MCS2100 การประชาสัมพันธ์เบื้องต้น การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2555

การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2555

ข้อสอบกระบวนวิชา MCS 2100 (MC 210) การประชาสัมพันธ์เบื้องต้น

คำสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว (ข้อสอบมีทั้งหมด 100 ข้อ)

1.         เพราะเหตุใดวิชาการประชาสัมพันธ์จึงมุ่งให้ผู้ศึกษามีความเข้าใจในมนุษย์และสังคม

(1)       แก้ไขสิ่งร้ายให้กลายเป็นดี

(2)       สร้างชื่อเสียงทางด้านการตลาดให้สถาบัน

(3)       ส่งผลความไพบูลย์ให้กับธุรกิจขององค์กร

(4)       ให้ประชาชนมีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน

ตอบ 4 หน้า 27คำนำ วิชาการประชาสัมพันธ์จะช่วยให้ผู้ศึกษามีความรู้ความเข้าใจในมนุษย์และสังคม ได้ดียิ่งขึ้น ทำให้ความคิดกว้างไกลและมองปัญหาต่าง ๆ ด้วยความเที่ยงธรรมและสุขุมรอบคอบ ทั้งนี้ก็เพื่อให้เข้าใจถึงรากฐานของการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคลต่อบุคคล บุคคลต่อหน่วยงาน หรือระหว่างสถาบันกับสังคมภายนอก (สาธารณชนทั่วไป) ฯลฯ อันมีผลให้ประชาชน มีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน และเกิดภาพลักษณ์ที่ดีต่อสถาบัน

2.         วิธีการประชาสัมพันธ์มุ่งให้นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับใคร

(1)       สาธารณชน     

(2) อาจารย์ – เจ้าหน้าที่

(3) กลุ่มชมรมต่าง ๆ    

(4) นักศึกษาสื่อสารมวลชน

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 1. ประกอบ

3.         งานประชาสัมพันธ์ในเชิงรุกเกี่ยวข้องกับสิ่งใดมากที่สุด

(1)       สร้างยอดขายทะลุเป้า 

(2) เผยแพร่การโฆษณาผลิตภัณฑ์อย่างแปลกใหม่

(3) จับประเด็นช่วยเหลือสังคมตามสถานการณ์โลก 

(4) สร้างบทบาททางเศรษฐกิจและการเมือง

ตอบ 3 หน้า 55, (คำบรรยาย) ความมุ่งหมายของงานประชาสัมพันธ์แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

1.         เพื่อสร้างความนิยม (Goodwill) คือ การประชาสัมพันธ์เชิงรุกที่แสดงออกให้ประชาชน เห็นถึงการดำเนินกิจการของสถาบัน เพื่อสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างประชาชนกับ สถาบัน เช่น การรณรงค์เรื่องต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือสังคม ฯลฯ

2.         เพื่อป้องกันชื่อเสียง (Reputation) คือ การประชาสัมพันธ์เชิงรับที่พยายามขจัดความขัดแย้ง ต่าง ๆ อันจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดแก่ประชาชน ดังที่ Sam Black ได้กล่าวว่าการประชาสัมพันธ์ คือ การกระทำเพื่อค้นหาและทำลายเสียซึ่งที่มาของความเข้าใจผิด

4.         การประชาสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับข้อใด

(1)       Public Information (2) Psychology (3) Public Relation (4) Public Relations

ตอบ 4 หน้า 79 – 10 การประชาสัมพันธ์ ตรงกับคำภาษาอังกฤษว่า “Public Relations”หมายถึง วิธีการของสถาบันที่มีแผนการและกระทำต่อเนื่องกันไปในอันที่จะสร้างหรือรักษาไร้ ซึ่งความสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มประชาชน เพื่อให้สถาบันกับกลุ่มประชาชนที่เกี่ยวข้องมีความรู้ ความเข้าใจ ให้ความสนับสนุนร่วมมือซึ่งกับและกัน และเพื่อให้งานของสถาบันดำเนินไปด้วยดี โดยมีประชามติเป็นแนวบรรทัดฐาน

5.         ข้อใดคือคุณสมบัติขององค์กรในลักษณะการประชาสัมพันธ์

(1)       นักเรียนมัธยมสาธิต ม.ร. ได้รับเลือกเป็นอันดับหนึ่งสุดยอดดีเจ         (2) จาง ซื่อยี่ จอมใจบ้านมีดบิน

(3) ไทสัน หมดลายโดนน็อก    (4) กะเทาะชีวิตวัยรุ่นยุค X

ตอบ 1 หน้า 8 ระดับหรือคุณสมบัติของสถาบันหรือองค์กร คือ การใช้ถ้อยคำเพื่อแสดงระดับหรือ คุณสมบัติของสถาบันหนึ่ง ๆ ว่าดีหรือเลวแค่ไหน เพียงไร ในสายตาและความนิยมของ ประชาชน โดยถ้าชื่อเสียง กิจกรรม หรือผลงานของสถาบันมีประขาขนนิยมเลื่อมใสและรู้จัก กันอย่างกว้างขวางก็นับเป็นการประชาสัมพันธ์ที่ดี แต่ถ้าประชาชนไม่รู้จัก ไม่ใคร่นิยมเลื่อมใส หรือไม่สนใจในสถาบันก็นับเป็นการประชาสัมพันธ์ที่ไม่ดี

6.         ผู้บริหารมีภาระหน้าที่ตัดสินใจวางแผนในเรื่องใดให้องค์กร

(1)       บริการต้อนรับ  (2) ประชาสัมพันธ์       (3) ติดต่อสอบถาม      (4) โฆษณาผลิตภัณฑ์

ตอบ 2 หน้า 1220, (คำบรรยาย) ฝ่ายบริหาร (Executive) หรือฝ่ายจัดการ จะถือว่าการประชาสัมพันธ์ เป็นส่วนหนึ่งของงานในภาระหน้าที่และความรับผิดชอบของตน ดังนั้นในการดำเนินงาน ประชาสัมพันธ์ ผู้ที่เป็นฝ่ายบริหารสูงสุดขององค์กรจะเป็นฝ่ายตัดสินใจวางแผนกำหนดนโยบาย และมอบหมายนโยบายนั้นให้นักประชาสัมพันธ์วางแผนงานไปสู่ประชาชนกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้ได้รับผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์

7.         การชักจูงใจให้ประชาชนสนับสนุนร่วมมือในการประหยัดพลังงานอย่างจริงจัง คือการสื่อสารในข้อใด

(1)       การโฆษณาชวนเชื่อ (2) การโฆษณาสินค้า     (3) การเผยแพร่           (4) การส่งเสริมการจำหน่าย

ตอบ 3 หน้า 16, (คำบรรยาย) การเผยแพร่ (Publicity) หรือการโฆษณาเผยแพร่ เป็นการป่าวประกาศปลุกความสนใจ และความนิยมในบุคคลหรืออุดมการณ์ โดยมีจุดมุ่งหมายที่แท้จริง คือ การเผยแพร่ข่าวสาร ความรู้ความเข้าใจ ชักจูงใจให้ประชาชนเกิดความสนใจ นิยมเลื่อมใส และเพื่อขอความสนับสนุนร่วมมือจากประชาชน ซึ่งคำขวัญจูงใจการเผยแพร่ส่วนใหญ่มักขึ้นตัน ด้วยคำว่า โปรด” เช่น โปรดช่วยกันประหยัดพลังงาน ประหยัดน้ำ และประหยัดไฟ เป็นต้น

8.         บางกรณีการโฆษณาขายสินค้าถูกนำไปใช้ร่วมกับอะไร

(1)       การโฆษณาชวนเชื่อ    (2) ภาพลักษณ์

(3) การโฆษณาประชาสัมพันธ์            (4) การส่งเสริมการจำหน่าย

ตอบ 1 หน้า 14-15 การโฆษณาชวนเชื่อ (Propaganda) คือ การเผยแพร่ลัทธินิยมโดยเจตนา จะโน้มน้าวชักจูงใจคนด้วยกลวิธีต่าง ๆ ให้หลงเชื่อ เห็นดีเห็นงาม โดยมีลักษณะสำคัญคือ พูดเอาแต่ได้ เรื่องเท็จก็ว่าจริง พยายามปิดซ่อนที่มาของแหล่งข่าว จึงเป็นการสื่อสารทิศทางเดียว เพราะเสนอข่าวแต่เพียงด้านเดียวและเป็นไปทางด้านดีทั้งนั้น ซึ่งในปัจจุบันการโฆษณาชวนเชื่อ ถูกนำมาใช้เป็นสื่อร่วมกับการโฆษณาขายสินค้าเพราะทำแล้วได้ผลดี

9.         มีข้อใดถูกต้องเมื่อเกี่ยวข้องกับงานประชาสัมพันธ์

(1)       การสื่อสารส่วนบุคคล  (2) การสื่อสารจากผู้นำไปสู่มวลชน

(3) รับโทรศัพท์และบอกทาง   (4) กำกับดูแล เสนอแนะองค์กร

ตอบ 4 หน้า 3653 – 55, (คำบรรยาย) ลักษณะของงานประชาสัมพันธ์ มีดังนี้

1.         เป็นงานระดับบริหาร ซึ่งเกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลและเสนอแนะองค์กร จึงไม่ใช่ งานต้อนรับที่คอยรับโทรศัพท์และบอกทางให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการ

2.         เป็นงานที่ต้องอาศัยการติดต่อไปมาทั้งสองฝ่าย คือ เป็นการสื่อสารจากสถาบันไปสู่มวลชน และจากมวลชนมาสู่สถาบันควบคู่กันไปตลอดเวลา

3.         เป็นงานที่ต้องเปิดเผยข้อเท็จจริง 100% โดยไม่ปิดกั้นข้อมูลข่าวสารเรื่องราว

4.         เป็นงานที่ช่วยบ้องกันและแก้ไขความเข้าใจผิด เอาชนะกันด้วยความคิดและความถูกต้อง ฯลฯ

10.       เมื่อท่านไปสมัครประกวดร้องเพลงที่บริษัทสยามกลการ ด่านแรกที่จะต้องเข้าไปติดต่อด้วยคือข้อใด

(1)       Publicity  (2) Public Relations

(3) Public Relations Advertising        (4) Information

ตอบ 4 หน้า 95 – 98 แผนกติดต่อสอบถาม (Information) ถือเป็นบริการของหน่วยงานด่านแรก ที่ได้จัดไว้ให้กับประชาชน โดยเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการจะคอยชี้แจงเรื่องราวต่าง ๆ ตอบคำถาม ผู้มาติดต่อที่ไม่เข้าใจ และพร้อมที่จะให้บริการที่ดี มีคุณภาพ ดังนั้นจึงทำหน้าที่เป็นเหมือน ผู้ต้อนรับ (Receptionist) ที่ไม่ต้องมีส่วนร่วมในการบริหารงานองค์กร ไม่ต้องวางแผนงาน สำรวจวิจัย และปฏิบัติการสื่อสารเพื่องานประชาสัมพันธ์ ตลอดจนไม่ต้องมาประเมินผลงาน เหมือนกับนักประชาสัมพันธ์ระดับบริหาร

11.       ข้อใดคือคำขวัญจูงใจการเผยแพร่

(1) ดอกผลจะเพิ่มพูน เมื่อฝากเงินกับซิตี้แบงก์           

(2) น้ำใสได้ด้วยน้ำใจ โรงแรมแม่น้ำ

(3) โปรดช่วยกันประหยัดไฟเสียแต่วันนี้          

(4) การบินไทย สายการบินของคนไทย

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 7. ประกอบ

12.       เพราะเหตุใดจึงนำประชามติมาใช้ในงานประชาสัมพันธ์

(1) ให้เกิดความรู้สึกคล้อยตาม           

(2) เกิดผลตอบแทนโดยเร็ว

(3) มุ่งเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม 

(4) รับฟังความคิดเห็นของพลเมือง

ตอบ 4 หน้า 22 – 23 วิธีการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ต้องเป็นการติดต่อไปมาทั้งสองฝ่าย(Two Way Communication) กล่าวคือ เป็นการกระทำที่มีไปจากสถาบันไปสู่ประชาชน วิถีทางหนึ่ง ในขณะเดียวกันก็คอยรับฟังความคิดเห็นของมวลชนหรือพลเมือง ซึ่งเรียกว่า การสำรวจตรวจสอบประชามติ” เพื่อนำกระแสประชามตินั้นให้สถาบันทราบและนำมา พิจารณาแก้ไขปรับปรุง

13.       วัตถุประสงค์ของปรัชญาการบริหารงานประชาสัมพันธ์ คืออะไร

(1) สร้างสรรค์ความคิดในงานโฆษณา            

(2) สร้างความเลื่อมใสศรัทธา

(3) ปกป้องข้อผิดพลาดขององค์กร     

(4) ข้อ 2 และ 3

ตอบ 2 หน้า 19-20 Paul WGarrett นักประชาสัมพันธ์ชาวอเมริกันรุ่นบุกเบิก ได้กล่าวว่า ปรัชญาการบริหารของงานประชาสัมพันธ์นั้นจะเน้นในเรื่องของจิตใจที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ นึกถึงผู้อื่นมากกว่าตนเอง ให้ความสนใจต่อประชาชนเป็นอันดับแรก…” ดังนั้นธุรกิจใดก็ตาม สามารถสร้างความพอใจให้แก่ชุมชน ย่อมได้รับความไว้วางใจ ความร่วมมือร่วมใจ ตลอดจน ความเชื่อถือเลื่อมใสศรัทธาจากประชาชนโดยทั่วไป ซึ่งสิ่งนี้เองเป็นวัตถุประสงค์ที่สำคัญที่สุด ของการประชาสัมพันธ์

14.       สมาคมนักประชาสัมพันธ์สหรัฐอเมริกามีบทบาทอย่างไร

(1) กำหนดจรรยาบรรณนักประชาสัมพันธ์      (2) ควบคุมการจัดทำข่าวโทรทัศน์นานาชาติ

(3) กำหนดมาตรฐานการโฆษณาทางโทรทัศน์            (4) ที่ปรึกษาสำนักข่าวโลก ซีเอ็นเอ็น.

ตอบ 1 หน้า 42 – 43 สมาคมนักประชาสัมพันธ์ของสหรัฐอเมริกา (PRSA) ได้ริเริ่มก่อตั้งเพื่อกำหนด หลักจรรยาบรรณของนักประชาสัมพันธ์ (The PRSA Code) ขึ้นมาในปี ค.ศ. 1954 โดยได้ วางหลักการเพื่อให้บริการในระดับที่ดีเด่นกับประชาชนและมวลชนนานาชาติ จนเป็นที่ ยอมรับนับถือเป็นหลักในการปฏิบัติงานโดยทั่วไป

15.       การสารนิเทศโดยกรมประชาสัมพันธ์ในต่างประเทศ คือข้อใด

(1) สำนักข่าวไทย        (2) สำนักข่าวไทยภาคโพ้นทะเล

(3) สำนักงานโฆษณาประชาสัมพันธ์  (4) สำนักงานแถลงข่าวไทย

ตอบ 4 หน้า 17-18 การสารนิเทศ (Information Service) คือ การให้ข่าวสารข้อเท็จจริงต่าง ๆ เพื่อเผยแพรให้ชาวต่างชาติได้รู้จักประเทศไทย เช่น นโยบายของรัฐบาล ศิลปวัฒนธรรมไทย รวมทั้งการให้ความสะดวก ช่วยเหลือ ปรับความเข้าใจ แก้ไขความเข้าใจผิด และการแสดง อัธยาศัยไมตรีหรือผูกสัมพันธไมตรี ฯลฯ ซึ่งประเทศไทยได้ทำการสารนิเทศมานานแล้ว โดยมีสำนักงานแถลงข่าวไทยในสังกัดของกรมประชาสัมพันธ์ อยู่ที่กรุงวอชิงตัน ลอนดอน ฯลฯ

16.       สถาบันใดได้ส่งเสริมบทบาทของสตรีในวงการประชาสัมพันธ์นานาชาติ

(1) สมาคมนักประชาสัมพันธ์แห่งเคมบริดจ์    (2) กองทุนพัฒนาสตรีแห่งสหประชาชาติ

(3) สมาคมนักประชาสัมพันธ์ภาคตะวันออกสหรัฐฯ (4) ผิดทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 32 – 33 สมาคมนักประชาสัมพันธ์ของสหรัฐอเมริกา (PRSA) ได้ให้ความร่วมมือกับ หน่วยงานธุรกิจเอกชนที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง เพื่อจัดทำโครงการให้ความช่วยเหลือสตรี ส่งเสริมสถานภาพและบทบาทของสตรีเพื่อประกอบอาชีพในงานประชาสัมพันธ์ โดยมีการ จัดพิมพ์คู่มือแนะแนวอาชีพและให้คำแนะนำที่มีประโยชน์หลายอย่าง ดังนั้นจึงนับได้ว่า เป็นการเปิดโอกาสอันดีที่จะทำให้สตรีก้าวเข้าสู่อาชีพนี้มากขึ้น

17.       สำนักงานที่ปรึกษาด้านประชาสัมพันธ์ มีลักษณะตามข้อใด

(1) วิจัยการตลาด        (2) สร้างสรรค์ความคิดในงานโฆษณา

(3) รัฐวิสาหกิจ (4) บริหาร ให้คำแนะนำ

ตอบ 4 หน้า 35 – 36 สำนักงานที่ปรึกษาทางด้านการประชาสัมพันธ์ หรือเรียกว่า บริษัทรับจ้างทำประชาสัมพันธ์ (Public Relations Agency) หมายถึง หน่วยงานธุรกิจของเอกชนที่รับจ้าง ทำประชาสัมพันธ์ให้แก่สถาบันและองค์กรต่าง ๆ โดยดำเนินงานด้านการบริหาร ให้คำแนะนำ ปรึกษา วางแผนงานนโยบาย สำรวจค้นคว้าวิจัย สร้างความสัมพันธ์อันดีกับประชาชนและสถาบันที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งดำเนินงานทางด้านประชาสัมพันธ์ เช่น เขียนข่าว บทความ จัดทำภาพข่าว ฯลฯ โดยอาศัยเครื่องมือหรือสื่อมวลชนต่าง ๆ

18.       “Press Agent” เกี่ยวข้องกับงานประชาสัมพันธ์ตามข้อใด

(1) วางแผนประชาสัมพันธ์ระยะสั้น    (2) วิจัย วางแผนประชาสัมพันธ์ในเชิงรับ

(3) รับจ้างสถาบันธุรกิจเขียนข่าว        (4) สำรวจประชามติ

ตอบ 3 หน้า 36 สำนักงานของนักหนังสือพิมพ์ หรือสำนักงานเผยแพร่ (Press Agent) มีชื่อเรียก อีกอย่างหนึ่งว่า ตัวแทนเผยแพร่ข่าว หรือสำนักบริการเผยแพร่ข่าว คือ หน่วยงานรับจ้าง สถาบันธุรกิจเขียนข่าว บทความ จัดทำภาพข่าว เพื่อเผยแพร่ความเคลื่อนไหวและ ความก้าวหน้าในกิจการต่าง ๆ ขององค์กรให้ประชาชนได้ทราบ

19.       จรรยาบรรณของนักประชาสัมพันธ์ใบประเทศสหรัฐฯ และประเทศญี่ปุ่น เกี่ยวข้องกับข้อใด

(1) กฎหมายรัฐธรรมนูญ         (2) พระราชบัญญัติการพิมพ์

(3) กฎหมายสื่อสารมวลชน     (4) การควบคุมตัวเอง

ตอบ 4 หน้า 42, (คำบรรยาย) จรรยาบรรณของนักประชาสัมพันธ์ในประเทศสหรัฐฯ และประเทศ ญี่ปุ่นนั้น จะเกี่ยวข้องกับการใช้ศีลธรรมหรือจริยธรรมในใจของนักประชาสัมพันธ์แต่ละคน ทั้งนี้เพราะจรรยาบรรณไม่ได้ถูกควบคุมและลงโทษด้วยกฎหมาย แต่เป็นการควบคุมตัวเองว่า สิ่งไหนควรทำหรือไม่ควรทำ

20.       เพราะเหตุใดองค์กรที่ปรึกษาการประชาสัมพันธ์จึงเริ่มต้นจากสำนักงานหนังสือพิมพ์

(1) ประชาชนให้ความเชื่อถือ   (2) นักหนังสือพิมพ์ติดต่อกับสื่อมวลชนได้ดี

(3) อาชีพประชาสัมพันธ์ยังไม่เกิดขึ้น  (4) รัฐสภาให้การรับรอง

ตอบ 2 หน้า 36 บริษัทรับจ้างทำประชาสัมพันธ์ หรือสำนักงานที่ปรึกษาทางด้านการประชาสัมพันธ์ เริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1920 โดยมีกำเนิดและวิวัฒนาการมาจากสำนักงานของนักหนังสือพิมพ์ (Press Agent) หรือสำนักงานเผยแพร่ ซึ่งจะรับจ้างบริษัทห้างร้านหรือหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อเป็นตัวแทนเผยแพร่ข่าว เนื่องจากสำนักงานของนักหนังสือพิมพ์สามารถติดต่อสัมพันธ์กับ สื่อหนังสือพิมพ์ หรือสื่อมวลชนต่าง ๆ ได้ดี

21.       ผู้ก่อตั้งสำนักงานที่ปรึกษาการประชาสัมพันธ์ที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับหนึ่งของโลกคือ

(1) John WHill 

(2) John D. Rockefeller

(3) Paul Garrett 

(4) Benjamin Franklin

ตอบ 1 หน้า 353869 John WHill อดีตนักหนังสือพิมพ์อเมริกัน ได้ก่อตั้งสำนักงานที่ปรึกษา ทางด้านการประชาสัมพันธ์ หรือบริษัทรับจ้างทำประชาสัมพันธ์ที่ใหญ่โตมีชื่อเสียงเป็นอันดับหนึ่ง ของโลกชื่อว่า Hill and Knowlton (H & K) ซึ่งได้รับการยอมรับและให้บริการปรึกษาแนะนำ หน่วยงานของรัฐบาล ธุรกิจเอกชน ตลอดจนสถาบันชั้นนำนับร้อยกว่าแห่งด้วยกัน

22.       เพราะเหตุใดสถาบันรับจ้างประชาสัมพันธ์จึงคิดค่าบริการแตกต่างกัน

(1) ระดับความรู้ที่แตกต่างกันของนักประชาสัมพันธ์ 

(2) ระยะเวลาที่ว่าจ้าง

(3) ค่าใช้จ่ายล่วงหน้า  

(4) ข้อ 2 และ 3

ตอบ 4 หน้า 89 – 90 อัตราค่าบริการในการดำเนินงานประชาสัมพันธ์นั้นจะขึ้นอยู่กับสิ่งสำคัญดังนี้คือ         1. จำนวนนักประชาสัมพันธ์ในโครงการ 2. ระยะเวลาที่ต้องให้คำปรึกษาแนะนำ 3. ค่าใช้จ่ายและงบประมาณที่ต้องจัดเตรียมไว้ล่วงหน้า           4. เงินทดรองจ่ายไปก่อน เช่น ค่าโทรศัพท์ ค่าเดินทาง ฯลฯ 5. ผลกำไรที่ควรได้รับ

23.       การปฏิวัติเปลี่ยนรูปโฉมการประชาสัมพันธ์ใหม่เกี่ยวข้องกับข้อใด

(1) ประกาศหลักการ”        

(2) ศักราชของแจคสัน

(3) เสียงของประชาชนคือเสียงของพระผู้เป็นเจ้า       

(4) ลูกค้าของเรานั้นเป็นฝ่ายถูกเสมอ

ตอบ 1 หน้า 67 ไอวี่ ลี (Ivy Lee) ถือเป็นบุคคลที่ได้ริเริ่มเสนอบริการเอกสารข่าวแจก (Press Releases) ไปให้หนังสือพิมพ์เป็นคนแรก รวมทั้งได้ ประกาศหลักการ” (Declaration of Principles) ไว้ในจดหมายที่มีไปถึงหนังสือพิมพ์ต่าง ๆ ว่า “…แผนงานของเราเปิดเผยทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความเกี่ยวพันกับธุรกิจหรือประชาชนทั่วไป…” ซึ่งข้อความในประกาศหลักการนี้ถือได้ว่า เป็นการปฏิวัติเปลี่ยนรูปโฉมการประชาสัมพันธ์ใหม่เลยทีเดียว

24.       จากข้อ 23. ใครคือผู้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงรูปโฉมการประชาสัมพันธ์ใหม่

(1)       Amos Kendall (2) Gutenberg    (3) Ivy Lee (4) William Vanderbilt

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 23. ประกอบ

25.       ปัญหาขาดการประชาสัมพันธ์ภายในองค์กรเกิดขึ้นจากสาเหตุอะไร

(1)       นัดหยุดงาน     (2) ประชาชนไม่ยอมรับสถาบัน

(3) ผู้ใช้บริการขาดความรู้ในนโยบายของบริษัท         (4) ข้อ 2 และ 3

ตอบ 1 หน้า 50 ปัญหาขาดการประชาสัมพันธ์ภายในสถาบันหรือองค์กรจะเกิดขึ้น เมื่อปรากฏว่า

1.         พนักงานขาดความรู้ความเข้าใจในนโยบาย กิจการ และผลงานของสถาบัน

2.         พนักงานแตกแยกไม่สามัคคีกัน 3. เกิดการนัดหยุดงาน         4. ขาดความยุติธรรม

5.         มาทำงานน้อย ขาดงานและลาออกจากงานกันมาก   6. ไม่รักงาน ทำงานอย่างเสียไม่ได้

7. ผลิตผลตกต่ำ          8. ขาดการติดต่อสัมพันธ์กับระหว่างฝ่ายบริหารกับคนงาน

9.         พนักงานเอาเรื่องไม่ดีงามไปพูดกับคนภายนอก

10.       พนักงานไม่รู้สึกว่าตนเองเป็นเจ้าของสถาบัน

26.       ตั้งที่ติดต่อสอบถาม เป็นกิจกรรมตามข้อใด

(1)       การประชาสัมพันธ์ธุรกิจ          (2) การสารนิเทศ

(3) โฆษณาประชาสัมพันธ์      (4) การประชาสัมพันธ์ภายใน

ตอบ 4 หน้า 50, (คำบรรยาย) กิจกรรมประชาสัมพันธ์ภายในองค์กร คือ กิจกรรมที่สร้าง ความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถาบันกับกลุ่มมวลชนภายในองค์กร ได้แก่

1.         กำหนดแผนงานประชาสัมพันธ์           2. ตั้งที่ติดต่อสอบถาม (Information)

3.         ตั้งแผงปิดประกาศ     4. ออกวารสารข่าวภายใน

5.         จัดงานพิเศษ เช่น งานพบปะสังสรรค์ในเทศกาลต่าง ๆ จัดแข่งขันกีฬา ฯลฯ

6.         ให้หยุดพักผ่อน ให้ทุนการศึกษาแก่บุตรของพนักงาน ฯลฯ

27.       ชุมชนในท้องถิ่นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง คืออะไร

(1)       โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า

(2)       นักศึกษา – อาจารย์ – เจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยรามคำแหง

(3)       ประชาชนคลองกุ่ม     (4) การกีฬาแห่งประเทศไทย

ตอบ 4 หน้า 51 กลุ่มประชาชนในท้องถิ่น หมายถึง กลุ่มประชาชนภายนอกสถาบันที่อาศัยอยู่ใน ท้องถิ่นเดียวกันกับสถาบัน หรือที่กิจการของสถาบันได้ดำเนินอยู่ โดยจะมีสภาพทั่วไปคล้าย เพื่อนบ้าน ซึ่งจะมีขอบเขตแค่ไหน อย่างไร ย่อมขึ้นอยู่กับสถานที่ตั้งดำเนินกิจการ ตลอดจน รัศมีแห่งความสัมพันธ์ที่มีไปโดยรอบ เช่น ถ้าสถาบันคือ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เพื่อนบ้านก็คือ การกีฬาแห่งประเทศไทย วัดเทพลีลา ฯลฯ

28.       ข้อใดคือกิจกรรมประชาสัมพันธ์ภายนอกของมหาวิทยาลัยรามคำแหง

(1)       จัดฝึกอบรมพนักงานเรื่องการเขียนข่าว          (2) จัดงานขอบคุณสื่อมวลชน

(3) ออกวารสารข่าวรามคำแหง            (4) ตั้งป้ายเผยแพร่ข่าวการเลือกตั้ง อ.ศ.ม.ร.

ตอบ 2 หน้า 52, (คำบรรยาย) กิจกรรมประชาสัมพันธ์ภายนอกองค์กร คือ กิจกรรมที่สร้าง ความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถาบันกับชุมชน หรือกลุ่มมวลชนภายนอกองค์กร ได้แก่

1.         ออกหนังสือพิมพ์ วารสาร ฯลฯ เพื่อเผยแพร่

2.         เขียนข่าวและบทความ จัดรายการเพื่อเผยแพร่สถาบัน โดยเสนอผ่านสื่อมวลชน

3.         จัดประชุมผู้สื่อข่าว จัดงานขอบคุณสื่อมวลชน

4.         จัดงานพิเศษ งานแข่งขันกีา นิทรรศการ จัดอบรมบรรยายพิเศษ และปาฐกถา

5.         บริการให้ประชาชนเข้าชมหน่วยงาน

6.         ถ่ายภาพ สไลด์ จัดทำภาพยนตร์ออกเผยแพร่ ฯลฯ

29.       แถลงข่าวรายวัน” ของชาวโรมันเกี่ยวข้องกับข้อใด

(1) ข่าวจากอียิปต์ จีน อินเดีย

(2)       การประกาศกฎหมาย            (3) บันเทิง       (4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 2 หน้า 59 ในสมัยโรมันโบราณมีการนำเสนอแถลงข่าวรายวัน หรือมีชื่อเรียกสั้น ๆ ว่า “Album” และมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “Acta Diuna” โดยเอกสารข่าวฉบับนี้มีลักษณะเป็น ป้ายกระดาษสีขาวที่เขียนประกาศข่าวของทางราชการติดไว้ที่หน้าสภาซีเนตในกรุงโรม เช่น ข่าวประกาศกฎหมาย ประกาศการคลังเกี่ยวกับรายรับรายจ่าย ภาษีอากร ข่าวไฟไหม้ น้ำท่วม แผ่นดินไหว ข่าวการเกิด การตาย เป็นต้น

30.       ใบปลิวประกาศพระบรมราชโองการห้ามสูบฝิ่น เป็นการเผยแพร่ข่าวสารสู่ประชาชนเป็นครั้งแรกในสมัยใด

(1) พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว       (2) พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

(3)       พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว     (4) ข้อ 1 และ 2

ตอบ 1 หน้า 78 ในปี พ.ศ. 2382 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) ได้ทรงว่าจ้าง หมอบรัดเลย์ให้พิมพ์ใบปลิวประกาศพระบรมราชโองการห้ามสูบฝิ่นเป็นจำนวน 9.000 ฉบับ จึงนับเป็นครั้งแรกที่ทางราชการได้เริ่มใช้การพิมพ์เอกสารโฆษณาเผยแพร่ไปสู่ประชาชน

31.       การประชาสัมพันธ์ในสหรัฐฯ ยุคก่อนไอวี่ ลี มีวิธีการสื่อสารตามข้อใด

(1) การสื่อสารระหว่างบุคคล  

(2) การสื่อสารสองทิศทาง

(3) การสื่อสารทิศทางเดียว     

(4) ข้อ 1 และ 2

ตอบ 3 หน้า 1668 ในระยะก่อนการปฏิบัติงานของไอวี่ ลี สังคมอเมริกันมีวิธีการดำเนินการประชาสัมพันธ์แบบการสื่อสารทิศทางเดียว (One Way Process) คือ เผยแพร่แต่ฝ่ายเดียว ไม่ได้คิดแก้ไขและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ซึ่งแตกต่างกับการประชาสัมพันธ์สมัยใหม่ แบบการสื่อสารสองทิศทาง หรือระบบยุคลวิถี (Two Way Process) ของไอวี่ ลี คือ เผยแพร่ ข่าวสารจากสถาบันไปสู่สังคมและสะท้อนความคิดของสังคมกลับสู่สถาบันด้วย

32.       ช่วงระยะเวลาแรกในกำเนิดการประชาสัมพันธ์สมัยใหม่ วงการธุรกิจเอกชนมีลักษณะตามข้อใด

(1) นายทุนอเมริกันจ้างนักหนังสือพิมพ์เขียนข่าวเท็จ 

(2) แนวทางการประชาสัมพันธ์ยังสับสนอยู่ 

(3) ประชาชนควรรู้ข่าวสารต่าง ๆ  

(4) ข้อ 1 และ 2

ตอบ 4 หน้า 65 ในปี ค.ศ. 1865 – 1900 ซึ่งเป็นช่วงระยะเวลาแรกของกำเนิดการประชาสัมพันธ์ สมัยใหม่ วงการธุรกิจเอกชนได้ถูกกล่าวหาว่าดำเนินกิจการเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ให้นายทุน แต่เพียงอย่างเดียว โดยฝ่ายนายทุนอเมริกันได้ว่าจ้างนักหนังสือพิมพ์ให้เขียนข่าวเท็จขึ้น เพื่อเผยแพร่คุณความดีของบริษัทต่าง ๆ ดังนั้นแนวทางการประชาสัมพันธ์ในสมัยนี้จึงยังคง สับสนอยู่ แต่ก็มีผู้ให้ความสนใจเพิ่มขึ้น

33.       งานประชาสัมพันธ์ในสมัยไอวี่ ลี มีข้อใดไม่ถูกต้อง

(1) งานของเราเปิดเผยเว้นแต่ความลับทางธุรกิจ        

(2) ลดการขัดแย้ง เน้นการแก้ปัญหา

(3) ให้ความสำคัญกับประชาชน         

(4) ข้อ 1 และ 2

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 23. ประกอบ

34.       การสื่อสารประชาสัมพันธ์จากอดีตไปสู่การประชาสัมพันธ์สมัยใหม่เรียกว่าอะไร

(1)       ระบบทิศทางเดียว      (2) สองทิศทาง            (3) พหุภาพ      (4) กระบวนการดูดซึมความคิด

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 31. ประกอบ

35.       ข้อใดไม่ใช่ความหมายของนักประชาสัมพันธ์

(1) Receptionist

(2)       Public Relations Man     (3) P.R. Counselor     (4) P.R. Officer

ตอบ 1 หน้า 71, (คำบรรยาย), (ดูคำอธิบายข้อ 10. ประกอบ) ความหมายของนักประชาสัมพันธ์ (Public Relations Man : P.R. Man) อาจมีชื่อเรียกได้อีกหลายอย่าง ได้แก่

1.         เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ (Public Relations Officer : P.R. Officer)

2.         ที่ปรึกษาการประชาสัมพันธ์ (Public Relations Counselor : P.R. Counselor)

36.       องค์กรใดในสหรัฐๆ ได้เปิดสอนวิชาประชาสัมพันธ์ขึ้นเป็นครั้งแรก   

(1) มหาวิทยาลัยคอร์แนล

(2)       สถาบัน เอ็ม. ไอ. ที.     (3) มหาวิทยาลัยบอสตัน         (4) ผิดทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 7072 ในปี ค.ศ. 1923 Edward L. Bernays ได้เปิดสอนหลักสูตรวิชาการประชาสัมพันธ์ ขึ้นที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์กเป็นแห่งแรก ซึ่งนับว่าเป็นการเปิดบรรยายวิซาการประชาสัมพันธ์ ขึ้นเป็นครั้งแรกในระดับมหาวิทยาลัยของสหรัฐอเมริกา โดยมีนักวิชาการเขียนตำราเกี่ยวกับ การประชาสัมพันธ์ไว้มากมายหลายเล่มด้วยกัน

37.       ใครคือผู้นำวิธีการโฆษณากิจการแบบสร้างข่าวมาเผยแพรในประเทศอังกฤษ

(1) ผู้บริหารฟาร์มโคนม           (2) ผู้อำนวยการโรงงานผลิตรถยนต์

(3)       ประธานบริษัทประกันชีวิต     (4) เจ้าของโรงงานทำเนย

ตอบ 4 หน้า 74, (คำบรรยาย) ในปี ค.ศ. 1881 Thomas J. Lipton เจ้าของโรงงานทำเนย ชาวสกอตแลนด์ได้นำวิธีการโฆษณากิจการแบบสร้างข่าวเกี่ยวกับบริษัทของตนเข้ามา ดำเนินการเผยแพร่ที่เมืองกลาสโกลว์ ประเทศอังกฤษ เพื่อให้หนังสือพิมพ์ลงข่าวเป็นครั้งแรก ดังนั้นวิธีการโฆษณากิจการแบบสร้างข่าว (ซึ่งปัจจุบันเรียกว่า การประชาสัมพันธ์) จึงถือเป็น ข่าวการประชาสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศอังกฤษ

38.       หลังสงครามประกาศอิสรภาพของสหรัฐฯ แหล่งชุมนุมของหนุ่มสาวชาวฝรั่งเศสผู้สนใจประชามติคือที่ใด

(1) โรงละคร    (2) ร้านกาแฟ   (3) ศูนย์การค้า            (4) ข้อ 1 และ 2

ตอบ 2 หน้า 75 หลังจากสงครามประกาศอิสรภาพของสหรัฐอเมริกาสิ้นสุดลง ทหารฝรั่งเศสที่กลับ จากการรบได้เผยแพร่ความคิดในเรื่องสิทธิเสรีภาพ และความเป็นธรรมในการเสียภาษีของอเมริกา ไปยังประชาชน ทำให้หนุ่มสาวชาวฝรั่งเศสตื่นตัวในเรื่องประชามติและสิทธิเสรีภาพอย่าง กว้างขวาง โดยสถานที่ซึ่งประชาชนชอบไปชุมนุมพบปะเพื่อสนทนาแลกเปลี่ยนทัศนคติกันคือ ที่ Salons (ร้านกาแฟ) หรือในประเทศอังกฤษคือ Coffee House

39.       การประชาสัมพันธ์ในประเทศไทยได้เกิดขึ้นเมื่อใด

(1) กำเนิดของชนชาติไทย       (2) ภาพสัญลักษณ์ในถ้ำ

(3)       ชุมชนบริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยา (4) อาณาจักรสุโขทัย

ตอบ 1 หน้า 5876 – 77 ประวัติความเป็นมาของงานประชาสัมพันธ์มีมาพร้อมกับมนุษย์ดังนั้นการประชาสัมพันธ์ในประเทศไทยจึงเกิดขึ้นมา

พร้อมกับการกำเนิดของชนชาติไทย โดยสื่อประชาสัมพันธ์ของไทยในสมัยดั้งเดิม ได้แก่ การใช้คำพูดปลุกใจ การประชุมป่าวร้อง การใช้เพลงปลุกใจและสรรเสริญวีรกรรมของบรรพบุรุษ และการสร้างนิยายที่แสดงถึง ชาติกำเนิดของชนชาติไทย ฯลฯ

40.       สื่อประชาสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมในสมัยสุโขทัยคือข้อใด

(1) จารลงบนสมุดข่อย            (2) วรรณคดีสรรเสริญพระมหากษัตริย์

(3) ภาพฝาผนังชีวิตชาวบ้านที่วัดพนัญเชิง      (4) ผูกใบลาน

ตอบ 2 หน้า 77 สื่อประชาสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมในสมัยสุโขทัย ได้แก่ งานก่อสร้างสถานที่สำคัญ ทางศาสนา ปราสาทราชวัง การจัดระเบียบการปกครอง การสร้างวรรณคดีทางศาสนา การประชุมราษฎร การสร้างนิยายปรัมปราเพื่อสรรเสริญคุณความดีและความสามารถของผู้เป็นประมุข ซึ่งตัวอย่างที่สำคัญก็คือ หลักฐานที่ปรากฏในศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหง

41.       หนังสือแถลงการณ์” พิมพ์ในท้ายหนังสือพิมพ์บางกอกรีคอร์เดอร์ฉบับแรกว่าด้วยเรื่องอะไร

(1) ข่าวการเมือง          

(2) คอลัมน์สตรีและเด็ก 

(3) ข่าวสังคม 

(4) รับจ้างแปลไทยเป็นอังกฤษ

ตอบ 1 หน้า 78 – 79 ในปี พ.ค. 2408 หมอบรัดเลย์ได้ลงพิมพ์ หนังสือแถลงการณ์” ในท้ายหนังสือพิมพ์บางกอกรีคอร์เดอร์ฉบับแรก โดยมีข้อความว่า “…ตั้งแต่นี้ไปจะไมให้ติดอยู่กับ หน้าจดหมายเหตุที่เป็นภาษาอังกฤษนั้นต่อไป แต่จะให้มีที่ต่างหากเป็นสองใบสี่หน้าเต็ม ๆ เช่นอย่างฉบับนี้ และหนังสือนั้นจะจุความที่ว่าด้วยการบ้านการเมืองและความรอบรู้ตามหนังสือ…

42.       ผู้นำวิชาถ่ายรูปมาเผยแพร่ในประเทศไทยเป็นคนแรก คือใคร

(1) ปาลเลอกัว 

(2) เซอร์ริชชาร์ด          

(3) แหม่มแอนนา         

(4) โหมด อมาตยกุล

ตอบ 1 หน้า 79 ปาลเลอกัว (Pallegois) นักถ่ายรูปสมัครเล่นชาวฝรั่งเศส ซึ่งเป็นสังฆราซแห่งลัทธิ โรมันคาทอลิกในประเทศไทย ได้นำวิชาถ่ายรูปเข้ามาเผยแพร่สู่ประเทศไทยเป็นคนแรก และ ได้สอนวิชาถ่ายรูปให้แก่บรรดาข้าราชการไทย โดยมีพระยากระสาปนกิจโกศล (โหมด อมาตยกุล) เป็นช่างภาพคนไทยคนแรก

43.       การจัดทำรายงานประจำปี บ้ายนิเทศ ภาพโฆษณา นับว่าเป็นหน้าที่นักประชาสัมพันธ์ในข้อใด

(1) การติดต่อสื่อสาร   

(2) การแก้ไขตกแต่งต้นฉบับ

(3) จัดทำรายการ         

(4) การโฆษณาสถาบัน

ตอบ 2 หน้า 85 การแก้ไขตกแต่งต้นฉบับ (Editing) หมายถึง ก่อนที่จะเผยแพร่สิ่งพิมพ์ของสถาบัน เช่น อนุสาร รายงานประจำปี จดหมาย สมุดคู่มือ เอกสารข่าว ป้ายนิเทศ ภาพโฆษณา ฯลฯ ทั้งภายในและภายนอกองค์กร ควรจะแก้ไขให้ถูกต้องเหมาะสม

44.       งานฉลองสงกรานต์ ถนนข้าวสาร เป็นกิจกรรมประชาสัมพันธ์ในข้อใด

(1)       Placement       (2) Promotion   (3) Communication  (4) Production

ตอบ 2 หน้า 85303 – 308 การส่งเสริมเผยแพร่ (Promotion) หมายถึง การจัดงานพิเศษเพื่อผลงานประชาสัมพันธ์ หรือเพื่อช่วยส่งเสริมเผยแพร่ชื่อเสียงเกียรติคุณของสถาบัน เช่น การจัดเฉลิมฉลองวันครบรอบปี วันสัปดาห์หรือเดือนพิเศษ การเปิดให้ชมกิจการ การจัดแสดง ต่าง ๆ นิทรรศการ ปีใหม่ เทศกาล การจัดงานเลี้ยงขอบคุณสื่อมวลชน งานแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ งานประกวดและให้รางวัลผู้มีเกียรติ งานรางวัลพนักงานดีเด่นประจำปี ฯลฯ

45.       ข้อใดไม่อยู่ในความรับผิดชอบของนักประชาสัมพันธ์

(1) สร้างสรรค์ความคิดในงานโฆษณา

(2)       กำหนดนโยบาย         (3) เหตุการณ์พิเศษ     (4) สถาบันการพูด

ตอบ 1 หน้า 88 ความรับผิดชอบของแผนกประชาสัมพันธ์ เรียงตามลำดับจากมากไปน้อย ได้ดังนี้

1.         หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์      2. สิ่งพิมพ์ของพนักงาน           3. เหตุการณ์พิเศษ

4.         กำหนดนโยบาย          5. แผ่นปลิวและหนังสือคู่มือต่าง ๆ

6. การตกแต่งต้นฉบับและการเขียน 7. รายงานประจำปี       8. การถ่ายภาพ

9. ความสัมพันธ์กับชุมชน        10. สถาบันการพูด ฯลฯ

46.       ความสัมพันธ์กับชุมชน เป็นงานประชาสัมพันธ์ในเรื่องใด     

(1) ประชาสัมพันธ์ภายใน

(2)       ประชาสัมพันธ์ภายนอก         (3) ประชาสัมพันธ์กับหนังสือพิมพ์      (4) ข้อ 1 และ 3

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 28. ประกอบ

47.       ประโยชน์ของแผนกประชาสัมพันธ์

(1)       ทำยอดขายให้บริษัทได้สูงสุด (2) มีความสามารถในทุกสถานการณ์

(3)       ใช้สื่อทีวีเพื่อการโฆษณาอย่างได้ผล   (4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 2 หน้า 92 – 93 ประโยชน์ของแผนกประชาสัมพันธ์ แบ่งออกเป็น 4 ประการ คือ

1.         ทำให้ผู้ร่วมงานสามัคคีกัน       2. ทำให้มีความรอบรู้ในกิจกรรมของสถาบันเป็นอย่างดียิ่ง

3.         นำผลประโยชน์มาสู่องค์กร 4. มีความสามารถสูงในทุกสถานการณ์

48.       ข้อใดเกี่ยวข้องกับหน่วยงาน “Information” 

(1) บริการดี มีคุณภาพ

(2)       จัดงานพบปะสังสรรค์            (3) แผนกการพูด         (4) ข้อ 2 และ 3

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 10. ประกอบ

49.       นักประชาสัมพันธ์อิสระ คือใคร         

(1) ผู้โฆษณาเผยแพร่

(2)       นักประชาสัมพันธ์ภายนอกองค์กร      (3) ดารานักแสดง        (4) นักประชาสัมพันธ์เชิงธุรกิจ

ตอบ 2 หน้า 4294 นักประชาสัมพันธ์อิสระ คือ นักประชาสัมพันธ์ของบริษัทรับจ้างทำงานประชาสัมพันธ์ หรือนักประชาสัมพันธ์ภายนอกสถาบันหรือองค์กร ซึ่งได้รับการว่าจ้างให้ทำ หน้าที่วางแผนงานประชาสัมพันธ์ให้แก่องค์กรและสถาบันต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานธุรกิจหรือบริษัทห้างร้าน รวมทั้งองค์กรสาธารณกุศล และสมาคมต่าง ๆ

50.       เครื่องมือในการค้นหาคำตอบของแผนกติดต่อสอบถาม คืออะไร

(1) เครื่องมือสื่อสารดาวเทียม  (2) วิทยุโทรทัศน์

(3)       โทรศัพท์           (4) การจัดงานพิเศษ

ตอบ 3 หน้า 96 เครื่องมือในการค้นหาคำตอบของแผนกติดต่อสอบถามที่เป็นหน่วยงานใหญ่ ควรมีการจัดทำบัตรค้นหรือแฟ้มคู่มือค้นหาคำตอบของเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ แฟ้มรายชื่อราชการ เรียงตามตัวอักษร พร้อมหน่วยงาน บ้านที่อยู่ เลขหมายโทรศัพท์ติดต่อภายในและภายนอกแฟ้มหน้าที่ส่วนราชการภายในแฟ้มระเบียบ คำสั่ง ประกาศ นอกจากนี้ควรมีเครื่องมือ ติดต่อสื่อสาร เช่น โทรศัพท์ เพื่อใช้ติดต่อทั้งภายในและภายนอกหน่วยงาน

51.       ผู้ใดไม่ต้องมีส่วนร่วมในการบริหารงานองค์กรของโรงแรมชิดทราย

(1) นักประชาสัมพันธ์  

2) ผู้สร้างสรรค์ความคิดในงานโฆษณา

(3)       ผู้ต้อนรับ          

(4) ผู้วิจัยการตลาด

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 10. ประกอบ

52.       นักประชาสัมพันธ์เป็นผู้วางแผนงานประชาสัมพันธ์ มีข้อดไม่ถูกต้อง

(1) ผู้วิจัยและให้คำปรึกษาแนะนำ      

(2) ผู้ติดต่อสื่อสาร

(3)       ผู้ประเมินผล    

(4) ผู้ตัดสินใจส่งเสริมแผนการตลาด

ตอบ 4 หน้า 99 กรรมวิธีของการวางแผนงานประชาสัมพันธ์ เพื่อดำเนินโครงการให้ได้รับผลสำเร็จ มีหลักพื้นฐานอยู่ 4 ขั้นตอน คือ      1. เป็นผู้วิจัยค้นคว้าและรับฟัง (Research Listening)

2. เป็นผู้วางแผนและตัดสินใจ (Planning Decision Making) หรือผู้ให้คำปรึกษาแนะนำ (Counselor) 3. เป็นผู้ติดต่อสื่อสาร (Communication) 4. เป็นผู้ประเมินผล (Evaluation)

53.       การค้นคว้าวิจัยให้ประโยชน์กับงานประชาสัมพันธ์อย่างไร

(1) ได้หัวข้อโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่เหมาะสม           

(2) กำหนดงบประมาณได้ใกล้ความเป็นจริง

(3) สามารถเข้าถึงกลุ่มเบ้าหมาย        

(4) ตรวจสอบปฏิกิริยาของผู้ซื้อ

ตอบ 3 หน้า 109113 การค้นคว้าวิจัยให้ประโยชน์กับงานประชาสัมพันธ์ คือ เป็นเครื่องมือที่มี ประสิทธิภาพที่สุดในการเข้าถึงกลุ่มประชาชนเป้าหมาย ทั้งนี้เพราะการค้นคว้าวิจัยทำให้ นักประชาสัมพันธ์ได้พบผู้นำกลุ่ม ได้เรียนรู้ค่านิยมและแนวโน้มของความสนใจว่ามุ่งไปใน ทิศทางใด ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ย่อมเป็นหลักฐานที่จะทำให้งานค้นคว้าวิจัยดำเนินไปสู่การทำงาน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

54.       การวิจัยงานประชาสัมพันธ์ได้อาศัยพื้นฐานการศึกษาค้นคว้าในด้านใด

(1) วิทยาศาสตร์          (2) ศิลปะพื้นบ้าน        (3) การเมือง    (4) ธุรกิจ

ตอบ 1 หน้า 103 การวิจัยงานประชาสัมพันธ์ได้อาศัยพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์เข้าช่วยในการศึกษา ค้นคว้าและวัดผลข้อมูลนั้น ๆ ตลอดจนนำมาใช้ในการปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆ ของ งานด้านการประชาสัมพันธ์ เช่น การสุ่มหาตัวอย่าง หลักการสัมภาษณ์ และโครงสร้างของ การตั้งคำถาม ฯลฯ

55.       การวิจัยประชาสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับ การรับฟัง” มวลชนอย่างไร

(1) ลูกค้าเป็นฝ่ายถูกเสมอ      (2) ดำเนินการอย่างบริสุทธิ

(3) เอาใจเขามาใส่ใจเรา          (4) ให้ความเป็นธรรม

ตอบ 3 หน้า 107 การวิจัยประชาสัมพันธ์จะเกี่ยวข้องกับการรับฟัง (Listening) ให้มีสัมฤทธิผล คือ การพูดคุยอย่างเป็นกันเองด้วยความจริงใจ 

ไม่มีความลับต่อกัน และรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา (Empathy)

56.       การวิจัยทำให้สถาบันมีโอกาส………ดูตัวเอง

(1) สร้างผลกระทบ     (2) ยอมรับปัญหา

(3) รับมือกับความรู้สึกโกรธ    (4) ส่องกระจก

ตอบ 4 หน้า 107 การวิจัยทำให้สถาบันมีโอกาส ส่องกระจก” ดูตัวเอง กล่าวคือ งานประชาสัมพันธ์ เปรียบเสมือนดังกระจกเงาที่สะท้อนภาพความรู้สึกนึกคิดของประชาชนที่มีต่อสถาบันให้เห็นได้ อย่างเด่นชัด และในทำนองเดียวกันกระจกเงาอันนั้นย่อมสะท้อนกลับถึงพฤติกรรมของสถาบันว่า มีผลกระทบต่อมวลชนอย่างไรบ้าง

57.       Fact File เป็นแหล่งข่าวสารด้านใด

(1) วรรณคดีเปรียบเทียบ        (2) เอกสารข่าว            (3) นวนิยายยอดเยี่ยม            (4) บทละคร

ตอบ 2 หน้า 110 Fact File คือแหล่งของข้อมูลและหลักฐานต่างๆที่ได้รวบรวมไว้เป็นหมวดหมู่ โดยอาจมีรูปเป็นห้องสมุดขนาดย่อมที่เรียกว่า ห้องสมุดเฉพาะ” หรือห้องสมุดขององค์กร ซึ่งมีลักษณะเป็นที่สะสมตำรา เอกสารวิชาการ เอกสารข่าว และข้อมูลอ้างอิงอื่น ๆ เพื่อใช้ เป็นศูนย์สำหรับค้นคว้าและสอบถามข้อเท็จจริงได้ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ให้ทันสมัยและรู้เท่าทัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

58.       จุดมุ่งหมายอันดับแรกของการวางแผนประชาสัมพันธ์คืออะไร

(1) ตรวจสอบข่าวพิเศษจากสื่อมวลชน            (2) กำหนดกลุ่มเป้าหมาย

(3) วิเคราะห์แผนงาน  (4) สร้างชื่อเสียงความมั่นคงให้องค์กร

ตอบ4 หน้า 126 วัตถุประสงค์หรือจุดมุ่งหมายอันดับแรกของการวางแผนประชาสัมพันธ์ คือ การสร้างจินตภาพที่ดีของสถาบัน ดังนั้นในการวางแผนระยะยาวทางสถาบันหรือองค์กร จึงมุ่งสร้างชื่อเสียง ความมั่นคง และความน่าเชื่อถือไว้ในความทรงจำของประชาชนทั้งมวล

59.       การกำหนดหัวข้อประชาสัมพันธ์ควรใช้อย่างไร

(1) สำนวนนักประพันธ์ (2) ประโยคยาวเร้าใจ            (3) คำพูดสั้น ๆ ง่าย ๆ (4) ข้อ 1 และ 2

ตอบ 3 หน้า 129 – 130 การกำหนดหัวข้อประชาสัมพันธ์ (Themes) ควรใช้คำพูดสั้น ๆ ง่าย ๆ เมื่อผู้ใดเห็นสามารถจดจำได้ง่าย อาจใช้คำพูดที่กินใจหรือเป็นภาพสัญลักษณ์ก็ได้ เพื่อเป็น การเตือนใจและติดตามกลุ่มเป้าหมาย เช่น จงรักษาความสะอาด ด้วยความปรารถนาดีจาก ธนาคาร เป็นต้น

60.       การกำหนดสื่อเพื่อวางแผนงานประชาสัมพันธ์คืออะไร

(1) สื่อชนิดใดเหมาะสมที่สุด   (2) สื่อประเภทใดประชาชนสนใจมากที่สุด

(3) สื่อประเภทใดมีสีสันจูงใจมากที่สุด           (4) ข้อ 1 และ 3

ตอบ 1 หน้า 130 การกำหนดสื่อ (Media) คือ การกำหนดว่าสื่อมวลชนชนิดใดเหมาะสมที่สุดที่จะใช้ เผยแพร่ข่าวสารไปยังประชาชนเป้าหมาย ได้แก่ วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ ภาพยนตร์ หรือ สิ่งตีพิมพ์อื่น ๆ เช่น สื่อที่เหมาะสมที่สุดในชนบท คือ วิทยุ ซึ่งหาซื้อได้ง่าย มีราคาพอสมควร ส่วนหนังสือพิมพ์ถ้าใช้กับประชาชนที่อ่านหนังสือไม่ออก การใช้สิ่งนั้นก็สูญเปล่า

61.       แนวคิดในการวางแผนมี……..ระยะด้วยกัน

(1)       สอง     

(2) สาม           

(3) สี่    

(4) หก

ตอบ 1 หน้า 126133144 แนวความคิดในการวางแผนประชาสัมพันธ์ มีอยู่ 2 ระยะ คือ

1.         การวางแผนระยะสั้น เหมาะสำหรับแผนงานที่ใช้เวลาไม่นาน เป็นโครงการพิเศษหรือโครงการที่ต้องการคำตอบโดยรีบด่วน เช่น การวางแผนงานในกรณีเกิดอุบัติหตุและ ฉุกเฉิน การจัดงานพิธี งานประกวด การแข่งขันกีฬา และงานเฉลิมฉลองในโอกาสต่าง ๆ ฯลฯ

2.         การวางแผนระยะยาว เหมาะสำหรับโครงการที่มีรายละเอียดมากมายหลายขั้นตอน ถือเป็น งานสำคัญยิ่งของสถาบัน เป็นงานที่กว้างขวางและไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งข้อมูลที่ได้รับจะเป็น แนวทางค้นคว้าและวิเคราะห์สภาพปัญหาของการวางแผนในครั้งต่อ ๆ ไป

62.       การจัดงานแข่งเรือที่จังหวัดพิษณุโลก เป็นการวางแผนประชาสัมพันธ์ในข้อใด

(1) ระยะสั้น     

(2) ระยะยาว   

(3) ระยะกลาง 

(4) ระยะต่อเนื่อง

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 61. ประกอบ

63.       การขายความคิดด้วยวิธีอธิบายให้ผู้บริหารทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้นและไม่เป็นการเสียหน้า คือข้อใด

(1) ให้เป็นความคิดของเขาเอง            

(2) ยกย่องให้กำลังใจ

(3) เสนอความรู้ทางเทคนิค    

(4) ชี้แจงตามข้อเท็จจริง

ตอบ 1 หน้า 140-141 เดล คาร์เนกีได้เสนอการขายความคิดโดยวิธีชนะมิตรและจูงใจคนไว้ดังนี้

1.         ให้โอกาสเขารักษาหน้า โดยพยายามพูดตะล่อมความคิดให้เข้าจุดที่เราต้องการ เพื่อให้ เขารู้สึกว่าความคิดนั้นเป็นของเขา แต่ถ้า

ความคิดในการแก้ปัญหานั้นตรงกับสิ่งที่เรา คิดเอาไว้ก็ให้รีบยอมรับทันที

2.         อ้างความรู้ทางเทคนิคหรือวิชาการ     3. สร้างเครดิตและความเป็นผู้นำให้น่าเชื่อถือ

4.         ในกรณีที่ไม่มีเวลาพอและเป็นเรื่องรีบด่วน ให้ใช้วิธีออกคำสั่งเพื่อให้ปฏิบัติตาม

64.       การสื่อสารในรูป……เป็นข่าวสารที่สมาชิกในกลุ่มได้แลกเปลี่ยนทัศนคติและได้ตัดสินใจร่วมกัน

(1) ป้องกันตัวเอง        (2) ปากต่อปาก           (3) ศิลปะการแสดง     (4) โฆษณาสินค้า

ตอบ 2 หน้า 158 การสื่อสารในรูปของปากต่อปาก (Word of Mouth Communications)เป็นข่าวสารที่สมาชิกในกลุ่มได้แลกเปลี่ยนทัศนคติ และได้ตัดสินใจร่วมกันที่จะปฏิบัติตาม มติของมวลสมาชิก

65.       ข้อใดในกรรมวิธีเผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวข้องกับการแลกเปลี่ยนความคิดและการตัดสินใจ

(1) Awareness   (2) Evaluation   (3) Trail     (4) Adoption

ตอบ 2 หน้า 159 – 161 กรรมวิธีเผยแพร่ข่าวสารในขั้นการประเมินค่า (Evaluation) คือ การนำ ข้อมูลมาวิเคราะห์ดูว่าเหมาะสมที่จะนำไปถือปฏิบัติหรือไม่ ดังนั้นในขั้นตอนนี้เพื่อนฝูงและ เพื่อนบ้านจะมีส่วนสำคัญในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน และการตัดสินใจ

66.       ความหมายในด้านนามธรรม คือข้อใด

(1) โรงแรมท้องทราย   (2) หมู่บ้านชาวเล

(3) ทะเลยามมีคลื่นลม            (4) ใจนิ่งใส

ตอบ 4 หน้า 150165 – 166 Semantics หมายถึง การเปลี่ยนแปลงของคำหรือภาษา ซึ่งจะมีความหมายแตกต่างกันใน 2 ลักษณะ คือ

1.         ความหมายด้านวัตถุ (Denotative) เป็นความหมายตามพจนานุกรมที่มีลักษณะแท้จริง คงที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เป็นสิ่งแน่นอนตายตัว เช่น โรงแรม หมู่บ้าน ทะเล ฯลฯ

2.         ความหมายด้านนามธรรม (Connotative) จะเกี่ยวข้องกับจิตใจของมนุษย์ มีการเปลี่ยนแปลง ไม่คงที่ ทำให้มีความหมายหลายรูปแบบแล้วแต่จินตนาการ ศาลนา วัฒนธรรมประเพณี ความรู้สึกนึกคิด และสิ่งแวดล้อมของแต่ละสังคม เช่น ใจนิ่งใส ความกดดัน ฯลฯ

67.       ข่าวสารที่มีลักษณะยุ่งยากซับซ้อนควรจัดทำในรูปสัญลักษณ์หรือคำขวัญเตือนใจ เกี่ยวข้องกับข้อใด

(1)       เข้ากันได้กับสภาพแวดล้อม    (2) ช่องทางในการสื่อสาร

(3) ความต่อเนื่องและความสม่ำเสมอ (4) ความชัดเจน

ตอบ 4 หน้า 171 ความชัดเจน (Clarity) คือ ข่าวสารควรใช้ภาษาหรือภาพในรูปแบบง่าย ๆ ชัดเจน และสั้น มีความหมายที่แน่นอนไม่เปลี่ยนแปลง สามารถเข้าใจได้ดีทั้งผู้ส่งสารและผู้รับสาร สำหรับข่าวสารที่มีลักษณะยุ่งยากซับซ้อนควรจัดทำในรูปของสัญลักษณ์ (Symbols)หัวข้อโฆษณา (Themes) หรือคำขวัญเตือนใจ (Slogans) เพื่อให้เกิดความเข้าใจได้ชัดแจ้ง

68.       การสื่อสารมีผลสมบูรณ์ได้ย่อมเกี่ยวข้องกับขีดความสามารถของผู้รับสารในเรื่องใด

(1)       พื้นความรู้        (2) การอ่าน     (3) การฟัง       (4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 170172 กระบวนการสื่อสารจะให้ผลสมบูรณ์ได้ จะต้องพิจารณาอย่างละเอียดถึง ขีดความสามารถของผู้รับสาร (Capability of Audience) เช่น พื้นฐานความรู้ การอ่าน การฟัง และความเข้าใจของผู้รับสาร ซึ่งถ้าหากผู้รับสารหรือกลุ่มเบ้าหมายมีคุณสมบัติดังกล่าวแล้ว การติดต่อสื่อสารย่อมประสบผลสำเร็จ

69.       การสำรวจประชามติโดยจดหมายถึงบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ เป็นการสำรวจประชามติอย่างไร

(1)       ตั้งหน่วยรับฟังความคิดเห็น     (2) บันทึกความเห็นของประชาชน

(3) การสำรวจทางอ้อม            (4) รณรงค์ขอความร่วมมือ

ตอบ 3 หน้า 202 – 203, (คำบรรยาย) การสำรวจประชามติทางอ้อม (Indirect Survey) คือการวิเคราะห์ความคิดของมวลชนจากการอ่าน ดู และฟัง เช่น การตรวจสอบจากข่าว บทวิจารณ์ จดหมายถึงบรรณาธิการหนังลือพิมพ์ การตัดข่าวหรือบทความ ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีวิธีการ สำรวจทางอ้อมที่ยากมากขึ้นกว่าวิธีอื่น ๆ คือ การวิเคราะห์เนื้อหา (Content) และรายละเอียด จากข้อมูลของการสัมมนา สุนทรพจน์ การโต้วาที ภาพยนตร์ เอกสารข่าว ฯลฯ

70.       การวิเคราะห์ความคิดของมวลชนจากการโต้วาที ข้อมูลการสัมมนา ภาพยนตร์ เรียกว่าวิธีสำรวจประชามติ อย่างไร

(1) การวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือ          (2) การรวบรวมข้อเท็จจริง

(3) การวิเคราะห์ถึงเนื้อหา       (4) การคัดเลือกจากกลุ่มจำลอง

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 69. ประกอบ

ข้อ 71. – 80. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม

(1)       การประชาสัมพันธ์ (2) การย้ำข่าวสาร            (3) The Two-way Street Concept

(4)       เทพีแห่งสันติภาพ        (5) ไม่ถูก

71.       Repetition of Message

ตอบ 2 หน้า 154 การย้ำข่าวสาร (Repetition of Message) คือ การติดต่อสื่อสารในกรณีที่ผู้รับฟัง ได้ยินไม่ชัดเจนหรือขาดการติดต่อกับไป หรือต้องการย้ำเพื่อความแน่ใจว่าข่าวสารนั้นถึงเป้าหมาย แน่นอนหรือไม่ โดยในบางครั้งจะใช้ในกรณีเตือนความจำผู้รับสารให้มั่นใจ เชื่อถือ และยอมรับ ในข่าวสารจนนำไปปฏิบัติการในที่สุด ซึ่งส่วนใหญ่มักจะนำไปใช้ในการโฆษณาสินค้า

72.       เอาชนะกันด้วยความคิดและความถูกต้อง

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 9. ประกอบ

73.       เป็นสัญลักษณ์ที่ง่ายแก่การจดจำ

ตอบ 4 หน้า 168 – 169 สัญลักษณ์ของสถาบันเป็นสิ่งสำคัญที่ใช้แทนภาษาได้อย่างดียิ่ง เมื่อผู้ได้เห็น ย่อมเข้าใจอย่างลึกซึ้ง โดยควรมีลักษณะที่สำคัญ คือ ควรอยู่ในความทรงจำของคนทั่วไปให้นาน ที่สุด เป็นสัญลักษณ์ที่ง่ายแก่การจดจำ เหมาะสมกับสถานการณ์ และมีเอกลักษณ์ให้เห็น เด่นชัด เช่น อนุสาวรีย์เทพีแห่งสันติภาพที่นิวยอร์ก เป็นต้น

74.       ไม่ปิดกั้นข้อมูลข่าวสารเรื่องราว

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 9. ประกอบ

75.       เป็นภาระหน้าที่ของฝ่ายจัดการ ฝ่ายตัดสินใจ

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 6. ประกอบ

76.       ในกรณีเตือนผู้รับสารให้มั่นใจ เชื่อถือ และยอมรับข่าวสารยิ่งขึ้น

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 71. ประกอบ

77.       นำไปใช้กับการโฆษณาสินค้า

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 71. ประกอบ

78.       การรับฟังข้อมูลย้อนกลับตามแนวทางการติดต่อสื่อสารแบบยุคลวิถี

ตอบ 3 หน้า 106 ผลสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของประธานาธิบดีแฟรงกินส์ รุสเวลส์ ในการวิจัยทัศนคติของ ชาวอเมริกัน คือ การเปิดรับฟังความคิดเห็นโดยการติดต่อสื่อสารกับประชาชนผ่านสื่อมวลชน เช่น การแสดงประชามติ และการได้พูดคุยโดยตรงกับประชาชนชาวอเมริกัน ดังนั้นวิธีการวิจัย ที่มีประสิทธิภาพก็คือ การสื่อสารแบบสองทิศทาง (The Two-way Street Concept) หรือ การรับฟังข้อมูลย้อนกลับตามแนวทางการติดต่อสื่อสารแบบยุคลวิถี

79.       ผลสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของประธานาธิบดีแฟรงกินส์ รูสเวลส์ จากการได้พูดคุยโดยตรงกับประชาชนชาวอเมริกัน

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 78. ประกอบ

80.       มีเอกลักษณ์ให้เห็นเด่นชัด

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 73. ประกอบ

ข้อ 81. – 90. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม

(1) ประชาสัมพันธ์กรณีอุบัติเหตุฉุกเฉิน          (2) ข่าวประชาสัมพันธ์

(3) ใบแทรกและเอกสารข่าว   (4) ข้อบกพร่องของข่าวแจก

(5)       บรรณาธิการเอกสารประชาสัมพันธ์

81.       บริษัทเซลล์แห่งประเทศไทยแจกรูปบุคคลสำคัญในหนังสือพิมพ์แนวหน้า

ตอบ 3 หน้า 284 ใบแทรกและเอกสารข่าว มักถูกสอดมาในหนังสือพิมพ์หรือใบเสร็จต่าง ๆ และจะใช้เมื่อบริษัทต้องการเผยแพร่นโยบายหรือเกิดปัญหาสำคัญที่จะมีผลกระทบกระเทือนต่อการ ดำเนินงานขององค์กร หรือในบางครั้งก็อาจจะเป็นการโฆษณาสถาบัน เช่น แจกรูปบุคคลสำคัญ รูปภาพฉลองวันพิเศษขององค์กร ฯลฯ ซึ่งมีข้อดีคือ ราคาถูก น้ำหนักเบา ประหยัดค่าไปรษณีย์ และมักถูกนำมาใช้ในกิจกรรมขององค์กรสาธารณประโยชน์ การรณรงค์ทางการเมืองและสังคม

82.       ความนำคือจุดเด่นที่สุดของเรื่อง

ตอบ 2 หน้า 268 ข่าวประชาสัมพันธ์จะมีเนื้อหาประกอบไปด้วยความนำ (Lead) ซึ่งจะต้องกล่าวถึง ส่วนที่สำคัญที่สุด หรือเป็นจุดเด่นที่สุดของเรื่อง (Climax) ให้อยู่ในย่อหน้าแรกหรืออยู่ที่ความนำนั่นเอง โดยผู้เขียนต้องยึดหลักเกณฑ์การเขียนความนำจากเนื้อหาข่าวที่มีลักษณะสำคัญอย่าง เด่นชัดที่สุดที่มีต่อผู้อ่าน หรือสิ่งที่ผู้อ่านให้ความสนใจใคร่รู้

83.       จัดแถลงข่าวสื่อมวลชน

ตอบ 1 หน้า 144 – 146 การวางแผนประชาสัมพันธ์ในกรณีอุบัติเหตุและฉุกเฉินของบริษัท G.C. Reitinger มีดังนี้

1.         ส่งเจ้าหน้าที่มายังที่เกิดเหตุภายใน 7 ซม. หลังจากเกิดอุบัติเหตุ

2.         จัดแถลงข่าวผ่านสื่อมวลชน

3.         ส่งคณะกรรมการของบริษัทไปเยี่ยมครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ

4.         ให้เงินช่วยเหลือตามความจำเป็น

5.         จดหมายฉบับพิเศษเขียนด้วยลายมือประธานบริษัท ส่งไปถึงครอบครัวของผู้เสียชีวิต ฯลฯ

84.       ข้อดีคือราคาถูก น้ำหนักเบา ประหยัดค่าไปรษณีย์ นักประชาสัมพันธ์นำไปใช้ในการรณรงค์ทางการเมือง

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 81. ประกอบ

85.       จดหมายฉบับพิเศษเซียนด้วยลายมือประธานบริษัท ส่งไปถึงครอบครัวเป้าหมาย

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 83. ประกอบ

86.       ตรวจสอบข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์ทุกวัน เพื่อหลีกเลี่ยงการส่งข่าวในวันที่มีข่าวสำคัญ เช่น ข่าวปฏิวัติ

ตอบ 4 หน้า 330 – 331 ข้อบกพรองของข่าวแจก มีดังนี้ 1. ส่งไม่ทันเวลาปิดข่าว

2. ส่งผิดโรงพิมพ์         3. ข่าวที่ส่งไม่มีความสดของข่าว

4.         ไม่ควรใช้สำนวนนักประพันธ์ คำฟุ่มเฟือย และสำนวนหรูหราใด ๆ

5.         ส่งข่าวโดยไม่ได้เปรียบเทียบกับข่าวอื่น ๆ ดังนั้นจึงควรตรวจสอบข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์ทุกวัน เพื่อหลีกเลี่ยงการส่งข่าวในวันที่มีข่าวสำคัญ เช่น ข่าวปฏิวัติ ฯลฯ

87.       มีหน้าที่เผยแพร่ข่าวสาร ดำเนินงานประชาสัมพันธ์

ตอบ 5 หน้า 276 – 277 กองบรรณาธิการของเอกสารประชาสัมพันธ์ ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยเป็น หลักในการเผยแพร่ข่าวสารและดำเนินงานประชาสัมพันธ์ขององค์กรให้เป็นไปด้วยดี ดังนั้น หน้าที่และตำแหน่งบรรณาธิการจึงเปรียบเสมือนนักประชาสัมพันธ์ระดับสูง ซึ่งต้องทำหน้าที่ หลายฝ่ายตั้งแต่วางแผนประชาสัมพันธ์ จัดทำเอกสารประชาสัมพันธ์ ไปจนถึงการให้คำปรึกษา แนะนำกับฝ่ายบริหาร

88.       เมื่อต้องการล้อเลียน หรือเสียดสี ใช้วิธีสมมติตัวละคร หรือสถานการณ์ขึ้น

ตอบ 2 หน้า 269 การเขียนข่าวประชาสัมพันธ์เพื่อล้อเลียนหรือเสียดสี (Satire) โดยมีความประสงค์ ที่จะตำหนิหรือทักท้วง ควรใช้วิธีการที่นุ่มนวล ไม่ตำหนิโดยตรง อาจใช้วิธีสมมุติตัวละครหรือ สมมุติสถานการณ์ขึ้น เพราะวิธีดังกล่าวอาจได้ผลเท่ากับการกล่าวติเตียนหรือเสนอแนะ โดยตรง ทั้งยังเป็นการรักษาน้ำใจระหว่างผู้เขียนและผู้ถูกกล่าวถึงได้อีกด้วย

89.       ไม่ควรใช้สำนวนนักประพันธ์ คำฟุ่มเฟือย สำนวนหรูหราใด ๆ

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 86. ประกอบ

90.       นักประชาสัมพันธ์ระดับสูงต้องทำหน้าที่หลายฝ่าย

ตอบ 5 ดูคำอธิบายข้อ 87. ประกอบ

91.       คุณสมบัตินักประชาสัมพันธ์ในเรื่องควรมีบุคลิกดี คืออะไร

(1) ซื่อสัตย์      

(2) อดทน ยินดีบริการ 

(3) เชื่อมั่นในตนเอง     

(4) ไม่อยู่นิ่งเฉย

ตอบ 3 หน้า 228 – 229 Cutlip and Center ได้กล่าวถึงคุณสมบัติของนักประชาสัมพันธ์ทีดีไว้ประการหนึ่ง ได้แก่ ควรมีบุคลิกที่ดี ซึ่งสิ่งสำคัญคือ ควรมีความเชื่อมั่นในตัวเอง ยิ้มแย้มแจ่มใส แต่งกายสะอาดเรียบร้อย สง่าผ่าเผย สามารถทำตัวให้เป็นที่น่าสนใจ และเป็นที่ชื่นชอบของ บุคคลทั่วไป เพราะนักประชาสัมพันธ์คือ The Man in the middle.

92.       ความชำนาญพิเศษสูงสุดของวัยหนุ่มสาว จากการสำรวจของสมาคมนักประชาสัมพันธ์สหรัฐฯ คือข้อใด

(1) การเขียน    

(2) สนใจกิจกรรมต่าง ๆ 

(3) การบริหารองค์กร            

(4) ศิลปะการแสดง

ตอบ 1 หน้า 229 สมาคมนักประชาสัมพันธ์ของสหรัฐๆ (PRSA) ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของกำลังคนวัยหนุ่มสาวว่า ควรจะมีความรู้ความชำนาญพิเศษอะไรบ้าง โดยคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ได้ดังนี้ 1. ความสามารถในการเขียน 70%            2. ความชำนาญงานในสาขาประชาสัมพันธ์ 42%

3.         ความสามารถในกรพูด 30% 4. ความสามารถในทางสร้างสรรค์ 28%

5. ความเฉลียวฉลาดรอบรู้ 28%         6. พื้นฐานความรู้ทั่วไป 27%

7.         ความสามารถในการวินิจฉัย และตัดสินใจอย่างสุขุม 25%

8.         ความสามารถในการบริหารองค์กร 11%

93.       ข้อใดคือข่าวประชาสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้คาดการณ์ไว้ก่อน

(1)       เนสท์เล่ไทยจัดการแสดงกาแฟบัลเลต์ ครั้งที่ 3

(2)       โฟล์คสวาเกนจัดแข่งกอล์ฟการกุศล รายได้มอบให้มูลนิธิสายใจไทย

(3)       รัฐบาลฟิลิปปินส์ให้ความช่วยเหลือผู้เคราะห์ร้ายจากพายุไต้ฝุ่นลีโอ

(4)       กวี วสุวัต บริจาคเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าสำหรับผู้ติดยาเสพติด

ตอบ 3 หน้า 267 ลักษณะพิเศษของข่าวประชาสัมพันธ์ แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ ดังนี้

1.         ข่าวที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้คาดการณ์ไว้ก่อน หรือไม่ได้คาดหวังว่าจะเกิดขึ้น ซึ่งจะปรากฏขึ้น อย่างฉับพลันหรือไม่คาดคิด เช่น เกิดระเบิด น้ำท่วม แผ่นดินไหว พายุร้ายแรง ไฟไหม้ และภัยพิบัติต่าง ๆ ฯลฯ

2.         ข่าวที่ได้เตรียมการดำเนินงานไว้ล่วงหน้า ซึ่งจะถูกนำมาเขียนเป็นข่าวประชาสัมพันธ์บ่อยมาก เช่น ข่าวการจัดประชุม ข่าวการบริจาคเงินหรือแจกทุน ข่าวกิจกรรมพิเศษของสถาบัน ฯลฯ

94.       ข้อใดคือเอกสารเพื่อการประชาสัมพันธ์ภายนอก      

(1) หนังสือคู่มือพนักงานใหม่

(2)       วารสารผู้ถือหุ้น           (3) วารสารมูลนิธิคนพิการ       (4) วารสารผู้บริโภค

ตอบ 4 หน้า 271 – 275 ลักษณะที่สำคัญของเอกสารประชาสัมพันธ์ แบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ ดังนี้ 1. เอกสารเพื่อการประชาสัมพันธ์ภายใน ได้แก่ วารสารของพนักงาน หนังสือคู่มือพนักงานใหม่ วารสารผู้ถือหุ้น วารสารมูลนิธิคนพิการ ฯลฯ 2. เอกสารเพื่อการประชาสัมพันธ์ภายนอก ได้แก่ วารสารผู้บริโภค วารสารผู้จัดจำหน่ายส่งและจำหน่ายปลีก ฯลฯ

3.         เอกสารเพื่อการประชาสัมพันธ์ทั้งภายในและภายนอก ได้แก่ วารสารข้าราชการพลเรือน วารสารรามคำแหง ฯลฯ

95.       ภาพยนตร์ประชาสัมพันธ์เรื่องใดได้ช่วยส่งเสริมวิวัฒนาการภาพยนตร์ประชาสัมพันธ์ในสหรัฐฯ

(1) What Uncle Sam Will Do for Two Cents (2) The Parents Survival Guide

(3)       Accidental Tourist   (4) ข้อ 1 และ 3

ตอบ 1 หน้า 289 บริษัทผลิตรถยนต์ฟอร์ด เป็นองค์กรที่ให้ความสนใจและบุกเบิกวงการภาพยนตร์ เพื่อการประชาสัมพันธ์ไว้มาก ซึ่งภาพยนตร์ของบริษัทฟอร์ดที่มีบทบาทช่วยส่งเสริมวิวัฒนาการ ภาพยนตร์ประชาสัมพันธ์ในระยะแรกของสหรัฐฯ ได้แก่ เรื่อง “What Uncle Sam Will Do for Two Cents” และ “The Truth about the Liberty Motor”

96.       ข้อใดเกี่ยวข้องกับการโฆษณาเพื่องานประชาสัมพันธ์

(1)       เดอะมอลล์ มอบของขวัญขึ้นพิเศษสำหรับวันแห่งความรัก

(2)       โตโยต้า ให้บริการครบทุกรูปแบบ

(3)       บริษัท ไอบีเอ็ม. ส่งเสริมกิจกรรมพิทักษ์สิ่งแวดล้อม

(4)       สร้างสรรค์บ้านที่คุณรักและภูมิใจเพื่อชีวิตที่นครนายก

ตอบ 3 หน้า 314321 การโฆษณาเพื่องานประชาสัมพันธ์ (Public Relations Advertising)หรือเรียกว่า การโฆษณาสถาบันหรือการโฆษณาองค์กร เป็นการโฆษณาที่ไม่ได้คาดหวัง ในการขายสินค้าหรือมุ่งหวังที่จะหาผลกำไรและผลประโยชน์ แต่มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างชื่อเสียง ความเชื่อถือศรัทธา และเกียรติคุณให้ปรากฏกับสถาบัน ซึ่งในบางกรณีก็ถูกนำมาใช้โฆษณา ส่งเสริมสวัสดิการของสังคม หรือการโฆษณาบริการสาธารณะด้วย เพื่อช่วยเหลือและบริการสังคม หรือเพื่อแก้ปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม

97.       ภาระหน้าที่สำคัญของโฆษกรัฐบาลไทย คืออะไร

(1)       เผยแพร่ข่าวสาร ผลงานของรัฐ

(2)       ตอบโต้ข้อกล่าวหาของสื่อมวลชน

(3)       ตั้งสำนักข่าวกลางเพื่อข้าราชการและประชาชนติดต่อกันโดยสะดวก

(4)       การโฆษณาชวนเชื่อช่วยเสริมงานพี.อาร์. ของรัฐบาล

ตอบ 1 หน้า 357, (คำบรรยาย) โฆษกสำนักนายกรัฐมนตริ หรือโฆษกของรัฐบาล (Press Secretary) คือ ผู้ที่อยู่ในฐานะนักประชาสัมพันธ์ของรัฐบาล ซึ่งมีหน้าที่แถลงข่าว เผยแพร่ข่าวสาร/ผลงาน ของรัฐ และเสนอนโยบายของรัฐบาลหรือหน่วยงานผ่านทางสื่อมวลชนไปให้ประชาชนได้รับทราบ ตามที่นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นหัวหน้าใหญ่ในการประชาสัมพันธ์ของรัฐบาลได้มอบหมาย โดยมี จุดประสงค์พื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มประชากรให้เกิดความเข้าใจและให้การสนับสนุน

98.       โครงการประชาสัมพันธ์ภายในของกรมตำรวจ คือข้อใด

(1)       เจ้าหน้าที่นำชมกิจการของกรมตำรวจในวันเด็ก

(2)       บรรยายวิธีป้องกันอาชญากรรมให้นักเรียนโรงเรียนสวนกุหลาบ

(3)       จัดแข่งขันกีฬาโปโลน้ำกับทีมทหารเรือ

(4)       ให้ทุนการศึกษาต่อกับตำรวจชั้นประทวน

ตอบ 4 หน้า 379 – 380, (ดูคำอธิบายข้อ 26. ประกอบ) โครงการประชาสัมพันธ์ภายในของกรมตำรวจ มีวัตถุประสงค์เพื่อชี้แจง แถลงข่าว และบำรุงขวัญให้ตำรวจทุกระดับมีกำลังใจที่ดี มีความมั่นใจ ในตัวเอง อันมีผลทางอ้อมต่อการทำงานเพื่อรับใช้ประชาชนให้มีประสิทธิภาพ เช่น จัดงานเผยแพร่เกียรติคุณของนายตำรวจผู้ปฏิบัติงานดีเด่นประจำปี ให้ทุนการศึกษาต่อกับตำรวจ ชั้นประทวน ฯล

99.       สถาบันธุรกิจและอุตสาหกรรมในประเทศใดได้สร้างความรู้สึกในการเป็นครอบครัวเดียวกันระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง

(1) ฮ่องกง       (2) แคนาดา     (3) เยอรมนี      (4) ญี่ปุ่น

ตอบ 4 หน้า 428 สถาบันธุรกิจและอุตสาหกรรมในประเทศญี่ปุ่นจะไม่มีการแบ่งแยกหน่วยงานว่า เป็นฝ่ายบริหารหรือลูกจ้าง แต่ทุกคนจะถูกเรียกชื่อว่าเป็นผู้ร่วมงานที่อยู่ในครอบครัวเดียวกัน ดังนั้นสถาบันในความรู้สึกนึกคิดของพนักงานจึงเปรียบเสมือนบ้านแห่งที่สอง ซึ่งเป็นแหล่งทำรายได้ ไม่ใช่สถาบันที่บีบบังคับประชาชน

100.    มหาวิทยาลัยใดในประเทศแคนาดา ได้มีส่วนริเริ่มเปิดสอนและอบรมวิชาการประชาสัมพันธ์สำหรับผู้สนใจ

(1) McGill  (2) Torino (3) Brigham Young    (4) Saint Gall

ตอบ 1 หน้า 436 มหาวิทยาลัยแมคกิล (McGill University) ที่เมืองมอนทรีล ประเทศแคนาดาได้ริเริ่มเปิดสอนและจัดอบรมวิชาการประชาสัมพันธ์สำหรับผู้ที่สนใจต้องการศึกษาเพื่อหา ประสบการณ์เพิ่มขึ้น และมหาวิทยาลัยของกรุงออตตาวา (University of Ottawa) ก็ได้ เปิดบรรยายพิเศษในวิชาการประชาสัมพันธ์เช่นเดียวกัน โดยมีสมาคมนักประชาสัมพันธ์ แคนาดาให้การสนับสนุนกิจกรรมของมหาวิทยาลัยทั้งสองแห่ง

MCS2100 การประชาสัมพันธ์เบื้องต้น การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2556

การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2556

ข้อสอบกระบวนวิชา MCS 2100 (MCS 2150) การประชาสัมพันธ์เบื้องต้น

คำสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว (ข้อสอบมีทั้งหมด 100 ข้อ)

1.         ใครคือผู้นำทางความคิดในสังคมเมืองใหญ่ เช่น กรุงเทพฯ    

(1) นายกรัฐมนตรี

(2)       โฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี      

(3) คณะทูตต่างประเทศ         

(4) ปวงชน

ตอบ 1 หน้า 2252129158, (คำบรรยาย) ผู้เป็นกุญแจประชามติ ผู้นำท้องถิ่น หรือผู้นำทางความคิด (Opinion Leader) ในงานประชาสัมพันธ์ ได้แก่ ผู้เป็นหัวหน้าที่มีอิทธิพลในชุมชนและเป็นที่เคารพยอมรับนับถือในสังคมนั้น ๆ ซึ่งจะเข้าใจข่าวสารได้ดีและเป็นสื่อกลางเผยแพร่ความรู้ รวมทั้งชักจูงใจบุคคลอิน ๆ ต่อไปได้ เช่น ผู้นำทางความคิดในสังคมชนบท ได้แก่ พระ ครู กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ส่วนผู้นำทางความคิดในสังคมเมืองใหญ่ เช่น กรุงเทพฯ ได้แก่ นายกรัฐมนตรี หรือนักการเมืองที่มีชื่อเสียงและมีบทบาทในสังคม

2.         ผู้นำทางความคิดในงานประชาสัมพันธ์ หมายถึงข้อใด         

(1) Public Opinion

(2) Opinion Leader   

(3) Public Welfare     

(4) Public Relations Practice

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 1. ประกอบ

3.         ข้อใดไม่เกี่ยวข้องกับผลงาบประชาสัมพันธ์ขององค์กรเพื่อสังคม

(1)       งานดนตรีในสวนในบรรยากาศยามเย็น งานนี้มีแต่ฟรีกับฟรี

(2)       หมอลำซิ่ง จ.อำนาจเจริญ เฟื่อง ดัน 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์

(3)       กลุ่มนักแสดงเดินรณรงค์หนุ่มสาวรุ่นใหม่เข้าใจเรื่องเพศ ร่วมป้องกันเอดส์

(4)       รณรงค์ขายเสื้อผ้าเวอร์ซาเช่มือสอง ของสมาคมนักแข่งรถออดี้

ตอบ 4 หน้า 303308, (คำบรรยาย) ผลงานประชาสัมพันธ์ขององค์กรเพื่อสังคม เป็นกิจกรรมพิเศษ ทางสังคมที่ทำขึ้นนอกเหนือจากการทำธุรกิจ โดยไม่ได้หวังผลกำไรตอบแทน ทั้งนี้เพื่อเผยแพร่ ชื่อเสียงเกียรติคุณขององค์กรให้เป็นที่รู้จักกันทั่วไปในสังคม ซึ่งอาจเป็นการคืนกำไรให้สังคม ในลักษณะของการให้ความช่วยเหลือและสนับสนุน ให้ความห่วงใยและช่วยรณรงค์แก้ไข ประเด็นปัญหาต่าง ๆ ของสังคม หรือการให้โอกาสแก่ผู้ยากไร้และผู้ด้อยโอกาสในสังคม

4.         การต้อนรับแขก คือกิจกรรมข้อใดของงานประชาสัมพันธ์

(1) Communication (2) Enquiry (3) Communication Model (4) Gatekeeper

ตอบ 2 หน้า 7. 9597 แผนกติดต่อสอบถาม (Information) หรือที่ชาวอังกฤษและประเทศที่เคยเป็นอาณานิคมของอังกฤษนิยมใช้คำว่า“Enquiry” คือ งานต้อนรับ หรือติดต่อสอบถาม เรื่องราวทั่วไปของสถาบันนั้น ๆ ซึ่งเป็นบริการของหน่วยงานด่านแรกที่ได้ให้กับประชาชน โดยเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการจะต้องมีความรู้ในสถาบันของเขาเป็นอย่างดียิ่ง หรือทำหน้าที่เป็น เหมือนผู้ต้อนรับ (Receptionist) ที่คอยชี้แจงเรื่องราวตาง ๆ และพร้อมที่จะช่วยเหลืออำนวย ความสะดวกแก่แขกหรือผู้มาติดต่อด้วยความเต็มใจ

5.         การเสนอข่าวด้านดีเพียงด้านเดียวเพื่อให้คล้อยตาม เป็นการสื่อสารตามข้อใด

(1)       Public Relations (2) Publicity (3) Propaganda  (4) Public Affairs

ตอบ 3 หนา 14 – 15, (คำบรรยาย) การโฆษณาชวนเชื่อ (Propaganda) คือ การเผยแพร่ลัทธินิยม โดยเจตนาจะโน้มน้าวชักจูงใจคบด้วยกลวิธีต่าง ๆ ให้หลงเชื่อ เห็นดีเห็นงาม ซึ่งมีลักษณะสำคัญ คือ พูดเอาแต่ได้ เรื่องเท็จก็ว่าจริง มุ่งให้ประโยชน์ของตนฝ่ายเดียว พยายามปิดซ่อนที่มาของแหล่งข่าว และเสนอข่าวด้านดีแต่เพียงด้านเดียวเพื่อให้ประชาชนคล้อยตามโดยในปัจจุบัน การโฆษณาชวนเชื่อถูกนำมาใช้เป็นสื่อในการโฆษณาขายสินค้า และใช้ดำเนินการสื่อสาร เพื่อการสนับสนุนทางการเมืองของประเทศที่ปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์

6.         การส่งเสริมการจำหน่าย เมื่อเกี่ยวข้องกับผลงานของฝ่ายประชาสัมพันธ์บริษัทรถยนต์ฮอนด้า คือข้อใด

(1)       รณรงค์รถยนต์ซิตี้คาร์ของคนรุ่นใหม่   (2) จัดเทศกาลอาหารปรุงด้วยสมุนไพรไทย

(3) เลหลังรถปี 47 แถมเตาอบอาหาร  (4) การปฏิบัติการทางการตลาดต้องดีเด่น

ตอบ 2 หน้า 18, (คำบรรยาย) การส่งเสริมการจำหน่าย (Sale Promotion) ใน รูปแบบงานประชาสัมพันธ์ จะไม่ใช่วิธีการขายสินค้าโดยพนักงานหรือการโฆษณา และไม่ใช่วิธีการขายในโอกาสพิเศษต่าง ๆ แต่เป็นการให้ความรู้หรือให้สิ่งดี ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมในลักษณะของการแจกฟรีโดยไม่มีการขาย และอาจเป็นคนละเรื่องกับสินค้าหรือผลิตภัณฑ์เช่น การจัดนิทรรศการหรือเทศกาล การสาธิตให้ชม จัดแข่งขันให้รางวัล และจัดแสดงต่าง ๆ ฯลฯ

7.         ใครคือผู้วางแผนประชาสัมพันธ์กรณีเกิดวิกฤติของรถไฟฟ้าใต้ดินกรุงเทพฯ

(1)       รัฐบาล            (2) คณะผู้บริหาร         (3) ฝ่ายการโฆษณา    (4) นักประชาสัมพันธ์

ตอบ 4 หน้า 99126 หน้าที่สำคัญของนักประชาสัมพันธ์ประการหนึ่ง คือ การเป็นผู้วางแผนประขาสัมพันธ์ ซึ่งนักประชาสัมพันธ์อาจจะถูกเชิญให้ไปพบผู้บริหารระดับสูงหรือประธาน บริษัท เพื่อถามว่าจะแก้ปัญหาวิกฤติเรื่องนั้นเรื่องนี้ได้อย่างไร ดังนั้นนักประชาสัมพันธ์จึงต้องเป็นบุคคลที่มีความสามารถให้คำปรึกษาแนะนำ ได้อย่างฉับพลัน และเสนอการวางแผน ประชาสัมพันธ์หรือการแก้ปัญหาในระยะเวลาต่อมาได้ดี

8.         ข้อใดหมายถึงคำขวัญประชาสัมพันธ์

(1) เนยตราข้าวโพด หอมมัน…อร่อย

(2)       โปรดสนับสนุนการแข่งขันไก่ชนชิงแชมป์โลกในจังหวัดอ่างทอง

(3)       แป้งหอมบัว หอมชื่น ผื่นหาย ผิวกายงาม (4) การสูบบุหรี่อาจนำความตายมาสู่คุณ จากปูนซีเมนต์ไทย

ตอบ 4 หน้า 129 – 130314 – 315 คำขวัญประชาสัมพันธ์ หรือคำขวัญโฆษณาเพื่องานประชาสัมพันธ์หรือการวางแผนกำหนดหัวข้อประชาสัมพันธ์ (Themes) คือ คำขวัญที่มีเนื้อหาเพื่อช่วยเหลือ สังคมซึ่งจะต้องไม่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการขององค์กร โดยอาจใช้คำพูดสั้น ๆ ที่กินใจ และ จดจำได้งาย เช่น การสูบบุหรี่อาจนำความตายมาสู่คุณ จากปูนซีเมนต์ไทย ฯลฯ หรืออาจเป็น ภาพสัญลักษณ์เพื่อเป็นการเตือนใจและติดตามกลุ่มเป้าหมาย

9.         กิจกรรมสังคมในงานประชาสัมพันธ์ มีลักษณะอย่างไร

(1)       การคืนกำไรให้กับสังคม         (2) กิจกรรมพิเศษนอกเหนือจากการทำธุรกิจ

(2)       ให้โอกาสแก่ผู้ด้อยโอกาส       (4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 3. ประกอบ

10.       การประชาสัมพันธ์ หมายถึงอะไร

(1) ความผูกพันของประชาชนระหว่างองค์กร (2) ศิลป์และศาสตร์เพื่อสื่อความคิด

(3)       สื่อสัมพันธ์ระหว่างองค์กรของรัฐและเอกชน  (4) ความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันกับกลุ่มชน

ตอบ 4 หน้า 79 – 10 การประชาสัมพันธ์ ตรงกับคำภาษาอังกฤษว่า “Public Relations”หมายถึง วิธีการของสถาบันที่มีแผนการและกระทำต่อเนื่องกันไปในอันที่จะสร้างหรือรักษาไว้ ซึ่งความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถาบันกับกลุ่มประชาชน เพื่อให้สถาบันกับกลุ่มประชาชน ที่เกี่ยวข้องมีความรู้ความเข้าใจ ให้ความสนับสนุนร่วมมือซึ่งกันและกัน และเพื่อให้งานของ สถาบันดำเนินไปด้วยดี โดยมีประชามติเป็นแนวบรรทัดฐาน

11.       การรณรงค์ให้ไปเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นการดำเนินการตามหลักการประชาสัมพันธ์ตามข้อใด

(1) แจ้งข่าวสารให้เกิดความรู้  

(2) เผยแพร่จุดประสงค์ของสถาบัน

(3)       แก้ไขความเข้าใจผิด    

(4) ตรวจสอบความคิดของปวงชน

ตอบ2 หน้า 53 หลักการประชาสัมพันธ์ประการหนึ่ง คือ การบอกกล่าวเผยแพร่นโยบาย วัตถุประสงค์ การดำเนินงาน ผลการปฏิบัติงาน ตลอดจนความเคลื่อนไหวของสถาบันให้ประชาชนทราบ เพื่อให้ประชาชนเข้าใจในกิจการของสถาบัน นอกจากนี้สถาบันยังจำเป็นต้องเรียกร้องชักชวน ประชาชนให้สนับสนุนร่วมมือกับนโยบายและกิจการของสถาบันด้วย เช่น การรณรงค์ให้ไปเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นต้น

12.       หลักการประชาสัมพันธ์ของไอวี่ ลี มีจุดประสงค์อย่างไร

(1) เผยแพร่การธุรกิจกับสังคม            

(2) สื่อสารการโฆษณาองค์กรและสังคม

(3) สถาบันธุรกิจอุตสาหกรรมใช้คุณธรรมนำองค์กร 

(4) ให้ข่าวสารอย่างเปิดเผยเป็นจริง

ตอบ 4 หน้า 67 หลักการประชาสัมพันธ์ของไอวี่ ลี (Ivy Lee) มีจุดประสงค์เพื่อให้ข่าวสารอย่าง เปิดเผยและเป็นจริง ดังประกาศหลักการ (Declaration of Principles) ของเขาที่ว่า “…สำนักงานของเราไม่ใช่สำนักงานสื่อข่าวที่มีกิจการลับ งานทุกอย่างจะดำเนินการอย่างเปิดเผย และตรงไปตรงมา เรามีจุดประสงค์ที่จะเผยแพร่ข่าวสารไม่ใช่สำนักงานรับจ้างทำการโฆษณา… รายละเอียดเพิ่มเติมเรายินดีส่งให้ทันทีและยินดีที่จะช่วยชี้แจงรายละเอียดของเรื่องราวที่เป็น ความจริงเสมอ กล่าวโดยย่อแผนงานของเราเปิดเผยทุกอย่าง…

13.       เป้าหมายของการประชาสัมพันธ์มุ่งให้กลุ่มเป้าหมายได้รับสิ่งใดจากองค์กร

(1) เชื่อถือ ศรัทธา (2) ประทับใจในสินค้า       (3) ไม่ค้ากำไรเกินควร  (4) ข้อ 2 และ 3

ตอบ 1 หน้า 10 – 1120 – 21 เป้าหมายหรือจุดประสงค์สำคัญของการประชาสัมพันธ์ คือ การได้รับ ความสนับสนุนและเป็นที่ยอมรับของประชาชน โดยการสร้างความพึงพอใจ ความนิยมเลื่อมใส ความไว้เนื้อเชื่อใจ ตลอดจนความเชื่อถือศรัทธาให้เกิดขึ้นกับประชาชนกลุ่มเป้าหมายที่บริษัท หรือองค์กรต้องการ

14.       การสร้างความพึงพอใจในสินค้าบริการของสถาบันเอกชน มีจุดประสงค์เพื่ออะไร

(1) ขายสินค้าให้ได้มาก           (2) ขยายแผนงานการตลาด

(3) ธุรกิจจะมีชีวิตอยู่รอด         (4) บรรลุเป้าหมายอื่นทางอ้อม

ดอม 1 หน้า 15 – 16, (คำบรรยาย) สถาบันธุรกิจหรือเอกชนนิยมใช้การโฆษณา (Advertising)เพื่อช่วยในการจำหน่ายสินค้าของตนไปยังผู้บริโภค ซึ่งมีจุดมุ่งหมายหรือจุดประสงค์ คือ การสร้างความพึงพอใจในสินค้าและบริการ เพื่อเพิ่มปริมาณการขายผลิตภัณฑ์ให้ได้มากที่สุด เพราะงานโฆษณาเป็นงานที่ต้องการทำให้เกิดกำไร ขายสินค้าให้ได้มากขึ้น และจูงใจให้เกิด การขยายตัวทางธุรกิจการค้า

15.       การดำเนินงานประชาสัมพันธ์ทั้งปวงในการสร้างความเข้าใจกับปวงชน เกี่ยวข้องอย่างสำคัญกับสิ่งใด

(1) การวางแผนงานล่วงหน้า   (2) การตัดสินใจวางแผนการตลาด

(3) บริหารโครงการอย่างฉับไว            (4) ป้องกันการโจมตีของสื่อมวลชน

ตอบ 1 หน้า 1214126 การดำเนินงานประชาสัมพันธ์ของสถาบันหรือองค์กรเพื่อสร้างความเข้าใจ กับปวงขนนั้น จำเป็นต้องมีการวางแผนงานล่วงหน้าทุกครั้ง เพราะงานประชาสัมพันธ์ไม่ได้ เกิดขึ้นมาโดยกะทันหันหรือโดยไม่คาดฝันมาก่อน แต่ต้องมีการวางแผนเพื่อให้ได้รับผลสำเร็จ ตามความมุ่งหมาย ซึ่งถ้าขาดการวางแผนก็จะเกิดความระส่ำระสายเปลืองทั้งแรงงานและรายจ่าย

16.       ข้อใดไม่ใช่หน้าที่ของนักประชาสัมพันธ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย

(1) ให้คำปรึกษาแนะนำและตัดสินใจ (2) ชี้แจงวิธีดำเนินการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า

(3) ให้ข้อมูลข่าวสารที่มีความสำคัญ   (4) ต้องคัดเลือกข่าว

ตอบ 2 หน้า 78699267 หน้าที่ของนักประชาสัมพันธ์ควรจะอยู่ในตำแหน่งผู้บริหารหรือ ผู้ช่วยผู้บริหาร เพราะการประชาสัมพันธ์เป็นงานบริหารที่ต้องวางแผนระยะยาว และต้อง ดำเนินการปฏิบัติงานติดต่อกับเป็นเวลายาวนาน ซึ่งไม่อาจเห็นผลได้ในชั่วระยะเวลาอันสั้น ดังนั้นงานประชาสัมพันธ์จึงไม่ใช่งานที่วางแผนไว้เพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า หรือแก้ความเข้าใจผิดให้ผ่านพ้นไปในแต่ละวัน (ส่วนตัวเลือกข้ออื่นเป็นหน้าที่ของนักประชาสัมพันธ์)

17.       ข้อใดไม่ถูกต้องเมื่อเกี่ยวข้องกับงานประชาสัมพันธ์

(1) เป็นงานไม่หยุดนิ่ง (2) เน้นความพอใจของบริษัทเป็นหลักการทำงาน

(3) สร้างความนิยมเลื่อมใส     (4) ให้บริการเชิงผูกมัดใจลูกค้า

ตอบ 2 หน้า 10 – 1214369, (คำบรรยาย) ลักษณะสำคัญของงานประชาสัมพันธ์ มีดังนี้

1.         เป็นงานที่เน้นความพอใจของประชาชนที่เกี่ยวข้องเป็นหลัก 2. ดำเนินการเพื่อสร้าง ความนิยมเลื่อมใส 3. มีการวางแผนงานและกระทำอย่างต่อเนื่องโดยใช้ระยะเวลายาวนานไม่มี ที่สิ้นสุด ไม่หยุดนิ่ง ไม่ลดละ 4. ให้บริการเชิงผูกมัดใจลูกค้าในการประชาสัมพันธ์ธุรกิจ ฯลฯ

18.       ให้ข่าวสารแต่เพียงผ่ายเดียวไม่ได้คิดแก้ไขและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน เป็นการชักจูงใจในข้อใด

(1) การเผยแพร่           (2) การสารนิเทศ         (3) การส่งเสริมการจำหน่าย    (4) การโฆษณา

ตอบ 1 หน้า 16 – 17 การเผยแพร่ (Publicity) หรือการโฆษณาเผยแพร่ มีลักษณะเป็นเอกวิถี(One-way Process) คือ เผยแพร่ข่าวสารแต่เพียงฝ่ายเดียวไม่ได้คิดแก้ไขและรับฟังความคิดเห็น ของประชาชน โดยมีจุดมุ่งหมายที่แท้จริงเพื่อเผยแพร่ข่าวสาร ความรู้ความเข้าใจ ชักจูงใจ ให้ประชาชนเกิดความสนใจ นิยมเลื่อมใส และเพื่อขอความสนับสนุนร่วมมือจากประชาชน

19.       คณะทำงานโครงการ ขวานไทย ใจหนึ่งเดียว” ร่วมกับนักร้องทุกค่าย เพื่อสื่อความห่วงใยไปถึง ชาว 3 จังหวัดภาคใต้ เกี่ยวกับข้อใด

(1) Publicity (2) Public Opinion (3) Adoption Process (4) Public Relations

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 3. และ 10. ประกอบ

20.       ข้อใดหมายถึงหน่วยงานธุรกิจของเอกชนที่ดำเนินงานทางด้านที่ปรึกษา วางแผนงานนโยบาย

(1) สำนักงานของนักหนังสือพิมพ์       (2) สำนักงานที่ปรึกษาด้านการประชาสัมพันธ์

(3) สมาคมวิชาชีพประชาสัมพันธ์        (4) องค์กรที่ปรึกษาสถาบันธุรกิจ

ตอบ2 หน้า 35 – 36 สำนักงานที่ปรึกษาทางด้านการประชาสัมพันธ์ หรือเรียกว่า บริษัทรันจ้างทำประชาสัมพันธ์ (Public Relations Agency) หมายถึง หน่วยงานธุรกิจของเอกชนที่รับจ้าง ทำประชาสัมพันธ์ให้แก่สถาบันและองค์กรต่าง ๆ โดยดำเนินงานด้านการบริหาร ให้คำแนะนำ ปรึกษา วางแผนงานนโยบาย สำรวจค้นคว้าวิจัย สร้างความสัมพันธ์อันดีกับประชาชนและ สถาบันที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งดำเนินงานทางด้านประชาสัมพันธ์ เช่น เขียนข่าว บทความ จัดทำภาพข่าว ฯลฯ โดยอาศัยเครื่องมือหรือสื่อมวลชนต่าง ๆ

21.       สไบทิพย์ ศึกษาวิชาประชาสัมพันธ์เป็นอาชีพหลัก เธอมีจุดมุ่งหมายอย่างไร

(1) นำไปประกอบอาชีพ          

(2) นำไปเป็นบันไดการเรียนรู้ด้านการแสดง

(3) นำไปเสริมอาชีพธุรกิจการค้า         

(4) เพิ่มความรอบรู้ในการเข้าสมาคม

ตอบ 1 หน้า 26 วิชาการประชาสัมพันธ์สามารถตอบสนองวัตถุประสงค์แก่ผู้ศึกษาได้อย่างน้อยที่สุด 2 ประการ คือ

1.         เป็นวิชาชีพหลัก คือ วิชาที่ผู้ศึกษามุ่งหวังจะนำไปใช้ประกอบอาชีพในวันข้างหน้า

2.         เป็นวิชาเสริมอาชีพหลัก คือ วิชาที่ผู้ศึกษาคาดหวังว่าจะนำไปช่วยเสริมอาชีพหลักของตน ในอนาคต

22.       งานประชาสัมพันธ์ไปเกี่ยวข้องกับการขายตามข้อใด

(1) สินค้า         

(2) บริการ        

(3) โฆษณา     

(4) ข้อ 1 และ 2

ตอบ 2 หน้า 27 งานประชาสัมพันธ์เป็นงานด้านขายบริการ มิใช่ขายสินค้าหรือวัตถุดิบ แต่เป็นบริการในด้านการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถาบันกับสังคมภายนอก เพื่อให้ประชาชน เกิดจินตภาพที่ดีต่อสถาบัน ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยความร่วมมือจาก หลาย ๆ ฝ่ายในสังคม

23.       ถ้าเปรียบเทียบเชิงธุรกิจ…….เป็นการขายสินค้าทางอ้อมในรูปของการให้ข้อมูล ความรู้ ความเข้าใจ

(1) การโฆษณา           (2) การเผยแพร่           (3) การตลาด   (4) การประชาสัมพันธ์

ตอบ 4 หน้า 369 การประชาสัมพันธ์ที่มีการวางแผนอย่างสุขุมรอบคอบย่อมช่วยให้สถาบันธุรกิจ มีความมั่นคง ประชาชนเกิดความรู้สึกศรัทธาเชื่อถือ เป็นที่ยอมรับของมวลชนและวงการธุรกิจ ประชาชนย่อมมาใช้บริการมากขึ้น หรืออาจจะกล่าวได้ว่าการประชาสัมพันธ์นั้นช่วยส่งเสริม การขายสินค้าทางอ้อมในรูปของการให้ข้อมูล ความรู้ ความเข้าใจ ฯลฯ และให้ผลที่มั่นคงแน่นอน มากกว่าการโฆษณาสินค้า

