาแคบกว่า, see หรือ “ดูที่” จะใช้โยงหน้าคำหรือวลีที่ใช้เป็นหัวเรื่องได้ เป็นต้น นอกจากนี้บัญชีหัวเรื่อง LCSH ฉบับปัจจุบันยังได้เปลี่ยนแปลงการใช้สัญลักษณ์บางตัวเพื่อแสดง ความสัมพันธ์ของคำที่ใช้เป็นหัวเรื่อง เช่น

BT (Broader Term) = หัวเรื่องสัมพันธ์ที่กว้างกว่า,

NT (Narrower Term) = หัวเรื่องสัมพันธ์ที่แคบกว่า,

RT (Related Term) = หัวเรื่องสัมพันธ์ ที่เกี่ยวช้องกัน,

UF (Use For) = หัวเรื่องที่ไม่ใช้แล้ว เป็นต้น

67. หัวเรื่องสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกันใช้สัญลักษณ์ใด

(1)  BT  

(2) NT    

(3) RT    

(4) RU

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 66. ประกอบ

68. ข้อใดเป็นปัจจัยสำคัญช่วยให้บุคคลสามารถวิเคราะห์ ตัดสินใจ และแก้ปัญหาได้

(1) ความรู้สังคมวิทยา  

(2) แหล่งสารสนเทศ    

(3) การศึกษา

(4) หลักการทางจิตวิทยา

ตอบ 3 หน้า 274 การศึกษา คือ การเสาะแสวงหาความรู้เพื่อให้เกิดความเช้าใจในเรื่องต่าง ๆ อย่างถ่องแท้ ดังนั้นการศึกษาจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับมนุษย์ทั้งทางวิชาการและเรื่องที่อยู่ในความสนใจของแต่ละบุคคล ซึ่งจะช่วยให้บุคคลมีความรู้ความสามารถในการวิเคราะห์ ตัดสินใจ และแก้ไขปัญหาได้

69. การอ่านแบบใดที่ผู้อ่านต้องใช้ทักษะการอ่านเพื่อแยกหรือรวมประเด็นเรื่อง

(1) การอ่านเพื่อประเมินค่าและวิจารณ์

(2) การอ่านเพื่อหาคำตอบ

(3) การอ่านเพื่อเพิ่มพูนความรู้    

(4) การอ่านเพื่อเก็บรายละเอียด

ตอบ 4 หน้า 276 การอ่านเพื่อเก็บรายละเอียด เป็นจุดมุ่งหมายของผู้อ่านที่ต้องการข้อมูลเรื่องใด เรื่องหนึ่งอย่างเฉพาะเจาะจง โดยผู้อ่านต้องมีสมาธิ สามารถแยกหรือรวมประเด็นหลักและประเด็นย่อยได้ รวมทั้งสามารถจดบันทึกจากการอ่าน ทำให้ผู้อ่านต้องใช้ทักษะหลายอย่าง ประกอบกันได้แก่ ทักษะการอ่าน การแยกและรวมประเด็น การสังเกต และการใช้คำหรือประโยค เพื่อให้สามารถหาความสัมพันธ์ของข้อความที่ต้องการเก็บรายละเอียดได้

70. อ่านคอลัมน์ไขสุขภาพในหนังสือพิมพ์เรื่อง “สาเหตุการเกิดโรคอัลไซเมอธ์” เป็นการอ่านแบบใด

(1) การอ่านแบบคร่าว ๆ      

(2) การอ่านเพื่อประเมินค่าและวิจารณ์

(3) การอ่านเพื่อรับรู้ข่าวสาร

(4) การอ่านเพื่อเพิ่มพูนความรู้

ตอบ 3 หน้า 275 การอ่านเพื่อรับรู้ขาวสาร เป็นการอ่านทีใช้ในชีวิตประจำวันหรืออ่านเพื่อต้องการ รู้เหตุการณ์และความเป็นไปทีเกิดขึ้นรอบตัว เช่น การอ่านหนังสือพิมพ์ อ่านประกาศ อ่านแจ้งความโฆษณา ฯลฯ การอ่านแบบนี้จะใช้เวลาไม่มาก มักอ่านเพื่อจับประเด็นคร่าว ๆ หรือมุ่งจับรายละเอียดก็ได้ซึ่งขึ้นอยู่กับผู้อ่าน

71. ข้อใดเป็นการอ่านที่ผู้อ่านต้องมีความรู้พี้นฐานเกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน

(1) การอ่านเพื่อประเมินค่าและวิจารณ์

(2) การอ่านเพื่อเก็บรายละเอียด

(3) การอ่านเพื่อเพิ่มพูนความรู้    

(4) การอ่านเพื่อรับรู้ข่าวสาร

ตอบ 1 หน้า 276 การอ่านเพื่อประเมินค่าและวิจารณ์ เป็นการอ่านระดับสูง โดยผู้อ่านต้องสามารถ ประเมินค่าหรือวิจารณ์ข้อเขียนเหล่านั้นได้ว่าถูกต้องน่าเชื่อถือหรือไม่ มีข้อเท็จจริงหรือมีคุณค่า เพียงไร และให้แนวคิดใหม่หรือไม่ ดังนั้นการอ่านแบบนี้ผู้อ่านจึงต้องมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ เรื่องที่อ่าน มีสมาธิในการอ่าน และมีวิจารณญาณเพื่อพินิจพิเคราะห์ข้อเขียนอย่างละเอียดลึกซึ้

72. เพื่อให้ได้ประโยชน์จากการฟังคำบรรยายในชั้นเรียน ผู้ฟังควรปฏิบัติอย่างไรเป็นอันดับแรก

(1)  ตั้งใจมีสมาธิในการฟัง  

(2) เปิดใจรับฟังคำบรรยาย

(3) พิจารณาเรื่องที่ฟัง  

(4) เตรียมตัวให้พร้อม

ตอบ 4 หน้า 277(คำบรรยาย) การที่จะได้ประโยชน์คุ้มค่าจากการฟัง ผู้ฟังควรปฏิบัติตัวดังนี้

1.    เตรียมตัวเพื่อการฟังให้พร้อมมาก่อนล่วงหน้า

2.    มีสมาธิในการฟัง เปิดใจพร้อมรับความรู้ โดยไม่ควรพูดคุยหรือแลกเปลี่ยนความรู้กัน ในขณะฟังการบรรยาย เพราะอาจพลาดโอกาสองเนื้อหาตอนนั้นๆ ไปโดยสิ้นเชิง

3.    คิดตามคำพูดของผู้พูด โดยผู้ฟังที่ดีต้องมีความตื่นตัว กระหายใคร่รู้ และคิดอย่างมีระเบียบ คือ รู้จักพิจารณาเรื่องที่ฟังจนสามารถสืบค้นหรือสืบสาวหาข้อเท็จจริงจนแยกแยะเรื่องที่ฟังได้ ซึ่งเรียกว่าเป็น “วิธีทางแห่งปัญญา”

73. ผู้ฟังที่ดีควรมีจรรยาบรรณในการฟังคำบรรยายอย่างไร

(1)  เรื่องใดที่ยากไกลตัวเกินไปไม่ควรฟังก็ได้

(2)  ให้ฟังคำบรรยายจากวิทยากรที่น่าเชื่อถือเท่านั้น

(3)  จิตไม่ต้องสนใจเรื่องนอกตัว ทำจิตให้นิ่งเป็นหนึ่งเดียว

(4)  ทำใจเปิดกว้าง ไม่ดูหมิ่นเรื่องที่ผู้อื่นพูด

ตอบ 4 หน้า 277 – 278 จรรยาบรรณของการเป็นผู้ฟังที่ดี มีดังนี้

1.    เปิดใจกว้าง ไม่ดูหมิ่นเรื่องที่ผู้อื่นพูด

2.    ไม่ดูหมิ่นผู้พูดว่าเป็นผู้ที่ไม่น่าเชื่อถือเพราะไม่มีคุณวุฒิหรือวัยวุฒิ

3.    ไม่ดูหมิ่นตนเองว่าเป็นเรื่องที่ไกลตัวเกินไป หรือเป็นเรื่องยากซึ่งตนเองมีทักษะความรู้น้อยเกินไป

4.    ไม่ทำจิตให้ฟุ้งซ่าน แต่ให้ทำจิตเป็นหนึ่งเดียว แล้วฟังเรื่องที่พูดตั้งแต่ต้นจนจบ

74. การสอบถามสารสนเทศจากผู้รู้หรือการขอคำชี้แนะจากผู้มีประสบการณ์ เป็นวิธีการศึกษาค้นคว้าเช่นไร

(1)  การสร้างหัวใจนักปราชญ์     

(2) สดับฟังให้มากจนเรียกว่า “พหูสูต”

(3) คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล

(4) การเสวนาสัตบุรุษ

ตอบ 4หน้า 278(คำบรรยาย) การไต่ถามหรือการเสวนา เป็นการเข้าไปปรึกษาเสวนาหาคำตอบ หรือขอคำชี้แนะจากผู้มีประสบการณ์ เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นและการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน จนก่อให้เกิดความแจ่มแจ้งแห่งข้อสงสัยนั้น ดังนั้นการเสวนาจึงเป็นการออกจากตนเองไปสู่ผู้อื่น นั้นคือ เปิดประตูความคิดของตนเองไปสู่ความคิดของผู้อื่น เพื่อเรียนรู้แบ่งปันความรู้ที่มีในตัวตนไปสู่ความรู้ที่แจ้งชัด ดังคำของนักปราชญ์ที่ว่า บัณฑิต คือ คนฉลาดที่ดำเนินชีวิต ด้วยปัญญาย่อมเข้าคบหาสัตบุรุษ หรือเรียกว่า “การเสวนาสัตบุรุษ”

75. มนุษย์ตั้งแต่สมัยโบราณบันทึกเรื่องราวไว้ในสื่อต่าง ๆ เพื่อวัตถุประสงค์ตามข้อใด

(1) สืบสานไม่ให้ลบเลือนหลงลืม  

(2) ผลิตสื่อสะสมไว้ในหอสมุดแห่งชาติ

(3) รักษาขั้นตอนจารีตประเพณีของมนุษยชาติ  

(4) จรรโลงอารยธรรมของมนุษย์ให้คงอยู่ตลอดไป

ตอน 1 หน้า 278 – 279281 ด้วยเหตุที่การแสวงหาความรู้ที่ได้จากการอ่าน การฟัง หรือการไต่ถาม อาจมีการลบเลือนหรือหลงลืมได้ มนุษย์ตั้งแต่สมัยโบราณจึงคิดสัญลักษณ์ขึ้นแทนคำพูด และมีการบันทึกเรื่องราวไวในสื่อต่าง ๆ กัน เช่น ดินเหนียว หนังสัตว์ ผ้า กระดาษ ฯลฯ ดังนั้นการจดบันทึกจึงเป็นวิธีการที่ดีที่สุดของมนุษย์ในการสืบสานและจรรโลงเรื่องราวต่างๆไว้ มิให้ถูกลบเลือนและสลายไปในที่สุด

76. ข้อใดไม่ใช่วิธีการอ่านโดยการค้นคว้าหาความหมายจากสัญลักษณ์

(1) อ่านสีหน้า อ่านสภาพดินฟ้าอากาศ

(2) อ่านลายมือ อ่านออกเสียง

(3] อ่านแววตา อ่านค่าตัวเลข

(4) อ่านความรู้สึก อ่านในใจ

ตอบ 4 หน้า 275 การอ่านเป็นวิธีศึกษาหาความรู้โดยมีสัญลักษณ์เป็นสื่อกลาง โดยการอ่านจะมี หลายระดับตั้งแต่การอ่านตามตัวหนังสือ การอ่านค่าตัวเลข จนถึงการอ่านสิ่งอื่น ๆ เช่น อ่านสีหน้า อ่านแววตา อ่านลายมือ อ่านสภาพดินฟ้าอากาศ ดังนั้นการอ่านจึงอาจมีความหมายว์า “การออกเสียงหรือเข้าใจตามตัวหนังสือและการค้นคว้าหาความหมายจากสัญลักษณ์”

77. ข้อใดเป็นลักษณะของผู้ฟังที่ดี

(1) คิดตามคำพูดของผู้พูด

(2)  กระหายใคร่รู้ใคร่เห็น   

(3)  ตระหนักตื่นตัวตื่นใจ    

(4)  ทำจิตใจให้สงบปลอดโปร่ง

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 72. ประกอบ

78. แสดงคำขอบคุณผู้ช่วยเหลือในการให้ข้อมูลแก่รายงานการวิจัยไว้ที่ส่วนใด

(1) ปกหลังด้านใน

(2) หน้าชื่อเรื่อง    

(3) หน้าลิขสิทธิ์    

(4) หน้าคำนำ

ตอบ 4 หน้า 336 หน้าคำนำ (Prefaceเป็นหน้าที่แจ้งให้ผู้อ่านได้ทราบถึงวัตถุประสงค์ของการทำรายงาน ขอบเขตเนื้อหาของรายงาน และแสดงคำขอบคุณผู้ที่มีคุณูปการหรือผู้ที่มีส่วน ช่วยเหลือในการให้ข้อมูลจนทำให้การทำรายงานนั้นสำเร็จ

79. ส่วนใดของรายงานที่ใช้ข้อความเดียวกัน    

(1)  ปกนอกและหน้าชื่อเรื่อง

(2)  ปกนอกและปกหลัง

(3)  หน้าคำนำและหน้าคำนิยม    

(4)  บทสรุปและบทคัดย่อ

ตอบ 1 หน้า 334 – 338 ส่วนประกอบของรายงาน แบ่งออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ ๆ ดังนี้

1.    ส่วนประกอบตอนต้น ได้แก่ ปกนอก หน้าชื่อเรื่อง หน้าคำนำ หน้าสารบัญ และหน้าสารบัญตารางและภาพประกอบ โดยปกนอกและหน้าชื่อเรื่องจะใช้ข้อความเดียวกัน

2. ส่วนที่เป็นเนื้อหา ได้แก่ ข้อความที่คัดลอกมา การอ้างอิง บันทึกเพิ่มเติม (เช่น เชิงอรรถ) ตาราง และภาพประกอบ

3.    ส่วนประกอบตอนท้าย ได้แก่ หน้าบอกตอน บรรณานุกรม ภาคผนวก และอภิธานศัพท์

80. สิ่งที่ควรปรากฏในหน้าคำนำคือข้อใด

(1) แนวคิดในการแสวงหาข้อมูล 

(2) สิ่งที่คาดว่าจะได้รับหลังการเผยแพร่ผลงาน

(3) วัตถุประสงค์และขอบเขตของรายงาน   

(4) ผู้เป็นเจ้าของเงินทุนในการทำรายงาน

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 78. ประกอบ

81. ต้องการคัดลอกวาทะบางตอนของปราชญ์ควรทำอย่างไร

(1) คัดลอกให้เหมือนต้นฉบับ     

(2) ตอนใดที่ไม่ต้องการให้ว่างเว้นไป

(3)  ใช้ตัวอักษรพิเศษกับวาทะที่คัดลอก     

(4) พิมพ์ด้วยตัวอักษรตัวเอน

ตอบ 1 บัตรบันทึกแบบลอกความ (Quotationจะเหมาะกับข้อความหรือข้อเท็จจริงที่ชัดแจ้ง เช่น สูตรทางคณิตศาสตร์ ความหมายหรือคำนิยามในเชิงวิชาการ กวีนิพนธ์ และบทละครต่าง ๆ โดยมีข้อควรระวังคือ ต้องคัดลอกทุกอย่างให้เหมือนต้นฉบับ ตอนใดที่คัดลอกมาทั้งหมดให้คร่อมไว้ด้วยเครื่องหมายอัญประกาค (“______”) แต่ถ้าคัดลอกมาเพียงบางส่วนให้ใช้เครื่องหมายจุด 3 จุด (…)

แทนข้อความที่ละไว้โดยใส่ไว้ก่อนหรือหลังข้อความนั้น ซึ่งบัตรบันทึกชนิดนี้จะกระทำเมื่อ

1.    ผู้ทำรายงานไม่สามารถหาคำพูดได้ดีกว่าเนื้อหาเดิม

2.    เนื้อหาเดิมได้วางระเบียบกฎเกณฑ์และวิธีการไว้อย่างดีแล้วจึงไม่ควรดัดแปลง

3.    เนื้อหาเดิมบรรยายถึงแนวคิดหรือวาทะสำคัญของผู้แต่งจึงไม่ควรดัดแปลง

82. ควรใช้ส่วนใดของรายงานเมื่อต้องการอ่านข้อมูลเพิ่มเติมจากที่นำเสนอไว้

(1) ความนำ  

(2) บทนำ     

(3) เชิงอรรถ 

(4) บรรณานุกรม

ตอบ3 หน้า 299 – 300 เชิงอรรถประเภทอธิบายความ เป็นเชิงอรรถที่ผู้ทำรายงานทำขึ้นเพราะ ต้องการอธิบายความเพิ่มเติมหรือให้ข้อคิดเห็นเพิ่มเติมจากส่วนของเนื้อหาที่นำเสนอไว้ โดยใส่เลขอารบิกในรูปของเลขยกระดับ (Superscriptไว้ท้ายข้อความที่ต้องการอธิบายเพิ่มเติม แล้วอธิบายความไว้ท้ายหน้านั้น ๆ เพื่อช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจเนื้อหาได้เร็วขึ้น

83. นอกจากให้หมายเลขกับตารางและภาพประกอบในรายงานแล้ว ต้องปฏิบัติอย่างไร

(1) แจ้งที่มาของตารางและภาพประกอบ    

(2) แจ้งวัน/เดือน/ปี ที่นำตารางและภาพประกอบมาใช้

(3) ขอบคุณเจ้าของตารางและภาพประกอบไว้ท้ายบท

(4) ให้สีสันแก่ตารางและภาพประกอบ

ตอบ 1 หน้า 337 – 338 ในกรณีที่มีตารางและภาพประกอบ (รวมถึงแผนภูมิ แผนที่ และกราฟ) ในเนื้อหาของรายงาน ผู้ทำรายงานจะมีวิธีปฏิบัติ ดังนี้

1. จุดที่แสดงตารางและภาพประกอบ ต้องเหมาะสมและชัดเจน

2. ให้หมายเลขกำกับตารางและภาพประกอบ เช่น ตารางที่ 1 ภาพประกอบที่ 1   

3. ต้องมีชื่อกำกับที่สั้นและชัดเจนเหนือตารางและภาพประกอบทุกชิ้น

4.    มีการบอกแหล่งที่มาของตารางหรือภาพประกอบนั้น ๆ

84. หน้าบอกตอนอยู่ก่อนส่วนใดของรายงาน

(1) คำนำ

(2) บทนำ     

(3) ภาคผนวก

(4) บทคัดยอ

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 79. ประกอบ

85. บรรณานุกรมมีประโยชน์อย่างไร

(1)  เพื่อแสดงถึงลิขสิทธิ์ของผู้เป็นเจ้าของผลงานเดิม

(2)  เพื่อเป็นองค์ประกอบแสดงความเป็นสากลของรูปแบบรายงาน

(3)  เพื่อให้รายละเอียดของสารสนเทศที่สามารถค้นคว้าได้อีก

(4)  เพื่อให้ผู้อ่านตรวจสอบความถูกต้องของสารสนเทศ

ตอบ 4 หน้า 312 เมื่อผู้ทำรายงานได้ทำการค้นคว้าและอ้างอิงข้อมูลจากแหล่งสารสนเทศต่าง ๆ ผู้ทำรายงานจะต้องแจ้งแหล่งที่มาของข้อมูลอย่างครบถ้วนตามรูปแบบของบรรณานุกรมที่กำหนดไว้เป็นสากล ทั้งนี้เพื่อให้ผู้อ่านสามารถตรวจสอบความถูกต้องของเนื้อหาในรายงาน หรือใช้ค้นคว้าเพิ่มเติมได้ รวมทั้งเป็นการป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย

86. ขั้นตอนใดช่วยให้ผู้ทำรายงานทำรายการอ้างอิงได้สะดวก(1) ขั้นทำบัตรบันทึก

(2) ขั้นทำบัตรบรรณานุกรม 

(3) ขั้นสำรวจข้อมูล      

(4) ขั้นเรียบเรียงเนื้อหา

ตอบ 2 หน้า 289(IS 103 เลขพิมพ์ 53345 หน้า 247 – 248) หลังจากค้นหาข้อมูลเพื่อทำรายงาน จากแหล่งสารสนเทศต่าง ๆ แล้ว ผู้ทำรายงานควรบันทึกข้อมูลในรูปของบัตรบรรณานุกรม ซึ่งจุดมุ่งหมายในขั้นตอนของการทำบัตรบรรณานุกรม มีดังนี้

1.    เพื่อรวบรวมหรืออ้างอิงรายชื่อแหล่งข้อมูลที่ใช้ประกอบการศึกษาค้นคว้า

2.    เพื่อนำมาเขียนรายการเอกสารอ้างอิง (บรรณานุกรม) ไว้ท้ายรายงาน ซึ่งจะช่วยให้ ผู้ทำรายงานทำรายการอ้างอิงได้สะดวกขึ้น

3.    เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้สนใจศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม

4.    เพื่อเป็นแหล่งตรวจสอบหลักฐานของข้อเท็จจริงในรายงาน

5.    เพื่อนำไปค้นหาหนังสือ วารสาร และสารสนเทศอื่น ๆ ก่อนลงมืออ่านและทำบัตรบันทึกต่อไป

87. ต้องการนำแนวคิดของนักเศรษฐศาสตร์มาประกอบรายงานเรื่อง “ทิศทางเศรษฐกิจโลก” ควรทำบัตรบันทึกแบบใด

(1) แบบลอกความ

(2) แบบสรุปความ

(3) แบบถอดความ

(4) แบบจับใจความ

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 81. ประกอบ

88. ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับการวางโครงเรื่องของรายงาน

(1) นำไปเขียนสารบัญได้    

(2) ช่วยให้เนื้อหาดำเนินได้ดี

(3) ช่วยให้ลีลาการเขียนดีด้วย     

(4) ช่วยให้ค้นคว้าได้เร็วขึ้น

ตอบ 2 หน้า 295(คำบรรยาย) ก่อนเรียบเรียงเนื้อหารายงาน ผู้ทำรายงานจะต้องวางโครงเรื่อง ซึ่งเป็นการวางแผนเสนอเนื้อหาและเป็นการสร้างกรอบความคิด เพื่อให้การเสนอเนื้อหาของ รายงานดำเนินไปตามลำดับได้ดี รวมทั้งอยู่ในทิศทางและขอบข่ายที่กำหนดไว้ไม่สับสนวกวน หรือออกนอกประเด็น ซี่งจะทำให้น่าอ่านและนำติดตามมากขึ้น

89. ข้อใดเป็นรูปแบบการลงรายการบรรณานุกรมถูกต้องตามรูปแบบ APA

(1)  ชื่อผู้แต่ง. ชื่อหนังสือ. สถานที่พิมพ์สำนักพิมพ์ปีที่พิมพ์.

(2)  ชื่อผู้แต่งปีที่พิมพ์. ชื่อหนังสือ. สถานที่พิมพ์สำนักพิมพ์.

(3)  ชื่อผู้แต่งชื่อหนังสือ. สถานที่พิมพ์ : สำนักพิมพ์ปีที่พิมพ์

(4)  ชื่อผู้แต่ง. (ปีที่พิมพ์). ชื่อหนังสือ. สถานที่พิมพ์ : สำนักพิมพ์.

ตอบ 4 หน้า 313 – 315317 – 318 รูปแบบการลงรายการทางบรรณานุกรมหนังสือที่ถูกต้อง ตามแบบแผนของคู่มือ APA คือ

ชื่อผู้แต่ง. (ปีที่พิมพ์). ชื่อหนังสือ (ครั้งที่พิมพ์). สถานที่พิมพ์ : สำนักพิมพ์.

–      ในกรณีที่ผู้แต่งเป็นคนไทยและมีฐานันดรศักดิ์ บรรดาศักดิ์ สมณศักดิ์หรือยศ ให้ลงชื่อ และนามสกุลของผู้แต่ง คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค (,ตามด้วยฐานันดรศักดิ์หรือยศ

–      ในกรณีที่ผู้แต่งเป็นชาวต่างประเทศให้ลงชื่อสกุล (Last Nameก่อน แล้วตามด้วย เครื่องหมายจุลภาคและชื่อต้น (First Nameเช่น Handson, Richard

90. หนังสือที่เขียนโดยชาวอเมริกัน จะต้องลงรายการทางบรรณานุกรมอย่างไร

(1) ให้ลงชื่อสกุลก่อน ตามด้วยเครื่องหมายจุลภาคและชื่อต้น

(2ให้ลงชื่อต้นก่อน ตามด้วยชื่อสกุลและเครื่องหมายมหัพภาค

(3)  ให้ลงชื่อสกุล ตามด้วยเครื่องหมายมหัพภาคและชื่อต้น

(4)  ให้ลงชื่อต้น ชื่อสกุล ชื่อกลาง ตามด้วยเครื่องหมายจุลภาค

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 89. ประกอบ

92. การอ้างอิงแหล่งที่มาของข้อมูลจากสื่ออิเล็กทรอนิกส์ข้อใดถูกต้อง

(1)  พล ชูจันทร์. (2556). ปัญหาเด็กแว้น. ค้นเมื่อ มีนาคม 72557จาก http://www.phrathai.net

(2)  พล ชูจันทร์. ปัญหาเด็กแว้น. ค้นเมื่อ 7 มีนาคม 2557จาก http://www.phrathai.net, 2556.

(3)  พล ชูจันทร์. 2556. ปัญหาเด็กแว้นค้นจาก http://www.phrathai.netเมื่อ 7 มีนาคม 2557.

(4)  พล ชูจันทร์. ปัญหาเด็กแว้นค้นเมื่อ มีนาคม 72557. จาก http://www.phrathai.net2556

ตอบ 1 หน้า 328 รูปแบบการลงรายการอ้างอิงทางบรรณานุกรมสำหรับสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่

แหล่งข้อมูลออนไลน์บนอินเทอร์เน็ต และซีดีรอม คือ

ชื่อผู้แต่ง. (ปีที่พิมพ์). ชื่อเรื่อง. ค้นเมื่อ ระบุวันที่ค้นข้อมูล. ที่อยู่ของเอกสาร (URL)

เช่น พล ชูจันทร์. (2556). ปัญหาเด็กแว้น. ค้นเมื่อ มีนาคม 72557ก http://www.phrathai.net

93. หน้าคำนำบอกสิ่งใดแก่ผู้อ่านรายงาน

(1) เบื้องหลังการทำงานและผลที่คาดว่าจะได้รับ 

(2) วิธีการ แนวคิด และการนำเสนอรายงาน

(3) ความลึกซึ้งของเนื้อหาที่กำหนด    

(4) วัตถุประสงค์และขอบเขตของรายงาน

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 78. ประกอบ

94. ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับหน้าสารบัญ

(1)  เป็นหน้าที่แสดงบัญชีบทของรายงานโดยแจ้งเลขหน้ากำกับ

(2)  เป็นหน้าเดียวกันกับโครงเรื่องใหญ่และโครงเรื่องย่อย

(3)  เป็นหน้าที่รวมสารบัญเรื่องและสารบัญภาพประกอบ

(4)  เป็นหน้าที่บอกจำนวนหน้าของแต่ละบท

ตอบ 1 หน้า 336 หน้าสารบัญของรายงาน เป็นบัญชีบทและตอนที่ปรากฏในรายงานเรียงตามลำดับเนื้อหา พร้อมทั้งมีเลขหน้ากำกับไว้ด้วย โดยคำว่า “สารบัญ” หรือ “สารบาญ” ควรพิมพ์ไว้ กลางหน้ากระดาษตอนบน

95. ในรายงานมีตารางและภาพประกอบควรปฏิบัติข้อใด

(1)  ขอบคุณเจ้าของตารางและภาพประกอบท้ายบท

(2)  พยายามสร้างสีสันให้กับตารางและภาพประกอบ

(3)  ให้หมายเลขกำกับตารางและภาพประกอบ

(4)  บอกจำนวนตารางและภาพประกอบไว้ที่หน้าสารบัญ

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 83. ประกอบ

96. การเสนอตารางและภาพประกอบในรายงานไม่ควรมีสิ่งใด

(1) บทวิเคราะห์    

(2) บอกแหล่งที่มา

(3) ให้หมายเลขกำกับ  

(4) มีชื่อกำกับสั้น ๆ

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 83. ประกอบ

97. หน้าบอกตอนควรอยู่ก่อนส่วนใดของรายงาน

(1) บทนำ บทสรุป 

(2) คำนำ สารบัญ

(3) ปกหน้า ปกหลัง

(4) บรรณานุกรม ภาคผนวก

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 79. ประกอบ

98. แบบสอบถามที่ใช้กับรายงานการวิจัยควรปรากฎอยู่ส่วนใด

(1) บทสุดท้าย

(2) ตอนท้ายของบทสรุป

(3) ภาคผนวก

(4) ต่อจากสารบัญ

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 30. ประกอบ

99. ผู้อ่านรายงานใช้สิ่งใดตรวจสอบข้อมูลย้อนหลัง

(1) บัตรบันทึก     

(2) บทสรุป   

(3) บรรณานุกรม 

(4) เชิงอรรถ

ตอบ 3 (IS 103 เลขพิมพ์ 5:345 หน้า 275) บรรณานุกรม เป็นส่วนที่สำคัญยิ่งของรายงาน เนื่องจาก เป็นรายการที่แสดงหลักฐานประกอบการศึกษาค้นคว้า ทำให้ผู้อ่านรายงานสามารถตรวจสอบ ข้อมูลย้อนหลังได้ ทั้งนี้รายการบรรณานุกรมจะนิยมจัดเรียงตามลำดับอักษรชื่อผู้เขียนหนังสือ. หรือผู้เขียนบทความ ถ้ามีรายชื่อทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษให้เรียงลำดับภาษาไทยมาก่อน

100. บันทึกคำเฉพาะที่ใช้ในรายงาบควรประมวลไว้ที่ส่วนใด

(1) ดรรชนีค้นคำ  

(2) ภาคผนวก

(3) อภิธานศัพท์   

(4) บทสุดท้าย

ตอบ 3 หน้า 338 อภิธานศัพท์ เป็นบัญชีคำศัพท์เฉพาะหรือศัพท์ยากที่ปรากฏอยู่ในรายงานนั้น ซึ่งผู้ทำรายงานจะนำคำศัพท์นั้นมาเรียงลำดับตามตัวอักษรพร้อมกับให้ความหมาย

LIS1001 สารสนเทศและเทคโนโลยีเพื่อการค้นคว้า การสอบไล่ภาค1 ปีการศึกษา2557

การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2557

ข้อสอบกระบวนวิชา LIS 1001 สารสนเทศและเทคโนโลยีเพื่อการค้นคว้า

คำสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว (ข้อสอบมีทั้งหมด 100 ข้อ)

1.    ข้อใดเป็นข้อเท็จจริงที่เป็นรูปธรรม มีคุณค่าควรแก่การนำไปดำเนินการให้สื่อความหมายได้

(1)   ข้อมูล     

(2) ข่าวสาร     

(3) สารสนเทศ 

(4) ความรู้

ตอบ 1 หน้า 3 ข้อมูล (Dataหมายถึง ข้อเท็จจริงที่เป็นนามธรรม รูปธรรมซึ่งมีความหมายที่บ่งบอกได้ในตัวเอง และมีคุณค่าควรแก่การนำไปดำเนินการให้สื่อความหมายได้

2. ปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงในการดูแลสุขภาพอนามัยของท่านคือข้อใด

(1) ปัญญา     

(2) สารสนเทศ 

(3) ข้อมูลข่าวสาร    

(4) ความรู้

ตอบ 2 หน้า 5(IS 103 เลขทืมฟ 53345 หน้า 5 6) สารสนเทศเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นต่อการพัฒนาคุณภาพการดำรงขีวิตของมนุษย์ในทุกด้าน ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์ดังต่อไปนี้

1.    ลดอัตราการตายจากโรคภัยไข้เจ็บ ทำให้รู้จักวิธีดูแลสุขภาพอนามัย

2.    ช่วยให้ประชาชนเป็นผู้บริโภคอย่างฉลาด รู้จักเลือกใช้สินค้าที่มีบ่ระโยชน์ และประเมิน คุณภาพของสินค้าได้

3. พัฒนาประสิทธิภาพการทำงานให้ดีขึ้น   

4. ช่วยลดความผิดพลาดในการตัดสินใจ

5.    ส่งเสริมการศึกษาค้นคว้า และลดค่าใช้จ่ายจากการทำวิจัยซํ้าซ้อน

6. รู้จักแก้ป็ญหาได้ดีขึ้น   

7. เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างองค์ความรู้

8. เป็นองค์ประกอบสำคัญในการพัฒนาประเทศ

3.    ข้อใดเกิดขึ้นจากการสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้ เพื่อให้บุคลากรสามารถแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างงานที่ปฏิบัติร่วมกัน     

(1) ยุคสังคมสารสนเทศ

(2) ยุคแห่งภูมิปัญญา

(3) ยุคเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์  

(4) ยุคการเรียนรู้

ตอบ 2 หน้า 136 สังคมในศตวรรษที่ 21 เป็นสังคมแห่งภูมิปัญญาหรือสังคมแห่งการเรียนรู้ ที่มีพื้นฐานมาจากสังคมสารสนเทศ โดยบุคลากรซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติงานภายใต้วิชาชีพต่างๆ หรือที่เรียกว่า “พนักงานแห่งภูมิปัญญา’‘ (Knowledge Workerจะช่วยกันสร้างและพัฒนาองค์กร แห่งการเรียนรู้ขึ้น เพื่อให้บุคลากรสามารถเข้าถึงสารสนเทศได้อย่างทั่วถึงและสะดวก รวมทั้งสามารถแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณในระหว่างที่ปฏิบัติงานร่วมกัน ทำให้หน่วยงาน องค์กร และประชากรในสังคมกลายเป็นผู้มีความรู้ ใฝ่รู้ใฝ่เรียน และมีการศึกษาเรียนรู้ตลอดชีวิต

4.    “The Code of Hummurabi” เกี่ยวข้องกับบันทึกสารสนเทศอย่างไร

(1)   แผ่นดินเหนียว/อักษรคูนิฟอร์ม  

(2) กระดาษปาไปรัส/อักษรไฮโรกลิฟิก

(3) แผ่นหินทรงกระบอก/อักษรคูนิฟอร์ม    

(4) แผ่นหนังสัตว์/อักษรไฮโรกลิฟิก

ตอบ 3 หน้า 7-9 ชาวบาบิโลเนียน ซึ่งอาศัยอยูเนแคว้นเมโสโปเตเมียตอนล่าง เป็นกลุ่มที่ได้รับ การถ่ายทอดวัฒนธรรมจากชาวสุเมเรียน โดยนำอักษรรูปลิ่มไปบันทึกเรื่องราวต่างๆ และยังได้คิดค้น “ประมวลกฎหมายฮัมมูราบี” (The Code of Hummurabiซึ่งเป็นกฎหมายสนองตอบ แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน โดยถือเป็นประมวลกฎหมายฉบับแรกของโลกที่จารึกด้วยอักษรคูนิฟอร์ม ลงบนแผ่นหินทรงกระบอกสีดำ จึงนับว่าเป็นมรดกทางอารยธรรมที่มีค่ายิ่ง

5.    ชนชาติใดเป็นผู้ริเริ่มจัดหมวดหมู่ความรู้ที่บันทึก

(1)   บาบิโลเนียน    

(2) สุเมเรียน    

(3) อียิปต์

(4) อัสสิเรียน

ตอบ 4 หน้า 9(คำบรรยาย) ชาวอัสสิเรียน ซึ่งอาศัยอยู่ทางตอนเหนือของดินแดนเมโสโปเตเมีย ได้ส่งผู้มีความรู้ด้านภาษาไปคัดลอกเรื่องราวจากบาบิโลเนียน และนำไปเก็บไว้ที่ห้องสมุด เมืองนิเนเวห์ ซึ่งถือว่าเป็นห้องสมุดที่มีการจัดเก็บหนังสืออย่างเป็นระบบหรือมีการนำ เครื่องหมายกำกับเรียงไว้เป็นหมวดหมู่ ดังนั้นจึงนับเป็นรากฐานของการจัดระบบหนังสือของห้องสมุดในปัจจุบัน

6.    ข้อใดเป็นสื่อที่ชนชาติกรีกใช้บันทึกข่าวสารความรู้

(1)   แผ่นหิน   

(2) แผ่นบรอนซ์

(3) แผ่นหนังสัตว์     

(4) แผ่นดินเหนียว

ตอบ 3 หน้า 9 ชาวกรีกโบราณได้นำแผ่นหนังสัตว์ฟอกมาใช้บันทึกเรื่องราวต่าง ๆ แทนแผ่นดินเหนียว กระดาษปาไปรัส แผ่นไม้ แผ่นหิน แผ่นบรอนซ์ ฯลฯ ซึ่งแผ่นหนังสัตว์เหล่านี้เมื่อนำมาเย็บรวมกันเป็นเล่มจะเรียกว่า “โคเด็กซ์” (Codexหรือหนังสือแผ่นหนังสัตว์ ซึ่งถือเป็นต้นแบบ ของการเย็บเล่มหนังสือในปัจจุบัน โดยห้องสมุดที่รวบรวมแผ่นหนังที่สำคัญคือ ห้องสมุด เปอร์กามัมของกรีก

7.    หอพระไตรปิฎกในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์คือข้อใด

(1)   หอพระมณเฑียรธรรม

(2) หอพุทธสาสนสังคหะ

(3) หอพระสมุดวชิรญาณสำหรับพระนคร   

(4) หอพระสมุดวชิรญาณ

ตอบ 1 หน้า 11 ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ได้เริ่มมีการสังคายนาพระไตรปิฎก หลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (รัชกาลที่ 1)โปรดเกล้าฯให้สร้าง “หอพระมณเฑียรธรรม” ในปี พ.ศ. 2326 ซึ่งเป็นหอพระไตรปิฎกหรือห้องสมุดวัดที่ตั้งอยู่ภายในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) เพื่อประดิษฐานพระไตรปิฎกหลวงและหนังสือจำนวนมาก ดังนั้นจึงถือเป็น หอสมุดพุทธศาสนาของหลวงหลังแรกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์

8.    “หอพระสมุดวชิรญาณสำหรับพระนคร” เปลี่ยนชื่อมาเป็น “หอสมุดแห่งชาติ” ในรัชสมัยใด

(1)   รัชกาลที่ 9      

(2) รัชกาลที่ 8 

(3) รัชกาลที่ 7 

(4) รัชกาลที่ 6

ตอบ3 หน้า 12(15 103 เลขพิมพ์ 53345 หน้า 10) ในสมัยรัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้รวมหอพระมณเฑียรธรรม หอพุทธสาสนสังคหะ และหอพระสมุดวชิรญาณเข้าด้วยกัน จากนั้น จึงสร้างเป็นห้องสมุดแห่งใหม่ในพระบรมมหาราชวังชื่อว่า “หอพระสมุดวชิรญาณสำหรับพระนคร” ซื่งถือเป็นรากฐานของหอสมุดแห่งชาติในปัจจุบัน ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 6 โปรดเกล้าฯ ให้ย้าย มาอยู่ที่ตึกถาวรวัตถุนอกพระบรมมหาราชวัง จนกระทั่งในสมัยรัชกาลที่ 7 ได้โปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อเป็น “หอสมุดแห่งชาติ’’ และใช้เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

9.    ข้อใดไม่ใช่ความสำคัญของห้องสมุด

(1)   ให้โอกาสแก่ทุกคนเลือกอ่านหนังสือได้โดยอิสระตามความสนใจของแต่ละบุคคล

(2)   สนับสนุนความเป็นประชาธิปไตย ทุกคนสามารถเข้าถึงแหล่งสารสนเทศได้ตามที่ต้องการ

(3)   เป็นสถานที่รวมของทรัพยากรสารสนเทศต่าง ๆ ที่ผู้ใช้สามารถค้นคว้าหาความรู้ทุกสาขาวิชา

(4)   ช่วยปลูกฝังนิสัยรักการอ่านรักการค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเอง รู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์

ตอบ 2 หน้า 21 – 22(คำบรรยาย) บทบาทและความสำคัญของห้องสมุด มีดังนี้

1.    เป็นสถานที่รวบรวมทรัพยากรสารสนเทศต่าง ๆ ที่ผู้ใช้สามารถคันคว้าหาความรู้ทุกสาขาวิชา

2.    ส่งเสริมการศึกษาคันคว้าวิจัยทั้งในและนอกระบบการศึกษา นั่นคือ ให้โอกาสแก่ทุกคน ในการเลือกอ่านหนังสือเพื่อศึกษาหาความรู้ได้ด้วยตนเองอย่างอิสระ ตามความสนใจของแต่ละบุคคล

3.    ปลูกฝังนิสัยรักการอ่านและการเรียนรู้ตลอดชีวิต

4. ส่งเสริมการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์

5. ส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตย นั่นคือ ให้ผู้ใช้รู้จักหน้าที่และสิทธิของพลเมืองในการดูแลรักษาและปฏิบัติตามระเบียบของห้องสมุด เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย ฯลฯ

10.  ต้องภารค้นหาและตรวจสอบทรัพยากรสารสนเทศจากสำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคำแหง ท่านสามารถเข้าใช้ผ่านทางข้อใด

(1)   www.google.co.th

(2) INNOPAC

(3) www.ru.ac.th   

(4) RAMLINET

ตอบ 4 หน้า 12 – 132729 ระบบห้องสมุดอัตโนมัติ (Automatic Library Systemคือ การนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการดำเนินงานของห้องสมุด เพื่อให้ผู้ใช้สามารถสืบค้น และเข้าถึงสารสนเทศได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ซึ่งสำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้พัฒนาห้องสมุดให้เป็นระบบเครือข่ายห้องสมุดอัตโนมัติเรียกว่า “RAMLINET

11.  ข้อใดไม่ใช่ลักษณะแสดงความเป็นห้องสมุดสมัยใหม่

(1)   ใช้โปรแกรมที่พัฒนาขึ้นเองในงานจัดหาและงานวิเคราะห์ทรัพยากรสารสนเทศ

(2)   นำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เข้ามาเกี่ยวข้องในการดำเนินงานของห้องสมุด

(3) นำเทคโนโลยีการสื่อสารมาใช้ในกระบวนการทำงานและการบริการผู้ใช้

(4)   มีทรัพยากรที่เป็นข้อมูลอยู่ในรูปแบบดิจิตอลจัดเก็บข้อมูลไว้ในระบบฐานข้อมูล

ตอบ 3 หน้า 3111342 – 47 ลักษณะของห้องสมุดสมัยใหม่ในปัจจุบัน มีดังนี้

1.    ทรัพยากรสารสนเทศของห้องสมุดจะอยู่ในรูปแบบดิจิตอลหรือเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีการจัดเก็บไว้ในระบบฐานข้อมูล

2.    มีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งประกอบด้วยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี การสื่อสารเข้ามาใช้ในการดำเนินงานของห้องสมุด และอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้ในการ สืบค้นและเข้าถึงสารสนเทศได้อย่างสะดวกรวดเร็ว

3.    มีการใช้ทั้งซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการและซอฟต์แวร์ประยุกต์ในการดำเนินงานของห้องสมุด

12.  ข้อใดคือจุดมุ่งหมายของห้องสมุดมหาวิทยาลัย

(1)   ส่งเสริมการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพ ข่วยสร้างเสริมนิสัยรักการอ่าน และการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง

(2)   ให้บริการแก่ผู้ใช้ เป็นแหล่งค้นคว้าข้อมูลเพื่อนำไปใช้ปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

(3)   ให้บริการทรัพยากรสารสนเทศแก่ผู้ใช้ไม่จำกัดระดับวัย เป็นการส่งเสริมการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองตลอดชีวิต

(4) ให้บริการทางวิชาการและทรัพยากรสารสนเทศที่สอดคล้องกับหลักสูตรการสอน การค้นคว้า การวิจัย และกิจกรรมต่าง ๆ ของสถาบัน

ตอบ 4 หน้า 26(IS 103 เลขพิมพ์ 53345 หน้า 33 – 34) บทบาทหน้าที่หลักของห้องสมุดสถาบันอุดมศึกษาหรือห้องสมุดวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยคือ การส่งเสริมการเรียนการสอน และการค้นคว้าวิจัยในสาขาวิชาต่าง ๆ อย่างกว้างขวางและลึกซึ้ง นั่นคือ หน้าที่ในการจัดหา จัดเก็บ และบริการทรัพยากรสารสนเทศทางวิชาการทั้งที่เป็นสิ่งตีพิมพ์และไม่ตีพิมพ์ใน สาขาวิชาต่าง ๆ ที่มีการเรียนรู้ตามหลักสูตรการสอนในสถาบันการศึกษา ซึ่งจะเป็นประโยชน์ ต่อการศึกษาค้นคว้าและวิจัยของนักศึกษาและอาจารย์

13. ห้องสมุดเฉลิมราชกุมารี จัดเป็นห้องสมุดประเภทใด

(1) ห้องสมุดประชาชน

(2) หอสมุดแห่งชาติ 

(3) ห้องสมุดประจำท้องถิ่น 

(4) ห้องสมุดโรงเรียน

ตอบ 1 หน้า 23 – 24 ห้องสมุดประชาชน คือ สถาบันบริการสารสนเทศที่มีหน้าที่จัดหาสื่อความรู้พื้นฐานต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับประชาชนทั่วไปทุกวัย โดยไม่คิดค่าบริการ ทั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ การศึกษานอกระบบโรงเรียน ส่งเสริมการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองตลอดชีวิต ส่งเสริมการรักการอ่าน ส่งเสริมการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ส่งเสริมและเผยแพร่ขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมท้องถิ่น ฯลฯ ตัวอย่างของห้องสมุดประชาชน เช่น ห้องสมุดประชาชนเฉลิมราชกุมารี ห้องสมุดธนาคารศรีนคร ห้องสมุดนีลสัน เฮย์ เป็นต้น

14.  หน่วยงานใดมีหน้าที่กำหนดเลขสากลประจำหนังสือ (ISBNให้กับสิ่งพิมพ์ที่ผลิตในประเทศไทย

(1) ศูนย์เอกสารแห่งประเทศไทย

(2) หอสมุดแห่งชาติ

(3) ศูนย์บริการสารสนเทศทางเทคโนโลยี   

(4) หอจดหมายเหตุ

ตอบ 2 หน้า 24 – 25(คำบรรยาย) หอสมุดแห่งชาติมีหน้าที่สำคัญ ดังนี้

1.    เป็นศูนย์กลางในการเก็บรวบรวม สงวนรักษา จัดระบบ และให้บริการมรดกทางศิลปะและวัฒนธรรมของชาติทุกรูปแบบ เช่น ต้นฉบับเพลงไทยและเพลงสากล ตัวพิมพ์ วัสดุไม่ตีพิมพ์ ฯลฯ

2.    เผยแพร่และบริการสารสนเทศที่ได้รวบรวมไว้แก่นักเรียน นักศึกษา นักวิจัย และบุคคลทั่วไป

3.    เป็นศูนย์ข้อมูลและกำหนดหมายเลข ISSN และ ISBN

4.    รับมอบสิ่งพิมพ์ทุกเล่มที่จัดพิมพ์ขึ้นภายในประเทศ เพื่อประโยชน์ในการค้นคว้าวิจัย

5.    รวบรวมและจัดพิมพ์บรรณานุกรมแห่งชาติ

6.    สงวนรักษาสื่อความรู้และความคิดของคนในชาติ เพื่อเป็นมรดกของชาติ

15.  ข้อใดคือเครือข่ายระบบห้องสมุดอัตโนมัติ สำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคำแหง

(1) RU LIBNET      

(2) RU LINET 

(3) RAM LI NET    

(4) RAM LIBNET

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 10. ประกอบ

16.  ข้อใดเป็นระบบที่ใช้เพื่อการสืบค้นทรัพยากรสารสนเทศของสำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคำแหง

(1) OPAC (Online Publisher Assess Catalog)

(2) OPAC (Online Public Access Catalog)

(3)   OPAC (Online People Access Catalog)    

(4) OPAC (Online Power Access Catalog)

ตอบ 2 หน้า 29219227 – 228288 เครื่องมือช่วยค้นหาข้อมูลของสำนักหอสมุดกลางมหาวิทยาลัยรามคำแหง จะใช้ระบบสืบค้นข้อมูลที่เรียกว่า “OPAC” (Online Public Access Catalogซึ่งเป็นระบบสืบค้นรายการหนังสือหรือทรัพยากรสารสนเทศของห้องสมุดในรูปแบบรายการออนไลน์ (Online Catalogจากฐานข้อมูลในรูปที่อ่านได้ด้วยคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้ผู้ใช้สามารถเรียกดูข้อมูลได้จากหน้าจอคอมพิวเตอร์โดยเลือกใช้คำสั่งจากเมนูหลักที่กำหนดไว้ในปัจจุบันผู้ใช้บริการสำนักหอสมุดกลางๆ สามารถค้นหารายการหนังสือจากเครื่องคอมพิวเตอร์ ในห้องสมุดผ่านระบบ OPAC โดย Telnet ไปยัง www.library.lib.ru.ac.th และ login : library หรือสืบค้นผ่าน WebOPAC โดยพิมพ์ข้อมูล www.lib.ru.ac.th จากนั้นรายละเอียดทางบรรณานุกรมก็จะปรากฏบนจอภาพ

17.  อยากทราบรายชื่อหนังสือใหม่ของสำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคำแหง จะดูได้จากที่ใดบน Web page ของสำนักหอสมุดกลางฯ   

(1) Favourite Links

(2)   Reference Services     

(3) Library Services     

(4) About Library

ตอบ 3 หน้า 30 – 32 หากผู้ใช้บริการต้องการทราบรายชื่อหนังสือใหม่ (ประจำเดือน) จากเว็บไซต์ของสำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคำแหง สามารถทำได้โดยเข้าไปสืบค้นสารสนเทศผ่านระบบ WebOPAC ด้วยการพิมพ์ชื่อเว็บไซต์คือ http://www.lib.ru.ac.th จากนั้นผู้ใช้จะเข้าสู่หน้าจอ Home Page ของสำนักหอสมุดกลางฯแล้วให้คลิกเลือกเมนู Library Services ซึ่งเป็นบริการ ประเภทต่าง ๆ ของสำนักหอสมุดกลางฯ ก็จะสามารถเข้าไปดูรายชื่อหนังสือใหม่ (ประจำเดือน)ได้

18.  ข้อใดคือความหมายของห้องสมุดดิจิตอล (Digital Libraries)

(1)   ห้องสมุดที่มีการจัดการทรัพยากรสารสนเทศจากสื่อชนิดต่าง ๆ ให้อยู่ในรูปของอิเลกทรอนิกส์

(2)   ห้องสมุดที่แปลงรูปสารสนเทศ มีเฉพาะ eBook, eJournal, eNewspaper และ e– Document

(3)   แหล่งรวบรวมและให้การส่งเสริมทรัพยากรสารสนเทศที่มีรูปแบบเป็นดิจิตอลและสื่อประสม

(4)   แหล่งสารสนเทศที่มีการจัดการด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศและเทคโนโลยีการสื่อสาร

ตอบ 1 หน้า 42 – 57(คำบรรยาย) ห้องสมุดดิจิตอล (Digital Librariesหมายถึง ห้องสมุดที่มีการจัดการทรัพยากรสารสนเทศจากสื่อชนิดต่างๆ ให้อยู่ในรูปดิจิตอลหรือเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีการนำเสนอในรูปของสื่อผสม (Multimediaทั้งนี้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงหรือสืบค้นสารสนเทศ ได้ด้วยการเชื่อมต่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ตผ่านผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเชิงพาณิชย์ (ISP) นอกจากนี้ขอบเขตของห้องสมุดดิจิตอลยังอาจกว้างไกลไปถึงแหล่งสะสมสารสนเทศที่สามารถ เชื่อมโยงถึงกันได้ในลักษณะของเครือข่ายใยแมงมุม (WWWโดยไม่ต้องคำนึงถึงสื่อในรูปลักษณ์ ต่างๆ ซึ่งเป็นที่มาของข้อมูลหรือสารสนเทศเหล่านั้นก็ได้

19.  ข้อใดไม่ใช่ข้อดีของห้องสมุดดิจิตอล

(1)   ช่วยเพิ่มความสามารถในการค้นคืนสารสนเทศในลักษณะของเอกสารฉบับเต็มและเมต้าดาต้า

(2)   เพิ่มความสามารถในการจัดส่งเอกสารทั้งในด้านรูบแบบและความเร็วในการจัดส่งเอกสาร

(3)   ช่วยให้สามารถเข้าถึงเนื้อหาของทรัพยากรสารสนเทศทุกประเภทได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว

(4)   ผู้ใช้สามารถเลือกรูปแบบการจัดส่งเอกสารดิจิตอลได้หลายวิธีและลดขนาดพื้นที่ในการจัดเก็บ

ตอบ 2 หน้า 43(คำบรรยาย) ข้อดีของห้องสมุดดิจิตอล มีดังนี้

1.    ค้นคืนสารสนเทศได้จากที่ห่างไกลทุกมุมโลก

2.    เข้าถึงสารสนเทศได้อย่างสะดวกรวดเร็วผ่านผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเชิงพาณิชย์หรือเครือข่ายอินเทอร์เน็ต

3.    สืบค้นสารสนเทศได้หลายรูปแบบ เช่น เอกสารฉบับเต็ม (Fulltext)สื่อผสม (Multimedia)เมต้าดาต้า ฯลฯ

4.    สามารถใช้บริการจัดส่งเอกสารดิจิตอลแบบออนไลน์

5. ลดพื้นที่ในการจัดเก็บเอกสาร

6. สามารถพิมพ์สำเนาได้ตามที่ต้องการ

20.  ข้อใดเป็นกระบวบการของการรวบรวมและการสืบค้นสารสนเทศในรูปของเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ จากห้องสมุดดิจิตอล

(1)   สืบค้นโดยผ่านเซิร์ฟเวอร์ของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โดยการระบุที่อยู่ของเว็บหรือที่เรียกว่า URL Address

(2)   สืบค้นโดยการกำหนดคำค้นหรือที่เรียกว่า Keyword ตามความต้องการของผู้ใช้สารสนเทศเอง

(3)   สืบค้นโดยการให้หัวข้อเรื่องที่ต้องการหรือที่เรียกว่า Subject Heading ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญ

(4)   สืบค้นโดยผ่านรายการออนไลน์หรือที่เรียกว่า WebOPAC เพื่อให้ได้รายการทรัพยากรสารสนเทศ

ตอบ 1 หน้า 45 ห้องสมุดดิจิตอลมีกระบวนการเก็บรวบรวมและสืบค้นสารสนเทศอิเล็กทรอนิกส์บนเครือข่ายใยแมงมุม (WWWหรือเว็บไซต์ กล่าวคือ ผู้ใช้สามารถเข้าถึงหรือสืบค้นสารสนเทศ ในรูปของเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ได้โดยผ่านเซิร์ฟเวอร์ของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โดยระบุที่อยู่ของเว็บไซต์หรือตำแหน่งข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตที่เรียกว่า “URL Address” (Uniform Resource Locationทั้งนี้สารสนเทศที่ปรากฏบนหน้าจอแรกของเว็บจะเรียกว่า “โฮมเพจ” (Home Pageซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกรายการที่ต้องการค้นคว้าต่อไปได้

21.  รายการ“http://www.lib.ru.ac.th/service/interUbrary_loan” เกี่ยวข้องกับข้อใดมากที่สุด

(1) การถ่ายโอนสารสนเทศแก่ผู้ขอรับบริการ     

(2) การใข้บริการรมระหว่างห้องสมุด

(3)   การเข้าถึงข้อมูลทรัพยากรสารสนเทศ 

(4) การให้บริการช่วยเหลือผู้ใช้ห้องสมุด

ตอบ 2 (คำบรรยาย) บริการยืมระหว่างห้องสมุด (Interlibrary Loan Serviceเป็นบริการที่สำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคำแหงจัดขึ้น เพื่อช่วยให้ผู้ใช้บริการได้รับเอกสารสิ่งพิมพ์ที่ต้องการจากห้องสมุดหรือศูนย์สารนิเทศทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ โดยผู้ใช้สามารถ เข้าไปศูรายละเอียดในการขอยืมผานระบบ WebOPAC ที่เว็บไซต์ http://www.lib.ru.ac.th แล้วคลืกเลือกเมนู Services ไปที่ Library Services ก็จะพบการให้บริการยืมระหว่างห้องสมุด ดังรายการที่ให้มาข้างต้น

22. อินเทอร์เน็ตเกิดขึ้นเพื่อจุดประสงค์ใดมากที่สุด     

(1) การทหารและการวิจัย

(2) การพาณิชย์และการขนส่ง   

(3) การศึกษาและวิทยาศาสตร์  

(4) การปกครองและกฎหมาย

ดอน 1 หน้า 47 – 48. (คำบรรยาย) ในปี พ.ศ. 2512กระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกาได้ให้ทุนสนับสมุนโครงการพัฒนาเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ซึ่งเริ่มแรกนั้นได้มีการจัดตั้งเครือข่ายอาร์พาเน็ต (ARPAnetขึ้น เพื่อใช้ในการสื่อสารข้อมูลทางการทหารในช่วงสงครามเย็น และเพื่อเชื่อมโยง คอมพิวเตอร์ของหนวยงานในมหาวิทยาลัย 4 แห่ง ซึ่งเป็นประโยขนํสำหรับงานวิจัย จนกระทั่ง ในปี พ.ศ. 2526 จึงพัฒนามาเป็นเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และในปัจจุบันก็ได้มีการนำอินเทอร์เน็ต มาใช้งานในเชิงพาณิชย์มากขึ้น

23.  ข้อใดใช้สำหรับกำหนดตำแหน่งหรือที่อยู่ของเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต

(1) URL : Uniform Resource Location

(2) IP : Internet Protocol Address

(3) TCP Transmission Control Protocol  

(4) DNS : Domain Name Server

ตอบ 2 (คำบรรยาย) IP (Internet Protocol Addressคือ หมายเลขประจำตัวของเครื่องคอมพิวเตอร์ ทุกเครื่องที่เชื่อมต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ต ซึ่ง IP Address ประกอบด้วยตัวเลข 4 ชุดที่คั่นด้วย เครื่องหมายจุด เช่น 203.144.44.0 เพื่อกำหนดตำแหน่งหรือที่อยู่ของเครื่องคอมพิวเตอร์ ทุกเครื่องบนเครือข่ายอินเทอร์เนิต ทั้งนี้เลข IP ของคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องจะต้องไม่ซํ้ากัน

24.  บริษัท 3BB, TOT และ True เกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ตในข้อใดมากที่สุด

(1)   ช่วยผู้ใช้เชื่อมต่อเครื่องเข้ากับอินเทอร์เน็ต  

(2) ควบคุมการส่งแฟ้มข้อมูล

(3) สนับสนุนใช้เทคโนโลยีลารสนเทศระยะไกล   

(4) กำหนดตำแหน่งข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต

ตอบ 1 หน้า 49 ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเชิงพาณิซย์ (Internet Service Provider : ISPคือ บริษัทเอกชนที่ให้บริการเชื่อมต่อผู้ใช้เข้ากับอินเทอร์เน็ต โดยมีรูปแบบและราคาที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ผู้ใช้บริการสามารถเลือกซื้อบริการได้เป็นรายชั่วโมง โดยมีการเก็บค่าใช้จ่ายตามจำนวนครั้ง ที่เชื่อมต่อและเวลาที่ใช้งานจริง หรืออาจจ่ายเป็นรายเดือนก็ได้ ซึ่งบริษัทที่ให้บริการอินเทอร์เน็ต เช่น บริษัท True Corporation (Truewifi True Internet), Loxinfo, Samart, 3BB, ANET, TOT, TT&T, Idea Net, Internet Thailand เป็นต้น

25.  ข้อใดไม่เกี่ยวข้องกับการบริการบนอินเทอร์เน็ต

(1)   การโอนถ่ายข้อมูล (File Transfer Protocol)

(2)   บริการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (eCommerce)

(3)   การแลกเปลี่ยนความรู้และการเรียนรู้ (Usernet)

(4)   ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (eMail)

ตอบ 3 หน้า 50 – 55 การบริการบนอินเทอร์เน็ตที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน ได้แก่

1.    บริการถ่ายโอนแฟ้มข้อมูล (File Transfer ProtocolFTP)

2.    บริการขอใข้คอมพิวเตอร์ระยะไกล (Telnet)

3.    บริการสนทนาผ่านเครือข่ายหรือแชท (Chat)

4.    บอร์ดแสดงความคิดเห็นหริอเว็บบอร์ด (Web board)

5.    บริการไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (eMail)

6.    บริการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (eCommerce)

7.    บริการเว็บไซต์ (Websiteหรือเครือข่ายใยแมงมุม (WWW)

26.  Internet Explorer เกี่ยวข้องกับข้อใดมากที่สุด

(1) Web browser เพื่อเชื่อมโยงการสื่อสาร     

(2) โปรแกรมช่วยงานการตอบคำถาม

(3) Software สำหรับการแสดงผลข้อมูล   

(4) ระบบปฏิบัติการเก็บข้อมูล

ตอบ 1 หน้า 4655(คำบรรยาย) Web browser คือ โปรแกรมดูเอกสารบน WWWโดยเว็บเบราเซอร์ สามารถใช้เปิดเอกสารไฮเปอร์เท็กซ์ หรือเปิดดูสื่อต่าง ๆ ที่ประกอบด้วยภาพและเสียง รวมทั้ง สามารถเชื่อมโยงการสื่อสารให้เข้าถถึงสารสนเทศบนเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่อยู่บนอินเทอร์เบ็ตได้ ตัวอย่างของ Web browser เช่น Internet Explorer, Netscape Navigator เป็นต้น

27.  “365 ปาฏิหาริย์แห่งการขอบคุณ” จัดเป็นทรัพยากรสารสนเทศประเภทใด

(1) หนังสือสารคดี    

(2) หนังสือบันเทิงคดี

(3) หนังสืออ้างอิง     

(4) หนังสือคำสอนทางศาสนา

ตอบ2 หน้า 70 หนังสือบันเทิงคดี (Fictionหมายถึง หนังสือที่เขียนขึ้นจากจินตนาการหรือประสบการณ์ของผู้แต่ง โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ผู้อ่านได้รับความเพลิดเพลินและข้อคิดคติชีวิต ในแง่มุมต่าง ๆ ได้แก่ นวนิยาย เรื่องสั้น และกวีนิพนธ์ เช่น “365 ปาฏิหาริย์แห่งการขอบคุณ” เป็นหนังสือที่เขียนขึ้นจากประสบการณ์จริงของผู้แต่ง คือ จอห์น คราลิค เพื่อเป็นแรงบันดาลใจ ให้กับผู้ที่รู้สึกท้อแท้สิ้นหวังให้พบแสงสว่างในชีวิตเช่นเดียวกับผู้แต่ง

28.  ส่วนใดแสดงเค้าโครงการนำเสนอเนื้อเรื่องของหนังสือ

(1)   หน้าปกใน

(2) บทนำ

(3) บรรณานุกรม     

(4) สารบัญ

ตอบ 2 หน้า 79 หน้าบทนำ (Introductionเป็นส่วนที่ผู้เขียนหนังสือนำเข้าสู่เนื้อเรื่อง โดยให้ข้อมูล เพื่อปูพื้นความเข้าใจเนื้อหาของหนังสือ อาจกล่าวถึงประวัติ ความหมาย และรายละเอียดอื่นๆ ที่เป็นใจความสำคัญของเรื่องและการจัดลำดับเนื้อหาในตัวเล่ม ทั้งนี้หนังสือบางเล่มอาจไม่มีส่วนที่เป็นบทนำ แต่จะนำไปรวมเขียนไว้กับสวนที่เป็นคำนำ

29.  ส่วนใดของหนังสือพิมพ์ที่ช่วยสร้างความเข้าใจเรื่องราวของข่าวได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น

(1) โปรยข่าว   

(2) ภาพถ่าย   

(3) พาดหัวข่าว

(4) ความนำ

ตอบ 2 หน้า 82 ส่วนประกอบที่สำคัญของหนังสือพิมพ์มี 3 ส่วนได้แก่

1.    พาดหัวข่าว (Headlineเป็นอักษรตัวดำหนาขนาดใหญ่ที่อยู่ส่วนบนสุดของหน้ากระดาษ มักเป็นข้อความสั้นๆ ที่สรุปสาระสำคัญที่มีอยู่ในเนื้อข่าว และถือว่าเป็นส่วนที่สะดุดตาผู้อ่าน และจูงใจผู้อ่านให้อยากรู้ว่ามีรายละเอียดอะไรบ้าง

2.    ความนำ (Leadอาจเรียกว่า วรรคนำหรือโปรยข่าว เป็นย่อหน้าแรกของข่าวแต่ละข่าว มักเป็นประโยคสั้น ๆ กะทัดรัด ชัดเจน เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้อ่านให้ติดตามอ่านข่าวนั้น ตลอดทั้งเรื่อง

3.    ภาพถ่าย (Photographsเป็นส่วนประกอบที่น่าสนใจและสำคัญที่สุดของหนังสือพิมพ์ เนื่องจากสามารถดึงดูดความสนใจของผู้อ่านได้เป็นอย่างดี ช่วยจัดหน้าหนังสือพิมพ์ ให้น่าอ่าน และช่วยสร้างความเข้าใจเรื่องราวของข่าวได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น

30.  ข้อใดเป็นทรัพยากรสารสนเทศที่ได้มาจากการตัดบทความที่น่าสนใจจากหนังสือพิมพ์หรือนิตยสาร

(1) กฤตภาค   

(2) รูปภาพ     

(3) จุลสาร

(4) แผ่นพับ

ตอบ 1 หน้า 83200 กฤตภาค (Clippingเป็นบทความที่น่าสนใจ เหตุการณ์สำคัญ หรือเรื่องราว ต่าง ๆ ที่บรรณารักษ์เลือกตัดมาจากนิตยสาร หนังสือพิมพ์ หรือวารสาร แล้วนำมาผนึกติดกับกระดาษแข็งที่มีขนาดเท่า ๆ กัน โดยประโยชน์ของกฤตภาคคือ จะให้สารสนเทศใหม่ๆ ที่ไม่อาจ พบได้ในหนังสือทั่วไป และใช้เป็นส่วนเสริมเนื้อหาความรู้จากหนังสือให้ทันสมัย ซึ่งวิธีการจัดเก็บ กฤตภาคอาจใช้วิธีจัดเก็บเดียวกับจุลสาร นั่นคือ จัดเก็บโดยกำหนดหัวเรื่อง แล้วนำหัวเรื่อง เดียวกันเก็บใส่แฟ้ม ปิดป้ายชื่อหัวเรื่องที่แฟ้ม จากนั้นนำไปเก็บไว้ในตู้เก็บเอกสารเรียงตาม ลำดับอักษรหัวเรื่อง

31.  ข้อใดเป็นหน้าสำคัญที่สุดของหนังสือ ใช้ประโยชน์ในการทำบันทึกหลักฐานประกอบการค้นคว้าที่บอกรายละเอียดเกี่ยวกับหนังสือเล่มนั้น ๆ อย่างสมบูรณ์

(1)   หน้าชื่อเรื่อง     

(2) หน้าปกใน  

(3) หน้าลิขสิทธิ์

(4) หน้าบรรณานุกรม

ตอบ 2 หน้า 73 – 75 หน้าปกใน (Title Pageเป็นส่วนประกอบที่มีความสำคัญที่สุดของหนังสือ เพราะให้รายละเอียดทางบรรณานุกรมเกี่ยวกับหนังสือเล่มนั้น ๆ อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ได้แก่ ชื่อเรื่อง ชื่อรองหรือสวนขยายชื่อเรื่อง ชื่อผู้แต่ง ครั้งที่พิมพ์หรือฉบับพิมพ์ และลักษณะของ การพิมพ์ (สถานที่พิมพ์ สำนักพิมพ์ และปีที่พิมพ์)

32. ส่วนใดของหนังสือที่เป็นบัญชีคำ จัดเรียงตามลำดับอักษรพร้อมระบุเลขหน้าที่คำนั้นๆ ปรากฏอยู่

(1)   อภิธานศัพท์    

(2) เชิงอรรถ    

(3) ดรรชนี      

(4) สารบัญ

ตอบ 3 หน้า 81 ดรรชนี (Indexเป็นบัญชีคำหรือหัวข้อเรื่องย่อย ๆ ที่ปรากฏในหนังสือ โดยมีการจัดเรียงคำตามลำดับอักษรพร้อมระบุเลขหน้าที่คำหรือข้อความนั้นปรากฏอยู่ โดยทั่วไป ดรรชนีมักอยู่ท้ายเล่มของหนังสือ นอกจากหนังสือบางประเภท เช่น สารานุกรม จะมีดรรชนี แยกเป็นอีกเล่มหนึ่งต่างหาก ทั้งนี้ดรรชนีจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้อ่านค้นหาเรื่องที่ต้องการ ได้อย่างสะดวกรวดเร็วว่าอยู่ที่หน้าใดของหนังสือ

33.  ข้อใดเป็นส่วนที่เพิ่มเติมจากเนื้อเรื่องซึ่งไม่สามารถที่จะนำไปเขียนไว้ในเนื้อเรื่องได้ เนื่องจากจะทำให้เนื้อหาขาดตอน แต่มีความสำคัญเกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องซึ่งผู้อานควรจะได้ทราบ

(1)   บรรณานุกรม   

(2) ดรรชนี      

(3) อภิธานศัพท์

(4) ภาคผนวก

ตอบ 4 หน้า 80338 ภาคผนวก (Appendixเป็นส่วนที่จัดไว้ท้ายเล่มของหนังสือหรืออยู่ในตอนท้ายของรายงาน เพื่อให้รายละเอียดเพิ่มเติมนอกเหนือจากส่วนที่เป็นเนื้อเรื่อง เช่น ตาราง แผนภูมิ แบบสอบถาม แผนสถิติ ภาพหรือข้อมูลที่ช่วยเสริมเนื้อหาบางตอนของหนังสือหรือรายงานให้สมบูรณ์และทันสมัยขึ้น

34.  ข้อใดไม่ใช่ความหมายของหนังสืออ้างอิง

(1)   แหล่งสรรพความรู้มีเนื้อหาหลายประเภทหลายสาชาวิชา

(2)   รวมความรู้จัดเรียงเนื้อหาอย่างเป็นระบบตามลักษณะของความรู้พื้นฐาน

(3)   ใช้ประโยชน์ในการศึกษาค้นคว้าสารสนเทศเบื้องต้น มีรูปเล่มใหญ่เป็นพิเศษ

(4)   รวบรวมข้อเท็จจริงและความรู้ในเรื่องใดเรื่องหนึ่งหรือสาขาวิชาใดวิชาหนึ่ง

ตอบ 3 หน้า 70114 – 115 หนังสืออ้างอิง เป็นหนังสือที่จัดทำขึ้นเป็นพิเศษเพื่อใช้ค้นคว้าหาสารสนเทศหรือข้อเท็จจริงบางประการ หรือหาคำตอบเฉพาะเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากกว่าที่จะใช้อ่านตลอดทั้งเล่ม จึงเป็นหนังสือที่มีขอบเขตควาวรู้กว้างขวางในทุกแขนงวิชา มีการจัดเรียง เนื้อหาไว้อย่างเป็นระบบตามลักษณะของความรู้พื้นฐาน จัดทำขึ้นโดยผู้ทรงคุณวุฒิที่เชี่ยวชาญ ในสาชาวิชานั้น ๆโดยเฉพาะ และเป็นหนังสือที่ไม่สามารถยืมออกนอกห้องสมุดได้ โดยทั่วไป จะมีการจัดทำรูปเล่มของหนังสือด้วยความนประณีต ใช้กระดาษพิมพ์ที่มีคุณภาพดี และมักมีรูปภาพประกอบสวยงาม

35.  ข้อใดคือความหมายของคำนำทาง (Guide Word)

(1)   อักษรที่เจาะริมหน้ากระดาษหรือพิมพ์ไว้ที่สันหนังสือ

(2)   คำที่ปรากฏอยู่กลางหน้าของพจนานุกรมหรือสารานุกรม

(3)   คำที่ปรากฎอยู่ที่ส่วนบนสุดทางซ้ายและขวามือแต่ละหน้า

(4)   ส่วนที่ชี้แนะให้ไปอ่านเรื่องที่ต้องการจากรายการอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตอบ 2 หน้า 115 คำนำทาง (Guide Word/Running Wordคือ คำหรืออักษรที่ปรากฏอยู่ตรงกลาง หน้ากระดาษหรืออยู่มุมหน้ากระดาษทุกหน้า โดยเฉพาะหนังสือประเภทพจนานุกรมและ สารานุกรม เพื่อบอกให้ทราบว่าในหน้านั้น ๆ ขึ้นต้นด้วยอักษรตั้งแต่ตัวใดถึงตัวใด

36.  ข้อใดให้คำเต็มของตัวย่อ “ASEAN

(1) สารานุกรม 

(2) พจนานุกรม

(3) นามานุกรม

(4) บรรณานุกรม

ตอบ 2 หน้า 117 – 118120 พจนานุกรม (Dictionaryคือ หนังสือที่รวมคำในภาษา มีการเรียง ตามลำดับอักษร ให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตัวสะกด วิธีการออกเสียง ชนิดของคำ ให้ความหมาย ของคำ วิธีใช้คำ คำสแลง คำที่มีความหมายเหมือนกัน คำตรงกันข้าม บางเล่มมีการให้ประวัติ ของคำ ชีวประวัติของบุคคล หรือสถานที่สำคัญ พร้อมภาพประกอบ เช่น Webster’s Third New International Dictionary of the English Language เป็นพจนานุกรมฉบับสมบูรณ์ เล่มแรกของสหรัฐอเมริกาที่รวบรวมคำศัพท์ซึ่งใช้อยู่ในปัจจุบันทั้งที่เป็นภาษาเขียน ภาษาพูด คำเก่าที่ล้าสมัย และคำย่อสำคัญๆ เป็นต้น

37.  ข้อใดให้สารสนเทศเกี่ยวกับ “ฉนวนกาซา (Gaza Strip)”

(1)   พจนานุกรม     

(2) หนังสือแผนที่     

(3) หนังสือนำเที่ยว

(4) สารานุกรม

ตอบ 2 หน้า 148151 – 152 หนังสือแผนที่ (Atlas หรือ Mapใช้เป็นคู่มือในการค้นข้อมูลทาง ภูมิศาสตร์เกี่ยวกับอาณาเขต สถานที่ตั้ง จำนวนผลิตผล สภาพภูมิอากาศและภูมิประเทศ จำนวนประชากร และรายละเอียดอื่นๆ ของประเทศหรือเมืองนั้น ๆ ซึ่งลักษณะเฉพาะของหนังสือแผนที่ก็คือ แสดงรายละเอียดทางภูมิศาสตร์โดยใช้ภาพลายเส้น เครื่องหมาย หรือสัญลักษณ์ต่าง ๆ แทนคำอธิบายที่เป็นตัวอักษร พร้อมกับระบุมาตราส่วนที่ใช้ด้วย

38.  ข้อใดใช้เป็นมาตรฐานของการเขียนและการใช้คำในภาษาไทยในปัจจุบัน

(1)   พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525

(2)   พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542

(3)   พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554

(4)   พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2556

ตอบ 3 หน้า 118 – 119(คำบรรยาย) พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ถือเป็นฉบับปรับปรุงใหม่ล่าสุดที่ออกเผยแพร่แทบฉบับ พ.ศ. 2542 ด้งนั้นจึงนับเป็นพจนานุกรมฉบับสมบูรณ์ และทันสมัยที่สุดของประเทศไทยที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งใช้เป็นแบบฉบับหรือมาตรฐานในการเขียนหนังสือและการใช้คำในภาษาไทย โดยจะให้รายละเอียดเกี่ยวกับคำอย่างสมบูรณ์ เช่น ตัวสะกดที่ถูกต้อง การอ่าน ออกเสียงคำยาก ชนิดของคำ ความหมายของคำ ประวัติหรือ ที่มาของคำ คำตรงกันข้ามหรือคำคู่ และวิธีใช้คำ

39.  อยากทราบใครเป็น “ประธานาธิบดีที่จนที่สุดในโลก” จะหาสารสนเทศได้จากข้อใด

(1)   Who is who in the World   

(2) Facts of the World

(3) Guinness Book of World Records

14) World Almanac

ตอบ 3 หน้า 141 The Guinness Book of World Records เป็นหนังสือคู่มือทั่วไปที่รวบรวมเรื่องราว ที่สนองความใคร่รู้ในเรื่องของความเป็นที่สุดในโลก เช่น ใหญ่ที่สุด เล็กที่สุด สูงที่สุด เตี้ยที่สุด ยาวที่สุด จนที่สุด ฯลฯ โดยแบ่งข้อมูลออกเป็นหัวเรื่องกว้าง ๆ พร้อมให้คำอธิบายข้อเท็จจริง อย่างสั้นๆ มีรูปภาพสีและขาวดำประกอบเป็นจำนวนมาก และให้ดรรชนีช่วยค้นเรื่องอย่างละเอียด

40.  ข้อใดคือหนังสือที่รวบรวมข้อมูลด้านตัวเลขการส่งออกทุ่งกุลาดำของไทย ซึ่งถือได้ว่าเป็นประเทศที่ส่งออกกุ้งกุลาดำอันดับ 1 ของโลกในปีที่ผ่านมา

(1)   หนังสือคู่มือ     

(2) สมพัตสร   

(3) บรรณานุกรม     

(4) สารานุกรม

ตอบ 2 หน้า 144-145 ปฏิทินเหตุการณ์รายปี สมพัตสร หรือปูมปฏิทิน (Almanacเป็นหนังสือที่รวบรวม ความรู้เบ็ดเตล็ดหลายด้านและสถิติทั่วไปในรอบหลาย ๆ ปีที่ผ่านมาจนถึงปีปัจจุบันของทุกประเทศ ในโลกโดยจะให้ข้อมูลอย่างสังเขปครอบคลุมเรื่องราวเกี่ยวกับปฏิทินลำดับเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้น ในรอบปี ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ ธุรกิจการพาณ์ชย์ การเมือง สถิติต่าง ๆ ในรูปของตาราง เป็นต้น

41.  ข้อใดคือลักษณะเฉพาะของหนังสือแผนที่

(1)   แสดงรายละเอียดที่เป็นลายเส้น ใช้สัญลักษณ์ต่าง ๆ แทนคำอธิบาย

(2)   สิ่งที่แสดงลักษณะของพื้นผิวทั้งที่เป็นอยู่ตามธรรมชาติและที่ปรุงแต่งขึ้น

(3)   ให้ประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของภูมิภาคและท้องถิ่นต่าง ๆ

(4)   ให้รายละเอียดเกี่ยวกับสภาพทางภูมิศาสตร์ สถานที่น่าสนใจสำหรับการท่องเที่ยว

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 37. ประกอบ

42.  ข้อใดให้รายชื่อหนังสือเกี่ยวกับ “โรคไวรัสอีโบลา หรือไข้เลือดออกอีโบลา”

(1) หนังสือสารานุกรม      

(2) หนังสือนามานุกรม

(3) หนังสือบรรณานุกรม   

(4) หนังสือดรรชนี

ตอบ 3 หน้า 164 หนังสือบรรณานุกรม (Bibliographyเป็นหนังสืออ้างอิงที่รวบรวมรายชื่อหนังสือ หรือทรัพยากรสารสนเทศประเภทต่าง ๆ ทั้งที่ผลิตในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งมีทั้งที่จัดทำเป็นตัวเล่มหนังสือ หรืออาจปรากฏที่ท้ายเล่มหนังสือหรือท้ายบทแต่ละบท เพื่อทำหน้าที่ เป็นเอกสารอ้างอิง โดยบรรณานุกรมจะให้รายละเอียดเกี่ยวกับชื่อผู้แต่ง ชื่อสิ่งพิมพ์หรือ ทรัพยากรสารสนเทศรูปแบบอื่น ๆ ชื่อผู้ผลิต (สำนักพิมพ์) สถานที่ผลิต ปีที่ผลิต ลักษณะรูปเล่ม และราคา บางเล่มอาจมีบรรณนิทัศน์สังเขปและบทวิจารณ์ประกอบอยู่ด้วย

43.  ข้อใดไม่ใช่ความหมายและลักษณะของการจัดเก็บทรัพยากรสารสนเทศ

(1)   การจัดเก็บหนังสือที่มีเนื้อหาเดียวกันถูกจัดเอาไว้ด้วยกัน และเนื้อหาใกล้เคียงกันจะอยู่ใกล้กัน

(2)   กำหนดสัญลักษณ์ใช้แทนเนื้อหา ซึ่งเป็นตัวเลข ตัวอักษร หรือทั้งตัวเลขและตัวอักษรผสมกัน

(3)   การจัดระบบการจัดเก็บที่สะดวกแก่การทำงานของเจ้าหน้าที่ห้องสมุดและการค้นหาหนังสือ

(4)   การให้ทรัพยากรสารสนเทศประเภทต่าง ๆ จัดเก็บเป็นระบบเดียวกันโดยยึดเนื้อหาสาระเป็นสำคัญ

ตอบ 4 หน้า 183 – 189 ห้องสมุดโดยทั่วไปจะมีการจัดเก็บหนังสือซึ่งเป็นทรัพยากรสารสนเทศที่เป็นสือสิ่งพิมพ์ส่วนใหญ่อย่างเป็นระบบ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถค้นหาหนังสือที่ต้องการได้อย่างสะดวกรวดเร็ว และช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานของเจ้าหน้าที่ห้องสมุด ทั้งนี้การจัดเก็บ หนังสือจะพิจารณาเนื้อหาสาระของหนังสือเป็นสำคัญ โดยจะมีการกำหนดสัญลักษณ์ซึ่งอาจ เป็นตัวเลข ตัวอักษร หรือทั้งตัวเลขและตัวอักษรผสมกัน เพื่อแสดงเนื้อหาของหนังสือแต่ละประเภท และเพื่อเป็นเครื่องหมายระบุตำแหน่งของหนังสือทุกเล่มในห้องสมุด ซึ่งหนังสือที่มีเนื้อหาเดียวกันจะมีสัญลักษณ์เหมือนกันและวางอยู่ในที่เดียวกัน ส่วนหนังสือที่มีเนื้อหาเกี่ยวเนื่อง สัมพันธ์กันจะมีสัญลักษณ์ใกล้เคียงกันและวางอยู่ใกล้กัน สำหรับทรัพยากรสารสนเทศที่ไม่ใช่ สื่อสิ่งพิมพ์จะจัดเก็บโดยแยกตามประเภทของทรัพยากรและกำหนดสัญลักษณ์ให้ตามความเหมาะสม

44.  ข้อใดคือสัญลักษณ์ที่ใช้เพื่อระบุตำแหน่งการจัดวางหนังสือที่แน่นอนในห้องสมุด

(1) เลขประจำหนังสือ

(2) เลขเรียกหนังสือ  

(3) เลขมาตรฐานสากล

(4) เลขหมู่หนังสือ

ตอบ 2 หน้า 194197(คำบรรยาย) เลขเรียกหนังสือ (Call Numberเป็นสัญลักษณ์หรือเครื่องหมาย เฉพาะของหนังสือแต่ละเล่มที่มีอยู่ในห้องสมุด โดยเลขเรียกหนังสือที่ปรากฏบนสันหนังสือ ตอนล่างจะเป็นเครื่องชี้บอกการจัดเก็บและตำแหน่งการจัดวางหนังสือที่แน่นอนในห้องสมุด ซึ่งจะช่วยให้การจัดเรียงหนังสือบนชั้นเป็นหมวดหมู่ และทำให้ผู้ใช้ห้องสมุดสามารถค้นหา หนังสือเล่มที่ต้องการจากชั้นหนังสือได้อย่างรวดเร็ว

