การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2565
ข้อสอบกระบวนวิชา POL 3302 การวางแผนในภาครัฐ
คําสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคําตอบเดียว
1. การวางแผนเชิง “ยุทธศาสตร์” มีที่มาจากวงการใด
(1) วิทยาศาสตร์
(2) การทหาร
(3) การแพทย์
(4) การวิจัย
(5) การเมือง
ตอบ 2 (คําบรรยาย) ที่มาของการวางแผนกลยุทธ์หรือยุทธศาสตร์ มีดังนี้
1. ข้อเสนอของธนาคารโลก (World Bank) และองค์กรเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ แห่งสหรัฐอเมริกา (USAID)
2. การวางแผนทางการทหาร
3. เครื่องมือทางการบริหารจัดการของภาคเอกชน
4. แนวคิดการจัดการภาครัฐแนวใหม่(New Public Management : NPM)
2.ข้อใดคือที่มาของการวางแผนกลยุทธ์
(1) ข้อเสนอของ World Bank
(2) ข้อเสนอของ USAID
(3) แนวคิดการจัดการภาครัฐแนวใหม่
(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 2
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 1. ประกอบ
3. “ปัจจุบัน” (ปี 2565) หน่วยงานใดมีบทบาทในการกําหนดตัวชี้วัดตามแผนแม่บทยุทธศาสตร์ชาติ
(1) สํานักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
(2) สํานักงานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ
(3) สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(4) สํานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(5) สํานักงานเศรษฐกิจการคลัง
ตอบ 4 (คําบรรยาย) สํานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ซึ่งมีฐานะเป็น เลขานุการของคณะกรรมการจัดทํายุทธศาสตร์ชาติ เป็นหน่วยงานที่มีบทบาทในการกําหนด ตัวชี้วัดตามแผนแม่บทยุทธศาสตร์ชาติในปัจจุบัน
4.ท่านจะหาแผนหลักในการพัฒนาประเทศ “ระยะยาว” ได้จากที่ใด
(1) แผนระดับ 2
(2) แผนระดับ 3
(3) คําแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภา
(4) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(5) ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
ตอบ 5 (คําบรรยาย) ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 – 2580) เป็นแผนหลักในการพัฒนาประเทศ ระยะยาวให้ประเทศเจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน โดยมียุทธศาสตร์ที่สําคัญ เช่น ยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขันยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม เป็นต้น
5. แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติมีทั้งหมดที่ด้าน
(1) 10 ด้าน
(2) 22 ด้าน
(3) 23 ด้าน
(4) 25 ด้าน
(5) 30 ด้าน
ตอบ 3 (คําบรรยาย) แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ เป็นแผนแม่บทเพื่อบรรลุเป้าหมายตามที่ กําหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งประกอบด้วยแผนแม่บททั้งหมด 23 ด้าน เช่น ความมั่นคง การต่างประเทศ การเกษตร อุตสาหกรรรมและบริการแห่งอนาคต การท่องเที่ยว พื้นที่และ เมืองน่าอยู่อัจฉริยะ โครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์และดิจิทัล ผู้ประกอบการและวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อมยุคใหม่ เขตเศรษฐกิจพิเศษ การปรับเปลี่ยนค่านิยมและวัฒนธรรม ศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต การพัฒนาการเรียนรู้ เป็นต้น
6.การวางแผนกลยุทธ์สัมพันธ์กับระบบงบประมาณแบบใด
(1) ระบบงบประมาณแบบแสดงรายการ
(2) ระบบงบประมาณแบบแผนงานโครงการ
(3) ระบบงบประมาณแบบมุ่งเน้นผลงาน
(4) ระบบงบประมาณแบบฐานศูนย์
(5) ระบบงบประมาณแบบสะสม
ตอบ 3 (คําบรรยาย) การวางแผนกลยุทธ์สัมพันธ์กับระบบงบประมาณแบบมุ่งเน้นผลงาน(Performance-Based Budgeting) ซึ่งเป็นระบบงบประมาณที่ให้ความสําคัญกับ ความสําเร็จตามเป้าประสงค์และวัตถุประสงค์ของแผนงาน รวมทั้งการบ่งชี้หรือ การวัดผลที่เกิดจากการทํางาน ประสิทธิภาพ และประสิทธิผล
7. ข้อใดตรงที่สุดเกี่ยวกับการวางแผนเชิงกลยุทธ์
(1) รัฐที่ชี้นํามากกว่าลงมือทําเอง
(2) การมุ่งเน้นแสวงหากําไร
(3) รัฐที่เน้นกลไกการตลาด
(4) การมีมาตรฐานและระบบการวัดผลการทํางานที่ชัดเจน
(5) การแบ่งหน่วยงานย่อยเพื่อความคล่องตัวในการบริหารจัดการ
ตอบ 4 (คําบรรยาย) การมีมาตรฐานและระบบการวัดผลการทํางานที่ชัดเจน ถือเป็นองค์ประกอบที่สําคัญของการวางแผนเชิงกลยุทธ์ เพราะเป็นสิ่งที่บอกว่าหน่วยงานปฏิบัติงานเป็นไปตาม เป้าประสงค์ที่วางไว้ในแผนหรือไม่
8.ข้อใดตรงกับ Mission-Driven Government รัฐที่มุ่งขับเคลื่อนด้วยภารกิจ
(1) การวิเคราะห์สภาพแวดล้อม
(2) การกําหนดวิสัยทัศน์
(4) การกําหนดตัวชี้วัด
(3) การกําาหนดพันธกิจ
(5) การประเมินผล
ตอบ 3 (คําบรรยาย) รัฐที่มุ่งขับเคลื่อนด้วยภารกิจ (Mission-Driven Government) เป็นการกําหนด ภารกิจหรือพันธกิจให้ชัดเจน เพื่อให้การดําเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและตอบสนอง ความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง
9. ภาพที่องค์การฝันหรืออยากจะเป็น คืออะไร
(1) วัตถุประสงค์
(2) พันธกิจ
(3) วิสัยทัศน์
(4) ยุทธศาสตร์
(5) ตัวชี้วัด
ตอบ 3 (คําบรรยาย) วิสัยทัศน์ (Vision) คือ ภาพที่องค์การหวังหรือฝันหรืออยากจะเป็น เป็นการกําหนดทิศทางขององค์การในอนาคต เช่น เป็นองค์กรที่มีประสิทธิภาพในการควบคุม แก้ไข และพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขังเพื่อคืนคนดีมีคุณค่าสู่สังคม, เป็นองค์กรป้องกันควบคุมโรคและ ภัยสุขภาพระดับมาตรฐานสากล, เป็นองค์กรแห่งความยุติธรรมของสังคมเพื่อความมั่นคง ของชาติและความผาสุกของประชาชน เป็นต้น
10. ข้อใดตรงกับ Result-Oriented Government รัฐที่มุ่งเน้นผลการดําเนินงาน
(1) มุ่งเน้นเฉพาะผลผลิต (Output)
(2) มุ่งเน้นผลลัพธ์ (Outcome)
(3) การคํานึงถึงว่าผู้รับบริการจะได้อะไร
(4) ถูกเฉพาะข้อ 1
(5) ถูกทั้งข้อ 2 และ 3
ตอบ 5 (คําบรรยาย) รัฐที่มุ่งเน้นผลการดําเนินงาน (Result-Oriented Government) หมายถึง การมุ่งเน้นผลลัพธ์ (Outcome) หรือการคํานึงถึงว่าผู้รับบริการ/ประชาชนจะได้ประโยชน์ อะไร
