การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2566
ข้อสอบกระบวนวิชา POL 2106 ปรัชญาการเมืองเบื้องต้น
คําสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคําตอบเดียว
ตั้งแต่ข้อ 1. – 8. จงเลือกคําตอบต่อไปนี้ไปตอบในแต่ละข้อโดยให้มีความสัมพันธ์มากที่สุดกับโจทย์คําถาม
(1) ทําไมเราต้องอยู่ในสังคมการเมือง
(2) ทําไมเราต้องเชื่อฟังกฎหมาย
(3) ใครควรเป็นผู้ปกครอง
(4) เรามีเสรีภาพหรือไม่
(5) ควรจะกระจายทรัพย์สินในสังคมอย่างไร

1.การเรียกร้องให้สมาชิกวุฒิสภามาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน
ตอบ 4 หน้า 135 เรามีเสรีภาพหรือไม่ เป็นคําถามสําคัญประการหนึ่งของปรัชญาการเมืองที่มักจะมีการถกเถียงกันอยู่ในชีวิตประจําวันของมนุษย์ทุกคนทั้งโดยรู้ตัวและไม่รู้ตัว โดยเสรีภาพ (Liberty) ในที่นี้หมายถึง การที่คน ๆ หนึ่งสามารถทําอะไรได้โดยปราศจากการควบคุมบังคับ ตลอดจนไม่ถูกกีดกันไม่ให้ทําอะไรจากผู้อื่น หรือกล่าวง่าย ๆ ก็คือ การกระทําอะไรก็ได้ตาม ความปรารถนาของตนเองและไม่มีคนอื่นมาบงการควบคุม ซึ่งเสรีภาพที่ว่านี้จะเน้นไปในทาง เสรีภาพทางการเมือง อันได้แก่ เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น เสรีภาพที่จะมีส่วนร่วม ทางการเมือง เสรีภาพในการชุมนุมสมาคมกัน และเสรีภาพในการวิพากษ์วิจารณ์ผู้ปกครอง

Advertisement

2.การจัดสรรเงินดิจิทัล 10,000 บาท ให้กับประชาชนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน
ตอบ 5 หน้า 159 – 160 เราควรจะกระจายทรัพย์สินหรือความมั่งคั่งในสังคมอย่างไร เป็นคําถาม ในเรื่องของการจัดสรรหรือการกระจายทรัพยากรให้กับสมาชิกในสังคม เช่น ควรจัดสรร ทรัพยากรในสังคมอย่างไรให้เกิดความยุติธรรม การจัดการทรัพยากรในสังคมควรจะมีหลักการ จัดการในรูปแบบลักษณะใด ใครบ้างควรจะเป็นผู้ถือครองทรัพยากร การถือครองทรัพยากร ควรจะมีได้มากน้อยเท่าไร การได้มาของทรัพยากรควรจะได้มาด้วยวิธีการในลักษณะใด

3.เนื่องจากสภาวะธรรมชาติไม่มีความสมบูรณ์ มนุษย์มีความจําเป็นต้องมาอยู่รวมกันเพื่อสร้างรัฐและผู้ปกครองขึ้นมา
ตอบ 1 หน้า 25, 195, (คําบรรยาย) ทําไมเราต้องอยู่ในสังคมการเมือง เป็นคําถามพื้นฐานที่สุด ในทางปรัชญาการเมือง ซึ่งในประเด็นนี้อาจมีการตั้งคําถามหรือข้อถกเถียงกันว่าทําไมต้องมีรัฐ หรือสังคมการเมือง มนุษย์มีความจําเป็นหรือไม่ที่จะต้องอยู่ในรัฐหรือสังคมการเมือง รัฐหรือ สังคมการเมืองมีที่มาหรือเกิดขึ้นได้อย่างไร รัฐหรือสังคมการเมืองมีความสําคัญอย่างไร เป็นต้น

4. ข้อถกเถียงเกี่ยวกับการบังคับใช้พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561
ตอบ 2 (คําบรรยาย) ข้อถกเถียงดังกล่าวสอดคล้องกับประเด็นคําถามที่ว่า “ทําไมเราต้องเชื่อฟัง กฎหมาย” หรือ “ทําไมเราต้องทําตามกฎหมาย” โดยกฎหมายนั้นถือเป็นคําสั่งของรัฐ หากเราไม่เชื่อฟังหรือไม่ทําตามจะต้องถูกลงโทษตามตัวบทกฎหมาย

5. ข้อเรียกร้องเกี่ยวกับการจัดสรรนโยบายโฉนดชุมชนของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 2. ประกอบ

6. กลุ่มขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมให้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญออกมาชุมนุมประท้วงรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ที่หน้าทําเนียบรัฐบาล
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 1. ประกอบ

7. ข้อถกเถียงเกี่ยวกับการจัดซื้อเครื่องบินรบ 1 ฝูง ของกองทัพอากาศ
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 2. ประกอบ

8. ข้อถกเถียงเกี่ยวกับการบังคับใช้พระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 4. ประกอบ

9. ปรัชญา (Philosophy) มีความหมายถึง
(1) ความรู้
(2) ความสามารถ
(3) ความรัก
(4) ถูกข้อ 1 และ 2
(5) ถูกข้อ 1 และ 3
ตอบ 5 หน้า 5 คําว่า “ปรัชญา” (Philosophy) เกิดมาจากการผสมกันของคํา 2 คํา คือ คําว่า “ความรัก” (Love) กับคําว่า “ความรู้” (Wisdom) ดังนั้น ปรัชญาจึงหมายถึง “ความรัก ในความรู้” (Love of Wisdom) นั่นเอง

10. การเมือง (Politics) มีความหมายถึง
(1) กิจการของนครรัฐ
(2) เรื่องส่วนรวม
(3) เรื่องสาธารณะ
(4) วิถีแห่งการอยู่ร่วมกันของมนุษย์
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 หน้า 6 (คําบรรยาย) การเมือง (Politics) มีรากศัพท์มาจากคําในภาษากรีกคือ “Politika ซึ่งหมายถึง เรื่องราวหรือกิจการของ Polis หรือเมืองหรือนครรัฐ (Affairs of the Cities) สําหรับ พวกกรีกเอง คําว่าการเมืองนั้นเป็นคําที่ใช้สื่อความหมายสะท้อนถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ ส่วนรวม หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ อะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับส่วนรวม เรื่องนั้นก็เป็นเรื่องที่ เกี่ยวข้องกับทุกคนที่อยู่ใน Polis ด้วย ด้วยเหตุนี้คําว่าการเมืองจึงเป็นเรื่องราวที่หมายถึง ส่วนรวม คนทุกคน เรื่องสาธารณะ อันจะตรงข้ามกับเรื่องส่วนตัว ผลประโยชน์เฉพาะ หรือ ในความหมายที่กว้างที่สุด การเมืองหมายถึง กิจกรรมหรือวิถีแห่งการอยู่ร่วมกันของมนุษย์

ตั้งแต่ข้อ 11. – 15. จงเลือกคําตอบต่อไปนี้ไปตอบในแต่ละข้อโดยให้มีความสัมพันธ์มากที่สุดกับโจทย์คําถาม
(1) Metaphysics
(2) Epistemology
(3) Aesthetics
(4) Logic
(5) Ethics

11. การโกหกเป็นสิ่งที่ผิดทุกครั้งหรือไม่ หรือว่าผิดในบางกรณี เช่น เราโกหกเพื่อช่วยผู้บริสุทธิ์เป็นสิ่งที่ผิด หรือไม่ ซึ่งบางคนก็อาจจะบอกว่าถูกเพราะเป็นความผิดที่สุจริต แต่บางคนก็บอกว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตามมันก็ผิดแม้จะทําด้วยจุดมุ่งหมายอะไรก็ตาม
ตอบ 5 หน้า 3, (คําบรรยาย) จริยศาสตร์ (Ethics) เป็นสาขาหนึ่งของปรัชญาที่มุ่งศึกษาถึงสิ่งที่ควร จะเป็น ตลอดจนพฤติกรรมของมนุษย์ที่ควรจะเป็น ดังนั้นจริยศาสตร์จึงเป็นสาขาที่ศึกษาว่า ความดีคืออะไร ความประพฤติแบบใดเป็นความประพฤติที่ดี อะไรคือสิ่งที่ควรกระทํา อะไรคือ สิ่งที่ไม่ควรกระทํา อะไรคือสิ่งที่ผิด อะไรคือสิ่งที่ถูก เช่น ในสาขาความรู้นี้อาจจะตั้งคําถามว่า การโกหกเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดี หรือการโกหกเป็นสิ่งที่ผิดทุกครั้งหรือไม่ หรือว่าผิดในบางกรณี เช่น การโกหกเพื่อช่วยผู้บริสุทธิ์เป็นสิ่งที่ผิดหรือไม่ ซึ่งบางคนก็อาจจะบอกว่าถูกเพราะเป็นความผิดที่สุจริต แต่บางคนก็บอกว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตามมันก็ผิดแม้จะทําด้วยจุดมุ่งหมายอะไรก็ตาม

12. ความงามคืออะไร ความไพเราะคืออะไร สิ่งที่เรียกความงามนั้นมันงามในตัวเองหรือว่ามันงามเพราะคนไปให้ค่ามัน ซึ่งอาจจะแปรผันกันไปได้แต่ละสังคมอีก
ตอบ 3 หน้า 2 – 3 (คําบรรยาย) สุนทรียศาสตร์ (Aesthetics) เป็นสาขาที่มุ่งพยายามหาคําตอบ ในแง่มุมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความงาม ดังนั้นคําถามของสาขานี้จึงมักจะถามกันว่า ความงาม คืออะไร ความไพเราะคืออะไร สิ่งที่เรียกความงามนั้นมันงามในตัวเองหรือว่ามันงามเพราะคน ไปให้ค่ามัน ศิลปะคืออะไร เป็นศิลปะเพื่อชีวิตหรือศิลปะเพื่อศิลปะ เป็นต้น

13. มนุษย์นั้นรู้ถึงสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างไร เช่น คุณเห็นตัวหนังสือในหนังสือเล่มนี้ได้อย่างไร คุณก็อาจจะตอบว่าตาผมไม่บอด ผมก็ย่อมมองเห็นนะซิ
ตอบ 2 หน้า 2 ญาณวิทยา (Epistemology) หรือบางครั้งก็เรียกว่า ทฤษฎีความรู้ (Theory of Knowledge) ในสาขาย่อยของความรู้ทางด้านปรัชญานี้ จะมุ่งศึกษาในประเด็นเกี่ยวกับว่า มนุษย์นั้นรู้ถึงสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างไร เช่น คุณเห็นตัวหนังสือในหนังสือเล่มนี้ได้อย่างไร คุณก็อาจจะ ตอบว่า “ตาผมไม่บอด ผมก็ย่อมมองเห็นนะซิ” ซึ่งการตอบว่า “ตาผมไม่บอด” ก็หมายความว่า ผมเห็นได้ด้วยประสาทสัมผัสชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “ตา” หรืออีกนัยหนึ่งก็คือมนุษย์สามารถรู้ถึง สิ่งต่าง ๆ ได้ด้วยประสาทสัมผัสนั่นเอง

14. การศึกษาถึงสิ่งที่เป็นแก่นสารของสิ่งต่าง ๆ ในโลกนี้มีที่มาจากอะไร เช่น บางคนอาจจะเสนอว่า สิ่งที่ เป็นแก่นแท้ของความเป็นจริง โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์นั้นจริง ๆ แล้วไม่ใช่สสารหรือวัตถุ (Materialisrn) แต่อย่างใด แต่เป็นสิ่งที่เรียกว่า จิต ซึ่งพวกนี้เราก็จะเรียกว่า พวกจิตนิยม (Idealism)
ตอบ 1 หน้า 1 – 2, (คําบรรยาย) อภิปรัชญา (Metaphysics) เป็นสาขาที่มุ่งศึกษาถึงแก่นแท้หรือ ความเป็นจริงสูงสุดของสิ่งต่าง ๆ ในโลกนี้ เช่น ในสาขานี้อาจจะตั้งคําถามว่า ความจริงแท้ คืออะไร อะไรคือความจริงแท้สูงสุด หรืออาจจะมีการตั้งคําถามกันว่า สิ่งที่เป็นแก่นสารของ สิ่งต่าง ๆ ในโลกนี้มีที่มาจากอะไร เช่น บางคนอาจจะเสนอว่าสิ่งที่เป็นแก่นแท้ของความเป็นจริง โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์นั้นจริง ๆ แล้วไม่ใช่สสารหรือวัตถุ (Materialism) แต่อย่างใด แต่เป็นสิ่งที่เรียกว่า จิต ซึ่งพวกนี้เรียกว่า พวกจิตนิยม (Idealism)

15. มักจะเป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้ของนักคิดนักปรัชญา
ตอบ 4 หน้า 3 ตรรกวิทยา (Logic) เป็นสาขาที่ไม่ได้มุ่งศึกษาถึงสิ่งที่เป็นพื้นฐานเหมือนสาขาอื่น ๆ แต่เป็นการศึกษาถึงวิธีการให้เหตุผลหรือการอ้างเหตุผลในเรื่องต่าง ๆ ของมนุษย์ว่ามีลักษณะ สมเหตุสมผลหรือไม่อย่างไร โดยทั่วไปแล้วสิ่งที่เรียกว่าตรรกวิทยานั้นมักจะเป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้ของนักคิดนักปรัชญาเสียมากกว่า

16. “พฤติกรรม ลักษณะการกระทํา หรือพฤติกรรมที่เหมาะสม” หมายถึง
(1) เสรีภาพ
(2) เสมอภาค
(3) ภราดรภาพ
(4) คุณธรรม
(5) ศีลธรรม
ตอบ 5 หน้า 3 ศีลธรรม (Morality) หมายถึง พฤติกรรม ลักษณะการกระทํา หรือพฤติกรรมที่เหมาะสม

17. Philosophia Perennis คืออะไร
(1) แนวทางการดําเนินชีวิตของนักปรัชญา
(2) แนวทางการเคลื่อนไหวทางการเมืองของนักปรัชญา
(3) อาวุธทางปัญญาของนักปรัชญา
(4) คําถามทางปรัชญา
(5) คําตอบทางปรัชญา
ตอบ 4 หน้า 7 คําถามอมตะ (Philosophia Perennis) เป็นคําถามทางปรัชญา โดยนักคิดหรือ นักปรัชญาการเมืองมีความเชื่อว่า ในโลกใบนี้มีความจริงหรือสัจธรรมที่ไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ แม้ว่าโลกจะเปลี่ยนไปเท่าใด และมีปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมากมายเพียงใด แต่ภายใต้ ปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่พบเห็นมันมีความรู้ที่เป็นอมตะไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ ดังนั้นนักคิดที่คิดว่า ตัวเองเป็นนักปรัชญาการเมืองจึงพยายามอย่างยิ่งที่จะหาความรู้อันจริงแท้ด้วยการพยายาม หาคําตอบจากคําถามอมตะต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น ทําไมมนุษย์ต้องมีการเมือง สังคมการเมือง หรือรัฐคืออะไร ทําไมเราต้องอยู่ในสังคมการเมืองหรือรัฐ กฎหมายคืออะไร ทําไมเราต้อง เชื่อฟังกฎหมาย มนุษย์ทุกคนมีเสรีภาพหรือไม่ ผู้ปกครองที่ดีควรมีลักษณะอย่างไร ใครควร ที่จะเป็นผู้ปกครอง เป็นต้น