45.  ข้อใดใช้เป็นประเด็นการพิจารณาหนังสือเพื่อการจัดหมวดหมูหนังสือที่เป็นมาตรฐาน

(1)   หัวข้อสำคัญของเนื้อเรื่อง  

(2) เนื้อหาสาระ

(3) ข้อเท็จจริงของเนื้อหา  

(4) คำสำคัญของเนื้อเรื่อง

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 43. ประกอบ

46.  ต้องการค้นหาหนังสือเกี่ยวกับ “Arab Springการลุกฮือที่เปลี่ยนโฉมหน้าการเมืองของโลกอาหรับ”จะหาได้จากหมวดใดของการจัดหมู่หนังสือแบบทศนิยมดิวอี้ และแบบห้องสมุดรัฐสภาอเมริกัน

(1)   แบบ DC หมวด 400แบบ LC หมวด H    

(2) แบบ DC หมวด 300แบบ LC หมวด J

(3) แบบ DC หมวด 600แบบ LC หมวด 

(4) แบบ DC หมวด 500แบบ LC หมวด H

ตอบ 2 หน้า 186 – 190 ระบบการจัดหมูหนังลือที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ได้แก่

1.    ระบบการจัดหมู่หนังสือแบบทศนิยมดิวอี้(DDC หรือ DCซึ่งจะมีการแบ่งสรรพวิทยาการ ในโลกออกเป็น 10 หมวดใหญ่ โดยมีสัญลักษณ์เป็นเลขอารบิก 3 ตัวตั้งแต่ 100 – 000 เพื่อแสดงเนื้อหาของหนังสือ

2.    ระบบการจัดหมู่หนังสือแบบห้องสมุดรัฐสภาอเมริกัน (LCC หรือ LCจะมีภารแบ่ง สรรพวิทยาการออกเป็น 20 หมวดใหญ่ ใดยใช้อักษร – (ยกเว้น I, 0, X, Y) เป็นสัญลักษณ์แสดงเนื้อหา และจะใช้สัญลักษณ์ของการจัดหมู่หนังสือเป็นแบบผสมคือ มีทั้งตัวอักษรโรมันและเลขอารบิกผสมกัน จากโจทย์ เป็นหนังสือที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับสังคมศาสตร์ทางด้านการเมืองหรือรัฐศาสตร์ ดังนั้นจึงมีการจัดหมู่หนังสือแบบ DC ในหมวด 300 และแบบ LC ในหมวด J

47.  ข้อใดเป็นสัญลักษณ์ช่วยให้การจัดเรียงหนังสือบนชั้นเป็นหมวดหมู่และสะดวกต่อการค้นหาหนังสือ

(1)   เลขรหัสหนังสือ 

(2) เลขประจำหนังสือ

(3) เลขเรียกหนังสือ  

(4) เลขทะเบียนหนังสือ

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 44. ประกอบ

ข้อ 48. – 51.    จงพิจารณาสัญลักษณ์ต่อไปนี้

TP

1373.6

.S244

2013

48.  สัญลักษณ์นี้เรียกว่าอะไร

(1)   เลขหมู่หนังสือ  

(2) เลขเรียกหนังสือ

(3) เลขประจำหนังสือ

(4) เลขรหัสหนังสือ

ตอบ 2 หน้า 189 – 191194 – 196(คำบรรยาย) เลขเรียกหนังสือตามระบบการจัดหมู่หนังสือ แบบห้องสมุดรัฐสภาอเมริกัน (LCC หรือ LCประกอบด้วย

1.    เลขหมู่หนังสือ จะใช้อักษรโรมัน – (ยกเว้น I, 0, X, Vเป็นสัญลักษณ์แสดงเนื้อหา ของหนังสือ และใช้เลขอารบิกตั้งแต่ 1 – 9999 กับทศนิยมอีกไม่จำกัดตำแหน่งในการ จัดจำแนกเรื่องของหนังสือ

2.    เลขผู้แต่ง ประกอบด้วยตัวอักษรและตัวเลข

3.    อักษรชื่อเรื่อง เป็นพยัญชนะตัวแรกของชื่อหนังสือ ดังตัวอย่างต่อไปนี้

TP และ 1373.เลขหมู่หนังสือ ซึ่งอักษร TP แสดงว่าเป็นหนังสือเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ประยุกต์

.S244 เลขประจำหนังสือ ประกอบด้วย เลขผู้แต่งและอักษรชื่อเรื่อง

2013 ปีที่พิมพ์ คือ ปีที่หนังสือได้รับการจัดพิมพ์ ซึ่งทำให้ผู้ใช้ห้องสมุดทราบความทันสมัยของหนังสือว่าเป็นหนังสือเก่าหรือใหม่

49.  สัญลักษณ์นี้เป็นรูปแบบการอัดหมวดหมู่หนังสือด้วยระบบใด

(1) ระบบ LCC 

(2) ระบบ DDC

(3) ระบบ UDC

(4) ระบบ NLM

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 43. ประกอบ

50. ข้อใดคือเลขหมู่หนังสือ

(1) TP

(2) TP 1373.6

(3) TP 1373.6 .S244     

(4) TP 1373.6 .S244 2013

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 48. ประกอบ

51. หมายเลข 2013 เป็นสัญลักษณ์เพื่อสื่ออะไร 

(1) ปีที่จัดพิมพ์หนังสือ

(2) ปีที่จัดฃื้อหนังสือ 

(3) ปีแสดงความทันสมัยของหนังสือ   

(4) ปีที่ลงทะเบียนหนังสือ

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 48. ประกอบ

52.  ข้อใดไม่ใช่วิธีการจัดเรียงหนังสือบนชั้นที่ถูกต้อง

(1) จัดเรียงหนังสือจากซ้ายมือไปขวามือ    

(2) จัดเรียงตามขนาดของหนังสือ

(3) จัดเรียงจากเลขหมู่น้อยไปหาเลขหมู่มาก      

(4) จัดเรียงตามหมวดหมู่ของหนังสือ

ตอบ 2 หน้า 194 – 195197 วิธีการจัดเรียงหนังสือบนชั้นในห้องสมุด จะพิจารณาจากเลขเรียก หนังสือจากซ้ายไปขวา จากบนลงล่าง และจะพิจารณาจัดลำดับจากเลขหมู่หนังสือก่อน โดยห้องสมุดที่จัดหมู่หนังสือด้วยระบบทศนิยมดิวอี้จะเรียงลำดับจากเลขหมู่น้อยไปหาเลขหมู่มาก ส่วนห้องสมุดที่จัดหมู่หนังสือด้วยระบบห้องสมุดรัฐสภาอเมริกันจะพิจารณาเรียงลำดับตาม ตัวอักษร – ก่อน ต่อเมื่อตัวอักษรซํ้ากันจึงค่อยเรียงลำดับจากเลขหมู่น้อยไปหาเลขหมู่มาก แต่ถ้าเลขหมู่ซํ้ากัน ก็ให้พิจารณาจากอักษรผู้แต่ง ถ้าอักษรผู้แต่งเหมือนกันให้พิจารณาจาก เลขประกอบอักษรผู้แต่งจากเลขน้อยไปหาเลขมาก และถ้าเลขผู้แต่งเหมือนกันอีกก็ให้พิจารณา จากอักษรชื่อเรื่อง

53.  ข้อใดเป็นวิธีการจัดเก็บวารสารฉบับย้อนหลังซึ่งเป็นวารสารเก่าแก่แต่มีคุณค่า

(1) ให้เลือกเก็บเฉพาะฉบับที่มีบทความน่าสนใจ  

(2) เอามาจัดรวมเย็บเล่มเมื่อครบปี

(3)   แปรรูปโดยเก็บไว้ในรูปของสื่ออิเล็กทรอนิกส์

(4) เก็บไว้จนครบปีแล้วมัดรวมกัน

ตอบ 2 หน้า 198 – 199 วิธีการจัดเก็บวารสารมี 2 ลักษณะ ดังนี้

1.    วารสารฉบับใหม่ คือ วารสารฉบับล่าสุดที่ห้องสมุดได้รับ โดยห้องสมุดจะจัดเรียงไว้บนชั้นเอียง ตามลำดับอักษรของชื่อวารสารจากซ้ายไปขวา และติดป้ายชื่อวารสารกำกับไว้ที่ชั้นตรงกับตำแหน่งของวารสาร

2.    วารสารฉบับย้อนหลัง คือ วารสารที่ไม่ใช่ฉบับล่าสุด เพราะมีฉบับที่ใหม่กว่าพิมพ์ออกมาอีก โดยทั่วไปห้องสมุดจะจัดรวมไว้กับวารสารย้อนหลังฉบับก่อนๆ โดยนำไปเย็บรวมเป็นเล่ม เมื่อได้รับครบปีแล้ว จากนั้นให้นำไปจัดเรียงไว้บนชั้นตามลำดับอักษรของชื่อวารสาร

54.  จุลสารและกฤตภาคเป็นสิ่งพิมพ์ลักษณะพิเศษมีวิธีการจัดเก็บอย่างไร

(1)   กำหนดเลขหมู่ จัดเรียงไว้บนชั้นหนังสือ     

(2) จัดใส่แฟ้ม เรียงตามลำดับเลขหมู่

(3)   กำหนดหัวเรื่อง จัดใส่แฟ้ม เก็บไว้ในตู้เอกสาร     

(4) จัดเรียงรวมกัน ให้สัญลักษณ์พิเศษ

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 30. ประกอบ

55.  ข้อใดไม่ใช้เป็นเครื่องมือช่วยการค้นหาทรัพยากรสารสนเทศ

(1)   Metadata

(2) MARC Format

(3) Card Catalog

(4) Online Catalog

ตอบ 2 หน้า 217219227 – 228234 วิธีการค้นหาทรัพยากรสารสนเทศของห้องสมุด มีดังนี้

1.    สืบค้นด้วยบัตรรายการ (Card Catalogในห้องสมุด

2.    สืบค้นด้วยรายการออนไลน์ (Online Catalogซึ่งเป็นการบันทึกข้อมูลของหนังสือหรือทรัพยากรสารสนเทศของห้องสมุดไว้ในฐานข้อมูลของระบบคอมพิวเตอร์

3.    สืบค้นด้วยเมต้าดาด้า (Metadataผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต

56.  ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของ Online Catalog

(1)   บันทึกรายการของหนังสือในฐานข้อมูลห้องสมุด

(2) บันทึกรายการเรียกใช้โดยคอมพิวเตอร์

(3) รายการทุกประเภทจัดเก็บผ่านทางคอมพิวเตอร์

(4) ข้อมูลที่ต้องการเรียกใช้ได้จากเมนูที่กำหนด

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 16. และ 55. ประกอบ

57.  ห้องสมุดสถาบันอุดมศึกษาใช้ระบบใดเพื่อช่วยผู้ใช้ในการค้นหารายการหนังสือในห้องสมุด

(1)   Online Library Network     

(2)   Online Library Resources

(3) Online Information Catalog 

(4)   Online Public Access Catalog

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 16. ประกอบ

58.  ท่านสามารถค้นหาทรัพยากรสารสนเทศของสำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคำแหงได้อย่างไร

(1) สืบค้นผ่าน WebOPAC สู่ www.lib.ru.ac.th     

(2)   สืบค้นผ่าน Web page สู่ OPAC

(3) สืบค้นผ่าน INNOPAC ไปยัง RAMLINET  

(4)   สืบค้นผ่าน Telnet ไปยัง R.uLibrary

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 16. ประกอบ

59.  ข้อใดไม่เป็นวิธีการหาหนังสือในห้องสมุดโดยวิธีการสืบค้นผ่านออนไลน์

(1)   ผู้ใช้ป้อนคำหรือหัวข้อเรื่องที่ต้องการสืบค้น จะปรากฎผลการสืบค้นได้ผ่านทางจอภาพ

(2)   ให้ดูสถานภาพของหนังสือด้วยว่าอยู่บนชั้นพร้อมให้บริการสามารถยืมออกได้หรือไม่

(3)   ผู้สืบค้นมีทางเลือกในการสืบค้นหลายทาง ให้เลือกทางเลือกในการสืบค้น และพิมพ์คำค้นลงไป

(4)   เมื่อสืบค้นข้อมูลบรรณานุกรมได้แล้ว ต้องจด Call Number เพื่อไปหาหนังสือบนชั้นในห้องสมุด

ตอบ 2 หน้า 227 – 228(คำบรรยาย) ผู้ใช้สามารถสืบค้นข้อมูลผ่านรายการออนไลน์ด้วยการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ผ่านระบบ OPAC ได้จากหลาย ๆ ทางเลือก โดยใช้คำสั่งจากเมนูหลักของ บัตรรายการออนไลน์ ได้แก่ ชื่อผู้แต่ง (Author)ชื่อเรื่อง (Title)หัวเรื่อง (Subject Heading)คำสำคัญ (Keyword)เลขเรียกหนังสือ (Call Number). เลขประจำหนังสือสากล (ISBNและเลขประจำวารสาร (ISSNซึ่งเมื่อผู้ใช้เลือกทางเลือกในการสืบค้นได้แล้ว ให้พิมพ์คำค้น หรือหัวข้อเรื่องลงไป ก็จะปรากฏผลการสืบค้นข้อมูลทางบรรณานุกรมผ่านทางจอภาพ จากนั้นให้ผู้ใช้จดเลขเรียกหนังสือ (Call Numberเพื่อไปหาหนังสือบนชั้นในห้องสมุด

60.  การสืบค้นสารสนเทศจากอินเทอร์เน็ตโดยเฉพาะจาก WWW จะต้องใช้ปัจจัยข้อใด เพื่อนำไปสู่การสืบค้นที่มีประสิทธิภาพ      

(1) Search Engine

(2)   Metadata     

(3) Dublin Core Project      

(4) Internet

ตอบ 2 หน้า 217234245 เมต้าดาต้า (Metadataคือ การลงรายการทางบรรณานุกรมสำหรับ การจัดหมวดหมู่ทรัพยากรสารสนเทศในสื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตหรือ เว็บไซต์ โดยจะให้รายละเอียดของทรัพยากรสารสนเทศที่มีมากมายมหาศาลบนเครือข่าย อินเทอร์เน็ต เพื่อช่วยจัดการข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต ทำให้การสืบค้นข้อมูลในเว็บไซต์ มีประสิทธิภาพและมีการจัดเก็บอย่างเป็นระบบ

61.  การใช้หัวเรื่อง (Subject Headingsเพื่อค้นหาทรัพยากรสารสนเทศจะใช้เมื่อใด

(1)   เมื่อไม่แน่ใจว่าประเด็นสำคัญของเอกสารคืออะไร

(2)   เมื่อไม่เข้าใจความหมายของสัญลักษณ์ของเนื้อเรื่อง

(3)   เมื่อจำเลขมาตรฐานสากลของหนังสือ (ISBNไม่ได้

(4)   เมื่อไม่ทราบชื่อผู้แต่งหรือชื่อเรื่องของทรัพยากรสารสนเทศ

ตอบ 4 หน้า 251 การใช้หัวเรื่องเพื่อค้นหาสารสนเทศที่ต้องการ ผู้ใช้ส่วนใหญ่มักไม่ทราบชื่อผู้แต่ง หรือชื่อเรื่องของทรัพยากรสารสนเทศ ดังนั้นผู้ใช้จึงจำเป็นต้องค้นหาหัวข้อเรื่องที่ต้องการโดยใช้ หัวเรื่องซึ่งเป็นคำ วลี หรือชื่อเฉพาะต่างๆ ที่กำหนดขึ้นเพื่อใช้แทนเนื้อหาของหนังสือแต่ละเล่ม ส่วนการสืบค้นสารสนเทศในฐานข้อมูลจะใช้คำสำคัญ (Keywordในการค้นหาเอกสาร

62.  ข้อใดไม่สามารถกำหนดเป็นคำค้น (Keywordได้

(1) ชื่อเฉพาะ   

(2) กลุ่มคำ/วลี 

(3) ภาษาถิ่น    

(4) ศัพท์เทคนิค

ตอบ 3 หน้า 262268(คำบรรยาย) การใช้หัวเรื่องค้นหาสารสนเทศทางออนไลน์ เป็นการสืบค้น สารสนเทศจากสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น ซีดีรอม (CDROM)ฐานข้อมูล (Databaseและการค้นคืนสารสนเทศในระบบเครือข่ายใยแมงมุม (World Wide Webโดยผู้ใช้มักคิดคำ ขึ้นใช้เอง เรียกว่า “คำสำคัญ” (Keywordซึ่งมีลักษณะสำคัญดังนี้

1. เป็นคำนาม คำประสม กลุ่มคำหรือวลี ศัพท์เทคนิค และชื่อเฉพาะที่ผู้ใช้กำหนดขึ้นเองเพื่อใช้แทนเนื้อเรื่อง

2.    ควรเป็นคำที่สั้นกะทัดรัด ได้ใจความ และมีความหมายชัดเจนหรือเฉพาะเจาะจง

3.    การใช้คำสำคัญในการค้นหาทรัพยากรสารสนเทศ ควรใช้ในกรณีทีผู้ใช้ไม่ทราบชื่อผู้เขียน หรือชื่อเรื่องของทรัพยากรสารสนเทศ ฯลฯ

63.  ข้อใดไม่ถูกต้องสำหรับลักษณะของหัวเรื่องใหญ่

(1) สามานยนาม     

(2) เป็นคำประสม     

(3) เป็นคำเฉพาะ     

(4) เป็นคำพูดเดียว

ตอบ 4 หน้า 252 – 254(คำบรรยาย) การกำหนดคำค้นที่ใช้เป็นหัวเรื่องใหญ่มีลักษณะดังนี้

1.    คำนามคำเดียวหรือคำโดด (คำสามานยนาม) เช่น ปลา นก คอมพิวเตอร์ ฯลฯ

2.    คำประสมที่เป็นคำนาม 2 คำเชื่อมด้วย “andกับ”และ” ที่มีเนื้อหาสาระสองด้าน คล้อยตามไปในทางเดียวกัน เช่น อิทธิพลและสิ่งแวดล้อม ฯลฯ

3. คำประสมที่เป็นคำนาม 2 คำซึ่งมีเนื้อหาค้านกัน เช่น ศาสนาและวิทยาศาสตร์ ความดีและความชั่ว ฯลฯ

4.    คำนามที่ตามด้วยเครื่องหมายจุลภาคและคำคุณศัพท์ที่ขยายคำแรกให้สื่อความหมายดีขึ้น เช่น เคมีวัตถุ ฯลฯ

5. กลุ่มคำหรือวลี เช่น ไก่ชนอินเตอร์ ไก่แก่แม่ปลาช่อน ไก่ย่างห้าดาว ฯลฯ

6. คำนามที่เป็นชื่อเฉพาะ (คำวิสามานยนาม) เช่น ชื่อบุคคล ชื่อวงดนตรื ชื่อสัตว์ ชื่แม่น้ำ ฯลฯ

64.  ข้อไดไม่จัดเป็นหัวเรื่องกลุ่มคำ

(1)   ไก่แก่แม่ปลาช่อน    

(2) ไก่ย่างห้าดาว     

(3) ไก่แจ้ซารามอ    

(4) ไก่ชนอินเตอร์

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 63. ประกอบ

65.  ข้อใดคือหัวเรื่องย่อยแบ่งตามสภาพภูมิศาสตร์

(1)   ประเพณีการปลูกเรือน—ชาวดอย     

(2) การศึกษา—ไทย

(3)   ยุโรป—ประวัติศาสตร์—ศตวรรษที่ 19

(4) ภาษาจีน—กวางตุ้ง

ตอบ 2 หน้า 254 – 257 หัวเรื่องย่อย เป็นคำหรือวลีที่ใช้เป็นหัวเรื่องย่อยเพื่อขยายหัวเรื่องใหญ่ ให้เห็นชัดเจนหรือเฉพาะเจาะจงขึ้น โดยหัวเรื่องย่อยจะมีขีดสั้น 2 ขีด (—) อยู่ข้างหน้าคำ แบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ

1.    แบ่งตามวิธีเขียน เช่น คณิตศาสตร์—คู่มือเตรียมสอบ ฯลฯ

2.    บอกลำดับเหตุการณ์ โดยแบ่งตามปีคริสต์ศักราช ยุคสมัย หรือแผ่นดิน เช่น ไทย—ประวัติศาสตร์ไทย—กรุงศรีอยุธยา1893 – 2310 ฯลฯ

3.    แบ่งตามขอบเขตของเนิ้อหา เช่น บรรณารักษศาสตร์—การประชุมเศรษฐศาสตร์—ประวัติ ฯลฯ

4.    แบ่งตามสภาพภูมิศาสตร์ เช่น การศึกษา—ไทยอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว—ไทย ฯลฯ

66.  ข้อใดไม่ควรใช้เป็นคำค้นสำหรับเนื้อหาเกี่ยวกับ “การพัฒนาธุรกิจครอบครัวสู่ธุรกิจมหาชน”

(1)   การเข้าสูตลาดหลักทรัพย์—ไทย

(2) วาณิชธนกิจ—ไทย

(3) ธุรกิจของเอกชน—การลงทุน      

(4) ธุรกิจครอบครัว—ไทย

ตอบ 3 (ดูคำอธิบายข้อ 65. ประกอบ) หากผู้ใช้ต้องการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับ “การพัฒนาธุรกิจครอบครัวสู่ธุรกิจมหาชน” ควรเลือกใช้คำค้นจากบัญชีหัวเรื่องย่อยที่มีความหมายเฉพาะเจาะจง และเกี่ยวข้องกับเนื้อหา เช่น การเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์—ไทยวาณิชธนกิจ—ไทย,ธุรกิจครอบครัว—ไทย เป็นต้น

67.  ข้อใดไม่จัดเป็นคำเชื่อมที่ใช้ในตรรกะบูลีน (Boolean Logic)

(1)   not 

(2) with 

(3) and  

(4) or

ตอบ 2 หน้า 262268 การใช้คำสำคัญในการค้นหาสารสนเทศทางออนไลน์มีวิธีการดังนี้

1.    ใช้วิธีการสืบค้นข้อมูลเช่นเดียวกับการใช้หัวเรื่อง

2. การค้นคืนสารสนเทศอาจแสดงผล ต่างกันในแต่ละฐานข้อมูล

3. สามารถใช้คำสำคัญโดยผสมคำหัวไปกับคำวิสามานยนาม

4.    ใช้ตรรกะของบูลีน (Boolean Logicโดยใช้คำว่า และ (and)หรือ (or)ไม่ใช่ (not) เพื่อเชื่อมโยงการสืบค้นให้มีประสิทธิภาพ

68.  ข้อใดเป็นการใช้คำค้นเพื่อค้นหาสารสนเทศทางออนไลน์

(1)   การค้นคืนทรัพยากรสารสนเทศจากแหล่งบริการสารสนเทศ

(2)   การค้นทรัพยากรสารสนเทศที่ใช้ร่วมกันในเครื่อข่ายสมาชิก

(3)   การสืบค้นทรัพยากรสารสนเทศจากสื่ออิเล็กทรอนิกส์

(4)   การค้นหาทรัพยากรสารสนเทศจากชั้นหนังสือของห้องสมุด

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 62. ประกอบ

69.  ข้อใดเป็นวิธีการเสาะแสวงหาความรู้ของมนุษย์ เพื่อให้เกิดความเข้าใจในเรื่องต่างๆ อย่างถ่องแท้

(1)   การอ่าน  

(2) การฟัง

(3) การเสวนา  

(4) การศึกษา

ตอบ 4 หน้า 274 การศึกษา คือ การเสาะแสวงหาความรู้เพื่อให้เกิดความเข้าใจในเรื่องต่าง ๆ อย่างถ่องแท้ ดังนั้นการศึกษาจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับมนุษย์ทั้งทางวิชาการและเรื่องที่อยู่ในความสนใจของแต่ละ บุคคล ซึ่งจะช่วยให้บุคคลมีความรู้ความสามารถในการวิเคราะห์ ตัดสินใจ และแก้ไขปัญหาได้

70.  การอ่านตำราเรียนเพื่อให้เข้าใจในเนื้อหาจะต้องใช้ทักษะการอ่านแบบใด

(1) การอ่านเพื่อประเมินค่าและวิจารณ์

(2) การอ่านเพื่อหาคำตอบ

(3) การอ่านเพื่อเก็บรายละเอียด 

(4) การอ่านเพื่อเพิ่มพูนความรู้

ตอบ 3 หน้า 276 การอ่านเพื่อเก็บรายละเอียด เป็นจุดมุงหมายของผู้อ่านที่ต้องการข้อมูลเรื่องใด เรื่องหนึ่งอย่างเฉพาะเจาะจง โดยผู้อ่านต้องมีสมาธิ สามารถแยกหรือรวมประเด็นหลักและ ประเด็นย่อยได้ รวมทั้งสามารถจดบันทึกจากการอ่าน ทำให้ผู้อ่านต้องใช้ทักษะหลายอย่าง ประกอบกัน ได้แก่ ทักษะการอ่าน การแยกและรวมประเด็น การสังเกต และการใช้คำหรือ ประโยค เพื่อให้สามารถหาความสัมพันธ์ของข้อความที่ต้องการเก็บรายละเอียดได้ เช่น การอ่านตำราเรียนเพื่อให้เข้าใจในเนื้อหา

71.  อ่านคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์เรื่อง “หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน” เป็นการอ่านแบบใด

(1) การอ่านแบบคร่าว ๆ   

(2) การอ่านเพื่อรับรู้ข่าวสาร

(3) การอ่านเพื่อประเมินค่าและวิจารณ์

(4) การอ่านเพื่อเพิ่มพูนความรู้

ตอบ 2 หน้า 275 การอ่านเพื่อรับรู้ข่าวสาร เป็นการอ่านที่ใช้ในชีวิตประจำวันหรืออ่านเพื่อต้องการ รู้เหตุการณ์และความเป็นไปที่เกิดขึ้นรอบตัว เช่น การอ่านหนังสือพิมพ์ อ่านประกาศ อ่านแจ้งความโฆษณา ฯลฯ การอ่านแบบนี้จะใช้เวลาไม่มาก มักอ่านเพื่อจับประเด็นคร่าว ๆ หรือมุ่งจับรายละเอียดก็ได้ซึ่งขึ้นอยู่กับผู้อ่าน

72.  ข้อใดเป็นการอ่านที่ผู้อ่านต้องมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน

(1) การอ่านเพื่อเพิ่มพูนความรู้  

(2) การอ่านเพื่อรับรู้ข่าวสาร

(3) การอ่านเพื่อประเมินค่าและวิจารณ์

(4) การอ่านเพื่อเก็บรายละเอียด

ตอบ3 หน้า 276 การอ่านเพื่อประเมินค่าและวิจารณ์ เป็นการอ่านระดับสูง โดยผู้อ่านต้องสามารถประเมินค่าหรือวิจารณ์ข้อเขียนเหล่านั้นได้ว่าถูกต้องน่าเชื่อถือหรือไม่ มีข้อเท็จจริงหรือมีคุณค่า เพียงไร และให้แนวคิดใหม่หรือไม่ ดังนั้นการอ่านแบบนี้ผู้อ่านจึงต้องมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ เรื่องที่อ่าน มีสมาธิในการอ่าน และมีวิจารณญาณเพื่อพินิจพิเคราะห์ข้อเขียนอย่างละเอียดลึกซึ่ง

73.  ผู้ฟังที่ดีควรมีจรรยาบรรณในการฟังคำบรรยายอย่างไร

(1) ให้ฟังคำบรรยายจากวิทยากรที่น่าเชื่อถือเท่านั้น

(2) ไม่ควรฟังเรื่องที่ยากไกลตัวเกินไป

(3) ให้ทำใจเปิดกว้างและไม่ดูหมิ่นเรื่องที่ผู้อื่นพูด 

(4) พยายามทำจิตให้นิ่งเป็นหนึ่งเดียว

ตอบ 3 หน้า 277 – 278 จรรยาบรรณของการเป็นผู้ฟังที่ดี มีดังนี้

1. เปิดใจกว้าง ไม่ดูหมิ่น เรื่องที่ผู้อื่นพูด

2. ไม่ดูหมิ่นผู้พูดว่าเป็นผู้ที่ไม่น่าเชื่อถือเพราะไม่มีคุณวุฒิหรือวัยวุฒิ

3. ไม่ดูหมิ่นตนเองว่าเป็นเรื่องที่ไกลตัวเกินไป หรือเป็นเรื่องยาก ซึ่งตนเองมีทักษะความรู้น้อยเกินไป

4.    ไม่ทำจิตให้ฟุ้งซ่าน แต่ให้ทำจิตเป็นหนึ่งเดียว แล้วฟังเรื่องที่พูดตั้งแต่ต้นจนจบ

74. การสอบถามความรู้จากผู้เชี่ยวชาญหรือผู้มีประสบการณ์ จัดเป็นวิธีการศึกษาค้นคว้าเช่นไร

(1) เดินตามเส้นทางหัวใจนักปราชณ์  

(2) การแลกเปลี่ยนเรียนรู้

(3) การสดับฟังเพื่อเป็น “พหูสูต”

(4) การเสวนาสัตบุรุษ

ตอบ 4 หน้า 278(คำบรรยาย) การไต่ถามหรือการเสวนา เป็นการเข้าไปปรึกษาเสวนาหาคำตอบ หรือขอคำชี้แนะจากผู้รู้หรือผู้มีประสบการณ์ เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นและการเรียนรู้ ซึ่งกันและกัน จนก่อให้เกิดความแจ่มแจ้งแห่งข้อสงสัยนั้น ดังนั้นการเสวนาจึงเป็นการออกจากตนเองไปสู่ผู้อื่น นั่นคือ เปิดประตูความคิดของตนเองไปสู่ความคิดของผู้อื่น เพื่อเรียนรู้แบ่งปัน ความรู้ที่มีในตัวตนไปสู่ความรู้ที่แจ้งชัด ดังคำของนักปราชญ์พที่ว่า บัณทิต คือ คนฉลาดที่ดำเนินชีวิตด้วยปัญญาย่อมเข้าคบหาสัตบุรุษ หรือเรียกว่า “การเสวนาสัตบุรุษ”

75.  วัตถุประสงค์ของการบันทึกเรื่องราวไว้ในสื่อต่างๆ ที่มนุษย์ได้ปฏิบัติมาตั้งแต่สมัยโบราณคืออะไร

(1) ผลิตสื่อสะสมไว้ในหอสมุดแห่งชาติ

(2) รักษาขั้นตอนประเพณีของมนุษยชาติ

(3) จรรโลงอารยธรรมของมนุษย์ให้คงอยู่ตลอดไป

(4) สืบค้นไม่ให้ลบเลือนหลงลืม

ตอบ 4 หน้า 278 – 279281 ด้วยเหตุที่การแสวงหาความรู้ที่ได้จากการอ่าน การฟัง หรือการไต่ถาม อาจมีการลบเลือนหรือหลงลืมได้ มนุษย์ตั้งแต่สมัยโบราณจึงคิดสัญลักษณ์ขึ้นแทนคำพูด และมีการบันทึกเรื่องราวไว้ในสื่อต่างๆกัน เช่น ดินเหนียว หนังสัตว์ ผ้า กระดาษ ฯลฯ ดังนั้นการจดบันทึกจึงเป็นวิธีการที่ดีที่สุดของมนุษย์ในการสืบสานและจรรโลงเรื่องราวต่าง ๆ ไว้มิให้ถูกลบเลือนและสลายไปในที่สุด

76.  ข้อไดไม่เป็นกิจกรรมที่ก่อให้เกิดการเรียนรู้จากการศึกษาค้นคว้า

(1)   เกิดความรู้ รู้ความจริง เรียนรู้ด้วยตนเองอย่างเป็นระบบ

(2)   เกิดปัญญาสามารถเชื่อมโยงความรู้ต่าง ๆ ได้ เข้าใจปัญหา

(3)   เกิดจิตสำนึกเข้าใจตนเองที่สัมพันธ์กับสรรพสิ่งเหนือปัญหาทั้งหลาย

(4)   เกิดความคิดนำไปใช้เป็นประโยชน์ต่อตนเอง สังคม และประเทศชาติ

ตอบ 3 หน้า 275 การคึกษาค้นคว้าเป็นกิจกรรมที่ก่อให้เกิดการเรียนรู้ ซึ่งการเรียนรู้ของมนุษย์ ควรไปให้ถึง 3 ระดับ ได้แก่

1.    ระดับเกิดความรู้ คือ รู้ความจริง ด้วยการเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างเป็นระบบ

2.    ระดับเกิดปัญญา คือ สามารถเชื่อมโยงความรู้ต่าง ๆ ได้

3.    ระดับเกิดจิตสำนึก คือ เข้าใจตนเองที่สัมพันธ์กับสรรพสิ่งทั้งหลาย แล้วนำไปเป็นประโยชน์ ต่อตนเอง สังคม และประเทศชาติ

77.  ข้อมูลที่ได้มาจากหนังสือ ตำรา หรือจากวารสาร จัดได้ว่าเป็นข้อมูลระดับใด

(1) ระดับปฐมภูมิ      

(2) ระดับทุติยภูมิ     

(3) ระดับตติยภูมิ     

(4) ระดับฐานภูมิปัญญา

ตอบ 2 หน้า 287(คำบรรยาย) แหล่งที่มาของข้อมูลในปัจจุบันแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่

1.    ข้อมูลปฐมภูมิ (Primary Sourcesเป็นข้อมูลเบื้องต้นที่ได้รับจากบุคคลโดยตรง เช่น ประสบการณ์ของตนเอง อัตชีวประวัติ เอกสารที่บันทึกด้วยลายมือ บันทึกส่วนตัว บทสัมภาษณ์ พระราชหัตถเลขา พระบรมราโชวาท แบบสอบถาม สุนทรพจน์ ข่าวในหนังสิอพิมพ์ ฯลฯ

2.    ข้อมูลทุติยภูมิ (Secondary Sourcesเป็นข้อมูลอันดับรองที่อ้างอิงหรือปรุงแต่งจากข้อมูลปฐมภูมิ หรือจัดเนื้อหาใหม่เพื่อสะดวกแก่การค้นคว้า เช่น หนังสืออ้างอิง ตำรา บทความจากวารสาร ฯลฯ

3.    ข้อมูลตติยภูมิ (Tertiary Sourcesเป็นข้อมูลขั้นรองลงมาที่รวบรวมขึ้นเพื่อใช้ในการค้นหา ข้อมูลปฐมภูมิและทุติยภูมิอีกทีหนึ่ง เช่น ข้อมูลใน CDROM ฐานข้อมูลออนไลน์ข้อมูลใน Google ฯลฯ

78.  ข้อใดเป็นขั้นตอนที่ทำเพื่อรวบรวมสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่จะทำรายงานแล้วบันทึกลงในบัตร

(1) ทำบัตรบันทึกข้อมูล    

(2) ทำบัตรบรรณานุกรม

(3) วางโครงเรื่อง      

(4) เรียบเรียงเนื้อหา

ตอบ 1 หน้า 291 – 294297 การทำบัตรบันทึกข้อมูล เป็นขั้นตอนที่เกิดขึ้นหลังจากที่มีการรวบรวม บรรณานุกรมจากแหล่งข้อมูลมาแล้ว โดยผู้ทำรายงานจะเริ่มอ่านสารสนเทศเหล่านั้น ซึ่งในขณะที่อ่านก็ให้บันทึกข้อมูลลงในบัตรไปด้วย เพื่อรวบรวมเนื้อหาสารสนเทศให้ได้มากที่สุด จากนั้นจึงนำข้อมูลจากบัตรบันทึกเหล่านั้นมาผสมผสานกับความคิดของผู้ทำรายงาน นล้วนำมาเรียบเรียงเป็นเนื้อหาของรายงานตามโครงเรื่องที่วางไว้ต่อไป

79.  ข้อใดเป็นขั้นตอนที่ต้องทำต่อจากการสำรวจแหล่งข้อมูลโดยใช้เครื่องมือค้นหาข้อมูลที่เหมาะสมแล้ว

(1) การทำบัตรบรรณานุกรม     

(2) การเรียบเรียงเนื้อหา

(3) การทำบัตรบันทึกข้อมูล      

(4) การวางโครงเรื่อง

ตอบ 1 หน้า 289(IS 103 เลขพิมพ์ 53345 หน้า 247 – 248) หลังจากที่มีการสำรวจแหล่งข้อมูล โดยใช้เครื่องมือค้นหาข้อมูลที่เหมาะสมแล้ว ผู้ทำรายงานควรบันทึกข้อมูลในรูปของบัตรบรรณานุกรม ซึ่งจุดมุ่งหมายในขั้นตอนของการทำบัตรบรรณานุกรม มีดังนี้

1.    เพื่อรวบรวมหรืออ้างอิงรายชื่อแหล่งข้อมูลที่ใช้ประกอบการศึกษาค้นคว้า

2.    เพื่อนำมาเขียนรายการเอกสารอ้างอิง (บรรณานุกรม) ไว้ท้ายรายงาน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ทำรายงานทำรายการอ้างอิงได้สะดวกขึ้น

3.    เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้สนใจศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม

4.    เพื่อเป็นแหล่งตรวจสอบหลักฐานของข้อเท็จจริงในรายงาน

5.    เพื่อนำไปค้นหาหนังสือ วารสาร และสารสนเทศอื่น ๆ ก่อนลงมืออ่านและทำบัตรบันทึกต่อไป

80.  หลังการอ่านและบันทึกเอกสารเล่มที่ใช้ประกอบรายงาน ควรทำสิ่งใด

(1) วางโครงเรื่องและเรียบเรียงเนื้อหา  

(2) เรียบเรียงเอกสารและวางโครงเรื่อง

(3) ทำบัตรบรรณานุกรมและเรียบเรียงเนื้อหา      

(4) ทำบัตรรายการและวางโครงเรื่อง

ตอบ 1 หน้า 295297(ดูคำอธิบายข้อ 78. ประกอบ) หลังจากที่มีการอ่านข้อมูลและบันทึกเอกสาร เล่มที่ใช้ประกอบรายงานอย่างสั้น ๆ ในบัตรบันทึกแล้ว ผู้ทำรายงานจะทำการวางโครงเรื่อง ซึ่งเป็นการวางแผนเสนอเนื้อหาและสร้างกรอบความคิด เพื่อให้การเสนอเนื้อหาเป็นไปตามลำดับ ไม่สับสนวกวน โดยจะเริ่มจากการนำบัตรบันทึกข้อมูลมาจัดแยกเป็นกลุ่ม ๆ ตามลำดับให้ สัมพันธ์กัน แล้วจึงเขียนโครงเรื่องซึ่งประกอบด้วยความคิดหลัก ความคิดรอง และความคิดย่อย จากนั้นก็เรียบเรียงเนื้อหาของรายงาน โดยใช้ข้อมูลจากบัตรบันทึกมาเรียบเรียงเป็นเนื้อหา ตามโครงเรื่องที่วางไว้ และหากรายงานมีเนื้อหายาวมาก ควรแบ่งเนื้อหาออกเป็นบทหรือตอน

81. การวางโครงเรื่องจะได้ความรู้จากขั้นตอนใดมากที่สุด    

(1) การรวบรวมบรรณานุกรม

(2) การเรียบเรียงเนื้อหา    

(3) การสำรวจข้อมูล 

(4) การทำบันทึกข้อมูล

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 80. ประกอบ

82. แหล่งข้อมูลใดที่นักศึกษานิยมใช้ในการเขียนรายงานในปัจจุบันมากที่สุด

(1) ระดับปฐมภูมิ      

(2) ระดับทุติยภูมิ     

(3) ระดับตติยภูมิ     

(4) ระดับฐานภูมิปัญญา

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 77. ประกอบ

83.  ในกรณีที่ผู้เขียนรายงานไม่สามารถหาคำได้ดีกว่าเนื้อหาเดิมเพื่อมาเขียนรายงานควรทำอย่างไร

(1) ให้เขียนแบบถอดความ

(2) ให้เขียนแบบลอกความ

(3) ให้เขียนแบบสรุปความ

(4) ให้เขียนแบบย่อความ

ตอบ 2 หน้า 293, (IS 103 เลขพิมพ์ 53345 หน้า 257, 260 – 261) บัตรบันทึกแบบลอกความ (Quotationจะเหมาะกับข้อความหรือข้อเท็จจริงที่ชัดแจ้ง เช่น สูตรทางคณิตคาสตร์ ความหมายหรือคำนิยามในเชิงวิชาการ กวีนิพนธ์ พระบรมราชโองการ ฯลฯ โดยมีข้อควรระวัง คือ ต้องคัดลอกทุกอย่างให้เหมือนต้นฉบับ ตอนใดที่คัดลอกมาทั้งหมดให้คร่อมไว้ด้วย เครื่องหมายอัญประกาศ (“_  ”) แต่ถ้าคัดลอกมาเพียงบางส่วนให้ใช้เครื่องหมายจุด 3 จุด (…) แทนข้อความที่ละไว้ โดยใส่ไว้ก่อนหรือหลังข้อความนั้น ซึ่งบัตรบันทึกชนิดนี้จะกระทำเมื่อ

1.    ผู้ทำรายงานไม่สามารถหาคำพูดได้ดีกว่าเนื้อหาเดิม

2.    เนื้อหาเดิมได้วางระเบียบกฎเกณฑ์และวิธีการไว้อย่างดีแล้วจึงไม่ควรดัดแปลง

3.    เนื้อหาเดิมบรรยายถึงแนวคิดหรือวาทะสำคัญของผู้แต่งจึงไม่ควรดัดแปลง

84.  การอ่านบทความภาษาอังกฤษจากวารสารแล้วนำมาเขียนโดยใช้คำพูดของตนเองเป็นภาษาไทย จัดเป็นการบันทึกแบบใด

(1) แบบสรุปความ    

(2) แบบถอดความ   

(3) แบบย่อความ     

(4) แบบลอกความ

ตอบ 2 หน้า 292(คำบรรยาย) บัตรบันทึกแบบถอดความหรือถ่ายความ (Paraphraseเป็นการเขียนข้อความใหม่ให้ได้ใจความและสาระสำคัญครบถ้วน รวมทั้งต้องคงความหมายและขอบเขต ของข้อมูลเดิมเอาไว้ โดยใช้สำนวนคำพูดของตนเอง ซึ่งการบันทึกข้อมูลลงบนบัตรด้วยวิธีนี้ จะช่วยอธิบายเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย เช่น การถอดความจากบทร้อยกรองหรือกวีนิพนธ์ ถอดความจากบทความภาษาอังกถษเป็นภาษาไทย เป็นต้น

85.  ในกรณีผู้เขียนรายงานต้องเก็บความหรือนำความรู้ความคิดของผู้อื่นมาประกอบเนื้อหา จะต้องทำอย่างไร จึงถูกต้องตามหลักวิชาการ

(1) กล่าวคำขอบคุณในหน้าประกาศคุณูปการ   

(2) ระบุแหล่งสารสนเทศในเนื้อหา

(3) เสนอรายชื่อหนังสือในรูปของเชิงอรรถ  

(4) อ้างที่มาของแหล่งความรู้ทุกครั้ง

ตอบ 4 หน้า 297 – 298(คำบรรยาย) ขณะเรียบเรียงเนื้อหารายงาน หากต้องมีการเก็บความ อ้างใจความ หรือนำความรู้ความคิดของผู้อื่นมาประกอบเนื้อหาของรายงาน ผู้ทำรายงาน จะต้องอ้างอิงแหล่งที่มาของข้อมูลทุกครั้ง เช่น การอ้างอิงระบบนาม-ปี (Authordate)เชิงอรรถบรรณานุกรม ฯลฯ โดยมีเหตุผลคือ เพื่อป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ เป็นการให้เกียรติ และเคารพทรัพย์สินทางปัญญาของเจ้าของข้อมูล เป็นหลักฐานเสริมความนำเชื่อถือ เพื่อให้ผู้ที่สนใจใช้ตรวจสอบความถูกต้องและค้นคว้าเพิ่มเติมได้ และเพื่อแก้ปัญหาการลักลอบ นำความรู้ความคิดของผู้อื่นมาเป็นของตน ทั้งนี้หากผู้ทำรายงานไม่แสดงการอ้างอิงแหล่งที่มาของข้อมูลจะถือว่าเป็น “การละเมิดหรือโจรกรรมทางวิชาการหรือการขโมยความคิด”

86.  ข้อใดเป็นรูปแบบการอ้างอิงแบบแทรกในเนื้อหา (CiteinTextที่ถูกต้องตามแบบ APA

(1) (ชื่อ-สกุลปีที่พิมพ์หน้า)   

(2) (ชื่อ-สกุล ปีที่พิมพ์ หน้า)

(3) ชื่อ-สกุลปีที่พิมพ์หน้า     

(4) ชื่อ-สกุล. ปีที่พิมพ์. หน้า

ตอบ 1 หน้า 298 การอ้างอิงระบบนาม-ปี (Authordate หรอ CiteinTextเป็นการอ้างอิงที่มาของข้อมูลไว้ในวงเล็บ โดยแทรกลงในเนื้อหาของรายงานตรงที่มีการน้าข้อความมาอ้างอิง ซื่งมีรูปแบบการอ้างอิงตามคู่มือ APA คือ (ข้อ-นามลกุลผู้แต่งปีที่,พิมพ์หน้าที่อ้างอิง) เช่น (สุดสาย ตรีวานิช2556หน้า 52) เป็นต้น

87.  ข้อใดเป็นการอ้างอิงแบบแทรกในเนื้อหาที่ถูกต้อง

(1) สุดสาย ตรีวานิช2556หน้า 52

(2) (สุดสาย ตรีวานิช 2556 ; หน้า 52)

(3) (สุดสาย ตรีวานิช2556หน้า 52)     

(4) สุดสาย ตรีวานิช. 2556. หน้า 52

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 86. บระกอบ

88.  ข้อใดไม่ใช่ประโยชน์ของการอ้างอิงแหล่งที่มาของข้อมูล

(1) ใช้ตรวจสอบความถูกต้องของสารสนเทศ     

(2) เป็นองค์ประกอบของรูปแบบรายงาน

(3) ให้แหล่งสารสนเทศที่สามารถค้นคว้าได้อีก   

(4) ป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 85. ประกอบ

89.  ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการคัดลอก “พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ” มาประกอบการเขียนรายงานโดยใส่ไว้ในเนื้อหา

(1)   ให้อ้างอิงที่มาของข้อมูลโดยแทรกลงไปในเนื้อหาทันที โดยอ้างอิงแบบนาม-ปี

(2)   ให้ใช้คำพูดของตนเอง แต่คงความหมายและขอบเขตเนื้อเรื่องเดิมไว้ทุกอย่าง

(3)   ให้แสดงแหล่งที่มาของข้อมูลเดิมเพื่อเป็นหลักฐานที่ใช้ประกอบการศึกษาค้นคว้า

(4)   ให้คัดลอกทุกอย่างเหมือนต้นฉบับ แล้วคร่อมไว้ด้วยเครื่องหมาย “…” (อัญประกาศ)

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 83.84.85. และ 86. ประกอบ

90.  ผู้แต่งหนังสือที่มีฐานันดรศักดิ์หรือบรรดาศักดิ์ เขียนบรรณานุกรมอย่างไรจึงจะถูกต้อง

(1) สุริยวุฒิ สุขสวัสดิ์ศ.ดร. ม.ร.ว.    

(2) เปรม ติณสูลานนท์พลเอก

(3) คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยาดร.

(4) นายแพทย์ สรวิชญ์ สุบุญร้อยเอก

ตอบ 2 หน้า 313 – 315317 – 318(คำบรรยาย) รูปแบบการลงรายการทางบรรณานุกรมหนังสือที่ถูกต้องตามแบบแผนของคู่มือ APA คือ

ชื่อผู้แต่ง. (ปีที่,พิมพ์). ชื่อหนังสือ (ครั้งที่พิมพ์). สถานที่พิมพ์ : สำนักพิมพ์.

–     ในกรณีที่ผู้แต่งเป็นคนไทยและมีฐานันดรศักดิ์ บรรดาศักดิ์ สมณศักดิ์หรือยศ ให้ลงชื่อและนามสกุลของผู้แต่ง คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค (,ตามด้วยฐานันดรศักดิ์หรือยศ เช่น สุริยวุฒิ สุขสวัสดิ์ม.ร.ว. กษมา วรวรรณ ณ อยุธยาคุณหญิง เปรม ติณสูลานนท์พลเอก เป็นต้น

–     ในกรณีที่ผู้แต่งเป็นคนไทย ให้ลงชื่อและนามสกุลโดยไม่ต้องระบุคำน้าหน้าข้อบุคคล เช่น นาย/นาง/นางสาวดร.นายแพทย์ผศ./รศ. เป็นต้น

–     ในกรณีที่ผู้แต่งเป็นชาวต่างประเทศให้ลงชื่อสกุล (Last Nameก่อน แล้วตามด้วยเครื่องหมายจุลภาคและชื่อต้น (First Nameเช่น Newston, J.w. (2012). Exploring market opportunitiesOxford : Hart Pub.

91.  ข้อใดเป็นรูปแบบการลงรายการบรรณานุกรมถูกต้องตามรูปแบบสากล

(1)   ชื่อผู้แต่งชื่อหนังสือ. สถานที่พิมพ์ : สำนักพิมพ์ปีที่พิมพ์.

(2)   ชื่อผู้แต่ง. ชื่อหนังสือ. สถานทีพิมพ์ : สำนักพิมพ์ปีที่พิมพ์.

(3)   ชื่อผู้แต่ง. (ปีที่พิมพ์). ชื่อหนังสือ. สถานที่พิมพ์ : สำนักพิมพ์.

(4)   ชื่อผู้แต่ง(ปีที่พิมพ์)ชื่อหนังสือ. สถานที่พิมพ์ สำนักพิมพ์.

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 90. ประกอบ

92.  ข้อใดเป็นการเขียนบรรณานุกรมสำหรับหนังสือที่ถูกต้อง

(1) สุดสาย ตรีวานิช2556สุขาภิบาลอุตสาหกรรมอาหาร. กรุงเทพมหานคร ซีเอ็ด.

(2) สุดสาย ตรีวานิช. 2556. สุขาภิบาลอุตสาหกรรมอาหาร. กรุงเทพมหานคร : ซีเอ็ด.

(3)   สุดสาย ตรีวานิช(2556)สุขาภิบาลอุตสาหกรรมอาหาร. กรุงเทพมหานคร ซีเอ็ด.

(4) สุดสาย ตรีวานิช. (2556). สุขาภิบาลอุตสาหกรรมอาหาร. กรุงเทพมหานคร  ซีเอ็ด.

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 90. ประกอบ

93.  การอ้างอิงแหล่งที่มาของข้อมูลจากสื่ออิเล็กทรอนิกส์/เว็บไซด์ข้อใดถูกต้อง

(1) สุดสาย ตรีวานิช2556สุขาภิบาลอุตสาหกรรมอาหาร. ค้นจาก http://guru.google.co.th/guru/ เมื่อ 31 ตุลาคม 2557

(2)   สุดสาย ตรีวานิช. 2556. สุขาภิบาลอุตสาหกรรมอาหาร. ค้นเมื่อ 31 ตุลาคม 2557จาก http://guru.google.co.th/guru/

(3)   สุดสาย ตรีวานิช. (2556)สุขาภิบาลอุตสาหกรรมอาหาร. ค้นจาก http://guru.google.co.th/guru/ เมื่อ 31 ตุลาคม 2557

(4)   สุดสาย ตรีวานิช. (2556). สุขาภิบาลอุตสาหกรรมอาหาร. ค้นเมื่อ 31 ตุลาดม 2557จาก http://guru.google.co.th/guru/

ตอบ 4 หน้า 328 รูปแบบการลงรายการอ้างอิงทางบรรณานุกรมสำหรับสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ แหล่งข้อมูลออนไลน์บนอินเทอร์เน็ตและซีดีรอม คือ ชื่อผู้แตง. (ปีที่พิมพ์). ชื่อเรื่อง. ค้นเมื่อ ระบุวันที่ค้นข้อมูลที่อยู่ของเอกสาร (URL) เช่น สุดสาย ตรีวานิช. (2556). สุขาภิบาลอุตสาหกรรมอาหาร. ค้นเมื่อ 31 ตุลาคม 2557จาก http://guru.google.co.th/guru/

94.  การลงรายการทางบรรณานุกรมสำหรับหนังสือที่เขียนโดยชาวต่างชาติข้อใดถูกต้อง

(1)   Jason WNewston2012. Exploring market opportunitiesOxford Hart Pub.

(2)   Jason WNewston, (2012), Exploring market opportunitiesOxford ; Hart Pub.

(3)   Newston, J.W. (2012). Exploring market opportunitiesOxford Hart Pub.

(4)   Newston, Jason W. 2012. Exploring market opportunitiesOxford : Hart Pub.

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 90. ประกอบ

95.  การกล่าวถึงวัตถุประสงค์ในการทำรายงานและขอบเขตของเนื้อหาจะปรากฏที่ส่วนใดของรายงาน

(1) ส่วนประกอบตอนต้น   

(2) คำนำ

(3)   ส่วนประกอบตอนท้าย

(4) บทนำ

ตอบ 2 หน้า 336 หน้าคำนำ (Prefaceเป็นหน้าที่แจ้งให้ผู้อ่านได้ทราบถึงวัตถุประสงค์ของการทำรายงาน ขอบเขตเนื้อหาของรายงาน และแสดงคำขอบคุณผู้ที่มีคุณูปการหรือผู้ที่มีส่วนช่วยเหลือในการให้ข้อมูลจนทำให้การทำรายงานนั้นสำเร็จ

96. หน้าบอกตอนควรอยู่ก่อนส่วนใดของรายงาน

(1) คำนำ บทนำ

(2)   สารบัญ เนื้อหา 

(3) ภาคผนวก บรรณานุกรม    

(4) เนื้อหา ภาคผนวก

ตอบ 3 หน้า 334 – 338 ส่วนประกอบของรายงาน แบ่งออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ ๆ ดังนี้

1.    ส่วนประกอบตอนต้น ได้แก่ ปกนอก หน้า,ชื่อเรื่อง หน้าคำนำ หน้าสารบัญ และหน้าสารบัญตารางและภาพประกอบ โดยปกนอกและหน้าชื่อเรื่องจะใช้ข้อความเดียวกัน

2.    ส่วนที่เป็นเนื้อหา ได้แก่ ข้อความที่คัดลอกมา การอ้างอิง บันทึกเพิ่มเติม (เช่น เชิงอรรถ) ตาราง และภาพประกอบ

3.    ส่วนประกอบตอนท้าย ได้แก่ หน้าบอกตอน บรรณานุกรม ภาคผนวก และอภิธานศัพท์

97.  ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับส่วนที่เป็นเนื้อหาของรายงาน

(1)   รายงานขนาดยาวควรแบ่งเนื้อหาออกเป็นบทหรือตอน

(2)   การเรียบเรียงเนื้อหาในรายงานเป็นไปตามลักษณะของโครงเรื่องที่กำหนด

(3)   ต้องขออนุญาตเจ้าของผลงานก่อนเขียนเพื่ออ้างอิงอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ

(4)   การเรียบเรียงเนื้อหาต้องมีการระบุแหล่งที่มาของข้อมูลที่นำมาใข้ในการแสดงเหตุผล

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 80. และ 85. ประกอบ

98.  ข้อใดที่ผู้อ่านรายงานใช้เป็นเครื่องมือตรวจสอบข้อมูลย้อนหลัง

(1) บทคัดย่อ   

(2) บรรณานุกรม     

(3) คำนำ 

(4) ภาคผนวก

ตอบ 2 (IS 103 เลขพิมพ์ 53345 หน้า 275) บรรณานุกรม เป็นส่วนที่สำคัญยิ่งของรายงาน เนื่องจาก เป็นรายการที่แสดงหลักฐานประกอบการศึกษาค้นคว้า ทำให้ผู้อ่านรายงานสามารถตรวจสอบ ข้อมูลย้อนหลังได้ ทั้งนี้รายการบรรณานุกรมจะนิยมจัดเรียงตามลำดับอักษรชื่อผู้เขียนหนังสือ หรือผู้เขียนบทความ ถ้ามีรายชื่อทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษให้เรียงลำดับภาษาไทยมาก่อน

99.  ผู้ทำรายงานควรกล่าวขอบคุณบุคคลที่ให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถามไว้ที่ส่วนใดของรายงาน

(1) หน้าคำนำ  

(2) ก่อนบทนำ 

(3) หน้าปกหลัง

(4) หน้าคำนิยม

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 95. ประกอบ

100. ข้อใดจัดเรียงส่วนประกอบของรายงานได้ถูกต้อง

(1)   หน้าชื่อเรื่อง คำนำ สารบัญ เนื้อหา บรรณานุกรม ภาคผนวก

(2)   หน้าชื่อเรื่อง สารบัญ คำนำ เนื้อหา ภาคผนวก บรรณานุกรม

(3)   หน้าชื่อเรื่อง คำนำ สารบัญ เนื้อหา ภาคผนวก บรรณานุกรม

(4)   หน้าชื่อเรือง สารบัญ คำนำ เนื้อหา บรรณานุกรม ภาคผนวก

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 96. ประกอบ

LIS1003 การใช้ห้องสมุด การสอบไล่ภาค1 ปีการศึกษา2556

การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2556

ข้อสอบกระบวนวิขา LIS 1003 การใช้ห้องสมุด

คำสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว (ข้อสอบมีทั้งหมด 60 ข้อ)

1.             ข้อใดไม่เกี่ยวข้องกันในแง่ของการผลิตและสร้างสถานที่จัดเก็บสื่อในยุคโบราณ

(1)ห้องสมุดเมืองนิเบเวห์และชาวอัสสิเรียน      

(2) กฎหมายและบาบิโลเนียน

(3) คูนิฟอร์มและสุเมเรียน   

(4) แผ่นหนังและอียิปต์

ตอบ 4 หน้า 6 – 8, (IS 101 เลขพิมพ์ 52079 หน้า 9) พระเจ้าเปอร์กามัมแห่งกรีกทรงดำริใช้

แผ่นหนังสัตว์ฟอก (Parchment) เพื่อใช้บันทึกข้อเขียนแทนแผ่นดินเหนียว แผ่นไม้ แผ่นหิน แผ่นบรอนซ์ กระดูกและกระดองสัตว์ ไหม ผ้าลินิน และกระดาษปาไปรัส โดยแผ่นหนังเหล่านี้ เมื่อนำมาเย็บรวมกันเป็นเล่มก็จะเรียกว่า โคเด็กข่” (Codex) ซึ่งนับเป็นต้นแบบของการเย็บเล่ม หนังสือในปัจจุบัน (ส่วนชาวอียิปต์เป็นชนชาติที่รู้จักบันทึกเหตุการณ์และข่าวสารความรู้ ต่าง ๆ ลงบนแผ่นกระดาษปาไปรัส (Papyrus) ด้วยตัวอักษรภาพที่เรียกว่า ไฮโรกสิพิก” (Hieroglyphic) ตั้งแต่ 3,000 B.C.)

2.             ข้อใดกล่าวถึงข้อมูลและสารสนเทศได้ถูกต้องที่สุด

(1)           ผู้จัดรายการ แฉตอนเย็น” ให้สารสนเทศซึ่งเป็นเรืองส่วนตัวของพระเอกละครเก้งกวางแห่งช่องสี่สี ที่มีแฟนเป็นชะนีสี่คน (ในเวลาเดียวกัน)

(2)           กระทรวงพาณิชย์ให้สารสนเทศด้านกฎหมายแก่นักธุรกิจไทยในการทำธุรกิจที่ประเทศกัมพูชา

(3)           คุณน้ำหวานได้รับสารสนเทศเชิญให้เข้าร่วมงานกับกลุ่มต้มตุ๋นข้ามชาติผ่านอีเมล์

(4)           คุณแดงพิงโฆษกวิทยุให้สารสนเทศเกี่ยวกับสรรพคุณของยาลดความอ้วน

ตอบ 2 หน้า 35, (คำบรรยาย) คำว่า สารสนเทศ” (Information) หมายถึง ข่าวสารความรู้ที่เป็นข้อเท็จจริงหรือเรื่องราวที่เกิดจากข้อมูลที่ผ่านการกลั่นกรองและประมวลผลแล้ว ตลอดทั้ง ความรู้สึกนึกคิดของมนุษย์ ซึ่งบันทึกลงในสื่อหรือวัสดุประเภทต่าง ๆ ที่สามารถถ่ายทอดและ เผยแพร่ได้ ดังนั้นสารสนเทศจึงมีความถูกต้องและมีประโยชน์ต่อผู้ใช้มากกว่าข้อมูล เนื่องจาก สามารถนำมาช่วยแก้ไขปัญหาและประกอบการตัดสินใจได้ ส่วนคำว่า ข้อมูล” (Data) หมายถึง ข้อมูลดิบหรือข้อเท็จจริงที่ยังไม่สมบูรณ์ ไม่ถูกต้อง หรือยังไม่ได้ผ่านการกลั่นกรอง วิเคราะห์ ตรวจสอบ และประเมินผลอย่างเป็นระบบ เช่น ข่าวจากหนังสือพิมพ์หรือโทรทัศน์ ข่าวซุบซิบหรือ ข่าวลือ การโฆษณาสินค้า ข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต การกล่าวหา/โจมตีคู่แข่งทางการเมือง เป็นต้น

3.             ข้อใดกล่าวถึง การศึกษา” ไต้ครอบคลุมที่สุด

(1)           แดงไม่สนใจเรียนในห้องเรียน แต่เก็บเกี่ยวความรู้การทำนาจากพ่อและแม่

(2)           เอกเรียนรู้การใส่ปุ๋ยนาข้าวจากครูเจตนา โดยไม่ใส่ใจการอธิบายของพี่ชายซึ่งเป็นปราชญ์ดินของหมู่บ้าน

(3)           สมหญิงได้ตั้งใจฟังครูอธิบายและค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับพฤติกรรมชะนี

(4)           อภิชัยเรียนรู้วิธีซ่อมเครื่องซักผ้าจากร้านซ่อมเครื่องออนไลน์ โดยไม่สนใจคำแนะนำของภรรยา

ตอบ 3 หน้า 16 – 20, (คำบรรยาย) การศึกษา หมายถึง การเสาะแสวงหาความรู้จากหลาย ๆ ทางเพื่อให้เกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในเรื่องนั้น ๆ โดยวิธีศึกษาหาความรู้ที่เป็นพื้นฐานของ การแสวงหาความรู้มีอยู่ 4 วิธี ได้แก่ การอ่าน การฟัง การไต่ถาม และการจดบันทึก

ซึ่งตรงตามหลักของหัวใจนักปราชญ์ ได้แก่ สุ จิ ปุ ลิ” ดังนี้

1.             สุ (สุต หรือสุตตะ) คือ การฟังหรือการรับสารทั้งปวง รวมทั้งการอ่านหนังลือ และการค้นคว้า หาความรู้จากสื่อต่าง ๆ

2.             จิ (จินตนะ หรือจินตะ) คือ การคิดวิเคราะห์ไตร่ตรองสิ่งต่าง ๆ

3.             ปุ (ปุจฉา) คือ การไต่ถามหรือเสวนาหาคำตอบจากผู้รู้

4.             ลิ (ลิขิต) คือ การเขียนหรือการจดบันทึก

4. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับประเด็นความเป็นมาของห้องสมุดในประเทศไทย

(1)    หอพระมณเฑียรธรรม คือ หอไตรแห่งวัดพระศรีรัตนศาสดาราม

(2)    หอหลวงสร้างขึ้นเพื่อเก็บเอกสารของราชสำนักในสมัยกรุงศรีอยุธยา

(3)    ตึกถาวรวัตถุใช้เป็นหอไตรแห่งวัดมหาธาตุในสมัยรัชกาลที่ 5

(4)    หอพุทธสาสนสังคหะสร้างขึ้นในวัดเบญจมบพิตร

ตอบ 3 หน้า 9 – 10, (คำบรรยาย) ห้องสมุดในประเทศไทยมีพัฒนาการตามลำดับยุคสมัยดังนี้

1.      สมัยสุโขทัย ได้แก่ หอไตรหรือหอพระไตรปิฎกภายในวัดวาอารามต่าง ๆ

2.      สมัยอยุธยา ได้แก่ หอหลวงภายในพระราชวัง เพื่อเก็บรักษาหนังสือ วรรณกรรมทางโลก ตัวบทกฎหมาย และเอกสารทางราชการของราชสำนัก

3.      สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ได้มีการสร้างหอสมุดประจำรัชกาลต่าง ๆ ได้แก่ หอพระมณเฑียรธรรม หรือหอไตรภายในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ในสมัยรัชกาลที่ 1,

วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) ในสมัยรัชกาลที่ 3, หอพระสมุดวชิรญาณ หอพุทธสาสนสังคหะ (ตั้งอยู่ในวัดเบญจมบพิตร) และหอพระสมุดวชิรญาณสำหรับพระนคร ในสมัยรัชกาลที่ 5 ตามลำดับ

5.      การใช้หนังลือ “Post Capital Society” เพื่อประกอบการทำวิทยานิพนธ์ของนักศึกษา ตรงกับวัตถุประสงค์ ของห้องสมุดใบข้อใดมากที่สุด

(1) เพื่อความจรรโลงใจ

(2) เพื่อข่าวสารความรู้

(3) เพื่อการค้นคว้าวิจัย

(4) เพื่อส่งเสริมประชาธิปไตย

ตอบ 3 หน้า 24 ห้องสมุดโดยทั่วไปมีวัตถุประสงค์ 5 ประการ คือ

1.      เพื่อการศึกษา เข่น การจัดหาหนังลือประกอบการเรียนเอาไว้ให้บริการ

2.      เพื่อให้ข่าวสารความรู้ เช่น การที่ห้องสมุดจัดให้มีหนังสือพิมพ์เอาไว้ให้บริการ

3.      เพื่อการค้นคว้าวิจัย เช่น การจัดให้มีฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์ ศูนย์สารสนเทศ ฯลฯ

4.      เพื่อความจรรโลงใจ เช่น การจัดหาหนังสือธรรมะ อัตชีวประวัติบุคคลสำคัญ กวีนิพนธ์ และวรรณกรรมซีไรต์ไว้ให้บริการ เพื่อให้เกิดแรงบันดาลใจสร้างสรรค์สิ่งที่ดีงามแก่ชีวิต

5.      เอการพักผ่อนหย่อนใจ เช่น การให้บริการหนังลือบันเทิงต่าง ๆ นวนิยาย เรื่องสั้น ฯลฯเพื่อช่วยให้ผู้อ่านผ่อนคลายความตึงเครียดได้

6.      วิธีการอ่านแบบวิเคราะห์เป็นประโยชน์ต่อกิจกรรมการเรียนในข้อใดมากที่สุด

(1)    การเตรียมตัวสอบวิชา กฎหมายอาญา

(2)    การค้นหาคำว่า กฎหมายอาญา” จากพจนานุกรมกฎหมายไทย

(3)    การตัดสินใจเลือกซื้อหนังลือ กฎหมายอาญา

(4)    การทำรายงานเรื่อง ปัญหากฎหมายอาญาของไทย

ตอบ 4 หน้า 18, (คำบรรยาย) การอ่านแบบวิเคราะห์ (Critical Reading) เป็นทักษะการอ่านในระดับสูงสุด ถือว่าเป็นสุดยอดของกระบวนการอ่านเอาความ ซึ่งผู้อ่านมักเป็นนักวิจัยหรือ นักวิชาการที่ต้องมีความรู้ในเรื่องที่จะอ่านมาก่อน เพราะเป็นการอ่านที่ต้องใช้วิจารณญาณ อย่างมาก สามารถแลดงความคิดเห็น พร้อมทั้งประเมินค่าหรือวิจารณ์สิ่งที่อ่านได้อย่างมีเหตุผล และมีหลักเกณฑ์ เช่น การอ่านเพื่อรวบรวมข้อมูลมาประกอบการทำรายงาน ทำวิจัย การอ่านบทวิจารณ์หนังสือ เป็นต้น

7.         กฤตภาค การเลี้ยงกุ้งกุลาดำ” หาอ่านได้จากฝ่ายใดของสำนักหอสมุดกลาง ม.ร.

(1) ฝ่ายวัสดุไม่ตีพิมพ์

(2)ฝ่ายวารสารและเอกสาร    

(3) ฝ่ายเทคนิค           

(4) ฝ่ายบริการผู้อ่าน

ตอบ 2 หน้า 40 – 41 ฝ่ายวารสารและเอกสาร จะรับผิดชอบเกี่ยวกับการจัดหา พิจารณาคัดเลือกและประเมินคุณค่าวารสาร จัดทำดรรชนีและสาระสังเขปบทความจากวารสารและเอกสาร จัดทำบรรณานุกรมวารสาร รวมทั้งให้บริการวารสาร นิตยสาร หนังสือพิมพ์ จุลสาร สิ่งพิมพ์ต่อเนื่อง และเอกสารทั่ว ๆ ไป ตลอดจนจัดทำกฤตภาคไว้ให้บริการ

8.         แหล่งสารสนเทศในข้อใดที่ทำหน้าที่สงวนเอกสารเก่าของหน่วยงานราชการเพื่อใช้อ้างอิงทางประวัติศาสตร์ กฎหมาย และวิชาการ

(1)       ศูนย์เอกสาร    (2) พิพิธภัณฑ์ (3) หอจดหมายเหตุ     (4) ห้องสมุดเฉพาะ

ตอบ 3 หน้า 36 หอจดหมายเหตุ เป็นหน่วยงานสารสนเทศที่จัดเก็บรวบรวมรักษาเอกสารจดหมายเหตุที่สำคัญ ๆ ไว้มากที่สุด เช่น เอกสารทางราชการ จดหมายโต้ตอบ บันทึกส่วนตัว ฯลฯ ซึ่งเป็นเอกสารโบราณหรือเอกสารเก่าย้อนหลังที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของประเทศหรือของทางราชการ หน่วยงานเอกขนและบุคคล ทั้งนี้เพื่อรวบรวมเหตุการณ์ที่ผ่านมา เพื่อเป็นหลักฐานอ้างอิงทางประวัติศาสตร์ กฎหมาย วิชาการ หรือการค้นคว้าวิจัย และเพื่อเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติสืบไป เช่น หอจดหมายเหตุแห่งชาติ สังกัดกรมศิลปากร กระทรวงศึกษาธิการ

9.         ข้อใดหมายถึงทรัพยากรสารสนเทศห้องสมุด

(1)       ฐานข้อมูลออนไลน์ที่บรรณารักษ์กำลังดำเนินการจัดซื้อจัดหา

(2)       ฐานข้อมูลออนไลน์ที่บริษัทเสนอขายให้กับห้องสมุด

(3)       ฐานข้อมูลออนไลน์ที่ห้องสมุดเป็นสมาชิกและพร้อมให้บริการ

(4)       ฐานข้อมูลออนไลน์ที่ห้องสมุดได้ติดต่อให้บริษัทมาสาธิตวิธีการใช้งาน

ตอบ 3 หน้า 5576133 – 134 ทรัพยากรสารสนเทศห้องสมุด หมายถึง แหล่งสารสนเทศทุกรูปแบบ ที่ห้องสมุดได้คัดเสือก จัดหา วิเคราะห์ และจัดเก็บรวบรวมอย่างเป็นระเบียบ ไม่ว่าจะเป็น สิ่งตีพิมพ์บนแผ่นกระดาษ สิ่งบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรด้วยมือ สื่อโสตทัศน์ วัสดุย่อส่วน สื่ออิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนฐานข้อมูลออนไลน์ที่ห้องสมุดเป็นสมาชิกและพร้อมให้บริการ รวมทั้งบรรณารักษ์หรือบุคลากรบริการสารสนเทศที่ทำหน้าที่ให้บริการและขวยผู้ใช้ค้นหา สารสนเทศที่ต้องการได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว

10.       ข้อใดกล่าวถึงเชิงอรรถของหนังสือได้ชัดเจนที่สุด

(1)       ส่วนที่ช่วยอธิบายคำหรือข้อความบางตอนที่ปรากฏในเนื้อหา

(2)       ส่วนที่ให้คำอธิบายคำยากหรือศัพท์เฉพาะ

(3)       บัญชีคำหรือวลีที่ปรากฏในตอนท้ายของหนังสือ

(4)       บัญชีรายชื่อหนังสือหรือเอกสารอื่นที่ปรากฏในท้ายเล่มของหนังสือ

ตอบ1 หน้า 64 เชิงอรรถ (Footnotes) เป็นส่วนที่อธิบายคำหรือขยายข้อความบางตอนที่ปรากฏ ในเนื้อเรื่อง เพื่อบอกให้ผู้อ่านทราบถึงแหล่งที่มาของข้อความว่ามาจากแหล่งใด หรืออธิบาย คำยาก ให้ข้อเท็จจริงเพิ่มเติมจากข้อความตอนนั้น โดยทั่วไปเชิงอรรถจะปรากฏอยู่ที่ตอนล่างของหน้าที่มีข้อความที่อ้างถึงนั้น หรืออาจรวมอยู่ท้ายบทหรือท้ายเล่มก็ได้ ทั้งนี้ประโยชน์ของ เชิงอรรถก็คือ ช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจเนื้อเรืองได้ดียิ่งขึ้น และบอกแหล่งที่มาของข้อความที่ยกมา อ้างอิง ซึ่งผู้สนใจอาจไปหาอ่านเพิ่มเติมในภายหลัง

11.       หน้าโฮมเพจของเว็บไซต์ที่แสดงรายกานเชื่อมโยงหน้าเว็บเพจเข้าด้วยกันให้ประโยชน์คล้ายกับส่วนใด ของหนังสือมากที่สุด

(1) หน้าลิขสิทธิ         (2) หน้าคำนำ  (3) หน้าปกหนังสือ      (4) หน้าสารบัญ

ตอบ 4 หน้า 62 – 63, (คำบรรยาย) โฮมเพจ (Home Page) คือ หน้าแรกของแต่ละเว็บไซต์ ซึ่งจะรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ที่อยู่ภายในเว็บไซต์นั้น โดยผู้ใช้สามารถ Link ไปยังเว็บเพจหรือ หน้าเอกสารบนเว็บไซต์เพื่ออ่านข้อมูล โดยหน้าโฮมเพจจะมีลักษณะคล้ายกับหน้าสารบัญ (Content) ของหนังสือ ซึ่งจะบอกให้ทราบถึงลำดับเนื้อหาของหนังสือเล่มนั้น และช่วยให้ ผู้อ่านทราบขอบเขตหรือโครงเรื่องของหนังสือเล่มนั้นว่าแบ่งเป็นภาค เป็นตอน หรือเป็นบท อย่างไร อยู่หน้าไหน ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการค้นหาเรื่องที่ต้องการอย่างกว้าง ๆ

12.       ข้อใดไม่ใช่ส่วนประกอบสำคัญในหน้าปกของหนังสือพิมพ์ที่ดึงดูดความสนใจของผู้อ่าน

(1) ความนำ     (2) พาดหัวข่าว            (3) สารบัญข่าว           (4) ภาพข่าว

ตอบ 3 หน้า 65 – 66 ส่วนประกอบหลักที่สำคัญของหนังสือพิมพ์ มี 3 ส่วน ได้แก่

1.         พาดหัวข่าว (Headline) เป็นอักษรตัวดำหนาขนาดใหญ่เรียงอยู่ส่วนบนสุดของหน้ากระดาษ ซึ่งจะเป็นข้อความสั้น ๆ ที่สรุปสาระสำคัญที่มีอยู่ในเนื้อข่าว ถือเป็นส่วนที่สะดุดตาผู้อ่าน และจูงใจให้อยากรู้รายละเอียดของข่าวสารมากที่สุด

2.         ความนำ (Lead) หรือวรรคนำหรือโปรยข่าว เป็นย่อหน้าแรกของข่าวแต่ละข่าว ซึ่งจะเป็น ประโยคสั้น ๆ ที่สามารถดึงดูดความสนใจของผู้อ่านให้ติดตามอ่านข่าวตลอดทั้งเรื่อง

3.         ภาพข่าว (Photographs) เป็นส่วนประกอบที่น่าสนใจมากที่สุด เพราะสามารถดึงดูดความสนใจ ของผู้อ่านได้เป็นอย่างดี รวมทั่งยังช่วยจัดหน้าหนังสือพิมพ์ให้น่าอ่านอีกด้วย

13.       สำนักเทคโนโลยีการศึกษาได้จัดทวิดีทัศน์คำบรรยายวิชา LIS 1003 เพื่อให้นักศึกษาเรียนด้วยตัวเอง ตามอัธยาศัย (Course on Demand) จัดเป็นสื่อประเภทใด

(1) สื่อทัศนวัสดุ           (2) สื่ออิเล็กทรอนิกส์   (3) สื่อโสตทัศน์            (4) สื่อโสตวัสดุ

ตอบ 3 หน้า 67 – 7377 สื่อโสตทัศน์ (โสตทัศนวัสดุ หรือวัสดุไม่ตีพิมพ์) แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ใหญ่ ๆ คือ           1. โสตวัสดุ เป็นวัสดุที่สื่อสารโดยการฟัง เช่น แผ่นเสียงหรือจานเสียง

แถบบันทึกเสียง ซีดีออดิโอ แผ่นเอ็มพี 3 ฯลฯ 2. ทัศนวัสดุ เป็นวัสดุที่สื่อสารโดยการเห็น เช่น วัสดุกราฟิก รูปภาพ แผนที่ ลูกโลก ภาพนิ่ง แผ่นโปร่งใส หุ่นจำลอง ของตัวอย่าง ฯลฯ 3. สื่อโสตทัศน์ หรือโสตทัศนวัสดุ เป็นวัสดุที่สื่อสารทั้งโดยการฟังและการเห็น เช่น ภาพยนตร์ แถบวิดีทัศน์ วีซีดี ดีวีดี ฯลฯ

14.       ข้อโดคือทรัพยากรสารสนเทศของห้องสมุดที่ให้สาระเรื่องใดเรื่องหนึ่ง และเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจ ของผู้คนในช่วงเวลานั้น ๆ

(1) วารสาร      (2) ต้นฉบับตัวเขียน    (3) กฤตภาค    (4) จุลสาร

ตอบ 4 หน้า 66 – 67 จุลสาร (Pamphlets) เป็นสิ่งพิมพ์ที่ให้สารสนเทศเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่ทันสมัย และอยู่ในความสนใจของบุคคลทั่วใปในช่วงระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง โดยหน่วยงานต่าง ๆ มักจัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่เรื่องราวของหน่วยงานนั้น ๆ อาจพิมพ์ออกเป็นเล่มเดี่ยว ๆ หรือพิมพ์ เป็นตอน ๆ ทั้งนี้รูปเล่มโดยทั่วไปจะไม่มีการเข้าปกเย็บเล่มถาวร มีจำนวนหน้าไม่เกิน 60 หน้า ซึ่งอาจจะมีลักษณะเป็นแผ่นพับหรืออยู่ในรูปแบบที่เรียกว่า ‘’อนุสาร” (Brochure) ก็ได้

15.       สื่อ USB Flash Drive ใช้วิธีการบันทึกข้อมูลเช่นเดียวกับสื่อในข้อใด

(1)ซีดีรอม (CD-ROM)    

(2) วิดีทัศน์ดิจิตอล (DVD)

(3) จานแม่เหล็กชนิดอ่อน (Floppy Disk)        

(4) จานแสง (Optical Disk)

ตอบ 3 หน้า 75 – 7678, (คำบรรยาย) สื่ออิเล็กทรอนิกส์ หมายถึง สื่อที่บันทึกสารสนเทศด้วยวิธีการ ทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นอักขระแบบดิจิตอล ซึ่งต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์หรือแสงเลเซอร์ในการ บันทึกและอ่านข้อมูล แบ่งออกเป็น

1.         แผ่นจานแม่เหล็กแบบอ่อน (Diskette หรือ Floppy Disk) บันทึกโปรแกรมสำเร็จรูป

2.         จานแสง (Optical Disk) เช่น CD-ROM, VCD, DVD ฯลฯ

3.         USB Flash Drive เป็นอุปกรณ์ที่ใช้เก็บข้อมูลหรือไฟล์จากคอมพิวเตอร์ โดยมีวิธีการ บันทึกข้อมูลเหมือน Hard Disk หรือ Floppy Disk มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา สะดวกในการพกพาติดตัว และสามารถเก็บข้อมูลได้จำนวนมากตั้งแต่ 128 MB – 8 GB

16.       ห้องสมุดนิยมอนุรักษ์เนื้อหาสาระจากหนังสือพิมพ์เก่าไว้เพื่อการศึกษาค้นคว้าในรูปแบบใด

(1) Winzipdata (2) Metadata    (3) ไมโครฟิล์ม            (4) ไมโครฟิซ

ตอบ 3 หน้า 169 ห้องสมุดโดยทั่วไปนิยมคัดเลือกและจัดเก็บหนังลือพิมพ์ฉบับย้อนหลังที่สำคัญ ๆ ด้วยการถ่ายเป็นวัสดุย่อส่วนแล้วเก็บไว้ใบรูปของไมโครพิล์ม เพื่อรักษาสภาพและประหยัดเนื้อที่ ในการจัดเก็บ เช่น สำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคำแหง จะจัดเก็บหนังสือพิมพ์ 10 ฉบับ ไว้ในรูปไมโครพิล์ม ได้แก่ สยามรัฐ มติชน ไทยรัฐ เดลินิวส์ ข่าวพาณิชย์ มติชนรายสัปดาห์ สยามรัฐรายสัปดาห์ ประขาซาติ Bangkok Post และ The Nation

17.       ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับหนังลืออ้างอิง

(1)       ห้องสมุดส่วนใหญ่อนุญาตให้ผู้ใช้ยืมไปศึกษาค้นคว้าที่บ้านได้

(2)       ผู้ใช้ต้องอ่านตลอดทั้งเล่มเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ต้องการ

(3)       ช่วยผู้ใช้ในการเขียนรายการอ้างอิงเมื่อต้องทำรายงานการศึกษาค้นคว้า

(4)       ห้องสมุดใช้เพื่อตอบคำถามและช่วยผู้ใช้ค้นหาคำตอบที่ต้องการได้รวดเร็ว

ตอบ 4 หน้า 8183 – 84140 หนังสืออ้างอิง หมายถึง หนังสือที่จัดทำเป็นพิเศษสำหรับใช้ตอบปัญหา ต่าง ๆ และใช้ค้นคว้าหาข้อเท็จจริงบางประการมากกว่าที่จะใช้อ่านตลอดเล่ม โดยจะครอบคลุม ความรู้พื้นฐานในทุกสาขาวิชาอย่างกว้างขวาง มีการจัดเรียบเรียงเนื้อหาอย่างเป็นระบบ/ มีระเบียบ เพื่อช่วยให้สามารถค้นหาคำตอบที่ต้องการได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว และเป็นหนังสือ ที่ไม่อนุญาตให้ยืมออกนอกห้องสมุด ทั้งนี้ผู้จัดทำหนังสืออ้างอิงมักเป็นผู้ทรงคุณวุฒิและ ผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิชาต่าง ๆ ดังนั้นเนื้อหาภายในเล่มจึงมีความน่าเชื่อถือค่อนข้างสูง

18.       หนังสืออ้างอิงในข้อใดที่ให้ข้อเท็จจริงหรือเนื้อหาสาระแตกต่างจากเล่มอื่น ๆ

(1) Encyclopedia (2) Dictionary (3) Directory      (4) Handbook

ตอบ 4 หน้า 107 – 108246 หนังสือคู่มือทั่วไป (Handbook) เป็นหนังสืออ้างอิงที่ให้ความรู้เบ็ดเตล็ดทั่วไปไม่จำกัดสาขาวิชา โดยเสนอข้อเท็จจริงอย่างสั้น ๆ เช่น แรกมีในสยาม นอกจากนี้ คู่มือบางประเภทยังให้ข้อเท็จจริงหรือเนื้อหาสาระที่แตกต่างจากเล่มอื่น ๆ เช่น Guinness Book of World Records ให้เรื่องราวน่ารู้แปลก ๆ ที่ไม่ปรากฏในหนังสือทั่วไป ได้แก่ ชื่อบุคคลที่สูงที่สุดในโลก ชื่อบุคคลที่มีผมยาวที่สุดในโลก เป็นต้น

