ENG1001 ประโยคพื้นฐานและศัพท์ที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน S/2559

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2559

ข้อสอบกระบวนวิชา ENG 1001 ประโยคพื้นฐานและศัพท์ที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน

Choose the correct answer.

Part I: Structure (ภาคโครงสร้าง)

1              Your eyeglasses _______ on the dining table, dear.

1 is

2 are

3 am

4 be

ตอบ 2 หน้า 350 คำนามที่แสดงเป็นคู่ๆ ถือว่าเป็นนามพหูพจน์ หรือเราดูว่า eyeglasses เป็นคำนามที่ลงท้ายด้วย s หรือ es โดยปกติทั่วไปเป็นคำนามพหูพจน์อยู่แล้วก็ตอบกริยาพหูพจน์ คือ are

2              Kar Siriyanto is an ______ from______ .

1 Indonesia; Indonesia

2 Indonesian; Indonesia

3 Indonesia; Indonesian

  1. Indonesian, Indonesian

ตอบ 2 หน้า 5 s คำนามเฉพาะที่เป็นชื่อประเทศ สามารถเป็นคำคุณศัพท์หรือคำนามที่หมายถึง “ประชากรหรือภาษา” ได้ด้วยการเติมปัจจัยท้ายคำ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง รูปคำ เช่น China —►Chinese, Brazil—►Brazilian, Germany —► German, Holland–► Dutch, Vietnam—►Vietnamese, Indonesia —► Indonesian สำหรับข้อนี้ไม่ยาก ช่องแรกให้ตอบเป็นพลเมืองว่าชาวอินโดนีเซีย (Indonesian) มาจากตามด้วยประเทศคือ Indonesia

3              Do you have _______ friends at school?

1 many

2 little

3 each

4 much

ตอบ 1 หน้า 101 -10 2 เป็นเรื่องคำนำหน้าคำนาม เราต้องรู้ว่าคำนามที่ให้มานั้นเป็นคำนามเอกพจน์ หรือพหูพจน์ ดูจากตัวเลือกมีผ่าเหล่าตัวเดียวคือ many ตามด้วยคำนามพหูพจน์ เช่น many friends, many students เป็นต้น ส่วน little, much ตามด้วยคำนามนับไม่ได้ เช่น little money, much money และ each ตามด้วยคำนามเอกพจน์ เช่น each student เป็นต้น

4 _______ book is very thick.

1 I

2 Those

3 A few

4 This

ตอบ 4 หน้า 86 – 88 เป็นเรื่องคำนำหน้าคำนาม โดยโจทย์ให้มา book เป็นคำนามนับได้เอกพจน์ สามารถนำหน้าได้คือ This โดยคำว่า This หรือ That ตามด้วยคำนามเอกพจน์เสมอ เช่น this boy, that book เป็นต้น ส่วน those, these, a few ตามด้วยคำนามพหูพจน์เสมอ เช่น those books, a few friends และ คำสรรพนาม I ตามด้วยกริยาได้เลย มาซ้อนตาม ด้วยคำนาม book ไม่ได้แน่ ๆ

5              Dan can play  ______ piano very well.

1 a

2 an

3 the

4 some

ตอบ 3 หน้า 74 ไม่มี article นำหน้าคำนามที่เป็นชื่อเกมส์และกีฬาต่าง ๆ เช่น

baseball               basketball           cricket   football golf

hockey ice-skating          soccer   squash  tennis

table tennis volleyball

สำหรับข้อนี้มี piano (เปียโน) ก็ใช้the นำหน้า

6              Cindy has just bought two ______ of longan.

1 kils

2 sets

3 schools

4 catches

ตอบ 1 หน้า 12-15 วัตถุนาม (Material Noun) ที่เป็นชื่อวัตถุ โลหะ ของแข็ง และของเหลว เป็น คำนามนับไม่ได้ ถ้าจะให้นับได้จะต้องอยู่ในรูปของหน่วยชั่ง ตวง วัด ภาชนะหรือเป็นกลุ่มเป็น ก้อนเป็นชิ้น เช่น two kilos of longan (ลำไยสองกิโล), two cups of coffee (กาแฟสอง ถ้วย), five bottles of beer (เบียร์ห้าขวด), two bars of chocolate (ช็อกโกแลตสองแท่ง) เป็นต้น

7              While scuba diving a Trang, we saw a _____ of cartoon fish.

1 group

2 cluster

3 school

4 team

ตอบ 3 หน้า 8-10 สมุหนาม (Collective Noun) คำนามที่แสดงเป็นกลุ่มของคนหรือสัตว์หรือสิ่งของที่มักมี of คั่น เช่น a school of cartoon fish (ปลาการ์ตูนฝุงหนึ่ง), a pair of shoes (รองเท้าคู่หนึ่ง), a team of football players (นักฟุตบอลทีมหนึ่ง) เป็นต้น

8              Mr. Brown is Preeda’s  ______ .

1 brother in law

2 in law brother

3 brother-in-law

4 in-law brother

ตอบ 3 หน้า 24 -25 คำนามประสม (Compound Noun) เป็นการนำคำสองคำหรือมากกว่ามา รวมกัน ซึ่งมีวิธีการทำให้เป็นคำนามประสมมีหลายวิธี เช่นบางตัวเขียนติดกัน lighthouse (ประภาคาร) greenhouse (เรือนกระจก) หรือ Ving + คำนาม โดย ving บอกหน้าที่ของ คำนามเช่น swimming suit (ชุดว่ายนํ้า) washing machine (เครื่องซักผ้า) ถ้ามีบุพบท เอาไว้หลังคำนาม เช่น brother-in-law (น้องเขย), two-day holiday (วันหยุดสองวัน) เป็นต้น

9              Cheating _____not allowed in the exam room.

1 is

2 am

3 be

4 were

ตอบ 1 หน้า 20 -21 ประธานที่เป็นรูป Ving อย่างเช่นโจทย์นี้ Cheating เป็นเอกพจน์ก็ตอบกริยาเอกพจน์ คือ is

10           We had _____ good time on the  island last month.

1 an

2 (blank)

3 a

4 the

ตอบ 3 หน้า 61 ให้article “a” ในกริยาดังนี้ “take/have “ เป็นสำนวนต่างๆ เช่น

take a walk (เดินเล่น)        have a good time (มีความสุข)

do a favor (ช่วยเหลือ)        be a shame (ละอายใจ)

11           That is ______ dog.

1 I

2 my

3 me

4 mine

ตอบ 2     หน้า 117-118 บุรุษสรรพนาม (Personal Pronoun)

Possessive adjective Possessive Pronoun
my

your

her

his                   >    มีคำนามตามหลัง

their

our

its

 

mine

yours

hers

his              >      ไม่มีคำนามตามหลัง

theirs

ours

its

 

 

–              Those are their books.

–              Those books are theirs.

–              Tom likes them.

จากโจทย์ที่ให้มามีคำนาม (dog) ฉะนั้นต้องตอบสรรพนามรูปแสดงความเป็นเจ้าของที่มี คำนามตามหลังก็คือพวก my, your, his, her 5 their, our จึงตอบ my

12           Suda is  _______ lawyer.

1 a

2 an

3 the

4 (blank)

ตอบ 1 หน้า 59 ใช้ article “a/an” นำหน้าคำนามที่แสดงอาชีพ มักตามหลัง verb to be เช่น a doctor (หมอ), a teacher (ครู), a psychiatrist (จิตแพทย์), an engineer (วิศวกร), a housewife (แม่บ้าน), a lawyer (ทนายความ) เป็นต้น

13           A: Where is Tony?

B:             _______ is talking to a customer, sir.

1 He

2 Him

3 His

4 Himself

ตอบ 1     ดูตารางในข้อ 11 ที่ผ่านมา เราดูจากโจทย์มีกริยา is แสดงว่าข้างหน้าตอบรูปประธานก็คือ He

14           After seeing the movie. I think King Naraesuan is  ______ leader of all.

1 the brave

2 the braver

3 a brave

4 the bravest

ตอบ 4 หน้า 173 -174 เป็นการเปรียบเทียบ เราเห็นคำว่า of all ของทั้งหมด แสดงว่าเป็นการเปรียบเทียบตั้งแต่สามคนหรือมากกว่านั้น ให้ตอบขั้นสุด ด้วยการเติม est จากคุณศัพท์ brave เป็น bravest ขั้นสุด และใส่ the นำหน้า

15           I really like coffee, but I can’t have ______ each day.

1 many

2 a few

3 some

4 much

ตอบ 4     ดูคำอธิบายในข้อ 3 ที่ผ่านมา คำนำหน้าคำนาม โดย many, a few, some ตามด้วยคำนามนับได้พหูพจน์เสมอ ส่วน much ตามด้วยคำนามนับไม่ได้เอกพจน์เสมอ จึงตรงกับ much each day

16  _______ anybody agree with you, Somsak?

1 Do

2 Does

3 Is

4 Are

ตอบ 2     หน้า 98 คำที่ขึ้นต้นด้วยต่อไปนี้ให้ตอบกริยาเอกพจน์ เสมอ เช่น

Everyone, everybody, everything,

Someone, somebody, something              > + กริยาเอกพจน์ในข้อนี้ does

No one, Nobody,  Anybody, Nothing

Every, Each, Either, Neither

จากโจทย์ประธานขึ้นต้นด้วย Anybody ตอบกริยาเอกพจน์คือ Does เพราะเรามีกริยาหลักคือ agree แล้ว ทำเป็นประโยคคำถามยกไว้หน้าประธานได้คือ verb to do มาช่วยก็คือ Does

17           A: Who’s that?

B:            _______ is Martha.

1 I

2 We

3 She

4 It

ตอบ 4 หน้า 125 เป็นเรื่องคำสรรพนาม ดูจากตัวเลือก ถ้า I ใช้กับ am ส่วน We ใข้กับ are คงเหลือ ตัวเลือก 3 และ 4 เรามีเรียนว่าใช้สรรพนามขึ้นต้นด้วย It หมายถึง “คนนั้น/คนนี้” ก็ได้ เช่นข้อนี้ถามว่า นั่นใคร ผู้ตอบตอบว่า ฉันเอง มาร์ธา เราใช้ขึ้นต้นด้วยว่า It is Martha.

18           Preecha likes to speak to _____ .

1 he

2 himself

3 him

4 his

ตอบ 2 หน้า 122 – 123 คำสรรพนามที่แสดงสะท้อนตัวเอง สามารถทำหน้าที่เป็นกรรมตามหลังบุพบท ได้เช่น by himself, to himself จากข้อนี้ “ปรีดาชอบพูดกับตัวเอง”

19           A: Do you have _______ headache?

B: Yes, especially in the morning.

1 a

2 an

3 the

4 (blank)

ตอบ 1 หน้า 60 โรคเจ็บป่วยเล็กน้อย ไม่รุนแรง ใช้ “a” นำหน้า เช่น

a headache (ปวดหัว)        a cold (เป็นหวัด) a cough (ไอ)

a rash (เป็นผื่นคัน)               a sore throat (เจ็บคอ)

20           Who is ______ than Mario?

1 rich

2 richest

3 richer

4 very rich

ตอบ 3 หน้า 173 -174 เจอคำว่า than ใท้ตอบขั้นกว่าได้เลย เช่น bigger than, richer than, more beautiful than เป็นต้น

21           The promotion ________ to be very attractive to housewives.

1 appears

2 increases

3 appear

4 increase

ตอบ 1 หน้า 218-219 กริยา linking verb คือกริยาที่ตามด้วยส่วนขยายที่ไม่มีกรรมเช่นตามด้วย คำคุณศัพท์ (adjectives) ดูสูตร

appear  feel        keep      remain  stay

be           get         look       seem     taste

become               go           pass       smell     turn

come     grow      prove    sound

กริยา “appear/prove/seem” อาจจะตามด้วย to be แล้วจึงตามด้วยคำคุณศัพท์เช่น  appear to be จากโจทย์จึงตอบกริยา linking verb “appear”

22           “Pensri drives to work every day?

The underlined verb is a(n) ______ verb.

1 transitive

2 ditransitive

3 linking

4 intransitive

ตอบ 4 หน้า 216 ถามว่ากริยาที่ขีดเส้นใต้(drive) เป็นกริยาประเภทไหน

กริยาไม่มีกรรม (intransitive verb) สังเกตได้ง่าย คือดูหลังกริยา ถ้าไม่ใช่ประเภทคำนาม หรือสรรพนาม แสดงว่าเป็นกริยาไม่มีกรรม หรือหลังกริยาถ้ามีบุพบท (to, for, out, in) ตาม หรือ adv. ตามแสดงว่าเป็นกริยาไม่มีกรรม (intransitive verb) เช่นข้อนี้

–              I drive to work every day. (กริยา drive มี to ตาม เป็นกริยาไม่มีกรรม)

–              The dog is barking loudly. (กริยา bark มี adv.(loudly) ตามหลังเป็นกริยาไม่มีกรรม)

–              The boys kicked the ball. (หลังกริยา kicked มีคำนาม (the ball) ตามแสดงว่าเป็นกริยามีกรรม

23           Kanyarat was very _______  in the new innovations at the Motor Show.

1 interest

2 interested

3 interesting

4 interests

ตอบ 2 หน้า 218-219 คำคุณศัพท์ (Adjective) ตามหลัง verb to be (was) แล้วดูว่าประธานเป็นคน (Kanyarat ชื่อคน) แสดงว่าเธอแสดงความรู้สึกเราใช้รูป -ed เช่น interested (รู้สึกสนใจ), surprised (รู้สึกประหลาดใจ) แต่ถ้าประธานเป็นสิ่งของเช่น The book เราตอบ interesting (น่าสนใจ)

24           Joe showed his new bike ______ his friends.

1 to

2 for

3 in

4 with

ตอบ 1 หน้า 215 กริยาบางตัวเป็นกริยาที่มีกรรม 2 ตัวมารับได้ (double transitive verb) คือกรรมตรง และกรรมรองโดยกรรมตรง มักเป็นสิ่งของ และตามต้วยบุรพบท “to/for” แล้วตามด้วยกรรมตรง (คน) ดูสูตร ให้เรียงตามลำดับ อาจจะออก 1 ข้อ สามารถเขียนได้ 2 แบบ คือ

S + กริยา + กรรมตรง(สิ่งของ) + to/for + กรรมรอง(คน)

หรือ S + กริยา + กรรมรอง(คน) + กรรมตรง(สิ่งของ)

เช่น – Joe showed his new bike to his friends.

โจโชว์จักรยานคันใหม่ให้เพื่อน ๆ ของเขาดู

25           David has not ______ back yet.

1 comes

2 helps

3 come

4 helped

ตอบ 3     เราจะเห็นมีกริยา has จะต้องตามด้วยกริยาช่องที่ 3 เสมอ โดยกริยา come came come และตามด้วยบุพบท back คือ come back กลับมา เป็นกริยาที่เข้ากับโจทย์ได้

26           We can do many things to help  ______ .

1 poor

2 a poor

3 poors

4 the poor

ตอบ 4 หน้า 22 – 23 ทำคุณศัพท์ให้เป็นคำนามได้ด้วยการเติม the ข้างหน้าเป็น the + adj.

เช่น the old (คนแก่), the young (คนหนุ่มสาว), the poor (คนจน), the rich (คนรวย), the brave (ผู้กล้า), the blind (คนคาบอด), the homeless (คนไร้ที่อยู่), the sick (คน ป่วย) the disabled (คนพิการ), the wounded (คนบาดเจ็บ), the injured (คนบาดเจ็บ) โดยมีความหมายเป็นพหูพจน์

27           I really like _______ vase.

1 small that flower blue

2 flower small blue that

3 that small blue flower

4 blue flower that small

ตอบ 3 หน้า 276 หน้า 188 เป็นการเรียงคุณศัพท์ที่มีคุณศัพท์มาขยายคำนามหลายตัว โดยวางไว้ หน้าคำนาม คือคำนามหลักจะอยู่ขวามือของเรา ส่วนหน้าคำนามจะเป็นคุณศัพท์เรียงลำดับ ดังนี้

คำคุณศัพท์ + คำนาม

คำนำหน้านาม adj- บอกขนาด/คุณภาพ adj. บอกสี นามขยาย นามหลัก
a, an, the, this, that,those

my, your, his, her, their,

some, many

big, small, beautiful,

nice, old, young, new,

long, short, cheap

 

red, blue, pink, yellow, black, orange, green flower(ดอกไม้) vase (แจกัน)

 

28           ________ car would you like to buy?

1 Who

2 Which

3 Why

4 How

ตอบ 2 หน้า 149,154 ประโยคคำถาม ใช้ “which” หมายถึง สิ่งไหน อันไหน สามารถ which + นาม เช่น which car รถคันไหน

29           Sunisa enjoys her work in ______ .

1 the French film industry

2 film the French industry

3 French industry the film

4 film industry French the

ตอบ 1     ดูคำอธิบายในข้อ 27 ที่ผ่านมา

คำนำหน้านาม adj. บอกเชึ๋อชาติ นามขยาย นามหลัก
the French film industry

 

30           Which sentence contains a linking verb?

1              Einstein couldn’t count well.

2              She disliked her neighbor.

3              Bob turned 20 last Friday.

4              I can make it.

ตอบ 3     ดูคำอธิบายในข้อ 21 ที่ผ่านมา ถามว่าประโยคไหนมี linking verb โดยกริยา linking verb ได้แก่ feel, seem, keep, look, turn, appear, become, stay, remain, get, taste, smell โดยในตัวเลือกที่ 3 มีกริยา turn เป็น linking verb

31           A: ______ Ubon to work after her marriage?

B: No, she ought not to.

1 Ought

2 Should

3 May

4 Must

ตอบ 1 หน้า 243 – 245 เป็นเรื่องกริยาช่วย โดยดูจากโจทย์มีกริยา to work แสดงว่าเราต้องการหากริยาช่วยที่มี to ตามนั่นคือ ought โดย ought ตามด้วย to + V1 = ought to work ทำเป็นประโยคคำถาม ยก ought ไว้หน้าประธาน ส่วนตัวอื่น should, may, must จะไม่มี to ตาม

32           _________ you like to order something to drink, sir?

1 Need

2 Would

3 May

4 Have to

ตอบ 2 หน้า 248 – 249 กริยาช่วยที่มี like ตามได้นั่นก็คือ would เป็น would like หมายถึง อยากจะ ต้องการ

33           She always helps US  _______ seats for everyone.

1 arrange

2 arranges

3 arranged

4 arranging

ตอบ 1 หน้า 283 กริยา help สามารถมีรูปดังนี้

help + มีกรรมหรือไม่มีกรรม + V1 หรือ to V1 ก็ได้

ฉะนั้นกริยา help + กรรมคือ US ตอบตามด้วย V1 คือ arrange

34           Nick _______ marry Jane because he was very poor.

1 can’t

2 is able to

3 wasn’t able to

4 would

ตอบ 3 หน้า 234-235 จากประโยคเราเห็นกริยา was แสดงว่าประโยคเป็นรูปอดีต ฉะนันกริยาที่ตอบข้างหน้าก็ต้องเป็นรูปอดีตไปด้วยนั่นคือ wasn’t able to ส่วน can, is เป็นปัจจุบัน และ would ใช้ไม่ได้เป็นบอกเล่าว่าจะแต่งงาน ไม่เข้ากับประโยค ต้องเป็นรูปปฏิเสธ ว่าไม่สามารถแต่งงานได้เพราะเขายากจน

  1. _______ God bless all of you.

1 Have

2 Might

3 Ought

4 May

ตอบ 4 หน้า 239 กริยาช่วยที่ต้องการอวยพร ใช้ได้กับ May เท่านั้น เช่น May God bless you.

36           A: When could Ananda  ______ ?

B: Five years ago.

1 drives

2 drove

3 drive

4 driving

ตอบ 3 จากประโยคเราเห็นกริยาช่วย could แล้ว จะเป็น can หรือ could ตามด้วยกริยาช่องที่ 1 เสมอ เช่น can/could drive

37 All men ______ die one day.

1 has

2 have

3 will need

4 must

ตอบ 4 หน้า 250 เราเห็นที่โจทย์มีกริยาช่องที่ 1 คือ die กริยาที่สามารถตามด้วยกริยาช่องที่ 1 ได้ก็คือ must นั่นเอง must + V1 = must die (ต้องตาย) ส่วนกริยา has, have ตามด้วยกริยาช่องที่ 1 ไม่ถูก และ will need แสดงอนาคตก็ผิด เพราะประโยคต้องการบอกว่า ทุกคนก็ต้องตาย

38           “Jack gave her a red rose.”

The underlined verb is a(n) ______ verb.

1 transitive

2 linking

3 double transitive

4 intransitive

ตอบ 3 หน้า 215 กริยาบางตัวเป็นกริยาที่มีกรรม 2 ตัวมารับได้ (double transitive verb) คือกรรมตรง และกรรมรอง โดยกรรมตรง มักเป็นสิ่งของ และตามด้วยบุรพบท “to/for” แล้ว ตามด้วยกรรมตรง (คน) ดูสูตร ให้เรียงตามลำดับ อาจจะออก 1 ข้อ สามารถเขียนได้ 2 แบบ คือ

S + กริยา + กรรมตรง(สิ่งของ) + to/for + กรรมรอง(คน)

หรือ S + กริยา + กรรมรอง(คน) + กรรมตรง(สิ่งของ)

ประธาน กริยา กรรมตรง (สิ่งของ) to/for กรรมตรง (สิ่งของ)
Jack gave a red rose to her
John bought a diamond ring to his wife.

 

 

ประธาน กริยา กรรมรอง(คน) กรรมตรง(สิ่งของ)
Jack gave her a red rose.
John bought his wife a diamond ring.

 

ฉะนั้นเราเรียกกริยา gave ว่ามีกรรมสองตัว (double transitive verb)

39           The sad movie made Somsri _______ .

1 cry

2 cried

3 crying

4 to cry

ตอบ 1 หน้า 279 กริยาที่ตามด้วยกริยาช่องที่ 1 ไม่มี to ที่มักออกประจำคือ กริยา let หรือ make (made) + กรรม + V1 เช่น

–              His parents let John stay late during weekends.

–              The cashier made me pay in cash.

ฉะนั้นข้อนี้มี make(made) + กรรม + V1 = cry

40           I need to get up ______ than I usually do tomorrow.

1 early

2 earlier

3 earliest

4 most early

ตอบ. 2    ดูคำอธิบายข้อ 20 ที่ผ่านมาเจอ than ตอบขั้นกว่า = earlier

41           She ______ reviews her lessons before going to bed.

1 always

2 hard

3 soon

4 outside

ตอบ 1 หน้า 310 คำกริยาวิเศษณ์ที่บอกความถี่ (Adverb of Frequency) ได้แก่ถี่บ่อย จนถึงไม่เลย เช่น always, usually, nearly, often, sometimes, occasionally, rarely, hardly, never เป็นต้น จะวางไว้หน้ากริยาหลักเสมอ ที่ถูกต้องสัมพันธ์กับโจทย์คือ always เป็นประจำ

42           I look forward to ______ from you in the near future.

1 hear

2 to hear

3 hears

4 hearing

ตอบ 4 หน้า 276 กริยาต่อไปนี้จะมีบุพบทตามและให้ตอบ Ving เช่น

approve of (พอใจ)             apologize for (ขอโทษ)      feel like (รู้สึกชอบ)

disapprove (ไม่พอใจ)        get/be used to (เคยชิน)   look forward to (รอคอย)

ฉะนั้น look forward to + Ving จึงตอบ hearing

43           James doesn’t work as ______ as he used to.

1 hard

2 hardly

3 harder

4 None is correct

ตอบ 1 หน้า 320 เป็นการเปรียบเทียบเท่ากัน โดยสังเกตจาก as ………. as ตรงกลางจะเป็น adj หรือ adv. อยู่ที่กริยา work ต้องตอบ adv. ทำหน้าที่ขยายกริยา work ว่า work hard (ทำงานหนัก) ตรงกลางระหว่าง as ………. as ห้ามใส่ er, est ต้องเป็นขั้นธรรมดา

44           Many students have tried _______ very hard for their final examination.

1 studied

2 to study

3 study

4 studies

ตอบ 2 หน้า 282 – 283 กริยาบางตัว เช่น remember/stop/try สามารถตามด้วย Ving หรือ to + V1 ได้โดยแสดงความหมายต่างกัน กริยา try + to V1 แสดงพยายามที่จะ

45           Don’t forget _______ off the lights before going our tonight.

1 switch

2 switched

3 switches

4 to switch

ตอบ 4 หน้า 280 คำกริยาที่ตาม infinite with to คือ to+ Verb1 ออกทุกเทอม

aim         endeavor            learn      opt         seek      appear

expect  long       plan       seem     arrange fail

manage   prepare             tend      attempt               forget   mean

pretend                want      choose happen need     prove

wish       decide  hope     neglect resolve

กริยา forget ตามด้วย to V1 = to switch

46           Direk shouldn’t have trouble  _____ his smart phone now.

1 uses

2 using

3 use

4 to use

ตอบ 2 หน้า 276 กลุ่มวลีบางตัว เช่น

Would you mind

have/has trouble             > + Ving ตอบ using

have/has difficulty

47           The children were watching cartoons ______ last night.

1 in their happily bedroom

2 their happily in bedroom

3 bedroom in their happily

4 happily in their bedroom

ตอบ 4     หน้า 315 ตำแหน่งการวางคำกริยาวิเศษณ์ (adv.) ที่มาขยายคำกริยาสำหรับข้อนี้คือขยาย กริยา watched

48           They really enjoy ______ to beaches.

1 go

2 goes

3 going

4 to go

ตอบ 3 หน้า 274 กริยาเหล่านี้ตามด้วย Ving ได้แก่

avoid     admit    delay     miss       resist     put off

enjoy    dread    carry      on           postpone            risk         keep

carry      fancy     regret   practice stop       go on

deny keep on finish         recall     suggest like

กริยา enjoy + Ving = going

49           Nobody ______where Jack is.

1 know

2 knows

3 knowing

4 to know

ตอบ 2     ดูคำอธิบายข้อ 16 ที่ผ่านมา ประธาน Nobody, Somebody, Everybody ตอบกริยาเอกพจน์ เสมอ ก็คือ knows กริยาที่เติม S เป็นกริยาเอกพจน์

50           If you want to rent a car, please come ________.

1 carefully

2 really

3 inside

4 yesterday

ตอบ 3 หน้า 308 – 309 สถานวิเศษณ์ (Adverb of Place) คือ adv-ที่บอกสถานที่ เช่น here,there, inside, outside เป็นต้น จากประโยคว่า ถ้าคุณต้องการเช่ารถ กรุณาเข้ามาชมข้างใน ให้ตอบเป็นสถานที่ ก็คือ inside (ข้างใน) ส่วนตัวเลือกอื่น carefully, really เป็นคำวิเศษณ์บอกอาการ ท่าทาง ไม่เข้ากับประโยค

51           The number of tourists in Thailand _______ lower than that of last year.

1 is

2 are

3 be

4 being

ตอบ 1 หน้า 346 ขึ้นต้นด้วย The number of ดูสูตรการใช้ ออกทุกเทอม 1 ข้อ แต่มี 2 แบบข้อสอบออกสลับกันไป

A number of + นามพหูพจน์             + กริยาพหูพจน์

The number of + นามพหูพจน์         + กริยาเอกพจน์

สำหรับข้อนี้เป็นแบบแรกคือขึ้นด้วย The number of ตอบกริยาเอกพจน์คือ is

52           Star Wars _______ always my favorite movie.

1 be

2 being

3 is

4 are

ตอบ 3 หน้า 342 คำนามเฉพาะ เช่น ชื่อหนังสือ ชื่อร้านอาหาร ชื่อภาพยนตร์ ให้สังเกตจากการขึ้นต้น ด้วยตัวอักษรใหญ่ เช่น Star Wars เป็นชื่อภาพยนตร์ที่โด่งดัง ตอบกริยาเอกพจน์คือ is

53           Economics  ________ a very interesting subject for Chalermchai.

1 is

2 am

3 are

4 to be

ตอบ 1 หน้า 43 – 44 คำนามบางตัวมีรูปเป็นพหูพจน์ แต่ตอบกริยาเอกพจน์เช่น ชื่อวิชา ชื่อโรค ชื่อเกม เช่น

mathematics      statistics               physics economics

measles (โรคหัด) mumps (โรคคางพูม) billiards          news (ข่าว)

Economics ถึงแม้ลงท้าย S เป็นชื่อวิชา ตอบกริยาเอกพจน์ is

54           Did you come back  ______ last night, Teerawit?

1 lately

2 late

3 more late

4 latest

ตอบ 2 หน้า 302 คำกริยาวิเศษณ์ (adv.) บางคำที่มีรูปเหมือน adj. เช่น

direct (directly) hard loud right straight  wrong

quick (quickly) late  fast  solo tight

คำว่า late หมายถึง สาย ดึก ส่วน lately หมายถึง หมู่นี้

จากโจทย์ต้องการถามว่า “คุณมาสายเมื่อคืนหรือเปล่า ธีรวัฒน์? จึงตอบ late

55           Somsri, not I, ______ promoted.

1 was

2 were

3 does

4 did

ตอบ 1 หน้า 340 ถ้าเจอประโยคที่มีเครื่องหมายคอมม่า (,) คั่น กริยาจะผันตามประธานข้างหน้า ออกสอบสูตรนี้ทุกเทอม

S , not, with, together with, + กริยาผันตาม S ข้างหน้า no less that, as well as…

กริยาผันตาม Somsri เป็นชื่อคนเดียวจึงตอบกริยาเอกพจน์ = was

56           Not only Wipa but you also _______ in love with the place.

1 is

2 was

3 are

4 been

ตอบ 3 หน้า 338 เป็นเรื่องกริยาสอดคล้องกับประธานตัวไหนดูสูตร ประโยคที่มีคำเชื่อมเหล่านี้กริยาจะผันตามประธานที่อยู่ใกล้ที่สุด

Either ……. ประธาน….or…ประธาน…

Neither….ประธาน….nor                  >. + กริยาผันตามประธานตัวที่อยู่ใกล้

Not only ……… but

จากโจทย์กริยาจะผันตามประธานที่อยู่ใกล้ก็คือ you ฉะนั้น กริยาที่ใช้กับ you ได้ก็คือ are

57           Some of the people ______ hard working.

1 is

2 are

3 be

4 to be

ตอบ 2 หน้า 333 ถ้าขึ้นต้นด้วยเหล่านี้ ตามด้วยคำนามพหูพจน์ กริยาที่ตอบก็เป็นพหูพจน์ ด้วย เช่น

All, Both, Few, Many

Some, Several, None    > of + คำนามพหูพจน์ + กริยาพหูพจน์

กริยาจะผันไปตามคำนามข้างหน้าคือ people เป็นคำนามรูปพหูพจน์กริยาก็ตอบพหูพจน์ เช่นกันคือ are

58           Neither of the houses _______ for sale.

1 is

2 am

3 are

4 be

ตอบ 1     ดูคำอธิบายในข้อ 16 ที่ผ่านมา ขึ้นด้นด้วย Neither of + คำนาม ตอบกริยาเอกพจน์คือ is

59           “Bob kicked the ball.”

The underlined words are the ______ of the sentence.

1 subject

2 verb

3 object

4 complement

ตอบ 3     คำที่ขีดเส้นใต้เป็นอะไรของประโยค

ง่ายมากเราก็ดูกริยาก่อนก็คือ kicked แล้วดูหลังกริยาเจอ the ball เราเรียนมาแล้วว่าถ้าเห็น a, an, the คำที่ตามมาคือคำนาม แสดงว่า the ball เป็นคำนามที่อยู่หลังกริยา ก็แสดงว่าเป็น กรรม เพราะคำนามทำหน้าที่เป็นประธานหรือกรรมก็มี อยู่หลังกริยาแสดงว่าเป็นกรรม (object)

60           The tourist got seasick;  _______ , he vomited.

1 similarly

2 consequently

3 however

4 otherwise

ตอบ 2 หน้า 384- 386 ให้ตอบคำเชื่อมในประโยคความรวม (compound sentence)

similarly = ในทำนองเดียวกัน แสดงการคล้อยตามกัน

consequently = ผลที่ตามมา แสดงผลลัพธ์

however = อย่างไรก็ตาม  แสดงความขัดแย้ง

otherwise = มิฉะนั้น          แสดงความแย้ง

จากโจทย์ “นักท่องเที่ยวเมาคลื่น ……….. เขาอาเจียนออกมา”

ตอบ consequently ผลที่ตามมา

61           The girls didn’t enjoy the concert, ________ did their friends.

1 nor

2 or

3 so

4 yet

ตอบ 1 หน้า 384 – 386 เป็นการเติมคำเชื่อมความในประโยครวม (compound sentence) มี 7 ตัว ดังนี้ and, but, or, nor, yet, for, so มีให้ตอบบ่อยทุกเทอมเหมือนกัน

and        = และ     ใช้แสดงบอกข้อมูลเพิ่มเติม

but, yet =  แต่     แสดงความขัดแย้ง

or = หรือ มิฉะนั้น แสดงการเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง

for = เพราะ (เหมือน because ) แสดงเหตุ

so = ดังนั้น (เหมือน therefore) แสดงผลหรือสรุปความ

nor = และไม่         แสดงการปฏิเสธคล้อยตามข้างหน้าว่า ไม่

จากโจทย์“เด็กผู้หญิงไม่ชอบดูคอนเสริต์และเพื่อนๆ ของเธอก็ไม่ชอบเช่นกัน”

ตอบ nor (และไม่) แสดงปฏิเสธคล้อยตามกันทั้งประโยคหน้าและหลัง ตอบ nor สังเกตว่า ประโยคส่วนหน้าเป็นปฏิเสธ มี not และเชื่อมหลัง nor กริยาจะยก่ไว้หน้าประธานในประโยคหลัง อย่างข้อนี้ยก did มาไว้หน้า their friends  แสดงว่าตอบ nor แน่

62           “Tony sent an e-mail to his father

The underlined words are the ______ of the sentence.

1 subject

2 verb

3 direct object

4 indirect object

ตอบ 4     ดูคำอธิบายข้อ 24 เพิ่มเติม แสดงเขียนได้ 2 แบบ

S + กริยา + กรรมตรง(สิ่งของ) + to/for + กรรมรอง(คน)

หรือ S + กริยา + กรรมรอง(คน) + กรรมตรง (สิ่งของ)

เช่น – Tony sent an e-mail to his father.

หรือ – Tony sent his father an e-mail.

ประธาน กริยา กรรมตรง (สิ่งของ) to/for กรรมรอง (คน)
My husband gave a new car to me
Tony sent an e-mail to his father

 

his father เป็นคน เป็นกรรมรอง (indirect object)

63           Jeerapom had been working very hard, _____ she had a 3-day vacation last week.

1 and

2 or

3 so

4 nor

ตอบ 3     ดูคำเชื่อมข้อ 61 เพิ่มเติม

“จีรพันธ์ทำงานหนักมาก ดังนั้น เธอจึงได้รับวันหยุดพักรัอนสามวันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว”

64           Sinchai ______ a tour guide in Krabi.

1 has

2 is

3 can

4 does

ตอบ 2     ประธาน Sinchai ชื่อคน คนเดียวก็ตอบกริยาเอกพจน์ คือ is

65           Which is a correct sentence?

1 Fish are fed daily.

2 Beautifully lit at night time.

3 The building near the city center.

4 Moving to a new apartment yesterday.

ตอบ 1     ถามว่า ประโยคไหนถูกต้อง

1              ถูกต้องเพราะประธานเป็นสัตว์กริยาใช้รูปถูกกระทำว่า are fed ถูกเลี้ยงให้อาหาร

2              ไม่เป็นประโยคถูกต้องเพราะขาดประธาน

3              ไม่เป็นประโยคถูกต้องเพราะขาดกริยาหลัก ถ้าเป็น The building is near…. ถูก

4              ไม่เป็นประโยคถูกต้องเพราะขาดประธาน

66           Which is a correct sentence?

1 Open the door, please.

2 Jogging as a way to exercise.

3 A group of bees called a swarm.

4 To make a good first impression.

ตอบ 1

1 ถูกต้องเป็นประโยคขอร้อง สามารถขึ้นต้นเป็นกริยาช่องที่ 1 ได้

2 ไม่เป็นประโยคถูกต้องเพราะขาดกริยา ที่ต้องแก้เป็น Jogging is a way to exercise.

3 ไม่ถูกต้องเพราะกริยาไม่สมบูรณ์จะต้องเป็น A group of bees is called ……

4 ไม่ถูกต้องเพราะขาดกริยา

67           Friday is the day ______ we will launch our new product.

1 which

2 where

3 when

4 while

ตอบ 3 หน้า 401 – 410 ให้เติมประพันธ์สรรพนาม โดยให้สังเกตจากข้างหน้าคำที่ให้เติมช่องว่าง ว่าเป็นคนหรือสิ่งของหรือสถานที่ เราดูคำนามข้างหน้าก่อนว่าเป็นอะไร ถ้าเป็น

คน who + verb (คำกริยา) ในที่นี้คือ is

คน whose + คำนาม + V

คน whom + S + Verb คำว่า S มักเป็นคำสรรพนามเช่น I saw, you met

สิ่งของ which + Verb หรือ which + S + V.

สถานที่ where + S + V. เช่น where I live

เวลา when + S + V

the reason why + S + V

โจทย์ให้มาเป็น the day วันเดือนปี จึงตอบ when

68           Jack is a doctor, _______ his sister is a telemarketer.

1 so

2 but

3 for

4 or

ตอบ 2     ลูคำอธิบายในข้อ 61 เพิ่มเติม

“แจ๊คเป็นหมอ แต่น้องสาวของเขาเป็นพนักงานขายทางโทรศัพท์”

69           I failed those students ______ cheated in the exam room.

1 whom

2 who

3 whose

4 which

ตอบ 2     ดูคำอธิบายข้อ 67 เพิ่มเติม เราดูคำนามที่ให้มาคือ those students เป็นคน และส่วนหลังมีคำว่า cheated เป็นคำกริยา จึงตอบ who เพราะ who ตามด้วยกริยาเสมอ

70           Tom had to stay home last week, _____ he had to clean up his house.

1 therefore

2 yet

3 for

4 so

ตอบ 3     “ทอมต้องอยู่บ้านเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพราะ เขาต้องทำความสะอาดบ้านของเขา”

71           Swimming is the sport ______ Bob really likes.

1 which

2 what

3 whom

4 Both 1 and 2 are correct

ตอบ 1     คำนาม the sport กีฬาเป็นสิ่งของใช้ประพันธ์สรรพนามที่ใช้แทนสิ่งของได้คือ which

72           That is the cupboard ________ we keep our chinaware.

1 why

2 where

3 which

4 when

ตอบ 2     คำนาม the cupboard (ตู้) เป็นการบ่งบอกถึงสถานที่ว่าเป็นตู้ที่เราเก็บของจึงตอบ where

73           Aree is somewhat discouraged with her study, _____ she never gives up.

1 nor

2 so

3 for

4 yet

ตอบ 4     “อารีค่อนข้างรู้สึกท้อแท้กับการเรียนของเธอ แต่ถึงกระนั้น เธอก็ไม่คิดที่จะล้มเลิก”

74           The music _______ we listened to yesterday was beautifully.

1 when

2 who

3 where

4 which

ตอบ 4     คำนาม the music เป็นสิ่งของจึงตอบ which

75           I met a man ______ father is the owner of the biggest hotel on Lipe Island.

1 whom

2 who

3 whose

4 None is correct

ตอบ 3     a man เป็นคน และส่วนหลังมี father เป็นคำนาม แสดงว่าตอบ whose ตามด้วยคำนามเสมอ

 

Part II: Vocabulary (คำศัพท์)

76           John’s house is in the best ________ ; I really like it there.

1 nation

2 borough

3 property

4 location

ถาม        บ้านของจอห์นอยู่ใน ______ ที่ดีที่สุด ฉันชอบที่นั่นจริงๆ

ตอบ 4 บทที่ 2 หน้า 55

1 ประเทศ 2 เขต เมือง           3 ทรัพย์สมบัติ       4 ทำเลที่ตั้ง

77           All of us should _______ to keep up with the pace of economic growth.

1 show up

2 follow

3 limit to

4 go forth

ถาม        พวกเราทุกคนควรจะ _______ เพื่อให้ทันกับความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ

ตอบ 4     บทที่ 3 หน้า 115

1 ปรากฏออกมา    2 ติดตาม 3 จำกัด 4 ไปข้างหน้าเดินหน้า

78           For which party did you _____ in the last election Don?

1 locate

2 vote

3 earn

4 look up

ถาม        ในการเลือกตั้งครั้งหลังสุด คุณ ________ ให้พรรคการเมืองไหนละ ดอน

ตอบ 2

1 ตั้งอยู่ที่ 2 ลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง    3 ได้รับ   4 หาความหมาย

79           As a student, you also have a(n) _______ to play.

1 confluence

2 uncertainty

3 predecessor

4 role

ถาม        ในฐานะเป็นนักเรียนนักศึกษา คุณก็ยังมี ______ ที่จะแสดง

ตอบ 4 บทที่ 1 หน้า 3

1 จุดที่แม่น้ำมาบรรจบกัน

2 ความไม่แน่นอน

3 บรรพบุรูษ

4 บทบาท

80           Two of my neighbors have _______ in a pre-degree program, even though they are still in

high school.

1 enrolled

2 earned

3 performed

4 predicted

ถาม        เพื่อนบ้านสองคนของฉันได้ ______ ในหลักสูตรพรดีกรี ถึงแม้ว่าพวกเขายังคงเรียนอยู่ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายก็ตาม ตอบ 1 บทที่ 2 หน้า 56

1 ลงทะเบียนเรียน 2 ได้รับ   3 กระทำ 4 ทำนาย พยากรณ์

81           Police are investigating the leader’s assassination scheme.

1 riot

2 murder

3 relief

4 pressure

ถาม        เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังดำเนินการสอบสวนแผนการลอบสังหารผู้นำ

ตอบ 2 บทที่ 2 หน้า 56

1 การจลาจล 2 การฆาตกรรม 3 ความช่วยเหลือ 4 ความกดดัน

assassination = murder = การลอบสังหาร

82           The First Lady answered the reporter without hesitation.

1 delay

2 manner

3 prosperity

4 self-doubt

ถาม        สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งตอบผู้สื่อข่าวโดยไม่ลังเล

ตอบ 1 บทที่ 1 หน้า 2-3

1 การรีรอลังเล      2 ริยาท่าทาง         3 ความมั่งคั่ง         4 ความไม่แน่ใจในตัวเอง

hesitation = delay, pausing = ความรีรอ ลังเล

83           Clinton was a bright student at Georgetown University.

1 clever

2 abundant

3 essential

4 famous

ถาม        อดีตประธานาธิบดีคลินตันเป็นนักถึกษาที่เฉลียวฉลาด ขณะที่เรียนในมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์

ตอบ 1     บทที่ 2 หน้า 54

1 เฉลียวฉลาด       2 อุดมสมสูรณ์       3 จำเป็น สำคัญ    4 มีชื่อเสียง

bright = clever   = เฉลียวฉลาด

84           Mrs. Brown is an unaffected charming person.

1 peaceful

2 superior

3 natural

4 respected

ถาม        นางบราวน์เป็นคนที่มีเสน่ห์ไม่เสแสร้ง

ตอบ 3     บทที่ 1 หน้า 3

1 สงบสุข  2 เหนือกว่า ยอดเยี่ยม 3 เป็นธรรมชาติ ไม่เสแสรัง 4 เป็นที่นิยมชมชอบ

85           The end of the island _______ into the sea like a long, thin finger.

1 juts out

2 is used to

3 looks up

4 makes of

ถาม        ปลายสุดของเกาะนี้ _______ ไปสู่ทะเลเหมือนนิ้วที่ผอม ๆ ยาว ๆ

ตอบ 1 บทที่ 4 หน้า168

1 ยื่นออกไป โผล่ออกไป 2 เคยชิน 3 หาความหมาย  4 ทำจาก

86           The main campus of RU is _______ on Ramkhamhaeng Road.

1 succeeded

2 concluded

3 uttered

4 situated

ถาม        วิทยาเขตหลักของมหาวิทยาลัยรามคำแหง   ______ บนถนนรามคำแหง

ตอบ 4 บทที่ 4 หน้า 167

1 ประสบผลสำเร็จ 2 สรุป     3. พูด, เปล่งเสียง  4. ตั้งอยู่

87           Tom’s sense of _______ makes him popular among his friends.

1 generation

2 humor

3 concept

4 gesture

ถาม        ความรู้สึก ______ ของทอมทำให้เขาเป็นที่ชื่นชอบในหมู่เพื่อน ๆ ของเขา

ตอบ 2     บทที่ 5หน้า 202

1 ยุครุ่น  2 อารมณ์ขัน          3 แนวคิด 4 กริยาท่าทาง

88           Songkhla is _______ for its great food and the little mermaid on Samila Beach.

1 eternal

2 costly

3 perpetual

4 famous

ถาม        จังหวัดสงขลา _______ ในเรื่องอาหารที่อร่อยและรูปป็นนางเงือกที่หาดสมีหรา

ตอบ 4 famous for = มีชื่อเสียง

1 ไม่เปลี่ยนแปลง 2 แพง       3 ไม่สิ้นสุด             4 มีชื่อเสียง

89           At the New Year’s party, all children _______ gifts.

1 exchanged

2 determined

3 boosted

4 heaved

ถาม        ในงานเสียงปีใหม่ เด็ก ๆ ทุกคน ______ ของขวัญกัน

ตอบ 1

1 แลกเปลี่ยน 2 กำหนด ควบคุม          3 ส่งเสริมสนับสนุน               4 ยกขึ้น

90           My daughter _______ back when the stranger tried to talk to her.

1 situated

2 shrank

3 lost

4 triggered

ถาม        ลูกสาวของฉัน ______ หนีเมื่อคนแปลกหน้าพยายามที่จะคุยกับเธอ

ตอบ 2     บทที่ 3 หน้า113

1 ตั้งอยู่   2 ถอยหนี               3 สูญหาย              4 ก่อให้เกิด

91           It was predicted that there will be a thunderstorm next week

1 triggered

2 achieved

3 foretold

4 portrayed

ถาม        มีการพยากรณ์ว่าจะมีพายุฝนฟ้าคะนองสัปดาห์หน้า

ตอบ 3 บทที่ 5 หน้า 199

1 ก่อให้เกิด 2 ประสบผลสำเร็จ            3 ทำนาย 4 พรรณนา

predicted = foretold = ทำนายพยากรณ์

92           This town is an ideal place for honeymooners.

1 ambitious

2 perfect

3 powerful

4 chronic

ถาม        เมืองนี้เป็นสถานที่สมบูรณ์แบบสำหรับคู่รักฮันนีมูน

ตอบ 2 บทที่ 4 หน้า 168

1 มีความทะเยอทะยาน 2 สมบูรณ์แบบ  3 มีอำนาจ 4 เรื้อรัง

ideal = perfect = สมบูรณ์แบบดีเลิศอุดมคติ

93           The rising sun lights the sea water with its yellow beams.

1 illuminates

2 smoothers out

3 strengthens

4 shrinks

ถาม        พระอาทิตย์ขึ้นส่องสว่างในน้ำทะเลด้วยลำแสงสีเหลืองทองของมัน

ตอบ 1     บทที่ 3 หน้า 114

1 ส่องสว่าง 2 ราบเรียบ        3 ทำให้แข็งแรง      4 ถอยห่าง

light = illuminate = ส่องสว่าง

94           There are five boroughs in the city of New York.

1 confluences

2 properties

3 districts

4 locations

ถาม        ในกรุงนิวยอร์กมี 5 เขต

ตอบ 3     บทที่4 หน้า 167

1 ชุดที่แม่นํ้าหลายสายมาบรรจบกัน 2 ทรัพย์สมบัติ 3 เขต เมือง 4 ทำเลที่ตั้ง

borough = district = เขต เมือง

95           Let’s take a(n) _______ job before we graduate. It can help with our employment later.

1 meaningful

2 essential

3 ambitious

4 part-time

ถาม        เรามาหางาน _______ ทำกันก่อนที่พวกเราจะเรียนจบ มันสามารถช่วยในเรื่องการจ้างงานของพวกเราได้ในภายหลัง ตอบ 4 บทที่ 7 หน้า265

1 มีความหมาย 2 จำเป็น สำคัญ 3 มีความทะเยอทะยาน 4 พาร์ทไทม์

เห็น job ก็คู่กับ part-time job = งานทำนอกเวลา

96           Jacky lives in Malaysia, but he is of Chinese ______ .

1 descent

2 citizenship

3 source

4 fellow

ถาม        แจ๊คกี้อาศัยอยู่ในประเทศมาเลเซีย แต่ว่า _____ ของเขาเป็นชาวจีน

ตอบ 1     บทที่ 5 หน้า201

1 ต้นตระกูล สายโลหิต         2 ความเป็นประชากร 3 แหล่งที่มา 4 เพื่อน

97           Watcharee has always _______ her duty as a daughter by taking very good care of her

old parents.

1 fulfilled

2 gotten ahead of

3 looked up

4 worried

ถาม        วัชรีทำหน้าที่ในฐานะเป็นลูกสาว _______ ด้วยการดูแลพ่อแม่ที่แก่ชราภาพของเธอได้เป็นอย่างดีเสมอ

ตอบ 1 บทที่ 6หน้า230

1 ทำให้สมบูรณ์สำเร็จ 2 ก้าวหน้า 3 หาความหมาย 4 กังวล

fulfill his duty = ทำหน้าที่ให้สำเร็จ สมบูรณ์

98           Have you prepared all ______ to register as a new student at RU?

1 exercises

2 customs

3 aspects

4 documentations

ถาม        คุณได้เตรียม _______ ทั้งหมดในการลงทะเบียนเรียนเป็นนักศึกษาใหม่ที่มหาวิทยาลัอยรามคำแหงหรือยัง ตอบ 4  บทที่ 6 หน้า 228

1 ออกกำลังกาย    2 ธรรมเนียม 3 แง่มุม ด้าน   4. ข้อมูลในรูปเอกสาร

99           What is your opinion about the nuclear power plant project?

1 point of view

2 belief

3 decision

4 suggestion

ถาม        คุณมีความคิดเห็นของคุณอย่างไรเกี่ยวกับโครงการโรงไพ่ฟ้านิวเคลียร์

ตอบ 1 บทที่ 7 หน้า264

1 ความคิดเห็น      2 ความเชื่อ            3 การตัดสินใจ       4 การแนะนำ

opinion = point of view = ความคิดเห็น

100         Those teenagers are impertinent and always make fun of everyone passing by.

1 preventive

2 rude

3 ambitious

4 external

ถาม        วัยรุ่นเหล่านั้นไม่สุภาพและมักจะหยอกล้อเล่นทุกคนที่ผ่านไปมา

ตอบ 2     บทที่ 6 หน้า230

1 ที่ป้องกัน             2 หยาบคาย          3 ทะเยอทะยาน    4 ภายนอก

impertinent = rude =หยาบคาย ไม่สุภาพ

101 Children everywhere first learn about the customs of their society at home.

1 developments

2 adolescences

3 traditions

4 freedoms

ถาม เด็ก ๆ ทุกแห่งเรียนรู้เกี่ยวกับขนบธรรมเนียมประเพณีของสังคมของพวกเขาที่บ้านเป็นอันดับแรก

ตอบ 3     บทที่ 7 หน้า263

1 การพัฒนา 2 วัยหนุ่มสาว 3 ขนบธรรมเนียมประเพณี 4 เสรีภาพ

customs = traditions = ขนบธรรมเนียมประเพณี

102         Too much pop soda may trigger many kinds of sickness.

1 cause

2 motivate

3 provide

4 succeed

ถาม        การดื่มน้ำอัดลมมากเกินไปอาจจะทำให้เกิดโรคหลายๆ โรค

ตอบ 1 บทที่ 8 หน้า 293

1 ก่อให้เกิด            2 กระตุ้น 3 จัดหาให้              4 ประสบผลสำเร็จ

trigger = cause = ก่อให้เกิด

103         That house is too costly to buy.

1 expensive

2 valuable

3 continual

4 sophisticated

ถาม        บ้านหลังนั้นแพงเกินไปที่จะซื้อ

ตอบ 1 บทที่ 6 หน้า 230

1 แพง 2 มีคุณค่า  3 ต่อเนื่อง 4 สลับซับซ้อน

costly = expensive = แพง

104         Food is  _______ for our life, and so is a college degree for a better opportunity.

1 ambitious

2 lost

3 preventive

4 essential

ถาม อาหารเป็นสิ่ง _______ สำหรับชีวิตของพวกเรา และเช่นเดียวกับปริญญาก็เป็นสิ่งจำเป็นต่อโอกาสที่ดีกว่า

ตอบ 4

1 ทะเยอทะยาน 2. สูญหาย 3 ที่ป้องกัน              4 จำเป็นสำคัญ

essential for = จำเป็น สำคัญ

105         Studying hard all the time is a way to _______ in every subject.

1 believe

2 exercise

3 earn

4 succeed

ถาม        การขยันเรียนตลอดเวลาเป็นหนทางหนึ่งที่จะ _______ ในทุกวิชา

ตอบ 4

1 เชื่อ      2 ออกกำลังกาย    3 ได้รับ   4 ประสบผลสำเร็จ

106         People ______ deforestation as a cause of severe floods in many parts of the country.

1 earn

2 portray

3 eradicate

4 view

ถาม        ผู้คน ตัดไม้ทำลายป่า ______ เป็นสาเหตุหนึ่งของอุทกภัยที่รุนแรงในหลาย ๆ พื้นที่ของประเทศ

ตอบ 3     บทที่ 11 หน้า 380 -381

1 ได้รับ   2 พรรณนาวาดภาพ             3 กำจัดให้สิ้นซาก 4 พิจารณา

107         A cold can be a _______ disease.

1 contemporary

2 chronic

3 continuous

4 conceptual

ถาม        ไข้หวัดสามารถเป็นโรค _______

ตอบ 2     บทที่ 8 หน้า 294

1 ร่วมสมัย             2 เรื้อรัง   3 ต่อเนื่อง               4 แนวคิด

ศัพท์คู่กับคำว่า disease ก็คือ chronic disease = โรคเรื้อรัง เป็นประจำ

108         No one can work ______  or without stop.

1 briskly

2 simply

3 mainly

4 continuously

ถาม        ไม่มีใครสามารถทำงาน ______ หรือไม่มีการหยุดพัก

ตอบ 4 บทที่ 8 หน้า 294-295

1 อย่างรวดเร็ว 2 ธรรมดา     3 ส่วนใหญ่            4 อย่างต่อเนื่องไม่หยุด

109         Because of the severe thunder storm, many flights were _____ until 11 p.m.

1 succeeded

2 boosted

3 postponed

4 built up

ถาม        เนื่องจากพายุฟ้าคะนองอย่างรุนแรง หลายเที่ยวบินถูก _____เป็น 23.00 น.

ตอบ 3     บทที่ 8 หน้า 296

1 ประสบผลสำเร็จ 2 สนับสนุน เพิ่ม    3 เลื่อนออกไป 4 ทำให้แข็งแรง

110         Up to now, passing this course with a B grade is my greatest achievement.

1 myth

2 delusion

3 accomplishment

4 springboard

ถาม        ตอนนี้ การสอบผ่านวิชานี้ด้วยเกรด B เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของฉัน

ตอบ 3     บทที่ 10 หน้า 367

1 เทพนิยาย           2 ความคิดเพ้อเจ้อ 3 ประสบผลสำเร็จ 4 จุดเริ่มต้น

achievement = accomplishment = ประสบผลสำเร็จ

111         Honesty is the best policy in all types of activities.

1 Effect

2 Stereotype

3 Etiquette

4 Sincerity

ถาม        ความซื่อสัตย์เป็นนโยบายที่ดีที่สุดในการทำกิจกรรมทุกประเภท

ตอบ 4     บทที่ 9หน้า 327

1 ผลกระทบ           2 แบบแผนเก่า ๆ 3 กติกามารยาท      4 ความซื่อสัตย์

honesty = sincerity = ความซื่อสัตย์ จริงใจ

112         Everybody should work toward his or her own level of personal excellence.

1 superiority

2 aspect

3 pressure

4 value

ถาม        ทุกคนควรทำงานไปตามระดับของความสามารถที่ยอดเยี่ยมของตนเอง

ตอบ 1 บทที่ 9 หน้า 327

1 ความยอดเยี่ยม 2 แง่มุม ด้าน 3 ความกดดัน 4 คุณค่า

113         People can help to ______ drug problems in society.

1 create

2 portray

3 worry

4 eradicate

ถาม        ผู้คนสามารถช่วย _______ ปัญหายาเสพติดให้หมดสิ้นไปในสังคม

ตอบ 4     บทที่ 11หน้า 380-381

1 สร้างสรรค์ ก่อให้เกิด         2 พรรณนา 3 กังวล               4 กำจัดให้หมดสิ้น

114         That volcano in Indonesia _______ every year.

1 erupts

2 tilts

3 folds

4 achieves

ถาม        ภูเขาไฟลูกนั้นในประเทศอินโดนีเซีย  ________ ทุกปี

ตอบ 1     บทที่ 12 หน้า 396

1 ประทุระเบิด        2 เอียงตะแคง 3 พับม้วน      4 ประสบผลสำเร็จ

115         The mansion on the hillside ______ after the 3-day rainstorm.

1 changed

2 viewed

3 controlled

4 collapsed

ถาม        คฤหาสน์หลังนั้นบนเนินเขา ______ หลังจากเจอพายุฝน 3 วัน

ตอบ4      บทที่ 12 หน้า395

1 เปลี่ยนแปลง 2 พิจารณา 3 ควบคุม 4 ทรุด ยุบลง

116         The road’s _______ is very rough, so drivers should drive carefully.

1 compact

2 surface

3 climate

4 matter

ถาม         ของถนนขรุขระมากดังนั้นคนขับรถควรขับอย่างระมัดระวัง

ตอบ 2     บทที่ 12 หน้า395

1 ข้อตกลง              2 พื้นผิว ผิว            3 ภูมิอากาศ           4 เรื่องราว

117         A clear ______ must be made between sign language and gesture.

1 location

2 distinction

3 bottom

4 aspect

ถาม        ต้องแยก _______ ที่ชัดเจนระหว่างภาษาใบ้กับการใช้อัปกิริยาท่าทาง

ตอบ 2 บทที่ 11 หน้า 382

1 ทำเล ที่ตั้ง           2 ความแตกต่าง    3 ส่วนล่าง ก้น        4 แง่มุม ด้าน

118         The sculpture is a representation of the family’s love and bonding

1 description

2 extension

3 function

4 documentation

ถาม งานประติมากรรมเป็นการแสดงออกถึงความรักและความสัมพันธ์ของครอบครัว

ตอบ 1 บทที่ 11หน้า382

1 การแสดงออก บรรยาย 2 การขยาย 3 หน้าที่   4 ข้อมูลในรูปเอกสาร

representation = description = การแสดงออก บรรยาย

119         All media are involved in promoting the country’s stability.

1 committed

2 motivated

3 heaved

4 triggered

ถาม        สื่อทุกชนิดเกี่ยวข้องกับการส่งเสริมเสถียรภาพของประเทศ

ตอบ 1 บทที่ 10 หน้’า 365

1 เกี่ยวข้องพัวพัน ผูกมัด 2 กระตุ้นปลุกเร้า 3 ยกขึ้น          4 ก่อให้เกิด

120         The fans made friendly gestures to the visiting team as a warm welcome.

1 endeavors

2 misconceptions

3 virtues

4 body movements

ถาม        แฟน ๆ แสดงท่าทางเป็นมิตรต้อนรับทีมที่มาเยือนอย่างอบอุ่น

ตอบ 4 บทที่ 11 หน้า 381

1 ความพยายาม   2 ความเข้าใจผิด 3 คุณงามความดี     4 ท่าทาง อากัปกิริยา

gestures = body movements = ท่าทาง อากัปกิริยา

ENG1001 ประโยคพื้นฐานและศัพท์จำเป็นในชีวิตประจำวัน 1/2559

การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2559

ข้อสอบกระบวนวิชา ENG 1001 ประโยคพื้นฐานและศัพท์จำเป็นในชีวิตประจำวัน

Choose the correct answer.

Part I: Structure (ภาคโครงสร้าง)

1              _________ eyes should be protected.

1 Mine

2 Theirs

3 Ours

4 Our

ตอบ 4     หน้า 117-118 บุรุษสรรพนาม (Personal Pronoun)

Possessive adjective Possessive Pronoun
my

your

her

his                       >  มีคำนามตามหลัง

their

our

its

 

mine

yours

hers

his                 >    ไม่มีคำนามตามหลัง

theirs

ours

its

 

–              Those are their books.

–              Those books are theirs.

–              Tom likes them.

จากโจทย์ที่ให้มามีคำนาม (eyes) ฉะนั้นต้องตอบสรรพนามรูปแสดงความเป็นเจ้าของที่มีคำนามตามหลังก็คือพวก my, your, his, her, their, our ได้หมดทุกตัว จึงตอบช้อย 4 (our eyes) ส่วนช้อย 1,2,3 อยู่กลุ่มเดียวกันหมดคือไม่มีคำนามตามหลัง

2              Most students go to school by _______bus.

1 a

2 an

3 the

4 (blank)

ตอบ 4 หน้า 70-71 ไม่มี article นำหน้าคำนามที่เป็นส่านวนหรือโครงสร้างบุพบท + นามเช่น by bus (โดยรถบัส)  by express mail (ทางไปรษณียด่วน), by subway (โดยรถไฟใต้ดิน) by train (โดยรถไฟ), by hand (ด้วยมือ), on foot (เดินไป) และสถานที่ที่เขาประจำทำภารกิจ ตามสถานที่ของแต่ละแห่งเช่น to church (เข้าโบสถ), to bed (เข้านอน), to hospital (เข้า โรงพยาบาล), to prison(เข้าคุก) เป็นต้น

3              Don’t postpone_______ in your thesis.

1 to hand

2 handing

3 hand

4 to handing

ตอบ 2 หน้า 274 กริยาเหล่านี้ตามด้วย Ving ได้แก่

avoid     admit    delay     miss       resist     put off

enjoy    dread    carry      on           postpone            risk         keep

carry      fancy     regret   practice stop       go on

deny keep on finish         recall     suggest like

– I purposely avoid traveling by boat.

ฉะนั้นก็เหมือนกันคือ postpone + Ving = handing

4              A : When will you go there?

B : _______________

1 in Bangkok

2 Tomorrow

3 Jane

4 A book

ตอบ 2 หน้า 309 เป็นคำวิเศษณ์ (adverb) ในปะระโยคคำถามที่ถามด้วย When (เมื่อไร) ก็ต้องตอบ เป็นเวลา เช่น now, tomorrow, today, recently, lately, previously, often เป็นต้น จึงตอบ tomorrow (พรุ่งนี้) ถ้าช้อยที่ 1 ต้องถาม Where สถานที่ ช้อย3 ต้องถาม Who, Whom ช้อย 4 ต้องถาม What

5              David likes to play tennis, _______ his brother likes to play golf.

1 so

2 but

3 for

4 or

ตอบ 2 หน้า 384 – 386 เป็นการเติมคำเชื่อมความในประโยครวม (compound sentence)

มี 7 ตัว ดังนี้ and, but, or, nor, yet, for, so มีให้ตอบบ่อยทุกเทอมเหมือนกัน

and = และ             ใช้แสดงบอกข้อมูลเพิ่มเติม

but, yet = แต่       แสดงความขัดแย้ง

or = หรือ มิฉะนั้น แสดงการเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง

for = เพราะ (เหมือน because ) แสดงเหตุ

so = ดังนั้น (เหมือน therefore) แสดงผลหรือสรุปความ

nor = และไม่         แสดงการปฏิเสธคล้อยตามข้างหน้าว่า ไม่

จากโจทย์ ‘‘เดวิดชอบเล่นเทนนิส แต่พี่ชายของเขาชอบเล่นกอล์ฟ แสดงความแตกต่าง

6              Frank denied ______ with his ex-wife.

1 meeting

2 to meet

3 meet

4 to meeting

ตอบ 1     ดูคำอธิบายข้อ 3 ที่ผ่านมา deny + Ving จึงตอบ meeting

7              What do you want  ______ ?

1 to seeing

2 saw

3 see

4 to see

ตอบ 4 หน้า 280 คำกริยาที่ตาม infinite with to คือ to + Verb 1 ออกทุกเทอม

aim         endeavor            learn      opt         seek      appear

expect  long       plan       seem     arrange fail

manage                prepare tend      attempt               forget   mean

pretend want      choose happen need     prove

wish       decide  hope     neglect resolve

ให้กริยา want มีกรรมมาคั่นไม่มีกรรมมาคั่นก็ได้ตาม to +V1 = to see

8              Yesterday, I saw Jim and Sue walk ______ hand in _______ hand.

1 a; a

2              the; the

3              a; the

4              (blank); (blank)

ตอบ 4 หน้า 72 ไม่ใช้ article นำหน้าสำนวนที่มีโครงสร้าง นาม + บุพบท + นาม ที่ขนานกัน เช่น นึกถึง mouth to mouth, face to face, hand in hand เป็นต้น

9              Tim exercises by _______ around the house.

1 walk

2 to walk

3 walking

4 to walking

ตอบ 3 หน้า 21 -22 เราเดาจากโจทย์ลงท้ายด้วยบุพบท by หรือตัวอื่นเช่น for, to, of, from,before, after ให้ตอบตามด้วย Ving เช่น look forward to hearing, apologize for coming เหมือนข้อนี้ by walking เช่นกัน โดยไม่ต้องท่องกริยาไหนเลย

10           He bought a ______ for me.

1 big valuable new diamond ring

2 valuable new diamond big ring

3 new valuable big diamond ring

4 big new diamond valuable ring

ตอบ 1 หน้า 186 – 188 การเรียงคุณศัพท์ที่ทำหน้าที่ขยายคำนามหลายตัว ให้เรียงตามลำดับ ดังนี้

คำนำหน้า adj.บอกขนาด adj. บอกลักษณะ adj. บอกวัย/อายุ adj. บอกวัตถุ นามหลัก
a big valuable new diamond ring

 

11           Many ______ live in Bangkok.

1 Thailand

2 France

3 Burma

4 Thais

ตอบ4 หน้า 5-8คำนามเฉพาะที่เป็นชื่อประเทสสามารถเป็นคำคุณศัพท์หรือคำนามที่หมายถึง “ประชากรหรือภาษา” ได้ด้วยการเติมปัจจัยท้ายคำ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง รูปคำ เช่น China —Chinese, Brazil —Brazilian, Germany —German, Holland — Dutch, Vietnam— Vietnamese

สำหรับข้อนี้ไม่ยากเย็นเลย เคาก่อนจากตัวเลือกจะเห็นว่าประเทศมี3 ช้อยคือ Thailand, France, Burma ล้วนเป็นชื่อประเทศ มีช้อย 4 หลัง Thais เป็นเชื้อชาติ (คนไทย) ช้อยเดียว ตอบได้เลย

12   _______ she to stop drinking now?