18.“Demos” ที่เป็นที่มาของคําว่า “Democracy” ในภาษากรีก หมายถึง
(1) คนชั้นสูง
(2) คนชั้นกลาง
(3) คนชั้นล่าง
(4) ประชาชน
(5) พลเมือง
ตอบ 3หน้า 106 ศัพท์ดั้งเดิมของคําว่า “Democracy” มาจากภาษากรีกคําว่า “Demokratia ซึ่งเป็นการผสมกันของรากศัพท์ 2 คํา คือ คําว่า “Demos” ที่แปลว่า ฝูงชน ชนชั้นต่ํา คนชั้นล่าง คนจน และคําว่า “Kratia” ที่แปลว่า การปกครอง โดยเมื่อนํามาผสมกันจึงแปลว่า การปกครองของพวกคนจนคนชั้นต่ํา

19. ประชาธิปไตยแบบเอเธนส์เน้นความเท่าเทียมโดยกลไกใดในการได้มาซึ่งผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง
(1) เลือกตั้ง
(2) สรรหา
(3) สอบคัดเลือก
(4) สภาแต่งตั้ง
(5) จับสลาก
ตอบ 5หน้า 8 (คําบรรยาย) ในรูปแบบการปกครองประชาธิปไตยแบบเอเธนส์ที่เน้นความเสมอภาค เท่าเทียมกันนั้น กลไกในการได้มาซึ่งผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองหรือผู้บริหารกิจการสาธารณะ จะไม่ใช้วิธีการเลือกตั้งหรือแต่งตั้ง เพราะการเลือกตั้งและแต่งตั้งนั้นเป็นวิธีการของการปกครอง แบบชนชั้นสูง แต่วิธีการแบบประชาธิปไตยของเอเธนส์จะใช้วิธีการ “จับสลาก” (By Lot) มีเพียงไม่กี่ตําแหน่งเท่านั้นที่ยังคงใช้การแต่งตั้งตามความสามารถ เช่น การเป็นแม่ทัพ หรือ การเป็นทูตที่จ่าต้องไปเจรจากับรัฐอื่น ๆ

20. วาทวิทยาหรือวาทศิลป์ (Rhetoric) หมายถึงอะไร
(1) การสนทนาหาคําตอบทางการเมือง
(2) การชักจูงหรือโน้มน้าวคนด้วยถ้อยคํา
(3) คุณธรรมของชาวเอเธนส์ที่ต้องบรรลุถึง
(4) ศิลปะการแสดงแขนงหนึ่งในยุคกรีก
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 2 หน้า 9, (คําบรรยาย) วาทวิทยาหรือวาทศิลป์ (Rhetoric) หมายถึง ศิลปะในการใช้ถ้อยคํา สํานวนโวหารให้ประทับใจ หรือเป็นศิลปะในการชักจูงหรือโน้มน้าวคนด้วยถ้อยคํา

ตั้งแต่ข้อ 21 – 30. จงเลือกคําตอบต่อไปนี้ไปตอบในแต่ละข้อโดยให้มีความสัมพันธ์มากที่สุดกับโจทย์คําถาม
(1) เราเชื่อฟังกฎหมาย เพราะว่าถ้าไม่เชื่อเราก็จะต้องถูกลงโทษ
(2) เราควรเชื่อฟังกฎหมาย เพราะเราตกลงกับรัฐไปแล้วทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว
(3) เราเชื่อฟังกฎหมาย เพราะมันคือคําสั่งที่มาจากพระเจ้า
(4) เราเชื่อฟังกฎหมายตราบเท่าที่เราได้ตกลงกับรัฐไว้เท่านั้น นอกเหนือจากนั้นเราไม่เชื่อ
(5) เราไม่ต้องเชื่อฟังกฎหมาย ถ้ากฎหมายนั้นขัดกับมโนธรรมของเรา

21.Patriarcha or the Natural Power of Kings
ตอบ 3 หน้า 70 โรเบิร์ต ฟิลเมอร์ (Sir Robert Filmer) เป็นนักคิดสําคัญคนหนึ่งที่พยายามอธิบาย ว่า “เราเชื่อฟังกฎหมาย เพราะมันคือคําสั่งที่มาจากพระเจ้า” เขาได้ประพันธ์หนังสือเรื่อง “แพทริอาคา หรือว่าด้วยอํานาจตามธรรมชาติของกษัตริย์” (Patriarcha or the Natural Power of Kings) ซึ่งตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1680 โดยในหนังสือเล่มนี้เขาพยายามที่จะชี้ให้เห็นว่า การปกครองของกษัตริย์ในลักษณะพ่อปกครองลูก คือการปกครองที่เป็นธรรมชาติมากที่สุดและการปกครองแบบนี้เป็นการปกครองที่พระเจ้าทรงแต่งตั้งไว้ตั้งแต่สร้างโลก โดยเขาได้อ้าง เหตุผลมาจากคัมภีร์ปฐมกาล (Genesis) ในไบเบิ้ล

22. ยามเมื่อรัฐทําให้ท่านไม่พอใจ ทางเลือกของท่านก็คือ ควรชักจูงให้คนในรัฐเห็นด้วยกับท่าน หรือไม่ท่าน ก็ต้องทําตามคําสั่งของรัฐ ซึ่งไม่ว่าคําสั่งนั้นจะให้ท่านทนทุกข์ทรมานท่านก็ต้องยอมทนทุกข์ทรมาน ตามคําสั่งอย่างไม่ปริปากบ่น รัฐจะสั่งให้ท่านถูกเฆี่ยน ถูกจําคุก หรือถูกสั่งให้ไปสงคราม เพื่อจะได้รับ บาดเจ็บหรือถูกฆ่าโดยศัตรู ท่านก็ต้องทําตามเจตนารมณ์นั้นของประเทศ นี่คือสิ่งที่ถูกต้อง
ตอบ 2 หน้า 61 – 62, (คําบรรยาย) ไครโต (Crito) เป็นบทสนทนาที่เขียนขึ้นในยุคกรีกโบราณ โดยเพลโต (Plato) ซึ่งเป็นส่วนที่จะนํามาอธิบายในประเด็นที่ว่า “เราควรเชื่อฟังกฎหมาย เพราะเราตกลงกับรัฐไปแล้วทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว” โดยเนื้อหาในงานเขียนเป็นบทสนทนา ตอนที่โสเตรตีสกําลังรอประหารชีวิตอยู่ ซึ่งในเวลานั้นไครโตผู้เป็นเพื่อนสนิทได้พยายาม หว่านล้อมให้โสเครตีสหนีออกจากคุกแต่เขาไม่ยอมหนี โดยโสเครตีสได้ให้เหตุผลว่าทําไม เราต้องเชื่อฟังรัฐ และเชื่อฟังกฎหมายที่ออกโดยรัฐไว้ว่า “ประเทศของท่านมีค่าควรแก่ การเคารพสักการะยิ่งกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งกว่าและสูงส่งกว่าบรรพบุรุษของท่านเองไม่ใช่หรือท่านควรแสดงความเคารพนับถือประเทศและถ่อมตนยิ่งกว่าที่แสดงต่อบิดามารดา ยามเมื่อ รัฐทําให้ท่านไม่พอใจ ทางเลือกของท่านก็คือ ควรชักจูงให้คนในรัฐเห็นด้วยกับท่าน หรือไม่ ท่านก็ต้องทําตามคําสั่งของรัฐ ซึ่งไม่ว่าคําสั่งนั้นจะให้ท่านทนทุกข์ทรมานท่านก็ต้องยอม ทนทุกข์ทรมานตามคําสั่งอย่างไม่ปริปากบ่น รัฐจะให้ท่านถูกเฆี่ยนตี ถูกจําคุก หรือถูกสั่ง ให้ไปสงคราม เพื่อที่จะได้รับบาดเจ็บหรือถูกฆ่าโดยศัตรู ท่านก็ต้องทําตามเจตนารมณ์นั้น ของประเทศ นี่คือสิ่งที่ถูกต้อง…”

23.Divine Right Theory
ตอบ 3 หน้า 66 – 67, 69 “เราเชื่อฟังกฎหมาย เพราะมันคือคําสั่งที่มาจากพระเจ้า” เป็นความคิด ที่แพร่หลายในยุคกลาง (Middle Age) ของยุโรป โดยรากฐานของความคิดดังกล่าวมาจาก ความเชื่อความคิดในทางศาสนาคริสต์ที่ว่า พระเจ้าเป็นผู้สร้างทุกสิ่งทุกอย่าง สร้างโลก สร้างมนุษย์ สร้างแม้แต่เศษหินดินทราย ดังนั้นเอง กฎหมาย สังคม และรัฐของมนุษย์ก็เกิดขึ้นตามพระประสงค์ ของพระเจ้าทั้งสิ้น ซึ่งวิธีคิดนี้ได้กลายมาเป็นรากฐานให้กับ “ลัทธิเทวสิทธิ์” (Divine Right)

24. ข้าพเจ้าคิดว่าเราควรจะเป็นมนุษย์ก่อนสิ่งอื่นใด และเป็นพลเมืองของรัฐในอันดับถัดไป มันคงไม่ถูกต้องนัก ที่จะมอบความเคารพให้แก่กฎหมายยิ่งกว่าความถูกต้องเที่ยงธรรม พันธะหน้าที่เพียงหนึ่งเดียวที่ข้าพเจ้ามีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามก็คือ การกระทําในสิ่งที่คิดว่าถูกต้องในทุกสถานการณ์
ตอบ 5 หน้า 80 – 81 เฮนรี่ เดวิด ธอโร (Henry David Thoreau) เคยถูกจับขังคุกเนื่องจากเขา ปฏิเสธการจ่ายภาษีให้กับรัฐ โดยเขาอ้างว่ากฎหมายดังกล่าวเป็นสิ่งที่ขัดกับมโนธรรมของเขา เขาจึงไม่ต้องเชื่อฟัง ซึ่งภายหลังจากที่ธอโรออกจากคุกก็ได้เขียนเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวไว้ใน
บทความชื่อว่า “Resistance to Civil Government” (การขัดขืนต่อรัฐบาลพลเรือน) โดยมี เนื้อหาบางส่วนดังนี้ “ ข้าพเจ้าคิดว่าเราควรจะเป็นมนุษย์ก่อนสิ่งอื่นใด และเป็นพลเมืองของรัฐ ในอันดับถัดไป มันคงไม่ถูกต้องนักที่จะมอบความเคารพให้แก่กฎหมายยิ่งกว่าความถูกต้อง เที่ยงธรรม พันธะหน้าที่เพียงหนึ่งเดีย งหนึ่งเดียวที่ข้าพเจ้ามีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามก็คือ การกระทําในสิ่งที่ข้าพเจ้าคิดว่าถูกต้องในทุกสถานการณ์”

25. Two Treatises of Government
ตอบ 4 หน้า 39, 73 – 75 จอห์น ล็อค (John Locke) นักปรัชญาการเมืองชาวอังกฤษ ได้เสนอ แนวคิดเรื่อง “สิทธิแห่งการปฏิวัติ” (Right of Revolution) ไว้ในหนังสือเรื่อง “Two Treatises of Government” (ตําราสองเล่มเกี่ยวกับการปกครอง) โดยล็อคเห็นว่า พลเมืองต้องเชื่อฟัง กฎหมายเฉพาะเรื่องที่ได้ตกลงกับรัฐไว้เท่านั้น นอกเหนือจากนั้นไม่ต้องเชื่อฟัง และเมื่อใดก็ตาม ที่รัฐบาลทําหน้าที่บกพร่องหรือไม่เป็นไปตามเจตจํานงที่ประชาชนให้ไว้ ประชาชนก็มีสิทธิที่จะ ไม่เชื่อฟังกฎหมายหรือรัฐบาล และสามารถจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ โดยประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน ว่ารัฐบาลทําหน้าที่บกพร่องหรือไม่เป็นไปตามเจตจํานงที่ประชาชนให้ไว้หรือไม่ ดังที่ล็อค ได้กล่าวว่า “ใครจะเป็นคนตัดสินในกรณีที่ผู้ปกครอง หรือผู้ออกกฎหมายกระทําการขัดแย้งกับ ความไว้วางใจที่ได้รับมอบมา…เกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้าพเจ้าขอตอบว่า ประชาชนนั่นเองที่จะเป็น ผู้ตัดสิน คนที่จะต้องถูกตัดสินไม่ว่าจะในกรณีที่ผู้ได้รับมอบหมายความไว้วางใจหรือตัวแทนจะ ปฏิบัติหน้าที่ได้ดีหรือไม่ก็ตาม แม้ว่าอํานาจในการไว้วางใจนั้นจะยังคงอยู่กับเขา แต่ผู้ที่แต่งตั้งตัวแทนโดยการมอบอํานาจความไว้วางใจให้จะต้องมีอํานาจในการเรียกคืนความไว้วางใจ จากตัวแทนในกรณีที่เขาละเมิดความไว้วางใจ…”

26. ใครจะเป็นคนตัดสินในกรณีที่ผู้ปกครอง หรือผู้ออกกฎหมายกระทําการขัดแย้งกับความไว้วางใจที่ได้รับ มอบมา เกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้าพเจ้าขอตอบว่า ประชาชนนั่นเองที่จะเป็นผู้ตัดสิน คนที่จะต้องถูกตัดสิน ไม่ว่าจะในกรณีที่ผู้ได้รับมอบหมายความไว้วางใจหรือตัวแทนจะปฏิบัติหน้าที่ได้ดีหรือไม่ก็ตาม
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 25. ประกอบ

27. Command Theory of Law
ตอบ 1 หน้า 58 จอห์น ออสติน (John Austin) นักปรัชญากฎหมายชาวอังกฤษ ได้เสนอทฤษฎี การบังคับบัญชาของกฎหมาย (Command Theory of Law) โดยอธิบายว่า “คําสั่งใด ๆ ของ ผู้มีอํานาจนั้นจะเป็นกฎหมายหรือไม่ ต้องพิจารณาจากประเด็นในเรื่องที่ว่า ถ้ามีคนใดคนหนึ่ง ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายนั้นสามารถลงโทษได้หรือไม่ ถ้าลงโทษได้ คําสั่งนั้นก็คือกฎหมาย” ซึ่ง ทฤษฎีนี้เองเป็นรากฐานของคําอธิบายที่ว่า มนุษย์จําเป็นต้องเชื่อฟังกฎหมาย เพราะถ้าไม่เชื่อฟัง กฎหมายก็จะลงโทษผู้นั้นตามบทบัญญัติ

28. พลเมืองไม่ต้องเชื่อฟังรัฐ ถ้ารัฐมาบังคับให้พลเมืองนับถือศาสนาตามรัฐ หรือรัฐมาออกกฎหมายไม่ให้ เพศเดียวกันแต่งงาน หรือแม้แต่ถ้ารัฐออกกฎหมายเกณฑ์แรงงาน
ตอบ 4 หน้า 74 จอห์น ล็อค (John Locke) เห็นว่า พลเมืองต้องเชื่อฟังกฎหมายเฉพาะเรื่องที่ตกลง กับรัฐไว้เท่านั้น นอกเหนือจากนั้นไม่ต้องเชื่อฟัง ซึ่งข้อตกลงที่ประชาชนทําไว้กับรัฐก็คือการให้ รัฐปกป้องชีวิตและทรัพย์สิน และเป็นคนกลางตัดสินในกรณีที่เกิดข้อพิพาทระหว่างประชาชน ดังนั้นเองข้อตกลงระหว่างประชาชนกับรัฐจึงมีเพียงหลักการในสองเรื่องนี้เป็นหลัก ส่วนเรื่องอื่น ๆ นอกเหนือจากนี้รัฐไม่มีสิทธิที่จะมาบังคับประชาชนได้ ตัวอย่างเช่น ถ้ารัฐมาบังคับให้ พลเมืองนับถือศาสนาตามรัฐ หรือรัฐมาออกกฎหมายไม่ให้เพศเดียวกันแต่งงาน หรือแม้แต่ ถ้ารัฐออกกฎหมายเกณฑ์แรงงาน พลเมืองก็ไม่จําเป็นต้องเชื่อฟัง

