LAW2010 กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยค้ําประกัน 2/2558

การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2558

ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 2010 กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยค้ําประกัน ฯลฯ

คําแนะนํา ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 3 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)

ข้อ 1. นายแดงเป็นหนี้นายกรุงเทพ 5 ล้านบาท มีหลักฐานถูกต้อง และนายแดงได้นําโฉนดที่ดินของตนมามอบให้นายกรุงเทพเพื่อเป็นประกันการชําระหนี้ แต่นายกรุงเทพขอให้นายแดงหาผู้ค้ำประกันมาให้ด้วย นายแดงจึงขอให้นายเหลืองและนายม่วงทั้ง 2 คน มาเป็นผู้ค้ำประกันโดยการให้ไปตกลงกับนายกรุงเทพ รวมทั้งมีการทําหลักฐานการค้ำประกัน แต่ในวันทําสัญญานายเหลืองติดราชการไป ต่างประเทศจึงมิได้ลงลายมือชื่อ เมื่อหนี้ถึงกําหนดชําระนายแดงชําระหนี้ไม่ได้ นายกรุงเทพได้ส่ง จดหมายไปยังนายเหลืองและนายม่วงให้ชําระหนี้แทนภายในระยะเวลา 15 วัน นับแต่วันที่ลูกหนี้ ผิดนัด ปรากฏว่านายนายม่วงได้ขอให้นายกรุงเทพเรียกการชําระหนี้จากนายนายเหลืองก่อน หากไม่ได้ขอให้บังคับการชําระหนี้จากที่ดินที่นายแดงนําโฉนดมามอบให้นายกรุงเทพ

ดังนี้อยากทราบว่า นายกรุงเทพจะฟ้องร้องบังคับให้ทั้งนายเหลืองและนายม่วงชําระหนี้ได้หรือไม่และจะไปบังคับการชําระหนี้จากโฉนดที่ดินตามที่นายม่วงกล่าวอ้างได้หรือไม่ เพราะเหตุใด จงอธิบาย

ธงคําตอบ

หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 680 “อันว่าค้ำประกันนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลภายนอกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้ค้ำประกัน ผูกพันตนต่อเจ้าหนี้คนหนึ่งเพื่อชําระหนี้ในเมื่อลูกหนี้ไม่ชําระหนี้นั้น

อนึ่งสัญญาค้ำประกันนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ค้ำประกัน เป็นสําคัญ ท่านว่าจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่”

มาตรา 681 วรรคหนึ่ง “อันค้ำประกันนั้นจะมีได้แต่เฉพาะเพื่อหนี้อันสมบูรณ์”

มาตรา 686 “ลูกหนี้ผิดนัดลงเมื่อใด ท่านว่าเจ้าหนี้ชอบที่จะเรียกให้ผู้ค้ำประกันชําระหนี้ได้ แต่นั้น”

มาตรา 690 “ถ้าเจ้าหนี้มีทรัพย์ของลูกหนี้ยึดถือไว้เป็นประกันไซร้ เมื่อผู้ค้ำประกันร้องขอ ท่านว่าเจ้าหนี้จะต้องให้ชําระหนี้เอาจากทรัพย์ซึ่งเป็นประกันนั้นก่อน”

มาตรา 714 “อันสัญญาจํานองนั้น ท่านว่าต้องทําเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงาน เจ้าหน้าที่”

วินิจฉัย

ในกรณีที่การกู้เงินและการค้ำประกันนั้นได้กระทําถูกต้องตามกฎหมาย และมีหลักฐานใน การฟ้องร้องบังคับคดี หากลูกหนี้ผิดนัดชําระหนี้ ย่อมก่อให้เกิดสิทธิแก่เจ้าหนี้ในการบังคับการชําระหนี้เอาจากลูกหนี้ และผู้ค้ําประกันได้ตามมาตรา 680 และมาตรา 686 และในส่วนของผู้ค้ำประกันอาจจะบ่ายเบี่ยงขอให้เจ้าหนี้ บังคับเอาจากลูกหนี้ก่อนได้ตามมาตรา 690 คือ เมื่อเจ้าหนี้มีทรัพย์ของลูกหนี้ยึดไว้เป็นประกัน และการประกันนั้น ได้กระทําถูกต้องตามกฎหมาย เช่น ในกรณีทรัพย์ที่ยึดถือเป็นประกันไว้เป็นที่ดิน (กรณีจํานอง) ก็จะต้องมีการทําเป็น หนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 714 ด้วย

กรณีตามอุทาหรณ์ นายกรุงเทพจะฟ้องร้องบังคับให้นายเหลืองและนายม่วงชําระหนี้ได้ หรือไม่ และจะไปบังคับการชําระหนี้จากโฉนดที่ดินตามที่นายม่วงกล่าวอ้างได้หรือไม่ แยกพิจารณาได้ดังนี้

กรณีของนายเหลือง แม้การที่นายแดงเป็นหนี้นายกรุงเทพ 5 ล้านบาท มีหลักฐานถูกต้อง ตามมาตรา 681 วรรคหนึ่ง แต่การที่นายเหลืองได้ตกลงเป็นผู้ค้ำประกันหนี้รายนี้นั้น นายเหลืองไม่ได้ลงลายมือชื่อ ในสัญญาค้ำประกันแต่อย่างใด ดังนั้น นายกรุงเทพจะฟ้องร้องบังคับให้นายเหลืองชําระหนี้ในฐานะผู้ค้ำประกัน ไม่ได้ตามมาตรา 680 วรรคสอง

กรณีของนายม่วง เมื่อนายม่วงได้ตกลงเป็นผู้ค้ําประกันหนี้รายนี้และนายม่วงได้ลงลายมือชื่อ ในสัญญาค้ำประกัน ดังนั้นสัญญาการเป็นผู้ค้ำประกันของนายม่วงจึงสมบูรณ์และสามารถใช้ฟ้องร้องบังคับกันได้ ตามมาตรา 680 เมื่อหนี้ถึงกําหนดชําระนายแดงลูกหนี้ชําระหนี้ไม่ได้ และนายกรุงเทพได้มีการบอกกล่าวให้นายม่วง ผู้ค้ำประกันชําระหนี้ถูกต้องตามมาตรา 686 แล้ว แต่นายม่วงยังไม่ชําระหนี้ นายกรุงเทพย่อมสามารถฟ้องร้อง บังคับให้นายม่วงชําระหนี้ไม่ได้

กรณีของโฉนดที่ดิน การที่นายแดงได้นําโฉนดที่ดินของตนมอบให้นายกรุงเทพยึดถือไว้เป็น ประกันโดยมิได้ทําเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่นั้น ไม่ถือว่าเป็นการจํานองตามมาตรา 714 จึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ของมาตรา 690 ที่ว่า “ถ้าเจ้าหนี้มีทรัพย์ของลูกหนี้ยึดถือไว้เป็นประกัน” ดังนั้นนายม่วงจะ ขอให้นายกรุงเทพบังคับการชําระหนี้จากที่ดินที่นายแดงนําโฉนดมามอบให้นายกรุงเทพไม่ได้

สรุป

นายกรุงเทพจะฟ้องบังคับให้นายเหลืองชําระหนี้ไม่ได้ แต่สามารถฟ้องบังคับนายม่วง ให้ชําระหนี้ได้ และนายกรุงเทพจะไปบังคับการชําระหนี้จากโฉนดที่ดินที่นายม่วงกล่าวอ้างไม่ได้

 

ข้อ 2. จงอธิบายถึงการบังคับจํานองตามที่กฎหมายใหม่ได้บัญญัติไว้ พร้อมยกตัวอย่างประกอบ

ธงคําตอบ

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (กฎหมายเก่า) การบังคับจํานองมีได้ 2 กรณี คือ

1 การบังคับจํานองโดยผู้รับจํานองจะฟ้องคดีต่อศาล เพื่อให้ศาลพิพากษาสั่งให้ยึด ทรัพย์สินซึ่งจํานองและให้ขายทอดตลาด (มาตรา 728)

2 การบังคับจํานองโดยผู้รับจํานองจะฟ้องคดีต่อศาลเพื่อเรียกเอาทรัพย์จํานองหลุด(มาตรา 729)

แต่ในปัจจุบันได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 20) พ.ศ. 2557 เกี่ยวกับการบังคับจํานองโดยการเพิ่มมาตรา 729/1 และให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 เป็นต้นไป

ซึ่งตามกฎหมายใหม่ตามมาตรา 729/1 นั้น กฎหมายได้บัญญัติให้สิทธิแก่ผู้จํานองมีหนังสือแจ้ง ไปยังผู้รับจํานองเพื่อให้ผู้รับจํานองเอาทรัพย์สินของตนเองที่จํานองไว้นั้นออกขายทอดตลาดได้เลยโดยไม่ต้อง ฟ้องศาล หากทรัพย์สินที่จํานองนั้นไม่มีการจํานองรายอื่น (ไม่มีการจํานองซ้อน) หรือบุริมสิทธิอื่นอันได้จดทะเบียนไว้ เหนือทรัพย์สินอันเดียวกันนี้ และผู้รับจํานองต้องดําเนินการขายทอดตลาดทรัพย์สินที่จํานองภายในเวลา 1 ปีนับแต่ วันที่ได้รับหนังสือแจ้งนั้น

ถ้าผู้รับจํานองไม่ได้ดําเนินการขายทอดตลาดทรัพย์สินที่จํานองภายในระยะเวลา 1 ปีดังกล่าว ผู้จํานองย่อมหลุดพ้นจากความรับผิดในดอกเบี้ยและค่าสินไหมทดแทนซึ่งลูกหนี้ค้างชําระตลอดจนค่าภาระติดพัน อันเป็นอุปกรณ์แห่งหนี้รายนั้นที่เกิดขึ้นภายหลังวันที่พ้นกําหนดเวลาดังกล่าว ได้ปราการ

ตัวอย่าง นาย ก. ได้นําที่ดินซึ่งมีราคา 2 ล้านบาท จํานองไว้กับนาย ข. เป็นเงิน 1 ล้านบาท โดยไม่มีการนําที่ดินแปลงดังกล่าวไปจํานองกับเจ้าหนี้รายอื่นอีก ดังนี้หากนาย ก. คิดว่าตนไม่มีเงินจะไถ่ที่ดินแปลงนี้ คืนจากนาย ข. แน่นอน แต่ต้องการจะจํากัดไม่ให้ดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เพิ่มขึ้น นาย ก. ย่อมสามารถใช้ สิทธิตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 729/1 ที่แก้ไขเพิ่มเติมใหม่นี้ได้ โดยการมีหนังสือแจ้งไปยังนาย ข. ผู้รับ จํานองให้นําที่ดินแปลงดังกล่าวออกขายทอดตลาดได้เลย

ถ้านาย ข. ผู้นับจํานองไม่ดําเนินการขายทอดตลาดที่ดินแปลงดังกล่าวภายในเวลา 1 ปี นับแต่ วันที่ได้รับหนังสือแจ้งนั้น นาย ข. จะเรียกร้องให้นาย ก. ผู้จํานองรับผิดในดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกิดขึ้น ภายหลังวันที่พ้นกําหนด 1 ปีนั้นไม่ได้

 

ข้อ 3. ฉุยเช่าซื้อรถยนต์ยังผ่อนชําระไม่หมดกับฉลุย ต่อมาฉุยได้นํารถยนต์คันดังกล่าวไปจํานํากับฉัน โดยฉลุยมิได้ยินยอมด้วย เมื่อฉลุยทราบเรื่อง ฉลุยจะไปตามเอารถยนต์คืนจากฉันได้หรือไม่ การจํานํา ผูกพันฉลุยผู้ให้เช่าซื้อหรือไม่ อย่างไร กรณีหนึ่ง

อีกกรณีหนึ่ง ก. นําตู้เย็นอย่างดีที่ส่งมาจากเมืองนอก ฝากให้ ข. ซึ่งเป็นร้ายขายตู้เย็นอยู่แล้วโดย ฝากขาย ข. ได้นําตู้เย็นที่ ก. ฝากไว้ไปจํานํา ดังนี้ให้ท่านวินิจฉัยว่า ผู้รับจํานํารับจํานําไว้โดยสุจริต ก. เจ้าของตู้เย็นมีสิทธิติดตามเอาตู้เย็นคืนได้หรือไม่ ต้องเสียค่าไถ่หรือไม่ เพราะเหตุใด

ธงคําตอบ

หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 572 “อันว่าเช่าซื้อนั้น คือสัญญาซึ่งเจ้าของเอาทรัพย์สินออกให้เช่า และให้คํามั่นว่า จะขายทรัพย์สินนั้นหรือว่าจะให้ทรัพย์สินนั้นตกเป็นสิทธิแก่ผู้เช่า โดยเงื่อนไขที่ผู้เช่าได้ใช้เงินเป็นจํานวนเท่านั้น เท่านี้คราว

สัญญาเช่าซื้อนั้นถ้าไม่ทําเป็นหนังสือ ท่านว่าเป็นโมฆะ”

มาตรา 747 “อันว่าจํานํานั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่า ผู้จํานําส่งมอบสังหาริมทรัพย์ สิ่งหนึ่งให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่า ผู้รับจํานํา เพื่อเป็นประกันการชําระหนี้”

มาตรา 820 “ตัวการย่อมมีความผูกพันต่อบุคคลภายนอกในกิจการทั้งหลายอันตัวแทน หรือตัวแทนช่วงได้ทําไปภายในขอบอํานาจแห่งฐานตัวแทน”

มาตรา 821 “บุคคลผู้ใดเชิดบุคคลอีกคนหนึ่งออกแสดงเป็นตัวแทนของตนก็ดี รู้แล้วย่อมให้ บุคคลอีกคนหนึ่งเชิดตัวเขาเองออกแสดงเป็นตัวแทนของตนก็ดี ท่านว่าบุคคลผู้นั้นจะต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอก ผู้สุจริตเสมือนว่าบุคคลอีกคนหนึ่งนั้นเป็นตัวแทนของตน”

มาตรา 1336 “ภายในบังคับแห่งกฎหมาย เจ้าของทรัพย์สินมีสิทธิใช้สอยและจําหน่ายทรัพย์สิน ของตนและได้ซึ่งดอกผลแห่งทรัพย์สินนั้น กับทั้งมีสิทธิติดตามและเอาคืนซึ่งทรัพย์สินของตนจากบุคคลผู้ไม่มีสิทธิ จะยึดถือไว้ และมีสิทธิขัดขวางมิให้ผู้อื่นสอดเข้าเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินนั้นโดยมิชอบด้วยกฎหมาย”

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์ แยกวินิจฉัยได้ดังนี้

กรณีแรก การที่ฉุยได้เช่าซื้อรถยนต์กับฉลุยโดยยังผ่อนชําระค่าเช่าซื้อไม่หมดนั้น ตามมาตรา 572 ฉุยผู้เช่าซื้อย่อมได้ไปเพียงสิทธิครอบครองเท่านั้น เพราะกรรมสิทธิ์ยังไม่โอนยังเป็นของฉลุยผู้ให้เช่าซื้อ ดังนั้น การที่ฉุยได้นํารถยนต์ที่เช่าซื้อไปจํานํากับฉุนโดยฉลุยมิได้ยินยอมด้วย ฉลุยจึงสามารถติดตามเอารถยนต์คืนได้ในฐานะ เจ้าของที่แท้จริงตามมาตรา 1336 โดยไม่ต้องเสียค่าไถ่ เพราะการจํานํานั้นไม่ผูกพันฉลุยผู้ให้เช่าซื้อแต่อย่างใด

กรณีที่ 2 การที่ ก. ได้นําตู้เย็นไปฝากให้ ข. ขายนั้น ถือว่า ก. ได้เชิดให้ ข. เป็นตัวแทนของตน เพราะเป็นการปล่อยให้ ข. แสดงตนว่าเป็นเจ้าของตู้เย็นนั้น เสมือนว่า ข. เป็นตัวแทนของตนตามมาตรา 821 ดังนั้น เมื่อ ข. นําตู้เย็นไปจํานํา ก. ผู้เป็นเจ้าของที่แท้จริงสามารถติดตามเอาตู้เย็นคืนได้ตามมาตรา 1336 แต่ ก. จะต้อง เสียค่าไถ่ เพราะเมื่อผู้รับจํานําได้รับจํานําไว้โดยสุจริต ก. จึงต้องรับผิดต่อผู้รับจํานําซึ่งเป็นบุคคลภายนอก เสมือนว่า ก. เป็นตัวการจึงต้องมีความผูกพันต่อบุคคลภายนอกในการกระทําของ ข. ตัวแทน ตามมาตรา 820 ประกอบ มาตรา 821

สรุป

กรณีแรก ฉลุยตามเอารถคืนจากฉันได้ เพราะการจํานําไม่ผูกพันฉลุยผู้ให้เช่าซื้อ

กรณีที่ 2 ก. เจ้าของตู้เย็นสามารถติดตามเอาตู้เย็นคืนได้แต่ต้องเสียค่าไถ่

LAW2010 กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยค้ำประกัน 1/2558

การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2558

ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 2010 กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยค้ำประกัน ฯลฯ

คําแนะนํา ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 3 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)

ข้อ 1. นายแสนหลอกนายพันว่าแหวนที่นายแสนนํามาขายเป็นแหวนเพชรแท้ นายพันหลงเชื่อเพราะเห็นว่านายแสนเป็นเจ้าของร้านเพชรจึงตกลงซื้อแหวนวงนี้ในราคา 300,000 บาท แต่ขอชําระราคาใน อีก 15 วัน นายแสนตกลงแต่ขอให้นายพันหาคนมาค้ำประกัน นายพันนําแหวนไปให้นายหมื่นดู และขอให้ช่วยเป็นผู้ค้ำประกันให้ นายหมื่นเห็นแหวนทราบทันทีว่านายแสนหลอกขายเพชรปลอม ให้นายพันแต่ยอมลงลายมือชื่อฝ่ายเดียวในสัญญาค้ำประกันมอบให้นายแสนเก็บไว้ ปรากฏว่าเมื่อ ครบกําหนด 15 วัน นายพันไม่ยอมชําระราคาอ้างว่าแหวนเพชรเป็นของปลอม ดังนี้ นายแสนจะเรียกให้นายหมื่นรับผิดในฐานะผู้ค้ำประกันได้หรือไม่ เพราะเหตุใด

ธงคําตอบ

หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 680 “อันว่าค้ำประกันนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลภายนอกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้ค้ำประกัน ผูกพันตนต่อเจ้าหนี้คนหนึ่งเพื่อชําระหนี้ในเมื่อลูกหนี้ไม่ชําระหนี้นั้น

อนึ่งสัญญาค้ำประกันนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ค้ำประกัน เป็นสําคัญ ท่านว่าจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่”

มาตรา 681 “อันค้ำประกันนั้นจะมีได้แต่เฉพาะเพื่อหนี้อันสมบูรณ์ หนี้ในอนาคตหรือหนี้มีเงื่อนไข จะประกันไว้เพื่อเหตุการณ์ซึ่งหนี้นั้นอาจเป็นผลได้จริงก็ประกันได้

หนี้อันเกิดแต่สัญญาซึ่งไม่ผูกพันลูกหนี้เพราะทําด้วยความสําคัญผิด หรือเพราะเป็น ผู้ไร้ความสามารถนั้น ก็อาจจะมีประกันอย่างสมบูรณ์ได้ ถ้าหากว่าผู้ค้ำประกันรู้เหตุสําคัญผิดหรือไร้ความสามารถนั้น ในขณะที่เข้าทําสัญญาผูกพันตน”

วินิจฉัย

ตามอุทาหรณ์ การที่นายแสนใช้กลฉ้อฉลหลอกขายแหวนให้แก่นายพัน และต่อมานายพันได้ บอกล้างนิติกรรมที่เป็นโมฆยะเนื่องจากกลฉ้อฉลดังกล่าวแล้ว ทําให้หนี้ที่เกิดจากสัญญาซื้อขายแหวนเป็นโมฆะ เป็นหนี้ที่ไม่สมบูรณ์ตามมาตรา 681 วรรคแรก และหนี้ที่เกิดขึ้นจึงไม่มีผลผูกพันนายพันซึ่งเป็นลูกหนี้

และหนี้อันเกิดจากสัญญาซึ่งไม่ผูกพันลูกหนี้ แต่อาจมีประกันที่สมบูรณ์ได้และผู้ค้ำประกันจะต้อง รับผิดตามมาตรา 681 วรรคสามนั้น จะต้องเป็นหนี้ที่เกิดจากลูกหนี้ได้ทําเพราะความสําคัญผิด หรือเพราะเป็นผู้ไร้ ความสามารถ และผู้ค้ำประกันได้รู้เหตุสําคัญผิดหรือไร้ความสามารถนั้นในขณะที่เข้าทําสัญญาผูกพันตนด้วย แต่เมื่อ ข้อเท็จจริงปรากฏว่าหนี้อันเกิดจากสัญญาซึ่งไม่ผูกพันนายพันลูกหนี้ดังกล่าวนั้นได้เกิดขึ้นเพราะกลฉ้อฉล จึงไม่เข้า ข้อยกเว้นที่จะทําให้นายหมื่นผู้ค้ำประกันต้องรับผิด แม้ว่าสัญญาค้ำประกันนั้นจะมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อ นายหมื่นเป็นผู้ค้ำประกันตามมาตรา 680 วรรคสอง และนายหมื่นจะได้รู้เหตุกลฉ้อฉลในขณะเข้าทําสัญญาค้ำประกันก็ตาม ดังนั้น เมื่อนายพันไม่ยอมชําระราคาแหวน นายแสนจะเรียกให้นายหมื่นรับผิดในฐานะผู้ค้ำประกันไม่ได้

สรุป

นายแสนจะเรียกให้นายหมื่นรับผิดในฐานะผู้ค้ำประกันไม่ได้

 

ข้อ 2. นายกิ่งเป็นสามีของนางลิง ก่อนแต่งงานนางลิงเป็นผู้ใหญ่บ้านเจ้าของที่ดินติดแม่น้ำที่ลูกบ้านทั้งหลายทราบดี ที่ดินแปลงนี้เป็นที่ดินมีโฉนด ต่อมานางลิงได้เก็บโฉนดที่ดินพร้อมใบมอบอํานาจ ที่เซ็นชื่อตนไว้ลอย ๆ ในตู้เซฟ จากนั้นนายกิ่งสามีได้ไปติดพันกับนางตริ่งสาวสวยญาตินางลิง เนื่องจากนายกิ่งได้ทุ่มเทเงินมากมายไปกับนางตริ่ง นายกิ่งจึงไปกู้นายจิงชาวบ้านที่อยู่ในหมู่บ้าน ดังกล่าวเป็นเงิน 50,000 บาท โดยไม่ทําเป็นหนังสือและได้มีโฉนดที่ดินของนางลิงพร้อมด้วย ใบมอบอํานาจของนางลิงไปจํานองประกันหนี้ไว้ ดังนี้ การจํานองมีผลประการใด การจํานองนี้นางลิง ยกเป็นข้อต่อสู้ได้หรือไม่

ธงคําตอบ

หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 5 “ในการใช้สิทธิแห่งตนก็ดี ในการชําระหนี้ก็ดี บุคคลทุกคนต้องกระทําโดยสุจริต”

มาตรา 702 “อันว่าจํานองนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าผู้จํานอง เอาทรัพย์สินตราไว้ แก่บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่าผู้รับจํานอง เป็นประกันการชําระหนี้ โดยไม่ส่งมอบทรัพย์สินนั้นให้แก่ผู้รับจํานอง

ผู้รับจํานองชอบที่จะได้รับชําระหนี้จากทรัพย์สินที่จํานองก่อนเจ้าหนี้สามัญ มิพักต้องพิเคราะห์ ว่ากรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินจะได้โอนไปยังบุคคลภายนอกแล้วหรือหาไม่”

มาตรา 705 “การจํานองทรัพย์สินนั้น นอกจากผู้เป็นเจ้าของในขณะนั้นแล้ว ท่านว่าใครอื่น จะจํานองหาได้ไม่”

วินิจฉัย

โดยหลักแล้วในการเอาทรัพย์สินไปจํานองเพื่อเป็นประกันการชําระหนี้นั้น บุคคลที่จะเอาทรัพย์สินจํานองได้จะต้องเป็นเจ้าของทรัพย์สินเท่านั้น บุคคลอื่นซึ่งมิใช่เจ้าของไม่มีสิทธิที่จะจํานอง (มาตรา 702 ประกอบมาตรา 705)

ตามอุทาหรณ์ เมื่อที่ดินเป็นของนางลิง นายกิ่งย่อมไม่สามารถที่จะเอาที่ดินแปลงนั้นไปจํานอง เพื่อประกันหนี้กับนายจิง (ตามมาตรา 705) แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า นางลิงได้เซ็นชื่อไว้ในใบมอบอํานาจลอย ๆ ย่อมถือว่าเป็นการกระทําโดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของนางลิง เมื่อนายกิ่งได้เอาโฉนดที่ดินของนางลิง พร้อมด้วยใบมอบอํานาจดังกล่าวของนางลิงไปจํานองเพื่อประกันหนี้ที่นายกิ่งกู้ยืมเงินจากนายจิง ซึ่งในทางปฏิบัติ ย่อมทําให้นายจิงมีเหตุอันสมควรเชื่อได้ว่านายกิ่งได้รับมอบอํานาจจากนางลิงจริง ดังนี้ถ้านายจิงบุคคลภายนอกสุจริต สัญญาจํานองย่อมมีผลสมบูรณ์ตามหลักการของการจํานองทั่ว ๆ ไป โดยให้ถือเสมือนว่านางลิงได้เชิดให้นายกิ่ง เป็นตัวแทนของตน

แต่อย่างไรก็ดี ในกรณีนี้นั้น ตามอุทาหรณ์จะเห็นได้ว่า นายจิงผู้รับจํานองได้ทราบดีว่าที่ดินที่ ติดแม่น้ำที่นายกิ่งเอามาจํานองนั้นเป็นที่ดินของใคร เมื่อนายจึงได้รับจํานองไว้ย่อมถือได้ว่าเป็นการใช้สิทธิโดย ไม่สุจริต ทั้งนี้เพราะได้รับจํานองไว้ทั้ง ๆ ที่รู้ว่านายกิ่งไม่ใช่เจ้าของที่ดินดังกล่าว ดังนั้น กรณีนี้ถือว่าการ จํานองระหว่างนายกิ่งกับนายจิงมีผลเป็นโมฆะ เพราะเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต (ตามมาตรา 5) นางลิงยกเป็น ข้อต่อสู้ได้

สรุป

การจํานองมีผลเป็นโมฆะ นางลิงยกเป็นข้อต่อสู้ได้

 

ข้อ 3. แดงเป็นหนี้ดํา 100,000 บาท แดงจํานํานาฬิกาของตน 1 เรือนเป็นประกัน ครั้นหนี้ถึงกําหนดชําระแดงไม่ชําระ ดําปล่อยปละละเลยจนหนี้รายนี้ขาดอายุความ ดําจึงมาเรียกให้แดงชําระหนี้ แดงยก อายุความขึ้นต่อสู้ ดังนี้ ให้ท่านวินิจฉัยว่า

(ก) ดําสามารถบังคับชําระหนี้จากนาฬิกาโดยการบังคับจํานําได้หรือไม่ เพราะเหตุใด

(ข) ดําจะได้รับชําระหนี้เป็นจํานวนเท่าไร หากในขณะนั้นนาฬิการาคา 80,000 บาท

ธงคําตอบ

หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 193/9 “สิทธิเรียกร้องใด ๆ ถ้ามิได้ใช้บังคับภายในระยะเวลาที่กฎหมายกําหนด สิทธิ เรียกร้องนั้นเป็นอันขาดอายุความ”

มาตรา 193/10 “สิทธิเรียกร้องที่ขาดอายุความ ลูกหนี้มีสิทธิที่จะปฏิเสธการชําระหนี้ตาม สิทธิเรียกร้องนั้นได้”

มาตรา 193/27 “ผู้รับจํานอง ผู้รับจํานํา ผู้ทรงสิทธิยึดหน่วง หรือผู้ทรงบุริมสิทธิเหนือทรัพย์สิน ของลูกหนี้อันตนได้ยึดถือไว้ ยังคงมีสิทธิบังคับชําระหนี้จากทรัพย์สินที่จํานอง จํานํา หรือที่ได้ยึดถือไว้ แม้ว่าสิทธิ เรียกร้องส่วนที่เป็นประธานจะขาดอายุความแล้วก็ตาม แต่จะใช้สิทธินั้นบังคับให้ชําระดอกเบี้ยที่ค้างย้อนหลัง เกินห้าปีขึ้นไปไม่ได้”

มาตรา 767 “เมื่อบังคับจํานําได้เงินจํานวนสุทธิเท่าใด ท่านว่าผู้รับจํานําต้องจัดสรรชําระหนี้ และอุปกรณ์เพื่อให้เสร็จสิ้นไป และถ้ายังมีเงินเหลือก็ต้องส่งคืนให้แก่ผู้จํานํา หรือแก่บุคคลผู้ควรจะได้เงินนั้น

ถ้าได้เงินน้อยกว่าจํานวนค้างชําระ ท่านว่าลูกหนี้ก็ยังคงต้องรับใช้ในส่วนที่ขาดอยู่นั้น”

มาตรา 769 “อันจํานําย่อมระงับสิ้นไป

(1) เมื่อหนี้ซึ่งจํานําเป็นประกันอยู่นั้นระงับสิ้นไปเพราะเหตุประการอื่นมิใช่เพราะอายุความ

วินิจฉัย

ตามอุทาหรณ์ การที่แดงเป็นหนี้ดํา 100,000 บาท โดยแดงได้จํานํานาฬิกาของตน 1 เรือน เป็นประกัน ครั้นหนี้ถึงกําหนดชําระ แดงไม่ชําระ และดําปล่อยปละละเลยจนหนี้รายนี้ขาดอายุความนั้น เมื่อดํา มาเรียกให้แดงชําระหนี้ แดงลูกหนี้ย่อมมีสิทธิยกอายุความขึ้นต่อสู้เพื่อปฏิเสธการชําระหนี้นั้นได้ตามมาตรา 193/9 ประกอบมาตรา 193/10

แต่อย่างไรก็ตาม แม้หนี้ซึ่งจํานําเป็นประกันอยู่นั้นจะขาดอายุความแล้วก็ตาม ก็ไม่ทําให้การจํานําระงับสิ้นไปตามมาตรา 769 (1) ดังนั้นดําผู้รับจํานําจึงยังคงมีสิทธิบังคับชําระหนี้จากทรัพย์สินที่จํานําคือ นาฬิกาที่แดงได้จํานําไว้ได้ แม้ว่าสิทธิเรียกร้องส่วนที่เป็นหนี้ประธานจะขาดอายุความแล้วก็ตาม (ตามมาตรา 193/27) แต่ดําจะได้รับชําระหนี้เพียง 80,000 บาท ตามราคาของนาฬิกาเท่านั้น ส่วนที่เหลืออีก 20,000 บาท แม้มาตรา 767 วรรคสอง จะกําหนดให้ลูกหนี้ยังคงต้องรับผิดชดใช้ให้แก่เจ้าหนี้ก็ตาม แต่กรณีนี้ถือว่าสิทธิเรียกร้องในจํานวนเงิน 20,000 บาทนั้น ขาดอายุความแล้ว และแดงลูกหนี้ได้ยกอายุความขึ้นต่อสู้เพื่อปฏิเสธไม่ชําระหนี้แล้วด้วย

สรุป

(ก) ดําสามารถบังคับชําระหนี้จากนาฬิกาโดยการบังคับจํานําได้

(ข) ดําจะได้รับชําระหนี้เป็นเงินเพียง 80,000 บาท ตามราคาทรัพย์สินที่นํามาประกันไว้ เท่านั้น

 

LAW2010 กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยค้ำประกัน S/2557

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2557

ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 2010กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยค้ำประกัน ฯลฯ

คําแนะนํา ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 3 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)

ข้อ 1 เด็กหญิงแสนอายุ 15 ปี กู้เงินนายพัน 30,000 บาท เพื่อไปซื้อคอมพิวเตอร์ และไม่มีการทําหลักฐานการกู้ยืม นายพันกลัวว่าจะเรียกเงินคืนจากเด็กหญิงแสนไม่ได้ จึงให้นายหมื่นพี่ชายอายุ 22 ปีของ เด็กหญิงแสนที่มาด้วยทําสัญญาพร้อมทั้งลงลายมือชื่อเป็นผู้ค้ำประกันในหนี้เงินกู้ดังกล่าว แต่ไม่มี การลงลายมือชื่อเด็กหญิงแสนกับนายพันในสัญญาค้ำประกัน ต่อมาหนี้ถึงกําหนดชําระนายพันเรียก ให้เด็กหญิงแสนและนายหมื่นชําระหนี้ นางสร้อยมารดาของเด็กหญิงแสนทราบเรื่องจึงบอกล้าง นิติกรรมการกู้ยืมดังกล่าว นายหมื่นจึงปฏิเสธไม่ชําระหนี้อ้างว่าสัญญากู้และสัญญาค้ำประกันไม่สมบูรณ์ ดังนี้ข้ออ้างของนายหมื่นฟังขึ้นหรือไม่ เพราะเหตุใด