24.       กลุ่มมวลชนแบ่งได้ตามลักษณะจุดมุ่งหมายและนโยบายของกลุ่ม มีลักษณะอย่างไร

(1) กลุ่มใหญ่   (2) พหุภาพ      (3) กลุ่มสมาชิก           (4) กลุ่มระดมความคิด

ตอบ 2 หน้า 49 กลุ่มมวลชนที่มีลักษณะเป็นพหุภาพ (Plurality) หมายถึง กลุ่มมวลชนที่อาจแบ่งเป็น กลุ่มย่อย ๆ ได้อีกตามลักษณะจุดมุ่งหมายและนโยบายของกลุ่ม ตลอดจนความร่วมมือร่วมใจกัน เช่น แบ่งตามลักษณะทางเพศหรืออายุ ระดับขั้นของข้าราชการ ลักษณะที่อยู่อาศัยร่วมกัน ทางภูมิศาสตร์ รวมทั้งลักษณะทางศาสนา ลัทธินิยม และระดับการศึกษา

25        …………มีสภาพทั่วไปคล้ายเพื่อนบ้าน จะทำให้ประชาชนให้ความร่วมมือสนับสนุนหน่วยงานมากขึ้น

(1) กลุ่มประชาชนที่เกี่ยวข้องโดยตรง (2) กลุ่มประชาชนทั่วไป

(3) กลุ่มประชาชนในท้องถิ่น   (4) กลุ่มผู้เข้ารับการฝึกอบรม

ตอบ 3 หน้า 51-52 กลุ่มประชาชนภายนอกสถาบัน แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่

1.         กลุ่มประชาชนที่เกี่ยวข้องโดยตรง คือ มวลชนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องผลประโยชน์กับนโยบาย หรือกิจการอย่างหนึ่งอย่างใดของสถาบัน เช่น ผู้ถือหุ้น ลูกค้า ครู นักเรียน สื่อมวลชน กรรมกร ฯลฯ

2.         กลุ่มประชาชนในท้องถิ่น คือ มวลชนที่อาศัยอยู่ในท้องถิ่นเดียวกันกับสถาบัน มีสภาพทั่วไป คล้ายเพื่อนบ้าน ซึ่งย่อมให้ความร่วมมือสนับสนุนต่อสถาบันหรือหน่วยงานมากขึ้น

3.         กลุ่มประชาชนทั่วไป คือ ประชาชนกลุ่มอื่น ๆ นอกเหนือจากที่กล่าวมาแล้วข้างต้น

26.       จันทร์เจ้า เห็นความจำเป็นในการจัดตั้ง “Information” ให้กับบริษัทเพชรไทยอย่างรีบด่วน คือกิจกรรมใด

(1)       การสร้างภาพลักษณ์ให้องค์กร           (2) การตรวจสอบประชามติ

(3) การวิเคราะห์ปัญหาต่าง ๆ (4) การประชาสัมพันธ์ภายใน

ตอบ 4 หน้า 50, (คำบรรยาย) กิจกรรมประชาสัมพันธ์ภายในองค์กร คือ กิจกรรมที่สร้างความสัมพันธ์ อันดีระหว่างสถาบันกับกลุ่มมวลชนภายในองค์กร ได้แก่ 1. กำหนดแผนงานประชาสัมพันธ์

2.         ตั้งที่ติดต่อสอบถาม (Information) 3. ตั้งแผงปิดประกาศ 4. ออกวารสารข่าวภายใน

5.         จัดงานพิเศษ เช่น งานพบปะสังสรรค์ในเทศกาลตาง ๆ จัดแข่งขันกีฬา ฯลฯ

6.         ให้หยุดพักผ่อน ให้ทุนการศึกษาแก่บุตรของพนักงาน

7.         ให้ความรู้ความเข้าใจในนโยบาย และสร้างบรรยากาศที่เป็นกันเอง ฯลฯ

27.       บริษัทการบินไทย ได้จัดรายการครอบจักรวาลทางทีวีสีช่อง 5 เป็นการเผยแพร่ไปสู่กลุ่มเป้าหมายตามข้อใด

(1)       กลุ่มประชาชนที่เกี่ยวข้องโดยตรง       (2) กลุ่มประชาชนทั่วไป

(3) กลุ่มประชาชนในท้องถิ่น   (4) กลุ่มผู้เข้ารับการฝึกอบรม

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 25. ประกอบ

28.       การรับฟังเสียงสะท้อนกลับ (Feedback) เพื่อนำมาดำเนินการให้สอดคล้องกับความพึงพอใจของประชาชน เป็นการสื่อสารแบบใด

(1)       พลวัต  (2) ย้ำซ้ำข่าวสาร         (3) เอกวิถี        (4) ผลย้อนกลับภายหลัง

ตอบ 4 หน้า 22 – 2368106 – 107 การติดต่อสื่อสารแบบสองทิศทาง (Two-way Communication) หรือการรับฟังผลย้อนกลับภายหลังตามแนวทางของระบบยุคลวิถี (Two-way Process) ใน การดำเนินงานประชาสัมพันธ์ คือ วิธีการเผยแพร่ข่าวสารจากสถาบันไปสู่สังคม และใน ขณะเดียวกับก็รับฟังเสียงสะท้อนกลับ (Feedback) ของสังคม เพื่อให้สถาบันนำกลับมา ดำเนินการให้สอดคล้องกับความพึงพอใจของประชาชนในสังคมนั้น ๆ

29.       งานประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความนิยมหรือกิจกรรมเชิงรุก คือข้อใด

(1) สตาร์บัค กาแฟยอดนิยม สื่อความมีรสนิยม          (2) ยูโรฟีเวอร์ เสน่ห์ของซูเปอร์สตาร์ จากเป๊ปซี่

(3) หนอนน่ารัก ยูนิฟ กรีนที ผลิตจากชาเขียวชั้นดี (4) สีไอซีไอ ประกวดภาพวาดคัลเลอร์ฟูล กรุงเทพา

ตอบ 4 หน้า 55, (คำบรรยาย) ความมุ่งหมายของงานประชาสัมพันธ์แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

1.         เพื่อสร้างความนิยม (Goodwill) คือ การประชาสัมพันธ์เชิงรุกที่แสดงออกให้ประชาขน เห็นถึงการดำเนินกิจการของสถาบัน เพื่อสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างประชาชนกับ สถาบัน เช่น การจัดกิจกรรมช่วยเหลือสังคม หรือกิจกรรมพิเศษต่าง ๆ ฯลฯ

2.         เพื่อป้องกันชื่อเสียง (Reputation) คือ การประชาสัมพันธ์เชิงรับที่พยายามขจัดความขัดแย้ง ต่าง ๆ อันจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดแก่ประชาชน ดังที่ Sam Black ได้กล่าวว่า

การประชาสัมพันธ์ คือ การกระทำเพื่อค้นหาและทำลายเสียซึ่งที่มาซองความเข้าใจผิด” เช่น การแถลงข่าวแสดงความเสียใจเมื่อเกิดวิกฤติการณ์ร้ายแรงในองค์กร ฯลฯ

30.       เกิดวิกฤติคลื่นยักษ์สึนามิถล่มหลายจังหวัดแถบทะเลอันดามัน เกี่ยวข้องกับความมุ่งหมายของ งานประชาสัมพันธ์ข้อใด

(1) เพื่อสร้างความนิยม           (2) เพื่อยึดหลักความจริง

(3)       เพื่อป้องกันชื่อเลียง    (4) เพื่อสนับสนุนกิจกรรมทางสังคม

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 29. ประกอบ

ข้อ 31. – 40 จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม

(1) การประชาสัมพันธ์ (2) การสารนิเทศ  (3) อาชีพของนักประชาสัมพันธ์

(4)       Communication Arts       (5) ไม่ถูก

31.       สนานจิต บางสะพาน ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องซุ้มมือปีน หนังดราม่า แอ๊คชั่น ตั้งคำถามคนไทยไม่ดูหนังไทย

ตอบ 3 หน้า 26 – 27208, (คำบรรยาย) อาชีพของนักประชาสัมพันธ์หรือวิชาชีพการประชาสัมพันธ์เป็นวิชาชีพที่สำคัญและได้รับความสนใจมากในปัจจุบัน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วนักประชาสัมพันธ์ มักจะมาจากผู้ที่ผ่านงานด้านสื่อสารมวลชนมาก่อน เช่น นักหนังสือพิมพ์ผู้ทำงานด้านวิทยุ และโทรทัศน์ผู้กำกับภาพยนตร์นักแสดง ฯลฯ

32.       เป็นการสื่อความหมายหลายรูปแบบ บางองค์กรใช้ชื่อเป็นอย่างอื่น ต่างมีรากฐานในแนวทางสังคมศาสตร์

ตอบ 4 หน้า 29 นิเทศศาสตร์ (Communication Arts) เป็นการสื่อความหมายหลายรูปแบบของวิชาการในแขนงต่าง ๆ ที่มารวมกันภายใต้ชื่อนี้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1970 ซึ่งบางครั้งพบว่า มหาวิทยาลัยหลายแห่งใช้ชื่อเป็นอย่างอื่นไป เช่น คณะวารสารศาสตร์ ฯลฯ แต่โดยเนื้อแท้แล้ว หลักการและเหตุผลในแต่ละสาขาวิชาข้างต้นต่างมีรากฐานมาจากวิชาทางมนุษยศาสตร์และ สังคมคาสตร์เช่นเดียวกัน

33.       ผู้กำกับหนังฟอร์มยักษ์ โจว ซิง ฉือในหนังตลกจี้ท้องอย่าง คนเล็ก หมัดเทวดา” (Kungfu Hustle) เด็กแนวชมตรึม

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 31. ประกอบ

34.       การดำเนินการเพื่อสถาบัน มีการวางแผนงาน มีระบบ มีการสื่อสัมพันธ์สองทาง

ตอบ 1 หน้า 54 – 55, (คำบรรยาย) การประชาสัมพันธ์มีการดำเนินงานดังนี้

1.         บอกกล่าวประชาชน    2. เอาใจใส่กับประชาชน

3.         ติดต่อไปมาทั้งสองฝ่าย โดยอาศัยการสื่อสารสองทาง (Two-way Communication)

4.         ยึดหลักความจริง        5. มีการวางแผนงานและการกระทำที่ต่อเนื่องอย่างมีระบบ 6. คำนึงถึงประโยชน์ทั้งสองฝ่าย หรือดำเนินการเพื่อสถาบันและประชาชนที่เกี่ยวข้อง

35.       เป็นเช่นสะพานคอยเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงานของท่านกับกลุ่มประชาชนที่เกี่ยวข้อง

ตอบ 1 หน้า 8353, (คำบรรยาย) การประชาสัมพันธ์เปรียบเสมือนสะพานที่คอยเชื่อมโยงหรือ ประสานความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถาบันหรือหน่วยงานกับกลุ่มประชาชนที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันและถ้อยทีถ้อยอาศัยเพื่อความกลมกลืนของระบบสังคม

36.       การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้เผยแพร่การแสดงหุ่นกระบอกของไทยร่วมกับกรมประชาสัมพันธ์ที่ศูนย์วัฒนธรรมปารีส ประเทศฝรั่งเศส

ตอบ 2 หน้า 17 – 18 การสารนิเทศ (Information Service) คือ การให้ข่าวสารข้อเท็จจริงต่าง ๆ เพื่อเผยแพรให้ชาวต่างชาติได้รู้จักประเทศไทย เช่น นโยบายของรัฐบาล ศิลปวัฒนธรรมไทย รวมทั้งการให้ความสะดวก ช่วยเหลือ ปรับความเข้าใจ แก้ไขความเข้าใจผิด และการแสดง อัธยาศัยไมตรีหรือผูกสัมพันธ์ไมตรี ฯลฯ ซึ่งประเทศไทยได้ทำการสารนิเทศมานานแล้ว โดยมีสำนักงานแถลงข่าวไทยในสังกัดของกรมประชาสัมพันธ์ อยู่ที่กรุงวอชิงตัน ลอนดอน ฯลฯ

37.       เป็นการทำดีทั้งองค์กร พัฒนาคน พัฒนางานสู่ความเป็นเลิศ

ตอน1 หน้าคำน่า19, (คำบรรยาย) การประชาสัมพันธ์เป็นการทำดีทั้งองค์กร เป็นการพัฒนาคน พัฒนางาบสู่ความเป็นเลิศ และเน้นที่ส่วนถือครองทางจิตใจ ดังที่ Paul WGarrett ซึ่งเป็น ปราชญ์ทางด้านการประชาสัมพันธ์เคยกล่าววา ปรัชญาการบริหารงานประชาสัมพันธ์นั้น เป็นเรื่องจิตใจที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ นึกถึงผู้อื่นมากกว่าตนเอง ให้ความสนใจต่อประชาชนเป็น อันดับแรก อยู่บนพื้นฐานของจิตสำนึกที่มีคุณธรรม ย่อมสำคัญที่สุดในการตัดสินใจดำเนินงาบนของสถาบันที่มีประสิทธิภาพ

38.       เปลว สีเงิน ผู้วิเคราะห์ข่าวดีเด่นในหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ พูดถึงหน้าที่ต่อสังคมเป็นสิ่งที่สื่อจะละเลยไม่ได้

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 31. ประกอบ

39.       วิธีการลงทุนน้อย เอากำไรมาก ๆ สอนวิธีจูงใจประชาชน เสียเปรียบน้อยที่สุด ถือเป็นแนวคิดในการบริหารองค์กร

ตอบ 5 หน้า 19 ในปัจจุบันแนวคิดปรัชญาทางสังคมของการบริหารองค์กรได้รับการยอมรับในสังคม ทั่วไป โดยมีหลักการว่าจุดประสงค์เบื้องแรกนั้นมิใช่มุ่งหาผลกำไรให้แก่เจ้าของสถาบันหรือ ผู้ถือหุ้นเพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ที่เหมาะสมของลูกจ้าง พนักงาน ผู้ใช้บริการ ตลอดจนประชาชนทั่วไปด้วย

40.       พี.อาร์. จึงหมายถึงผู้เป็นกระบอกเสียงขององค์กร หรือทำงานให้นายทุน

ตอบ 5 หน้า 68 – 69 การประชาสัมพันธ์ (Public Relations : P.R.) ไม่ใช่การดำเนินงานในลักษณะ ตัวแทนของนายทุน”  “สุนัขรับใช้คนรวย” และ ปากเสียงของเจ้านาย” แต่เป็นการดำเนินงาน อย่างตรงไปตรงมาและซื่อสัตย์ต่อประชาชน โดยมุ่งเผยแพร่ข่าวสารในความเป็นจริงอย่างถูกต้อง

ข้อ 41 – 50. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม

(1) กิจกรรมประชาสัมพันธ์ภายในองค์กร       (2) กิจกรรมประชาสัมพันธ์ภายนอกองค์ภร

(3) John WHill (4) PRSA    (5) ไม่ถูก

41.       วางแผนส่งเสริมสถานภาพสตรีในแวดวงงานประชาสัมพันธ์ สตรีมีโอกาสมากขึ้น

ตอบ 4 หน้า 32 – 33 สมาคมนักประชาสัมพันธ์ของสหรัฐอเมริกา (PRSA) ได้ให้ความร่วมมือกับ หน่วยงานธุรกิจเอกชนที่มีซื่อเสียงหลายแห่ง เพื่อจัดทำโครงการให้ความช่วยเหลือสตรีให้ได้ ประกอบอาชีพในงานประชาสัมพันธ์ โดยมีการจัดพิมพ์คู่มือเกี่ยวกับงานอาชีพประชาสัมพันธ์ ซึ่งมีคำแนะนำที่มีประโยชน์อย่างมาก นอกจากนี้ยังจัดการวางแผนส่งเสริมสถานภาพสตรีในแวดวง งานประชาสัมพันธ์ ทำให้สตรีมีโอกาสมากขึ้น เช่น Rea Smith เป็นผู้ประสบความสำเร็จ ได้รับตำแหน่งถึงรองประธานฝายบริหารของ PRSA เป็นต้น

42.       บุคลากรมีประสบการณ์งานประชาสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างกว้างขวาง ในภาวะวิกฤติสามารถเรียกตัว ปฏิบัติงานได้ทันท่วงที

ตอบ3 หน้า 38 – 3969 John พ. Hill เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทรับจ้างทำการประชาสัมพันธ์หรือสำนักงานที่ปรึกษาด้านการประชาสัมพันธ์ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของโลก คือ บริษัทที่มีชื่อว่า Hill and Knowlton (H & K) โดยมีบุคลากรที่มีประสบการณ์การทำงานระหว่างประเทศ อย่างกว้างขวาง ดังนั้นเมื่อเกิดภาวะวิกฤติที่บริษัทต้องการผู้เชี่ยวชาญในกรณีพิเศษหรือฉุกเฉิน ก็สามารถเรียกตัวนักประชาสัมพันธ์เหล่านั้นไปปฏิบัติงานได้อย่างทันท่วงที

43.       สมาคมนักศึกษา ม.ร. ในสามจังหวัดภาคใต้ สนับสนุนให้จัดรายการธรรมะกับประชาชน เผยแพร่ทีสถานีวิทยุชุมชน เน้นสาระทุกเช้าตรู่วันอาทิตย์

ตอบ 2 หน้า 52, (คำบรรยาย) กิจกรรมประชาสัมพันธ์ภายนอกองค์กร คือ กิจกรรมที่สร้าง ความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถาบันกับชุมชน หรือกลุ่มมวลชนภายนอกองค์กร ได้แก่

1.         ออกหนังสือพิมพ์ วารสาร ฯลฯ เพื่อเผยแพร่ 2. เขียนข่าวและบทความ จัดรายการเพื่อ เผยแพร่สถาบัน โดยเสนอผ่านสื่อมวลชน 3. จัดประชุมผู้สื่อข่าว จัดงานขอบคุณสื่อมวลชน

4.         จัดงานพิเศษ งานแข่งขันกีฬา นิทรรศการ จัดอบรมบรรยายพิเศษ และปาฐกถา

5.         บริการให้ประชาชนเข้าชมหน่วยงาน 6. ถ่ายภาพ สไลด์ จัดทำภาพยนตร์ออกเผยแพร่ ฯลฯ

44.       คณะทำงานแอนิเมชั่นเรื่องเดอะอินเครดิเบิ้ล ของผู้กำกับแบรด เบิร์ด ต่างช่วยกันจัดงานวันวาเลนไทน์ ได้อย่างสนุกสนาน

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 26. ประกอบ

45.       ทุก ๆ คน ล้วนพิเศษไม่มีใครที่ไม่พิเศษ” ยอดคุณแม่อีลาสติกเกิร์ล พยายามสอนลูก ๆ นักเรียนโรงเรียน อนุบาลไวโอเล็ต ให้รู้คุณค่าของเพื่อนมนุษย์ที่ไม่มีเส้นแบ่ง

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 26. ประกอบ

46.       บริษัทที่มีชื่อเสียงอันดับสองของโลก คือ J. Walter Thompson P.R.

ตอบ 5 หน้า 41 บริษัทรับจ้างทำการประชาสัมพันธ์ที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับสอง คือ บริษัท Carl Byoir & Associates ซึ่งคิดค่าบริการในการทำประชาสัมพันธ์ให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ เป็นรายปี คือ ปีละ อย่างต่ำประมาณ 50,000 เหรียญ หรือเทียบเป็นเงินไทย คือ ปีละประมาณ 1,000,000 บาท

47.       หัวหน้าเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าดงใหญ่ บุรีรัมย์ จัดอบรมเยาวชนอาสาสมัครนำเที่ยวป่าดงใหญ่ ร่วมรณรงค์ ความรักธรรมชาติ

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 43. ประกอบ

48.       พิมพ์คู่มือเกี่ยวกับงานอาชีพประชาสัมพันธ์ มีคำแนะนำที่มีประโยชน์มาก ผู้ประสบความสำเร็จ เช่น Rea Smith

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 41. ประกอบ

49.       ก่อตั้งสำนักงานที่ปรึกษาด้านการประชาสัมพันธ์ที่ใหญ่ที่สุด H & K

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 42. ประกอบ

50.       รายการโทรทัศน์สำหรับเด็กดำเนินการสื่อสารโดยบริษัท ซีอาร์-วี ได้สร้างเทรนด์ปลุกกระแสคนแก่ แห่ไปเรียนหนังสือ หลังจากพลาดโอกาสสำคัญไปตั้งแต่ยังเด็ก

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 43. ประกอบ

ข้อ 51. – 60. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม

(1) งานประชาสัมพันธ์เพื่อป้องกันชื่อเสียง     (2) บทเพลงพื้นเมือง   (3) อาโมส เคนดัล

(4)       Public be damned   (5) ไม่ถูก

51.       สร้างผังความสำเร็จทางการเมือง โดยเป็นหัวคะแนนให้แจคสัน

ตอบ 3 หน้า 63 หลังจากสงครามกลางเมือง ผู้นำวงการประชาสัมพันธ์ของสหรัฐฯ ไปสู่ความก้าวหน้า อย่างรวดเร็ว คือ อาโมส เคนดัล (Amos Kendall) ซึ่งเคยทำงานประชาสัมพันธ์เป็นหัวคะแนน ให้แจคสันในสมัยที่รณรงค์หาเสียงเลือกตั้งเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ต่อมาเขาก็ได้กลายเป็น ที่ปรึกษาคนสำคัญในการบริหารงาน และเป็นผู้ช่วยชั้นมันสมองของประธานาธิบดีแจคสันในการ จัดวางนโยบายระดับสูง ดังนั้นเขาจึงเป็นส่วนสำคัญที่สุดในการสร้างผังความสำเร็จทางการเมือง ให้กับประธานาธิบดีแจคสัน หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า ศักราชของแจคสัน

52.       ผู้ถือหุ้นต้องการกำไรมาก ขาดความสนใจจะให้บริการที่ดีกับปวงชน

ตอบ 4 หน้า 65 ในสมัยที่สหรัฐฯ มีกิจการรถไฟไปยังเมืองต่าง ๆ หลายรัฐนั้น นายทุนหรือผู้ถือหุ้น ของกิจการรถไฟไม่ได้ให้ความสนใจที่จะให้บริการที่ดีกับประชาชน จะเอาแต่กำไรมาก ๆ และ ไม่เคยคำนึงว่าประชาชนควรจะรู้ข้อเท็จจริงในการดำเนินงานของสถาบันรถไฟ หรือมีทัศนคติ ต่อการปฏิบัติงานอย่างไร ทำให้การประชาสัมพันธ์ในช่วงนั้นมีความสำคัญภายใต้คำพูดที่ว่า “The Public be damned” คือ ประชาชนหรือสาธารณชนนั้นโง่ ไม่มีความจำเป็นจะต้องรู้ ข่าวสารหรือข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการบริหารงานขององค์กร

53.       ชักจูงใจมวลชนให้ร่วมมือร่วมใจกันเพื่อปลุกใจและเชื่อถือศรัทธา

ตอบ 2 หน้า 58 ประวัติความเป็นมาของงานประชาสัมพันธ์นั้นมีมาพร้อมกับมนุษย์ แฝงอยู่ในรูปแบบงาย ๆ เริ่มจากผู้เป็นหัวหน้าย่อมคิดหาวิธีการสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับสมาชิก ทุกคนด้วยสื่อที่เรียบง่าย เช่น ในประเทศจีน มีการชักจูงใจประชาชนให้ร่วมมือร่วมใจกันเพื่อ ปลุกใจและเชื่อถือศรัทธาผู้นำด้วยบทเพลงพื้นเมือง รวมทั้งสอนการทำนาและเลี้ยงไหม

54.       ประธานฮอนด้าแถลงเสียใจเหตุทุบซีอาร์-วี รับสภาพลูกค้าชะลอการจองซื้อ ถอนโฆษณาตั้งหลักรอเรื่องเงียบ

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 29. ประกอบ

55.       ผู้เป็นหัวหน้าย่อมคิดหาวิธีการสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับสมาชิกทุกคนด้วยสื่อที่เรียบง่าย

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 53. ประกอบ

56.       ที่ปรึกษาของแจคสันได้เป็นส่วนสำคัญในการโฆษณาชวนเชื่อของฝ่ายกษัตริย์อังกฤษ ช่วงสงครามกู้อิสรภพ สหรัฐฯ

ตอบ 5 ดูคำอธิบายข้อ 51. ประกอบ

57.       การนำเสนอแถลงข่าวรายวันของโรมัน ได้แก่ พิธีการบูชาเทพเจ้าแห่งเสียงเพลง และการประชุมรัฐสภา

ตอบ 5 หน้า 59 ในสมัยโรมันโบราณมีการนำเสนอแถลงข่าวรายวัน หรือมีชื่อเรียกสั้น ๆ ว่า “Album”และมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “Acta Diuna” โดยเอกสารข่าวฉบับนี้มีลักษณะเป็น ป้ายกระดานสีขาวที่เขียนประกาศข่าวของทางราชการติดไว้ที่หน้าสภาซีเนตในกรุงโรม เช่น ข่าวประกาศกฎหมาย ประกาศการคลังเกี่ยวกับรายรับรายจ่าย ภาษีอากร ข่าวไฟไหม้ น้ำท่วม แผ่นดินไหว ข่าวการเกิด การตาย เป็นต้น

58.       หลังสงครามกลางเมืองได้เป็นผู้นำวงการประชาสัมพันธ์ไปสู่ความก้าวหน้ารวดเร็ว ด้วยการจัดวางนโยบาย ระดับสูง

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 51. ประกอบ

59.       สาธารณชนนั้นโง่ ไม่จำเป็นจะต้องรู้ข่าวสารอะไร

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 52. ประกอบ

60.       โฆษกสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงข่าวแสดงความเสียใจในเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิถล่มต่อผู้ประสบภัย ณ ที่พักอาศัยชั่วคราวบริเวณศาลากลาง จังหวัดภูเก็ต

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 29. ประกอบ

ข้อ 61. – 70. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม

(1) ประโยชน์ของแผนกประชาสัมพันธ์           (2) การค้นคว้าวิจัย

(3) การวิจัยอย่างไม่เป็นทางการ         (4) Programming       (5) Promotion

61.       วางแผนเขียนโครงการแน่นอน เชื่อถือได้ ดำเนินตามแผนพี.อาร์. ทั้งปัจจุบันและแผนในอนาคต

ตอบ 4 หน้า 86, (คำบรรยาย) การจัดทำรายการ (Programming) คือ การวางแผนในเรื่องการบริหารสื่อ หรือวางกลยุทธ์ทางด้านการประชาสัมพันธ์ ซึ่งควรพิจารณาให้รอบคอบถึงจุดมุ่งหมาย นโยบาย ความต้องการของการดำเนินงานต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกสถาบัน โดยวางแผนเขียนโครงการ ที่แน่นอน เชื่อถือได้ และดำเนินงานตามแผนประชาสัมพันธ์ทั้งปัจจุบันและอนาคต ดังนั้น งานที่นับว่าสำคัญที่สุดของนักประชาสัมพันธ์ คือ การอยู่ในฐานะให้คำปรึกษาแนะนำและ ช่วยเหลือด้านการประชาสัมพันธ์แก่ฝ่ายบริหารระดับสูงได้เป็นอย่างดี

62.       คณะภริยาทูตนานาชาติรวมพล ออกร้านขายของพื้นเมืองของประเทศต่าง ๆ หารายได้ถวายพระราชินี เพื่อสนับสนุนโครงการสภากาชาดไทย

ตอบ 5 หน้า 85303 – 308 การสงเสริมเผยแพร่ (Promotion) หมายถึง การจัดงานพิเศษเพื่อผลงานประชาสัมพันธ์ หรือเพื่อช่วยส่งเสริมเผยแพร่ชื่อเสียงเกียรติคุณของสถาบัน เช่น การจัดเฉลิมฉลองวันครบรอบปี วับสัปดาห์หรือเดือนพิเศษ การเปิดให้ชมกิจการ การจัดแสดง ต่าง ๆ นิทรรศการ ปีใหม่ เทศกาล การจัดงานเลี้ยงขอบคุณสื่อมวลชน งานแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ งานประกวดและให้รางวัลผู้มีเกียรติ ตลอดจนงานออกร้านและอื่น ๆ

63.       แทมมี่ควงมาเรียเข้าไปเล่นรอบรองชนะเลิศการแข่งขันเทนนิสไฮเดอราบัดที่อินเดีย ทีมนักข่าวเข้าประกบ สัมภาษณ์ตัวต่อตัว

ตอบ 3 หน้า 114, (คำบรรยาย) วิธีการวิจัยอย่างไม่เป็นทางการ (Informal Methods) มีลักษณะดังนี้

1.         ติดต่อโดยตรงกับบุคคลที่รู้จักทางโทรศัพท์หรือทางจดหมาย

2.         มีคณะกรรมการให้คำปรึกษาแนะนำ หรือการสัมภาษณ์ตัวต่อตัว

3.         การวิเคราะห์จดหมายหรือรับฟังความคิดเห็นที่ส่งเข้ามาในองค์กร

4.         การเก็บรวบรวมข่าวพิเศษของสถาบันจากหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์

5.         จัดประชุมกลุ่มผู้เกี่ยวข้องกับปัญหาหรือเหตุการณ์พิเศษของสถาบัน ฯลฯ

64.       จัดประชุมผู้เกี่ยวข้องกับปัญหาหรือเหตุการณ์พิเศษของสถาบัน

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 63. ประกอบ

65.       ได้อาศัยหลักเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์ช่วยในการศึกษา ปรับปรุง แก้ไขข้อบกพร่องของงานด้านประชาสัมพันธ์

ตอบ 2 หน้า 100103 การค้นคว้าวิจัย (Research) ในงานประชาสัมพันธ์ ได้อาศัยหลักเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์เข้าช่วยในการค้นคว้าศึกษาและวัดผลข้อมูลนั้น ๆ ตลอดจนนำมาใช้ในการปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆ ของงานด้านการประชาสัมพันธ์

66.       การประกวด การแสดงงานด้านศิลปกรรม วรรณกรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี

ตอบ 5 ดูคำอธิบายข้อ 62. ประกอบ

67.       มณีจันทร์ นักประชาสัมพันธ์บริษัทแกรมมี่ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ เธอทำงานในหน้าที่ต่าง ๆ กันตลอดเวลา เธอสามารถปฏิบัติการได้ทุกสถานการณ์

ตอบ 1 หน้า 92 – 93 ประโยชน์ของแผนกประชาสัมพันธ์ แบ่งออกเป็น 4 ประการ คือ

1.         ทำให้ผู้ร่วมงานสามัคคีกัน 2. ทำให้มีความรอบรู้ในกิจกรรมของสถาบันเป็นอย่างดียิ่ง

3.         นำผลประโยชน์มาสู่องค์กร ซึ่งความสำเร็จที่ได้รับจะให้ประโยชน์ร่วมกันทั้งองค์กรโดยรวม และประชาชน   4. มีความสามารถสูงในทุกสถานการณ์ โดยนักประชาสัมพันธ์ต้องทำงานในหน้าที่ต่าง ๆ กันตลอดเวลา หรือเป็นผู้ที่สามารถปฏิบัติการได้ทุกสถานการณ์

68.       ให้คำปรึกษาและช่วยเหลือด้านการประชาสัมพันธ์แก่ผู้บริหาร

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 61. ประกอบ

69.       เด็ก ๆ และประชาชนช่วยกันละเลงสีบนแผ่นกระดานในงาน เส้นสายลีลา” หนึ่งในกิจกรรม 7 มหัศจรรย์ สีลมส่งเสริมการท่องเที่ยว

ตอบ 5 ดูคำอธิบายข้อ 62. ประกอบ

70.       นำผลประโยชน์มาสู่องค์กร ความสำเร็จที่ได้รับจะให้ประโยชน์ร่วมกันทั้งองค์กรโดยรวมและประชาชนด้วย

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 67. ประกอบ

71.       การวางแผนประชาสัมพันธ์ด้วยวิธีป้องกันไฟ มีลักษณะตามข้อใด

(1) เพื่อลดค่าใช้จ่าย    

(2) มองเห็นภัยที่คุกคามงาน

(3) จะให้ประชาชนจดจำ         

(4) การวางแผนระยะยาว

ตอบ 4 หน้า 108 การวางแผนประชาสัมพันธ์มีอยู่ 2 วิธี คือ

1.         วิธีต่อสู้กับไฟ (Fire Fighting) คือ การปล่อยให้ปัญหาถึงจุดอันตรายและระเบิดขึ้นในรูปของวิกฤติการณ์อันร้ายแรงจนไม่สามารถยับยั้งได้ เช่น การนัดหยุดงาน การประท้วง ฯลฯ

2.         วิธีป้องกันไฟ (Fire Prevention) คือ การศึกษาวิจัยเพื่อรวบรวมข้อมูลจากทัศนคติของมหาชน ซึ่งจำเป็นต้องใช้การวางแผนระยะยาว และเป็นแผนงานที่ต้องกระทำต่อเนื่องกันไปไม่มีที่สิ้นสุด

72        …….. แหล่งข้อมูล และหลักฐานต่าง ๆ ได้รวบรวมไว้เป็นหมวดหมู่

(1) หอภาพยนตร์         

(2) ห้องสมุดเฉพาะ     

(3) จดหมายข่าว          

(4) หนังสือคู่มือ

ตอบ 2 หน้า 110 Fact File คือ แหล่งของข้อมูลและหลักฐานต่าง ๆ ที่ได้รวบรวมไว้เป็นหมวดหมู่ โดยอาจมีรูปเป็นห้องสมุดขนาดย่อมที่เรียกว่า ห้องสมุดเฉพาะ” หรือห้องสมุดขององค์กร ซึ่งมีลักษณะเป็นที่สะสมตำรา เอกสารวิชาการ เอกสารข่าว และข้อมูลอ้างอิงอื่น ๆ เพื่อใช้ เป็นศูนย์สำหรับค้นคว้าและสอบถามข้อเท็จจริงได้ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ให้ทันสมัยและรู้เท่าทัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

73        …………..นักประชาสัมพันธ์จะต้องกำหนดลงไปให้แน่นอนว่าใครคือกุญแจของประชามติ

(1) กำหนดจุดมุ่งหมาย            (2) กำหนดหัวข้อประชาสัมพันธ์

(3) กำหนดสื่อ  (4) กำหนดกลุ่มประชาชน

ตอบ 4 หน้า 129 กำหนดกลุ่มประชาชน (Audiences) คือ นักประชาสัมพันธ์จะต้องกำหนดลงไป ให้แน่นอบว่ากลุ่มประชาชนเป้าหมายที่จะรับข่าวสารนั้นคือใครบ้าง และใครที่จะเป็นกุญแจ ขงประชามติ เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ครู พระภิกษุ สื่อมวลชน ข้าราชการ ฯลฯ ที่สามารถ จะเป็นสื่อกลางนำนักประชาสัมพันธ์ก้าวไปสู่เป้าหมายทั้งหมดได้

74.       ขั้นตอนสุดท้ายของการกำหนดวางแผนประชาสัมพันธ์ ขวานไทยใจหนึ่งเดียว” รวมกับนักร้องทุกค่าย คือข้อใด

(1) งบประมาณ           (2) กำหนดจังหวะ

(3) กำหนดสื่อ  (4) กำหนดคำขวัญประชาสัมพันธ์

ตอบ 1 หน้า 129 – 130 หัวใจของการกำหนดวางแผนงานประชาสัมพันธ์ มีหลักปฏิบัติกันโดยทั่วไป 6 ขั้นตอนตามลำดับ ดังนี้           1. กำหนดจุดมุ่งหมาย (Aim and Objective)2.กำหนดกลุ่มประชาชน (Audiences) 3. กำหนดหัวข้อประชาสัมพันธ์ (Themes) 4. กำหนดจังหวะ (Timing)    5. กำหนดสื่อ (Media)    6. งบประมาณ (Budget)

75.       การวางแผนประชาสัมพันธ์ระยะสั้น มีข้อใดไม่ถูกต้อง

(1)       พิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งวุฒิสมาชิกรัฐนิวยอร์กของนางฮิลลารี่ คลินตัน

(2)       งานประกวดสุนัขไทยหลังอานที่สวนสัตว์ จังหวัดเชียงใหม่

(3)       ชาวติมอร์ตะวันออกอุ้มลูกดูพลุดอกไม้ไฟ เฉลิมฉลองอิสรภาพ

(4)       หนูอยากให้เข้าใจเด็กที่ด้อยโอกาส โครงการฟื้นฟูจิตใจและให้ที่พักพิงของศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก

ตอบ 4 หน้า 126133144 แนวความคิดในการวางแผนประชาสัมพันธ์ มีอยู่ 2 ระยะ คือ

1.         การวางแผนระยะสั้น เหมาะสำหรับแผนงานที่ใช้เวลาไม่นาน เป็นโครงการพิเศษหรือโครงการที่ต้องการคำตอบโดยรีบด่วน เช่น การวางแผนงานในกรณีเกิดอุบัติเหตุและ ฉุกเฉิน การจัดงานพิธี งานประกวด การแข่งขันกีฬา และงานเฉลิมฉลองในโอกาสต่าง ๆ ฯลฯ

2.         การวางแผนระยะยาว เหมาะสำหรับโครงการที่มีรายละเอียดมากมายหลายขั้นตอน ถือเป็น งานสำคัญยิ่งของสถาบัน เป็นงานที่กว้างขวางและไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งข้อมูลที่ได้รับจะเป็น แนวทางค้นคว้าและวิเคราะห์สภาพปัญหาของการวางแผนในครั้งต่อ ๆ ไป

76.       วิธีการขายความคิดด้วยการกระจายข่าวสารไปยังภายนอกองค์กร อาศัยหลักสำคัญตามข้อใด

(1) ข่าวสาร      (2) สื่อและงบประมาณ           (3) ผู้ร่วมงานที่มีประสิทธิภาพ (4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 143 วิธีการขายความคิดด้วยการกระจายข่าวสารไปยังภายนอกองค์กรนั้น อาศัยหลักสำคัญ 3 ประการ คือ 1. ข่าวสาร  2. สื่อในการเผยแพร่  3.          งบประมาณและผู้ร่วมงานที่มีประสิทธิภาพ

77.       งานประชาสัมพันธ์ในกรณีฉุกเฉิน ถ้าสาเหตุยังมืดมนอยู่ ควรจะดำเนินการอย่างไร

(1) วินิจฉัยไปตามเหตุการณ์   (2) ตรวจสอบประชามติ

(3) แถลงการณ์อย่างรวดเร็ว   (4) ไม่ให้ข่าวจนกว่าจะค้นพบความจริง

ตอบ 4 หน้า 147 งานประชาสัมพันธ์ในกรณีอุบัติเหตุและฉุกเฉิน หากมีผู้ถามปัญหาถึงสาเหตุหรือ ต้นตอของอุบัติเหตุที่ยังมืดมนอยู่ นักประชาสัมพันธ์จะยังไม่ให้ข่าวอะไรจนกว่าจะได้ข้อมูล ที่แน่นอน โดยควรจะขอร้องผู้แทนสื่อมวลชนให้รอจนกว่าจะค้นพบความจริง

78.       ทฤษฎีรูปตัว T” ถูกนำไปเป็นแบบอย่างของการวางแผนประชาสัมพันธ์ในเรื่องใด

(1) สังคมสงเคราะห์  (2) การศึกษาเบื้องต้น

(3) วางแผนสร้างภาพลักษณ์  (4) ปฏิสัมพันธ์ด้านธุรกิจ

ตอบ 1 หน้า 157 ใบปี ค.ศ. 1920 George Creel ผู้อำนวยการประชาสัมพันธ์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ได้นำ ทฤษฎีรูปตัว T” มาใช้ในการวางแผนประชาสัมพันธ์ไปยังมวลชนทั่วโลก เพื่อขอความ ร่วมมือสนับสนุนจากประเทศในเครือสัมพันธมิตรในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งปรากฏว่า ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ทั่งนี้สภากาชาดสหรัฐฯ ได้นำแบบอย่างของการวางแผนประชาสัมพันธ์ ดังกล่าวไปใช้กับโครงการสังคมสงเคราะห์ เพื่อบริการประชาชนอีกด้วย

79.       การดำเนินการเผยแพร่ด้วย “Adoption Process” เกี่ยวข้องโดยตรงกับมวลชนในข้อใด

(1) นักศึกษา    (2)       เกษตรกร         (3) ปราชญ์ขาวบ้าน    (4)       นักการเมือง

ตอบ 2 หน้า 159 – 160 กระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ ได้ศึกษาถึงกระบวนการหรือกรรมวิธีเผยแพร่ ข่าวสาร (The Adoption Process) เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการเกษตรแก่กลุ่มมวลชนเป้าหมาย ที่เป็นเกษตรกรมานานถึง 13 ปี ทั้งนี้เพื่อให้มวลชนยอมรับการเปลี่ยนแปลงไปสู่เทคนิค การเกษตรกรรมที่ทันสมัยกว่าเดิม

80.       จากข้อ 79. อิทธิพลของการสื่อสารด้วยสื่อโสตทัศน์ จะน้อยลงเมื่อถึงขั้นตอนใด

(1) Awareness   (2)       Interest    (3) Trail     (4)       Adoption

ตอบ 4 หน้า 159 – 161 จากการวิเคราะห์ตามขั้นตอนของ “The Adoption Process” พบว่า อิทธิพล ของสื่อมวลชน (รวมทั้งสื่อโสตทัศน์ต่าง ๆ) จะน้อยลงเมื่อถึงขั้นตอนของการยอมรับ (Adoption) เพราะเมื่อปรากฏว่ามีการนำเทคนิคการปฏิบัติการไปใช้ได้ผล บรรดาตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ทางเกษตร ตลอดจนคนขายสินค้าจะเข้ามามีบทบาทในการให้คำปรึกษาแนะนำมาก

81.       ความหมายของคำว่า สุนัข” ที่คงที่ไม่เปลี่ยนแปลง ตามพจนานุกรมคืออะไร

(1)       สัตว์สี่เท้า         

(2)       สัตว์ที่ดุร้าย      

(3) สัตว์เลี้ยงซื่อสัตย์   

(4)       เพื่อนของมนุษย์

ตอบ 1 หน้า 150165 – 166 Semantics หมายถึง การเปลี่ยนแปลงของคำหรือภาษา ซึ่งจะมีความหมายแตกต่างกันใน 2 ลักษณะ คือ 1. ความหมายด้านวัตถุ (Denotative) เป็นความหมาย ตามพจนานุกรมที่มีลักษณะแท้จริง คงที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เป็นสิ่งแน่นอนตายตัว เช่น สุนัข หมายถึง สัตว์สี่เท้า 2. ความหมายด้านนามธรรม (Connotative) จะเกี่ยวข้องกับจิตใจ ของมนุษย์ มีการเปลี่ยนแปลงไม่คงที ทำให้มีความหมายหลายรูปแบบแล้วแต่จินตนาการ ศาสนา วัฒนธรรมประเพณี ความรู้สึกนึกคิด และสิ่งแวดล้อมของแต่ละสังคม เช่น สุนัข หมายถึง สัตว์เลี้ยงที่ซื่อสัตย์ เป็นเพื่อนที่ดีของมนุษย์ แต่บางคนอาจจะมองว่าเป็นสัตว์ที่ดุร้าย

82.       การส่งสารและการรับสารต้องเป็นไปในแนวเดียวกัน มีการย้ำเตือนให้เข้าใจ เป็นการสื่อสารที่ให้ผลสมบูรณ์ ในข้อใด          

(1) ความน่าเชื่อถือ

(2)       เนื้อหาสาระ    

(3) การเข้ากันได้กับสภาพแวดล้อม    

(4) ต่อเนื่องและสม่ำเสมอ

ตอบ 4 หน้า 170-171 การสื่อสารจะให้ผลสมบูรณ์ได้ควรปฏิบัติตามหลักสำคัญประการหนึ่งได้แก่ความต่อเนื่องและความสม่ำเสมอ (Continuity and Consistency) คือ การติดต่อสื่อสาร เป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องกัน การส่งสารและการรับสารต้องดำเนินไปโดยสม่ำเสมอ มีการซ้ำ ๆ หรือย้ำเตือนให้เข้าใจ เพื่อจะได้แทรกซึมคุ้นเคยกับผู้ชม ผู้ฟัง และประชาชนเป้าหมายอื่น ๆ หรือให้เป็นไปในแนวเดียวกัน ไม่ใช่ไปขัดกัน

83.       ลงทุนนับล้านเพื่อพิมพ์เอกสารเผยแพร่ แต่ไม่ใช้สักสตางค์แดงเดียวเพื่อการประเมินค่าดูว่ามันจะได้ผล สักแค่ไหน” วิธีการดังกล่าวคืออะไร

(1) Pre testing (2) Correspondence (3) special Event (4) Press Illustrations

ตอบ 1 หน้า 176 – 177 Pre-testing คือ การประเมินผลงานประชาสัมพันธ์ไว้ล่วงหน้า หรือการ ประเมินผลก่อนที่จะดำเนินการตามแผนประชาสัมพันธ์ เพื่อทดลองดูก่อนที่จะทำตามแผนจริง ๆ เพื่อตรวจหาข้อบกพร่อง และจะได้นำไปปรับปรุงแก้ไขให้สมบูรณ์ก่อนถึงการปฏิบัติการอย่างจริงจัง ทั้งนี้ยังมีองค์กรอีกหลายแห่งยังเสียดายที่จะใช้งบประมาณเพื่อการประเมินผล แต่ยอมทุ่มเทเงิน จำนวนมากในการเผยแพร่ข่าวสาร ดังสรุปผลการวิจัยที่พบว่า ลงทุนนับล้านเพื่อพิมพ์เอกสาร เผยแพร่ แต่ไม่ใช้สักสตางค์แตงเดียวเพื่อการประเมินค่าดูว่ามันจะได้ผลสักแค่ไหน

84.       กระบวนภารสื่อสารอย่างเป็นทางการ มีข้อใดไม่ถูกต้อง

(1) แถลงการณ์           (2) วิเคราะห์จดหมายที่ส่งเข้ามา         (3) วารสารภายใน       (4) บันทึก

ตอบ 2 หน้า 187 การติดต่อสื่อสารอย่างเป็นทางการ (Formal Communication) หมายถึง วิธีการ เผยแพร่ข่าวสารจากผู้บริหารระดับสูงกับพนักงานขององค์กร โดยข่าวสารจะได้รับการส่งต่อไป ตามลำดับชั้น บอกจากนี้ยังใช้กับการสื่อสารภายนอก เช่น เพื่อนบ้าน ผู้ถือหุ้น เจ้าหน้าที่สื่อมวลชน ประชาชน ฯลา ดังนั้นกระบวนการติดต่อสื่อสารอย่างเป็นทางการ จึงได้แก่ ประกาศ คำแถลงการณ์ วารสารภายใน วารสารภายนอก บันทึก หรือรายงานในรูปแบบต่าง ๆ เป็นต้น

85. การสำรวจผู้ชมวิทยุโทรทัศน์ด้วยการสัมภาษณ์กลุ่มเป้าหมายหลังการเผยแพร่ข่าวโดยอาศัยจากความทรงจำ คือวิธีการใด

(1) The Recorder        (2) The Telephone Recall

(3)       Personal Unaided Recall (4) The Personal Coincidental

ตอบ 3 หน้า 191 Persona. Unaided Recall คือ วิธีการสำรวจผู้ฟ้งวิทยุและผู้ชมวิทยุโทรทัศน์ โดยการสอบถามที่ไม่ได้บอกไว้ล่วงหน้า รวมทั้งไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับรายการไว้ ซึ่งวิธีสำรวจแบบนี้จะสัมภาษณ์กลุ่มเป้าหมายหลังจากการเผยแพร่ข่าวสารสิ้นสุดไปแล้ว และผู้วิจัยจะสอบถามการติดตามรายการจากผู้ฟังและผู้ชมโดยอาศัยจากความทรงจำ

86.       ประชามติจะยังไม่เกิดขึ้น จนกว่าจะมีผู้นำข้อคิดนั้นไปดำเนินการด้วยวิธีใดจนเกิดการยอมรับ

(1) การถ่ายทอด          (2) ฝึกและพัฒนา

(3) ขจัดความขัดแย้ง   (4) ความสัมพันธ์ระหว่างสถาบัน

ตอบ 1 หน้า 198 ประชามติหรือมติมหาชนเป็นข้อคิดเห็นเพื่อแก้ปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งประชามติ จะยังไม่เกิดขึ้น จนกว่าจะมีคนนำความรู้และข้อคิดเห็นนั้นเผยแพร่ต่อ ๆ ไปยังบุคคลอื่น โดยอาศัยวิธีการถ่ายทอด ถ้าข้อคิดเห็นนั้น ๆ เป็นที่ยอมรับจึงเรียกว่า ประชามติ

87.       การจัดตั้งแผนกประชาสัมพันธ์และฝ่ายเผยแพร่อยู่ในความรับผิดชอบของผู้ใด

(1) ประธานบริษัท       (2) ฝ่ายส่งเสริมและบริการ

(3) ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาเผยแพร่ (4) ฝ่ายส่งเสริมพัฒนาทางวิชาการ

ตอบ 1 หน้า 206 – 207 แผนกประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานในสถาบันต่าง ๆ ย่อมแตกต่างกันไป ตามรูปแบบ ขนาดของแต่ละองค์กร ลักษณะของผลิตภัณฑ์ การบริการ จุดมุ่งหมาย และ ปัจจัยอื่น ๆ ซึ่งการจัดทั้งแผนกประชาสัมพันธ์และฝ่ายเผยแพร่นั้นจะอยู่ในความรับผิดชอบ โดยตรงของผู้บริหารชั้นสูง คือ รองผู้อำนวยการบริษัท หรือประธานบริษัทนั้น ๆ

88.       นักประชาสัมพันธ์ผู้มีชื่อเสียงจากภายนอก จะได้รับเชิญเป็นที่ปรึกษาในโอกาสพิเศษเป็นครั้งคราวในกรณีใด

(1) สหภาพแรงงานขัดแย้งโดยตรงกับผู้บริหาร           (2) การวางแผนที่สำคัญ

(3)       การสื่อสารที่เป็นความสลับ    (4) ข้อ 2 และ 3 ถูก

ตอบ 4 หน้า 208 สถาบันใหญ่โตส่วนมากมักจะว่าจ้างที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์หรือนักประชาสัมพันธ์ อิสระผู้มีชื่อเสียงจากภายนอกมาประจำบริษัท บางสถาบันได้ว่าจ้างเป็นครั้งคราวหรือในโอกาสพิเศษ ที่ต้องการรณรงค์เพื่อเผยแพร่ชื่อเสียงเกียรติคุณของสถาบัน รวมทั้งเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับ การดำเนินงานของสถาบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพี่ออภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่น่าสนใจ เกี่ยวกับการวางแผนงานที่สำคัญ หรือการสื่อสารที่เป็นความลับของบริษัท

ข้อ 89. – 94. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม

(1) วัตถุประสงค์โครงการชุมชนสัมพันธ์          (2) การประชาสัมพันธ์ในฝรั่งเศส        (3) Press Meeting

(4)       Spontaneous News Publicity (5) Press Secretary

89.       ภาพลูกค้าร้านคาเฟ่หัวเราะเมื่อเห็นมนุษย์ตาเดียวนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ เป็นส่วนหนึ่งของการแสดงนอกสถานที่ จัดขึ้นโดยนิปปอน ทีวี เน็ตเวิร์ก เปิดสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ที่ปารีส ฝรั่งเศส

ตอบ 2 หน้า 419, (คำบรรยาย) การประชาสัมพันธ์ของสถาบันทางธุรกิจและอุตสาหกรรมในประเทศฝรั่งเศส ไต้เริ่มตื่นตัวขึ้นหลังจากกงครามโลกครั้งที่ 2 โดยได้มีการเปิดให้ประชาชน เข้าชมกิจการขององค์กร จัดอภิปรายเผยแพร่ผลงาน จัดการแสดงนอกสถานที ฯล เพื่อสร้าง ความสัมพันธ์กับองค์กรสังคมสงเคราะห์ โรงเรียน สมาคม และประชาชนหัวไป ตลอดจนปรับปรุง และขยายโครงการประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้น

90.       เป็นการรณรงค์งานประชาสัมพันธ์ครั้งสำคัญในวงการธุรกิจระหว่างสองบริษัทยักษ์ใหญ่ ไดใช้งบประมาณสูงมากเพื่อเผยแพร่ข่าวสารให้ประชาชนสนับสนุน

ตอบ 2 หน้า 420 ในปี ค.ศ. 1969 การประชาสัมพันธ์ในวงการธุรกิจและอุตสาหกรรมของฝรั่งเศส ไต้แข่งขันกันสูงมาก เมื่อสองบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการอุตสาหกรรมผลิตเครื่องแก้วต่างนำเทคนิค ในการประชาสัมพันธ์มาใช้อย่างน่าตื่นเต้นโดยได้ใช้งบประมาณจำนวนสูงมากเพื่อ

เผยแพร่ข่าวสาร ให้ประชาชนสนับสนุนเชื่อถือ จบกระทั่งหนังสือพิมพ์ได้พากันวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นการรณรงค์ งานประชาสัมพันธ์ครั้งสำคัญที่สุดในวงการธุรกิจของประเทศฝรั่งเศส

91.       นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้โฆษกสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงข่าว กรณีการท่องเที่ยวเข้าไปสนับสนุนให้เอกชนจัดประกวดนางงามจักรวาล

ตอบ 5 หน้า 357, (คำบรรยาย) โฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี หรือโฆษกของรัฐบาล (Press Secretary) ค้อ ผู้ที่อยู่ในฐานะนักประชาสัมพันธ์ของรัฐบาล ซึ่งมีหน้าที่แถลงข่าว เผยแพร่ข่าวสาร/ผลงาน ของรัฐ และเสนอนโยบายของรัฐบาลหรือหน่วยงานผ่านทางสื่อมวลชนไปให้ประชาชนได้รับทราบ ตามที่นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นหัวหน้าใหญ่ในการประชาสัมพันธ์ของรัฐบาลได้มอบหมาย โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มประชาชนให้เกิดความเข้าใจและให้การสนับสนุน

92.       บริษัทบ้านขนม ชูฉลากปลอดไขมันที่จะทำให้เกิดการอุดตันในเส้นเลือด และยังมีแคลอรีต่ำ

ตอบ 1 หน้า 347 วัตถุประสงค์หลักของโครงการชุมชนสัมพันธ์ มีดังนี้

1.         เพื่อชี้แจงข่าวสารและความเคลื่อนไหวของสถาบันให้ชุมชนทราบเช่นนโยบายการดำเนินงาน ปัญหา ฯลฯ

 2.        เพื่อเสริมสร้างความเข้าจที่ดีกับชุมน โดยพยายามขจัดข่าวลื่อ หรือความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้น กับสถาบัน

3.         ส่งเสริมกิจกรรมของชุมชน เพื่อพัฒนาให้ชุมชนมีความเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น

4.         เพื่อให้ความสนับสนุนชุมชนเกี่ยวกับสาธารณกุศล เช่น ให้ความช่วยเหลือด้านการกีฬา สาธารณสุข ศาสนา ฯลฯ

93.       ขจัดข่าวลือ หรือความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้นกับสถาบัน สนับสนุนเกี่ยวกับสาธารณกุศล

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 92. ประกอบ

94.       ผู้บริหารสมัยใหม่ต้องไม่กลัวสื่อมวลชน ไม่กลัวที่จะพูดคุยกับสื่อมวลชน บรรณาธิการ นักวิเคราะห์ข่าว

ตอบ 3 หน้า 245 – 246, (คำบรรยาย) Press Meeting คือ การประชุมพบปะหรือสังสรรค์กันระหว่างสื่อมวลชนกับผู้บริหารองค์กร เพื่อให้มีโอกาสพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้สึกนึกคิด และเสนอแนะสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่าง ๆ ต่อกัน โดยการประชุมจะมีผลดีได้ย่อมขึ้นอยู่กับ ความร่วมมือของสมาชิกทุกคนในกลุ่มและผู้นำกลุ่มที่ให้ความเป็นกันเอง ไม่ตื่นกลัวขณะพูดคุย เปิดโอกาสให้ทุกคนแสดงความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่และเท่าเทียมกัน

95.       ปัจจัยที่ก่อให้เกิดภาพลักษณ์ในงานประชาสัมพันธ์ มีข้อใดไม่ถูกต้อง

(1) พฤติกรรม การกระทำของหน่วยงาน         (2) การมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์

(3) การให้บริการที่ดีมีคุณภาพ            (4) ภาพลักษณ์ที่เสียไปแล้ว แก้ไขได้

ตอบ 4 หน้า 213 – 214 ปัจจัยที่ก่อให้เกิดจินตภาพหรือภาพลักษณ์ (Image)ในงานประชาสัมพันธ์ ได้แก่ 1. ชื่อเสียงของสถาบัน     2. พฤติกรรมและทารกระทำของสถาบันหรือหน่วยงาน

3.         การมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์สิ่งดีงามและเป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม

4.         การให้ข่าวสารที่เป็นความจริง            5. การให้บริการที่ดีมีคุณภาพ ฯลฯ

96.       แก้วใส พี.อาร์. เชียงใหม่แอร์ มีบุคลิกภาพดี พร้อมที่จะติดต่อกับประชาชน เข้ากับคนอื่นได้ดี และยังมี ข้อใดเกี่ยวข้อง

(1) มีความคิดไม่หยุดนิ่ง          (2) ไม่ถือตัว รักงานบริการ

(3) รอบรู้ ไวต่อข่าวคราว          (4) รวดเร็วในการตัดสินใจ

ตอบ 2 หน้า 234236 – 237 คุณสมบัติอันจำเป็นของนักประชาสัมพันธ์ด้านบุคลิกภาพ มีดังนี้

1.         มีทักษะในการติดต่อ มีลักษณะพร้อมที่จะติดต่อกับประชาชน ชอบคบหากับบุคคลทั่วไป มีบุคลิกเป็นมิตร เข้ากับผู้อื่นได้ดี เป็นที่ชอบพอและถูกอัธยาศัยของคนทั่วไป

2.         รักงานบริการและชอบบริการผู้อื่น โอบอ้อมอารี ไม่ถือตัวหรือวางตัวสูงเกินไป

3.         มีมนุษยสัมพันธ์ดี รักษาคำพูด และมีความจริงใจ 4. กระตือรือร้นอยู่เสมอ ทำงานได้ รวดเร็วกระฉับกระเฉง 5. มีท่าทางสง่าผ่าเผย มีความมั่นใจในตัวเอง ฯลฯ

97.       การพูดที่ดีที่สุดของนักประชาสัมพันธ์ มีลักษณะอย่างไร

(1) สนใจผู้ฟ้ง  (2) สุภาพ ถ่อมตน

(3) อาศัยแนวสั้น ๆ เขียนไว้เป็นข้อ ๆ   (4) การเป็นตัวของเราเอง

ตอบ 4 หน้า 254 การพูดที่ดีที่สุดของนักประชาสัมพันธ์ คือ การเป็นตัวของเราเองให้มากที่สุด หรือ การพูดอย่างมีชีวิตชีวาเหมือนธรรมชาติ ไม่ควรพูดในลักษณะที่เหมือนกับหุ่นหรือแสดงละคร ทั้งนี้หากผู้พูดไม่มีประสบการณ์อย่างเพียงพอ จงหลีกเลี่ยงการใช้ถ้อยคำที่ลึกซึ้งและเข้าใจยาก

98.       การเขียนข่าวประชาสัมพันธ์ มีข้อใดไม่ถูกต้อง

(1) รวดเร็ว ทันมัย ภาษาไพเราะ        (2) โจมตี ขุดคุ้ย รักษาประโยชน์ขององค์กร

(3) เชียร์บุคคล สถาบัน กลายเป็นเรื่องล้าสมัย           (4) มีผลกระทบต่อผู้อ่าน

ตอบ 2 หน้า 269 – 270, (คำ บรรยาย) หลักการเขียนข่าวประชาสัมพันธ์ประการหนึ่ง คือ ไม่เขียนทับถม โจมตี ขุดคุ้ย หรือกล่าวร้ายฝ่ายอื่น เพื่อรักษาประโยชน์ขององค์กร เพราะการเขียนเชียร์บุคคล หรือสถาบันของตน แต่ใช้ถ้อยคำมุ่งร้ายฝ่ายอื่น ได้กลายเป็นเรื่องล้าสมัย และอาจทำให้เกิด ความรู้สึกไม่พอใจได้ ดังนั้นการเขียนข่าวประชาสัมพันธ์จึงต้องเขียนด้วยความหวังดีใคร่เห็นการ ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น และเกิดความเข้าใจอันดีต่อกัน (ส่วนตัวเลือกข้ออื่นเป็น หลักการเขียนข่าวประชาสัมพันธ์)

99        ………….มีขนาดเล็กหนา สะดวกในการพกพา อ่านเข้าใจง่าย ใช้คำพูดสั้น ๆ เหมาะกับทุกวัย

(1) Booklets       (2) Bulletin        (3) Newsletter  (4) Books

ตอบ1 หน้า 279 – 280, (คำบรรยาย) อนุสาร (Booklets) เป็นสื่อการประชาสัมพันธ์ที่ถูกนำมาใช้ เป็นจำนวนมาก โดยอาจจะอยู่ในรูปของเรื่องตลกขบขันหรือหนังสือการ์ตูนที่มีขนาดเล็กหนา สะดวกในการพกพา อ่านเข้าใจง่าย ใช้คำพูดสั้น ๆ จึงเหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย

100. การสร้างความสัมพันธ์กับหนังสือพิมพ์ที่ควรนำไปปฏิบัติเพื่อสร้างความเชื่อถือ มีข้อใดไม่ถูกต้อง

(1)       ให้ความร่วมมือกับนักหนังสือพิมพ์ได้ทุกเวลา

(2)       ไม่ใช้แผนกโฆษณาไปบีบการทำงาน

(3)       นำเสนอสินค้าร่วมไปกับข่าวแจกได้กลมกลืน

(4)       เมื่อบรรณาธิการหลงลืมข่าวขององค์กร ไม่ควรติเตียน

ตอบ 3 หน้า 326 – 327 หลักสำคัญที่นักประชาสัมพันธ์ควรนำไปปฏิบัติเพื่อสร้างความเชื่อถือศรัทธา ในวงการหนังสือพิมพ์ มีดังนี้

1.         ให้ข่าวสารที่เป็นความจริง เชื่อถือไต้ และเปิดเผย

2.         อย่าเอาเปรียบหนังสือพิมพ์ด้วยการแทรกการโฆษณาสินค้าร่วมไปกับข่าวแจกหรือ ข่าวประชาสัมพันธ์

3.         ไห้ความร่วมมือกับนักหนังสือพิมพ์ได้ทุกเวลา

4.         เมื่อบรรณาธิการหลงลืมข่าวประชาสัมพันธ์ของบริษัท ไม่ควรตำหนิติเตียน

5.         ไม่ให้สินบนนักข่าว หรือใช้อิทธิพลบีบบังคับในทางไม่ถูกต้อง ฯลฯ

MCS2100 การประชาสัมพันธ์เบื้องต้น การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2556

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2556

ข้อสอบกระบวนวิชา MCS 2100 (MCS 2150) การประชาสัมพันธ์เบื้องต้น

คำสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว (ข้อสอบมีทั้งหมด 100 ข้อ)

1.         ข้อใดคือ การประเมินระหว่างดำเนินการประชาสัมพันธ์

(1)       การตรวจสอบกิจกรรมที่กำหนด          

(2) ตรวจสอบกิจกรรมที่เสร็จสิ้นแล้วบางส่วน

(3) ตรวจสอบสื่อที่อยู่ระหว่างเผยแพร่ 

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 (คำบรรยาย) การประเมินระหว่างดำเนินการประชาสัมพันธ์ หมายถึง การตรวจสอบผลการ ปฏิบัติงานในขณะดำเนินการประชาสัมพันธ์ ทำให้ทราบประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของบุคลากร ความก้าวหน้าในการปฏิบัติงานตามแผน ตลอดจนปัญหาและอุปสรรคในระหว่างการปฏิบัติงาน เช่น การตรวจสอบกิจกรรมที่กำหนดตามแผน การตรวจสอบกิจกรรมที่เสร็จสิ้นแล้วบางส่วน และการตรวจสอบสื่อที่อยู่ระหว่างการเผยแพร่ เป็นต้น

2.         การประเมินโครงการประชาสัมพันธ์ คือข้อใด

(1)       ประเมินก่อนดำเนินการประชาสัมพันธ์           

(2) ประเมินระหว่างดำเนินการประชาสัมพันธ์

(3) ประเมินเมื่อโครงการเสร็จสิ้นแล้ว  

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 176, (คำบรรยาย) การประเมินโครงการประชาสัมพันธ์ คือ การวิเคราะห์ดูว่าผลของ การดำเนินงานและผลการใช้เทคนิคตามแผนเป็นอย่างไร ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้

1.         การประเมินก่อนดำเนินการประชาสัมพันธ์ 2. การประเมินระหว่างดำเนินการประชาสัมพันธ์

3.         การประเมินเมื่อโครงการเสร็จสิ้นแล้ว

3.         สื่อประชาสัมพันธ์มีกี่ประเภท เมื่อจำแนกตามหนังลือเรียน MC 311

(1)       สองประเภท    (2) สามประเภท          (3) สี่ประเภท   (4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 2 หน้า 242 – 243 เครื่องมือหรือสื่อประชาสัมพันธ์นอกจากคำพูด การประชุมพบปะกัน สิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ภาพโฆษณา ภาพยนตร์ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และการจัดแสดง ในวาระพิเศษต่าง ๆ แล้ว นักประชาสัมพันธ์ยังต้องเลือกใช้สื่อประขาสัมพันธ์อื่นๆ ที่น่าสนใจ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่        1. สื่อประเภทวัสดุ

2.         สื่อประเภทครื่องมือหรืออุปกรณ์       3. สื่อประเภทกิจกรรม

4.         ข้อใดคือ สื่อที่ใช้ในการประชาสัมพันธ์

(1)       ผู้กำหนดวันปฐมนิเทศนักศึกษา          (2) ป้ายประกาศวันปฐมนิเทศนักศึกษา

(3) นักศึกษาผู้รับการปฐมนิเทศ          (4) กำหนดวัน เวลา สถานที่ปฐมนิเทศนักศึกษา

ตอบ 2 หน้า 151153 – 155, (คำบรรยาย) องค์ประกอบที่สำคัญของกรรมวิธีการติดต่อเพื่องาน ประชาสัมพันธ์ มีดังนี้ 1. ต้นตอหรือผู้ส่งสาร (Source or Sender) ถือเป็นองค์ประกอบที่มี ความสำคัญในการส่งสาร เช่น ผู้กำหนดวันปฐมนิเทศนักศึกษา อาจารย์ผู้กำหนดวันจัดกิจกรรม ปลูกต้นไม้ของนักศึกษา ๆลา 2. ข่าวสาร (Message) คือ เนื้อหาสาระของสาร เช่น กำหนดวัน เวลา สถานที่ปฐมนิเทศนักศึกษา ฯลฯ 3. สื่อหรือช่องทาง (Media or Channel) คือ เครื่องมือ หรือช่องทางถ่ายทอดข้อมูลข่าวสาร เช่น ป้ายประกาศวันปฐมนิเทศนักศึกษา ฯลฯ 4. ผู้รับสาร (Receiver) คือ บุคคลหรือกลุ่มเป้าหมายที่รับข่าวสาร เช่น นักศึกษาผู้รับการปฐมนิเทศ ฯลฯ

5.         Message คือข้อใด

(1)       ผู้รับสาร           (2) ผู้ส่งสาร     (3) สื่อ/ช่องทาง            (4) ข่าวสาร

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 4. ประกอบ

6.         ข้อใดที่เป็นสื่อวัสดุอุปกรณ์

(1)       ของตัวอย่าง แบบจำลอง         (2) เครื่องคอมพิวเตอร์

(3) แผ่นดิสเก็ต            (4) จดหมายข่าว

ตอบ 3 หน้า 242 – 243, (คำบรรยาย) สื่อโสตทัศน์ เป็นสื่อที่สามารถรับส่งได้ทั้งภาพและเสียง แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้ 1. สื่อวัสดุ ได้แก่ สื่อวัสดุที่สามารถใช้ได้ด้วยตัวเองโดยตรง เช่น ของตัวอย่าง แบบจำลอง จดหมายข่าว ฯลฯ และสื่อวัสดุอุปกรณ์ที่ต้องนำไปใช้ร่วมกัน เช่น เทปวีดิทัศน์ แผ่นดิสเก็ต แผ่นซีดีรอม ฯลฯ 2. สื่ออุปกรณ์หรือเครื่องมือ เช่น เครื่องเล่นวีดิทัศน์ เครื่องฉายภาพยนตร์ เครื่องคอมพิวเตอร์ ฯลฯ

7.         เหตุใดจึงมีการพัฒนาทำสารผ่านสื่อมวลชน

(1)       สื่อมวลชนมีประสิทธิภาพในการโน้มน้าวสูง    (2) สามารถเข้าถึงบุคคลจำนวนมากได้รวดเร็ว

(3) กำหนดกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายกว่าสื่ออื่น     (4) เป็นสื่อที่มีความน่าเชื่อถือสูง

ตอบ 2 (คำบรรยาย) การสื่อสารมวลชน หมายถึง การสื่อสารที่เกี่ยวข้องกับสื่อมวลชนต่าง ๆ เช่น หนังสือพิมพ์ นิตยสาร วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ ฯลฯ ซึ่งในปัจจุบันได้มีการพัฒนาทำ สารประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมวลชนอย่างแพร่หลาย เนื่องจากการสื่อสารมวลชนมีคุณสมบัติเด่น คือ สามารถเข้าถึงบุคคลจำนวนมากที่มีความแตกต่างกัน และอยู่ในที่ต่าง ๆ กันทั่วประเทศ หรือทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว

8.         อินเทอร์เน็ต คือข้อใด

(1)       เครือข่ายการรับส่งข้อมูลโดยใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์

(2)       การติดต่อสื่อสารผ่านดาวเทียม

(3)       การเดินทางติดต่อระหว่างประเทศต่อประเทศ

(4)       เครือข่ายการติดต่อสื่อสารระหว่างประเทศ

ตอบ 1 (คำบรรยาย) อินเทอร์เน็ต (Internet) คือ เครือข่ายการรับส่งข้อมูลโดยใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ซึ่งในปัจจุบันอินเทอร์เน็ตได้มีบทบาทสำคัญต่อการประชาสัมพันธ์เป็นอย่างมาก เนื่องจาก มีคุณสมบัติพิเศษ ดังนี้ 1. สามารถสื่อสารได้ตลอดเวลา และดึงดูดความในใจได้ดีเพราะ นำเสนอเนื้อหาสาระได้หลากหลาย เช่น ภาพเคลื่อนไหว ภาพนิ่ง และเสียง 2. ถ่ายทอด ข้อมูลข่าวสารถึงผู้รับได้เร็ว ทำให้กลุ่มเป้าหมายรับรู้ข่าวสารได้ทั่วถึงและรวดเร็วยิ่งขึ้น

3.         การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทำได้ง่ายและสะดวก

4.         เป็นการสื่อสารสองทางที่ทั้งสองฝ่ายสามารถพูดคุยโต้ตอบกันได้ ฯลฯ

9.         เหตุใดอินเทอร์เน็ตจึงมีบทบาทสำคัญต่อการประชาสัมพันธ์

(1)       เพราะถ่ายทอดข้อมูลข่าวสารถึงผู้รับได้เร็ว     (2) การเข้าถึงทำได้ง่าย สะดวก

(3) เป็นการสื่อสารสองทาง     (4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 8. ประกอบ

10.       ทำไม ม.ร. ต้องใช้การประชาสัมพันธ์ทางอินเทอร์เน็ต

(1)       เพื่อให้ข่าวสารมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น

(2)       เพื่อพัฒนาการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

(3)       เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายรับรู้ข่าวสารได้ทั่วถึงและรวดเร็วยิ่งขึ้น

(4)       เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายมีความรู้มากขึ้น

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 8. ประกอบ

11.       สื่อข้อใดที่นำเสนอเนื้อหาสาระที่หลากหลาย เช่น ภาพเคลื่อนไหว ภาพนิ่ง และเสียง

(1)       หนังสือพิมพ์    

(2) วิทยุกระจายเสียง  

(3) อินเทอร์เน็ต            

(4) จดหมายข่าว

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 8. ประกอบ

12.       ข้อใดคือ ความหมายของ การประชาสัมพันธ์

(1)       การให้ความร่วมมือกันของประชาชน

(2)       การสร้างความสัมพันธ์และความเข้าใจอันดีระหว่างหน่วยงานกับประชาชน

(3)       ความผูกพันเกี่ยวข้องระหว่างกันของประชาชน

(4)       การสร้างความร่วมมือซึ่งกันและกันของประชาชน

ตอบ 2 หน้า 10 การประชาสัมพันธ์ หมายถึง วิธีการของหน่วยงานที่มีแผนการและกระทำต่อเนื่องกันไป ในอันที่จะสร้างหรือรักษาไว้ซึ่งความสัมพันธ์และความเข้าใจอันดีระหว่างหน่วยงานกับ กลุ่มประชาชน เพื่อให้หน่วยงานกับกลุ่มประชาชนที่เกี่ยวข้องมีความรู้ความเข้าใจ ให้ความ สนับสนุนร่วมมือซึ่งกันและกัน และเพื่อห้งานของสถาบันดำเนินไปด้วยดี โดยมีประชามติเป็นแนวบรรทัดฐาน เช่น การจัดงานวันครบรอบ ม.ร. 42 ปี เพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรม เป็นต้น

13.       คำว่า Public สอดคล้องกับข้อใด

(1) สาธารณรัฐ            

(2) เครือสหพันธรัฐ      

(3) ประชาชน   

(4) ประชารัฐ

ตอบ 3 หน้า 79 คำว่า การประซาสัมพันธ์” ตรงกับคำภาษาอังกฤษว่า Public Relations ถ้าหากจะพิจารณาดูศัพท์ที่เราใช้ทางภาษาไทยเทียบกับภาษาอังกฤษจะเห็นว่ากลมกลืนกันได้อย่าง เหมาะสม กล่าวคือ คำว่า ประชา” แปลว่า กลุ่มคนหรือประชาชน ซึ่งตรงกับคำว่า Public และคำว่า สัมพันธ์” แปลว่า ความเกี่ยวข้องผูกพัน หรือความสัมพันธ์ ซึ่งตรงกับคำว่า Relations

14.       คำว่า Relations สอดคล้องกับข้อใด

(1) ความสัมพันธ์         (2) ความเห็นอกเห็นใจ            (3) ความเมตตา           (4) ความเข้าใจ

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 13. ประกอบ

15.       ข้อใดสอดคล้องกับความหมาย ประชาสัมพันธ์” มากที่สุด

(1)       สถานีโทรทัศน์ทุกช่องเสนอข่าวเครื่องบินตกในรายการข่าวด่วน

(2)       การประชาสัมพันธ์จะทำเมื่อมีเหตุการณ์ที่เป็นข่าวเท่านั้น

(3)       เครื่องดื่มชูกำลังประชาสัมพันธ์ส่วนประกอบโดยประมาณไว้ที่ข้างขวด

(4)       งานวันครบรอบ ม.ร. 42 ปี จัดขึ้นเพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรม

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 12. ประกอบ

16.       การประชาสัมพันธ์ในข้อใดจึงจะได้ผลดี

(1) การสื่อสารแบบกลุ่มไปสู่บุคคล     (2) การสื่อสารแบบทางเดียว

(3) การสื่อสารจากจุดศูนย์กลางไปสู่วงกว้าง  (4) การสื่อสารแบบสองทาง

ตอบ 4 หน้า 22 – 23 วิธีการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ให้ได้ผลดีจะต้องเป็นการสื่อสารแบบสองทาง (Two-way Communication) คือ เป็นการกระทำที่มีไปจากองค์กรสู่ประชาชนวิถีทางหนึ่ง ในขณะเดียวกันก็ต้องคอยสดับตรับฟังความคิดเห็น หรือสำรวจตรวจสอบประชามติของประชาชน ที่มีต่อองค์กรอีกวิถีทางหนึ่งควบคู่กันไปตลอดเวลา เพื่อนำมาพิจารณาแก้ไขปรับปรุงการทำงาน ขององค์กรให้ครอบคลุมในทุก ๆ ด้าน

17.       ข้อใดเป็นการสื่อสารประชาสัมพันธ์ที่ดี

(1)       สำนักงานอนามัยติดป้ายรณรงค์เรื่องการป้องกันโรคเอดส์

(2)       เว็บไซต์โรงเรียนเสนอข่าวกิจกรรมวันพบผู้ปกครอง

(3)       เว็บไซต์เปิดหน้ากระดานสนทนา พร้อมกับการเสนอข่าวกิจกรรม      (4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 (คำบรรยาย) การสื่อสารประชาสัมพันธ์ที่ดีนอกจากจะกระทำขึ้นเพื่อสร้างบรรยากาศแห่ง การรับรู้ ในกรณีที่มีข่าวสารทั้งต่อหน่วยงาน ผู้เกี่ยวข้อง และประชาชนทั่วไปเกิดขึ้นแล้ว ยังเป็นการสื่อสารที่กระทำขึ้นเพื่อต้องการสร้างความเข้าใจ ป้องกัน และแก้ไขความเข้าใจผิด ตลอดจนเพื่อช่วยเหลือสนับสนุนชุมชน โดยอาศัยสื่อต่าง ๆในการเผยแพร่ เช่นสำนักงานอนามัย ติดป้ายรณรงค์เรื่องการป้องกันโรคเอดส์เว็บไซต์โรงเรียนเปิดหน้ากระดานสนทนา พร้อมกับ เสนอข่าวกิจกรรมวันพบผู้ปกครอง เป็นต้น

18.       เหตุใดจึงต้องการทราบความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อองค์กร

(1)       เพื่อให้ได้ชื่อว่าเป็นองค์กรที่สนับสนุนประชาธิปไตย

(2)       เพื่อนำมาใช้ปรับปรุงการทำงานขององค์กรให้ครอบคลุมในทุก ๆ ด้าน

(3)       เพื่อให้ประชาชนไต้ตรวจสอบประเมินผลการทำงานขององค์กร

(4)       เพื่อให้ประชาชนสามารถเสนอนโยบายให้องค์กรนำไปปฏิบัติ

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 16. ประกอบ

19.       ภาพพจน์ที่ดีขององค์กร คือข้อใด

(1) เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับประชาชน    (2) ทำให้ประชาชนเห็นคุณค่าขององค์กร

(3) ได้รับการสนับสนุนจากประชาชน  (4) ข้อ 2 และ 3 ถูก

ตอบ 4 (คำบรรยาย) ภาพพจน์ที่ดีขององค์กร คือ ภาพขององค์กรที่เป็นไปในแนวทางที่ดีงาม ทำให้ประชาชนเห็นคุณค่าขององค์กร เกิดความเชื่อถือศรัทธา ไว้เนื้อเชื่อใจ และอยากจะ ติดต่อสัมพันธ์ด้วย ซึ่งหากองค์กรใดมีจินตภาพที่ดีย่อมไต้รับการสนับสนุนและความร่วมมือ จากประชาชน

20.       ข้อใดคือ กรณีที่เหมาะสมในการนำไปประชาสัมพันธ์

(1)       มีข่าวหรือเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานจำเป็นต้องรับทราบ

(2)       บุคลากรของหน่วยงานลาออก

(3)       มีข่าวสารทั้งต่อหน่วยงาน ผู้เกี่ยวข้อง และประชาชนทั่วไป    (4) ผิดทุกข้อ

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 17. ประกอบ

21.       ข้อใดคือ ความสำคัญของการประชาสัมพันธ์ที่มีต่อองค์กร

(1) องค์กรมีภาพพจน์ที่ดีในสายตาประชาชน 

(2) ประชาชนทราบถึงประโยชน์ที่จะได้จากองค์กร

(3) ประชาชนให้การสนับสนุนกิจการขององค์กร        

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 (คำบรรยาย) ความสำคัญของการประชาสัมพันธ์ที่มีต่อองค์กร มีดังนี้

1.         องค์กรมีภาพพจน์ที่ดีในสายตาประชาชน 2. ประชาชนเกิดความรู้ความเข้าใจในนโยบาย และการดำเนินกิจการ ตลอดจนทราบถึงประโยชน์ที่จะได้จากองค์กร 3. ประชาชนเต็มใจ ให้การสนับสนุนร่วมมือในกิจการขององค์กร ฯลฯ

22.       การสื่อสารช่วยในด้านการประชาสัมพันธ์หน่วยงาน คือข้อใด

(1) สร้างบรรยากาศแห่งการรับรู้         

(2) ช่วยให้เกิดความเข้าใจอันดีในกลุ่มต่าง ๆ

(3) ช่วยสร้างความคิดอยากจะมีวิถีชีวิตที่ดีขึ้น            

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 17. ประกอบ

23.       ข้อใดคือ ผู้ส่งสาร

(1)       อาจารย์ผู้กำหนดวันจัดกิจกรรมปลูกต้นไม้ของนักกีฬา

(2)       เจ้าหน้าที่ผู้จัดทำป้ายติดประกาศกำหนดวัน เวลา ในการจัดกิจกรรมปลูกต้นไม้

(3)       ผู้ประกาศเสียงตามสายประกาศกำหนดวัน เวลา ในการจัดกิจกรรมปลูกต้นไม้

(4)       นักศึกษา

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 4. ประกอบ

24.       องค์ประกอบข้อใดมีความสำคัญในการส่งสาร

(1) ผู้ส่งสาร     (2) ข่าวสาร      (3) สื่อ/ช่องทาง            (4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 4. ประกอบ

25.       Receiver คืออะไร

(1) ผู้รับสาร     (2) ผู้ส่งสาร     (3) สื่อ/ช่องทาง            (4) ข่าวสาร

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 4. ประกอบ

26.       ข้อใดคือ Message

(1) อาจารย์ผู้กำหนดวันปฐมนิเทศนักศึกษา    (2) ป้ายประกาศวันปฐมนิเทศนักศึกษา

(3) กำหนดวัน เวลา สถานที่ปฐมนิเทศนักศึกษา         (4) นักศึกษาผู้เข้ารับการปฐมนิเทศ

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 4. ประกอบ

27.       ข้อใดจัดเป็นสื่ออุปกรณ์

(1) เครื่องคอมพิวเตอร์ (2) จดหมายข่าว

(3) แผ่นดินเก็ต            (4) ของตัวอย่าง แบบจำลอง

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 6. ประกอบ

28.       ข้อใดจัดเป็นสื่อมวลชน

(1) เทปบันทึกเสียง     (2) หนังสือพิมพ์           (3) แผ่นพับ      (4) วีซีดีละครซีรีย์เกาหลี

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 7. ประกอบ

29.       จงบอกความหมายของคำว่า สื่อโสตทัศน์

(1) สื่อใช้เฉพาะกับผู้พิการทางการมองเห็น    (2) สื่อใช้เฉพาะกับผู้พิการทางการได้ยิน

(3) สื่อที่สามารถส่งได้ทั้งภาพและเสียง          (4) สื่อที่ใช้ส่งภาพนิ่ง

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 6. ประกอบ

30.       การสื่อมวลชนมีคุณสมบัติเด่นตามข้อใด

(1) สื่อมวลชนมีประสิทธิภาพในการโน้มน้าวได้สูง      (2) สามารถเข้าถึงบุคคลจำนวนมากได้รวดเร็ว

(3) กำหนดกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายกว่าสื่ออื่น     (4) มีความน่าเชื่อถือสูง

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 7. ประกอบ

31.       เครือข่ายการรับส่งข้อมูลโดยใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ คือข้อใด

(1) Web page (เว็บเพจ) 

(2) Web site (เว็บไซต์)

(3) Internet (อินเทอร์เน็ต)           

(4) E-mail (อีเมล์)

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 8. ประกอบ

32.       ข้อใดคือ ความสำคัญของอินเทอร์เน็ตในการประชาสัมพันธ์

(1) ถ่ายทอดข่าวสารถึงผู้รับได้รวดเร็ว 

(2) การเข้าถึงทำได้ง่าย

(3) การสื่อสารสองทาง            

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 8. ประกอบ

33.       เหตุใดอินเทอร์เน็ตจึงเป็นการสื่อสารสองทาง

(1) สื่อได้ทั้งภาพและเสียง      

(2) สื่อได้ทั้งภาพเคลื่อนไหวและภาพนิ่ง

(3) สื่อสารที่ทั้งสองฝ่ายสามารถพูดคุยโต้ตอบกันได้   

(4) สื่อสารได้ทุกเวลา และทุกสถานที่

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 8. ประกอบ

34.       การสนทนาโดยการพิมพ์โต้ตอบกันเป็นการส่วนตัวผ่านทางอินเทอร์เน็ต ทำได้โดยวิธีใด

(1) Web page    (2) Web board  (3) Chat     (4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 3 (คำบรรยาย) การสนทนาออนไลน์ (Internet Relay Chat : IRC) หมายถึง โปรแกรมที่ถูก สร้างขึ้นมาเพื่อการสนทนาโดยการพิมพ์ข้อความโต้ตอบกันเป็นการส่วนตัวผ่านทางเครือข่าย อินเทอร์เน็ต ในลักษณะของการโต้ตอบอย่างทันทีทันใด (Real Time) ซึ่งในปัจจุบัน

โปรแกรม การสนทนาออนไลน์ (Chat) มีอยู่หลากหลาย เช่น MSN, Google Talk, Yahoo Messenger, Skype ฯลฯ

35.       หน่วยงานสามารถใช้อินเทอร์เน็ตในการประชาสัมพันธ์ตามข้อใด

(1)       รวบรวมข่าวสารนำเสนอทางเว็บไซต์ของหน่วยงาน

(2)       ส่งข้อมูลข่าวสารด้วยจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail)

(3)       ทำหน้าเว็บบอร์ดเพื่อให้ผู้รับเสนอความคิดเห็นและข้อเสนอแนะได้   (4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 (คำบรรยาย) ในปัจจุบันหน่วยงานต่าง ๆ ได้ใช้การประซาสัมพันธ์ผ่านอินเทอร์เน็ตกันอย่าง กว้างขวาง ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปแบบที่แตกต่างกันไป เช่น การรวบรวมข่าวสารนำเสนอทาง เว็บไซต์ (Web site) ของหน่วยงานการส่งข้อมูลข่าวสารด้วยจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail), การทำหน้าเว็บบอร์ด (Web board) เพื่อให้ผู้รับเสนอความคิดเห็นและข้อเสนอแนะได้ ฯลฯ

36.       เหตุใดหน่วยงานจึงมีความจำเป็นต้องพัฒนาบุคลากรต้านเทคโนโลยีสารสนเทศ

(1)       ให้บุคลากรสามารถสร้างเครื่องมือสื่อสารใช้ในหน่วยงานได้

(2)       ให้บุคลากรผลิตและซ่อมแซมเครื่องมือสื่อสารต่าง ๆ ได้อย่างชำนาญ

(3)       ให้บุคลากรมีความรู้ ความเข้าใจ และมีทักษะในการใช้เทคโนโลยีเพื่อการสื่อสาร

(4)       ให้บุคลากรมีความมั่นใจในการเลือกใช้ช่องทางในการสื่อสาร

ตอบ 3 (คำบรรยาย) เทคโนโลยีสารสนเทศนับว่ามีความสำคัญมากในการประชาสัมพันธ์ปัจจุบัน เพราะได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งที่จำเป็นต่อการดำเนินกิจกรรมด้านต่าง ๆ ของหน่วยงาน ทำให้หน่วยงานมีความจำเป็นต้องพัฒนาบุคลากรด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อให้บุคลากร มีความรู้ ความเข้าใจ และมีทักษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการสื่อสารไปสู่ กลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

37.       จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) ต่างจากจดหมายธรรมดาตามข้อใด

(1)       ตัวอักษร          (2) เนื้อหา        (3) ช่องทางการส่ง       (4) ผิดทุกข้อ

ตอบ 3 (คำบรรยาย) จดหมายอิเล็กทรอนิกส์หรืออีเมล์ (Electronic Mail ะ E-mail) หมายถึง การส่ง ข้อความหรือข่าวสารจากบุคคลหนึ่งไปยังบุคคลอื่น ๆ ผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยจะมี ลักษณะเป็นการรับส่งจดหมายถึงกันเหมือนกับการส่งจดหมายธรรมดา แต่ต่างกันตรงที่ช่องทาง การส่งของอีเมล์จะอยู่ในรูปแบบของสัญญาณข้อมูลที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว และสามารถติดต่อกันได้อย่างทั่วถึงทุกภูมิภาคที่ใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ต

38.       การส่งข่าวสารประชาสัมพันธ์ไปถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว มีประโยชน์ในข้อใด

(1)       ลดความผิดพลาดเนื่องจากการรับข่าวสารไม่ทันตามเวลาที่กำหนด

(2)       แสดงให้เห็นศักยภาพด้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศของบุคลากรในหน่วยงาน

(3)       ช่วยให้ผู้รับสารเข้าใจข่าวสารได้ง่ายขึ้น          (4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 1 (คำบรรยาย) การนำเทคโนโลยีสารสบเทศทางด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี ด้านการสื่อสารโทรคมนาคมมาใช้ในการส่งข่าวสารประชาสัมพันธ์มีประโยชน์ประการหนึ่ง คือ ทำให้ส่งข่าวสารประชาสัมพันธ์ไปถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว เพื่อช่วยลดความผิดพลาด เนื่องจากการรับข่าวสารไม่ทันตามเวลาที่กำหนด

39.       การประชาสัมพันธ์ทางอินเทอร์เน็ตมีความพิเศษตามข้อใด

(1)       สามารถใช้ทั้งภาพและเสียง โดยสามารถสื่อสารได้ตลอดเวลา

(2)       ใช้ได้ทุกที่ทั่วโลภไม่มีข้อยกเว้น

(3)       ข้อมูลที่ได้มีความเที่ยงธรรม ถูกต้องกว่าการประชาสัมพันธ์ด้วยวิธีอื่น         

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 8. ประกอบ

40.       เหตุใด ม.ร. ใช้การประชาสัมพันธ์ทางอินเทอร์เน็ต

(1) เพื่อความทันสมัย   (2) เพื่อพัฒนาการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพ

(3) เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายรับรู้ข่าวสารได้รวดเร็ว           (4) เพื่อให้ข่าวสารมีความน่าเชื่อถือ

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 8. ประกอบ

41.       ประชาสัมพันธ์มีหน้าที่ตามข้อใด

(1) ประกาศโฆษณาสินค้า      

(2) ตอบคำถามทั่วไป 

(3) ปรากฏตัวในงานกุศล 

(4) สร้างความเข้าใจ

ตอบ 4 หน้า 83, (คำบรรยาย) หน้าที่ของนักประซาสัมพันธ์โดยตรง คือ เป็นผู้ที่ให้คำปรึกษาแนะนำ แก่ผู้บริหาร ผู้ร่วมงาน ตลอดจนสร้างความเข้าใจอันดีกับประชาชนที่เกี่ยวข้องกับสถาบัน ทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งถือเป็นกลุ่มเป้าหมายที่นักประชาสัมพันธ์ให้ความสำคัญมากที่สุด

42.       ถ้านักประชาสัมพันธ์คือผู้ส่งสาร ใครคือกลุ่มเป้าหมาย

(1) คณะรัฐบาล           

(2) สื่อมวลชน  

(3) พรรคการเมือง       

(4) ผิดทุกข้อ

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 41. ประกอบ

43.       วิชาการประชาสัมพันธ์มุ่งให้ผู้ศึกษามีความเข้าใจอย่างแท้จริงในข้อใด

(1) บุคลิกภาพ 

(2) การพูด       

(3) มวลชน       

(4) ความน่าเชื่อถือ

ตอบ 3 หน้า 27 ผู้ที่จะทำงานเป็นนักประชาสัมพันธ์จะต้องศึกษาวิชาต่าง ๆ ที่เป็นพื้นฐานเพื่อ

เป็นการปูพื้นไว้ให้แก่ตนเอง เช่น วิชาสังคมวิทยา ภาษาศาสตร์ จิตวิทยา ปรัชญา รัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ ฯลฯ เพราะวิชาการประชาสัมพันธ์จะช่วยให้ผู้ศึกษามีความรู้ความเข้าใจ อย่างแท้จริงในมนุษย์ (มวลชน) และสังคมได้ดียิ่งขึ้น ทำให้ความคิดกว้างไกล และมองปัญหา ต่าง ๆ ด้วยความเที่ยงธรรมและสุขุมรอบคอบ

44.       ข้อใดเสมือนสะพานเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยงานกับมวลชนที่เกี่ยวข้อง

(1) การสารนิเทศ         (2) การประชาสัมพันธ์

(3) การส่งเสริมการจำหน่าย    (4) กิจการสาธารณะ

ตอบ 2 หน้า 8353, (คำบรรยาย) การประชาสัมพันธ์เปรียบเสมือนสะพานที่คอยเชื่อมโยงหรือประสานความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถาบันหรือหน่วยงานกับกลุ่มประชาชนหรือมวลชนที่เกี่ยวข้อง ทังนี้เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันและถ้อยทีถ้อยอาศัยต่อกัน เพื่อความกลมกลืนของระบบสังคม

45.       การประชาสัมพันธ์คือ กระบวนการสื่อสารขององค์กรข้อใด

(1) การดำเนินงานทางธุรกิจกับสังคม (2) สาธารณชนกับสังคม

(3) สถาบันทางการสื่อสารมวลชน       (4) งานโฆษณาและงานประชาสัมพันธ์

ตอบ 1 หน้า 8 การประชาสัมพันธ์เป็นกระบวนการสื่อสารที่มีทิศทางสวนกลับกันสองทิศทาง(Two-way Process) กล่าวคือ สุดทางด้านหนึ่งของกระบวนการนี้คือ สถาบันใด ๆ ในสังคม ซึ่งอาจเป็นกลุ่มชนเล็ก ๆ องค์กรรัฐวิสาหกิจ หน่วยราชการ หรือองค์กรทางธุรกิจการค้าใด ๆ ก็ได้ แต่สุดทางอีกด้านหนึ่งคือ มวลชนหรือประชาชนกลุ่มใหญ่ในสังคม

46.       ข้อใดไม่เกี่ยวข้องกับงานประชาสัมพันธ์

(1) การดำเนินการเพื่อสถาบันและมวลชน      (2) มีการกระทำที่ต่อเนื่องยาวนานไม่ลดละ

(3) ไม่มีการกำหนดกลุ่มชน     (4) มีการวางแผนงาน

ตอบ 3 หน้า 10 – 121453129, (คำบรรยาย) ลักษณะสำคัญของงานประชาสัมพันธ์ มีดังนี้

1.         เป็นงานขั้นบริหารที่รับผิดชอบโดยฝ่ายบริหาร (Executive) หรือฝ่ายจัดการ

2.         ดำเนินการเพื่อสร้างความเข้าใจหรือความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถาบันกับมวลชน

3.         มีการวางแผนงาน และกำหนดกลุ่มประชาชนเป้าหมาย

4.         มีการกระทำอย่างต่อเนื่องโดยใช้ระยะเวลายาวนานไม่มีที่สิ้นสุด ไม่หยุดนิ่ง ไม่ลดละ

5.         มีการวัดหรือตรวจสอบกระแสประชามติ (ความคิดเห็น) ของกลุ่มประชาชน ฯลฯ

47.       ข้อใดคือ การสารนิเทศ

(1) การให้ข่าวสาร       (2) การโฆษณา           (3) การป่าวประกาศ    (4) การสร้างแรงจูงใจ

ตอบ 1 หน้า 17-18 การสารนิเทศ (Information Service) คือ การให้ข่าวสารข้อเท็จจริงต่าง ๆ เพื่อเผยแพร่ให้ชาวต่างชาติได้รู้จักประเทศไทย เช่น นโยบายของรัฐบาล ศิลปวัฒนธรรมไทย รวมทั้งการให้ความสะดวก ช่วยเหลือ ปรับความเข้าใจ แก้ไขความเข้าใจผิด และการแสดง อัธยาศัยไมตรีหรือผูกสัมพันธไมตรี ฯลฯ ซึ่งประเทศไทยได้ทำการสารนิเทศมานานแล้ว โดยมีสำนักงานแถลงข่าวไทยในสังกัดของกรมประชาสัมพันธ์ อยู่ที่กรุงวอชิงตัน ลอนดอน ฯลฯ

48.       ข้อใดคือ ข้อแรกขององค์ประกอบพื้นฐานของการประชาสัมพันธ์

(1) กระบวนการสื่อสารศิลปนิเทศน์    (2) ปรัชญาการบริหารสังคม

(3) กำหนดแผนงานประชาสัมพันธ์     (4) หมายถึง การติดต่อสื่อสาร

ตอบ 2 หน้า 18 – 21 องค์ประกอบพื้นฐานของการประชาสัมพันธ์มี 4 ประการ คือ

1.         เป็นพื้นฐานของปรัชญาการบริหารสังคม

2.         เป็นปรัชญาทางสังคมที่แสดงออกในการตัดสินใจอย่างถูกต้อง

3.         เป็นการกระทำที่ต่อเนื่องมาจากการกำหนดนโยบายที่ดี

4.         การประชาสัมพันธ์ หมายถึง การติดต่อสื่อสาร

49.       นักประชาสัมพันธ์จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีความรอบรู้ตามข้อใด

(1) สุนทรียศาสตร์       (2) สังคมศาสตร์          (3) วิทยาศาสตร์          (4) ประชากรศาสตร์

ตอบ 2 หน้า 28 นักประชาสัมพันธ์จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีความรอบรู้อย่างกว้างขวางทางด้านสังคมคาสตร์ ในขณะเดียวกันก็ต้องมีทักษะในการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะ ด้านการเขียน พูด อ่าน ฟัง หรือคิด

50.       จุดเด่นของนักประชาสัมพันธ์สตรีในการปฏิบัติงานได้ดีเท่าเทียมชาย คือข้อใด

(1) ตรงไปตรงมา         (2) เข้มแข็ง หนักแน่น  (3) มีความคล่องตัว     (4) ไม่ก้าวก่ายงานบริหาร

ตอบ 3 หน้า 34 นักประชาสัมพันธ์สตรีจะประสบความสำเร็จก้าวหน้าได้ง่าย เพราะมีความสามารถ เฉพาะตัวมาแต่กำเนิด และก้าวออกมาสู่สังคมภายนอกอย่างมั่นใจ ปฏิบัติงานได้เป็นอย่างดี เท่าเทียมกับผู้ชาย มีความรับผิดชอบ อ่อนโยน รอบคอบ รู้จักผ่อนหนักเป็นเบา ละเอียดถี่ถ้วน มีความคล่องตัว พบปะสื่อมวลชนได้อย่างมีเสน่ห์และน่าประทับใจ

51.       ข้อใดไม่ใช่บริษัทรับจ้างดำเนินงานประชาสัมพันธ์ที่มีชื่อเสียง

(1) Ruder & Finn 

(2) Hill & Knowlton 

(3) PRSA   

(4) Carl Byoir& Assocs

ตอบ 3 หน้า 23 – 2437 บริษัทรับจ้างทำประชาสัมพันธ์ที่มีชื่อเสียงของโลก ได้แก่

1.         Hill & Knowlton       2. Ruder & Finn

3. Carl Byoir & Assocs        4. J. Walter Thompson P.R.

5.         Burson – Marsteller         6. Harshe – Rotman & Druck ฯลฯ (ส่วน PRSA คือ สมาคมนักประชาสัมพันธ์ของสหรัฐอเมริกา)

52.       แรงผลักดันให้เกิดกระแส ศักราชของแจคสัน” ส่งให้พัฒนาการของสื่อใดเพิ่มขึ้น

(1) แผ่นปลิวประชาสัมพันธ์    

(2) จดหมายข่าว

(3) วารสารประชาสัมพันธ์       

(4) หนังสือพิมพ์

ตอบ 4 หน้า 63 Amos Kendall ซึ่งเป็นอดีตนักหนังสือพิมพ์มาก่อน ได้เป็นที่ปรึกษาคนสำคัญใน การบริหารงานสมัยประธานาธิบดีแจคสันของสหรัฐฯ โดยเขาเป็นผู้ช่วยขั้นมันสมองในการ จัดวางนโยบายระดับลง และใช้หนังสือพิมพ์เป็นสื่อสำคัญในการเผยแพร่ผลงานของรัฐบาล เพื่อที่จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายชาวอเมริกันให้มากที่สุด ซึ่งส่งผลให้มีหนังสือพิมพ์เพิ่มขึ้น อย่างมากมายในสมัยนั้น ดังนั้นเขาจึงเป็นส่วนสำคัญที่สุดในการสร้างความสำเร็จให้กับ ประธานาธิบดีแจคสัน หรือที่เรียกกันว่า ศักราชของแจคสัน

53.       นักประชาสัมพันธ์ผู้แนะนำไม่ให้สวนกระแสประชามติคือใคร

(1) พอล การ์เรท          (2) ไอวี่ ลี         (3) จอห์น ฮิล   (4) จอร์จ ครีล

ตอบ 2 หน้า 67 ไอวี่ ลี เป็นคนแรกที่เชื่อว่าการปกปิดไม่ยอมเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับสถาบันให้ ประชาชนได้ทราบนั้นเป็นความคิดที่ผิด เพราะหน้าที่ของนักประชาสัมพันธ์ คือ คอยแนะนำ ไม่ให้องค์กรหรือบุคคลกระทำตนสวนกระแสหรือขัดกับประชามติ ซึ่งถ้าหากบุคคลและสถาบัน สามารถปรับตัวให้เข้ากับประชาชนได้เรื่องยุ่งยากก็จะไม่เกิดขึ้น และถ้าจะให้ประชาชนเข้าใจ บริษัทแล้วก็ต้องใช้วิธีเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา

54.       สื่อประชาสัมพันธ์ที่พัฒนาการต่อจากสัญญาณที่ทำด้วยวัสดุพื้นบ้าน คือข้อใด

(1) ภาษาพูด    (2) ภาษาเขียน            (3) ก่อสร้างเทวสถาน  (4) ลัทธิบูชาวิญญาณ

ตอบ 1 หน้า 57 – 58 สื่อประชาสัมพันธ์ของมนุษย์มีพัฒนาการตามลำดับ ดังนี้

1.         ภาษาใบ้

2.         สัญญาณที่ทำด้วยวัสดุพื้นบ้าน หรือข้าวของที่หามาได้ง่าย ๆ เช่น การตีเกราะเคาะไม้ สัญญาณควันไฟ จังหวะเสียงกลอง การเป่าเขาควาย ฯลฯ

3.         ภาษาพูด

4.         ภาษาเขียน

5.         การพิมพ์หนังสือ การส่งสัญญาณวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์

55.       “Amos Kendall” มีความชำนาญใช้สื่อประชาสัมพันธ์ในข้อใด

(1) นักโฆษณา            (2) นักหนังสือพิมพ์      (3) นักการเมือง           (4) อาจารย์มหาวิทยาลัย

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 52. ประกอบ

56.       ผู้อำนวยความสะดวกแก่ผู้มาติดต่อ คือความหมายข้อใด

(1) Group Interview  (2) Interpersonal Communication

(3) Information (4) Information Service

ตอบ 3 หน้า 79597 แผนกติดต่อสอบถาม (Information) หรือที่ชาวอังกฤษและประเทศที่เคยเป็นอาณานิคมของอังกฤษนิยมใช้คำว่า “Enquiry” คือ งานต้อนรับ หรือติดต่อสอบถาม เรื่องราวทั่วไปของสถาบันนั้น ๆ ซึ่งเป็นบริการของหน่วยงานด่านแรกที่ได้ให้กับประชาชน โดยเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการจะต้องมีความรู้ในสถาบันของเขาเป็นอย่างดียิ่ง หรือทำหน้าที่เป็น เหมือนผู้ต้อนรับ (Receptionist) ที่คอยชี้แจงเรื่องราวต่าง ๆ และพร้อมที่จะช่วยเหลือ อำนวยความสะดวกแก่แขกหรือผู้มาติดต่อด้วยความเต็มใจ

57.       หน้าที่หลักที่เป็นหัวใจของนักประชาสัมพันธ์มีกี่ข้อ

(1) สาม           (2) ห้า  (3) แปด           (4) สิบ

ตอบ 3 หน้า 85 – 86 ภาระหน้าที่หลักอันเป็นหัวใจสำคัญของนักประชาสัมพันธ์มี 8 ประการ ได้แก่

1.         การเขียน (Writing)         2. การแก้ไขตกแต่งต้นฉบับ (Editing)

3. การติดต่อสื่อสาร (Placement) 4. การส่งเสริมเผยแพร่ (Promotion)

5. การปาฐกถา (Speaking)       6. การผลิตอุปกรณ์และเผยแพร่ผลงาน (Production)

7. การจัดทำรายการ (Programming) 8. การโฆษณาสถาบัน (Institutional Advertising)

58.       วิธีการเขียนข่าวในปัจจุบันได้รับแบบอย่างมาจากข้อใด

(1) ข่าวกีฬาสมัยโรมัน (2) ข่าวย่อยของบางกอกรีคอร์เดอร์

(3) ข่าวสังคมสมัยนโปเลียน    (4) ข่าวสงครามกลางเมืองสหรัฐฯ

ตอบ 4 หน้า 62 – 63 การส่งข่าวในช่วงสงครามกู้อิสรภาพและสงครามกลางเมืองของสหรัฐฯ(สงครามเลิกทาส) ต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วฉับไว จึงได้มีการคิดหาวิธีการเขียนข่าวหรือ รายงานข่าวอย่างสั้น ๆ และสรุปใจความสำคัญ ๆ ให้ได้มากที่สุด คือ การเขียนถึงหัวใจสำคัญ ของเรื่องในข่าวนำ ส่วนข่าวที่มีความสำคัญต่อมาก็เขียนไว้ตอนท้าย ซึ่งถือเป็นแบบอย่างของ วิธีการเขียนข่าวใบปัจจุบัน

59.       การสื่อสารด้วยวิธีการ ต่อสู้กับไฟ” ตรงกับข้อใด

(1) การแก้ปัญหาด้วยการแลกเปลี่ยนทัศนคติ            (2) ทฤษฎีประชาสัมพันธ์แก้ปัญหาได้ทุกกรณี

(3) การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งด้วยการสร้างไมตรี     (4) การละเลยต่อปัญหาจนถึงจุดอันตราย

ตอบ 4 หน้า 108 การวางแผนประชาสัมพันธ์มี 2 วิธี ได้แก่

1.         วิธีการต่อสู้กับไฟ (Fire Fighting) คือ การละเลยหรือปล่อยให้ปัญหาถึงจุดอันตราย และระเบิดขึ้นในรูปของวิกฤติการณ์อันร้ายแรงจนไม่สามารถยับยั้งหรือแก้ไขได้ เช่น การนัดหยุดงาน การประท้วงของนักศึกษา ฯลฯ

2.         วิธีป้องกันไฟ (Fire Prevention) คือ การศึกษาวิจัยเพื่อรวบรวมข้อมูลจากทัศนคติ ของมหาชน ซึ่งจำเป็นต้องใช้การวางแผนระยะยาว และเป็นแผนงานที่ต้องกระทำ ต่อเนื่องกับไปไม่มีที่สิ้นสุด

60.       ความหมายของภาษาตามข้อใด ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในงานประชาสัมพันธ์บ่อย

(1) ความหมายด้านวัตถุ          (2) ความหมายไม่เปลี่ยนแปลง

(3) ความหมายขึ้นกับจินตนาการ        (4) การสื่อความหมายทางการเมือง

ตอบ 3 หน้า 150165 – 166 Semantics หมายถึง การเปลี่ยนแปลงของคำหรือภาษา ซึ่งจะมีความหมายแตกต่างกันใน 2 ลักษณะ คือ 1. ความหมายด้านวัตถุ (Denotative) เป็นความหมาย ตามพจนานุกรมที่มีลักษณะแท้จริง คงที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง และเป็นสิ่งที่แน่นอนตายตัว

2.         ความหมายด้านนามธรรม (Connotative) จะเกี่ยวข้องกับจิตใจของมนุษย์ มีการเปลี่ยนแปลง ไม่คงที่ ทำให้มีความหมายหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับจินตนาการ ศาสนา วัฒนธรรม ประเพณี ความรู้สึกนึกคิด และสิ่งแวดล้อมของแต่ละสังคม จึงก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในงานประชาสัมพันธ์บ่อยมาก

61.       จุดมุ่งหมายของงานประชาสัมพันธ์ คือข้อใด

(1) สร้างภาพ   

(2) ความนิยมเชื่อถือ

(3) จัดฉากผังงานโฆษณา       

(4) ขยายขอบเขตการตลาด

ตอบ 2 หน้า 1021, (คำบรรยาย) การประชาสัมพันธ์มีจุดมุ่งหมายหรือวัตถุประสงค์เพื่อที่จะสร้าง และดำรงไว้ซึ่งความเข้าใจอันดีระหว่างองค์กรกับประชาชน โดยการสร้างความนิยมเชื่อถือ ความเลื่อมใส ไว้เนื้อเชื่อใจ ให้เกิดขึ้นกับประชาชนหรือผู้ที่บริษัทและองค์กรต้องการ ซึ่งมี เป้าหมายของการประชาสัมพันธ์ที่ต้องการอย่างแท้จริง คือ ความสนับสนุนและเป็นที่ยอมรับ ของประชาชนในสังคม

62.       ข้อใดคือ นักประชาสัมพันธ์

(1) นางงามยิ้มหวาน ๆ ทำหน้าที่ต้อนรับ         

(2) ผู้กำกับภาพยนตร์สารคดี

(3) ดาราเด่นละครทีวี  

(4) ผู้โฆษณาสินค้าทางโทรทัศน์

ตอบ 2 หน้า 26 – 27208, (คำบรรยาย) อาชีพของนักประชาสัมพันธ์ที่มุ่งหวังให้เป็นวิชาชีพหลัก แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1. นักประชาสัมพันธ์ที่เรียกโดยตรง เช่น นักประชาสัมพันธ์ ตามบริษัทต่าง ๆ ที่อยู่ในตำแหน่งโดยตรง 2. นักประชาสัมพันธ์ที่ไม่ได้เรียกโดยตรง แต่เป็น ผู้ที่มีอาชีพบริหารสื่อในวงการสื่อสารมวลชน เช่น นักหนังสือพิมพ์ ผู้ทำงานด้านวิทยุและโทรทัศน์ ผู้กำกับภาพยนตร์ ฯลฯ

63.       ข้อใดคือ ความเข้าใจผิดในทางลบเกี่ยวกับความหมายของการประชาสัมพันธ์

(1) การท่องเที่ยว         

(2) การโฆษณาประชาสัมพันธ์

(3) การโฆษณาชวนเชื่อ           

(4) การโฆษณา

ตอบ 3 หน้า 46 คำว่า การประชาสัมพันธ์” เป็นคำที่คนเข้าใจผิดกันมากคำหนึ่ง คือ เข้าใจ สับสน ไขว้เขว ไปทั้งในทางบวกและทางลบ ซึ่งความเข้าใจผิดในทางลบที่หนักที่สุดก็คือ การเข้าใจว่า การประชาสัมพันธ์เป็นการโฆษณาชวนเชื่อ (Propaganda) หรือล้างสมอง ที่เบาลงหน่อยก็คือ เข้าใจว่าเป็นการโฆษณา (Advertising) จึงมักเรียกชื่อรวม ๆ กันว่า การโฆษณาประชาสัมพันธ์ แต่แท้จริงแล้วการขายบริการของการประชาสัมพันธ์กับการขายสินค้าของการโฆษณาเป็น คนละเรื่องกันโดยสิ้นเชิง

64.       โฆษกรัฐบาลในฐานะนักประชาสัมพันธ์ต้องยึดถือการเผยแพร่ข่าวสารตามข้อใด

(1) เปิดเผยข้อเท็จจริง (2) รักษาเรื่องลับเฉพาะไว้อย่างดี

(3) เรื่องยังมาไม่ถึงขอศึกษาดูก่อน      (4) สื่อสารอย่างเป็นกันเองจนผู้สื่อข่าวจับประเด็นไม่ได้

ตอบ 1 หน้า 54357, (คำบรรยาย) โฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี หรือโฆษกของรัฐบาล (Press Secretary) คือ ผู้ที่อยู่ในฐานะนักประชาสัมพันธ์ของรัฐบาล ซึ่งมีหน้าที่แถลงข่าว เผยแพร่ข่าวสาร/ผลงาน ของรัฐ และเสนอนโยบายของรัฐบาลผ่านทางสื่อมวลชนไปให้ประชาชนได้รับทราบ ตามที่นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นหัวหน้าใหญ่ในการประชาสัมพันธ์ของรัฐบาลได้มอบหมาย โดยจะต้อง เปิดเผยข้อเท็จจริง 100% และไม่บอกปัดหรือให้เหตุผลว่า เป็นเรื่องลับเฉพาะ” เพราะจะทำให้ การสร้างความเข้าใจกับปวงชนนั้นน้อยลงไป

65.       คุณสมบัติขององค์กร เช่น บริษัทน้ำมัน เกี่ยวข้องกับงานประชาสัมพันธ์ตามข้อใด

(1)       มีความดีหรือเลวเพียงไร

(2)       เป็นหน่วยงานอิสระมากน้อยเพียงใด

(3)       ปฏิบัติการตามเป้าหมายเพียงพอหรือเปล่า

(4)       สามารถบันทึกปฏิกิริยาโต้ตอบของมหาชนได้มากหรือไม่

ตอบ 1 หน้า 8 ระดับหรือคุณสมบัติของสถาบันหรือองค์กร คือ การใช้ถ้อยคำเพื่อแสดงระดับหรือคุณสมบัติของสถาบันหนึ่ง ๆ ว่าดีหรือเลวแค่ไหน เพียงไร ในสายตาและความนิยมของประชาชน โดยถ้าขอเสียง กิจกรรม หรือผลงานของสถาบันมีประชาชนนิยมเลื่อมใสและรู้จักกันอย่าง กว้างขวางก็นับเป็นการประชาสัมพันธ์ที่ดี แต่ถ้าประชาชนไม่รู้จัก ไม่ใคร่นิยมเลื่อมใส หรือ ไม่สนใจในสถาบันก็นับเป็นการประชาสัมพันธ์ที่ไม่ได้ผล

66.       จุดมุ่งหมายในการสร้างความเข้าใจอันดีในงานประชาสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มในข้อใด

(1) ฝ่ายประชาสัมพันธ์กับฝ่ายโฆษณา           (2) องค์กรกับประชาชน

(3) สื่อมวลชนกับรัฐบาล         (4) องค์กรของรัฐบาลกับฝ่ายโฆษณาประชาสัมพันธ์

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 61. ประกอบ

67.       ผู้ที่จะทำงานประชาสัมพันธ์ควรมีความเข้าใจได้ดียิ่งขั้น ทำให้ความคิดกว้างไกล คือข้อใด

(1) มนุษย์และสังคม    (2) อารมณ์และความรู้สึก

(3)       วัฒนธรรมและภาษา   (4) การศึกษาและประสบการณ์

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 43. ประกอบ

68.    ข้อใดไม่เกี่ยวข้องกับงานฝึกหัดอบรมงานประชาสัมพันธ์

(1) สถานีวิทยุกระจายเสียง ท.ท.ท.     (2) สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5

(4)       มูลนิธิเพื่อกิจกรรม      (4) บริษัทส่งเสริมการขายตรง

ตอบ 4 หน้า 28 การฝึกหัดอบรมงานประชาสัมพันธ์ตามสถาบันหรือองค์กรต่าง ๆ เช่น สถานวิทยุ- กระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ สถาบันหนังสือพิมพ์ องค์กรสาธารณกุศล องค์กรธุรกิจ ฯลฯ ก็เพื่อให้รู้จักการวางตัวให้เข้ากับภาวะต่าง ๆ ในสังคมปัจจุบัน โดยเฉพาะการเข้ากับประชาชน ให้ได้เป็นอย่างดี

69.       ข้อใดไม่ใช้คำขวัญโฆษณาเพื่องานประชาสัมพันธ์

(1) ภรรยา คือ ศรีบ้าน (2) ขับช้าอีกนิดชีวิตจะปลอดภัย

(3) น้ำให้ชีวิต   (4) พรรคการเมืองเป็นหลักชัยของประชาชน

ตอบ 4 หน้า 129 – 130314 – 315 คำขวัญประชาสัมพันธ์ หรือคำขวัญโฆษณาเพื่องานประชาสัมพันธ์ หรือการวางแผนกำหนดหัวข้อประชาสัมพันธ์ (Themes) คือ คำขวัญที่มีเนื้อหาเพื่อช่วยเหลือ สังคม ซึ่งจะต้องไม่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการขององค์กร โดยอาจใช้คำพูดสั้น ๆ ที่กินใจ และจดจำได้ง่าย หรืออาจใช้เป็นภาพสัญลักษณ์เพื่อเตือนใจและติดตามกลุ่มเป้าหมาย

70.       การบริหารงานประชาสัมพันธ์ ข้อใดผิด

(1) สำรวจหาข้อเท็จจริง           (2) ตรวจสอบผลงาน

(3) ลด แลก แจก แถม ณ จุดขาย        (4) วางกลยุทธ์

ตอบ 3 หน้า 9097 – 99 ในการบริหารงานประชาสัมพันธ์ นักประชาสัมพันธ์ระดับบริหารจะต้อง ดำเนินงานตามแต่ละขั้นตอนของการวางแผนประชาสัมพันธ์ คือ เริ่มจากการค้นคว้าวิจัยเพื่อ สำรวจหาข้อเท็จจริง วางแผนกลยุทธ์เพื่อปฏิบัติการ ดำเนินการติดต่อเผยแพร่ข่าวสาร และ ขั้นตอนสุดท้ายก็คือ ประเมินผลหรือตรวจสอบผลงาน

71.       ข้อใดไมใช่กิจกรรมส่วนย่อยของงานประชาสัมพันธ์บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์อินดีส

(1) การโฆษณา           

(2) ติดต่อสอบถาม 

(3) การเผยแพร่    

(4) การสารนิเทศ

ตอบ 1 หน้า 716 – 18, (คำบรรยาย) กิจกรรมส่วนย่อยของงานประชาสัมพันธ์ ได้แก่ 1. ติดต่อสอบถาม (Information)   2. การเผยแพร่ (Publicity)     3.   การสารนิเทศ (Information Service)        4. กิจการสาธารณะ (Public Affairs)  5. การส่งเสริมการจำหน่าย (Sale Promotion) ในรูปแบบงานประชาสัมพันธ์

72        ……….เป็นหน่วยงานรับจ้างสถาบันธุรกิจจัดทำภาพข่าวความก้าวหน้าในกิจการต่าง ๆ ขององค์กรให้ประชาชนได้ทราบ

(1) สำนักงานเผยแพร่ 

(2) สำนักงานที่ปรึกษาทางธุรกิจ

(3) สำนักงานผลิตรายการโทรทัศน์     

(4) สำนักงานสารนิเทศ

ตอบ 1 หน้า 36 สำนักงานของนักหนังสือพิมพ์ หรือสำนักงานเผยแพร่ (Press Agent) เป็นหน่วยงาน รับจ้างสถาบันธุรกิจเขียนข่าว บทความ จัดทำภาพข่าว เพื่อเผยแพร่ความเคลื่อนไหวและ ความก้าวหน้าในกิจการต่าง ๆ ขององค์กรให้ประชาชนได้ทราบ

73.       เจ้าของบริษัทรับจ้างทำประชาสัมพันธ์อันดับหนึ่งของโลกในสหรัฐอเมริกาในอดีตมีอาชีพอะไร

(1) ดาราภาพยนตร์จากฮอลลีวู้ด 

(2) ทนายความ 

(3) นักหนังสือพิมพ์            

(4) เกษตรกร

ตอบ 3 หน้า 3869 John WHill อดีตนักหนังสือพิมพ์อเมริกันผู้เคยร่วมบุกเบิกในยุคของการประชาสัมพันธ์สมัยใหม่ ได้ก่อตั้งสำนักงานที่ปรึกษาทางด้านการประชาสัมพันธ์ หรือบริษัท รับจ้างทำประชาสัมพันธ์ (Public Relations Agency) ที่ใหญ่โตเป็นอันดับหนึ่งของโลกชื่อว่า Hill and Knowlton หรือเรียกชื่อสั้น ๆ ว่า H & K โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ New York

74.       ปรัชญาการบริหารงาน ….. เน้นในเรื่องของจิตใจที่เอื้อเพื่อ นึกถึงผู้อื่นมากกว่าตนเอง

(1) การประชาสัมพันธ์ (2) การเผยแพร่

(3)       การสื่อสารรูปตัวที      (4) การสื่อสารป้องกันตนเอง

ตอบ 1 หน้าคำนำ19 Paul พ. Garrett นักประชาสัมพันธ์ชาวอเมริกันรุ่นบุกเบิก ได้กล่าวไว้ว่า ปรัชญาการบริหารของงานประชาสัมพันธ์นั้น เน้นในเรื่องของจิตใจที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ นึกถึงผู้อื่นมากกว่าตนเอง ให้ความสนใจต่อประชาชนเป็นอันดับแรก ซึ่งเกี่ยวข้องอย่างสำคัญกับ การตัดสินใจในการดำเนินงานของสถาบัน

75.       สมาคมการประชาสัมพันธ์อเมริกันมีสองสมาคม ต่อมาได้รวมเป็นสมาคมเดียวกัน เรียกว่าอะไร

(1)       PCNN        (2) BBC      (3) BOAR   (4) PRSA

ตอบ 4 หน้า 23 – 24 ในสหรัฐอเมริกามีสมาคมการประชาสัมพันธ์สองสมาคม คือ Public Relations Society of America และ America Public Relations Association ซึ่งต่อมาได้รวมเป็น สมาคมเดียวกัน เรียกว่า Public Relations Society of America (PRSA) ทั้งนี้ถือว่า สมาคมนักประชาสัมพันธ์ของสหรัฐอเมริกาได้เริ่มงานอย่างจริงจังก่อนประเทศอื่น

76.       องค์กรใดมีบทบาทในการส่งเสริมสถานภาพสตรี ได้จัดพิมพ์คู่มือเกี่ยวกับงานอาชีพประชาสัมพันธ์ให้คำแนะนำที่มีประโยชน์มาก        

(1) องค์กรสื่อมวลชนประเทศเยอรมนี ร่วมกับสายการบินลุฟแฮนซา

(2)       สมาคมนักประชาสัมพันธ์สหรัฐฯ (3) สายการบินนอร์ทอิส สหรัฐฯ

(4)       สมาคมนักประชาสัมพันธ์ประเทศอังกฤษ

ตอบ 2 หน้า 32 – 33 สมาคมนักประชาสัมพันธ์ของสหรัฐอเมริกา (PRSA) ได้ให้ความร่วมมือกับ หน่วยงาบธุรกิจเอกชนที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง เพื่อจัดทำโครงการให้ความช่วยเหลือสตรีให้ได้ ประกอบอาชีพในงานประชาสัมพันธ์ และมีการจัดพิมพ์คู่มือเกี่ยวกับงานอาชีพประชาสัมพันธ์ ซึ่งมีคำแนะนำที่มีประโยชน์อย่างมาก นอกจากนี้ยังวางแผนส่งเสริมสถานภาพสตรีในแวดวง งานประชาสัมพันธ์ระดับสากลทำให้สตรีมีโอกาสทำงานประชาสัมพันธ์กันมากขึ้น

77.       ข้อใดคือ กิจกรรมประชาสัมพันธ์ภายในของมหาวิทยาลัยรามคำแหง

(1) เป็นเจ้าภาพจัดกีฬามหาวิทยาลัย  (2) จัดประชุมผู้สื่อข่าวเรื่องหลักสูตรรัฐศาสตร์ภาคพิเศษ

(3)       จัดทำแผ่นปลิวประชาสัมพันธ์ (4) ข้อ 1 และ 3 ถูก

ตอบ 3 หน้า 50, (คำบรรยาย) กิจกรรมประชาสัมพันธ์ภายในองค์กร คือ กิจกรรมที่สร้างความสัมพันธ์ อันดีระหว่างสถาบันกับกลุ่มมวลชนภายในองค์กร ได้แก่ 1. กำหนดแผนงานประชาสัมพันธ์

2.         ตั้งที่ติดต่อสอบถาม (Information)     3. ตั้งแผงปิดประกาศ

4.         ออกวารสารข่าวภายใน เช่น ข่าวรามคำแหง แผ่นปลิวประชาสัมพันธ์ ฯลฯ

5.         จัดงานพิเศษที่เกี่ยวข้องกับมวลชนภายในองค์กร

6.         ให้หยุดพักผ่อน ให้ประกันสุขภาพ หรือให้ทุนการศึกษาแก่บุตรของพนักงาน

78        …..เป็นกิจกรรมประชาสัมพันธ์ภายนอกของมหาวิทยาลัยรามคำแหงในโอกาสครบรอบ 37 ปี ม.ร.