29. Euthyphro, Apology, Crito
ตอบ 2 หน้า 60 – 61 แนวคิดของโสเครตีส (Socrates) ที่อธิบายว่า “เราควรเชื่อฟังกฎหมาย เพราะเราตกลงกับรัฐไปแล้วทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว” นั้น แสดงออกมาผ่านบทสนทนาเรื่อง “ยูไธโฟร” (Euthyphro) “อโพโลจี” (Apology) และ “ไครโต” (Crito) ที่เขียนโดยเพลโต (Plato) ทั้งนี้โสเครตีสไม่เคยเขียนหนังสือทิ้งไว้ให้ศึกษาเลย แต่เราสามารถทราบแนวคิดและ เรื่องราวต่าง ๆ ของโสเครตีสได้โดยผ่านงานเขียนของเพลโตผู้เป็นลูกศิษย์ของเขานั่นเอง

30.Martin Luther King, Jr.
ตอบ 5 หน้า 78 – 79 เฮนรี่ เดวิด ธอโร (Henry David Thoreau) เห็นว่า เราไม่ต้องเชื่อฟังกฎหมาย ถ้ากฎหมายนั้นขัดกับมโนธรรมของเรา โดยแนวคิดนี้มีอิทธิพลอย่างมากต่อมหาตมะ คานธี (Mahatma Gandhi) ผู้นําของอินเดียในการเรียกร้องเอกราชจากอังกฤษ และมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ (Martin Luther King, Jr.) ผู้นําทางการเมืองที่เรียกร้องความเท่าเทียมกันของ พลเมืองในอเมริกา โดยแนวคิดของธอโรในปัจจุบันถูกเรียกว่า “อารยะขัดขืน” หรือ “การขัดขืน ในฐานะที่เป็นพลเมือง” (Civil Disobedience)

ตั้งแต่ข้อ 31. – 35. จงเลือกคําตอบต่อไปนี้ไปตอบในแต่ละข้อโดยให้มีความสัมพันธ์มากที่สุดกับโจทย์คําถาม
(1) Liberal Democracy
(2) Dictatorship
(3) Direct Democracy
(4) Socialism
(5) Capitalism

31. การปกครองที่มีการรับรองสิทธิเสรีภาพของประชาชนไว้ในรัฐธรรมนูญ
ตอบ 1 หน้า 85, (คําบรรยาย) การปกครองแบบประชาธิปไตย (Democracy) หรือเสรีประชาธิปไตย (Liberal Democracy) เป็นการปกครองที่ประชาชนเจ้าของอํานาจอธิปไตยจะเป็นผู้เลือกผู้แทน ไปทําหน้าที่เป็นผู้ปกครองแทนตน และประชาชนมีสิทธิที่จะเรียกอํานาจคืนจากผู้ปกครองได้ หากผู้ปกครองไม่ทําตามพันธะสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน นอกจากนี้ยังเป็นการปกครองที่มี การรับรองสิทธิเสรีภาพของประชาชนไว้ในรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายสูงสุด รวมทั้งมีการเคารพ ในสิทธิมนุษยชน และมีการแบ่งแยกอํานาจของผู้ปกครองด้วย

32. ผู้มีสิทธิทางการเมืองจะต้องทําทุกอย่างในทางการเมืองด้วยตนเอง
ตอบ 3 หน้า 8, (คําบรรยาย) การปกครองประชาธิปไตยแบบเอเธนส์ (Athenian Democracy) เป็นการปกครองที่ผู้มีสิทธิทางการเมืองจะต้องทําทุกอย่างในทางการเมืองด้วยตนเอง ซึ่งการปกครองแบบนี้พลเมืองชายเท่านั้นที่มีสิทธิทางการเมือง ส่วนเด็ก ผู้หญิง และ คนต่างชาติไม่มี เป็นการปกครองที่เหมาะกับเมืองที่มีขนาดเล็ก ไม่เหมาะกับรัฐสมัยใหม่ที่มีขนาดใหญ่และมีพลเมืองจํานวนมาก บางคนเรียกระบอบการปกครองแบบนี้ว่าเป็น “ประชาธิปไตยทางตรง (Direct Democracy)

33. ประชาธิปไตยแบบเอเธนส์
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 32. ประกอบ

34. ระบบเศรษฐกิจที่เชื่อในเรื่องกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินส่วนบุคคล
ตอบ 5 (คําบรรยาย) ทุนนิยม (Capitalism) เป็นระบบเศรษฐกิจที่เอกชนเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตและมีเสรีภาพในการดําเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้อย่างเต็มที่โดยที่รัฐบาลจะไม่เข้าไปแทรกแซง
ในการดําเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ในระบบทุนนิยมนี้จะยินยอมให้ประชาชนมีกรรมสิทธิ์ใน ทรัพย์สินส่วนบุคคล (Private Property) รวมทั้งมีสิทธิและเสรีภาพในการเลือกบริโภคสินค้า และบริการได้อย่างเต็มที่

35. การปล่อยให้เศรษฐกิจดําเนินไปอย่างเสรีนั้นจะทําให้เกิดความอยุติธรรมในสังคม ดังนั้นรัฐบาลจะต้องเข้ามาแทรกแซง
ตอบ 4 (คําบรรยาย) สังคมนิยม (Socialism) เป็นระบบเศรษฐกิจที่รัฐบาลเข้าไปควบคุมการดําเนิน กิจกรรมทางเศรษฐกิจเองทั้งหมด เพราะมองว่าการปล่อยให้เศรษฐกิจดําเนินไปอย่างเสรีนั้น จะทําให้เกิดความอยุติธรรมในสังคม ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องเข้าไปแทรกแซงเพื่อให้เกิดความ ยุติธรรมในการกระจายผลผลิตแก่ประชาชน

ตั้งแต่ข้อ 36 – 45. จงเลือกคําตอบต่อไปนี้ไปตอบในแต่ละข้อโดยให้มีความสัมพันธ์มากที่สุดกับโจทย์คําถาม
(1) Jean Jacques Rousseau
(2) Montesquieu
(3) John Locke
(4) Thomas Jefferson
(5) ไม่มีตัวเลือกใดสัมพันธ์กับโจทย์คําถาม

36. นักปรัชญาการเมืองชาวอังกฤษที่เสนอเรื่องสิทธิในการปฏิวัติ
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 25. ประกอบ

37. นักปรัชญาการเมืองชาวเจนีวาเชื่อว่าอํานาจอธิปไตยต้องเป็นของประชาชน
ตอบ 1 (คําบรรยาย) ฌอง ฌากส์ รุสโซ (Jean Jacques Rousseau) นักปรัชญาการเมืองชาวเจนีวา ได้เสนอแนวคิดไว้ในหนังสือเรื่อง “สัญญาประชาคม” (The Social Contract) โดยมีความเชื่อว่า อํานาจอธิปไตยเป็นของประชาชน หรืออํานาจจะต้องอยู่ที่ประชาชน โดยรุสโซได้อธิบายเรื่องนี้ ผ่านแนวคิดเรื่องเจตจํานงทั่วไป (General Will) ที่สนับสนุนให้ประชาชนทุก ๆ คนมีอํานาจ ในการปกครองโดยตรงผ่านการออกเจตจํานงทั่วไป ซึ่งหมายถึงการตัดสินใจของปัจเจกบุคคลที่คํานึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมหรือผลประโยชน์สาธารณะในฐานะที่ประชาชนแต่ละคนนั้น เป็นส่วนหนึ่งขององคาพยพทั้งหมดของสังคมที่ไม่สามารถแบ่งแยกออกจากกันได้

38. นักปรัชญาการเมืองที่เสนอให้แบ่งแยกอํานาจออกจากกันเพื่อป้องกันการเป็นเผด็จการ
ตอบ 2 หน้า 120, (คําบรรยาย) มงเตสกิเออร์ (Montesquieu) เป็นนักปรัชญาการเมืองชาวฝรั่งเศส ที่เสนอให้แบ่งแยกอํานาจอธิปไตยออกเป็น 3 ฝ่าย ได้แก่ อํานาจนิติบัญญัติ อํานาจบริหาร และ อํานาจตุลาการ เพื่อป้องกันการเป็นเผด็จการ โดยมงเตสกิเออร์ได้เสนอแนวคิดดังกล่าวไว้ใน หนังสือเรื่อง “The Spirit of Laws” (De l’esprit des lois) ซึ่งตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1748

39. คําประกาศอิสรภาพสหรัฐอเมริกา
ตอบ 4 หน้า 77 – 78 โทมัส เจฟเฟอร์สัน (Thomas Jefferson) หนึ่งในบรรดาผู้ก่อตั้งสหรัฐอเมริกาได้นําแนวคิดสิทธิแห่งการปฏิวัติของจอห์น ล็อค (John Locke) มาใช้ในการประกาศอิสรภาพ ของสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ. 1776 ซึ่งมีข้อความดังนี้ “เรายึดถือว่าความจริงต่อไปนี้เป็นสิ่งที่ประจักษ์แจ้งอยู่ในตัวเอง นั่นคือมนุษย์ทุกคนถูกสร้างขึ้นมาอย่างเท่าเทียมกัน และพระเจ้า ผู้สร้างได้มอบสิทธิบางประการอันเพิกถอนมิได้ไว้ให้แก่มนุษย์ ในบรรดาสิทธิเหล่านั้น ได้แก่ ชีวิต เสรีภาพ และการแสวงหาความสุข เพื่อที่จะคุ้มครองสิทธิเหล่านั้นให้มั่นคง รัฐบาลจึงถูก สถาปนาขึ้นในหมู่มวลมนุษย์ โดยได้อํานาจที่ยุติธรรมอันเนื่องมาจากความยินยอมของผู้ที่อยู่ใต้ การปกครอง…. แต่เมื่อการใช้อํานาจไปในทางที่ผิดและการช่วงชิงอํานาจมีอยู่อย่างยาวนาน โดยมุ่งหมายต่อวัตถุประสงค์เดิมอย่างไม่เสื่อมคลาย จนชี้ให้เห็นว่ามีแผนการที่จะกดพวกเขาลง ภายใต้การปกครองโดยเด็ดขาดของคน ๆ เดียวแล้ว ย่อมเป็นสิทธิ ย่อมเป็นหน้าที่ของพวกเขาที่จะ ล้มล้างรัฐบาลเช่นนั้น และจัดหาเครื่องป้องกันใหม่สําหรับความมั่นคงในอนาคตของพวกเขา”

40. เรายึดถือว่าความจริงต่อไปนี้เป็นสิ่งที่ประจักษ์แจ้งอยู่ในตัวเอง นั่นคือมนุษย์ทุกคนถูกสร้างขึ้นมาอย่างเท่าเทียมกัน และพระเจ้าผู้สร้างได้มอบสิทธิบางประการอันเพิกถอนมิได้ไว้ให้แก่มนุษย์ ในบรรดา สิทธิเหล่านั้น ได้แก่ ชีวิต เสรีภาพ และการแสวงหาความสุข
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 39. ประกอบ

41. เมื่อการใช้อํานาจไปในทางที่ผิดและการช่วงชิงอํานาจมีอยู่อย่างยาวนาน โดยมุ่งหมายต่อวัตถุประสงค์เดิม อย่างไม่เสื่อมคลาย จนชี้ให้เห็นว่ามีแผนการที่จะกดพวกเขาลงภายใต้การปกครองโดยเด็ดขาดของคน ๆ เดียว แล้ว ย่อมเป็นสิทธิ ย่อมเป็นหน้าที่ของพวกเขาที่จะล้มล้างรัฐบาลเช่นนั้น และจัดหาเครื่องป้องกันใหม่ สําหรับความมั่นคงในอนาคตของพวกเขา
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 39. ประกอบ

42. ถ้าผู้แทนน้อยเกินไป ผู้แทนก็จะร่วมกันสมคบคิดวางอุบายออกกฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์กับตนเอง ดังนั้น จํานวนผู้แทนก็ต้องมีให้มากในระดับที่พวกนี้จะไม่ “สมรู้ร่วมคิด” กันเองได้ แต่ในอีกแง่หนึ่งถ้ามีเยอะเกินไป ผู้แทนก็จะไม่สามารถเป็นตัวแทนของผู้ที่เลือกขึ้นมาได้ เพราะมีจํานวนมากจนเกินไปและก็อาจจะก่อให้เกิดความวุ่นวายในการประชุมได้
ตอบ 5 หน้า 122 – 123 เจมส์ เมดิสัน (James Madison) ได้กล่าวเตือนเกี่ยวกับการปกครองแบบ ตัวแทนไว้ว่า จํานวนผู้แทนนั้นไม่ควรจะมีมากหรือน้อยเกินไป กล่าวคือ ถ้าผู้แทนน้อยเกินไป ผู้แทนก็จะร่วมกันสมคบคิดวางอุบายออกกฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์กับตนเอง ดังนั้นจํานวน ผู้แทนก็ต้องมีให้มากในระดับที่พวกนี้จะไม่ “สมรู้ร่วมคิด” กันเองได้ แต่ในอีกแง่หนึ่งถ้ามีเยอะ เกินไปผู้แทนก็จะไม่สามารถเป็นตัวแทนของผู้ที่เลือกขึ้นมาได้ เพราะมีจํานวนมากจนเกินไป และก็อาจจะก่อให้เกิดความวุ่นวายในการประชุมได้

43. นักปรัชญาการเมืองชาวฝรั่งเศสที่เสนอว่าประชาชนควรมีอํานาจปกครองทางตรงในท้องถิ่น แต่ในระดับประเทศควรเลือกผู้แทนไปปกครอง
ตอบ 2 (คําบรรยาย) มงเตสกิเออร์ (Montesquieu) นักปรัชญาการเมืองชาวฝรั่งเศส เสนอว่า ประชาชนควรมีอํานาจปกครองทางตรงในท้องถิ่น แต่ในระดับประเทศควรเลือกผู้แทนไปปกครอง

44. มนุษย์เกิดมาเสรี แต่ทุกหนทุกแห่งอยู่ภายใต้พันธนาการ
ตอบ 1 หน้า 137, (คําบรรยาย) ฌอง ฌากส์ รุสโซ (Jean Jacques Rousseau) ได้กล่าวไว้ใน บรรทัดแรกของหนังสือ “สัญญาประชาคม” (The Social Contract) ว่า “มนุษย์เกิดมาเสรี แต่ทุกแห่งหนเขาถูกพันธนาการด้วยโซ่ตรวน (Man is born free but everywhere is in chains)… การละทิ้งเสรีภาพนั้นก็คือการละทิ้งความเป็นคน ตลอดจนเป็นการละทิ้งสิทธิและ หน้าที่แห่งมนุษยชาติ ไม่มีการชดเชยใด ๆ เป็นไปได้สําหรับผู้ที่ละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเช่นนี้ การละทิ้งนี้ขัดต่อธรรมชาติของมนุษย์ และการลบล้างเสรีภาพทั้งหมดออกจากเจตจํานงของเขา ก็คือการลบล้างศีลธรรมทั้งหมดออกจากการกระทําของเขา”