19.       ความแตกต่างของคำว่า “retrieve” และ “search” ควรค้นหาคำตอบจากหนังสือในข้อใด

(1)       สารานุกรม       (2) สมพัตสร    (3) พจนานุกรม            (4) นามานุกรม

ตอบ 3 หน้า 84 – 8588 พจนานุกรม (Dictionary) คือ หนังสือที่รวมคำในภาษา มีการเรียงลำดับ ตามตัวอักษร ให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตัวสะกด วิธีการออกเสียง ชนิดของคำ ให้ความหมาย ของคำ วิธีใช้คำ คำที่มีความหมายพ้องกันหรือเหมือนกัน คำตรงกันข้าม และคำสแลง เช่น New Model English-Thai Dictionary เป็นพจนานุกรมอังกฤษ-ไทยที่รวบรวมคำศัพท์ ภาษาอังกฤษที่นิยมใช้และวิสามานยนามที่สำคัญให้ความหมายให้คำอ่านออกเสียงด้วยภาษาไทย บอกชนิดของคำ เป็นต้น

20.       ต้องการรายชื่อหน่วยงานย่อยในกรมพัฒนาธุรกิจการค้า สามารถหาได้จากข้อใด

(1) นามสงเคราะห์ส่วนราชการไทย    

(2) คู่มือการจัดการส่วนราชการ

(3) สมุดรายนามผู้ใช้โทรศัพท์ 

(4) ทำเนียบรัฐวิสาหกิจไทย

ตอบ 1 หน้า 103105 นามสงเคราะห์ส่วนราชการไทย เป็นหนังสือนามานุกรมของรัฐที่รวบรวมรายชื่อ หน่วยราชการ กระทรวง ทบวง กรม รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอิสระ เช่น สำนักพระราชวัง ราชบัณฑิตยสถาน ฯลฯ โดยจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ตั้ง รายชื่อผู้บริหารและหมายเลขโทรศัพท์ รหัสโทรเลข และหมายเลขเทเล็กช์ เรียงไว้ตามสำดับอักษรชองชื่อทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ รวมทั้งมีดรรชนีชื่อส่วนราชการจัดเรียงตามสำดับอักษรก-ฮ และ A – Z อยู่ท้ายเล่ม

21.       International Who’s Who ให้ข้อมูลในข้อใด

(1)       ประมวลภาพงานฉลองพิธีอภิเษกสมรสของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก

(2)       พระราชประวัติของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก

(3)       การเดินทางท่องเที่ยวในประเทศภูฏาน

(4)       ลำดับเหตุการณ์พระราชพิธีราชาภิเษกของสมเด็จพระราชาธีบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก

ตอบ 2 หน้า 99 International Who’s Who เป็นอักขราบุกรมชีวประวัติที่ให้ชีวประวัติบุคคล ทีมีชื่อเสียง และยังมีชีวิตอยู่ในทุกอาชีพจากทุกประเทศทั่วโลก โดยให้รายละเอียดอย่างสั้น ๆ ในด้านวุฒิการศึกษา อาชีพ วันเดือนปีเกิด สถานที่ศึกษา ประวัติการทำงาน ผลงาน สถานที่อยู่ ปัจจุบัน ๆลฯ ซึ่งจะจัดเรียงรายชื่อเจ้าของประวัติตามลำดับอักษรชื่อสกุล นอกจากนี้ยังมี พระราชประวัติโดยสังเขปของพระมหากษัตริย์ที่ยังเป็นประมุขของประเทศต่าง ๆ อยู่ โดยเรียงไว้ตามลำดับอักษรของชื่อประเทศ

22.       สำดับเหตุการณ์ ตุลามหาวิปโยคในปี 2516” ค้นหาได้จากหนังสืออ้างอิงเล่มใดได้รวดเร็วที่สุด

(1) สมุดสถิติรายปีประเทศไทย          

(2) เล่าเรื่องเมืองไทย

(3) สิ่งแรกในเมืองไทย

(4) สยามออลมาแนค

ตอบ 4 หน้า 112 สยามออลมาแนค เป็นหนังสือปฏิทินเหตุการณ์รายปีเล่มแรกของประเทศไทย ที่รวบรวมเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในรอบปี ทั้งในด้านการเมือง การปกครอง การทหาร การศึกษา การแรงงาน เศรษฐกิจ ศาสนา ภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ ธุรกิจการพาณิชย์ เกษตรกรรม กีฬา การท่องเที่ยว รวมทั้งสถิติในรูปของตาราง เช่น อัตราการเกิดและการตาย ของประชากร จำนวนประชากร เป็นต้น

23.       ข้อใดกล่าวถึง Americana Annual ได้ถูกต้องที่สุด

(1)รวมเรื่องราวที่เป็นที่สุดของประเทศสหรัฐอเมริกา

(2) สมุดสถิติรายปีของประเทศสหรัฐอเมริกา

(3) ภาคผนวกของสารานุกรม Americana       

(4) หนังสือรายปีของสารานุกรม Americana

ตอบ 4 หน้า 109 – 110 Americana Annual เป็นหนังสือรายปีของสารานุกรม Americana ที่ให้เนื้อหาครอบคลุมเรื่องราวและเหตุการณ์สำคัญ ๆ ทีเกิดขึ้นใบรอบปีที่ผ่านมา โดยแบ่งการให้ ข้อมูลออกเป็น 4 ส่วน คือ

1. เป็นรายงานข่าวในหัวเรื่องที่สำคัญและปฏิทินเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน

2. เป็นบทความสังเขปในหัวเรื่องที่กำลังเป็นที่สนใจของบุคคลหัวไป ในปีนั้น ๆ โดยจะเน้นเรื่องราวของประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นส่วนใหญ่

3. ให้ข้อมูลเกี่ยวกับประเทศต่าง ๆ     

4. ให้ข้อมูลในรูปของตารางและตัวเลขสถิติ

24.       ข้อใดไม่จัดอยู่ในประเภทสิ่งพิมพ์รัฐบาล       

(1) ราชกิจจานุเบกษา

(2)คำพิพากษาและคำสั่งศาลปกครองสูงสุด พ.ศ. 2550

(3)กินรีของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)           

(4) รายงานผลการดำเนินงานกรมการพัฒนาชุมชน

ตอบ 3 หน้า 131 – 132141 สิ่งพิมพ์รัฐบาล หมายถึง สิ่งพิมพ์ที่หน่วยงานราชการเป็นผู้รับผิดชอบในการพิมพ์ขึ้นเพื่อจำหน่าย หรือแจกเป็นบริการให้เปล่าแก่หน่วยงานและประชาชนที่สนใจ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งพิมพ์ที่มีความน่าเชื่อถือสูงมากและจัดเป็นแหล่งข้อมูลปฐมภูมิ (Primary Source) ซึ่งอาจมีลักษณะรูปเล่มเป็นหนังสือ วารสาร แผ่นพับ แผนที่และแผนภูมิ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ สวนสาระในเล่มอาจเป็นรายงานการปฏิบัติงาน ร่างกฎหมายและมติต่าง ๆ ราชกิจจานุเบกษา ประมวลกฎหมายต่าง ๆ คำพิพากษาและความเห็นศาล เป็นต้น

25.       ข้อใดให้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ที่มีผมยาวที่สุดในโลก

(1) รายงานประจำปี    (2) สารานุกรม (3) หนังสือคู่มือ           (4) สมพัตสร

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 18. ประกอบ

26.       ข้อใดคือระบบจัดหมู่หนังสือที่ใช้ในห้องสมุดโรงเรียนวัดเทพลีลา

(1) ระบบทศนิยมสากล           (2) ระบบทศนิยมดิวอี้

(3) ระบบห้องสมุดรัฐสภาอเมริกัน       (4) ระบบโคล่อน

ตอบ 2 หน้า 151 – 153 ระบบการจัดหมู่หนังสือแบบทศนิยมดิวอี้ (Dewey Decimal Classification : DDC หรือ DC) เป็นระบบที่นิยมใช้กันอย่างแพรหลายในห้องสมุดขนาดเล็กหรือขนาดกลางที่มี หนังสือทั่ว ๆ ไปหลายสาขาวิชาในจำนวนที่ไม่มากนัก เช่น ห้องสมุดโรงเรียน ห้องสมุดประซาซน เป็นต้น ซึ่งการจัดหมวดหมู่หนังสือด้วยระบบนี้จะเป็นแบบเชิงกว้าง โดยแบ่งสรรพวิทยาการ ในโลกออกเป็น 10 หมวดใหญ่ และกำหนดสัญลักษณ์เป็นเลขอารบิก 3 ตัว ตั้งแต่ 100 – 000 เพื่อแสดงเนื้อหาของหนังสือ นอกจากนี้หากต้องการระบุเนื้อหาของหนังสือให้ชี้เฉพาะยิ่งขึ้น ก็ให้ใช้วิธีเขียนเป็นจุดทศนิยมตั้งแต่ 1 ตำแหนงขึ้นไปจนถึงหลาย ๆ ตำแหน่งตามความเหมาะสม

27.       ข้อใดกล่าวถึงการจัดหมวดหมู่หนังสือของห้องสมุดได้ถูกต้องที่สุด

(1)       การจัดเก็บหนังสือโดยพิจารณาเนื้อหาสาระของหนังสือเป็นสำคัญ

(2)       การจัดเก็บหนังสือตามขนาดของหนังสือ

(3)       การจัดเก็บหนังสือตามความสนใจของผู้ใช้ห้องสมุด

(4)       การจัดเก็บหนังสือตามคำสำคัญที่ปรากฏในชื่อเรื่องของหนังสือ

ตอบ. 1 หน้า 150 การจัดหมู่หนังสือ หมายถึง การจัดหนังสือให้เป็นระบบโดยพิจารณาจากเนื้อหาสาระ ของหนังสือเป็นสำคัญ และมีการกำหนดสัญลักษณ์แสดงเนื้อหาของหนังสือแต่ละประเภท เพื่อเป็นเครื่องหมายระบุตำแหน่งของหนังสือทุกเล่มในห้องสมุด ซึ่งหนังสือที่มีเนื้อหาเดียวกัน และ/หรือประพันธ์วิธีเดียวกันจะมีสัญลักษณ์เหมือนกันและวางอยู่ในที่เดียวกัน ส่วนหนังสือ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันจะมีสัญลักษณ์ใกล้เคียงกันและวางอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ไกลกัน

28.       ระบบการจัดหมวดหมู่หนังสือในข้อใดที่ใช้เลขอารบิกและอักษรโรมันเป็นสัญลักษณ์ของหนังสือแต่ละเล่ม

(1) ระบบ DDC และ Colon       (2) ระบบ LC และ DDC

(3) ระบบ NLM และ LC    (4) ระบบ UDC และ LC

บ3 หน้า 153 – 156 ระบบการจัดหมู่หนังสือแบบห้องสมุดรัฐสภาอเมริกัน (Library of Congress Classification : LCC หรือ LC) และระบบการจัดหมู่หนังสือแบบห้องสมุดแพทย์แห่งชาติของ สหรัฐอเมริกา (National Library Medicine : NLM) จะใช้เลขอารบิกและอักษรโรมันเป็น สัญลักษณ์ของหนังสือแต่ละเล่มเหมือนกัน แต่อาจแตกต่างกันในด้านการจำแนก ทั้งนี้ระบบ LC จะนิยมใช้ในห้องสมุดขนาดใหญ่ที่มีหนังสือวิชาการทั่วไปเป็นจำนวนมาก เช่น ห้องสมุดเฉพาะ หรือห้องสมุดมหาวิทยาลัย ส่วนระบบ NLM จะนิยมใช้กับห้องสมุดของคณะแพทยคาสตร์ในทุกสถาบัน เช่น หอสมุดศิริราช ห้องสมุดคณะแพทยศาสตร์ ม.เชียงใหม่ เป็นต้น

29.       สำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้จัดหมวดหมู่หนังสือวิชาการทั่วไปด้วยระบบใด

(1) ระบบทศนิยมสากล           (2) ระบบทศนิยมดิวอี้

(3) ระบบห้องสมุดรัฐสภาอเมริกัน       (4) ระบบโคล่อน

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 28. ประกอบ

30.       ข้อใดเรียงหนังสือ 4 เล่ม ซึ่งมีสัญลักษณ์ดังต่อไปนี้ได้ถูกต้อง

403.1

 

501.15

 

    402.191

 

402.5

พ324ง

 

ธ345ง

 

บ456ง

 

ก897ค

2550

 

2554

 

2555

 

2553

 

(1) ข-ก-ค-ง     (2) ค-ก-ข-ง     (3) ก-ข-ค-ง     (4) ค-ง-ก-ข

ตอบ 4 หน้า 159 – 160 วิธีการจัดเรียงหนังสือบนชั้นในห้องสมุด จะพิจารณาจากเลขเรียกหนังสือ จากซ้ายไปขวา จากขั้นบนลงขั้นล่าง และจะพิจารณาจัดลำดับจากเลขหมู่หนังสือก่อน ทั้งนี้ ห้องสมุดที่จัดหมู่หนังสือด้วยระบบทศนิยมดิวอี้จะเรียงลำดับจากเลขหมู่น้อยไปหาเลขหมู่มาก ส่วนห้องสมุดที่จัดหมู่หนังสือด้วยระบบห้องสมุดรัฐสภาอเมริกันจะพิจารณาเรียงลำดับตาม ตัวอักษร A – Z ก่อน ต่อเมื่อตัวอักษรซ้ำกับจึงค่อยเรียงลำดับจากเลขหมู่น้อยไปหาเลขหมู่มาก แต่ถ้าเลขหมู่ซ้ำกันก็ให้พิจารณาจากเลขผู้แต่งหรือเลขประจำหนังสือ และอักษรชื่อเรื่องตามลำดับ (จากโจทย์สามารถเรียงลำดับที่ถูกต้องได้ดังนี้  ค ง ก ข)

31.       ข้อใดกล่าวถึงเลขเรียกหนังสือได้ถูกต้องที่สุด

(1)       สัญลักษณ์ที่สำนักพิมพ์กำหนดขึ้นเพื่อใช้อ้างอิงในการสั่งซื้อหนังสือ

(2)       สัญลักษณ์ที่ห้องสมุดกำหนดขึ้นเพื่อระบุตำแหน่งของหนังสือในห้องสมุด

(3)       รหัสประจำหนังสือที่หอสมุดแห่งชาติกำหนดให้กับหนังสือทีผลิตขึ้นในประเทศทุกเล่ม

(4)       รหัสประจำหนังสือที่ห้องสมุดกำหนดเพื่อใช้เป็นรหัสสำหรับการแลกเปลี่ยนหนังสือ

ตอบ 2 หน้า 191 เลขเรียกหนังสือ (Call Number) เป็นสัญลักษณ์หรือเครื่องหมายเฉพาะของ หนังสือแต่ละเล่มที่มีอยู่ในห้องสมุด โดยเลขเรียกหนังสือที่ปรากฏบนบัตรรายการจะเป็น เครื่องขี้บอกตำแหน่งของหนังสือบนชั้นซึ่งเป็นที่เก็บหนังสือของห้องสมุด

32.                  ข้อใดจัดเรียงนิตยสารใหม่ของห้องสมุดได้ถูกต้อง

ก                       ข                         ค                      ง                        จ

แทรเวลทริปส์         ดูสร้างคู่สม            เพิอนเดินทาง         เที่ยวรอบโลก        จิเอ็มแทรเวล

(1) ข-จ-ง-ท-ค    (2) จ-ง-ค-ข-ก    (3) ก-ข-ค-ง-จ    (4) ค-ง-จ-ข-ก

ตอบ 1 หน้า 57168 ห้องสมุดโดยทั่วไปจะมีวิธีจัดเก็บวารสารและนิตยสารของห้องสมุดใน 2 ลักษณะ ดังนี้

1.         วารสารและนิตยสารฉบับใหม่หรือฉบับล่าสุด ห้องสมุดจะจัดเรียงไว้บนชั้นเอียงตามลำดับอักษร ของชื่อวารสารหรือนิตยสารจากซ้ายไปขวา และมีป้ายขื่อวารสารหรือนิตยสารกำกับไว้ที่ชั้น ตรงกับตำแหน่งที่จัดวาง(จากโจทย์สามารถเรียงลำดับที่ถูกต้องได้ดังนี้ ข จ ง ก ค)

2.         วารสารและนิตยสารฉบับย้อนหลังหรือไม่ใช่ฉบับล่าสุด ห้องสมุดจะจัดรวมไว้กับวารสาร หรือนิตยสารย้อนหลังฉบับก่อน ๆ โดยนำไปเย็บรวมเป็นเล่มเมื่อได้รับครบปี และนำวารสาร หรือนิตยสารที่เย็บเล่มแล้วไปจัดเรียงไว้บนชั้นตามลำดับอักษรของชื่อวารสารหรือนิตยสาร จากปีที่เก่าไปหาใหม่ โดยมีป้ายชื่อวารสารหรือนิตยสารกำกับไว้ที่ชั้นตรงกับตำแหน่งที่จัดวาง

33. ข้อใดคือสัญลักษณ์ที่กำหนดให้กับสิ่งพิมพ์รัฐบาล เรื่องรายงานประจำปี พ.ศ. 2555 มหาวิทยาลัยรามคำแหง

(1) GP         (2) Ref        (3) SC         (4) GV

ตอบ 1 หน้า 166 – 167 สำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้จัดแยกสิ่งพิมพ์รัฐบาลออกเป็นทรัพยากรลักษณะพิเศษ (Special Collection) และกำหนดระบบการจัดหมู่ขึ้นโดยเฉพาะคือ กำหนดอักษร GP (Government Publication) เป็นสัญลักษณ์พิเศษของสิ่งพิมพ์รัฐบาลกำกับเหนือเลขเรียกหนังสือ หลังจากนั้นจึงจัดแยกสิ่งพิมพ์ตามหน่วยงานรัฐบาลในระดับกระทรวงกรม กอง ฯลฯ

34. ข้อใดเป็นการจัดเก็บแผ่นเสียงที่ถูกต้อง

(1)       จัดเก็บไว้ในกล่อง โดยเรียงตามลำดับเลขทะเบียน

(2)       กำหนดเลขหมู่เช่นเดียวกับหนังสือ และจัดเก็บไว้ในกล่องเรียงตามเลขหมู่

(3)       กำหนดสัญลักษณ์ SR ตามด้วยเลขทะเบียน และเก็บไว้ในซอง 2 ชั้น

(4)       จัดเก็บไว้ในกล่อง โดยเรียงตามลำดับอักษรชื่อเพลงภายใต้ประเภทเพลง

ตอบ 3 หน้า 171 แผ่นเสียง (Phonodisc) เป็นวัสดุบันทึกเสียงประเภทหนึ่งที่มักจัดเก็บด้วยการบรรจุซอง 2 ชั้น แล้วจัดแยกเอาไว้ต่างหาก โดยมีการกำหนดสัญลักษณ์ SR (Sound Recording) ตามด้วยเลขทะเบียนหรือเลขหมู่ แล้วติดป้ายชื่อเรื่องบอกขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง และนำไป จัดเรียงไว้ในตู้หรือชั้นเก็บแผ่นเสียง 

35.       สำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคำแหง มีการจัดเก็บวารสารเย็บเล่มอย่างไร

(1)       จัดรวมไว้กับวารสารย้อนหลังที่ยังไม่ได้เย็บเล่ม

(2)       จัดเก็บตามเนื้อหาของวารสารและเรียงบนชั้นรวมกับหนังสือทั่วไป

(3)       จัดเรียงไว้บนชั้นตามลำดับอักษรชื่อวารสารจากบที่เก่าไปหาใหม่

(4)       จัดเรียงตามลำดับเลขทะเบียนของวารสารเย็บเล่ม

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 32. ประกอบ

36.       ข้อใดคือประโยชน์ของเครื่องมือช่วยค้นหนังสือของห้องสมุดมหาวิทยาลัย

(1) ระบุความเป็นมาของหนังสือแต่ละเล่ม      (2) สรุปเนื้อหาของหนังสือพอสังเขป

(3) ให้ข้อมูลบรรณานุกรมของหนังสือแต่ละเล่ม         (4) นำทางผู้ใช้ไปสู่ความรู้ที่สัมพันธ์กัน

ตอบ 3 หน้า 189 เครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ผู้ใช้ห้องสมุดสามารถค้นหาหนังสือและทรัพยากรสารสนเทศ ได้อย่างสะดวกก็คือ บัตรรายการ ซึ่งมีประโยชน์ต่อผู้ใช้หลายประการ ดังนี้

1.         บอกให้ทราบว่าห้องสมุดมีหนังสือและทรัพยากรสารสนเทศใดบ้าง ใครเป็นผู้แต่ง และจัดวางอยู่ที่ใดในห้องสมุด

2.         ให้รายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลทางบรรณานุกรมของหนังสือแต่ละเล่ม

3.         ช่วยให้ผู้ใข้สามารถคันหาหนังสือที่ต้องการได้ แม้ไม่ทราบชื่อผู้แต่งหรือชื่อเรื่อง

4.         ให้ความสะดวกแก่ผู้ใช้ในการเตรียมเขียนรายงาน

5.         ช่วยให้ผู้ใช้ทราบว่าห้องสมุดมีหนังสือในแต่ละสาขาวิชามากน้อยเพียงใด

37.       การจัดเก็บลื่อในข้อใดที่มีการกำหนดหัวเรื่องและจัดเก็บใส่แฟ้มเรียงตามลำดับหัวเรื่อง

(1)ภาพโปร่งใสและไมโครฟิล์ม          

(2) แผนที่และแผนภูมิ

(3) กฤตภาคและจุลสาร         

(4) ภาพนิ่งและภาพเลื่อน

ตอบ 3 หน้า 163170 – 171 วิธีการจัดเก็บจุลสารและกฤตภาคของห้องสมุดจะใช้วิธีเดียวกัน

ส่วนมากนิยมจัดเก็บแยกออกจากวัสดุสารสนเทศอื่น ๆ คือ จัดเก็บโดยกำหนดหัวเรื่องกำกับไว้ ที่มุมบนของปก แล้วนำจุลสารและกฤตภาคที่มีหัวเรื่องเดียวกับเก็บรวบรวมไว้ในแฟ้ม ปิดป้าย ขื่อหัวเรื่องที่แฟ้ม และนำแฟ้มไปจัดเก็บไว้ในตู้เก็บเอกสารเรียงตามลำดับอักษรของหัวเรื่อง โดยที่หน้าลิ้นชักจะมีอักษรกำกับไว้ให้ทราบว่าแต่ละลิ้นชักมีแฟ้มเริ่มจากอักษรตัวใดถึงตัวใด

38.       ต้องการหนังสือชื่อ การศึกษาเพื่อความเป็นไท” ควรสืบค้นผ่านรายการใดของระบบสืบค้นข้อมูลของสำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคำแหง          

(1) เลขมาตรฐานหนังสือสากล

(2)หัวเรื่อง       

(3) คำสำคัญ  

(4) ชื่อเรื่อง

ตอบ 4 หน้า 190313, (IS 101 เลขพิมพ์ 52079 หน้า 29 – 30219228) ในปัจจุบันผู้ใช้บริการ สำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคำแหง สามารถสืบค้นทรัพยากรสารสนเทศในห้องสมุด โดยใช้บัตรรายการแบบออนไลน์ (Online Catalog) ผ่านระบบ OPAC (Online Public Access Catalog) ซึงเป็นการสืบค้นข้อมูลด้วยการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ผ่านเมนหลัก ได้แก่ ชื่อผู้แต่ง

ชื่อเรื่องหรือชื่อหนังสือ หัวเรื่อง คำสำคัญ (Keyword) เลขเรียกหนังสือ เลขประจำหนังสือสากล (ISBN) และเลขประจำวารสาร (ISSN) ในกรณีที่ผู้ใช้ทราบชื่อหนังสือ ก็สามารถสืบค้นข้อมูล โดยเข้าไปทีรายการชื่อเรื่อง

39.       ข้อใดที่ใช้เป็นแนวทางในการช่วยค้นหาทรัพยากรสารสนเทศของสำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคำแหง

(1) Online Catalog

(2) Metadata   

(3) Entry Catalog

(4) รายการหลัก

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 38. ประกอบ

40.       วิธีการค้นหาหนังสือตามชื่อผู้แต่งในข้อใดทำได้ถูกต้อง

(1) ศาสตราจารย์ ดร.อุทุมพร จามรมาน         

(2) อุทุมพร จามรมาน (ดร.)

(3) อุทุมพร จามรมาน 

(4) ดร.อุทุมพร จามรมาน

ตอบ 3 หน้า 191 – 192249 การบันทึกชื่อผู้แต่งหรือรายการหลักลงบนบัตรรายการ ในกรณีที่ผู้แต่ง เป็นคนไทยมีหลักเกณฑ์ดังนี้

1.         ให้ลงชื่อและนามสกุล ถ้ามีตำแหน่งทางวิชาการ ตำแหน่งทางวิขาชีพ หรือคำนำหน้าชื่อบุคคล ได้แก่ นาย/นางสาวดร.แพทย์หญิงศ./ผศ./รศ. ฯลฯ ไม่ต้องลงในบัตรรายการ เช่น อุทุมพร จามรมาน

2.         ถ้าเป็นพระราชวงศ์ มีฐานันดรศักดิ์ หรือยศตำแหนงทางราชการ ได้แก่ ม.ร.ว./ม.ล./ม.จ.คุณหญิงพ.ต.ท. ฯลฯ ต้องลงในบัตรรายการด้วย เช่น เสนีย์ ปราโมชม.ร.ว. เป็นต้น

41.       การเรียงข้อมูลที่ได้จากการสืบค้นฐานข้อมูลหนังสือในห้องสมุดข้อใดถูกต้อง

ก. นงค์ ปิยโชติ            ข. นันทวัน เทียนแก้ว    ค. น. นพรัตน์             ง. น้ำผึ้ง เทศนา

(1) ค-ก-ข-ง     (2) ค-ข-ก-ง     (3) ก-ข-ง-ค     (4) ก-ง-ค-ข

ตอบ 1 หน้า 207 – 210 การเรียงลำดับข้อมูลที่ได้จากการสืบค้นฐานข้อมูลหนังสือภาษาไทยในห้องสมุด จะใช้หลักเกณฑ์เช่นเดียวกับการเรียงบัตรรายการหนังสือภาษาไทย ดังนี้

1.         ให้เรียงตามลำดับอักษร ก-ฮ โดยไม่คำนึงถึงเสียงอ่าน

2.         คำที่ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะตัวเดียวกัน ให้เรียงคำที่มีตัวสะกดไว้ก่อนคำที่มีรูปสระ และ เรียงลำดับรูปสระตามแบบพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน

3.         อักษรย่อใด ๆ เช่น น. นิรมล ให้เรียงไว้ตอนต้นของคำที่เป็นอักษรนั้น ๆ ถ้ามีอักษรย่อซ้ำกัน ให้เรียงตามลำดับของอักษรตัวถัดไป เป็นต้น (จากโจทย์ สามารถเรียงข้อมูลที่ถูกต้องได้ดังนี้ ค ก ข ง)

42.       ข้อใดไม่ถูกต้องเกี่ยวกับเมนูช่วยการค้นหาทรัพยากรสารสนเทศของห้องสมุด

(1) หัวเรื่อง      

(2) ชื่อเรื่อง

(3) หมายเลข ISM  

(4) หมายเลข ISBN

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 38. ประกอบ

43.       ต้องการค้นหาทรัพยากรสารสนเทศของห้องสมุดเกี่ยวกับสมุนไพรไทย ควรสืบค้นผ่านเมนูในข้อใด ของรายการสืบค้น

(1) ขื่อหนังสือ 

(2) หัวเรื่อง

(3) เลขหมู่หนังสือ       

(4) เลขทะเบียนหนังสือ

ตอบ2 หน้า 221228 หัวเรื่อง หมายถึง คำหรือวลีหรือชื่อเฉพาะต่าง ๆ ที่บรรณารักษ์เลือกมาจาก บัญชีหัวเรื่องมาตรฐาน เพื่อใช้แทนเนื้อเรื่องซึ่งตรงกับเนื้อหาส่วนใหญ่ของหนังสือแต่ละเล่ม โดยหัวเรื่องส่วนมากจะเป็นคำสั้น ๆ กะทัดรัด ได้ใจความ ครอบคลุมเนื้อเรื่องของหนังสือทั้งเล่ม แต่ไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับชื่อเรื่อง นอกจากนี้ยังสามารถใช้ชื่อเฉพาะที่เป็นคำวิสามานยนาม เช่น ชื่อบุคคล ชื่อสถานที ชื่อสถาบัน ฯลๆ กำหนดเป็นหัวเรื่องหรือคำค้นได้ด้วย ทั้งนี้การใช้ หัวเรื่องค้นหาทรัพยากรสารสนเทศในห้องสมุด มักใช้ในกรณีที่ผู้ใช้ไม่ทราบชื่อผู้แต่งหรือชื่อเรื่องทรัพยากรสารสนเทศนั้น 

44.       คำหรือกลุ่มคำในข้อใดใช้เป็นหัวเรื่องสืบค้นฐานข้อมูลของห้องสมุดได้

(1)       นก       (2) เคมีวัตถุ    (3) ดอกไม้การจัด   (4) ทวิภพนวนิยาย

ตอบ 1 หน้า 223 – 224228 การกำหนดคำที่ใช้เป็นหัวเรื่องใหญ่มีลักษณะดังนี้

1.         คำนามคำเดียวโดด ๆ เช่น กบ ไกด์ บก ฯลฯ

2.         คำผสมที่เป็นคำนาม 2 คำ เชื่อมด้วย “and”, “กับ”, “และ” ทั้งที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้อง ไปในทางเดียวกัน เช่น ชุมชนกับโรงเรียน บิดาและมารดา ฯลฯ และที่มีเนื้อหาค้านกัน เช่น ศาสนากับวิทยาศาสตร์ Good and Evil ฯลฯ

3.         คำนามที่ตามด้วยเครื่องหมายจุลภาคและมีคำคุณศัพท์ที่ขยายคำแรกให้สื่อความหมายดีขึ้น เช่น เคมีวัตถุ ดอกไม้การจัด ฯลฯ

4.         กลุ่มคำหรือวลี เช่น บริการแปล ชีวิตชนบท ฯลฯ

5.         ชื่อเฉพาะที่เป็นคำวิสามานยนาม เช่น ชื่อบุคคล ชื่อสัตว์ ชื่อสถานที่ ชื่อพระหรือเทพเจ้า ฯลฯ

45.       ข้อใดกล่าวถึงหัวเรื่องได้ถูกต้องและชัดเจนที่สุด

(1)       คำสำคัญที่ใช้ในการค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต

(2)       คำที่ใช้แทนเนื้อหาหนังสือและสื่ออื่น ๆที่ปรากฏในบัญชื่อหัวเรื่อง

(3)       คำสำคัญที่ใช้ค้นหาบทความ วารสาร และหนังสือพิมพ์

(4)       คำควบคุมที่ใช้ในการค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 43. ประกอบ

46.       ข้อมูลจากบัญชีหัวเรื่อง (LCSH) ด้านล่าง ข้อใดกล่าวได้ถูกต้องที่สุด

School-age child care (May Subd Geog)

UF After school day care

BT Child care

(1) After school day care ใช้เป็นหัวเรื่องได้          

(2) Child care ใช้เป็นหัวเรื่องได้

(3) May Subd Geog   ใช้เป็นหัวเรื่องได้         

(4) School-age child care ห้ามใช้เป็นหัวเรื่อง

ตอบ 2 หน้า 225 – 227 จากบัญชีหัวเรื่องภาษาอังกฤษ (LCSH) ฉบับปัจจุบัน สามารถนำมาอธิบาย หัวเรื่องจากโจทย์ได้ดังนี้

1.         School-age child care คือ หัวเรื่องใหญ่

2.         (May Subd Geog) คือ แบ่งตามสภาพภูมิศาสตร์

3.         After school day care คือ ไม่ใช้เป็นหัวเรื่อง (UF)

4.         Child care คือ หัวเรื่องสัมพันธ์ที่กว้างกว่า (BT)

47.       ข้อใดคือหัวเรื่องที่แบ่งย่อยตามเนื้อหา เพื่อให้ได้หนังสือที่มีเนื้อหาเจาะจงยิ่งขึ้น

(1)       Art, abstract     (2) Monkey and Bird

(3) English Language—Grammar      (4) Essays, Addresses

ตอบ 3 หน้า 224 – 225 หัวเรื่องย่อย เป็นคำหรือวลีที่ใช้เป็นหัวเรื่องย่อยเพื่อขยายหัวเรื่องใหญ่ ให้เห็นชัดเจนหรือจำเพาะเจาะจงขึ้น โดยหัวเรื่องย่อยจะมีขีดสั้น 2 ขีด (–) อยู่ข้างหน้าคำ เพื่อคั่นระหว่างหัวเรื่องใหญ่และหัวเรื่องย่อย แบ่งได้ 4 บ่ระเภท ดังนี้

1.         แบ่งตามวิธีเขียน เช่น ภาษาไทยแบบฝึกหัดหนังสือหายากบรรณานุกรม ฯลฯ

2.         บอกลำดับเหตุการณ์ ซึ่งจะแบ่งตามปีคริสต์ศักราช ยุคลมัย หรือชื่อพระเจ้าแผ่นดิน เช่น ไทยประวัติศาสตร์กรุงสุโขทัย1800 – 1900 ฯลฯ

3.         แบ่งตามขอบเขตเฉพาะของเนื้อหา เช่น English Language— Grammar,เกษตรกรรมแง่สังคม ฯลฯ

4.         แบ่งตามสภาพภูมิศาสตร์ เช่น พุทธศาสนาไทยเชียงใหม่ม้าป่าอินเดีย ฯลฯ

48.       ข้อใดเป็นวิธีการเลือกเรื่องหรือหัวข้อเพื่อทำรายงานในรายวิชา การบริหารงานองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น’’ ที่ถูกต้อง

(1)       เลือกเรื่องที่เพื่อน ๆ ไม่สนใจ เพื่อให้โดดเด่นกว่าคนอื่น

(2)       เลือกเรื่องหรือหัวข้อที่ง่ายที่สุด เพื่อให้เสร็จเร็ว ๆ

(3)       เลือกเรื่องที่น่าสนใจและสอดคล้องกับรายวิชาที่เรียน

(4)       เลือกเรื่องที่อาจารย์ประจำวิชาสนใจ เพื่อให้ไต้คะแนนดี

ตอบ 3 หน้า 238 – 239 การกำหนดเรื่องหรือหัวข้อของรายงานมีข้อที่ควรพิจารณา ดังนี้คือ

1.         เลือกเรืองที่น่าสนใจหรือชอบมากที่สุด และควรสอดคล้องกับวิชาที่กำลังศึกษาอยู่

2.         เลือกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความสนใจและที่ต้องการศึกษาเพิ่มเติม

3.         เลือกเรื่องที่ใกล้ตัวเราหรือที่เราเกี่ยวข้องด้วย

4.         เลือกเรื่องที่มีข้อมูลให้ค้นคว้าอย่างเพียงพอหรืออยู่ในวิสัยที่สามารถทำได้

5.         เลือกเรืองที่มีขอบเขตไม่กว้างหรือไม่ยาวจนเกินไป เพื่อให้ทันกับกำหนดเวลาและ ขนาดของรายงาน

49.       ข้อใดกล่าวถึงขั้นตอนการทำรายงานได้ถูกต้องที่สุด

(1)       ผู้ทำรายงานควรสำรวจข้อมูลก่อนตัดสินใจเลือกหัวข้อรายงาน

(2)       การรวบรวมบรรณานุกรมมีประโยชน์ในการเขียนรายงานฉบับร่าง

(3)       ผู้ทำรายงานต้องทำบัตรบันทึกข้อมูลก่อนการรวบรวมบรรณานุกรม

(4)       การเขียนรายงานควรทำไปพร้อมกับการเขียนบัตรบันทึกจากการอ่าน

ตอน 2 หน้า 238247 – 248263 ขั้นตอนของการทำรายงานหรือภาคนิพนธ์มี 6 ขั้นตอน ดังนี้

1. การกำหนดชื่อเรืองหรือหัวข้อที่จะทำรายงาน         

2. การสำรวจข้อมูล

3.         การรวบรวมบรรณานุกรม ซึ่งจะมีประโยชน์ในการเขียนรายงานฉบับร่าง

4.         การทำบัตรบันทึกข้อมูล 5. การวางโครงเรื่อง 6. การเรียบเรียงเนื้อหารายงานฉบับร่าง

50.       วิธีการในข้อใดใช้สำหรับการบันทึกข้อมูลจาก พ.ร.บ. มหาวิทยาลัยรามคำแหง เพื่อประกอบการทำรายงาน

(1) แบบถอดความ      (2) แบบเรียงความ      (3) แบบลอกความ      (4) แบบสรุปความ

ตอบ.3 หน้า 257260 – 261 การบันทึกข้อมูลแบบลอกความ (Quotation) จะเหมาะกับข้อความ หรือข้อเท็จจริงที่ชัดแจ้ง เช่น สูตรทางคณิตศาสตร์ ความหมายหรือคำนิยามในเชิงวิชาการ พระบรมราโชวาท พระราชบัญญัติ ข้อบังคับ กวีนิพนธ์ และบทละครต่าง ๆ ซึ่งถ้าคัดลอกต้นฉบับมาทั้งหมดให้คร่อมไว้ด้วยเครื่องหมายอัญประกาศ (“          ”) แต่ถ้าคัดลอกมาเพียงบางส่วนให้ใช้เครื่องหมายจุด 3 จุด (…) ใส่ไว้ก่อนหรือหลังข้อความนั้นโดยบัตรบันทึกชนิดนี้จะกระทำเมื่อ

1.         ผู้ทำรายงานไม่สามารถหาคำพูดได้ดีกว่าเนื้อหาเดิม

2.         เนื้อหาเดิมได้วางระเบียบกฎเกณฑ์และวิธีการไว้อย่างดีแล้วจึงไม่ควรดัดแปลง

3.         เนื้อหาเดิมบรรยายถึงแนวคิดของผู้แต่งจึงไม่ควรดัดแปลง

51.       แหล่งข้อมูลในข้อใดที่นักศึกษาสามารถใช้เป็นความรู้พื้นฐานในการทำรายงานได้เป็นอย่างดี

(1)       สารานุกรมทั่วไป          (2) วิทยานิพนธ์           (3) รายงานการวิจัย     (4) บทความในวารสาร

ตอบ 1 หน้า 91243 – 244 สารานุกรมทั่วไป เป็นหนังสืออ้างอิงที่ให้ความรู้พื้นฐานเบื้องต้นในวิชา ต่าง ๆ ไม่จำกัดสาขา รวมทั้งมีเรื่องของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกในหลายแง่มุม พร้อมกับรายชื่อ หนังสืออ่านประกอบ จึงเป็นแหล่งข้อมูลที่นำมาใช้ประกอบการทำรายงานได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้เค้าโครงเรื่องของหัวข้อสำคัญในสารานุกรมยังใช้เน้นแนวทางเพื่อเลือกเรื่องหรือ หัวข้อของรายงานได้อีกด้วย

52.       ข้อใดกล่าวถึงการเรียบเรียงรายงานได้ถูกต้องที่สุด

(1)       การอ้างอิงแหล่งที่มาของข้อมูลควรใช้หลายรูปแบบเพื่อให้มีความหลากหลาย

(2)       การใช้อักษรย่อหรือคำย่อช่วยให้รายงานมีความกระชับน่าอ่าน

(3)       การเรียบเรียงเนื้อหาจะต้องเป็นไปตามโครงเรืองของรายงานที่ได้วางไว้

(4)       การวางโครงร่างรายงานควรเป็นไปตามข้อมูลที่ได้จากบัตรบันทึก

ตอบ 3 หน้า 263 การเรียบเรียงรายงานฉบับร่างมีข้อควรพิจารณาดังนี้

1.         เรียบเรียงเนื้อหาของรายงานตามลำดับของโครงเรื่องที่วางไว้ เนื้อหาไม่ควรสั้นหรือยาวเกินไป

2.         ใช้ภาษาที่ถูกต้อง กะทัดรัด สุภาพ และอธิบายทุกสิ่งให้ชัดเจน

3.         ไม่ใช้อักษรย่อและคำย่อ

4.         ต้องเสนอที่มาของข้อมูล เช่น ตาราง แผนภูมิ ภาคผนวก บรรณานุกรม ฯลฯ อย่างถูกวิธี โดยเลือกใช้แบบใดแบบหนึ่งตลอดรายงาน

53.       การเพิ่มตารางแสดงประชากรของประเทศอาเซียน ควรใส่ไว้ในส่วนใดของรายงาน

(1) บรรณานุกรม         (2) ภาคผนวก  (3) เนื้อหา        (4) อภิธานศัพท์

ตอบ 2 หน้า 275 ภาคผนวก (Appendix) เป็นส่วนท้ายของรายงานที่นำเสนอข้อมูลเพิ่มเติมนอกเหนือ จากส่วนที่เป็นเนื้อเรื่อง เนื่องจากรายการนั้นไม่เหมาะที่จะเสนอแทรกไว้ในส่วนเนื้อหา แต่มีความสัมพันธ์และช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจเนื้อเรื่องได้ดียิ่งขึ้น เช่น ตารางแสดงจำนวนประชากร แบบสอบถาม ตารางลำดับเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ เป็นต้น

54.       ข้อใดเขียนรายการอ้างอิงแบบในวงเล็บได้ถูกต้อง

(1) (Wilson, 1996, p. 11 – 15)  

(2) (Wilson 1996, p. 11)

(3) (T.D. Wilson, 1996, p. 11)

(4) (T.D. Wilson, 1996, pp. 11)

ตอบ 2 หน้า 264276 – 277 การแสดงที่มาของข้อมูลเฉพาะที่แบบนาม-ปี (Author-date) คือ รายการอ้างอิงแบบในวงเล็บที่แทรกลงไปในเนื้อหา (Cite-in-Text) โดยใส่ชื่อผู้เขียนและปีที่พิมพ์ พร้อมด้วยเลขหน้าไว้ในวงเล็บหลังข้อความที่คัดลอกมาหรือที่ต้องการอ้างอิง ซึ่งมีรูปแบบตามคู่มือ Turabian ดังนี้ (ชื่อผู้แต่ง / ปีที่พิมพ์, / หน้าที่อ้างอิง) เช่น (ประเวศ วะสี 2555หน้า 29) หากผู้แต่งเป็นชาวต่างชาติให้ลงชื่อสกุลของผู้แต่งตามด้วยปีที่พิมพ์และเลขหน้า เช่น (Wilson 1996, p. 11)

55.       ข้อใดเขียนรายการอ้างอิงตอนท้ายของรายงานการศึกษาค้นคว้าได้ถูกต้อง

(1)       รศ.ดร. บุญขม ศรีสะอาด. (2554). การวิจัยเบื้องต้น (พิมพ์ครั้งที่ 8). กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น.

(2)       บุญขม ศรีสะอาด. (2554). การวิจัยเบื้องต้น (พิมพ์ครั้งที่ 8). กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น.

(3)       รศ. บุญขม ศริสะอาด. (2554). การวิจัยเบื้องต้น (พิมพ์ครั้งที่ 8). กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น.

(4)       ดร. บุญขม ศรีสะอาด. (2554). การวิจัยเบื้องต้น (พิมพ์ครั้งที่ 8). กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาลับ.

ตอบ 2 หน้า 254 – 255276 – 277, (IS 101 เลขพิมพ์ 52079 หน้า 313 – 315)

รูปแบบการเขียนรายการบรรณานุกรมสำหรับหนังสือที่ถูกต้องมี 2 รูปแบบ ได้แก่

1.         รูปแบบตามคู่มือ Turabian มีแบบแผนการเขียนรายการอ้างอิง ดังนี้

ชื่อผู้แต่ง. ชื่อหนังสือ. ครั้งที่พิมพ์. สถานที่พิมพ์ : สำนักพิมพ์ปีที่พิมพ์.

เช่น บุญชม ศรีสะอาด. การวิจัยเบื้องต้น. พิมพ์ครั้งที่ 8. กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น2554.

2.         รูปแบบตามคู่มือ APA มีแบบแผนการเขียนรายการอ้างอิง ดังนี้

ขื่อผู้แต่ง. (ปีที่พิมพ์). ชื่อหนังสือ (ครั้งที่พิมพ์). สถานที่พิมพ์ : สำนักพิมพ์.

เช่น บุญชม ศรีสะอาด. (2554). การวิจัยเบื้องต้น (พิมพ์ครั้งที่ 8). กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น.

56.       รายการในข้อใดที่ใช้อ้างอิงตำแหน่งเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ต

(1) IP (2) TCP       (3) DNS      (4) FTP

ตอบ 1 (คำบรรยาย) โปรโตคอล IP (Internet Protocol) เป็นมาตรฐานที่ใช้สำหรับระบุตำแหน่ง หรือที่อยู่ที่ไม่ซ้ำกันของเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งจะช่วยตรวจสอบ หรืออ้างอิงแหล่งที่มาของข้อมูลได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ระบบตัวเลข IP ประกอบด้วยตัวเลข 4 กลุ่ม ถูกคั่นด้วยจุด เช่น 128.56.48.12 เป็นต้น

57.       ข้อใดไม่มีความสัมพันธ์กับเกี่ยวกับการพัฒนาอินเทอร์เน็ตในยุคเริ่มต้น

(1) สหรัฐอเมริกา         (2) อาร์พาเน็ต (3) การค้า        (4) การทหาร

ตอบ 3 (IS 101 เลขพิมพ์ 52079 หน้า 47 – 48), (คำบรรยาย) การพัฒนาอินเทอร์เน็ตเกิดขึ้น ในปี พ.ศ. 2512 เมื่อกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกาได้ให้ทุนสนับสนุนโครงการพัฒนา เครือข่ายคอมพิวเตอร์ ซึ่งเริมแรกนั้นได้มีการจัดตั้งเครือข่ายอาร์พาเน็ต (ARPAnet) ขึ้น เพื่อเน้นใช้งานด้านการทหารและการสื่อสารในช่วงสงครามเย็นมากที่สุด และเพื่อเชื่อมโยง คอมพิวเตอร์ของหน่วยงานในมหาวิทยาลัย 4 แห่ง ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับงานวิจัย จนกระทั่ง ในปี พ.ศ. 2526 จึงพัฒนามาเป็นเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และในปัจจุบันได้มีการนำอินเทอร์เน็ต มาใช้งานในเชิงพาณิชย์มากขึ้น

58.       รายการต่อไปนี้ [email protected] ส่วนใดใช้อ้างถึงชื่อผู้ให้บริการอีเมล์

(1) @yahoo       

(2) ©yahoo.com

(3) peemasak   

(4) yahoo.com

ตอบ 4 หน้า 311, (คำบรรยาย) จากโจทย์เน้นกลุ่มของ E-mail Address ซึ่งเน้นที่อยู่ประจำตัวของ ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตเพื่อรับ-ส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์หรืออีเมล์ โดย E-mail Address ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ ชื่อผู้ให้บริการเครื่องหมาย และชื่อโดเมน (Domain Name) ของเครื่องแม่ข่ายที่เราใช้บริการอยู่ เช่น peemasak คือ ชื่อผู้ใช้ ส่วน yahoo.com คือ ชื่อโดเมนของเครื่องแม่ข่ายของผู้ให้บริการอีเมล์ เป็นต้น

59.       ข้อใดไม่ใช่เว็บไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์

(1) Twitter

(2) Hi5

(3) Wikipedia   

(4) Facebook

ตอบ 3 (คำบรรยาย) เครือข่ายสังคมออนไลน์ (Social Network) คือ เว็บไซต์ที่เชื่อมโยงผู้คนไว้ด้วยกันผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีจุดเด่นหลักคือ ช่วยให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพ สามารถสื่อสาร ได้ในวงกว้างและหลากหลายรูปแบบ เช่น ข้อความ รูปภาพ วิดีโอ ฯลฯ ในปัจจุบันมีโปรแกรม หรือเว็บไซต์ที่ใช้สำหรับ Social Network เช่น Facebook, Twitter, Linkedin, Line, MySpace, Hi5 ฯลฯ (ส่วนเว็บไซต์ Wikipedia เน้นสารานุกรมออนไลน์ขนาดใหญ่)

60.       ข้อใดไม่ใช่โปรแกรมที่ใช้แสดงผลข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต (Web browser)

(1) Mozila Firefox      (2) Adobe Acrobat

(3) Netscape Navigator     (4) Internet Explorer

ตอบ 2 (IS 101 เลขพิมพ์ 52079 หน้า 55) Web browser คือ โปรแกรมเฉพาะที่ใช้แสดงผลข้อมูล บนอินเทอร์เน็ตสำหรับการเข้าสู่บริการเว็บไซต์ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถใช้บริการเว็บไซต์ได้ง่าย และสะดวกมากขึ้น โดยโปรแกรมเว็บบราวเซอร์ที่ออกมาใหม่ ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลด จากอินเทอร์เน็ตโดยตรงและไม่เสียค่าใช้จ่าย ตัวอย่างเว็บบราวเซอร์ที่ใช้กันแพร่หลาย เช่น Internet Explorer, Netscape Navigator, Mozila Firefox, Opera เป็นต้น (ส่วนโปรแกรม Adobe Acrobat เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้จัดการไฟล์ประเภท PDF)

LIS1003 การใช้ห้องสมุด การสอบไล่ภาคฤดูร้อนปีการศึกษา2556

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2556

ข้อสอบกระบวนวิชา LIS 1003 การใช้ห้องสมุด

คำสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว (ข้อสอบมีทั้งหมด 60 ข้อ)

1.        ข้อใดกล่าวถึงการใช้สารสนเทศได้ถูกต้องที่สุด

(1)       น้องดาวตัดสินใจเลิกกับแฟนหลังจากสังเกตพฤติกรรมและวิเคราะห์ข้อมูลมาเป็นปี

(2)       คุณแดงเลิกเป็นสาวกพรรคการเมืองที่มีหัวหน้าพรรคเคยหล่อตามเพื่อน

(3)       คุณเสรีเลิกทำนาเพราะข่าวลือว่ารัฐบาลจะยกเลิกนโยบายรับจำนำข้าว

(4)       คุณจรัสตัดสินใจไปทำนมตามกระแสในอินเทอร์เน็ต

ตอบ 1 หน้า 3, 5, (คำบรรยาย) คำว่า สารสนเทศ” (Information) หมายถึง ข่าวสารความรู้ที่ เป็นข้อเท็จจริงหรือเรื่องราวที่เกิดจากข้อมูลที่ผ่านการกลั่นกรอง วิเคราะห์ และบ่ระมวลผลแล้ว ตลอดทั้งความรู้สึกนึกคิดของมนุษย์ ซึ่งบันทึกลงในสื่อหรือวัสดุประเภทต่าง ๆ ที่สามารถถ่ายทอด และเผยแพร่ได้ ดังนั้นสารสนเทศจึงมีความถูกต้องและมีประโยชน์ต่อผู้ใช้มากกว่าข้อมูล เนื่องจาก สามารถนำมาช่วยแก้ไขปัญหาและประกอบการตัดสินใจได้ ส่วนคำว่า ข้อมูล” (Data) หมายถึง ข้อมูลดิบหรือข้อเท็จจริงที่ยังไม่สมบูรณ์ ไม่ถูกต้อง หรือยังไม่ได้ผ่านการกลั่นกรอง วิเคราะห์ ตรวจสอบ และประเมินผลอย่างเป็นระบบ เช่น ข่าวจากหนังสือพิมพ์หรือโทรทัศน์ ข่าวซุบซิบหรือ ข่าวลือ การโฆษณาสินค้า ข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต การกล่าวหา/โจมตีคู่แข่งทางการเมือง เป็นต้น

2.        ข้อใดกล่าวถึงพัฒนาการของห้องสมุดและสารสนเทศได้ถูกต้อง

(1)       ชาวกรีกเป็นผู้ริเริ่มประดิษฐ์อักษรคิวนิฟอร์ม  

(2) สุเมเรียนเริ่มบันทึกข้อมูลลงบนกระดาษเป็นขาติแรก

(3) ห้องสมุดอเล็กซานเดรียสร้างโดยซาวเมใสโปเตเมีย

(4) ชาวอียิปต์เป็นชาติแรกที่ใช้กระดาษปาไปรัส

ตอบ 4 หน้า 7, (คำบรรยาย) ซาวอียิปต์ซึ่งตั้งถิ่นฐานอยู่ตามลุ่มแม่นํ้าไนล์ ถือเป็นชนชาติแรก

ทีรู้จักบันทึกเหตุการณ์และข่าวสารความรู้ต่าง ๆ ลงบนแผ่นกระดาษปาไปรัส (Papyrus)

ด้วยตัวอักษรภาพที่เรียกว่า ไฮโรกลิพิก” (Hieroglyphic)โดยห้องสมุดปาไปรัสที่มีชื่อเสียง ในสมัยนี้ ได้แก่ ห้องสมุดแห่งขาติเมืองกิเซห์ สร้างเมื่อราว 2,500 ปีก่อนคริสต์ศักราซ

3.        ข้อใดมีความสัมพันธ์กัน      

(1) หอพระมณเฑียรธรรมหอหลวง

(2)       หอพุทธสาสนสังคหะวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม

(3)       รัชกาลที่ 1—หอพระมณเฑียรธรรม

(4) รัชกาลที่ 6—หอสมุดแห่งชาติ

ตอบ 3 หน้า 9 – 10, (คำบรรยาย) ห้องสมุดในประเทศไทยมีพัฒนาการตามลำดับยุคสมัย ดังนี้

1.        สมัยสุโขทัย ได้แก่ หอไตรหรือหอพระไตรปิฎกภายในวัดวาอารามตาง ๆ

2.        สมัยอยุธยา ได้แก่ หอหลวงภายในพระราชวัง เพื่อเก็บรักษาหนังสือ วรรณกรรมทางโลก ตัวบทกฎหมาย และเอกสารทางราชการของราชสำนัก

3.        สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ได้มีการสร้างหอสมุดประจำรัชกาลต่าง ๆ ได้แก่ หอพระมณเฑียรธรรม หรือหอไตรภายในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ในสมัยรัชกาลที่ 1,

วัดพระเซตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) ในสมัยรัชกาลที่ 3, หอพระสมุดวชิรญาณ หอพุทธสาสนสังคหะ (ตั้งอยู่ในวัดเบญจมบพิตร) และหอพระสมุดวชิรญาณสำหรับพระนคร (ถือเป็นรากฐานของหอสมุดแห่งขาติในปัจจุบัน) ในสมัยรัชกาลที่ 5

4.         ข้อใดกล่าวได้ถูกต้องที่สุด

(1)       การคุยกันกับเพื่อนระหว่างฟ้งบรรยายช่วยให้เข้าใจเรื่องชัดเจน

(2)       การคิดก่อนตัดสินใจเข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองตามคำชักชวนของเพื่อน

(3)       การศึกษา คือ การเรียนในถาบันอุดมศึกษาเพื่อให้ได้ปริญญา

(4)       การเดินออกนอกห้องเรียนขณะอาจารย์บรรยายสามารถทำได้ เพราะเป็นสิทธิส่วนบุคคล

ตอบ 2 หน้า 16 – 20, (คำบรรยาย) การศึกษา หมายถึง การเสาะแสวงหาความรู้จากหลาย ๆ ทาง เพื่อให้เกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในเรื่องนั้น ๆ โดยวิธีศึกษาหาความรู้ที่เป็นพื้นฐานของ การแสวงหาความรู้มีอยู่ 4 วิธี ได้แก่ การอ่าน การฟัง การไต่ถาม และการจดบันทึก ซึ่งตรง ตามหลักของหัวใจนักปราชญ์ ได้แก่ สุ จิ ปุ ลิ” ดังนี้

1. สุ (สุต หรือสุตตะ) คือ การฟัง หรือการรับสารทั้งปวง รวมทั้งการอ่านหนังสือ และการค้นคว้าหาความรู้จากสื่อต่าง ๆ

2.         จิ (จินตนะ หรือจินตะ) คือ การคิดวิเคราะห์ไตร่ตรองสิ่งต่าง ๆ ก่อนตัดสินใจทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

3.         ปุ (ปุจฉา) คือ การไต่ถามหรือเสวนาหาคำตอบจากผู้รู้

4.         สิ (ลิขิต) คือ การเขียนหรือการจดบันทึก

5.         การจัดทำรายงานเรื่อง การอ่านเรื่องราวทางการเมืองเพื่อประกอบการทำรายงานเรื่อง สิทธิทางการเมืองตามขอบเขตของรัฐธรรมนูญไทย” ควรใช้วิธีการอ่านแบบใด       

(1) การอ่านคร่าว ๆ

(2)การอ่านอย่างวิเคราะห์      

(3) การอ่านเพื่อเก็บรายละเอียด        

(4) การอ่านอย่างเจาะจง

ตอบ 2 หน้า 18, (คำบรรยาย) การอ่านอย่างวิเคราะห์ (Critical Reading) เป็นทักษะการอ่านในระดับสูงสุด ถือว่าเป็นสุดยอดของกระบวนการอ่านเอาความ ซึ่งผู้อ่านมักเป็นนักวิจัยหรือ นักวิขาการที่ต้องมีความรู้ในเรื่องที่จะอ่านมาก่อน เพราะเป็นการอ่านที่ต้องใช้วิจารณญาณอย่างมาก สามารถแสดงความคิดเห็น พร้อมทั้งประเมินค่าหรือวิจารณ์สิ่งที่อ่านได้อย่าง มีเหตุผลและมีหลักเกณฑ์ เช่น การอ่านเพื่อรวบรวมข้อมูลมาประกอบการทำรายงาน ทำวิจัย การอ่านบทวิจารณ์หนังสือ เป็นต้น

6.         ข้อใดไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์หลักของห้องสมุด

(1)       การให้บริการนวนิยายเรื่อง ทวิภพ” ในห้องสมุด

(2)       ห้องสมุดประชาชนได้เชิญกวีมาให้ความรู้เกี่ยวกับการเขียนบทกวี

(3)       ห้องสมุดได้จัดนิทรรศการวัฒนธรรมไทยทุกเดือน

(4)       การให้บริการสำเนาวีซีดีเพลงสากลแก่นักศึกษาในราคาถูก

ตอบ 4 หน้า 24 – 25 ห้องสมุดเป็นสถานที่รวบรวมสรรพวิทยาการต่าง ๆ หลายรูปแบบ เพื่อให้ ความรู้ ข่าวสาร ถ่ายทอดวัฒนธรรม และส่งเสริมการศึกษาค้นคว้าให้แก่ประชาชนโดยไม่คิด มูลค่า ทั้งนี้ห้องสมุดโดยทั่วไปมีวัตถุประสงค์ 5 ประการ คือ

1.         เพื่อการศึกษา เช่น การจัดหาหนังสือประกอบการเรียนเอาไว้ให้บริการ

2.         เพื่อให้ข่าวสารความรู้ เช่น การที่ห้องสมุดจัดให้มีหนังสือพิมพ์เอาไว้ให้บริการ

3.         เพื่อการค้นคว้าวิจัย เข่น การจัดให้มีฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์ ศูนย์สารสนเทศ ฯลฯ

4.         เพื่อความจรรโลงใจ เช่น การจัดหาหนังสือธรรมะ อัตชีวประวัติบุคคลสำคัญ กวีนิพนธ์ และวรรณกรรมซีไรต์ไว้ให้บริการ เพื่อให้เกิดแรงบันดาลใจสร้างสรรค์สิ่งที่ดีงามแก่ชีวิต

5.         เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ เช่น การให้บริการหนังสือบันเทิงต่าง ๆ นวนิยาย เรื่องสั้น ๆลๆ เพื่อช่วยให้ผู้อ่านผ่อนคลายความตึงเครียดได้

7.         แหล่งสารสบเทศในข้อใดที่ให้บริการข้อมูลเฉพาะด้าน

(1)       หอสมุดแห่งซาติ          (2) ห้องสมุดคณะนิติศาสตร์

(3) หอจดหมายเหตุแห่งซาติ    (4) ห้องสมุดสวนลุมพินี

ตอบ 2 หน้า 32 – 33 ห้องสมุดเฉพาะ หมายถึง ห้องสมุดที่จัดตั้งขึ้นในหน่วยงานซองรัฐบาล รัฐวิสาหกิจ สถาบัน บริษัท สมาคม ธนาคารพาณิชย์ และองค์การระหว่างประเทศ โดยจะทำหน้าที่ให้บริการ สารสนเทศเฉพาะสาชาวิชาใดวิขาหนึ่งอย่างละเอียดลึกซึ้ง และมุ่งให้บริการแก่ผู้ใช้เฉพาะกลุ่ม ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นนักวิชาการและนักวิจัย รวมทั้งบุคคลที่ทำงานภายในหน่วยงานนั้นๆ เพื่อส่งเสริมการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น ห้องสมุดคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัย- ธรรมศาสตร์ห้องสมุดสยามสมาคมห้องสมุดสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ เป็นต้น

8.         ฝ่ายใดของสำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคำแหงที่ให้บริการกฤตภาค

(1) ฝ่ายเทคนิค            (2) ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ

(3) ฝ่ายวัสดุไม่ตีพิมพ์  (4) ฝ่ายวารสารและเอกสาร

ตอบ 4 หน้า 40 – 41 ฝ่ายวารสารและเอกสาร จะรับผิดชอบเกี่ยวกับการจัดหา พิจารณาคัดเลือก และประเมินคุณค่าวารสาร จัดทำดรรชนีและสาระสังเขปบทความจากวารสารและเอกสาร จัดทำบรรณานุกรมวารสาร รวมทั้งให้บริการวารสาร นิตยสาร หนังสือพิมพ์ จุลสาร สิ่งพิมพ์ต่อเนื่อง และเอกสารทั่ว ๆ ไป ตลอดจนจัดทำกฤตภาคไว้ให้บริการ

9.         ข้อใดหมายถึงทรัพยากรสารสนเทศห้องสมุด

(1)       หนังสือทุกเล่มที่นักศึกษายืมออกจากห้องสมุด

(2)       หนังสือทุกเล่มที่ห้องสมุดดำเนินการสั่งซื้อจากบริษัท

(3)       หนังสือทุกเล่มที่ห้องสมุดดำเนินการตรวจรับจากบริษัท

(4)       หนังสือทุกเล่มที่บริษัทจัดจำหน่ายในงานสัปดาห์ห้องสมุด

ตอบ 1 หน้า 5576133 – 134 ทรัพยากรสารสนเทศห้องสมุด หมายถึง แหล่งสารสนเทศทุกรูปแบบ ที่ห้องสมุดได้คัดเลือก จัดหา วิเคราะห์ และนำมาลงทะเบียนเพื่อจัดเก็บรวบรวมตามหมวดหมู่ อย่างเป็นระเบียบ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือทุกเล่มที่นักศึกษายืมออกจากห้องสมุด สิ่งตีพิมพ์บน แผนกระดาษประเภทอื่น ๆ สิ่งบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรด้วยมือ สื่อโสตทัศน์ วัสดุย่อส่วน สื่ออิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนฐานข้อมูลออนไลน์ที่ห้องสมุดเป็นสมาชิกและพร้อมให้บริการ รวมทั้งบรรณารักษ์หรือบุคลากรบริการสารสนเทศที่ทำหน้าที่ให้บริการและช่วยผู้ใช้ค้นหา สารสนเทศที่ต้องการได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว

10.       เลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก เปรียบเสมือนส่วนใดซองหนังสือมากที่สุด

(1) เลขมาตรฐานสากลหนังสือ            (2) บัตรรายการหนังสือ

(3) เลขเรียกหมู่หนังสือ            (4) เลขทะเบียนหนังสือ

ตอบ 1 หน้า 61193, (คำบรรยาย) เลขประจำหนังสือสากล หรือเลขมาตรฐานสากลประจำหนังสือ (International Standard Book Number : ISBN) ถือเป็นเลขที่กำหนดให้มีในหนังสือทุกเล่ม (เช่นเดียวกับที่คนไทยทุกคนมีหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน) ซึ่งมีประโยซนในการควบคุม สิ่งพิมพ์และการสั่งซื้อหนังสือ รวมทั้งบอกให้ทราบถึงประเทศที่ผลิต สำนักพิมพ์ และซื่อหนังสือ ทั้งนี้เลข ISBN อาจปรากฏที่หน้าปกในหรือที่หน้าปกนอก แต่สำหรับหนังสือภาษาต่างประเทศนั้น เลข ISBN จะปรากฏในหน้าลิขสิทธิ์

11.          ข้อใดคือความหมายของบรรณานุกรม

(1) ส่วนที่ให้คำอธิบายคำยากหรือศัพท์เฉพาะ

(2) ส่วนที่อธิบายข้อความบางตอนที่ปรากฏในเนื้อหา

(3) บัญชีคำหรือวลีที่ปรากฏในหนังสือ              

(4) บัญชีรายชื่อหนังสือที่ปรากฏท้ายเล่ม

ตอบ 4 หน้า 64129254275 บรรณานุกรม (Bibliography) เป็นบัญชีรายชื่อหนังสือ เอกสาร และสิ่งพิมพ์ต่อเนื่องต่าง ๆ ที่ผู้แต่งใช้เป็นหลักฐานประกอบการเขียนหนังสือเล่มนั้น โดยอาจอยู่ท้ายบทหรือท้ายเล่มก็ได้ หรืออาจจัดทำเป็นตัวเล่มหนังสือที่รวบรวมรายชื่อและรายละเอียด ของทรัพยากรสารสนเทศ เช่น รายชื่อผู้แต่ง ชื่อเรื่อง ครั้งที่พิมพ์ สำนักพิมพ์หรือโรงพิมพ์ และปีที่พิมพ์ เพื่อให้รายละเอียดเพิ่มเติมและให้ความมั่นใจแก่ผู้อ่านว่าเนื้อหาของหนังสือเล่มนั้น มีความถูกต้องและเชื่อถือได้ เพราะผู้เขียนได้ค้นคว้าอย่างมีหลักฐาน

12.          นักศึกษาอ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ฉบับต่าง ๆ ส่วนใดของหนังสือพิมพ์ดึงดูดความสนใจมากที่สุด

(1) พาดหัวข่าว      (2) เนื้อหา              (3) ภาพถ่าย          (4) ความนำ

ตอบ 3 หน้า 65 – 66 ส่วนประกอบหลักที่สำคัญของหนังสือพิมพ์ มี 3 ส่วน ได้แก่

1. พาดหัวข่าว (Headline) เป็นอักษรตัวดำหนาขนาดใหญ่เรียงอยู่ส่วนบนสุดของหน้ากระดาษ ซึ่งจะเป็นข้อความสั้น ๆ ที่สรุปสาระสำคัญที่มีอยู่ในเนื้อข่าว ถือเป็นส่วนที่สะดุดตาผู้อ่าน และจูงใจให้อยากรู้รายละเอียดของข่าวสารมากที่สุด

2. ความนำ (Lead) หรือวรรคนำหรือ โปรยข่าว เป็นย่อหน้าแรกของข่าวแต่ละข่าว ซึ่งจะเป็นประโยคสั้น ๆ ที่สามารถดึงดูดความสนใจ ของผู้อ่านให้ติดตามอ่านข่าวตลอดทั้งเรื่อง

3. ภาพข่าว หรือภาพถ่าย (Photographs)เป็นส่วนประกอบที่น่าสนใจมากที่สุด เพราะสามารถดึงดูดความสนใจของผู้อ่านได้เป็นอย่างดี รวมทั้งยังช่วยจัดหน้าหนังสือพิมพ์ให้น่าอ่านอีกด้วย

13.          รัฐบาลรักษาการณโดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้จัดพิมพ์เอกสารเล่มเล็กเพื่อชี้แจงเรื่องจำนำข้าวแก่ชาวนาถึงสาเหตุที่แท้จริงที่ชาวนาได้รับเงินล่าช้าในครั้งนี้นั้นเพื่อเผยแพร่ความรู้และความเข้าใจ จัดเป็นสื่อประเภทใด

(1) กฤตภาค          (2) จุลสาร              (3) วารสาร            (4) ต้นฉบับตัวเขียน

ตอบ 2 หน้า 66 – 67 จุลสาร (Pamphlets) เป็นสิ่งพิมพ์ที่ให้สารสนเทศเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่ทันสมัยและอยู่ในความสนใจของบุคคลทั่วไปในช่วงระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง ซึ่งอาจเป็นบทความทาง วิซาการต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ หรือความรู้ที่หน่วยงานราชการ องค์การ หรือสมาคมต่าง ๆ ต้องการเผยแพรให้ประชาชนทราบ อาจพิมพ์ออกเป็นเอกสารเล่มเล็กเดี่ยว ๆ หรือพิมพ์ เป็นตอน ๆ รูปเล่มโดยทั่วไปจะไม่มีการเข้าปกเย็บเล่มถาวร มีจำนวนหน้าไม่เกิน 60 หน้า ทั้งนี้อาจจะมีลักษณะเป็นแผ่นพับหรืออยู่ในรูปแบบที่เรียกว่า อนุสาร” (Brochure) ก็ได้

14.          สถานีโทรทัศน์ทั้งในประเทศและต่างประเทศเสนอข่าววิดีโอคลิป (Video Clip) “ฮีโร่ตำรวจไทยที่เตะระเบิดในการปราบฝูงชนเพื่อต้องการล้มล้างรัฐบาลที่สะพานผ่านฟ้า” จัดเป็นสื่อประเภทใด

(1) สื่อโสตทัศน์      (2) โสตวัสดุ           (3) ทัศนวัสดุ          (4) อิเล็กทรอนิกส์

ตอบ 1 หน้า 67 – 7377 สื่อโสตทัศน์ (โสตทัศนวัสดุ หรือวัสดุไม่ตีพิมพ์) แบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆคือ 1.โสตวัสดุ เป็นวัสดุที่สื่อสารโดยการฟัง เช่น แผ่นเสียงหรือจานเสียง แถบบันทึกเสียง ซีดีออดิโอ แผ่นเอ็มพี 3 ฯลฯ    2. ทัศนวัสดุ เป็นวัสดุที่สื่อสารโดยการเห็น เช่น วัสดุกราฟิกรูปภาพ แผนที่ ลูกโลก ภาพนิ่ง แผ่นโปร่งใส หุ่นจำลอง ของตัวอย่าง ฯลฯ 3. สื่อโสตทัศน์ หรือโสตทัศนวัสดุ เป็นวัสดุที่สื่อสารทั้งโดยการฟังและการเห็น เช่น ภาพยนตร์ แถบวีดีทัศน์ วิซีดี ดีวิดี วิดีโอคลิป ฯลฯ

15.      ไมโครฟิล์มเหมือนกับไมโครฟิชในลักษณะใด

(1) เป็นวัสดุย่อส่วนที่ใช้เทคโนโลยีแลงเลเซอร์               

(2) เป็นวัสดุย่อส่วนที่มีขนาดเท่ากับบัตรรายการ

(3) เป็นวัสดุย่อส่วนในรูปของบัตรทึบแสง      

(4) เป็นวัสดุย่อส่วนในรูปของฟิล์มโปร่งแสง

ตอบ 4 หน้า 54, 73 – 74, 77 – 78 วัสดุย่อส่วน (Micrographic or Microforms) หมายถึง วัสดุที่บันทึก สารสนเทศจากสิ่งพิมพ์ที่เป็นหนังสือ วารสาร หนังสือพิมพ์ วิทยานิพนธ์ จดหมายโต้ตอบ หนังสือหายาก ต้นฉบับตัวเขียน หรือเอกสารที่มีคุณค่าต่าง ๆ โดยการถ่ายย่อส่วนลงบนแผ่นฟิล์ม ขนาดเล็กเพื่อประหยัดเนื้อที่ในการจัดเก็บและป้องกันการฉีกขาดทำลาย แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

1.        ฟิล์มโปร่งแสง ได้แก่ ไมโครฟิล์ม ไมโครฟิช และบัตรอเพอเจอร์

2.        บัตรทึบแสง ได้แก่ ไมโครการ์ด และไมโครพริ้นท์

16.      ฐานข้อมูลออนไลน์ที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาบอกรับเป็นสมาชิกเพื่อให้บริการผู้ใช้ จัดเป็น สื่อประเภทใด

(1) แผ่นจานแม่เหล็ก          (2) อิเล็กทรอนิกส์ (3) ซีดีรอม          (4) เสิร์ชเอ็นจิน

ตอบ 2 หน้า 75 – 76, 78, 133 – 134, 143, (คำบรรยาย) สื่ออิเล็กทรอนิกส์ หมายถึง สื่อที่บันทึก สารสนเทศประเภทฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์ไม่ว่าจะอยู่ในรูปของฐานข้อมูลออนไลน์ฐานข้อมูล ซีดีรอม และฐานข้อมูลมัลติมีเดีย ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นอักขระแบบดิจิตอล ซึ่งต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์หรือแสงเลเซอร์ในการบันทึกและอ่านข้อมูล แบ่งออกเป็น

1.        แผ่นจานแม่เหล็กแบบอ่อน (Diskette หรือ Floppy Disk) บันทึกโปรแกรมสำเร็จรูป

2.        จานแสง (Optical Disk) เซ่น CD-ROM. VCD, DVD ฯลฯ

3.        USB Flash Drive เป็นอุปกรณ์ที่ใช้เก็บข้อมูลหรือไฟล์จากคอมพิวเตอร์ โดยมีวิธีการ บันทึกข้อมูลเหมือน Hard Disk หรือ Floppy Disk มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา สะดวกในการ พกพาติดตัว และสามารถเก็บข้อมูลได้จำนวนมากตั้งแต่ 128 MB – 8 GB

17.      ข้อใดไมใช่เครื่องมือช่วยค้นหาความรู้ในหนังสืออ้างอิง

(1) คำนำ             (2) คำนำทาง       (3) อักษรนำเล่ม  (4) ดรรชนี

ตอบ 1 หน้า 83 – 84 เครื่องมือช่วยค้นหาความรู้ในหนังสืออ้างอิง ได้แก่

1.คำนำทาง (Guide Word or Running Word)

2.ดรรชนีริมหน้ากระดาษ (Thumb Index)          

3. อักษรนำเล่ม (Volume Guide)

4.ส่วนโยง (Cross Reference)           

5. ดรรชนี (Index)

18.      พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน จัดเป็นพจนานุกรมประเภทใด

(1) พจนานุกรมการเรียนภาษา         (2) พจนานุกรมฉบับย่อ

(3) พจนานุกรมเฉพาะวิชา                (4) พจนานุกรมฉบับสมบูรณ์

ตอบ 4 หน้า 85 พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 (ฉบับปรับปรุงใหม่ส่าสุด) ถือเป็น พจนานุกรมฉบับสมบูรณ์ที่สุดของประเทศไทยที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งใช้เป็นแบบฉบับหรือ มาตรฐานในการเขียนหนังสือและการใช้คำในภาษาไทย โดยจะให้รายละเอียดเกี่ยวกับคำ อย่างสมบูรณ์ เช่น ตัวสะกดที่ถูกต้อง การอ่านออกเสียงคำยาก ชนิดของคำ ความหมายของคำ ประวัติหรือที่มาของคำ คำตรงกันข้ามหรือคำคู่ และวิธีใช้คำ

19.          สารานุกรมหมายถึงข้อใดมากที่สุด

(1)           รวบรวมความรู้พื้นฐานอย่างกว้าง ๆ โดยผู้เชี่ยวชาญแต่ละสาขาวิชา

(2)           ให้ข้อมูลเกี่ยวกับความเป็นมาในทุกสาขาวิชาของโลก

(3)           เป็นคู่มือในการศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น

(4)           ให้ข้อมูล ความรู้ทั่วไป แต่แสดงผลออกมาในรูปสถิติ ตัวเลข และแผนภูมิ

ตอบ 1 หน้า 91 – 9295 สารานุกรม (Encyclopedia) หมายถึง หนังสือที่รวบรวมความรู้พื้นฐาน ในแขนงวิขาต่าง ๆ อย่างกว้าง ๆ เขียนโดยผู้ทรงคุณวุฒิหรือผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขาวิชา เพื่อให้ข้อมูลหรือความรู้ในรูปของบทความโดยมีอักษรย่อของผู้เขียนกำกับไว้ที่ท้ายบทความ และจัดเรียงเนื้อหาตามลำดับตัวอักษรหรือแบ่งเป็นหมวดหมู่วิชา ซึ่งอาจมีเล่มเดียวจบหรือ หลายเล่มจบที่เรียกว่า หนังสือชุด” ส่วนใหญ่สารานุกรมจะมีภาพประกอบ และมีดรรชนีช่วยค้นเรื่อง (Fact Index) อยู่ตอนท้ายเล่ม หรือถ้าเป็นหนังสือชุดก็จะอยู่เล่มสุดท้าย

20.          ข้อใดให้เรื่องราวของอดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษได้ชัดเจนที่สุด

(1)           นามานุกรม           (2) อภิธานศัพท์     (3) ดรรชนี              (4) อักขรานุกรมชีวประวัติ

ตอบ 4 หน้า 97101 อักขรานุกรมชีวประวัติ คือ หนังสือที่รวบรวมประวัติชีวิตของบุคคลสำคัญโดยจะให้รายละเอียดเกี่ยวกับเชื้อชาติ สถานที่เกิด วันเดือนปีเกิด หรือตาย (ถ้าบุคคลเจ้าของ ชีวประวัติสิ้นชีวิตแล้ว) ที่อยู่ ระดับการศึกษา สถานภาพทางครอบครัว ตำแหน่งหน้าที่การงาน ผลงานดีเดน และประสบการณ์ในการทำงาน เช่น Dictionary of National Biography (DNB) เป็นอักขรานุกรมชีวประวัติชุดสำคัญที่สุดของอังกฤษ ซึ่งรวบรวมชีวประวัติของบุคคลที่มีชื่อเสียง ในสหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ และประเทศในเครือจักรภพ

21.          ข้อใดเป็นหนังสือรายปีของสารานุกรม             

(1) Statesman’s Year Book

(2)Americana Annual

(3) Europa World Year Book

(4) Thailand Year Book

ตอบ 2 หน้า 109 – 110 Americana Annual เป็นหนังสือรายปีของสารานุกรม Americana ที่ให้เนื้อหาครอบคลุมเรื่องราวและเหตุการณ์สำคัญ ๆ ที่เกิดขึ้นในรอบปีที่ผ่านมา โดยแบ่งการให้ ข้อมูลออกเป็น 4 ส่วน คือ

1. เป็นรายงานข่าวในหัวเรื่องที่สำคัญและปฏิทินเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน

2. เป็นบทความสังเขปในหัวเรื่องที่กำลังเป็นที่สนใจของบุคคลทั่วไปในปีนั้น ๆ โดยจะเน้นเรื่องราวของประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นส่วนใหญ่

3. ให้ข้อมูลเกี่ยวกับประเทศต่าง ๆ

4. ให้ข้อมูลในรูปของตารางและตัวเลขสถิติ

22.          ข้อใดคือลักษณะของสยามออลมาแนค

(1)           ประวัติความเป็นมาของชนชาติไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

(2)           รวบรวมเหตุการณ์ทางการเมืองของไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

(3)           รวบรวมเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในรอบปีของไทย

(4)           รวมความเป็นที่สุดที่เกิดขึ้นในประเทศไทย

ตอบ 3 หน้า 112 สยามออลมาแนค เป็นหนังสือปฏิทินเหตุการณ์รายปีเล่มแรกของประเทศไทย ที่รวบรวมเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในรอบปีของไทยทั้งในด้านการเมือง การปกครอง การทหาร การศึกษา การแรงงาน เศรษฐกิจ ศาสนา ภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ ธุรกิจ การพาณิชย์ เกษตรกรรม กีฬา การท่องเที่ยว รวมทั้งสถิติใบรูปของตาราง เช่น อัตราการเกิด และการตายของประชากร จำนวนประชากร เป็นต้น

23.          หนังสืออ้างอิงข้อใดที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับประเทศ เมือง จังหวัด สถานที่สำคัญ สภาพภูมิศาลตร์ การเดินทาง สกุลเงินตรา     

(1) อักขรานุกรมภูมิศาสตร์

(2)           พจนานุกรม            (3) หนังสือแผนที่   (4) หนังสือนำเที่ยว

ตอบ4 หน้า 114-115 หนังสือนำเที่ยวเป็นหนังสืออ้างอิงทางภูมิศาสตร์ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับประเทศเมือง จังหวัด และสถานที่สำคัญอย่างละเอียด เพื่อประโยชน์ต่อการค้นคว้าและเพื่อสนอง ความต้องการของนักท่องเที่ยว เช่น ให้รายละเอียดเกี่ยวกับประวัติและที่ตั้งของเมือง ภาษา สภาพภูมิศาสตร์ ระยะทาง การเดินทาง โบราณสถานที่น่าสนใจ ที่ตั้งของโรงแรม ร้านอาหาร อัตราแลกเปลี่ยนตามสกุลเงินตราของประเทศนั้น ๆ เป็นต้น

24.          หนังสืออ้างอิงประเภทดรรชนีมีประโยชน์ต่อผู้ใช้อย่างไร

(1)           เป็นเครื่องมือช่วยค้นเรื่องหรือหัวข้อในสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ

(2)           บอกแหล่งที่มาของสารสนเทศได้

(3)           ให้ผู้ใช้เข้าใจเนื้อหาอย่างย่อของสารสนเทศที่ต้องการได้

(4)           หนังสือดรรชนีเป็นเครื่องมือช่วยค้นหาคำตอบของบรรณารักษ์เท่านั้น

ตอบ1 หน้า 6484119 – 120 ดรรชนี (Index) เป็นหนังสืออ้างอิงที่ชี้แนะแหล่งสารสนเทศโดยมีลักษณะเป็นคำหรือบัญชีกลุ่มคำสำคัญของหัวเรื่องใหญ่ หัวเรื่องย่อย ชื่อบุคคล สถานที่ ชื่อเรื่อง หรือชื่อบทความที่ได้จัดเรียบเรียงไว้ตามลำดับอักษรอย่างมีระบบ พร้อมทั้งระบุ เลขหน้าที่คำหรือข้อความนั้นปรากฎอยู่ เพื่อเป็นเครื่องมือช่วยให้ผู้อ่านค้นเรื่องหรือหัวข้อ ในสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว โดยทั่วไปดรรชนีมักอยู่ที่ท้ายเล่มของหนังสือ แต่ถ้าเป็นหนังสือชุด เช่น สารานุกรม ดรรชนีจะอยู่ในเล่มสุดท้าย

25.          ข้อใดคือลักษณะของหนังสือบรรณานุกรม

(1)           รวบรวมเนื้อหาของทรัพยากรสารสนเทศ

(2)           รวบรวมรายชื่อและรายละเอียดของทรัพยากรสารสนเทศ

(3)           แนะนำแนวทางในการค้นหาทรัพยากรสารสนเทศ

(4)           แนะนำวิธีการใช้ห้องสมุด

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 11. ประกอบ

26.          ข้อใดไม่ใช่ประโยชน์ของการจัดหมู่หนังสือของห้องสมุด

(1) เจ้าหน้าที่จัดเก็บหนังสือไต้ง่ายขึ้น

(2) ช่วยให้นักศึกษาค้นหาหนังสือได้ง่ายขึ้น

(3)บรรณารักษ์ให้บริการได้รวดเร็วขึ้น

(4)ทราบว่าห้องสมุดมีหนังสือในแต่ละสาขาวิชาจำนวนมากน้อยเท่าใด

ตอบ 3 หน้า 150 ประโยชน์ของการจัดหมู่หนังสือของห้องสมุด มีดังนี้

1.ทำให้หนังสือทุกเล่มในห้องสมุดมีสัญลักษณ์และมีตำแหน่งการจัดวางที่แน่นอน ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหาหนังสือที่ต้องการได้โดยง่าย หรือสามารถเข้าถึงหนังสือ ได้อย่างสะดวกรวดเร็วขึ้น

2.ทำให้หนังสือที่มีเนื้อหาเดียวกันและ/หรือประพันธ์วิธีเดียวกันรวมอยู่ในที่เดียวกัน