ธงคําตอบ

หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 680 “อันว่าค้ำประกันนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลภายนอกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้ค้ำประกัน ผูกพันตนต่อเจ้าหนี้คนหนึ่งเพื่อชําระหนี้ในเมื่อลูกหนี้ไม่ชําระหนี้นั้น

อนึ่งสัญญาค้ำประกันนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ค้ำประกัน เป็นสําคัญ ท่านว่าจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่”

มาตรา 681 “อันค้ำประกันนั้นจะมีได้แต่เฉพาะเพื่อหนี้อันสมบูรณ์ หนี้ในอนาคตหรือหนี้มีเงื่อนไข จะประกันไว้เพื่อเหตุการณ์ซึ่งหนี้นั้นอาจเป็นผลได้จริงก็ประกันได้

หนี้อันเกิดแต่สัญญาซึ่งไม่ผูกพันลูกหนี้เพราะทําด้วยความสําคัญผิด หรือเพราะเป็น ผู้ไร้ความสามารถนั้น ก็อาจจะมีประกันอย่างสมบูรณ์ได้ ถ้าหากว่าผู้ค้ำประกันรู้เหตุสําคัญผิดหรือไร้ความสามารถนั้น ในขณะที่เข้าทําสัญญาผูกพันตน”

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์ การที่เด็กหญิงแสนซึ่งเป็นผู้เยาว์ได้กู้เงินนายพัน 30,000 บาท แม้การ กู้ยืมนั้นจะไม่มีการทําหลักฐานการกู้ยืมกันก็ตาม แต่ก็ยังถือว่ามีหนี้ที่คู่สัญญายังคงต้องผูกพันกัน เพียงแต่การกู้ยืม ดังกล่าวเป็นนิติกรรมที่เป็นโมฆียะ เมื่อนางสร้อยมารดาของเด็กหญิงแสนทราบเรื่องและได้บอกล้างนิติกรรมการกู้ยืม ดังกล่าว นิติกรรมการกู้ยืมเงินระหว่างเด็กหญิงแสนกับนายพันจึงตกเป็นโมฆะ และทําให้หนี้กู้ยืมนั้นกลายเป็นหนี้ อันเกิดแต่สัญญาซึ่งไม่ผูกพันลูกหนี้เพราะเป็นผู้ไร้ความสามารถ

แต่อย่างไรก็ตาม หนี้อันเกิดแต่สัญญาซึ่งไม่ผูกพันลูกหนี้เพราะเป็นผู้ไร้ความสามารถนั้น ก็อาจจะ มีประกันอย่างสมบูรณ์ได้ ถ้าหากว่าผู้ค้ำประกันรู้เหตุไร้ความสามารถนั้นในขณะที่เข้าทําสัญญาผูกพันตน และ ตามข้อเท็จจริง เมื่อปรากฏว่านายหมื่นผู้ค้ำประกันได้รู้ว่าเด็กหญิงแสนเป็นผู้เยาว์ในขณะที่เข้าทําสัญญาค้ำประกัน ตามมาตรา 681 วรรคสาม และนายหมื่นได้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ค้ำประกันในหนี้เงินกู้ดังกล่าวด้วย จึงถือว่าสัญญา ค้ำประกันดังกล่าวมีผลสมบูรณ์และมีหลักฐานเป็นหนังสือที่นายพันสามารถฟ้องร้องบังคับคดีให้นายหมื่นรับผิด ในฐานะผู้ค้ำประกันได้ตามมาตรา 680 วรรคสอง ดังนั้น การที่นายหมื่นปฏิเสธไม่ชําระหนี้โดยอ้างว่าสัญญากู้ และสัญญาค้ำประกันไม่สมบูรณ์นั้นข้ออ้างของนายหมื่นจึงฟังไม่ขึ้น

สรุป

ข้ออ้างของนายหมื่นฟังไม่ขึ้น

 

ข้อ 2. นายปลาทองกู้เงินนายปลาทู 500,000 บาท ตกลงชําระคืนในวันที่ 2 ตุลาคม 2558 และนําที่ดิน 1 ไร่มูลค่า 400,000 บาท มาจดทะเบียนจํานองเป็นประกันในวันที่ 1 ตุลาคม 2557 ต่อมาวันที่ 15 มีนาคม 2558 นายปลาทองปลูกบ้านเพื่ออยู่อาศัยบนที่ดินดังกล่าวทําให้มูลค่าของที่ดินและบ้าน เพิ่มเป็น 500,000 บาท ปรากฏว่าเกิดฝนตกและฟ้าผ่าในวันที่ 16 พฤษภาคม 2558 ทําให้บ้าน บนที่ดินของนายปลาทองเสียหายบางส่วนมูลค่าบ้านและที่ดินจึงลดลงเหลือ 450,000 บาท ดังนี้ นายปลาทูจะบังคับจํานองได้ทันทีหรือไม่ และจะบังคับจํานองกับสิ่งใดได้บ้าง เพราะเหตุใด

ธงคําตอบ

หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 716 “จํานองย่อมครอบไปถึงบรรดาทรัพย์สินซึ่งจํานองหมดทุกสิ่ง แม้จะได้ชําระหนี้ แล้วบางส่วน”

มาตรา 719 วรรคแรก “จํานองที่ดินไม่ครอบไปถึงเรือนโรงอันผู้จํานองปลูกสร้างลงในที่ดิน ภายหลังวันจํานอง เว้นแต่จะมีข้อความกล่าวไว้โดยเฉพาะในสัญญาว่าให้ครอบไปถึง”

มาตรา 723 “ถ้าทรัพย์สินซึ่งจํานองบุบสลาย หรือถ้าทรัพย์สินซึ่งจํานองแต่สิ่งใดสิ่งหนึ่งสูญหาย หรือบุบสลาย เป็นเหตุให้ไม่เพียงพอแก่การประกันไซร้ ท่านว่าผู้รับจํานองจะบังคับจํานองเสียในทันทีก็ได้ เว้นแต่ เมื่อเหตุนั้นมิได้เป็นเพราะความผิดของผู้จํานอง และผู้จํานองก็เสนอจะจํานองทรัพย์สินอื่นแทนให้มีราคาเพียงพอ หรือเสนอจะรับซ่อมแซมแก้ไขความบุบสลายนั้นภายในเวลาอันสมควรแก่เหตุ”

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์ การที่นายปลาทองนําที่ดิน 1 ไร่ มาจดทะเบียนจํานองนั้นตามมาตรา 716 ให้ถือว่าจํานองครอบไปถึงบรรดาทรัพย์สินซึ่งจํานองหมดทุกสิ่ง แต่อย่างไรก็ตามจะไม่ครอบไปถึงบ้านที่นายปลาทอง ปลูกสร้างเพื่ออยู่อาศัย เพราะเป็นบ้านที่ปลูกสร้างภายหลังวันจํานอง เว้นแต่จะมีข้อความกล่าวไว้โดยเฉพาะ ในสัญญาว่าให้ครอบไปถึง (มาตรา 719 วรรคแรก) ดังนั้น ถ้านายปลาทูจะบังคับจํานอง ย่อมบังคับจํานองได้เฉพาะ ที่ดินเท่านั้น

ส่วนกรณีที่เกิดฝนตกและฟ้าผ่าทําให้บ้านบนที่ดินที่นายปลาทองได้ปลูกสร้างขึ้นนั้นเสียหายบางส่วน ทําให้มูลค่าของบ้านและที่ดินลดลงนั้น เมื่อกรณีดังกล่าวบ้านเป็นทรัพย์สินที่จํานองไม่ครอบไปถึง ดังนั้น แม้บ้านจะบุบสลายไปทําให้ราคาลดลง ก็ไม่กระทบถึงที่ดินที่จํานองซึ่งไม่ได้บุบสลายไปด้วยแต่อย่างใด นายปลาทูจึงจะบังคับจํานองทันทีไม่ได้ (มาตรา 723)

สรุป

นายปลาทูจะบังคับจํานองทันทีไม่ได้

 

ข้อ 3. นายเพื่อนกู้เงินนายแพง 100,000 บาท มีนางพิณนํานาฬิกามูลค่า 80,000 บาท มามอบให้นายแพงเก็บไว้เพื่อประกันหนี้ของนายเพื่อนแต่ไม่มีการทําสัญญาจํานําเป็นลายลักษณ์อักษร ต่อมาหนี้ถึง กําหนดชําระนายเพื่อนไม่ชําระ และนายแพงต้องการขายนาฬิกาเพื่อนํามาชําระหนี้ แต่นางพิณไม่ยอม อ้างว่าไม่มีสัญญาจํานํา ดังนี้ข้ออ้างของนางพิณฟังขึ้นหรือไม่ เพราะเหตุใด และถ้านายแพงต้องการ บังคับจํานํา จะต้องปฏิบัติอย่างไร

ธงคําตอบ

หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 747 “อันว่าจํานํานั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่าผู้จํานํา ส่งมอบสังหาริมทรัพย์ สิ่งหนึ่งให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้รับจํานํา เพื่อเป็นประกันการชําระหนี้”

มาตรา 764 “เมื่อจะบังคับจํานํา ผู้รับจํานําต้องบอกกล่าวเป็นหนังสือไปยังลูกหนี้ก่อนว่า ให้ชําระหนี้และอุปกรณ์ภายในเวลาอันควรซึ่งกําหนดให้ในคําบอกกล่าวนั้น

ถ้าลูกหนี้ละเลยไม่ปฏิบัติตามคําบอกกล่าว ผู้รับจํานําขอบที่จะเอาทรัพย์สินซึ่งจํานําออกขายได้ แต่ต้องขายทอดตลาด

อนึ่งผู้รับจํานําต้องมีจดหมายบอกกล่าวไปยังผู้จํานําบอกเวลาและสถานที่ซึ่งจะขายทอดตลาดด้วย”

วินิจฉัย

ตามกฎหมายสัญญาจํานํานั้น เป็นสัญญาระหว่างผู้จํานําตกลงกับเจ้าหนี้ โดยส่งมอบ สังหาริมทรัพย์เพื่อประกันการชําระหนี้ไว้กับเจ้าหนี้ ซึ่งผู้จํานําจะเป็นตัวลูกหนี้หรือบุคคลภายนอกก็ได้ แต่บุคคล ผู้เข้าทําสัญญาจํานําต้องเป็นเจ้าของทรัพย์สินนั้น และสัญญาจํานํานั้นกฎหมายมิได้บังคับว่าจะต้องทําเป็นหนังสือ ดังนั้นสัญญาจํานําเพียงแต่ส่งมอบสังหาริมทรัพย์ที่จํานําก็เป็นสัญญาที่สมบูรณ์แล้ว (มาตรา 747)

กรณีตามอุทาหรณ์ การที่นางพิณนํานาฬิกามูลค่า 80,000 บาท มามอบให้นายแพงเก็บไว้เพื่อ ประกันหนี้ของนายเพื่อนที่กู้เงินจากนายแพงนั้น แม้นางพิณจะมิใช่ลูกหนี้ แต่เมื่อได้มีการส่งมอบสังหาริมทรัพย์เพื่อเป็น ประกันการชําระหนี้แล้วย่อมเป็นสัญญาจํานํา และมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย แม้การจํานําจะไม่มีการทําสัญญาจํานํา เป็นลายลักษณ์อักษรก็ตาม (มาตรา 747) ดังนั้น การที่นางพิณอ้างว่าไม่มีสัญญาจํานํา ข้ออ้างของนางพิณจึงฟังไม่ขึ้น

และเมื่อหนี้ถึงกําหนดชําระนายเพื่อนลูกหนี้ไม่ชําระ การที่นายแพงต้องการบังคับจํานําคือ ต้องการขายนาฬิกาเพื่อนําเงินมาชําระหนี้นั้น นายแพงผู้รับจํานําย่อมมีสิทธิบังคับจํานําได้แต่จะต้องปฏิบัติตาม มาตรา 764 กล่าวคือ นายแพงจะต้องบอกกล่าวเป็นหนังสือไปยังลูกหนี้ก่อนว่าให้ชําระหนี้ ถ้าลูกหนี้ละเลยไม่ชําระหนี้ ตามคําบอกกล่าว นายแพงสามารถนําทรัพย์สินคือนาฬิกานั้นออกขายทอดตลาดได้ตามมาตรา 764 แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะมีการขายทอดตลาด นายแพงผู้รับจํานําจะต้องมีจดหมายบอกกล่าวไปยังนางพิณผู้จํานําด้วยว่าจะขาย ทอดตลาดเมื่อใดและสถานที่ใด ทั้งนี้เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้จํานําเข้าสู้ราคาหรือไถ่ถอนการจํานํา

สรุป

ข้ออ้างของนางพิณที่ว่าไม่มีสัญญาจํานําฟังไม่ขึ้น และถ้านายแพงต้องการบังคับจํานํา ก็จะต้องปฏิบัติตามมาตรา 764 ดังกล่าวข้างต้น

LAW2010 กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยค้ำ 2/2557

การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2557

ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 2010 กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยค้ำประกัน ฯลฯ

คําแนะนํา ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 3 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)

ข้อ 1. นายพุธตกลงทําสัญญาจะซื้อโรงงานทํากระดาษจากนายจันทร์ 10 ล้านบาท ตกลงโอนสามเดือนหลังจากวันทําสัญญา มีนายศุกร์ลงลายมือชื่อฝ่ายเดียวในสัญญาค้ำประกัน และมีนายอังคารนํา โฉนดที่ดินแปลงหนึ่งราคา 3 ล้านบาท มาจํานองเป็นประกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกรณีที่นายพุธ ไม่ปฏิบัติตามสัญญา ต่อมาเมื่อถึงกําหนดนัดโอนนายพุธไม่ปฏิบัติตามสัญญา นายจันทร์จึงฟ้องเรียก ค่าเสียหายจากนายพุธและนายศุกร์ แต่นายศุกร์อ้างว่าตนไม่ต้องรับผิดเพราะสัญญาค้ําประกัน ใช้บังคับไม่ได้ และนายจันทร์ต้องบังคับเอาจากที่ดินที่จํานองเป็นประกันก่อน ดังนี้ ข้ออ้างของนายศุกร์ฟังขึ้นหรือไม่ เพราะเหตุใด

ธงคําตอบ

หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 680 “อันว่าค้ําประกันนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลภายนอกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้ค้ำประกัน ผูกพันตนต่อเจ้าหนี้คนหนึ่งเพื่อชําระหนี้ในเมื่อลูกหนี้ไม่ชําระหนี้นั้น

อนึ่งสัญญาค้ำประกันนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ค้ำประกัน เป็นสําคัญ ท่านว่าจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่”

มาตรา 690 “ถ้าเจ้าหนี้มีทรัพย์ของลูกหนี้ยึดถือไว้เป็นประกันไซร้ เมื่อผู้ค้ำประกันร้องขอ ท่านว่าเจ้าหนี้จะต้องให้ชําระหนี้เอาจากทรัพย์ซึ่งเป็นประกันนั้นก่อน”

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์ การที่นายศุกร์ทําสัญญาค้ำประกันการชําระหนี้ระหว่างนายพุธกับนายจันทร์ โดยนายศุกร์ได้ลงลายมือชื่อเพียงฝ่ายเดียวในสัญญานั้น ย่อมถือได้ว่าสัญญาค้ำประกันมีหลักฐานเป็นหนังสือ ลงลายมือชื่อผู้ค้ำประกันแล้ว สัญญาค้ำประกันย่อมมีผลสมบูรณ์ใช้บังคับคดีกันได้ตามมาตรา 680 วรรคสอง ข้ออ้างของนายศุกร์ที่ว่าตนไม่ต้องรับผิดเพราะสัญญาค้ำประกันใช้บังคับไม่ได้จึงฟังไม่ขึ้น

และการที่นายศุกร์อ้างว่านายจันทร์ต้องบังคับเอาจากที่ดินที่จํานองเป็นประกันก่อนนั้น ก็ฟัง ไม่ขึ้นเช่นกัน เพราะการที่ผู้ค้ำประกันจะใช้สิทธิตามมาตรา 690 ได้นั้น จะต้องปรากฏว่า นายจันทร์เจ้าหนี้ มีทรัพย์ของนายพุธลูกหนี้ยึดถือไว้เป็นประกัน เมื่อนายศุกร์ผู้ค้ำประกันร้องขอ นายจันทร์จึงจะบังคับชําระหนี้ เอาจากทรัพย์ที่ประกันก่อน แต่เมื่อปรากฏว่าทรัพย์ที่จํานองเป็นที่ดินของนายอังคารซึ่งมิใช่ลูกหนี้ จึงไม่อยู่ในบังคับ ตามมาตรา 690 อันจะทําให้นายศุกร์มีสิทธิที่จะอ้างกับนายจันทร์ดังกล่าว

สรุป

ข้ออ้างของนายศุกร์ทั้งสองประการฟังไม่ขึ้น

 

ข้อ 2. นายแสนแสบขายที่ดิน น.ส.3 ให้นางแสนดีโดยมิได้ทําเป็นหนังสือและจดทะเบียนโอนสิทธิกันตามกฎหมาย นางแสนดีเข้าทําประโยชน์ในที่ดินนั้นตั้งแต่วันที่ซื้อที่ดิน ต่อมานายแสนแสบทํา สัญญากู้เงินธนาคารแสนแพง 500,000 บาท และนําที่ดิน น.ส.3 ที่นายแสนแสบขายให้นางแสนดี ไปจดทะเบียนจํานองไว้กับธนาคารแสนแพง ต่อมาหนี้ถึงกําหนดชําระนายแสนแสบไม่ปฏิบัติตามสัญญา ดังนี้ ธนาคารแสนแพงจะบังคับจํานองจากที่ดินดังกล่าวได้หรือไม่ เพราะเหตุใด

ธงคําตอบ

หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 705 “การจํานองทรัพย์สินนั้น นอกจากผู้เป็นเจ้าของในขณะนั้นแล้ว ท่านว่าใครอื่น จะจํานองหาได้ไม่”

มาตรา 1377 วรรคแรก “ถ้าผู้ครอบครองสละเจตนาครอบครอง หรือไม่ยึดถือทรัพย์สิน ต่อไปไซร้การครอบครองย่อมสิ้นสุดลง”

มาตรา 1378 “การโอนไปซึ่งการครอบครองนั้น ย่อมทําได้โดยส่งมอบทรัพย์สินที่ครอบครอง”

วินิจฉัย

ในเรื่องการจํานองนั้นมาตรา 705 ได้กําหนดไว้ว่า การที่ผู้จํานองจะนําทรัพย์สินไปจดทะเบียน จํานองเพื่อเป็นหลักประกันการชําระหนี้นั้น บุคคลที่จะสามารถนําทรัพย์สินไปจดทะเบียนจํานองได้ จะต้องเป็น เจ้าของทรัพย์สินในขณะที่จํานองนั้นด้วย บุคคลใดถ้าไม่ใช่เจ้าของทรัพย์สินในขณะที่จํานองจะจํานองทรัพย์สินนั้น หาได้ไม่

กรณีตามอุทาหรณ์ การที่นายแสนแสบขายที่ดิน น.ส.3 ให้นางแสนดี แม้จะมิได้ทําเป็นหนังสือ และจดทะเบียนโอนสิทธิกันตามกฎหมาย แต่ก็ย่อมถือว่านายแสนแสบได้สละเจตนาครอบครองในที่ดินแปลงนี้แล้ว ตามมาตรา 1377 วรรคแรก และเมื่อนางแสนดีได้เข้าทําประโยชน์ในที่ดินนั้นแล้ว นางแสนดีจึงได้สิทธิครอบครอง ในที่ดินแปลงนี้ตามมาตรา 1378 ดังนั้น นายแสนแสบจึงหาใช่เจ้าของที่ดินแปลงดังกล่าวอีกต่อไปไม่

เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่า นายแสนแสบได้นําที่ดิน น.ส.3 ไปจดจํานองไว้กับธนาคารแสนแพง จึงถือเป็นกรณีการจํานองโดยผู้ที่ไม่ใช่เจ้าของทรัพย์สิน ต้องห้ามตามมาตรา 705 ดังนั้น เมื่อหนี้ถึงกําหนด ชําระและนายแสนแสบไม่ปฏิบัติตามสัญญา ธนาคารแสนแพงจึงไม่อาจบังคับจํานองจากที่ดินดังกล่าวได้

สรุป

ธนาคารแสนแพงจะบังคับจํานองจากที่ดินดังกล่าวไม่ได้

 

ข้อ 3. ก. ได้รับจํานํารถยนต์ไว้ ต่อมา ก. ผู้รับจํานําเอารถไปขับเองหรือให้เพื่อนนําไปขับ โดย ข. ผู้จํานํามิได้ยินยอมด้วย ปรากฏว่ารถควำเสียหายเป็นเพราะฝนตกถนนลื่น และมีเด็กวิ่งตัดหน้ากระชั้นชิด รถเกิดพลิกคว่ำเพราะเหตุสุดวิสัย ก. จะอ้างว่าเป็นเพราะเหตุสุดวิสัย ก. จึงไม่ต้องรับผิดในความ เสียหายนั้นได้หรือไม่ เพราะเหตุใด กรณีหนึ่ง

อีกกรณีหนึ่ง ก. เป็นเจ้าของร้านอาหารได้รับจํานําตู้เย็นไว้จาก ข. ต่อมา ก. ได้นําตู้เย็นไปให้ร้าน ข้างเคียงเช่า โดย ข. ผู้จํานํามิได้ยินยอมด้วย ต่อมาเกิดไฟไหม้มาจากที่อื่นและได้ไหม้ตึกแถวนั้น ไปทั้งแถบ รวมถึงร้านของ ก. ด้วย ดังนี้ ถ้า ก. นําสืบได้ว่าเป็นเพราะเหตุสุดวิสัยจริง ๆ ก. จะต้อง รับผิดในความเสียหายของตู้เย็นที่ถูกไฟไหม้ไปแล้วได้หรือไม่ เพราะเหตุใด

ธงคําตอบ

หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 760 “ถ้าผู้รับจํานําเอาทรัพย์สินซึ่งจํานําออกใช้เอง หรือเอาไปให้บุคคลภายนอกใช้สอย หรือเก็บรักษาโดยผู้จํานมิได้ยินยอมด้วยไซร้ ท่านว่าผู้รับจํานําจะต้องรับผิดเพื่อที่ทรัพย์สินจํานํานั้นสูญหาย หรือ บุบสลายไปอย่างใด ๆ แม้ทั้งเป็นเพราะเหตุสุดวิสัย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าถึงอย่างไร ๆ ก็คงจะต้องสูญหาย หรือ บุบสลายอยู่นั้นเอง”

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์ วินิจฉัยได้ดังนี้

กรณีแรก การที่ ก. ผู้รับจํานําเอารถที่รับจํานําไปขับเองหรือให้เพื่อนนําไปขับ โดย ข. ผู้จํานํา มิได้ยินยอมด้วยนั้น เมื่อปรากฏว่ารถคว่ำเสียหาย ก. ก็ต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นตามมาตรา 760 ตอนแรก แม้ว่าความเสียหายดังกล่าวจะเกิดขึ้นเพราะเหตุสุดวิสัย เนื่องจากฝนตกถนนลื่น และมีเด็กวิ่งตัดหน้า กระชั้นชิดจนรถพลิกคว่ำก็ตาม

ส่วนกรณีที่สอง การที่ ก. ได้รับจํานําตู้เย็นไว้จาก ข. และ ก. ได้นําตู้เย็นไปให้ร้านข้างเคียงเช่า โดยที่ ข. ผู้รับจํานํามิได้ยินยอมด้วยนั้น เมื่อปรากฏว่าต่อมาได้เกิดไฟไหม้มาจากที่อื่นและได้ไหม้ตึกแถวนั้นไปทั้งแถบ รวมถึงร้านค้าของ ก. ด้วย จึงถือเป็นกรณีที่ความเสียหายได้เกิดขึ้นแก่ทรัพย์ที่รับจํานําด้วยเหตุสุดวิสัย ซึ่งโดย หลักแล้ว ก. จะต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ทรัพย์ที่รับจํานําตามมาตรา 760 วรรคแรก แต่อย่างไรก็ตาม หาก ก. พิสูจน์หรือนําสืบได้ว่าถึงอย่างไรแม้จะเก็บตู้เย็นไว้ที่บ้าน ก. ตู้เย็นก็ไหม้เสียหายอยู่ดี ถ้านําสืบได้เช่นนี้ ก. ย่อมอ้างเหตุสุดวิสัยเพื่อไม่ต้องรับผิดในความเสียหายนั้นได้ตามมาตรา 760 ตอนท้าย

สรุป

กรณีแรก ก. จะอ้างว่าเป็นเพราะเหตุสุดวิสัย ก. จึงไม่ต้องรับผิดในความเสียหายที่ เกิดขึ้นนั้นไม่ได้

กรณีที่สอง ถ้า ก. พิสูจน์หรือนําสืบได้ว่า การที่ทรัพย์สินที่รับจํานําเกิดความเสียหาย เป็นเพราะเหตุสุดวิสัยและถึงอย่างไร ๆ ก็คงจะเสียหายอยู่ดี ก. ก็ไม่ต้องรับผิดในความเสียหายนั้น

LAW2010 กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยค้ำประกัน 1/2557

การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2557

ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 2010 กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยค้ำประกัน ฯลฯ

คําแนะนํา ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 3 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)

ข้อ 1. นายใสกู้เงินนายสว่าง 50,000 บาท มีหลักฐานการกู้ถูกต้อง แต่นายสว่างต้องการให้นายใสหาประกันมามอบให้ นายใสได้ขอให้นายมืดมาเป็นผู้ค้ำประกันโดยนายมืดได้ตกลงกับนายใสว่าหากนายใส ชําระหนี้ไม่ได้ตนจะเป็นผู้ชําระหนี้แทนและได้ทําหลักฐานแต่ลงลายมือชื่อเฉพาะนายมืดเท่านั้น ดังนี้

อยากทราบว่า นายมืดเป็นผู้ค้ำประกันตามกฎหมายหรือไม่ จงยกหลักกฎหมายประกอบให้ชัดเจน

ธงคําตอบ

หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 680 “อันว่าค้ำประกันนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลภายนอกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้ค้ำประกัน ผูกพันตนต่อเจ้าหนี้คนหนึ่งเพื่อชําระหนี้ในเมื่อลูกหนี้ไม่ชําระหนี้นั้น

อนึ่งสัญญาค้ำประกันนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ค้ำประกัน เป็นสําคัญ ท่านว่าจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่”

มาตรา 681 วรรคแรก “อันค้ําประกันนั้นจะมีได้แต่เฉพาะเพื่อหนี้อันสมบูรณ์”

วินิจฉัย

ตามมาตรา 680 วรรคแรก การค้ำประกันนั้นจะต้องเป็นกรณีที่บุคคลภายนอกมาทําสัญญา กับเจ้าหนี้ว่า หากลูกหนี้ไม่ชําระหนี้ ผู้ค้ำประกันจะชําระหนี้นั้นแทนลูกหนี้

กรณีตามอุทาหรณ์ แม้หนี้เงินกู้ยืมระหว่างนายใสกับนายสว่างจะเป็นหนี้ที่สมบูรณ์และสามารถ ทําสัญญาค้ำประกันได้ตามมาตรา 681 วรรคแรก แต่การที่นายมืดได้ตกลงกับนายใสว่าหากนายใสชําระหนี้ไม่ได้ ตนจะเป็นผู้ชําระหนี้แทนนั้น ถือเป็นการตกลงกันระหว่างนายมืดบุคคลภายนอกกับนายใสซึ่งเป็นลูกหนี้ กรณี จึงไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์ตามมาตรา 680 วรรคแรก ดังนั้น นายมืดจึงไม่ถือว่าเป็นผู้ค้ำประกันตามกฎหมาย

สรุป

นายมืดไม่เป็นผู้ค้ำประกันตามกฎหมาย

 

ข้อ 2. นายอินขอยืมเงินนางอ้นเป็นเงิน 100,000 บาท โดยได้ทําหลักฐานการยืมเงินเป็นหนังสือ แต่ได้ทําหลักฐานหายไปเพราะปลวกกิน และต่อมาได้มีนางอ้วนนําที่ดินของตนมาจํานองประกันการชําระหนี้ รายนี้ตามกฎหมาย โดยสัญญาจํานองได้ระบุว่า เมื่อจํานองที่ดินแล้วหากถึงกําหนดการชําระหนี้ แล้วลูกหนี้ไม่มีเงินจ่ายให้ลูกหนี้ยกที่ดินให้เจ้าหนี้ ดังนี้ข้อตกลงดังกล่าวมีผลหรือไม่ เพียงใด

ธงคําตอบ

หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 681 วรรคแรก “อันค้ำประกันนั้นจะมีได้แต่เฉพาะเพื่อหนี้อันสมบูรณ์”

มาตรา 702 “อันว่าจํานองนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าผู้จํานอง เอาทรัพย์สินตราไว้ แก่บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่าผู้รับจํานอง เป็นประกันการชําระหนี้ โดยไม่ส่งมอบทรัพย์สินนั้นให้แก่ผู้รับจํานอง

ผู้รับจํานองชอบที่จะได้รับชําระหนี้จากทรัพย์สินที่จํานองก่อนเจ้าหนี้สามัญ มิพักต้องพิเคราะห์ ว่ากรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินจะได้โอนไปยังบุคคลภายนอกแล้วหรือหาไม่”

มาตรา 707 “บทบัญญัติมาตรา 681 ว่าด้วยค้ำประกันนั้น ท่านให้ใช้ได้ในการจํานอง อนุโลม ตามควร”

มาตรา 711 “การที่จะตกลงกันไว้เสียแต่ก่อนเวลาหนี้ถึงกําหนดชําระเป็นข้อความอย่างใด อย่างหนึ่งว่า ถ้าไม่ชําระหนี้ ให้ผู้รับจํานองเข้าเป็นเจ้าของทรัพย์สินซึ่งจํานอง หรือว่าให้จัดการแก่ทรัพย์สินนั้นเป็น ประการอื่นอย่างใด นอกจากตามบทบัญญัติทั้งหลายว่าด้วยการบังคับจํานองนั้นไซร้ ข้อตกลงเช่นนั้นท่านว่าไม่สมบูรณ์”

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์ การที่นายอินขอยืมเงินนางอ้น โดยได้ทําหลักฐานการยืมเงินเป็นหนังสือนั้น ย่อมถือว่าหนี้ที่เกิดจากการกู้ยืมเงินได้เกิดขึ้นแล้ว และมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย แม้ว่านายอินจะได้ทําหลักฐาน หายไปเพราะปลวกกินก็ตาม ดังนั้น เมื่อมีหนี้เกิดขึ้นก็ย่อมสามารถที่จะมีการจํานองกันได้ตามมาตรา 702 ประกอบมาตรา 707 การที่นางอ้วนนําที่ดินของตนมาจํานองเป็นประกันการชําระหนี้รายนี้ การจํานองดังกล่าว จึงมีผลสมบูรณ์ถูกต้องตามกฎหมาย รประกอบการ

แต่อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงในสัญญาจํานองที่ว่า หากถึงกําหนดการชําระหนี้แล้วลูกหนี้ไม่มีเงินจ่าย ให้ลูกหนี้ยกที่ดินให้เจ้าหนี้นั้น ข้อตกลงดังกล่าวย่อมใช้บังคับตามกฎหมายไม่ได้ เพราะขัดกับมาตรา 711 และมาตรา 728 ซึ่งได้กําหนดว่า ถ้าจะมีการบังคับจํานอง ผู้รับจํานองจะต้องฟ้องคดีต่อศาล เพื่อให้ศาลพิพากษา สั่งให้ยึดทรัพย์สินที่จํานองออกขายทอดตลาด ดังนั้น ข้อตกลงดังกล่าวจึงเป็นการตกลงยกเว้นบทบัญญัติของ กฎหมายจึงตกเป็นโมฆะ

สรุป

สัญญาจํานองมีผลสมบูรณ์ แต่ข้อตกลงดังกล่าวมีผลเป็นโมฆะ

 

ข้อ 3. นางมะนาวทําสัญญากู้เงินจากนายมะพร้าว 100,000 บาท และได้นําโทรทัศน์ 1 เครื่อง และวัว 1 ตัว มาส่งมอบให้นายมะพร้าวเป็นหลักประกัน โดยยอมให้นายมะพร้าวนําหลักประกันออกให้ บุคคลภายนอกเช่าได้ ได้ค่าเช่าจากโทรทัศน์ 5,000 บาทและจากวัว 5,000 บาท อีกทั้งยังมีลูกวัว เกิดจากแม่วัวตัวดังกล่าว 1 ตัวมีราคา 5,000 บาท ต่อมานางมะนาวผิดนัดไม่ชําระหนี้ นายมะพร้าว จึงนําโทรทัศน์และวัวออกขายทอดตลาด ได้เงินมาทั้งสิ้น 85,000 บาท ดังนี้ นายมะพร้าวจะเรียก ให้นางมะนาวชําระเงินส่วนที่ขาดได้หรือไม่ เพราะเหตุใด

ธงคําตอบ

หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 761 “ถ้ามิได้กําหนดไว้เป็นอย่างอื่นในสัญญา หากมีดอกผลนิตินัยงอกจาก ทรัพย์สินนั้นอย่างไร ท่านให้ผู้รับจํานําจัดสรรใช้เป็นค่าดอกเบี้ยอันค้างชําระแก่ตน และถ้าไม่มีดอกเบี้ยค้างชําระ ท่านให้จัดสรรใช้ต้นเงินแห่งหนี้อันได้จํานําทรัพย์สินเป็นประกันนั้น”