45. เสรีภาพคือสิ่งที่แยกมนุษย์ออกจากสัตว์
ตอบ 1 หน้า 136 – 137 ฌอง ฌากส์ รุสโซ (Jean Jacques Rousseau) เสนอว่า ธรรมชาตินั้น กําหนดให้สัตว์ทุกตัวดํารงชีวิตหรือทําอะไรก็แล้วแต่เป็นไปตามแรงกระตุ้นจากสัญชาตญาณและแม้ว่ามนุษย์นั้นจะได้รับแรงกระตุ้นดังกล่าวเหมือนกับสัตว์อื่น ๆ แต่มนุษย์ก็มีเสรีภาพ ในการเลือกที่จะทําตามหรือไม่ทําตาม (Liberty to Acquiesce or Resist) มนุษย์เป็น สัตว์ประเภทเดียวที่มีเสรีภาพนี้ และเสรีภาพดังกล่าวก็เป็นสิ่งที่แบ่งแยกมนุษย์ออกจากสัตว์ หรือทําให้มนุษย์มีความแตกต่างจากสัตว์ โดยรุสโซเรียกคุณสมบัตินี้ว่า “Quality of Free Agency”

ตั้งแต่ข้อ 46. – 50. จงเลือกคําตอบต่อไปนี้ไปตอบในแต่ละข้อโดยให้มีความสัมพันธ์มากที่สุดกับโจทย์คําถาม
(1) Edmund Burke
(2) John Stuart Mill
(3) Jean Paul Sartre
(4) Jean Jacques Rousseau
(5) Niccolo Machiavelli

46. นักปรัชญาการเมืองคนใดที่เสนอว่า “ผู้ปกครองเป็นใครก็ได้ ขอให้รักษาอํานาจรัฐและอํานาจผู้ปกครองไว้ได้ก็พอ”
ตอบ 5 หน้า 128, 130, (คําบรรยาย) นิโคโล แมคคิอาเวลลี (Niccolo Machiavelli) ผู้เขียนหนังสือ เรื่อง “เจ้าผู้ปกครอง” (The Prince) กล่าวว่า ผู้ปกครองที่ดีคือผู้ปกครองที่สามารถรักษารัฐ รักษาอํานาจ หรือคงสถานะในการเป็นผู้ปกครองไว้ได้ ดังนั้นผู้ปกครองตามความคิดของ แมคคิอาเวลลีจึงเป็นใครก็ได้ แต่ขอให้รักษาอํานาจรัฐและอํานาจผู้ปกครองไว้ได้ก็พอ

47. นักปรัชญาการเมืองที่มีแนวคิดอนุรักษนิยมสมัยใหม่
ตอบ 1 หน้า 124, 155 เอ็ดมันด์ เบิร์ก (Edmund Burke) บิดาแห่งแนวคิดอนุรักษนิยมสมัยใหม่ วิจารณ์เสรีภาพที่หมายถึงการทําอะไรก็ได้ตามอําเภอใจและไม่ถูกพันธนาการด้วยอะไรเลยนั้น เป็นเสรีภาพที่ไม่ต่างอะไรกับเสรีภาพของคนบ้า โจรลักทรัพย์ และพวกฆาตกร ซึ่งตามความคิด ของเบิร์กมองว่า เสรีภาพที่อยู่ภายในสังคมภายใต้กฎเกณฑ์หรือระเบียบของสังคมคือเสรีภาพ ที่แท้จริงต่างหาก หรือกล่าวอย่างง่าย ๆ ก็คือ เสรีภาพที่ดีต้องเป็นเสรีภาพที่ผ่านการจัดระเบียบ ของสังคม ผ่านการลองผิดลองถูก หรือผ่านการวิวัฒนาการมาอย่างยาวนานจนสถาปนาให้กลาย มาเป็นบรรทัดฐานหรือกฎหมายต่างหากคือเสรีภาพที่แท้จริง ดังนั้นเสรีภาพตามความคิด ของเบิร์กจึงเป็นเสรีภาพที่สังคมหรือรัฐเป็นผู้กําหนดขึ้นมา ไม่ใช่เสรีภาพที่ติดตัวมาตั้งแต่กําเนิดหรือเป็นสิทธิตามธรรมชาติที่ไม่มีใครสามารถพรากไปได้ตามแบบความคิดของพวกเสรีนิยม

48. นักปรัชญาการเมืองคนใดกล่าวประโยคดังต่อไปนี้ “ข้าพเจ้ามองประโยชน์สุขว่าเป็นสิ่งดึงดูดใจอันสูงสุด ในปัญหาทางจริยธรรมทั้งหมด แต่กระนั้นมันต้องเป็นประโยชน์สุขในความหมายที่กว้างที่สุด ซึ่งมีพื้นฐาน
อยู่บนผลประโยชน์อันถาวรของมนุษย์ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่ก้าวหน้า….”

ตอบ 2 หน้า 149 – 150 จอห์น สจ๊วต มิลล์ (John Stuart Mill) ต้องการให้สังคมนั้นมีเสรีภาพ กว้างขวางออกไปอย่างมากที่สุด เพราะเขามองว่าการที่สังคมยินยอมให้เสรีภาพมีการขยายออกไปอย่างกว้างขวางมันจะก่อให้เกิดประโยชน์สุขกับคนจํานวนมากที่สุด ยกตัวอย่างเช่น ในเรื่องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ซึ่งมิลล์ได้กล่าวไว้ว่า “ข้าพเจ้ามองประโยชน์สุขว่า เป็นสิ่งดึงดูดใจอันสูงสุดในปัญหาทางจริยธรรมทั้งหมด แต่กระนั้นมันต้องเป็นประโยชน์สุขในความหมายที่กว้างที่สุด ซึ่งมีพื้นฐานอยู่บนผลประโยชน์อันถาวรของมนุษย์ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิต ที่ก้าวหน้า…. ถ้ามนุษยชาติทั้งมวล ยกเว้นคนเพียงคนเดียวจะมีความเห็นเป็นอย่างเดียวกัน และคน ๆ เดียวนั้นเองกลับมีความเห็นไปในทางตรงกันข้าม ถึงกระนั้นมนุษยชาติก็ไม่มีเหตุผล อันสมควรที่จะปิดปากคน ๆ นั้น… การไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นเนื่องจากแน่ใจว่ามันผิด ก็คือ การสรุปเอาเองว่า ความแน่ใจของพวกเขาเป็นสิ่งเดียวกันกับความจริงขั้นเด็ดขาด การปิดปาก ไม่ให้โต้เถียงกันทุกประการนั้นเป็นข้อสมมุติฐานว่าจะไม่เกิดความผิดพลาดขึ้นมาได้ เราอาจ ยอมให้การประณามคัดค้านความคิดเห็นดังกล่าวมาจากการโต้เถียงร่วมกันเช่นนี้ได้ แต่ไม่ใช่จะให้เกิดความคิดเห็นร่วมกันไปหมดทุกอย่างจนถูกประณามไปในที่สุด”

49. นักปรัชญาการเมืองคนใดกล่าวประโยคดังต่อไปนี้ “การไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นเนื่องจากแน่ใจว่ามันผิดก็คือการสรุปเอาเองว่า ความแน่ใจของพวกเขาเป็นสิ่งเดียวกันกับความจริงขั้นเด็ดขาด การปิดปากไม่ให้ โต้เถียงกันทุกประการนั้นเป็นข้อสมมุติฐานว่าจะไม่เกิดความผิดพลาดขึ้นมาได้ เราอาจยอมให้การประณาม คัดค้านความคิดเห็นดังกล่าวมาจากการโต้เถียงร่วมกันเช่นนี้ได้ แต่ไม่ใช่จะให้เกิดความคิดเห็นร่วมกันไปหมดทุกอย่างจนถูกประณามไปในที่สุด”
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 48. ประกอบ

50. นักปรัชญาการเมืองคนใดกล่าวประโยคดังต่อไปนี้ “เราควรยินยอมให้มีการแสดงความคิดเห็นออกมา อย่างเสรี โดยมีเงื่อนไขว่า ท่าทีที่แสดงออกควรพอประมาณ และต้องไม่เกินไปกว่าการอภิปรายอย่าง เป็นธรรม…. หมายถึง คําผรุสวาท การประชดประชัน คําพาดพิงถึงเรื่องส่วนตัว และอะไรทํานองนั้น…. และตราบเท่าที่สิ่งที่เราทําไปมิได้ทําอันตรายแก่เพื่อนร่วมโลกคนอื่น แม้ว่าคนอื่นอาจจะคิดว่าความประพฤติ ของเราเป็นสิ่งที่โง่เขลา วิปริตหรือผิดก็ตาม”
ตอบ 2 หน้า 152 จอห์น สจ๊วต มิลล์ (John Stuart Mill) เสนอว่า สังคมควรมีการอนุญาตให้เสรีภาพ ต่อมนุษย์ทุกคนอย่างกว้างขวางที่สุด แต่กระนั้นการให้เสรีภาพตามความคิดของมิลล์ใช่ว่าจะ ไม่มีข้อจํากัด โดยมิลล์ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ว่า “เราควรยินยอมให้มีการแสดงความคิดเห็นออกมาอย่างเสรี โดยมีเงื่อนไขว่า ท่าทีที่แสดงออกควรพอประมาณ และต้องไม่เกินไปกว่าการอภิปราย อย่างเป็นธรรม… หมายถึง คําผรุสวาท การประชดประชัน คําพาดพิงถึงเรื่องส่วนตัว และอะไร ทํานองนั้น และตราบเท่าที่สิ่งที่เราทําไปมิได้ทําอันตรายแก่เพื่อนร่วมโลกคนอื่น แม้ว่าคนอื่นอาจจะคิดว่าความประพฤติของเราเป็นสิ่งที่โง่เขลา วิปริตหรือผิดก็ตาม”

51.ลองวาดภาพเรื่องที่เกิดขึ้นบนเรือทั้งหลายหรือบนเรือสักลําหนึ่ง วาดกัปตันเรือให้สูงและแข็งแรงกว่า ใคร ๆ ทุกคนบนเรือ แต่หูอื้อตาฟาง ตลอดจนมีความรู้ในการเดินเรือพอ ๆ กับหูและตาของเขา และต่อมาขอให้วาดภาพลูกเรือที่ทะเลาะวิวาทกันเพื่อแย่งกันถือหางเสือ ต่างคนก็อ้างว่าตนมีสิทธิจะถือหางเสือเรือได้ แม้ไม่เคยจะเรียนวิชาดังกล่าว และไม่อาจบอกได้ว่าใครเป็นครูสอนพวกเขา และเคยเรียนมาตั้งแต่เมื่อไร… สถานการณ์เปรียบเทียบรัฐเหมือนกับเรือ (Ship of State) ข้อใดถือเป็นทางแก้ไขและตัดสินว่าใครควรจะ เป็นผู้ปกครองเรือ (รัฐ)
(1) บุคคลที่ได้รับการคัดสรรมาแล้ว
(2) บุคคลที่ปกครองเพื่อประโยชน์ส่วนรวม
(3) บุคคลที่มาจากประชาชน
(4) บุคคลที่ประชาชนเชื่อฟัง
(5) ใครก็ได้ที่สามารถรักษาเรือ (รัฐ) ไว้ได้
ตอบ 1 หน้า 87 – 88, (คําบรรยาย) จากอุปมาดังกล่าว เพลโต (Plato) มองว่า รัฐก็เหมือนกับเรือ (Ship of State) ซึ่งการเดินเรือหรือการนํารัฐให้เดินหน้าหรือไปในทิศทางที่ต้องการได้นั้น จําเป็นที่จะต้องมีผู้ควบคุมเรือหรือผู้ควบคุมรัฐ ดังนั้นคนที่ควรทําหน้าที่เป็นคนเดินเรือหรือกัปตันเรือก็ควรที่จะต้องมีความรู้ความสามารถเหมาะสมกับการเดินเรือ ไม่ใช่กะลาสีเรือหรือคนงานบนเรือจะสามารถมาทําหน้าที่เดินเรือได้ ซึ่งก็เหมือนกับการปกครองรัฐที่ควรนําคนที่มีความรู้ความสามารถหรือคนที่ถูกฝึกมาอย่างเฉพาะทางในเรื่องการปกครองรัฐมาเป็นผู้ปกครอง ดังนั้นตามความคิดของเพลโตผู้ปกครองจึงควรเป็นบุคคลที่ได้รับการคัดสรรมาแล้วว่ามีความรู้ความสามารถเหมาะสมกับการเป็นผู้ปกครอง ไม่ใช่เอาประชาชนหรือใครมาเป็นก็ได้

52. รัฐที่กําเนิดขึ้นมาจากความบังเอิญตามปรัชญาการเมืองของฌอง ฌากส์ รุสโซ เป็นรัฐที่เลวและต้องก่อตั้ง สังคมใหม่ด้วยการทําสัญญาประชาคมเพราะเหตุใด
(1) รัฐมีรูปแบบการปกครองแบบทรราช
(2) รัฐมีรูปแบบการปกครองแบบคณาธิปไตย
(3) รัฐมีรูปแบบการปกครองแบบประชาธิปไตย
(4) รัฐมีรูปแบบการปกครองแบบชนชั้นน่า
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 4 หน้า 94, 140, (คําบรรยาย) ฌอง ฌากส์ รุสโซ (Jean Jacques Rousseau) อธิบายว่า รัฐตาม ความคิดของเขาเกิดขึ้นมาจากความบังเอิญและเป็นรัฐที่เลว ซึ่งจําเป็นต้องก่อตั้งสังคมใหม่ด้วย การทําสัญญาประชาคม เพราะรัฐดังกล่าวมีรูปแบบการปกครองแบบชนชั้นนํา ดังนั้นประชาชน ต้องยกเลิกรัฐเดิมและมาตกลงกันว่าจะรวมตัวภายใต้หลักการใหม่คือ ทุกคนยอมยกเสรีภาพ ตามธรรมชาติทั้งหมดที่แต่ละคนมีให้กับการรวมตัวแบบใหม่ ทั้งนี้ก็เพื่อจะได้เสรีภาพแบบใหม่ ที่เป็นเสรีภาพในสังคมขึ้นมาแทน ซึ่งเสรีภาพที่ว่านี้ก็คือ การที่คน ๆ หนึ่งได้รับการปกป้องชีวิต และทรัพย์สินของเขา หรือการมีรัฐบาลที่ปกป้องทรัพย์สินของประชาชนนั่นเอง

53. ข้อใดคือเกณฑ์ของอริสโตเติลที่ใช้สําหรับการจําแนกรูปแบบการปกครอง
(1) คุณธรรมของพลเมืองในรัฐ
(2) การตัดสินโดยประชาชนในรัฐ
(3) จํานวนผู้ใช้อํานาจกับเป้าหมาย
(4) ธรรมชาติของผู้ปกครอง
(5) คุณธรรมของผู้ปกครอง
ตอบ 3หน้า 103 – 104 อริสโตเติล (Aristotle) ได้จําแนกรูปแบบการปกครองโดยใช้เกณฑ์ 2 ประการ คือ
1. จํานวนของผู้ใช้อํานาจทางการเมืองการปกครอง
2. เป้าหมายของการใช้อํานาจ ในการปกครอง