1 Will

2 May

3 Ought

4 Be able

ตอบ 3 หน้า 243- 245 เป็นเรื่องกริยาช่วย (Modal Verb) ออกทุกเทอมอยู่แล้ว เรามาดูข้อนี้เป็นประโยคคำถามและหลังประธาน (she) มี to ฉะนั้นหากริยาช่วยที่มี to ตาม นั่นก็ คือ ought to +V1 = ought to stop ทำเป็นคำถามก็เป็น Ought she to stop…? ส่วน ช้อย 1 และ 2 ไม่มี to ตามแน่ ๆ และช้อย 4 ทำเป็นคำถามต้องแก้เป็นว่า Is she able to stop….?

13           None of the TV viewers  _______ affected by the new program.

1 was

2 were

3 have been

4 were being been

ตอบ 3 หน้า 333 ถ้าขึ้นต้นด้วยเหล่านี้ ตามด้วยคำนามพหูพจน์ กริยาที่ตอบก็เป็นพหูพจน์ด้วย เช่น All, Both, Few, Many, Some, Several, None  >               of + คำนามพหูพจน์ + กริยาพหูพจน์

กริยาจะผันไปตามคำนามข้างหน้าคือ viewers เป็นพหูพจน์กริยาก็ตอบพหูพจน์ เช่นกัน

และเราใช้โครงสร้างถูกกระทำในรูป Present Perfect Tense คือ have been V3 = have been affected ดำเนินการถูกกระทำต่อเนื่องมา

14           Playing  ______ badminton isn’t as easy as it looks.

1 a

2 an

3 the

4 (blank)

ตอบ 4     หน้า 74 เป็นเรื่องคำนำหน้าคำนาม โดยดูคำนามว่าให้อะไร มา อย่างโจทย์ข้อนี้ให้ badminton มา เราก็ดูว่าเป็นประเภทไหน เรามีเรียนมาว่าถ้าเป็นเกมส์กีฬา ก็ขอตอบว่าไม่มี article นำหน้าคำนามที่เป็นชื่อเกมส์และกีฬาต่าง ๆ เช่น

baseball               basketball           cricket   football golf

hockey ice-skating          soccer   squash  tennis

table tennis        volleyball             badminton

15           Do you mind ______ with me?

1 come

2 came

3 to come

4 coming

ตอบ 4 หน้า 276 กลุ่มวลีบางตัว เช่น

Would you mind            >

I don’t mind                    >   + Ving ตอบ sending

Do you mind                  >

ฉะนั้นขึ้นด้วย Do you mind + Ving คือ coming

16           What is your favorite ________ ?

1 in door game

2 indoor game

3 game indoor

4 game in door

ตอบ 2     หน้า 170 คำคุณศัพท์บางตัวที่จะต้องวางไว้หน้าคำนานเท่านั้น เช่น

chief      inner     indoor   outdoor   upper

utter      main      only       former  elder

เช่น indoor game (เกมในที่ร่ม)         outdoor activities (กิจกรรมกลางแจ้ง)

former president (อดีตประธานาธิบดี) main road (ถนนสายหลัก)

17           “I walk to my office every day .”

The underlined word is a/an _______ .

1 transitive verb

2 intransitive verb

3 linking verb

4 modal

ตอบ 2 หน้า 216 ถามว่ากริยาที่ขีดเส้นใต้ (walk) เป็นกริยาประเภทไหน

กริยาไม่มีกรรม (intransitive verb) สังเกตได้ง่าย คือดูหลังกริยา ถ้าไม่ใช่ประเภทคำนาม หรือสรรพนาม แสดงว่าเป็นกริยาไม่มีกรรม หรือหลังกริยาถ้ามีบุพบท (to, for, out, in) ตาม หรือ adv. ตามแสดงว่าเป็นกริยาไม่มีกรรม (intransitive verb) เช่นข้อนี้

–              I walk to my office every day. (กริยา walk มี to ตาม เป็นกริยาไมมกรรม)

–              The dog is barking loudly.

(กริยา bark มี adv.(loudly) ตามหลังเป็นกริยาไม่มีกรรม)

– The boys kicked the ball.

(หลังกริยา kicked มีคำนาม (the ball) ตามแสดงว่าเป็นกริยามีกรรม

18           Tim managed  _______ everything done.

1 get

2 getting

3 to get

4 to getting

ตอบ 3 หน้า 280 กริยาต่อไปนี้ตามด้วย to + V1 เช่น

aim         endeavor            learn      opt         seek      seem

appear expect   long plan              arrange fail

manage prepare tend      attempt               forget   mean

pretend want      choose happen need     prove

wish       decide  hope     neglect resolve

– Prof. Hill neglected to give his wife a birthday present.

ข้อนี้ให้กริยา manage ตามด้วย to + V1 = to get

19 Susan, together with her brothers, ______ never been to China.

1 have

2 has

3 have had

4 are having been

ตอบ 2 หน้า 340 ถ้าเจอประโยคที่มีเครื่องหมายคอมม่า (,) คั่น กริยาจะผันตามประธานข้างหน้า ออกสอบสูตรนี้ทุกเทอม

S, not, with, together with, no less that, as well as… + กริยาผันตาม S ข้างหน้า

กริยาผันตาม Susan เป็นชื่อคนเดียวจึงตอบกริยาเอกพจน์ = has หรือเดาได้ ดูช้อยมีกริยาเอกพจน์ตัวเดียวคือ has

20           You shouldn’t risk _____ that kind of business.

1 to do

2 do

3 to doing

4 doing

ตอบ 4     ดูคำอธิบายข้อ 3 ที่ผ่านมา กริยา risk ตามด้วย Ving จึงตอบ doing

21           John appears ______ .

1 awfully

2 happily

3 sadly

4 sad

ตอบ 4 หน้า 218-219 กริยา linking verb คือกริยาที่ตามด้วยส่วนขยายที่ไม่มีกรรมเช่นตามด้วย คำคุณศัพท์ (adjectives) ดูสูตร

appear  feel        keep      remain  stay

be           get         look       seem     taste

become               go           pass       smell     turn

come     grow      prove    sound

1              S + Verb to be/ Vlk + adj.

2              S + Verb ทั่วไป + adv.

สำหรับข้อนี้โจทย์มีกริยา appear เป็น linking verb ตามควยคุณศัพท์ sad (adj.) หรือเดาดูในตัวเลือกจะเห็นว่าตัวเลือก 1-2-3 ล้วนมี ly ซึ่งเปน adv. เหลือตัวเลือกที่ 4 ไม่มี ly ตอบได้ ในกรณีจะตอบ 1-2-3 ได้ต้องเป็นกริยาทัว่ไป เช่น speak happily เป็นต้น

22           Usually, Thais have _______ rice with their main course.

1 a

2 an

3 the

4 (blank)

ตอบ 4     หน้า 58 ไม่ใช้ article นำหน้าคำนามประเภทวัตถุนาม หรือนามนับไม่ได้ เช่น rice, air,

bread, ink, wool, wood, gold, steel เป็นต้น

23           “My husband gave me a new car.”

The underlined word is a/an ________

1 transitive verb

2 double transitive verb

3 intransitive verb

4 modal

ตอบ 2 หน้า 215 กริยาบางตัวเป็นกริยาที่มีกรรม 2 ตัวมารับได้ (double transitive verb) คือกรรมตรงและกรรมรองโดยกรรมตรง มักเป็นสิ่งของ และตามด้วยบุรพบท “to/for” แล้วตามด้วยกรรมตรง (คน) ดูสูตร ให้เรียงตามลำดับ อาจจะออก 1 ข้อ ให้เรียง สามารถเขียนได้ 2 แบบ คือ

S + กริยา + กรรมตรง(สิ่งของ) + to/for + กรรมรอง(คน)

หรือ S + กริยา + กรรมรอง(คน) + กรรมตรง (สิ่งของ)

เช่น – That woman often lends me money.

หรือ – That woman often lends money to me.

ประธาน กริยา กรรมรอง(คน) กรรมตรง(สิ่งของ)
My husband gave me a new car.
John bought his wife a diamond ring.

 

ฉะนั้นเราเรียกกริยา gave ว่ามีกรรมสองตัว (double transitive verb)

24           Ann is _______ English teacher.

1 a

2 an

3 the

4 (blank)

ตอบ 2 หน้า 59 ใช้ article นำหน้าอาชีพเสมอเช่น a teacher (ครู), a doctor (หมอ), an engineer (วิศวกร) แต่ถ้ามีคุณศัพท์มาขยายหน้าคำนาม article นั้นจะตามคำคุณศัพท์ที่มาขยาย เช่น an English teacher โดย an ผันตาม English สระ e

25           Go on _____ what you want.      1

1 do

2 to do

3 doing

4 to doing

ตอบ 3     คำอธิบายในข้อ 9 ที่ผ่านมาว่าถ้าลงท้ายบุพบทเช่น of, for, from, on ตามด้วย Ving  ได้เลย จึงตอบ doing

26           Mary had been trying very hard with English, _______ she failed.

1 but

2 for

3 and

4 or

ตอบ 1 หน้า 384 – 386 เป็นการเติมคำเชื่อมความในประโยครวม (compound sentence)มี 7 ตัว ดังนี้ and, but, or, nor, yet, for, so มีให้ตอบบ่อยทุกเทอมเหมือนกัน

and = และ ใช้แสดงบอกข้อมูลเพิ่มเติม

but, yet = แต่       แสดงความขัดแย้ง หรือความแตกต่าง

or = หรือ มิฉะนั้น แสดงการเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง

for = เพราะ (เหมือน because ) แสดงเหตุ

so = ดังนั้น (เหมือน therefore) แสดงผลหรือสรุปความ

nor = และไม่         แสดงการปฏิเสธคล้อยตามข้างหน้าว่า ไม่

จากโจทย์“แมรี่พยายามอย่างหนักในการเรียนภาษาอังกฤษ แต่เธอก็สอบตก”

27           The dog is looking forward to _________ home.

1 returned

2 returns

3 returning

4 return

ตอบ 3 หน้า 276 กลุ่มกริยาต่อไปนี้คู่กับบุพบทหรือให้เดาในคำอธิบายห้อ 9 ก็ได้ว่าไม่ต้องท่องกริยา แต่ลงท้ายด้วยบุพบท ก็ตอบ Ving = returning แค่ถ้าอยากรู้ว่ากริยากลุ่มไหนก็มีดังนี้

approve of (พอใจ)             apologize for (ขอโทษ). feel like (รู้สึกชอบ)

disapprove of (ไม่พอใจ) get/be used to (เคยชิน) look forward to (ตั้งตาคอย)

28           Mike has lost his office key _______ he has just got from his boss.

1 whose

2 whom

3 who

4 which

ตอบ 4     หน้า 401-410 ให้เติมประพันธ์สรรพนาม โดยให้สังเกตจากข้างหน้าคำที่ไห้เติมช่องว่างว่าเป็นคนหรือสิ่งของหรือสถานที่ เราดูคำนามข้างหน้าก่อนว่าเป็นอะไร ถ้าเป็น

คน who + verb (คำกริยา) ในที่นี้คือ is

คน whose + คำนาม + V

คน whom + S + Verb คำว่า S มักเป็นคำสรรพนามเช่น I saw, you met

สิ่งของ which + Verb หรือ which + S + V.

สถานที่ where + S + V, เช่น where I live

เวลา when + S + V

the reason why + S + V

คำนาม key (กุญแจ) เป็นสิ่งของตอบ which

29           Mike avoided  _____ conflicts with Jim.

1 have

2 to have

3 having

4 to having

ตอบ 3     ดูคำอธิบายในข้อ 3 ที่ผ่านมา กริยา avoid + Ving = having

30           Is playing  _______ basketball difficult?

1 a

2 an

3 the

4 (blank)

ตอบ4      ดูคำอธิบายในข้อ 14 ที่ผ่านมา basketball เป็นเกมกีฬา ไม่มี article

31           In remote areas of _______ we can go deep into the jungle.

1 Thailand

2 Thai

3 Burmese

4 African

ตอบ 1     เดาจากตัวเลือกได้เลย ช้อย 2-3-4 ล้วนเป็นเชื้อชาติ พลเมือง ส่วนช้อย 1 เป็นประเทศ Thailand ตัวเดียวก็ตอบได้เลย

32           _______ glasses break easily.

1 This

2 That

3 These

4 A

ตอบ 3 หน้า 86 – 88 เป็นเรื่องคำนำหน้าคำนาม โดยมีหลักดังนี้

This /That + คำนามเอกพจน์            + กริยาเอกพจน์

These ./ Those + คำนามพหูพจน์    + กริยาพหูพจน์

จากประโยคมีคำนาม glasses เป็นพหูพจน์ จึงตอบ These นอกนั้น A. That, This เป็นเอกพจน์

33           John came _____ everything to me last night.

1 explain

2 to explain

3 explained

4 explaining

ตอบ 2 กริยา come (came) ตามค้วย to + V1 = to explain

34 A thief broke into Adam’s home ______ he was sleeping.

1 therefore

2 so

3 and

4 while

ตอบ 4 ตอบคำเชื่อม therefore เหมือนกับ so หมายถึง ดังนั้น and (และ) บอกข้อมูลเพิ่มเติม ส่วน while (ในขณะที่) บอกเวลา “ขโมยบุกเกเข้าไปในบ้านของอดัม ในขณะที่เขากำลังหลับ”

35           That girl is ______ .

1 intelligent

2 intelligently

3 more intelligently

4 most intelligently

ตอบ 1     ดูคำอธิบายข้อ 21 ที่ผ่านมา เราดูกริยาก่อนว่าให้ประเภทไหนมา จากโจทย์ให้ is เป็น linking verb ต้องตามด้วยคุณศัพท์(adj.) นั่นคือ intelligent ส่วนใส่ more/most เป็นการเปรียบเทียบ โจทย์ข้อนี้ท้ายประโยคไม่มีข้อความต่อเลย แสดงว่าไม่มีการเปรียบเทียบตอบ คุณศัพท์ธรรมดา

  1. “We should have meals three times a day.”

The underlined word is a/an _______ .

1 intransitive verb

2 transitive verb

3 linking verb

4 modal

ตอบ 2     เราดูกริยา have ตามด้วยคำนาม meals ฉะนั้น กริยา have เป็นกริยามีกรรมมารับ เรียกว่า transitive verb

37           Among her friends, Pamela was _______ respected.

1 highly

2 full

3 high

4 higher

ตอบ 1 หห้า 311 ดูจากประโยคให้คำคุณศัพท์ (adj.) คือ respected มาแล้ว ฉะนั้นต้องการคำ ที่มาทำหน้าที่ ขยายคำคุณศัพท์ ก็คือคำกริยาวิเศษณ์ (adv) ซึ่งทำหห้าที่ขยาย respected ให้คือ highly ที่มีลงท้าย -ly เป็น adv. ข้อเดียว เดาได้เลย หรือดูสูตร

S + Verb to be + adv. + adj.

เช่น – Einstein was exceptionally intelligent.

–              Jeff s business is hugely successful.

–              Pamela was highly respected

38 ______ , he able to go there?

1 Should

2 May

3 Ought

4 Is

ตอบ 4     หน้า 234 -235 เราเห็นหลังประธานมี able to ซึ่งมาจากกริยาเต็มว่า is/am/are able to นั้นเอง เมื่อประธานเป็น he ก็ต้องให้ is ทำเป็นประโยคคำถาม ก็เป็น Is he able to go?

39           The woman ______ cheated you was arrested last week.

1 whose

2 which

3 who

4 whom

ตอบ 3     ดูคำอธิบายข้อ 28 ที่ผ่านมา โดยเราดูคำนาข้างหน้าคือ the woman เป็นคน และส่วนหลังให้มาคือ cheated เป็นกริยา แสดงว่าตอบ who เพราะ คน + who + กริยา

40           He was proved _____ innocent.

1 be

2 to be

3 being

4 to being

ตอบ 2     ดูคำอธิบายข้อ 7 ที่ผ่านมากริยา proved ตามห้วย to + V1 = to be

41           _______ is 10:0 a.m. now.

1 He

2 I

3 You

4 It

ตอบ 4 หห้า 125 – 126 ให้ “It” เป็นประธาน กับโจทย์ที่กล่าวถึง ดินฟ้าอากาศ (ฝนตก ฟ้าร้อง) บอก เวลา บอกระยะทางเป็นต้น

It is hot/ cloudy/ sunny / wet. (อากาศร้อน / เมฆครึ้ม / แดดจัด / ชื้น)

It is raining. (ฝนกำลังตก)

It is a half past six. (หกโมงครึ่งแล้ว) It is 10:00 a.m. now.

It is Monday today. (วันนี้วันจันทร์

หรือดูว่ากริยาเป็นเอกพจน์ (is) ประธาน ก็ใช้ได้มี He is กับ It is เท่านั้น แล้วดูว่าเป็นเวลาก็ ต้องใช้ It is

42           Jane decided ______ everything behind.

1 leave

2 to leave

3 leaving

4 to leaving

ตอบ 2     ดูคำอธิบายข้อ 7 กริยา decide ตามด้วย to + V1 – to leave

43 ______ homework is now on your desk.

1  My

2 Mine

3 Yours

4 Hers

ตอบ 1     ดูคำอธิบายขอ 1ที่ผ่านมา homework เป็นคำนามตอบ my + นาม นอกนั้น mine, yours, hers ไม่มีคำนามตามหลัง

44           Peter is kind-hearted; ______  he is optimistic.

1 otherwise

2 although

3 but

4 moreover

ตอบ 4 คำเชื่อม otherwise = มิฉะนั้น although = ถึงแม้ว่า

but = แต่                moreover = ยิ่งไปกว่านั้น  เป็นการบอกข้อมูลเพิ่มเติม

“ปีเตอรใจดี ยิ่งไปกว่านั้นเขาเป็นคนมองโลกในแง่ดีด้วย”

45           Bob looks ______ in his group.

1 usefully

2 curiously

3 charmingly

4 charming

ตอบ 4     f^คำอธิบายในข้อ 21 ที่ผ่านมา หรือเดาก่อนว่าไม่มี -ly ลงท้ายมี charming ตัวเดียวก็ตอบได้เลย

46           Ann wasn’t here, ______ she didn’t know anything.

1 because

2 but

3 or

4 so

ตอบ 4     คำเชื่อม because = เพราะ but = แต่ or = หรือ มิฉะนั้น so = ดังนั้น

“แอนน์ไม่อยู่ตรงนี้ ดังนั้นเธอไม่เรื่องอะไรหรอก”

47 ______ is Friday, isn’t it?

1 It

2 Those

3 They

4 (Blank)

ตอบ 1     ดูคำอธิบายข้อ 41 ที่ผ่านมา ใช้ขึ้น It is กับการบอกเวลา วัน

48 The number of citizens in this city ______ increasing.

1 are

2 Is

3 have been

4 have been being

ตอบ2 หน้า 346 ข้อนี้เดาจากตัวเลือกได้เลยว่ากริยาพหูพจน์มีข้อเดียวคือ are ดูสูตร

A number of + นามพหูพจน์ + กริยาพหูพจน์

The number of + นามพหูพจน์ + กริยาเอกพจน์

สำหรับข้อนี้เป็นแบบแรกคือขึ้นต้นด้วย The number of ตอบกริยาเอกพจน์คือ is

49 A : Who is that girl?

B : __________

1 At 2:00 p.m.

2 My niece

3 My parents

4 A movie

ตอบ 2     การถามด้วย Who เป็นการถามถึงบุคคล ก็ต้องตอบเป็นคน คงเหลือช้อย 2 my niece (หลาน) และช้อย 3 my parents (พ่อแม่ของฉัน) แต่จากโจทย์ถามว่า ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ก็ต้องตอบ เพศหญิงเอกพจน์คือ หลาน

50 “He may come.”

The underlined word is a/an _______ .

1 modal

2 verb

3 noun

4 adjective

ตอบ 1     ถามว่าคำที่ขีดเสันใต้เป็นคำประเภทไหน เรามีเรียนประเภท will, ought, should, may, can, could be able to, must, need เราเรียกว่า modal กลุ่มกริยาช่วยค่ะ

51 _____ too much can cause a sore throat.

1 Talk

2 To talking

3 Talking

4 Talks

ตอบ 3 หน้า 20 เป็นคำนามสมมูลย์ซึ่งเป็นคำนามชนิดหนึ่ง สามารถอยู่ในรูปของวลีหรือกลุ่มคำก็ได้ ทำให้เป็นคำนามโดยใช้รูปเช่น 1 Ving และ 2 To + V1 อย่างข้อนี้ให้ตอบ ขึ้นต้นประโยค Ving เป็นคำนาม ออกบ่อย ดูให้เป็น ดูตัวอย่างอื่นเพิ่มเติม

Swimming is a kind of exercise. (Ving = swimming เป็นคำนาม)

To pass ENG 1001 is difficult for me. (To +V1 ก็เป็นคำนามได้)

สำหรับข้อนี้ก็ตอบ Talking

52           He has been working  _______ .

1 efficient

2 efficiency

3 effluent

4 efficiently

ตอบ 4     ดูคำอธิบายข้อ 21 ที่ผ่านมา ดูกริยาว่าให้ประเภทไหนมา ในข้อนี้ให้กริยา work เป็นกริยาทั่วไป ตอบคำวิเศษณ์ (adv.) ทำหน้าที่ขยายกริยา จึงตอบ efficiently

53 Tom teaches English _____of all.

1 more efficient

2 more efficiently

3 the most efficient

4 the most efficiently

ตอบ 4 หน้า 319 -320 เราเห็นคำว่า of all (ของทั้งหมด) แสดงการเปรียบเทียบหลายอย่างตอบ ขั้นฐสุด ทันที คือ the most แล้วตามด้วยคำวิเศษณ์ (adv) เพราะทำหน้าที่ขยายกริยา teach ต้องเป็น adv. = efficiently

54 My best friend ________ speak at least three languages.

1 can

2 are able

3 ought

4 may to

ตอบ 1     เป็นเรื่องกริยาช่วย can + V1 = can speak (แสดงสามารถพูดได้พูดเป็น)

ส่วน are able ต้องมี to ตามจึงจะถูกต้อง และ ought ก็ต้องมี to ตามเช่นกัน ส่วน may จะต้องไม่มี to

55           Next month, Adam ____to work in a new company.

1 is going

2 have

3 must

4 will

ตอบ 1     เราเห็นที่โจทย์มี to สามารถใช้ is going to ได้ ช้อยอื่นเช่น must, will ไม่มี to ส่วน have ผิดอยู่แล้วเพราะประธาน Adam เป็นเอกพจน์

56           It’s amazing _____ rare birds in the zoo.

1 to see

2 seeing

3 see

4 to seeing

ตอบ 1 หน้า 285 ใช้ to+ V1 ตามหลังคำคุณศัพท์ (adjective) เหล่านี้

able       fit            inclined prepared unwilling

bound   disappointed     liable     sad         willing

easy       frightened          likely      surprised             nice

afraid    glad        happy   unhappy

anxious pleased ashamed             proud

–              We are proud to be Thai.

–              John was disappointed not to receive any bonus.

คำ amazing เป็นคุณศัพท์ตามด้วย to + V1 = to see

57 _______ road is now under construction.

1 That

2 Those

3 These

4 All

ตอบ 1     ดูคำอธิบายข้อ 32 ที่ผ่านมา road เป็นคำนามเอกพจน์ก็ตอบ That ได้เลย นอกนั้น Those, these, all ตามด้วยคำนามพหูพจน์

58 _____ wounded were taken to the nearest hospital.

1 A

2 An

3 The

4 (blank)

ตอบ 3 หน้า 22 – 23 ทำคุณศัพท์ให้เป็นคำนามได้ด้วยการเติม the ข้างหน้าเป็น the + adj. เช่น

the old (คนแก่), the young (คนหนุ่มสาว), the poor (คนจน), the rich (คนรวย), the brave (ผู้กล้า), the blind (คนตาบอด), the homeless (คนไร้ที่อยู่), the sick (คนป่วย) the disabled (คนพิการ), the wounded (คนบาดเจ็บ), the injured (คนบาดเจ็บ)โดยมี ความหมายเป็นพหูพจน์

59 A : Whose shoes are these?

B : They’re ______ .

1 her

2 your

3 my

4 his

ตอบ 4     ถามว่าของใคร เวลาตอบก็ต้องตอบแสดงความเป็นเจ้าของทันทีโดยไม่มีคำนามตามหลัง ดังที่ได้กล่าวไว้ในข้อ 1 เช่น mine, yours, hers, his, theirs, ours เป็นต้น ดูช้อยก็ตอบ his ได้เลย ส่วน her, your , my ต้องมีคำนามตามหลังด้วย

60 My sister and I always _______ to church on weekends.

1 go

2 goes

3 is going to

4 has gone

ตอบ 1 หน้า 331 – 332 ประธานที่เชื่อมดัวย “and” มี 4 แบบ ให้สังเกตว่าให้อะไรมาตอบกริยา เอกพจน์หรือพหูพจน์ ดูเทียบ

1              S + and + S + กริยาพหูพจน์

2              อาหาร + and+ อาหาร + กริยาเอกพจน์

3              A + คำนาม + and +a + คำนาม + กริยาพหูพจน์

4              A + คำนาม + and + คำนาม + กริยาเอกพจน์ 1

จากโจทย์ข้อนี้มีสองคนคือ พี่สาวของฉันและฉัน จึงตอบกริยาพหูพจน์หรือเดากริยา พหูพจน์มีช้อยเดียวคือ go

61 The police accused Jim of ______ his wife.

1 kill

2 killing

3 to kill

4 to killing

ตอบ 2     ดูคำอธิบายข้อ 9 เพิ่มเติม ลงท้ายบุพบท เช่น of, to, for, from + Ving ได้เลย

62 Usually, gold ______ expensive.

1 is

2 are

3 were

4 have  been

ตอบ 1 หน้า 12-15 วัตถุนาม เป็นนามนับไม่ได้มีรูปเป็นเอกพจน์ ตอบกริยาเอกพจน์คือ is หรือเดาจากช้อยกริยาเอกพจน์มีตัวเดียว

63           Sam was not injured in the accident, _____ was his wife.

1 or

2 therefore

3 so

4 nor

ตอบ 4     คำเชื่อม เราดูจากประโยคหน้ามี not เป็นรูปปฏิเสธ และส่วนหลังยกกริยา was ไว้หน้าประธาน his wife เห็นการวางรูปประโยคแบบนี้ก็คือ nor (และไม่) เป็นการปฏิเสธ ข้างหน้า

“แซมไม่ได้รับบาดเจ็บในอุบัติเหตุและภรรยาของเขาก็ไม่ได้รับอุบัติเหตุเช่นกัน

64           Paul doesn’t like Mary, _______ he can’t stand her.

1 so

2 or

3 nor

4 and

ตอบ 4     ตอบคำเชื่อม “พอลไม่ชอบแม่รี่ และเขาไม่สามารถทนกับเธอได้”

65           The rector, as well as the deans, _______ to sign the contract.

1 agree

2 agrees

3 have agreed

4 are agreeing

ตอบ 2     ดูคำอธิบายข้อ 19 ที่ผ่านมา โจทย์ที่มีเครื่องหมายคอมม่าคั่น กริยาผันตามประธานตัวหน้าสุดคือ The rector เป็นเอกพจน์ตอบกริยาเอกพจน์ หรือเดาได้เช่นกันกริยาเอกพจน์มีช้อยเดียวคือ agrees

66           Bob was exhausted from _______ hard.

1 work

2 worked

3 working

4 to work

ตอบ 3     ดูคำอธิบายข้อ 9 ที่ผ่านมา ลงท้ายบุพบท from + Ving ได้เลย

67           Would you please help me ______ this?

1 do

2 did

3 to do

4 doing

ตอบ 1,3 หน้า 283 กริยา help มีกรรมหรือไม่มีกรรมมาคั่นก็ได้และสามารถตามด้วย V1 และ to V1 ได้ สองอย่าง จึงตอบถูกทั้ง 1 เละ3 คือ do และ to do

68           A _______ holiday is too short.

1 day-one

2 day one

3 one day

4 one-day

ตอบ 4 หน้า 24 – 25 คำนามประสม โดยการใช้คำนาม + คำนาม หรือ คุณศัพท์+ คำนาม บาง ตัวเขียนติดกัน หรือห่างกัน หรือ Ving + คำนาม ให้นักศึกษาอ่านผ่านสายตา จะได้จำได้ เพราะนามประสมมีเยอะค่ะ เช่น darkroom, weekend, lighthouse, greenhouse, washing machine, walking stick, swimming suit, a two-week holiday สำหรับข้อนี้ เป็น a one-day holiday ค่ะ

69           Henry has to graduate this semester; ______ he will lose his job.

1 otherwise

2 therefore

3 though

4 and

ตอบ 1     คำเชื่อม “เฮนรี่ต้องเรียนให้จบภายในเทอมนี้ มิฉะนั้นเขาจะตกงาน”

70           Which is a complete sentence?

1 I have money buy a car.

2 Jim standing there.

3 To jog everyday useful

4 No one is here.

ตอบ 4     ข้อไหนเป็นประโยคที่สมบูรณ์ คำถามแบบนี้ออกสอบทุกเทอม ให้จับโจทย์ให้ได้ว่ามีกริยาหลักที่ถูกต้องมาไหม ถ้ากริยาให้มาถูกต้องก็สมบูรณ์

ช้อย 1. ไม่สมบูรณ์เพราะถึงแม้มีกริยา have แต่หลัง money ก็มีอีกกริยา buy ที่ถูกต้องแก้เป็น I have money to buy a car.

ช้อย 2. ไม่สมบูรณ์เพราะกริยาต้องมี is ต้องเป็น Jim is standing there.

ช้อย 3. ขึ้นต้นด้วย To jog เป็นประธาน แต่ขาดกริยา ต้องแก้เป็น To jog every day is useful.

ช้อย 4. สมบูรณ์เพราะมีกริยา is (ขอแอบกระซิบประโยคถามแบบนี้ ช้อยไหนมี verb to be (is, am, are, was, were) ถูกแน่ ๆ

71           Which is a complete sentence?

1 This is many kinds of food.

2 A man walking alone.

3 Some people can find a way to wealth.

4 Go a new place.

ตอบ 3 ช้อย 1 ผิด ต้องแก้เป็น There are many kinds of food.

ช้อย 2. ผิด ต้องแก้เป็น A man is walking alone.

ช้อย 3 ถูกต้องมีกริยา can find

ช้อย 4 ต้องแก้เป็น Go to a new place.

72           Which is a correct complete sentence?

1 A dog is chasing a cat.

2 A t-shirt expensive.

3 A plane take off

4 The city’s downtown not far from here.

ตอบ 1 ช้อย 1. ถูกต้องมีกริยา is chasing

ช้อย 2. ขาดกริยาต้องแก้เป็น A t-shirt is expensive.

ช้อย 3. ต้องแก้เป็น A plane is taking off.

ข้อย 4. ต้องแก้เป็น The city’s downtown is not far from here.

73           Which is a correct complete sentence?

1              Jim is too young to go alone, so you should accompany him.

2              To go there be easy

3              The train are leaving.

4              It rain soon.

ตอบ 1     เดาได้ว่ากริยาเอกพจน์มีตัวเลือกเดียวคือ is เพราะประธาน Oil เป็นเอกพจน์

74           Which is a correct complete sentence?

1 The baby is crying loud.

2 You should go inside now.

3 An interesting trip.

4 A box of jewelry stolen.

ตอบ 2 ช้อย 1 ผิดต้องส่วนขยายต้องแก้เป็น The baby is crying loudly.

ช้อย 2. ถูกต้องมีกริยา should go

ช้อย 3. ต้องแก้เป็น A trip is interesting.

ช้อย 4. ต้องแก้เป็น A box of jewelry was stolen.

75           Which is a correct complete sentence?

1 One’s duty responsible

2 A police station near.

3 The landscape made me excited

4 The murder were caught yesterday.

ตอบ 3 ช้อย 1 ต้องแก้เป็น One should be responsible for his duty.

ช้อย 2. ต้องแก้เป็น A police station is near my house.

ช้อย 3. ถูกต้องมีกริยา make + กรรม + adj.

ช้อย 4. ต้องแก้เป็น The murderers were caught yesterday, (murderers ฆาตกร)

 

Part 11: Vocabulary (คำศัพท์)

76           An abundance of rice is in stock.

1 large quantity

2 succession

3 egghead

4 stereotype

ถาม        ข้าวจำนวนมากอยู่ในสต๊อก

ตอบ 1     บทที่ 4 หน้า 168

1.จำนวนมาก        2 ความต่อเนื่อง 3 ปัญญาชน 4 กรอบประเพณีเก่าๆที่ไม่เปลี่ยน

abundance = large quantity = อุดมสมบูรณ์ จำนวนมาก

77           Up to now, she is still unconscious.

1 At once

2 Continuously

3 Due to

4 Till now

ถาม        จนทุกวันนี้ เธอยังคงไม่ได้สติ

ตอบ 4     บทที่ 5 หน้า 199

1 ทันทีทันใด           2 อย่างต่อเนื่อง 3 เนื่องจาก  4 จนทุกวันนี้

up to now = till now = จนทุกวันนี้

78           Don’t fold bank notes like that.

1 bend

2 enroll

3 conclude

4 boost

ถาม        อย่าพับธนบัตรแบบนั้นนะ

ตอบ 1     บทที่ 12 หน้า 395

1 พับม้วน 2 ลงทะเบียนเรียน               3 พูดสรุป               4 ส่งเสริม

fold = bend = พับม้วนงอ

79           At last, Mary’s endeavor was successful.

1 energy

2 conscience

3 strength

4 attempt

ถาม        ในที่สุด ความพยายามของแมรี่เป็นที่ประสบผลสำเร็จ

ตอบ 4     บทที่ 3 หน้า114

1 พลัง     2 ความมีจิตสำนึก 3 ความแข็งแรง     4 ความพยายาม

80           Being a teacher is quite a prestigious career in Thailand.

1 iconic

2 terrific

3 worth

4 renowned

ถาม เขาดู _______ เพราะพฤติกรรมที่สุภาพของเขา

ตอบ 4     บทที่ 9 หน้า 328

1 ตั้งอยู่   2 เป็นที่เคารพนับถือมีบารมี 3 ประหลาดใจ        4 มากที่สุด

81           He will enroll in the Faculty of Humanities.

1 earn

2 register

3 plague

4 light

ถาม        เขาจะลงทะเบียนในคณะมนุษยศาสตร์

ตอบ 2     บทที่ 2 หน้า 56

1 ได้รับ   2 ลงทะเบียน         3 ทำให้หงุดหงิด รำคาญ 4 ส่องสว่าง

82           Jane showed her talent in the singing contest.

1 member

2 moral principles

3 traditional activity

4 natural ability

ถาม        แจนแสดงพรสวรรค์ของเธอในการประกวดร้องเพลง

ตอบ 4     บทที่ 6 หน้า 230

1 สมาชิก 2 หลักศีลธรรม     3 ธรรมเนียมประเพณี 4 พรสวรรค์

talent = natural ability = พรสวรรค์

83           This sophisticated computer program has worked out well.

1 terrific

2 costly

3 complex

4 eternal

ถาม        โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ซับซ้อนนี้ทำงานได้ผลดี

ตอบ 3     บทที่ 11 หน้า381

1 ยอดเยี่ยม

2 แพง

3 สลับซับซ้อน

  1. ไม่เปลี่ยนแปลง

sophisticated = complex = สลับซับซ้อน

84           I like the landscape of this area.

1 crust

2 representation

3 scenery

4 perspective

ถาม        ฉันชอบทิวทัศน์ของพื้นที่นี้

ตอบ 3 บทที่ 12 หน้า 396

1 ส่วนนอก 2 การแสดงออก 3 ทิวทัศน์               4 ทัศนะ มุมมอง

landscape = scenery = ทิวทัศน์

85           This place isn’t a suitable location for you to live.

1 faith

2 site

3 borough

4 association

ถาม        สถานที่นี่เป็นทำเลที่ไม่เหมาะสม ที่จะอยู่สำหรับคุณ

ตอบ 2 บทที่ 2 หน้า 55

1 ความเลื่อมใส ศรัทธา 2 สถานที่ตั้ง ทำเล 3 เขต เมือง 4 สมาคม

location = site, place = ทำเลที่ตั้ง

86           His idea is very’ influential.

1 responsible

2 dominant

3 unusual

4 compelling

ถาม        ความคิดของเขามีอิทธิพลมาก

ตอบ 2     บทที่ 5 หน้า 199

1 รับผิดชอบ 2 มีอิทธิพล       3 ไม่ธรรมดา          4 เป็นที่น่าเชือถือ

influential = dominant, masterful = มีอิทธิพล

87           How many waterways are there in Bangkok now?

1 confluences

2 canals

3 boroughs

4 legends

ถาม        ในปัจจุบันมีทางนํ้าในกรุงเทพมหานครกี่สาย

ตอบ 2     บทที่ 4 หน้า 168

1 จุดที่แม่น้ำหลายสายมาบรรจบกัน 2 ทางน้ำ 3 เขตเมือง 4 ตำนาน

88           Jane opted to live near the workplace for her convenience.

1 devised

2 eradicated

3 chose

4 folded

ถาม        แจนเลือกอาศัยอยู่ใกล้ที่ทำงานเพื่อความสะดวกของเธอ

ตอบ 3     บทที่ 7 หน้า 268

1 คิดค้นประดิษฐ์ 2 กำจัดให้สิ้นซาก 3 เลือก 4 พับม้วน

Opted to = chose = เลือก

89           In every competition, we want to get a triumph, but it’s impossible.

1 victory

2 screen

3 crust

4 virtue

ถาม        ในทุกครั้งของการแข่งขัน เราต้องการได้รับชัยชนะ แต่มันเป็นไปไม่ได้

ตอบ 1     บทที่ 6 หน้า 231

1 ชัยชนะ   2 จอภาพ              3 เปลือกนอก 4 ความดี

triumph = victory = ชัยชนะ

90           What is the concept of this theory?

1 egghead

2 graduation

3 idea

4 campus

ถาม        แนวคิดของทฤษที่นี้คืออะไร

ตอบ 3     บทที่ 9หน้า328

1 ปัญญาชน          2 การสำเร็จการคืกษา          3 แนวคิด 4 วิทยาเขต

concept = idea = ความคิดแนวคิด

91           Curiosity is useful sometimes.

1 Documentation

2 Disappointing

3 Inquisitiveness

4 Citizenship

ถาม        ความอยากรู้อยากเห็นเป็นประโยชน์ในบางครั้ง

ตอบ 3

1 ข้อมูลในรูปเอกสาร 2 ความผิดหวัง 3 ความอยากรู้อยากเห็น 4 ความเป็นพลเมือง

92           The poor should have better relief.

1 excellence

2 aid

3 independence

4 gardening

ถาม        คนยากจนควรได้รับความช่วยเหลือที่ดีกว่านี้

ตอบ 2     บทที่ 2 หน้า 55

1 ความยอดเยี่ยม 2 ความช่วยเหลือ 3 ความเป็นอิสระ     4 การทำสวน

93           I cannot predict the end of this movie

1 aim at

2 neglect

3 foretell

4 show up

ถาม        ฉันไม่สามารถทำนายตอนจบของภาพยนตร์นี้ได้

ตอบ 3     บทที่ 5 หน้า 199

1 มุ่งไปยัง               2 ละเลยเพิกเฉย   3 ทำนายพยากรณ์ 4 ปรากฎตัว

94           My boss rattled on about the marketing plan.

1 talked rapidly

2 jutted out

3 opted to

4 chose between

ถาม        เจ้านายของฉันพูดไมหยุดเกี่ยวกับแผนการตลาด

ตอบ 1     บทที่ 9 หน้า 327

1 พูดไม่หยุด พูดอย่างรวดเร็ว 2 ยื่นออกมา 3 เลือก 4 เลือกระหว่าง

95           Is Hua-Hin a borough?

1 confluence

2 town

3 waterway

4 concept

ถาม        หัวหินเป็นเมือง ๆ หนึ่งใช่ไหม

ตอบ 2     บทที่ 4 หน้า 167

1 จุดที่แม่น้ำไหลมาบรรจบกัน 2 เขต เมือง 3 ทางน้ำ4 แนวคิด

  1. Stop now. You plague me.

1 predict

2 trouble

3 neglect

4 enroll

ถาม        หยุดเดี๋ยวนี้นะ คุณทำให้ฉันหงุดหงิด

ตอบ 2     บทที่ 1 หน้า 3

1 ทำนายพยากรณ์ 2 ทำให้หงุดหงิดรำคาญ 3 ละเลยเพิกเฉย 4 ลงทะเบียน

97           The result of Jane’s _______ to her work is rewarded.

1 devotion

2 descent

3 citizenship

4 disappointment

ถาม        ผลของ ______ แจนต่อการทำงานของเธอคือเธอได้รับการรางวัล

ตอบ 1     บทที่ 3 หน้า 113

1 การอุทิศตน เสียสละ 2 9hนตระกูล สายโลหิต 3 ความเป็นพลเมือง 4 ความผิดหวัง

98           I have been working in a noisy workplace for 10 years, so I ______ it.

1 get used to

2 opted to

3 aim at

4 go forth

ถาม        ฉันไดัทำงานในสถานที่ที่มีเสียงดังมาเป็นเวลา 10ปี ดังนั้นฉัน _______ กับมัน

ตอบ 1     บทที่ 7 หน้า 266

1 เคยชิน 2 เลือก    3 มุ่งไปยัง               4 ไปข้างหน้า

99           The pizza will be ________  to you to by 6 o’clock.

1 folded

2 eradicated

3 delivered

4 affected

ถาม        พิซซ่าจะถูก _____ถึงคุณราว ๆ หกโมง

ตอบ3 บทที่ 7 หน้า265

1 พับ ม้วน 2 กำจัดให้สึ้นซาก              3 ส่ง        4 มีผลต่อ

100         The King’s sufficiency economy theory has an abundance of ______ .

1 benefits

2 predecessors

3 graduations

4 honesty

ถาม        ทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงมี ______อย่างมหาศาล

ตอบ 1 บทที่ 8 หน้า 294

1 ผลดี ประโยชน์ 2 บรรพบุเษ              3 การสำเร็จการศึกษา          4 ความซื่อสัตย์

101         My brother ______ a new satisfactory job.

1 looks forward to

2 rattles on

3 competes against

4 juts out

ถาม        พี่ชายของฉัน ______ งานใหม่ที่พึงพอใจ

ตอบ 1 บทที่ 7 หน้า 268

1 ตั้งตารอคอย

2 พูดอย่างรวดเร็ว ไม่หยุด

3 แข่งขัน 4 ยื่นออกไป

102         Price reduction is one way to ______ Thailand’s tourism.

1 shrink

2 postpone

3 neglect

4 boost

ถาม        การลดราคาเป็นวิธีหนึ่งเพื่อ ______ การท่องเที่ยวของประเทศไทย

ตอบ 4 บทที่ 8 หน้า 295-296

1 หดถอย 2 เลื่อนออกไป      3 ละเลยเพิกเฉย   4 ส่งเสริมสนับสนุน

103         There are many _____ measures for avoiding colds.

1 metropolitan

2 overweight

3 ambitious

4 preventive

ถาม        มีมาตรการ _______ จำนวนมากเพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นหวัด

ตอบ 4     บทที่ 8 หน้า293

1 มหานคร 2 น้ำหนักมากเกินไป         3 ความทะเยอทะยาน          4 ที่ป้องกัน

104         It’s believed that high blood pressure is the result of being _______ .

1 eternal

2 overweight

3 fertile

4 maximum

ถาม        เชื่อกันว่าความดันโลหิตสูงเป็นผลมาจากการที่ _______ .

ตอบ 2 บทที่ 8 หน้า 296

1 ไม่เปลี่ยนแปลง 2 นํ้าหนักมากเกินไป 3 อุดมสมบูรณ์     4 มากที่สุด

105         Her bright face  ______ in the mirror.

1 views

2 seeks

3 reflects

4 determined

ถาม        ใบหน้าที่ผ่องใสของเธอ ______ ในกระจก

ตอบ 3 บทที่ 11 หน้า383

1 พิจารณา            2 เสาะหา               3 สะท้อนให้เห็น     4 กำหนดควบคม

106         Oil prices can _______ over cost of living.

1 affect

2 tilt

3 shrink

4 utter

ถาม        ราคานํ้ามันสามารถ ______ ค่าครองชีพ

ตอบ 1 บทที่ 11 หน้า383

1 มีผลต่อ               2 เอียงตะะแคง        3 หดถอย               4 พูดเปล่งเสียง

107         Ramkhamhaeng _______ are situated in many towns.

1 campuses

2 springboards

3 surfaces

4 expressions

ถาม        ________ ของมหาวิทยาลัยรามคำแหงตั้งอยู่ในหลาย ๆเมือง

ตอบ 1 บทที่ 9 หน้า 328

1 วิทยาเขต            2 จุดเริ่มต้น            3 ผิว       4 การแสดงออก

108         My train is ______ the station.

1 approaching

2 reflecting

3 motivating

4 preventing

ถาม        ขบวนรถไฟของฉันกำลัง _______ สถานี

ตอบ 1 บทที่ 10 หน้า 365

1 เข้าใกล้               2 สะท้อนให้เห็น     3 กระตุ้น ปลุกเร้า  4 ป้องกัน

109         She presented her hometown by _______ .

1 affecting

2 motivating

3 neglecting

4 portraying

ถาม        เธอนำเสนอบ้านเกิดของเธอด้วย _______

ตอบ 4     บทที่ 10 หน้า 366

1 ส่งผลต่อ 2 กระตุ้น ปลุกเร้า 3 ละเลย 4 พรรณนา

110         Body movement is a kind of ______ .

1 hesitations

2 compression

3 gesture

4 extension

ถาม        การเคลื่อนไหวทางร่างกายเป็น ______ ประเภทหนึ่ง

ตอบ 3     บทที่ 811 หน้า381

1 การลังเล             2 ความกดดัน        3 ท่าทาง อากัปกริยา 4 การขยาย

111         We know that more than two-thirds of the earth’s _______ is covered by water.

1 landscape

2 surface

3 gesture

4 pang

ถาม        เรารู้ว่ามากกว่า 2 ใน 3 ของ  โลกถูกปกคลุมด้วยนํ้า

ตอบ 2     บทที่ 12หน้า395

1 ทิวทัศน์               2 ผิว พื้นผิว            3 ท่าทาง อากัปกิริยา 4 ความเจ็บปวด

112         It’s not suitable to get ______ in their love affairs. They should solve everything

themselves.

1 plain

2 involved

3 meaningful

4 prestigious

ถาม        มันไม่เหมาะสมที่จะเข้าไป ______ ในเรื่องความรักอื้อฉาวของพวกเขา พวกเขาควรแก้ไขทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตัวของพวกเขาเอง

ตอบ 2     บทที่ 10 หมัา365

1 เรียบง่าย 2 เกี่ยวข้องพัวพัน 3 มีความหมาย   4 มีเกียรติเป็นที่นับถือ

113         That part of the earth’s _______ is called Australia.

1 crust

2 citizenship

3 efficiency

4 documentation

ถาม        ______ ในส่วนของโลกนั้นถูกเรียกว่าทวีปออสเตรเลีย

ตอบ 1     บทท 12หนัา 394

1 เปลือกโลก  2 ความเป็นพลเมือง 3 ความมีประสิทธิภาพ 4 ข้อมูลในรูปเอกสาร

114 ________ is his reward for having worked hard for years.

1 Compassion

2 Prosperity

3 Misconception

4 Distinction

ถาม         _______ เป็นผลตอบแทนสำหรับการทำงานหนักเป็นเวลาหลายปีของเขา

ตอบ 2     บทที่ 1 หน้า 4

1 ความเห็นอกเห็นใจ 2 ความมั่งคั่ง เจริญก้าวหน้า 3 ความเข้าใจผิด 4 ความแตกต่าง

115         Sometimes Mary ’s being _______ makes her pessimistic toward her friends.

1 fellow

2 meaningful

3 ambitious

4 chronic

ถาม        บางครั้งการมี _______ ของแมรี่ทำให้เธอมีการมองโลกในแง่ลบต่อเพื่อน ๆ ของเธอ

ตอบ 3 บทที่ 2 หน้า 54

1 เพื่อน 2 มีความหมาย       3 ความทะเยอทะยาน 4. เรื้อรัง

116  _______ is important in working successfully.

1 Efficiency

2 Uncertainty

3 Disappointment

4 Misery

ถาม         _______ สำคัญในการทำงานให้ประสบความสำเร็จ

ตอบ 1     บทที่ 6 หน้า 231

1 ความมีประสิทธิภาพ         2 ความไม่แน่นอน 3 ความผิดหวัง       4 ความทุกข์

117         He is of American _______ , so he doesn’t look completely Thai.

1 descent

2 egghead

3 curiosity

4 failure

ถาม เขามี ______ เป็นชาวอเมริกัน ดังนั้นเขาจึงดูไม่เหมือนคนไทยเลยทีเดียว

ตอบ 1     บทที่ 5 หน้า 201

1 ต้นตระกูลสายโลหิต 2 ปัญญาชน    3 ความอยากรู้อยากเห็น 4 ความล้มเหลว

118         Is it right that Thai laws are for Thai ______ ?

1 excellence

2 citizens

3 sacrifice

4 aspects

ถาม        จริงหรือไม่ที่กฎหมายไทยมีไว้สำหรับ _______ ชาวไทย?

ตอบ 2 บทที่ 3 หน้า 114

1 ความยอดเยี่ยม 2 พลมือง  3 การเสียสละ     4 แง่มุม

119         Sometimes failure is caused by  _______ .

1 strength

2 energy

3 devotion

4 hesitation

ถาม        บางครั้งความล้มเหลวเกิดขึ้นจาก _______ .

ตอบ 4     บทที่ 1 หน้า 2-3

1 ความแข็งแรง 2 พลัง          3 การอุทิศตน        4 ความลังเล

120         Passports are necessary ________ for going abroad.

1 virtue

2 courage

3 stereotype

4 documentation

ถาม        หนังสือเดินทางเป็น _______ ที่จำเป็นสำหรับการเดินทางไปต่างประเทศ

ตอบ 4     บทที่ . 6 หน้า228

1 ความดี คุณธรรม                2 ความกล้าหาญ

3 กรอบประเพณีเก่า ๆ ที่ทำกันมาแล้วไม่เปลี่ยน 4 เอกสาร

ENG1001 ประโยคพื้นฐานและศัพท์ที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน s/2558

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2558

ข้อสอบกระบวนวิชา ENG 1001 ประโยคพื้นฐานและศัพท์ที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน

Choose the correct answer.

Part I: Structure (ภาคโครงสร้าง)

1              “Jim, who is my neighbor, is a nice guy.”

This is a _______ sentence.

1simple

2 compound

3 complex

4 It’s not a sentence.

ตอบ 3 หน้า 398- 400 คำว่า simple sentence หมายถึง ประโยคใจความเดียว มีประธานตัวเดียว กริยาหลักตัวเดียว ส่วน compound sentence คือ ประโยคใจความรวม ที่นำเอา simple sentence + simple sentence สองประโยคมารวมกัน ดูแบบง่าย ๆ เทคนิคเดาว่า ถ้าดูคำเชื่อมว่าเชื่อมด้วย and, but, or, nor, for, yet, so, therefore, otherwise เป็นต้นเป็น compound sentence ส่วน complex sentence คือ ประโยคความซ้อน ที่ ประกอบด้วย ประโยคหลัก (independent clause) เป็นประโยคที่สมบูรณ์สามารถอยู่ตามลำพังมีความหมาย มารวมกับอนุประโยค (dependent clause หรือเรียกว่า subordinate clause) คือประโยคย่อยที่ไม่สามารถอยู่ได้ตามลำพังและไม่มีความหมายที่สมบูรณ์ หรือเดา มักจะมีคำเหล่านี้ เช่น who, whom, whose, which, where, when, why, how, that, if, because, before, after เป็นต้น อย่างโจทย์ข้อนี้มีเชื่อมด้วย who แสดงว่าเป็นประโยคความซ้อน (complex sentence) ทันที

 

2              Lawrence likes to play  _______ badminton.

1 a

2 an

3 the

4 (blank)

ตอบ 4 หน้า 74 เป็นเรื่องคำนำหน้าคำนาม โดยดูคำนามว่าให้อะไร มา อย่างโจทย์ข้อนี้ให้badminton มา เราก็ดูว่าเป็นประเภทไหน เรามีเรียนมาว่าถ้าเป็นเกมส์กีฬาก็ขอตอบว่าไม่มี article นำหน้าคำนามที่เป็นชื่อเกมส์และกีฬาต่าง ๆ เช่น

baseball               basketball           cricket   football   golf

hockey   ice-skating        soccer   squash  tennis

table tennis        volleyball             badminton

 

3 The next talk show_______ be a big one.

1 is

2 will

3 ought

4 is able

ตอบ 2 หน้า 257 เราดูตัวเลือกก็จะรู้ว่าเป็นเรื่องของกริยาช่วย ที่มีออกสอบทุกเทอมเช่นกัน is เป็น verb to be จะไม่ตามด้วย be (คำว่า be คือกริยาช่องที่ 1 ไม่ผันคือรูปดั้งเดิมของมัน) verb to be (is, am, are, was, were) ตามด้วย Ving หรือ V3 ได้แต่ V1 ไม่ได้

ส่วน will ตามด้วยกริยาช่องที่ 1 ไม่ผันคือ be ถูกต้อง

และ ought เป็นกริยาที่ต้องมี to ตามด้วยเสมอ เช่น ought to go , ought to be

และ is able ต้องตามด้วย to เสมอ เช่น is able to come, are able to go เป็นต้น

 

4              Catherine _______ see clearly because of her eye problem.

1 can’t

2 mustn’t

3 has to

4 is able to

ตอบ 1 หน้า 234-235 ดูตัวเลือกเป็นเรื่องกริยาช่วย

1 can’t มาจาก cannot ตามด้วยกริยาช่องที่ 1 เสมอ จึงถูกต้อง ที่ตามมา can’t see บ่งบอกถึงความสามารถว่า ไม่สามารถมองเห็นอย่างชัดเจน ส่วน mustn’t แสดง “ต้องไม่” ว่า ต้องไม่เห็น ไม่ได้ใจความที่ถูกต้อง และ has to มีความหมายเหมือน must ว่าต้องเห็น ก็ ไม่ได้ใจความ ส่วน is able to see สามารถมองเห็นก็ไม่ได้ใจความที่ถูกต้อง เพราะโจทย์ แสดงถึง “แคทเทอรีนไม่สามารถมองเห็นอย่างชัดเจนเพราะป็ญหาสายตาของเธอ”

 

5 ______ cancer is an unexpected disease.

1 A

2 An

3 The

4 (Blank)

ตอบ 4     หน้า 73 เป็นเรื่องคำนำหน้าคำนาม โดยดูให้คำนามอะไรมาก่อน สำหรับโจทย์นี้ไห้ cancer (โรคมะเร็ง) เราก็มีเรียนมาว่า ไม่มี article นำหน้าคำนามที่เป็นชื่อโรคที่ ร้ายแรงทั่วไป เช่น

AIDS (โรคเอดส์)   cancer (โรคมะเร็ง)  SARS (โรคไข้หวัดมรณะ) influenza (โรคไข้หวัดใหญ่) allergies (โรคคูมิแพ้) heart disease (โรคหัวใจ) malaria (โรคไข้มาเลเรีย) mumps (โรคคางถูม)

 

6              “A mother’s love is needed for every child.”

Replace the underlined phrase with a suitable pronoun.

1 He

2 She

3 They

4 It

ตอบ 4 หน้า 117-119 ดูตัวเลือกก็รู้ว่าเป็นเรื่องคำสรรพนาม คือ คำที่ใช้แทนคำนาม ดูโจทย์ขีดเต้นใต้คำนาม A mother’s love ว่าจะใช้คำสรรพนามไหนแทนที่ได้ คำนามที่ให้มามีสองตัวคือ A mother และ love ตัวไหนสำคัญกว่า ตัวหน้าหรือตัวหลัง ถ้าเป็นเครื่องหมาย s แสดงความเป็นเจ้าของเวลาแปลเราแปลจากขวามาซ้ายมือเรา ฉะนั้นขวามือสำคัญกว่า (ความรักของแม่) นั่นคือคำว่า ความรัก (love) เราก็ตอบคำสรรพ นามที่ใช้แทนคือ it กับคำนามที่แสดงการ/ความ

 

7              One of Mali’s close friends died of_______SARS.

1 a

2 an

3 the

4 (blank)

ตอบ 4 หน้า 74 ไม่มี article นำหน้าคำนามที่เป็นชื่อเกมส์และกีฬาต่าง ๆ เช่น

baseball               basketball           cricket   football                golf

hockey             ice-skating             soccer   squash              tennis

table tennis      volleyball

 

8              A man who teaches is a/an _______ .

1 teach

2 teaching

3 teacher

4 education

ตอบ 3 หน้า 59 ให้มาที่โจทย์คือ a/an แสดงว่าต้องตอบคำนามใช่ไหม ฉะนั้นคงเหลือคำนามที่ เราเรียนในบทที่ 1 คือ teacher (m) เป็นคำนามที่แสดงอาชีพก็คือ ครู ส่วน education เป็น อาการนามที่ลงท้ายด้วย -ion คือ การ/ความ (การศึกษา) เมื่อดูโจทย์ข้างหน้าจะเห็นคำว่า A man who teacher คนที่สอน แสดงว่าให้ตอบเป็นคน คือ ครูนั่นเอง

 

9              That food _______ enough for all of them.

1 have been

2 were

3 is

4 are

ตอบ 3 หน้า 86-88 ขอตอบแบบเทคนิคเดาง่ายๆก่อน ดูตัวเลือกมีกริยาเอกพจน์ตัวเดียวคือ is นอกนั้นเป็นกริยาพหูพจน์(have been, were, are) จึงตอบ is ง่าย ๆ  หรือดูเหตุผล ถ้าขึ้นต้นด้วย This หรือ That ตามด้วยคำนามเอกพจน์อยู่แล้ว ตอบกริยาเอกพจน์เสมอ

 

10           Jane ______ happy.

1 seems

2 are

3 look

4 appear

ตอบ 1 หน้า 218-219 เดาแบบเหมือนข้อ 9 นะ ดูตัวเลือกเลยว่ากริยา seems (กริยาอาการกระทำเติม s คือกริยาเอกพจน์เช่น comes, starts, sees) เป็นกริยาเอกพจน์มีตัวเดียว จึง ตอบแบบเดาได้เลย ส่วน are, look, appear เป็นกริยาพหูพจน์ เหตุผลดูประธาน Jane ชื่อคนเดียวเป็นเอกพจน์ก็ตอบกริยาเอกพจน์

11 ______ are easily cheated.

1 A child

2 Children

3 This children

4 Child

ตอบ 2 หน้า 41 เราดูจากโจทย์ก่อนว่ากริยาให้มาเป็นแบบไหน คือ are เป็นกริยาพหูพจน์ นั่นแสดง ว่าคำนามที่เราจะตอบเติมนั้นต้องเป็นคำนามพหูพจน์ ในบทที่ 1 เรามีเรียนคำนามเอกพจน์ แสดงให้เป็นคำนามพหูพจน์ บางคำจะมีการเติมปัจจัย “-en” ท้ายคำ หรือบางคำจะต้องเติม ปัจจัย “-r” เช่น ox—► oxen, child —► children เป็นต้น

 

12           My niece’s husband is_______ doctor.

1 a

2 an

3 the

4 (blank)

ตอบ 1 หน้า 59 ใช้ article “a/an” นำหน้าคำนามที่แสดงอาชีพ มักตามหลัง verb to be เช่น a doctor (หมอ), a teacher (ครู), a psychiatrist (จิตแพทย์), an engineer (วิศวกร), a housewife (แม่บ้าน)

 

13           This is a/an _______.

1 European sports black car

2 sports black European car

3 car black European sports

4 black European sports car

ตอบ 4 หน้า 186 – 188 การเรียงคุณศัพท์ที่ทำหน้าที่ขยายคำนามโดยคุณศัพท์(adj.) มีหลายตัว ให้

เรียงตามลำดับดังนี้

adj. บอกสี adj. เชื้อชาติ นามขยาย นามหลัก
black European sports car

 

คำนามหลักอยู่ขวามือเราเสมอ นอกนั้นเรียกว่าส่วนขยายอยู่ซ้ายมือเรา

 

14 _______ are wild animals.

1 Some birds

2 A bird

3 The bird

4 Bird

ตอบ 1 หน้า 333 เดาก่อนได้ค่ะ ดูตัวเลือกมีคำนามพหูพจน์ตัวเดียวคือ some birds ก็ตอบได้เลยนอกนั้นเป็นคำนามเอกพจน์นั้งนัน เราดูจากกริยาให้มาคือ are เป็นกริยาพหูพจน์ แสดงว่าเราก็ต้องตอบคำนามพหูพจน์ค่ะ เรามีหลักว่าคำนามทั่วไปเราเจอบ่อยที่คำนามเอกพจน์ให้เป็นคำนาม พหูพจน์ก็เติม -S เท่านั้น เช่น fans, birds, ants เป็นต้น

 

15           Frank is kind. He likes to give money to ________ .

1 poor

2 a poor

3 poors

4 the poor

ตอบ 4 หน้า 22-23 ใช้“the” นำหน้า adj. เพื่อให้กลายเป็นคำนามสมบูลย์ที่มีความหมาย คม/พวก หรือมีความหมายเป็นการหรือความ เช่น the poor (8นจน), the rich (คนรวย), the old (คนแก่), the young (คนหนุ่มสาว), the sick (คนป่วย), the disabled (คนไร้ ความสามารถ), the brave (ผู้กล้าหาญ), the homeless (คนไร้ที่อยู่), the blind (คนตา บอด), the new (คนรุ่นใหม่), the dark (ความมืด) เป็นต้น

 

16           Do you mind ________ this for me?

1 send

2 to send

3 sending

4 to sending

ตอบ 3 หน้า 276 กลุ่มวลีบางตัว เช่น

Would you mind      >

I don’t mind               >   + Ving ตอบ sending

Do you mind             >

 

17           “The wound was bad, but he didn’t complain.”

This sentence is a ________ sentence.

1 simple

2 compound

3 complex

4 It’s not a sentence.

ตอบ 2     ดูคำอธิบายข้อ 1. เพิ่มเติมได้เลย ว่าเป็นไปตามที่ให้เดาง่าย ๆ ว่าถ้าเห็นเชื่อมด้วย but ตอบได้เลยว่าเป็น compound sentence ประโยคความรวม

 

18           Many students  _______ waiting for you.

1 is

2 am

3 are

4 was

ตอบ 3     เดาก่อนเลยว่าในตัวเลือกมีกริยาพหูพจน์ตัวเดียวก็ตอบ are ได้เลย เหตุผลเพราะประธานMany students เป็นพหูพจน์ก็ตอบกริยาพหูพจน์

 

19           Either my friends or I _______ in the conference.

1 was

2 were

3 are

4 has been

ตอบ 1 หน้า 338 เป็นเรื่องกริยาสอดคล้องกับประธานตัวไหนดูสูตร ประโยคที่มีคำเชื่อมเหล่านี้กริยาจะผันตามประธานที่อยู่ใกล้ที่สุด

Either………ประธาน….or…ประธาน…      >

Neither….ประธาน….nor                         > + กริยาผันตามประธานตัวที่อยู่ใกล้

Not only……but ……..                            >

จากโจทย์กริยาจะผันตามประธานที่อยู่ใกล้ก็คือ I ฉะนั้น I ใช้ได้กับกริยา was ส่วนตัวเลือกอื่นไม่ได้ were, are เป็นพหูพจน์ และ I ใช้กับ have ไม่ใช่ has

 

20           We _____ be careful with electricity.

1 should

2 ought

3 has to

4 am able to

ตอบ 1 หน้า 243-245 ดูจากตัวเลือกเป็นเรื่องกริยาช่วย should + V1 แสดง “ควรจะ” เป็นการแนะนำ อย่างข้อนี้ “เราควรระมัดระวัง……..” ought ก็เหมือน should แต่ว่า ought ต้องมี to ตามเสมอ ไม่มีจึงผิด ประธาน We ต้องใช้กริยา have ฉะนั้นตัวเลือกที่ 3 จึงไม่ถูก ตัวเลือกที่ 4 ก็ผิดเพราะ We ต้องใช้ are ไม่ใช่ am

21           The project seems ________ .

1 interesting

2 interestingly

3 impossibly

4 terribly

ตอบ 1 หน้า 218-219 กริยา linking verb คือกริยาที่ตามด้วยส่วนขยายที่ไม่มีกรรมเช่นตามด้วย คำคุณศัพท์ (adjectives) ดสูตร

appear  feel        keep      remain  stay

be           get         look       seem     taste

become               go           pass       smell     turn

come     grow      prove    sound

1              S + Verb to be/Vlk. + adj.

2              S + Verb ทั่วไป + adv.

เช่น – The pilot remained calm after the accident, (calm เป็นคำคุณศัพท์) สำหรับข้อนี้โจทย์มีกริยา seems เป็น linking verb ตามด้วยคุณศัพท์ interesting (adj.) หรือเดาดูในตัวเลือกจะเห็นว่าตัวเลือก 2-3-4 ล้วนมี ly ซึ่งเป็น adv. เหลือตัวเลือกที่ 1 ไม่มี ly

 

22           “A big storm is dangerous.”

Replace the underlined phrase with a suitable pronoun.