มาตรา 767 “เมื่อบังคับจํานําได้เงินจํานวนสุทธิเท่าใด ท่านว่าผู้รับจํานําต้องจัดสรรชําระหนี้ และอุปกรณ์เพื่อให้เสร็จสิ้นไป และถ้ายังมีเงินเหลือก็ต้องส่งคืนให้แก่ผู้จํานํา หรือแก่บุคคลผู้ควรจะได้เงินนั้น

ถ้าได้เงินน้อยกว่าจํานวนค้างชําระ ท่านว่าลูกหนี้ก็ยังคงต้องรับใช้ในส่วนที่ขาดอยู่นั้น”

วินิจฉัย

มาตรา 761 ได้วางหลักไว้ว่า หากทรัพย์สินที่จํานํามีดอกผลนิตินัย (เช่น ดอกเบี้ย ค่าเช่า หรือ เงินปันผล) เกิดขึ้น ให้ผู้รับจํานําจัดสรรใช้เป็นค่าดอกเบี้ยอันค้างชําระแก่ตน และถ้าไม่มีดอกเบี้ยค้างชําระก็ให้ จัดสรรใช้เงินต้นแห่งหนี้ที่ได้จํานําทรัพย์สินเป็นประกันนั้น เว้นแต่ในสัญญาจํานําจะได้ตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น เช่น ถ้ามีการตกลงกันว่าให้ดอกผลเป็นนิตินัยเป็นของผู้จํานํา ดังนี้ ก็ต้องเป็นไปตามที่ได้ตกลงกันไว้

กรณีตามอุทาหรณ์ การที่นายมะพร้าวนําหลักประกันออกให้บุคคลภายนอกเช่าโดยได้ค่าเช่า จากโทรทัศน์ 5,000 บาท และจากวัว 5,000 บาท นั้น ค่าเช่าดังกล่าวถือเป็นดอกผลนิตินัย เมื่อในสัญญากู้ยืมเงิน มิได้กําหนดดอกเบี้ยเอาไว้ จึงต้องนําเงินจํานวนดังกล่าวมาจัดสรรใช้ต้นเงินแห่งหนี้อันได้จํานําทรัพย์สินเป็น ประกันตามมาตรา 761 ส่วนลูกวัวที่เกิดจากแม่วัวนั้นถือเป็นดอกผลธรรมดา ไม่สามารถนํามาจัดสรรใช้หนี้ได้

ต่อมาปรากฏว่า นางมะนาวผิดนัดไม่ชําระหนี้ และนายมะพร้าวได้นําโทรทัศน์และวัว ออกขายทอดตลาดได้เงินมาทั้งสิ้น 85,000 บาท ทั้งนี้ เมื่อนํามารวมกับส่วนของดอกผลนิตินัยที่นํามาจัดสรรใช้หนี้ จํานวน 10,000 บาทแล้ว ยังคงได้เงินจํานวนน้อยกว่าหนี้ที่ค้างชําระอีก 5,000 บาท ดังนั้นนางมะนาวจึงต้อง รับใช้ส่วนที่ขาดอีก 5,000 บาท ตามมาตรา 767 วรรคสอง

สรุป

นายมะพร้าวจะเรียกให้นางมะนาวชําระเงินส่วนที่ขาดได้

LAW2010 กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยคําประกัน S/2556

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2556

ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 2010 กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยคําประกัน ฯลฯ

คําแนะนํา ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 3 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)

ข้อ 1. นายกรุงเทพกู้เงินนายต่างจังหวัด 50 ล้านบาท เพื่อนํามาลงทุนในการปลูกอ้อยโดยมีหลักฐานการกู้เงินถูกต้อง หลังจากนั้น 2 เดือน ปรากฏว่า ราคาอ้อยตกต่ำ ทําให้นายกรุงเทพขาดทุน นายต่างจังหวัดเกรงว่านายกรุงเทพจะชําระหนี้เงินกู้ไม่ได้ จึงขอให้นายกรุงเทพหาผู้ค้ำประกันใน หนี้เงินกู้ดังกล่าว นายกรุงเทพจึงไปหานายตําบลให้มาเป็นผู้ค้ำประกันในหนี้รายนี้ นายตําบลจึง ไปตกลงกับนายต่างจังหวัดว่าจะเป็นผู้ค้ำประกันและรับค้ำประกันในวงเงิน 30 ล้านบาท พร้อม กับทําหนังสือค้ำประกัน มีนายตําบลลงลายมือชื่อในหนังสือค้ำประกัน เมื่อหนี้ถึงกําหนดชําระ นายกรุงเทพไม่สามารถชําระหนี้เงินกู้ได้ นายต่างจังหวัดจึงขอให้นายตําบลรับผิดตามหนังสือ คําประกัน นายตําบลต่อสู้จะขอรับผิดเพียง 30 ล้านบาทเท่านั้น นายต่างจังหวัดจึงมาปรึกษาท่านว่า ข้อต่อสู้ของนายตําบลรับฟังได้หรือไม่ และเงินส่วนที่เหลืออีก20 ล้านบาท จะบังคับจากใครได้บ้าง จงอธิบายพร้อมหลักกฎหมายประกอบให้ชัดเจน

ธงคําตอบ

หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 680 “อันว่าค้ำประกันนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลภายนอกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้ค้ำประกัน ผูกพันตนต่อเจ้าหนี้คนหนึ่งเพื่อชําระหนี้ในเมื่อลูกหนี้ไม่ชําระหนี้นั้น

อนึ่งสัญญาค้ำประกันนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ค้ำประกัน เป็นสําคัญ ท่านว่าจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่”

มาตรา 683 “อันค้ำประกันอย่างไม่มีจํากัดนั้น ย่อมคุ้มถึงดอกเบี้ยและค่าสินไหมทดแทน ซึ่งลูกหนี้ค้างชําระ ตลอดจนค่าภาระติดพันอันเป็นอุปกรณ์แห่งหนี้รายนั้นด้วย”

มาตรา 685 “ถ้าเมื่อบังคับตามสัญญาค้ำประกันนั้น ผู้ค้ำประกันไม่ชําระหนี้ทั้งหมดของลูกหนี้ รวมทั้งดอกเบี้ย ค่าสินไหมทดแทน และอุปกรณ์ด้วยไซร้ หนี้ยังเหลืออยู่เท่าใด ท่านว่าลูกหนี้ยังคงรับผิดต่อเจ้าหนี้ ในส่วนที่เหลือนั้น”

มาตรา 686 “ลูกหนี้ผิดนัดลงเมื่อใด ท่านว่าเจ้าหนี้ชอบที่จะเรียกให้ผู้ค้ำประกันชําระหนี้ได้”

วินิจฉัย

ในกรณีที่การกู้เงินและการค้ําประกันนั้นได้กระทําถูกต้องตามกฎหมาย และมีหลักฐานใน การฟ้องร้องบังคับคดี หากลูกหนี้ผิดนัดชําระหนี้ ย่อมก่อให้เกิดสิทธิแก่เจ้าหนี้ในการบังคับการชําระหนี้เอาจากลูกหนี้ และผู้ค้ําประกันได้ตามมาตรา 680 และมาตรา 686

กรณีตามอุทาหรณ์ การที่นายตําบลได้ตกลงเป็นผู้ค้ำประกันในหนี้ที่นายกรุงเทพกู้เงิน นายต่างจังหวัด โดยมีการทําหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อนายตําบลคนเดียวนั้น สัญญาค้ำประกันย่อมมีผล สมบูรณ์ใช้บังคับกันได้ตามมาตรา 680 วรรคสอง เพราะสัญญาค้ำประกันนั้นเพียงแต่ลงลายมือชื่อผู้ค้ำประกัน เพียงฝ่ายเดียวก็สามารถใช้เป็นหลักฐานฟ้องร้องกันได้แล้ว ดังนั้น เมื่อหนี้ถึงกําหนด นายกรุงเทพลูกหนี้ชําระหนี้ ไม่ได้ นายต่างจังหวัดย่อมสามารถเรียกให้นายตําบลชําระหนี้ได้ตามมาตรา 686

แต่อย่างไรก็ดี แม้ว่าหนี้ที่นายกรุงเทพกู้จากนายต่างจังหวัดนั้นจะมีจํานวน 50 ล้านบาท แต่ นายตําบลได้ตกลงค้ําประกันโดยมีการจํากัดความรับผิดไว้เพียง 30 ล้านบาท ตามมาตรา 680 และมาตรา 683 ดังนั้น นายตําบลจึงต้องรับผิดต่อนายต่างจังหวัดเพียง 30 ล้านบาทเท่านั้น และเมื่อนายตําบลได้ยอมชําระหนี้ ตามสัญญา 30 ล้านบาทแล้ว ส่วนที่เหลือนายต่างจังหวัดจะบังคับเอาจากนายตําบลอีกไม่ได้ จะต้องไปบังคับ เอาจากนายกรุงเทพลูกหนี้ เพราะตามมาตรา 685 ได้กําหนดไว้ว่า เมื่อมีการบังคับตามสัญญาค้ําประกันแล้ว หนี้ ยังเหลืออยู่เท่าใด ลูกหนี้จะต้องรับผิดต่อเจ้าหนี้ในส่วนที่เหลือนั้น

สรุป

ข้อต่อสู้ของนายตําบลรับฟังได้ และเงินส่วนที่เหลืออีก 20 ล้านบาท นายต่างจังหวัด จะต้องไปบังคับเอาจากนายกรุงเทพลูกหนี้

 

ข้อ 2. นางปลากู้เงินนายนก 5 ล้านบาท มีหลักฐานถูกต้อง และมีนายเต่านําโฉนดที่ดินของนายเต่ามาทําสัญญาจํานองเป็นประกันในหนี้เงินกู้รายนี้ เมื่อทําสัญญาจํานองเสร็จ นายเต่าต้องการสร้างคอนโด เนื่องจากที่ดินของนายเต่ามีโครงการรถไฟฟ้าแล่นผ่าน นายเต่าจึงนําโฉนดที่ดินแปลงดังกล่าวไปขอ กู้เงินจากนายแสงเป็นเงิน 10 ล้านบาท โดยได้ทําสัญญาจํานอง หลังจากการจดทะเบียนครั้งแรก 30 วัน แต่หนี้เงินกู้ 10 ล้านบาท มีกําหนดครบชําระก่อนหนี้เงินกู้ 5 ล้านบาท 3 เดือน นายนกจึง มาขอคําแนะนําจากนักศึกษา ดังนี้

1 การจดทะเบียนจํานองในครั้งที่ 2 ถูกต้องหรือไม่ มีข้อกฎหมายอย่างไร

2 นายนกจะมีสิทธิในการได้รับการชําระหนี้อย่างไร จงอธิบาย

ธงคําตอบ

หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 702 “อันว่าจํานองนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าผู้จํานอง เอาทรัพย์สินตราไว้ แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้รับจํานองเป็นประกันการชําระหนี้ โดยไม่ส่งมอบทรัพย์สินนั้นให้แก่ผู้รับจํานอง

ผู้รับจํานองชอบที่จะได้รับชําระหนี้จากทรัพย์สินที่จํานองก่อนเจ้าหนี้สามัญ มิพักต้องพิเคราะห์ ว่ากรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินจะได้โอนไปยังบุคคลภายนอกแล้วหรือหาไม่”

มาตรา 705 “การจํานองทรัพย์สินนั้น นอกจากผู้เป็นเจ้าของในขณะนั้นแล้ว ท่านว่าใครอื่น จะจํานองหาได้ไม่”

มาตรา 709 “บุคคลคนหนึ่งจะจํานองทรัพย์สินของตนไว้เพื่อประกันหนี้อันบุคคลอื่นจะต้อง ชําระก็ให้ทําได้”

มาตรา 712 “ถึงแม้ว่ามีข้อสัญญาเป็นอย่างอื่นก็ตาม ทรัพย์สินซึ่งจํานองไว้แก่บุคคลคนหนึ่ง นั้น ท่านว่าจะเอาไปจํานองแก่บุคคลอีกคนหนึ่งในระหว่างเวลาที่สัญญาก่อนยังมีอายุอยู่ก็ได้”

มาตรา 714 “อันสัญญาจํานองนั้น ท่านว่าต้องทําเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงาน เจ้าหน้าที่”

มาตรา 730 “เมื่อทรัพย์สินอันหนึ่งอันเดียวได้จํานองแก่ผู้รับจํานองหลายคนด้วยกัน ท่านให้ ถือลําดับผู้รับจํานองเรียงตามวันและเวลาจดทะเบียน และผู้รับจํานองคนก่อนจักได้รับใช้หนี้ก่อนผู้รับจํานองคนหลัง”

มาตรา 731 “อันผู้รับจํานองคนหลังจะบังคับตามสิทธิของตนให้เสียหายแก่ผู้รับจํานองคน ก่อนนั้น ท่านว่าหาอาจทําได้ไม่”

มาตรา 732 “ทรัพย์สินซึ่งจํานองขายทอดตลาดได้เงินเป็นจํานวนสุทธิเท่าใด ท่านให้จัดใช้แก่ ผู้รับจํานองเรียงตามลําดับ และถ้ายังมีเงินเหลืออยู่อีก ก็ให้ส่งมอบแก่ผู้จํานอง”

วินิจฉัย

ในเรื่องสัญญาจํานองนั้นตามมาตรา 712 ได้บัญญัติไว้ว่า แม้เจ้าของทรัพย์สินจะได้นําทรัพย์สิน ไปจํานองไว้กับบุคคลหนึ่งแล้ว เจ้าของทรัพย์สินก็มีสิทธินําทรัพย์สินนั้นไปจํานองกับบุคคลอื่นอีกได้ แม้จะมีข้อสัญญา ห้ามไม่ให้นําทรัพย์สินไปจํานองอีกก็ตาม แต่การบังคับจํานองต้องเป็นไปตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 730 – 732 คือ ผู้รับจํานองคนก่อนย่อมมีสิทธิได้รับชําระหนี้ก่อนผู้รับจํานองคนหลัง โดยถือเอาวันและเวลาจดทะเบียนจํานอง ก่อนหลังเป็นเกณฑ์ และผู้รับจํานองคนหลังจะบังคับจํานองให้เสียหายแก่ผู้รับจํานองคนก่อนไม่ได้

กรณีตามอุทาหรณ์ ข้าพเจ้าจะให้คําแนะนําแก่นายนก ดังนี้

1 การจดทะเบียนจํานองในครั้งที่ 2 ถูกต้องหรือไม่ มีข้อกฎหมายอย่างไร เห็นว่า การที่ นายเต่านําโฉนดที่ดินของนายเต่ามาทําสัญญาจํานองเป็นประกันหนี้เงินกู้ระหว่างนายปลาและนายนกนั้น สัญญาจํานองย่อมมีผลสมบูรณ์ใช้บังคับกันได้ตามมาตรา 702, 705, 709 และ 714 และการที่นายเต่าต้องการ สร้างคอนโดจึงนําโฉนดที่ดินแปลงดังกล่าวไปขอกู้เงินจากนายแสง และได้ทําสัญญาจํานองเป็นประกันเงินกู้กับ นายแสงอีกนั้นนายเต่าก็สามารถกระทําได้ตามมาตรา 712 ที่กําหนดว่า ทรัพย์สินซึ่งจํานองไว้แก่บุคคลคนหนึ่งนั้น จะเอาไปจํานองแก่บุคคลอีกคนหนึ่งในระหว่างเวลาที่สัญญาก่อนยังมีอายุอยู่ก็ได้ ดังนั้นสัญญาจํานองระหว่าง นายเต่าและนายแสงจึงมีผลสมบูรณ์ใช้บังคับกันได้ตามมาตรา 702 และมาตรา 714 ประกอบมาตรา 712

2 นายนกจะมีสิทธิได้รับชําระหนี้อย่างไร เห็นว่า เมื่อเป็นกรณีที่มีผู้รับจํานองหลายราย (จํานองซ้อน) ตามมาตรา 712 การบังคับจํานองจึงต้องเป็นไปตามมาตรา 730 – 732 คือ นายนกผู้รับจํานองรายแรก มีสิทธิได้รับชําระหนี้ก่อนนายแสงผู้รับจํานองรายหลัง (มาตรา 730, 732) และนายแสงจะบังคับตามสิทธิของตน ให้เสียหายแก่นายนกไม่ได้ แม้ว่าหนี้เงินกู้ระหว่างนายเต่ากับนายแสงจะถึงกําหนดชําระก่อนก็ตาม (มาตรา 731)

สรุป

ข้าพเจ้าจะให้คําแนะนําแก่นายนก ดังนี้

1 การจดทะเบียนจํานองในครั้งที่ 2 ถูกต้องสมบูรณ์

2  นายนกจะมีสิทธิได้รับชําระหนี้ก่อนนายแสง

 

ข้อ 3. นางดอกไม้เป็นหนี้นายตึก 5 แสนบาท มีหลักฐานถูกต้อง ขณะเดียวกันได้นําทองรูปพรรณจากสุโขทัยมามอบให้นายตึกเพื่อเป็นประกันการชําระหนี้โดยมิได้มีการทําหลักฐานใด ๆ ภริยานายตึกเห็น ทองรูปพรรณแล้วอยากได้ จึงขอให้นายตึกทําสัญญากับนางดอกไม้ว่า หากนางดอกไม้ชําระหนี้ไม่ได้ ขอให้ทองคําเป็นการใช้หนี้แทน โดยมีการลงลายมือชื่อทั้ง 2 คน อยากทราบว่าสัญญาดังกล่าวมีผลบังคับได้หรือไม่ จงอธิบายพร้อมหลักกฎหมาย

ธงคําตอบ

หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 747 “อันว่าจํานํานั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่าผู้จํานํา ส่งมอบสังหาริมทรัพย์ สิ่งหนึ่งให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้รับจํานํา เพื่อเป็นประกันการชําระหนี้”

มาตรา 756 “การที่จะตกลงกันไว้เสียแต่ก่อนเวลาหนี้ถึงกําหนดชําระเป็นข้อความอย่างใด อย่างหนึ่งว่า ถ้าไม่ชําระหนี้ ให้ผู้รับจํานําเข้าเป็นเจ้าของทรัพย์สินจํานํา หรือให้จัดการแก่ทรัพย์สินนั้นเป็น ประการอื่น นอกจากตามบทบัญญัติทั้งหลายว่าด้วยการบังคับจํานํานั้นไซร้ ข้อตกลงเช่นนั้น ท่านว่าไม่สมบูรณ์”

วินิจฉัย

ในเรื่องสัญญาจํานํานั้น บทบัญญัติมาตรา 747 มิได้กําหนดให้ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ หรือ ทําเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด เพียงแต่มีการส่งมอบสังหาริมทรัพย์ที่ต้องการจํานํา สัญญาจํานําก็สมบูรณ์แล้ว

กรณีตามอุทาหรณ์ การที่นางดอกไม้เป็นหนี้นายตึก และได้นําทองรูปพรรณจากสุโขทัยมามอบ ให้นายตึกเพื่อเป็นประกันการชําระหนี้นั้น แม้จะมิได้มีการทําหลักฐานใด ๆ ไว้ แต่ตามกฎหมายถือว่าเมื่อได้มีการ ส่งมอบสังหาริมทรัพย์เพื่อเป็นหลักประกันการชําระหนี้แล้ว ย่อมก่อให้เกิดสัญญาจํานําถูกต้องและมีผลบังคับกันได้ ตามมาตรา 747

ส่วนกรณีที่นายตึกขอทําสัญญากับนางดอกไม้ว่า หากนางดอกไม้ชําระหนี้ไม่ได้ ขอให้ทองคํา เป็นการใช้หนี้แทนนั้น แม้ว่าจะมีการลงลายมือชื่อของทั้ง 2 ฝ่าย แต่ก็เป็นข้อตกลงที่ขัดต่อกฎหมาย ต้องห้ามตาม มาตรา 756 เพราะเป็นการตกลงกันล่วงหน้าระหว่างผู้รับจํานํากับผู้จํานํา ก่อนเวลาที่หนี้ถึงกําหนดชําระว่า ถ้าไม่ชําระหนี้ให้ผู้รับจํานําเข้าเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่จํานํานั้นได้ ข้อตกลงเช่นนี้จึงไม่สมบูรณ์ตกเป็นโมฆะ

สรุป

สัญญาดังกล่าวมีผลบังคับได้ แต่ข้อตกลงที่ว่า หากนางดอกไม้ชําระหนี้ไม่ได้ ขอให้ ทองคําเป็นการใช้หนี้แทนนั้นไม่สมบูรณ์ตกเป็นโมฆะ

LAW2010 กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยค้ำประกัน 2/2556

การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2556

ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 2010 กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยค้ำประกัน ฯลฯ

คําแนะนํา ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 3 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)

ข้อ 1. นายแดงกู้เงินนายเขียว 2 ล้านบาท มีหลักฐานถูกต้อง ต่อมาได้มีนายขาวตกลงกับนายเขียวเพื่อเป็นผู้ค้ำประกัน แต่นายเขียวกําหนดวงเงินในการค้ำประกันเพียง 1 ล้านบาทเท่านั้น พร้อมกับทํา หลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อนายขาวคนเดียว เมื่อหนี้ถึงกําหนดชําระ นายแดงชําระหนี้ไม่ได้ นายเขียวจึงบังคับให้นายขาวรับผิดตามสัญญาค้ําประกันที่ทําไว้ นายขาวยอมชําระหนี้ตามสัญญา ล้านบาทเท่านั้น นายเขียวจึงมาปรึกษาท่านว่า จะบังคับให้นายขาวผู้ค้ำประกันรับผิดทั้ง 2 ล้านบาท ได้หรือไม่

หากไม่ได้นายเขียวจะต้องไปบังคับจากใครได้บ้าง จงอธิบาย พร้อมยกหลักกฎหมายประกอบ

ธงคําตอบ

หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 680 “อันว่าค้ำประกันนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลภายนอกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้ค้ำประกัน ผูกพันตนต่อเจ้าหนี้คนหนึ่งเพื่อชําระหนี้ในเมื่อลูกหนี้ไม่ชําระหนี้นั้น

อนึ่งสัญญาค้ำประกันนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ค้ำประกัน เป็นสําคัญ ท่านว่าจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่”

มาตรา 681 วรรคแรก “อันค้ำประกันนั้นจะมีได้แต่เฉพาะเพื่อหนี้อันสมบูรณ์”

มาตรา 683 “อันค้ำประกันอย่างไม่มีจํากัดนั้น ย่อมคุ้มถึงดอกเบี้ยและค่าสินไหมทดแทน ซึ่งลูกหนี้ค้างชําระ ตลอดจนค่าภาระติดพันอันเป็นอุปกรณ์แห่งหนี้รายนั้นด้วย”

มาตรา 685 “ถ้าเมื่อบังคับตามสัญญาค้ำประกันนั้น ผู้ค้ำประกันไม่ชําระหนี้ทั้งหมดของลูกหนี้ รวมทั้งดอกเบี้ย ค่าสินไหมทดแทน และอุปกรณ์ด้วยไซร้ หนี้ยังเหลืออยู่เท่าใด ท่านว่าลูกหนี้ยังคงรับผิดต่อเจ้าหนี้ ในส่วนที่เหลือนั้น”

มาตรา 686 “ลูกหนี้ผิดนัดลงเมื่อใด ท่านว่าเจ้าหนี้ชอบที่จะเรียกให้ผู้ค้ำประกันชําระหนี้ได้แต่นั้น”

วินิจฉัย

ในกรณีที่การกู้เงินและการค้ำประกันนั้นได้กระทําถูกต้องตามกฎหมาย และมีหลักฐานใน การฟ้องร้องบังคับคดี หากลูกหนี้ผิดนัดชําระหนี้ ย่อมก่อให้เกิดสิทธิแก่เจ้าหนี้ในการบังคับการชําระหนีเอาจากลูกหนี้ และผู้ค้ำประกันได้ตามมาตรา 680 และมาตรา 686

กรณีตามอุทาหรณ์ การที่นายขาวได้ตกลงเป็นผู้ค้ําประกันในหนี้ที่นายแดงกู้เงินนายเขียว โดยมีการทําหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อนายขาวคนเดียวนั้น สัญญาค้ำประกันย่อมมีผลสมบูรณ์ใช้บังคับ กันได้ตามมาตรา 680 วรรคสอง เพราะสัญญาค้ำประกันนั้นเพียงแต่ลงลายมือชื่อผู้ค้ําประกันเพียงฝ่ายเดียวก็ สามารถใช้เป็นหลักฐานฟ้องร้องกันได้แล้ว ดังนั้น เมื่อหนี้ถึงกําหนด นายแดงลูกหนี้ชําระไม่ได้ นายเขียวย่อม สามารถเรียกให้นายขาวผู้ค้ำประกันชําระหนี้ได้ตามมาตรา 686

แต่อย่างไรก็ดี แม้ว่าหนี้ที่นายแดงกู้จากนายเขียวนั้นจะมีจํานวน 2 ล้านบาท แต่นายขาวใต้ ตกลงค้ำประกันโดยมีการจํากัดความรับผิดไว้เพียง 1 ล้านบาท ตามมาตรา 680 และมาตรา 683 ดังนั้นนายขาว จึงต้องรับผิดต่อนายเขียวเพียง 1 ล้านบาทเท่านั้น และเมื่อนายขาวได้ยอมชําระหนี้ตามสัญญา 1 ล้านบาทแล้ว ส่วนที่เหลือนายเขียวจะบังคับเอาจากนายขาวอีกไม่ได้ จะต้องไปบังคับเอาจากนายแดงลูกหนี้ เพราะตามมาตรา 685 ได้กําหนดไว้ว่า เมื่อมีการบังคับตามสัญญาค้ำประกันแล้ว หนี้ยังเหลืออยู่เท่าใด ลูกหนี้จะต้องรับผิดต่อเจ้าหนี้ในส่วน ที่เหลือนั้น

สรุป

นายเขียวจะบังคับให้นายขาวผู้ค้ำประกันรับผิดทั้ง 2 ล้านบาทไม่ได้ ส่วนที่เหลืออีก 1 ล้านบาท นายเขียวจะต้องไปบังคับเอาจากนายแดงลูกหนี้

 

ข้อ 2. นายจันทร์ทะเลาะกับนายเตี้ยเพราะเรื่องการเมือง นายจันทร์จึงโยนระเบิดใส่บ้านนายเตี้ยเสียหายไป 200,000 บาท นายอังคารพ่อของนายจันทร์ได้นําเอาที่ดินของตนราคา 1,000,000 บาทมาจํานอง เพื่อประกันหนี้ ซึ่งที่ดินผืนนี้นายอังคาร (ผู้เป็นพ่อ) ได้ทําสัญญากับนายจันทร์ (ลูกชาย) โดยให้ นายจันทร์เช่าที่อยู่ในราคา 100 บาทต่อเดือนเป็นเวลา 20 ปีอยู่ก่อนแล้ว การจํานองดังกล่าวนี้ได้ กําหนดเวลาชําระหนี้ในวันที่ 1 เมษายนศกนี้ ต่อมาเวลาได้ล่วงมาถึงวันที่ 1 มิถุนายนปีเดียวกัน จึงมี ปัญหาเกิดขึ้นคือ

1 มีคนมาบอกว่าการจํานองของนายอังคารนั้นทําไม่ได้

2 นายเตี้ยต้องการจะ บอกล้างการเช่าของนายจันทร์เพราะค่าเช่าของนายจันทร์ต่ำมาก และสัญญาเช่าที่กล่าวจะทําให้ การขายทอดตลาดไม่ได้ราคาดี จึงมาขอให้นักศึกษาได้ให้คําปรึกษากับนายเตี้ยตามปัญหาดังกล่าว

ธงคําตอบ

หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 702 “อันว่าจํานองนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าผู้จํานอง เอาทรัพย์สินตราไว้ แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้รับจํานอง เป็นประกันการชําระหนี้ โดยไม่ส่งมอบทรัพย์สินนั้นให้แก่ผู้รับจํานอง

ผู้รับจํานองชอบที่จะได้รับชําระหนี้จากทรัพย์สินที่จํานองก่อนเจ้าหนี้สามัญ มิพักต้องพิเคราะห์ ว่ากรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินจะได้โอนไปยังบุคคลภายนอกแล้วหรือหาไม่”

มาตรา 705 “การจํานองทรัพย์สินนั้น นอกจากผู้เป็นเจ้าของในขณะนั้นแล้ว ท่านว่าใครอื่น จะจํานองหาได้ไม่”

มาตรา 706 “บุคคลมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินแต่ภายในบังคับเงื่อนไขเช่นใด จะจํานองทรัพย์สิน นั้นได้แต่ภายในบังคับเงื่อนไขเช่นนั้น”

มาตรา 714 “อันสัญญาจํานองนั้น ท่านว่าต้องทําเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงาน เจ้าหน้าที่”

วินิจฉัย

ตามกฎหมาย การที่บุคคลใดจะนําทรัพย์สินไปจํานองเพื่อเป็นประกันการชําระหนี้นั้น กฎหมาย มิได้กําหนดว่าหนี้ที่เกิดขึ้นจะต้องเป็นหนี้ที่เกิดจากนิติกรรมสัญญาเท่านั้น หนี้ที่เกิดขึ้นเพราะนิติเหตุระหว่างลูกหนี้ กับเจ้าหนี้ ก็เป็นหนี้ที่สามารถจะนําทรัพย์สินไปจํานองเพื่อเป็นประกันการชําระหนี้ได้ แต่อย่างไรก็ตาม บุคคล ผู้มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่อยู่ภายใต้เงื่อนไขเช่นใด เช่น เป็นเจ้าของที่ดินที่มีสัญญาเช่า หรือเป็นที่ดินที่ผู้อื่นมี กรรมสิทธิ์ร่วมในที่ดินนั้น บุคคลนั้นจะจํานองทรัพย์สินนั้นได้ก็แต่ภายใต้บังคับเงื่อนไขเช่นนั้นด้วย (มาตรา 706)

ดังนั้นกรณีตามอุทาหรณ์ วินิจฉัยได้ดังนี้

1 แม้หนี้ระหว่างนายจันทร์ลูกหนี้กับนายเตี้ยเจ้าหนี้ จะเป็นหนี้ที่เกิดขึ้นเพราะนิติเหตุ (มูลหนี้เกิดจากละเมิด) ก็เป็นหนี้ที่นายอังคารซึ่งเป็นเจ้าของที่ดิน สามารถเอาที่ดินไปจํานองเพื่อเป็นประกันการ ชําระหนี้นั้นได้ โดยการทําเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 702 และมาตรา 714 ประกอบมาตรา 705

2 เมื่อปรากฏว่าที่ดินที่นายอังคารนําไปจํานองนั้น นายอังคารได้ทําสัญญาเช่ากับนายจันทร์ไว้ และสัญญาเช่านั้นได้ทําไว้ก่อนการจํานอง ดังนั้นนายเตี้ยเจ้าหนี้ผู้รับจํานองจึงไม่สามารถบอกเลิกสัญญาเช่านั้นได้ ตามมาตรา 706

สรุป

1 การจํานองของนายอังคารนั้นสามารถทําได้

2 นายเตี้ยจะบอกเลิกสัญญาเช่าของนายจันทร์ไม่ได้

 

ข้อ 3. นายปูกู้เงินนายปลา 500,000 บาท โดยนําสร้อยคอทองคํา และแหวนเพชรไปจํานําเป็นประกันหนี้เงินกู้ แต่มิได้มีการทําหลักฐานเป็นหนังสือแต่อย่างใด หลังจากจํานําเสร็จ นายปลาได้มอบสร้อย และแหวนดังกล่าวให้นางกุ้งเป็นผู้เก็บรักษา ต่อมานางกุ้งไปงานแต่งงานที่จังหวัดเชียงใหม่แต่กลัว ของที่ฝากไว้หายจึงนําสร้อยและแหวนใส่ติดตัวไปด้วย ปรากฏว่าไฟไหม้โรงแรมที่นางกุ้งพัก ทําให้ ไม่สามารถนําสร้อยและแหวนออกมาได้ ของทั้งสองสิ่งจึงไหม้ไปทั้งหมด ดังนั้น การจํานําในกรณีนี้ สมบูรณ์หรือไม่ และนายปลาต้องรับผิดในกรณีนี้หรือไม่ เพราะเหตุใด จงอธิบายพร้อมทั้งยก หลักกฎหมายประกอบ

ธงคําตอบ

หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 747 “อันว่าจํานํานั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่าผู้จํานํา ส่งมอบสังหาริมทรัพย์ สิ่งหนึ่งให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้รับจํานํา เพื่อเป็นประกันการชําระหนี้”

มาตรา 749 “คู่สัญญาจํานําจะตกลงกันให้บุคคลภายนอกเป็นผู้เก็บรักษาทรัพย์สินจํานําไว้ก็ได้”