54. ข้อใดเป็นทางแก้ไขปัญหาเพื่อยุติวงจรหรือวัฏจักรรูปแบบการปกครอง
(1) ยึดอํานาจรัฐ
(2) คัดสรรบุคคลด้วยระบบการศึกษา
(3) ทําสัญญาประชาคมใหม่
(4) แสวงหาเจตจํานงทั่วไป
(5) แสวงหารูปแบบปกครองแบบผสม
ตอบ 5 หน้า 110 – 112, (คําบรรยาย) ซิเซโร (Cicero) รัฐบุรุษชาวโรมัน มองว่า รูปแบบการปกครอง ของรัฐต่าง ๆ มีการหมุนเวียนเป็นวงจรหรือวัฏจักร (Cycle) ดังนั้นเพื่อที่จะยุติวงจรดังกล่าวนี้ รัฐจะต้องเอารูปแบบการเมืองทั้งสามแบบมาผสมกัน อันได้แก่ รูปแบบการปกครองคนเดียวหรือราชาธิปไตย (Monarchy) การปกครองโดยกลุ่มหรืออภิชนาธิปไตย (Aristocracy) และ การปกครองโดยคนจํานวนมากหรือประชาธิปไตย (Democracy) เพื่อดึงส่วนที่แต่ละอย่างออกมา และสร้างเป็นรูปแบบการปกครองใหม่ที่เรียกว่า “การปกครองแบบผสม” (Mixed Constitution/ Mixed Government) เพราะเขาเชื่อว่าการปกครองแบบผสมจะสร้างความเจริญรุ่งเรืองและ ความมั่นคงทางการเมืองให้กับรัฐได้

55.ประชาธิปไตยนั้นคือ การปกครองของนักการเมือง คํากล่าวข้างต้นเป็นของนักปรัชญาการเมืองท่านใด
(1) ฌอง ฌากส์ รุสโซ
(2) คาร์ล มาร์กซ์
(3) โจเซฟ ชุมปีเตอร์
(4) จอห์น สจ๊วต มิลล์
(5) โจเซฟ สตาลิน
ตอบ 3 หน้า 124 – 125 โจเซฟ ชุมปีเตอร์ (Joseph Schumpeter) นักปรัชญาการเมืองชาวออสเตรีย เป็นผู้เขียนงานเรื่อง “Capitalism, Socialism and Democracy” ซึ่งตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1942 เขาได้เสนอทฤษฎีประชาธิปไตยว่าเป็นการปกครองด้วยตัวแทนที่ถูกเลือกเข้ามา ไม่ใช่การปกครองของประชาชน การปกครองระบอบประชาธิปไตยนั้นเป็นเพียงแค่กลไกในการให้ผู้นําทางการเมือง มาแข่งขันเพื่อเข้าไปใช้อํานาจเท่านั้น ดังที่เขากล่าวว่า “คําว่าประชาธิปไตย ไม่ได้หมายความ และสามารถหมายความถึง การปกครองที่ประชาชนเข้าไปทําหน้าที่ปกครองจริง ๆ ตามตัวอักษร ของคําที่ว่า “ประชาชน” กับ “การปกครอง” แต่ประชาธิปไตยนั้นหมายถึงแค่การปกครองที่ ประชาชนนั้นมีโอกาสในการที่จะยอมรับหรือปฏิเสธคนใดคนหนึ่งที่จะมาเป็นผู้ปกครองพวกเขาเท่านั้น… ดังนั้นเองในด้านหนึ่งเราอาจจะกล่าวได้ว่า ประชาธิปไตยนั้นคือ การปกครองของ นักการเมือง (Democracy is the Rule of the Politician)” ทั้งนี้วิธีคิดดังกล่าวภายหลัง ถูกเรียกว่าเป็น “ประชาธิปไตยแบบชุมปีเตอร์” (Schumpeterian Democracy)

56. ข้อใดเป็นคําถามเชิงปทัสถาน (Normative)
(1) ใครควรจะเป็นผู้ปกครอง
(2) เรามีเสรีภาพหรือไม่
(3) รูปแบบการปกครองที่ดีที่สุดเป็นอย่างไร
(4) เราควรกระจายทรัพยากรในสังคมอย่างไร
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 (คําบรรยาย) คําถามเชิงปทัสถาน (Normative) เป็นคําถามที่นักปรัชญาการเมืองตั้งขึ้นมา เพื่อหาคําตอบถึงสิ่งที่ควรจะเป็นหรือสิ่งที่ควรจะทําในทางการเมือง เช่น ทําไมเราต้องอยู่ใน สังคมการเมือง ทําไมเราต้องเชื่อฟังกฎหมาย ใครควรจะเป็นผู้ปกครอง รูปแบบการปกครอง ที่ดีที่สุดเป็นอย่างไร เรามีเสรีภาพหรือไม่ เราควรจะกระจายทรัพย์สินหรือทรัพยากรในสังคม อย่างไร เป็นต้น

57. ประชาชนจะตัดสินทุกอย่างตามเสียงข้างมาก ซึ่งจะส่งผลเสียต่อสิทธิและทรัพย์สินของเอกชน และไม่สามารถสะท้อนให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของผลประโยชน์ส่วนรวมเพราะการให้ประชาชนดําเนินการในทุกเรื่องจะเกิดความวุ่นวาย หรือบางครั้งประชาชนขาดวาทศิลป์หรือเงียบเฉย ประชาชนไม่สามารถคิดถึงประโยชน์ของ คนส่วนใหญ่ได้ จึงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ “ผู้แทน” คําถามคือปรัชญาการเมืองดังกล่าวเป็นของ นักปรัชญาท่านใด
(1) เจมส์ เมดิสัน
(2) เจเรมี เบนแม
(3) โจเซฟ ชุมปีเตอร์
(4) เอ็ดมันด์ เบิร์ก
(5) ไม่มีข้อถูก
ตอบ 1 (คําบรรยาย) เจมส์ เมดิสัน (James Madison) ไม่เห็นด้วยที่จะให้ประชาชนเป็นผู้ออกกฎหมาย เพราะประชาชนจะตัดสินทุกอย่างตามเสียงข้างมาก ซึ่งจะส่งผลเสียต่อสิทธิและทรัพย์สินของเอกชน และไม่สามารถสะท้อนให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของผลประโยชน์ส่วนรวม การให้ประชาชนดําเนินการในทุกเรื่องจะเกิดความวุ่นวาย หรือบางครั้งประชาชนขาดวาทศิลป์หรือเงียบเฉย ประชาชนไม่สามารถคิดถึงประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ได้ จึงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ “ผู้แทน”

58. นักปรัชญาการเมืองท่านใดเสนอว่าเสรีภาพต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบ
(1) ฌอง ฌากส์ รุสโซ
(2) จอห์น สจ๊วต มิลล์
(3) เอ็ดมันด์ เบิร์ก
(4) เจเรมี เบนแธม
(5) ไม่มีข้อถูก
ตอบ 2 หน้า 148 จอห์น สจ๊วต มิลล์ (John Stuart Mill) มองว่า เสรีภาพไม่ใช่เรื่องของการที่มนุษ จะกระทําอะไรก็ได้ตามใจปรารถนาโดยไม่ต้องสนใจสิ่งใด เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นมนุษย์ก็คง ไม่ต่างกับพวกคนป่าเถื่อนไร้อารยธรรมที่อยากจะฆ่าใครก็ได้ ทําอะไรก็ได้ ซึ่งมิลล์มองว่าการจะทําอะไรก็ได้โดยไม่ต้องรับผิดชอบอะไรแบบพวกคนป่าเถื่อนไร้อารยธรรมไม่ควรที่จะเรียกว่ามันคือเสรีภาพ แต่ควรจะเรียกว่าเป็นพฤติกรรมแบบเผด็จการของแต่ละคนที่กระทําต่อกัน ดังนั้นเองมิลล์จึงเสนอว่า เสรีภาพควรจะอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายและเสรีภาพก็ควรจะมาพร้อมกับความรับผิดชอบด้วย

59. นักปรัชญาการเมืองท่านใดเสนอว่าเสรีภาพเป็นแค่เครื่องมือที่ทําให้มนุษย์พัฒนาไปได้
(1) ฌอง ฌากส์ รุสโซ
(2) จอห์น สจ๊วต มิลล์
(3) ฌอง ปอล ซาร์ต
(4) เอ็ดมันด์ เบิร์ก
(5) เจเรมี เบนแม
ตอบ 2 หน้า 147 – 149, (คําบรรยาย) จอห์น สจ๊วต มิลล์ (John Stuart Mill) เสนอว่า รัฐหรือสังคม จําต้องสถาปนาเสรีภาพให้เกิดขึ้นหรืออนุญาตให้มีอย่างกว้างขวางในสังคม เพราะเสรีภาพนั้น เป็นเครื่องมือที่จะทําให้มนุษย์สามารถพัฒนาตัวเองออกไปได้ ดังนั้นเสรีภาพจึงเป็นสิ่งสําคัญ และรัฐก็ไม่ควรที่จะมาละเมิดหรือพรากเสรีภาพของคนใดคนหนึ่ง ตัวอย่างของการแสดงออก ซึ่งเสรีภาพที่สังคมควรอนุญาตให้มีและให้การสนับสนุน เช่น เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น เป็นต้น

60. แนวคิดใดของฌอง ฌากส์ รุสโซที่ทําให้มนุษย์มีความแตกต่างจากสัตว์และเป็นศักยภาพที่ติดตัวมนุษย์มาตั้งแต่กําเนิด
(1) ทรัพย์สิน
(2) ความรับผิดชอบ
(3) การเลือกที่จะทําหรือไม่ทําตาม
(4) ความปรารถนา
(5) ความเสมอภาค
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 45. ประกอบ

61. วิธีการทดลองทางความคิด “ม่านแห่งความไม่รู้” (Veit of Ignorance) ของจอห์น รอลส์ เสนอให้เรากระจายทรัพยากรเพื่อช่วยเหลือใครในสังคมการเมือง
(1) กลุ่มคนทุกกลุ่มในสังคม
(2) กลุ่มคนด้อยโอกาสที่สุดในสังคม
(3) กลุ่มคนที่มีความสามารถมากที่สุด
(4) กลุ่มคนที่มีทรัพย์สิน
(5) กลุ่มคนที่ใช้แรงงาน
ตอบ 2 หน้า 179 – 180, 186 – 187 จอห์น รอลส์ (John Rawts) ได้ใช้วิธีการทดลองทางความคิด (Thought Experiment) ในการอธิบายหลักการกระจายทรัพยากร โดยเขาได้จําลองสถานการณ์ หนึ่งขึ้นมาเพื่อให้ใครก็ได้ไปตัดสินใจภายใต้สภาวะดังกล่าวว่าเขาต้องการสังคมแบบใด และได้วาง เงื่อนไขภายใต้สภาวะของม่านแห่งความไม่รู้ (Veil of Ignorance) ซึ่งผู้ตัดสินใจจะไม่ทราบว่า ตนเป็นใคร มีสถานะอะไร ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ตัดสินใจเลือกหลักการทางสังคมใด ๆ ที่ เข้าข้างตนเอง โดยรอลส์เชื่อว่าถ้าคนตัดสินจากสภาวะดังกล่าวคนจะเลือกเอาหลักการแบบรัฐสวัสดิการที่รัฐจะต้องเข้ามาแทรกแซงช่วยเหลือคนที่ด้อยโอกาสในสังคม เพราะเป็นวิธีการ ที่ปลอดภัยที่สุดสําหรับผู้ตัดสินใจเมื่อเทียบกับหลักการความยุติธรรมอื่น ๆ

62. ข้อใดจัดว่าเป็นการแสดงออกซึ่งเสรีภาพที่สังคมควรอนุญาตให้มีและให้การสนับสนุนตามปรัชญาการเมืองของจอห์น สจ๊วต มิลล์
(1) เสรีภาพในการกระทําอะไรก็ได้ตามที่ตนต้องการ
(2) เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
(3) เสรีภาพในการมีทรัพย์สิน
(4) เสรีภาพที่ผ่านการจัดระเบียบของสังคม
(5) เสรีภาพที่มาพร้อมกับความรับผิดชอบ
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 59. ประกอบ

63. นักปรัชญาการเมืองท่านใดวิจารณ์แนวคิดเรื่องเสรีภาพที่หมายถึง การกระทําอะไรก็ได้ตามอําเภอใจและไม่ถูกพันธนาการด้วยอะไรเลย
(1) ฌอง ฌากส์ รุสโซ
(2) จอห์น สจ๊วต มิลล์
(3) ฌอง ปอล ซาร์ต
(4) เอ็ดมันด์ เบิร์ก
(5) เจเรมี เบนแธม
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 47. ประกอบ

64. สถานการณ์สมมติใดที่จะเกิดขึ้นภายหลังจากที่ทุกคนทําสัญญาประชาคมกันของฌอง ฌากส์ รุสโซ
(1) รัฐที่ผู้ปกครองมีอํานาจเด็ดขาด
(2) รัฐบาลที่มีอํานาจจํากัด
(3) รัฐบาลที่จัดสวัสดิการให้คนยากไร้
(4) รัฐบาลที่ปกครองตามเจตจํานงทั่วไป
(5) รัฐบาลที่ปกป้องทรัพย์สินของประชาชน
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 52. ประกอบ

65. นักปรัชญาการเมืองท่านใดที่เสนอให้จํากัดอํานาจรัฐอยู่ในขอบเขตเฉพาะการดูแลประชาชนมิให้ละเมิดกติกา การโจรกรรม และการใช้กําลังระหว่างกัน
(1) โรเบิร์ต โนซิค
(2) เอ็ดมันด์ เบิร์ก
(3) โทมัส ฮอบส์
(4) ฌอง ปอล ซาร์ต
(5) ฌอง ฌากส์ รุสโซ
ตอบ 1 หน้า 188, (คําบรรยาย) โรเบิร์ต โนซิค (Robert Nozick) ได้เขียนหนังสือเรื่อง “Anarchy, State and Utopia” ในปี ค.ศ. 1974 โดยโนซิคได้แถลงจุดประสงค์ในหนังสือว่าเขาต้องการ จะหักล้างข้ออ้างที่เสนอโดยจอห์น รอลล์ที่ว่า รัฐขนาดใหญ่เป็นรัฐที่ชอบธรรมได้ก็เพราะว่า ความใหญ่โตของรัฐจะมีประสิทธิภาพในการจัดสรรทรัพยากรอย่างเป็นธรรม ซึ่งโนซิคไม่เห็นด้วย และเห็นว่ารัฐขนาดเล็ก (Minimal State) ต่างหากที่เป็นรัฐที่ชอบธรรม ซึ่งรัฐขนาดเล็กตาม ความคิดของโนซิคนั้นเป็นรัฐที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับชีวิตของประชาชนในระดับน้อยที่สุด ไม่ว่าจะในทางเศรษฐกิจหรือในทางการเมือง โดยรัฐจะทําหน้าที่เป็นเพียงคนเฝ้ายามคอยดูแลไม่ให้ ประชาชนละเมิดกติกาหรือข้อตกลงพื้นฐานในการอยู่ร่วมกันเท่านั้น เช่น ป้องกันการฉ้อฉลการโจรกรรม หรือการใช้กําลังระหว่างกัน เป็นต้น