1 They

2 She

3 He

4 It

ตอบ 4     ให้ใช้คำสรรพนามแทนคำนามที่ขีดเส้นใต้ A big storm (พายุลูกใหญ่) เป็นคำนามสิ่งของจึงใช้สรรพนาม it

 

23 _________ United States of America is the full name of America.

1 A

2 An

3 The

4(Blank)

ตอบ 3 หน้า 79 -80 ใช้ article “the” นำหน้าคำนามที่มีคำว่า United, Union, Kingdom ฉะนั้นจึงตอบ the United States, the United Kingdom เป็นต้น

 

24           This diamond ________ valuable.

1 is

2 are

3 were

4 have been

ตอบ 1 เดาได้เลยกริยาเอกพจน์มีตัวเลือกที่ 1 ตัวเดียว เหตุผลเพราะประธาน This diamond เป็น เอกพจน์ กริยาจึงตอบเอกพจน์

 

25           Five bottles of beer______ on the counter.

1 is

2 was

3 are

4 has been

ตอบ 3     เดาก่อนได้เลย ตัวเลือกมีกริยาพหูพจน์คือ are ตัวเดียว ตอบได้เลย เหตุผลเพราะ

คำนาม + of + คำนาม         + กริยาผันตามคำนามหน้า of

Five bottles                          กริยาผันตาม five bottles พหูพจน์จึงตอบ are

 

26           The managers, as well as their secretary, _____ to the meeting.

1 are going

2 is going

3 has to go

4 must to go

ตอบ 1 หน้า 340 ถ้าเจอประโยคที่มีเครื่องหมายคอมม่า (,) คั่น กริยาจะผันตามประธานข้างหน้า ออกสอบสูตรนี้ทุกเทอมดูสูตร

S, not, with, together with, + กริยาผันตาม S ข้างหน้า

no less that, as well as…

ฉะนั้นข้อนี้กริยาผันตามประธาน The managers เป็นประธานพหูพจน์ กริยาก็ตอบ พหูพจน์คือ are going หรือเดาไตัจากตัวเลือก กริยาพหูพจน์มีตัวเดียวคือ are นอกนั้น ตัวเลือก 2 และ 3 เอกพจน์ และตัวเลือก 4 กริยาช่วย must ต้องไม่มี to ตาม

 

27 A number of members in this association ______ going to the meeting.

1 is

2 are

3 was

4 has been

ตอบ 2 หน้า 346 ข้อนี้เดาจากตัวเลือกได้เลยว่ากริยาพหูพจน์มีข้อเดียวคือ are สูตร การใช้ ออกทุกเทอม 1 ข้อ แต่มี 2 แบบข้อสอบออกสลับกันไป

A  number of + นามพหูพจน์            + กริยาพหูพจน์

The number of + นามพหูพจน์         + กริยาเอกพจน์

สำหรับข้อนี้เป็นแบบแรกคือขึ้นด้วย A number of ตอบกริยาพหูพจน์คือ are

 

28           The people in _______ should speak ______ .

1 French; France

2 France; French

3 France; France

4 French; French

ตอบ2      หน้า 5-8 เราดูจากตัวเลือกจะรู้ว่าให้เราตอบไม่ประเทศก็เป็นเชื้อชาติ มีเรียนในบทที่ 1 ออกทุกภาค แต่ต้องเดาเป็น จากโจทย์ให้เราเติมสองช่อง เราก็จะไม่เลือกตอบประเทศสองช่อง หรือเชื้อชาติเหมือนกันสองช่องฉะนั้นตัวเลือก 3-4จึงผิด เรามาดูช่องแรกมี in ตามด้วยคำนามคือประเทศ เช่น in Thailand, in Japan จึงตอบ in France และช่องที่สองใช้ภาษา เพราะมีคำว่า พูด (speak) จึงตอบ French

 

29           Is this ______luggage?

1 mine

2 yours

3 hers

4 your

ตอบ 4 หน้า 117 – 118 บุรุษสรรพนาม (Personal Pronoun)

รูปกรรม (Object) Possessive adjective Possessive Pronoun
Me

you

her

him

them

us

it

 

my

your

her

his             มีคำนามคามหลัง

their

our

its

 

mine

yours

hers

his              ไม่มีคำนามคามหลัง

theirs

ours

its

 

 

–               Those are their books.

–               Those books are theirs.

–               Tom likes them.

จากโจทย์มีคำนาม (luggage) แสดงว่าตอบสรรพนามแสดงเจ้าของในแถวที่ 2 ได้หมดคือ your, my, his , her, their, our  นอกนั้นในตัวเลือก mine, yours, hers อยู่แถวสาม ทั้งนั้นซึ่งจะไม่มีคำนามตามหลัง เดาได้จากตัวเลือกซึ่ง your ต่างจากสามตัวที่กล่าวมา

 

30           Jim ________ to book his plane ticket in advance.

1 have

2 has

3 ought to

4 must

ตอบ 2 หน้า 250-253 เราที่โจทย์ว่ามี to แล้ว จะเบิ้ล to สองครั้งในตัวเลือกที่ 3 จึงผิด และตัวเลือก ที่ 4 must จะไม่มี to ตามเสมอ เราก็คงเหลือตัวเลือกที่ 1 และ 2 ตอบ 2 เพราะประธาน Jim เอกพจน์ ตอบกริยาเอกพจน์คือ has

31           “The meeting is at 10 a.m.

Replace the underlined phrase with a suitable pronoun.

1 He

2 She

3 It

4 They

ตอบ 3     คำสรรพนามที่จะแทนคำนาม The meeting (การประชุม) ในอาการนามที่มีความหมาย การหรือความ และมีรูปเป็นเอกพจน์คือ it

 

32           Jenny is ______ and ______.

1 sweet; beautiful

2 sweetly; beautifully

3 sweet; beautifully

4 sweetly, beautiful

ตอบ 1     ดูคำอธิบายข้อ 21 เพิ่มเติม กริยา is เป็นกริยา linking verb ตามต้วยคุณศัพท์(adj.) จึง ตอบ sweet และ beautiful

 

33 What is ______ longest river in the world?

1 a

2 an

3 the

4 (blank)

ตอบ 3 หน้า 173 -174 ใช้“the” นำหน้าคุณศัพท์เปรียบเทียบขั้นสุด เช่น the best, the longest, the worst, the most เป็นต้น

 

34           You ______ to do that successfully.

1 has

2 are able

3 is able to

4 was

ตอบ 2     เดาได้เลย ดูประธาน You ใช้กับกริยา are นอกนั้นผิดใช้กับ you ไม่ได้

 

35 ________ is a kind of exercise.

1 Walks

2 Walked

3 To walking

4 Walking

ตอบ 4 หน้า 20 เป็นคำนามสมมูลย์ซึ่งเป็นคำนามชนิดหนึ่ง สามารถอยู่ในรูปของวลีหรือกลุ่มคำก็ ได้ทำให้เป็นคำนามโดยใช้รูป เช่น 1 Ving และ 2 To + V1 อย่างข้อนี้ให้ตอบ ขึ้นต้นประโยค Ving เป็นคำนามออกบ่อย ดูให้เป็น ดูตัวอย่างอื่นเพิ่มเติม

–               Swimming is a kind of exercise. (Ving = swimming เป็นคำนาม)

–               To pass ENG 1001 is difficult for me. (To +V1 ก็เป็นคำนามได้)

สำหรับข้อนี้ก็ตอบ Walking (การเดิน) เป็นคำนามชนิดหนึ่ง

 

36           The girls _______ swimming in the swimming pool.

1 is

2 are

3 has been

4 was

ตอบ 2     เดาได้เลย กริยาพหูพจน์มีตัวเลือกเดียวคือ are นอกนั้นเป็นกริยาเอกพจน์ เหตุผลเพราะประธาน the girls เป็นพหูพจน์

 

37           Sam  _______ happy.

1 appear

2 appears

3 are

4 were

ตอบ 2     เดาได้อีกเช่นกัน ก็คือ ประธาน Sam คนเดียวเป็นเอกพจน์ตอบกริยาเอกพจน์คือ appears เป็นลักษณะเหมือนกันกับข้อ 10 ที่อธิบายผ่านมา

 

38 ________ a reservation for a hotel should be done before going.

1 Make

2 To make

3 Makes

4 To making

ตอบ 2     ดูคำอธิบาย1ข้อ 35 เพิ่มเติม คือ ขึ้นต้นเป็นประธานไต้สามารถทำ Ving หรือ To + verb ก็ได้ ตรงกับตัวเลือกที่ 2 คือ To make

 

39           Silver  ______ not as expensive as gold.

1 have been

2 were

3 are

4 is

ตอบ 4     เดาจากตัวเลือกได้เลยว่า is เป็นกริยาเอกพจน์มีตัวเดียว จึงตอบ is เหตุผลเพราะประธาน Silver เป็นนเอกพจน์ จึงตอบกริยาเอกพจน์

 

40           The sky ______ dark.

1 were

2 is

3 are

4 have been

ตอบ 2     ทำนองเดียวกันกับข้อ 39 ที่ผ่านมา ดูตัวเลือก is เป็นกริยาเอกพจน์ตัวเลือกเดียว เหตุผลเพราะประธาน The sky เป็นเอกพจน์ ก็ตอบกริยาเอกพจน์

41           She  ______ to bring her bag with her.

1 ought

2 ought to

3 should

4 have

ตอบ 1 เป็นเรื่องกริยาช่วย ตัวเลือกที่ 1 ought ต้องมี to ตามเสมอ ไปต่อกับโจทย์มี to ก็ถูกต้อง ส่วนตัว เลือกที่ 2 มี to ไปเจอโจทย์มี to อีกซํ้าซ้อนไม่ได้ ตัวเลือก should จะต้องไม่มี to ตาม และ have ก็ไม่ถูกต้องเพาะประธาน she เป็นเอกพจน์ใช้ have ไม่ได้

 

42           She needs to rest because she has _______ influenza.

1 a

2 an

3 the

4 (blank)

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 5 ที่ผ่านมา โรค influenza ไข้หวัดใหญ่ ไม่มี article

 

43           Buy her a _______ .

1 walking-stick

2 walking stick

3 stick walking

4 stick-walking

ตอบ 2     หน้า 24 -25 เป็นคำนามประสม (compound noun) ที่สร้างโดยเป็นกลุ่มคำมารวมกันจะเป็นสองคำหรือเท่าใดก็ได้มาประสมกันระหว่างคำนามกับคำนาม หรือ คำนามกับชนิดคำอื่น มี หลักการทำ เช่น อาจเขียนติดกัน หรือห่างกัน หรือมีเครื่องหมาย hypen  “ – ” เช่น darkroom (ห้องล้างรูป), lighthouse(ประภาคาร), greenhouse (เรือนกระจก), swimming suit (ชุดว่ายนํ้า), walking stick (ไม้เท้าใช้เดิน), washing machine (เครื่องซักผ้า), taxi-driving (การขับแท็กซี่), a two-week visit (การแวะสองสัปดาห์), a ten-page report (รายงานสิบหน้า เป็นต้น

 

44           The former minister  _____ here again.

1 come

2 are able to come

3 have to come

4 will come

ตอบ 4 ถ้ามองประธาน The former minister เป็นเอกพจน์ ฉะนั้นกริยาที่ตอบก็ต้องเป็นเอกพจน์ แต่ตัวเลือก 1-2-3 ล้วนเป็นกริยาพหูพจน์จึงผิดไป ส่วนตัวเลือกที่ 4 ใช้ will + V1 แสดงรูป อนาคตถูกต้องเพราะโจทย์ต้องการบอกว่า จะมาที่นี่อีกครั้ง

 

45 Snow ______ the roof.

1 cover

2 are covering

3 have covered

4 is covering

ตอบ 4     เดาได้เช่นเคยตามเทคนิคเดา ดูตัวเลือก 1-2-3 ล้วนเป็นกริยาพหูพจน์ ส่วนตัวเลือกที่ 4 เป็นกริยาเอกพจน์ข้อเดียวจึงตอบ 4 เหตุผลเพราะประธาน Snow เป็นเอกพจน์

 

46 _______ economy cars expensive?

1 Is

2 Are

3 Was

4 Have been

ตอบ 2     เดาได้เช่นกันดูตัวเลือกกริยา are เป็นกริยาพหูพจน์ที่ถูกต้องเพราะประธาน Economy cars are expensive. ประธาน เป็นพหูพจน์จึงตอบ are ส่วน have been ในรูปประโยคคำยก ทั้งสองตัว คือ have และ been ไว้หน้าประธานก็ไม่ถูกต้องอยู่แล้ว ถ้าทำเป็นคำถามของ have ยกแต่ have ส่วน been กริยาช่องที่ 3 ต้องอยู่หลังประธาน

 

47           Everybody ______ to see you.

1 must to want

2 have to want

3 want

4  wants

ตอบ 4 หน้า 98 คำที่ขึ้นต้นด้วยต่อไปนี้ให้ตอบกริยาเอกพจน์ เสมอ เช่น

Everyone, everybody, everything, every                           >

Someone, somebody, something                                        >  + กริยาเอกพจน์คือ loves

No one, Nobody , Nothing Every, Each, Either, Neither >

เดา กริยาเอกพจน์มีช้อยเดียวคือ wants (อย่าลืมนำ กล่าวไว้ที่ผ่านมาว่ากริยาอาการกระทำ เติม s เป็นกริยาเอกพจน์) ส่วนตัวเลือก 2-3 เป็นพหูพจน์ และ must ต้องไม่มี to ตามเสมอ

 

48           James and Jim_______every day.

1 meet

2 has met

3 is meeting

4 was meeting

ตอบ 1     เดาได้เช่นกัน ตัวเลือกที่ 2-3-4 ล้วนเป็นกริยาเอกพจน์ ส่วน meet เป็นกริยาพหูพจน์ตัวเดียวจึงตอบ 1 เพราะประธาน James and Jim สองคนเป็นพหูพจน์

 

49           That machine ________ a lot of money.

1 cost

2 costs

3 have cost

4 are costing

ตอบ 2     เดาได้เช่นกันว่า ตัวเลือกที่ 1-3-4 ล้วนเป็นกริยาพหูพจน์ ส่วนตัวเลือกที่ 2 costs เป็นกริยาเอกพจน์ตัวเดียว เหตุผลเพราะประธาน That machine เป็นเอกพจน์

 

50           The football fans shouted ______and _______.

1 loudly; cheerfully

2 loudly; cheerful

3 loud; cheerfully

4 loud; cheerful

ตอบ 1 หน้า 302 คำกริยาวิเศษณ์ (Adv.) ทำหน้าที่ขยายคำกริยาทั่วไป คำคุณกัพท์ และคำกริยา วิเศษณ์ สำหรับข้อนี้มีกริยาคือ shouted เป็นกริยาทั่วไป ต้องการคำวิเศษณ์มาขยาย คำกริยาก็คือ loudly และหลัง and ก็คล้อยตามคือตอบ adv. เช่นกัน = cheerfully

1              s + Verbtobe/Vlk + adj.

2              s + Verb ทั่วไป + adv.

51           The baby is smiling  _______.

1 innocent

2 happy

3 angry

4 innocently

ตอบ 4 ดูคำอธิบายเพิ่มเติมข้อ 50 ที่ผ่านมา ว่ากริยา smile (smiling) เป็นกริยาทั่วไป ก็ตอบกริยา วิเศษณ์ (adv.) มาขยาย นั่นคือ innocently หรือเดาดูตัวเลือก 1-2-3 ไม่มีลงท้าย ly ล้วน เป็นคุณศัพท์(adj.) มีตัวเลือก 4 เท่านั้นที่มี -ly เป็น adv.

 

52           She _______ to move her arm now.

1 have

2 must

3 will

4 is able

ตอบ 4     ประธาน she เป็นเอกพจน์ ใช้have ไม่ถูกต้อง และกริยาช่วย must และ will จะไม่มี toตาม ดูที่โจทย์มี to สามารถตอบ is able to + v1 ได้ เพราะ able มี to ตามเสมอ

 

53           Neither of my children ______ to eat meat.

1 must to like

2 have to like

3 like

4 likes

ตอบ 4     ดูคำอธิบาย 47 เพิ่มเติม ประธานที่ขึ้นต้นด้วย Neither หรือ Neither of ตอบกริยาเอกพจนเสมอนั้นคือ likes หรือเดาตัวเลือก 2-3 เป็นพหูพจน์ และ must ต้องไม่มี to ตาม เสมอ

 

54           Pim works ______than any other person.

1 hard

2 harder

3 hardest

4 the hardest

ตอบ 2 หน้า 318 ถ้าเจอคำว่า than ให้ตอบขั้นกว่าได้ทันที ฉะนั้นจึงตอบ harder ลงท้าย -er เป็น ขั้นกว่า ส่วนลงท้าย -est เป็นขั้นสุด

 

55 _______ gloves are dirty.

1 This

2 That

3 Those

4 A

ตอบ 3 เป็นเรื่องคำนำหน้าคำนาม โดยมีหลักดังนี้

This /That            + คำนามเอกพจน์ +  กริยาเอกพจน์

These /Those + คำนามพหูพจน์      + กริยาพหูพจน์

จากประโยคมีคำนามพหูพจน์ นั้นแสดงว่าคำนำหน้าคำนามพหูพจน์ได้คือ Those

 

56           Sue _______ goes to any parties because she doesn’t have time.

1 rare

2 rarely

3 bare

4 frequent

ตอบ 2 เดาก่อน ดูตัวเลือกมีช้อย 2 เท่านั้นที่มี -ly ตอบได้เลย เหตุผลเพราะดูคำอธิบายข้อ 50 เพิ่มเติม ว่ากริยา goes เป็นกริยาทั่วไปต้องการคำกริยาวิเศษณ์ (adv.) มาขยายนั่นคือ rarely ซึ่งสามารถขยายไว้หน้ากริยาหรือหลังกริยาก็ได้

 

57           Tom always ______ busy.

1 be

2 are

3 appears

4 have been

ตอบ 3   เดาได้ ว่ากริยาเอกพจนมีช้อยเดียวคือ appears ส่วนตัวเลือก 3-4 เป็นกริยาพหูพจน์ และ beเป็นกริยายัง ไม่ผันไม่ถูกต้อง เหตุผลเพราะประธาน Tom คนเคียวเป็นเอกพจน์จึงตอบกริยา เอกพจน์

 

58           Don’t forget ______ your book.

1 revise

2 revised

3 to revise

4 to revising

ตอบ 3 หน้า 280 คำกริยาที่ตาม infinite with to คือ to + Verb1 ออกทุกเทอม

aim         endeavor            learn      opt         seek      appear

expect  long      plan       seem     arrange fail

manage prepare tend      attempt               forget   mean

pretend want      choose happen need     prove

wish       decide  hope     neglect                 resolve

กริยา forget ตามด้วย to + V1

 

59           To dress like that  _____ suitable.

1 is

2 are

3 seem

4 look

ตอบ 1     เดาได้อีกแล้ว กริยาเอกพจน์มีช้อยเดียวคือช้อย 1 is นอกนั้นด้วนเป็นกริยาพหูพจน์ ตอบเอกพจน์เพราะประธานที่ขึ้นต้นด้วยTo + verb… หรือ Ving เป็นประธานเอกพจน์เสมอ

 

60           Are you having  _______ headache?

1 a

2 an

3 the

4 (blank)

ตอบ 1 หน้า 60 ใช้ article “a” นำหน้าโรคเจ็บป่วยที่ไม่รุนแรง เช่น a headache (ปวดศีรษะ) a cold (เป็นหวัด)     a cough (ไอ) a stomachache (ปวดท้อง) a rash (เป็นผื่นคัน) a sore throat (เจ็บคอ)

61           Her money _______ spent on drugs.

1 are

2 were

3 was

4 have been

ตอบ 3     เดาได้ ดูตัวเลือกมี was เป็นกริยาเอกพจน์ช้อยเดียว เหตุผลเพราะประธาน Her money เป็นเอกพจน์ ก็ตอบกริยาเอกพจน์

 

62           __________ is called a place where the sun never sets.

1 Norway

2 Norwegian

3  The Norwegian

4 A Norwegian

ตอบ 1     จากโจทย์ ……….. ถูกเรียกว่าเป็นที่ที่พระอาทิตยํไม่เคยตก แสดงว่าประธานที่ให้ตอบนั้นต้องเป็นสถานที่ (place) ไม่ใช่คน นั่นก็คือตอบประเทศ และตัวเลือกประเทศคือ Norway ส่วนตัวเลือก 2-3-4 ด้วนเป็นเชื้อชาติหรือคน

 

63           A _________ is running.

1 men

2 children

3 two boys

4 dog

ตอบ 4 หน้า 57 เป็นเรื่องพจน์ของคำนามในบทที่ 1 เราดูโจทยก่อนได้เลยว่าให้กริยาเอกพจน (is) มา แสดงว่าประธานที่ตอบต้องเป็นคำนามเอกพจน์ ในตัวเลือกที่ 1 men เป็นนามพหูพจน์ มาจาก man ตัวเลือกที่ 2 children เป็นนามพหูพจน์มาจาก child ตัวเลือกที่ 3 ก็เป็นนาม พหูพจน์ ยกเว้นตัวเลือกที่ 4 เป็นคำนามเอกพจน์ช้อยเดียว เดาตอบได้เลย

 

64           “Jane gave a doll to her friend’s daughter?”

The underlined word is a/an ______ verb.

1 transitive

2 double transitive

3 intransitive

4 linking

ตอบ 2 หน้า 215 กริยาบางตัวเป็นกริยาที่มีกรรม 2 ตัวมารับได้ คือกรรมตรง (direct object)และกรรมรอง (indirect object) โดยกรรมตรง มักเป็นสิ่งของ และตามด้วยบุรพบท “to/for” แล้วตาม ด้วยกรรมตรง (คน)

ดูสูตร ให้เรียงตามลำดับ อาจจะออก 1 ข้อ ให้เรียง สามารถเขียนได้ 2 แบบ คือ

S + กริยา + กรรมตรง(สิ่งของ) + to/for + กรรมรอง(คน)

หรือ S + กริยา + กรรมรอง(คน) + กรรมตรง (สิ่งของ)

ประธาน กริยา กรรมตรง(สิ่งของ)

direct Object

to/for กรรมรอง(คน)

indirect Object

Jim sent a box of chocolate to me
Jane gave a doll to her friend’s daughter.

 

กริยา gave มีกรรมมารับสองตัวคือ กรรมตรง a doll (ตุ๊กตา) และกรรมรอง her friend’s daughter

 

65           A_______to Japan is enough.

1 two-week visit

2 visit two-weeks

3 two-weeks visit

4 visit two-week

ตอบ 1     ดูคำอธิบายข้อ 43 เพิ่มเติม เป็นคำนามประสม

 

66           She can’t help ________ in love with her.

1 fell

2 to fall

3 falling

4 to falling

ตอบ 3 หน้า 284 กลุ่มคำยกเว้น can’t help หรือ couldn’t help + Ving

 

67           The Philippines ________ composed of many islands.

1 is

2 are

3 were

4 have been

ตอบ 1     หน้า 79 – 80 ชื่อประเทศที่เป็นหมู่เกาะ ถึงแม้จะมี s ลงท้ายแต่เป็นคำนามเอกพจน์ เช่น The Philippines, the Netherlands, the Bahamas, the United States of America จึงตอบกริยาเอกพจน์ หรือเดาได้ค่ะ กริยาเอกพจน์มีตัวเลือกเดียวคือ is

 

68           Not all those who are in China can speak _______ .

1 Thailand

2 Japan

3 China

4 Chinese

ตอบ 4     เราเดาได้จากตัวเลือกว่า 1-2-3 ล้วนเป็นชื่อประเทศทั้งสิ้น ส่วนตัวเลือกที่ 4 Chinese เป็นเชื้อชาติ และภาษา

 

69           Most children are afraid of ________ .

1 dark

2 to dark

3 a dark

4 the dark

ตอบ 4     คูคำอธิบายข้อ 15 เพิ่มเติม ตอบรูปคำนามด้วยการใช้ the + adj. = the dark (ความมืด)

 

70           He earns his living by _______ mobile phones.

1 sell

2 to sell

3 sold

4 selling

ตอบ 4     หน้า 21-22 เราอาจจะเดาได้อย่างรวดเร็วว่าถ้าให้ตอบหลังบุพบท เช่นหลัง by, to, for, of, from, before, after ให้ตอบ Ving จึงตอบ selling

71 _________ is needed now.

1 Rested

2 Rests

3 Resting

4 To resting

ตอบ 3     ลูคำอธิบายข้อ 35 เพิ่มเติมคือ Ving หรือ To + V1 เป็นคำนามได้จึงตอบ Resting ส่วนตัวเลือก To + ving ไม่ถูก ต้องเป็น To rest จึงจะถูก

 

72           Two loaves of bread  ______ enough.

1 is

2 are

3 was

4 has been

ตอบ 2     ลูคำอธิบายข้อ 25 เพิ่มเติม หรือเดาได้เลยว่ากริยาพหูพจน์มีช้อยเดียวดือ are

 

73           Oil  ______ scarce sometimes.

1 is

2 are

3 were

4 have been

ตอบ 1     เดาได้ว่ากริยาเอกพจน์มีตัวเลือกเดียวดือ is เพราะประธาน Oil เป็นเอกพจน์

 

74           It is Bob and Tom ______ have gone to Indonesia.

1 which

2 who

3 whom

4 where

ตอบ 2     หน้า 401 – 410 ให้เติมประพันธ์สรรพนาม โดยให้สังเกตจากข้างหน้าคำที่ให้เติมช่องว่างว่าเป็นคนหรือสิ่งของหรือสถานที่ เราดูคำนามข้างก่อนว่าเป็นอะไร ถ้าเป็น

คน who + verb (คำกริยา) ในที่นี้คือ is

คน whose + คำนาม + V

คน whom + S + Verb คำว่า S มักเป็นคำสรรพนามเช่น I saw, you met

สิ่งของ which + Verb หรือ which + S + V.

สถานที่ where + S + V. เช่น where I live

เวลา when + S + V the reason why + S + V

ข้อนี้ข้างหน้ามีคำนาม Bob and Tom เป็นคน ใช้ who และตามด้วยคำกริยาคือ have gone จึงตอบ who

 

75           “Tom changed his mind about marrying Mary.”

This is a _______ sentence.

1 simple

2 compound

3 complex

4 It’s not a sentence.

ตอบ 1     ดูคำอธิบาย1ข้อ 1 เพิ่มเติม โจทย์เป็น simple sentence ประโยคใจความเดียวเพราะมีประธานตัวเดียวดือ Tom กริยาตัวเดียว changed และนอกนั้นด้านขวามือเป็นกรรมหรือส่วนขยาย

 

Part II; Vocabulary (คำศัพท์)

76           His _______ is a song writer.

1 citizenship

2 energy

3 profession

4 comment

ถาม         ______ ของเขาเป็นนักแต่งเพลง

ตอบ 3 บทที่ 7หน้า 269-270

1 ความเป็นพลเมือง 2 พลัง  3 อาชีพ   4 คำวิจารณ์

 

77           Did she have an important _________ in the play?

1-role

2 egghead

3 crust

4 graduation

ถาม        เธอมี _____ สำคัญในละครนั้นหรือเปล่า

ตอบ 1 บทที่ 1 หน้า 3

1 บทบาท 2 ปัญญาชน         3 เปลือกนอก         4. การสำเร็จการสืกษา

 

78           You have to work _______ without a break if you want to go home early.

1 fertility

2 continuously

3 comprehensively

4 eternally

ถาม        คุณต้องทำงาน _______ โดยไม่ต้องหยุดพักถ้าคุณต้องการกลับบ้านเร็ว

ตอบ 2     บทที่ 8 หน้า294-295

1 ความอุดมสมบูรณ์ 2 อย่างต่อเนื่อง 3 อย่างเข้าใจ           4 อย่างไม่สิ้นสุด

 

79           Jim is taking a/an _______ job because he wants to earn more money.

1 scary

2 involved

3 tightening

4 part-time

ถาม        จิมกำลังรับงาน ______ เพราะเขาต้องการมีรายได้เพิ่มขึ้น.

ตอบ 4     บทที่ 7 หน้า 265

1 น่ากลัว 2 เกี่ยวข้องพัวพัน 3 หายากมีจำกัด   4. มักคู่กับ job งานนอกเวลา

 

80           He looks ________ because of his polite behavior.

1 situated

2 prestigious

3 astonished

4 maximum

ถาม        เขาดู ______ เพราะพฤติกรรมที่สุภาพของเขา

ตอบ 2     บทที่ 9 หน้า 328

1 ตั้งอยู่   2 เป็นที่เคารพนับถือ มีบารมี 3 ประหลาดใจ 4 มากที่สุด

81           This case needs to have a/an _______ because it is quite difficult.

1 specialist

2 continuance

3 approach

4 extension

ถาม        กรณีนี้ต้องการ _____ เพราะมันค่อนข้างยาก

ตอบ 1     บทที่ 8 หน้า294

1 ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน 2 ความต่อเนื่อง 3 เข้าใกล้          4 การขยาย

 

82           Jim _______ to go to England instead of Italy.

1 opted

2 got used to

3 delivered

4 earned

ถาม จิม ______ ที่จะไปอังกฤษแทนที่จะเป็นอิตาลี

ตอบ 1 บทที่ 7 หน้า268

1 เลือก 2 เคยชิน    3 ส่ง        4 ได้รับ

 

83           Many families lost some of their members in the _______.

1 aspect

2 crust

3 side-effect

4 riot

ถาม        ครอบครัวจำนวนมากสูญเสียสมาชิกบางคนของพวกเขาใน ________ .

ตอบ 4 บทที่ 2 หน้า 56

1 แง่มุม ด้าน          2 เปลือกนอก         3 ผลข้างเคียง        4 การจลาจล

 

84           Ramkhamhaeng University has a/an ________ in Bangna.

1 campus

2 opinion

3 career

4 expression

ถาม        มหาวิทยาลัยรามคำแหงมี _______ อยู่ที่บางนา

ตอบ 1     บทที่ 9 หน้า328

1 วิทยาเขต 2 ความคิดเห็น  3 อาชีพ   4 การแสดงออก

 

85           Do you have Burmese _______ ?

1 descent

2 honestly

3 adolescence

4 gardening

ถาม        คุณมี _______ เป็นชาวพม่าไหม

ตอบ 1     บทที่ 5 หน้า 201

1 ต้นตระถูล สายโลหิต 2 ความซื่อสัตย์               3 วัยหนุ่มสาว 4 การทำสวน

 

86           The businessmen’s  ________ is increasing due to the committee’s slow decision.

1 representation

2 distinction

3 disappearance

4 disappointment

ถาม  ________ ของนักธุรกิจเพึ่มขึ้นเนื่องจากการตัดสินใจที่ล่าช้าของคณะกรรมการ

ตอบ 4 บทที่ 6 หน้า 228-229

1 การแสดงออก     2 ความแตกต่าง 3 การหายไป             4 ความผิดหวัง

 

87           Her fake behavior always ________ us.

1 seeks

2 plagues

3 views

4 folds

ถาม        พฤติกรรมที่เสแสร้งของเธอมักจะทำให้พวกเรา ________

ตอบ 2     บทที่ 1 หน้า 3

1 เสาะหาต้นหา 2 ทำให้หงุคหงิดรำคาญ 2 พิจารณามอง 4 พับม้วน

 

88           He is teaching how to _______ paper into many kinds of animals.

1 fold

2 conclude

3 neglect

4 prevent

ถาม        เขากำลังสอนวิธีการ _______ กระดาษให้เป็นรูปสัตว์หลาย ๆ ชนิด

ตอบ 1     บทที่ 12 หน้า 395

1 พับม้วน 2 สรุป    3 ละเลยเพิกเฉย    4 ป้องกัน

 

89           He really cared for you. Wasn’t that _______ to you?

1 superior

2 meaningful

3 situated

4 ambitious

ถาม        เขาเอาใจใส่คุณจริง ๆ นั่นไม่ ______ สำหรับคุณเหรอ

ตอบ 2     บทที่ 9 หน้า 328

1 เหนือกว่า            2 มีความหมาย      3 ตั้งอยู่   4 ทะเยอทะยาน

 

90           They gave me a/an _______ of time to finish the job.

1 delusion

2 myth

3 continuance

4 extension

ถาม        พวกเขาให้ _______ เวลาที่จะทำงานให้เสร็จกับฉัน

ตอบ 4     บทที่ 10 หน้า 365

1 การพูดเพ้อจ้อ     2 เทพนิยาย 3 ความต่อเนื่อง 4. การขยาย

91           We like that child’s _______ manner; it’s natural.

1 influential

2 maximum

3 inferior

4 unaffected

ถาม        พวกเราชอบกริยาท่าทางที่ _______ ของเด็กคนนัน มันเป็นธรรมชาติ

ตอบ 4 บทที่ 1 หน้า 3

1 มีอิทธิพล 2 มากที่สุด         3 ด้อยกว่า              4 ไม่เสแสร้ง เป็นธรรมชาติ

 

92           Peter’s failure _______ his family’s feelings.

1 rattled

2 affected

3 competed

4 folded

ถาม        ความล้มเหลวของปีเตอร์ ________ ความรู้สึกต่อครอบครัวของเขา

ตอบ 2     บทที่ 11 หน้า 383

1 พูดไม่หยุด 2 ส่งผล มีผลกระทบ 3 แข่งขัน        4 พับม้วน

 

93           They need _______ to dance like that.

1 misconception

2 landscape

3 energy

4 surface

ถาม        พวกเขาต้องการ_____ ที่จะเต้นแบบนั้น

ตอบ 3     บทที่ 12 หน้า 395

1 ความเข้าใจผิด   2 ทิวทัศน์ 3 พลัง ความแข็งแรง            . ผิว

 

94           Police have been trying very hard to _______ the drug problem.

1 fold

2 erupt

3 heave

4 eradicate

ถาม        ตำรวจกำลังพยายามอย่างหนักที่จะ ______ ปัญหายาเสพติด.

ตอบ 4     บทที่ 11 หน้า 380-381

1 พับม้วน               2 ประทุ ระเบิด       3 ยกขึ้น  4 กำจัดให้สิ้นซาก

 

95 Don’t lose ________ in your husband, since he is the only person who understands you.

1 delusion

2 faith

3 excellence

4 hesitation

ถาม        อย่าสูญเสีย _______ ในสามีของคุณเพราะเขาเป็นคนเดียวเท่านั้นที่เข้าใจคุณ

ตอบ 2     บทที่ 3 หน้า 113

1 ความคิดเพ้อเจ้อ 2 ความเลื่อมใส 2 ความยอดเยี่ยม      4 ความลังเล

คำว่า faith ตามด้วย in หมายถึง ความเลื่อมใส ศรัทธา

 

96           Many houses ______ because of the tsunami.

1 collapsed

2 interpreted

3 devised

4 reflected

ถาม        บ้านเรือนหลายหลัง ______ เพราะสึนามิ

ตอบ 1 บทที่ 12 หน้า 395

1 ทรุดยุบ    2 แปลความ ตีความ          3 คิดต้นประดิษฐ์   4 สะท้อนให้เห็น

 

97           Please  ______ the present to him now because I want him to receive it on his birthday.

1 recycle

2 deliver

3 tilt

4 heave

ถาม        กรุณา ______ ของขวัญให้กับเขาเดี๋ยวนี้เพราะฉันต้องการให้เขาได้รับในวันเกิดของเขา

ตอบ 2     บทที่ 7 หน้า 265

1 ผ่านขบวนการนำกลับมาใช้ใหม่ได้  2  ส่ง 3 เอียงตะแคง 4 ยกขึ้น

 

98           Find me a good location for my new business.

1 screen

2 contemporary

3 citizen

4 site

ถาม        ช่วยหาทำเลที่ดีสำหรับธุรกิจใหม่ของฉันให้ฉันหน่อยนะ

ตอบ 4     บทที่ 2 หน้า 55

1 จอภาพ                2 ร่วมสมัย              3 พลเมือง               4 ทำเล ที่ตั้ง

 

99           He gave no comment on anything because he didn’t want to cause any hard feelings.

1 session

2 opinion

3 legend

4 crust

ถาม        เขาไม่ได้ให้คำวิจารณ์ใดๆ เลยเพราะเขาไม่ต้องการทำให้เกิดความรู้สึกที่ไม่สบายใจเกิดขื้น

ตอบ 2     บทที่ 5 หน้า 201-202

1 การประชุม          2 คำวิจารณ์ ความคิดเห็น    3 คำนาน 4 เปลือกนอก

comment = opinion = คำวิจารณ์ ความคิดเห็น

 

100         Most of the small roads were lighted by spotlights.

1 earned

2 illuminated

3 concluded

4 involved

ถาม        ถนนสายเล็กส่วนใหญ่ถูกทำให้ส่องสว่างด้วยไฟสป๊อตไลท์

ตอบ 2     บทที่ 3 หน้า 114

1 ได้รับ    2 ส่องสว่าง            3 สรุป     4 เกี่ยวข้อง พัวพัน

lighted = illuminated = ส่องสว่าง

101         Tom’s superior ability is seen clearly.

1 better

2 compelling

3 chronic

4 maximum

ถาม        ความสามารถที่เหนือกว่าทอมมองเห็นได้อย่างชัดเจน

ตอบ 1     บทที่ 2 หน้า 55

1 เหนือกว่า ดีกว่า  2 เป็นที่น่าเชื่อถือ   3 เรื้อรังเป็นประจำ 4 มากที่สุด

superior = better, higher, excellent = เหนือกว่า ดีกว่า

 

102         Jim exercises every morning by walking briskly.

1 compellingly

2 quickly

3 eternally

4 fertilely

ถาม        จิมออกกำลังกายทุกเข้าด้วยการเดินอย่างเร็วๆ

ตอบ 2     บทที่ 8 หน้า 294

1 อย่างน่าเชื่อถือ  2 อย่างรวดเร็ว        3 อย่างนิรันดร       4 อย่างอุดมสมทุรณ์

briskly = quickly = อย่างรวดเร็ว

 

103         Can we call him an egghead?

1 concept

2 graduation

3 intellectual

4 perspective

ถาม        พวกเราจะเรียกเขาว่าปัญญาชนไหม

ตอบ 3 บทที่ 9 หน้า 329

1 ความคิด             2 การสำเร็จการศึกษา 3 ปัญญาชน 4 ทรรศนะมุมมอง

egghead = intellectual = ปัญญาชน

 

104         Bob enrolled in a new charity association yesterday.

1  eradicated

2 interpreted

3 registered

4 speculated

ถาม        บ๊อบลงทะเบียนในสมาคมการกุศลใหม่แห่งหนึ่งเมื่อวานนี้

ตอบ3      บทที่2หน้า 56

1 กำจัดให้สิ้นซาก 2 แปลความ            3 ลงทะเบียน          4 ไตร่ตรอง

enrolled = registered =  ลงทะเบียน

 

105         Peter needed much courage to do the mission.

1 gardening

2 value

3 bravery

4 independence

ถาม        ปีเตอร์ต้องการความกล้าหาญอย่างมากในการทำภารกิจนั้น

ตอบ 3     บทที่ 6 หน้า 231

1 การทำสวน         2 คุณค่า 3 ความกล้าหาญ  4 อิสรภาพ

courage = bravery = ความกล้าหาญ

 

106         There is no eternal life.

1 perpetual

2 fertile

3 tightening

4 prosperous

ถาม        ไม่มีชีวิตที่นิรันดร

ตอบ 1 บทที่ 12 หนิ’า 395

1 นิรันดร 2 อุดมสมบุรณ์      3 หายาก มีน้อย     4 รุ่งเรืองก้าวหน้า

eternal = perpetual 5 constant = คงที่ ถาวร นิรันดร

 

107         It is impertinent to tell dirty jokes in public.

1 limitless

2 influential

3 costly

4 rude

ถาม        มันไม่สุภาพที่จะเล่าเรื่องลามกในที่สาธารณะ

ตอบ 4 บทที่ 6หน้า 230

1 ไม่มีขีคจำกัด 2 มีอิทธิพล   3 แพง     4 หยาบคาย ไม่สุภาพ

impertinent = rude = ไม่สุภาพ หยาบคาย

 

108         Please give me your opinion.

1 point of view

2 graduation

3 side-effect

4 association

ถาม        กรุณาแสดงความคิดเห็นของคุณที่มีต่อฉัน

ตอบ 1 บทที่ 12 หน้า 396

1 ความคิดเห็น       2 การสำเร็จการศึกษา 3 ผลข้างเคียง  4 สมาคม

opinion = point of view = ความคิดเห็น

 

109         The landscape of this town is so amazing that most of the tourists want to come again.

1 scenery

2 succession

3 hesitation

4 compression

ถาม        ทิวทัศน์ของเมืองนี้เป็นที่ช่างสวยงามมากจนกระทั่งนักท่องเที่ยวต้องการกลับมาอีกครั้ง

ตอบ 1 บทที่ 12 หน้า 396

1 ทิวทัศน์                2 ความต่อเนื่อง     3 การลังเล             4 ความกดดัน

landscape = scenery = ทิวทัศน์

 

110         She shouldn’t wait; just do it at once.

1 continuously

2 up to now

3 so far

4 immediately

ถาม        เธอไม่ควรรอนะ ควรทำมันทันที

ตอบ 4 บทที่ 8 หน้า 295

1 อย่างต่อเนื่อง      2 จนบัดนี้                3 จนบัดนี้                4 ทันทีทันใด

at once = immediately = ทันทีทันใด

111         It is very unusual for her to be this late.

1 overweight

2 responsible

3 impertinent

4 not ordinary

ถาม        มันไม่ธรรมดาอย่างมากสำหรับเธอที่จะมาสายอย่างนี้

1 น้ำหนักมากเกินไป 2 รับผิดชอบ        3 ไม่สุภาพ              4 ไม่ธรรมดา

unusual = not ordinary = ไม่ธรรมดา

 

112         All Thais should co-operate to boost tourism in Thailand.

1 support

2 postpone

3 earn

4 prevent

ถาม        คนไทยทุกคนควรร่วมมือกันเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศไทย

ตอบ 1     บทที่ 8 หนัา 295-296

1 สนับสนุน             2 เลื่อน ผลัดไป      3 ได้รับ    4 ป้องกัน

boost – support, increase = สนับสนุน

 

113         Peter said he had met an ideal wife.

1 compelling

2 perfect

3 meaningful

4 preventive

ถาม        ปีเตอร์กล่าวว่าเขาได้พบภรรยาที่สมบูรณ์แบบแล้ว

ตอบ 2     บทที่ 4 หน้า 168

1 ที่น่าเชื่อถือ          2 สมบูรณ์แบบ       3 มีความหมาย 4 ที่ป้องกัน

ideal – perfect = สมบูรณ์แล้ว

 

114         This paragraph is hard to interpret.

1 construe

2 devise

3 speculate

4 affect

ถาม        ย่อหน้านี้ยากที่ตีความ

ตอบ 1     บทที่ 11 หน้า 382-383

1แปลความ ตีความ 2 คิดค้นประดิษฐ์ 3 ไตร่ตรองครุ่นคิด 4 มีผลต่อ

 

115         The tower is situated in the middle of the river.

1 located

2 respected

3 sophisticated

4 plain

ถาม        หอคอยตั้งอยู่ในกลางแม่นัา

ตอบ 1     บทที่ 4 หน้า 167

1 ตั้งอยู่   2 เป็นที่นิยมชมชอบ 3 สลับซับซ้อน      4 ง่าย

situated = located = ตั้งอยู่

 

116         Where are the tombs of their predecessors?

1 descent

2 citizenship

3 independence

4 ancestors

ถาม        หลุมฝังศพของบรรพบุรุษพวกเขาอยู่ที่ไหน

ตอบ 4 บทที่ 1 หน้า 3

1ต้นตระกูล สายโลหิต 2 ความเป็นพลเมือง 3 อิสรภาพ     4 บรรพบุรุษ

predecessors = ancestors = บรรพบุรุษ

 

117         This child has much curiosity: he wants to know everything.

1 inquisitiveness

2 myth

3 belief

4 abundance

ถาม        เดกคนนิมีความอยากรู้อยากเห็นมาก เขาต้องการรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง

ตอบ 1     บทที่ 5 หน้า200

1 ความอยากรู้อยากเห็น      2 เทพนิยาย 3 ความเชื่อ       4 อุดมสมบูรณ์

curiosity = inquisitiveness = ความอยากรู้อยากเห็น

 

118         Finally, the dog got used to its new owner.

1 paid for

2 made suggestions

3 became familiar with

4 chose between

ถาม        ในที่สุด สุนัขก็ชินกับเจ้าของคนใหม่ของมัน

ตอบ 3 บทที่ 7 หน้า 266

1จ่าย      2 ให้คำแนะนำ 3 คุ้นเคยชิน  4 เลือกระหว่าง

get used to = become familiar with = คุ้นเคย เคยชิน

 

119         Up to now he has been a Chinese teacher.

1 Moreover

2 At once

3 Continuously

4 Till now

ถาม        จนทุกวันนี้เขาก็ยังเป็นครูสอนภาษาจีน

ตอบ 4     บทที่ 5หน้า 199

1 มากไปกว่านั้น 2 ทันที        3 อย่างต่อเนื่อง      4 จนทุกวันนี้ ปัจจุบัน

up to now = till now = จนทุกวันนี้ บัดนี้

 

120         So far the production of new cars is decreasing.

1 Up till now

2 Lately

3 Primarily

4 In comparison with

ถาม        จนกระทั่งทุกวันนี้การผลิตรกยนต์รุ่นใหม่กำลังลดลง

ตอบ 1     บทที่ 8 หน้า 295

1 จนกระทั่งทุกวันนี้ 2 หมู่นี้   3 ส่วนใหญ่             4 เมื่อเปรียบเทียบกับ

ENG1001 ประโยคพื้นฐานและศัพท์ที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน 2/2558

การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2558

ข้อสอบกระบวนวิชา ENG 1001 ประโยคพื้นฐานและศัพท์ที่จำเป็นในชีวิตประจ้าวัน

Choose the correct answer.

Part I: structure (ภาคโครงสร้าง)

1 “Jim sent a box of chocolate to me on Valentine’s Day.” Which is an indirect object?

1 Jim   2. sent            3. a box of chocolate   4. me

คำถาม จากประโยคที่ให้มา ตัวเลือกไหนเป็นกรรมรอง (indirect object)

ตอบ 4 หน้า 215 กริยาบางตัวเป็นกริยาที่มีกรรม 2 ตัวมารับได้คือกรรมตรง (direct object)และกรรมรอง (indirect object) โดยกรรมตรง มักเป็นสิ่งของ และตามด้วยบุรพบท “to/for” แล้วตาม ด้วยกรรมตรง (คน)

ดูสูตร ให้เรียงตามลำดับ อาจจะออก 1 ข้อ ให้เรียง สามารถเขียนได้ 2 แบบ คือ

S+ กริยา + กรรมตรง(สิ่งของ) + to/for + กรรมรอง(คน)

หรือ S + กริยา + กรรมรอง(คน) + กรรมตรง (สิ่งของ)

เช่น – That woman often lends me money.

หรือ – That woman often lends money to me.

 

ประธาน กริยา กรรมตรง(สิ่งของ)

direct Object

to/for กรรมรอง(คน) indirect Object
Jim Sent a box of chocolate to me
Her parents gave a new blouse to her

 

ฉะนั้น กรรมรอง (คน) ก็คือ คำว่า “me”

 

2 Paul_______to work every day.

1.drives          2. is     3. enjoys        4. takes

ตอบ 1 หน้า 209-219 ดูจากตัวเลือกและที่โจทย์ประกอบกัน เราเห็นหลังช่องว่างที่ให้เติมมีคำว่า to เป็นบุพบท แสดงว่ากริยาที่อยู่ข้างหน้าจะเป็นกริยาประเภทไม่มีกรรมมารับ เช่น walk to, drive to, runs at เป็นต้น ส่วนกริยา enjoys, takes เป็นกริยาที่มีกรรมมารับ เช่น

– He always enjoys himself in the garden.

หลังกริยา enjoys มีคำสรรพนามหรือคำนาม himself ถือว่าเป็นกริยามีกรรม ส่วนกริยา is เป็น linking verb ไม่ตามด้วย to

 

3 The teacher showed________the picture.

1 we   2. our   3. US    4. ourselves

ตอบ 3 หน้า 117 – 118 บุรุษสรรพนาม (Personal Pronoun)

 

รูปกรรม (Object) Possessive adjective Possessive Pronoun
me

you

her

him

them

us

it

my

your

her

his            มีคำนามตามหลัง

their

its

 

mine

yours

hers

his     ไม่มีคำนามตามหลัง

theirs

ours

its

 

–           Those are their books.

–           Those books are theirs.

–           Tom likes them.

จากโจทย์ The teacher showed US the picture. เทียบเหมือนคำอธิบายในข้อ 1.

That woman often lends me money.

โดยมี us /me เป็นกรรมรอง (คน) ส่วน the picture/money คือ กรรมตรง (สิ่งของ)

ฉะนั้นจึงตอบรูปกรรมค่ะ ส่วนในตารางรูปเข้าของเช่น our ต้องตามด้วยคำนามที่ไม่มี the มาซ้อน เช่น our picture, my money เป็นต้น

 

4 Don’t _________ your blouse; you will spoil the silk.

1 qualify   2. stretch  3. appear       4. remain

ตอบ 2 หน้า 216 -219 ข้อเลือกที่ 1 กริยา qualify เป็นกริยาไม่มีกรรมมักตามด้วยบุพบท for = qualify for = มีคุณสมบัติ ข้อเลือกที่ 2 ถูกต้องสำหรับกริยาตัวนี้เพราะเป็นกริยาที่เป็นได้ ทั้งมีกรรมและไม่มีกรรมก็ได้ เช่น

–           Don’t stretch your blouse. You will spoil the silk.

(อย่ายืดเสื้อของคุณเพราะคุณจะทำให้ไหมเสีย)

ส่วนกริยา appear, remain เป็นกริยาประเภท linking verb ตามส่วนขยายที่ไม่ใช่กรรม เช่น

–           The pilot remained calm after the accident, (calm เป็นคำคุณศัพท์)

 

5 Although 60, Patty _______ young and active.

1 looks   2. causes   3. are    4. bets

ตอบ 1. หน้า 218-219 กริยา linking verb คือกริยาที่ตามด้วยส่วนขยายที่ไม่มีกรรมเช่นตามด้วย คำคุณศัพท์ (adjectives)

appear            feel      keep   remain            stay

be                   get      look     seem            taste

become          go        pass    smell             turn

come            grow    prove  sound

เช่น – The pilot remained calm after the accident, (calm เป็นคำคุณศัพท์)

– Although 60, Patty looks young and active.

(เป็นคำคุณศัพท์)

 

6 Please send this letter _______ Mary.

1  from  2. to    3. by    4. with

ตอบ 2  คูคำอธิบายในข้อ 1. ที่ผ่านมาว่ากริยาที่มีกรรมสองตัว บุพบทที่คั่นระหว่างกรรมตรงกับกรรม

รองได้ก็คือ to หรือ for เท่านั้น

– Please send this letter  กรรมตรง(สิ่งของ) to  Mary. กรรมรอง(คน)

 

7 The man_______for being late this morning.

1 opened   2. was    3. apologized          4. seemed

ตอบ 3 หน้า 217 กริยาที่ไม่มีกรรมและมีบุพบทตามหลัง เช่น

amount to = เป็นจำนวนทั้งหมด        consist of = ประกอบด้วย

belong to = เป็นของ  sympathize with = เห็นใจ

apologize for = ขอโทษ         qualify for = มีคุณสมบัติ

wait for = รอ  insist on = ขยั้นคะยอ

aspire to  = ต้องการ  lead to = นำไปสู่

listen to = ฟัง rely on = ไว้ใจ

believe in = มีความเชื่อใน

กลุ่มกริยาเหล่านี้ข้อสอบก็เคยออกให้ตอบ amount to ด้วยการตอบ to

 

8 Sompol learned not ______ back to his big sister.

1 talk   2. to talking    3. talking   4. to talk

ตอบ 4 หน้า 280 กริยาต่อไปนี้ตามด้วย to + V1 เช่น

aim                 endeavor       learn  opt        seek           seem

appear            expect            long    plan      arrange        fail

manage          prepare          tend    attempt  forget           mean

pretend           want           choose   happen           need   prove

wish              decide          hope     neglect           resolve

– Prof. Hill neglected to give his wife a birthday present.

 

9  I’ve decided _________ to England next month.

1.go    2. to go           3. going          4. went

ตอบ 2 คูคำอธิบายข้อ 8 ที่ผ่านมา กริยา decide ก็ตามด้วย to +V1 = to go

 

10  Betty chose ________ to Japan.

1  go    2. going    3. to go           4. to going

ตอบ 3  ดูคำอธิบายข้อ 8 ที่ผ่านมากริยา choose ตามด้วย to + V1

 

11  You should let him _______ the meeting.

1  attend    2. to attend   3. attending    4. to attending

ตอบ 1 หน้า 279 กริยาที่ตามด้วยกริยาช่องที่ 1 ไม่มี to ที่มักออกประจำคือ กริยา let หรือ make (made) + กรรม + V1 เช่น

–           His parents let John stay late during weekends.

–           The cashier made me pay in cash.

ฉะนั้นข้อนี้มี let + กรรม + V1 = attend

 

12  The students should keep ________.

1  study   2. to study   3. studying     4. to studying

ตอบ 3 หน้า 274 กริยาเหล่านี้ตามด้วย Ving ได้แก่

avoid  admit  delay  miss    resist   put off

enjoy  dread  carry on postpone    risk      keep

carry   fancy   regret  practice          stop     go on

deny   keep on          finish   recall  suggest          like

– I purposely avoid traveling by boat.

 

13  Lily doesn’t mind ______ for the interview.

1  wait   2.to wait    3.have waited           4.waiting

ตอบ 4 หน้า 276 กลุ่มวลีบางตัว เช่น

Would you mind

I don’t mind          + Ving ตอบ waiting

I have trouble

 

14  Peter avoided _______ Jane.

1  see   2.to see   3. seeing        4. saw

ตอบ 3  ดูคำอธิบายข้อ 12 ที่ผ่านมา คือ กริยา avoid ตามด้วย ving = seeing

 

15  Mango and sticky rice _______delicious.

1  is    2.are     3.were            4.have been

ตอบ 1 หน้า 331 เมื่อประธานที่มีคำนามสองคำเชื่อมด้วย and ให้ดูความหมาย ถ้ามีความหมายเป็นหนึ่งเดียวคือ ของที่แยกกันไม่ได้ จะใช้คำกริยาเป็นเอกพจน์ ในที่นี้ก็คือ

อาหาร + and + อาหาร + กริยาเอกพจน์ จึงตอบ is

หรือดูตัวเลือกมีกริยาเพียงช้อยเดียวคือ is ตอบได้เลย

 

16 All the books ______ on the table.

1 has been 2. was 3. is    4. are

ตอบ 4 หน้า 333 ถ้าขึ้นต้นด้วยเหล่านี้ ตามด้วยคำนามพหูพจน์ กริยาที่ตอบก็เป็นพหูพจน์ด้วย เช่น

All, Both, Few, Many

Some, Several                + คำนามพหูพจน์ + กริยาพหูพจน์

ฉะนั้นคำนาม the books เป็นพหูพจน์ ก็ตอบกริยาพหูพจน์คือ are เดาได้อีกเช่นกัน มีกริยาพหูพจน์ช้อยเดียว จึงตอบ are

 

17 A number of Korean dram series ______ interesting.

1 is 2. are 3. has been   4. was

ตอบ 2 หน้า 346 ข้อนี้เดาจากตัวเลือกได้เลยว่ากริยาพหูพจน์มีข้อเดียวคือ are

ออกทุกเทอม 1 ข้อ แต่มี 2 แบบข้อสอบออกสลับกันไป

A number of + นามพหูพจน์  + กริยาพหูพจน์

The number of + นามพหูพจน์ + กริยาเอกพจน์

สำหรับข้อนี้เป็นแบบแรกคือขึ้นด้วย A number of ตอบกริยาพหูพจน์คือ are

 

18 The movie star and singer ________ my son.

1 is     2. are    3. were           4. have been

ตอบ 1 หน้า 331 – 332 ประธานที่เชื่อมด้วย “and” มี 4 แบบ ให้สังเกตว่าให้อะไรมาตอบกริยา เอกพจน์หรือพหูพจน์

(1)       S + and + S + กริยาพหูพจน์

(2)       อาหาร + and+ อาหาร + กริยาเอกพจน์

(3)       The/A +คำนาม + and +a + คำนาม + กริยาพหูพจน์

(4)       The/ A + คำนาม + and + คำนาม + กริยาเอกพจน์

 

  1. Jim and John play basketball every evening. (2 คน เป็นพหูพจน์)
  2. Rice and curry is usually our breakfast. (อาหารกินคู่กันเป็นเอกพจน์)
  3. A black and a white cat enjoy playing together. (A 2 ตัวก็ 2 สี่งเปีนพหูพจน์)
  4. A black and white cat sleeps soundly. (A ตัวเดียวคือ แมวตัวเดียวสีขาวดำ)

ข้อนี้เป็นเหมือนกรณีเลข 4 คือ มี The หน้าประโยคตัวเดียวคือคนเดียวตอบกริยา is หรือเดาก็ได้ง่ายกว่าเยอะเลยคือกริยาเอกพจน์มีช้อยเดียว จึงตอบ is

 

19 Neither the girls nor Penny ______ hard.

1.works          2. work           3. have worked         4. are working

ตอบ 1

เป็นเรื่องกริยาสอดคล้องกับประธานตัวไหน ประโยคที่มีคำเชื่อมเหล่านี้กริยาจะผันตามประธานที่อยู่ใกล้ที่สูด

Either  ประธาน….or

Neither….ประธาน….nor        +  กริยาผันตามประธานตัวที่อยู่ใกล้

Not only……but……..

จากประโยคกริยาผันตามประธานที่อยู่ใกล้ นั่นคือกริยาผันตาม Penny นามเอกพจน์จึงตอบ กริยาเอกพจน์คือ works หรือเดาได้เลยเอกพจน์มีช้อยเดียว

หมายเหตุ ถ้าเป็นกริยาอาการกระทำ กริยาเอกพจน์จะมี s,es ลงท้าย เช่น works, enjoys

 

20 Either Dan or his parents _______ been to England.

1.has     2. have        3. is     4. are

ตอบ 2  ดูคำอธิบายข้อ 19 ที่ผ่านมา สูตร Either……or……. กริยาผันตามคำนามที่อยู่ใกล้ก็คือ his

parents นามพหูพจน์ตอบกริยาพหูพจน์คือ have หรือเดากริยาพหูพจน์มีช้อยเดียวคือ have

 

21 Several books _______ being displayed on the shelves.

1.be    2.is      3.am   4.are

ตอบ 4 ประธาน Several books ประธานพหูพจน์ ตอบกริยาพหูพจน์คือ are

 

22 Compared to others, Pim walks _______ .

1 the slowly       2. slow        3. more slowly          4.the most slowly

ตอบ 3 หน้า 318 กริยา walk เป็นกริยาทั่วไป ต้องการส่วนขยายคือคำวิเศษณ์ (adverb) slowly  แล้วสามารถใส่ more เข้าข้างหน้าแสดง มากขึ้น ส่วนตัวเลือกที่ 1 ใช้ the มาคั่นไม่ ถูกต้องเพราะ the ต้องตามด้วยคำนาม ส่วนตัวเลือกที่ 4 ก็เช่นกันมี the most ไม่ได้เพราะ ประโยคหน้ามีคำว่าเปรียบเทียบ

 

23  The phone rang _______ while I was watching TV.

1  loudly     2.louder      3.loudest        4.loud

ตอบ 1 หน้า 302 คำกริยาวิเศษณ์ (Adv.) ทำหน้าที่ขยายคำกริยาทั่วไป คำคุณศัพท์ และคำกริยา วิเศษณ์ สำหรับข้อนี้มีกริยา rang (ring) เป็นกริยาทั่วไป ต้องการคำวิเศษณ์มาขยาย คำกริยาก็คือ loudly

  1. S + Verbtobe/Vlk + adj.
  2. S + Verb ทั่วไป + adv.

– Peter speaks nicely, (nicely เป็น adv. ทำหน้าที่ขยายกริยา speak)

24. I worked _______.

  1. at home last night hard
  2. hard at home last night. 
  3. last night hard at home
  4. hard last night at home

ตอบ 2 หน้า 315 ตําแหน่งการวางคํากริยาวิเศษณ์ (adv.) ที่มาขยายคํากริยาสําหรับข้อนี้คือขยาย กริยา worked ดูสูตร

 

25.I adore her _____.

  1. enormous 
  2. vividly 
  3. remarkably 
  4. strangely 

ตอบ 3 หน้า 311 -3 12 คํากริยาวิเศษณ์ที่แสดงดีกรีของความมากน้อยของกริยา คําถามที่เกี่ยวกับคํากริยาวิเศษณ์ประเภทนี้คือ How much ตัวอย่างกริยาวิเศษณ์ดีกรีเรียงจากมากไปยังดีกรี ของความน้อย เช่น remarkably, enormously, intensely, severely, very much, a lot, considerably, rather, quite, a bit a little, slightly เป็นต้น สําหรับข้อนี้ ตอบ remarkably (อย่างน่าทึ่ง, อย่างพิเศษ) “ฉันเทิดทูนเธออย่างพิเศษ”

26.“William went out to the gym this morning.”

The underlined phrase is an adverb of _____.

  1. manner 
  2. place . 
  3. frequency 
  4. time 

ตอบ 2 หน้า 308 309 สถานวิเศษณ์ (Adverb of Place) คือ adv. ซึ่งเป็นคําหรือกลุ่มคําที่บ่งบอกสถานที่ ถ้าเป็นคําถามว่า ที่ไหนใช้ Where เช่น upstairs, downstairs, here, there, outside, inside, in Thailand, to the gym (ที่โรงยิม)

27.In order to avoid an accident, we should drive _____.

  1. the most careful 
  2. more careful 
  3. careful 
  4. carefully

 ตอบ 4 ดูคําอธิบายในข้อ 23. ที่ผ่านมาว่ากริยา drive เป็นกริยาทั่วไป จะมีคําวิเศษณ์ (adv.) เท่านั้นที่ทําหน้าที่ขยายกริยาทั่วไปได้ก็คือ carefully และจะใช้คั่นสุดไม่ได้ โจทย์ไม่ได้เปรียบเทียบ

ใช้คําวิเศษณ์ธรรมดา 

 

28 I will have an examination tomorrow, ______I can’t go out. 

  1. or 
  2. and

3. but

  1. So 

ตอบ 4 หน้า 384 – 386 เป็นการเติมคําเชื่อมความในประโยครวม (compound sentence)

มี 7 ตัว ดังนี้ and, but, or, nor, yet, for, so มีให้ตอบบ่อยทุกเทอมเหมือนกัน and – และ ใช้แสดงบอกข้อมูลเพิ่มเติม but, yet = แต่ แสดงความขัดแย้ง or = หรือ มิฉะนั้น แสดงการเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง for = เพราะ (เหมือน because ) แสดงเหตุ so = ดังนั้น (เหมือน therefore) แสดงผลหรือสรุปความ nor = และไม่ แสดงการปฏิเสธคล้อยตามข้างหน้าว่า ไม่

จากประโยค “ฉันมีสอบพรู่งนี้ ดังนั้น ฉันออกไปข้างนอกไม่ได้”

 

29 Jack wants to marry Mali, _______ he loves her very much.

1 otherwise

2. for

3.or

4. but

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 28. ที่ผ่านมา คำเชื่อมที่ได้ใจความคือ for มีความหมายเหมือน because หมายถึง เพราะ“แจ๊คต้องการแต่งงานกับมะลิ เพราะเขารักเธอมาก”

 

30.Robert likes tennis, _______ Mary enjoys watching golf.

1 and 2.         for        3.         but       4.         nor

ตอบ 3  ดูคำอธิบายข้อ 28. ที่ผ่านมา คำเชื่อมที่ได้ใจความคือ but หมายถึง แต่ แสดงความขัดแย้ง“โรเบิร์ตชอบเทนนิส แต่ แม่รี่’ชอบดูการแข่งขันกอล์ฟ”

 

31 She studied very hard, _______ she passed the examination.

1 but      2.yet       3. or         4.so

ตอบ 4  ดูคำอธิบายข้อ 28.ที่ผ่านมา

“เธอขยันเรียนมาก ดังนั้น เธอจึงสอบผ่าน”

 

32 Suree doesn’t like durians, _______ does she like jackfruits.

1  for      2. nor      3.but       4.and

ตอบ 2  ดูคำอธิบายข้อ 28. ที่ผ่านมา คำเชื่อม nor หมายถึง และไม่ แสดงการปฏิเสธทั้งประโยคส่วนหน้าและส่วนหลัง สังเกตถ้าจะตอบคำเชื่อม nor ประโยคส่วนหน้าจะมีปฏิเสธก่อน (not) หลังคำเชื่อมจะยกคำกริยาช่วยไว้หน้าประธานคล้ายประโยคคำถามเสมอ “สุรีไม่ชอบทุเรียน และเธอก็ไม่ชอบขนุนด้วย”

 

33 She covers her face with a mask, ______ she has a cold.

1  or     2. for        3.but       4. yet

ตอบ 2  ดูคำอธิบายข้อ 28.ที่ผ่านมา

“เธอปกปิดหน้าด้วยหน้ากากอนามัย เพราะเธอเป็นหวัด

 

34 Those want to join the party must register in advance.

1 who   2. whom    3. whose    4.(blank)

ตอบ 1 หน้า 401 -410 ให้เติมประพันธ์สรรพนาม โดยให้สังเกตจากข้างหน้าคำที่ให้เติมช่องว่าง ว่าเป็นคนหรือสิ่งของหรือสถานที่ เราดูคำนามข้างหน้าก่อนว่าเป็นอะไร ถ้าเป็น

คน who + verb (คำกริยา) ในที่นี้คือ is

คน whose + คำนาม + V

คน whom + S + Verb คำว่า S มักเป็นคำสรรพนามเช่น I saw, you met

สิ่งของ which + Verb หรือ which + S + V.