มาตรา 760 “ถ้าผู้รับจํานําเอาทรัพย์สินซึ่งจํานําออกใช้เอง หรือเอาไปให้บุคคลภายนอกใช้สอย หรือเก็บรักษาโดยผู้จํานํามิได้ยินยอมด้วยไซร้ ท่านว่าผู้รับจํานําจะต้องรับผิดเพื่อที่ทรัพย์สินจํานํานั้นสูญหาย หรือ บุบสลายไปอย่างใด ๆ แม้ทั้งเป็นเพราะเหตุสุดวิสัย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าถึงอย่างไร ๆ ก็คงจะต้องสูญหาย หรือ บุบสลายอยู่นั้นเอง”

วินิจฉัย

การที่นายปูได้นําสร้อยคอทองคํา และแหวนเพชรไปจํานําเป็นประกันหนี้เงินกู้กับนายปลานั้น แม้การจํานําดังกล่าวจะมิได้มีการทําหลักฐานเป็นหนังสือว่ามีการจํานําก็ตาม สัญญาจํานําระหว่างนายปกับนายปลา ก็มีผลสมบูรณ์ เพราะมีการส่งมอบสังหาริมทรัพย์ให้แก่ผู้รับจํานําเพื่อเป็นประกันการชําระหนี้แล้วตามมาตรา 47

ในสัญญาจํานํานั้น ผู้รับจํานําไม่จําเป็นต้องเป็นผู้เก็บรักษาทรัพย์ไว้เองโดยอาจตกลงกันให้ บุคคลภายนอกเป็นผู้เก็บรักษาทรัพย์สินจํานําไว้ก็ได้ตามมาตรา 749 แต่อย่างไรก็ตาม กรณีตามอุทาหรณ์ การที่ นายปลาได้มอบสร้อยและแหวนดังกล่าวให้นางกุ้งเป็นผู้เก็บรักษาไว้นั้น ไม่ปรากฏว่ามีการตกลงกันระหว่างนายป และนายปลา หรือได้รับความยินยอมจากนายปูแต่อย่างใด ดังนั้นการที่นางกุ้งนําสร้อยและแหวนใส่ติดตัวไป จังหวัดเชียงใหม่และทรัพย์สินดังกล่าวโดนไฟไหม้เสียหายทั้งหมด นายปลาจึงต้องรับผิดจากการที่สร้อยคอทองคํา และแหวนเพชรบุบสลายไปแม้เหตุที่ไฟไหม้โรงแรมนั้นจะเป็นเพราะเหตุสุดวิสัยก็ตามตามมาตรา 760

สรุป

การจํานําระหว่างนายปูกับนายปลามีผลสมบูรณ์ และนายปลาจะต้องรับผิดจากการที่ ทรัพย์สินที่จํานําได้บุบสลายไป

LAW2010 กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยค้ำประกัน 1/2556

การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2556

ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 2010 กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยค้ำประกัน ฯลฯ

คําแนะนํา ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 3 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)

ข้อ 1. นายดีกู้เงินนายมาก 5 ล้านบาท มีหลักฐานถูกต้อง ขณะเดียวกันได้นําที่ดินของนายน้อยมาจดทะเบียนจํานองเป็นหลักประกันหนี้จํานวน 3 ล้านบาท โดยนายน้อยยินยอมและมอบฉันทะให้ดําเนินการ จํานองได้พร้อมกับได้นําสัญญาเช่าตึกที่ทําการบริษัทราคา 2 ล้านของตนมามอบไว้ให้เป็นประกัน ชําระหนี้ แต่นายมากต้องการให้หาผู้ค้ำประกันมาให้ด้วย นายดีจึงไปขอให้นายวิเศษมาเป็นผู้ค้ำประกัน โดยนายวิเศษได้ตกลงกับนายมากพร้อมกับทําหลักฐานเป็นหนังสือในการค้ำประกันแต่มีเพียง นายวิเศษที่ลงลายมือชื่อเท่านั้น หลังจากนั้นกิจการค้าของนายดีได้ผลกําไรมาก นายมากจึงปลดจํานอง ที่ดินและคืนสัญญาเช่าตึกที่ทําการบริษัทให้นายดีไป แต่เมื่อหนี้ของนายดีถึงกําหนดชําระ ปรากฏว่า เกิดเหตุการณ์เศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลกทําให้การค้าของนายดีขาดทุนหมด นายดีไม่สามารถชําระหนี้ได้ นายมากจึงขอให้นายวิเศษชําระหนี้แทนตามสัญญาค้ำประกัน นายวิเศษต่อสู้ว่า

1) สัญญาค้ำประกันนายดีและนายมากไม่ได้ลงลายมือชื่อจึงไม่สมบูรณ์ ไม่มีผลบังคับได้

2) เนื่องจากนายมากได้ปลดจํานองที่ดินราคา 3 ล้านบาท และคืนสัญญาเช่าตึกราคา 2 ล้านไป ทําให้เกิดความเสียหายจากการกระทําดังกล่าวซึ่งเมื่อหากว่าตนได้ชําระหนี้แทนแล้วจะไม่สามารถรับช่วงสิทธิใด ๆ ได้ ตนจึงไม่มีต้องรับผิดชอบแต่ประการใด

อยากทราบว่าข้ออ้างของนายวิเศษทั้ง 2 ข้อรับฟังได้หรือไม่ ยกหลักกฎหมายประกอบให้ชัดเจน

ธงคําตอบ

หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 680 “อันว่าค้ำประกันนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลภายนอกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้ค้ำประกัน ผูกพันตนต่อเจ้าหนี้คนหนึ่งเพื่อชําระหนี้ในเมื่อลูกหนี้ไม่ชําระหนี้นั้น

อนึ่งสัญญาค้ำประกันนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ค้ำประกัน เป็นสําคัญ ท่านว่าจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่”

มาตรา 681 วรรคแรก “อันค้ำประกันนั้นจะมีได้แต่เฉพาะเพื่อหนี้อันสมบูรณ์”

มาตรา 686 “ลูกหนี้ผิดนัดลงเมื่อใด ท่านว่าเจ้าหนี้ชอบที่จะเรียกให้ผู้ค้ำประกันชําระหนี้ได้ แต่นั้น”

มาตรา 693 “ผู้ค้ำประกันซึ่งได้ชําระหนี้แล้ว ย่อมมีสิทธิที่จะไล่เบี้ยเอาจากลูกหนี้ เพื่อต้นเงิน กับดอกเบี้ยและเพื่อการที่ต้องสูญหายหรือเสียหายไปอย่างใด ๆ เพราะการค้ำประกันนั้น

อนึ่งผู้ค้ำประกันย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของเจ้าหนี้บรรดามีเหนือลูกหนี้ด้วย”

มาตรา 697 “ถ้าเพราะการกระทําอย่างใดอย่างหนึ่งของเจ้าหนี้เองเป็นเหตุให้ผู้ค้ำประกัน ไม่อาจเข้ารับช่วงได้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนในสิทธิก็ดี จํานองก็ดี จํานําก็ดี และบุริมสิทธิอันได้ให้ไว้แก่เจ้าหนี้แต่ก่อน หรือในขณะทําสัญญาค้ำประกันเพื่อชําระหนี้นั้น ท่านว่าผู้ค้ำประกันย่อมหลุดพ้นจากความรับผิดเพียงเท่าที่ตน ต้องเสียหายเพราะการนั้น”

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์ การที่นายดีกู้เงินนายมาก 5 ล้านบาท โดยมีหลักฐานถูกต้องนั้น เมื่อการ กู้เงินเป็นหนี้ที่สมบูรณ์และถูกต้องย่อมมีผลทําให้สัญญาค้ำประกันระหว่างนายวิเศษกับนายมากมีผลสมบูรณ์ (ตามมาตรา 681 วรรคแรก) และเมื่อสัญญาค้ำประกันระหว่างนายวิเศษกับนายมากนั้น ได้ทําหลักฐานเป็นหนังสือ และลงลายมือชื่อนายวิเศษผู้ค้ำประกัน ดังนี้แม้จะไม่มีลายมือชื่อของนายดีและนายมาก สัญญาค้ำประกัน ดังกล่าวก็มีผลสมบูรณ์ สามารถใช้เป็นหลักฐานในการฟ้องร้องบังคับคดีกันได้ตามมาตรา 680 วรรคสอง ดังนั้นเมื่อหนี้ถึงกําหนดชําระแต่นายดีลูกหนี้ไม่สามารถชําระหนี้ได้ ซึ่งถือว่าเป็นกรณีที่ลูกหนี้ผิดนัดชําระหนี้ นายมาก ย่อมสามารถที่จะเรียกให้ผู้ค้ําประกันชําระหนี้ได้ตามมาตรา 686 และเมื่อนายมากได้เรียกให้นายวิเศษชําระหนี้ ตามสัญญาค้ำประกัน แต่นายวิเศษต่อสู้ว่าสัญญาค้ำประกันนายดีและนายมากไม่ได้ลงลายมือชื่อจึงไม่สมบูรณ์ ไม่มีผล บังคับได้นั้น ข้อต่อสู้ของนายวิเศษจึงรับฟังไม่ได้

และผู้ค้ำประกันนั้นเมื่อได้ชําระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้แล้วย่อมมีสิทธิเข้ารับช่วงสิทธิของเจ้าหนี้บรรดามี เหนือลูกหนี้ได้ (มาตรา 693) และถ้าเจ้าหนี้ได้กระทําการอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นเหตุให้ผู้ค้ำประกันไม่อาจเข้ารับช่วง ได้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนในสิทธิ จํานอง หรือจํานํา หรือบุริมสิทธิอันได้ให้ไว้แก่เจ้าหนี้ก่อน หรือในขณะทําสัญญา ค้ำประกันเพื่อชําระหนี้นั้น ผู้ค้ำประกันย่อมหลุดพ้นจากความรับผิดเพียงเท่าที่ตนต้องเสียหายเพราะการกระทํา ของเจ้าหนี้นั้น (มาตรา 697)

ข้อเท็จจริงตามอุทาหรณ์จะเห็นได้ว่า ถ้านายวิเศษได้ชําระหนี้ให้แก่นายมากแล้ว นายวิเศษ ย่อมสามารถเข้ารับช่วงสิทธิของนายมากเจ้าหนี้ได้เฉพาะสิทธิจํานองที่นายดีได้นําที่ดินมาจดทะเบียนจํานอง เป็นหลักประกันไว้เท่านั้น ดังนั้นการที่นายมากได้ปลดจํานองที่ดินให้แก่นายดีย่อมทําให้นายวิเศษเสียหายเป็น จํานวน 3 ล้านบาท ส่วนการที่นายมากได้คืนสัญญาเช่าตึกให้แก่นายดีไปนั้น ไม่ถือว่าการคืนสัญญาเช่าตึกนั้น ก่อให้เกิดความเสียหายแก่นายวิเศษผู้ค้ำประกันแต่อย่างไร เพราะเป็นแต่เพียงบุคคลสิทธิซึ่งผู้ค้ำประกันไม่อาจ รับช่วงสิทธิแต่ประการใด ดังนั้นกรณีดังกล่าวจึงถือว่าการกระทําของนายมากเป็นเหตุให้นายวิเศษได้รับความ เสียหายเพียง 3 ล้านบาทเท่านั้น นายวิเศษจึงต้องชําระหนี้แทนนายดีลูกหนี้เป็นเงิน 2 ล้านบาท

สรุป

1) ข้อต่อสู้ของนายวิเศษที่ว่าสัญญาค้ำประกันนายดีและนายมากไม่ได้ลงลายมือชื่อจึงไม่สมบูรณ์ไม่มีผลบังคับได้นั้น รับฟังไม่ได้

2) ข้อต่อสู้ของนายวิเศษที่ว่าเนื่องจากนายมากได้ปลดจํานองที่ดินราคา 3 ล้านบาททําให้ตนได้รับความเสียหายนั้นรับฟังได้ แต่ข้อต่อสู้ที่ว่าการคืนสัญญาเช่าตึก ราคา 2 ล้านบาท ทําให้ตนได้รับความเสียหายนั้นรับฟังไม่ได้

 

ข้อ 2.นายอินขอยืมเงินนางอ้นเป็นเงิน 100,000 บาท โดยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือการยืมเงินและมีนางอ้วน นําที่ดินของตนมาจํานองเป็นประกันการชําระหนี้รายนี้ในสัญญาจํานองรายนี้ระบุว่า

1 ห้ามนําที่ดิน ดังกล่าวนี้จํานองกับบุคคลใด ๆ อีกหลังจากได้จํานองประกันหนี้กับนางอ้นแล้ว

2 เมื่อจํานองที่ดิน แล้วหากถึงกําหนดการชําระหนี้แล้วไม่มีเงินจ่ายให้นําที่ดินออกขายทอดตลาดได้โดยไม่ต้องฟ้องศาล

ดังนี้ข้อตกลงดังกล่าวมีผลหรือไม่ เพียงใด

ธงคําตอบ

หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 702 “อันว่าจํานองนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าผู้จํานอง เอาทรัพย์สินตราไว้ แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้รับจํานองเป็นประกันการชําระหนี้ โดยไม่ส่งมอบทรัพย์สินนั้นให้แก่ผู้รับจํานอง

ผู้รับจํานองชอบที่จะได้รับชําระหนี้จากทรัพย์สินที่จํานองก่อนเจ้าหนี้สามัญ มิพักต้องพิเคราะห์ ว่ากรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินจะได้โอนไปยังบุคคลภายนอกแล้วหรือหาไม่”

มาตรา 711 “การที่จะตกลงกันไว้เสียแต่ก่อนเวลาหนี้ถึงกําหนดชําระเป็นข้อความอย่างใด อย่างหนึ่งว่า ถ้าไม่ชําระหนี้ให้ผู้รับจํานองเข้าเป็นเจ้าของทรัพย์สินซึ่งจํานอง หรือว่าให้จัดการแก่ทรัพย์สินนั้นเป็น ประการอื่นอย่างใดนอกจากตามบทบัญญัติทั้งหลายว่าด้วยการบังคับจํานองนั้นไซร้ ข้อตกลงเช่นนั้นท่านว่าไม่สมบูรณ์

มาตรา 712 “ถึงแม้ว่ามีข้อสัญญาเป็นอย่างอื่นก็ตาม ทรัพย์สินซึ่งจํานองไว้แก่บุคคลคนหนึ่งนั้น ท่านว่าจะเอาไปจํานองแก่บุคคลอีกคนหนึ่งในระหว่างเวลาที่สัญญาก่อนยังมีอายุอยู่ก็ได้”

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์ การที่นายอินขอยืมเงินนางอ้น 100,000 บาท แม้จะมิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือ การยืมเงิน ก็ถือว่าหนี้ที่เกิดจากการกู้ยืมเงินได้เกิดขึ้นแล้ว และมีผลสมบูรณ์เพียงแต่ไม่สามารถที่จะ ฟ้องร้องบังคับคดีกันได้เท่านั้น และเมื่อมีหนี้เกิดขึ้นก็ย่อมสามารถที่จะมีการค้ําประกันหนี้กันได้ตามมาตรา 702 ดังนั้นการที่นางอ้วนนําที่ดินของตนมาจํานองเป็นประกันการชําระหนี้รายนี้ การจํานองดังกล่าวจึงมีผลสมบูรณ์ ถูกต้องตามกฎหมาย

แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อในสัญญาจํานองรายนี้มีข้อตกลงเพิ่มเติมในสัญญาอยู่ 2 ประการ ดังนี้ ข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลตามกฎหมายอย่างไรหรือไม่ แยกพิจารณาได้ดังนี้

1 ข้อตกลงที่ว่าห้ามนําที่ดินดังกล่าว (ที่ดินที่นํามาจํานอง) จํานองกับบุคคลใด ๆ อีก หลังจากได้จํานองประกันหนี้กับนางอ้นแล้ว ข้อตกลงดังกล่าวย่อมใช้บังคับตามกฎหมายไม่ได้ เนื่องจากขัดกับ มาตรา 712 ที่ให้สิทธิแก่เจ้าของที่ดินที่ติดจํานองสามารถเอาไปจํานองแก่บุคคลอีกคนหนึ่งในระหว่างเวลาที่ สัญญาก่อนยังมีอายุอยู่ได้ ดังนั้นข้อตกลงที่ห้ามจํานองกับบุคคลใด ๆ อีกนั้นจึงเป็นการตกลงยกเว้นบทบัญญัติ ของกฎหมาย ซึ่งเป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงมีผลเป็นโมฆะ

2 ข้อตกลงที่ว่า เมื่อจํานองที่ดินแล้วหากถึงกําหนดการชําระหนี้แล้วไม่มีเงินจ่ายให้นํา ที่ดินออกขายทอดตลาดได้โดยไม่ต้องฟ้องศาลนั้น ข้อตกลงดังกล่าวย่อมใช้บังคับตามกฎหมายไม่ได้เช่นเดียวกัน เพราะเป็นการขัดกับมาตรา 711 และมาตรา 728 ซึ่งได้กําหนดว่าถ้าจะมีการบังคับจํานอง ผู้รับจํานองจะต้อง ฟ้องคดีต่อศาล เพื่อให้ศาลพิพากษาสั่งให้ยึดทรัพย์สินที่จํานองออกขายทอดตลาด ดังนั้นข้อตกลงดังกล่าว เป็นการตกลงยกเว้นบทบัญญัติของกฎหมาย จึงตกเป็นโมฆะ

สรุป

ข้อตกลงทั้งสองใช้บังคับไม่ได้ และมีผลเป็นโมฆะ

 

ข้อ 3 ก. กู้เงิน ข. 200,000 บาท โดยนํารถยนต์จํานําไว้เป็นประกันหนี้ ข. ได้นํารถยนต์คันดังกล่าวไปฝากจอดไว้บ้านญาติโดยมิได้บอกให้ ก. ทราบว่านําทรัพย์สินที่รับจํานําไว้ให้ผู้อื่นเก็บรักษา ต่อมาไฟได้ ไหม้ตึกของญาติที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกันกับบ้านของ ข. ไฟได้ไหม้รถยนต์เสียหายทั้งคัน แต่ รถดับเพลิงได้ดับไฟเสียทันไฟจึงไหม้ไปไม่ถึงบ้านของ ข. ดังนี้ ข. จะต้องรับผิดในความเสียหายที่ เกิดขึ้นกับทรัพย์สินที่รับจํานําหรือไม่ เพราะเหตุใด

ธงคําตอบ

หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 747 “อันว่าจํานํานั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่าผู้จํานํา ส่งมอบสังหาริมทรัพย์ สิ่งหนึ่งให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้รับจํานํา เพื่อเป็นประกันการชําระหนี้”

มาตรา 749 “คู่สัญญาจํานําจะตกลงกันให้บุคคลภายนอกเป็นผู้เก็บรักษาทรัพย์สินจํานําไว้ก็ได้”

มาตรา 760 “ถ้าผู้รับจํานําเอาทรัพย์สินซึ่งจํานําออกใช้เอง หรือเอาไปให้บุคคลภายนอกใช้สอย หรือเก็บรักษาโดยผู้จํานํามิได้ยินยอมด้วยไซร้ ท่านว่าผู้รับจํานําจะต้องรับผิดเพื่อที่ทรัพย์สินจํานํานั้นสูญหาย หรือ บุบสลายไปอย่างใด ๆ แม้ทั้งเป็นเพราะเหตุสุดวิสัย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าถึงอย่างไร ๆ ก็คงจะต้องสูญหาย หรือ บุบสลายอยู่นั้นเอง”

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์ การที่ ก. กู้เงิน ข. 200,000 บาท โดยนํารถยนต์จํานําไว้เป็นประกันหนี้ นั้น ถือว่าการจํานํามีผลสมบูรณ์ตามมาตรา 747 และคู่สัญญาจํานําสามารถตกลงกันให้บุคคลภายนอกเป็นผู้เก็บ รักษาทรัพย์สินซึ่งจํานําไว้ก็ได้ตามมาตรา 749

แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ข. ผู้รับจํานําได้นํารถยนต์ซึ่งเป็นทรัพย์สินจํานําไปฝากให้ญาติ ของ ข. เป็นผู้เก็บรักษาไว้แทนตนโดยมิได้บอกกล่าวแก่ ก. เจ้าของทรัพย์ จึงถือว่าเป็นกรณีที่ผู้รับจํานําได้เอา ทรัพย์สินจํานําไปให้บุคคลภายนอกเป็นผู้เก็บรักษาโดยผู้จํานํามิได้ยินยอมด้วย ดังนั้นเมื่อทรัพย์สินที่จํานํา เสียหายเพราะไฟได้ไหม้รถยนต์เสียหายทั้งคัน ข. ผู้รับจํานําจึงต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นกับทรัพย์สินที่ รับจํานํา แม้ว่าจะเป็นเพราะเหตุสุดวิสัยก็ตาม ตามมาตรา 760)

สรุป

ข. ผู้รับจํานําจะต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นกับทรัพย์สินที่รับจํานํา

POL2302 ระเบียบปฏิบัติราชการ 1/2561

การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2561

ข้อสอบกระบวนวิชา POL 2302 ระเบียบปฏิบัติราชการ

คําสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคําตอบเดียว (ข้อสอบมีทั้งหมด 100 ข้อ)

1 ตามระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน ผู้ที่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ต้องเป็นผู้ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งกรณีใด

(1) กรณีสอบแข่งขันได้

(2) กรณีที่มีเหตุพิเศษที่ไม่ต้องดําเนินการสอบแข่งขันตามที่ ก.พ. กําหนดก็ได้

(3) กรณีบรรจุบุคคลที่มีความรู้ความสามารถและความชํานาญสูง

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2

(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 5 (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 53 มาตรา 55 และมาตรา 56), (คําบรรยาย) ผู้ที่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญนั้น อาจแยกได้เป็น 2 กรณี คือ

1 กรณีบรรจุและแต่งตั้งจากผู้สอบแข่งขันได้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นกรณีทั่วไป

2 กรณีบรรจุและแต่งตั้งจากผู้ที่มิใช่เป็นผู้สอบแข่งขันได้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นกรณียกเว้น ได้แก่

– การบรรจุในกรณีที่มีเหตุพิเศษที่ไม่ต้องดําเนินการสอบแข่งขันตามที่ ก.พ. กําหนด,

– การบรรจุบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ และความชํานาญงานสูงในตําแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ชํานาญการ หรือผู้มีทักษะพิเศษ เป็นต้น

2 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนมีจํานวนกี่คน

(1) ไม่น้อยกว่า 3 คน แต่ไม่เกิน 5 คน

(2) ไม่น้อยกว่า 5 คน แต่ไม่เกิน 7 คน

(3) 3 คน

(4) 5 คน

(5) 7 คน

ตอบ 2 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 7 – 8), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 6 และมาตรา 7), (คําบรรยาย) คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เป็นองค์กรกลาง ในการบริหารงานบุคคล ประกอบด้วย

1 กรรมการโดยตําแหน่ง จํานวน 5 คน ได้แก่ นายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายเป็นประธาน ปลัดกระทรวงการคลัง ผู้อํานวยการสํานักงบประมาณ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และเลขาธิการ ก.พ. เป็นกรรมการและเลขานุการ

2 กรรมการซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลหรือการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ด้านการบริหารและการจัดการ และด้านกฎหมาย จํานวนไม่น้อยกว่า 5 คน แต่ไม่เกิน 7 คน โดยแต่งตั้งให้อยู่ในตําแหน่งได้คราวละ 3 ปี

3 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนต้อง

(1) ไม่เป็นผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง

(2) ไม่เป็นผู้ดํารงตําแหน่งที่รับผิดชอบในการบริหารพรรคการเมือง

(3) ไม่เป็นกรรมการโดยตําแหน่งอยู่แล้ว

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2

(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 5 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 8), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 6 วรรคสอง) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งต้องไม่เป็นผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง กรรมการหรือ ผู้ดํารงตําแหน่งที่รับผิดชอบในการบริหารพรรคการเมือง หรือเจ้าหน้าที่ในพรรคการเมืองและมิได้เป็นกรรมการ ก.พ. โดยตําแหน่งอยู่แล้ว

4 เกี่ยวกับบัญชีอัตราเงินเดือนของข้าราชการพลเรือนสามัญปัจจุบัน

(1) กําหนดเป็นระดับและขั้น

(2) กําหนดเป็นอันดับและขั้น

(3) กําหนดเป็นระดับ

(4) กําหนดเป็นขั้น

(5) กําหนดเป็นขั้นต่ำและขั้นสูงของตําแหน่งในแต่ละระดับ

ตอบ 5 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 15), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 50 วรรคหนึ่ง), (คําบรรยาย) ปัจจุบันข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินเดือนตามตําแหน่ง ในแต่ละประเภทตามที่กําหนดไว้ในบัญชีเงินเดือนขั้นต่ําขั้นสูงของข้าราชการพลเรือนสามัญ ท้าย พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ซึ่งจะกําหนดเป็นขั้นต่ําและขั้นสูงของ แต่ละระดับของแต่ละประเภทตําแหน่ง โดยไม่มีอันดับและขั้นเป็นอัตรา ดังนั้นจึงไม่เรียกว่า “บัญชีอัตราเงินเดือน” แต่เรียกว่า “บัญชีเงินเดือน”

5 ตําแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญตําแหน่งใดต่อไปนี้ที่กําหนดให้มีเงินประจําตําแหน่ง

(1) บริหารระดับสูง

(2) อํานวยการระดับสูง

(3) ทักษะพิเศษ

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2

(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 5 (คําบรรยาย) ตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ตําแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทที่ได้รับทั้งเงินเดือนและเงินประจําตําแหน่ง ได้แก่

1 ตําแหน่งประเภทบริหารระดับต้นและระดับสูง

2 ตําแหน่งประเภทอํานวยการระดับต้นและระดับสูง

3 ตําแหน่งประเภทวิชาการระดับชํานาญการ ระดับชํานาญการพิเศษ ระดับเชี่ยวชาญและระดับทรงคุณวุฒิ

4 ตําแหน่งประเภททั่วไประดับทักษะพิเศษ

6 ข้อใดต่อไปนี้ที่ไม่ใช่อํานาจหน้าที่ของคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน

(1) ตีความและวินิจฉัยปัญหาที่เกิดขึ้นเนื่องจากการใช้บังคับพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน

(2) ออกกฎ ก.พ. และระเบียบเกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรบุคคล เพื่อปฏิบัติตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน

(3) ตีค่าคุณวุฒิ เพื่อประโยชน์ในการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ (4) รับเรื่องราวร้องทุกข์ของข้าราชการพลเรือนสามัญ

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 10 – 11), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 8) คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) มีอํานาจหน้าที่ดังต่อไปนี้

1 ตีความและวินิจฉัยปัญหาที่เกิดขึ้นเนื่องจากการใช้บังคับกฎหมายระเบียบข้าราชการพลเรือนรวมตลอดทั้งกําหนดแนวทางปฏิบัติในกรณีที่เป็นปัญหา

2 กําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเพื่อรับรองคุณวุฒิของผู้ได้รับปริญญาประกาศนียบัตรวิชาชีพหรือคุณวุฒิอย่างอื่น (ตีค่าคุณวุฒิ) เพื่อประโยชน์ในการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการพลเรือน

3 ออกกฎ ก.พ. และระเบียบเกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรบุคคลเพื่อปฏิบัติการตามกฎหมายระเบียบข้าราชการพลเรือน

4 พิจารณาจัดระบบทะเบียนประวัติและแก้ไขทะเบียนประวัติเกี่ยวกับวัน เดือน ปีเกิด และการควบคุมเกษียณอายุของข้าราชการพลเรือน ฯลฯ

7 การบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการกรณีที่มีเหตุพิเศษที่ไม่ต้องดําเนินการสอบแข่งขัน ให้ผู้มีอํานาจสั่งบรรจุและแต่งตั้งดําเนินการได้โดยวิธี

(1) คัดเลือก

(2) สอบคัดเลือก

(3) คัดเลือกหรือสอบคัดเลือก

(4) วิธีใดก็ได้ตามความเหมาะสม

(5) อาจใช้วิธีเดียวกันกับการสอบแข่งขันก็ได้

ตอบ 1 (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 55), (คําบรรยาย) กรณีที่มีเหตุพิเศษที่ไม่ต้องดําเนินการสอบแข่งขันตามที่ ก.พ. กําหนด สามารถให้อธิบดี (ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจ สั่งบรรจุและแต่งตั้งตามมาตรา 57) เป็นผู้คัดเลือกบรรจุบุคคลเข้ารับราชการและแต่งตั้ง ให้ดํารงตําแหน่งได้เป็นรายกรณี (ไม่ใช่เป็นการพิจารณาเป็นรายบุคคล) เช่น

1 กรณีบรรจุและแต่งตั้งผู้สําเร็จการศึกษาในสาขาวิชาชีพที่ขาดแคลนตามที่ ก.พ. กําหนด

2 กรณีบรรจุและแต่งตั้งผู้ได้รับทุนเล่าเรียนหลวง หรือทุนรัฐบาลเพื่อศึกษาวิชาในประเทศหรือต่างประเทศที่สําเร็จการศึกษาแล้ว เป็นต้น

8 ข้อใดต่อไปนี้ไม่ใช่หลักการสําคัญของระบบคุณธรรมในการบริหารงานบุคคล

(1) หลักความรู้ความสามารถ

(2) หลักความมั่นคง

(3) หลักความเสมอภาค

(4) หลักอาวุโส

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 4 หน้า 17 – 18, (เอกสารประกอบการสอน หน้า 2) หลักการสําคัญของระบบคุณธรรม (Merit System) ในการบริหารงานบุคคลหรือการบริหารงานทรัพยากรมนุษย์ภาครัฐม 4 ประการ คือ

1 หลักความเสมอภาค (Equality)

2 หลักความรู้ความสามารถ (Competence)

3 หลักความมั่นคง (Security)

4 หลักความเป็นกลางในทางการเมือง (Political Neutrality)

9 ตําแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญตามระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบันมีกี่ประเภท

(1) 5 ประเภท

(2) 4 ประเภท

(3) 3 ประเภท

(4) 2 ประเภท

(5) ประเภทเดียว

ตอบ 2 (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 45), (คําบรรยาย)ตําแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญแบ่งตามลักษณะงาน ได้เป็น 4 ประเภท คือ

1 ตําแหน่งประเภทบริหาร ได้แก่ ตําแหน่งหัวหน้าส่วนราชการและรองหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง กรม และตําแหน่งอื่นที่ ก.พ. กําหนดเป็นตําแหน่งประเภทบริหาร

2 ตําแหน่งประเภทอํานวยการ ได้แก่ ตําแหน่งหัวหน้าส่วนราชการที่ต่ํากว่าระดับกรมและตําแหน่งอื่นที่ ก.พ. กําหนดเป็นตําแหน่งประเภทอํานวยการ เช่น หัวหน้าส่วนราชการ ในราชการบริหารส่วนภูมิภาค เป็นต้น

3 ตําแหน่งประเภทวิชาการ ได้แก่ ตําแหน่งที่จําเป็นต้องใช้ผู้สําเร็จการศึกษาระดับปริญญาตามที่ ก.พ. กําหนด (ระดับปริญญาตรีขึ้นไป) เพื่อปฏิบัติงานในหน้าที่ของตําแหน่งนั้น

4 ตําแหน่งประเภททั่วไป ได้แก่ ตําแหน่งที่ไม่ใช่ตําแหน่งประเภทตามข้อ 1, 2 และ 3

ทั้งนี้ตามที่ ก.พ. กําหนด

10 ตําแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญที่กําหนดในกฎหมายระเบียบบริหารราชการแผ่นดินได้แก่ตําแหน่ง

(1) ผู้ว่าราชการจังหวัด

(2) นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด

(3) นายกเทศมนตรี

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2

(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 1 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 13) ตําแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญที่กําหนดในกฎหมายระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ได้แก่ ปลัดกระทรวง รองปลัดกระทรวง อธิบดี รองอธิบดี ผู้อํานวยการกอง ผู้อํานวยการสํานัก ผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจังหวัด นายอําเภอ ปลัดอําเภอ เป็นต้น ส่วนตําแหน่งนายกเทศมนตรี และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเป็นข้าราชการการเมืองตามกฎหมายจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

11 ก.พ.ค. คือ

(1) คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน

(2) คณะกรรมการพัฒนาระบบคุณธรรม

(3) คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนตามระบบคุณธรรม

(4) คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม

(5) คณะกรรมการทักษะพิเศษตามระบบคุณธรรม

ตอบ 4 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 11), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 24 และมาตรา 29), (คําบรรยาย) คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) ประกอบด้วย กรรมการจํานวน 7 คน ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง และให้เลขาธิการ ก.พ. เป็น เลขานุการของ ก.พ.ค. โดยตําแหน่ง โดยกําหนดให้กรรมการ ก.พ.ค. ต้องทํางานเต็มเวลา และ มีวาระการดํารงตําแหน่ง 6 ปีนับแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง และให้ดํารงตําแหน่ง ได้เพียงวาระเดียว ดังนั้นกรรมการ ก.พ.ค. ซึ่งพ้นจากตําแหน่งตามวาระ จะทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นกรรมการ ก.พ.ค. อีกมิได้ แต่ให้กรรมการ ก.พ.ค. ซึ่งพ้นจากตําแหน่ง ตามวาระนั้นอยู่ในตําแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งกรรมการ ก.พ.ค. ใหม่