(1)       ออกแผ่นปลิวในโอกาส 37 ปี ม.ร.

(2)       ให้ทุนการศึกษาแก่นักศึกษาทำกิจกรรมด้านสื่อสารมวลชน 30 ทุน

(3)       แข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษอาจารย์ ม.ร. กับอาจารย์จุฬาฯ

(4)       ตั้งแผงปิดประกาศขนาดใหญ่หน้าสระน้ำ ม.ร.

ตอบ 3 หน้า 52, (คำบรรยาย), (ดูคำอธิบายข้อ 77. ประกอบ) กิจกรรมประชาสัมพันธ์ภายนอกองค์กร คือ กิจกรรมที่สร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถาบันกับกลุ่มมวลชนภายนอกองค์กร ได้แก่ 1. ออกหนังสือพิมพ์ วารสาร ฯลฯ เพื่อเผยแพร่ภายนอก 2. จัดประชุมผู้สื่อข่าว

3.         จัดงานพิเศษ งานแข่งขันกิพา นิทรรศการ ฯลฯ ที่เกี่ยวข้องกับมวลชนภายนอกองค์กร

4.         บริการให้ประชาชนเข้าชมหน่วยงาน

5.         ถ่ายภาพ สไลด์ ทำภาพโปสเตอร์ และจัดทำภาพยนตร์ออกเผยแพร่ ฯลฯ

79.       จุดมุ่งหมายของงานประชาสัมพันธ์ในการแสดงออกให้ประชาชนเห็นการดำเนินกิจการของสถาบัน หรือ พี.อาร์. เชิงรุก คืออะไร

(1) Opinion Giver (2) Coordinator     (3) Reputation  (4) Goodwill

ตอบ 4 หน้า 55, (คำบรรยาย) ความมุ่งหมายของงานประชาสัมพันธ์แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

1.         เพื่อสร้างความนิยม (Goodwill) คือ การประชาสัมพันธ์เชิงรุกที่แสดงออกให้ประชาชน เห็นถึงการดำเนินกิจการของสถาบัน เพื่อสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างประชาชนกับ สถาบัน เช่น การจัดกิจกรรมช่วยเหลือสังคม หรือกิจกรรมพิเศษต่าง ๆ ฯลฯ

2.         เพื่อป้องกันชื่อเสียง (Reputation) คือ การประชาสัมพันธ์เชิงรับที่พยายามขจัดความขัดแย้ง ต่าง ๆ อันจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดแก่ประชาชน ดังที่ Sam Black ได้กล่าวว่าการประชาสัมพันธ์ คือ การกระทำเพื่อค้นหาและทำลายเสียซึ่งที่มาของความเข้าใจผิด” เช่น การแถลงข่าวแสดงความเสียใจเมื่อเกิดวิกฤติการณ์ร้ายแรงในองค์กร “’ลฯ

80.       เพราะเหตุใดจึงต้องมี แถลงข่าวรายวัน” ในสมัยโรมัน

(1) ออกข่าวทางราชการ          (2) หอกระจายข่าวของผู้นำ

(3) ข่าวความมั่นคงทางทหารเพื่อครอบครองอียิปต์ (4) สรุปปรัชญาทางการเมือง

ตอบ 1 หน้า 59 ในสมัยโรมันโบราณมีการนำเสนอแถลงข่าวรายวัน หรือมีชื่อเรียกสั้น ๆ ว่า “Album” และมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “Acta Diuna” โดยเอกสารข่าวฉบับนี้มีลักษณะเป็น ป้ายกระดานสีขาวที่เขียนประกาศข่าวของทางราชการติดไว้ที่หน้าสภาซีเนตในกรุงโรม เช่น ข่าวประกาศกฎหมาย ประกาศการคลังเกี่ยวกับรายรับรายจ่าย ภาษีอากร ข่าวไฟไหม้ น้ำท่วม แผ่นดินไหว ข่าวการเกิด การตาย เป็นต้น

81.       สื่อประชาสัมพันธ์ของสหรัฐฯ เมื่อเริ่มตั้งถิ่นฐาน คืออะไร

(1) ชุมนุมนักปาฐกถา  

(2) หนังสือพิมพ์

(3) ภาพยนตร์กลางแจ้ง          

(4) เครื่องรับวิทยุแบบเครื่องแร่ใช้หูฟัง

ตอบ 2 หน้า 60 หนังสือพิมพ์ถือเป็นสื่อแรกในงานประชาสัมพันธ์ของสหรัฐฯ เมื่อเริมตั้งถิ่นฐาน โดยหนังสือพิมพ์ฉบับแรกของสหรัฐฯ ซึ่งในขณะนั้นยังเป็นดินแดนอาณานิคมของอังกฤษอยู่ คือ บอสตัน นิวส์เลตเตอร์ (The Boston News Letter) เป็นหนังสือพิมพ์ขนาดเล็ก 4 หน้า มี 2 คอลัมน์ และออกจำหน่ายสัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยเริ่มออกในปี ค.ศ. 1704 ส่วนมากลงข่าว เกี่ยวกับประเทศต่าง ๆ ในยุโรป

82.       แผนการประชาสัมพันธ์ในช่วงสงครามกลางเมืองของสหรัฐฯ ทำให้เกิดประชามติขึ้นกี่กลุ่ม

(1) สอง            

(2) สาม           

(3) สี่    

(4) ห้า

ตอบ 1 หน้า 61-62 แผนการประชาสัมพันธ์ในช่วงสงครามกลางเมืองหรือสงครามเลิกทาสของสหรัฐฯ ทำให้เกิดประชามติขึ้น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่นิยมระบบทาส (รัฐฝ่ายใต้) และกลุ่มที่คัดค้านระบบทาส (รัฐฝ่ายเหนือ)โดยทั้งสองกลุ่มได้ใช้การประชาสัมพันธ์ทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อให้ประชามติ เข้าข้างตน แต่ด้วยวิธีการประชาสัมพันธ์อย่างมีประสิทธิภาพของสมาชิกรัฐฝ่ายเหนือ จึงทำให้ ชนะสงครามในที่สุด

83.       หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 มหาวิทยาลัย สมาคม มูลนิธิต่าง ๆ ของสหรัฐฯ ต่างจัดตั้งแผนกประชาสัมพันธ์ขึ้น เรียกว่าอะไร

(1) Publicity Department 

(2) Information Service

(3) Opinion Seeker    

(4) Recorder

ตอบ 1 หน้า 71-72 หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 จนถึงสงครามโลกครั้งที่ 2 บริษัทเงินทุน โรงงานอุตสาหกรรม และสถาบันเพื่อสาธารณประโยชน์หลายแห่งของสหรัฐฯ เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล มหาวิทยาลัย สมาคม และมูลนิธิช่วยเหลือด้านต่าง ๆ ฯลฯ ต่างจัดตั้งแผนกประชาสัมพันธ์ขึ้น โดยให้ชื่อว่า “Press Bureau” หรือเรียกว่า “Publicity Department” (สำนักงานหนังสือพิมพ์ หรือแผนกโฆษณาเผยแพร่)

84.       สมาคมนักประชาสัมพันธ์ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ได้จัดพิมพ์ตำราประชาสัมพันธ์เพื่อเผยแพร่หลายภาษา ยกเว้นข้อใด

(1) อิตาเลียน   (2) โปรตุเกส    (3) ฝรั่งเศส      (4) เยอรมัน

ตอบ 2 หน้า 423 สมาคมนักประชาสัมพันธ์ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1957 มีสมาชิกประมาณ 300 คน โดยทางสมาคมได้จัดพิมพ์ตำราหรือหนังสือประชาสัมพันธ์เพื่อ เผยแพร่ ซึ่งแปลเป็น 3 ภาษา คือ ภาษาเยอรมัน ภาษาฝรั่งเศส และภาษาอิตาเลียน นอกจากนี้ ยังพิมพ์ตำราการประชาสัมพันธ์เป็นภาษาอังกฤษชื่อว่า “Public Relations Practice”เพื่อนำไปเผยแพร่ยังนานาประเทศ

85.       สื่อการพิมพ์ได้เริ่มเข้ามาในประเทศไทย ตรงกับรัชสมัยใดแห่งกรุงรัตนโกสินทร์

(1) รัชกาลที่ 2  (2) รัชกาลที่ 3  (3) รัชกาลที่ 4  (4) รัชกาลที่ 5

ตอบ 2 หน้า 77 ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ประเทศไทยได้ก้าวหน้าสู่ความเจริญในสมัยปัจจุบันอย่างเต็มที่ และเริ่มรับวิวัฒนาการใหม่จากตะรับตก เช่น การพิมพ์ ซึ่งได้เริ่มเข้ามาในประเทศไทยสมัย รัชกาลที่ 3 โดยมิชชันนารีชาวอเมริกันเป็นผู้นำเข้ามาเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2378

86.       …อยู่ตรงพระที่นั่งภานุมาศจำรูญ ได้เริ่มพิมพ์ประกาศของทางราชการเป็นครั้งแรกเมื่อปีมะเมีย พ.ศ. 2401

(1) โรงอักษรหน้าพระลาน (2) โรงอักษรพิมพ์การ        (3) โรงพิมพ์สยามมินทร์ (4) พระตำหนักสวนหงส์

ตอบ 2 หน้า 78 รัชกาลที่ 4 โปรดให้ตั้งโรงพิมพ์หลวงขึ้นในพระบรมมหาราชวัง โดยพระราชทานนามว่าโรงอักษรพิมพ์การ” อยู่ตรงพระที่นั่งภาณุมาศจำรูญ ได้เริ่มพิมพ์ประกาศของทางราชการ เป็นครั้งแรกเมื่อปีมะเมีย พ.ศ. 2401 และในปีเดียวกันนี้โปรดให้พิมพ์หนังสือราชกิจจานุเบกษา (Government Gazette) ฉบับปฐมฤกษ์ขึ้นด้วย ซึ่งนับเป็นวารสารประชาสัมพันธ์ของทางราชการฉบับแรก

87.       ข้อใดคือ ภาระหน้าที่ของนักประชาสัมพันธ์ในการเป็นที่ปรึกษาผู้บริหารระดับสูง

(1) ส่งเสริมการขาย     (2) การโฆษณา           (3) การปาฐกถา          (4) การจัดทำรายการ

ตอบ 4 หน้า 86, (คำบรรยาย) การจัดทำรายการ (Programming) คือ การวางแผนในเรื่องการบริหารสื่อ หรือวางกลยุทธ์ทางด้านการประชาสัมพันธ์ ซึ่งควรพิจารณาให้รอบคอบถึงจุดมุ่งหมาย นโยบาย ความต้องการของการดำเนินงานต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกสถาบัน โดยวางแผนเขียน โครงการที่แน่นอน เชื่อถือได้ และดำเนินงานตามแผนประชาสัมพันธ์ทั้งปัจจุบันและอนาคต ดังนั้นงานที่นับว่าสำคัญที่สุดของนักประชาสัมพันธ์ คือ การอยู่ในฐานะให้คำปรึกษาแนะนำ และช่วยเหลือด้านการประชาสัมพันธ์แก่ฝ่ายบริหารระดับสูงได้เป็นอย่างดี

88.       การส่งเสริมเผยแพร่ของนักประชาสัมพันธ์มีข้อใดไม่ถูกต้อง

(1) รายงานประจำปี    (2) นิทรรศการอาหารไทยสี่ภาค

(3) ครบรอบ 60 ปี ขององค์กร (4) ปีแห่งการส่งเสริมวัฒนธรรมไทย อเมซิ่งไทยแลนด์

ตอบ 1 หน้า 85303 – 308 การส่งเสริมเผยแพร่ (Promotion) หมายถึง การจัดงานพิเศษเพื่อผลงานประชาสัมพันธ์ หรือเพื่อช่วยส่งเสริมเผย

แพร่ชื่อเสียงเกียรติคุณของสถาบัน เช่น การจัดเฉลิมฉลองวันครบรอบปี วันสัปดาห์หรือเดือนพิเศษ การเปิดให้ชมกิจการ การจัดแสดง ต่าง ๆ นิทรรศการ ปีใหม่ เทศกาล การจัดงานเลี้ยงขอบคุณสื่อมวลชน งานแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ งานประกวดและให้รางวัลผู้มีเกียรติ ตลอดจนงานออกร้านและอื่น ๆ

89.       พี.อาร์. บริษัทน้ำมันคาลเท็กซ์ จะต้องติดต่อโดยตรงกับสื่อมวลชนในข้อใดมากที่สุด

(1) บรรณาธิการข่าวโทรทัศน์  (2) ผู้ผลิตรายการวิทยุกระจายเสียง

(3) ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์         (4) ผู้สร้างความคิดในงานโฆษณา

 ตอบ3 หน้า 85 การติดต่อสื่อสาร (Placement) คือ การที่นักประชาสัมพันธ์ติดต่อสร้างความสัมพันธ์ โดยตรงกับผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ตลอดจนวารสาร อนุสาร หนังสือพิมพ์ฉบับพิเศษ บรรณาธิการข่าวพาณิชย์ และอื่น ๆ เพื่อศึกษาถึงนโยบาย ลักษณะการดำเนินงาน จำนวนจำหน่าย ความสนใจ และมวลขนเป้าหมายของสื่อมวลชนดังกล่าว ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความร่วมมือร่วมใจกัน ในการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ให้ได้รับผลอย่างสมบูรณ์

90.       ประชามติ” ในประเทศฝรั่งเศสเริ่มต้น ณ ที่ใด

(1) สวนสาธารณะ       (2) ร้านกาแฟ   (3) โรงละคร    (4) คาเพเทอเรีย

ตอบ 2 หน้า 75 หลังจากสงครามประกาศอิสรภาพของสหรัฐฯ สิ้นสุดลง ทหารฝรั่งเศสที่กลับจากการรบได้เผยแพร่ความคิดในเรื่องสิทธิเสรีภาพ และความเป็นธรรมในการเสียภาษีของอเมริกา ไปยังประชาชน ทำให้หนุ่มสาวชาวฝรั่งเศสเริ่มตื่นตัวและสนใจในเรื่องประชามติและสิทธิเสรีภาพ อย่างกว้างขวาง โดยสถานที่ซึ่งประชาชนชอบไปชุมนุมพบปะเพื่อสนทนาแลกเปลี่ยนทัศนคติกัน คือ ที่ Salons (ร้านกาแฟ) หรือในประเทศอังกฤษคือ Coffee House

91.       ประโยชน์ของแผนกประชาสัมพันธ์ในขั้นตอนแรก คืออะไร

(1) มีความรอบรู้ในกิจกรรมของสถาบัน          

(2) มีความสามารถสูงในทุกสถานการณ์

(3) นำผลประโยชน์มาสู่องค์กร           

(4) ทำให้ผู้ร่วมงานสามัคคีกัน

ตอบ 4 หน้า 92 – 93 ประโยชน์ของแผนกประชาสัมพันธ์แบ่งออกเป็น 4 ประการ คือ

1. ทำให้ผู้ร่วมงานสามัคคีกัน   2. ทำให้มีความรอบรู้ในกิจกรรมของสถาบันเป็นอย่างดียิ่ง

3.         นำผลประโยชน์มาสู่องค์กร     4. มีความสามารถสูงในทุกสถานการณ์

92.       เพราะเหตุใดการวิจัยจึงช่วยให้นักประชาสัมพันธ์ได้ส่องกระจกมองดูตัวเอง

(1) มองปัญหาจากการเอาใจเขามาใส่ใจเรา   

(2) ทดสอบการสื่อสารระหว่างกลุ่มที่ใกล้ชิด

(3) เสริมกำลังเพื่อให้ได้มติของกลุ่ม    

(4) เชื่อมโยงความไม่เป็นกลุ่มก้อนให้เป็นหนึ่งเดียวกัน

ตอบ 1 หน้า 107 การวิจัยทำให้สถาบันมีโอกาสส่องกระจกดูตัวเอง โดยการมองถึงปัญหาต่าง ๆ จากความรู้สึกนักคิดของประชาชน หรือที่เรียกว่าการมองถึงปัญหาอย่างทะลุปรุโปร่งด้วย วิธีการเอาใจเขามาใส่ใจเรา (Empathy) ไม่ใช่เป็นการนำเสนอจากทัศนคติส่วนตัวของ นักประชาสัมพันธ์เอง

93.       ข้อใดคือ การวิจัยอย่างเป็นทางการในการเลือกตั้งผู้ว่า กทม.

(1) ให้สัมภาษณ์อย่างเป็นกันเอง        

(2) จัดเลี้ยงอาหารกลางวันสมาชิกเป็นกรณีพิเศษ

(3) วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับจากสื่อมวลชน        

(4) ปรึกษาแนะนำทางจดหมาย

ตอบ 3 หน้า 114, (คำบรรยาย) วิธีการวิจัยแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่

1.         การวิจัยอย่างเป็นทางการ คือ การวิจัยความคิดของมวลชนด้วยวิธีสั่งการลงมาโดยตรง เช่น การส่งบันทึกหรือแถลงการณ์ การใช้แผ่นปลิวประชาสัมพันธ์ให้ข่าว การวิเคราะห์ข้อมูลที่ ได้รับจากสื่อมวลชน ฯลฯ

2.         การวิจัยอย่างไม่เป็นทางการ คือ การวิจัยความคิดของมวลชนด้วยการสร้างความสัมพันธ์ ใกล้ชิดเป็นกับเอง เช่น การจัดเลี้ยง การพูดคุยหรือให้สัมภาษณ์อย่างเป็นกันเอง การเขียน จดหมายปรึกษาแนะนำกัน ฯลฯ

94        …….. แบ่งช่วงเวลาเป็นอย่างดีที่สุดในการวางแผนประชาสัมพันธ์ของโครงการป้องกันยาเสพติด

(1) กำหนดจุดมุ่งหมาย            (2) กำหนดหัวข้อประชาสัมพันธ์

(3) กำหนดกลุ่มประชาชน       (4) กำหนดจังหวะ

ตอบ 4 หน้า 130 การกำหนดจังหวะ (Timing) คือ การวางแผนประชาสัมพันธ์เพื่อแบ่งช่วงเวลาให้เหมาะสมเป็นอย่างดีที่สุด เช่น เริ่มทำโฆษณาล่วงหน้าเพื่อปูพื้นฐานประชามติ กำหนดเวลา การใช้สื่อแต่ละชนิด และเริ่มลงมือปฏิบัติตามแผนอย่างเต็มที่ เมื่อไร วัน เวลาใด ?

95.       การขายความคิดโดยพยายามพูดตะล่อมให้เข้าจุดที่เราต้องการ เกี่ยวข้องกับหลักการจูงใจของผู้ใด

(1) ไอวี่ ลี         (2) จอห์น รอคกี้เฟลเลอร์

(3) เบนจามิน แฟรงคลิน         (4) เดล คาร์เนกี

ตอบ 4 หน้า 140 – 141 เดล คาร์เนกี ได้เสนอการขายความคิดโดยวิธีชนะมิตรและจูงใจคนไว้ดังนี้

1.         ให้โอกาสเขารักษาหน้า โดยพยายามพูดตะล่อมความคิดให้เข้าจุดที่เราต้องการ เพื่อให้เขา รู้สึกว่าความคิดนั้นเป็นของเขา แต่ถ้าความคิดในการแก้ปัญหานั้นตรงกับสิ่งที่เราคิดเอาไว้ ก็ให้รีบยอมรับทันที

2.         อ้างความรู้ทางเทคนิคหรือวิชาการ     3. สร้างเครดิตและความเป็นผู้นำให้น่าเชื่อถือ

4.         ในกรณีที่ไม่มีเวลาพอและเป็นเรื่องรีบด่วน ให้ใช้วิธีออกคำสั่งเพื่อให้ปฏิบัติตาม

96.       แผนงานประชาสัมพันธ์ของปากกาพาร์คเกอร์สื่อความหมายว่า ความเข้าใจอันดีต่อกัน ย่อมนำมาซึ่ง สันติภาพ” หมายถึงการกำหนดวางแผน พี.อาร์. ข้อใด

(1) Aim and Objective (2) Media        (3) Audiences   (4) Themes

ตอบ 4 หน้า 134, (ดูคำอธิบายข้อ 69. ประกอบ) แผนงานประชาสัมพันธ์ของบริษัทปากกาพาร์คเกอร์ ได้มีการกำหนดหัวข้อประชาสัมพันธ์ (Themes) โดยใช้คำขวัญว่า ความเข้าใจอันดีต่อกัน ย่อมนำมาซึ่งสันติภาพ” และเมื่อประชาชนนึกถึงปากกาพาร์คเกอร์เมื่อใดมักจะขาดไม่ได้ที่จะ พูดถึงคำขวัญดังกล่าวด้วยความชื่นชอบ

97.       ใครคือผู้วางแผนประชาสัมพันธ์ของสายการบินทีนาแอร์เมื่อเครื่องบีบโบอิ้ง 709 ตกที่เกาะกวม

(1) ประธานบริษัท       (2) นักโฆษณาเผยแพร่

(3) นักประชาสัมพันธ์  (4) ผู้แทนบริษัทประกันภัยทางอากาศ

ตอบ 3 หน้า 126144 – 145 การวางแผนประชาสัมพันธ์ในกรณีเกิดอุบัติเหตุและฉุกเฉิน เช่นภูเขาไฟระเบิด รถไฟชนกัน เครื่องบินตก น้ำท่วม เกิดระเบิด ไฟไหม้ ฯลฯ นักประชาสัมพันธ์ ย่อมไม่มีเวลามากนักที่จะวางแผนหรือใช้เวลาปรึกษาหารือผู้ใด ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น นักประชาสัมพันธ์จึงมีเวลาตัดสินใจวางแผนประชาสัมพันธ์เพียงไม่กี่ชั่วโมงหรือไม่กี่นาทีที่ จะตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแทนผู้บริหารระดับสูงได้

98.       การสื่อสารในงานประชาสัมพันธ์เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนไปเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทำได้ง่ายขึ้น เมื่อผู้ดำเนินการสื่อสารกับผู้รับสารมีความรู้และประสบการณ์อย่างไร

(1) ตรงกันข้ามกัน       (2) คล้ายคลึงกัน

(3) ขัดแย้งอย่างมีสาระหรือซ่อนเงื่อน  (4) ข้อ 1 และ 3 ถูก

ตอบ 2 หน้า 152 การสื่อสารในงานประชาสัมพันธ์นั้น ถ้าผู้ส่งสารหรือผู้ดำเนินการสื่อสารกับผู้รับสาร มีความรู้และประสบการณ์คล้ายคลึงกัน หรือใกล้เคียงกันมากเท่าใด การสื่อความหมายก็ย่อม ทำได้ง่ายมากขึ้นเท่านั้น แต่ในทางตรงกันข้ามเมื่อใดที่ผู้ส่งสารและผู้รับสารขาดประสบการณ์ ร่วมกับ การสื่อสารอาจจะประสบปัญหาหรือล้มเหลวได้ เช่น ขาดความเข้าใจกัน ฟังไม่เข้าใจ หรือไม่แน่ใจในการส่งสาร

99.       คุณสมบัติที่สำคัญของบรรณาธิการข่าวประชาสัมพันธ์ของโรงแรมทับทิมสยาม คืออะไร

(1) ผู้แสวงหาความคิดเห็น      (2) ดำเนินการกำหนดเป้าหมายใหม่

(3) กำหนดจุดยืนและสรุปทิศทาง       (4) ผู้รอบรู้เกี่ยวกับธุรกิจขององค์กร

ตอบ 4 หน้า 277 คุณสมบัติที่สำคัญของบรรณาธิการข่าวประชาสัมพันธ์ คือ เป็นผู้รอบรู้เกี่ยวกับ ธุรกิจขององค์กร (Know your organization) ซึ่งถือเป็นสิ่งจำเป็นที่บรรณาธิการจะต้อง ศึกษาหาความรู้ให้มากจากประสบการณ์ของการปฏิบัติงานหลาย ๆ ปี เพื่อให้มีความเข้าใจ ถึงปัญหาหลายแง่หลายมุมของทุกหน่วยงาน

100     ศูนย์กลางของข่าวสารสถาบัน เช่น ห้องสมุดเฉพาะของสถานีโทรทัศน์ ยูบีซี.

(1) Dale—Chall (2) Cloze   (3) Fact Flech    (4) Fact File

ตอบ 4 หน้า 110 Fact File คือ แหล่งของข้อมูลและหลักฐานต่าง ๆ ที่ได้รวบรวมไว้เป็นหมวดหมู่ โดยอาจเป็นห้องสมุดขนาดย่อมที่เรียกว่า ห้องสมุดเฉพาะ หรือห้องสมุดขององค์กรซึ่งมีลักษณะเป็นที่สะสมตำรา เอกสารวิชาการ เอกสารข่าว และข้อมูลอ้างอิงอื่น ๆ ดังนั้น หน่วยงานนี้จึงเป็นเหมือนกับศูนย์กลางของข่าวสารสถาบันที่หน่วยงานอื่น ๆ ในสถาบันสามารถ พึงพาอาศัยสอบถามได้ตลอดเวลา

MCS1400 (MCS1450) การกระจายเสียงและการแพร่ภาพ การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2553

การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2553

ข้อสอบกระบวนวิชา MCS1400 (MCS1450) การกระจายเสียงเบื้องต้น

คำสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว (ข้อสอบมีทั้งหมด 100 ข้อ)

ตอนที่ 1

1.         การกระจายเสียง ในภาษาไทยมีความหมายว่าอย่างไร

(1)       การกระจายเสียงและการแพร่ภาพ     

(2) การออกอากาศรายการวิทยุโทรทัศน์

(3) การออกอากาศรายการวิทยุกระจายเสียง 

(4) การออกอากาศรายการผ่านดาวเทียม

ตอบ 3 หน้า 1 ในภาษาไทยได้แบ่งความหมายของคำว่า การกระจายเสียง” และ การแพร่ภาพ” เอาไว้ชัดเจนดังนี้

1.         การกระจายเสียง หมายถึง การออกอากาศทางวิทยุกระจายเสียง ซึ่งเป็นคำที่ใช้กันมาตั้งแต่ เริ่มมีวิทยุกระจายเสียงในปี พ.ศ. 2473

2.         การแพร่ภาพ หมายถึง การออกอากาศทางวิทยุโทรทัศน์ ซึ่งเป็นคำที่ใช้กันมาตั้งแต่ เริ่มมีวิทยุโทรทัศน์ในปี พ.ศ. 2498

2.         สถานีวิทยุโทรทัศน์ใดที่มีสัดส่วนในการนำเสนอรายการข่าวมากที่สุด

(1) สถานีวิทยุโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7       

(2) สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3

(3) สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยพีบีเอส       

(4) สถานีวิทยุโทรทัศน์ NBT

ตอบ 4 (ความรู้ทั่วไป) สถานีวิทยุโทรทัศน์ที่มีสัดส่วนในการนำเสนอรายการข่าวมากที่สุดในปัจจุบันสามารถเรียงลำดับได้ดังนี้ 1. ช่อง ASTV 2. ช่อง Nation 3. ช่อง NBT (ปัจจุบันคือ สทท.) 4. ช่องไทยพีบีเอส (ปัจจุบันคือ ทีวีไทย) 5. ช่อง 3            6. ช่อง 7   7. ช่อง 5   8. ช่อง 9  (ปัจจุบันคือ โมเดิร์นไนน์ทีวี)

3.         การก่อตั้งกิจการวิทยุโทรทัศน์ครั้งแรกของไทยนั้นดำเนินการในรูปแบบใด

(1) จัดตั้งเป็นบริษัทจำกัด        

(2) จัดตั้งเป็นรัฐวิสาหกิจ

(3) จัดตั้งเป็นหน่วยงานราชการ          

(4) จัดตั้งเป็นระบบสัมปท

ตอบ 1 หน้า 40 – 4ใ การก่อตั้งกิจการวิทยุโทรทัศน์ครั้งแรกในประเทศไทย เกิดจากความคิดริเริ่ม ของจอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี เมื่อ พ.ศ. 2495 (ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 9) แต่ถูก สภาผู้แทนราษฎรและหนังสือพิมพ์โจมตีคัดค้านอย่างมากว่าสิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดิน จึงทำให้รัฐบาลเปลี่ยนแผนการจากเดิมที่จะดำเนินการเอง มาเป็นการจัดตั้งบริษัทจำกัด (บริษัทไทยโทรทัศน์ จำกัด) เพื่อหารายได้เลี้ยงตัวเอง

4.         ผู้กล่าวข้อความออกอากาศครั้งแรกในพิธีเปิดสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งแรกของประเทศไทยคือ

(1) จอมพล ป. พิบูลสงคราม   (2) จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์

(3) พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว  (4) พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว

ตอบ 4 หน้า 34 การจัดตั้งสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งแรกของประเทศไทยเกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 7 โดยทางราชการได้ทำพิธีเปิดสถานีอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2473 ซึ่งตรงกับวันพระราชพิธีฉัตรมงคล โดยในพิธีเปิดได้อัญเชิญกระแสพระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว, (ร. 7) มาออกอากาศเป็นครั้งแรก

5.         การจัดตั้งสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11 ได้รับเงินงบประมาณในการจัดตั้งอย่างไร

(1)       งบประมาณแผ่นดิน

(2)       เงินบริจาคจากประชาชน

(3)       งบประมาณแผ่นดินและเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลญี่ปุ่น

(4)       เงินบริจาคจากประชาชนและเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลเบลเยียม

ตอบ 3 หน้า 50 ในระยะเริมแรกสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11 จัดตั้งขึ้นด้วยเงินงบประมาณแผ่นดิน (เงินรายได้ของกรมประชาสัมพันธ์) ประมาณ 8 ล้านบาท แต่ด้วย ข้อจำกัดด้านเทคนิคและความจำเป็นด้นงบประมาณรายได้ กรมประชาสัมพันธ์จึงได้จัดทำ โครงการขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลญี่ปุ่น ซึ่งคณะรัฐมนตรีของญี่ปุ่นก็ได้มีมติอนุมัติ โครงการช่วยเหลือแบบให้เปล่าในวงเงินประมาณ 330 ล้านบาทแก่รัฐบาลไทย

6.         ระบบการเป็นเจ้าของกิจการวิทยุและโทรทัศน์ไทย หมายถึงข้อใด

(1) รัฐเป็นเจ้าของทั้งหมด        (2) เอกชนเป็นเจ้าของทั้งหมด

(3) เป็นของรัฐและเอกชน        (4) เป็นของรัฐวิสาหกิจ

ตอบ 1 หน้า 130136 – 137 ระบบการเป็นเจ้าของกิจการวิทยุและโทรทัศน์ของไทยนั้น รัฐจะเป็นเจ้าของทั้งหมด โดยแบ่งออกเป็น 4 ลักษณะ คือ

1.         รัฐเป็นเจ้าของและดำเนินการโดยบุคลากรของรัฐ โดยมีรายได้จากเงินงบประมาณแผ่นดิน

2.         รัฐเป็นเจ้าของในฐานะผู้บริหารกิจการและเป็นผู้วางนโยบายหลัก แต่อนุญาตให้เอกชน เข้ามาดำเนินงานด้านรายการ และมีรายได้จากการโฆษณาสินค้าเป็นหลัก

3.         รัฐวิสาหกิจเป็นผู้ดำเนินการ และแสวงหารายได้ให้แกรัฐ

4.         รัฐหรือรัฐวิสาหกิจทำสัญญาให้สัมปทานแก่เอกชนเข้ามาดำเนินการเช่าช่วง โดยมอบผลประโยชน์ที่แน่นอนจำนวนหนึ่งให้กับรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ

7.         วัตถุประสงค์ในการจัดตั้งสถานีวิทยุโทรทัศน์สาธารณะ หมายถึงข้อใด

(1)       สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยพีบีเอส            (2) สถานีวิทยุโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวี

(3) สถานีวิทยุโทรทัศน์ NBT (4) สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยในส่วนภูมิภาค

ตอบ 1 (ข่าว) ภายหลังจากที่ พ.ร.บ. องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2551 ได้ส่งผลให้ประเทศไทยมีสถานี วิทยุโทรทัศน์ระดับชาติในส่วนกลางที่มีการจัดตั้งขึ้นมาใหม่ล่าสุด คือ ไทยพีบีเอส หรือทีวีไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นสถานีวิทยุโทรทัศน์สาธารณะ และถือเป็นทีวีสาธารณะแห่งแรก ของประเทศไทย ซึ่งเริ่มแพร่ภาพออกอากาศอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

8.         สถานีวิทยุโทรทัศน์ใดที่มีสัดส่วนในการนำเสนอรายการความรู้ การศึกษามากที่สุด

(1) สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยพีบีเอส       (2) สถานีวิทยุโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวี

(3) สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5          (4) สถานีวิทยุโทรทัศน์ NBT

ตอบ 4 (ข่าว) สัดส่วนในการนำเสนอรายการของสถานีวิทยุโทรทัศน์ NBT (สทท. ในปัจจุบัน) คือ การศึกษาและสาระความรู้ 56.11%ข่าว 38.78%บันเทิง กีฬา และวัฒนธรรม 5.11%

ตั้งแต่ข้อ 9.-15. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม

(1) หน้าที่ในการเสนอข่าวสาร (2) หน้าที่ในการเสนอความคิดเห็น

(3) หน้าที่ในการให้การศึกษา  (4) หน้าที่ในการให้ความบันเทิง

9.         ทำให้หลีกหนีหรือปลีกตัวออกจากปัญหต่าง ๆ

ตอบ 4 หน้า 99 – 100 หน้าที่ในการให้ความบันเทิงตามความคิดของมวลชนผู้รับสาร มีดังนี้

1.         ทำให้หลีกหนีหรือปลีกตัวลอกจากปัญหาต่าง ๆ         2. ทำให้ได้รับการพักผ่อนหย่อนใจ

3.         ทำให้ได้รับความสุขกับวัฒนธรรมและความสุนทรีย์    4. ช่วยในการฆ่าเวลา

5.         ทำให้ผ่อนคลายอารมณ์          6. ช่วยกระตุ้นความต้องการทางเพศ

10.       ค้นหาเหตุการณ์ต่าง ๆ และสถานการณ์ต่าง ๆ ในสิ่งแวดล้อมใกล้ตัว สังคม และโลก ตอบ 1 หน้า 99 หน้าที่ในการเสนอข่าวสารตามความคิดของมวลชนผู้รับสาร มีดังนี้

1.         ค้นหาเหตุการณ์ต่าง ๆ และสถานการณ์ต่าง ๆ ในสิ่งแวดล้อมใกล้ตัว สังคม และโลก

2.         ให้คำแนะนำในการปฏิบัติ การแสดงความคิดเห็น และการตัดสินใจ

3.         สนองตอบความอยากรู้อยากเห็นและความสนใจทั่วไป

4.         ให้การเรียนรู้และการศึกษาด้วยตนเอง

5.         ให้ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัย

11.       แสดงและสะท้อนวัฒนธรรมและค่านิยมที่สำคัญ ๆ ในระดับชาติ ภูมิภาค หรือท้องถิ่น

ตอบ 3 หน้า 9398 หน้าที่ในการให้การศึกษา ซึ่งตรงกับหน้าที่ในการแสดงออกและความต่อเนื่องทางวัฒนธรรมตามความคิดของสื่อมวลชน มีดังนี้

1.         แสดงและสะท้อนวัฒนธรรมและค่านิยมที่สำคัญ ๆ ในระดับชาติ ภูมิภาค หรือท้องถิ่น

2.         สนับสนุนวัฒนธรรมและค่านิยมของกลุ่มย่อยภายในสังคม

12.       ให้ข่าวสารเบื้องหลังและวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์

ตอบ 2 หน้า 9298 หน้าที่ ในการเสนอความคิดเห็น ซึ่งตรงกับหน้าที่ในการตีความตามความคิด ของสื่อมวลชน มีดังนี้ 1. แสดงความคิดเห็น  2. ให้ข่าวสารเบื้องหลังและวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์ 3. เป็นผู้วิจารณ์หรือตรวจสอบผู้ที่อยู่ในอำนาจ 4. แสดงหรือสะท้อนประชามติ     5.เป็นเวทีแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างกัน

13.       แสดงหรือสะท้อนประชามติ

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 12. ประกอบ

14.       ทำให้นักกีฬากลายเป็นนักโฆษณาและนักขายสินค้า

ตอบ. 4 หน้า 8894 – 95        หน้าที่ในการให้ความบันเทิงตามแนวคิดของไรท์ มีผลเสียดังนี้

1. ไมสามารถที่จะยกระดับรสนิยมของประชาชนได้เท่าละครเวทีและวรรณกรรมคลาสสิก

2.         ทำให้คุณภาพของศิลปะสูญเสียไป

3.         ทำให้นักกีฬากลายเป็นนักโฆษณาและนักขายสินค้า

4.         เป็นการทำลายนักกีฬาหน้าใหม่ในวงการกีฬา

15.       ถูกใช้เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการเผยแพร่ชื่อเสียงของบุคคล เป็นการเพิ่มศักดิ์ศรี ชื่อเสียง และความเป็นคนเด่นดังในสังคม

ตอบ1 หน้า 8991, (คำบรรยาย) หน้าที่ในการเสนอข่าวสารตามแนวคิดของไรท์ มีผลดีต่อบุคคลประการหนึ่งคือ สื่อมวลชนจะถูกใช้เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการเผยแพร่ชื่อเสียงของบุคคล ซึ่งเป็นการให้สถานภาพทางสังคม เพราะการที่สื่อมวลชนรายงานข่าวเกี่ยวกับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง จะเป็นการเพิ่มศักดิ์ศรี ชื่อเสียง และความเป็นคนเด่นดังในสังคมแกบุคคลนั้น

16.       บิดาของวิทยุกระจายเสียงไทย คือ

(1)       กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ 

(2) กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน

(3) กรมพระนครสวรรค์วรพินิต            

(4) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

ตอบ 2 หน้า 33 – 34 บิดาของกิจการวิทยุกระจายเสียงไทย คือ นายพลเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบูรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้บุกเบิก และริเริ่มให้มีการทดลองส่งวิทยุกระจายเสียงขึ้นในประเทศไทยเป็นครั้งแรก โดยใช้ชื่อ สถานีวิทยุแห่งนี้ว่า พีเจ” ซึ่งย่อมาจากคำว่า บูรฉัตรไชยากร

17.       วิวัฒนาการของวิทยุกระจายเสียงไทย เริ่มต้นครั้งแรกในรัชกาลใด

(1) ร. 4            (2) ร. 5            (3) ร. 6            (4) ร. 7

ตอบ 2 หน้า 32, (คำบรรยาย) วิวัฒนาการของวิทยุกระจายเสียงไทยเริ่มต้นขึ้นครั้งแรกในสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร. 5) เนื่องด้วยห้างปีกริมม์ซึ่งเป็นผู้แทนบริษัท วิทยุโทรเลข เทเลฟุงเก็น” ของเยอรมัน ได้เป็นผู้นำวิทยุโทรเลขมาสาธิตในประเทศไทยเป็น ครั้งแรก โดยได้แจ้งและขออนุญาตต่อกระทรวงโยธาธิการเพื่อทดลองจัดตั้งสถานีวิทยุโทรเลข ชั่วคราวขึ้นที่กรุงเทพฯ และเกาะสีชัง แต่การทดลองครั้งนั้นก็ไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร

18.       การจัดตั้งสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งแรกของไทยเกิดขึ้นในสมัยใด

(1) ร. 5            (2) ร. 6            (3) ร. 7            (4) ร. 8

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 4. ประกอบ

19.       บุคคลที่บัญญัติคำว่า วิทยุโทรทัศน์” หมายถึงใคร

(1) กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์       (2) กรมพระนครสวรรค์วรพินิต

(3) เจ้าพระยาวงษานุประพันธ์            (4) กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน

ตอบ 1 หน้า 3 คำว่า “Television” นี้ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ ได้ทรงวิเคราะห์ศัพท์

และได้บัญญัติคำเป็นภาษาไทยครั้งแรกว่า วิทยุโทรทัศน์” ซึ่งหมายถึง การส่งและรับภาพ และเสียงโดยเครื่องส่งและเครื่องรับอิเล็กทรอนิกส์ ออกอากาศด้วยกระแสคลื่นวิทยุที่ใช้ พลังงานไฟฟ้าเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากเครื่องส่งไปยังเครื่องรับที่อยู่ห่างไกล

20.       บุคคลใดที่ได้นำเครื่องรับวิทยุโทรเลขมาใช้เป็นครั้งแรกในไทย

(1) กรมพระนครสวรรค์วรพินิต            (2) กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน

(3) เจ้าพระยาวงษานุประพันธ์            (4) เจ้าฟ้ากรมหลวงลพบุรีราเมศร์

ตอบ 1 หน้า 32 ใน พ.ศ. 2450 กรมทหารเรือที่มีจอมพลเรือสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต เป็นผู้บัญชาการ ได้นำเครื่องรับส่งวิทยุโทรเลขแบบมาร์โคนีของอังกฤษมาใช้ในราชการทหารเป็นครั้งแรก และต่อมาในปีเดียวกันนี้กองทัพบกที่มีเจ้าพระยาวงษานุประพันธ์เป็นเสนาธิการ ก็ได้สั่งเครื่องวิทยุสนามแบบมาร์โคนีมาใช้ด้วยเช่นเดียวกัน

21.       การจัดตั้งสถานีวิทยุโทรเลขแห่งแรกของไทยเกิดขึ้นในสมัยใด

(1) ร. 5            

(2) ร. 6            

(3) ร. 7            

(4) ร. 8

ตอบ 2 หน้า 32 การจัดตั้งสถานีวิทยุโทรเลขแห่งแรกของไทยเกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 โดยพระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ราชการทหารเรือจัดตั้งสถานีวิทยุโทรเลขถาวร ในสังกัดของกระทรวงทหารเรือขึ้น 2 สถานี คือ ที่ตำบลศาลาแดง กรุงเทพฯ กับที่ชายทะเล จ.สงขลา

22.       การจัดตั้งสถานีวิทยุโทรทัศน์ในส่วนภูมิภาคเป็นความคิดริเริ่มของใคร

(1)       จอมพล ป. พิบูลสงคราม         

(2) จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์

(3) จอมพลถนอม กิตติขจร      

(4) พลเอกเปรม ติณสูลานนท์

ตอบ 2 หน้า 48 – 49 สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยในส่วนภูมิภาคได้กำเนิดขึ้นในรัฐบาลของ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีที่ตระหนักถึงความสำคัญในการพัฒนาประเทศ กล่าวคือ ประชาชนควรได้มีโอกาสเท่าเทียมกันในการรับข่าวสาร นโยบาย ความเคลื่อนไหว รวมทั้งการดำเนินการพัฒนาทุกด้านของรัฐบาล แต่วิทยุโทรทัศน์มีข้อจำกัดที่ไม่สามารถจะแพร่ภาพไปทั่วประเทศได้ นายกรัฐมนตรีจึงบัญชาให้กรมประชาสัมพันธ์จัดตั้งสถานีวิทยุโทรทัศน์ ในส่วนภูมิภาคขึ้น 3 แห่ง เมื่อปี พ.ศ. 2503

23.       สถานีวิทยุโทรทัศน์สีแห่งแรกของประเทศไทย หมายถึงข้อใด

(1)       ช่อง 3  

(2) ช่อง 5         

(3) ช่อง 7         

(4) ช่อง 9

ตอบ 3 หน้า 47 สถานีวิทยุโทรทัศน์สีแห่งแรกของประเทศไทย คือ สถานีวิทยุโทรทัศน์สีกองทัพบก ช่อง 7 โดยเป็นสถานีโทรทัศน์ของทางราชการเจ้าแรกที่ให้บริษัทเอกชน (บริษัทกรุงเทพโทรทัศน์ และวิทยุ จำกัด) เป็นเจ้าของสัมปทานหรือร่วมดำเนินการจัดตั้ง ซึ่งเริ่มแพร่ภาพออกอากาศ เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2510

24.       สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งแรกของประเทศไทย หมายถึงข้อใด

(1) สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีช่อง 4    (2) สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5

(3) สถานีวิทยุโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7       (4) สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย

ตอบ 1 หน้า 4244 สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งแรกของประเทศไทย คือ สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีช่อง 4 บางขุนพรหม ซึ่งก่อตั้งอยู่ในรูปของบริษัทไทยโทรทัศน์ จำกัด (ปัจจุบันคือ สถานีวิทยุโทรทัศน์ โมเดิร์นไนน์ทีวี ในสังกัดบริษัท อ.ส.ม.ท. จำกัด มหาชน) โดยมีพิธีเปิดสถานีและออกอากาศ แพร่ภาพเป็นวันแรกเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2498 ดังนั้นกิจการวิทยุโทรทัศน์ของไทย ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน (พ.ศ. 2553) จึงมีอายุ 55 ปี

25.       การจัดตั้งสถานีวิทยุโทรทัศน์ในส่วนกลาง สถานีใดต่อไปนี้ถูกจัดตั้งขึ้นมาหลังสุด

(1) ช่อง 3         (2) ช่อง NBT (3) ช่อง 7        (4) ช่องไทยพีบีเอส

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 7. ประกอบ

26.       สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยอยู่ภายใต้การดำเนินงานของหน่วยงานใด

(1) องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (อ.ส.ม.ท.) (2) กองทัพบก กระทรวงกลาโหม

(3) กรมประชาสัมพันธ์            (4) บริษัทไทยโทรทัศน์ จำกัด

ตอบ 3 หน้า 49137 – 138 สถานีวิทยุโทรทัศน์ที่อยู่ภายใต้การดำเนินงานของกรมประชาสัมพันธ์ มีดังนี้ 1. สถานีในส่วนกลาง คือ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11 (NBT หรือ สทท. ในปัจจุบัน) 2. สถานีในส่วนภูมิภาค คือ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 45789 และ 10 ซึ่งทั้งหมดจะทำหน้าที่เป็นสถานีแม่ข่ายในส่วนภูมิภาค

27.       การจัดสรรความถี่วิทยุ เพื่อจะจัดตั้งสถานีวิทยุกระจายเสียงหรือสถานีวิทยุโทรทัศน์ของไทยนั้น ผู้รับผิดชอบงานด้านนี้ คือ

(1) กสช.          (2) กสทช.        (3) กกช.          (4) กทช.

ตอบ 4 (คำบรรยาย) พ.ร.บ. การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551เป็นกฎหมายวิทยุและโทรทัศน์ฉบับล่าสุดที่ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2551 โดยในมาตรา 78 ได้กำหนดให้ กสทช. (คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ) ทำหน้าที่กำกับดูแลและบริหารการจัดสรร คลื่นความถี่วิทยุและโทรทัศน์ ซึ่งในขณะนี้การจัดตั้ง กสทช. ยังไม่แล้วเสร็จ จึงหมอบหมาย ให้ กทช. (คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ) เป็นผู้ทำหน้าที่แทนชั่วคราวจนกว่า จะมี กสทช. เกิดขึ้น

28.       กทช. หมายถึงอะไร

(1)       คณะกรรมการบริหารวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ

(2)       คณะกรรมการกำหนดบทบาทวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ

(3)       คณะกรรมการกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ

(4)       คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 27. ประกอบ

29.       สถานีวิทยุโทรเลขแห่งแรกของไทยในสมัยนั้นขึ้นอยู่กับหน่วยงานใด

(1) กรมไปรษณีย์โทรเลข         (2) สำนักงานโฆษณาการ

(3) กระทรวงกลาโหม  (4) กระทรวงทหารเรือ

ตอบ4 ดูคำอธิบายข้อ 21. ประกอบ

30.       การทดลองส่งวิทยุกระจายเสียงโดยใช้ชื่อสถานีว่า พีเจ” ในยุคนั้น ย่อมาจากคำว่าอะไร

(1) บูรฉัตรไชยากร       (2) มาร์โคนี

(3) ทองช่างวิทยุ          (4) กรมไปรษณีย์โทรเลข

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 16. ประกอบ

31.       สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งแรกของประเทศไทยได้ทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อใด

(1) วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2456        

(2) วันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2471

(3) วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2473     

(4) วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2498

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 4. ประกอบ

32.       กิจการวิทยุโทรทัศน์ของไทยตั้งแต่เริ่มก่อตั้งจนกระทั่งปัจจุบันมีอายุกี่ปี

(1) 45 ปี          

(2) 55 ปี          

(3) 60 ปี          

(4) 75 ปี

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 24. ประกอบ

33.       องค์กรที่ทำหน้าที่ควบคุมและบริหารคลื่นความถี่วิทยุให้เป็นระเบียบทั่วโลก โดยผ่านทางรัฐบาลของแต่ละประเทศ คือองค์กรใด

(1) ABU      

(2) EBU      

(3) ITU        

(4) RTU

ตอบ 3 หน้า 58115124 สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศหรือ ITU (The International Telecommunication Union) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นองค์กรที่ทำหน้าที่ควบคุมและบริหารคลื่นความถี่วิทยุให้เป็นระเบียบทั่วโลก โดยผ่านทาง รัฐบาลของแต่ละประเทศ

34.       บิดาของวงการวิทยุกระจายเสียงโลก” คือ

(1)       ลี เดอ ฟอเรสต์ (2) เจมส์ คลาก แมกช์เวลล์

(3) เฮนริช เฮิรตซ์         (4) กูกลิเอลโม มาร์โคนี

ตอบ 4 หน้า 17-18 ใน พ.ศ. 2438 กูกลิเอลโม มาร์โคนี ได้ประดิษฐ์เครื่องมือโทรสื่อสารที่เรียกว่า วิทยุโทรเลข (Wireless Telegraph) สำเร็จเป็นครั้งแรก ต่อมาใน พ.ศ. 2444 เขาก็ได้ทดลองส่งสัญญาณวิทยุโทรเลขข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก และได้นำเอาการทดลองนี้ ไปสู่การผลิตแบบอุตสาหกรรมได้สำเร็จเป็นคนแรก จนได้รับการยกย่องว่าเป็น บิดาของ กิจการวิทยุกระจายเสียงโลก

35.       เครื่องรับวิทยุกระจายเสียงในยุคแรก มีลักษณะอย่างไร

(1) เครื่องรับวิทยุแร    (2) เครื่องรับวิทยุหลอดสุญญากาศ

(3) เครื่องรับวิทยุโทรศัพท์        (4) เครื่องรับแบบเฟลมิ่ง

ตอบ 1 หน้า 19, (คำบรรยาย) เครื่องรับวิทยุกระจายเสียงในยุคแรกเริ่มจะมีลักษณะเป็นเครื่องรับวิทยุแร่โดยผู้ฟังจะต้องใช้เครื่องฟังครอบไว้ที่หู และสามารถเปิดฟังได้คนเดียว ซึ่งคุณภาพด้านเสียงนั้น ไม่ชัดเจนนักเนื่องจากมีเสียงที่เบา รวมทั้งยังแยกคลี่นของสถานีต่าง ๆ ไม่ค่อยได้อีกด้วย

36.       ก่อนที่เราจะบัญญัติคำว่า วิทยุกระจายเสียง” มาใช้นั้น เราใช้คำทับศัพท์ภาษาอังกฤษครั้งแรกว่าอะไร

(1) Radio   (2) Wireless

(3) Radio Telegraph  (4) Radio Broadcasting

ตอบ 3 หน้า 2 แต่เดิมเราไม่มีคำเรียก วิทยุกระจายเสียง” เป็นภาษาไทย แต่จะใช้ทับศัพท์ภาษาอังกฤษ ว่า Radio Telegraph (ราดิโอ โทรเลข) ต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ทรงบัญญัติคำว่า วิทยุ” มาใช้ในภาษาไทยเป็นครั้งแรก และภายหลังราชบัณฑิตยสถานจึงได้ ให้ใช้คำเต็ม ๆ อย่างเป็นทางการว่า วิทยุกระจายเสียง

37.       บุคคลที่บัญญัติคำว่า วิทยุ” ในภาษาไทยมาใช้เป็นครั้งแรก คือ

(1) กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์       (2) กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน

(3) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว            (4) พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 36. ประกอบ

38.       ในอังกฤษนิยมใช้คำดั้งเดิมเรียกวิทยุกระจายเสียงว่าอะไร

(1) Radio   (2) Wireless       (3) Cable   (4) Broadcast

ตอบ 2 หน้า 2 วิทยุกระจายเสียง มักเรียกสั้น ๆ ว่า วิทยุ” โดยในอังกฤษนิยมใช้คำดั้งเดิมว่า Wireless (ไม่มีสาย) ส่วนชาวอเมริกันนิยมเรียกสั้น ๆ ว่า Radio

39.       “Television” ได้บัญญัติคำเป็นภาษาไทยครั้งแรกว่าอะไร

(1) โทรทัศน์     (2) วิทยุโทรภาพ          (3) วิทยุโทรทัศน์          (4) วิทยุภาพยนตร์

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 19. ประกอบ

40.       บุคคลแรกที่เป็นผู้นำเอาการทดลองการส่งสัญญาณวิทยุโทรเลขไปสู่การผลิตแบบอุตสาหกรรมได้สำเร็จคือ

(1) เฮนริช เฮิรตซ์         (2) กูกลิเอลโม มาร์โคนี

(3) เจมส์ คลาก แมกซ์เวลล์     (4) เรจินัลด์ เอ. เฟสเสนเดน

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 34. ประกอบ

41.       ความสำคัญของวิทยุและโทรทัศน์ในการแสดงความคิดเห็น ตรงกับข้อใดต่อไปนี้มากที่สุด

(1)       การจัดรายการเพลงทางวิทยุโดยให้ผู้ฟังมีส่วนร่วมในรายการให้โทรศัพท์เข้ามาตอบปัญหา

(2)       รายการมิวสิกวีดีโอทางโทรทัศน์ที่นำเสนอเพลงเพื่อชีวิตของวงคาราบาว

(3)       รายการสนทนาหรืออภิปรายทางวิทยุและโทรทัศน์ที่นำประเด็นหัวข้อเรื่องที่มีผลกระทบกับประชาชน มาวิพากษ์วิจารณ์ ถกเถียงกัน และหาข้อสรุปร่วมกัน

(4)       รายการละครทางโทรทัศน์ที่นำเสนอเรื่องราวชีวิตที่ต้องต่อสู้ของคนในสังคม

 

ตอบ 3 หน้า 8-9, (คำบรรยาย) ความสำคัญของวิทยุและโทรทัศน์ในการแสดงความคิดเห็น

นับว่าเป็นประโยชน์ในการเสริมสร้างสติปัญญาอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยให้มนุษย์ได้รับรู้ รับฟัง แลกเปลี่ยนความรู้สึกนึกคิดซึ่งกันและกัน เพื่อเพิ่มพูนความรู้ความสามารถให้แก่ตนเองมากยิ่งขึ้น อันจะเป็นหนทางให้เกิดความเจริญยิ่งขึ้นได้ในที่สุด เช่น รายการอภิปรายหรือ สนทนาในประเด็นต่าง ๆ ฯลฯ

42.       ความสำคัญของวิทยุและโทรทัศน์ในการพัฒนาชนบทตรงกับข้อใดมากที่สุด

(1) รายการสารคดีชุดดินดำน้ำชุ่ม เพื่อให้ความรู้ทางการเกษตร

(2)       รายการของกรมสรรพากร เรื่องการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม

(3)       รายการเรารักวัฒนธรรมไทย ของกรมศิลปากร

(4)       รายการของกรมศุลกากร เรื่องมาตรการกีดกันทางการค้าของชาติยุโรป

ตอบ 1 หน้า 11-12 ความสำคัญของวิทยุและโทรทัศน์ในการพัฒนาชนบทเป็นผลสืบเนื่องมาจากชาวชนบทที่อยู่ห่างไกลนั้นมีโอกาสที่จะได้รู้ได้เห็นสิ่งต่าง ๆ ผ่านทางสื่อน้อย ดังนั้นการนำ สื่อวิทยุและโทรทัศน์เข้าไปยังชนบทจึงเปรียบเสมือนเป็นการเปิดหูเปิดตาชาวชนบทให้มีหูตา กว้างไกลมากยิ่งขึ้น โดยการนำเสนอหรือป้อนข้อมูลข่าวสาร สาระความรู้ และความบันเทิง เช่น รายการเพื่อการเกษตร เพื่อการศึกษา เพื่อสุขภาพอนามัย และเพื่องานอาชีพที่สำคัญ ๆ

43.       สื่อมวลชนข้อใดต่อไปนี้ที่เข้าถึงประชาชนได้มากที่สุด

(1) ภาพยนตร์กลางแปลง       

(2) วิทยุกระจายเสียง  

(3) วิทยุโทรทัศน์          

(4) หนังสือพิมพ์

ตอบ 3 (คำบรรยาย) จากผลการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) เกี่ยวกับการฟังวิทยุและ การดูโทรทัศน์ชองประชากรไทยในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา (ระหว่างปี พ.ศ. 2532 – 2551) พบว่า แนวโน้มประชากรไทยฟังวิทยุลดลง แต่ดูโทรทัศน์มากขึ้น นั่นหมายถึง สื่อมวลชนที่สามารถ เข้าถึงประชาชนได้มากที่สุดในปัจจุบัน คือ วิทยุโทรทัศน์ (ในสมัยก่อนสื่อที่เข้าถึงประชาชน ได้มากที่สุด คือ วิทยุกระจายเสียง)

44.       สื่อใดต่อไปนี้ให้ประสิทธิผลในการจูงใจและเปลี่ยนทัศนคติได้ดีที่สุด

(1) วิทยุกระจายเสียง  (2) วิทยุโทรทัศน์          (3) ภาพยนตร์  (4) หนังสือพิมพ์

ตอบ 1 (คำบรรยาย) วิทยุกระจายเสียงจะให้ประสิทธิผลในการจูงใจและเปลี่ยนทัศนคติได้ดีที่สุดนอกจากนี้ยังถือเป็นสื่อที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในแง่ของการสร้างความคิดคำนึงหรือ จินตนาการ เมื่อใช้ถ่ายทอดหรือเสนอเนื้อหาสาระที่เป็นนามธรรม คือ

1.         ข้อเท็จจริง (Factual Information) เช่น ข่าวต่าง ๆ การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ฯลฯ

2.         แนวปฏิบัติต่าง ๆ (Procedures) เช่น อุดมการณ์หรือแนวคิด การเล่านิทานหรือละคร ฯลฯ

3.         ทัศนคติที่พึงประสงค์ (Desirable Attitudes) เช่น การเสนอรายการธรรมะ ฯลฯ

4.         การจูงใจให้คิดหรือทำ (Motivation) เช่น การโฆษณาชวนเชื่อ ฯลฯ

45.       จากแนวคิดที่กล่าวว่า การจัดรายการตามที่ผู้ฟังชอบกับการพยายามให้ผู้ฟังชอบรายการที่จัดหมายความว่าอย่างไร

(1)       ควรจัดรายการที่ตรงกับความสนใจและความนิยมของผู้ฟังในขณะนั้น ก็จะทำให้รายการเป็นที่ชื่นชอบ ไปในที่สุด

(2)       ต้องพยายามผลิตรายการที่ดีมีสาระแต่น่าสนใจ ผู้ฟังจะติดตามรับฟังโดยตลอด

(3)       ต้องสร้างพื้นนิสัยใหม่ให้แก่ประชาชนให้ดำเนินการตามเป้าหมายหลักของการกระจายเสียงได้อย่างเต็มที่

(4)       การจัดรายการที่ผู้ฟังชอบเป็นเรื่องง่าย แต่เป็นความชอบที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรต่อสังคม

ตอบ 2 (คำบรรยาย) จากแนวคิดที่กล่าวว่า การจัดรายการตามที่ผู้ฟังชอบกับการพยายามให้ผู้ฟังชอบรายการที่จัด” หมายถึง นักจัดรายการวิทยุควรพยายามผลิตรายการที่ดีมีสาระแต่น่าสนใจ แล้วผู้ฟังก็จะติดตามรับฟังโดยตลอดไปในที่สุด

46.       การส่งคลื่นวิทยุกระจายเสียงของไทยเป็นการส่งคลื่นวิทยุในย่านความถี่ใด

(1)       530 ถึง            1600   กิโลเฮิรตซ์        และ     88        ถึง        108     เมกะเฮิรตซ์

(2)       535 ถึง            1605   กิโลเฮิรตซ์        และ     87        ถึง        108     เมกะเฮิรตซ์

(3)       630 ถึง            1700   กิโลเฮิรตซ์        และ     86        ถึง        107     เมกะเฮิรตซ์

(4)       635 ถึง            1705   กิโลเฮิรตซ์        และ     88.5 ถึง 107.5 เมกะเฮิรตซ์

ตอบ2  หน้า 64119 ระเบียบว่าด้วยวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. 2535 ข้อ 4 ระบุว่าวิทยุกระจายเสียง” หมายถึง การส่งคลื่นวิทยุในย่านความถี่คลื่นวิทยุ 535 ถึง 1605 กิโลเฮิรตซ์ (kHz) ในระบบ AM และย่านความถี่ 87 ถึง 108 เมกะเฮิรตซ์ (MHz) ในระบบ FM อันมี ความประสงค์ให้เข้าถึงมวลชนโดยตรง .

47.       การโฆษณาของสถานีวิทยุโทรทัศน์ต้องใช้เวลาสำหรับการโฆษณาไม่เกินกำหนดเวลาเท่าไร

(1)ไม่เกินชั่วโมงละ5 นาที        (2) ไม่เกินชั่วโมงละ 10 นาที

(3) ไมเกินชั่วโมงละ 8 นาที      (4) ไม่เกินชั่วโมงละ 15 นาที

ตอบ 2 (คำบรรยาย) พ.ร.บ. การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551มาตรา 23 วรรคสอง กำหนดให้ คณะกรรมการมีอำนาจประกาศกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับ ลักษณะและระยะเวลาสูงสุดในการโฆษณาและการบริการธุรกิจ แต่ทั้งนี้จะกำหนดการโฆษณา และการบริการธุรกิจได้ไม่เกินชั่วโมงละ 12 นาทีครึ่ง โดยเมื่อรวมเวลาโฆษณาตลอดทั้งวัน เฉลี่ยแล้วต้องไม่เกินชั่วโมงละ 10 นาที

ตั้งแต่ข้อ 48. – 51. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม

(1) ระบบวิทยุและโทรทัศน์เพื่อการค้า (2) ระบบวิทยุและโทรทัศน์บรรษัทสาธารณะ

(3) ระบบวิทยุและโทรทัศน์เพื่อสาธารณะ       (4) ระบบวิทยุและโทรทัศน์เพื่อการค้าและเพื่อสาธารณะ

48.       BBC (British Broadcasting Corporation)

ตอบ 2 หน้า 113165 – 166169172 ระบบกิจการวิทยุและโทรทัศน์ของประเทศอังกฤษและ ญี่ปุ่นจะมี 2 ระบบเหมือนกัน คือ  1. ระบบวิทยุและโทรทัศน์บรรษัทสาธารณะ (Public Corporation) เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร มีรายได้จากการเก็บค่าธรรมเนียมเครื่องรับจากประชาชน ได้แก่ บรรษัทวิทยุและโทรทัศน์ของอังกฤษ หรือ BBC (British Broadcasting Corporation) และบรรษัทการกระจายเสียงของญี่ปุ่น หรือ NHK (Nippon Hoso Kyokai)

2.         ระบบวิทยุและโทรทัศน์เพื่อการค้า หรือธุรกิจเอกชน (Commercial Broadcasting) ได้แก่ สถานีวิทยุและโทรทัศน์เพื่อการค้า มีรายได้จากการโฆษณา

49.       NHK (Nippon Hoso Kyokai)

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 48. ประกอบ

50.       CBS (Columbia Broadcasting System)

ตอบ 1 หน้า 113168 ระบบวิทยุและโทรทัศน์เพื่อการค้าในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งดำเนินกิจการ ในรูปแบบของธุรกิจและมีรายได้ส่วนใหญ่มาจากการโฆษณานั้น ปัจจุบันมีเครือข่ายระดับชาติ ที่สำคัญ คือ CBS (Columbia Broadcasting System), ABC (American Broadcasting Company) และ NBC (National Broadcasting Company) นอกจากนี้รัฐบาลกลางยังได้ จัดตั้งระบบวิทยุและโทรทัศน์เพื่อสาธารณะ คือ PBS (Public Broadcasting Service) ขึ้นมาในภายหลัง เพื่อผลิตรายการที่ส่งเสริมคุณค่าทางลังคม ศิลปะ วัฒนธรรม และกิจการสาธารณะ

51.       PBS (Public Broadcasting Service)

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 50. ประกอบ

52.       “ABU” หมายถึงอะไร

(1)       สหภาพการกระจายเสียงระหว่างประเทศ      

(2) สหภาพการกระจายเสียงยุโรป

(3) สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ        

(4) สหภาพการกระจายเสียงเอเชีย-แปซิฟิก

ตอบ 4 หน้า 115124 สหภาพการกระจายเสียงเอเชีย-แปซิฟิก (The Asian Pacific Broadcasting Union ะ ABU) มีสำนักงานอยู่ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เป็นองค์กรที่ท่าหน้าที่ บริหารงานด้านการกระจายเสียงและให้ความร่วมมือกับประเทศในแถบเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งประเทศไทยก็มีความสัมพันธ์ด้านการแลกเปลี่ยนข่าวสารรายการโดยผ่านสถาบันนี้

53.       พระราชบัญญัติวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ฉบับล่าสุดในขณะนี้ หมายกึงข้อใด

(1)       พระราชบัญญัติวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. 2530

(2)       พระราชบัญญัติวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. 2540

(3)       พระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2550

(4)       พระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 27. ประกอบ

54.       กรมประชาสัมพันธ์” มีชื่อเดิมว่าอะไร

(1) กรมการโฆษณาการ          

(2) กรมโฆษณาการ

(3) กรมการโฆษณาและการประชาสัมพันธ์    

(4) สำนักโฆษณาการและประชาสัมพันธ์

ตอบ 2 หน้า 36, (คำบรรยาย) กรมประชาสัมพันธ์” มีชื่อเดิมว่า กรมโฆษณาการ” โดยในปีพ.ศ. 2476 รัฐบาลได้จัดตั้ง สำนักงานโฆษณาการ” ขึ้น และต่อมาก็ได้ยกฐานะขึ้นเป็นกรม ใช้ชื่อว่า กรมโฆษณาการ” ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อมาเป็น กรมประชาสัมพันธ์” ดังในปัจจุบัน

55.       ข้อใดเป็นระบบบรรษัทสาธารณะ (Public Corporation)

(1) TBS       (2) CNN     (3) BBC      (4) PBS

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 48. ประกอบ

56.       หน่วยงานราชการใดมีสถานีวิทยุกระจายเสียงมากที่สุดในกรุงเทพมหานคร

(1) กรมประชาสัมพันธ์            (2) อ.ส.ม.ท.

(3) กองทัพบก (4) กรมไปรษณีย์โทรเลข

ตอบ 3 หน้า 39 สถานีวิทยุกระจายเสียงทั้งระบบ AM และ FM ในกรุงเทพมหานครที่มีอยู่ในปัจจุบัน เป็นสถานีวิทยุในสังกัดของกองทัพบกมากที่สุด โดยมีทั้งหมด 24 สถานี แบ่งเป็นระบบ AM 12 สถานี และระบบ FM 12 สถานี รองลงมาตามสำดับ ได้แก่ กรมประชาสัมพันธ์ มี 11 สถานี และองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย มี 9 สถานี

57.       แนวคิดในการจัดระบบวิทยุและโทรทัศน์ไทยตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ตรงกับข้อใด

(1)       Public Service System      (2) Free Market System

(3) Dual System          (4) Mixed System

ตอบ 4 หน้า 111113, (คำบรรยาย) ระบบกิจการวิทยุและโทรทัศน์ของประเทศไทยในปัจจุบัน ยังถือเป็นระบบกรรมสิทธิ์ของรัฐ (State Ownership) ทั้งหมด ดังนั้นการจัดระบบวิทยุ และโทรทัศน์ไทย ณ เวลานี้ จึงเป็นแบบ Public Service System (แนวคิดสื่อสารเพื่อ ประโยชน์สาธารณะ) แต่ถ้าหากเสร็จสิ้นกระบวนการคัดเลือกและสรรหา กสทช. ตามมาตรา 47 ของรัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2550 (ฉบับปัจจุบัน) แล้ว แนวคิดการจัดระบบวิทยุและโทรทัศน์ไทย ก็จะปรับเปลี่ยนไปเป็นแบบ Mixed System (แนวคิดผสม) เพื่อให้ระบบกิจการวิทยุและโทรทัศน์ไทยมีความหลากหลายไม่ว่าจะเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐ ของเอกชน หรือของภาคประชาชน

58.       บรรษัทการกระจายเสียงแห่งญี่ปุ่น หมายถึงข้อใด

(1)       NHK (2)       NBC (3)       TBS  (4) Radio   Japan

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 48. ประกอบ

59.       สถานีวิทยุคลื่นสั้นที่มีการจัดตั้งสถานีทวนสัญญาณ (Rely Station) ที่จังหวัดอุดรธานี

(1) VOA      (2)       BBC  (3)       NHK (4) CNN

ตอบ 1 หน้า 159 – 160, (คำบรรยาย) การกระจายเสียงภาคต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา คือ สถานีวิทยุคลื่นสั้น VOA (Voice of America) ซึ่งเป็นสถานีวิทยุภาคภาษาต่างประเทศ ที่ทำการกระจายเสียงไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกถึง 35 ภาษา ออกอากาศสัปดาห์ละ 805 ชั่วโมง และมีผู้รับฟังประมาณ 26 ล้านคน โดยในประเทศไทยได้จัดตั้งสถานีทวนสัญญาณ (Rely Station) ขึ้นที่จังหวัดอุดรธานี เพื่อส่งกระจายเสียงต่อไปยังประเทศต่าง ๆ ในแถบเอเชีย

60.       พัฒนาการของวิทยุกระจายเสียงถือว่าประเทศใดเป็นผู้บุกเบิกกิจการวิทยุกระจายเสียงโลก

(1) อังกฤษ      (2)       สหรัฐอเมริกา   (3)       ญี่ปุ่น   (4) รัสเซีย

ตอบ. 2 หน้า 155 – 156 พัฒนาการของวิทยุกระจายเสียงถือว่า ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นผู้บุกเบิกกิจการวิทยุกระจายเสียงโลก โดยมีสถานีวิทยุกระจายเสียงอยู่กลุ่มหนึ่งที่ถือว่า เป็นสถานีวิทยุกระจายเสียงในยุคแรก ๆ คือ สถานี KCBS (ค.ศ. 1909), WHA (ค.ศ. 1912), WWJ (ค.ศ. 1920) และ KDKA (ค:ศ. 1920)

61.       การควบคุมของรัฐในกิจการวิทยุและโทรทัศน์ของไทย หมายถึงข้อใด

(1)       การจัดตั้งเป็นสมาคมวิชาชีพต่าง ๆ เช่น สมาคมนักข่าว สมาคมนักวิทยุและโทรทัศน์แห่งประเทศไทย

(2)       จริยธรรมและจรรยาบรรณของวิชาชีพสื่อมวลชน

(3)       การตั้งแผนกเซ็นเซอร์ภายในสถานีวิทยุและสถานีโทรทัศน์ต่าง ๆ

(4)       การออกหนังสือเวียนและคำสั่งอื่น ๆ ให้สถานีวิทยุและโทรทัศน์นำไปปฏิบัติ

ตอบ 4 หน้า 125 – 127 โครงสร้างระบบการควบคุมกิจการวิทยุและโทรทัศน์ไทยแบ่งออกเป็น 3 ฝ่าย คือ

1.         การควบคุมของรัฐ คือ การจัดตั้งสถาบันขึ้นมาควบคุม เช่น กกช.กสช.กทช. และ กสทช. รวมทั้งออกกฎหมายที่บังคับใช้โดยตรงและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น ข้อบังคับและหลักเกณฑ์ ที่ออกมาไนรูปของหนังสือเวียนและคำสั่งอื่น ๆ

2.         การควบคุมกันเอง คือ สื่อมวลชนจะรวมตัวกันเข้าดำเนินการในลักษณะต่าง ๆ เช่น มีจริยธรรม และจรรยาบรรณของวิชาชีพสื่อสารมวลชน รวมทั้งการจัดตั้งสมาคมนักข่าว สมาคมนักวิทยุ และโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ฯลฯ

3.         การควบคุมจากบุคคลภายนอก ได้แก่ ผู้ชม/ผู้ฟังผู้อุปถัมภ์รายการ และกลุ่มผลักดันทางสังคม

62.       กฎหมายที่เน้นการควบคุมเนื้อหารายการวิทยุและโทรทัศน์ หมายถึงข้อใด

(1) พระราชบัญญัติวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ 

(2) กฎกระทรวง

(3) ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี        

(4) ระเบียบว่าด้วยวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์

ตอบ 4 หน้า 117, (คำบรรยาย) กฎหมายที่เน้นการควบคุมเนื้อหารายการวิทยุและโทรทัศน์ได้แก่ ระเบียบว่าด้วยวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. 2535 ส่วนพระราชบัญญัติ กฎกระทรวง (ยกเว้นกฎกระทรวงฉบับที่ 14) และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี จะเน้นเนื้อหา ที่เกี่ยวกับทางด้านเทคนิค การขอและออกใบอนุญาต

ตั้งแต่ข้อ 63. – 66. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม

(1) Free Market System    (2) Public Service System

(3) Mixed System      (4) Public Corporation

63.       รัฐมีความรับผิดชอบในการให้ข่าวสารข้อมูลและรักษาวัฒนธรรมแห่งชาติ

ตอบ 2 หน้า 111 – 112 แนวความคิดในการจัดระบบวิทยุและโทรทัศน์แบบ Public Service System (แนวคิดสื่อสารเพื่อประโยชน์สาธารณะ) คือ

1.         รัฐมีความรับผิดชอบในการให้ข่าวสารข้อมูลและรักษาวัฒนธรรมแห่งชาติ

2.         รัฐเป็นผู้จัดระเบียบในด้านที่มาของรายได้ การจัดสรรคลื่น และคุณภาพของรายการ

3.         เป็นระบบที่ผูกขาดโดยหน่วยงานของรัฐหรืออาจเป็นการผูกขาดแบบ Duopoly (เล่นพรรคเล่นพวก) โดยมีเอกชนเป็นคูแข่งเพียง 1 – 2 รายเท่านั้น รัฐจึงเป็นทั้ง Supplier (ผลิตรายการเอง) และเป็น Regulator (ผู้ควบคุมรายการ) ไปพร้อมกัน

64.       โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงทศวรรษที่ 1980 – 1990 กำลังเป็นช่วงที่มีการบรับปรุงไปสู่ทิศทางของระบบพหุนิยมในแนวตลาดเสรี ทำให้เกิดระบบในแนวคิดนี้ขยายตัวไปทั่วโลก

ตอบ 3 หน้า 111. 113 ในช่วงทศวรรษที่ 1980 – 1990 กำลังเป็นช่วงที่มีการปรับไปสู่ทิศทางของ ระบบพหุนิยมในแนวตลาดเสรี จึงทำให้เกิดระบบในแบบที่ 3 คือ ระบบผสม (Mixed System) ระหว่างแนวคิดสื่อสารเพื่อประโยชน์สาธารณะกับแนวสื่อสารในตลาดเสรี ขยายตัวไปทั่วโลก

65.       ระบบนี้มีความเชื่อว่าถ้าเป็นตลาดที่สมบูรณ์จะมีการแข่งขันกันของผู้ประกอบการ และท้ายที่สุดผู้บริโภคจะเป็นผู้ได้รับประโยชน์สูงสุด

ตอบ 1 หน้า 111 – 112 แนวคิด Free Market System (แนวคิดสื่อสารในตลาดเสรี) หรือระบบที่ ธุรกิจเอกชนเป็นผู้ให้บริการ คือ ดำเนินการในรูปตลาดเสรีที่ให้ธุรกิจเอกชนแข่งขันกันอย่างเต็มที่ (Competition) โดยมีความเชื่อว่าถ้าเป็นตลาดที่สมบูรณ์แล้วจะมีการแข่งขันกันของผู้ประกอบการ และท้ายที่สุดผู้บริโภคจะได้รับประโยชน์สูงสุด

 66.       ระบบนี้มีความเชื่อว่ารัฐจะให้บริการได้อย่างเป็นธรรมแก่ประชาชนทุกฐานะ ทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียมกันและในราคาที่เหมาะสม รัฐจึงมีความชอบธรรมในการดำเนินการแบบผูกขาด

ตอบ 2 หน้า 111 แนวคิด Public Service System (แนวคิดสื่อสารเพื่อประโยชน์สาธารณะ) คือ ระบบที่รัฐเป็นผู้ให้บริการ โดยมีความเชื่อว่ารัฐจะให้บริการได้อย่างเป็นธรรมแก่ประชาชนทุกฐานะ ทุกกลุ่ม อย่างเท่าเทียมกัน และในราคาที่เหมาะสม ดังนั้นรัฐจึงมีความชอบธรรมที่จะดำเนินการ ผูกขาดในการเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์กิจการสาธารณูปโภคต่าง ๆ รวมทั้งบริการด้านวิทยุและ โทรทัศน์ (ดูคำอธิบายข้อ 63. ประกอบ)

67.       ตามแนวความคิดของเดนิส แมคเควล (Denis McQuail) กล่าวถึงหน้าที่ของสื่อมวลชน โดยพิจารณาจากอะไร

(1)       บุคคล สังคม วัฒนธรรม บันเทิง

(2)       บุคคล สังคม เครื่องมือทางการเมือง เศรษฐกิจ การศึกษา วัฒนธรรม

(3)       บุคคล สังคม การศึกษา วัฒนธรรม

(4)       สังคม ผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการเผยแพร่ สื่อมวลชน มวลชนผู้รับสาร

ตอบ 4 หน้า 95 แนวความคิดของเดนิส แมคเควล (Denis McQuail) ได้กล่าวถึงหน้าที่ของ สื่อมวลชนโดยพิจารนาจากฝ่ายต่าง ๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชนว่า มีความต้องการให้สื่อมวลชนทำอะไรให้แก่ตน หรือสื่อมวลชนควรทำหน้าที่อะไรให้แกตน และสังคม ซึ่งผ่ายต่าง ๆ ดังกล่าว ได้แก่ 1. สังคม (Society) 2. ผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับ การเผยแพร่ข่าวสาร (The Advocate) 3. สื่อมวลชนหรือนักสื่อสารมวลชน (The Media/Mass Communicators) 4. มวลชนผู้รับสาร (The Audience)

68.       FCC (Federal Communication Commission) หมายถึงข้อใด

(1)       บรรษัทวิทยุและโทรทัศน์ของสหรัฐอเมริกา

(2)       บรรษัทวิทยุและโทรทัศน์ของอังกฤษ

(3)       องค์กรที่จัดระเบียบในด้านการอนุมัติคลื่นและใบอนุญาตประกอบการ

(4)       คณะกรรมการการสื่อสารแห่งชาติ

ตอบ 4 หน้า 24114168 ประเทศสหรัฐอเมริกามีคณะกรรมการการสื่อสารแห่งชาติ หรือ FCC (Federal Communication Commission) เป็นองค์กรอิสระของรัฐ ซึ่งมีหน้าที่ดูแล กิจการวิทยุและโทรทัศน์ทั้งหมด รวมทั้งคอยจัดสรรคลื่นวิทยุเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ ด้วย

69.       สื่อที่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงทงการเมือง เมื่อปี พ.ศ. 2475 หมายถึงข้อใด

(1) หนังสือพิมพ์           (2)       นิตยสาร          (3)       วิทยุกระจายเสียง        (4) วิทยุโทรทัศน์

ตอบ 3 หน้า 35 ในการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 วิทยุกระจายเสียงนับว่ามีบทบาทอย่างสำคัญ เพราะคณะราษฎร์ซึ่งนำโดยพันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา พันเอกพระยาทรงสุรเดช และหลวงประดิษฐ์มนูธรรม ได้ใช้วิทยุกระจายเสียงเป็นเครื่องมือ เผยแพร่ข่าวการเปลี่ยนแปลงการปกครองให้ประชาชนทราบ โดยอ่านประาศติดต่อกันตลอดเวลา

70.       มาตราในการวัดคลื่นความถี่วิทยุระบบ AM คือ

(1) เมกะเฮิรตซ์            (2)       กิโลเฮิรตซ์        (3)       จิกะเฮิรตซ์       (4) เมตริกเฮิรตซ์

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 46. ประกอบ

71.       สถานีวิทยุโทรทัศน์ที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาโดยมิวัตถุประสงค์ให้เป็น Independent Television หมายถึงข้อใด

(1)ไทยพีบีเอส 

(2)       NBT 

(3)       ASTV         

(4)ไอทีวี

ตอบ 4 หน้า 5254 – 56, (คำบรรยาย) ภายหลังเหตุการณ์เดือนพฤษภาคม พ.ค. 2535 ได้เกิด กระแสการเรียกร้องให้เปิดเสรีและปฏิรูปสื่อวิทยุและโทรทัศน์อย่างกว้างขวาง ซึ่งต่อมาก็ได้มี การจัดตั้งสถานีโทรทัศน์ ITV (Independent Television) หรือทีวีเสรีขึ้น เพื่อเสนอข่าวสาร อย่างเป็นกลางโดยปราศจากอำนาจของรัฐและนายทุน จึงถือเป็นการเปลี่ยนแปลงการเสนอ รายการข่าวครั้งใหญในประเทศไทย

72.       สื่อทางเลือกของประชาชน หมายถึงข้อใด

(1)ไทยพีบีเอส 

(2) NBT      

(3)วิทยุชุมชน  

(4)โมเดิร์นไนน์

ตอบ 3 สื่อทางเลือก หรือสื่อภาคประชาชน คือ สื่อนอกกระแสที่เปิดพื้นที่การสื่อสารให้แกประชาชน หลากหลายกลุ่ม จึงเป็นการสร้างทางเลือกให้แก่ผู้รับสารในการรับข่าวสารที่แตกต่างไป จากสื่อกระแสหลักซึ่งมักถูกกำหนดเนื้อหาจากภาครัฐและนายทุน เช่น สถานีวิทยุชุมชนสถานีวิทยุและโทรทัศน์ทางอินเตอร์เน็ตโทรทัศน์ดาวเทียมเคเบิลทีวี ฯลฯ

73.       โมเดิร์นไนน์ทีวี สังกัดหน่วยงานใด

1) องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย      

(2) กรมประชาสัมพันธ์

(3) บริษัท อ.ส.ม.ท. จำกัด (มหาชน)    

(4) บริษัทไทยโทรทัศน์ จำกัด

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 24. ประกอบ

74.       สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เกิดจากกฎหมายฉบับใด

(1)       พระราชบัญญัติองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพ พ.ศ. 2550

(2)       พระราชบัญญัติองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพ พ.ศ. 2551

(3)       พระราชบัญญัติวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. 2540

(4)       พระราชบัญญัติวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. 2550

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 7. ประกอบ

75.       เหตุการณ์ข้อใดเหมาะกับการถ่ายทอดสารผ่านวิทยุกระจายเสียงมากที่สุด

(1) การออกกำลังกาย (2) การสอนทำอาหารไทย

(3) การบรรยายธรรม   (4) การไขปัญหาซ่อมคอมพิวเตอร์

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 44. ประกอบ

76.       วิทยุและโทรทัศน์กลายเป็น ลูกพี่ใหญ่” (Big Brother) ที่ควบคุมอิสรเสรีภาพทางความคิดของคนในสังคมเป็นแนวคิดของใคร       

(1) นอยล์ นิวแมน

(2)       แคลปเปอร์     (3) พอล ลาซาร์สเฟลค์            (4) เอมิล เดอร์คิม

ตอบ 4 หน้า 102 , 104 นักวิชาการด้านทฤษฎีสังคมมวลชนที่เชื่อว่าวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ มีอิทธิพลโดยตรงต่อผู้รับสาร โดยจะมีผลเรื่องใดเรื่องหนึ่งต่อคนจำนวนมากในลักษณะ คล้ายคลึงกัน ได้แก่ ออกูส กงเต้ (Auguste Comte), เฟอร์ดินันท์ ทูนนี่ (Ferdinand Tonnise) และเอมิล เดอร์คิม (Emile Durkneim) ซึ่งพวกเขาเห็นว่า วิทยุและโทรทัศน์กลายเป็นลูกพี่ใหญ่ (Big Brother) ที่ควบคุมอิสรเสรีภาพทางความคิดของคนในสังคมเกือบทั้งหมด

77.       อิทธิพลของบุคคลและผู้นำความคิดที่มีผลต่อการตัดสินใจมากกว่าสื่อมวลชน เป็นแนวคิดของใคร

(1) วิลเบอร์ แชรมม์      (2) พอล ลาซาร์สเฟลด์

(3)       ออกูส กงเต้ เฟอร์ดินันท์         (4) นักทฤษฎีสังคมมวลชน

ตอบ 2 หน้า 106 – 107 พอล ลาซาร์สเฟลด์ (Paul Lazarsfeld) เป็นนักวิชาการที่มีแนวคิดว่าวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์มีอิทธิพลทางอ้อมต่อผู้รับสาร โดยเขาได้ชี้ให้เห็นเกี่ยวกับ อิทธิพลของบุคคล (Personal Influence) และผู้นำความคิด (Opinion Leader) หรือคนใกล้ตัว ว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจของคนมากกว่าสื่อมวลชน

78.       ผู้รับสารมีความฉลาด และมีวิจารณญาณเพียงพอในการรับข้อมูลข่าวสารจากสื่อมวลชน ตามแนวคิดนี้ ตรงกับข้อใด

(1)       วิทยุและโทรทัศน์มีอิทธิพลโดยตรงต่อผู้รับสาร

(2)       วิทยุและโทรทัศน์ไมมีอิทธิพลต่อผู้รับสารโดยตรง

(3)       วิทยุและโทรทัศน์ทำให้เกิดผลในเรื่องใดเรื่องหนึ่งต่อทุกคนในลักษณะคล้ายคลึงกัน

(4)       วิทยุและโทรทัศน์จะสนับสนุนทัศนคติ ค่านิยม และแนวโน้มด้านพฤติกรรมของประชาชนให้มีความเข้มแข็งขึ้น

ตอบ 2 หน้า 105 นักวิชาการด้านนิเทศสาสตร์หลายท่านเชื่อว่า ผู้รับสารมีความฉลาด และมีวิจารณญาณ เพียงพอในการรับข้อมูลข่าวสารจากสื่อมวลชนโดยผู้รับสารที่เปิดรับสื่อสามารถคิดและวิเคราะห์ได้ หรือสื่อไมได้มีอิทธิพลต่อความคิดของบุคคลมากมาย ซึ่งตรงกับแนวคิดที่เชื่อว่าวิทยุกระจายเสียง และวิทยุโทรทัศน์ไม่มีอิทธิพลต่อผู้รับสารโดยตรง

79.       ปัจจัยเสริมที่ทำให้วิทยุและโทรทัศน์มีอิทธิพลโดยอ้อม หมายถึงข้อใด

(1) ระดับความต้องการข้อมูลข่าวสารจำเป็นต้องพึ่งพามาก   (2) การสามารถเข้าถึงประชาชนจำนวนมาก

(3) การนำเสนอเรื่องราว กิจกรรม ซ้ำ ๆ บ่อย ๆ            (4) ความมีใจโน้มเอียงของผู้รับสาร

ตอบ 4 หน้า 106 – 108 แนวคิดที่เชื่อว่าวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์มีอิทธิพลโดยอ้อม ต่อผู้รับสาร จะอาศัยปัจจัยเสริมต่าง ๆ ดังนี้

1.         ความมีใจโน้มเอียงที่จะเชื่อของผู้รับสาร (Predisposition)

2.         กระบวนการเลือกรับสาร (Selective Process)

3.         อิทธิพลของบุคคลและผู้นำความคิดเห็น (Personal Influence and Opinion Leader)

4.         ระดับความต้องการข้อมูลข่าวสาร หรือการพึ่งพาข่าวสารของบุคคล

ตั้งแต่ข้อ 80. – 85. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม

(1)       แนวคิดที่เชื่อว่าวิทยุและโทรทัศน์มีอิทธิพลโดยตรงต่อผู้รับสาร

(2)       แนวคิดที่เชื่อว่าวิทยุและโทรทัศน์มีอิทธิพลโดยอ้อม

(3)       แนวคิดที่เชื่อว่าวิทยุและโทรทัศน์ไม่มีอิทธิพลโดยตรงต่อผู้รับสาร

(4)       แนวคิดของนอยล์ นิวแมน (Noelle Neumann)

80.       สื่อมวลชนมีบทบาทเป็นแหล่งข่าวสารพบได้ทุกที่

ตอบ 4 หน้า 103 สื่อวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์สามารถพบได้ทุกที่ และเข้าถึงประชาชน ได้อย่างกว้างขวาง ดังแนวคิดของนอยล์ นิวแมน (Noelle Neumann) นักวิชาการด้าน สื่อสารมวลชนที่ให้ความเห็นว่า สื่อมวลชนมีบทบาทเป็นแหล่งข่าวสารพบได้ในทุกที่

81.       กระบวนการเลือกรับสาร (Selective Process)

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ-79. ประกอบ

82.       ความสามารถเข้าถึงประชาชนจำนวนมากและการเปิดรับสาร

ตอบ 1 หน้า 102 – 104108 แนวคิดที่เชื่อว่าวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์มีอิทธิพลโดยตรง ต่อผู้รับสารพิจารณาได้จากลักษณะสำคัญ ดังนี้  

1. ความสามารถเข้าถึงประชาชนจำนวนมากได้โดยตรงและการเปิดรับสารของผู้รับสาร           

2. มีอิทธิพลในการชักจูงใจ

3. มีผลกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งต่อคนจำนวนมากในลักษณะที่คล้ายคลึงกัน

83.       มีผลต่อการชักจูงใจในเรื่องใดเรื่องหนึ่งในลักษณะที่คล้ายคลึงกัน

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 82. ประกอบ

84.       อิทธิพลของบุคคลและผู้นำความคิดเห็น

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 77. และ 79. ประกอบ

85.       ความมีใจโน้มเอียงที่จะเชื่อของผู้รับสาร

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 79. ประกอบ

ตอนที่ 2

ตั้งแต่ข้อ 86. – 90. อ่านจากบทความต่อไปนี้

สื่อกับสังคมแห่งชาติ… การเผชิญกับวิวาทะทางการเมืองในตลาดแห่งข่าวสาร

สถานการณ์ขณะนี้มีคนอาศัยสื่อมวลชนเป็นสื่อกลางแล้วก็บรรเลงฝีปากเข้าใส่กันทั้งเสียดสี เหยียดหยาม เยาะเย้ย ถากถาง สารพัดวิธีที่สรรหามาทิ่มแทงกัน เพื่อให้ภาพของตนออกมาดูดี และกดคนอื่นให้ต่ำต้อยอย่างถึงที่สุด

บางคนเห็นชัด ๆ ว่าหวังจะใช้สื่อเป็นช่องทางระบายอารมณ์ และที่แย่ที่สุดคือใช้สื่อเป็นที่ปล่อยข่าว เพื่อประโยชน์แบบตีปลาหน้าไซ หรือลับลวงพราง

มีการสร้างนิยายขึ้นมาหลายเรื่องเพื่อให้คนเชื่อแล้วตัวเองก็ตกอยู่ในหลุมของจินตนาการที่ตน สร้างขึ้นมาเอง

จะหวังอะไรที่จะให้ประชาชนมีความสามัคคี ในเมื่อนักการเมืองเองยังทะเลาะกันทุกวัน ใครไม่ใช่พวกฉัน คนนั้นคือศัตรูของฉัน ต้องด่ามันทำลายมันให้จมธรณี วิธีการคิดเช่นนี้อันตราย เป็นวิธีการที่ไร้สติ และลากจูงประเทศไปเผชิญกับสถานการณ์ที่ไร้ทางออก

ในการเมืองที่สลับซับช้อน และมีสาเหตุที่ก่อกำเนิดมาจากความปรับเปลี่ยนทางโครงสร้างของสังคม ตลาดแห่งข่าวสารนี้จึงมิใช่ตลาดธรรมดา เพราะมีผู้คนจากทุกชนชั้นของสังคมปรารถนาจะเดินผ่านประตูเข้ามา ด้วยวัตถุประสงค์ต่าง ๆ กัน

ตลาดขายผลไม้ มีทั้งสินค้าดีสินค้าปลอมปนฉันใด ตลาดข่าวสารก็เป็นเช่นนั้น

มีการปลอมปนทางข่าวสาร มีการโกหกมดเท็จ พูดจริงครึ่งไม่จริงครึ่ง จริงน้อยขยายมาก จริงมากบีบให้เหลือน้อย

มาคิอาเวลลี เคยกล่าวไร้ว่า อำนาจทางการเมืองย่อมไม่สนใจศีลธรรม

การแย่งชิงอำนาจและผลประโยชน์ ทำให้มีคนที่ดูเหมือนจะไม่ไยดีว่าศีลธรรมจริง ๆ นั้นคืออะไร แต่กลับประกาศตนเป็นเจ้าของศีลธรรม คุณธรรมความดี เป็นผู้ตัดสินความถูกผิด พลางโจมตีฝ่ายตรงข้าม ว่าด้อยศีลธรรม โงเขลาเบาปัญญา

ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งด้อยอำนาจกว่า ก็ป่าวร้องว่าตนถูกลิดรอนเสรีภาพ ได้รับความอยุติธรรม นานาประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถูกกระทำแบบสองมาตรฐาน

มองอย่างผิวเผินก็เห็นแล้วว่า แม้จะมีสื่อที่พยายามสร้างดุลยภาพทางข่าวสาร แต่ความที่อำนาจรัฐ และอำนาจทุนมีความยิ่งใหญ่เสียเหลือประมาณ ความเอนเอียงในตาชั่งของข่าวสารในสื่อกระแสหลักจึง ปรากฏอย่างเห็นได้ชัด

มีเดียมอนิเตอร์เสนอรายงานว่า ในโทรทัศน์ฟรีทีวีแม้จะมีความพยายามที่จะรักษาความเป็นกลาง แต่การเสนอข่าวส่วนใหญ่ออกมาด้านเดียว ในเหตุการณ์มาชุมนุมของเสื้อแดงเดือนมีนาคม สื่อเน้นการรายงาน สถานการณ์การตั้งรับของฝ่ายรัฐบาล โดยไม่ให้ความสำคัญกับการเรียกร้องของผู้ชุมนุม และปราศจากการวิเคราะห์เจาะลึกสถานการณ์อย่างรอบด้าน

เมื่อถูกกีดกันจากรัฐ สื่อทางเลือกอย่างโทรทัศน์ดาวเทียมและเคเบิลทีวี จึงถูกจับจองเป็น สื่อเฉพาะแต่ละฝ่าย แต่ก็ไม่เป็นการเพียงพอสำหรับผู้ที่ไมได้เป็นเจ้าของอำนาจรัฐ ในขณะที่สื่ออินเตอร์เน็ต ก็ถูกปิดเว็บแล้วเว็บเล่า     

ตัดตอนมาจากบทความ สื่อกับสังคมแห่งสติ” ของ สุกัญญา สุดบรรทัด จากหนังสือพิมพ์ มติชนรายวัน วันที่ 22 มีนาคม 2553 หน้า 6-7

86.       ฟรีทีวี ในบทความนี้หมายถึงข้อใด

(1) ช่อง 357, ASTV, TGN    (2) ช่อง NBT, ไทยพีบีเอส, TNN, โมเดิร์นไนน์ทีวี

(3) ช่อง TRUE, 3579  (4) ช่อง 3579, NBT และไทยพีบีเอส

ตอบ 4 จากบทความนี้ ฟรีทีวี” คือ สถานีวิทยุโทรทัศน์ระดับชาติที่ไม่คิดค่าบริการ ซึ่งได้แก่ สถานีวิทยุโทรทัศน์ช่อง 3ช่อง 5ช่อง 7ช่อง 9 (ปัจจุบันคือ โมเดิร์นไนน์ทีวี), ช่อง NBT (ปัจจุบันคือ สทท.) และช่องไทยพีบีเอส (ปัจจุบันคือ ทีวีไทย)

87.       การปฏิบัติหน้าที่ของสื่อเป็นอย่างไร

(1)       เน้นข่าวสารไปตามกลไกของตลาดทุนนิยม

(2)       ไม่สามารถนำเสนอข่าวสารและความคิดเห็นที่หลากหลาย

(3)       เน้นภาพความรุนแรงและตั้งคำถามที่ขาดการควบคุม

(4)       แหล่งข่าวขาดความสมดุลรอบด้าน ใส่ความคิดเห็น เน้นความรุนแรง

ตอบ 2 จากบทความนี้ สะท้อนไห้เห็นถึงโครงสร้างการควบคุมสื่อมวลชนไทยว่ายังคงถูกควบคุมโดยรัฐเพราะสื่อมวลชนถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพอย่างมากในการแสดงออกซึ่งความจริงและความเที่ยงตรง ทั้งนี้สังเกตได้จากการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อที่ไม่สามารถนำเสนอข่าวสารและความคิดเห็นที่ หลากหลายได้ แม้จะมีความพยายามที่จะรักษาความเป็นกลาง แต่การเสนอข่าวส่วนใหญ่ ออกมาด้านเดียว และปราศจากการวิเคราะห์เจาะลึกสถานการณ์อย่างรอบด้าน

88.       บทความนี้สะท้อนถึงสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนอย่างไร

(1)       สื่อถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพอย่างมากในการแสดงออกซึ่งความจริง

(2)       สื่อขาดจริยธรรมและความเที่ยงตรงในการรับใช้

(3)       สื่อที่สนับสนุนรัฐบาลเทานั้นที่มีโอกาสออกอากาศ

(4)       มีการใช้มาตรฐานในการควบคุมสื่อที่แตกต่างกันระหว่างฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลและฝ่ายต่อต้านรัฐบาล

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 87. ประกอบ

89.       บทความนี้สะท้อนให้เห็นถึงการควบคุมสื่ออย่างไร   

(1) ถูกควบคุมโดยการเมืองภาคประชาชน

(2) ถูกควบคุมโดยรัฐ   (3) ถูกควบคุมโดยพรรคการเมือง        (4) ถูกควบคุมโดยจรรยาบรรณวิชาชีพ

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 87. ประกอบ

90.       ขณะนี้สื่อวิทยุและโทรทัศน์ถูกใช้เป็นเครื่องมือด้านใดมากที่สุด

(1) ผลประโยชน์ของประชาชน            (2) ผลประโยชน์ของบุคลากรในวิชาชีพ

(3) ผลประโยชน์ของรัฐบาล    (4) ผลประโยชน์ทางด้านธุรกิจ

ตอบ 3 จากสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้น ทำให้สื่อวิทยุและโทรทัศน์ในขณะนี้ถูกใช้ เป็นเครื่องมือเพื่อผลประโยชน์ของรัฐบาลมากที่สุด ซึ่งเห็นได้จากการนำเสนอข่าวสารจะรับใช้ ผู้ปกครองหรือผู้มีอำนาจรัฐในขณะนั้น ทำให้การรายงานข่าวไม่เป็นกลาง หรือไม่ได้เป็นสื่อของ ประชาชนอย่างแท้จริง (แต่เมื่อใดก็ตามที่การเมืองกลับเข้าสู่ภาวะปกติ สื่อวิทยุและโทรทัศน์ ก็จะถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อผลประโยชน์ทางด้านธุรกิจมากที่สุด)

ตอนที่3

ข้อ 91. – 100. ข้อใดถูกให้ระบายตัวเลือกที่ 1 ข้อใดผิดให้ระบายตัวเลือกที่ 2

91.       จากการศึกษาของยูเนสโก จะพบว่าประเทศที่เจริญหรือพัฒนาแล้วจะมีจำนวนสถานีและเครื่องรับวิทยุและโทรทัศน์ เมื่อเปรียบเทียบกับสัดส่วนของประชากรมากกว่าประเทศที่ยากจนหรือด้อยพัฒนา

ตอบ     1 (คำบรรยาย) จากการศึกษาในระดับโลกของยูเนสโกพบว่า สื่อวิทยุและโทรทัศน์สามารถเข้าถึงประชาชนในประเทศที่พัฒนาแล้วในทวีปยุโรปและทวีปอเมริกาเหนือในจำนวนสัดส่วน ที่สูงที่สุด ไม่ว่าจะเป็นในด้านปริมาณของเครื่องรับและจำนวนสถานีวิทยุและโทรทัศน์ เมื่อเปรียบเทียบกับสัดส่วนของประชากรมากกว่าประเทศกำลังพัฒนาและด้อยพัฒนา ที่อยู่ในทวีปเอเชียและทวีปแอฟริกา

92.       ผู้ที่บัญญัติคำว่า วิทยุกระจายเสียง” คือ ราชบัณฑิตยสถาน

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 36. ประกอบ

93.       สถานีโทรทัศน์ไทยใช้ระบบการแพร่ภาพ คือ VHF

ตอบ 2 หน้า 7282, (คำบรรยาย) เทคโนโลยีการแพร่ภาพของสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยในปัจจุบันมี 2 ระบบ ดังนี้ 1. VHF หรือย่านความถี่สูงมาก คือ 30 – 300 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่งสถานีวิทยุโทรทัศน์ ส่วนใหญ่จะใช้ระบบนี้ ได้แก่ ช่อง 579 และ 11 (NBT หรือ สทท. ในปัจจุบัน)

2. UHF หรือย่านความถี่เหนือสูง คือ 300 – 3,000 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่งมีสถานีวิทยุโทรทัศน์ ใช้เพียง 2 สถานีเท่านั้น ได้แก่ ช่อง 3 และ ITV (ไทยพีบีเอส หรือทีวีไทยในปัจจุบัน)

94.       การนำเครื่องรับส่งวิทยุโทรเลขมาใช้เป็นครั้งแรกในไทยคือ กองทัพบก

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 20. ประกอบ

95.       จากกรณีวิกฤตการณ์ พฤษภาทมิฬ” พ.ศ. 2535 จึงนำไปสู่การแก้ไขระเบียบว่าด้วยวิทยุกระจายเสียง และวิทยุโทรทัศน์ โดยจัดตั้งองค์กรใหม่ที่เข้ามาดูแลกิจการวิทยุและโทรทัศน์ คือ กกช.

