การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2560

ข้อสอบกระบวนวิชา PHI 1003 ปรัชญาเบื้องต้น

Advertisement

คําสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคําตอบเดียว (ข้อสอบมีทั้งหมด 100 ข้อ)

1 ลักษณะของปัญหาในข้อใด มีคําตอบได้หลายคําตอบ

(1) กรสงสัยว่าปัญญาคือสิ่งที่ทําให้มนุษย์แตกต่างจากสัตว์หรือไม่

(2) ไกรสงสัยว่าฮอร์โมนในสัตว์กับมนุษย์เหมือนกันหรือไม่

(3) เกรียงสงสัยว่ามนุษย์คือสัตว์ที่กลัวการลงโทษใช่หรือไม่

(4) ถูกข้อ 1 และ 3

ตอบ 4 หน้า 1, 9 – 10, (คําบรรยาย) ปรัชญาเกิดขึ้นพร้อมกับมนุษย์ เพราะมนุษย์เป็นผู้มีปัญญาซึ่งลักษณะสําคัญประการหนึ่งของปรัชญาก็คือ แม้แต่คําตอบต่อปัญหาอันเดียวกันนั้นก็อาจ มีคําตอบที่เป็นไปได้หลายคําตอบ โดยยังไม่มีการกําหนดหรือยอมรับกันลงไปว่าคําตอบใด เป็นคําตอบที่ถูกต้องที่สุด วิชาปรัชญาถือว่าคําตอบทุกคําตอบเป็นไปได้ทั้งสิ้น ดังนั้นปรัชญา จึงช่วยแก้ปัญหาให้แก่มนุษย์ด้วยการใช้ปัญญาแสวงหาคําตอบที่เป็นไปได้ (ส่วนตัวเลือกข้อ 2 เป็นปัญหาทางด้านวิชาวิทยาศาสตร์ ซึ่งมีคําตอบที่แน่นอนพอสมควร)

2 ความเชื่อในเรื่องบูชาพระราหูเป็นแนวปฏิบัติตนของคนไทยที่สอดคล้องกับแนวคิดของมนุษย์ยุคใดใน ประวัติปรัชญา

(1) ยุคดึกดําบรรพ์

(2) ยุคโบราณ

(3) ยุคกลาง

(4) ยุคใหม่

ตอบ 1 หน้า 2 ปัญหาปรัชญาในยุคดึกดําบรรพ์ คือ ปัญหาที่ว่าภัยธรรมชาติ เช่น ภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว น้ำท่วม ฯลฯ มาจากไหน เกิดขึ้นได้อย่างไร และจะแก้ไขอย่างไร โดยมนุษย์ในยุคนั้นเชื่อกันว่า โลกหรือจักรวาลมีกฎเกณฑ์ที่ไม่แน่นอนตายตัว ยุ่งเหยิง และปรากฏการณ์ทางธรรมชาติต่าง ๆ เกิดขึ้นอย่างไม่มีระเบียบ ภัยธรรมชาติเกิดจากเทพเจ้า หรือเทพเจ้าเป็นผู้บันดาลให้เกิดภัยธรรมชาติขึ้น ดังนั้นมนุษย์จะรอดพ้นจากภัยธรรมชาติได้ก็ต้องเอาใจเทพเจ้า คือ ทําให้เทพเจ้าพึงพอใจด้วยการถวายของบูชาเทพเจ้าหรือสิ่งเหนือธรรมชาติ

3 ปรัชญาตะวันตกยุคใดที่ได้รับฉายาว่า สาวใช้ของศาสนา

(1) ยุคดึกดําบรรพ์

(2) ยุคโบราณ

(3) ยุคกลาง

(4) ยุคใหม่

ตอบ 3 หน้า 8, 249 ปรัชญาตะวันตกยุคกลาง เป็นช่วงสมัยที่ศาสนาคริสต์ได้รับการยอมรับนับถือกันทั่วไป ดังนั้นปรัชญาตะวันตกยุคกลางจึงได้รับฉายาว่า “สาวใช้ของศาสนา” เนื่องจากปรัชญา ถูกดึงไปเป็นเครื่องมือสําหรับอธิบายและส่งเสริมคําสอนของศาสนาคริสต์ให้ดูมีเหตุมีผลยิ่งขึ้นถือเป็นการประนีประนอมระหว่างปรัชญากรีกกับคริสต์ศาสนา