66. ข้อใดคือเหตุผลของเพลโตที่เสนอว่าผู้ปกครองควรจะเป็นบุคคลที่ได้รับการคัดสรรมาแล้ว
(1) ผู้ปกครองทําเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม
(2) ผู้ปกครองเป็นบุคคลที่สามารถบรรลุเป้าหมายของการเป็นมนุษย์
(3) ผู้ปกครองมีธรรมชาติของการเป็นผู้ปกครอง
(4) ผู้ปกครองเป็นบุคคลที่สามารถรักษารัฐเอาไว้ได้
(5) ผู้ปกครองเป็นบุคคลที่ทําตามเจตจํานงของประชาชน
ตอบ 3 หน้า 85, 87, 132 เพลโต (Plato) ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “The Republic” ว่า ผู้ปกครองนั้นควรเป็นบุคคลที่ได้รับการคัดสรรมาแล้ว ไม่ใช่เอาประชาชนหรือใครมาเป็นก็ได้ ซึ่งตามความคิดของเพลโตนั้นมองว่ามนุษย์แต่ละคนมีความถนัดที่ถูกกําหนดมาจากธรรมชาติแตกต่างกัน ซึ่งรวมถึงผู้ปกครองด้วยเพราะการปกครองก็ถือว่าเป็นทักษะหนึ่งที่เฉพาะทางไม่ต่างกับช่าง หมอ หรือการงานหน้าที่อื่น ๆ ดังนั้นผู้ปกครองจึงไม่ควรที่จะเป็นใครก็ได้ แต่ควรเป็นคนที่มี ธรรมชาติเป็นผู้ปกครอง และมีทักษะ ตลอดจนได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี

67. ข้อใดเป็นคุณธรรมสําหรับผู้ปกครองตามปรัชญาการเมืองของแมคคอาเวลลี
(1) ความสุขุมรอบคอบ
(2) ความมีไหวพริบ
(3) ทําตนเป็นที่หวาดกลัวมากกว่าเป็นที่รัก
(4) ทําดีละเว้นชั่ว หรือทําชั่วหากรักษารัฐไว้ได้
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 หน้า 130 – 132, (คําบรรยาย) ตามปรัชญาการเมืองของนิโคโล แมคคิอาเวลลี (Niccolo Machiavelli) คุณธรรมสําหรับผู้ปกครอง (Virtue) หมายถึง คุณสมบัติบางประการที่เหมาะสม สําหรับผู้ปกครองที่จะรักษารัฐไว้ได้ ซึ่งได้แก่
1. ทําดีละเว้นชั่ว หรือทําชั่วหากรักษารัฐไว้ได้
2. ทําตนเป็นที่หวาดกลัวมากกว่าเป็นที่รัก
3. ความสุขุมรอบคอบ (Prudenzia/Prudence) 4. ความมีไหวพริบ (Astuzia/Astuteness)

68. ข้อใดเป็นทางแก้ไขให้กรรมกรสามารถหลุดพ้นจากความสัมพันธ์ทางการผลิตที่ขูดรีดมูลค่าส่วนเกิน โดยคาร์ล มาร์กซ์
(1) การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ
(2) การจัดสวัสดิการโดยรัฐบาล
(3) การปฏิวัติโดยชนชั้นกรรมาชีพ
(4) การจัดตั้งสหภาพแรงงาน
(5) การออกกฎหมายเพื่อควบคุมกิจการของนายทุนโดยรัฐบาล
ตอบ 3 หน้า 174 คาร์ล มาร์กซ์ (Karl Marx) ได้เสนอแนวคิดการปฏิวัติโดยชนชั้นกรรมาชีพเพื่อให้ กรรมกรหลุดพ้นจากความสัมพันธ์ทางการผลิตที่ขูดรีดมูลค่าส่วนเกิน โดยการปฏิวัติที่ว่าก็คือ พวกกรรมกรจะต้องเข้ายึดครองปัจจัยการผลิตและสถาปนารัฐสังคมนิยมที่เป็นรัฐของชนชั้น แรงงานขึ้นมา เพื่อปรับเปลี่ยนความสัมพันธ์ทางการผลิตอันกดขี่ที่มีมาในระบบทุนนิยม โดยแนวคิดของมาร์กซ์นี้ปรากฏอยู่ใน “แถลงการณ์พรรคคอมมิวนิสต์” (The Communist Manifesto) ซึ่งตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1848

69. นักปรัชญาการเมืองท่านใดเสนอว่า การกระจายทรัพยากรควรจะกระจายอย่างเสรี
(1) ฌอง ฌากส์ รุสโซ
(2) จอห์น ล็อค
(3) ฌอง ปอล ซาร์ต
(4) เอ็ดมันด์ เบิร์ก
(5) เจเรมี เป็นแฮม
ตอบ 2 หน้า 162 จอห์น ล็อค (John Locke) เสนอว่า การกระจายทรัพย์สินหรือทรัพยากรในสังคม ควรจะกระจายอย่างเสรี คือ ใครทํา ใครหา ใครลงแรง คนนั้นก็ควรที่จะเป็นผู้ครอบครองทรัพยากร

70. แนวคิดใดของคาร์ล มาร์กซ์ที่ใช้วิจารณ์การกระจายทรัพย์สินอย่างเสรี
(1) ความสัมพันธ์ทางการเมือง
(2) ความสัมพันธ์ทุนทางสังคม
(3) ความสัมพันธ์ทางการผลิต
(4) ปัจจัยการผลิต
(5) ปัจจัยการสะสมทุน
ตอบ 3 หน้า 170 – 171, (คําบรรยาย) คาร์ล มาร์กซ์ (Karl Marx) ได้วิจารณ์ระบบการกระจาย ทรัพยากรหรือทรัพย์สินอย่างเสรีว่าทําให้ชีวิตของผู้ใช้แรงงานหรือกรรมาชีพมีสภาพที่ย่ําแย่ อย่างมาก ซึ่งสภาพดังกล่าวเป็นผลมาจากรูปแบบความสัมพันธ์ทางการผลิตระหว่างชนชั้นนายทุนและกรรมกรไม่ความเป็นธรรมในการกระจายทรัพยากร นั่นก็เพราะเครื่องมือที่ใช้ในการผลิต สินค้าไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ต่าง ๆ เครื่องจักร ที่ดิน สถานประกอบการ ฯลฯ มีนายทุนเป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครอง ส่วนกรรมกรนั้นมีเพียงแรงงานที่ติดตัวมาของแต่ละคนเท่านั้นที่ใช้ในการผลิต ด้วยความสัมพันธ์ในการผลิตเช่นนี้เอง นายทุนได้จ่ายค่าแรงหรือค่าจ้างให้กรรมกรเพื่อแลกกับแรงงานของพวกเขา และนายทุนก็ได้กําไรจากการผลิตสินค้าของแรงงาน โดย “กําไร” นี้เอง ที่เป็นสิ่งที่ไม่เป็นธรรม เพราะนายทุนได้ไปขูดรีดเอา “มูลค่าส่วนเกิน” (Surplus Value)มาจากกรรมกรที่ใช้แรงงานในการผลิตสินค้า

71. ข้อใดคือปัจจัยการผลิตของกรรมกรตามปรัชญาการเมืองของคาร์ล มาร์กซ์
(1) ที่ดิน
(2) เครื่องจักร
(3) สถานประกอบการ
(4) แรงงาน
(5) ค่าจ้าง
ตอบ 4 หน้า 170, (คําบรรยาย) ตามปรัชญาการเมืองของคาร์ล มาร์กซ์ (Karl Marx) นั้น ปัจจัย การผลิตของนายทุน ได้แก่ ที่ดิน แรงงาน วัสดุ เครื่องมือ เครื่องจักร สถานประกอบการ เป็นต้น ส่วนปัจจัยการผลิตของกรรมกร ได้แก่ แรงงานที่ติดตัวมาของกรรมกรแต่ละคน

72.“การเอาส่วนใดส่วนหนึ่งจากสิ่งที่เป็นของส่วนรวม (สิ่งที่เป็นอยู่อย่างสภาพธรรมชาติ) และนำมัน ออกมาจากสภาวะธรรมชาติ นั่นก็คือ การเริ่มต้นที่จะกลายมาเป็นทรัพย์สิน…” ข้อความดังกล่าว เป็นปรัชญาการเมืองของนักคิดท่านใด
(1) ฌอง ฌากส์ รุสโซ
(2) จอห์น ล็อค
(3) ฌอง ปอล ซาร์ต
(4) เอ็ดมันด์ เบิร์ก
(5) เจเรมี เป็นแรม
ตอบ 2 หน้า 162 – 163 จอห์น ล็อค (John Locke) ได้อธิบายไว้ว่า สิ่งใด ๆ ก็ตามบนโลกนี้ที่มนุษย์ ได้นํามันออกมาจากสภาพธรรมชาติดั้งเดิม หรือทําการเปลี่ยนรูปแบบของมันให้ต่างออกไปจาก ลักษณะดั้งเดิม กล่าวคือ ด้วยการที่เขานําแรงงานของตัวเองไปผสมร่วมกับสิ่งนั้น ๆ ที่เคยเป็น สิ่งตามธรรมชาติจนมันมีการเปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นไปด้วยวิธีการเคลื่อนย้าย เปลี่ยนรูป ดัดแปลง ตัดต่อ ฯลฯ สิ่งของนั้น ๆ ก็จะกลายมาเป็นกรรมสิทธิ์ของเขาโดยชอบธรรม และ คนอื่น ๆ ก็ไม่มีสิทธิต่อสิ่งนั้นอีกต่อไป ดังที่เขาได้กล่าวไว้ว่า “การเอาส่วนใดส่วนหนึ่งจากสิ่งที่ เป็นของส่วนรวม (สิ่งที่เป็นอยู่อย่างสภาพธรรมชาติ) และนํามันออกมาจากสภาวะธรรมชาติ นั่นก็คือ การเริ่มต้นที่จะกลายมาเป็นทรัพย์สิน… สิ่งต่าง ๆ จะกลายมาเป็นทรัพย์สินของข้าพเจ้า โดยไม่ต้องมีการยินยอมหรือได้รับมอบหมายจากบุคคลใด ๆ ก็ตาม เพราะว่าแรงงานเป็นของ ข้าพเจ้าที่ใช้ในการนําสิ่งนั้น ๆ ออกมาจากสภาวะธรรมชาติที่เป็นส่วนรวม…”

73. ข้อใดคือผลเสียที่เกิดขึ้นตามมาภายหลังจากการปล่อยให้เกิดการกระจายทรัพยากรอย่างเสรี
(1) ความยากจน
(2) ปัญหาเรื่องการกระจายรายได้
(3) ปัญหาคุณภาพชีวิต
(4) ค่าแรงขั้นต่ําไม่พอต่อการดํารงชีวิต
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 (คําบรรยาย) ผลเสียที่เกิดขึ้นตามมาภายหลังจากการปล่อยให้เกิดการกระจายทรัพยากร อย่างเสรี ได้แก่ ปัญหาความยากจน ปัญหาเรื่องการกระจายรายได้ ปัญหาคุณภาพชีวิต ปัญหาค่าแรงขั้นต่ําไม่พอต่อการดํารงชีวิต เป็นต้น

74. หลักความยุติธรรมในข้อใดตรงกับหลักการเรื่องรัฐเล็ก (Minimal State) ของโรเบิร์ต โนซิค
(1) หลักความยุติธรรมในการเก็บภาษี
(2) หลักความยุติธรรมในการจัดสรรความแตกต่าง
(3) หลักความยุติธรรมในการจัดสวัสดิการ
(4) หลักความยุติธรรมในการครอบครองตั้งต้น
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 4 หน้า 189, (คําบรรยาย) หลักความยุติธรรมที่ตรงกับหลักการเรื่องรัฐเล็ก (Minimal State) ของโรเบิร์ต โนซิค (Rebert Nozick) มี 2 ประการ คือ
1. หลักความยุติธรรมในการครอบครองตั้งต้น (Principle of Justice in Entitlement)
2. หลักความยุติธรรมในการถ่ายโอน (Principle of Justice in Transfer)

75. ข้อใดต่อไปนี้สัมพันธ์กับสภาวะธรรมชาติของรุสโซมากที่สุด
(1) มนุษย์อยู่อย่างโดดเดี่ยว
(2) มนุษย์โหดร้ายป่าเถื่อน
(3) มนุษย์มีจิตใจโอบอ้อมอารี
(4) มนุษย์ชอบอยู่รวมกันเป็นสัตว์สังคม
(5) มนุษย์รักความยุติธรรมและเสรีภาพ
ตอบ 1 หน้า 50 ฌอง ฌากส์ รุสโซ (Jean Jacques Rousseau) มองว่า ในสภาวะธรรมชาติ มนุษย์อยู่อย่างโดดเดี่ยว ไม่ยุ่งเกี่ยวสัมพันธ์กับใคร ไม่มีใครสนใจใครหรือเปรียบเทียบระหว่างกัน สิ่งนี้เองที่ทําให้มนุษย์ทุกคนมีความเสมอภาคกัน ไม่ใช่ว่ามีความเหมือนกันในความเป็นมนุษย์ แต่เพราะว่าทุก ๆ คนต่างก็อยู่คนเดียว ไม่มีใครสนใจใคร ทุกคนต่างก็เป็นนายตัวเอง มีอิสระ ต่อกัน และมีเสรีภาพอย่างเต็มที่

76. นายพลฟรังโก้ (Francisco Franco) มีคําสั่งห้ามนักเรียนศึกษาปรัชญาการเมืองของนักคิดท่านใด
(1) โรเบิร์ต โนซิค
(2) จอห์น รอลส์
(3) จอห์น สจ๊วต มิลล์
(4) ฌอง ปอล ซาร์ต
(5) โจเซฟ ชุมปีเตอร์
ตอบ 3 หน้า 147 นายพลฟรังโก้ (Francisco Franco) มีคําสั่งห้ามนักเรียนศึกษาปรัชญาการเมือง ของจอห์น สจ๊วต มิลล์ (John Stuart Mill) ซึ่งจากงานเขียนของโจนาธาน วูล์ฟ (Jonathan Wolff) ชี้ให้เห็นว่า นายพลฟรังโก้ไม่ได้กลัวความคิดของนักคิดเสรีนิยมคนอื่น หรือแม้แต่ ความคิดอันรุนแรงของมาร์กซ์เลย แต่กลับกลัวความคิดของมิลล์ เนื่องจากพลังของมิลล์ในการสนับสนุนเรื่องเสรีภาพนั้นมีความชัดเจนและยากที่จะโต้แย้งได้

77. การกําหนดคุณสมบัติการเลือกตั้งของบุคคลว่าต้องมีอายุขั้นต่ําจึงมีสิทธิในการเลือกตั้งขัดแย้งกับปรัชญาการเมืองข้อใด
(1) เสรีภาพ คือ สิ่งที่ติดตัวมนุษย์มาแต่กําเนิด
(2) เสรีภาพเป็นสิ่งที่รัฐต้องให้การสนับสนุน
(3) เสรีภาพเป็นเครื่องมือทําให้มนุษย์พัฒนาไปได้
(4) เสรีภาพมีขอบเขตภายใต้กฎหมาย
(5) เสรีภาพเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดประโยชน์สุขกับคนจํานวนมากที่สุด
ตอบ 1 หน้า 148, (คําบรรยาย) การกําหนดคุณสมบัติการเลือกตั้งของบุคคลว่าต้องมีอายุขั้นต่ํา จึงมีสิทธิในการเลือกตั้งนั้นขัดแย้งกับปรัชญาการเมืองที่ว่า “เสรีภาพ คือ สิ่งที่ติดตัวมนุษย์ มาแต่กําเนิด” ตัวอย่างนี้สอดคล้องกับแนวคิดของจอห์น สจ๊วต มิลล์ (John Stuart Mill) ซึ่งชี้ให้เห็นว่า ถ้ามนุษย์ทุกคนนั้นมีเสรีภาพติดตัวมาตั้งแต่กําเนิดมันก็ไม่จําเป็นจะต้องไปห้าม หรือจํากัดพฤติกรรมของเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะในการทําเรื่องใดเรื่องหนึ่งทั้งสิ้น เพราะถ้าเชื่อว่าคนทุกคนมีเสรีภาพติดตัวมาตั้งแต่กําเนิด เขาต้องมีเสรีภาพในการเลือกผู้ปกครองหรือ ทําอะไรก็ได้ตามที่เขาอยากจะทํา ใครก็ไม่มีสิทธิที่จะไปห้ามหรือพรากเสรีภาพนั้นไปได้

