การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2563
ข้อสอบกระบวนวิชา POL 3302 การวางแผนในภาครัฐ
คําสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคําตอบเดียว

1.กระบวนการใดทําให้เกิดผลงานที่ประชาชนใช้ประโยชน์ได้
(1) กําหนดปัญหา
(2) ตั้งเป้าหมาย
(3) ศึกษาวิเคราะห์สิ่งแวดล้อม
(4) ลงมือวางแผน
(5) ประเมินผล
ตอบ ไม่มีข้อถูก (คําบรรยาย) อาจสรุปได้ว่ากระบวนการของแผน ประกอบด้วย 7 กระบวนการ ดังนี้
1. กําหนดปัญหา
2. การตั้งเป้าหมาย/วัตถุประสงค์
3. การศึกษาวิเคราะห์สิ่งแวดล้อม
4. ลงมือวางแผน เป็นการลงมือเขียนแผนให้ถูกต้อง โดยหน้าที่ของผู้วางแผนจะสิ้นสุดที่กระบวนการนี้
5. การประเมินแผน เป็นกระบวนการที่เราจะได้รับแผนที่สมบูรณ์ โดยการศึกษาวิเคราะห์แผนว่ามีความสมบูรณ์ เหมาะสมที่จะนําไป ปฏิบัติได้จริงหรือไม่ จากนั้นจึงนําเสนอแผนให้ผู้มีอํานาจพิจารณาอนุมัติ เพื่อนําแผนไปปฏิบัติ
6. การนําแผนไปปฏิบัติ เป็นกระบวนการที่ทําให้เกิดผลงานที่ประชาชนใช้ประโยชน์ได้
7. การประเมินผล (Evaluation) เป็นกระบวนการที่ทําให้ทราบถึงผลสําเร็จและเก็บเป็น ข้อมูลสะสมเพื่อการวางแผนในโอกาสต่อ ๆ ไป

Advertisement

2.คํากล่าวที่ว่า “การวางแผน คือ Set of Temporally Linked Actions” เป็นของใคร
(1) José Villamil
(2) ดร.อมร รักษาสัตย์
(3) Albert Waterston
(4) William Dunn
(5) Gulick and Urwick
ตอบ 1 หน้า 25 José Villamit กล่าวว่า “การวางแผนเป็นการกระทําที่เป็นกระบวนการ (Set of Temporally Linked Actions) ที่นําไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ (Desired end State) โดยการ ตัดสินใจแต่ละครั้งนั้นมุ่งให้เกิดการรวมชาติหรือการเปลี่ยนแปลง โดยมีการผิดพลาดน้อยที่สุด”

3. การศึกษาแนววิเคราะห์นโยบายได้มีจุดเริ่มต้นที่ใด
(1) เมื่อ Mayo ได้ทดลองค้นคว้าที่เรียกว่า Hawthorne Study
(2) ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2
(3) เมื่อ Max Weber ได้ศึกษาระบบราชการ
(4) เมื่อมีกลุ่มนักทฤษฎีสมัยใหม่
(5) ผิดทุกข้อ
ตอบ 2 หน้า 6 – 7 การศึกษาแนววิเคราะห์นโยบาย ถือเป็นแนวทางที่นักรัฐประศาสนศาสตร์ นิยมใช้กันมาก โดยเป็นการศึกษาที่เน้นการวิเคราะห์โดยทั่วไป (ในภาพรวม) มิใช่เป็น การศึกษารายกรณี และมีเทคนิควิธีการศึกษาที่ใช้หลักสหวิทยาการหรือหลักการของวิชาการหลายสาขามาศึกษาวิเคราะห์ ซึ่งการศึกษาตามแนวนี้ได้มีจุดเริ่มต้นระหว่าง สงครามโลกครั้งที่ 2 โดยมีสหรัฐอเมริกาเป็นผู้ริเริ่ม

4.เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไป นโยบายของรัฐจะเป็นอย่างไร
(1) มีขนาดเล็กลง
(2) คงที่เหมือนเดิม
(3) มีขนาดใหญ่โตตามกาลเวลา
(4) มีขนาดใหญ่โตหน้าเวลา
(5) มีขนาดจะเล็กลงหรือจะโตขึ้นเป็นไปตามจํานวนประชากร
ตอบ 3 หน้า 17 – 18 Randall Ripley และ Grace Franklin กล่าวว่า ในการนํานโยบายไปปฏิบัตินั้น มีประเด็นต่าง ๆ ที่ผู้นํานโยบายไปปฏิบัติต้องทําความเข้าใจอยู่ 5 ประการ ได้แก่
1. มีผู้เกี่ยวข้องจํานวนมากมาย
2. มีความต้องการหลากหลายต่อนโยบาย
3. ธรรมชาติของนโยบายมักจะมีขนาดที่ใหญ่โตขึ้นตามกาลเวลาที่เปลี่ยนไป
4. ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในหลายระดับ หลายสังกัด และหลายหน่วยเสมอ
5. มีปัจจัยมากมายที่นโยบายไม่สามารถควบคุมได้

5. หน้าที่ของผู้วางแผนจะสิ้นสุดที่กระบวนการใด
(1) กําหนดปัญหา
(2) ตั้งเป้าหมาย
(3) ศึกษาวิเคราะห์สิ่งแวดล้อม
(4) ลงมือวางแผน
(5) ประเมินผล
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 1. ประกอบ

6. ใครกล่าวว่านโยบายคือ “สิ่งใดก็ตามที่รัฐบาลเลือกที่จะกระทําหรือไม่กระทํา”
(1) Thomas R. Dye
(2) David Easton
(3) Woodrow Wilson
(4) William Dunn
(5) ดร.อมร รักษาสัตย์
ตอบ 1 หน้า 1 Thomas R. Dye กล่าวว่า “นโยบายสาธารณะเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวหรือ กิจกรรมหรือสิ่งใดก็ตามที่รัฐบาลเลือกที่จะกระทําหรือไม่กระทํา และเกี่ยวข้องกับเหตุผลว่าทําไมจึงเลือกเช่นนั้น”

7.แผนงบประมาณของไทยซึ่งเป็นแผนประจําทุกปีนั้น จัดเป็นแผนประเภทใด
(1) แผนรายปี
(2) แผนงบประมาณ
(3) แผนการเงิน
(4) แผนโครงการ
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 (คําบรรยาย) สําหรับแผนงบประมาณของไทยซึ่งเป็นแผนประจําทุกปีนั้น อาจเรียกได้ว่า เป็นแผนประเภทแผนรายปี แผนงบประมาณ แผนการเงิน แผนระยะสั้น หรือแผนโครงการ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเกณฑ์ที่ใช้ในการจําแนก

8.TP. หมายถึง
(1) เวลาที่ผ่านไป
(2) Target Planning
(3) Team Planning
(4) การทํางานเป็นทีม
(5) ทฤษฎีการวางแผน
ตอบ 3 หน้า 33 – 34, (คําบรรยาย) การวางแผนแบบทีมวางแผน (Team Planning : TP.) คือ การวางแผนเป็นทีมที่เน้นหลักการมีส่วนร่วมและการระดมสมอง (Brain Storm) มากที่สุด ซึ่งมี 6 ขั้นตอน ดังนี้
1. ร่วมกันกําหนดเป้าหมาย (Targets) ของหน่วยงานให้ชัดเจนตรงกัน
2. ร่วมกันกําหนดอนาคต (Scenario) หรือวิสัยทัศน์ (Vision) ที่ต้องการโดยคิดล่วงหน้า 3 – 5 ปี
3. ร่วมกันหาสิ่งที่เป็นอุปสรรคขัดขวางหรือข้อจํากัด (Obstructions) ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
4. ร่วมกันกําหนดแผน (Plan) หรือกลยุทธ์ (Strategies) โดยใช้การวิเคราะห์ SWOT เข้าช่วย
5. ร่วมกันกําหนดกลวิธี (Tactics) หรือโครงการให้สอดคล้องกับแผนที่วางไว้ เช่น การจัดตั้ง สาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติของมหาวิทยาลัยรามคําแหง เป็นต้น
6. ร่วมกันจัดทําแผนปฏิบัติ (Action Plan) ของโครงการ โดยเน้นให้เกิดผลภายใน 90 วัน หรือที่เรียกว่า 90 Day Implementation Plan

9.การกําหนดโครงการ หมายถึงอะไร
(1) การศึกษาความสมบูรณ์ของโครงการที่ร่างเสร็จแล้ว
(2) การศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ
(3) การตรวจสอบข้อมูลของโครงการ
(4) การตรวจสอบผลของการดําเนินโครงการที่ผ่านไปแล้ว
(5) การตรวจสอบความสามารถของผู้ร่างโครงการซ้ําอีกครั้ง
ตอบ 2 (คําบรรยาย) การกําหนดโครงการ หมายถึง การศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ หรือ การเสาะหาลู่ทางการลงทุนที่ดีและมีความเป็นไปได้ เช่น โครงการลงทุนของภาคเอกชน ที่มีแววว่าจะสามารถทํากําไร หรือให้ผลประโยชน์ตอบแทนที่คุ้มค่า และถ้าเป็นโครงการลงทุน ของภาครัฐก็เป็นโครงการลงทุนที่มีศักยภาพและความสําคัญสูงต่อการแก้ไขปัญหาหรือตอบสนอง ความต้องการและโอกาสในการพัฒนาทางด้านต่าง ๆ ของประเทศ เป็นต้น

10. ข้อใดเป็นคํากล่าวที่ถูกต้องในเรื่องประเภทของแผน
(1) แผนระยะยาว 5 ปีขึ้นไป
(2) แผนระยะสั้น 3 ปี
(3) แผนระยะปานกลาง 6 ปี
(4) แผนระยะสั้น 4 ปี
(5) ผิดทุกข้อ
ตอบ 1 หน้า 23, (คําบรรยาย) การจําแนกประเภทของแผนหรือแผนงาน (Plan) โดยใช้เกณฑ์ระยะเวลา (Time Span) อาจจําแนกได้ดังนี้
1. แผนระยะสั้น เป็นแผนที่มีระยะเวลาตั้งแต่ 1 – 2 ปี ซึ่งสามารถวางแผนได้ง่าย เนื่องจากข้อมูลมีลักษณะกว้าง ๆ ง่าย ๆ
2. แผนระยะปานกลาง เป็นแผนที่มีระยะเวลาตั้งแต่ 2 – 5 ปี ซึ่งนิยมใช้เป็นแผนพัฒนาประเทศ
3. แผนระยะยาว เป็นแผนที่มีระยะเวลาตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป

11. นโยบายตามตัวแบบสถาบันจะให้ประโยชน์กับใครมากที่สุด
(1) ให้ประโยชน์กับสังคม
(2) ให้คํานึงถึงรัฐสภา
(3) ประโยชน์โดยทั่วไป
(4) ผู้นําและผู้ใกล้ชิด
(5) ถูกทุกข้อที่กล่าวมา
ตอบ 2 หน้า 6, (คําบรรยาย) ตัวแบบหรือทฤษฎีสถาบัน (Institution Model Theory) เชื่อว่า นโยบายสาธารณะเป็นผลผลิตของโครงสร้างสถาบันการปกครอง กล่าวคือ นโยบายใด ๆ ก็ตาม จะได้ชื่อว่าเป็นนโยบายสาธารณะก็ต่อเมื่อได้รับการรับรองโดยสถาบันแล้วเท่านั้น ซึ่งนโยบายก็มักจะเป็นไปตามที่สถาบันการปกครองกําหนดเองหรือให้ประโยชน์กับสถาบันการปกครอง ตัวอย่างสถาบันการปกครอง ได้แก่ สถาบันนิติบัญญัติ (รัฐสภา) สถาบันบริหาร (นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี) สถาบันราชการ สถาบันตุลาการ (ศาล) สถาบันการปกครองท้องถิ่น เป็นต้น

