การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2565
ข้อสอบกระบวนวิชา POL 3300 การบริหารการคลัง
คําสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคําตอบเดียว

1.งบประมาณแผ่นดินมีลักษณะดังนี้
(1) รายรับมาจากรัฐพาณิชย์
(2) มีกระบวนการจัดทําที่มีลักษณะรวมอํานาจ
(3) เป็นกฎหมาย
(4) ทั้งข้อ 1 และ 3
(5) ทั้งข้อ 1, 2 และ 3
ตอบ 4 หน้า 15 – 20, 63 – 66, (คําบรรยาย) คุณสมบัติหรือลักษณะสําคัญของงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งแตกต่างจากงบประมาณเอกชน มีดังนี้
1. เป็นกฎหมายทางการเงิน กล่าวคือ มีการตราเป็นพระราชบัญญัติ ซึ่งกําหนดว่าให้ใช้จ่ายเงินได้ ไม่เกินจํานวนที่กําหนด แต่ในทางปฏิบัติรายจ่ายจริงอาจมีน้อยกว่ารายจ่ายที่กฎหมายงบประมาณกําหนดไว้ก็ได้
2. เป็นกฎหมายที่มีผลบังคับต่อประชาชนทุกคนในชาติ
3. วิธีการจัดหารายได้ (รายรับ) โดยมีรายได้มาจากการจัดเก็บภาษีอากร การก่อหนี้สาธารณะ การขายสิ่งของและบริการ และรัฐพาณิชย์
4. คํานึงถึงความพึงพอใจของประชาชนเป็นแรงจูงใจในการจัดทํางบประมาณ
5. การกําหนดรายรับ มีรายจ่ายเป็นตัวกําหนดรายรับ
6. มีกระบวนการจัดทํางบประมาณที่มีลักษณะกระจายอํานาจ
7. ลักษณะการเป็นเจ้าของ โดยมีประชาชนเป็นเจ้าของกิจการที่แท้จริง
8. มีการอนุมัติงบประมาณโดยรัฐสภา
9. การควบคุมหรือการบริหารงบประมาณจะถูกควบคุมร่วมกันทั้งฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ

Advertisement

2. ในยุคที่มีความเชื่อว่า… “งบประมาณแผ่นดินเป็นเครื่องมือในการควบคุมความซื่อสัตย์ในการใช้จ่าย ของรัฐบาล…” งบประมาณแผ่นดินจะให้ความสําคัญไปที่
(1) แผนของรัฐในรูปตัวเงินที่แสดงประสิทธิผลของการใช้เงินตามแผนนั้น ๆ
(2) เอกสารที่ประกอบด้วยโครงการต่าง ๆ ซึ่งเสนอขอรายจ่ายเพื่อให้เกิดการดําเนินงานตามวัตถุประสงค์ ของโครงการนั้น ๆ
(3)แผนของรัฐในรูปตัวเงินที่แสดงประสิทธิภาพของการใช้เงินตามแผนนั้น ๆ
(4) ทั้งข้อ 1 และ 2
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 5 หน้า 63, 90 – 91 ในยุคที่มีความเชื่อว่า งบประมาณแผ่นดินเป็นเครื่องมือของฝ่ายนิติบัญญัติ ในการติดตามควบคุมการใช้ทรัพยากร หรือควบคุมตรวจสอบความถูกต้องและความซื่อสัตย์ สุจริตในการใช้จ่ายเงินของรัฐบาลนั้น งบประมาณแผ่นดินตามความเชื่อนี้จะหมายถึง รายละเอียด ของบัญชีที่แสดงประเภทของการใช้จ่ายเงินของรัฐบาล หรือรายละเอียดของทรัพยากรที่ หน่วยงานเสนอของบประมาณจากรัฐบาล

3. การวิเคราะห์งบประมาณเป็นกิจกรรมที่อยู่ในขั้นตอนใดของกระบวนการงบประมาณ
(1) การควบคุม
(2) การประเมินผล
(3) การอนุมัติ
(4) ทั้งข้อ 1, 2 และ 3
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 5 หน้า 115 – 116 ในการจัดเตรียมงบประมาณนั้น จะมีการจัดทํารายละเอียดของงบประมาณ ซึ่งประกอบด้วยขั้นตอนที่สําคัญ 3 ขั้นตอน คือ
1. เจ้าหน้าที่สํานักงบประมาณพิจารณาวิเคราะห์งบประมาณร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
2. สํานักงบประมาณเสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณ พร้อมด้วยเอกสารงบประมาณต่อ คณะรัฐมนตรี
3. นายกรัฐมนตรีเสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณประจําปี พร้อมด้วยเอกสารงบประมาณ ต่อรัฐสภา

4. ที่ว่า “งบประมาณแผ่นดินต้องทําเป็นพระราชบัญญัติ” หมายความว่า
(1) งบประมาณแผ่นดินต้องได้รับการประเมินก่อนนําไปใช้
(2) งบประมาณต้องได้รับการวิเคราะห์ก่อนนําไปใช้
(3) งบประมาณต้องผ่านการทําประชามติก่อนนําไปใช้
(4) ทั้งข้อ 1 และ 2
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 5 หน้า 64, 82, (คําบรรยาย) งบประมาณแผ่นดินเป็นเงินของประชาชนที่มอบให้กับรัฐบาลในรูปของภาษีอากรและการกู้ยืมเพื่อนําไปใช้ในการบริหารประเทศ ดังนั้นการใช้จ่ายงบประมาณ จึงต้องได้รับการอนุมัติหรือยินยอมจากประชาชนเสียก่อน แต่เนื่องจากการบริหารราชการในระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา ประชาชนได้มอบอํานาจการตัดสินใจให้กับรัฐสภา (สภานิติบัญญัติ) ไปแล้ว งบประมาณแผ่นดินซึ่งการจัดทําเป็นหน้าที่ของฝ่ายรัฐบาลโดยเฉพาะจึงจําเป็นต้องได้รับการเห็นชอบจากรัฐสภาโดยต้องทําเป็นกฎหมายหรือพระราชบัญญัติก่อนที่จะนําไปใช้ เพราะถ้างบประมาณไม่ได้รับการรับรองจากสภา รัฐบาลก็จะบริหารประเทศต่อไป ไม่ได้ ดังนั้นจึงถือว่างบประมาณเป็นเครื่องมือ เงื่อนไข หรือกลไกรับรองการเป็นรัฐบาลหรือ การจัดตั้งรัฐบาลในประเทศที่ปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา

5.ตัวอย่างของ “สินค้าเอกชน” ได้แก่
(1) การจัดแสงสว่างในทางเดินสาธารณะ
(2) บริการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
(3) ไฟฟ้า
(4) ทั้งข้อ 1 และ 2
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 5 หน้า 13, (คําบรรยาย) สินค้าเอกชน (Private Goods) หรือสินค้าเอกชนแท้ (Pure Private Goods) เป็นสินค้าที่เป็นปรปักษ์ในการบริโภค สามารถแบ่งแยกการบริโภคออกจากกันได้ และ มีต้นทุนส่วนเพิ่มในการจัดให้มีสินค้า ซึ่งได้แก่สินค้าหรือบริการทั่วไปที่ซื้อขายกันตามท้องตลาด เช่น เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า อาหาร เป็นต้น

6.หลักที่ว่างบประมาณต้องมีระยะเวลาที่แน่นอน หมายความว่าอย่างไร
(1) งบประมาณอาจกําหนดให้ 1 ปีงบประมาณมีระยะเวลา 24 เดือนก็ได้
(2) ปีงบประมาณอาจเริ่มต้นในเดือนใดของปีปฏิทินก็ได้ แต่ต้องมีระยะเวลาแน่นอน
(3) ปีงบประมาณต้องเท่ากันกับปีปฏิทินเสมอ
(4) ทั้งข้อ 1 และ 2
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอน 4 หน้า 68, (คําบรรยาย) ระยะเวลาของการบริหารหรือการใช้จ่ายเงินตามงบประมาณ เรียกว่า “ปีงบประมาณ” หรือ “ปีคลัง” (Fiscal Year) ซึ่งปกติแล้วจะต้องมีระยะเวลาที่แน่นอน โดยอาจเป็น 6 เดือน 1 ปี (12 เดือน) หรือ 2 ปี (24 เดือน) ก็ได้ แต่จะต้องเป็นเช่นนั้นทุก ๆ ปี และจะเริ่มต้นในเดือนใดของปีปฏิทินก็ได้ เช่น ปีงบประมาณของไทยมีระยะเวลา 12 เดือนเริ่มต้นจากวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี และไปสิ้นสุดในวันที่ 30 กันยายนของปีถัดไป โดยใช้ ชื่อปีถัดไปเป็นชื่อปีงบประมาณ (เช่น ปีงบประมาณ 2566 จะเริ่มวันที่ 1 ตุลาคม 2565 และสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566)

7.ลักษณะในการกําหนดรายรับรายจ่ายของงบประมาณแผ่นดินโดยหลักการแล้ว
(1) ขึ้นอยู่กับความสามารถในการขายสินค้าและบริการ
(2) รายรับเป็นตัวกําหนดรายจ่าย
(3) สามารถใช้รายจ่ายเป็นตัวกําหนดรายรับ
(4) ขึ้นอยู่กับความสามารถในการจัดเก็บภาษีอากร
(5) ทั้งข้อ 2 และ 4
ตอบ 3 หน้า 65, (คําบรรยาย) ลักษณะการกําหนดรายรับรายจ่ายของงบประมาณแผ่นดินนั้นโดยหลักการแล้วสามารถใช้รายจ่ายเป็นตัวกําหนดรายรับได้ เนื่องจากรัฐบาลมีแหล่งของรายรับที่กว้างขวาง และมีอํานาจในการออกกฎหมายเพื่อจัดเก็บภาษีอากรจากประชาชน และก่อหนี้สาธารณะ ในขณะที่เอกชนจะมีรายรับเป็นตัวกําหนดรายจ่าย เพราะเอกชน มีแหล่งรายรับที่จํากัด และขึ้นอยู่กับความสามารถในการหารายได้จากการขายสินค้าและ บริการของตนเป็นสําคัญ