ตอบ 1 หน้า 52 จากกรณีวิกฤตการณ์ พฤษภาทมิฬ” พ.ศ. 2535 ได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในส่วนของโทรทัศน์ที่สำคัญประการหนึ่ง คือ ยกเลิกระเบียบว่าด้วยการบริหารวิทยุกระจายเสียง และวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. 2518 และคณะกรรมการ กบว. แต่ให้แทนที่ด้วยระเบียบว่าด้วย วิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. 2535 และจัดตั้งคณะกรรมการกลางทำหน้าที่ ควบคมและกำกับดูแลกิจการวิทยุและโทรทัศน์ คือ กกช.

96.       พัฒนาการของกิจการวิทยุโทรทัศน์ไทยเริ่มต้นในสมัย ร. 9

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 3. ประกอบ

97.       สถานีโทรทัศน์แห่งแรกของญี่ปุ่นคือ NHK

ตอบ 1 หน้า 172 – 173 สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งแรกของญี่ปุ่น คือ สถานีโทรทัศน์ NHK ซึ่งเป็น สถานีวิทยุโทรทัศน์ของชาติที่มีมาตรฐานการผลิตรายการที่ดี รวมทั้งมีการจัดรายการที่ให้ ทั้งความรู้และความบันเทิงแกประชาชน จนเป็นที่ยอมรับจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โดยมีการแพร่ภาพอย่างเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ. 2496

98.       สถานีวิทยุแห่งแรกของสหรัฐอเมริกามีชื่อว่า KDKA

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 60. ประกอบ

99.       ระบบการเป็นเจ้าของกิจการวิทยุและโทรทัศน์ของไทยจะเป็นของรัฐและเอกชน

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 6. ประกอบ

100.    ขณะนี้การปฏิรูปสื่อวิทยุและโทรทัศน์ไทย ได้ดำเนินการจัดตั้งองค์กรอิสระ กสทช. ให้เข้ามากำกับดูแล เรียบร้อยแล้ว

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 27. ประกอบ

MCS1400 (MCS1450) การกระจายเสียงและการแพร่ภาพ การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2555

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2555

ข้อสอบกระบวนวิชา MCS 1400 (MC 140) การกระจายเสียงเบื้องต้น

คำสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว (ข้อสอบมีทั้งหมด 100 ข้อ)

1. ข้อใดคือการกระจายเสียงภาคต่างประเทศของญี่ปุ่น

(1) TBS

(2) NHK

(3) NCB

(4) Radio Japan

ตอบ 4 หน้า 167 Radio Japan เป็นบริการกระจายเสียงภาคต่างประเทศของญี่ปุ่นที่ส่งกระจายเสียง ด้วยระบบคลื่นสั้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข่าวสารและความบันเทิงแก่ชาวญี่ปุ่นภาคโพ้นทะเล รวมทั้งให้ผู้ฟังชาวต่างประเทศได้รู้จักประเทศญี่ปุ่นอย่างถูกต้องตามความเป็นจริงและส่งเสริม ความตั้งใจดีระหว่างประเทศ

2.         สถานีโทรทัศน์แห่งแรกของโลก ตั้งขึ้นที่ประเทศใด

(1)       รัสเซีย  

(2) เยอรมนี     

(3) อังกฤษ      

(4) สหรัฐอเมริกา

ตอบ 3 หน้า 2325169 จุดกำเนิดสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งแรกของโลก คือ สถานีวิทยุโทรทัศน์ BBC ของอังกฤษ ซึ่งได้แพร่ภาพด้วยระบบขาวดำอย่างเป็นทางการครั้งแรก เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2479 โดยมีพิธีเปิดการแพร่ภาพขึ้นที่พระราชวังอเล็กซานดร้า กรุงลอนดอน

3.         แนวความคิดใดในการจัดระบบวิทยุและโทรทัศน์ที่เป็นระบบผูกขาดโดยหน่วยงานของรัฐ

(1)       Mixed System 

(2) Dual System

(3) Free Market System    

(4) Public Service System

ตอบ 4 หน้า 111-112 แนวความคิดในการจัดระบบวิทยุและโทรทัศน์แบบ Public Service System (แนวคิดสื่อสารเพื่อประโยชน์สาธารณะ) คือ

1.         รัฐมีความรับผิดชอบในการให้ข่าวสารข้อมูล และรักษาวัฒนธรรมแห่งชาติ

2.         รัฐเป็นผู้จัดระเบียบในด้านที่มาของรายได้ การจัดสรรคลื่น และคุณภาพของรายการ

3.         เป็นระบบที่ผูกขาดโดยหน่วยงานของรัฐ หรืออาจเป็นการผูกขาดแบบ Duopoly (เล่นพรรคเล่นพวก) โดยมีเอกชนเป็นคู่แข่งเพียง 1-2 รายเท่านั้น รัฐจึงเป็นทั้ง Supplier (ผลิตรายการเอง) และเป็น Regulator (ผู้ควบคุมรายการ) ไปพร้อมกัน

4.         ประเทศที่เป็นแม่แบบของแนวคิด Free Market System คือ

(1)       ญี่ปุ่น   (2) รัสเซีย        (3) อังกฤษ      (4) สหรัฐอเมริกา

ตอบ 4 หน้า 111 – 113 ประเทศสหรัฐอเมริกาถือเป็นแม่แบบของแนวคิด Free Market System (แนวคิดสื่อสารในตลาดเสรี) หรือระบบที่ธุรกิจเอกชนเป็นผู้ให้บริการ คือ ดำเนินการในรูป ตลาดเสรีที่ให้ธุรกิจเอกชนแข่งขันกันอย่างเต็มที่ (Competition) โดยมีความเชื่อว่าถ้าเป็น ตลาดที่สมบูรณ์แล้วจะมีการแข่งขันกันของผู้ประกอบการ และท้ายที่สุดผู้บริโภคจะได้รับ ประโยชน์สูงสุด

5.         แนวคิดที่เป็นระบบพหุนิยมในแนวตลาดเสรีที่กำลังขยายตัวไปทั่วโลก คือ

(1)       Public Service System      (2) Free Market System

(3) Mixed System      (4) Dual System

ตอบ 3 หน้า 111113 ในช่วงทศวรรษที่ 1980 – 1990 กำลังเป็นช่วงที่มีการปรับไปสู่ทิศทางของ ระบบพหุนิยมในแนวตลาดเสรี จึงทำให้เกิดระบบในแบบที่ 3 คือ ระบบผสม (Mixed System) ระหว่างแนวคิดสื่อสารเพื่อประโยชน์สาธารณะกับแนวคิดสื่อสารในตลาดเสรีขยายตัวไปทั่วโลก

6.         ระบบนี้มีความเชื่อว่ากิจการวิทยุและโทรทัศน์ รัฐต้องเข้ามามีความรับผิดชอบในการให้ข้อมูลข่าวสารและรักษาวัฒนธรรมแห่งชาติ หมายถึงข้อใด     

(1) Free Market System

(2)       Public Service System      (3) Mixed System (4) Dual System

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 3. ประกอบ

7.         พัฒนาการของวิทยุกระจายเสียงในโลกถือว่าประเทศใดเป็นผู้บุกเบิกกิจการวิทยุกระจายเสียง

(1)       รัสเซีย  (2) อังกฤษ      (3) สหรัฐอเมริกา         (4) ญี่ปุ่น

ตอบ 3 หน้า 155 – 156 พัฒนาการของวิทยุกระจายเสียงถือว่า ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นผู้บุกเบิก กิจการวิทยุกระจายเสียงโลก โดยมีสถานีวิทยุกระจายเสียงอยู่กลุ่มหนึ่งที่ถือว่าเป็นสถานีวิทยุกระจายเสียงในยุคแรก ๆ คือ สถานี KCBS (ค.ศ. 1909), WHA (ค.ศ. 1917), WWJ (ค.ศ. 1920) และ KDKA (ค.ศ. 1920)

8.         ประเทศใดต่อไปนี้ที่มีกิจการวิทยุและโทรทัศน์เป็นระบบบรรษัทสาธารณะ (Public Corporation)

(1) สหรัฐอเมริกาและอังกฤษ  (2) อังกฤษและญี่ปุ่น

(3)       ไทยและสหรัฐอเมริกา            (4) สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น

ตอบ 2 หน้า 113165 – 166169172 ระบบกิจการวิทยุและโทรทัศน์ของประเทศอังกฤษและ ญี่ปุ่นจะมี 2 ระบบเหมือนกัน คือ

1.         ระบบบรรษัทสาธารณะ (Public Corporation) ได้แก่ BBC ของอังกฤษ และ NHK ของญี่ปุ่น

2.         ระบบธุรกิจเอกชน (Commercial Broadcasting) ได้แก่ สถานีวิทยุและโทรทัศน์เพื่อการค้า มีรายได้จากการโฆษณา

9.         การกระจายเสียง หมายถึงข้อใด

(1)       การออกอากาศรายการวิทยุชุมชนเพื่อคนในท้องถิ่น

(2)       การออกอากาศรายการโทรทัศน์ไปสู่สาธารณชน

(3)       การออกอากาศรายการวิทยุไบ่สู่สาธารณชน

(4)       การออกอากาศรายการวิทยุและโทรทัศน์เพื่อสาธารณชน

ตอบ 3 หน้า 1 ในภาษาไทยได้แบ่งความหมายชองคำว่า การกระจายเสียง” และ การแพร่ภาพ” เอาไว้ชัดเจนดังนี้            1. การกระจายเสียง หมายถึง การออกอากาศทางวิทยุกระจายเสียงซึ่งเป็นคำที่ใช้กันมาตั้งแต่เริ่มมีวิทยุกระจายเสียงในปี พ.ศ. 2473      2. การแพร่ภาพ หมายถึงการออกอากาศทางวิทยุโทรทัศน์ ซึ่งเป็นคำที่ใช้กันมาตั้งแต่เริ่มมีวิทยุโทรทัศน์ในปี พ.ศ. 2498

10.       วิทยุโทรทัศน์ หมายถึงอะไร

(1)       การกระจายหรือแพร่ไปของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในอากาศเพื่อส่งสาร

(2)       การใช้ส่งและรับทางสายเคเบิลเพื่อส่งออกอากาศภาพและเสียง

(3)       การใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเพื่อส่งกระจายออกอากาศ หรือเพื่อรับสัญญาณไฟฟ้าโดยไม่ต้องใช้สาย

(4)       การส่งสัญญาณรับภาพและเสียงโดยเครื่องส่งและเครื่องรับอิเล็กทรอนิกส์ ออกอากาศด้วย กระแสคลื่นวิทยุที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า

ตอบ 4 หน้า 381 คำว่า “Television” นี้ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ ได้ทรงวิเคราะห์ศัพท์ และได้บัญญัติคำเน้นภาษาไทยครั้งแรกว่า วิทยุโทรทัศน์” (มักเรียกสั้น ๆ ว่า โทรทัศน์)ซึ่งหมายถึง การส่งและรับสัญญาณภาพและเสียงโดยเครื่องส่งและเครื่องรับอิเล็กทรอนิกส์ออกอากาศด้วยกระแลคลื่นวิทยุที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากเครื่องส่งไปยังเครื่องรับที่อยู่ห่างไกล

ข้อ 11. – 14. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม

(1)       BBC  (2) FCC       (3) PBS       (4) NHK

11.       คณะกรรมการการสื่อสารแห่งชาติของประเทศสหรัฐอเมริกา

ตอบ 2 หน้า 24114168 คณะกรรมการการสื่อสารแห่งชาติของประเทศสหรัฐอเมริกา(Federal Communications Commission : FCC) เป็นองศ์กรอิสระของรัฐ ซึ่งมีหน้าที่ดูแลกิจการวิทยุและโทรทัศน์ทั้งหมด รวมทั้งคอยจัดสรรคลื่นวิทยุเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ ด้วย

12.       บรรษัทการกระจายเสียงของญี่ปุ่น

ตอบ 4 หน้า 165 – 166 บรรษัทการกระจายเสียงแห่งญี่ปุ่น (Nippon Hoso Kyokai : NHK) เป็นองศ์การกระจายเสียงแห่งชาติที่ทำการกระจายเสียงเพื่อสาธารณะ โดยไม่แสวงหากำไร และมีรายได้จากการเก็บค่าธรรมเนียมเครื่องรับวิทยุและโทรทัศน์ ซึ่งมีลักษณะเหมือนกับ BBC ของอังกฤษ

13.       บรรษัทวิทยุและโทรทัศน์อังกฤษ

ตอบ 1 หน้า 161 – 162169 บรรษัทวิทยุและโทรทัศน์อังกฤษ (British Broadcasting

Corporation : BBC) มีฐานะเป็นบรรษัทสาธารณะที่ได้รับงบประมาณจากรัฐบาล โดยเก็บ ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้มีเครื่องรับวิทยุและโทรทัศน์จากประชาชนมาเป็นค่าใช้จ่ายของบรรษัท

14.       ระบบสาธารณะของสหรัฐอเมริกา

ตอบ 3 หน้า 113168 ระบบสาธารณะของสหรัฐอเมริกา (Public Broadcasting Service : PBS) เป็นเครือข่ายสาธารณะที่รัฐบาลกลางได้จัดตั้งขึ้นมาในภายหลังเพื่อผลิตรายการที่ส่งเสริมคุณค่า ทางสังคม ศิลปวัฒนธรรม และกิจการสาธารณะ ซึ่งแตกต่างไปจากรายการที่โทรทัศน์เอกชนผลิต เช่น รายการสำหรับเด็ก รายการสำหรับการศึกษา เป็นต้น

15.       ข้อใดคือการกระจายเสียงภาคต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา

(1) CNN      (2) VOA     (3) CBS       (4) BBC

ตอบ 2 หน้า 159 – 160, (คำบรรยาย) การกระจายเสียงภาคต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา คือ สถานีวิทยุคลื่นสั้น VOA (Voice of America) ซึ่งเป็นสถานีวิทยุภาคภาษาต่างประเทศที่ กระจายเสียงไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกถึง 35 ภาษา ออกอากาศสัปดาห์ละ 805 ชั่วโมง และมีผู้รับฟังประมาณ 26 ล้านคน โดยในประเทศไทยได้จัดตั้งสถานีทวนสัญญาณ (Rely Station) ขึ้นที่จังหวัดอุดรธานี เพื่อส่งกระจายเสียงต่อไปยังประเทศต่าง ๆ ในแถบเอเชีย

16.       ข้อใดคือการกระจายเสียงภาคต่างประเทศของอังกฤษ

(1) NHK      (2) BBC      (3) IBA        (4) VOA

ตอบ 2 หน้า 164 การกระจายเสียงภาคต่างประเทศของอังกฤษ คือ สถานีวิทยุบีบีซีภาคภาษาต่างประเทศ (BBC External Broadcasting Service) ซึ่งเริ่มส่งกระจายเสียงคลื่นสั้นไปยังต่างประเทศครั้งแรก เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2475 (ค.ศ. 1932) เรียกว่า Empire Service ทั้งนี้เพราะในช่วง ระยะ 6 ปีแรกได้จัดรายการโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประเทศในอาณานิคมของตนเองทั่วโลก

17.       ประเทศใดที่ถือว่ากิจการวิทยุและโทรทัศน์ดำเนินการโดยระบบเอกชนทั้งหมด(1)       อังกฤษ            (2) ญี่ปุ่น         (3) สหรัฐอเมริกา         (4) ไทย

ตอบ 3 หน้า 167, (คำบรรยาย) ระบบกิจการวิทยุและโทรทัศน์ของประเทศสหรัฐอเมริกา ไม่ว่า จะจัดตั้งขึ้นเพื่อการค้า เพื่อการศึกษา หรือเพื่อสาธารณะ ก็ให้ถือว่าเป็นกิจการของเอกชน และดำเนินงานโดยเอกชน (Private Ownership and Operation) ทั้งหมด ทั้งนี้เพราะมิได้ มีการจัดสรรคลื่นเอาไว้ให้แต่หน่วยราชการ ดังนั้นเอกชน นิติบุคคล องค์กรสาธารณะต่าง ๆ ก็มีสิทธิจัดตั้งสถานีวิทยุและโทรทัศน์ได้ (ดูคำอธิบายข้อ 4. ประกอบ)

18.       ประเทศใดต่อไปนี้ที่กิจการวิทยุและโทรทัศน์มีสิทธิเสรีภาพมากที่สุด โดยถูกรับรองไว้ในกฎหมาย รัฐธรรมนูญที่จะไม่ออกกฎหมายใด ๆ มาลิดรอนสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน

(1)       ฝรั่งเศส            (2) สวิตเซอร์แลนด์      (3) อังกฤษ      (4) สหรัฐอเมริกา

ตอบ 4 หน้า 160 – 161 ระบบสื่อมวลชนของสหรัฐอเมริกาจะมีรูปแบบตามแนวคิดทฤษฎี สื่อสารมวลชนกับความรับผิดชอบของสังคม ทำให้สื่อมวลชนมีเสรีภาพมากที่สุดในโลก ประเทศหนึ่ง โดยเสรีภาพในการรายงานและรับรู้ข่าวสารจะได้รับการรับรองไว้ในกฎหมาย รัฐธรรมนูญของประเทศ ซึ่งมีใจความสำคัญว่า รัฐสภาจะไม่ออกกฎหมายที่มาบั่นทอนเสรีภาพ ของสื่อมวลชน แต่สื่อมวลชนจะต้องเคารพสิทธิของบุคคลอื่นด้วย

19.       องค์กรที่ทำหน้าที่ควบคุมและบริหารคลื่นความถี่วิทยุให้เป็นระเบียบทั่วโลก หมายถึงข้อใด

(1) สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) (2) สหภาพการกระจายเสียงยุโรป (EBU)

(3) สหภาพการกระจายเสียงเอเชีย-แปซิฟิก (ABU) (4) สหภาพการกระจายเสียงระหว่างประเทศ (IBU)

ตอบ 1 หน้า 58115124 สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (The International Telecommunication Union : ITU) มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเจนิวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นองค์กรที่ทำหน้าที่ควบคุมและบริหารคลื่นความถี่วิทยุให้เป็นระเบียบทั่วโลก โดยผ่านทางรัฐบาลของแต่ละประเทศ

20.       ประเทศไทยมีหน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบในการจัดสรรคลื่นความถี่วิทยุเพื่อใช้ในการจัดตั้งสถานีวิทยุ และโทรทัศน์ หมายถึงข้อใด          

(1) กสทช.

(2)       กระทรวงการต่างประเทศ        (3) กรมประชาสัมพันธ์            (4) กรมไปรษณีย์โทรเลข

ตอบ 1 เจตนารมณ์ในการปฏิรูปสื่อวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ไทยตามรัฐธรรมนูญๆ ฉบับปัจจุบัน พ.ศ. 2550 มาตรา 47 ได้กำหนดให้มีองค์กรของรัฐที่เป็นอิสระองค์กรหนึ่ง ทำหน้าที่จัดสรร คลื่นความถี่และกำกับดูแลการประกอบกิจการวิทยุกระจายเลียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ทั้งนี้องค์ภรอิสระที่จะมาทำหน้าที่ดังกล่าว ได้แก่ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ซึ่งเรียกโดยย่อว่า กสทช.)

21.       ประเทศใดทีเป็นแม่แบบของแนวความคิดในการจัดระบบวิทยุและโทรทัศน์แบบ Public Service System

(1) รัสเซีย        

(2) อังกฤษ      

(3) ญี่ปุ่น         

(4) สหรัฐอเมริกา

ตอบ 2 หน้า 111113, (คำบรรยาย) ประเทศอังกฤษหรือสหราชอาณาจักรถือเป็นแม่แบบของแนวคิด Public Service System (แนวคิดสื่อสารเพื่อประโยชน์สาธารณะ) หรือระบบที่รัฐเป็นผู้ให้บริการ โดยมีความเชื่อว่ารัฐจะให้บริการได้อย่างเป็นธรรมแก่ประชาชนทุกฐานะ ทุกกลุ่ม อย่างเท่าเทียมกัน และในราคาที่เหมาะสม ดังนั้นรัฐจึงมีความชอบธรรมที่จะดำเนินการผูกขาดใน การเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์กิจการสาธารณูปโภคต่าง ๆ รวมทั้งบริการด้านวิทยุและโทรทัศน์

22.       บิดาของกิจการวิทยุกระจายเสียงไทย หมายถึงใคร

(1)       พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว     

(2) พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

(3)       พระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าบูรฉัตรไชยากร 

(4) สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต

ตอบ 3 หน้า 33 – 34 บิดาของกิจการวิทยุกระจายเสียงไทย คือ นายพลเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองศ์เจ้าบูรฉัตรไชยากร กรมพระทำแพงเพชรอัครโยธิน เพราะพระองศ์ทรงเป็นผู้บุกเบิก และริเริ่มให้มีการทดลองส่งวิทยุกระจายเสียงขึ้นในประเทศไทยเป็นครั้งแรก โดยใช้ชื่อ สถานีวิทยุแห่งนี้ว่า พีเจ” ซึ่งย่อมาจากคำว่า บูรฉัตรไชยากร

23.       บิดาของกิจการวิทยุกระจายเสียงโลก คือ     

(1) เฮนริช เฮิรตซ์ (Heinrich Hertz)

(2)       กูกลิเอลโม มาร์โคนี (Guglielmo Marconi) 

(3) ลี เดอ ฟอเรสต์ (Lee de Forest)

(4)       เรจินัลด์ เอ. เฟสเสนเดน (Reginald A. Fessenden)

ตอบ 2 หน้า 17 – 18 ในปี พ.ศ. 2438 กูกลิเอลโม มาร์โคนิ (Guglielmo Marconi) ได้ประดิษฐ์ เครื่องมือการสื่อสารที่เรียกว่า วิทยุโทรเลข (Wireless Telegraph) สำเร็จเป็นครั้งแรก ต่อมาใน พ.ศ. 2444 เขาก็ได้ทดลองส่งสัญญาณวิทยุโทรเลขข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก และ ได้นำเอาการทดลองนี้ไปสู่การผลิตแบบอุตสาหกรรมได้สำเร็จเป็นคนแรก จนได้รับการยกย่อง ว่าเป็น บิดาของกิจการวิทยุกระจายเสียงโลก

24.       สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งแรกของไทยเกิดขึ้นในสมัยใด

(1) รัชกาลที่ 5  (2) รัชกาลที่ 6  (3) รัชกาลที่ 7  (4) รัชกาลที่ 8

ตอบ 3 หน้า 34 – 36 สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งแรกของประเทศไทย คือ สถานีวิทยุกรุงเทพฯ ที่พญาไท ซึ่งก่อตั้งขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 7 ภายใต้การดูแลของกรมไปรษณีย์โทรเลข (ปัจจุบัน เปลี่ยนชื่อเป็น สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ในสังกัดของกรมประชาสัมพันธ์)โดยทางราชการได้ทำพิธีเปิดสถานีอย่างเป็นทางการและถ่ายทอดเสียงทางวิทยุเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2473 (ตรงกับวันพระราชพิธีฉัตรมงคลในรัชกาลที่ 7) ซึ่งถือเป็นจุดกำเนิดของกิจการวิทยุกระจายเสียงไทย

ข้อ 25. – 28. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม

(1) Broadcasting        (2) Wireless

(3)       Radio Telegraph     (4) Closed Circuit Television

25.       การออกอากาศรายการวิทยุและโทรทัศน์

ตอบ 1 หน้า 1 คำว่า “Broadcasting” ในภาษาอังกฤษ หมายถึง การกระจายเสียงและการแพร่ภาพในขณะที่สารานุกรมบริแทนนิก้าได้ให้ความหมายไว้ว่า คือ การออกอากาศรายการวิทยุกระจายเสียง และวิทยุโทรทัศน์ไปสู่ผู้รับซึ่งเป็นสาธารณชนทั่วไป

26.       วิทยุกระจายเสียง

ตอบ 2 หน้า 2 คำว่า วิทยุกระจายเสียง” มักเรียกกับสั้น ๆ ว่า วิทยุ” ในขณะที่ชาวอังกฤษนิยม ใช้คำดั้งเดิมว่า Wireless (ไม่มีสาย) ส่วนชาวอเมริกันนิยมเรียกสั้น ๆ ว่า Radio

27.       วิทยุโทรทัศน์ที่ใช้ส่งและรับทางสายเคเบิล

ตอบ 4 หน้า 74 วิทยุโทรทัศน์วงจรปิด (Closed Circuit Television) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า CCTV หมายถึง วิทยุโทรทัศน์ที่ใช้ส่งและรับทางสายเคเบิลหรือสายแกนร่วม (Coaxial Cable) ไปยัง จุดที่ติดตั้งเครื่องรับ ไม่ได้ส่งออกอากาศไปไกล ๆ เช่น จากห้องควบคุม (Control Room) ไปยังห้องเรียนต่าง ๆ

28.       การใช้คลื่นวิทยุส่งข้อความตามรหัสสัญญาณโทรเลขของมอร์ส

ตอบ 3 หน้า 217 – 18 วิทยุโทรเลข (Radio Telegraph or Wireless Telegraph) หมายถึง การใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าหรือคลื่นวิทยุส่งข้อความตามรหัสสัญญาณโทรเลขของมอร์ส ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติไปสู่การสื่อสารโดยไม่ต้องใช้สาย (Wireless) หรือที่เรียกว่า วิทยุ (Radio) ในปัจจุบัน

29.       วิทยุกระจายเสียงจะมีประสิทธิภาพสูงถ้าใช้เพื่อถ่ายทอดสาระประเภทใด  

(1) หลักการหรือทฤษฎี

(2)       การกำหนดลักษณะทางกายภาพ (3) การฝึกทักษะทั่วไป     (4) ทัศนคติที่พึงประสงค์ ตอบ 4 (คำบรรยาย) วิทยุกระจายเสียงจะให้ประสิทธิผลในการจูงใจและเปลี่ยนทัศนคติได้ดีที่สุดนอกจากนี้ยังถือเป็นสื่อที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในแง่ของการสร้างความคิดคำนึงหรือจินตนาการ เมื่อใช้ถ่ายทอดหรือเสนอเนื้อหาสาระที่เป็นนามธรรม คือ

1.         ข้อเท็จจริง (Factual Information) เช่น ข่าวต่าง ๆ การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ฯลฯ

2.         แนวปฏิบัติต่าง ๆ (Procedures) เช่น อุดมการณ์หรือแนวคิด การเล่านิทานหรือละคร ฯลฯ

3.         ทัศนคติที่พึงประสงค์ (Desirable Attitudes) เช่น การบรรยายธรรม ฯลฯ

4.         การจูงใจให้คิดหรือทำ (Motivation) เช่น การโฆษณาชวนเชื่อ ฯลฯ

30.       แนวคิดทฤษฎีใดที่เชื่อว่าวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์มีอิทธิพลต่อประชาชนโดยตรง

(1)       ทฤษฎีสังคมมวลชน    (2) ทฤษฎีสื่อสารมวลชน

(3)       ทฤษฎีสื่อสารการพัฒนา        (4) ทฤษฎีวิพากษ์สื่อมวลชน

ตอบ 1 หน้า 102 นักวิชาการด้านทฤษฎีสังคมมวลชน (Mass Society Theory) เชื่อว่า สื่อมวลชน ซึ่งหมายรวมถึงวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์จะมีอิทธิพลต่อประชาชนโดยตรงโดยพิจารณา จากคุณลักษณะสำคัญดังนี้            1. ความสามารถเข้าถึงประชาชนจำนวนมากได้โดยตรง และการเปิดรับของผู้รับสาร            2. มีอิทธิพลในการชักจูงใจ           3. มีผลในเรื่องใดเรื่องหนึ่งต่อคนจำนวนมากในลักษณะเดียวกันหรือคล้ายคลึงกัน

31.       ข้อใดไม่ใช่ประเภทรายการวิทยุโทรทัศน์ที่จัดแบ่งตามบทบาทหน้าที่ของสื่อมวลชน

(1)       รายการข่าว     

(2) รายการการศึกษา  

(3) รายการบันเทิง       

(4) รายการสำหรับเด็ก

ตอบ 4 หน้า 100 – 101 การแบ่งประเภทรายการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ตามบทบาท หน้าที่ของสื่อมวลชน ได้แก่   1. รายการที่ให้ข่าวสาร

2.         รายการที่แสดงความคิดเห็นหรือการชักจูงใจ

3.         รายการที่ให้ความรู้และการศึกษา      4. รายการที่ให้ความบันเทิง

32.       สถานีวิทยุโทรทัศน์ที่จัดตั้งล่าสุด หมายถึงข้อใด

(1)       ITV   

(2) TITV     

(3) IPS8        

(4) TPBS

ตอบ 4 (ข่าว) ภายหลังจากที่ พ.ร.บ. องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2551 ได้ส่งผลให้ประเทศไทยมีสถานีวิทยุ- โทรทัศน์ระดับชาติในส่วนกลางที่มีการจัดตั้งขึ้นมาใหม่ล่าสุด คือ ไทยพีบีเอส (TPBS) หรือทีวีไทย ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นสถานีวิทยุโทรทัศน์สาธารณะ หรือทีวีสาธารณะแห่งแรกของประเทศไทย และเริ่มแพร่ภาพออกอากาศอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 โดยได้รับ สัมปทานการใช้คลื่นความถี่ในการแพร่ภาพจากสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.)

33.       สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งแรกของประเทศไทยที่ถูกมาตรการลงโทษให้ปิดสถานี หมายถึงข้อใด

(1)       ITV   

(2) TITV     

(3) ช่อง 4        

(4) ช่อง 7

ตอบ 1 (ข่าว) สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งแรกของไทยที่ถูกมาตรการลงโทษให้ปิดสถานี ตามคำตัดสิน ของศาลปกครองสูงสุด คือ ITV แต่ต่อมาศาลปกครองสูงสุดก็มีคำสั่งคุ้มครองให้ออกอากาศ ต่อไปได้ ภาใต้ชื่อใหม่ว่า TITV โดยมีเงื่อนไขว่าทันทีที่ พ.ร.บ. องค์การกระจายเสียงและ แพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 มีผลบังคับใช้ สถานีวิทยุโทรทัศน์ TITV ต้องเปลี่ยนเป็นทีวีสาธารณะอย่างเต็มรูปแบบ (ดูคำอธิบายข้อ 32. ประกอบ)

34.       ทีวีสาธารณะแห่งแรกของประเทศไทย หมายถึงข้อใด

(1)ช่อง9           (2)ช่อง 11       (3) TPBS     (4) TITV

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 32. ประกอบ

35.       ทีวีสาธารณะจัดตั้งขึ้นจากกฎหมายฉบับใด

(1)       พ.ร.บ. องค์การจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับดูแลกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. 2543

(2)       พ.ร.บ. การประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. 2550

(3)       พ.ร.บ. องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551

(4)       พ.ร.บ. วิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. 2551

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 32. ประกอบ

36.       โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เริ่มจัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ใด

(1)พ.ศ.2498   (2)พ.ศ.2500   (3)พ.ศ.2511   (4)พ.ศ.2520

ตอบ 3 หน้า 152 – 153 โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เริ่มจัดตั้งขึ้นเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2511 ซึ่งเกิดจากความคิดว่าควรรวมตัวกันขึ้นเพื่อปรึกษาหารือและจัดการดำเนินการ ในด้านต่าง ๆ อันจะทำให้เกิดประโยชน์แก่โทรทัศน์ทุกช่อง โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้

1.         ร่วมมือในการถ่ายทอดและรับการถ่ายทอดทั้งในประเทศและนอกประเทศ สำหรับรายการ ที่สำคัญ ๆ ระดับชาติหรือระหว่างประเทศ

2.         เป็นผู้ประสานงานในการตกลงค่าลิขสิทธิ์ต่าง ๆ ในการถ่ายทอดตามข้อ 1.

3.         แลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกันในระหว่างโทรทัศน์ช่องต่าง ๆ โดยมีหลักการที่ จะไม่แย่งชิงผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน

4.         ร่วมมือกันสร้างสรรค์ความสัมพันธ์ระหว่างสถานีโทรทัศน์แต่ละช่อง ฯลฯ

37.       จุดเริ่มต้นของถานีโทรทัศนไอทีวี (ทีวีเสรี) เกิดจากเหตุผลอะไร

(1)       เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ปี พ.ศ. 2535

(2)       รัฐบาลอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกรัฐมนตรี ต้องการเปิดเสรีด้านสิทธิการรับรู้ข่าวสาร

(3)       สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีต้องการมีสถานีโทรทัศน์อยู่ในสังกัด

(4)       การเรียกร้องของนักวิชาการต้องการมีสถานีโทรทัศน์เพิ่มขึ้น

ตอบ 1 หน้า 51 จุดเริ่มต้นของการกำเนิดสถานีวิทยุโทรทัศน์ไอทีวี (ทีวีเสรี) นั้น เกิดขึ้นเนื่องมาจาก เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พ.ศ. 2535” ทั้งนี้เพราะสื่อมวลชนทั้งวิทยุและโทรทัศน์ในขณะนั้น ถูกใช้เป็นเครื่องมือของรัฐในการทำหน้าที่เป็นปากเสียงให้แก่คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) โดยมิได้เสนอข่าวสารตามที่เกิดขึ้นจริง

38.       การก่อตั้งกิจการวิทยุโทรทัศน์ครั้งแรกของไทยนั้นดำเนินการในลักษณะใด

(1) ตั้งเป็นหน่วยงานราชการ   (2) ตั้งเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ

(3) ตั้งเป็นบริษัทจำกัด            (4) ตั้งเป็นสำนักงานโฆษณาการ

ตอบ 3 หน้า 40 – 41 การก่อตั้งกิจการวิทยุโทรทัศน์ครั้งแรกในประเทศไทย เกิดจากความคิดริเริ่ม ของจอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี เมื่อ พ.ศ. 2495 (ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 9) แต่ถูกสภาผู้แทนราษฎรและหนังสือพิมพ์โจมตีคัดค้านอย่างมากว่าสิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดิน จึงทำให้รัฐบาลเปลี่ยนแผนการจากเดิมที่จะดำเนินการเอง มาเป็นการจัดตั้งบริษัทจำกัด (บริษัท ไทยโทรทัศน์ จำกัด) เพื่อหารายได้เลี้ยงตัวเอง

39.       การก่อตั้งกิจการวิทยุกระจายเสียงครั้งแรกของไทยนั้นดำเนินการในลักษณะใด

(1)       อยู่ภายใต้การดูแลของกรมไปรษณีย์โทรเลข

(2)       อยู่ภายใต้การดูแลของกรมประชาสัมพันธ์

(3)       อยู่ภายใต้การดูแลขององค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย

(4)       อยู่ภายใต้การดูแลของกรมการทหารสื่อสาร

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 24. ประกอบ

40.       รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันของประเทศไทย หมายถึงข้อได

(1) รัฐธรรมนูญ ปี พ.ศ. 2540         (2) รัฐธรรมนูญ ปี พ.ศ. 2551

(3) รัฐธรรมนูญ ปี พ.ศ.2550          (4) รัฐธรรมนูญ ปี พ.ศ. 2549

ตอบ 3 รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันของประเทศไทย คือ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2550 ประกอบไปด้วย 309 มาตรา (ผ่านการ ออกเสียงลงประชามติเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2550)

41.       มาตราใดในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปสื่อวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ไทย

(1) มาตรา 40  

(2)       มาตรา 45

(3)       มาตรา 47

(4)       มาตรา 50

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 20. ประกอบ

42.       จากข้อ 41. องค์กรอิสระที่จะมากำกับดูแลและจัดสรรการใช้คลื่นความถี่วิทยุและโทรทัศน์ไทย หมายถึงข้อใด

(1) กกช.          

(2)       กสช.    

(3)       กสทช. 

(4)       กทช.

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 20. ประกอบ

43.       องค์กรอิสระที่จะมากำกับดูแลและจัดสรรการใช้คลื่นความถี่วิทยุในกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมไทยในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน มีกี่องค์กร

(1) 1 องค์กร    

(2) 2 องค์กร    

(3) 3 องค์กร    

(4) 4 องค์กร

ตอน 1  ดูคำอธิบายข้อ 20. ประกอบ

44.       โครงสร้างการควบคุมกิจการวิทยุและโทรทัศน์ไทย มีลักษณะอย่างไร

(1) ถูกควบคุมโดยรัฐ และควบคุมกันเอง        (2) ถูกควบคุมโดยรัฐ และผลประโยชน์ทางธุรกิจ

(3) ถูกควบคุมโดยรัฐ และบุคคลภายนอก      (4) ถูกควบคุมโดยรัฐ ควบคุมกันเอง และบุคคลภายนอก

ตอบ 4 หน้า 125 – 127 โครงสร้างการควบคุมกิจการวิทยุและโทรทัศน์ไทยแบ่งออกเป็น 3 ฝ่าย คือ

1.         การควบคุมโดยรัฐ คือ การจัดตั้งสถาบันขึ้นมาควบคุม เช่น กสทช.การออกกฎหมายที่บังคับใช้โดยตรงและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น ข้อบังคับและหลักเกณฑ์ที่ออกมาในรูปของ หนังสือเวียนและคำสั่งอื่น ๆ ฯลฯ

2.         การควบคุมกันเอง เช่น มีจริยธรรมและจรรยาบรรณของวิชาชีพสื่อสารมวลชน รวมทั้ง การจัดตั้งสมาคมวิชาชีพต่าง ๆ

3.         การควบคุมจากบุคคลภายนอก ได้แก่ ผู้ชม/ผู้ฟัง ผู้อุปถัมภ์รายการ และกลุ่มผลักดันทางสังคม

45.       ข้อใดหมายถึงสื่อทางเลือกของประชาชน

(1) สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวิสีช่อง 9    (2) สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย

(3) สถานีวิทยุชุมชน    (4) สถานีวิทยุกระจายเสียง อ.ส.ม.ท.

ตอบ 3 สื่อทางเลือก หรือสื่อภาคประชาชน คือ สื่อนอกกระแสที่เปิดพื้นที่การสื่อสารให้แก่ประชาชน หลากหลายกลุ่ม จึงเป็นการสร้างทางเลือกให้แก่ผู้รับสารในการรับรู้ข่าวสารที่แตกต่างไปจาก สื่อกระแสหลัก ซึ่งมักถูกกำหนดเนื้อหาจากภาครัฐและนายทุน เช่น สถานีวิทยุชุมชน สถานีวิทยุและโทรทัศน์ทางอินเทอร์เน็ต โทรทัศน์ดาวเทียม เคเบิลทีวี ฯลฯ

46.       ระบบการแพร่ภาพของสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยในปัจจุบันใช้ระบบอะไร

(1) ระบบขาวดำ 525 เส้น       (2) ระบบ SECAM 525 เส้น

(3) ระบบ PAL 625 เส้น        (4) ระบบ CCIR 625 เส้น

ตอบ 3 หน้า 4371 ระบบการแพร่ภาพของสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยในระยะเริ่มแรกนั้นจะใช้ระบบ ขาวดำ 525 เส้น เรียกว่า ระบบ EIA แต่ตั้งแต่ พ.ศ. 2517 จนถึงปัจจุบัน ประเทศไทยก็ได้ เปลี่ยนมาใช้ระบบสี คือ ระบบ PAL สัญญาณภาพ 625 เส้น (25 ภาพต่อวินาที)

47.       สื่อที่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือหรือพลังต่อรองทางการเมืองเมื่อเกิดวิกฤตการณ์สำคัญในสังคมไทย คือ

(1) ใบปลิว       (2) โทรสาร (Fax)

(3) วิทยุและโทรทัศน์   (4) หนังสือพิมพ์

ตอบ 3 หน้า 35, (คำบรรยาย) สื่อวิทยุและโทรทัศน์มักถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือหรือเป็นพลังต่อรอง ทางการเมือง เมื่อเกิดวิกฤตการณ์สำคัญในสังคมไทย (เช่น เหตุการณ์ 14 ตุลา และเหตุการณ์ พฤษภาทมิฬ ฯลฯ) ทั้งนี้เนื่องจากเป็นเครื่องมือที่สามารถสื่อสารได้อย่างรวดเร็วฉับไว น่าเชื่อถือ และสามารถเข้าถึงประชาชนได้กว้างขวาง (ดูคำอธิบายข้อ 37. ประกอบ)

48.       สถานีโทรทัศน์ที่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี คือ

(1) ช่อง 3ช่อง 7        (2) ช่อง 5ช่อง 11      (3) ช่อง 3ช่อง 9        (4) ช่อง 5ช่อง 7

ตอบ 3 หน้า 137 – 138 ลักษณะโครงสร้างระบบวิทยุโทรทัศน์ไทยในปัจจุบันแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย ดังนี้

1.         ฝ่ายพลเรือน จะอยู่ในสังกัดสำนกนายกรัฐมนตรี คือ สถานีโทรทัศน์ในสังกัดของ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตริ ได้แก่ ไอทีวี (TPBS หรือทีวีไทยในปัจจุบัน),กรมประชาสัมพันธ์ได้แก่ช่อง 11 (NBT หรือสทท.ในปัจจุบัน)และสถานีโทรทัศน์ ในส่วนภูมิภาคทั้งหมดอ.ส.ม.ท. ได้แก่ ช่อง 3 และช่อง 9 (โมเดิร์นไนน์ทีวี)

2.         ฝ่ายทหาร จะอยู่ในสังกัดกระทรวงกลาโหม คือ สถานีโทรทัศน์เฉพาะของกองทัพบกเท่านั้น ได้แก่ ช่อง 5 และช่อง 7

49.       สถานีโทรทัศน์ที่ทำหน้าที่เป็นสถานีแม่ข่ายในส่วนภูมิภาค หมายถึงข้อใด

(1)       สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3  (2) สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5

(3) สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7  (4) สถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทยในส่วนภูมิภาค

ตอบ 4 หน้า 48 – 49149 การจัดตั้งสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยในส่วนภูมิภาคเป็นความคิดริเริ่มของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น โดยท่านเล็งเห็นว่า วิทยุโทรทัศน์มีข้อจำกัดที่ไม่สามารถจะแพร่ภาพไปทั่วประเทศได้ จึงบัญชาให้กรมประชาสัมพันธ์ จัดตั้งสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยในส่วนภูมิภาคขึ้น โดยให้ทำหน้าที่เป็นสถานีแม่ข่าย ในส่วนภูมิภาคทั้งหมด

50.       จุดเริ่มต้นของสถานีวิทยุโทรทัศน์ TPBS (ทีวีไทย ทีวีสาธารณะ) เกิดจากเหตุผลอะไร

(1)       การเรียกร้องของนักวิชาการต้องการมีทีวีสาธารณะในสังคมไทย

(2)       เข้ามาแทนที่สถานีโทรทัศน์ไอทีวี

(3)       รัฐบาล คมช. ต้องการพัฒนาคุณภาพสถานีโทรทัศน์ไทย

(4)       เหตุการณ์ปฏิวัติ 19 กันยายน พ.ศ. 2549

ตอบ 1 (คำบรรยาย) จุดเริ่มต้นของสถานีวิทยุโทรทัศน์ TPBS (ทีวีไทย หรือทีวีสาธารณะ) เกิดจากกระแสการเรียกร้องของนักวิชาการ กลุ่มเอ็นจีโอ และสถาบันวิจัย TDRI ที่ต้องการให้มีทีวีสาธารณะขึ้น ในสังคมไทย ทำให้ คมช. (รัฐบาลชั่วคราวในขณะนั้น) ร่าง พ.ร.บ. องค์การกระจายเสียงและ แพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 ขึ้นมาบังคับใช้ เพื่อตอบรับกระแสการเรียกร้องนั้น โดยให้สถานีวิทยุโทรทัศน์ TPBS ออกอากาศแทนสถานีวิทยุโทรทัศน์ TITV ที่ถูกปิดสถานีลง (ดูคำอธิบายข้อ 32. และ 33. ประกอบ)

51.       กฎหมายวิทยุและโทรทัศน์ฉบับล่าสุดในขณะนี้ หมายถึงข้อใด

(1)       พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และ กิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553

(2)       พ.ร.บ. องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551

(3)       พ.ร.บ. การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551

(4)       ระเบียบว่าด้วยวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. 2550

ตอบ 1 (คำบรรยาย) กฎหมายวิทยุและโทรทัศน์ที่ออกมาฉบับส่าสุดและบังคับใช้ในปัจจุบัน คือพ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 ซึ่งประกาศใช้เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2553

52.       ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับการจัดองค์กรของสถานีโทรทัศน์ในส่วนกลาง

(1)       สถานีโทรทัศน์ในส่วนกลางจะมีขนาดใหญ่ มีกำลังเครื่องส่งสูง และมีเครื่องมืออุปกรณ์ต่าง ๆ ที่สมบูรณ์กว่าสถานีโทรทัศน์ในส่วนภูมิภาค

(2)       สถานีโทรทัศน์ในส่วนกลางมีลักษณะการดำเนินงานที่แตกต่างกันกับสถานีโทรทัศน์ในส่วนภูมิภาค ทั้งจำนวนบุคลากร ขนาดของเครื่องส่ง และการผลิตรายการ

(3)       สถานีโทรทัศน์ในส่วนกลางจะมีสถานีโทรทัศน์แม่ข่ายในส่วนภูมิภาคที่ทำหน้าที่ถ่ายทอดสัญญาณ ไปทั่วประเทศ

(4)       สถานีโทรทัศน์ในส่วนกลางจะมีระบบการบริหารงานในรูปของบริษัทจำกัด

ตอบ 1 หน้า 139 สถานีวิทยุโทรทัศน์ที่ตั้งอยู่ในส่วนกลางจะมีขนาดใหญ่ มีกำลังเครื่องส่งสูง และ มีเครื่องมืออุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น รถเคลื่อนที่สำหรับงานถ่ายทอดนอกสถานที่ค่อนข้างจะสมบูรณ์ กว่าสถานีวิทยุโทรทัศน์ที่ตั้งอยู่ในส่วนภูมิภาค ส่วนการแบ่งสายงานบริหารในองค์การของ สถานีวิทยุโทรทัศน์ที่ตั้งอยู่ในส่วนภูมิภาคและส่วนกลางจะมิลักษณะที่ไม่แตกต่างกันมากนัก

ข้อ 53. – 56. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม

(1)       แนวความคิดของลาสเวลส์และไรท์

(2)       แนวความคิดของเดนิส แมคเควล

(3)       แนวความคิดของปีเตอร์ โกลดิง

(4)       แนวความคิดของคณะกรรมาธิการระหว่างประเทศเพื่อศึกษาปัญหาการสื่อสาร, UNESCO

53.       ได้อธิบายถึงการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชนว่าก่อให้เกิดทั้งผลดีและผลเสีย ก่อให้เกิดผลทั้งต่อสังคม บุคคล และกลุ่ม

ตอบ 1 หน้า 88 – 89 แนวความคิดของลาสเวลส์และไรท์ ได้อธิบายถึงการปฏิบัติหน้าที่ของ สื่อมวลชนว่าก่อให้เกิดทั้งผลดีและผลเสีย ก่อให้เกิดผลทั้งต่อสังคม บุคคล และกลุ่ม

54.       ได้กล่าวถึงหน้าที่ของการสื่อสารโดยรวม รวมทั้งหน้าที่ของสื่อมวลชนต่อบุคคลและสังคม

ตอบ 4 (คำบรรยาย) แนวความคิดของคณะกรรมาธิการระหว่างประเทศเพื่อศึกษาปัญหาการสื่อสาร, UNESCO (องค์การว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ) ได้กล่าวถึงหน้าที่ของการสื่อสารโดยรวม รวมทั้งหน้าที่ของสื่อมวลชนต่อบุคคลและสังคม

55.       ได้กล่าวถึงหน้าที่ของสื่อมวลชน โดยพิจารณาจากฝ่ายต่าง ๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชนว่ามีความต้องการให้สื่อมวลชนทำอะไรให้แก่ตน หรือสื่อมวลชนทำหน้าที่อะไรให้แก่ตนและสังคม

ตอบ 2 หน้า 95 – 96 แนวความคิดของเดนีส แมคเควล (Denis McQuail) ได้กล่าวถึงหน้าที่ของ สื่อมวลชน โดยพิจารณาจากฝ่ายต่าง ๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชนว่า มีความต้องการให้สื่อมวลชนทำอะไรให้แก่ตน หรือสื่อมวลชนควรทำหน้าที่อะไรให้แก่ตนและสังคม ซึ่งหน้าที่ของสื่อมวลชนตามความคิดของฝ่ายต่าง ๆ ดังกล่าว ได้แก่   1. สังคม (Society)

2. ผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการเผยแพร่ข่าวสาร (The Advocate) ได้แก่ นักโฆษณา นักประชาสัมพันธ์ นักสื่อสารการเมืองและธุรกิจ นักรณรงค์ ฯลฯ    3. สื่อมวลชนหรือนักสื่อสารมวลชน (The Media or Mass Communicators)      4. มวลชนผู้รับสาร (The Audience)

56.       ได้อธิบายถึงหน้าที่ของสื่อมวลชนตามความคิดของนักสื่อสารมวลชน

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 55. ประกอบ

57.       หน่วยงานราชการที่เป็นเจ้าของกิจการสถานีวิทยุกระจายเสียงมากที่สุด คือ

(1)       กรมประชาสัมพันธ์      (2) กระทรวงศึกษาธิการ

(3) กองทัพบก (4) องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย

ตอบ 1 หน้า 39130 – 131 ในปัจจุบันสถานีวิทยุกระจายเสียงทั้งระบบ AM และ FM ทั่วประเทศไทย (กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด) ที่มีการจดทะเบียนไว้มีจำนวน 525 สถานี เป็นสถานีวิทยุที่อยู่ใน สังกัดของกระทรวงกลาโหมมากที่สุด คือ 202 สถานี สำหรับหน่วยงานราชการที่เป็นเจ้าของ กิจการสถานีวิทยุกระจายเสียงมากที่สุด ได้แก่ กรมประชาสัมพันธ์มี 147 สถานี รองลงมา คือ กองทัพบกมี 128 สถานี และ อ.ส.ม.ท. มี 62 สถานี

58.       การส่งวิทยุโทรทัศน์ที่ไม่ต้องใช้คลื่นความถี่เหมือนการออกอากาศทางวิทยุโทรทัศน์ทั่วไป หมายถึงข้อใด

(1) วิทยุโทรทัศน์ผ่านอินเทอร์นัล          (2) วิทยุโทรทัศน์ผ่านอินฟราเรด

(3) วิทยุโทรทัศน์ผ่านอินเทอร์เน็ต        (4) วิทยุโทรทัศน์ผ่านอินทราเน็ต

ตอบ 3 หน้า 82 – 83 การส่งวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ผ่านอินเทอร์เน็ต เป็นการแปลง (Convert) ระบบกระจายเสียงจากระบบ Analog เป็นระบบ Digital โดยไม่ต้องใช้คลื่นความถี่ เหมือนการออกอากาศทางวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ทั่วไป ซึ่งเมื่อคนต้องการฟังและชม ก็สามารถ Click เข้าไปที่ Website นั้น ๆ ได้ เรียกว่า Web-Radio และ Web-TV

59.       เหตุการณ์ข้อใดเหมาะกับการถ่ายทอดสารผ่านวิทยุกระจายเสียงมากที่สุด

(1) การไขปัญหาซ่อมรถยนต์   (2) การสอนทำอาหารไทย

(3) การประชุมสภาผู้แทนราษฎร         (4) พระราชพิธีพืชมงคล

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 29. ประกอบ

60.       วิทยุโทรทัศน์มีลักษณะเฉพาะอะไรที่ทำให้เกิดประสิทธิภาพจูงใจมากกว่าสื่ออื่น

(1) ง่ายต่อการเรียนรู้   (2) แสดงภาพให้เห็นจริงและประทับใจ

(3) ความคงอยู่ของสื่อนาน      (4) มีเวลานำเสนอนาน

ตอบ 2 (คำบรรยาย) ลักษณะเฉพาะของวิทยุโทรทัศน์ที่ทำให้เกิดประสิทธิภาพจูงใจมากกว่าสื่ออื่น คือ สามารถแสดงภาพให้เห็นจริงและประทับใจ เพราะการเห็นพร้อมการฟังจะมีประสิทธิภาพสูง จึงสร้างความน่าเชื่อถือได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้วิทยุโทรทัศน์ยังสามารถส่งเสริมประสบการณ์ ได้ดีที่สุดเมื่อได้เสนอสาระอันเป็นรูปธรรม จึงทำให้กลายเป็นสื่อที่ได้รับความนิยมสูงสุด และสามารถครอบงำอุดมการณ์ความคิดของผู้คนในสังคมไทยได้มากที่สุดในปัจจุบัน

61.       ข้อใดเป็นผลกระทบของวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ด้านค่านิยมที่ดี

(1)       วัยรุ่นชายนิยมเกณฑ์ทหารตามศิลปินนักแสดงที่เสนอข่าวทางโทรทัศน์

(2)       วัยรุ่นหญิงนิยมใช้ผลิตภัณฑ์ผิวขาวตามโฆษณาทางโทรทัศน์

(3)       ชาวนาเปลี่ยนมาทำไร่นาสวนผสมตามรายการเศรษฐกิจพอเพียง

(4)       ประชาชนสนทนาเกี่ยวกับข่าวระเบิดบอมบ์พื้นที่กรุงเทพฯ 8 จุด

ตอบ 1 หน้า 104 – 105 การที่สื่อมวลชนเสนอเรื่องราว กิจกรรม หรือชีวิตส่วนตัวของศิลปินนักแสดง ซ้ำ ๆ ปอย ๆ ย่อมมีอิทธิพลและผลกระทบต่อเด็ก วัยรุ่น และผู้ใหญ่ที่ชื่นชอบจำนวนมาก ทำให้เกิดการเลียนแบบดารานักแสดงตั้งแต่การแต่งกาย ความคิด ความเชื่อ ค่านิยม และ พฤติกรรม เช่น การที่วัยรุ่นชายนิยมเกณฑ์ทหารตามศิลปินนักแสดงที่เสนอข่าวทางโทรทัศน์ แสดงถึงผลกระทบด้านค่านิยมที่ดี เป็นต้น

62.       คุณลักษณะสำคัญที่วิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์มีอิทธิพลต่อประชาชน หมายถึงข้อใด

(1)       อยู่ที่ไหนก็รับไค้           

(2) เทคโนโลยีนำสมัย

(3) มีได้ทุกครัวเรือน     

(4) มีผลต่อทุกคนลักษณะเดียวกันหมด

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 30. ประกอบ

63.       การวัดระดับประสิทธิภาพของสื่อมวลชน หมายถึงข้อใด

(1) การนำเสนอเนื้อหา 

(2) ระยะเวลา 

(3) ประเภทของสื่อ 

(4) การดึงดูดใจ

ตอบ 1 (คำบรรยาย) ประสิทธิภาพของสื่อมวลชน หมายถึง ความคล่องตัวของสื่อ หรือระดับความสามารถ ของสื่อในการถ่ายทอดข่าวสาร (เนื้อหาของสาร) ไปยังผู้ชมหรือผู้ฟังได้มากน้อยเพียงใด ดังนั้น การวัดระดับประสิทธิภาพของสื่อมวลชน จึงหมายถึง การนำเสนอเนื้อหาของสื่อมวลชนนั่นเอง

64.       ข้อใดหมายถึงเทคโนโลยีการออกอากาศทางคลื่นภาคพื้นดิน

(1) Web-casting         (2) Cable Radio

(3) Terrestrial Broadcasting      (4) Narrowcasting

ตอบ 3 หน้า 67 – 6882, (คำบรรยาย) Terrestrial Broadcasting หมายถึง เทคโนโลยีการออกอากาศ ทางคลื่นภาคพื้นดิน (Ground Wave) ซึ่งการเดินทางของคลื่นจะขนานไปกับพื้นผิวโลก โดยใช้เส้นแรงแม่เหล็กโลกช่วยในการแพร่คลื่น

65.       ปัจจุบันประเทศไทยมีสถานีวิทยุกระจายเสียงทั้งระบบ AM และ FM ทั้งกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ทั่วประเทศกี่สถานี

(1) 252 สถานี (2) 452 สถานี (3) 525 สถานี (4) 625 สถานี

ตอบ 3 คูคำอธิบายข้อ 57. ประกอบ

66.       ปัจจุบันประเทศไทยมีสถานีโทรทัศน์ระดับชาติกี่สถานี

(1) 4 สถานี      (2) 5 สถานี      (3) 6 สถานี      (4) 7 สถานี

ตอบ 3 หน้า 136, (คำบรรยาย) ปัจจุบันประเทศไทยมีสถานีวิทยุโทรทัศน์ระดับชาติ ซึ่งแพร่ภาพ ออกอากาศได้ทั่วประเทศโดยไม่คิดค่าบริการหรือเรียกว่า ฟรีทีวี” จำนวน 6สถานีได้แก่ สถานีวิทยุโทรทัศน์ช่อง 3ช่อง 5ช่อง 7ช่อง 9 (โมเดิร์นไนน์ทีวี)ช่อง 11 (NBT หรือ สทท.) และช่อง TPBS หรือทีวีไทย

67.       ขณะนี้สื่อวิทยุและโทรทัศน์ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางด้านใดมากที่สุด

(1) ผลประโยชน์ทางด้านธุรกิจ            (2) ผลประโยชน์ของรัฐบาล

(3) ผลประโยชน์ของประชาชน            (4) ผลประโยชน์ของบุคลากรในวิชาชีพ

ตอบ 1 เมื่อบ้านเมืองอยู่ในภาวะเกิดวิกฤตการณ์ทางการเมือง สื่อวิทยุและโทรทัศน์ไทยมักถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อผลประโยชน์ของรัฐบาลมากที่สุด ซึ่งเห็นได้จากการนำเสนอประกาศและ คำแถลงการณ์ต่าง ๆ ให้กับรัฐที่มีอำนาจในขณะนั้น แต่ขณะนี้ (พ.ศ. 2556) บ้านเมืองกลับเข้าสู่ ภาวะปกติ สื่อวิทยุและโทรทัศน์ไทยจึงถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อผลประโยชน์ทางด้านธุรกิจมากที่สุด

68.       องค์กรของรัฐที่เป็นอิสระในการกำกับดูแลกิจการวิทยุและโทรทัศน์ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญปัจจุบัน หมายถึงข้อใด

(1) กกช.          (2) กบว.          (3) กสช.          (4) กสทช.

ตอบ 4 ดูคำอธิบาย1ข้อ 20. ประกอบ

69.       ในยุคปฏิรูปการเมืองและปฏิรูปสื่อมวลชน” นี้ สื่อมวลชนท้องถิ่นควรมีการปรับตัวอย่างไร

(1)       ปรับตัวให้เข้มแข็งหลุดจากการครอบงำของสื่อมวลชนระดับชาติ

(2)       มีบทบาทเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนหรือท้องถิ่นในการสะท้อนถึงปัญหาและความต้องการของชุมชน

(5)       มีหน้าที่ตรวจสอบการใช้อำนาจขององค์กรปกครองท้องถิ่น

(4)       สร้างศักยภาพให้แข็งแกร่งในการเป็นสื่อมวลชนท้องถิ่นของภาคนั้น ๆ

ตอบ 2 (คำบรรยาย) ในยุคที่มีการปฏิรูปการเมืองและสื่อมวลชนในสังคมไทยปัจจุบันนั้น สื่อมวลชน ท้องถิ่นควรปรับตัวให้มีบทบาทเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนหรือท้องถิ่นในการสะท้อนถึงปัญหา ความคิดเห็น และความต้องการของชุมชน บนพื้นฐานของความสำคัญที่เท่าเทียมกัน แทนที่ จะนำเสนอแต่เฉพาะข่าวสาร เรื่องราว หรือเหตุการณ์ที่เป็นกระแสหลักเพียงอย่างเดียว

70.       วัตถุประสงค์ของโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ไม่ตรงกับข้อใด

(1)       รวมตัวกันขึ้นเพื่อจัดการดำเนินการด้านรายการต่าง ๆ ที่จะเป็นผลประโยชน์ร่วมกัน

(2)       เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกันในระหว่างโทรทัศน์ช่องต่าง ๆ

(3)       ร่วมมือในการถ่ายทอดและรับการถ่ายทอดทั้งในประเทศและต่างประเทศ สำหรับรายการที่สำคัญ ๆ ระดับชาติหรือระหว่างประเทศ

(4)       เพื่อดำเนินการในการร่วมมือกันพัฒนาเทคโนโลยีทางด้านวิชาการวิทยุโทรทัศน์ และการจัดประชุมสัมมนาร่วมกัน

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 36. ประกอบ

71.       การส่งคลื่นวิทยุกระจายเสียงของไทยเป็นการส่งคลื่นวิทยุในย่านความถี่ใด

(1)       530 ถึง            1600   กิโลเฮิรตซ์        และ 88 ถึง      108     เมกะเฮิรตซ์

(2)       535 ถึง            1605   กิโลเฮิรตซ์        และ 87 ถึง      108     เมกะเฮิรตซ์

(3)       630 ถึง            1700   กิโลเฮิรตซ์        และ 86 ถึง      107     เมกะเฮิรตซ์

(4)       635 ถึง            1705   กิโลเฮิรตซ์        และ 88 ถึง      107.5 เมกะเฮิรตซ์

ตอบ 2 หน้า 64119 ระเบียบว่าด้วยวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. 2535 ข้อ 4 ระบุว่า วิทยุกระจายเสียง” หมายถึง การส่งคลื่นวิทยุในย่านความถี่คลื่นวิทยุ 535 ถึง 1605 กิโลเฮิรตซ์ (kHz) ในระบบ AM และย่านความถี่ 87 ถึง 108 เมกะเฮิรตซ์ (MHz) ในระบบ FM อันมีความประสงค์ให้เข้าถึงมวลชนโดยตรง

72.       การควบคุมของรัฐในกิจการวิทยุโทรทัศน์ของไทย หมายถึงข้อใด

(1)       การจัดตั้งเป็นสมาคมวิชาชีพต่าง ๆ เช่น สมาคมนักข่าวสมาคมนักวิทยุและโทรทัศน์แห่งประเทศไทย

(2)       จริยธรรมและจรรยาบรรณของวิชาชีพสื่อสารมวลชน

(3)       การตั้งแผนกเซ็นเซอร์ภายในสถานีวิทยุและสถานีโทรทัศน์

(4)       การออกหนังสือเวียนและคำสั่งอื่น ๆ ให้สถานีวิทยุและโทรทัศน์นำไปปฏิบัติ

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 44. ประกอบ

73.       จากแนวความคิดหน้าที่ของสื่อมวลชนของเดนิส แมคเควล (Denis McQuail) ผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการเผยแพร่ข่าวสาร (The Advocate) หมายถึงข้อใด

(1) นักสื่อสารมวลชน   

(2) นักประชาสัมพันธ์  

(3) สื่อมวลชน  

(4) มวลชนผู้รับสาร

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 55. ประกอบ

74.       สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เกิดจากกฎหมายฉบับใด

(1)       พระราชบัญญัติองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพ พ.ศ. 2550

(2)       พระราชบัญญัติองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพ พ.ศ. 2551

(3)       พระราชบัญญัติวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. 2540

(4)       พระราชบัญญัติวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. 2550

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 32. ประกอบ

75.       เหตุการณ์ข้อใดเหมาะกับการถ่ายทอดสารผ่านวิทยุกระจายเสียงมากที่สุด

(1) การออกกำลังกาย (2) การสอนทำอาหารไทย

(3)       การบรรยายธรรม        (4) การไขปัญหาซ่อมคอมพิวเตอร์

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 29. ประกอบ

76.       วิทยุและโทรทัศน์กลายเป็น ลูกพี่ใหญ่” (Big Brother) ที่ควบคุมอิสรเสรีภาพทางความคิดของคนในสังคม เป็นแนวคิดของใคร

(1) นอยล์ นิวแมน        (2) แคลปเปอร์            (3) พอล ลาซาร์สเฟลด์ (4) เอมิล เดอร์คิม

ตอบ 4 หน้า 104 นักวิชาการด้านทฤษฎีสังคมมวลชนหลายคน ได้แก่ ออกูส กงเต้ (Auguste Comte), เฟอร์ดินันท์ ทูนนี่ (Ferdinand Tonnise) และเอมิล เดอร์คิม (Emile Durkheim) มีความเห็นว่า วิทยุและโทรทัศน์กลายเป็นลูกพี่ใหญ่ (Big Brother) ที่ควบคุมอิสรเสรีภาพทางความคิดของคนในสังคมเกือบทั้งหมด

77.       อิทธิพลของบุคคลและผู้นำความคิดที่มีผลต่อการตัดสินใจมากกว่าสื่อมวลชน เป็นแนวคิดของใคร

(1) วิลเบอร์ แชรมม์      (2) พอล ลาซาร์สเฟลด์

(3) ออกูส กงเต้ เฟอร์ดินันท์     (4) นักทฤษฎีสังคมมวลชน

ตอบ 2 หน้า 107 พอล ลาซาร์สเฟลด์ (Paul Lazarsfeld) เป็นนักวิชาการที่ชี้ให้เห็นถึงแนวคิดการไหล ของข่าวสาร 2 ระดับ (Two-step Flow) และพบว่าอิทธิพลของบุคคล (Personal Influence) และผู้นำความคิด (Opinion Leader) หรือคนใกล้ตัว เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจ ของคนมากกว่าสื่อมวลชน

78.       ผู้รับสารมีความฉลาดและมีวิจารณญาณเพียงพอในการรับข้อมูลข่าวสารจากสื่อมวลชน ตามแนวคิดนี้ตรงกับข้อใด

(1)       วิทยุและโทรทัศน์มีอิทธิพลโดยตรงต่อผู้รับสาร

(2)       วิทยุและโทรทัศน์ไม่มีอิทธิพลต่อผู้รับสารโดยตรง

(3)       วิทยุและโทรทัศน์ทำให้เกิดผลในเรื่องใดเรื่องหนึ่งต่อทุกคนในลักษณะคล้ายคลึงกัน

(4)       วิทยุและโทรทัศน์จะสนับสนุนทัศนคติ ค่านิยม และแนวโน้มด้านพฤติกรรมของประชาชนให้มีความเข้มแข็งขึ้น

ตอบ 2 หน้า 105 นักวิชาการด้านนิเทศศาสตร์หลายท่านเชื่อว่า วิทยุและโทรทัศน์ไม่มีอิทธิพลต่อผู้รับสารโดยตรง เนื่องจากผู้รับสารมีความฉลาดและมีวิจารณญาณเพียงพอในการรับข้อมูลข่าวสารจากสื่อมวลชน ซึ่งผู้รับสารที่เปิดรับสื่อสามารถคิดและวิเคราะห์ ไมใช่สื่อมีอิทธิพลต่อความคิดของบุคคลมากมาย

79.       ปัจจัยเสริมที่ทำให้วิทยุและโทรทัศน์มีอิทธิพลโดยอ้อม หมายถึงข้อใด

(1) ระดับความต้องการข้อมูลข่าวสารจำเป็นต้องพึ่งพามาก (2) การสามารถเข้าถึงประชาชนจำนวนมาก (3) การนำเสนอเรื่องราว กิจกรรม ซ้ำ ๆ บ่อย ๆ            (4) ความมีใจโน้มเอียงของผู้รับสาร

ตอบ4  หน้า 106 – 108 แนวคิดที่เชื่อว่าวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์มิอิทธิพลโดยอ้อมต่อผู้รับสาร จะอาศัยปัจจัยเสริมต่าง ๆ ดังนี้ 1. ความมีใจโน้มเอียงที่จะเชื่อของผู้รับสาร(Predisposition) 2. กระบวนการเลือกรับสาร (Selective Process) 3.อิทธิพลของบุคคลและผู้นำความคิดเห็น (Personal Influence and Opinion Leader) 4. ระดับความต้องการข้อมูลข่าวสาร

80.       สถานีโทรทัศน์สถานีใดที่เริ่มใช้สถานีถ่ายทอดเป็นสถานีแรก ทำให้รัศมีการออกอากาศครอบคลุมได้เกือบ ทั่วประเทศ

(1) ช่อง 3         (2) ช่อง 7         (3) ช่อง 9         (4) ช่อง 5

ตอบ 2 หน้า 47, (คำบรรยาย) สถานีวิทยุโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ได้เริ่มใช้สถานีถ่ายทอดสัญญาณ การแพร่ภาพผ่านดาวเทียมเป็นสถานีแรกในวงการโทรทัศน์ไทย โดยจะเช่าดาวเทียม ปาลาปา” ของอินโดนีเซีย เพื่อถ่ายทอดรายการต่าง ๆ ทำให้มีรัศมีการออกอากาศที่ครอบคลุมได้เกือบ ทั่วประเทศ ส่งผลให้ช่อง 7 สี เป็นสถานีโทรทัศน์ที่ได้รับความนิยมและครองส่วนแบ่งผู้ชม โดยเฉลี่ยได้มากที่สุด (ข้อมูลในปี ค.ศ. 2006 – ปัจจุบัน)

81.       สถานีวิทยุโทรทัศน์ที่มีการจัดตั้งขึ้นมาใหม่และเริ่มดำเนินการแพร่ภาพในปี พ.ศ. 2551 ได้รับคลื่นความถี่ ในการแพร่ภาพจากหน่วยงานใด

(1) กรมประชาสัมพันธ์            

(2) องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย

(3) กองทัพบก 

(4) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 32. ประกอบ

82.       ลักษณะการเป็นเจ้าของกิจการวิทยุโทรทัศน์ไทยที่รัฐทำสัญญาให้สัมปทานแก่เอกชนเช่าช่วง โดยมอบ ผลประโยชน์ที่แน่นอนจำนวนหนึ่งให้แก่รัฐ หมายถึงสถานีช่องใด

(1) ช่อง 5         

(2) ช่อง 7         

(3) ช่อง 9         

(4) ช่อง 11

ตอบ 2 หน้า 47 – 48136 ลักษณะการเป็นเจ้าของกิจการวิทยุโทรทัศน์ไทยที่รัฐเป็นเจ้าของแต่ทำ สัญญาให้สัมปทานแก่เอกชนเช่าช่วง โดยมอบผลประโยชน์ที่แน่นอนจำนวนหนึ่งให้แก่รัฐ ได้แก่ 1. สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 โดยบริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด ได้รับ สัมปทานในการดำเนินกิจการจากรัฐ            2. สถานีวิทยุโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 โดยบริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด ได้รับสัมปทานในการดำเนินกิจการจากรัฐ

83.       วันอำลากิจการโทรเลขของไทย หมายถึงข้อใด

(1) 30 มีนาคม 2551   

(2) 30 เมษายน 2551 

(3) 28 กุมภาพันธ์ 2551 

(4) 31 พฤษภาคม 2551

ตอบ 2 (ข่าว) ในสมัยรัชกาลที่ 5 ประเทศไทยได้นำโทรเลขเข้ามาใช้เมื่อปี พ.ศ. 2418 แต่ในปัจจุบัน มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพิ่มขึ้นอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้การใช้บริการโทรเลขลดน้อยลง จนต้อง ยุติการให้บริการลงเมื่อวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2551 ซึ่งถือเป็นวันอำลากิจการโทรเลขของไทย ที่ให้บริการมาเป็นเวลา 133 ปี

84.       สถานีวิทยุโทรทัศน์ TPBS ใช้สัญญาณในการแพร่ภาพด้วยระบบใด

(1) VHF       (2) UHF      (3) DTH      (4) GSM

ตอบ 2 หน้า 7282, (คำบรรยาย) เทคโนโลยีการแพร่ภาพของสถานีวิทยุโทรทัศน์ระดับชาติของไทย ในปัจจุบันมี 2 ระบบ ดังนี้

1.         VHF หรือย่านความถี่สูงมาก คือ 30 – 300 เมกะเฮิรตซ์ โดยสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทย ส่วนใหญ่จะใช้ระบบบี้ได้แก่ ช่อง 579 (โมเดิร์นไนน์ทีวี) และ 11 (NBT หรือ สทท.ในปัจจุบัน)

2.         UHF หรือย่านความถี่เหนือสูง คือ 300 – 3,000 เมกะเฮิรตซ์ โดยมีสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทย ใช้ระบบนี้เพียง 2 สถานีเท่านั้น ได้แก่ ช่อง 3 และ TPBS (ทีวีไทย หรือทีวีสาธารณะ)

85.       สถานีวิทยุคลื่นสั้นที่มีการจัดตั้งสถานีทวนสัญญาณ (Rely Station) ที่จังหวัดอุดรธานีของไทย คือ

(1) VOA      (2) BBC      (3) NHK     (4) CNN

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 15. ประกอบ

86.       Independent Broadcasting Authority (IBA) หมายถึงข้อใด

(1)       องค์กรที่ควบคุมดูแลกิจการวิทยุโทรทัศน์ของสหรัฐอเมริกา

(2)       องค์กรที่ควบคุมดูแลกิจการวิทยุกระจายเสียงของอังกฤษ

(3)       องค์กรที่ควบคุมดูแลกิจการวิทยุและโทรทัศน์ของเอกชนในประเทศสหรัฐอเมริกา

(4)       องค์กรที่ควบคุมดูแลกิจการวิทยุและโทรทัศน์ของเอกชนในประเทศอังกฤษ

ตอบ 4 หน้า 163169 ในปี พ.ศ. 2512 (ค.ศ. 1969) รัฐบาลอังกฤษได้จัดตั้งองค์กรที่เรียกว่า Independent Television Authority (ITA) เป็นผู้ควบคุมดูแลกิจการวิทยุและโทรทัศน์ เพื่อการค้า แต่ต่อมาในปี พ.ศ. 2515 (ค.ศ. 1972) ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Independent Broadcasting Authority (IBA) เพื่อให้ทำหน้าที่เป็นองค์กรควบคุมดูแลกิจการวิทยุ และโทรทัศน์ของเอกชนในประเทศอังกฤษ

87.       บุคคลแรกที่เป็นผู้นำเอาการทดลองการส่งสัญญาณวิทยุโทรเลขไปสู่การผลิตแบบอุตสาหกรรมได้สำเร็จ คือ

(1) เฮนริช เฮิรตซ์         (2) กูกลิเอลโม มาร์โคนี

(3) เจมส์ คลาก แมกซ์เวลล์     (4) เรจินัลด์ เอ. เฟสเสนเดน

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 23. ประกอบ

88.       ในอังกฤษนิยมใช้คำดั้งเดิมเรียกวิทยุกระจายเสียงว่าอะไร

(1) Radio   (2) Wireless       (3)       Cable        (4) Broadcast

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 26. ประกอบ

89.       “Television” ได้บัญญัติคำเป็นภาษาไทยครั้งแรกว่าอะไร

(1) โทรทัศน์     (2) วิทยุโทรภาพ          (3)       วิทยุโทรทัศน์    (4) วิทยุภาพยนตร์

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 10. ประกอบ

90.       ข้อใดเป็นพัฒนาการวิธีการติดต่อลื่อสารจนมาถึงวิทยุกระจายเสียง

(1) โทรศัพท์ โทรเลข    วิทยุโทรเลข วิทยุโทรทัศน์        (2)       โทรศัพท์           โทรเลข            วิทยุโทรศัพท์ วิทยุโทรเลข

(3) โทรเลข โทรศัพท์    วิทยุโทรเลข วิทยุโทรศัพท์        (4)       โทรศัพท์ โทรเลข          วิทยุโทรเลข วิทยุโทรทัศน์

ตอบ 3 หน้า 16 นักวิทยาศาสตร์ได้คิดค้นและพัฒนาวิธีการติดต่อสื่อสารแบบใหม่ที่เหมาะสมและ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ นับตั้งแต่โทรเลข โทรศัพท์ วิทยุโทรเลข วิทยุโทรศัพท์ ไปจนถึงวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ในปัจจุบัน

91.       ประสิทธิภาพของสื่อมวลชนโดยทั่วไปมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาจากอะไร

(1) เวลาและปริมาณของสื่อ    

(2) ความรวดเร็วและความคงอยู่ของสื่อ

(3) การเปิดโอกาสให้ผู้รับมีส่วนร่วมในการสื่อสาร      

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 (คำบรรยาย) ประสิทธิภาพของสื่อมวลชนโดยทั่วไปมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณา คือ เวลา และปริมาณของสื่อ ความรวดเร็วของสื่อ การเปิดโอกาสให้ผู้รับสารมีส่วนร่วมในการสื่อสาร และความคงอยู่ของสื่อ ทั้งนี้วิทยุและโทรทัศน์จะมีประสิทธิภาพดีในเรื่องของเวลา ปริมาณ การนำเสนอ และความรวดเร็วของสื่อ ส่วนหนังสือพิมพ์จะมีประสิทธิภาพดีในเรื่องของ การเปิดโอกาสให้ผู้รับสารมีส่วนร่วมในการสื่อสาร และความคงอยู่ของสื่อ

92.       สื่อมวลชนข้อใดต่อไปนี้ที่เข้าถึงประชาชนได้มากที่สุด           

(1) ภาพยนตร์กลางแปลง

(2)       วิทยุกระจายเสียง        

(3) วิทยุโทรทัศน์          

(4) หนังสือพิมพ์

ตอบ 3 (คำบรรยาย) จากผลการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) เกี่ยวกับการฟังวิทยุ และการดูโทรทัศน์ของประชากรไทยในปัจจุบัน พบว่า แนวโน้มประชากรไทยฟังวิทยุลดลง แต่ดูโทรทัศน์มากขึ้น นั่นหมายถึง สื่อมวลชนที่สามารถเข้าถึงประชาชนได้มากที่สุดในปัจจุบัน คือ วิทยุโทรทัศน์ (ในสมัยก่อนสื่อที่เข้าถึงประชาชนได้มากที่สุด คือ วิทยุกระจายเสียง)

93.       หน้าที่ของการสื่อสารในการดูแลและบอกกล่าวถึงสภาพแวดล้อม (Surveillance of the Environment) ตรงกับหน้าที่ของสื่อมวลชนในข้อใด

(1) หน้าที่ให้การศึกษา

(2)       หน้าที่เสนอความคิดเห็น          (3) หน้าที่เสนอข่าวสาร            (4) หน้าที่ให้ความบันเทิง

ตอบ3 หน้า 88 – 89 หน้าที่นำเสนอหรือให้ข่าวสาร คือ หน้าที่ในการดูแลและบอกกล่าวถึงสภาพแวดล้อม หรือสอดส่องระวังระไวเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม (Surveillance of the Environment) หมายถึง การแสวงหาและเผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในสิ่งแวดล้อม ทั้งเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นภายในและกายนอกสังคมหนึ่ง ๆ เช่น รายการข่าวประจำวัน รายงานการจราจร รายงานการพยากรณ์อากาศ ฯลฯ

94.       ห้างบีกริมม์” มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับข้อใดต่อไปนี้

(1)       เป็นผู้นำ วิทยุโทรเลข” มาสาธิตครั้งแรกใบประเทศไทย

(2)       เป็นผู้นำ วิทยุโทรทัศน์” มาทดลองออกอากาศให้นายกรัฐมนตรีดูในงานวันเกิด

(3)       เป็นผู้ขออนุญาตทดลองจัดตั้งสถานีวิทยุกระจายเสียงชั่วคราวที่กรุงเทพฯ และเกาะสีชัง

(4)       เป็นผู้ขออนุญาตเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องรับวิทยุโทรทัศน์ครั้งแรกของไทย

ตอบ 1 หน้า 32, (คำบรรยาย) วิวัฒนาการของวิทยุกระจายเสียงไทยเริ่มต้นขึ้นครั้งแรกในสมัยของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เนื่องด้วยห้างบีกริมม์ซึ่งเป็นผู้แทน บริษัท วิทยุโทรเลขเทเลฟุงเก็นของเยอรมนี ได้เป็นผู้นำวิทยุโทรเลขมาสาธิตในประเทศไทย เป็นครั้งแรกโดยได้แจ้งและขออนุญาตต่อกระทรวงโยธาธิการเพื่อทดลองจัดตั้งสถานีวิทยุโทรเลข ชั่วคราวขึ้นที่กรุงเทพฯ และเกาะสีชัง แต่การทดลองครั้งนั้นไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร

95.       กิจการวิทยุโทรเลขในประเทศไทย เมื่อเปรียบเทียบกับการกำเนิดวิทยุโทรเลขของโลกมีระยะห่างกันกี่ปี

(1) 6 ปี            (2) 12 ปี          (3) 15 ปี          (4) 20 ปี

ตอบ 1 หน้า 17,32 กิจการวิทยุโทรเลขในประเทศไทยกำเนิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2450 โดยกรมทหารเรือ ได้นำเครื่องรับส่งวิทยุโทรเลขแบบมาร์โคนีของอังกฤษมาใช้ในราชการทหารเป็นครั้งแรก ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับการกำเนิดวิทยุโทรเลขของโลกแล้วจะมีระยะเวลาใกล้เคียงกัน คือ มีระยะห่างกันเพียง 6 ปี หลังจากที่มาร์โคนีส่งสัญญาณวิทยุข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกสำเร็จ ในปี พ.ศ. 2444 (ดูคำอธิบายข้อ 23. ประกอบ)

96.       เครื่องมือการสื่อสารที่มาร์โคนีประดิษฐ์ขึ้น คืออะไร

(1) วิทยุกระจายเสียง  (2) วิทยุโทรเลข            (3) วิทยุโทรศัพท์          (4) วิทยุโทรทัศน์

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 23. ประกอบ

97.       ผู้ที่ประสบความสำเร็จในการทดลองส่งเสียงพูดไปกับคลื่นวิทยุ คือ

(1) ลี เดอ ฟอเรสต์       (2) เรจินัลด์ เอ. เฟสเสนเดน

(3)       พอล นิพโกว    (4) คาร์ล เฟอร์ดินานด์ บราวน์

ตอบ 2 หน้า 18 เรจินัลต์ เอ. เฟสเสนเดน (Reginald A. Fessenden) เป็นชาวอเมริกันที่ประสบความสำเร็จในการส่งเสียงพูดไปกับคลื่นวิทยุในคืนวันคริสต์มาสปี พ.ศ. 2449 โดยเขาได้กล่าวอวยพรคริสต์มาสไปที่เรือซึ่งแล่นอยู่บริเวณฝั่งบรานท์ร็อค รัฐแมสซาซูเซตส์

98.       ผู้ประดิษฐ์จานสแกนภาพสำเร็จเป็นคนแรก คือ

(1) ดร.วี.เค. ซโวรีกิน    (2) เจมส์ ลอจี แบร์ด

(3)       พอล นิพโกว    (4) คาร์ล เฟอร์ดินานด์ บราวน์

ตอบ 3 หน้า 22 พอล นิพโกว (Paul Nipkow) นักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมัน ได้ค้นพบวิธีที่จะทำภาพ ให้เป็นเส้นเป็นทางปรากฏขึ้นบนจอได้สำเร็จเป็นคนแรก โดยเขาได้ประดิษฐ์จานสแกนภาพ คือ จานที่เจาะรูเล็ก ๆ เพื่อรับพลังงานแสง โดยเมื่อจานหมุนแสงจะผ่านรู ทำให้ภาพที่ผ่านรู ไปปรากฏบนจอภาพอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดโทรทัศน์ขึ้น

99.       พิธีเปิดสถานีวิทยุโทรทัศน์และออกอากาศแพร่ภาพเป็นวันแรกของประเทศไทยเกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. ใด

(1) พ.ศ. 2493 (2) พ.ศ. 2495 (3) พ.ศ. 2498 (4) พ.ศ. 2501

ตอบ 3 หน้า 4244 สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งแรกของประเทศไทย คือ สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีช่อง 4 บางขุนพรหม ซึ่งก่อตั้งอยู่ในรูปของบริษัท ไทยโทรทัศน์ จำกัด (ปัจจุบันคือ สถานีวิทยุโทรทัศน์ ไทยทีวีสีช่อง 9 หรือโมเดิร์นไนน์ทีวี ดำเนินงานโดยบริษัท อ.ส.ม.ท. จำกัด มหาชน) โดยมี พิธีเปิดสถานีและออกอากาศแพร่ภาพเป็นวันแรก เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2498 ซึ่งถือเป็น จุดกำเนิดของกิจการวิทยุโทรทัศน์ไทย

100.    รายการประเภทใดทางวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ที่มีสัดส่วนการนำเสนอสูงสุด

(1) รายการข่าว            (2) รายการโฆษณา

(3) รายการบันเทิง       (4) รายการแสดงความคิดเห็น

ตอบ 3 หน้า 101 รายการต่าง ๆ ทวงวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ส่วนใหญ่จะเน้นสัดส่วน การนำเสนอรายการบันเทิงสูงที่สุด โดยเฉพาะสถานีวิทยุและสถานีโทรทัศน์เพื่อการค้า ซึ่งมักจะมุ่งผลประโยชน์ด้านธุรกิจมากกว่าผลประโยชน์ของสาธารณะ (Public Interest)

MCS1400 (MCS1450) การกระจายเสียงและการแพร่ภาพ การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2556

การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2556

ข้อสอบกระบวนวิชา MCS 1400 (MCS 1450) การกระจายเสียงและการแพร่ภาพ

คำสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว (ข้อสอบมีทั้งหมด 100 ข้อ)

1.         เครื่องมือการสื่อสารที่มาร์โคนีประดิษฐ์ขึ้น คืออะไร

(1)       วิทยุกระจายเสียง        

(2) วิทยุโทรเลข            

(3) วิทยุโทรศัพท์          

(4) วิทยุโทรทัศน์

ตอบ2 หน้า 17 – 18 ในปี พ.ศ. 2438 กูกลิเอลโม มารโคนี (Guglielmo Marconi) ได้ประดิษฐ์ เครื่องมือการสื่อสารที่เรียกว่า วิทยุโทรเลข (Wireless Telegraph) สำเร็จเป็นครั้งแรก ต่อมาใน พ.ศ. 2444 เขาก็ได้ทดลองส่งสัญญาณวิทยุโทรเลขข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก และ ได้นำเอาการทดลองนี้ไปสู่การผลิตแบบอุตสาหกรรมได้สำเร็จเป็นคนแรก จนได้รับการยกย่อง ว่าเป็น บิดาของกิจการวิทยุกระจายเสียงโลก

2.         ผู้ที่ประสบความสำเร็จในการทดลองส่งเสียงพูดไปกับคลื่นวิทยุ คือ 

(1) ลี เดอ ฟอเรสต์

(2)       เรจินัลด์ เอ. เฟสเสนเดน          

(3) เดวิด ซาร์นอฟ        

(4) ชาร์ลส์ เดวิด เฮอร์โรลด์

ตอบ 2 หน้า 18 เรจินัลด์ เอ. เฟสเสนเดน (Reginald A. Fessenden) เป็นชาวอเมริกันที่ประสบความสำเร็จในการทดลองส่งเสียงพูดไปกับคลื่นวิทยุในคืนวันคริสต์มาสปี พ.ศ. 2449 โดยเขาได้กล่าวอวยพรคริสต์มาสไปที่เรือซึ่งแล่นอยู่บริเวณฝั่งบรานท์ร็อค รัฐแมสซาชูเซตส์

3.         ผู้ประดิษฐ์จานสแกนภาพสำเร็จเป็นคนแรก คือ        

(1) ดร.วิ.เค. ซโวรีกิน

(2)       เจมส์ ลอจี แบร์ด        (3) พอล นิพโกว           (4) คาร์ล เฟอร์ดินานด์ บราวน์

ตอบ3 หน้า 22 พอล นิพโกว (Paul Nipkow) นักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมัน ได้ค้นพบวิธีที่จะทำภาพให้เป็นเส้นเป็นทางปรากฏขึ้นบนจอได้สำเร็จเป็นคนแรกโดยเขาได้ประดิษฐ์จานสแกนภาพ คือ จานที่เจาะรูเล็ก ๆ เพื่อรับพลังงานแสง โดยเมื่อจานหมุนแสงจะผ่านรู ทำให้ภาพที่ผ่านรู ไปปรากฏบนจอภาพอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดโทรทัศน์ขึ้น

4.         บุคคลแรกที่เป็นผู้นำเอาการทดลองการส่งสัญญาณวิทยุโทรเลขไปสู่การผลิตแบบอุตสาหกรรมได้สำเร็จ คือ

(1)       เฮนริช เฮิรตซ์   (2) กูกลิเอลโม มารโคนิ

(3)       เจมส์ คลาก แมกซ์เวลล์         (4) เรจินัลด์ เอ. เฟสเสนเดน

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 1. ประกอบ

5.         การกำเนิดของวิทยุกระจายเสียงโลกมีสาเหตุมาจากข้อใด

(1)       เกิดขึ้นโดยบังเอิญจากการทดลองวิทยาศาสตร์

(2)       พัฒนาจากวิทยุโทรเลขมาสู่วิทยุกระจายเสียง

(3)       สภาพสังคมที่มีการปฏิวัติอุตสาหกรรมและการแสวงหาอาณานิคม

(4)       การค้นพบคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในอากาศของนักวิทยาศาสตร์

ตอบ3 หน้า 16 การกำเนิดของวิทยุกระจายเสียงโลกมีสาเหตุมาจากปัจจัยสำคัญ 2 ประการ คือ

1.         ปัจจัยทางสภาพสังคมที่เกิดจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมและการขยายตัวทางการค้า ทำให้ประเทศต่าง ๆ ในทวีปยุโรปมีความจำเป็นต้องแสวงหาอาณานิคม

2.         การให้รางวัลสำหรับการค้นคว้า ซึ่งมีผลต่อความก้าวหน้าทางวิชาการด้านวิทยาศาสตร์

6.         จุดกำเนิดสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งแรกของโลก หมายถึงข้อใด

(1)       สถานีวิทยุโทรทัศน์ NHK     (2) สถานีวิทยุโทรทัศน์ BBC

(3)       สถานีวิทยุโทรทัศน์ NBC     (4) สถานีวิทยุโทรทัศน์ RCA

ตอบ 2 หน้า 2325169 จุดกำเนิดสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งแรกของโลก คือ สถานีวิทยุโทรทัศน์ BBC ของอังกฤษ ซึ่งได้แพร่ภาพด้วยระบบขาวดำอย่างเป็นทางการครั้งแรก เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2479 โดยมิพิธีเปิดการแพร่ภาพขึ้นที่พระราชวังอเล็กซานดร้า กรุงลอนดอน

7.         สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งแรกของไทย คือ

(1)       ช่อง 4 บางขุนพรหม    (2) ช่อง 7 สนามเป้า (3) ช่อง 3 หนองแขม (4) ช่อง 8 ลำปาง

ตอบ 1 หน้า 4244 สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งแรกของประเทศไทย คือ สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวี ช่อง 4 บางขุนพรหม ซึ่งก่อตั้งอยู่ในรูปของบริษัท ไทยโทรทัศน์ จำกัด (ปัจจุบันคือ สถานีวิทยุ โทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 9 หรือโมเดิร์นไนน์ทีวี ดำเนินงานโดยบริษัท อ.ส.ม.ท. จำกัด (มหาชน)นสังกัดของสำนักนายกรัฐมนตรี) โดยมีพิธีเปิดสถานีและออกอากาศแพร่ภาพเป็นวันแรก เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2498 ซึ่งถือเป็นจุดกำเนิดของกิจการวิทยุโทรทัศน์ไทย

8.         สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งแรกของไทย คือ

(1)       สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย        (2) สถานีวิทยุกรุงเทพฯ ที่ศาลาแดง

(3)       สถานีวิทยุกรุงเทพฯ ที่พญาไท            (4) สถานีวิทยุองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย

ตอบ 3 หน้า 34 – 36 สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งแรกของประเทศไทย คือ สถานีวิทยุกรุงเทพฯ

ที่ พญาไท ซึ่งก่อตั้งขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 7 ภายใต้การดูแลของกรมไปรษณีย์โทรเลข (ปัจจุบัน เปลี่ยนชื่อเป็น สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ในสังกัดของกรมประชาสัมพันธ์)โดยทางราชการได้ทำพิธีเปิดสถานีอย่างเป็นทาง การและถ่ายทอดเสียงทางวิทยุเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2473 (ตรงกับวันพระราชพิธีฉัตรมงคลในรัชกาลที่ 7) ซึ่งถือเป็นจุดกำเนิดของกิจการวิทยุกระจายเสียงไทย

9.         ราดิโอ โทรเลข” เป็นคำเรียกชื่อสื่อใด

(1)       วิทยุโทรเลข     (2) วิทยุโทรทัศน์          (3) วิทยุกระจายเสียง  (4) วิทยุแบบแร่

ตอบ 3 หน้า 2 แต่เดิมเราไม่มิคำเรียกวิทยุกระจายเสียงเป็นภาษาไทย แต่จะใช้ทับศัพท์ภาษาอังกฤษ ว่า ราดิโอ โทรเลข” (Radio Telegraph) ต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) จึงทรงบัญญัติใช้คำว่า วิทยุ” และภายหลังราชบัณฑิตยสถานจึงให้ใช้คำเต็ม ๆ อย่างเป็นทางการว่า ‘‘วิทยุกระจายเสียง

10.       “Wireless” หมายถึงข้อใด

(1)       โทรศัพท์          (2) โทรเลข       (3) วิทยุ           (4) โทรทัศน์

ตอบ 3 หน้า 2 คำว่า วิทยุกระจายเสียง” มักเรียกกันสั้น ๆ ว่า วิทยุ” ในขณะที่ชาวอังกฤษนิยม ใช้คำดั้งเดิมว่า Wireless (ไม่มีสาย) ส่วนชาวอเมริกันนิยมเรียกสั้น ๆ ว่า Radio

11.       “Broadcasting” หมายถึงข้อใด         

(1) การแพร่ภาพ

(2)       การกระจายเสียง       

(3) การออกอากาศรายการวิทยุและรายการโทรทัศน์ไปสู่สาธารณชน

(4)       การแสดงทางวิทยุและโทรทัศน์เพื่อสาธารณชน

ตอบ 3 หน้า 1 คำว่า “Broadcasting” ในภาษาอังกฤษ หมายถึง การกระจายเสียงและการแพร่ภาพ ในขณะที่สารานุกรมบริแทนนิก้าได้ให้ความหมายไว้ว่า คือ การออกอากาศรายการวิทยุกระจายเสียง และวิทยุโทรทัศน์ไปสู่ผู้รับซึ่งเป็นสาธารณชนทั่วไป

12.       จุดกำเนิดของกิจการวิทยุกระจายเสียงไทยเกิดขึ้นเมื่อใด     

(1) 25 กุมภาพันธ์ 2473

(2)       10 ธันวาคม 2475      

(3) 24 มิถุนายน 2498

(4) 20 สิงหาคม 2500

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 8. ประกอบ

13.       จุดกำเนิดของกิจการวิทยุโทรทัศน์ไทยเกิดขึ้นเมื่อใด 

(1) 10 ธันวาคม 2475

(2)       24 มิถุนายน 2498     (3) 25 กุมภาพันธ์ 2473          (4) 20 สิงหาคม 2500

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 7. ประกอบ

14.       การส่งวิทยุกระจายเสียงที่ไม่ต้องใช้คลื่นความถี่เหมือนการออกอากาศทางวิทยุกระจายเสียงทั่วไป หมายถึงข้อใด

(1)       วิทยุกระจายเสียงผ่านอินเทอร์นัล       (2) วิทยุกระจายเสียงผ่านอินฟราเรด

(3)       วิทยุกระจายเสียงผ่านอินเทอรเน็ต     (4) วิทยุกระจายเสียงผ่านอินทราเน็ต

ตอบ 3 หน้า 82 – 83 การส่งวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ผ่านอินเทอร์เน็ต เป็นการแปลง (Convert) ระบบกระจายเสียงจากระบบ Analog เป็นระบบ Digital โดยไม่ต้องใช้คลื่นความถี่ เหมือนการออกอากาศทางวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ทั่วไป ซึ่งเมื่อคนต้องการฟัง และชมก็สามารถ Click เข้าไปที่ Website นั้น ๆ ได้ เรียกว่า Web-Radio และ Web-TV

15.       เหตุการณ์ข้อใดเหมาะกับการถ่ายทอดสารผ่านวิทยุกระจายเสียงมากที่สุด

(1)       การไขปัญหาซ่อมคอมพิวเตอร์            (2) การสอนทำอาหารไทย

(3)       การประชุมสภาผู้แทบราษฎร  (4) พระราชพิธีฉัตรมงคล

ตอบ 3 (คำบรรยาย) วิทยุกระจายเสียงจะให้ประสิทธิผลในการจูงใจและเปลี่ยนทัศนคติได้ดีที่สุด นอกจากนี้ยังถือเป็นสื่อที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในแง่ของการสร้างความคิดคำนึงหรือจินตนาการ เมื่อใช้ถ่ายทอดหรือเสนอเนื้อหาสาระที่เป็นนามธรรม คือ

1.         ข้อเท็จจริง (Factual Information) เช่น ข่าวต่าง ๆ การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ฯลฯ

2.         แนวปฏิบัติต่าง ๆ (Procedures) เช่น อุดมการณ์หรือแนวคิด การเล่านิทานหรือละคร ฯลฯ

3.         ทัศนคติที่พึงประสงค์ (Desirable Attitudes) เช่น การบรรยายธรรม ฯลฯ

4.         การจูงใจให้คิดหรือทำ (Motivation) เช่น การโฆษณาชวนเชื่อ ฯลฯ

16.       วิทยุโทรทัศน์มีลักษณะเฉพาะอะไรที่ทำให้เกิดประสิทธิภาพจูงใจมากกว่าสื่ออื่น

(1)       ง่ายต่อการเรียนรู้         (2) แสดงภาพให้เห็นจริงและประทับใจ

(3)       ความคงอยู่ของสื่อนาน            (4) มีเวลานำเสนอนาน

ตอบ 2 (คำบรรยาย) ลักษณะเฉพาะของวิทยุโทรทัศน์ที่ทำให้เกิดประสิทธิภาพจูงใจมากกว่าสื่ออื่คือ สามารถแสดงภาพให้เห็นจริงและประทับใจ เพราะการเห็นพร้อมการฟังจะมีประสิทธิภาพสูง จึงสร้างความน่าเชื่อถือได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้วิทยุโทรทัศน์ยังสามารถส่งเสริมประสบการณ์ ได้ดีที่สุดเมื่อได้เสนอสาระอันเป็นรูปธรรม จึงทำให้กลายเป็นสื่อที่ได้รับความนิยมสูงสุด และ สามารถครอบงำอุดมการณ์ความคิดของผู้คนในสังคมไทยได้มากที่สุดในปัจจุบัน

17.       ข้อใดเป็นผลกระทบของวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ด้านค่านิยมที่ดี

(1)       วัยรุ่นชายนิยมเกณฑ์ทหารตามศิลปินนักแสดงทีเสนอข่าวทางโทรทัศน์

(2)       วัยรุ่นหญิงนิยมใช้ผลิตภัณฑ์ผิวขาวตามโฆษณาทางโทรทัศน์

(3)       ชาวนาเปลี่ยนมาทำไร่นาสวนผสมตามรายการเศรษฐกิจพอเพียง

(4)       ประชาชนสนทนาเกี่ยวกับข่าวระเบิดบอมบ์พื้นที่กรุงเทพฯ 8 จุด

ตอบ 1 หน้า 104 – 105 การที่สื่อมวลชนเสนอเรื่องราว กิจกรรม หรือชีวิตส่วนตัวของศิลปินนักแสดง ซ้ำ ๆ บ่อย ๆ ย่อมมีอิทธิพลและผลกระทบต่อเด็ก วัยรุ่น และผู้ใหญ่ที่ชื่นชอบจำนวนมาก ทำให้เกิดการเลียนแบบดารานักแสดงตั้งแต่การแต่งกาย ความคิด ความเชื่อ ค่านิยม และ พฤติกรรม เช่น การที่วัยรุ่นชายนิยมเกณฑ์ทหารตามศิลปินนักแสดงที่เสนอข่าวทางโทรทัศน์ แสดงถึงผลกระทบด้านค่านิยมที่ดี เป็นด้น

18.       คุณลักษณะสำคัญที่วิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์มีอิทธิพลต่อประชาชน หมายถึงข้อใด

(1)       อยู่ที่ไหนก็รับได้           (2) เทคโนโลยีนำสมัย

(3) มีได้ทุกครัวเรือน     (4) มีผลต่อทุกคนลักษณะเดียวกันหมด

ตอบ 4 หน้า 102 นักวิชาการด้านทฤษฎีสังคมมวลชน (Mass Society Theory) เชื่อว่า สื่อมวลชน ซึ่งหมายรวมถึง วิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์จะมีอิทธิพลต่อประชาชนโดยตรง เมื่อพิจารณาจากคุณลักษณะสำคัญดังนี้            1. ความสามารถเข้าถึงประชาชนจำนวนมากได้โดยตรง และการเปิดรับของผู้รับสาร            2. มีอิทธิพลในการชักจูงใจ   3. มีผลเรื่องใดเรื่องหนึ่งต่อคนจำนวนมากในลักษณะเดียวกันหรือคล้ายคลึงกัน

19.       การวัดระดับประสิทธิภาพของสื่อมวลชน หมายถึงข้อใด

(1)       การนำเสนอเนื้อหา     (2) ระยะเวลา  (3) ประเภทของสื่อ      (4) การดึงดูดใจ

ตอบ 1 (คำบรรยาย) ประสิทธิภาพของสื่อมวลชน หมายถึง ความคล่องตัวของสื่อ หรือระดับความสามารถของสื่อในการถ่ายทอดข่าวสาร (เนื้อหาของสาร) ไปยังผู้ชมหรือผู้ฟังได้มากน้อย เพียงใด ดังนั้นการวัดระดับประสิทธิภาพของสื่อมวลชน จึงหมายถึง การนำเสนอเนื้อหาของ สื่อมวลชนนั่นเอง

20.       การส่งวิทยุโทรทัศน์ หมายถึง

(1) นำสัญญาณเสียงออกอากาศ

(2)       นำสัญญาณภาพออกอากาศ (3) นำสัญญาณภาพและเสียงออกอากาศ

(4)       นำสัญญาณภาพ เสียง และสัญญาณต่าง ๆ ที่จำเป็นออกอากาศ

ตอบ 3 หน้า 5869 การส่งวิทยุโทรทัศน์ หมายถึง การนำสัญญาณภาพและเสียงออกอากาศไปสู่ เครื่องรับโทรทัศน์ที่กระจายอยู่ตามพื้นที่ต่าง ๆ โดยอาศัยคลื่นวิทยุซึ่งเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ในการส่งสัญญาณ ไม่ว่าจะโดยใช้วิธีการส่งตามสาย (Cable Television) หรือไปในอากาศ (Broadcasting Television) ก็ตาม

21.       รายการประเภทใดทางวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ที่มีสัดส่วนการนำเสนอสูงสุด

(1)       รายการข่าว     

(2) รายการโฆษณา

(3)       รายการบันเทิง            

(4) รายการแสดงความคิดเห็น

ตอบ 3 หน้า 101 รายการต่าง ๆ ทางวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ส่วนใหญ่จะเน้นสัดส่วน การนำเสนอรายการบันเทิงสูงที่สุด โดยเฉพาะสถานีวิทยุและสถานีโทรทัศน์เพื่อการค้า ซึ่งมักจะมุ่งผลประโยชน์ด้านธุรกิจมากกว่าผลประโยชน์ของสาธารณะ (Public Interest)

22.       แนวคิดทฤษฎีใดที่เชื่อว่าวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์มีอิทธิพลต่อประชาชนโดย ตรง

(1) ทฤษฎีสังคมมวลชน           

(2) ทฤษฎีสื่อสารมวลชน

(3) ทฤษฎีสื่อสารการพัฒนา    

(4) ทฤษฎีวิพากษ์สื่อมวลชน

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 18. ประกอบ

23.       ข้อใดไม่ใช่ประเภทรายการวิทยุโทรทัศน์ที่จัดแบ่งตามบทบาทหน้าที่ของสื่อมวลชน

(1) รายการข่าว 

(2) รายการการศึกษา            

(3) รายการบันเทิง 

(4) รายการสำหรับเด็ก

ตอบ 4 หน้า 100 – 101 การแบ่งประเภทรายการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ตามบทบาท หน้าที่ของสื่อมวลชน ได้แก่   1. รายการที่ให้ข่าวสาร 2. รายการที่แสดงความคิดเห็นหรือการชักจูงใจ 3. รายการที่ให้ความรู้และการศึกษา        4. รายการที่ให้ความบันเทิง

24.       สถานีวิทยุโทรทัศน์ที่จัดตั้งล่าสุด หมายถึงข้อใด

(1) ITV        (2) TITV     (3) IPSB      (4) TPBS

ตอบ 4 (ข่าว) ภายหลังจากที่ พ.ร.บ. องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2551 ได้ส่งผลให้ประเทศไทย มีสถานีวิทยุโทรทัศน์ระดับชาติในส่วนกลางที่มีการจัดตั้งขึ้นมาใหม่ล่าสุด คือ ไทยพีบีเอส (TPBS) หรือทีวีไทย ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นสถานีวิทยุโทรทัศน์สาธารณะ หรือทีวีสาธารณะแห่งแรกของประเทศไทย และเริ่มแพร่ภาพออกอากาศอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ค. 2551 โดยได้รับสัมปทานการใช้คลื่นความถี่ในการแพร่ภาพจากสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.)