12. ในแนวคิดการศึกษานโยบายศาสตร์ในแนววิเคราะห์นโยบายนิยมใช้ในนักวิชาการกลุ่มใด
(1) นักรัฐศาสตร์
(2) นักสังคมวิทยา
(3) นักรัฐประศาสนศาสตร์
(4) นักวิทยาศาสตร์
(5) นักเศรษฐศาสตร์
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 3. ประกอบ

13. กระบวนการใดทําให้ได้รับข้อมูลสะสมเพื่อการวางแผนในโอกาสต่อ ๆ ไป
(1) กําหนดปัญหา
(2) ตั้งเป้าหมาย
(3) ศึกษาวิเคราะห์สิ่งแวดล้อม
(4) ลงมือวางแผน
(5) ประเมินผล
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 1. ประกอบ

14. สถาบันที่มีหน้าที่ริเริ่มกําหนดนโยบายและมีอํานาจอิทธิพลต่อนโยบายมาก คือ
(1) สถาบันทหาร
(2) สถาบันศาล
(3) สถาบันทางรัฐสภา
(4) สถาบันการปกครอง
(5) สถาบันการปกครองท้องถิ่น
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 11. ประกอบ

15. ข้อใดเป็นความจริงเกี่ยวกับแผนระยะยาว
(1) มีระยะเวลามากกว่า 3 ปีขึ้นไป
(2) วางแผนได้ง่ายเนื่องจากข้อมูลมีลักษณะกว้าง ๆ ง่าย ๆ
(3) มีระยะเวลาไม่จํากัด
(4) ความเชื่อมั่นจะแปรผันกับระยะเวลาของแผน
(5) ใช้แก้ปัญหาได้เพียงผิวเผิน
ตอบ 4 หน้า 23 (คําบรรยาย) แผนระยะยาว คือ แผนที่มีระยะเวลา 5 ปีขึ้นไป เป็นแผนที่มี ความเชื่อมั่นได้น้อยและจะแปรผันกับระยะเวลาของแผน กล่าวคือ ความเชื่อมั่นจะลดต่ําลง ตามระยะเวลาที่ยาวออกไป แต่จะเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป (แผนนั้นเริ่มเห็นผล คือ สามารถ แก้ปัญหาได้ ความเชื่อมั่นที่มีต่อแผนก็จะเพิ่มมากขึ้น) และแผนระยะยาวนับว่าเป็นแผนที่ แก้ปัญหาได้ลึกซึ้งที่สุด แต่เห็นผลช้า (ดูคําอธิบายข้อ 10. ประกอบ)

16. ขั้นตอนใดที่เราจะได้รับแผนที่สมบูรณ์
(1) กําหนดปัญหา
(2) ตั้งเป้าหมาย
(3) ศึกษาวิเคราะห์สิ่งแวดล้อม
(4) ลงมือวางแผน
(5) ประเมินผล
ตอบ ไม่มีข้อถูก ดูคําอธิบายข้อ 1. ประกอบ

17.Controlled Environment หมายถึง
(1) ภาวะทางธรรมชาติ
(2) ค่านิยมของคนในภาคใต้ของประเทศไทย
(3) เทคโนโลยีที่ใช้ในนโยบาย
(4) ความเชื่อของคนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 3 หน้า 12 สิ่งแวดล้อมของนโยบาย แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. สิ่งแวดล้อมที่ควบคุมได้ (Controlled Environment) เป็นสิ่งแวดล้อมที่สามารถควบคุม หรือกําหนดได้อย่างแน่นอน เช่น จํานวนคนที่จะเข้ามาบริหารนโยบาย เทคโนโลยีที่ใช้ ในนโยบาย ลักษณะทางภูมิศาสตร์ เป็นต้น
2. สิ่งแวดล้อมที่ควบคุมไม่ได้ (Uncontrolled Environment) เป็นสิ่งแวดล้อมที่ไม่สามารถ ควบคุมหรือกําหนดได้อย่างชัดเจน เช่น ความเชื่อ ค่านิยมของคนในสังคม ภาวะทางธรรมชาติ ภาวะโลกร้อน แผ่นดินไหว เป็นต้น

18.การส่งมอบงานตึก 12 ชั้น คณะรัฐศาสตร์
(1) Policy Formulation
(2) Policy Analysis
(3) Policy Evaluation
(4) Policy Implementation
(5) ผิดทุกข้อ
ตอบ 4 หน้า 17, (คําบรรยาย) การนํานโยบายไปปฏิบัติ (Policy Implementation) เป็นขั้นตอนของ การแปลงวัตถุประสงค์ที่กําหนดไว้ในนโยบาย ซึ่งอาจเป็นกฎหมาย คําสั่ง หรือมติของคณะรัฐมนตรี ให้เป็นแผนงาน โครงการ และกิจกรรมที่เป็นรูปธรรม โดยจะต้องมีการจัดหา/การตระเตรียม วิธีการ ตลอดจนทรัพยากรต่าง ๆ เพื่อดําเนินการให้สําเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์ที่กําหนดไว้

19. ความเป็นธรรมของนโยบายสามารถวัดได้อย่างไร
(1) วัดจากความพึงพอใจของประชาชนโดยส่วนรวม
(2) วัดจากการกระจายรายได้ของนโยบายสู่ประชาชน
(3) วัดจากประโยชน์ที่มีต่อประชาชนกลุ่มต่าง ๆ อย่างเท่าเทียมกัน
(4) วัดจากประสิทธิภาพและประสิทธิผลของนโยบาย
(5) วัดจากการเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าร่วมในกระบวนการของนโยบายให้มากที่สุด
ตอบ 3 (คําบรรยาย) การพิจารณาด้านความเป็นธรรมของนโยบาย แผน หรือโครงการนั้น อาจพิจารณา หรือวัดได้จากประโยชน์ของนโยบาย แผน หรือโครงการว่าประชาชนกลุ่มต่าง ๆ ได้รับประโยชน์ จากนโยบาย แผน หรือโครงการอย่างเท่าเทียมกันหรือไม่ เพราะนโยบาย แผน หรือโครงการ ที่ดีนั้นจะต้องคํานึงถึงประโยชน์ของสาธารณชนส่วนใหญ่เป็นหลัก

20. แบบอะไรที่ถูกต้องในการวัดประสิทธิผล (Effectiveness Evaluation) ของนโยบายหรือแผน
(1) แผนการรายงาน
(2) แผนตรวจงาน
(3) แผนประเมินผลงาน
(4) แบบวิธีทดลอง
(5) แบบการวัดประสิทธิภาพ
ตอบ 4(คําบรรยาย) การประเมินผลโดยการวัดประสิทธิผล (Effectiveness Evaluation) ของนโยบาย คือ การประเมินผลโดยการพิจารณาว่าผลลัพธ์ที่ได้จากการดําเนินการตามนโยบายนั้นตรงกับ เป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ที่วางไว้หรือไม่ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ คือ
1. แบบธรรมดา หรือแบบที่ไม่ใช่วิธีการทดลอง
2. แบบวิธีกึ่งทดลอง
3. แบบวิธีทดลอง

21. ข้อมูลที่ต้องระมัดระวังในการอ้างอิงให้มาก คือ
(1) ข้อมูลที่ยังไม่ได้กรอง
(2) ข้อมูลที่เป็นความจริง (Facts)
(3) ข้อมูลที่เป็นความเชื่อ (Values)
(4) ข้อมูลทุกประเภท
(5) ข้อมูลที่เกี่ยวกับโครงการของดิน
ตอบ 3 หน้า 11 ข้อมูลในการวางนโยบายหรือแผน อาจจําแนกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ
1. ข้อมูลที่เป็นความจริง (Facts) เป็นข้อมูลที่มีลักษณะคงที่ ไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลง เช่น ลักษณะของดินฟ้าอากาศ และภูมิศาสตร์
2. ข้อมูลที่เป็นความเชื่อหรือค่านิยม (Values) เป็นข้อมูลที่เกี่ยวกับความยึดมั่น ความเชื่อถือ ของประชาชน ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงได้ง่าย ดังนั้นจึงต้องระมัดระวังในการอ้างอิงให้มาก

22.นักวิชาการที่กล่าวว่า การวิเคราะห์นโยบายมีจุดสําคัญอยู่ที่การวิเคราะห์ผลกระทบของนโยบายเป็นสําคัญ คือ
(1) Harry Harty
(2) Walter
(3) Thomas R. Dye
(4) William Dunn
(5) Theodore Poister
ตอบ 5 หน้า 16 Theodore Poister กล่าวว่า “การวิเคราะห์นโยบายมีจุดสําคัญอยู่ที่การวิเคราะห์ ผลกระทบของนโยบายเป็นสําคัญ ดังนั้นจําเป็นต้องมีการศึกษาอย่างจริงจังถึงความสัมพันธ์ระหว่างเนื้อหาของนโยบายกับผลกระทบทั้งปวงที่จะเกิดขึ้น”

23. กระบวนการใดต้องใช้ผู้ที่เชี่ยวชาญหลายสาขามากที่สุด
(1) กําหนดปัญหา
(2) ตั้งเป้าหมาย
(3) ศึกษาวิเคราะห์สิ่งแวดล้อม
(4) ลงมือวางแผน
(5) ประเมินผล
ตอบ 4 หน้า 27 งานวางแผนเป็นงานระดับกลุ่ม ดังนั้นการลงมือวางแผนจึงต้องประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญหลาย ๆ สาขามาร่วมกันสร้างแผน โดยมีนักวางแผนเป็นผู้ประสานให้การวางแผน ไปสู่จุดหมายร่วมกันขององค์การได้

24. ในเรื่องเกี่ยวกับรูปร่างและรูปแบบของนโยบาย ข้อความในข้อใดกล่าวผิด
(1) มีรูปเป็นกฎหมาย กฎ ระเบียบ
(2) มีรูปเป็นแบบแผน โครงการ
(3) มีรูปเป็นประกาศ แจ้งความ
(4) มีรูปแบบเป็นสัญญา
(5) เป็นคําบอกกล่าวที่เสนอผู้บังคับบัญชาตามลําดับชั้นไป
ตอบ 5 หน้า 2 นโยบายมีรูปร่างและรูปแบบหลายลักษณะตามการใช้ประโยชน์ของนโยบาย ดังนี้
1. มีรูปเป็นกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ คําสั่ง
2. มีรูปเป็นแผนงาน โครงการ
3. มีรูปเป็นประกาศ แจ้งความ เพื่อแจ้งข่าวสารหรือเชิญชวน ซึ่งมีลักษณะบังคับน้อยที่สุด
4. มีรูปเป็นสัญญา
5. มีรูปเป็นอื่น ๆ หรืออาจไม่มีรูปร่างให้เห็นชัดเจน เช่น คําแถลงการณ์ของนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรี และมติคณะรัฐมนตรี เป็นต้น

25. กระบวนการของนโยบาย (Processes of Policy) เรียงตามลําดับได้อย่างไร
(1) กําหนด-วิเคราะห์-ปฏิบัติ-ประเมิน
(2) กําหนด-ปฏิบัติ-วิเคราะห์ ประเมิน
(3) ประเมิน-ปฏิบัติ-วิเคราะห์-กําหนด
(4) ถูกทุกข้อ
(5) ผิดทุกข้อ
ตอบ 1 หน้า 8 – 20 กระบวนการของนโยบาย (Processes of Policy) ประกอบด้วยกระบวนการ ที่สําคัญเรียงตามลําดับ ดังนี้
1. การกําหนดนโยบาย (Policy Formulation)
2. การวิเคราะห์นโยบาย (Policy Analysis)
3. การนํานโยบายไปปฏิบัติ (Policy Implementation)
4. การติดตามประเมินผลการปฏิบัติตามนโยบาย (Policy Evaluation)