8. ข้อใดไม่ถูกต้อง
(1) หลักประสิทธิภาพอาจไม่ไปด้วยกันกับหลักความพึงพอใจ
(2) หลักประสิทธิภาพเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความคุ้มค่าของเงิน
(3) ในสังคมที่มีความแตกต่างทางความคิดมาก ๆ หลักความพึงพอใจจะประสบปัญหามาก
(4) ศูนย์รวมเงินจะต้องให้การบริหารงบประมาณเป็นไปภายใต้กฎเกณฑ์เดียวกัน
(5) หลักความชัดเจนถูกต้องเชื่อถือได้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจัดสรรทรัพยากร
ตอบ 5 หน้า 68, (คําบรรยาย) หลักของความชัดเจนถูกต้องและเชื่อถือได้ของงบประมาณแผ่นดินนั้นเป็นหลักการที่ทําให้เข้าใจวัตถุประสงค์และรายละเอียดของการดําเนินงานอย่างชัดเจนเป็นหลักมากกว่าที่จะคํานึงถึงเรื่องประสิทธิภาพ เพราะงบประมาณที่มีความถูกต้องชัดเจนและเชื่อถือได้ เมื่อนําไปปฏิบัติอาจจะไม่เป็นไปตามหลักประสิทธิภาพก็ได้

9.สภาวะ “เศรษฐกิจตกต่ำ สินค้าล้นตลาด ประชาชนว่างงาน” รัฐบาลควรใช้นโยบายงบประมาณแบบใด
(1) สมดุล
(2) ขาดดุลควบคู่กับนโยบายอัตราดอกเบี้ยสูง
(3) เกินดุล
(4) ขาดดุล
(5) ขาดดุลควบคู่กับนโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำ
ตอบ 5 (คําบรรยาย) สภาวะเงินฝืด หมายถึง สภาวะที่อุปสงค์ด้านสินค้าและบริการน้อยกว่าอุปทาน ด้านสินค้าและบริการ หรือเป็นสภาวะที่มีปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจน้อยเกินไป ทําให้เศรษฐกิจตกต่ํา สินค้าล้นตลาด และประชาชนว่างงาน ดังนั้นรัฐบาลควรจะแก้ปัญหา ด้วยการเพิ่มปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจให้มากขึ้น โดยการนํานโยบายงบประมาณแบบขาดดุล และการลดอัตราภาษีอากรมาใช้ควบคู่กับนโยบายการเงินดังต่อไปนี้
1. ซื้อพันธบัตรรัฐบาลคืนจากประชาชน
2. ลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์
3. ลดอัตราเงินสดสํารองของธนาคารพาณิชย์
4. ลดอัตราส่วนลดเพื่อให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยเงินกู้มากขึ้น ฯลฯ

10. ข้อใดถูกต้องตามหลักทฤษฎีการคลัง
(1) เศรษฐกิจที่รัฐบาลจะมีรายได้มาก
(2) เศรษฐกิจ รัฐบาลจะมีภาระรายจ่ายสูงขึ้น
(3) เศรษฐกิจดีคนในสังคมจะมีชีวิตที่เป็นสุข
(4) ทั้งข้อ 1 และ 2
(5) ทั้งข้อ 2 และ 3
ตอบ 1 (คําบรรยาย) ตามหลักทฤษฎีการคลัง หากเศรษฐกิจที่รัฐบาลจะมีรายได้มากและจะมีภาระ รายจ่ายน้อยลง รายจ่ายมากขึ้นในทางตรงกันข้ามหากเศรษฐกิจตกต่ํารัฐบาลจะมีรายได้น้อยลงและมีภาระ

11.สภาวะ “เศรษฐกิจตกต่ำ สินค้าล้นตลาด ประชาชนว่างงาน” เรียกสภาวะดังกล่าวว่าอะไร
(1) สภาวะเงินฝืด
(2) สภาวะเงินเฟ้อ
(3) สภาวะการขาดอุปทาน
(4) สภาวะอุปสงค์ล้นตลาด
(5) ทั้งข้อ 2 และ 3
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 9. ประกอบ

12. งบประมาณใดต่อไปนี้ที่ใช้หลักของ “ศูนย์รวมเงินของแผ่นดิน”
(1) งบประมาณราชการบริหารส่วนท้องถิ่น
(2) เงินช่วยเหลือจากต่างประเทศ
(3) เงินทุนหมุนเวียน
(4) งบรายได้ของมหาวิทยาลัย
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 5 หน้า 67, (คําบรรยาย) งบประมาณแผ่นดินมีลักษณะเป็นศูนย์รวมเงินของแผ่นดิน หมายความว่า ในปีงบประมาณหนึ่ง ๆ จะต้องมีการบูรณาการแผนทางการเงินของส่วนราชการต่าง ๆ ให้เป็น แผนเดียวกัน มีการจัดเตรียมและอนุมัติงบประมาณเพียงครั้งเดียว มีการใช้จ่ายตามที่กําหนดไว้ใน งบประมาณรายจ่ายประจําปี หากไม่มีความจําเป็นจะไม่มีการจัดทํางบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม รวมทั้งกระบวนการงบประมาณของส่วนราชการต่าง ๆ จะต้องดําเนินไปภายใต้กฎข้อบังคับ เดียวกัน ใช้บทบัญญัติเดียวกัน และมีสถาบันหรือหน่วยงานกลางที่รับผิดชอบในขั้นตอนต่าง ของการบริหารงบประมาณเดียวกัน โดยงบประมาณที่ใช้หลักศูนย์รวมเงินของแผ่นดิน ได้แก่ งบประมาณประจําปีของส่วนราชการทั่ว ๆ ไป เช่น งบประมาณของสํานักงบประมาณ กรมการปกครอง กรมสรรพากร กรมศุลกากร กรมสรรพสามิต เป็นต้น

13. Budget Ceiling หมายถึงอะไร
(1) วงเงินงบประมาณ
(2) เพดานเงินจัดสรร
(3) เงินประจํางวด
(4) เงินที่ไม่ได้รับอนุมัติ
(5) งบผูกพัน
ตอบ 1 หน้า 91, (คําบรรยาย) การกําหนดยอด “วงเงินงบประมาณ (Budget Ceiling) เป็นการ จัดทํางบประมาณรายจ่ายประจําปีที่ตั้งไว้เพื่อใช้ในโครงการและงานที่จะต้องจัดทําในปีต่อไปของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ ซึ่งถือเป็นขั้นตอนหนึ่งของการจัดเตรียมงบประมาณ

14. ตัวอย่างของบริการที่ถ้าให้เอกชนจัดทําแล้วประชาชนอาจเสียประโยชน์
(1) กิจการไปรษณีย์
(2) บริการด้านสาธารณสุข
(3) โรงงานผลิตรถถัง
(4) ทั้งข้อ 1 และ 2
(5) ทั้งข้อ 2 และ 3
ตอบ 2 หน้า 71 – 72 ตามแนวคิดในการจัดสรรทรัพยากรแบบเสรีนิยมนั้น กิจกรรมที่เอกชนจัดทําแล้ว ประชาชนอาจเสียประโยชน์ ได้แก่ บริการด้านการศึกษา (การจัดการศึกษาภาคบังคับ) บริการ
ด้านสาธารณสุข (การรักษาพยาบาล การป้องกันโรคติดต่อ การให้ความรู้เกี่ยวกับสาธารณสุข ขั้นมูลฐาน) เป็นต้น ซึ่งกิจกรรมประเภทนี้รัฐจะต้องเข้าไปควบคุมมาตรฐานเพื่อความถูกต้องเหมาะสม

15. การกระจายรายได้ที่เป็นธรรมของสังคม สามารถวัดได้โดย
(1) เปรียบเทียบรายได้ของคนแยกตามกลุ่มอาชีพ
(2) ดูการเปลี่ยนแปลงของผลผลิตมวลรวม
(3) ดูอัตราการว่างงาน
(4) ทั้งข้อ 1 และ 2
(5) ทั้งข้อ 2 และ 3
ตอบ 1 หน้า 73 – 74, (คําบรรยาย) งบประมาณแผ่นดินจะต้องเป็นไปเพื่อ
1. สร้างความเจริญเติบโตให้กับระบบเศรษฐกิจหรือความมั่งคั่งของชาติ ซึ่งสามารถวัดได้
โดยการดูอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และการเปลี่ยนแปลงของผลผลิตมวลรวม
2. สร้างเสถียรภาพให้กับระบบเศรษฐกิจ ซึ่งสามารถวัดได้โดยการดูอัตราการว่างงาน อัตราเงินฝืด และอัตราเงินเฟ้อ
3. สร้างประสิทธิภาพในการทํางาน ซึ่งสามารถวัดได้โดยการดูผลผลิตต่อหน่วย
4. สร้างความเสมอภาคหรือการกระจายทางเศรษฐกิจ หรือการกระจายรายได้ที่เป็นธรรม ให้กับสังคม และทรัพย์สินที่มีซึ่งสามารถวัดได้โดยการเปรียบเทียบความแตกต่างของรายได้ อัตราการใช้จ่าย

16.ลักษณะของระบบงบประมาณแบบ PPBS
(1) กําหนดยอดวงเงินโดยใช้หลัก Incremental Analysis
(2) แบ่งเงินงบประมาณออกตามหน่วยราชการ
(3) มีการจัดทําโครงสร้างแผนงาน
(4) ทั้งข้อ 1 และ 2
(5) ทั้งข้อ 1 และ 3
ตอบ 3 หน้า 93 – 94, 97, 101 – 102, (คําบรรยาย) งบประมาณแบบวางแผนวางโครงการ (Planning Programming Budgeting System : PPBS) เป็นระบบงบประมาณที่ ในด้านการวางแผนวางโครงการโดยมุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์ระยะยาว ระบบงบประมาณแบบนี้จะมีการวางแผนงานให้สอดคล้องกับนโยบายและตั้งวงเงินงบประมาณตามแต่ละแผนงาน มีการกําหนดยอดวงเงินงบประมาณโดยใช้หลักความพึงพอใจผสมกับหลักเหตุผล (Limited Rationality หรือ Mixed Scanning) มีการแบ่งเงินงบประมาณออกตามโครงสร้างแผนงาน หรือโครงการ (Program Structure) มีการใช้เทคนิคการวิเคราะห์ระบบ (System Analysis) ในการวิเคราะห์โครงการเพื่อศึกษาถึงโครงสร้างแผนงานหรือโครงการที่จัดทําว่ามีความสัมพันธ์กับ โครงการใด ๆ บ้าง มีการวิเคราะห์โครงการ (Program Analysis) เพื่อชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ ระหว่างนโยบายสาธารณะ เป้าหมาย และวัตถุประสงค์ในการวางแผนวางโครงการของหน่วยงานมีการกําหนดตัวชี้วัดความสําเร็จหรือผลสัมฤทธิ์ของแผนงานหรือโครงการเพื่อการติดตามประเมินผล รวมทั้งมีการจัดทําบันทึกโครงการ แผนงานและแผนทางการเงินระยะยาว (อาจเป็น 3 ปี หรือ 5 ปี) เพื่อประกอบการจัดทําโครงการด้วย