3.ทำให้หนังสือที่มีเนื้อเรื่องสัมพันธ์กันอยู่ใกล้กัน

4.ช่วยให้เจ้าหน้าที่ห้องสมุดจัดเก็บหนังสือคืนที่ได้ง่ายขึ้น

5.ช่วยให้ทราบว่าห้องสมุดมีหนังสือในแต่ละสาขาวิชามากน้อยเพียงใด

27.          ระบบการจัดหมู่ใดมีสัญลักษณ์เป็นเลขอารบิกและเหมาะสำหรับห้องสมุดโรงเรียน

(1)           การจัดหมู่หนังสือระบบห้องสมุดรัฐสภาอเมริกัน

(2)           การจัดหมู่หนังสือระบบทศนิยมดิวอี้

(3)           การจัดหมู่หนังสือระบบโคล่อน

(4)           การจัดหมู่หนังสือระบบทศนิยมสากล

ตอบ 2 หน้า 151 – 153 ระบบการจัดหมู่หนังสือแบบทศนิยมดิวอี้ (Dewey Decimal Classification : DDC หรือ DC) เป็นระบบที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในห้องสมุดขนาดเล็กหรือขนาดกลางที่มี หนังสือทั่ว ๆ ไปหลายสาขาวิชาในจำนวนที่ไม่มากนัก เช่น ห้องสมุดโรงเรียน ห้องสมุดประชาชน เป็นต้น ซึ่งการจัดหมวดหมู่หนังสือด้วยระบบนี้จะเป็นแบบเชิงกว้าง โดยแบ่งสรรพวิทยาการ ในโลกออกเป็น 10 หมวดใหญ่ และกำหนดสัญลักษณ์เป็นเลขอารบิก 3 ตัว ตั้งแต่ 100 – 000 เพื่อแสดงเนื้อหาของหนังสือ นอกจากนี้หากต้องการระบุเบื้อหาของหนังสือให้ชี้เฉพาะยิ่งขึ้น ก็ให้ใช้วิธีเขียนเป็นจุดทศนิยมตั้งแต่ 1 ตำแหน่งขึ้นไปจนถึงหลาย ๆ ตำแหน่งตามความเหมาะสม

28.          ตัวอักษรในข้อใดที่ไม่ใช้เป็นสัญลักษณ์ใบการจัดหมู่หนังสือระบบห้องสมุดรัฐสภาอเมริกัน

(1) I O W Y Z

(2) A R S X Y  

(3) I O W X Y 

(4) I S W X Y

ตอบ 3 หน้า 153 – 155 ระบบการจัดหมู่หนังสือแบบห้องสมุดรัฐสภาอเมริกัน (Library of Congress Classification : LCC หรือ LC) เป็นระบบที่นิยมใช้อย่างแพร่หลายในห้องสมุดขนาดใหญ่ ที่มีหนังสือเฉพาะสาขาวิชาใดวิชาหนึ่ง หรือมีหนังสือทั่วไปทุกประเภทเป็นจำนวนมาก เช่น ห้องสมุดเฉพาะ ห้องสมุดมหาวิทยาลัย เป็นต้น โดยจะแบ่งเนื้อหาหนังสือออกเป็น 20 หมวดใหญ่ และใช้สัญลักษณ์ในการจัดหมู่หรือเลขหมู่หนังสือเป็นแบบผสม คือ ใช้ตัวอักษรโรมัน A – Z (ยกเว้น I, O, W, X, Y) แสดงเนื้อหาในหมวดใหญ่ และใช้ตัวเลขอารบิกตั้งแต่ 1 – 9999 กับทศนิยมอีกไม่จำกัดตำแหน่งแบ่งย่อยเรื่องอีกทีหนึ่ง

29.          ข้อใดคือระบบจัดหมู่หนังสือของห้องสมุดคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

(1) ระบบ NLM  (2) ระบบ UDC  (3) ระบบ DDC  (4) ระบบ LC

ตอบ 1 หน้า 155 – 156 ระบบการจัดหมู่หนังสือแบบห้องสมุดแพทย์แห่งชาติของสหรัฐอเมริกา

(National Library Medicine : NLM) เป็นระบบการจัดหมูหนังสือที่ใช้กับห้องสมุดทางการแพทย์ สาธารณสุข และพยาบาล โดยจะใช้อักษรโรมันและเลขอารบิกเป็นสัญลักษณ์เช่นเดียวกับ การจัดหมู่หนังสือแบบห้องสมุดรัฐสภาอเมริกัน แต่แตกต่างกันในด้านการจำแนก ซึ่งระบบนี้จะนิยมใช้กับห้องสมุดของคณะแพทยศาสตร์ในทุกสถาบัน เชน หอสมุดศิริราช,ห้องสมุดคณะแพทยศาสตร์ ม.เขียงใหม่ห้องสมุดวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี กรุงเทพฯห้องสมุดคณะสาธารณสุขศาสตร์ ม.ขอนแก่น เป็นต้น

30.          ข้อใดคือ สัญลักษณ์ที่กำหนดให้กับหนังสือแต่ละเล่มในห้องสมุด

(1) เลขเรียกหนังสือ              (2) เลขหมู่หนังสือ  (3) หัวเรื่อง             (4) อักษรชื่อเรือง

ตอบ 1 หน้า 157191 เลขเรียกหนังสือ (Call Number) เป็นสัญลักษณ์หรือเครื่องหมายเฉพาะที่ ห้องสมุดกำหนดให้กับหนังสือแต่ละเล่มที่มีอยู่ในห้องสมุด โดยเลขเรียกหนังสือที่ปรากฏบนบัตรรายการจะเป็นเครื่องชี้บอกตำแหน่งของหนังสือบนชั้น ซึ่งเป็นที่เก็บหนังสือของห้องสมุด

31. หนังสือ 4 เล่ม มีสัญลักษณ์ด้งปรากฏข้างล่าง การเรียงลำดับที่ถูกต้องจะเป็นอย่างไร

 

 

613.47

 

650.2

 

613.47

 

613.7

น457ช

 

ณ457ช

 

ป457ช

 

น457ช

2056

 

2556

 

2555

 

2557

 

                           ก                        ข                         ค                         ง

 

(1) ก-ข-ค-ง       (2) ค-ก-ข-ง       (3) ข-ก-ค-ง       (4) ก-ค-ง-ข

ตอบ 4 หน้า 159 – 160 วิธีการจัดเรียงหนังสือบนชั้นในห้องสมุด จะพิจารณาจากเลขเรียกหนังสือจากซ้ายไปขวา จากชั้นบนลงชั้นล่าง และจะพิจารณาจัดลำดับจากเลขหมู่หนังสือก่อน ทั้งนี้ห้องสมุดที่จัดหมู่หนังสือด้วยระบบทศนิยมดิวอี้จะเรียงลำดับจากเลขหมู่น้อยไปหาเลขหมู่มากส่วนห้องสมุดที่จัดหมู่หนังสือด้วยระบบห้องสมุดรัฐสภาอเมริกันจะพิจารณาเรียงลำดับตามตัวอักษร A – Z ก่อน ต่อเมื่อตัวอักษรซ้ำกันจึงค่อยเรียงลำดับจากเลขหมู่น้อยไปหาเลขหมู่มากแต่ถ้าเลขหมู่ซ้ำกันก็ให้พิจารณาจากเลขผู้แต่งหรือเลขประจำหนังสือ และอักษรขื่อเรื่องตามลำดับ

(จากโจทย์ สามารถเรียงลำดับที่ถูกต้องได้ดังนี้ ก-ค-ง-ข)

32. ข้อใดคือสัญลักษณ์ที่กำหนดให้กับรายงานประจำปี กระทรวงศึกษาธิการ

(1) SC

(2) GV         

(3) GP         

(4) Ref

ตอบ 3 หน้า 131 – 132141166 – 167 สิ่งพิมพ์รัฐบาล หมายถึง สิ่งพิมพ์ที่หน่วยงานราชการเป็นผู้รับผิดขอบในการพิมพ์ขึ้น ซึ่งสาระในเล่มอาจเป็นรายงานการปฏิบัติงาน รายงานประจำปีร่างกฎหมายและมติต่าง ๆ ฯลฯ โดยสำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้จัดเก็บสิ่งพิมพ์รัฐบาลด้วยการแยกเป็นทรัพยากรลักษณะพิเศษ (Special Collection) และกำหนดระบบการจัดหมู่ขึ้นโดยเฉพาะ คือ กำหนดอักษร GP (Government Publication) เพื่อเป็นสัญลักษณ์พิเศษของสิ่งพิมพ์รัฐบาลกำกับเหนือเลขเรียกหนังสือ หลังจากนั้นจึงจัดแยกสิงพิมพ์ตามหน่วยงานรัฐบาลในระดับกระทรวง กรม ทอง ฯลฯ

33. ห้องสมุดโดยทั่วไปจัดเก็บวารสารฉบับใหม่ด้วยวิธีใด

(1)        จัดรวมไว้กับวารสารฉบับย้อนหลังฉบับก่อน ๆ

(2)        จัดรวมไว้กับหนังสือ

(3)        จัดเรียงไว้บนขั้นตามลำดับอักษรของชื่อวารสารจากซ้ายไปขวา

(4)        จัดเรียงบนขั้นตามเลขทะเบียน

ตอบ 3 หน้า 168 วิธีจัดเก็บวารสารของห้องสมุด มีดังนี้

1.         วารสารฉบับใหม่ คือ วารสารฉบับล่าสุด ห้องสมุดจะจัดเรียงไว้บนชั้นเอียงตามลำดับอักษร ของชื่อวารสารจากซ้ายไปขวา และมีป้ายชื่อวารสารกำกับไว้ที่ชั้นตรงกับตำแหน่งของวารสาร

2.         วารสารฉบับย้อนหลัง คือ วารสารที่ไม่ใช่ฉบับล่าสุด โดยห้องสมุดจะนำไปเย็บรวมเป็นเล่ม เมื่อได้รับครบปีและจัดเรียงไว้บนชั้น ตามลำดับอักษรของชื่อวารสาร โดยมีป้ายชื่อวารสาร กำกับไว้ตรงตามตำแหน่งของวารสารนั้น ๆ

34.       สัญลักษณ์ TR กำหนดสำหรับวัสดุในข้อใด

(1)        แผ่นเสียง         (2) แผ่นโปร่งใส          (3) หุ่นจำลอง  (4) วัสดุอิเล็กทรอนิกส์

ตอบ 2 หน้า 174 ห้องสมุดจะจัดเก็บแผ่นภาพโปร่งใส (Transparency) แยกไว้ต่างหาก ไม่รวมกับ วัสดุอื่น ๆ โดยกำหนดสัญลักษณ์ คือ TR ตามด้วยเลขทะเบียนหรือเลขหมู่ แล้วจัดเก็บไว้ ในกล่องหรือแฟ้มเรียงไว้ในตู้เก็บเอกสาร โดยที่กล่องหรือแฟ้มจะมีป้ายระบุรายละเอียด ได้แก่ เนื้อเรื่องย่อ จำนวน สี และขนาดเอาไว้

35.       สัญลักษณ์ VR กำหนดสำหรับวัสดุในข้อใด

(1) แผ่นเสียง    (2) แผ่นโปร่งใส          (3) ของจริง      (4) วีดิทัศน์

ตอบ 4 หน้า 175 วีดิทัศน์ (Videorecording) มีวิธีจัดเก็บ 2 แบบ คือ

1.         จัดเลขหมู่ให้ โดยมีป้ายติดเลขหมู่ที่ตลับเทป แล้วจัดเรียงรวมกับหนังสือ

2.         จัดแยกจากหนังสือ โดยกำหนดสัญลักษณ์ คือ VR (Videorecording) ตามด้วยเลขทะเบียน หรือเลขหมู่ ติดป้ายชื่อเรื่อง ความยาว แล้วนำไปจัดเรียงไว้บนขั้นหรือใส่ในลิ้นชักตู้เหล็ก

36.       ข้อใดเป็นวิธีการจัดเก็บไมโครฟิล์ม

(1)        จัดเก็บไว้ในกล่อง เรียงตามหัวเรื่องกว้าง ๆ

(2)        จัดแยกเก็บไว้ใบตู้เก็บเอกสารโดยเฉพาะ

(3)        จัดเก็บไว้ในกล่อง แยกเป็นหมวดหมู่ เรียงตามเลขทะเบียน

(4)        จัดเก็บไว้ในกล่อง เรียงตามลำดับอักษร

ตอบ 3 หน้า 177 ห้องสมุดโดยทั่วไปนิยมจัดเก็บไมโครฟิล์มทั้งที่เป็นชนิดม้วนและตลับด้วยการ จัดทำป้าย ซึ่งประกอบด้วยรายละเอียดที่สำคัญ ได้แก่ เลขทะเบียน ชื่อเรื่อง ความยาว ความกว้าง ประเภทของฟิล์ม และสัญลักษณ์ที่กำหนดเป็นเลขหมู่ แล้วติดไว้บนกล่องม้วนและตลับ แต่ห้องสมุดบางแห่งอาจนำกล่องหรือตลับไมโครฟิล์มที่ปิดป้ายมาแยกเป็นหมวดหมู่ แล้วเรียง ตามลำดับเลขทะเบียนไว้ในลิ้นชักตู้เหล็ก หรือเรียงใส่ตะแกรงพลาสติกไว้บนชั้นแบบชั้นเก็บหนังสือ

37.       ส่วนใดของบัตรรายการที่บอกตำแหน่งของหนังสือในห้องสมุด

(1)        ชื่อผู้แต่ง         (2) เลขเรียกหนังสือ     (3) เลข ISBN   (4) ชื่อเรื่อง

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 30. ประกอบ

38.       รายการในข้อใดปรากฏใน “แนวสืบค้น” ของบัตรรายการ   

(1) หมายเหตุ(2)           การพิมพ์และการเผยแพร่       (3) หัวเรื่อง      (4) ลักษณะรูปร่าง

ตอบ 3 หน้า 193 แนวสืบค้น (Tracing) เป็นส่วนประกอบของบัตรรายการที่บอกให้ทราบว่านอกจากบัตรยืนพื้นหรือบัตรหลักแล้ว ห้องสมุดทำบัตรชนิดใดเพิ่มอีกบ้าง ซึ่งรายการของแนวสืบค้น จะมี 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นหัวเรื่อง และรายการเพิ่มต่าง ๆ เช่น รายการชื่อผู้แต่งร่วม ผู้แปล ผู้วาดภาพประกอบ เป็นต้น

39.       ส่วนประกอบของบัตรรายการในข้อใดที่ให้ข้อมูลอื่นเพิ่มเติมนอกเหนือจากที่บอกไว้ในส่วนอื่น ๆ

(1) หมายเหตุ (2) การพิมพ์และการเผยแพร่     (3) หัวเรื่อง      (4) ลักษณะรูปร่าง

ตอบ 1 หน้า 193 หมายเหตุ (Notes) เป็นส่วนประกอบของบัตรรายการที่ให้ข้อมูลอื่นเพิ่มเติมเกี่ยวกับ หนังสือนอกเหนือจากที่บอกไว้ในส่วนอื่น ๆ เพื่อให้ผู้ใช้ได้ทราบเพิ่มเติมว่าหนังสือเล่มนั้น มีบรรณานุกรม ดรรชนิ อภิธานศัพท์ ภาคผนวก เป็นต้น

40.          ข้อความบรรทัดแรกของบัตรหลักที่ไม่ปรากฏชื่อผู้แต่งคือข้อใด

(1) ชื่อผู้แต่ง          

(2) เลขเรียกหนังสือ             

(3) เลข ISBN    

(4) ชื่อเรื่อง

ตอบ 4 หน้า 194 บัตรหลัก (Main Card) หรือบัตรยืนพื้น หรือบัตรผู้แต่ง เป็นบัตรรายการที่มี ชื่อผู้แต่งอยู่บนบรรทัดแรก ซึ่งบรรณารักษ์จะจัดทำขึ้นเป็นครั้งแรก และใช้เป็นบัตรหลัก ในการจัดทำบัตรเพิ่มเติมอื่น ๆ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาหนังสือได้จากจุดค้นหลาย ๆ จุด โดยรายการสำคัญในบัตรหลักคือ รายการชื่อผู้แต่ง แต่ในกรณีที่ไม่สามารถลงซื่อผู้แต่ง เป็นรายการหลักได้ให้ลงชื่อเรื่องเป็นรายการหลักแทน

41.          ประเภทของวัสดุ ปรากฏอยู่ในบัตรรายการประเภทใด

(1) บัตรรายการไมโครพิช   

(2) บัตรรายการกฤตภาค

(3) บัตรรายการสิ่งพิมพ์รัฐบาล          

(4) บัตรรายการจุลสาร

ตอบ 1 หน้า 203 – 205 รายละเอียดที่ปรากฏบนบัตรรายการของวัสดุไม่ตีพิมพ์ประเภทต่าง ๆ เช่น ภาพนิ่งหรือสไลด์ (Slide), ภาพเลื่อน (Filmstrip), วัสดุโปร่งใส (Transparency), ไมโครพิช (Microform) ฯลฯ มักประกอบด้วยรายละเอียดสำคัญ ๆ เช่น ประเภทของวัสดุ สถานที่ผลิต หรือผู้จัดทำ ขนาด ฯลฯ ส่วนการให้เลขเรียกหนังสือขึ้นอยู่กับห้องสมุดว่าจะใช้ระบบการจัดหมู่ ประเภทใด

42.          ข้อใดเรียงลำดับอักษรตามแบบพจนานุกรมได้ถูกต้อง

(1) ขวัญเรือน ขวัญข้าว ขวัญเรียม ขวัญฤทัย   

(2)ขวัญข้าว ขวัญฤทัย ขวัญเรียม ขวัญเรือน

(3) ขวัญข้าว ขวัญเรียม ขวัญเรือน ขวัญฤทัย   

(4)ขวัญฤทัย ขวัญข้าว ขวัญเรียม ขวัญเรือน

ตอบ 3 หน้า 206 – 210 การเรียงบัตรรายการหนังสือภาษาไทยมีหลักเกณฑ์ ดังนี้

1.             ให้เรียงลำดับอักษรตามแบบพจนานุกรมตั้งแต่ ก – ฮ โดยไม่คำนึงถึงเสียงอ่าน

2.             คำที่ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะเดียวกัน ให้เรียงคำที่มีตัวสะกดไว้ก่อนคำที่มีรูปสระ

3.             คำที่ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะเดียวกันให้เรียงสำดับรูปสระตามแบบพจนานุกรมตั้งแต่ อะ – ไอ

4.             ตัว ฤ เรียงไว้หลังตัว ร ส่วนตัว ฦ เรียงไว้หลังตัว ล

5.             ไม่ลำดับตามวรรณยุกต์ ยกเว้นแต่คำเดียวโดด ๆ จึงจะเรียงตามลำดับวรรณยุกต์ ฯลฯ

43.          ข้อใดเรียงลำดับอักษรตามแบบพจนานุกรมได้ถูกต้อง

(1) (Mr. & Mrs. Smith) (M.I.B.) (Madmen)      

(2)(Madmen) (M.I.B.) (Mr. & Mrs. Smith)

(3) (M.I.B.) (Madmen) (Mr. & Mrs. Smith)      

(4)(M.I.B.) (Mr. & Mrs. Smith) (Madmen)

ตอบ 3 หน้า 210 – 213 การเรียงบัตรรายการหนังสือภาษาอังกฤษมีหลักเกณฑ์ ดังนี้

1.             ให้เรียงลำดับอักษรตามแบบพจนานุกรมตั้งแต่ A – Z โดยเรียงแบบคำต่อคำ ไม่ต้อง คำนึงถึงเครื่องหมายใด ๆ

2.             ถ้ามีคำนำหน้านาม เช่น a, an, the, de, dela, les ฯลฯ ขึ้นต้นประโยค เวลาเรียงบัตร ไม่ต้องคำนึงถึงคำเหล่านี้ แต่ให้เรียงลำดับอักษรของคำที่อยู่ถัดไป ยกเว้นถ้าคำนำหน้านาม เป็นส่วนหนึ่งของประโยค จะต้องเรียงลำดับอักษรของคำนำหน้านามนั้นด้วย

3.             ชื่อย่อและอักษรย่อให้เรียงลำดับอักษรของตัวย่อนั้น ๆ ก่อน แล้วจึงเรียงคำที่ไม่ใช่คำย่อ ตามมา เช่น M.I.B. Madmen

4.             คำย่อที่เป็นคำนำหน้าชื่อบุคคลและยศให้เรียงลำดับเหมือนเป็นคำที่สะกดเต็ม เช่น Mr.ให้เรียงตามคำสะกดเต็มคือ Mister, Mrs. ให้เรียงตามคำสะกดเต็มคือ Mistress ฯลฯ

44. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง

(1)           LCSH คือ บัญชีหัวเรื่องสำหรับหนังสือหมวดกฎหมาย

(2)           บัญชีหัวเรื่องใช้ในการเลือกคำเพื่อค้นหาหนังสือของห้องสมุด

(3)           Sear’s List คือ บัญชีหัวเรื่องสำหรับหนังสือทั่วไปของห้องสมุด

(4)           หัวเรื่อง คือ คำที่ใช้แทนเนื้อหาของหนังสือและสื่ออื่น ๆ

ตอบ 1 หน้า 221 หัวเรื่อง หมายถึง คำหรือวลีหรือชื่อเฉพาะต่าง ๆ ที่ใช้แทนเนื้อหาของหนังสือและสื่ออื่น ๆ โดยบรรณารักษ์ไม่ได้เป็นผู้เลือกขึ้นเอง แต่จะเลือกคำหรือวลีเพื่อค้นหาหนังสือ ในห้องสมุดจากบัญชีหัวเรื่องมาตรฐานที่นิยมใช้กันทั่วไป ได้แก่

1.             Library of Congress Subject Headings (LCSH) จัดทำขึ้นโดยห้องสมุดรัฐสภาอเมริกัน เพื่อใช้เป็นบัญชีหัวเรื่องหนังสือและทรัพยากรสารสนเทศอื่น ๆ ที่เป็นภาษาอังกฤษสำหรับ ห้องสมุดขนาดใหญ่

2.             Sear’s List of Subject Headings (Sear’s List) เป็นบัญชีหัวเรื่องสำหรับหนังสือทั่วไปที่เป็น ภาษาอังกฤษสำหรับห้องสมุดขนาดเล็ก โดยจะใช้คู่กับการจัดหมู่หนังสือในระบบทศนิยมดิวอี้

45.   รายการที่ปรากฏในบัญชีหัวเรื่องข้างล่าง ข้อใดกล่าวได้ถูกต้อง

แม่

ดูที่

มารดา   

(1)           มารดา ใช้เป็นหัวเรื่องได้

(2)           มารดา คือ หัวเรื่องย่อย

(3)           แม่ คือ หัวเรื่องย่อย

(4)           แม่ ใช้เป็นหัวเรื่องใหญ่และหัวเรื่องย่อยได้

                ตอบ 1 หน้า 199225 รายการโยง (Cross Reference) คือ การกำหนดสัญลักษณ์เพื่อแสดงให้ทราบว่าคำหรือวลีที่ตามมาใช้เป็นหัวเรื่องได้หรือไม่ และมีความเกี่ยวข้องหรือสัมพันธ์กับเนื้อหา มากน้อยเพียงใด โดยมีตัวอย่างสัญลักษณ์ ดังนี้

1.             sa (see also) หรือ ดูเพิ่มเติม” ใช้โยงไปสู่หัวเรื่องอื่นที่มีความสัมพันธ์กัน แต่มีเนื้อหาแคบกว่า

2.             ใช้หน้าคำหรือวลีที่เลิกใช้เป็นหัวเรื่องแล้ว

3.             see หรือ ดูที่” ใช้โยงหน้าคำหรือวลีที่ไม่ใช้เป็นหัวเรื่องไปยังคำที่ใช้เป็นหัวเรื่อง เช่น แม่ ดูที่ มารดา หมายถึง แม่ ไม่ใช้เป็นหัวเรื่องแล้ว มารดา ใช้เป็นหัวเรื่องได้

4.             XX ใช้หน้าคำหรือวลีที่มีความหมายสัมพันธ์กับหัวเรื่องใหญ่ แต่มีเนื้อหากว้างกว่ามาก เป็นต้น

46.      รายการในข้อใดใช้เป็นหัวเรื่องในการค้นหาหนังลือของห้องสมุดได้

(1) เรือไทย         

(2) เรือ– –ไทย

(3) เรือไทย

(4) ไทยเรือ

            ตอบ 2 หน้า 224 – 225 หัวเรื่องย่อย เป็นคำหรือวลีทีใช้เป็นหัวเรืองย่อยเพื่อขยายหัวเรื่องใหญ่ ให้เห็นชัดเจนหรือจำเพาะเจาะจงขึ้น โดยหัวเรื่องย่อยจะมีขีดสั้น 2 ขีด (– -) อยู่ข้างหน้าคำ เพื่อคั่นระหว่างหัวเรื่องใหญ่และหัวเรื่องย่อย แบ่งได้ 4 ประเภท ดังนี้

1.        แบ่งตามวิธีเขียน เข่น ภาษาไทยแบบฝึกหัดหนังสือหายากบรรณานุกรม ๆลๆ

2.        บอกลำดับเหตุการณ์ ซึ่งจะแบ่งตามปีคริสต์ศักราช ยุคสมัย หรือชื่อพระเจ้าแผ่นดิน เช่น ไทย–ประวัติศาสตร์กรุงสุโขทัย, 1800 – 1900 ๆลๆ

3.        แบ่งตามขอบเขตเฉพาะของเนื้อหา เช่น English Language–Grammar, เกษตรกรรมแง่สังคม ฯลฯ

4.        แบ่งตามสภาพภูมิศาสตร์ เข่น พุทธศาสนาไทยเชียงใหม่เรือไทย ฯลฯ

47.          ข้อใดหมายถึงหัวเรื่องสัมพันธ์ที่กว้างกว่า

(1) NT Child care

(2) BT Child care (

3) RT Care, child

(4) UF Care, child

ตอบ 2 หน้า 225 – 227, (IS 101 เลขพิมพ์ 52079 หน้า 256) บัญชีหัวเรื่องมาตรฐาน LCSH ฉบับปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงการใช้สัญลักษณ์บางตัวเพื่อกำหนดความสัมพันธ์ของคำที่ใช้เป็นหัวเรื่อง ดังนี้

1.             BT (Broader Term) คือ หัวเรื่องสัมพันธ์ที่กว้างกว่า

2.             NT (Narrower Term) คือ หัวเรื่องสัมพันธ์ที่แคบกว่า

3.             RT (Related Term) คือ หัวเรื่องที่สัมพันธ์กับหรือใช้แทนกันได้

4.             UF (Use For) คือ หัวเรื่องที่ไม่กำหนดให้ใช้แล้ว

5.             USE คือ หัวเรื่องที่กำหนดให้ใช้

6.             — คือ หัวเรื่องย่อย

48. รายงานการค้นคว้าในข้อใดที่จัดทำขึ้นเพื่อประกอบการเรียบในระดับปริญญาเอก

(1) ดุษฎีนิพนธ์      

(2) วิทยานิพนธ์    

(3) ภาคนิพนธ์       

(4) ปริญญานิพนธ์

ตอบ 1 หน้า 237 วิทยานิพนธ์ (Thesis) เป็นรายงานการวิจัยหรือการค้นคว้าอย่างลึกซึ้งในเรื่องใด เรื่องหนึ่งของนักศึกษาในระดับอุดมศึกษา ใช้เพื่อขอเลื่อนวิทยฐานะทางวิชาการให้สูงขึ้น โดยวิทยานิพนธ์ในระดับปริญญาตรีและปริญญาโท (บัณฑิตศึกษา) จะเรียกได้อีกชื่อหนึ่งว่า ปริญญานิพนธ์” (Thesis) ส่วนระดับปริญญาเอกเรียกว่า ดุษฎีนิพนธ์” (Dissertation)

49.          การวางโครงเรื่องเพื่อการทำรายงาน ควรทำต่อจากขั้นตอนใด

(1) ขั้นเลือกเรื่อง    (2) ขั้นสำรวจข้อมูล               (3) การบันทึกข้อมูล              (4) การตั้งชื่อเรื่อง

ตอบ 3 หน้า 238 – 263 ขั้นตอนของการทำรายงานหรือภาคนิพนธ์มี 6 ขั้นตอน ดังนี้

1. การกำหนดชื่อเรื่องหรือหัวข้อที่จะทำรายงาน              

2. การสำรวจข้อมูล

3.การรวบรวมบรรณานุกรม ซึ่งจะมีประโยชน์ในการเขียนรายงานฉบับร่าง

4.การบันทึกข้อมูล หรือทำบัตรบันทึกข้อมูล      5. การวางโครงเรื่อง 6. การเรียบเรียงเนื้อหารายงานฉบับร่าง

50.          ข้อมูลที่ได้จากการสอบถามชาวบ้านเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองของไทย จัดอยู่ในกลุ่มใด

(1) ข้อมูลปฐมภูมิ  (2) ข้อมูลทุติยภูมิ  (3) ข้อมูลเอกสาร  (4) ข้อมูลกลั่นกรอง

ตอบ 1 หน้า 67240 แหล่งข้อมูลแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

1.             แหล่งข้อมูลปฐมภูมิ (Primary Sources) เป็นหลักฐานเบื้องต้นหรือข้อมูลอันดับแรกที่ได้รับจากบุคคลโดยตรง เช่น ประสบการณ์ของตนเอง บันทึกส่วนตัว จดหมายโต้ตอบ พระบรมราโซวาท ต้นฉบับตัวเขียน (Manuscript) อัตชีวประวัติ บทสัมภาษณ์แบบสอบถาม สุนทรพจน์ ฯลฯ

2.             แหล่งข้อมูลทุติยภูมิ (Secondary Sources) หรือข้อมูลอันดับรอง ได้แก่ หนังสือหรือตำรา และวัสดุที่เป็นผลผลิตของการค้นคว้าจากหลักฐานเบื้องต้น เช่น บทความจากวารสาร ข่าวในหนังสือพิมพ์ ดรรชนี สารานุกรม กฤตภาค ฯลฯ

51.          การบันทึกข้อมูลเพื่อทำรายงานโดยการคัดลอกให้เหมือนต้นฉบับ ใช้สำหรับสื่อประเภทใด

(1) พระราชบัญญัติ              (2) รายงานการวิจัย              (3) ตำราวิชาการ   (4) บทความวารสาร

ตอบ 1 หน้า 257260 – 261 การบันทึกข้อมูลแบบลอกความ (Quotation) จะเหมาะกับข้อความ หรือข้อเท็จจริงที่ชัดแจ้ง เช่น สูตรทางคณิตศาสตร์ ความหมายหรือคำนิยามในเชิงวิชาการ พระบรมราโขวาท พระราชบัญญัติ ข้อบังคับ กวีนิพนธ์ และบทละครต่าง ๆ ซึ่งมีข้อควรระวัง คือ ต้องคัดลอกทุกอย่างให้เหมือนต้นฉบับ ตอนใดที่คัดลอกมาทั้งหมดให้คร่อมไว้ด้วยเครื่องหมายอัญประกาศ (“ ___  ”) แต่ถ้าคัดลอกมาเพียงบางส่วนให้ใช้เครื่องหมายจุด 3 จุด(…) ใส่ไว้ก่อนหรือหลังข้อความนั้น โดยบัตรบันทึกชนิดนี้จะกระทำเมื่อ

1. ผู้ทำรายงาน ไม่สามารถหาคำพูดได้ดีกว่าเนื้อหาเดิม

2. เนื้อหาเดิมได้วางระเบียบกฎเกณฑ์และวิธีการไว้ อย่างดีแล้วจึงไม่ควรดัดแปลง

3. เนื้อหาเดิมบรรยายถึงแนวคิดของผู้แต่งจึงไม่ควรดัดแปลง

52.          ข้อมูลเพิ่มเติมที่ช่วยให้ผู้อ่านรายงานได้เข้าใจเนื้อหามากยิ่งขึ้น ควรใส่ไว้ในส่วนใดของรายงาน

(1)อภิธานศัพท์     

(2) เชิงอรรถ          

(3) ประกาศคุณูปการ         

(4) ภาคผนวก

ตอบ 4 หน้า 275 ภาคผนวก (Appendix) เป็นส่วนท้ายของรายงานที่นำเสนอข้อมูลเพิ่มเติมนอกเหนือจากส่วนที่เป็นเนื้อเรื่อง เนื่องจากรายการนั้นไม่เหมาะที่จะเสนอแทรกไว้ในส่วนเนื้อหา แต่มีความสัมพันธ์และช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจเนื้อเรื่องได้ดียิ่งขึ้น เช่น ตารางแสดงจำนวนประชากร แบบสอบถาม ตารางลำดับเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ เป็นต้น

53.          ข้อใดไม่ใช่ส่วนประกอบตอนต้นของรายงาน

(1) คำนำ                (2) บทนำ               (3) สารบัญ            (4) ปกใน

ตอบ 2 หน้า 274 – 275306 ส่วนประกอบของรายงาน แบ่งออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ ๆ ดังนี้

1.             ส่วนประกอบตอนต้น ได้แก่ ปกนอก หน้าปกใน (หน้าชื่อเรื่อง) หน้าคำนำ หน้าสารบาญ หรือสารบัญ และหน้าสารบัญภาพ

2.             ส่วนที่เป็นเนื้อหา ได้แก่ บทนำ รายละเอียดของเนื้อหา และส่วนสรุป

3.             ส่วนประกอบตอนท้าย ได้แก่ บรรณานุกรม ภาคผนวก อภิธานศัพท์ และปกหลัง

54.          ข้อใดคือการลงรายการบรรณานุกรมที่ถูกต้อง

(1)           เลียง เสถียรสุต และเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์. ส่องตะเกียง. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพๆ : หกสิบแปดการพิมพ์2526.

(2)           เลียง เสถียรสุต และเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย่. 2526. ส่องตะเกียง. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพๆ : หกสิบแปดการพิมพ์.

(3)           เลียง เสถียรสุต และเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์. ส่องตะเกียง. พิมพ์ครั้งที่ 3. 2526. กรุงเทพฯ : หกสิบแปดการพิมพ์.

(4)           เลียง เสถียรสุต และเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์. ส่องตะเกียง. กรุงเทพฯ : หกสิบแปดการพิมพ์,พิมพ์ครั้งที่ 3. 2526.

ตอบ 1 หน้า 254 – 255276 – 277, (IS 101 เลขพิมพ์ 52079 หน้า 313 – 315)

รูปแบบการเขียนรายการบรรณานุกรมลำหรับหนังสือที่ถูกต้องมี 2 รูปแบบ ได้แก่

1. รูปแบบตามคู่มือ Turabian มีแบบแผนการเขียนรายการอ้างอิง ดังนี้

ชื่อผู้แต่ง. ชื่อหนังสือ. ครั้งที่พิมพ์. สถานที่พิมพ์ : สำนักพิมพ์ปีที่พิมพ์.

เช่น เลียง เสถียรสุต และเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์. ส่องตะเกียง. พิมพ์ครั้งที่ 3.

กรุงเทพฯ : หกสิบแปดการพิมพ์2526.

2. รูปแบบตามคู่มือ APA มีแบบแผนการเขียนรายการอ้างอิง ดังนี้

ชื่ออผู้แต่ง. (ปีที่พิมพ์). ชื่อหนังสือ (ครั้งที่พิมพ์). สถานที่พิมพ์ : สำนักพิมพ์.

เช่น เลียง เสถียรสุต และเนาวรัตน์ พงษไพบูลย์. (2526). ส่องตะเกียง (พิมพ์ครั้งที่ 3).

กรุงเทพๆ : หกสิบแปดการพิมพ์.

55.      ข้อใดเขียนรายการอ้างอิงในวงเล็บได้ถูกต้อง

(1) (ประภาส พาวินันท์ 2548, หน้า 50)                                   (2) (ผศ. ประภาส พาวินันท์ 2548, 50)

(3) (ประภาส 2548, 50)                                                            (4) (ผศ. ดร.ประภาส พาวินันที 2553, หน้า 48)

ตอบ 1 หน้า 264, 276 – 277, (คำบรรยาย) การแสดงที่มาของข้อมูลเฉพาะที่แบบนาม-ปี

(Author-date) คือ รายการอ้างอิงแบบในวงเล็บที่แทรกลงไปในเนื้อหา (Cite—in—Text)

โดยใส่ชื่อผู้เขียนและปีที่พิมพ์พร้อมด้วยเลขหน้าไว้ในวงเล็บหลังข้อความที่คัดลอกมาหรือที่ต้องการอ้างอิง ซึ่งมีรูปแบบตามคู่มือ Turabian ดังนี้ (ชื่อผู้แต่ง / ปีที่พิมพ์, / หน้าที่อ้างอิง) เช่น (ประภาส พาวินันที 2548, หน้า 50) โดยไม่ต้องระบุคำนำหน้านาม ตำแหน่งทางวิชาการ และวิชาชีพ ยกเว้นผู้แต่งที่มีฐานันดรศักดิ์ บรรดาศักดิ์ สมณศักดิ์ หรือยศ ให้ใส่ไว้ก่อนชื่อ เช่น (พระยาอนุมานราชธน 2503, หน้า 290) หากผู้แต่งเป็นชาวต่างชาติให้ลงชื่อสกุลของผู้แต่ง ตามด้วยปีที่พิมพ์และเลขหน้า เช่น (Wilson 1996, p. 11)

56.       ข้อใดคือวัตถุประสงค์ในการพัฒนาอินเทอร์เน็ตในยุคแรก ๆ

(1) ด้านการเรียนการสอนออนไลน์     (2) ด้านการสื่อสารทางการทหาร

(3) ด้านการค้าขายทางออนไลน์          (4) ด้านบริการงานห้องสมุด

ตอบ (IS 101 เลขพิมพ์ 52079 หน้า 47 – 48), (คำบรรยาย) การพัฒนาอินเทอร์เน็ตเกิดขึ้น ในปี พ.ศ. 2512 เมื่อกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกาได้ให้ทุนสนับสนุบโครงการพัฒนา เครือข่ายคอมพิวเตอร์ ซึ่งเริ่มแรกนั้นได้มีการจัดตั้งเครือข่ายอาร์พาเน็ต (ARPAnet) ขึ้น เพื่อเน้นใช้งานด้านการทหารและการสื่อสารใบช่วงสงครามเย็นมากที่สุด และเพื่อเชื่อมโยง คอมพิวเตอร์ของหน่วยงานในมหาวิทยาลัย 4แห่ง ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับงานวิจัย จนกระทั่ง ในปี พ.ศ. 2526 จึงพัฒนามาเป็นเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และในปัจจุบันได้มีการนำอินเทอร์เน็ต มาใช้งานในเชิงพาณิชย์มากขึ้น

57.       ข้อใดหมายถึงมาตรฐานการเชื่อมต่อการสื่อสารระหว่างเว็บบราวเซอร์และเซิร์ฟเวอร์

(1) HyperText Transfer Protocol (HTTP)

(2) HyperText Markup Language (HTML)

(3) Uniform Resource Locator (URL)

(4) World Wide Web Consortium (W3C)

ตอบ 1 (คำบรรยาย) HyperText Transfer Protocol (HTTP) คือ โปรโตคอลแบบไคลเอ็นต์/เซิร์ฟเวอร์ที่เป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อการสื่อสารระหว่างเว็บบราวเซอร์และเว็บเซิร์ฟเวอร์ จึงเป็นโปรโตคอลในระดับชั้นโปรแกรมประยุกต์เพื่อการแจกจ่ายและการทำงานร่วมกันกับ สารสนเทศของสื่อผสม โดยจะใช้สำหรับการรับทรัพยากรที่เชื่อมโยงกับภายนอก ซึ่งนำไปสู่ การจัดตั้ง World Wide Web (WWW)

58.       มหาวิทยาลัยรามคำแหงเป็นผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตประเภทใด

(1) ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตภาครัฐ      

(2) ผู้ใหับริการอินเทอร์เน็ตภาคเอกชน

(3) ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเชิงพาณิชย์           

(4) ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตมาตรฐานสากล

ตอบ 1 หน้า 310, (IS 101 เลขพิมพ์ 52079 หน้า 49) ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตสามารถเชื่อมต่อ อินเทอร์เน็ต โดยใช้บริการผ่านผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่

1.         ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตภาคเอกชน หรือเชิงพาณิชย์ (Internet Service Provider ะ ISP) เช่น บริษัท True Corporation (Asia InfoNet), Samart, TT&T เป็นต้น

2.         ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตภาครัฐ เช่น หน่วยงานราชการ หรือมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ที่อนุญาตให้เชื่อมต่อโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่คุณภาพของบริการอาจไม่เท่ากับของภาคเอกชน

59.       Search Engine หมายถึง

(1)        เครื่องมือช่วยค้นหาสารสนเทศจากฐานข้อมูล Websites

(2)        เครื่องมือช่วยค้นหาสารสนเทศจากฐานข้อมูล WebOPAC

(3)        เครื่องมือช่วยค้นหาสารสนเทศจากฐานข้อมูล OPAC

(4)        เครื่องมือช่วยค้นหาสารสนเทศจากฐานข้อมูล E-book

ตอบ 1  หน้า 313, (คำบรรยาย) Search Engine คือ เครื่องมือที่ช่วยค้นหาสารสนเทศจากฐานข้อมูล

เว็บไซต์ (Websites) ที่ให้บริการบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่ง Search Engine จะแสดงรายการ สารบาญและช่องว่างให้เติมคำที่ต้องการสืบค้น จากนั้นให้ผู้ใช้ป้อนคำ ข้อความ หรือชื่อเรื่อง ที่ต้องการค้นหา ก็สามารถหาเว็บไซต์ที่ต้องการหรือรายชื่อเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาใกล้เคียงกันได้

60.       www.unt.edu โดเมน (.edu) เป็นเครือข่ายอินเทอร์เน็ตประเภทใด

(1) กลุ่มด้านการศึกษา

(2) กลุ่มด้านการทหาร

(3) กลุ่มด้านธุรกิจนานาชาติ  

(4) กลุ่มองคํกรนานาขาติ

ตอบ 1 (คำบรรยาย) โดเมนระดับบนสุดแบบทั่วไป (Generic Top Level Domains : gTLDs) หมายถึง ชื่อโดเมนระดับบนสุด ซึ่งจัดตามกลุ่มองค์กรและมักอยู่ทางขวาสุดของชื่อ โดยในระยะแรกเริ่ม มีอยู่ 7 หมวด ได้แก่ .com กลุ่มองค์กรธุรกิจการค้า, .edu กลุ่มสถาบันด้านการศึกษา, .gov กลุ่มหน่วยงานรัฐบาลของสหรัฐฯ, .int กลุ่มองค์กรนานาชาติ, .mil กลุ่มหน่วยงานทางทหาร ของสหรัฐฯ, .net กลุ่มหน่วยงานเครือข่าย และ .org กลุ่มองค์กรจัดตั้ง (Organizations) เช่น องค์กรที่ไม่แสวงผลกำไร หรือหน่วยงานที่ไม่เข้ากลุ่มอื่น

HIS1003 อารยธรรมโลก การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2556

การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2556

ข้อสอบกระบวนวิชา HIS 1003 อารยธรรมโลก

คำสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่ลุดเพียงคำตอบเดียว (ข้อสอบมีทั้งหมด 120 ข้อ)

1.      ศาสดาของชาติใดสมัยโบราณทีสอนว่าโลกนี้มีเทพฝ่ายดีและเทพฝ่ายชั่วควบคุมอยู่

(1)    เปอร์เซีย         

(2) อียิปต์      

(3) ฮิบรู         

(4) อัสซีเรียน

ตอบ 1 หน้า 21, (HI 101 (H) เลขพิมพ์ 49008 หน้า 31) ศาสนาประจำชาติของจักรวรรดิเปอร์เซียโบราณ คือ โซโรแอสเตอร์ (Zoroaster)ซึ่งมีโซโรแอสเตอร์เป็นศาสดา โดยเขาสอนว่าโลกนี้มีทั้งเทพฝ่ายดี คือ เทพเจ้าแห่งแสงสว่าง (Ahura Mazda) และเทพฝ่ายชั่ว คือ เทพเจ้าแห่งความมืดมน (Aharyman) ที่ต่อสู้กันตลอดเวลา ซึ่งปัจจุบับยังคงมีผู้นับถือศาสนาโซโรแอสเตอร์อยู่ใน ประเทศอิหร่านประมาณ 45,000 คน

2.      าณาาจักรใดคือของขวัญจากแม่น้ำไนล์

(1) บาบิโลเนีย          

(2)     แคลเดีย          

(3) อียิปต์      

(4)     ซีเรีย

ตอบ 3 หน้า 7, (คำบรรยาย) เฮโรโดตัส (Herodotus) นักประวัติศาสตร์ชาวกรีก ได้กล่าวว่า อียิปต์เป็นของขวัญของแม่นํ้าไนล์” (Egypt is the gift of the Nile) ทั้งนี้เพราะอียิปต์ ได้รับความชุ่มมชื้นจากแม่นํ้าไนล์ จึงทำให้อียิปต์กลายเป็นดินแดนที่มีความอุดมสมบูรณ์ เหมาะแก่การทำเกษตรกรรม และมีความมั่งคั่งจนสามารถสร้างสรรค์อารยธรรมหรือความ เจริญต่างๆ จนกระทั่งกลายเป็นแหล่งกำเนิดอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ของโลกในยุคโบราณได้

3.      เมื่อเดวิดล้มยักษ์โกไลแอธแห่งอาณาจักรฟิลิสไตน์ได้แล้ว จึงตั้งอาณาจักรใดขึ้น

(1) ฮิบรู         

(2) ฟินิเซีย     

(3) อียิปต์      

(4)     บาบิโลเนีย

ตอบ 1 หน้า 20, (คำบรรยาย) เมื่อกษัตริย์เดวิด (David) รวมกำลังกับฮิบรู 12 ตระกูลในการขับไล่ กษัตริย์โกไลแอธผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรฟิลิสไตน์ออกไปจากดินแดนคานานหรือปาเลสไตน์ ได้สำเร็จแล้ว จึงทรงสถาปนาจัดตั้งอาณาจักรฮิบรูขึ้น โดยมีนครหลวงอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็ม ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางศาสนาและการเมือง

4.      ฟาโรห์อาเมนโฮเตปที่ 4 ทำเช่นไรเพื่อเพิ่มอำนาจของพระองค์ให้มั่นคงยิ่งขึ้น

(1) สังหารนักบวชประจำแคว้น        

(2) นับถืออาเตนเป็นพระเจ้าองค์เดียว

(3) จ้างกองทหารต่างชาติ    

(4) ตั้งคณะผู้ตรวจสอบโนมาร์ช

ตอบ 2 หน้า 10, (คำบรรยาย) ฟาโรห์อัคนาตันหรืออาเมนโฮเตปที่ 4 ท่รงให้ความสนใจเป็นพิเศษกับ ความเชื่อทางศาสนาและทรงปฏิรูปศาสนาใหม่ เพราะต้องการเพิ่มอำนาจของพระองค์ให้มั่นคงยิ่งขึ้น และทำลายอำนาจของพวกพระ โดยกำหนดให้ประชาชนเลิกนับถือเทพเจ้าหลายองค์ แล้วหันมานับถือสุริยเทพอาเตน (Aten) เพียงองค์เดียว ซึ่งการกระทำของพระองค์ส่งผลให้อียิปต์ อ่อนแอและเสื่อมลงเรื่อย ๆ จบกระทั่งตกอยู่ภายใต้การปกครองของอัสซีเรียน เปอร์เซีย มาซิโดเนียน และโรมัน ตามลำดับ

5.      ประมวลกฎหมายฮัมมูราบีเป็นจารึกอักษรอะไร

(1) คอปติก   

(2) ภาพ        

(3) คูนิฟอร์ม  

(4) เฮียโรกลิฟิก

ตอบ 3 หน้า 17 – 19, (HI 102 เลขพิมพ์ 52058 หน้า 26) ประมวลกฎหมายอัมมูราบีของชาวอะมอไรท์ ถือว่าเป็นกฎหมายฉบับแรกของโลกและจารึกด้วยอักษรคูนิฟอร์ม โดยลักษณะเด่นของกฎหมาย ฉบับนี้คือ การกำหนดบทลงโทษที่รุนแรงโดยใช้หลักการลงโทษแบบสนองตอบ (Lex Talionis) หรือหลักตาต่อตา ฟันต่อฟัน ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากกฎหมายของสุเมเรียน และยังคงมีอิทธิพล อยู่ในดินแดนแถบเอเชียตะวันตกจนถึงปัจจุบัน

6.      เมื่อนครรัฐกรีกต้องทำสงครามกับเปอร์เซียที่เข้ามารุกราน ได้ก่อให้เกิดผลประการใดกับกรีกในเวลาต่อมา

(1)    การตั้งสหพันธ์แห่งเกาะเดลอส

(2) สงครามคาบสมุทร

(3) เกิดกีฬาโอลิมปิก

(4) พัฒนาเรือไฟกรีก

ตอบ 1 หน้า 35, (HI 101 (H) เลขพิมพ์ 49008 หน้า 46) ผลจากการทำสงครามเปอร์เซียหรือสงครามมาราธอนระหว่างกรีกเอเธนส์กับเปอร์เซียที่เข้ามารุกรานปรากฏว่ากรีกเอเธนส์เป็นฝ่ายชนะ ต่อมานครรัฐกรีกก็ได้ร่วมมือกันก่อตั้ง สหพันธ์แหงเกาะเดลอส” (The Confederation of Delos หรือ Delian League) ขึ้น เพื่อป้องกันการรุกรานจากเปอร์เซีย และใช้เป็นศูนย์กลางในการเก็บ ทรัพย์สมบัติของสมาชิก โดยนครรัฐต่าง ๆ ของกรีกจะมีสิทธิเท่าเทียมกัน แต่ในทางปฏิบัตินั้น กรีกเอเธนส์เป็นรัฐนำที่มีอิทธิพลสูงสุด

7.      ฮิตไตทํเป็นพวกแรกที่ใช้โลหะใดทำเครื่องมือเครื่องใช้จนเป็นที่แพร่หลายในเอเชียตะวันตก

(1)    สำริด  

(2) เหล็ก       

(3) ทองเหลือง           

(4) เงิน

ตอบ 2 หน้า 19, (คำบรรยาย) ฮิตไตท์ เป็นชนเผ่าอินโด-ยูโรเปียนที่ได้รับสมญานามว่า นักรบผู้ยิ่งใหญ่ แห่งเอเชียไมเบอร์” หรือ ผู้วางรากฐานอารยธรรมในดินแดนเอเชียไมเนอร์” เนื่องจากชาวฮิตไตท์มีความสามารถในการรบ โดยมีการใช้รถเทียมม้าเข้าทำลายกองทหารเดินเท้าของ ศัตรู ดังนั้นจึงสามารถขยายดินแดนและเส้นทางการค้าได้อย่างกว้างขวาง นอกจากนี้ฮิตไตท์ ยังเป็นพวกแรกที่มีความสามารถในการถลุงเหล็ก และรู้จักใช้เหล็กทำเครื่องมือเครื่องใช้ จนเป็นที่แพร่หลายในดินแดนเอเชียตะวันตกหรือตะวันออกใกล้

8.      กาโตผู้อาวุโสขาวโรมันเป็นผู้เขียนประวัติศาสตร์เป็นภาษาอะไรเป็นคนแรก

(1)    กรีก    

(2) ละติน      

(3) เยอรมัน   

(4) เซลติค

ตอบ 2 หน้า 56 ลักษณะวรรณกรรมของโรมันเป็นการเลียบแบบมาจากกรีก ซึ่งนักประพันธ์บทร้อยแก้ว ที่สำคัญคนหนึ่งของโรมัน คือ กาโต (Cato the Elder) ซึ่งเป็นผู้อาวุโสที่ได้เขียนประวัติศาสตร์ เป็นภาษาละตินเป็นคนแรก

9.      เทพีแห่งความรักและความงามของกรีกคืออะโฟรไดท์ ส่วนของโรมันชื่ออะไร

(1) กอร์กอน  

(2) ไซเรน       

(3) วีนัส         

(4) จูโน

ตอบ 3 หน้า 36, 58 ในสมัยสาธารณรัฐโรมันได้มีการรับเอาความเชื่อทางศาสนาในเรื่องเทพเจ้าของกรีกเข้ามา โดยชาวโรมันได้แปลงชื่อเทพเจ้าของกรีกมาเป็นเทพเจ้าของโรมัน เช่น เทพซีอุสหรือซุส (บิดาแห่งเทพเจ้า) มาเป็นเทพจูปีเตอร์ (Jupiter), เทพีดีมีเตอร์ (เทพีแห่งพิชพันธุ์ธัญญาหาร) มาเป็นเทพีเซอโรส (Ceros), เทพีอะโฟรไดท์ (เทพีแห่งความรักและความงาม) มาเป็นเทพีวีนัส (Venus), เทพโพไซดอน (เทพเจ้าแห่งท้องทะเล) มาเป็นเทพเนปจูน (Neptune) เป็นต้น

10.    ศาสนาที่เกิดขึ้นในสมัยโรมันและศาสนิกต้องโทษประหัตประหารอย่างสาหัสสากรรจ์ แต่ก็ได้กลับกลายเป็น ศาสนาทางการของอาณาจักรโรมัน มีต้นกำเนิด ณ ที่ใด

(1) เอธิโอเปีย           

(2) ปาเลสไตน์          

(3) จอร์แดน  

(4) ดามัสกัส

ตอบ 2 หน้า 59, 201 ศาสนาคริสต์มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ปาเลสไตน์ในดินแดนตะวันออกกลาง ซึ่งในขณะนั้น ดินแดนนี้อยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรโรมัน โดยรัฐบาลโรมันได้กดขี่ข่มเหงและลิดรอน สิทธิเสรีภาพทางศาสนาของพวกคริสเตียน รวมทั้งทำการประหัตประหารอย่างสาหัสสากรรจ์ นานถึง 3 ศตวรรษ จนกระทั่งในปี ค.ค. 380 จักรพรรดิธีโอดอซิอุสก็ได้ประกาศให้คาสนาคริสต์ เป็นศาสนาประจำชาติของอาณาจักรโรมันอย่างเป็นทางการ

11.    ชาติใดที่เชื่อเรื่องวิญญาณเป็นอมตะและโลกหน้าจนเกิดประเพณีการจัดการร่างคนตายเพื่อเก็บรอไว้และสร้างที่เก็บ ซึ่งกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก

(1) มายา      

(2) บาบิโลเนิย          

(3) อียิปต์      

(4) แอสเท็ค

ตอบ 3 หน้า 11, (HI 102 เลขพิมพ์ 52058 หน้า 17), (คำบรรยาย) ชาวอียิปต์โบราณเป็นชนกลุ่มแรก ที่เชื่อในเรื่องวิญญาณเป็นอมตะ วันพิพากษา และโลกหน้ามีจริง นั่นคือ เชื่อว่าผู้ที่ทำความดี เมื่อตายไปดวงวิญญาณจะคงอยู่ และจะเกิดใหม่ในโลกหน้าที่อุดมสมบูรณ์ ด้วยความเชื่อดังกล่าว ได้นำไปสู่การเกิดประเพณีการจัดการร่างคนตายเพื่อเก็บรักษารอไว้ไม่ให้เน่าเปื่อยด้วยการทำเป็นมัมมี่ การเขียนคัมภีร์มรณะหรือคัมภีร์ผู้ตาย (Book of the Dead) และสร้างสุสานหิน พีระมิดเพื่อใช้เป็นที่เก็บพระศพและสมบัติของกษัตริย์ จนทำใหัพีระมิดกลายเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก

12.    พวกละตินอยู่ใต้อำนาจกดขี่ของอีทรัสคัน แต่ก็ได้เรียนรู้เรื่องใดจากอีทรัสคัน

(1) ยุทธการ  

(2) การสร้างเมือง     

(3) ดาราคาสตร์        

(4) ชลประทาน

ตอบ 4 หน้า 48, (HI 101 เลขพิมพ์ 53214 หน้า 159) จากการที่พวกละตินหรือโรมันตกอยู่ภายใต้ อำนาจการปกครองอย่างกดขี่ของกษัตริย์อีทรัสคันในศตวรรษที่ 9 B.C. นั้น ทำให้พวกละติน ได้รับการถ่ายทอดความรู้อันเป็นมรดกทางอารยธรรมจากพวกอีทรัสคัน ได้แก่ การก่อสร้าง โดยใช้หินการก่อสร้างซุ้มประตูรูปโค้ง (Arches) และอุโมงค์ (Vaults), การทำระบบชลประทานวิธีการทำนายโดยการตรวจดูร่างกายสัตว์หรือสังเกตการบินของนกวิธีการเดินทัพแบบฟาลังก์ และการต่อสู้แบบกลาดิเอเตอร์ (Gladiatorial Combats)

13.    “ราษฎรทั้งหลายอาจไม่มีปัญญาแก้ปัญหาต่าง ๆ ของเมืองได้ แต่เมื่อรวมหัวกันก็เกิดรู้เห็นร่วมกันได้ และสามารถ เลือกผู้มีการศึกษาและมีประสบการณ์มาทำหน้าที่บริหารบ้านเมือง” ความคิดเช่นนี้เป็นของชาติใดสมัยโบราณ

(1) ฮิบรู         

(2) ฟินิเชีย     

(3) เปอร์เซีย  

(4) กรีก

ตอบ 4 หน้า 37 – 38 อริสโตเติล เป็นนักปรัชญาคนสำคัญของกรีกโบราณ โดยเขาเชื่อว่า ราษฎรสามัญ ทั้งหลายอาจไม่มีปัญญาพอที่จะแก้ปัญหาต่าง ๆ ของบ้านเมืองได้ แต่เมื่อราษฎรเหล่านี้ มารวมหัวกันก็จะทำให้เกิดปัญญาและความรู้เห็นร่วมกันได้ และสามารถที่จะเลือกผู้มีฐานะ ทางเศรษฐกิจดีที่มีการศึกษาสูง ๆ และมีประสบการณ์เข้ามาทำหน้าที่บริหารบ้านเมือง ซึ่งวิธีนี้จะทำให้อำนาจทางการเมืองอยู่ในมือของราษฎรส่วนใหญ่ และผู้ที่ไช้อำนาจ ในการปกครองก็จะใช้อำนาจนี้โดยความยินยอมของประชาชน (Government By Consent)

14.    โรมทำสงครามปิวนิกกับอาณาจักรคาร์เถจซึ่งเป็นสงครามที่ทำให้โรมได้เป็นมหาอำนาจในเมดิเตอร์เรเนียน คาร์เถจตั้งอยู่ที่ใด

(1) ตะวันออกของเมติเตอร์เรเนียน   

(2) แอฟริกาเหนือ

(3) ช่องแคบยิบรัลต้า

(4) ฝั่งทะเลแคลเปียน

ตอบ 2 หน้า 5] – 52 สงครามปิวนิก (264 – 146 B.C.) เป็นสงครามเพี่อแย่งชิงชิชิลีระหว่างโรมกับ อาณาจักรคาร์เถจซึ่งเป็นดินแดนที่ตั้งอยู่ในแอฟริกาเหนือ ผลของสงครามในครั้งนี้ได้ทำให้โรม กลายเป็นมหาอำนาจในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนในฐานะเป็นผู้ชนะแทนที่คาร์เถจนับตั้งแต่ ปี 146 B.C. เป็นต้นมา หลังจากนั้นโรมยังได้ครอบครองรัฐเฮเลนิสติกทางตะวันออกและ ดินแดนฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทำให้โรมมีอำนาจสูงสุดในขณะนั้น

15.    กฎหมาย 12โต๊ะ เป็นกฎหมายแพ่งและเป็นกฎหมายลายลักษณ์อักษรฉบับแรกของชาติใด

(1) กรีก         

(2) อียิปต์      

(3) ครีตัน       

(4) โรมัน

ตอบ 4 หน้า 50, 58, (HI 101 เลขพิมพ์ 53214 หน้า 161) ในสมัยสาธารณรัฐโรมันตอนต้นช่วงปี 449 B.C. พวกพลีเบียนได้เรียกร้องให้พวกแพทริเชียนร่างกฎหมายเป็นลายลักษณ์อักษรขึ้น เป็นครั้งแรก โดยมีการจารึกลงบนแผ่นทองแดง 12 แผ่น แล้วนำไปติดที่ฟอรัมเพื่อประกาศ ให้ราษฎรทุกคนทราบ เรียกว่า กฎหมายสิบสองโต๊ะ” (Law of the Twelve Tables) ซึ่งถือว่าเป็นกฎหมายลายลักษณ์อักษรฉบับแรกของโรมัน โดยมีลักษณะเป็นกฎหมายแพ่ง

16.    เจ้าชายปารีสแห่งทรอยช่วงชิงสิ่งใดของกรีกแล้วหนีกลับไปเอเชียไมเนอร์จนเกิดศึกใหญ่ขึ้น

(1) ม้าไม้       

(2) ดวงตราทองคำ    

(3) มงกุฎ      

(4)     ราชีนี

ตอบ 4 หน้า 27 ในมหากาพย์อีเลียดของโฮเมอร์ได้เล่าถึงสงครามเมืองทรอยว่าเกิดขึ้นเพราะเจ้าชายปารีส แห่งเมืองทรอยไปแย่งชิงพระนางเฮเลน (Helen) ราชินีแห่งกรีกสปาร์ตามาเป็นของตนแล้วก็หนี กลับไปเอเชียไมเนอร์ ทำให้ชาวกรีกโกรธแค้นจนเกิดศึกใหญ่เพื่อทำลายล้างเมืองทรอยในที่สุด

17.    บุตรแห่งสปาร์ตาแท้เกิดมาเมื่อมีสิทธิในลาโคเนียก็ต้องทำหน้าที่ใดเพื่อลาโคเนีย

(1) ทหาร       

(2) ผู้ปกครอง

(3) พ่อพันธุ์   

(4) แรงงาน

ตอบ 1 หน้า 29, 31, (คำบรรยาย) นครรัฐสปาร์ตาในแคว้นลาโคเนียนั้นเป็นชนชาวกรีกที่สืบเชื้อสาย มาจากพวกดอเรียนแท้ ๆ และรัฐจะกำหนดชะตาชีวิตของเด็กเกิดใหม่ทุกคน โดยบุตร ชาวสปาร์ตาแท้ที่มีอายุระหว่าง 7 – 20 ปี จะต้องไปอยู่กับรัฐโดยใช้ชีวิตในค่ายทหาร เพื่อเข้ารับการฝึกอบรมให้มีความกล้าหาญ เข้มแข็ง อดทน มีระเบียบวินัยสูง ปราศจากความเมตตา มีความจงรักภักดีต่อรัฐ และเข้าสู่กองทัพพลเมืองเพื่อทำหน้าที่ในสงครามให้ดีที่สุด และเมื่อ มีอายุระหว่าง 20 – 60 ปี ก็ต้องทำหน้าที่เป็นทหารเพื่ออุทิศชีวิตในการรับใช้รัฐต่อไป

18.    ดินแดนพระจันทร์เสี้ยวมีความอุดมสมบูรณ์ แต่ไร้พรมแดนธรรมชาติจึงถูกรุกรานตลอด และผู้คนเกิดทัศนคติต่อโลกอย่างไร

(1) ดิ้นรนไปก็เท่านั้น เดี๋ยวก็ตายแล้ว           

(2) ไม่เอาโลกหน้า เอาโลกนี้เท่านั้น

(3) ไม่ไว้ใจใครหรืออะไรง่าย ๆ แม้แต่เทพ     

(4) โลกนี้มีแต่ทุกข์

ตอบ 2 หน้า 16, (HI 101 (H) เลขพิมพ์ 49008 หน้า 23) ดินแดนพระจันทร์เสี้ยวเป็นดินแดนระหว่าง ลุ่มแม่นํ้าไทกรีสและยูเฟรติส หรือที่เรียกว่า ดินแดนเมโสโปเตเมียหรือดินแดนเอเชียตะวันตก” เป็นดินแดนที่มีความอุดมสมบูรณ์มาก แต่ไม่มีภูเขาและทะเลทรายเป็นพรมแดนธรรมชาติกั้น จึงถูกต่างชาติรุกรานตลอดเวลา ส่งผลให้ชาวเมโสโปเตเมียส่วนใหญ่มีทัศนคติในการมองโลก ในแง่ร้าย หวาดกลัว ไม่คิดที่จะกลับมาเกิดใหม่ ไม่เอาโลกหน้า เอาแต่โลกนี้เท่านั้น

19.    อียิปต์โบราณส่งอะไรไปขายต่างแดน

(1) อินทผลัม 

(2) ภาชนะแก้วหลากสี         

(3) ลินินปาปิรุส      

(4) น้ำผึงรังผึ้ง

ตอบ 3 หน้า 12 ชาวอียิปต์โบราณทาการค้าขายกับหลายๆ ชาติ โดยสินค้าส่งออกที่สำคัญของอียิปต์ ได้แก่ ผ้าลินิน กระดาษปาปิรุส และเครื่องเพชรพลอย ส่วนสินค้านำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ ทองคำ วัว ควาย ปลา งาช้าง ขนนกกระจอกเทศ และเหล็ก

20.    สภาประชาชนของกรีกเอเธนส์เลือกคณะสิบนายพลขึ้นปกครอง เพริคลิสเป็นหัวหน้าอยู่นานกว่า 30 ปีแต่ไม่เป็นเผด็จการ เพราะเหตุใด

(1)    สภาประชาชนตรวจสอบนโยบาย      

(2) กรีกมีจิตวิญญาณประชาธิปไตย

(3) มีกฎหมายเนรเทศเผด็จการ        

(4) โอกาสไม่อำนวย

ตอบ 1 หน้า 34 ในสมัยกรีกเอเธนส์ สภาประชาชนจะเลือกคณะสิบนายพลหรือคณะนายพลทั้ง 10 (Board of Ten Generals) ขึ้นปกครองนครรัฐ โดยมีเพริคลิสดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าคณะ อยู่นานกว่า 30 ปี แม้ว่าคณะนายพลทั้ง 10 จะมีอำนาจมาก แต่ไม่เป็นเผด็จการ เพราะมี สภาประชาชนเป็นผู้ตรวจสอบนโยบายของพวกเขาอีกทีหนึ่ง และอาจถูกเรียกอำนาจคืนเมื่อ หมดวาระ 1 ปี หรือถูกฟ้องว่าประพฤติผิดวินัยได้ตลอดเวลา ทั้งนี้ในสมัยของเพริคลิสเป็นสมัยที่ประชาธิปไตยของเอเธนส์เจริญสูงสุด

21.    ปารีสเคยเป็นเมืองหลวงของชนเยอรมันเผ่าใด

(1) แฟรงค์    

(2) กอธ         

(3) แวนเดิล   

(4) ลอมบาร์ด

ตอบ 1 หน้า 174, 177 – 179, (คำบรรยาย) อาณาจักรแฟรงค์ก่อตั้งขึ้นโดยอนารยชนเยอรมันเผ่าแฟรงค์ ในบริเวณแคว้นกอล ซึ่งประกอบด้วย 2 ราชวงค์ คือ

1. ราชวงศ์เมโรวิงเจียน (ค.ค. 481 – 751) มีผู้นำที่มีความสามารถมากคือ โคลวิส และมีกรุงปารีสเป็นเมืองหลวงแห่งแรกของอาณาจักร

2.      ราชวงศ์คาโรลิงเจียน (ค.ศ. 751 – 843) มีผู้นำที่มีความสามารถมากที่สุดคือ พระเจ้าชาร์เลอมาญ ซึ่งในปี ค.ศ. 800 พระองค์ทรงได้รับการสวมมงกุฎจักรพรรดิจากสันตะปาปาลีโอที่ 3 ที่วิหาร เซนต์ปีเตอร์ และเข้าพิธีราชาภิเษกตามประเพณีดั้งเดิมของจักรวรรดิโรมันโบราณ ซึ่งเท่ากับ เป็นการรื้อฟื้นจักรวรรดิโรมันขึ้นมาใหม่อีกครั้งทางภาคตะวันตก แต่ในครั้งนี้จะเรียกว่า จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์” (The Holy Roman Empire)

22.    นามเทพธอร์ของชาวยุโรปเหนือเป็นชื่อของวันอะไรในปฏิทินตะวันตก

(1) จันทร์      

(2) อังคาร     

(3) พุธ           

(4) พฤหัสบดี

ตอบ 4 หน้า 175, (คำบรรยาย) พวกอนารยชนจากยุโรปเหนือจะนับถือเทพเจ้าหลายองค์ รวมทั้ง มีความเชื่อในเรื่องโชคลางและอภินิหารต่าง ๆ โดยเทพเจ้าที่สำคัญที่สุดคือ เทพโวเดนหรือโอดิน (Woden หรือ Odin) ซึ่งเป็นเทพเจ้าแท่งสงคราม นอกจากนี้ยังมีเทพเจ้าองค์อื่น ๆ ที่รู้จักกันในนาม ชื่อวันต่าง ๆ ของสัปดาห์ในปฏิทินตะวันตก เช่น เทพทิว (Tieu) เป็นเทพเจ้าแท่งสงครามที่ใช้เรียก วันอังคาร (Tuesday), เทพธอร์ (Thor) เป็นเทพเจ้าแห่งลมฟ้าอากาศที่ใช้เรียกวันพฤหัสบดี (Thursday), เทพเฟรยา (Freya) เป็นเทพเจ้าแห่งพืชผลที่ใช้เรียกวันศุกร์ (Friday) เป็นต้น

23.    จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ตั้งขึ้นเมื่อใด

(1)    เมื่อชาร์เลอมาญสวมมงกุฎจักรพรรดิที่วิหารเซนต์ปีเตอร์

(2)    เมื่ออาณาจักรโรมันตะวันตกล่มสลายลง

(3)    เมื่อนักบุญปีเตอร์ตั้งศาสนจักร          

(4) เมื่อ ค.ศ. 1453

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 21. ประกอบ

24.    สนธิสัญญาแวร์ดัง ค.ศ. 843 สำคัญอย่างไร

(1)    จักรวรรดิสากลแห่งยุโรปและสถาบันจักรพรรดิเสื่อมลง

(2)    แบ่งยุโรปออกเป็นสี่ภาค

(3)    เป็นเหตุให้เกิดยุคศักดินาสวามิภักดิ์

(4)    สถาปนาอำนาจปกครองฝ่ายอาณาจักรและฝ่ายคริสตจักรในยุโรป

ตอบ 1 หน้า 181 ความสำคัญของสนธิสัญญาแวร์ดัง ค.ค. 843 มีดังนี้

1. ความเป็นเอกภาพของ อาณาจักรแฟรงค์แห่งราชวงศ์คาโรลิงเจียนเสื่อมลงไป จักรพรรดิและกษัตริย์มีฐานะเท่ากัน

2.      ทัศนคติเกี่ยวกับ จักรวรรดิสากลแห่งยุโรป” และ สถาบันจักรพรรดิ” เสื่อมลง ตำแหน่ง จักรพรรดิและกษัตริย์มีศักดิ์ศรีและอำนาจเท่าเทียมกัน

3. เริ่มมีพัฒนาการของความเป็นเอกเทศของภูมิภาคต่าง ๆ

4. มีการแบ่งแผนที่ยุโรปเป็นดินแดนต่าง ๆ อย่างกว้าง ๆ

25.    อะไรคือที่มาของระบบฟิวดัล

(1)    อำนาจกษัตริย์ส่วนกลางเสื่อมลง      

(2) ขุนนางท้องถิ่นมีอำนาจมากขึ้น

(3) เสรีชนมอบที่ดินให้ขุนนางแลกความคุ้มครอง     

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 183, 185 – 186 ที่มาของระบบฟิวดัลหรือระบบศักดินาสวามิภักดิ์ เนื่องจากยุโรปยุคกลาง มีสภาพบ้านเมืองเสื่อมโทรม อำนาจกษัตริย์หรือรัฐบาลกลางเสื่อมลง มีพวกอนารยชนเยอรมัน เข้ามารุกรานอยู่ตลอดเวลา และมีโจรผู้ร้ายชุกชุม ส่งผลให้ประชาชนได้รับความยากลำบาก จนพวกเสรีชนต้องมอบที่ดินให้แก่ขุนนางเพื่อแลกกับความคุ้มครองแทน ทำให้ขุนนางท้องถิ่น มีอำนาจมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ระบบฟิวดัลจึงเกิดขึ้น โดยได้รับเอาแบบอย่างมาจากประเพณีเดิม ของทั้งโรมและอนารยชนเยอรมัน

26.    วัสซาลในระบบพฟิวดัลคืออะไร        

(1) ขุนนางชั้นต่ำ

(2) ข้าที่รับที่ดินจากเจ้าทำประโยชน์

(3) เจ้าของที่ดิน        

(4) ทาสติดที่ดิน

ตอบ 2 หน้า 187 กลุ่มบุคคลในระบบฟิวคัล ประกอบด้วย

1.      ซูเซอเรนหรือลอร์ดคนที่ 1 หรือกษัตริย์ (Suzerian/The First Lord/King) เป็นเจ้าของ ที่ดินโดยสมบูรณ์ไม่ต้องขึ้นอยู่กับผู้ใด

2.      ลอร์ดหรือเจ้า (Lord) เป็นขุนนางชั้นสูงที่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน โดยขุนนางที่ถือครองที่ดิน โดยตรงจากกษัตริย์เรียกว่า “Tenants-in-Chief”

3.      วัสซาล (Vassal) เป็นข้าที่ได้ทำพิธีรับมอบที่ดินจากเจ้าไปทำผลประโยชน์และต้องแบ่ง ผลประโยชน์ให้แก่เจ้า

4.      อัศวินหรือซับวัสซาล (Knight/Sub-Vassal) เป็นขุนนางระดับต่ำที่ถือกรรมสิทธิที่ดินต่อจากขุนนางชั้นสูงอีกทอดหนึ่ง

5.      ชาวไร่ชาวนาและทาสติดที่ดิน (Peasant & Serf) เป็นสามัญชนที่ทำมาหากินบนที่ดินของ ขุนนางและอยู่ภายใต้ความคุ้มครองของเจ้าของที่ดิน

27.    อะไรคือภาระหน้าที่ของเจ้าที่มีต่อข้า 

(1) เป็นเจ้าภาพในงานพิธีเลี้ยง

(2)    จ่ายค่าไถ่ตัวข้าที่ตกเป็นเชลย 

(3) พิทักษ์และตัดสินคดี       

(4) ช่วยรบ

ตอบ 3 หน้า 188 – 189 ภาระหน้าที่ของเจ้าที่มีต่อข้า มีดังนี้

1.      มีหน้าที่ให้ความคุ้มครองหรือพิทักษ์รักษาในชีวิต ทรัพย์สิน และครอบครัวของข้า

2.      มีหน้าที่ตัดสินคดีความและให้ความยุติธรรมแก่ข้าเมื่อมีกรณีพิพาทกันในแมนเนอร์

28.    แมนเนอร์ประกอบด้วยสิ่งเหล่านี้เว้นข้อใดที่ไม่มี

(1) คฤหาสน์ 

(2) หมู่บ้าน    

(3) ที่เพาะปลูกเลี้ยงสัตว์      

(4) ตลาด

ตอบ 4 หน้า 191 – 192, (คำบรรยาย) สภาพทั่วไปของแมนเนอร์ในยุคกลาง ประกอบด้วยส่วนสำคัญ เรียงตามลำดับออกไปดังนี้

1. คฤหาสน์แมนเบอร์หรือปราสาทของเจ้าหรือขุนนางชั้นสูง เป็นป้อมปราการอยู่ตรงกลางโดยมีการเสริมสร้างระบบการป้องกันข้าศึกหลายอย่าง เช่น ขุดคูนํ้าล้อมรอบคฤหาสน์ มีสะพานชักสำหรับเดินทางเข้าออก ดันจัน พอทคัลลิส ฯลฯ

2.      หมู่บ้าน

3. ที่ดินไร่นาขนาดใหญ่สำหรับการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น ส่วน ๆ มีแนวยาว เรียกว่า สตริป” (Stripe)

29.    เมือปราสาทขุนนางเป็นป้อมปราการจึงมีเครื่องป้องกันต่อสู้หลายอย่าง ข้อใดไม่ใช่

(1) ดันจัน      

(2) คูนํ้า         

(3) พอทคัลลิส          

(4) ฟอลคันรี

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 28. ประกอบ

30.    ในคริสต์ศตวรรษที่ 4 อาณาจักรโรมันถูกแบ่งออกเป็น 2 ภาค ภาคตะวันออกมีคอนสแตนติโนเปิล เป็นเมืองหลวง เมืองหลวงของภาคตะวันตกคือที่ใด

(1) โรม          

(2) เวียนนา   

(3) ปารีส       

(4) อาวิญญอง

ตอบ 1 หน้า 61, 205, 217 ในคริสต์ศตวรรษที่ 4 อาณาจักรโรมันได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 ภาค คือ

1. ภาคตะวันออก เรียกว่า อาณาจักรบิแซนทีน” มีคอนสแตนติโนเปิลเป็นเมืองหลวง พูดภาษากรีก และเลียนแบบอารยธรรมกรีก

2. ภาคตะวันตก มีโรมเป็นเมืองหลวง และพูดภาษาละติน

31.    ใครคือบุคคลสำคัญที่เคลื่อนไหวกระตุ้นให้เกิดสงครามครูเสดขึ้น

(1) จักรพรรดิแห่งบิแซนทีน   

(2) สันตะปาปา

(3) ซาลาอุดดิน         

(4) ถูกข้อ 1 และ 2

ตอบ 4 หน้า 208 สงครามครูเสด เป็นสงครามศาสนาระหว่างพวกคริสเตียนกับพวกมุสลิมเพื่อแย่งชิง ดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนาคือ เยรูซาเล็มและปาเลสไตน์ ซึ่งบุคคลสำคัญที่กระตุ้นให้เกิด สงครามครูเสดก็คือ จักรพรรดิอเล็กซิอุส คอมมินุส แห่งจักรวรรดิบิแซนทีน ที่ได้ส่งสาส์น ไปขอให้สันตะปาปาเออร์บันที่ 2 ส่งกำลังทหารมาช่วยปราบปรามพวกเซลจุก เติร์ก ซึ่งนับถือ ศาสนาอิสลาม ดังนั้นในปี ค.ศ. 1095 สันตะปาปาเออร์บันที่ 2 จึงได้เรียกประชุมผู้แทนทาง ศาลนาคริสต์จากประเทศต่าง ๆ เพื่อร่วมตกลงกันไปทำสงครามเพื่อศาสนา จากเหตุการณ์ดังกลาว ได้ก่อให้เกิดเป็นสงครามครูเสดขึ้นนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1096 – 1270 รวมระยะเวลานานถึง 200 ปี

32.    นักปฏิรูปศาสนาคนสำคัญของยุโรปในคริสต์ศตวรรษที่ 14 อย่างวิคลิฟและฮุสต้องพบจุดจบอย่างไร

(1) ถูกสังหาร

(2) กลายเป็นพวกนอกศาสนา

(3)    ต้องโทษบัพพาชนียกรรม        

(4) ถูกกดลงเป็นทาส

ตอบ 1 หน้า 211 นักปฏิรูปศาสนาคนสำคัญของยุโรปในคริสต์ศตวรรษที่ 14 มี 2 ท่าน คือ

1.      จอห์น วิคลิฟ เป็นผู้แปลคัมภีร์ไบเบิลฉบับวัลเกตเป็นภาษาพื้นเมืองของอังกฤษ เพื่อให้ ประชาชนทั่วไปได้อ่านและศึกษาด้วยตนเอง จนเกิดความเข้าใจศาสนาได้อย่างถูกต้อง

2.      จอห์น ฮุส ไม่เห็นด้วยกับการบังคับให้สวดมนต์เป็นภาษาละตินเพียงอย่างเดียว แต่ควรใช้ ภาษาพื้นเมืองที่ประชาชนสามารถอ่านและเข้าใจได้ด้วยตนเอง นอกจากนี้ฮุสยังได้ประณาม การขายใบบุญไถ่บาป และต่อต้านการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่ไม่เหมาะสม จนทำให้ เขาถูกสังหารด้วยการเผาทั้งเป็นในที่สุด

33.    โรมา โนวาคือเมืองอะไร

(1) เอเธนส์    

(2) โรม          

(3) คอนสแตนติโนเปิล          

(4) เวนิส

ตอบ 3 หน้า 217 อาณาจักรบิแซนทีนหรืออาณาจักรโรมันตะวันออกตั้งอยู่บนคาบสมุทรอนาโตเลีย (ประเทศตุรกีในปัจจุบัน) และมีเมืองคอนสแตนติโนเปิล (Constantinople) หรือเมืองโรมา โนวา (Roma Nova) ในอดีตเป็นเมืองหลวง โดยเมืองนี้ถือว่าเป็นศูนย์กลางที่ตะวันตก (กรีก) และ ตะวันออกมาพบกัน ดังนั้นจึงได้รับสมญานามว่าเป็น โรมใหม่’’ (The New Rome) หรือ โรมแห่งที่ 2 ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นคลังสินค้าของวัฒนธรรมและศิลปวิทยาการต่าง ๆ ในยุคกลาง

34.    ประมวลกฎหมายจัสติเนียนทันสมัยมากและเป็นแม่บทของกฎหมายเกือบทุกประเทศในยุโรปยกเว้นประเทศใด

(1) เยอรมนี   

(2) อังกฤษ    

(3) รัสเซีย      

(4) สเปน

ตอบ 2 หน้า 224 – 225 ในปี ค.ศ. 529 จักรพรรติจัสติเนียนโปรดให้จัดทำประมวลกฎหมายจัสติเนียน (The Justinian Code) ขึ้น ซึ่งมีลักษณะเป็นประมวลกฎหมายแพ่งที่เขียนด้วยภาษากรีก และให้ความสำคัญในเรื่องมนุษยธรรม สามัญสำนึกเรื่องสาธารณประโยชน์ การป้องกัน และคุ้มครองทรัพย์สินส่วนตัว การรักษาไว้ซึ่งอภิสิทธิ์ชน รวมทั้งมีแนวโน้มสนับสนุน ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ซึ่งกฎหมายฉบับนี้นับว่าทันสมัยมากในเวลานั้น และต่อมา ก็ได้กลายเป็นแม่บทของกฎหมายต่างๆ เกือบทุกประเทศในยุโรป ยกเว้นอังกฤษ

35.    ลาติฟันเดียในบิแซนทีนคืออะไร        

(1) ระบบภาษีศุลกากร

(2) การทำไร่นาผืนใหญ่บนที่ราบ      

(3) การผูกขาดการค้าโดยรัฐ 

(4) การจัดระเบียบกองทัพ

ตอบ 2 หน้า 221 ลักษณะการเกษตรในอาณาจักรบิแซนทีนนั้นจะมีการทำไร่นาขนาดใหญ่โดยที่ดินพื้นราบจะถูกแบ่งเป็นผืนใหญ่ เรียกว่า ลาติฟันเดีย” (Latifundia) ซึ่งได้รับ แบบอย่างมาจากอิตาลี ทั้งนี้ชาวนาเสริมจะมีจำนวนน้อยกว่าชาวนารับจ้างและพวกเซิร์ฟ

36.    เพราะเหตุใดจักรพรรดิลีโอที่ 3 แห่งบิแซนทีนจึงห้ามบูชารูปเคารพ

(1) เกรงว่าจะเหมือนการบูชาเทวรูปแบบศาสนาเก่า

(2) เห็นว่าเป็นสิ่งรกรุงรัง

(3) เชื่อว่าพระเจ้าไม่มีรูปเหมือนมนุษย์         

(4) ไม่ชอบพิธีกรรม

ตอบ 1 หน้า 223 ในปี ค.ค. 726 จักรพรรดิลีโอที่ 3 แห่งอาณาจักรบิแซนทีน ได้ออกคำสั่งห้ามบูชา รูปเคารพ และให้ทำลายรูปปั้นและภาพวาดของพระเยซูและนักบุญต่าง ๆ ที่มีอยู่ในโบสถ์และ อาคารต่าง ๆ ทั้งหมด เพราะเกรงว่าจะเหมือนกับศาสนาพื้นเมืองเดิม คือ การบูชาเทวรูป ซึ่งเหตุการณ์นี้ได้ทำให้เกิดความขัดแย้งกันจนก่อให้เกิดการจลาจลขึ้นในเมืองคอนสแตนติโนเปิล และกลายเป็นสาเหตุเบื้องต้นที่ทำให้เกิดความแตกแยกทางศาสนาอย่างเด็ดขาดระหวาง อาณาจักรโรมันตะวันตกและโรมันตะวันออก