26. กําหนดทางเลือกซึ่งเป็นแนวทางที่สามารถแก้ไขปัญหาได้ และรวบรวมทางเลือกทุก ๆ ทางเลือกให้ครบถ้วน
(1) การระบุปัญหา
(2) การศึกษาข้อจํากัดที่เกี่ยวข้องกับนโยบาย
(3) การออกแบบทางเลือกนโยบาย
(4) การวิเคราะห์ทางเลือก
(5) การทดสอบทางเลือก
ตอบ 3 หน้า 13 การออกแบบทางเลือกนโยบาย คือ การใช้ความรู้ ประสบการณ์ของผู้กําหนดนโยบาย ร่วมกับข้อมูลที่รวบรวมและการวิเคราะห์ปัจจัยต่าง ๆ เพื่อกําหนดว่าทางเลือกซึ่งเป็นแนวทาง ที่สามารถแก้ไขปัญหาได้นั้นควรเป็นทางเลือกใดบ้าง โดยพิจารณาว่ามีทางเลือกใดที่สามารถ ปฏิบัติตามแล้วให้ผลสําเร็จดังวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ได้บ้าง ซึ่งในขั้นนี้ต้องรวบรวมทางเลือกทุก ๆ ทางเลือกที่เป็นไปได้ให้ครบถ้วน

27. ข้อใดเป็นทางเลือกในการวางแผน โครงการ
(1) Alternative
(2) Social Analysis
(3) Feasibility Study
(4) Financial Analysis
(5) Process
ตอบ 1 (คําบรรยาย) ทางเลือก (Alternative) หมายถึง มาตรการหรือแนวทางการดําเนินงานที่สามารถ บรรลุวัตถุประสงค์ที่กําหนดไว้ ซึ่งอาจมีหลายทางเลือกในการบรรลุวัตถุประสงค์หนึ่ง ๆ

28. การวางโครงการให้ประสบผลสําเร็จต้องอาศัยองค์ประกอบตัวใดเป็นสําคัญที่สุด
(1) คนวางโครงการ
(2) ข้อมูล
(3) การสนับสนุนจากผู้มีอํานาจ
(4) เวลาที่เหมาะสม
(5) เครื่องมือที่เพียบพร้อม
ตอบ 2 (คําบรรยาย) ในกระบวนการของแผน/โครงการนั้น กระบวนการหรือขั้นตอนที่ใช้ข้อมูลมากที่สุด และมีอิทธิพลต่อทุก ๆ กระบวนการมากที่สุดก็คือ การวางแผน/โครงการ เพราะโดยทั่วไปแล้ว การที่แผน/โครงการจะประสบความสําเร็จหรือล้มเหลวนั้นจะขึ้นอยู่กับกระบวนการหรือขั้นตอน ที่ว่านี้เป็นสําคัญ กล่าวคือ ถ้าวางแผน/โครงการได้ดีมีรายละเอียดครอบคลุม มีการเก็บข้อมูล อย่างถูกต้อง ครบถ้วน สมบูรณ์ ย่อมส่งผลให้การวางโครงการมีประสิทธิภาพ การวิเคราะห์และ ประเมิน การนําไปปฏิบัติ ตลอดจนการประเมินผลสามารถทําได้โดยง่าย และโอกาสที่แผน/ โครงการนั้นจะประสบความสําเร็จก็จะมีสูง

29. ปัญหาชนิดใดวางโครงการง่ายที่สุด
(1) ปัญหาการเมืองของชาติ
(2) ปัญหาความแตกแยกในสังคมหมู่บ้าน
(3) ปัญหาประมงนอกน่านน้ําไทย
(4) ปัญหาความแห้งแล้งในทุ่งนา
(5) ปัญหาจราจรใน กทม.
ตอบ 5 หน้า 25, (คําบรรยาย) ปัญหาแก้ไข (Solved Problem) เป็นปัญหาที่ปรากฏผลเสียหาย ให้เห็นอยู่แล้ว เห็นตัวตนของปัญหามีรูปธรรมชัดเจน และสังคมเห็นพ้องต้องกันว่านี้คือปัญหา ที่ต้องแก้ไข ซึ่งจะนํามาเป็นแนวคิดในการวางโครงการได้ง่ายที่สุดเพื่อแก้ปัญหา เช่น ปัญหา จราจรใน กทม. แก้ไขปัญหาโดยการสร้างรถไฟฟ้าใต้ดิน ปัญหาน้ําท่วมเมื่อปี 2554 เป็นต้น

30. การจัดการโครงการ (Program Management) มีเป้าหมายสําคัญอย่างไร
(1) เพื่อพัฒนาประเทศ
(2) เพื่อให้ได้ผลงานตามที่วางโครงการไว้
(3) เพื่อให้ครบกระบวนการของโครงการ
(4) เพื่อจัดองค์การให้เหมาะสมกับโครงการที่วางไว้
(5) เพื่อรวบรวมปัญหาและอุปสรรคไว้เป็นแนวทางในภายหน้า
ตอบ 2 (คําบรรยาย) การบริหารหรือการจัดการโครงการหรือการปฏิบัติตามโครงการ (Program Management) เป็นขั้นตอนของการนําโครงการไปปฏิบัติ ซึ่งมีเป้าหมายสําคัญเพื่อนําเอา โครงการที่วิเคราะห์และประเมินแล้วมาดําเนินการให้เกิดผลงานตามที่วางโครงการไว้

31. ศึกษาถึงความเหมาะสมระหว่างทางเลือกกับสภาพแวดล้อม รวมทั้งศึกษาถึงประโยชน์ ข้อดี ข้อเสีย
(1) การระบุปัญหา
(2) การศึกษาข้อจํากัดที่เกี่ยวข้องกับนโยบาย
(3) การออกแบบทางเลือกนโยบาย
(4) การวิเคราะห์ทางเลือก
(5) การทดสอบทางเลือก
ตอบ 4 หน้า 14 การวิเคราะห์ทางเลือก คือ การนําเอาทางเลือกที่มีทั้งหมดมาทําการศึกษาถึงปัจจัย ที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ในแต่ละทางเลือกทีละทางเลือก เช่น ศึกษาความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ ศึกษาถึงความเหมาะสมระหว่างทางเลือกกับสถานการณ์แวดล้อม ศึกษาถึงผลประโยชน์ข้อดี ข้อเสียของแต่ละทางเลือก ทั้งนี้เพื่อให้ได้รับทางเลือกที่ดีและเหมาะสมที่สุด

32. การกําหนดกิจกรรมที่โครงสร้างต้องดําเนินการไว้ให้ชัดเจน ถือเป็นการกําหนดขอบเขตของโครงการด้านใด
(1) ขอบเขตด้านเวลา
(2) ด้านปฏิบัติการ
(3) ด้านเทคนิค
(4) ด้านวิชาการ
(5) ด้านภูมิศาสตร์
ตอบ 2 (คําบรรยาย) การกําหนดกิจกรรมที่โครงสร้างต้องดําเนินการไว้ให้ชัดเจน ถือเป็นการกําหนด ขอบเขตของโครงการด้านปฏิบัติการ เพื่อให้โครงการนั้น ๆ สะท้อนถึงความเป็นจริงในทางปฏิบัติอย่างแท้จริงมากขึ้น

33. ข้อใดประเมินดู Cost-Benefit
(1) Alternative
(2) Social Analysis
(3) Feasibility Study
(4) Financial Analysis
(5) Process
ตอบ 4 หน้า 40, (คําบรรยาย) การวิเคราะห์และประเมินโครงการด้านการเงิน (Financial Analysis) เป็นแนวทางการประเมินโครงการทั้งของภาครัฐและภาคเอกชน โดยใช้วิธีการวิเคราะห์ค่าใช้จ่าย กับผลประโยชน์ที่ได้รับ (Cost-Benefit) เพื่อดูว่าโครงการที่จัดทําขึ้นมานั้นมีลักษณะคุ้มทุนหรือไม่

34.การทํา Feasibility ของโครงการมีจุดมุ่งหมายสําคัญเพื่อสิ่งใด
(1) เพื่อดูความพร้อมของโครงการ
(2) เพื่อประเมินผลที่เกิดจากโครงการ
(3) เพื่อตระเตรียมการแก้ปัญหาแต่เนิ่น ๆ
(4) เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของโครงการ
(5) เพื่อประเมินโอกาสในการบรรลุผลสําเร็จของโครงการ
ตอบ 5 หน้า 40 – 42, (คําบรรยาย) การวิเคราะห์และประเมินโครงการ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. การวิเคราะห์เปรียบเทียบโครงการ (Program/Project Analysis) เป็นเทคนิคการวิเคราะห์และ ประเมินโครงการในระบบปิด ซึ่งจะให้ความสําคัญกับปัจจัยภายในองค์การ/โครงการเป็นหลักโดยจะนําเอาโครงการที่มีอยู่ทั้งหมดมาทําการวิเคราะห์เปรียบเทียบถึงข้อดีข้อด้อยของแต่ละโครงการ เพื่อเลือกเอาโครงการที่ดีที่สุด ซึ่งเหมาะสําหรับโครงการที่ไม่เร่งด่วน
2. การศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ (Feasibility Study) เป็นเทคนิคการวิเคราะห์และ ประเมินโครงการในระบบเปิด ซึ่งจะให้ความสําคัญกับสภาพแวดล้อมภายนอกที่มากระทบโครงการโดยจะนําเอาโครงการที่ได้เลือกสรรไว้แล้วเพียงโครงการเดียวมาทําการศึกษาถึง ความเป็นไปได้ เพื่อประเมินโอกาสในการบรรลุผลสําเร็จของโครงการว่ามีโอกาสที่จะ ประสบผลสําเร็จมากน้อยเพียงใด ซึ่งมักจะใช้ในกรณีที่เป็นโครงการเร่งด่วน

35. หลักการบริหารใดที่ต้องใช้มากที่สุดในการจัดการโครงการ
(1) การวางแผน (Planning)
(2) การจัดองค์การ (Organizing)
(3) การจัดทีมงาน (Team Building)
(4) การรายงาน (Reporting)
(5) การควบคุม (Controlling)
ตอบ 5 หน้า 44, (คําบรรยาย) ในการบริหารหรือการจัดการโครงการนั้น หลักการบริหารที่จะต้องใช้ มากที่สุดก็คือ การควบคุม (Controlling) ซึ่งโดยทั่วไปการควบคุมโครงการจะเน้นการควบคุม 3 ด้าน คือ
1. ควบคุมเวลา (Time Control)
2. ควบคุมค่าใช้จ่าย (Cost Control)
3. ควบคุมคุณภาพและมาตรฐาน (Quality Control)

36. การศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการเน้นหลักในด้านใดบ้าง
(1) เศรษฐกิจ การจัดการ เทคโนโลยี
(2) สังคม เศรษฐกิจ การเมือง
(3) เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม การเมือง
(4) ผลตอบแทน สิ่งแวดล้อม การเมือง
(5) การเงิน การคลัง เทคโนโลยี และการจัดการ
ตอบ 1 หน้า 42 การศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ (Feasibility Study) มักจะประเมินเพียง ตัวแปรหลัก ๆ ดังนี้
1. ด้านเศรษฐกิจ ความคุ้มทุนหรือผลตอบแทนของโครงการ (นิยมประเมิน ในด้านนี้เป็นประจํา)
2. ด้านการบริหารหรือการจัดการ
3. ด้านเทคนิค เช่น สถานที่ตั้ง วัตถุดิบ และเทคโนโลยีของโครงการ
4. ด้านสิ่งแวดล้อมของโครงการ