12 ข้อใดเป็นลักษณะของข้าราชการการเมือง

(1) มีวาระในการดํารงตําแหน่ง

(2) ต้องสังกัดพรรคการเมือง

(3) ก.พ. อาจพิจารณายกเว้นลักษณะต้องห้ามบางประการได้

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2

(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 1 หน้า 391, (คําบรรยาย) ลักษณะของข้าราชการการเมือง มีดังนี้

1 เป็นข้าราชการการเมืองฝ่ายบริหารตามที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2535 (ฉบับปัจจุบัน)

2 มีอัตราเงินเดือนหรือค่าตอบแทนรายเดือนคงที่ ซึ่งกําหนดตามตําแหน่งและไม่มีขั้นวิ่ง

3 การเข้าดํารงตําแหน่งเป็นไปตามเหตุผลทางการเมืองหรือตามระบบอุปถัมภ์ (ไม่เน้นเรื่องคุณวุฒิหรือความรู้ความสามารถ)

4 การออกจากตําแหน่งในกรณีปกติเป็นไปตามวาระ หรือมีวาระในการดํารงตําแหน่งหรือเป็นไปตามเหตุผลทางการเมือง

5 ไม่จําเป็นต้องสังกัดพรรคการเมือง ฯลฯ

13 ผู้ที่จะเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนต้อง

(1) มีคุณสมบัติทั่วไป

(2) ไม่มีลักษณะต้องห้าม

(3) ก.พ. อาจพิจารณายกเว้นลักษณะต้องห้ามบางประการได้

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2

(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 5 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 4 – 6), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 36),(คําบรรยาย) ผู้ที่จะได้รับการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการพลเรือนต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้

1 มีคุณสมบัติทั่วไปของข้าราชการพลเรือน

2 ไม่มีลักษณะต้องห้ามของข้าราชการพลเรือน

3 ผู้ที่จะได้รับการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการพลเรือนซึ่งมีลักษณะต้องห้ามบางประการ ก.พ. อาจพิจารณายกเว้นลักษณะต้องห้ามบางประการได้

14 ตําแหน่งใดต่อไปนี้เป็นประธาน อ.ก.พ. กรม

(1) รัฐมนตรีเจ้าสังกัด

(2) ปลัดกระทรวง

(3) อธิบดี

(4) ผู้ว่าราชการจังหวัด

(5) รองปลัดกระทรวง ตอบ 3 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 9), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 17), (คําบรรยาย) อ.ก.พ. กรม ประกอบด้วย 1 อนุกรรมการโดยตําแหน่ง ได้แก่ อธิบดี เป็นประธาน รองอธิบดีที่อธิบดีมอบหมาย 1 คนเป็นรองประธาน

2 อนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งอธิบดีแต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลด้านการบริหารและการจัดการ และด้านกฎหมายที่มิได้เป็นข้าราชการในกรมนั้น จํานวนไม่เกิน 3 คน

3 อนุกรรมการผู้แทนข้าราชการ ซึ่งอธิบดีแต่งตั้งจากข้าราชการพลเรือนผู้ดํารงตําแหน่งประเภทบริหารหรือประเภทอํานวยการในกรมนั้น จํานวนไม่เกิน 6 คน

4 ให้ อ.ก.พ. กรม ตั้งเลขานุการ 1 คน

15 ระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบันกําหนดให้มีข้าราชการพลเรือนกี่ประเภท

(1) 2 ประเภท

(2) 3 ประเภท

(3) 4 ประเภท

(4) 5 ประเภท

(5) 6 ประเภท

ตอบ 1 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 3), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 35), (คําบรรยาย) ข้าราชการพลเรือนที่อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลโดยตรงของ ก.พ. มี 2 ประเภท คือ

1 ข้าราชการพลเรือนสามัญ ได้แก่ ข้าราชการพลเรือนซึ่งรับราชการโดยได้รับบรรจุแต่งตั้งตามที่บัญญัติไว้ในลักษณะ 4 ข้าราชการพลเรือนสามัญ ซึ่งข้าราชการประเภทนี้ถือเป็นข้าราชการที่มีจํานวนมากที่สุดตาม พ.ร.บ. ฉบับนี้

2 ข้าราชการพลเรือนในพระองค์ ได้แก่ ข้าราชการพลเรือนซึ่งรับราชการโดยได้รับบรรจุแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งในพระองค์พระมหากษัตริย์ตามที่กําหนดในพระราชกฤษฎีกา

16 ระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณฉบับปัจจุบัน ใช้บังคับโดยตรงกับหน่วยงานราชการใด

(1) ราชการบริหารส่วนกลาง

(2) ราชการบริหารส่วนภูมิภาค

(3) ราชการบริหารส่วนท้องถิ่น

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2

(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 5 หน้า 400, (เอกสารประกอบการสอน หน้า 26), (คําบรรยาย) ระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2548 ให้ใช้บังคับโดยตรง กับหน่วยงานดังต่อไปนี้

1 ส่วนราชการ ซึ่งได้แก่ กระทรวง ทบวง กรม สํานักงาน หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐทั้งในราชการบริหารส่วนกลาง ราชการบริหารส่วนภูมิภาค ราชการบริหารส่วนท้องถิ่น หรือในต่างประเทศ

2 คณะกรรมการของส่วนราชการตามข้อ 1. 3. รัฐวิสาหกิจ ที่อยู่ในการกํากับดูแลของหน่วยงานของรัฐ

17 ระดับใดต่อไปนี้เป็นระดับตําแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทวิชาการ (1) ระดับสูง

(2) ระดับต้น

(3) ระดับทรงคุณวุฒิ

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2

(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 3 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 13 – 14), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 46) ระดับตําแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีดังนี้

1ตําแหน่งประเภทบริหาร มี 2 ระดับ คือ ระดับต้น และระดับสูง

2 ตําแหน่งประเภทอํานวยการ มี 2 ระดับ คือ ระดับต้น และระดับสูง

3 ตําแหน่งประเภทวิชาการ มี 5 ระดับ คือ ระดับปฏิบัติการ ระดับชํานาญการระดับชํานาญการพิเศษ ระดับเชี่ยวชาญ และระดับทรงคุณวุฒิ

4 ตําแหน่งประเภททั่วไป มี 4 ระดับ คือ ระดับปฏิบัติงาน ระดับชํานาญงาน ระดับอาวุโสและระดับทักษะพิเศษ ทั้งนี้การจัดประเภทตําแหน่งและระดับตําแหน่งให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กําหนดในกฎ ก.พ.

18 ข้อใดเป็นโทษผิดวินัยข้าราชการพลเรือนสถานเบาที่สุด

(1) ตักเตือน

(2) ตําหนิโทษ ว่ากล่าว

(4) ทําทัณฑ์บน

(5) ภาคทัณฑ์

ตอบ 5 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 22 – 23), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 88), (คําบรรยาย) ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดกระทําผิดวินัย จะต้องได้รับโทษ ทางวินัย เว้นแต่มีเหตุอันควรงดโทษตามที่บัญญัติไว้ในหมวด 7 การดําเนินการทางวินัย โดยโทษทางวินัยมี 5 สถาน ซึ่งแบ่งออกเป็น

1 โทษผิดวินัยประเภทไม่ร้ายแรง มี 3 สถาน ได้แก่ ภาคทัณฑ์ (เบาที่สุด) ตัดเงินเดือน และลดเงินเดือน

2 โทษผิดวินัยประเภทร้ายแรง มี 2 สถาน ได้แก่ ปลดออก และไล่ออก (หนักที่สุด)

19 ข้อใดไม่ใช่หนังสือประชาสัมพันธ์และหนังสือสั่งการตามระเบียบงานสารบรรณฉบับปัจจุบัน

(1) ข้อบังคับ

(2) ข่าว

(3) รายงานการประชุม

(4) แถลงการณ์

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 3 หน้า 403, 416, 422, 428, (เอกสารประกอบการสอน หน้า 26 – 27), (คําบรรยาย) ตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2548 (ฉบับปัจจุบัน) แบ่งหนังสือราชการออกเป็น 6 ชนิด ดังนี้

1 หนังสือภายนอก

2 หนังสือภายใน

3 หนังสือประทับตรา

4 หนังสือสั่งการ มี 3 ชนิด ได้แก่ คําสั่ง ระเบียบ และข้อบังคับ

5 หนังสือประชาสัมพันธ์ มี 3 ชนิด ได้แก่ ประกาศ แถลงการณ์ และข่าว

6 หนังสือที่เจ้าหน้าที่ทําขึ้นหรือรับไว้เป็นหลักฐานในราชการ มี 4 ชนิด ได้แก่หนังสือรับรอง รายงานการประชุม บันทึก และหนังสืออื่น

20 ตําแหน่งรองปลัดกระทรวงการคลังเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญประเภท

(1) บริหารระดับสูง

(2) บริหารระดับต้น

(3) อํานวยการระดับสูง

(4) วิชาการระดับสูง

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 1 (คําบรรยาย) ตําแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มี 2 ระดับ คือ

1 บริหารระดับต้น ได้แก่ รองหัวหน้า ส่วนราชการระดับกรม (รองอธิบดี), รองผู้ว่าราชการจังหวัด, อัครราชทูต เป็นต้น

2 บริหารระดับสูง ได้แก่ หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง (ปลัดสํานักนายกรัฐมนตรีและปลัดกระทรวง), รองหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง (รองปลัดสํานักนายกรัฐมนตรีและ รองปลัดกระทรวง), หัวหน้าส่วนราชการระดับกรม (อธิบดี), หัวหน้าส่วนราชการระดับกรม ที่อยู่ในบังคับบัญชาขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรีตามกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (เช่น เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ผู้อํานวยการสํานักงบประมาณ เลขาธิการ ก.พ. เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฯลฯ), ผู้ว่าราชการจังหวัด เอกอัครราชทูต เป็นต้น

21 การสอบแข่งขันเกี่ยวข้องกับเรื่องใดต่อไปนี้โดยตรง

(1) การย้ายข้าราชการ

(2) การบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการพลเรือน

(3) การเลื่อนระดับตําแหน่งข้าราชการพลเรือน

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2

(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 1. ประกอบ

22 ตําแหน่งใดต่อไปนี้ไม่ใช่ตําแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (1) ปลัดกระทรวง

(2) ปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี

(3) เลขาธิการสํานักงาน ก.พ.

(4) ผู้อํานวยการสํานักงบประมาณ

(5) รองอธิบดี

ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 20. ประกอบ

23 ข้อใดถูกต้องตามระเบียบงานสารบรรณฉบับปัจจุบัน

(1) ข้อบังคับเป็นหนังสือภายใน

(2) ข่าวราชการเป็นหนังสือประทับตรา

(3) ระเบียบเป็นหนังสือสั่งการ

(4) บันทึกข้อความเป็นหนังสือภายนอก

(5) หนังสือรับรองเป็นหนังสือภายนอก

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 19. ประกอบ

24 ข้อใดเป็นคุณสมบัติทั่วไปของข้าราชการพลเรือน

(1) มีสัญชาติไทย

(2) อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี

(3) ไม่เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2

(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 4 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 4 – 5), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 36) คุณสมบัติทั่วไปของข้าราชการพลเรือน ได้แก่

1 มีสัญชาติไทย

2 มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี

3 เป็นผู้เลื่อมใสในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขด้วยความบริสุทธิ์ใจ

25 ผู้มีอํานาจสั่งบรรจุและแต่งตั้งผู้สําเร็จการศึกษาในสาขาวิชาที่ขาดแคลนที่ ก.พ. กําหนด ได้แก่

(1) ก.พ.

(2) อธิบดี

(3) อ.ก.พ. กรม

(4) อ.ก.พ. กระทรวง

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 7. ประกอบ

26 ตําแหน่งใดต่อไปนี้เป็นกรรมการ ก.พ. โดยตําแหน่งตามระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน

(1) รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี

(2) ปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี

(3) ผู้อํานวยการสํานักงบประมาณ

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2

(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 2. ประกอบ

27 การบรรจุและแต่งตั้งผู้ได้รับปริญญาจากต่างประเทศเข้ารับราชการ มีหลักเกณฑ์ที่สําคัญอย่างไร

(1) ต้องให้ ก.พ. พิจารณาตีค่าคุณวุฒิเป็นรายไป

(2) โดยปกติต้องผ่านการสอบแข่งขัน

(3) ก.พ. เป็นผู้ดําเนินการบรรจุและแต่งตั้ง

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2

(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 4 หน้า 93 – 95 การบรรจุและแต่งตั้งผู้ได้รับปริญญาหรือประกาศนียบัตรจากสถาบันการศึกษาต่างประเทศที่ ก.พ. รับรองเข้ารับราชการนั้น โดยปกติจะต้องผ่านการสอบแข่งขันเช่นเดียวกับ ผู้สําเร็จการศึกษาในประเทศหรือบุคคลทั่วไปที่มีคุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่งที่เปิด สอบแข่งขันนั้น แต่ต้องเสนอคุณวุฒิให้ ก.พ. พิจารณารับรองเพื่อตีราคาหรือตีค่าคุณวุฒิ และ กําหนดหลักเกณฑ์การบรรจุเป็นราย ๆ ทุกรายไป โดย ก.พ. จะพิจารณาจากหลักสูตรการศึกษา และความน่าเชื่อถือของสถาบันที่ประสาทปริญญาหรือประกาศนียบัตรนั้นด้วย แต่ ก.พ.จะไม่มีอํานาจในการบรรจุและแต่งตั้ง

28 ระดับใดต่อไปนี้เป็นระดับตําแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทอํานวยการตามระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน

(1) ระดับสูง

(2) ระดับต้น

(3) ระดับเชี่ยวชาญ

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2

(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 17. ประกอบ

29 ข้อใดเป็นวัตถุประสงค์ของระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับแรก

(1) เพื่อความเสมอภาคและยุติธรรม

(2) เพื่อความเป็นมาตรฐาน

(3) เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในสังคม

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2

(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 4 หน้า 30 – 31, (เอกสารประกอบการสอน หน้า 3) วัตถุประสงค์ของ พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2471 (ฉบับแรก) มีดังนี้

1 เพื่อความเป็นระเบียบและมาตรฐาน

2 เพื่อความเสมอภาคและยุติธรรม

3 เพื่อให้หลักประกันความมั่นคงแก่ข้าราชการ

4 เพื่อรักษาประโยชน์ของทางราชการ

30 ตามระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน องค์กรใดต่อไปนี้เป็นผู้จัดทํามาตรฐานกําหนดตําแหน่ง

(1) ก.พ.

(2) ก.ร.พ.

(3) ก.พ.ค.

(4) อ.ก.พ. กระทรวง

(5) อ.ก.พ. กรม

ตอบ 1 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 14), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 48) ให้ ก.พ. เป็นผู้จัดทํามาตรฐานกําหนดตําแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญ โดยจําแนกตําแหน่งเป็นประเภทและสายงานตามลักษณะงาน และจัดตําแหน่งในประเภท เดียวกันและสายงานเดียวกันที่คุณภาพของงานเท่ากันโดยประมาณเป็นระดับเดียวกัน ทั้งนี้ โดยคํานึงถึงลักษณะหน้าที่ความรับผิดชอบและคุณภาพของงาน โดยในมาตรฐานกําหนด ตําแหน่งให้ระบุชื่อตําแหน่งในสายงาน หน้าที่ความรับผิดชอบหลัก และคุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่งไว้ด้วย

31 ตามระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน ระยะเวลาของการทดลองการปฏิบัติหน้าที่ราชการของข้าราชการพลเรือนสามัญที่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้ง ตามปกติกําหนด

(1) 6 เดือน

(2) ไม่เกิน 6 เดือน

(3) ไม่น้อยกว่า 6 เดือนแต่ไม่เกิน 1 ปี

(4) 1 ปี

(5) 1 ปี 6 เดือน

ตอบ 3 หน้า 100 – 101, (เอกสารประกอบการสอน หน้า 18) ตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 บุคคลเมื่อได้รับการบรรจุเข้าเป็นข้าราชการแล้ว ในทางปฏิบัติมักจะได้รับการแต่งตั้ง ให้ทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการก่อน เพื่อทดสอบความเหมาะสมกับงานในตําแหน่งหน้าที่ ก่อนการแต่งตั้งให้เป็นข้าราชการประจําโดยสมบูรณ์ต่อไป ซึ่งระยะเวลาของการทดลอง ปฏิบัติหน้าที่ราชการของผู้ที่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญนั้น ตามปกติกําหนดไว้ไม่น้อยกว่า 6 เดือน แต่ไม่เกิน 1 ปี ทั้งนี้ให้เป็นไปตามกฎ ก.พ. ว่าด้วย การทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการและการพัฒนาข้าราชการที่อยู่ระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่

ราชการ พ.ศ. 2553

32 ระเบียบข้าราชการพลเรือนเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ

(1) สํานักนายกรัฐมนตรี

(2) สํานักงาน ก.พ.

(3) การบริหารงานบุคคลภาครัฐ

(4) การจัดส่วนราชการ

(5) การปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม

ตอบ 3 หน้า 15, (คําบรรยาย) ระเบียบข้าราชการพลเรือนเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการบริหารงานบุคคลหรือการบริหารทรัพยากรมนุษย์ภาครัฐ โดยระเบียบข้าราชการพลเรือน แต่ละฉบับจะตราขึ้นโดยอาศัยหลักวิชาการในทางการบริหารงานบุคคลตามระบบคุณธรรม เป็นเกณฑ์ ดังนั้นการที่จะศึกษาทําความเข้าใจเกี่ยวกับระเบียบข้าราชการพลเรือนจึงจําเป็นต้องมีความรู้ในหลักวิชาของการบริหารงานบุคคลเป็นพื้นฐานที่สําคัญ

33 ชนิดของหนังสือราชการตามระเบียบงานสารบรรณปัจจุบันมีกี่ชนิด

(1) 6 ชนิด

(2) 5 ชนิด

(3) 4 ชนิด

(4) 3 ชนิด

(5) 2 ชนิด

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 19. ประกอบ

34 การแต่งตั้งให้ทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการตามระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน

(1) เป็นขั้นตอนก่อนบรรจุเข้ารับราชการ

(2) เป็นระยะเวลาที่ผู้ทดลองๆ ยังไม่มีสถานภาพเป็นข้าราชการ

(3) ต้องทดลองฯ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กําหนดในกฎ ก.พ.

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2

(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 3 (คําบรรยาย) พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 กําหนดว่า การแต่งตั้งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการนั้น เป็นระยะเวลาที่ผู้ทดลอง ปฏิบัติหน้าที่ราชการมีสถานภาพเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญนับตั้งแต่วันที่ได้รับ การบรรจุให้เข้ารับราชการ แต่ทั้งนี้ต้องทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กําหนดในกฎ ก.พ.

35 คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมตามระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบันมีวาระดํารงตําแหน่งกี่ปี

(1) 6 ปี

(2) 5 ปี

(3) 4 ปี

(4) 3 ปี

(5) 2 ปี

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 11. ประกอบ

36 การสอบคัดเลือกเกี่ยวข้องโดยตรงกับเรื่องใดต่อไปนี้

(1) การแต่งตั้งข้าราชการ

(2) การบรรจุข้าราชการ

(3) การย้ายข้าราชการ

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2

(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 1 หน้า 220 – 221 การสอบคัดเลือก ได้แก่ การสอบเพื่อแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนให้ดํารงตําแหน่งที่สอบได้ตามความเหมาะสม โดยรับสมัครสอบจากข้าราชการพลเรือนซึ่งมี คุณสมบัติและความรู้ที่ต้องการสําหรับตําแหน่งที่จะแต่งตั้ง โดยระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบันกําหนดให้กระทรวง กรมเจ้าสังกัดเป็นผู้ดําเนินการสอบคัดเลือกเอง

37 ระดับใดต่อไปนี้ที่เป็นระดับตําแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญประเภททั่วไป (1) ระดับต้น

(2) ระดับชํานาญงาน

(3) ระดับทรงคุณวุฒิ

(4) ระดับเชี่ยวชาญ

(5) ระดับชํานาญการพิเศษ

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 17. ประกอบ

38 ตําแหน่งใดต่อไปนี้เป็นประธาน อ.ก.พ. กระทรวง

(1) รัฐมนตรีว่าการกระทรวง

(2) นายกรัฐมนตรี

(3) ปลัดกระทรวง

(4) รองปลัดกระทรวง

(5) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง

ตอบ 1 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 9), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 15), (คําบรรยาย) อ.ก.พ. กระทรวง ประกอบด้วย

1 อนุกรรมการโดยตําแหน่ง ได้แก่ รัฐมนตรีเจ้าสังกัด (รัฐมนตรีว่าการกระทรวง) เป็นประธาน ปลัดกระทรวง เป็นรองประธาน และผู้แทน ก.พ. 1 คน

2 อนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งรัฐมนตรีเจ้าสังกัดแต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล ด้านการบริหารและการจัดการ และด้านกฎหมาย ที่มิได้เป็นข้าราชการ ในกระทรวงนั้น จํานวนไม่เกิน 3 คน

3 อนุกรรมการผู้แทนข้าราชการ ซึ่งรัฐมนตรีเจ้าสังกัดแต่งตั้งจากข้าราชการพลเรือนผู้ดํารงตําแหน่งประเภทบริหารระดับสูงในกระทรวงนั้น จํานวนไม่เกิน 5 คน

4 ให้ อ.ก.พ. กระทรวง ตั้งเลขานุการ 1 คน

39 ตามระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน องค์กรใดต่อไปนี้อาจกําหนดตําแหน่งที่มีชื่ออย่างอื่น เพื่อประโยชน์ในการบริหารงานได้

(1) กพ.ค.

(2) ก.พ.

(3) อ.ก.พ. กระทรวง

(4) อ.ก.พ. กรม

(5) อ.ก.พ. จังหวัด

ตอบ 3 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 13), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 44) นอกจากตําแหน่งที่กําหนดในกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดินแล้ว อ.ก.พ. กระทรวงอาจกําหนดตําแหน่งที่มีชื่ออย่างอื่นเพื่อประโยชน์ในการบริหารงาน และแจ้งให้ ก.พ. ทราบด้วย

40 โทษผิดวินัยประเภทร้ายแรงตามระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบันมีกีสถาน

(1) 2 สถาน

(2) 3 สถาน

(3) 4 สถาน

(4) 5 สถาน

(5) 6 สถาน

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 18. ประกอบ

41 ข้อใดเป็นหลักการสําคัญของระบบราชการ

(1) มีลําดับขั้นการบังคับบัญชา

(2) ฝ่ายจัดการมิใช่เจ้าของกิจการ

(3) มีฝ่ายกําหนดนโยบายสาธารณะ

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2

(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 4 หน้า 1 – 7, (เอกสารประกอบการสอน หน้า 1 – 2) ระบบราชการมีลักษณะดังนี้

1 เป็นการค้นหาความสมเหตุสมผล

2 มีลําดับขั้นการบังคับบัญชา

3 มีการกําหนดโครงสร้างของงานที่สมเหตุสมผล

4 มีการแบ่งงานกันทําตามความชํานาญ เฉพาะด้าน

5 เป็นการทํางานภายในกรอบของกฎหมาย

6 เป็นระบบค่านิยมอย่างหนึ่ง

7 ฝ่ายจัดการไม่ใช่เจ้าของกิจการ ฯลฯ

42 ข้อใดเป็นลักษณะของข้าราชการพลเรือน

(1) เน้นเรื่องความรู้ความสามารถ

(2) มีหลักประกันความมั่นคง

(3) มีวาระในการดํารงตําแหน่ง

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2

(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 4 หน้า 32 ลักษณะของข้าราชการพลเรือนสามัญตามระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2471 (ฉบับแรก) มีดังนี้

1 เป็นข้าราชการประจํา (ไม่มีวาระการดํารงตําแหน่ง)

2 มีหลักประกันความมั่นคง

3 ได้รับการเลือกสรรเข้ารับราชการโดยถือเอาความรู้ความสามารถเป็นเกณฑ์ หรือเน้นเรื่องคุณวุฒิ ฯลฯ

43 ระดับตําแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญประเภททั่วไปมีกี่ระดับ

(1) 2 ระดับ

(2) 3 ระดับ

(3) 4 ระดับ

(4) 5 ระดับ

(5) 6 ระดับ

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 17. ประกอบ

44 ข้าราชการพลเรือนที่อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลโดยตรงของคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนตามระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบันส่วนใหญ่เป็น

(1) ข้าราชการพลเรือนสามัญ

(2) ข้าราชการพลเรือนในพระองค์

(3) ข้าราชการครู

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2

(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 15. ประกอบ

45 เรื่องใดต่อไปนี้ไม่ได้บัญญัติในระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน

(1) ศาลรัฐธรรมนูญ

(2) ศาลปกครอง

(3) ข้าราชการประจําต่างประเทศพิเศษ

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2

(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 5 (คําบรรยาย) พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ได้บัญญัติเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการพลเรือนไว้หลายเรื่อง เช่น การบรรจุและแต่งตั้ง การย้าย การโอน การสับเปลี่ยนหน้าที่ การออกจากราชการ การอุทธรณ์ การร้องทุกข์ คณะกรรมการพิทักษ์ ระบบคุณธรรม ฯลฯ ส่วนเรื่องศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการการเลือกตั้ง ศาลปกครอง ศาลทหาร ข้าราชการประจําต่างประเทศพิเศษ เป็นเรื่องที่ไม่ได้บัญญัติไว้ในระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน

46 ตําแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญตามระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน ประเภทอํานวยการ ได้แก่ตําแหน่ง

(1) หัวหน้าส่วนราชการที่ต่ำกว่าระดับกรม

(2) หัวหน้าส่วนราชการระดับกรม

(3) หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2

(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 9. ประกอบ

47 ข้าราชการพลเรือนสามัญระดับใดต่อไปนี้ที่ไม่ได้รับเงินประจําตําแหน่ง

(1) ระดับปฏิบัติการ

(2) ระดับปฏิบัติงาน

(3) ระดับชํานาญการ

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2

(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 5. ประกอบ

48 การยื่นอุทธรณ์คําสั่งลงโทษทางวินัยขั้นปลดออกจากราชการให้ยื่นต่อองค์กรใด (1) ก.พ.

(2) ก.พ.ค.

(3) ศาลปกครอง

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2

(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 2 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 20 – 25), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 114), (คําบรรยาย) ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดถูกสั่งลงโทษตาม พ.ร.บ. ระเบียบ ข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ไม่ว่าจะเป็นโทษทางวินัยสถานใด (เช่น ปลดออก ไล่ออก) หรือ ผู้ถูกสั่งให้ออกจากราชการตามมาตรา 110 (1) (3) (5) (6) (7) และ (8) ของ พ.ร.บ. ระเบียบ ข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ให้ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้นั้นมีสิทธิอุทธรณ์ต่อ ก.พ.ค. ภายใน 30 วันนับแต่วันทราบหรือถือว่าทราบคําสั่ง

49 ข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทใดต่อไปนี้ที่ได้รับเงินประจําตําแหน่งทุกระดับ (1) ประเภทบริหาร

(2) ประเภทอํานวยการ

(3) ประเภทวิชาการ

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2

(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 5. ประกอบ

50 ตามระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน กรรมการ ก.พ. ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งอยู่ในตําแหน่งคราวละกี่ปี

(1) 6 ปี

(2) 5 ปี

(3) 4 ปี

(4) 3 ปี

(5) 2 ปี

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 2. ประกอบ

51 ตําแหน่งใดต่อไปนี้เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทวิชาการ

(1) นิติกรระดับปฏิบัติการ

(2) นักวิชาการศึกษาระดับชํานาญการ

(3) เจ้าหน้าที่ปกครองระดับชํานาญการพิเศษ

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2

(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 17. ประกอบ

52 ตําแหน่งใดต่อไปนี้เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทอํานวยการ

(1) ผู้ว่าราชการจังหวัด

(2) รองผู้ว่าราชการจังหวัด

(3) นายอําเภอ

(4) ปลัดอําเภออาวุโส

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 3 (คําบรรยาย) ข้าราชการพลเรือนสามัญตําแหน่งประเภทอํานวยการตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มี 2 ระดับ คือ

1 อํานวยการระดับต้น ได้แก่ หัวหน้าส่วนราชการที่ต่ำกว่าระดับกรม (ผู้อํานวยการกอง/ศูนย์, เลขานุการกรม), หัวหน้าสํานักงานจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการประจําจังหวัด (ระดับต้น), นายอําเภอ (ระดับต้น) เป็นต้น

2 อํานวยการระดับสูง ได้แก่ หัวหน้าส่วนราชการที่ต่ำกว่าระดับกรม (ผู้อํานวยการสํานัก/ศูนย์/สถาบัน), หัวหน้าสํานักงานจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการประจําจังหวัด (ระดับสูง), ปลัดจังหวัด, นายอําเภอ (ระดับสูง), ผู้ตรวจราชการกรม เป็นต้น (ดูคําอธิบายข้อ 20. ประกอบ)

53 ระดับใดต่อไปนี้เป็นระดับตําแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทวิชาการ (1) ระดับสูง

(2) ระดับทักษะพิเศษ

(3) ระดับทรงคุณวุฒิ

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2

(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 17. ประกอบ

54 การยื่นหนังสือขอลาออกจากราชการกรณีใดต่อไปนี้ที่ผู้บังคับบัญชาที่มีอํานาจสั่งอนุญาตต้องอนุญาตให้ลาออก โดยมีผลนับแต่วันที่ผู้นั้นขอลาออก

(1) กรณีเพื่อดํารงตําแหน่งทางการเมือง

(2) กรณีเพื่อดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ

(3) กรณีเพื่อสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2

(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 5 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 24), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 109 วรรคห้า), (คําบรรยาย) ในกรณีที่ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดประสงค์จะลาออกจากราชการ เพื่อไปดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ (เช่น คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)) ตําแหน่งทางการเมือง (เช่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวง, เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวง) หรือตําแหน่งอื่นที่ ก.พ. กําหนด หรือเพื่อสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกรัฐสภา (ส.ส. และ ส.ว.) สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น (เช่น นายก อบต.) ผู้บังคับบัญชาที่มีอํานาจตามมาตรา 57 ไม่อาจยับยั้งการลาออกได้ และให้การลาออกมีผลนับตั้งแต่วันที่ผู้นั้นขอลาออก

55 ระดับตําแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทวิชาการมีกี่ระดับ

(1) 6 ระดับ

(2) 5 ระดับ

(3) 4 ระดับ

(4) 3 ระดับ

(5) 2 ระดับ

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 17. ประกอบ

56 พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน คือฉบับ พ.ศ.

(1) 2540

(2) 2550

(3) 2551

(4) 2552

(5) 2535

ตอบ 3 (คําบรรยาย) พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน คือ ฉบับ พ.ศ. 2551 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2551 โดย พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าวได้กําหนดให้ ยกเลิก พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับเดิม คือ ฉบับ พ.ศ. 2535 และฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติมทั้งหมด

57 ตําแหน่งใดต่อไปนี้ไม่ได้เป็นกรรมการ ก.พ. โดยตําแหน่ง

(1) นายกรัฐมนตรี

(2) ปลัดกระทรวงการคลัง

(3) ผู้อํานวยการสํานักงบประมาณ

(4) เลขาธิการ ก.พ.