4 ปรัชญาตะวันตกยุคใดที่ได้ชื่อว่า ได้รับอิทธิพลของวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์

(1) ยุคดึกดําบรรพ์

(2) ยุคโบราณ

(3) ยุคกลาง

(4) ยุคใหม่

ตอบ 4 หน้า 8, 251 – 255, (คําบรรยาย) ปรัชญาตะวันตกยุคใหม่ หมายถึง ปรัชญาตะวันตกที่นับตั้งแต่ปรัชญาตะวันตกสมัยกลางสิ้นสุดลง (ประมาณศตวรรษที่ 15 เป็นต้นมา) ซึ่งปรัชญาในยุคนั้น จะได้รับอิทธิพลจากวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์เป็นอย่างมาก โดยมีนักปรัชญาที่สําคัญ ได้ เดส์การ์ต (Descartes), สปิโนซ่า (Spinoza), ไลบ์นิตซ์ (Leibnitz), จอห์น ล็อค (John Locke เดวิด ฮูม (David Hume), โธมัส ฮอบส์ (Thomas Hobbes) เป็นต้น

5 “ปรัชญาบริสุทธิ์” คืออะไร

(1) ความเป็นจริง

(2) การรู้ความเป็นจริง

(3) การปฏิบัติตนให้สอดคล้องกับความเป็นจริง

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 11 – 17 ปรัชญาบริสุทธิ์ (Pure Philosophy) หมายถึง ปัญหาหรือขอบเขตของปรัชญาที่เป็นเรื่องของปรัชญาโดยเฉพาะ ไม่เกี่ยวข้องกับข้อสรุปของวิชาอื่น ๆ ที่แยกตัวออกไปจาก วิชาปรัชญาแล้ว ซึ่งปรัชญาบริสุทธิ์จะศึกษาถึงปัญหาเกี่ยวกับความเป็นจริงในประเด็นปัญหา 3 ประการ ดังนี้คือ

1 ความเป็นจริงคืออะไร

2 เรารู้ความเป็นจริงได้อย่างไร

3 เราพึงปฏิบัติตนอย่างไรจึงจะสอดคล้องกับความเป็นจริง

6 นักปรัชญากรีกโบราณคนใดที่สนใจศึกษาเรื่องปฐมธาตุ

(1) ทาเลส

(2) เพลโต

(3) โซฟิสต์

(4) ถูกข้อ 2 และ 3

ตอบ 1 หน้า 7, 28 ทาเลส (Thales) เป็นนักปรัชญากรีกโบราณสมัยเริ่มต้นที่เชื่อว่า ปรากฏการณ์ธรรมชาติทั้งหลายวิวัฒนาการมาจากสิ่ง ๆ เดียวหรือมาจากสารเบื้องต้นเดียวกันคือ น้ำ ซึ่งเป็นปฐมธาตุ (สรรพสิ่ง) ของโลก และเป็นหน่วยแห่งความจริงขั้นมูลฐานหรือแก่นแท้ของจักรวาล

7 นักปรัชญากรีกโบราณคนใดที่สนใจศึกษาเรื่องสมรรถภาพในการแสวงหาความรู้ของมนุษย์เป็นพิเศษ

(1) ทาเลส

(2) เพลโต

(3) โซฟิสต์

(4) ถูกข้อ 2 และ 3

ตอบ 4 หน้า 7 – 8 นักปรัชญากรีกยุคโบราณสมัยรุ่งเรือง สนใจศึกษาปัญหาเรื่องสมรรถภาพหรือความสามารถของมนุษย์ในการแสวงหาความรู้ หรือมนุษย์มีความสามารถพอที่จะรู้ความจริงได้หรือไม่ ซึ่งนักปรัชญาที่สําคัญในยุคสมัยนี้ ได้แก่ โซฟิสต์ โซเครตีส เพลโต และอริสโตเติล

8 ลัทธิใดมีความสัมพันธ์กับปัญหาเรื่องบ่อเกิดของความรู้มากที่สุด

(1) สัจนิยม

(2) มนุษยนิยม

(3) ประโยชน์นิยม

(4) ประสบการณ์นิยม

ตอบ 4 หน้า 14 – 16, 103, 127 ปัญหาทางญาณวิทยาหรือปัญหาเรื่องทฤษฎีของความรู้ คือ ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องต่าง ๆ ดังนี้