37.การวางแผนแตกต่างจากการวางโครงการ เพราะการวางแผนไม่มีกิจกรรมใดต่อไปนี้ แต่โครงการมี
(1) การวิเคราะห์ปัญหา
(2) การเก็บรวบรวมข้อมูล
(3) การจัดทํา Project Programming
(4) การจัดทํา Feasibility Study
(5) การวิเคราะห์สิ่งแวดล้อม
ตอบ 3 หน้า 38 – 39, (คําบรรยาย) ในกระบวนการวางโครงการจําเป็นต้องมีการจัดทําโครงการปฏิบัติ (Operation Plan) เป็นการกําหนดรายละเอียดของวิธีดําเนินการโครงการ หรือที่เรียกว่า การจัดทํา “Project Programming” ซึ่งไม่มีในการวางแผน ดังนี้
1. กําหนดบุคลากร (Man Power) คือ การจัดคนที่ต้องรับผิดชอบงานต่าง ๆ ให้เหมาะสม ซึ่งถือเป็นงานที่จําเป็นมากที่สุด
2. วัสดุอุปกรณ์ และสิ่งอํานวยความสะดวกต่าง ๆ (Materials/Equipments and Facilities)
3. ตารางเวลาการปฏิบัติงาน (Work Scheduling) คือ การกําหนดขั้นตอนของงานประกอบกับช่วงเวลาที่ต้องปฏิบัติอย่างเป็นขั้นตอน นับตั้งแต่เริ่มต้นโครงการจนสิ้นสุดกระบวนการ
4. งบประมาณ (Budgeting)
5. สถานที่ (Location)
6. องค์การที่จะต้องดูแลผลของโครงการเมื่อดําเนินการเสร็จสิ้นแล้ว (Future Organization)
7. การประเมินผลโครงการ (Evaluation)

38. โครงการต้องเจาะจงอะไรให้ชัดเจนกว่าแผน
(1) รูปร่าง (Form)
(2) ความต้องการของประชาชน
(3) คู่แข่งขัน
(4) เวลาดําเนินการ
(5) เวลาที่จะเกิดผลสําเร็จ
ตอบ 4 หน้า 36, (คําบรรยาย) รูปแบบอันเฉพาะเจาะจงที่ทําให้โครงการมีความแตกต่างจากแผน มีดังนี้
1. โครงการมีความชัดเจนและเจาะจงกว่า ทั้งรูปแบบ/รายละเอียดของวิธีดําเนินการ สถานที่และระยะเวลาในการดําเนินการ
2. โครงการมีความมุ่งหมายให้เกิดผลิตผล (Products) มากกว่าแผน
3. โครงการเป็นหน่วยที่เล็กที่สุดในโครงสร้างของการกําหนดแนวทางในการบริหาร

39. ความขัดแย้งด้านผลประโยชน์จากนโยบาย รวมทั้งการยอมรับต่อนโยบาย
(1) การระบุปัญหา
(2) การศึกษาข้อจํากัดที่เกี่ยวข้องกับนโยบาย
(3) การออกแบบทางเลือกนโยบาย
(4) การวิเคราะห์ทางเลือก
(5) การทดสอบทางเลือก
ตอบ 2 หน้า 13 การศึกษาข้อจํากัดที่เกี่ยวข้องกับนโยบาย คือการศึกษาข้อจํากัดด้านต่าง ๆ ดังนี้
1. ข้อมูล
2. ความขัดแย้งด้านผลประโยชน์จากนโยบาย
3. การรับรู้และการยอมรับต่อนโยบาย
4. สิ่งแวดล้อมทั่วไป

40. ข้อใดเป็นการวิเคราะห์ประเมินโครงการไม่ใช่ราชการ
(1) Alternative
(2) Social Analysis
(3) Feasibility Study
(4) Financial Analysis
(5) Process
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 33. ประกอบ

41. การประเมินโครงการมีประโยชน์อย่างไร
(1) เป็นข้อมูลเพื่อแก้ไขโครงการนั้นได้
(2) เป็นข้อมูลเพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน
(3) เป็นข้อมูลเพื่อการวางโครงการในโอกาสต่อไป
(4) เป็นภาพสะท้อนให้ผู้บริหารโครงการปรับปรุงการบริหารได้
(5) เป็นการวางแผนขั้นสุดท้ายที่โครงการต้องทํา
ตอบ 3 หน้า 50, (คําบรรยาย) การประเมินโครงการมีประโยชน์ ดังนี้
1. ทําให้ทราบว่าการดําเนินโครงการประสบความสําเร็จมากน้อยเพียงใด
2. ทําให้ทราบถึงเหตุผลสําคัญที่ทําให้โครงการประสบความสําเร็จหรือล้มเหลว
3. ช่วยปรับปรุงการดําเนินงานให้ดีขึ้น
4. เก็บเป็นข้อมูลสําหรับการวางโครงการในโอกาสต่อ ๆ ไป ซึ่งจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพ ของผู้ร่างหรือผู้วางโครงการให้สูงขึ้นด้วย

42. ข้อใดสอดคล้องเหมาะสมกับขนบธรรมเนียมวัฒนธรรม
(1) Alternative
(2) Social Analysis
(3) Feasibility Study
(4) Financial Analysis
(5) Process
ตอบ 2 หน้า 41, (คําบรรยาย) การวิเคราะห์และประเมินโครงการด้านสังคม (Social Analysis) จะพิจารณาในประเด็นดังต่อไปนี้
1. ความเหมาะสมสอดคล้องต้องกันระหว่างแนวทางของโครงการกับปัจจัยทางสังคม เช่น ศาสนา การศึกษา ขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรม ความเชื่อ ค่านิยม กฎหมาย การเมืองและการปกครอง เป็นต้น
2. โอกาสที่สังคมจะยอมรับ/สนับสนุน หรือต่อต้าน/คัดค้านโครงการ

43. องค์การสหประชาชาตินิยามโครงการว่าหมายถึง
(1) รูปแบบอันเจาะจงในการดําเนินกิจกรรมทางสังคม
(2) รูปแบบทั่ว ๆ ไปในการดําเนินงานในองค์กร
(3) รูปแบบที่สําคัญที่สุดในการแก้ไขปัญหา
(4) รูปแบบการดําเนินการชนิดหนึ่ง
(5) รูปแบบการบริหารกิจกรรมอันสลับซับซ้อน
ตอบ 1 หน้า 36 องค์การสหประชาชาติ (United Nations : UN) ได้นิยามความหมายของโครงการ ว่าหมายถึง รูปแบบอันเจาะจงในการดําเนินกิจกรรมทางสังคม ซึ่งได้มีการจัดเตรียมไว้แล้ว (Organized Social Activities) โดยมีวัตถุประสงค์ที่เจาะจง (Specific Objectives) มีการ จํากัดในด้านสถานที่และเวลา (Limited in Space and Time) โครงการมักประกอบด้วย โครงงานย่อย (Project) ที่เกี่ยวข้องกันหลาย ๆ โครงงาน (Group of Projects)

44. ศึกษาและเก็บรวบรวมข้อมูลจากสภาพที่แท้จริง หรือข้อมูลภาคสนาม หรือข้อมูลปฐมภูมิ ข้อมูลทุติยภูมิเพื่อจะทราบปัญหา
(1) การระบุปัญหา
(2) การศึกษาข้อจํากัดที่เกี่ยวข้องกับนโยบาย
(3) การออกแบบทางเลือกนโยบาย
(4) การวิเคราะห์ทางเลือก
(5) การทดสอบทางเลือก
ตอบ 1 หน้า 12 การระบุปัญหา คือ การศึกษาว่าอะไรคือปัญหา โดยการเก็บรวบรวมข้อมูลจาก สถานที่จริงหรือข้อมูลภาคสนามหรือข้อมูลปฐมภูมิ หรือข้อมูลจากเอกสารต่าง ๆ หรือข้อมูล ทุติยภูมิ เพื่อที่จะทราบปัญหาและจําแนกว่าปัญหาใดเร่งด่วนกว่า มีสาเหตุจากอะไร และ ประชาชนรับรู้เพียงใด ดังนั้นโดยสรุปการระบุปัญหาก็คือ การศึกษาวิเคราะห์เพื่อกําหนด ปัญหาที่ถูกต้องและศึกษาค่านิยมที่เกี่ยวข้องสอดคล้องกับปัญหาเพื่อกําหนดแนวทางของนโยบายที่เหมาะสมกับความเป็นจริงต่อไป

45. การวิเคราะห์โครงการกระทําได้ 2 แนวทาง ได้แก่
(1) วิเคราะห์ปัจจุบัน กับวิเคราะห์อนาคต
(2) วิเคราะห์ผลลัพธ์ กับผลที่คาดหวังไว้
(3) วิเคราะห์เชิงคุณภาพ กับวิเคราะห์เชิงปริมาณ
(4) วิเคราะห์ต้นทุน กับวิเคราะห์กําไร
(5) วิเคราะห์ทั่วไป กับวิเคราะห์แบบเจาะจง
ตอบ 4 (คําบรรยาย) การวิเคราะห์โครงการสามารถกระทําได้ 2 แนวทาง ได้แก่ การวิเคราะห์ต้นทุน (Cost) และการวิเคราะห์กําไรหรือผลตอบแทน (Benefit)

46. หากเราต้องการผลการทํางานที่ตรงตามต้องการที่สุดต้องใช้รูปแบบใดในการบริหาร
(1) นโยบาย
(2) แผน
(3) โครงการ
(4) การตัดสินใจเฉพาะหน้า
(5) การใช้ประสบการณ์ที่ยาวนาน
ตอบ 3 (คําบรรยาย) หากเราต้องการผลการทํางานที่ตรงตามต้องการที่สุดต้องใช้โครงการเป็นรูปแบบ ในการบริหาร โดยโครงการมีขึ้นเพื่อแก้ปัญหา ซึ่งถือเป็นหลักพื้นฐานของการวางโครงการด้วย กล่าวคือ ถ้าไม่มีปัญหาก็จะไม่มีการวางโครงการ เพื่อทําหน้าที่ค้นหาวิธีแก้ปัญหานั้น ๆ

47. ข้อใดมิใช่ภารกิจที่สําคัญในการประเมินโครงการ
(1) การวิเคราะห์ความอยู่รอดของโครงการ
(2) การวิเคราะห์ความคุ้มทุนของโครงการ
(3) การคาดคะเนสิ่งแวดล้อมในอนาคตของโครงการ
(4) การทําความเข้าใจกับตัวโครงการให้ถ่องแท้
(5) การวิเคราะห์หาความเชื่อมั่นว่าโครงการเหมาะสมที่สุดหรือยัง
ตอบ 1 หน้า 39 – 40, (คําบรรยาย) การวิเคราะห์และประเมินโครงการ มีความหมาย 2 ลักษณะ คือ
1. เป็นการศึกษาถึงโอกาสความสําเร็จในการดําเนินโครงการ โดยการวิเคราะห์และประเมินหาความเชื่อมั่นว่าตัวโครงการที่ร่างเสร็จแล้วนั้นมีความสมบูรณ์เหมาะสมที่จะนําไปปฏิบัติ ได้จริงหรือไม่ เช่น การวิเคราะห์หรือการคาดคะเนสิ่งแวดล้อมในอนาคตของโครงการ การวิเคราะห์ความคุ้มทุนของโครงการ เป็นต้น
2. เป็นการศึกษาทําความเข้าใจกับตัวโครงการให้ถ่องแท้ โดยการวิเคราะห์จําแนกแยกแยะ เปรียบเทียบข้อดีข้อด้อยและผลที่คาดว่าจะได้รับ หากมีการนําโครงการไปดําเนินการหรือนําไปปฏิบัติจริง พร้อมกับศึกษาว่าผลที่คาดว่าจะได้รับหรือผลที่จะเกิดขึ้นนั้นเหมาะสม มีคุณค่า มีประโยชน์ สมควรแก่การลงทุนดําเนินโครงการต่อไปหรือไม่

48. ความสําเร็จในการบริหารโครงการขึ้นอยู่กับปัจจัยใดมากที่สุด
(1) ความถูกต้องของตัวโครงการ
(2) ผู้บริหารโครงการ
(3) ผู้ร่วมงานในโครงการ
(4) เวลาดําเนินการที่เหมาะสม
(5) สถานที่ดําเนินการที่เหมาะสม
ตอบ 1 (คําบรรยาย) ความสําเร็จในการบริหารโครงการขึ้นอยู่กับความถูกต้องของตัวโครงการ มากที่สุด ซึ่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้บริหารโครงการแต่อย่างใด แต่ถ้าเป็นการ วางโครงการให้ประสบความสําเร็จต้องอาศัยความถูกต้องของข้อมูลเป็นสําคัญที่สุด(ดูคําอธิบายข้อ 28. ประกอบ)

