การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2559
ข้อสอบกระบวนวิชา POL 3311 การเมืองและระบบราชการ

คำสั่ง ข้อสอบมี 3 หน้า ให้นักศึกษาทำทุกข้อ
ข้อ 1. ให้นักศึกษาวิเคราะห์การเมืองไทย (ยุคใดก็ได้) ที่ท่านเข้าใจมากที่สุด โดยใช้ทฤษฎีระบบ (System Theory) ของเดวิด อีสตัน (David Easton) เป็นแนวทางในการวิเคราะห์

Advertisement

แนวคำตอบ (หนังสือเล่มพิมพ์ 53288 หน้า 3 – 5)
ทฤษฎีระบบ (Systems Theory)
ทฤษฎีระบบการเมืองตามแนวคิดของ David Easton เริ่มต้นด้วยปัจจัยนำเข้า (Input) อันได้แก่ ความต้องการ และการให้ความสนับสนุน นำเข้าสู่ระบบการเมือง ซึ่งกระทำหน้าที่เป็นกระบวนการแปรรูป (Process) ผลที่ออกมาจากกระบวนการนี้เรียกว่า ปัจจัยนำออก (Output) อันได้แก่ นโยบายหรือการตัดสินใจของรัฐบาล และเมื่อนโยบายถูกนำไปปฏิบัติก็จะก่อให้เกิดปฏิกิริยาย้อนกลับ (Feedback) ไปสู่ปัจจัยนำเข้าเพื่อนำไปเป็นปัจจัยแก้ไขหรือพัฒนาต่อไปอีกครั้ง ซึ่งความต้องการดังกล่าวอาจเป็นผลมาจากการรับรู้สภาวะแวดล้อมของบุคคลหรือกลุ่มต่าง ๆ ความต้องการเหล่านี้จะถูกป้อนเข้าสู่ระบบการเมืองเพื่อทำให้เกิดนโยบายสาธารณะที่สามารถสร้างความพึงพอใจให้แก่บุคคลและกลุ่มที่เรียกร้องเมื่อมีการนำนโยบายไปปฏิบัติ

นโยบายสาธารณะเป็นผลผลิตที่เกิดจากการที่ระบบการเมืองแปรเปลี่ยนความต้องการของประชาชนไปสู่การแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมตามทฤษฎีนี้มีความต้องการและการสนับสนุนจากประชาชนกลุ่มต่าง ๆ จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการกำหนดนโยบายสาธารณะโดยผ่านกระบวนการในระบบการเมือง

เราจะเห็นได้ว่า David Easton มองระบบการเมืองเป็นการดำเนินงานทางการเมืองเนื่องในฐานะที่มีลักษณะแตกต่างกันออกไปจากระบบการดำเนินงานในกิจกรรมอื่น ๆ เช่น ระบบเศรษฐกิจ เป็นต้น การวิเคราะห์ระบบการเมืองในรูปแบบนี้เป็นเพียงการยอมรับว่าในสถาบันการเมือง เราสามารถแยกแยะกระบวนการเมืองออกจากกระบวนการอื่น ๆ ในสังคมได้อย่างชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้น เราจะต้องต้องเลือกตัวจักรสำคัญที่เป็นผลมาจากปัจจัยแวดล้อมในสังคมที่ใหญ่โต โดยกำหนดว่ากิจกรรมอยู่ในขอบเขตของระบบการเมือง จะต้องเป็นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจจัดสรรสิ่งที่มีคุณค่าต่าง ๆ ในระบบ โดยมีนโยบายโดยตรงบังคับให้ปฏิบัติตามการแบ่งสรร

ข้อ 2. ท่านคิดว่าหลักธรรมาภิบาล (Good Governance) และระบบบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 คืออะไร มีรายละเอียดอะไรบ้าง นำมาใช้ในการพัฒนาระบบราชการอย่างไรบ้าง จงอธิบาย

แนวคำตอบ (หนังสือเล่มพิมพ์ 53288 หน้า 39 – 40, 145 – 146)

หลักธรรมาภิบาลหรือระบบบริหารกิจการบ้านเมืองและสังคมที่ดี เป็นการสร้างเงื่อนไขในการใช้อำนาจ เพื่อให้การปกครองบ้านเมืองเป็นไปเพื่อความสุขของประชาชนและตามความมั่นคงของประเทศ
หลักการสร้างระบบบริหารกิจการบ้านเมืองและสังคมที่ดี ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. 2546 ประกอบด้วย 6 หลัก คือ

1 หลักนิติธรรม ได้แก่ การตรากฎหมาย กฎข้อบังคับต่าง ๆ ให้ทันสมัยและเป็นธรรม เป็นที่ยอมรับของสังคม

2 หลักคุณธรรม ได้แก่ การยึดมั่นในความถูกต้องดีงาม โดยให้เจ้าหน้าที่ของรัฐยึดถือหลักการนี้ในการปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นตัวอย่างแก่สังคม และส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนพัฒนาตนเองไปพร้อม ๆ กัน