ตั้งแต่ข้อ 11. – 21. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม
(1) การกําหนดวิสัยทัศน์
(2) การกําหนดพันธกิจ
(3) การกําหนดเป้าประสงค์
(4) การกําหนดกลยุทธ์
(5) การวิเคราะห์สภาพแวดล้อม
(6) การนํากลยุทธ์ไปปฏิบัติ
(7) การควบคุมกลยุทธ์
11. ข้อใดเรียงลําดับกระบวนการจัดการเชิงกลยุทธ์ที่ถูกต้อง
(1) 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7
(2) 4, 1, 2, 3, 5, 6, 7
(3) 4, 1, 2, 5, 3, 6, 7
(4) 5, 4, 1, 2, 3, 6, 7
(5) 5, 1, 2, 3, 4, 6, 7
ตอบ 5 (คําบรรยาย) กระบวนการจัดการเชิงกลยุทธ์ มี 7 ขั้นตอน ดังนี้
1. การวิเคราะห์สภาพแวดล้อม (วิเคราะห์ SWOT)
2. การกําหนดวิสัยทัศน์
3. การกําหนดพันธกิจ
4. การกําหนดเป้าประสงค์
5. การกําหนดกลยุทธ์
6. การนํากลยุทธ์ไปปฏิบัติ
7. การควบคุมกลยุทธ์
12.PEST Analysis คือเครื่องมือในข้อใด
(1) 4
(2) 5
(3) 6
(4) 7
(5) 1
ตอบ 2 (คําบรรยาย) เครื่องมือวิเคราะห์สภาพแวดล้อมขององค์การ มีดังนี้
1. 2’S 4’M
2. 7’S
3. PMQA
4. PEST Analysis
5. STEPP Model
6. Five-Forces Model
7. SWOT Analysis
13. ข้อใดคือขั้นตอนที่บอกถึงกิจกรรมที่องค์การจะต้องทํา
(1) 1
(2) 2
(3) 3
(4) 4
(5) 5
ตอบ 2 (คําบรรยาย) การกําหนดพันธกิจหรือภารกิจ (Mission) คือ การบอกถึงกิจกรรมที่องค์การ จะต้องทํา เช่น จัดเก็บภาษีให้ได้ตามประมาณการ, การพัฒนานโยบาย มาตรการ และบริการ ด้านการป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพ, เตรียมความพร้อมในการจัดการภาวะคุกคาม และภัยสุขภาพใหม่ ๆ ได้ทันการณ์, อํานวยความยุติธรรมให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใส พึ่งพิงได้ บนพื้นฐานของความเสมอภาค เป็นต้น
14. “อํานวยความยุติธรรมให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใส พึ่งพิงได้ บนพื้นฐานของความเสมอภาค” ประโยค ดังกล่าวเป็นการกําหนดอะไร
(1) 1
(2) 2
(3) 3
(4) 4
(5) 5
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 13. ประกอบ
15. ข้อใดเป็นสิ่งที่บอกว่า “ใคร” ได้ประโยชน์จากการกระทําขององค์การ
(1) 1
(2) 2
(3) 3
(4) 4
(5) 5
ตอบ 3 (คําบรรยาย) การกําหนดเป้าประสงค์ (Goal) คือ การบอกว่า “ใคร” ได้ประโยชน์จาก การกระทําหรือการดําเนินตามพันธกิจขององค์การ เช่น ประชาชนและชุมชนในพื้นที่ ชายแดนและพื้นที่เฉพาะอื่น ๆ มีโอกาสได้รับการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต, ผู้ต้องขัง เป็นคนดีพร้อมกลับคืนสู่สังคม, ประชาชนมีความปลอดภัยและได้รับคนดีคืนสู่สังคม, ประชาชนมีความปลอดภัยจากภาวะคุกคามและภัยสุขภาพใหม่ ๆ, ประชาชนเข้าถึง และได้รับความยุติธรรมบนฐานของความเสมอภาค เป็นต้น
16. “เป็นองค์กรแห่งความยุติธรรมของสังคมเพื่อความมั่นคงของชาติและความผาสุกของประชาชน” ประโยค
ดังกล่าวคือการกําหนดอะไร
(1) 1
(2) 2
(3) 3
(4) 4
(5) 5
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 9. ประกอบ
17. “ประชาชนเข้าถึงและได้รับความยุติธรรมบนฐานของความเสมอภาค” ประโยคดังกล่าวคือการกําหนดอะไร
(1) 1
(2) 2
(3) 3
(4) 4
(5) 5
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 15. ประกอบ
18. การกําหนดทิศทางขององค์การ อยู่ในขั้นตอนใด
(1) 1
(2) 2
(3) 3
(4) 4
(5) 5
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 9. ประกอบ
19. “การก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและอัตราการเกิดของประชากรลดลง ส่งผลให้มหาวิทยาลัยมีจํานวน นักศึกษาลดลง” ประโยคดังกล่าวจะปรากฏอยู่ในขั้นตอนใด
(1) 1
(2) 2
(3) 3
(4) 4
(5) 5
ตอบ 5 (คําบรรยาย) การวิเคราะห์สภาพแวดล้อม คือ การประเมินสถานภาพขององค์การ โดยการ พิจารณาสภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกเพื่อให้ทราบจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคขององค์การ เพื่อนําไปประกอบในการกําหนดกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับองค์การต่อไป
20.การกําหนดรายละเอียด/กิจกรรม หรือโครงการ คือขั้นตอนใด
(1) 3
(2) 4
(3) 5
(4) 6
(5) 7
ตอบ 4 (คําบรรยาย) การนํากลยุทธ์ไปปฏิบัติ คือ กระบวนการแปลงกลยุทธ์ไปสู่แผนการดําเนินงาน กําหนดรายละเอียด/กิจกรรม หรือโครงการต่าง ๆ เพื่อให้สามารถดําเนินการตามกลยุทธ์ได้ อย่างเป็นรูปธรรม
21. การติดตามประเมินผล คือขั้นตอนใด
(1) 1
(2) 3
(3) 5
(4) 6
(5) 7
ตอน 5 (คําบรรยาย) การควบคุมกลยุทธ์ คือ การติดตามประเมินผลการดําเนินงานทั้งหมดตาม แผนกลยุทธ์ที่กําหนดไว้ว่าการดําเนินงานบรรลุผลสําเร็จตามแผนมากน้อยเพียงใด ซึ่งต้องอาศัย การเปรียบเทียบผลที่ได้จากการปฏิบัติจริงกับผลการดําเนินงานที่ตั้งเป้าหมายไว้ หากปรากฏ ผลที่ได้จากการดําเนินงานจริงต่ํากว่าเป้าหมายที่กําหนดไว้ในแผน ผู้บริหารก็จะต้องหาทางปรับปรุงแก้ไขต่อไป
22. ข้อใดไม่ใช่เครื่องมือวิเคราะห์สภาพแวดล้อม
(1) 7’S
(2) OOCT
(3) SWOT Analysis
(4) STEPP Model
(5) PEST Analysis
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 12. ประกอบ
23. ข้อใดคือปัจจัยในการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายใน
(1) Strengths, Weaknesses
(2) Strengths, Social
(3) Strengths, Politics
(4) Opportunities, Treats
(5) Opportunities, Technology
ตอบ 1 (คําบรรยาย) SWOT Analysis เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมขององค์การ ซึ่งประกอบด้วย
1. การวิเคราะห์จุดแข็ง (Strengths) และจุดอ่อน (Weaknesses) ขององค์การ ซึ่งเป็นการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในองค์การ
2. การวิเคราะห์โอกาส (Opportunities) และอุปสรรค (Treats) ขององค์การ ซึ่งเป็นการวิเคราะห์สภาพแวดล้อม ภายนอกองค์การ
24. ข้อใดคือปัจจัยในการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอก
(1) Strengths, Weaknesses