25.       สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งแรกของประเทศไทยที่ถูกมาตรการลงโทษให้ปิดสถานี หมายถึงข้อใด

(1) ITV        (2) TITV     (3) ช่อง 4        (4) ช่อง 7

ตอบ 1 (ข่าว) สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งแรกของไทยที่ถูกมาตรการลงโทษให้ปิดสถานี ตามคำตัดสิน ของศาลปกครองสูงสุด คือ ITV แต่ต่อมาศาลปกครองสูงสุดก็มีคำสั่งคุ้มครองให้ออกอากาศ ต่อไปได้ ภายใต้ชื่อใหม่ว่า TITV โดยมีเงื่อนไขว่าทันทีที่ พ.ร.บ. องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 มีผลบังคับใช้ สถานีวิทยุโทรทัศน์ TITV ต้องเปลี่ยนเป็นทีวีสาธารณะอย่างเต็มรูปแบบ (ดูคำอธิบายข้อ 24. ประกอบ)

26.       ทีวีสาธารณะแห่งแรกของประเทศไทย หมายถึงข้อใด

(1)ช่อง9           (2)ช่อง 11       (3) TPBS     (4) TITV

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 24. ประกอบ

27.       ทีวีสาธารณะจัดตั้งขึ้นจากกฎหมายฉบับใด

(1)       พ.ร.บ. องค์การจัดสรรคลี่นความถี่และกำกับดูแลกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. 2543

(2)       พ.ร.บ. การประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. 2543

(3)       พ.ร.บ. องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551

(4)       พ.ร.บ. วิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. 2498

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 24. ประกอบ

28.       รัฐธรรมนูญๆ ฉบับปัจจุบันของประเทศไทย หมายถึงข้อใด  

(1) รัฐธรรมนูญฯ ปี พ.ศ. 2540

(2)       รัฐธรรมนูญฯ ปี พ.ศ. 2551    (3) รัฐธรรมนูญฯ ปี พ.ศ. 2550            (4) รัฐธรรมนูญฯ ปี พ.ศ. 2549

ตอบ 3 รัฐธรรมนูญๆ ฉบับปัจจุบันของประเทศไทย คือ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2550 ประกอบไปด้วย 309 มาตรา (ผ่านการออกเสียงลงประชามติเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2550)

29.       มาตราใดในรัฐธรรมนูญฯ ฉบับปัจจุบันที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปสื่อวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ไทย

(1)       มาตรา 40        (2) มาตรา 45  (3)       มาตรา 47        (4)       มาตรา 50

ตอบ 3 เจตนารมณ์ในการปฏิรูปสื่อวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ไทยตามรัฐธรรมนูญฯฉบับปัจจุบัน พ.ศ. 2550 มาตรา 47 ได้กำหนดให้มีองค์กรของรัฐที่เป็นอิสระองค์กรหนึ่ง ทำหน้าที่จัดสรรคลื่นความถี่และกำกับดูแลการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ทั้งนี้องค์กรอิสระที่จะมาทำหน้าที่ดังกล่าว ได้แก่ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ซึ่งเรียกโดยย่อว่า กสทช.)

30.       จากข้อ 29. องค์กรอิสระที่จะมากำกับดูแลและจัดสรรการใช้คลื่นความถี่วิทยุและโทรทัศน์ไทย หมายถึงข้อใด

(1)       กกช.    (2) กสช.          (3)       กสทช. (4)       กทช.

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 29. ประกอบ

31.       องค์กรอิสระที่จะมากำกับดูแลและจัดสรรการใช้คลื่นความถี่วิทยุในกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมไทย ในรัฐธรรมนูญฯ ฉบับปัจจุบันมีกี่องค์กร

(1)       1 องค์กร          

(2) 2 องค์กร    

(3)       3 องค์กร          

(4)       4 องค์กร

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 29. ประกอบ

32.       โครงสร้างการควบคุมกิจการวิทยุและโทรทัศน์ไทย มีลักษณะอย่างไร

(1)       ถูกควบคุมโดยรัฐ และควบคุมกันเอง  

(2) ถูกควบคุมโดยรัฐ และผลประโยชน์ทางธุรกิจ

(3)       ถูกควบคุมโดยรัฐ และบุคคลภายนอก           

(4) ถูกควบคุมโดยรัฐ ควบคุมกับเอง และบุคคลภายนอก

ตอบ 4 หน้า 125 – 127 โครงสร้างการควบคุมกิจการวิทยุและโทรทัศน์ไทยแบ่งออกเป็น 3 ฝ่าย คือ

1.         การควบคุมโดยรัฐ คือ การจัดตั้งสถาบันขึ้นมาควบคุม เช่น กสทช การออกกฎหมายที่ บังคับใช้โดยตรงและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น ข้อบังคับและหลักเกณฑ์ที่ออกมาในรูปของ หนังสือเวียนและคำสั่งอื่น ๆ ฯลฯ

2. การควบคุมกันเอง เช่น มีจริยธรรมและจรรยาบรรณ ของวิชาชีพสื่อสารมวลชน รวมทั้งการจัดตั้งสมาคมวิชาชีพต่าง ๆ

3. การควบคุมจาก บุคคลภายนอก ได้แก่ ผู้ชม/ผู้ฟังผู้อุปถัมภ์รายการ และกลุ่มผลักดันทางสังคม

33.       ข้อใดหมายถึงสื่อทางเลือกของประชาชน

(1)       สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 9       

(2) สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย

(3) สถานีวิทยุชุมชน    

(4) สถานีวิทยุกระจายเสียง อ.ส.ม.ท.

ตอบ 3 สื่อทางเลือก หรือสื่อภาคประชาชน คือ สื่อนอกกระแสที่เปิดพื้นที่การสื่อสารให้แก่ประชาชนหลากหลายกลุ่ม จึงเป็นการสร้างทางเลือกให้แก่ผู้รับสารในการรับรู้ข่าวสารที่แตกต่างไปจากสื่อกระแสหลัก ซึ่งมักถูกกำหนดเนื้อหาจากภาครัฐและนายทุน ตัวอย่างสื่อทางเลือกของ ประชาชน เช่น สถานีวิทยุชุมชน สถานีวิทยุและโทรทัศน์ทางอินเทอร์เน็ต โทรทัศน์ดาวเทียม เคเบิลทีวี ฯลฯ

34.       ระบบการแพร่ภาพของสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยในปัจจุบันใช้ระบบอะไร

(1) ระบบขาวดำ 525 เส้น       (2) ระบบ SECAM 525 เส้น

(3) ระบบ PAL 625 เส้น        (4) ระบบ CCIR 625 เส้น

ตุอบ 3 หน้า 4371 ระบบการแพร่ภาพของสถานีวิทยุโทรทัศในไทยในระยะเริ่มแรกนั้นจะใช้ระบบ ขาวดำ 525 เส้น เรียกว่า ระบบ EIA แต่ตั้งแต่ พ.ศ. 2517 จนถึงปัจจุบัน ประเทศไทยก็ได้ เปลี่ยนมาใช้ระบบสี คือ ระบบ PAL สัญญาณภาพ 625 เส้น (25 ภาพต่อวินาที)

35.       บิดาของวิทยุกระจายเสียงไทย คือ

(1)       สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต        (2) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

(3) พระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าบูรฉัตรไชยากร (4) พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

ตอบ3 หน้า 33 – 34 บิดาของกิจการวิทยุกระจายเสียงไทย คือ นายพลเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าบูรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้บุกเบิก และริเริ่มให้มีการทดลองส่งวิทยุกระจายเสียงขึ้นในประเทศไทยเป็นครั้งนรก โดยใช้ชื่อ สถานีวิทยุแห่งนี้ว่า พีเจ” ซึ่งยอมาจากคำว่า ‘‘บูรฉัตรไชยากร

36.       บิดาของกิจการวิทยุกระจายเสียงโลก คือ     

(1) เฮนริชส์ เฮิรตซ์

(2)       กูกลิเอลโม มารโคนี    (3) ลี เดอ ฟอเรสต์       (4) เรจินัลค์ เอ. เฟสเสนเดน

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 1. ประกอบ

37.       โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เริ่มจัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ใด

(1) พ.ศ. 2498 (2) พ.ศ. 2500 (3) พ.ศ. 2511 (4) พ.ศ. 2520

ตอบ 3 หน้า 152 – 153 โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เริ่มจัดตั้งขึ้นเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2511 ซึ่งเกิดจากความคิดว่าควรรวมตัวกันขึ้นเพื่อปรึกษาหารือและจัดการดำเนินการ ในด้านต่าง ๆ อันจะทำให้เกิดประโยชน์แก่โทรทัศน์ทุกช่อง โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้

1.         ร่วมมือในการถ่ายทอดและรับการถ่ายทอดทั้งในประเทศและนอกประเทศ สำหรับรายการ ที่สำคัญ ๆ ระดับชาติหรือระหว่างประเทศ

2.         เป็นผู้ประสาบงานในการตกลงค่าลิขสิทธิ์ต่าง ๆ ในการถ่ายทอดตามข้อ 1.

3.         แลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกันในระหว่างโทรทัศน์ช่องต่าง ๆ โดยมีหลักการที่จะไม่แย่งชิงผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน

4.         ร่วมมือกันสร้างสรรค์ความสัมพันธ์ระหว่างสถานีโทรทัศน์แต่ละช่อง ฯลฯ

38.       จุดเริ่มต้นของสถานีโทรทัศน์ไอทีวี (ทีวีเสรี) เกิดจากเหตุผลอะไร

(1)       เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ปี พ.ศ. 2535

(2)       รัฐบาลอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกรัฐมนตรี ต้องการเป็ดเสรีด้านสิทธิการรับรู้ข่าวสาร

(3)       สำนักงานปลัดสำนันายกรัฐมนตรีต้องการมีสถานีโทรทัศน์อยู่ในสังกัด

(4)       การเรียกร้องของนักวิชาการต้องการมีสถานีโทรทัศน์เพิ่มขึ้น

ตอบ 1 หน้า 51 จุดเริ่มต้นของการกำเนิดสถานีวิทยุโทรทัศน์ไอทีวี (ทีวีเสรี) นั้น เกิดขึ้นเนื่องมาจาก เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พ.ศ. 2535” ทั้งนี้เพราะสอมวลชนทั้งวิทยุและโทรทัศน์ในขณะนั้น ถูกใช้เป็นเครื่องมือของรัฐในการทำหน้าที่เป็นปากเสียงให้แกคณะรักษาความสงบเรียบร้อย แห่งขาติ (รสช.) โดยมิได้เสนอข่าวสารตามที่เกิดขึ้นจริง

39.       กรก่อตั้งกิจการวิทยุโทรทัศน์ครั้งแรกชองไทยนั้นดำเนินการในลักษณะใด

(1)       ตั้งเป็นหน่วยงานราชการ         (2) ตั้งเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ

(3)       ตั้งเป็นบริษัทจำกัด      (4) ตั้งเป็นสำนักงานโฆษณาการ

ตอบ 3 หน้า 40 – 41 การก่อตั้งกิจการวิทยุโทรทัศน์ครั้งแรกในประเทศไทย เกิดจากความคิดริเริ่ม ของจอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี เมือ พ.ศ. 2495 (ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 9) แต่ถูก สภาผู้แทนราษฎรและหนังสือพิมพ์โจมตีคัดค้านอย่างมากว่าสิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดิน 

จึงทำให้รัฐบาลเปลี่ยนแผนการจากเดิมที่จะดำเนินการเอง มาเป็นการจัดตั้งเป็นบริษัทจำกัด (บริษัท ไทยโทรทัศน์ จำกัด) เพื่อหารายได้เลี้ยงตัวเอง (ดูคำอธิบายข้อ 7. ประกอบ)

40.       การก่อตั้งกิจการวิทยุกระจายเสียงครั้งแรกของไทยนั้นดำเนินการในลักษณะใด

(1)       อยู่ภายใต้การดูแลของกรมไปรษณีย์โทรเลข

(2)       อยู่ภายใต้การดูแลของกรมประชาสัมพันธ์

(3)       อยู่ภายใต้การดูแลขององค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย

(4)       อยู่ภายใต้การดูแลของกรมการทหารสื่อสาร

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 8. ประกอบ

41.       การจัดตั้งองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (อ.ส.ม.ท.) เป็นผลมาจากข้อใด

(1)       ต้องการปรับโครงสร้างกิจการวิทยุและโทรทัศน์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

(2)       ผลมาจากการปฏิรูปกฎหมายที่ใช้บังคับกิจการวิทยุและโทรทัศน์ จึงต้องตั้งองค์กรใหม่มารองรับ

(3)       ผลมาจากการดำเนินการของบริษัท ไทยโทรทัศน์ จำกัด ขาดทุน

(4)       ผลทางการเมืองเพื่อจัดตั้งองค์การสื่อสารมวลชนระดับชาติขึ้น

ตอบ 4 หน้า 4548, (คำบรรยาย) ในปี พ.ศ. 2520 รัฐบาลได้จัดตั้งองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (อ.ส.ม.ท.) ขึ้นแทนบริษัท ไทยโทรทัศน์ จำกัด ที่ถูกยุบเลิกกิจการไป ทั้งนี้เป็นผลมาจากการเมือง ที่ต้องการจัดตั้งองค์การสื่อสารมวลชนระดับชาติขึ้น เพื่อให้การจัดกิจการสื่อสารมวลชนของ รัฐบาลคล่องตัว มีประสิทธิภาพ ถูกต้องรวดเร็ว และเป็นที่น่าเชื่อถือแก่สาธารณชน

42.       สถานีโทรทัศน์แห่งแรกของโลก ตั้งขึ้นที่ประเทศใด

(1)       รัสเซีย  

(2) เยอรมนี      

(3) อังกฤษ      

(4) สหรัฐอเมริกา

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 6. ประกอบ

43.       แนวความคิดในการจัดระบบวิทยุและโทรทัศน์ที่เป็นระบบผูกขาดโดยหน่วยงานของรัฐ

(1)       Mixed System (2) state System

(3) Free Market System    (4) Public Service System

ตอบ 4 หน้า 111-112 แนวความคิดในการจัดระบบวิทยุและโทรทัศน์แบบ Public Service System (แนวคิดสื่อสารเพื่อประโยชน์สาธารณะ) คือ

1.         รัฐมีความรับผิดชอบในการให้ข่าวสารข้อมูล และรักษาวัฒนธรรมแห่งชาติ

2.         รัฐเป็นผู้จัดระเบียบในด้านที่มาของรายได้ การจัดสรรคลื่น และคุณภาพของรายการ

3.         เป็นระบบที่ผูกขาดโดยหน่วยงานของรัฐ หรืออาจเป็นการผูกขาดแบบ Duopoly (เล่นพรรคเล่นพวก) โดยมีเอกชนเป็นคู่แข่งเพียง 1-2 รายเท่านั้น รัฐจึงเป็นทั้ง Supplier (ผลิตรายการเอง) และเป็น Regulator (ผู้ควบคุมรายการ) ไปพร้อมกัน

 44.      ประเทศที่เป็นแม่นแบบของแนวคิด Free Market System คือ

(1) ญี่ปุ่น         (2) รัสเซีย        (3) อังกฤษ      (4) สหรัฐอเมริกา

ตอบ 4 หน้า 111 – 113 ประเทศสหรัฐอเมริกาถือเป็นแม่แบบของแนวคิด Free Market System (แนวคิดสื่อสารในตลาดเสรี) หรือระบบที่ธุรกิจเอกชนเป็นผู้ให้บริการ คือ ดำเนินการในรูปตลาดเสรี ที่ให้ธุรกิจเอกชนแข่งขันกันอย่างเต็มที่ (Competition) โดยมีความเชื่อว่าถ้าเป็นตลาดที่ สมบูรณ์แล้วจะมีการแข่งขันกันของผู้ประกอบการ และท้ายที่สุดผู้บริโภคจะได้รับประโยชน์สูงสุด

45.       แนวคิดที่เป็นระบบพหุนิยมในแนวตลาดเสรีที่กำลังขยายตัวไปทั่วโลก คือ

(1) Public Service System (2) Free Market System

(3) Mixed System      (4) Dual System

ตอบ 3 หน้า 111113 ในช่วงทศวรรษที่ 1980 – 1990 กำลังเป็นช่วงที่มีการปรับไปสู่ทิศทางของ ระบบพหุนิยมในแนวตลาดเสรี จึงทำให้เกิดระบบในแบบที่ 3 คือ ระบบผสม (Mixed System) ระหว่างแนวคิดลื่อสารเพื่อประโยชน์สาธารณะกับแนวคิดสื่อสารในตลาดเสรีขยายตัวไปทั่วโลก

46.       ระบบนี้มีความเชื่อว่ากิจการวิทยุและโทรทัศน์ รัฐต้องเข้ามามีความรับผิดชอบในการให้ข้อมูลข่าวสาร และรักษาวัฒนธรรมแห่งชาติ หมายถึงข้อใด

(1) Free Market System    (2) Public Service System

(3) Mixed System      (4) Dual System

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 43. ประกอบ

47.       พัฒนาการของวิทยุกระจายเสียงในโลกถือว่าประเทศใดเป็นผู้บุกเบิกกิจการวิทยุกระจายเสียง

(1) รัสเซีย        (2) อังกฤษ      (3) สหรัฐอเมริกา         (4) ญี่ปุ่น

ตอบ 3 หน้า 155 – 156 พัฒนาการของวิทยุกระจายเสียงถือว่า ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นผู้บุกเบิกกิจการวิทยุกระจายเสียงโลก โดยมีสถานีวิทยุกระจายเสียงอยู่กลุ่มหนึ่งที่ถือว่า เป็นสถานีวิทยุกระจายเสียงในยุคแรก ๆ คือ สถานี KCBS (ค.ศ. 1909), WHA (ค.ศ. 1917), WWJ (ค.ศ. 1920) และ KDKA (ค.ศ. 1920)

ข้อ 48. – 51. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม

(1) VOA      (2) BBC      (3) NHK     (4) FCC

48.       คณะกรรมการการสื่อสารแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา

ตอบ 4 หน้า 24114168 คณะกรรมการการสื่อสารแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (Federal Communications Commission : FCC) เป็นองค์กรอิสระของรัฐ ซึ่งมีหน้าที่ดูแลกิจการ วิทยุและโทรทัศน์ทั้งหมด รวมทั้งคอยจัดสรรคลื่นวิทยุเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ ด้วย

49.       บรรษัทวิทยุและโทรทัศน์ของอังกฤษ

ตอบ 2 หน้า 161 – 162169 บรรษัทวิทยุและโทรทัศน์อังกฤษ (British Broadcasting Corporation : BBC) มีฐานะเป็นบรรษัทสาธารณะที่ได้รับงบประมาณจากรัฐบาล โดยเก็บค่าธรรมเนียมใบอนุญาต ให้มีเครื่องรับวิทยุและโทรทัศน์จากประชาชนมาเป็นค่าใช้จ่ายของบรรษัท

50.       สถานีวิทยุภคภาษาต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา

ตอบ 1 หน้า 159          160, (คำบรรยาย) การกระจายเสียงภาคต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา คือสถานีวิทยุคลื่นสั้น VOA (Voice of America) ซึ่งเป็นสถานีวิทยุภาคภาษาต่างประเทศที่ กระจายเสียงไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกถึง 35 ภาษา ออกอากาศสัปดาห์ละ 805 ชั่วโมง และมีผู้รับฟังประมาณ 26 ล้านคน โดยในประเทศไทยได้จัดตั้งสถานีทวนสัญญาณ (Rely Station) ขึ้นทีจังหวัดอุดรธานี เพื่อส่งกระจายเสียงต่อไปยังประเทศต่าง ๆ ในแถบเอเชีย

51.       บรรษัทการกระจายเสียงของญี่ป่น

ตอบ 3 หน้า 165 – 166 บรรษัทการกระจายเสียงแห่งญี่ปุ่น (Nippon Hoso Kyokai : NHK)เป็นองค์การกระจายเสียงแห่งชาติที่ทำการกระจายเสียงเพื่อสาธารณะ โดยไม่แสวงหากำไร และมีรายได้จากการเก็บค่าธรรมเนียมเครื่องรับวิทยุและโทรทัคน์ ซึ่งมีลักษณะเหมือนกับBBC ของอังกฤษ

52.       ข้อใดคือการกระจายเสียงภาคต่างประเทศของญี่ปุ่น

(1)       TBS  

(2) NHK     

(3) NCB      

(4) Radio Japan

ตอบ 4 หน้า 167 . Radio Japan เป็นบริการกระจายเสียงภาคต่างประเทศของญี่ปุ่นที่ส่งกระจายเสียง ด้วยระบบคลื่นสั้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข่าวสารและความบันเทิงแก่ชาวญี่ปุ่นภาคโพ้นทะเล รวมทั้งให้ผู้ฟังชาวต่างประเทศได้รู้จักประเทศญี่ปุ่นอย่างถูกต้องตามความเป็นจริงและส่งเสริม ความตั้งใจดีระหว่างประเทศ

53.       ประเทศใดต่อไปนี้ที่มีกิจการวิทยุและโทรทัศน์เป็นระบบบรรษัทสาธารณะ (Public Corporation)

(1) สหรัฐอเมริกา และอังกฤษ (2) อังกฤษ และญี่ปุ่น

(3) ไทย และสหรัฐอเมริกา       (4) สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น

ตอบ 2 หน้า 113165 – 166169172 ระบบกิจการวิทยุและโทรทัศน์ของประเทศอังกฤษและ ญี่ปุ่นจะมี 2 ระบบเหมือนกัน คือ

1.         ระบบบรรษัทสาธารณะ (Public Corporation) ได้แก่ BBC ของอังกฤษ และ NHK ของญี่ปุ่น

2.         ระบบธุรกิจเอกชน (Commercial Broadcasting) ได้แก่ สถานีวิทยุและโทรทัศน์เพื่อการค้า มีรายได้จากการโฆษณา

54.       ประเทศใดที่ถือว่ากิจการวิทยุและโทรทัศน์ดำเนินการโดยระบบเอกชนทั้งหมด

(1) อังกฤษ      (2) ญี่ปุ่น         (3) สหรัฐอเมริกา         (4) ไทย

ตอบ 3 หน้า 167, (คำบรรยาย) ระบบกิจการวิทยุและโทรทัศน์ของประเทศสหรัฐอเมริกา ไม่ว่า จะจัดตั้งขึ้นเพื่อการค้า เพื่อการศึกษา หรือเพื่อสาธารณะ ก็ให้ถือว่าเป็นกิจการของเอกชน และดำเนินงานโดยเอกชน (Private Ownership and Operation) ทั้งหมด ทั้งนี้เพราะมิได้ มีการจัดสรรคลื่นเอาไว้ให้แต่หน่วยราชการ ดังนั้นเอกชน นิติบุคคล องค์กรสาธารณะต่าง ๆ ก็มีสิทธิจัดตั้งสถานีวิทยุและโทรทัศน์ได้ (ดูคำอธิบายข้อ 44. ประกอบ)

55.       ประเทศใดต่อไปนี้ที่กิจการวิทยุและโทรทัศน์มีสิทธิเสรีภาพมากที่สุด โดยถูกรับรองไว้ในกฎหมาย รัฐธรรมนูญที่จะไม่ออกกฎหมายใด ๆ มาลิดรอนสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน

(1) ฝรั่งเศส      (2) สวิตเซอร์แลนด์      (3) อังกฤษ      (4) สหรัฐอเมริกา

ตอบ 4 หน้า 160-161 ระบบสื่อมวลชนของสหรัฐอเมริกาจะมีรูปแบบตามแนวคิดทฤษฎีสื่อสารมวลชนกับความ รับผิดชอบของสังคม ทำให้สื่อมวลชนมีเสรีภาพมากที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง โดยเสรีภาพในการรายงานและรับรู้ข่าวสารจะได้รับการรับรองไว้ในกฎหมายรัฐ ธรรมนูญของประเทศ ซึ่งมีใจความสำคัญว่า รัฐสภาจะไม่ออกกฎหมายที่มาบั่นทอนเสรีภาพของสื่อมวลชน แต่สื่อมวลชนจะต้องเคารพสิทธิของบุคคลอื่นด้วย

56.       ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับการจัดองค์กรของสถานีโทรทัศน์ในส่วนกลาง

(1)       สถานีโทรทัศน์ในส่วนกลางจะมีขนาดใหญ่ มีกำลังเครื่องส่งสูง และมีเครื่องมืออุปกรณ์ต่าง ๆ ที่สมบูรณ์กว่าสถานีโทรทัศน์ในส่วนภูมิภาค

(2)       สถานีโทรทัศน์ในส่วนกลางมีลักษณะการดำเนินงานที่แตกต่างกันกับสถานีโทรทัศน์ในส่วนภูมิภาค ทั้งจำนวนบุคลากร ขนาดของเครื่องส่ง และการผลิตรายการ

(3)       สถานีโทรทัศน์ในส่วนกลางจะมีสถานีโทรทัศน์แม่ข่ายในส่วนภูมิภาคที่ทำหน้าที่ถ่ายทอดสัญญาณ ไปทั่วประเทศ

(4)       สถานีโทรทัศน์ในส่วนกลางจะมีระบบการบริหารงานในรูปของบริษัทจำกัด

ตอบ 1 หน้า 139 สถานีวิทยุโทรทัศน์ที่ตั้งอยู่ในส่วนกลางจะมีขนาดใหญ่ มีกำลังเครื่องส่งสูง และมีเครื่องมืออุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น รถเคลื่อนที่สำหรับงานถ่ายทอดนอกสถานที่ค่อนข้างจะสมบูรณ์กว่า สถานีวิทยุโทรทัศน์ที่ตั้งอยู่ในส่วนภูมิภาค ส่วนการแบ่งสายงานบริหารในองค์การของ สถานีวิทยุโทรทัศน์ที่ตั้งอยู่ในส่วนภูมิภาคและส่วนกลางจะมีลักษณะที่ไม่แตกต่างกันมากนัก

57.       สื่อที่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือหรือพลังต่อรองทางการเมืองเมื่อเกิดวิกฤตการณ์สำคัญในสังคมไทย คือ

(1) ใบปลิว       (2) โทรสาร (Fax)     (3) วิทยุและโทรทัศน์   (4) หนังสือพิมพ์

ตอบ 3 หน้า 35, (คำบรรยาย) สื่อวิทยุและโทรทัศน์มักถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือหรือเป็นพลังต่อรอง ทางการเมือง เมื่อเกิดวิกฤตการณ์สำคัญในสังคมไทย (เช่น เหตุการณ์ 14 ตุลา และเหตุการณ์ พฤษภาทมิฬ ฯลฯ) ทั้งนี้เนื่องจากเป็นเครื่องมือที่สามารถสื่อสารได้อย่างรวดเร็ว ฉับไว น่าเชื่อถือ และสามารถเข้าถึงประชาชนได้กว้างขวาง (ดูคำอธิบายข้อ 38. ประกอบ)

58.       สถานีโทรทัศน์ที่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี คือ

(1)ช่อง3,ช่อง7           

(2)ช่อง5,ช่อง 11        

(3)ช่อง3,ช่อง9           

(4)ช่อง5,ช่อง7

ตอบ 3 หน้า 137 – 138 ลักษณะโครงสร้างระบบวิทยุโทรทัศน์ไทยในปัจจุบันแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย ดังนี้

1.         ฝ่ายพลเรือน จะอยู่ในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี คือ สถานีโทรทัศน์ในสังกัดของ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ ไอทีวี (TPBS หรือทีวีไทยในปัจจุบัน),กรมประชาสัมพันธ์ได้แก่ ช่อง 11 (NBT หรือ สทท.ในปัจจุบัน) และสถานีโทรทัศน์ ในส่วนภูมิภาคทั้งหมดอ.ส.ม.ท. ได้แก่ ช่อง 3 และช่อง 9 (โมเดิร์นไนน์ทีวี)

2.         ฝ่ายทหาร จะอยู่ในสังกัดกระทรวงกลาโหม คือ สถานีโทรทัศน์เฉพาะของกองทัพบกเท่านั้น ได้แก่ ช่อง 5 และช่อง 7

59.       สถานีโทรทัศน์ที่ทำหน้าที่เป็นสถานีแม่ข่ายในส่วนภูมิภาค หมายถึงข้อใด

(1) สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3        (2) สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5

(3) สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7  (4) สถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทยในส่วนภูมิภาค

 ตอบ 4 หน้า 48 – 49149 การจัดตั้งสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยในส่วนภูมิภาค

เป็นความคิดริเริ่มของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น โดยท่านเล็งเห็นว่า วิทยุโทรทัศน์มีข้อจำกัดที่ไม่สามารถจะแพร่ภาพไปทั่วประเทศได้ จึงบัญชาให้กรมประชาสัมพันธ์ จัดตั้งสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยในส่วนภูมิภาคขึ้น โดยให้ทำหน้าที่เป็นสถานีแม่ข่าย ในส่วนภูมิภาคทั้งหมด

60.       Independent Broadcasting Authority (IBA) หมายถึงข้อ

(1)       องค์กรที่ควบคุมดูแลกิจการวิทยุโทรทัศน์ของสหรัฐอเมริกา

(2)       องค์กรที่ควบคุมดูแลกิจการวิทยุกระจายเสียงของอังกฤษ

(3)       องค์กรที่ควบคุมดูแลกิจการวิทยุและโทรทัศน์ของเอกชนในประเทศสหรัฐอเมริกา

(4)       องค์กรที่ควบคุมดูแลกิจการวิทยุและโทรทัศน์ของเอกชนในประเทศอังกฤษ

ตอบ 4 หน้า 163169 ในปี พ.ศ. 2512 (ค.ศ. 1969) รัฐบาลอังกฤษได้จัดตั้งองค์กรที่เรียกว่าIndependent Television Authority (ITA) เป็นผู้ควบคุมดูแลกิจการวิทยุและโทรทัศน์ เพื่อการค้า แต่ต่อมาในปี พ.ศ. 2515 (ค.ศ. 1972) ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Independent Broadcasting Authority (IBA) เพื่อให้ทำหน้าที่เป็นองค์กรควบคุมดูแลกิจการวิทยุ และโทรทัศน์ของเอกชนในประเทศอังฤษ

61.       BBC ภาคภาษาต่างประเทศในระยะแรกมีวัตถุประสงค์ในการก่อตั้งอย่างไร

(1)       เพื่อให้บริการข้อมูลและข่าวสารแก่ประชาคมโลก

(2)       เพื่อประเทศในอาณานิคมของตนเองทั่วโลก

(3)       เพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมและความเข้าใจอันดีกับประชาคมโลก

(4)       เพื่อเผยแพร่และให้ความรู้ภาษาอังกฤษแก่ประชาคมโลก

ตอบ 2 หน้า 164 การกระจายเสียงภาคต่างประเทศของอังกฤษ คือ สถานีวิทยุบีบีซีภาคภาษาต่างประเทศ (BBC External Broadcasting Service) ซึ่งเริ่มส่งกระจายเสียงคลื่นสั้นไปยังต่างประเทศครั้งแรก เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2475 (ค.ศ. 1932) เรียกว่า Empire Service ทั้งนี้เพราะในช่วง ระยะ 6 ปีแรกได้จัดรายการโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประเทศในอาณานิคมของตนเองทั่วโลก

62.       ระบบสื่อมวลชนของสหรัฐอเมริกามีรูปแบบตามแนวคิดใด

(1) ทฤษฎีเสรีนิยม       

(2) ทฤษฎีพหุสังคมนิยม

(3) ทฤษฎีความรับผิดชอบของสังคม  

(4) ทฤษฎีกระแสเสรีของข้อมูลข่าวสาร

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 55. ประกอบ

63.       องค์กรที่ทำหน้าที่ควบคุมและบริหารคลื่นความถี่วิทยุให้เป็นระเบียบทั่วโลก หมายถึงข้อใด

(1) สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU)      

(2) สหภาพการกระจายเสียงยุโรป (EBU)

(3) สหภาพการกระจายเสียงเอเชีย-แปซิฟิก (ABU) 

(4) สหภาพการกระจายเสียงระหว่างประเทศ (IBU)

ตอบ 1 หน้า 58115124 สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (The International

Telecommunication Union : ITU) มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นองค์กรที่ทำหน้าที่ควบคุมและบริหารคลื่นความถี่วิทยุให้เป็นระเบียบทั่วโลก โดยผ่านทาง รัฐบาลของแต่ละประเทศ

64.       ปัจจุบันประเทศไทยมีสถานีวิทยุกระจายเสียงทั้งระบบ AM และ FM ทั้งกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ทั่วประเทศกี่สถานี

(1)       252 สถานี       (2) 452 สถานี (3) 525 สถานี (4) 625 สถานี

ตอบ. 3 หน้า 39130 – 131 ในปัจจุบันสถานีวิทยุกระจายเสียงทั้งระบบ AM และ FM ทั่วประเทศไทย (กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด) ที่มีการจดทะเบียนไว้มีจำนวน 525 สถานี เป็นสถานีวิทยุที่อยู่ใน สังกัดของกระทรวงกลาโหมมากที่สุด คือ 202 สถานี สำหรับหน่วยงานราชการที่เป็นเจ้าของ กิจการสถานีวิทยุกระจายเสียงมากที่สุด ได้แก่ กรมประชาสัมพันธ์มี 147 สถานี รองลงมา คือ กองทัพบกมี 128 สถานี และ อ.ส.ม.ท. มี 62 สถานี

65.       ปัจจุบันประเทศไทยมีสถานีโทรทัศน์ระดับชาติกี่สถานี

(1)       4 สถานี           (2) 5 สถานี      (3) 6 สถานี      (4) 7 สถานี

ตอบ 3 หน้า 136, (คำบรรยาย) ปัจจุบันประเทศไทยมีสถานีวิทยุโทรทัศน์ระดับชาติ ซึ่งแพร่ภาพ ออกอากาศได้ทั่วประเทศโดยไม่คิดค่าบริการหรือเรียกว่า ฟรีทีวี” จำนวน6สถานีได้แก่ สถานีวิทยุโทรทัศน์ช่อง 3ช่อง 5ช่อง 7ช่อง 9 (โมเดิร์นไนน์ทีวี)ช่อง 11 (NBT หรือ สทท.) และช่อง TPBS หรือทีวีไทย

66.       ข้อใดไม่ใช่วัตถุประสงค์ของการจัดตั้งโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย

(1)       แลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกันในระหว่างโทรทัศน์ช่องต่าง ๆ โดยมีหลักการที่จะไม่แย่งชิงผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน

(2)       ร่วมมือในการถ่ายทอดและรับการถ่ายทอดทั้งในประเทศและจากภายนอกประเทศ สำหรับรายการที่ สำคัญ ๆ ระดับชาติหรือระหว่างประเทศ

(3)       เป็นผู้ประสานงานในการตกลงค่าลิขสิทธิ์ต่าง ๆ สำหรับรายการที่สำคัญ ๆ ถ่ายทอดระดับชาติหรือ ระหว่างประเทศ

(4)       ร่วมมือกันสร้างสรรค์กิจกรรมบำเพ็ญสาธารณประโยชน์เพื่อสังคมต่าง ๆ

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 37. ประกอบ

67.       ข้อไดไม่ใช่สถานีโทรทัศน์ที่เป็นแม่ข่าย

(1)       เสนอรายการในลักษณะให้ความบันเทิง ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม และค่านิยมที่สังคมต้องการ

(2)       ควบคุมดูแลการบริหารงานด้านการผลิตรายการ งานธุรการ และงานด้านเทคนิคให้ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ

(3)       สถานีจะไม่ผลิตรายการเอง จะถ่ายทอดรายการจากสถานีโทรทัศน์อื่นตามที่ได้รับมอบหมาย

(4)       รับผิดชอบในการจัดหาโฆษณา ทำสัญญาเช่าเวลา และติดตามงานโฆษณา

ตอบ 3 หน้า 151 – 152 สถานีโทรทัศน์ที่เป็นแม่ข่ายจะทำหน้าที่ต่าง ๆ ดังนี้

1.         ควบคุมดูแลการบริหารงานด้านการผลิตรายการ งานธุรการ และงานด้านเทคนิคให้ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ

2.         รับผิดชอบในการจัดหาโฆษณา ทำสัญญาเช่าเวลา และติดตามงานโฆษณา

3.         เสนอรายการในลักษณะให้ความบันเทิง ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม ปลูกฝังศีลธรรม และค่านิยม ที่สังคมไทยต้องการ

4.         ให้บริการและความร่วมมือกับส่วนราชการต่าง ๆ

(ส่วนตัวเลือกข้อ 3 เป็นสถานีเครื่องส่งหรือสถานีถ่ายทอด)

68.       การควบคุมของรัฐในกิจการวิทยุโทรทัศน์ของไทย หมายถึงข้อใด

(1)       การจัดตั้งเป็นสมาคมวิชาชีพต่าง ๆ เช่น สมาคมนักข่าวสมาคมนักวิทยุและโทรทัศน์แห่งประเทศไทย

(2)       จริยธรรมและจรรยาบรรณของวิขาชีพสื่อสารมวลชน

(3)       การตั้งแผนกเซ็นเซอร์ภายในสถานีวิทยุและโทรทัศน์

(4)       การออกหนังสือเวียนและคำสั่งอื่น ๆ ให้สถานีวิทยุและโทรทัศน์นำไปปฏิบัติ

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 32. ประกอบ

69.       จากแนวความคิดหน้าที่ของสื่อมวลชนของเดนีส แมคเควล (Denis McQuail) ผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับ การเผยแพร่ข่าวสาร (The Advocate) หมายถึงใคร

(1) นักสื่อสารมวลชน   (2) นักประชาสัมพันธ์  (3) สื่อมวลชน  (4) มวลชนผู้รับสาร

ตอบ 2 หน้า 95 – 96 แนวความคิดของเดนิส แมคเควล (Denis McQuail) ได้กล่าวถึงหน้าที่ของ สื่อมวลชน โดยพิจารณาจากฝ่ายต่าง ๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชนว่า มีความต้องการให้สื่อมวลชนทำอะไรให้แก่ตน หรือสื่อมวลชนควรทำหน้าที่อะไรให้แก่ตนและสังคม ซึ่งหน้าที่ของสื่อมวลชนตามความคิดของฝ่ายต่าง ๆ ดังกล่าว ได้แก่   1. สังคม (Society)

2.         ผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการเผยแพร่ข่าวสาร (The Advocate) ได้แก่ นักโฆษณา นักรณรงค์ นักประชาสัมพันธ์ นักสื่อสารการเมืองและธุรกิจ ฯลฯ

3.         สื่อมวลชนหรือนักสื่อสารมวลชน (The Media or Mass Communicators)

4.         มวลชนผู้รับสาร (The Audience)

70.       หน้าที่ของสื่อมวลชนวิทยุและโทรทัศน์ตามความคิดของมวลชนผู้รับสาร หมายถึงข้อใด

(1)       หน้าที่ในการสร้างเอกลักษณ์ของบุคคล (Personal Identity)

(2)       หน้าที่ในการแสดงออก (Expression)

(3)       หน้าที่ในการระดมความร่วมมือ (Mobilization)

(4)       หน้าที่ในการสร้างความต่อเนื่อง (Continuity)

ตอบ 1 หน้า 99 หน้าที่ของสื่อมวลชนตามแนวความคิดของมวลชนผู้รับสาร มีดังนี้ 1. หน้าที่ในการ ให้ข่าวสาร (Information) 2. หน้าที่ในการสร้างเอกลักษณ์ของบุคคล (Personal Identity)

3.         หน้าที่ในการสร้างความเป็นอันหนึ่งกันเดียวกัน (Integration) และการมีกิริยาสัมพันธ์ ทางสังคม (Social Interaction) 4. หน้าที่ด้านความบันเทิง (Entertainment)

71.       ความสำคัญของวิทยุและโทรทัศน์ในการพัฒนาทางด้านการเมือง หมายถึงข้อใด

(1)       การให้’ “ข่าวสารเกี่ยวกับนโยบาย แผน และแนวทางการปฏิบัติภารกิจของรัฐบาล

(2)       การให้ ข่าวสารในสังคมสมัยใหม่ช่วยสร้างบุคลิกภาพใหม่แก่ประชาชน

(3)       การให้ ข่าวสารทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคนิค” (Scientific and Technical Information)

(4)       การไห้ข่าวสารเพื่อเผยแพร่เกี่ยวกับจุดมุ่งหมายและกิจกรรมขององค์การ

ตอบ 1 หน้า 10 ความสำคัญของวิทยุและโทรทัศน์ในการพัฒนา ทางการเมือง คือ การเป็นสื่อกลางในการประสานความคิด สร้างความศรัทธาเชื่อถือ และสร้างความเข้าใจอันดีให้เกิดขึ้นแก่ ประชาชนในชาติ ซึ่งรัฐบาลทุกประเทศจำเป็นต้องใช้สื่อมวลชนโดยเฉพาะวิทยุกระจายเสียง และวิทยุโทรทัศน์ เพื่อเผยแพร่กระจายข่าวและความเคลื่อนไหวออกไปให้ประชาชนได้ทราบ เช่น การให้ข่าวสารเกี่ยวกับนโยบาย แผน และแนวทางการปฏิบัติภารกิจของรัฐบาล เป็นต้น

72.       วันอำลากิจการโทรเลขไทย หมายถึงข้อใด

(1)       25 กุมภาพันธ์ 2551 

(2) 30 เมษายน 2551    

(3) 24 มิถุนายน 2550            

(4) 19 กันยายน 2550

ตอบ 2 (ข่าว) ในสมัยรัชกาลที่ 5 ประเทศไทยได้นำโทรเลขเข้ามาใช้เมื่อปี พ.ศ. 2418 แต่ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพิ่มขึ้นอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้การใช้บริการโทรเลขลดน้อยลง จนต้องยุติการให้บริการลงเมื่อวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2551 ซึ่งถือเป็นวันอำลากิจการโทรเลขไทย ที่ให้บริการมาเป็นเวลา 133 ปี

73.       แนวความคิดของเดนิส แมคเควล (Denis McQuail) ได้กล่าวถึงหน้าที่ของสื่อมวลชนโดยพิจารณาจากข้อใด  

(1) สังคม มวลชนผู้รับสาร

(2)       สังคม สื่อมวลชน มวลชนผู้รับสาร      

(3) ผู้ส่งสาร สังคม สื่อมวลชน มวลชนผู้รับสาร

(4)       สังคม ผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการเผยแพร่ข่าวสาร สื่อมวลชน มวลชนผู้รับสาร

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 69. ประกอบ

74.       จากแนวความคิดของเดนิส แมคเควล (Denis McQuail) “The Advocate” หมายถึงใคร

(1) นักสื่อสารมวลชน   (2) สื่อมวลชน  (3) นักสื่อสารการเมือง            (4) มวลชนผู้รับสาร

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 69. ประกอบ

ข้อ 75. – 80. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม

(1)       แนวคิดที่เชื่อว่าวิทยุและโทรทัศน์มีอิทธิพลโดยตรงต่อผู้รับสาร

(2)       แนวคิดที่เชื่อว่าวิทยุและโทรทัศน์มีอิทธิพลโดยอ้อม

(3)       แนวคิดที่เชื่อว่าวิทยุและโทรทัศน์ไม่มีอิทธิพลโดยตรงต่อผู้รับสาร

(4)       แนวคิดของนอยล์ นิวแมน (Noelle Neumann)

75.       สื่อมวลชนมีบทบาทเป็นแหล่งข่าวสารพบได้ทุกที่

ตอบ 4 หน้า 103 แนวคิดของนอยล์ นิวแมน (Noelle Neumann) นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชน ให้ความเห็นว่า สื่อมวลชนมีบทบาทเป็นแหล่งข่าวสารพบได้ในทุกที่

76.       กระบวบการเลือกรับสาร (Selective Process)

ตอบ 2 หน้า 106 – 108 แนวคิดที่เชื่อว่าวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์มีอิทธิพลโดยอ้อม ต่อผู้รับสาร จะอาศัยปัจจัยเสริมต่าง ๆ ดังนี้ 1. ความมีใจโน้มเอียงที่จะเชื่อของผู้รับสาร (Predisposition) 2. กระบวนการเลือกรับสาร (Selective Process)

3.         อิทธิพลของบุคคลและผู้นำความคิดเห็น (Personal Influence and Opinion Leader)

4.         ระดับความต้องการข้อมูลข่าวสาร

77.       ความสามารถเข้าถึงประชาชนจำนวนมากและการเปิดรับสาร

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 18. ประกอบ

78.       มีผลต่อการชักจูงใจในเรื่องใดเรื่องหนึ่งในลักษณะที่คล้ายคลึงกัน

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 18. ประกอบ

79.       อิทธิพลของบุคคลและผู้นำความคิดเห็น

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 76. ประกอบ

 80.      ความมีใจโน้มเอียงที่จะเชื่อของผู้รัสาร

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 76. ประกอบ

81.       สถานวิทยุโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เกิดจากกฎหมายฉบับใด

(1)       พระราชบัญญัติองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพ พ.ศ. 2550

(2)       พระราชบัญญัติองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพ พ.ศ. 2551

(3)       พระราชบัญญัติวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. 2540

(4)       พระราชบัญญัติวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. 2550

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 24. ประกอบ

82.       เหตุการณ์ข้อใดเหมาะกับการถ่ายทอดสารผ่านวิทยุกระจายเสียงมากที่สุด 

(1) การออกกำลังกาย

(2)       การสอนทำอาหารไทย            

(3) การบรรยายธรรม   

(4) การไขปัญหาซ่อมคอมพิวเตอร์

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 15. ประกอบ

83.       วิทยุและโทรทัศน์กลายเป็น ลูกพี่ใหญ่” (Big Brother) ที่ควบคุมอิสรเสรีภาพทางความคิดของคนในสังคมเป็นแนวคิดของใคร

(1) นอยล์ นิวแมน        

(2) แคลปเปอร์            

(3) พอล ลาซาร์สเฟลด์            

(4) เอมิล เดอร์คิม

ตอบ 4 หน้า 104 นักวิชาการด้านทฤษฎีสังคมมวลชนหลายคน ได้แก่ ออกูส กงเต้ (Auguste Comte). เฟอร์ดินันท์ ทูนนี่ (Ferdinand Tonnise) และเอมิล เดอร์คิม (Emile Durkheim) มีความเห็นว่า วิทยุและโทรทัศน์กลายเป็นลูกพี่ใหญ่ (Big Brother) ที่ควบคุมอิสรเสรีภาพทางความคิดของคน ในสังคมเกือบทั้งหมด

84.       อิทธิพลของบุคคลและผู้นำความคิดที่มีผลต่อการตัดสินใจมากกว่าสื่อมวลชน เป็นแนวคิดของใคร

(1) วิลเบอร์ แชรมม์      (2) พอล ลาซาร์สเฟลด์

(3)       ออกูส กงเต้ เฟอร์ดินันท์         (4) นักทฤษฎีสังคมมวลชน

ตอบ 2 หน้า 107 พอล ลาซาร์สเฟลด์ (Paul Lazarsfeld) เป็นนักวิชาการที่ชี้ให้เห็นถึงแนวคิดการไหลของข่าวสาร 2 ระดับ (Two-step Flow) และพบว่าอิทธิพลของบุคคล (Personal Influence) และผู้นำความคิด (Opinion Leader) หรือคนใกล้ตัว เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจของคนมากกว่าสื่อมวลชน

85.       ผู้รับสารมีความฉลาดและมีวิจารณญาณเพียงพอในการรับข้อมูลข่าวสารจากสื่อมวลชน ตามแนวคิดนี้ตรงกับข้อใด

(1)       วิทยุและโทรทัศน์มีอิทธิพลโดยตรงต่อผู้รับสาร

(2)       วิทยุและโทรทัศน์ไม่มีอิทธิพลต่อผู้รับสารโดยตรง

(3)       วิทยุและโทรทัศน์ทำให้เกิดผลในเรื่องใดเรื่องหนึ่งต่อทุกคนในลักษณะคล้ายคลึงกัน

(4)       วิทยุและโทรทัศน์จะสนับสนุนทัศนคติ ค่านิยม และแนวโน้มด้านพฤติกรรมของประชาชนให้มีความเข้มแข็งขึ้น

ตอบ 2 หน้า 105 นักวิชาการด้านนิเทศศาสตร์หลายท่านเชื่อว่า วิทยุและโทรทัศน์ไม่มีอิทธิพล ต่อผู้รับสารโดยตรง เนื่องจากผู้รับสารมีความฉลาดและมีวิจารณญาณเพียงพอในการรับ ข้อมูลข่าวสารจากสื่อมวลชน ซึ่งผู้รับสารที่เปิดรับสื่อสามารถคิดและวิเคราะห์ไม่ใช่สื่อ มีอิทธิพลต่อความคิดของบุคคลมากมาย

86.       ปัจจัยเสริมที่ทำให้วิทยุและโทรทัศน์มีอิทธิพลโดยอ้อม หมายถึงข้อใด

(1)       ระดับความต้องการข้อมูลข่าวสารจำเป็นต้องพึ่งพามาก

(2)       การสามารถเข้าถึงประชาชนจำนวนมาก

(3)       การนำเสนอเรื่องราว กิจกรรม ซ้ำ ๆ บ่อย ๆ

(4)       ความมีใจโน้มเอียงของผู้รับสาร

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 76. บ่ระกอบ

87.       กสทช. หมายถึงอะไร

(1)       คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ

(2)       คณะกรรมการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ

(3)       คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ

(4)       คณะกรรมการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และโทรคมนาคมแห่งชาติ

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 29. บ่ระกอบ

88.       สถานโทรทัศน์ไทยพีบีเอสมีรายได้ในการดำเนินกิจการจากข้อใด

(1) ค่าเช่าเวลาโฆษณาจากเจ้าของสินค้า       (2) ภาษีสรรพสามิตจากงบประมาณแผ่นดิน

(3)       ค่าเช่าเวลาจากบริษัทผู้ผลิตรายการ   (4) ภาษีค่าธรรมเนียมเครื่องรับโทรทัศน์

ตอบ2 (คำบรรยาย) พ.ร.บ. องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 ได้กำหนดให้สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยพีบีเอส (TPBS) หรือทีวีไทย มีรายได้ในการดำเนินกิจการ โดยการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตจากงบประมาณแผ่นดินในอัตราร้อยละ 1.5 ของภาษีที่เก็บ จากสุราและยาสูบ โดยให้มีรายได้สูงสุดปีงบประมาณละไม่เกิน 2,000 ล้านบาท จึงถือเป็น การจัดเก็บภาษีจากกลุ่มผู้ที่จำหน่ายสุราและยาสูบมาเป็นเงินบำรุงองค์การ ซึ่งเป็นมาตรการใหม่ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

89.       รัฐธรรมนูญฯ ฉบับแรกที่ริเริ่มแนวคิดการปฏิรูปสื่อวิทยุและโทรทัศน์ไทยในระบบโครงสร้างกรรมสิทธิ์ คือข้อใด

(1) รัฐธรรมนูญฯ ปี พ.ศ. 2535            (2) รัฐธรรมนูญฯ ปี พ.ศ. 2540

(3) รัฐธรรมนูญฯ ปี พ.ศ. 2545            (4) รัฐธรรมนูญฯ ปี พ.ศ. 2550

ตอบ 2 หน้า 120, (คำบรรยาย) รัฐธรรมนูญฯ ปี พ.ศ. 2540 มาตรา 40 ถือเป็นรัฐธรรมนูญฯ ฉบับแรก ที่ริเริ่มแนวคิดการปฏิรูปสื่อวิทยุและโทรทัศน์ไทยในระบบโครงสร้างกรรมสิทธิ คือ วิทยุและ โทรทัศน์ไทยไม่จำเป็นต้องเป็นของรัฐทั้งหมด แต่จะเปิดให้มีการแข่งขันกันอย่างเสรีและเป็นธรรม ซึ่งเจตนารมณ์ในการปฏิรูปสื่อนี้ก็ยังใช้ต่อมาในรัฐธรรมนูญฯ ปี พ.ศ. 2550 มาตรา 47 (ดูคำอธิบายข้อ 29. ประกอบ)

90.       แนวคิดการจัดระบบวิทยุและโทรทัศน์ไทยในรัฐธรรมนูญฯ ปัจจุบัน หมายถึงข้อใด

(1) State System         (2) Free Market System

(3) Public Service System (4) Mixed System

ตอบ 4 หน้า 111113, (คำบรรยาย) แนวคิดการจัดระบบวิทยุและโทรทัศน์ไทยตามรัฐธรรมนูญฯ ปี พ.ศ. 2550 ซึ่งเป็นฉบับปัจจุบัน คือ แนวคิดผสม (Mixed System) ระหว่างแนวคิดสื่อสาร เพื่อประโยชน์สาธารณะกับแนวคิดสื่อสารในตลาดเสรี เพื่อให้ระบบกิจการวิทยุและโทรทัศน์ไทย มีความหลากหลายไม่ว่าจะเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐ ของเอกชน หรือของภาคประชาชน

91.       กฎหมายวิทยุและโทรทัศน์ฉบับล่าสุดที่ใช้ในปัจจุบัน หมายถึงข้อใด

(1)       พ.ร.บ. วิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ค. 2530

(2)       พ.ร.บ. องศ์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับดูแลกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. 2543

(3)       พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และ กิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553

(4)       พ.ร.บ. การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551

ตอบ 3 (คำบรรยาย) กฎหมายวิทยุและโทรทัศน์ที่ออกมาฉบับล่าสุดและบังคับใช้ในปัจจุบัน คือ พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลีนความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 ซึ่งประกาศใช้เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2553

92.       ฟรีทีวี” ในกิจการโทรทัศน์ไทย หมายถึงข้อใด

(1) Astv      

(2) TGN      

(3) TNN     

(4) NBT

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 65. ประกอบ

93.       องค์กรแรกที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาเพื่อควบคุมและกำกับดูแลกิจการวิทยุและโทรทัศน์ทยคือข้อใด

(1) กกช.          

(2) กบว.          

(3) กทช.          

(4) กสทช.

ตอบ 2 หน้า 118 – 121, (คำบรรยาย) ภายหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 รัฐบาลไทย ได้ออกระเบียบว่าด้วยวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. 2518 และมีการจัดตั้ง คณะกรรมการบริหารวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์” (กบว.) ขึ้นเป็นองค์กรแรก เพื่อควบคุมและกำกับดูแลกิจการวิทยุและโทรทัศน์ไทย แต่ต่อมาองศ์กรนี้ก็ได้ถูกยุบเลิกไป และเกิดองค์กรอิสระต่าง ๆ ขึ้นมาดามลำดับ ได้แก่ กกช. กทช. กสช. และ กสทช. ในปัจจุบัน

94.       เมื่อเกิดวิกฤตการณ์ทางการเมือง สื่อวิทยุและโทรทัศน์ไทยได้ออกประกาศ คำแถลงการณ์ต่าง ๆ ให้กับรัฐ ที่มีอำนาจในขณะนั้น สื่อได้ทำบทบาทนี้เพื่ออะไร

(1) เพื่อผลประโยชน์สาธารณะ           (2) เพื่อผลประโยชน์ของรัฐ

(3) เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน     (4) เพื่อผลประโยชน์ขององค์กรสื่อ

ตอบ 2 เมื่อบ้านเมืองอยู่ในภาวะเกิดวิกฤตการณ์ทางการเมือง สื่อวิทยุและโทรทัศน์ไทยมักถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อผลประโยชน์ของรัฐบาลมากที่สุด ซึ่งเห็นได้จากการนำเสนอประกาศ และคำแถลงการณ์ต่าง ๆ ให้กับรัฐที่มีอำนาจในขณะนั้น แต่เมื่อใดก็ตามที่บ้านเมือง กลับเข้าสู่ภาวะปกติ สื่อวิทยุและโทรทัศน์ไทยก็จะถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อผลประโยชน์ ทางด้านธุรกิจมากที่สุด

95.       สื่อใดต่อไปนี้ที่มีผลต่อการครอบงำอุดมการณ์ความคิดของผู้คนในสังคมไทยมากที่สุด

(1) หนังสือพิมพ์           (2) วิทยุกระจายเสียง  (3) วิทยุโทรทัศน์          (4) อินเทอร์เน็ต

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 16. ประกอบ

96.       การนำเสนอข่าวต่างประเทศของโทรทัศน์ไทยที่ต้องใช้ข่าวของสำนักข่าวยักษ์ใหญ่ของโลก ตรงกับ ผลกระทบข้อใด

(1) การไหลของข้อมูลข่าวสารทางเดียว          (2) การไหลของข้อมูลข่าวสารสองทาง

(3) การสื่อสารไร้พรมแดน        (4) การสื่อสารเพื่อการพัฒนา

ตอบ3 (คำบรรยาย) การสื่อสารไร้พรมแดน (Globalization) มี ผลกระทบในด้านลบประการหนึ่ง คือ การสื่อสารไร้พรมแดนจะทำให้ประเทศด้อยพัฒนาสูญเสียเอกราชทางวัฒนธรรมของตน เอง หรือเกิดจักรวรรดินิยมทางวัฒนธรรม ทำให้ประเทศอภิมหาอำนาจโลกกลายเป็นศูนย์กลาง ในการไหลของข้อมูลข่าวสารที่สามารถครอบงำอุดมการณ์ความคิดของคนทั้งโลกได้ เช่น การนำเสนอข่าวต่างประเทศของโทรทัศน์ไทยที่ต้องใช้ข่าวของสำนักข่าวยักษ์ใหญ่ ของโลก เป็นต้น

97.       การควบคุมภายนอกของกิจการวิทยุและโทรทัศน์ไทย หมายถึงข้อใด

(1) กลุ่มผลักดันทางสังคม      (2) กฎหมายทางอ้อม

(3) กฎหมายวิทยุและโทรทัศน์            (4) สมาคมวิชาชีพวิทยุและโทรทัศน์

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 32. ประกอบ

98.       สถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวี ดำเนินงานโดยหน่วยงานใด

(1) องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย    (2) บริษัท อ.ส.ม.ท. จำกัด (มหาชน)

(3) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี          (4) กรมประชาสัมพันธ์

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 7. ประกอบ

99.       สถานีโทรทัศน์ใดที่ได้รับสัมปทานในการดำเนินงานจากรัฐ

(1) โมเดิร์นไนน์ทีวี       (2) ช่อง 7         (3) NBT      (4) ช่อง 5

ตอบ2 หน้า 47 – 48136 ลักษณะการเป็นเจ้าของกิจการวิทยุโทรทัศน์ไทยที่รัฐเป็นเจ้าของแต่ทำ สัญญาให้สัมปทานแก่เอกชนเช่าช่วง โดยมอบผลประโยชน์ที่แน่นอนจำนวนหนึ่งให้แก่รัฐ ได้แก่

1.         สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 โดยบริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด ได้รับสัมปทานในการดำเนินกิจการจากรัฐ

2.         สถานีวิทยุโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 โดยบริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด ได้รับสัมปทานในการดำเนินกิจการจากรัฐ

100.    สถานีโทรทัศน์ระดับชาติของไทย ส่วนใหญ่ใช้สัญญาณในการแพร่ภาพระบบใด

(1) VHF       (2) UHF       (3) SHF      (4) DTH

ตอบ 1 หน้า 7282, (คำบรรยาย) เทคโนโลยีการแพร่ภาพของสถานีวิทยุโทรทัศน์ระดับชาติของไทยในปัจจุบันมี 2 ระบบ ดังนี้

1.         VHF หริอย่านความถี่สูงมาก คือ 30- 300 เมกะเฮิรตซ์ โดยสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยส่วนใหญ่ จะใช้ระบบนี้ได้แก่ช่อง 57,9(โมเดิร์นไนน์ทีวี)และ 11 (NBT หรือสทท.ในปัจจุบัน)

2.         UHF หรือย่านความถี่เหนือสูง คือ 300 – 3,000 เมกะเฮิรตซ์ โดยมีสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทย ใช้ระบบนี้เพียง 2 สถานีเท่านั้น ได้แก่ ช่อง 3 และ TPBS (ทีวีไทย หรือทีวีสาธารณะ)

MCS1400 (MCS1450) การกระจายเสียงและการแพร่ภาพ การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2556

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2556

ข้อสอบกระบวนวิชา MCS 1400 (MCS 1450) การกระจายเสียงและการแพร่ภาพ

คำสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว (ข้อสอบมีทั้งหมด 100 ข้อ)

1.         สถานีโทรทัศน์แห่งแรกของโลก ตั้งขึ้นที่ประเทศใด

(1)       รัสเซีย  

(2) เยอรมนี      

(3) อังกฤษ      

(4) สหรัฐอเมริกา

ตอบ 3 หน้า 2325169 จุดกำเนิดสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งแรกของโลก คือ สถานีวิทยุโทรทัศน์ BBC ของอังกฤษ ซึ่งได้แพร่ภาพด้วยระบบขาวดำอย่างเป็นทางการครั้งแรก เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2479 โดยมีพิธีเปิดการแพร่ภาพขึ้นที่พระราชวังอเล็กซานดร้า กรุงลอนดอน

2.         แนวความคิดในการจัดระบบวิทยุและโทรทัศน์ที่เป็นระบบผูกขาดโดยหน่วยงานของรัฐ

(1)       Mixed System 

(2) Dual System

(3) Free Market System    

(4) Public Service System

ตอบ 4 หน้า 111 – 112 แนวความคิดในการจัดระบบวิทยุและโทรทัศน์แบบ Public Service System (แนวคิดสื่อสารเพื่อประโยชน์สาธารณะ) คือ

1.         รัฐมีความรับผิดชอบในการให้ข่าวสารข้อมูล และรักษาวัฒนธรรมแห่งชาติ

2.         รัฐเป็นผู้จัดระเบียบในด้านที่มาของรายได้ การจัดสรรคลื่น และคุณภาพของรายการ

3.         เป็นระบบที่ผูกขาดโดยหน่วยงานของรัฐ หรืออาจเป็นการผูกขาดแบบ Duopoly (เล่นพรรคเล่นพวก) โดยมีเอกชนเป็นคู่แข่งเพียง 1-2 รายเท่านั้น รัฐจึงเป็นทั้ง Supplier (ผลิตรายการเอง) และเป็น Regulator (ผู้ควบคุมรายการ) ไปพร้อมกัน

3.         ประเทศที่เป็นแม่แบบของแนวคิด Free Market System คือ

(1) ญี่ปุ่น         (2) รัสเซีย        (3) อังกฤษ      (4) สหรัฐอเมริกา

ตอบ 4 หน้า 111 – 113 ประเทศสหรัฐอเมริกาถือเป็นแม่แบบของแนวคิด Free Market System (แนวคิดสื่อสารในตลาดเสรี) หรือระบบที่ธุรกิจเอกชนเป็นผู้ให้บริการ คือ ดำเนินการในรูปตลาดเสรี ที่ให้ธุรกิจเอกชนแข่งขันกันอย่างเต็มที่ (Competition) โดยเชื่อว่า ถ้าเป็นตลาดที่สมบูรณ์แล้ว จะมีการแข่งขันกันของผู้ประกอบการ และท้ายที่สุดผู้บริโภคจะได้รับประโยชน์สูงสุด

4.         แนวคิดที่เป็นระบบพหุนิยมในแนวตลาดเสรีที่กำลังขยายตัวไปทั่วโลก คือ

(1) Public Service System (2) Free Market System

(3) Mixed System      (4) Dual System

ตอบ 3 หน้า 111113 ใบช่วงทศวรรษที 1980 – 1990 กำลังเป็นช่วงที่มีการปรับไปสู่ทิศทางของ ระบบพหุนิยมในแนวตลาดเสรี จึงทำให้เกิดระบบในแบบที่ 3 คือ ระบบผสม (Mixed System) ระหว่างแนวคิดสื่อสารเพื่อประโยชน์สาธารณะกับแนวคิดสื่อสารในตลาดเสรีขยายตัวไปทั่วโลก

5.         ระบบนี้มีความเชื่อว่ากิจการวิทยุและโทรทัศน์ รัฐต้องเข้ามามีความรับผิดชอบในการให้ข้อมูลข่าวสาร และรักษาวัฒนธรรมแห่งชาติ หมายถึงข้อใด

(1) Free Market System    (2) Public Service System

(3) Mixed System      (4) Dual System

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 2. ประกอบ

6.         พัฒนาการของวิทยุกระจายเสียงในโลกถือว่าประเทศใดเป็นผู้บุกเบิกกิจการวิทยุกระจายเสียง

(1) รัสเซีย        (2) อังกฤษ      (3) สหรัฐอเมริกา         (4) ญี่ปุ่น

ตอบ 3 หน้า 155 – 156 พัฒนาการของวิทยุกระจายเสียงถือว่า ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นผู้บุกเบิกกิจการวิทยุกระจายเสียงโลก โดยมีสถานีวิทยุกระจายเสียงอยู่กลุ่มหนึ่งที่ถือว่า เป็นสถานีวิทยุกระจายเสียงในยุคแรก ๆ คือ สถานี KCBS (ค.ศ. 1909), WHA (ค.ศ. 1917), WWJ (ค.ศ. 1920) และ KDKA (ค.ศ. 1920)

ข้อ 7. – 10. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม

(1) VOA      (2) BBC      (3) NHK     (4) FCC

7.         คณะกรรมการการสื่อสารแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา

ตอบ 4 หน้า 24114168 คณะกรรมการการสื่อสารแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา หรือ FCC (Federal Communications Commission) เป็นองค์กรอิสระของรัฐ ซึ่งมีหน้าที่ดูแล กิจการวิทยุและโทรทัศน์ทั้งหมด รวมทั้งคอยจัดสรรคลื่นวิทยุเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ ด้วย

8.         บรรษัทวิทยุและโทรทัศน์ของอังกฤษ

ตอบ 2 หน้า 161 – 162169 บรรษัทวิทยุและโทรทัศน์อังกฤษ (British Broadcasting Corporation ะ BBC) มีฐานะเป็นบรรษัทสาธารณะที่ได้รับงบประมาณจากรัฐบาล โดยเก็บค่าธรรมเนียมใบอนุญาต ให้มีเครื่องรับวิทยุและโทรทัศน์จากประชาชนมาเป็นค่าใช้จ่ายของบรรษัท

9.         สถานีวิทยุภาคภาษาต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา

ตอบ 1 หน้า 159 – 160, (คำบรรยาย) การกระจายเสียงภาคต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา คือ สถานีวิทยุคลื่นสั้น VOA (Voice of America) 

ซึ่งเป็นสถานีวิทยุภาคภาษาต่างประเทศที่ กระจายเสียงไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกถึง 35 ภาษา ออกอากาศสัปดาห์ละ 805 ชั่วโมง และมีผู้รับฟังประมาณ 26 ล้านคน โดยในประเทศไทยได้จัดตั้งสถานีทวนสัญญาณ (Rely Station) ขึ้นที่จังหวัดอุดรธานี เพื่อส่งกระจายเสียงต่อไปยังประเทศต่าง ๆ ในแถบเอเชีย

10.       บรรษัทการกระจายเสียงของญี่ปุ่น

ตอบ 3 หน้า 165 – 166 บรรษัทการกระจายเสียงแห่งญี่ปุ่น (Nippon Hoso Kyokai : NFIK)เป็นองค์การกระจายเสียงแห่งชาติที่ทำการกระจายเสียงเพื่อสาธารณะ โดยไม่แสวงหากำไร และมีรายได้จากการเก็บค่าธรรมเนียมเครื่องรับวิทยุและโทรทัศน์ ซึ่งมีลักษณะเหมือนกับ BBC ของอังกฤษ

11.       ประสิทธิภาพของสื่อมวลชนโดยทั่วไปมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาจากอะไร

(1) เวลาและปริมาณของสื่อ    

(2) ความรวดเร็วและความคงอยู่ของสื่อ

(3) การเปิดโอกาสให้ผู้รับมีส่วนร่วมในการสื่อสาร      

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 (คำบรรยาย) ประสีทธิภาพของสื่อมวลชนโดยทั่วไปมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณา คือ เวลา และปริมาณของสื่อ ความรวดเร็วของสื่อ การเปิดโอกาสให้ผู้รับสารมีส่วนร่วมในการสื่อสาร และความคงอยู่ของสื่อ ทั้งนี้วิทยุและโทรทัศน์จะมีประสีทธิภาพดีในเรื่องของเวลา ปริมาณ การนำเสนอ และความรวดเร็วของสื่อ ส่วนหนังสือพิมพ์จะมีประสีทธิภาพดีในเรื่องของ การเปิดโอกาสให้ผู้รับสารมีส่วนร่วมใบการสื่อสาร และความคงอยู่ของสื่อ

12.       สื่อมวลชนข้อใดต่อไปนี้ที่เข้าถึงประชาชนได้มากที่สุด

(1)       ภาพยนตร์กลางแปลง 

(2) วิทยุกระจายเสียง

(3) วิทยุโทรทัศน์          

(4) หนังสือพิมพ์

ตอบ 3 (คำบรรยาย) จากผลการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) เกี่ยวกับการฟังวิทยุ และการดูโทรทัศน์ของประชากรไทยในปัจจุบัน พบว่า แนวโน้มประชากรไทยฟังวิทยุลดลง แต่ดูโทรทัศน์มากขึ้น นั่นหมายถึง สื่อมวลชนที่สามารถเข้าถึงประชาชนได้มากที่สุดในปัจจุบัน คือ วิทยุโทรทัศน์ (ในสมัยก่อนสื่อที่เข้าถึงประชาชนได้มากที่สุด คือ วิทยุกระจายเสียง)

13.       หน้าที่ของการสื่อสารใบการดูแลและบอกกล่าวถึงสภาพแวดล้อม (Surveillance of the Environment) ตรงกับหน้าที่ของสื่อมวลชนในข้อใด

(1) หน้าที่ให้การศึกษา (2) หน้าที่เสนอความคิดเห็น

(3) หน้าที่เสนอข่าวสาร            (4) หน้าที่ให้ความบันเทิง

ตอบ 3 หน้า 88 – 89 หน้าที่นำเสนอหรือให้ข่าวสาร คือ หน้าที่ในการดูแลและบอกกล่าวถึงสภาพแวดล้อม หรือสอดส่องระวังระไวเกี่ยวกับส่งแวดล้อม (Surveillance of the Environment) หมายถึง การแสวงหาและเผยแพรข่าวสารเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในสิ่งแวดล้อม ทั้งเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นภายในและภายบอกสังคมหนึ่ง ๆ เช่น รายการข่าวประจำวับ รายงานการจราจร รายงานการพยากรณ์อากาศ ฯลฯ

14.       ห้างบีกริมม์” มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับข้อใดต่อไปนี้

(1)       เป็นผู้นำ วิทยุโทรเลข” มาสาธิตครั้งแรกในประเทศไทย

(2)       เป็นผู้นำ วิทยุโทรทัศน์” มาทดลองออกอากาศให้นายกรัฐมนตรีดูในงานวันเกิด

(3)       เป็นผู้ขออนุญาตทดลองจัดตั้งสถานีวิทยุกระจายเสียงชั่วคราวที่กรุงเทพฯ และเกาะสีชัง

(4)       เป็นผู้ขออนุญาตเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องรับวิทยุโทรทัศน์ครั้งแรกของไทย

ตอบ 1 หน้า 32, (คำบรรยาย) วิวัฒนาการของวิทยุกระจายเสียงไทยเริ่มต้นขึ้นครั้งแรกในสมัยของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที 5) เนื่องด้วยห้างบีกริมม์ซึ่งเป็นผู้แทน บริษัทวิทยุโทรเลขเทเลฟุงเก็นของเยอรมนี ได้เป็นผู้นำวิทยุโทรเลขมาสาธิตในประเทศไทย เป็นครั้งแรกโดยได้แจ้งและขออนุญาตตอกระทรวงโยธาธิการเพื่อทดลองจัดตั้งสถานีวิทยุโทรเลข ชั่วคราวขึ้นที่กรุงเทพฯ และเกาะสีชัง แต่การทดลองครั้งนั้นไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร

15.       กิจการวิทยุโทรเลขในประเทศไทย เมื่อเปรียบเทียบกับการกำเนิดวิทยุโทรเลขของโลกมีระยะห่างกันกี่ปี

(1) 6 ปี          (2) 12 ปี          (3) 15 ปี          (4) 20 ปี

ตอบ 1 หน้า 17,32 กิจการวิทยุโทรเลขในประเทศไทยกำเนิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2450 โดยกรมทหารเรือ ได้นำเครื่องรับส่งวิทยุโทรเลขแบบมาร์โคนีของอังกฤษมาใช้ในราชการทหารเป็นครั้งแรก ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับการกำเนิดวิทยุโทรเลขของโลกแล้วจะมีระยะเวลาใกล้เคียงกัน คือ มีระยะห่างกับเพียง 6 ปี หลังจากทีมาร์โคนีส่งสัญญาณวิทยุข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกสำเร็จ ในปี พ.ศ. 2444

16.       บุคคลแรกที่เป็นผู้นำเอาการทดลองการส่งสัญญาณวิทยุโทรเลขไปสู่การผลิตแบบอุตสาหกรรมได้สำเร็จ คือ

(1) เฮนริช เฮิรตซ์         (2) กูกลิเอลโม มารโคนี

(3) เจมส์ คลาก แมกซ์เวลล์     (4) เรจินัลด์ เอ. เฟสเสนเดน

ตอบ 2 หน้า 17 – 18 ในปี พ.ค. 2438 ถูกลิเอลโม มารโคนี (Guglielmo Marconi) ได้ประดิษฐ์ เครื่องมือการสื่อสารที่เรียกว่า วิทยุโทรเลข (Wireless Telegraph) สำเร็จเป็นครั้งแรก ต่อมาใน พ.ศ. 2444 เขาก็ได้ทดลองส่งสัญญาณวิทยุโทรเลขข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก และ ได้นำเอาการทดลองนี้ไปสู่การผลิตแบนอุตสาหกรรมได้สำเร็จเป็นคนแรก จนได้รับการยกย่อง ว่าเป็น บิดาของกิจการวิทยุกระจายเสียงโลก

17.       ในอังกฤษนิยมใช้คำดั้งเดิมเรียกวิทยุกระจายเสียงว่าอะไร

(1) Radio   (2) Wireless       (3) Cable   (4) Broadcast

ตอบ 2 หน้า 2 คำว่า วิทยุกระจายเสียง” มักเรียกกันสั้น ๆ ว่า วิทยุ” ในขณะที่ชาวอังกฤษนิยม ใช้คำดั้งเดิมว่า Wireless (ไม่มีสาย) ส่วนชาวอเมริกันนิยมเรียกสั้น ๆ ว่า Radio

18.       “Television” ได้บัญญัติคำเป็นภาษาไทยครั้งแรกว่าอะไร

(1) โทรทัศน์     (2) ภาพทัศน์   (3) วิทยุโทรทัศน์          (4) วิทยุภาพยนตร์

ตอบ 3 หน้า 381 คำว่า “Television” นี้กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ได้ทรงวิเคราะห์ศัพท์ และได้บัญญัติคำเป็นภาษาไทยครั้งแรกว่า วิทยุโทรทัศน์” (มักเรียกสั้น ๆ ว่า โทรทัศน์)ซึ่งหมายถึง การส่งและรับสัญญาณภาพและเสียงโดยเครื่องส่งและเครื่องรับอิเล็กทรอนิกส์ ออกอากาศด้วยกระแสคลื่นวิทยุที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากเครื่องส่งไปยัง เครื่องรับที่อยู่ห่างไกล

19.       วิทยุโทรทัศน์วงจรปิด หมายถึงข้อใด

(1) Closed Circuit Television     (2) Circuited Close Television

(3) Commercial Circuit Television    (4) Circuit Commercial Television

ตอบ 1 หน้า 74 วิทยุโทรทัศน์วงจรปิด (Closed Circuit Television) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า CCTV หมายถึง วิทยุโทรทัศน์ที่ใช้ส่งและรับทางสายเคเบิลหรือสายแกนร่วม (Coaxial Cable) ไปยัง จุดที่ติดดั้งเครื่องรับ ไม่ได้ส่งออกอากาศไปไกล ๆ เช่น จากห้องควบคุม (Control Room) ไปยังห้องเรียนต่าง ๆ

20.       กำเนิดของวิทยุกระจายเสียงโลกมีสาเหตุมาจากข้อใด

(1)       เกิดขึ้นโดยบังเอิญเนื่องจากการค้นพบของนักวิทยาศาสตร์ในสมัยนั้น

(2)       มีการให้รางวัลสำหรับการค้นคว้าแก่นักวิทยาศาสตร์ที่ประดิษฐ์สิ่งใหม่ ๆ

(3)       การปฏิวัติอุตสาหกรรมและการขยายอำนาจแสวงหาอาณานิคม

(4)       ปัจจัยทางสังคมที่เกิดจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมและการขยายตัวทางการค้า และการให้รางวัลต่อ ความก้าวหน้าทางวิชาการด้านวิทยาศาสตร์

ตอบ 4 หน้า 16 การกำเนิดของวิทยุกระจายเสียงโลกมีสาเหตุมาจากปัจจัยสำคัญ 2 ประการ คือ

1.         ปัจจัยทางสภาพสังคมที่เกิดจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมและการขยายตัวทางการค้า ทำให้ประเทศต่าง ๆ ในทวีปยุโรปมีความจำเป็นต้องแสวงหาอาณานิคม

2.         การให้รางวัลสำหรับการค้นคว้า ซึ่งมีผลต่อความก้าวหน้าทางวิชาการด้านวิทยาศาสตร์

21.       ข้อใดเป็นพัฒนาการวิธีการติดต่อสื่อสารจนมาถึงวิทยุกระจายเสียง

(1) โทรศัพท์ โทรเลข วิทยุโทรเลข วิทยุโทรทัศน์           

(2) โทรเลข โทรศัพท์ วิทยุโทรเลข วิทยุโทรศัพท์

(3) โทรเลข โทรศัพท์ วิทยุโทรศัพท์ วิทยุโทรเลข           

(4) โทรศัพท์ โทรเลข วิทยุโทรทัศน์ วิทยุโทรเลข

ตอบ 2 หน้า 16 นักวิทยาศาสตร์ได้คิดค้นและพัฒนาวิธีการติดต่อสื่อสารแบบใหม่ที่เหมาะสมและ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ นับตั้งแต่โทรเลข โทรศัพท์ วิทยุโทรเลข วิทยุโทรศัพท์ ไปจนถึงวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ในปัจจุบัน

22.       การส่งวิทยุกระจายเสียงที่ไม่ต้องใช้คลื่นความถี่เหมือนการออกอากาศทางวิทยุกระจายเสียงทั่วไป หมายถึงข้อใด

(1)       วิทยุกระจายเสียงผ่านอินเทอร์นัล       

(2) วิทยุกระจายเสียงผ่านอินฟราเรด

(3) วิทยุกระจายเสียงผ่านอินเทอร์เน็ต            

(4) วิทยุกระจายเสียงผ่านอินทราเน็ต

ตอบ 3 หน้า 82 – 83 การส่งวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ผ่านอินเทอร์เน็ต เป็นการแปลง (Convert) ระบบกระจายเสียงจากระบบ Analog เป็นระบบ Digital โดยม่ต้องใช้คลื่นความถี่ เหมือนการออกอากาศทางวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ทั่วไป ซึ่งเมื่อคนต้องการฟัง และชมก็สามารถ Click เข้าไปที่ Website นั้น ๆ ไต้ เรียกว่า Web-Radio และ Web-TV

23.       สถานีวิทยุโทรเลขแห่งแรกของไทยตั้งอยู่ที่ใด

(1) วังพญาไท กรุงเทพฯ          

(2) หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา

(3) ตำบลศาลาแดง กรุงเทพฯ 

(4) ปากคลองโอ่งอ่าง กรุงเทพฯ

ตอบ 3 หน้า 32 รัชกาลที่ 6 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ราชการทหารเรือจัดตั้งสถานีวิทยุโทรเลขถาวร ในสังกัดของกระทรวงทหารเรือขึ้น 2 สถานี คือ ที่ตำบลศาลาแดง กรุงเทพฯ กับที่ชายทะเล จ.สงขลา โดยพระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดสถานีวิทยุโทรเลขแห่งแรกของไทย ที่ตำบลศาลาแดง กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2456

24.       ระบบการแพร่ภาพของสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยโนระยะเริ่มแรกนั้น ใช้ระบบอะไร

(1) ระบบขาวดำ 525 เส้น       (2) ระบบ PAL 625 เส้น

(3) ระบบ NTSC 525 เส้น    (4) ระบบ SECAM 625 เส้น

ตอบ 1 หน้า 4371 ระบบการแพร่ภาพของสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยในระยะเริ่มแรกนั้นจะใช้ระบบ ขาวดำ 525 เส้น เรียกว่า ระบบ EIA แต่ตั้งแต่ พ.ศ. 2517 จนถึงปัจจุบัน ประเทศไทยก็ได้ เปลี่ยนมาใช้ระบบสี คือ ระบบ PAL สัญญาณภาพ 625 เส้น (25 ภาพต่อวินาที)

25.       ระบบการแพร่ภาพของสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยในปัจจุบัน ใช้ระบบอะไร

(1) ระบบสี 525 เส้น   (2) ระบบ CCIR 625 เส้น

(3) ระบบ PAL 625 เส้น        (4) ระบบ SECAM 525 เส้น

ตอบ 3 ดูดำอธิบายข้อ 24. ประกอบ

26.       การจัดตั้งสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยในส่วนภูมิภาคเพื่อต้องการให้ประชาชนได้มีโอกาสเท่าเทียมกัน ในการรับข่าวสาร นโยบาย และการพัฒนาประเทศ เป็นความคิดริเริ่มในการก่อตั้งของรัฐบาลชุดใด

(1) รัฐบาลของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์            (2) รัฐบาลของจอมพลถนอม กิตติขจร

(3) รัฐบาลของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์       (4) รัฐบาลของนายชวน หลีกภัย

ตอบ 1 หน้า 48 – 49149 การจัดตั้งสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยในส่วนภูมิภาคเป็นความคิดริเริ่มของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น โดยท่านเล็งเห็นว่า วิทยุโทรทัศน์มีข้อจำกัดที่ไม่สามารถจะแพร่ภาพไปทั่วประเทศได้ จึงบัญชาให้กรมประชาสัมพันธ์ จัดตั้งสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยในส่วนภูมิภาคขึ้น โดยให้ทำหน้าที่เป็นสถานีแม่ข่าย ในส่วนภูมิภาคทั้งหมด เมื่อปี พ.ศ. 2503

27.       สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยอยู่ภายใต้การดำเนินงานของหน่วยงานใด(1)       องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (อ.ส.ม.ท.)     (2) กองทัพบก

(3) กรมประชาสัมพันธ์            (4) บริษัทไทยโทรทัศน์ จำกัด

ตอบ3 หน้า 49137 – 138 สถานีวิทยุโทรทัศน์ที่อยู่ภายใต้การดำเนินงานของกรมประชาสัมพันธ์ มีดังนี้

1.         สถานีในส่วนกลาง คือ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11 (NBTหรือ สทท.ในปัจจุบัน)

2.         สถานีในส่วนภูมิภาค คือ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 45789 และ 10 ซึ่งทั้งหมดจะทำหน้าที่เป็นสถานีแม่ข่ายในส่วนภูมิภาค

28.       สถานีวิทยุโทรทัศน์ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ ทำหน้าที่ให้ความรู้ การศึกษา เผยแพร่ข่าวสารการประชาสัมพันธ์และสนับสนุนนโยบายของรัฐ คือสถานีช่องใด

(1)       สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 9 อ.ส.ม.ท.    (2) สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5

(3) สถานีวิทยุโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7       (4) สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11ตอบ 4 หน้า 50 สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11 (สทท. ในปัจจุบัน) จัดตั้งขึ้นโดยมี วัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ ทำหน้าที่ให้ความรู้ การศึกษา เผยแพร่ ข่าวสารการประชาสัมพันธ์และสนับสนุนนโยบายของรัฐ และให้เป็นสถานีวิทยุโทรทัศน์แม่ข่าย ถ่ายทอดไปยังสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยส่วนภูมิภาคในลักษณะเครือข่ายโดยเชื่อมโยง สัญญาณด้วยระบบไมโครเวฟขององค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย หรือระบบดาวเทียมของ การสื่อสารแห่งประเทศไทย

29.       งานกำกับรายการของสถานีวิทยุโทรทัศน์ขึ้นอยู่กับฝ่ายใด

(1) ฝ่ายเทคนิค            (2) ฝ่ายข่าว     (3) ฝ่ายจัดรายการ      (4) ฝ่ายศิลปกรรม

ตอบ 3 หน้า 147149 ฝ่ายจัดรายการของสถานีวิทยุโทรทัศน์จะดำเนินการจัดเตรียมรายการเพื่อ ออกอากาศให้เป็นไปตามตารางเวลาออกอากาศ และดำเนินการออกอากาศ ซึ่งประกอบด้วย งานกำกับรายการ งานกำกับเวที งานผังรายการ งานตรวจบท งานภาพยนตร์ งานรายการสด งานผู้ประกาศ งานโฆษณา และงานพากย์ภาพยนตร์ เป็นต้น

30.       งานออกแบบ และงานกราฟิกของสถานีวิทยุโทรทัศน์ขึ้นอยู่กับฝ่ายใด

(1) ฝ่ายช่าง     (2) ฝ่ายเทคนิค            (3) ฝ่ายศิลปกรรม       (4) ฝ่ายผลิตรายการ

ตอบ 3 หน้า 147, (คำบรรยาย) ฝ่ายศิลปกรรมของสถานีวิทยุโทรทัศน์จะดำเนินการเกี่ยวกับ งานออกแบบ งาบกราฟิก และงานสร้างฉาก เป็นต้น

31.       . การเปลี่ยนแปลงการเสนอรายการข่าวครั้งใหญ่ และการเรียกร้องให้ปฏิรูปสื่อวิทยุและโทรทัศน์เริ่มขึ้นเมื่อใด

(1) หลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519     

(2) หลังเหตุการณ์เดือนพฤษภาคม 2535

(3)       หลังการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2542

(4)       หลังการประกาศใช้ พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2543

ตอบ 2 หน้า 5254 – 56, (คำบรรยาย) ภายหลังเหตุการณ์เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2535 ก่อให้เกิด กระแสการเรียกร้องให้ปฏิรูปสื่อวิทยุและโทรทัศน์กันอย่างกว้างขวาง ซึ่งต่อมาก็ได้มีการจัดตั้ง สถานีโทรทัศน์ไอทีวี (ITV ะ Independent Television หรือทีวีเสรี ซึ่งปัจจุบันคือ ไทยพีบีเอส) ขึ้นมาเพื่อเสนอข่าวสารอย่างเป็นกลางโดยปราศจากอำนาจของรัฐและนายทุน จึงถือเป็น การเปลี่ยนแปลงการเสนอรายการข่าวครั้งใหญ่ในประเทศไทย

32.       ข้อใดไม่ใช่อิทธิพลของวิทยุที่มีต่อผู้ฟัง

(1)       หันเหผู้ฟังจากความวิตกกังวลต่าง ๆ   

(2) สร้างความหวังและแรงบันดาลใจ

(3) สะท้อนความสัมพันธ์ระหว่างผู้ฟังด้วยกัน 

(4) สร้างความรู้สึกแปลกใหม่ ไฮเทค

ตอบ 3 หน้า 102 – 108, (คำบรรยาย) อิทธิพลของวิทยุที่มีต่อผู้ฟังทางด้านนามธรรม คือ

1.         ช่วยหันเหผู้ฟังจากความวิตกกังวลและความเครียดต่าง ๆ

2.         สร้างความหวังและแรงบันดาลใจ      3. สร้างความรู้สึกแปลกใหม่ ไฮเทค ฯลฯ

33.       สื่อใดต่อไปนี้ที่มีแนวโน้มเสนอวัฒนธรรมที่หลากหลายได้มากที่สุด

(1) หนังสือพิมพ์           (2) โทรทัศน์     (3) ภาพยนตร์  (4) วิทยุ

ตอบ 2 (คำบรรยาย) คุณสมบัติของโทรทัศน์ที่เป็นสื่อทรงอิทธิพล มีดังนี้

1.         สามารถเสนอวัฒนธรรมที่หลากหลายได้มากที่สุด

2.         มีความรวดเร็วในการส่ง-รับสารได้ทันที

3.         เน้นเสนอเนื้อหาในการตีความ และอธิบายรายละเอียดได้มากขึ้น ฯลฯ

34.       สถานีวิทยุโทรทัศน์ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นสถานีวิทยุโทรทัศน์ที่นำเสนอรายการข่าวและสาระ ในสัดส่วน 70% ของผังรายการ หมายถึงสถานีใด

(1) สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 9 อ.ส.ม.ท.           (2) สถานีวิทยุโทรทัศน์ไอทีวี (ทีวีเสรี)

(3) สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5          (4) สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11

ตอบ 2 หน้า 53 สถานีวิทยุโทรทัศน์ไอทีวี (หรือไทยพีบีเอสในปัจจุบัน) จะมีการกำหนดรูปแบบรายการ โดยให้เสนอรายการข่าว สารคดี และสาระประโยชน์ไม่ต่ำกว่า 70% ของเวลาออกอากาศ และเวลา 19.00 – 21.30 น. (Prime Time) ต้องเสนอรายการในกลุ่มนี้ ส่วนรายการอีก 30% เป็นรายการบันเทิงและรายการอื่น ๆ

35.       “Broadcasting” หมายถึงข้อใด(1) การออกอากาศรายการผ่านดาวเทียม       (2) การกระจายเสียง

(3การแพร่ภาพ         (4) ถูกทั้งข้อ 2 และ 3

ตอบ 4 หน้า 1 คำว่า “Broadcasting” ในภาษาอังกฤษ หมายถึง การกระจายเสียงและการแพร่ภาพ ในขณะที่สารานุกรมบริแทนนิกาได้ให้ความหมายไว้ว่า คือ การออกอากาศรายการ วิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ไปสู่ผู้รับซึ่งเป็นสาธารณชนทั่วไป

36.       พัฒนากรของการดำเนินกิจกรวิทยุโทรทัศน์จากอดีตถึงปัจจุบัน หมายถึง

(1)       กรมทหารเรือ –กรมไปรษณีย์โทรเลข –กรมประชาสัมพันธ์

(2)       กองทัพบก –กรมไปรษณีย์โทรเลข –องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย

(3)       กรมโฆษณาการ –กรมประชาสัมพันธ์ –สำนักนายกรัฐมนตรี

(4)       บริษัทไทยโทรทัศน์จำกัด –>องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย –สำนักนายกรัฐมนตรี

ตอบ 4 หน้า 4144 – 4548137 การดำเนินกิจการวิทยุโทรทัศน์จากอดีตถึงปัจจุบันมีพัฒนาการดังนี้ เริ่มต้นจากอยู่ในการดำเนินกิจการของบริษัทไทยโทรทัศน์จำกัดในปี พ.ศ. 2498 ต่อมาได้โอนกิจการให้องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (อ.ส.ม.ท.)ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีตั้งแต่ปี พ.ศ. 2520 จนถึงปัจจุบัน

ข้อ 37. – 41. บทบาทหน้าที่ของสื่อสารมวลชนวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ในรายการต่อไปนี้ แสดงบทบาทหน้าที่ข้อใดมากที่สุด

(1)       หน้าที่ในการเสนอข่าวสาร       (2) หน้าที่ในการเสนอความคิดเห็น

(3) หน้าที่ในการให้การศึกษา  (4) หน้าที่ในการให้ความบันเทิง

37.       รายการข่าวในพระราชสำนักทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย

ตอบ 1 หน้า 88 – 89 หน้าที่ในการให้หรือนำเสนอข่าวสาร คือ หน้าที่ดูแลและบอกกล่าวถึงสภาพแวดล้อม หรือสอดส่องระวังระไวเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม (Surveillance of Environment) หมายถึง การแสวงหาและเผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในสิ่งแวดล้อม ทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในและภายนอกสังคมหนึ่ง ๆ เช่น รายการข่าวประจำวันรายงาน การจราจรรายงานการพยากรณ์อากาศ ฯลฯ

38.       รายงานการจราจรของสถานีวิทยุร่วมด้วยช่วยกัน

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 37. ประกอบ

39.       รายการ สำรวจโลกกับ National Geographic” ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 5

ตอบ 3 หน้า 88 – 89, (คำบรรยาย) หน้าที่ในการให้การศึกษา คือ หน้าที่ในการถ่ายทอดมรดกทางสังคม จากคนรุ่นหนึ่งไปยังคนรุ่นหลัง ๆ หมายถึง การเผยแพร่ความรู้ ค่านิยม และบรรทัดฐานของ สังคมแก่สมาชิกรุ่นใหม่ของสังคม เพื่อให้วิทยาการและวัฒนธรรมของสังคมนั้น ๆ คงอยู่ต่อไป ซึ่งสามารถเผยแพร่การศึกษาได้ทั้งทางตรง ได้แก่ รายการการศึกษาของ มสธ. ฯลฯ และทางอ้อม ได้แก่ รายการสารคดี (เช่น รายการสำรวจโลกกับ National Geographic ทางช่อง 5)รายการเกมโชว์ประเภทถาม-ตอบปัญหา (เช่น รายการเกมเศรษฐีมหาชน) เป็นต้น

40.       รายการ ตีสิบ” ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3

ตอบ 4 หน้า 89, (คำบรรยาย) หน้าที่ในการให้ความบันเทิง หมายถึง การเผยแพร่การแสดง ดนตรี และศิลปะ เพื่อสร้างความจรรโลงใจให้แก่ประชาชน เช่น รายการละครรายการเกมโชว์รายการเพลงรายการวาไรตี้หรือปกิณกะบันเทิง ฯลฯ

41.       รายการ ถึงลูกถึงคน” ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 9

ตอบ 2 หน้า 88 – 89, (คำบรรยาย) หน้าที่ในการแสดงความคิดเห็นหรือหน้าที่ในการชักจูงใจ คือ หน้าที่ในการประสานส่วนต่าง ๆ ในสังคมเพื่อแสดงปฏิกิริยาตอบต่อสิ่งแวดล้อม หมายถึง การที่สื่อมวลชนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดเป็นข่าว เป็นการวิเคราะห์และเสนอแนะว่า ควรจะทำอย่างไรกับสิ่งนั้น ๆ เช่น รายการวิเคราะห์รายการวิจารณ์รายการอภิปราย ฯลฯ

42.       ผู้ประดิษฐ์จานสแกนภาพสำเร็จเน้นคนแรก คือ

(1)       ดร.วี.เค. ซโวรีกิน          

(2) เจมส์ ลอจี แบร์ด

(3) พอล นิพโกว           

(4) คาร์ล เพ่อร์ดินานด์ บราวน์

ตอบ 3 หน้า 22 พอล นิพโกว (Paul Nipkow) นักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมัน ได้ค้นพบวิธีที่จะทำภาพ ให้เป็นเส้นเป็นทางปรากฏขึ้นบนจอได้สำเร็จเป็นคนแรก โดยเขาได้ประดิษฐ์จานสแกนภาพ คือ จานที่เจาะรูเล็ก ๆ เพื่อรับพลังงานแสง โดยเมื่อจานหมุนแสงจะผ่านรู ทำให้ภาพที่ผ่านรู ไปปรากฏบนจอภาพอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดโทรทัศน์ขึ้น

43.       รายการประเภทใดทางวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ที่มีสัดส่วนการน่าเสนอสูงสุด

(1)       รายการข่าว     (2) รายการโฆษณา     (3) รายการบันเทิง       (4) รายการแสดงความคิดเห็น

ตอบ 3 หน้า 101 รายการต่าง ๆ ทางวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ส่วนใหญ่จะเน้นสัดส่วน การนำเสนอรายการบันเทิงสูงที่สุด โดยเฉพาะสถานีวิทยุและสถานีโทรทัศน์เพื่อการค้า ซึ่งมักจะมุ่งผลประโยชน์ด้านธุรกิจมากกว่าผลประโยชน์ของสาธารณะ (Public Interest)

44.       แนวคิดทฤษฎีใดที่เชื่อว่าวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์มีอิทธิพลต่อประชาขนโดยตรง

(1)       ทฤษฎีสังคมมวลชน    (2) ทฤษฎีสื่อสารมวลชน

(3) ทฤษฎีสื่อสารการพัฒนา    (4) ทฤษฎีวิพากษ์สื่อมวลชน

ตอบ 1 หน้า 102 – 105 นักวิชาการด้านทฤษฎีสังคมมวลชน (Mass Society Theory) เชื่อว่า สื่อมวลชน ซึ่งหมายรวมถึง วิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์จะมีอิทธิพลต่อประชาชน โดยตรง เมื่อพิจารณาจากคุณลักษณะสำคัญดังนี้

1.         ความสามารถเข้าถึงประชาชนจำนวนมากได้โดยตรง และการเปิดรับของผู้รับสาร

2.         มีอิทธิพลในการชักจูงใจ

3.         มีผลเรื่องใดเรื่องหนึ่งต่อคนจำนวนมากในลักษณะคล้ายคลึงกัน เช่น การเลียนแบบดารา นักแสดง นักร้อง ตั้งแต่การแต่งกาย ความคิดความเชื่อ ค่านิยม รวมถึงพฤติกรรม ฯลฯ

45.       ข้อใดไมใช่ประเภทรายการวิทยุโทรทัศน์ที่จัดแบ่งตามบทบาทหน้าที่ของสื่อมวลชน

(1) รายการข่าว            (2)รายการการศึกษา   (3) รายการบันเทิง       (4) รายการสำหรับเด็ก

ตอบ 4 หน้า 100 – 101 การแบ่งประเภทรายการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ตามบทบาท หน้าที่ของสื่อมวลชน ได้แก่   1. รายการที่ให้ข่าวสาร            2. รายการที่แสดงความคิดเห็นหรือการชักจูงใจ 3. รายการที่ให้ความรู้และการศึกษา        4. รายการที่ให้ความบันเทิง

46.       โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย จัดตั้งขึ้นเมื่อใด

(1)       พ.ศ.2503       (2)พ.ศ.2511   (3)พ.ศ.2530   (4)พ.ค.2535

ตอบ 2 หน้า 152 – 153 โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เริ่มจัดตั้งขึ้นเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2511 ซึ่งเกิดจากความคิดว่าควรรวมตัวกันขึ้นเพื่อปรึกษาหารือและจัดการดำเนินการ ในด้านต่าง ๆ อันจะทำให้เกิดประโยชน์แก่โทรทัศน์ทุกช่อง โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้

1.         ร่วมมือในการถ่ายทอดและรับการถ่ายทอดทั้งในประเทศและนอกประเทศ สำหรับรายการ ที่สำคัญ ๆ ระดับชาติหรือระหว่างประเทศ

2.         เป็นผู้ประสานงานในการตกลงค่าลิขสิทธิ์ต่าง ๆ ในการถ่ายทอดตามข้อ 1.