17. ลักษณะของระบบงบประมาณแบบโครงการ
(1) มีวัตถุประสงค์เพื่อควบคุมประสิทธิภาพของการใช้จ่าย
(2) แบ่งเงินงบประมาณออกตามโครงการ
(3) มีการจัดทําโครงสร้างแผนงาน
(4) ทั้งข้อ 1 และ 2
(5) ทั้งข้อ 1, 2 และ 3
ตอบ 4 หน้า 92 – 93, (คําบรรยาย) งบประมาณแบบโครงการ (Program Budget) หรืองบประมาณ แบบแสดงผลงาน (Performance Budget) เป็นระบบงบประมาณที่ในหลักประสิทธิภาพ กล่าวคือ เป็นระบบงบประมาณที่เน้นการควบคุมประสิทธิภาพของการใช้จ่าย หรือให้ความสําคัญกับ ประสิทธิภาพในการจัดสรรทรัพยากร ทั้งนี้ก็เพื่อการบรรลุวัตถุประสงค์อย่างประหยัด นอกจากนี้ ยังให้ความสําคัญกับผลผลิต (Output) และผลลัพธ์ (Outcome) ของงานหรือโครงการในแต่ละปี มีการจัดทํางบประมาณเป็นรายโครงการและมีการแบ่งเงินงบประมาณออกตามโครงการหรือตามวัตถุประสงค์ของรัฐบาล (Objectives Classification) หรือตามหน้าที่ของรัฐ (Functional Classification) มีการวิเคราะห์โครงการ (Program Analysis) หรือวิเคราะห์ประสิทธิภาพ
ของโครงการหรือประสิทธิภาพของการใช้เงินโดยใช้เทคนิคการวิเคราะห์ เช่น Cost and Effectiveness Analysis, Cost and Benefit Analysis และมีการตัดสินใจจัดสรรงบประมาณ โดยอาศัยหลักของเหตุผล (Pure Rationality) เป็นสําคัญ

18. ลักษณะของระบบ PPBS
(1) มีการจัดทําบันทึกโครงการ
(2) แบ่งเงินงบประมาณออกตามหน่วยราชการ
(3) มีการจัดทําโครงสร้างแผนงาน
(4) ทั้งข้อ 1 และ 2
(5) ทั้งข้อ 1 และ 3
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 16. ประกอบ

19. ลักษณะของ Performance Budget
(1) มีการวิเคราะห์ประสิทธิภาพของโครงการ
(2) การตัดสินใจใช้หลักของเหตุผล
(3) อาจเรียกว่าเป็นงบประมาณแบบแสดงรายการ
(4) ทั้งข้อ 1 และ 2
(5) ทั้งข้อ 1, 2 และ 3
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 17. ประกอบ

20. ลักษณะของ Program Budget
(1) มีการวิเคราะห์ประสิทธิภาพของโครงการ
(2) การตัดสินใจใช้หลักของเหตุผล
(3) อาจเรียกว่าเป็นงบประมาณแบบ PPBS
(4) ทั้งข้อ 1 และ 2
(5) ทั้งข้อ 1, 2 และ 3
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 17. ประกอบ

21. ลักษณะของระบบงบประมาณแบบที่ในการควบคุม
(1) มีการวิเคราะห์ประสิทธิภาพของโครงการ
(2) การตัดสินใจใช้หลักของเหตุผล
(3) อาจเรียกว่าเป็นงบประมาณแบบแสดงรายการ
(4) ทั้งข้อ 1 และ 2
(5) ทั้งข้อ 1, 2 และ 3
ตอบ 3 หน้า 87 – 88, 90 – 92, (คําบรรยาย) งบประมาณแบบแสดงรายการ (Line-Item Budget) หรืองบประมาณแบบเก่า (Conventional Budget) หรืองบประมาณแบบประเพณี (Traditional Budget) เป็นระบบงบประมาณที่ในด้านการควบคุมเพื่อมุ่งตรวจสอบความถูกต้องและความซื่อสัตย์สุจริตของการใช้จ่ายเงินของรัฐ หรือให้ความสําคัญกับความถูกต้องของ “ปัจจัย นําเข้า” (Inputs) หรือการจัดสรร “ทรัพยากร” ของงานหรือโครงการ โดยเน้นกฎ ระเบียบ และการควบคุมให้เป็นไปตามกฎ ระเบียบนั้น หรือให้ความสําคัญกับมาตรฐานของทรัพยากร ที่หน่วยราชการได้ใช้ไป ดังนั้นงบประมาณจึงถูกแบ่งออกตามหน่วยราชการหรือหน่วยงานต่าง ๆ (Agencies Classification หรือ Organizations Classification) โดยเฉพาะในระดับกรม และมีการแบ่งตามประเภทและชนิดของการใช้จ่าย (Objects of Expenditure Classification) โดยพิจารณาจากคู่มือการจําแนกประเภทและชนิดของการใช้จ่ายซึ่งแบ่งออกเป็นหมวดต่าง ๆ เช่น หมวดเงินเดือน หมวดสาธารณูปโภค หมวดครุภัณฑ์ ฯลฯ นอกจากนี้ในการจัดเตรียม งบประมาณก็จะต้องมีการกําหนดยอดวงเงินงบประมาณโดยใช้หลักความพึงพอใจ (Muddling Through) หรือการวิเคราะห์เฉพาะส่วนที่เพิ่ม (Incrementalism) เป็นเกณฑ์ด้วย

22. ข้อใดที่จัดเป็นลักษณะของ Traditional Budget
(1) กําหนดยอดวงเงินโดยใช้หลัก Muddling Through
(2) แบ่งเงินงบประมาณออกตามหน่วยราชการ
(3) Objectives Classification
(4) ทั้งข้อ 1 และ 2
(5) ทั้งข้อ 1 และ 3
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 21. ประกอบ

23.Line-Item Budget ตรงกับข้อใด
(1) Muddling Through
(2) คู่มือจําแนกประเภทและชนิดของการใช้จ่าย
(3) แบ่งเงินงบประมาณออกตามจังหวัด
(4) ทั้งข้อ 1 และ 2
(5) ทั้งข้อ 1, 2 และ 3
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 21. ประกอบ

24. ลักษณะของ Zero-Base Budget
(1) Muddling Through
(2) Political Bargaining
(3) Incrementalism
(4) ทั้งข้อ 1, 2 และ 3
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 5 หน้า 96, 99 – 100, (คําบรรยาย) งบประมาณฐานศูนย์ (Zero-Base Budget : ZBB) เป็นระบบ งบประมาณที่อาศัยหลักของเหตุผล (Pure Rationality) ในการจัดสรรงบประมาณ ซึ่งกําหนดให้ โครงการหรืองานที่เสนอของบประมาณในทุก ๆ ปีงบประมาณจะต้องได้รับการตรวจสอบวิเคราะห์ ทั้งระบบ ทั้งงานหรือโครงการเดิมที่เคยทํามาแล้ว และงานหรือโครงการใหม่ ๆ ที่กําลังจะเกิดขึ้น ทั้งนี้เพื่อต้องการให้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างมีเหตุผล แต่วิธีการนี้มักจะก่อให้เกิดความล่าช้าหรืออาจทําไม่ได้ในทางปฏิบัติ

25. สถาบันที่ทําหน้าที่ “ตรวจสอบบัญชีการเงินของส่วนราชการต่าง ๆ”
(1) กรมบัญชีกลาง
(2) DSI
(3) สํานักงบประมาณ
(4) ธนาคารแห่งประเทศไทย
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 5 หน้า 84, 129 สํานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ทําหน้าที่ตรวจสอบรายละเอียดของ การใช้จ่ายเงินและตรวจสอบบัญชีทางการเงินของส่วนราชการต่าง ๆ โดยแยกการตรวจสอบออกเป็น 2 ระดับ คือ การตรวจสอบระดับหน่วยงานและการตรวจสอบระดับรัฐบาล

26. สถาบันที่ทําหน้าที่ “วิเคราะห์งบประมาณ” ได้แก่
(1) กรมบัญชีกลาง
(2) DSI
(3) สํานักงบประมาณ
(4) ธนาคารแห่งประเทศไทย
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 3. ประกอบ

27. ระยะเวลาในการดําเนินการ “อนุมัติ” งบประมาณ มีระยะประมาณกี่เดือน
(1) 3 เดือน
(2) 5 เดือน
(3) 9 เดือน
(4) 12 เดือน
(5) ไม่แน่นอนกําหนดตายตัวไม่ได้
ตอบ 1 หน้า 79 ระยะเวลาของการดําเนินกิจกรรมต่าง ๆ เกี่ยวกับงบประมาณแผ่นดิน เรียกว่า วงจรงบประมาณ (Budget Cycle) ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานที่สุด โดยวงจรงบประมาณ ของประเทศไทยนั้นจะใช้เวลาประมาณ 22 เดือน ประกอบด้วยกิจกรรมหรือการกระทํา 3 ขั้นตอน คือ การจัดเตรียมประมาณ 6 – 7 เดือน การอนุมัติประมาณ 3 – 4 เดือน และ การควบคุมหรือการบริหารเป็นเวลา 12 เดือน

28. ระยะเวลาในการดําเนินการ “ควบคุม” งบประมาณ มีระยะประมาณกี่เดือน
(1) 3 เดือน
(2) 5 เดือน
(3) 9 เดือน
(4) 12 เดือน
(5) ไม่แน่นอนกําหนดตายตัวไม่ได้
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 27. ประกอบ

29.ระยะเวลาของการใช้จ่ายเงินตามงบประมาณ เรียกว่า
(1) ปีปฏิทิน
(2) วงจรงบประมาณ
(3) เงินประจํางวด
(4) ทั้งข้อ 1 และ 2
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 6. ประกอบ