1 ปัญหาเรื่องบ่อเกิดของความรู้ มีแนวคําตอบอยู่ 2 แนว คือ ลัทธิเหตุผลนิยม และลัทธิประสบการณ์นิยม (ประจักษนิยม)

2 ปัญหาธรรมชาติของความรู้มีแนวคําตอบอยู่ 2 แนว คือ ลัทธิสัจนิยม และลัทธิจิตนิยมแบบอัตนัย

9 ลัทธิเอปิคิวรุส (Epicureanism) จะเสนอวิธีการดําเนินชีวิตอย่างไรในยุคเศรษฐกิจถดถอย

(1) แสวงหาความสุขให้มากก่อนอดตาย

(2) อดทนทํางานทุกอย่างเพื่อรอเวลาเศรษฐกิจฟื้นตัว

(3) ยอมรับสภาพและทําใจจนไม่มีความรู้สึกทุกข์

(4) ปลดปล่อยตัวเองจากหน้าที่ทั้งปวงและใช้ชีวิตอย่างสุนัข

ตอบ 1 หน้า 8 ปรัชญากรีกยุคโบราณสมัยเสื่อม หมายถึง ปรัชญากรีกยุคหลังอริสโตเติลและเป็นเวลาในช่วงสมัยของการขยายตัวของอาณาจักรโรมัน ซึ่งแนวคิดของนักปรัชญาในยุคนี้ จะสนใจเรื่องการแสวงหาความสุขของชีวิตเป็นพิเศษ (แสวงหาความสุขให้มากก่อนอดตาย)โดยลัทธิปรัชญาที่สําคัญในยุคนี้ ได้แก่ ลัทธิเอปิคิวรุส ลัทธิสโตอิก และลัทธิซีนิก เป็นต้น

10 ลัทธิสโตอิก (Stoicism) จะเสนอวิธีการดําเนินชีวิตอย่างไรในยุคเศรษฐกิจถดถอย

(1) แสวงหาความสุขให้มากก่อนอดตาย

(2) อดทนทํางานทุกอย่างเพื่อรอเวลาเศรษฐกิจฟื้นตัว

(3) ยอมรับสภาพความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นและเข้าใจจนไม่มีความรู้สึกทุกข์

(4) ปลดปล่อยตัวเองจากหน้าที่ทั้งปวงและใช้ชีวิตอย่างสุนัข

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 9 ประกอบ

11 “Metaphysics” มีความหมายตรงกับศัพท์ภาษาไทยคําใด

(1) จริยศาสตร์

(2) อภิปรัชญา

(3) ญาณวิทยา

(4) อตินทรีย์วิทยา

ตอบ 4 หน้า 21 – 22 Metaphysics แปลว่า วิชาที่ว่าด้วยสิ่งที่อยู่เบื้องหลังวัตถุ หรือวิชาที่ว่าด้วยสิ่งที่อยู่เบื้องหลังสิ่งที่รู้สึกทางประสาทสัมผัส จะมีความหมายตรงกับคําว่า “อตินทรีย์วิทยา” ซึ่งแปลว่า ล่วงเลยอินทรีย์หรือประสาทสัมผัส แต่คําว่าอตินทรีย์วิทยานี้ไม่เป็นที่นิยมใช้กันโดยคําที่นิยมใช้ก็คือ “อภิปรัชญา” ซึ่งแปลว่า ความรู้อันประเสริฐที่ยิ่งใหญ่

12 ข้อใดเป็นลักษณะของนักสสารนิยม

(1) คนที่เชื่อว่าวัตถุเท่านั้นที่เป็นจริง

(2) คนที่เชื่อว่ามนุษย์แสวงหาความสุขทางกายเท่านั้น

(3) คนที่ปฏิเสธเรื่องชีวิตหลังการตาย

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 25, (คําบรรยาย) สสารนิยม เชื่อว่า สสารหรือวัตถุเท่านั้นที่เป็นจริง โดยมนุษย์จะแสวงหาความสุขทางกายเท่านั้น และปฏิเสธชีวิตหลังการตาย (ซึ่งจะตรงข้ามกับจิตนิยม ที่เชื่อว่าอสสารหรือจิตเท่านั้นที่เป็นจริง โดยมนุษย์จะแสวงหาความสุขทางใจเท่านั้น และไม่ปฏิเสธชีวิตหลังการตาย)

13 นักจิตนิยมมีทัศนะเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างจิต-กาย อย่างไร