(5) ปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี

ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 2. ประกอบ

58 ข้อใดเป็นโทษผิดวินัยข้าราชการพลเรือนสามัญสถานหนักที่สุด

(1) ประหารชีวิต

(2) จําคุก

(3) ริบทรัพย์

(4) ปลดออก

(5) ไล่ออก

ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 18. ประกอบ

59 หนังสือสั่งการตามระเบียบงานสารบรรณฉบับปัจจุบันมีกี่ชนิด

(1) 6 ชนิด

(2) 5 ชนิด

(3) 4 ชนิด

(4) 3 ชนิด

(5) 2 ชนิด

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 19. ประกอบ

60 หนังสือราชการชนิดใดต่อไปนี้ต้องมีคําขึ้นต้นและคําลงท้าย

(1) หนังสือประทับตรา

(2) หนังสือภายนอก

(3) หนังสือภายใน

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2

(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 2 หน้า 404 – 407, (คําบรรยาย) ตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2548 หนังสือภายนอก คือ หนังสือติดต่อราชการที่เป็นแบบพิธี โดยใช้กระดาษตราครุฑ เป็นหนังสือติดต่อระหว่างส่วนราชการ หรือส่วนราชการมีถึงหน่วยงาน อื่นใดซึ่งมิใช่ส่วนราชการ หรือที่มีถึงบุคคลภายนอก ซึ่งหนังสือภายนอกนี้จะต้องมีคําขึ้นต้น และคําลงท้ายตามฐานะของผู้รับหนังสือตามตารางการใช้คําขึ้นต้น สรรพนาม และคําลงท้ายที่กําหนดไว้ในภาคผนวก 2

 

ตั้งแต่ข้อ 61. – 100. ข้อใดถูกให้ระบายในช่อง 1 ข้อใดผิดให้ระบายในช่อง 2

 

61 เงินประจําตําแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญไม่ถือเป็นเงินเดือน เพื่อเป็นเกณฑ์ในการคํานวณบําเหน็จบํานาญตามกฎหมายว่าด้วยบําเหน็จบํานาญข้าราชการ

ตอบ 1 หน้า 55, (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 50 วรรคห้า)เงินประจําตําแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญ ไม่ถือเป็นเงินเดือนเพื่อเป็นเกณฑ์ในการคํานวณบําเหน็จบํานาญตามกฎหมายว่าด้วยบําเหน็จบํานาญข้าราชการ

62 ผู้มีอํานาจกําหนดตําแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญของส่วนราชการระดับกรม คือ อธิบดี

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 39. ประกอบ

63 ข้าราชการพลเรือนสามัญบางระดับของประเภทต่าง ๆ อาจได้รับเงินประจําตําแหน่งด้วย

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 5. ประกอบ

64 ข้าราชการพลเรือนสามัญประเภททั่วไประดับอาวุโสได้รับเงินประจําตําแหน่งด้วย

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 5. ประกอบ

65 การปรับอัตราเงินเดือนของข้าราชการพลเรือนสามัญให้กระทําโดยพระราชกฤษฎีกา

ตอบ 2 (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 138), (คําบรรยาย) การปรับเงินเดือนและเงินประจําตําแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญเข้าตามระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบันนั้น ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะรัฐมนตรีกําหนด

66 บัญชีอัตราเงินเดือนข้าราชการพลเรือนสามัญ ปัจจุบันกําหนดเป็นขั้นต่ำและขั้นสูงเช่นเดียวกันกับระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับที่แล้วมา

ตอบ 2 (ดูคําอธิบายข้อ 4. ประกอบ) พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 กําหนดให้มีบัญชีอัตราเงินเดือนบัญชีเดียว โดยจัดให้เป็นอันดับเงินเดือนเพื่อให้สอดคล้องกับการจําแนกตําแหน่งตามแบบ Single Classification Scheme

67 ระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบันได้กําหนดเรื่องการอุทธรณ์ไว้ซึ่งสอดคล้องกับหลักความมั่นคงตามระบบคุณธรรมในการบริหารงานบุคคล

ตอบ 1 หน้า 18, (คําบรรยาย) หลักความมั่นคง (Security) ตามระบบคุณธรรมในการบริหารงานบุคคลหมายถึง การให้หลักประกันแก่ข้าราชการที่มีผลงานและความประพฤติดีจะต้องไม่ถูกให้ออก จากงานโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร โดย พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ได้กําหนด เรื่องที่สอดคล้องกับหลักการนี้ไว้หลายเรื่อง เช่น การออกจากราชการว่าจะออกเมื่อใด การอุทธรณ์ การร้องทุกข์ การสอบสวนและการดําเนินการทางวินัย เป็นต้น

68 ข้าราชการอัยการไม่อาจโอนมาเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญได้

ตอบ 2 (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 64 วรรคหนึ่ง), (คําบรรยาย)การโอนพนักงานส่วนท้องถิ่น ข้าราชการที่ไม่ใช่ข้าราชการพลเรือนสามัญ (เช่น ข้าราชการ ตํารวจ ข้าราชการทหาร ข้าราชการครู ข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย ข้าราชการตุลาการ (ผู้พิพากษา) ข้าราชการอัยการ ข้าราชการรัฐสภา เป็นต้น) และเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานอื่นของรัฐ ที่ ก.พ. กําหนด มาบรรจุเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ตลอดจนจะแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่ง ประเภทใด สายงานใด ระดับใด และให้ได้รับเงินเดือนเท่าใด ให้กระทําได้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.พ. กําหนด

69 บํานาญ คือ เงินตอบแทนความชอบที่ได้รับราชการมาเมื่อพ้นจากราชการ ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิได้รับตามกฎหมายบําเหน็จบํานาญข้าราชการ บํานาญจ่ายเป็นรายเดือน ตอบ 1 หน้า 69 – 70, (คําบรรยาย) บํานาญ หมายถึง เงินตอบแทนความชอบที่ได้รับราชการมาเมื่อพ้นจากหน้าที่ราชการแล้ว ซึ่งผู้ที่จะได้รับบํานาญนี้จะต้องเป็นผู้มีสิทธิได้รับตามกฎหมายว่าด้วยบําเหน็จบํานาญข้าราชการ โดยบํานาญจ่ายให้เป็นรายเดือน

70 คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม เป็นคณะกรรมการที่กําหนดไว้ในระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับก่อนฉบับปัจจุบัน และยังคงกําหนดในระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบันด้วย

ตอบ 2 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 7), (คําบรรยาย) คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม(ก.พ.ค.) เป็นองค์กรกลางในการบริหารงานบุคคล ซึ่งเป็นคณะกรรมการที่ไม่เคยบัญญัติ ในระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับใดมาก่อน เพราะเป็นองค์กรที่เพิ่งบัญญัติขึ้นใหม่ตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 เพื่อพิทักษ์คุ้มครองความเป็นธรรมให้ บรรดาข้าราชการพลเรือน และพิทักษ์ระบบการบริหารงานบุคคลของข้าราชการพลเรือนให้เป็นไปตามระบบคุณธรรม

71 โทษผิดวินัยขั้นปลดออกจากราชการตามระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบันมีสิทธิรับบําเหน็จบํานาญตามกฎหมายบําเหน็จบํานาญข้าราชการ

ตอบ 1 หน้า 267, (เอกสารประกอบการสอน หน้า 23), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือนพ.ศ. 2551 มาตรา 97 วรรคสี), (คําบรรยาย) ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดถูกสั่งลงโทษ ทางวินัยขั้นปลดออกจากราชการตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ให้มีสิทธิ ได้รับบําเหน็จบํานาญเสมือนว่าผู้นั้นลาออกจากราชการ และต้องเข้าหลักเกณฑ์ตามกฎหมาย ว่าด้วยบําเหน็จบํานาญข้าราชการด้วย ส่วนข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดถูกสั่งลงโทษทางวินัย ขั้นไล่ออกจากราชการ จะไม่มีสิทธิได้รับบําเหน็จบํานาญตามกฎหมายว่าด้วยบําเหน็จบํานาญข้าราชการ

72 รองอธิบดีเป็นตําแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทอํานวยการระดับสูงเช่นเดียวกับตําแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 20, และ 52. ประกอบ

73 การบรรจุแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ เป็นอํานาจของปลัดกระทรวง

ตอบ 2 (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 57 (7)) การบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดนําเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติ เมื่อได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้ว ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดเป็นผู้สั่งบรรจุ และให้นายกรัฐมนตรีนําความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง

74 ระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบันได้กําหนดเรื่องการสอบสวนทางวินัยไว้ อาจกล่าวได้ว่าเป็นการกําหนดที่สอดคล้องกับหลักความเป็นธรรมตามระบบคุณธรรม

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 67. ประกอบ

75 การบรรจุแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญตําแหน่งปลัดกระทรวงต้องผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีและต้องนําความกราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งด้วย

ตอบ 1 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 16 – 17), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551มาตรา 57 (1) (2) (7)), (คําบรรยาย) ตําแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญที่มีขั้นตอนการบรรจุ และแต่งตั้งโดยต้องขออนุมัติหรือขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีและนําความกราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง หรือต้องมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ได้แก่

1 ตําแหน่งประเภทบริหารระดับสูง เช่น ปลัดกระทรวง รองปลัดกระทรวง อธิบดีผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นต้น

2 ตําแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ

76 ข้าราชการพลเรือนสามัญที่กระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรงอาจถูกลงโทษทางวินัยขั้นปลดออก และหากการกระทํานั้นเป็นความผิดกฎหมายทางอาญาอาจถูกดําเนินคดีอาญาอีกส่วนหนึ่งต่างหากด้วย

ตอบ 1 หน้า 265 สําหรับข้าราชการพลเรือนสามัญที่กระทําผิดวินัยนั้น นอกจากจะต้องรับโทษทางวินัยตามประเภทความผิด 5 สถานแล้ว ถ้าหากการกระทํานั้นเป็นความผิดตามกฎหมายอาญาหรือกฎหมายแพ่งจะต้องรับโทษอีกส่วนหนึ่งต่างหากด้วย

77 เอกสารที่ทางราชการจัดทําขึ้นเพื่อเป็นหลักฐานในราชการ ถือว่าเป็นหนังสือราชการ

ตอบ 1 หน้า 403, (คําบรรยาย) ระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2548 กําหนดว่า หนังสือราชการ คือ เอกสารที่เป็น หลักฐานในราชการ ได้แก่

1 หนังสือที่มีไปมาระหว่างส่วนราชการ

2 หนังสือที่ส่วนราชการมีไปถึงหน่วยงานอื่นใดซึ่งมิใช่ส่วนราชการ หรือที่มีไปถึงบุคคลภายนอก

3 หนังสือที่หน่วยงานอื่นใดซึ่งมิใช่ส่วนราชการ หรือบุคคลภายนอกมีมาถึงส่วนราชการ

4 เอกสารที่ทางราชการจัดทําขึ้นเพื่อเป็นหลักฐานในราชการ

5 เอกสารที่ทางราชการจัดทําขึ้นตามกฎหมาย ระเบียบ หรือข้อบังคับ

6 ข้อมูลข่าวสารหรือหนังสือที่ได้รับจากระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์

78 การย้ายข้าราชการพลเรือนสามัญไปแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งในระดับที่ต่ำกว่าเดิม ผู้มีอํานาจสั่งย้ายจะกระทําได้ต่อเมื่อได้รับอนุมัติจากรัฐมนตรีเจ้าสังกัดแล้ว

ตอบ 2 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 18), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 63 วรรคสาม), (คําบรรยาย) การย้ายหรือการโอนข้าราชการพลเรือนสามัญไปแต่งตั้ง ให้ดํารงตําแหน่งในระดับที่ต่ํากว่าเดิม ผู้มีอํานาจสั่งย้ายจะกระทํามิได้ เว้นแต่จะได้รับความยินยอมจากข้าราชการพลเรือนสามัญผู้นั้น ส่วนการย้ายไปแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งในระดับที่สูงกว่าเดิม จะไม่สามารถดําเนินการได้แต่ต้องใช้วิธีการสอบคัดเลือกเพื่อแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งแทน

79 เงินเดือนและเงินประจําตําแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญกําหนดไว้ท้ายพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน

ตอบ 1 (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 50), (คําบรรยาย) เงินเดือนและเงินประจําตําแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญ กําหนดไว้ท้ายพระราชบัญญัติระเบียบ ข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน ทั้งนี้ผู้ดํารงตําแหน่งประเภทใด สายงานใด ระดับใด จะได้รับ เงินเดือนตามบัญชีเงินเดือนขั้นต่ําขั้นสูงของข้าราชการพลเรือนสามัญเท่าใด หรือจะได้รับ เงินประจําตําแหน่งตามบัญชีอัตราเงินประจําตําแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญท้ายพระราชบัญญัตินี้ในอัตราใด ให้เป็นไปตามที่กําหนดในกฎ ก.พ.

80 การบรรจุแต่งตั้งผู้ได้รับปริญญาจากต่างประเทศเข้ารับราชการ โดยปกติจะต้องผ่านการสอบแข่งขันเช่นเดียวกับบุคคลทั่วไปที่มีคุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่งที่เปิดสอบแข่งขันนั้น

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 27. ประกอบ

81 กฎหมายระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2471 เป็นกฎหมายระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับแรกมีผลใช้บังคับทันทีนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา

ตอบ 2 หน้า 29, (เอกสารประกอบการสอน หน้า 3) พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2471ได้ประกาศเป็นกฎหมายระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับแรกเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2471 โดยทั้งนี้ยังมิได้ใช้บังคับทันทีนับแต่วันประกาศเป็นกฎหมาย แต่ให้เริ่มมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2472 เป็นต้นไป

82 กรรมการ ก.พ. ผู้ทรงคุณวุฒิ เมื่อพ้นจากตําแหน่งตามวาระแล้ว อาจได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็น กรรมการ ก.พ. อีกก็ได้

ตอบ 1 (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 7 วรรคสาม และวรรคสี่), (คําบรรยาย) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของ ก.พ. ซึ่งพ้นจากตําแหน่งตามวาระ จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นกรรมการอีกก็ได้ แต่ถ้าเมื่อพ้นจากตําแหน่งแล้วยังมิได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งกรรมการใหม่ ให้กรรมการนั้นปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งกรรมการใหม่

83 ข้าราชการพลเรือนอาจได้รับเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวตามภาวะเศรษฐกิจ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะรัฐมนตรีกําหนด

ตอบ 1 (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 38 วรรคสอง) ข้าราชการพลเรือนอาจได้รับเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวตามภาวะเศรษฐกิจ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะรัฐมนตรีกําหนด

84 ผู้เคยกระทําการทุจริตในการสอบเข้ารับราชการหรือสอบเข้าปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐ ระเบียบฯบัญญัติว่า ทําให้ขาดคุณสมบัติทั่วไปของการเป็นข้าราชการพลเรือน

ตอบ 2 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 4 – 6), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 36), (คําบรรยาย) ผู้ที่จะเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนซึ่งมีลักษณะต้องห้าม โดยไม่มีเงื่อนไขเกี่ยวกับเวลาบังคับไว้ ก.พ. อาจพิจารณายกเว้นให้สมัครเข้ารับราชการได้ โดยไม่ทําให้ขาดคุณสมบัติทั่วไป มี 4 กรณี ดังนี้

1 เป็นผู้บกพร่องในศีลธรรมอันดีจนเป็นที่รังเกียจของสังคม

2 เป็นบุคคลล้มละลาย

3 เป็นผู้เคยต้องรับโทษจําคุกโดยคําพิพากษาถึงที่สุดให้จําคุกเพราะกระทําความผิดทางอาญา

4 เป็นผู้เคยกระทําการทุจริตในการสอบเข้ารับราชการ หรือเข้าปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐ

85 ผู้ที่เคยเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญมาก่อน ต่อมาได้ลาออกจากราชการไปโดยไม่มีความผิดวินัยแต่ประการใดถ้าประสงค์ขอกลับเข้ารับราชการอาจยื่นเรื่องขอกลับเข้ารับราชการที่กระทรวง ทบวง กรมเดิมและจะต้อง ได้รับการบรรจุเข้ารับราชการในตําแหน่งเดิมด้วย

ตอบ 2 หน้า 99, (คําบรรยาย) ผู้ที่เคยเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญมาก่อนและลาออกจากราชการไปโดยไม่มีความผิดวินัย แต่ประการใด ถ้าประสงค์ขอกลับเข้ารับราชการ อาจยื่นเรื่องราวขอกลับ เข้ารับราชการในกระทรวง กรมใด ๆ ก็ได้ โดยไม่ได้จํากัดเฉพาะกระทรวง กรมเดิมที่เคยสังกัดก่อนออกจากราชการ และอาจได้รับการบรรจุแต่งตั้งในระดับและเงินเดือนที่ไม่สูงกว่าเดิม

86 บําเหน็จดํารงชีพเป็นเงินที่ข้าราชการผู้รับบํานาญได้รับไม่เกิน 15 เท่าของบํานาญ อาจได้รับในปีที่เกษียณอายุราชการ เมื่ออายุครบ 60 ปีในวันสิ้นปีงบประมาณ และอาจได้รับอีกครั้งหนึ่งก็ได้ เมื่ออายุครบ 65 ปีบริบูรณ์

ตอบ 1 (คําบรรยาย) บําเหน็จดํารงชีพ คือ เงินที่จ่ายให้ข้าราชการบํานาญเพื่อช่วยเหลือการดํารงชีพโดยจ่ายให้ครั้งเดียว ซึ่งให้จ่ายในอัตรา 15 เท่าของบํานาญรายเดือน แต่ไม่เกิน 4 แสนบาท โดยปัจจุบันแบ่งจ่ายเป็น 2 งวด คือ งวดแรกจ่ายเมื่ออายุครบ 60 ปีในปีที่เกษียณอายุราชการ ไม่เกิน 2 แสนบาท และงวดที่สองจ่ายที่เหลือเมื่ออายุครบ 65 ปีบริบูรณ์ อีกครั้งหนึ่ง ไม่เกิน 4 แสนบาท

87 ผู้กระทําการทุจริตในการสอบเข้ารับราชการ ทําให้ขาดคุณสมบัติเฉพาะในการสมัครเข้ารับราชการ

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 84. ประกอบ

88 “การสอบคัดเลือก” ระเบียบฯ กําหนดให้กระทรวง ทบวง กรม เจ้าสังกัดเป็นผู้ดําเนินการ

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 36. ประกอบ

89 ผู้ที่จะเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือน ซึ่งเป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามบางประการ ก.พ. อาจพิจารณายกเว้นให้เข้ารับราชการได้ แต่มติของ ก.พ. ในการยกเว้นดังกล่าวต้องเป็นการประชุมลับและต้องได้ คะแนนเสียง 3 ใน 5 ของกรรมการที่มาประชุม

ตอบ 2 (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 36 วรรคสอง และวรรคสี่) มติของ ก.พ. ในการยกเว้นลักษณะต้องห้ามบางประการสําหรับผู้ที่จะเข้ารับราชการเป็น ข้าราชการพลเรือนนั้น ต้องได้คะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 4 ใน 5 ของกรรมการที่มาประชุม และการลงมติให้กระทําโดยลับ ซึ่งในการนี้ ก.พ. อาจจะยกเว้นให้เป็นการเฉพาะรายหรือจะประกาศยกเว้นให้เป็นการทั่วไปก็ได้

90 การเลื่อนเงินเดือนข้าราชการพลเรือนสามัญ โดยปกติให้เลื่อนปีละ 2 ครั้ง

ตอบ 1 หน้า 173, (คําบรรยาย) การเลื่อนขั้นเงินเดือนหรือการพิจารณาความดีความชอบของ ข้าราชการพลเรือนแต่เดิมนั้น จะกระทําได้เพียงปีละ 1 ครั้ง แต่ปัจจุบันได้กําหนดให้ เลื่อนขั้นเงินเดือนไว้ปีละ 2 ครั้ง โดยการเลื่อนขั้นเงินเดือนจะกําหนดเป็นอัตราร้อยละ ของเงินเดือน

91 ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญตามระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน

ตอบ 2 หน้า 38, (คําบรรยาย) ข้าราชการพลเรือนสามัญ ได้แก่ ข้าราชการพลเรือนทั่วไปที่ปฏิบัติราชการประจําอยู่ตามกระทรวง กรมฝ่ายพลเรือน หรือจังหวัด และอําเภอในราชการส่วนภูมิภาค เช่น ปลัดกระทรวง ผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจังหวัด ปลัดอําเภอ ฯลฯ (ส่วนปลัดกรุงเทพมหานคร, ผู้อํานวยการเขตของกรุงเทพมหานคร เป็นข้าราชการกรุงเทพมหานครสามัญ, ปลัด อบต. ปลัด อบจ. ปลัดเทศบาล (นคร-เมือง-ตําบล) เป็นข้าราชการส่วนท้องถิ่น)

92 บําเหน็จตกทอด กําหนดให้ผู้รับบํานาญตอนถึงแก่กรรม ซึ่งตกแก่ทายาท ซึ่งจะได้รับ 30 เท่าของบํานาญปัจจุบันจะต้องลบด้วยบําเหน็จดํารงชีพที่ผู้รับบํานาญรับไปก่อนแล้ว

ตอบ 1 (คําบรรยาย) การคํานวณบําเหน็จตกทอดกรณีผู้รับบํานาญตายนั้น ทายาทผู้มีสิทธิรับบําเหน็จตกทอดจะได้รับตามสูตรดังนี้

บําเหน็จตกทอด = บํานาญ x 30 – บําเหน็จดํารงชีพที่ได้รับไปแล้ว

93 ประธานศาลฎีกาเป็นประธานคณะกรรมการคัดเลือกคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมตามระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน

ตอบ 2 (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 26 วรรค 1) คณะกรรมการคัดเลือกคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม ประกอบด้วย ประธานศาลปกครองสูงสุด เป็นประธาน รองประธานศาลฎีกาที่ได้รับมอบหมายจากประธานศาลฎีกา 1 คน, กรรมการ ก.พ. ผู้ทรงคุณวุฒิ 1 คน ซึ่งได้รับเลือกโดย ก.พ. และให้เลขาธิการ ก.พ. เป็นกรรมการและเลขานุการ

94 การบริหารงานบุคคลอาจจําแนกวิธีการบริหารได้เป็น 2 ระบบ คือระบบจําแนกตําแหน่งกับระดับชั้นยศ

ตอบ 2 หน้า 17 ในการบริหารงานบุคคลอาจจําแนกวิธีการบริหารได้เป็น 2 ระบบ คือ ระบบคุณธรรมกับระบบอุปถัมภ์

95 การให้ออกจากราชการเป็นโทษผิดวินัยที่ใช้ลงโทษแก่ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้กระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรง ซึ่งเบากว่าโทษไล่ออกจากราชการ

ตอบ 2 (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 96 และมาตรา 97), (คําบรรยาย)การสั่งลงโทษข้าราชการพลเรือนสามัญผู้กระทําผิดวินัย แบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ

1 กรณีกระทําผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรง ให้ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจสั่งลงโทษ สั่งลงโทษภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน หรือลดเงินเดือนตามควรแก่กรณีให้เหมาะสมกับความผิด

2 กรณีกระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรง ให้ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจสั่งลงโทษ สั่งลงโทษปลดออกหรือไล่ออกตามความร้ายแรงแห่งกรณี ถ้ามีเหตุอันควรลดหย่อนจะนํามา ประกอบการพิจารณาลดโทษก็ได้ แต่ห้ามมิให้ลดโทษลงต่ำกว่าปลดออก (พึงสังเกต ด้วยว่าตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 นี้ จะไม่มีโทษผิดวินัย สถาน “ให้ออก” ดังนั้นการให้ออกจากราชการตาม พ.ร.บ. ดังกล่าวไม่ว่าในกรณีใด ๆจึงไม่ถือเป็นการลงโทษทางวินัย)

96 การย้ายข้าราชการพลเรือนสามัญไปแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งในระดับต่ำกว่าเดิม ผู้มีอํานาจสั่งย้ายจะกระทําได้เมื่อเจ้าตัวยินยอมและเมื่อได้รับอนุมัติจากรัฐมนตรีเจ้าสังกัดแล้ว

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 78. ประกอบ

97 การโอนพนักงานเทศบาลหรือข้าราชการอื่นมาเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ต้องเกิดจากความสมัครใจของเจ้าตัวผู้ขอโอนเอง ถ้าเจ้าตัวไม่สมัครใจจะบังคับให้โอนไม่ได้

ตอบ 1 หน้า 158 159 การโอนพนักงานเทศบาลหรือข้าราชการอื่นมาบรรจุเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญต้องเกิดจากความสมัครใจของตัวผู้ขอโอนเอง โดยเมื่อผู้มีอํานาจสั่งบรรจุ ของทั้ง 2 หน่วยงานตกลงกันได้แล้ว ก็ให้เสนอเรื่องไปยัง ก.พ. เพื่อพิจารณาอนุมัติซึ่ง ก.พ. จะพิจารณาอนุมัติโดยคํานึงถึงประโยชน์ที่ทางราชการจะได้รับเป็นหลักสําคัญ

98 กรณีข้าราชการพลเรือนสามัญถูกกล่าวหาว่ากระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรง ให้มีการสอบสวนตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.พ. กําหนด เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้ถูกกล่าวหา

ตอบ 1 (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 93), (คําบรรยาย) การดําเนินการทางวินัยข้าราชการพลเรือนสามัญ กรณีมีมูลอันเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ให้ผู้บังคับบัญชา ซึ่งมีอํานาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน โดยในการสอบสวนต้อง แจ้งข้อกล่าวหาและสรุปพยานหลักฐานให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ พร้อมทั้งรับฟังคําชี้แจงของ

ผู้ถูกกล่าวหา เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้ถูกกล่าวหา

99 ลักษณะสําคัญของระบบราชการประการหนึ่ง คือ การทํางานภายในกรอบของกฎหมาย

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 41. ประกอบ

100 ข้าราชการพลเรือนสามัญที่ถูกสั่งให้ออกจากราชการในระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการให้ถือเสมือนว่าผู้นั้นไม่เคยเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ

ตอบ 1 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 18), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 59 วรรคสาม), (คําบรรยาย) ข้าราชการพลเรือนสามัญที่ถูกสั่งให้ออกจากราชการในระหว่าง ทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ ให้ถือเสมือนว่าผู้นั้นไม่เคยเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญมาก่อน แต่ทั้งนี้จะไม่กระทบกระเทือนถึงการใดที่ผู้นั้นได้ปฏิบัติหน้าที่ราชการ หรือการรับเงินเดือนหรือ ผลประโยชน์อื่นใดที่ได้รับหรือมีสิทธิจะได้รับจากทางราชการในระหว่างผู้นั้นอยู่ระหว่างทดลอง ปฏิบัติหน้าที่ราชการ ดังนั้นจึงไม่ทําให้ขาดคุณสมบัติทั่วไปหรือข้อห้ามของข้าราชการพลเรือน แต่อย่างใด

 

 

POL2302 ระเบียบปฏิบัติราชการ S/2560

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2560

ข้อสอบกระบวนวิชา POL 2302 ระเบียบปฏิบัติราชการ

คําสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคําตอบเดียว (ข้อสอบมีทั้งหมด 100 ข้อ)

1 ก.พ. มีอํานาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อทําการใด ๆ แทนได้ คือ

(1) อ.ก.พ. กระทรวง

2) .ก.พ. กรม

(3) อ.ก.พ. วิสามัญ

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2

(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 3 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 8), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 12) ก.พ. มีอํานาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการวิสามัญ เรียกโดยย่อว่า “อ.ก.พ. วิสามัญ” เพื่อ ทําการใด ๆ แทนได้ โดยจํานวน คุณสมบัติ หลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้ง อ.ก.พ. วิสามัญ รวมตลอดทั้งวิธีการได้มา วาระการดํารงตําแหน่ง และการพ้นจากตําแหน่ง ให้เป็นไปตามที่กําหนดในกฎ ก.พ.

2 ข้อใดเป็นโทษผิดวินัยขั้นร้ายแรง ตามระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน

(1) ไล่ออก

(2) ปลดออก

(3) ให้ออก

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2

(5) ถูกทั้งข้อ 1,2 และ 3

ตอบ 4 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 22 – 23), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 88), คําบรรยาย) ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดกระทําผิดวินัย จะต้องได้รับโทษทางวินัย เว้นแต่มีเหตุอันควรงดโทษตามที่บัญญัติไว้ในหมวด 7 การดําเนินการทางวินัย โดยโทษทางวินัย มี 5 สถาน ซึ่งแบ่งออกเป็น

1 โทษผิดวินัยประเภทไม่ร้ายแรง มี 3 สถาน ได้แก่ ภาคทัณฑ์ (เบาที่สุด) ตัดเงินเดือน และลดเงินเดือน

2 โทษผิดวินัยประเภทร้ายแรง มี 2 สถาน ได้แก่ ปลดออก และไล่ออก (หนักที่สุด)

 

3 หนังสือราชการ ตามระเบียบงานสารบรรณฉบับปัจจุบันมีกี่ชนิด

(1) 4 ชนิด

(2) 5 ชนิด

(3) 6 ชนิด

(4) 7 ชนิด

(5) 8 ชนิด

ตอบ 3 หน้า 403, 416, 422, 428, (เอกสารประกอบการสอน หน้า 26 – 27), (คําบรรยาย) ตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2548 (ฉบับปัจจุบัน) แบ่งหนังสือราชการออกเป็น 6 ชนิด ดังนี้ 1 หนังสือภายนอก 2 หนังสือภายใน 3 หนังสือประทับตรา 4 หนังสือสั่งการ มี 3 ชนิด ได้แก่ คําสั่ง ระเบียบ และข้อบังคับ 5 หนังสือประชาสัมพันธ์ มี 3 ชนิด ได้แก่ ประกาศ แถลงการณ์ และข่าว 6 หนังสือที่เจ้าหน้าที่ทําขึ้นหรือรับไว้เป็นหลักฐานในราชการ มี 4 ชนิด ได้แก่ หนังสือรับรองรายงานการประชุม บันทึก และหนังสืออื่น

 

4 ตามระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน องค์กรกลางในการบริหารงานบุคคลใดต่อไปนี้ อาจกําหนดตําแหน่งที่มีชื่ออย่างอื่นเพื่อประโยชน์ในการบริหาร นอกจากตําแหน่งที่กําหนดในกฎหมายว่าด้วย ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน

(1) ก.พ.

(2) อ.ก.พ. กระทรวง

(3) อ.ก.พ. กรม

(4) อ.ก.พ. จังหวัด

(5) อ.ก.พ. วิสามัญ

ตอบ 2 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 13), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 44) นอกจากตําแหน่งที่กําหนดในกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดินแล้ว อ.ก.พ. กระทรวง อาจกําหนดตําแหน่งที่มีชื่ออย่างอื่นเพื่อประโยชน์ในการบริหารงานและแจ้งให้ ก.พ. ทราบด้วย

5 ก.พ.ค. คือ

(1) คณะกรรมการวิชาการพลเรือน

(2) คณะกรรมการพัฒนาระบบคุณธรรม

(3) คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนตามระบบคุณธรรม

(4) คณะกรรมการทักษะพิเศษตามระบบคุณธรรม

(5) คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม

ตอบ 5 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 11), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 24 และมาตรา 29), (คําบรรยาย) คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) ประกอบด้วย กรรมการจํานวน 7 คน ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง และให้เลขาธิการ ก.พ. เป็นเลขานุการของ ก.พ.ค. โดยตําแหน่ง โดยกําหนดให้กรรมการ ก.พ.ค. ต้องทํางาน เต็มเวลา และมีวาระการดํารงตําแหน่ง 6 ปีนับแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง และให้ดํารงตําแหน่งได้เพียงวาระเดียว ดังนั้นกรรมการ ก.พ.ค. ซึ่งพ้นจากตําแหน่งตามวาระ จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นกรรมการ ก.พ.ค. อีกมิได้ แต่ให้กรรมการ ก.พ.ค. ซึ่งพ้นจากตําแหน่งตามวาระนั้นอยู่ในตําแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งกรรมการ ก.พ.ค. ใหม่

6 ปัจจุบันข้าราชการพลเรือน ตามระเบียบข้าราชการพลเรือนแบ่งเป็นประเภท

(1) 5 ประเภท

(2) 4 ประเภท

(3) 3 ประเภท

(4) 2 ประเภท

(5) ประเภทเดียว

ตอบ 4 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 3), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 35), (คําบรรยาย) ข้าราชการพลเรือนที่อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลโดยตรงของ ก.พ. มี 2 ประเภท คือ

1 ข้าราชการพลเรือนสามัญ ได้แก่ ข้าราชการพลเรือนซึ่งรับราชการโดยได้รับบรรจุแต่งตั้งตามที่บัญญัติไว้ในลักษณะ 4 ข้าราชการพลเรือนสามัญ ซึ่งข้าราชการประเภทนี้ถือเป็นข้าราชการที่มีจํานวนมากที่สุดตาม พ.ร.บ. ฉบับนี้

2 ข้าราชการพลเรือนในพระองค์ ได้แก่ ข้าราชการพลเรือนซึ่งรับราชการโดยได้รับบรรจุแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งในพระองค์พระมหากษัตริย์ตามที่กําหนดในพระราชกฤษฎีกา

7 ตําแหน่งใดต่อไปนี้เป็นประธาน อ.ก.พ. กรมโดยตําแหน่ง

(1) รองปลัดกระทรวง

(2) รัฐมนตรีเจ้าสังกัด

(3) อธิบดี

(4) ปลัดกระทรวง

(5) ผู้ว่าราชการจังหวัด

ตอบ 3 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 9), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 17), (คําบรรยาย) อ.ก.พ. กรม ประกอบด้วย

1 อนุกรรมการโดยตําแหน่ง ได้แก่ อธิบดี เป็นประธาน รองอธิบดีที่อธิบดีมอบหมาย 1 คน เป็นรองประธาน

2 อนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งอธิบดีแต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล – ด้านการบริหารและการจัดการ และด้านกฎหมาย ที่มิได้เป็นข้าราชการในกรมนั้น จํานวนไม่เกิน 3 คน

3 อนุกรรมการผู้แทนข้าราชการ ซึ่งอธิบดีแต่งตั้งจากข้าราชการพลเรือนผู้ดํารงตําแหน่งประเภทบริหารหรือประเภทอํานวยการในกรมนั้น จํานวนไม่เกิน 6 คน

4 ให้ อ.ก.พ. กรม ตั้งเลขานุการ 1 คน

 

8 ระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณฉบับปัจจุบัน ใช้บังคับโดยตรงกับหน่วยงานราชการใด

(1) ราชการบริหารส่วนกลาง

(2) ราชการบริหารส่วนภูมิภาค

(3) ราชการบริหารส่วนท้องถิ่น

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2

(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 5 หน้า 400, (เอกสารประกอบการสอน หน้า 26), (คําบรรยาย) ระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2548 ให้ใช้บังคับโดยตรง กับหน่วยงานดังต่อไปนี้

1 ส่วนราชการ ซึ่งได้แก่ กระทรวง ทบวง กรม สํานักงาน หรือ หน่วยงานอื่นใดของรัฐทั้งในราชการบริหารส่วนกลาง ราชการบริหารส่วนภูมิภาค ราชการ บริหารส่วนท้องถิ่น หรือในต่างประเทศ

2 คณะกรรมการของส่วนราชการตามข้อ 1.