78. รูปแบบการปกครองประชาธิปไตยตัวแทนของจอห์น สจ๊วต มิลล์ พัฒนามาจากหลักจริยศาสตร์ข้อใด
(1) อัตถิภาวะนิยม
(2) อรรถประโยชน์นิยม
(3) อัตตาณัติ
(4) อิสรเสรีนิยม
(5) อัตสุขนิยม
ตอบ 2 หน้า 116 – 117 จอห์น สจ๊วต มิลล์ (John Stuart Mitt) ได้เสนอรูปแบบการปกครอง โดยผู้แทน (Representative Government) หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ประชาธิปไตยแบบ ตัวแทน” (Representative Democracy) เพราะมองว่า การให้ประชาชนได้มีส่วนร่วม ในการปกครองนั้นเป็นวิธีการเดียวที่จะทําให้เกิดความสุขแก่คนจํานวนมากที่สุด โดยแนวคิด การปกครองประชาธิปไตยแบบตัวแทนของมิลล์นี้พัฒนามาจากหลักอรรถประโยชน์นิยม (Utilitarianism) อันเป็นหลักการที่คํานึงถึง “ความสุข” “ความรื่นรมย์” หรือ “อรรถประโยชน์” เป็นหลัก หรือยึดถือหลักการพื้นฐานที่ว่า “การกระทําทุกอย่างต้องเป็นไปเพื่อหลักการ ความสุขที่มากที่สุดของคนจํานวนมากที่สุด” นั่นเอง

79. ข้อใดกล่าวถูกต้องในเรื่องข้อเสนอแนะวิธีการปกครอง
(1) ความสุขเป็นสิ่งเดียวที่ประชาชนพึงปรารถนาเพราะเป็นหนทางไปสู่ความหลุดพ้น
(2) รูปแบบการปกครองที่บริสุทธิ์เท่านั้นทําให้รักษาอํานาจไว้ได้นาน
(3) เสรีภาพจะเกิดขึ้นต่อเมื่อสังคมทําสัญญาประชาคมเพื่อแสวงหาเจตจํานงเฉพาะ
(4) คนที่ควรเป็นผู้ปกครองที่ดีที่สุด คือ ผู้พิทักษ์รัฐ
(5) ถ้าการทําดีนั้นทําให้เขาต้องสูญเสียรัฐไป แต่การทําชั่วทําให้เขารักษารัฐไว้ได้ เขาควรจะเลือกทําชั่ว
ตอบ 5 หน้า 130 นิโคโล แมคคิอาเวลลี (Niccolo Machiavelli) เสนอว่า ผู้ปกครองนั้นไม่ควรจะ คํานึงแต่การทําดีละเว้นความชั่ว โดยเฉพาะในกรณีที่ว่าถ้าการทําดีนั้นทําให้เขาต้องสูญเสียรัฐ แต่การทําชั่วสามารถทําให้เขารักษารัฐได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นผู้ปกครองก็ควรจะเลือกการทําชั่ว ดังที่เขากล่าวว่า “ผู้ปกครองไม่ควรจะเป็นกังวลกับการก่อให้เสียชื่อเสียงในเรื่องของความชั่ว ต่าง ๆ ซึ่งถ้าไม่มีมันเสียแล้วก็จะเป็นการยากที่จะรักษารัฐเอาไว้ เพราะถ้าบุคคลใดไตร่ตรองทุกสิ่ง ทุกอย่างเป็นอย่างดี เขาจะพบว่าบางสิ่งบางอย่างซึ่งดูเหมือนว่าเป็นความดีนั้น หากปฏิบัติตาม ก็จะกลายเป็นความพินาศของเขา และสิ่งอื่นซึ่งดูเหมือนว่าเป็นความชั่วนั้น หากปฏิบัติตาม ก็จะสัมฤทธิ์ผลในด้านความมั่นคง และความเป็นอยู่ที่ดี”

80. ข้อใดกล่าวผิดเกี่ยวกับแนวคิดของนักปรัชญาการเมืองเรื่องเสรีภาพ
(1) เสรีภาพคือการทําอะไรก็ได้ตามอําเภอใจ
(2) เสรีภาพเป็นปัจจัยทําให้มนุษย์พัฒนา
(3) เสรีภาพมาพร้อมกับทรัพย์สิน
(4) เสรีภาพมาพร้อมกับความรับผิดชอบ
(5) กล่าวถูกทุกข้อ
ตอบ 5 หน้า 144, 147 – 148, 156, (คําบรรยาย) แนวคิดของนักปรัชญาการเมืองเรื่องเสรีภาพ มีดังนี้
1. เสรีภาพคือการทําอะไรก็ได้ตามอําเภอใจ เป็นแนวคิดของฌอง ฌากส์ รุสโซ (Jean Jacques Rousseau)
2. เสรีภาพเป็นปัจจัยทําให้มนุษย์พัฒนา เป็นแนวคิดของจอห์น สจ๊วต มิลล์ (John Stuart Mill)
3. เสรีภาพมาพร้อมกับทรัพย์สิน เป็นแนวคิดของรัสเซลล์ เคิร์ก (Russell Kirk)
4. เสรีภาพมาพร้อมกับความรับผิดชอบ เป็นแนวคิดของฌอง ปอล ซาร์ต (Jean Paul Sartre) และจอห์น สจ๊วต มิลล์ (John Stuart Mill)

81. สัญญาระหว่างบริษัทกีฬากับนักกีฬามีข้อตกลงระบุว่า นักกีฬาจะไม่ขอรับเงินเดือน แต่จะขอรับส่วนแบ่ง จากค่าตั๋วที่ผู้ชมเข้ามาดูในแต่ละการแข่งขัน ข้อตกลงดังกล่าวเป็นไปตามหลักปรัชญาการเมืองข้อใด
(1) อิสรเสรีนิยม
(2) สัญญาประชาคม
(3) อรรถประโยชน์นิยม
(4) หลักความแตกต่าง
(5) ชุมชนนิยม
ตอบ 1 หน้า 190 – 191, (คําบรรยาย) โรเบิร์ต โนซิค (Robert Nozick) เป็นนักปรัชญาการเมือง แนวเสรีนิยมหรืออิสรเสรีนิยม (Libertarianism) เห็นว่าการเสียภาษีเพื่อนําไปช่วยคนที่ยากไร้ หรือคนที่เสียโอกาสในสังคมนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ชอบธรรม โดยได้ยกตัวอย่างนักกีฬาอเมริกันคนหนึ่ง ชื่อว่า วิลท์ แชมเบอร์เลน (Wilt Chamberlain) ซึ่งเป็นนักบาสเกตบอลที่ได้ตกลงกับสโมสรที่ สังกัดอยู่ว่า เขาจะไม่ขอรับเงินเดือน แต่จะขอรับเป็นส่วนแบ่งจากค่าตัวที่ผู้ชมเข้ามาดูในแต่ละ การแข่งขัน เป็นต้น โดยโนซิคได้ตั้งคําถามว่า วิลท์ แชมเบอร์เลน หาเงินนี้ได้มาโดยสุจริต จากน้ําพักน้ําแรงและความสามารถของตนเองแล้วรัฐบาลมีเหตุผลอันใดที่ชอบธรรมจะมายึด เงินบางส่วน หรือบังคับให้เขาเสียภาษีเพื่อนําไปช่วยคนที่ยากไร้หรือคนที่เสียโอกาสในสังคม เพราะในเมื่อเขาหาเงินมาโดยสุจริตเขาก็มีสิทธิเหนือเงินก้อนนั้นของเขาอย่างเต็มที่

82. ในสังคมทุนนิยมจะมีความสัมพันธ์ทางการผลิตที่นายทุนจะขูดรีดมูลค่าส่วนเกินจากกรรมกร สาเหตุใดที่กรรมกรจึงไม่ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อรัฐบาล
(1) ค่าแรงเป็นความยุติธรรมในการถ่ายโอน
(2) รัฐจะเข้ามาจัดสวัสดิการให้กรรมกร
(3) ค่าแรงเป็นไปตามหลักการครอบครองตั้งต้น
(4) รัฐเป็นเครื่องมือของชนชั้นนายทุน
(5) รัฐมีบทบาทเฉพาะการบังคับใช้อํานาจเพื่อป้องกันชีวิตและทรัพย์สิน
ตอบ 4 หน้า 173 – 174 สาเหตุที่กรรมกรไม่ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อรัฐบาล เพราะในสังคมทุนนิยมนั้น รัฐจะเป็นเครื่องมือของนายทุนที่ใช้ครอบงํา ปกป้อง และควบคุมให้สังคม การเมือง และเศรษฐกิจ ดําเนินไปตามแนวทางที่นายทุนต้องการ เมื่อใดก็ตามที่รัฐจําเป็นจะต้องเลือกระหว่างผลประโยชน์ ของนายทุนกับผลประโยชน์ของกลุ่มคนหรือชนชั้นอื่น ๆ ในสังคม รัฐก็จะเลือกปกป้องและ เอื้อประโยชน์ต่อชนชั้นนายทุนอยู่เสมอ ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่กรรมกรเรียกร้องขอเพิ่มค่าแรง กับนายทุนด้วยการใช้วิธีนัดหยุดงานหรือกดดันในรูปแบบอื่น ๆ รัฐจะยื่นมือเข้ามาไกล่เกลี่ย เพื่อให้คนงานกลับเข้าทํางาน และถ้าคนงานยังดื้อดึงอยู่ รัฐก็จะใช้เจ้าหน้าที่ตํารวจเข้าจัดการ กับกลุ่มคนงาน หรือไม่ก็ออกกฎหมายควบคุมห้ามคนงานนัดหยุดงาน รัฐมักไม่สนใจกับการเรียกร้องค่าแรงที่ไม่พอกับค่าครองชีพของกรรมกร แต่จะสนใจว่าถ้าขึ้นค่าแรงมันจะส่งผลให้นายทุนถอนการผลิตหรือย้ายฐานการผลิตออกไปจากรัฐของตนหรือไม่

83. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับข้อเสนอของคาร์ล มาร์กซ์ เรื่องการพัฒนาสังคมสู่สังคมคอมมิวนิสต์
(1) ล้มเลิกกรรมสิทธิ์ที่ดิน
(2) ยกเลิกการสืบทอดมรดก
(3) ยึดทรัพย์สินของพวกนายทุน
(4) ถ่ายโอนโรงงานและปัจจัยการผลิตทั้งหมดเป็นของรัฐ
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 หน้า 174 – 176, (คําบรรยาย) คาร์ล มาร์กซ์ (Karl Marx) เสนอว่า การพัฒนาสังคมสู่สังคม คอมมิวนิสต์ควรใช้มาตรการดังนี้
1. เลิกล้มกรรมสิทธิ์ถือครองที่ดิน และให้นําเอาค่าเช่าที่ดินทั้งหมดไปใช้เป็นรายจ่ายเพื่อจุดประสงค์ในทางสาธารณะให้หมด
2. ทําการจัดเก็บภาษีรายได้ในอัตราก้าวหน้า หรือจัดเก็บภาษีเพิ่มเติมตามรายได้ในระดับที่สูง
3. ยกเลิกสิทธิในการสืบมรดกของเอกชนทั้งหมด
4. จัดการยึดทรัพย์สินของพวกนายทุนที่หลบหนีออกไปต่างประเทศรวมทั้งพวกกบฏทุกคน
5. ถ่ายโอนโรงงานและปัจจัยการผลิตทั้งหมดเป็นของรัฐ
6. จัดการให้ทุก ๆ คนทํางานตามหน้าที่โดยทั่วหน้า และรัฐจะต้องจัดการให้ทุกคนทํางาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคเกษตรกรรม ฯลฯ

84. ข้อใดเป็นสาเหตุที่ทําให้ชนชั้นกรรมาชีพต้องจัดการช่วยเหลือตนเองด้วยการโค่นล้มระบบทุนนิยมและสถาปนารัฐสังคมนิยมขึ้นมา
(1) การกดขี่ขูดรีด
(2) ปัจจัยการผลิต
(3) มูลค่าส่วนเกิน
(4) รัฐบาล
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 หน้า 170 – 174, (คําบรรยาย) สาเหตุที่ทําให้ชนชั้นกรรมาชีพต้องจัดการช่วยเหลือตนเอง ด้วยการโค่นล้มระบบทุนนิยมและสถาปนารัฐสังคมนิยมขึ้นมา ได้แก่
1. การกดขี่ขูดรีดมูลค่าส่วนเกินจากกรรมกร
2. ค่าแรงขั้นต่ําไม่เพียงพอต่อการดํารงชีวิต
3. ปัจจัยการผลิตเป็นของชนชั้นนายทุน
4. รัฐบาลเป็นเครื่องมือของชนชั้นนายทุน

85. ตัวเลือกในข้อใดถูกต้องตามหลักความยุติธรรมในการถ่ายโอน
(1) ซื้อพระคนที่ไม่ทราบในราคาถูกเพื่อไปขายต่อให้กับคนไม่รู้ในราคาแพง
(2) เก็บภาษีคนรวยไปช่วยคนจน
(3) ยกเลิกสิทธิในการครอบครองมรดกของเอกชน
(4) รับซื้อของโจร
(5) ยึดทรัพย์สินของนายทุนมาเป็นของรัฐบาล
ตอบ 1 หน้า 189 – 190 โรเบิร์ต โนซิค (Rebert Nozick) ได้เสนอหลักความยุติธรรมในการถ่ายโอน (Principle of Just ce in Transfer) โดยอธิบายว่า ถ้าคน ๆ หนึ่งได้รับสิ่งของใดก็ตามไม่ว่า จะเป็นในฐานะของขวัญ มรดก หรือด้วยความเสน่หาใด ๆ และรวมทั้งกําไรรายได้จากการ แลกเปลี่ยนในตลาดอย่างเสรี ทรัพย์สินที่ได้มาหรือรายได้นั้น ๆ ก็เป็นสิ่งที่ชอบธรรม เช่น ซื้อพระ จากคนที่ไม่ทราบในราคาถูกเพื่อไปขายต่อให้กับคนไม่รู้ในราคาแพง การแลกเปลี่ยนดังกล่าว ไม่มีการบังคับและคนทั้งสองฝ่ายก็ยอมตกลงกันอย่างเสรี ดังนั้นการแลกเปลี่ยนดังกล่าวจึงเป็นสิ่งที่ชอบธรรมแม้ว่าคนที่นําพระไปขายต่อจะสามารถทํากําไรจากความไม่รู้ของคนที่นําพระมาขายให้อย่างมหาศาลก็ตาม