37.    เทวสถานกาบาที่ซึ่งมุสลิมต้องจาริกไปสักการะตั้งอยู่ที่ใด

(1) แบกแดด 

(2) เมกกะ     

(3) ดามัสกัส 

(4) ไคโร

ตอบ 2 หน้า 236 พวกอาหรับชาวเมืองจะอยู่บริเวณใกล้ชายฝั่งทะเลแดงซึ่งเป็นที่อุดมสมบูรณ์ เรียกว่า ฮิจาซ” (Hijaz) และมีเมืองเมกกะเป็นศูนย์กลางทางการค้าและศาสนาอิสลาม โดยเมืองนี้จะมีเทวสถานกาบา (Kaaba) ครอบบนแผ่นหินสีดำอันศักดิ์สิทธิ์ที่ซึ่งมุสลิมต้องจาริก ไปสักการะ โดยแต่เดิมเชื่อกันว่าหินกาบามีสีขาว แตต่อมาได้กลายเป็นสีดำ เพราะถูกมืออันมีบาป ของมนุษย์สัมผัส

38.    อะไรคือลักษณะเด่นของศาสนาอิสลาม        

(1) คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ที่เขียนด้วยภาษาอาหรับเท่านั้น

(2) ไม่มีสถาบันนักบวช         

(3) ห้ามบูชารูปเคารพ           

(4) เทศกาลถือคลอด

ตอบ 2 หน้า 239 – 240 ลักษณะเด่นของศาสนาอิสลามมี 3 ประการ คือ

1. ยึดถือหลักความเสมอภาคทางศาสนา

2. ไม่มีสถาบันพระหรือนักบวชที่จะเป็นสื่อกลางระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า

3. หลักคำสอนมิได้มิไว้สำหรับให้นักบวชปฏิบัติ แต่มีไว้สำหรับให้ประชาชนทั่วไปปฏิบัติ

39.    คัมภีร์อัลกุรอานสอนหลักจริยธรรมเพื่อดำรงชีวิตอย่างไร

(1)    ให้บริจาคทาน 

(2) ห้ามดื่มสุรา          

(3) ให้ขยันอดทน       

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 2 หน้า 239 หลักจริยธรรมสำหรับการดำรงชีวิตที่บัญญัติไว้ในคัมภีร์อัลกุรอานของศาสนาอิสลาม ได้แก่

1. ห้ามบูชาพระเจ้าที่ไม่แท้ (Idolatary)

2. ห้ามการฆ่าทารก (Infanticide)

3. ห้ามการให้ยืมโดยคิดดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ (Usary)

4. ห้ามเล่นการพนัน (Gambling)        

5. ห้ามดื่มสุรา (The Drinking of Wine)

6. อนุญาตให้ผู้ชายอิสลามมีภรรยาได้ 4 คน แต่ถ้าสามีไม่สามารถเลี้ยงดูภรรยาทุกคนได้ทั่วถึงกันอย่างเสมอภาค ก็จะต้องมีภรรยาได้เพียงคนเดียว

40.    ศิลปะและวิชาช่างส่วนใหญ่ชองมุสลิมได้รับอิทธิพลจากที่ใด

(1) บิแซนทีน 

(2) เปอร์เซีย  

(3) อินเดีย     

(4) ถูกข้อ และ 2

ตอบ 4 หน้า 249 ทัศนคติทางศาสนามีอิทธิพลสำคัญต่อศิลปะมุสลิม เพราะศาสดาพยากรณ์ต่อต้าน การบูชารูปเคารพ ดังนั้นจึงส่งผลต่อการออกแบบอาคารและสิ่งต่าง ๆ กล่าวคือ ไม่มีรูปเคารพ ในเทวสถาน อาคารต่าง ๆ มักใช้รูปทรงแบบเรขาคณิต และมีการประดับประดาเพดานและ ฝาผนังอาคารด้วยแก้วโมเสกสีต่าง ๆ ซึ่งมีลวดลายและสีสันที่วิจิตรงดงามหรูหรามาก ทั้งนี้ศิลปิน และช่างฝีมืออิสลามจะยืมแบบอย่างศิลปะและวิธีการช่างส่วนใหญ่มาจากบิแซนทีนและเปอร์เซีย

41.    วัฒนธรรมแบบเรอแนสซองส์ได้เกิดขึ้นที่ใดในยุโรป

(1) อิตาลี      

(2) สเปน       

(3) โปรตุเกส 

(4) อังกฤษ

ตอบ 1 หน้า 441, 443 เรอแนสซองส์ (Renaissance) หมายถึง การเกิดใหม่หรือการฟื้นฟูศิลปวิทยาการซึ่งเป็นวัฒนธรรมคลาสสิกหรืออารยธรรมกรีก-โรมันขึ้นมาใหม่ หรือเป็นสมัยที่เชื่อมต่อยุคกลางเข้ากับยุคใหม่ โดยขบวนการเรอแนสของส์เริ่มเกิดขึ้นที่ยุโรปในดินแดนอิตาลี เป็นแห่งแรก เนื่องจากอิตาลีเป็นศูนย์กลางการติดต่อค้าขายกับโลกตะวันออก อีกทั้งพวกพอค้าที่มั่งคังก็ให้การอุปถัมภ์พวกศิลปินและนักเขียนที่สร้างงานศิลปะเป็นอย่างดี

42.    มาเคียเวลลีเขียนเรื่อง เจ้าชาย” (The Prince) ขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์อะไร

(1)    ตั้งรัฐชาติอิตาลี           

(2) ให้ผู้ปกครองใช้เป็นตำราพิชัยยุทธ

(3) ประณามเจ้าชายที่เห็นแก่ตัว      

(4) เป็นบทละคร

ตอบ 1 หน้า 443 – 444, 461 งานเขียนของมาเคียเวลลีเริ่อง เจ้าชาย” (The Prince) เป็นงานเขียน ชิ้นสำคัญในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการหรือยุครอแนสซองส์ ซึ่งงานเขียนชิ้นนี้ถูกเขียนขึ้นจากความรู้สึกผิดหวังสับสนกับสภาพบ้านเมืองของอิตาลีในขณะนั้นที่ไม่มีความเป็นปึกแผ่นทางการเมือง เขาจึงต้องการรวมดินแดนอิตาลีให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและก่อตั้งเป็นรัฐชาติอิตาลี ซึ่งการที่ชาติ จะเป็นปึกแผ่นได้นั้นต้องมีเจ้าชายที่รักชาติ เหี้ยมหาญ ไร้เมตตา และใช้อำนาจได้อย่างเติมที่ รวมทั้งให้แยกเรื่องการเมืองออกจากเรื่องศาสนาอีกด้วย

43.    ใครเป็นจิตรกรเอกในวัฒนธรรมเรอแนสของส์

(1) ถวัลย์ ดัชนี          

(2) แวนก็อก  

(3) ลีโลนาร์โด ดาวินชี

(4) ซัลวาดอร์ ดาลี

ตอบ 3 หน้า 446 อัจฉริยบุคคลท่านหนึ่งในวัฒนธรรมเรอแนสซองส์ก็คือ ลีโอนาร์โด ดาวินซีซึ่งเป็นบุรุษที่มีอัจฉริยภาพเก่งกาจสามารถรอบตัว คือ เป็นทั้งประติมากร นักดนตรี สถาปนิก วิศวกร และจิตรกร โดยผลงานจิตรกรรมชิ้นสำคัญของเขา ได้แก่ พรหมจารีแห่งโขดหิน (Virgin of the Rocks), อาหารค่ำมื้อสุดท้าย (The Last Supper) และภาพโมนา ลิซ่า (The Mona Lisa) ซึ่งแสดงความคิดเรื่องมนุษย์กับธรรมชาติ

44.    “ยูโทเปีย” (Utopia) ของเซอร์โทมัส มอร์ เป็นเรื่องเกียวกับอะไร           

(1) สังคมที่ไม่มีคนยากจน

(2)  วีรกรรมในประวัติศาสตร์           

(3) นิยายวิทยาศาสตร์          

(4) วันสุดท้ายของเผ่าพันธุ์มนุษย์

ตอบ 1 หน้า 450 เซอร์โทมัส มอร์ ได้เขียนเรื่อง ยูโทเปีย” (Utopia) ขึ้น ซึ่งจัดว่าเป็นอุดมการณ์ ที่มีชื่อเสียงของโลก โดยเชื่อว่าสังคมยูโทเปียจะไม่มีความยากจน มนุษย์ไม่กดขี่ข่มเหงกัน ไม่มีสงครามและโรคภัยไข้เจ็บ ทำงานเพียงหกชั่วโมงต่อวัน ข้าวของเครื่องใช้เป็นสมบัติของส่วนรวม คนมีความฉลาดและยุติธรรม อีกทั้งยังเชื่อว่าพระเจ้ามีอยู่จริงและเป็นวิญญาณอมตะ สังคมนี้จึงมีแต่ความสุขดั่งสวรรคบนโลก

45.    การปฏิรูปศาสนาในดินแดนเยอรมนีมีความสำคัญอย่างไร   

(1) เกิดนิกายโปรเตสแตนต์

(2) มีการแก้ไขปรับปรุงศาสนจักรคาทอลิก  

(3) เป็นขั้นตอนการพัฒนารัฐชาติ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 452 – 456, (HI 101 (H) เลขพิมพ์ 49008 หน้า 101) ผลของการปฏิรูปศาสนาในดินแดน เยอรมนีช่วงตันคริสต์ศตวรรษที่ 16มีดังนี้

1. เป็นการสิ้นสุดสภาพศาสนาสากล โดยนิกาย โรมันคาทอลิกไม่ใช่นิกายเดียวของยุโรปอีกต่อไปแต่ได้เกิดนิกายโปรเตสแตนต์ขึ้นในหลาย ๆ ประเทศ

2. ทำให้เกิดสงครามทางศาสนา

3. ทำให้มีการปฏิรูปศาสนาของนิกายโรมันคาทอลิก โดยมีการแก้ไขปรับปรุงการปฏิบัติที่ผิด ๆ 4. ทำให้เกิดการพัฒนารัฐชาติแบบใหม่ขึ้น

46.    ผลจากการค้นพบและวางหลักทฤษฎีของใครที่ทำลายฉากสวรรค์ให้พังพินาศ

(1) เซอร์ไอแซค นิวตัน

(2) เจมส์ วัตต์           

(3) ชาร์ลส์ ดาร์วิน     

(4) ซามูเอล ครอมตัน

ตอบ 1 หน้า 502 เซอร์ไอแซค นิวตัน เป็นผู้ค้นพบกฎแรงโน้มถ่วงของโลกหรือกฎแรงดึงดูดของโลกโดยเห็นว่าอนุภาคของสสารในจักรวาลต่างดึงดูดกันด้วยกำลังที่ผกผันตามระยะเป็นรูป สี่เหลี่ยมจัตุรัสในระหว่างอนุภาค และเป็นสัตส่วนโดยตรงต่อการผลิตของมวลสารนั้น ๆ ซึ่งผลจากคำอธิบายตามหลักทฤฤษฎีนี้ด้ทำลายฉากบนสวรรค์ให้พังพินาศลงในที่สุด

47.    ระบบทุนเป็นที่นิยมอย่างมากตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 16 เพราะอะไร           

(1) ธนาคารให้สินเชื่อ

(2) ผู้ประกอบการประสบความสำเร็จ

(3) มีอาณานิคมประกันความมั่งคั่ง  

(4) กำไร

ตอบ 4 หน้า 459 – 460, (HI 101 (H) เลขพิมพ์ 49008 หน้า 88 – 89) ระบบทุนนิยมเป็นระบบ เศรษฐกิจที่ได้รับความนิยมอย่างมากตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 16 เพราะเป็นระบบที่จัดตั้งขึ้น จากความต้องการผลกำไร โดยเน้นการนำทุนไปประกอบการด้วยกรรมวิธีต่าง ๆ เพื่อหากำไร จึงทำให้เกิดการแข่งขันทางเศรษฐกิจเพื่อความมั่งคัง ส่งเสริมให้มีการแสวงหาอาณานิคม ทำให้ มีการใช้เงินตราหมุนเวียนมากขึ้น และทำให้ชนชั้นกลางกลายเป็นผู้ที่มีอิทธิพลทางเศรษฐกิจ

48.    ประเทศใดในยุโรปที่ออกสำรวจเส้นทางการค้าก่อนเพื่อน

(1) อังกฤษ   

(2) สเปน       

(3) โปรตุเกส 

(4) ฮอลันดา

ตอบ 3 หน้า 468 – 470 ใบคริสต์ศตวรรษที่ 16 โปรตุเกสเป็นชาติแรกที่ออกสำรวจเพื่อค้นหาเส้นทางเดินเรือเพื่อการค้า ทั้งนี้เพราะโปรตุเกสมีทำเลที่ตั้งที่เหมาะสม มีอำนาจและความชำนาญในการเดินเรือที่เหนือกว่าชาติอื่น ๆ และได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากเจ้าชายเฮนรี นาวิกราช แห่งโปรตุเกส โดยดินแดนแรก ๆ ที่โปรตุเกสต้องการเข้าไปสร้างจักรวรรดิก็คือ ทวีปแอฟริกาและเอเชีย เนื่องจากต้องการแร่ทองคำและเงิน ต้องการผูกขาดการค้าเครื่องเทศ และเผยแผ่ศาสนาคริสต์ในดินแดนดังกล่าว

49.    หลังจากอังกฤษแข่งขันการค้าเครื่องเทศไม่เป็นผลสำเร็จ ก็ได้หันไปค้าอะไรที่นำมาจากแอฟริกาตะวันตก และเกิดความมั่งคั่งจากสินค้านั้น

(1) คาเวิยร์   

(2) ไขวาฬ     

(3) ทาส         

(4) งาช้าง

ตอบ 3 หน้า 474 หลังจากที่อังกฤษแข่งขันการค้าเครื่องเทศไม่สำเร็จ อังกฤษจึงได้หันไปค้าขนสัตว์ กับรัสเซีย ปล้นชิงสเปน และค้าทาสผิวดำที่ซื้อมาจากแอฟริกาตะวันตก แล้วนำไปขายให้กับ อาณานิคมในอเมริกา โดยผู้ที่มีชื่อเสียงในกิจการค้าทาสคนสำคัญคือ เซอร์จอห์น ฮอว์กินส์ และฟรานซิส เดรก ซึ่งต่อมาฮอว์กินส์ได้กลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดของอังกฤษในสมัยนั้น

50.    พระราชินีอังกฤษองค์ปัจจุบันทรงนับถือคริสต์ศาสนานิกายใด

(1) คาลแวง  

(2) นิกายอังกฤษ      

(3) โรมันคาทอลิก     

(4) แบปติสต์

ตอบ 2 (คำบรรยาย) ตามกฎของการสืบสันตติวงศ์ของราชวงศ์อังกฤษนั้น ได้กำหนดเอาไว้ว่ากษัตริย์และพระราชินีของสหราชอาณาจักรทุกพระองศ์จำเป็นต้องนับถือคริสต์ศาสนานิกาย แองกลิคันหรือนิกายอังกฤษ และเป็นสมาชิกของคริสตจักรแห่งอังกฤษ โดยทำหน้าที่เป็น ประมุขสูงสุดด้วย ในปัจจุบันคริสตจักรแห่งอังกฤษถือว่าเป็นคริสตจักรประจำชาติของอังกฤษ และเป็นคริสตจักรแม่ของคริสตจักรทั้งหลายที่สังกัดแองกลิคันคอมมิวเนียนทั่วโลก นอกจากนี้ ยังมีบิชอปของคริสตจักรเป็นสมาชิกของสภาขุนนางด้วย

51.    พ่อค้ายุโรปในคริสต์ศตวรรษที่ 16 หาทุนจำนวนมหาศาลไปเสี่ยงลงทำกิจการไปทั่วโลกได้อย่างไร

(1) เป็นภาคีกับราชสำนัก

(2) กระทำการโจรสลัด          

(3) ธนาคารแห่งยุโรป

(4) บริษัทร่วมหุ้น

ตอบ 4 หน้า 460 เมื่อต้นยุคใหม่ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 พ่อค้าชาวยุโรปจะใช้บริษัทร่วมหุ้น(Joint Stock Companies) เป็นเครื่องมือปฏิบัติการระบบทุนนิยมของชาวยุโรปในส่วนต่างๆ ของโลก เพราะบริษัทเหล่านี้มีความเป็นปึกแผ่น รับผิดชอบต่อผู้ลงทุนตามจำนวนหุ้นที่ซื้อ และสามารถระดมทุนจำนวนมหาศาลไปลงทุนในกิจการที่มีความเสี่ยงทั่วโลกได้

52.    ประเทศใดที่มวลชนได้ก่อการปฏิวัติด้วยคำขวัญ เสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ” ใน ค.ศ. 1789

(1) สหรัฐฯ    

(2) อังกฤษ    

(3) ฝรั่งเศส   

(4) รัสเซีย

ตอบ 3 หน้า 489,(คำบรรยาย) หลังจากการปฏิวัติฝรั่งเศสสิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 1789 ได้มีการประกาศ หลักพื้นฐานของสิทธิมนุษยชนและพลเมือง โดยสื่อออกมาเป็นคำขวัญของการปฏิวัติที่ว่า เสรีภาพ เสมอภาค และภราดรภาพ” ซึ่งสามารถแยกอธิบายได้ดังนี้

1.      เสรีภาพ คือ เสรีภาพของบุคคลในด้านต่าง ๆ หรือปัจเจกชนนิยม

2.      เสมอภาค คือ ทุกคนมีความเท่าเทียมกันในเรื่องสิทธิและหน้าที่ตามความเชื่อของศาสนาคริสต์

3.      ภราดรภาพ คือ ความเป็นพีน้องกันตามความเชื่อของศาสนาคริสต์

53.    ในสมัยกลางมีการแบ่งแยกประเภทของงานออกเป็นงานเสรีกับงานทาส ใครที่ทำงานทาส

(1) นักเทศน์  

(2) นักดนตรี  

(3) กวี           

(4) คนขายหมู

ตอบ 4 หน้า 500 – 501 นักคิดสกอลัสติกในลมัยกลางได้แยกประเภทของงานออกเป็น 2 ประเภท คือ

1.      งานเสรี เป็นงานที่ทำด้วยใจหรืองานที่ใม่เปลี่ยนสาระ ได้แก่ นักกวี นักเทศน์ นักดนตรี นักตรรกวิทยา นักคณิตศาสตร์ และหมอยา

2. งานทาส เป็นงานที่ทำด้วยมือหรืองาน ที่เปลี่ยนสาระ ได้แก่ ช่างเหล็ก ช่างไม้ ช่างปั้น หมอผ่าตัด (ศัลยแพทย์) และคนขายหมู

54.    เมื่อเริ่มสมัยการปฏิวัติอุตสาหกรรม อังกฤษมีเครื่องจักรที่ใช้พลังงานอะไรทอผ้า

(1) ไฟฟ้า      

(2) นํ้ามัน      

(3) ไอน้ำ        

(4) นํ้า

ตอบ 3 หน้า 507, (คำบรรยาย) ในสมัยปฏิวัติอุตสาหกรรม เป็นยุคที่อุตสาหกรรมทอผ้าในอังกฤษ เฟื่องฟูเป็นอย่างมาก โดยเอดมันด์ คาร์ทไรท์ ได้ประดิษฐ์หูกทอผ้า (Power Loom) ขึ้นเป็น ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1785 โดยใช้แรงงานจากม้าเข้ามาช่วยผลิตก่อน ต่อมาได้มีการประยุกติใช้ เครื่องจักรไอนํ้าของเจมส์ วัตต์ มาประดิษฐ์เป็นเครื่องทอผ้าที่ใช้พลังงานไอนํ้า ซึ่งส่งผลให้ ปริมาณการผลิตผ้าฝ้ายในอังกฤษเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

55.    ลัทธิดาร์วินทางสังคม (Social Darwinism) เป็นที่นิยมของคนพวกใดในคริสต์ศตวรรษที่ 19

(1) พวกจักรวรรดินิยมหรือนักล่าอาณานิคม 

(2) นายทุนใหญ่

(3) เยอรมันหลงเชื้อชาติ       

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 511 – 512, 528, 536 ความนิยมคลั่งไคล้ในลัทธิดาร์วินทางสังคม (Social Darwinism) เกิดขึ้นในสมัยจักรวรรดินิยมแบบใหม่ในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ลัทธินี้มีความเชื่อในเรื่องการต่อสู้ เพื่อให้อยู่รอด และผู้ที่เหมาะสมที่สุดจึงจะอยู่รอดได้ ทำให้ชาวยุโรปคิดว่าตนมีอารยธรรมและ ชาติพันธุ์ที่เหนือกว่าชนชาติอื่น ๆ และชนผิวขาวมีภาระที่จะปกครองผู้ที่ด้อยกว่าบนโลกนี้ ซึ่งแนวคิดนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มประเทศมหาอำนาจยุโรปซึ่งเป็นนักล่าอาณานิคม รวมทั้งพวกนายทุนใหญ่ และชาวเยอรมันที่หลงเชื้อชาติว่าเป็นเผ่าพันธุ์บริสุทธิ์ที่สามารถเป็นเจ้าโลกได้ จนนำไปสู่การลาอาณานิคมและสร้างจักรวรรดิของตนในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1

56.    รัตยาด คิปลิง เขียนไว้ว่า “จงแบกรับภาระแห่งคนขาว โดยสืบสาวสิ่งดีที่สุดให้ ผลักบุตรแห่งสูเจ้าออกไป บริการเชลยได้ด้วยจำเป็นคำว่าเชลยนี้หมายถึงใคร

(1) คนนอกศาสนา    

(2) คนดำ      

(3) พวกอาณานิคมผิวสี

(4) ชาวอินเดีย

ตอบ 3 หน้า 522 แนวคิดเกี่ยวกับภาระของชนผิวขาว (ซาวยุโรป) ที่ต้องเสียสละตนให้กับหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากพระเจ้าให้เป็นผู้จัดการด้านแรงงาน และนำความเจริญมาสู่ชาติพันธุ์ที่ด้อยกว่านั้น ได้ปรากฏในคำกลอนของรัดยาด คิปลิง ความว่า จงแบกรับภาระแห่งคนขาว โดยสืบสาว สิ่งดีที่สุดให้ผลักบุตรแหงสูเจ้าออกไปบริการเชลยได้ด้วยจำเป็น” ซึ่งคำว่า เชลยในทีนี้ ก็หมายถึง พวกอาณานิคมผิวสี โดยเป็นคำกล่าวที่ต้องการอำพรางลัทธิจักรวรรดินิยมในสมัยนั้นนั่นเอง

57.    สงครามโลกครั้งที่ 1 เกิดขึ้นได้อย่างไร          

(1) ลัทธิจักรวรรดินิยม

(2) ความรู้สึกทางชาตินิยม   

(3) ความเป็นภาคีพันธมิตร   

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 527 – 529, (HI 101 (H) เลขพิมพ์ 49008 หน้า 132 – 133) สาเหตุพื้นฐานสำคัญที่ทำให้ เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 มี 4ประการ คือ

1. การแข่งขันทางเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศมหาอำนาจ

2. การทะเลาะเบาะแว้งเรื่องอาณานิคม

3. ระบบภาคีพันธมิตร

4. อิทธิพลของลัทธิจักรวรรดินิยมและความรู้สึกทางชาตินิยม

58.    อดอส์ฟ อิตเลอร์ ผู้นำนาซีเยอรมัน ประหัตประหารชนขาติใดอย่างโหดร้ายด้วยอคติ

(1) ยิว

(2) อาหรับ     

(3) คอมมิวนิสต์         

(4) ชนผิวเหลือง

ตอบ 1 หน้า 536 อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ เป็นผู้นำ (Fuhrer) พรรคนาซีเยอรมันที่สนับสนุนลัทธิชาตินิยม และการต่อต้านชาวยิวด้วยการประหัตประหารอย่างทารุณโหดร้าย โดยแนวคิดนี้ได้ถูกแสดงไว้ ในหนังสือเรื่อง การต่อสู้ของข้าพเจ้า” ซึ่งแสดงความเกลียดชังประชาธิปไตย ลัทธิมาร์กซ์ และชาวยิว รวมทั้งชี้ให้เห็นว่าชาวเยอรมันเป็นเผ่าพันธุ์บริสุทธิ์ที่สามารถเป็นเจ้าโลกได้

59. ดาวเทียมดวงแรกที่ออกไปโคจรรอบโลกเป็นของชาติโด

(1) สหรัฐฯ    

(2) รัสเซีย      

(3) อังกฤษ    

(4) ฝรั่งเศส

ตอบ 2 หนำ 547 – 548 ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1960 เป็นต้นมา ผลสำเร็จทางวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่กลายเป็น ของสหรัฐฯ และโซเวียต (รัสเซีย) มากกว่ายุโรปตะวันตก โดยในปี ค.ศ. 1970 รัสเซียสามารถ ส่งดาวเทียมออกไปโคจรรอบโลกไดสำเร็จเป็นครั้งแรก

60.    ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นยอมวางซามูไรภายหลังเหตุการณ์ใด

(1) ญี่ปุ่นพ่ายแพ้ในสงครามมหาเอเชียบูรพา           

(2) สหรัฐฯ ยกพลขึ้นบกที่เกาะเลเต้

(3) สหรัฐฯ ทิ้งระเบิดอะตอมลงที่ฮิโรชิมาและนางาซากิ

(4) หมดตัวนักรบกามิกาเซ

ตอบ 3 หน้า 306, 320 เหตุการณ์ที่ทำให้จักรวรรดิญี่ปุ่นต้องถึงแก่กาลอวสานในช่วงสงครามโลก ครั้งที 2 คือ การที่สหรัฐอเมริกาไต้ส่งฝูงบินทิ้งระเบิดอะตอมหรือระเบิดปรมาณูลูกแรก ที่เมืองฮิโรชิมา ในวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 1945 และลูกที่สองที่เมืองนางาซากิ ในวันที่ 9สิงหาคม ปีเดียวกัน ทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศยอมวางซามูไรหรือยอมจำนนในวันที่ 2 กันยายน ค.ศ. 1945 ซึ่งถือเป็นการยุติสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างแท้จริง

61.    การศึกษาอารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ พบว่าชาวสินธุมีความสามารถด้านใดเป็นพิเศษ

(1) ดาราศาสตร์        

(2) พฤกษศาสตร์      

(3) ไสยศาสตร์          

(4) เรขาคณิตเบื้องต้น

ตอบ 4 หน้า 82 จากหลักฐานที่แสดงถึงอารยธรรมลุ่มแม่นํ้าสินธุที่ขุดค้นพบในซากเมืองโมเหนโจดาโร และเมืองฮารัปปานั้น ทำให้ทราบว่าชาวสินธุมีความสามารถทางด้านวิศวกรสำรวจและความรู้ ทางต้านเรขาคณิตเบื้องต้นเป็นอย่างดี ซึ่งที่เห็นเด่นชัดก็คือ การวางผังเมือง เช่น มีการตัดถนน มีท่อระบายนํ้า บ่อนํ้าสาธารณะ รวมทั้งอาคารบ้านเรือนต่าง ๆ ที่มีการจัดห้องน้ำแบบยืนตักอาบ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงลักษณะของสุขาภิบาลที่ดีและมีความเจริญสูงมากกว่าดินแดนอื่นๆในยุคก่อนประวัติศาสตร์

62.    ข้อใดไม่ใช่มรดกของอารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุที่มีต่ออินเดียในปัจจุบัน

(1) ศาสนา    

(2) การแต่งกาย        

(3) ประเพณีการทำศพ

(4) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 4 หน้า 83 – 86 มรดกของอารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุที่เหลือใว้ในอินเดียปัจจุบัน มีดังนี้

1.      มรดกทางศาสนา ได้แก่ การเคารพนับถือพระศิวะหรือเทพเจ้าแท่งหมู่สัตว์จากการบูชา ศึวลึงค์การบูชาต้นไม้ใหญ่ คือ ต้นโพธิ์ และต้นไทร และการนับถือพญานาคและดวงอาทิตย์

2.      การนิยมแต่งกายด้วยผ้าฝ้าย 2 ชิ้น โดยท่อนบนจะใส่เป็นเสื้อเปิดไหล่ขวา ส่วนท่อนล่างจะนุ่งเป็นผ้าโจงกระเบน หรือที่ชาวอินเดียปัจจุบันเรียกว่า โธติ” (Dhoti)

3.      การเคารพนับถือวัวตัวผู้         

4. การไว้หนวดเครา

5.      ประเพณีการทำศพซึ่งมี 3 วิธี คือ ฝังศพ นำศพปทิ้งให้นกกากิน และเผาศพ ฯลฯ

63.    วรรณกรรมอินเดียเรื่องใดแต่งด้วยคำประพันธ์ประเภทร้อยกรองที่ยาวที่สุดในโลก

(1) พระเวท   

(2) มหาภารตะ          

(3) รามายณะ           

(4) ศกุนตลา

ตอบ 2 หน้า 94, (HI 102 เลขพิมพ์ 52058 หน้า 194) มหาภารตะ เป็นวรรณกรรมอินเดียในยุคมหากาพย์ โดยถือว่าเป็นคำประพันธ์ประเภทร้อยกรองที่ยาวที่สุด ในโลก และมีตอนที่สำคัญที่สุดชื่อว่า ภควัทคีตา” ซึ่งเป็นเรื่องที่ตัดมาจากตอนพระกฤษณะ (เป็นอวตารปางที่ 8 ของพระนารายณ์) ให้คำสอนแก่อรชุนซึ่งเป็นกษัตริย์ตระกูลปาณฑพ (ตัวแทนฝ่ายธรรมะ) ในการทำสงครามกับตระกูลเการพ (ตัวแทนฝ่ายอธรรม) ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ผลของสงครามปรากฎว่าฝ่ายปาณฑพได้รับชัยชนะ

64.    นางสีดาในมหากาพย์เรื่องรามายณะเป็นสัญลักษณ์แทนสิ่งใด

(1) ความบริสุทธิ์       

(2) ความภักดี           

(3) ความเสียสละ     

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 93 – 94 รามายณะหรือรามเกียรติ์ของไทย เป็นวรรณกรรมอินเดียในยุคมหากาพย์ ที่ประพันธ์โดยฤๅษีวาลมิกิ ซึ่งบุคคลสำคัญในเรื่องจะแบ่งออกเป็น 2 พวก คือ

1.      พวกอารยันได้แก่พระรามพระลักษณ์นางสีดา และหนุมานโดยพระรามกับนางสีดา ถือว่าเป็นบุคคลในอุดมคติที่ควรยกย่องและยึดถือเป็นแนวปฏิบัติสำหรับสังคมของอินเดีย นั่นคือ พระรามเป็นสัญลักษณ์ของบุตร สามี และนักปกครองในอุดมคติ ส่วนนางสีดา เป็นสตรีในอุดมคติ โดยเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ ความภักดี และความเสียสละ

2.      พวกมิลักขะหรือทราวิฑ ได้แก่ ทศกัณฐ์กับพวก ซึ่งเป็นตัวแทนของชนพื้นเมืองผู้ตํ่าต้อย ที่โหดร้ายทารุณ ป่าเถื่อน และไม่ใช่อารยชน

65.    ในปัจจุบันนี้ชาวอินเดียยังคงนับถือพระพุทธเจ้ากันอยู่ โดยนับถือพระองค์ในฐานะปางหนึ่งของเทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์ คำถามคือเทพเจ้าองค์นั้นคือเทพเจ้าองค์ใด

(1) พระอิศวร

(2) พระนารายณ์       

(3) พระอินทร์

(4) พระพรหม

ตอบ 2 หน้า 106 ในปัจจุบันนี้ชาวอินเดียยังคงนับถือพระพุทธเจ้าเสมือนเป็นปางหนึ่งของเทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์ (ฮินดู) ซึ่งก็คือ พระวิษณุหรือพระนารายณ์ หรือที่เรารู้จักกันดีว่า นารายณ์ 10 ปาง” โดยชาวอินเดียจะเคารพกราบไหว้พระพุทธเจ้าเพราะเชื่อว่าเป็นปางที่ 9ของ พระนารายณ์ แต่ก็มีชาวอินเดียบางเมืองทางตอนเหนือของบอมเบย์ที่นับถือเป็นพุทธล้วน ๆ

66.    พระพรหมสร้างคนชั้นศูทรมาจากพระวรกายส่วนใด

(1) พระโอษฐ์

(2) พระบาท  

(3) พระพาหา

(4) พระโสณี

ตอบ 2 หน้า 98, (คำบรรยาย) ตามคัมภีร์พระเวทของศาสนาพราหมณ์เชื่อว่า พระพรหมได้ทรง สร้างมนุษย์เป็นชนชั้นต่าง ๆ ไว้เพื่อสันติของสังคมจากพระวรกายของพระองค์ 4 ส่วน ดังนี้

1.      พราหมณ์ สร้างจากพระโอษฐ์ โดยถือว่าเป็นวรรณะสูงสุดที่ทำหน้าที่ทางวิชาการและ ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เช่น นักบวช นักปราชญ์ ครูอาจารย์

2.      กษัตริย์ สร้างจากพระพาหา ทำหน้าที่ทางการปกครองและบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่ประชาชน เช่น นักรบ นักปกครอง

3.      แพศย์ สร้างจากพระโสณี (ลำตัวถึงสะโพก) ทำหน้าที่ทางด้านกสิกรรมและพาณิชยกรรม เช่น พ่อค้า ชาวไร่ชาวนา ช่างฝีมือ

4.      ศูทร สร้างจากพระบาท ทำหน้าที่รับจ้างหรือรับใช้ เช่น ทาส กรรมกร

67.    ข้อใดคือจุดร่วมของศาสนาเชนและศาสนาพุทธ        

(1) อหิงสา

(2) รับประทานมังสวิรัติ        

(3) ปฏิเสธวรรณะ     

(4) บูชาบวงสรวงเทพเจ้า

ตอบ 3 หน้า 90, 102 ทั้งศาสนาพุทธและศาสนาเชนต่างก็มีเป้าหมายหลักเหมือนกัน คือ ต้องการปฏิรูปสังคมอินเดีย โดยเฉพาะโครงสร้างทางสังคมแบบวรรณะให้หมดไป

68.    ศูนย์กลางของโปรตุเกสในอินเดียอยู่ที่ใด

(1) เมืองกัว   

(2) ปัตตาเวีย

(3) กัลกัตตา 

(4) ปองดิเชอรี

ตอบ 1 หน้า 129, 133 ยุโรปชาติแรกที่เข้ามาค้าขายในอินเดียคือ โปรตุเกส ซึ่งประสบผลสำเร็จ ทางด้านการค้าและการเผยแผ่ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกแถบชายฝั่งทะเลตะวันตก ของอินเดียนับจากบอมเบย์ไปจนถึงเกาะลังกา โดยเฉพาะที่เมืองกัวซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการค้า และศาสนาคริสต์ที่ใหญ่ที่สุดของโปรตุเกส ทั้งนี้ประชาชนผู้นับถือศาสนาคริสต์ที่อาศัยอยู่ใน เมืองกัวเรียกร่า ชาวกวน” ซึ่งจะพูดภาษากวน

69.    ข้อใดคือลักษณะเด่นของการปกครองในสมัยราชวงศ์เมาริยะ

(1) เผด็จการ 

(2) ระบบทหาร          

(3) ประชาธิปไตย     

(4) สมบูรณาญาสิทธิราชย์

ตอบ 3 หน้า 113-114 การปกครองในสมัยราชวงศ์โมริยะหรือราชวงศ์เมาริยะที่เด่นที่สุดคือการปกครองระบอบประชาธิปไตย กล่าวคือ กษัตริย์ผู้ปกครองไม่ดำรงตนอยู่ในฐานะสมมุติเทพ แต่จะปกครองเสมือนเป็นผู้รับใช้ประชาชน โดยจะเอาใจใส่ดูแลประชาชนเป็นอย่างดี เห็นประโยชน์ของประชาชนมากกว่าประโยชน์ส่วนตน และให้สิทธิแก่ประชาชนในการถอดถอน กษัตริย์ได้เมื่อพระองค์ประพฤติตัวไม่เหมาะสม ซึ่งจะคล้ายกับการปกครองในสมัยของ พ่อขุนรามคำแหงมหาราชของอาณาจักรสุโขทัย

70.    ประธานาธิบดีคนแรกของอินเดียคือใคร

(1) คานธี      

(2) เนห์รู        

(3) ซเยด อาห์เหมด ข่าน       

(4) ซูการ์โน

ตอบ ไม่มีข้อใดถูก (คำบรรยาย) ประธานาธิบดีคนแรกของอินเดียคือ ดร.ราเชนทร์ ประสาท(Dr. Rajendra Prasad) รัฐบุรุษอาวุโสของอินเดีย ส่วนนายกรัฐมนตรีคนแรกของอินเดียคือ เยาวห์ลาล เนห์รู (Jawaharlal Nehru)

71.    ประเทศใดไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเอเชียใต้

(1) มัลดีฟส์   

(2) เนปาล     

(3) ภูฏาน      

(4) อิหร่าน

ตอบ 4 หน้า 73, 75 เอเชียใต้ (South Asia) หรือที่สื่อมวลชนทางตะวันตกนิยมเรียกร่า อนุทวีปอินเดีย” (Indian Sub-continent) ซึ่งในอดีตนั้นเอเชียใต้มักหมายถึงประเทศอินเดีย แต่ในปัจจุบันเอเชียใต้ จะมีทั้งหมด 7ประเทศ ได้แก่ อินเดียปากีสถานบังกลาเทศ ศรีสังกา เนปาลภูฏานและมัลดีฟส์

72.    ข้อใดคือมรดกทางวัฒนธรรมของสมัยคุปตะ

(1) ระบบทศนิยม     

(2) ศาสนาอิสลาม     

(3) ห้องอาบนํ้า          

(4) ศิลปะการบังคับช้าง

ตอบ 1 หน้า 116, 118 – 120 สมัยคุปตะถือว่าเป็นยุคทองของอินเดียโบราณ โดยวัฒนธรรมความเจริญที่เด่นๆ ประการหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นในสมัยนี้ได้แก่ การมีนักดาราศาสตร์และนักคณิตศาสตร์ที่มีชื่อเสียงคือ อารยภัททะ ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าโลกกลมและโคจรรอบดวงอาทิตย์ นอกจากนี้ยังเป็น ผู้คิดระบบทศนิยมได้เป็นคนแรกของโลก ซึ่งถือว่าเป็นมรดกชิ้นสำคัญของโลก

73.    มิลักขะ หมายถึงคนกลุ่มใด

(1) ทราวิฑ    

(2) ชาวเนปาล           

(3) ชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

(4) ชาวจีน

ตอบ 1 หน้า 73, 82 มิลักขะหรือทราวิฑ (Dravidian) เป็นชาวพื้นเมืองเดิมของอินเดียที่สร้างอารยธรรมลุ่มแม่นํ้าสินธุก่อนที่ชาวอารยันจะเข้ามาตั้งถิ่นฐานในอินเดีย ซึ่งพวกมิลักขะหรือทราวิฑ จะมีรูปร้างเตี้ย ผิวดำ จมูกกว้าง และอาศัยอยู่ตามลุ่มแม่นํ้าสินธุและลุ่มแม่นํ้าราวี

74.    คัมภีร์สามเวทมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเรื่องใด

(1) พิธีบวงสรวงเทพเจ้า       

(2) บทสรรเสริญคุณและฤทธิ์ของเทพเจ้า

(3) ไสยศาสตร์          

(4) การแสดงกลหรือศิลปศาสตร์ รวมทั้งสังคีตต่าง ๆ

ตอบ 4 หน้า 89, 91, 96 คัมภีร์พระเวทมี 3 เล่ม เรียกว่า ไตรเพท” หรือ ไตรเวท” ซึ่งจารึกเป็น ภาษาสันสกฤต ประกอบด้วย

1. ฤคเวท เป็นคัมภีร์ที่เก่าแก่ที่สุดโดยจะให้รายละเอียดเกี่ยวกับ ความเป็นอยู่ของพวกอารยัน การสร้างโลก รวมทั้งบทสรรเสริญคุณและฤทธิ์ของเทพเจ้าต่าง ๆ

2.      ยชุรเวท เป็นบทแสดงพิธีบวงสรวงเทพเจ้าต่าง ๆ และบทสวดในเวลาทำพิธีกรรม

3.      สามเวท เป็นบทแสดงกลศาสตร์หรือศิลปคาสตร์ รวมทั้งสังคีตตาง ๆ ซึ่งต่อมาคัมภีร์พระเวท ก็ได้มีอาถรรพเวทอันเป็นบทสวดคาถาเกี่ยวกับไสยศาสตร์เพิ่มเติมเข้ามาในภายหลัง

75.    ในประวัติศาสตร์อินเดียใครคือผู้ที่ได้รับสมญานามว่า จอมจักรวาล

(1) พระเจ้าอโศกมหาราช

(2) พระเจ้าอักบาร์    

(3) ซาห์เจอาน           

(4) พระเจ้าจันทรคุปต์

ตอบ 2 หน้า 123 – 124, (คำบรรยาย) พระเจ้าอักบาร์ เป็นจักรพรรดิหรือกษัตริย์มุสลิมราชวงศ์โมกุลของอินเดียที่มีชื่อเสียงมากที่สุด และเป็นที่ยอมรับของคนทุกฝ่ายจนได้รับการเฉลิมพระเกียรติว่า ‘‘มหาราช” อีกทั้งยังได้รับพระนามว่า จอมจักรวาล” เพราะเป็นที่รักของคนทุกเผ่า

76.    เหตุการณใดที่ทำให้อังกฤษมีอำนาจในอินเดียแต่เพียงผู้เดียว          

(1) สงคราม30ปี

(2) สงครามชิงราชสมบัติสเปน         

(3) สงครามคาร์นาติค ครั้งที่ 3       

(4) กบฏซีปอย

ตอบ 3 หน้า 135 – 136 ผลของสงครามคาร์นาติค ครั้งที่ 3 ได้ทำให้อังกฤษมีอำนาจทางการค้าและการเมืองในอินเดียเพียงชาติเดียว จนสามารถครอบครองอินเดียได้ทั้งประเทศในเวลาต่อมา โดยอังกฤษได้วางนโยบายการปกครองอินเดียไว้เป็น 3 ช่วง คือ

ช่วงแรกในปี ศ.ศ. 1757 ได้ส่ง โรเบิร์ต ไคลฟ์ มาเป็นข้าหลวงคนแรกเพื่อช่วยเหลือบริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษ

ต่อมาช่วงที่สองในปี ค.ศ. 1774 ได้ส่งวอร์เรน เฮสติงส์ มาเป็นข้าหลวงใหญ่คนแรกเพื่อสร้าง จักรวรรดินิยมในอินเดียโดยตรง

และช่วงที่สามในปี ค.ศ. 1858 ก็ได้ส่งลอร์ด แคนนิ่ง มาเป็น อุปราชคนแรกเพื่อเป็นผู้สำเร็จราชการต่างพระเนตรพระกรรณของพระเจ้ากรุงอังกฤษ

77.    ใครคือข้าหลวงใหญ่คนแรกของอินเดีย

(1) แคนนิ่ง    

(2) เมาท์แบทเทน      

(3) เฮสติงส์   

(4) ไคลฟ์

ตอบ ดูคำอธิบายข้อ 76. ประกอบ

78.    ข้อใดคือมรดกของอังกฤษที่ส่งทอดสู่สังคมอินเดียในปัจจุบัน

(1) พิธีสติ     

(2) ศาสนาคริสต์       

(3) ระบบกฎหมาย    

(4) ชนชั้นทางสังคม

ตอบ 3 หน้า 146 – 151, 164 มรดกทางอารยธรรมของอังกฤษที่ถ่ายทอดสู่สังคมอินเดียในปัจจุบัน มีดังนี้

1.      ระบบกฎหมายที่มีการผสมผสานลักษณะวิธีปฏิบัติแบบยุโรปและอินเดียเข้าด้วยกัน

2.      การสร้างทางรถยนต์ ทางรถไฟ การไฟฟ้า ประปา และระบบชลประทาน

3.      อุตสาหกรรมสิ่งทอและการค้าขายที่เป็นสากล

4.      ยกเลิกประเพณีพิธีกรรมที่เหลวใหลต่าง ๆ เช่น ประเพณีสุตตีหรือสติ ฯลฯ

5.      ระบบการศึกษา

6.      รูปแบบการปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา ซึ่งเห็นเป็นรูปธรรมมากที่สุด

79.    ในประวัติศาสตร์อินเดีย อาลูมีความสำคัญอย่างไร  

(1) ต้นไม้ประจำชาติ

(2) สัญลักษณ์ราชวงศ์โมกุล

(3) อาหาร     

(4) ชนเผ่าเร่ร่อน

ตอบ 3 หน้า 133 – 134 มรดกทางต้านเกษตรกรรมที่โปรตุเกสนำมาใช้ในอินเดียสมัยราชวงศ์โมกุลคือ การนำเอาวิทยาการแผนใหม่มาล่งเสริมประชาชนในด้านการเกษตร โดยเฉพาะได้แนะนำ และส่งเสริมให้ประชาชนปลูกพืชอาหารหลักประเภทมะพร้าว ข้าวโพด และมันฝรั่ง (อาลู)ในเชิงพาณิชย์ แล้วจัดหาตลาดให้

80.    สิ่งใดเป็นสัญลักษณ์ของราชวงศ์โมริยะ

(1) วัวตัวผู้    

(2) นกยูง      

(3) วัวตัวเมีย 

(4) ดอกเบญจมาศ

ตอบ 2 หน้า 116 สัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์ของราชวงศ์โมริยะคือ นกยูง ซึ่งปัจจุบันนี้นกยูงได้กลายเป็น นกประจำชาติของอินเดีย โดยสามารถที่จะหาดูได้ในทุกพื้นที่ของประเทศ

81.    แนวคิดเรื่องโอรสแห่งสวรรศ์เริ่มต้นในสมัยใด

(1) ราชวงศ์ถัง          

(2) ราชวงศ์สุย          

(3) ราชวงศ์โจว          

(4) ราชวงศ์ชิง

ตอบ 3 หน้า 274 – 275 ในสมัยราชวงศ์โจวตะวันตก กษัตริย์จะถือว่าตนเป็น โอรสแห่งสวรรค์” หมายถึง องค์จักรพรรดิที่ได้รับคำสั่งจากเทพเจ้าเทียนหรือเทพเจ้าแห่งสวรรค์ให้มาขจัดทุกข์ บำรุงสุขให้แก่ประชาชนโดยมีอำนาจที่สวรรค์มอบให้เพื่อปกครองเรียกว่า อาณัติแห่งสวรรค์” และตราบเท่าที่ทรงประพฤติตนอยู่ในคุณธรรมอันดีงาม อาณัติแห่งสวรรค์จะยังคงอยู่ตลอดไป แต่หากประพฤติผิดหลักธรรม อาณัติแห่งสวรรค์ก็จะสูญสิ้นไป

82.    สิ่งใดคือความเจริญด้านการปกครองของราชวงศ์ถัง

(1) การตั้งรัฐสภา     

(2) การสืบทอดอำนาจจากบิดาสู่บุตร

(3) การตั้งสภาที่ปรึกษาส่วนพระองค์           

(4) การสอบเข้ารับราชการ

ตอบ 4 หน้า 281 – 282, (คำบรรยาย) ความเจริญด้านการปกครองที่เกิดขึ้นในสมัยราชวงศ์ถังคือ การบริหารราชการแผ่นดินจะอาศัยหลักคำสอนของขงจื๊อ โดยอยู่ภายใต้การปฏิบัติงานของ 3 หน่วยงาน ได้แก่ จุงชู เหมินเซีย และซั่งซู รวมทั้งนำเอาระบบการสอบคัดเลือกเข้ารับราชการ ที่เกิดขึ้นในสมัยราชวงศ์ฮั่นยุคแรกกลับมาใช้อีกครั้งหนึ่ง

83.    ความคิดที่ว่า สังคมจะเรียบร้อยและเป็นสุขได้ถ้าสมาชิกของสังคมรู้จักหน้าที่ของตนเอง” เป็นแนวคิด ของนักปรัชญาเมธีคนใด

(1) ขงจื๊อ       

(2) เล่าสือ     

(3) โมจื๊อ       

(4) เม่งจื๊อ

ตอบ 1 หน้า 276, 347, (คำบรรยาย) หลักคำสอนของขงจื๊อจะมุ่งเน้นในเรื่องความเป็นระเบียบเรียบร้อย ของสังคมในโลกนี้มากกว่าโลกหน้า ซึ่งมีสาระสำคัญคือ สังคมจะเรียบร้อยและเป็นสุขได้ ถ้าสมาชิกของสังคมรู้จักหน้าที่ของตนเอง ” โดยหน้าที่ในที่นี้หมายถึง การปฏิบัติตามธรรมเนียม ประเพณีอันดีงามที่ยึดถือปฏิบัติกันมา เช่น เมื่อรับใช้พ่อแม่ก็ปฏิบัติเต็มที่ เมื่อรับใช้ผู้ปกครอง ก็อุทิศชีวิตให้ เมื่อสนทนากับมิตรก็มีแต่ความจริงใจ เป็นต้น

84.    ข้อใดคือลักษณะที่ทำให้หลิวปังและจูหยวนจังแตกต่างจากจักรพรรดิจีนพระองศ์อื่น (1) ทรงเป็นชาวนามาก่อน    

(2) ทรงเป็นชาวต่างชาติ

(3) ทรงนับถือสำนักนิติธรรมอยางเคร่งครัด 

(4) ทรงต่อต้านพุทธศาสนา

ตอบ 1 หน้า 278, 284 หลิวปังและจูหยวนจังมีลักษณะที่แตกต่างจากจักรพรรดิจีนพระองค์อื่น ๆ ก็คือ ทรงเป็นสามัญชนหรือชาวนามาก่อน โดยหลิวปังนับเป็นชาวนาคนแรกในประวัติศาสตร์จีน ที่ได้ก่อตั้งราชวงศ์ฮั่นและสถาปนาตนเองเป็นจักรพรรดินามว่า ฮั่นเกาสู” และจูหยวนจัง ก็นับเป็นชาวนาคนที่ 2 ต่อจากหลิวปัง ที่ได้ก่อตั้งราชวงศ์หมิงและสถาปนาตนเองเป็นจักรพรรดิ นามว่า พระเจ้าฮังวู” ขึ้นปกครองแผ่นดินจีน

85.    ขุนนางตระกูลซือมามีความสำคัญต่อจีนอย่างไร

(1) ขับไล่กองทัพมองโกลออกจากจีน           

(2) เป็นนักประวัติศาสตร์ที่เที่ยงตรง

(3)    เป็นคนแรกที่ประดิษฐ์กระจกเงา        

(4) เป็นตระกูลที่ถูกประหารเพราะคดโกง

ตอบ 2 หน้า 279 ผลงานทางด้านวรรณกรรมที่มีชื่อเสียงในสมัยราชวงศ์ฮั่น แบ่งออกเป็น 2 ยุค คือ

1.      สมัยราชวงศ์ฮั่นตอนต้นได้แก่ ผลงานเขียนทางประวัติศาสตร์เรื่อง เฉอซี” หรือบันทึกของนักประวัติศาสตร์ ซึ่งเขียนโดยนักประวัติศาสตร์ที่เทียงตรงในตระกูลซือมา ชื่อซือมาตัน และซือมาเชียง

2.      สมัยราชวงศ์ฮั่นยุคหลัง ได้แก่ ผลงานเขียนทางประวัติศาสตร์เรื่อง ฮั่นชู” หรือประวัติศาสตร์ราชวงศ์ฮั่นตอนต้น ซึ่งเขียนโดยบุคคลในตระกูลปาน ได้แก่ ปานเปียว ปานกู และปานเจา ทำให้ผลงานทางประวัติศาสตร์สมบูรณ์แบบมากขึ้น

86.    เพราะเหตุใดในสมัยราชวงศ์สุ้ง ฐานะของสตรีจึงตกต่ำไปจากเดิม

(1) มักกระทำผิดประเวณี     

(2) สตรีเข้ามามีอำนาจในราชสำนักมากเกินไป

(3) เกิดประเพณีมัดเท้า        

(4) สตรีไม่ได้รับอนุญาตให้สอบขุนนางได้อีกต่อไป

ตอบ 3 หน้า 283 ในสมัยราชวงศ์สุ้งนั้นฐานะทางสังคมของสตรีตกต่ำกว่าเดิมมาก เพราะมีการ นำเอาประเพณีการมัดเท้าเข้ามาใช้ ทำให้สตรีเดินไปมาลำบากยิ่งขึ้น

87.    ในสมัยใดที่กองเรือของจีนยิ่งใหญ่กว่าในสมัยใด จนสามารถเดินทางไปไกลถึงทวีปแอฟรีกา

(1) ถัง

(2) หมิง         

(3) ชิง

(4) หยวน

ตอบ 2 หน้า 285 ในสมัยราชวงศ์หมิงได้ส่งเสริมให้มีการเดินทางทางทะเลมากขึ้น ส่งผลให้กองเรือจีน ในสมัยนี้มีความยิ่งใหญ่กว่าสมัยอื่น ๆ จนสามารถเดินทางไปไกลถึงชายฝั่งด้านตะวันออกของทวีปแอฟรีกา อย่างไรก็ตามความเป็นเจ้าทะเลของจีนได้ยุติลงในปี ค.ศ. 1433เพราะผู้ปกครอง ไม่สนับสนุนให้ทำการค้าขาย

88.    ข้อใดเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปฏิรูป 100 วัน

(1) ดร.ซุนยัดเซ็นเป็นหัวหน้าขบวนการ         

(2) เกิดขึ้นเพื่อต่อต้านราชวงศ์

(3) เหตุการณ์ครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างดี        

(4) นำแนวคิดตะวันตกมาใช้ในการปฏิรูป

ตอบ 4 หน้า 289 กังยู่ไหว เป็นผู้นำในการปฏิรูปประเทศจีนในภาคเหนือ โดยเขาได้นำแนวคิดเกี่ยวกับเทคโนโลยีและวิทยาการจากตะวันตกทั้งหมดเข้ามาใช้ได้เพียง 100 วัน ซึ่งรู้จักกันในชื่อ การปฏิรูป 100 วัน” แต่โครงการปฏิรูปนี้ประสบกับความล้มเหลว ทำให้กังยู่ไหวและพรรคพวกถูกจับเนรเทศ บางส่วนก็ถูกประหารชีวิต

89. ในสายตาของคอมมิวนิสต์จีน ขบวนการ 4 พฤษภาคม” มีความสำคัญอย่างไร

(1) จุดเริ่มต้นการต่อสู้ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน       

(2) เหมาเจ๋อตุงขึ้นเป็นประธานาธิบดี

(3) พรรคก๊กมินตั๋งยอมพ่ายแพ้โดยสิโรราบ  

(4) จุดเริ่มต้นของการต่อต้านต่างชาติ

ตอบ 1 หน้า 290 ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1919 ได้เกิดเหตุการณ์เดินขบวนครั้งใหญ่ของนักศึกษาจีน ที่เรียกว่า ขบวนการ 4 พฤษภาคม” ฃึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านวัฒนธรรม ของจีนเอง และแสดงออกซึ่งวัฒนธรรมที่รับมาจากต่างชาติ อันได้แก่ ความเป็นชาตินิยม (Nationalism) ความไม่พอใจชาติตะวันตก และการต่อต้านบรรดาขุนศึกที่ปักกิ่ง โดยเหตุการณ์ ครั้งนี้ในสายตาคอมมิวนิสต์จีนถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นการต่อสู้ของพรรคคอมมิวนิสต์บนแผ่นดินจีน

90.    คนกลุ่มใดคือคนที่มีฐานะต่ำที่สุดไม่ว่าราชวงศ์ใดขึ้นปกครองจีน

(1) ฮั่นเหนือ  

(2) ฮั่นใต้       

(3) แมนจู      

(4) ฮั่นตะวันตก

ตอบ 2 (คำบรรยาย) ชนชาติพื้นเมืองในจีนแบ่งออกเป็น 4 ชนชั้น ได้แก่

1.      ชนชั้นชาวมองโกลทั่วไป ถือว่าเป็นชนชั้นที่มีฐานะทางสังคมสูงสุด

2.      ชนชั้นชาวเซ่อมู่ เป็นชนเผ่าต่าง ๆ ของดินแดนทางตะวันตกและพวกซีเซี่ย

3.      ชนชั้นชาวฮั่น เป็นพวกที่เคยถูกอาณาจักรจิ๋นปกครองมาก่อน เช่น ชาวฮั่นทางเหนือ ชาวชี่ตาน ชาวหนี่เจิน ฯลฯ

4.      ชนชั้นชาวใต้ เป็นชาวฮั่นใต้แม่นํ้าแยงซีเกียงและชนชาติอื่น ๆ ซึ่งถือว่าเป็นชนชั้นที่มีฐานะ ทางสังคมต่ำสุดในทุกราชวงศ์ที่ขึ้นปกครองจีน

91.    ปัจจุบันชาวไอนุยังอาศัยอยู่แถบใดของญี่ปุ่น           

(1) โตเกียว

(2) นารา       

(3) ไม่เหลือคนกลุ่มนี้ในญี่ปุ่นแล้ว    

(4) ฮอกไกโด

ตุอบ 4 หน้า 305 ชาวไอนุเป็นชนพื้นเมืองกลุ่มแรกๆ ที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในญี่ปุ่น และถือว่า เป็นบรรพบุรุษของชาวญี่ปุ่นที่ยังคงมีบทบาททางสังคมอยู่บริเวณตอนเหนือของเกาะฮอกไกโด ในปัจจุบัน ซึ่งชาวไอนุจะมีลักษณะทางกายภาพหรือมีรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกับชาวตะวันตก (ชาวยุโรป) มากที่สุด เช่น ตามร่างกายมีขนดก หน้าแบน ตาสีฟ้า ผิวขาว ผมทอง รูปร่างสูงใหญ่ เป็นต้น

92.    การปฏิรูปไทกาคือผลงานของใคร

(1) จิมมู เทนโน         

(2) เรียวมะ    

(3) เมจิ          

(4) นากะ โนะ โอเยะ

ตอบ 4 หน้า 307, 310, 316 ในสมัยเจ้าชายนากะ โนะ โอเยะ ได้เกิดแผนการปฏิรูปไทกาซึ่งเป็น การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของญี่ปุ่นที่เลียนแบบจีนในสมัยราชวงศ์ถัง โดยเน้นการปฏิรูปทั้งทางด้านการปกครองและด้านเศรษฐกิจ ซึ่งแนวทางการปฏิรูปทางด้านเศรษฐกิจที่นำมาใช้ก็คือ มีการประกาศโอนที่ดินของนายทุนและผู้มีอิทธิพลเข้ามาเป็นของรัฐ โดยรัฐจะนำที่ดินดังกลาว มาแจกจ่ายให้แก่ชาวนาเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ และต้องคืนให้แก่รัฐเมื่อไม่สามารถใช้แรงงาน บนที่ดินนั้นได้ แต่แผนการนี้ล้มเหลว เพราะถูกขัดขวางจากผู้เสียประโยชน์และผู้ที่ไม่เข้าใจ ในความจำเป็นของการใช้สอยที่ดิน จึงถูกยกเลิกในเวลาต่อมา

93.    แม้ในสมัยโตกูกาวา ญี่ปุ่นจะประกาศปิดประเทศ แต่ก็ยังคงค้าขายกับชาวต่างชาติอยู่ ชาวต่างชาติที่ว่านี้ หมายถึงชาติใด

(1) ชาวจีน    

(2) ชาวอังกฤษ          

(3) ชาวฝรั่งเศส         

(4) ชาวสเปน

ตอบ 1 หน้า 311, 318 ในกลางคริสต์ศตวรรษที่ 17 ความหวาดกลัวต่อชาวต่างชาติ ทำให้โซกุนโตกูกาวาประกาคปิดประเทศ และขับไล่ชาวต่างชาติออกไป โดยไม่คบค้าสมาคมกับ ประเทศใด ๆ ยกเว้นจีนกับดัตช์ (ประเทศเนเธอร์แลนดในปัจจุบัน) ที่ญี่ปุ่นยังคงอนุญาต ให้เข้ามาติดต่อค้าขายและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมได้เพียงบางครั้งบางคราวเท่านั้น

94.    ในสมัยโตกูกาวา ชิมปัน หมายถึงอะไร

(1)    ขุนศึกที่ใกล้ชิดทางสายเลือดกับโชกุนโตกูกาวา

(2)    ขุนศึกที่เข้าร่วมกับตระกูลโตกูกาวาก่อน ค.ศ. 1603

(3)    ขุนศึกที่เข้าร่วมกับตระกูลโตกูกาวาหลังยึดอำนาจแล้ว         

(4) ขุนศึกที่เคยร่วมกับฮิเดโยชิมาก่อน

ตอบ 1 หน้า 309, 313 ในสมัยโตกูกาวา โชกุนได้แบ่งชนชั้นขุนนางซึ่งเป็นเจ้าผู้ครองแคว้นออกเป็น3 ประเภท คือ

1. ชิมปัน เป็นขุนศึกที่มีความใกล้ชิดทางสายเลือดกับโชกุนโตกูกาวา และ ปกครองบริเวณเมืองเอโดะ

2. ฟูได เป็นขุนศึกที่เข้าร่วมกับตระกูลโตกูกาวาก่อนขึ้นมา มีอำนาจ (ก่อนปี ค.ศ. 1603) 

3. โตซามา เป็นขุนศึกกลุ่มสุดท้ายที่เข้าร่วมกับตระกูลโตกูกาวาหลังจากขึ้นมามีอำนาจในญี่ปุ่นแล้ว

95.    ชนชั้นใดคือชนชั้นที่ต่ำสุดในสังคมญี่ปุ่น

(1) พ่อค้า      

(2) ขุนนาง     

(3) ชาวนา     

(4) นักบวช

ตอบ 1 หน้า 312 – 313, (คำบรรยาย) สังคมญี่ปุ่นในสมัยศักดินาแบ่งออกเป็น 4 ชนชั้น (ตามแนวคิด ของลัทธิขงจื๊อที่รับมาจากจีน) ได้แก่

1. ชนชั้นปกครอง ถือว่าเป็นชนชี่นที่สูงและสำศัญที่สุด ซึ่งประกอบด้วยพวกขุนนางและนักรบหรือซามูไร

2. ชนชั้นชาวไร่ชาวนา

3. ชนชั้นช่างฝีมือ

4.นชั้นพ่อค้าและนักธุรกิจ เป็นชนชั้นต่ำสุดในสมัยนี้ แต่ผลสุดท้ายก็กลายเป็นชนชั้นที่สำคัญ ที่สุดในสมัยปัจจุบัน

96.    ใครคือเทพเจ้าสูงสุดของชาวญี่ปุ่น

(1) อะมาเตราสึ        

(2) กามิกาเซ 

(3) โชโทกุ      

(4) ฮิราอิ

ตอบ 1 หน้า 303, 315 ก่อนที่ศาสนาและลัทธิจากต่างชาติ เช่น ศาสนาพุทธ ลัทธิขงจื๊อและเต๋า ฯลฯ จะเข้ามาเผยแผ่ในญี่ปุ่น ชาวญี่ปุ่นได้มีการนับถือเทพเจ้าอยู่แล้วซึ่งก็คือ เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ (สุริยเทวีหรือพระนางอะมาเตราสึ) ซึ่งเป็นเทพเจ้าสูงสุดในสมัยนั้น โดยต่อมารู้จักกันในชื่อว่า ลัทธิชินโต” หรือวิถีทางของเทพเจ้า ทั้งนี้ลัทธิชินโตรุ่งเรืองอย่างมากในสมัยโตกูกาวาตอนปลาย และในสมัยเมอิจิ

97.    ฮานิวาเป็นหลักฐานที่สะท้อนภาพวัฒนธรรมยุคใดของญี่ปุ่น

(1) วัฒนธรรมหลุมฝังศพ      

(2) ยุคตำนาน           

(3) สมัยฟูจิวารา        

(4) สมัยโตกูกาวา

ตอบ 1 หน้า 314 ในปี ค.ศ. 600 ญี่ปุ่นได้รับเอาวัฒนธรรมทูมูลิหรือวัฒนธรรมหลุมฝังศพจากเกาหลี เข้ามาใช้ ซึ่งชาวญี่ปุ่นจะเรียกว่า วัฒนธรรมโคพัน” คือ การนำเอาหินก้อนใหญ่ ๆ มาประดับ หลุมฝังศพ นอกจากนี้ยังมีการนำเอารูปปั้นที่เรียกว่า ตัวฮานิวา” ซึ่งมีทั้งรูปร่างของมนุษย์ สัตว์ และที่อยู่อาศัย มาเรียงล้อมรอบร่างของผู้ตายด้วย โดยวัฒนธรรมนี้จะเป็นที่นิยมกันเฉพาะ ในหมู่ชนชั้นนักปกครองเท่านั้น

98.    ชาวไร่ในสังคมเกาหลีโบราณนั้นเป็นคนในชนชั้นใด

(1) ยางบัน    

(2) ซินจิน      

(3) แซงมิน    

(4) ซุนมิน

ตอบ 3 หน้า 333 สังคมเกาหลีโบราณช่วงก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 19 แบ่งออกเป็น 4 ชนชั้น คือ

1.      ชนชั้นสูงหรือยางบัน (Yang-ban) ได้แก่ พวกขุนนาง ข้าราชการระดับสูง นักวิชาการ และนักปราชญ์

2.      ชนชั้นกลางหรือซินจิน (Shin-jin) ได้แก่ ข้าราชการระดับกลางและระดับต่ำ

3.      ชนชั้นสามัญหรือแซงมิน (Sang-min) ได้แก่ นักธุรกิจ ชาวไร่ชาวนา และซ่างฝีมือ

4.      ชนชั้นต่ำหรือซุนมิน (รนก-ท๓ก) ได้แก่ นักแสดง คนล่าสัตว์ และทาส โดยชนชั้นสูง จะเรียกชนขั้นที่ต่ำกว่าว่า แซงนอม” (Sang-nom) หรือไพร่

99.    คำว่า โสมแดง” เป็นสัญลักษณ์ของประเทศใด

(1) จีน           

(2) เกาหลีใต้ 

(3) เกาหลีเหนือ         

(4) ญี่ปุ่น

ตอบ 3 หน้า 342 โสมเกาหลี เป็นสินค้าสัญลักษณ์ประจำชาติเกาหลี จนทำให้ประเทศเกาหลีได้ชื่อว่า เป็นประเทศโสมขาว (เกาหลีใต้หรือสาธารณรัฐเกาหลี) และประเทศโสมแดง (เกาหลีเหนือ หรือสาธารณรัฐประชาชนเกาหลี)

100. สงครามเกาหลี (ค.ศ. 1950 – 1953) ยุติลงเป็นการชั่วคราวด้วยเหตุผลใด

(1) เกาหลีใต้ชนะเกาหลีเหนือ          

(2) สหรัฐฯ ถอนทหารออกจากเกาหลี

(3)    เกาหลีเหนือข่มขู่จะยิงขีปนาวุธใส่เกาหลีใต้   

(4) มีการลงนามสนธิสัญญาทางทหาร

ตอบ 4 หน้า 332 สงครามเกาหลี (ค.ศ. 1950 – 1953) เป็นสงครามภายในประเทศระหว่างเกาหลีเหนือ และเกาหลีใต้ โดยเริ่มต้นขึ้นเมื่อเกาหลีเหนือได้ส่งกองกำลังทหารรุกข้ามเขตเส้นขนานที่ 38 เข้ามาในเกาหลีใต้ และยึดกรุงโซลได้ภายใน 5 วัน จนในที่สุดก็ได้มีการเซ็นลงนามสนธิสัญญา ทางทหารเพื่อหยุดยิงชั่วคราวขึ้นที่หมู่บ้านปันมุนจอม (Panmunjorn) ในเขตปลอดทหาร เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ค.ศ. 1953 ซึ่งถือว่าเป็นการสิ้นสุดสงครามเกาหลีที่กินระยะเวลา นานถึง 3 ปีนับตั้งแต่นั้น

101. เมืองสุธรรมวดีเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรใด

(1) จามปา    

(2) กัมพูชา    

(3) มอญ       

(4) เจนละ

ตอบ 3 หน้า 375 มอญเป็นกลุ่มชาติพันธุ์เชื้อสายเดียวกันเขมร ซึ่งได้เริ่มรวมตัวกันตั้งเป็นอาณาจักรมอญ ขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 5 โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองสุธรรมวดีหรือเมืองท่าตุน บริเวณลุ่มแม่น้ำสะโตง ของพม่า (เมียนมาร์) ซึ่งพวกมอญที่สุธรรมวดีจะมีความรู้ทางด้านเกษตรกรรม การทำนาทำไร่ และมีความชำนาญในการชลประทาน ซึ่งเรียนรู้มาจากพวกอินเดีย โดยเฉพาะการเป็นผู้ริเริ่ม ภารชลประทานขึ้นในที่ราบกยอเสในบริเวณตอนกลางของพม่า นอกจากนี้ยังมีการติดต่อค้าขาย อย่างใกล้ชิดกับอินเดียและลังกา ทำให้มอญได้รับอารยธรรมอินเดียไว้เต็มที่หลายประการ

102. อาณาจักรใดถือเป็นจุดเริ่มต้นของยุคเทวราชาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างแท้จริง

(1) จามปา    

(2) กัมพูชา    

(3) ฟูนัน        

(4) เจนละ

ตอบ 2 หน้า 374 พวกเขมรได้รวมตัวเป็นปึกแผ่นอีกครั้งหนึ่งในสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ซึ่งทรง ยกทัพขึ้นมายึดครองอาณาจักรเจนละได้สำเร็จ และได้รวมเจนละบกและเจนละน้ำเข้าด้วยกัน โดยให้ชื่อใหม่ว่า อาณาจักรกัมพูชา” หลังจากนั้นพระองค์ได้ประกอบพิธีราชาภิเษก มีการบูชา ศิวลึงค์ และประกาศพระองค์เป็นเจ้าแห่งจักรวาล ซึ่งถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของยุคเทวราชาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างแท้จริง

103. เพราะเหตุใดศรีวิชัยจึงล่มสลายลง

(1) กองทัพโจฬะเข้าโจมตี    

(2) สตรีมีอำนาจในราชสำนัก

(3) สมเด็จพระยามังรายยกทัพเข้าโจมตี      

(4) กษัตริย์ทรงใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย

ตอบ 1 .หน้า 379 อาณาจักรศรีวิชัยได้ล่มสลายลงนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1025 เนื่องจากถูกกองทัพโจฬะ ในอินเดียภาคใต้เข้าโจมตี แต่ยังคงมีกษัตริย์ปกครองต่อมา จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1280 ศรีวิชัยจึง หมดอำนาจโดยสิ้นเชิงจากการรุกรานของอาณาจักรมัชฌปาหิตและอาณาจักรไทยในแหลมมลายู

104. นครเกียรติคมเปิบวรรณกรรมของอาณาจักรใด

(1) สิงหัสส่าหรี         

(2) พระนครศรีอยุธยา           

(3) มัชฌปาหิต          

(4) ศรีวิชัย

ตอบ 3 หน้า 380 ความเจริญด้านวรรณกรรมและบันทึกประวัติศาสตร์ของอาณาจักรมัชฌปาหิต ได้แก่โคลงชื่อ นครเกียรติคม” ซึ่งเป็นโคลงเทิดพระเกียรติพระเจ้าฮายัมวูรุก และ บรรพบุรุษของพระองค์ ซึ่งบันทึกโดยปราปาน ชา (Prapan Cha)

105. ชาวดัตช์ใช้ระบบทางเศรษฐกิจแบบใดในเกาะชวา

(1) การค้าเสรี           

(2) การส่งเสริมการปฏิวัติอุตสาหกรรม

(3) ระบบบังคับการเพาะปลูก          

(4) การกีดกันการค้า

ตอบ 3 หน้า 400 ระบบทางเศรษฐกิจที่รัฐบาลฮอลันดา (ดัตช์) นำมาใช้ในเกาะชวาในแถบหมู่เกาะ อินโดนีเซียในช่วงปี ค.ศ. 1830 คือ ระบบบังคับการเพาะปลูก (Culture System) ซึ่งเป็นการ บังคับให้ชาวพื้นเมืองปลูกพืชไร่ขนาดใหญ่ตามที่รัฐบาลกำหนด เช่น อ้อย ยาสูบ กาแฟ ฯลฯ โดยผ่านทางสุลต่าน ทั้งนี้ชาวพื้นเมืองไม่ต้องเสียภาษีที่ดินเป็นเงินแต่เสียเป็นผลผลิตแทน ส่วนที่เหลือต้องขายให้แก่รัฐบาล

106. บทบาทของชาวสเปนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้านใดที่โดดเด่นที่สุด

(1) การค้า     

(2) การเผยแผ่ศาสนา           

(3) การทหาร 

(4) การปกครอง

ตอบ 2 หน้า 390 บทบาทของชาวสเปนที่เข้ามาขยายอำนาจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในแถบหมูเกาะ ฟิลิปปินส์ที่โดดเด่นที่สุด คือ การเผยแผ่ศาสนาคริสต์ ซึ่งการเผยแผ่ศาสนาคริสต์ของสเปน ในฟิลิปปินส์นั้นจะไม่ใช้วิธีการบังคับข่มขู่ให้คนพื้นเมืองหันมานับถือ แต่จะให้คณะมิชชันนารี ออกไปเผยแผ่ศาสนาโดยชักจูงโน้มน้าวให้คนพื้นเมืองกลับใจมารับนับถือพระเยซูคริสต์แทน ภูตผีต่าง ๆ เอง ซึ่งวิธีนี้ทำให้สเปนประสบความสำเร็จในการเผยแผ่ศาสนคริสต์มากกว่า ชาติยุโรปอื่น ๆ ที่เข้ามาในภูมิภาคนี้

107. หลังอังกฤษมีอำนาจในพม่าทั้งหมดแล้ว อังกฤษได้ดำเนินการอย่างไรกับพม่าบ้าง

(1) ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มคน    

(2) ตั้งกรุงย่างกุ้งเป็นเมืองหลวง

(3) เนรเทศกษัตริย์และราชินีไปอินเดีย         

(4) การทำสนธิสัญญาอังกฤษ-ดัตช์ ค.ศ. 1824

ตอบ 3 หน้า 395 ในปี ค.ศ. 1885 เมื่ออังกฤษมีอำนาจในพม่าทั้งหมดแล้ว อังกฤษได้ประกาศผนวกพม่าตอนบนเข้าเป็นมณฑลหนึ่งของอินเดีย โดยยุบสถาบันกษัตริย์และสภลุทดอว์ของพม่า แล้วเนรเทศพระเจ้าธีบอซึ่งเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของพม่าและราชินีรวมถึงราชวงศ์ไปอยู่ที่อินเดีย

108. ข้อใดคือผู้ที่มีบทบาทในขบวนการชาตินิยมของพม่า

(1) จีนเป็ง     

(2) ซูการ์โน   

(3) เฟอร์ดินาน มาร์กอส        

(4) อองซาน

ตอบ 4 หน้า 410 กลุ่มขบวนการชาตินิยมที่มีชื่อเสียงของพม่าคือ กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยย่างกุ้ง ที่เรียกว่า กลุ่มตะขิ่น” (Thakin) โดยมีผู้นำที่สำคัญ 2 คน คือ อูนุ (U Nu) และอองซาน (Aung San)

109. เพราะเหตุใดนายพลซูฮาร์โตจึงปลดซูการ์โนออกจากตำแหน่ง

(1) ปัญหาทุจริตในวงราชการ           

(2) ซูการ์โนเอาใจคอมมิวนิสต์มากจนเกินไป

(3) ข้อพิพาทระหว่างอินโดนีเซียกับมาเลเซีย

(4) ซูการโนไม่สามารถปราบกบฏในติมอร์ได้

ตอบ 2 หน้า 418 ในปี ค.ศ. 1965 พวกคอมมิวนิสต์ที่เข้าร่วมกับรัฐบาลซูการ์โนได้ก่อรัฐประหารขึ้น ในอินโดนีเซีย ทำให้นายพลซูฮาร์โตต้องปราบปรามอย่างหนัก พร้อมกับปลดซูการ์โนออกจากตำแหน่ง เพราะเห็นว่าซูการ์โนเอาใจพวกคอมมิวนิสต์มากเกินไป จากนั้นนายพลซูฮารโต ก็ได้ขึ้นมามีอำนาจและเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสืบต่อมา

110. พวกเวียดมินห์คือใคร

(1) ชาวเวียดนามใต้ที่ต่อต้านรัฐบาลของตนเอง       

(2) ชาวเวียดนามใต้ที่ต่อต้านโฮจิมินห์

(3) ชาวเวียดนามที่ต่อต้านฝรั่งเศส/อเมริกา  

(4) ชาวเวียดนามที่ต่อต้านเขมรแดง

ตอบ 3 หน้า 412 – 413, (คำบรรยาย) สันนิบาตเพื่อเอกราชของเวียดนามหรือเวียดมินห์ (Viet Minh) ภายใต้การนำของโฮจิมินห์ หัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามนั้น เป็นกลุ่มชาวเวียดนามรักชาติ ที่ออกมาต่อต้านและขับไล่ญี่ปุ่นออกไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และต่อต้านฝรั่งเศสที่กลับ เข้ามามีอำนาจในเวียดนามอีกครั้งหนึ่งในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 รวมทั้งต่อต้านอเมริกา ที่สนับสนุนเวียดนามใต้ไม่ให้ลงประชามติเรื่องที่จะรวมเวียดนามเหนือและเวียดนามใต้เข้าด้วยกัน ภายใต้สนธิสัญญาเจนีวา จนนำไปสู่การเกิดสงครามเวียดนามในปี ค.ศ. 1963 และสุดท้าย ก็สามารถประกาศรวม 2 เวียดนามเข้าเป็นประเทศเดียวได้สำเร็จในปี ค.ศ. 1975

111. ผู้นำคนใดได้รับสมญานามว่า ประธานาธิบดีขวัญใจคนยาก

(1) เฟอร์ดินาน มาร์กอส       

(2) โฮเซ่ รีซาล

(3) รามอน แมกไซไซ 

(4) นอยนอย อาร์ควิโน

ตอบ 3 หน้า 416 – 417 ในสมัยที่รามอน แมกไซไซ ดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีของฟิลิปปินส์นั้น ได้ทำให้ฟิลิปปินส์มีความเจริญก้าวหน้าอย่างมากทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการพัฒนาชนบท จนทำให้เขาได้รับสมญานามว่า ประธานาธิบดีขวัญใจคนยากจน”  

112. ประเทศใดที่ได้ชื่อว่าได้รับการปกครองที่ดีที่สุดจากเมืองแม่

(1) พม่า        

(2) อินโดนีเซีย           

(3) เวียดนาม 

(4) มาเลเซีย

ตอบ 4 หน้า 419 มาเลเซียเป็นประเทศที่ได้ชื่อว่าได้รับการปกครองที่ดีที่สุดจากเมืองแม่ เพราะอังกฤษ ได้ให้การศึกษาและฝึกการปกครองตนเอง ทำให้มาเลเซียมีประสบการณ์ในการปกครองตนเอง ดีกว่าประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีการปกครองในระบบรัฐสภาแบบอังกฤษ

113. พวกโมโรส์กับรัฐบาลฟิลิปปินส์มีความขัดแย้งเรื่องใด

(1) ความยากจน         

(2) เชื้อชาติ   

(3) การทุจริต 

(4) ศาสนา

ตอบ4  หน้า 417 ความขัดแย้งระหว่างพวกโมโรส์กับรัฐบาลฟิลิปปินส์เกิดขึ้นเนื่องจากปัญหาทางาสนา โดยเริ่มต้นขึ้นเมื่อพวกโมโรส์ซึ่งนับถือศาสนาอิสลามอยู่ทางตอนใต้ของเกาะมินดาเนา ได้กล่าวหาพวกคริสเตียนที่อาศัยอยู่บนเกาะนี้ว่าเข้าไปแย่งที่ดินทำกิน และต้องการแยกดินแดน จากประเทศฟิลิปปินส์

114. ประเทศใดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์การ SEATO

(1) ฟิลิปปินส์

(2) เวียดนาม 

(3) มาเลเซีย  

(4) อินโดนีเซีย

ตอบ 1 หน้า 424 องค์การ ส.ป.อ. (SEATO) ก่อตั้งขึ้นในวันที่ 8 กันยายน ค.ศ. 1954 โดยวัตถุประสงค์ หลักในระยะแรก ๆ คือ การรวมตัวกันทางทหารเพื่อต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ ซึ่งประกอบด้วย ประเทศสมาชิก 8 ประเทศ โดยประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เข้าร่วมเป็นสมาขิกด้วยก็คือ ไทยและฟิลิปปินส์ อย่างไรก็ตาม องค์การนี้ได้ยุบตัวไปในปี ค.ศ. 1977 เนื่องจากขาดกองกำลัง ของตนเองและประเทศสมาชิกขาดความร่วมมือกัน

115. ยุคใดที่ได้ชื่อว่าเป็นยุคที่นองเลือดมากที่ลุดในประวัติศาสตร์กัมพูชา

(1) ยุคจารีต  

(2) ยุคอาณานิคม     

(3) สมัยนายพลลอนนอล      

(4) ยุคเขมรแดง

ตอบ 4 หน้า 422 – 423 กัมพูชาในยุคเขมรแดงที่มีนายเขียว สัมพันธ์ เป็นประมุขของประเทศ และ มีนายพอลพตเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น เป็นสมัยที่มีการสังหารประชาชนชาวกัมพูชามากที่สุด เพราะนโยบายซ้ายจัดของพวกเขมรแดงที่ขจัดผู้ที่เป็นปฏิปักษกับตน ส่งผลให้ชาวกัมพูชาอดอยาก ยากจนอย่างมาก และบางส่วนก็ลี้ภยออกนอกประเทศ ดังนั้นในยุคนี้จึงได้ชื่อว่าเป็นยุค แห่งการนองเลือดมากที่สุดในประวัติศาสตร์กัมพูชา

116. การประชุมเจนีวามีความสำคัญอย่างไรต่อประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้

(1) เป็นการรวมประเทศเวียดนาม    

(2) แบ่งเวียดนามออกเป็นสองประเทศ

(3) ตั้งประเทศอินโดนีเซีย     

(4) ทำให้ไทยเสียดินแดนฝั่งซ้ายของแม่นํ้าโขง

ตอบ 2 หน้า 412 ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ผู้แทนของฝ่ายสัมพันธมิตรและเวียดมินห์ได้เข้าร่วม ประชุมที่เจนีวาและตกลงทำสนธิสัญญาเจนีวา ซึ่งการประชุมครั้งนี้นับว่ามีความสำคัญต่อ ประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นอย่างมาก กล่าวคือ กำหนดให้แบ่งเวียดนามออกเป็นสองประเทศคือ เวียดนามเหนือและเวียดนามใต้ ที่เส้นขนานที่ 17 และกำหนดให้มีการ ลงประชามติภายใน 2 ปีว่าจะรวมเวียดนามทั้งสองส่วนเข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันหรือไม่นี้ จนกระทั่งกลายเป็นชนวนนำไปสู่การเกิดสงครามเวียดนามในปี ค.ศ. 1963 ในที่สุด