3 รัฐวิสาหกิจ ที่อยู่ในการกํากับดูแลของหน่วยงานของรัฐ

 

9 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนต้อง

(1) ไม่เป็นผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง

(2) ไม่เป็นผู้ดํารงตําแหน่งที่รับผิดชอบในการบริหารพรรคการเมือง

(3) ไม่เป็นกรรมการโดยตําแหน่งอยู่แล้ว

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2

(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 5 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 8), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 6 วรรคสอง) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งต้องไม่เป็นผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง กรรมการหรือ ผู้ดํารงตําแหน่งที่รับผิดชอบในการบริหารพรรคการเมือง หรือเจ้าหน้าที่ในพรรคการเมืองและมิได้เป็นกรรมการ ก.พ. โดยตําแหน่งอยู่แล้ว

10 ข้อใดต่อไปนี้ไม่ใช่หลักการสําคัญของระบบคุณธรรมในการบริหารงานบุคคลภาครัฐ

(1) หลักความเสมอภาค

(2) หลักความรู้ความสามารถ

(3) หลักความมั่นคง

(4) หลักอาวุโส

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 4 หน้า 17 – 18, (เอกสารประกอบการสอน หน้า 2) หลักการสําคัญของระบบคุณธรรม (Merit System) ในการบริหารงานบุคคลหรือการบริหารงานทรัพยากรมนุษย์ภาครัฐ มี 4 ประการ คือ

1 หลักความเสมอภาค (Equality)

2 หลักความรู้ความสามารถ (Competence)

3 หลักความมั่นคง (Security)

4 หลักความเป็นกลางในทางการเมือง (Political Neutrality)

11 ผู้ที่จะได้รับการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญต้อง

(1) มีคุณสมบัติทั่วไป

(2) ไม่มีลักษณะต้องห้าม

(3) ก.พ. อาจพิจารณายกเว้นลักษณะต้องห้ามบางประการได้

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2

(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 5 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 4 – 6), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 36),(คําบรรยาย) ผู้ที่จะได้รับการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการพลเรือนต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้

1 มีคุณสมบัติทั่วไปของข้าราชการพลเรือน

2 ไม่มีลักษณะต้องห้ามของข้าราชการพลเรือน

3 ผู้ที่จะได้รับการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการพลเรือนซึ่งมีลักษณะต้องห้ามบางประการ ก.พ. อาจพิจารณายกเว้นลักษณะต้องห้ามบางประการได้

12 ตําแหน่งใดต่อไปนี้เป็นข้าราชการการเมือง

(1) นายกรัฐมนตรี

(2) เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวง

(3) เลขาธิการคณะรัฐมนตรี

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2

(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 4 หน้า 387 388, 391, (คําบรรยาย) ตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2535 ตําแหน่งข้าราชการการเมือง แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

1 ตําแหน่งข้าราชการการเมืองตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2535 ได้แก่ นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวง รัฐมนตรีประจําสํานัก นายกรัฐมนตรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวง เลขาธิการ นายกรัฐมนตรีประจําสํานัก เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวง เป็นต้น

2 ตําแหน่งข้าราชการการเมืองตาม พ.ร.บ. ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 ได้แก่ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นต้น

13 ผู้ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งในกรณีใดที่ต้องให้ทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการและได้รับการพัฒนาเพื่อให้รู้ระเบียบแบบแผนของทางราชการ และเป็นข้าราชการที่ดี ตามที่กําหนดในกฎ ก.พ.

(1) กรณีผู้สอบแข่งขันได้

(2) กรณีที่มีเหตุพิเศษที่ไม่ต้องดําเนินการสอบแข่งขัน

(3) กรณีที่มีเหตุผลและความจําเป็นอย่างยิ่ง

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2

(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 4 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 18), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 53 วรรคหนึ่ง, มาตรา 55 และมาตรา 59), (คําบรรยาย) ข้าราชการพลเรือนสามัญที่ได้รับการบรรจุ ในกรณีต่อไปนี้ต้องแต่งตั้งให้ทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการและให้ได้รับการพัฒนาเพื่อให้รู้ ระเบียบแบบแผนของทางราชการ และเป็นข้าราชการที่ดี ตามที่กําหนดในกฎ ก.พ. ได้แก่

1 ผู้ที่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งจากการสอบแข่งขันได้

2 ผู้ที่ได้รับการบรรจุในกรณีที่มีเหตุพิเศษที่ไม่ต้องดําเนินการสอบแข่งขันตามที่ ก.พ. กําหนด

14 ในการปฏิบัติราชการเพื่อดําเนินการจัดทําบริการสาธารณะตามนโยบายของรัฐบาล จะบรรลุผลสําเร็จมากน้อยเพียงใด ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับ

(1) ตัวบทกฎหมาย

(2) ข้าราชการในพื้นที่

(3) ระบบราชการ

(4) ข้าราชการการเมือง

(5) ประชาชนโดยส่วนรวม

ตอบ 3 หน้า 1, (เอกสารประกอบการสอน หน้า 1) ในการปฏิบัติราชการเพื่อดําเนินการจัดทําบริการสาธารณะตามนโยบายของรัฐบาล จะบรรลุผลสําเร็จมากน้อยเพียงใดหรือผลจะ ปรากฏออกมาดีชั่วประการใด ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับคน การจัดองค์การ และวิธีการทํางานหรือกล่าวอย่างรวบรัดก็คือ ขึ้นอยู่กับระบบราชการว่ามีลักษณะอย่างใดเป็นสําคัญ

15 ระดับตําแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญประเภททั่วไป ตามระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบันมีกี่ระดับ

(1) ระดับเดียว

(2) 2 ระดับ

(3) 3 ระดับ

(4) 4 ระดับ

(5) 5 ระดับ

ตอบ 4 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 13 – 14), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 46) ระดับตําแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีดังนี้

1 ตําแหน่งประเภทบริหาร มี 2 ระดับ คือ ระดับต้น และระดับสูง

2 ตําแหน่งประเภทอํานวยการ มี 2 ระดับ คือ ระดับต้น และระดับสูง

3 ตําแหน่งประเภทวิชาการ มี 5 ระดับ คือ ระดับปฏิบัติการ ระดับชํานาญการระดับชํานาญการพิเศษ ระดับเชี่ยวชาญ และระดับทรงคุณวุฒิ

4 ตําแหน่งประเภททั่วไป มี 4 ระดับ คือ ระดับปฏิบัติงาน ระดับชํานาญงาน ระดับอาวุโสและระดับทักษะพิเศษ ทั้งนี้การจัดประเภทตําแหน่งและระดับตําแหน่งให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กําหนดในกฎ ก.พ.

16 ระเบียบข้าราชการพลเรือนเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ

(1) สํานักนายกรัฐมนตรี

(2) สํานักงาน ก.พ.

(3) การจัดส่วนราชการ

(4) การกําหนดตําแหน่งข้าราชการพลเรือน

(5) การบริหารงานบุคคล

ตอบ 5 หน้า 15, (คําบรรยาย) ระเบียบข้าราชการพลเรือนเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการบริหารงานบุคคลหรือการบริหารทรัพยากรมนุษย์ภาครัฐ โดยระเบียบข้าราชการพลเรือน แต่ละฉบับจะตราขึ้นโดยอาศัยหลักวิชาการในทางการบริหารงานบุคคลตามระบบคุณธรรม เป็นเกณฑ์ ดังนั้นการที่จะศึกษาทําความเข้าใจเกี่ยวกับระเบียบข้าราชการพลเรือนจึงจําเป็นต้องมีความรู้ในหลักวิชาของการบริหารงานบุคคลเป็นพื้นฐานที่สําคัญ

17 ข้อใดเป็นคุณสมบัติทั่วไปของข้าราชการพลเรือน

(1) มีสัญชาติไทย

(2) เป็นบุคคลล้มละลาย

(3) เป็นผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2

(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 1 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 4 – 5), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 36)คุณสมบัติทั่วไปของข้าราชการพลเรือน ได้แก่

1 มีสัญชาติไทย

2 มีอายุไม่ต่ํากว่า 18 ปี

3 เป็นผู้เลื่อมใสในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขด้วยความบริสุทธิ์ใจ

18 ข้อใดถูกต้องตามระเบียบงานสารบรรณ

(1) ข่าวราชการเป็นหนังสือภายใน

(2) หนังสือรับรองเป็นหนังสือภายนอก

(3) ระเบียบเป็นหนังสือสั่งการ

(4) ข้อบังคับเป็นหนังสือภายนอก

(5) บันทึกข้อความเป็นหนังสือภายนอก

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 3. ประกอบ

19 ปัจจุบันตําแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทใดได้รับทั้งเงินเดือนและเงินประจําตําแหน่ง

(1) ประเภทบริหาร

(2) ประเภทอํานวยการ

(3) ประเภทวิชาการทุกระดับ

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2

(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 4 (คําบรรยาย) ตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ตําแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทที่ได้รับทั้งเงินเดือนและเงินประจําตําแหน่ง ได้แก่

1 ตําแหน่งประเภทบริหารระดับต้นและระดับสูง

2 ตําแหน่งประเภทอํานวยการระดับต้นและระดับสูง

3 ตําแหน่งประเภทวิชาการระดับชํานาญการ ระดับชํานาญการพิเศษ ระดับเชี่ยวชาญ และระดับทรงคุณวุฒิ

4 ตําแหน่งประเภททั่วไประดับทักษะพิเศษ

20 ปัจจุบันบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ เพื่อใช้บรรจุบุคคลเข้ารับราชการให้ใช้ได้ไม่เกินกี่ปีนับแต่วันขึ้นบัญชี

(1) 5 ปี

(2) 4 ปี

(3) 3 ปี

(4) 2 ปี

(5) 1 ปี

ตอบ 4 (คําบรรยาย) ปัจจุบัน ก.พ. ได้กําหนดหลักเกณฑ์การขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ เพื่อใช้บรรจุบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญว่าให้ใช้ได้ไม่เกิน 2 ปีนับแต่วันขึ้นบัญชี

21 ข้าราชการพลเรือนสามัญตามระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน มีเสรีภาพในการรวมกลุ่มตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ แต่ทั้งนี้ ต้อง

(1) ไม่กระทบประสิทธิภาพในการบริหารราชการแผ่นดิน

(2) ไม่กระทบความต่อเนื่องในการจัดทําบริการสาธารณะ

(3) ไม่มีวัตถุประสงค์ทางการเมือง

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2

(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 5 (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 43) ข้าราชการพลเรือนสามัญมีเสรีภาพในการรวมกลุ่มตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ แต่ทั้งนี้ ต้องไม่กระทบประสิทธิภาพ ในการบริหารราชการแผ่นดินและความต่อเนื่องในการจัดทําบริการสาธารณะ และต้องไม่มี วัตถุประสงค์ทางการเมือง ทั้งนี้หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการรวมกลุ่ม ให้เป็นไปตามที่กําหนดในพระราชกฤษฎีกา

22 ต่อไปนี้ข้อใดไม่ใช่อํานาจหน้าที่ของคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน

(1) ตีความและวินิจฉัยปัญหาที่เกิดขึ้นเนื่องจากการใช้บังคับกฎหมายระเบียบข้าราชการพลเรือน

(2) ตีค่าคุณวุฒิเพื่อประโยชน์ในการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการพลเรือน

(3) ออกกฎ ก.พ. และระเบียบเกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรบุคคลเพื่อปฏิบัติการตามกฎหมายระเบียบข้าราชการพลเรือน

(4) รับเรื่องราวร้องทุกข์ของข้าราชการพลเรือนสามัญ

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 4 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 10 – 11), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 8) คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) มีอํานาจหน้าที่ดังต่อไปนี้

1 ตีความและวินิจฉัยปัญหาที่เกิดขึ้นเนื่องจากการใช้บังคับกฎหมายระเบียบข้าราชการพลเรือนรวมตลอดทั้งกําหนดแนวทางปฏิบัติในกรณีที่เป็นปัญหา

2 กําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเพื่อรับรองคุณวุฒิของผู้ได้รับปริญญา ประกาศนียบัตรวิชาชีพหรือคุณวุฒิอย่างอื่น (ตีค่าคุณวุฒิ) เพื่อประโยชน์ในการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการพลเรือน

3 ออกกฎ ก.พ. และระเบียบเกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรบุคคลเพื่อปฏิบัติการตามกฎหมายระเบียบข้าราชการพลเรือน

4 พิจารณาจัดระบบทะเบียนประวัติและแก้ไขทะเบียนประวัติเกี่ยวกับวัน เดือน ปีเกิด และการควบคุมเกษียณอายุของข้าราชการพลเรือน ฯลฯ

23 เกี่ยวกับบัญชีเงินเดือนของข้าราชการพลเรือนสามัญปัจจุบัน

(1) กําหนดเป็นระดับและขั้น

(2) กําหนดเป็นอันดับและขั้น

(3) กําหนดเป็นระดับ

(4) กําหนดเป็นขั้น

(5) กําหนดเป็นขั้นต่ำและขั้นสูง

ตอบ 5 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 15), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 50 วรรคหนึ่ง), (คําบรรยาย) ปัจจุบันข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินเดือนตามตําแหน่ง ในแต่ละประเภทตามที่กําหนดไว้ในบัญชีเงินเดือนขั้นต่ําขั้นสูงของข้าราชการพลเรือนสามัญ ท้าย พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ซึ่งจะกําหนดเป็นขั้นต่ำและขั้นสูงของ แต่ละระดับของแต่ละประเภทตําแหน่ง โดยไม่มีอันดับและขั้นเป็นอัตรา ดังนั้นจึงไม่เรียกว่า“บัญชีอัตราเงินเดือน” แต่เรียกว่า “บัญชีเงินเดือน”

24 ระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน ได้ใช้วิธีกําหนดตําแหน่งโดยใช้ระบบ

(1) ชั้นยศ

(2) จําแนกตําแหน่ง

(3) คุณธรรม

(4) อุปถัมภ์

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 2 หน้า 77 – 78, (คําบรรยาย) วิธีกําหนดตําแหน่งข้าราชการพลเรือนโดยทั่วไปมี 2 ระบบ คือ ระบบชั้นยศ (R.C.) และระบบจําแนกตําแหน่ง (P.C.) ซึ่งตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ได้ใช้วิธีกําหนดตําแหน่งโดยใช้ระบบจําแนกตําแหน่งแบบแบ่งเป็นประเภทตําแหน่ง ตามลักษณะงาน 4 ประเภท คือ ตําแหน่งประเภทบริหาร ตําแหน่งประเภทอํานวยการ ตําแหน่งประเภทวิชาการ และตําแหน่งประเภททั่วไป

25 ตําแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญ ตามระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน มีกี่ประเภท

(1) ประเภทเดียว

(2) 2 ประเภท

(3) 3 ประเภท

(4) 4 ประเภท

(5) 5 ประเภท

ตอบ 4 (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 45), (คําบรรยาย)ตําแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญแบ่งตามลักษณะงาน ได้เป็น 4 ประเภท คือ

1 ตําแหน่งประเภทบริหาร ได้แก่ ตําแหน่งหัวหน้าส่วนราชการและรองหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง กรม และตําแหน่งอื่นที่ ก.พ. กําหนดเป็นตําแหน่งประเภทบริหาร

2 ตําแหน่งประเภทอํานวยการ ได้แก่ ตําแหน่งหัวหน้าส่วนราชการที่ต่ำกว่าระดับกรมและตําแหน่งอื่นที่ ก.พ. กําหนดเป็นตําแหน่งประเภทอํานวยการ เช่น หัวหน้าส่วนราชการ ในราชการบริหารส่วนภูมิภาค เป็นต้น

3 ตําแหน่งประเภทวิชาการ ได้แก่ ตําแหน่งที่จําเป็นต้องใช้ผู้สําเร็จการศึกษาระดับปริญญาตามที่ ก.พ. กําหนด (ระดับปริญญาตรีขึ้นไป) เพื่อปฏิบัติงานในหน้าที่ของตําแหน่งนั้น

4 ตําแหน่งประเภททั่วไป ได้แก่ ตําแหน่งที่ไม่ใช่ตําแหน่งประเภทตามข้อ 1, 2 และ 3ทั้งนี้ตามที่ ก.พ. กําหนด (ดูคําอธิบายข้อ 15. ประกอบ)

26 การบรรจุบุคคลเข้ารับราชการกรณีที่มีเหตุพิเศษที่ไม่ต้องดําเนินการสอบแข่งขัน ให้ผู้มีอํานาจสั่งบรรจุและแต่งตั้งดําเนินการได้โดยวิธี

(1) สอบคัดเลือก

(2) คัดเลือก

(3) คัดเลือกหรือสอบคัดเลือก

(4) วิธีใดก็ได้ตามความเหมาะสม

(5) อาจใช้วิธีเดียวกันกับการสอบแข่งขันก็ได้

ตอบ 2 (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 55), (คําบรรยาย) กรณีที่มีเหตุพิเศษที่ไม่ต้องดําเนินการสอบแข่งขันตามที่ ก.พ. กําหนด สามารถให้อธิบดี (ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจ สังบรรจุและแต่งตั้งตามมาตรา 57) เป็นผู้คัดเลือกบรรจุบุคคลเข้ารับราชการและแต่งตั้ง ให้ดํารงตําแหน่งได้เป็นรายกรณี (ไม่ใช่เป็นการพิจารณาเป็นรายบุคคล) เช่น

1 กรณีบรรจุและแต่งตั้งผู้สําเร็จการศึกษาในสาขาวิชาชีพที่ขาดแคลนตามที่ ก.พ. กําหนด

2 กรณีบรรจุและแต่งตั้งผู้ได้รับทุนเล่าเรียนหลวง หรือทุนรัฐบาลเพื่อศึกษาวิชาในประเทศหรือต่างประเทศที่สําเร็จการศึกษาแล้ว เป็นต้น

27 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนมีจํานวนกี่คน

(1) ไม่น้อยกว่า 3 คน แต่ไม่เกิน 5 คน

(2) ไม่น้อยกว่า 5 คน แต่ไม่เกิน 7 คน

(3) 3 คน

(4) 4 คน

(5) 5 คน

ตอบ 2 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 7 – 8), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 6 และมาตรา 7), (คําบรรยาย) คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เป็น องค์กรกลางในการบริหารงานบุคคล ประกอบด้วย

1 กรรมการโดยตําแหน่ง จํานวน 5 คน ได้แก่ นายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นประธาน ปลัดกระทรวงการคลัง ผู้อํานวยการสํานักงบประมาณ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และเลขาธิการ ก.พ. เป็นกรรมการและเลขานุการ

2 กรรมการซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลหรือการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ด้านการบริหารและการจัดการ และด้านกฎหมายจํานวนไม่น้อยกว่า 5 คน แต่ไม่เกิน 7 คน โดยแต่งตั้งให้อยู่ในตําแหน่งได้คราวละ 3 ปี

28 ระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบันคือฉบับ พ.ศ.

(1) 2518

(2) 2535

(3) 2540

(4) 2551

(5) 2557

ตอบ 4 (คําบรรยาย) พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน คือ ฉบับ พ.ศ. 2551 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2551 โดย พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าวได้กําหนดให้ยกเลิก พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับเดิม คือ ฉบับ พ.ศ. 2535 และฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติมทั้งหมด

29 ตําแหน่งใดต่อไปนี้ ไม่ใช่ตําแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง

(1) ผู้อํานวยการสํานักงบประมาณ

(2) ปลัดกระทรวงการคลัง

(3) ปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี

(4) ผู้ว่าราชการจังหวัด

(5) รองอธิบดีกรมการปกครอง

ตอบ 5 (คําบรรยาย) ตําแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มี 2 ระดับ คือ

1 บริหารระดับต้น ได้แก่ รองหัวหน้าส่วนราชการระดับกรม (รองอธิบดี), รองผู้ว่าราชการจังหวัดอัครราชทูต เป็นต้น

2 บริหารระดับสูง ได้แก่ หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง (ปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี และปลัดกระทรวง), รองหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง (รองปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี และ รองปลัดกระทรวง), หัวหน้าส่วนราชการระดับกรม (อธิบดี), หัวหน้าส่วนราชการระดับกรม ที่อยู่ในบังคับบัญชาขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรีตามกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (เช่น เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ผู้อํานวยการสํานักงบประมาณ เลขาธิการ ก.พ. เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฯลฯ), ผู้ว่าราชการจังหวัดเอกอัครราชทูต เป็นต้น

30 คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม ตามระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน ประกอบด้วยกรรมการซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งจํานวนกี่คน

(1) 9 คน

(2) 8 คน

(3) 7 คน

(4) 6 คน

(5) 5 คน

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 5. ประกอบ

31 การบรรจุและแต่งตั้งผู้ได้รับปริญญาจากต่างประเทศเข้ารับราชการ มีหลักเกณฑ์อย่างไร

(1) โดยปกติต้องผ่านการสอบแข่งขัน

(2) ก.พ. เป็นผู้ดําเนินการบรรจุและแต่งตั้ง

(3) บรรจุกรณีพิเศษก็ได้

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2

(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 1 หน้า 93 – 95 การบรรจุและแต่งตั้งผู้ได้รับปริญญาหรือประกาศนียบัตรจากสถาบันการศึกษาต่างประเทศที่ ก.พ. รับรองเข้ารับราชการนั้น โดยปกติจะต้องผ่านการสอบแข่งขันเช่นเดียวกับ ผู้สําเร็จการศึกษาในประเทศหรือบุคคลทั่วไปที่มีคุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่งที่เปิด สอบแข่งขันนั้น แต่ต้องเสนอคุณวุฒิให้ ก.พ. พิจารณารับรองเพื่อตีราคาหรือตีค่าคุณวุฒิ และกําหนดหลักเกณฑ์การบรรจุเป็นราย ๆ ทุกรายไป โดย ก.พ. จะพิจารณาจากหลักสูตร การศึกษาและความน่าเชื่อถือของสถาบันที่ประสาทปริญญาหรือประกาศนียบัตรนั้นด้วยแต่ ก.พ. จะไม่มีอํานาจในการบรรจุและแต่งตั้ง

32 ตําแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญ ตามระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน ประเภทอํานวยการ ได้แก่

(1) หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง

(2) หัวหน้าส่วนราชการระดับกรม

(3) หัวหน้าส่วนราชการที่ต่ำกว่าระดับกรม

(4) หัวหน้าส่วนราชการระดับต่ำกว่ากระทรวงแต่สูงกว่าระดับกรม

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 25. ประกอบ

33 หนังสือสั่งการ ตามระเบียบงานสารบรรณฉบับปัจจุบันมีกี่ชนิด

(1) ชนิดเดียว

(2) 2 ชนิด

(3) 3 ชนิด

(4) 4 ชนิด

(5) 5 ชนิด

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 3. ประกอบ

34 รองประธาน อ.ก.พ. กระทรวง ได้แก่

(1) รัฐมนตรีว่าการกระทรวง

(2) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง

(3) ปลัดกระทรวง

(4) รองปลัดกระทรวง

(5) อธิบดี

ตอบ 3 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 9), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 15),(คําบรรยาย) อ.ก.พ. กระทรวง ประกอบด้วย

1 อนุกรรมการโดยตําแหน่ง ได้แก่ รัฐมนตรีเจ้าสังกัด (รัฐมนตรีว่าการกระทรวง) เป็นประธานปลัดกระทรวง เป็นรองประธาน และผู้แทน ก.พ. 1 คน

2 อนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งรัฐมนตรีเจ้าสังกัดแต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล ด้านการบริหารและการจัดการ และด้านกฎหมาย ที่มิได้เป็นข้าราชการ ในกระทรวงนั้น จํานวนไม่เกิน 3 คน

3 อนุกรรมการผู้แทนข้าราชการ ซึ่งรัฐมนตรีเจ้าสังกัดแต่งตั้งจากข้าราชการพลเรือนผู้ดํารงตําแหน่งประเภทบริหารระดับสูงในกระทรวงนั้น จํานวนไม่เกิน 5 คน

4 ให้ อ.ก.พ. กระทรวง ตั้งเลขานุการ 1 คน

35 การย้ายตามระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน หมายถึง

(1) การเปลี่ยนไปดํารงตําแหน่งอื่นในกรมเดียวกัน

(2) การเปลี่ยนไปดํารงตําแหน่งอื่นในสังกัดเดียวกัน แต่อาจต่างท้องที่กันก็ได้

(3) การเปลี่ยนไปดํารงตําแหน่งอื่นในต่างกรม แต่อยู่ในกระทรวงเดียวกัน

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2

(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 4 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 18), (คําบรรยาย) ตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือนพ.ศ. 2551 การย้ายข้าราชการพลเรือนสามัญ หมายถึง การย้ายหรือการเปลี่ยนไปดํารงตําแหน่งอื่น ในกรมเดียวกัน และต้องย้ายไปแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งในระดับเดียวกัน กล่าวคือ สังกัดกรมเดิม แต่อาจเปลี่ยนไปอยู่ในส่วนราชการภายในกรมส่วนกลาง หรือไปอยู่จังหวัดหรืออําเภอในส่วนภูมิภาค ก็ได้ ส่วนการโอน หมายถึง การเปลี่ยนไปดํารงตําแหน่งอื่นในต่างกรม กล่าวคือ สังกัดกรมใหม่แต่อาจจะอยู่ในกระทรวงเดียวกัน หรือกระทรวงใหม่ก็ได้

36 คําขึ้นต้นของหนังสือราชการถึงรองนายกรัฐมนตรีใช้ว่าอย่างไร

(1) กราบเรียน

(2) กราบเรียน ฯพณฯ

(3) เรียน

(4) ขอประทานกราบเรียน

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 3 หน้า 479 480, (คําบรรยาย) การใช้คําขึ้นต้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2548 ในหนังสือราชการสําหรับ ผู้รับหนังสือที่เป็นบุคคลธรรมดานั้น มี 2 แบบ คือ

1 สําหรับประธานองคมนตรี นายกรัฐมนตรี ประธานรัฐสภา ประธานสภาผู้แทนราษฎรประธานวุฒิสภา ประธานศาลฎีกา ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ฯลฯ ให้ใช้คําขึ้นต้นว่า“กราบเรียน” และใช้คําลงท้ายว่า “ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง”

2 บุคคลธรรมดานอกจากข้อ 1. ให้ใช้คําขึ้นต้นว่า “เรียน” และใช้คําลงท้ายว่า “ขอแสดงความนับถือ

37 การบริหารงานบุคคลตามระบบอุปถัมภ์มีข้อดีบางประการ คือ

(1) ช่วยให้ความคุ้มครองแก่ข้าราชการ

(2) ช่วยให้ข้าราชการก้าวหน้าเร็วยิ่งขึ้น

(3) ช่วยเสริมการวัดผลในการสอบให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

(4) ช่วยขจัดผู้ไม่เหมาะสมออกจากวงราชการ

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 3 หน้า 19 – 20 การบริหารงานบุคคลตามระบบอุปถัมภ์มีข้อดี คือ

1 ช่วยให้การบริหารงานบุคคลดําเนินไปได้อย่างรวดเร็วและประหยัดค่าใช้จ่าย

2 ช่วยส่งเสริมการวัดผลในการสอบให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

3 ช่วยให้การบริหารงานบุคคลสามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปได้ทันท่วงที

38 ระดับใดต่อไปนี้เป็นระดับตําแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทวิชาการ ตามระเบียบข้าราชการพลเรือน ฉบับปัจจุบัน

(1) ระดับต้น

(2) ระดับชํานาญงาน

(3) ระดับทักษะพิเศษ

(4) ระดับอาวุโส

(5) ระดับปฏิบัติการ

ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 15. ประกอบ

39 คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนผู้ทรงคุณวุฒิที่ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งมีวาระดํารงตําแหน่งคราวละกี่ปี

(1) 2 ปี

(2) 3 ปี

(3) 4 ปี

(4) 5 ปี

(5) 6 ปี

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 27. ประกอบ

40 ตําแหน่งใดต่อไปนี้เป็นประธาน อ.ก.พ. กระทรวง

(1) นายกรัฐมนตรี

(2) รัฐมนตรีว่าการกระทรวง

(3) รองนายกรัฐมนตรี

(4) ปลัดกระทรวง

(5) รองปลัดกระทรวง

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 34. ประกอบ

41 ข้อใดเป็นวัตถุประสงค์ของระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับแรก

(1) เพื่อความเสมอภาคและยุติธรรม

(2) เพื่อความเป็นมาตรฐาน

(3) เพื่อความสมบูรณ์พูนสุข

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2

(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 4 หน้า 30 – 31, (เอกสารประกอบการสอน หน้า 3) วัตถุประสงค์ของ พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2471 (ฉบับแรก) มีดังนี้

1 เพื่อความเป็นระเบียบและมาตรฐาน

2 เพื่อความเสมอภาคและยุติธรรม

3 เพื่อให้หลักประกันความมั่นคงแก่ข้าราชการ

4 เพื่อรักษาประโยชน์ของทางราชการ

  1. ข้อใดเป็นประเภทของข้าราชการพลเรือนสามัญ ตามระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน

(1) ประเภทขาดแคลน

(2) ประเภทพิเศษ

(3) ประเภททั่วไป

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2

(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 25. ประกอบ

43 ตามระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน คําว่า “คุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่ง” หมายถึง การกําหนดเกี่ยวกับ

(1) หลักการบรรจุผู้ทรงคุณวุฒิ

(2) หลักการจําแนกตําแหน่ง

(3) หลักการของระบบคุณธรรม

(4) หลักการของระบบอุปถัมภ์

(5) ความรู้ความสามารถหรือประสบการณ์

ตอบ 5 หน้า 94, (เอกสารประกอบการสอน หน้า 16) คุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่ง หมายถึงคุณสมบัติที่กําหนดไว้โดยเฉพาะสําหรับตําแหน่งใดตําแหน่งหนึ่ง ซึ่งโดยทั่วไปมักจะเป็นเรื่อง ที่เกี่ยวกับคุณวุฒิทางการศึกษา ความรู้ความสามารถ หรือประสบการณ์ในการรับราชการ โดยคุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่งมีอย่างไร จะมีกําหนดไว้ล่วงหน้าในมาตรฐานกําหนดตําแหน่งของแต่ละประเภทตําแหน่งที่ ก.พ. จัดทําขึ้น

44 การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญระดับใดที่ระเบียบฯ กําหนดให้ต้องนําความกราบบังคมทูล เพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง

(1) ประเภทบริหารระดับสูง

(2) ประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ

(3) ประเภททั่วไประดับทักษะพิเศษ

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2

(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 4 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 16 – 17), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 57 (1) (2) (7)), (คําบรรยาย) ตําแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญที่มีขั้นตอนการบรรจุ และแต่งตั้งโดยต้องขออนุมัติหรือขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีและนําความกราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง หรือต้องมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ได้แก่

1 ตําแหน่งประเภทบริหารระดับสูง เช่น ปลัดกระทรวง รองปลัดกระทรวง อธิบดีผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นต้น

2 ตําแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ

45 หนังสือประชาสัมพันธ์ ตามระเบียบงานสารบรรณฉบับปัจจุบัน ได้แก่

(1) ระเบียบ

(2) ข้อบังคับ

(3) คําสั่ง

(4) แถลงการณ์

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 3. ประกอบ

46 ระดับทักษะพิเศษ เป็นระดับตําแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทใด

(1) บริหาร

(2) วิชาการ

(3) พิเศษ

(4) ทั่วไป

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 15. ประกอบ

47 ตามระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน องค์กรใดต่อไปนี้เป็นผู้จัดทํามาตรฐานกําหนดตําแหน่ง

(1) ก.พ.

(2) อ.ก.พ. กระทรวง

(3) อ.ก.พ. กรม

(4) อ.ก.พ. จังหวัด

(5) ก.พ.ร.