49. ข้อใดเป็นกระบวนการต่าง ๆ ทางวิชาการ
(1) Alternative
(2) Social Analysis
(3) Feasibility Study
(4) Financial Analysis
(5) Process
ตอบ 5 (คําบรรยาย) กระบวนการ (Process) หมายถึง ขั้นตอนวิธีปฏิบัติ หรือกิจกรรมการดําเนินงาน ที่กระทําอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงขั้นตอนสุดท้าย

50.การตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างระเบียบต่าง ๆ ที่ใช้ เทคนิควิเคราะห์ และการประยุกต์ทั้งหลายเป็นระบบ
(1) การระบุปัญหา
(2) การศึกษาข้อจํากัดที่เกี่ยวข้องกับนโยบาย
(3) การออกแบบทางเลือกนโยบาย
(4) การวิเคราะห์ทางเลือก
(5) การทดสอบทางเลือก
ตอบ 5 หน้า 14 การทดสอบทางเลือก คือ การทบทวนความเหมาะสมของขั้นตอนและข้อมูลที่ใช้ ทั้งทางด้านหลักการเหตุผล ทางเลือกของนโยบาย คุณภาพและปริมาณของข้อมูลว่ายังพอเพียง และดีอยู่ ตลอดจนตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างระเบียบวิธีต่าง ๆ ที่ใช้ เทคนิควิธีวิเคราะห์ และการประยุกต์ทั้งหลายว่าเป็นระบบและสอดคล้องต้องกันอย่างแท้จริง

51. การควบคุมคุณภาพของโครงการนั้นมีความหมายครอบคลุมเพียงใด
(1) ทํางานให้ตรงเวลาที่วางโครงการไว้
(2) ทํางานให้มากกว่าที่วางโครงการไว้
(3) ทํางานให้น้อยกว่าที่วางโครงการไว้
(4) ทํางานตามวัตถุประสงค์ให้ครบถ้วน
(5) ทํางานตามขั้นตอนที่มีในโครงการให้ครบถ้วน
ตอบ 4 หน้า 44, (คําบรรยาย) การควบคุมแผน/โครงการโดยทั่วไปมักจะกระทําใน 3 ด้าน คือ
1. ควบคุมเวลา (Time Control) คือ ควบคุมให้เสร็จตรงตามเวลาที่ได้วางแผน/โครงการไว้ โดยใช้เทคนิค PERT
2. ควบคุมค่าใช้จ่าย (Cost Control) เป็นการควบคุมรายจ่ายของแผน/โครงการให้อยู่ใน กรอบงบประมาณที่ตั้งไว้ โดยใช้เทคนิค PPBS
3. ควบคุมคุณภาพและมาตรฐาน (Quality Control) เป็นการควบคุมให้เกิดผลงานตรงตาม วัตถุประสงค์ของแผน/โครงการอย่างครบถ้วนและเคร่งครัด เทคนิคที่ใช้อาจกระทําได้ โดยการกําหนดมาตรฐาน (Standard) ของงาน

52.Suchman จําแนกการประเมินผลโครงการเป็น 5 ประเภท ได้แก่ Effort, Performance, Adequacy of Performance, Efficiency Evaluation และอีก 1 ด้าน ได้แก่อะไร
(1) Materials Evaluation
(2) Personal Evaluation
(3) Process Evaluation
(4) Side-Effect Evaluation
(5) Outcomes Evaluation
ตอบ 3 หน้า 47 Suchman ได้จําแนกประเภทการประเมินผลโครงการไว้ 5 ประเภท คือ
1. Effort Evaluation เป็นการประเมินดู Input ของโครงการ
2. Performance Evaluation เป็นการศึกษาดูผลผลิต (Output) ของโครงการ
3. Adequacy of Performance เป็นการวัดผลสัมฤทธิ์ของโครงการ (Effectiveness)
4. Efficiency Evaluation เป็นการประเมินดูอัตราส่วนระหว่าง Output : Input
5. Process Evaluation เป็นการวิเคราะห์กระบวนการปฏิบัติงานของโครงการ

53. ในงานการบริหารงานในโครงการนั้นต้องใช้เทคนิคการบริหารแบบใดเป็นสําคัญ
(1) การตรวจสอบ
(2) การประสานงาน
(3) การประชาสัมพันธ์
(4) การประเมินผลงาน
(5) การจูงใจผู้ร่วมงาน
ตอบ 5 (คําบรรยาย) เนื่องจากการบริหารหรือการจัดการโครงการ (Program Management) มีลักษณะเป็นงานชั่วคราวที่ใช้หลักความร่วมมือหรือหลักการทํางานร่วมกันเป็นทีม ซึ่งจําเป็นต้องมีการปรึกษาหารือกันเสียเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นอํานาจการบริหารจึงควรเน้นไปที่การจูงใจผู้ร่วมงาน ให้เกิดความรู้สึกกระตือรือร้น ตื่นตัว และการสร้างบรรยากาศที่เหมาะสมในการทํางานเพื่อให้ ทุกคนพร้อมที่จะใช้สติปัญญาอย่างเต็มที่ มากกว่าที่จะเน้นไปที่การบังคับบัญชาอย่างเคร่งครัด หรือการให้คุณให้โทษพนักงาน หรืออาจกล่าวได้ว่า การจัดการโครงการมักจะไม่คํานึงถึงรูปแบบ องค์การอย่างเป็นทางการมากนักเหมือนอย่างการบริหารงานองค์การทั่ว ๆ ไป (Traditional Management) ทั้งนี้นอกจากงานดังกล่าวแล้วก็ยังมีงานอย่างอื่นที่ต้องทําอีก เช่น การควบคุม โครงการ การประสานงานในโครงการ การประชาสัมพันธ์โครงการ การประเมินผลโครงการ เป็นต้น

54. ต้องระบุถึงที่ตั้งและระยะเวลาอย่างเจาะจงแน่นอน
(1) Policy
(2) Plan
(3) Program
(4) Project
(5) Job
ตอบ 3 หน้า 36, (คําบรรยาย) โครงการ (Program) ถือเป็นเครื่องมือที่สําคัญสําหรับการปฏิบัติงาน ตามแผน เนื่องจากโครงการเป็นรูปแบบอันจําเพาะเจาะจงในการดําเนินกิจกรรมทางสังคม ที่ได้มีการจัดเตรียมไว้ โดยมีวัตถุประสงค์ที่เจาะจงเกี่ยวกับสถานที่ เวลา และมีรายละเอียด ของวิธีการดําเนินงานที่ชัดเจน ซึ่งไม่มีความยืดหยุ่นและเปลี่ยนแปลงได้ยาก

55. นักวิชาการที่กล่าวว่า การวางแผนจะมีลักษณะร่วมกันหลายประการ เช่น ต้องมองล่วงหน้า มีการเลือกสรร ต้องเตรียมวิธีการกระทํา คือใคร
(1) เนรู
(2) วิลลามิล
(3) วอเตอร์สตัน
(4) ดรอ
(5) เลอ เบรอตัน
ตอบ 3 หน้า 25 Albert Waterston กล่าวว่า “การวางแผนทุกชนิดจะต้องมีลักษณะร่วมกัน หลายประการ เช่น ต้องประกอบด้วยการมองล่วงหน้า (Looking Ahead) ต้องมีทางเลือก (Making Choices) และหากเป็นไปได้ต้องจัดเตรียมวิธีการกระทํา (Actions) ที่แน่นอน เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์หรืออย่างน้อยที่สุดต้องกําหนดข้อจํากัด (Setting Limits)ที่อาจจะเกิดจากการกระทําดังกล่าวไว้ด้วย”

56. เป็นภารกิจระดับระบุกิจกรรม
(1) Policy
(2) Plan
(3) Program
(4) Project
(5) Job
ตอบ 5 (คําบรรยาย) รูปแบบของกิจกรรมที่ใช้ในการบริหารโดยทั่วไป มี 5 รูปแบบ คือ
1. นโยบาย (Policy) เป็นข้อเสนอสําหรับแนวทางการดําเนินงานเพื่อสนองตอบต่อปัญหาต่าง ๆ
2. แผนหรือแผนงาน (Plan) หมายถึง วิถีทางของการดําเนินการซึ่งได้กําหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว กล่าวคือ จุดเน้นหลักของแผน คือ เพื่อแสดงแนวทางของการบรรลุเป้าหมาย
3. โครงการ (Program) เป็นกิจกรรมที่ระบุถึงวิธีดําเนินการของแผนเพื่อผลักดันให้เป้าหมาย ของแผนประสบผลสําเร็จ
4. โครงงาน (Project) เป็นส่วนย่อย ๆ ของโครงการ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อให้เกิดผลผลิต 1 ผลผลิต
5. งาน (Job) เป็นส่วนย่อยของโครงงานที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อระบุกิจกรรมหรือขั้นตอน การปฏิบัติงานเป็นสําคัญ ทั้งนี้รายละเอียดในการดําเนินการของแต่ละกิจกรรมนั้น จะมีเพิ่มขึ้นตามลําดับ คือ จากนโยบาย (ส่วนที่อยู่บนสุด) ซึ่งมีรายละเอียดน้อยที่สุด ไล่ลงไปจนถึงงาน ซึ่งมีรายละเอียดมากที่สุด

57. ในการพัฒนาประเทศส่วนมากนิยมระยะปานกลาง
(1) Policy
(2) Plan
(3) Program
(4) Project
(5) Job
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 10. ประกอบ

58. เป้าหมายคือแสดงแนวทางการบรรลุเป้าหมาย
(1) Policy
(2) Plan
(3) Program
(4) Project
(5) Job
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 56. ประกอบ

59. กล่าวโดยสรุปว่าการวางแผนต้องจัดเตรียมนําเสนอสิ่งใดเพื่ออนาคต
(1) ปัญหา (Problem)
(2) แนวทางดําเนินการ (Alternatives)
(3) ข้อจํากัด (Constraints)
(4) ผล (Result)
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 2 หน้า 25, (คําบรรยาย) การวางแผน (Planning) เป็นการเสนอแนะแนวทางดําเนินการ (Alternatives) โดยการวิเคราะห์และการตัดสินใจที่จะเสนอข้อเสนอแนะ (Proporsals) ในการทํางานในอนาคต เพื่อให้บรรลุเป้าหมายด้วยวิธีที่ดีที่สุด และถือว่ากระบวนการวางแผน เป็นเรื่องที่ต้องใช้เหตุผลและต้องใช้ความคิดเชิงประยุกต์อย่างมาก

60. มีเป้าหมายเพื่อให้เกิดผลผลิต 1 ผลผลิต
(1) Policy
(2) Ptan
(3) Program
(4) Project
(5) Job
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 56. ประกอบ

61. การประเมินโครงการต่างจากการวิเคราะห์โครงการที่ใด
(1) ไม่แตกต่าง
(2) มีวิธีการคิด/เทคนิคที่แตกต่าง
(3) เป็นการนําผลการวิเคราะห์ไปกําหนดคุณค่า
(4) ผู้รับผิดชอบคนละคนกัน
(5) ใช้ข้อมูลต่างประเภทกันอย่างชัดเจน
ตอบ 3 หน้า 40 การประเมินโครงการอาจถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าการวิเคราะห์โครงการ ทั้งนี้เพราะ การประเมินโครงการนั้นต้องใช้เทคนิคการวิเคราะห์ (Analysis Technique) เป็นสําคัญ อย่างไรก็ตามการประเมินโครงการจะมีความหมายมากกว่าการวิเคราะห์ทั่ว ๆ ไป เพราะในขณะที่ การวิเคราะห์เป็นวิธีการจําแนกแยกแยะโดยอาศัยหลักทฤษฎีเป็นเครื่องมือในการจําแนกนั้น การประเมินโครงการยังหมายรวมไปถึงการกําหนดคุณค่า (Value) ของสิ่งที่วิเคราะห์ว่ามีคุณค่ามากน้อยเพียงใดอีกด้วย