(2) Strengths, Social
(3) Strengths, Politics
(4) Opportunities, Treats
(5) Opportunities, Technology
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 23. ประกอบ
25. โรงพยาบาลของรัฐแห่งหนึ่ง วิเคราะห์สภาพแวดล้อมว่า
1. การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุจึงมีแนวโน้มผู้เข้ารับบริการมากขึ้นส่งผลให้หน่วยงานได้รับงบประมาณเพิ่มขึ้น
2. การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุจึงมีแนวโน้มผู้เข้ารับบริการมากขึ้นส่งผลให้บริการได้ไม่ทั่วถึง
การวิเคราะห์ดังกล่าวถูกต้องหรือไม่ เพราะเหตุใด
(1) ถูกต้อง เพราะสมเหตุสมผล
(2) ถูกต้อง เพราะสถานการณ์เป็นเช่นนั้น
(3) ไม่ถูกต้อง เพราะรัฐมีงบประมาณจํากัด
(4) ไม่ถูกต้อง เพราะขัดแย้งกันเอง กําหนดทิศทางกลยุทธ์ได้ยาก
(5) ถูกทั้งข้อ 3 และ 4
ตอบ 4 (คําบรรยาย) การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมดังกล่าวไม่ถูกต้อง เพราะขัดแย้งกันเองทําให้กําหนดทิศทางกลยุทธ์ขององค์การได้ยาก
26. ตัวบ่งชี้ความสําเร็จในการดําเนินงาน หมายถึงอะไร
(1) ผลผลิต
(2) ผลลัพธ์
(3) ตัวชี้วัด
(4) กลุ่มเป้าหมาย
(5) ต้นทุน
ตอบ 3 (คําบรรยาย) ตัวชี้วัด คือ ตัวบ่งชี้ความสําเร็จในการดําเนินงาน ซึ่งคุณสมบัติของตัวชี้วัดที่ดี มีดังนี้
1. Validity คือ สมเหตุสมผล อธิบายได้
2. Availability คือ ความมีอยู่ของข้อมูล
3. Reliability คือ ความเชื่อถือได้
4. Sensitivity คือ ความไวต่อการเปลี่ยนแปลง
27. ข้อใดคือคุณสมบัติของตัวชี้วัดที่ดี
(1) Validity
(2) Availability
(3) Reliability
(4) Sensitivity
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 26. ประกอบ
28. กรมควบคุมมลพิษกําหนดตัวชี้วัดว่า “รสและกลิ่นของน้ำบริโภค ค่ามาตรฐานไม่เป็นที่รังเกียจ” การกําหนดหลักเกณฑ์ดังกล่าวเป็นไปตามมาตรฐานใด
(1) มาตรฐานเชิงนโยบาย
(2) เกณฑ์สัมบูรณ์
(3) มาตรฐานเชิงวิทยาศาสตร์
(4) ถูกทั้งข้อ 2 และ 3
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 3 (คําบรรยาย) การกําหนดตัวชี้วัดตามมาตรฐานเชิงวิทยาศาสตร์ (Scientific Criteria) เป็น การกําหนดเกณฑ์ตัวชี้วัดโดยใช้ค่ามาตรฐานกลางซึ่งเป็นที่ยอมรับในวงการว่าอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ เช่น กรมควบคุมมลพิษกําหนดตัวชี้วัดว่า “ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน มีค่าเฉลี่ยไม่เกิน 0.025 มก./ลบ.ม. ใน 24 ซม.”, “รสและกลิ่นของน้ําบริโภคมีค่ามาตรฐาน ไม่เป็นที่รังเกียจ” เป็นต้น
ตั้งแต่ข้อ 29 – 34. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม
(1) Impact
(2) Output
(3) Outcome
(4) QQCT
(5) 2Q2T1P
29. ข้อใดเรียงลําดับระดับของตัวชี้วัดจากใหญ่ไปเล็กได้ถูกต้อง
(1) 1, 2, 3
(2) 1, 3, 2
(3) 2, 3, 1
(4) 3, 2, 1
(5) ไม่มีข้อถูก
ตอบ 2 (คําบรรยาย) ระดับของตัวชี้วัดเรียงลําดับจาก “ใหญ่ไปเล็ก” ได้ดังนี้
1. ผลกระทบ (Impact) เป็นตัวชี้วัดระดับกระทรวงและรัฐบาล
2. ผลลัพธ์ (Outcorne) เป็นตัวชี้วัดระดับกรม
3. ผลผลิต (Output) เป็นตัวชี้วัดระดับสํานัก (หน่วยปฏิบัติ)
30. ข้อใดคือตัวชี้วัดระดับกรม
(1) 1
(2) 2
(3) 3
(4) 4
(5) 5
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 29. ประกอบ
31. ข้อใดคือตัวชี้วัดระดับกระทรวง
(1) 1
(2) 2
(3) 3
(4) 4
(5) 5
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 29. ประกอบ
32. ข้อใดคือเทคนิคการกําหนดตัวชี้วัดระดับกระทรวง
(1) 1
(2) 2
(3) 3
(4) 4
(5) 5
ตอบ 5 (คําบรรยาย) 2Q2T1P เป็นเทคนิคการกําหนดตัวชี้วัดระดับรัฐบาล กระทรวง และกรม ซึ่งมีองค์ประกอบดังนี้
1. Quantity (ปริมาณ)
2. Quality (คุณลักษณะ)
3. Time (เวลา)
4. Target Group (กลุ่มเป้าหมาย)
5. Place (สถานที่)
33. ข้อใดคือเทคนิคการกําหนดตัวชี้วัดระดับกรม
(1) 1
(2) 2
(3) 3
(4) 4
(5) 5
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 32. ประกอบ
34.ข้อใดคือเทคนิคการกําหนดตัวชี้วัดระดับสํานัก (หน่วยปฏิบัติ)
(1) 1
(2) 2
(3) 3
(4) 4
(5) 5
ตอบ 4 (คําบรรยาย) QQCT เป็นเทคนิคการกําหนดตัวชี้วัดระดับสํานัก (หน่วยปฏิบัติ) ซึ่งมีองค์ประกอบดังนี้
1. Quantity (ปริมาณ)
2. Quality (คุณลักษณะ)
3. Cost (ต้นทุน)
4. Time (เวลา)
35. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของโครงการ
(1) งานสร้างสรรค์
(2) งานประจํา
(3) งานทําซ้ำ
(4) งานซับซ้อนเชี่ยวชาญเฉพาะ
(5) ถูกทั้งข้อ 2 และ 3
ตอบ 5 (คําบรรยาย) ลักษณะของโครงการ มีดังนี้
1. เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลง และความท้าทายบางอย่าง
2. มีข้อจํากัดด้านเวลา มีระยะเวลาที่แน่นอน
3. เป็นการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ
4. มีความซับซ้อน
5. ต้องใช้ความร่วมมือหลากหลายสาขาเพื่อการเปลี่ยนแปลง
6. ต้องใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะ
7. มีความชัดเจนแน่นอนสูง
8. มีความสําคัญเร่งด่วน
9. ต้องการความเป็นองค์การในการขับเคลื่อน ฯลฯ
36. ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับลักษณะของโครงการ
(1) งานที่ท้าทาย ต้องใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะ เป็นเรื่องใหม่ ๆ มีระยะเวลาที่แน่นอน
(2) งานสร้างสรรค์ ต้องใช้ความร่วมมือหลากหลายสาขาเพื่อการเปลี่ยนแปลง มีระยะเวลาที่แน่นอน
(3) งานที่มีความซับซ้อน มีการลงทุนสูง ใช้ความเชี่ยวชาญหลากหลายสาขา ไม่กําหนดระยะเวลา
(4) ถูกทุกข้อ
(5) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 2
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 35. ประกอบ
37. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของโครงการภาครัฐ
(1) รัฐเป็นเจ้าของโครงการ
(2) มาจากสภาพปัญหาของสังคม
(3) มีผลกระทบต่อสังคมสูง
(4) ได้รับผลตอบแทนสูง
(5) ใช้เงินภาษี
ตอบ 4 (คําบรรยาย) ลักษณะของโครงการภาครัฐ มีดังนี้