(1) จิตคือกาย

(2) จิตสําคัญคู่กาย

(3) จิตสําคัญกว่ากาย

(4) จิตมีอยู่ตราบเท่าที่มีกาย

ตอบ 3 หน้า 35, (คําบรรยาย) จิตนิยม เชื่อว่า มนุษย์มีองค์ประกอบ 2 อย่างคือ จิตกับร่างกาย โดยจิตหรือวิญญาณสําคัญกว่าร่างกาย เพราะเป็นตัวตนที่แท้จริงของมนุษย์ และมีสภาวะเป็นอมตะ เมื่อตายไปแล้วก็จะกลับมาเกิดใหม่ ดังนั้นการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้จึงต้องกระทําความดีเพื่อเป็นสะพานที่จะมุ่งไปสู่ความจริงในโลกหน้า เพราะโลกเป็นเพียงแค่ทางผ่านไปสู่สัจธรรม

14 นักสสารนิยมมีทัศนะเรื่องการดับของจิตอย่างไร

(1) จิตดับเมื่อร่างกายตาย

(2) ไม่มีจิต มีแต่ผลจากการทํางานอันซับซ้อนของสมองเท่านั้น

(3) จิตไม่ดับแม้ร่างกายตาย

(2) จิตดับเมื่อหมดกิเลส

ตอบ 2 หน้า 35, (คําบรรยาย) สสารนิยม ถือว่า ไม่มีจิตวิญญาณ มีแต่ผลจากการทํางานอันซับซ้อนของสมองและระบบประสาท ซึ่งสมองนั้นเป็นสสาร คือ เมื่อวิเคราะห์ออกมาแล้วก็จะออกมา เป็นโมเลกุล และเมื่อแยกต่อไปก็จะเป็นอะตอม อิเล็กตรอน โปรตอน และอื่น ๆ ต่อไป ในโลกนี้ไม่มีอะไรเกิด ไม่มีอะไรดับ จะมีก็แต่การรวมตัวและการแยกตัวของสิ่งอันเป็นหน่วยเดิมเท่านั้น

15 “สสารเป็นสิ่งที่อยู่ในระบบของอวกาศ-เวลาอย่างหนึ่ง และไม่สามารถใช้อธิบายความเป็นจริงของโลกนี้ ได้อย่างสมบูรณ์” เป็นแนวคิดของนักปรัชญาลัทธิใด

(1) ธรรมชาตินิยม

(2) จักรกลนิยม

(3) สสารนิยม

(4) จิตนิยม

ตอบ 1 หน้า 33 – 34, (คําบรรยาย) ธรรมชาตินิยม ได้ให้คํานิยามไว้ว่า สิ่งธรรมชาติ (สสาร) คือสิ่งที่มีขึ้นและดับลงตามปฏิบัติการของสาเหตุธรรมชาติ โดยสิ่งธรรมชาติเป็นสิ่งที่อยู่ในระบบของอวกาศ-เวลาอย่างหนึ่ง และไม่สามารถใช้อธิบายความเป็นจริงของโลกนี้ได้อย่างสมบูรณ์

16 “ถ้าพอมีเงินซื้อรถยนต์ก็ควรซื้อเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี เพราะจะช่วยไม่ให้เหนื่อยล้าจากการเดินทาง และลดความเครียดที่เกิดจากปัญหาการจราจรได้” น่าจะเป็นแนวคิดที่สอดคล้องกับปรัชญาลัทธิใด

(1) จิตนิยม

(2) สสารนิยม

(3) ปัญญานิยม

(4) ธรรมชาตินิยม

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 12 ประกอบ

17 “โลกเป็นเพียงแค่ทางผ่านไปสู่สัจธรรม” เป็นแนวคิดเกี่ยวกับความสําคัญของโลกของนักปรัชญาลัทธิใด

(1) จิตนิยม

(2) สสารนิยม

(3) จักรกลนิยม

(4) ธรรมชาตินิยม

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 13 ประกอบ

18 เกียรติยศชื่อเสียงและความเสียสละ เป็นเป้าหมายของบุคคลประเภทใดในทัศนะของเพลโต

(1) คนมีจิตภาคตัณหาเด่น

(2) คนมีจิตภาคน้ำใจเด่น

(3) คนมีจิตภาคเหตุผลเด่น

(4) คนที่มีจิต 3 ภาคสมดุลกัน

ตอบ 2 หน้า 35 – 36, 245 246 จิตในทัศนะของเพลโต แบ่งออกเป็น 3 ภาค ดังนี้

1 ภาคตัณหา คือ ความต้องการความสุขทางกาย โดยจะพยายามทําทุกอย่างเพื่อแสวงหาเงินมาสนองความสุขทางโลก จึงเป็นบุคคลที่ลุ่มหลงในโลกียสุข