62. ผลของโครงการในช่องใดที่แสดงว่าโครงการประสบความสําเร็จแล้ว
(1) ผลที่ต้องการและเป็นผลที่คาดว่าจะเกิด
(2) ผลที่ต้องการและเป็นผลที่ไม่คาดว่าจะเกิด
(3) ผลที่ไม่ต้องการและเป็นผลที่คาดว่าจะเกิด
(4) ผลที่ไม่ต้องการและเป็นผลที่ไม่คาดว่าจะเกิด
(5) ไม่มีคําตอบที่ถูกต้อง
ตอบ 1 หน้า 50, (คําบรรยาย) หากผลที่ประเมินได้ตรงกับช่องที่ 1 คือ เป็นผลที่ต้องการและคาดว่า จะเกิดขึ้น ถือเป็นผลสําเร็จโดยตรง (Outputs) หรือความสําเร็จปกติของโครงการ และถือเป็น ผลที่โครงการต้องการมากที่สุด เนื่องจากเป็นผลที่ตรงตามวัตถุประสงค์ของโครงการ ดังนั้นเมื่อมีผลในช่องนี้เกิดขึ้นจึงถือเป็นความสําเร็จที่น่าภาคภูมิใจของโครงการที่สามารถบริหารโครงการได้ประสบผลสําเร็จตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้

63. เครื่องมือที่ควรใช้ในการควบคุมโครงการมีหลายอย่าง เครื่องมือในการบริหารใดต่อไปนี้ทําให้ได้ข้อมูลละเอียดที่สุด
(1) การประชุม
(2) การรายงาน
(3) การอํานวยการ
(4) การกระจายอํานาจการบังคับบัญชา
(5) การตรวจสอบผล
ตอบ 1 หน้า 44, (คําบรรยาย) เครื่องมือที่ใช้ในการควบคุมการปฏิบัติตามแผน/โครงการ ประกอบด้วย
1. การประชุม (Meeting) ถือเป็นเครื่องมือที่ทําให้ได้ข้อมูลละเอียดที่สุด แต่ในขณะเดียวกัน ก็ทําให้สิ้นเปลืองเวลาและเสียค่าใช้จ่ายมากที่สุดเช่นกันด้วย
2. การอํานวยการ (Directing)
3. การตรวจสอบงาน (Inspecting)
4. การรายงาน (Reporting) ฯลฯ

64. ผลของโครงการในช่องใดที่แสดงว่ามาตรฐานโครงการต่ํากว่าที่ควรจะเป็น
(1) ผลที่ต้องการและเป็นผลที่คาดว่าจะเกิด
(2) ผลที่ต้องการและเป็นผลที่ไม่คาดว่าจะเกิด
(3) ผลที่ไม่ต้องการและเป็นผลที่คาดว่าจะเกิด
(4) ผลที่ไม่ต้องการและเป็นผลที่ไม่คาดว่าจะเกิด
(5) ไม่มีคําตอบที่ถูกต้อง
ตอบ 2 หน้า 50, (คําบรรยาย) หากผลที่ประเมินได้ตรงกับช่องที่ 2 คือ เป็นผลที่ต้องการและไม่คาดว่า จะเกิดขึ้น ถือเป็นผลที่โครงการต้องการแต่ไม่ได้วางไว้ในโครงการ ผลชนิดนี้นับว่าเป็นผลพลอยได้ หรือผลโดยอ้อม (Outcomes) ของโครงการ ซึ่งเป็นผลทางสังคมหรือผลทางจิตวิทยา หากมีผล ลักษณะนี้มากเกินไป แสดงว่าวางมาตรฐานโครงการต่ํากว่าที่ควรจะเป็นเพราะผลที่ออกมา ไม่ตรงตามที่วางโครงการเอาไว้ ถึงแม้ผลนั้นจะเป็นผลที่ต้องการก็ตาม

65. หลักการสําคัญในการจัดการ (Management) โครงการ ได้แก่หลักการใด
(1) ใช้หลักผู้นําอย่างเคร่งครัด
(2) การลงโทษเป็นหลักที่จําเป็นกับโครงการมาก
(3) ต้องใช้หลักขององค์การอย่างเป็นทางการมาก
(4) ใช้หลักการบริหารแบบมีส่วนร่วม
(5) ผู้ร่วมงานทั้งหลายต้องอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาที่เคร่งครัด
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 53. ประกอบ

66. กระบวนการใดเป็นกระบวนการแรกของการบริหารโครงการ
(1) การมอบหมายอํานาจหน้าที่
(2) การปิดโครงการ
(3) การประชาสัมพันธ์
(4) การส่งคืนบุคลากรในโครงการคืนสังกัดเดิม
(5) การวางแผนการดําเนินงาน
ตอบ 5 (คําบรรยาย) กระบวนการแรกของการบริหารหรือการจัดการโครงการก็คือ การจัดเตรียมแผนหรือการวางแผนการดําเนินงาน ซึ่งเป็นหน้าที่โดยตรงของผู้รับผิดชอบโครงการหรือผู้บริหาร โครงการ (Project Manager) กล่าวคือ ผู้บริหารโครงการต้องลงมือจัดเตรียมแผนปฏิบัติงาน หรือแผนการบริหารโครงการ โดยกําหนดวิธีปฏิบัติต่าง ๆ ตามขั้นตอน และอาจใช้เทคนิค การควบคุมต่าง ๆ เช่น PERT, CPM, MAP ฯลฯ มาเป็นเครื่องมือในการควบคุมให้ผู้ปฏิบัติงาน แต่ละฝ่ายดําเนินงานไปตามแนวทางหรือวิธีปฏิบัติของแผนหรือโครงการอย่างเป็นระบบ

67. แผนการศึกษาของชาติเป็นแผนชนิดใด
(1) Social Plan
(2) Physical Plan
(3) Economic Plan
(4) Community Plan
(5) Comprehensive Plan
ตอบ 1 (คําบรรยาย) แผนแบ่งตามรูปแบบทางราชการหรือการใช้ทรัพยากรได้เป็น 2 ประเภท คือ
1. Physical Plan คือ แผนเกี่ยวกับการก่อสร้างและการพัฒนาเมือง
2. Social Plan หรือ Socio-Economic Plan คือ แผนด้านเศรษฐกิจและสังคม เช่น แผนการด้านแรงงาน แผนการศึกษาแห่งชาติ แผนอบรมความรู้เรื่องเอดส์ เป็นต้น

68. ผลของโครงการในช่องใดที่แสดงว่าแนวทางโครงการผิดพลาด
(1) ผลที่ต้องการและเป็นผลที่คาดว่าจะเกิด
(2) ผลที่ต้องการและเป็นผลที่ไม่คาดว่าจะเกิด
(3) ผลที่ไม่ต้องการและเป็นผลที่คาดว่าจะเกิด
(4) ผลที่ไม่ต้องการและเป็นผลที่ไม่คาดว่าจะเกิด
(5) ไม่มีคําตอบที่ถูกต้อง
ตอบ 3 หน้า 50 – 51, (คําบรรยาย) หากผลที่ประเมินได้ตรงกับช่องที่ 3 คือ เป็นผลที่ไม่ต้องการ และคาดว่าจะเกิดขึ้น ถือเป็นผลที่โครงการได้วางเอาไว้แล้วว่าจะต้องมีผลที่ไม่ต้องการเกิดขึ้นโดยผลที่ไม่ต้องการนี้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้อันแสดงถึงปัญหาและอุปสรรคตามปกติของ โครงการ ดังนั้นเมื่อมีผลในช่องนี้เกิดขึ้นก็ถือได้ว่าเป็นผลที่เกิดจากเหตุบกพร่องธรรมดาของ โครงการ ซึ่งผู้บริหารโครงการ (Project Manager) ต้องพยายามหลีกเลี่ยง โดยให้เกิดขึ้น น้อยที่สุด แต่ถ้าหากผลในช่องนี้เกิดมากเกินไปก็แสดงว่าวางแนวทางโครงการผิดพลาด

69. การควบคุมโครงการโดยทั่วไปเน้นการควบคุมด้านใดเป็นพิเศษ
(1) ด้านเวลา คุณภาพ ค่าใช้จ่าย
(2) ด้านคุณภาพ ประสิทธิภาพ ประสิทธิผล
(3) ด้านคน เงิน วัสดุอุปกรณ์
(4) ด้านเวลา ค่าใช้จ่าย ประสิทธิภาพ
(5) ข้อ 2 และ 3 ถูก
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 35. และ 51. ประกอบ

70. ผลของโครงการในช่องใดที่ไม่ควรเกิดขึ้นเลยในการดําเนินโครงการ
(1) ผลที่ต้องการและเป็นผลที่คาดว่าจะเกิด
(2) ผลที่ต้องการและเป็นผลที่ไม่คาดว่าจะเกิด
(3) ผลที่ไม่ต้องการและเป็นผลที่คาดว่าจะเกิด
(4) ผลที่ไม่ต้องการและเป็นผลที่ไม่คาดว่าจะเกิด
(5) ไม่มีคําตอบที่ถูกต้อง
ตอบ 4 หน้า 51, (คําบรรยาย) หากผลที่ประเมินได้ตรงกับช่องที่ 4 คือ เป็นผลที่ไม่ต้องการและ ไม่คาดว่าจะเกิดขึ้น ถือเป็นผลที่โครงการไม่ได้วางเอาไว้และเป็นผลที่ผู้บริหารโครงการ (Project Manager) ต้องไม่ทําให้เกิดขึ้นเด็ดขาด แต่ถ้าเกิดขึ้นแล้วก็ถือเป็นความล้มเหลวของโครงการ มากที่สุด เพราะเกิดความผิดพลาดขึ้นทั้งการบริหารโครงการและการวางมาตรฐานโครงการ ที่สูงกว่าความเป็นจริง

71. การวางแผนแบบใดที่เป็นวิธีที่ทันสมัยที่สุดในปัจจุบัน
(1) ทุกแบบของการวางแผน
(2) Integrated Public Investment Planning
(3) Comprehensive Planning
(4) Project-by-Project Planning
(5) ข้อ 3 และ 4 ถูก
ตอบ 3 หน้า 29, (คําบรรยาย) การวางแผนแบบสมบูรณ์แบบหรือประสมประสานหรือแผนรวม(Comprehensive Planning) เป็นการวางแผนที่กล่าวถึงเป้าหมายที่ต้องการก่อนเป็นอันดับแรก โดยเริ่มจากการสร้างแบบจําลองการเจริญเติบโต (Growth Model) ของแผนก่อน ซึ่งเป็นการคํานวณอัตราการเจริญเติบโตที่คาดหวังไว้ในรูปของการบริโภค เงินออม การลงทุน การนําเข้า-ส่งออก การจ้างงาน ความต้องการ (Demand) และความสามารถในการตอบสนอง (Supply) ของภาครัฐและภาคเอกชนรวมกัน โดยการวางแผนในรูปแบบนี้จะมีการวางแผน ทั้งแบบ Forward และ Backward และมีการกล่าวถึงบทบาทของภาคเอกชนไว้อย่างครบถ้วน จึงนับว่าเป็นวิธีที่ทันสมัยที่สุดในปัจจุบัน ซึ่งเหมาะสมสําหรับการวางแผนภาครัฐด้านเศรษฐกิจ และในสถานการณ์ที่หน่วยงานวางแผนมีความชํานาญแล้ว

72. คําใดต่อไปนี้มีความหมายถึงการวางแผน
(1) Plan
(2) Planning
(3) Project Manager
(4) Project Purpose
(5) Program Goal
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 59. ประกอบ