117. ใครคือผู้นำขบวนการชาตินิยมในลาว

(1) เจ้าสุวรรณภูมา   

(2) ภูมิ หน่อสวรรค์    

(3) ไกรสอน พรหมวิหาร

(4) กองแล

ตอบ 1 หน้า 423 ลาวได้รับการปกครองจากฝรั่งเศสเช่นเดียวกับกัมพูชา และได้รับลัทธิคอมมิวนิสต์ จากจีนและเวียดนามเหนือ ทำให้เกิดกลุ่มนิยมคอมมิวนิสต์และไม่นิยมคอมมิวนิสต์ขึ้น ทั้งนี้ ขบวนการชาตินิยมในลาวเกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1945 ภายใต้การนำของเชื้อพระวงศ์ลาวคือ เจ้าสุวรรณภูมาและเจ้าสุภานุวงศ์ ซึ่งไม่เห็นด้วยกับการกลับเข้ามาของฝรั่งเศสในช่วง หลังสงครามโลกครั้งที่ 2

118. ซูการ์โนใช้หลักการใดเป็นพื้นฐานการปกครองของอินโดนีเซีย

(1) พรหมวิหาร 4    

(2) หลักศาสนาอิสลาม         

(3) ปัญจศีล  

(4) ไตรลักษณ์

ตอบ 3 หน้า 407 ซูการ์โน ผู้นำพรรคชาตินิยมอินโดนีเซีย ได้ประกาศหลักปัญจศีลเพื่อเป็นพื้นฐาน ในการปกครองประเทศ ซึ่งได้แก่ หลักชาตินิยม นานาชาตินิยม การปกครองโดยทางผู้แทน ความเสมอภาคทางสังคม และความเชื่อมั่นในพระเจ้า ซึ่งต่อมาหลักปัญจศีลนี้ได้ถูกบัญญัติไว้ ในรัฐธรรมนูญของอินโดนีเซียด้วย

119. สนธิสัญญาลิงกัตจาตีมีความสำคัญต่อประเทศใดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

(1) อินโดนีเซีย          

(2) ไทย         

(3) ฟิลิปปินส์

(4) มาเลเซีย

ตอบ 1 หน้า 407 หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง ฮอลันดาได้กลับเข้ามาขยายอำนาจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกโดยยึดครองอินโดนีเซียตามเดิม และได้เจรจาสงบศึกในสนธิสัญญา ลิงกัตจาตี (Linggadjati Agreement) ตกลงให้อินโดนีเซียมีอำนาจเต็มในชวาและสุมาตรา แต่ฮอลันดาละเมิดข้อตกลงโดยยังคงรุกรานอินโดนีเซียต่อไป จนกระทั่งสหรัฐฯ และสหประชาชาติ ได้จัดประชุมที่กรุงเฮกเพื่อหาข้อยุติ ซึ่งผลของการประชุมทำให้ฮอลันดายอมมอบเอกราชให้ อินโดนีเซียอย่างสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1949

120. ประเทศใดรับวัฒนธรรมจากจีนโดยตรง

(1) ไทย         

(2) เวียดนาม 

(3) ลาว         

(4) ฟิลิปปินส์

ตอบ 2 หน้า 368 – 369 เวียดนามเป็นประเทศเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมจีนโดยตรง ซึ่งวัฒนธรรมที่จีนนำมาให้เวียดนาม ได้แก่

1.      การปกครองแบบโอรสสวรรค์หรืออาณ์ติสวรรค์

2.      ระเบียบการบริหารราชการแบ่งออกเป็นฝ่ายทหารและพลเรือน

3.      ลัทธิขงจื๊อซึ่งเน้นความกตัญญูและระบบอาวุโส และศาสนาพุทธนิกายมหายาน

4.      วรรณคดีและอักษรศาสตร์

5.      วัฒนธรรมความเป็นอยู่และประเพณี เช่น การแตงกาย การกิน การแต่งงาน การทำศพ เป็นต้น

HIS1003 อารยธรรมโลก การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2556

การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2556

ข้อสอบกระบวนวิชา HIS1003  อารยธรรมโลก

คำสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว (ข้อสอบมีทั้งหมด 120 ข้อ)

1.         ศิลาจารึกโรเซตตาที่ชองโปลิอองอ่านได้ความ ทำให้รู้เรื่องอะไร

(1)       เทคโนโลยีการทำซีเมนต์         

(2) ประมวลกฎหมาย

(3) พิธีกรรมการดองศพ          

(4) ประวัติศาสตร์ราชวงศ์

ตอบ 4 หน้า 9-10, (HI 102 เลขพิมพ์ 52058 หน้า 18) ในปี 1822 B.C. ชองโปลิออง(Champollion) นักโบราณคดีและนักภาษาศาสตร์ชาวฝรั่งเศส สามารถตีความในแผ่นศิลา จารึกโรเซตตา (Rosetta Stone) ซึ่งจารึกด้วยอักษรเฮียโรกลิฟิก เดโมติก และกรีกโบราณได้สำเร็จเป็นท่านแรก จึงทำให้นักประวัติศาสตร์รุ่นต่อมาได้ทราบว่าอียิปต์ในสมัยราชวงศ์ถูกแบ่ง ออกเป็น 3 สมัยย่อย ได้แก่ สมัยอาณาจักรเก่าหรือสมัยพีระมิด สมัยอาณาจักรกลาง และสมัย อาณาจักรใหม่หรือสมัยจักรวรรดิ

2.         ฮิคโซส อนารยชนจากปาเลสไตน์บุกอียิปต์จนได้ชัยชนะเพราะอะไร

(1)       ม้าและรถศึก  

(2) เรือไฟ        

(3) เกราะเหล็ก

(4) กองทหารแบบฟาลังก์

ตอบ 1 หน้า 9, (HI 101 เลขพิมพ์ 53214 หน้า 55 – 56) ในสมัยอาณาจักรกลาง อียิปต์ถูกยึดครองโดย พวกฮิคโซส (Hyksos) ซึ่งเป็นอนารยชนป่าเถื่อนจากเขตปาเลสไตน์ที่เข้ามารุกรานอียิปต์ผ่าน ช่องแคบสุเอซ โดยพวกฮิคโซสรู้จักการใช้ม้าและรถศึกในการต่อสู้จึงสามารถยึดครองอียิปต์ล่าง ได้นานถึง 150 ปี ผลจากเหตุการณ์นี้ทำให้ชาวอียิปต์เกิดความรู้สึกชาตินิยม มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และรวมกำลังกันเพื่อต่อต้านศัตรู

3.         ลถาปัตยกรรมของสุเมเรียนมักสร้างด้วยวัสดุอะไร

(1) ดินเหนียว  

(2) ไม้ 

(3) อิฐ 

(4) ปูน ทราย

ตอบ 3 หน้า 17 สถาปัตยกรรมส่วนใหญ่ของชาวสุเมเรียนมักจะสร้างด้วยอิฐ ที่เด่นคือ ซิกกูแรต(Ziggurat) ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างเพื่อศาสนาที่มีลักษณะคล้ายกับพีระมิด สร้างบนฐานที่ยกสูงจาก ระดับพื้นดิน ข้างบนทำเป็นวิหารของเทพเจ้า โดยมีบันไดทอดยาวขึ้นไป

4.         ประมวลกฎหมายฮัมมูราบีบอกเรื่องใดของชาวอะมอไรท์ให้ได้ทราบ 

(1) มี 3 ชนชั้นในสังคม

(2) เป็นสังคมประชาธิปไตย   

(3) สามีตาย ภรรยาตกเป็นของหลวง 

(4) ไม่มีทาส

ตอบ 1 หน้า 17 – 18 ประมวลกฎหมายฮัมมูราบีของชาวอะมอไรท์ได้รับอิทธิพลมาจากกฎหมาย ของชาวสุเมเรียน ซึ่งมีลักษณะเป็นกฎหมายที่ใช้หลักการลงโทษแบบสนองตอบ (Lex Talionis) หรือตาต่อตา ฟันต่อฟัน นอกจากนี้ยังเป็นประมวลกฎหมายที่แสดงให้เห็นถึงโครงสร้างทางสังคม ของเมโสโปเตเมียว่าประกอบไปด้วย 3 ชนชั้น ดังนี้

1. ชนชั้นสูง ได้แก่ ข้าราชการ และนักรบ

2. ชนชั้นกลาง ได้แก่ พวกเสรีชน ช่างฝีมือ พ่อค้า และชาวนาชาวไร่

3. ชนชั้นต่ำ ได้แก่ พวกใช้แรงงานติดอยู่กับที่ดิน และทาส

5.         อาณานิคมของฟินิเชียนส่วนใหญ่อยู่ที่ใด

(1) อเมริกา     

(2) แอฟริกา    

(3) เมดิเตอร์เรเนียน    

(4) ยุโรป

ตอบ 3 หน้า 19 ชาวฟินิเชียนเป็นนักเดินเรือที่มีความสามารถ ทำให้ประสบความสำเร็จสูงสุดทางด้านการค้าทางเรือในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยศูนย์กลางการค้าที่สำคัญมี 2 แห่ง คือเมืองท่าคาร์เถจในแอฟริกาเหนือ และเมืองท่าคาดิซในสเปน นอกจากนี้ชาวฟินิเชียนยังเห็นความสำคัญของการแสวงหาอาณานิคม เพราะช่วยส่งเสริมให้การค้าขยายตัว โดยอาณานิคมจะเป็นทั้งตลาดสินค้าและแหล่งวัตถุดิบที่สำคัญ ทั้งนี้อาณานิคมของฟินิเชียนส่วนใหญ่จะอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

6.         เมื่อราวพันปีก่อนคริสตกาล กรีกดอเรียนยึดศูนย์กลางของอารยธรรมมีโนนได้ เมืองหลวงของอารยธรรมแห่งนี้อยู่ที่ใด

(1) คาบสมุทรกรีก      

(2) เกาะครีต   

(3) เอเชียไมเนอร์        

(4) คอเคซัส

ตอบ 2 หน้า 26 ดอเรียน (Dorians) เป็นชาวกรีกกลุ่มสุดท้ายที่เข้ามารุกรานบริเวณภาคกลางของ คาบสมุทรกรีกด้านตะวันออกของแหลมเพโลพอนนีซัส (Peloponnesus) และหมู่เกาะทาง ตอนใต้ของทะเลอีเจียน จนกระทั่งในปี 1,000 B.C. พวกดอเรียนสามารถยึดครองเมืองคนอร์ซัส ซึ่งเป็นศูนย์กลางของอารยธรรมมีโนน (Minoan Civilization) บนกาะครีตได้สำเร็จ

7.         อะโครโปลิสคืออะไร

(1) ตลาด        

(2) กองตำรวจการเมือง

(3) ป้อม          

(4) ย่าน

ตอบ 3 หน้า 27 – 28 การปกครองของกรีกจะมีลักษณะเป็นแบบนครรัฐ (City-State) หรือที่เรียกว่า “Polis” ซึ่งเน้นถึงการพึ่งพาตนเองและสนใจแต่กิจการภายในรัฐของตน โดยแต่ละนครรัฐ จะประกอบด้วยบริเวณป้อมที่เรียกว่า อะโครโปลิส’’ (Acropolis) ซึ่งจะใช้เป็นสถานที่ประชุมและเป็นศูนย์กลางทางศาสนา

8.         นิสัยทหารและเผด็จการของกรีกสปาร์ตาเกิดจากอะไร

(1) การทำสงครามเพื่อตั้งรัฐและรักษาอำนาจ

(2) ชอบวิธีกดขี่บังคับ

(3) เศรษฐกิจขึ้นอยู่กับการใช้ที่ดิน      

(4) ที่ตั้งรัฐ

ตอบ 1 หน้า 29 – 30, (คำบรรยาย) นครรัฐสปารีตาเป็นชนชาวกรีกที่สืบเชื้อสายมาจากพวกดอเรียนแท้ๆ และมีรูปแบบการปกครองในระบอบเผด็จการทหาร (Military City-State) เนื่องจาก พวกสปาร์ตาสามารถตั้งนครรัฐของตนและยึดครองดินแดนต่าง ๆ ได้ด้วยการทำสงคราม ดังนั้นจึง ให้ความสำคัญกับระบบทหารและมีความคิดที่ฝังแน่นว่าการจะรักษาอำนาจไว้ได้ตลอดไปนั้น จำเป็นต้องปกครองด้วยระเบียบวินัยที่เคร่งครัดและมีการบังคับบัญชาอย่างเข้มงวด เพื่อให้สามารถ รักษาอำนาจสูงสุดของชนชั้นปกครองและบีบบังคับพวกทาสหรือเชยศึกให้อยู่ภายใต้อำนาจได้

9.         ผลที่เกิดจากการทำสงครามเปอร์เซีย ทำให้กรีกมีกีฬาชนิดใหม่เกิดขึ้นคืออะไร

(1) มาราธอน  

(2) วิ่งผลัด      

(3) กระโดดสูง

(4) พุ่งแหลน

ตอบ 1 หน้า 35 ผลของสงครามเปอร์เซียหรือสงครามมาราธอนระหว่างกรีกเอเธนส์กับเปอร์เซียได้ทำให้เกิดวีรบุรุษชาวเอเธนส์ชื่อ เฟดิพพิดิส (Phedippedes) ซึ่งวิ่ง 2 วัน 2 คืนระหว่างเอเธนส์ กับสปาร์ตาเพื่อนำข่าวข้าศึกบุกไปแจ้งแก่สปาร์ตาเพื่อขอกำลังทหารมาช่วย และแจ้งข่าวชัยชนะของเอเธนส์จนตัวเขาล้มลงเสียชีวิต เหตุการณ์นี้ได้ทำให้เกิดการแข่งขันวิ่งมาราธอนหรือวิ่งทน ในระยะทาง 26 ไมล์ เมื่อมีการฟื้นฟูกีฬาโอลิมปิกขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 1896ซึ่งผลก็คือ นักวิ่งชาวกรีก ได้เป็นแชมป์คนแรก

10.       อริสโตเติลเป็นพระอาจารย์ของกษัตริย์พระองค์ใด

(1)       ดาริอุสมหาราชแห่งเปอร์เซีย  

(2) อเล็กซานเดอร์มหาราชแห่งมาซิโดเนีย

(3) เซอร์ซิสแห่งเปอร์เซีย        

(4) ฟิลิปที่ 2 แห่งมาซิโดเนีย

ตอบ 2 หน้า 37 – 38 อริลโตเติล เป็นนักปรัชญาคนสำคัญของกรีกโบราณและเป็นพระอาจารย์ของ พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชแห่งมาซิโดเนียโดยมีแนวคิดที่สำคัญ 3ประการ คือ ไม่เห็นด้วย กับการแปงกลุ่มชนชั้นในสังคม เห็นว่ารัฐที่ดีควรมีชนชั้นปานกลางมากกว่าคนมีและคนจน รวมทั้งเห็นว่าการปกครองที่ดีจะต้องใช้กฎหมายเป็นหลักมิใช่บุคคล เพราะกฎหมายเกิดจาก เหตุผลซึ่งเป็นผลของความคิดอย่างรอบคอบและสมดุล

11.       เรื่องใดที่ไม่ใช่การคิดค้นได้ของกรีกโบราณ

(1) อะตอม      

(2) โลกเป็นพลวัต

(3) โรคเกิดจากของเหลวในร่างกายไม่สมดุล 

(4) ละครเสียดสีทางการเมือง

ตอบ 4 หน้า 36 – 40 ความเจริญที่เกิดจากการคิดค้นได้ของกรีกโบราณ มีดังนี้

1.         เชื่อว่าโลกเป็นพลวัตที่เต็มไปด้วยการเคลื่อนไหวของพลังและเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ

2.         เชื่อว่าโลกประกอบด้วยธาตุ 4 อย่าง คือ ดิน นํ้า ลม ไฟ

3.         เชื่อว่าสสารทุกชนิดเกิดจากการรวมตัวกันของอะตอมที่เคลื่อนที่ได้

4.         เชื่อว่าโรคทุกโรคเกิดจากความไม่สมดุลของของเหลวในร่างกาย มิใช่การถูกผีสิงหรือ การกระทำของสิ่งศักดิ์สิทธิ์

5.         เกิดการละครขึ้น 2 ประเภท คือ ละครโศกนาฏกรรม ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับศาสนา และ ละครสุขนาฏกรรม ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการล้อเลียนนักการเมือง

12.       ในการหาความรู้ของกรีกโบราณใช้วิธีการใด

(1)สังเกต        

(2)วิจารณ์       

(3) คณิตศาสตร์         

(4)ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 38, (คำบรรยาย) การศึกษาหาความรู้ของชาวกรีกโบราณจะเริ่มต้นจากการสังเกตปรากฏการณ์ธรรมชาติต่าง ๆ ต่อมาจึงเริ่มใช้วิธีการสันนิษฐานและศึกษาโดยอาศัยหลักเหตุผล แบบคณิตศาสตร์ รวมทั้งใช้หลักวิภาษวิธี นั่นคือ การเปิดโอกาสให้วิพากษ์วิจารณ์แนวคิดต่าง ๆ ได้อย่างกว้างขวาง โดยไม่จำกัดอยู่เฉพาะข้อสรุปใดข้อสรุปหนึ่ง

13.       อเล็กซานเดอร์มหาราชกรีฑาทัพบุกยึดครองดินแดนที่เคยเป็นจักรวรรดิของชนชาติใดมาก่อนทั้งหมด

(1) เปอร์เซีย   

(2) โรมัน         

(3) อัสซีเรียน  

(4) อียิปต์

ตอบ 1 หน้า 42, (HI 101 (H) เลขพิมพ์ 49008 หน้า 46) หลังจากที่พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช พระราชโอรสของพระเจ้าฟิลิปที่ 2 แห่งมาซิโดเนีย ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ของกรีก ในปี  336 B.C. แล้ว พระองค์ได้ทรงดำเนินการขยายอาณาเขตต่อจากพระราชบิดา โดยทำการ รบเพื่อปลดปล่อยหัวเมืองต่าง ๆ ของกรีกบนเอเชียไมเนอร์ให้พ้นจากเาารปกครองของเปอร์เซีย จากนั้นทรงยกทัพผ่านซีเรีย ปาเลสไตน์ อียิปต์ เมโสโปเตเมีย แล้วเข้ายึดครองจักรวรรดิเปอร์เซีย และได้ขยายอำนาจมาจนถึงชายแดนของอินเดียบริเวณลุ่มแม่น้ำสินธุได้สำเร็จในปี 323 B.C.

14.       พ)กอีทรัสคันทิ้งสิ่งใดให้เป็นมรดกแก่ชาวโรมัน

(1) ประตูโค้ง  

(2) อุโมงค์       

(3) กลาดิเอเตอร์         

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 48, (HI 101 เลขพิมพ์ 53214 หน้า 159) ในคริสต์ศตวรรษที่ 9 B.C. พวกอีทรัสคัน ซึ่งอพยพมาจากเอเชียไมเนอร์ได้เข้ามาปกครองชาวโรมันหรือพวกละติน และได้ถ่ายทอดมรดก ทางอารยธรรมให้แก่ชาวโรมัน อันได้แก่ การก่อสร้างโดยใช้หินการก่อสร้างซุ้มประตูรูปโค้ง (Arches), อุโมงค์ (Vaults), การทำระบบชลประทวิธีการทำนายโดยการตรวจดูร่างกายสัตว์ หรือสังเกตการบินของนกวิธีการเดินทัพแบบฟาลังค์ และการต่อสู้แบบกลาดิเอเตอร์ (Gladiatorial Combats)

15.       ในสมัยสาธารณรัฐโรมันตอนต้น สถาบันทางการเมืองที่สำคัญที่สุดในทางปฎิบัติคือข้อใด

(1) สภาซีเนท  

(2) กงสุล        

(3) ดิกเตเตอร์ 

(4) แอสเซมบลี

ตอบ 1 หน้า 49 รูปแบบการปกครองในสมัยสาธารณรัฐโรมันตอนต้นม 4 ส่วน ดังนี้

1. สภาขุนนาง หรือสภาซีเนท (Senate) เป็นสถาบันทางการเมืองที่สำคัญที่สุดในทางปฏิบัติ ส่วนใหญ่มาจาก พวกแพทริเชียน สภานี้มีหน้าที่ให้คำแนะนำแก่ฝ่ายบริหาร และมีสิทธิที่จะอนุมัติหรือโต้แย้ง ข้อเสนอของเจ้าหน้าที่บริหารได้ทุกฝ่าย           

2. กงสุล (Consul) เป็นประมุขของเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารซึ่งมี 2 คน

3. ผู้เผด็จการทางทหาร (Dictator) เป็นตำแหน่งที่เกิดขึ้นเฉพาะในช่วง สงครามเท่านั้น โดยจะอยู่ในตำแหน่งไม่เกิน 6 เดือน

4. สภาสามัญ (Centuriate Assembly) ทำหน้าที่ในการเลือกกงสุลและเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารทุกตำแหน่ง แต่ไม่มีสิทธิเข้ารับตำแหน่งนั้น ๆ

16.       หลังจากได้เป็นใหญ่ในคาบสมุทรอิตาลี ต่อมาโรมก็ได้เป็นมหาอำนาจในเมดิเตอร์เรเนียนภายหลังจาก ได้ชัยชนะเหนือชาติใดในสงครามปิวนิก

(1) กรีกมาซิโดเนีย      

(2) เปอร์เซีย   

(3) คาร์เถจ     

(4) เยอรมัน

ตอบ 3 หน้า 51-52 สงครามปิวนิก (264 – 146 B.C.) เป็นสงครามในาารแย่งชิงชิชิลีระหว่างโรม กับคาร์เถจซึ่งเป็นดินแดนที่ตั้งอยู่ในแอฟริกาเหนือ ผลของสงครามในครั้งนี้ได้ทำให้โรมกลายเป็น มหาอำนาจในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนในฐานะเป็นผู้ชนะแทนที่คาร์เทจนับตั้งแต่ปี 146 B.C. เป็นต้นมา หลังจากนั้นโรมยังได้ครอบครองรัฐเฮเลนิสติกทางตะวันออกและดินแดนฝั่งทะเล เมดิเตอร์เรเนียน ทำให้โรมมีอำนาจสูงสุดในขณะนั้น

17.       เมื่อจูเลียส ซีซาร์ ปรับปรุงปฏิทินใหม่ได้อาศัยนักดาราศาสตร์ชาติใดทำงานให้

(1) สุเมเรียน   

(2) กอล          

(3) กรีก           

(4) อินเดีย

ตอบ 3 หน้า 55 จูเลียส ซีซร์ และนักดาราศาสตร์ชาวกรีก ได้ร่วมมือกันในการปรับปรุงปฏิทินใหม่ ที่มีชื่อว่า ปฏิทินจูเลียน” (Julian Calendar) โดยกำหนดให้หนึ่งปีมี 365 วัน และในทุก 4 ปี ได้เพิ่มเวลาที่เหลือ 1/4 วัน เข้าในปีที่เรียกว่า ปีอธิกสุรทิน อีก 1 วัน รวมทั้งยังให้ชื่อเดือนที่ 5 ของปีว่า July (เดือนกรกฎาคม) ตามชื่อของเขาคือ Julias อีกด้วย

18.       ยุคทองของวรรณกรรมโรมันอยู่ในสมัยของพระจักรพรรดิองค์ใด

(1) คาลิกูลา   

(2) เนโร          

(3) ออกัสตัส   

(4) เวสปาเทียน

ตอบ 3 หน้า 56 – 57 วรรณคดีของโรมันเจริญสูงสุดในช่วงปลายสมัยสาธารณรัฐถึงต้นสมัยจักรวรรดิ โดยเฉพาะในสมัยของจักรพรรดิออกัสตัส ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น ยุคทองของวรรณกรรมโรมัน” (Golden Age) ในสมัยนี้จึงมีนักประพันธ์ที่เด่น ๆ หลายคน เช่น ซิเซโร ซีซาร์ เวอร์จิล ฯลฯ ซึ่งกวีจะแต่งบทนิพนธ์อย่างอิสระและมีความเชื่อมั่นไนตัวเองสูง ส่านใหญ่จะกล่าวกึงสงคราม ที่ยิ่งใหญ่ของโรมและจักรพรรดิออกัสตัส

19.       ใน ค.ศ. 380 ธีโอโดซิอุสทรงประกาศให้ศาสนาใดเป็นศาสนาทางการของจักรวรรดิโรมัน

(1) ยูดาห์        

(2) คริสต์        

(3) อิสลาม      

(4) ไม่มีประกาศ

ตอบ 2 หน้า 59 – 60204 – 205 ในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 3 หลังจากที่นโยบายการปราบปราม พวกคริสเตียนของรัฐบาลโรมันเริม่อ่อนลง ได้เกิดเหตุการณ์ที่สนับสนุนให้ศาสนาคริสต์กลับมา มีความมั่นคงและแพร่หลายกว้างขวางยิ่งขึ้น ดังนี้

1. จักรพรรดิคอนสแตนติน ได้ประกาศ กฤษฎีกาแห่งเมืองมิลาน (Edict of Milan) ในปี ค.ศ. 313 โดยให้เสริภาพแก่ประชาชนในการ นับถือศาสนาคริสต์ และออกกฎหมายห้ามขู่บังคับหรือปราบปรามพวกคริสเตียนอีกต่อไป

2. จักรพรรดิธีโอโดซิอุส ได้ประกาศให้ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาทางการหรือศาสนาประจำชาติ โรมันในปี ค.ศ. 380

20.       เมื่อใดที่อาณาจักรโรมันตะวันตกล่มสลายและสิ้นสุดสภาพ

(1)       กองทหารลีเจียนแห่งชาติโรมันกลายเป็นกองทหารรับจ้าง

(2)       สภาซีเนทถูกลดอำนาจลง

(3)       คริสตจักรกรีกออร์ธอดอกซ์ตั้งขึ้นเป็นนิกายทางการ

(4)       โรมิวลุส ออกุลตุลุส ถูกปลดออกจากตำแหน่งจักรพรรดิ

ตอบ 4 หน้า 61173 ในปี ค.ศ. 476 (ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 5) หลังจากที่โอดอเชอร์ หัวหน้าอนารยชน เยอรมันนิก (Germanic) หรือติวตอนิก (Teutonic) เข้ามาโจมตีกรุงโรมจนแตก และทำการถอดถอนโรมิวสุส ออกุสตุลุส จักรพรรดิองค์สุดท้ายของจักรวรรดิโรมันออกจากตำแหน่งแล้ว ได้ส่งผลทำให้จักรวรรดิโรมันตะวันตกต้องล่มสลายลง ซึ่งถือว่าเป็นการสิ้นสุดความเจริญ ของยุโรปยุคโบราณ และเป็นการเริ่มต้นยุโรปยุคกลางหรือยุคมืดนับตั้งแต่นั้น

21.       คำว่าอนารยชน (Barbarians) ต้นยุคกลางหมายถึงอะไร

(1) ไม่มีความเจริญถึงระดับเมืองใหญ่          

(2) เผ่าเยอรมัน

(3) พวกด้อยความเจริญที่ไม่พูดละติน           

(4) คนป่า

ตอบ 3 หน้า 173 คำว่า อนารยชน’’ (Barbarians)ในช่วงต้นยุคกลางนั้น เป็นคำที่ชาวโรมันยืมมาจาก ภาษากรีก หมายถึง คนต่างด้าว (พวกเยอรมัน) ที่มีวัฒนธรรมด้อยกว่าพวกโรมันและพูด ภาษาละตินไม่ได้ โดยมีถิ่นฐานเดิมอยู่บริเวณยุโรปเหนือแถบคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย ทะเลเหนือ ทะเลบอลติก และกระจายลงมาบริเวณลุ่มแม่นํ้าไรน์และแม่น้ำดานูบ

22.       เทพองค์ใดของอนารยชนต้นยุคกลางที่เป็นเทพเจ้าแห่งความอุดมสมบูรณ์

(1)โวเดน         

(2)ทิว  

(3)ธอร์

(4) เฟรยา

ตอบ 4 หน้า 175 พวกอนารยชนในช่วงต้นยุคกลางจะนับถือเทพเจ้าหลายองค์ รวมทั้งเชื่อโชคลาง และอภินิหารต่าง ๆ โดยเทพเจ้าที่สำคัญที่สุดคือ เทพโวเดน (Woden) ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งสงคราม นอกจากนี้ยังมีเทพเจ้าองค์อื่น ๆ ที่รู้จักกันในนามชื่อวันต่าง ๆ ของสปดาห์ เช่น เทพทิว (Tieu) เป็นเทพเจ้าแห่งสงครามเทพธอร์ (Thor) เป็นเทพเจ้าแห่งลมฟ้าอากาศเทพเฟรยา (Freya) เป็นเทพเจ้าแห่งพืชผล ความรื่นเริง และความอุดมสมบูรณ์ เป็นต้น

23.       โคลวิสแห่งอาณาจักรแฟรงค์ (เมโรวิงเจียน) หันมานับถือคริสต์ตามใคร

(1) จักรวรรดิโรมัน       

(2) มเหสี         

(3) โอรส         

(4) มารดา

ตอบ 2 หน้า 177 – 178 ราชวงศ์เมโรวิงเจียน มีผู้นำที่มีความสามารถมากคือ โคลวิส ซึ่งได้รวบรวม ดินแดนต่าง ๆ เข้ามาอยู่ในอำนาจและก่อตั้งราชวงศ์เมโรวิงเจียนขึ้น โดยมีกรุงปารีสเป็น เมืองหลวงแห่งแรกของอาณาจักร โดยสิ่งที่ส่งเสริมพระราชอำนาจชองโคลวิสคือ ทรงหันมา นับถือศาสนาคริสต์ตามอย่างพระมเหสีคือ พระนางโคลทิลดา ในปี ค.ศ. 496 ทำให้พระองศ์ ได้รับการสนับสนุนช่วยเหลือจากพระสันตะปาปา พระบาทหลวง และคริสต์ศาสนิกชนใน ดินแดนยุโรป ทำให้อาณาจักรแฟรงศ์ได้รับการยอมรับมากขึ้น

24.       ใน ค.ศ. 800 ชาร์เลอมาญเสด็จไปกรุงโรมเพื่ออะไร

(1) รบกับมุสลิม          

(2) อภิเษกมเหสี         

(3) ต่อเรือ       

(4) สวมมงกุฎ

ตอบ 4 หน้า 178 – 179 ในปี ค.ศ. 800 พระเจ้าซาร์เลอมาญ กษัตริย์แห่งอาณาจักรแฟรงค์ ได้เสด็จ ไปยังกรุงโรม ประเทศอิตาลี เพื่อรับการสวมมงกุฎจักรพรรดิจากสันตะปาปาลีโอที่ 3 ที่วิหาร เซนต์ปีเตอร์ และเข้าพิธีราชาภิเษกตามประเพณีดั้งเดิมของจักรวรรดิโรมันโบราณ ซึ่งเท่ากับ เป็นการรื้อฟื้นจักรวรรดิโรมันขึ้นมาใหม่อีกครั้งทางภาคตะวันตก แต่ในครั้งนี้จะเรียกว่า จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์” (The Holy Roman Empire) ด้วยเหตุที่พระเจ้าชาร์เลอมาญ ไม่โปรดที่จะประทับอยู่ที่กรุงโรม จึงได้สร้างพระราชวังและเมืองหลวงใหม่ที่เมืองเอกซ์ ลา ชาแปล (Aix-ta Chapelle) หรือเมืองอาเคน (Archen) ซึ่งเลียนแบบมาจากเมืองคอนสแตนติโนเปิล และกลายเป็นกรุงโรมใหม่ (The New Rome) อยู่ในดินแดนเยอรมนี

25.       เมืองหลวงของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์สมัยชาร์เลอมาญคือเมืองใด

(1) โรม

(2) ปารีส        

(3) เอกซ์ ลา ชาแปล   

(4) คอนสแตนติโนเปิล

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 24. ประกอบ

26.       อะไรคือความหมายของระบบฟิวดัลยุโรปยุคกลาง

(1)       ระบบที่ครอบคลุมชีวิตทุกระดับของชนยุคกลางยุโรป

(2)       การกระจายอำนาจจากส่วนกลางไปอยู่ที่ขุนนางท้องถิ่น

(3)       ระบบความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับข้าของพวกขุนนาง           

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 185 ระบบฟิวดัลหรือระบบศักดินาสวามิภักดิ์ (Feudalism)ในยุโรปยุคกลาง หมายถึง ระบบความสัมพันธ์ระหว่างเจ้า (Lord) กับข้า (Vassal) ของพวกขุนนาง นอกจากนี้หากเป็น ความหมายกว้างจะหมายถึง ระบบการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ สังคม ศาสนา วัฒนธรรม และครอบคลุมวิถีชีวิตของบุคคลทุกระดับ ในขณะที่ความหมายแคบจะหมายถึงแต่เฉพาะ การเมืองการปกครองและกฎหมายที่เป็นการกระจายอำนาจการปกครองจากรัฐบาลกลาง ไปยังขุนนางท้องถิ่น ซึ่งเป็นระบบที่ขุนนางท้องถิ่นมีอำนาจมาก

27.       ประเพณีใดที่ชาวยุคกลางรับจากชนเผ่าเยอรมัน

(1) ระบบอุปถัมภ์       

(2) ระบบพึ่งพา          

(3) ระบบเอื้อประโยชน์

(4) ระบบสวามิภักดิ์

ตอบ 4 หน้า 186 ประเพณีของระบบฟิวดัลในยุคกลางที่รับมาจากชนเผ่าเยอรมันก็คือ ระบบสวามิภักดิ์ (Comitatus) ซึ่งเป็นประเพณีที่ชายฉกรรจ์หรือนักรบต้องกระทำสัตย์ปฏิญาณว่าจะสวามิภักดิ์ และซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ของตนทั้งในยามสงบและยามสงคราม โดยเป็นความผูกพันตาม ระเบียบวินัยทหารของเยอรมัน

28.       คำพูดใดของโรลังก์ พระเอกในบทเพลงที่แสดงให้เห็นคุณธรรมของนักรบ

(1)       สิ้นชีพก็สิ้นถือ ทิฐิสิ้นสุบินหวัง

(2) ตายเสียดีกว่าได้ชื่อว่าขี้ขลาด

(3) เป็นการดีกว่าแม้จะเรียนรู้จากศัตรู           

(4) สตรีคือศัตรูต่อพรหมจรรย์

ตอบ 2 หน้า 192 – 193 ลัทธิวีรคติ (Chivalry) เป็นแนวทางประพฤติปฎิบัติและคุณธรรมของอัศวิน และขุนนางในยุคกลาง ซึ่งจะเน้นถึงคุณธรรมจองนักรบ ได้แก่ ความกล้าหาญ ความซื่อสัตย์ และ ความจงรักภักดีต่อเจ้า โดยจะเห็นได้จากมหากาพย์เรื่อง บทเพลงของโรลังก์ ในคริสต์ศตวรรษที่ 11 ซึ่งได้กล่าวถึงคำพูดของพระเอกที่อยู่ในวงล้อมของศัตรูว่า ตายเสียดีกว่าได้ชื่อว่าขี้ขลาด

29.       นักบุญปอล ชาวยิวเมืองทาร์ซัส กล่าวว่า ศาสดาเยซูเป็นพระมหาไถ่คืออย่างไร

(1) เกิดมาเพื่อชดใช้หนี้บาป   

(2) ผู้ช่วยให้คนดีรอดพ้นภัยจากคนชั่ว

(3) บุตรพระเจ้าที่เกิดมาไถ่บาปแห่งมนุษยชาติ          

(4) ชี้หนทางให้พ้นทุกข์

ตอบ 3 หน้า 203 สาวกคนสำคัญของพระเยซู คือ เซนต์ปอล (St. Paul) หรือนักบุญปอล ซึ่งเดิมชื่อว่า ซอลแห่งทาร์ซัส มีเชื้อสายยิวแต่เป็นชาวเมืองทาร์ซัส แต่เดิมนั้นเซนต์ปอลเคยเลื่อมใสลัทธิสโตอิก ที่มีความเชื่อในเรื่องเหตุผล ต่อมาเขาได้หันมานับถือศาสนาคริสต์ และพยายามเผยแผ่ไปใน เอเชียตะวันออกกลาง โดยคำสอนของเซนต์ปอลจะกล่าวถึงพระเยซูว่าทรงเป็นพระมหาไถ่ เป็นพระบุตรที่เกิดมาเพื่อไถ่บาปให้มวลมนุษยชาติ และมนุษย์จะปลอดภัยก็ด้วยการยึดมั่นใน คุณธรรมของพระเจ้า

30.       ในคริสต์ศตวรรษที่ 11 คริสต์ศาสนามีนิกายใหม่ตั้งขึ้นทางตะวันออกคือข้อใด

(1) กรีกออร์ธอดอกซ์  

(2)โรมันคาทอลิก        

(3) ลูเธอรัน     

(4) เพรสไบทีเรียน

ตอบ 1 หน้า 205 ในคริสต์ศตวรรษที่ 11 ศาสนาคริสต์ได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 นิกาย คือ

1.         นิกายโรมันคาทอลิก (ภาคตะวันตก) มีประมุขสูงสุดคือ สันตะปาปา (Pope) มีศูนย์กลาง อยู่ที่กรุงโรม ใช้ภาษาละติน และเจริญแพร่หลายในยุโรปตะวันตกและอิตาลี

2.         นิกายกรีกออร์ธอดอกซ์ (ภาคตะวันออก) มีประมุขสูงสุดคือ แพทริอาร์ค (Patriarch)มีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองคอนสแตนติโนเปิล ใช้ภาษากรีก และเจริญแพร่หลายในยุโรปตะวันออก และรัสเซีย

31.       นักบวชยุคกลางสอนอะไรให้ประชาชน

(1) พอใจในสภาพความเป็นอยู่ของตน          

(2) ทุกคนเสมอกันในสายตาพระเจ้า

(3) หากทำความดีจะได้ไปสวรรค์อย่างแน่นอน          

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 207 พระหรือนักบวชในยุคกลางจะสอนให้ประชาชนพอใจในสภาพความเป็นอยู่ของตน โดยชี้แจงว่า เป็นพระประสงค์ของพระเจ้าที่กำหนดไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นคนจนหรือคนรวย คนฉลาดหรือคนโง่ คนมีอำนาจหรือข้าทาสบริวาร ทุกคนล้วนแต่มีความเสมอภาคกันในสายตา ของพระเจ้า ถ้าทำความดีก็จะเข้าถึงพระเจ้าและได้ไปสวรรค์ทุกคน

32.       ผู้ออกรบในสงครามครูเสดมีเครื่องหมายอะไรติดไว้ที่ไหล่

(1) ดาว           

(2) กางเขน     

(3) ดาบและกางเขน   

(4) นกพิราบ

ตอบ 2 หน้า 208 สงครามครูเสด เป็นสงครามศาสนาระหว่างพวกคริสเตียนกับพวกมุสลิมเพื่อแย่งชิง ดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนาคือ เยรูซาเล็มและปาเลสไตน์ สงครามในครั้งนี้ทำให้ชาวยุโรป มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวภันที่จะเดินทางไปสู้รบเพื่อศาสนา โดยผู้ไปรบจะมีเครื่องหมายกางเขนติดไว้ที่ไหล่เพื่อแสดงว่าเป็นทหารของพระคริสต์ จนเป็นที่มาของคำว่า ครูเสด” (Crusade) ซึ่งแปลว่า ไม้กางเขน ดังนั้นพวกคริสเตียนที่ไปรบในสงครามครั้งนี้จึงถูกเรียกว่า พวกครูเสด” (Crusader)

33.       จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมันตะวันออก ผู้โปรดให้จัดทำประมวลกฎหมายแพ่งขึ้นใน ค.ศ. 529 คือใคร

(1) จัสติเนียน 

(2) ลีโอที่ 3     

(3) ธีโอโดซิอุส

(4) เฮราคลิอุส

ตอบ 1 หน้า 224 – 225 ในปี ค.ศ. 529 จักรพรรดิจัสติเนียนแห่งจักรวรรดิโรมันตะวันออกโปรดให้ จัดทำประมวลกฎหมายจัสติเนียน (The Justinian Code) ขึ้น ซึ่งมีลักษณะเป็นประมวลกฎหมายแพ่งที่เขียนด้วยภาษากรีก และให้ความสำคัญในเรื่องมนุษยธรรม สามัญสำนึกเรื่อง สาธารณประโยชน์ การป้องกันและคุ้มครองทรัพย์สินส่วนตัว การรักษาไว้ซึ่งอภิสิทธิ์ชน รวมทั้ง มีแนวโน้มสนับสนุนระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ซึ่งกฎหมายฉบับนี้นับว่าทันสมัยมากในเวลานั้น และต่อมาก็ได้กลายเป็นแม่บทของกฎหมายต่าง ๆ เกือบทุกประเทศในยุโรป ยกเว้นอังกฤษ

34.       จักรพรรดิองค์ใดที่สร้างวิหารซานด้า โซเฟีย

(1) จัสติเนียน 

(2) ลีโอที่ 3     

(3) ธิโอโดซิอุส

(4) เฮราคลิอุส

ตอบ 1 หน้า 225 – 226 วิหารซานด้า โซเฟีย (Santa Sophia Church) ที่เมืองคอนสแตนติโนเปิล สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิจัสติเนียน และถือว่าเป็นสถาปัตยกรรมชิ้นเอกของโลกที่มีการ ผสมผสานระหว่างศิลปวัฒนธรรมของตะวันออกกับตะวันตกเข้าด้วยกันเป็นอย่างดี นั่นคือ จะมีการตกแต่งอาคารภายนอกด้วยศิลปะแบบกรีก ส่วนภายในอาคารจะมีการประดับประดา ด้วยหินอ่อนและแก้วโมเสกที่มีสีสันสวยงามตามแบบศิลปะตะวันออก

35.       ดนตรีของจักรวรรดิโรมันตะวันออกที่ใช้เครื่องออร์แกนเงิน และมีนักร้องเป็นหมู่เด็กชาย แพร่หลายไปยัง ประเทศใดตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 11

(1) สหรัฐฯ      

(2) เยอรมนี     

(3) อังกฤษ     

(4) รัสเซีย

ตอบ 4 หน้า 227 ดนตรีของจักรวรรดิโรมันตะวันออกมักเล่นด้วยเครื่องอร์แกนเงิน มีนักร้องเป็น หมู่เด็กชาย และมีเนื้อเพลงเป็นโคลงกลอนแบบซีเรีย ส่วนทำนองร้องได้รับอิทธิพลมาจากโรมัน ทั้งนี้ดนตรีของบิแซนทีนได้แพร่หลายไปยังรัสเซียในคริสต์ศตวรรษที่ 11 และยังคงมีอิทธิพล อยู่ในปัจจุบัน

36.       เมีองใดเป็นที่กำเนิดแห่งศาสดาของศาสนาอิสลาม

(1) แบกแดด   

(2) ดามัสกัส   

(3) เยรูซาเล็ม 

(4) เมกกะ

ตอบ 4 หน้า 235 – 236, (HI 102 เลขพิมพ์ 52058 หน้า 64) ศาสนาอิสลามมีแหล่งกำเนิดในคาบสมุทรอาระเบียในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 7 โดยมีพระมะหะหมัดซึ่งเป็นชาวอาหรับเผ่ากูเรอิช และเกิดที่เมืองเมกกะ เป็นผู้ก่อตั้งศาสนาอิสลามหรือเป็นศาสดาพยากรณ์ที่ได้รับโองการ มาจากพระอัลเลาะห์ ซึ่งเป็นพระเจ้าองค์เดียวของศาสนาอิสลาม และมีคัมภีร์โกหร่านหรือ คัมภีร์อัลกุรอานเป็นหลักคำสอน

37.       คัมภีร์โกหร่านเขียนด้วยภาษาใด

(1) อราเมอิค   

(2) ละติน        

(3) อาหรับ      

(4) ฟินิเซีย

ตอบ 3 หน้า 238 – 239 หลังจากที่พระมะหะหมัดสิ้นพระชนม์ กาหลิบอาบู บากร์ ได้เป็นผู้นำสำคัญ ในการรวบรวมคำสอนมาเขียนเป็นคัมภีร์เรียกว่า คัมภีร์โกหร่าน” ซึ่งเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของ ศาสนาอิสลามที่เขียนด้วยภาษาอารบิกหรือภาษาอาหรับ และห้ามแปลเป็นภาษาอื่น ซึ่งเป็นผลดี ทางด้านวิทยาการ เพราะเป็นการกระตุ้นให้มีการเรียนรู้ ทำให้ชาวอาหรับที่พูดภาษาอารบิกใน ท้องถิ่นต่าง ๆ สามารถอ่านคัมภีร์โกหร่านได้ และทำให้มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทางภาษา

38.       หลักปฏิบัติในการถือศีลอดของอิสลามิกชนคืออย่างไร

(1)       เดือนรอมฎอนคือตั้งแต่กุมภาพันธ์ถึงมีนาคม

(2)       อดอาหารตั้งแต่ตะวันตกดินจนรุ่งแจ้ง

(3)       การถือคืลอดยกเว้นให้แก่คนป่วยและเด็กหญิง

(4)       อดกลั้นต่ออารมณ์ไม่พอใจ ไม่โกรธ ไม่พูดหยาบคาย

ตอบ 4 หน้า 240 การถือศีลอดในเทศกาลรอมฎอน (Romadan) ซึ่งตรงกับเดือน 9 ปีจันทรคตินั้น จะเริ่มต้นตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวชาวมุสลิมทุกคนต้อง อดอาหารและเครื่องดื่มทุกชนิดตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตก ยกเว้นเฉพาะ คนป่วยและผู้เดินทาง นอกจากนี้ยังต้องระวังความโกรธ ไม่พูดคำหยาบ และอดกลั้นต่อ อารมณ์ความรู้สึกไม่พอใจต่าง ๆ โดยมีจุดมุ่งหมายสำคัญคือ การทำให้เกิดวิญญาณอันบริสุทธิ์

39.       อารยธรรมอิสลามเจริญมากในสมัยใด โดยเริ่มจากการแปลวิชาต่าง ๆ ของต่างชาติเป็นภาษาอาหรับ

(1) ฮารูน อัลราชิด       

(2) กาหลิบอาลี          

(3) ราชวงศ์อุมัยหยัด  

(4) ซารุดิน

ตอบ 1 หน้า 244247 ในสมัยราชวงศ์อับบาสิตได้มีการรับแนวความคิดและความรู้มาจากต่างชาติ เช่น ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และปรัชญาจากกรีกโบราณและอินเดีย รวมทั้งผลงานของ อริสโตเติล ยูคลิด ปโทเลมี อาร์คิมีดีส ฯลฯ โดยในสมัยฮารูบ อัลราชิด ซึ่งเป็นผู้นำที่มี ความสามารถของราชวงศ์อับบาสิต ได้มีการแปลผลงานเหล่านี้มาเป็นภาษาอาหรับ และ ได้มีการถ่ายทอดความรู้เหล่านี้ให้แก่นักปราชญ์ในยุโรปตะวันตก ดังนั้นจึงนับว่าเป็นสมัยที่ อารยธรรมอิสลามเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก

40.       สุเหร่าใหญ่ของอิสลามมีลักษณะอย่างไร      

(1) มีหอสูงเรียง

(2) อยู่ใต้อิทธิพลทัศนคติทางศาสนา

(3) มีทางเดินคลุมด้วยหลังคารูปโค้ง  

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 249 ศิลปะมุสลิมมักได้รับอิทธิพลจากทัศนคติทางศาสนา และยืมแบบอย่างศิลปะและ วิธีการช่างส่วนใหญ่มาจากบิแซนทีนและเปอร์เซีย ซึ่งสถาปัตยกรรมอิสลามที่เด่น ๆ ได้แก่ สุเหร่าใหญ่ ซึ่งจะมีลักษณะสำคัญคือ มีรูปโดม ทางเดินมีหลังคาเป็นรูปโค้ง หอคอยสูงเรียง เหมือนสุเหร่า หอเรียวสูง และมีลักษณะเป็นโค้งรูปเกือกม้า

41.       เรอแนสซองส์ (Renaissance) แปลว่าอะไร

(1) ตื่นตัว        

(2) ปฏิเสธยุคกลาง    

(3) เกิดใหม่    

(4) มนุษยนิยม

ตอบ 3 หน้า 441443 เรอแนสซองส์ (Renaissance) หมายถึง การเกิดหม่หรือการฟื้นฟู

ศิลปะวิทยาการซึ่งเป็นวัฒนธรรมคลาสสิกหรืออารยธรรมกรีก-โรมันขึ้นมาใหม่ หรือเป็นสมัยที่ เชื่อมต่อยุคกลางเข้ากับยุคใหม่ โดยขบวนการเรอแนสซองส์เริมเกิดขึ้นที่ยุโรปในดินแดนอิตลี เป็นแห่งแรก เนึ่องจากอิตาลีเป็นคูนย์กลางการติดต่อค้าขายกับโลกตะวันยอก อีกทั้งพวก พ่อค้าที่มั่งคั่งก็ให้การอุปถัมภ์พวกศิลปินและนักเขียนที่สร้างงานศิลปะเป็นอย่างดี

42.       วัฒนธรรมเรอแนสซองส์เกิดขึ้นที่ประเทศใดก่อน

(1) สวีเดน       

(2) ฝรั่งเศส     

(3) อังกฤษ     

(4) อิตาลี

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 41. ประกอบ

43.       ใครแปลคัมภีร์ไบเบิลเป็นภาษาเยอรมัน        

(1) เช็คสเปียร์

(2) อัลเบริค ลูเธอร์     

(3) สันตะปาปาเกรเกอรี่ที่ 6   

(4) มาร์ติน ลูเธอร์

ตอบ 4 หน้า 453 มาร์ติน ลูเธอร์ นักบวชชาวเยอรมัน ได้ปิดประกาศข้อคิดเห็นไว้หน้าประตูโบสถ์ 95 ข้อ ซึ่งมีใจความว่า พระดำรัสแห่งพระเจ้าไม่ได้อยู่ที่การยึดถือมั่นของวัด แต่อยู่ที่ คัมภีร์ไบเบิล” ทั้งนี้เพื่อต้องการท้าทายและต่อต้านอำนาจของคริสตจักรโรมันคาทอลิก นอกจากนี้เขายังได้แปลคัมภีร์ไบเบิลเป็นภาษาเยอรมัน เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึง ศาสนาได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องพึ่งพระ และก่อตั้งวัดเยอรมันอิสระขึ้นในระหว่างที่ลี้ภัย ไปพำนักอยู่กับเจ้าชายอิเรคเตอร์ เฟรดริก แห่งแซกโซนี

44.       ใครคือกวีและนักเขียนบทละครคนสำคัญของอังกฤษสมัยเรอแนสของส์ผู้เขียนเรื่องโรมิโอกับจูเลียต

(1) วิลเลียม เช็คสเปียร์

(2) จอฟฟรีย์ ซอเซอร์  

(3) ฟรานซิส เบคอน

(4) เซอร์โทมัส มอร์

ตอบ 1 (HI 101 เลขพิมพ์ 53214 หน้า 371) วิลเลียม เช็คสเปียร์ เป็นนักเขียนวรรณกรรมผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของอังกฤษในสมัยเรอแนสซองส์ โดยมีผลงานเป็นบทละครทั้งหมด 38 เรื่อง มีทั้งสุขนาฏกรรม โศกนาฏกรรม และประวัติศาสตร์ ซึ่งบทละครที่มีชื่อเสียงของเช็คสเปียร์ เช่น Hamlet, Macbeth, Romeo and Juliet เป็นต้น

45.       ระบบการนำทุนไปประกอบการด้วยกรรมวิธีต่าง ๆ เพื่อหากำไรเรียกว่าอะไร

(1) อุตสาหกรรม         

(2) บริษัทร่วมหุ้น        

(3) ทุนนิยม

(4) ารธนาคารและสินเชื่อ

ตอบ 3 หน้า 459 – 460, (HI 101 (H) เลขพิมพ์ 49008 หน้า 88 – 89) ระบบทุนนิยมเป็นระบบ เศรษฐกิจที่ได้รับความนิยมอย่างมากตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 16 เพราะเป็นระบบที่จัดตั้งขึ้น จากความต้องการผลกำไร โดยเน้นการนำทุนไปประกอบการด้วยกรรมวิธีต่าง ๆ เพื่อหากำไร จึงทำให้เกิดการแข่งขันทางเศรษฐกิจเพื่อความมั่งคั่ง ส่งเสริมให้มีการแสวงหาอาณานิคม ทำให้ มีการใช้เงินตราหมุนเวียนมากขึ้น และทำให้ชนชั้นกลางกลายเป็นผู้ที่มีอิทธิพลทางเศรษฐกิจ

46.       เมื่อโปรตุเกสส่งบาร์โธโลมิว ไดแอซ สำรวจรอบชายฝั่งแอฟริกาจนพบแหลมพยุ แหลมที่ปลายสุดทวีปนี้ จึงได้ชื่อใหม่ว่าอะไร

(1) แอตแลนติส          

(2) แหลมแห่งความหวัง

(3) แหลมไดแอซ         

(4) แอฟริกาใต้

ตอบ 2 หน้า 387469 ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 โปรตุเกสเป็นชาติตะวันตกซาติแรกที่เดินทางเข้ามาสู่ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นำโดยบาร์โธโลมิว ไดแอซ นักเดินเรือชาวโปรตุเกส ซึ่งได้ค้นพบแหลมพายุ ที่ปลายสุดของทวีปแอพ์ริกา และต่อมาได้ให้ชื่อใหม่ว่า แหลมแห่งความหวังหรือแหลมกู้ดโฮป” (Cape of Good Hope) จากนั้นไดแอซได้เดินทางอ้อมแหลมกู้ดโฮบเพื่อเข้ามาในทวีปเอเชีย ได้สำเร็จ โดยการสนับสนุนของกษัตริย์โปรตุเกสคือ เจ้าชายเฮนรี่ นาวิกราช (Henry the Navigator)

47.       วาสโก ดา กามา ออกเดินทางในนามของโปรตุเกสด้วยเรือ 4 ลำไปอินเดียเมื่อปลายคริสต์ศตวรรษที่ 15 มีคนนำร่องเป็นคนชาติใด

(1) อิตาลี        

(2) สเปน        

(3) จีน 

(4) อาหรับ

ตอบ 4 หน้า 387469 ในปี ค.ค. 1497 วาสโก ดา กามา นักเดินเรือชาวโปรตุเกสได้เดินทางออก จากโปรตุเกสด้วยเรือ 4 ลำ พร้อมกับคนนำร่องที่มีชื่อเสียงชาวอาหรับชื่อ อาห์หมัด อิบบ์ มาดยิด ซึ่งเป็นผู้ที่นำเรือแล่นข้ามมหาสมุทรอินเดียจนมาถึงเมืองกาลิกัตบนฝั่งมะละบาร์ของอินเดีย ได้สำเร็จ จึงนับเป็นความสำเร็จครั้งแรกของโปรตุเกสในการเดินเรือมาทางโลกตะวันออก

48.       อะไรคือเหตุที่ดึงดูดใจชาวรัสเซียให้ข้ามเทือกเขาอูราลไปแดนตะวันออก (เอเชีย) ในราวคริสต์ศตวรรษที่ 17

(1) สิทธิ์จับจองที่ดิน   

(2) แมวนํ้าปลา        

(3) เฟอร์

(4) การประหัตประหารทางศาสนา

ตอบ 3 หน้า 477 – 478 ในคริสต์ศตวรรษที่ 17 รัสเซียได้ขยายอำนาจสู่เอเชีย โดยมีขนตัวเซเบิ้ลเป็นแรงดึงดูดใจให้รัสเซียเดินทางข้ามเทือกเขาอูราลไปยังดินแดนตะวันออก ทั้งนี้รัสเซีย ได้มุ่งสู่ดินแดนไซบีเรียและยูเครน ซึ่งไซบีเรียถือว่าเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญของรัสเซีย นั่นคือ มีขนสัตว์ต่าง ๆ ได้แก่ ขนตัวเซเบิ้ล จิ้งจอกดำ กระรอก บีเวอร์ และเออร์มีน ซึ่งสามารถนำมา ทำเฟอร์หรือผ้าขนสัตว์เพื่อส่งออกจำหน่ายได้

49.       ตามคำประกาศสิทธิ (Bill of Right) ค.ศ. 1688 ได้กำหนดหลักการที่สำคัญข้อใดให้แก่การปกครองของอังกฤษ

(1) ให้อำนาจเต็มที่แก่กษัตริย์ 

(2) ลดโทษประหารชีวิต

(3) สภามีอำนาจขออนุมัติการขึ้นภาษีและงบบำรุงกองทัพ

(4) การจับกุมคุมขังขึ้นกับการยินยอมของนาย

ตอบ 3 หน้า 483 ในปี ค.ศ. 1688ได้เกิดการปฏิวัติอันรุ่งโรจน์ขึ้นในประเทศอังกฤษ โดยเป็นสมัยที่พระเจ้าวิลเลียมแห่งราชวงศ์โอเรนจ์ได้ขึ้นครองราชย์ และทรงยอมรับคำประกาศแห่งสิทธิ (Bill of Right) ค.ศ. 1689 ซึ่งเป็นหลักการสำคัญในการปกครองที่มุ่งให้อำนาจสูงสุดแก่รัฐสภา ตามหลักเสรีนิยม นั่นคือ กษัตริย์ไม่มีอำนาจยับยั้งกฎหมายที่ออกโดยสภา สภาเป็นผู้ให้การยินยอม ขึ้นภาษีและบำรุงกองทัพ และการจับกุมคุมขังต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย

50.       พวกฟิโลซอฟมีคำขวัญอะไรสำหรับการปกครองซึ่งเป็นไปตามหลักที่จอห์น ล็อค และฌัง ฌาค รุสโซได้ว่าไว้ในคริสต์ศตวรรษที่ 18     

(1) แสงสว่างแห่งปัญญานำพาความเจริญให้สังคม

(2) สัญญาประชาคม 

(3) ขจัดสิ่งเสื่อมเสียทิ้งไป      

(4) ประชาทุกผู้รู้ประโยชน์แห่งตน

ตอบ 2 หน้า 485 คำขวัญสำหรับการปกครอง พวกฟิโลซอฟจะยึดหลัก ‘’สัญญาประชาคมซึ่งเชื่อว่าอำนาจสูงสุดในการปกครองเป็นของประชาชน โดยมีนักคิดที่เกียวข้อง ได้แก่

1.         จอห์น ล็อค นักคิดชาวอังกฤษได้เสนอแนวความคิดนี้เอาไว้ในหนังสือชื่อ “Essay on Civil Government”

2. ฌัง ฌาค รุสโซ นักคิดชาวฝรั่งเศส ได้เสนอแนวความคิดนี้เอาไว้ในหนังสือ ชื่อ “The Social Contract”

51.       คำขวัญที่เป็นสื่อสาระของการปฏิวัติฝรั่งเศส ค.ศ. 1789คือ เสรีภาพ เสมอภาคภราดรภาพในที่นี้ ภราดรภาพ (Fraternity) แปลว่าอะไร

(1)ชัยชนะ       

(2)สมานฉันท์ 

(3)บูรณาภาพ 

(4)ความเป็นพี่น้อง

ตอบ 4 หน้า 489, (คำบรรยาย) หลังจากการปฏิวัติฝรั่งเศลสิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 1789ได้มีการประกาศหลักพื้นฐานของสิทธิมนุษยชนและพลเมือง โดยสื่อออกมเป็นคำขวัญของการปฏิวัติ ที่ว่า เสรีภาพ เสมอภาค และภราดรภาพ” ซึ่งสามารถแยกอธิบายได้ดังนี้

1.         เสรีภาพ คือ เสรีภาพของบุคคลในด้านตาง ๆ หรือปัจเจกชนนิยม

2.         เสมอภาค คือ ทุกคนมีความเท่าเทียมกันในเรื่องสิทธิและหน้าที่ตามความเชื่อของศาสนาคริสต์

3.         ภราดรภาพ คือ ความเป็นพี่น้องกันตามความเชื่อของศาสนาคริสต์

52.       คาร์ล มาร์กซ ผู้เป็นบิดาแห่งลัทธิสังคมนิยมสมัยใหม่บอกว่าอย่างไรเรื่องการเปลี่ยนสังคมให้ดีขึ้น

(1)       ชาวนาชาวไร่ต้องมีที่ดินทำกินเป็นของตัวเอง

(2)       รัฐบาลต้องมีมาตรการกระจายรายได้สู่ชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม

(3)       ให้คนรวยมีเมตตาอุปการะคนจน

(4)       ให้มีการต่อสู้ทางชนชั้น

ตอบ 4 หน้า 494, (คำบรรยาย) คาร์ล มาร์กซ์ เป็นบิดาแห่งลัทธิสังคมนิยมสมัยใหม่ ซึ่งเขาเห็นว่า หนทางเดียวที่จะเปลี่ยนสังคมได้ก็คือ ให้มีการต่อสู้ทางชนชั้น โดยในปี ค.ค. 1864 มาร์กซ์ ไต้ก่อตั้งภาคีกรรมกรระหว่างประเทศที่เรียกว่า องค์การสากลที่ 1 หรือคอมมิวนิสต์สากล” หรือ องค์การคอมมิวนิสต์สากลที่ 1” ขึ้น และได้ประกาศแนวความคิดที่ว่า กรรมกรโลก จงรวมตัวกัน” เพื่อกระตุ้นให้ชนชั้นแรงงานรวมตัวกันเป็นกองกำลังที่มีอำนาจในการต่อรอง

53.       ใครที่อธิบายว่าสัตว์ที่เกิดมีจำนวนมากกว่าที่รอดชีวิตอยู่ได้ ตัวที่แข็งแรงจึงรอดชีวิตได้ ซึ่งเป็นเรื่องของธรรมขาติที่คัดสรรเพื่อให้สืบสายพันธุ์

(1) ซิกมันต์ ฟรอยด์    

(2) ชาร์ลส์ ดาร์วิน

(3) อังรี ดูนังต์ 

(4) หลุยส์ ปาสเตอร์

ตอบ 2 หน้า 503 ชาร์ลส์ ดาร์วิน ได้เสนอ ทฤษฎีการคัดเลือกของธรรมชาติ” (Natural Selection) โดยอธิบายว่า สัตว์แต่ละประเภทที่เกิดมามีจำนวนมากกว่าที่รอดชีวิตอยู่ได้ ผู้ที่เหมาะสมที่สุด หรือตัวที่แข็งแรงเท่านั้นจึงจะรอดชีวิตหรืออยู่รอดได้ ซึ่งเป็นเรื่องของธรรมชาติที่คัดสรรแล้ว เพื่อให้สืบสายพันธุ์ต่อไป ซึ่งต่อมาทฤษฎีนี้ได้มีอิทธิพลต่อสังคมตะวันตกทั้งในด้านการเมืยง ด้านการต่างประเทศ และด้านเศรษฐกิจ

54.       สภาพของการปฎิวัติอุตสาหกรรมเกิดขึ้นอย่างเต็มที่ที่ประเทศใดเป็นแห่งแรก

(1) ฝรั่งเศส     

(2) อิตาลี        

(3) ฮอลันดา   

(4) อังกฤษ

ตอบ 4 หน้า 505 – 506 การปฏิวัติอุตสาหกรรมเกิดขึ้นเต็มที่ที่อังกฤษเป็นแห่งแรก โดยมีฝรั่งเศส เป็นคู่แข่งทางการค้าที่สำคัญ แต่อังกฤษก็ได้เปรียบฝรั่งเศสในหลา ๆ ด้าน ได้แก่ อังกฤษเป็น ผู้นำในการผลิตเหล็กและถ่านหิน มีเงินทุนอุดหนุน มีผู้ดำเนินธุรกิจที่ชาญฉลาด และได้เปรียบ ในด้านแรงงานมากกว่าฝรั่งเศส

55.       ประเทศใดเป็นผู้นำการใช้วิทยาศาสตร์กับอุตสาหกรรมในคริสต์ศตวรรษที่ 19

(1) ฝรั่งเศส     

(2) สหรัฐฯ      

(3) อังกฤษ     

(4) เยอรมนี

ตอบ 4 หน้า 508 – 509 ในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 เยอรมนีเป็นผู้นำโลกในการใช้วิทยาศาสตร์กับ อุตสาหกรรมโดยตรง ส่วนสหรัฐอเมริกาเป็นผู้บุกเบิกเทคนิคการผลิตจำนวนมาก ๆ (Mass Production)

56.       ประเทศแอฟริกาใต้เคยเป็นของฮอลันดาแต่กลับต้องอยู่ในเครือจักรภพอังกฤษเพราะแพ้สงครามระหว่างพวกบัวร์กับอังกฤษสงครามมีเหตุจากอะไร           

(1) เหมืองเพชร

(2) เซซิล โรดส์ ขยายอำนาจไปทางเหนือ       

(3) การค้าฝิ่น  

(4) ถูกทั้งข้อ 1 และ 2

ตอบ 4 หน้า 517, (คำบรรยาย) ประเทศแอฟริกาใต้จัดตั้งขึ้นโดยชาวฮอลันดา (ดัตช์) หรือพวกบัวร์ ต่อมาในปี ค.ศ. 1890 พวกบัวร์ได้ทำสงครามกับอังกฤษซึ่งเข้ามาบกครองดินแดนเคปโคโลนี ตรงปลายแหลมทางใต้ของแอฟริกา โดยมีสาเหตุมาจากนายเซซิล โรดส์ นายกรัฐมนตรีแห่งอาณานิคมเคปโคโลนิของอังกฤษ ได้วางแผนขยายอำนาจทางการค้าขึ้นไปทางเหนือ ด้วยการ ทำเหมืองเพชรที่คิมเบอร์ลีทางเหนือซองแม่นํ้าโอเรนจ์ อันเป็นการคุกคามการปกครองของพวกบัวร์ จึงเป็นเหตุให้เกิดสงครามขึ้นในที่สุด ซึ่งผลปรากฏว่าอังกฤษเป็นฝ่ายชนะ และได้จัดตั้ง สหภาพแอฟริกาใต้โดยให้ขึ้นอยู่ในเครือจักรภพอังกฤษในปี ค.ศ. 1909

57.       ตัวอย่างอิทธิพลทางวัฒนธรรมของชนผิวดำในสังคมอเมริกันคือข้อใด

(1) แฮมเบอร์เกอร์

(2) เรือแคนู     

(3) เพลงแจ๊ส  

(4) การเต้นแท็ป

ตอบ 3 หน้า 519 ชาวอเมริกันได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมทั้งจากชาวแอฟริกันและชาวอินเดียนโดยชาวแอฟริกันหรือชนผิวดำจะมีอิทธิพลอย่างสำคัญในวัฒนธรรมพื้นเมือง เช่น นิยายพื้นบ้าน เพลงแจ๊ส เพลงศาสนา โคลง ฯลฯ ส่วนชาวอินเดียนจะมีอิทธิพลทางด้านภาษาและ สิ่งประดิษฐ์ที่ใช้ทั่วไป เช่น เรือแคนู รองเท้าหิมะ รองเท้าหนังกวาง เป็นต้น

58.       ภาษาโปรตุเกสใช้ในประเทศใดในทวีปอเมริกาตอนใต้

(1) เปรู

(2) อาร์เจนตินา          

(3) เวเนซูเอลา

(4) บราซิล

ตอบ 4 หน้า 520 ดินแดนอาณานิคมของยุโรปในทวีปอเมริกาตอนใต้และประเทศในเครือจักรภพ อังกฤษ จะรับวัฒนธรรมยุโรปมาปรับใช้โดยเฉพาะภาษา เช่น การใช่ภาษาฝรั่งเศสในควีเบค ของแคนาดา การใช้ภาษาโปรตุเกสในบราซิล การใช้ภาษาสเปนในละตินอเมริกา เป็นต้น

59.       เบนิโต มุสโสลินี ผู้ก่อตั้งรัฐฟาสซิสต์ขึ้นเพราะปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจตกต่ำงอย่างมากหลังสงครามโลก ซึ่งเป็นตัวอย่างการใช้อำนาจรัฐบริษัทที่ราษฎรจงรักต่อผู้นำอย่างสูง เป็นคนชาติใด

(1) โปรตุเกส   

(2) สเปน        

(3) ชิลี 

(4) อิตาลี

ตอบ 4 หน้า 534 เบนิโต มุสโสลินี ได้ก่อตั้งรัฐฟาสซิสต์อิตาลีขึ้น เนื่องจากปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจตกตํ่าลงอย่างมากหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยมุสโสลินีได้ใช้อำนาจเผด็จการในการ ปกครองประเทศ กล่าวคือ ถือนโยบายสร้างเอกภาพและพลังอำนาจโดยปราบปรามความวุ่นวาย ยุ่งยากทั้งทางการเมืองและสังคม ใช้วิธีทารุณโหดร้ายจัดการกับพวกปฏิวัติสังคม และเตรียมการ สงครามเพื่อความรุ่งเรืองของอิตาลี โดยถือว่าอิตาลีเป็นรัฐบริษัท (Corporate state) ที่ราษฎร หรือชนทุกผู้ต้องจงรักภักดีต่อผู้นำอย่างสูง

60.       ประเทศใดที่มีบทบาทในการยุติความเชื่อที่ว่าชนผิวขาวแกร่งกล้าสามารถเกินกว่าจะปราบลงได้

(1) จีน 

(2) เวียดนาม  

(3) อินเดีย      

(4) ญี่ปุ่น

ตอบ 4 หน้า 546 – 547 ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศยุโรปอ่อนแอลงอย่างมาก ในขณะที่ ขบวนการกู้ชาติในประเทศอาณานิคมกลับแข็งแกร่งขึ้น จนส่งผลให้อำนาจจักรวรรดินิยมยุโรป สิ้นสุดลงในเวลาต่อมา ซึ่งจะเห็นได้จากหลาย ๆ เหตุการณ์ เช่น ญี่ปุ่นมีบทบาทในการยุติ ความเชื่อที่ว่าชนผิวขาวแกร่งกล้าสามารถเกินกว่าจะปราบลงได้ โดยขับชาวยุโรปออกจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อังกฤษจัดตั้งเครือจักรภพและมอบเอกราชให้อินเดียในปี ค.ศ. 1947 เป็นต้น

61.       ประเทศใดไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งซองเอเชียใต้

(1) อินเดีย      

(2) อิหร่าน      

(3) มัลดีฟส์     

(4) ปากีสถาน

ตอบ 2 หน้า 7375 เอเชียใต้ (South Asia) หรือที่สื่อมวลชนทางตะวันตกนิยมเรียกว่า อนุทวีปอินเดีย” (Indian Sub-continent) ซึ่งในอดีตนั้นเอเชียใต้มักหมายถึงประเทศอินเดีย แต่ในปัจจุบัน เอเชียใต้จะมีทั้งหมด 7 ประเทศ ได้แก่ อินเดีย ปากีสถาน บังกลาเทศ ศรีลังกา เนปาล ภูฎาน และมัลดิฟส์

62.       อารยธรรมลุ่มแม่นํ้าสินธุมีศูนย์กลางอยู่ที่ใดในปัจจุบัน         

(1) ตอนกลางของอินเดีย

(2) ศรีลังกา    

(3) ปัญจาบตะวันตก ปากีสถาน        

(4) รัฐอัสสัม ประเทศอินเดีย

ตอบ 3 หน้า 7581 อารยธรรมลุ่มแม่นํ้าสินธุเกิดขึ้นบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำสินธุหรืออินดัส บริเวณแคว้นปัญจาบตะวันตกในประเทศปากีสถานปัจจุบัน โดยเชื่อกันว่ามีอายุประมาณ 3,000 ปี ก่อนคริสตกาล ดังนั้นจึงถือว่าเป็นอารยธรรมเริ่มแรกที่เก่าแก่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียใต้

63.       ผู้คนในอารยธรรมลุ่มแม่นํ้าสินธุมีความชำนาญในด้านใดเป็นพิเศษ

(1) โหราศาสตร์          

(2) วรรณคดี   

(3) เรขาคณิต 

(4) ปรัชญา

ตอบ 3 หน้า 82 จากหลักฐานที่แสดงถึงอารยธรรมลุ่มแม่นํ้าสินธุที่ขุดค้นพบในซากเมืองโมเหนโจดาโร และเมืองฮารัปปานั้น ทำให้ทราบว่าชาวสินธุมีความสามารถทางด้านวิศวกรสำรวจและความรู้ ทางด้านเรขาคณิตเบื้องต้นเป็นอย่างดี ซึ่งที่เห็นเด่นชัดก็คือ การวางผังเมือง เช่น มีการตัดถนน มีท่อระบายนํ้า บ่อนํ้าสาธารณะ รวมทั้งอาคารบ้านเรือนต่าง ๆ ที่มีการจัดห้องนํ้าแบบยืนตักอาบ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงลักษณะของสุขาภิบาลที่ดีและมีความเจริญสูงมากกว่าดินแดนอื่น ๆ ในยุค ก่อนประวัติศาสตร์

64.       โธตีมีความสำคัญเช่นไรในอารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ

(1) เครื่องนุ่งห่ม          

(2) เทพเจ้า     

(3) เครื่องประดับ        

(4) มาตราตวงวัด

ตอบ 1 หน้า 83 – 86 มรดกของอารยธรรมลุ่มแมน้ำสินธุที่เหลือใว้ในอินเดียปัจจุบัน มีดังนี้

1.         มรดกทางศาสนา ได้แก่ การเคารพนับถือพระศิวะหรือเทพเจ้าแห่งหมู่สัตว์จากการบูชาศิวลึงค์การบูชาต้นไม้ใหญ่ คือ ต้นโพธิ์ และต้นไทร และการนับถือพญานาคและดวงอาทิตย์

2.         รู้จักนำผ้าฝ้ายมาทำเป็นเครื่องนุ่งห่ม ทั้งนี้ชาวสินธุจะนิยมแต่งกายด้วยผ้าฝ้าย 2 ชิ้น โดยท่อนบนจะใส่เป็นเสื้อเปิดไหลขวา ส่วนท่อนล่างจะนุ่งเป็นผ้าโจงกระเบน หรือที่ชาวอินเดีย ปัจจุบันเรียกว่า โธตี” (Dhoti)   

3. การเคารพนับถือวัวตัวผู้     

4. การไว้หนวดเครา

5. ประเพณีการทำศพซึ่งมี 3 วิธี คือ ฝังศพ นำศพไปทิ้งให้นกกากิน และเผาศพ ฯลฯ

65.       คนกลุ่มใดไม่จัดอยู่ในสังคมอินเดียยุคพระเวท

(1) นักรบ        

(2) สามัญชน  

(3) จัณฑาล    

(4) พระ

ตอบ 3 หน้า 9298 อินเดียในสมัยพระเวท ได้ปรากฏโครงสร้างทางสังคมแบบวรรณะขึ้นเป็นครั้งแรก โดยมีการแบ่งชนชั้นออกเป็น 3 ชนชั้น ได้แก่ นักรบหรือกษัตริย์ (ชนชั้นสูงสุด) สามัญชน และ พระ ต่อมาในสมัยอารยธรรมอินโด-อารยัน ได้มีการแบ่งออกเป็น 4 ชนชั้น ได้แก่ พราหมณ์ กษัตริย์ แพศย์ และศูทร ซึ่งคนที่อยู่ในวรรณะทั้ง 4 นี้เราเรียกว่า สวรรณะ” หมายถึง พวกที่มีวรรณะสังกัด ส่วนพวกที่ไม่มีวรรณะสังกัดเรียกว่า อวรรณะ” ซึ่งจะได้รับการดูถูกเหยียดหยาม เสมือนว่าเป็นพวกต่ำช้า เป็นตัวเสนียด เป็นอัปมงคลแก่ผู้ที่ได้พบเห็น และมีฐานะตํ่าต้อยกว่า สัตว์เดรัจฉาน เช่น พวกจัณฑาล หริชน หินชาติ ฯลฯ

66.       สมิติ” มีความสำคัญเช่นไรในประวัติศาสตร์อินเดีย           

(1) มหาราชผู้ยิ่งใหญ่

(2) พิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์        

(3) องครักษ์ประจำตัวพระราชา         

(4) ที่ประชุมของราษฎรในเผ่า

ตอบ 4 หน้า 93 ลักษณะการปกครองของชาวอารยันสมัยแรกนั้นจะอยู่รวมกันเป็นเผ่า โดยมีหัวหน้าเผ่าที่เรียกว่า ราชา” หรือ ราชันย์” เป็นผู้ปกครอง ซึ่งหัวหน้าเผ่าจะปกครองโดยมีสภา (Sabha) และสมิติ (Samiti) เป็นผู้ช่วย โดยสภาจะเป็นที่ชุมนุมของผู้อาวุโสในเผ่า และสมิติจะเป็นที่ชุมนุม ของราษฎรในเผ่า ซึ่งเทียบได้กับวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรในปัจจุบัน

67.       ใครคือผู้แต่งวรรณกรรมเรื่องมหาภารตะ

(1) วาลมิกิ      

(2) คานธี        

(3) เนห์รู         

(4) วยาสะ

ตอบ 4 หน้า 94, (HI 102 เลขพิมพ์ 52058 หน้า 194) มหาภารตะ เป็นวรรณกรรมอินเดียในยุคมหากาพย์ที่ประพันธ์โดยฤๅษีวยาสะ โดยถือว่าเป็นคำประพันธ์ประเภทร้อยกรองที่ยาวที่สุดในโลก และมีตอนที่สำคัญที่สุดชื่อว่า ภควัทคีตา” ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกันการทำสงครามเพื่อแย่งชิงสิทธิในการปกครองแผ่นดินระหว่างพี่น้อง 2 ตระกูล คือ เการพ (พากมิลักขะหรือทราวิฑ เป็น ตัวแทนฝ่ายอธรรม) กับปาณฑพ (พวกอารยัน เป็นตัวแทนฝ่ายธรรมะ) สงครามนี้ยุติลงโดย ฝ่ายปาณฑพเป็นผู้ชนะ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าธรรมะย่อมชนะอธรรม

68.       วรรณกรรมเรื่องใดเป็นวรรณกรรมร้อยกรองที่ยาวที่สุดในโลก

(1) รามายณะ 

(2) ฤคเวท       

(3) สามเวท     

(4) มหาภารตะ

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 67. ประกอบ

69.       สามเวทเป็นคัมภีร์ในศาสนาพราหมณ์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องใด

(1) สรรเสริญพระเจ้า  

(2) พิธีบวงสรวง         

(3) กลศาสตร์ 

(4) ไสยศาสตร์

ตอบ 3 หน้า 899196 คัมภีร์พระเวทมี 3 เล่ม เรียกว่า ไตรเพท’’ หริก ไตรเวท” ซึ่งจาริกเป็น ภาษาสันสกฤต ประกอบด้วย

1.         ฤคเวท เป็นคัมภีร์ที่เก่าแก่ที่สุด โดยจะให้รายละเอียดเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของพวกอารยัน การสร้างโลก รวมทั้งบทสรรเสริญคุณและฤทธิ์ของเทพเจ้าต่าง ๆ

2.         ยชุรเวท เป็นบทแสดงพิธีบวงสรวงเทพเจ้าต่าง ๆ และบทสวดในเวลาทำพิธีกรรม

3.         สามเวท เป็นบทแสดงกลศาสตร์หรือศิลปศาสตร์ รวมทั้งสังคีตต่าง ๆ ซึ งต่อมาคัมภีร์พระเวท ก็ได้มีอาถรรพเวทอันเป็นบทสวดคาถาเกี่ยวกับไสยศาสตร์เพิ่มเติมเข้ามาในภายหลัง

70.       พระพรหมทรงสร้างวรรณะแพศย์จากส่วนใดของพระองค์

(1) โอษฐ์         

(2) พระพาหา 

(3) พระโสณี   

(4) พระบาท

ตอบ 3 หน้า 98, (คำบรรยาย) ตามคัมภีร์พระเวทของศาสนาพราหมณ์เชื่อว่า พระพรหมได้ทรง สร้างมนุษย์เป็นชนชั้นต่างๆไว้เพื่อสันติของสังคมจากพระวรกายเองพระองค์ 4 ส่วน ดังนี้

1.         พราหมณ์ สร้างจากพระโอษฐ์ โดยถือว่าเป็นวรรณะสูงสุดที่ทำหน้าที่ทางวิชาการและ ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เช่น นักบวช นักปราชญ์ ครูอาจารย์

2.         กษัตริย์ สร้างจากพระพาหา ทำหน้าที่ทางการปกครองและบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่ประชาชน เช่น นักรบ นักปกครอง

3.         แพศย์ สร้างจากพระโสณี (ลำตัวถึงสะโพก) ทำหน้าที่ทางด้านกสิกรรมและพาณิชยกรรม เช่น พ่อค้า ชาวไร่ชาวนา ช่างฝีมือ

4.         ศูทร สร้างจากพระบาท ทำหน้าที่รับจ้างหรือรับใช้ เช่น ทาส กรรมกร

71.       หลังจากเหตุการถเร์ใดที่พระเจ้าอโศกมหาราชทรงเปลี่ยนจากนโยบายรุกรานมาเป็นธรรมวิชัย

(1) การส่งสมณทูตไปเผยแผ่ศาสนา  

(2) การรบที่กาลิงคะ

(3) การสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 3           

(4) การขยายดินแดนทงตอนเหนือ

ตอบ 2 หน้า 114 เมื่อพระเจ้าอโศกมหาราชทรงรบชนะพวกกาลิงคะในแคว้นโอริสสาแล้ว ผลปรากฏว่ามีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก และทรงจับไว้เป็นเชลยศึกมากกว่า 150,000 คน ดังนั้นหลังจากที่ สงครามกาลิงคะสิ้นสุดลง พระองค์จึงทรงปรับเปลี่ยนนโยบายในการบริหารใหม่ โดยเปลี่ยน จากนโยบายรุกรานมาเป็นธรรมวิชัย

72.       กวีคนใดเป็นผู้เขียนศกุนตลา

(1) รัชกาลที่ 6 

(2) วาลมิกิ      

(3) กาลิทาส   

(4) อารยภัททะ

ตอบ 3 หน้า 118 สมัยคุปตะของอินเดียเป็นสมัยที่วรรณกรรมหรือวรรณคดีสันสกฤตเจริญรุ่งเรืองมาก โดยกวีที่สำคัญในสมัยนี้คือ กาลิทาส ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น เช็คสเปียร์แห่งอินเดียโดยเป็นผู้แต่งเรื่อง ศกุนตลา” ซึ่งถือว่าเป็นวรรณคดีชิ้นเอกของยุค เพราะได้มีผู้แปลเป็น ภาษาต่าง ๆ เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาเยอรมัน รวมทั้งภาษาไทยด้วย

73.       ข้อใดคือมรดกทางด้านคณิตศาสตร์ที่สังคมอินเดียสมัยคุปตะได้สร้างขึ้น

(1) เลขอารบิก

(2) ระบบทศนิยม       

(3) การคำนวณเส้นรอบวง     

(4) อินฟินิตี้

ตอน 2 หน้า 119 ในสมัยคุปตะของอินเดียได้มีนักดาราศาสตร์และนักคณิตศาสตร์ที่มีชื่อเสียงมากของยุคคือ อารยภัททะ ซึ่งผลงานเด่น ๆ ของเขา ได้แก่ สามารถพิสูจน์ได้ว่าโลกกลมและโคจร รอบดวงอาทิตย์ รวมทั้งเป็นผู้คิดระบบทศนิยมได้เป็นคนแรกของโก โดยถือว่าเป็นมรดก ชิ้นสำคัญของโลก ซึ่งต่อมาชาวอาหรับได้นำไปเผยแพร่ในยุโรป

74.       กษัตริย์พระองค์ใดได้ชื่อว่าเป็น จอมจักรวาล”      

(1) พระเจ้าอโศกมหาราช

(2) ราชาเจฮาน           

(3) พระเจ้าอักบาร์      

(4) พระเจ้าบาบูร์

ตอบ 3 หน้า 123 – 124 พระเจ้าอักบาร์ เป็นกษัตริย์มุสลิมราชวงศ์โมกุลของอินเดียที่มีชื่อเสียงมากที่สุด และเป็นที่ยอมรับของคนทุกฝ่ายจนได้รับการเฉลิมพระเกียรติว่า มหาราช” อีกทั้ง ยังได้รับพร ะนามว่า จอมจักรวาล” เพราะเป็นที่รักของคนทุกเผ่าพันธุ์