3.         แลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกันในระหว่างโทรทัศน์ช่องต่าง ๆ โดยมีหลักการที่จะ ไม่แย่งซึ่งผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน

4.         ร่วมมือกันสร้างสรรค์ความสัมพันธ์ระหว่างสถานีโทรทัศน์แต่ละช่อง ฯลฯ

47.       กกช. หมายถึงอะไร

(1.) คณะกรรมการบริหารวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ

(2)       คณะกรรมการกำหนดบทบาทวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ

(3)       คณะกรรมการกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ

(4)       คณะกรรมาธิการกระจายเสียงแหงชาติ

ตอบ 3 หน้า 119125 – 126 กกช. หมายถึง คณะกรรมการกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ (ปัจจุบันมีองค์กรอิสระที่มารับผิดชอบทำหน้าที่แทน คือ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งซาติ หรือ กสทช. ซึ่งจะทำหน้าที่จัดสรรคลื่นความถี่และกำกับดูแลการประกอบกิจการ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม)

48.       วัตถุประสงค์ของโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ไม่ตรงกับข้อใด

(1)       รวมตัวกันขึ้นเพื่อจัดการดำเนินการด้านรายการต่าง ๆ ที่จะเป็นผลประโยชน์ร่วมกัน

(2)       เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกันในระหว่างโทรทัศน์ช่องต่าง ๆ

(3)       ร่วมมือในการถ่ายทอดและรับการถ่ายทอดทั้งในประเทศและต่างประเทศ สำหรับรายการที่สำคัญ ๆ ระดับชาติหรือระหว่างประเทศ

(4)       เพื่อดำเนินการในการร่วมมือกันพัฒนาเทคโนโลยีทางด้านวิชาการวิทยุโทรทัศน์ และการจัดประชุมสัมมนาร่วมกัน

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 46. ประกอบ

49.       การส่งคลื่นวิทยุกระจายเสียงของไทยเป็นการส่งคลื่นวิทยุในย่านความถี่ใด

(1)       530     ถึง        1600   กิโลเฮิรตซ์        และ 88 ถึง      108     เมกะเฮิรตซ์

(2)       535     ถึง        1605   กิโลเฮิรตซ์        และ 87 ถึง      108     เมกะเฮิรตซ์

(3)       630     ถึง        1700   กิโลเฮิรตซ์        และ 86 ถึง      107     เมกะเฮิรตซ์

(4)       635     ถึง        1705   กิโลเฮิรตซ์        และ 88.5 ถึง 107.5 เมกะเฮิรตซ์

ตอบ 2 หน้า 64119 ระเบียบว่าด้วยวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. 2535 ข้อ 4 ระบุว่า วิทยุกระจายเสียง” หมายถึง การส่งคลื่นวิทยุในย่านความถี่คลื่นวิทยุ 535 ถึง 1605 กิโลเฮิรตซ์ (kHz) ในระบบ AM และย่านความถี่ 87 ถึง 108 เมกะเฮิรตซ์ (MHz) ในระบบ FM อันมีความประสงค์ให้เข้าถึงมวลชนโดยตรง

50.       พิธีเปิดสถานีวิทยุโทรทัศน์และออกอากาศแพร่ภาพเป็นวันแรกของประเทศไทยเกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. ใด

(1) พ.ศ. 2493 (2) พ.ศ. 2495

(3) พ.ศ. 2498 (4) พ.ศ. 2501

ตอบ 3 หน้า 42. 44 สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งแรกของประเทศไทย คือ สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวี ช่อง 4 บางขุนพรหม ซึ่งก่อตั้งอยู่ในรูปของบริษัท ไทยโทรทัศน์ จำกัด (ปัจจุบันคือ สถานี วิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีลีช่อง 9 หรือโมเดิร์นไนน์ทีวี ดำเนินงานโดยบริษัท อ.ส.ม.ท.จำกัด (มหาชน) ในสังกัดของสำนักนายกรัฐมนตรี) โดยมีพิธีเปิดสถานีและออกอากาศแพร่ภาพเป็นวันแรก เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2498 ซึ่งถือเป็นจุดกำเนิดของกิจการวิทยุโทรทัศน์ไทย ดังนั้น กิจการวิทยุโทรทัศน์ของไทยตั้งแต่เริ่มก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน (พ.ศ. 2557) จึงมีอายุ 59 ปี

51.       องค์กรที่ทำหน้าที่ควบคุมและบริหารคลื่นความถี่วิทยุให้เป็นระเบียบทั่วโลก โดยผ่านทางรัฐบาลของแต่ละประเทศ คือองค์กรใด

(1) สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ        

(2) สหภาพการกระจายเสียงระหว่างประเทศ

(3) สหภาพการกระจายเสียงเอเชีย-แปซิฟิก   

(4) สหภาพการกระจายเสียงยุโรป

ตอบ 1 หน้า 58115124 สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ หรือ ITU (The International Telecommunication Union) มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นองค์กรที่ทำหน้าที่ควบคุมและบริหารคลื่นความถี่วิทยุให้เป็นระเบียบทั่วโลก โดยผ่านทาง รัฐบาลของแต่ละประเทศ

52.       สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งแรกของประเทศไทยที่จัดตั้งขึ้นมามีชื่อเรียกว่าอะไร

(1)       สถานีวิทยุกรุงเทพที่พญาไท   

(2) สถานีวิทยุที่ศาลาแดง

(3) สถานีวิทยุเฉลิมพระเกียรติ            

(4) สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย

ตอบ 1 หน้า 34. – 36, (คำบรรยาย) สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งแรกของประเทศไทยที่จัดตั้งขึ้นมา มีชื่อเรียกว่า สถานีวิทยุกรุงเทพที่พญาไท” ซึ่งอยู่ภายใต้สังกัดของกรมไปรษณีย์โทรเลข โดยทางราชการได้ทำพิธีเปิดสถานีอย่างเป็นทางการและถ่ายทอดเสียงทางวิทยุเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2473 (ตรงกับวันพระราชพิธีฉัตรมงคลในรัชกาลที่ 7) ซึ่งถือเป็น จุดกำเนิดของกิจการวิทยุกระจายเสียงไทย จากนั้นในปี พ.ศ. 2481 สถานีวิทยุแห่งนี้ ก็ได้โอนกิจการมาสังกัดสำนักงานโฆษณาการ (หรือกรมประชาสัมพันธ์ในปัจจุบัน) และเปลี่ยนชื่อเป็น สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย

53.       สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งแรกของประเทศไทยสังกัดหน่วยงานใด           

(1) กระทรวงทหารเรือ

(2)       กรมไปรษณีย์โทรเลข  (3) กระทรวงกลาโหม  (4) กรมประชาสัมพันธ์

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 52. ประกอบ

54.       ปัจจุบันสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยสังกัดหน่วยงานใด

(1)       การสื่อสารแห่งประเทศไทย     (2) กรมไปรษณีย์โทรเลข

(3)       กรมประชาสัมพันธ์     (4) กระทรวงมหาดไทย

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 52. ประกอบ

55.       การจัดตั้งสถานีวิทยุโทรทัศน์ในประเทศไทยเกิดจากความคิดริเริ่มของใคร

(1) จอมพลสฤษด์ ธนะรัชต์     (2) จอมพล ป. พิบูลสงคราม

(3) จอมพลถนอม กิตติขจร      (4) พลตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์

ตอบ 2 หน้า 40 – 41 การก่อตั้งกิจการวิทยุโทรทัศน์ครั้งแรกในประเทศไทย เกิดจากความคิดริเริ่ม ของจอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี เมื่อ พ.ศ. 2495 แต่ถูกสภาผู้แทนราษฎรและ หนังสือพิมพ์โจมตีคัดค้านอย่างมากว่าสิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดิน จึงทำให้รัฐบาลเปลี่ยน แผนการจากเดิมที่จะดำเนินการเองมาเป็นการจัดตั้งบริษัทจำกัดเพื่อหารายได้เลี้ยงตัวเอง

56.       สถานีวิทยุโทรทัศน์ที่มีการจัดตั้งขึ้นมาใหม่และเริ่มดำเนินการแพร่ภาพในปี 2539 ได้รับสัมปทานใน การดำเนินการจัดตั้งสถานีจากหน่วยงานใดต่อไปนี้

(1) กรมประชาสัมพันธ์            (2) องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย

13) กองทัพบก            (4) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

ตอบ 4 หน้า 54, (คำบรรยาย) สถานีวิทยุโทรทัศน์ในส่วนกลาง (ระดับชาติ) ที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาใหม่ และเริ่มดำเนินการแพร่ภาพออกอากาศในปี พ.ศ. 2539 ได้แก่ สถานีวิทยุโทรทัศน์ไอทีวี (ITV) โดยได้รับสัมปทานให้ดำเนินการอย่างเป็นทางการจากสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี แต่ปัจจุบันถูกลงโทษให้ปิดสถานี

57.       ลักษณะการเป็นเจ้าของกิจการวิทยุโทรทัศน์ไทยที่รัฐทำสัญญาให้สัมปทานแก่เอกชนเช่าช่วง โดยมอบผลประโยชน์ที่แน่นอนจำนวนหนึ่งให้แก่รัฐ หมายถึงสถานีช่องใด

(1)       ช่อง 5  (2) ช่อง 7         (3) ช่อง 9         (4) ช่อง 11

ตอบ 2 หน้า 136 ลักษณะการเป็นเจ้าของกิจการวิทยุโทรทัศน์ไทยที่รัฐเป็นเจ้าเของแต่ทำสัญญา ให้สัมปทานแก่เอกชนเช่าช่วง โดยมอบผลประโยชน์ที่แน่นอนจำนวนหนึ่งให้แก่รัฐ ได้แก่ สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 และสถานีวิทยุโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7

58.       องค์การศึกษาทางวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ได้วางเกณฑ์กลางเกี่ยวกับอิทธิพลของสื่อมวลชนวิทยุโทรทัศน์ว่าจะเป็นสื่อทรงอิทธิพลได้ต่อเมื่อประชาชนของประเทศมีเครื่องรับต่อประชากรเท่าใด

(1)       วิทยุโทรทัศน์ 1 เครื่องต่อประชากรโดยเฉลี่ย 20 คน

(2)       วิทยุโทรทัศน์ 1 เครื่องต่อประชากรโดยเฉลี่ย 50 คน

(3)       วิทยุโทรทัศน์ 1 เครื่องต่อประชากรโดยเฉลี่ย 100 คน

(4)       วิทยุโทรทัศน์ 1 เครื่องต่อประชากรโดยเฉลี่ย 150 คน

ตอบ3 (คำบรรยาย) องค์การศึกษาทางวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก (UNESCO) ได้วางเกณฑ์กลางเกี่ยวกับอิทธิพลของสื่อมวลชนว่า วิทยุกระจายเสียงจะเป็นสื่อที่ทรงอิทธิพลได้ต่อเมื่อประชากรของประเทศมีเครื่องรับวิทยุ 1 เครื่องต่อประชากรโดยเฉลี่ย 20 คน ส่วนสื่อวิทยุโทรทัศน์จะเป็นสื่อทรงอิทธิพลได้ต่อเมื่อประชากรของประเทศมีเครื่องรับโทรทัศน์ 1 เครื่องต่อประชากรโดยเฉลี่ย 100 คน

59.       วิทยุโทรทัศน์ หมายถึงอะไร

(1)       การกระจายหรือแพร่ไปของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในอากาศเพื่อส่งสาร

(2)       การใช้ส่งและรับทางสายเคเบิลเพื่อส่งออกอากาศภาพและเสียง

(3)       การใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเพื่อส่งกระจายออกอากาศ หรือเพื่อรับสัญญาณไฟฟ้าโดยไม่ต้องใช้สาย

(4)       การส่งและรับภาพและเสียงโดยเครื่องส่งและเครื่องรับอิเล็กทรอนิกส์ ออกอากาศด้วยกระแสคลื่นวิทยุ ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า

ตอบ 4 หน้า 381 คำว่า “Television” นี้ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ได้ทรงวิเคราะห์ศัพท์และได้ บัญญัติคำเป็นภาษาไทยครั้งแรกว่า วิทยุโทรทัศน์” (มักเรียกสั้น ๆ ว่า โทรทัศน์) ซึ่งหมายถึง การส่งและรับภาพและเสียงโดยเครื่องส่งและเครื่องรับอิเล็กทรอนิกส์ ออกอากาศด้วยกระแสลื่นวิทยุที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากเครื่องส่งไปยังเครื่องรับที่อยู่ห่างไกล

60.       สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เกิดจากกฎหมายฉบับใด

(1)       พระราชบัญญัติองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพ พ.ศ. 2550

(2)       พระราชบัญญัติองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพ พ.ศ. 2551

(3)       พระราชบัญญัติวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. 2540

(4)       พระราชบัญญัติวิทยุกระจายเสียงเละวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. 2550

ตอบ 2 (ข่าว) พ.ร.บ. องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 15 ม.ค. 2551 ส่งผลให้ประเทศไทยมีสถานีวิทยุโทรทัศน์ระดับชาติ ในส่วนกลางที่มีการจัดตั้งขึ้นมาใหม่ล่าสุด คือ ไทยพีบีเอส ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็น ทีวีสาธารณะแห่งแรกของประเทศไทย และเริ่มแพร่ภาพออกอากาศเมื่อวันที่ 15 ก.พ. 2551

61.       เหตุการณ์ข้อใดเหมาะกับการถ่ายทอดสารผ่านวิทยุกระจายเสียงมากที่สุด

(1) การออกกำลังกาย 

(2) การสอนทำอาหารไทย

(3) การบรรยายธรรม   

(4) การไขปัญหาซ่อมคอมพิวเตอร์

ตอบ 3 (คำบรรยาย) วิทยุกระจายเสียงจะให้ประสิทธิผลในการจูงใจและเปลี่ยนทัศนคติได้ดีที่สุด นอกจากนี้ยังถือเป็นสื่อที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในแง่ของการสร้างความคิดคำนึงหรือจินตนาการ เมื่อใช้ถ่ายทอดหรือเสนอเนื้อหาสาระที่เป็นนามธรรม คือ

1.         ข้อเท็จจริง (Factual Information) เช่น ข่าวต่าง ๆ การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ฯลฯ

2.         แนวปฏิบัติต่าง ๆ (Procedures) เช่น อุดมการณ์หรือแนวคิด การเล่านิทานหรือละคร ฯลฯ

3.         ทัศนคติที่พึงประสงค์ (Desirable Attitudes) เช่น การบรรยายธรรม ฯลฯ

4.         การจูงใจให้คิดหรือทำ (Motivation) เช่น การโฆษณาชวนเชื่อ ฯลฯ

62.       วิทยุและโทรทัศน์กลายเป็น ลูกพี่ใหญ่‘’ (Big Brother) ที่ควบคุมอิสรเสรีภาพทางความคิดของคนในสังคม เป็นแนวคิดของใคร

(1) นอยล์ นิวแมน 

(2) แคลปเปอร์       

(3) พอล ลาซาร์สเฟลด์            

(4) เอมิล เดอร์คิม

ตอบ 4 หน้า 104 นักวิชาการด้านทฤษฎีสังคมมวลชนหลายคน ได้แก่ ออกูส กงเต้ (Auguste Comte), เฟอร์ดินันท์ ทูนนี่ (Ferdinand Tonnise) และเอมิล เดอร์คิม (Emile Durkheim) มีความเห็นว่า วิทยุและโทรทัศน์กลายเป็นลูกพี่ใหญ่ (Big Brother) ที่ควบคุมอิสรเสรีภาพทางความคิดของคน ในสังคมเกือบทั้งหมด

63.       อิทธิพลของบุคคลและผู้นำความคิดที่มีผลต่อการตัดสินใจมากกว่าสื่อมวลชน เป็นแนวคิดของใคร

(1) วิลเบอร์ แซรมม์      (2) พอล ลาซาร์สเฟลด์

(3) ออกูส กงเต้ เพ่อร์ดินันท์    (4) นักทฤษฎีสังคมมวลชน

ตอบ 2 หน้า 107 พอล ลาซาร์สเฟลด์ (Paul Lazarsfeld) เป็นนักวิชาการที่ชี้ให้เห็นถึงแนวคิดการไหลของข่าวสาร 2 ระดับ (Two-step Flow) และพบว่าอิทธิพลของบุคคล (Personal Influence) และผู้นำความคิด (Opinion Leader) หรือคนใกล้ตัว เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจ ของคนมากกว่าสื่อมวลชน

64.       ผู้รับสารมีความฉลาดและมีวิจารณญาณเพียงพอในการรับข้อมูลข่าวสารจากสื่อมวลชน ตามแนวคิดนี้ ตรงกับข้อใด

(1)       วิทยุและโทรทัศน์มีอิทธิพลโดยตรงต่อผู้รับสาร

(2)       วิทยุและโทรทัศน์ไม่มีอิทธิพลต่อผู้รับสารโดยตรง

(3)       วิทยุและโทรทัศน์ทำให้เกิดผลในเรื่องใดเรื่องหนึ่งต่อทุกคนในลักษณะคล้ายคลึงกัน

(4)       วิทยุและโทรทัศน์จะสนับสนุนทัศนคติ ค่านิยม และแนวโน้มด้านพฤติกรรมของประชาชนให้มีความเข้มแข็งขึ้น

ตอบ 2 หน้า 105 นักวิชาการด้านนิเทศศาสตร์หลายท่าน เช่น แคลปเปอร์ (Klapper) เชื่อว่า วิทยุและโทรทัศน์ไม่มีอิทธิพลโดยตรงต่อผู้รับสาร เนื่องจากผู้รับสารมีความฉลาดและ มีวิจารณญาณเพียงพอในการรับข้อมูลข่าวสารจากสื่อมวลชน ซึ่งผู้รับสารที่เปิดรับสื่อ สามารถคิดและวิเคราะห์ ไม่ใช่สื่อมีอิทธิพลต่อความคิดของบุคคลมากมาย อิทธิพลของ สื่อมวลชนจะมีมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับการทำงานร่วมกับปัจจัยอื่น ๆ ของสังคม

65.       ปัจจัยเสริมที่ทำให้วิทยุและโทรทัศน์มีอิทธิพลโดยอ้อม หมายถึงข้อใด

(1)       ระดับความต้องการข้อมูลข่าวสารจำเป็นต้องพึ่งพามาก

(2)       การสามารถเข้าถึงประชาชนจำนวนมาก

(3)       การนำเสนอเรื่องราว กิจกรรม ซ้ำ ๆ บ่อย ๆ     (4) ความมีใจโน้มเอียงของผู้รับสาร

ตอบ 4 หน้า 106 – 107 แนวคิดที่เชื่อว่าวิทยุและโทรทัศน์มีอิทธิพลโดยอ้อมต่อผู้รับสาร โดยอาศัย ปัจจัยเสริมต่าง ๆ ดังนี้

1.         ความมีใจโน้มเอียงของผู้รับสาร

2.         กระบวนการเลือกรับสาร โดยการรับรู้ จดจำ และตีความเนื้อหาจากสื่อมวลชนที่สนับสนุน ความคิดความเชื่อของตนเอง เช่น การเลือกเปิดรับสารจากพรรคการเมืองที่ตนชื่นชอบ ฯลฯ

3.         อิทธิพลของบุคคลและผู้นำความคิด เช่น ผู้นำชุมชน การสนทนาในสภากาแฟ ฯลฯ

4.         ระดับความต้องการข้อมูลข่าวสารมาก เช่น นักลงทุนต้องการข้อมูลเกี่ยวกับหุ้น ฯลฯ

66.       ตามแนวความคิดของเดนิส แมคเควล (Denis McQuail) กล่าวถึงหน้าที่ของสื่อมวลชน โดยพิจารณาจากอะไร

(1) บุคคล สังคม วัฒนธรรม บันเทิง    (2) บุคคล สังคม การศึกษา วัฒนธรรม

(3)       บุคคล สังคม เครื่องมือทางการเมือง เศรษฐกิจ การศึกษา วัฒนธรรม

(4)       สังคม ผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการเผยแพร่ สื่อมวลชน มวลชนผู้รับสาร

ตอบ 4 หน้า 95 แนวความคิดของเดนิล แมคเควล (Denis McQuail) ได้กล่าวถึงหน้าที่ของสื่อมวลชนโดยพิจารณาจากฝ่ายต่าง ๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชนว่า มีความต้องการให้สื่อมวลชนทำอะไรให้แก่ตน หรือสื่อมวลชนควรทำหน้าที่อะไรให้แก่ตน และสังคม ซึ่งฝ่ายต่าง ๆ ดังกล่าว ได้แก่         1. สังคม (Society)

2.         ผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการเผยแพร่ข่าวสาร (The Advocate)

3.         สื่อมวลชนหรือนักสื่อสารมวลชน (The Media/Mass Communicators)

4.         มวลชนผู้รับสาร (The Audience)

67.       FCC (Federal Communication Commission) หมายถึงข้อใด

(1) บรรษัทวิทยุและโทรทัศน์ของสหรัฐอเมริกา            (2) บรรษัทวิทยุและโทรทัศน์ของอังกฤษ

(3)       องค์กรที่จัดระเบียบในด้านการอนุมัติคลื่นและใบอนุญาตประกอบการ

(4)       คณะกรรมการการสื่อสารแห่งชาติ

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 7. ประกอบ

68.       สื่อที่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เมื่อปี พ.ศ. 2475 หมายถึงข้อใด

(1) หนังสือพิมพ์           (2) นิตยสาร     (3) วิทยุกระจายเสียง  (4) วิทยุโทรทัศน์

ตอบ 3 หน้า 35 ในการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 วิทยุกระจายเสียงนับว่ามีบทบาทอย่างสำคัญ เพราะคณะราษฎร์ซึ่งนำโดยพันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา พันเอกพระยาทรงสุรเดช และหลวงประดิษฐ์มนูธรรม ได้ใช้วิทยุกระจายเสียงเป็นเครื่องมือ เผยแพร่ข่าวการเปลี่ยนแปลงการปกครองให้ประชาชนทราบ โดยอ่านประกาศติดต่อกันตลอดเวลา

69.       มาตราในการวัดคลื่นความถี่วิทยุระบบ AM คือ

(1) เมกะเฮิรตช์         (2) กิโลเฮิรตซ์ (3) จิกะเฮิรตซ์ (4) เมตริกเฮิรตซ์

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 49. ประกอบ

70.       สถานีวิทยุโทรทัศน์ที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์ให้เป็น Independent Television หมายถึงข้อใด

(1) ไทยพีบีเอส                    (2) NBT          (3)       ASIA/        (4)       ไอทีวี

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 31. ประกอบ

71.       สื่อทางเลือกของประชาชน หมายถึงข้อใด

(1) ไทยพีบีเอส            

(2) NBT      

(3)       วิทยุชุมชน        

(4)       โมเดิร์นไนน์

ตอบ 3 (คำบรรยาย) สื่อทางเลือกหรือสื่อภาคประชาชน คือ สื่อนอกกระแสที่เปิดพื้นที่การสื่อสารให้แก่ประชาชนหลากหลายกลุ่ม จึงเป็นการสร้างทางเลือกให้แก่ผู้รับสารในการรับข่าวสารที่แตกต่าง ไปจากสื่อกระแสหลักซึ่งมักถูกกำหนดเนื้อหาจากภาครัฐและนายทุน เช่น สถานีวิทยุชุมชนสถานีวิทยุและโทรทัศน์ทางอินเทอร์เน็ตโทรทัศน์ดาวเทียมเคเบิลทีวี ฯลฯ

72.       การจัดสรรความถี่วิทยุ เพื่อจะจัดตั้งสถานีวิทยุกระจายเสียงหรือสถานีวิทยุโทรทัศน์ของไทยนั้น ผู้รับผิดชอบงานด้านนี้ คือ

(1) กสช.          

(2) กสทช.        

(3)       กกช.    

(4)       กทช.

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 47. ประกอบ

73.       กทช. หมายถึงอะไร

(1)       คณะกรรมการบริหารวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ

(2)       คณะกรรมการกำหนดบทบาทวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ

(3)       คณะกรรมการกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ

(4)       คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ

ตอบ 4 กทช. หมายถึง คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ

74.       สถานีวิทยุโทรเลขแห่งแรกของไทยในสมัยนั้นขึ้นอยู่กับหน่วยงานใด

(1) กรมไปรษณีย์โทรเลข

(2)       สำนักงานโฆษณาการ            (3) กระทรวงกลาโหม  (4) กระทรวงทหารเรือ

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 23. ประกอบ

75.       การทดลองส่งวิทยุกระจายเสียงโดยใช้ชื่อสถานีว่า พี” ในยุคนั้น ย่อมาจากคำว่าอะไร

(1) บูรฉัตรไชยากร       (2) มาร์โคนี      (3) กองช่างวิทยุ          (4) กรมไปรษณีย์โทรเลข

ตอบ 1 หน้า 33 – 34 บิดาของกิจการวิทยุกระจายเสียงไทย คือ นายพลเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองศ์เจ้าบูรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน เพราะพระองศ์ทรงเป็นผู้บุกเบิก และริเริ่มให้มีการทดลองส่งวิทยุกระจายเสียงขึ้นในประเทศไทยเป็นครั้งแรก โดยใช้ชื่อ สถานีวิทยุแห่งนี้ว่า พีเจ” ซึ่งย่อมาจากคำว่า บูรฉัตรไชยากร

76.       สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งแรกของประเทศไทยได้ทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อใด

(1) วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2456        (2) วันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2471

(3)       วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2473          (4) วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2498

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 52. ประกอบ

77.       กิจการวิทยุโทรทัศน์ของไทยตั้งแต่เริ่มก่อตั้งจนกระทั่งปัจจุบันมีอายุกี่ปี

(1)45ปี          (2)59ปี            (3)62ปี                    (4) 75ปี

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 50. ประกอบ

78.       พระราชบัญญัติวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ฉบับล่าสุดในขณะนี้ หมายถึงข้อใด

(1)       พระราชบัญญัติวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. 2530

(2)       พระราชบัญญัติวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. 2540

(3)       พระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2550

(4)       พระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551

ตอบ 4 (คำบรรยาย) พ.ร.บ. การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551เป็นกฎหมายวิทยุโทรทัศน์ฉบับล่าสุดที่ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 4 มี.ค. 2551

79.       กรมประชาสัมพันธ์” มีชื่อเดิมว่าอะไร

(1) กรมการโฆษณาการ          (2) กรมโฆษณาการ

(3) กรมการโฆษณาและการประชาสัมพันธ์    (4) สำนักโฆษณาการและประชาสัมพันธ์

ตอบ 2 หน้า 36, (คำบรรยาย) กรมประชาสัมพันธ์” มีชื่อเดิมว่า กรมโฆษณาการ” โดยในปีพ.ศ. 2476 รัฐบาลได้จัดตั้ง สำนักงานโฆษณาการ” ขึ้น และต่อมาก็ได้ยกฐานะขึ้นเป็นกรม ใช้ขื่อว่า กรมโฆษณาการ” ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อมาเป็น กรมประชาสัมพันธ์” ดังในปัจจุบัน

80.       ข้อใดเป็นระบบบรรษัทสาธารณะ (Public Corporation)

(1) TBS       (2) CNN     (3) BBC      (4) PBS

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 8. ประกอบ

81.       หน่วยงานราชการใดมีสถานีวิทยุกระจายเสียงมากที่สุดในกรุงเทพมหานคร

(1) กรมประชาสัมพันธ์ 

(2) อ.ส.ม.ท.    

(3) กองทัพบก 

(4) กรมไปรษณีย์โทรเลข

ตอบ 3 หน้า 39 สถานีวิทยุกระจายเสียงทั้งระบบ AM และ FM ในกรุงเทพมหานครที่มีอยู่ในปัจจุบัน เป็นสถานีวิทยุในสังกัดของกองทัพบกมากที่สุด โดยมีทั้งหมด 24 สถานี แบ่งเป็นระบบ AM 12 สถานี และระบบ FM 12 สถานี รองลงมาตามลำดับ ได้แก่ กรมประชาสัมพันธ์ มี 11 สถานี และองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย มี 9 สถานี

82.       แนวคิดในการจัดระบบวิทยุและโทรทัศน์ไทยตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ตรงกับข้อใด

(1) Public Service System 

(2) Free Market System

(3) Dual System          

(4) Mixed System

ตอบ 4 หน้า 111113, (คำบรรยาย) แนวคิดในการจัดระบบวิทยุและโทรทัศน์ไทยตามรัฐธรรมนูญ ฉบับปัจจุบัน (พ.ศ. 2550) เป็นแบบ Mixed System (แนวคิดผสมระหว่างแนวสื่อสาร เพื่อประโยชน์สาธารณะกับแนวสื่อสารในตลาดเสรี) เพื่อให้ระบบกิจการวิทยุและโทรทัศน์ไทย มีความหลากหลายไม่ว่าจะเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐ ของเอกชน หรือของภาคประชาชน

83.       องค์กรแรกที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาเพื่อควบคุมและกำกับดูแลกิจการวิทยุและโทรทัศน์ไทยคือข้อใด(1) กกช.          (2) กบว.          (3) กทช.          (4) กสทช.

ตอบ 2 หน้า 118 – 121, (คำบรรยาย) ภายหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 รัฐบาลไทย ได้ออกระเบียบว่าด้วยวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. 2518 และมีการจัดตั้ง คณะกรรมการบริหารวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์” (กบว.) ขึ้นเป็นองค์กรแรก เพื่อควบคุมและกำกับดูแลกิจการวิทยุและโทรทัศน์ไทย แต่ต่อมาองค์กรนี้ก็ได้ถูกยุบเลิกไป และเกิดองค์กรอิสระต่าง ๆ ขึ้นมาตามลำดับ ได้แก่ กกช. กทช. กสซ. และ กสทช. ในปัจจุบัน

84.       เมื่อเกิดวิกฤตการณ์ทางการเมือง สื่อวิทยุและโทรทัศน์ไทยได้ออกประกาศคำแถลงการณ์ต่าง ๆให้กับรัฐ ที่มีอำนาจนขณะนั้น สื่อได้ทำบทบาทนี้เพื่ออะไร

(1) เพื่อผลประโยชน์สาธารณะ           (2) เพื่อผลประโยชน์ของรัฐ

(3) เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน     (4) เพื่อผลประโยชน์ขององค์กรสื่อ

ตอบ 2 เมื่อบ้านเมืองอยู่ในภาวะเกิดวิกฤตการณ์ทางการเมือง สื่อวิทยุและโทรทัศน์ไทยมักถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อผลประโยชน์ของรัฐบาลมากที่สุด ซึ่งเห็นได้จากการนำเสนอประกาศ และคำแถลงการณ์ต่าง ๆ ให้กับรัฐที่มีอำนาจในขณะนั้น แต่เมื่อใดก็ตามที่บ้านเมือง กลับเข้าสู่ภาวะปกติ สื่อวิทยุและโทรทัศน์ไทยก็จะถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อผลประโยชน์ ทางด้านธุรกิจมากที่สุด

85.       สื่อใดต่อไปนี้ที่มีผลต่อการครอบงำอุดมการณ์ความคิดของผู้คนในสังคมไทยมากที่สุด

(1) หนังสือพิมพ์           (2) วิทยุกระจายเสียง

(3) วิทยุโทรทัศน์          (4) อินเทอร์เน็ต

ตอบ 3 (คำบรรยาย) ลักษณะเฉพาะของวิทยุโทรทัศน์ที่ทำให้เกิดประสิทธิภาพจูงใจมากกว่าสื่ออื่น คือ สามารถแสดงภาพให้เห็นจริงและประทับใจ เพราะการเห็นพร้อมการฟังจะมีประสิทธิภาพสูง จึงสร้างความน่าเชื่อถือได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้วิทยุโทรทัศน์ยังสามารถส่งเสริมประสบการณ์ ได้ดีที่สุดเมื่อได้เสนอสาระอันเป็นรูปธรรม จึงทำให้กลายเป็นสื่อที่ได้รับความนิยมสูงสุด และ สามารถครอบงำอุดมการณ์ความคิดของผู้คนในสังคมไทยได้มากที่สุดในปัจจุบัน

86.       การนำเสนอข่าวต่างประเทศของโทรทัศน์ไทยที่ต้องใช้ข่าวของสำนักข่าวยักษ์ใหญ่ของโลก ตรงกับผลกระทบข้อใด

(1) การไหลของข้อมูลข่าวสารทางเดียว          (2) การไหลของข้อมูลข่าวสารสองทาง

(3) การสื่อสารไร้พรมแดน        (4) การสื่อสารเพื่อการพัฒนา

ตอบ 3 (คำบรรยาย) การสื่อสารไร้พรมแดน (Globalization) มีผลกระทบในด้านลบประการหนึ่ง คือ การสื่อสารไร้พรมแดนจะทำให้ประเทศด้อยพัฒนาสูญเสียเอกราชทางวัฒนธรรมของตนเอง หรือเกิดจักรวรรดินิยมทางวัฒนธรรม ทำให้ประเทศอภิมหาอำนาจโลกกลายเป็นศูนย์กลาง ในการไหลของข้อมูลข่าวสารที่สามารถครอบงำอุดมการณ์ควมคิดของคนทั้งโลกได้ เช่น การนำเสนอข่าวต่างประเทศของโทรทัศน์ไทยที่ต้องใช้ข่าวของสำนักข่าวยักษ์ใหญ่ของโลก เป็นต้น

87.       การควบคุมภายนอกของกิจการวิทยุและโทรทัศน์ไทย หมายถึงข้อใด

(1) กลุ่มผลักดันทางสังคม      (2) กฎหมายทางอ้อม

(3) กฎหมายวิทยุและโทรทัศน์            (4) สมาคมวิขาชีพวิทยุและโทรทัศน์

ตอบ 1 หน้า 125 – 127 โครงสร้างการควบคุมกิจการวิทยุและโทรทัศน์ไทยแบ่งออกเป็น 3 ฝ่าย คือ

1.         การควบคุมโดยรัฐ คือ การจัดตั้งสถาบันขึ้นมาควบคุม เช่น กสทช การออกกฎหมาย ที่บังคับใช้โดยตรงและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น ข้อบังคับและหลักเกณฑ์ที่ออกมา ในรูปของหนังสือเวียนและคำสั่งอื่น ๆ ฯลฯ

2.         การควบคุมกันเอง เช่น มีจริยธรรมและจรรยาบรรณของวิชาชีพสื่อสารมวลชน รวมทั้ง การจัดตั้งสมาคมวิชาชีพต่าง ๆ

3.         การควบคุมจากบุคคลภายนอก ได้แก่ ผู้ม/ผู้ฟัผู้อุปถัมภ์รายการ และกลุ่มผลักดันทางสังคม

 88.      สถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวี ดำเนินงานโดยหน่วยงานใด

(1) องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย    (2) บริษัท อ.ส.ม.ท. จำกัด (มหาชน)

(3) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี          (4) กรมประชาสัมพันธ์

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 50. ประกอบ

89.       สถานีโทรทัศน์ใดที่ได้รับสัมปทานในการดำเนินงานจากรัฐ

(1) โมเดิร์นไนน์ทีวี       (2) ช่อง 7         (3) NBT      (4) ช่อง 5

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 57. ประกอบ

90.       สถานีโทรทัศน์ระดับชาติของไทย ส่วนใหญ่ใช้สัญญาณในการแพร่ภาพระบบใด

(1) VHF       (2) UHF      w (3) SHF  (4) DTH

ตอบ 1 หน้า 7282, (คำบรรยาย) เทคโนโลยีการแพร่ภาพของสถานีวิทยุโทรทัศน์ระดับชาติของไทย ในปัจจุบันมี 2 ระบบ ดังนี้

1.         VFHF หรือย่านความถี่สูงมาก คือ 30 – 300 เมกะเฮิรตซ์ โดยสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยส่วนใหญ่ จะใช้ระบบนี้ ได้แก่ ช่อง 579 (โมเดิร์นไนน์ทีวี) และ 11 (NBT หรือ สทท. ในปัจจุบัน)

2.         UHF หรือย่านความถี่เหนือสูง คือ 300 – 3,000 เมกะเฮิรตซ์ โดยมีสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทย ใช้ระบบนี้เพียง 2 สถานีเท่านั้น ได้แก่ ช่อง 3 และไทยพีบีเอส

ข้อ 91. – 100. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม

(1)       แนวคิดที่เชื่อว่าวิทยุและโทรทัศน์มีอิทธิพลโดยตรงต่อผู้รับสาร

(2)       แนวคิดที่เชื่อว่าวิทยุและโทรทัศน์มีอิทธิพลโดยอ้อม

(3)       แนวคิดที่เชื่อว่าวิทยุและโทรทัศน์ไม่มีอิทธิพลโดยตรงต่อผู้รับสาร

(4)       แนวคิดของนอยล์ นิวแมน (Noelle Neumann)

91.       ผู้รับสารมีความฉลาดและวิจารณญาณในการวิเคราะห์

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 64. ประกอบ

92.       การเลือกเปิดรับสารจากพรรคการเมืองที่ตนชื่นชอบ

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 65. ประกอบ

93.       การที่สื่อนำเสนอเรื่องราวประเด็นซ้ำ ๆ กันจึงมีอำนาจในการชักจูง

ตอบ 4 หน้า 103 – 104 นอยล์ นิวแมน (Noelle Neumann) กล่าวว่า การที่สื่อวิทยุและโทรทัศน์ นำเสนอเรื่องราวประเด็นใดประเด็นหนึ่งซ้ำ ๆ กับ ไม่ว่าจะช่วงเวลาไหน และมีความถี่ในการ นำเสนอบ่อย ๆ ย่อมทำให้ผู้รับสารเกิดความคุ้นเคยและเชื่อถือ สื่อวิทยุและโทรทัศน์จึงมี พลังอำนาจในการชักจูง

94.       มีผลต่อการชักจูงใจในเรื่องใดเรื่องหนึ่งใบลักษณะที่คล้ายคลึงกัน

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 44. ประกอบ

95.       อิทธิพลของการสนทนา สภากาแฟ

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 65. ประกอบ

96.       การเลือกรับรู้ จดจำ ตีความที่สนับสนุนความคิดความเชื่อของตนเอง

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 65. ประกอบ

97.       อิทธิพลของสื่อขึ้นกับการทำงานร่วมกับปัจจัยอื่น ๆ ในสังคม

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 64. ประกอบ

98.       แนวคิดของแคลปเปอร์

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 64. ประกอบ

99.       การเลียนแบบดารา นักร้อง ตั้งแต่การแต่งกาย ความคิดความเชื่อ ค่านิยม

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 44. ประกอบ

100.    ระดับความต้องการข้อมูลข่าวสารมาก เช่น นักลงทุนต้องการข้อมูลเกี่ยวกับหุ้น

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 65. ประกอบ

MCS1300 (MC130)การพูดเบื้องต้น การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2553

การสอบไล่ภาค  1  ปีการศึกษา  2553

ข้อสอบกระบวนวิชา  MCS1300 (MC130) การพูดเบื้องต้น

คำสั่ง  ให้นักศึกษาเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว  (ข้อสอบมีทั้งหมด  100  ข้อ)

1       การพูดเป็นวิชาชีพ  เพราะเหตุใด

1       เพราะวิชาการพูดเป็นวิชาทางด้านทักษะและศิลปะ

2       เพราะวิชาการพูดสามารถใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์ความจริงได้

3       เพราะการพูดมีความสำคัญและมีอิทธิพลต่อชีวิตประจำวัน

4       เพราะทุกอาชีพต้องใช้การพูดเป็นเครื่องมือสื่อความหมาย

ตอบ  4  เพราะทุกอาชีพต้องใช้การพูดเป็นเครื่องมือสื่อความหมาย

การพูด  (Speech)  ไม่มีรูปแบบที่เด่นชัด  แต่เป็นทุกๆอย่างรวมกัน  คือ 

1       เป็นวิชาทางด้านวิทยาศาสตร์  เพราะเป็นวิชาที่เกี่ยวกับการเปล่งเสียงออกมา

2       เป็นวิชาทางด้านศิลปะ  เพราะเป็นวิชาที่ต้องทำและมีวิธีการพูดเฉพาะบุคคล

3       เป็นทักษะ  เพราะต้องเรียนรู้และฝึกฝน

4       เป็นวิชาชีพ  เพราะคนเราทุกคนและทุกอาชีพต้องใช้การพูดเป็นเครื่องมือสื่อความหมาย

2       ข้อใดไม่ใช่สิ่งเร้าในวิชาการพูด

1  ผู้พูด                                2  ผู้ฟัง                              3  เนื้อเรื่องที่พูด                           4  สิ่งแวดล้อม

ตอบ  3  เนื้อเรื่องที่พูด                

สิ่งเร้าในวิชาการพูด  ได้แก่

1       ตัวผู้พูด  คือ  สิ่งที่ผู้ฟังได้ยิน  ได้เห็นและมีความรู้สึกต่อสิ่งนั้น  เช่น  น้ำเสียง  การแต่งกาย  ท่าทาง  บุคลิกภาพ ฯลฯ  ของผู้พูดที่ปรากฏระหว่างการสื่อสาร  หรือความคิด  ทัศนคติของผู้พูด

2       กลุ่มผู้ฟัง  คือ  บุคคลที่เป็นเป้าหมายของการพูด  ซึ่งพิจารณาจากความสนใจ  ความพึงพอใจ  ความต้องการ  ประโยชน์ที่ได้รับและลักษณะของกลุ่ม

3       สิ่งแวดล้อม  คือ  สถานการณ์หรือสิ่งที่จะส่งผลต่อการพูดที่นอกเหนือจากผู้พูดและผู้ฟัง  เช่น  ข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์  ฯลฯ

3       การแสดงออกของผู้ฟังในขณะที่ฟังคุณสมปรารถนาพูด  มีผลอย่างไร

1       ทำให้สมปรารถนาเปลี่ยนลีลาการพูด

2       เป็นทั้งการให้กำลังใจและการบั่นทอนกำลังใจ

3       ทำให้สมปรารถนารู้ว่าการพูดของตนประสบผลสำเร็จหรือไม่

4       สมปรารถนาเข้าใจถึงการรับรู้ของสังคม

ตอบ  3  ทำให้สมปรารถนารู้ว่าการพูดของตนประสบผลสำเร็จหรือไม่

การพูดทุกชนิดจะต้องมีผลที่เกิดขึ้นทั้งในระหว่างการพูดและหลังจากการพูด  โดยผลที่เกิดจากการพูด  (Impact)  นั้นดูได้จากการแสดงออกของผู้ฟัง  เช่น  ในขณะที่ฟังผู้ฟังอาจจะผงกศีรษะ  ปรบมือ  หัวเราะ  ยิ้ม  ก้มหน้า  ทำหน้ายุ่ง  คิ้วขมวด  ฯลฯ  ซึ่งการแสดงออกดังกล่าวของผู้ฟังจะทำให้ผู้พูดรู้ว่าการพูดของตนประสบผลสำเร็จหรือไม่

4       นอกจากภาษาจะบ่งบอกถึงการศึกษาของผู้พูดแล้ว  ยังแสดงถึงอะไรได้อีกบ้าง

1  รสนิยมของผู้พูด                                                      2  ชนชั้น  ตระกูลของผู้พูด

3  บุคลิกภาพของผู้พูด                                                4  ความงามของภาษา

ตอบ  1  รสนิยมของผู้พูด                                                     

ผู้พูดจะต้องรู้จักการใช้ภาษาพูดให้ถูกต้องกับความนิยมของกลุ่มชนในสังคม  เพราะนอกจากภาษาจะเป็นเครื่องมือสื่อความหมายและบ่งบอกถึงการศึกษาของผู้พูดแล้ว  ยังเป็นเครื่องแสดงถึงรสนิยมที่ดีงามของผู้พูดอีกด้วย

5       หลักการใช้ภาษาพูดในที่ประชุมชนนั้น  ควรเป็นอย่างไร

1  ภาษาเขียน               2  ภาษาสนทนาที่สุภาพ                 3  ภาษาพิธีการ                 4  ภาษากึ่งพิธีการ

ตอบ  2  ภาษาสนทนาที่สุภาพ                

หลักการใช้ภาษาพูด  มีดังนี้  1  ควรใช้ภาษาให้เหมาะแก่บุคคล  สถานที่  และโอกาส  2  ควรใช้ภาพูดที่สุภาพ  หรือใช้ภาษาสนทนาที่สุภาพ  ไม่ใช่ภาษาเขียนหรือภาราชการ  3  ควรใช้คำง่ายๆประโยคเรียบและสั้น  4  ควรใช้บุรุษสรรพนามให้บ่อยครั้งกว่าการใช้ภาษาเขียนธรรมดา  5  อย่าใช้ถ้อยคำ  วลี  (เช่น  นอกจากนี้,  แล้วก็,  จะเห็นได้ว่า,  ฯลฯ)  หรือข้อความเดียวกันบ่อยๆ  6  ควรใช้คำพูดที่ก่อให้เกิดอารมณ์หรือเห็นภาพพจน์

 6       ถ้าจะพูดให้น้ำเสียงฟังแล้วมีเสน่ห์  ควรพูดอย่างไร

1  พูดคำว่า  ครับ  ค่ะ  ท้ายประโยค                               2  พูดใส่อารมณ์อย่างตลกขบขัน

3  พูดสำนวนไทย  หรือประโยคเด็ดๆให้น่าประทับใจ          4  พูดในเนื้อหาที่ทำให้ผู้ฟังรู้สึกสบายใจ

ตอบ    1  พูดคำว่า  ครับ  ค่ะ  ท้ายประโยค                              

น้ำเสียงในการพูดมีส่วนสำคัญอย่างมากในการส่งความหมายจากผู้พูดไปยังผู้ฟัง  โดยเสน่ห์ของน้ำเสียงควรอยู่ที่การเพิ่มคำว่า  ค่ะ  นะคะ  ครับ  และ  นะครับ  ที่ท้ายประโยคด้วย

7       การพูดที่มีประสิทธิภาพนั้นจะต้องรู้จักการควบคุมการผ่อนลมหายใจในขณะที่พูด  วิธีหายใจที่ถูกต้องเป็นอย่างไร

1  หายใจให้เงียบที่สุด                                                          2  หายใจลึกๆและแรงๆ

3  หายใจเข้าสู่ศูนย์กลางของลำตัว                                       4  หายใจลึกๆพร้อมอ้าปากเล็กน้อย

ตอบ  3  หายใจเข้าสู่ศูนย์กลางของลำตัว                                       

การพูดที่มีประสิทธิภาพนั้น  ผู้พูดจะต้องรู้จักควบคุมการผ่อนลมหายใจในขณะที่พูด  กล่าวคือ  ต้องหายใจเข้าสู่ศูนย์กลางของลำตัว  หรือหายใจโดยการใช้กะบังลม  (Diaphragm)

8       หากผู้ฟังเป็นกลุ่มบุคคลในวัยชราที่มีการศึกษาอยู่ในระดับมหาวิทยาลัย  ผู้พูดควรจะนำเสนอเนื้อหาในลักษณะใด

1       เร้าอารมณ์  แฝงมุขสนุกสนาน  ท้าทายความสามารถ

2       ประสบการณ์เสี่ยงตาย  สิ่งที่เป็นพิษภัยใกล้ตัว

3       การโกหกหลอกลวง  สิบแปดมงกุฎ  และเล่ห์เหลี่ยมทางธุรกิจ

4       สวัสดิภาพ  บุคคลผู้ประสบความสำเร็จในชีวิต  การดำรงตนให้เป็นที่เคารพรัก

ตอบ  4   สวัสดิภาพ  บุคคลผู้ประสบความสำเร็จในชีวิต  การดำรงตนให้เป็นที่เคารพรัก

วัยชรา  เป็นวัยของผู้ที่มีประสบการณ์มาก  ชอบคิดและยึดถือสิ่งที่เป็นที่พึ่งทางจิตใจ  เช่น  คุณธรรม  และมักเป็นห่วงลูกหลาน  ครอบครัว  ดังนั้นการพูดกับบุคคลที่อยู่ในวัยชราและมีการศึกษาสูง  จึงควรพูดเรื่องที่เกี่ยวกับสวัสดิภาพทางครอบครัว  บุคคลผู้ประสบความสำเร็จในชีวิต  การดำรงตนให้เป็นที่เคารพรัก  ฯลฯ  โดยควรพูดในทำนองเป็นที่ปรึกษาหรือเป็นผู้ปรับทุกข์

9       คุณยุทธนาจะไปพูดในที่ประชุมชน  ท่านจะแนะนำวิธีเลือกเรื่องที่จะพูดอย่างไร

1  เลือกเรื่องที่ผู้พูดสนใจ  และผู้ฟังสนใจด้วย                 2  เลือกเรื่องที่ผู้พูดมีความรู้  และผู้ฟังสนใจ

3  เลือกเรื่องที่ทันสมัย  และผู้ฟังส่วนใหญ่สนใจ            4  เลือกเรื่องดี  เป็นสาระแก่ชีวิตและผู้พูดสนใจมาก

ตอบ  1  เลือกเรื่องที่ผู้พูดสนใจ  และผู้ฟังสนใจด้วย                

ในการเลือกเรื่องไปพูดนั้น  ผู้พูดต้องพยายามเลือกเรื่องที่ทั้งผู้พูดและผู้ฟังสนใจ  ถ้าเป็นเรื่องที่ผู้พูดถนัดก็จะทำให้พูดได้ดี  และถ้าเป็นเรื่องที่ผู้ฟังสนใจด้วยก็ดูเหมือนว่าผู้พูดได้ประสบความสำเร็จขั้นต้นในการเรียกความสนใจจากผู้ฟัง  แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ผู้ฟังไม่สนใจการพูดนั้นก็จะล้มเหลว

10  โครงร่าง  (Outline)  มีประโยชน์ต่อการเตรียมเรื่องพูดอย่างไร

1  ทำให้เนื้อหามีรสนิยม                                                  2  ทำให้เนื้อหามีเอกภาพ

3  ทำให้เนื้อหาน่าติดตาม                                                4  ทำให้เนื้อหาน่าเชื่อถือ

ตอบ  2  ทำให้เนื้อหามีเอกภาพ

ในการเตรียมเรื่องพูดนั้น  ผู้พูดจำเป็นที่จะต้องเขียนโครงร่างหรือโครงเรื่อง  (Outline)  ขึ้นมาก่อน  ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการวางแนวทางว่าเรื่องที่จะพูดนั้นมีหัวข้ออะไรบ้าง  โดยโครงร่างหรือโครงเรื่องนี้จะช่วยเป็นแนวทางการเรียงลำดับเรื่องที่จะพูดทำให้เนื้อหามีเอกภาพ  ไม่สับสน  และง่ายแก่แก่การจดจำไปพูด

11    ไม่ว่าจะขึ้นคำนำด้วยวิธีใดๆก็ตาม  สิ่งที่ผู้พูดไม่สามารถละเลยได้ก็คือ
1  สัมพันธ์กับคำทักทายผู้ฟัง                                          2  ตื่นเต้นเร้าใจเสมอ
3  กล่าวถึงแหล่งอ้างอิงที่เชื่อถือได้                                 4  สอดคล้องกับเนื้อเรื่องลำดับถัดไป
ตอบ  4  สอดคล้องกับเนื้อเรื่องลำดับถัดไป
คำนำ  (Introduction)  ในการพูด  เป็นส่วนสำคัญที่สุดที่จะชักจูงให้ผู้ฟังสนใจและติดตามฟังต่อไป  ซึ่งผู้พูดอาจขึ้นต้นคำจำกัดความ  คำถาม  สุภาษิต  คำคม  อารมณ์ขัน  ความประหลาดใจ ฯลฯ  แต่ไม่ว่าจะขึ้นคำนำด้วยวิธีใดๆก็ตาม  คำนำนั้นๆจะต้องบอกถึงข้อมูลสนับสนุนที่สอดคล้องกับเนื้อเรื่อง  (Main  Body)  ที่จะกล่าวในลำดับต่อไป

12    ข้อใดไม่ใช่การขยายความเนื้อเรื่อง
1  พูดเปรียบเทียบกับสำนวน  สุภาษิต                                2  พูดถึงเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา
3  พูดเพื่อให้ผู้ฟังคิดเอง                                                      4  พูดโดยฉายสไลด์ประกอบการพูด
ตอบ  2  พูดถึงเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา
การขยายความเนื้อเรื่อง  ทำได้ดังนี้
1  การให้คำจำกัดความ                 2  การยกตัวอย่างโดยเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา          3  การเปรียบเทียบกับสิ่งที่คล้ายคลึง         4  การแสดงหรือชี้ให้เห็นถึงข้อแตกต่าง          5  การหยิบยกข้ออ้างอิง  สำนวน  สุภาษิต  หรือคำพังเพย         6  การเล่าเรื่องประกอบเพื่อให้ผู้ฟังคิดเอาเอง             7  การถาม – ตอบ              8  การใช้โสตทัศนูปกรณ์ต่างๆ  เช่น  การฉายสไลด์  การใช้แผนที่  แผนภูมิ  รูปภาพ  ฯลฯ

13    ในขั้นตอนของการริเริ่มที่จะวางเค้าโครงเรื่องที่จะพูด  อะไรคือสิ่งสำคัญที่สุด
1  องค์ประกอบของกลุ่มผู้ฟัง                                                              2  ปฏิกิริยาของผู้ฟังที่จะแสดงกลับมา
3  ความกล้าที่จะตัดสินใจเลือกประเด็น  หรือเนื้อหาที่จะพูด              4  การตกลงใจที่จะเลือกใช้ข้อมูล
ตอบ  ในขั้นจองการเริ่มคิด  ถือเป็นขั้นตอนการริเริ่มที่จะวางเค้าโครงเรื่องที่จะพูด  ซึ่งผู้พูดจะต้องตัดสินใจเลือกประเด็นหรือเนื้อหาที่จะพูดอย่างมีวิจารณญาณ  ถ้าไม่เชื่อมั่นในความคิดของตนเอง  ก็อาจถามผู้ที่รู้จักเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ  แล้วก็จะได้หัวข้อที่คิดว่าจะนำไปพูดมากขึ้น

14    สิ่งใดควรกระทำเมื่อขึ้นเวทีพูด
1  ใช้มือเคาะไมโครโฟน                                                             2  กระแอมก่อนพูด
3  พูดช้าๆในนาทีแรกที่เริ่มพูด                                                    4  พูดขออภัยในความผิดพลาดของตัวเอง
ตอบ  3  พูดช้าๆในนาทีแรกที่เริ่มพูด
ข้อควรปฏิบัติเมื่อขึ้นเวทีพูด  มีดังนี้
1    ขณะที่ยืนบนเวทีควรยืนให้สง่างาม  แสดงสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
2    ในนาทีแรกที่เริ่มพูดนั้นควรพูดช้าๆ
3    หลังจากกล่าวคำปฏิสันถารแล้ว  ผู้พูดจะต้องไม่ออกตัวหรือขอโทษ / ขออภัยในความผิดพลาดหรือข้อบกพร่องของตนเอง
4    ควรหลีกเลี่ยงการกระแอมกระไอก่อนพูด  การใช้มือเคาะไมโครโฟน  หรือพูดว่า  “ฮัลโหลๆ”
5    เมื่อผู้ฟังแสดงความพอใจด้วยการหัวเราะหรือปรบมือ  ผู้พูดควรหยุดพูด  จนเมื่อเสียงแสดงความพอใจนั้นๆจบหรือซาลงจึงเริ่มพูดต่อไป  ฯลฯ

15    เมื่อผู้ฟังแสดงความพอใจอย่างมาก  ผู้พูดควรปฏิบัติอย่างไร
1  หยุดพูด  จนเมื่อการแสดงความพอใจจบลงจึงเริ่มพูดต่อ           2  ยกมือสองข้างขึ้นเหนือศีรษะและโบกไปมา
3  พูดเร่งเร้าอารมณ์ผู้ฟังขึ้นไปอีก                                                  4  เดินลงจากเวทีเพื่อไปสัมผัสมือกับผู้ฟัง
ตอบ  1  หยุดพูด  จนเมื่อการแสดงความพอใจจบลงจึงเริ่มพูดต่อ           ดูคำอธิบายข้อ  14  ประกอบ

16    วิธีทำให้ความตื่นเวทีลดน้อยลงควรเป็นอย่างไร
1  ดื่มเบียร์หรือสุราเล็กน้อย                                                    2  แสดงท่าทางมากๆ
3  ยิ้มและพูดคุยกับผู้ฟังเป็นครั้งคราว                                     4  เตรียมเรื่องและฝึกซ้อมพูด
ตอบ  4  เตรียมเรื่องและฝึกซ้อมพูด
วิธีแก้หรือทำให้ความตื่นเวทีและความกังวลลดน้อยลงประการแรกที่สุดก็คือ  ผู้พูดจะต้องเตรียมเรื่องพูดและฝึกซ้อมพูดอย่างดี  เพราะถ้าเตรียมสองประการนี้ไม่ดีก็เท่ากับประสบความล้มเหลวก่อนขึ้นเวทีเสียแล้ว

17    หลวงวิจิตรวาทการได้กล่าวถึงการแสดงท่าทางประกอบการพูดไว้อย่างไร
1  การออกท่าทางมากๆทำให้คำพูดเสีย
2  การออกท่าทางมากๆไว้เป็นการดี  ไม่เคอะเขิน
3  การพูดที่ดีจะไม่มีการออกท่าทางประกอบคำพูดเลย
4  การออกท่าทางมากๆเหมาะสำหรับการพูดเรื่องตลกโปกฮา
ตอบ  1  การออกท่าทางมากๆทำให้คำพูดเสีย
หลวงวิจิตรวาทการได้กล่าวถึงการแสดงท่าทางประกอบการพูดไว้ว่า  “…มีคนโดยมากเข้าใจผิดไปว่าการออกท่าทางประกอบคำพูดให้มากๆนั้นเป็นการดี  แท้จริงการออกท่าทางมากๆนั้นกลับจะทำให้คำพูดเสียไป…  นักพูดที่เก่งที่สุดนั้นเขามีท่าทางน้อยที่สุด… จะมีการเคลื่อนไหวบ้างก็เล็กน้อย  และการเคลื่อนไหวเหล่านั้นก็มีอาการหนักแน่นอยู่ในตัวเสมอ”

18    ผู้พูดสามารถสร้างความเป็นมิตรและความเป็นกันเองกับผู้ฟังได้ด้วยอะไร
1  การมีบุคลิกและรสนิยมดี                                                 2  การระวังตัวและการรักษามารยาทอย่างดี
3  การสำรวมอากัปกิริยาและรู้จักระวังตัว                            4  การรู้จักใช้ถ้อยคำและท่าทางที่เหมาะสม
ตอบ  4  การรู้จักใช้ถ้อยคำและท่าทางที่เหมาะสม
ผู้พูดควรจะพยายามแสดงออกถึงบุคลิกภาพ  คือ  การรู้จักใช้ถ้อยคำที่สุภาพเรียบร้อยและมีลักษณะท่าทางที่เหมาะสม  โดยผู้พูดควรแสดงสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสเป็นมิตรกับผู้ฟัง  เพื่อให้บรรยากาศในสถานที่นั้นจะได้ไม่ตึงเครียด  อีกทั้งผู้พูดและผู้ฟังจะได้มีความรู้สึกที่คุ้นเคย  สามารถสร้างความเป็นมิตรและความเป็นกันเองต่อกัน

19    ผู้ที่ไม่ประสบความสำเร็จในการฟัง  (ส่วนใหญ่)  มาจากสาเหตุใด
1  ชอบพูดมากกว่าชอบฟัง                                                  2  มีความกังวลใจในเรื่องต่างๆ
3  ชอบหลับ                                                                         4  สนใจบุคลิกของผู้พูดมากเกินไป
ตอบ  2  มีความกังวลใจในเรื่องต่างๆ
ลักษณะของการฟังที่ดีประการหนึ่ง  คือ  ผู้ฟังจะต้องตัดความกังวลใจต่างๆ  เพราะถ้าผู้ฟังมีความกังวลใจแล้วย่อมจะไม่มีสมาธิในการฟัง  และทำให้ไม่ประสบความสำเร็จในการฟัง  ซึ่งวิธีที่ดีคือ  ควรทำจิตใจให้หายกังวลแล้วตั้งใจรับฟังเรื่องที่ผู้พูดพูด  เมื่อตั้งใจฟังและเกิดความสนใจที่จะฟังแล้วก็จะเกิดความเข้าใจขึ้นมาได้

20    ข้อใดเข้ากับหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า  “สุสสูสํ  ลภเต  ปญญํ”  ฟังด้วยดีย่อมมีปัญญา
1    จ้องจับผิดผู้พูดว่า  ผู้พูดกล่าวอะไรผิดกับความรู้ของตนหรือไม่
2    เมื่อเห็นว่าผู้พูดพูดในสิ่งที่ไม่ตรงต่อทัศนคติของตนเอง  จึงเดินออกจากห้อง
3    เมื่อผู้พูดกล่าวในสิ่งที่ตนเองเข้าใจผิดมาตลอด  จึงบันทึกเนื้อหาสำคัญเพื่อให้จำได้
4    ลุกขึ้นโต้แย้งข้อเท็จจริง  แล้วกล่าวกับผู้ฟังว่าความรู้ของผู้พูดเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
ตอบ  3  เมื่อผู้พูดกล่าวในสิ่งที่ตนเองเข้าใจผิดมาตลอด  จึงบันทึกเนื้อหาสำคัญเพื่อให้จำได้
การฟังที่ดีย่อมทำให้ผู้ฟังเกิดปัญญา  เกิดความรู้  ดังหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า  “สุสสูสํ  ลภเต  ปญญํ”  ฟังด้วยดีย่อมมีปัญญา  โดยการฟังที่ดีนั้นจะต้องรู้จักฝึกฝนการตัดสินใจว่าจะเชื่อตามความคิดนั้นหรือไม่  ซึ่งการฟังแล้วคิด  ค้นคว้า  ไต่ถาม  และจดบันทึกเนื้อหาสำคัญ  ย่อมจะทำให้ผู้ฟังเกิดความรู้และสติปัญญา

21    การที่อาจารย์พูดชมนักเรียนว่าแต่งกายเรียบร้อย  มีระเบียบ  น่ารัก  เป็นการกระตุ้นทางใด
1  ทางร่างกาย                        2  ทางจิตใจ                        3  ทางนิสัย                             4  ทางสังคม
ตอบ  3  ทางนิสัย
การพูดกระตุ้นทางนิสัย  เป็นการพูดในสิ่งที่ดีงามของผู้ฟัง  เช่น  กล่าวชมผู้ฟังว่าเป็นคนตรงต่อเวลา  ทำงานดี  มีระเบียบ  เป็นผู้ที่มีรสนิยมดี  น่ารัก  แต่งกายเรียบร้อยดี  มีงานอดิเรกหรือมีความสนใจในสิ่งแวดล้อมดี  เป็นต้น

22    จากสุนทรพจน์ของนายป๋วย  อึ้งภากรณ์  กล่าวว่า  ความสามัคคีจะยืนยงคงอยู่ได้ต้องอาศัยคุณธรรมข้อใด
1  มีความซื่อสัตย์             2  มีความเมตตากรุณา            3  มีความใจกว้าง            4  มีความโอนอ่อนผ่อนตาม
ตอบ   4  มีความโอนอ่อนผ่อนตาม
จากสุนทรพจน์ของนายป๋วย  อึ้งภากรณ์  ได้กล่าวไว้ว่า  ความสามัคคีจะยืนยงคงอยู่ได้เรียบร้อยจะต้องอาศัยคุณธรรม  2  ประการ  คือ  1  อัธยาศัยไมตรี  และความผันผ่อนหย่อนตามซึ่งกันและกัน  2  ความยุติธรรมในหมู่คณะ

23    ในการพูดชักจูงใจ  สิ่งสำคัญที่ทำให้ผู้ฟังเชื่อถือในตัวผู้พูดคืออะไร
1  พยาน  หลักฐาน  และข้อมูล                                                  2  ถ้อยคำที่มีน้ำหนัก  น่าเชื่อถือ
3  ความมีชีวิตชีวาและท่าทางของผู้พูด                                      4  น้ำเสียง  ท่าทาง  และคำพูด
ตอบ  1  พยาน  หลักฐาน  และข้อมูล
ในการพูดแบบชักจูงใจ  สิ่งสำคัญที่ทำให้ผู้ฟังเชื่อถือหรือเชื่อมั่นในตัวผู้พูดก็คือ  ผู้พูดจะต้องยกตัวอย่าง  ยกเหตุผลข้อเท็จจริง  ข้อมูล  หลักฐาน  พยาน  และข้อโต้แย้งต่างๆขึ้นมาอ้างอิง  เพื่อให้ผู้ฟังเห็นด้วย

24    การพูดให้ชาวนาชาวไร่มีความรู้สึกว่าตนเองเป็นคนมีเกียรติเช่นเดียวกับคนอื่นๆในสังคมควรพูดกระตุ้นในทางใด
1  ทางร่างกาย                      2  ทางจิตใจ                         3  ทางสังคม                          4  ทางนิสัย
ตอบ  3  ทางสังคม
การพูดกระตุ้นทางสังคม  ผู้พูดจะต้องพูดให้ได้ผลออกมาในรูปที่ว่า  ผู้ฟังเป็นคนที่กว้างขวาง  มีเกียรติ  เป็นที่รู้จักในวงสังคม  หรือเป็นผู้ที่มีสิทธิเสมอภาคเท่าเทียมกับคนอื่นๆในสังคมเหมือนกัน

25    คุณสุจารีเป็นผู้บรรยายการออกกำลังกาย  และต้องการแจกหนังสือแก่ผู้ฟัง  เธอควรแจกเมื่อใด
1  ก่อนการพูดบรรยาย                                                           2  หลังการพูดบรรยาย
3  ในขณะที่บรรยายไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว                                4  เมื่อผู้ฟังง่วงนอน
ตอบ  2  หลังการพูดบรรยาย
การพูดสาธิตนั้นอาจมีเครื่องมือเพื่อใช้ประกอบการอธิบาย  เช่น  หนังสือ  คู่มือ  เอกสาร  หรือรูปภาพประกอบ  ซึ่งวิธีที่ดีก็คือ  พูดหรืออธิบายเรื่องที่จะพูดให้จบเสียก่อนแล้วจึงใช้เครื่องมือประกอบการพูดหรือแจกเอกสารให้แก่ผู้ฟังภายหลังจากพูดจบแล้ว

26    ปากกาเคมีที่อาจารย์พรศักดิ์ใช้เขียนข้อความบนกระดานขาวเพื่ออธิบายความรู้ให้นักศึกษา  อาจารย์พรศักดิ์ใช้เครื่องมืออะไร
1  เครื่องมือบุคคล                  2  เครื่องมือจริง                 3  เครื่องมือแทน               4  เครื่องมือเขียน
ตอบ  3  เครื่องมือแทน
เครื่องมือแทน  (The  Representational)  คือ  เครื่องมือที่ไม่มีความสมบูรณ์ในตัวเอง  แต่ดูเสมือนเป็นเครื่องมือจริง  หรือการใช้สิ่งอื่นเพื่อแทนสิ่งที่ไม่สามารถนำมาแสดงได้ด้วยข้อจำกัดต่างๆ  โดยอาศัยการรับรู้ในเชิงเปรียบเทียบหรือสมมุติว่าเป็นสิ่งที่กล่าวถึง  (เทียบเคียงหรือมีความใกล้เคียงสิ่งที่พูดถึง)  ซึ่งผู้พูดสามารถสร้างความเข้าใจให้กับผู้ฟังได้ในลักษณะการอุปมาอุปมัย  การคิดตาม  และการแทนที่ความรู้สึกนึกคิด  เช่น  รูปภาพ  ฟิล์มสไลด์   แผ่นประกาศ  ตาราง  ฯลฯ  ที่ใช้ประกอบการนำเสนอ  ชอล์กหรือปากกาเคมีที่ใช้เขียนบนกระดาน  หรือการใช้กิ่งไม้สมมุติให้เป็นดาบ  เป็นต้น

27    การพูดเกี่ยวกับการเดินทางสำรวจป่าดิบชื้นในภาคใต้ตอนล่าง  เป็นการพูดรายงานแบบใด
1  แบบประสบการณ์                                                                2  แบบแถลงข้อเท็จจริง
3  แบบความก้าวหน้าและผลสำเร็จ                                          4  แบบสรุปผล
ตอบ  1  แบบประสบการณ์
การพูดรางงานแบบประสบการณ์นั้น  ผู้พูดจะต้องกล่าวถึงเวลา  สถานที่  และเรื่องที่จะรายงาน  รวมถึงสภาพแวดล้อมด้วย  จากนั้นก็จะมุ่งไปสู่เหตุการณ์สำคัญๆ  ที่เกิดขึ้นให้เป็นลำดับต่อเนื่องกัน  โดยให้เหตุการณ์นั้นออกมาในรูปของประสบการณ์ที่มีความหมายต่อผู้ฟัง  ซึ่งตัวอย่างของการพูดรายงานแบบนี้คือ  การกล่าวถึงประสบการณ์ของตัวผู้พูดในกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่ง  (เช่น  การเดินทางไปสำรวจป่าดิบชื้น  ฯลฯ)  หรือในสถานที่ต่างๆ  (เช่น  ในต่างประเทศ  ชนบท  ฯลฯ)

28    ในการพูดรายงานแบบสรุปผล  หากต้องพูดเกี่ยวกับรายงานการทดลอง  รายงานนั้นควรประกอบด้วยองค์ประกอบที่สำคัญๆยกเว้นข้อใด
1  ประสบการณ์ผู้ทดลอง                                                        2  ความมุ่งหมาย
3  เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง                                               4  สรุปผลการทดลอง
ตอบ  1  ประสบการณ์ผู้ทดลอง
การพูดรายงานแบบสรุปผล  ในกรณีที่เกี่ยวกับการรายงานการทดลองหรือปฏิบัติการนั้น  ควรจะประกอบด้วยองค์ประกอบที่สำคัญๆดังนี้  1  ความมุ่งหมาย     2   เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง       3  สรุปผลของการทดลอง

29    คุณศุภชัยเป็นนักธุรกิจที่ต้องพูดรายงานในที่ประชุม  เขาควรยึดหลักอะไร
1    มีเนื้อหาเด่นชัด  ละเอียด  พร้อมทั้งข้อมูลทางสถิติ
2    มีเนื้อหาสมบูรณ์  ชัดเจน  พร้อมทั้งข้อมูลทางสถิติที่จำเป็น
3    มีเนื้อหาสั้น  ชัดเจน  พร้อมทั้งข้อมูลทางสถิติ
4    มีเนื้อหาสมบูรณ์  ละเอียดชัดเจน  พร้อมทั้งข้อมูลทางสถิติ
ตอบ  3  มีเนื้อหาสั้น  ชัดเจน  พร้อมทั้งข้อมูลทางสถิติ
หลักสำคัญของการพูดรายงานอยู่ที่การตระเตรียมเรื่องที่จะพูด  ส่วนเนื้อหาของเรื่องนั้นควรเรียบเรียงขึ้นด้วยความประณีตและรอบคอบ  โดยใจความที่สำคัญของเนื้อหาจะต้องมีลักษณะที่สั้น  กระชับ  และชัดเจน  รวมทั้งจะต้องนำข้อมูลทางสถิติมาพูดด้วย  แต่ไม่ควรบรรจุเนื้อหาที่สมบูรณ์ของเรื่องลงไป  เพราะจะทำให้มีเนื้อหาและข้อปลีกย่อยมากมาย  ซึ่งเป็นสาเหตุให้ผู้ฟังจำสับสน  เกิดความเบื่อและทำให้เสียเวลา

30    ข้อใดต่อไปนี้ถูกต้องตามหลักการพูดวิจารณ์
1    ม.รามคำแหงนี้ดี  ค่าหน่วยกิตถูก  แถมเรียนได้นานอีกด้วย
2    อาจารย์คนนี้สอนดี  แต่เคร่งระเบียบวินัย
3    ละครเรื่องนี้ลงทุนน้อย  และน้ำเน่าถูกคอแม่ค้าตลาดสด
4    ภาพยนตร์เรื่อง  “นางตานี”  นี่ยอดไปเลย
ตอบ  2  อาจารย์คนนี้สอนดี  แต่เคร่งระเบียบวินัย
การพูดวิจารณ์  หมายถึง  การพูดทั้งติและชมสิ่งใดสิ่งหนึ่งในแง่ต่างๆ  อย่างมีเหตุผล  และถูกหลักการวิจารณ์  ซึ่งการพูดวิจารณ์เป็นการพูดที่ต้องใช้หลักการทางตรรกวิทยา  (Logic)  หรือใช้หลักทางเหตุผลมาประกอบ  โดยจะไม่เอาอารมณ์ของผู้พูดเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

31    การพูดในลักษณะวิพากษ์วิจารณ์มีลักษณะเฉพาะที่ต่างจากการพูดประเภทอื่นๆอย่างไร
1    เนื้อหาที่จะพูดต้องเป็นข้อเท็จจริงเสมอ
2    ต้องมีการนำเสนอโดยใช้เหตุผลประกอบ
3    ต้องมีการใช้กติกา  ข้อกำหนด  หรือตัวบ่งชี้ต่างๆมาใช้เป็นเกณฑ์
4    ต้องมีการจัดสมดุลของเนื้อหา  และผลกระทบที่เกิดขึ้นกับบุคคลที่กล่าวอ้าง
ตอบ  2  ต้องมีการนำเสนอโดยใช้เหตุผลประกอบ      ดูคำอธิบายข้อ  30  ประกอบ

32    ข้อใดไม่ใช่วัตถุประสงค์ทางการสื่อสารของการประชุม
1  เพื่อให้การศึกษา              2  เพื่อประสานงาน           3  เพื่อแสดงความคิดเห็น           4  เพื่อจัดระบบงาน
ตอบ  4  เพื่อจัดระบบงาน
จุดมุ่งหมายของการประชุม  ได้แก่  1  เพื่อแถลงข่าวและเรื่องราวต่างๆ     2  เพื่อปรึกษาหารอ  ขอคำแนะนำ  และแสดงความคิดเห็น    3  เพื่อดำเนินงานหรือประสานงาน    4  เพื่อให้การศึกษา    5  เพื่อพิจารณาเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะ    6  เพื่อกระตุ้นให้สมาชิกเกิดความรู้สึกและทัศนคติใหม่ๆในการดำเนินงาน

33    ประธานในที่ประชุมควรเสนอความคิดเห็นของตนอย่างไรจึงเหมาะสมที่สุด
1  เป็นคนแรก                    2  ทุกๆ  10  นาที                     3  ตลอดเวลา                    4  เป็นคนสุดท้าย
ตอบ  4  เป็นคนสุดท้าย
ประธานในที่ประชุมมีหน้าที่ประการหนึ่ง  คือ  ประธานจะต้องเปิดโอกาสและช่วยให้ผู้เข้าประชุมได้ใช้ความคิดของตนเองอย่างเต็มความสามารถ  โดยประธานไม่ควรเสนอความคิดเห็นของตนเป็นคนแรก  แต่ควรเสนอความคิดเห็นเป็นคนสุดท้าย

34    ถ้าคุณบรรหารไม่เห็นด้วยกับมติของที่ประชุม  (ที่ครบองค์ประชุม)  เขาต้องทำอย่างไร
1  ไม่ต้องปฏิบัติตาม                                                         2  ต้องปฏิบัติตาม
3  ขอแปรญัตติต่อประธาน                                               4  ขอให้มีการทบทวนมติ
ตอบ  2  ต้องปฏิบัติตาม
มติ  คือ  ข้อตกลงของที่ประชุมในญัตติต่างๆที่มีผู้เสนอ  ซึ่งมติของที่ประชุม (ที่ครบองค์ประชุม)  ให้ถือเป็นข้อยุติที่ทุกคนจะต้องปฏิบัติตามถึงแม้จะไม่เห็นด้วยก็ตาม

35    คุณวรวิทย์เป็น ส.ส.  และต้องการขอแปรญัตติในที่ประชุม  เขาควรทำอย่างไร
1  เสนอด้วยวาจาต่อประธาน                                            2  เสนอเป็นลายลักษณ์อักษรต่อประธาน
3  เสนอด้วยวาจาต่อเลขา ฯ                                               4  เสนอเป็นลายลักษณ์อักษรต่อเลขา ฯ
ตอบ  2  เสนอเป็นลายลักษณ์อักษรต่อประธาน
แปรญัตติ  หมายถึง  การแสดงความคิดเห็นซ้อนขึ้นในญัตติ  หรือการเสนอขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมญัตตินั้นๆ  โดย  ส.ส.  ที่ต้องการขอแปรญัตติในที่ประชุมจะต้องเสนอคำขอแปรญัตติของตนเป็นหนังสือ  (เป็นลายลักษณ์อักษร)  ต่อประธานภายในระยะเวลาที่กำหนด  และคำแปรญัตติต้องมี  ส.ส.  อื่นรับรองเป็นจำนวนไม่น้อยกว่าที่กำหนดไว้ในข้อบังคับการประชุมสภา

36    ข้อใดไม่ใช่ประโยชน์ของการเล่าเรื่อง
1  ทำให้เด็กมีประสบการณ์ในการฟังเพิ่มขึ้น                                 2  เป็นวิธีสอนเด็กโดยที่เด็กไม่รู้ตัว
3  ทำให้ผู้เรียนสนใจฟัง  เข้าใจง่าย  จดจำเนื้อเรื่องได้ดี                  4  ทำให้ผู้อื่นมีส่วนร่วมในเรื่องที่แปลก
ตอบ  1  ทำให้เด็กมีประสบการณ์ในการฟังเพิ่มขึ้น
ประโยชน์ของการเล่าเรื่อง  ได้แก่    1  เป็นวิธีชี้แนะสั่งสอนแบบไม่รู้ตัว    2  ทำให้ผู้เรียนสนใจฟัง  เข้าใจง่าย  และจดจำเนื้อเรื่องได้ดี    3  ทำให้ผู้อื่นมีส่วนร่วมในเรื่องที่แปลกหรือมหัศจรรย์  ในเหตุการณ์ที่ตื่นเต้นน่ากลัว  และในปรากฏการณ์ของธรรมชาติ

37    การสอนเชิงอุปมาอุปมัยและเปรียบเทียบ  มักใช้กับการพูดชนิดใด
1  การรายงาน                         2  การวิจารณ์                         3  การเล่าเรื่อง                       4  การอภิปราย
ตอบ     3  การเล่าเรื่อง
การเล่าเรื่อง  เป็นการสอนเชิงอุปมาอุปมัยและเปรียบเทียบ  รวมทั้งยังเป็นการสอนในแง่ความคิดต่างๆในด้านปรัชญาและคติธรรม

38    ทำไมการเล่านิทานจึงต้องมีบทตลกแทรกด้วย
1  เพื่อให้เด็กไม่ง่วงนอน           2  เพื่อให้เด็กสนุก           3  เพื่อให้เด็กหัวเราะ            4  เพื่อดึงดูดความสนใจ
ตอบ   4  เพื่อดึงดูดความสนใจ
ในการเล่านิทานนั้น  เมื่อมีตอนใดที่สามารถจะแทรกบทตลกได้ก็ควรจะเล่าเรื่องให้ตลก  เพราะบทตลกจะดึงดูดความสนใจของผู้ฟังได้ดี  นอกจากนี้ในเนื้อเรื่องที่ใช้เล่านิทานก็ควรจะใช้บทพูด  (Dialogue)  ประมาณ  80 %  หรือควรจะใช้พรรณนาโวหารให้น้อยกว่าบทพูด


39    น้าอนงค์เป็นนักเล่านิทาน  น้าอนงค์จะมีวิธีจัดเรื่องอย่างไร
1  ใช้บทพูดในเนื้อเรื่อง                                                          2  ใช้พรรณนาโวหารในเนื้อเรื่อง
3  ใช้บรรยายโวหาร                                                               4  ใช้การพูดกึ่งพิธีการแทรกด้วยบทตลก
ตอบ  1  ใช้บทพูดในเนื้อเรื่อง           ดูคำอธิบายข้อ  38  ประกอบ

40    ข้อควรระวังที่สุดสำหรับการเล่าประวัติศาสตร์หรือชีวประวัติ  ได้แก่
1  ต้นฉบับจากหลายแหล่งอ้างอิง                                         2  ข้อโต้แย้งที่ไม่มีข้อสรุป
3  ข้อมูลที่ละเอียด                                                                4  ความน่าเบื่อ
ตอบ  4  ความน่าเบื่อ
การเล่าประวัติศาสตร์หรือชีวประวัติบุคคลสำคัญจะต้องระวังข้อผิดพลาดต่างๆ  เช่น
1    ไม่ควรที่จะกล่าวถึงชีวิตส่วนตัวของเจ้าของประวัติมากเกินไป  เพราะเป็นการแสดงถึงความไม่นับถือ
2    ควรเล่าเฉพาะเหตุการณ์ที่ผู้อื่นยังไม่รู้  ส่วนเหตุการณ์ที่คนส่วนมากรู้แล้วก็เล่าอย่างย่นย่อหรือข้ามไป  เพราะจะทำให้ผู้ฟังเบื่อหน่าย  ขาดความสนใจ
3    ควรจะอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม  และสุภาพ  ไม่ยกย่องจนเกินไป

41    การพูดเพื่อให้คำปรึกษา  อาศัยแนวคิดใดเป็นหลัก
1  ปฏิวัติกรอบการรับรู้             2  การมีส่วนร่วม              3  สื่อสัมพันธ์            4  ละลายพฤติกรรม
ตอบ  2  การมีส่วนร่วม
การพูดเพื่อให้คำปรึกษาที่ดีควรอาศัยแนวคิดการมีส่วนร่วมเป็นหลัก  โดยวิธีที่ได้ผลดีและมีประสิทธิภาพที่ควรจะใช้ในการพูดปรึกษาก็คือ  การสะท้อนความรู้สึก  ซึ่งมีประโยชน์มากในการพูดให้คำปรึกษาแนะนำกับนักเรียน  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัญหาเชิงพฤติกรรมและระเบียบวินัย  ทั้งนี้เพื่อสร้างบรรยากาศให้มีความอิสรเสรี  ความเข้าใจ  ความไว้วางใจกัน  อันจะเป็นทางนำไปสู่ที่มาของปัญหา  และมีเป้าหมายไปที่การแก้ปัญหาซึ่งเป็นทางออกที่ดีและเหมาะสมที่สุด

42    วิธีที่ครูใช้พูดปรึกษากับผู้ปกครองนักเรียนที่มีประสิทธิภาพในเชิงปฏิบัติ  คือวิธีใด
1    สร้างความเป็นกันเองและความเต็มใจที่ให้คำปรึกษา
2    ชี้ให้ผู้ปกครองเห็นว่าเด็กทำผิดจริง  และเป็นความบกพร่องของผู้ปกครองด้วย
3    อธิบายให้ผู้ปกครองเห็นว่าเด็กทำผิดจริง  แล้วเขียนคำแนะนำให้ผู้ปกครองปฏิบัติตาม
4    ทำให้รู้สึกถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นและภาระที่ครูต้องรับผิดชอบ
ตอบ  1  สร้างความเป็นกันเองและความเต็มใจที่ให้คำปรึกษา
โดยปกติแล้วผู้ปกครองย่อมต้องการคำแนะนำปรึกษาหรือข้อคิดเห็นจากครู  ดังนั้นถ้าครูพยายามสร้างความเป็นกันเองต่อผู้ปกครอง  แสดงความเห็นอกเห็นใจ  เข้าใจและพยายามช่วยแก้ปัญหาให้แก่ผู้ปกครองด้วยความเต็มใจแล้ว  ผู้ปกครองก็จะเกิดความนิยมนับถือในตัวครูมากยิ่งขึ้น  ทำให้ผู้ปกครองกล้าพูด  กล้าแสดงความคิดเห็น  และให้ความร่วมมือกับครูในการแก้ปัญหาในที่สุด

43    การเตรียมตัวเพื่อพูดปรึกษาแก้ไขปัญหามีอะไรบ้าง
1  รู้จุดหมาย  รู้ปัญหา  และเปิดโอกาสให้ซักถาม              2  รู้จุดหมาย  เตรียมเนื้อหา  และเปิดโอกาสให้ซักถาม
3  รู้ปัญหา  รู้ว่าจะแก้ไขอย่างไร  และรู้วิธีแก้ปัญหา          4  รู้ปัญหา  รู้วิธีอธิบาย  และเปิดโอกาสให้ซักถาม
ตอบ  3  รู้ปัญหา  รู้ว่าจะแก้ไขอย่างไร  และรู้วิธีแก้ปัญหา
หลักการเตรียมตัวเพื่อพูดปรึกษาแก้ไขปัญหา  มีดังนี้    1  รู้ปัญหาว่าคืออะไร   2  รู้ว่าควรจะแก้ไขอะไรบ้าง    3  รู้วิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดว่าคือวิธีใด

44    วิธีที่ครูพูดให้คำปรึกษากับนักเรียนที่มีปัญหาด้านความประพฤติที่ได้ผลดี  คือวิธีใด
1  วิธีสะท้อนความรู้สึก                                                      2  วิธีให้ความร่วมมือ
3  วิธีลงโทษให้หลาบจำ                                                    4  วิธีหยุ่นไปตามสถานการณ์
ตอบ  1  วิธีสะท้อนความรู้สึก                   ดูคำอธิบายข้อ  41  ประกอบ

45    การสัมภาษณ์นั้นมีความหมายสำคัญในเชิงการสื่อสารอย่างไร
1  ทำให้รู้ซึ้งถึงข้อมูลเชิงลึก                                             2  ทำให้มีการทบทวนเหตุการณ์
3  ทำให้ความจริงถูกเปิดเผย                                            4  ทำให้มีการจัดระเบียบข่าวสาร
ตอบ  1  ทำให้รู้ซึ้งถึงข้อมูลเชิงลึก
การสัมภาษณ์  หมายถึง  การสื่อสารด้วยกระบวนการพูดคุยโดยมีเป้าประสงค์เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลสำคัญ  ข่าวสาร  หรือประเด็นที่เป็นสาระโดยตรง  ผ่านบุคคลที่มีการเลือกสรรแล้ว  ทั้งนี้ข้อมูลที่ได้มาถือว่าเป็นข้อมูลเชิงลึกที่มีความเฉพาะเจาะจงตามเป้าหมายวัตถุประสงค์และสถานการณ์ขณะนั้น

46    ถ้าผู้ให้สัมภาษณ์เป็นคนค่อนข้างลึกลับ  ท่านจะมีวิธีทำให้เขาพูดตอบคำถามได้อย่างไร
1    ชี้แจงให้เห็นข้อเท็จจริง
2    พูดปลอบ  พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือ
3    พูดปลอบและขอร้องให้ไว้วางใจ  พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือ
4    พูดให้เกิดความไว้วางใจ  พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือ
ตอบ  4  พูดให้เกิดความไว้วางใจ  พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือ
กลวิธีที่จะให้คนประเภทลึกลับตอบคำถามก็คือ  การสร้างความสัมพันธ์กับผู้ให้สัมภาษณ์เพื่อให้เกิดความไว้วางใจและพยายามพูดหว่านล้อมให้เห็นว่าการตอบคำถามเป็นนโยบายที่ดีที่สุด  โดยถ้าเขาบอกหรือเล่าเรื่องราวให้เราฟังแล้ว  เราจะช่วยเหลือและให้ความปลอดภัยแก่เขา  ซึ่งสิ่งสำคัญคือ  เราจะต้องปฏิบัติและรักษาคำพูดของเราด้วย

47    ถ้าคุณได้รับมอบหมายให้สัมภาษณ์รัฐมนตรีท่านหนึ่ง  ตอนหนึ่งของการสัมภาษณ์ท่านรัฐมนตรีทำท่าไม่อยากตอบ  ควรทำอย่างไร
1  ถามคำถามอื่นต่อไป                                                     2  ป้อนคำถามให้ตรงจุดมากขึ้น
3  ถามย้ำในคำถามนั้นอีกหลายๆครั้ง                               4  ชวนคุยเรื่องอื่นแล้วค่อยถามคำถามเดิม
ตอบ  1  ถามคำถามอื่นต่อไป
ในกรณีที่ถามคำถามแล้ว  ผู้ให้สัมภาษณ์มีความรู้สึกอึดอัดไม่อยากจะตอบ  ผู้สัมภาษณ์ก็ควรจะเลี่ยงถามคำถามอื่นต่อไป  หรือถ้าผู้ให้สัมภาษณ์เป็นผู้ที่มีวิธีตอบเลี่ยงอย่างฉลาด  ผู้สัมภาษณ์ก็จะต้องมีความอดทนซักถามต่อไปเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ต้องการ

48    ถ้าผู้ให้สัมภาษณ์เป็นผู้ที่มีวิธีตอบเลี่ยงอย่างฉลาด  ผู้สัมภาษณ์ควรทำอย่างไร
1  แทรกบทตลกเพื่อเปลี่ยนแปลงบรรยากาศ                       2  ขอร้องให้ตอบให้ตรงคำถาม
3  จะต้องอดทนซักถามต่อไป                                             4  ควรแนะนำคำตอบ  หรืออธิบายคำถาม
ตอบ  3  จะต้องอดทนซักถามต่อไป                  ดูคำอธิบายข้อ  47  ประกอบ

49    บุคคลใดสมควรเป็นผู้ถูกสัมภาษณ์
1  ผู้นำองค์กร                                                                      2  ผู้มีอำนาจตัดสินใจ
3  ผู้เกี่ยวข้องและมีความรู้ในเรื่องนั้น                                  4  ผู้ทำหน้าที่สื่อสารมวลชน

ตอบ  3  ผู้เกี่ยวข้องและมีความรู้ในเรื่องนั้น
บุคคลที่สมควรเป็นผู้ถูกสัมภาษณ์  ควรเป็นบุคคลที่สำคัญและน่าสนใจ  เป็นบุคคลที่มีชีวประวัติดีเด่นและมีผลงานน่ายกย่อง  และที่สำคัญคือ  ต้องเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้อง  มีความรู้  ความสามารถ  หรือมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องที่จะสัมภาษณ์

50    นักเทนนิสหญิงมือวางอันดับ  1  ของโลก  เดินทางมาประเทศไทย  และเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์  ท่านรู้หรือไม่ว่าเป็นการสัมภาษณ์แบบใด
1  การสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัว                                                 2  Press  Conference
3  Mass  Communication  Interview                      4  การสัมภาษณ์บุคคลสำคัญทางธุรกิจ
ตอบ  2  Press  Conference
การเปิดให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์รวม  (Press  Conference)  เป็นการสัมภาษณ์บุคคลสำคัญๆที่เปิดโอกาสให้ผู้สื่อข่าวของสื่อมวลชนต่างๆทำการสัมภาษณ์และซักถามข้อข้องใจอย่างเป็นพิธีการ

51    ในการแสดงปาฐกถา  ทำไมจึงต้องแนะนำองค์ปาฐก  ข้อใดไม่ถูกต้อง
1  เพื่อให้ผู้ฟังรู้จักผู้พูด                                                           2  เพื่อให้เกียรติแก่ผู้พูด
3  เพื่อยกย่ององค์ปาฐกให้พอใจ                                            4  เพื่อเรียกร้องความสนใจจากผู้ฟัง
ตอบ  3  เพื่อยกย่ององค์ปาฐกให้พอใจ
จุดมุ่งหมายของการแนะนำองค์ปาฐกก็คือ    1  เพื่อให้ผู้ฟังรู้จักผู้พูดหรือองค์ปาฐกว่าเป็นใคร  ทำอะไร  และมีความสำคัญอย่างไร    2  เพื่อเป็นการให้เกียรติแก่ผู้พูด    3  เพื่อเรียกร้องหรือสร้างความสนใจให้แก่ผู้ฟัง  เพราะเมื่อผู้ฟังรู้จักผู้พูดแล้วก็จะเกิดความกระตือรือร้นและสนใจที่จะฟัง    4  เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้ฟังกับผู้พูด

52    การพูดแบบปาฐกถา  เนื้อหาที่พูดมักเป็นไปในด้านใด
1  ระลึกถึงคุณงามความดีขององค์กร                                     2  ให้อารมณ์รู้สึกร่วมบันเทิง
3  ให้ข่าวสารที่สมบูรณ์แบบน่าเชื่อถือ                                   4  ให้ความรู้  รับทราบความก้าวหน้า
ตอบ  4  ให้ความรู้  รับทราบความก้าวหน้า
การพูดแบบปาฐกถา  เป็นการพูดเพื่อให้ความรู้  ความคิดเห็นและข้อเท็จจริง  เนื้อหาที่พูดจึงมักเป็นเรื่องที่น่าสนใจ  ให้ความรู้  ให้ผู้ฟังได้รับทราบความก้าวหน้าและควรเป็นเรื่องที่ผู้ฟังไม่เคยรู้มาก่อน  หรือเป็นเรื่องที่เพิ่มเติมความรู้ของผู้ฟังให้กว้างขวางขึ้น  ดังนั้นผู้พูดหรือองค์ปาฐกจึงควรเป็นผู้ที่มีความรู้เฉพาะด้านและมีประสบการณ์ในด้านนั้นๆอย่างเชี่ยวชาญ  โดยควรแสดงสาระออกมาให้เด่นชัดและเข้าใจง่าย

53    ถ้าท่านได้รับมอบหมายให้เป็นผู้แนะนำวิทยากรที่จะมาแสดงปาฐกถา  ท่านจะหาข้อมูลเกี่ยวกับวิทยากรมาพูดอย่างไร
1  ถามประธาน                      2  ถามผู้รู้                      3  ถามผู้เชิญ                       4  ถามวิทยากร
ตอบ   4  ถามวิทยากร
ถ้าผู้แนะนำไม่รู้จักหรือไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับวิทยากร  (องค์ปาฐก)  ที่จะมาแสดงปาฐกถา  ก็ควรติดต่อหรือถามวิทยากรว่าจะให้ตนแนะนำอย่างไร  โดยต้องติดต่อกันก่อนวันแนะนำจริง
54    องค์ปาฐกควรพูดตอนที่เป็นบทสรุปอย่างไร
1    พูดถ่อมตนว่าการพูดของตนยังมีข้อบกพร่อง  แต่จะพยายามให้ดีในโอกาสต่อไป
2    ขอบคุณและขอโทษผู้ฟังในกรณีที่มีข้อบกพร่องเกี่ยวกับการพูด
3    ขอบคุณผู้ฟังที่ได้เสียสละเวลามาฟังการพูดของตน
4    ให้ข้อคิดความเห็นที่น่าสนใจและน่าจดจำ
ตอบ  4  ให้ข้อคิดความเห็นที่น่าสนใจและน่าจดจำ
ผู้แสดงปาฐกถา  (องค์ปาฐก)  ควรจะสรุปการพูดทั้งหมดให้ผู้ฟังได้ข้อคิดความเห็นที่น่าสนใจ  โดยการกล่าวสรุปที่ดีนั้นควรจะสั้น  มีน้ำหนัก  และเป็นที่น่าจดจำ  ซึ่งอาจสรุปด้วยการเรียกร้องให้ทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด  สรุปด้วยบทกลอน  สุภาษิต  สรุปด้วยเรื่องที่สนุกสนาน  ชื่นบานใจ  หรือสรุปด้วยคำถามก็ได้

55    การกล่าวขอบคุณองค์ปาฐก  ควรเป็นอย่างไร
1  ขอบคุณและเชิญชวนให้มาพูดอีก                              2  ขอบคุณและเชิญชวนให้ผู้ฟังปรบมือให้องค์ปาฐก
3  ขอบคุณและสรุปเนื้อหาสาระของปาฐกถา                4  ขอบคุณ  สรุปเนื้อหา  และวิจารณ์ปาฐกถา
ตอบ  2  ขอบคุณและเชิญชวนให้ผู้ฟังปรบมือให้องค์ปาฐก

56    ในการแสดงปาฐกถานั้น  ผู้พูดควรพูดอย่างไรเพื่อให้เรื่องที่พูดนั้นเป็นเรื่องที่น่าสนใจ
1  พูดบทตลกตลอดเวลา                                               2  พูดในเรื่องที่ผู้ฟังไม่เคยรู้มาก่อน
3  พูดพาดพิงถึงบุคคลอื่นอย่างสนุกสนาน                   4  พูดระบายความคับแค้นน้อยเนื้อต่ำใจของตนเอง
ตอบ  2  พูดในเรื่องที่ผู้ฟังไม่เคยรู้มาก่อน          ดูคำอธิบายข้อ  52  ประกอบ

57    หลักการพิจารณาเรื่องราวและข้อมูลที่จะนำไปพูดอภิปราย  ควรเป็นอย่างไร
1    เป็นเรื่องราวและข้อมูลที่ดี  เป็นจริงและสามารถนำไปปฏิบัติได้
2    เป็นเรื่องราวและข้อมูลที่มีรายละเอียด  มีการอ้างอิงและน่าสนใจ
3    เป็นเรื่องราวและข้อมูลที่ถูกต้องตามหลักการและทฤษฎี
4    เป็นเรื่องราวและข้อมูลที่น่าสนใจ  ดีและมีเหตุผล
ตอบ  1  เป็นเรื่องราวและข้อมูลที่ดี  เป็นจริงและสามารถนำไปปฏิบัติได้
หลักการพิจารณาเรื่องราวและข้อมูลที่จะนำไปพูดอภิปรายนั้น  ผู้อภิปรายจะต้องพิจารณาข้อเท็จจริงที่ได้จากการค้นคว้าว่าเป็นข้อมูลที่มีเหตุผล  เป็นจริง  มีทัศนคติที่ดีและสามารถที่จะนำไปปฏิบัติได้

58    ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของการอภิปราย
1  เป็นการปรึกษาหารือ                                              2  เป็นการแลกเปลี่ยนความรู้
3  เป็นการพูดเพื่อชักชวน                                           4  เป็นการโต้แย้งหาข้อหักล้าง
ตอบ   4  เป็นการโต้แย้งหาข้อหักล้าง
ลักษณะของการอภิปรายแบ่งออกเป็น  4  ประการ  คือ
1    ต้องมีจุดมุ่งหมาย  เพื่อเสนอรายละเอียดและแก้ปัญหา
2    เป็นการปรึกษาหารือของคนกลุ่มหนึ่ง  ไม่ใช่การพูดของคนเพียงคนเดียว
3    เป็นการพูดเพื่อชักชวนให้คนคิดหาเหตุผลไม่ใช่อารมณ์
4    เป็นการสื่อความหมายด้วยคำพูดโดยตรง  เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้  ทัศนคติและประสบการณ์

59    ผู้อภิปรายที่ต้องการพูดเพิ่มเติมข้อคิดเห็นเมื่อยังไม่ถึงลำดับของตน  ควรทำอย่างไร
1    เมื่อมีจังหวะที่จะพูดแทรกได้ก็ให้พูดทันที
2    รอให้ผู้อภิปรายทุกคนพูดจบก่อนจึงพูดเพิ่มเติม
3    ขออนุญาตจากผู้ดำเนินการอภิปรายก่อนแล้วจึงพูด
4    เมื่อผู้อภิปรายทุกคนพูดจบและผู้ดำเนินการอภิปรายสรุปแล้วจึงพูด
ตอบ  3  ขออนุญาตจากผู้ดำเนินการอภิปรายก่อนแล้วจึงพูด
ในกรณีที่ผู้อภิปรายต้องการจะพูดเพิ่มเติมหรือแทรกข้อคิดเห็น  (เมื่อยังไม่ถึงลำดับที่ตนจะพูด)  จะต้องขออนุญาตผู้ดำเนินการอภิปรายก่อนแล้วจึงจะพูดได้

60    เรื่องที่เข้าสู่วาระการอภิปราย  ควรมีลักษณะใด
1  ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจน                                                      2  มีขอบเขตและไม่กว้างเกินไป
3  เป็นเรื่องเฉพาะที่ควรพูดวงใน                                        4  เป็นประเด็นขัดแย้งรุนแรงในสังคม
ตอบ  2  มีขอบเขตและไม่กว้างเกินไป
ปัญหาหรือเรื่องที่จะนำเข้าสู่วาระการอภิปราย  ควรมีลักษณะดังนี้    1  ควรจะเป็นปัญหาที่มีขอบเขตไม่กว้างจนเกินไป    2  ควรจะเป็นปัญหาที่มีสาระและประโยชน์ต่อส่วนรวม    3  ควรจะเป็นปัญหาที่น่าสนใจทั้งต่อผู้ร่วมอภิปรายและผู้ฟัง

61    ประโยชน์ของการอภิปรายในด้านธุรกิจ  คือข้อใด
1  เพื่อความเจริญก้าวหน้า                                                   2  เพื่อเผยแพร่นโยบาย
3  เพื่อให้รู้จักวิธีการทำงานร่วมกับผู้อื่น                              4  เพื่อปรับปรุงสังคายนา
ตอบ  1  เพื่อความเจริญก้าวหน้า
ประโยชน์ของการอภิปรายในด้านธุรกิจ  คือ  การอภิปรายเพื่อวางหลักการและตกลงแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น  เพื่อความเจริญก้าวหน้าของกิจการ

62    ข้อใดเป็นเทคนิคการสอนอภิปรายด้วยวิธีถามโดยตรง
1  ครูจะถามคำถามก่อนแล้วเรียกชื่อให้นักเรียนตอบ                  2  ครูจะเรียกชื่อนักเรียนก่อน  แล้วจึงถามคำถาม
3  ครูจะเล่าเรื่องให้ฟังแล้วถามว่า  ปัญหานั้นๆคืออะไร              4  ครูจะถามนำก่อน  แล้วให้นักเรียนตอบ
ตอบ  1  ครูจะถามคำถามก่อนแล้วเรียกชื่อให้นักเรียนตอบ
เทคนิคการสอนอภิปรายด้วยวิธีถามโดยตรงนั้น  ผู้สอนหรือครูควรจะถามคำถามก่อนแล้วจึงจะเรียกชื่อให้นักเรียนตอบ  ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการให้เวลาในการเตรียมตัวแก่เด็ก  และไม่เป็นการจู่โจมเด็กจนเกินไป

63    ข้อใดเป็นวินัยที่ควรปฏิบัติของงนักพูดที่ดี
1  มาตรงเวลาเพื่อจัดเตรียมสิ่งต่างๆและซักซ้อมต่อหน้าผู้ฟัง
2  มาก่อนเวลาเพื่อสำรวจเวที  สถานที่  และอุปกรณ์ด้วยตนเอง
3  นำอุปกรณ์ทุกอย่างมาเอง  เพื่อความสมบูรณ์แบบในการนำเสนอ
4  ทำการบันทึกข้อมูลผู้พูดร่วมเวทีเดียวกัน  แล้วทำสำเนาส่งคืนในเร็ววัน
ตอบ  2  มาก่อนเวลาเพื่อสำรวจเวที  สถานที่  และอุปกรณ์ด้วยตนเอง
การพูดที่มีประสิทธิภาพนั้น  ผู้พูดจะต้องมีการเตรียมตัวที่ดี  และควรจะมาก่อนเวลาพูดเพื่อสำรวจเวที  สถานที่  และอุปกรณ์ด้วยตนเอง  เพื่อสร้างความคุ้นเคยและไม่ให้เกิดความผิดพลาดในการพูด

64    การพูดแบบใดที่ส่งเสริมให้รู้จักพูดชักจูงใจให้คนฟังคล้อยตามความคิดเห็นของตน
1  พูดรายงาน                     2  พูดอภิปราย                         3  พูดโต้เวที                        4  พูดวิจารณ์
ตอบ   3  พูดโต้เวที
จุดมุ่งหมายของการเรียนรู้เรื่องการพูดโต้วาที  มีดังนี้    1  ฝึกให้ผู้เรียนได้รู้จักวิธีพูด    2  ฝึกผู้เรียนให้เป็นผู้ฟังที่ดี    3  ส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักพูดชักจูงใจคนฟังให้คล้อยตามความคิดเห็นของตนเอง    4  แนะนำให้ผู้เรียนได้เรียนรู้หลักเกณฑ์และวิธีการพูดโต้วาที

65    จุดเด่นของการโต้วาทีแบบโอเรกอน  1  คือสิ่งใด
1  จัดให้มีฝ่ายละ  2  คน                                                              2  มีการซักถามตอบโต้กัน
3  หัวหน้าของ  2  ฝ่ายสามารถพูดได้  12  นาที                          4  มีการพูดแก้กัน
ตอบ  3  หัวหน้าของ  2  ฝ่ายสามารถพูดได้  12  นาที
การโต้วาทีแบบโอเรกอน  1  (Oregon  I)  จะจัดให้มีฝ่ายละ  3  คน  ซึ่งมีจุดเด่นคือ
1    หัวหน้าฝ่ายเสนอและฝ่ายค้าน  ซึ่งมีฝ่ายละ  1  คน  สามารถพูดได้คนละ  12  นาที
2    ผู้สนับสนุนฝ่ายเสนอและฝ่ายค้านคนที่หนึ่ง  ซึ่งมีฝ่ายละ  1  คน  สามารถพูดได้คนละ  10  นาที
3    ผู้สนับสนุนฝ่ายเสนอและฝ่ายค้านคนที่สอง  ซึ่งมีฝ่ายละ  1  คน  สามารถพูดได้คนละ  8  นาที

66    กรรมการตัดสินการโต้วาทีควรมีกี่คนจึงจะเหมาะสม
1  คนเดียว                                                                                  2  มีกี่คนก็ได้แต่ต้องเป็นจำนวนคี่
3  มีกี่คนก็ได้แต่ต้องเป็นจำนวนคู่                                              4  มีผู้ดำเนินการโต้วาทีเพียงคนเดียว
ตอบ   2  มีกี่คนก็ได้แต่ต้องเป็นจำนวนคี่
ผู้ดำเนินการโต้วาทีจะเป็นผู้ตัดสินการโต้วาที  โดยถือเอาคะแนนของกรรมการ  (ซึ่งมีจำนวนเป็นเลขคี่)  เป็นสำคัญ  ในกรณีที่ไม่มีกรรมการ  ผู้ดำเนินการโต้วาทีมักจะตัดสินให้การโต้วาทีเสมอกัน  หรือบางครั้งก็ถือเอาเสียงปรบมือเป็นสำคัญ

67    ข้อใดเป็นหน้าที่ของผู้โต้วาที
1    รู้จักรับผิดชอบในวัฒนธรรมและภาษาไทย
2    รู้จักศิลปะในการพูด  เช่น  พูดเปรียบเทียบ  เสียดสีฝ่ายตรงข้าม
3    รู้จักศิลปะการโต้วาทีโดยเฉพาะการเล่นคารมมากๆและบ่อยๆ
4    รู้จักค้นคว้าหาความรู้มาพูด  เช่น  เรื่องส่วนตัวของผู้โต้ฝ่ายตรงข้าม
ตอบ   1  รู้จักรับผิดชอบในวัฒนธรรมและภาษาไทย
หน้าที่ของผู้โต้วาทีที่สำคัญข้อหนึ่งคือ  ผู้โต้วาทีจะต้องรู้จักรับผิดชอบในวัฒนธรรมและภาษาไทย  นั่นคือ  ผู้โต้วาทีควรหลีกเลี่ยงการใช้คำพูดและภาษาที่ไม่สุภาพในการโต้วาที

68    หลักการพิจารณาตัดสินใจการโต้วาทีข้อใดไม่ถูกต้อง
1    ฝ่ายที่ให้เหตุผลข้อเท็จจริงดีกว่าเป็นฝ่ายชนะ
2    ฝ่ายค้านจะชนะเมื่อหักล้างได้ว่าเหตุผลของฝ่ายเสนอเชื่อไม่ได้
3    พิจารณาตัดสินตามเหตุผลและข้อเท็จจริงที่ปรากฏเท่านั้น
4    ขึ้นอยู่กับเสียงปรบมือของผู้ฟังที่เกิดความพึงพอใจ  ฝ่ายไหนดังกว่าฝ่ายนั้นชนะ
ตอบ  4  ขึ้นอยู่กับเสียงปรบมือของผู้ฟังที่เกิดความพึงพอใจ  ฝ่ายไหนดังกว่าฝ่ายนั้นชนะ
หลักการพิจารณาตัดสินการโต้วาที  มีดังนี้    1  ฝ่ายที่ให้เหตุผลข้อเท็จจริงดีกว่าเป็นฝ่ายชนะ    2  ฝ่ายเสนอจะชนะเมื่อเสนอและให้เหตุผลเป็นที่เชื่อถือได้    3  ฝ่ายค้านจะชนะเมื่อพิสูจน์และหักล้างได้ว่าเหตุผลของฝ่ายเสนอเชื่อไม่ได้    4  ควรพิจารณาตัดสินไปตามเหตุผลและข้อเท็จจริงที่ปรากฏเท่านั้น    5  การตัดสินที่ดีต้องไม่คำนึงถึงเสียงปรบมือของผู้ฟังที่แสดงความพอใจผู้โต้วาทีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

69    ข้อใดต่อไปนี้ที่ผู้โต้วาทีไม่ควรกระทำที่สุด
1  ใช้ภาษาและถ้อยคำที่ไม่สุภาพ                                                      2  อ่านข้อเท็จจริงที่เตรียมมาแทนการพูด
3  พูดเสียดสี  เอาเรื่องส่วนตัวของผู้โต้ฝ่ายตรงข้ามมาพูด                4  ได้ยินสัญญาณหมดเวลาแล้วยังพูดต่อไป
ตอบ  3  พูดเสียดสี  เอาเรื่องส่วนตัวของผู้โต้ฝ่ายตรงข้ามมาพูด
หน้าที่ของผู้โต้วาทีที่สำคัญข้อหนึ่งคือ  ผู้โต้วาทีจะต้องเรียนรู้และมีมารยาทในการพูด  นั่นคือ  ไม่พูดเสียดสี  กระทบกระทั่งผู้อื่น  หรือเอาเรื่องส่วนตัวของผู้อื่นขึ้นมาพูด

70    การวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายเพื่อตรวจสอบความเชื่อและทัศนคติ  มีผลอย่างไรต่อการเตรียมข้อมูลในการพูดแต่ละครั้ง
1    เพื่อสร้างศัพท์และระดับความซับซ้อนของข้อมูลที่นำเสนอ
2    เพื่อเปิดประเด็นและหัวข้อที่จะพูดให้เหมาะสม
3    เพื่อต้องการทราบแนวโน้มการตัดสินใจในเรื่องที่จะเป็นส่วนได้ – เสียของผู้ฟัง
4    เพื่อกำหนดวาระรับรู้และกระบวนการออกแบบเนื้อหา
ตอบ  3  เพื่อต้องการทราบแนวโน้มการตัดสินใจในเรื่องที่จะเป็นส่วนได้ – เสียของผู้ฟัง
การวิเคราะห์ผู้ฟังเพื่อตรวจสอบความเชื่อ  ความคิดเห็น  และทัศนคติ  จะทำให้ผู้พูดทราบถึงแนวโน้มการตัดสินใจในเรื่องที่จะเป็นส่วนได้ – เสียของผู้ฟัง  เพื่อให้ผู้พูดสามารถเตรียมข้อมูลในการพูดแต่ละครั้งได้สอดคล้องกับสิ่งที่ผู้ฟังเชื่อและยึดถือ  ไม่ไปขัดแย้งหรือดูถูกความเชื่อ  ความคิดเห็น  และทัศนคติที่ผู้ฟังมีอยู่แต่เดิม

71    บุคลิกของโฆษกที่ดี  ไม่ควรมีบุคลิกแบบใด
1  หลีกเลี่ยงการพูดถ้อยคำที่ซ้ำซาก                                        2  แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี
3  เลือกใส่เสื้อผ้าที่ดูสมสง่า                                                    4  พูดมากเข้าไว้  งานจะได้รื่นเริง
ตอบ  4  พูดมากเข้าไว้  งานจะได้รื่นเริง
ข้อแนะนำสำหรับผู้ที่จะทำหน้าที่เป็นโฆษกที่ดี  คือ    1  ต้องเป็นคนเฉียบแหลม  สามารถใช้ปฏิภาณไหวพริบแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี    2  ต้องพยายามให้สีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส  เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ    3  ต้องทำตัวให้สง่า    4  ต้องรู้จักเลือกถ้อยคำและเรื่องที่จะนำมาพูด    5  อย่าพูดให้ยาวหรือพูดมากเกินไป    6  พยายามหลีกเลี่ยงการใช้ข้อความหรือถ้อยคำที่ซ้ำซาก

72    การกล่าวต้อนรับอย่างเป็นพิธีการจะต้องเริ่มด้วย
1  การแนะนำเจ้าภาพ                                                                          2  คำปฏิสันถาร
3  การกล่าวขอบคุณแขกผู้มีเกียรติ                                                      4  แสดงความชื่นชมในโอกาส
ตอบ  2  คำปฏิสันถาร
การกล่าวต้อนรับ  เป็นการแสดงออกถึงการให้เกียรติแก่ผู้มาเยี่ยม  เป็นการแนะนำผู้มาเยี่ยม  หรือผู้มาใหม่ให้รู้จักสถานที่นั้นๆดีขึ้น  โดยการกล่าวต้อนรับมีหลักการดังนี้    1  คำปฏิสันถาร    2  กล่าวถึงความรู้สึกยินดีของผู้เป็นเจ้าของสถานที่    3  พูดเกี่ยวกับส่วนที่ดีของผู้มาเยี่ยม  และกล่าวถึงความสัมพันธ์ของผู้มาเยี่ยมกับเจ้าของสถานที่    4  พูดถึงความปรารถนาดีของเจ้าของสถานที่    5  พูดเป็นทำนองเรียกร้องให้ผู้มาเยี่ยมกลับมาอีก

73    การกล่าวแนะนำผู้พูดของพิธีกร  ใช้หลักการเดียวกับการพูดแบบใด
1  แบบให้คำปรึกษา                  2  แบบเล่าเรื่อง                   3  แบบปาฐกถา                   4  แบบโต้วาที
ตอบ  3  แบบปาฐกถา
การกล่าวแนะนำผู้พูดของพิธีกรนั้น  ใช้หลักการเดียวกับการพูดแบบปาฐกถา  แบบการอภิปราย  และแบบการสัมมนา  เช่น  การกล่าวแนะนำองค์ปาฐก  การกล่าวแนะนำผู้ดำเนินการอภิปราย  และการกล่าวแนะนำวิทยากรในการสัมมนา

74    การกล่าวอำลาการเยี่ยม  เนื้อหาควรจะเป็นอย่างไร
1    การกล่าวขอบคุณ  ความประทับใจ  การเชื้อเชิญให้ไปเยือน
2    ความประทับใจ  เหตุที่ต้องอำลา  ความอาลัยต่อเจ้าของบ้านเดิม
3    การกล่าวขอบคุณ  จุดหมายปลายทางที่จะไป  ความสัมพันธ์ในอนาคต
4    การเชื้อเชิญให้ไปเยือน  เหตุที่ต้องกลับ  ความผูกพันระหว่างกัน
ตอบ  1  การกล่าวขอบคุณ  ความประทับใจ  การเชื้อเชิญให้ไปเยือน
การกล่าวอำลาจากการเยี่ยมนั้น  ไม่มีหลักเกณฑ์ที่แน่นอน  แต่ส่วนใหญ่จะถือเป็นหลักปฏิบัติ  ดังนี้    1  คำปฏิสันถาร    2  กล่าวขอบคุณ    3  กล่าวถึงความประทับใจในการต้อนรับและความมีไมตรีจิตจากเจ้าของบ้าน    4  กล่าวเชื้อเชิญเจ้าของบ้านให้ไปเยือนตนบ้าง