73. การวิเคราะห์โครงการมีลักษณะอย่างไร
(1) วิเคราะห์ว่าโครงการจะสําเร็จเมื่อใด
(2) วิเคราะห์ถึงข้อดี ข้อด้อยของโครงการ
(3) เป็นวิธีร่วมกันคิด
(4) เป็นวิธีการในการหาข้อมูลชนิดหนึ่ง
(5) เป็นวิธีคิดแบบต้องอาศัยหลักการเชิงปริมาณ
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 47. ประกอบ

74. มิติ Complexity ของแผน หมายถึงอะไร
(1) ความยากของแผน
(2) ความลับของแผน
(3) ความจําเพาะเจาะจงของแผน
(4) ความครอบคลุมของแผน
(5) ความสําคัญของแผน
ตอบ 1 หน้า 22 (คําบรรยาย) ความสลับซับซ้อนหรือความยาก (Complexity) ของแผนพิจารณา ได้จากตัวแปรต่าง ๆ ดังนี้
1. ระดับของแผน
2. จํานวนองค์ประกอบของแผน เช่น ตัวแปร หน่วยงาน บุคลากร
3. วัตถุประสงค์ของแผน
4. ระดับทางวิชาการที่เกี่ยวข้อง

75. การเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อสรุปปัญหาในการวางแผนนั้น ข้อมูลที่ได้จะทําประโยชน์อย่างไรบ้าง
(1) ใช้กําหนดแนวทางแก้ไขปัญหา
(2) ใช้กําหนดแนวทางปฏิบัติที่ประชาชนจะยอมรับ
(3) ใช้ระบุระดับการให้ความร่วมมือของประชาชนต่อแผน
(4) ข้อ 1 และ 2 ถูก
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 หน้า 31 การเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อสรุปปัญหาในการวางแผนนั้น ข้อมูลที่ได้จะนําไปใช้ ประโยชน์ ดังนี้
1. กําหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหา
2. กําหนดแนวทางปฏิบัติที่ประชาชนพอจะยอมรับได้
3. ระบุระดับการให้ความร่วมมือของประชาชน

76. ปัญหาชนิดใดของแผนที่น่าจะแก้ไขได้ง่ายที่สุด เพราะมองเห็นอาการได้ง่ายกว่า
(1) ปัญหาแก้ไข
(2) ปัญหาพัฒนา
(3) ปัญหาป้องกัน
(4) ข้อ 1 และ 2 ถูก
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 1 หน้า 25 (คําบรรยาย) ปัญหาของแผน อาจจําแนกได้ 3 ประเภท ดังนี้
1. ปัญหาแก้ไข คือ ปัญหาที่ปรากฏผลเสียหายให้เห็นอยู่แล้ว จึงต้องรีบวางแผนหาทางแก้ไข ซึ่งปัญหาชนิดนี้มักจะแก้ไขได้ง่ายที่สุด
2. ปัญหาป้องกัน คือ ปัญหาที่ยังไม่ปรากฏผลเสียหายขึ้นในขณะวางแผน แต่สามารถรู้ได้ว่าหากไม่รีบวางแผนแก้ไขก็จะปรากฏผลเสียหายในอนาคตได้
3. ปัญหาพัฒนา คือ ปัญหาที่ไม่ปรากฏผลเสียหายทั้งในปัจจุบันและอนาคต แต่ต้องมี การวางแผนเพื่อปรับปรุงแก้ไขให้มีคุณภาพดีขึ้น ซึ่งนักวางแผนต้องใช้ความสามารถ ในการมองการณ์ไกลมากเป็นพิเศษ

77.Cleland และ King กล่าวว่า กระบวนการวางแผนควรเป็นหน้าที่ของใคร
(1) นักวิชาการที่ชํานาญการ
(2) ผู้เชี่ยวชาญเรื่ององค์การ
(3) ผู้นําในการบริหาร
(4) ผู้ชํานาญการในการวางแผนโดยเฉพาะ
(5) ผู้ที่จะเป็นผู้นําแผนไปปฏิบัติเอง
ตอบ 4 หน้า 26 Cleland และ King ได้สรุปหลักสําคัญของการวางแผนไว้ ดังนี้
1. กระบวนการวางแผนควรเป็นหน้าที่ของผู้ชํานาญการในการวางแผนโดยเฉพาะ
2. งานวางแผนควรเป็นหน้าที่ของผู้ที่จะต้องนําแผนไปดําเนินการ
3. การวางแผนกลยุทธ์ต้องประกอบด้วยการคาดคะเนแนวโน้ม การคัดเลือกภารกิจ การคัดเลือกวัตถุประสงค์ และการคัดเลือกแนวทางกลยุทธ์
4. ความถูกต้องของกระบวนการวางแผนขึ้นอยู่กับความถูกต้องเพียงพอของฐานข้อมูล ทั้งในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ ฯลฯ

78. ปัญหาโครงสร้างของปัญหาไม่ชัดเจน หมายถึง
(1) จํานวนบุคลากรที่เข้ามาบริหารนโยบาย
(2) เทคโนโลยีที่ใช้ในนโยบาย
(3) ลักษณะในทางภูมิศาสตร์
(4) ค่านิยมของคนในสังคม
(5) วัสดุอุปกรณ์ที่จะนํามาใช้กับนโยบาย
ตอบ 4 หน้า 10, (คําบรรยาย) ปัญหาที่มีโครงสร้างไม่ชัดเจน (Ill-Structured Problem) หมายถึง ปัญหาที่เป็นค่านิยมของคนในสังคม ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับผู้คนจํานวนมาก เป็นปัญหาที่มีทางออกได้ หลายหนทาง โดยแต่ละหนทางไม่สามารถมองเห็นผลประโยชน์ได้ชัดเจน จึงเป็นที่ถกเถียงกันได้ และมีผลลัพธ์ที่ไม่แน่นอน

79.การวางแผนแบบประสมประสาน มีขั้นตอนสําคัญอยู่ที่ใด
(1) การเก็บข้อมูลที่กว้างขวาง
(2) การวิเคราะห์สถานการณ์แบบก้าวหน้า
(3) การทําแบบจําลอง (Model) ของแผน
(4) การสร้างเศรษฐกิจของแผน
(5) การขออนุมัติหลักการของแผนก่อนเขียนแผนขั้นตอนสุดท้าย
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 71. ประกอบ

80. ในการวางโครงการนั้นคําว่า Where ทําหน้าที่อะไร
(1) ค้นหาคนปฏิบัติ
(2) ค้นหาเวลา
(3) ค้นหาสถานที่
(4) ค้นหาวิธีแก้ปัญหา
(5) ค้นหาปัญหา
ตอบ 3 หน้า 39 การวางโครงการตามแนวดั้งเดิมหรือประเพณีนิยม (Traditional Model) จะประกอบด้วยการตอบคําถามต่าง ๆ ดังนี้
1. What – การค้นหาปัญหาหรือวิธีแก้ปัญหา จนเกิดทางเลือกต่าง ๆ
2. When – การระบุเวลาที่ควรแก้ไขปัญหา
3. Where – การกําหนดสถานที่และขอบเขตของโครงการ
4. Why – การระบุถึงความต้องการ
5. How – การกําหนดวิธีแก้ไขปัญหาหรือวิธีการดําเนินงาน
6. Who – บุคคลหรือองค์การที่ต้องรับผิดชอบในกระบวนการของโครงการ

81. การจัดทําโครงการตามวิธีการที่ดีที่สุด เป็นขั้นตอนใดในกระบวนการของ ดร.สมพร แสงชัย
(1) ขั้นวางโครงการ
(2) ขั้นประเมินโครงการ
(3) ขั้นวิเคราะห์โครงการ
(4) ขั้นบริหารโครงการ
(5) ขั้นประเมินผลโครงการ
ตอบ 1 หน้า 37 – 39 ดร.สมพร แสงชัย กล่าวว่า กระบวนการวางโครงการมีขั้นตอนสําคัญ ๆ 8 ขั้นตอน ดังนี้
1. การพิจารณาสภาพแวดล้อมและเหตุการณ์ต่าง ๆ
2. การกําหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมาย
3. การหาวิธีการแก้ไข
4. การจัดทําโครงการตามวิธีการที่ดีที่สุด ซึ่งประกอบด้วย การกําหนดเป้าหมายให้ละเอียด การระบุชื่อผู้รับผิดชอบโครงการ (Project Manager) และการจัดทําโครงการปฏิบัติหรือ การจัดทํา “Project Programming”
5. การเสนอโครงการเพื่อพิจารณาอนุมัติ
6. การเสนอของบประมาณ
7. การนําโครงการไปปฏิบัติ
8. การประเมินผลโครงการ

82. เป้าหมายสําคัญที่สุดของการวางแผนกลยุทธ์ของแผนคือสิ่งใด
(1) กําหนดกรอบเค้าโครงของแผน
(2) กําหนดขอบเขตของแผน
(3) กําหนดปัญหาของแผน
(4) กําหนดทรัพยากรในแผน
(5) กําหนดโครงการของแผน
ตอบ 1 หน้า 37, (คําบรรยาย) กระบวนการวางแผน/โครงการ อาจจําแนกได้เป็น 2 ระยะ คือ
1. การวางแผน/โครงการกลยุทธ์ (Strategic Planning) มีเป้าหมายที่สําคัญที่สุด คือ การกําหนดกรอบเค้าโครง ทิศทางและแนวทางสําคัญของแผน/โครงการอย่างกว้าง หรือคร่าว ๆ ซึ่งประกอบด้วยงานที่ต้องทําหลายอย่าง เช่น การคัดเลือกข้อมูล วัตถุประสงค์ ภารกิจ และแนวทางกลยุทธ์ รวมทั้งการคาดคะเนแนวโน้ม เพื่อนําไปสู่ การวิเคราะห์หาทางเลือกหรือแนวทางที่เหมาะสมที่สุด (The Best Alternative)
2. การวางแผน/โครงการดําเนินการ (Operational Planning) เป็นการนําเอาทางเลือกที่ เหมาะสมที่สุดมากําหนดรายละเอียดในวิธีการปฏิบัติที่ผู้ปฏิบัติจําเป็นต้องรู้ให้ครบถ้วน

83. ในการวางโครงการนั้น ทุกขั้นตอนของการกระทําต้องตอบคําถามใดได้เสมอ
(1) What
(2) When
(3) Where
(4) Why
(5) How
ตอบ 4 (คําบรรยาย) ในการวางโครงการนั้น ทุกขั้นตอนของการกระทําต้องตอบคําถามคําว่า Why (ทําไม) ให้ได้เสมอว่าทําไมต้องทําเช่นนั้นในแต่ละขั้นตอน ซึ่งเป็นการทําให้นักวางโครงการได้ตระหนักว่าทุกขั้นตอนของการวางโครงการนั้นต้องกระทําอย่างมีข้อมูลที่ครบถ้วนสมบูรณ์แม่นยํา และยืนยันได้ว่าถูกต้องมีเหตุมีผล

84.การจัดทํา Project Programming อยู่ในภารกิจใด
(1) การวางแผน
(2) การนําแผนไปปฏิบัติ
(3) การประเมินแผน
(4) การวางโครงการ
(5) การประเมินผลโครงการ
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 37. และ 81. ประกอบ

85.ดร.สมพร แสงชัย เสนอว่าการระบุว่าใครควรเป็นผู้รับผิดชอบโครงการจะอยู่ในขั้นตอนใดของกระบวนการโครงการ
(1) ขั้นวางโครงการ
(2) ขั้นประเมินโครงการ
(3) ขั้นวิเคราะห์โครงการ
(4) ขั้นบริหารโครงการ
(5) ขั้นประเมินผลโครงการ
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 81. ประกอบ