75.       ชาวตะวันตกชาติใดเป็นคนกลุ่มแรกที่เข้ามาตั้งหลักปักฐานในอินเดีย

(1) อังกฤษ     

(2) ฝรั่งเศส     

(3) เยอรมัน     

(4) โปรตุเกส

ตอบ 4 หน้า 129133 ชาติตะวันตกชาติแรกที่เข้ามาค้าขายในอินเดียคือ โปรตุเกส ซึ่งประสบผลสำเร็จ ทางด้านการค้าและการเผยแผ่ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกแถบชายฝั่งทะเลตะวันตกของ อินเดียนับจากบอมเบย์ไปจนถึงเกาะลังกา โดยเฉพาะที่เมืองกัวซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการค้า และศาสนาคริสต์ที่ใหญ่ที่สุดของโปรตุเกส ทั้งนี้ประชาชนผู้นับถือศาสนาคริสต์ที่อาศัยอยู่ใน เมืองกัวเรียกว่า ชาวกวน” ซึ่งจะพดภาษากวน

76.       เมืองกัวมีความสำคัญอย่างไรในประวัติศาสตร์อินเดีย

(1) ศูนย์กลางของโปรตุเกสในอินเดีย

(2) ศูนย์กลางในการศึกษาการแพทย์

(3) เมืองสุดท้ายที่พระเจ้าอักบาร์ทรงตีได้       

(4) เมืองแรกที่อังกฤษยึดครองได้

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 75. ประกอบ

77.       อุปราชคนสุดท้ายของอินเดียคือใคร

(1) เฮสติงส์    

(2) แคนนิ่ง      

(3) รีดดิง         

(4) เมาท์แบทเทน

ตอบ 4 หน้า 135 – 137 ในช่วงปี ค.ศ. 1858 – 1947 อังกฤษได้ส่งอุปราชซึ่งเป็นผู้สำเร็จราชการ ต่างพระเนตรพระกรรณมาปกครองอินเดีย ทั้งนี้อุปราชจะปฏิบัติหน้าที่แทนพระเจ้ากรุงอังกฤษ ในอาณานิคม และมีอำนาจเต็มเสมือนพระเจ้ากรุงอังกฤษทุกประการ โดยอุปราชคนแรกที่อังกฤษ ล่งมาคือ ลอร์ด แคนนิ่ง ส่วนอุปราชคนสุดท้ายคือ ลอร์ด เมาท์แบทเทน ซึ่งเป็นผู้มอบเอกราช ให้แก่อินเดียในปี ค.ศ. 1947

78.       ใครคือนายกรัฐมนตรีคนแรกของอินเดีย

(1) เนห์รู         

(2) คานธี        

(3) จินนาห์      

(4) อาห์เหมด ข่าน

ตอบ 1 (คำบรรยาย) ประธานาธิบดีคนแรกของอินเดียคือ ดร.ราเชนทร์ ประสาท (Dr. Rajendra Prasad) รัฐบุรุษอาวุโสของอินเดีย ส่วนนายกรัฐมนตรีคนแรกของอินเดียคือ เยาวห์ลาล เนห์รู (Jawaharlal Nehru)

79.       ผู้ใดได้รับสมญานามว่า บิดาแห่งชาติปากีสถาน

(1) เนห์รู         

(2) คานธี        

(3) จินนาห์      

(4) อาห์เหมด ข่าน

ตอบ 3 หน้า 144161 โมฮัมหมัด อาลี จินนาห์ (Mohammed All Jinriah) เป็นผู้นำการต่อสู้ เรียกร้องเอกราชที่สำคัญของกลุ่มสันนิบาตมุสลิม (All-India Muslim League) ในอินเดีย โดยเขาได้เรียกร้องเอกราชควบคู่ไปกับการขอตั้งประเทศใหม่ ซึ่งมีคนส่วนใหญ่เป็นมุสลิม ภายใต้ชื่อประเทศ ปากีสถาน” ซึ่งตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ. 1947 จนทำให้เขาได้รับ การยกย่องว่าเป็น บิดาแห่งชาติปากีสถาน

80.       ข้ใดคือนโยบายหลักที่อังกฤษมีต่ออินเดียที่ประสบความล้มเหลวมากที่สุด

(1) กฎหมาย   

(2) สาธารณูปโภค

(3) การยกเลิกประเพณีบางประการ  

(4) การใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลาง

ตอบ 3 หน้า 146 – 150, (HI 102 เลขพิมพ์ 52058 หน้า 233235 – 236) มรดกทางอารยธรรม ที่อังกฤษไดให้ว้แก่อินเดียและเห็นเป็นรูปธรรมจนถึงปัจจุบัน ได้แก่ ด้านกฎหมายและ ระบบการศาล ด้านสาธารณูปโภค ด้านอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรม ด้านการศึกษาและ การใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลาง และด้านการปกครอง ยกเว้นด้านสังคมที่อังกฤษประสบกับ ความล้มเหลว เนื่องจากกฎหมายหลายฉบับของอังกฤษที่ยกเลิกประเพณีหรือพิธีกรรมที่ เหลวไหลต่าง ๆ เช่น ประเพณีสุตตี ประเพณีฆ่าคนบูชายัญ ประเพณีฆ่าทารกเพศหญิง ฯลฯ ทำให้ชาวอินเดียไม่พอใจ เพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงความเชื่อทางศาสนาและวิถีชีวิตของ พวกเขา

81.       แนวคิดเรื่อง โอรสแห่งสวรรค์” เกิดขึ้นในสมัยใดของจีน

(1)โจว 

(2) ฮั่น 

(3) ถัง 

(4) แมนจู

ตอบ 1 หน้า 274 – 275 จีนในสมัยราชวงศ์โจวตะวันตก กษัตริย์โจวจะถือว่ตนเป็น โอรสแห่งสวรรค์” หมายถึง องค์จักรพรรดิที่ได้รับคำสั่งจากเทพเจ้าเทียนหรือเทพเจ้าแห่งสวรรค์ให้มาขจัดทุกข์ บำรุงสุขให้แก่ประชาชน โดยมีอำนาจที่สวรรค์มอบให้เพื่อปกครองเรียกว่า อาณัติแห่งสวรรค์” และตราบเท่าที่ทรงประพฤติตนอยู่ในคุณธรรมอันดีงาม อาณัติแห่งสวรรค์จะยังคงอยู่ตลอดไป แต่หากประพฤติผิดหลักธรรม อาณัติแห่งสวรรค์ก็จะสูญสิ้นไป

82.       แนวคิดที่ว่า มนุษย์ทุกคนเกิดมาล้วนเป็นคนดีโดยกำเนิด แต่สภาพแวดล้อมทำให้มนุษย์กลับกลาย เป็นคนไม่ดีไปได้ แนวทางแก้ไขคือ ต้องให้มนุษย์มีการศึกษา” เป็นแนวคิดของนักปราชญ์คนใด

(1) ขงจื๊อ         

(2) เล่าสือ       

(3) โมจื๊อ         

(4) เม่งจื๊อ

ตอบ 4 หน้า 276 – 277 เม่งจื๊อ ได้กล่าวว่า โดยธรรมชาติแล้ว มนุษย์ทุกคนเกิดมาล้วนเป็นคนดีโดยกำเนิด แต่สภาพแวดล้อมทำให้มนุษย์กลับกลายเป็นคนไม่ดีไปได้ ” ซึ่งเขาได้เสนอแนวทาง แก้ไขคือ ต้องให้มนุษย์มีการศึกษา

83.       ในสมัยราชวงศ์ฮั่นได้ให้มรดกสำคัญต่อการปกครองของจีนในเรื่องใด

(1) การตั้งระบบขันทีในราชสำนัก      

(2) ระบบการสอบไล่เพื่อเข้ารับราชการ

(3) การบริหารงานผ่านกรมต่าง ๆ      

(4) ระบบการถ่ายทอดอำนาจจากบิดาสู่บุตร

ตอบ 2 หน้า 278 – 279 การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญซึ่งเกิดขึ้นในสมัยราชวงศ์ฮั่น มีดังนี้

1.         เป็นสมัยแรกที่ศาสนาพุทธเผยแผ่จากอินเดียเข้าสู่จีน

2.         มีระบบการสอบไล่เข้ารับราชการเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก โดยใช้ตำราของขงจื๊อเป็นแนวทาง

3.         ส่งเสริมความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ ที่เด่น ๆ ได้แก่ เป็นสมัยแรกที่จีนส่งกองคาราวาน เดินทางไปค้าขายกับตะวันตก (ยุโรป) ไกลถึงอาณาจักรโรมัน (กรุงโรม) จนทำให้เกิด เส้นทางสายไหม” (Silk Route) ขึ้นมีการนำกระดาษมาพิมพ์เป็นธนบัตรแทนเงินตรา ที่ทำด้วยโลหะเป็นครั้งแรก และมีการส่งเรือไปค้าขายในทะเลจีนใต้โดยตรง ฯลฯ

84.       ข้อใดคือความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจในสมัยราชวงศ์ฮั่น

(1) การค้าผ่านเส้นทางสายไหม         

(2) การส่งเรือมาค้าขายในทะเลจีนใต้โดยตรง

(3) การพิมพ์ธนบัตร   

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 83. ประกอบ

85.       ข้อใดคือผลงานที่สำคัญในสมัยราชวงศ์สุย

(1) การสร้างกำแพงเมืองจีน   

(2) การสร้างพระราชวังที่ปักกิ่ง

(3) การขุดคลองเชื่อมแม่น้ำ 3 สาย    

(4) การรับพุทธศาสนาเข้ามาเป็นครั้งแรก

ตอบ 3 หน้า 280 ราชวงศ์สุยเป็นราชวงศ์ที่มีอายุสั้นมากในการปกครองประเทศจีน โดยปกครองจีน เพียง 27 ปี (ค.ค. 589 – 618) ก็เสื่อมลง ซึ่งผลงานที่สำคัญของราชวงศ์นี้ได้แก่ การขุดคลองใหญ่ (Grand Canal) จากเหนือจรดใต้เพื่อเชื่อมแม่นํ้า 3 สายเข้าด้วยกัน คือ แม่นํ้าฮวงโห แม่นํ้าแยงซี และแม่น้ำฮวย

86.       ใครคือนักคิดที่มีบทบาทต่อการเกิดลัทธิขงจื๊อใหม่

(1) หลี ลุงเมียง           

(2) ไหมเฟย    

(3) ซูสี 

(4) จิ๋นซีฮ่องเต้

ตอบ 3 หน้า 282 – 283 นักคิดคนสำคัญที่มีบทบาทต่อการเกิดลัทธิขงจื๊อใหม่คือ ซูลี โดยลัทธินี้ เชื่อว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในธรรมชาติดีอยู่แล้ว แต่การนำเสนอออกมาเพื่อปฏิบัติจำเป็นต้อง อาศัยการศึกษา และนักปกครองควรมาจากผู้ทีมีการศึกษาดี โดยเฉพาะจากลัทธิขงจื๊อ

87.       หลิวปังกับจูหยวนจังมีลักษณะที่คล้ายคลึงกันอย่างไร

(1) เป็นชาวนามาก่อน

(2) เป็นพระมาก่อน

(3) เป็นกษัตริย์พระองค์สุดท้าย         

(4) เป็นกษัตริย์ต่างชาติ

ตอบ 1 หน้า 278284 หลิวปังและจูหยวนจังมีลักษณะที่คล้ายคลึงกัน ก็คือ ทรงเป็นสามัญชนหรือ เป็นชาวนามาก่อน โดยหลิวปังนับเป็นชาวนาคนแรกในประวัติคาสตร์จีนที่ได้ก่อตั้งราชวงศ์ฮั่น และสถาปนาตนเองเป็นจักรพรรดินามว่า ฮั่นเกาสู” ส่วนจูหยวนจังก็นับเป็นชาวนาคนที่ 2 ต่อจากหลิวปัง ที่ได้ก่อตั้งราชวงศ์หมิงและสถาปนาตนเองเป็นจักรพรรดินามว่า พระเจ้าฮังวู” ขึ้นปกครองแผ่นดินจีน

88.       สมัยราชวงศ์หมิงการค้ากับต่างประเทคของจีนมีความโดดเด่นเป็นอย่างยิ่งเพราะเหตุใด

(1) ส่งกองเรือไปถึงแอฟริกา   

(2) กษัตริย์ส่งเสริมการค้ากับญี่ปุ่น

(3) มีการศึกษาเรื่องท้องทะเลอย่างกว้างขวาง           

(4) นำเข้าแร่เงินจากญี่ปุ่น

ตอบ 1 หน้า 285 ในสมัยราชวงศ์หมิงได้ส่งเสริมให้มีการเดินทางทางทะเลมากขึ้น ส่งผลให้กองเรือ จีนในสมัยนี้มีความยิ่งใหญ่กว่าสมัยอื่นๆ จนสามารถเดินทางไปไกลถึงชายฝั่งด้านตะวันออก ของทวีปแอฟริกา อย่างไรก็ตามความเป็นเจ้าทะเลของจีนได้ยุติลงในปี ค.ศ. 1433 เพราะผู้ปกครอง ไม่สนับสนุนให้ทำการค้าขาย

89.       ชนชั้นใดที่ไม่ว่าราชวงศ์ใดปกครองจีน จะเป็นคนกลุ่มที่เป็นชนชั้นล่างที่สุดในสังคม

(1) ฮั่นเหนือ    

(2) ฮั่นตะวันออก        

(3) ฮั่นใต้        

(4) ฮั่นตะวันตก

ตอบ 3 (คำบรรยาย) ชนชาติพื้นเมืองในจีนแปงออกเป็น 4 ชนชั้น ได้แก่

1.         ชนชั้นชาวมองโกลทั่วไป ถือว่าเป็นชนชั้นที่มีฐานะทางสังคมสูงสด

2.         ชนชั้นชาวเซ่อมู่ เป็นชนเผ่าต่าง ๆ ของดินแดนทางตะวันตกและพวกซีเซี่ย

3.         ชนชั้นชาวฮั่น เป็นพวกที่เคยถูกอาณาจักรจิ๋นปกครองมาก่อน เช่น ชาวฮั่นทางเหนือชาวชี่ตาน ขาวหนี่เจิน ฯลฯ

4. ชนชั้นขาวใต้ เป็นชาวฮั่นใต้แม่นํ้าแยงซีเกียงและชนชาติอื่น ๆ ซึ่งถือว่าเป็นชนชั้นที่มีฐานะทางสังคมตํ่าสุดในทุกราชวงศ์ที่ขึ้นปกครองจีน

90.       ข้อใดเป็นมูลเหตุของการเกิดสงครามระหว่างจีน-อังกฤษระหว่าง. ค.ศ. 1839- 1842

(1) สาวงาม    

(2)ทอง

(3)ฝิ่น 

(4)ขุนนางฝ่ายขวา

ตอบ 3 หน้า 287, (คำบรรยาย) ในสมัยราชวงศ์แมนจูช่วงปี ค.ศ. 1699 ผู้ปกครองจีนได้อนุญาตให้ อังกฤษเข้ามาค้าขายได้ที่เมืองแคนตอน แต่ต้องปฏิบติตามระบบการค้าที่เมืองแคนตอนของรัฐบาลจีน ซึ่งเป็นกฎเกณฑที่ทำให้อังกฤษเสียเปรียบมากที่สุด ต่อมาอังกฤษจึงแก้ปัญหานี้ด้วยการ นำฝิ่นเข้ามาขายในจีน ทำให้จีนต้องปราบปรามอย่างหนัก จนนำไปสู่การทำสงครามระหว่างจีนกับอังกฤษขึ้นในช่วงปี ค.ค. 1839 – 1842 เรียกว่า สงครามฝิ่น” ซึ่งผลปรากฏว่าจีนเป็นฝ่ายพ่ายแพ้

91.       ข้อความใดเป็นข้อความที่ถูกต้องในการบรรยายเรื่อง การปฏิรูป 100วัน

(1)       การปฏิรูปบ้านเมืองให้ทันสมัยตามแบบตะวันตก

(2)       การปฏิรูปครั้งนี้ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง

(3)       รัฐบาลอเมริกันมีบทบาทช่วยเหลือในการวางแผนปฏิรูป

(4)       การปฏิรูปล้มเหลวเพราะอังกฤษเข้าแทรกแซง

ตอบ 1 หน้า 289 กังยู่ไหว เป็นผู้นำในการปฏิรูปประเทศจีนให้ทันสมัยตามแบบตะวันตกทางภาคเหนือ โดยเขาได้นำแนวคิดเกี่ยวกับเทคโนโลยีและวิทยาการจากตะวันตกทั้งหมดเข้ามาใช้ได้เพียง 100 วัน ซึ่งรู้จักกับในชื่อ การปฏิรูป 100 วัน” แต่โครงการปฏิรูปนี้ประสบกับความล้มเหลว ทำให้กังยู่ไหวและพรรคพวกถูกจับเนรเทศ บางส่วนก็ถูกประหารชีวิต

92.       ใครคือผู้เปลี่ยนจีนให้เข้าสู่ระบอบคอมมิวนิสต์

(1) โจวเอินไหล           

(2) เหมาเจ๋อตุง           

(3) เติ้งเสี่ยวผิง           

(4) เจียงไคเชค

ตอบ 2 หน้า 291 – 293, (คำบรรยาย) เมื่อปัญญาชนจีนพบว่าแนวคิดแบบตะวันตกไม่สามารถ แก้ปัญหาให้แก่จีนได้อีกต่อไป พวกเขาจึงได้หันไปสู่แนวทางใหม่ นั่นคือ การแก้ไขปัญหา ด้วยแนวทางสังคมนิยม หลังจากนั้นพรรคคอมมิวนิสต์จีนจึงเริ่มถือกำเนิดขึ้นในปี ค.ศ. 1921 ภายใต้การนำของปัญญานนจีน 2 ท่าน คือ เฉินตู้ซิ่ว และหลี่ต้าเจา ต่อมาเมื่อเหมาเจ๋อตุง ได้ประกาศจัดตั้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน” ขึ้นที่ปักกิ่งในปี ค.ศ. 1949 เขาจึงดำเนินการ ปฏิรูปประเทศให้เข้าสู่ระบอบคอมมิวนิสต์ตามแนวทางของลัทธิมาร์กซ์ (Marxism), เลนิน (Leninism) และเหมา (Maoism)

93.       ใครคือคนกลุ่มแรกที่อาศัยในเกาะญี่ปุ่น

(1) ชาวจีน      

(2) ชาวนารา   

(3) ชาวไอนุ     

(4) ชาวเอโดะ

ตอบ 3 หน้า 305 ชาวไอนุเป็นชนพื้นเมืองกลุ่มแรก ๆ ที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในญี่ปุ่น และถือว่า เป็นบรรพบุรุษของชาวญี่ปุ่นที่ยังคงมีบทบาททางสังคมอยู่บริเวณตอนเหนือของเกาะฮอกไกโด ในปัจจุบัน ซึ่งชาวไอนุจะมีลักษณะทางกายภาพหรือมีรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกับชาวตะวันตก (ชาวยุโรป) มากที่สุด เช่น ตามร่างกายมีขนดก หน้าแบน ตาสีฟ้า ผิวขาว ผมทอง รูปร่างสูงใหญ่ เป็นต้น

94.       การปฏิรูปไทกาเป็นผลงานของใคร

(1) จิมมู เทนโน           

(2) เจ้าชายไทกา         

(3) นากะ โนะ โอเยะ  

(4) โตกูกาวา

ตอบ 3 หน้า 307 – 308310316 ในสมัยเจ้าชายนากะ โนะ โอเยะ ได้เกิดแผนการปฏิรูปไทกา ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของญี่ปุ่นที่เลียนแบบจีนในสมัยราซวงศ์ถัง โดยเน้นการปฏิรูป ทั้งทางด้านการปกครองและด้านเศรษฐกิจ อาทิเช่น มีการปฏิรูปรูปแบบการปกครองของรัฐบาล ส่วนกลางใหม่ โดยแบ่งกระทรวงออกเป็น 8 กระทรวงสตรีไม่มีสิทธิเป็นจักรพรรดิอีกต่อไป,มีการประกาศโอนที่ดินของนายทุนและผู้มีอิทธิพลเข้ามาเป็นของรัฐ แล้วแจกจ่ายที่ดินดังกล่าว ให้แก่ชาวนาเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ เป็นต้น

95.       ชนชั้นใดคือชนชั้นที่มีฐานะต่ำที่สุดในสังคมญี่ปุ่น

(1) ชาวนา       

(2) ซามูไร       

(3) ช่างฝีมือ    

(4) พ่อค้า

ตอบ 4 หน้า 312 – 313, (คำบรรยาย) สังคมญี่ปุ่นในสมัยศักดินาแบ่งออกป็น 4 ชนชั้น (ตามแนวคิด ของลัทธิขงจื๊อที่รับมาจากจีน) ได้แก่

1. ชนชั้นปกครอง ถือว่าเป็นชนชั้นที่สูงและสำคัญที่สุด ซึ่งประกอบด้วยพวกขุนนางและนักรบหรือซามูไร

2. ชนชั้นชาวไร่ชาวนา

3. ชนชั้นช่างฝีมือ

4. ชนชั้นพ่อค้าและนักธุรกิจ เป็นชนชั้นตํ่าสุดในสมัยนี้ แต่ผลสุดท้ายก็กลายเป็นชนชั้นที่สำคัญที่สุดในสมัยปัจจุบัน

96.       ลัทธิบูชิโดคือแนวทางในการปฏิบัติตนของชนชั้นใด

(1) ชาวนา       

(2) ซามูไร       

(3) ช่างฝีมือ    

(4) พ่อค้า

ตอบ 2 หน้า 313 พวกซามูไรถือว่าเป็ชนชั้นสูงและมีความสำคัญที่สุดในสังคมญี่ปุ่นในสมัยศักดินา โดยพวกซามูไรเหล่านี้จะต้องดำเนินชีวิตตามกฎเกณฑ์หรือแนวปฏิบัติที่เรียกว่า วิถีทางของนักรบ” หรือลัทธิบูชิโด ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากหลักคำสอนของลัทธิขงจื๊อ ได้แก่ ความกล้าหาญความมีระเบียบวินัย ความจงรักภักดี ความกตัญญูกตเวที ความอ่อนน้อมโดยเฉพาะกับสตรี การเสียสละความสุขส่วนตัว การรักษาผลประโยชน์ของส่วนรวม และการมีชีวิตอย่างสำรวม และสมถะ (ดูคำอธิบายข้อ 95. ประกอบ)

97.       เทพเจ้าองค์ใดคือเทพเจ้าสูงสุดของชาวญี่ปุ่น

(1) กามิกาเซ  

(2) อะมาเตราสึ          

(3) ชินโต         

(4) โคพัน

ตอบ 2 หน้า 303315 ก่อนที่ศาสนาและลัทธิจากต่างชาติ เช่น ศาสนาพุทธ ลัทธิขงจื๊อและเต๋า ฯลฯ จะเข้ามาเผยแผ่ในญี่ปุ่น ชาวญี่ปุ่นได้มีการนับถือเทพเจ้าอยู่แล้วซึ่งก็คือ เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ (สุริยเทวีหรือพระนางระมาเตราสึ) ซึ่งเป็นเทพเจ้าสูงสุดในสมัยนั้น โดยต่อมารู้จักกันในชื่อว่า ลัทธิชินโต” หรือวิถีทางของเทพเจ้า ทั้งนี้ลัทธิชินโตรุ่งเรืองอย่างมากในสมัยโตกูกาวาตอนปลาย และในสมัยเมอิจิ

98.       ใครคือปฐมกษัตริย์ของชาติเกาหลี

(1) ตันกุน       

(2) วังคอง       

(3) ยี ซองเกีย 

(4) เซจอง

ตอบ 1 หน้า 328, (คำบรรยาย) ชนเผ่าตังกัส (Tangus) ถือว่าเป็นบรรพบุรุษของชาวเกาหลีในปัจจุบัน โดยตามตำนานของเกาหลี เชื่อว่า รัฐบุรุษกึ่งเทพเจ้านามว่า ตันกุน” (Tangun) เป็นปฐมกษัตริย์ ผู้ให้กำเนิดชาติเกาหลี ซึ่งได้รวบรวมแคว้นต่างๆ ที่ตั้งกระจัดกระจายอยู่บนคาบสมุทรเกาหลี เข้าด้วยกันและก่อตั้งเป็นชาติเกาหลีขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ปี 2333 ก่อนคริสต์ศักราช ดังนั้นในปัจจุบันจึงได้มีการกำหนดให้วันที่ 3 ตุลาคมของทุกปีเป็นวันกำเนิดชาติเกาหลี

99.       ใครคือผู้รวมเกาหลีสมัยกลางให้เป็นปึกแผ่น

(1) ตันกุน       

(2) วังคอง       

(3) ยี ซองเกีย 

(4) เซจอง

ตอบ 2 หน้า 329 เกาหลีในยุคกลางสามารถรวมตัวกันเป็นปึกแผ่นได้อีกครั้งภายใต้การนำของวังคอง (Wang Kong) โดยเขาได้ตั้งราชวงศ์โคริโยขึ้นมาและมีเมืองเคซองเป็นเมืองหลวง ในสมัยนี้ ได้เกิดผลงานเด่น ๆ เช่น เกิดพระไตรปิฎกฉบับเกาหลีซึ่งนับว่าเป็นต้นฉบับตัวเขียนที่สมบูรณ์ ที่สุดในโลก มีการทำแท่นพิมพ์โลหะเคลื่อนที่ได้เป็นครั้งแรก เป็นต้น

100.    สงครามเกาหลียุติลงชั่วคราวเพราะเหตุใด

(1) การลงนามในสัญญาทางทหารที่หมู่บ้านปันมุนจอม        

(2) ผู้นำเกาหลีเหนือเสียชีวิตลงกะทันหัน

(3) สหรัฐอเมริกาให้ความสนใจกับสงครามเวียดนามมากกว่า

(4) จีนเข้าช่วยเกาหลีเหนือทำสงคราม

ตอบ 1 หน้า 332 สงครามเกาหลี (ค.ศ. 1950 – 1953) เป็นสงครามภายในประเทศระหว่างเกาหลีเหนือ และเกาหลีใต้โดยเริ่มต้นขึ้นเมื่อเกาหลีเหนือได้ส่งกองกำลังทหารรุกข้ามเขตเส้นขนานที่ 38 องศาเหนือ เข้ามาในเกาหลีใต้ และยึดกรุงโซลได้ภายใน 5 วัน จนในที่สุดก็ได้มีการเซ็นลงนาม ในสนธิสัญญาทางทหารเพื่อหยุดยิงชั่วคราวขึ้นที่หมู่บ้านปันมุนจอม (Panmunjom) ในเขต ปลอดทหาร เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ค.ศ. 1953 ซึ่งถือว่าเป็นการสิ้นสุดสงครามเกาหลีที่กิน ระยะเวลานานถึง 3 ปีนับตั้งแต่นั้น

101.    ชนชาติใดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นชนชาติแรกที่ติดต่อกับจีน

(1)ไทย

(2)มาเลเซีย    

(3) เวียดนาม  

(4)พม่า

ตอบ 3 หน้า 368 – 369, (HI 102 เลขพิมพ์ 52058 หน้า 274 – 275) จีนเริ่มเข้ามามีอิทธิพลใน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในสมัยจิ๋นซีฮ่องเต้ โดยจีนได้เข้ามาปกครองบริเวณตังเกี๋ยและทางเหนือ ของอันนัมเป็นแห่งแรก และให้ชาวพื้นเมืองหรือที่ชาวจีนเรียกว่า เย่ห์” ปกครองกันเอง ซึ่งต่อมา จีนก็เรียกชื่ออาณาจักรนี้ว่า นานเย่ห์หรือนามเวียด” (อาณาจักรของเวียดนามเดิม) เมือชุมชนของขาวเวียดขยายตัวมากขึ้นจนสถาปนาอาณาจักรของตนขึ้นได้ ทำให้จีนวิตกว่าจะเป็นอันตรายต่อจีน จึงส่งขุนนางจีนเข้ามาปกครอง จากนั้นได้พยายามทำให้เวียดนามสวามิภักดิ์ต่อจีน โดยการส่งเสริมให้มีการแต่งงานระหว่างชาวจีนกับชาวเวียด ให้เรียนภาษาจีน และปลูกฝังวัฒนธรรมจีน ดังนั้นเวียดนามจึงเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคนี้ที่ได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมจีนโดยตรง

102.    รัฐใดคือรัฐแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

(1) ฟูนัน          

(2) เจนละ       

(3) กัมพูชา      (4) ศรีวีชัย

ตอบ 1 หน้า 361372 ตามจดหมายเหตุของจีนได้บันทึกไว้ว่า ฟูนันเป็นรัฐหรืออาณาจักรแรกที่เก่าแก่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยตั้งขึ้นราวคริสต์ศตวรรษที่ 1-6 นอกจากนี้ยังถือว่า เป็นอาณาจักรแรกที่ส่งเครื่องราชบรรณาการให้กับจีนในสมัยราชวศ์จิ๋น มีเมืองออกแก้ว เป็นศูนย์กลางการค้าทางบกแห่งแรกบริเวณปากแม่น้ำโขง และเป็นอาณาจักรแรกที่รับเอา วัฒนธรรมอินเดียเข้ามาสร้างความเจริญให้กับตน

103.    รัฐใดคือรัฐแรกที่มีการปกครองแบบเทวราชาอย่างแท้จริง

(1) ฟูนัน          

(2) เจนละ       

(3) กัมพูชา     

(4) ศรีวิชัย

ตอบ 3 หน้า 374 พวกเขมรได้รวมตัวเป็นปึกแผ่นอีกครั้งหนึ่งในสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ซึ่งทรง ยกทัพขึ้นมายึดครองอาณาจักรเจนละได้สำเร็จ และได้รวมเจนละบกและเจนละน้ำเข้าด้วยกัน โดยให้ชื่อใหม่ว่า อาณาจักรกัมพูชา” หลังจากนั้นพระองค์ได้ประกอบพิธิราชาภิเษก มีการบูชา ศิวลึงค์ และประกาศพระองค์เป็นเจ้าแห่งจักรวาล ซึ่งถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของยุคเทวราชาใน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างแท้จริง

104.    เพราะเหตุใดอาณาจักรศรีวิชัยจึงล่มสลายลง

(1) กองทัพโจฬะเข้ารุกราน     

(2) กองทัพมองโกลเข้ารุกราน

(3) กษัตริย์ไม่มีความสามารถ 

(4) เชื้อพระวงศ์ก่อการกบฏ

ตอบ 1 หน้า 379 อาณาจักรศรีวิชัยได้ล่มสลายลงนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1025 เนืองจากถูกกองทัพโจฬะในอินเดียภาคใต้เข้ารุกราน แต่ยังคงมีกษัตริย์ปกครองต่อมา จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1280 ศรีวิชัย จึงหมดอำนาจโดยสิ้นเชิงจากการรุกรานของอาณาจักรมัชฌปาหิตและอาณาจักรไทยในแหลมมลายู

105.    เพราะเหตุใดอาณาจักรพุกามจึงล่มสลายลง

(1) กองทัพโจฬะเข้ารุกราน     

(2) กองทัพมองโกลเข้ารุกราน

(3) กษัตริย์ไม่มีความสามารถ 

(4) เชื้อพระวงศ์ก่อการกบฏ

ตอบ 2 หน้า 377, (คำบรรยาย) อาณาจักรพุกามได้ล่มสลายลงในปี ค.ศ. 1278 เนื่องจากถูกกองทัพ มองโกลของจีนเข้ารุกราน เมื่ออาณาจักรแตกแยกจีนจึงเข้ามาปกครองระยะหนึ่ง จากนั้นชาวพม่า ภายใต้การนำของเมงคยินโยก็สามารถรวบรวมบ้านเมืองขึ้นได้ใหม่อีกครั้งในสมัยราชวงศ์ตองอู

106.    ข้อใดไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้ชาวตะวันตกเข้ามาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้      

(1) การค้า

(2) การศาสนา

(3) การปฏิวัติอุตสาหกรรม     

(4) สงครามโลกครั้งที่ 1

ตอบ 4 หน้า 387 – 388 แรงจูงใจที่ทำให้ชาติตะวันตกเข้ามาขยายอิทธิพลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มี 3 ประการ คือ

1. การค้า เนื่องจากความต้องการเครื่องเทศและทองคำโดยไม่ต้องผ่านพ่อค้าอาหรับ

2. ความต้องการเผยแผ่ศาสนาคริสต์และอุดมการณ์ทางการเมือง

3. การปฏิวัติอุตสาหกรรมในยุโรป ทำให้ต้องแสวงหาแหล่งวัตถุดิบและขยายตลาดการค้า

107.    บทบาทในด้านใดที่ชาวสเปนประสบความสำเร็จสูงสุดในการเข้ามาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

(1) การค้า       

(2) การศาสนา

(3) การทหาร  

(4) การปกครอง

ตอบ 2 หน้า 390 บทบาทของชาวสเปนที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในการเข้ามาขยายอำนาจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บริเวณหมู่เกาะฟิลิปปินส์ก็คือ การเผยแผ่ศาสนาคริสต์ ซึ่งการเผยแผ่ ศาสนาคริสต์ของสเปนในฟิลิปปินส์บนจะไม่ใช้วิธีการบังค้บข่มขู่ให้คนพื้นเมืองหันมานับถือ แต่จะให้คณะมิชชันนารีออกไปเผยแผ่ศาสนาโดยชักจูงโน้มน้าวให้คนพื้นเมืองกลับใจมารับ นับถือพระเยซูคริสต์แทนภูตผีต่าง ๆเอง ซึ่งวิธีนี้ได้ทำให้ชาวพื้นเมือหันมานับถือศาสนาคริสต์ มากถึง 92% ของประชากรทั้งประเทศ

108.    เมื่ออังกฤษยึดครองพม่าได้อย่างสมบูรณ์ใน ค.ศ. 1885 ชะตากรรมของเชื้อพระวงศ์พม่าเป็นเช่นไร

(1) พระเจ้าธีบอและพระราชวงศ์ถูกอพยพไปอินเดีย

(2) กษัตริย์ยังประทับอยูที่อังวะต่อไป

(3) กษัตริย์มีอำนาจปกครองอย่างเต็มที่         

(4) พระเจ้าธีบอแอบหนีมาประทับที่กรุงเทพฯ

ตอบ 1 หน้า 395 ในปี ค.ค. 1885 เมื่ออังกฤษมีอำนาจในพม่าทั้งหมดแล้ว อังกฤษได้ประกาศผนวก พม่าตอนบนเข้าเป็นมณฑลหนึ่งของอินเดียโดยยุบสถาบันกษัตริย์และสภาลุทดอว์ของพม่า แล้วเนรเทศพระเจ้าธีบอซึ่งเป็นกษัตริย์องศ์สุดท้ายของพม่าและราชินีรวมถึงพระราชวงศ์ไปอยู่ที่อินเดีย

109.    ใครคือบิดาแห่งการปฏิวัติของฟิลิปปินส์

(1) ริซาล         

(2) แมกไซไซ   

(3) มากอส      

(4) อาราโย

ตอบ 1 หน้า 405 โฮเซ่ ริซาล (Jose Rizal) เป็นผู้นำในการเรียกร้องเอกราชของฟิลิปปินส์ จนได้ชื่อว่า เป็น บิดาแห่งการปฏิวัติของฟิลิปปินส์” โดยเขาได้เขียนบทความโจมตีสเปนและให้ข้อคิดเกี่ยวกับ การปฏิวัติและเรียกร้องแบบสันติวิธี ด้วยการให้รัฐบาลสเปนปฏิรูปการปกครองเพื่อให้คนพื้นเมือง มีสิทธิและเสรีภาพมากขึ้น ตลอดจนการจัดเก็บภาษีที่เป็นธรรม แต่รัฐบาลสเปนก็ปฏิเสธแนวคิดนั้น

110.    ซูการ์โนใช้วิธีการใดเป็นพื้นฐานในการปกครองอินโดนีเซีย

(1) สังคมนิยม

(2) หลักปัญจศีล        

(3) ทฤษฎีโดมิโน        

(4) แนวทางศาสนาอิสลาม

ตอบ 2 หน้า 407 ซูการ์โน ผู้นำพรรคชาตินิยมอินโดนีเซีย ได้ประกาศหลักปัญจศีลเพื่อเป็นพื้นฐาน ในการปกครองประเทศ ซึ่งได้แก่ หลักชาตินิยม นานาชาตินิยม การปกครองโดยทางผู้แทน ความเสมอภาคทางสังคม และความเชื่อมั่นในพระเจ้า ซึ่งต่อมาหลักปัญจศีลนี้ได้ถูกบัญญัติไว้ ในรัฐธรรมนูญของอินโดนีเซียด้วย

111.    ใครคือผู้นำของขบวนการชาตินิยมของมลายู

(1) อูนุ 

(2) อูถัน          

(3) จีนเป็ง       

(4) หวอเหงเวียนยาบ

ตอบ 3 หน้า 408 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นได้เข้ามาปกครองมลายูแทนที่อังกฤษ และปฏิบัติต่อ ชาวมลายูและชาวอินเดียอยางดี แต่กลับกดขี่ชาวจีนเพราะต้องการผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ จากชาวจีน ทำให้ชาวจีนตั้งขบวนการชาตินิยมตอต้านญี่ปุ้นขึ้น โดยมีจีนเป็ง (Chin Peng) เป็นผู้นำ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 อังกฤษกลับเข้ามาปกครองมลายูตามเดิม แต่กลับยกย่อง ตวนกู อับดุลย์ ราห์มาน ขึ้นเป็นผู้นำของชาวมลายูแทนจีนเป็ง ทำให้เขานำพรรคพวกเข้าป่า ไปเป็นกองโจรคอมมิวนิสต์ และปฎิบัติการต่อต้านรัฐบาลมลายูบริเรณเขตแดนไทย-มลายู

112.    ปัญหาสำคัญที่ทำให้การประกาศอิสรภาพของสมาพันธรัฐมลายูล่าช้าออกไปคือเรื่องใด

(1) แนวคิดทางการเมือง

(2) ศาสนา      

(3) ภาษา        

(4) เชื้อชาติ

ตอบ 4 หน้า 408 – 410 ปัญหาสำคัญที่ทำให้การประกาศอิสรภาพของสมาพันธรัฐมลายู (สหพันธรัฐ มลายู) ล่าช้าออกไปคือ ปัญหาเรื่องเชื้อชาติระหว่างชาวมลายูกับชาวจีน ซึ่งมีความขัดแย้งกัน ทั้งในเรื่องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสิทธิต่าง ๆ ในมลายูที่ไม่เท่าเทียมกัน ทั้งนี้สหพันธรัฐ มลายู ประกอบด้วยรัฐเปรัก สลังงอ เนกริแซมบิลัน และปาหัง ต่อมาในวันที่ 16 กันยายน ค.ศ. 1963 ได้มีการสถาปนาประเทศมาเลเซียและเปลี่ยนชื่อประเทศเป็น สหพันธรัฐมาเลเซีย” โดยรวมเอาสิงคโปร์ ซาบาห์ และซาราวักเข้าไว้ด้วย จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1965 สิงคโปร์ ได้ขอแยกตัวเองออกจากสหพันธรัฐ เนื่องจากความขัดแย้งทางเชื้อชาติ

113.    ขบวนการชาตินิยมที่มีบทบาทสำคัญในการเรียกร้องอิสรภาพของพม่าคือขบวนการใด

(1) ซายาซาน  

(2) คอมมิวนิสต์          

(3) กลุมตะขิ่น

(4) พม่าเสรี

ตอบ 3 หน้า 410 กลุ่มขบวนภารชาตินิยมที่มีบทบาทสำคัญในการเรียกร้องอิสรภาพของพม่าคือ กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยย่างกุ้งที่เรียกว่า กลุ่มตะขิ่น’’ (Thakin)โดยมีผู้นำที่สำคัญ 2 คน คือ อูนุ (U Nu) และอองซาน (Aung San)

114.    ขบวนการเวียดมินห์มีความสำคัญเช่นไรในประวัติศาสตร์เวียดนาม

(1) ขบวนการต่อต้านฝรั่งเศสและสหรัฐอเมริกา         

(2) ขบวนการต่อต้านทหารเวียดกง

(3) กองทัพที่ต่อต้านฝ่ายขวาในลาวและกัมพูชา        

(4) กองทัพที่สนับสนุนเวียดนามใต้

ตอบ 1 หน้า 412 – 413, (คำบรรยาย) สันนิบาตเพื่อเอกราชของเวียดนามหรือเวียดมินห์ (Viet Minh) ภายใต้การนำของโฮจิมินห์ หัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามนั้น เป็นกลุ่มชาวเวียดนามรักชาติ ที่ออกมาต่อต้านและขับไล่ญี่ปุ่นออกไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2ต่อต้านฝรั่งเศสที่กลับเข้ามา มีอำนาจในเวียดนามอีกครั้งหนึ่งในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และต่อต้านสหรัฐอเมริกา ที่สนับสนุนเวียดนามใต้ไม่ให้ลงประชามติเรื่องที่จะรวมเวียดนามเหนือและเวียดนามใต้ เข้าด้วยกันภายใต้สนธิสัญญาเจนิวา จนนำไปสู่การเกิดสงครามเวียดนามในปี ค.ศ. 1963 ท้ายที่สุดก็สามารถประกาศรวม 2 เวียดนามเข้าเป็นประเทศเดียวได้สำเร็จในปี ค.ศ. 1975

115.    ปัญหาใดที่ทำให้สิงคโปร์แยกตัวจากสมาพันธรัฐมลายู

(1) แนวคิดทางการเมือง

(2) ศาสนา      

(3) ภาษา        

(4) เชื้อชาติ

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 112. ประกอบ

116.    หลังได้รับเอกราช ฟิลิปปินส์ประสบปัญหาในการพัฒนาประเทศหลายด้าน ยกเว้นด้านใด

(1) แนวคิดทางการเมือง

(2) ศาสนา      

(3) ภาษา        

(4) เชื้อขาติ

ตอบ 3 หน้า 416 – 417,(คำบรรยาย) ปัญหาของฟิลิปปินส์ภายหลังได้รับเอกราชได้แก่ ปัญหาทาง เศรษฐกิจและสังคม ปัญหาทางการเมือง ปัญหาความขัดแย้งทางศาสนาระหว่างพวกคริสเตียนกับชนกลุ่มน้อยมุสลิมบนเกาะมินดาเนา และปัญหาความหลากหลายทางเชื้อชาติ ซึ่งเป็น มูลเหตุที่นำไปสู่การแตกแยกทางการเมืองและการผสมผสานทางวัฒนธรรม

117.    ข้อตกลงที่เจนีวามีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างไร     

(1) ให้อิสระแก่พม่า

(2) แบ่งเวียดนามออกเป็น 2 ประเทศ

(3) ยุติสงครามในอินโดนเชีย  

(4) ให้เอกราชแก่บรูไน

ตอบ 2 หน้า 412 ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ผู้แทนของฝ่ายส้มพันธมิตรและเวียดมินห์ได้เข้าร่วม ประชุมที่เจนีวาและตกลงทำสนธิสัญญาเจนิวา ซึ่งการประชุมครั้งนี้นับว่ามีความสำคัญต่อ ประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นอย่างมาก กล่าวคือ กำหนดให้แบ่งเวียดนาม ออกเป็น 2 ประเทศคือ เวียดนามเหนือและเวียดนามใต้ ที่เส้นขนานที่ 17° และกำหนดให้มี การลงประชามติภายใน 2 ปีว่าจะรวมเวียดนามทั้งสองส่วนเข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันหรือไม่ จนกระทั่งกลายเป็นชนวนนำไปสู่การเกิดสงครามเวียดนามในปี ค.ศ. 1963 ในที่สุด

118.    สนธิสัญญาลิงกัตจาตีมีความสำคัญต่อประเทศใดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

(1) อินโดนิเชีย

(2) ไทย           

(3) ฟิลิปปินส์  

(4) มาเลเซีย

ตอบ 1 หน้า 407 หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง ฮอลันดาได้กลับเข้ามาขยายอำนาจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อิกโดยยึดครองอินโดนีเซียตามเดิม และได้เจรจาสงบศึกในสนธิสัญญา ลิงกัตจาตี (Linggadjati Agreement) ตกลงให้อินโดนีเซียมีอำนาจเต็มในชวาและสุมาตรา แต่ฮอลันดาละเมิดข้อตกลงโดยยังคงรุกรานอินโดนีเซียต่อไป จนกระทั่งสหรัฐอเมริกาและ สหประชาชาติได้จัดประชุมที่กรุงเฮกเพื่อหาข้อยุติ ซึ่งผลของการประชุมทำให้ฮอลันดายอม มอบเอกราชให้อินโดนีเซียอย่างสมบูรณในปี ค.ศ. 1949

119.    ยุคใดที่ได้ชื่อว่าเป็นยุคที่นองเลือดมากที่สุดในประวัติศาสตร์กัมพูชา

(1) ยุคจารีต    

(2) ยุคอาณานิคม       

(3) สมัยนายพลลอนนอล

(4) ยุคเขมรแดง

ตอบ 4 หน้า 422 – 423 กัมพูชาในยุคเขมรแดงที่มีนายเขียว สัมพันธ์ เป็นประมุขของประเทศ และ มีนายพอลพตเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น เป็นสมัยที่มีการสังหารประชาชนชาวกัมพูชามากที่สุด เพราะนโยบายซ้ายจัดของพวกเขมรแดงที่มุ่งขจัดผู้ที่เป็นปฎิปักษ์กับตน ส่งผลให้ชาวกัมพูชา อดอยากยากจนอย่างมาก และบางส่วนก็ลี้ภัยออกนอกประเทศ ดังนั้นในยุคนี้จงได้ชื่อว่า เป็นยุคแห่งการนองเลือดมากที่สุดในประวัติศาสตร์กัมพูชา

120.    ประเทศใดที่ได้ชื่อว่าได้รับการปกครองที่ดีที่สุดจากเมืองแม่

(1) พม่า          

(2) อินโดนีเซีย

(3) เวียดนาม  

(4) มาเลเซีย

ตอบ 4 หน้า 419 มาเลเซียเป็นประเทศที่ได้ชื่อว่าได้รับการปกครองที่ดีที่สุดจากเมืองแม่ เพราะอังกฤษ ได้ให้การศึกษาและฝึกการปกครองตนเอง ทำให้มาเลเซียมีประสบการณในการปกครองตนเอง ดีกว่าประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีการปกครองในระบบรัฐสภาแบบอังกฤษ

HIS1003 อารยธรรมโลก การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2556

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2556

ข้อสอบกระบวนวิชา HIS 1003 อารยธรรมโลก

คำสั่ง   ข้อความดังต่อไปนี้ เป็นคำอธิบายอารยธรรมโบราณอารยธรรมใด หากคิดว่าคือ

อารยธรรมอียิปต์ ตอบ 1 เมโสโปเตเมีย ตอบ 2 กรีก ตอบ 3 โรมัน ตอบ 4

1.         เป็นวัฒนธรรมที่ถือกำเนิดในลุ่มแม่นํ้าไนล์

ตอบ 1 หน้า 7,13, (คำบรรยาย) อารยธรรมอียิปต์โบราณ เป็นวัฒนธรรมที่ถือกำเนิดขึ้นในบริเวณที่ราบลุ่ม แม่น้ำไนล์ ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งของประเทศอียิปต์ โดยเฮโรโดตัส (Herodotus) นักประวัตศาสตร์ ชาวกรีกได้กล่าวว่า อียิปต์เป็นของขวัญของแม่นํ้าไนล์” (Egypt is the gift of the Nile) ทั้งนี้ เพราะอียิปต์ได้รับความชุ่มชื้นจากแม่นํ้าไนล์ จึงทำให้อียิปต์กลายเป็นดินแดนที่มีความอุดมสมบูรณ์ เหมาะแก่การทำเกษตรกรรม และมีความมั่งคั่งจนสามารถสร้างสรรค์อารยธรรมหรือความเจริญ ต่างๆ จนกระทั่งกลายเป็นแหล่งกำเนิดอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ของโลกในยุคโบราณได้

2.         จักรพรรดิพระองค์แรกของจักรวรรดิ ทรงพระนามว่า ออกัสตัส ซีซาร์ (ออคเตเวียน)

ตอบ 4 หน้า 55 การปกครองแบบสาธารณรัฐโรมันสิ้นสุดลงเพราะถูกออคเตเวียนยึดอำนาจ หลังจากนั้น ออคเตเวียนจึงได้สถาปนาพระองค์เป็นจักรพรรดิพระองค์แรกของจักรวรรดิโรมัน ทรงพระนามว่า ออกัสตัส ซีซาร์ (Augustus Caesar) โดยทรงมีตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการสูงสุด และทรงเรียก พระองค์เองว่า ปรินเซปส์” หรือประชาชนคนที่หนึ่งของรัฐ สมัยนี้จึงได้ชื่อว่า ปรินซิเปท” หรือยุคต้นของจักรวรรดิโรมัน

3.         พระเจ้าไซรัสมหาราช (Cyrus the Great) ทรงเข้ายึดครองกรุงบานิโลนในปี 568 ก่อนคริสตกาล

ตอบ 2 หน้า 21, (คำบรรยาย) หลังจากที่พระเจ้าไซรัสมหาราช (Cyrus the Great) ทรงสถาปนาจักรวรรดิเปอร์เซียขึ้นในดินแดนเปอร์เซียบริเวณทางตะวันออกของเมโสโปเตเมียแล้ว พระองค์ ได้ทรงดำเนินการขยายอาณาจักรออกไปยังบริเวณเอเชียไมเนอร์หรือเอเชียน้อยและซีเรีย แล้วเข้ายึดกรุงบานิโลนในปี 568 ก่อนคริสตกาล และได้ขยายอำนาจมาทางด้านตะวันออก จนถึงอินเดียบริเวณลุ่มแม่นํ้าสินธุได้สำเร็จ

4.         นักโบราณคดีชาวเยอรมันนามว่า Heinrich Schliemann ขุดค้นพบซากเมืองทรอยใน ค.ศ. 1870

ตอบ 3 หน้า 27 เมืองทรอยตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเอเชียไมเนอร์ ซึ่งนับเป็นนครเก่าแก่ของกรีกที่ได้รับอารยธรรมจากครีต โดยในปี ค.ศ. 1870 ไฮน์ริช ชลีมานน์ (Heinrich Schliemann) นักโบราณคดีชาวเยอรมัน ได้ขุดพบซากเมืองทรอยซึ่งสร้างซ้อนทับถมกันอยู่ถึง 9 เมือง นอกจากนี้ยังขุดพบซากปรักหักพังและเครื่องทองที่มีค่า จึงมีการสันนิษฐานกันว่าครั้งหนึ่ง เมืองทรอยเคยเป็นศูนย์กลางการค้าที่มั่งคั่งใบริเวณทะเลเอเจียนด้วย

5.         จักรพรรดิคอนสแตนตินประกาศ Edict of Milan ให้เสรีภาพในการนับถือศาสนาแก่ชาวคริสต์

ตอบ 4 หน้า 59205, (คำบรรยาย) ในปี ค.ศ. 313 จักรพรรดิคอนสแตนติน (Constantine) นับเป็น จักรพรรดิโรมันองค์แรกที่หันมานับถือศาสนาคริสต์ โดยทรงประกาศกฤษฎีกาแห่งเมืองมิลาน (Edict of Milan) เพื่ออนุญาตให้เผยแผ่คริสต์ศาสนาในจักรวรรดิโรมันได้อย่างเสรี โดยให้ เสรีภาพแก่ประชาชนในการนับถือศาสนาคริสต์ และออกกฎหมายห้ามขู่บังคับหรือปราบปราม พวกคริสเตียนอีกต่อไป

6.         เป็นวัฒนธรรมที่ก่อให้เกิดอักษรลิ่ม (Cuneiform)

ตอบ 2 หน้า 17, (คำบรรยาย) สุเมเรียนเป็นชนชาติแรกที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานและวางรากฐานทาง อารยธรรมในดินแดนเมโสโปเตเมีย โดยเข้ามาอยู่ในเขตซูเมอร์เมื่อประมาณ 4,000 B.C. ซึ่งความเจริญของชนชาติสุเมเรียนมีหลายด้านดังนี้

1.         เป็นกลุ่มชนที่ประดิษฐ์ตัวอักษรคูนิฟอร์ม (Cuneiform) หรือตัวอักษรรูปลิ่มขึ้นเมื่อ ประมาณ 3,500 B.C. โดยใช้ต้นอ้อแห้งหรือเหล็กแหลมกดลงบนแผ่นดินเหนียวแล้วนำ ไปตากแดดให้แห้ง

2.         มีการสร้างสถาปัตยกรรมส่วนใหญ่ด้วยอิฐ ที่เด่นคือ ซิกกูแรต (Ziggurat) ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้าง เพื่อศาสนาที่มีลักษณะคล้ายกับพีระมิด สร้างบนฐานที่ยกสูงจากระดับพื้นดิน ข้างบนทำเป็น วิหารของเทพเจ้า โดยมีบันไดทอดยาวขึ้นไป ฯลฯ

7.         พระเจ้าฮัมมูราบีได้ตราประมวลกฎหมาย ตาต่อตา ฟันต่อฟัน

ตอบ 2 หน้า 17-18 หลังจากที่พระเจ้าฮัมมูราบี กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของอะมอไรท์จัดตั้งจักรวรรดิ บาบิโลเนียขึ้นในดินแดนเมโสโปเตเมียแล้ว พระองค์ได้โปรดให้ตราประมวลกฎหมายฮัมมูราบี (Code of Hammurabi) ขึ้น ซึ่งจารึกด้วยอักษรคูนิฟอร์ม และมีลักษณะเป็นกฎหมายที่ใช้ หลักการลงโทษแบบสนองตอบ (Lex Talionis) หรือตาต่อตา ฟันต่อฟัน ตามแบบกฎหมาย ของสุเมเรียน นอกจากนี้ยังเป็นประมวลกฎหมายที่แสดงให้เห็นถึงโครงสร้างทางสังคมของ เมโสโปเตเมียว่าประกอบไปด้วย 3 ชนชั้น คือ ชนชั้นสูง ชนชั้นกลาง และชนชั้นต่ำ

8.         ผู้คนมีความเชื่อว่า เมื่อตายไปแล้วจะต้องไปพิสูจน์ความดีของตนต่อหน้าเทพเจ้าโอซิริส

ตอบ 1 หน้า 11, (HI 102 เลขพิมพ์ 52058 หน้า 17) ชาวอียิปต์โบราณเป็นชนกลุ่มแรกที่มีความเชื่อ ในเรื่องวิญญาณเป็นอมตะ วันพิพากษา และโลกหน้ามีจริง โดยเชื่อว่าโลกหน้าจะเป็นโลกที่ อุดมสมบูรณ์ ซึ่งเมื่อตายไปแล้วผู้ตายจะต้องพิสูจน์ความดีของตนก่อนไปอยู่โลกหน้า ดังนั้น ผู้ตายมักจะเขียนเรื่องราวแสดงความบริสุทธิ์และความดีของตนลงในหนังสือที่เรียกว่า บันทึกของผู้วายชนม์” (Book of the Dead) เพื่อนำไปแสดงต่อเทพเจ้าโอซิริส ถ้าเขียนอยู่ บนกำแพงพีระมิดเรียกว่า พีระมิดเท็กซ์” ส่วนที่เขียนไว้ตามฝาหีบศพเรียกว่าคอฟฟินเท็กซ์

9.         สถาปัตยกรรมที่เมืองกีซาถือเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ

ตอบ 1 หน้า 11 – 12, (HI 102 เลขพิมพ์ 52058 หน้า 19 – 20) ชาวอียิปต์โบราณได้รับการยกย่องว่าเป็นนักสร้างถาวรวัตถุผู้ยิ่งใหญของโลกโบราณ ซึ่งผลงานเด่นทางด้านสถาปัตยกรรม ที่ควรกล่าวถึง ได้แก่

1.         พีระมิดยักษ์ที่เมืองกีซา ซึ่งสร้างถวายฟาโรห์คูฟู (Khufu) หรือคีออปส์ (Cheops) ถือว่า เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกโบราณ โดยใช้เวลาสร้างนานถึง 20 ปี

2.         วิหารที่คาร์นัคและลุคซอร์ ซึ่งแสลงให้เห็นถึงอำนาจของฟาโรห์และความยิ่งใหญ่ของชาติ

10.       ผู้คนทำกระดาษจากต้นปาปิรุส

ตอบ 1 (คำบรรยาย) ชาวอียิปต์โบราณได้คิดค้นวิธีทำกระดาษจากต้นกกปาปิรุส โดยการนำเอาต้นกกปาปิรุสมาผ่าออกเป็นแผ่นบาง ๆ แล้วนำมาวางบนแผ่นหินเรียบและใช้ไม้ตะลุมพื่ทุบ เพีอให้น้ำที่มีลักษณะเหนียวคล้ายกาวไหลออกมา จากนั้นก็ทำให้กระดาษแต่ละแผ่นติดกันยาว โดยใช้แป้งเปียกทา จนเกิดเป็นม้วนกระดาษที่เรียกว่า ปาปิรุส ลอง

11.       ผู้คนสร้างศาสนสถานด้วยอิฐ เรียกว่า ซิกกูแรต

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 6. ประกอบ

12.       เพลโตได้แสดงแนวคิดทางการเมืองของเขาไว้ในหนังสือเรื่อง สาธารณรัฐ

ตอบ 3 หน้า 37 เพลโต (Plato) เป็นนักปรัชญาของกรีกที่ณเน้นถึงความสำคัญของผู้ปกครองไว้ในหนังสือ สาธารณรัฐ” (Republic) ว่า ผู้ปกครองที่ดีที่สุดจะต้องเป็นกษัตริย์นักปราชญ์ (Philosopher King) นั่นคือ ต้องเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถและฉลาดปราดเปรื่อง เพราะเขาเชื่อว่า ความดีคือความรู้ (Virtue is knowledge)

13.       พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชได้ขยายดินแดนออกไปอย่างกว้างขวาง และปลดปล่อยเอเชียไมเนอร์จากการปกครองของเปอร์เซีย

ตอบ 3 หน้า 42, (HI 101 (H) เลขพิมพ์ 49008 หน้า 46) หลังจากที่พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช พระราชโอรสของพระเจ้าฟิลิปที่ 2 แห่งมาซิโดเนีย ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ของกรีกในปี 336 B.C. แล้ว พระองค์ได้ทรงดำเนินการขยายดินแดนอาณาเขตต่อจากพระราชบิดาออกไป อย่างกว้างขวาง โดยทำการรบเพื่อปลดปล่อยหัวเมืองต่าง ๆ ของกรีกบนเอเชียไมเนอร์ให้พ้น จากการปกครองของเปอร์เซีย จากนั้นทรงยกทัพผ่านซีเรีย ปาเลลไตน์ อียิปต์ เมโลโปเตเมีย แล้วเข้ายึดครองจักรวรรดิเปอร์เซีย และได้ขยายอำนาจมาจนถึงชายแดนของอินเดียบริเวณ ลุ่มแม่น้ำสินธุได้สำเร็จในปี 323 B.C.

14.       ผู้คนรับเทพเจ้าของกรีกมานับถือ เพียงแต่เปลี่ยนชื่อเทพเจ้าให้เป็นชื่อเทพเจ้าของตนเอง

ตอบ หน้า 3658 ในสมัยสาธารณรัฐโรมันได้มีการรับเอาความเชื่อทางศาสนาในเรื่องเทพเจ้าของกรีกเข้ามา โดยชาวโรมันได้แปลงชื่อเทพเจ้าของกรีกมาเป็นเทพเจ้าของโรมัน เช่น เทพซีอุสหรือซุส (บิดาแห่งเทพเจ้า) มาเป็นเทพจูปีเตอร์ (Jupiter), เทพีดีมีเตอร์ (เทพีแห่งพืชพันธุ์ธัญญาหาร) มาเป็นเทพีเซอโรส (Ceros), เทพีอะโฟรไดท์ (เทพีแห่งความรักและความงาม) มาเป็นเทพีวีนัส (Venus), เทพโพไซดอน (เทพเจ้าแห่งท้องทะเล) มาเป็นเทพเนปจูน (Neptune) เป็นต้น

15.       ค.ศ. 476 โอดอเซอร์ได้ถอดโรมิวลุส ออกุสตุลุส ออกจากตำแหน่ง

ตอบ 4 หน้า 61173 ใบปี ค.ศ. 476 (ต้นคริสต์ศตวรรพ 5) หลังจากที่โอดอเซอร์ หัวหน้าอนารยชน เยอรมันนิก (Germanic) หรือติวตอนิก (Teutonic) เข้ามาโจมตีกรุงโรมจนแตก และทำการ ถอดถอนโรมิวลุส ออกุสตุลุล จักรพรรดิองค์สุดท้ายของจักรวรรดิโรมันออกจากตำแหน่งแล้ว ได้ส่งผลทำให้จักรวรรดิโรมันตะวันตกต้องล่มสลายลง ซึ่งถือว่าเป็นการสิ้นสุดความเจริญ ของยุโรปยุคโบราณ และเป็นการเริ่มต้นยุโรปยุคกลางหรือยุคมืดนับตั้งแต่นั้น

16.       เป็นคนกลุ่มแรกที่รู้จักการใช้เหล็ก

ตอบ 2 หน้า 19, (คำบรรยาย) ฮิตไตท์ เป็นขนเผ่าอินโด-ยูโรเปียนที่อพยพข้ามาตั้งจักรวรรดิฮิตไตท์ขึ้น ในดินแดนเอเชียไมเนอร์บริเวณทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมโสโปเตเมีย ทั้งนี้ชาวฮิตไตท์จะมีความสามารถในการรบ โดยมีการใช้รถเทียมม้าเข้าทำลายกองทหารเดินเท้าของศัตรู ดังนั้นจึง สามารถขยายดินแดนและเส้นทางการค้าได้อย่างกว้างขวาง นอกจากนี้ฮิตไตท์ยังเป็นพวกแรก ที่มีความสามารถในการถลุงเหล็กและรู้จักใช้เหล็กทำเครื่องมือเครื่องใช้ จนเป็นที่แพร่หลาย ในดินแดนเอเชียตะวันตกหรือตะวันออกใกล้

17.       กษัตริย์แห่งแคลเดียได้เข้าทำลายกรุงเยรูซาเล็ม และกวาดต้อนผู้คนไปอยู่ที่บาบิโลน เรียกเหตุการณ์นี้ว่า การคุมขังแห่งบาบิโลน

ตอบ 2 หน้า 20, (คำบรรยาย) กษัตริย์เดวิด (David) ผู้นำของฮิบรู (ยิว) ได้ทรงสถาปนาจัดตั้ง อาณาจักรฮิบรูขึ้นในดินแดนคานานหรือปาเลสไตน์บริเวณทางตะวันตกของเมโสโปเตเมีย โดยมีนครหลวงอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็ม ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางศาสนาและการเมือง และเจริญสูงสุด ในสมัยของกษัตริย์โซโลมอน ต่อมาพระเจ้าเนบูคัดเนซซาร์แห่งแคลเดียได้ส่งกองทัพเข้าทำลาย กรุงเยรูซาเล็ม แล้วทำการกวาดต้อนชาวฮิบรูไปอยู่ที่กรุงบาบิโลน ซึ่งเรียกเหตุการณ์ครั้งนี้ว่า การคุมขังแห่งบาบิโลนหรือการคุมขังที่บาบิโลเนีย” (Babylonian Captivity)

18.       ราษฎรในสังคมแบ่งออกเป็นแพทริเซียนและพลีเบียน

ตอบ 4 หน้า 50 ราษฎรของโรมันในสมัยสาธารณรัฐแบ่งออกเป็น 2 ชนชั้น ได้แก่

1.         แพทริเชียน (Patrician) คือ ชนชั้นสูงหรือพวกขุนนางที่มังคั่ง เป็นเจ้าของที่ดิน และ เป็นพวกเดียวที่มีสิทธิทางการเมืองและการบริหารของรัฐ

2.         พลีเบียน (Plebian) ได้แก่ สามัญชน ชาวนา พ่อค้า ช่างฝีมือ ฯลฯ ซึ่งเป็นพวกที่ไม่มีสิทธิ ทางการเมือง มักถูกเอารัดเอาเปรียบ และต้องขึ้นอยู่กับพวกแพทริเชียน

19.       เทพเจ้าแห่งท้องทะเลทรงพระนามว่า โพไซดอน (Poseidon)

ตอบ 3 หน้า 36 ชาวกรีกนับถือเทพเจ้าหลายองค์ โดยมีความเชื่อในสิ่งลึกลับมหัศจรรย์ และเชื่อว่า เทพเจ้ามีรูปร่าง หน้าตา อารมณ์ และความรู้สึกเช่นเดียวกับมนุษย์ ซึ่งเทพเจ้าที่สำคัญของกรีก เช่น ซีอุส (Zeus) เป็นบิดาแห่งเทพเจ้าและมวลมนุษย์ โดยจะสถิตอยู่ ณ ยอดเขาโอลิมปุส,เฮรา (Hera) เป็นมเหสีของซีอุสโพไซดอน (Poseidon) เป็นเทพเจ้าแห่งท้องทะเลโดยมีท่อนล่างเป็นปลาดีมีเตอร์ (Demeter) เป็นเทพีแห่งพืชพันธุ์ธัญญาหารอะโฟรไดท์(Aphrodite) เป็นเทพีแห่งความรักและความงาม เป็นต้น

20.       กฎหมายที่ตราขึ้นใช้เรียกว่า กฎหมายสิบสองโต๊ะ หรือประมวลกฎหมายจัสติเนียน ซึ่งเป็นกฎหมายแม่บท ของชาติตะวันตกบางประเทศในปัจจุบัน

ตอบ 4 หน้า 5058224 – 225, (คำบรรยาย) กฎหมายถือว่าเป็นมรดกชิ้นสำคัญที่สุดที่โรมันได้ให้ ไว้แก่โลก โดยมีพัฒนาการเริ่มจากกฎหมายลักษณะแพ่งและกฎหมายมหาชนตามลำดับ จนกระทั่ง ในปี 499 B.C. พวกแพทริเชียนได้รวบรวมกฎหมายทั้งสองเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นครั้งแรก โดยจารึกลงบนแผ่นทองแดง 12 แผ่น เรียกว่า กฎหมายสิบสองโต๊ะ” (Law of the Twelve Tables) หลังจากนั้นได้มีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายให้มีความก้าวหน้าและทันสมัยเรื่อยมา จนถึงกฎหมายฉบับสุดท้ายของจักรพรรดิจัสติเนียน เรียกว่า ประมวลกฎหมายจัสติเนียน” (The Justinian Code) ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นกฎหมายแม่บทของชาติตะวันตก (ยุโรป) เกือบทุกประเทศในปัจจุบัน ยกเว้นอังกฤษ

21.       คำว่า อนารยชน” ในสมัยกลางตอนต้นหมายถึงอะไร

(1) คนล่าสัตว์ 

(2) เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบคดีในศาล

(3) ลูกครึ่งโรมันกับคนต่างด้าว           

(4) คนต่างด้าวที่มีวัฒนธรรมด้อยกว่าโรมัน

ตอบ 4 หน้า 173 คำว่า อนารยชน” (Barbarians) ในสมัยกลางตอนต้นนั้น เป็นคำที่ชาวโรมันยืม มาจากภาษากรีก หมายถึง คนต่างด้าว (พวกเยอรมัน) ที่มีวัฒนธรรมด้อยกว่าพวกโรมันและพูด ภาษาละตินไม่ได้ โดยมีถิ่นฐานเดิมอยู่บริเวณยุโรปเหนือแถบคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย ทะเลเหนือ ทะเลบอลติก และกระจายลงมาบริเวณลุ่มแม่น้ำไรน์และแม่น้ำดานูบ

22.       ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์เมโรวิงเจียนคือผู้ใด

(1) โคลวิส      

(2) เมโรวี        

(3) เปแปง      

(4) ชาร์ลส์ มาร์เตล

ตอบ 1 หน้า 177 – 178 ราชวงศ์เมโรวิงเจียน มีกษัตริย์ที่มีความสามารถมากคือ โคลวิส ซึงได้รวบรวมดินแดนต่างๆ เข้ามาอยู่ในอำนาจและก่อตั้งราชวงศ์เมโรวิงเจียนขึ้น โดยมีกรุงปารีส เป็นเมืองหลวงแห่งแรกของอาณาจักร ซึ่งสิ่งที่ส่งเสริมพระราชอำนาจของโคลวิสก็คือ ทรงเป็นกษัตริย์ชาวแฟรงค์พระองค์แรกที่หันมานับถือศาสนาคริสต์ตามอย่างพระมเหสีคือ พระนางโคลทิลดา ในปี ค.ศ. 496 ทำให้พระองค์ได้รับการสนับสนุนช่วยเหลือจากพระสันตะปาปา พระบาทหลวง และคริสต์ศาสนิกชนในดินแดนยุโรป ทำให้อาณาจักรแฟรงค์ได้รับการยอมรับ มากขึ้น

23.       พระเจ้าชาร์เลอมาญมีความสำคัญในประวัติศาสตร์ยุโรปอย่างไร

(1)       ปฐมกษัตริย์ของราชวงศ์คาโรลิงเจียน

(2)       จักรพรรดิองค์แรกของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์

(3)       ขุนนางที่โค่นล้มพระเจ้าโคลวิส

(4)       กษัตริย์ชาวแฟรงค์พระองค์แรกที่นับถือคริสต์ศาสนา

ตอบ 2 หน้า 178 ราชวงศ์คาโรลิงเจียน มีกษัตริย์เปแปงที่ 3 เป็นปฐมกษัตริย์ของราชวงศ์ แต่กษัตริย์ ที่มีความสามารถมากที่สุดคือ พระเจ้าชาร์เลอมาญ ซึ่งในปี ค.ศ. 800 พระองค์ได้รับการสวมมงกุฎจักรพรรดิจากสันตะปาปาลีโอที่ 3 ที่วิหารเซนต์ปีเตอร์ และเข้าพิธีราชาภิเษกตาม ประเพณีดั้งเดิมของจักรวรรดิโรมันโบราณ ซึ่งเท่ากับเป็นการรื้อฟื้นจักรวรรดิโรมันขึ้นมาใหม่อีกครั้งทางภาคตะวันตก แต่ในครั้งนี้จะเรียกว่า จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์” (The Holy Roman Empire) ดังนั้นจึงถือว่าพระเจ้าชาร์เลอมาญเป็นจักรพรรดิองค์แรกของจักรวรรดิโรมัน อันศักดิ์สิทธิ์ตามประวัติศาสตร์ยุโรป

24.       เพราะเหตุใดอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าชาร์เลอมาญจึงล่มสลายลง

(1)       การรุกรานของพวกเติร์ก         

(2) การขาดรัชทายาท

(3) การทำสนธิสัญญาแวร์ดัง 

(4) สันตะปาปาถอดถอนพระเจ้าชาร์เลอมาญ

ตอบ 3 หน้า 180 – 181 อาณาจักรแฟรงค์แห่งราชวงศ์คาโรลิงเจียนอันยิ่งใหญ่ล่มสลายลงภายหลังสมัยพระเจ้าชาร์เลอมาญ เพราะมีการแบ่งดินแดนหลายครั้งให้ทายาทที่เป็นชาย ซึ่งการแบ่งดินแดนครั้งสำคัญคือ การทำสนธิสัญญาแวร์ดัง ค.ศ. 843 ทำให้มีการแบ่งอาณาจักรแฟรงค์ ออกเป็น 3 ส่วน ตามจำนวนโอรสของพระเจ้าหลุยส์ผู้ใจบุญ ส่งผลให้ความเป็นเอกภาพของ อาณาจักรเสื่อมลงไป ตำแหน่งจักรพรรดิและกษัตริย์มีศักดิ์ศรีและอำนาจเท่าเทียมกัน เริ่มมีความเป็นเอกเทศของภูมิภาคต่าง ๆ และมีการแบ่งแผนที่ยุโรปเป็นดินแดนต่าง ๆ อย่างกว้างขวาง

25.       ข้อใดคือภาระหน้าที่ของ ข้า” ในระบบฟิวดัล

(1) ช่วยเจ้ารบ 

(2) สงลูกสาวมาแต่งงานด้วย

(3) ช่วยดูแลทาสติดที่ดินให้    

(4) ผิดทุกข้อ

ตอบ 1 หน้า 188 ภาระหน้าที่ของข้าที่มีต่อเจ้าในระบบฟิวดัล มีดังนี้

1. เป็นทหารช่วยรบ (Knight’s Service) หมายถึง การจัดกองทัพมาสมทบกับกองทัพของเจ้าในยามสงคราม โดยข้าจะต้อง รับใช้เจ้าปีละไม่เกิน 40 วัน

2. ต้องให้ความช่วยเหลือทางการเงิน (Aids) ในยามที่เจ้าต้องการ เช่น จ่ายค่าไถ่ตัวเจ้าที่ถูกจับเป็นเชลย

3. ต้องจ่ายเงินให้แก่เจ้าเป็นค่ารับมรดกที่ดินหรือค่าเช่าที่ดิน (Relief)     

4. ต้องเป็นเจ้าภาพเลี้ยงต้อนรับเวลาเจ้าไปเยี่ยมเยียน

26.       ลัทธิวีรคติคือ แนวคิดที่เน้นคุณธรรมของชนชั้นใดในสังคมฟิวคัล

(1) ทาส          

(2) อัศวิน        

(3) สตรี           

(4) เด็กผู้ชาย

ตอบ 2 หน้า 192 – 193 ลัทธิวีรคติ (Chivalry) เป็นแนวทางประพฤติปฏิบัติและคุณธรรมของอัศวิน และขุนนางในสังคมฟิวดัลยุคกลาง ซึ่งจะเน้นถึงคุณธรรมของอัศวินหรือนักรบ ได้แก่ ความกล้าหาญ ความซื่อสัตย์ และความจงรักภักดีต่อเจ้า โดยจะเห็นได้จากมหากาพย์เรื่อง บทเพลงของโรลังก์ในคริสต์ศตวรรษที่ 11 ซึ่งได้กล่าวถึงคำพูดของพระเอกที่อยู่ในวงล้อม ของศัตรูว่า ตายเสียดีกว่าได้ชื่อว่าขี้ขลาด

27.       ตามคติในยุคกลาง สตรีมีสถานภาพเช่นไร   

(1) เป็นนักรบ

(2) เป็นนักปราชญ์     

(3) มีสถานะที่ต่ำมาก 

(4) ได้รับการเชิดชูจากบุรุษ

ตอบ 4 หน้า 193 ทัศนคติต่อผู้หญิงหรือสตรีในยุคกลางจะได้รับอิทธิพลจากลัทธิวีรคติและศาสนาคริสต์โดยตามหลักการของลัทธิวีรคติ สตรีจะมีสถานภาพที่ได้รับการยกย่องเชิดชูและให้เกียรติ จากบุรุษอย่างมาก เพราะได้รับอิทธิพลจากแนวความคิดของความรักแบบโรแมนติก ซึ่งเป็น ความคิดหลักของบทร้อยกรองที่ได้รับความนิยมมากในคริสต์ศตวรรษที่ 11

28.       ข้อใดไม่ใช่สาเหตุของการสิ้นสุดยุคกลาง       

(1) สงครามครูเสด

(2) การเกิดรัฐประชาชาติ       

(3) ความก้าวหน้าของวิทยาการ         

(4) การรุกรานของอนารยชน

ตอบ 4 หน้า 195 – 196 สาเหตุที่ทำให้ระบบฟิวดัลและระบบแมนเนอร์ในยุคกลางสิ้นสุดลงในคริสต์ศตวรรษที่ 13 มีดังนี้

1. เกิดสงครามครูเสด เกิดการขยายตัวทางการค้า และเกิด เมืองใหม่

2. เกิดรัฐประชาชาติและระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ทำให้อำนาจของกษัตริย์ เข้มแข็งขึ้น แต่อำนาจของขุนนางท้องถิ่นกลับลดลง

3. ความก้าวหน้าทางด้านวิทยาการ เช่น การประดิษฐ์ปืนและกระสุนดินดำได้ส่งผลทำให้วิธีการรบเปลี่ยนไป ทำให้ลัทธิอัศวินและ ระบบวีรคติหมดความหมายไป

29.       กฤษฎีกาแห่งมิลาน (Edict of Milan) ค.ศ. 313 มีความสำคัญต่อชาวคริสต์เช่นไร

(1)       อนุญาตให้ชาวโรมันสามารถนับถือคริสต์ศาสนาได้

(2)       ประกาศให้ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาประจำชาติของชาวโรมัน

(3)       ประกาศให้มีการปราบปรามชาวคริสต์อย่างเข้มงวด

(4)       ประกาศว่าพระเยซูเป็นศาสดาของโลกตะวันตก

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 5. ประกอบ

30.       เพราะเหตุใดยุคกลางจึงได้ชื่อว่า ยุคแห่งศรัทธา

(1)       ศาสนาครอบงำชีวิตผู้คน        

(2) ผู้คนละทิ้งความเชื่อทางศาสนา

(3) บาทหลวงเผยแผ่ศาสนาอย่างเข้มแข็ง     

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 1 หน้า 206 – 207 ในยุคกลางตอนต้นและตอนกลาง วัดเป็นศูนย์กลางทางการเมือง การปกครอง เศรษฐกิจ สังคม การศึกษา ศิลปะ วรรณคดี ขนบธรรมเนียมประเพณี ความเชื่อและความนึกคิดของประาชน ดังนั้นศาสนาคริสต์ในยุคกลางจึงมีอิทธิพลครอบงำวิถีชีวิตของประชาชนในทุกด้าน ส่งผลให้ยุคกลางได้ชื่อว่า ยุคแห่งศรัทธา” (Age of Faith) ทั้งนี้หากผู้ใดคัดค้านความเชื่อทางศาสนาหรือแสดงความคิดก้าวหน้าเกินยุคสมัยก็จะถูกลงโทษด้วยวิธีการรุนแรง

31.       ใครคือผู้กระตุ้นให้เกิดสงครามครูเสด

(1) มาร์ติน ลูเธอร์       

(2) ชาร์ลส์ มาร์เตล     

(3) อเล็กซิอุส คอมมินุส

(4) พระเจ้าฟิลิปที่ 4

ตอบ 3 หน้า 208 บุคคลสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดสงครามครูเสดระหว่างพวกคริสเตียนกับพวกมุสลิม ก็คือ จักรพรรดิอเล็กซิอุส คอมมินุส แห่งจักรวรรดิบิแซนทีน ที่ได้ส่งสาส์นไปขอให้สันตะปาปา เออร์บันที่ 2 ส่งกำลังทหารมาช่วยปราบปรามพวกเซลจุก เติร์ก ซึ่งนับถือศาสนาอิสลาม ดังนั้น ในปี ค.ศ. 1095 สันตะปาปาเออร์บันที่ 2 จึงได้เรียกประชุมผู้แทนทางศาสนาคริสต์จากประเทศ ต่าง ๆ เพื่อร่วมตกลงกันไปทำสงครามเพื่อศาสนา จากเหตุการณ์ดังกล่าวได้ก่อให้เกิดเป็น สงครามครูเสดขึ้นนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1096 – 1270 รวมระยะเวลานานถึง 200 ปี

32.       ใครคือผู้ที่ทำให้เกิดการคุมขังแห่งบาบิโลนในปลายยุคกลาง

(1) มาร์ติน ลูเธอร์       

(2) ชาร์ลส์ มาร์เตล     

(3) อเล็กซิอุส คอมมินุส

(4) พระเจ้าฟิลิปที่ 4

ตอบ 4 หน้า 210, (HI 101 (H) เลขพิมพ์ 49008 หน้า 80) การคุมขังแห่งบาบิโลนหรือการคุมขัง อาวิญญองในปลายยุคกลาง เกิดขึ้นสืบเนื่องมาจากความขัดแย้งระหว่างพระเจ้าฟิลิปที่ 4 แห่งฝรั่งเศสกับสันตะปาปาโบนิฟาซที่ 8 ซึ่งผลปรากฏว่าสันตะปาปาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ จากนั้น สันตะปาปาคลีเมนต์ที่ 5 ซึ่งเป็นชาวฝรั่งเศสก็ไม่ยอมไปประทับที่สำนักวาติกันในกรุงโรม ตามธรรมเนียมปฏิบัติทางศาสนา แต่กลับไปประทับที่เมืองอาวิญญองในประเทศฝรั่งเศสแทน ซึ่งเหตุการณ์นี้ได้ส่งผลให้สันตะปาปาองค์ต่อ ๆ มาล้วนเป็นชาวฝรั่งเศสและประทับอยู่ที่เมืองนี้ สืบต่อกันมานานถึง 70 ปี นอกจากนี้ยังทำให้สันตะปาปาต้องตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของ กษัตริย์ฝรั่งเศส จนส่งผลให้อำนาจของศาสนจักรและสันตะปาปาเสื่อมลงในที่สุด

33.       ความแตกแยกครั้งใหญ่ในปลายยุคกลางนั้นยุติลงได้เพราะเหตุการณ์ใด

(1) สงครามครูเสด      

(2) การปฏิรูปศาสนา

(3) การประชุมที่เมืองคอนสแตนซ์      

(4) การคุมขังแห่งบาบิโลนในปลายยุคกลาง

ตอบ 3 หน้า 210452 ความแตกแยกทางศาสนาครั้งยิ่งใหญ่ในปลายยุคกลาง เกิดขึ้นเพราะมีสันตะปาปา 2 องค์ในเวลาเดียวกัน คือ สันตะปาปาเออร์บันที่ 6 ชาวอิตาลี และสันตะปาปา คลีเมนต์ที่ 7 ชาวฝรั่งเศส จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1417 จึงได้มีการประชุมที่เมืองคอนสแตนซ์ (Council of Constance) เพื่อยุติปัญหานี้ ทั้งนี้ได้มีการเลือกสันตะปาปาองค์หม่ ได้แก่ สันตะปาปามาร์ตินที่ 5 โดยให้มาประทับที่กรุงวาติกัน ซึ่งนับว่าเป็นการสิ้นสุดความแตกแยก ครั้งใหญ่ที่กินเวลานานถึง 40 ปี

34.       การคุมขังแห่งบาบิโลนในปลายยุคกลางเกี่ยวข้องกับเรื่องใดโดยตรง

(1) ศาสนา      

(2) เงิน

(3) การสมรสของกษัตริย์       

(4) การแย่งชิงอำนาจในตะวันออกกลาง

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 32. ประกอบ

35.       ตำแหน่งสูงสุดของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกคือใคร

(1) บิชอป       

(2) กษัตริย์ฝรั่งเศส     

(3) สันตะปาปา          

(4) ผิดทุกข้อ

ตอบ 3 หน้า 205 ในคริสต์ศตวรรษที่ 11 ศาสนาคริสต์ได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 นิกาย คือ

1.         นิกายโรมันคาทอลิก (ภาคตะวันตก) มีประมุขสูงสุดคือ สันตะปาปา (Pope) มีศูนย์กลาง อยู่ที่กรุงโรม ใช้ภาษาละติน และเจริญแพร่หลายในยุโรปตะวันตกและอิตาลี

2.         นิกายกรีกออร์ธอดอกซ์ (ภาคตะวันออก) มีประมุขสูงสุดคือ แพทริอาร์ค (Patriarch)มีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองคอนสแตนติโนเปิล ใช้ภาษากรีก และเจริญแพร่หลายในยุโรปตะวันออก และรัสเซีย

36.       ใครคือผู้ก่อตั้งจักรวรรดิบิแซนทีน

(1) โรมิวลุส     

(2) จูเลียส ซีซาร์         

(3) คอนสแตนติน       

(4) ออคเตเวียน

ตอบ 3 หน้า 217 จักรพรรดิคอนสแตนติน ได้ทรงก่อตั้งอาณาจักรนิแซนทีนหรืออาณาจักรโรมันตะวันออกขึ้นบนคาบสมุทรอนาโตเลีย (ประเทศตุรกีในปัจจุบัน)โดยมีเมืองคอนสแตนติโนเปิล (Constantinople) หรือเมืองโรมา โนวา (Roma Nova) ในอดีตเป็นเมืองหลวง ซึ่งเมืองนี้ ถือว่าเป็นศูนย์กลางที่ตะวันตก (กรีก) และตะวันออกมพบกัน ดังนั้นจึงได้รับสมญานามว่า เป็น โรมใหม่” (The New Rome) หรือโรมแห่งที่ 2 ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นคลังสินค้าของ วัฒนธรรมและศิลปวิทยาการต่างๆ ในยุคกลาง