30.พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจําปี 2566 กําหนดวงเงินไว้ประมาณเท่าใด
(1) 3.05 ล้านล้านบาท
(2) 3.18 ล้านล้านบาท
(3) 3.35 ล้านล้านบาท
(4) 3.50 ล้านล้านบาท
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 2 (ความรู้ทั่วไป) พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจําปี 2556 ได้กําหนดวงเงินงบประมาณ รายจ่ายไว้ประมาณ 3.18 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 17.09 ของผลิตภัณฑ์มวลรวม ภายในประเทศ (GDP) และกําหนดวงเงินขาดดุลไว้ประมาณ 6.9 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น ร้อยละ 3.73 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)

31.พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจําปี 2566 กําหนดวงเงินขาดดุลไว้ประมาณเท่าใด
(1) 6.9 แสนล้านบาท
(2) 9.9 แสนล้านบาท
(3) 1.5 ล้านล้านบาท
(4) 2.2 ล้านล้านบาท
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 30. ประกอบ

32.ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565 ประเทศไทยมีหนี้สาธารณะคิดเป็นร้อยละเท่าไรของ GDP
(1) 48
(2) 55
(3) 60
(4) 79
(5) 88
ตอบ 3 (ความรู้ทั่วไป) ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565 ประเทศไทยมีหนี้สาธารณะคงค้างจํานวน 9,951,962.73 ล้านบาท หรือคิดเป็น 60.58% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)

33. ข้อใดไม่ใช่เครื่องมือในการดําเนินนโยบายการเงิน
(1) การควบคุมปริมาณเงิน
(2) การกําหนดอัตราดอกเบี้ย
(3) การควบคุมเงินที่ไหลเข้าออกระหว่างประเทศ
(4) การเก็บภาษีศุลกากร
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 4 หน้า 55 – 56 เครื่องมือในการดําเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลาง ประกอบด้วย 3 เครื่องมือ คือ การควบคุมปริมาณเงิน การกําหนดอัตราดอกเบี้ย และการควบคุมเงิน ที่ไหลเข้าออกระหว่างประเทศ

34. งบการเงินของกองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้
ในประเทศต้องได้รับการตรวจสอบจากหน่วยงานใด
(1) กรมบัญชีกลาง
(2) ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต
(3) กรมตรวจบัญชีสหกรณ์
(4) สํานักงานปลัดกระทรวงการคลัง
(5) สํานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
ตอบ 5 (คําบรรยาย) สํานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เป็นหน่วยงานที่ทําหน้าที่ตรวจสอบงบการเงิน
ของกองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้
ในประเทศตามกฎหมายการบริหารหนี้สาธารณะ

35.ECB เป็นชื่อเรียกของธนาคารกลางในข้อใด
(1) ธนาคารกลางแห่งอังกฤษ
(2) ธนาคารกลางแห่งสวิตเซอร์แลนด์
(3) ธนาคารกลางแห่งยุโรป
(4) ธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกา
(5) ธนาคารกลางแห่งเอเชีย
ตอบ 3 หน้า 55 ในปัจจุบันธนาคารกลางที่มีชื่อเสียงในระดับโลก ได้แก่ ธนาคารกลางแห่งยุโรป (European Central Bank : ECB) ธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกา (Federal Reserve Bank : FED) เป็นต้น

36.พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจําปี 2556 กําหนดวงเงินไว้คิดเป็นร้อยละเท่าไรของ GDP
(1) 7
(2) 17
(3) 27
(4) 35
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 30. ประกอบ

37. ข้อใดไม่ใช่บทบาทของเงินในระบบเศรษฐกิจ
(1) การเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน
(2) การเป็นเครื่องชี้วัดสถานภาพทางสังคม
(3) การเป็นเครื่องมือสะสมความมั่งคั่ง
(4) การเป็นมาตรฐานในการก้าหนดมูลค่า
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 2 หน้า 54, (คําบรรยาย) บทบาทของเงินในระบบเศรษฐกิจ มีดังนี้
1. การเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน
2. การเป็นเครื่องมือสะสมความมั่งคั่ง
3. การเป็นมาตรฐานในการกําหนดมูลค่า
4. การเป็นมาตรฐานการชําาระหนี้ในภายหน้า

38. ข้อใดไม่นับว่าเป็นเงิน
(1) เหรียญกษาปณ์
(2) เช็ค
(3) ตั๋วแลกเงิน
(4) บัตรเครดิต
(5) ศิลปวัตถุ
ตอบ 5 หน้า 54 เงิน เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจจะอยู่ในหลายรูปแบบ เช่น ธนบัตร เหรียญกษาปณ์ เช็ค ตั๋วแลกเงิน บัตรเครดิต เป็นต้น

39. คําในข้อใดหมายถึงนโยบายการเงิน
(1) Fiscal Policy
(2) Monetary Policy
(3) Financial Policy
(4) Public Policy
(5) Money Policy
ตอบ 2. หน้า 8, 54, 57, (คําบรรยาย) นโยบายการเงิน (Monetary Policy) หมายถึง นโยบายที่ เกี่ยวข้องกับการควบคุมปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ทางเศรษฐกิจ เช่น การควบคุม/กํากับอัตราดอกเบี้ย การควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท การควบคุม กํากับดูแลสินเชื่อ การซื้อขายพันธบัตรรัฐบาล การออกระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ ทางการเงิน เป็นต้น โดยหน่วยงานที่ทําหน้าที่ดูแลนโยบายการเงินก็คือ ธนาคารแห่งประเทศไทย

40. การดําเนินนโยบายการเงินไม่มีผลกระทบสืบเนื่องไปยังเรื่องใด
(1) ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
(2) การจ้างงาน
(3) ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ
(4) เสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจ
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 1 หน้า 54 – 55, (คําบรรยาย) การดําเนินนโยบายการเงินมีผลกระทบสืบเนื่องไปยังเสถียรภาพ ของระบบเศรษฐกิจ ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และการจ้างงาน แต่จะไม่มีผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

41.FED เป็นชื่อเรียกของธนาคารกลางในข้อใด
(1) ธนาคารกลางแห่งอังกฤษ
(2) ธนาคารกลางแห่งสวิตเซอร์แลนด์
(3) ธนาคารกลางแห่งยุโรป
(4) ธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกา
(5) ธนาคารกลางแห่งเอเชีย
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 35. ประกอบ

42. หน่วยงานใดเป็นผู้กําหนดนโยบายอัตราดอกเบี้ยในประเทศไทย
(1) กระทรวงพาณิชย์
(2) กระทรวงการคลัง
(3) ธนาคารแห่งประเทศไทย
(4) ธนาคารกรุงไทย
(5) คณะกรรมการนโยบายการเงิน
ตอบ 3 หน้า 57 – 58 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2485 เป็นหน่วยงานที่มีบทบาทและหน้าที่ ดังนี้

1. ออกและจัดการธนบัตรของรัฐบาลและบัตรธนาคาร
2. กําหนดและดําเนินนโยบายการเงิน เช่น กําหนดนโยบายอัตราดอกเบี้ย
3. บริหารจัดการทรัพย์สินของธนาคารแห่งประเทศไทย
4. เป็นนายธนาคารและนายทะเบียนหลักทรัพย์ของรัฐบาล
5. เป็นนายธนาคารของสถาบันการเงิน
6. กํากับและตรวจสอบสถาบันการเงิน
7. บริหารจัดการอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราและสินทรัพย์ในทุนสํารองเงินตรา ฯลฯ

43. ธนาคารแห่งประเทศไทยก่อตั้งขึ้นในปีใด
(1) ปี พ.ศ. 2480
(2) ปี พ.ศ. 2485
(3) ปี พ.ศ. 2490
(4) ปี พ.ศ. 2495
(5) ปี พ.ศ. 2500
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 42. ประกอบ

44. ข้อใดคือลักษณะที่สําคัญที่สุดของธนาคารกลางในการดําเนินนโยบายทางการเงิน
(1) มุ่งหากําไรสูงสุด
(2) หลีกเลี่ยงการแทรกแซงตลาดการเงิน
(3) มีอิสระจากฝ่ายการเมือง
(4) มีอํานาจเด็ดขาด
(5) รับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้มีส่วนได้เสีย
ตอบ 3 หน้า 55 ลักษณะที่สําคัญที่สุดของธนาคารกลางในการดําเนินนโยบายทางการเงิน คือ มีอิสระ จากฝ่ายการเมือง เนื่องจากการดําเนินนโยบายทางการเงินนั้นมีเป้าหมายที่จะรักษาเสถียรภาพ ทางเศรษฐกิจเป็นสําคัญ ดังนั้นการดําเนินนโยบายโดยหน่วยงานที่มีอิสระจากฝ่ายการเมืองย่อมจะเป็นผลดีต่อการบรรลุเป้าหมายของนโยบายการเงินมากกว่าการดําเนินนโยบายโดยนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง

45. ในปัจจุบันบุคคลใดดํารงตําแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
(1) นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล
(2) นายประทิน สันติประภพ
(3) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์
(4) นายวิรไท สันติประภพ
(5) นายเศรษฐวุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ
ตอบ 5 (ความรู้ทั่วไป) ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยในปัจจุบัน คือ นายเศรษฐวุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ซึ่งเข้ารับตําแหน่งเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2563

46. ความต้องการถือเงินของภาคครัวเรือนเป็นผลที่สืบเนื่องมาจากข้อใด
(1) ความต้องการจับจ่ายใช้สอย
(3) การสร้างหลักประกันในการดําเนินชีวิต
(2) การสร้างความมั่นคง
(4) ถูกทุกข้อ
(5) ผิดทุกข้อ
ตอบ 1 หน้า 54 เงินเป็นสิ่งสําคัญและมีบทบาทอย่างสําคัญต่อระบบเศรษฐกิจ ทั้งนี้สืบเนื่องมาจาก
ลักษณะของการเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนของเงินนั่นเอง ซึ่งทําให้ภาคครัวเรือน เกิดความต้องการถือเงินเมื่อมีความต้องการจับจ่ายใช้สอย

47.ข้อใดไม่ใช่บทบาทของธนาคารแห่งประเทศไทย
(1) ออกธนบัตร
(2) บริหารจัดการทรัพย์สินของธนาคารแห่งประเทศไทย
(3) ผลิตเหรียญกษาปณ์
(4) กํากับและตรวจสอบสถาบันการเงิน
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 42. ประกอบ

48. ในปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ระดับเท่าไร
(1) ร้อยละ 1.0 ต่อปี
(2) ร้อยละ 1.25 ต่อปี
(3) ร้อยละ 2.0 ต่อปี
(4) ร้อยละ 2.5 ต่อปี
(5) ร้อยละ 3.0 ต่อปี
ตอบ 3 (ความรู้ทั่วไป) ปัจจุบันธนาคารแห่งประเทศไทยได้กําหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ระดับ
ร้อยละ 2.0 ต่อปี

49. ข้อใดไม่ใช่เป้าหมายของการกํากับและตรวจสอบสถาบันการเงิน
(1) เสถียรภาพและความมั่นคง
(2) การบริหารงานด้วยธรรมาภิบาล
(3) การบริหารความเสี่ยงที่ดี
(4) ส่งเสริมการแข่งขันของระบบสถาบันการเงิน
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 5 หน้า 60 เป้าหมายของการกํากับและตรวจสอบสถาบันการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย ได้แก่
1. ระบบการเงินมีเสถียรภาพและความมั่นคง
2. การบริหารงานด้วยธรรมาภิบาล
3. การบริหารความเสี่ยงที่ดี
4. ส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพและการแข่งขันของระบบสถาบันการเงิน
5. การเข้าถึงบริการทางการเงินเป็นไปอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม

50. ส่วนขาดดุลทางการคลังเกิดจากข้อใด
(1) รัฐบาลมีรายจ่ายมากกว่ารายได้
(2) รัฐบาลมีรายได้มากกว่ารายจ่าย
(3) รัฐบาลมีรายจ่ายเท่ากับรายได้
(4) รายจ่ายรัฐบาลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 1 หน้า 45 ส่วนขาดดุลทางการคลัง (Fiscal Deficit) เกิดจากรัฐบาลมีรายจ่ายมากกว่ารายได้
ซึ่งรัฐบาลสามารถชดเชยการขาดดุลได้โดยใช้วิธีการก่อหนี้สาธารณะ

51. ภาระหนี้ต่างประเทศภาครัฐต่อรายได้เงินตราต่างประเทศจากการส่งออกสินค้าและบริการ เรียกว่าอะไร
(1) Burden
(2) Deficit
(3) Debt Service Ratio
(4) Debt to GDP
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 3 หน้า 48 เพื่อไม่ให้การก่อหนี้สาธารณะเป็นข้อจํากัดของการพัฒนาประเทศ รัฐบาลควร คํานึงถึงความยั่งยืนทางการคลัง (Fiscal Sustainability) โดยต้องคอยติดตามและระมัดระวัง ให้การก่อหนี้สาธารณะอยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งมีเครื่องชี้วัดที่สําคัญ เช่น สัดส่วนระหว่าง หนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวม (Debt to GDP) หนี้ต่องบประมาณรายจ่ายประจําปี และ ภาระหนี้ต่างประเทศภาครัฐต่อรายได้เงินตราต่างประเทศจากการส่งออกสินค้าและบริการ (Debt Service Ratio) เป็นต้น

52. นักเศรษฐศาสตร์สํานักใดไม่ยอมรับการก่อหนี้สาธารณะ
(1) เคนส์เซียน
(2) นีโอลิเบอรัล
(3) พาณิชย์นิยม
(4) เสรีนิยม
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 4 หน้า 46 นักเศรษฐศาสตร์สํานักคลาสสิก (Classical Economist) หรือสํานักเสรีนิยม (Liberalist) มองว่า บทบาทของรัฐบาลในระบบเศรษฐกิจควรเป็นไปอย่างจํากัด (Minimalist State) คือ รัฐบาลควรใช้จ่ายงบประมาณอย่างจํากัด ดังนั้นการใช้จ่ายเกินตัวของรัฐบาลซึ่งนําไปสู่การก่อหนี้สาธารณะจึงเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ในความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์สํานักนี้

53. ในทฤษฎีของเคนส์การกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรัฐบาลเป็นการทํางานของกลไกในข้อใด
(1) การบริโภค
(2) การออม
(3) การลงทุน
(4) อุปสงค์มวลรวม
(5) การจับจ่ายใช้สอย
ตอบ 4 หน้า 46 – 47 (คําบรรยาย) ในช่วงทศวรรษ 1930 เกิดปรากฏการณ์เศรษฐกิจตกต่ําทั่วโลก หรือที่เรียกว่า The Great Depression ซึ่งทฤษฎีของเคนส์ได้เข้ามามีบทบาทในการแก้ปัญหานี้ โดยการเสนอให้รัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจ คือการให้รัฐบาลใช้จ่ายเกินกว่ารายได้ที่มีอยู่เพื่อเป็นการ ยกระดับอุปสงค์มวลรวม (Aggregate Demand)

54. กรอบแนวคิดที่ทําให้ผู้กําหนดนโยบายต้องคํานึงถึงขีดจํากัดในการก่อหนี้สาธารณะ เรียกว่าอะไร
(1) วินัยทางการคลัง
(2) กฎเหล็กทางการคลัง
(3) ความยั่งยืนทางการคลัง
(4) กฎกระทรวงการคลัง
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 1 (คําบรรยาย) กรอบแนวคิดที่ทําให้ผู้กําหนดนโยบายต้องคํานึงถึงขีดจํากัดในการก่อหนี้
สาธารณะ เรียกว่า วินัยทางการคลัง

55. สํานักงานบริหารหนี้สาธารณะก่อตั้งขึ้นในปีใด
(1) ปี พ.ศ. 2540
(2) ปี พ.ศ. 2541
(3) ปี พ.ศ. 2542
(4) ปี พ.ศ. 2543
(5) ปี พ.ศ. 2544
ตอบ 3 หน้า 48 สํานักงานบริหารหนี้สาธารณะ ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2542 อยู่ภายใต้สังกัดของ สํานักงานปลัดกระทรวงการคลัง เป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการดําเนินการเกี่ยวกับหนี้สาธารณะ ภายใต้กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การผูกพันหนี้ การบริหารหนี้ และการชําระหนี้ ในประเทศและต่างประเทศของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจทั้งที่ค้ําประกันและไม่ค้ําประกัน

56. สํานักงานบริหารหนี้สาธารณะอยู่ภายใต้สังกัดของหน่วยงานใด
(1) สํานักงานปลัดกระทรวงการคลัง
(2) กรมบัญชีกลาง
(3) สํานักงบประมาณ
(4) กรมธนารักษ์
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 55. ประกอบ

57. ปรากฏการณ์เศรษฐกิจตกต่ําทั่วโลกในช่วงทศวรรษ 1930 เรียกว่าอะไร
(1) Liquidity Crisis
(2) The Great Depression
(3) The Great Storm
(4) Hamburger Crisis
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 53. ประกอบ

58. ข้อใดไม่นับเป็นหนี้สาธารณะ
(1) หนี้ของรัฐบาล
(2) หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน
(3) หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน
(4) หนี้ของสหกรณ์ออมทรัพย์
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 4 หน้า 45, 50, (คําบรรยาย) หนี้สาธารณะ ได้แก่
1. หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงทั้งหนี้ในประเทศและต่างประเทศ
2. หนี้ของรัฐวิสาหกิจ (ไม่เป็นสถาบันการเงิน) ที่รัฐบาลค้ําประกันและไม่ค้ําประกัน
3. หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ําประกัน
4. หนี้ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
5. หนี้ของหน่วยงานอื่นของรัฐ เช่น หนี้ของกระทรวงการคลัง เป็นต้น

59. บทบาทของรัฐบาลในลักษณะที่เป็น Minimalist State ตรงกับข้อใด
(1) รัฐบาลไม่มีบทบาทในระบบเศรษฐกิจ
(2) บทบาทของรัฐบาลในระบบเศรษฐกิจควรเป็นไปอย่างจํากัด
(3) รัฐบาลไม่ควรมีบทบาทในระบบเศรษฐกิจ
(4) บาทบาทของรัฐบาลเป็นไปตามนโยบายของพรรคการเมือง
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 52. ประกอบ

60.ณ สิ้นเดือนเมษายน 2560 สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ของไทยอยู่ที่ประมาณร้อยละเท่าไร
(1) 10
(2) 15
(3) 20
(4) 40
(5) 60
ตอบ 4 หน้า 51 สํานักงานบริหารหนี้สาธารณะรายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือน เมษายน 2560 มีจํานวน 6,267,920.88 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 42.64 ของผลิตภัณฑ์ มวลรวมภายในประเทศ (GDP)

61. ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ภาระหนี้ต่องบประมาณของประเทศไทยอยู่ที่ระดับร้อยละเท่าไร
(1) 7.12
(2) 15.26
(3) 15.28
(4) 18.25
(5) 25.74
ตอบ 1 หน้า 52 ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ภาระหนี้ต่องบประมาณของประเทศไทยอยู่ที่ระดับ
ร้อยละ 7.12

62. ข้อใดคือความแตกต่างที่สําคัญที่สุดระหว่างการก่อหนี้สาธารณะจากแหล่งเงินกู้ภายในประเทศกับ
การก่อหนี้สาธารณะจากแหล่งเงินกู้ในต่างประเทศ
(1) วงเงิน
(2) ระยะเวลาชําระคืน
(3) อัตราดอกเบี้ย
(4) ผู้ที่รับภาระหนี้
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 3(คําบรรยาย) การก่อหนี้สาธารณะต้องคํานึงถึงผู้ที่รับภาระหนี้ วงเงิน ระยะเวลาชําระคืน และ อัตราดอกเบี้ย โดยที่อัตราดอกเบี้ยคือความแตกต่างที่สําคัญที่สุดระหว่างการก่อหนี้สาธารณะจากแหล่งเงินกู้ภายในประเทศกับต่างประเทศ เนื่องจากต้องใช้คืนทั้งต้นเงินกู้และอัตราดอกเบี้ยที่ผันผวนตามค่าเงิน

63. กฎหมายฉบับสําคัญที่สุดที่กําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการบริหารหนี้สาธารณะคือข้อใด
(1) พระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2545
(2) พระราชบัญญัติการบริหารหนี้ส หนี้สาธารณะ พ.ศ. 2546
(3) พระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2547
(4) พระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548
(5) พระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2550
ตอบ 4 (คําบรรยาย) กฎหมายฉบับสําคัญที่สุดที่กําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการบริหาร หนี้สาธารณะ คือ พระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 ซึ่งประกาศ บังคับใช้ในรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร

64. ข้อใดไม่ใช่ตราสารหนี้ตามกฎหมายการบริหารหนี้สาธารณะ
(1) ตั๋วเงินคลัง
(2) ตั๋วสัญญาใช้เงิน
(3) พันธบัตร
(4) บัตรเงินฝาก
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 4 (คําบรรยาย) ตราสารหนี้ตามกฎหมายการบริหารหนี้สาธารณะ ได้แก่
1. ตั๋วเงินคลัง 2. ตั๋วสัญญาใช้เงิน 3. พันธบัตร

65. ข้อใดเป็นคํานิยามของพันธบัตรที่ถูกต้อง
(1) เอกสารการก่อหนี้ผูกพันระยะสั้นที่มีอายุนับแต่วันที่ออกไม่เกินหกเดือน
(2) เอกสารการก่อหนี้ผูกพันระยะสั้นที่มีอายุนับแต่วันที่ออกไม่เกินสิบสองเดือน
(3) เอกสารการก่อหนี้ผูกพันระยะยาวที่มีอายุนับแต่วันที่ออกตั้งแต่สิบสองเดือนขึ้นไป
(4) เอกสารการก่อหนี้ผูกพันระยะยาวที่มีอายุนับแต่วันที่ออกตั้งแต่สิบแปดเดือนขึ้นไป
(5) เอกสารการก่อหนี้ผูกพันระยะยาวที่มีอายุนับแต่วันที่ออกตั้งแต่ยี่สิบสี่เดือนขึ้นไป
ตอบ 3 (คําบรรยาย) พันธบัตร คือ เอกสารการก่อหนี้ผูกพันระยะยาวที่มีอายุนับแต่วันที่ออก ตั้งแต่ 12 เดือนขึ้นไป

66. ตามกฎหมายการบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลังไม่อาจกู้เงินเพื่อการใด
(1) ชดเชยการขาดดุลงบประมาณ
(2) พัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
(3) ปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะ
(4) ให้หน่วยงานอื่นกู้ต่อ
(5) พัฒนาตลาดทุนในประเทศ
ตอบ 5 (คําบรรยาย) ตามกฎหมายการบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลังกู้เงินได้ เฉพาะเพื่อวัตถุประสงค์อย่างหนึ่งอย่างใด ดังนี้
1. ชดเชยการขาดดุลงบประมาณ
2. พัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
3. ปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะ
4. ให้หน่วยงานอื่นกู้ต่อ
5. พัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ

67. กระแสเงินไหลเข้าที่มีผลในการเพิ่มฐานะทางการคลังหมายถึงสิ่งใด
(1) กระแสเงินสด
(2) รายจ่าย
(3) รายได้
(4) รายรับ
(5) กําไร
ตอบ 3 หน้า 15 – 20, (คําบรรยาย) รายได้ หมายถึง กระแสเงินไหลเข้าที่มีผลในการเพิ่มฐานะ ทางการคลัง โดยแหล่งรายได้ของรัฐบาลจําแนกออกเป็น 2 แหล่งใหญ่ คือ
1. รายได้จากภาษีอากร
2. รายได้ที่ไม่ใช่ภาษีอากร ได้แก่ รายได้จากการขายสิ่งของ และบริการ (เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าใบอนุญาต ค่าสัมปทาน ค่าบริการ ค่าเช่าทรัพย์สินของรัฐ ค่าขายของกลางที่ยึดมาจากคดีต่าง ๆ) รายได้จากรัฐพาณิชย์ และรายได้อื่น ๆ (เช่น ค่าแสตมป์ฤชากร ค่าปรับ)

68. ข้อใดคือหลักการหารายได้ของรัฐ
(1) หารายได้ให้ได้มากที่สุด
(2) หารายได้เท่าที่จําเป็นต้องใช้
(3) หารายได้ให้เกินดุล
(4) หารายได้จากการพาณิชย์เป็นหลัก
(5) หารายได้น้อย ๆ ไม่ให้เป็นภาระประชาชน
ตอบ 2 (คําบรรยาย) หลักการหารายได้ของรัฐจะมีความแตกต่างกับเอกชน กล่าวคือ เอกชนจะเน้น การหารายได้ให้ได้มากที่สุด ส่วนภาครัฐจะหารายได้เท่าที่จําเป็นต้องใช้เพื่อไม่ให้เป็นภาระ ประชาชนมากเกินไป

69. ข้อใดไม่ใช่คุณลักษณะของสินค้าหรือบริการสาธารณะที่มีคุณภาพ
(1) ตรงความต้องการของประชาชน
(2) ใช้ทรัพยากรคุ้มค่า
(3) ประชาชนบริโภคน้อยกว่าที่จําเป็น
(4) ข้อ 1 และ 2 ถูก
(5) ข้อ 2 และ 3 ถูก
ตอบ 4 หน้า 10 คุณลักษณะของสินค้าหรือบริการสาธารณะที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพ มีดังนี้
1. มีปริมาณและคุณภาพตรงกับความต้องการของประชาชนทั่วไปในสังคมไม่มากหรือ น้อยเกินไป (Not over or under supplies)

2. ประชาชนทั่วไปในสังคมไม่บริโภคหรือใช้บริการสาธารณะนั้นมากเกินความจําเป็น หรือน้อยกว่าที่ควรจะเป็น (No over or under consumptions)
3. ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า (Resource maximization)

70. สินค้าที่ไม่สามารถวัดการใช้ประโยชน์หรือการได้รับประโยชน์จากสินค้านั้นได้เรียกว่าเป็นสินค้า
ที่มีลักษณะอย่างไร
(1) เป็นปรปักษ์ในการบริโภค
(2) ไม่เป็นปรปักษ์ในการบริโภค
(3) Rival Consumption
(4) แบ่งแยกการบริโภคจากกันได้
(5) แบ่งแยกการบริโภคจากกันไม่ได้
ตอบ 5 หน้า 12, (คําบรรยาย) สินค้าที่แบ่งแยกการบริโภคจากกันไม่ได้ (Non-Excludable) คือ สินค้าที่ไม่สามารถวัดการใช้ประโยชน์หรือการได้รับประโยชน์จากสินค้านั้นได้ หรือไม่สามารถ ใช้ราคาหรือมาตรการอื่นเป็นเครื่องมือในการกีดกันไม่ให้ผู้ใดได้ใช้สินค้านั้นได้

71. คุณสมบัติของสินค้าประเภท Congestible Public Goods คือข้อใด
(1) ไม่เป็นปรปักษ์ในการบริโภค
(2) มีขีดจํากัดในการให้บริการ
(3) ไม่มีต้นทุนส่วนเพิ่มในการจัดให้มีสินค้า
(4) แบ่งแยกการบริโภคจากกันได้
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 2 หน้า 13, 40, (คําบรรยาย) สินค้าทั่วไป (Common Goods) หรือสินค้ากึ่งสาธารณะ ประเภท Congestible Public Goods เป็นสินค้าที่เป็นปรปักษ์ในการบริโภคแต่แบ่งแยก การบริโภคออกจากกันไม่ได้ หรือการเข้ามาของผู้บริโภครายใหม่อาจทําให้ความพึงพอใจของ ผู้บริโภครายเดิมลดน้อยลง แต่ไม่สามารถกีดกันให้บุคคลอื่นไม่สามารถเข้ามาเป็นผู้บริโภคได้ ดังนั้นสินค้าประเภทนี้จึงมีขีดจํากัดในการให้บริการ เช่น สนามหลวง สนามกีฬาแห่งชาติ สนามกีฬากลางของเทศบาล ห้องสมุดประชาชน ห้องสมุดมหาวิทยาลัย ถนนสาธารณะ (เช่น ถนนพระราม 9) ทางด่วน เป็นต้น

72. คุณสมบัติของสินค้าเอกชนแท้ (Pure Private Goods) คือข้อใด
(1) ไม่เป็นปรปักษ์ในการบริโภค
(2) เป็นปรปักษ์ในการบริโภค
(3) แบ่งแยกการบริโภคออกจากกันไม่ได้
(4) ไม่มีต้นทุนส่วนเพิ่มในการจัดให้มีสินค้า
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 5. ประกอบ

73. สินค้าประเภทใดมักประสบปัญหาการมี Free Rider
(1) สินค้าเอกชนแท้
(2) สินค้าสโมสร
(3) สินค้าสาธารณะแท้
(4) ข้อ 1 และ 2 ถูก
(5) ข้อ 2 และ 3 ถูก
ตอบ 3 หน้า 12 ปัญหาการร่วมรับประโยชน์แต่ไม่ร่วมจ่าย (Free Rider Problem) หมายถึง การที่คนร่วมรับประโยชน์จากสินค้าสาธารณะ แต่ไม่ยอมร่วมจ่ายค่าบริการ ซึ่งมักเป็นปัญหา ของสินค้าหรือบริการสาธารณะแท้

74. กลไกตลาดที่รัฐควรใช้ในการผลิตสินค้าหรือบริการสาธารณะแท้คือกลไกใด
(1) ค่าธรรมเนียม
(2) ค่าใช้บริการ
(3) ภาษี
(4) ค่าปรับ
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 3 หน้า 21, 40, (คําบรรยาย) “ภาษี” เป็นกลไกตลาดที่ภาครัฐนํามาใช้ในการผลิตสินค้าหรือ บริการสาธารณะแท้ หรือสินค้าหรือบริการสาธารณะขั้นพื้นฐาน ซึ่งเป็นสินค้าและบริการที่มี
ความจําเป็นต่อประชาชนทุกคนภายในประเทศ เช่น การรักษาความปลอดภัยและความสงบ เรียบร้อยในสังคม การศึกษาขั้นพื้นฐาน การควบคุมดูแลด้านสุขอนามัยและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ส่วน “ค่าธรรมเนียมและค่าบริการ” เป็นกลไกตลาดที่ภาครัฐนํามาใช้ในการจัดบริการสาธารณะ ในเชิงธุรกิจ เช่น การบริการขนส่ง การบริการด้านการเงินการธนาคาร เป็นต้น

75. ใครคือผู้ผลิตในกลไกตลาดภาครัฐ
(1) ประชาชน
(2) ภาคประชาสังคม
(3) บริษัท
(4) รัฐบาล
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 4 หน้า 21, (คําบรรยาย) กลไกตลาดภาครัฐ คือ กลไกการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ ระหว่างภาครัฐ (รัฐบาล) ในฐานะผู้ประกอบการหรือผู้ผลิตกับประชาชนในฐานะผู้บริโภค