3 หลักความโปร่งใส ได้แก่ การสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกันของคนในชาติ โดยปรับปรุงกลไกการทำงานขององค์การทุกภาคส่วนให้มีความโปร่งใส ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้

4 หลักความมีส่วนร่วม ได้แก่ การเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมรับรู้และเสนอความเห็นในการตัดสินใจปัญหาสำคัญของประเทศ

5 หลักความรับผิดชอบ ได้แก่ การตระหนักในสิทธิหน้าที่ความรับผิดชอบต่อสังคม การใส่ใจปัญหาสาธารณะ และกระตือรือร้นในการแก้ไขปัญหา

6 หลักความคุ้มค่า ได้แก่ การบริหารจัดการและใช้ทรัพยากรที่มีจำกัดเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ส่วนรวม รณรงค์ให้คนไทยมีความประหยัด ใช้ของอย่างคุ้มค่าสร้างสรรค์

พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546
เป็นการนำแนวคิดเกี่ยวกับระบบบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีมาเป็นแนวทางในการบริหารราชการ เป็นการนำไปสู่การปฏิบัติในทางกฎหมายเพื่อให้มีผลบังคับใช้ เป็นการกำหนดขอบเขตแบบแผน วิธีปฏิบัติราชการเพื่อการบริหารราชการบรรลุเป้าหมาย เป็นการสร้างหลักประกันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมการทำงานรวมไปถึงการสร้างแรงจูงใจเพื่อเสริมสร้างกิจการบ้านเมืองที่ดี

การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ได้แก่ การบริหารราชการเพื่อบรรลุเป้าหมายดังต่อไปนี้

1 เกิดประโยชน์สุขของประชาชน

2 เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ

3 มีประสิทธิภาพและเกิดความคุ้มค่าในเชิงภารกิจของรัฐ

4 ไม่มีขั้นตอนการปฏิบัติงานเกินความจำเป็น

5 มีการปรับปรุงภารกิจของส่วนราชการให้ทันต่อสถานการณ์

6 ประชาชนได้รับการอำนวยความสะดวกและได้รับการตอบสนองความต้องการ

7 มีการประเมินผลการปฏิบัติราชการอย่างสม่ำเสมอ

ข้อ 3. ท่านคิดว่าระบบราชการควรจะต้องปรับปรุงเรื่องอะไรบ้าง อย่างไร และจากการศึกษาเปรียบเทียบในต่างประเทศ ประเทศใดบ้างที่มีส่วนเหมือนและ/หรือคล้ายกับประเทศไทย จงอธิบายให้เห็นเป็นรูปธรรมเป็นข้อ ๆ

แนวคำตอบ (หนังสือเล่มพิมพ์ 53288 หน้า 108 – 109), (คำบรรยาย)

แนวคิดในการปฏิรูประบบราชการไทยให้สอดคล้องกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน มีดังนี้

1 ให้ภาคราชการมีสมรรถนะที่จะแข่งขันในเวทีโลก (International Competitive Marketing)

2 ลดการควบคุมภาคราชการต่อภาคเอกชนให้น้อยลง โดยการแก้กฎระเบียบต่าง ๆ ที่ล้าสมัย (Deregulation)

3 ให้มีการแปรสภาพสาธารณูปโภคให้ภาคเอกชนดำเนินการแทนมากขึ้น (Privatization)

4 ให้ส่วนราชการมีขนาดเล็กกะทัดรัด แต่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

5 ปรับเปลี่ยนบทบาทภารกิจและวิธีการบริหารงานของภาครัฐ (บทบาท วิธีการทำงาน และสร้างประสิทธิภาพในการทำงาน)

6 การปรับปรุงโครงสร้างของการบริหารราชการแผ่นดิน

7 การปรับเปลี่ยนงบประมาณให้เป็นระบบงบประมาณแบบมุ่งเน้นผลงานและผลลัพธ์

8 ปรับเปลี่ยนบริหารงานบุคคล (พัฒนาหน่วยงานกลาง บริหารงานบุคคลพัฒนาศักยภาพของข้าราชการ ปรับปรุงระบบเงินเดือนและค่าตอบแทน ปรับกระบวนทัศน์ข้าราชการ)

9 ปรับเปลี่ยนกฎหมายให้มีประสิทธิภาพ และมีความรวดเร็วในการปฏิบัติงาน

10 ปรับเปลี่ยนวัฒนธรรม และค่านิยมของข้าราชการ (สร้างจิตสำนึก) สร้างระบบการบริหารงานกิจการบ้านเมืองและสังคมที่ดี (Good Governance) สร้างค่านิยมโปร่งใส ทำงานร่วมกับประชาชนอย่างเป็นมิตร

11 เปิดระบบราชการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม

ผลที่คาดว่าจะได้รับจากการปฏิรูประบบราชการไทย มีดังนี้

1 นำไปสู่ระบบราชการที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล คุ้มค่ากับภาษีของประชาชน ระบบราชการโปร่งใสสุจริต ลดความสิ้นเปลืองสูญเปล่า และใช้งบประมาณน้อยลง