1. รัฐเป็นเจ้าของโครงการ
2. มาจากปัญหาข้อเรียกร้องของประชาชนหรือสภาพปัญหาของสังคม
3. เป็นประโยชน์สาธารณะ
4. มีระยะเวลาแน่นอน งบประมาณสาธารณะ
5. ใช้เงินภาษีหรือ
6. ประเมินผลตอบแทนยาก
7. มีผลกระทบต่อสังคมสูง
38. ข้อใดคือขอบเขตและคุณภาพของการบริหารโครงการ
(1) เวลา ต้นทุน แผนงาน
(2) เวลา ต้นทุน นโยบาย
(3) เวลา ต้นทุน หนี้ ความเสี่ยง
(4) เวลา ต้นทุน กําไร ความเสี่ยง
(5) เวลา ต้นทุน ความพร้อมของทรัพยากร ความเสี่ยง
ตอบ 5 (คําบรรยาย) ขอบเขตและคุณภาพของการบริหารโครงการ มีองค์ประกอบดังนี้
1. เวลา (Time)
2. ต้นทุน (Cost)
3. ความพร้อมของทรัพยากร (Resource Availability)
4. ความเสี่ยง (Risk)
39. ข้อใดถูกต้อง
(1) โครงการที่อยู่ในโครงสร้างแบบราชการมีเสถียรภาพสูงและคล่องตัว
(2) โครงการที่อยู่ในโครงสร้างแบบราชการประหยัด มีประสิทธิภาพ
(3) โครงการที่อยู่ในโครงสร้างแบบราชการมักขาดการประสานงาน ไม่คล่องตัว
(4) โครงการที่อยู่ในโครงสร้างแบบราชการประสานงานได้รวดเร็วคล่องตัว
(5) โครงการที่อยู่ในโครงสร้างแบบราชการมีต้นทุนสูง
ตอบ 3 (คําบรรยาย) การจัดโครงสร้างแบบดั้งเดิม (Traditional Bureaucracy) เป็นการจัดโครงสร้าง โครงการที่อยู่ในโครงสร้างเดิมแบบราชการ ข้อดีของการจัดโครงสร้างแบบนี้คือ ประหยัด ไม่ต้องปรับโครงสร้างใหม่ และมีผู้รับผิดชอบหรือเจ้าของผลงานชัดเจน ส่วนข้อจํากัดคือ ขาดการประสานงาน ไม่คล่องตัว และไม่เหมาะกับโครงการขนาดใหญ่หรือซับซ้อน
40. ข้อใดไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการจัดโครงสร้างแบบโครงการ
(1) จัดตั้งขึ้นใหม่เป็นการเฉพาะหรือแยกออกมาจากโครงสร้างเดิม
(2) โครงสร้างเป็นแบบแนวราบ มีความคล่องตัว
(3) มีทรัพยากรเป็นของตัวเอง
(4) ประหยัด มีประสิทธิภาพ
(5) สนับสนุนการทํางานเป็นทีม
ตอบ 4 (คําบรรยาย) การจัดโครงสร้างแบบโครงการ (Project Organization) เป็นการจัดโครงสร้าง ขึ้นใหม่เป็นการเฉพาะหรือแยกออกมาจากโครงสร้างเดิม โดยเน้นโครงสร้างแบบแนวราบและ เน้นการทํางานเป็นทีม ซึ่งข้อดีของการจัดโครงสร้างแบบนี้คือ มีความคล่องตัวและสะดวก ในการบริหารจัดการ มุ่งเน้นผลลัพธ์ และมีทรัพยากรเป็นของตัวเอง ส่วนข้อจํากัดคือ สิ้นเปลืองทรัพยากรหากมีโครงการจํานวนมาก
41. ประยุทธ์มีตําแหน่งวิศวกร ประจําสํานักสํารวจวิศวกรรมและธรณีวิทยา, ประวิตรตําแหน่งนักบัญชี ประจํากองการเงินและบัญชี, อนุพงษ์ ประจําสํานักกฎหมายและที่ดิน สังกัดกรมชลประทาน ทั้งสามคน เป็นคณะทํางานในโครงการออกแบบเรือดําน้ํา… ลักษณะที่กล่าวมาเป็นการจัดโครงสร้างโครงการแบบใด
(1) โครงสร้างแบบราชการ
(2) โครงสร้างตามแนวตั้ง
(3) โครงสร้างแบบโครงการ
(4) โครงสร้างแบบราบ
(5) โครงสร้างแบบแมทริกซ์
ตอบ 5 (คําบรรยาย) การจัดโครงสร้างแบบแมทริกซ์ (Matrix Organization) เป็นการจัดโครงสร้าง ที่ผสมระหว่างโครงสร้างแบบเดิมกับโครงสร้างแบบโครงการ โดยใช้กําลังคนในโครงสร้างเดิมมาร่วมในโครงการโดยไม่ละทิ้งหน้าที่เดิม ซึ่งในภาครัฐของไทยมักใช้วิธีการตั้งเป็นคณะกรรมการ โดยมีองค์ประกอบจากหน่วยงานต่าง ๆ ข้อดีของการจัดโครงสร้างแบบนี้คือ ประสานงาน ได้รวดเร็วและประหยัด ส่วนข้อจํากัดคือ ขาดความเป็นเจ้าของผลงาน
42.ข้อใดคือข้อจํากัดของการจัดโครงสร้างการบริหารโครงการแบบแมทริกซ์
(1) ประสานงานล่าช้า
(2) สิ้นเปลือง
(3) ไม่เหมาะกับโครงการขนาดใหญ่
(4) ลําดับขั้นการบังคับบัญชาสูง
(5) ขาดความเป็นเจ้าของผลงาน
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 41. ประกอบ
43. ข้อใดเรียงลําดับวงจรชีวิตโครงการได้ถูกต้อง
(1) วางแผนกําลังคน สํารวจสถานะ ดําเนินการ สิ้นสุดโครงการ
(2) สํารวจสถานะ วางแผน ดําเนินการ สิ้นสุดโครงการ
(3) กําหนดโครงการ วางแผน ดําเนินการ สิ้นสุดโครงการ
(4) รายงานสถานะโครงการ วางแผน ดําเนินการ สิ้นสุดโครงการ
(5) ไม่มีข้อถูก
ตอบ 3 (คําบรรยาย) วงจรชีวิตโครงการ ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน ดังนี้
1. การกําหนดโครงการ
2. การวางแผน
3. การดําเนินการ ซึ่งเป็นขั้นที่มีระดับความพยายามสูงสุด
4. การสิ้นสุดโครงการ
44. วงจรชีวิตโครงการขั้นใดมีระดับความพยายามสูงสุด
(1) สํารวจสภาพแวดล้อม
(2) กําหนดโครงการ
(3) วางแผน
(4) ดําเนินการ
(5) สิ้นสุดโครงการ
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 43. ประกอบ
45. ผลสําเร็จจากการดําเนินกิจกรรมของโครงการเป็นผลสําเร็จในระดับใด
(1) Input
(2) Impact
(3) Outcome
(4) Output
(5) ไม่มีข้อถูก
ตอบ 4 (คําบรรยาย) ผลสําเร็จจากการดําเนินกิจกรรมของโครงการ เป็นผลสําเร็จในระดับ ผลผลิต (Output)
46. ชุดรวมของบรรดาโครงการต่าง ๆ ที่อยู่ภายใต้ยุทธศาสตร์เดียวกัน คืออะไร
(1) Mega Project
(2) Program
(3) Policy
(4) Indicator
(5) Planning
ตอบ 2 (คําบรรยาย) แผนงาน (Program) คือ ชุดรวมของบรรดาโครงการ (Project) ต่าง ๆที่อยู่ภายใต้ยุทธศาสตร์เดียวกัน
47. ข้อใดคือหัวข้อแรกในการเขียนโครงการ
(1) ความเป็นมาและความสําคัญ
(2) ชื่อโครงการ
(3) วัตถุประสงค์ของโครงการ
(4) เป้าหมาย
(5) วิธีดําเนินการ
ตอบ 2 (คําบรรยาย) การเขียนโครงการแบบบรรยาย เป็นการเขียนบรรยายรายละเอียดและ องค์ประกอบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในโครงการไล่เรียงไปตามลําดับ ดังนี้
1. ชื่อโครงการ
2. ความเป็นมาและความสําคัญ
3. วัตถุประสงค์
4. เป้าหมาย
5. กิจกรรม/วิธีดําเนินการ
6. ทรัพยากร/งบประมาณที่ใช้ดําเนินโครงการ
7. ระยะเวลาดําเนินการ
8. หน่วยงาน/ผู้รับผิดชอบ
9. อื่น ๆ
48. ข้อใดไม่ใช่หลักในการเขียนวัตถุประสงค์โครงการ
(1) สัน กระชับ
(2) เขียนเป็นรายข้อ
(3) ไม่ควรเกิน 3 ข้อ
(4) เรียงตามความสําคัญมากไปน้อย
(5) เรียงตามความสําคัญน้อยไปมาก
ตอบ 5 (คําบรรยาย) หลักในการเขียนวัตถุประสงค์โครงการ มีดังนี้
1. เขียนเป็นรายข้อว่าทําเพื่ออะไร
2. เรียงลําดับตามความสําคัญจากมากไปน้อย
3. เขียนสั้นกระชับได้ใจความ