สถานที่ where + S + V. เช่น where I live

เวลา when + S + V

the reason why + S + V

คำว่า those (เหล่านั้น) และกริยา want (ต้องการ) แสดงว่า those ต้องมีชีวิตเพราะแสดง อาการต้องการได้จึงเป็นคน และ want เป็นคำกริยา จึงตอบ who

 

35        Pranee,______ cannot speak English, married an English gentleman.

1 whom          2. who      3. whose  4. which

ตอบ 2  ดูคำอธิบายในข้อ 34 ที่ผ่านมา ดูข้างหน้าที่ให้เติมคือคำนาม Pranee เป็นคน และ cannot

speak เป็นคำกริยา ก็ตอบ who

 

36        The little boy _____ you talked to is my son.

1 who             2. which         3. whose        4. whom

ตอบ 4  ดูคำอธิบายข้อ 34 ที่ผ่านมา the little boy เป็นคน และ you เป็นคำสรรพนาม จึงตอบ

whom

 

37        The lady ________ is walking by used to work for me.

1 who     2. whom    3.whose         4.which

ตอบ 1  ดูคำอธิบายในข้อ 34 ที่ผ่านมา The lady เป็นคน และ is walking เป็นคำกริยา จึงตอบ

Who

 

38        The homeless man  ______ you met was actually a millionaire.

1 who   2.whose       3.whom          4.when

ตอบ 3  ดูคำอธิบายในข้อ 34 ที่ผ่านมา the homeless man เป็นคน และมี you met โดย you

เป็นคำสรรพนาม จึงตอบ whom

 

39        I had dinner with a woman _______ husband is a lawyer.

1 who   2. whom       3.which          4.whose

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 34 ที่ผ่านมา มี a woman เป็นคน และมี husband เป็นคำนาม แสดงว่าตอบ whose เพราะตามด้วยคำนาม แสดงความเป็นเจ้าของว่า whose husband สามีของผู้หญิง

 

  1. Those green shoes, ______ my sister bought me, are ugly!

1 which          2. where      3.  when  4.  who

ตอบ 1  ดูคำอธิบายข้อ 34 ที่ผ่านมา คำนาม those green shoes (รองเท้าสีเขียว) เป็นสิ่งของจึงตอบ

which

 

41        Which sentence is correct?

1 Bill kicked the ball.

  1. The picnic not will be on Sunday.

3.James sent his girlfriend to a red rose.

4.They consider he a professional singer,

คำถาม ประโยคไหนถูกต้อง

ตอบ 1  แบบนี้ออกสอบทุกเทอม ให้ดูกริยาเป็นหลักว่าให้กริยามาถูกต้องไหม ถ้าเป็นประโยคใจความเดียวมีประธาน ตามด้วยกริยา เช่น is, are, หรือกริยาหลักอาการกระทำทั่วไป แต่จะ เป็น ing เลยไม่ได้ ถ้าเป็น is talking ถูกหลัง และกริยาที่ถูกกระทำต้องเป็น verb to be + V3 เช่น was killed (ถูกฆ่า) ในกรณีถ้าเป็นประโยคคำสั่งหรือขอต้องจะขึ้นต้นประโยคไม่ต้องมีคำนาม ขึ้นต้นเป็นกริยาช่องที่ 1 ได้เลย เช่น Open the door, please. จะถูกหลัก

1          ถูกต้องเพราะประธานคือ Bill กริยา คือ kicked

  1. ผิด ตรง not ต้องแก้เป็น The picnic will not be
  2. ผิดตรงสลับกรรมตรงกรรมรองดูข้อ 1. ได้เลย ต้องแก้เป็น

James sent a red rose to his girlfriend.

กรรมตรง                กรรมรอง

  1. ผิด กริยา consider เป็นกริยาที่ต้องการกรรม ต้องแก้เป็น

They consider themselves professional singers.

 

42        Which is a complete sentence?

1   Open the door.         2.Please come back again.

  1. Don’t use your phone here.   4          All are correct

ตอบ 4  ถูกทุกประโยค

  1. ประโยคสามารถขึ้นต้นด้วยกริยาช่องที่1เป็นคำสั่งขอร้อง
  2. ถูกต้องเป็นการขอร้องขึ้นด้วย Please ก็ได้แล้วตามด้วยกริยาช่องที่ 1
  3. หรือเป็นการสั่งห้าม ก็สามารถขึ้นต้นประโยคต้วย Don’t (อย่า)

 

43        Which is a complete sentence?

1   Because Mary is beautiful.    2 When Chris was 18 years old.

  1. He is old, but he is very active. 4.         Nobody care here.

ตอบ 3  ที่ผ่านมาในข้อ 41-42 เป็นประโยคใจความเดียว ให้สังเกตจากตัวเลือกในช้อย 1. และ 2. มี

คำเชื่อม because และ When แสดงว่าไม่ได้เป็นประโยคใจความเดียว เป็นประโยคความซ้อน จะต้องมีสองตอนก็คือประธานกริยาจะต้องมีมากกว่าหนึ่งตัว เหมือนเราพูดในช้อย 2. ว่าเมื่อคริสอายุ 18 ปีจบแค่นี้ก็ไม่ได้ใจความสมบูรณ์ ก็ต้องมีพูดต่อเช่นเขาเรียนได้ที่หนึ่ง ในห้องเสมอ ยังงี้ต่ออีกท่อนจึงจะถูก ฉะนั้นช้อย 1. และ 2. จึงผิด ส่วนช้อย 3. ถูกต้อง มีคำเชื่อมสองประโยคเรียบร้อยว่า “เขาอายุมาก แต่เขายังกระฉับกระเฉง” ส่วนช้อย 4. ผิดตรง ไม่มีกริยาหลัก ต้องแก้เป็นว่า Nobody is care here.

 

44        Which is a complete sentence?

1 Whom I love.         2.Why she goes to school?

  1. Bob, a teacher. 4.Brian went to visit his parents

ตอบ 4 ช้อย 1. และ 2. ผิด จากที่มีคำเชื่อมหรือคำประพันธ์สรรพนามบ่งบอกถึงต้องเป็นประโยค

ใจความซ้อน คือมี whom, why แสดงว่าต้องมีประธานและกริยามากกว่าหนึ๋งตัว ช้อย 3. ผิดตรงไม่มีกริยา ต้องแก้เป็น Bob is a teacher. ส่วนช้อย 4. ถูกต้องมีประธาน Brian และกริยาเสร็จ

 

45        Which is a complete sentence?

1 Turned red his face.         2.         The woman cleaning the floor.

  1. Donna packed a suitcase for me. 4. Working on weekends very busy.

ตอบ 3

1 ผิด ถ้ายกกริยาขึ้นต้นประโยคต้องเป็นกริยาช่องที่ 1 ต้องแก้เป็น เช่น Turn แต่สำหรับช้อยนี้

คือตกประธาน ต้องแก้เป็น His face turned red. (ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง)

2.ผิด ตรงกริยา ต้องแก้เป็น The woman is cleaning the floor.

3.ถูกต้องมีประธาน Donna และกริยา packed

4.ผิดต้องแก้เป็น Working on weekends is very busy.

 

46        Which is a complete sentence?

1 Children in the US and Canada. 2. Each child has his own bedroom.

  1. A degree essential for everybody. 4 Basically aren’t interested in learning.

ตอบ 2

  1. ผิดต้องไม่มีกริยา ต้องแก้เป็น Children are in the US and Canada.

2.ถูกต้องมีประธาน Each child และกริยา has

3.ผิดตรงไม่มีกริยา ต้องแก้เป็น A degree is essential for everybody.

4.ผิดตรงขาดประธาน ต้องแก้เป็น Basically children aren’t interested in learning.

 

47        Everybody ________ his/her life.

1 love

2 Loves

3. have loved

4. loved

ตอบ 2 หน้า 98 คำที่ขึ้นต้นด้วยต่อไปนี้ใน้ตอบกริยาเอกพจน์ เสมอ เช่น

Everyone, everybody, everything, every       >

Someone, somebody, something                   >   + กริยาเอกพจน์คือ loves

No one, Nobody , Nothing                              >

Every, Each, Either, Neither                           >

เดา กริยาเอกพจน์มีช้อยเดียวคือ loves ส่วนรูปอดีต loved มักไม่นิยมตอบในเล่ม1001 นี้ เพราะการเรียน Tenses บอกกาลเวลาจะออกในเล่มสอง 1002

 

48        Is that motorcycle _______ ?

1 your   2. her            3. My              4. theirs

ตอบ 4  ดูคำอธิบายในข้อ 3. ที่ผ่านมา คำสรรพนามที่แสดงความเป็นเจ้าของมี 2 แบบ เช่น your,

yours และ my, mine โดยให้ดูในประโยคที่ให้มาว่ามีคำนามให้มาด้านขวามือหรือไม่ ถ้ามีคำนามอยู่ขวามือเราให้ตอบแถวแรก (Possessive Adjective) แต่ถ้าไม่มีคำนามอยู่ ขวามือให้ตอบแถวที่สอง (Possessive Pronoun) ดูตาราง

Possessive adjective Possessive Pronoun
my

your

her

his                >           มีคำนามตามหลัง

their

our

its

 

mine

yours

hers

his             >           ไม่มีคำนามตามหลัง

theirs

ours

its

 

–           Those are their books.

–           Those books are theirs.

สำหรับข้อนี้ไม่มีคำนามอยู่หลัง จึงตอบแบบที่อยู่แถวที่สองคือ theirs

หรือเดาจากตัวเลือกว่าหลงฝูงมีข้อเดียวคือ มี s ลงท้ายคือ theirs

 

49        That book is ______ .

1 her   2. their            3. your            4. yours

ตอบ 4  ดูคำอธิบายในข้อ 48 ที่ผ่านมา

เดาได้เลยว่าหลงฝูงมีข้อเดียวที่ตอบในตารางแถวที่สองคือ yours

 

50        “Richard” is one of my former students.

The underlined word can be replaced by .

1 Who      2.He          3.They            4.It

ตอบ 2 หน้า 117-119 คำสรรพนามที่จะใช้แทนคำที่ขีดเท้นใต้Richard เป็นชื่อคนเพศชาย ฉะนั้น

คำสรรพนามที่แทนคำนามเพศชายคือ he

 

51        This belongs to_______ .

1 him     2.his            3.ours     4.they

ตอบ 1  ดูคำอธิบายข้อ 3 ที่ผ่านมาตามหลังบุพบทเป็นรูปกรรมคือ จึงตอบ him

 

52        Have you talked to _______ yet?

1 I        2.hers      3.our          4.them

ตอบ 4  ดูคำอธิบายข้อ 3 ที่ผ่านมา คำที่ตามหลังกริยาหรือบุพบทได้คือรูปกรรม จึงตอบ them

 

53        What kind of _______ food do you like?

1 (blank)         2.the               3.a       4.any

ตอบ 1 หน้า 73 ไม่มี article นำหน้าคำนามที่ตามหลังสำนวนได้แก่ kind of, sort of, type of, style of เป็นต้น ฉะนั้นจึงเป็น kind of food ตอบไม่ต้องใส่

 

54        Do you like to play _______ ?

1 a tennis       2. football       3. the basketball    4. All are incorrect.

ตอบ 2 หน้า 74 ไม่มี article นำหน้าคำนามที่เป็นชื่อเกมส์และกีฬาต่าง ๆ เช่น baseball, cricket, golf, squash, basketball, football, hockey, soccer, tennis, volleyball, scrabble (เกมส์ต่อคำภาษาอังกฤษ)

 

55        Which sentence uses correct articles?

1 Bangkok is a capital of Thailand.           2. I am the therapist.

  1. The children are playing football. 4. Mary has got an influenza.

คำถาม ประโยคไหนที่ใช้ article ได้ถูกด้อง

ตอบ 3

1 ต้องแก้เป็น Bangkok is the capital of Thailand. คำว่า capital ใช้ ‘the’

2 ต้องแก้เป็น I am a therapist. ใช้ “a’’นำหน้าอาชีพ therapist เดาลงท้าย – ist เป็นอาชีพ

3 ถูกต้องเกมส์กีพา ดูคำอธิบายข้อ 54 ที่ผ่านมา football ไม่มี article

4 ต้องแก้เป็น Mary has got influenza. ไข้หว้ดใหญ่ โรคทั่วไปไม่มี article นำหน้า

 

56 She gave me ______ idea to use in my work.

1 the     2. a      3. an            4. many

ตอบ 3 หน้า 57 ใช้ article “an” นำหน้าคำนามนับได้ที่ขึ้นต้นด้วยเสียงสระ (a, e, i, o, u)

เช่น an ant, an idea, an elephant, an egg เป็นต้น

 

57        The presents will be sent _______ express mail.

1 with  2.by    3.to      4.on

ตอบ 2  หน้า 70 – 71 ไม่ใช้ article นำหน้าคำนามในสำนวนที่มีโครงสร้าง บุรพบท + คำนาม เช่น by

mail, by express mail (ทางไปรษณีย์ด่วน), by parcel (ทางพัสดุ), in prison (เข้าคุก) by train (โดยรถไฟ)  by taxi, by plane, by subway (โดยรถไฟใต้ดิน) to church (เข้าโบสถ์), to bed (เข้านอน), to hospital (เข้าโรงพยาบาล), on foot (เดินไป) at home (อยู่บ้าน) เป็นต้น

 

58        For me, playing ________ Scrabble is difficult.

1a        2.an    3.the   4.(blank)

ตอบ 4  ดูคำอธิบายข้อ 54 ที่ผ่านมา

 

59        They are acquainted _______ Dr. Taylor.

1 to      2 with    3.of   4.at

ตอบ 2 หน้า 181 ใช้  adjective + บุพบท with เพื่อแสดงความรู้สึก เช่น

acquainted with (คุ้นเคย)      delighted with (ยินดี)   pleased with (พอใจ)

angry with (โกรธ)     familiar with (คุ้นเคย)   satisfied with (พอใจ)

bored with (เบื่อ)        happy with (มีความสุข) upset with (หงุดหงิด)

 

60        Gregg wishes to have a _____ wife.

1 Japan          2. Thailand    3. Peruvian    4. Canada

ตอบ 3 หน้า 5-8 คำนามเฉพาะที่เป็นชื่อประเทศ สามารถเป็นคำคุณศัพท์หรือคำนามที่

หมายถึง “ประชากรหรือภาษา” ได้ด้วยการเติมปัจจัยท้ายคำ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง รูปคำ เช่น

China > Chinese, Brazil > Brazilian, Germany > German, Holland > Dutch, Vietnam > Vietnamese

สำหรับข้อนี้เดาได้เลยว่าหลงฝูงมีอยู่ช้อยเดียวคือ Peruvian เป็นเชื้อชาติ นอกนั้นเป็นชื่อ ประเทศ ตอบเชื้อชาติ จาก Peru เป็น Peruvian เพราะทำให้เป็นคำคุณศัพท์วางไว้หน้าคำนาม

 

61        My grandparents have______ children.

1 second        2. five    3. fourth      4. once

ตอบ 2 หน้า 190 จากช้อย 1 และ 3. เป็นเลขอันดับที่เช่น first, second, third, fourth ไม่ถูกต้อง เราต้องตอบคำคุณศัพท์ที่เป็นจำนวนเลขนับธรรมดาเพราะประโยคต้องการว่า “ปู่ย่าตายายมีลูก ๆ ห้าคน” ก็คือ five

 

62        Frank felt ______ after working hard.

1 exhausted       2. exhaustedly     3. cheerfully 4. happily

ตอบ 1 หน้า 168 – 169 คำคุณศัพท์ตามหลังกริยา verb to be หรือ linking verb ซึ่งได้แก่กริยา feel (felt), look, seem, appear, become, get, turn, smell, taste, stay, remain, become เป็นต้น นั่นคือตอบ adj. แลัวดูตัวเลือกมีช้อย 2,3,4 มีลงท้าย -ly เป็น adv. แสดงว่าตอบ exhausted เป็น adj.

 

63 Henry is the

1 only son

2 son only

3 only-son

4 son-only

ตอบ 1 หน้า 170 คําคุณศัพท์ ต่อไปนี้วางไว้หน้าคํานามเท่านั้น

chief    inner   indoor   outdoor   upper    utter

mere   main     only     former     elder

ฉะนั้น only วางไว้หน้า son ว่า เป็นลูกชายคนเดียวเท่านั้นในครอบครัวของพวกเขา

 

64        Angela is _______ than any other girl.

1 active   2. most active   3. more active    4. more and most active

ตอบ 3 หน้า 173 -174 ก็ไม่ยากเหมือนกัน ออกบ่อย เราเห็นคำว่า than ต้องตอบขั้นกว่าเท่านั้น แล้วมาดูคุณศัพท์ active ทำเป็นขั้นกว่าใส่ more ข้างหน้าเท่านั้น ช้อยที่ 4 ใส่ทั้ง more และ most ไม่ได้

 

65 ______ for an exam is not recommended.

1 Study           2.Learn           3.Cramming    4.Read

ตอบ 3 หน้า 20 เป็นคำนามสมบูลย์ซึ่งเป็นคำนามชนิดหนึ่ง สามารถอยู่ในรูปของวลีหรือกลุ่มคำก็ได้ทำให้เป็นคำนามโดยใช้รูป เช่น1. Ving และ 2. To + V1 อย่างข้อนี้ให้ตอบ ขึ้นต้นประโยค Ving เป็นคำนาม ออกบ่อย ดูให้เป็น ดูตัวอย่างอื่นเพิ่มเติม

Swimming is a kind of exercise. (Ving = swimming เป็นคำนาม)

To pass ENG 1001 is difficult for me. (To +V1 ก็เป็นคำนามได้)

สำหรับข้อนี้ก็ตอบ Cramming

 

66 ________ helps us learn English.

1 Write            2.Spoke         3. Listen to     4.Reading

ตอบ 4  ดูคำอธิบายข้อ 65 ที่ผ่านมา ใช้ Ving ขึ้นต้นประโยคเป็นคำนาม = Reading

 

67 ________ are expensive.

1 Jeans          2.         Skirt    3.         Blouse            4.         Necktie

ตอบ1   หน้า 350 ดูจากโจทย์มีกริยา are เป็นพหูพจน์ นั่นแสดงว่าคำนามที่ตอบนั้นก็ต้องเป็นคำนาม

พหูจน์ด้วย จากช้อยมีตัวเดียวคือ Jeans นามที่มี s เป็นคำนามพหูพจน์ (แต่ถ้ากริยามี s เป็นกริยาเอกพจน์)

 

68 Nid is among _______

1 old   2. older    3. elder   4. the old

ตอบ 4 หน้า 22 – 23 ทําคุณศัพท์ให้เป็นคํานามได้ด้วยการเติม theข้างหน้าเป็น the + adj. เช่น the old (คนแก่) , the young (คนหนุ่มสาว), the poor (คนจน), the rich (คนรวย), the brave (ผู้กล้า), the blind (คนตาบอด), the homeless (คนไร้ที่อยู่), the sick (คนป่วย) โดยมีความหมายเป็นพหูพจน์

 

69 Are there a lot of ________ in Thailand?

1 America    2. England    3. Burma be    4. Malaysians

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 60 ที่ผ่านมา เfาง่ายๆ เลย หลงฝูงมีช้อยเดียวที่เป็นเชื้อชาติคือ Malaysians นอกนั้นเป็นชื่อประเทศ

 

70 The trousers _______ too loose for him.

1 are  2 is   3. was  4. has been

ตอบ 1 เดาได้เลย ช้อยมีกริยาพหูพจน์ตัวเดียวคือ are ที่ตอบกริยาพหูพจน์เพราะประธาน The trousers (กางเกงขายาว) เป็นคํานามพหูพจน์

 

71 You don’t need ________ yourself to fit in.

1 change

2 to change

3 changed

4 changing

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 8 ที่ผ่านมา กริยา need มี to ตาม

 

72 _______ you go out with her?

1 Have to

2 Be able

3 Be going to

4 Should

ตอบ 4 หน้า 243 – 245 เป็นเรื่องกริยาช่วย ที่สามารถยกไว้หน้าประธานได้คือ Should เท่านั้น Have to ทําเป็นคําถามขึ้นหน้าประธานไม่ได้ จะต้องใช้ verb to do มาช่วยจึงจะถูก นั่นคือ ถ้าเป็น Do you have to go out…? จึงจะถูก ส่วน be able ก็ไม่ถูก ทําเป็นคําถาม จะต้องเป็นว่า Are you able to…? และ Be going to ก็ไม่ถูก ถ้าเป็น Are you going to……? จะได้ ฉะนั้น ใช้ Should you go…? ถูก

 

73 We ______not be over self-confident.

1 ought

2 should

3 have

4 will to

ตอบ 2 ในรูปประโยคปฏิเสธ เพราะมี not สามารถใช้ should not + V1 ได้เลย แต่ถ้าเป็น ought ต้องเป็น ought not to มี to ตามหลัง not มาด้วย และ have not be ไม่มี have ตามด้วย V3 เท่านั้นจะตามด้วย V1 ต้องเป็น have to V1  ส่วน will จะไม่มี to ตาม

 

74

A : What are you doing this weekend, Pim ?

B: I ____  go to Pattaya with my parents.

1 had to

2 needs

3 may

  1. be going to

ตอบ 3 หน้า 237 -238 กริยาช่วย ที่ตามด้วยกริยาช่องที่ 1 (go) ได้เลยคือ may + V1 แสดงความเป็นไปได้ว่า อาจจะไป ส่วนช้อยที่ 1 had to เป็นรูปอดีตไม่ถูกเพราะข้อนี้พูดถึงปัจจุบันอยู่ ช้อย 2. needs ถ้ามี s แสดงว่าเป็นกริยาแท้จะต้องตามด้วย to  ส่วนช้อย 4. be going to ใช้ be ไม่ถูกถ้าชิดประธาน I ก็ต้องเป็น am going to

 

75 The little girl could_______ beautifully at the concert.

1 sing

2 sang

3 sings

4 singing

ตอบ 1 กริยาช่วย could ตามด้วยกริยาช่องที่ 1 จึงตอบ sing กริยาช่วยเช่น will, shall, may, can could, should ตามด้วยกริยาช่องที่ 1 ไม่มี to

 

Part II: Vocabulary (คําศัพท์)

 

76 You have to go forth and not turn back.

1 be determined

2 go forward

3 show up

4 look up

ถาม คุณต้องก้าวไปข้างหน้า และอย่าหันหลังกลับมา

ตอบ 2 บทที่ 3 หน้า 115

1 ตั้งใจมุ่งมั่น 2. ไปข้างหน้า 3. ปรากฏตัว 4. มองหา ค้นหา

 

77 The reason for the presidents assassination is still unclear.

1 misconception

2 murder

3 triumph

4 virtue

ถาม เหตุผลของการลอบสังหารประธานาธิบดียังคงไม่ชัดเจน

ตอบ 2 บทที่ 2 หน้า 56

1 การเข้าใจผิด 2 การฆาตกรรม 3 ชัยชนะ  4 คุณงามความดี

 

78 Don’t plague me with your annoying habit.

1 trouble

2 deliver

3 tilt

4 motivate

ถาม อย่าทําให้ฉันหงุดหงิดด้วยนิสัยที่น่ารําคาญของคุณ

ตอบ 1 บทที่ 1 หน้า 3

1 ทําให้หงุดหงิดรําคาญ 2 ส่ง 3 เอียง ตะแคง  4 กระตุ้น จูงใจ

 

79 She earned a high income over the past few years.

1 reflected

2 received

3 uttered

4 rattled

ถาม เธอมีได้รับรายได้ที่สูงในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา

ตอบ 2 บทที่ 2 หน้า 56

1.สะท้อนให้เห็น 2 ได้รับ 3 พูด เปล่งเสียง  4 พูดไม่หยุด

 

80 More chaos took place in the city center and all the shops were forced to close.

1 riots

2 myths

3 sessions

4 comments

ถาม การจลาจลเกิดเพิ่มขึ้นในเมืองที่เป็นศูนย์กลางและร้านค้าต่าง ๆ ทั้งหมดถูกบังคับให้ปิด

ตอบ 1 บทที่ 2 หน้า 56

1 การจลาจล 2 เทพนิยาย 3 การประชุม 4 คําวิจารณ์

 

81 Harry was still conscious after the car accident.

1 knowing

2 comprehensive

3 maximum

4 meaningful

ถาม แฮรี่ยังคงมีสติรู้สึกตัวหลังจากเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์

ตอบ 1 บทที่ 11 หน้า 382

1 มีสติรู้สึกตัว 2 เป็นที่เข้าใจ 3 มากที่สุด

4 เต็มไปด้วยความหมาย

 

82        A lot of her mistakes are due to her misconceptions about the plan.

1 legend

2 misunderstanding

3 predecessor

4 procedure

ถาม     ความผิดพลาดจำนวนมากของเธอนั้นเนื่องมาจากความเข้าใจผิดเกี่ยวกับแผนงาน

ตอบ 2 บทที่ 11 หน้า 381

1 ตำนาน 2 ความเข้าใจผิด     3 บรรพบุรูษ    4 กระบวนการ

 

83        Ladies and gentlemen, it’s my pleasure to introduce our guest speaker to you, Ms. Sandy Williams.

1 success      2 contemporary         3 enjoyment  4 duty

ถาม     สุภาพสตรีและสุภาพบุรุษทั้งหลาย ดิฉันมีความยินดีที่จะแนะนำวิทยากรให้แก่ท่านผู้มีเกียรติ

ทั้งหลายไห้รู้จัก นั่นคือ คุณแซนดี้ วิลเลี่ยม

ตอบ 3 บทที่ 6 หน้า 229

1 ความสำเร็จ 2 ร่วมสมัย         3 ความพอใจยินดี        4 หน้าที่

 

84        Don’t jut your hands out. It’s dangerous.

1 stick

2 prevent

3 trigger

4 boost

ถาม     อย่ายื่นมือของคุณออกมานะ มันอันตราย

ตอบ 1  บทที่ 4 หน้า 168

1 ยื่นออกโผล่ออก 2 ป้องกัน   3 ก่อให้เกิด     4 เพิ่มยกขึ้น

 

85 Are there many waterways in this area?

1 interns         2 reliefs          3 canals         4 compressions

ถาม     มีทางนํ้าจำนวนมากในพื้นที่นี้ใช่ไหม

ตอบ 3  บทที่ 4 หน้า 168

1นักคืกษาฝึกหัด         2 ความช่วยเหลือ 3 ทางนํ้า     4 ความกดดัน

 

86        Do you have any belief in him?

1 misery

2 relief

3 role

4 conviction

ถาม     คุณมีความเชื่อในตัวเขาบ้างไหม

ตอบ 4  บทที่ 7 หน้า 264

1 ความทุกข์อันใหญ่หลวง       2 ความช่วยเหลือ  3 บทบาท  4 ความเชื่อ

 

87        Being overweight is dangerous to health.

1 fat

2 responsible

3 ambitious

4 costly

ถาม     การมีนํ้าหนักมากเกินไปเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

ตอบ 1 บทที่ 8 หน้า 296

1 อ้วนมากเกินไป 2 รับผิดชอบ           3 มีความทะเยอทะยาน 4 แพง

 

88        Walking briskly for a while can be a kind of exercise.

1 quickly

2 costly

3 carefully

4 respectfully

ถาม     การเดินเร็ว ๆ สักชั่วครู่หนื่งสามารถเป็นการออกกำลังกายประเภทหนื่ง

ตอบ 1 หน้า 8 หน้า 294

1 อย่างรวดเร็ว  2 แพง 3 อย่างระมัดระวัง 4 อย่างเคารพนับถือ

 

89        Einstein once said, “The most beautiful thing we can experience is the mysterious.

1 compass

2 session

3 unknown

4 influential

ถาม     ครั้งหนึ่งไอน์สไตล์ได้กล่าวว่า “สิ่งที่สวยงามที่สุดที่เราได้ประสบมาก็คือสิ่งที่ลึกลับ

ตอบ 3  บทที่ 5 หน้า 200

1 เข็มทิศ 2 การประชุม            3 ลึกลับ           4 มีอิทธิพล

 

90        Playing a musical instrument involves regular practice, patience and a good ear.

1 predicts

2 includes

3 shows up

4 comments

ถาม     การเล่นเครื่องดนตรีคือการรวมถึงการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ ความอดทนและการมีหูที่ดี

ตอบ 2  บทที่ 5 หน้า 199

1 ทำนาย          2 รวมถึง          3 ปรากฏตัว     4 คำวิจารณ์

 

91        Can you explain to me this aspect of politics?

1 viewpoint

2 career

3 distinction

4 representation

ถาม     คุณสามารถอธิบายแง่มุมนี้ที่เกี่ยวกับการเมืองให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม

ตอบ 1  บทที่ 9 หน้า 327

1 แง่มุม ด้าน  2 อาชีพการงาน            3 ความแตกต่าง          4 การแสดงออก

 

92        Are there a lot of eggheads in your university?

1 intellectuals

2 professions

3 opinions

4 legends

ถาม     ในมหาวิทยาลัยของคุณมีผู้มีความรู้จำนวนมากไหม

ตอบ 1  บทที่ 9 หน้า 329

1 ปัญญาชน ผู้ที่มีวามรู้            2 อาชีพ 3 ความคิดเห็น           4 ตำนาน

 

93        When is the graduation day of your university?

1 adolescence

2 campus

3 concept

4 commencement

ถาม     วันสำเร็จการศึกษาของมหาวิทยาลัยของคุณคือเมื่อไร

ตอบ 4  บทที่ 9 หน้า 328

1 วัยหนุ่มสาว   2 วิทยาเขต  3 ความคิด          4  การสำเร็จการศึกษา

 

94        The public neglected his genius for many years.

1 got ahead of

2 fulfilled his duty to

3 made a decision for

4 paid no attention to

ถาม     ประชาชนเมินเฉยกับความฉลาดหลักแหลมของเขามาหลายปี

ตอบ 4 บทที่ 6 หน้า 232

1 ทำได้ดีกว่า   2 ทำให้สำเร็จ 3 ทำการตัดสินใจ        4 เพิกเฉย

 

95        Bob’s success motivates me to work hard.

1 encourages

2.views

3 speculates

4 tilts

ถาม     ความสำเร็จของบ๊อบกระตุ้นให้ฉันทำงานหนัก

ตอบ 1  บทที่ 10 หน้า 365

1 กระตุ้น ปลุกเร้า 2 ทัศนะ       3 คาดการณ์    4 เอียงตะแคง

 

96        Tell me the concept of your program.

1 idea

2 graduation

3 egghead

4 adolescence

ถาม     บอกฉันเกี่ยวกับแนวคิดในโครงการของคุณด้วยนะ

ตอบ 1 บทที่ 9 หน้า 328

1  แนวคิด 2 การสำเร็จการศึกษา       3 ปัญญาชน    4 วัยหนุ่มสาว

 

97        Somchai has a lot of talent for a young actor.

1 natural ability

2 moral goodness

3 bravery

4 virtue

ถาม     สมชายมีพรสวรรค์มากสำหรับการเป็นนักแสดงหน้าใหม่

ตอบ 1 บทที่ 6 หน้า 230

1 พรสวรรค์  2 ศีลธรรม           3 ความกล้าหาญ         4 ความดี

 

98        This cow is very fertile.

1 prestigious

2 geological

3 involved

4 prolific

ถาม     แม่วัวตัวนี้อุดมสมบูรณ์มาก

ตอบ 4 บทที่ 12 หน้า 396

1 มีเกียรติ   2 เกี่ยวกับธรณีวิทยา        3 เกี่ยวน้องพัวพัน  4 อุดมสมบูรณ์

 

99        _______ the candle, sit there and be quiet.

1 Light

2 Erupt

3 Express

4 Perform

ถาม     ______ เทียนไข แล้วนั่งตรงนั้นและกรุณาเงียบด้วยค่ะ

ตอบ 1 บทที่ 3 หน้า 114

1 จุดส่องสว่าง    2 ปะทุระเบิด   3 แสดงออก  4 แสดงกระทำ

 

100     What is the _______ rate of this machine?

1 fertile

2 iconic

3 conscious

4 maximum

ถาม อัตรา _______ ของเครื่องจักรนี้คืออะไร

ตอบ 4 บทที่ 3 หน้า 113

1 อุดมสมบูรณ์    2 ภาพสัญลักษณ์    3 มีสติ รู้สึกตัว  4 มากที่สุด สูงสุด

 

101     Wishing you happiness and _______ .

1 expression

2 prosperity

3 gardening

4 landscape

ถาม     ขอให้คุณมีความสูขและ _______ .

ตอบ 2  บทที่ 1 หน้า 4

1 การแสดงออก          2 ความมั่งคั่ง 3 การทำสวน     4 ภูมิทัศน์

 

102     _______ can impede you from moving forward.

1 Self-doubt

2 Members

3 Continuance

4 Reality

ถาม     สามารถขัดขวางคุณจากการก้าวไปข้างหน้า

ตอบ 1  บทที่ 1 หน้า 3

1 ความไม่แน่ใจในตัวเอง 2 สมาชิก 3 ความต่อเนื่อง 4 ความเป็นจริง

 

  1. What a ________ ! I can finally go home.

1 failure

2 misery

3 contemporary

4 relief

ถาม ช่าง ________ อะไรอย่างนี้ ในที่สุดฉันก็ไล้กลับบ้านซะที

ตอบ 4 บทที่ 2 หน้า 55

1 ความล้มเหลว            2 ความทุกข์อันใหญ่หลวง 3 ร่วมสมัย 4 โล่งอก

 

104 Sometimes emotions can be seen through a/an _______.

1 continuance

2 gesture

3 excellence

4 crust

ถาม     บางครั้ง อารมณ์ความรู้สึกสามารถเห็นได้โดยผ่านทาง _________ .

ตอบ 2 บทที่ 11 หน้า 381

1 ความต่อเนื่อง 2 กริยาท่าทาง           3 ความยอดเยี่ยม         4 เปลือกโลก

 

105     He tried to _______ something, but I couldn’t understand.

1 enroll

2 utter

3 disappoint

4 affect

ถาม     เขาพยายามที่จะ _______ บางสิ่งบางอย่าง แต่ฉันไม่เข้าใจ

ตอบ 2 บทที่ 4 หน้า 167

  1. ลงทะเบียนเรียน 2. พูดเปล่งเสียง 3. ผิดหวัง 4. มีผลต่อ

 

106     Bangkok is a ______ city.

1 preventive

2 convincing

3 comprehensive

4 metropolitan

ถาม     กรุงเทพมหานครเป็นเมือง ______ เมืองหนื่ง

ตอบ 4  บทที่ 4 หน้า 167

1 ที่ป้องกัน 2 ทำใน้เป็นที่น่าเชื่อถือ 3 เป็นที่เข้าใจ      4 มหานคร

 

107     Many immigrants want to apply for Thai_______, so they can stay in Thailand for the

rest of their life.

1 nation

2 citizenship

3 intern

4 location

ถาม     ผู้อพยพจำนวนมากต้องการสมัคร _______ ไทย เพื่อที่ว่าพวกเขาจะสามารถอยู่ในประเทศ

ไทยได้ตลอดไป

ตอบ 2  บทที่ 5 หน้า 201

1 ประเทศ 2 ความเป็นประชากร 3 นักศึกษาฝึกหัด     4 ทำเลที่ตั้ง

 

108     Thomas wants to get a/an  _______ job because his salary is low.

1 unaffected

2 unusual

3 overweight

4 part-time

ถาม     โทมัสต้องการได้งาน _____ เพราะเงินเดือนของเขาได้น้อย

ตอบ 4  บทที่ 7 หน้า 265

1 เป็นธรรมชาติ 2 ไม่ธรรมดา 3 นํ้าหนักมากเกินไป 4 งานนอกเวลา

 

109     One ________ that Thai families teach their children is respect for others.

1 value

2 devotion

3 disappointment

4 expression

ถาม ________ หนึ่งที่ครอบครัวคนไทยสอนบุตรหลานของพวกเขาคือการเคารพผู้อื่น

ตอบ 1  บทที่ 7 หน้า263

1 กฎเกณฑ์ที่ควรปฎิบิติทางสังคม 2 การอุทิศตน 3 ความผิดหวัง 4 การแสดงออก

 

110     Jim has been working _____ without taking a break.

1 ambitiously

2 mysteriously

3 influentially

4 continuously

ถาม     จิมได้ทำงาน ______ โดยไม่ได้หยุดพักเลย

ตอบ 4  บทที่ 8 หน้า 294

1 อย่างทะเยอทะยาน 2 อย่างลึกลับ 3 อย่างมีอิทธิพล 4 อย่างต่อเนื่อง

 

111     The _______ of this medicine is not serious.

1 waterway

2 virtue

3 stage

4 side-effect

ถาม     ________ ของยานี้ไม่ร้ายแรง

ตอบ 4  บทที่ 8 หน้า 293

1 ทางนํ้า 2 ความมีคุณธรรม    3 เวที   4 ผลข้างเคียง

 

112     All the athletes are _______ against one another to win the tournament.

1 reflecting

2 rattling

3 interpreting

4 competing

ถาม     นักกีฬาทุกคนกำลัง _______ ซึ่งกันและกันเพื่อชนะการแข่งขัน

ตอบ 4  บทที่ 9 หน้า 328

1 สะท้อนให้เห็น 2 พูดไม่หยุด 3 ตีความ แปลความ     4 แข่งขัน

 

113     In the will, Mrs. Smith wants to leave her ________ to her two children and a dog.

1 property

2 legend

3 respect

4 humor

ถาม     ในพินัยกรรม นางสมิธต้องการทิ้ง ______ ของเธอให้แก่ลูกสองคนและสุนัขหนึ่งตัว

ตอบ 1  บทที่ 5 หน้า 201

1 ทรัพย์สมบัติ 2 ตำนาน          3 ความเคารพ  4 อารมณ์ขัน

 

114     Bill  ______ on about his married life. His friend felt bored.

1 rattled

2 earned

3 boosted

4 neglected

ถาม บิล ______ เกี่ยวกับชีวิตแต่งงานของเขา จนเพื่อนของเขารู้สึกเบื่อ

ตอบ 1  บทที่ 9 หน้า 327

1 พูดไม่หยุด 2 ได้รับ  3 ยกขึ้น เพิ่ม   4 เพิกเฉยละเลย

 

115

A : Thank you very much for your help yesterday.

B : It’s my _______ .

1 failure

2 aspect

3 campus

4 pleasure

ถาม เอ : ขอบคุณมากสำหรับความช่วยเหลือของคุณเมื่อวานนี้

บี : ด้วย ______ ค่ะ

ตอบ 4  บทที่ 6 หน้า 229

1 ความล้มเหลว 2 แง่มุม ด้าน  3 วิทยาเขต      4 ความยินดี

 

116     ______ is important in working life; one has to finish a job fast and well.

1 Efficiency

2 Triumph

3 Courage

4 Virtue

ตอบ     ________ เป็นสิ่งสำคัญในชีวิตการทำงาน เราต้องทำงานให้เสร็จอย่างรวดเร็วและดี

ตอบ 1 บทที่ 6 หน้า231

1 ความมีประสิทธิภาพ 2 ชัยชนะ         3 ความกล้าหาญ         4 ความดี

 

117     Living in a big city, like New York, can be quite  ______ , especially rent.

1 preventive

2 expensive

3 ambitious

4 ideal

ถาม     การใช้ชีวิตอยู่ในเมืองใหญ่เช่นในกรุงนิวยอร์ก มีค่าใช้จ่ายที่ _____ โดยเฉพาะค่าเช่า

ตอบ 2 บทที่ 6หน้า 230

1 ที่ป้องกัน 2 แพง       3 ทะเยอทะยาน            4 สมบูรณ์แบบ

 

118     My husband’ร birthday party was _______ ; everybody had a good time.

1 sophisticated

2 tightening

3 terrific

4 scary

ถาม     งานเลี้ยงวันเกิดสามีของฉันเป็น _______ ทุกคนมีความสุข

ตอบ 3  บทที่ 10 หน้า 367

1 สลับซับซ้อน 2 หายากมีจำกัด          3 สนุกยอดเยี่ยม           4 ตื่นตระหนก

 

119 Floods can cause a lot of ____ changes.

1 geological

2 fellow

3 ambitious

4 preventive

ถาม     นํ้าท่วมสามารถก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง _____ มากมาย

ตอบ 1  บทที่ 12 หน้า 395

1 ทางธรณีวิทยา 2 เพื่อนร่วม  3 ทะเยอทะยาน            4ที่ป้องกัน

 

120  I like the   _______ of this hotel. It’s beautiful.

1 citizenship

2 landscape

3 endeavor

4 energy

ถาม     ฉันชอบ ______ โรงแรมนี้เพราะมันสวยดี

ตอบ 2  บทที่ 12 หน้า 396

1 ความเป็นประชากร 2 ภูมิทัศน์          3 ความพยายาม           4 พลังงาน

LAW2008 กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยเช่าทรัพย์ 1/2561

การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2561 

ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 2008 กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยเช่าทรัพย์ เช่าซื้อ ฯลฯ

คําแนะนํา ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 3 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน) 

ข้อ 1. แดงทําสัญญาเช่าเป็นหนังสือให้ขาวเช่าอาคารพาณิชย์ของแดงมีกําหนดเวลา 3 ปี โดยตกลงชําระค่าเช่าทุก ๆ วันสิ้นเดือนเดือนละ 50,000 บาท สัญญาเช่าฉบับนี้ครบกําหนด 3 ปี ในวันที่ 30 กันยายน 2561 นี้ และสัญญาเช่ามีข้อความสําคัญดังนี้ คือ

ข้อ 5. “ผู้ให้เช่ายินยอมจะให้ผู้เช่าต่อสัญญาเช่าไปได้อีก 3 ปี หากครบกําหนดตามสัญญาเช่าแล้ว แต่จะต้องมีการตกลงค่าเช่ากันใหม่”

ข้อ 6. “ในระหว่างเวลาเช่าผู้เช่าจะนําอาคารพาณิชย์ไปให้บุคคลภายนอกเช่าช่วง ผู้เช่าจะต้อง ขออนุญาตให้ผู้ให้เช่ายินยอมก่อนจึงจะนําไปให้เช่าช่วงได้” 

ข้อเท็จจริงปรากฏว่าขาวเช่าอาคารมาได้เพียง 1 ปี แดงได้ยกอาคารพาณิชย์นี้ให้กับเหลืองบุตรชาย ของแดง การให้ทําถูกต้องตามกฎหมาย และในปีที่ 2 ที่ขาวเช่าอาคารพาณิชย์ ขาวได้นําอาคารพาณิชย์ ไปให้ดําเช่าช่วงโดยมิได้ขออนุญาตเหลืองเพราะขาวเห็นว่าเหลืองไม่ใช่ผู้ให้เช่า เหลืองทราบดังนั้น จึงบอกเลิกสัญญาเช่ากับขาวทันที การกระทําของเหลืองชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ จงวินิจฉัย และหากข้อเท็จจริงเปลี่ยนไปว่าแดงไม่ได้ยกอาคารพาณิชย์หลังนี้ให้เหลือง ขาวได้เช่าอาคารพาณิชย์ มาครบ 3 ปี และได้แจ้งให้แดงทราบในวันที่ 30 กันยายน 2561 ว่าขาวขอเช่าต่อ แต่แดงก็มิว่ากระไร แดงกลับฟ้องขับไล่ขาวในวันที่ 17 ตุลาคม 2561 เพราะเห็นว่าขาวมิได้ส่งมอบอาคารพาณิชย์ให้แดง การกระทําของแดงชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เพราะเหตุใด จงวินิจฉัย

ธงคําตอบ

หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 538 “เช่าอสังหาริมทรัพย์นั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใด ลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสําคัญ ท่านว่าจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ ถ้าเช่ามีกําหนดกว่าสามปีขึ้นไป หรือกําหนดตลอดอายุของผู้เช่าหรือผู้ให้เช่าไซร้ หากมิได้ทําเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ท่านว่าการเช่านั้นจะฟ้องร้องให้บังคับคดีได้แต่เพียงสามปี”

มาตรา 544 “ทรัพย์สินซึ่งเช่านั้น ผู้เช่าจะให้เช่าช่วงหรือโอนสิทธิของตนอันมีในทรัพย์สินนั้น ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่บางส่วนให้แก่บุคคลภายนอก ท่านว่าหาอาจทําได้ไม่ เว้นแต่จะได้ตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น ในสัญญาเช่า

ถ้าผู้เช่าประพฤติฝ่าฝืนบทบัญญัติอันนี้ ผู้ให้เช่าจะบอกเลิกสัญญาเสียก็ได้”

มาตรา 564 “อันว่าสัญญาเช่านั้น ท่านว่าย่อมระงับไปเมื่อสิ้นกําหนดเวลาที่ได้ตกลงกันไว้ มิพักต้องบอกกล่าวก่อน”

มาตรา 569 “อันสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์นั้นย่อมไม่ระงับไป เพราะเหตุโอนกรรมสิทธิ์ ทรัพย์สินซึ่งให้เช่า

ผู้รับโอนย่อมรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของผู้โอนซึ่งมีต่อผู้เช่านั้นด้วย”

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์ สัญญาเช่าอาคารพาณิชย์ระหว่างแดงกับขาวซึ่งมีกําหนดเวลา 3 ปีนั้น เมื่อได้มีการทําสัญญาเป็นหนังสือจึงมีผลสมบูรณ์และใช้ฟ้องร้องบังคับคดีกันได้ตามมาตรา 538 และเมื่อขาว เช่าอาคารพาณิชย์มาได้เพียง 1 ปี แดงได้ยกอาคารพาณิชย์หลังนี้ให้กับเหลืองและการให้ได้ทําถูกต้องตามกฎหมาย กรณีนี้ย่อมไม่ทําให้สัญญาเช่าระหว่างแดงผู้ให้เช่ากับขาวผู้เช่าระงับสิ้นไปตามมาตรา 569 วรรคหนึ่ง และเหลือง ผู้รับโอนจะต้องผูกพันรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของผู้โอนซึ่งมีต่อผู้เช่าด้วย กล่าวคือ เหลืองจะต้องให้ขาวเช่าอยู่ ในอาคารพาณิชย์หลังนี้ต่อไปจนครบกําหนดเวลา 3 ปี ตามสัญญาเช่าตามมาตรา 569 วรรคสอง และเหลือง ต้องรับไปซึ่งสิทธิและหน้าที่ตามสัญญาเช่าข้อ 6. ที่ว่า “ในระหว่างเวลาเช่าผู้เช่าจะนําอาคารพาณิชย์ไปให้ บุคคลภายนอกเช่าช่วง ผู้เช่าจะต้องขออนุญาตให้ผู้ให้เช่ายินยอมก่อนจึงจะนําไปให้เช่าช่วงได้” ดังนั้น ถ้าขาวจะ เอาอาคารพาณิชย์ไปให้เช่าช่วง ก็ต้องได้รับอนุญาตจากเหลืองก่อน

เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าในปีที่ 2 ที่ขาวเช่าอาคารพาณิชย์ ขาวได้นําอาคารพาณิชย์ไปให้ดํา เช่าช่วงโดยมิได้ขออนุญาตเหลืองเพราะขาวเห็นว่าเหลืองไม่ใช่ผู้ให้เช่านั้น การกระทําของขาวจึงเป็นการกระทําที่ มิชอบตามมาตรา 544 ประกอบมาตรา 569 ดังนั้น เหลืองย่อมสามารถบอกเลิกสัญญาเช่าได้ทันทีตามมาตรา 544 วรรคสอง

ส่วนอีกกรณีหนึ่ง ถ้าแดงไม่ได้ยกอาคารพาณิชย์ให้เหลือง และขาวได้เช่าอาคารพาณิชย์มาครบ 3 ปี สัญญาเช่าระหว่างแดงและขาวย่อมระงับลงตามมาตรา 564 แม้ว่าตามสัญญาเช่าข้อ 5. จะมีข้อความว่า “ผู้ให้เช่ายินยอมจะให้ผู้เช่าต่อสัญญาเช่าไปได้อีก 3 ปี หากครบกําหนดตามสัญญาเช่าแล้ว แต่จะต้องมีการตกลง ค่าเช่ากันใหม่” ก็ตาม แต่ข้อความดังกล่าวมิใช่คํามั่นจะให้เช่า ดังนั้น แม้ว่าขาวจะได้แจ้งให้แดงทราบในวันที่ 30 กันยายน 2561 ซึ่งเป็นวันครบกําหนดตามสัญญาเช่าว่าขาวจะขอเช่าต่อ แต่เมื่อแดงมิได้ว่ากระไร จึงไม่ก่อให้เกิด สัญญาเช่าใหม่ระหว่างแดงกับขาว เมื่อแดงได้ฟ้องขับไล่ขาวในวันที่ 17 ตุลาคม 2561 เพราะเห็นว่าขาวมิได้ส่งมอบ อาคารพาณิชย์ให้แดง การกระทําของแตงย่อมถือว่าเป็นการกระทําที่ชอบด้วยกฎหมาย

สรุป การกระทําของเหลืองที่บอกเลิกสัญญาเช่ากับขาวทันที และการกระทําของแดงที่ฟ้อง ขับไล่ขาวชอบด้วยกฎหมาย

 

ข้อ 2. (ก) ม่วงทําสัญญาเช่าเป็นหนังสือให้น้ำเงินเช่ารถยนต์บรรทุกของม่วงมีกําหนดเวลา 2 ปี นับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2561 เป็นต้นไป โดยตกลงชําระค่าเช่าทุก ๆ วันที่ 25 ของเดือน เป็นค่าเช่าเดือนละ 40,000 บาท ในวันทําสัญญาเช่าน้ำเงินได้ให้เงินประกันการชําระค่าเช่าไว้ 120,000 บาท เมื่อน้ำเงินได้รับมอบรถยนต์ที่เช่าไปใช้แล้วแต่น้ำเงินไม่ได้ชําระค่าเช่าให้ม่วง อีกเลยจนถึงปัจจุบันนี้ ม่วงจึงมีหนังสือแจ้งให้น้ำเงินนําเงินค่าเช่าที่ค้างมาชําระในวันที่ 30 กันยายน 2561 โดยให้ชําระให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 15 ตุลาคม 2561 แต่น้ำเงินยังไม่ชําระค่าเช่าที่ค้างม่วงจึงฟ้องขับไล่น้ำเงินทันทีในวันที่ 17 ตุลาคม ดังนี้การกระทําของม่วงชอบด้วยกฎหมายหรือไม่เพียงใด จงวินิจฉัย 

(ข) ถ้าข้อเท็จจริงตามข้อ (ก) เป็นสัญญาเช่าซื้อ คําตอบจะแตกต่างออกไปหรือไม่ จงวินิจฉัย

ธงคําตอบ

(ก) หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 560 “ถ้าผู้เช่าไม่ชําระค่าเช่า ผู้ให้เช่าจะบอกเลิกสัญญาเสียก็ได้

แต่ถ้าค่าเช่านั้นจะพึงส่งเป็นรายเดือน หรือส่งเป็นระยะเวลายาวกว่ารายเดือนขึ้นไป ผู้ให้เช่า ต้องบอกกล่าวแก่ผู้เช่าก่อนว่าให้ชําระค่าเช่าภายในเวลาใด ซึ่งจึงกําหนดอย่าให้น้อยกว่าสิบห้าวัน”

วินิจฉัย

ในเรื่องสัญญาเช่าทรัพย์นั้นตามบทบัญญัติมาตรา 560 ได้บัญญัติไว้ว่า ถ้าการชําระค่าเช่ากําหนด ชําระกันเป็นรายเดือนหรือยาวกว่ารายเดือน เมื่อผู้เช่าไม่ชําระค่าเช่า ผู้ให้เช่าจะบอกเลิกสัญญาเช่าทันทีเลยไม่ได้ จะต้องบอกกล่าวให้ผู้เช่าชําระค่าเช่าก่อนไม่น้อยกว่า 15 วัน ถ้าผู้เช่ายังไม่ยอมชําระอีกจึงจะบอกเลิกสัญญาได้

กรณีตามอุทาหรณ์ การที่ม่วงทําสัญญาเช่าเป็นหนังสือให้น้ำเงินเช่ารถยนต์บรรทุกของม่วง มีกําหนด 2 ปี นับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2561 เป็นต้นไปโดยตกลงชําระค่าเช่าทุก ๆ วันที่ 25 ของเดือนเป็นค่าเช่า เดือนละ 40,000 บาท และในวันทําสัญญาเช่าน้ำเงินได้ให้เงินประกันการชําระค่าเช่าไว้ 120,000 บาทนั้น เมื่อ ปรากฏว่าหลังจากน้ำเงินได้รับมอบรถยนต์ที่เช่าไปใช้แล้ว แต่น้ำเงินไม่ได้ชําระค่าเช่าให้ม่วงอีกเลยจนถึงปัจจุบันนี้ การที่น้ำเงินได้ให้เงินประกันการชําระค่าเช่าไว้ 120,000 บาท ย่อมถือว่าเป็นการจ่ายค่าเช่าให้แก่ม่วงแล้วเป็นเวลา 3 เดือน คือเดือนมิถุนายน กรกฎาคม เละสิงหาคม โดยไม่ได้ชําระค่าเช่าเดือนกันยายนเพียง 1 เดือน ดังนั้น ม่วงย่อมมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าได้ โดยม่วงจะต้องบอกกล่าวให้น้ำเงินนําค่าเช่ามาชําระก่อนโดยให้เวลาน้ำเงิน ไม่น้อยกว่า 15 วัน และถ้าน้ำเงินยังไม่ยอมชําระค่าเช่า ม่วงก็จะมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าได้ตามมาตรา 560 และเมื่อม่วงบอกเลิกสัญญาเช่าแล้ว ก็จะมีผลทําให้สัญญาเช่าสิ้นสุดลงและม่วงย่อมสามารถฟ้องขับไล่น้ำเงินได้

แต่ตามข้อเท็จจริง เมื่อน้ำเงินไม่ได้ชําระค่าเช่าเดือนกันยายน ม่วงจึงมีหนังสือแจ้งให้น้ำเงิน นําเงินค่าเช่าที่ค้างชําระมาชําระในวันที่ 30 กันยายน 2561 โดยให้ชําระให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 15 ตุลาคม 2561 นั้น ถึงแม้ว่าม่วงจะได้บอกกล่าวให้น้ำเงินนําค่าเช่าที่ค้างชําระมาชําระโดยให้เวลาแก่น้ำเงินไม่น้อยกว่า 15 วันก็ตาม แต่เมื่อน้ำเงินยังไม่ชําระ ม่วงก็มิได้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าแต่อย่างใด ดังนั้นย่อมถือว่าสัญญาเช่ายังไม่สิ้นสุดลง ม่วงจึงไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่น้ำเงิน การที่ม่วงฟ้องขับไล่น้ำเงินทันทีในวันที่ 17 ตุลาคม โดยที่ม่วงยังมิได้บอกเลิก สัญญาเช่าก่อน การกระทําของม่วงจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย

 

(ข) หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 574 วรรคหนึ่ง “ในกรณีผิดนัดไม่ใช้เงินสองคราวติด ๆ กัน หรือกระทําผิดสัญญา ในข้อที่เป็นส่วนสําคัญ เจ้าของทรัพย์สินจะบอกเลิกสัญญาเสียก็ได้ ถ้าเช่นนั้นบรรดาเงินที่ได้ใช้มาแล้วแต่ก่อน ให้รับเป็นของเจ้าของทรัพย์สิน และเจ้าของทรัพย์สินขอบที่จะกลับเข้าครองทรัพย์สินนั้นได้ด้วย”

วินิจฉัย

ถ้าข้อเท็จจริงตาม (ก) เป็นสัญญาเช่าซื้อ เมื่อได้หักเงินประกันการชําระค่าเช่าออก 3 เดือนแล้ว เท่ากับน้ำเงินไม่ได้ชําระค่าเช่าซื้อเพียง 1 คราว คือในเดือนกันยายน 2561 จึงถือเป็นกรณีที่ผู้เช่าซื้อผิดนัดไม่ใช้เงิน เพียง 1 คราว มิใช่การผิดนัดไม่ใช้เงินสองคราวติด ๆ กัน ตามมาตรา 574 วรรคหนึ่ง ม่วงจึงไม่มีสิทธิบอกเลิก สัญญาเช่าซื้อ มีสิทธิก็แต่เพียงเรียกให้น้ำเงินชําระค่าเช่าซื้อที่ค้างเท่านั้น ดังนั้น การที่ม่วงบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อทันที ในวันที่ 17 ตุลาคม 2561 การกระทําของม่วงจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย

สรุป 

(ก) การกระทําของม่วงไม่ชอบด้วยกฎหมาย 

(ข) การบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อของม่วงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้นคําตอบจึงไม่แตกต่างกัน

 

ข้อ 3. (ก) นายสุภาพได้ทําสัญญาจ้างนายอุดมเป็นลูกจ้างมีกําหนดเวลา 1 ปีนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2561 มีข้อตกลงให้จ่ายสินจ้างทุก ๆ วันสิ้นเดือน ทํางานวันจันทร์ถึงวันศุกร์ตั้งแต่เวลา 08.00 น. ถึง 17.00 น ปรากฏว่าในเดือนกันยายนนายอุดมมาทํางานสายถึง 8 ครั้ง นายสุภาพ ก็ได้ทําการตักเตือนเป็นหนังสือให้ทราบแล้วว่าตามระเบียบของที่ทํางานต้องมาทํางานตั้งแต่ เวลา 08.00 น. แต่นายอุดมก็ยังมาทํางานสายอีกหลายครั้ง นายสุภาพต้องการเลิกสัญญาจ้างนายอุดม แต่นายอุดมต่อสู้ว่าสัญญาจ้างมีกําหนดเวลา 1 ปี ยังไม่ครบกําหนดสัญญา เช่นนี้ นายสุภาพจะสามารถบอกเลิกสัญญาจ้างนายอุดมในวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2561 ได้หรือไม่เพราะเหตุใด ตามกฎหมายใด จงอธิบาย 

(ข) ถ้าผู้รับจ้างทําของส่งมอบการที่ทําไม่ทันกําหนดเวลาในสัญญาจ้างทําของ กฎหมายกําหนดให้ต้องรับผิดอย่างไร จงอธิบาย มีข้อยกเว้นอะไรบ้าง (ตามกฎหมายมาตราใด) ที่ผู้รับจ้างทําของไม่ต้องรับผิดถึงแม้ว่าจะส่งมอบ การที่ทําไม่ทันเวลาที่ได้กําหนดไว้ในสัญญา จงอธิบาย

ธงคําตอบ

(ก) หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 575 “อันว่าจ้างแรงงานนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่า ลูกจ้าง ตกลงจะทํางาน ให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่า นายจ้าง และนายจ้างตกลงจะให้สินจ้างตลอดเวลาที่ทํางานให้”

มาตรา 583 “ถ้าลูกจ้างจงใจขัดคําสั่งของนายจ้างอันชอบด้วยกฎหมายก็ดี หรือละเลยไม่นําพา ต่อคําสั่งเช่นว่านั้นเป็นอาจิณก็ดี ละทิ้งการงานไปเสียก็ดี กระทําความผิดอย่างร้ายแรงก็ดี หรือทําประการอื่น อันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริตก็ดี ท่านว่านายจ้างจะไล่ออกโดยมิพักต้องบอกกล่าวล่วงหน้าหรือให้สินไหมทดแทนก็ได้”

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์ การที่นายสุภาพได้ทําสัญญาจ้างนายอุดมเป็นลูกจ้างมีกําหนดเวลา 1 ปี นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2561 โดยตกลงจ่ายสินจ้างทุก ๆ วันสิ้นเดือนนั้น เป็นสัญญาจ้างแรงงานที่มีกําหนดเวลาตามมาตรา 575 ซึ่งโดยหลักแล้ว นายจ้างจะบอกเลิกสัญญาจ้างก่อนครบกําหนดเวลาไม่ได้ เว้นแต่จะต้องด้วย หลักเกณฑ์ตามมาตรา 583 ที่นายจ้างสามารถบอกเลิกสัญญาจ้างโดยมิต้องบอกกล่าวล่วงหน้าหรือให้สินไหม ทดแทนก็ได้

การที่นายอุดมมาทํางานสายในเดือนกันยายนถึง 8 ครั้ง และนายสุภาพก็ได้ทําการตักเตือน เป็นหนังสือให้ทราบแล้วว่าตามระเบียบของที่ทํางานนั้นต้องมาทํางานตั้งแต่เวลา 08.00 น. แต่นายอุดมก็ยังมาทํางานสายอีกหลายครั้ง ย่อมถือได้ว่านายอุดมได้ละเลยไม่นําพาต่อคําสั่งของนายจ้างอันชอบด้วยกฎหมาย เป็นอาจิณ ดังนั้น แม้สัญญาจ้างระหว่างนายสุภาพและนายอุดมจะมีกําหนดระยะเวลาก็ตาม นายสุภาพนายจ้าง ย่อมสามารถบอกเลิกสัญญาจ้างได้ทันทีในวันที่ 31 ตุลาคม 2561 ตามมาตรา 583

สรุป

นายสุภาพสามารถบอกเลิกสัญญาจ้างได้ทันทีในวันที่ 31 ตุลาคม 2561

 

(ข) หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 591 “ถ้าความชํารุดบกพร่องหรือความชักช้าในการที่ทํานั้นเกิดขึ้นเพราะสภาพแห่งสัมภาระซึ่งผู้ว่าจ้างส่งให้ก็ดี เพราะคําสั่งของผู้ว่าจ้างก็ดี ท่านว่าผู้รับจ้างไม่ต้องรับผิดเว้นแต่จะได้รู้อยู่แล้วว่า สัมภาระนั้นไม่เหมาะ หรือว่าคําสั่งนั้นไม่ถูกต้องและมิได้บอกกล่าวตักเตือน”

มาตรา 596 “ถ้าผู้รับจ้างส่งมอบการที่ทําไม่ทันเวลาที่ได้กําหนดไว้ในสัญญาก็ดี หรือถ้าไม่ได้กําหนดเวลาไว้ในสัญญา เมื่อล่วงพ้นเวลาอันควรแก่เหตุก็ดี ผู้ว่าจ้างชอบที่จะได้ลดสินจ้างลง หรือถ้าสาระสําคัญ แห่งสัญญาอยู่ที่เวลาก็ชอบที่จะเลิกสัญญาได้”

มาตรา 597 “ถ้าผู้ว่าจ้างยอมรับมอบการที่ทํานั้นแล้วโดยมิได้อิดเอื้อน ผู้รับจ้างก็ไม่ต้องรับผิด เพื่อการที่ส่งมอบเนิ่นช้า”

ตามบทบัญญัติดังกล่าวจะเห็นได้ว่า ถ้าผู้รับจ้างทําของส่งมอบการที่ทําไม่ทันกําหนดเวลาใน สัญญาจ้างทําของ หรือถ้าไม่ได้กําหนดเวลาในสัญญา เมื่อล่วงพ้นเวลาอันสมควรแก่เหตุ มาตรา 596 ได้กําหนดว่า ผู้ว่าจ้างชอบที่จะได้ลดสินจ้างลง หรือถ้าสาระสําคัญแห่งสัญญาอยู่ที่เวลา ผู้ว่าจ้างก็ชอบที่จะเลิกสัญญาได้

แต่อย่างไรก็ดี มีข้อยกเว้นอยู่ 2 ประการที่ผู้รับจ้างทําของไม่ต้องรับผิดถึงแม้ว่าจะได้ส่งมอบ การที่ทําไม่ทันเวลาที่ได้กําหนดไว้ในสัญญา ได้แก่

  1. ตามาตรา 591 ในกรณีที่ถ้าความชักช้าในการที่ทํานั้นเกิดขึ้นเพราะสภาพแห่งสัมภาระ ซึ่งผู้ว่าจ้างส่งให้ หรือเพราะคําสั่งของผู้ว่าจ้าง ดังนี้ผู้รับจ้างย่อมไม่ต้องรับผิด และ
  2. ตามมาตรา 597 ถ้าผู้ว่าจ้างยอมรับมอบการที่ทํานั้นแล้วโดยมิได้อิดเอื้อน ดังนี้ผู้รับจ้าง ย่อมไม่ต้องรับผิดเพื่อการที่ส่งมอบเนิ่นช้า

 

LAW2008 กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยเช่าทรัพย์ S/2560

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2560 

ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 2008 กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยเช่าทรัพย์ เช่าซื้อ ฯลฯ

คําแนะนํา ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 3 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)

ข้อ 1. แดงทําสัญญาเช่าเป็นหนังสือให้ขาวเช่าอาคารพาณิชย์ของแดงมีกําหนด 3 ปี นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2558 เป็นต้นไป โดยตกลงชําระค่าเช่าทุก ๆ วันสิ้นเดือน ๆ ละ 50,000 บาท แดงให้ขาว ใช้อาคารพาณิชย์ได้เพียง 1 ปีเท่านั้น แดงได้ยกอาคารพาณิชย์หลังนี้ให้กับเหลืองบุตรชายของตน ซึ่งการให้ทําโดยชอบด้วยกฎหมาย ขาวเช่าอาคารพาณิชย์มาจนครบ 3 ปี และได้อยู่ในอาคารพาณิชย์ ในวันที่ 1 มกราคม 2561 ต่อมาถึงวันที่ 15 มกราคม 2561 ขาวนําค่าเช่าไปชําระให้กับเหลือง 200,000 บาท และเหลืองได้ออกใบเสร็จรับเงินให้กับขาว โดยใบเสร็จรับเงินดังกล่าวเขียนว่า “ใบเสร็จรับเงินค่าเช่าซึ่งจะมีการเช่าต่อไปอีก 4 เดือนนับแต่วันสิ้นสุดของสัญญาเช่าอาคารพาณิชย์” และลงลายมือชื่อเหลืองผู้รับเงิน ขาวอยู่ในอาคารพาณิชย์ต่อมาจนถึงปัจจุบันนี้ และในวันที่ 1 พฤษภาคม 2561 เหลืองบอกเลิกสัญญาเช่ากับขาวและให้ขาวออกจากอาคารพาณิชย์ แต่ขาว ไม่ยอมออกจากอาคารพาณิชย์ เหลืองจึงฟ้องขับไล่ขาวในวันที่ 10 พฤษภาคม 2561 ขาวต่อสู้ว่า เป็นสัญญาเช่าไม่มีกําหนดเวลา การบอกเลิกสัญญาของเหลืองไม่ชอบ ข้อต่อสู้ของขาวฟังขึ้นหรือไม่ เพราะเหตุใด จงวินิจฉัย