86. การวางแผนแบบประสานการลงทุนภาคสาธารณะมีจุดประสงค์หลักเพื่อแก้ไขปัญหาอะไรของวิธีการวางแผนแบบรายโครงการ
(1) แก้ความขัดแย้งของแผนงานย่อย
(2) แก้ความขัดแย้งของหน่วยงานวางแผน
(3) แก้ความขัดแย้งในเรื่องงบประมาณ
(4) แก้ปัญหาเรื่องความไม่ลงตัวของวงเงินงบประมาณ
(5) แก้ปัญหาเรื่องขอบเขตของแผน
ตอบ 4 หน้า 28, (คําบรรยาย) การวางแผนแบบประสานการลงทุนภาคสาธารณะ (Integrated Public Investment Planning) เป็นการวางแผนที่เริ่มต้นด้วยการประมาณการรายได้หรือรายรับ ของประเทศก่อน โดยคํานึงถึงการลงทุนของภาครัฐเป็นหลักว่าการลงทุนไปนั้นจะมีรายรับเท่าไร แล้วจึงไปกําหนดรายจ่ายทีหลัง โดยที่การลงทุนนั้นจะต้องคํานึงถึงภาวะเศรษฐกิจทั้งปัจจัย ภายในและภายนอกประเทศด้วย ซึ่งการวางแผนในรูปแบบนี้มีจุดประสงค์เพื่อแก้ไขข้อบกพร่อง (ความไม่พอดี) ของการวางแผนแบบรายโครงการ (Program-by-Program or Project-by- Project Planning) เช่น การกําหนดงบประมาณของแต่ละโครงการที่มักกําหนดสูงเกินกว่า ความเป็นจริง ความขัดแย้งกันของโครงการทั้งหลายโดยเฉพาะในเรื่องของความไม่ลงตัวของวงเงิน งบประมาณ รวมถึงความไม่มีเอกภาพและการขาดทิศทางที่ชัดเจนในการกําหนดเป้าหมายของแผน ซึ่งเป็นการวางแผนที่เหมาะสมในสถานการณ์ที่หน่วยงานเริ่มมีการสะสมข้อมูลได้พอประมาณแล้ว

87. ข้อมูลที่นับว่ามีอิทธิพลหรือเป็นกลไกสําคัญในการวางแผน ได้แก่ ข้อมูลทางการเมือง เศรษฐกิจ การศึกษาอิทธิพลของธรรมชาติ และอะไร
(1) กลุ่มผลประโยชน์
(2) พรรคการเมือง
(3) ความร่วมมือระหว่างองค์การที่เกี่ยวข้อง
(4) ศาสนาและความเชื่อ
(5) กลไกราคา
ตอบ 4 (คําบรรยาย) ข้อมูลที่นับว่ามีอิทธิพลหรือเป็นกลไกสําคัญในการวางแผน ได้แก่ ข้อมูล ทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ การศึกษา อิทธิพลของธรรมชาติ ศาสนาและความเชื่อ เป็นต้น

88. ในกระบวนการวางแผนของ Le Breton นั้น ถือได้ว่าขั้นการวางกลยุทธ์ของแผนนั้นอยู่ในขั้นตอนที่เท่าใด
(1) ขั้นที่ 1
(2) ขั้นที่ 1 – 2
(3) ขั้นที่ 1 – 3
(4) ขั้นที่ 1 – 4
(5) ขั้นที่ 1 – 5
ตอบ 3 หน้า 30 (คําบรรยาย) ในขั้นการวางกลยุทธ์ของแผนนั้น ถือเป็นการกําหนดวัตถุประสงค์และ กําหนดกรอบเค้าโครงของแผนอย่างกว้าง ๆ ซึ่งตามกระบวนการวางแผนของ Le Breton นั้น จะปรากฏอยู่ในขั้นตอนที่ 1 – 3 คือ การพิจารณาความจําเป็น การกําหนดวัตถุประสงค์ และการกําหนดกรอบเค้าโครงเบื้องต้นของแผน

89. ถ้าต้องการค้นหาปัญหา คําใดคือคําถามที่ต้องใช้ในการวางโครงการ
(1) What
(2) When
(3) Where
(4) Why
(5) How
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 80. ประกอบ

90. การวางแผนแบบรายโครงการถือเป็นการวางแผนในกระสวน (Pattern) ชนิดใด
(1) Bottom-up Process
(2) Top-down Process
(3) Comprehensive Planning
(4) Aggregative Planning
(5) Global Planning
ตอบ 1 หน้า 28 (คําบรรยาย) การวางแผนแบบรายโครงการ (Program-by-Program or Project-by- Project Planning) เป็นเทคนิคการวางแผนพัฒนารูปแบบแรก โดยเป็นการวางแผนในกระสวน ที่เรียกว่า “Bottom-up Process” กล่าวคือ รัฐบาลจะเป็นผู้กําหนดให้หน่วยปฏิบัติการใน ระดับล่างร่างโครงการของตนเสนอขึ้นมา โดยที่ไม่ได้มีการกําหนดรายรับรายจ่ายก่อนว่าเป็นเท่าไร แต่จะมากําหนดหลังจากหน่วยงานย่อยต่าง ๆ เสนอโครงการขึ้นมาแล้ว เพื่อรวบรวมโครงการ เหล่านั้นรวมเป็นแผนเดียวกัน (แผนรวมของชาติ) ซึ่งวิธีการวางแผนในรูปแบบนี้จะไม่กล่าวถึง บทบาทของภาคเอกชนไว้เลย และใช้หลักการมีส่วนร่วมน้อยที่สุด แต่จะเหมาะสําหรับการวางแผน ในภาวะขาดแคลนข้อมูลหรือขาดความชํานาญในการวางแผน เช่น การวางแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 1 เพราะหน่วยงานวางแผนยังมีข้อมูลไม่เพียงพอและเป็นการวางแผนที่สะดวกที่สุด การวางแผนจัดทําไร่นาสวนผสม เป็นต้น

91. ปัญหาชนิดใดที่ต้องใช้ทักษะในการมองการณ์ไกลเป็นพิเศษ จึงจะวางแผนได้
(1) ปัญหาแก้ไข
(2) ปัญหาพัฒนา
(3) ปัญหาป้องกัน
(4) ข้อ 1 และ 2 ถูก
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 76. ประกอบ

92. ข้อใดมิใช่ขอบเขตของโครงการ
(1) เวลา
(2) คู่แข่งขัน
(3) ภูมิศาสตร์
(4) การปฏิบัติ
(5) เทคโนโลยี
ตอบ 2 (คําบรรยาย) ขอบเขตของโครงการ มีดังนี้
1. ขอบเขตเรื่องเวลา
2. ขอบเขตทางภูมิศาสตร์
3. ขอบเขตในทางปฏิบัติ
4. ขอบเขตในลักษณะอื่นๆ เช่น ขอบเขตที่สืบเนื่องมาจากความรู้ทางวิชาการ หรือเทคโนโลยี ที่มีอยู่ในประเทศ เป็นต้น

93.แผนที่มีลักษณะ Ease of Control จะแสดงให้เห็นได้อย่างไร
(1) เห็นได้จากการผ่านขั้นตอนของแผนอย่างครบถ้วนไม่ข้ามขั้นตอน
(2) เห็นได้จากการกําหนดที่มีเหตุผลและเป็นจริงในทางปฏิบัติ
(3) เห็นได้จากการมีมาตรฐานสําหรับการปฏิบัติอย่างชัดเจน
(4) เห็นได้จากการจัดทีมผู้วางแผนอย่างมีประสิทธิภาพ
(5) เห็นได้จากการจัดทีมผู้ปฏิบัติตามแผนอย่างมีประสิทธิภาพ
ตอบ 3 หน้า 23, (คําบรรยาย) แผนที่มีลักษณะง่ายในการควบคุม (Ease of Control) หมายถึง แผน ที่มีมาตรฐานสําหรับการวัดและการปฏิบัติอย่างชัดเจน และโดยทั่วไปหากเป็นแผนที่มีลักษณะ ง่ายในการดําเนินการ (Ease of Implementation) ก็จะมีลักษณะง่ายในการควบคุมด้วย

94. วิธีการวางแผนทั้งหลายจําแนกเป็นขั้นตอนในการวางแผนได้ 2 ระยะ คือ การวางแผนกลยุทธ์กับอะไร
(1) การวางแผนรวม
(2) การวางแผนบริหาร
(3) การวางแผนดําเนินการ
(4) การวางแผนสังคม
(5) การวางแผนพัฒนา
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 82. ประกอบ

95. Cleland และ King เห็นว่า ความถูกต้องของกระบวนการวางแผนขึ้นอยู่กับอะไร
(1) ระยะเวลาที่เหมาะสม
(2) ทรัพยากรที่สมบูรณ์
(3) การจูงใจผู้จัดการวางแผน
(4) ความถูกต้องเพียงพอของฐานข้อมูล
(5) องค์การเพื่อการวางแผน
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 77. ประกอบ

96. การวางแผนอาจทําได้ 3 วิธี วิธีที่เหมาะสมที่สุดในสถานการณ์ที่หน่วยวางแผนเริ่มมีการสะสมข้อมูล ได้พอประมาณ คือวิธีใด
(1) Project-by-Project Planning
(2) Integrated Public Investment Planning
(3) Comprehensive Planning
(4) Aggregative Planning
(5) Global Planning
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 86. ประกอบ

97. กล่าวโดยสรุปขั้นตอนในการวางแผนอาจจําแนกได้ 3 ขั้นตอนสําคัญ ได้แก่ การเก็บรวบรวมประมวลข้อมูลการลงมือวางแผน และอะไร
(1) การวิเคราะห์ข้อมูล
(2) การปฏิบัติตามแผน
(3) การประเมินผลแผน
(4) การขออนุมัติใช้แผน
(5) การตระเตรียมที่จะวางแผน
ตอบ 5 หน้า 29 – 30 ขั้นตอนในการวางแผนอาจจําแนกได้ 3 ขั้นตอนสําคัญ ดังนี้
1. การตระเตรียมการที่จะวางแผน เป็นการกําหนดเค้าโครงกลยุทธ์ของแผน โดยการกําหนด วัตถุประสงค์และแนวทางของแผน
2.การศึกษาวิเคราะห์สถานการณ์ เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์ความถูกต้อง ของงานในขั้นตระเตรียมการ
3. การลงมือวางแผน เป็นการเขียนแผนให้ถูกต้องตามรูปแบบที่ควรจะเป็นของแผน

98. อะไรไม่ใช่งานในการทํา Project Programming
(1) Scheduling
(2) เป้าหมายและวัตถุประสงค์
(3) Opening
(4) แนวทางประเมินผล
(5) Future Organization
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 37. ประกอบ

99. ข้อใดไม่ใช่องค์ประกอบของโครงการ
(1) ความสําคัญและที่มาของโครงการ
(2) Budgeting
(3) วิธีดําเนินการ
(4) Man Power Planning
(5) แนวทางการวิเคราะห์โครงการ
ตอบ 4 (คําบรรยาย), องค์ประกอบของโครงการ มีดังนี้
1. ความสําคัญและที่มาของโครงการ
2. เป้าหมายและวัตถุประสงค์ของโครงการ
3. ขอบเขตของโครงการ
4. วิธีดําเนินงานตามโครงการ
5. ความสัมพันธ์กับโครงการอื่น
6. ขั้นตอนการดําเนินงาน
7. ทรัพยากรที่ต้องใช้ในโครงการ
8. งบประมาณของโครงการ
9. แนวทางการวิเคราะห์โครงการ

100. การกําหนดกลยุทธ์ของโครงการต้องทําหลายอย่าง สิ่งใดมิใช่งานกําหนดกลยุทธ์ดังกล่าว
(1) การคาดคะเนแนวโน้ม
(2) การคัดเลือกโครงการ
(3) การคัดเลือกภารกิจ
(4) การคัดเลือกวัตถุประสงค์
(5) การคัดเลือกข้อมูล
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 82. ประกอบ

Advertisement