4. ไม่ควรมีมากเกินไป ส่วนใหญ่ไม่เกิน 3 ข้อ
49. การเขียนแผนผัง/ตารางแสดงความสัมพันธ์ระหว่างกิจกรรมในโครงการกับระยะเวลามักเขียนในรูปแบบใด
(1) Grand Chart
(2) Growth Chart
(3) Gantt Chart
(4) Great Chart
(5) Grace Chart
ตอบ 3 (คําบรรยาย) Gantt Chart คือ แผนผัง/ตารางแสดงความสัมพันธ์ระหว่างกิจกรรมในโครงการ กับระยะเวลาดําเนินการ ซึ่งจะทําให้ทราบจุดเริ่มต้นและสิ้นสุดของงานในแต่ละขั้นตอน
50. ข้อใดคือการประเมินเพื่อหาความจําเป็นหรือความต้องการของโครงการ
(1) Pre-evaluation
(2) Post-evaluation
(3) Ongoing-evaluation
(4) Monitoring
(5) Strategic Assessment
ตอบ 1(คําบรรยาย) การประเมินผลก่อนเริ่มโครงการ (Pre-evaluation) เป็นการประเมิน เพื่อหาความจําเป็นหรือความต้องการของโครงการ (Need Assessment) และการประเมิน ความเป็นไปได้ของโครงการ (Project Appraisal/Project Feasibility Study)
57. ใครมีบทบาทมากที่สุดในการนํานโยบายสาธารณะไปปฏิบัติ
(1) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
(2) สมาชิกวุฒิสภา
(3) ระบบราชการ
(4) กลุ่มทุน
(5) ประชาชน
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 52. ประกอบ
ตั้งแต่ข้อ 58 – 59. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม
(1) ตัวแบบผู้นํา
(2) ตัวแบบสถาบัน
(3) ตัวแบบระบบ
(4) ตัวแบบเผด็จการ
(5) ถูกทุกข้อ
58. ตัวแบบการกําหนดนโยบายใดเห็นว่าหน่วยงานของรัฐและประชาชนมีบทบาทในการกําหนดนโยบายน้อย
ตอบ 1 หน้า 3 – 4, 66, (คําบรรยาย) ตัวแบบผู้นํา (Elite Model) เชื่อว่า
1.กลุ่มผู้นํา (นายกรัฐมนตรี) มีบทบาทในการกําหนดนโยบายมาก ในขณะที่หน่วยงานของรัฐ และประชาชนมีบทบาทในการกําหนดนโยบายน้อย
2. นโยบายสาธารณะเป็นการสะท้อนค่านิยมและผลประโยชน์ของกลุ่มผู้นํา จึงมักไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลง
3. สถานการณ์ที่จะเกิดนโยบายตามตัวแบบนี้ต้องเป็นสถานการณ์ที่ผู้นํามีอํานาจสูงมาก ในทางการเมืองหรือทางสังคม เช่น ในภาวะการปฏิวัติรัฐประหาร ฯลฯ
59. นายกรัฐมนตรีจะมีบทบาทในการกําหนดนโยบายมากในตัวแบบใด
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 58. ประกอบ
60. ปัจจัยใดส่งผลต่อนโยบายที่ถูกกําหนดโดยตัวแบบผู้นํา
(1) คุณสมบัติของผู้นํา
(2) เสถียรภาพของกลุ่มผู้นํา
(3) ค่านิยมและผลประโยชน์ของกลุ่มผู้นํา
(4) ถูกทั้งข้อ 1 และ 2
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 หน้า 4, 66 ปัจจัยที่ส่งผลต่อนโยบายที่ถูกกําหนดโดยตัวแบบผู้นํา (Elite Model) ได้แก่
1. ค่านิยมและผลประโยชน์ของกลุ่มผู้นํา
2. เสถียรภาพของกลุ่มผู้นํา
3. คุณสมบัติของผู้นํา
ตั้งแต่ข้อ 61. – 65. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม
(1) ตัวแบบผู้นํา
(2) ตัวแบบกลุ่ม
(3) ตัวแบบสถาบัน
(4) ตัวแบบระบบ
(5) ตัวแบบเกมส์
61. นโยบายจากตัวแบบใดมักไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 58. ประกอบ
62. ตัวแบบการกําหนดนโยบายใดเห็นว่าหน้าที่ของรัฐคือการเป็นเหมือนกับกรรมการ
ตอบ 2 หน้า 4 – 5, 66 – 67, (คําบรรยาย) ตัวแบบกลุ่ม (Group Model) เชื่อว่า นโยบายสาธารณะ เป็นผลผลิตที่เกิดจากดุลยภาพของการแข่งขันระหว่างกลุ่มต่าง ๆ ในสังคม ซึ่งแต่ละกลุ่ม ต่างดิ้นรนแข่งขันกันเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิอํานาจในการเป็นผู้คุมกลไกนโยบายของรัฐ ดังนั้น รัฐหรือระบบการเมืองจึงมีหน้าที่ 4 ประการ ได้แก่
1. สร้างกติกาการแข่งขันและเป็นกรรมการหรือผู้ควบคุมการแข่งขันให้เกิดความยุติธรรม
2. แสวงหาลู่ทางในการประนีประนอม เพื่อทําให้เกิดดุลยภาพของการแข่งขัน
3. จัดสรรผลประโยชน์หรือกําหนดนโยบาย
4. นํานโยบายไปปฏิบัติ
63. จุดดุลยภาพระหว่างผลประโยชน์ของกลุ่มต่าง ๆ จะส่งผลต่อนโยบายสาธารณะในตัวแบบใด
ตอบ 2 หน้า 4 – 5, 66 – 67 ปัจจัยที่ส่งผลต่อนโยบายสาธารณะที่ถูกกําหนดโดยตัวแบบกลุ่ม (Group Model) ได้แก่
1. จุดดุลยภาพระหว่างผลประโยชน์ของกลุ่มต่าง ๆ
2. การประนีประนอม
3. ความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่ม ฯลฯ
64. ระบบการเมืองทําหน้าที่ภายใต้แรงกดดันของระบบอื่น ๆ
ตอบ 4 หน้า 6, 67 ตัวแบบระบบ (System Model) เชื่อว่า นโยบายสาธารณะเป็นผลของปฏิกิริยา ที่ระบบการเมืองมีต่อแรงกดดันจากสภาพแวดล้อมภายนอก หรือกล่าวอีกนัย ระบบการเมือง ทําหน้าที่กําหนดนโยบายสาธารณะภายใต้แรงกดดันของระบบอื่น ๆ ที่มิใช่ระบบการเมืองหรือ เรียกว่าสภาพแวดล้อมภายนอก ดังนั้นตัวระบบการเมืองจะทําหน้าที่เป็นตัวกระทําของระบบ (Conversion Process) ขณะที่สภาพแวดล้อมภายนอก เช่น ข้อเรียกร้องความต้องการ หรือ การสนับสนุนของประชาชนจะเป็นปัจจัยนําเข้าของระบบ (Inputs) และนโยบายสาธารณะ จะเป็นปัจจัยนําออกของระบบ (Outputs) ซึ่งถูกส่งออกสู่สภาพแวดล้อมภายนอกและกลายเป็น ปัจจัยนําเข้าสู่ระบบการเมืองเป็นวงจร ดังนั้นสภาพแวดล้อมภายนอกและระบบการเมืองจึงเป็นปัจจัยสําคัญที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพของนโยบายสาธารณะ
65. ตัวแบบใดมองว่าสภาพแวดล้อม คือ ปัจจัยที่จะส่งผลต่อนโยบายสาธารณะ
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 64. ประกอบ
66. ข้อใดไม่ใช่หน้าที่ของกลไกรัฐในตัวแบบกลุ่ม
(1) สร้างกติกา
(2) ริเริ่มนโยบาย
(3) หาลู่ทางประนีประนอม
(4) จัดสรรผลประโยชน์
(5) นํานโยบายไปปฏิบัติ
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 62. ประกอบ
67. ข้อใดไม่เกี่ยวข้องกับนโยบายที่ถูกกําหนดโดยตัวแบบกลุ่ม
(1) การประนีประนอม
(2) ความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่ม
(3) ดุลยภาพของผลประโยชน์
(4) เสถียรภาพของกลุ่มผู้นํา
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 63. ประกอบ
68. ปัจจัยใดส่งผลต่ออิทธิพลของกลุ่ม
(1) จํานวนสมาชิก
(2) ฐานะทางเศรษฐกิจ
(3) ลักษณะของผู้นํากลุ่ม
(4) ความสามัคคีของกลุ่ม