ธงคําตอบ

หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 538 “เช่าอสังหาริมทรัพย์นั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใด ลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสําคัญ ท่านว่าจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ 

ถ้าเช่ามีกําหนดกว่าสามปีขึ้นไป หรือกําหนดตลอดอายุของผู้เช่าหรือผู้ให้เช่าไซร้ หากมิได้ทําเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ท่านว่าการเช่านั้นจะฟ้องร้องให้บังคับคดีได้แต่เพียงสามปี”

มาตรา 564 “อันสัญญาเช่านั้น ท่านว่าย่อมระงับไปเมื่อสิ้นกําหนดเวลาที่ได้ตกลงกันไว้ มิพักต้องบอกกล่าวก่อน

มาตรา 566 “ถ้ากําหนดเวลาเช่าไม่ปรากฏในความที่ตกลงกันหรือไม่พึงสันนิษฐานได้ไซร้ ท่านว่าคู่สัญญาฝ่ายใดจะบอกเลิกสัญญาเช่าในขณะเมื่อสุดระยะเวลาอันเป็นกําหนดชําระค่าเช่าก็ได้ทุกระยะ แต่ต้องบอกกล่าวแก่อีกฝ่ายหนึ่งให้รู้ตัวก่อนชั่วกําหนดเวลาชําระค่าเช่าระยะหนึ่งเป็นอย่างน้อย แต่ไม่จําต้อง บอกกล่าวล่วงหน้ากว่าสองเดือน”

มาตรา 569 “อันสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์นั้นย่อมไม่ระงับไป เพราะเหตุโอนกรรมสิทธิ์ ทรัพย์สินซึ่งให้เช่า

ผู้รับโอนย่อมรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของผู้โอนซึ่งมีต่อผู้เช่านั้นด้วย”

มาตรา 570 “ในเมื่อสิ้นกําหนดเวลาเช่าซึ่งได้ตกลงกันไว้นั้น ถ้าผู้เช่ายังคงครองทรัพย์สินอยู่ และผู้ให้เช่ารู้ความนั้นแล้วไม่ทักท้วงไซร้ ท่านให้ถือว่าคู่สัญญาเป็นอันได้ทําสัญญาใหม่ต่อไปไม่มีกําหนดเวลา”

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์ สัญญาเช่าอาคารพาณิชย์ระหว่างแดงกับขาวมีกําหนด 3 ปี เมื่อได้ทําเป็นหนังสือสัญญาเช่าจึงชอบด้วยกฎหมายและสามารถใช้บังคับกันได้ 3 ปี ตามมาตรา 538 เมื่อแดงให้ขาว ใช้อาคารพาณิชย์ได้เพียง 1 ปี แดงได้ยกอาคารพาณิชย์หลังนี้ให้กับเหลืองบุตรชายของตนซึ่งการให้ทําโดยชอบด้วยกฎหมาย กรณีนี้ย่อมไม่ทําให้สัญญาเช่าระหว่างแดงผู้ให้เช่ากับขาวผู้เช่าระงับสิ้นไปตามมาตรา 569 วรรคหนึ่ง โดยเหลืองผู้รับโอนจะต้องผูกพันรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของผู้โอนที่มีต่อขาวผู้เช่าด้วย กล่าวคือ เหลืองต้องให้ขาว เช่าอาคารพาณิชย์ต่อไปจนครบกําหนด 3 ปีตามสัญญาเช่าตามมาตรา 569 วรรคสอง

ตามข้อเท็จจริง เมื่อขาวได้เช่าอาคารพาณิชย์จนครบกําหนด 3 ปีตามสัญญาเช่าแล้ว สัญญาเช่า ย่อมระงับสิ้นไปตามมาตรา 564 การที่ขาวได้นําค่าเช่าไปชําระให้กับเหลือง 200,000 บาท และเหลืองได้ออก ใบเสร็จรับเงินให้กับขาว โดยใบเสร็จรับเงินดังกล่าวเขียนว่า “ใบเสร็จรับเงินค่าเช่าซึ่งจะมีการเช่าต่อไปอีก 4 เดือน นับแต่วันสิ้นสุดของสัญญาเช่าอาคารพาณิชย์” นั้น เป็นกรณีที่เหลืองกับขาวได้ทําให้สัญญาเช่าอาคารพาณิชย์ ต่อไปอีก 4 เดือน ดังนั้น เมื่อครบกําหนด 4 เดือน คือ วันที่ 30 เมษายน 2561 สัญญาเช่าก็ต้องระงับสิ้นไปตาม มาตรา 564 เช่นเดียวกัน

การที่เหลืองบอกเลิกสัญญาเช่ากับขาวและให้ขาวออกจากอาคารพาณิชย์ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2561 นั้น การบอกเลิกสัญญาเช่าของเหลืองจึงชอบด้วยกฎหมาย การที่ขาวไม่ยอมออกจากอาคารพาณิชย์ โดยต่อสู้ว่าเป็นสัญญาเช่าไม่มีกําหนดเวลา การบอกเลิกสัญญาของเหลืองไม่ชอบนั้น ข้อต่อสู้ของขาวฟังไม่ขึ้น ทั้งนี้เพราะการที่ขาวได้อยู่ในอาคารพาณิชย์ต่อไปอีก 4 เดือนนั้น ไม่ใช่เป็นกรณีที่ถือเป็นการทําสัญญาเช่าใหม่ ต่อไปโดยไม่มีกําหนดเวลาตามมาตรา 570 แต่เป็นกรณีที่ได้มีการทําสัญญาเช่าต่อไปโดยมีกําหนดระยะเวลา 4 เดือนตามที่ปรากฏในใบเสร็จรับเงินค่าเช่า ดังนั้น การที่เหลืองบอกเลิกสัญญาเช่านั้น เหลืองจึงไม่จําต้อง บอกกล่าวล่วงหน้าตามมาตรา 566 แต่อย่างใด

สรุป การบอกเลิกสัญญาเช่าของเหลืองชอบด้วยกฎหมาย ข้อต่อสู้ของขาวฟังไม่ขึ้น

 

ข้อ 2. น้ำเงินทําสัญญาเช่าเป็นหนังสือให้แสดเช่าที่ดินของน้ำเงินมีกําหนดเวลา 3 ปี นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560 เป็นต้นไป ตกลงชําระค่าเช่าทุกวันที่ 15 และวันสิ้นเดือนเป็นค่าเช่าคราวละ 30,000 บาท ในวันทําสัญญาเช่าน้ำเงินได้รับเงินค่าเช่าล่วงหน้าจากแสดไว้เป็นเงิน 210,000 บาท (สองแสนหนึ่งหมื่นบาท) ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ในปี 2560 แสดได้ชําระค่าเช่ามาตลอด แต่ครั้น ในปี 2561 แสดไม่ได้ชําระค่าเช่าให้กับน้ำเงินเลย ดังนั้น ในวันที่ 10 พฤษภาคม 2561 น้ำเงินจึงบอกเลิกสัญญาเช่ากับแสด เพราะแสดไม่ชําระค่าเช่า 

(ก) การกระทําของน้้ำเงินชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เพราะเหตุใด 

(ข) ถ้าข้อเท็จจริงตามข้อ (ก) เป็นสัญญาเช่าซื้อ คําตอบจะแตกต่างออกไปหรือไม่ เพราะเหตุใด

ธงคําตอบ

(ก) หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 560 “ถ้าผู้เช่าไม่ชําระค่าเช่า ผู้ให้เช่าจะบอกเลิกสัญญาเสียก็ได้

แต่ถ้าค่าเช่านั้นจะพึงส่งเป็นรายเดือน หรือส่งเป็นระยะเวลายาวกว่ารายเดือนขึ้นไป ผู้ให้เช่า ต้องบอกกล่าวแก่ผู้เช่าก่อนว่าให้ชําระค่าเช่าภายในเวลาใด ซึ่งจึงกําหนดอย่าให้น้อยกว่าสิบห้าวัน”

วินิจฉัย

ในเรื่องสัญญาเช่าทรัพย์นั้นตามบทบัญญัติมาตรา 560 ได้บัญญัติไว้ว่า ถ้าการชําระค่าเช่ากําหนด ชําระกันเป็นรายเดือนหรือยาวกว่ารายเดือน เมื่อผู้เช่าไม่ชําระค่าเช่า ผู้ให้เช่าจะบอกเลิกสัญญาเช่าทันทีเลยไม่ได้ จะต้องบอกกล่าวให้ผู้เช่าชําระค่าเช่าก่อนไม่น้อยกว่า 15 วัน ถ้าผู้เช่ายังไม่ยอมชําระอีกจึงจะบอกเลิกสัญญาได้

กรณีตามอุทาหรณ์ การที่น้ำเงินทําสัญญาเช่าเป็นหนังสือให้แสดเช่าที่ดินของน้ำเงินมีกําหนด เวลา 3 ปี นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560 เป็นต้นไป โดยตกลงชําระค่าเช่าทุกวันที่ 15 และวันสิ้นเดือน เป็นค่าเช่าคราวละ 30,000 บาทนั้น ถือว่าเป็นสัญญาเช่าทรัพย์ที่มีการตกลงชําระค่าเช่าต่ำกว่ารายเดือน ดังนั้นการบอกเลิกสัญญาเช่าจึงไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 560 วรรคสอง กล่าวคือ ถ้าผู้เช่าไม่ชําระค่าเช่า ผู้ให้เช่า ย่อมสามารถบอกเลิกสัญญาเช่าได้ทันทีโดยไม่ต้องบอกกล่าวให้ผู้เช่าชําระค่าเช่าก่อนไม่น้อยกว่า 15 วันแต่อย่างใด

รายการที่น้ำเงินได้รับเงินค่าเช่าล่วงหน้าในวันทําสัญญาเช่าจากแสดไว้เป็นเงิน 210,000 บาท (สองแสนหนึ่งหมื่นบาท) นั้น เมื่อหักค่าเช่าที่แสดไม่ได้ชําระค่าเช่าในปี 2561 เลย ย่อมถือว่าแสดได้ชําระค่าเช่า ของวันที่ 15 และ 31 มกราคม, วันที่ 15 และ 28 กุมภาพันธ์, วันที่ 15 และ 31 มีนาคม และวันที่ 15 เมษายน 2561 โดยแสดไม่ได้ชําระค่าเช่าในวันที่ 30 เมษายน 2561 ดังนั้น เมื่อมีการตกลงชําระค่าเช่ากันต่ำกว่ารายเดือน การที่น้ำเงินบอกเลิกสัญญาเช่ากับแสดในวันที่ 10 พฤษภาคม 2561 โดยไม่ได้มีการบอกกล่าวให้แสดนําค่าเช่า มาชําระก่อนไม่น้อยกว่า 15 วันนั้น จึงเป็นการกระทําที่ชอบด้วยกฎหมาย

(ข) หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 574 วรรคหนึ่ง “ในกรณีผิดนัดไม่ใช้เงินสองคราวติด ๆ กัน หรือกระทําผิดสัญญา ในข้อที่เป็นส่วนสําคัญ เจ้าของทรัพย์สินจะบอกเลิกสัญญาเสียก็ได้ ถ้าเช่นนั้นบรรดาเงินที่ได้ใช้มาแล้วแต่ก่อน ให้ริบเป็นของเจ้าของทรัพย์สิน และเจ้าของทรัพย์สินชอบที่จะกลับเข้าครองทรัพย์สินนั้นได้ด้วย”

วินิจฉัย

ถ้าข้อเท็จจริงตามข้อ (ก) เป็นสัญญาเช่าซื้อนั้น เมื่อหักเงินที่แสดชําระล่วงหน้าออกแล้ว เท่ากับแสดไม่ได้ชําระค่าเช่าซื้อเพียง 1 คราว คือ ในวันที่ 30 เมษายน 2561 จึงถือว่าเป็นกรณีที่ผู้เช่าซื้อผิดนัด ไม่ใช้เงินเพียง 1 คราว มิใช่การผิดนัดไม่ใช้เงินสองคราวติด ๆ กัน ตามมาตรา 574 วรรคหนึ่ง ดังนั้น น้ำเงิน จะบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อไม่ได้ การที่น้ำเงินบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อกับแสดในวันที่ 10 พฤษภาคม 2561 จึงไม่ชอบ ด้วยกฎหมาย

สรุป 

(ก) การบอกเลิกสัญญาเช่าทรัพย์ของน้ําเงินชอบด้วยกฎหมาย

(ข) การบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อของน้ําเงินไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้นคําตอบจึงต่างกัน

 

ข้อ 3. เขียวจ้างม่วงให้สร้างบ้านและอาคารเก็บรถยนต์ให้โดยจะจ่ายค่าจ้างทั้งหมดเป็นเงิน 15 ล้านบาท ให้กับม่วงเมื่องานเสร็จ ในระหว่างการก่อสร้าง ม่วงได้จ้างหมอกมาเป็นผู้ควบคุมการทํางานก่อสร้าง โดยให้ค่าจ้างทุก ๆ วันสิ้นเดือน เดือนละ 35,000 บาท สัญญาจ้างเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2560 เป็นต้นไปโดยไม่มีกําหนดเวลา ถ้าข้อเท็จจริงมีดังนี้คือ 

(ก) ม่วงสร้างบ้านให้เขียวเสร็จแล้วและจะเริ่มสร้างอาคารเก็บรถยนต์ในวันที่ 10 พฤษภาคม 2561 แต่เขียวไม่ต้องการให้ม่วงทําการก่อสร้างจึงได้บอกเลิกสัญญากับม่วงทันทีโดยม่วงไม่ผิดสัญญาได้หรือไม่ เพียงใด 

(ข) ม่วงบอกเลิกสัญญากับหมอกในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2561 หมอกต้องทํางานให้ม่วงไปจนถึงวันที่เท่าใดจึงจะชอบด้วยกฎหมาย

ธงคําตอบ

(ก) หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 587 “อันว่าจ้างทําของนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าผู้รับจ้าง ตกลงรับ จะทําการงานสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนสําเร็จให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่าผู้ว่าจ้าง และผู้ว่าจ้างตกลงจะให้สินจ้าง เพื่อผลสําเร็จแห่งการที่ทํานั้น”

มาตรา 605 “ถ้าการที่จ้างยังทําไม่แล้วเสร็จอยู่ตราบใด ผู้ว่าจ้างอาจบอกเลิกสัญญาได้ เมื่อเสียค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้รับจ้างเพื่อความเสียหายอย่างใด ๆ อันเกิดแต่การเลิกสัญญานั้น”

วินิจฉัย

โดยหลักในเรื่องสัญญาจ้างทําของนั้น ถ้าการที่จ้างยังทําไม่แล้วเสร็จ ผู้ว่าจ้างสามารถบอกเลิก สัญญาจ้างได้ แต่ต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอย่างใด ๆ ที่เกิดจากการเลิกสัญญานั้น ให้กับผู้รับจ้าง (มาตรา 605)

กรณีตามอุทาหรณ์ การที่เขียวจ้างม่วงให้สร้างบ้านและอาคารเก็บรถยนต์ให้โดยจะจ่ายค่าจ้าง ทั้งหมดเป็นเงิน 15 ล้านบาทให้กับม่วงเมื่องานเสร็จนั้น สัญญาระหว่างเขียวกับม่วงถือว่าเป็นสัญญาจ้างทําของ ตามมาตรา 587 เมื่อม่วงได้สร้างบ้านให้เขียวเสร็จแล้วก่อนที่จะสร้างอาคารเก็บรถยนต์ เขียวไม่ต้องการให้ม่วง ทําการก่อสร้างอาคารเก็บรถยนต์จึงได้บอกเลิกสัญญากับม่วงทันทีโดยม่วงไม่ผิดสัญญานั้น เขียวย่อมสามารถ บอกเลิกสัญญาจ้างได้ แต่เขียวจะต้องเสียค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอย่างใด ๆ ที่เกิดขึ้นจากการ ยกเลิกสัญญาจ้างนั้นให้แก่ม่วงด้วย ตามมาตรา 605 กล่าวคือ เขียวจะต้องชําระสินจ้างให้แก่ม่วงสําหรับการ ก่อสร้างบ้าน และต้องชําระค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอย่างใด ๆ อันเกิดจากการยกเลิกสัญญาจ้างนั้น ให้แก่ม่วงด้วย

(ข) หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 575 “อันว่าจ้างแรงงานนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าลูกจ้าง ตกลงจะทํางาน ให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่านายจ้าง และนายจ้างตกลงจะให้สินจ้างตลอดเวลาที่ทํางานให้”

มาตรา 582 “ถ้าคู่สัญญาไม่ได้กําหนดลงไว้ในสัญญาว่าจะจ้างกันนานเท่าไร ท่านว่าฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่งจะเลิกสัญญาด้วยการบอกกล่าวล่วงหน้า ในเมื่อถึงหรือก่อนจะถึงกําหนดจ่ายสินจ้างคราวใดคราวหนึ่ง เพื่อให้เป็นผลเลิกสัญญากันเมื่อถึงกําหนดจ่ายสินจ้างคราวถัดไปข้างหน้าก็อาจทําได้ แต่ไม่จําต้องบอกกล่าว ล่วงหน้ากว่าสามเดือน

อนึ่ง ในเมื่อบอกกล่าวดังว่านี้ นายจ้างจะจ่ายสินจ้างแก่ลูกจ้างเสียให้ครบจํานวนที่จะต้องจ่าย จนถึงเวลาเลิกสัญญาตามกําหนดที่บอกกล่าวนั้นทีเดียวแล้วปล่อยลูกจ้างจากงานเสียในทันทีก็อาจทําได้”

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์ การที่ม่วงได้จ้างหมอกมาเป็นผู้ควบคุมการทํางานก่อสร้างโดยให้ค่าจ้าง ทุก ๆ วันสิ้นเดือน ๆ ละ 35,000 บาท ถือว่าเป็นสัญญาจ้างแรงงานตามมาตรา 575 และเมื่อเป็นสัญญาจ้างที่ ไม่มีกําหนดเวลาจึงเข้าหลักเกณฑ์ตามมาตรา 582 วรรคหนึ่ง กล่าวคือ ถ้าม่วงจะบอกเลิกสัญญาจ้างจะต้อง บอกกล่าวล่วงหน้าในเมื่อถึงหรือก่อนจะถึงกําหนดจ่ายสินจ้างคราวใดคราวหนึ่งเพื่อให้เป็นผลเลิกสัญญากัน เมื่อถึงกําหนดจ่ายสินจ้างคราวถัดไปข้างหน้า แต่ไม่จําต้องบอกกล่าวล่วงหน้ากว่าสามเดือน

เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ม่วงได้บอกเลิกสัญญากับหมอกในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2561 ย่อมถือว่า เป็นการบอกเลิกสัญญาของการจ่ายสินจ้างในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2561 เพื่อให้เป็นผลเลิกสัญญากันเมื่อถึง กําหนดจ่ายสินจ้างคราวถัดไปข้างหน้า คือ เลิกสัญญากันในวันที่ 31 มีนาคม 2561 ดังนั้น หมอกจึงต้องทํางาน ให้ม่วงต่อไปจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2561 จึงจะชอบด้วยกฎหมาย

สรุป 

(ก) เขียวสามารถบอกเลิกสัญญาจ้างกับม่วงได้ทันทีโดยม่วงไม่ผิดสัญญา แต่เขียวจะต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับม่วงในความเสียหายซึ่งเกิดจากการบอกเลิกสัญญาจ้างนั้นด้วย 

(ข) ม่วงบอกเลิกสัญญากับหมอกในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2561 หมอกต้องทํางานให้ม่วงจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2561 จึงจะชอบด้วยกฎหมาย

 

RAM1000 ความรู้คู่คุณธรรม การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2561

การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2561
ข้อสอบกระบวนวิชา RAM 1000 ความรู้คู่คุณธรรม

คําสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคําตอบเดียว (ข้อสอบมีทั้งหมด 120 ข้อ)
1. การมีคุณธรรมจริยธรรมของคนเราทําให้เกิดสิ่งใดที่สําคัญที่สุดของการอยู่ร่วมกันในสังคม
(1) ความเอาใจใส่ในตนเองและผู้อื่น
(2) ความสงบและสันติสุขอย่างยั่งยืน
(3) ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและสังคม
(4) ความรับผิดชอบต่อครอบครัว
ตอบ 2
คุณธรรมจริยธรรมได้ถูกหยิบยกมาเป็นบรรทัดฐานอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาคนในด้านจิตใจและการประพฤติปฏิบัติ (การกระทํา) เพราะคนหรือมนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่ต้องอยู่ร่วมกัน มีข้อตกลงและมีเป้าหมายร่วมกัน ซึ่งผลที่เกิดขึ้นสุดท้ายกับสังคมที่คนส่วนใหญ่มีคุณธรรมจริยธรรมก็คือ ความสงบสุขและมีสันติอย่างยั่งยืน

2. เมื่อบุคคลใดยินดีกับความสําเร็จของบุคคลอื่นในหน้าที่การงาน การศึกษา ไม่อิจฉาริษยา บุคคลผู้นั้นมีคุณสมบัติใด
(1) อุเบกขา
(2) กรุณา
(3) คุณธรรม
(4) จริยธรรม
ตอบ 3
พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตโต) กล่าวว่า คุณธรรม คือ ธรรมที่เป็นคุณความดีงาม ประกอบด้วย 1. เมตตา คือ ความรักปรารถนาดีเป็นมิตร อยากให้ผู้อื่นพบความสุข 2. กรุณา คือ ความสงสารอยากช่วยเหลือให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ 3. มุทิตา คือ ความพลอยยินดีพร้อมที่จะส่งเสริมสนับสนุนผู้ที่ประสบความสําเร็จให้มีความสุขไม่คิดอิจฉาริษยาในความดีของผู้อื่น 4. อุเบกขา คือ การวางตัว การวางใจเป็นกลางเพื่อรักษาธรรม 5. จาคะ คือ ความมีน้ำใจ เสียสละ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่เห็นแก่ตัว

3. สิ่งใดที่บุคคลใช้เป็นแนวทางในการดําเนินชีวิตอย่างสมดุล
(1) คุณงามความดี
(2) ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
(3) จิตสาธารณะ
(4) คุณธรรมและจริยธรรม
ตอบ 2
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ (รัชกาลที่ 9) พระราชทานให้แก่พสกนิกรชาวไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2517 เพื่อเป็นแนวทางในการดําเนินชีวิตอย่าง

4. การผลิต เกษตรกรต้องช่วยเหลือกัน จัดอยู่ในขั้นใดของทฤษฎีใหม่
(1) ขั้นที่ 1
(2) ขั้นที่ 2
(3) ขั้นที่ 3
(4) ขั้นที่ 4
ตอบ 2
ทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดําริขั้นที่ 2 ในด้านการผลิต คือ เกษตรกรจะต้องร่วมมือให้ความช่วยเหลือกันในการผลิต ตั้งแต่ขั้นตอนของการเตรียมดิน การหาพันธุ์พืช และปุ๋ย การจัดหาน้ำ และอื่น ๆ ที่เป็นปัจจัยต่อการเพาะปลูก

5. การเสริมสร้างระบบคุณธรรมจริยธรรมในสังคมอาจใช้เป็นดัชนีวัดสิ่งใด
(1) ความทัดเทียมกับนานาอารยประเทศ
(2) เป้าหมายชีวิตของสมาชิกในสังคมใดๆ
(3) ความเจริญรุ่งเรืองของชาติและจิตใจของคน
(4) พัฒนาการของเด็กและเยาวชน
ตอบ 3 หน้า 38 การเสริมสร้างคุณธรรมจริยธรรมจะเป็นรากฐานของความเข้มแข็งของประชาชนและเป็นดัชนีชี้วัดความเจริญรุ่งเรืองของประเทศชาติที่บ่งบอกถึงคุณภาพทางด้านจิตใจและพฤติกรรมของผู้คนที่แสดงออกมาได้อย่างเป็นรูปธรรม

6. ในเรื่องของจิตสาธารณะ สื่อมวลชนมีบทบาทในการสร้างจิตสาธารณะเพราะเหตุใด
(1) ช่วยแพร่กระจายความคิดและความรู้
(2) ช่วยให้คนในสังคมสามัคคีกันได้เสมอ
(3) ช่วยให้คนในสังคมใช้สื่อมากขึ้น
(4) ช่วยให้คนในสังคมทําตามเฉพาะในสิ่งที่ถูกต้อง
ตอบ 1
สื่อมวลชนมีบทบาทในการสร้างจิตสาธารณะ เพราะสื่อมวลชนมีอิทธิพลอย่างยิ่งในการช่วยแพร่กระจายความคิด ความรู้ หรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งสู่การรับรู้ของประชาชน ทั้งนี้สิ่งที่สื่อมวลชนจะต้องตระหนักในการสร้างจิตสาธารณะ คือ สื่อมวลชนต้องคํานึงถึงผลกระทบต่อความรู้สึกนึกคิดและการเรียนรู้ของเยาวชนในการนําเสนอข่าวสารหรือสาระความรู้ต่าง ๆ

7. คุณธรรมพื้นฐานแปดประการข้อใดที่ปรากฏในแผนแม่บทส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ฉบับที่ 1
(1) ซื่อสัตย์
(2) พอเพียง
(3) จิตอาสา
(4) วินัย
ตอบ 4
กระทรวงศึกษาธิการได้กําหนดคุณธรรมพื้นฐาน 8 ประการ ให้แก่เยาวชนไทยคือ “ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย สุภาพ สะอาด สามัคคี มีน้ำใจ” ส่วนแผนแม่บทส่งเสริม คุณธรรมแห่งชาติ ฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2559 – พ.ศ. 2564) ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 ได้กําหนดคุณธรรมที่พึงประสงค์สําหรับสังคมไทย เพื่อนําสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบ 4 ประการ คือ “พอเพียง วินัย สุจริต จิตอาสา”

8. คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคําแหง จัดตั้งพร้อมกับคณะใด
(1) คณะนิติศาสตร์
(2) คณะเศรษฐศาสตร์
(3) คณะศึกษาศาสตร์
(4) คณะมนุษยศาสตร์
ตอบ 2
ในวาระเริ่มแรก (พ.ศ. 2514) มหาวิทยาลัยรามคําแหงได้จัดตั้งคณะวิชา 4 คณะ ได้แก่ คณะนิติศาสตร์ คณะบริหารธุรกิจ คณะมนุษยศาสตร์ และคณะศึกษาศาสตร์ ต่อมามหาวิทยาลัยได้ขอจัดตั้งเพิ่มอีก 3 คณะ ได้แก่ คณะวิทยาศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ และ คณะเศรษฐศาสตร์ แต่สภาการศึกษาแห่งชาติไม่ให้จัดตั้ง จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2516 จอมพล ถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบตามโครงการจัดตั้งคณะใหม่ ทําให้ในปีการศึกษาพ.ศ. 2516 มหาวิทยาลัยรามคําแหงมีคณะวิชาที่จัดการเรียนการสอนทั้งหมด 7 คณะ

9. ความสงสารอยากช่วยเหลือให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ หมายถึงอะไร
(1) จาคะ
(2มุทิตา
(3) เมตตา
(4) กรุณา
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 2. ประกอบ

10. จริยธรรมเป็นเครื่องกําหนดสิ่งใด
(1) สติปัญญา
(2) ถูกผิด ดีเลว เลว ดี
(3) ความเชื่อมั่น
(4) ความไว้วางใจ
ตอบ 2
Stumpf ได้อธิบายความหมายของ “จริยธรรม” ไว้ว่า จริยธรรมเป็นเครื่องกําหนดความประพฤติปฏิบัติเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่าถูกหรือผิด ดีหรือเลว พึงประสงค์หรือไม่พึงประสงค์ มีคุณค่าหรือไร้คุณค่า

11. พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยรามคําแหงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อปีพุทธศักราชใด
(1) 2510
(2) 2511
(3) 2512
(4) 2514
ตอบ 4
พ.ร.บ. มหาวิทยาลัยรามคําแหง พ.ศ. 2514 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 88ตอนที่ 24 วันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2514 หน้า 89 – 112 และให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจาก วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

12. ข้อใดคือแหล่งเรียนรู้แห่งแรกในชีวิต
(1) วัฒนธรรมประเพณี
(2) ชีวิตประจําวัน
(3) ครอบครัว
(4) โรงเรียนอนุบาล
ตอบ 3
สถาบันทางสังคมที่มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับการเสริมสร้างจิตสาธารณะให้แก่เยาวชน มีดังนี้ 1.สถาบันครอบครัว ถือเป็นจุดเริ่มต้นหรือแหล่งเรียนรู้แห่งแรกในชีวิต 2. สถาบันการศึกษา ได้แก่ โรงเรียน มหาวิทยาลัย ฯลฯ 3. สถาบันศาสนา 4. สื่อมวลชน

13. การจัดการศึกษาที่ให้บัณฑิตเป็นคนดีและคนเก่ง ต้องยึดหลักการสําคัญในข้อใด
(1) ความรู้คู่วิสัยทัศน์
(2) ความรู้คู่คุณธรรม
(3) ความรักคู่ความรู้
(4) ความรู้คู่ความมีประโยชน์
ตอบ 2
คุณธรรมจริยธรรมเป็นรากฐานสําคัญในการพัฒนาคนเพื่อให้มีปัญญา มีความรู้มีคุณธรรม และมีทักษะในการแก้ปัญหาชีวิต ดังนั้นการจัดการศึกษาจึงต้องยึดหลักสําคัญ คือความรู้คู่คุณธรรม สังคมไทยจึงจะมีสมาชิกของสังคมที่เป็นทั้งคนเก่งและคนดี

14. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรท่านใดที่ร่วมลงชื่อเสนอร่างกฎหมายจัดตั้งมหาวิทยาลัยรามคําแหง
(1) นายศักดิ์ ผาสุขนิรันต์
(2) นายอภิรมย์ ณ นคร
(3) นายบรรพต วีระสัย
(4) นายสุรินทร์ เทพกาญจนา
ตอบ 4
ในปี พ.ศ. 2512 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จากทุกภาคของประเทศที่สังกัดพรรคสหประชาไทยได้ร่วมลงชื่อเสนอร่างกฎหมายจัดตั้งมหาวิทยาลัยแห่งใหม่ (มหาวิทยาลัยรามคําแหง) ได้แก่ 1. นายประมวล กุลมาตย์ ส.ส. จังหวัดชุมพร เป็นผู้เริ่มจัดทําร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัย………… พ.ศ. …… 2. นายสวัสดิ์ คําประกอบ ส.ส. จังหวัดนครสวรรค์ 3. นายญวง เอี่ยมศิลา ส.ส. จังหวัดอุดรธานี 4. นายยศ อินทรโกมาลย์สุต ส.ส. จังหวัดนครราชสีมา สกลนคร 5. นายสุรินทร์ เทพกาญจนา ส.ส. จังหวัดสมุทรสาคร 6. นายประสิทธิ์ ชูพินิจ ส.ส. จังหวัดกําแพงเพชร 7. นายชื่น ระวิวรรณ ส.ส. จังหวัดหนองคาย และมี ส.ส. ร่วมลงชื่อรับรองอีก 43 คน

15. การไม่ฆ่าสัตว์ เบียดเบียนชีวิตผู้อื่น คือ ระดับของคุณธรรมจริยธรรมในข้อใด
(1) โลกุตรธรรม
(2) โลกียธรรม
(3) มนุษยธรรม
(4) การรักษาศีลห้า
ตอบ 2
การวัดระดับของคุณธรรมจริยธรรมทําได้ 2 ระดับ ดังนี้ คือ 1. ระดับโลกียธรรม ได้แก่ ธรรมอันเป็นวิสัยของมนุษย์โลก สภาวะเนื่องกับโลก เช่น ศีล 5
ซึ่งมุ่งให้บุคคลอยู่รวมกันอย่างสันติสุข ไม่ทําชั่ว ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน 2. ระดับโลกุตรธรรม ได้แก่ ธรรมอันมิใช่โลก สภาวะพ้นโลก เช่น มรรค 4 ผล 4 นิพพาน 1

16. บุคคลสี่เหล่าเปรียบเหมือนดอกไม้ชนิดใด
(1) ดอกมะละ
(2) ดอกดาวเรือง
(3) ดอกทานตะวัน
(4) ดอกบัว
ตอบ 4 พระพุทธศาสนาได้ทําการเปรียบเทียบสติปัญญาของบุคคลต่าง ๆ ไว้กับ ดอกบัว 4 เหล่า ได้แก่ 1. ดอกบัวโผล่พ้นน้ำพร้อมที่จะบาน เปรียบได้กับคนฉลาดมาก 2. ดอกบัวที่กําลังโผล่พ้นน้ำ เปรียบได้กับคนฉลาดปานกลาง 3. ดอกบัวที่อยู่ใต้น้ำ เปรียบได้กับคนฉลาดน้อย 4. ดอกบัวที่อยู่ในโคลนตม เปรียบได้กับคนโง่ทึบ ไม่สามารถพัฒนาได้

17. ข้อใดคือความหมายของคุณธรรม
(1) การแสดงออกซึ่งความในใจอย่างไม่เสแสร้ง
(2) ความน่ารักและยกย่องโดยบุคคลอื่นที่อยู่รอบตัว
(3) ความโน้มเอียงของการปฏิบัติที่เกิดผลดีต่อตนเอง
(4) อุปนิสัยอันดีงามที่สั่งสมอยู่ในจิตใจ
ตอบ 4
วศิน อินทสระ กล่าวว่า คุณธรรม คือ อุปนิสัยอันดีงามที่สั่งสมอยู่ในจิตใจ หรือกล่าวโดยสรุปคุณธรรม หมายถึง ความล้ำเลิศแห่งอุปนิสัย ซึ่งเป็นผลของการกระทําหน้าที่จนกลายเป็นนิสัยนั่นเอง

18. สิ่งที่สื่อมวลชนต้องตระหนักในการสร้างจิตสาธารณะ คือข้อใด
(1) ประเภทของเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตสื่อ
(2) ต้นทุนที่ใช้ในการผลิตสื่อและดําเนินการ
(3) รูปแบบการนําเสนอข่าวสาร สนเทศ
(4) ผลกระทบในการนําเสนอข่าวสาร สาระต่อเยาวชน
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 6. ประกอบ

19. ปัญหาที่เกิดขึ้นประการหนึ่งในการจัดตั้งมหาวิทยาลัยรามคําแหง คือข้อใด
(1) ผู้ดํารงตําแหน่งอธิการบดีคนเเรก
(2) ที่ตั้ง
(3) คณบดีของคณะที่เปิดสอน
(4) สาธารณูปโภค
ตอบ 2
ปัญหาสําคัญที่จะต้องร่วมกันพิจารณาก่อนที่กระบวนการทางนิติบัญญัติจะได้ดําเนินการต่อไป คือ ปัญหาสถานที่ตั้ง อาจารย์ผู้สอน และเงินงบประมาณ เป็นต้น ต่อมาเมื่อมีการประชุมพรรคเพื่อพิจารณาร่างกฎหมายจัดตั้งมหาวิทยาลัยรามคําแหง ศาสตราจารย์ ดร.ศักดิ์ ผาสุขนิรันต์ ในฐานะสมาชิกพรรค ได้มีโอกาสร่วมอภิปรายเกี่ยวกับการแก้ปัญหาสําคัญดังกล่าวให้ที่ประชุมพรรคพิจารณา โดยสรุปได้เสนอขอรัฐบาลพิจารณาสถานที่แสดงสินค้านานาชาติที่หัวหมากเป็นที่ตั้ง เมื่ออยู่ไม่ไกลทําให้สามารถเชิญผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกมาช่วยสอนในระยะแรก ส่วนงบประมาณใช้ไม่มาก

20. ความเข้าใจในเหตุผลของความถูกต้องดีงาม สามารถตัดสินแยกแยะความถูกต้องออกจากความไม่ถูกต้องด้วยการคิด คือ องค์ประกอบใดของคุณธรรมจริยธรรม
(1) ความรู้
(2) พฤติกรรม
(3) สามัญสํานึก
(4) อารมณ์
ตอบ 1 หน้า 99 กรมวิชาการ ได้สรุปองค์ประกอบประการหนึ่งในเรื่องจริยธรรมของบุคคล ได้แก่ด้านความรู้ คือ ความเข้าใจในเหตุผลของความถูกต้องดีงาม สามารถ ตัดสินแยกแยะความถูกต้องออกจากความไม่ถูกต้องได้ด้วยการคิด

21. ผลที่คาดหวังของกลุ่มสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เสนอจัดตั้งมหาวิทยาลัยรามคําแหง คืออะไร
(1) ปัญหานักศึกษาไม่มีที่เรียนจะหมดไป
(2) ปัญหาการพัฒนาการศึกษาของชาติจะน้อยลง
(3) ปัญหาการว่างงานของเยาวชนจะน้อยลง
(4) ปัญหาวัยรุ่นในสังคมจะลดน้อยลง
ตอบ 1 หน้า 1 – 2 กลุ่มนักการเมืองที่เป็น ส.ส. พรรคสหประชาไทย และมาจากการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2511 ซึ่งสมาชิกในกลุ่มหลายคนเป็นผู้ที่เคยศึกษาในมหาวิทยาลัยแบบตลาดวิชา มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง มาก่อน ได้ร่วมกันปรึกษาริเริ่มให้จัดตั้งมหาวิทยาลัยแบบตลาดวิชา (ต่อมาก็คือมหาวิทยาลัยรามคําแหง) เพื่อแก้ไขปัญหานักศึกษาไม่มีที่เล่าเรียนจะได้หมดสิ้นไป

22. เมื่อคุณธรรมเป็นฝ่ายดีอยู่ในจิตใจของบุคคล การแสดงออกให้เห็นประจักษ์ คืออะไร
(1) จาคะ 3
(2) กรุณา
(3) จริยธรรม
(4) อุปนิสัยใจคอ
ตอบ 3 หน้า 43 ผู้ที่มีความประพฤติดีงามอย่างแท้จริงจะต้องเป็นผู้มีความรู้สึกในด้านดีอยู่ตลอดเวลากล่าวคือ มีคุณธรรมเป็นฝ่ายดีอยู่ในจิตใจของบุคคล ส่วนการแสดงออกให้เห็นประจักษ์ คือจริยธรรม ซึ่งเป็นเรื่องของการประพฤติปฏิบัติเป็นพฤติกรรมภายนอก

23. ความหมายของคุณธรรม ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 คือข้อใด
(1) สภาพคุณงามความดี
(2) สภาพความเป็นจริงในสังคมที่เปลี่ยนแปลงเสมอ
(3) สภาพที่ทุกคนควรกระทํา
(4) สภาพความเที่ยงตรงและยั่งยืน
ตอบ 1 หน้า 40 ความหมายของคําว่า “คุณ” หมายถึง ความดี เป็นความหมายทางนามธรรมและเป็นเรื่องของจิตใจ ส่วนคําว่า “ธรรม” หมายถึง การกระทํา ซึ่งจะมีความหมายเป็นรูปธรรม โดยพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ได้ให้ความหมายของคําว่า “คุณธรรม” หมายถึง สภาพคุณงามความดี

24. กลุ่มสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ร่วมลงชื่อเสนอร่างกฎหมายจัดตั้งมหาวิทยาลัยรามคําแหง สังกัดพรรคการเมืองใด
(1) พรรคชาติไทย
(2) พรรคประชากรไทย
(3) พรรคสหประชาชาติ
(4) พรรคสหประชาไทย
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 14. ประกอบ

25. การพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และการพัฒนาบ้านเมืองไปในทิศทางที่ถูกต้อง จําเป็นต้องพัฒนาสิ่งใดก่อน
(1) จิตใจคน
(2) คุณภาพชีวิต
(3) การศึกษา
(4) สติปัญญา
ตอบ 1 หน้า 45 การพัฒนาบ้านเมืองไปในทิศทางที่ถูกต้อง จําเป็นต้องพัฒนาที่จิตใจคนก่อน หรืออย่างน้อยก็ให้พร้อม ๆ ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม การศึกษาวิชาการอื่น ๆ ทั้งนี้เพราะการพัฒนาที่ไม่มีจริยธรรมเป็นแกนนำนั้นจะสูญเปล่าและเกิดผลเสียเป็นอันมาก ทําให้บุคคลลุ่มหลงในวัตถุและอบายมุข

26. ข้อใดแสดงพฤติกรรมของความขยัน
(1) นายเขียวเก็บเงินสองแสนบาทและส่งคืนเจ้าของ
(2) นายขาวช่วยแม่ซักผ้าเพื่อแลกเงินสองร้อยบาท
(3) นายดําปั่นจักรยาน 20 กิโลเมตร ไปขายของที่ตลาดหลังเลิกเรียนตอนเย็น (4) นายฟ้าพยายามตั้งใจเรียนเพื่อสอบได้ที่หนึ่ง หวังเอาชนะเพื่อนทุกคนในห้อง
ตอบ 3
พฤติกรรมของความขยัน คือ ผู้ที่มีความตั้งใจเพียรพยายามทําหน้าที่การงานอย่างจริงจังและต่อเนื่องในเรื่องที่ถูกที่ควร สู้งาน มีความพยายามไม่ท้อถอย กล้าเผชิญกับอุปสรรค รักในงานที่ทํา ตั้งใจทําหน้าที่อย่างจริงจัง ทั้งนี้องค์ประกอบของความขยัน ได้แก่ 1. ขยันอย่างอดทนสม่ำเสมอ 2. ขยันในทางที่ดี ถูกต้อง สังคมยอมรับ ยกย่อง 3. ขยันอย่างมีสติปัญญา

27. ใครคืออาจารย์ผู้บรรยายวิชา LS 103 การใช้ห้องสมุด ในการเปิดสอนวันแรกของมหาวิทยาลัยรามคําแหง
(1) อาจารย์อัมพร วีระวัฒน์
(2) ศาสตราจารย์ ดร.บรรพต วีระสัย
(3) ศาสตราจารย์ ดร.ศักดิ์ ผาสุขนิรันต์
(4) อาจารย์ไพบูลย์ สุวรรณโพธิ์ศรี
ตอบ 1
กระบวนวิชาแรกที่สอนในวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2514 ซึ่งเป็นวันเปิดเรียนครั้งแรกของมหาวิทยาลัยรามคําแหง คือ LS 103 วิชาการใช้ห้องสมุด สอนโดย อ.อัมพร วีระวัฒน์และคาบต่อมาก็คือ กระบวนวิชา PS 110 วิชาการปกครองของไทย สอนโดยศาสตราจารย์ ดร.ศักดิ์ ผาสุขนิรันต์

28. ข้อใดเป็นแหล่งเรียนรู้ที่น่าเชื่อถือและใกล้ตัวนักศึกษาในขณะนี้
(1) โทรศัพท์มือถือ
(2) กลุ่มเพื่อนและญาติสนิท
(3) แหล่งท่องเที่ยวในประเทศไทย
(4) มหาวิทยาลัยรามคําแหง
ตอบ 1
โทรศัพท์มือถือหรือสมาร์ทโฟน (Smartphone) ถือเป็นแหล่งเรียนรู้ที่น่าเชื่อถือและใกล้ตัวเราในขณะนี้ เพราะทําให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้นอกโรงเรียน ซึ่งสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยการค้นหาข้อมูลความรู้เพิ่มเติมด้วยตนเองผ่านทางแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ

29. หน่วยที่เล็กที่สุดของสังคม คืออะไร
(1) องค์การ
(2) กลุ่มบุคคล
(3) ครอบครัว
(4) บุคคล
ตอบ 3
องค์ประกอบของสังคมประการหนึ่ง ได้แก่ ประชากร ซึ่งจะต้องมีจํานวนตั้งแต่ 2 คน ขึ้นไป โดยหน่วยที่มีขนาดเล็กที่สุดของสังคม คือ ครอบครัวที่มีพ่อกับแม่ หรือประกอบไปด้วยพ่อ แม่ และลูก

30. เหตุผลหลังจากการร่วมลงชื่อเสนอร่างจัดตั้งมหาวิทยาลัยรามคําแหง ไม่ได้จัดวาระการประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
(1) รัฐบาลไม่เห็นความสําคัญเร่งด่วน
(2) ไม่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชน
(3) ยังไม่ผ่านที่ประชุมพรรค
(4) ยังไม่มีงบประมาณ
ตอบ 3
การที่ ส.ส. เสนอร่างกฎหมายจัดตั้งมหาวิทยาลัยแห่งใหม่ (มหาวิทยาลัยรามคําแหง) ต่อสภาผู้แทนราษฎร โดยไม่ได้มีการพิจารณาในที่ประชุมพรรคก่อน ถือว่าเป็นการกระทําที่ไม่ถูกต้องต่อระเบียบนิติบัญญัติของพรรค ทําให้ร่างกฎหมายที่ ส.ส. เสนอดังกล่าว ในชั้นนี้จึงยังไม่ได้รับการจัดเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมเพื่อพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร

31. นักศึกษาของมหาวิทยาลัยรามคําแหงที่สําเร็จการศึกษารุ่นแรกเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร ณ สถานที่ใด
(1) อาคารเอดี 1
(2) อาคาร NB 3
(3) สนามกีฬาแห่งชาติ
(4) หอสมุดกลาง
ตอบ 4 หน้า 32 นักศึกษาของมหาวิทยาลัยรามคําแหงที่สําเร็จการศึกษารุ่นแรกเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ (รัชกาลที่ 9) เมื่อวันที่ 26 – 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2518 ณ หอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคําแหง (หัวหมาก)

32. ข้อใดคือแหล่งที่มาของคุณธรรม
(1) ศาสนา
(2) การเลียนแบบ
(3) การดําเนินชีวิต
(4) การจินตนาการ
ตอบ 1
แหล่งที่มาของคุณธรรมและจริยธรรม ได้แก่
1. ปรัชญาต่าง ๆ 2. ศาสนาต่าง ๆ 3. วรรณคดี ซึ่งจะมีแนวคิดคําสอนที่เป็นแนวปฏิบัติได้ เช่น สุภาษิตพระร่วง โคลงโลกนิติ และสุภาษิตสอนหญิง 4. สังคม ได้แก่ ขนบธรรมเนียมประเพณี 5. การเมืองการปกครอง

33. วศิน อินทสระ กล่าวว่า คุณธรรมเป็นผลของการกระทําหน้าที่และเป็นสิ่งใดของคนเรา
(1) ทัศนคติ
(2) นิสัย
(3) คุณค่าชีวิต
(4) ค่านิยม
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 17. ประกอบ

34. ใครคือประธานคณะกรรมการเตรียมการเปิดมหาวิทยาลัยรามคําแหง
(1) ศาสตราจารย์ ดร.ศักดิ์ ผาสุขนิรันต์
(2) พลโทแสวง เสนาณรงค์
(3) นายประมวล กุลมาตย์
(4) นายบุญสม มาร์ติน
ตอบ 1
คณะรัฐมนตรีได้ประชุม ปรึกษาเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2513 มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการเตรียมการเปิดมหาวิทยาลัยรามคําแหงให้ทันปีการศึกษา พ.ศ. 2514 มีรายนามดังต่อไปนี้ 1. ศาสตราจารย์ ดร.ศักดิ์ ผาสุขนิรันต์ เป็นประธานกรรมการ 2. นายประภาศน์ อวยชัย เป็นกรรมการ 3. นายไพบูลย์ สุวรรณโพธิ์ศรี เป็นกรรมการ ฯลฯ

35. ใครคือผู้อนุมัติให้ใช้ที่ดินที่ใช้ในการแสดงสินค้านานาชาติเป็นที่ตั้งมหาวิทยาลัยรามคําแหง
(1) คณะรัฐมนตรี
(2) สภาบริหารคณะปฏิวัติ
(3) สภากรุงเทพมหานคร
(4) สภาผู้แทนราษฎร
ตอบ 2
สําหรับเรื่องสถานที่ตั้งมหาวิทยาลัยรามคําแหงเป็นการถาวร ได้รับอนุมัติจากรัฐบาลในเวลาต่อมา โดยสภาบริหารคณะปฏิวัติ ได้มีมติเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2515 ให้มหาวิทยาลัยรามคําแหงใช้ที่ดินที่ใช้ในการแสดงสินค้านานาชาติที่หัวหมากเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัย

36. ในด้านความรักเกี่ยวข้องอย่างไรกับการปลูกฝังจิตสาธารณะ
(1) การรักตนเอง
(2) การรักเพื่อนมนุษย์
(3) การรักคนรัก
(4) การรักทรัพย์สินเงินทอง
ตอบ 2
ประเวศ วะสี ได้เสนอกลยุทธ์ในการปลูกจิตสาธารณะไว้ประการหนึ่ง คือ ความรัก ซึ่งในที่นี้หมายถึง ความรักในธรรมชาติ ในแผ่นดิน ความรักต่อสังคม ต่อประเทศ ความรักใน วัฒนธรรม ชุมชน ความรักในค่านิยมความเป็นไทย ความรักต่อเพื่อนมนุษย์ ทั้งนี้ความรักต่อแผ่นดินจะสร้างความผูกพันในความเป็นสังคมไทย เป็นตัวปลูกจิตสํานึก

37. แนวคิดหลักของเศรษฐกิจพอเพียง คืออะไร
(1) ก้าวทันโลกโลกาภิวัตน์
(2) ความมั่งคั่งที่ยั่งยืน
(3) แนวทางการคงอยู่
(4) ทางสายกลาง
ตอบ 4
แนวคิดหลักของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง คือ ทางสายกลาง ซึ่งหมายถึงแนวทางการดํารงอยู่และการปฏิบัติตนของประชาชนทุกระดับตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับ ชุมชน จนถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและการบริหารประเทศให้ดําเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัตน์

38. จํานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ร่วมลงชื่อรับรองร่างกฎหมายจัดตั้งมหาวิทยาลัยรามคําแหง ร่วมกับกลุ่มเสนอร่างกฎหมายมีจํานวนเท่าใด
(1) 43 คน
(2) 100 คน
(3) 90 คน
(4) 150 คน
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 14. ประกอบ

39. คําที่มีความหมายใกล้เคียงกับจิตสาธารณะ คือคําใด
(1) จิตสังคม
(2) จิตบริการ
(3) จิตปวงชน
(4) จิตสํานึกสาธารณะ
ตอบ 4
คําว่า “จิตสาธารณะ” เป็นคําที่มีผู้ให้ความหมายไว้ต่าง ๆ นานา เนื่องจากยังเป็นคําใหม่ที่สังคมไทยเริ่มใช้กัน โดยภาษาอังกฤษใช้คําว่า “Public Mind” และมีคําใกล้เคียงกันคือ คําว่า “จิตสํานึกสาธารณะ” หรือ “Public Consciousness”
40. ข้อใดคือความหมายของจิตสาธารณะ
(1) ปัจจัยต้นกําเนิดของความดีงาม
(2) การกระทําเพื่อประโยชน์ส่วนรวม
(3) ความคิดและความคาดหวังในสิ่งดี
(4) การสร้างความสัมพันธ์อันดีกับบุคคลอื่น
ตอบ 2
จิตสาธารณะ (Public Mind) คือ ความรู้สึกตระหนักถึงส่วนรวม หรือเป็นการตระหนักรู้ตนที่จะกระทําสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม ดังนั้นจึงเป็นคําที่มีความหมายตรงข้ามกับคําว่า “เห็นแก่ตัว” หรือเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน

41. ความพอดีที่ไม่น้อยและไม่มากเกินไป ไม่เบียดเบียนผู้อื่น เป็นคุณลักษณะใดของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
(1) ความคุ้มทุนชีวิต
(2) ความเจริญ
(3) ความพอประมาณ
(4) ความเข้าใจชีวิต
ตอบ 3
ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่น้อยเกินไปจนขาดแคลนและไม่มากเกินศักยภาพ โดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เป็นความพอดีในการผลิตและการบริโภคที่พิจารณาแล้วว่าจําเป็นและเหมาะสมกับสถานะของตนเอง สิ่งแวดล้อมโดยรอบ รวมทั้งสังคมและวัฒนธรรมในแต่ละพื้นที่

42. ลักษณะของบุคคลที่ตรงข้ามกับจิตสาธารณะที่ชัดเจนที่สุด คือข้อใด
(1) เห็นแก่ตัว
(2) อคติ
(3) โอ้อวด
(4) ยกตนข่มท่าน
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 40. ประกอบ

43. ในการประชุมพรรคเพื่อพิจารณาร่างกฎหมายจัดตั้งมหาวิทยาลัยรามคําแหง บุคคลสําคัญที่อภิปรายและเสนอให้ตั้งมหาวิทยาลัยที่หัวหมาก คือใคร
(1) นายศักดิ์ ผาสุขนิรันต์
(2) นายยศ อินทรโกมาลย์สุต
(3) นายประสิทธิ์ ชูพินิจ
(4) นายสุรินทร์ เทพกาญจนา
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 19. ประกอบ

44. ปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดจิตสาธารณะตามการศึกษาของเรียม นมรักษ์ คืออะไร
(1) จิตใจและสังคม
(2) ความรู้และทัศนคติ
(3) ความปรารถนาและแรงจูงใจ
(4) เครือข่ายและกิจกรรม
ตอบ 1 หน้า 86 เรียม นมรักษ์ ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อจิตสาธารณะและพบว่าเกิดจาก 2 ปัจจัยหลัก ดังนี้ 1. ปัจจัยทางจิต ได้แก่ เอกลักษณ์แห่งตน ลักษณะการมุ่งอนาคต การคล้อยตามผู้อื่น คุณธรรมจริยธรรม ฯลฯ 2. ปัจจัยทางสังคม ได้แก่ สัมพันธภาพระหว่างนักเรียนกับครู สัมพันธภาพระหว่างนักเรียนกับเพื่อน และการอบรมเลี้ยงดูแบบประชาธิปไตย

45. ความขัดแย้งในสังคมสูง เกิดการแก่งแย่งชิงดีกันที่เกิดขึ้นในสังคมเพิ่มมากขึ้น เกิดจากประชาชนส่วนหนึ่ง ขาดอะไร
(1) ความเอื้ออาทร
(2) ประโยชน์ของสังคม
(3)จิตสาธารณะ
(4) ความบริสุทธิ์ใจ
ตอบ 3
หากสังคมใดขาดสมาชิกในสังคมที่มีจิตสาธารณะ อาจนํามาซึ่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อสังคมนั้น ๆ ได้แก่ 1. ระดับบุคคล ทําให้เกิดความขัดแย้งระหว่างกัน 2. ระดับครอบครัว ทําให้ขาดปฏิสัมพันธ์เอื้ออาทรกัน 3. ระดับองค์การ ทําให้เกิดการแข่งขันแก่งแย่งและเบียดเบียนสมบัติขององค์การมาใช้ส่วนตน ฯลฯ

46. ในช่วงปีแรกที่มหาวิทยาลัยรามคําแหงเปิดสอนเป็นไปอย่างราบรื่น เนื่องจากอะไร
(1) ไม่ต้องใช้ค่าใช้จ่ายในการสร้างอาคารเรียน และจัดซื้ออุปกรณ์การสอนเลย (2) มีการเตรียมการเป็นกระบวนการไว้ล่วงหน้าเป็นอย่างดี
(3) ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลอย่างต่อเนื่องและเพียงพอในระยะ 10 ปี
(4) เป็นไปตามนโยบายการปฏิรูปการศึกษาของรัฐ
ตอบ 2
ในช่วงปีแรกที่มหาวิทยาลัยรามคําแหงเปิดสอนเป็นไปอย่างราบรื่นเนื่องจากมีการเตรียมการเป็นกระบวนการไว้ล่วงหน้าเป็นอย่างดี ดังนั้นจึงส่งผลให้สามารถเปิดมหาวิทยาลัยในปีการศึกษา 2514 ได้ตามเจตจํานงของการจัดตั้งมหาวิทยาลัยรามคําแหง

47. ตามหลักจิตวิทยา จิตสํานึกเกิดจากสิ่งใดเป็นพื้นฐานที่สําคัญที่สุด
(1) สุขภาพจิต
(2) การอบรมเลี้ยงดู
(3) ฐานะของครอบครัว
(4) คุณธรรมจริยธรรม
ตอบ 2 หน้า 85 การปลูกฝังจิตสาธารณะควรเริ่มทําก่อนอายุ 6 ปี เพราะตามหลักการทางจิตวิทยา การเกิดจิตสํานึกของเด็กจะถูกพัฒนามาจากการอบรมเลี้ยงดูในช่วงแรกเกิดจนถึงอายุประมาณ 6 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่การเลี้ยงดูเด็กได้ผลอย่างสูง

48. ในการพิจารณากฎหมายจัดตั้งมหาวิทยาลัยรามคําแหง ใครเป็นผู้เสนอให้แก้ไขคําว่า “ตลาดวิชา” แต่คณะกรรมาธิการขอไม่แก้ไข
(1) วุฒิสภา
(2) รัฐบาล
(3) สภาผู้แทนราษฎร
(4) นายกรัฐมนตรี
ตอบ 1
ในการพิจารณากฎหมายจัดตั้งมหาวิทยาลัยรามคําแหง วุฒิสภาได้แก้ไขเพิ่มเติมในมาตรา 5 และ 11 โดยในมาตรา 5 วุฒิสภาให้แก้ไขคําว่า “ตลาดวิชา” แต่คณะกรรมาธิการ ได้พิจารณาอย่างรอบคอบเป็นเวลานานพอสมควรและตกลงว่าจะให้คงใช้คําว่า “ตลาดวิชา” ซึ่งเป็นไปตามร่างเดิม

49. ทุกรัฐบาลจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ได้กําหนดหลักการพื้นฐานเกี่ยวกับมนุษย์ไว้อย่างไร
(1) มนุษย์ที่มีคุณภาพต้องกินดี อยู่ดี และร่ำรวย
(2) มนุษย์ที่มีคุณภาพต้องรู้จักอภัย ซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น
(3) มนุษย์ที่มีคุณภาพต้องเรียนรู้จากชุมชน สังคม และสื่อต่าง ๆ
(4) มนุษย์ที่มีคุณภาพต้องได้รับการศึกษาในระบบ นอกระบบ หรือตามอัธยาศัย
ตอบ 4
การศึกษาที่กําหนดไว้ในยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ และถือเป็นนโยบายลําดับต้นของพันธกิจ ทําให้แทบทุกรัฐบาลที่ผ่านมาจากอดีตถึงปัจจุบัน ได้กําหนดหลักการ พื้นฐานที่ว่า มนุษย์ที่มีคุณภาพจะต้องได้รับการศึกษาในระบบ นอกระบบ และการศึกษา ตามอัธยาศัย เพื่อให้สามารถพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องและตลอดชีวิต

50. ข้อใดคือหลักการตลาดตามแนวคิดทฤษฎีใหม่
(1) การรวบรวมผลผลิตเพื่อต่อรองราคา
(2) การผลิตตามฤดูกาล
(3) การขอความเป็นธรรมจากพ่อค้าคนกลาง
(4) การพึ่งพาการโฆษณาประชาสัมพันธ์
ตอบ 1
ทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดําริขั้นที่ 2 ในด้านการดําเนินกิจกรรมทางการตลาด เมื่อเกิดผลิตผลทางการเกษตรแล้ว ต้องร่วมมือกันในการเตรียมผลผลิตให้มี คุณลักษณะสอดคล้องกับความต้องการของตลาดทั้งในเรื่องคุณภาพ ปริมาณ และเวลาที่ เหมาะสม เช่น การเตรียมลานตากข้าวร่วมกัน การเตรียมเครื่องสีข้าว การรวบรวมผลผลิต ให้ได้ปริมาณมากพอเพื่อต่อรองราคา ฯลฯ

51. การเตรียมพร้อมรับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลง เป็นคุณลักษณะใดของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
(1) การมีภูมิคุ้มกัน
(2) การมีศักยภาพ
(3) การมีพลังชีวิต
(4) การมีจุดหมายชีวิต
ตอบ 1
การมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับกับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงในด้านต่าง ๆ ทั้งด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม ที่จะเกิดขึ้น โดยต้องคํานึงถึงความเป็นไปได้และประเมินสถานการณ์ต่าง ๆ ล่วงหน้าที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้และไกล เพื่อให้สามารถปรับตัวและรับมือได้อย่างทันท่วงที

52. สถาบันใดไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการเสริมสร้างจิตสาธารณะให้แก่เยาวชน
(1) ครอบครัว
(2) ศาสนา
(3) โรงเรียน
(4) องค์การธุรกิจ
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 12. ประกอบ

53. ใครเคยดํารงตําแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัย
(1) นายสง่า จีนะสมิต
(2นายธนกาญจน์ ภัทรากาญจน์
(3) พลโทแสวง เสนาณรงค์
(4) นายศักดิ์ ผาสุขนิรันต์
ตอบ 3 หน้า 26 เมื่อมหาวิทยาลัยรามคําแหงมีการแต่งตั้งนายกสภามหาวิทยาลัย และกรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิชุดใหม่ มหาวิทยาลัยจึงได้แต่งตั้งพลโทแสวง เสนาณรงค์เป็นนายกสภามหาวิทยาลัย ตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2515

54. เมื่อเติบใหญ่ได้กลายเป็นบุคคลสําคัญของประเทศ ทําให้ลืมตัวแสดงกิริยาเหยียดหยามผู้ที่เลี้ยงดูตนเองมาตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ ข้อความข้างต้นนี้แสดงว่าบุคคลนั้นขาดคุณธรรมอะไร
(1) ความมีมุทิตา อุเบกขา
(2) ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
(3) ความกตัญญูกตเวทิตา
(4) ความเมตตากรุณา
ตอบ 3
คําว่า “กตัญญ” หมายถึง รู้คุณท่าน รู้ว่าใครมีบุญคุณต่อตน โดยเป็นความรู้สึกในการอุปการคุณหรือบุญคุณที่ผู้อื่นหรือสิ่งอื่นมีต่อเรา ซึ่งถือเป็นพื้นฐานของความเป็นคนดี จึงมักใช้คู่กับคําว่า “กตเวที” (กตเวทิตา) แปลว่า สนองคุณท่านหรือการแสดงออกและรู้จัก ตอบแทนบุญคุณต่อผู้มีพระคุณนั้น ทั้งนี้ผู้ที่ได้ชื่อว่ามีความกตัญญูกตเวทีจะต้องสามารถแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณได้ทุกเวลา ไม่ควรมีข้อแม้ในการกระทํา

55. ข้อใดไม่ใช่หรือไม่เกี่ยวข้องกับคุณลักษณะของผู้มีจิตสาธารณะ
(1) การลงมือกระทํา
(2) การทุ่มเทอุทิศตน
(3) เลือกงานที่ได้ค่าตอบแทนสูง
(4) เคารพความแตกต่างระหว่างบุคคล
ตอบ 3
ยุทธนา วรุณปิติกุล กล่าวถึง บุคคลที่มีจิตสาธารณะต้องมีคุณลักษณะดังนี้ 1.การทุ่มเทและอุทิศตน 2. เคารพความแตกต่างระหว่างบุคคล 3. คํานึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวม 4. การลงมือกระทํา

56. จากรายชื่อจํานวน 3 – 4 รายชื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเสนอให้พิจารณาในการตั้งชื่อมหาวิทยาลัยรามคําแหง แสดงให้เห็นว่าสมาชิกสภาผู้แทนในสมัยนั้นพิจารณาว่า มหาวิทยาลัยรามคําแหงจะเป็น มหาวิทยาลัยที่มีบทบาทอย่างไรในสังคมไทย
(1) เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในอนาคต
(2) เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับโลก
(3) เป็นความภูมิใจของพรรคการเมือง และสมาชิกพรรคที่สนับสนุนการจัดตั้ง
(4) เป็นรากฐานและสนองความต้องการการศึกษาของคนไทยอย่างทั่วถึง
ตอบ 4
จากรายชื่อจํานวน 3 – 4 รายชื่อที่ ส.ส. เสนอให้พิจารณาในการตั้งชื่อมหาวิทยาลัยรามคําแหง เช่น มหาวิทยาลัยราษฎร มหาวิทยาลัยประชาชน มหาวิทยาลัยของปวงชนชาวไทย เป็นต้น แสดงให้เห็นว่า ส.ส. ในสมัยนั้นพิจารณาว่า มหาวิทยาลัยรามคําแหง เป็นมหาวิทยาลัยที่มีบทบาทสําคัญ คือ เป็นรากฐานและสนองความต้องการการศึกษาของคนไทยอย่างทั่วถึง

57. อวิชชา มีความหมายสมบูรณ์ในข้อใด
(1) รู้และไม่รู้
(2) ไม่รู้อะไรเลย
(3) ไม่รู้ในสิ่งที่ควรรู้
(4) รู้ในสิ่งที่ไม่ควรรู้
ตอบ 1
อวิชชา แปลว่า ไม่รู้แล้วก็รู้ทั้ง 2 อย่าง เพราะอวิชชา หมายถึง ไม่รู้ในสิ่งที่ควรรู้คือ สิ่งที่ควรรู้กลับไม่รู้ แล้วไปรู้ในสิ่งที่ไม่ควรรู้นั่นเอง แปลว่า รู้ไม่ถูกทาง สิ่งที่เขาไม่ให้รู้ก็ไปรู้เข้าให้ ดังนั้นอวิชชาจึงแปลได้ทั้ง 2 ทาง คือ รู้และไม่รู้

58. การแบ่งพื้นที่จํานวนเท่าใดตามหลักทฤษฎีใหม่เพื่อเป็นที่อยู่อาศัย เลี้ยงสัตว์ ถนน ทางเดิน และโรงเรือน
(1) 40%
(2) 30%
(3) 10%
(4) 50%
ตอบ 3 หน้า 72 ทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดําริขั้นที่ 1 คือ การแบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 ส่วน ด้วยอัตรา 30 : 30 : 30 : 10 โดยบริหารจัดการดังนี้
1. ขุดเป็นสระสําหรับใช้เก็บกักน้ำฝนในฤดูฝน 30%
2. ปลูกข้าวในฤดูฝน 30%
3. ปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น พืชผัก พืชไร่ พืชสมุนไพร ฯลฯ 30%
4. ปลูกเป็นที่อยู่อาศัย เลี้ยงสัตว์ ถนน ทางเดิน และโรงเรือนอื่น ๆ 10%