76. ใครมีหน้าที่ยื่นชําระภาษีมูลค่าเพิ่ม
(1) บุคคลธรรมดาผู้ขายสินค้าเป็นอาชีพ มียอดขาย 154,000 บาทต่อเดือน
(2) นิติบุคคลผู้ขายสินค้าเป็นอาชีพ มียอดขาย 100,000 บาทต่อเดือน
(3) บุคคลธรรมดาผู้ให้บริการเป็นอาชีพ มีรายได้ 180,000 บาทต่อปี
(4) นิติบุคคลผู้ให้บริการเป็นอาชีพ มีรายได้ 1,500,000 บาทต่อปี
(5) บุคคลธรรมดาที่ขายสินค้าเป็นอาชีพ มียอดขาย 1,500,000 บาทต่อปี
ตอบ 1 หน้า 36 ภาษีมูลค่าเพิ่ม คือ ภาษีที่เรียกเก็บจากผู้ที่ขายสินค้าหรือบริการเป็นอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดา ห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือนิติบุคคล ซึ่งมีรายได้หรือยอดขายเกินกว่า 1,800,000 บาทต่อปี (150,000 บาทต่อเดือน) โดยต้องยื่นคําขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน และคํานวณภาษีที่ต้องเสียจากภาษีขายหักด้วยภาษีซื้อ และต้องชําระภาษีเป็นรายเดือน โดยยื่นแบบแสดงรายการภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป

77. เงินได้พึงประเมิน หมายถึงเงินได้ของบุคคลที่เกิดขึ้นในระยะเวลาใด
(1) ในปีปฏิทิน
(2) ในปีอธิกสุรทิน
(3) ในปีงบประมาณ
(4) ข้อ 1 และ 2 ถูก
(5) ข้อ 1 และ 3 ถูก
ตอบ 1 หน้า 31, (คําบรรยาย) เงินได้พึงประเมิน หมายถึง เงินได้ของบุคคลใด ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่าง วันที่ 1 มกราคม – 31 ธันวาคมของปีใด ๆ หรือเงินได้ที่เกิดขึ้นในปีภาษี (ปีปฏิทิน) ได้แก่
1. เงิน
2. ทรัพย์สินซึ่งอาจคิดคํานวณได้เป็นเงิน
3. ประโยชน์ซึ่งอาจคิดคํานวณได้เป็นเงิน
4. เงินค่าภาษีอากรที่ผู้จ่ายเงินหรือผู้อื่นออกแทนให้
5. เครดิตภาษีตามที่กฎหมายกําหนด

78. ภาษีชนิดใดที่มีรอบชําระรายเดือน
(1) ภาษีเงินได้นิติบุคคล
(2) ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
(3) ภาษีป้าย
(4) ภาษีศุลกากร
(5) ภาษีมูลค่าเพิ่ม
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 76. ประกอบ

79. ภาษีชนิดใดที่ไม่เป็นกลาง
(1) ภาษีมูลค่าเพิ่ม
(2) ภาษีสุรา
(3) ภาษีศุลกากร
(4) ภาษีเงินได้นิติบุคคล
(5) ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ตอบ 2 หน้า 38, (คําบรรยาย) ภาษีสรรพสามิต เป็นภาษีที่จัดเก็บจากสินค้าและบริการซึ่งมีเหตุผล สมควรที่จะต้องรับภาระภาษีสูงกว่าปกติ เช่น บริโภคแล้วก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ ขัดต่อ ศีลธรรมอันดีงาม มีลักษณะเป็นสินค้าและบริการที่ฟุ่มเฟือย หรือได้รับผลประโยชน์เป็นพิเศษ จากกิจการของรัฐ ดังนั้นการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตจึงไม่เป็นกลางตามหลักการภาษีที่ดี ทั้งนี้ เพราะเป็นการจัดเก็บภาษีที่ต้องการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคของประชาชนหรือจํากัด
การบริโภคของประชาชนให้น้อยลง ตัวอย่างสินค้าที่ต้องเสียภาษีสรรพสามิต เช่น สุรา เบียร์ ยาสูบ ไพ่ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องดื่ม เรือ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ น้ํามันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน น้ำหอม เจลแอลกอฮอล์ สนามกอล์ฟ สนามแข่งม้า ไนต์คลับ ดิสโก้เธค ผับ บาร์ และคาราโอเกะ เป็นต้น

80. การจัดบริการสาธารณะที่จัดบริการในเชิงธุรกิจ สามารถเลือกซื้อได้ตามความต้องการ รัฐควรเลือกใช้
กลไกตลาดชนิดใด
(1) ค่าใช้บริการ
(2) ภาษี
(3) การก่อหนี้สาธารณะ
(4) ข้อ 1 และ 2 ถูก
(5) ข้อ 2 และ 3 ถูก
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 74. ประกอบ

81. กองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง ต้องเสียภาษีชนิดใด
(1) ภาษีมูลค่าเพิ่ม
(2) ภาษีการค้า
(3) ภาษีศุลกากร
(4) ภาษีเงินได้นิติบุคคล
(5) ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ตอบ 5 หน้า 30 ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ได้แก่ ผู้ที่มีเงินได้เกิดขึ้นระหว่างปีที่ผ่านมา
โดยมีสถานะอย่างหนึ่งอย่างใด ดังนี้
1. บุคคลธรรมดา
3. ผู้ถึงแก่ความตายระหว่างปีภาษี
2. ห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่ไม่ใช่นิติบุคคล
4. กองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง

82. ฐานภาษี x อัตราภาษี เป็นสูตรที่ใช้ในการคํานวณหาสิ่งใด
(1) รายได้ภาษีของรัฐ
(2) ภาระงบประมาณของรัฐ
(3) ภาระภาษีของประชาชน
(4) ข้อ 1 และ 2 ถูก
(5) ข้อ 1 และ 3 ถูก
ตอบ 5 หน้า 23, (คําบรรยาย) รายได้ภาษีของรัฐหรือภาระภาษีของประชาชนสามารถคํานวณได้จาก
ฐานภาษี x อัตราภาษี

83. “กิจกรรมหรือสิ่งที่เป็นเหตุให้ต้องเสียภาษี” หมายถึงอะไร
(1) ฐานภาษี
(2) อัตราภาษี
(3) ภาระภาษี
(4) งานบริหารภาษี
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 1 หน้า 22 ฐานภาษี (Tax Base) หมายถึง สิ่งที่เป็นมูลเหตุขั้นต้นที่ทําให้บุคคลต้องเสียภาษีอากร หรือสิ่งที่ใช้เป็นฐานในการประเมินภาษีอากร โดยในการจัดเก็บภาษีรัฐต้องมีการบริหารจัดเก็บ ว่าจะใช้ฐานภาษีอย่างไรเพื่อให้สอดรับกับเป้าหมายต่าง ๆ ของรัฐ

84. พฤติกรรมการเสียภาษีแบใดที่ทําให้รัฐจัดเก็บภาษีได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย
(1) ประท้วงภาษี
(2) เลี่ยงภาษี
(3) หนีภาษี
(4) ยอมจํานนเสียภาษี
(5) ต่อต้านภาษี
ตอบ 2 หน้า 27 พฤติกรรมการเลี่ยงภาษี (Tax Avoidance) คือ การที่พลเมืองผู้มีหน้าที่เสียภาษี ใช้วิธีการใด ๆ ตามกฎหมายที่มุ่งสร้างให้เกิดผลต่อภาระภาษีของผู้เสียภาษี เพื่อที่จะได้มี ภาระภาษีที่จะต้องเสียต่ํากว่าเดิม หรือใช้วิธีการบิดเบือนเจตนารมณ์ของกฎหมาย ซึ่ง การเลี่ยงภาษีนี้เป็นพฤติกรรมที่ไม่ผิดกฎหมาย แต่ขัดกับเจตนารมณ์ของกฎหมาย และ ส่งผลโดยตรงให้รัฐไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

85. หลักการบริหารความเสี่ยงในการจัดเก็บภาษีเรียกว่าอะไร
(1) CHR
(2) BRV
(3) BYD
(4) CRM
(5) CRV
ตอบ 4 หน้า 28 การบริหารจัดเก็บภาษีอากรในปัจจุบันโดยเฉพาะในส่วนของภาษีเงินได้ ใช้หลักการบริหารความเสี่ยง หรือ Compliance Risk Management (CRM) ซึ่งหมายถึง การมีกระบวนการบริหารการจัดเก็บภาษี โดยเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมกับคุณลักษณะของ ผู้เสียภาษีแต่ละประเภทและทรัพยากรที่มีอยู่ ให้ถูกต้องและป้องกันการไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ทางภาษี เพื่อส่งเสริมให้ผู้เสียภาษีปฏิบัติหน้าที่ทางภาษี

86. หากนักศึกษาเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ และมีสิ่งของที่ต้องสําแดงแก่ศุลกากร นักศึกษาต้องเลือก เดินเข้าประเทศผ่านช่องทางใด
(1) White Line
(2) Blue Line
(3) Green Line
(4) Red Line
(5) Black Line
ตอบ 4 (คําบรรยาย) กรณีนักศึกษาเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ
1. หากมีสิ่งของที่ต้องสําแดงแก่ศุลกากร ให้เดินเข้าประเทศผ่านช่อง Red Line
2. หากไม่มีสิ่งของที่ต้องสําแดงแก่ศุลกากร ให้เดินเข้าประเทศผ่านช่อง Green Line

87. ข้อใดไม่ใช่หลักในการจัดเก็บภาษีที่ดีในระบอบประชาธิปไตย
(1) หลักความเป็นธรรม
(2) หลักความไม่ซับซ้อน
(3) หลักความโปร่งใส
(4) หลักความคงเส้นคงวา
(5) หลักสวัสดิการสังคม
ตอบ 3หน้า 24 – 26 หลักในการจัดเก็บภาษีที่ดีในระบอบประชาธิปไตย มีดังนี้
1. หลักการทํารายได้ที่พอเพียง
2. หลักความยินยอมของประชาชน
3. หลักความเสมอภาค เป็นธรรม
4. หลักความไม่ซับซ้อน
5. หลักความแน่นอน คงเส้นคงวา
6. หลักสวัสดิการสังคม