2 เป็นข้าราชการที่มีความรับผิดชอบ ซื่อตรงและโปร่งใส

3 เป็นระบบราชการที่แน่นอนคาดค้นคว้า

4 การบริหารราชการทันต่อการณ์ไกล ทันสมัย ทันโลก ทันต่อเหตุการณ์

5 ได้ระบบและราชการที่มีความมั่นคงเข้มแข็ง ยืนหยัดเคียงข้างประชาชน

6 การบริหารราชการที่ได้รับความไว้วางใจและเชื่อถือจากประชาชนว่าเป็นระบบที่มีคุณภาพประสิทธิภาพ และมีคุณธรรม

7 ได้ข้าราชการที่เข้าใจง่ายและเป็นเพื่อนกับประชาชน โดยที่ประชาชนได้รับบริการที่มีมาตรฐานที่เท่าเทียมกันและเป็นธรรม

ตัวอย่างแนวคิดในการปฏิรูประบบราชการของประเทศญี่ปุ่น มีดังนี้

1 การปฏิรูประบบการคลัง โดยการตัดทอนค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ยกเลิกการดำเนินนโยบายการคลังที่ใช้จ่ายเงินเกินรายได้ และพยายามจัดระบบการให้เงินอุดหนุนมีความสมเหตุสมผลมากยิ่งขึ้น

2 การแปรสภาพรัฐวิสาหกิจ โดยการให้เป็นบริษัทมหาชนที่มีผู้ถือหุ้นร่วม จัดระบบการจ้างงานที่เสมอภาคและผลักดันการจัดการที่มีเหตุผลจากมาตรการของรัฐบาล

3 การลดกฎระเบียบของทางราชการ โดยปฏิรูประบบการออกใบอนุญาตผูกขาดหลาย และลดจำนวนกฎระเบียบของรัฐด้านการโทรคมนาคมและการธนาคาร

4 การปรับความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่น โดยจัดระบบการมอบอำนาจจากส่วนกลางสู่ส่วนท้องถิ่น ยกเลิกการแทรกแซงของรัฐบาลกลางต่อรัฐบาลส่วนท้องถิ่นในด้านการเงินและการบริหารงานส่วนท้องถิ่น

5 การปฏิรูปทางด้านนโยบาย โดยการรวมระบบบำเหน็จบำนาญที่มีอยู่หลายระบบ กระจายอำนาจให้ศูนย์การจ้างงานศูนย์เดียว และการจัดระบบการประกันสุขภาพ

6 การปรับโครงสร้างระบบบริหารและการควบคุมอัตรากำลัง โดยจัดระบบโครงสร้างให้หน่วยงานกลางทำหน้าที่ด้านการประสานงานที่มีความเข้มแข็งยิ่งขึ้น และปรับโครงสร้างสำนักงานของกระทรวงต่าง ๆ และหน่วยงานพิเศษหลายแห่ง

7 การปรับปรุงหน่วยงานของรัฐบาลในลักษณะเป็นคณะกรรมการอิสระเชิงบริการ เช่น โรงพยาบาลของรัฐ กรมไปรษณีย์ และกรมป่าไม้

8 ดำเนินการปรับปรุงรัฐวิสาหกิจทั้ง 19 แห่ง ทบทวนความจำเป็นของรัฐวิสาหกิจทั้ง 50 แห่ง และปรับปรุงระบบการทำงานและการจัดการของรัฐวิสาหกิจ

9 การปรับปรุงกระบวนการบริหาร โดยนำเสนอหลักเกณฑ์ที่จะช่วยให้ระบบ เปิดเผยข้อมูลข่าวสาร และออกกฎหมายป้องกันการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์

ยุทธศาสตร์ที่ทำให้การปฏิรูประบบราชการประสบความสำเร็จ มีดังนี้

1 มีการกำหนดจำนวนส่วนราชการไว้ในกฎหมาย และหากจะจัดตั้งส่วนราชการขึ้นมาใหม่ให้ยุบส่วนราชการที่มีอยู่เดิมในจำนวนเท่ากัน

2 เน้นการปฏิรูปเรื่อง

1 การลดขนาดของภาคราชการ

2 การลดกฎระเบียบและการควบคุมของภาคราชการ

3 การแปรสภาพงานภาคราชการให้เอกชนทำ

4 การให้ภาคเอกชนและประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารและการจัดการของภาคราชการมากขึ้น

3. ยุทธศาสตร์ที่นำไปสู่ความสำเร็จ คือ

1 รัฐบาลให้ความสำคัญและความสนใจในการปฏิรูประบบราชการ

2 แต่งตั้งให้บุคคลที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในสังคมเป็นคณะกรรมการปฏิรูประบบราชการ

3 มีการให้คำมั่นสัญญาเป็นการล่วงหน้าว่าจะนำข้อเสนอแนะของคณะกรรมการปฏิรูประบบราชการไปดำเนินการอย่างจริงจัง

4 จัดตั้งสำนักงานของคณะกรรมการปฏิรูประบบราชการโดยมีข้าราชการระดับปลัดทบวงเป็นหัวหน้าสำนักงานและมีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานเต็มเวลา

Advertisement