59. เมื่อมหาวิทยาลัยรามคําแหงเปิดทําการเป็นครั้งแรก อาคารเอดี 1 เป็นที่ตั้งของหน่วยงานใด
(1) คณะนิติศาสตร์
(2) สํานักงานอธิการบดี
(3) หอสมุด
(4) คณะบริหารธุรกิจ
ตอบ 2
เมื่อกฎหมายจัดตั้งมหาวิทยาลัยรามคําแหงได้ประกาศใช้แล้ว คณะกรรมการเตรียมการฯ ได้ย้ายที่ทําการไปใช้อาคารหอประชุมเดิมของสถานแสดงสินค้า ซึ่งต่อมาจะ เรียกว่า อาคารเอดี 1 (AD1) เป็นที่ตั้งของสํานักงานอธิการบดี โดยชั้นบนเป็นห้องทํางานของอธิการบดีและห้องประชุมผู้บริหาร ส่วนชั้นล่างเป็นห้องทํางานของฝ่ายธุรการ

60. ใครมีอํานาจจัดวางระเบียบและข้อบังคับมหาวิทยาลัยรามคําแหง
(1) อธิการบดี
(2) คณบดี
(3) คณะรัฐมนตรี
(4) สภามหาวิทยาลัย
ตอบ 4
จากกฎหมายจัดตั้งมหาวิทยาลัยรามคําแหง ได้กําหนดให้มีสภามหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นองค์การที่มีอํานาจหน้าที่ควบคุมดูแลกิจการทั่วไปของมหาวิทยาลัย และมีอํานาจหน้าที่สําคัญ โดยเฉพาะ เช่น จัดวางระเบียบและข้อบังคับของมหาวิทยาลัย พิจารณาหลักสูตร เสนอจัดตั้งยุบรวมและเลิกคณะ อนุมัติให้ปริญญา พิจารณาแต่งตั้งและถอดถอนอธิการบดี รองอธิการบดี

61. ความซื่อสัตย์ รักสามัคคี ไม่โลภ ไม่ตระหนี่ คือ เงื่อนไขใดของหลักการเศรษฐกิจพอเพียง
(1) ธรรมชาติ
(2) ชีวิต
(3) คุณธรรม
(4) หลักวิชา
ตอบ 3
เงื่อนไขคุณธรรมตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง คือ การเสริมสร้างพื้นฐานจิตใจของตนให้เป็นบุคคลที่มีความซื่อสัตย์สุจริต รู้รักสามัคคี ไม่โลภ ไม่ตระหนี่ และรู้จักแบ่งปันให้กับผู้อื่น เช่น การที่นักศึกษาแบ่งปันความรู้ให้กับเพื่อน ไม่ทุจริตในการสอบ และพึงพอใจในผลสอบที่ตนเองได้รับ เป็นต้น

62. การเลี้ยงดูเด็กมีผลอย่างสูงเมื่อเด็กอายุไม่เกินกี่ปี
(1) 15 ปี
(2) 6 ปี
(3) 2 ปี
(4) 19 ปี
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 47. ประกอบ

63. ใครคือกรรมการสภามหาวิทยาลัยรามคําแหงผู้ทรงคุณวุฒิ
(1) นายสง่า จีนะสมิต
(2) นายอภิรมย์ ณ นคร
(3) นายเรณ สุวรรณสิทธิ์
(4) นายขุนทอง ภูผิวเดือน
ตอบ 3 หน้า 21 กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิชุดแรกในการเตรียมการเปิดมหาวิทยาลัยรามคําแหง มีรายนาม และตําแหน่งในขณะนั้น คือ
1. นายเรณู สุวรรณสิทธิ์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจแห่งชาติ
2. นายบุญสม มาร์ติน อธิบดีกรมพลศึกษา
3. นายสุขุม นวพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารทหารไทย
4. นายก่อ สวัสดิพาณิชย์ อธิบดีกรมสามัญศึกษา

64. ข้อใดคือหลักการของแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง
(1) สมดุล
(2) การเปลี่ยนแปลง
(3) ความมั่งมี
(4) ความพอเพียง
ตอบ 4 หลักการของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง คือ ความพอเพียง ซึ่งหมายถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจําเป็นที่จะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีพอสมควรต่อการมีผลกระทบใด ๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายในและภายนอก

65. การพัฒนาจริยธรรมต้องพัฒนาสติปัญญาและอารมณ์ เป็นแนวคิดของใคร
(1) Piaget
(2) Maslow
(3) Kohlberg
(4) Aristotle
ตอบ 3 โคลเบิร์ก (Kohlberg) กล่าวว่า การพัฒนาทางสติปัญญาและอารมณ์เป็นรากฐานของการพัฒนาทางจริยธรรม โดยจริยธรรมของมนุษย์มีพัฒนาการตามระดับวุฒิภาวะเพราะเกิดจากกระบวนการทางปัญญาเมื่อมีการเรียนรู้มากขึ้น และจริยธรรมยังมีความสัมพันธ์กับระดับการศึกษา

66. ใครเป็นผู้เสนอชื่อ “มหาวิทยาลัยรามคําแหง”
(1) นางจินดา อังศุโชติ
(2) นายทินกร ปรีชาพันธ์
(3) นายแคล้ว นรปติ
(4) นายน้อม อุปรมัย
ตอบ 3
สำหรับชื่อมหาวิทยาลัยรามคําแหง เป็นชื่อที่นายแคล้ว นรปติ ส.ส. จังหวัดขอนแก่นเป็นผู้เสนอ โดยให้เหตุผลว่าเป็นพระนามของปฐมกษัตริย์ ซึ่งทรงเป็นมหาราชองค์แรกของไทย และเป็นการเทิดพระเกียรติ

67. องค์ประกอบของจริยธรรมส่วนใดสําคัญที่สุด
(1) ศีลธรรม
(2) ปัญญา
(3) คุณธรรม
(4) ความสามารถ
ตอบ 2
ในองค์ประกอบของจริยธรรมทั้ง 3 ส่วน คือ ปัญญา จิตใจ และพฤติกรรมนั้น
จะเห็นได้ว่า “ปัญญา เป็นองค์ประกอบที่สําคัญที่สุด ซึ่งจะชี้นําให้จิตใจและพฤติกรรมของคนดําเนินไปอย่างถูกต้องตามครรลองครองธรรม

68. ข้อใดคือกิจกรรมที่กระทําในขั้นตอนที่สามตามหลักทฤษฎีใหม่
(1) การตลาด
(2) การแบ่งพื้นที่
(3) สวัสดิการ
(4) การวิจัย
ตอบ 4
ทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดําริขั้นที่ 3 คือ การตระหนักถึงการสร้างเครือข่าย ผลงาน ความร่วมมือจากภายนอกชุมชน โดยการติดต่อหน่วยงานที่สามารถสนับสนุนด้านการลงทุนและการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกร ได้แก่
1. หน่วยงานที่สนับสนุนด้านการวิจัย เพื่อการพัฒนาผลผลิตให้ได้คุณภาพดีขึ้น ต้นทุนต่ำลง 2. ธนาคารที่จะให้การสนับสนุนเงินทุนด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ไม่สูงเกินไปนัก 3. บริษัทเอกชนที่รับซื้อผลผลิตโดยตรง ไม่ต้องผ่านคนกลาง

69. เป้าประสงค์สุดท้ายและสําคัญที่สุดของแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง คืออะไร
(1) การเปลี่ยนอาชีพที่บุคคลนั้นชอบ
(2) ความมั่งคั่งและอุดมสมบูรณ์ของชุมชน
(3) ความยั่งยืนในชีวิตของบุคคลและชุมชน
(4) ความปลอดภัยและไม่มีทุกข์
ตอบ 3
เป้าประสงค์ของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง คือ ให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและกว้างขวางทั้งด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี โดยมุ่งเน้นการพัฒนาที่สมดุลและยั่งยืนในชีวิต ของบุคคลและชุมชน ซึ่งถือเป็นเป้าประสงค์สุดท้ายและสําคัญที่สุด

70. ใครมีส่วนเห็นชอบในการจัดตั้งคณะวิทยาศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ และคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคําแหง หลังจากการขอจัดตั้งคณะทั้งสามคณะถูกคัดค้าน
(1) นายนิสิต เวทย์ศิริยานันท์
(2) นายมาลัย หุวะนันทน์
(3) จอมพลถนอม กิตติขจร
(4) พระตรีรณสารวิศวกรรม
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 8. ประกอบ

71. วิกฤติทางการเงิน “ต้มยํากุ้ง” เกิดจากสาเหตุใด
(1) การพัฒนาประเทศที่ไม่สมดุล
(2) ความล้าหลังของเทคโนโลยีการเงิน
(3) ความไม่ทันสมัยของระบบการสื่อสาร
(4) ความล่าช้าของการพัฒนาประเทศ
ตอบ 1
สาเหตุที่ประเทศไทยเกิดวิกฤติการณ์ทางการเงินที่เรียกว่า “วิกฤติต้มยํากุ้ง”ในปี พ.ศ. 2540 คือ การพัฒนาประเทศที่ไม่สมดุล เพราะไม่ได้คํานึงถึงความเหมาะสมของ การพัฒนาที่หวังพึ่งองค์ความรู้และเงินทุนจากต่างประเทศ กับศักยภาพภายในประเทศทั้งใน เรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน ความพร้อมของระบบและคน จนทําให้การพัฒนาดําเนินไปอย่าง ไม่มีเสถียรภาพ ส่งผลให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชนในทุกภาคส่วน

72. การกระทําใดที่เสริมสร้างจิตสาธารณะให้บุตรหลานในฐานะของพ่อแม่หรือผู้ปกครอง
(1) เลี้ยงดูให้มีสุขภาพดี และปลอดภัย
(2) ให้การศึกษาที่ดีที่สุด
(3) เป็นแบบอย่างที่ดี
(4) ไม่แสดงอารมณ์โกรธ
ตอบ 3 หน้า 92 การกระทําที่เสริมสร้างจิตสาธารณะให้บุตรหลานในฐานะของพ่อแม่หรือผู้ปกครองคือ การเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับบุตรหลาน โดยการรักษาวินัยทางสังคม การเข้าร่วมกิจกรรมสาธารณะ การยกย่องชมเชยหรือให้กําลังใจเด็ก ๆ ที่เข้าร่วมกิจกรรมสาธารณะ ฯลฯ

73. หลักการของทฤษฎีใหม่เกี่ยวข้องกับสิ่งใดเป็นหลักสําคัญที่สุด
(1) การจัดการพื้นที่การเกษตรและน้ำ
(2) การจัดการการตลาด
(3) ความเป็นอยู่ของประชาชน
(4) การจัดการสวัสดิการชุมชน
ตอบ 1
ทฤษฎีใหม่ เป็นแนวทางหรือหลักการในการบริหารจัดการที่ดินและน้ำเพื่อการเกษตรในที่ดินขนาดเล็กให้เกิดประโยชน์สูงสุด

74. ข้อใดคือสาเหตุของการเกิดคุณธรรมและจริยธรรมในมนุษย์
(1) เวลา
(2) การเลียนแบบ
(3) สามัญสํานึก
(4) การพึ่งพาผู้อื่น
ตอบ 2
คุณธรรมจริยธรรมในมนุษย์แต่ละคน อาจเกิดจากสาเหตุดังนี้ 1. การเลียน 2. การสร้างในตนเอง 3. การบําเพ็ญประโยชน์และพันธสัญญาประชาคม

75. หลังจากสภาผู้แทนราษฎรรับร่างกฎหมายจัดตั้งมหาวิทยาลัยรามคําแหงแล้ว ที่ประชุมลงมติให้ตั้งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาจํานวนเท่าใด
(1) 20 คน
(2) 30 คน
(3) 60 คน
(4) 15 คน
ตอบ 4
นายประมวล กุลมาตย์ เจ้าของร่าง พ.ร.บ. มหาวิทยาลัย…..พ.ศ. …… เสนอแต่งตั้งกรรมาธิการวิสามัญ ซึ่งที่ประชุมลงมติให้ตั้งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา 15 คน ประกอบด้วย กรรมาธิการฝ่ายรัฐบาลจํานวน 7 คน และกรรมาธิการฝ่ายผู้แทนจํานวน 8 คน

76. ข้อใดคือผลดีโดยตรงของการสร้างให้สมาชิกของสังคมไทยมีจิตสาธารณะ
(1) การรักษาผลประโยชน์ของส่วนรวม
(2) ความยุติธรรมในสังคม
(3) ความจริงใจของกลุ่มบุคคลที่มีให้ต่อกัน
(4) การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม
ตอบ 1
การเสริมสร้างให้สมาชิกในสังคมไทยมีจิตสาธารณะ จะเริ่มต้นจากตัวบุคคลแต่ละบุคคล ให้มีจิตสํานึกเพื่อส่วนรวม มีความตระหนักรู้และคํานึงถึงสังคมส่วนรวม มีความรับผิดชอบต่อตัวเองในการกระทําใด ๆ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบเสียหายต่อส่วนรวมและพร้อมที่จะเสียสละประโยชน์ส่วนตน เพื่อรักษาผลประโยชน์ของส่วนรวม

77. ข้อใดแสดงให้เห็นถึงความพอเพียงระดับชุมชน
(1) การละเล่นตามประเพณีนิยมที่สืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ
(2) การช่วยกันดูแลความสงบและความปลอดภัย
(3) การมีเงินทองมากกว่าการใช้จ่ายและเหลือเก็บจํานวนมาก
(4) การมีเครื่องอํานวยความสะดวกในการใช้จ่าย เช่น ห้างสรรพสินค้า
ตอบ 2
ความพอเพียงระดับชุมชนตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง คือ การสร้างเครือข่าย เป็นไปเพื่อการพัฒนาชุมชน ซึ่งมีผลให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง ประกอบด้วย
1. สวัสดิการชุมชน 2. การช่วยกันดูแลความสะอาดและความเป็นระเบียบของสภาพแวดล้อมโดยรอบ 3. การช่วยกันดูแลความสงบและความปลอดภัย 4. การให้ความร่วมมือสร้างเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์ได้อย่างเหมาะสม

78. การเบียดเบียนและคดโกงในรูปแบบต่าง ๆ อันเป็นเหตุให้สังคมเสื่อมโทรม เกิดจากสิ่งใด
(1) การขาดวินัยของคนในชาติ
(2) การขาดจริยธรรมของคนในสังคม
(3) การขาดความรับผิดชอบ
(4) การขาดความร่วมมือที่ดี
ตอบ 2 หน้า 45 การทุจริต คดโกง และการเบียดเบียนกันในรูปแบบต่าง ๆ อันเป็นเหตุให้สังคมเสื่อมโทรม มีสาเหตุมาจากการขาดจริยธรรมของคนในสังคม ซึ่งไม่ได้ยึดเอาจริยธรรมเป็นแนวทางในการดําเนินชีวิต

79. สภาพเศรษฐกิจและสังคมไทยเปลี่ยนไป มีการแข่งขันสูง เกิดการเอารัดเอาเปรียบกัน ทําให้คนไทยส่วนหนึ่งขาดความเป็นคนที่มีจิตสาธารณะ เห็นได้จากสิ่งใด
(1) ตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้น
(2) ถูกโน้มน้าวใจได้ง่าย
(3) ไม่สนใจสภาพแวดล้อมและสังคมส่วนรวม
(4) ไม่มีความร่วมมือกันทําประโยชน์ส่วนรวมเลย
ตอบ 3
ในปัจจุบันสภาพเศรษฐกิจและสังคมไทยเปลี่ยนแปลงไป มีการแข่งขันสูง เกิดการเอารัดเอาเปรียบกัน ทําให้คนไทยส่วนหนึ่งขาดความเป็นคนที่มีจิตสาธารณะ ซึ่งจะเห็นได้จากการไม่สนใจสภาพแวดล้อมและสังคมส่วนรวม

80. ในวาระที่ 2 ของการประชุมพิจารณาร่างกฎหมายจัดตั้งมหาวิทยาลัยรามคําแหง ชื่อที่ปรากฏในร่างกฎหมาย คือชื่อใด
(1) มหาวิทยาลัยรัตนโกสินทร์
(2) มหาวิทยาลัยราษฎร
(3) มหาวิทยาลัยประชาชน
(4) มหาวิทยาลัยของปวงชนชาวไทย
ตอบ 1
ในวาระที่ 2 ของการประชุมพิจารณาร่างกฎหมายจัดตั้งมหาวิทยาลัยรามคําแหง มีประเด็นที่สําคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ชื่อร่าง พ.ร.บ.” ไม่มีผู้แปรญัตติ แต่มีการแก้ไขโดย คณะกรรมาธิการวิสามัญจากร่าง พ.ร.บ. มหาวิทยาลัย ……พ.ศ……. เป็นร่าง พ.ร.บ. มหาวิทยาลัยรัตนโกสินทร์ พ.ศ. …………

81. การที่โรงเรียนจัดกิจกรรมให้นักเรียนประถมช่วยกันเก็บขยะในที่สาธารณะ คือ วิธีการใดที่ทําให้สามารถปลูกฝังจิตสาธารณะ
(1) เรียนรู้ความลําบาก
(2) เรียนรู้ความมักง่าย
(3) เรียนรู้จากการกระทํา
(4) เรียนรู้อย่างถาวร
ตอบ 3 หน้า 87 กลยุทธ์การปลูกฝังจิตสาธารณะเพื่อส่วนรวมจะต้องสร้างความรู้ความเข้าใจให้เกิดความซาบซึ้ง ซึ่งการเสริมความรู้อย่างแท้จริงจะเกิดจากการเรียนรู้ด้วยตนเอง เป็นการเรียนรู้ รองจากการกระทํา (Learning by doing) เช่น โรงเรียนจัดกิจกรรมให้นักเรียนชั้นประถมช่วยกันเก็บขยะในที่สาธารณะ เป็นต้น

82. ลักษณะของมหาวิทยาลัยแบบตลาดวิชาแห่งแรกของประเทศไทย คือข้อใด
(1) เกิดการเปลี่ยนแปลงชื่อในเวลาต่อมา
(2) รับนักศึกษาไม่จํากัดจํานวน
(3) เปิดสอนในสาขาวิชาจํานวนจํากัด
(4) ไม่ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากรัฐ
ตอบ 1
มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง (มธก.) ได้ก่อตั้งขึ้นเป็นมหาวิทยาลัยแบบตลาดวิชาแห่งแรกในประวัติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยไทย โดยเป็นมหาวิทยาลัยที่เปิดโอกาสให้ ผู้ที่มีคุณสมบัติตามที่มหาวิทยาลัยกําหนดเข้าศึกษาแบบไม่ต้องสอบคัดเลือก เริ่มแรกเปิดสอน 2 หลักสูตร คือ หลักสูตรธรรมศาสตรบัณฑิต และหลักสูตรวิชาการบัญชี ต่อมาในปี พ.ศ. 2490 ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์”

83. แผนแม่บทส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ฉบับที่ 1 อยู่ในช่วงปีพุทธศักราชใด
(1) 2559 – 2564 2546
(2) 2559 – 2566
(3) 2560 – 2570
(4) 2561 – 2566 ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 7. ประกอบ
84. ความคิดของบุคคลที่ต้องการให้คนในสังคมมีจิตสาธารณะต้องเริ่มที่ใครก่อน
(1) บุคคลแต่ละบุคคล
(2) พ่อแม่
(3) กฎหมาย
(4) ครูอาจารย์
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 76. ประกอบ

85. ข้อใดเป็นตัวบ่งบอกถึงความสงบเรียบร้อย ความรัก และความสามัคคีของผู้คนในสังคม
(1) จารีตประเพณี
(2) บรรทัดฐานของสังคม
(3) วัฒนธรรมและประเพณี
(4) คุณธรรมจริยธรรม
ตอบ 4
คุณธรรมจริยธรรม ถือเป็นเครื่องบ่งบอกถึงความสงบเรียบร้อย ความรัก และความสามัคคีของผู้คน ซึ่งสามารถแก้ไขหรือลดปัญหาของสังคมได้อย่างดี ทําให้เกิดการเคารพสิทธิของผู้อื่นที่อยู่ร่วมกัน และยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างได้อย่างมีสติ มีเหตุผล

86. ตามกฎหมายจัดตั้งมหาวิทยาลัยรามคําแหง พันธกิจประการหนึ่งของมหาวิทยาลัย คืออะไร
(1) ทะนุบํารุงวัฒนธรรม
(2) จัดตั้งสมาคมการศึกษา
(3) เปิดการสอนให้ชาวต่างชาติพร้อมกับคนไทย
(4) จัดการศึกษานอกระบบ
ตอบ 1
จากกฎหมายจัดตั้งมหาวิทยาลัยรามคําแหง ได้กําหนดให้มหาวิทยาลัยรามคําแหงเป็นสถาบันการศึกษาและวิจัยแบบตลาดวิชา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสอนให้การศึกษาวิชาการ และวิชาชีพชั้นสูง ทําการวิจัย ส่งเสริมวิชาการและวิชาชีพชั้นสูง และทะนุบํารุงวัฒนธรรม

87. “คุณ” มีความหมายในข้อใด
(1) ความดี เป็นความหมายของความถูกต้องชอบธรรม
(2) ความงาม เป็นความหมายของอารมณ์และความรู้สึก
(3) ความงาม เป็นความหมายที่แสดงออกมา
(4) ความดี เป็นความหมายทางนามธรรมและเป็นเรื่องของจิตใจ
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 23. ประกอบ

88. การช่วยเหลือบุคคลอื่นของผู้มีจิตสาธารณะต้องไม่ขัดต่อสิ่งใด
(1) ความเชื่อส่วนบุคคล
(2) กฎหมายบ้านเมือง
(3) ความนิยมของสังคม
(4) ความต้องการของครอบครัว
ตอบ 2
จิตสาธารณะเปรียบได้กับความรู้สึกนึกคิดถึงการเป็นเจ้าของในสิ่งที่เป็นสาธารณะร่วมกัน การรู้จักสิทธิและหน้าที่ที่จะดูแล รวมทั้งการบํารุงรักษาและปกป้องสิ่งของที่เป็นของส่วนรวมร่วมกัน เช่น การไม่ทิ้งขยะ, การดูแลรักษาสาธารณสมบัติ, การใช้น้ำไฟอย่างประหยัด และรู้คุณค่าของทรัพยากร, การช่วยเหลือสัตว์และบุคคลยากไร้ โดยที่การช่วยเหลือนั้นจะต้อง ไม่ขัดต่อกฎหมายบ้านเมือง อันเป็นประโยชน์ของส่วนรวม ฯลฯ

89. หลักการดําเนินธุรกิจตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง คือข้อใด
(1) กระตุ้นให้มีการซื้ออยู่เสมอ
(2) ผลิตสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้มากที่สุด
(3) แสวงหากําไรบนพื้นฐานของการแบ่งปัน
(4) ทํากําไรสูงสุดและเสียภาษีให้แก่รัฐ
ตอบ 3
ตามหลักของเศรษฐกิจพอเพียง ธุรกิจเป็นหน่วยหนึ่งของสังคมที่มีความสําคัญยิ่งต่อระบบเศรษฐกิจ เพราะองค์การธุรกิจ คือ ภาคส่วนที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มของทรัพยากร ดังนั้น จึงต้องคํานึงถึงความพอเพียงระดับธุรกิจ ได้แก่ 1. ธุรกิจควรมองถึงผลในระยะยาวมากกว่าระยะสั้น 2. แสวงหาผลกําไรบนพื้นฐานของการแบ่งปันประโยชน์ให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างเหมาะสมและเป็นธรรม 3. พัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์และสร้างคุณค่าตราสินค้าให้มีความน่าเชื่อถือ 4. แสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

90. แนวคิดใดเป็นแหล่งความคิดในการศึกษาการเกิดจิตสาธารณะ
(1) กระแสความนิยม
(2) ความเจริญของสังคม
(3) ความอยากรู้อยากเห็น
(4) คุณธรรมจริยธรรม
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 44. ประกอบ

91. ก่อนปี พ.ศ. 2490 มหาวิทยาลัยแบบตลาดวิชาแห่งแรกของประเทศไทยเปิดสอนกี่หลักสูตร
(1) 8 หลักสูตร
(2) 5 หลักสูตร
(3) 3 หลักสูตร
(4) 2 หลักสูตร
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 82. ประกอบ

92. จิตสาธารณะเปรียบเทียบได้กับสิ่งใดของคนเรา
(1) สัญชาตญาณ
(2) การสืบทอดวัฒนธรรม
(3) การวางตัวเป็นกลาง
(4) ความรู้สึกนึกคิด
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 88. ประกอบ

93. เป้าหมายประการหนึ่งของการวิจัยเพื่อพัฒนาผลผลิตตามหลักทฤษฎีใหม่ คือข้อใด
(1) ลดต้นทุน
(2) เพิ่มทักษะการสังเกต
(3) ความน่าเชื่อถือ
(4) ความเป็นอยู่ประจําวัน
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 68. ประกอบ

94. ใครคืออธิการบดีคนแรกของมหาวิทยาลัยรามคําแหง
(1) จอมพลถนอม กิตติขจร
(2) นายธนกาญจน์ ภัทรากาญจน์
(3) พลโทแสวง เสนาณรงค์
(4) นายศักดิ์ ผาสุขนิรันต์
ตอบ 4
ประวัติของศาสตราจารย์ ดร.ศักดิ์ ผาสุขนิรันต์ มีดังนี้ 1. สําเร็จการศึกษาชั้นปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง ก่อนที่จะไปศึกษาปริญญาเอก ณ ต่างประเทศ 2. เคยดํารงตําแหน่งทางการบริหารโดยเป็นอาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 3. ทํางานด้านการเมืองในตําแหน่งรองโฆษกรัฐบาลในรัฐบาลของจอมพลถนอม กิตติขจร 4. เป็นประธานกรรมการเตรียมการเปิดมหาวิทยาลัยรามคําแหง 5. ดํารงตําแหน่งอธิการบดีคนแรกของมหาวิทยาลัยรามคําแหง

95. บุคคลที่ใช้น้ำไฟอย่างประหยัดและรู้คุณค่าของทรัพยากร อธิบายได้จากแนวคิดใดที่ถูกต้องที่สุด
(1) การเรียนรู้สังคมที่ถูกต้อง
(2) การประหยัด
(3) ชาตินิยมและจิตสากล
(4) จิตใจสาธารณะ
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 88. ประกอบ

96. “…รับนักศึกษาทั่วไป โดยมาฟังคําสอนที่มหาวิทยาลัยก็ได้ หรือจะรับซื้อคําสอนจากมหาวิทยาลัยไปเรียนด้วยตนเองแล้วมาสมัครสอบก็ได้…” ข้อความนี้ปรากฏอยู่ในส่วนใดของ…..ประกอบ ร่างพระราชบัญญัติ (มหาวิทยาลัยรามคําแหง)
(1) หลักการและเหตุผล
(2) คําอภิปรายแปรญัตติ
(3) บันทึกการประชุมของคณะรัฐมนตรี
(4) คําแถลงของอธิการบดีคนแรกต่อสภามหาวิทยาลัย
ตอบ 1
ส่วนหนึ่งของข้อความในบันทึกหลักการและเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัย (มหาวิทยาลัยรามคําแหง) คือ…ด้วยเหตุที่นักเรียนนักศึกษาไม่มีที่เล่าเรียน จํานวนมาก และเพื่อให้มหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นตลาดวิชารับนักศึกษาได้ทั่วไป โดยมาฟังคําสอนที่มหาวิทยาลัยก็ได้ หรือจะรับซื้อคําสอนจากมหาวิทยาลัยไปเรียนด้วยตนเองแล้ว มาสมัครสอบก็ได้ เป็นการให้การศึกษาแก่ชนทุกชั้น และเป็นการสกัดกั้นมิให้นักศึกษา ไปหาที่เล่าเรียนในต่างประเทศ อันเป็นการสูญเสียเงินตราต่างประเทศปีหนึ่ง ๆ มิใช่น้อย

97. การมีจิตสาธารณะเกี่ยวข้องกับสิ่งใดโดยตรง
(1) การประหยัด อดออมทรัพย์สิน
(2) การใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ต่อตนเอง
(3) การลดการพึ่งพาบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ญาติมิตร
(4) หน้าที่และความรับผิดชอบ
ตอบ 4
ทิพมาศ เศวตวรโชติ ให้ความหมายของจิตสาธารณะว่า เป็นความรู้สึกตระหนักของบุคคลถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคม ทําให้เกิดความคิดหรือความรู้สึกต้องการจะร่วมและการมีส่วนช่วยเหลือสังคม โดยรับรู้ถึงสิทธิควบคู่ไปกับหน้าที่และความรับผิดชอบ

98. การพัฒนาจิตสาธารณะของบุคคลเริ่มต้นด้วยความคิดที่เกิดขึ้นในบุคคลนั้น ๆ เรื่องใด
(1) การเอาใจใส่ตนเอง
(2) ความต้องการของชุมชุน
(3) การดําเนินชีวิตอย่างเรียบง่าย
(4) ความรู้สึกต้องการช่วยสังคม
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 97. ประกอบ

99. การที่คนไทยในสมัยก่อนการจัดตั้งมหาวิทยาลัยรามคําแหงเดินทางไปศึกษาต่างประเทศ ทําให้เกิดผลเสียอย่างไร
(1) วิชาที่เรียนไม่เหมาะกับการใช้งาน
(2) สูญเสียพลเมือง
(3) เงินตราไหลออก
(4) เกิดความขัดแย้งในแนวคิด
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 96. ประกอบ

100. ตามหลักการของทฤษฎีใหม่ การตลาดเกี่ยวข้องกับเรื่องใด
(1) หลักการการทําธุรกิจ และการบริการ
(2) ความยุติธรรม ความแน่นอน และความจริงใจ
(3) คุณภาพ ปริมาณ และเวลา
(4) การกระจายราคา และการลดการเอาเปรียบ
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 50. ประกอบ

101. หลักการใดที่ใช้ในการพัฒนาจิตสาธารณะได้เป็นอย่างดี
(1) แรงจูงใจในการทําดี
(2) เศรษฐกิจพอเพียง
(3) การรับรู้และเรียนรู้
(4) ความมีเอกภาพในตนเองของบุคคล
ตอบ 2
หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ถือเป็นหลักการที่ใช้พัฒนาจิตสาธารณะของบุคคลได้อย่างหลากหลาย โดยเฉพาะหากเรานําไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจําวันได้อย่างจริงจัง เชื่อว่าทุกคนในชาติหรือในระดับโลกจะเป็นบุคคลที่มีจิตสาธารณะที่มองเห็นแต่ประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ไม่เบียดเบียนทําร้ายผู้อื่น อันจะนํามาซึ่งความสงบสุขของสังคมไทยและสังคมโลกได้อย่างแน่นอน

102. เงื่อนไขใดสําคัญที่สุดในการดําเนินชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง
(1) ปัญญา
(2) คุณธรรม
(3) หลักวิชา
(4) ชีวิต
ตอบ 4
เงื่อนไขชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง คือ การดําเนินชีวิตด้วยความอดทนมีความเพียร มีสติปัญญาแก้ไขปัญหาและบริหารจัดการชีวิต โดยใช้หลักวิชาและหลักคุณธรรมเป็นหลักพื้นฐาน ซึ่งถือเป็นเงื่อนไขที่สําคัญที่สุดในการดําเนินชีวิตของคนเรา

103. มหาวิทยาลัยรามคําแหงเป็นมหาวิทยาลัยแบบใด
(1) แบบตลาดวิชา
(2) แบบปิด
(3) แบบเปิด
(4) แบบทางไกล
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 86. ประกอบ

104. บุคคลในสังคมไทยให้ความสนใจกับการที่มีจิตสาธารณะเพราะเหตุใด
(1) การพัฒนาสังคมไร้จุดหมาย
(2) การเพิ่มขึ้นของความขัดแย้ง
(3) การล้มละลายและขาดทุนของบริษัทห้างร้าน
(4) ความไม่เชื่อใจตนเองของบุคคลส่วนมาก
ตอบ 2
จิตสาธารณะเป็นแนวทางหนึ่งที่สังคมเริ่มมาให้ความสนใจ เพราะหากเราไม่มีจิตสาธารณะ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน คิดว่าทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมทุกอย่างเป็นของตนเอง จนมองข้ามประโยชน์ส่วนรวมไป คงอีกไม่นานประเทศชาติก็คงถึงจุดที่มีแต่ความขัดแย้งเพิ่มขึ้น มีการสูญเสียทรัพยากรและสมบัติที่เป็นของชาติไป

105. ปัญหาใดที่เกษตรกรไทยมักพบเสมอ ๆ
(1) การขาดแคลนแรงงาน
(2) ไม่มีผลผลิตขายแก่ผู้บริโภค
(3) ขาดทักษะในการผลิต
(4) ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐ
ตอบ 1
ความเสี่ยงที่เกษตรกรไทยมักพบอยู่เป็นประจํา ได้แก่
1.การขาดแคลนน้ำ ฝนแล้ง ฝนทิ้งช่วง
2. ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ
3. สภาพดินที่ไม่เหมาะสม
4. โรคระบาดและศัตรูพืช
5. การพึ่งพาปัจจัยการผลิตสมัยใหม่จากต่างประเทศที่มีราคาสูง
6. การขาดแคลนแรงงาน
7. มีหนี้สินจนต้องสูญเสียที่ดินทํากิน

106. อะไรคือเหตุผลส่วนหนึ่งของแนวคิดการจัดตั้งมหาวิทยาลัยรามคําแหงแบบตลาดวิชา โดยกลุ่มสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในขณะนั้น
(1) ต้องการทําผลงานทางการเมือง
(2) ดําเนินการตามนโยบายของพรรคการเมืองที่สังกัด และความต้องการของรัฐบาล
(3) เพื่อนําประเทศเข้าสู่การเป็นสากล
(4) สมาชิกในกลุ่มหลายคนเคยศึกษาในมหาวิทยาลัยแบบตลาดวิชามาก่อน
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 21. ประกอบ

107. ทฤษฎีใหม่ขั้นที่สามเกี่ยวข้องกับเรื่องใด
(1) การแบ่งทรัพยากรน้ำและที่ทํากิน
(2) การเลือกอาชีพการเกษตร
(3) การสร้างเครือข่ายความร่วมมือ
(4) การออมเงินและทรัพย์สิน
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 68. ประกอบ

108. มหาวิทยาลัยรามคําแหงเป็นแหล่งเรียนรู้ทางการศึกษารูปแบบใด
(1) การศึกษาตามอัธยาศัย
(2) การศึกษาปริญญาตรีถึงปริญญาเอก
(3) การศึกษาในระบบ
(4) การศึกษานอกระบบ
ตอบ 3
การศึกษาในระบบ (Formal Education) คือ การศึกษาที่กําหนดจุดมุ่งหมายวิธีการศึกษา หลักสูตร ระยะเวลาของการศึกษา การวัดและประเมินผล ซึ่งถือเป็นเงื่อนไขของการสําเร็จการศึกษาที่แน่นอน ทั้งนี้ในการดําเนินกิจกรรมทางด้านการศึกษานั้นจะเกิดขึ้นทั้งที่ในห้องเรียนและนอกห้องเรียน เช่น ที่บ้าน หรือการเรียนรู้บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยยึดถือเอาห้องเรียนเป็นฐานกลางของการจัดการศึกษา

109. ก่อนการจัดตั้งมหาวิทยาลัยรามคําแหง มีการจัดตั้งมหาวิทยาลัยของรัฐที่กรุงเทพฯ อยู่ก่อนจํานวนเท่าใด
(1) 3 แห่ง
(2) 4 แห่ง
(3) 5 แห่ง
(4) 7 แห่ง
ตอบ 3
ก่อนการจัดตั้งมหาวิทยาลัยรามคําแหง มีการจัดตั้งมหาวิทยาลัยของรัฐที่กรุงเทพมหานคร 5 แห่ง เรียงตามลําดับการจัดตั้งขึ้นก่อนไปหลังได้ดังนี้
1. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
2. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รกมเพลส
3. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
4. มหาวิทยาลัยมหิด
5. มหาวิทยาลัยศิลปากร

110. นายประมวล กุลมาตย์ ได้เริ่มจัดทําร่างพระราชบัญญัติ (มหาวิทยาลัยรามคําแหง) เมื่อปีใด
(1) 2512
(2) 2521
(3) 2503
(4) 2500
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 14. ประกอบ

111. ข้อใดคือประโยชน์ของเทคโนโลยีตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง
(1) ให้ความบันเทิงผ่อนคลาย
(2) ทําให้เกิดการค้าขายยุคใหม่
(3) ก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มของทรัพยากร
(4) ทําให้เกิดเครือข่ายสังคม
ตอบ 3 ประโยชน์ของเทคโนโลยีตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง คือ เทคโนโลยีจะก่อให้เกิด
มูลค่าเพิ่มของทรัพยากร ส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตและผลิตภัณฑ์ ดังนั้นจึงควรเลือกใช้ เทคโนโลยีที่สอดคล้องกับศักยภาพขององค์การหรือประเทศ รวมทั้งสอดคล้องกับความพร้อมของคนที่ต้องใช้เทคโนโลยีนั้น

112. สถานที่ที่ใช้ในการสอบของมหาวิทยาลัยรามคําแหงในช่วงแรกของการจัดตั้งไม่เพียงพอ ดังนั้นมหาวิทยาลัยขอความร่วมมือใช้สถานที่ใด
(1) สนามกีฬาของกรมพลศึกษา
(2) ห้องประชุมของกรมประชาสัมพันธ์
(3) ห้องประชุมของกรุงเทพมหานคร
(4) โรงเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ
ตอบ 4
ในช่วงแรกของการจัดตั้งมหาวิทยาลัยรามคําแหง สถานที่ที่ใช้สอบไล่ภาค 1 และ 2 ปีการศึกษา 2514 ไม่เพียงพอ จึงได้มีการใช้อาคารเรียนภายในมหาวิทยาลัย และยืมโรงเรียน กรมสามัญศึกษาและกรมวิสามัญศึกษา สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นสนามสอบ

113. ข้อใดคือคนที่ไม่มีจิตสาธารณะ
(1) นายเขียวลักขโมยม้านั่งในสวนสาธารณะมาใช้ที่บ้าน
(2) นายดําปิดไฟทันทีที่อ่านหนังสือเสร็จ
(3) นายแดงขายของลดราคาเมื่อสินค้าในร้านของเขาเหลือเป็นชิ้นสุดท้าย
(4) นายขาวซื้ออาหารนกมาเลี้ยงนกพิราบที่มหาวิทยาลัย
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 76. และ 88. ประกอบ

114. สาเหตุสําคัญที่กล่าวไว้ในหลักการให้ตั้งมหาวิทยาลัยรามคําแหง คืออะไร (1) การศึกษาของไทยยังไม่พัฒนาเท่าที่ควร
(2) นักเรียนไม่มีที่เรียนจํานวนมาก
(3) ชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยไม่ทันสมัย
(4) เพื่อไม่ให้มหาวิทยาลัยจากต่างชาติมาเปิดสอน
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 96. ประกอบ

115. ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ความเป็นอยู่ของครอบครัวเกษตรกรควรเป็นอย่างใด
(1) ทันสมัย มีอุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวเรือนเพียงพอ
(2) มีความสะดวกสบายในการติดต่อสื่อสารกับสมาชิกทุกคนในครอบครัว
(3) มีทรัพย์สินเงินทองเพียงพอ เพื่อสนองตอบความต้องการของสมาชิกทุกคนในครอบครัวได้
(4) มีคุณภาพในการใช้ชีวิต และมีปัจจัยสี่เพียงพอ
ตอบ 4
ทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดําริขั้นที่ 2 ในด้านความเป็นอยู่ของครอบครัว คือ เกษตรกรจะต้องมีความเป็นอยู่พอสมควรแก่ฐานะ โดยมีคุณภาพในการ ใช้ชีวิต และมีปัจจัยพื้นฐานหรือปัจจัยสี่ในการดํารงอยู่อย่างมีคุณภาพทั้งด้านอาหาร เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรคที่เพียงพอ

116. นายประเวศ วะสี เสนอแนวคิดการสร้างจิตสาธารณะโดยการใช้เครือข่าย อาศัยเทคนิคที่ประกอบด้วยปัจจัยสามปัจจัย คืออะไร
(1) ความรัก ความรู้ ความเป็นธรรมชาติ
(2) ความจริง ประโยชน์ ความเข้าใจ
(3) ความหมาย ความรวดเร็ว ความยั่งยืน
(4) ความไม่แน่นอน ความเที่ยงตรง ความซื่อสัตย์
ตอบ 1
นายประเวศ วะสี ได้เสนอกลยุทธ์ในการปลูกจิตสาธารณะ โดยใช้หลักของการสร้างประชาคม เนื่องจากประชาคมต้องขับเคลื่อนด้วยความร่วมมือร่วมใจเชื่อมโยงเป็น เครือข่าย ซึ่งอาศัยเทคนิค 3 ปัจจัย ได้แก่
1. ความรัก 2. ความรู้ 3. ความเป็นธรรมชาติ

117. เหตุผลของการจัดตั้งคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคําแหง คืออะไร
(1) ต้องการแยกการบริหารจากคณะศึกษาศาสตร์
(2) การขาดแคลนนักวิทยาศาสตร์
(3) ข้อเรียกร้องของอาจารย์และนักศึกษา
(4) แนวโน้มทางด้านวิชาการ
ตอบ 2
เหตุผลในการจัดตั้งคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคําแหง คือ เพื่อให้สามารถผลิตบัณฑิตทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และสถิติได้โดยตรง ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาในเรื่อง การขาดแคลนนักวิทยาศาสตร์ นักคณิตศาสตร์ และนักสถิติของประเทศไทยได้เป็นอย่างดี

118. การศึกษาของชุมชนควรได้รับการสนับสนุนอย่างไรโดยชุมชน ตามหลักการทฤษฎีใหม่
(1) มีลูกหลานเข้าเรียนเพียงพอ
(2) มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย
(3) มีการแบ่งปันความรู้โดยใช้โรงเรียนเป็นตัวกลาง
(4) มีแหล่งเงินสนับสนุน
ตอบ 4
ทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดําริขั้นที่ 2 ในด้านการศึกษา คือ ควรจะต้องมีสถานศึกษาในชุมชนหรือพื้นที่ใกล้เคียง และมีแหล่งเงินทุนเพื่อสนับสนุนการศึกษาของลูกหลานเกษตรกรให้มีความรู้เพื่อการพัฒนาท้องถิ่นต่อไป

119. คําที่ถูกต้องที่เติมลงในช่องว่างในข้อความข้างล่างที่เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยรามคําแหง คือข้อใด
“…………………. ตั้งใจศึกษา บูชาพ่อขุน สนองคุณชาติ”
(1) รักชาติไทย
(2) รู้จัาอภัย
(3) เป็นพลเมืองดี
(4) พัฒนาสังคม
ตอบ 2
คําที่ถูกต้องเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยรามคําแหง คือ รู้จักอภัย ตั้งใจศึกษา บูชาพ่อขุน สนองคุณชาติ

120. วิชา RAM 1000 ความรู้คู่คุณธรรม เป็นวิชาที่สอดคล้องกับสิ่งใดของมหาวิทยาลัยรามคําแหง
(1) อัตลักษณ์
(2) ความเป็นมา
(3) เอกลักษณ์
(4) พันธกิจ
ตอบ 1
วัตถุประสงค์ของการเปิดสอนและการศึกษาวิชา RAM 1000 ความรู้คู่คุณธรรมก็เพื่อผลิตบัณฑิตให้สอดคล้องกับอัตลักษณ์ของมหาวิทยาลัยรามคําแหง คือ มุ่งผลิตบัณฑิต ที่มีความรู้คู่คุณธรรม ซึ่งเป็นคุณลักษณะของบัณฑิตที่ทําให้สังคมยอมรับ

LAW2006 กฎหมายอาญา 1 การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2561

การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2561
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 2006 กฎหมายอาญา 1
คําแนะนํา ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 4 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)

ข้อ 1. นายดําไม่พอใจที่นายขาวคุยเสียงดังจึงเดินเข้าไปหาเงื้อมือจะต่อยนายขาวระยะประชิดตัว นายขาวชกหน้านายดําครั้งเดียว นายดําหกล้มแขนหัก นายขาวจะต้องรับผิดอย่างไรหรือไม่ เพราะเหตุใด

ธงคําตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา 59 วรรคหนึ่งและวรรคสอง “บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาก็ต่อเมื่อได้กระทําโดยเจตนา เว้นแต่จะได้กระทําโดยประมาท ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ต้องรับผิดเมื่อได้กระทําโดยประมาทหรือ เว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยแจ้งชัดให้ต้องรับผิดแม้ได้กระทําโดยไม่มีเจตนา

กระทําโดยเจตนา ได้แก่ กระทําโดยรู้สํานึกในการที่กระทํา และในขณะเดียวกันผู้กระทํา ประสงค์ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทํานั้น”

มาตรา 68 “ผู้ใดจําต้องกระทําการใดเพื่อป้องกันสิทธิของตน หรือของผู้อื่นให้พ้นภยันตราย ซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ถ้าได้กระทําพอสมควรแก่เหตุ การกระทํานั้นเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นไม่มีความผิด”

วินิจฉัย
การกระทําที่จะถือว่าเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายซึ่งจะมีผลทําให้ผู้กระทําไม่มีความผิด และไม่ต้องรับผิดทางอาญาตามมาตรา 68 ประกอบด้วยหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ คือ

(1) มีภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย
(2) ภยันตรายนั้นเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง
(3) ผู้กระทําจําต้องกระทําเพื่อป้องกันสิทธิของตน หรือของผู้อื่นให้พ้นจากภยันตรายนั้น
(4) ต้องได้กระทําไปพอสมควรแก่เหตุ

กรณีตามอุทาหรณ์ การที่นายขาวชกหน้านายดําทําให้นายดําหกล้มแขนหักนั้น ถือว่านายขาว ได้กระทําต่อนายดําโดยเจตนาตามมาตรา 59 วรรคสอง เพราะเป็นการกระทําโดยรู้สํานึกในการกระทํา และในขณะเดียวกันนายขาวก็ได้ประสงค์ต่อผลของการกระทํานั้น ซึ่งโดยหลักการแล้วนายขาวจะต้องรับผิดทางอาญา ตามมาตรา 59 วรรคหนึ่ง

แต่อย่างไรก็ตาม เหตุที่นายขาวได้ชกหน้านายดํานั้น เป็นเพราะนายดําได้เดินเข้าไปหานายขาว และเงื้อมือจะต่อยนายขาวในระยะประชิดตัว ซึ่งลักษณะการกระทําของนายดํานั้น ย่อมถือได้ว่ามีภยันตรายซึ่ง เกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายเกิดขึ้นกับนายขาว และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง นายขาวจึงต้อง กระทําคือการชกหน้านายดําเพื่อป้องกันสิทธิของตน อีกทั้งการที่นายขาวได้ชกหน้านายดําเพียงครั้งเดียวย่อมถือว่า นายขาวได้กระทําไปพอสมควรแก่เหตุ ดังนั้น การกระทําของนายขาวจึงต้องด้วยหลักเกณฑ์ของการกระทําอัน เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา 68 นายขาวจึงไม่มีความผิดและไม่ต้องรับผิดทางอาญา

สรุป
นายขาวไม่ต้องรับผิดทางอาญาเพราะเป็นการกระทําเพื่อป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย

 

ข้อ 2. บันดาลโทสะ (ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 72) มีหลักกฎหมายและผลอย่างไรบ้าง จงอธิบายและยกตัวอย่าง

ธงคําตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา 72 “ผู้ใดบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงกระทําความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น ศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าที่กฎหมายกําหนดไว้สําหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้”

“บันดาลโทสะ” ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 72 สามารถแยกพิจารณาได้ 2 ประการ คือ หลักเกณฑ์การกระทําความผิดเพราะบันดาลโทสะ และผลของการกระทําความผิดเพราะบันดาลโทสะ

1. หลักเกณฑ์การกระทําความผิดเพราะบันดาลโทสะ แบ่งออกได้เป็น 3 ประการ คือ

1) ถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม ซึ่งการข่มเหงคือการรังแกนั่นเอง โดยการ ข่มเหงนั้นอาจจะทําโดยใช้กําลังกายประทุษร้าย กล่าววาจาเสียดสีหยาบคาย หรือแสดงกิริยาอาการเป็นการเย้ยหยันสบประมาทผู้กระทําผิดก็ได้ แต่ต้องมีพฤติการณ์ร้ายแรงโดยไม่ชอบธรรม ซึ่งอาจจะเป็นการข่มเหงผู้กระทําผิด โดยตรงหรือข่มเหงบุคคลที่เกี่ยวข้องกับผู้กระทําผิด เช่น บิดา บุตร หรือคู่สมรสของผู้กระทําผิดก็ได้

2) การข่มเหงเช่นนั้นเป็นเหตุให้ผู้กระทําผิดบันดาลโทสะ หมายความว่า การข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมนั้น ได้ทําให้ผู้กระทําผิดเกิดความโกรธ ความฉุนเฉียว ขุ่นเคืองอารมณ์ขึ้นมาจนไม่สามารถควบคุมสติสัมปชัญญะได้เช่นบุคคลธรรมดา

3) ผู้กระทําได้กระทําความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น หมายความว่า ผู้กระทําผิดจะต้องได้กระทําความผิดต่อผู้ข่มเหงโดยตรง และต้องกระทําในขณะที่มีโทสะอยู่ กล่าวคือได้กระทําความผิดในระยะเวลา ต่อเนื่องใกล้ชิดกับการบันดาลโทสะ คือการบันดาลโทสะยังไม่ขาดตอนนั้นเอง

ตัวอย่าง เช่น ผู้ตายไล่ตามน้องสาวจําเลยเพื่อข่มขืน มีคนขัดขวางและจับผู้ตายขัง โดยผู้ตายได้ร้องด่าจําเลยตลอดเวลา และยังเตะพวกของจําเลยแล้ววิ่งหนีไป จําเลยได้ถือมีดพร้าไล่ตามผู้ตายไป และฟัน ผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ ย่อมถือว่าการกระทําของจําเลยเป็นการกระทําโดยบันดาลโทสะ

หรือ ผู้ตายลอบทําชู้กับภริยาจําเลย จําเลยกลับจากธุระมาพบขณะกําลังเปิดมุ้งหนีออกมาจากมุ้งของภริยา จําเลยจึงเอาขวานไล่ฟันถึงตาย ดังนี้ ถือว่าจําเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม และได้กระทําความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น การกระทําของจําเลยจึงเป็นการกระทําโดยบันดาลโทสะ

2. ผลของการกระทําความผิดเพราะบันดาลโทสะ
การกระทําความผิดเพราะบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 72 นั้น ศาลจะลงโทษผู้กระทําความผิดน้อยกว่าที่กฎหมายกําหนดไว้สําหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้ แต่จะไม่ลงโทษเลยไม่ได้

 

ข้อ 3. ขณะที่นายดํากับนายขาวกําลังนั่งดื่มสุราอยู่ที่สนามหญ้าหน้าบ้าน นายโก๋กับพวกอีกห้าคนซึ่งเคยมีเรื่องชกต่อยกันมาก่อนเดินผ่านมาได้เข้ารุมทําร้ายชกต่อยเตะจนนายดํากับนายขาวล้มลงกับพื้น และก็ยังรุมกันกระทืบซ้ำอีก นายขาวจึงคว้ามีดแทงสวนไป 1 ที่ ถูกพวกนายโก๋ตายไปหนึ่งคน มีคนร้องตะโกนว่าตํารวจมา ๆ นายโก๋กับพวกที่เหลือจึงรีบวิ่งหนีไป นายดําลุกขึ้นมาได้วิ่งเข้าไปในบ้านคว้าปืนพกวิ่งติดตามพวกนายโก๋ ใช้ปืนยิงใส่นายโก๋กับพวกที่กําลังวิ่งหนีไป 4 นัด กระสุนนัดหนึ่ง ถูกนายโก๋ถึงแก่ความตาย กระสุนอีกนัดหนึ่งพลาดไปถูกนายโชคดีซึ่งกําลังเดินจะไปซื้อก๋วยเตี๋ยว ให้ภริยาได้รับบาดเจ็บสาหัส ดังนี้ นายขาวและนายดําจะต้องรับผิดทางอาญาอย่างไรหรือไม่ และจะยกเหตุใดมายกเว้นความผิด ยกเว้นโทษหรือลดโทษได้หรือไม่ อย่างไร

ธงคําตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา 59 วรรคหนึ่งและวรรคสอง “บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาก็ต่อเมื่อได้กระทําโดยเจตนา เว้นแต่จะได้กระทําโดยประมาท ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ต้องรับผิดเมื่อได้กระทําโดยประมาท หรือเว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยแจ้งชัดให้ต้องรับผิดแม้ได้กระทําโดยไม่มีเจตนา

กระทําโดยเจตนา ได้แก่ กระทําโดยรู้สํานึกในการที่กระทํา และในขณะเดียวกันผู้กระทํา ประสงค์ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทํานั้น”

มาตรา 60 “ผู้ใดเจตนาที่จะกระทําต่อบุคคลหนึ่ง แต่ผลของการกระทําเกิดแก่อีกบุคคลหนึ่ง โดยพลาดไป ให้ถือว่าผู้นั้นกระทําโดยเจตนาแก่บุคคลซึ่งได้รับผลร้ายจากการกระทํานั้น”

มาตรา 68 “ผู้ใดจําต้องกระทําการใดเพื่อป้องกันสิทธิของตน หรือของผู้อื่นให้พ้นภยันตราย ซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ถ้าได้กระทําพอสมควรแก่เหตุ การกระทํานั้นเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นไม่มีความผิด”

มาตรา 72 “ผู้ใดบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงกระทําความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น ศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าที่กฎหมายกําหนดไว้สําหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้”

มาตรา 80 วรรคหนึ่ง “ผู้ใดลงมือกระทําความผิดแต่กระทําไปไม่ตลอด หรือกระทําไปตลอดแล้ว แต่การกระทํานั้นไม่บรรลุผล ผู้นั้นพยายามกระทําความผิด”

วินิจฉัย
กรณีตามอุทาหรณ์ นายขาวและนายดําจะต้องรับผิดทางอาญาอย่างไรหรือไม่ และจะยกเหตุใด มายกเว้นความผิด ยกเว้นโทษ หรือลดโทษได้หรือไม่ อย่างไร แยกพิจารณาได้ดังนี้

ในกรณีของนายขาว
การที่นายโก๋กับพวกอีก 5 คนซึ่งเดินผ่านมาขณะที่นายดํากับนายขาวกําลังดื่มสุราอยู่ที่สนามหญ้าหน้าบ้าน และนายโก๋กับพวกได้เข้ารุมทําร้ายชกต่อยเตะจนนายดํากับนายขาวล้มลงกับพื้นและยังรุมกันกระทืบซ้ำ ทําให้นายขาวคว้ามีดแทงสวนไป 1 ที ถูกพวกของนายโก๋ตายไปหนึ่งคนนั้น แม้การกระทําของนายขาวจะถือว่า ได้กระทําโดยเจตนาตามมาตรา 59 วรรคสอง เพราะเป็นการกระทําโดยรู้สํานึกในการที่กระทํา และในขณะเดียวกัน นายขาวได้ประสงค์ต่อผลของการกระทํานั้น ซึ่งโดยหลักแล้วนายขาวจะต้องรับผิดทางอาญาตามมาตรา 59 วรรคหนึ่ง ก็ตาม แต่เมื่อการกระทําของนายขาวนั้น ถือได้ว่าเป็นการกระทําเพื่อป้องกันสิทธิของตนให้พ้นจากภยันตราย ซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงและได้กระทําไปพอสมควรแก่เหตุ จึงถือเป็นการกระทําเพื่อป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา 58 ดังนั้น นายขาวจึงไม่มีความผิดและไม่ต้อง รับผิดทางอาญา

กรณีของนายดํา
การที่นายดําได้ใช้ปืนยิงใส่นายโก๋กับพวกที่กําลังวิ่งหนีไป 4 นัด และกระสุนนัดหนึ่งถูกนายโก๋ ถึงแก่ความตายนั้น การกระทําของนายดําถือว่าเป็นการกระทําต่อนายโก๋โดยเจตนาตามมาตรา 59 วรรคสอง เพราะเป็นการกระทําโดยรู้สํานึกในการที่กระทํา และในขณะเดียวกันนายดําได้ประสงค์ต่อผลของการกระทํานั้น ดังนั้น นายดําจึงต้องรับผิดทางอาญาฐานฆ่านายโก๋ตายโดยเจตนาตามมาตรา 59 วรรคหนึ่ง และการที่นายดําได้ใช้ปืนยิงนายโก๋กับพวกนั้น นอกจากกระสุนปืนนัดหนึ่งจะถูกนายโก๋ถึงแก่ ความตายแล้ว กระสุนอีกนัดหนึ่งยังพลาดไปถูกนายโชคดีได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วยนั้น ผลของการกระทําที่เกิดกับนายโชคดีเป็นผลที่เกิดขึ้นโดยพลาดไปจึงต้องถือว่านายดําได้กระทําโดยเจตนาต่อนายโชคดีบุคคลซึ่งได้รับผลร้าย จากการกระทํานั้นด้วยตามมาตรา 60 ดังนั้น นายดําจึงต้องรับผิดทางอาญาฐานพยายามฆ่านายโชคดีด้วยตาม มาตรา 59 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 60 และมาตรา 80 วรรคหนึ่ง

การกระทําของนายดํานั้น เมื่อปรากฏว่า นายดําได้กระทําในขณะที่นายโก๋กับพวกที่เหลือได้วิ่งหนี ไปแล้ว เนื่องจากมีคนตะโกนว่าตํารวจมา ๆ ดังนั้น นายดําจะอ้างว่าเป็นการกระทําเพื่อป้องกันสิทธิของตนให้พ้น จากภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายเพื่อให้ตนหลุดพ้นจากความรับผิดทางอาญาตาม มาตรา 68 ไม่ได้ เพราะภยันตรายนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว จึงไม่มีภยันตรายที่ใกล้จะถึงอันจะต้องป้องกันอีก แต่อย่างไรก็ตาม การกระทําของนายดําที่ได้ใช้ปืนยิงนายโก๋กับพวกในขณะนั้น เนื่องจากถูกนายโก๋กับพวกได้เข้ารุมทําร้ายชกต่อยเตะจนนายดําล้มลงและยังรุมกันกระทืบซ้ำนั้น ถือว่านายดําถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอัน ไม่เป็นธรรม นายดําจึงสามารถอ้างเหตุว่าได้กระทําโดยบันดาลโทสะตามมาตรา 72 เพื่อให้ศาลลดหย่อนผ่อนโทษได้

สรุป
นายขาวไม่ต้องรับผิดทางอาญาโดยอ้างเหตุว่าเป็นการกระทําเพื่อป้องกันโดยชอบ ด้วยกฎหมายตามมาตรา 68 ได้ ส่วนนายดําต้องรับผิดทางอาญาฐานฆ่านายโก๋ตายโดยเจตนา และพยายามฆ่า นายโชคดี แต่สามารถอ้างเหตุบันดาลโทสะตามมาตรา 72 เพื่อให้ศาลลดหย่อนผ่อนโทษได้

 

ข้อ 4. นายปั้งจ้างนายจอมให้ฆ่านายโก๋ด้วยเงินห้าแสนบาท นายจอมได้ไปขอยืมรถจักรยานยนต์และปืนจากนายกว้าง นายกว้างให้ยืมโดยรู้ว่านายจอมจะเอาไปใช้ในการฆ่านายโก๋ นายจอมได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ตามหานายโก๋ นายบ่างรู้ว่านายจอมกําลังตามฆ่านายโก๋จึงแอบมาบอกที่อยู่ของนายโก๋ นายจอมรู้ที่อยู่ของนายโก๋แล้วจึงขับขี่รถจักรยานยนต์ไปที่บ้านของนายโก๋ เห็นนายโก๋จําได้ว่าเป็นเพื่อนนักเรียนกันมาก่อนจึงไม่ชักปืนออกมายิงและขับขี่รถจักรยานยนต์กลับไป ดังนี้ นายปั้ง นายกว้าง เละนายบ่างจะต้องรับผิดทางอาญาอย่างไร หรือไม่

ธงคําตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา 59 วรรคหนึ่ง “บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาก็ต่อเมื่อได้กระทําโดยเจตนา เว้นแต่ จะได้กระทําโดยประมาท ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ต้องรับผิดเมื่อได้กระทําโดยประมาท หรือเว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยแจ้งชัดให้ต้องรับผิดแม้ได้กระทําโดยไม่มีเจตนา”

มาตรา 84 “ผู้ใดก่อให้ผู้อื่นกระทําความผิดไม่ว่าด้วยการใช้ บังคับ ขู่เข็ญ จ้างวาน หรือยุยง ส่งเสริม หรือด้วยวิธีอื่นใด ผู้นั้นเป็นผู้ใช้ให้กระทําความผิด

ถ้าความผิดมิได้กระทําลง ไม่ว่าจะเป็นเพราะผู้ถูกใช้ไม่ยอมกระทํา ยังไม่ได้กระทําหรือเหตุอื่นใด ผู้ใช้ต้องระวางโทษเพียงหนึ่งในสามของโทษที่กําหนดไว้สําหรับความผิดนั้น

ถ้าผู้ถูกใช้ได้กระทําความผิดนั้น ผู้ใช้ต้องรับโทษเสมือนเป็นตัวการ…”

มาตรา 86 “ผู้ใดกระทําด้วยประการใด ๆ อันเป็นการช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทําความผิดก่อน หรือขณะกระทําความผิด แม้ผู้กระทําความผิดจะมิได้รู้ถึงการช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกนั้นก็ตาม ผู้นั้นเป็นผู้สนับสนุนการกระทําความผิด ต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กําหนดไว้ สําหรับความผิดที่สนับสนุนนั้น”

วินิจฉัย
ตามบทบัญญัติมาตรา 59 วรรคหนึ่งที่ว่า บุคคลจะต้องรับผิดทางอาญาก็ต่อเมื่อได้กระทําการซึ่งกฎหมายได้บัญญัติไว้เป็นความผิดนั้น คําว่าได้มีการกระทํานี้ จะต้องเลยขั้นตระเตรียมการมาจนถึงขั้นลงมือกระทําแล้ว แต่ข้อเท็จจริงตามอุทาหรณ์ การที่นายจอมได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไปที่บ้านของนายโก๋ เห็นนายโก๋ จําได้ว่าเป็นเพื่อนนักเรียนกันมาก่อนจึงไม่ชักปืนออกมายิงและขับขี่รถจักรยานยนต์กลับไปนั้น การกระทําของนายจอมจึงอยู่เพียงขั้นตระเตรียมการ ยังไม่ถึงขั้นลงมือกระทําความผิดแต่อย่างใด ดังนั้น นายจอมจึงไม่ต้องรับผิดทางอาญาตามมาตรา 59 วรรคหนึ่ง

ส่วนนายปั้ง นายกว้าง และนายบ่าง จะต้องรับผิดทางอาญาฐานเป็นผู้ใช้หรือผู้สนับสนุนหรือไม่ แยกพิจารณาได้ดังนี้

กรณีของนายปั้ง
การที่นายปั้งจ้างนายจอมให้ฆ่านายโก๋ด้วยเงินห้าแสนบาทนั้น ถือเป็นการ “ก่อ” ให้ผู้อื่นกระทําความผิดแล้วตามมาตรา 84 วรรคหนึ่ง นายปั้งจึงมีความผิดฐานเป็นผู้ใช้ แต่เมื่อผู้ถูกใช้คือนายจอมไม่ได้ลงมือกระทําความผิดตามที่ถูกใช้ ดังนั้น นายปั้งผู้ใช้จึงต้องรับโทษเพียง 1 ใน 3 ของโทษที่กําหนดไว้สําหรับ ความผิดนั้นตามมาตรา 59 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 84 วรรคหนึ่งและวรรคสอง

กรณีของนายกว้างและนายบ่าง
การที่นายกว้างได้ให้นายจอมยืมรถจักรยานยนต์และปืนไปฆ่านายโก๋ และการที่นายบ่างได้ บอกที่อยู่ของนายโก๋ทําให้นายจอมรู้ที่อยู่ของนายโก๋นั้น การกระทําของนายกว้างและนายบ่างถือเป็นการกระทําโดยมีเจตนาให้ความช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่ผู้อื่นในการกระทําความผิดแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนตามมาตรา 86 นั้น จะต้องเป็นการกระทําด้วยประการใด ๆ อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทําความผิดก่อนหรือขณะกระทําความผิด แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า นายจอมยัง ไม่ได้ลงมือกระทําความผิด ดังนั้น นายกว้างและนายบ่างจึงไม่มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน

สรุป
นายปั้งต้องรับผิดทางอาญาฐานเป็นผู้ใช้และต้องรับโทษในอัตรา 1 ใน 3 ของโทษที่ กําหนดไว้สําหรับความผิดที่ได้ใช้นั้น
นายกว้างและนายบ่างไม่ต้องรับผิดทางอาญาฐานเป็นผู้สนับสนุน

LAW 2007 กฎหมายอาญา 2 การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2561

การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2561
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 2007 กฎหมายอาญา 2
คําแนะนํา
ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 4 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)

ข้อ 1. อย่างไรเป็นความผิดฐานให้สินบนแก่เจ้าพนักงาน (มาตรา 144) และอย่างไรเป็นความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงาน (มาตรา 136) จงอธิบายหลักกฎหมายและยกตัวอย่าง
ธงคําตอบ

1. ความผิดฐานให้สินบนแก่เจ้าพนักงาน (มาตรา 144)
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา 144 “ผู้ใดให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เพื่อจูงใจให้กระทําการ ไม่กระทําการ หรือประวิ่งการกระทําอันมิชอบด้วยหน้าที่ต้องระวางโทษ..”