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 หน้า 5 ปัจจัยที่ส่งผลต่ออิทธิพลของกลุ่ม มีดังนี้
1. จํานวนสมาชิกของกลุ่ม
2. ฐานะทางเศรษฐกิจของกลุ่ม
3. ความเข้มแข็งในการจัดองค์การของกลุ่ม
4. ลักษณะของผู้นํากลุ่ม
5. ความใกล้ชิดกับผู้มีอํานาจในการกําหนดนโยบายของกลุ่มหรืออยู่ใกล้ศูนย์กลางของอํานาจ
6. ความสามัคคีของกลุ่ม
69. นโยบายตามตัวแบบสถาบันจะให้ประโยชน์กับใครมากที่สุด
(1) ประชาชน
(2) หน่วยงานของรัฐ
(3) นายทุน
(4) ภูมิภาค
(5) พรรคการเมือง
ตอบ 2 หน้า 6, (คําบรรยาย) ตัวแบบสถาบัน (Institution Model) เชื่อว่า นโยบายสาธารณะเป็นผลผลิตของโครงสร้างสถาบันการปกครอง กล่าวคือ นโยบายใด ๆ ก็ตามจะได้ชื่อว่าเป็น
นโยบายสาธารณะก็ต่อเมื่อได้รับการรับรองโดยสถาบันแล้วเท่านั้น ซึ่งนโยบายก็มักจะเป็นไป ตามที่สถาบันการปกครองกําหนดเองหรือให้ประโยชน์กับสถาบันการปกครอง ตัวอย่างสถาบัน การปกครอง ได้แก่ สถาบันนิติบัญญัติ (รัฐสภา) สถาบันบริหาร (นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี) สถาบันราชการ (หน่วยงานของรัฐ) สถาบันตุลาการ (ศาล) สถาบันการปกครองท้องถิ่น เป็นต้น
ตั้งแต่ข้อ 70 – 71. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม
(1) นโยบายสาธารณะ
(2) ข้อเรียกร้องของประชาชน
(3) การสนับสนุนของประชาชน
(4) สภาพแวดล้อม
(5) ถูกทั้งข้อ 2, 3 และ 4
70. ตัวแบบระบบมองว่าอะไรคือปัจจัยนําเข้า
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 64. ประกอบ
71. ตัวแบบระบบมองว่าอะไรคือปัจจัยนําออก
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 64. ประกอบ
72. สิ่งแวดล้อมแบบใดควบคุมไม่ได้
(1) จํานวนคน
(2) ค่านิยม
(3) เทคโนโลยี
(4) ลักษณะทางภูมิศาสตร์
(5) งบประมาณ
ตอบ 2 หน้า 12, (คําบรรยาย) สิ่งแวดล้อมของนโยบาย แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. สิ่งแวดล้อมที่ควบคุมได้ (Controlled Environment) เป็นสิ่งแวดล้อมที่สามารถควบคุม หรือกําหนดได้อย่างแน่นอน เช่น จํานวนคนที่จะเข้ามาบริหารนโยบาย เทคโนโลยีที่ใช้ ในนโยบาย งบประมาณ ลักษณะทางภูมิศาสตร์ เป็นต้น
2. สิ่งแวดล้อมที่ควบคุมไม่ได้ (Uncontrolled Environment) เป็นสิ่งแวดล้อมที่ไม่สามารถ ควบคุมหรือกําหนดได้อย่างชัดเจน เช่น ความเชื่อ ค่านิยมของคนในสังคม ภาวะทางธรรมชาติ ภาวะโลกร้อน แผ่นดินไหว เป็นต้น
73.Controlled Environment หมายถึง
(1) ภาวะทางธรรมชาติ
(2) ค่านิยมของคนภาคใต้ของประเทศไทย
(3) เทคโนโลยีที่ใช้ในนโยบาย
(4) ความเชื่อของคนในภาคอีสาน
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 72. ประกอบ
ตั้งแต่ข้อ 74 – 75. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม
(1) การระบุปัญหาที่ถูกต้อง
(2) กําหนดขอบเขตและกรอบของนโยบายที่รัดกุม
(3) ศึกษาข้อจํากัดที่เกี่ยวข้องกับนโยบายอย่างครบถ้วน
(4) ออกแบบทางเลือกนโยบายที่หลากหลาย
(5) การตัดสินใจเลือกทางเลือกที่ดีที่สุด
74. ขั้นตอนใดมีความสําคัญที่สุดในกระบวนการนโยบาย
ตอบ 1 หน้า 12 (คําบรรยาย) การระบุปัญหา คือ การศึกษาว่าอะไรคือปัญหา โดยการเก็บรวบรวม ข้อมูลจากสถานที่จริงหรือข้อมูลภาคสนามหรือข้อมูลปฐมภูมิ หรือข้อมูลจากเอกสารต่าง ๆ หรือข้อมูลทุติยภูมิ เพื่อที่จะทราบปัญหาและจําแนกว่าปัญหาใดเร่งด่วนกว่า มีสาเหตุจากอะไร และประชาชนรับรู้เพียงใด ดังนั้นการระบุปัญหาจึงเป็นขั้นตอนที่มีความสําคัญที่สุดในกระบวนการ กําหนดนโยบาย เพราะการระบุปัญหาที่ถูกต้องจะนําไปสู่การกําหนดแนวทางการแก้ไขปัญหา ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมต่อไป
75. ศึกษาและรวบรวมข้อมูลจากสภาพที่แท้จริง หรือข้อมูลภาคสนามเพื่อจะทราบปัญหา คือขั้นตอนใดในการกําหนดนโยบาย
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 74. ประกอบ
76. ข้อมูลประเภทใดที่เปลี่ยนแปลงได้ง่าย
(1) ข้อมูลทุกประเภท
(2) ข้อมูลที่เป็นความจริง (Facts)
(3) ข้อมูลที่ยังไม่ได้กรอง
(4) ข้อมูลที่เป็นความเชื่อ (Values)
(5) ข้อมูลที่เกี่ยวกับโครงการเดิม
ตอบ 4 หน้า 11 การระบุสาเหตุของปัญหาในกระบวนการกําหนดนโยบายต้องอาศัย “ข้อมูล” เป็นสําคัญ โดยข้อมูลในการระบุสาเหตุของปัญหาต้องประกอบด้วย
1. ข้อมูลที่เป็นความจริง (Facts) เป็นข้อมูลที่มีลักษณะคงที่ ไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลง เช่น ลักษณะของดินฟ้าอากาศ ลักษณะทางภูมิศาสตร์ เป็นต้น
2. ข้อมูลที่เป็นความเชื่อหรือค่านิยม (Values) เป็นข้อมูลที่เกี่ยวกับความยึดมั่น ความเชื่อถือ ของประชาชน ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงได้ง่าย ดังนั้นจึงต้องระมัดระวังในการอ้างอิงให้มาก
ตั้งแต่ข้อ 77 – 78. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม
(1) เกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กัน
(2) มีความเป็นพลวัต
(3) มีความเป็นปรนัย
(4) อาจไม่มีตัวตนที่แท้จริง
(5) กล่าวถูกทุกข้อ
77. ข้อใดกล่าวผิดเกี่ยวกับลักษณะของปัญหาในกระบวนการนโยบาย
ตอบ 3 หน้า 8 – 9, 69 ลักษณะของปัญหาในกระบวนการนโยบายมี 4 ลักษณะ ดังนี้
1. มีความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กัน (Integration)
2. มีความเป็นพลวัต (Dynamic)
3. มีความเป็นอัตนัย (Subjective)
4. อาจไม่มีตัวตนที่แท้จริง (Artificiality)
78. ปัญหามักเปลี่ยนแปลงไปตามแรงกระตุ้นของสิ่งแวดล้อม คือลักษณะใดของปัญหา
ตอบ 2 หน้า 9 ปัญหาที่มีความเป็นพลวัต (Dynamic) หมายถึง การที่ปัญหามักแปรเปลี่ยน ลักษณะอาการไปได้ตามแรงกระตุ้นของสิ่งแวดล้อม ซึ่งอาจนําไปสู่การแปรเปลี่ยนให้เกิดปัญหาอื่นๆตามมาอีกได้ ดังนั้นการกําหนดปัญหาของนโยบายจึงไม่มีข้อสรุปที่ถาวร
79. ข้อใดคือปัญหาที่มีโครงสร้างชัดเจน
(1) การสร้างที่ทําการขององค์การ
(2) ความยากจนในสังคมไทย
(3) ความแตกต่างทางความคิดเห็น
(4) การแพร่ระบาดของโควิด-19