2 ภาคน้ำใจ คือ ความรู้สึกทางใจ ได้แก่ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ความเสียสละ เกียรติยศชื่อเสียง และการได้รับการยกย่อง โดยพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือแก่ผู้อื่นที่ตกทุกข์ได้ยากทุกเมื่อ

3 ภาคเหตุผลหรือภาคปัญญา เป็นจิตภาคที่พัฒนาขึ้นมาสูงสุดแล้ว คือ มีความใฝ่ในสัจจะโดยอาจยอมเสียสละทั้งเงินและเกียรติเพื่อแสวงหาความรู้ ความจริง ความดี ความงามและความยุติธรรม ซึ่งจิตภาคนี้เท่านั้นที่จะทําให้มนุษย์เข้าสู่โลกของแบบได้

19 การได้รับยกย่องเป็นเจ้าสัว น่าจะเป็นเป้าหมายของบุคคลประเภทใดในทัศนะของเพลโต

(1) คนมีจิตภาคตัณหาเด่น

(2) คนมีจิตภาคน้ำใจเด่น

(3) คนมีจิตภาคเหตุผลเด่น

(4) คนที่มีจิต 3 ภาคสมดุลกัน

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 18 ประกอบ

20 ศาสนาคริสต์เชื่อในพระเจ้าแบบลัทธิใด

(1) Monotheism

(2) Polytheism

(3) Henotheism

(4) Atheism

ตอบ 1 (คําบรรยาย) ความเชื่อเกี่ยวกับพระเจ้าแบ่งออกเป็น 4 แบบดังนี้

1 Monotheism เชื่อว่า พระเจ้ามีองค์เดียว และเป็นพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ซึ่งความเชื่อในลักษณะนี้เป็นความเชื่อของศาสนาคริสต์

2 Polytheism เชื่อว่า พระเจ้ามีหลายองค์ และทุกพระองค์ล้วนยิ่งใหญ่ ซึ่งความเชื่อในลักษณะนี้เป็นความเชื่อของศาสนาพราหมณ์หรือฮินดู

3 Henotheism เชื่อว่า พระเจ้ามีหลายองค์ แต่ยกให้องค์ใดองค์หนึ่งเป็นพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่

4 Atheism เชื่อว่า พระเจ้าไม่มีอยู่จริง หรือปฏิเสธการมีอยู่ของพระเจ้า

21 ทฤษฎีเชิงวัตถุประสงค์พิสูจน์การมีอยู่จริงของพระเจ้าจากสิ่งใด

(1) ลักษณะความจํากัดของโลก

(2) ลักษณะความเป็นระเบียบของโลก

(3) ความคิดของมนุษย์เกี่ยวกับพระเจ้า

(4) มโนธรรมของมนุษย์

ตอบ 2 หน้า 43 ทฤษฎีเชิงวัตถุประสงค์ ถือว่า โลกนี้มีเอกภาพ มีระเบียบ มีความกลมกลืนกัน เช่น มีที่ราบ ภูเขา ทะเล มีพืช สัตว์ และมนุษย์ ซึ่งต่างก็ปรับตัวให้เข้ากับระเบียบที่กําหนดไว้แล้ว ในธรรมชาติ ซึ่งแสดงว่าโลกนี้ต้องมีผู้ออกแบบที่ชาญฉลาดสร้างขึ้นมา และมีวัตถุประสงค์ที่จะให้เป็นเช่นนั้น โดยผู้ออกแบบสร้างโลกนี้ก็คือพระผู้เป็นเจ้า เพราะฉะนั้นพระผู้เป็นเจ้าจึงมีอยู่