อธิบาย
ความผิดฐานให้สินบนแก่เจ้าพนักงานตามมาตรา 144 ดังกล่าว สามารถแยกองค์ประกอบ ความผิดได้ดังนี้

1. ผู้ใด
2. ให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้
3. ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด
4. แก่เจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล
5. เพื่อจูงใจให้กระทําการ ไม่กระทําการ หรือประวิงการกระทําอันมิชอบด้วยหน้าที่
6. กระทําโดยเจตนา

“ให้” หมายถึง มีการให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด และเจ้าพนักงานได้รับเอาไว้แล้ว ซึ่งอาจเกิดขึ้นโดยผู้กระทําได้ให้แก่เจ้าพนักงานเอง หรือเจ้าพนักงานได้เรียกเอาและผู้นั้นได้ให้ไป
“ขอให้” หมายถึง เสนอจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์แก่เจ้าพนักงาน เช่น เอ่ยปากขอให้เงินแก่เจ้าพนักงาน แม้เจ้าพนักงานยังไม่ได้ตกลงว่าจะรับก็เป็นความผิดสําเร็จแล้ว

“รับว่าจะให้” หมายถึง เจ้าพนักงานเป็นฝ่ายเรียกก่อน แล้วผู้กระทําก็รับปากกับเจ้าพนักงาน ว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด เป็นความผิดสําเร็จทันทีนับแต่รับว่าจะให้ ส่วนทรัพย์สินหรือประโยชน์นั้น จะให้แล้วหรือไม่ ไม่ใช่ข้อสําคัญ

สิ่งที่ให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้นั้นจะต้องเป็น “ทรัพย์สิน” เช่น เงิน แหวน รถยนต์ เป็นต้น หรือ “ประโยชน์อื่นใด” ที่ไม่ใช่ทรัพย์สิน เช่น ให้อยู่บ้านหรือให้ใช้รถโดยไม่เสียค่าเช่า หรือยกลูกสาวให้แต่งงานด้วย เป็นต้น

การกระทําตามมาตรานี้ต้องเป็นการกระทําต่อ “เจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล” เท่านั้น และบุคคลดังกล่าวจะต้องเป็นผู้มีอํานาจหน้าที่ด้วย ถ้าหากกระทําต่อบุคคลอื่นนอกจากนี้แล้ว หรือบุคคลดังกล่าวไม่มีอํานาจหน้าที่หรือพ้นจากอํานาจหน้าที่ย่อมไม่เป็น ความผิดตามมาตรานี้

ในเรื่องเจตนา ผู้กระทําจะต้องมีเจตนาตามมาตรา 59 กล่าวคือรู้ว่าบุคคลนั้นเป็นเจ้าพนักงาน หรือสมาชิกแห่งสภา ถ้าผู้กระทําไม่รู้ย่อมไม่เป็นความผิดตามมาตรานี้ ทั้งนี้ผู้กระทําจะต้องมีเจตนาพิเศษหรือมีมูลเหตุ ชักจูงใจเพื่อการอันมิชอบด้วยหน้าที่ด้วย คือ

(ก) ให้กระทําการ อันมิชอบด้วยหน้าที่ เช่น ให้เงินเพื่อให้ตํารวจจับคนที่ไม่ได้กระทําความผิด
(ข) ไม่กระทําการ อันมิชอบด้วยหน้าที่ เช่น ตํารวจจะจับกุม ผู้กระทําผิด จึงให้เงินแก่ตํารวจนั้นเพื่อไม่ให้ทําการจับกุมตามหน้าที่
(ค) ประวิงการกระทํา อันมิชอบด้วยหน้าที่ เช่น ให้ทรัพย์สินแก่เจ้าพนักงานสอบสวนให้ระงับการสอบสวนไว้ก่อน

ดังนั้นถ้าหากมีเหตุจูงใจให้กระทําการ ไม่กระทําการ หรือประวิงการกระทําอันชอบด้วยหน้าที่แล้ว ย่อมไม่เป็นความผิดตามมาตรา 144 นี้ เช่น เจ้าพนักงานตํารวจไม่จับกุมผู้กระทําผิดกฎหมาย จําเลยให้เงินตํารวจ เพื่อให้ทําการจับกุม กรณีนี้จําเลยไม่มีความผิดฐานให้สินบนแก่เจ้าพนักงานตามมาตรา 144 เพราะการให้ทรัพย์สิน มีมูลเหตุจูงใจให้กระทําการอันชอบด้วยหน้าที่

ตัวอย่างความผิดฐานให้สินบนแก่เจ้าพนักงานตามมาตรา 144

นายแดงถูก ส.ต.อ.ขาวจับกุมในข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครอง จึงเสนอจะยกลูกสาวของตน ให้กับ ส.ต.อ.ขาว เพื่อแลกกับการปล่อยตัว แต่ ส.ต.อ.ขาวยังไม่ได้ตกลงตามที่นายแดงเสนอ เช่นนี้ถือว่านายแดงขอให้ประโยชน์อันใดนอกจากทรัพย์สินแก่ ส.ต.อ.ขาวเจ้าพนักงานเพื่อจูงใจให้กระทําการอันมิชอบด้วยหน้าที่โดยเจตนา นายแดงจึงมีความผิดฐานให้สินบนแก่เจ้าพนักงานตามมาตรา 144 อันเป็นความผิดสําเร็จแล้ว

แต่ถ้ากรณีเป็นว่านายแดงถูกฟ้องเป็นจําเลย นายแดงทราบว่า ส.ต.อ.ขาวจะต้องไปเป็นพยานตามหมายเรียกของศาล จึงขอยกลูกสาวให้ ส.ต.อ.ขาวเพื่อให้ ส.ต.อ.ขาวเบิกความผิดจากความจริง ดังนี้นายแดง ไม่มีความผิดฐานให้สินบนแก่เจ้าพนักงานตามมาตรา 144 เพราะการเบิกความเป็นหน้าที่อย่างเดียวกับประชาชน ทั่วไป ไม่ใช่หน้าที่ของเจ้าพนักงานโดยเฉพาะ จึงมิใช่การให้ประโยชน์อันใดเพื่อจูงใจให้กระทําการด้วยหน้าที่อันมิชอบ (คําพิพากษาฎีกาที่ 439/2469)

2. ความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงาน (มาตรา 136)
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 136 “ผู้ใดดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทําการตามหน้าที่ หรือเพราะได้กระทําการตาม หน้าที่ ต้องระวางโทษ”

อธิบาย
ความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานตามมาตรา 136 มีองค์ประกอบของความผิด ดังนี้ 1. ผู้ใด
2. ดูหมิน
3. เจ้าพนักงาน
4. ซึ่งกระทําการตามหน้าที่ หรือเพราะได้กระทําการตามหน้าที่
5. กระทําโดยเจตนา

“ดูหมิ่น” หมายถึง การกระทําด้วยประการใด ๆ อันเป็นการดูถูกเหยียดหยาม สบประมาท หรือ ด่าแช่งต่อผู้ถูกกระทํา ซึ่งอาจจะกระทําโดยวาจา กิริยาท่าทาง หรือลายลักษณ์อักษรก็ได้ การดูหมิ่นด้วยวาจา เช่น พูดจาด่าทอ หรือด้วยกิริยาท่าทางก็เช่น ยกส้นเท้าให้ หรือถ่มน้ำลายรด เป็นต้น

ทั้งนี้แม้ว่าเจ้าพนักงานจะไม่ได้ยิน ไม่เห็น หรือว่าเป็นภาษาต่างประเทศ ซึ่งเจ้าพนักงานไม่เข้าใจก็ตามก็เป็นความผิด ตามมาตรา 136 นี้ได้

อย่างไรก็ดีถ้อยคําบางอย่างนั้น แม้ว่าจะเป็นคําไม่สุภาพ คําหยาบ ไม่สมควรจะกล่าว หรือ เป็นคําปรารภปรับทุกข์ หรือคําโต้แย้ง คํากล่าวติชมตามปกติ หากไม่ทําให้ผู้เสียหายถูกดูถูก เหยียดหยาม สบประมาท หรือได้รับความอับอายขายหน้า ก็ไม่ถือว่าเป็นการดูหมิ่น

การดูหมิ่นที่จะเป็นความผิดตามมาตรานี้ จะต้องเป็นการดูหมิ่น “เจ้าพนักงาน” ถ้าบุคคลที่ถูกดูหมิ่นนั้นไม่ใช่เจ้าพนักงานย่อมไม่ผิด ตามมาตรา 136 ทั้งนี้จะต้องได้ความว่าบุคคลดังกล่าวเป็นเจ้าพนักงาน อยู่ในขณะถูกดูหมิ่นด้วย หากได้พ้นตําแหน่งไปแล้วก็ไม่มีความผิดตามมาตรานี้เช่นกัน เช่น จําเลยกล่าวต่อ ร.ต.อ.แดงว่า “ตํารวจเฮงซวย” ซึ่งในขณะนั้น ร.ต.อ.แดงได้ลาออกจากราชการเพื่อไปทําธุรกิจส่วนตัว ดังนี้ จําเลยไม่มีความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงาน เพราะในขณะที่ดูหมิ่นนั้น ร.ต.อ.แดงไม่ได้เป็นเจ้าพนักงาน

อนึ่ง การดูหมิ่นที่จะเป็นความผิดตามมาตรา 136 นี้ จะต้องเป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงานเฉพาะ 2 กรณี ต่อไปนี้คือ
(ก) ดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทําการตามหน้าที่ หรือ
(ข) ดูหมิ่นเจ้าพนักงานเพราะได้กระทําการตามหน้าที่

“ซึ่งกระทําการตามหน้าที่” หมายความว่า ดูหมิ่นขณะเจ้าพนักงานนั้นกระทําการตามหน้าที่ ซึ่งกฎหมายได้ให้อํานาจไว้ ดังนั้นหากเป็นการดูหมิ่นขณะเจ้าพนักงานกระทําการนอกเหนืออํานาจหน้าที่หรือ เกินขอบเขต ย่อมไม่ผิดตามมาตรานี้

“เพราะได้กระทําการตามหน้าที่” หมายความว่า ดูหมิ่นภายหลังจากที่เจ้าพนักงานได้กระทําการตามหน้าที่แล้ว เช่น เจ้าพนักงานตํารวจจับกุมนายแดง แล้วนายแดงไปเล่าให้นายขาวฟัง ต่อมาอีก 3 วัน นายขาว พบเจ้าพนักงานตํารวจผู้นั้นโดยบังเอิญ จึงด่าทอดูหมิ่น เพราะโกรธที่ไปจับเพื่อนตน เช่นนี้นายขาวมีความผิดฐาน ดูหมิ่นเจ้าพนักงานเพราะได้กระทําการตามหน้าที่ตามมาตรา 136

การดูหมิ่นจะเป็นความผิดตามมาตรานี้ จะต้องเป็นการดูหมิ่น “โดยเจตนา” กล่าวคือ เป็นการ กล่าวโดยตั้งใจดูหมิ่น และรู้ว่าผู้ที่ตนตั้งใจดูหมินเป็นเจ้าพนักงาน ถ้าไม่รู้ว่าเป็นเจ้าพนักงานย่อมถือว่าขาดเจตนา ไม่เป็นความผิดตามมาตรานี้

ตัวอย่าง ความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานตามมาตรา 136
นายดวงดื่มสุราจนเมาครองสติไม่ได้ ขับรถด้วยความเร็วสูงไม่สวมหมวกนิรภัยถูกเจ้าพนักงานตํารวจจับกุม นายดวงไม่พอใจ จึงพูดต่อหน้าเจ้าพนักงานตํารวจคนนั้นว่า “แกล้งจับกูคนเดียว คนอื่นทําไมไม่จับ” เช่นนี้ถ้อยคําดังกล่าวมีลักษณะเป็นการดูหมิ่น เหยียดหยาม ซึ่งได้กระทําต่อเจ้าพนักงานซึ่งได้กระทําการ ตามหน้าที่ที่กฎหมายได้ให้อํานาจไว้โดยเจตนา นายดวงจึงมีความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานตามมาตรา 136

แต่ถ้ากรณีเปลี่ยนเป็นว่า ขณะเจ้าพนักงานตํารวจกําลังนั่งรับประทานอาหารกับภริยาที่บ้านพัก โดยเวลานั้นไม่ใช่เวลาปฏิบัติราชการ จําเลยไปขอยืมเงินจากเจ้าพนักงานตํารวจ แต่ไม่ได้ จําเลยจึงกล่าวว่า “กูจะเอาให้ย้ายภายในเจ็ดวัน อ้ายย้ายยังไม่แน่ ที่แน่คือกูจะเอามึงลงหลุมฝังศพ” เช่นนี้แม้ถ้อยคําดังกล่าวจะมีลักษณะ เป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงานด้วยเจตนา แต่เวลาดังกล่าวมิใช่เวลาปฏิบัติราชการตามหน้าที่ แต่เป็นเวลานอกราชการ อันเป็นการส่วนตัว จึงถือไม่ได้ว่าจําเลยดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทําการตามหน้าที่ตามมาตรา 136

 

ข้อ 2. หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า และหกไม่พอใจที่นักศึกษารุ่นน้องถูกคู่อริยิงตายจึงปรึกษากันว่าจะทําอย่างไรดี หนึ่งเสนอว่าต้องแก้แค้นเอาคืนเจอพวกมันที่ไหนฆ่ามันเลย ทุกคนจับมือตกลงเอาด้วย ยกเว้นหก ที่ไม่เอาด้วยโดยบอกว่าไม่ใช่วิธีที่คนเรียนหนังสือเขาทํากัน ทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้าน หนึ่งได้สติ โทรศัพท์ไปบอกทุกคนว่าที่ตกลงกันจะไปฆ่า ยกเลิก หกมันพูดถูก แต่สอง สาม และสี่ไม่ยอมเลิก ดังนี้ ทุกคนจะมีความผิดอาญาฐานใดหรือไม่ เพราะเหตุใด

ธงคําตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา 210 วรรคหนึ่ง “ผู้ใดสมคบกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป เพื่อกระทําความผิดอย่างหนึ่งอย่างใด ตามที่บัญญัติไว้ในภาค 2 นี้ และความผิดนั้นมีกําหนดโทษจําคุกอย่างสูงตั้งแต่หนึ่งปีขึ้นไป ผู้นั้นกระทําความผิด ฐานเป็นซ่องโจร ต้องระวางโทษ”

วินิจฉัย
ความผิดฐานเป็นซ่องโจรตามมาตรา 210 วรรคหนึ่ง มีองค์ประกอบความผิดดังนี้ 1. ผู้ใด
2. สมคบกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป
3. เพื่อกระทําความผิดอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญาภาค 2
4. ความผิดนั้นมีกําหนดโทษจําคุกอย่างสูงตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป
5. กระทําโดยเจตนา

“การสมคบกัน” ที่จะเป็นความผิดฐานเป็นซ่องโจรนั้น จะต้องประกอบด้วยหลักเกณฑ์ที่สําคัญ 2 ประการ คือ
(ก) จะต้องมีการประชุมปรึกษาหารือร่วมกัน และ
(ข) จะต้องมีการตกลงร่วมกันว่าจะกระทําความผิด

การสมคบกันนั้น จะต้องสมคบกัน “ตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป” จึงจะเป็นความผิด ดังนั้นจะมากกว่า 5 คน หรือ 5 คนพอดี ก็ถือว่าเป็นความผิดแล้ว แต่ถ้าต่ำกว่าห้าคนแล้วไม่เป็นความผิดฐานซ่องโจร

“เพื่อกระทําความผิดอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่บัญญัติไว้ในภาค 2” หมายความว่า ความผิดนั้น ต้องเป็นความผิดตามภาค 2 ได้แก่ ความผิดตั้งแต่มาตรา 107 ถึงมาตรา 366 เช่น ลักทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ฆ่าคนตาย วางเพลิงเผาทรัพย์ เป็นต้น

“ความผิดนั้นมีกําหนดโทษจําคุกอย่างสูงตั้งแต่หนึ่งปีขึ้นไป” หมายความว่า โทษอย่างสูง เป็นอัตราโทษอย่างสูงตามที่ประมวลกฎหมายอาญาบัญญัติไว้ในมาตรานั้น ๆ ซึ่งมิใช่โทษที่ศาลจะลงแก่ผู้กระทําความผิด ทั้งนี้จะต้องมีกําหนดโทษอย่างสูงตั้งแต่หนึ่งปีขึ้นไปด้วย

“โดยเจตนา” หมายความว่า รู้สํานึกว่าเป็นการสมคบกันเพื่อกระทําความผิดอย่างใดอย่างหนึ่ง ตามที่บัญญัติไว้ในภาค 2 แต่ไม่จําเป็นต้องรู้ว่าความผิดที่จะกระทํานั้นมีโทษจําคุกอย่างสูงตั้งแต่หนึ่งปีขึ้นไปหรือไม่

กรณีตามอุทาหรณ์ การที่หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า และหก ไม่พอใจที่นักศึกษารุ่นน้องถูกคู่อริยิงตาย จึงปรึกษากันว่าจะทําอย่างไรดี โดยหนึ่งเสนอว่าต้องแก้แค้นเอาคืนเจอพวกมันที่ไหนฆ่ามันเลย ทุกคนจับมือตกลง เอาด้วย ยกเว้นหกที่ไม่เอาด้วยนั้น เมื่อการสมคบกันเพื่อที่จะฆ่าคู่อร์นั้นเป็นการสมคบกันโดยมีจํานวน 5 คนแล้ว

และเป็นการสมคบกันเพื่อกระทําความผิดฐานฆ่าคนตายซึ่งเป็นความผิดที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา ภาค 2 และความผิดนั้นมีกําหนดโทษจําคุกอย่างสูงตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป และเมื่อได้กระทําโดยเจตนา และโดยมีเจตนาพิเศษ คือเพื่อกระทําความผิดอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่บัญญัติไว้ในภาค 2 จึงครบองค์ประกอบของ ความผิดฐานเป็นซ่องโจรตามมาตรา 210 วรรคหนึ่ง ดังนั้น หนึ่ง สอง สาม สี่ และห้าจึงมีความผิดฐานซ่องโจร ตามมาตรา 210 วรรคหนึ่ง

แม้ข้อเท็จจริงจะปรากฏว่าทั้ง 5 คน จะยังมิได้กระทําความผิดตามที่สมคบกัน เนื่องจากต่อมาหนึ่งได้โทรศัพท์ไปบอกทุกคนว่าที่ตกลงกันว่าจะไปฆ่านั้นให้ยกเลิกก็ตาม เพราะความผิดอาญา ฐานซ่องโจรตามมาตรา 210 วรรคหนึ่งนั้น ย่อมถือว่าเป็นความผิดสําเร็จแล้วนับตั้งแต่ที่ได้มีการสมคบกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปเพื่อไปกระทําความผิดฯ ดังกล่าว ส่วนหกนั้นเมื่อได้คัดค้านไม่เห็นด้วย จึงไม่ถือว่าหกได้สมคบกันกับ ทั้ง 5 คน แต่อย่างใด ดังนั้น หกจึงไม่มีความผิดฐานซ่องโจร

สรุป
หนึ่ง สอง สาม สี่ และห้า มีความผิดอาญาฐานซ่องโจรตามมาตรา 210 วรรคหนึ่ง ส่วนหกไม่มีความผิดอาญาฐานใดเลย

 

ข้อ 3. นายสาและนางสีจดทะเบียนสมรสกันโดยถูกต้องตามกฎหมาย นายสาและนางสีได้ร่วมกันซื้อบ้านหลังหนึ่งเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว ขนาด 2 ห้องนอน นายสาและนางสีนอนคนละห้อง วันเกิดเหตุ นายสา จุดบุหรี่สูบในห้องนอนแล้วเผลอหลับไป ปรากฏว่าบุหรี่ไหม้พื้นห้องแล้วลุกลามไหม้ห้องของนายสา นายสารู้สึกตัวตื่นขึ้นดับไฟได้ทันก่อนที่จะลุกลามไปไหม้ห้องของนางสีซึ่งกําลังนอนหลับอยู่ในเวลานั้น ดังนี้ นายสามีความผิดเกี่ยวกับการก่อให้เกิดภยันตรายต่อประชาชนหรือไม่ เพราะเหตุใด

ธงคําตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 225 “ผู้ใดกระทําให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาท และเป็นเหตุให้ทรัพย์ของผู้อื่นเสียหาย หรือการกระทําโดยประมาทนั้นน่าจะเป็นอันตรายแก่ชีวิตของบุคคลอื่น ต้องระวางโทษ”

วินิจฉัย
องค์ประกอบความผิดฐานกระทําให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาทตามมาตรา 225 ประกอบด้วย
1. กระทําให้เกิดเพลิงไหม้
2. โดยประมาท
3. เป็นเหตุให้ทรัพย์ของผู้อื่นเสียหาย หรือน่าจะเป็นอันตรายแก่ชีวิตของบุคคลอื่น

“กระทําให้เกิดเพลิงไหม้” หมายถึง กระทําให้เกิดเพลิงไหม้แก่ทรัพย์หรือวัตถุใด ๆ อาจเป็นทรัพย์ของตนเอง หรือทรัพย์ของผู้อื่น หรือวัตถุที่ไม่มีเจ้าของ

“โดยประมาท” หมายถึง การกระทําความผิดมิใช่โดยเจตนา แต่กระทําโดยปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และผู้กระทําอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่

กระทําให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาท เช่น ใช้เตาไฟฟ้าทําอาหารแล้วลืมถอดปลั๊กออกทําให้เกิดเพลิงไหม้ จุดบุหรี่สูบบนที่นอนแล้วหลับไป ทําให้บุหรี่ไหม้ที่นอน เป็นต้น

“เป็นเหตุให้ทรัพย์ของผู้อื่นเสียหาย หรือน่าจะเป็นอันตรายแก่ชีวิตของบุคคลอื่น” คือ การทําให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาทนั้น ต้องเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหายและต้องเสียหายจริง ๆ ประการหนึ่ง หรือน่าจะเป็นอันตรายแก่ชีวิตของบุคคลอื่นอีกประการหนึ่งจึงจะมีความผิดตามมาตรานี้

กรณีตามอุทาหรณ์ การที่นายสาจุดบุหรี่สูบในห้องนอนแล้วเผลอหลับไป ทําให้บุหรี่ไหม้พื้นห้อง แล้วลุกลามไหม้ห้องของนายสานั้น การกระทําของนายสาถือว่าเป็นการกระทําให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาทแล้ว และแม้ว่านายสาจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นและดับไฟได้ทันก่อนที่จะลุกลามไปไหม้ห้องของนางสีซึ่งกําลังนอนหลับอยู่ใน เวลานั้น การกระทําของนายสาที่ทําให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาทนั้นได้เข้าองค์ประกอบของความผิดที่ว่า น่าจะเป็นอันตรายแก่ชีวิตของบุคคลอื่นแล้ว แม้ว่าตามข้อเท็จจริงนางสีจะไม่ได้รับอันตรายใดๆ ก็ตาม ดังนั้นการกระทําของ นายสาจึงครบองค์ประกอบของความผิดตามมาตรา 225 นายสาจึงมีความผิดฐานทําให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาท ตามมาตรา 225

สรุป
นายสามีความผิดฐานทําให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาทตามมาตรา 225

 

ข้อ 4. นางสาววุ้นเส้นมีรถยนต์ 3 คัน คันที่หนึ่งยี่ห้อ Audi หมายเลขทะเบียน ตก 5555 คันที่สองยี่ห้อ Benz หมายเลขทะเบียน ตด 8888 คันที่สามยี่ห้อ BMW ยังไม่มีหมายเลขทะเบียน นางสาววุ้นเส้นได้ขับรถยนต์ยี่ห้อ Audi ผ่านหน้ามหาวิทยาลัยรามคําแหงซึ่งมีน้ำท่วมขังอยู่จนเป็นเหตุให้แผ่นป้ายทะเบียนหลุดหายไป เมื่อกลับถึงบ้านจึงได้ทําแผ่นป้ายทะเบียนปลอมขึ้นมา โดยมีตัวอักษรและตัวเลข ตก 5555 เหมือนกับแผ่นป้ายทะเบียนเดิมที่หลุดหายไป และนําไปติดไว้ กับรถยนต์คันดังกล่าวเพื่อให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่าเป็นแผ่นป้ายทะเบียนที่แท้จริง ในเวลาต่อมา นางสาววุ้นเส้นได้นําแผ่นป้ายทะเบียน ตด 8888 ของรถยนต์ยี่ห้อ Benz ซึ่งเป็นรถยนต์คันเก่าและไม่ค่อยได้ใช้งานไปติดไว้กับรถยนต์ยี่ห้อ BMW ที่เพิ่งซื้อมาใหม่เพื่อให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่ารถยนต์คันดังกล่าวมีหมายเลขทะเบียน ตด 8888 ดังนี้ ให้วินิจฉัยว่า นางสาววุ้นเส้นมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานใดหรือไม่

ธงคําตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา 264 วรรคหนึ่ง “ผู้ใดทําเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือแต่ส่วนหนึ่งส่วนใด เติมหรือ ตัดทอนข้อความ หรือแก้ไขด้วยประการใด ๆ ในเอกสารที่แท้จริง หรือประทับตราปลอม หรือลงลายมือชื่อปลอม ในเอกสาร โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ถ้าได้กระทําเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่า เป็นเอกสารที่แท้จริง ผู้นั้นกระทําความผิดฐานปลอมเอกสาร ต้องระวางโทษ”

มาตรา 265 “ผู้ใดปลอมเอกสารสิทธิหรือเอกสารราชการ ต้องระวางโทษ”

มาตรา 268 วรรคหนึ่ง “ผู้ใดใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการกระทําความผิดตามมาตรา 264 มาตรา 265 มาตรา 266 หรือมาตรา 267 ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษ ยังที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้น ๆ”

วินิจฉัย
องค์ประกอบความผิดฐานปลอมเอกสารตามมาตรา 264 วรรคหนึ่ง ประกอบด้วย
1. กระทําการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้
(ก) ทําเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือแต่ส่วนหนึ่งส่วนใด
(ข) เติมหรือตัดทอนข้อความหรือแก้ไขด้วยประการใด ๆ ในเอกสารที่แท้จริง หรือ
(ค) ประทับตราปลอมหรือลงลายมือชื่อปลอมในเอกสาร

2. โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
3. ได้กระทําเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง
4. โดยเจตนา กรณีตามอุทาหรณ์ แยกวินิจฉัยได้ดังนี้

กรณีแรก การที่นางสาววุ้นเส้นได้ทําแผ่นป้ายทะเบียนปลอมขึ้นใหม่โดยมีตัวอักษรและ ตัวเลข ตก 5555 เหมือนกับแผ่นป้ายทะเบียนเดิมที่หลุดหายไปนั้น แม้จะเป็นการปลอมเอกสารที่ทางราชการทําขึ้น เพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง และได้กระทําโดยเจตนาก็ตาม แต่การที่นางสาววุ้นเส้นได้นําแผ่นป้ายทะเบียนปลอมมาติดไว้กับรถยนต์ยี่ห้อ Audi คันดังกล่าวของนางสาววุ้นเส้นเองนั้น ไม่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ดังนั้นนางสาววุ้นเส้นจึงไม่มีความผิดฐานปลอมเอกสารตามมาตรา 264 วรรคหนึ่ง และเมื่อนางสาววุ้นเส้นไม่มีความผิดฐานปลอมเอกสารแล้ว จึงไม่จําต้องวินิจฉัยต่อไปว่าได้กระทําความผิดตาม มาตรา 265 และมาตรา 268 วรรคหนึ่งหรือไม่

กรณีที่ 2 การที่นางสาววุ้นเส้นได้นําแผ่นป้ายทะเบียน ตด 8888 ของรถยนต์ยี่ห้อ Benz ไปติดไว้กับรถยนต์ยี่ห้อ BMW เพื่อให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่ารถยนต์คันดังกล่าวมีหมายเลขทะเบียน ตด 8888 นั้น เมื่อแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ดังกล่าวเป็นแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ที่แท้จริงซึ่งทางราชการออกให้แก่รถยนต์คันอื่น และข้อเท็จจริงก็ไม่ปรากฏว่านางสาววุ้นเส้นได้ทําการเติมหรือตัดทอนข้อความหรือแก้ไขหมายเลขทะเบียนให้ผิดไปจากของจริงแต่อย่างใด ดังนั้นแม้การกระทําของนางสาววุ้นเส้นน่าจะเกิดความเสียหายแก่ราชการก็ตาม กรณีนี้ นางสาววุ้นเส้นก็ไม่มีความผิดฐานปลอมเอกสารตามมาตรา 264 วรรคหนึ่ง และเมื่อนางสาววุ้นเส้นไม่มีความผิด ฐานปลอมเอกสารแล้ว จึงไม่จําต้องวินิจฉัยต่อไปว่าได้กระทําความผิดตามมาตรา 265 และมาตรา 268 วรรคหนึ่งหรือไม่

สรุป
นางสาววุ้นเส้นไม่มีความผิดอาญาฐานปลอมเอกสารทั้ง 2 กรณี

THA1003 การเตรียมเพื่อการพูดและการเขียน การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2561

การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2561
ข้อสอบกระบวนวิชา THA 1003 การเตรียมเพื่อการพูดและการเขียน
คําสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคําตอบเดียว (ข้อสอบมีทั้งหมด 120 ข้อ)

1. คนแตกต่างจากสัตว์โลกชนิดอื่น ๆ อย่างไร
(1) คนมีสมอง แต่สัตว์ชนิดอื่น ๆ ไม่มีสมอง
(2) คนสามารถถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกได้ดีกว่าสัตว์
(3) คนสามารถพูดจาโต้ตอบกันได้ด้วยภาษา
(4) คนมีจิตใจ แต่สัตว์ไม่มีจิตใจ
ตอบ 3
สัตว์สังคมทุกชนิดยกเว้นมนุษย์จะสื่อสารกันด้วยอวัจนภาษา (ภาษาที่ไม่ใช้คําพูด)แต่มนุษย์จะสื่อสารกันได้ทั้งวัจนภาษา (ภาษาที่เป็นภาษาพูด) และอวัจนภาษา จึงเห็นได้ว่า มนุษย์สามารถสื่อสารกันได้ดีกว่าสัตว์ประเภทอื่นมาก ด้วยเหตุที่มนุษย์แตกต่างจากสัตว์โลกชนิดอื่น ๆ คือ สามารถพูดจาโต้ตอบกันได้ด้วยภาษานั้นเอง

2. “การพูดเป็น” แตกต่างจาก “การพูดได้” อย่างไร
(1) “พูดได้” เป็นศิลป์ในการพูด
(2) “พูดเป็น” อาศัยทั้งศาสตร์และศิลป์ในการพูด
(3) “พูดได้” อาศัยทั้งศาสตร์และศิลป์ในการพูด
(4) “พูดเป็น” เป็นศาสตร์ในการพูด
ตอบ 2
ทินวัฒน์ มฤคพิทักษ์ ให้แนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับการพูดว่า ทุกคน “พูดได้”แต่บางคน “พูดเป็น” โดยการพูดเป็น หมายถึง การพูดให้คนฟังชื่นชอบ เชื่อถือ คล้อยตาม ปฏิบัติตาม เข้าใจง่าย สนุกสนาน ซึ่งต้องอาศัยทั้งศาสตร์และศิลป์ในการพูด คือ เรียนกันได้แต่จะเก่งเท่ากันหรือไม่ต้องขึ้นอยู่กับศิลป์ อันเป็นความสามารถเฉพาะคน

3. การสื่อสารด้วยการพูดมีข้อดีอย่างไร
(1) มีโอกาสฟังซ้ำได้
(2) ผู้พูดสามารถพิสูจน์ผลของการพูดนั้น ๆ ทันที
(3) ผู้พูดสามารถเลือกพูดในสิ่งที่ดีได้
(4) ผู้พูดสามารถพัฒนาบุคลิกภาพได้ทันที
ตอบ 2
การสื่อสารด้วยคําพูดมีข้อดี ดังนี้
1. ทําให้ผู้ฟังเข้าใจได้รวดเร็ว เพราะเป็นการสื่อสารสองทาง 2. เป็นเครื่องมือสร้างมนุษยสัมพันธ์ที่ได้ผลดีที่สุด 3. สามารถพิสูจน์ผลของการพูดได้ทันที โดยสังเกตจากปฏิกิริยาโต้ตอบของผู้ฟังในขณะที่พูด 4. สามารถดัดแปลงแก้ไขคําพูดหรือยืดหยุ่นให้เหมาะกับเวลา โอกาส หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

4. ทําไมสถาบันการศึกษาต่าง ๆ จึงสอนวิชาที่เกี่ยวกับการพูด
(1) นักพูดหรือพิธีกร เป็นอาชีพที่มีรายได้ดี
(2) ปัจจุบันผู้คนพิสูจน์กันด้วยการพูดมากกว่าความสามารถ
(3) ต้องการสอนมารยาท และความเหมาะสมในการพูด
(4) วิชาความรู้ต้องใช้ควบคู่กับศิลปะในการพูด
ตอบ 4
ในสถาบันการศึกษาชั้นสูงจํานวนมากมักจะมีการสอนวิชาการพูดโดยเฉพาะการพูดต่อหน้าชุมชนกันอย่างกว้างขวาง เพราะเป็นวิชาความรู้ที่ต้องใช้ควบคู่กับศิลปะในการพูด เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับทฤษฎีการพูด และฝึกฝนให้ผู้ศึกษาเป็นนักพูดที่ดี ให้รู้จักพูดในสิ่งที่ควรพูด คือ สอนให้พูดแต่ดี ไม่ใช่ดีแต่พูด

5. องค์ประกอบ 5 ประการของการพูดให้ประสบความสําเร็จ คืออะไร
(1) ผู้พูด ผู้ฟัง สาร ภูมิปัญญา และสื่อ
(2) ผู้พูด ผู้ฟัง สาร สถานการณ์ และการวิเคราะห์การพูด
(3) ผู้พูด ผู้ฟัง สาร สถานการณ์ในการพูด และสื่อ
(4) ผู้พูด ผู้ฟัง สื่อ สถานการณ์ และการวิเคราะห์การพูด
ตอบ 3
องค์ประกอบของการพูดให้ประสบความสําเร็จมี 5 ประการ คือ 1. ผู้พูด 2. สาร 3. สื่อ 4. สถานการณ์การพูด 5. ผู้ฟัง

6. หากท่านต้องไปพูดให้วัยรุ่นอายุ 18 ปี ข้อใดที่ท่านไม่ควรพูดที่สุด
(1) ยุยงส่งเสริมให้แตกความสามัคคี
(2) สั่งสอนโดยใช้คําพูดดูถูก เพื่อให้วัยรุ่นอยากเอาชนะ
(3) สั่งสอนให้วัยรุ่นเรียนรู้ชีวิตด้วยประสบการณ์ตรงในทุกเรื่อง
(4) ใช้คําพูดปลุกระดม เพราะวัยรุ่นต้องการการปลุกเร้า
ตอบ 2
การพูดกับวัยรุ่น ต้องคํานึงถึงจิตวิทยาวัยรุ่นให้มาก พยายามทําตัวให้ผู้ฟังเลื่อมใสโดยใช้เหตุผลง่าย ๆ เเต่ชัดแจ้ง และแทรกเรื่องสนุกสนานหรือตลกขบขันเป็นระยะ ๆ ถ้าเป็นการสั่งสอนโดยตรงควรปรับปรุงให้เป็นแนวแนะนําอย่างมีเหตุผล อย่าพูดดูถูกเหยียดหยามคนฟัง เพราะคนวัยนี้จะมีปฏิกิริยาที่ไม่ดีสะท้อนกลับมาทันที

7. ข้อใดบอกจุดมุ่งหมายของการพูดได้ครบถ้วน
(1) ให้ความรู้ โน้มน้าวใจ และพูดเพื่อความบันเทิง
(2) ให้ความรู้ พูดเพื่อตอบคําถาม และพูดเพื่อชี้แนะเรื่องราวต่าง ๆ
(3) ให้ความรู้ โน้มน้าวใจ สร้างความบันเทิง เพื่อแก้ไขสถานการณ์ และชี้แนะเรื่องราวต่าง ๆ
(4) ให้ความรู้โน้มน้าวใจ สร้างความบันเทิง พูดเพื่อตอบคําถาม และชี้แนะเรื่องราวต่าง ๆ
ตอบ 4
จุดมุ่งหมายในการพูดโดยทั่วไป มีดังนี้ 1. ให้ความรู้หรือข้อเท็จจริง 2. โน้มน้าวจิตใจผู้ฟัง 3. สร้างความบันเทิง เพลิดเพลิน หรือจรรโลงใจ 4. แก้ปัญหาหรือตอบคําถามต่าง ๆ 5. แนะนําและชี้แนะเรื่องราวต่าง ๆ

8. “ท่านผู้ฟังครับ คนบางคนทําให้เราอยากพูดคุย คนบางคนทําให้เราอยากรู้จัก มีแค่บางคนเท่านั้นครับที่ทําให้เราอยากเป็นเพื่อนกับเขา…”
คําพูดนี้มีการขึ้นต้นการพูดด้วยวิธีไหน
(1) ขึ้นต้นด้วยการจี้จุดสําคัญของเรื่องนั้น ๆ
(2) ขึ้นต้นด้วยการยกตัวอย่างให้เห็นจริง
(3) ขึ้นต้นด้วยการยกข้อความที่เร้าใจ
(4) ขึ้นต้นด้วยการไล่ลําดับความสําคัญ
ตอบ 1
คํานําหรือการขึ้นต้นแบบจี้จุดสําคัญของเรื่องนั้น ๆ คือ การพุ่งเข้าสู่จุดโดยไม่ต้องอ้อมค้อม เพราะผู้ฟังก็รู้เรื่องอยู่แล้ว เป็นการแสดงทัศนะของผู้พูดเท่านั้น

9. ข้อใดที่ไม่ควรกระทําอย่างยิ่งในการใช้คํานําเพื่อการพูด
(1) ถ่อมตน
(2) ดูถูก ก้าวร้าวผู้ฟัง
(3) ออกตัวว่าไม่รู้เรื่องที่จะพูด
(4) ถูกทุกข้อ
ตอบ 4
ข้อบกพร่องในการใช้คํานําเพื่อการพูด มีดังนี้
1. อย่าพูดนอกเรื่องหรือพูดอ้อมค้อม 2. อย่าออกตัว เช่น เตรียมมาพูดไม่พร้อม กะทันหัน เป็นผู้รู้น้อยไม่รู้เรื่องที่จะพูด ฯลฯ 3. อย่าขอโทษ 4. อย่าถ่อมตน 5. อย่าดูถูกหรือก้าวร้าวผู้ฟังด้วยคําพูด ท่าที่หรือท่าทาง อย่าทะเลาะ โต้เถียง ขุ่นมัวกับผู้ฟัง

10. ข้อใดเป็นยุทธการสําคัญของการพูด
(1) การเลือกเรื่องที่จะพูด
(2) การเตรียมโครงเรื่องในการพูด
(3) การเตรียมข้อมูลในการพูด
(4) การสร้างบุคลิกภาพและความพร้อมในการพูด
ตอบ 2
การเตรียมโครงเรื่องในการพูด เป็นยุทธการสําคัญของการพูด ซึ่งถ้าหากวางโครงเรื่องดี การพูดจะดี มีความต่อเนื่องเป็นระเบียบ และผู้ฟังไม่เบื่อหน่าย ดังนั้นจึงควร ยึดหลักในการวางโครงเรื่อง ดังนี้ 1. วางโครงเรื่องตามลําดับเวลา 2. วางโครงเรื่องตามลําดับสถานที่หรือภูมิศาสตร์ 3. วางโครงเรื่องตามลําดับเนื้อหา 4. วางโครงเรื่องตามลําดับข้อความหรือเรื่อง 5. วางโครงเรื่องให้มีเงื่อนงําแก่ผู้ฟัง

11. การฝึกพูดเกี่ยวข้องกับการเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ของการพูดอย่างไร
(1) พูดดีเป็นศรีแก่ปาก
(2) การพูดสามารถเรียนรู้และฝึกฝนได้
(3) ผู้ฝึกหัดเห็นความสามารถของตนเอง
(4) ถูกทุกข้อ
ตอบ 2
การพูดจะมีประสิทธิภาพเพียงใดย่อมขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้พูดเอง คือ ผู้พูดต้องมีความสามารถหลายอย่างประกอบกัน และต้องหมั่นฝึกฝนตนเองอยู่เสมอ เพราะการฝึกพูดเกี่ยวข้องกับการเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ นั่นคือ การพูดสามารถเรียนรู้และฝึกฝนทักษะได้ ยิ่งฝึกมากความชํานาญในการพูดยิ่งพัฒนาขึ้นตามลําดับ

12. หลักการสําคัญของการฝึกพูดให้เป็นสําเนียงการพูด คืออะไร
(1) ฝึกพูดให้เป็นธรรมชาติของผู้พูดมากที่สุด
(2) ฝึกพูดให้มีความมั่นใจในการพูด
(3) ฝึกการออกเสียงภาษาพูดให้ถูกต้องชัดเจน
(4) ถูกทุกข้อ
ตอบ 3 หลักการสําคัญของการฝึกพูดให้เป็นสําเนียงภาษาพูด คือ ฝึกการออกเสียงภาษาพูดให้ชัดเจนถูกต้อง ดังนี้ 1. ออกเสียงอักษร ร ล และเสียงควบกล้ำให้ถูกต้อง 2. ฝึกออกเสียงคําศัพท์ต่าง ๆ เช่น คําสมาส คําสนธิ คําซ้อน คําประสม ฯลฯ ให้ถูกต้อง ตามหลักภาษา 3. ฝึกใช้ถ้อยคําให้ตรงกับความหมายโดยเฉพาะคําพ้องเสียง 4. ฝึกพูดโดยใช้ถ้อยคําง่าย ๆ อย่าใช้ศัพท์ยาก 5. ฝึกพูดให้มีเสียงดังฟังชัด ฯลฯ

13. นักพูดมือใหม่ควรใช้วิธีฝึกพูดแบบใดดีที่สุด
(1) ใช้ตําราประกอบ
(2) มีผู้เชี่ยวชาญแนะนํา
(3) ฝึกพูดหน้ากระจก
(4) บันทึกภาพและเสียงซ้ำ ๆ เพื่อแก้ไขข้อบกพร่อง
ตอบ 2 การฝึกพูดโดยมีผู้แนะนํา คือ มีพี่เลี้ยงหรือครูอาจารย์ดี ๆคอยแนะนําให้เป็นการส่วนตัว หรือจัดเป็นกลุ่ม มีการฝึกพูดกันเป็นประจําหรือสมัครเข้ารับการอบรมหลักสูตรการพูด จัดเป็นวิธีฝึกพูดที่ประสบความสําเร็จและได้ผลดีที่สุด โดยเฉพาะ นักพูดมือใหม่ที่ฝึกพูดครั้งแรก เพราะผู้แนะนําจะชี้แจงข้อบกพร่องและให้ข้อแนะนําวิธีพูดที่ถูกต้อง ซึ่งจะทําให้ทราบว่าผู้พูดยังบกพร่องในเรื่องใด และควรปรับปรุงแก้ไขตนเองในข้อใด

14. ข้อใดเกี่ยวข้องกับหลักปฏิบัติในการฝึกพูดน้อยที่สุด
(1) หัดสร้างพลังใหม่ ๆ
(2) หัดทําสมาธิ
(3) หัดแสวงหาเครื่องแต่งตัวที่สวยงาม
(4) ฝึกระงับอารมณ์ต่าง ๆ
ตอบ 3
หลักปฏิบัติในการฝึกพูด มีดังนี้ 1. ฝึกตนเองให้รู้จักแสวงหาความรู้ให้ทันสมัยอยู่เสมอ (เช่น ฝึกนิสัยรักการอ่าน รักการฟัง ฝึกจิตให้มีสมาธิ ฯลฯ) 2. ฝึกการพูดให้เป็นสําเนียงภาษาพูด 3. ฝึกความเชื่อมั่นในตัวเอง 4. ฝึกตนให้มีความอดทนอดกลั้นต่ออารมณ์และพฤติกรรมต่าง ๆ เช่น ฝึกระงับอารมณ์ต่าง ๆ ฝึกสร้างพลังใหม่ ๆ ฯลฯ) 5. ฝึกการพัฒนาบุคลิกภาพในการพูด

15. “บุคลิกภาพ เกี่ยวข้องกับ “การฝึกพูด” อย่างไร
(1) การฝึกพูดเป็นการฝึกบุคลิกภาพภายนอก
(2) บุคลิกภาพสะท้อนจากการพูด
(3) เมื่อผ่านการฝึกพูด บุคลิกภาพย่อมดีขึ้น
(4) ถูกทุกข้อ
ตอบ 3
การฝึกพูดถือเป็นการพัฒนาบุคลิกภาพทั้งภายนอกและภายใน โดยเฉพาะผู้ที่มีโอกาสได้ฝึกพูดในที่ชุมชนบ่อย ๆ จะทําให้มีการพัฒนาบุคลิกภาพดีขึ้น การวางตัวดีขึ้นกิริยาท่าทางไม่เคอะเขิน แต่งกายได้เหมาะสม มีความเชื่อมั่น กระตือรือร้น ฯลฯ

16. เมื่อเราพูดในเรื่องที่เกี่ยวกับสิ่งประหลาดมหัศจรรย์ ควรใช้ภาษาท่าทางอย่างไร (1) ศีรษะตั้งตรง นัยน์ตาเบิกกว้าง
(2) ผงกศีรษะเข้าหาผู้ฟัง นัยน์ตาตื่นเต้น
(3) ผงกศีรษะไปเบื้องหลัง นัยน์ตาเบิกกว้าง
(4) สายศีรษะ นัยน์ตาตื่นเต้น
ตอบ 3
การวางท่าของศีรษะที่ใช้ประกอบการพูด ควรใช้ภาษาท่าทางดังนี้
1. ในการพูดปกติ ศีรษะควรตั้งตรง แสดงว่าผู้พูดเป็นคนจริง เข้มแข็ง กล้าหาญ และมีอํานาจ
2. ถ้าพูดถึงข้อความที่เป็นการขอร้อง ขอความเห็นใจ หรือขอความเห็น ควรยื่นศีรษะไปข้างหน้าเล็กน้อย
3. ถ้าพูดถึงเรื่องตื่นเต้น น่าหวาดกลัว หรือสิ่งประหลาดมหัศจรรย์ ให้ผงกศีรษะไปเบื้องหลังเล็กน้อย นัยน์ตาเบิกกว้าง
4. ถ้ากล่าวปฏิเสธ แสดงความไม่พอใจ ไม่เห็นด้วย ควรสั่นศีรษะช้า ๆ ขณะกล่าวเน้น

17. ภาษามือมีประโยชน์ในการพูดอย่างไร
(1) บอกขนาด หรือทิศทาง
(2) ประกอบการพูดอย่างเป็นทางการ
(3) ช่วยให้การพูดน่าสนใจ
(4) ถูกทุกข้อ
ตอบ 1
การใช้ภาษามือควรใช้ให้เป็นประโยชน์ในการพูดมากที่สุด และใช้ให้เป็นธรรมชาติใช้ให้เป็นจังหวะ เหมาะกับเรื่องและโอกาส เพื่อบอกจํานวน ขนาด รูปร่าง และทิศทาง ซึ่งจะทําให้การพูดมีน้ำหนักมากยิ่งขึ้น แต่อย่าใช้ภาษามือมากเกินไปหรือใช้อยู่ตลอดเวลาเหมือนกับการแสดงละคร นอกจากนี้การพูดในบางโอกาสห้ามใช้มือประกอบ เช่น การกล่าวรายงานอย่างเป็นพิธีการ การให้โอวาท การกล่าวเปิดงาน และการอ่านข่าวทางโทรทัศน์ เป็นต้น

18. เมื่อผู้พูดใช้เสียงต่ำเป็นการพูดในลักษณะใด
(1) โน้มน้าวใจคนฟัง
(2) แสดงความเสียใจ
(3) แสดงการท้าทาย
(4) อธิบายหรือให้ความรู้
ตอบ 2
การใช้เสียงต้องให้เหมาะกับเนื้อหาและอารมณ์ โดยพิจารณาว่าเนื้อหาที่พูดเป็นอย่างไร ควรจะใช้เสียงอย่างไรจึงจะเหมาะกับเรื่อง ได้แก่ การบรรยายธรรมดาหรืออธิบาย ความรู้ให้ใช้เสียงเรียบ ๆ ธรรมดา, ถ้าต้องการโน้มน้าวจิตใจควรใช้เสียงที่เชิญชวน, ถ้าพูดเรื่อง ที่มีอารมณ์ต่าง ๆ ต้องใช้เสียงให้ถูกต้อง เช่น การพูดที่แสดงการท้าทายให้ใช้น้ำเสียงแข็งกร้าว แต่ถ้าแสดงความเสียใจให้ใช้เสียงต่ำ ฯลฯ

19. ข้อใดถูกต้อง
(1) การตื่นเวทีจะไม่เกิดขึ้นกับคนที่ฝึกซ้อมการพูดมาอย่างดี
(2) การตื่นเวทีระดับ Audience Fear มีประโยชน์
(3) การตื่นเวทีทุกชนิดไม่ช่วยให้การพูดดีขึ้น
(4) ถูกทุกข้อ
ตอบ 1
การตื่นเวที่จะไม่เกิดขึ้นกับคนที่ฝึกซ้อมการพูดมาอย่างดีโดยเฉพาะการฝึกพูดในที่สาธารณะ ซึ่งเป็นวิธีเอาชนะความสะทกสะท้าน และยังเป็นการปลูกฝังเสริมสร้างความกล้าหาญ และความเชื่อมั่นในตนเองที่ดีที่สุด เพราะผู้พูดสามารถ ควบคุมความกลัวและความเก้อเขินเอาไว้ได้ นอกจากนี้การตื่นเวทีในระดับ Audience Tension ยังมีประโยชน์ เพราะเป็นสัญชาตญาณในการเตรียมพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับการท้าทายที่ไม่คุ้นเคย

20. วิธีการไหนสามารถแก้ไขอาการตื่นเวทีได้ดีที่สุด
(1) สร้างความมั่นใจให้กับตนเอง
(2) เขียนโน้ตย่อให้ชัดเจน
(3) ซ้อมการพูดจนมั่นใจ
(4) ถูกทุกข้อ
ตอบ 3
ข้อแนะนําเมื่อเกิดอาการตื่นเวที มีดังนี้
1. เตรียมตัวให้พร้อม ฝึกซ้อมการพูดจนมั่นใจ ถือเป็นวิธีป้องกันแก้ไขอาการตื่นเวทีที่ดีที่สุดเพราะถ้าเตรียมสองประการนี้ไม่ดีก็เท่ากับประสบความล้มเหลวก่อนขึ้นเวที่เสียแล้ว
2. สร้างความเชื่อมั่นให้กับตนเอง พยายามคิดว่าผู้ฟังทุกคนเป็นมิตรกับเรา
3. สร้างทัศนคติที่ดี ต้องคิดว่าเรามีความรู้ในเรื่องที่จะพูดมากเพียงพอ
4. สูดลมหายใจลึก ๆ ยาว ๆ เพื่อผ่อนคลาย แล้วนึกถึงคําพูดแรก ๆ ในการพูด

21. การพูดแบบไหนที่มีผลต่อการใช้ชีวิตของคนเรามากที่สุด
(1) การพูดจาทักทาย
(2) การพูดแบบไม่เป็นทางการ
(3) การพูดแบบเป็นทางการ
(4) ถูกทุกข้อ
ตอบ 2 การพูดแบบไม่เป็นทางการ คือ การสื่อสารระหว่างบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป แต่ไม่ควรเกิน 1 – 5 คน ส่วนใหญ่จะเป็นการพูดแบบตัวต่อตัว ซึ่งมีผลต่อการใช้ ชีวิตประจําวันของคนเรามากที่สุด แบ่งออกได้ดังนี้
1. การทักทาย 2. การแนะนําตัว 3. การสนทนา
4. การเล่าเรื่อง 5. การพูดโทรศัพท์ 6. การสัมภาษณ์แบบไม่เป็นทางการ

22. ข้อใดหมายถึงการสนทนาที่ถูกต้อง
(1) พยายามแลกเปลี่ยนความคิด
(2) พูดเป็นและฟังเป็น
(3) พยายามเล่าเรื่องที่ตนเองประสบมา
(4) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 2
การสนทนาเป็นกิจกรรมการพูดระหว่างบุคคล 2 คน หรือมากกว่านั้น ซึ่งถือเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง โดยการสนทนาที่ถูกต้องไม่ได้หมายถึงการพูดเท่านั้น แต่หมายถึง การฟังด้วย ดังนั้นผู้สนทนาที่ดีจึงไม่ใช่ผู้ที่พูดเป็นอย่างเดียว แต่ต้องฟังเป็นด้วย คือ ตั้งใจฟัง ยอมรับฟัง และทนฟังผู้อื่นได้ ซึ่งก็จะใช้หลักการพูดทั่ว ๆ ไปนั่นเอง คือ ต้องพิจารณาผู้ฟัง จุดประสงค์ในการพูด โอกาสและเรื่องที่จะพูด

ข้อ 23. – 26. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม
(1) การอภิปราย
(2) การสนทนา
(3) การโต้วาที
(4) การปาฐกถา

23. เมื่อผู้คนมีความคิดเห็นแบ่งเป็นเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ควรใช้การพูดแบบใด ตอบ 3
การโต้วาที (Debate) คือ การพูดเสนอความคิดเห็นที่ขัดแย้งกัน แบ่งเป็นเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย โดยมีฝ่ายที่เสนอความคิดเห็นฝ่ายหนึ่ง และฝ่ายที่ค้านความคิดเห็นอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งแต่ละฝ่ายจะใช้วาทศิลป์กล่าวค้านความคิดเห็นของอีกฝ่ายหนึ่ง โดยใช้เหตุผล ข้อเท็จจริง และหลักวิชาการมาชี้ให้เห็นว่าความคิดของฝ่ายตนถูก เพื่อหักล้างอีกฝ่ายหนึ่งอย่างมีเหตุผลและคมคาย

24. เมื่อบุคคลหนึ่งซึ่งมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน พูดอธิบายให้คนจํานวนมากฟัง ตอบ 4
การพูดแบบปาฐกถา คือ การพูดที่บุคคลคนเดียวแสดงถึงความรู้ ความคิดเห็นของตนเองให้ผู้ฟังจํานวนมาก จึงเป็นการพูดแบบบรรยาย หรืออธิบายขยายความให้ผู้ฟัง ได้เข้าใจเรื่องที่พูดอย่างแจ่มแจ้ง ดังนั้นผู้พูดจึงต้องเป็นบุคคลที่มีความรู้และประสบการณ์ในด้านต่าง ๆ อย่างเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน

25. การพูดแสดงความรู้ ความคิดเห็นของบุคคลกลุ่มหนึ่ง
ตอบ 1
การอภิปราย คือ การพูดแสดงความรู้ ความคิดเห็น และประสบการณ์ของบุคคลกลุ่มหนึ่งตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อปรึกษาหารือกันและออกความคิดเห็น เพื่อแก้ปัญหาที่มีอยู่ หรือเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และความคิดในเรื่องที่กําหนดให้ ดังนั้นความหมายของการอภิปรายที่ครอบคลุมเนื้อหาสาระมากที่สุดน่าจะเป็น “กระบวนการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข่าวสารของบุคคลจํานวนตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป หรือมากกว่านั้น”

26. กิจกรรมการพูดระหว่างบุคคล 2 คน หรือมากกว่านั้น
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 22. ประกอบ

ข้อ 27. – 30, จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม
(1) การพูดแบบบอกเล่าหรือบรรยาย
(2) การพูดโดยอาศัยอ่านจากร่าง
(3) การพูดแบบให้ความบันเทิง
(4) การพูดจากความทรงจํา

27. วิธีการพูดแบบใดที่เหมาะกับทุกโอกาส
ตอบ 4
การพูดจากความทรงจํา ถือเป็นการพูดจากใจและจากความรู้สึกที่แท้จริงของผู้พูด จึงเป็นวิธีการพูดที่ดีที่สุดและเหมาะสมกับการพูดในทุกโอกาส โดยมักจะใช้ได้ดีกับการเล่าเรื่องจากประสบการณ์ที่ตนเองได้ประสบมา หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ๆ ซึ่งคนที่จะพูดแบบนี้ได้ดีจะต้องเป็นตัวของตัวเอง มีความจําดี จดจําทุกสิ่งทุกอย่างไว้ในสมองมีปฏิภาณไหวพริบ มีความรอบรู้ และสามารถนําเรื่องราวต่าง ๆ มาประสานกันได้เป็นอย่างดี

28. วิธีการพูดแบบใดเหมาะสมกับเนื้อหาที่เกี่ยวกับตัวเลข สถิติ
ตอบ 2
การพูดโดยอาศัยอ่านจากร่างหรือต้นฉบับ คือ การพูดโดยอ่านจากต้นฉบับที่ได้เตรียมไว้ล่วงหน้าแล้วอย่างดี ถือเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด ส่วนมากจะเป็นการพูดที่เป็นพิธีการต่าง ๆ และอาจนํามาใช้กับการพูดที่ต้องเสนอข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเงิน ตัวเลข การอ้างสถิติ ฯลฯ ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ในการเสนอรายงานต่าง ๆ ได้อีกด้วย

29. การพูดแบบใดเหมาะกับการกล่าวรายงานหรือประกาศ
ตอบ 1
การพูดแบบบอกเล่าหรือบรรยาย มีจุดมุ่งหมายให้ผู้ฟังเกิดความรู้และความเข้าใจต้องการให้ผู้ฟังได้รับทราบเรื่องราวต่าง ๆ หรือเป็นการสาธิตการทําสิ่งของบางอย่าง โดยทั่วไป จะเป็นการพูดแบบอบรม ชี้แจง ปฐมนิเทศ บรรยายสรุป การกล่าวรายงาน ประกาศ การพูดแถลงการณ์ การบรรยายหรือสอนในชั้นเรียน ฯลฯ

30. เมื่อพูดหลายคนจะใช้เวลาไม่เกินคนละ 10 นาที
ตอบ 3
หลักการพูดแบบให้ความบันเทิง มีข้อเสนอแนะดังนี้
1. ผู้พูดควรจํากัดเวลาในการพูด เพราะถ้าพูดนานจะทําให้ผู้ฟังเกิดความเบื่อหน่าย โดยถ้ามีผู้พูดหลายคน แต่ละคนไม่ควรพูดเกิน 10 นาที หากพูดคนเดียวก็อาจจะใช้เวลาประมาณ 35 – 45 นาที
2. ผู้พูดต้องพูดให้ตรงเป้าหมายและพูดให้ได้เรื่องราวที่เหมาะสม 3. เรื่องที่พูดต้องเป็นเรื่องสนุกสนาน เบาสมอง และให้ความบันเทิงจริง ๆ ถ้ามีเรื่องตลกขบขันแทรกก็ต้องเป็นเรื่องที่ไม่หยาบโลน

31. องค์ประกอบที่สําคัญที่สุดของการพูดที่ดี คือ
(1) การวิเคราะห์สถานการณ์
(2) การพูดด้วยถ้อยคําที่ดี
(3) การแสวงหาข้อมูลให้ทันสมัยอยู่เสมอ
(4) การดัดแปลงการพูดให้เหมาะสมกับผู้ฟัง
ตอบ 2
ดร.นิพนธ์ ศศิธร กล่าวว่า การพูดที่ดี (การพูดต่อชุมนุมชน) มีองค์ประกอบ รายการที่สําคัญอยู่ 4 ประการ คือ 1. การพูดที่มีถ้อยคําดี 2. การพูดที่มีความเหมาะสม 3. การพูดที่มีความมุ่งหมาย 4. การพูดที่มีศิลปะการแสดงดี

32. ทัศนคติในทางลบที่ต้องกําจัดในเรื่องการพูด คืออะไร
(1) การใช้คําพูดซ้ำ ๆ
(2) การกล่าวย้ำคําพูดที่ไม่สําคัญ
(3) ความไม่มั่นใจ
(4) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 4
ทัศนคติของผู้พูด แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
1. ทัศนคติในทางลบ ซึ่งมีผลเสียต่อผู้ฟัง ได้แก่ ความรู้สึกเบื่อหน่าย ความรู้สึกว่าตนเองเหนือกว่าผู้ฟัง และความรู้สึกกลัว
2. ทัศนคติในทางบวก ซึ่งจะช่วยให้ผู้พูดประสบความสําเร็จในการพูดมากขึ้น ได้แก่ความปรารถนาที่จะพูด ความสนใจในเรื่องที่พูดและความสนใจในคนฟัง รวมทั้งความมั่นใจของผู้พูด

33. ทัศนคติในทางบวกที่ต้องส่งเสริมในเรื่องการพูด คืออะไร
(1) การฝึกซ้อมการพูดอยู่เสมอ
(2) การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ฟัง
(3) ความปรารถนาที่จะพูด
(4) ถูกทุกข้อ
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 32. ประกอบ

34. การพูดในที่สาธารณะมีลักษณะเป็นรูปแบบไหน
(1) วงกลม
(2) คู่ขนาน
(3) ปฏิกิริยาโต้กลับ
(4) แล้วแต่สถานการณ์
ตอบ 1 การพูดในที่สาธารณะโดยทั่วไป ผู้พูดมักจะคิดว่ามีลักษณะการสื่อสารเป็นเส้นตรง คือ เป็นแบบที่ผู้พูดส่งสารทางเดียว แต่ความจริงแล้วมีลักษณะการสื่อสารเป็นวงกลมมากกว่า เป็นเส้นตรง คือ ผู้ฟังจะต้องมีปฏิกิริยาโต้ตอบกลับมาด้วย ซึ่งเรียกว่า การตอบสนองหรือผลที่เกิดจากการพูด คือ สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่ผู้พูดถ่ายทอดสารมาให้ผู้ฟัง

35. Empathy หมายถึงอะไรในแวดวงการพูด
(1) ความเห็นอกเห็นใจกัน
(2) การเข้าถึงจิตใจผู้อื่น
(3) ความสัมพันธ์ที่ดีของทุกฝ่าย
(4) ถูกทุกข้อ
ตอบ 2
สิ่งที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการโต้ตอบระหว่างผู้พูดกับผู้ฟัง ซึ่งจะทําให้กระบวนการพูดกับการฟังได้ผลดี มีอยู่ 2 ประการ ดังนี้ 1. การเข้าถึงจิตใจของผู้อื่น (Empathy) คือ ความพยายามของผู้พูดและผู้ฟังที่จะรับรู้ในสิ่งต่าง ๆ ที่เหมือนกัน โดยต้องเห็นในสิ่งที่เขาเห็น รู้สึกในสิ่งที่เขารู้สึก 2. การมีความสัมพันธ์ที่ดี (Rapport) คือ การที่ทั้งผู้พูดและผู้ฟังเข้ากันได้ มีการยอมรับร่วมกัน ซึ่งเป็นผลมาจากการเข้าถึงจิตใจของผู้อื่น (Empathy)

36. ลีลาของการพูด หมายถึงอะไร
(1) ท่วงท่าในการสื่อสาร
(2) วิธีการสื่อสารของการพูด
(3) การใช้ภาษาท่าทางในการพูด
(4) ถูกทุกข้อ
ตอบ 2
ลีลาของการพูด คือ วิธีการสื่อสารของการพูด หรือวิธีการที่จะส่งสารหรือคําพูดออกไป เป็นการแสดงถึงความคิดและบุคลิกลักษณะของตัวผู้พูดเอง ซึ่งเป็นเรื่องเฉพาะตัวของผู้พูดที่เลียนแบบกันได้ยาก จึงเปรียบเสมือนเป็นลายเซ็นของมนุษย์ โดยมีลักษณะสําคัญก็คือ เป็นการแสดงออกซึ่งความคิด ความกระจ่างชัด ความน่าสนใจ และน่าจดจํา

37. การย่อความในการพูด หมายถึง
(1) พูดให้สั้น
(2) พูดให้ได้ใจความ
(3) พูดโดยใช้ภาษาได้น่าสนใจ
(4) ถูกทุกข้อ
ตอบ 1
การย่อความ หมายถึง ลีลาการพูดให้สั้น รวบรัด สามารถรวมเอาความคิดต่าง ๆไว้ในข้อความสั้น ๆ ซึ่งมักทําให้ผู้ฟังพอใจมากกว่าผู้พูดที่พูดเพ้อเจ้อ ถ้าหากผู้พูดจะใช้ลีลาการพูดแบบนี้ก็ต้องมีความมั่นใจด้วยว่าผู้ฟังจะสามารถเข้าใจเรื่องราวไปพร้อม ๆ กับผู้พูด ดังนั้น การรวบรวมความคิดจึงควรตรงประเด็น กินความหมายได้มาก และน่าสนใจ

38. วิธีการอ้างอิงคําพูดของผู้อื่นทําอย่างไร
(1) ระบุแหล่งที่มาของคําพูด
(2) บอกชื่อหนังสือที่ได้อ่านมา
(3) ไม่ต้องอ้างอิง
(4) บอกชื่อผู้เป็นเจ้าของคําพูด
ตอบ 4 ชาคริต อนันทราวัน ได้กล่าวถึงมารยาทในการพูด สรุปได้ดังนี้
1. ไม่ควรสูบบุหรี่ อมลูกอม เคี้ยวหมากฝรั่ง หรือหยิบยาอมขึ้นมาใส่ปากในขณะที่พูด
2. หากรู้สึกโกรธขึ้นมาในขณะที่พูด นักพูดควรหยุดนิ่งและระงับสติอารมณ์ให้ได้
3. ต้องตรงต่อเวลาในการพูด คือ พูดและสรุปให้จบก่อนหมดเวลา 1 – 2 นาที
4. ถ้ามีการอ้างอิงคําพูดของผู้อื่น ต้องบอกชื่อผู้เป็นเจ้าของคําพูดด้วย ฯลฯ

39. Be Confident ในการตอบคําถาม หมายถึงอะไร
(1) ตอบให้สมบูรณ์
(2) ตอบให้ถูกต้อง
(3) ตอบให้สุภาพ
(4) ตอบให้มั่นใจ
ตอบ 4
กฎเกณฑ์ของการตอบคําถาม ซึ่งเรียกว่า 4 Bs มีดังนี้
1. มีความถูกต้อง (Be Accurate) 2. มีความสมบูรณ์ (Be Complete)
3. มีความสุภาพ (Be Polite) 4. มีความมั่นใจ (Be Confident)