75    การกล่าวคำไว้อาลัยที่ดี  ควรพูดอย่างไร
1  พูดถึงทรัพย์สินที่เขามีก่อนตาย                                                2  พูดถึงผลงานที่เขาทำไว้ก่อนตาย
3  พูดถึงความประพฤติที่ไม่ดีก่อนตาย                                        4  พูดถึงความน่าสมเพชของเขาก่อนตาย
ตอบ  2  พูดถึงผลงานที่เขาทำไว้ก่อนตาย
การกล่าวคำไว้อาลัย  เป็นการพูดถึงคุณงามความดีของผู้เสียชีวิต  ซึ่งหลักเกณฑ์ในการกล่าวคำไว้อาลัยที่ดี  มีดังนี้
1  คำปฏิสันถาร    2  พูดถึงชีวประวัติของผู้เสียชีวิตอย่างสั้นๆ    3  พูดถึงผลงานของผู้เสียชีวิต    4  พูดถึงสาเหตุที่ทำให้เขาต้องเสียชีวิต    5  พูดถึงความอาลัยของผู้ที่อยู่เบื้องหลัง    6  แสดงความหวังว่าเขาจากไปอยู่ในสถานที่ดีและมีความสุข

76    ตามมารยาทของการกล่าวตอบที่ได้รับรางวัลหรือของขวัญนั้น  สิ่งที่พูดจะต้องให้ความสำคัญและกล่าวถึงเสมอ  คือ
1  อธิบายความเป็นมาของรางวัลหรือของขวัญชิ้นนั้น
2  กล่าวขอบคุณผู้ที่มีส่วนช่วยให้ตนเองประสบความสำเร็จ
3  ความประทับใจที่มีต่อกรรมการและผู้ตัดสินที่ส่งเสริมให้มีวันนี้
4  อุปสรรคที่ได้รับระหว่างการต่อสู้แข่งขัน  และบอกด้วยว่าเป็นใคร
ตอบ  2  กล่าวขอบคุณผู้ที่มีส่วนช่วยให้ตนเองประสบความสำเร็จ
ในงานที่เป็นพิธีการ  ผู้ได้รับรางวัลหรือของขวัญจะต้องกล่าวตอบขอบคุณโดยอาศัยหลักเกณฑ์  ดังนี้    1  คำปฏิสันถาร    2  กล่าวถึงความรู้สึกยินดีที่ตนได้รับรางวัลหรือของขวัญ    3  กล่าวขอบคุณผู้ที่มีส่วนช่วยทำให้ตนประสบความสำเร็จ    4  พูดให้เห็นความรู้สึกว่าของขวัญหรือของรางวัลนั้นมีความหมายสำหรับตนมาก    5  กล่าวขอบคุณ

77    การกำหนดวัตถุประสงค์ของการพูดพิจารณาจาก
1  ระบบสังคมและวัฒนธรรมของผู้ฟัง                                  2  ความยาว – สั้นของสาระในการนำเสนอ
3  การแบ่งหัวข้อเป็นประเด็นต่างๆ                                       4  ประเด็นหลักและข้อมูลสนับสนุน
ตอบ  1  ระบบสังคมและวัฒนธรรมของผู้ฟัง
ขั้นตอนต่อจากการวิเคราะห์ผู้ฟังและสถานการณ์การพูดคือ  การเลือกเรื่องพูดและการเตรียมเนื้อเรื่อง  โดยผู้พูดจะต้องตั้งจุดมุ่งหมายหรือกำหนดวัตถุประสงค์ของการพูดให้มีความสัมพันธ์กับระบบสังคมและวัฒนธรรมของผู้ฟังกลุ่มเป้าหมายก่อน  แล้วจึงกำหนดหัวข้อการพูดตามประเด็นต่างๆอย่างละเอียดตามข้อมูลที่มีอยู่หรือตามที่ได้ทำการค้นคว้าหาข้อเท็จจริงมา  จากนั้นจึงร่างเนื้อหาสาระของการพูดให้มีความสัมพันธ์กับความสนใจของผู้ฟัง

78    หากนักศึกษาได้รับคำสบประมาทว่า  ไม่สามารถพัฒนาการพูดของตนเองได้มากไปกว่านี้  คุณควรจะทำอย่างไรในฐานะผู้ที่เรียนการพูดมาแล้ว
1    ไม่ต้องสนใจ  เพราะจะมีกี่คนที่เรียนการพูดมาโดยตรง  เปล่าประโยชน์ที่จะฟัง
2    แสดงความรู้สึกให้เห็นว่า  ไม่เป็นเช่นนั้น  มีสิทธิอะไรมาวิจารณ์
3    ฟังด้วยจิตใจสงบ  หันมาสำรวจตนเอง  ยอมรับและแก้ไขข้อผิดพลาด
4    ฟังแล้วก็ผ่านไป  ใครก็พูดกันได้ทั้งนั้น  คุณก็ไม่ต่างกับฉันซักเท่าไร
ตอบ  3  ฟังด้วยจิตใจสงบ  หันมาสำรวจตนเอง  ยอมรับและแก้ไขข้อผิดพลาด
ผู้ถูกวิจารณ์ไม่ควรท้อถอยเมื่อรู้ว่าการพูดของตนนั้นจะถูกนำไปวิจารณ์  แต่ควรยึดถือข้อแนะนำ  ดังนี้
1    ต้องเป็นผู้มีมารยาทในการฟัง  โดยฟังด้วยจิตใจที่สงบ  ทำใจให้เป็นกลาง  ยอมรับฟังข้อติของผู้อื่น  ไม่โกรธและถกเถียงกัน
2    นำข้อติและข้อแนะนำมาสำรวจตนเอง  พร้อมทั้งปรับปรุงการพูดของตนให้ดีขึ้น

79    สมมุติฐานที่จะเป็นกำลังใจให้ทุกคนหันมาปรับปรุงการพูดของตนเอง  คือ
1    คนเราพูดได้ทุกคน  แต่จะพูดเป็นหรือเปล่านั้นมันอีกเรื่องหนึ่ง
2    การพูดเป็นธรรมชาติของมนุษย์  หรือว่าคุณจะทิ้งมันไป
3    การพูดเป็นความยากที่ท้าทาย  น้ำหน้าอย่างคุณจะทำได้หรือ
4    คนเราทุกคนสามารถที่จะเรียนรู้และพัฒนาทักษะได้  การพูดก็เช่นกัน
ตอบ  4  คนเราทุกคนสามารถที่จะเรียนรู้และพัฒนาทักษะได้  การพูดก็เช่นกัน
ในการวิจารณ์นั้น  ผู้วิจารณ์ควรจะเสนอข้อแนะนำของตนเองในทางที่ดี  มีประโยชน์  เพื่อว่าผู้พูดจะได้นำไปปรับปรุงการพูดของตนเองให้ดีต่อไป  โดยอาจตั้งสมมุติฐานเพื่อให้กำลังใจว่า  การพูดเป็นสิ่งที่คนเราทุกคนสามารถศึกษาเรียนรู้และฝึกฝนพัฒนาทักษะได้  ยิ่งฝึกมากความชำนาญในการพูดยิ่งพัฒนาขึ้นตามลำดับ

80    สิ่งแรกที่ผู้วิจารณ์การพูดจะพิจารณาถึงความประหม่าของผู้พูด  คืออะไร
1  ภาษา                                                                                     2  การประมวลเรื่อง
3  ความคิดและเนื้อหาสาระ                                                     4  ท่าทีและการปรับตัวโดยทั่วไป
ตอบ   4  ท่าทีและการปรับตัวโดยทั่วไป
หลักเกณฑ์ในการวิจารณ์หรือการประเมินผลการพูดทั่วๆไป  ข้อแรกคือการวิจารณ์ท่าทีและการปรับตัวโดยทั่วไป  ซึ่งผู้วิจารณ์ต้องเริ่มพิจารณาจากการปรากฏตัวของผู้พูดว่ามีความประหม่าหรือไม่  มีความมั่นใจในตนเองหรือไม่  ตลอดจนมีลักษณะที่แจ่มใส  คล่องแคล่ว   เป็นธรรมชาติ  และสามารถปรับตัวให้เข้ากับบรรยากาศทั่วๆไปได้หรือไม่

81    การพากย์กีฬาเรือยาว  เป็นการพูดชนิดใด
1  การพูดโดยการท่องจำ                                                            2  การพูดโดยอ่านจากต้นฉบับ
3  การพูดปากเปล่าโดยไม่มีการเตรียม                                       4  การพูดปากเปล่าโดยมีการฝึกซ้อม
ตอบ  3  การพูดปากเปล่าโดยไม่มีการเตรียม
ในการพูดปากเปล่าโดยไม่มีการเตรียมล่วงหน้า  (การพูดโดยกะทันหัน)  เช่น  การพากย์มวยหรือเรือยาว  การตอบปัญหาบางประการ  ฯลฯ  ผู้พูดควรปฏิบัติดังนี้
1  พยายามควบคุมสติอารมณ์ให้สงบ  พยายามอย่าให้ตื่นเต้น  ประหม่าหรือตื่นเวที
2  คิด  และรวบรวมความรู้ประสบการณ์ของตนเองให้ได้อย่างรวดเร็ว
3  ลำดับความคิดเห็นหรือเรื่องให้ตรงกับประเด็นที่จะพูดยกตัวอย่าง
4  พูดให้สั้น  กระชับ  และมีความหมายชัดเจน

82    ข่าวหลังละครช่วงดึก  เป็นการพูดชนิดใด
1  การพูดโดยการท่องจำ                                                           2  การพูดโดยอ่านจากต้นฉบับ
3  การพูดปากเปล่าโดยไม่มีการเตรียม                                     4  การพูดปากเปล่าโดยมีการฝึกซ้อม
ตอบ  2  การพูดโดยอ่านจากต้นฉบับ
การพูดโดยการอ่านจากต้นฉบับ  เป็นการพูดจากโน้ตที่ได้เตรียมไว้โดยไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงข้อความเลย  จึงเป็นการอ่านมากกว่าพูด  ซึ่งมักใช้ในการพูดที่เป็นพิธีการ  เช่น  สุนทรพจน์ของบุคคลสำคัญๆ  การอ่านข่าว  การอ่านบทความ  การกล่าวคำปราศรัยเนื่องในโอกาสต่างๆคำแถลงการณ์ของรัฐบาล / คณะปฏิวัติ  การอ่านรายงาน  เปิดกิจการ ฯลฯ

83    นักพูดหน้าใหม่ที่มีประสบการณ์น้อย  ควรฝึกซ้อมการพูดอย่างไรจึงจะดีที่สุด
1  ฝึกซ้อมพูดกลางถนน                                                            2  ฝึกซ้อมพูดกับรูปปั้นในสวน
3  ฝึกซ้อมพูดหน้ากระจกในห้องคนเดียว                                 4  ฝึกซ้อมพูดกับสุนัข
ตอบ  3  ฝึกซ้อมพูดหน้ากระจกในห้องคนเดียว
วิธีฝึกซ้อมพูดของผู้พูด  (ทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่)  สามารถทำได้  2  กรณี  คือ
1  วิธีฝึกซ้อมพูดหน้ากระจกหรือฝึกซ้อมพูดคนเดียว  เป็นการฝึกฝนเบื้องต้นที่ผู้พูดต้องการ  ดูข้อบกพร่องของตนเองแล้วแก้ไข  โดยผู้พูดจะต้องตั้งใจฟังการพูดของตนว่าออกเสียงถูกต้องชัดเจนหรือไม่  รวมถึงสังเกตการแสดงท่าทางว่าเหมาะสมหรือไม่
2  วิธีฝึกซ้อมพูดกับคนคุ้นเคย  วิธีนี้จะช่วยให้ผู้พูดกำจัดความอายและความเขินไปทีละน้อยๆและช่วยให้ผู้พูดรู้จักควบคุมตัวเองได้ด้วย

84    สิ่งใดเป็นวิธีช่วยแก้ความตื่นเวทีได้
1  คิดไปว่าไม่มีอะไรน่ากลัว  และเขาก็อยากฟังเราพูด    2  รีบๆพูดให้เร็วๆซะ  จะได้จบเกมกันเสียที
3  ดื่มน้ำเข้าไปเยอะๆทดแทนการเสียเหงื่อ                      4  ใส่เสื้อผ้ารัดๆฟิตๆให้ดูเท่เข้าไว้  จะได้เพิ่มความมั่นใจ
ตอบ  1  คิดไปว่าไม่มีอะไรน่ากลัว  และเขาก็อยากฟังเราพูด
วิธีแก้ความตื่นเวที  มีดังนี้
1    หายใจเข้าปอดลึกๆแล้วผ่อนลมหายใจออกช้าๆประมาณ 4 – 5 ครั้ง
2    เมื่อเริ่มพูด  ถ้ารู้สึกว่าเสียงสั่นและยังประหม่ามากให้พูดช้าๆ  พยายามหลีกเลี่ยงการพูดเร็ว
3    พยายามคิดว่าไม่มีอะไรน่ากลัว  และคิดว่าผู้ฟังที่มองตานั้นเขามองด้วยความศรัทธา  ให้กำลังใจ  และอยากฟังเราพูด
4    ควรหลีกเลี่ยงการแต่งกายที่ตึง  รัด  และเป็นอุปสรรคต่อการพูด  ฯลฯ

85    มารยาทที่ดีงามในการพูด  คือข้อใด
1  พูดอวดความเก่งกาจของตนเอง                                                  2  พูดอย่างเปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็น
3  แสดงพฤติกรรมตามยถากรรม  และปล่อยวางทุกสิ่ง                  4  ใช้วาจารุนแรงในการโน้มน้าวใจ
ตอบ  1  พูดอวดความเก่งกาจของตนเอง
มารยาทที่ดีงามในการพูดมีดังนี้    1  ควรคิดให้รอบคอบก่อนจะพูด    2  ควรใช้อารมณ์ให้ถูกกาลเทศะ    3  ไม่ควรพูดกระทบกระเทือนหรือเสียดสีผู้ฟัง    4  ควรตั้งใจพูดให้ดี    5  ควรเตรียมเรื่องที่จะพูดให้พร้อม    6  ไม่ควรพูดอวดตน  อวดภูมิ  ข่ม  หรือถือว่าตนเองดีกว่าผู้อื่น    7  ต้องไม่ผูกขาดการพูดแต่เพียงคนเดียว  หรือควรเปิดโอกาสให้ผู้อื่นพูด / แสดงความคิดเห็นบ้าง ฯลฯ

86    ข้อใดแตกต่างจากข้ออื่น
1  พูดโฆษณาเพื่อขายสินค้า                                                          2  พูดหาเสียงเลือกตั้ง
3  พูดแนะนำการใช้สมุนไพร                                                      4  พูดเชิญชวนบริจาคโลหิต
ตอบ  3  พูดแนะนำการใช้สมุนไพร
การพูดเพื่อชักจูงใจ  เป็นการพูดเพื่อให้ผู้ฟังได้รู้  เชื่อ  และเห็นด้วยทั้งทางความคิด  และการกระทำตามความมุ่งหมายของผู้พูด  ซึ่งมักจะพูดในโอกาสต่างๆกัน  เช่น  การโฆษณาขายสินค้า  การโต้วาที  การเทศนา  การพูดหาเสียง  การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล  การอภิปรายของ  ส.ส. ในสภาผู้แทนราษฎร  การพูดของทนายความในศาล  การพูดเชิญชวนให้ร่วมบริจาคโลหิต  ฯลฯ  (ส่วนการพูดแนะนำการใช้สมุนไพร  เป็นการพูดเพื่อความรู้หรือเล่าข้อเท็จจริง)

87    ข้อใดแตกต่างจากข้ออื่น
1  การพูดวิจารณ์หลักการบริหารราชการแผ่นดิน                            2  การพูดวิจารณ์สถาบันทางการเมือง
3  การพูดวิจารณ์การถ่ายทอดสดการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล    4  การพูดวิจารณ์กระบวนการยุติธรรม
ตอบ  3  การพูดวิจารณ์การถ่ายทอดสดการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล
กาพูดวิจารณ์ทางวิชาการ  คือ  การพูดวิจารณ์ศาสตร์ในสาขาต่างๆโดยผู้วิจารณ์จะต้องมีความรู้ในด้านหรือแขนงนั้นเป็นอย่างดี  ซึ่งการพูดวิจารณ์แบบนี้จะพบมากในด้านการเมือง  (เช่น  การวิจารณ์หลักการบริหารราชการแผ่นดิน  สถาบันการเมือง  และกระบวนการยุติธรรม)  การแพทย์  เศรษฐศาสตร์  ฯลฯ  (ส่วนการวิจารณ์การถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์หรือวิทยุนั้นเป็นการพูดวิจารณ์ทั่วไป)

88    การพูดให้ความในชั้นศาล  เป็นการพูดชนิดใด
1  การพูดรายงานแบบสรุปผล                                             2  การพูดรายงานแบบความก้าวหน้าและผลสำเร็จ
3  การพูดรายงานแบบประสบการณ์                                   4  การพูดรายงานแบบแถลงข้อเท็จจริง
ตอบ  4  การพูดรายงานแบบแถลงข้อเท็จจริง
การพูดรายงานแบบแถลงข้อเท็จจริง  เป็นการเสนอข้อเท็จจริง  หลักฐาน  ข้อมูล  วัตถุประสงค์  หลักการ  และสมมุติฐานที่จะเกิดขึ้น  เช่น  การพูดให้ความในชั้นศาล  การรายงานถึงโครงการหรือนโยบายที่จะกระทำ  หรือที่กำลังกระทำอยู่  เป็นต้น

89    การเล่านิทานให้สนุก  ควรเป็นเช่นไร
1  เสียงของเจ้าหญิงต้องน่ารักอ่อนหวาน                              2  ใช้น้ำเสียงเศร้าเมื่อถึงบทที่โจรกำลังต่อสู้
3  เสียงพระราชาต้องฟังดูเป็นคนแก่ห่อเหี่ยว                        4  ใช้เสียงไก่แทนเสียงม้า
ตอบ  1  เสียงของเจ้าหญิงต้องน่ารักอ่อนหวาน
การเล่านิทานให้สนุกนั้น  ผู้เง่าจะต้องมีน้ำเสียงที่น่าฟัง  เสียงมีจังหวะสูงต่ำ  คล้ายเสียงดนตรี  และเสียงนั้นต้องแสดงถึงความรู้สึก  เช่น  เมื่อผู้ร้ายกำลังตามฆ่าพระเอกต้องใช้เสียงรุกเร้าเพื่อแสดงถึงความตื่นเต้น  เสียงพระราชาต้องเป็นเสียงคนแก่และมีอำนาจ  เสียงของเจ้าหญิงต้องน่ารักและอ่อนหวาน  เสียงของโจรผู้ร้ายต้องดุดัน ฯลฯ  นอกจากนี้ผู้เล่าต้องเลียนเสียงร้องต่างๆ  ของสัตว์และเสียงประกอบอื่นๆ  ได้ตรงกับความเป็นจริง

90    ในการพูดเพื่อให้ข้อมูลข่าวสาร  มีอะไรเป็นสาระสำคัญ
1  ความรู้                            2  บรรยากาศ                         3  อารมณ์ความรู้สึก                      4  ความจริงที่เกิดขึ้น
ตอบ  1  ความรู้
การพูดเพื่อให้ความรู้หรือเล่าข้อเท็จจริง  (ให้ข้อมูลข่าวสาร)  มีจุดมุ่งหมายหรือสาระสำคัญคือ  เพื่อให้ความรู้และความเข้าใจแก่ผู้ฟัง  โดยจะบอกหรือนำเสนอข้อมูลความจริงที่ผ่านมาแล้ว  ซึ่งผู้ฟังจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ได้

91    เป้าหมายของการพูดเพื่อชักจูงใจคือ
1  เปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนพฤติกรรม                                                     2  การทำตามคำสั่ง
3  สร้างภาวะทางอารมณ์กดดัน                                                          4  ให้ตีความหมายข่าวสาร
ตอบ  1  เปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนพฤติกรรม
จุดมุ่งหมายของการพูดเพื่อชักจูงใจ  ได้แก่    1  เพื่อชักจูงให้เห็นด้วย    2  เพื่อชักจูงให้เปลี่ยน / ไม่เปลี่ยนความคิดหรือพฤติกรรม    3  เพื่อชักจูงให้ทำอย่างใดอย่างหนึ่ง  หรือกระตุ้นให้สร้างพฤติกรรมใหม่

92    การเตรียมเนื้อหาของรายงานที่จะพูดนั้นไม่ควรจะ
1  มีหัวข้อที่สั้น  กระชับ  ชัดเจน                                           2  ทำหัวข้อย่อยๆให้มีความเด่น  ง่ายต่อการอ่าน
3  บรรจุเนื้อหาที่สมบูรณ์ของเรื่องลงไป                               4  จัดทำอย่างประณีตด้วยความรอบคอบ
ตอบ   3  บรรจุเนื้อหาที่สมบูรณ์ของเรื่องลงไป                ดูคำอธิบายข้อ  29  ประกอบ

93    การเตรียมเนื้อเรื่องที่จะพูดนั้น  สิ่งใดเป็นตัวแปรที่เกิดจากเจ้าภาพได้มากที่สุด
1  ความเชื่อ  ทัศนคติของผู้ฟัง                                              2  ความสนใจที่มีต่อหัวข้อ
3  เวลาที่ให้กับการพูด                                                          4  บรรยากาศการประชุม
ตอบ    2  ความสนใจที่มีต่อหัวข้อ
เจ้าภาพ  เป็นตัวแปรหรือปัจจัยสำคัญในการจัดทิศทาง / แนวความคิดของเนื้อเรื่องที่จะพูด  แม้ว่าผู้พูดจะเตรียมเนื้อหาและเตรียมตัวมาพร้อมแล้วสำหรับการพูด  แต่ถ้าเนื้อหา  (หัวข้อหรือประเด็น)  ที่เตรียมมาไม่ตรงกับความต้องการหรือความสนใจของเจ้าภาพ  ผู้พูดก็ไม่สามารถที่จะถ่ายทอดหรือสื่อสารออกไปได้

94    การพูดในลักษณะวิพากษ์วิจารณ์มีลักษณะเฉพาะที่ต่างจากการพูดประเภทอื่นๆอย่างไร
1  เนื้อหาที่จะพูดต้องเป็นข้อเท็จจริงเสมอ                           2  ต้องมีการนำเสนอโดยใช้เหตุผลประกอบ
3  ต้องมีการจัดสมดุลของเนื้อหา  และผลกระทบที่เกิดขึ้นกับบุคคลที่กล่าวอ้าง
4  ต้องมีการใช้กติกา  ข้อกำหนด  หรือตัวบ่งชี้ต่างๆมาเป็นเกณฑ์
ตอบ  2  ต้องมีการนำเสนอโดยใช้เหตุผลประกอบ        ดูคำอธิบายข้อ  30  ประกอบ

95    ข้อใดกล่าวเกี่ยวกับการวิจารณ์การพูดได้อย่างถูกต้องที่สุด
1  การวิจารณ์เป็นการตรวจสอบข้อบกพร่องผู้พูดโดยตรง         2  การวิจารณ์การพูด  คือ  การประเมินผลที่ดี
3  การวิจารณ์ต้องทำอย่างปิดบัง  เพราะสังคมไทยยังไม่ยอมรับวิธีการนี้
4  การวิจารณ์นั้น  ผู้พูดและผู้ฟังไม่จำเป็นต้องอาศัยกฎเกณฑ์ร่วมกัน
ตอบ  2  การวิจารณ์การพูด  คือ  การประเมินผลที่ดี
ในการพูดวิจารณ์นั้น  สำหรับผู้ที่ถูกวิจารณ์ก็จะได้ทราบถึงข้อบกพร่องและคิดหาวิธีแก้ไข  ปรับปรุงให้ดีขึ้น  เพราะการวิจารณ์ก็คือ  การประเมินผลที่ดีนั่นเอง

96    คำนำ  หมายถึง
1  การนำเข้าสู่เนื้อเรื่อง          2  กลวิธีนำเสนอ             3  การทักทายผู้ฟัง            4  ความคิดรวบยอดของเรื่อง
ตอบ  1  การนำเข้าสู่เนื้อเรื่อง
โครงสร้างของการจัดเนื้อเรื่องหรือการลำดับความในวิชาการพูด  มีดังนี้    1  คำปฏิสันถาร  คือ  การกล่าวทักทาย    2  คำนำ  คือ  เริ่มเข้าเรื่องหรือการนำเข้าสู่เนื้อหา    3  เนื้อเรื่อง  คือ  ข้อมูลหรือประเด็นหลักของการนำเสนอ    4  สรุป  คือ  ความคิดรวบยอดของเรื่อง    5  คำลงท้าย  คือ  การกล่าวเชิญชวน  หรือข้อความที่สร้างความประทับใจ  ซึ่งในส่วนของสรุปกับคำลงท้ายหรือการกล่าวเชิญชวนนั้นสามารถพูดสลับที่กันได้  (ดูคำอธิบายข้อ  11  ประกอบ)

97    ในเรื่องของคุณสมบัติของผู้ให้สัมภาษณ์  ข้อใดแตกต่างจากข้ออื่น
1    นักแสดงที่บริจาคอาหารและน้ำดื่มเพื่อช่วยเหลือภัยพิบัติ
2    ชาวต่างชาติที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์โคลนถล่ม
3    คุณยายที่ประสบภัยพิบัติน้ำท่วม
4    เด็กนักเรียนที่ถูกค้นพบในซากอาคารถล่มหลังจากเกิดแผ่นดินไหว
ตอบ  1  นักแสดงที่บริจาคอาหารและน้ำดื่มเพื่อช่วยเหลือภัยพิบัติ
คุณสมบัติของผู้ให้สัมภาษณ์  มีดังนี้    1  บุคคลที่มีความสำคัญทางการเมือง    2  บุคคลที่ประสบความสำเร็จในการงาน    3  บุคคลที่ประกอบกิจกรรมเพื่อสังคม    4  บุคคลที่สังคมกำลังให้ความสนใจในขณะนั้น  (เช่น  นักแสดง  นักร้อง  นางงาม ฯลฯ)    5  บุคคลที่ประสบมหันตภัยต่างๆ  (เช่น  ไฟไหม้  แผ่นดินไหว  น้ำท่วม  โคลนถล่ม ฯลฯ)    6  บุคคลที่เป็นแขกเมือง

98    ถ้าผู้ให้สัมภาษณ์เป็นคนพูดมาก ควรปรับตัวให้เข้ากับบุคลิกของผู้ให้สัมภาษณ์อย่างไร
1    ผู้สัมภาษณ์จะต้องสร้างความเป็นกันเอง  จนทำให้ผู้ให้สัมภาษณ์เกิดความไว้วางใจ
2    ผู้สัมภาษณ์ควรเตรียมคำถามให้พร้อม  คำถามนั้นต้องเป็นคำถามที่สำคัญ  ตรงประเด็นตามจุดมุ่งหมาย
3    ผู้สัมภาษณ์ควรรับฟังเฉพาะข้อคิดเห็นที่เกี่ยวข้อง  และสัมพันธ์กับจุดมุ่งหมาย
4    ผู้สัมภาษณ์ควรให้รางวัลด้วยคำชม  ขนมขบเคี้ยวหรือของเล่น  เมื่อผู้ให้สัมภาษณ์ตอบคำถาม
ตอบ  3  ผู้สัมภาษณ์ควรรับฟังเฉพาะข้อคิดเห็นที่เกี่ยวข้อง  และสัมพันธ์กับจุดมุ่งหมาย
ผู้ให้สัมภาษณ์ประเภทพูดมาก  มักเป็นคนรักสนุก  จิตใจเป็นมิตรกับทุกชนชั้นและยินดีที่จะตอบคำถาม  ซึ่งคำตอบส่วนใหญ่มักจะกว้าง  ดังนั้นผู้สัมภาษณ์จึงควรรับฟังเฉพาะข้อคิดเห็นที่เกี่ยวข้อง  และสัมพันธ์กับจุดมุ่งหมาย

99    ถ้าท่านเป็นผู้แนะนำองค์ปาฐก  ท่านจะกล่าวแนะนำ  นายแพทย์ยอดยศ  สุริยาจำรัส  อย่างไร  ในเมื่อบุคคลผู้นี้ดำรงยศเป็นพลตรี  และเป็นศาสตราจารย์ในสถาบันอุดมศึกษาด้วย
1  ศาสตราจารย์  พลตรี  นายแพทย์ยอดยศ  สุริยาจำรัส        2  พลตรี  ศาสตราจารย์  นายแพทย์ยอดยศ  สุริยาจำรัส
3  ศาสตราจารย์  นายแพทย์  พลตรียอดยศ  สุริยาจำรัส        4  พลตรี  นายแพทย์  ศาสตราจารย์ยอดยศ  สุริยาจำรัส
ตอบ    2  พลตรี  ศาสตราจารย์  นายแพทย์ยอดยศ  สุริยาจำรัส
การแนะนำองค์ปาฐกที่ดีนั้น  ควรจะแนะนำอย่างจริงใจ  ไม่ใช่สรรเสริญหรือยกยอมากจนเกินไป  โดยทั้งนี้จะต้องบอกว่าองค์ปาฐกคือใคร  มีตำแหน่งและหน้าที่การงานทางด้านใด  มีความชำนาญทางด้านใด  และมีผลงานดีเด่นอย่างไร เช่น  จะกล่าวแนะนำนายแพทย์ยอดยศ  สุริยาจำรัส  ผู้มียศเป็นพลตรี  และเป็นศาสตราจารย์ได้ว่า  พลตรี  ศาสตราจารย์  นายแพทย์ยอดยศ  สุริยาจำรัส  เป็นต้น

100    การพูดก่อให้เกิดความสำเร็จในด้านการเมือง  ยกเว้นข้อใด
1    ทำให้นักการเมืองอยู่ในศีลธรรมและประพฤติปฏิบัติตนในแนวทางที่ดีงาม
2    ทำให้ประชาชนเข้าใจนโยบายการบริหารงานของรัฐบาล
3    ทำให้คนในท้องถิ่นสามารถปกครองกันเองได้
4    ทำให้ประเทศต่างๆอยู่กันได้อย่างสันติสุข
ตอบ  1  ทำให้นักการเมืองอยู่ในศีลธรรมและประพฤติปฏิบัติตนในแนวทางที่ดีงาม
การพูดที่ก่อให้เกิดความสำเร็จในด้านการเมือง  มีหลักการทั่วๆไปคือ
1    พูดชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจนโยบายและหลักการบริหารงานของรัฐบาล  เพราะการปกครองชนกลุ่มใหญ่ให้ปฏิบัติตามหลักการนั้นทำได้ยาก
2    การพูดทำให้คนในท้องถิ่นสามารถปกครองกันเองได้
3    การพูดทำให้ประเทศต่างๆอยู่กันได้อย่างสันติสุข
(ส่วนตัวเลือกข้อ  1  เป็นการพูดที่ก่อให้เกิดความสำเร็จในด้านศาสนา)

MCS1300 (MCS1350) หลักการพูดเบื้องต้น การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2555

การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2555

ข้อสอบกระบวบวิชา MCS 1300 (MC 130) หลักการพูดเบื้องต้น

คำสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว (ข้อสอบมีทั้งหมด 100 ข้อ)

ข้อ 1. – 10. จงใช้ข้อมูลที่ให้มาดังต่อไปนี้ตอบคำถาม

พระราชดำรัส

(ก)………แก่……..(ข)……..ต่าง ๆ ที่เข้าเฝ้าฯ

            ……….(ค)………..         

(ง)…………โอกาส……………(จ)

(ฉ)………..(ช)…………..สวนจิตรลดา

พระราชวังดุสิต

(ซ)…………(ฌ)………….(ญ)……………. 

1.         คำตอบของข้อ (ก) คือ

(1)       โปรดเกล้าฯ     (2) พระราชวินิจฉัย      (3) ถวาย         (4) พระราชทาน

ตอบ 4 หน้า 40 – 42, (คำบรรยาย) จากข้อมูลที่ให้มาข้างต้น เป็นการร่างแบบฟอร์มการพูด ซึ่งสามารถเขียนให้ถูกต้องได้ ดังนี้

พระราชดำรัส

(ก)พระราชทาน แก่ (ข) คณะบุคคล ต่าง ๆ ที่เข้าเฝ้าฯ

(ค)ถวายชัยมงคล

(ง)เนื่องในโอกาส (จ) วันเฉลิมพระชนมพรรษา

(ฉ) ณ (ช) ศาลาดุสิตดาลัย สวนจิตรลดา

พระราชวังดุสิต

(ซ) วันจันทร์ที่ 4 (ฌ) ธันวาคม (ญ) 2538

 (คำว่า พระราชทาน” หมายถึง ให้ใช้กับพระเจ้าแผ่นดิน, “โปรดเกล้าฯ” หมายถึง มีเมตตา พอใจ, “พระราชวินิจฉัย” หมายถึง คำตัดสินชี้ขาด, “ถวาย” หมายถึง มอบให้ใช้กับพระสงฆ์ หรือเจ้านาย)

2.         คำตอบของข้อ (ข) คือ

(1)       เหล่าขุนนาง     (2) พสกนิกร    (3) คณะบุคคล            (4) ตัวแทนประชาชน

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 1. ประกอบ (คำว่า คณะบุคคล” ในที่นี้หมายถึง บุคคลหลายฝ่าย อาจเป็น ข้าราชการ ทหาร หรือพลเรือน)

3.         คำตอบของข้อ (ค) คือ

(1)       ถวายชัยมงคล (2) ถวายพระพร          (3) ถวายความจงรักภักดี        (4) ถวายคำสัตย์

ตอบดูคำอธิบายข้อ 1. ประกอบ (คำว่า ถวายชัยมงคล” หมายถึง อวยพร เป็นคำที่สามัญชนทั่วไปใช้กับพระเจ้าแผ่นดิน, “ถวายพระพร” หมายถึง อวยพร เป็นคำที่พระสงฆ์ใช้กับพระเจ้าแผ่นดิน, “ถวายความจงรักภักดี” หมายถึง แสดงความจงรักภักดี, “ถวายคำสัตย์” หมายถึง ให้คำสัตย์ ปฏิญาณตน)

4.         คำตอบของข้อ (ง) คือ

(1) วาระ          (2) เนื่องใน      (3) เนื่องด้วย   (4) ใน

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 1. ประกอบ (คำว่า เนื่องใน” ในที่นี้ จะใช้กับโอกาสที่เป็นทางการ แต่ถ้า เป็นโอกาสทั่ว ๆ ไปอาจใช้ ใน” เพียงอย่างเดียวก็ได้)

5.         คำตอบของข้อ (จ) คือ

(1) วันเฉลิมพระขนมพรรษา    (2) วันพระราชสมภพ   (3) วันประสูติ  (4) วับพระราชกำเนิด

ตอบ1 ดูคำอธิบายข้อ 1. ประกอบ (คำว่า วันเฉลิมพระขนมพรรษา” หมายถึง วันคล้ายวันเกิด, “วันพระราชสมภพ” หมายถึง วันเกิด ใช้กับพระเจ้าแผ่นดิน, “วับประสูติ” หมายถึง วันเกิด ใช้กับพระบรมวงศานุวงศ์, “วันพระราชกำเนิด” เป็นการใช้คำราชาศัพท์ผิด)

6.         คำตอบของข้อ (ฉ) คือ

(1) เพื่อ            (2) โดย            (3) ที่    (4) ณ

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 1. ประกอบ (คำว่า ’’ เป็นคำบุรพบทที่ใช้บอกเวลาหรือสถานที่ มักใช้กับ การเขียนที่เป็นทางการ)

7.         คำตอบของข้อ (ช) คือ

(1) พระตำหนักจักรีบงกช        (2) พระบรมมหาราชวัง

(3) ท้องพระโรง            (4) ศาลาดุสิตดาลัย

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 1. ประกอบ (ศาลาดุสิตดาลัย เป็นศาลาอเนกประสงค์ในพระตำหนัก จิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต)

8.         คำตอบของข้อ (ช) คือ

(1) วันจันทร์ที่ 4           (2) วันอันเป็นมงคลฤกษ์         (3) วันพระราชสมภพ   (4) วันประจำรัชกาล

ตอบ 1 หน้า 41, (คำบรรยาย), (ดูคำอธิบายข้อ 1. ประกอบ) ข้อความบรรทัดสุดท้ายก่อนจบส่วนแบบนำการพูด จะเป็นการเขียนวัน เดือน ปีที่พูด และเมื่อจบส่วนแบบนำการพูดแล้ว ผู้ร่างอาจขีดเส้นต้ ทำเส้นประ ใส่สัญลักษณ์ขององศ์กร หรือใส่รูปเล็ก ๆ คั่นก็ได้

9.         คำตอบของข้อ (ฌ) คือ

(1) เดือนสิบสอง          (2) ธันวาคม     (3) ขึ้น 13 ค่ำ   (4) ราศีธนู

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 1. และ 8. ประกอบ

10.       คำตอบของข้อ (ญ) คือ

(1) รัชกาลปัจจุบัน       (2) ปีกุน           (3) พุทธศักราช            (4) 2538

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 1. และ 8. ประกอบ

ข้อ 11. – 20. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม

(1)       วิเคราะห์ตน     (2) วิเคราะห์ผู้ฟัง         (3) วิเคราะห์เนื้อหา      (4) วิเคราะห์สถานการณ์

11.       กระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งลำดับประเด็นการพูด

ตอบ 3 (คำบรรยาย) การวิเคราะห์เนื้อหา เป็นการวิเคราะห์สิ่งที่จะนำไปพูด เพื่อให้ได้มาซึ่งลำดับ ประเด็นการพูดและจุดเด่นในการนำเสนอ ซึ่งเมื่อได้ผลผลิตจากกระบวนการนี้แล้ว ขั้นต่อไป ก็คือ การฝึกซ้อมพูด (Rehearsal) เพื่อเตรียมความพร้อมของเนื้อหาและบุคลิกภาพในการพูด

12.       พิจารณาจากสภาพสังคมประชากรเป็นพื้นฐาน

ตอบ 2 หน้า 20 – 23, (คำบรรยาย) การวิเคราะห์ผู้ฟัง-ผู้ชม เป็นสิ่งที่วิชาการพูดให้ความสำคัญ

เป็นอันดับต้น ๆ ซึ่งการวิเคราะห์ผู้ฟัง-ผู้ชมในการพูดแต่ละครั้งจะนำไปสู่การกำหนดวัตถุประสงค์ ของการสื่อสาร โดยพิจารณาจากสภาพสังคมประชากร ประสบการณ์ กรอบอ้างอิง ระบบสังคม และวัฒนธรรม และทัศนคติต่าง ๆ ของผู้ฟังเป็นพื้นฐาน

13.       เมื่อได้ผลผลิตจากกระบวนการนี้แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการซ้อม

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 11. ประกอบ

14.       อยู่นอกเหนือการควบคุมมากที่สุด

ตอบ 4 (คำบรรยาย) การวิเคราะห์สถานการณ์ เป็นการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมหรือสถานการณ์ที่ จะไปพูด ซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมมากที่สุด เพราะสถานการณ์การพูดจะบ่งบอกว่า เนื้อหาที่จะนำไปพูดนั้นมีความเหมาะสมหรือไม่ หากไม่เหมาะสมก็จะต้องปรับเปลี่ยนเนื้อหา บางส่วน ส่วนใหญ่ หรือทั้งหมด ตัวอย่างสถานการณ์หรือสภาพแวดล้อมการพูด ได้แก่ เวลา สถานที่ โอกาส และเจ้าภาพ หรือธรรมชาติของหน่วยงานที่เชิญไปพูด เป็นต้น

15.       เป็นสิ่งที่วิชาการพูดให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 12. ประกอบ

16.       ธรรมชาติของหน่วยงานที่เชิญคุณไปพูดจัดอยู่ในข้อนี้

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 14. ประกอบ

17.       นำไปสู่การกำหนดวัตถุประสงค์การสื่อสาร

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 12. ประกอบ

18.       มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับภาพลักษณ์

ตอบ 1 (คำบรรยาย) การวิเคราะห์ตน เป็นการวิเคราะห์ตัวผู้พูดเองเพื่อปรับปรุงและสร้างบุคลิกภาพ ในการพูดที่เหมาะสม ซึ่งการวิเคราะห์ตนจะเกี่ยวข้องกับสิ่งสำคัญ 2 อย่าง ได้แก่ 1. ภาพลักษณ์ คือ สิ่งที่ผู้ฟังรู้สึกกับตัวผู้พูดจากประสบการณ์ จากสิ่งที่รับรู้ หรือจากสิ่งที่เห็นและประเมินค่า

2.         ภาพพจน์ คือ การเห็นภาพตามคำพูด ซึ่งผู้ที่พูดเก่งต้องสามารถพูดแล้วทำให้ผู้ฟังเห็นภาพตามได้

19.       มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับภาพพจน์

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 18. ประกอบ

20.       ดำเนินการเพื่อหาจุดเด่นในการนำเสนอ

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 11. ประกอบ

21.       กระบวนการใดของการพูดที่สังคมประชาธิปไตยให้ความสำคัญประกอบกัน

(1)       ผู้ส่งสาร+ผู้รับสาร       (2) ผู้รับสาร+ช่องทาง  (3) ช่องทาง+ผู้ส่งสาร  (4) ช่องทาง+เนื้อหา

ตอบ 1 (คำบรรยาย) การพูดในสังคมประชาธิปไตย เป็นการสื่อสารแบบสองทางที่มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันโดยตรงระหว่างผู้ส่งสารกับผู้รับสาร ดังนั้นจึงเป็นการพูดที่ให้ความสำคัญกับผู้ส่งสาร +ผู้รับสารประกอบกัน ส่วนการพูดที่เน้นสายการบังคับบัญชาที่มีประสิทธิภาพจะเน้นในเรื่อง ช่องทาง+เนื้อหาที่มีประสิทธิผล เพื่อให้บรรลุถึงจุดมุ่งหมายในการสื่อสารตามที่ต้องการ

22.       กระบวนการพูดที่เน้นสายการบังคับบัญชาที่มีประสิทธิภาพ จะเน้นปัจจัยข้อใด

(1)       ผู้ส่งสาร+ผู้รับสาร       (2) ผู้รับสาร+ช่องทาง  (3) ช่องทาง+ผู้ส่งสาร  (4) ช่องทาง+เนื้อหา

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 21. ประกอบ

23.       เสียงและสำเนียงในวิชาการพูดนั้น

(1)       ไม่แตกต่างกันเลย       (2) ใช้แทนกันได้

(3) มีความคล้ายกันมาก         (4) ต้องสื่อสารประกอบกันเสมอ

ตอบ 4 (คำบรรยาย) การพูด เป็นเครื่องมือทางการสื่อสารที่ต้องใช้เสียงและสำเนียงโต้ตอบประกอบ กันเสมอ โดยเสียงเป็นเพียงการเปล่งวาจาออกมา ส่วนสำเนียงจะบอกถึงอากัปกิริยาหรืออารมณ์ ที่สื่อออกไป ดังนั้นเสียงจะไม่สามารถบอกอารมณ์ความรู้สึกได้หากไมมีสำเนียงมาช่วย

24.       อวัจนภาษา หมายถึง

(1) ภาษาที่ไม่ใช้ถ้อยคำ (2) ภาษาท่าทาง       (3) ภาษาเขียน            (4) ภาษากาย

ตอบ 1 (คำบรรยาย) การสื่อสารของมนุษย์นั้นหากพิจารณาโดยใช้ภาษาเป็นเกณฑ์แล้ว สามารถแบ่งออก ได้ดังนี้   1. การสื่อสารที่ใช้ถ้อยคำ หรือวัจนภาษา (ภาษาที่ใช้ถ้อยคำ) ได้แก่ ภาษาพูด และภาษาเขียน 2. การสื่อสารที่ไม่ใช้ถ้อยคำ หรืออวัจนภาษา (ภาษาที่ไม่ใช้ถ้อยคำ) ได้แก่ อากัปกิริยาท่าทาง สีหน้า สายตา การแต่งกาย การเดิน น้ำเสียง ฯลฯ

25.       ข้อใดคือสิ่งเร้าภายในของผู้พูด

(1)       เกลียดคนฟังชุดสีน้ำตาลเข้มที่นั่งอยู่ด้านซ้ายติดหน้าต่างช่องที่สอง

(2)       ผู้ฟังชุดสีฟ้าเข้มหงุดหงิดที่เห็นจอภาพ LCD ไม่ชัด ซึ่งเคยเตือนคนพูดมาแล้ว

(3)       เบื่อเรื่องที่พูดไม่เข้าท่า เพราะสปอนเซอร์มีผลประโยชน์กดดันคนพูด

(4)       อากาศร้อนมาก แต่วิทยากรไมใส่ใจเลยเพราะชินกับเรื่องแบบนี้

ตอบ 1 หน้า 7, (คำบรรยาย) สิ่งเร้าที่เกิดจากตัวผู้พูด คือ สิ่งที่ผู้ฟังได้ยินและได้เห็น ซึ่งพิจารณาได้จาก

1.         สิ่งเร้าภายในตัวผู้พูด ได้แก่ อารมณ์ความรู้สึกนึกคิดและสุขภาพของผู้พูด เช่น ความรู้สึกหิว โกรธ เกลียด ปวดท้อง คลื่นไส้ ไม่สบาย ฯลฯ

2.         สิ่งเร้าภายนอกตัวผู้พูด ได้แก่ สิ่งแวดล้อม เจ้าภาพ และผู้ชม-ผู้ฟังทั้งหลาย เช่น อุณหภูมิ ในห้องบรรยาย เวลาที่ให้กับผู้พูด ทัศนคติของเจ้าภาพ ความสนใจของผู้ชม-ผู้ฟัง ฯลฯ

26.       การพูดเป็นการแสดง

(1) ตน+วาจา   (2) วาจา+ลีลา (3) ลีลา+บุคลิกภาพ (4) บุคลิกภาพ+รสนิยม

ตอบ1 (คำบรรยาย) การพูดเป็นการแสดงใน 2 ส่วน คือ การแสดงตน+วาจา ซึ่งการแสดงตน หมายถึง การแสดงบุคลิกภาพ ลีลา หรืออากัปกิริยาท่าทางในระหว่างพูด ส่วนการแสดงวาจา หมายถึง การแสดงเนื้อหาที่จะพูด ดังนั้นผู้พูดจึงต้องเตรียมความพร้อมทั้งในเรื่องเนื้อหาและบุคลิกภาพ ไปพร้อม ๆ กัน

27.       หลักการใช้ภาษาพูดในการสัมภาษณ์งานควรเป็นอย่างไร

(1)       ภาษาถิ่นที่สุภาพ         (2) ภาษาราการ         (3) ภาษาสนทนาที่สุภาพ (4) ภาษากึ่งพิธีการ

ตอบ 3 หน้า 12255 – 256259 หลักการใช้ภาษาพูดในการสัมภาษณ์งาน ซึ่งเป็นการสัมภาษณ์ แบบตัวต่อตัวในลักษณะที่เป็นพิธีการ ทั้งผู้สัมภาษณ์แสะผู้ให้สัมภาษณ์ควรใช้ภาษาสนทนา ที่สุภาพ มิใช่ภาษาเขียนหรือภาษาราชการ นอกจากนี้ยังต้องใช้คำพูดที่ง่ายแก่การเข้าใจ และกินความหมายครอบคลุมเนื้อเรื่องที่จะถามหรือตอบ

28.       ข้อใดที่การพูดทำได้ยากที่สุด

(1) เปลี่ยนพฤติกรรม   (2) เปลี่ยนทัศนคติ      (3) เปลี่ยนภาพลักษณ์            (4) เปลี่ยนข้อมูล

ตอบ 2 หน้า 94 – 96, (คำบรรยาย) การพูดเพื่อชักจูงใมีความแตกต่างจากการพูดจาตามปกติ ในเรื่องของการกำหนดเป้าหมายและวิธีการ เนื่องจากเป้าหมายของการพูดเพื่อชักจูงใจคือ การชักจูงให้เปลี่ยพฤติกรรม เปลี่ยนการกระทำ หรือเปลี่ยนความเชื่อและทัศนคติ (เป็นสิ่งที่การพูดทำได้ยากที่สุด) โดยคำนึงถึงเงื่อนไขของการให้ข้อมูลเพื่อการโน้มน้าวใจ ได้แก่

1.         การสร้างความเลื่อมใสศรัทธา 2. นำเสนอสิ่งที่น่าสนใจ

3.         ปลุกเร้าให้เกิดการกระทำ

29.       คุณชไมพรจะไปพูดในการประชุมผู้นำชาวบ้าน คุณจะแนะนำวิธีเลือกเรื่องพูดอย่างไร

(1)       เลือกเรื่องที่ผู้พูดสามารถหาข้อมูลได้ และผู้ฟังน่าจะให้ความสนใจ

(2)       เลือกเรื่องที่ผู้พูดสนใจสามารถนำเสนอได้ ส่วนผู้ฟังอาจจะสนใจหรือไม่ก็ได้

(3)       เลือกเรื่องทันสมัยที่ผู้พูดชอบเป็นการส่วนตัว และผู้ฟังส่วนใหญ่ไม่มีประสบการณ์

(4)       เลือกเรื่องยากพอประมาณซึ่งเป็นสาระแก่ชีวิต ส่วนผู้ฟังก็ใช้ประโยชน์ได้

ตอบ 1 หน้า 23, (คำบรรยาย) ในการเลือกเรื่องไปพูดนั้น ผู้พูดต้องพยายามเลือกเรื่องที่ทั้งผู้พูดและผู้ฟัง สนใจเป็นอับดับแรก ยิ่งถ้าเป็นเรื่องที่ผู้พูดถนัดหรือมีความรู้และสามารถหาข้อมูลมานำเสนอได้ ก็จะทำให้พูดได้ดี และถ้าเรื่องนั้นผู้ฟังสนใจด้วยก็ดูเหมือนว่าผู้พูดได้ประสบความสำเร็จขั้นต้น ในการเรียกความสนใจจากผู้ฟัง แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ผู้ฟังไม่สนใจ การพูดนั้นก็จะล้มเหลว

30.       โครงร่าง (Outline) มีประโยชน์ต่อการเตรียมเรื่องพูดอย่างไร

(1)       ทำให้เนื้อหาไม่หลุดกรอบแนวคิดหลัก (2) ทำให้เนื้อหาไม่ขาดตอน

(3) ทำให้เนื้อหาน่าติดตาม       (4) ทำให้เนื้อหาน่าเชื่อถือ

ตอบ1 หน้า 31 – 32, (คำบรรยาย) ในการเตรียมเรื่องพูดนั้น ผู้พูดจำเป็นที่จะต้องเขียนโครงร่าง หรือโครงเรื่อง (Outline) ขึ้นมาก่อน ซึ่งมีประโยชน์ดังนี้

1.         ช่วยวางแนวทางว่าเรื่องที่จะพูดนั้นมีหัวข้ออะไรบ้าง

2.         ช่วยเป็นแนวทางการเรียงลำดับ (Order) เรื่องที่จะพูด

3.         ช่วยทำให้เนื้อหามีเอกภาพเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่หลุดกรอบแนวคิดหลักของเรื่อง

4.         ช่วยให้การดำเนินเรื่องไม่สับสน และง่ายแก่การจดจำไปพูด

31.       ข้อใดไมใช่การขยายความเนื้อเรื่อง

(1) พูดเปรียบเทียบกับสำนวน สุภาษิต           (2) พูดถึงเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา

(3) พูดเพื่อให้ผู้ฟังคิดเอง         (4) พูดโดยฉายสไลด์ประกอบการพูด

ตอบ 2 หน้า 37 – 38 การขยายความเนื้อเรื่อง ทำได้ดังนี้

1.         การให้คำจำกัดความ   2. การยกตัวอย่าง ซึ่งต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา

3.         การเปรียบเทียบกับสิ่งที่คล้ายคลึง     4. การแสดงหรือชี้ให้เห็นถึงข้อแตกต่าง

5.         การหยิบยกข้ออ้างอิง สำนวน สุภาษิต หรือคำพังเพย

6.         การเล่าเรื่องประกอบเพื่อให้ผู้ฟังคิดเอาเอง    7. การถาม-ตอบ

8. การใช้โสตทัศนูปกรณ์ต่าง ๆ เช่น การฉายสไลด์ การใช้แผนที่ แผนภูมิ รูปภาพ ลฯ

32.       ข้อใดไม่ใช่เครื่องมือในการสื่อความหมายของผู้พูด

(1)       ความเชื่อและทัศนคติ  (2) วิทยากรรับเชิญ

(3) โสตทัศนูปกรณ์      (4) หมอกควันเปิดตัวทอล์กโชว์

ตอบ 1 หน้า 7, (คำบรรยาย) เครื่องมือในการสื่อความหมายในกระบวนการพูด คือ อะไรก็ตาม ที่ผู้พูดใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อการนำเสนอเพื่อให้ได้รับความรู้ความเข้าใจได้อย่างเต็มที่ จนสามารถทำให้การพูดนั้นถ่ายทอดความหมายออกมาได้ ซึ่งแบ่งออกเป็น

1.         อวัจนภาษา หรือภาษาที่ไม่ใช้ถ้อยคำ เช่น กิริยาท่าทาง สีหน้า การแต่งกาย ฯล

2.         โสตทัศนูปกรณ์ เช่น ไมโครโฟน อุปกรณ์ประกอบฉาก เทคนิคในการเปิดตัว ฯลฯ

3.         บุคคลและวัตถุพยาน เช่น วิทยากรรับเชิญ หลักฐานที่เป็นเอกสารต่าง ๆ ฯลฯ

33.       สิ่งใดควรกระทำเมื่อขึ้นเวทีพูด

(1)       ใช้มือเคาะไมโครโฟน   (2) กระแอมก่อนพูด

(3) พูดช้า ๆ ในนาทีแรกที่เริ่มพูด          (4) พูดขออภัยในความล่าช้าของตัวเอง

ตอบ 3 หน้า 52 – 53, (คำ,บรรยาย) ข้อควรปฏิบัติเมื่อขึ้นเวทีพูด มีดังนี้ 1. ในระหว่างการเดินเข้า ณ ตำแหน่งที่พูดหลังจากพิธีกรเชิญผู้พูดขึ้นพูดแล้ว ผู้พูดไม่ต้องทำความเคารพหรือทักทาย ใครอีกแล้ว         2. ในนาทีแรกที่เริ่มพูดนั้นควรพูดช้า ๆ     3. หลังจากกล่าวคำปฏิสันถารแล้วผู้พูดจะต้องไม่ออกตัวหรือขอโทษ/ขออภัยในความผิดพลาดหรือข้อบกพร่องของตนเอง 4.ควรหลีกเลี่ยงการกระแอมกระไอก่อนพูด การใช้มือเคาะไมโครโฟน หรือพูดว่า ฮัลโหล ๆ” 5.เมื่อผู้ฟังแสดงความพอใจหรือไม่พอใจขึ้นมา ผู้พูดควรหยุดพูดเป็นอันดับแรก จนเมื่อเสียง แสดงความพอใจหรือไม่พอใจนั้น ๆ จบหรือซาลงจึงเริ่มพูดต่อไป ฯลฯ

34.       เมื่อผู้ฟังแสดงความไม่พอใจขึ้นมาอย่างไม่คาดคิด ผู้พูดควรปฏิบัติอย่างไรเป็นอันดับแรก

(1)       พูดสลายอารมณ์ผู้ฟังด้วยเหตุผลและคำขอโทษ

(2)       ยกมือให้สัญญาณแก่ผู้จัดงาน และรอจนกว่าจะมีเจ้าหน้าที่มาจัดการกลุ่มผู้ฟัง

(3)       หยุดพูด จนเมื่อการแสดงความไม่พอใจจบลงจึงเริ่มพูดต่อ

(4)       เดินไปให้ชิดด้านหน้าเวทีเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อผู้ฟังในเหตุการณ์ที่เกิด

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 33. ประกอบ

35.       วิธีทำให้ความตื่นเวทีลดน้อยลงได้แก่

(1)       ดื่มเบียร์หรือสุราเล็กน้อย         (2) เดินทางมาถึงก่อนเวลาพอสมควร

(3) ยิ้มและพูดคุยกับผู้ฟังเป็นครั้งคราว           (4) ฝึกซ้อมพูดระหว่างเดินทาง

ตอบ 4 หน้า 54 – 55 วิธีแก้หรือทำให้ความตื่นเวทีและความกังวลลดน้อยลงประการแรกที่สุดก็คือ ผู้พูดจะต้องเตรียมเรื่องพูดให้พร้อม และฝึกซ้อมพูดบ่อย ๆ อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไป เพราะถ้า เตรียมสองประการนี้ไม่ดีก็เท่ากับประสบความล้มเหลวก่อนขึ้นเวทีเสียแล้ว

36.       ผู้ที่ไม่ประสบความสำเร็จในการฟัง (ส่วนใหญ่) มาจากสาเหตุใด

(1)       ชอบพูดมากกว่าขอบฟัง          (2) มีความกังวลใจในเรื่องต่าง ๆ

(3)       ชอบหลับ         (4) สนใจบุคลิกของผู้พูดมากเกินไป

ตอบ2  หน้า 69, (คำบรรยาย) ลักษณะของการฟังที่ดีประการหนึ่ง คือ ผู้ฟังจะต้องตัดความกังวลใจต่าง ๆ เพราะถ้าผู้ฟังมีความกังวลใจแล้วย่อมจะไม่มีสมาธิในการรับฟัง ซึ่งถือเป็นสาเหตุส่วนใหญ่ ที่ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จในการฟัง ดังนั้นวิธีที่ดีคือ ควรทำจิตใจให้หายกังวลแล้วตั้งใจรับฟัง เรื่องที่ผู้พูดพูด เมื่อตั้งใจฟังและเกิดความสนใจที่จะฟังแล้วก็จะเกิดความเข้าใจขึ้นมาได้

37.       การที่ครูฝึกชมเชยทหารใหม่ว่าเป็นผู้มีความอดทนและเสียสละ เป็นการกระตุ้นทางใด

(1)       ทางร่างกาย     (2) ทางจิตใจ   (3) ทางนิสัย    (4) ทางสังคม

ตอบ 2 หน้า 96 การพูดกระตุ้นทางจิตใจ เป็นการพูดที่ผู้พูดจะต้องพูดให้ผู้ฟังมีความรู้สึกภาคภูมิใจ มีความเชื่อมั่นในตนเอง มีความอดทน เสียสละ และมีความสามารถ ฯลฯ

38.       การพูดให้สัปเหร่อมีความรู้สึกว่าตนเองเป็นคนมีเกียรติเช่นเดียวกับคนอาชีพอื่น ๆ ควรพูดกระตุ้นในทางใด

(1)       ทางร่างกาย     (2) ทางจิตใจ   (3) ทางสังคม  (4) ทางนิสัย

ตอบ3 หน้า 96 การพูดกระตุ้นทางสังคม ผู้พูดจะต้องพูดให้ได้ผลออกมาในรูปที่ว่า ผู้ฟังเป็นคนที่ กว้างขวาง มีเกียรติ เป็นที่รู้จักในวงสังคม หรือเป็นผู้ที่มิสิทธิเสมอภาคเท่าเทียมกับคนอื่น ๆ ในสังคมเหมือนกัน

39.       ในการพูดชักจูงใจ สิ่งสำคัญที่ทำให้ผู้ฟังเชื่อถือในตัวผู้พูดคืออะไร

(1) พยาน หลักฐาน และข้อมูล            (2) ถ้อยคำที่มีน้ำหนัก น่าเชื่อถือ

(3) ความมีชีวิตชีวาและท่าทางของผู้พูด          (4) น้ำเสียง ท่าทาง และคำพูด

.ตอบ 1 หน้า 95 ในการพูดแบบชักจูงใจ สิ่งสำคัญที่ทำให้ผู้ฟังเชื่อถือหรือเชื่อมั่นในตัวผู้พูดก็คือ ผู้พูดจะต้องยกตัวอย่าง ยกเหตุผลข้อเท็จจริง ข้อมูล หลักฐาน พยาน และข้อโต้แย้งต่าง ๆ ขึ้นมาอ้างอิง เพื่อให้ผู้ฟังเห็นด้วย

40.       คุณสิริมาเป็นผู้บรรยายในหัวข้อการป้องกันตนจากภัยธรรมชาติ และต้องการแจกเอกสารประกอบแก่ผู้ฟัง เขาควรแจกเมื่อใด

(1)       เมื่อถูกทวงถาม            (2) หลังการพูดบรรยาย

(3) ในขณะที่บรรยายไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว          (4) เมื่อผู้ฟังง่วงนอน

ตอบ 2 หน้า 122 ในการพูดสาธิตที่เน้นการเรียนการสอน หรือการปฏิบัติของบุคคลนั้น

อาจมีเครื่องมือเพื่อใช้ประกอบการอธิบาย เช่น หนังสือ คู่มือ เอกสาร ฯลฯ ซึ่งวิธีที่ดีก็คือ บรรยายหรืออธิบายในเรื่องนั้น ๆ ให้จบเสียก่อน แล้วจึงแจกหนังสือ คู่มือ และเอกสารให้แก่ ผู้ฟังภายหลังการพูดบรรยายจบแล้ว (แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ต้องให้ตัดสินใจ หรือการลงมติ ควรแจก ก่อนการบรรยาย)

41.       การพูดเกี่ยวกับการวิจัยหลังจากผู้วิจัยเดินทางสำรวจพื้นที่ชุ่มน้ำในบึงหนองหานต่อคณะกรรมการยูเนสโก เพื่อขออนุมัติงบประมาณ เป็นการพูดรายงานแบบใด

(1)       แบบประสบการณ      (2) แบบแถลงข้อเท็จจริง

(3) แบบความก้าวหน้าและผลสำเร็จ  (4) แบบสรุปผล

ตอบ 2 หน้า 140, (คำบรรยาย) การพูดรายงานแบบแถลงข้อเท็จจริง เป็นการเสนอข้อเท็จจริงหลักฐาน ข้อมูล วัตถุประสงค์ หลักการ และสมมุติฐานที่จะเกิดขึ้น ซึ่งอาจได้จากการสังเกต การทดลอง การสำรวจ และการศึกษาจากเอกสารต่าง ๆ ตัวอย่างของการพูดรายงานแบบนี้ คือ การพูดให้ความ (ให้การ) ในชั้นศาล การรายงานถึงโครงการหรือนโยบายที่จะกระทำ หรือ ที่กำลังกระทำอยู่ เช่น โครงการกู้เงินตราต่างประเทศ โครงการศูนย์การค้าไทยในต่างประเทศ โครงการขออนุมัติงบประมาณ เป็นต้น

42.       ในการพูดรายงานแบบสรุปผล หากต้องพูดเกี่ยวกับรายงานการทดลอง รายงานนั้นควรประกอบด้วยองค์ประกอบที่สำคัญ ๆ ยกเว้นข้อใด 

(1) ประสบการณ์ผู้ทดลอง

(2)       ความมุ่งหมาย (3) เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง           (4) สรุปผลการทดลอง

ตอบ 1 หน้า 141- 142 การพูดรายงานแบบสรุปผล ในกรณีที่เกี่ยวกับการรายงานการทดลองหรือปฏิบัติการนั้น ควรจะประกอบด้วยองค์ประกอบที่สำคัญ ๆ ดังนี้ 1. ความมุ่งหมาย  2.เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง 3. สรุปผลของการทดลอง

43.       คุณเดชาวุฒิเป็นนักลงทุนที่ต้องพูดรายงานในที่ประชุม เขาควรยึดหลักอะไร

(1)       มีเนื้อหาสั้น ชัดเจน พร้อมมีข้อมูลทางสถิติเตรียมไว้นำเสนอ

(2)       มีเนื้อหาสมบูรณ์ชัดเจนพร้อมทั้งข้อมูลทางสถิติที่จำเป็น

(3)       มีเนื้อหาละเอียดสมบูรณ์ทุกด้าน พร้อมทั้งข้อมูลทางสถิติ และตัวเลขค่าตอบแทบ

(4)       มีเนื้อหาสมบูรณ์ ละเอียดชัดเจน พร้อมทั้งข้อมูลการศึกษาวิจัยที่กระทำมาก่อนนี้

ตอบ 1 หน้า 139, (คำบรรยาย) หลักการเตรียมเนื้อหาของรายงานที่จะพูด มีดังนี้

1.         เรียบเรียงเนื้อหาด้วยความประณีตและรอบคอบ

2.         ใจความสำคัญของเนื้อหาต้องสั้น กระชับ ชัดเจน พร้อมทั้งมีข้อมูลทางสถิติ

3.         ทำหัวข้อย่อย ๆ ให้มีความเด่น ง่ายต่อการอ่าน โดยมีการใส่หมึกไฮไลต์ขีดทับ

4.         ไม่ควรบรรจุเนื้อหาที่สมบูรณ์ของเรื่องลงไป

5.         เขียนบันทึกย่อประเด็นสำคัญที่ไม่อาจละเลยได้ในการพูดไว้ท้ายกระดาษ

6.         ใช้ข้อความที่ประกอบด้วยคำพูดเพื่อแสดงให้รู้ว่าจบเนื้อหาของเรื่องที่พูดตอนหนึ่ง ๆ แล้ว ฯลฯ

44.       ข้อใดต่อไปนี้ถูกต้องตามหลักการพูดวิจารณ์

(1) ยำไข่เค็มอร่อยมากแต่ก็แพงเอาเรื่อง         (2) เธอนิสัยดีแถมใจเย็นมาก

(3)       ละครเรื่องนี้ลงทุนน้อยมีกำไรมาก       (4) นางเอก จันดารา” สวยมาก

ตอบ 1 หน้า 169 การพูดวิจารณ์ หมายถึง การพูดทั้งติและชมสิ่งใดสิ่งหนึ่งในแง่ต่าง ๆ อย่างมีเหตุผล และถูกหลักการวิจารณ์ ซึ่งลักษณะเฉพาะหรือจุดเด่นของการพูดวิพากษ์วิจารณ์ที่แตกต่างจาก การพูดชนิดอื่น ๆ คือ เป็นการพูดที่ต้องใช้หลักทางตรรกวิทยา (Logic) หรือใช้หลักทางเหตุผล มาประกอบ โดยจะไม่เอาอารมณ์ของผู้พูดเข้ามาเกี่ยวข้อง

45.       การพูดในลักษณะวิพากษ์วิจารณ์มีลักษณะเฉพาะที่ต่างจากการพูดประเภทอื่น ๆ อย่างไร

(1)       เนื้อหาที่จะพูดต้องเป็นข้อเท็จจริงเสมอ

(2)       ต้องมีการนำเสนอโดยใช้เหตุผลประกอบ

(3)       ต้องมีการใช้กติกา ข้อกำหนด หรือตัวบ่งชี้ต่าง ๆ มาใช้เป็นเกณฑ์

(4)       ต้องมีการจัดสมดุลของเนื้อหา และผลกระทบที่เกิดขึ้นกับบุคคลที่กล่าวอ้าง

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 44. ประกอบ

46.       ประธานในที่ประชุมควรเสนอความคิดเห็นของตนอย่างไรจึงเหมาะสมที่สุด

(1) เป็นคนสุดท้าย       (2) ตลอดเวลา (3) ครั้งที่เปลี่ยนวาระ  (4) เป็นคนแรก

ตอบ 1 หน้า 205 หน้าที่ของประธานในที่ประชุมประการหนึ่ง คือ ประธานจะต้องเปิดโอกาสและ ช่วยให้ผู้เข้าประชุมได้ใช้ความคิดของตนเองอย่างเต็มความสามารก โดยประธานไม่ควร เสนอความคิดเห็นของตนเป็นคนแรก แต่ควรเสนอความคิดเห็นเป็นคนสุดท้าย

47.       ถ้านายเยี่ยมยอดไร้ที่ติ ไม่เห็นด้วยกับมติของที่ประชุม (ที่ครบองค์ประชุม) เขาต้องทำอย่างไร

(1) ไม่ต้องปฏิบัติตาม  (2) ต้องปฏิบัติตาม

(3) ขอแปรญัตติต่อประธาน    (4) ขอให้มีการทบทวนมติ

ตอบ 2 หน้า 203 มติ คือ ข้อตกลงของที่ประชุมในญัตติต่าง ๆ ที่มีผู้เสนอ ซี่งมติของที่ประชุม (ที่ครบองค์ประชุม)ให้ถือเป็นข้อยุติที่ทุกคนจะต้องปฏิบัติตามถึงแม้จะไม่เห็นด้วยก็ตาม

48.       ดร.รสสุคนธ์เป็น ส.ส. และต้องการขอแปรญัตติในที่ประชุม เขาควรทำอย่างไร

(1) เสนอด้วยวาจาต่อประธาน            (2) เสนอเป็นลายลักษณ์อักษรต่อประธาน

(3) เสนอด้วยวาจาต่อเลขาฯ    (4) เสนอเป็นลายลักษณ์อักษรต่อเลขาฯ

ตอบ 2 หน้า 203, (คำบรรยาย) แปรญัตติ หมายถึง การแสดงความคิดเห็นซ้อนขึ้นในญัตติ หรือการเสนอขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมญัตตินั้น ๆ โดย ส.ส./ส.ว. ที่ต้องการขอแปรญัตติ ในที่ประชุมจะต้องเสนอคำขอแปรญัตติของตนเป็นหนังสือ (เป็นลายลักษณ์อักษร) ต่อประธาน ภายในระยะเวลาที่กำหนด และคำแปรญัตติต้องมี ส.ส./ส.ว. อื่นรับรองเป็นจำนวนไม่น้อยกว่า ที่กำหนดไว้ในข้อบังคับการประชุมสภา

49.       การพูดให้ความรู้เชิงอุปมาอุปไมยและเปรียบเทียบ มักใช้กับการพูดชนิดใด

(1) การรายงาน           (2) การวิจารณ์            (3) การเล่าเรื่อง           (4) การอภิปราย

ตอบ 3 หน้า 217 การเล่าเรื่อง เป็นการสอนหรือนำเสนอข้อมูลในเชิงอุปมาอุปไมยและเปรียบเทียบ รวมทั้งยังเป็นการสอนในแง่ความคิดต่าง ๆ ในด้านปรัชญาและคติธรรม

50.       การแทรกบทตลกในการนำเสนอเรื่องเล่า ทำไปด้วยเหตุผลใด

(1) เพื่อเรียกเสียงหัวเราะ        (2) เพื่อให้เกิดอารมณ์สนุก

(3) เพื่อดึงดูดความน่าสนใจ    (4) เพื่อให้ครบอรรถรสในการนำเสนอ

ตอบ 3 หน้า 218 – 219 ในการเล่าเรื่องประเภทนิทานนั้น เมื่อมีตอนใดที่สามารถจะแทรกบทตลกได้ ก็ควรจะเล่าเรื่องให้ตลก เพราะบทตลกจะดึงดูดความน่าสนใจของผู้ฟังได้ดี นอกจากนี้ในเนื้อเรื่อง ที่ใช้เล่านิทานก็ควรจะใช้บทพูด (Dialogue) ประมาณ 80% หรือควรจะใช้พรรณนาโวหาร ให้น้อยกว่าบทพูด

51.       การเตรียมตัวเพื่อพูดให้คำปรึกษา ควรมีกระบวนการอย่างไร

(1)       รู้จุดหมาย เปิดโอกาสให้ซักถาม และมีข้อสรุป

(2)       รู้จุดหมาย เตรียมเนื้อหา และเปิดโอกาสให้ซักถาม

(3)       รู้ปัญหา รู้ว่าจะแก้ไขอย่างไร และหาทางออกร่วมกัน

(4) รู้ข้อสรุป รู้วิธีอธิบาย และเปิดโอกาสให้ซักถาม

ตอบ 3 หน้า 244, (คำบรรยาย) หลักการเตรียมตัวเพื่อพูดให้คำปรึกษาแก้ไขปัญหา มีดังนี้

1.         รู้ปัญหาว่าคืออะไร       2. รู้ว่าควรจะแก้ไขอะไรบ้าง

3.         รู้วิธีแก้บัญหาที่ดีที่สุดว่าคือวิธีใด และหาทางออกร่วมกัน

52.       ผู้สื่อข่าวจะสัมภาษณ์แหล่งข่าวที่ไม่อาจคาดเดาบุคลิกภาพได้จะต้องใช้วิธีการใด

(1)       วิธีสะท้อนความรู้สึก    (2) วิธีให้ความร่วมมือ

(3) วิธีกดดันให้แสดงตัวตน     (4) วิธียืดหยุ่นไปตามสถานการณ์

ตอบ 1 หน้า 248250, (คำบรรยาย) การสัมภาษณ์แหล่งข่าวที่ไม่อาจคาดเดาบุคลิกภาพได้อาจต้องใช้วิธีเดียวกับการพูดให้คำปรึกษา ได้แก่ วิธีสะท้อนความรู้สึก (The Method of Reflected Feelings) คือ การทำตัวสนิทสนมกับแหล่งข่าว เพื่อสร้างบรรยากาศให้มี ความอิสรเสรี ความเข้าใจ ความไว้วางใจกัน ซึ่งจะส่งผลให้แหล่งข่าวเต็มใจที่จะแสดงตัวตน ออกมาในที่สุด

53.       การสัมภาษณ์นั้นมีความหมายสำคัญในเชิงการสื่อสารอย่างไร

(1)       ทำให้รู้ซึ้งถึงข้อมูลเชิงลึก         (2) ทำให้มีการทบทวนเหตุการณ์

(3) ทำให้ความจริงถูกเปิดเผย             (4) ทำให้มีการจัดระเบียบข่าวสาร

ตอบ 1 (คำบรรยาย) การสัมภาษณ์ หมายถึง การสื่อสารด้วยกระบวนการพูดคุยโดยมีเป้าประสงค์ เพื่อห้ได้มาซึ่งข้อมูลสำคัญ ข่าวสาร หรือประเด็นที่เป็นสาระโดยตรง ผ่านบุคคลที่มีการ เลือกสรรแล้ว ทั้งนี้ข้อมูลที่ได้มาถือเป็นข้อมูลเชิงลึกที่มีความเฉพาะเจาะจงตามเป้าหมาย ตามวัตถุประสงค์ และตามสถานการณ์ขณะนั้น

54.       ถ้าผู้ให้สัมภาษณ์เป็นคนค่อนข้างลึกลับ ท่านจะมีวิธีทำให้เขาพูดตอบคำถามได้อย่างไร

(1)       ชี้แจงให้เห็นข้อเท็จจริง

(2)       พูดปลอบ พร้อมทั้งขอให้ความช่วยเหลือ

(3)       พูดปลอบและขอร้องให้ไว้วางใจ พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือ

(4)       พูดให้เกิดความไว้วางใจ พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือ

ตอบ 4 หน้า 262264 กลวิธีที่จะให้คนประเภทลึกลับตอบคำถามก็คือ การสร้างความสัมพันธ์กับ ผู้ให้สัมภาษณ์เพื่อให้เกิดความไว้วางใจและพยายามพูดหว่านล้อมให้เห็นว่าการตอบคำถาม เป็นนโยบายที่ดีที่สุด โดยถ้าเขาบอกหรือเล่าเรื่องราวให้เราฟังแล้ว เราจะช่วยเหลือและ ให้ความปลอดภัยแก่เขา ซึ่งสิ่งสำคัญคือ เราจะต้องปฏิบัติและรักษาคำพูดของเราด้วย

55.       ถ้าคุณได้รับมอบหมายให้สัมภาษณ์รัฐมนตรีท่านหนึ่ง ตอนหนึ่งของการสัมภาษณ์ท่านรัฐมนตรีทำท่า ไม่อยากตอบ ควรทำอย่างไรเป็นอันดับแรก

(1)       ถามคำถามอื่นต่อไป    (2) ป้อนคำถามให้ตรงจุดมากขึ้น

(3) ถามย้ำในคำถามนั้นอีกหลาย ๆ ครั้ง         (4) ชวนคุยเรื่องอื่นแล้วค่อยถามคำถามเดิม

ตอบ 1 หน้า 264 ในกรณีที่ถามคำถามแล้ว ผู้ให้สัมภาษณ์มีความรู้สึกอึดอัดไม่อยากจะตอบ

ผู้สัมภาษณ์ก็ควรจะเลี่ยงถามคำถามอื่นต่อไป หรือถ้าผู้ให้สัมภาษณ์เป็นผู้ที่มีวิธีตอบเลี่ยง อย่างฉลาด ผู้สัมภาษณ์ก็จะต้องมีความอดทนซักถามต่อไปเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ต้องการ

56.       ถ้าผู้ให้สัมภาษณ์เป็นผู้ที่มีวิธีตอบเลี่ยงอย่างฉลาด ผู้สัมภาษณ์ควรทำอย่างไร

(1) แทรกบทตลกเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ         (2) ขอร้องให้ตอบให้ตรงคำถาม

(3) จะต้องอดทนซักถามต่อไป (4) ควรแนะนำคำตอบ หรืออธิบายคำถาม

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 55. ประกอบ

57.       นักปั่นจักรยานเหรียญทองโอลิมปิกเดินทางมาประเทศไทย และเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์ ท่านรู้หรือไม่ว่าเป็นการสัมภาษณ์แบบใด

(1) In-depth Interview       (2) Mass Communication Interview

(3) Press Conference          (4) Executive Conference

ตอบ 3 หน้า 257 การเปิดให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์รวม (Press Conference) เป็นการสัมภาษณ์ที่ บุคคลสำคัญ ๆ เปิดโอกาสให้ผู้สื่อข่าวของสื่อมวลชนต่าง ๆ ทำการสัมภาษณ์รวม เพื่อซักถาม ข้อข้องใจอย่างเป็นพิธีการ

58.       ในการแลดงปาฐกถา ทำไมจึงต้องแนะนำองค์ปาฐก ข้อใดม่ถูกต้อง

(1) เพื่อให้ผู้ฟังรู้จักผู้พูด          (2) เพื่อให้เกียรติแก่ผู้พูด

(3) เพื่อยกย่ององค์ปาฐกให้พอใจ       (4).เพื่อเรียกร้องความสนใจจากผู้ฟัง

ตอบ 3 หน้า 310 จุดม่งหมายของการแนะนำองค์ปาฐกก็คือ  1. เพื่อให้ผู้ฟังรู้จักผู้พูดหรือ

องค์ปาฐกว่าเป็นใคร ทำอะไร และมีความสำคัญอย่างไร        2. เพื่อเป็นการให้เกียรติแก่ผู้พูด

3. เพื่อเรียกร้องหรือสร้างความสนใจให้แก่ผู้ฟัง เพราะเมื่อผู้ฟังรู้จักผู้พูดแล้วก็จะเกิดความกระตือรือร้นและสนใจที่จะฟัง       4. เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้ฟังกับผู้พูด

59.       ถ้าท่านได้รับมอบหมายให้เป็นผู้แนะนำวิทยากรที่จะมาแสดงปาฐกถา ท่านจะหาข้อมูลเกี่ยวกับวิทยากร มาพูดอย่างไร

(1) ถามประธาน          (2) ถามผู้สื่อข่าว          (3) ถามผู้เชิญ  (4) ถามวิทยากร

ตอบ 4 หน้า 311, (คำบรรยาย) ถ้าผู้แนะนำไม่รู้จักหรือไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับวิทยกร (องค์ปาฐก)ที่จะมาแสดงปาฐกถา ก็ควรติดต่อหรือถามวิทยากรว่าจะให้ตนแนะนำอย่างไร โดยต้อง ติดต่อกันก่อนวันแนะนำจริง

60.       องค์ปาฐกควรพูดตอนที่เป็นบทสรุปในตอนท้ายสุดอย่างไร

(1)       พูดถ่อมตัวว่าการพูดของตนยังมีข้อบกพร่อง แต่จะพยายามให้ดีในโอกาสต่อไป

(2)       ขอบคุณและขอโทษผู้ฟังในกรณีที่มีข้อบกพร่องเกี่ยวกับการพูด

(3)       ขอบคุณผู้ฟังที่ได้เสียสละเวลามาฟังการพูดของตน

(4)       ให้ข้อคิดความเห็นที่น่าสนใจและน่าจดจำ

ตอบ 4 หน้า 40309 ผู้แสดงปาฐกถา (องค์ปาฐก) ควรจะสรุปการพูดทั้งหมดให้ผู้ฟังได้ข้อคิดความเห็น ที่น่าสนใจ โดยการกล่าวสรุปที่ดีนั้นควรจะสั้น มีน้ำหนัก และเป็นที่น่าจดจำ ซึ่งอาจสรุปด้วย การเรียกร้องให้ทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด สรุปด้วยบทกลอน สุภาษิต สรุปด้วยเรื่องที่สนุกสนาน ชื่นบานใจ หรือสรุปด้วยคำถามก็ได้

61.       การกล่าวขอบคุณองค์ปาฐก ควรเป็นอย่างไร

(1)ขอบคุณและเชิญชวนให้มาพูดอีก  (2)ขอบคุณและเชิญชวนผู้ฟังปรบมือให้องค์ปาฐก

(3) ขอบคุณและสรุปเนื้อหาสาระของปาฐกถา           (4) ขอบคุณ สรุปเนื้อหา และวิจารณ์ปาฐกถา

ตอบ 2 หน้า 312 หลังจากที่องค์ปาฐกได้จบปาฐกถาลงแล้ว พิธีกรจะต้องลุกขึ้นไปกล่าวขอบคุณ องค์ปาฐกและผู้ฟัง โดยมักจะกล่าวขอบคุณเป็นข้อความสั้น ๆ หรือบางครั้งก็อาจจะกล่าว ขอบคุณและเชิญชวนผู้ฟังปรบมือให้องค์ปาฐกด้วยก็ได้

62.       ในการแสดงปาฐกถานั้น ผู้พูดควรพูดอย่างไรเพื่อให้เรื่องที่พูดนั้นเป็นเรื่องที่น่าสนใจ

(1)       พูดบทตลกตลอดเวลา (2) พูดในเรื่องที่ผู้ฟังไม่เคยรู้มาก่อน

(3) พูดพาดพิงถึงบุคคลอื่นอย่างสนุกสนาน    (4) พูดระบายความคับแค้นน้อยเนื้อต่ำใจของตนเอง

ตอบ 2 หน้า 308 – 309, (คำบรรยาย) ในการแสดงปาฐกถานั้น ผู้พูดควรพูดในเรื่องที่น่าสนใจ สำหรับผู้ฟัง หรอเรื่องที่ให้ความรู้ และควรจะเป็นเรื่องที่ผู้ฟังไม่เคยรู้มาก่อน ยกเว้นเรื่องที่ เป็นความลับหรือเรืองส่วนตัวของผู้อื่น นอกจากนี้ผู้พูดอาจแทรกบทตลกได้เท่าที่จำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้ฟังเกิดความเบื่อหน่ายและไม่สนใจ จากนั้นจึงดึงประเด็นเข้าสู่ สาระหลักที่จะพูดต่อไป

63.       หลักการพิจารณาเรื่องราวและข้อมูลที่จะนำไปพูดอภิปราย ควรเป็นอย่างไร

(1)       เป็นเรื่องราวและข้อมูลที่ดี เป็นจริงและสามารถนำไปปฏิบัติได้

(2)       เป็นเรื่องราวและข้อมูลที่มีรายละเอียด มีการอ้างอิงและน่าสนใจ

(3)       เป็นเรื่องราวและข้อมูลที่ถูกต้องตามหลักการและทฤษฎี

(4)       เป็นเรื่องราวและข้อมูลที่น่าสนใจ ดีและมีเหตุผล

ตอบ 1 หน้า 344 หลักการพิจารณาเรื่องราวและข้อมูลที่จะนำไปพูดอภิปรายนั้น ผู้อภิปรายจะต้อง พิจารณาข้อเท็จจริงที่ได้จากการค้นคว้าว่าเป็นข้อมูลที่ดี มีเหตุผล เป็นจริง มีทัศนคติที่ดี และสามารถที่จะนำไปปฏิบัติได้

64.       ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของการอภิปราย

(1) เป็นการปรึกษาหารือ         (2) เป็นการแลกเปลี่ยนความรู้

(3) เป็นการพูดเพื่อชักชวน       (4) เป็นการโต้แย้งหาข้อหักล้าง

ตอบ 4 หน้า 337 ลักษณะของการอภิปรายแบ่งออกเป็น 4 ประการ คือ

1.         ต้องมีจุดมุ่งหมาย เพื่อเสนอรายละเอียดและแก้ปัญหา

2.         เป็นการปรึกษาหารือของคนกลุ่มหนึ่ง ไม่ใช่การพูดของคนเพียงคนเดียว

3.         เป็นการพูดเพื่อชักชวนให้คนคิดหาเหตุผลไมใช่อารมณ์

4.         เป็นการสื่อความหมายด้วยคำพูดโดยตรง เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ทัศนคติ และประสบการณ์

65.       ผู้อภิปรายที่ต้องการพูดเพิ่มเติมข้อคิดเห็นเมื่อยังไม่ถึงลำดับของตน ควรทำอย่างไร

(1)       เมื่อมีจังหวะที่จะพูดแทรกได้ก็ให้พูดทันที

(2)       รอให้ผู้อภิปรายทุกคนพูดจบก่อนจึงพูดเพิ่มเติม

(3)       ขออนุญาตจากผู้ดำเนินการอภิปรายก่อนแล้วจึงพูด

(4)       เมื่อผู้อภิปรายทุกคนพูดจบและผู้ดำเนินการอภิปรายสรุปแล้วจึงพูด

ตอบ3 หน้า 345, (คำบรรยาย) ในกรณีที่ผู้อภิปรายต้องการจะพูดเพิ่มเติมหรือแทรกข้อคิดเห็น (เมื่อยังไม่ถึงลำดับที่ตนจะพูด) จะต้องให้สัญญาณด้วยการยกมือขึ้นและขออนุญาตจาก ผู้ดำเนินการอภิปรายก่อน เมื่อผู้ดำเนินการอภิปรายอนุญาตแล้วจึงจะพูดได้

66.       ข้อใดไม่ใช่สิ่งแวดล้อมของการพูด

(1) อายุของคนพูด       (2) แผนงานที่ผู้พูดปฏิบัติ

(3) กระแสสาธารณมติ            (4) ศาสนาที่ผู้ฟังส่วนใหญ่ในห้องประชุมนับถือ

ตอบ 1 หน้า 7, (คำบรรยาย) สิ่งแวดล้อมของการพูด คือ สถานการณ์หรือสิ่งที่จะส่งผลต่อการพูด ที่นอกเหนือจากผู้พูดและผู้ฟัง ซึ่งพิจารณาได้จากสิ่งต่าง ๆ ดังนี้ 1. ระบบสังคมวัฒนธรรม เช่น คาสนา จารีตประเพณี แนวทางปฏิบัติของครอบครัว ฯลฯ 2. กฎระเบียบ อำนาจหน้าที่ 3. กระแสสาธารณมติ 4. นโยบาย แผนงาน และโครงการ

67.       สิ่งแรกที่ผู้วิจารณ์การพูดจะพิจารณาถึงความประหม่าของผู้พูด คืออะไร

(1)       ภาษา   (2) การประมวลเรื่อง

(3) ความคิดและเนื้อหาสาระ  (4) ท่าทีและการปรับตัวโดยทั่วไป

ตอบ 4 หน้า 486 หลักเกณฑ์ในการวิจารณ์หรือการประเมินผลการพูดทั่ว ๆ ไปข้อแรกคือการวิจารณ์ท่าทีและการปรับตัวโดยทั่วไป ซึ่งผู้วิจารณ์ต้องเริ่มพิจารณาจากการปรากฏตัว ของผู้พูดว่ามีความประหม่าหรือไม่ มีความมั่นใจในตนเองหรือไม่ ตลอดจนมีลักษณะที่แจ่มใส คล่องแคล่ว เป็นธรรมชาติ และสามารถปรับตัวให้เข้ากับบรรยากาศทั่ว ๆ ไปได้หรือไม่

68.       การพากย์กีฬาเรือยาว เป็นการพูดชนิดใด

(1)       การพูดโดยการท่องจำ (2) การพูดโดยอ่านจากต้นฉบับ

(3) การพูดปากเปล่าโดยไมมีการเตรียม         (4) การพูดปากเปล่าโดยมีการฝึกซ้อม

ตอบ 3 หน้า 89 การพูดปากเปล่าโดยไม่มีการเตรียมล่วงหน้า (การพูดโดยกะทันหัน) เช่นการพากย์กีฬามวย ฟุตบอล หรือเรือยาวการตอบปัญหาบางประการการกล่าวทักทาย เมื่อเผอิญได้พบกัน ฯลฯ มีข้อควรปฏิบัติดังนี้

1.         พยายามควบคุมสติอารมณ์ให้สงบ พยายามอย่าให้ตื่นเต้น ประหม่าหรือตื่นเวที

2.         คิดและรวบรวมความรู้ประสบการณ์ของตนเองให้ได้อย่างรวดเร็ว

3.         ลำดับความคิดเห็นหรือเรื่องให้ตรงกับประเด็นที่จะพูดยกตัวอย่าง

4.         พูดให้สั้น กระชับ และมีความหมายชัดเจน

69.       การรายงานข่าวพยากรณ์อากาศ เป็นการพูดชนิดใด

(1)       การพูดโดยการท่องจำ (2) การพูดโดยอ่านจากต้นฉบับ

(3) การพูดปากเปล่าโดยไม่มีการเตรียม         (4) การพูดปากเปล่าโดยมีการฝึกซ้อม

ตอบ 2 หน้า 90 การพูดโดยการอ่านจากต้นฉบับ เป็นการพูดที่อ่านจากโน้ตที่ได้เตรียมไว้โดยไม่ได้ มีการเปลี่ยนแปลงข้อความเลย จึงเป็นการอ่านมากกว่าการพูด ซึ่งมักใช้ในการพูดที่เป็นพิธีการ เช่น สุนทรพจน์ของบุคคลสำคัญ ๆ การอ่านข่าว การอ่านบทความ การกล่าวคำปราศรัยเนื่องใน โอกาสต่าง ๆ คำแถลงการณ์ของรัฐบาล/คณะปฏิวัติ การอ่านรายงาน เปิดกิจการ ฯลฯ

70.       นักพูดหน้าใหม่ที่มีประสบการณ์น้อย ควรฝึกซ้อมการพูดอย่างไรจึงจะดีที่สุด

(1)       ฝึกซ้อมพูดกับวิทยากรการพูด (2) ฝึกซ้อมพูดหน้าเสาธง

(3) ฝึกซ้อมพูดกับเพื่อนที่คุ้นเคย         (4) ฝึกซ้อมพูดกับสัตว์เลี้ยง

ตอบ 1 หน้า.52, (คำบรรยาย) วิธีฝึกซ้อมพูดกับผู้เชี่ยวชาญ คือ มีนักพูดผู้เชี่ยวชาญ วิทยากรการพูด หรือครูอาจารย์ดี ๆ คอยแนะนำให้เป็นการส่วนตัว จึงถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับนักพูดหน้าใหม่ ที่มีประสบการณ์น้อย เพราะจะทำให้ทราบว่าตนเองบกพร่องในเรื่องใดและควรแก้ไขในข้อใด ซึ่งโดยปกติแล้วในการพูดนั้นจะฝึกซ้อมกับผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวกับการพูดโดยตรง 2 กลุ่ม ได้แก่

1.         ผู้เชี่ยวชาญในด้านบุคลิกภาพและวิธีการนำเสนอ      2. ผู้เชี่ยวชาญในด้านเนื้อหา

71.       สิ่งใดเป็นวิธีช่วยแก้ความตื่นเวทีได้

(1)       คิดไปว่าไม่มีอะไรน่ากลัว และเขาก็อยากฟังเราพูด

(2)       รี ๆ พูดให้เร็ว ๆ ซะ จะได้จบเกมกันเสียที

(3)       ดื่มน้ำเข้าไปเยอะ ๆ ทดแทนการเสียเหงื่อ

(4)       ใส่เสื้อผ้ารัด ๆ ฟิต ๆ ให้ดูเท่เข้าไว้ จะได้เพิ่มความมั่นใจ

ตอบ 1 หน้า 54 – 55 วิธีแก้ความตื่นเวที มีดังนี้

1.         หายใจเข้าปอดลึก ๆ แล้วผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ ประมาณ 4 – 5 ครั้ง

2.         เมื่อเริ่มพูด ถ้ารู้สึกว่าเสียงสั่นและยังประหม่ามากให้พูดช้า ๆ พยายามหลีกเลี่ยงการพูดเร็ว

3.         พยายามคิดว่าไม่มีอะไรน่ากลัว และคิดว่าผู้ฟังที่มองตานั้นเขามองด้วยความศรัทธา ให้กำลังใจ และอยากฟังเราพูด

4.         ควรหลีกเลี่ยงการแต่งกายที่ตึง รัด และเป็นอุปสรรคต่อการพูด ฯลฯ

72.       ข้อใดแตกต่างจากข้ออื่นหากพิจารณาจากวัตถุประสงค์ในการพูดเป็นสำคัญ

(1)       พูดโฆษณาเพื่อขายสินค้า       (2) พูดหาเสียงเลือกตั้ง

(3) พูดแนะนำการใช้สมุนไพร  (4) พูดเชิญชวนบริจาคโลหิต

ตอบ 3 หน้า 92 – 95 การพูดที่แบ่งตามจุดมุ่งหมาย หรือวัตถุประสงค์ในการพูด ได้แก่

1.         การพูดเพื่อให้สาระความบันเทิง เช่น การพูดในโอกาสพบปะสังสรรค์ หรือในงานรื่นเริง ฯลฯ

2.         การพูดเพื่อให้ความรู้หรือเล่าข้อเท็จจริง เช่น การบรรยาย การปาฐกถา การพูดแนะนำการใช้ยาหรือสมุนไพร ฯลฯ     3. การพูดเพื่อชักจูงใจ เช่น การโฆษณาขายสินค้า การพูดหาเสียงเลือกตั้ง การพูดเชิญชวนให้บริจาคโลหิต ฯลฯ

73.       ข้อใดไม่สามารถกระทำได้

(1)       การพูดวิจารณ์หลักการบริหารราชการแผ่นดิน

(2)       การพูดวิจารณ์ผู้นำทางการเมือง

(3)       การพูดวิจารณ์การถ่ายทอดสดการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล

(4)       การพูดวิจารณ์กระบวนการยุติธรรม

ตอบ 4 หน้า 169, (คำบรรยาย) ในสังคมประชาธิปไตย การพูดวิจารณ์เป็นสิ่งที่ดี เพราะเป็นการพูด เพื่อจะให้ผู้ที่ไม่รู้เรื่องราวได้ทราบข้อเท็จจริง ได้รู้ว่าสิ่งใดดีหรือไม่ดี ซึ่งจะเป็นแนวทางในการ ตัดสินใจต่อไป ยกเว้นในบางเรื่อง เช่น การพูดวิจารณ์กระบวนการยุติธรรม หรือคำพิพากษาของศาล ซึ่งทุกคนด้องเคารพในคำคัดสิน ไม่สามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้

74.       การพูดให้ความในชั้นศาล เป็นการพูดชนิดใด

(1) การพูดรายงานแบบสรุปผล          (2) การพูดรายงานแบบความก้าวหน้าและผลสำเร็จ

(3) การพูดรายงานแบบประสบการณ์            (4) การพูดรายงานแบบแถลงข้อเท็จจริง

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 41. ประกอบ

75.       การพูดเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเองในการสัมภาษณ์เข้าทำงาน มีอะไรเป็นสาระสำคัญ

(1) ความรู้        (2) บรรยากาศ (3) อารมณ์ความรู้สึก  (4) ความจริงที่เกิดขึ้น

ตอบ 4 (คำบรรยาย) สาระสำคัญของการพูดเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเองในการสัมภาษณ์เข้าทำงาน คือ ความจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งการพูดจากความเป็นจริง หมายถึง การพูดในสิ่งที่เกิดขึ้นมาก่อน เป็นข้อมูลระดับพื้นฐานที่มีอยู่จริง หรือที่ปรากฏออกมาให้เห็น

76.       การพูดเพื่อชักจูงใจต่างจากการพูดจาตามปกติอย่างไร

(1) สร้างภาวะทางอารมณ์กดดัน        (2) การสร้างภาพลักษณ์

(3) การกำหนดเป้าหมายและวิธีการ   (4) การตีความหมายข่าวสาร

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 28. ประกอบ

77.       คำนำ หมายถึง(1)       การนำเข้าสู่เนื้อเรื่อง    (2) กลวิธีนำเสนอ

(3) การทักทายผู้ฟัง     (4) ความคิดรวบยอดของเรื่อง

ตอบ 1 หน้า 34 – 40, (คำบรรยาย) โครงสร้างของการพูด ประกอบด้วย       1. คำปฏิสันถารหมายถึง คำทักทายผู้ฟัง            2. คำนำ หมายถึง การเริ่มเข้าเรื่อง หรือการนำเข้าสู่เนื้อเรื่อง 3.เนื้อเรื่อง หมายถึง ข้อมูลหลักของการนำเสนอ หรอกลวิธีนำเสนอ       4. สรุป หมายถึง ความคิดรวบยอดของเรื่อง 5. คำลงท้าย หมายถึง ข้อความทิ้งท้ายเพื่อความประทับใจ (ในส่วนของสรุปและคำลงท้ายอจสลับที่กันได้ หากผู้พูดมีความเชี่ยวชาญพอสมควร)

78.       สรุป หมายถึง

(1) การนำเข้าสู่เนื้อเรื่อง          (2) กลวิธีนำเสนอ

(3) การทักทายผู้ฟัง     (4) ความคิดรวบยอดของเรื่อง

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 77. ประกอบ

79.       การเตรียมเนื้อเรื่องที่จะพูดนั้น สิ่งใดเป็นตัวแปรที่เกิดจากเจ้าภาพได้มากที่สุด

(1) ความเชื่อ ทัศนคติของผู้ฟัง            (2) ความสนใจที่มีต่อหัวข้อ

(3) เวลาที่ให้กับการพูด           (4) บรรยากาศการประชุม

ตอบ 2 (คำบรรยาย) เจ้าภาพ เป็นตัวแปรหรือปัจจัยสำคัญในการจัดทิศทางหรือแนวความคิดของเนื้อเรื่องที่จะพูด แม้ว่าผู้พูดจะเตรียมเนื้อหาและเตรียมตัวมาพร้อมแล้วสำหรับการพูด แต่ถ้าเนื้อหา (หัวข้อหรือประเด็น) ที่เตรียมมาไม่ตรงกับความต้องการหรือความสนใจของเจ้าภาพ การพูดนั้นก็ไม่อาจประสบผลสำเร็จได้

80.       ก่อนที่จะพูดคุณเป็นนายคำพูด เมื่อพูดจบคำพูดจะเป็นนายคุณ ข้อคิดนี้มีความสัมพันธ์กับข้อใด

(1)       การพูดอวดความเก่งกาจของตนเอง

(2)       การพูดตามยถากรรม และปล่อยวางทุกสิ่ง

(3)       การพูดโดยไม่ยั้งคิด ขาดความรอบคอบ

(4)       การพูดในลักษณะเห็นแก่ตัว ต้องการการครอบงำผู้ฟัง

ตอบ 3 หน้า 65, (คำบรรยาย) มารยาทที่ดีในการพูดประการหนึ่ง คือ ควรคิดให้รอบคอบก่อนจะพูด โดยพิจารณาถึงถ้อยคำที่จะนำมาใช้ว่าเหมาะสมกับผู้ฟังหรือไม่ หากพูดโดยไม่ยั้งคิด และขาด ความรอบคอบในการไตร่ตรองเนื้อหาก่อนที่จะพูด อาจส่งผลเสียต่อผู้พูดในภายหลัง ดังคำกล่าว ที่ว่า ก่อนที่จะพูดคุณเป็นนายคำพูด เมื่อพูดจบคำพูดจะเป็นนายคุณ

81.       การพูดให้เป็นตามธรรมชาติ หมายถึง

(1)       พูดตามลักษณะพื้นฐานภูมิลำเนา

(2)       พูดออกเสียงคล้ายเสียงที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ซึ่งคนส่วนใหญ่คุ้นเคย

(3)       พูดแบบการสนทนาตามการใช้ชีวิตปกติประจำวัน

(4)       พูดโดยการปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมหรือนิสัยของผู้ฟัง

ตอบ 3 หน้า 53, (คำบรรยาย) ในขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น ผู้พูดต้องพยายามพูดให้เป็นตามธรรมชาติที่สุด (Complete Spontaneity) หมายถึง พูดแบบการสนทนาตามการใช้ชีวิตปกติประจำวัน อย่าท่องจำมาพูด หรือพูดตะกุกตะกักเหมือนคนติดอ่าง และควรหลีกเลี่ยงการขึ้นต้น แต่ละครั้งด้วยคำว่า เอ่อ… อ้า… อืม… ประมาณว่า…

82.       ข้อใดถูก

(1)       ท่านนายอำเภอ ผู้ว่าราชการจังหวัด และ ฯพณ รัฐมนตรี

(2)       ท่านผู้มีเกียรติทั้งหลาย

(3)       สวัสดีท่านอาจารย์ และนักศึกษาที่เคารพ

(4)       ท่านรัฐมนตรีว่าการ ปลัดกระทรวง และพระคุณเจ้าในที่นี้

ตอบ 3 หน้า 34 – 35, (คำบรรยาย) คำปฏิสันถารกับผู้ฟัง หรือคำทักทาย ถือเป็นส่วนแรกของ การเริ่มต้นเนื้อหาการพูด ซึ่งแนวทางปฏิบัติที่นิยมกันในการกล่าวคำปฏิสันถาร มีดังนี้

1.         การทักทายในการเริ่มพูดโดยปกติแล้ว ควรกล่าวไม่เกิน 3 กลุ่มผู้ฟัง

2.         คำปฏิสันถารมีทั้งแบบเป็นพิธีการ ไม่เป็นพิธีการ และกึ่งพิธีการ

3.         ควรเริ่มต้นจากการทักประธานในพิธี หรือผู้ที่มีศักดิ์และตำแหน่งสูงสุดในการรับฟังก่อน แล้วจึงทักผู้ที่มีตำแหน่งรองลงไปจากใหญ่ไปเล็ก แต่ถ้าหากมีพระภิกษุ นักบวช และผู้ทรงศีล ต้องทักก่อนเป็นลำดับแรก

4.         เวลาทักใครแล้วต้องหันหน้าไปหาด้วย ฯลฯ

83.       ข้อใดไม่ควรพูดปิดท้าย

(1)       ผมขอฝากข้อคิดเหล่านี้ให้ท่านนำกลับไปพิจารณาครับ

(2)       สรุปความโดยทั้งหมดแล้ว ปัญหานี้เกิดจากคน ซึ่งก็รวมถึงท่านผู้ฟังทุกคนด้วย

(3)       ขอบคุณท่านทุกคนที่ฟังผมมาจนจบ ความจริงแล้วผมก็ไม่มีความรู้ในเรื่องนี้เท่าไร แต่ที่มาพบท่าน ก็เพราะเป็นหน้าที่ตามสายบังคับบัญชาซึ่งยากที่จะหลีกพ้น

(4)       ท่านทั้งหลายครับ ขอให้กลับบ้านอย่างปลอดภัยทุกคน โอกาสหน้าเราจะพบกันใหม่ในแบบที่ท่าน จะประทับใจ

ตอบ 3 หน้า 38 – 4053 – 54, (คำบรรยาย) ข้อบกพร่องในการสรุปและพูดปิดท้าย คือ ผู้พูดควร หลีกเลี่ยงการจบแบบยุติเอาดื้อ ๆ อย่าจบเพราะหมดเวลา หรืออย่าขอโทษ/ขออภัยที่ต้องจบ นอกจากนี้ผู้พูดไม่ควรถ่อมตัวว่าตนไม่มีความรู้ในเรื่องที่พูด หรือมาพูดเพราะเหตุจำเป็น เนื่องจากเป็นการไม่ให้เกียรติผู้ฟัง และยังแสดงถึงความไม่มั่นใจในตัวผู้พูดอีกด้วย

84.       ระหว่างการเดินเข้า ณ ตำแหน่งที่พูดหลังจากพิธีกรเชิญท่าน

(1) ขอบคุณพิธีกร        (2) สบตากับประธานในพิธีตลอดทางเดิน

(3) ยิ้มอย่างเปิดเผยเมื่อเห็นคนคุ่นเคย           (4) ไม่ต้องทักทายใครแล้ว

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 33. ประกอบ

85.       ข้อห้ามในการแสดงท่าทางประกอบ ได้แก่ข้อใด

(1) ทำอย่างหลากหลาย          (2) ทำเป็นระบบจนผู้ฟังคุ้นเคย

(3) ทำตามเนื้อหาที่เตรียม       (4) ทำให้เห็นชัด ๆ

ตอบ 2 หน้า 1854, (คำบรรยาย) ผู้พูดควรแสดงท่าทางประกอบการพูดเมื่อต้องการอธิบาย เน้นข้อความ หรือให้ความสำคัญกับสิ่งที่พูด โดยการแสดงท่าทางจะต้องสอดคล้องกับ ความรู้สึกนึกคิดที่กำลังนำเสนอ มีความสุภาพเรียบร้อยเหมาะกับโอกาส เนื้อหาที่เตรียมมา และรูปแบบกิจกรรม ซึ่งที่สำคัญคือ ควรทำให้เห็นเด่นชัด มีความหลากหลาย ไม่ซ้ำซากจำเจ และอย่าทำเป็นระบบจนผู้ฟังคุ้นเคย หรือเดาทางออก

86.       การปรับปรุงตัวผู้พูดมีความหมายในการพูดอย่างไร

(1)       การพัฒนาบุคลิกภาพให้เหมาะสมกับการนำเสนอ

(2)       การสร้างภาพลักษณ์ทางสังคมเพื่อให้การพูดได้รับความเชื่อมั่นศรัทธา

(3)       การกำหนดบทบาท หน้าที่ และกิจกรรมให้สัมพันธ์กับเรื่องที่พูด

(4)       การปรับปรุงความสามารถในการนำเสนอ เช่น อุปกรณ์และเครื่องมือต่าง ๆ

ตอบ 1 หน้า 11, (คำบรรยาย) การปรับปรุงตัวผู้พูด หมายถึง การพัฒนาบุคลิกภาพให้เหมาะสมกับ การนำเสนอ โดยบุคลิกภาพจะรวมไปถึงการใช้ภาษา น้ำเสียง การยืน การแต่งกาย การใช้สายตา กิริยาท่าทาง ฯลฯ ซึ่งเป็นเสมือนเครื่องมือสื่อความหมายไปสู่ผู้ฟัง ดังนั้นผู้พูดจึงต้องรู้จักปรับปรุงตัว ให้ใช้เครื่องมือสื่อความหมายเหล่านั้นให้มีประสิทธิภาพ

87.       หลักการเบื้องต้นในการใช้ภาษาพูดเพื่อการเข้าสมาคม

(1)       ใช้อย่างมีรสนิยม เป็นไปตามลักษณะหน้าที่การงานและพื้นฐานสังคม

(2)       เน้นสุนทรียภาพในการใช้ถ้อยคำ เข้าถึงความถูกต้องของไวยากรณ์

(3)       เลือกใช้ให้เหมาะสมกับเวลา สถานที่ บุคคล สถานะ และโอกาส

(4)       แสดงออกถึงความเป็นตัวของตัวเอง บ่งบอกถึงอัตลักษณ์ชัดเจน

ตอบ 3 หน้า 11-12, (คำบรรยาย) หลักการเบื้องต้นในการใช้ภาษาพูดเพื่อการเข้าสมาคม มีดังนี้

1.         เลือกใช้ภาษาให้เหมาะสมกับเวลา สถานที่ บุคคล สถานะ และโอกาส

2.         ใช้ภาษาพูดที่สุภาพ และนิยมใช้ในการสนทนา

3.         ใช้คำและประโยคที่สั้น กระชับ และเข้าใจง่าย

4.         หลีกเลี่ยงการใช้คำซ้ำบ่อย ๆ

5.         ใช้คำพูดที่ก่อให้เกิดอารมณ์ หรือเห็นภาพพจน์

88.       น้ำเสียงในการพูดของพิธีกรภาคสนามไม่ควรเป็นเช่นไร

(1)       สนุกสนานร่าเริงในลักษณะชวนสนทนา

(2)       มีแก้วเสียงดังกังวานคมชัดขณะสัมภาษณ์แหล่งข่าว

(3)       ใช้เสียงทุ้มและเสียงแหลมสลับไปมาตามสถานการณ์ข่าวเพื่อให้ได้บรรยากาศ

(4)       เน้นระดับเสียงระดับเดียวอย่างสมาเสมอเพื่อความเป็นเอกลักษณ์

ตอบ4 หน้า 13-14, (คำบรรยาย) น้ำเสียงในการพูดที่มีประสิทธิภาพนั้น ประกอบด้วย

1.         ความดังที่พอเหมาะพอควร

2.         มีความแจ่มใสในน้ำเสียง หรือแก้วเสียงมีความชัดเจนและกังวาน

3.         เสียงพูดต้องสอดคล้องกับกาลเทศะ เหมาะสมกับอารมณ์และสถานการณ์

4.         ต้องไม่เป็นเสียงที่ราบเรียบระดับเดียวกันโดยตลอด ควรมีเสียงสูงต่ำ เน้นหนักเบา เหมือนกับการสนทนากันอย่างมีชีวิตชีวา