86. นักปรัชญาการเมืองท่านใดที่เสนอว่า “ใครเป็นผู้ปกครองก็ได้ แต่ขอให้แค่ปกครองเพื่อประโยชน์ส่วนรวม”
(1) แมคคิอาเวลลี
(2) อริสโตเติล
(3) จอห์น สจ๊วต มิลล์
(4) ซิเซโร
(5) โพลิบิอุส
ตอบ 2หน้า 102 – 103, 109 อริสโตเติล (Aristotle) ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “The Politics” ว่า ใครจะมาเป็นผู้ปกครองก็ได้ แต่ขอให้แค่ปกครองเพื่อประโยชน์ส่วนรวมหรือประโยชน์สาธารณะ หมายความว่า จํานวนของผู้ปกครองจะมีกี่คนก็ได้ เป็นระบอบอะไรก็ได้ ใครเป็นก็ได้ แต่ขอ เพียงอย่างเดียวคือผู้ปกครองเหล่านั้นควรจะปกครองเพื่อประโยชน์สาธารณะ ดังนั้นตามทัศนะ ของอริสโตเติลจึงเป็นการพิจารณาจุดมุ่งหมายของการปกครองว่าเอื้อประโยชน์ต่อใคร ถ้าเพื่อ ประโยชน์สาธารณะแล้ว การปกครองนั้นก็ถือว่าเป็นการปกครองที่ดี

87. มีอยู่ครอบครัวหนึ่งประกอบไปด้วยคุณแม่และลูก ๆ อีกสี่คน ในวันหยุดทุกคนตกลงกันว่าจะทําเค้กทานกัน เมื่อทําเสร็จแล้วเกิดปัญหาว่า จะแบ่งเค้กอย่างไรให้เกิดความยุติธรรมที่สุด ลูกชายคนโตเสนอว่า ควรจะ แบ่งเค้กให้เขาเพราะเขาเป็นคนที่ช่วยคุณแม่มากที่สุด แนวคิดในการแบ่งเค้กของลูกชายคนโตสอดคล้องกับ แนวคิดการกระจายทรัพยากรของนักปรัชญาการเมืองคนใด
(1) คาร์ล มาร์กซ์
(2) จอห์น รอลส์
(3) จอห์น ล็อค
(4) โรเบิร์ต โนซิค
(5) จอห์น สจ๊วต มิลล์
ตอบ 3 หน้า 162, (คําบรรยาย) แนวคิดในการแบ่งเค้กของลูกชายคนโตสอดคล้องกับแนวคิด การกระจายทรัพยากรของจอห์น ล็อค (John Locke) ซึ่งเสนอว่า การกระจายทรัพยากร ในสังคมนั้นควรจะเป็นไปอย่างเสรี คือ ใครทํา ใครหา ใครลงแรง คนนั้นก็ควรที่จะเป็น ผู้ครอบครองทรัพยากร

88. รูปแบบการปกครองที่เหมาะสมในกรณีของซิเซโร คือ
(1) ราชาธิปไตย
(2) อภิชนาธิปไตย
(3) ประชาธิปไตย
(4) ผสมกันระหว่างข้อ 1 และ 2
(5) ผสมกันระหว่างข้อ 1, 2 และ 3
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 54. ประกอบ

89. งานเขียนชิ้นใดที่เชื่อว่าประชาชนไม่ควรเป็นผู้ปกครอง แต่ผู้ปกครองควรมาจากการคัดสรรอย่างดี
(1) The Republic
(2) The Prince
(3) The Politics
(4) The Social Contract
(5) Crito
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 66. ประกอบ

90. ข้อใดไม่จัดเป็นปัจจัยการผลิตตามปรัชญาการเมืองของคาร์ล มาร์กซ์
(1) ที่ดิน
(2) แรงงาน
(3) เครื่องจักร
(4) สถานประกอบการ
(5) กําไร
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 71. ประกอบ

91. “ ไม่มีทางเดินเล่นสําหรับคนทั่วไป หรือสถานหย่อนใจให้ผู้ใช้แรงงานที่มีอยู่หลายพันคนและครอบครัว ได้บรรเทาความเหนื่อยยากจากความจําเจในการทํางาน การถูกจํากัดให้อยู่ในสถานที่ที่แออัดเต็มไปด้วยฝุ่น ตั้งแต่ตีห้าจนถึงทุ่มหรือสองทุ่ม ทุก ๆ สัปดาห์โดยไม่เปลี่ยนแปลง จึงเป็นเรื่องธรรดาที่พวกเขาจะต้อง วิ่งหาร้านเหล้า ร้านเบียร์หรือโรงเต้นระบํา…” จากข้อความดังกล่าวข้อใดเป็นเงื่อนไขทําให้ชีวิตกรรมกร อยู่ในสภาพทรุดโทรม
(1) ความสัมพันธ์ทางการผลิต
(2) มูลค่าส่วนเกิน
(3) ค่าแรงขั้นต่ำ
(4) สภาวะแปลกแยก
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 หน้า 168, 170 – 173, (คําบรรยาย) จากข้อความดังกล่าว เงื่อนไขที่ทําให้ชีวิตกรรมกรอยู่ใน สภาพทรุดโทรมก็คือ ความสัมพันธ์ทางการผลิตที่ทําให้นายทุนไปขูดรีดเอามูลค่าส่วนเกินมาจาก กรรมกรและจ่ายค่าแรงขั้นต่ําให้กรรมกรเพียงเท่าที่กรรมกรจะมีชีวิตรอดไปวัน ๆ ทําให้กรรมกร ยากจนและต้องมีชีวิตอยู่ในสภาพทรุดโทรม นอกจากนี้ความสัมพันธ์ทางการผลิตยังทําให้กรรมกร เกิดสภาวะแปลกแยก (Alienation) คือ กรรมกรขาดความเคารพตนเอง ขาดความภาคภูมิใจ ต่อสิ่งที่ตนเองผลิตขึ้นมา แต่กรรมกรก็จําเป็นต้องผลิตเพื่อต้องการจะได้รับค่าจ้างมาดํารงชีวิต

92. ข้อใดจัดเป็นเสรีภาพตามปรัชญาการเมืองของฌอง ฌากส์ รุสโซ
(1) สามีเลิกสูบบุหรี่เพราะภริยาสั่งให้เลิก
(2) สามีเลิกสูบบุหรี่เพราะอยากมีชีวิตอยู่กับครอบครัว
(3) สามีไม่คาดเข็มขัดนิรภัยให้ตนเองและภริยาเพราะไม่มีตํารวจจราจรยืนอยู่
(4) สามีรีบคาดเข็มขัดนิรภัยให้ภริยาเพราะเห็นตํารวจจราจรยืนอยู่
(5) ไม่มีข้อถูก
ตอบ 2 หน้า 100, (คําบรรยาย) กรณีสามีเลิกสูบบุหรี่เพราะอยากมีชีวิตอยู่กับครอบครัว การกระทํา ของสามีดังกล่าวถือว่ามีเสรีภาพ เพราะเขาคิดด้วยตัวเขาเองไม่มีใครบังคับ เขาอยากเลิกสูบ บุหรี่เอง ซึ่งเป็นการกระทําที่สอดคล้องกับแนวคิดเสรีภาพตามปรัชญาการเมืองของฌอง ฌากส์ รุสโซ (Jean Jacques Rousseau) ที่ให้ประชาชนทุกคนเป็นคนออกกฎหมายด้วยตนเองและ กฎหมายนั้นก็จะนํามาใช้กับพวกเขาเอง เขาไม่ต้องเชื่อฟังใครนอกจากตัวเอง ซึ่งในมุมมองของ รุสโซถือว่าวิธีการดังกล่าวนั้นมีเสรีภาพมาก

93. ถ้านักศึกษาจําเป็นต้องตัดสินใจภายใต้หลังม่านแห่งความไม่รู้ หลักการในข้อใดจะไม่ได้รับการคัดเลือกมาเพื่อเป็นหลักการพื้นฐานทางสังคม
(1) เสรีภาพ
(2) หลักความแตกต่าง
(3) ประโยชน์ของตนเอง
(4) ความปลอดภัยของตนเอง
(5) ความเท่าเทียมกัน
ตอบ 5 หน้า 182 – 184, (คําบรรยาย) หากเราต้องตัดสินใจภายใต้หลังม่านแห่งความไม่รู้ตามแนวคิดของจอห์น รอลส์ (John Rawls) หลักการที่จะได้รับการคัดเลือกมาเป็นหลักการพื้นฐานทาง สังคม ได้แก่
1. ประโยชน์ของตนเอง
2. ความปลอดภัยของตนเอง
3. หลักเสรีภาพ
4. หลักความแตกต่าง

94. นักปรัชญาการเมืองท่านใดเปรียบเทียบเสรีภาพที่จะทําอะไรก็ได้ตามอําเภอใจไม่ต่างจากคนบ้า โจรลักทรัพย์และพวกฆาตกร
(1) คาร์ล มาร์กซ์
(2) จอห์น รอลส์
(3) เอ็ดมันด์ เบิร์ก
(4) โรเบิร์ต โนซิค
(5) จอห์น สจ๊วต มิลล์
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 47. ประกอบ

95. นักรัฐศาสตร์ท่านใดที่นิยามคําว่า “การเมือง” ว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการจัดการทรัพยากรหรือกระจายทรัพยากรให้กับสมาชิกในสังคม
(1) เดวิด อีสตัน
(2) โจเซฟ ซุมปีเตอร์
(3) ฟรานซิส ฟูกูยาม่า
(4) ซามูเอล ฮันติงตัน
(5) เซมูร์ มาติน ลิปเซต
ตอบ 1 หน้า 159 ฮาโรลด์ ดี. แลสเวลล์ (Harold D. Lasswell) และเดวิด อีสตัน (David Easton) เป็นนักรัฐศาสตร์ที่นิยามคําว่า “การเมือง” ว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการจัดการทรัพยากรหรือ กระจายทรัพยากรให้กับสมาชิกในสังคม โดยแลสเวลล์ได้นิยามว่า การเมือง คือ เรื่องของการที่ ใครได้อะไร เมื่อไร และอย่างไร (Politics is who gets what, when, and how) ส่วนอีสตัน ได้นิยามว่า การเมือง คือ การใช้อํานาจหน้าที่ในการจัดสรรแจกแจงสิ่งที่มีคุณค่าต่าง ๆ ให้แก่สังคม (Authoritative atlocation of values to a society)

96. “โพลิตี้” (Polity) เป็นคําที่มาจากภาษากรีก คําว่า Politeia (โพ-ลิ-เท-อา) ที่อริสโตเติลเรียกการใช้อํานาจ เพื่อประโยชน์สาธารณะนั้นมีการแปลเป็นภาษาไทยว่าอะไร
(1) ระบอบการปกครอง
(2) รูปแบบการปกครอง
(3) ระบบการปกครอง
(4) รัฐ
(5) นครรัฐ
ตอบ 2 หน้า 107 อริสโตเติล (Aristotle) เรียกรูปแบบการปกครองที่อํานาจอยู่ในมือมหาชนและ ใช้อํานาจเพื่อผลประโยชน์สาธารณะว่า “โพลิตี้” (Polity) ซึ่งคําดังกล่าวมาจากภาษากรีก คือ Politeia (โพ-ลิ-เท–อา) ที่แปลว่า “รูปแบบการปกครอง”

97. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับองค์รัฏฐาธิปัตย์
(1) ผู้ที่มีอํานาจสูงสุดในรัฐ
(2) เราสามารถเรียกว่าองค์อธิปัตย์ได้
(3) ผู้นําเผด็จการทหารเป็นองค์รัฏฐาธิปัตย์ไม่ได้
(4) ผู้ถือครองอ้านาจอธิปไตย
(5) ประชาชนสามารถถือครองอํานาจสูงสุดในการปกครองประเทศได้
ตอบ 3 หน้า 57, (คําบรรยาย) องค์อธิปัตย์ หรือองค์รัฏฐาธิปัตย์ (Sovereign) หมายถึง ผู้ที่มีอํานาจ สูงสุดในรัฐหรือสังคมการเมือง โดยคําว่าผู้มีอํานาจสูงสุดนี้หมายถึง คนที่เป็นเจ้าของอํานาจ อธิปไตย ซึ่งอาจจะหมายถึง ประชาชนทุกคน รัฐบาล หรือผู้นําเผด็จการทหาร หรือใครก็ได้ ที่เป็นเจ้าของและเป็นผู้ใช้อํานาจดังกล่าว

98. ข้อใดคือหลักการของปรัชญาการเมืองสํานักอรรถประโยชน์นิยม
(1) ปกครองให้เกิดความสุขแก่คนจํานวนมากที่สุด
(2) ปกครองให้เกิดเสรีภาพ
(3) ปกครองให้เกิดประโยชน์สาธารณะ
(4) ปกครองให้เกิดความเท่าเทียม
(5) ปกครองให้เกิดประโยชน์กับคนด้อยโอกาสที่สุดในสังคม
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 78. ประกอบ

99. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง
(1) ผู้ที่สมควรเป็นผู้ปกครองตามปรัชญาการเมืองของเพลโต คือ ราชาปราชญ์
(2) ผู้ที่สมควรเป็นผู้ปกครองตามปรัชญาการเมืองของคาร์ล มาร์กซ์ ก่อนพัฒนาไปสู่สังคมไร้ชนชั้น คือ ชนชั้นกรรมาชีพ
(3) ผู้ที่สมควรเป็นผู้ปกครองตามปรัชญาการเมืองของจอห์น สจ๊วต มิลล์ คือ ผู้แทนในระบอบประชาธิปไตย
(4) ผู้ที่สมควรเป็นผู้กระจายทรัพยากรสู่สังคมของจอห์น รอลส์ คือ รัฐบาลที่จัดสวัสดิการ
(5) ผู้ที่สมควรเป็นผู้กระจายทรัพยากรสู่สังคมของโรเบิร์ต โนซิค คือ เอกชนที่เสียภาษี
ตอบ 5 หน้า 187, 192, (คําบรรยาย) โรเบิร์ต โนซิค (Robert Nozick) โต้แย้งแนวคิดของจอห์น รอลส์ (John Rawls) โดยเขาเห็นว่า การกระจายทรัพยากรนั้นควรจะปล่อยให้เอกชนจัดการกันเอง โดยเสรี ใครทํา ใครหา ใครลงแรง คนนั้นก็ควรที่จะเป็นผู้ครอบครองทรัพยากร การที่รัฐเข้ามา แทรกแซงด้วยการกระจายทรัพยากรจากคนใดคนหนึ่งเพื่อนําไปช่วยเหลือคนด้อยโอกาสในรูปของ การเก็บภาษี หรือด้วยรูปแบบการกระจายทรัพยากรอื่น ๆ มันก็เป็นสิ่งที่ไม่แตกต่างกับการขโมย หรือการก่ออาชญากรรม นั่นก็เพราะว่ามันเป็นการใช้กําลังบังคับเอาของจากคนหนึ่ง ๆ ที่เขามีสิทธิต่อทรัพย์สินนั้นอย่างเต็มที่ไปโดยที่เขาไม่ได้ยินยอม

100. เอ็ดมันด์ เบิร์ก สนับสนุนความคิดทางการเมืองใด
(1) เผด็จการ
(2) คอมมิวนิสต์
(3) สังคมนิยม
(4) เสรีนิยม
(5) อนุรักษนิยม
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 47. ประกอบ

Advertisement