40. จงใช้ภาษาของผู้ฟัง หมายถึงสิ่งใด
(1) ใช้ภาษาถิ่น
(2) ใช้ภาษาให้เหมาะกับระดับภาษาของกลุ่มผู้ฟัง
(3) ใช้ภาษาที่ถูกต้องตามหลักการใช้ภาษา
(4) ถูกทุกข้อ
ตอบ 2
จงใช้ภาษาของผู้ฟัง หมายถึง ผู้พูดใช้ภาษาให้เหมาะกับการรับฟังของกลุ่มผู้ฟัง หรือใช้ภาษาให้สอดคล้องกับพื้นฐานและเหมาะกับระดับภาษาของกลุ่มผู้ฟัง โดยผู้พูดต้องศึกษาว่าผู้ฟังเป็นใคร เพื่อปรับความยากง่ายของถ้อยคําภาษาของตนให้เข้ากับ ผู้ฟัง หรือเป็นภาษาของกลุ่มผู้ฟัง ไม่ใช้ศัพท์ยากเกินไป ถ้าใช้ศัพท์ยากหรือใช้ภาษาที่ผู้ฟังไม่อาจเข้าใจก็จะทําให้การพูดนั้นไร้ประโยชน์

41. “แม้ว่าการพูดจะไม่ค่อยเคร่งครัดในระเบียบกฎเกณฑ์สักเท่าเหร่ แต่ผู้ใช้ภาษาควรจะระมัดระวังในการใช้ภาษาพูด” ข้อใดตรงกันข้ามกับข้อความที่กล่าวไว้
(1) ธงชัยใช้ภาษาถิ่นกับผู้ฟังเพื่อสร้างความคุ้นเคย
(2) เกษมใช้ภาษาต่างประเทศกับผู้ฟังบ้างเป็นบางโอกาส
(3) สมศักดิ์ร้องต่อกลอนเพลงยาวกับผู้ฟังเพื่อสร้างความคุ้นเคย
(4) สมหมายใช้ภาษาสแลงกับผู้ฟังบ้างในคราวที่จําเป็น
ตอบ 1
ภาษาพูดที่ดี คือ ภาษาที่แสดงความคิดได้แจ่มแจ้งชัดเจนทุกขั้นตอนของการพูด ถึงแม้ว่าการพูดจะไม่ค่อยเคร่งครัดในระเบียบกฎเกณฑ์ของภาษามากเท่าภาษาเขียน แต่ผู้ใช้ภาษาก็ควรระมัดระวังในการใช้ภาษาพูดให้ถูกต้อง เช่น ผู้พูดไม่ควรใช้คําต่ำคําหยาบ คําผวน คําสแลง คําเฉพาะอาชีพ ศัพท์บัญญัติ ภาษาถิ่น และคำภาษาต่างประเทศในการพูดอยู่ตลอดเวลา แต่หากจําเป็นต้องใช้เป็นบางครั้งก็จะต้องอธิบายให้ผู้ฟังเข้าใจ

42. ข้อใดเกี่ยวข้องกับการใช้ภาษาให้สอดคล้องกับวัฒนธรรม
(1) บํารุงเรียกภรรยาใหม่ของพ่อว่า “คุณน้า”
(2) บําราศเรียกพี่สาวว่า “น้อง” เพราะเป็นชื่อเล่น
(3) ดํารัสขานรับคุณครูว่า “จ้า” เมื่อคุณครูเรียก
(4) ดํารงขานรับว่า “ขอรับ” เมื่อภรรยาใหม่ของคุณพ่อเรียก
ตอบ 1
การใช้ภาษาในสังคมไทยมีความสอดคล้องกับวัฒนธรรม ได้แก่ การพูดกับบุคคลที่อาวุโส คนไทยนิยมใช้คําสรรพนามแทนบุคคลที่อาวุโสกว่าในลักษณะที่ยกย่อง เช่น เรียกว่า พี่ ป้า ลุง ยาย คุณน้า (ในกรณีที่มีอายุอ่อนกว่าแม่ตัวเอง) ฯลฯ แต่ถ้าบุคคลนั้นอายุน้อยกว่าก็เรียกว่า น้อง เป็นต้น

43. นักพูดจะต้องมีความรู้เรื่องหลักภาษา ข้อใดเกี่ยวข้องมากที่สุด
(1) นิดาเป็นนักพูดที่มีบุคลิกภาพดีเยี่ยม
(2) วรรณาเป็นนักพูดที่มีศิลปะการแสดงดีเยี่ยม
(3) กรณีเป็นนักพูดที่สื่ออารมณ์ได้ตรงกับเรื่องที่พูดได้ดีเยี่ยม
(4) วันดีเป็นนักพูดที่รักษาเวลาในการพูดได้ดีเยี่ยม

ตอบ 3
ความรู้ในเรื่องหลักภาษา คือ ผู้ใช้ภาษาพูดควรมีความรู้พอสมควรในด้านการสร้างประโยค การใช้ถ้อยคํา ความหมายของคํา และรู้จักเลือกใช้ภาษาที่สื่ออารมณ์ความรู้สึกได้ตรงกับเรื่องที่พูด

ข้อ 44. – 50. ข้อใดถูกให้เลือกข้อ 1 ข้อใดผิดให้เลือกข้อ 2

44. การพูดเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ที่สามารถเรียนรู้และฝึกทักษะได้ ยิ่งฝึกมากยิ่งชํานาญมาก
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 11. ประกอบ

45. ภาษาพูดต่างจากภาษาเขียน คือ ภาษาพูดจะไม่ค่อยเคร่งครัดในระเบียบและกฎเกณฑ์มากนัก
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 41. ประกอบ

46. ความหมายโดยบริบท คือ ความหมายที่ขึ้นอยู่กับข้อความในประโยค ถ้าข้อความเปลี่ยนความหมายก็เปลี่ยน
ตอบ 1
ความหมายโดยปริบทหรือบริบท (Context) หมายถึง ความหมายที่ต้องดูจากคําหรือสังเกตข้อความแวดล้อมหรือใกล้เคียงคํานั้น ๆ ประกอบ จึงจะเข้าใจความหมาย ได้อย่างถูกต้อง หรือเป็นความหมายที่ขึ้นอยู่กับข้อความในประโยค ถ้าหากข้อความเปลี่ยนไปความหมายก็จะเปลี่ยนไปด้วย

47. ผู้พูดควรใช้ภาษาที่ทําให้ผู้ฟัง ฟังแล้วต้องตีความเอาเองเพื่อแสดงภูมิปัญญาของผู้ฟัง
ตอบ 2
ภาษาพูดที่ดี คือ ภาษาที่ผู้พูดสื่อให้ผู้ฟังได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นถ้อยคําที่ชัดเจน สื่อความหมายได้ดี ถูกต้องและเหมาะสม ไม่ควรใช้ภาษาที่ทําให้ผู้ฟังตีความเอาเองว่า เนื้อความที่พูดไปนั้นคนพูดต้องการหมายความว่าอย่างไรกันแน่ เพราะจะทําให้เกิดปัญหาที่ผู้ส่งสารต้องการสื่อสารอย่างหนึ่ง แต่ผู้รับสารเข้าใจไปอีกอย่างหนึ่ง

48. ความหมายโดยนัย ความหมายโดยแฝง และความหมายเชิงอุปมา ล้วนคือความหมายเดียวกัน
ตอบ 2
การพิจารณาความหมายของคําแยกออกเป็น 4 กลุ่ม ดังนี้ 1. ความหมายโดยตรง 2. ความหมายโดยนัย หรือความหมายเชิงอุปมา 3. ความหมายโดยแฝง 4. ความหมายตามบริบท

49. ภาษาที่มีชีวิตชีวา คือ ภาษาที่ประชดนิด ๆ หยิกแกมหยอกหน่อย ๆ เพื่อให้ผู้ฟังเกิดอารมณ์สนุกสนาน
ตอบ 2
ภาษาที่ใช้ต้องมีชีวิตชีวาและกินใจ เพื่อก่อให้เกิดความสนใจและประทับใจ คือถ้อยคําสํานวนที่ทําให้ผู้ฟังเกิดจินตนาการ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะต้องอาศัยสภาพแวดล้อมและประสบการณ์ต่าง ๆ ทั้งนี้ภาษาที่มีชีวิตชีวาอาจประกอบด้วย ภาพพจน์ อุปมาอุปไมย ฯลฯก็ได้เช่นกัน

50. เมื่อคุณพ่อคุณแม่เรียก เราควรขานรับท่านว่า “จ้า” แต่เมื่อคุณครูเรียกเราขานรับว่า “ขา”
ตอบ 2 การใช้ภาษาพูดของเพศหญิงและเพศชายจะแตกต่างกันในบางครั้งทําให้แยกเพศได้ชัดเจน เช่น คําขานรับ เพศชายใช้ “ครับ/ครับผม” (ใช้ทั้งแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ), เพศหญิงใช้ “จ้า/ขา” (ไม่เป็นทางการ) และ “คะ” (เป็นทางการ) ฯลฯ

51. การประชุมที่จัดขึ้นเพื่อพิจารณาเรื่องใดเรื่องหนึ่งและร่วมแสดงความเห็น เรียกว่าอะไร
(1) Work Shop
(2) Debate
(3) Panel
(4) Seminar
ตอบ 3
การประชุมคณะอภิปราย หรือการประชุมแบบแผง (Panel) คือ การประชุมที่บุคคลคณะหนึ่งจัดให้มีขึ้นด้วยเจตนาร่วมกันที่จะพิจารณาในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง และนําปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนั้นขึ้นมากล่าวเป็นประเด็น เพื่อช่วยกันแสดงความคิดเห็นหรือแก้ไขปัญหา

52. การประชุมแบบใดที่สถาบันจัดขึ้นและเอื้อความสะดวกด้านวัสดุ
(1) Work Shop
(2) Debate
(3) Panel
(4) Seminar
ตอบ 1
การประชุมปฏิบัติงาน (Work Shop) คือ การประชุมที่สถาบันจัดให้มีขึ้น และจัดอํานวยความสะดวกในด้านวัสดุและอุปกรณ์การศึกษาให้พร้อม เพื่อให้ผู้เข้าประชุมได้ใช้ แก้ไขปัญหาใดปัญหาหนึ่งโดยเฉพาะ และให้ได้ร่วมปฏิบัติการหรือลงมือทําเพื่อให้ได้ผลงาน ตามที่กําหนดไว้

53. การอภิปรายแบบใดที่สมาชิกทุกคนมีโอกาสได้เห็นหน้ากัน
(1) แบบฟิลิปส์ 66
(2) แบบเวียนรอบ
(3) แบบระดมสมอง
(4) แบบโต๊ะกลม
ตอบ 4
การอภิปรายแบบโต๊ะกลม (Round Table Discussion) คือ การปรึกษาหารือกันในระหว่างสมาชิกอย่างใกล้ชิด โดยสมาชิกทุกคนมีสิทธิ์ในการอภิปราย และมีการจัดโต๊ะเป็นรูปวงกลมเพื่อให้เห็นหน้ากันได้ชัดเจน จึงทําให้การประชุมแบบนี้เกิดความคิดได้มากเพราะว่าเห็นหน้ากันถนัด และทุกคนมีสิทธิ์พิจารณาอย่างเท่าเทียมกัน

54. ประโยชน์ของการจัดประชุมหรือการจัดอภิปรายข้อใดไม่เกี่ยวข้อง
(1) มีโอกาสพบปะพูดจาสังสรรค์
(2) เรียนรู้มารยาทและการมีมนุษยสัมพันธ์
(3) สามารถสร้างความสามัคคีในหน่วยงาน
(4) มีโอกาสและส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น
ตอบ 3
ประโยชน์ของการจัดประชุมหรือการจัดอภิปราย มีดังนี้
1. ทําให้มีโอกาสพบปะพูดจาสังสรรค์กัน 2. ทําให้รู้จักเรียนรู้มารยาทและการมีมนุษยสัมพันธ์ 3. ทําให้มีโอกาสปรึกษาหารือกันอยู่เสมอ และมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น ฯลฯ

55. ข้อใดคือความแตกต่างระหว่าง “การประชุมแบบโต้แย้ง” กับ “การอภิปรายแบบโต้วาที” ที่ชัดเจนที่สุด
(1) การประชุมแบบโต้แย้งมีจุดมุ่งหมายแสดงเหตุผลเพื่อให้ตัดสินแพ้ชนะ
การอภิปรายแบบโต้วาที่ใช้ในกรณีตัดสินใจเลือกนโยบายหรือแนวทางปฏิบัติ
(2) การประชุมแบบโต้แย้งมีผู้เสนอ ผู้ค้าน หัวข้อกําหนด และประธาน
การอภิปรายแบบโต้วาที่จะเรียกผู้เสนอว่า ฝ่ายเสนอ และผู้ค้านว่า ฝ่ายคัดค้าน
(3) การประชุมแบบโต้แย้งมีประธานเป็นผู้รักษาระเบียบการโต้
การอภิปรายแบบโต้วาที ประธานทําหน้าที่ควบคุมการอภิปรายให้เป็นไปตามระเบียบ (4) การประชุมแบบโต้แย้งต้องมีการโต้เถียงตามหัวข้อกําหนด
การอภิปรายแบบโต้วาที่ต้องแสดงความเห็นในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
ตอบ 1
การประชุมแบบโต้แย้ง (Debate) และการอภิปรายแบบโต้วาที (Debate Discussion) จะมีลักษณะคล้ายคลึงกันหลายอย่าง แต่มีข้อแตกต่างที่ชัดเจนที่สุด คือ การประชุมแบบโต้แย้งมีจุดมุ่งหมายแสดงเหตุผลเพื่อให้ตัดสินแพ้ชนะ ส่วนการอภิปราย แบบโต้วาที่ใช้ในกรณีตัดสินใจเลือกนโยบายหรือแนวทางปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อนําไป เป็นแนวทางการดําเนินงานขององค์การ

56. ข้อใดคือวลีฆาตกร
(1) เธอคิดมากเกินไปหรือเปล่า
(2) อย่าทําแบบนี้อีกนะ
(3) คนอื่นเขาไม่คิดว่าเธอไม่ดีหรอก
(4) ไม่มีใครเขาทําแบบเธอหรอก
ตอบ 4
อรวรรณ ปิลันธน์โอวาท ได้เรียกการใช้ภาษาที่จะทําลายบรรยากาศอันดีในที่ประชุม และทําลายความคิดสร้างสรรค์ของผู้เข้าประชุมว่า “วลีฆาตกร” (Killer Phrases) คือ การใช้ภาษาที่อาจทําให้เกิดปฏิกิริยาโต้ตอบในทางปฏิปักษ์ นอกจากนี้วลีฆาตกรยังสามารถ เกิดขึ้นได้ในชีวิตประจําวัน หากเป็นการใช้วาจาที่ก้าวร้าว ไม่สุภาพ จนก่อให้เกิดความรู้สึกที่ไม่ดีระหว่างผู้พูดและผู้ฟัง เช่น ไม่มีใครเขาทําแบบเธอหรอก เป็นต้น

ข้อ 57. – 60. จงพิจารณาว่าข้อใดใช้คําผิดความหมาย

57.
(1) สมชายอ่านหนังสืออย่างขมีขมันเพื่อจะสอบเข้านายร้อย
(2) สมหญิงกุลีกุจอช่วยคุณยายห่อขนมนําไปขายที่ตลาด
(3) สมสุขเปิดเผยความในใจว่า ชอบทานอาหารแบบใด
(4) สมจินตนาชอบทานขนมจุบจิบโดยไม่กลัวน้ำหนัก
ตอบ 1
ประโยคในตัวเลือกข้อ 1 ใช้คําไม่ถูกต้องตรงความหมาย หรือใช้คําผิดความหมาย เพราะคําบางคํามีความหมายคล้ายคลึงหรือใกล้เคียงกัน แต่ละคํามีความหมายโดยตรงที่ใช้เฉพาะความหมายคํานั้น จึงควรใช้คําให้ถูกต้องตรงความหมาย โดยใช้คําว่า “ขะมักเขม้น” = ตั้งใจทําอย่างรีบเร่งเพื่อให้แล้วเสร็จไป ก้มหน้าก้มตาทํา (ส่วนคําว่า “ ขมีขมัน” = รีบเร่งในทันทีทันใด)

58.
(1) ขุนแผนสืบเสาะหาของดีติดตัวก่อนออกผจญภัย
(2) คุณยายวรนาฏดูออกจะจุกจิกขี้บ่นกับหลาน ๆ
(3) ภาพพจน์นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคําแหง คือ ขยันและอดทน
(4) เปรี้ยวพูดจาขัดนวลตลอดเวลาจนทําให้นวลโกรธ
ตอบ 3 (ดูคําอธิบายข้อ 57. ประกอบ) ประโยคในตัวเลือกข้อ 3 ควรใช้คําว่า“ภาพลักษณ์” – ภาพที่เกิดจากความนึกคิดหรือที่คิดว่าควรจะเป็นเช่นนั้น จินตภาพก็ว่า (ส่วนคําว่า “ภาพพจน์” = คําพูดที่เป็นสํานวนโวหารทําให้นึกเห็นเป็นภาพ)

59.
(1) คอนโดมิเนียมขึ้นอย่างหนาแน่นริมสถานีรถไฟฟ้า
(2) ตํารวจกําลังสอบปากคํานายดําที่ไปลักขโมยของ
(3) ดาวเรืองกําลังสอบถามกับพนักงานเกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือ
(4) ขุนไกรรู้สึกทราบซึ้งในความรักของดาวเรือง
ตอบ 4 (ดูคําอธิบายข้อ 57. ประกอบ) ประโยคในตัวเลือกข้อ 4 ควรใช้คําว่า“ซาบซึ้ง” = อาการที่รู้สึกจับใจอย่างลึกซึ้ง หรืออาการที่รู้สึกปีติปลาบปลื้ม (ส่วนคําว่า “ทราบซึ้ง” = รู้หรือเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ไม่สงสัยอะไรอีกแล้ว)

60.
(1) ไออุ่นรู้สึกวางใจในทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
(2) กําภูจนมุมที่จะทําให้ไกรขวัญ หันมาคืนดี
(3) วรุณยุพาตั้งใจจะเผยแผ่คําสอนพระพุทธเจ้าให้โลกรับรู้
(4) การสนทนานี้ดูจะยืดยาวไม่รู้จักจบสิ้นในคืนนี้
ตอน 2
(ดูคําอธิบายข้อ 57. ประกอบ) ประโยคในตัวเลือกข้อ 2 ควรใช้คําว่า “จนใจ” = หมดทางที่จะได้อย่างคิด (ส่วนคําว่า “จนมุม” = ไม่มีทางหนี หมดทางสู้)

61. ขั้นตอนในการเตรียมเพื่อการพูดและการเขียนข้อใดมาก่อนลําดับแรก
(1) การเตรียมเนื้อหา
(2) การเขียนโครงเรื่อง
(3) การเลือกหัวข้อเรื่อง
(4) การขยายความคิด
ตอบ 3
ก่อนที่จะพูดหรือเขียน เราต้องเลือกหัวข้อเรื่องที่จะพูดหรือเขียนก่อนสิ่งอื่นใดซึ่งการเลือกหัวข้อเรื่อง หมายถึง การพิจารณาเนื้อหาสาระของเรื่องว่ามีความเหมาะสมที่จะ นํามากล่าวหรือไม่ ดังนั้นการเลือกหัวข้อเรื่องจึงไม่ใช่สิ่งเดียวกับประโยคใจความ และไม่ได้หมายถึง การเลือกชื่อเรื่องหรือการตั้งชื่อเรื่องให้โก้เก๋ แต่ต้องคํานึงถึงเนื้อหาหรือสาระสําคัญของเรื่องเป็นหลัก

62. ถ้าผู้เขียนมีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการบํารุงความงาม ควรเขียนเรื่องอะไร (1) สวยชาตินี้ ไม่ต้องรอชาติหน้า
(2) สวยอย่างไรให้มีคุณค่า
(3) ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง
(4) เครื่องสําอางกับการปรุงโฉม
ตอบ 4
หลักการเลือกหัวข้อเรื่องประการหนึ่ง คือ หัวข้อเรื่องนั้นเหมาะกับความสามารถของผู้กล่าวผู้เขียนหรือไม่ ซึ่งหัวข้อเรื่องใดที่มีเนื้อหาตรงกับความรู้ สติปัญญา และความสนใจ หรือเป็นหัวข้อเรื่องที่เรามีความรู้ดีก็ควรเลือกเขียนเรื่องนั้น ไม่ควรเลือกหัวข้อเรื่องยากเกินกว่าสติปัญญาที่เรามีอยู่ เช่น ถ้าผู้เขียนมีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการบํารุงความงาม ควรเขียนเรื่อง “เครื่องสําอางกับการปรุงโฉม เป็นต้น

63. ที่มาของเรื่องที่เขียนหรือพูดมักมาจากแหล่งใดที่สําคัญที่สุด
(1) การพูด
(2) การฟัง
(3) การอ่าน
(4) การเขียน
ตอบ 3
แหล่งที่มาของหัวข้อเรื่องอาจได้มาจากหลายทาง เช่น จากการอ่าน การฟัง การสังเกต การคิดนึกตรึกเอา หรือได้มาจากประสบการณ์ตรง ฯลฯ แต่หัวข้อเรื่อง ส่วนใหญ่มักได้มาจากการอ่านหนังสือต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นแหล่งที่มาของหัวข้อเรื่องที่สําคัญที่สุด เพราะการอ่านเป็นการสั่งสมความรู้ที่ดีที่สุด และยังเป็นการพัฒนาตนเองในด้านความรู้ได้เร็วและรวบรัดที่สุดอีกด้วย

64. ในการจัดระเบียบความคิดนั้น เมื่อเขียนประโยคกล่าวนําแล้ว ขั้นตอนต่อมาคืออะไร
(1) วิเคราะห์ความคิด
(2จัดสรรความคิด
(3) จัดหมวดหมู่ความคิด
(4) จัดลําดับความคิด
ตอบ 1
ขั้นตอนการจัดระเบียบความคิด มีดังนี้
1. ขั้นวิเคราะห์ความคิด เป็นขั้นตอนแรกที่ทําต่อเนื่องจากการเขียนประโยคกล่าวนํา 2. ขั้นเลือกสรรความคิด 3. ขั้นจัดหมวดหมู่ความคิดของเรื่อง 4. ขั้นจัดลําดับความคิด 5. ขั้นขยายความคิดของเรื่อง

65. การแบ่งระดับหัวข้อย่อยในโครงเรื่องนิยมใช้แบบใดมากที่สุด
(1) แบบตัวอักษรย่อ
(2) แบบตัวเลข
(3) แบบตัวเลขสลับอักษรย่อ
(4) แบบใดก็ได้ขึ้นอยู่กับผู้เขียน
ตอบ 1
การเเบ่งระดับหัวข้อย่อยในโครงเรื่องนิยมใช้แบบตัวอักษรย่อมากที่สุด หรือใช้แบบตัวเลขผสมกับตัวอักษรย่อสลับกันไป หรืออาจใช้หัวข้อย่อยแบบตัวเลขล้วน ๆ โดยใช้ เครื่องหมายมหัพภาค (.) เป็นเครื่องช่วยสังเกตประเด็นใหญ่และประเด็นย่อย แต่มีข้อควรระวัง คือ ถ้าเลือกหัวข้อประเด็นแบบใดก็ให้ใช้แบบนั้นตลอดไป อย่าใช้ปนกันหลาย ๆ แบบ

ข้อ 66. – 70. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม
(1) โครงเรื่องแบบไม่มีพิธีรีตอง
(2) โครงเรื่องแบบหัวข้อ
(3) โครงเรื่องแบบย่อหน้า
(4) โครงเรื่องแบบประโยค
66. โครงเรื่องที่มีการกํากับด้วยตัวเลขหรืออักษรย่อที่สังเขปด้วยคําวลี
ตอบ 2
โครงเรื่องแบบหัวข้อ จะเขียนด้วยคําหรือวลีสั้น ๆ หรืออาจเป็นอนุประโยคที่ไม่ได้ความครบถ้วนในตัวเอง โดยมีตัวเลขหรืออักษรย่อกํากับทุกประเด็นที่สังเขป ด้วยคําวลีหรืออนุประโยคนั้น ๆ จึงเป็นโครงเรื่องที่ไม่ได้บอกแนวทางไว้ชัดเจน และผู้เขียนต้องรีบเขียนด้วยเวลาอันจํากัด เพราะหากทิ้งไว้นาน ๆ อาจลืมได้ว่าหัวข้อนั้นจะขยายความอย่างไร ทั้งนี้โครงเรื่องแบบหัวข้อควรใช้ถ้อยคําให้ขนานเป็นแนวเดียวกันโดยตลอด คือ ถ้าหัวข้อเรกขึ้นต้นด้วยคํานามหรือคํากริยา หัวข้อต่อไปก็ควรขึ้นต้นด้วยคํานามหรือคํากริยาด้วย

67. โครงเรื่องที่ไม่ค่อยมีคนนิยมใช้กันมากนัก
ตอบ 3
โครงเรื่องแบบย่อหน้า ประกอบด้วยกลุ่มประโยคหลายกลุ่มประโยครวมกันในรูปของย่อหน้า โดยไม่ต้องแยกเป็นหัวข้อลงในบรรทัดใหม่ แต่จะกล่าวถึงทุกประเด็นปนกันไปในย่อหน้าเดียวกัน เนื่องจากโครงเรื่องแบบนี้ไม่แยกประเด็นความคิดของเนื้อหาออกอย่างชัดเจน จึงไม่เป็นที่นิยมกันโดยทั่วไป

68. โครงเรื่องที่นิยมตอนถูกเชิญให้เป็นคนกล่าวเวลากะทันหัน
ตอบ 1
โครงเรื่องแบบไม่มีพิธีรีตอง จะเขียนอย่างคร่าว ๆ ด้วยคําหรือวลีแบบหยาบ ๆ เพื่อวางแนวเรื่องสั้น ๆ หรือเรื่องที่จะต้องพูดหรือเขียนอย่างทันควันในเวลา อันจํากัด โดยไม่จําเป็นต้องคํานึงถึงระเบียบแบบแผนใด ๆ เพียงแต่ต้องการให้เรื่องที่จะกล่าวเรียงลําดับกันไม่สับสนเท่านั้น เช่น การเตรียมตอบคําถามหรือทําข้อสอบแบบอัตนัย หรือการถูกเชิญให้กล่าวในเวลาอันกะทันหัน ฯลฯ

69. โครงเรื่องที่บอกประเด็นการเขียนที่ชัดเจน
ตอบ 4
โครงเรื่องแบบประโยค จะเขียนด้วยข้อความที่เป็นประโยคสมบูรณ์และชัดเจน มีเลขหรืออักษรย่อกํากับทุกประโยคที่เป็นประเด็นของเรื่องนั้น จึงเป็นโครงเรื่องที่บอกขอบข่ายและรายละเอียดของแต่ละประเด็นไว้ครบถ้วน ง่ายต่อการนําไปเขียนขยายเป็นย่อหน้าหรือเนื้อความ จึงเหมาะสําหรับผู้เริ่มหัดเขียน และมักใช้กับเรื่องที่มีรายละเอียดมากซึ่งต้องใช้เวลานานในการศึกษาค้นคว้า เช่น การทํารายงานทางวิชาการ การวิจัย ฯลฯ

70. โครงเรื่องที่เหมาะสําหรับผู้ที่เริ่มฝึกเขียน
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 69. ประกอบ

71. ประโยคในส่วนประกอบของย่อหน้าประโยคใดจะมีหรือไม่มีก็ได้
(1) ประโยคสรุป
(2) ประโยคสนับสนุน
(3) ประโยคใจความ
(4) ประโยคส่งความ
ตอบ 4
ประโยคส่งความหรือประโยคเชื่อมความ เป็นประโยคที่เชื่อมเนื้อหาจากย่อหน้าหนึ่งไปยังย่อหน้าต่อไป ซึ่งมักจะปรากฏในกรณีที่มีย่อหน้าตั้งแต่ 2 ย่อหน้าขึ้นไป แต่ถ้าหากมีเพียงย่อหน้าเดียวก็ไม่จําเป็นต้องมีประโยคส่งความ

ข้อ 72 – 75. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้จับคู่ให้ตรงกับประโยคใจความสําคัญของย่อหน้า
(1) ย่อหน้าแบบสามเหลี่ยมหน้าจั่ว
(2) ย่อหน้าแบบสามเหลี่ยมมีฐานบรรจบกัน
(3) ย่อหน้าแบบสามเหลี่ยมยอดบรรจบกัน
(4) ย่อหน้าแบบสามเหลี่ยมหน้าจั่วหัวกลับ

72. โดยทั่วไปผักที่ขายตามท้องตลาดส่วนใหญ่แล้ว เกษตรกรมักจะใช้สารกําจัดศัตรูพืชฉีดพ่น ถ้าหากไม่มีความรอบคอบในการใช้จะทําให้เกิดสารตกค้าง ทําให้มีปัญหาต่อสุขภาพ ฉะนั้นเมื่อซื้อผักไปรับประทาน จึงควรล้างผักด้วยน้ำสะอาดหลาย ๆ ครั้ง เพราะจะช่วยกําจัดสารตกค้างไปได้ไม่มากก็น้อย บางคนอาจแช่ผักโดยใช้น้ำผสมโซเดียมไบคาร์บอเนต แต่ก็อาจทําให้วิตามินในผักลดลง
ตอบ 3
ย่อหน้าแบบสามเหลี่ยมมียอดบรรจบกัน คือ ย่อหน้าที่เริ่มต้นด้วยการให้รายละเอียดกว้าง ๆ แล้วสรุปใจความสําคัญลงกลางย่อหน้า ก่อนจะค่อย ๆ ขยายความจากกลางย่อหน้า เป็นข้อความต่อไป กล่าวคือ มีประโยคใจความอยู่กลาง ๆ ย่อหน้า และมีประโยคสนับสนุนอยู่ตอนต้นกับตอนท้ายย่อหน้า

73. ความรู้ทั่วไปเป็นรากฐานอันจําเป็นอย่างหนึ่งของการสนทนา ผู้ที่มีความรู้ทั่วไปดีจะสนทนาได้อย่างสนุกสนานมีรสชาติยิ่งขึ้น กล่าวได้ว่าการสนทนากับผู้ที่มีความรู้ทั่วไปดีนั้น ก็เสมือนหนึ่งการไปเดินเล่นในหมู่บ้านหรือจังหวัดกับผู้ที่มีความช่ำชองในท้องถิ่นนั้น ๆ ดี ซึ่งทําให้การเที่ยวเตร่ของเราเป็นไปอย่าง สนุกสนานและได้ความรู้อย่างเต็มที่
ตอบ 1
ย่อหน้าแบบสามเหลี่ยมหน้าจั่ว คือ ย่อหน้าที่มีประโยคใจความสําคัญอยู่ตอนต้นย่อหน้า แล้วมีประโยคสนับสนุนหลักและประโยคสนับสนุนรองวางอยู่ในตําแหน่งถัดไป ทําให้จัดลําดับความคิดได้ง่ายที่สุด เนื่องจากเป็นการขยายความคิดจากประโยคใจความสําคัญไปสู่รายละเอียดที่จะนํามาสนับสนุน

74. เรารักษาศีลเพื่อบังคับตัวเองให้มีระเบียบวินัยในการกระทําทุกสิ่งทุกอย่าง เช่น เรามาอยู่วัด มานุ่งขาวห่มขาว ไม่ใช่ถือศีล 8 ข้อเท่านั้น แต่เราต้องพยายามนึกว่า ศีล คือ การมีระเบียบวินัย ศีลฝึกให้เราเดิน อย่างมีระเบียบ นั่งอย่างมีระเบียบ กินอย่างมีระเบียบ ทําอะไรก็ล้วนแล้วแต่มีระเบียบ ถ้าเราไม่มีระเบียบ ก็ถือว่าไม่มีศีล
ตอบ 2
ย่อหน้าแบบสามเหลี่ยมมีฐานบรรจบกัน คือ ย่อหน้าที่มีประโยคใจความสําคัญอยู่ตอนต้น แล้วขยายความให้รายละเอียดด้วยประโยคสนับสนุนหลักและประโยคสนับสนุนรอง ต่อจากนั้นก็ค่อย ๆ สรุปรายละเอียดต่าง ๆ ให้แคบลง และจบลงด้วยประโยคใจความสําคัญ ในตอนท้ายอีกครั้งหนึ่ง จึงมีลักษณะเป็นย่อหน้าที่ขยายความให้กว้างออกแล้วจึงสรุปความให้แคบเข้า โดยมีประโยคใจความสําคัญอยู่ตอนต้นและท้าย

75. เนื่องจากมีการเร่งรัดพัฒนาประเทศหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะอุตสาหกรรม ทําให้ทรัพยากรที่มีอยู่ก็ลดลงอย่างรวดเร็ว ป่าไม้ถูกทําลายไปจนเหลือไม่ถึงหนึ่งในสี่ของผืนป่าที่มีมาแต่เดิมลําธารก็ถูกทําลายลงไปมาก เกิดปัญหาภัยแล้ง สัตว์ป่าถูกล่าจนบางชนิดก็สูญพันธุ์ไปแล้ว น้ำในแม่น้ำตลอดจนลําคลองที่เคยใสและสะอาดก็กลับมาเน่าเสีย การใช้ธรรมชาติอย่างฟุ่มเฟือยได้ก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรงและ หลีกเลี่ยงไม่ได้ในปัจจุบัน
ตอบ 4
ย่อหน้าแบบสามเหลี่ยมหน้าจั่วหัวกลับ คือ ย่อหน้าที่มีประโยคใจความสําคัญอยู่ตอนท้าย เป็นการสรุปเอาสาระสําคัญทั้งหมดลงในตอนท้าย โดยกล่าวถึงรายละเอียดต่าง ๆ อย่างคลุม ๆ ได้แก่ กล่าวถึงประโยคสนับสนุนหลักและประโยคสนับสนุนรองไว้ก่อนในตอนต้น แล้วจึงค่อยขมวดความคิดหรือใจความสําคัญเอาไว้ในตอนจบ ซึ่งจะตรงข้ามกับย่อหน้าแบบสามเหลี่ยมหน้าจั่ว

ข้อ 76. – 90, ข้อความต่อไปนี้เป็นเนื้อเรื่องเดียวกัน แต่แบ่งไว้เป็นข้อ ๆ จํานวน 15 ข้อ จงอ่านให้ติดต่อเป็นเรื่องเดียวกัน แล้วพิจารณาว่าแต่ละข้อเข้าลักษณะใด
จากคําตอบข้างล่างนี้ ให้ระบายข้อที่เลือกในกระดาษคําตอบ
คําตอบ
– ถ้าข้อความนั้นเป็นประโยคใจความ ให้เลือกตอบข้อ 1
– ถ้าข้อความนั้นเป็นประโยคสนับสนุนหลัก ให้เลือกตอบข้อ 2
– ถ้าข้อความนั้นเป็นประโยคสนับสนุนรอง ให้เลือกตอบข้อ 3
– ถ้าข้อความนั้นทําให้เสียเนื้อความในย่อหน้า ให้เลือกตอบข้อ 4

(1) ภาษาไทยเป็นภาษาที่ร่ำรวยอุดมด้วยคํา (2) มีทั้งคําไทยและคําที่ยืมจากภาษาอื่น ทั้งที่ยืมมาโดยตรงและยืมผ่านภาษาอื่น ๆ อีกต่อหนึ่ง (3) ภาษาไทยมีคํายืมจากภาษาต่าง ๆ เช่น (4) บาลี สันสกฤต เขมร จีน ชวา มลายู (5) และภาษาทางยุโรปอื่น ๆ โดยเฉพาะอังกฤษ (6) คําที่ยืมมาเหล่านั้น เรายังแผลงและดัดแปลงออกไปได้อีกมาก (7) ภาษาไทยจึงมีเสียงดนตรีเกิดขึ้นมากมาย (8) การยืมภาษาต่างประเทศทําให้ภาษาขยายตัว (9) ภาษาต่างประเทศมีกลิ่นนมและเนย (10) คํายืมที่ใช้ไปนาน ๆ สังคมยอมรับและติดอยู่ในภาษาก็ถือเสมอเป็นคําไทย (11) แต่มีคํายืมอีกมากที่ผู้ใช้ภาษา (12) หรือเจ้าของภาษารู้สึกว่ายังเป็นคําต่างประเทศ (13) คําเหล่านี้ไม่ควรที่จะนํามาใช้ในการเขียนหรือพูดอย่าง เป็นทางการหรือกึ่งทางการ (14) เรื่องการใช้คําและสํานวนต่างประเทศนี้ (15) ตัวอย่างส่วนใหญ่จะเป็นตัวอย่างจากภาษาอังกฤษ

76. ข้อความหมายเลข 1
(1) ข้อ 1
(2) ข้อ 2
(3) ข้อ 3
(4) ข้อ 4
ตอบ 1
ประโยคใจความหรือประโยคสําคัญ คือ ข้อความที่เป็นตอนนำซึ่งเป็นส่วนที่มีความหมายครอบคลุมข้อความทั้งหมดในย่อหน้า หรือเป็นส่วนที่มีความหมาย เด่นชัดและมีน้ำหนักมากที่สุด โดยจะกล่าวถึงสาระสําคัญของเนื้อความในย่อหน้านั้นทั้งหมดหรือจํากัดขอบข่ายประเด็นที่จะพูดถึงในย่อหน้า ทั้งนี้อาจมีตําแหน่งอยู่ในตอนต้น ตอนกลาง หรือตอนปลายของย่อหน้าก็ได้ (ข้อความที่ให้มาข้างต้นเป็นย่อหน้าแบบสามเหลี่ยมหน้าจั่วที่มีประโยคใจความสําคัญอยู่ตอนต้นย่อหน้า)

77. ข้อความหมายเลข 2
(1) ข้อ 1
(2) ข้อ 2
(3) ข้อ 3
(4) ข้อ 4
ตอบ 2
ประโยคสนับสนุนหลัก คือ ข้อความส่วนที่เป็นตอนอภิปราย หรือประเด็นความคิดหลัก ซึ่งจะทําหน้าที่นํารายละเอียดของเนื้อหาไปสนับสนุนหรือขยายประโยคใจความ ของย่อหน้า ดังนั้นการเขียนประโยคชนิดนี้จึงต้องวิเคราะห์ประโยคใจความ และจํากัดความคิดที่จําเป็นต้องนํามาสนับสนุนใจความในย่อหน้าเสียก่อน

78. ข้อความหมายเลข 3
(1) ข้อ 1
(2) ข้อ 2
(3) ข้อ 3
(4) ข้อ 4
ตอบ 3
ประโยคสนับสนุนรอง คือ ข้อความที่เป็นตอนอภิปราย หรือความคิดย่อยในประเด็นความคิดหลัก ซึ่งทําหน้าที่ให้รายละเอียดหรือขยายความในประเด็นความคิดหลัก
หรือประโยคสนับสนุนหลัก (ดูคําอธิบายข้อ 77. ประกอบ)

79. ข้อความหมายเลข 4
(1) ข้อ 1
(2) ข้อ 2
(3) ข้อ 3
(4) ข้อ 4
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 78. ประกอบ

80. ข้อความหมายเลข 5
(1) ข้อ 1
(2) ข้อ 2
(3) ข้อ 3
(4) ข้อ 4
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 78. ประกอบ

81. ข้อความหมายเลข 6
(1) ข้อ 1
(2) ข้อ 2
(3) ข้อ 3
(4) ข้อ 4
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 78. ประกอบ

82. ข้อความหมายเลข 7
(1) ข้อ 1
(2) ข้อ 2
(3) ข้อ 3
(4) ข้อ 4
ตอบ 4
ประเด็นความคิดที่อยู่นอกขอบข่ายเนื้อหา คือ รายการความคิดที่ไม่เกี่ยวข้องกับประโยคใจความ ประโยคสนับสนุนหลัก และประโยคสนับสนุนรอง เพราะเมื่อปนเข้ามาก็จะทําให้เนื้อความของเรื่องหรือของย่อหน้านั้นเสียไป

83. ข้อความหมายเลข 8
(1) ข้อ 1
(2) ข้อ 2
(3) ข้อ 3
(4) ข้อ 4
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 77. ประกอบ

84. ข้อความหมายเลข 9
(1) ข้อ 1
(2) ข้อ 2
(3) ข้อ 3
(4) ข้อ 4
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 82. ประกอบ

85. ข้อความหมายเลข 10
(1) ข้อ 1
(2) ข้อ 2
(3) ข้อ 3
(4) ข้อ 4
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 78. ประกอบ

86. ข้อความหมายเลข 11
(1) ข้อ 1
(2) ข้อ 2
(3) ข้อ 3
(4) ข้อ 4
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 78. ประกอบ

87. ข้อความหมายเลข 12
(1) ข้อ 1
(2) ข้อ 2
(3ข้อ 3
(4) ข้อ 4
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 78. ประกอบ

88. ข้อความหมายเลข 13
(1) ข้อ 1
(2) ข้อ 2
(3) ข้อ 3
(4) ข้อ 4
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 78. ประกอบ

89. ข้อความหมายเลข 14
(1) ข้อ 1
(2) ข้อ 2
(3) ข้อ 3
(4) ข้อ 4
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 78. ประกอบ

90. ข้อความหมายเลข 15
(1) ข้อ 1
(2) ข้อ 2
(3) ข้อ 3
(4) ข้อ 4
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 78. ประกอบ

91. ข้อใดมีจํานวนพยางค์มากที่สุด
(1) นาฏดนตรี
(2) นาวิกโยธิน
(3) บูรพคณาจารย์
(4) ภูมิปัญญาประดิษฐ์
ตอบ 3
พยางค์ คือ เสียงที่เปล่งออกมา 1 ครั้ง จะมีความหมายหรือไม่มีความหมายก็ได้ซึ่งพยางค์เกิดจากการเปล่งเสียงพยัญชนะ สระ และวรรณยุกต์ตามกันออกมาอย่างกระชั้นชิด จนฟังดูเหมือนกับเปล่งเสียงออกมาในครั้งเดียวกัน เรียกว่า การประสมเสียงในภาษา ดังนั้น เสียงที่เกิดจากการประสมเสียงจึงเรียกว่า “พยางค์” เช่น คําว่า บูรพคณาจารย์ (6 พยางค์), นาวิกโยธิน/ภูมิปัญญาประดิษฐ์ (5 พยางค์), นาฏดนตรี (4 พยางค์) เป็นต้น

92. “งานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสของนิดาคราคร่ำไปด้วยผู้คน” ประโยคที่กําหนดให้บกพร่องในเรื่องใด
(1) ใช้คําเชื่อมผิด
(2) ใช้คําผิดความหมาย
(3) ความหมายกํากวม
(4) วางส่วนขยายผิดที่
ตอบ 2
(ดูคําอธิบายข้อ 57. ประกอบ) ประโยคดังกล่าวควรใช้คําว่า “คลาคล่ำ” = ไปหรือมาเป็นจํานวนมาก มักใช้กับปลา ฝูงชน (ส่วนคําว่า “คราคร่ำ” เป็นคําที่เขียนผิด)

93. ข้อใดใช้คําได้ถูกต้องตามระเบียบของภาษา
(1) สุดามีกรมธรรม์หลายเล่ม
(2) เขายื่นใบสมัครแก่เจ้าหน้าที่
(3) หน้าตาของเขาเหมือนอย่างราวกับพ่อ
(4) ลูกศิษย์ของฉันคนนี้มีสติปัญญาแหลมคมมาก
ตอบ 4
ประโยคในตัวเลือกข้อ 4 ใช้คําถูกต้องตามระเบียบของภาษา (หลักภาษาหรือไวยากรณ์) คือ ระเบียบของถ้อยคําที่กําหนดไว้ (ส่วนตัวเลือกข้ออื่นควรใช้คําให้ถูกต้องตามระเบียบของภาษา โดยใช้ว่า สุดามีกรมธรรม์หลายฉบับ, เขายื่นใบสมัครต่อเจ้าหน้าที่,หน้าตาของเขาเหมือนกับพ่อ)

94. ข้อใดใช้ภาษาเขียนได้ถูกต้อง
(1) นักแข่งจักรยานทีมชาติไทยประสบอุบัติเหตุในการแข่งขัน
(2) การกินอาหารมังสวิรัติมีประโยชน์มาก ทําให้หุ่นเพรียวลมสมส่วน
(3) การทํากิจกรรมเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ทําให้ดูน่าเบื่อหน่าย
(4) มัคคุเทศก์พาคณะนักศึกษานั่งรถชมวิวก่อนกลับบ้าน
ตอบ 1
การใช้คําในภาษาเขียนย่อมพิถีพิถันมากกว่าภาษาพูด โดยเฉพาะภาษาเขียนในระดับแบบแผนด้วยแล้ว ผู้เขียนย่อมทบทวนกันอย่างละเอียดเพื่อที่จะใช้คําได้อย่างหมดจด (ส่วนตัวเลือกข้ออื่นมีคําที่เป็นภาษาพูด)

95. ข้อใดคือความหมายของพยางค์
(1) มีความหมายหรือไม่มีความหมายก็ได้
(2) เปล่งออกมาแล้วต้องมีความหมาย
(3) ประกอบด้วย พยัญชนะ สระ และวรรณยุกต์
(4) ถูกทั้งข้อ 1 และ 3
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 91. ประกอบ

96. ข้อใดต่อไปนี้ไม่มีคําพ้องรูปพ้องเสียง
(1) ดูเสียก่อนว่าอาหารบูดหรือไม่ ลองชิมดูซิ
(2) ไปกันหรือยัง เพื่อน ๆ กลุ่มนั้นเขากันที่ไว้รอเรานะ
(3) รีบ ๆ มาช่วยกันขัด ไม่มีใครมาช่วยเราขัดหรอกนะ
(4) คุณลูกค้าไม่ต้องตกใจ ทางร้านขอรับรองว่าผ้าชิ้นนี้สีไม่ตก
ตอบ 3
ประโยคในตัวเลือกข้อ 3 ไม่มีคําพ้องรูปพ้องเสียง เพราะคําว่า “ขัด” ทั้ง 2 คํามีความหมายเหมือนกัน คือ ถูให้เกลี้ยง ถูให้ขึ้นเงา (ส่วนตัวเลือกข้ออื่นมีคําพ้องรูปพ้องเสียง แต่ความหมายต่างกัน ได้แก่ ดูเสียก่อนว่าอาหารบูดหรือไม่ ลองชิมดูซิ, ไปกันหรือยัง เพื่อน ๆกลุ่มนั้นเขากันที่ไว้รอเรานะ, คุณลูกค้าไม่ต้องตกใจ ทางร้านขอรับรองว่าผ้าชิ้นนี้สีไม่ตก)

97. ข้อใดมีจํานวนพยางค์เท่ากับคําว่า “ศุภอักษร”
(1) กัลปาวสาน ปัจฉิมลิขิต ปรัชญากร
(2) ขัดสมาธิ อภิวันทา อภัยโทษ
(3) เกษตรกร ทศนิยม กตัญชลี
(4) สุขลักษณะ สุนทรพจน์ กมลาไสย
ตอบ 3 (ดูคําอธิบายข้อ 91. ประกอบ) คําในตัวเลือกข้อ 3 ทุกคํา มีจํานวนพยางค์เท่ากับคําว่า “ศุภอักษร” คือ 4 พยางค์ (ส่วนตัวเลือกข้ออื่นมีคําที่ไม่ใช่ 4 พยางค์ ได้แก่ กัลปาวสาน/สุขลักษณะ = 5 พยางค์, ขัดสมาธิ = 3 พยางค์)

98. ข้อความที่กําหนดให้มีคําผิดกี่คํา
สุกานดาจบปริญญาตรีนิเทศน์ศาสตร์บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เธอเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ แต่ชอบทํางานผลัดวันประกันพรุ่งและเปลี่ยนงานมาหลายบริษัท ล่าสุดเธอทํางาน เป็นเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธุ์ที่คลินิคแถวถนนประชาอุทิศน์ (1) 3 คํา
(2) 4 คํา
(3) 5 คํา
(4) 6 คํา
ตอบ 3 ข้อความที่กําหนดให้มีคําที่สะกดผิด 5 คํา ได้แก่ นิเทศน์ศาสตร์บัณฑิต ผัดวันประกันพรุ่ง ประชาสัมพันธุ์ คลินิค ประชาอุทิศน์ ซึ่งที่ถูกต้องคือ นิเทศศาสตรบัณฑิต ผัดวันประกันพรุ่ง ประชาสัมพันธ์ คลินิก ประชาอุทิศ

99. ข้อใดใช้ภาษาแบบแผน
(1) การมุ่งเอาชนะกันโดยปราศจากความรับผิดชอบ ก่อให้เกิดผลเสียเป็นอย่างยิ่ง (2) การเตะถ่วงมิใช่พฤติการณ์ของการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ
(3) การนําเทคโนโลยีมาช่วยในการเกษตรกําลังเป็นที่สนใจของเกษตรกร
(4) ถ้ามิใช่ทําเพื่อพวกพ้อง แล้วเหตุไฉนจึงตัดสินใจอย่างฉุกละหุกลุกลี้ลุกลน
ตอบ 3
ภาษาระดับแบบแผน คือ คําที่ใช้ในระดับทางการ ซึ่งเป็นคําที่เลือกสรรใช้อย่างประณีต มีความถูกต้องทั้งในด้านหลักภาษา ความชัดเจน และมารยาท ในการใช้โดยสมบูรณ์ ได้แก่ ภาษาเขียนเชิงวิชาการและการเขียนเป็นทางการจะนิยมใช้ภาษา แบบแผนและคําศัพท์บาลี สันสกฤต หรือเขมร แทนคําไทยที่เป็นภาษาพูด แต่ไม่นิยมใช้คําซ้ำ

100. ข้อใดเว้นวรรคถูกต้อง
(1) หนังสือเป็นเสมือนคลังทรัพย์แห่งปัญญา/ที่ใครก็ปล้นไปไม่ได้และใช้ไม่รู้หมด/ดังนั้นทุกคนจึงควรอ่านหนังสือ
(2) หนังสือ/เป็นเสมือนคลังทรัพย์แห่งปัญญา/ที่ใครก็ปล้นไปไม่ได้และใช้ไม่รู้หมด/ดังนั้นทุกคนจึงควรอ่านหนังสือ (3) หนังสือเป็นเสมือนคลังทรัพย์แห่งปัญญาที่ใครก็ปล้นไปไม่ได้ และใช้ไม่รู้หมด/ดังนั้นทุกคนจึงควรอ่านหนังสือ
(4) หนังสือเป็นเสมือนคลังทรัพย์แห่งปัญญาที่ใครก็ปล้นไปไม่ได้และใช้ไม่รู้หมด/ดังนั้นทุกคนจึงควรอ่านหนังสือ
ตอบ 3
การรู้จักเว้นจังหวะในการพูด เป็นการเว้นวรรคตอนตรงข้อความที่ควรจะหยุดซึ่งการเว้นจังหวะโดยทั่วไป คือ การหยุดพูดเมื่อพูดจบหัวข้อหนึ่ง ๆ ก่อนที่จะพูดในหัวข้อใหม่ ต่อไป นอกจากนี้ก็ให้หยุดท้ายคําถาม หยุดท้ายกลุ่มคํา หยุดก่อนที่จะกล่าวคําหรือเรื่องสําคัญและหยุดเมื่อถึงคําสันธาน เช่น กับ, และ, อนึ่ง, อย่างไรก็ดี ฯลฯ

101. ข้อใดเป็นประโยคสองส่วน
(1) นกกางเขนสีสวยขนยาวบินสูงเสียดฟ้า
(2) นกกางเขนป้อนเหยื่อให้ลูกน้อย
(3) ลูกนกบินเกาะกินหนอน
(4) ลูกนกถูกแมวกัด
ตอบ 1
ข้อสังเกตเกี่ยวกับประโยค อาจมีลักษณะดังนี้
1. ประโยค 2 ส่วน ได้แก่ ประธาน + กริยา (อาจมีคําขยายหรือไม่มีก็ได้) เช่น นกกางเขนสีสวยขนยาวบินสูงเสียดฟ้า ฯลฯ 2. ประโยค 3 ส่วน ได้แก่ ประธาน + กริยา + กรรม (อาจมีคําขยายหรือไม่มีก็ได้) เช่น นกกางเขนป้อนเหยื่อให้ลูกน้อย, ลูกนกบินเกาะกินหนอน, ลูกนกถูกแมวกัด ฯลฯ

ข้อ 102 – 106. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม
(1) ประโยคความเดียว
(2) ประโยคความรวม
(3) ประโยคความซ้อน
(4) ประโยคการิต

102. ฉันตื่นขึ้นมาอ่านหนังสือทุกเช้า
ตอบ 1 หน้า 124 ประโยคความเดียว (เอกรรถประโยค) คือ ประโยคเล็ก ๆ หรือประโยคสามัญที่มีความหมายอย่างเดียว หรือมีความหมายเฉพาะอย่างหนึ่ง มักมีโครงสร้างประกอบด้วย ประธาน + กริยา (อาจมีคําขยายหรือไม่มีก็ได้) หรือประกอบด้วย ประธาน + กริยา + กรรม (อาจมีคําขยายหรือไม่มีก็ได้) เช่น ฉันตื่นขึ้นมาอ่านหนังสือทุกเช้า เป็นต้น

103. คนที่กตัญญย่อมมีความเจริญในชีวิต
ตอบ 3
ประโยคความซ้อน หรือประโยคปรุงแต่ง (สังกรประโยค) หมายถึง ประโยคความเดียวที่มีประโยคยอยเข้ามาแทรกอยู่ด้วย ซึ่งเมื่อแยกประโยคความซ้อนออกจากกันสองประโยคจะมีน้ำหนักไม่เท่ากัน กล่าวคือ ประโยคความเดียวที่เป็นประโยคหลัก (มุขยประโยค) จะมีใจความสําคัญเพียงประโยคเดียว และมีประโยคย่อย (อนุประโยค) มาช่วย ขยายความ เช่น คนที่กตัญญย่อมมีความเจริญในชีวิต/ฉันนอนเฝ้าคุณพ่อที่นอนป่วยมาตลอด ทั้งคืน (ประโยคย่อยขยายนาม “คน/คุณพ่อ” โดยมีคําว่า “ที่” เป็นคําเชื่อมแทนคํานามที่อยู่ ข้างหน้า) เป็นต้น

104. เมื่อเธอรู้จักเก็บออม เธอก็จะสบายในภายหน้า
ตอบ 2
ประโยคความรวม (อเนกรรถประโยค) คือ ประโยคที่มีใจความสําคัญหลายใจความ เพราะเป็นประโยคที่รวมเอาประโยคความเดียวเข้าด้วยกัน แล้วเชื่อมด้วยคําสันธาน ซึ่งประกอบด้วยคําต่อไปนี้
1. เนื้อความคล้อยตามกัน ได้แก่ แล้ว, และ, กับ, ถ้า….ก็, เมื่อ…ก็, พอ….ก็, ครั้นจึง ฯลฯ
2. เนื้อความขัดแย้งกัน ได้แก่ แต่, แต่ทว่า, ถึง…ก็, กว่า…ก็ ฯลฯ
3. เนื้อความเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง ได้แก่ หรือ, หรือไม่ หรือไม่เช่นนั้น, มิฉะนั้น ฯลฯ
4. เนื้อความเป็นเหตุเป็นผลต่อกัน ได้แก่ เพราะ, จึง, ดังนั้น เพราะฉะนั้น, เพราะ…จึง ฯลฯ
105. ฉันนอนเฝ้าคุณพ่อที่นอนป่วยมาตลอดทั้งคืน
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 103. ประกอบ

106. สุนัขตัวโปรดของฉันไม่สบายจึงร้องครวญครางเสียงดัง
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 104. ประกอบ

107. ข้อใดใช้ภาษากํากวม
(1) เขาอยู่ไม่ได้ไปแล้ว
(2) คนที่อยู่ก็ต้องรับผิดชอบ
(3) จะอยู่ที่ไหนก็ไม่สําคัญ
(4) อย่าอยู่อย่างอยาก
ตอบ 1
ประโยคในตัวเลือกข้อ 1 ใช้คําไม่ชัดเจนหรือไม่กระจ่าง ทําให้สื่อความหมายกํากวม และตีความหมายได้หลายทาง จนก่อให้เกิดความเข้าใจที่ไขว้เขว ดังนั้นจึงควรเขียนให้ชัดเจนและกระจ่าง โดยใช้ว่า เขาอยู่ที่นี่ไม่ได้ ลาออกไปแล้ว/เขาอยู่บ้าน ไม่ได้ไปเที่ยวแล้ว

108. ข้อใดวางคําขยายได้ถูกต้อง
(1) ไฟดับลงก่อนที่บ้านทั้งชุมชนจะไหม้หมดด้วยฝีมือของตํารวจ
(2) เมื่อคุณแม่ซื้อของเสร็จในห้างสรรพสินค้าก็เดินทางกลับบ้าน
(3) คุณแม่ขับรถมาส่งฉันถึงโรงเรียน ฝากบอกกับคุณครูมอบให้ฉันอยู่ในความดูแลของท่าน
(4) ฉันชอบดื่มกับธรรมชาติ ส่งสายตามองดูนกที่กําลังโผผินบินพรูออกจากรัง
ตอบ 4
ประโยคในตัวเลือกข้อ 4 วางคําขยายถูกต้อง เพราะตําแหน่งของคําขยายย่อมอยู่ใกล้กับคําที่ต้องการขยายความ (ส่วนตัวเลือกข้ออื่นควรเรียงลําดับคําขยายให้ถูกต้อง โดยใช้ว่าด้วยฝีมือของตํารวจไฟดับลงก่อนที่บ้านทั้งชุมชนจะไหม้หมด, เมื่อคุณแม่ซื้อของในห้างสรรพสินค้าเสร็จก็เดินทางกลับบ้าน, คุณแม่ขับรถมาส่งฉันถึงโรงเรียน บอกกับคุณครูฝากมอบให้ฉันอยู่ในความดูแลของท่าน)

109. ข้อใดเป็นประโยคฟุ่มเฟือย
(1) คุณแม่ทําอาหารด้วยฝีมือของท่านเองทุกวัน
(2) เท่าที่ดูด้วยตาก็รู้ว่าเธอยังทํางานบกพร่องอยู่
(3) คนไทยทุกคนควรช่วยกันประหยัดพลังงานเพื่ออนาคตของประเทศ
(4) คุณพ่อดีใจที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นประธานบริษัท
ตอบ 2
ประโยคในตัวเลือกข้อ 2 เรียงคําไม่กระชับ ใช้ประโยคฟุ่มเฟือย หรือใช้คําอย่างไม่ประหยัด เพราะคําบางคํามีความหมายสมบูรณ์ในตัวอยู่แล้ว จึงไม่จําเป็นจะต้อง ใช้คําขยายมาเพิ่มเติมอีก เนื่องจากจะทําให้ประโยคยืดยาด ดังนั้นจึงควรใช้คําอย่างประหยัด เพื่อให้กระชับ โดยใช้ว่า เท่าที่ดูก็รู้ว่าเธอยังทํางานบกพร่องอยู่

110. ประโยคใดไม่ใช่สํานวนต่างประเทศ
(1) คุณมี 6 สิทธิ์ ในการแลกซื้อของ
(2) ความฟุ่มเฟือยนํามาซึ่งความลําบากในอนาคต
(3) ภายใต้การนําของรัฐบาลชุดนี้น่าจะทําให้เศรษฐกิจดีขึ้น
(4) นายกรัฐมนตรีขอร้องให้ประชาชนทุกคนประหยัดเพื่อประเทศชาติ
ตอบ 4
ประโยคในตัวเลือกข้อ 4 เรียงคําเป็นสํานวนภาษาไทย ไม่ใช่ประโยคที่เลียนแบบสํานวนพันทางหรือสํานวนต่างประเทศ (ส่วนตัวเลือกข้ออื่นควรเรียงคําให้เป็นสํานวนภาษาไทย โดยใช้ว่า คุณมีสิทธิ์ 6 สิทธิ์ ในการแลกซื้อของ, ความฟุ่มเฟือยทําให้เกิดความลําบากในอนาคต, รัฐบาลชุดนี้เป็นผู้นําน่าจะทําให้เศรษฐกิจดีขึ้น)

111. พจนานุกรมไทยที่จัดทําโดยราชการในข้อใดที่เรียงลําดับถูกต้อง
(1) พ.ศ. 2493 พ.ศ. 2525 พ.ศ. 2542 พ.ศ. 2554
(2) พ.ศ. 2493 พ.ศ. 2542 พ.ศ. 2554 พ.ศ. 2558
(3) พ.ศ. 2498 พ.ศ. 2525 พ.ศ. 2542 พ.ศ. 2554
(4) พ.ศ. 2500 พ.ศ. 2525 พ.ศ. 2542 พ.ศ. 2554
ตอบ 1
เมื่อมีการจัดตั้งราชบัณฑิตยสถาน เป็นหน่วยงานที่รับโอนงานพจนานุกรมหรือปทานุกรมจากกรมตํารา กระทรวงธรรมการ นํามาชําระเพิ่มเติมคํา และตีพิมพ์เป็นพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2493, พ.ศ. 2525, พ.ศ. 2542 และ พ.ศ.
2554 ซึ่งเป็นฉบับปรับปรุงใหม่ล่าสุดที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน

112. ข้อใดไม่ได้หมายถึง ผู้หญิงหรือนางงาม
(1) นงคราญ
(2) นงพะงา
(3) นงราม
(4) นงนาถ
ตอบ 4 คําที่มีความหมายว่า ผู้หญิงหรือนางงาม ได้แก่ นงคราญ นงพะงา นงพุธ นงโพธ นงราม

113. คําศัพท์ข้อใดไม่ได้หมายถึง “พระเจ้าแผ่นดิน”
(1) ธรณิศวร์
(2) ธรารักษ์
(3) นรินทร์
(4) บุรินทร์
ตอบ 2 คําที่มีความหมายว่า “พระเจ้าแผ่นดิน ได้แก่ ธรณิศ ธรณิศวร์ นรินทร์ นริศ บุรินทร์

114. คําในข้อใดสะกดถูกต้องทุกคํา
(1) กัณเทศน์ เทศนา
(2) คริสต์กาล คริสต์ศาสนิกชน
(3) ชะม้อย ชม้าย
(4) เซปักตะกร้อ เซลเซียส
ตอบ 4 คําที่สะกดผิด ได้แก่ กัณเทศน์ คริสต์กาล ชะม้อย ซึ่งที่ถูกต้องคือ กัณฑ์เทศน์ คริสตกาล ชม้อย

115. ตัวสะกดในข้อใดที่มีรูปต่างกันแต่มีเสียงเดียวกัน
(1) ญ ณ ร
(2) ย ค ช
(3) ญ ช ฎ
(4) ป ณ ภ
ตอบ 1
พยัญชนะตัวสะกดของไทยจะมีเพียง 8 เสียงเท่านั้น คือ
1. แม่กก ได้แก่ ก ข ค ฆ
2. แม่กด ได้แก่ จ ฉ ช ซ ฌ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ด ต ถ ท ธ ศ ษ ส
3. แม่กบ ได้แก่ บ ป ผ ฝ พ ฟ ภ
4. แม่กน ได้แก่ น ณ ร ล ฬ ญ
5. แม่กง ได้แก่ ง
6. แม่กม ได้แก่ ม
7. แม่เกย ได้แก่ ย
8. แม่เกอว ได้แก่ ว

116. คําว่า “ไตรสรณคมน์” อ่านให้ถูกต้องตามข้อใด
(1) ไตร-สะ-ระ-นะ-คม
(2) ไตร-ระ-สะ-ระ-นะ-คม
(3) ไตร-สอ-ระ-นะ-คม
(4) ถูกทั้งข้อ 1 และ 3
ตอบ 1 คําว่า “ไตรสรณคมน์ อ่านว่า ไตร-สะ-ระ-นะ-คม

117. ข้อใดอ่านถูกต้อง
(1) กฤดาญชลี อ่านว่า กริ-ดาน-ชะ-สี
(2) กฤดยาเกียรณ อ่านว่า กริด-ยา-เกียน
(3) กฤษฎาญชลี อ่านว่า กริด-สะ-ดาน-ยะ-ชะ-ลี
(4) กฤดายุค อ่านว่า กะ-ร-ดา-ยุก
ตอบ 1 คําในตัวเลือกข้อ 2 – 4 อ่านผิด ซึ่งที่ถูกต้องคือ กฤดยาเกียรณ (กริด-ตะ-ยา-เกียน), กฤษฎาญชลี (กริด-สะ-ดาน-ชะ-ลี), กฤดายุค (กริ-ดา-ยุก)

118. เครื่องหมาย ( ; ) เรียกชื่อว่าอะไร
(1) เครื่องหมายก้ามปู
(2) เครื่องหมายมหัพภาค
(3) เครื่องหมายอัฒภาค
(4) เครื่องหมายยัติภังค์
ตอบ 3 เครื่องหมาย ( ; ) เรียกว่า เครื่องหมายอัฒภาค ใช้สําหรับลั่นคําหรือประโยค

119. ข้อใดมีความหมายต่างจากข้ออื่น
(1) ทิพากร
(2) รัตติกร
(3) รัชนีกร
(4) นิศากร
ตอบ 1 คําที่มีความหมายว่า “พระจันทร์ ได้แก่ รัตติกร รัชนีกร นิศากร (ส่วนคําว่า “ทิพากร” = พระอาทิตย์)

120. ข้อใดไม่ได้หมายถึง “เครื่องอัฐบริขาร”
(1) สบง จีวร ประคดเอว
(2) สังฆาฏิ บาตร
(3) มีดโกน เข็ม กระบอกน้ำ
(4) แว่นตา ไฟฉาย ร่ม ธูปเทียน
ตอบ 4 คําว่า “อัฐบริขาร” = เครื่องใช้สอยของพระภิกษุในพระพุทธศาสนา มีอยู่ 8 อย่าง ได้แก่
1. สบง 2. จีวร 3. สังฆาฏิ 4, บาตร 5. มีดโกนหรือมีดตัดเล็บ 6. เข็ม 7. ประคดเอว 8. กระบอกกรองน้ำ

WordPress Ads
error: Content is protected !!