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 1 หน้า 10 ปัญหาที่มีโครงสร้างชัดเจน (Well-Structured Problem) คือ ปัญหาที่มีผู้เกี่ยวข้อง จํานวนน้อย และมีทางออกในการแก้ไขปัญหาเพียงไม่กี่ทางเลือก ซึ่งแต่ละทางเลือกสามารถ มองเห็นผลประโยชน์ของทางเลือกได้ชัดเจน เช่น ปัญหาในการจัดสร้างที่ทําการขององค์การ ซึ่งมีผู้เกี่ยวข้องคือผู้ที่อยู่ในองค์การนั้น ทางออกคือสร้างหรือไม่สร้าง และประโยชน์จาก การสร้างคือได้ที่ทําการใหม่ เป็นต้น
80. ข้อใดไม่เกี่ยวข้องกับขั้นตอนการระบุปัญหา
(1) สาเหตุ
(2) อาการ
(3) การประเมินผลนโยบาย
(4) ความเร่งด่วน
(5) ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
ตอบ 3 หน้า 11, 70 ขั้นตอนการระบุปัญหา ประกอบด้วย
1. การระบุสาเหตุของปัญหา เป็นการระบุต้นตอของปัญหา เพราะการแก้ปัญหาใด ๆ นั้นต้อง รู้ถึงต้นตอของปัญหาจึงจะสามารถแก้ไขปัญหาได้หมดสิ้น ทั้งนี้การระบุสาเหตุของปัญหา ต้องอาศัย “ข้อมูล” เป็นสําคัญ
2. การระบุอาการของปัญหา เป็นการนิยามหรืออธิบายว่าอะไรคือปัญหา ผลกระทบของปัญหา คืออะไร ใครคือผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และปัญหามีความรุนแรงหรือเร่งด่วนเพียงไร
81. อะไรคือสิ่งสําคัญในขั้นตอนการระบุสาเหตุของปัญหาในกระบวนการกําหนดนโยบาย
(1) เป้าหมาย
(2) วัตถุประสงค์
(3) การนําไปปฏิบัติ
(4) ข้อมูล
(5) การประเมินผล
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 76. ประกอบ
82. การกําหนดเป้าหมายของนโยบายควรมีลักษณะแบบใด
(1) เที่ยงตรง
(2) เปิดช่องให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องตีความได้
(4) ข้อ 1 และ 3 ถูก
(3) ครอบคลุมประเด็นปัญหา
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 4 หน้า 70 การกําหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของนโยบายควรมีลักษณะดังนี้
1. มีความเที่ยงตรง
2. มีความชัดเจน เข้าใจตรงกันไม่ต้องตีความ
3. มีความเป็นไปได้
4. ครอบคลุมประเด็นปัญหา
5. วัดผลได้
83. ข้อใดกล่าวผิดเกี่ยวกับวัตถุประสงค์
(1) เป็นวิธีการ
(2) เจาะจง
(3) สิ่งสุดท้ายที่ต้องการบรรลุ
(4) เป็นรูปธรรม
(5) กล่าวถูกทุกข้อ
ตอบ 3 หน้า 70 เป้าหมาย (Goal) และวัตถุประสงค์ (Objective) มีความแตกต่างกันดังนี้
ตั้งแต่ข้อ 84 – 87. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม
(1) การระบุปัญหา
(2) ทดสอบทางเลือก
(3) กําหนดขอบเขตและกรอบของนโยบาย
(4) ศึกษาข้อจํากัดที่เกี่ยวข้องกับนโยบาย
(5) การพัฒนาทางเลือกนโยบาย
84. ขั้นตอนการกําหนดว่าจะเริ่มที่ใด สิ้นสุด ณ จุดใด
ตอบ 3 หน้า 13 การกําหนดขอบเขตและกรอบของนโยบาย เป็นการกําหนดว่านโยบายจะมีขอบเขตกว้างไกลแค่ไหน จะเริ่มที่ใด สิ้นสุด ณ จุดใด จะแก้ไขปัญหาในส่วนใดได้บ้าง โดยพิจารณา ความเหมาะสมให้สอดคล้องกับอํานาจหน้าที่และความสามารถของหน่วยงาน ตลอดจน ความสมบูรณ์ของทรัพยากรที่สามารถระดมมาใช้ในการปฏิบัติได้
85. ศึกษาความขัดแย้งด้านผลประโยชน์จากนโยบาย รวมทั้งการยอมรับต่อนโยบาย คือขั้นตอนใด
ตอบ 4 หน้า 13 การศึกษาข้อจํากัดที่เกี่ยวข้องกับนโยบาย คือการศึกษาข้อจํากัดด้านต่าง ๆ ดังนี้
1. ข้อมูล
2. ความขัดแย้งด้านผลประโยชน์จากนโยบาย
3. การรับรู้และการยอมรับต่อนโยบาย
4. สิ่งแวดล้อมทั่วไป
86. การพิจารณาทางเลือกที่เป็นไปได้ทั้งหมดของนโยบาย คือขั้นตอนใด
ตอบ 5 หน้า 13, 71 การออกแบบทางเลือกนโยบายหรือการพัฒนาทางเลือกนโยบาย คือ การใช้ ความรู้ ประสบการณ์ของผู้กําหนดนโยบายร่วมกับข้อมูลที่รวบรวมและการวิเคราะห์ปัจจัยต่าง ๆ เพื่อกําหนดว่าทางเลือกซึ่งเป็นแนวทางที่สามารถแก้ไขปัญหาได้นั้นควรเป็นทางเลือกใดบ้าง โดยพิจารณาว่ามีทางเลือกใดที่สามารถปฏิบัติตามแล้วให้ผลสําเร็จดังวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ได้บ้าง ซึ่งในขั้นนี้ต้องพิจารณาทางเลือกที่เป็นไปได้ทั้งหมดของนโยบายให้ครบถ้วน
87.การตรวจสอบทางความสัมพันธ์ระหว่างระเบียบต่าง ๆ ที่ใช้ เทคนิควิเคราะห์และการประยุกต์ทั้งหลายคือขั้นตอนใด
ตอบ 2 หน้า 14 การทดสอบทางเลือก คือ การทบทวนความเหมาะสมของขั้นตอนและข้อมูลที่ใช้ ทั้งทางด้านหลักการเหตุผล ทางเลือกของนโยบาย คุณภาพและปริมาณของข้อมูลว่ายังพอเพียง และดีอยู่ ตลอดจนตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างระเบียบวิธีต่าง ๆ ที่ใช้ เทคนิควิธีวิเคราะห์ และการประยุกต์ทั้งหลายว่าเป็นระบบและสอดคล้องต้องกันอย่างแท้จริง
88. ข้อใดเกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์นโยบาย
(1) วิเคราะห์ปัญหา
(2) วิเคราะห์เป้าหมาย
(3) วิเคราะห์ทางเลือก
(4) วิเคราะห์แนวปฏิบัติ
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 หน้า 16, 72 การวิเคราะห์นโยบาย มีหลายลักษณะดังนี้
1. วิเคราะห์สภาพปัญหาของนโยบาย
2. วิเคราะห์เป้าหมายของนโยบาย
3. วิเคราะห์ทางเลือกของนโยบาย
4. วิเคราะห์แนวปฏิบัติของนโยบาย
5. วิเคราะห์ผลลัพธ์ของนโยบาย
89.การส่งมอบงานตึก 12 ชั้น คณะรัฐศาสตร์ เป็นขั้นตอนใดของนโยบาย
(1) Policy Formulation
(2) Policy Analysis
(3) Policy Evaluation
(4) Policy Implementation
(5) ผิดทุกข้อ
ตอบ 4 หน้า 17, (คําบรรยาย) การนํานโยบายไปปฏิบัติ (Policy Implementation) เป็นขั้นตอนของ การแปลงวัตถุประสงค์ที่กําหนดไว้ในนโยบาย ซึ่งอาจเป็นกฎหมาย คําสั่ง หรือมติของคณะรัฐมนตรี ให้เป็นแผนงาน โครงการ และกิจกรรมที่เป็นรูปธรรม โดยจะต้องมีการจัดหา/การตระเตรียม วิธีการ ตลอดจนทรัพยากรต่าง ๆ เพื่อดําเนินการให้สําเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์ที่กําหนดไว้
90. ข้อใดกล่าวผิดเกี่ยวกับการนํานโยบายไปปฏิบัติ
(1) มีผู้เกี่ยวข้องจํานวนมาก
(2) ความต้องการต่อนโยบายหลากหลายและแตกต่างกัน
(3) นโยบายมักจะรวบรัดและมีรายละเอียดน้อยลงเมื่อเวลาผ่านไป
(4) ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 3 หน้า 17 – 18, 72 Randall Ripley และ Grace Franklin กล่าวว่า ในการนํานโยบาย ไปปฏิบัตินั้นมีประเด็นต่าง ๆ ที่ผู้นํานโยบายไปปฏิบัติต้องทําความเข้าใจอยู่ 5 ประการ ได้แก่