88. หลักการที่ว่า “ผู้ที่มีความสามารถในการเสียภาษีที่แตกต่างกัน ควรเสียภาษีแตกต่างกัน”
เป็นหลักความเสมอภาคในรูปแบบใด
(1) ความเสมอภาคเชิงสัมพัทธ์
(2) ความเสมอภาคแนวตั้ง
(3) ความเสมอภาคแนวนอน
(4) ความเสมอภาคเชิงสัมบูรณ์
(5) ความเสมอภาคเชิงเปรียบเทียบ
ตอบ 2 หน้า 26 หลักความเสมอภาคในแนวตั้งหรือแนวดิ่ง (Vertical Equity) มีสาระสําคัญว่า
ผู้มีความสามารถในการเสียภาษีหรืออยู่ในสภาวการณ์ในการเสียภาษีที่แตกต่างกัน ควรจะเสียภาษีในลักษณะที่แตกต่างกัน ในลักษณะที่ว่า “Unequal Should Be Treated Unequally”

89. ข้อใดไม่ใช่สินค้าสรรพสามิต
(1) เบียร์
(2) น้ำหอม
(3) รถยนต์
(4) น้ําปลา
(5) ไพ่
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 79. ประกอบ

90. ข้อใดจัดเป็นวิชาชีพอิสระ
(1) เปิดท้ายขายของ
(2) ช่างปั้นรูปปั้นบุคคลขนาดใหญ่
(3) กิจการร้านกาแฟ
(4) กิจการคาเฟ่แมว
(5) ออกแบบตกแต่งภายใน
ตอบ 2 หน้า 33, (คําบรรยาย) วิชาชีพอิสระตามประมวลรัษฎากร ได้แก่บุคคลซึ่งมีอาชีพในด้านต่าง ๆ
ดังนี้
1. กฎหมาย เช่น ทนายความ
2. การประกอบโรคศิลป เช่น หมอ พยาบาล
3. วิศวกรรม เช่น วิศวกร
4. สถาปัตยกรรม เช่น สถาปนิก
5. การบัญชี เช่น นักบัญชี
6. ประณีตศิลปกรรม เช่น ช่างปั้น ช่างเขียน ช่างแกะ

91. ข้อใดไม่ใช่เงินได้เนื่องจากการจ้างแรงงานตามประมวลรัษฎากร
(1) เงินเดือน
(2) เงินบํานาญ
(3) เงินค่าจ้าง
(4) เบี้ยประชุม
(5) เงินค่าเช่าบ้านที่ได้รับจากนายจ้าง
ตอบ 4 หน้า 31 เงินได้พึงประเมินประเภทที่ 1 ตามประมวลรัษฎากร ได้แก่ เงินได้เนื่องจาก
การจ้างแรงงาน ดังนี้
1. เงินเดือน ค่าจ้าง เบี้ยเลี้ยง โบนัส เบี้ยหวัด บําเหน็จ บํานาญ
2. เงินค่าเช่าบ้านที่ได้รับจากนายจ้าง
3. เงินที่คํานวณได้จากมูลค่าของการได้อยู่บ้านซึ่งนายจ้างให้อยู่โดยไม่เสียค่าเช่า ฯลฯ

92. ใครเป็นผู้แบกรับภาระภาษีมูลค่าเพิ่มที่แท้จริง
(1) ผู้นําเข้าสินค้า
(2) ผู้ขายสินค้า
(3) ผู้บริโภคสินค้า
(4) ผู้โกงสินค้า
(5) ผู้จัดจําหน่ายสินค้า
ตอบ 3 หน้า 19, (คําบรรยาย) ภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax : VAT) จัดเป็นภาษีสรรพากร และเป็นภาษีทางอ้อมที่ผู้ขายสินค้าหรือบริการสามารถผลักภาระภาษีไปให้ผู้บริโภคได้โดยการ บวกเพิ่มเข้าไปในสินค้าหรือบริการนั้น ๆ ดังนั้นผู้แบกรับภาระภาษีมูลค่าเพิ่มที่แท้จริงก็คือ ผู้บริโภคสินค้าหรือบริการนั่นเอง ซึ่งในปัจจุบันมีการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตรา 7%

93. ฐานภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ใช้ในการคํานวณภาระภาษีคืออะไร
(1) กําไรสุทธิ
(2) เงินได้สุทธิ
(3) เงินได้พึงประเมิน
(4) ข้อ 1 และ 2 ถูก
(5) ข้อ 1 และ 3 ถูก
ตอบ 2 (คําบรรยาย) เงินได้สุทธิ เป็นฐานภาษีสําหรับคํานวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งมีสูตร ในการคํานวณ คือ (เงินได้พึงประเมิน – ค่าใช้จ่าย) – ค่าลดหย่อน

94. ภาษีศุลกากรจัดเก็บจากกิจกรรมใด
(1) การนําเข้าสินค้า
(2) การส่งออกสินค้า
(3) การผลิตสินค้า
(4) ข้อ 1 และ 2 ถูก
(5) ข้อ 1 และ 3 ถูก
ตอบ 4 หน้า 37, (คําบรรยาย) ภาษีศุลกากร คือ ภาษีที่จัดเก็บจากการนําสินค้าเข้าจากต่างประเทศ หรือส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร หรือจัดเก็บจากสินค้าที่ข้ามผ่านเขตแดนประเทศไทย โดยจะจัดเก็บตามราคาหรือร้อยละของมูลค่าสินค้า และจัดเก็บตามสภาพของสินค้า ตามปริมาณ น้ําหนัก ความยาว หรือปริมาตร เป็นต้น

95. “แอมซื้อเหล้าขาวมาดื่มเพื่อคลายทุกข์” แอมต้องแบกรับภาระภาษีชนิดใด
(1) ภาษีสรรพสามิต
(2) ภาษีมูลค่าเพิ่ม
(3) ภาษีศุลกากร
(4) ข้อ 1 และ 2 ถูก
(5) ข้อ 1 และ 3 ถูก
ตอบ 4 (คําบรรยาย) จากข้อมูลข้างต้น แอมต้องแบกรับภาระภาษี 2 ชนิด คือ ภาษีสรรพสามิต และภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งเป็นภาษีทางอ้อมที่ผู้ขายสินค้าสามารถผลักภาระภาษีไปให้ผู้บริโภคได้ โดยการบวกเพิ่มเข้าไปในสินค้า

96. การจัดเก็บค่าบริการการใช้ไฟฟ้า รัฐควรใช้วิธีใดในการพิจารณาค่าบริการที่เหมาะสม
(1) พิจารณาจากกลไกตลาด
(2) พิจารณาจากต้นทุนการผลิต
(3) พิจารณาจากต้นทุนการลงทุน
(4) พิจารณาจากสิทธิพลเมือง
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 2 หน้า 41 – 42 การจัดเก็บค่าธรรมเนียมหรือค่าบริการโดยพิจารณาจากต้นทุนการผลิต จะใช้กับกิจการที่รัฐให้บริการแบบผูกขาด โดยรัฐต้องมีกระบวนการกําหนดราคาที่มีหลักประกันคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคและกําหนดค่าบริการที่คํานึงถึงความคุ้มทุนของ บริการนั้น ๆ ตัวอย่างเช่น การจัดเก็บค่าบริการการใช้ไฟฟ้า ค่าบริการไปรษณีย์ เป็นต้น

97. ภาษีมูลค่าเพิ่มคํานวณได้จากส่วนต่างมูลค่าของสิ่งใด
(1) ราคาขาย – ราคาซื้อ
(2) ยอดขายสินค้า – ต้นทุนสินค้า
(3) ปริมาณสินค้าที่ขาย – ปริมาณสินค้าที่ซื้อ
(4) ภาษีขาย – ภาษีซื้อ
(5) จํานวนสินค้าที่ขาย – จํานวนสินค้าที่ซื้อ
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 76. ประกอบ

98. ภาษีสรรพสามิตจัดเป็นภาษีประเภทใด
(1) ภาษีทางตรง
(2) ภาษีทางอ้อม
(3) ภาษีทางขนาน
(4) ข้อ 1 และ 2 ถูก
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 2 หน้า 15, 19 ภาษีที่รัฐบาลจัดเก็บ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. ภาษีทางตรง คือ ภาษีที่ผู้เสียภาษีจะต้องรับภาระภาษีไว้เองไม่สามารถผลักภาระภาษี ไปให้ผู้อื่นได้ เช่น ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม ภาษีทรัพย์สิน ภาษีมรดก เป็นต้น
2. ภาษีทางอ้อม คือ ภาษีที่ไม่มีผลต่อผู้ชําระภาษีโดยตรง ซึ่งผู้เสียภาษีสามารถผลักภาระภาษี ไปให้ผู้อื่นได้ เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีสรรพสามิต ภาษีศุลกากร ภาษีธุรกิจเฉพาะ ภาษีน้ำมัน และผลิตภัณฑ์น้ํามัน เป็นต้น

99. ปัญหา Free Rider หมายถึงอะไร
(1) ปัญหาการแย่งกันใช้สินค้าสาธารณะ
(2) ปัญหาการทําหน้าที่ผิดพลาด
(3) ปัญหาการร่วมรับประโยชน์แต่ไม่ร่วมจ่าย
(4) ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น
(5) ปัญหาการใช้บริการสาธารณะ
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 73. ประกอบ

100. โครงสร้างอัตราภาษีที่เมื่อฐานภาษีขยายตัว อัตราภาษีจะขยายตัวตามไปด้วย เรียกว่าโครงสร้างอัตราภาษีแบบใด
(1) แบบถดถอย
(2) แบบก้าวหน้า
(3) แบบสัดส่วน
(4) แบบทางเลือก
(5) แบบเรียงลําดับ
ตอบ 2 หน้า 23 – 24, (คําบรรยาย) โครงสร้างอัตราภาษี แบ่งออกเป็น 3 ลักษณะดังนี้
1. ถ้าฐานภาษีขยายตัว และอัตราภาษีขยายตัวตามไปด้วย เรียกว่า โครงสร้างอัตราภาษี แบบก้าวหน้า
2. ถ้าฐานภาษีเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง แต่อัตราภาษียังคงเท่าเดิม เรียกว่า โครงสร้างอัตราภาษีแบบสัดส่วน
3. ถ้าฐานภาษีขยายตัว แต่อัตราภาษีลดลง เรียกว่า โครงสร้างอัตราภาษีแบบถดถอย

 

Advertisement