22 ทฤษฎีเชิงภววิทยาพิสูจน์การมีอยู่จริงของพระเจ้าจากสิ่งใด

(1) ลักษณะความจํากัดของโลก

(2) ลักษณะความเป็นระเบียบของโลก

(3) ความคิดของมนุษย์เกี่ยวกับพระเจ้า

(4) มโนธรรมของมนุษย์

ตอบ 3 หน้า 43 ทฤษฎีเชิงภววิทยา ถือว่า พระเจ้าเป็นสิ่งสัมบูรณ์และเป็นสิ่งที่ไม่มีขอบเขตจํากัดส่วนมนุษย์เป็นสิ่งสัมพัทธ์และเป็นสิ่งจํากัด ซึ่งการที่มนุษย์มีความคิดในเรื่องพระเจ้าได้นั้น เกิดจากพระเจ้าเป็นต้นเหตุให้มนุษย์คิดถึงสิ่งที่ไร้ขอบเขตนี้ขึ้นมาได้ ดังนั้นพระเจ้าจึงมีอยู่

23 ข้อใดเป็นลักษณะของอะตอมของกรีก

(1) อะตอมของธาตุต่าง ๆ แตกต่างกันทางด้านปริมาณเท่านั้น

(2) อะตอมของธาตุต่าง ๆ แตกต่างกันทางด้านคุณภาพเท่านั้น

(3) อะตอมของธาตุต่าง ๆ แตกต่างกันทั้งทางด้านปริมาณและคุณภาพ

(4) อะตอมของธาตุต่าง ๆ เหมือนกันทั้งทางด้านปริมาณและคุณภาพ

ตอบ 1 หน้า 57 ปรัชญากรีก ถือว่า ปรมาณู (อะตอม) ของธาตุต่าง ๆ มีความแตกต่างกันเฉพาะด้านจํานวนหรือปริมาณเท่านั้น แต่ในด้านคุณภาพมีลักษณะเหมือนกัน ส่วนลัทธิไวเศษกะถือว่า ปรมาณูของธาตุต่าง ๆ มีความแตกต่างกันทั้งทางด้านปริมาณและคุณภาพ

24 ข้อใดเป็นลักษณะของปรมาณูของลัทธิไวเศษกะ

(1) ปรมาณูของธาตุต่าง ๆ แตกต่างกันทางด้านปริมาณเท่านั้น

(2) ปรมาณูของธาตุต่าง ๆ แตกต่างกันทางด้านคุณภาพเท่านั้น

(3) ปรมาณูของธาตุต่าง ๆ แตกต่างกันทั้งทางด้านปริมาณและคุณภาพ

(4) ปรมาณูของธาตุต่าง ๆ เหมือนกันทั้งทางด้านปริมาณและคุณภาพ

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 23 ประกอบ

25 ข้อใดเป็นทัศนะเกี่ยวกับคุณสมบัติของปรมาณูของลัทธิไวเศษกะ

(1) คุณสมบัติของปรมาณูมีความเที่ยงแท้เช่นเดียวกับปรมาณู

(2) ปรมาณูเคลื่อนไหวตามการชี้นําของพระเจ้า

(3) ปรมาณูมีทั้งคุณสมบัติปฐมภูมิและทุติยภูมิ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 57 58 ทัศนะเกี่ยวกับคุณสมบัติของปรมาณูของลัทธิไวเศษกะ ได้แก่ ปรมาณูแต่ละปรมาณูเป็นสิ่งเที่ยงแท้และไม่แตกดับเช่นเดียวกับคุณสมบัติของปรมาณูแต่ละอย่าง ปรมาณูมีทั้งคุณสมบัติปฐมภูมิและคุณสมบัติทุติยภูมิ ปกติปรมาณูจะอยู่ในภาวะที่หยุดนิ่ง แต่จะเคลื่อนไหวตามการชี้นําหรือตามเจตจํานงของพระเจ้า

26 สิ่งที่ผัสสะของมนุษย์สามารถสัมผัสได้นั้น ต้องเกิดจากการรวมตัวของปรมาณูจํานวนเท่าใดเป็นอย่างน้อย ตามทัศนะของลัทธิไวเศษกะ

(1) จํานวน 1 – 2 ปรมาณู

(2) จํานวน 3 ปรมาณูขึ้นไป

(3) จํานวน 4 ปรมาณูขึ้นไป

(4) จํานวน 5 ปรมาณูขึ้นไป

ตอบ 2 หน้า 59 ลัทธิไวเศษกะ ถือว่า วัตถุจะต้องเกิดจากการรวมตัวกันของปรมาณูอย่างน้อย 2 ปรมาณู ส่วนวัตถุที่เราพอจะรู้ด้วยประสาทสัมผัสหรือสิ่งที่ผัสสะของมนุษย์สามารถสัมผัสได้นั้น จะต้องเกิดขึ้นจากการรวมตัวของปรมาณูจํานวนตั้งแต่ 3 ปรมาณูขึ้นไป