1. มีผู้เกี่ยวข้องจํานวนมาก
2. ความต้องการต่อนโยบายหลากหลายและแตกต่างกัน
3. นโยบายมักมีขนาดใหญ่โตขึ้นตามกาลเวลาที่เปลี่ยนไป
4. ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย
5. มีปัจจัยจํานวนมากที่ไม่สามารถควบคุมได้
91. เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไป นโยบายของรัฐจะเป็นอย่างไร
(1) มีขนาดใหญ่โตหน้าเวลา
(2) คงที่เหมือนเดิม
(3) มีขนาดใหญ่โตตามกาลเวลา
(4) มีขนาดเล็กลง
(5) มีขนาดเล็กลงหรือโตขึ้นตามจํานวนประชากร
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 90. ประกอบ
92. ลักษณะของนโยบายแบบใดที่มีโอกาสนําไปปฏิบัติได้สําเร็จสูง
(1) สร้างการเปลี่ยนแปลงมาก
(2) เห็นผลชัดเจน
(3) มีข้อมูลที่ยืนยันได้ชัดเจน
(4) ข้อ 2 และ 3 ถูก
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 4 หน้า 18 อาจารย์ศุภชัย ยาวะประภาษ กล่าวว่า ลักษณะของนโยบายที่มีแนวโน้มจะ ประสบความสําเร็จหรือมีโอกาสนําไปปฏิบัติได้สําเร็จสูงมีลักษณะดังนี้
1. เป็นนโยบายที่ไม่เรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขสิ่งต่าง ๆ มากเกินไป
2. เห็นผลได้ชัดเจน
3. มีข้อมูลที่ยืนยันได้ชัดเจน
93. ทัศนคติของผู้นํานโยบายไปปฏิบัติจะมีผลต่อความสําเร็จของนโยบายมากในกรณีใด
(1) ทรัพยากรไม่เพียงพอ
(2) สังคมไม่สนับสนุนนโยบาย
(3) เวลาไม่เอื้ออํานวย
(4) วัตถุประสงค์ของนโยบายไม่ชัดเจน
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 4 (คําบรรยาย) ทัศนคติของผู้นํานโยบายไปปฏิบัติจะมีผลต่อความสําเร็จของนโยบายมากในกรณีวัตถุประสงค์ของนโยบายไม่ชัดเจน
94. ความเป็นไปได้ทางการเมืองของนโยบายขึ้นอยู่กับสิ่งใด
(1) อัตราส่วนของ ส.ส. ในสภา
(2) ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลและข้าราชการ
(3) การสนับสนุนจากสาธารณชน
(4) ข้อ 2 และ 3 ถูก
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 หน้า 19, 74, (คําบรรยาย) ความเป็นไปได้ทางการเมืองของนโยบายขึ้นอยู่กับปัจจัยดังต่อไปนี้
1. เสถียรภาพของรัฐบาล ซึ่งขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อัตราส่วนของ ส.ส. ในสภา เป็นต้น
2. ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาล หน่วยงานของรัฐ (ข้าราชการ) และเอกชน
3. การสนับสนุนจากสาธารณชน
95. องค์การลักษณะใดมีโอกาสนํานโยบายไปปฏิบัติได้สําเร็จสูง
(1) องค์การแบบยึดกฎระเบียบ
(2) องค์การแบบกระจายอํานาจ
(3) องค์การแบบแนวดิ่ง
(4) องค์การแบบแนวราบ
(5) ขึ้นอยู่กับลักษณะของนโยบาย
ตอบ 5 (คําบรรยาย) ลักษณะขององค์การที่มีโอกาสนํานโยบายไปปฏิบัติได้สําเร็จสูงนั้นขึ้นอยู่กับ ลักษณะของนโยบายเป็นสําคัญ บางนโยบายอาจจะต้องใช้องค์การแบบยึดกฎระเบียบจึงจะสําเร็จ บางนโยบายอาจจะต้องใช้องค์การแบบกระจายอํานาจจึงจะสําเร็จ ดังนั้นการนํา นโยบายไปปฏิบัติจะสําเร็จหรือล้มเหลวจึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับลักษณะขององค์การแบบใดแบบหนึ่ง แต่ขึ้นอยู่กับลักษณะของนโยบายที่จะต้องมีความเหมาะสมกับองค์การที่นํานโยบายไปปฏิบัติ
96. ทัศนคติของผู้นํานโยบายไปปฏิบัติหมายถึงอะไร
(1) วัฒนธรรม
(2) การจัดองค์การ
(3) ความรู้สึกต่อนโยบาย
(4) ข้อ 1 และ 3 ถูก
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 4 หน้า 78 ทัศนคติของผู้นํานโยบายไปปฏิบัติ หมายถึง
1. ความสามารถ ลักษณะนิสัย บุคลิกภาพ
2. วัฒนธรรม ค่านิยม ความเชื่อ
3. ประสบการณ์
4. ความรู้สึกต่อนโยบาย
97. ข้าราชการเกียร์ว่าง เป็นปัญหาด้านใด
(1) ทรัพยากร
(2) ความเป็นไปได้ทางการเมือง
(3) ความถูกต้องทางทฤษฎี
(4) วัตถุประสงค์ของนโยบาย
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 2 (คําบรรยาย) ข้าราชการเกียร์ว่าง เป็นปัญหาด้านความเป็นไปได้ทางการเมือง ซึ่งก็คือเรื่องของ ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับข้าราชการ ทําให้ข้าราชการปฏิบัติตามนโยบายอย่างไม่เต็มที่ ซึ่งส่งผลให้การนํานโยบายไปปฏิบัติอาจไม่ประสบความสําเร็จ
98. ศรีธนนชัยนําข้าวของในบ้านไปทิ้งเพราะรู้สึกขี้เกียจ เมื่อแม่บอกให้ทําความสะอาดบ้านให้เตียนโล่งแสดงให้เห็นถึงปัญหาอะไร
(1) ความขัดแย้งในตัวเองของนโยบาย
(2) วัตถุประสงค์ของนโยบาย
(3) ทัศนคติของศรีธนนชัย
(4) ข้อ 2 และ 3 ถูก
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 4 (คําบรรยาย) การที่ศรีธนนชัยนําข้าวของในบ้านไปทิ้งเพราะรู้สึกขี้เกียจ เมื่อแม่บอกให้ ทําความสะอาดบ้านให้เตียนโล่งนั้น แสดงให้เห็นถึงปัญหาด้านทัศนคติของศรีธนนชัยและ วัตถุประสงค์ของนโยบายที่ไม่ชัดเจน ทําให้เกิดการตีความนโยบายหรือเข้าใจในนโยบาย ไม่ตรงกับที่ผู้กําหนดนโยบายกําหนดไว้
99. โรงเรียนยังคงเก็บค่าบํารุงกิจกรรม แม้มีนโยบายเรียนฟรี เป็นปัญหาด้านใด
(1) ทรัพยากร
(2) ตัวชี้วัด
(3) เป้าหมายของนโยบาย
(4) ข้อ 1 และ 3 ถูก
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 1 หน้า 19, 76, (คําบรรยาย) โรงเรียนยังคงเก็บค่าบํารุงกิจกรรม แม้มีนโยบายเรียนฟรี เป็นปัญหาด้านทรัพยากรซึ่งก็คือเรื่องของเงินทุนที่ไม่เพียงพอ ซึ่งทรัพยากรนี้ถือเป็นปัจจัยสําคัญของการนํานโยบายไปปฏิบัติ หากทรัพยากรมีไม่เพียงพอก็จะส่งผลต่อประสิทธิภาพ และประสิทธิผลของการปฏิบัติตามนโยบาย
100. มีการฉีดน้ําใส่เครื่องวัดละอองฝุ่น เพื่อแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 เป็นปัญหาด้านใด
(1) เป้าหมายของนโยบาย
(2) ความถูกต้องทางทฤษฎี
(3) ความเป็นไปได้ทางการเมือง
(4) ตัวชี้วัด
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 4 (คําบรรยาย) การฉีดน้ําใส่เครื่องวัดละอองฝุ่น เพื่อแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 เป็นปัญหาเรื่อง ตัวชี้วัด ดังนั้นการกําหนดตัวชี้วัดจะต้องครอบคลุมและรัดกุม จึงจะทําให้นํานโยบายไปปฏิบัติเป็นไปตามเป้าหมายของนโยบายที่กําหนดไว้