37.       เพราะเหตุใดจักรวรรดิบิแซนทีนจึงล่มสลายลง

(1) การรุกรานของอัศวินเทมปลาร์      

(2) การรุกรานของกองทัพออตโตมาน

(3) การรุกรานของเจงกิสข่าน 

(4) จักรวรรดิสูญเสียเส้นทางออกทะเลดำ

ตอบ 2 หน้า 217229 ในปี ค.ศ. 1453 อาณาจักรบิแซนทีนได้ล่มสลายลง เพราะถูกกองทัพ

ออตโตมาน เติร์ก (Ottoman Turk) เข้ารุกราน หลังจากนั้นอารยธรรมบิแซนทีนจึงถูกถ่ายทอด ให้แก่รัสเซีย จนมีคำกล่าวว่าเมืองมอสโก (Moscow) ของรัสเซียคือ โรมแห่งที่ 3 (The Third Rome) ดังนั้นรัสเซียจึงได้กลายเป็นทายาททางวัฒนธรรมที่แท้จริงของอาณาจักรบิแซนทีน

38.       ศาสนาประจำจักรวรรดิบิแซนทีนคือศาสนาคริสต์นิกายใด

(1) คาทอลิก    (2) ลูเธอร์        (3) กรีกออร์ธอดอกซ์   (4) คาลวิน

ตอบ 3 หน้า 222 ศาสนาทางการหรือศาสนาประจำจักรวรรดิบิแซนทีนคือ ศาสนาคริสต์นิกายกรีกออร์ธอดอกซ์ ซึ่งผสมผสานระหว่างความเชื่อเดิมของโลกคลาสสิกกับคำสอนของศาสนาคริสต์ โดยมีแพทริอาร์ค (Patriarch) เป็นประมุขทางศาสนาที่เลือกมาจากพระและได้รับการแต่งตั้ง จากจักรพรรดิ

39.       คัมภีร์ในศาสนาอิสลามคือคัมภีร์ใด

(1) ไตรปิฎก    

(2) โกหร่าน     

(3) ไบเบิล       

(4) พระเวท

ตอบ 2 หน้า 238 – 239 หลังจากที่พระมะหะหมัดสิ้นพระชนม์ กาหลิบอาบู บากร์ ได้เป็นผู้นำสำคัญ ในการรวบรวมคำสอบมาเขียนเป็นคัมภีร์เรียกว่า คัมภีร์โกหร่าน” ซึ่งเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของ ศาสนาอิสลามที่เขียนด้วยภาษาอารบิกหรือภาษาอาหรับ และห้ามแปลเป็นภาษาอื่น ซึ่งเป็นผลดี ทางด้านวิทยาการ เพราะเป็นการกระตุ้นให้มีการเรียนรู้ ทำให้ชาวอาหรับที่พูดภาษาอารบิกในท้องถิ่นต่าง ๆ สามารถอ่านคัมภีร์โกหร่านได้ และทำให้มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทางภาษา

40.       ข้อใดไมใช่มรดกของวัฒนธรรมอิสลาม

(1) การแพทย์ 

(2) วิทยาศาสตร์         

(3) วรรณคดี   

(4) จุดทศนิยม

ตอบ 4 หนา 246 – 249 มรดกของวัฒนธรรมอิสลามมีหลายด้านดังนี้

1. ด้านการแพทย์ โดยแพทย์ มุสลิมที่มีชื่อเสียง ได้แก่ อัล ราซิ ซึ่งกล่าวถึงโรคต่าง ๆ และวิธีการรักษาโรคนั้น และอวีเซนนา หรืออิบน์ ชีนา ซึ่งเป็นผู้เขียนหนังสือเรื่อง “Canon of Medicine”

2. ด้านวิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ ได้มีการคำนวณระยะทางตามปีสุริยคติและการเกิดอุปราคา และเกิดความรู้ ทางด้านวิชาเลขคณิต พีชคณิต ตัวเลขอารบิก 9 ตัว (ตั้งแต่เลข 1 – 9) และเลขศูนย์ วิชาเรขาคณิต และวิชาตรีโกณขั้นพื้นฐาน

3. ด้านวรรณคดี โดยวรรณกรรมอาหรับที่มีชื่อเสียง ได้แก่ รุไบยาต และอาหรับราตรี

4. ด้านศิลปะและสถาปัตยกรรม ที่เด่น ๆ ได้แก่ ทัชมาฮาล

41.       จุดเริ่มต้นของการฟื้นฟูศิลปวิทยาการ (Renaissance) อยู่ที่ใด

(1) ฝรั่งเศส     

(2) เยอรมนี     

(3) อิตาลี        

(4) อังกฤษ

ตอบ 3 หน้า 441443 เรอแนสซองส์ (Renaissance) หมายถึง การเกิดใหม่หรือการฟื้นฟูศิลปวิทยาการ ซึ่งเป็นวัฒนธรรมคลาสสิกหรืออารยธรรมกรีก-โรมันขึ้นมาใหม่ หรือเป็นสมัยที่เชื่อมต่อยุคกลาง เข้ากับยุคใหม่ โดยขบวนการเรอแนสซองส์เริ่มเกิดขึ้นที่ยุโรปในดินแดนอิตาลีเป็นแห่งแรก เนื่องจากอิตาลีเป็นศูนย์กลางการติดต่อค้าขายกับโลกตะวันออก อีกทั้งพวกพ่อค้าที่มั่งคั่ง ก็ใหัการอุปถัมภ์พวกศิลปินและนักเขียนที่สร้างงานศิลปะเป็นอย่างดี

42.       ใครคือผู้นำขบวนการปฏิรูปศาสนา

(1) มาร์ติน ลูเธอร์

(2) ชาร์ลส์ มาร์เตล     

(3) อเล็กซิอุส คอมมินุส          

(4) พระเจ้าพิลิปที่ 4

ตอบ 1 หน้า 452 – 455 การปฏิรูปศาสนาเริ่มเกิดขึ้นในดินแดนเยอรมนีช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 16 โดยมีมาร์ติน ลูเธอร์ เป็นผู้นำขบวนการปฏิรูปศาสนาและกลายเป็นนักปฏิวัติในที่สุด เพราะเขา ต้องการท้าทายและปฏิเสธวัดโรมันคาทอลิก ซึ่งผลจากการปฏิรูปทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ทางด้านศาสนาของประเทศต่าง ๆ ในยุโรป เช่น ชาวฮอลแลนต์ (ชาวดัตช์) ส่วนใหญ่นับถือ ลัทธิคาลแวง ในขณะที่พระเจ้าฟิลิปที่ 2 กษัตริย์แห่งสเปนซึ่งปกครองฮอลแลนด์ในขณะนั้น นับถือนิกายโรมันคาทอลิก,ชาวเยอรมันส่วนใหญ่นับถือนิกายลูเธอรันในอังกฤษ พระเจ้าเฮนรีที่ 8 ได้ทรงตั้งนิกายอังกฤษขึ้นชาวฝรั่งเศสส่วนใหญ่นับถือนิกายโรมันคาทอลิก เป็นต้น

43.       ประเทศใดไม่ได้รับผลกระทบจากการปฏิรูปศาสนาในคริสต์ศตวรรษที่ 16

(1) ฝรั่งเศส     

(2) เยอรมนี     

(3) รัสเซีย       

(4) อังกฤษ

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 42. ประกอบ

44.       พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 แห่งอังกฤษทรงตั้งนิกายอังกฤษขึ้นเพราะเหตุใดเป็นสำคัญ

(1) เศรษฐกิจ  

(2) สุขภาพ     

(3) ความต้องการส่วนตัว        

(4) ความศรัทธาในลูเธอร์

ตอบ 3 หน้า 454, (HI 101 เลขพิมพ์ 53214 หน้า 383) ในปี ค.ศ. 1531 พระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งอังกฤษ ทรงตั้งนิกายอังกฤษขึ้น เนื่องจากเหตุผลสำคัญทางการเมืองหรือความต้องการส่วนตัว นั่นคือ ทรงไม่พอพระทัยที่พระสันตะปาปาไม่ยอมจัดการให้พระองค์หย่าขาดจากพระนางแคเทอรีน แห่งอรากอนเพื่ออภิเษกสมรสใหม่ จงทรงต้องการที่จะขจัดอิทธิพลของพระสันตะปาปาให้หมดไป โดยทรงกำหนดให้ตั้งสังฆราชแห่งแคนเทอเบอรี่ขึ้นใหม่ ด้วยการตัดขาดจากองค์กรคริสตจักร ที่กรุงโรม และทรงให้รัฐสภาออกกฎหมายที่เรียกว่า “The Act of Supremacy” เพื่อแต่งตั้ง ให้พระองค์เป็นประมุขของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกในอังกฤษแทนพระสันตะปาปา

45.       ประเทศใดเป็นประเทศแรกที่ออกสำรวจดินแดนนอกยุโรป

(1) ฝรั่งเศส     

(2) เยอรมนี     

(3) โปรตุเกส   

(4) อังกฤษ

ตอบ 3 หน้า 468 – 472, (HI 101 เลขพิมพ์ 53214 หน้า 351) ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 สเปนและ โปรตุเกส (ชาวไอบีเรียน) เป็นผู้บุกเบิกและเป็นผู้นำในการขยายอำนาจของยุโรปไปยังดินแดน ต่าง ๆ ซึ่งโปรตุเกสนับว่าเป็นประเทศแรกที่ออกสำรวจดินแดนเพื่อค้นหาเส้นทางเดินเรือเพื่อการค้า โดยได้เข้าไปครอบครองบราซิล ดินแดนในโลกใหม่ ลังกา มลายู หมู่เกาะเครื่องเทศ ในอินเดียตะวันออก และเมืองสำคัญ ๆ ในอินเดียและแอฟริกา ส่วนสเปนได้เข้าไปครอบครอง ดินแดนส่วนใหญ่ของอเมริกาใต้ อเมริกากลาง และดิบแดนส่วนใหญ่ของสหรัฐอเมริกาในปัจจุบัน

46.       ชาติตะวันตกชาติใดที่มีอำนาจในอเมริกาใต้

(1) สเปน        

(2) รัสเซีย       

(3) โปรตุเกส   

(4) อังกฤษ

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 45. ประกอบ

47.       ใครคือผู้ค้บพบทฤษฎีแรงโน้มถ่วง

(1) กาลิเลโอ   

(2) โคเปอร์นิคัส          

(3) เจมส์ วัตต์ 

(4) เซอร์ไอแซค นิวตัน

ตอบ 4 หน้า 502 เซอร์ไอแซค นิวตัน เป็นผู้ค้บพบทฤษฎีแรงโน้มถ่วงของโลกหรือกฎแรงดึงดูดของโลก โดยเห็นว่าอนุภาคของสสารในจักรวาลต่างดึงดูดกันด้วยกำลังที่ผกผันตามระยะเป็นรูป สี่เหลี่ยมจัตุรัสในระหว่างอนุภาค และเป็นสัดส่วนโดยตรงต่อการผลิตของมวลสารนั้น ๆ ซึ่งผลจากคำอธิบายตามหลักทฤษฎีนี้ได้ทำลายฉากบนสวรรค์ให้พังพินาศลงในที่สุด

48.       ประเทศใดเป็นประเทศแรกที่ผ่านการปฏิวัติอุตสาหกรรม

(1) สเปน        

(2) รัสเซีย       

(3) โปรตุเกส   

(4) อังกฤษ

ตอบ 4 หน้า 505 – 506 การปฏิวัติอุตสาหกรรมเกิดขึ้นเต็มที่ที่อังกฤษเป็นแห่งแรก โดยมีฝรั่งเศส เป็นคู่แข่งทางการค้าที่สำคัญ แต่อังกฤษก็ได้เปรียบฝรั่งเศสในหลาย ๆ ด้าน ได้แก่ อังกฤษเป็น ผู้นำในการผลิตเหล็กและถ่านหิน มีเงินทุนอุดหนุน มีผู้ดำเนินธุรกิจที่ชาญฉลาด และได้เปรียบ ในด้านแรงงานมากกว่าฝรั่งเศส

49.       หลังพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 1 สวรรคต อังกฤษอยู่ภายใต้การปกครองของใคร

(1) พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2

(2) พระเจ้าเจมส์ที่ 2   

(3) โอลิเวอร์ ครอมเวลส์          

(4) พระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1

ตอบ 3 หน้า 483, (คำบรรยาย) หลังจากพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 1 สวรรคต อังกฤษได้เปลี่ยนการปกครองจากระบอบเทวสิทธิ์ไปสู่ระบอบสาธารณรัฐ โดยมีโอลิเวอร์ ครอมเวลส์ ขึ้นเป็นผู้นำสาธารณรัฐ อังกฤษ เรียกว่า เครือจักรภพอังกฤษ” ทั้งนี้ครอมเวลส์ได้บริหารประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ ในระหว่างปี ค.ศ. 1649 – 1660 ส่งผลให้ลัทธิฟิวดัลหมดไปและทำให้ปัญหาศาสนายุติลง

50.       การปฏิวัติฝรั่งเศสใน ค.ศ. 1789 นั้นมีเหตุผลสำคัญมาจากเรื่องใด

(1) การสงครามที่ยืดเยื้อ        

(2) ระบบชนชั้นและความไร้ความเสมอภาคในสังคม

(3) พระราชินีให้ประชาชนกินเค้ก หากไม่มีขนมปัง

(4) ผิดทุกข้อ

ตอบ 2 หน้า 487 – 489, (HI 101 (H) เลขพิมพ์ 49008 หน้า 114) สาเหตุที่ทำให้เกิดการปฏิวัติฝรั่งเศส ในปี ค.ศ. 1789 มีดังนี้

1. ความไม่เสมอภาคทางด้านสังคมที่มีการแบ่งชนชั้นในสังคมออกเป็น 3 ชนชั้น (ฐานันดร) คือ พระหรือนักบวช เจ้าหรือขุนนาง และสามัญชน ข่างฝีมือ และชาวนา (สาเหตุสำคัญ)

2. ได้รับอิทธิพลจากแนวคิดการประกาศสิทธิมนุษยชนของสหรัฐอเมริกาและระบบรัฐสภาของอังกฤษ

3. ระบอบการเมืองแบบเก่าทำให้กษัตริย์สามารถใช้อำนาจโดยไม่มีขอบเขต และมีการใช้จ่ายเงินอย่างฟุ่มเฟือย

4. สาเหตุปัจจุบันคือ พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ประสบปัญหาด้านการเงิน

51.       คริสต์ศตวรรษที่ 18 ของยุโรปถูกเรียกข่านว่ายุคใด   

(1) ยุคการปฏิวัติวิทยาศาสตร์

(2) ยุคภูมิธรรม           

(3) ยุคแห่งการทำสงครามใหญ่          

(4) ยุคแห่งการต่อสู้ระหว่างชนชั้น

ตอบ 2 หน้า 484, (คำบรรยาย) ในคริสต์ศตวรรษที่ 18 ยุโรปเกิดความสว่างไสวไปด้วยความรู้และเชื่อว่ามนุษย์สามารถใช้เหตุผลเพื่อสร้างความก้าวหน้าได้อย่างไม่หยุดยั้ง สงผลให้ยุโรป มีความก้าวหน้าทางภูมิปัญญาทั้งทางด้านปรัชญา การเมือง เศรษฐกิจ และสังคม จนทำให้สมัยนี้ ได้ชื่อว่า ยุคทรงภูมิธรรมทางปัญญาหรือยุคภูมิธรรม” (Age of Enlightenment) หรือ ยุคเหตุผล” (Age of Reason)

52.       สาเหตุพื้นฐานสำคัญที่สุดของการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 คืออะไร

(1) ปัญหาทางการเมืองในอังกฤษ

(2) การแข่งขันทางเศรษฐกิจ  

(3) ปัญหา Dreyfus ในฝรั่งเศส     

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 2 หน้า 527 – 529, (HI 101 (H) เลขพิมพ์ 49008 หน้า 132 – 133) สาเหตุพื้นฐานสำคัญที่สุด ที่ทำให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 มี 4 ประการ คือ 

1. การแข่งขันทางเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศมหาอำนาจ         

2. การทะเลาะเบาะแว้งเรื่องอาณานิคม

3. ระบบภาคีพันธมิตร

4. อิทธิพลของลัทธิจักรวรรดินิยมและความรู้สึกทางชาตินิยม

53.       ชนชั้นใดเป็นผู้มีชัยชนะในการปฏิวัติรัสเซีย ค.ศ. 1917

(1) กษัตริย์     

(2) ขุนนาง      

(3) กรรมาชีพ  

(4) นักศึกษา

ตอบ 3 หน้า 495530 – 531, (คำบรรยาย) การปฏิวัติรัสเซียในปี ค.ศ. 1917 เป็นการปฏิวัติของพวกบอลเชวิคภายใต้คำขวัญที่ว่า สันติภาพ ที่ดิน และขนมปัง” โดยพวกบอลเชวิคยืนยันที่จะต่อต้านรัฐบาลชั่วคราวที่จะให้ที่ดินแก่ชาวไร่ชาวนา อีกทั้งยังยืนยันว่าจะต้องยุติสงครามและ คืนอำนาจทั้งมวลให้แก่รัสเซีย ซึ่งผลจากการปฏิวัติปรากฏว่าพวกบอลเซวิคเป็นฝ่ายชนะ และได้จัดตั้งรัฐบาลแห่งชนชั้นแรงงาน (ชนชั้นกรรมาชีพ) ขึ้นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ส่งผลให้รัสเซียต้องถอนตัวออกจากสงครามโลกครั้งที่ 1 และเปลี่ยนการปกครองจาก ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไปเป็นระบอบเผด็จการคอมมิวนิสต์ จนนำไปสู่การก่อตั้ง สหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตรัสเซียในที่สุด

54.       องค์การระหว่างประเทศที่ตั้งขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 คือองค์การใด      

(1) NATO

(2) UNESCO      

(3) สันนิบาตแห่งประชาชาติ  

(4) SEATO

ตอบ 3 หน้า 531, (HI 101 เลขพิมพ์532.14 หน้า 539 – 541,547) หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 สิ้นสุดลงภายใต้สนธิสัญญาแวร์ซายส์ ได้มีการก่อตั้งองค์การสันนิบาตชาติหรือสันนิบาตแห่ง ประชาชาติ (The League of Nations) ขึ้นในปี ค.ศ. 1920 ซึ่งประกอบด้วยประเทศสมาชิกถาวร 4 ประเทศ ได้แก่ ฝรั่งเศส อังกฤษ อิตาลี และญี่ปุ่น และสมาชิกไม่ถาวรอีก 9 ประเทศ โดยสหรัฐอเมริกาและรัสเซียเป็น 2 ชาติมหาอำนาจที่ไม่ได้เข้าเป็นสมาชิก จึงส่งผลให้องค์การนี้ อ่อนแอและนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 ในที่สุด

55.       ประเทศใดเป็นผู้ก่อสงครามโลกครั้งที่ 2

(1) ฝรั่งเศส     

(2) เยอรมนี     

(3) โปรตุเกส   

(4) อังกฤษ

ตอบ 2 หน้า 538 – 539, (HI 101 (H) เลขพิมพ์ 49008 หน้า 138) สาเหตุปัจจุบันที่ทำให้เกิด สงครามโลกครั้งที่ 2 คือ การที่ฮิตเลอร์ผู้นำเยอรมนีได้เข้ายึดครองดินแดนโปแลนด์ในเดือน กันยายน ค.ศ. 1939 เนื่องจากโปแลนด์ไม่ยอมคืนฉนวนโปแลนด์และเมืองดานซิกให้กับเยอรมนี ทำให้อังกฤษและฝรั่งเศสซึ่งรับประกันครามปลอดภัยของโปแลนด์ประกาศสงครามกับเยอรมนี สงครามโลกครั้งที่ 2 จึงเริ่มต้นขึ้นนับแต่นั้น

56.       สงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มต้นขึ้นเมื่อฮิตเลอร์ยึดครองดินแดนใดในยุโรป

(1) เบลเยียม  

(2) รัสเซีย

(3) ฝรั่งเศส     

(4) โปแลนด์

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 55. ประกอบ

57.       ประเทศใดเป็นประเทศสุดท้ายที่ยอมแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 2

(1) อิตาลี        

(2) เยอรมนี     

(3) ออสเตรีย  

(4) ญี่ปุ่น

ตอบ 4 หน้า 541, (HI 101 (H) เลขพิมพ์ 49008 หน้า 138) สงครามโลกครั้งที่ 2 ในทวีปยุโรปยุติลง เมื่อเยอรมนียอมแพ้ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1945 ส่วนในทวีปเอเชียสงครามยุติลงเมื่อญี่ปุ่น ถูกถล่มด้วยระเบิดปรมาณูที่เมืองฮิโรชิมาและเมืองนางาซากิ ทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศยอมจำนน ในวันที่ 2 กันยายน ค.ศ. 1945 ซึ่งถือว่าเป็นประเทศสุดท้ายที่ยอมแพ้ในสงคราม และนำไปสู่การยุติสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างแท้จริง

58.       หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สถานการณ์ทางการเมืองโลกอยู่ในสถานภาพใด

(1) สงครามเย็น          

(2) สงครามแย่งชิงนํ้ามัน

(3) สหรัฐอเมริกาเป็นมหาอำนาจแต่เพียงผู้เดียว        

(4) สหภาพโซเวียตเป็นมหาอำนาจแต่เพียงผู้เดียว

ตอบ 1 หน้า 541 – 542544, (HI 101 (H) เลขพิมพ์ 49008 หน้า 139) หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 1945 สถานการณ์การเมืองโลกได้ตกอยู่ในสถานภาพที่เรียกว่า สงครามเย็น (Cold War) ซึ่งเป็นสงครามที่เกิดจากความขัดแย้งทางด้านอุดมการณ์หรือแนวคิดทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ระหว่างสหรัฐอเมริกาผู้นำฝ่ายโลกเสรีประชาธิปไตย (ค่ายตะวันตก) กับ สหภาพโซเวียตผู้นำฝ่ายโลกคอมมิวนิสต์ (ค่ายตะวันออก) ซึ่งทั้งสองประเทศจะไม่ทำสงคราม แบบเบ็ดเสร็จต่อกันโดยตรง แต่มักใช้วิธีการทำสงครามตัวแทน และแข่งขันกันหาพันธมิตร โดยใช้วิธีทางการทูตและการโฆษณาชวนเชื่อ

59.       สงครามเย็นเกิดขึ้นเพราะความขัดแย้งเรื่องใด

(1) เชื้อชาติ     

(2) ภาษา        

(3) ความคิดทางการเมือง       

(4) ดินแดน

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 58. ประกอบ

60.       แผนการทางการเงินที่สหรัฐอเมริกามีขึ้นสำหรับช่วยเหลือยุโรปในการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลัง ค.ศ. 1945 คือ

(1) แผนการชูมานน์    

(2) โครงการมาร์แชล  

(3) NATO  

(4) แผนการ Euratom

ตอบ 2 หน้า 545, (HI 101 เลขพิมพ์ 53214 หน้า 560) หลังปี ค.ศ. 1945 นายพลจอร์จ ซี. มาร์แชล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เสนอแผนการทางการเงินสำหรับ ช่วยเหลือยุโรปในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ หรือที่เรียกว่า โครงการมาร์แชล” (Marshall Plan) โดยประกาศให้เงินกู้แก่กลุ่มประเทศยุโรปเพื่อแก้ไขป้ญหาเศรษฐกิจถดถอยของยุโรปให้กลับมา มีความเข้มแข็ง และเพื่อบั่นทอนประสิทธิภาพของคอมมิวนิสต์ทั่วยุโรป

61.       ประเทศใดไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเอเชียใต้

(1) อินเดีย      

(2) อิหร่าน      

(3) มัลดีฟส์     

(4) ปากีสถาน

ตอบ 2 หน้า 7375 เอเชียใต้ (South Asia) หรือทีสื่อมวลชนทางตะวันตกนิยมเรียกว่า อนุทวีปอินเดีย” (Indian Sub-continent) ซึ่งในอดีตนั้นเอเชียใต้มักหมายถึงประเทศอินเดีย แต่ในปัจจุบัน เอเชียใต้จะมีทั้งหมด 7 ประเทศ ได้แก่ อินเดีย ปากีสถาน บังกลาเทศ ศรีลังกา เนปาล ภูฏาน และมัลดีฟส์

62.       อารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุมีศูนย์กลางอยู่ที่ใดในปัจจุบัน         

(1) ตอนกลางของอินเดีย

(2) ศรีลังกา    

(3) ปัญจาบตะวันตก ปากีสถาน        

(4) รัฐอัสสัม ประเทศอินเดีย

ตอบ 3 หน้า 7581 อารยธรรมลุ่มแม่นํ้าสินธุเกิดขึ้นบริเวณที่ราบลุ่มแม่นํ้าสินธุหรืออินดัส บริเวณแคว้นปัญจาบตะวันตกในประเทศปากีสถานปัจจุบัน โดยเชื่อกันว่ามีอายุประมาณ 3,000 ปี ก่อนคริสตกาล ดังนั้นจึงถือว่าเป็นอารยธรรมเริ่มแรกที่เก่าแก่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียใต้

63.       ผู้คนในอารยธรรมลุ่มแม่นํ้าสินธุมีความชำนาญในด้านใดเป็นพิเศษ

(1) โหราศาสตร์          

(2) วรรณคดี   

(3) เรขาคณิต 

(4) ปรัชญา

ตอบ 3 หน้า 82 จากหลักฐานที่แสดงถึงอารยธรรมลุ่มแม่นํ้าสินธุที่ขุดค้นพบในซากเมืองโมเหนโจดาโร และเมืองฮารัปปานั้น ทำให้ทราบว่าชาวสินธุมีความสามารถทางด้านวิศวกรสำรวจและความรู้ ทางด้านเรขาคณิตเบื้องต้นเป็นอยางดี ซึ่งที่เห็นเด่นชัดก็คือ การวางผังเมือง เช่น มีการตัดถนน มีท่อระบายนํ้า บ่อนํ้าสาธารณะ รวมทั้งอาคารบ้านเรือนต่างๆ ที่มีการจัดห้องนํ้าแบบยืนตักอาบ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงลักษณะของสุขาภิบาลที่ดีและมีความเจริญสูงมากกว่าดินแดนอื่นๆ ในยุค ก่อนประวัติศาสตร์

64.       โธตีมีความสำคัญเช่นไรในอารยธรรมลุ่มแม่นํ้าสินธุ

(1) เครื่องนุ่งห่ม          

(2) เทพเจ้า     

(3) เครื่องประดับ        

(4) มาตราตวงวัด

ตอบ 1หน้า 83 – 86 มรดกของอารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุที่เหลือไว้ในอินเดียปัจจุบัน มีดังนี้

1.         มรดกทางศาสนา ได้แก่ การเคารพนับถือพระศิวะหรือเทพเจ้าแห่งหมู่สัตว์จากการบูชาศิวลึงค์การบูชาต้นไม้ใหญ่ คือ ต้นโพธิ์ และต้นไทร และการนับถือพญานาคและดวงอาทิตย์

2.         รู้จักนำผ้าฝ้ายมาทำเป็นเครื่องนุ่งห่ม ทั้งนี้ชาวสินธุจะนิยมแต่งกายด้วยผ้าฝ้าย 2 ชิ้นโดยท่อนบนจะใส่เป็นเสื้อเปิดไหล่ขวา ส่วนท่อนล่างจะนุ่งเป็นผ้าโจงกระเบน หรือที่ชาวอินเดีย ปัจจุบันเรียกว่า โธตี” (Dhoti)   

3. การเคารพนับถือวัวตัวผู้     

4. การไว้หนวดเครา

5. ประเพณิการทำศพซึ่งมี 3 วิธี คือ ฝังศพ นำศพไปทิ้งให้นกกากิน และเผาศพ ฯลฯ

65.       คนกลุ่มใดไม่จัดอยู่ในสังคมอินเดียยุคพระเวท

(1) นักรบ        

(2) สามัญชน  

(3) จัณฑาล    

(4) พระ

ตอบ 3 หน้า 9298 อินเดียในสมัยพระเวท ได้ปรากฏโครงสร้างทางสังคมแบบวรรณะขึ้นเป็นครั้งแรก โดยมีการแบ่งชนชั้นออกเป็น 3ชนชั้น ได้แก่ นักรบหรือกษัตริย์(ชนชั้นสูงสุด)สามัญชน และพระต่อมาในสมัยอารยธรรมอินโดอารยัน ได้มีการแบ่งออกเป็น 4 ชนชั้นได้แก่ พราหมณ์กษัตริย์ แพศย์ และศูทร ซึงคนที่อยู่ในวรรณะทั้ง 4 นี้เราเรียกว่า สวรรณะ” หมายถึง พวกที่มี วรรณะสังกัด ส่วนพวกที่ไม่มีวรรณะสังกัดเรียกว่า อวรรณะ” ซึ่งจะได้รับการดูถูกเหยียดหยาม เสมือนว่าเป็นพวกต่ำช้า เป็นตัวเสนียด เป็นอัปมงคลแก่ผู้ที่ได้พบเห็น และมีฐานะตํ่าต้อยกว่า สัตว์เดรัจฉาน เช่น พวกจัณฑาล หริชน หินชาติ ฯลฯ

66.       วรรณะในสังคมอินเดียมีกี่วรรณะ (ไม่นับรวมวรรณะจัณฑาล)

(1) สาม          

(2) หก

(3) สี่   

(4) สิบ

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 65. ประกอบ

67.       ใครคือผู้แต่งวรรณกรรมเรื่องมหาภารตะ

(1) วาลมิกิ      

(2) คานธี        

(3) เนห์รู         

(4) วยาสะ

ตอบ 4 หน้า 94, (HI 102 เลขพิมพ์ 52058 หน้า 194) มหาภารตะ เป็นวรรณกรรมอินเดียในยุคมหากาพย์ที่ประพันธ์โดยฤาษีวยาสะ โดยถือว่าเป็นคำประพันธ์ประเภทร้อยกรองที่ยาวที่สุดในโลก และมีตอนที่สำคัญที่สุดชื่อว่า ภควัทคีตา” ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการทำสงครามเพื่อแย่งชิงสิทธิในการปกครองแผ่นดินระหว่างพี่น้อง 2 ตระกูล คือ เการพ (พวกมิลักขะหรือทราวิฑ เป็นตัวแทนฝ่ายอธรรม) กับปาฌฑพ (พวกอารยัน เป็นตัวแทนฝ่ายธรรมะ) สงครามนี้ยุติลง โดยฝ่ายปาณฑพเป็นผู้ชนะ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าธรรมะย่อมชนะอธรรม

68.       วรรณกรรมเรื่องใดเป็นวรรณกรรมร้อยกรองที่ยาวที่สุดในโลก

(1) รามายณะ 

(2) ฤคเวท       

(3) สามเวท     

(4) มหาภารตะ

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 67. ประกอบ

69.       ข้อใดไม่จัดเป็นเทพเจ้าสำคัญของศาสนาพราหมณ์ (ฮินดู)

(1) พรหม        

(2) ศิวะ           

(3) นารายณ์   

(4) พระพิรุณ

ตอบ 4 หน้า 96 ศาสนาพราหมณ์ (ฮินดู) ไม่มีศาสดาเหมือนศาสนาอื่น แต่มีการนับถือเทพเจ้าหลายองค์ โดยองค์ที่สำคัญๆ มีอยู่ 3 องค์ เรียกว่า ตรีมูรติ” ได้แก่

1.         พระพรหม เป็นเทพเจ้าสูงสุด โดยเป็นผู้สร้างโลกมนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลาย

2.         พระวิษณุหรือพระนารายณ์ เป็นผู้รักษา

3.         พระศิวะหรือพระอิศวร เป็นผู้ทำลาย

70.       พระพรหมทรงสร้างวรรณะแพศย์จากส่วนใดของพระองค์

(1) โอษฐ์         

(2) พระพาหา 

(3) พระโสณี   

(4) พระบาท

ตอบ 3 หน้า 98, (คำบรรยาย) ตามคัมภีร์พระเวทของศาสนาพราหมณ์ (ฮินดู) เชื่อว่า พระพรหมได้ทรงสร้างมนุษย์เป็นชนชั้นต่าง ๆ ไว้เพื่อสันติของสังคมจากพระวรกายของพระองค์ 4 ส่วน ดังนี้

1.         พราหมณ์ สร้างจากพระโอษฐ์ โดยถือว่าเป็นวรรณะสูงสุดที่ทำหน้าที่ทางวิชาการและ ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เช่น นักบวช นักปราชญ์ ครูอาจารย์

2.         กษัตริย์ สร้างจากพระพาหา ทำหน้าที่ทางการปกครองและบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่ประชาชน เช่น นักรบ นักปกครอง

3.         แพศย์ สร้างจากพระโสณี (ลำตัวถึงสะโพก) ทำหน้าที่ทางด้านกสิกรรมและพาณิชยกรรม เช่น พ่อค้า ชาวไร่ชาวนา ช่างฝีมือ

4.         ศูทร สร้างจากพระบาท ทำหน้าที่รับจ้างหรือรับใช้ เช่น ทาส กรรมกร

71.       หลังจากเหตุการณ์ใดที่พระเจ้าอโศกมหาราชทรงเปลี่ยนจากนโยบายรุกรานมาเป็นธรรมวิชัย

(1) การส่งสมณทูตไปเผยแผ่ศาสนา  

(2) การรบที่กาลิงคะ

(3) การสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 3           

(4) การขยายดินแดนทางตอนเหนือ

ตอบ 2 หน้า 114 เมื่อพระเจ้าอโศกมหาราชทรงรบชนะพวกกาลิงคะในแคว้นโอริสสาแล้ว ผลปรากฏว่า มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก และทรงจับไว้เป็นเชลยศึกมากกว่า 150,000 คน ดังนั้นหลังจากที่ สงครามกาลิงคะสิ้นสุดลง พระองค์จึงทรงปรับเปลี่ยนนโยบายในการบริหารใหม่ โดยเปลี่ยนจาก นโยบายรุกรานมาเป็นธรรมวิชัย

72.       กวีคนใดเน้นผู้เขียนศกุนตลา

(1) รัชกาลที่ 6 

(2) วาลมิกิ      

(3) กาลิทาส   

(4) อารยภัททะ

ตอบ 3 หน้า 118 สมัยคุปตะของอินเดียเป็นสมัยที่วรรณกรรมหรือวรรณคดีสันสกฤตเจริญรุ่งเรืองมาก โดยกวีที่สำคัญในสมัยนี้คือ กาลิทาส ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเน้น ‘‘เช็คสเปียร์แห่งอินเดีย” โดยเป็น ผู้แต่งเรื่อง ศกุนตลา” ซึ่งถือว่าเป็นวรรณคดีชิ้นเอกของยุค เพราะได้มีผู้แปลเป็นภาษาต่าง ๆ เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาเยอรมัน รวมทั้งภาษาไทยด้วย

73.       ข้อใดคือมรดกทางด้านคณิตศาสตร์ที่สังคมอินเดียสมัยคุปตะได้สร้างขึ้น

(1) เลขอารบิก

(2) ระบบทศนิยม       

(3) การคำนวณเส้นรอบวง     

(4) อินฟินิตี้

ตอบ 2 หน้า 119 ในสมัยคุปตะของอินเดีย ได้มีนักดาราศาสตร์และนักคณิตศาสตร์ที่มีชื่อเสียงมากของยุคคือ อารยภัททะ ซึ่งผลงานเด่น ๆ ของเขา ได้แก่ สามารถพิสูจน์ได้ว่าโลกกลมและ โคจรรอบดวงอาทิตย์ รวมทั้งเป็นผู้คิดระบบทศนิยมได้เป็นคนแรกของโลก โดยถือว่าเป็น มรดกชิ้นสำคัญของโลก ซึ่งต่อมาชาวอาหรับได้นำไปเผยแพร่ในยุโรป

74.       กษัตริย์พระองค์ใดได้ชื่อว่าเป็น จอมจักรวาล”      

(1) พระเจ้าอโศกมหาราช

(2) ราชาเจฮาน           

(3) พระเจ้าอักบาร์      

(4) พระเจ้าบาบูร์

ตอบ 3 หน้า 123 – 124 พระเจ้าอักบาร์ เป็นกษัตริย์มุสลิมราชวงศ์โมกุลของอินเดียที่มีชื่อเสียง มากที่สุด และเป็นที่ยอมรับของคนทุกฝ่ายจนได้รับการเฉลิมพระเกียรติว่า มหาราชอีกทั้งยังได้รับพระนามว่า จอมจักรวาล” เพราะเป็นที่รักของคนทุกเผ่าพันธุ์

75.       ชาวตะวันตกชาติใดเป็นคนกลุ่มแรกที่เข้ามาตั้งหลักปักฐานในอินเดีย

(1) อังกฤษ     

(2) ฝรั่งเศส     

(3) เยอรมัน     

(4) โปรตุเกส

ตอบ 4 หน้า 129133 ชาติตะวันตกชาติแรกที่เข้ามาค้าขายในอินเดียคือ โปรตุเกสซึ่งประสบผลสำเร็จ ทางด้านการค้าและการเผยแผ่ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกแถบชายฝั่งทะเลตะวันตกของ อินเดียนับจากบอมเบย์ไปจนถึงเกาะลังกา โดยเฉพาะที่เมีองกัวซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการค้า และศาสนาคริสต์ที่ใหญ่ที่สุดของโปรตุเกส ทั้งนี้ประชาชนผู้นับถือศาสนาคริสต์ที่อาศัยอยู่ใน เมืองกัวเริยกว่า ชาวกวน” ซึ่งจะพูดภาษากวน

76.       เมืองกัวมีความสำคัญอย่างไรในประวัติศาสตร์อินเดีย

(1) ศูนย์กลางของโปรตุเกสในอินเดีย

(2) ศูนย์กลางในการศึกษาการแพทย์

(3) เมืองสุดท้ายที่พระเจ้าอักบาร์ทรงตีได้       

(4) เมืองแรกที่อังกฤษยึดครองได้

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 75. ประกอบ

77.       ชนชาติใดที่ปกครองอนุทวีปอินเดียทั้งหมดในฐานะเจ้าอาณานิคม

(1) อังกฤษ     

(2) ฝรั่งเศส     

(3) เยอรมัน     

(4) โปรตุเกส

ตอบ 1 หน้า 134 – 135 ผลของสงครามคาร์นาติค ครั้งที่ 3 ระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศสที่แข่งขันกัน แสวงหาอำนาจทางการค้าและการเมืองในอินเดีย ผลปรากฏว่าอังกฤษเป็นฝ่ายชนะ จึงทำให้ อังกฤษมีอำนาจทางการค้าและการเมืองในอินเดียเพียงชาติเดียว จบสามารถครอบครอง อนุทวีปอินเดียได้ทั้งหมดในฐานะเจ้าอาณานิคมในเวลาต่อมา

78.       ใครคือนายกรัฐมนตรีคนแรกของอินเดีย

(1) เนห์รู         

(2) คานธี        

(3) จินนาห์      

(4) อาห์เหมด ข่าน

ตอบ 1 (คำบรรยาย) ประธานาธิบดีคนแรกของอินเดียคือ ดร.ราเชนทร์ ประสาท (Dr. Rajendra Prasad) รัฐบุรุษอาวุโสของอินเดีย ส่วนนายกรัฐมนตรีคนแรกของอินเดียคือ เยาวห์ลาล เนห์รู (Jawaharlal Nehru)

79.       ผู้ใดได้รับสมญานามว่า บิดาแห่งชาติปากีสถาน

(1) เนห์รู         

(2) คานธี        

(3) จินนาห์      

(4) อาห์เหมด ข่าน

ตอบ 3 หน้า 144161 โมฮัมหมัด อาลี จินนาห์ (Mohammed Ali Jinnah) เป็นผู้นำการต่อสู้ เรียกร้องเอกราชที่สำคัญของกลุ่มสันนิบาตมุสลิม (All-India Muslim League) ในอินเดีย โดยเขาได้เรียกร้องเอกราชควบคู่ไปกับการขอตั้งประเทศใหม่ ซึ่งมีคนส่วนใหญ่เป็นมุสลิม ภายใต้ชื่อประเทศ ปากีสถาน” ซึ่งตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ. 1947 จนทำให้เขาได้รับ สมญานามว่า บิดาแห่งชาติปากีสถาน

80.       ข้อใดคือนโยบายหลักที่อังกฤษมีต่ออินเดียที่ประสบความล้มเหลวมากที่สุด

(1) กฎหมาย   

(2) สาธารณูปโภค

(3) การยกเลิกประเพณีบางประการ  

(4) การใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลาง

ตอบ 3 หน้า 146 – 150, (HI 102 เลขพิมพ์ 52058 หน้า 233235 – 236) มรดกทางอารยธรรม ที่อังกฤษได้ให้ไว้แก่อินเดียและเห็นเป็นรูปธรรมจนถึงปัจจุบัน ได้แก่ ด้านกฎหมายและ ระบบการศาล ด้านสาธารณูปโภค ด้านอุตสาหกรรมและพาณีชยกรรม ด้านการศึกษาและ การใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลาง และด้านการปกครอง ยกเว้นด้านสังคมที่อังกฤษประสบกับ ความล้มเหลว เนื่องจากกฎหมายหลายฉบับของอังกฤษที่ยกเลิกประเพณีหรีอพิธีกรรมที่เหลวไหล ต่าง ๆ เช่น ประเพณีสุตติ ประเพณีฆ่าคนบูชายัญ ประเพณีฆ่าทารกเพศหญิง ฯลฯ ทำให้ ชาวอินเดียไม่พอใจ เพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงความเชื่อทางศาสนาและวีถีชีวิตของพวกเขา

81.       แนวคิดเรื่อง โอรสแห่งสวรรค์” เกิดขึ้นในสมัยใดของจีน

(1) โจว

(2) ฮั่น 

(3) ถัง 

(4) แมนจู

ตอบ 1 หน้า 274 – 275 จีนในสมัยราชวงศ์โจวตะวันตก กษัตริย์โจวจะถือว่าตนเป็น โอรสแห่งสวรรค์” หมายถึง องศ์จักรพรรดิที่ได้รับคำสั่งจากเทพเจ้าเทียนหรือเทพเจ้าแห่งสวรรค์ให้มาขจัดทุกข์ บำรุงสุขให้แก่ประชาชนโดยมีอำนาจที่สวรรค์มอบให้เพื่อปกครองเรียกว่า อาณัติแห่งสวรรค์” และตราบเท่าที่ทรงประพฤติตนอยู่ในคุณธรรมอันดีงาม อาณัติแห่งสวรรค์จะยังคงอยู่ตลอดไป แต่หากประพฤติผิดหลักธรรม อาณัติแห่งสวรรค์ก็จะสูญสิ้นไป

82.       ข้อใดคือมรดกที่สำคัญของจักรพรรดิจิ๋นซีฮ่องเต้

(1) กำแพงเมืองจีน     

(2) การรับพุทธศาสนา

(3) การสร้างพระราชวังที่ปักกิ่ง          

(4) การประดิษฐ์อักษร

ตอบ 1 หน้า278 จิ๋นซีฮ่องเต้เป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แห่งราชวงศ์จิ๋น โดยทรงมีผลงานที่เด่นประการหนึ่ง คือ การโปรดให้เชื่อมต่อกำแพงเมืองของนครรัฐต่างๆ จนกลายเป็นกำแพงเมืองจีนในปัจจุบัน ซึ่งนับว่าเป็นมรดกสำคัญชิ้นหนึ่งของโลก

83.       ในสมัยราชวงศ์ฮั่นได้ให้มรดกสำคัญต่อการปกครองของจีนในเรื่องใด

(1) การตั้งระบบขันทีในราชสำนัก      

(2) ระบบการสอบไล่เพื่อเข้ารับราชการ

(3) การบริหารงานผ่านกรมต่าง ๆ      

(4) ระบบการถ่ายทอดอำนาจจากบิดาสู่บุตร

ตอบ 2 หน้า 278 – 279 การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญซึ่งเกิดขึ้นในสมัยราชวงศ์ฮั่น มีดังนี้

1.         เป็นสมัยแรกที่ศาสนาพุทธเผยแผ่จากอินเดียเข้าสู่จีน

2.         มีระบบการสอบไล่เข้ารับราชการเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในกลไกการปกครองของจีนโดยใช้ ตำราของขงจื๊อเป็นแนวทาง

3.         ส่งเสริมความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจที่เด่น ๆ ได้แก่ เป็นสมัยแรกที่จีนส่งกองคาราวาน เดินทางไปค้าขายกับตะวันตก (ยุโรป) ไกลถึงอาณาจักรโรมัน (กรุงโรม) จนทำให้เกิด เส้นทางสายไหม” (Silk Route) ขึ้นมีการนำกระดาษมาพิมพ์เป็นธนบัตรแทนเงินตรา ที่ทำด้วยโลหะเป็นครั้งแรก และมีการส่งเรือไปค้าขายในทะเลจีนใต้โดยตรง ฯลฯ

84.       ข้อใดคือผลงานที่สำคัญในสมัยราชวงศ์สุย

(1) การสร้างกำแพงเมืองจีน   

(2) การสร้างพระราชวังที่ปักกิ่ง

(3) การขุดคลองเชื่อมแม่น้ำ 3 สาย    

(4) การรับพุทธศาสนาเข้ามาเป็นครั้งแรก

ตอบ 3 หน้า 280 ราชวงศ์สุยเป็นราชวงศ์ที่มีอายุสั้นมากในการปกครองประเทศจีน โดยปกครองจีน เพียง 27 ปี (ค.ศ. 589 – 618) ก็เสื่อมลง ซึ่งผลงานที่สำคัญของราชวงศ์นี้ได้แก่ การขุดคลองใหญ่ (Grand Canal) จากเหนือจรดใต้เพื่อเชื่อมแม่นํ้า 3 สายเข้าด้วยกัน คือ แม่นํ้าฮวงโห แม่นํ้าแยงซี และแม่น้ำฮวย

85.       จักรพรรดินีที่ปกครองจีนในสมัยราชวงศ์ถังคือใคร

(1) ซูสีไทเฮา   

(2) บูเชคเทียน

(3) หยางกุ้ยเฟย         

(4) ราชินีเหลือง

ตอบ 2 หน้า 267280, (คำบรรยาย) ผู้ก่อตั้งราชวงศ์ถังคือ หลีหยวน หรือพระเจ้าถังเกาสู โดยมี เมืองหลวงอยู่ที่ฉางอัน มณฑลสั่นซี แต่ผู้ที่สร้างความเจริญให้แก่ราชวงศ์นี้จนได้รับการขนานนาม ว่า “เป็นสมัยที่มีความเจริญสูงสุดในประวัติศาสตร์ของจีน” ก็คือ หลีซือมิน หรือพระเจ้าถังไถจง และพระนางหวู หรือพระนางบูเชคเทียน ซึ่งทรงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นจักรพรรดินี (Empress) ในสมัยพระเจ้าเกาจุง

86.       ใครคือนักคิดที่มีบทบาทต่อการเกิดลัทธิขงจื๊อใหม่

(1) หลี ลุงเมียง           

(2) ไหมเฟย    

(3) ชูสี 

(4) จิ๋นซีฮ่องเต้

ตอบ 3 หน้า 282 – 283 นักคิดคนสำคัญที่มีบทบาทต่อการเกิดลัทธิขงจื๊อใหม่คือ ชูสี โดยลัทธินี้ เชื่อว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในธรรมชาติดีอยู่แล้ว แต่การนำเสนอออกมาเพื่อปฏิบัติจำเป็นต้อง อาศัยการศึกษา และนักปกครองควรมาจากผู้ที่มีการศึกษาดี โดยเฉพาะจากลัทธิขงจื๊อ

87.       หลิวปังกับจูหยวนจังมีลักษณะที่คล้ายคลึงกันอย่างไร

(1) เป็นชาวนามาก่อน

(2) เป็นพระมาก่อน

(3) เป็นกษัตริย์พระองค์สุดท้าย         

(4) เป็นกษัตริย์ต่างชาติ

ตอบ 1 หน้า 278284 หลิวปังแถะจูหยวนจังมีลักษณะที่คล้ายคลึงกัน ก็คือ ทรงเป็นสามัญชนหรือ เป็นชาวนามาก่อน โดยหลิวปังนับเป็นชาวนาคนแรกในประวัติศาสตร์จีนที่ได้ก่อตั้งราชวงศ์ฮั่น แสะสถาปนาตนเองเป็นจักรพรรดินามว่า ฮั่นเกาสู” ส่วนจูหยวนจังก็นับเป็นชาวนาคนที่ 2 ต่อจากหลิวปัง ที่ได้ก่อตั้งราชวงศ์หมิงและสถาปนาตนเองเป็นจักรพรรดินามว่า พระเจ้าฮังวู” ขึ้นปกครองแผ่นดินจีน

88.       สมัยราชวงศ์หมิงการค้ากับต่างประเทศของจีนมีความโดดเด่นเป็นอย่างยิ่งเพราะเหตุใด

(1) ส่งกองเรือไปถึงแอฟริกา   

(2) กษัตริย์ส่งเสริมการค้ากับญี่ปุ่น

(3) มีการศึกษาเรื่องท้องทะเลอย่างกว้างขวาง           

(4) นำเข้าแร่เงินจากญี่ปุ่น

ตอบ 1 หน้า 285 ในสมัยราชวงศ์หมิงได้ส่งเสริมให้มีการเดินทางทางทะเลมากขึ้น ส่งผลให้กองเรือจีน ในสมัยนี้มีความยิ่งใหญ่กว่าสมัยอื่น ๆ จนสามารถเดินทางไปไกลถึงชายฝั่งด้านตะวันออกของ ทวีปแอฟริกา อย่างไรก็ตามความเป็นเจ้าทะเลของจีนได้ยุติลงในปี ค.ศ. 1433 เพราะผู้ปกครอง ไม่สนับสนุนให้ทำการค้าขาย

89.       ชนชั้นใดที่ไม่ว่าราชวงศ์ใดปกครองจีน จะเป็นคนกลุ่มที่เป็นชนชั้นล่างที่สุดในสังคม

(1) ฮั่นเหนือ    

(2) ฮั่นตะวันออก        

(3) ฮั่นใต้        

(4) ฮั่นตะวันตก

ตอบ 3 (คำบรรยาย) ชนชาติพื้นเมืองในจีนแบ่งออกเป็น 4 ชนชั้น ได้แก่

1.ชนชั้นชาวมองโกลทั่วไป ถือว่าเป็นชนชั้นที่มีฐานะทางสังคมสูงสุด

2. ชนชั้นชาวเซ่อมู่ เป็นชนเผ่าต่าง ๆ ของดินแดน ทางตะวันตกและพวกซีเซี่ย

3. ชนชั้นชาวฮั่น เป็นพวกที่เคยถูกอาณาจักรจิ๋นปกครองมาก่อน เช่น ชาวฮั่นเหนือ ชาวชี่ตาน ชาวหนี่เจิน ฯลฯ

4. ชนชั้นชาวใต้ เป็นชาวฮั่นใต้แม่นํ้าแยงซีเกียง และชนชาติอื่น ๆ ซึ่งถือว่าเป็นชนชั้นที่มีฐานะทางสังคมต่ำสุดในทุกราชวงศ์ที่ขึ้นปกครองจีน

90.       ข้อใดเป็นมูลเหตุของการเกิดสงครามระหว่างจีน-อังกฤษระหว่าง ค.ศ. 1839 – 1842

(1) สาวงาม    

(2) ทอง           

(3) ฝิ่น

(4) ขุนนางฝ่ายขวา

ตอน. 3 หน้า 287, (คำบรรยาย) ในสมัยราชวงศ์แมนจช่วงปี ค.ศ. 1699 ผู้ปกครองจีนได้อนุญาตให้ อังกฤษเข้ามาค้าขายได้ที่เมืองแคนตอน แต่ต้องปฏิษัติตามระบบการค้าที่เมืองแคนตอนของรัฐบาลจีน ซึ่งเป็นกฎเกณฑ์ที่ทำให้อังกฤษเสียเปรียบมากที่สุด ต่อมาอังกฤษจึงแก้ปัญหานี้ ด้วยการนำฝิ่นเข้ามาขายในจีน ทำให้จีนต้องปราบปรามอย่างหนัก จนนำไปสู่การทำสงคราม ระหว่างจีนกับอังกฤษขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1839 – 1842 เรียกว่า สงครามฝิ่น” ซึ่งผลปรากฏว่า จีนเป็นฝ่ายพ่ายแพ้

91.       ข้อความใดเป็นข้อความที่ถูกต้องในการบรรยายเรื่อง การปฏิรูป 100 วัน

(1)       การปฏิรูปบ้านเมืองให้ทันสมัยตามแบบตะวันตก

(2)       การปฏิรูปครั้งนี้ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง

(3)       รัฐบาลอเมริกันมีบทบาทช่วยเหลือในการวางแผนปฏิรูป

(4)       การปฏิรูปล้มเหลวเพราะอังกฤษเข้าแทรกแซง

ตอบ 1 หน้า 289 กังยู่ไหว เป็นผู้นำในการปฏิรูปประเทศจีนให้ทันสมัยตามแบบตะวันตกทางภาคเหนือ โดยเขาได้นำแนวคิดเกี่ยวกับเทคโนโลยีและวิทยาการจากตะวันตกทั้งหมดเข้ามาใช้ใด้เพียง 100 วัน ซึ่งรู้จักกันในชื่อ การปฏิรูป 100 วัน” แต่โครงการปฏิรูปนี้ประสบกับความล้มเหลว ทำให้กังยู่ไหวและพรรคพวกถูกจับเนรเทศ บางส่วนก็ถูกประหารชีวิต

92.       ใครคือผู้เปลี่ยนจีนให้เข้าสู่ระบอบคอมมิวนิสต์

(1) ใจวเอินไหล           

(2) เหมาเจ๋อตุง           

(3) เติ้งเสี่ยวผิง

(4) เจียงไคเชค

ตอบ 2 หน้า 291 – 293, (คำบรรยาย) เมื่อปัญญาชนจีนพบว่าแนวคิดแบบตะวันตกไม่สามารถ แก้ปัญหาให้แก่จีนได้อีกต่อไป พวกเขาจึงได้หันไปสู่แนวทางใหม่ นั่นคือ การแก้ไขปัญหา ด้วยแนวทางสังคมนิยม หลังจากนั้นพรรคคอมมิวนิสต์จีนจึงเริ่มถือกำเนิดขึ้นในปี ค.ค. 1921 ภายใต้การนำของปัญญาชนจีน 2 ท่าน คือ เฉินตู้ซิ่ว และหลี่ต้าเจา ต่อมาเมื่อเหมาเจ๋อตุง ได้ประกาคจัดตั้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน” ขึ้นที่ปักกิ่งในปี ค.ศ. 1949 เขาจึงดำเนินการ ปฏิรูปประเทศให้เข้าสู่ระบอบคอมมิวนิสต์ตามแนวทางของลัทธิมาร์กซ์ (Marxism), เลนิน (Leninism) และเหมา (Maoism)

93.       ใครคือคนกลุ่มแรกที่อาศัยในเกาะญี่ปุ่น

(1) ชาวจีน      

(2) ชาวนารา   

(3) ชาวไอนุ     

(4) ชาวเอโดะ

ตอบ 3 หน้า 305 ชาวไอนุเป็นชนพื้นเมืองกลุ่มแรกๆ ที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในญี่ปุน และถือว่า เป็นบรรพบุรุษของชาวญี่ปุ่นที่ยังคงมีบทบาททางสังคมอยู่บริเวณตอนเหนือของเกาะฮอกไกโดในปัจจุบัน ซึ่งชาวไอนุจะมีลักษณะทางกายภาพหรือมีรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกับชาวตะวันตก (ชาวยุโรป) มากที่สุด เช่น ตามร่างกายมีขนตก หน้าแบน ตาสีฟ้า ผิวขาว ผมทอง รูปร่างสูงใหญ่ เป็นต้น

94.       การปฏิรูปไทกาเป็นผลงานของใคร

(1) จิมมู เทนโน           

(2) เจ้าชายไทกา         

(3) นากะ โนะ โอเยะ  

(4)โตกูกาวา

ตอบ 3 หน้า 307 – 308310316 ในสมัยเจ้าชายนากะ โนะ โอเยะ ได้เกิดแผนการปฏิรูปไทกาซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของญี่ปุ่นที่เลียนแบบจีนในสมัยราชวงศ์ถัง โดยเป็นการปฏิรูป ทั้งทางด้านการปกครองและด้านเศรษฐกิจ อาทิเช่น มีการปฏิรูปรูปแบบการปกครองของรัฐบาล ส่วนกลางใหม่ โดยแบ่งกระทรวงออกเป็น 8 กระทรวงสตรีไม่มีสิทธิเป็นจักรพรรดิอีกต่อไป,มีการประกาศโอนที่ดินของนายทุนและผู้มีอิทธิพลเข้ามาเป็นของรัฐ แล้วแจกจ่ายที่ดินดังกล่าว ให้แก่ชาวนาเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ เป็นต้น

95.       ชนชั้นใดคืชนชั้นที่มีฐานะตํ่าที่สุดในสังคมญี่ปุ่น

(1) ชาวนา       

(2) ชามูไร       

(3) ช่างฝีมือ    

(4) พ่อค้า

ตอบ 4 หน้า 312 – 313, (คำบรรยาย) สังคมญี่ปุ่นในสมัยศักดินาแบ่งออกเป็น 4 ชนชั้น (ตามแนวคิด ของลัทธิขงจื๊อที่รับมาจากจีน) ได้แก่

1. ชนชั้นปกครอง ถือว่าเป็นชนชั้นที่สูงและสำคัญที่สุด ซึ่งประกอบด้วยพวกขุนนางและนักรบหรือซามูไร

2. ชนชั้นชาวไร่ชาวนา

3. ชนชั้นช่างฝีมือ

4. ชนชั้นพ่อค้าและนักธุรกิจ เป็นชนชั้นตํ่าสุดในสมัยนี้ แต่ผลสุดท้ายก็กลายเป็นชนชั้นที่สำคัญ ที่สุดในปัจจุบัน

96.       ลัทธิบูชิโดคือแนวทางในการปฏิบัติตนของชนชั้นใด

(1) ชาวนา       

(2) ซามูไร       

(3) ช่างฝีมือ    

(4) พ่อค้า

ตอบ 2 หน้า 313, (ดูคำอธิบายข้อ 95. ประกอบ) พวกซามูไรถือว่าเป็นชนชั้นสูงและมีความสำคัญที่สุด ในสังคมญี่ปุ่นในสมัยศักดินา โดยพวกซามูไรเหล่านี้จะต้องดำเนินชีวิตตามกฎเกณฑ์หรือ แนวปฏิบัติที่เรียกว่า วิถีทางของนักรบ” หรือลัทธิบูชิโด ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากหลักคำสอนของลัทธิขงจื๊อ ได้แก่ ความกล้าหาญ ความมีระเบียบวินัย ความจงรักภักดี ความกตัญญูกตเวที ความอ่อนน้อมโดยเฉพาะกับสตรี การเสียสละความสุขส่วนตัว การรักษาผลประโยชน์ของ ส่วนรวม และการมีชิวีตอย่างสำรวมและสมถะ

97.       เทพเจ้าองค์ใดคือเทพเจ้าสูงสุดของชาวญี่ปุ่น

(1) กามิกาเซ  

(2) อะมาเตราสึ          

(3) ชินโต         

(4) โคพัน

ตอบ 2 หน้า 303315 ก่อนที่ศาสนาและลัทธิจากต่างชาติ เช่น ศาสนาพุทธ ลัทธิขงจื๊อและเต๋า ฯลฯ จะเข้ามาเผยแผ่ในญี่ปุ่น ชาวญี่ปุ่นได้มีการนับถือเทพเจ้าอยู่แล้วซึ่งก็คือ เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ (สุริยเทวีหรือพระนางอะมาเตราสึ) ซึ่งเป็นเทพเจ้าสูงสุดในสมัยนั้น โดยต่อมารู้จักกันในชื่อว่า ลัทธิชินโต” หรือวิถีทางของเทพเจ้า ทั้งนี้ลัทธิชินโตรุ่งเรืองอย่างมากในสมัยโตกูกาวาตอนปลาย และในสมัยเมอิจิ

98.       ใครคือปฐมกษัตริย์ของชาติเกาหลี

(1) ตันกุน       

(2) วังคอง       

(3) ยี ซองเกีย 

(4) เซจอง

ตอบ 1 หน้า 328, (คำบรรยาย) ชนเผ่าตังกัส (Tangus) ถือว่าเป็นบรรพบุรุษของชาวเกาหลีในปัจจุบันโดยตามตำนานของเกาหลี เชื่อว่า รัฐบุรุษกึ่งเทพเจ้านามว่า ตันกุน” (Tangun) เป็นปฐมกษัตริย์ ผู้ให้กำเนิดชาติเกาหลี ซึ่งได้รวบรวมแคว้นต่าง ๆ ที่ตั้งกระจัดกระจายอยู่บนคาบสมุทรเกาหลี เข้าด้วยกันและก่อตั้งเป็นชาติเกาหลีขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ปี 2333 ก่อนคริสต์ศักราช ดังนั้นในปัจจุบันจึงได้มีการกำหนดให้วันที่ 3 ตุลาคมของทุกปีเป็นวันกำเนิดชาติเกาหลี

99.       ใครคือผู้รวมเกาหลีสมัยกลางให้เป็นปึกแผ่น

(1) ตันกุน       

(2) วังคอง       

(3) ยี ซองเกีย 

(4) เซจอง

ตอบ 2 หน้า 329 เกาหลีในยุคกลางสามารถรวมตัวกันเป็นปึกแผ่นได้อีกครั้งภายใต้การนำของวังคอง (Wang Kong) โดยเขาได้ตั้งราชวงศ์โคริโยขึ้นมาและมีเมืองเคซองเป็นเมืองหลวง ในสมัยนี้ ได้เกิดผลงานเด่น ๆ เช่น เกิดพระไตรปิฎกฉบับเกาหลีซึ่งนับว่าเป็นต้นฉบับตัวเขียนที่สมบูรณ์ ที่สุดในโลก มีการทำแท่นพิมพโลหะเคลื่อนที่ได้เป็นครั้งแรก เป็นต้น

100.    สงครามเกาหลียุติลงชั่วคราวเพราะเหตุใด

(1) การลงนามในสัญญาทางทหารที่หมู่บ้านปันมุนจอม        

(2) ผู้นำเกาหลีเหนือเสียซีวิตลงกะทันหัน

(3) สหรัฐอเมริกาให้ความสนใจกับสงครามเวียดนามมากกว่า

(4) จีนเข้าช่วยเกาหลีเหนือทำสงคราม

ตอบ 1 หน้า 332 สงครามเกาหลี (ค.ศ. 1950 – 1953) เป็นสงครามภายในประเทศระหว่างเกาหลีเหนือ กับเกาหลีใต้โดยเริ่มต้นขึ้นเมื่อเกาหลีเหนือได้ส่งกองกำลังทหารรุกข้ามเขตเส้นขนานที่ 38 องศาเหนือ เข้ามาในเกาหลีใต้ และยึดกรุงโซลได้ภายใน 5 วัน จนในที่สุดก็ได้มีการเซ็นลงนาม ในสนธิสัญญาทางทหารเพื่อหยุดยิงชั่วคราวฃึ้นที่หมู่บ้านปันมุนจอม (Panmunjom) ในเขต ปลอดทหาร เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ค.ศ. 1953 ซึ่งถือว่าเป็นการสิ้นสุดสงครามเกาหลีที่กิน ระยะเวลานานถึง 3 ปีนับตั้งแต่นั้น

101.    ชนชาติใดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นชนชาติแรกที่ติดต่อกับจีน

(1) ไทย           

(2) มาเลเซีย   

(3) เวียดนาม  

(4) พม่า

ตอบ 3 หน้า 368 – 369, (HI 102 เลขพิมพ์ 52058 หน้า 274 – 275) จีนเริ่มเข้ามามีอิทธิพลในเอเชิยตะวันออกเฉียงใต้ในสมัยจิ๋นซีฮ่องเต้ โดยจีนได้เข้ามาปกครองบริเวณตังเกี๋ยและทางเหนือของอันนัมเป็นแห่งแรก และให้ชาวพื้นเมืองหรือที่ชาวจีนเรียกว่า เย่ห์” ปกครองกันเอง ซึ่งต่อมา จีนก็เรียกชื่ออาณาจักรนี้ว่า นานเย่ห์หรือนามเวียด” (อาณาจักรของเวียดนามเดิม) เมื่อชุมชนของชาวเวียดขยายตัวมากขึ้นจนสถาปนาอาณาจักรของตนขึ้นได้ทำให้จีนวิตกว่าจะเป็นอันตรายต่อจีน จึงส่งขุนนางจีนเข้ามาปกครอง จากนั้นได้พยายามทำให้เวียดนามสวามิภักดิ์ต่อจีน โดยการส่งเสริมให้มีการแต่งงานระหว่างชาวจีนกับชาวเวียด ให้เรียนภาษาจีน และปลูกฝังวัฒนธรรมจีน ดังนั้นเวียดนามจึงเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคนี้ที่ได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมจีนโดยตรง

102.    รัฐใดคือรัฐแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

(1) ฟูนัน          

(2) เจนละ       

(3) กัมพูชา     

(4) ศรีวิชัย

ตอบ 1 หน้า 361372 ตามจดหมายเหตุของจีนได้บันทึกไว้ว่า ฟูนันเป็นรัฐหรืออาณาจักรแรกที่เก่าแก่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยตั้งขึ้นราวคริสต์ศตวรรษที่ 1 – 6 นอกจากนี้ยังถือว่า เป็นอาณาจักรแรกที่ส่งเครื่องราชบรรณาการให้กับจีนในสมัยราชวงศ์จิ๋น มีเมืองออกแก้ว เป็นศูนย์กลางการค้าทางบกแห่งแรกบริเวณปากแม่นํ้าโขง และเป็นอาณาจักรแรกที่รับเอา วัฒนธรรมอินเดียเข้ามาสร้างความเจริญให้กับตน

103.    รัฐใดคือรัฐแรกที่มีการปกครองแบบเทวราชาอยางแท้จริง

(1) ฟูนัน          

(2) เจนละ       

(3) กัมพูชา     

(4) ศรีวิชัย

ตอบ 3 หน้า 374 พวกเขมรได้รวมตัวเป็นปึกแผ่นอีกครั้งหนึ่งในสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ซึ่งทรง ยกทัพขึ้นมายึดครองอาณาจักรเจนละได้สำเร็จ และได้รวมเจนละบกและเจนละนํ้าเข้าด้วยกัน โดยให้ชื่อใหม่ว่า อาณาจักรกัมพูชา” หลังจากนั้นพระองค์ได้ประกอบพิธีราชาภิเษก มีการบูชาศิวลึงศ์ และประกาศพระองศ์เป็นเจ้าแหงจักรวาล ซึ่งถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของยุคเทวราชา ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างแท้จริง

104.    เพราะเหตุใดอาณาจักรศรีวิชัยจึงส่มสลายลง           

(1) กองทัพโจฬะเข้ารุกราน

(2) กองทัพมองโกลเข้ารุกราน

(3) กษัตริย์ไม่มีความสามารถ 

(4) เชื้อพระวงศ์ก่อการกบฏ

ตอบ 1 หน้า 379 อาณาจักรศรีวิชัยได้ล่มสลายลงนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1025 เนื่องจากถูกกองทัพโจฬะในอินเดียภาคใต้เข้ารุกราน แต่ยังคงมีกษัตริย์ปกครองต่อมา จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1280 ศรีวิชัยจึง หมดอำนาจโดยสิ้นเชิงจากการรุกรานของอาณาจักรมัชฌปาหิตและอาณาจักรไทยในแหลมมลายู

105.    อาณาจักรมอญมีศูนย์กลางอยู่ที่ใด

(1) อังวะ         

(2) สุธรรมวดี  

(3) เสียมเรียบ

(4) ฮานอย

ตอบ 2 หน้า 375 มอญเป็นกลุ่มชาติพันธุ์เชื้อสายเดียวกับเขมร ซึ่งได้เริ่มรวมตัวกันตั้งเป็นอาณาจักรมอญขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 5 โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่เมีองสุธรรมวดีหรือเมืองท่าตุน บริเวณลุ่มแม่น้ำสะโตงของพม่า (เมียนมาร์) ซึ่งพวกมอญที่สุธรรมวดีจะมีความรู้ทางด้านเกษตรกรรม การทำนาทำไร่ และมีความชำนาญในการชลประทาน ซึ่งเรียนรู้มาจากพวกอินเดีย โดยเฉพาะการเป็นผู้ริเริ่ม การชลประทานขึ้นในที่ราบกยอเสในบริเวณตอนกลางของพม่า นอกจากนี้ยังมีการติดต่อค้าขาย อย่างใกล้ชิดกับอินเดียและลังกา ทำให้มอญได้รับอารยธรรมอินเดียไว้เต็มที่หลายประการ

106.    ข้อใดไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้ชาวตะวันตกเข้ามาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้      

(1) การค้า

(2)  การศาสนา           

(3) การปฏิวัติอุตสาหกรรม     

(4) สงครามโลกครังที่ 1

ตอบ 4 หน้า 387 – 388 แรงจูงใจที่ทำให้ชาติตะวันตกเข้ามาขยายอิทธิพลในเอเชียตะวับออกเฉียงใต้ มี 3 ประการ คือ

1. การค้า เนื่องจากความต้องการเครื่องเทศและทองคำโดยไม่ต้องผ่านพ่อค้าอาหรับ           

2. ความต้องการเผยแผ่ศาสนาคริสต์และอุดมการณ์ทางการเมือง

3. การปฏิวัติอุตสาหกรรมในยุโรป ทำให้ต้องแสวงหาแหล่งวัตถุดิบและขยายตลาดการค้า

107.    ข้อใดไม่ใช่ชาติตะวันตกที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

(1) อิตาลี        

(2) อังกฤษ     

(3) ฝรั่งเศส     

(4) เนเธอร์แลนด์

ตอบ 1 หน้า 388 ชาติตะวันตกที่ตามโปรตุเกสเข้ามาและสามารถจับจองอาณานิคมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้สำเร็จ ได้แก่ สเปน ดัตช์หรือฮอลันดา (ประเทศเนเธอร์แลนด์ในปัจจุบัน) อังกฤษ ฝรั่งเศส และสหรัฐอเมริกา ซึ่งชาติต่าง ๆ เหล่านี้ต่างก็มีวิธีการขยายอำนาจการปกครอง อาณานิคมแตกต่างกัน ซี่งขึ้นอยู่กับปัจจัยทางการเมือง เศรษฐกิจของเมืองแม่เอง และ ประเทศที่ตกเป็นอาณานิคม

108.    เมื่ออังกฤษยึดครองพม่าได้อย่างสมบูรณ์ใน ค.ศ. 1885 ชะตากรรมของเชื้อพระวงศ์พม่าเป็นเช่นไร

(1) พระเจ้าธีบอและพระราชวงศ์ถูกอพยพไปอินเดีย

(2) กษัตริย์ยังประทับอยู่ที่อังวะต่อไป

(3) กษัตริย์มีอำนาจปกครองอยางเต็มที่         

(4) พระเจ้าธีบอแอบหนีมาประทับที่กรุงเทพฯ

ตอบ 1 หน้า 395 ในปี ค.ศ. 1885 เมื่ออังกฤษมีอำนาจในพม่าทั้งหมดแล้ว อังกฤษได้ประกาศผนวก พม่าตอนบนเข้าเป็นมณฑลหนึ่งของอินเดีย โดยยุบสถาบันกษัตริย์และสภาลุทดอว์ของพม่า แล้วเนรเทศพระเจ้าธีบอซึ่งเป็นกษัตริย์องศ์สุดท้ายของพม่าและราชินีรวมถึงพระราชวงศ์ไปอยู่ที่อินเดีย

109.    ใครคือบิดาแห่งการปฏิวัติของฟิลิปปินส์

(1) ริซาล         

(2) แมกไซไซ   

(3) มากอส      

(4) อาราโย

ตอบ 1 หน้า 405 โฮเซ่ ริซาล (Jose Rizal) เป็นผู้นำในการเรียกร้องเอกราชของฟิลิปปินส์ จนได้ชื่อว่า เป็น บิดาแห่งการปฏิวัติของฟิลิปปินส์” โดยเขาได้เขียนบทความโจมตีสเปนและให้ข้อคิด เกี่ยวกับการปฏิวัติและเรียกร้องแบบสันติวิธี ด้วยการให้รัฐบาลสเปนปฏิรูปการปกครองเพื่อให้คนพื้นเมืองมีสิทธิและเสรีภาพมากขึ้น ตลอดจนการจัดเก็บภาษีที่เป็นธรรม แต่รัฐบาลสเปน ก็ปฏิเสธแนวคิดนั้น

110.    ประเทศใดที่เป็นผู้ปกครองเวียดนามในฐานะเจ้าอาณานิคม

(1) เยอรมนี     

(2) ฝรั่งเศส     

(3) อังกฤษ     

(4) เดนมาร์ก

ตอบ 2 หน้า 398 – 399433 สหภาพอินโดจีนของฝรั่งเศส (Indo China Union) ในปัจจุบัน หมายถึง ประเทศในลุ่มแม่น้ำโขง ได้แก่ กัมพูชา (เขมร) เวียดนาม และลาว โดยฝรั่งเศส ในฐานะเจ้าอาณานิคมได้รวมเอาเขมรและเวียดนามทั้ง 3 ภาคเข้าไว้ในสหภาพในปี ค.ศ. 1887 และได้รวมลาวเข้าไว้ในสหภาพเป็นลำดับสุดท้ายในปี ค.ศ. 1893

111.    ใครคือผู้นำของขบวนการชาตินิยมของประเทศมาเลเซีย       

(1) อูนุ

(2) อูถั่น          

(3) ตวนกู อับดุลย์ ราห์มาน    

(4) หวอเหงเวียนยาบ

ตอบ 3 หน้า 408 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นได้เข้ามาปกครองมลายู (ประเทศมาเลเซียในปัจจุบัน) แทนที่อังกฤษ และปฏิบัติต่อชาวมลายูและชาวอินเดียอย่างดี แต่กลับกดขี่ชาวจีน ทำให้ชาวจีน ตั้งขบวนการชาตินิยมต่อต้านญี่ปุ่นขึ้น โดยมีจีนเป็ง (Chin Peng) เป็นผู้นำ หลังสงครามโลก ครั้งที่ 2 อังกฤษกลับเข้ามาปกครองมลายูตามเดิม แต่กลับยกย่องตวนกู อับดุลย์ ราห์มาน ขึ้นเป็นผู้นำของชาวมลายูแทนจีนเป็ง ทำให้เขานำพรรคพวกเข้าป่าไปเป็นกองโจรคอมมิวนิสต์ และปฏิษัติการต่อต้านรัฐบาลมลายูบริเวณเขตแดนไทย-มลายู

112.    ปัญหาสำคัญที่ทำให้การประกาศอิสรภาพของสมาพันธรัฐมลายูล่าช้าออกไปคือเรื่องได

(1) แนวคิดทางการเมือง         

(2) ศาสนา      

(3) ภาษา        

(4) เชื้อชาติ

ตอบ 4 หน้า 408 – 410 ปัญหาสำคัญที่ทำให้การประกาศอิสรภาพของสมาพันธรัฐมลายู (สหพันธรัฐมลายู) ล่าช้าออกไปคือ ปัญหาเรื่องเชื้อชาติระหว่างชาวมลายูกับชาวจีน ซึ่งมีความขัดแย้งกัน ทั้งในเรื่องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสิทธิต่าง ๆ ในมลายูที่ไม่เท่าเทียมกัน ทั้งนี้สหพันธรัฐมลายู ประกอบด้วยรัฐเปรัก สลังงอ เนกริแซมบิลัน และปาหัง ต่อมาในวันที่ 16 กันยายน ค.ศ. 1963ได้มีการสถาปนาประเทศมาเลเซียและเปลี่ยนชื่อประเทศเป็น สหพันธรัฐมาเลเซีย” โดยรวมเอาสิงคโปร์ ซาบาห์ และซาราวักเข้าไวัด้วย จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1965 สิงคโปร์ ได้ขอแยกตัวเองออกจากสหพันธรัฐ เนื่องจากความขัดแย้งทางเชื้อชาติ

113.    ขบวนการชาตินิยมที่มีบทบาทสำคัญในการเรียกร้องอิสรภาพของพม่าคือขบวนการใด

(1) ซายาซาน  

(2) คอมมิวนิสต์          

(3) กลุ่มตะขิ่น

(4) พม่าเสรี

ตอบ 3 หน้า 410 กลุ่มขบวนการชาตินิยมที่มีบทบาทสำคัญในการเรียกร้องอิสรภาพของพม่าคือ กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยย่างกุ้งที่เรียกว่า กลุ่มตะขิ่น” (Thakin) โดยมีผู้นำที่สำคัญ 2 คน คือ อูนุ (U Nu) และอองซาน (Aung San)

114.    ขบวนการเวียดมินห์มีความสำคัญเช่นไรในประวัติศาสตร์เวียดนาม

(1) ขบวนการต่อต้านฝรั่งเศสและสหรัฐอเมริกา         

(2) ขบวนการต่อต้านทหารเวียดกง

(3) กองทัพที่ต่อต้านฝ่ายขวาในลาวและกัมพูชา        

(4) กองทัพที่สนับสนุนเวียดนามใต้

ตอบ 1 หน้า 412 – 413, (คำบรรยาย) สันนิบาตเพื่อเอกราชของเวียดนามหรือเวียดมินห์ (Viet Minh) ภายใต้การนำของโฮจิมินห์ หัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามนั้น เป็นกลุ่มชาวเวียดนามรักชาติ ที่ออกมาต่อต้านและขับไล่ญี่ปุ่นออกไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2. ต่อต้านฝรั่งเศสที่กลับเข้ามามีอำนาจในเวียดนามอีกครั้งหนึ่งในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และต่อต้านสหรัฐอเมริกา ที่สนับสบุนเวียดนามใต้ไม่ให้ลงประชามติเรื่องที่จะรวมเวียดนามเหนือและเวียดนามใต้ เข้าด้วยกันภายใต้สนธิสัญญาเจนีวา

115.    ปัญหาใดที่ทำให้สิงคโปร์แยกตัวจากสมาพันธรัฐมลายู

(1) แนวคิดทางการเมือง         

(2) ศาสนา      

(3) ภาษา        

(4) เชื้อชาติ

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 112. ประกอบ

116.    หลังได้รับเอกราช ฟิลิปปินส์ประสบปัญหาในการพัฒนาประเทศหลายด้าน ยกเว้นด้านใด

(1) แนวคิดทางการเมือง         

(2) ศาสนา      

(3) ภาษา        

(4) เชื้อชาติ

ตอบ 3 หน้า 416 – 417, (คำบรรยาย) ปัญหาของฟิลิปปินส์ภายหลังได้รับเอกราช ได้แก่ ปัญหาทาง เศรษฐกิจและสังคม ปัญหาทางการเมือง ปัญหาความขัดแย้งทางศาสนาระหว่างพวกคริสเตียน กับชนกลุ่มน้อยมุสลิมบนเกาะมินดาเนา และปัญหาความหลากหลายทางเชื้อชาติ ซึ่งเป็นมูลเหตุ ที่นำไปสู่การแตกแยกทางการเมืองและการผสมผสานทางวัฒนธรรม

117.    ใครให้ความสนับสนุนเวียดนามใต้ในการทำสงครามเวียดนาม

(1) สหภาพโซเวียต     

(2) สหรัฐอเมริกา        

(3) คิวบา        

(4) อิสราเอล

ตอบ 2 หน้า 421, (ดูคำอธิบายข้อ 114. ประกอบ) สงครามเวียดนาม เป็นสงครามระหว่างเวียดนามเหนือ กับเวียดนามใต้ โดยเริ่มต้นขึ้นเมื่อเวียดนามเหนือได้ส่งทหารเข้าไปในเวียดนามใต้ในปี ค.ค. 1963 ภายใต้การสนับสนุนจากพวกเวียดกง สหภาพโซเวียต และจีน ส่วนเวียดนามใต้ได้รับการ สนับสนุนทางทหารจากสหรัฐอเมริกาในการต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ จนในที่สุดก็ได้มีการลงนาม ร่วมกันในสนธิสัญญาปารีสเพื่อให้สหรัฐอเมริกาถอนทหารเพียงฝ่ายเดียวในปี ค.ศ. 1973 จึงเป็นการเปิดโอกาสให้รวม 2 เวียดนามเข้าเป็นประเทศเดียวได้สำเร็จในปี ค.ศ. 1975 ซึ่งถือว่าเป็นการสิ้นสุดสงครามเวียดนามอย่างเป็นทางการนับตั้งแต่นั้น

118.    ประเทศใดเป็นประเทศแรกที่ได้รับเอกราชจากเจ้าอาณานิคม

(1) อินโดนีเซีย

(2) พม่า          

(3) เวียดนาม  

(4) มาเลเซีย

ตอบ 2 หน้า 405 – 413, (คำบรรยาย) ความรู้สึกชาตินิยมและความรู้สึกตื่นตัวเรื่องความเป็นเอกราชของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ตกเป็นอาณานิคมของชาติตะวันตก ซึ่งได้แก่ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ พม่า เวียดนาม กัมพูชา และลาว ได้เริ่มขึ้นก่อนสงครามโลก ครั้งที่ 2 และมาได้รับเอกราชภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 (ช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 20) ซึ่งแต่ละประเทศจะมีการดำเนินการทั้งที่คล้ายคลึงกันและต่างกัน ตามพื้นฐานทางวัฒนธรรม และการปกครองของเมืองแม่ โดยประเทศแรกที่ได้รับเอกราชจากเจ้าอาณานิคมคือ พม่า ซึ่งได้รับเอกราชจากอังกฤษในวันที่ 4 มกราคม ค.ศ. 1948

119.    ยุคใดที่ได้ชื่อว่าเป็นยุคที่นองเลือดมากที่สุดในประวัติศาสตร์กัมพูชา

(1) ยุคจารีต    

(2) ยุคอาณานิคม       

(3) สมัยนายพลลอนนอล

(4) ยุคเขมรแดง

ตอบ 4 หน้า 422 – 423 กัมพูชาในยุคเขมรแดงที่มีนายเขียว สัมพันธ์ เป็นประมุขของประเทศ และ มีนายพอลพตเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น เป็นสมัยที่มีการสังหารประชาชนชาวกัมพูชามากที่สุด เพราะนโยบายซ้ายจัดของพวกเขมรแดงที่มุ่งขจัดผู้ที่เป็นปฏิปักษ์กับตน ส่งผลให้ชาวกัมพูชาอดอยากยากจนอย่างมาก และบางส่วนก็ลี้ภัยออกนอกประเทศ ดังนั้นในยุคนี้จึงได้ชื่อว่า เป็นยุคแห่งการนองเลือดมากที่สุดในประวัติศาสตร์กัมพูชา

120.    ประเทศใดที่ได้ชื่อว่าได้รับการปกครองที่ดีที่สุดจากเมืองแม่

(1) พม่า          

(2) อินโดนีเซีย

(3) เวียดนาม  

(4) มาเลเซีย

ตอบ 4 หน้า 419 มาเลเซียเป็นประเทศที่ได้ชื่อว่าได้รับการปกครองที่ดีที่สุดจากเมืองแม่ เพราะอังกฤษ ได้ให้การศึกษาและฝึกการปกครองตนเอง ทำให้มาเลเซียมีประสบการณ์ในการปกครองตนเอง ดีกว่าประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีการปกครองในระบบรัฐสภาแบบอังกฤษ

WordPress Ads
error: Content is protected !!