5.         การออกเสียงต้องถูกต้องชัดเจน

89.       ข้อใดสอดคล้องกับการประสานสายตาระหว่างการพูดต่อสาธารณชน

(1)       ตามองตาสายตาก็จ้องมองกัน

(2)       ดวงตาเปรียบเสมือนหน้าต่างของหัวใจ

(3)       ยามมาคุณจ้องที่ตาฉัน ยามจากกันฉันจ้องที่ตาเธอ

(4)       เธอจ้องอย่างนี้ฉันอายเต็มที มองดี ๆ ซิเธอ

ตอบ 2 หน้า 16, (คำบรรยาย) การประสานสายตาในระหว่างการพูดสามารถสร้างความสัมพันธ์ และ ถ่ายทอดความรู้สึกของผู้พูดไปสู่ผู้ฟังได้ ดังคำกล่าวที่ว่า ดวงตาเปรียบเสมือนหน้าต่างของหัวใจ” ซึ่งวิธีใช้สายตาที่ดี คือ พยายามมองผู้ฟังอยู่ตลอดเวลา โดยค่อย ๆ กวาดสายตาปยังผู้ฟังจาก ซ้ายไปขวา จากหลังห้องมาหน้าห้อง มองผู้ฟังให้ทั่วถึงกัน แต่อย่าจ้องผู้ฟังจนเกินไป

90. การเดินของผู้พูดมีผลด้านใดต่อผู้ฟังโดยตรง

(1)       การรับรู้ เข้าใจ และเรียนรู้เสาระการพูด

(2)       สร้างความสัมพันธ์ ความเป็นกันเอง ส่งเสริมบรรยากาศระหว่างกัน

(3)       สร้างกระบวนการรับรู้สนใจติดตามเนื้อหา และการประเมินท่าทีเบื้องต้น

(4)       ทราบถึงทัศนคติ ความเชื่อ และความสำเร็จหรือล้มเหลวในการพูด

ตอบ 3 หน้า 16, (คำบรรยาย) การเดินของผู้พูดมีผลโดยตรงต่อผู้ฟัง คือ การเดินเป็นการสร้าง

กระบวนการรับรู้สนใจติดตามเนื้อหา และการประเมินท่าทีเบื้องต้นของผู้พูด ดังนั้นในการพูด จึงควรให้ผู้พูดมีการเดินสักช่วงหนึ่งจึงจะเหมาะสม เพราะการเดินเป็นสิ่งแรกที่สะดุดตาหรือ เป็นจุดสนใจของผู้ฟัง และนับเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของบุคลิกภาพด้วย

91.       การทรงตัวในวิชาการด้านวาทวิทยา หมายถึง

(1)       การเดินในลักษณะที่สง่างาม มีการเคลื่อนที่อย่างมั่นใจ

(2)       การใช้ท่าทางในระหว่างการพูด รวมทั้งความสามารถในการใช้อุปกรณ์ประกอบ

(3)       การยืนในระหว่างการนำเสนอ รวมทั้งการเคลื่อนไหวจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง

(4)       ท่วงท่าการนำเสนอ การแต่งกาย และบุคลิกภาพโดยรวม

ตอบ 3 หน้า 17, (คำบรรยาย) ในวิชาการด้านวาทวิทยา การทรงตัว” หมายถึง การยืนในระหว่าง การนำเสนอ รวมทั้งการเคลื่อนไหวจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง ซึ่งหลักการที่ถูกต้องของการทรงตัว ก็คือ จัดระเบียบ มีสมดุล และเคลื่อนไหวอย่างสง่างาม โดยควรยืนให้น้ำหนักของรางกายตกอยู่ ตอนหน้าของเท้า หลังตรง และรู้จักเก็บหน้าท้อง

92.       หลักการที่ถูกต้องของการทรงตัว คือ

(1)       จัดระเบียบ มีสมดุล เคลื่อนไหวอย่างสง่างาม

(2)       มั่นคง เที่ยงตรง แสดงออกถึงความเป็นตัวของตัวเอง

(3)       อ่อนไหวไปตามสถานการณ์ ยึดมั่นการครองใจผู้ชม/ผู้ฟัง

(4)       เป็นจุดเด่น เน้นสีสัน หมั่นเจรจา กล้าแสดงออก

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 91. ประกอบ

93.       แนวทางการแสดงออกทางใบหน้าที่ผู้พูดควรยึดถือปฏิบัติเป็นประการแรก

(1) สดสวย สดใส ใส่ใจทุกรายละเอียด          (2) ยิ้มแย้มดีกว่าบึ้งตึง

(3) ตีหน้าเศร้าเล่าเรื่องโกหกได้เมื่อจำเป็น       (4) เก็บความรู้สึกไว้อย่าให้ใครเห็น หรือคาดเดาเราได้

ตอบ 2 หน้า 17 – 18, (คำบรรยาย) การแสดงออกทางใบหน้าถือเป็นเรื่องสำคัญมากพอ ๆ กับ การใช้สายตา เพราะสีหน้าและแววตาจะเป็นสิ่งสะท้อนอารมณ์ความรู้สึกระหว่างกันและกัน รวมทั้งสามารถบ่งบอกบรรยากาศของการพูดได้ ซึ่งแนวทางการแสดงออกทางใบหน้าที่ผู้พูด ควรยึดถือปฏิบัติเป็นประการแรก คือ ยิ้มแย้มดีกว่าบึ้งตึง เพื่อให้บรรยากาศไม่ตึงเครียด และผู้พูดกับผู้ฟังมีความคุ้นเคย หรือเป็นมิตรต่อกัน

94.       เหตุใดการแสดงออกทางใบหน้าจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก

(1)       เพราะผู้ฟังโดยทั่วไปจะตัดสินความน่าจะเป็นของเนื้อหาจากสีหน้า

(2)       เพราะในการสนทนานั้น มนุษย์จะต้องมองหน้ากันเป็นปกติ

(3)       เพราะอวัยวะในการออกเสียงและรับสัมผัสของมนุษย์อยู่ด้านหน้าของร่างกาย

(4)       เพราะสีหน้าและแววตาจะเป็นสิ่งสะท้อนอารมณ์ความรู้สึกระหว่างกันและกัน

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 93. ประกอบ

95.       เมื่อจะต้องเน้นข้อความ หรือให้ความสำคัญกับสิ่งที่พูดเรามักจะ

(1) หลบสายตา           (2) แสดงท่าทางประกอบ        (3) ใช้ระดับเสียงที่ต่ำลง         (4) วางไมโครโฟนลง

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 85. ประกอบ

96.       แนวทางปฏิบัติเพื่อไปพูดของผู้ที่ได้รับเกียรติจากเจ้าภาพในโอกาสต่าง ๆ คือ

(1) โดดเด่น      (2) มีรสนิยมดี  (3) เป็นตัวเองให้มากที่สุด       (4) เหมาะสม

ตอบ 4 (คำบรรยาย) แนวทางปฏิบัติเพื่อไปพูดของผู้ที่ได้รับเกียรติจากเจ้าภาพในโอกาสต่าง ๆ คือ ความเหมาะสม ทั้งในเรื่องของบุคลิกลักษณะในการแต่งกาย การปรากฏตัว การเตรียมเนื้อหา และคำปฏิสันถาร ฯลฯ ซึ่งต้องมีความเหมาะสมสอดคล้องกับเจ้าภาพและลักษณะของงาน

97.       การแต่งกายของผู้พูดในโอกาสต่าง ๆ แสดงออกถึง

(1) ระดับการศึกษา     (2) คุณภาพการบ่มเพาะทางสังคม

(3) การเข้าได้กับการสมาคม   (4) สัมพันธภาพระหว่างกัน

ตอบ 2 หน้า 19, (คำบรรยาย) การแต่งกายของผู้พูดเมื่อได้รับเชิญไปพูดในโอกาสต่าง ๆ จะแสดงออกถึง รสนิยม และคุณภาพการบ่มเพาะทางสังคมที่ผู้พูดได้รับการอบรมสั่งสอนมา ซึ่งผู้พูดจะสามารถ ทราบได้ว่าตนควรแต่งกายแบบใดให้ถูกต้องเหมาะสมกับลักษณะของงาน โดยพิจารณาจาก บัตรเชิญของเจ้าภาพ เช่น โปรดแต่งกายสุภาพ แต่งกายตามสากลนิยม ฯลฯ

98.       เมื่อท่านได้รับเชิญไปในงานแสดงปาฐกถาของนักวิชาการผู้ได้รับรางวัลเกียรติยศระดับสากล โดยมีผู้แทนพระองค์เป็นประธานในพิธี ท่านจะทราบได้อย่างไรว่าจะแต่งกายในแบบใดจึงจะถูกต้องเหมาะสมที่สุด

(1) ถามจากเพื่อน        (2) ดูจากบัตรเชิญ

(3) ค้นจากอินเทอร์เน็ต            (4) โทรศัพท์ถามท่านประธาน

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 97. ประกอบ

99.       ถ้าท่านเป็นผู้แนะนำองค์ปาฐก ท่านจะแนะนำ นายแพทย์อรรถพล สุวรรณนวปิติ อย่างไร ในเมื่อบุคคลผู้นี้ ดำรงยศพลโท และเป็นศาสตราจารย์ในสถาบันอุดมศึกษาด้วย

(1)       ศาสตราจารย์ พลโท นายแพทย์อรรถพล สุวรรณนวปิติ

(2)       พลโท ศาสตราจารย์ นายแพทย์อรรถพล สุวรรณนวปิติ

(3)       ศาสตราจารย์ นายแพทย์ พลโทอรรถพล สุวรรณนวปิติ

(4) พลโท นายแพทย์ ศาสตราจารย์อรรถพล สุวรรณนวปิติ

ตอบ 2 หน้า 310 – 311444, (คำบรรยาย) การกล่าวแนะนำองค์ปาฐก ในกรณีที่ผู้พูดมีคำนำหน้านาม ให้เรียงลำดับ ดังนี้     1. ยศทหาร      2. ตำแหน่งทางวิชาการ           3. ระดับการศึกษา 4.  คำนำหน้าวิขาชีพ         5. ฐานันดรศักดิ์

100.    ในการพูดแต่ละครั้ง สิ่งที่จำเป็นซึ่งจะต้องกระทำก่อนข้ออื่นคือ

(1)       การเรียบเรียงเนื้อหาให้มีความถูกต้องสมบูรณ์

(2)       การเตรียมโสตทัศนูปกรณ์เพื่อช่วยในการนำเสนอ

(3)       การวิเคราะห์ผู้ฟังและสถานการณ์การพูด

(4)       การกำหนดวัตถุประสงค์ หรือเป้าหมายของการพูด

ตอบ 3 หน้า 20 – 23, (คำบรรยาย) ในการพูดแต่ละครั้ง สิ่งที่ผู้พูดต้องกระทำก่อนเป็นลำดับแรกคือ การวิเคราะห์ผู้ฟังและสถานการณ์การพูด เพราะการพูดชนิดเดียวกันอาจจะเหมาะสำหรับ ชนกลุ่มหนึ่ง แต่ไม่เหมาะสำหรับชนอีกกลุ่มหนึ่ง ดังนั้นจึงต้องวิเคราะห์ผู้ฟังหรือศึกษาถึง ความแตกต่างระหว่างบุคคล และวิเคราะห์สถานการณ์แวดล้อม เพื่อจะได้จัดเตรียมเนื้อหา ได้ถูกต้องและเหมาะสม

MCS1300 (MCS1350) หลักการพูดเบื้องต้น การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2556

การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2556

ข้อสอบกระบวนวิชา MCS 1300 (MCS 1350) หลักการพูดเบื้องต้น

คำสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว (ข้อสอบมีทั้งหมด 100 ข้อ)

ข้อ 1. – 10. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม

(1)       เพื่อรับรู้ข้อมูลข่าวสาร  (2) เพื่อมีความเข้าใจในข้อมูลข่าวสาร

(3) เพื่อเข้าถึงอารมณ์ความรู้สึก          (4) เพื่อโน้มน้าวจิตใจ

1.         การพูดในรูปแบบที่ทำข้อมูลสารนิเทศให้เป็นข้อมูลสารสนเทศเพื่อการสื่อสาร

ตอบ 1 (คำบรรยาย) การพูดเพื่อรับรู้ข้อมูลข่าวสาร เป็นขั้นตอนแรกของการพูดเมื่อพิจารณาถึงวัตถุประสงค์ของการสื่อสารเป็นหลัก โดยจะบอกข้อมูลข่าวสารเพื่อให้รับรู้ รับทราบ หรือสร้าง ปฏิสัมพันธ์ในการสื่อสาร จึงเป็นการพูดในรูปแบบที่ทำข้อมูลสารนิเทศให้เป็นข้อมูลสารสนเทศ เพื่อการสื่อสาร โดยมีลักษณะสำคัญ ดังนี้        1. บอกกล่าว เล่าเรื่องราว บรรยายให้ฟัง  2.     ประกาศให้ทราบ แจ้งความให้รู้ทั่วกัน   3. รายงานถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

2.         ขั้นตอนแรกของการพูดเมื่อพิจารณาถึงวัตถุประสงค์ของการสื่อสารเป็นหลัก

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 1. ประกอบ

3.         ใช้สิ่งเร้าเป็นปัจจัยสำคัญในการส่งเสริมกระบวนการสื่อสารด้วยเสียงและสำเนียงเพื่อเข้าถึงอารมณ์ และความรู้สึก

ตอบ 3 หน้า 93, (คำบรรยาย) การพูดเพื่อให้สาระความบันเทิง เป็นการพูดที่ใช้สิ่งเร้าเป็นปัจจัยสำคัญในการส่งเสริมกระบวนการสื่อสารด้วยเสียงและสำเนียงเพื่อเข้าถึงอารมณ์และความรู้สึก เพื่อกระตุ้นการรับรู้ สร้างความน่าสนใจ โดยต้องคำนึงถึง

1.         การไม่พูดมุขตลกนานเกินไป เพราะจะทำให้ไม่ได้สาระอื่น ๆ

2.         หลีกเลี่ยงการพูดไม่สุภาพ ไม่เหมาะสมกับงาน

3.         การไม่ละเลยต่อประเด็น สาระสำคัญ หรือเป้าหมายทางการสื่อสาร

4.         การพูดที่ใช้กระบวนการเพื่อให้เข้าใจความหมาย มีข้อมูลประกอบ สร้างสรรค์เนื้อหาโดยเน้นความเป็นจริง จากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น

ตอบ 2 หน้า 93 – 94, (คำบรรยาย) การพูดเพื่อให้ความรู้หรือเล่าข้อเท็จจริง เป็นการนำเสนอข้อมูล ความเป็นจริงจากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจในข้อมูลข่าวสารเป็นสำคัญ โดยจะใช้กระบวนการวิเคราะห์ สังเคราะห์ และประเมินคุณค่า เพื่อสร้างความเข้าใจระหว่างกันและกัน

5.         ประโยชน์ของการพูดที่หวังผลในด้านการกระทำ

ตอบ 4 หน้า 94 – 96, (คำบรรยาย) การพูดเพื่อชักจูงใจหรือโน้มน้าวจิตใจ เป็นการนำเสนอข้อมูล ข่าวสารเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนไม่เปลี่ยนพฤติกรรม การกระทำ ความเชื่อ ทัศนคติ หรือสร้างความตระหนักรู้ในเรื่องต่าง ๆ โดยใช้ภาษาที่เร้าใจ และเข้าถึงปัญหาสำคัญของกลุ่มผู้ชม-ผู้ฟัง ด้วยวิธีการที่ไม่ใช่การบอกกล่าวโดยตรง แต่คำนึงถึงเงื่อนไขสำคัญ ดังนี้

1.         การสร้างความเลื่อมใสศรัทธา 2. นำเสนอสิ่งที่น่าสนใจ 3. ปลุกเร้าให้เกิดการกระทำ

6.         กระบวนการพูดที่พิจารณาถึงองค์ประกอบสำคัญ 3 ด้าน คือ การปรับปรุงตัวผู้พูด การวิเคราะห์ผู้ฟัง การเลือกเรื่องที่เหมาะสม หวังให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด

ตอบ 4 หน้า 11, (คำบรรยาย) ในกระบวนการพูดที่หวังให้เกิดประสิทธิผลสูงสุดในการสื่อสาร คือ เพื่อโน้มน้าวจิตใจ จะต้องพิจารณาถึงองค์ประกอบสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ 1. การปรับปรุงตัวผู้พูด  2.การวิเคราะห์ผู้ฟังและสถานการณ์การพูด (กาลเทศะ) 3. การเลือกเรื่องพูดที่เหมาะสม

7.         การใช้ภาษาที่มีความเร้าใจ และเข้าถึงปัญหาสำคัญของกลุ่มผู้ชมหรือผู้ฟังด้วยวิธีการที่ไมใช่การบอกกล่าวโดยตรง

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 5. ประกอบ

8.         การพูดเพื่อจรรโลงใจหรือสร้างความตระหนักรู้รับผิดชอบชั่วดีที่มีต่อสังคม ต้องอาศัยขั้นตอนนี้เป็นสำคัญ

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 5. ประกอบ

9.         การทำให้บรรยากาศการพูดเป็นไปด้วยดี และเป็นธรรมชาติ สามารถสร้างความเข้าใจระหว่างกันและกัน ได้อย่างราบรื่นด้วยข้อมูลที่ตรงกัน

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 4. ประกอบ

10.       ถึงจะเป็นวิธีการที่ดี แต่หากกระทำมากไปหรือใช้เวลามากเกินไป โดยละเลยต่อประเด็นสำคัญหรือเป้าหมายทางการสื่อสารก็นับว่าเปล่าประโยชน์

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 3. ประกอบ

11.       ปัญหาสำคัญที่สุดของการพูดในวงการสื่อสารมวลชน คือ

(1)       การพูดไม่รู้เรื่อง            (2) การใช้ศัพท์และสำนวนตามสมัยนิยมเกินไป

(3) การละเลยต่อประเด็นสำคัญ         (4) การใส่อารมณ์และความรู้สึกจากจิตใจลงไปในข่าวสาร

ตอบ 3 (คำบรรยาย) ปัญหาสำคัญที่สุดของการพูดในวงการสื่อสารมวลชน คือ การละเลยต่อประเด็น สำคัญ หรือกรอบความคิดในการนำเสนอ เพราะจะทำให้ผู้ฟังจับสาระสำคัญไม่ได้ว่าผู้พูดต้องการ สื่อสารอะไรกับตนบ้าง

12.       ภาพพจน์ในการพูด หมายถึง

(1)       เห็นตาม           (2) เห็นชอบ     (3) ชื่นชอบ      (4) เชื่อถือ

ตอบ 1 หน้า 12, (คำบรรยาย) ในการพูดนั้น ผู้พูดควรใช้คำพูดที่ก่อให้เกิดอารมณ์ หรือเห็นภาพพจน์ ในการพูด หมายถึง การเห็นภาพตามคำพูด ซึ่งผู้ที่พูดเก่งต้องสามารถพูดแล้วทำห้ผู้ฟังเห็นภาพตามได้ เพราะคำพูดเช่นนี้จะทำให้ผู้ฟังเข้าใจง่าย และไม่ต้องเสียเวลาคิด

13.       การพูดเป็น

(1)       การสื่อสารหน่วยย่อยที่สุดเมื่อพิจารณาตามปริมาณผู้รับสาร

(2)       ผลรวมของสิ่งเร้ากับภาษาเพื่อการสื่อสาร

(3)       การสื่อสารระหว่างเครือข่ายที่ใช้สถาบันทางสังคมเป็นกลไก

(4)       รูปแบบหนึ่งของการสื่อสารในแบบที่ใช้ถ้อยคำ

ตอบ 4 (คำบรรยาย) การพูดเป็นรูปแบบหนึ่งของการสื่อสารแบบวัจนภาษา คือ ภาษาที่ใช้ถ้อยคำ เช่น ภาษาพูด ภาษาเขียน ฯลฯ แต่การพูดก็ต้องอาศัยการสื่อสารแบบอวัจนภาษา คือ ภาษาที่ไม่ใช้ถ้อยคำ เช่น น้ำเสียง สำเนียง กิริยาท่าทาง สีหน้า ฯลฯ เข้าร่วมกับวัจนภาษาด้วย ดังนั้นการพูดจึงเป็นการสื่อสารที่ไม่สามารถแยกจากอวัจนภาษาอย่างเด็ดขาด

14.       การทรงตัวที่ดีมีผลต่อการพูดอย่างไร

(1)       ทำให้ผู้พูดมีบุคลิกภาพที่ดี สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ฟัง

(2)       ช่วยส่งเสริมให้สามารถใช้คำพูดมีความชัดเจน

(3)       จุดเด่นของข้อมูลที่นำเสนอขึ้นมาถูกเปิดเผยออกมาอย่างชัดเจน

(4)       สามารถกำหนดแนวการมองสบตากันผู้ฟังได้สะดวกขึ้น

ตอบ 1 หน้า 17, (คำบรรยาย) การทรงตัวหรือการยืนระหว่างการนำเสนอ เป็นอีกส่วนหนึ่งของ บุคลิกภาพของผู้พูด ถ้าผู้พูดมีการทรงตัวหรือการยืนที่ดี จะทำให้ผู้พูดมีบุคลิกภาพที่ดี และ สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ฟังได้ ซึ่งท่ายืนที่ดีที่สุด คือ ท่าที่เราสามารถควบคุมกล้ามเนื้อในร่างกาย ได้อย่างสบาย มีความรู้สึกว่าไม่เครียด และมีความเป็นตัวของตัวเอง

15.       การใช้สายตามีความสำคัญต่อการพูดอย่างมากเนื่องจาก

(1)       ผู้ฟังมักจะทราบลำดับของการนำเสนอสารของผู้พูดได้จากสายตา

(2)       สายตาเป็นเครื่องมือในการรับรู้อารมณ์และแสดงความรู้สึกที่เปิดเผย

(3)       ผู้พูดมักใช้สายตาในการตรวจสอบการรับรู้ข่าวสารของผู้ฟัง

(4)       ธรรมชาติของพฤติกรรมมนุษย์มีการจับจ้องเป้าหมายและระวังตัว

ตอบ 2 หน้า 16, (คำบรรยาย) สายตาเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของบุคลิกภาพของผู้พูด เมื่อผู้พูด ได้มีโอกาสสบตาผู้ฟังแล้ว จะทำให้การสื่อความหมายเป็นไปได้โดยสะดวก และบังเกิด ความเข้าใจกันได้รวดเร็วขึ้น เพราะว่าสายตานั้นสามารถสร้างความสัมพันธ์ เป็นเครื่องมือ ในการรับรู้อารมณ์ และถ่ายทอดความรู้สึกของผู้พูดไปสู่ผู้ฟังได้อย่างเปิดเผย

16.       ผู้พูดควรแสดงท่าทางอย่างไรในระหว่างการพูด

(1)       วางบุคลิกให้สอดคล้องกับรสนิยมของเจ้าภาพ

(2)       ยิ้ม หัวเราะ แสดงออกทางอารมณ์ตามที่เตรียมมา

(3)       ชี้นิ้วออกไปยังผู้ที่ประสานสายตากับผู้พูด

(4)       กอดอกแสดงความภาคภูมิใจในฐานะความเป็นผู้นำความคิด

ตอบ 2 หน้า 18, (คำบรรยาย) ผู้พูดควรแสดงท่าทางประกอบการพูดต่อเมื่อต้องการอธิบาย หรือเน้นข้อความที่พูด ซึ่งการแสดงท่าทางจะต้องมีความหมายสอดคล้องกับความรู้สึกนึกคิด เหมาะกับโอกาสและเรื่องที่จะพูด โดยผู้พูดอาจยิ้ม หัวเราะ และแสดงออกทางอารมณ์ตาม ที่เตรียมมา แต่ไม่ควรชี้นิ้วไปยังผู้ฟัง ยืนกอดอก เอามือเท้าสะเอว เอามือใส่กระเป๋า หรือ เอามือไขว้หลังอย่างเด็ดขาด

17.       ข้อใดเป็นวินัยที่ควรปฏิบัติของนักพูดที่ดี

(1)       มาตรงเวลาเพื่อจัดเตรียมสิ่งต่าง ๆ และซักซ้อมต่อหน้าผู้ฟัง

(2)       มาก่อนเวลาเพื่อสำรวจเวที สถานที่ และอุปกรณ์ด้วยตนเอง

(3)       นำอุปกรณ์ทุกอย่างมาเอง เพื่อความสมบูรณ์แบบในการนำเสนอ

(4)       ทำการบันทึกข้อมูลผู้พูดร่วมเวทีเดียวกัน แล้วทำสำเนาส่งคืนในเร็ววัน

ตอบ 2 (คำบรรยาย) การพูดที่มีประสิทธิภาพนั้น ผู้พูดจะต้องมีการเตรียมตัวที่ดี และควรจะมา ก่อนเวลาพูดเพื่อสำรวจเวที สถานที่ และอุปกรณ์ด้วยตนเอง ทั้งนี้เพื่อสร้างความคุ้นเคย และไม่ให้เกิดความผิดพลาดในการพูด

18.       การใช้ไมโครโฟนที่ดี ผู้พูดควรจะ

(1)       เอานิ้วขูดที่ส่วนรับเสียงเพื่อตรวจสอบความพร้อมและให้สัญญาณผู้ฟัง

(2)       เอียงส่วนรับเสียงออกจากแนวลมปากเพื่อป้องกันเสียงหอน

(3)       ปรับไมโครโฟนให้ได้ตามความสูงของตัวผู้พูดเอง

(4)       ใช้นิ้วขมวดสายสัญญาณเพื่อกระชับอุปกรณ์ให้มั่นคง

ตอบ 3 หน้า 19 เทคนิคในการใช้ไมโครโฟนอย่างง่าย ๆ มีดังนี้

1.         ในขณะที่พูดควรให้ไมโครโฟนอยู่ห่างจากปากประมาณ 8 – 12 นิ้ว

2.         ควรให้ไมโครโฟนอยู่ตรงปาก และปรับไมโครโฟนให้เหมาะสมกับความสูงของผู้พูด

3.         ในขณะที่พูดอย่ามองไมโครโฟน แต่ให้มองผู้ฟัง ฯลฯ

19.       การวิเคราะห์ผู้ฟังด้านความเชื่อและทัศนคติ ผู้พูดต้องใช้เป็นข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับ

(1)       การสร้างประเด็นและความน่าสนใจในการนำเสนอ

(2)       การสำรวจกรอบความสนใจอย่างคร่าว ๆ

(3)       ปฏิกิริยาตอบกลับด้านต่าง ๆ ที่มีกับหัวข้อการพูด

(4)       กำหนดความยาก-ง่ายของภาษาและข้อมูลที่ใช้นำเสนอ

ตอบ 3 (คำบรรยาย) การวิเคราะห์กลุ่มผู้ฟัง-ผู้ชมในเชิงนามธรรมจะเริ่มจากการพิจารณาความคิดเห็น ความเชื่อ เพื่อให้ได้มาซึ่งทัศนคติหรือความชอบ-ไม่ชอบต่อหัวข้อหรือประเด็นที่ควรนำเสนอ ในการพูดครั้งนั้น ๆ ซึ่งหากผู้พูดสามารถวิเคราะห์เรื่องเหล่านี้ได้ก็จะทำให้ทราบปฏิกิริยาตอบกลับด้านต่าง ๆ ที่มีกับหัวข้อการพูด เพื่อช่วยให้เตรียมเนื้อหาได้สอดคล้องกับสิ่งที่ผู้ฟังเชื่อและยึดถือ

20.       การพูดในเชิงวาทวิทยา หมายถึง

(1)       เสียง + ความคิด         (2) สำเนียง + ความคิด

(3) เสียง + กิริยาอาการ          (4) ความคิด + ปฏิกิริยา

ตอบ 3 (คำบรรยาย) การพูดในเชิงวาทวิทยา หมายถึง เครื่องมือทางการสื่อสารที่ต้องใช้เสียงและสำเนียง โต้ตอบประกอบกันเสมอ โดยเสียงเป็นเพียงการเปล่งวาจาออกมา ส่วนสำเนียงจะบอกถึงอากัปกิริยา หรืออารมณ์ที่สื่อออกไป ดังนั้นเสียงจะไม่สามารถบอกอารมณ์ความรู้สึกได้หากไม่มีสำเนียงมาช่วย

21.       ข้อใดต่างจากข้ออื่น

(1)       พัฒนาบุคลิกภาพ       (2) ปรับปรุงตน

(3) ปรับเปลี่ยนวิธีนำเสนอ      (4) คงไว้ในแบบเดิม

ตอบ 4 หน้า 11, (คำบรรยาย) การปรับปรุงตัวผู้พูด หมายถึง การพัฒนาบุคลิกภาพให้เหมาะสมกับ การนำเสนอ โดยบุคลิกภาพจะรวมไปถึงการใช้ภาษา น้ำเสียง การยืน การแต่งกาย การใช้สายตา กิริยาท่าทาง ฯลฯ ซึ่งเป็นเสมือนเครื่องมือสื่อความหมายไปสู่ผู้ฟัง ดังนั้นผู้พูดจึงต้องรู้จักปรับปรุงตน หรือปรับเปลี่ยนวิธีนำเสนอ เพื่อให้ใช้เครื่องมือสื่อความหมายเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

22.       การวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย มีผลโดยตรงต่อ

(1)       การสร้างศัพท์และระดับความซับซ้อนของข้อมูลที่นำเสนอ

(2)       การเปิดประเด็นและหัวข้อที่จะพูดให้เหมาะสม

(3)       การกำหนดวัตถุประสงค์ของการพูดในแต่ละครั้ง

(4)       การกำหนดวาระรับรู้และกระบวนการออกแบบเนื้อหา

ตอบ 3 หน้า 20 – 23, (คำบรรยาย) การวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย (ผู้ฟัง-ผู้ชม) เป็นสิ่งที่วิชาการพูด ให้ความสำคัญเป็นอับดับตน ๆ ซึ่งการวิเคราะห์ผู้ฟัง-ผู้ชมในการพูดจะนำไปสู่การกำหนด วัตถุประสงค์ของการสื่อสารหรือการพูดในแต่ละครั้ง โดยพิจารณาจากสภาพสังคมประชากร ประสบการณ์ กรอบอ้างอิง ระบบสังคมและวัฒนธรรม และทัศนคติต่าง ๆ ของผู้ฟังเป็นพื้นฐาน

23.       การเริ่มต้นเนื้อหาของการพูด ผู้พูดควรหลีกเลี่ยงเนื้อหาในลักษณะใด

(1)       ปัญหาที่ส่วนใหญ่รู้ และต้องการจะได้รับคำตอบ

(2)       มุขขำขันเพื่อสร้างความเป็นกันเองระหว่างผู้พูดกับผู้ฟัง

(3)       ประเด็นข่าวที่อยู่ในความสนใจของประชาชน

(4)       เรื่องส่วนตัวของบุคคลที่ตกเป็นข่าว เพื่อสร้างประเด็นชวนติดตาม

ตอบ 4 หน้า 35 – 36, (คำบรรยาย) ในการพูดนั้น จะต้องมีคำนำเพื่อเป็นการเกริ่นหรือเสนอที่มาของ เรื่องที่จะพูด อีกทั้งยังเป็นการเรียกความสนใจเบื้องต้นของผู้ฟัง ดังนั้นผู้พูดที่ฉลาดจึงต้อง ระมัดระวังในเรื่องคำนำหรืออารัมภบทเป็นอย่างมาก ถ้าคำนำดี ผู้ฟังจะเกิดความเลื่อมใสศรัทธา ทำให้ตั้งใจฟังมากขึ้น แต่ถ้าคำนำไปกระทบเรื่องส่วนตัวของผู้ใดหรือพูดเรื่องส่วนตัวของตนเอง ผู้ฟังก็จะขาดความศรัทธาในตัวผู้พูด ซึ่งก็จะส่งผลให้การพูดไม่ประสบผลสำเร็จ

24.       ลำดับของการพูดก่อน-หลังในการพูดตามปกตินั้น ประกอบด้วย

(1)       กล่าวนำ ทักทาย สรุปประเด็น (2) ทักทาย เนื้อหาหลัก กล่าวทิ้งท้าย

(3) เนื้อหาหลัก ทักทาย กล่าวสรุป      (4) ทักทาย กล่าวทิ้งท้าย สรุป

ตอบ 2 หน้า 34 – 40, (คำบรรยาย) โครงสร้างของการพูด หรือลำดับของการพูดก่อน-หลัง ในการพูดตามปกตินั้น ประกอบด้วย   1. คำปฏิสันถาร หมายถึง คำทักทายผู้ฟัง

2.         คำนำ หมายถึง การเริ่มเข้าเรื่อง หรือการนำเข้าสู่เนื้อเรื่อง 3. เนื้อเรื่อง หมายถึง เนื้อหาหลัก ของการนำเสนอ หรือกลวิธีนำเสนอ       4. สรุป หมายถึง ความคิดรวบยอดของเรื่อง 5. คำลงท้าย หมายถึง ข้อความกล่าวทิ้งท้ายเพื่อความประทับใจ (ในส่วนของสรุปและคำลงท้าย อาจสลับที่กันได้ ซึ่งจะทำเฉพาะในกรณีที่ผู้พูดมีความเชี่ยวชาญพอสมควร)

25.       หากผู้ฟังเป็นกลุ่มบุคคลช่วงอายุวัยรุ่นที่มีการศึกษาอยู่ใบระดับอุดมศึกษา ผู้พูดควรจะนำเสนอเนื้อหาในลักษณะใด

(1)       เร้าอารมณ์ แฝงความสนุกสนาน ท้าทายความคิดสร้างสรรค์

(2)       ประสบการณ์เสี่ยงตาย สิ่งที่เป็นพิษภัยใกล้ตัว

(3)       การโกหกหลอกลวง สิบแปดมงกุฎ และเล่ห์เหลี่ยมทางธุรกิจ

(4)       สวัสดีภาพ บุคคลผู้ประสบความสำเร็จในชีวิต การดำรงตนให้เป็นที่เคารพรัก

ตอบ 1 หน้า 21, (คำบรรยาย) วัยรุ่น เป็นวัยที่อยากทดลองหรือลองดีกับสิ่งใหม่ ๆ ชอบชีวิตที่โลดโผนตื่นเต้น ครึกครื้น ท้าทาย และอยากรู้อยากเห็น ฯลฯ ดังนั้นการพูดกับวัยรุ่นจึงควรมีจุดมุ่งหมาย ที่มุ่งในเหตุการณ์ปัจจุบันที่ทันสมัย น่าทดลอง เร้าอารมณ์ แฝงความสนุกสนานหรือมุขตลกขบขัน โดยต้องยอมรับความคิดเห็น และท้าทายความสามารถหรือความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขา

26.       ในขั้นตอนของการริเริ่มที่จะวางเค้าโครงเรื่องที่จะพูด อะไรคือสิ่งสำคัญที่สุด

(1)       การตกลงใจที่จะเลือกใช้ข้อมูล           (2) ความกล้าที่จะตัดสินใจเลือกประเด็นหรือเนื้อหาที่จะพูด

(3) ปฏิกิริยาของผู้ฟังที่จะแสดงกลับมา          (4) องค์ประกอบของกลุ่มผู้ฟัง

ตอบ 2 (คำบรรยาย) ในขั้นตอนของการริเริ่มที่จะวางเค้าโครงเรื่องที่จะพูดนั้น สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ผู้พูด ต้องกล้าที่จะตัดสินใจเลือกประเด็นหลัก หรือเนื้อหาที่จะพูด และเมือเลือกเนื้อหาที่จะพูดได้แล้ว ผู้พูดต้องวางแผนสร้างสรรค์เนื้อหา ซึ่งประกอบด้วย การเชื่อมโยงความเกี่ยวข้องของข้อมูลต่าง ๆ และการตัดสินใจที่จะเลือกใช้ข้อมูล

27.       สิ่งเร้าภายนอกที่เกิดจากตัวผู้พูด คือ  

(1) บุคลิกภาพและน้ำเสียง

(2)       ความรู้สึกนึกคิด          (3) ระดับการศึกษา     (4) ความเชื่อและทัศนคติ

ตอบ 1 หน้า 7, (คำบรรยาย) สิ่งเร้าที่เกิดจากตัวผู้พูด แบ่งออกเป็น

1.         สิ่งเร้าภายในตัวผู้พูด ได้แก่ อารมณ์ความรู้สึกนึกคิดและสุขภาพของผู้พูด เช่น ความรู้สึกหิว โกรธ เกลียด ปวดท้อง คลื่นไส ไม่สบาย ฯลฯ ตลอดจนระดับการศึกษา ความเชื่อ และ ทัศนคติที่อยู่ภายในตัวผู้พูด

2.         สิ่งเร้าภายนอกตัวผู้พูด ได้แก่ สิ่งแวดล้อม เจ้าภาพ และผู้ชม-ผู้ฟังทั้งหลาย เช่น อุณหภูมิ ในห้องบรรยาย เวลาที่ให้กับผู้พูด ทัศนคติของเจ้าภาพ ความสนใจของผู้ชม-ผู้ฟัง ฯลฯ รวมทั้งสิ่งเร้าภายนอกที่เกิดจากตัวผู้พูด ซึ่งปรากฏระหว่างการสื่อสาร เช่น บุคลิกภาพ และน้ำเสียงที่ผู้พูดได้แสดงออกมา

28.       เหตุใดผู้พูดจึงต้องค้นคว้าข้อมูลเพื่อการนำเสนอ และมีการระบุแหล่งที่มาของข้อมูลนั้น ๆ

(1)       เพื่อให้ได้ข้อมูลมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

(2)       เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ละเอียดลึกซึ้งตรงความสนใจของผู้ฟัง

(3)       เพื่อแสดงออกกึงการอ้างอิงที่น่าเชื่อถือ ควรค่าแก่การนำเสนอ

(4)       เพื่อให้การแบ่งหัวข้อ และหาข้อมูลสนับสนุนเป็นไปอย่างราบรื่น

ตอบ 3 หน้า 32, (คำบรรยาย) ในการพูดนั้นจำเป็นที่จะต้องมีตัวอย่างข้ออ้างอิง รวมทั้งข้อความ ของผู้อื่นที่สนับสนุนความคิดเห็นของผู้พูด โดยมีการระบุแหล่งที่มาของข้อมูลนั้น ๆ ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นกึงการอ้างอิงที่น่าเชื่อถือ และมีคุณค่าแก่การนำเสนอ

29.       ทำไมผู้เตรียมสารจึงต้องมีการเขียนเค้าโครงเรื่อง

(1)       เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม   (2) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในที่มาของข้อมูล

(3)       เพื่อป้องกันความสับสน           (4) เพื่อให้ผู้ฟังเกิดจินตนาการได้ตามเนื้อหา

ตอบ 3 หน้า 31-32, (คำบรรยาย) ในการเตรียมเรื่องพูดนั้น ผู้พูดจำเป็นที่จะต้องเขียนโครงร่าง หรือโครงเรื่อง (Outline) ขึ้นมาก่อน ซึ่งมีประโยชน์ ดังนี้

1.         ช่วยวางแนวทางว่าเรื่องที่จะพูดนั้นมีหัวข้ออะไรบ้าง

2.         ช่วยเป็นแนวทางการเรียงลำดับ (Order) เรื่องที่จะพูด

3.         ช่วยทำให้เนื้อหามีเอกภาพเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่หลุดกรอบแนวคิดหลักของเรื่อง

4.         ช่วยให้การดำเนินเรื่องไม่สับสน และง่ายแก่การจดจำไปพูด

30.       วิธีการใดที่ผู้เตรียมจะเป็นการได้มาซึ่งข้อมูลเชิงลึกส่วนบุคคลมากที่สุด

(1)       อ่านจากหนังสือพิมพ์รายวันในส่วนที่เป็นข่าวเจาะ

(2)       ตรวจสอบในอินเทอร์เน็ต และเครือข่ายออนไลน์

(3)       สอบถามจากผู้สื่อข่าว หรือลื่อมวลชนในสายงานนั้น ๆ

(4)       สัมภาษณ์บุคคลที่เกี่ยวข้อง และยังมีชีวิตอยู่

ตอบ4  หน้า 33255, (คำบรรยาย) การสัมภาษณ์ หมายถึง การสื่อสารด้วยกระบวบการพูดคุยโดยมีเป้าประสงค์เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลสำคัญ ข่าวสาร หรือประเด็นที่เป็นสาระโดยตรง ผ่านบุคคล ที่มีการเลือกสรรแล้ว ทั้งนี้ข้อมูลที่ได้มาถือเป็นข้อมูลเชิงลึกส่วนบุคคลที่มีความเฉพาะเจาะจง ตามเป้าหมาย ตามวัตถุประสงค์ และตามสถานการณ์ขณะนั้น

31 ไม่ว่าจะขึ้นต้นคำนำด้วยวิธีการใด ๆ ก็ตาม สิ่งที่ผู้พูดไม่สามารถละเลยได้ก็คือ

(1)       ต้องตื่นเต้นเร้าใจเสมอ (2) กล่าวถึงแหล่งอ้างอิงที่เชื่อถือได้

(3) สอดคล้องกับเนื้อเรื่องที่จะกล่าวในลำดับถัดไป (4) สัมพันธ์กับคำทักทายผู้ฟัง

ตอบ 3 หน้า 35, (ดูคำอธิบายข้อ 23. ประกอบ) การขึ้นต้นคำนำมีหลายวิธีและหลายแบบ ซึ่งผู้พูด อาจขึ้นต้นคำนำด้วยสุภาษิต อ้างคำคม การตั้งคำถาม ฯลฯ แต่ไม่ว่าจะขึ้นต้นคำนำด้วยวิธีการ ใด ๆ ก็ตาม คำนำนั้น ๆ ต้องสอดคล้องกับเนื้อเรื่อง (Main Body) ที่จะกล่าวในลำดับถัดไป

32.       การขยายเนื้อเรื่องด้วยการให้คำจำกัดความ หมายถึง

(1)       อธิบายความหมายด้วยการสร้างประโยคใหม่

(2)       ชี้ให้เห็นถึงข้อแตกต่างในประเด็นสำคัญ

(3)       นำสิ่งต่าง ๆ มาเปรียบเทียบจนทำให้ข้อความที่จะพูดยาวขึ้น

(4)       พูดถึงสิ่งที่เป็นผลกระทบของประเด็นที่จะนำเสนอด้วยข้อมูลที่มีความละเอียด

ตอบ1 หน้า 37, (คำบรรยาย) การขยายความเนื้อเรื่องด้วยการให้คำจำกัดความ หมายถึง การอธิบายความหมายของศัพท์และประเด็นหลัก หรืออธิบายถึงคุณลักษณะของสิ่งต่าง ๆ มากกว่าหนึ่งอย่างให้เห็นชัดเจน โดยการสร้างประโยคใหม่แต่มีความหมายเหมือนเดิม

33.       ข้อใดเป็นการสร้างความประทับใจในการพูด

(1)       การกล่าวขอบคุณทุกครั้งที่ทำได้

(2)       ขออภัยในข้อผิดพลาดของตนเองในขั้นตอนสรุป

(3)       จำขื่อ-นามสกุล ตำแหน่งของบุคคลที่กล่าวถึงได้แม่นยำและอย่ากล่าวผิด

(4)       การจบการพูดด้วยการกล่าวอวยพร

ตอบ 3 (คำบรรยาย) วิธีการสร้างความประทับใจในการพูดประการหนึ่ง คือ การจดจำชื่อ-นามสกุล ตำแหน่งของบุคคลที่กล่าวถึงได้อย่างแม่นยำและอย่ากล่าวผิด ซึ่งจะทำให้ผู้ฟังเกิดความประทับใจ ต่อตัวผู้พูดว่าได้มีการเตรียมตัวมาอย่างดี

34.       ข้อใดเป็น Speech

(1)       ดร.สุพจน์สั่งงานลูกน้องทันทีที่พบหน้า            (2) คุณสุดสอางค์คุยกับแม่ค้าขายทุเรียนที่ตลาด

(3)       คุณหญิงเปรมจิตต์ให้เลขานุการส่วนตัวร่างบทพูดขอบคุณท่านรัฐมนตรี

(4)       พ.ท.อุกฤกษ์กำชับให้นายสิบทหารเวรตรวจตรารอบที่ตั้งอย่างรอบคอบ

ตอบ 3 หน้า 6, (คำบรรยาย) Speech หมายถึง สาระหรือเนื้อหาหรือเนื้อเรื่องที่พูด โดยทั่วไปจะมาจาก ความคิดของผู้พูด ซึ่งเป็นกระบวนการพูดอย่างเป็นทางการที่จะต้องมีการวิเคราะห์ผู้รับสาร (ผู้ฟัง)มีการเตรียมตัวพูดอย่างมีขั้นตอนและเป็นระบบ มีการลำดับและการดำเนินเรื่องที่ดี ถูกต้อง ตามหลักเกณฑ์ (มีบทนำ เนื้อเรื่อง และบทสรุป) เช่น การแสดงปาฐกถา การอภิปราย การร่างบทพูดในวาระโอกาสต่าง ๆ ฯลฯ (ส่วน Speaking หมายถึง การพูดหรือการสนทนา ในชีวิตประจำวันโดยทั่ว ๆไปเช่นการพูดกับพ่อแม่การพูดคุยกันในหมู่เพื่อนฝูง ฯลฯ)

35.       หากไม่นับการเตรียมตัวไม่พร้อมแล้ว อะไรคือสาเหตุของการประหม่าตื่นเต้น(1)       การทรงตัวไม่สมดุลขณะพูด    (2) การใช้ไมโครโฟนไม่เป็น

(3) การแต่งกายที่ไม่ถูกกาลเทคะ       (4) การไม่รู้จักประธานในงาน

ตอบ 3 หน้า 2054 – 55, (คำบรรยาย) สาเหตุหลักของการขาดความเชื่อมั่นในตนเอง จนก่อให้เกิด ความประหม่าตื่นเต้นบนเวที มีอยู่ 3 ประการ ดังนี้    1. การไม่เตรียมตัวมาอย่างดีพอ 2. การไม่ซักซ้อมอย่างเพียงพอ 3. การไม่ใส่ใจต่อบุคลิกภาพของตนเอง เมื่อต้องปรากฏตัว ให้เหมาะสมกับลักษณะพิธีการ สถานที่ และเจ้าภาพ เช่น การแต่งกายที่ไม่ถูกกาลเทศะ เป็นต้น

36.       เมื่อผู้ฟังแสดงความพอใจอย่างมาก ผู้พูดควรจะ

(1)       หยุดพูด จนเมื่อการแสดงความพอใจจบลงจึงเริ่มพูดต่อ

(2)       กล่าวขอบคุณดัง ๆ ด้วยความจริงใจ

(3)       พูดเร่งเร้าอารมณ์ผู้ฟังต่อไป

(4)       เดินลงจากเวทีเพื่อไปสัมผัสมือกับผู้ฟัง

ตอบ 1 หน้า 52 – 53, (คำบรรยาย) ข้อควรปฏิบัติเมื่อขึ้นเวทีพูด มีดังนี้

1.         ในระหว่างการเดินเข้า ณ ตำแหน่งที่พูดหลังจากพิธีกรเชิญผู้พูดขึ้นพูดแล้ว ผู้พูดไม่ต้อง ทำความเคารพหรือทักทายใครอีกแล้ว       2. ในนาทีแรกที่เริ่มพูดนั้นควรพูดช้า ๆ  3.หลังจากกล่าวคำปฏิสันถารแล้ว ผู้พูดจะต้องไม่ออกตัวหรือขอโทษ/ขออภัยในความผิดพลาด หรือข้อบกพร่องของตนเอง    4.           ควรหลีกเลี่ยงการกระแอมกระไอก่อนพูด การใช้มือเคาะไมโครโฟน หรือพูดว่า ฮัลโหล ๆ  5. เมื่อผู้ฟังแสดงความพอใจหรือไม่พอใจขึ้นมา ผู้พูดควรหยุดพูดเป็นอันดับแรก จนเมื่อเสียงแสดงความพอใจหรือไม่พอใจนั้น ๆ จบหรือซาลงจึงเริ่มพูดต่อไป ฯลฯ

37.       ข้อใดที่ผู้พูดไม่ควรกระทำต่อผู้ดูแลประสานงานการพูดอย่างยิ่ง

(1)       ขอให้ยืนยันกำหนดการและลำดับการพูดต่อหน้าเจ้าภาพ

(2)       ขอให้เปลี่ยนเครื่องดื่มจากน้ำส้มมาเป็นน้ำเปล่าก่อนการพูด

(3)       วิจารณ์อุปกรณ์ เครื่องมือ และซอฟต์แวร์ที่ใช้นำเสนอเนื้อหาขณะพูด

(4)       แจ้งว่าอุปกรณ์และเครื่องมือบนเวทีบกพร่อง หรือไม่สามารถใช้งานได้ขณะพูด

ตอบ 3 (คำบรรยาย) สิ่งที่ผู้พูดไม่ควรกระทำต่อผู้ดูแลประสานงานการพูดอย่างยิ่ง คือ การวิจารณ์ อุปกรณ์ เครื่องมือ และซอฟต์แวร์ที่ใช้นำเสนอเนื้อหาขณะพูด เพราะนอกจากจะแสดงถึง มารยาทที่ไม่ดีของผู้พูดแล้ว ยังเป็นการไม่ให้เกียรติต่อเจ้าภาพหรือหน่วยงานที่เชิญไปพูดอีกด้วย

38.       การพูดเรื่องส่วนตัวของตนเองมากเกินไป เป็นการผิดมารยาทในการพูดด้านใด

(1)       ไม่แสดงออกถึงความตั้งใจที่จะพูด     (2) ใช้อารมณ์ไม่ถูกกาลเทศะ

(3) ไม่ให้เกียรติผู้ฟังเท่าที่ควร  (4) ผูกขาดการพูดเอาไว้แต่ผู้เดียว

ตอบ 3 หน้า 66 ในการพูดนั้น ผู้พูดไม่ควรพูดเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องภายในครอบครัว และ ไม่ควรพูดอวดตน อวดภูมิ ข่ม หรือถือว่าตนเองดีกว่าผู้ฟัง เพราะนอกจากจะไม่สุภาพแล้ว ยังเป็นการไม่ให้เกียรติผู้ฟังอีกด้วย

39.       ตัวแปรด้านลบที่มีส่วนทำให้เนื้อหาการพูดที่เตรียมมาไม่สามารถถ่ายทอดตามความต้องการในขณะที่ผู้พูดมีความพร้อมอย่างเต็มที่แล้ว คือ           

(1) อารมณ์

(2)       บรรยากาศ รวมทั้งสิ่งแวดล้อม (3) สถานที่ที่ได้รับเชิญไป      (4) การจัดรูปแบบของเวที

ตอบ 2 หน้า 7, (คำบรรยาย) บรรยากาศและสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดีและที่ดีเกินไปย่อมเป็นอุปสรรคต่อการพูดทำให้ผลของการพูดไม่ตรงตามความมุ่งหมาย และถือเป็นตัวแปรด้านลบที่มีส่วนทำให้เนื้อหาการพูด ที่เตรียมมาไม่สามารถถ่ายทอดตามความต้องการได้ ถึงแม้ผู้พูดจะมีความพร้อมอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม

40.       การพูดเกินเวลาที่กำหนด เป็นการผิดมารยาทข้อใดมากที่สุด           

(1) ไม่มีการเตรียมตัวที่ดีพอ

(2)       ขาดการรับฟังความคิดเห็น      (3) ไม่คิดให้รอบคอบก่อนที่จะพูด       (4) ไม่รักษาสิทธิที่พึงมีของผู้ฟัง

ตอบ 4 หน้า 67 ในการพูดนั้น ผู้พูดควรพูดให้เหมาะกับเวลา อย่าพูดเกินเวลาที่กำหนดไว้ เพราะเป็นการแสดงว่าผู้พูดไม่ได้เคารพและไม่ได้รักษสิทธิที่พึงมีของผู้ฟังเหมือนกับของตนเอง

41.       หากพิจารณาในเชิงจิตวิทยาแล้ว เหตุใดมนุษย์จึงชอบพูดมากกว่าฟัง

(1)       เพราะสามารถสร้างความได้เปรียบในความถูกต้องได้มากกว่า

(2)       เพราะการพูดสร้างความมั่นใจและเชื่อมั่นในตนเองได้มากกว่า

(3)       เพราะการพูดเป็นช่องทางเลือกรับข้อมูลได้มากกว่า

(4)       เพราะการพูดรับปฏิกิริยาตอบกลับได้มากกว่า

ตอบ 2 หน้า 69 โดยปกติแล้วคนเราชอบพูดมากกว่าชอบฟัง เพราะในขณะที่พูดนั้นผู้พูดจะสร้าง ความมั่นใจและมีความรู้สึกว่าตนมีความเชื่อมั่นในตนเอง ตนได้แสดงความคิดเห็น และ ได้รับความสนใจจากผู้ฟัง

42.       หากพิจารณาในเชิงพฤติกรรมการสื่อสารแล้ว เหตุใดจึงไม่ควรผูกขาดการพูดไว้ฝ่ายเดียว

(1)       เพราะโครงสร้างของกลุ่มเป้าหมายจะผิดเพี้ยน

(2)       เพราะไม่เกิดความสมดุลในโครงสร้างของการสื่อสาร

(3)       เพราะจะเกิดสภาพการเลือกรับและตีความข่าวสารขึ้น

(4)       เพราะจะทำให้การตีความหมายของข่าวสรเกิดความบิดเบือน

ตอบ 2 หน้า 67, (คำบรรยาย) หากพิจารณาในเชิงพฤติกรรมการสื่อสารแล้ว ผู้พูดไม่ควรผูกขาดการพูดไว้ฝ่ายเดียว เพราะจะทำให้เกิดความไม่สมดุลในโครงสร้างของการสื่อสาร ดังนั้นจึงควรเปิดโอกาส ให้ผู้อื่นพูดและแสดงความคิดเห็นบ้าง ซึ่งนอกจากจะเป็นการพูดที่ส่งเสริมประชาธิปไตยแล้ว ยังแสดงออกถึงมารยาทที่ดีงามในการพูดอีกด้วย

43.       การฟังเพื่อเก็บสาระ พิจารณาจาก    (1) ลำดับการนำเสนอ

(2)       ความสัมพันธ์กับหัวเรื่อง          (3) ประเด็นสำคัญตามจุดมุ่งหมาย     (4) ข้อสรุปในช่วงกล่าวส่งท้าย

ตอบ 3 หน้า 69 การฟังเพื่อเก็บสาระสำคัญ เป็นการฟังที่ผู้ฟังจะต้องเข้าใจจุดประสงค์ของตนเองว่า ตนเองต้องการรับอะไรจากผู้พูด ในขณะเดียวกันก็ต้องเข้าใจด้วยว่าผู้พูดต้องการจะให้อะไร แก่ผู้ฟัง เมื่อผู้ฟังสามารถรู้หรืออ่านแนวความคิดของผู้พูดได้แล้ว ผู้ฟังก็จะตั้งใจฟังเพื่อที่จะเก็บประเด็นสำคัญตามจุดมุ่งหมายหรือวัตถุประสงค์ของการฟัง

44.       ข้อใดเป็นความต้องการที่จะรู้ของผู้ฟัง ตามทัศนะของอริสโตเติล     

(1) ความฉลาดของผู้พูด

(2)       ทักษะของผู้พูด            (3) แรงบันดาลใจของผู้พูด      (4) ผลประโยชน์ของผู้พูด

ตอบ 1 หน้า 70, (คำบรรยาย) ความต้องการที่จะรู้ของอริสโตเติล (Aristotle) คือ สิ่งที่ผู้ฟังต้องการเห็นหรือต้องการรู้เกี่ยวกับตัวผู้พูด มีอยู่ 3 ประการ ได้แก่ 1. ความฉลาดหรือสติปัญญาของผู้พูด

2.         บุคลิกลักษณะ ท่วงที หรือลีลาในการนำเสนอ

3.         ข้อคิดหรือสาระดี ๆ ที่ได้จากการพูด (Goodwill)

45.       การแก้ปัญหาการพูดในสถานการณ์ที่ไม่สามารถจะเตรียมการพูดล่วงหน้าได้ สิ่งที่จะเป็นตัวช่วยที่สำคัญที่สุด คือ

(1)       สิ่งเร้า   (2) ภาพพจน์   (3) ภาพลักษณ์           (4) การวิเคราะห์

ตอบ 4 หน้า 89, (คำบรรยาย) การพูดปากเปล่าโดยไม่มีการเตรียมล่วงหน้า (การพูดโดยกะทันหัน) เช่น การพากย์กีฬามวย ฟุตบอล หรือเรือยาวการกล่าวทักทายเมื่อเผอิญได้พบกันการตอบปัญหาบางประการ ฯลฯ มีข้อควรปฏิบัติ ตังนี้ 1. ควบคุมสติให้ดี ไม่ต้องรีบตอบ หากไม่เข้าใจคำถามดีพอ อาจขอให้ทวนคำถามหรือขออภัยที่ไม่สามารถตอบได้ 2. ใช้ปัญญาวิเคราะห์ประเด็นคำถาม หรือใช้ปฏิภาณไหวพริบในการคิด และรวบรวมความรู้ประสบการณ์ของตนเองให้ได้อย่างรวดเร็ว

3.         พยายามนึกถึงโครงสร้างการพูด และลำดับความคิดเห็นหรือเรื่องให้ตรงประเด็น

4.         ฝึกซ้อมตอบคำถามในใจในเรื่องที่เตรียมได้ 5. พูดให้สั้นและมีความหมายชัดเจน

46.       การตอบคำถามในการพูดโดยไม่มีการเตรียมตัวเอาไว้ล่วงหน้า ควรมีลักษณะ

(1)       ชี้แจงรายละเอียดและให้ข้อมูลมากที่สุด

(2)       บอกปัดและถ่ายโอนไปให้ผู้ที่รู้มากกว่า หรือน่าจะรับผิดชอบแทนได้

(3)       ขออภัยที่ไม่สามารถตอบได้ หากไม่เข้าใจคำถามดีพอ

(4)       นำสถิติและข้อมูลทางเทคนิคมาประกอบการทำความเข้าใจ

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 45. ประกอบ

47.       การเตรียมสาร ผู้เตรียมสามารถจัดทำได้ใน 2 กรณี คือ        

(1) ผู้พูด ผู้ฟัง

(2)       ผู้พูด คนอื่นที่จะพูด     (3) เจ้าภาพ ประธานในพิธี      (4) ผู้ฟัง ผู้สังเกตการณ์

ตอบ 2 (คำบรรยาย) ในทางวาทวิทยาหรือวาทนิพนธ์นั้น หากพิจารณาในด้านของผู้จัดทำร่างบทพูดแล้วการเตรียมสารเพื่อการนำเสนอสามารถเตรียมได้ใน 2 กรณี คือ การเตรียมให้กับตนเอง (ตัวผู้พูดเอง) และการเตรียมให้กับผู้อื่น (คนอื่นที่จะพูด)

48.       ข้อใดเป็นการแบ่งการพูดตามจุดมุ่งหมาย    

(1) เร้าอารมณ์ สร้างจุดสนใจ

(2)       ให้ความบันเทิง ชักจูงใจ          (3) บอกเล่า กล่าวความจริง    (4) ท่องจำ กล่าวตามหัวข้อ

ตอบ 2 หน้า 92 การพูดตามจุดมุ่งหมาย แบ่งออกได้เป็น 3 ชนิด คือ

1.         การพูดเพื่อให้สาระความบันเทิง          2. การพูดเพื่อให้ความรู้หรือเล่าข้อเท็จจริง

3.         การพูดเพื่อชักจูงใจหรือโน้มน้าวจิตใจ

49.       การพูดจากต้นฉบับต้องอาศัย…….เสมอ

(1)       โสตทัศนูปกรณ์           (2) การประสานสายตา (3) การโน้มน้าวจิตใจ            (4) คำทิ้งท้าย

ตอบ 2 หน้า 90 – 91 ข้อแนะนำสำหรับการพูดโดยการอ่านจากต้นฉบับประการหนึ่ง คือในขณะที่ อ่านนั้น ไม่ควรถือต้นฉบับให้สูงหรือต่ำเกินไป ระวังอย่าให้ลมพัดกระดาษที่อ่านปลิวไป และ ควรจะใช้การประสานสายตา (Eye-contact) กับผู้ฟังเสมอ

50.       ในการพูดเพื่อความบันเทิง มีอะไรเป็นสิ่งเร้าสำคัญ

(1)       ผลประโยชน์   (2) บรรยากาศ (3) ความรู้สึก   (4) ความต้องการ

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 3. ประกอบ

51.       เป้าหมายของการพูดเพื่อชักจูงใจ คือ 

(1) เปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนทัศนคติ

(2)       การทำตามคำสั่ง        (3) สร้างภาวะทางอารมณ์กดดัน        (4) ให้ข้อมูลข่าวสารด้านเดียว

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 5. ประกอบ

52.       การเตรียมเนื้อหาของรายงานที่จะพูดนั้นไม่ควรที่จะ

(1)       มีหัวข้อที่สั้น กระชับ ชัดเจน     (2) ทำหัวข้อย่อย ๆ ให้มีความโดดเด่น

(3)       บรรจุเนื้อหาที่สมบูรณ์ของเรื่องลงไป   (4) จัดทำอย่างประณีตด้วยความรอบคอบ

ตอบ3 หน้า 139, (คำบรรยาย) หลักการเตรียมเนื้อหาของรายงานที่จะพูด มีดังนี้

1.         เรียบเรียงเนื้อหาด้วยความประณีตและรอบคอบ

2.         ใจความสำคัญของเนื้อหาต้องสั้น กระชับ ชัดเจน พร้อมทั้งมีข้อมูลทางสถิติ

3.         ทำหัวข้อย่อย ๆ ให้มีความเด่น ง่ายต่อการอ่าน โดยมีการใส่หมึกไฮไลต์ขีดทับ

4.         ไม่ควรบรรจุเนื้อหาที่สมบูรณ์ของเรื่องลงไป

5.         เขียนบันทึกย่อประเด็นสำคัญที่ไม่อาจละเลยได้ในการพูดไว้ท้ายกระดาษ

6.         ใช้ข้อความที่ประกอบด้วยคำพูดเพื่อแสดงให้รู้ว่าจบเนื้อหาของเรื่องที่พูดตอนหนึ่ง ๆ แล้ว ฯลฯ

53.       เนื้อหาประเด็นใดที่จำเป็นต้องมีในการพูดแถลงข้อเท็จจริง

(1)       หัวข่าวที่เครือข่ายสังคมออนไลน์ให้ความสนใจ และติดตามรายงานข่าวอยู่

(2)       สิ่งที่หน่วยงานภาครัฐให้ความสำคัญถึงกับต้องให้เจ้าหน้าที่ปิดบังข้อเท็จจริง

(3)       ปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบใหญ่หลวง ทำให้ต้องมีการค้นคว้าข้อเท็จจริงนั้นขึ้นมา

(4)       สถิติ ข้อมูล สาระของแผนเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ยังสำรวจไม่เสร็จ

ตอบ 3 หน้า 141 หลักเกณฑ์ของการพูดรายงานแบบแถลงข้อเท็จจริง ในกรณีที่เนื้อหาเน้นหนัก ไปในทางค้นคว้า ประกอบด้วย

1.         บทนำ (จุดประสงค์ของรายงานนั้น) เช่น กล่าวถึงปัญหาที่สำคัญ สาเหตุ ฯลฯ

2.         การค้นคว้าเอกสาร ข้อมูล/ข้อเท็จจริง และหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่จะพูด

3.         วิธีค้นคว้า และที่มาของข้อมูลที่ผู้พูดใช้          4. สรุปผลของการค้นคว้า และเสนอแนะ

54.       การพูดในลักษณะวิพากษ์วิจารณ์มีรูปแบบเฉพาะที่ต่างจากการพูดประเภทอื่นอย่างไร

(1)       เนื้อหาที่จะพูดต้องเป็นข้อเท็จจริงเสมอ

(2)       ต้องมีการนำเสนอโดยใช้เหตุผลประกอบ

(3)       ต้องมีการจัดสมดุลของเนื้อหา และผลกระทบทีเกิดขึ้นกับบุคคลที่กล่าวอ้าง

(4)       ต้องมีการใช้กติกา ข้อกำหนด หรือตัวบ่งชี้ต่าง ๆ มาเป็นเกณฑ์

ตอบ 2 หน้า 169 การพูดวิจารณ์ หมายถึง การพูดทั้งติและชมสิ่งใดสิ่งหนึ่งในแง่ต่าง ๆ อย่างมีเหตุผล และถูกหลักการวิจารณ์ ซึ่งลักษณะหรือรูปแบบเฉพาะของการพูดวิพากษ์วิจารณ์ที่แตกต่างจาก การพูดชนิดอื่น ๆ คือ เป็นการพูดที่ต้องใช้หลักทางตรรกวิทยา (Logic) หรือใช้หลักทางเหตุผล มาประกอบ โดยจะไม่เอาอารมณ์ของผู้พูดเข้ามาเกี่ยวข้อง

55.       การพูดวิจารณ์ผลงานที่ตีพิมพ์ผ่านสื่อสาธารณะ ควรเน้นที่

(1) รูปแบบ และช่องทางนำเสนอ        (2) กลวิธีนำเสนอ และช่องทางที่ใช้

(3)       ผลกระทบต่อบุคคล และความถูกถ้วน           (4) งบประมาณ และผลตอบแทนที่ใช้

ตอบ 3 (คำบรรยาย) การพูดวิจารณ์ผลงานที่ตีพิมพ์ผ่านสื่อสาธารณะ ควรเน้นที่ความถูกถ้วน และ ผลกระทบต่อบุคคลเป็นสำคัญ โดยผู้วิจารณ์จะต้องมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ อย่างดีพอ จึงจะสามารถวิจารณ์ไต้อย่างถูกต้อง มีเหตุผล มีข้ออ้างอิง เพราะหากวิจารณ์อย่างไม่รู้จริง ก็อาจส่งผลกระทบต่อบุคคลที่เป็นเจ้าของผลงานให้ได้รับความเสียหายได้

56.       ข้อใดกล่าวเกี่ยวกับการวิจารณ์การพูดได้อย่างถูกต้องที่สุด

(1)       การวิจารณ์เป็นการตรวจอบข้อบกพร่องของผู้พูดโดยตรง

(2)       การวิจารณ์การพูด คือ การตรวจสอบปฏิกิริยาที่ดีของกลุ่มเป้าหมาย

(3)       การวิจารณ์ต้องทำโดยสื่อมวลชน เพราะกระจายข้อมูลได้ทั่วถึง

(4)       การวิจารณ์นั้น ผู้พูดและผู้ฟังไม่จำเป็นต้องอาศัยเหตุผลรองรับเสมอไป

ตอบ 1 หน้า 485 การประเมินผลในการพูดที่ดีนั้น จำเป็นจะต้องมีการวิจารณ์การพูด เพราะการวิจารณ์ เป็นการพูดติ-ชมเพื่อตรวจสอบข้อบกพร่องของผู้พูดโดยตรง พร้อมกับให้คำแนะนำตามหลักเกณฑ์ ของการวิจารณ์การพูด เพื่อส่งเสริมให้ปรับปรุงการพูดให้ได้ผลดีอย่างรวดเร็วและถูกต้อง

57.       ข้อใดคือวัตถุประสงค์โดยตรงของการประชุม           

(1) เพื่อจัดการความรู้

(2)       เพื่อบริหารความเสี่ยง (3) เพื่อแสดงการมีส่วนร่วม     (4) เพื่อบริหารและสั่งการ

ตอบ 3 หน้า201,(คำบรรยาย) จุดมุ่งหมายของการประชุมได้แก่ 1.เพื่อแถลงข่าวและเรื่องราวต่างๆ

2. เพื่อปรึกษาหารือ ขอคำแนะนำ และแสดงความคิดเห็น 3. เพื่อดำเนินงานหรือประสานงาน

4.         เพื่อให้การศึกษา          5. เพื่อพิจารณาเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะ

6.         เพื่อกระตุ้นให้สมาชิกเกิดความรู้สึกมีส่วนร่วมและเกิดทัศนคติใหม่ ๆ ในการดำเนินงาน

58.       หากพิจารณาตามวาระของการประชุมแล้ว โดยปกติองค์กรจะมีการประชุม 2 ลักษณะ คือ

(1)       รายเดือน รายวัน          (2) วาระปกติ วาระจร

(3)       ภายในองค์กร ภายนอกองค์กร          (4) สมัยสามัญ สมัยวิสามัญ

ตอบ 4 หน้า 202 หากพิจารณาตามวาระการประชุมแล้ว การประชุมมีอยู่ 2 ชนิด คือ

1.         การประชุมสมัยสามัญ (วาระสามัญ) 2. การประชุมสมัยวิสามัญ (วาระวิสามัญ)

59.       ญัตติในการประชุม คืออะไร

(1) ความเห็นของบรรดาสมาชิก          (2) ข้อเสนอเพื่อพิจารณา

(3)       มติที่ได้จากการลงคะแนน       (4) วาระการประชุม

ตอบ 2 หน้า 203 ญัตติ คือ ข้อเสนอเพื่อให้ที่ประชุมพิจารณา ซึ่งโดยปกติแล้วจะต้องเสนอเป็น ลายลักษณ์อักษรผ่านเลขานุการ แล้วเลขานุการก็จะนำญัตตินั้น ๆ เสนอต่อที่ประชุมต่อไป

60.       ข้อใดไม่ใช่หน้าที่ประธานในการประชุม

(1)       รักษาเวลาการประชุม (2) จดบันทึกรายงานการประชุม

(3)       เปิดโอกาสให้มีการแสดงความเห็น    (4) ชักชวนให้ประชุมอย่างสงบ

ตอบ 2 หน้า 204 – 206 ประธานที่ประชุมมีหน้าที่ที่สำคัญ ดังนี้ 1. เปิดโอกาสให้มีการแสดงความเห็น

2.         รักษาเวลาการประชุม 3. ชักชวนให้ประชุมอย่างสงบ ฯลฯ (ส่วนการจดบันทึกรายงานการประชุม เป็นหน้าที่ของเลขานุการ)

61.       ครบองค์ประชุม หมายถึง      

(1) ครบจำนวนตามสมาชิกที่ลงทะเบียนไว้

(2)       เอกสารและผู้เข้าประชุมครบพอดีกัน

(3) ครบจำนวนผู้เข้าประชุมตามที่กำหนดในระเบียบ

(4)       สัดส่วนและจำนวนผู้ถือสิทธิตามที่กฎหมายระบุเข้าประชุมครบ

ตอบ 3 หน้า 203 ครบองค์ประชุม หมายถึง ครบจำนวนผู้เข้าประชุมตามที่ระบุไว้ใบระเบียบ เช่น 2/3 ของสมาชิกทั้งหมด ถ้าสมาชิกมาไม่ครบองค์ประชุมก็ต้องยกเลิกการประชุม แต่ถ้ายังมี การประชุมต่อไป มติที่ได้จากการประชุมนั้นให้ถือว่าเป็นโมฆะ จะนำไปใช้ไม่ได้

62.       การพูดเพื่อรายงานการประชุม มีความสัมพันธ์กับข้อใด

(1)       พูดเพี่อชักจูงใจ            (2) พูดเพื่อให้เกดความรู้สึกสมานฉันท์

(3)       พูดโดยไม่มีการเตรียมตัวล่วงหน้า       (4) พูดโดยอ่านจากต้นฉบับที่เตรียมไว้

ตอบ 4 หน้า 90207 การพูดรายงานการประชุมจะมีลักษณะคล้ายคลึงกับการพูดรายงานชนิดอื่น ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า การพูดรายงานการประชุมก็คือ การอ่านรายงานการประชุมที่เขียนเสร็จ เรียบร้อยแล้ว หรือเป็นการพูดโดยอ่านจากต้นฉบับที่เตรียมไว้นั่นเอง

63.       การบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ มีสิ่งที่ผู้พูดต้องให้ความสำคัญและเป็นกระบวนการที่ขาดมิได้ คือ

(1)       การวิเคราะห์ผู้ฟัง        (2) ใช้สำนวนที่มาจากต้นฉบับ

(3)       บอกรายละเอียดของตัวละครให้มาก  (4) เปลี่ยนแนวเรื่องหากผู้ฟังคุ้นเคย

ตอบ 1 หน้า 219 – 220 การบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ หรือการเล่านิทาน มีข้อควรระวัง ดังนี้

1.         ต้องมีการวิเคราะห์ผู้ฟังเสมอ  2. อย่าให้มีรายละเอียดของตัวละครมากเกินไป

3.         อย่าใช้ภาษาเขียนที่มาจากต้นฉบับ

4.         ไม่ควรเปลี่ยนแนวเรื่องถ้าเป็นเรื่องที่ผู้ฟังคุ้นเคย แต่ควรปรับปรุงเทคนิคในการเล่าให้สนุก

5.         ควรสอดแทรกคติสอนใจหรือคุณธรรมลงในเรื่องที่เล่า ฯลฯ

64.       ข้อใดไม่ใช่ประโยชน์โดยตรงของการเล่าเรื่อง

(1) ชี้แนะสั่งสอนแบบไม่รู้ตัว   (2) ทำให้จดจำง่าย

(3)       สร้างการรับรู้แบบผู้ฟังมีส่วนร่วม         (4) ชักจูงให้เปลี่ยนพฤติกรรม

ตอบ 4 หน้า 217 ประโยชน์ของการเล่าเรื่อง ได้แก่      1. เป็นวิธีชี้แนะสั่งสอนแบบไม่รู้ตัว 2.  ทำให้ผู้เรียนสนใจฟัง เข้าใจง่าย และจดจำเนื้อเรื่องได้ดี       3. ทำให้ผู้อื่นมีส่วนร่วมในเรื่อง ที่แปลกหรือมหัศจรรย์ ในเหตุการณ์ที่ตื่นเต้นน่ากลัว และในปรากฏการณ์ของธรรมชาติ

65.       การเล่าเหตุการณ์ที่ได้ประสบด้วยตนเอง เรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่า

(1) ประสบการณ์เชิงประจักษ์ (2) ประเด็นสื่อสารส่วนตัว

(3)       การเล่าประวัติเชิงพฤติกรรม   (4) การเล่าเหตุการณ์ส่วนตัว

ตอบ 4 หน้า 223 การเล่าเหตุการณ์ส่วนตัว หมายถึง การเล่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศร้า ประทับใจหรือตื่นเต้นก็ได้โดยการเล่าเรื่องแบบนี้มักจะเป็นเรื่องที่ เกี่ยวกับประสบการณ์ของตนเอง ซึ่งอาจจะได้จากชีวิตประจำวัน ได้จากการท่องเที่ยว หรือได้จากการฟังผู้อื่นมาก็ได้

66.       การนำเสนอชีวประวัติของบุคคลนั้น สิ่งที่ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญ คือ

(1) ผลงานชิ้นสำคัญ   (2) ช่วงเวลาสำคัญในชีวิต

(3) บุคคลสำคัญที่เกี่ยวข้อง    (4) การงานที่รับผิดชอบในบั้นปลาย

ตอบ 1 หน้า 220 – 221 การเล่าชีวประวัติของบุคคลสำคัญนั้น ผู้เล่าควรจะให้ความสำคัญหรือเน้น ถึงผลงานชิ้นสำคัญ ๆ หรือวีรกรรมอันเป็นเหตุให้บุคคลนั้นกลายมาเป็นบุคคลสำคัญมากที่สุด ทั้งนี้เพราะผลงานนั้นเปรียบเสมือนเป็นหัวใจของชีวประวัติของบุคคลสำคัญนั่นเอง

67.       ข้อควรระวังที่สุดสำหรับการบอกเล่าประวัติศาสตร์หรือชีวประวัติ ได้แก่

(1) ข้อมูลที่ละเอียด     (2) ข้อโต้แย้งที่ไม่มีข้อสรุป

(3) ความน่าเบื่อ           (4) ต้นฉบับจากหลายแหล่งอ้างอิง

ตอบ 3 หน้า 222 การบอกเล่าประวัติศาสตร์หรือชีวประวัติบุคคลสำคัญจะต้องระวังข้อผิดพลาดต่าง ๆดังนี้ 1. ไม่ควรที่จะกล่าวถึงชีวิตส่วนตัวของเจ้าของชีวประวัติมากเกินไป เพราะจะเป็นการ แสดงถึงความไม่นับถือ 2. ควรเล่าเฉพาะเหตุการณ์ที่ผู้อื่นยังไม่รู้ ส่วนเหตุการณ์ที่คน ส่วนมากรู้แล้วก็เล่าอย่างย่นย่อหรือข้ามไป เพราะจะทำให้ผู้ฟังเบื่อหน่าย ขาดความสนใจ   3. ควรจะอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสมและสุภาพ ไม่ยกย่องจนเกินไป

68.       การพูดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับตนเอง สิ่งที่จะเป็นข้อมูลสำคัญที่สุด คือ

(1)       ประสบการณ์ร่วม       (2) แหล่งอ้างอิง           (3) ข้อมูลที่มีรายละเอียด        (4) ความจริง

ตอบ 4 (คำบรรยาย) การพูดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับตบเอง หรือการพูดเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเองในด้านต่าง ๆ เช่น การสัมภาษณ์เข้าทำงาน ฯลฯ มีสิ่งที่เป็นสาระหรือข้อมูลสำคัญที่สุด คือ . ความจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งการพูดจากความเป็นจริง หมายถึง การพูดในสิ่งที่เกิดขึ้นมาก่อน เป็นข้อมูลระดับพื้นฐานที่มีอยู่จริง หรือที่ปรากฏออกมาให้เห็น

69.       การพูดเพื่อให้คำปรึกษาที่ดี ควรมีเป้าหมายไปที่       

(1) ทางออกที่ดีหรือเหมาะสมที่สุด

(2)       ผลประโยชน์กับผู้พูดมากที่สุด           (3) ความรู้ที่ผู้ฟังควรได้รับ       (4) การให้ชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเติม

ตอบ 1 หน้า 248250, (คำบรรยาย) การพูดให้คำปรึกษาที่ดีเพื่อให้การชี้แนะเชิงพฤติกรรมนั้นควรอาศัยแนวคิดการมีส่วนร่วมเป็นหลัก โดยวิธีที่ได้ผลดีและมีประสิทธิภาพที่ควรจะใช้ ในการพูดปรึกษาก็คือ การสะท้อนความรู้สึก ซึ่งมีประโยชน์มากในการพูดให้คำปรึกษาแนะนำ กับนักเรียน นักโทษ ที่มีปัญหาความประพฤติและระเบียบวินัย ทั้งนี้เพื่อสร้างบรรยากาศ ให้มีความอิสรเสรี ความเข้าใจ ความไว้วางใจกัน อันจะเป็นทางนำไปสู่ที่มาของปัญหา และมีเป้าหมายไปที่การแก้ปัญหาซึ่งเป็นทางออกที่ดีและเหมาะสมที่สุด

70.       ความถนัดและทักษะของผู้พูดต้องอาศัยกระบวนการ……….ถึงจะเกิดการพัฒนา

(1)       วิเคราะห์ตนเอง           (2) วิเคราะห์ผู้รับสาร

(3)       วิเคราะห์เนื้อหาเพื่อนำเสนอ   (4) วิเคราะห์สถานการณ์และสิ่งแวดล้อม

ตอบ 1 (คำบรรยาย) การวิเคราะห์ตนเอง เป็นการวิเคราะห์ตัวผู้พูดเองเพื่อพัฒนาปรับปรุงและสร้างบุคลิกภาพในการพูดที่เหมาะสม ไม่ว่าจะป็นในค้านการใช้ภาษา น้ำเสียง ความถนัด และทักษะของผู้พูด ความเชี่ยวชาญในเรื่องที่จะพูด ตลอดจนสุขภาพอนามัย และความเชื่อมั่น ในตนเองก่อนขึ้นพูด

71.       ในการพูดเชิงสาธิตนั้น ความเป็นจริงที่ผู้พูดจะต้องระลึกไว้ตลอดเวลา คือ

(1)       อุปกรณ์ทุกอย่างสามารถใช้แทนคำพูดได้

(2)       อย่าใช้อุปกรณ์ในการนำเสนอมาทดแทนการให้ความรู้ในทุกเรื่อง

(3)       จับจ้องมองอุปกรณ์ตลอดเวลาที่ผู้ฟังมองมายังผู้พูด

(4)       อุปกรณ์ คือ ตัวแทนผู้พูดที่มีความน่าเชื่อถือสูงสุด

ตอบ 2 หน้า 122, (คำบรรยาย) หลักการใช้อุปกรณ์ในการพูดเชิงสาธิต มีดังนี้

1.         อุปกรณ์ เครื่องมือ หรือสิ่งที่ใช้ประกอบต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์และสอดคล้องกับเนื้อหา ของการพูด 2. ผู้พูดสำคัญที่สุดในการถ่ายทอด ส่วนเครื่องมือเป็นเพียงส่วนเสริม จึงไม่มี อุปกรณ์ใด ๆ จะดีที่สุดในทุกกรณี 3. เครื่องมือไม่ใช่การพูด อย่าใช้เครื่องมือโดยไม่จำเป็น 4.ขณะใช้สื่อเป็นเครื่องมือ ผู้พูดอย่าขัดจังหวะหรือดึงความสนใจออกจากผู้ชม/ผู้ฟัง

72.       บุคคลใดสมควรเป็นผู้ถูกสัมภาษณ์  

(1) ผู้นำองค์กร

(2)       ผู้มีอำนาจตัดสินใจ      (3) ผู้เกี่ยวข้องและมีความรู้ในเรื่องนั้น            (4) ผู้ทำหน้าที่สื่อสารมวลชน

ตอบ 3 หน้า 257 – 258, (คำบรรยาย) คุณสมบัติของผู้ให้สัมภาษณ์ (ผู้ถูกสัมภาษณ์) เรียงตามลำดับ ความสำคัญของบุคคลได้ ดังนี้  1. เป็นผู้รู้ (สำคัญที่สุด) 2. เป็นผู้เกี่ยวข้อง รู้เห็น หรืออยู่ในเหตุการณ์ 3. เป็นผู้นำ ผู้บริหาร หรือผู้ที่มีความสำคัญ    4.เป็นผู้มีประสบการณ์            5. เป็นผู้ได้รับความสนใจ        6. เป็นผู้ที่มีตัวตนอยู่จริง

73.       ข้อใดเป็นมารยาทสำคัญของการสัมภาษณ์แบบเป็นพิธีการ

(1)       ต้องสัมภาษณ์อย่างกระชับ ชัดเจน ใช้เวลาน้อยที่สุด

(2)       เลือกหัวข้อสัมภาษณ์ตรงตามภาระหน้าที่ของผู้สัมภาษณ์

(3)       มีการบันทึกเทป และออกอากาศตรงเวลาตามที่ตกลงกันไว้

(4)       มีการนัดเวลา และกำหนดโครงสร้างของแบบสัมภาษณ์

ตอบ 4 หน้า 256 การสัมภาษณ์แบบที่เป็นพิธีการ (Formal Interview) คือ การที่ผู้สัมภาษณ์จะต้อง ตระเตรียมและแจ้งเรืองที่จะสัมภาษณ์ กำหนดโครงสร้างของแบบสัมภาษณ์ นัดวัน เวลา และสถานที่ที่จะสัมภาษณ์ให้ผู้ถูกสัมภาษณ์ทราบล่วงหน้า เพื่อว่าผู้ถูกสัมภาษณ์จะได้มีเวลาเตรียมตัว ซึ่งการสัมภาษณ์ชนิดนี้มักจะเป็นการสัมภาษณ์บุคคลที่ไม่คุ้นเคยกัน เช่น บุคคลในวงการเมือง เชื้อพระวงศ์ ผู้บริหารประเทศ ฯลฯ

74.       การสัมภาษณ์นั้นมีความหมายสำคัญในด้านการสื่อสารมวลชนอย่างไร

(1)       ทำให้รู้ซึ้งถึงข้อมูลเชิงลึก        (2) ทำให้มีการทบทวนเหตุการณ์

(3)       ทำให้ความจริงถูกเปิดเผย       (4) ทำให้มีการจัดระเบียบข่าวสาร

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 30 ประกอบ

75.       มนุษยสัมพันธ์ในการสัมภาษณ์ เป็นผลมาจากการรู้จัก        

(1) พัฒนาตน

(2)       นำเหตุผลมาใช้           (3) ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์            (4) ถาม

ตอบ 3 หน้า 258, (คำบรรยาย) คุณสมบัติของผู้สัมภาษณ์ประการหนึ่ง คือ จะต้องเป็นผู้ที่มี มนุษยสัมพันธ์ดี ซึ่งเป็นผลมาจากการรู้จักปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์และบุคคลทุกคน หรือไม่ทำลายบรรยากาศการพูดคุย จนสามารถสร้างความสัมพันธ์ได้ในระยะเวลาอันสั้น

76.       มารยาทในการสัมภาษณ์มีความเกี่ยวข้องกับข้อใดมากที่สุด

(1) การให้เกียรติ         (2) ข้อมูลสำคัญ          (3) ผลตอบแทบ          (4) เวลา

ตอบ 1 หน้า 259263 มารยาทที่ดีของผู้สัมภาษณ์ย่อมทำให้ผู้ให้สัมภาษณ์ให้ความร่วมมือ ซึ่งการที่ ผู้สัมภาษณ์จะแสดงมารยาทที่ดีได้นั้นก็ต่อเมื่อมีทัศนคติที่ดีต่อผู้ให้สัมภาษณ์ และที่สำคัญต้อง รู้จักให้เกียรติผู้ให้สัมภาษณ์ด้วยการรักษาความลับส่วนบุคคลของผู้ให้สัมภาษณ์ด้วย

77.       ข้อใดกล่าวถูกต้องในเรื่องการแนะนำองค์ปาฐก

(1) บอกชื่อและภูมิหลังให้ละเอียด      (2) กล่าวสนับสนุนก่อนจะเข้าสู่เนื้อหา

(3)       ให้แนะนำมิใช่เล่าชีวประวัติ     (4) เกริ่นว่าชอบหรือไม่ชอบอะไรก่อน

ตอบ 3 หน้า 310 การแนะนำองค์ปาฐกมิใช่การเล่าชีวประวัติ ดังนั้นจึงควรมีใจความสั้นแต่รวม

ความหมายได้หมด และไม่ควรอย่างยิ่งที่จะนำเรื่องส่วนตัวขององค์ปาฐกมาพูด แต่ถ้าจำเป็น ควรจะขออนุญาตองค์ปาฐกเสียก่อน

78.       การแนะนำตัวผู้พูดเกินความเป็นจริง จะมีผลอย่างไร           

(1) สร้างความภาคภูมิใจ

(2)       เป็นเกียรติอย่างยิ่ง     (3) ผิดหวังต่อการพูดครั้งนั้น   (4) ผู้ฟังเกิดความคาดหวัง

ตอบ 4 หน้า 311, (คำบรรยาย) ในการแนะนำองค์ปาฐกนั้น ควรจะอยู่ในขอบเขตของคุณงามความดีขององค์ปาฐกเท่านั้น ผู้พูดแนะนำควรระวังอย่าให้ออกนอกเรื่อง หรือพูดเกินความจริง เพราะ จะทำให้องค์ปาฐกเกิดความกระดากเขินอายต่อหน้าผู้ฟัง และยังทำให้ผู้ฟังเกิดความคาดหวังสูง ต่อการพูดครั้งนั้นด้วย

79.       การพูดแบบธรรมกถา เนื้อหาที่พูดมักเป็นไปในด้าน

(1)       ให้อารมณ์ความรู้สึกร่วมปนบันเทิง     (2) รับรู้ความจริงที่เกิดกับชีวิต

(3)       ให้ข่าวสารที่สมบูรณ์แบบน่าเชื่อถือ    (4) ระลึกถึงคุณงามความดีของบุคคล

ตอบ 2 หน้า 307 – 309, (คำบรรยาย) การพูดแบบธรรมกถา เป็นการแสดงปาฐกถในด้านความรู้ทั่วไป โดยเนื้อหาที่พูดมักเป็นไปในด้านการให้ความรู้ทางธรรมะ เพื่อให้รับรู้ความจริงที่เกิดกับชีวิต แต่ไม่ว่าจะแสดงปาฐกถาในด้านใด ผู้พูดหรือองค์ปาฐกควรเป็นผู้ที่มีความรู้เฉพาะด้านและมี ประสบการณ์ในด้านนั้น ๆ อย่างเชี่ยวาญ โดยควรแสดงสาระออกมาให้เด่นชัดและเข้าใจง่าย

80.       บุคคลที่จะเป็นองค์ปาฐก ควรมีลักษณะเด่นด้านใด

(1)       เป็นผู้เชี่ยวชาญที่ให้ความรู้เฉพาะด้าน            (2) มีกิจการและประสบการณ์มาก

(3) มีวิสัยทัศน์สามารถในการถ่ายทอดได้ดี     (4) เป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จ

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 79. ประกอบ

81.       การจัดการอภิปราย สนับสนุนแนวความคิดทางสังคมด้านใด

(1)       การมีส่วนร่วม (2) การบริหารความเสี่ยง (3) การจัดการองค์กร         (4) การประกันคุณภาพ

ตอบ 1 หน้า-337 จุดมุ่งหมายของการอภิปรายได้แก่ 1. เพื่อหาข้อเท็จจริงโดยเน้นการมีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยนความรู้อย่างมีเหตุผล 2. เพื่อนำความรู้มาแก้ปัญหาสังคม โดยใช้หลัก ความคิดเห็นแบบประชาธิปไตย        3. เพื่อตรวจสอบความเห็นส่วนรวมแล้วนำไปปฏิบัติ  4.เพื่อฝึกให้ผู้ร่วมอภิปรายมีความคิดแบบประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น    5. เพื่อช่วยให้ผู้ร่วมอภิปรายได้เรียนรู้การทำงานร่วมกับผู้อื่น

82.       เงื่อนไขสำคัญของการพูดแบบอภิปราย คือ  

(1) ให้ข้อมูล โต้เถียงอย่างมีเหตุผล

(2)       ใช้เสียงข้างมากตัดสินข้อโต้แย้ง (3) กลั่นกรองความคิดโดยผู้รู้         (4) เผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อต่าง ๆ ได้

ตอบ 1 หน้า 337 – 338 การอภิปรายจะต้องเป็นการปรึกษาหารือของคนกลุ่มหนึ่งโดยมีการให้ข้อมูลและโต้เถียงกับอย่างมีเหตุผล เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ทัศนคติและประสบการณ์ ซึ่งจะมีรูปลักษณะง่าย ๆ ก็คือ เป็นการสนทนากันอย่างมีเหตุผลนั่นเอง

83.       เรื่องที่เข้าสู่วาระการอภิปราย ควรมีลักษณะ

(1) ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจน         (2) มีขอบเขตและหลักการรองรับ

(3)       เป็นเรื่องเฉพาะที่ควรพูดวงใน            (4) เป็นประเด็นขัดแย้งรุนแรงในสังคม

ตอบ 2 หน้า 340 – 341, (คำบรรยาย) ปัญหาหรือเรื่องที่จะนำเข้าสู่วาระการอภิปรายควรมีลักษณะ ดังนี้

1.         เป็นปัญหาที่มีขอบเขตไม่กว้างจนเกินไป และมีหลักการรองรับ

2.         เป็นปัญหาที่มีสาระและประโยชน์ต่อส่วนรวม 3. เป็นปัญหาที่น่าสนใจทั้งต่อผู้ร่วมอภิปราย และผู้ฟัง หรือเป็นปัญหาที่สังคมส่วนใหญ่ยังเข้าใจไม่ถูกต้อง

84.       หน้าที่ของผู้ดำเนินการอภิปรายโดยตรง ได้แก่

(1) เลือกผู้ที่จะเข้าร่วมอภิปราย           (2) จัดเวทีและอุปกรณ์ประกอบ

(3) เชิญผู้ร่วมอภิปรายร่วมถ่ายภาพ    (4) แนะนำผู้อภิปรายทั้งหมดให้ได้รู้จักกัน

ตอบ 4 หน้า 343 ผู้ดำเนินการอภิปราย จะต้องทำหน้าที่แนะนำผู้อภิปรายทั้งหมดให้ผู้ฟังได้รู้จัก ซึ่งการแนะนำนั้นจะต้องไม่ยืดยาวเกินไป และจะต้องเริ่มต้นด้วยชื่อ ตำแหน่งหน้าที่ ผลงาน ที่ดีเด่น และความสามารถที่เหมาะกับการอภิปรายนั้น ๆ

85.       การวางตัวของผู้ดำเนินการอภิปราย ควรเป็นเช่นไร

(1)       เข้าข้างผู้มีท่าทีเข้าข้างฝ่ายจัดการประชุม

(2)       ให้การสนับสนุนผู้อภิปรายที่ได้รับความชื่นชมจากผู้ฟัง

(3)       แสดงออกถึงการสนับสนุนให้มีการระดมความคิด

(4)       สงวนท่าทีอย่าให้ฝ่ายใดคาดเดาจุดยืนหรือท่าทีออก

ตอบ 3 หน้า 342 – 343 ผู้ดำเนินการอภิปรายจะต้องรู้จักเคารพความคิดเห็นของผู้อื่น คือ ไม่เป็นผู้พูด แค่ฝ่ายเดียว โดยควรสนับสนุนให้ผู้อภิปรายคนอื่น ๆ ได้มีการระดมความคิดเห็นให้มากที่สุด แม้ว่า ผู้อภิปรายบางคนจะเป็นคนพูดน้อยก็ควรช่วยส่งเสริมชักนำให้ผู้อภิปรายคนนั้น ๆ ได้พูดเพิ่มเติมอีก

86.       ข้อใด คือ ความหมายของการโต้วาที

(1) ใช้วาทศิลป์หักล้างเหตุผล (2) โต้เถียงในปัญหาสำคัญ

(3) ใช้วาทศิลป์อย่างได้เปรียบ            (4) ใช้เหตุผลด้วยความรอบคอบ

ตอบ 1 หน้า 403 การโต้วาที คือ การโต้แย้งด้วยการใช้คำพูดที่ประกอบด้วยเหตุผลและใช้วาทศิลป์ หักล้างเหตุผลของอีกฝ่ายหนึ่งเพื่อมุ่งให้ได้รับชัยชนะ ซึ่งการโต้วาทีนี้ถือว่าเป็นการพูดแบบชักจูง และเป็นการอภิปรายที่จะต้องมีการโต้แย้งกันด้วยเหตุผล เพื่อตัดสินว่าจะรับหลักการหรือ นโยบายนั้นหรือไม่

87.       การแบ่งฝ่ายในการโต้วาที มีดังนี้

(1) ฝ่ายญัตติ ฝ่ายวาระ           (2) ฝ่ายนำประเด็น ฝ่ายถกประเด็น

(3) ฝ่ายเห็นชอบ ฝ่ายขัดแย้ง  (4) ฝ่ายเสนอ ฝ่ายค้าน

ตอบ 4 หน้า 407 ในการโต้วาทีนั้นจะแบ่งผู้โต้วาทีออกเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายเสนอและฝ่ายค้านโดยหัวหน้าฝ่ายเสนอจะเป็นผู้พูดก่อน และหัวหน้าฝ่ายค้านเป็นผู้พูดต่อมา หลังจากนั้นก็จะ เป็นผู้สนับสนุนฝ่ายเสนอ และผู้สนับสนุนฝ่ายค้านตามลำดับ

88.       ข้อใดไม่ใช่จุดประสงค์หลักของการศึกษาและเรียนรู้ทักษะการโต้วาทีที่มีต่อสังคม

(1)       ฝึกวาทศิลป์ให้เป็นผู้เข้าถึงความขัดแย้ง และหาทางอธิบายด้วยเหตุผล

(2)       ฝึกการเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพในการรักษาผลประโยชน์องค์กร

(3)       ฝึกการชักจูงใจเพื่อให้คนอื่นคล้อยตามความเห็น

(4)       ฝึกการใช้เหตุผลในการนำเสนอ และยอมรับความเห็นที่ขัดแย้ง

ตอบ 2 หน้า 404 จุดมุ่งหมายของการเรียนรู้เรื่องการโต้วาที ได้แก่ 1. ฝึกให้ผู้เรียบได้รู้จักวิธีพูด เสนอข้อคิดเห็นของตน คัดค้านหรือโต้แย้งข้อคิดเห็นของผู้อื่นด้วยเหตุผล ไม่ใช้อารมณ์

2.         ฝึกผู้เรียนให้เป็นผู้ฟังที่ดี รู้จักใช้ความคิดอย่างมีเหตุผลก่อนที่จะเชื่อสิ่งใดก็ตาม

3.         ส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักพูดชักจูงใจคนฟังให้คล้อยตามความคิดเห็นของตนเอง

4.         แนะนำให้ผู้เรียนได้เรียนรู้หลักเกณฑ์ของการโต้วาที และได้เรียนรู้วิธีการพูด

89.       พิธีกรที่ดี ไม่ควร

(1) รู้จักการแต่งตัวตามสมัยนิยม        (2) รู้จักเรื่องที่จะพูดในรายละเอียด

(3) ปรับตัวเข้ากับงานได้ทุกรูปแบบ    (4) พูดยาวและมากได้เท่าที่ต้องการ

ตอบ 4 หน้า 443 ข้อแนะนำสำหรับผู้ที่จะทำหน้าที่เป็นโฆษกหรือพิธีกรที่ดี มีดังนี้

1.         ต้องพยายามให้สีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ

2.         ต้องทำตัวให้สง่า         3. ต้องรู้จักเลือกถ้อยคำและเรืองที่จะนำมาพูด

4.         อย่าพูดให้ยาวหรือมากเกินไป 5. พยายามหลีกเลี่ยงการใช้ข้อความหรือถ้อยคำที่ซ้ำซาก

90.       ข้อใดไม่ใช่หน้าที่ของพิธีกร

(1) รักษาเวลา และสรุปประเด็นสำคัญ           (2) พูดถึงตนเองร่วมกับผู้ที่รับเชิญขึ้นมาพูด

(3) ประสานงานกับผู้พูดแต่ละคนเรื่องการใช้เวที       (4) ชักจูงให้วิทยากรพูดให้กระชับขึ้น

ตอบ 2 หน้า 444, (คำบรรยาย) การปฏิบัติหน้าที่พิธีกร มีดังนี้

1. พูดให้สั้น และมีชีวิตชีวา      2. ต้องพูดเน้นถึงผู้ที่ได้รับเชิญให้ขึ้นมาพูด

3.         ก่อนที่จะเชิญคนต่อไปขึ้นมาพูด พิธีกรอาจใช้คำพูดสั้น ๆ พูดให้ผู้ฟังเกิดความสนใจ และมีความกระตือรือร้นที่จะฟัง

4.         ต้องประสานงานกับผู้พูด หรือฝ่ายกำกับเวทีเกี่ยวกับเรื่องเวลาและการใช้เวที

5.         ชักจูงให้ผู้พูดพูดให้กระชับ ตรงประเด็น และคอยสรุปประเด็นสำคัญให้รัดกุม ฯลฯ

91.       การกล่าวต้อนรับอย่างเป็นพิธีการจะต้องเริ่มด้วย

(1) การแนะนำเจ้าภาพ            (2) คำปฏิสันถาร

(3) การกล่าวขอบคุณแขกผู้มีเกียรติ   (4) แสดงความชื่นชมในโอกาส

ตอบ 2 หน้า 445 การกล่าวต้อนรับ เป็นการแสดงออกถึงการให้เกียรติแก่ผู้ที่มาเยี่ยม เป็นการแนะนำผู้มาเยี่ยม หรือผู้มาใหม่ให้รู้จักสถานที่นั้น ๆ ดีขึ้น โดยการกล่าวต้อนรับจะต้องเริ่มต้น ด้วยการกล่าวคำปฏิสันถารก่อนเสมอ

92.       การกล่าวอำลาการเยี่ยม เนื้อหาส่วนใหญ่จะประกอบด้วย

(1)       การกล่าวขอบคุณ ความประทับใจ การเชื้อเชิญให้ปเยือน

(2)       ความประทับใจ เหตุที่ต้องอำลา ความอาลัยต่อเจ้าของบ้านเดิม

(3)       การกล่าวขอบคุณ จุดหมายปลายทางที่จะไป ความสัมพันธ์ในอนาคต

(4)       การเชื้อเชิญให้ไปเยือน เหตุที่ต้องกลับ ความผูกพันระหว่างกัน

ตอบ 1 หน้า 446 การกล่าวอำลาจากการเยี่ยมนั้น ไม่มีหลักเกณฑ์ที่แน่นอน แต่ส่วนใหญ่จะถือเป็น หลักปฏิบัติ ดังนี้            1. คำปฏิสันถาร           2. กล่าวขอบคุณ      3. กล่าวถึงความประทับใจในการต้อนรับ          4. กล่าวเชื้อเชิญเจ้าของบ้านให้ไปเยือนตนบ้าง

93.       สมมุติฐานที่จะเป็นกำลังใจให้ทุกคนหันมาปรับปรุงการพูดของตนเอง คือ

(1)       การพูดเป็นความยากที่ท้าทาย อย่างคุณจะทำได้หรือเปล่า

(2)       คนเราพูดได้ทุกคน แต่จะพูดเป็นหรือเปล่านั้นมันอีกเรื่องหนึ่ง

(3)       คนเราทุกคนสามารถที่จะเรียนรู้และพัฒนาทักษะต่าง ๆ ได้ การพูดก็เช่นกัน

(4)       การพูดเป็นธรรมชาติของมนุษย์ คนเราไม่อาจจะทิ้งสัญชาตญาณส่วนนี้ได้

ตอบ 3 หน้า 11,486 ในการวิจารณ์นั้น ผู้วิจารณ์ควรจะเสนอข้อแนะนำของตนเองในทางที่ดี มีประโยชน์ เพื่อว่าผู้พูดจะได้นำไปปรับปรุงการพูดของตนเองให้ดีต่อไปโดยอาจให้กำลังใจว่าไม่มีใครที่เกิดมา แล้วก็พูดเก่งเลย เพราะการที่จะพูดได้อย่างคล่องแคล่ว พูดให้จับใจคนฟัง พูดให้คนเชื่อถือ ศรัทธา และเข้าใจนั้น ล้วนเป็นสิ่งที่สามารถศึกษาและฝึกฝนทักษะได้ ยิ่งฝึกมาก ความชำนาญในการพูด ยิ่งพัฒนาขึ้นตามลำดับ

94.       ตามมารยาทของการกล่าวตอบที่ได้รับรางวัลหรือของขวัญนั้น สิ่งที่ผู้พูดจะต้องให้ความสำคัญ และกล่าวถึงเสมอ คือ

(1)       อธิบายความเป็นมาของรางวัลหรือของขวัญชิ้นนั้น

(2)       กล่าวขอบคุณผู้ทีมีส่วนช่วยให้ตนเองประสบความสำเร็จ

(3)       ความประทับใจที่มีต่อกรรมการและผู้ตัดสินที่ส่งเสริมให้มีวันนี้

(4)       อุปสรรคปัญหาที่ได้รับระหว่างการต่อสู้แข่งขัน และบอกด้วยว่าเป็นใคร

ตอบ 2 หน้า 448 ในงานที่เป็นพิธีการ ผู้ได้รับรางวัลหรือของขวัญจะต้องกล่าวตอบขอบคุณ โดยอาศัย หลักเกณฑ์ ดังนี้ 1. คำปฏิสันถาร 2. กล่าวถึงความรู้สึกยินดีที่ตนได้รับรางวัลหรือของขวัญ 3. กล่าวขอบคุณผู้ที่มีส่วนช่วยทำให้ตนประสบความสำเร็จ     4. พูดให้เห็นความรู้สึกว่าของขวัญหรือของรางวัลนั้นมีความหมายสำหรับตนมาก     5. กล่าวขอบคุณ

95.       ข้อใด คือ ความหมายของ Speech

(1) พิจารณาผู้ฟังเป็นสำคัญ   (2) เป็นเครื่องมือของสื่อสารมวลชน

(3) เตรียมการอย่างมีขั้นตอน  (4) ไข้ภาษากายและท่าทางให้เหมาะสม

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 34. ประกอบ

96.       Rehearsal มีความสำคัญในฐานะ

(1)       เป็นกระบวบการสำรวจปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในระหว่างการพูด

(2)       เป็นกลไกที่จะรับฟังเสียงตอบกลับจากผู้ชมที่ติดตามมาตลอด

(3)       เป็นเครื่องมือที่จะทำให้การนำเสนอมีความสมบูรณ์แบบที่สุด

(4)       เป็นแบบทดสอบความพร้อมของการเตรียมเนื้อหาข่าวสารที่จะพูด

ตอบ 1 หน้า 51, (คำบรรยาย) การฝึกซ้อมพูด (Rehearsal) มีความสำคัญต่อการเสนอเรื่องพูดบนเวที เนื่องจากเป็นกระบวนการสำรวจปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในระหว่างการพูด ซึ่งเป็นการค้นหา ข้อบกพร่องเพี่อจะได้ทำการปรับปรุงแก้ไขการพูดให้ดียิ่งขึ้น

97.       การจัดลำดับของเนื้อเรื่องที่จะพูด ไม่ควรอาศัยกฎเกณฑ์ใด

(1) ความสำคัญของปัญหา     (2) ปริมาณของผลกระทบด้านต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น

(3) พื้นที่และขอบเขตทางภูมิคาสตร์   (4) ความถนัดและรสนิยมของผู้พูด

ตอบ 4 หน้า 36 – 37, (คำบรรยาย) การเรียงประเด็นหรือจัดสำดับเนื้อเรื่องของการพูดมีวิธีการดังนี้

1.         เรียงตามสำดับเวลา ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายต่อการนำเสนอและทำให้สับสนน้อยที่สุด

2.         เรียงตามสถานที่เกิดเหตุ หรือพื้นที่และขอบเขตทางภูมิศาสตร์

3.         เรียงตามคำจำกัดความ          4. เรียงตามหมวดหมู่

5.         เรียงตามเหตุผล          6. เรียงตามแนวคิด ทฤษฎี

7. เรียงตามผลกระทบที่เกิดขึ้น           8. เรียงตามความสำคัญของปัญหา (เนื้อเรื่อง)

98.       การนำเสนอความคิดที่เกิดขึ้นระหว่างบุคคลนั้น อาศัยช่องทางที่เรียกว่า

(1) ทักษะ        (2) ผู้ฟัง           (3) ภาษา         (4) อากาศ

ตอบ 3 (คำบรรยาย) ความคิด คือ เนื้อหาที่ใช้ในการสื่อสาร ซึ่งความคิดจะเดินทางจากคนหนึ่งไปสู่ อีกคนหนึ่งได้จะต้องมีการเข้ารหัสเป็นภาษาก่อน โดยภาษาจะบอกได้ว่าคู่สื่อสารมีเป้าหมาย อย่างไร ดังนั้นการนำเสนอความคิดในการสื่อสารระหว่างบุคคลจึงต้องอาศัยภาษาเป็นช่องทางในการสื่อสาร

99.       การเลือกเรื่องที่จะพูด ควรจะ

(1)       เป็นเรื่องยากที่สามารถค้นคว้าข้อมูลได้จากสื่อต่าง ๆ

(2)       เป็นเรื่องง่ายต่อการทำความเข้าใจ แม้ว่าคนที่ฟังจะไม่ใช่คนที่มีการศึกษาดี

(3)       มีความละเอียดซับซ้อน เป็นการแสดงออกถึงความสามารถอย่างแท้จริง

(4)       สื่อมวลชนให้ความสำคัญ หรือในวาระแห่งชาติอยู่ในความสนใจของผู้ฟัง

ตอบ 4 หน้า 23, (คำบรรยาย) ในการเลือกเรื่องไปพูดนั้น ผู้พูดต้องพยายามเลือกเรื่องที่ทั้งผู้พูดและผู้ฟัง สนใจเป็นอันดับแรก ยิ่งถ้าเป็นเรื่องที่ผู้พูดถนัดหรือมีความรู้และสามารถหาข้อมูลมานำเสนอได้ ก็จะทำให้พูดได้ดี และถ้าเรื่องนั้นผู้ฟังสนใจด้วยก็ดูเหมือนว่าผู้พูดได้ประสบความสำเร็จขั้นต้น ในการเรียกความสนใจจากผู้ฟัง แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ผู้ฟังไม่สนใจ การพูดนั้นก็จะล้มเหลว

100.    การพูดเป็นวิชาชีพเพราะเหตุผลใด

(1)       เพราะการพูดสามารถให้คุณประโยชน์และโทษได้

(2)       เพราะต้องผ่านการศึกษา และองค์กรวิชาชีพรองรับมาตรฐานและมีจรรยาบรรณ

(3)       เพราะต้องอาศัยทักษะการนำเสนอ มีความเป็นศิลปะ และเป็นวิทยาการเก่าแก่

(4)       เพราะมีความสำคัญและมีอิทธิพลต่อชีวิตประจำวัน

ตอบ 2 หน้า 3, (คำบรรยาย) การพูดเป็นวิชาชีพ เพราะคนเราทุกคนและทุกอาชีพต้องใช้การพูดเป็นเครื่องมือสื่อความหมาย นอกจากนี้การพูดยังเป็นวิชาที่ต้องผ่านการศึกษา โดยมีองค์กร วิชาชีพรองรับมาตรฐานและมีจรรยาบรรณในการควบคุมดูแลการประกอบอาชีพ

WordPress Ads
error: Content is protected !!