ตอบ 1 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 14), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 48) ให้ ก.พ. เป็นผู้จัดทํามาตรฐานกําหนดตําแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญ โดยจําแนก ตําแหน่งเป็นประเภทและสายงานตามลักษณะงาน และจัดตําแหน่งในประเภทเดียวกันและ สายงานเดียวกันที่คุณภาพของงานเท่ากันโดยประมาณเป็นระดับเดียวกัน ทั้งนี้โดยคํานึงถึง ลักษณะหน้าที่ความรับผิดชอบและคุณภาพของงาน โดยในมาตรฐานกําหนดตําแหน่ง ให้ระบุชื่อตําแหน่งในสายงาน หน้าที่ความรับผิดชอบหลัก และคุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่งไว้ด้วย

48 ตําแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญ ตามระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน ประเภทอํานวยการได้แก่ ตําแหน่ง

(1) ผู้ว่าราชการจังหวัด

(2) รองผู้ว่าราชการจังหวัด

(3) นายอําเภอ

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2

(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 3 (คําบรรยาย) ข้าราชการพลเรือนสามัญตําแหน่งประเภทอํานวยการตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มี 2 ระดับ คือ

1 อํานวยการระดับต้น ได้แก่ หัวหน้าส่วนราชการที่ต่ำกว่าระดับกรม (ผู้อํานวยการกอง/ศูนย์, เลขานุการกรม), หัวหน้าสํานักงานจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการประจําจังหวัด (ระดับต้น), นายอําเภอ (ระดับต้น) เป็นต้น

2 อํานวยการระดับสูง ได้แก่ หัวหน้าส่วนราชการที่ต่ำกว่าระดับกรม (ผู้อํานวยการสํานัก/ศูนย์/สถาบัน), หัวหน้าสํานักงานจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการประจําจังหวัด (ระดับสูง),ปลัดจังหวัด, นายอําเภอ (ระดับสูง), ผู้ตรวจราชการกรม เป็นต้น (ดูคําอธิบายข้อ 29. ประกอบ)

49 ระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน ได้กําหนดเรื่องใดต่อไปนี้ที่สอดคล้องกับหลักความรู้ความสามารถตามระบบคุณธรรมในการบริหารงานบุคคลภาครัฐ

(1) การร้องทุกข์

(2) การสอบสวนทางวินัย

(3) การอุทธรณ์

(4) การออกจากราชการ

(5) การสอบแข่งขัน

ตอบ 5 หน้า 17, (คําบรรยาย) หลักความรู้ความสามารถ (Competence) ตามระบบคุณธรรมในการบริหารงานบุคคลภาครัฐ หมายถึง การเลือกสรรบุคคลเพื่อบรรจุเป็นข้าราชการและ แต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งสูงขึ้นหรือการพิจารณาเลื่อนระดับตําแหน่งจากบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถในการปฏิบัติงานเป็นสําคัญ ซึ่งส่วนมากจะกระทําโดยการสอบแข่งขันสอบสัมภาษณ์ และการทดลองปฏิบัติงาน

50 การเลื่อนระดับตําแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญโดยวิธีสอบคัดเลือก อาจวิเคราะห์ได้ว่าเป็นการพิจารณาจากปัจจัยด้านใด

(1) ความรู้ความสามารถ

(2) อาวุโส

(3) จริยธรรม

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2

(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 5 หน้า 220, (คําบรรยาย) การเลื่อนระดับตําแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญโดยวิธีสอบคัดเลือกและวิธีการคัดเลือก เป็นการพิจารณาจากปัจจัยตามความเหมาะสม ซึ่งได้แก่ ความรู้ความสามารถ ความประพฤติ (คุณธรรมและจริยธรรม) และประวัติการรับราชการ (อาวุโส) ซึ่งจะต้องเป็นผู้มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ในความสามารถมาแล้ว

51 ราชการคืองานที่เกี่ยวกับ

(1) การสร้างความสมานฉันท์ความสามัคคีในสังคม

(2) การประสานงานกับภาคเอกชนในการให้บริการต่าง ๆ

(3) การจัดทําบริการสาธารณะต่าง ๆ

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2

(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 3 หน้า 1, (เอกสารประกอบการสอน หน้า 1), (คําบรรยาย) ราชการ คือ การงานของประเทศที่เกี่ยวกับการจัดทําบริการสาธารณะประเภทต่าง ๆ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อบําบัดทุกข์บํารุงสุข ของประชาชน ซึ่งการจัดทํานโยบายบริการสาธารณะนั้นเป็นหน้าที่ของรัฐบาล โดยมี ข้าราชการประจําเป็นเครื่องมือหรือผู้ปฏิบัติการให้เป็นไปตามนโยบายและแผนงานที่กําหนดของฝ่ายการเมือง และจะต้องอยู่ภายใต้กฎหมายหรือระเบียบแบบแผนของทางราชการ

52 คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม ตามระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน ดํารงตําแหน่งคราวละกี่ปี

(1) 2 ปี

(2) 3 ปี

(3) 4 ปี

(4) 5 ปี

(5) 6 ปี

ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 5. ประกอบ

53 ระดับตําแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทวิชาการ ตามระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบันมีกี่ระดับ

(1) ระดับเดียว

(2) 2 ระดับ

(3) 3 ระดับ

(4) 4 ระดับ

(5) 5 ระดับ

ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 15. ประกอบ

54 การจัดระเบียบข้าราชการพลเรือน ตามกฎหมายระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน ในส่วนที่เกี่ยวกับการรับสมัครบุคคลเพื่อบรรจุเข้ารับราชการและแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่ง ต้องคํานึงถึง

(1) ความเสมอภาค ความเป็นธรรม

(2) ความรู้ความสามารถของบุคคล

(3) ประโยชน์ของทางราชการ

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2

(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 5 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 4), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 42 (1) การจัดระเบียบข้าราชการพลเรือนสามัญตามหลักการระบบคุณธรรมในส่วนที่เกี่ยวกับ การรับสมัครบุคคลเพื่อบรรจุเข้ารับราชการและแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่ง ต้องคํานึงถึงความรู้ความสามารถของบุคคล ความเสมอภาค ความเป็นธรรม และประโยชน์ของทางราชการ

55 ระดับใดต่อไปนี้เป็นระดับตําแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทอํานวยการ

(1) ระดับเชียวชาญ

(2) ระดับสูง

(3) ระดับทักษะพิเศษ

(4) ระดับอาวุโส

(5) ระดับชํานาญการพิเศษ

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 15. ประกอบ

56 การสอบแข่งขัน ตามระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเรื่องใดต่อไปนี้โดยตรง

(1) การย้าย

(2) การโอน

(3) คุณสมบัติทั่วไป

(4) คุณสมบัติเฉพาะ

(5) การบรรจุและแต่งตั้ง

ตอบ 5 หน้า 92, (คําบรรยาย) การบรรจุและแต่งตั้งบุคคลให้เข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนโดยบรรจุและแต่งตั้งจากผู้สอบแข่งขันได้ ซึ่งใช้กรณีบรรจุคนใหม่ที่ไม่เคยรับราชการมาก่อน ถือเป็นหลักเกณฑ์ทั่วไปของการบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญในทุกประเทศ ทั้งนี้ ตามระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน อาจกล่าวได้ว่าผู้ที่เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ส่วนใหญ่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งจากผู้สอบแข่งขันได้ มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ได้รับ การบรรจุและแต่งตั้งโดยไม่ต้องสอบแข่งขัน

57 ตามระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน กําหนดให้ผู้มีอํานาจสั่งบรรจุและแต่งตั้งผู้สําเร็จการศึกษาในสาขาวิชาชีพที่ขาดแคลนตามที่ ก.พ. กําหนด คือ

(1) อ.ก.พ. กระทรวง

(2) ปลัดกระทรวง

(4) อ.ก.พ. จังหวัด

(5) อธิบดี

ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 26. ประกอบ

58 หนังสือราชการชนิดใดต่อไปนี้ต้องมีคําลงท้าย

(1) หนังสือภายใน

(2) รายงานการประชุม

(3) หนังสือประทับตรา

(4) หนังสือภายนอก

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 4 หน้า 404 – 407, (คําบรรยาย) ตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2548 หนังสือภายนอก คือ หนังสือติดต่อราชการ ที่เป็นแบบพิธีโดยใช้กระดาษตราครุฑ เป็นหนังสือติดต่อระหว่างส่วนราชการ หรือส่วนราชการ มีถึงหน่วยงานอื่นใดซึ่งมิใช่ส่วนราชการ หรือที่มีถึงบุคคลภายนอก ซึ่งหนังสือภายนอกนี้ จะต้องมีคําขึ้นต้นและคําลงท้ายตามฐานะของผู้รับหนังสือตามตารางการใช้คําขึ้นต้น สรรพนามและคําลงท้ายที่กําหนดไว้ในภาคผนวก 2

59 ระดับทรงคุณวุฒิเป็นระดับตําแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทใด ตามระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน

(1) ทั่วไป

(2) บริหารระดับต้น

(3) บริหารระดับสูง

(4) อํานวยการระดับสูง

(5) วิชาการ

ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 15. ประกอบ

60 ตําแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี

(1) เป็นข้าราชการการเมือง

(2) มีฐานะเท่ากับรัฐมนตรีว่าการกระทรวง

(3) อาจมีหลายคนก็ได้

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2

(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 1 หน้า 387, 393 ตําแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นข้าราชการการเมืองตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2535 ซึ่งกําหนดให้มีตําแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจํานวนเพียง 1 อัตรา

 

ตั้งแต่ข้อ 61, 100. ข้อใดถูกให้ระบายในช่อง 1 ข้อใดผิดให้ระบายในช่อง 2

61 การจัดทําบริการสาธารณะจะมีข้าราชการการเมืองเป็นผู้ปฏิบัติการให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลซึ่งต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ระเบียบแบบแผนของทางราชการ

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 51. ประกอบ

62 คุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่งมีอย่างไร จะมีกําหนดล่วงหน้าในระบบจําแนกตําแหน่ง

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 43. ประกอบ

63 ปัจจุบันอาจกล่าวได้ว่าผู้ที่เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญส่วนใหญ่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งจากผู้สอบคัดเลือกได้

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 56. ประกอบ

64 ระบบจําแนกตําแหน่งถือเอาหน้าที่ความรับผิดชอบเป็นเงื่อนไขสําคัญของการกําหนดตําแหน่งข้าราชการพลเรือน

ตอบ 1 หน้า 78 – 80 ระบบจําแนกตําแหน่ง (Position Classification : P.C.) เป็นการกําหนดตําแหน่งข้าราชการพลเรือนโดยถือเอาสายงานหรือประเภทอาชีพ ระดับความยากง่าย และหน้าที่ความรับผิดชอบของงานเป็นเงื่อนไขสําคัญ หรือกล่าวได้ว่าระบบจําแนกตําแหน่งเป็นการกําหนดตําแหน่งโดยถืองานเป็นเกณฑ์

65 การแต่งตั้งตําแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวง กฎหมายกําหนดให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดมีอํานาจแต่งตั้งได้โดยตรง

ตอบ 2 หน้า 390 พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2535 กําหนดให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดด้วยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีมีอํานาจแต่งตั้งบุคคลซึ่งเห็นสมควรตามเหตุผลในทาง การเมือง และเป็นผู้มีคุณสมบัติที่จะเป็นข้าราชการการเมืองได้ดํารงตําแหน่งดังต่อไปนี้

1 เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวง

2 ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวง

3 เลขานุการรัฐมนตรีว่าการทบวง

4 ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการทบวง

5 ที่ปรึกษารัฐมนตรี

66 ระบบการบริหารงานบุคคลในระบบราชการไทย ได้พัฒนาจากระบบอุปถัมภ์ไปสู่ระบบคุณธรรม

ตอบ 1 หน้า 25, (เอกสารประกอบการสอน หน้า 3) ระบบการบริหารงานบุคคลในระบบราชการของไทย ได้มีการพัฒนามาตามลําดับ โดยพัฒนามาจากรูปแบบที่ไม่เป็นทางการไปสู่รูปแบบ ที่เป็นทางการมากขึ้น และจากระบบอุปถัมภ์ไปสู่ระบบคุณธรรม โดยทั้งหมดนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาการบริหารงานบุคคลให้มีประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์แก่ประชาชนผู้รับบริการ

67 ปลัดสํานักนายกรัฐมนตรีเป็นกรรมการข้าราชการพลเรือนโดยตําแหน่ง ตามระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 27. ประกอบ

68 การสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญไปประจํากระทรวง ประจํากรม ประจําจังหวัด ไม่ทําให้ขาดจากอัตราเงินเดือนเดิม

ตอบ 1 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 19), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 69),(คําบรรยาย) การสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญไปประจําส่วนราชการ (ประจํากระทรวง ประจํากรม ประจํากอง หรือประจําจังหวัด) ซึ่งเป็นการสั่งให้พ้นจากตําแหน่งหน้าที่เดิม เป็นการชั่วคราว จะไม่ทําให้ขาดจากอัตราเงินเดือนเดิม ยังคงรับเงินเดือนในอัตราเดิมอยู่ จึงไม่ทําให้อัตราเงินเดือนว่าง ฉะนั้นการที่จะแต่งตั้งผู้อื่นให้มาดํารงตําแหน่งแทนจะกระทําไม่ได้คงทําได้แต่เพียงสั่งให้ผู้อื่นรักษาการในตําแหน่งได้เท่านั้น

69 คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนเป็นองค์กรกลางในการบริหารงานบุคคล องค์กรกลางเดียวที่มีอยู่ในระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน

ตอบ 2 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 7) ตามระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 กําหนดให้มีองค์กรกลางในการบริหารงานบุคคลจํานวน 2 องค์กร คือ

1 คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.)

2 คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.)

70 ระเบียบงานสารบรรณฉบับปัจจุบัน กําหนดให้ปลัดกระทรวงทุกกระทรวง เป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้

ตอบ 2 หน้า 400, (เอกสารประกอบการสอน หน้า 26) ระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณพ.ศ. 2526 แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2548 กําหนดให้ปลัดสํานักนายกรัฐมนตรีเป็น ผู้รักษาการตามระเบียบนี้ และให้มีอํานาจตีความและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตาม ระเบียบนี้ รวมทั้งการแก้ไขเพิ่มเติมภาคผนวกและจัดทําคําอธิบายกับให้มีหน้าที่ดําเนินการฝึกอบรมเกี่ยวกับงานสารบรรณ

71 ผู้เคยกระทําการทุจริตในการสอบเข้ารับราชการ ทําให้ขาดคุณสมบัติทั่วไปของข้าราชการพลเรือนไม่อาจสมัครเข้ารับราชการได้

ตอบ 2 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 4 – 6), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 36), (คําบรรยาย) ผู้ที่จะเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนซึ่งมีลักษณะต้องห้าม โดยไม่มีเงื่อนไขเกี่ยวกับเวลาบังคับไว้ ก.พ. อาจพิจารณายกเว้นให้สมัครเข้ารับราชการได้ โดยไม่ทําให้ขาดคุณสมบัติทั่วไปของการเป็นข้าราชการพลเรือน มี 4 กรณี ดังนี้

1 เป็นผู้บกพร่องในศีลธรรมอันดีจนเป็นที่รังเกียจของสังคม

2 เป็นบุคคลล้มละลาย

3 เป็นผู้เคยต้องรับโทษจําคุกโดยคําพิพากษาถึงที่สุดให้จําคุกเพราะกระทําความผิดทางอาญา

4 เป็นผู้เคยกระทําการทุจริตในการสอบเข้ารับราชการ หรือเข้าปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐ

72 ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดถูกลงโทษขั้นปลดออกจากราชการ ให้มีสิทธิได้รับบําเหน็จบํานาญเสมือนว่าผู้นั้นลาออกจากราชการ และต้องเข้าหลักเกณฑ์ตามกฎหมายบําเหน็จบํานาญข้าราชการด้วย

ตอบ 1 หน้า 267, (เอกสารประกอบการสอน หน้า 23), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 97 วรรคสี่), (คําบรรยาย) ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดถูกสั่งลงโทษทางวินัยขั้น ปลดออกจากราชการตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ให้มีสิทธิได้รับ บําเหน็จบํานาญเสมือนว่าผู้นั้นลาออกจากราชการ และต้องเข้าหลักเกณฑ์ตามกฎหมายว่า ด้วยบําเหน็จบํานาญข้าราชการด้วย ส่วนข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดถูกสั่งลงโทษทางวินัย ขั้นไล่ออกจากราชการ จะไม่มีสิทธิได้รับบําเหน็จบํานาญตามกฎหมายว่าด้วยบําเหน็จบํานาญข้าราชการ

73 ข้าราชการพลเรือนสามัญที่ถูกสั่งให้ออกจากราชการระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ ทําให้ขาดคุณสมบัติทั่วไปของข้าราชการพลเรือน

ตอบ 2 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 18), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 59 วรรคสาม), (คําบรรยาย) ข้าราชการพลเรือนสามัญที่ถูกสั่งให้ออกจากราชการในระหว่าง ทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ ให้ถือเสมือนว่าผู้นั้นไม่เคยเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญมาก่อน แต่ทั้งนี้จะไม่กระทบกระเทือนถึงการใดที่ผู้นั้นได้ปฏิบัติหน้าที่ราชการ หรือการรับเงินเดือน หรือผลประโยชน์อื่นใดที่ได้รับหรือมีสิทธิจะได้รับจากทางราชการในระหว่างผู้นั้นอยู่ระหว่าง ทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ ดังนั้นจึงไม่ทําให้ขาดคุณสมบัติทั่วไปหรือข้อห้ามของข้าราชการพลเรือนแต่อย่างใด

 

74 ปัจจุบันข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินเดือนตามบัญชีเงินเดือนต่อท้ายพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 23. ประกอบ

75 ระบบอุปถัมภ์เป็นระบบที่เปิดโอกาสให้พรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้งและเป็นรัฐบาลสามารถแต่งตั้งพรรคพวกของตนเข้าดํารงตําแหน่งข้าราชการการเมืองได้

ตอบ 1 หน้า 19 ระบบอุปถัมภ์ (Patronage System) นับได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของระบบ Spoils System ซึ่งเป็นระบบที่เปิดโอกาสให้พรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้งและเป็นรัฐบาลสามารถแต่งตั้งพรรคพวกของตนเข้าดํารงตําแหน่งข้าราชการการเมืองได้

76 กรรมการ ก.พ.ค. ซึ่งพ้นจากตําแหน่งตามวาระ อาจได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นกรรมการอีกก็ได้ แต่ไม่เกิน 2 วาระติดต่อกัน

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 5. ประกอบ

77 ผู้ที่เคยเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญมาก่อนและลาออกจากราชการไป อาจยื่นเรื่องราวขอกลับเข้ารับราชการได้เฉพาะกระทรวง กรมเดิมเท่านั้น

ตอบ 2 หน้า 99, (คําบรรยาย) ผู้ที่เคยเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญมาก่อนและลาออกจากราชการไปโดยไม่มีความผิดวินัยแต่ประการใด ถ้าประสงค์ขอกลับเข้ารับราชการ อาจยื่นเรื่องราวขอกลับ เข้ารับราชการในกระทรวง กรมใด ๆ ก็ได้ โดยไม่ได้จํากัดเฉพาะกระทรวง กรมเดิมที่เคยสังกัดก่อนออกจากราชการ และอาจได้รับการบรรจุแต่งตั้งในระดับและเงินเดือนที่ไม่สูงกว่าเดิม

78 การลาออกจากราชการนั้น ถ้าผู้มีอํานาจสั่งบรรจุฯ ซึ่งเป็นผู้มีอํานาจสั่งอนุญาตการลาออก ไม่ได้สั่งอนุญาตให้ลาออกหรือไม่ได้ยับยั้งการลาออก การลาออกจะมีผลโดยอัตโนมัตินับตั้งแต่วันขอลาออก

ตอบ 1 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 23 – 24), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 109) ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดประสงค์จะลาออกจากราชการ ให้ยื่นหนังสือขอ ลาออกต่อผู้บังคับบัญชาเหนือขึ้นไปชั้นหนึ่งโดยยื่นล่วงหน้าก่อนวันขอลาออกไม่น้อยกว่า 30 วัน ถ้าผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 (ผู้บังคับบัญชาที่มีอํานาจสั่งอนุญาตการ ลาออก) เห็นว่าจําเป็นเพื่อประโยชน์แก่ราชการ จะยับยั้งการลาออกไว้เป็นเวลาไม่เกิน 90 วัน นับแต่วันขอลาออกก็ได้ แต่ถ้าผู้มีอํานาจสั่งบรรจุฯ ไม่ได้สั่งอนุญาตให้ลาออกหรือไม่ได้ยับยั้ง การลาออก การลาออกจะมีผลโดยอัตโนมัตินับตั้งแต่วันขอลาออก ทั้งนี้ให้เป็นไปตามระเบียบที่ ก.พ. กําหนด

79 ระดับตําแหน่งชํานาญการพิเศษและระดับอาวุโส เป็นตําแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภททั่วไป

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 15. ประกอบ

80 การสอบแข่งขันเป็นการสอบเพื่อบรรจุและแต่งตั้ง คือ ใช้ในกรณีจะบรรจุคนใหม่ก็ได้ หรือในกรณีสอบเพื่อเลื่อนระดับตําแหน่งก็ได้

ตอบ 1 หน้า 220 การสอบแข่งขันเป็นการสอบเพื่อบรรจุและแต่งตั้ง คือ ใช้ในกรณีที่จะบรรจุคนใหม่ก็ได้หรือในกรณีสอบเพื่อเลื่อนระดับตําแหน่งก็ได้ ซึ่งในกรณีสอบเพื่อเลื่อนระดับตําแหน่งนี้เป็นการสอบเพื่อแต่งตั้งเท่านั้นไม่มีการบรรจุ

81 การที่จะศึกษาทําความเข้าใจเกี่ยวกับระเบียบข้าราชการพลเรือน จําเป็นต้องมีความรู้ในหลักวิชาการด้านรัฐศาสตร์เป็นพื้นฐานที่สําคัญ

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 16. ประกอบ

82 ก.พ. มีอํานาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการวิสามัญ และอนุกรรมการสามัญ เพื่อทําการใด ๆ แทนได้

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 1. ประกอบ

83 ในการบริหารงานบุคคลของส่วนราชการฝ่ายพลเรือนในปัจจุบัน มีกฎหมายกําหนดวิธีปฏิบัติไว้เป็นการแน่นอน และมีกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวหลายฉบับด้วยกัน

ตอบ 1 หน้า 15 ในการบริหารงานบุคคลของส่วนราชการฝ่ายพลเรือนในปัจจุบัน มีพระราชบัญญัติกําหนดวิธีปฏิบัติไว้เป็นการแน่นอน และมีพระราชบัญญัติเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวหลายฉบับด้วยกัน เช่น ระเบียบข้าราชการพลเรือน ระเบียบข้าราชการตุลาการ ระเบียบข้าราชการอัยการ เป็นต้น

84 โดยปกติการบรรจุกับการแต่งตั้งเป็นขั้นตอนการบริหารงานบุคคลที่เกี่ยวเนื่องกัน เมื่อมีการบรรจุบุคคลเข้ารับราชการก็ต้องแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งตามมาเสมอ

ตอบ 1 หน้า 91, (เอกสารประกอบการสอน หน้า 15) โดยปกติการบรรจุกับการแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ เป็นขั้นตอนของการบริหารงานบุคคลที่เกี่ยวเนื่องกัน กล่าวคือ เมื่อมีการบรรจุ บุคคลเข้ารับราชการก็จะต้องมีการแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งตามมาเสมอ ซึ่งการบรรจุ หมายถึง การรับบุคคลเข้าเป็นข้าราชการ ส่วนการแต่งตั้ง หมายถึง การมอบหมายให้ทําหน้าที่ในตําแหน่งใดตําแหน่งหนึ่ง โดยอาจเกิดขึ้นพร้อมกับเมื่อมีการบรรจุ หรือต่างวาระกันก็ได้

85 ตําแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัดในราชการส่วนภูมิภาค เป็นตําแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทอํานวยการระดับสูง

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 29. และ 48. ประกอบ

86 ตําแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญจะมีในส่วนราชการใด จํานวนเท่าใด และเป็นตําแหน่งประเภทใดระดับใด ให้เป็นไปตามที่ส่วนราชการนั้น ๆ กําหนด

ตอบ 2 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 14), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 47)ตําแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญจะมีในส่วนราชการใด จํานวนเท่าใด และเป็นตําแหน่ง ประเภทใด สายงานใด ระดับใด ให้เป็นไปตามที่ อ.ก.พ. กระทรวง กําหนด โดยต้องคํานึงถึง ประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ความไม่ซ้ําซ้อนและประหยัดเป็นหลัก ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ ก.พ. กําหนด และต้องเป็นไปตามมาตรฐานกําหนดตําแหน่ง

87 ตําแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง ได้แก่ ตําแหน่งที่จําเป็นต้องใช้ผู้สําเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทขึ้นไปตามที่ ก.พ. กําหนด เพื่อปฏิบัติงานในหน้าที่ตําแหน่งนั้น

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 25. ประกอบ

88 บํานาญ คือ เงินตอบแทนความชอบที่ได้รับราชการมา เมื่อพ้นจากราชการ และเป็นผู้มีสิทธิได้รับตามกฎหมายบําเหน็จบํานาญข้าราชการ บํานาญจ่ายเป็นรายเดือน ตอบ 1 หน้า 69 – 70, (คําบรรยาย) บํานาญ หมายถึง เงินตอบแทนความชอบที่ได้รับราชการมาเมื่อพ้นจากหน้าที่ราชการแล้ว ซึ่งผู้ที่จะได้รับบํานาญนี้จะต้องเป็นผู้มีสิทธิได้รับตามกฎหมายว่าด้วยบําเหน็จบํานาญข้าราชการ โดยบํานาญจ่ายให้เป็นรายเดือน

89 “การสอบคัดเลือก” ระเบียบฯ กําหนดให้ ก.พ. เป็นผู้ดําเนินการจัดการสอบคัดเลือก ตามที่กระทรวง กรม แจ้งให้ ก.พ. ดําเนินการให้

ตอบ 2 หน้า 220 – 221 การสอบคัดเลือก ได้แก่ การสอบเพื่อแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนให้ดํารงตําแหน่งที่สอบได้ตามความเหมาะสม โดยรับสมัครสอบจากข้าราชการพลเรือนซึ่งมีคุณสมบัติ และความรู้ที่ต้องการสําหรับตําแหน่งที่จะแต่งตั้ง โดยระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน กําหนดให้กระทรวง กรมเจ้าสังกัดเป็นผู้ดําเนินการสอบคัดเลือกเอง

90 ตําแหน่งเอกอัครราชทูต เป็นตําแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 29. ประกอบ

91 ตําแหน่งนายอําเภอในราชการส่วนภูมิภาค เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทอํานวยการ อาจจะเป็นประเภทอํานวยการระดับสูง หรือประเภทอํานวยการระดับต้นก็ได้

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 48. ประกอบ

92 กรณีข้าราชการพลเรือนสามัญถูกสั่งให้ออกจากราชการด้วยเหตุใด ๆ ตามที่กําหนดไว้ในระเบียบข้าราชการพลเรือน กฎหมายกําหนดให้ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้นั้นมีสิทธิอุทธรณ์ต่อ ก.พ.

ตอบ 2 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 24 – 25), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 114) ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดถูกสั่งลงโทษตามพระราชบัญญัตินี้หรือถูกสั่งให้ ออกจากราชการตามมาตรา 110 (1) (3) (5) (6) (7) และ (8) ให้ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้นั้น มีสิทธิอุทธรณ์ต่อ ก.พ.ค. ภายใน 30 วันนับแต่วันทราบคําสั่งหรือถือว่าทราบคําสั่ง ทั้งนี้การอุทธรณ์และการพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ให้เป็นไปตามที่กําหนดในกฎ ก.พ.ค.

93 ข้าราชการการเมืองตําแหน่งรัฐมนตรีเข้าดํารงตําแหน่ง ตามวิถีทางทางการเมือง หรือตามบทบัญญัติในกฎหมายรัฐธรรมนูญ

ตอบ 1 หน้า 389 การเข้าดํารงตําแหน่งและการออกจากตําแหน่งของข้าราชการการเมืองตําแหน่งรัฐมนตรี ให้เป็นไปตามวิถีทางทางการเมือง หรือตามบทบัญญัติในกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งรัฐมนตรีในที่นี้หมายความรวมถึงรัฐมนตรีทุกตําแหน่ง ตั้งแต่นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวง รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการทบวงรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง และรัฐมนตรีช่วยว่าการทบวง

94 หลักความเสมอภาค ตามระบบคุณธรรมหมายความว่า สิทธิที่จะเข้ารับราชการจะต้องเปิดกว้างสําหรับประชาชนทุกคนที่มีคุณสมบัติตามที่กฎหมายและตามที่ทางราชการต้องการ

ตอบ 1 หน้า 17 หลักความเสมอภาค (Equality) ตามระบบคุณธรรมในการบริหารงานบุคคลหมายความว่า สิทธิที่จะเข้ารับราชการจะต้องเปิดกว้างสําหรับประชาชนทุกคนที่มีคุณสมบัติ เหมาะสมตามที่กฎหมายและตามที่ทางราชการต้องการ โดยให้มีโอกาสสมัครสอบแข่งขันเข้า รับราชการได้ และต้องไม่มีการเลือกปฏิบัติเพราะเหตุเกี่ยวกับเหล่ากําเนิด ฐานะทางเศรษฐกิจสถานภาพทางสังคม ศาสนา และเพศของบุคคล

95 ผู้มีอํานาจสั่งบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญของส่วนราชการระดับกระทรวง ได้แก่ ปลัดกระทรวง

ตอบ 2 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 16), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 57 (1) (2) ผู้มีอํานาจสั่งบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญของส่วนราชการ ระดับกระทรวง มีดังนี้

1 ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดเป็นผู้สั่งบรรจุ และให้นายกรัฐมนตรี นําความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้ง ได้แก่ หัวหน้าส่วนราชการ ระดับกระทรวง (ปลัดกระทรวง)

2 ให้ปลัดกระทรวงผู้บังคับบัญชาเป็นผู้สั่งบรรจุ และให้ นายกรัฐมนตรีนําความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้ง ได้แก่ รองหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง (รองปลัดกระทรวง)

96 เมื่อข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดลาออกจากราชการไปดํารงตําแหน่งทางการเมือง ทางราชการต้องสงวนตําแหน่งในระดับเดียวกันไว้สําหรับบรรจุผู้นั้นกลับเข้ารับราชการ

ตอบ 2 หน้า 98 – 99, 113, 119, (คําบรรยาย) เมื่อข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดลาออกจากราชการไปดํารงตําแหน่งทางการเมือง หรือดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญแล้ว ส่วนราชการ เจ้าสังกัดไม่ต้องสงวนตําแหน่งในระดับเดียวกันไว้สําหรับบรรจุผู้นั้นกลับเข้ารับราชการ แต่ถ้า ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดออกจากราชการไปปฏิบัติงานใด ๆ ตามมติคณะรัฐมนตรี หรือ ออกจากราชการไปรับราชการทหารตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร ส่วนราชการ เจ้าสังกัดต้องสงวนตําแหน่งในระดับเดียวกันไว้สําหรับบรรจุผู้นั้นกลับเข้ารับราชการภายในเวลาที่กําหนด

97 การลงมติของ ก.พ. ในเรื่องการยกเว้นคุณสมบัติทั่วไป หรือลักษณะต้องห้ามบางประการของข้าราชการพลเรือนต้องกระทําโดยประชุมลับ และมีมติเป็นเอกฉันท์

ตอบ 2 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 6), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 36 วรรคสอง และวรรคสี่) มติของ ก.พ. ในการยกเว้นลักษณะต้องห้ามบางประการสําหรับผู้ที่ จะเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนนั้น ต้องได้คะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 4 ใน 5 ของ จํานวนกรรมการที่มาประชุม และการลงมติให้กระทําโดยลับ ซึ่งในการนี้ ก.พ. จะยกเว้นให้เป็นการเฉพาะราย หรือจะประกาศยกเว้นให้เป็นการทั่วไปก็ได้

98 คําว่า “ปลัดกระทรวง” ตามคํานิยามของระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน ให้หมายความรวมถึงปลัดสํานักนายกรัฐมนตรีด้วย

ตอบ 1 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 6), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 4)คําว่า “ปลัดกระทรวง” ให้หมายความรวมถึงปลัดสํานักนายกรัฐมนตรีและปลัดทบวง

99 หนังสือประทับตราแทนการลงชื่อตามระเบียบงานสารบรรณฉบับปัจจุบัน เป็นหนังสือราชการที่ไม่ต้องมีคําลงท้าย

ตอบ 1 หน้า 413 – 414, (คําบรรยาย) ตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2548 หนังสือประทับตรา คือ หนังสือที่ใช้ประทับตรา แทนการลงชื่อของหัวหน้าส่วนราชการระดับกรมขึ้นไป โดยให้หัวหน้าส่วนราชการระดับกอง หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากหัวหน้าส่วนราชการระดับกรมขึ้นไปเป็นผู้รับผิดชอบลงชื่อย่อกํากับตรา ซึ่งหนังสือประทับตรานี้ไม่ต้องมีคําลงท้าย

100 การย้ายข้าราชการพลเรือนสามัญไปแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งในระดับที่สูงกว่าเดิม ผู้มีอํานาจสั่งย้ายจะกระทําได้ต่อเมื่อได้รับอนุมัติจากรัฐมนตรีเจ้าสังกัดแล้ว

ตอบ 2 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 18), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 63 วรรคสาม), (คําบรรยาย) การย้ายหรือการโอนข้าราชการพลเรือนสามัญไป แต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งในระดับที่ต่ํากว่าเดิม ผู้มีอํานาจสั่งย้ายจะกระทํามิได้ เว้นแต่จะได้รับ ความยินยอมจากข้าราชการพลเรือนสามัญผู้นั้น ส่วนการย้ายไปแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งใน ระดับที่สูงกว่าเดิม จะไม่สามารถดําเนินการได้แต่ต้องใช้วิธีการสอบคัดเลือกเพื่อแต่งตั้งให้ ดํารงตําแหน่งแทน

 

 

WordPress Ads
error: Content is protected !!