27 ตามทัศนะของไวเศจิกะ วิญญาณของมนุษย์คืออะไร

(1) ชีวาตมัน

(2) ปรมาณูพิเศษ

(3) ปรมาณูธรรมดา

(4) มนุษย์ไม่มีวิญญาณ

ตอบ 1 หน้า 58 ปรัชญากรีก ถือว่า วิญญาณของสิ่งมีชีวิตเกิดจากการรวมตัวของปรมาณู แต่เป็นปรมาณูหรืออะตอมพิเศษ ส่วนปรัชญาไวเศษกะ ถือว่า วิญญาณหรืออาตมันหรือชีวาตมันนั้น เป็นสิ่งที่มีอยู่เป็นพิเศษต่างหากจากปรมาณู ไม่ได้เกิดจากการรวมตัวของปรมาณูของธาตุใด ๆ แต่เป็นสิ่งที่เที่ยงแท้นิรันดรควบคู่ไปกับปรมาณู และมีลักษณะพิเศษของตนเองโดยเฉพาะ

28 พระพุทธเจ้าทรงตอบปัญหาเกี่ยวกับอภิปรัชญาด้วยวิธีการใด

(1) ทรงตอบตรงคําถาม

(2) ทรงตอบโดยวิธีแยกแยะ

(3) ทรงตอบโดยวิธีย้อนถาม

(4) ทรงตอบโดยวิธีสงบนิ่ง

ตอบ 4 หน้า 77 – 78 วิธีการตอบปัญหาของพระพุทธเจ้าจะทรงใช้ทั้ง 4 วิธีตามตัวเลือก แต่ถ้าเป็นปัญหาเกี่ยวกับอภิปรัชญาพระพุทธองค์จะทรงใช้วิธีสงบนิ่ง (ดุษณีภาพ) ซึ่งสาเหตุสําคัญที่ทรงใช้วิธีการนี้เพราะทรงเห็นว่าถ้าตอบไปก็อาจทําให้ผู้ฟังเข้าใจผิดได้

29 สาเหตุสําคัญที่ทรงใช้วิธีตามข้อ 28 คืออะไร

(1) ทรงเห็นว่าอาจทําให้ผู้ฟังเข้าใจผิดได้

(2) ทรงเห็นว่าเป็นเรื่องที่แต่ละบุคคลควรสรุปเอง

(3) ทรงเห็นว่าเป็นปัญหาซับซ้อน

(4) ทรงเห็นว่าถ้าตอบไปก็ไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจ

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 28 ประกอบ

30 คําสอนที่แสดงเหตุในอริยสัจ 4 คืออะไร

(1) ทุกข์และสมุทัย

(2) นิโรธและมรรค

(3) ทุกข์และนิโรธ

(4) สมุทัยและมรรค

ตอบ 4 หน้า 79 คําสอนของพระพุทธองค์ในอริยสัจ 4 แสดงเหตุและผลโดยลําดับ ดังนี้

1 แสดงเหตุ 2 ประการ ได้แก่ สมุทัย (แสดงเหตุแห่งทุกข์) และมรรค (แสดงเหตุคือ

การปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์)

2 แสดงผล 2 ประการ ได้แก่ ทุกข์ (แสดงผลคือทุกข์) และนิโรธ (แสดงผลคือความดับทุกข์)

31 คําสอนที่แสดงผลในอริยสัจ 4 คืออะไร

(1) ทุกข์และสมุทัย

(2) นิโรธและมรรค

(3) ทุกข์และนิโรธ

(4) สมุทัยและมรรค

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 30 ประกอบ

32 สัตว์ที่ยังสามารถเวียนว่ายตายเกิดได้ คืออะไรตามคําสอนของพุทธศาสนา

(1) มนุษย์

(2) เทดา

(3) พรหม

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 83 (คําบรรยาย) สัตว์ที่ยังสามารถเวียนว่ายตายเกิดได้ตามคําสอนของพุทธศาสนา คือ มนุษย์ และสัตว์นรกที่เรียกว่าอุปปาติกะ (ผู้เกิดผุดขึ้นโดยไม่ต้องอาศัยพ่อแม่ อาศัยอดีตกรรม) ได้แก่ เทวดา พรหม เปรต อสุรกาย ดังนั้นสัตว์ที่ยังสามารถเวียนว่ายตายเกิดเหล่านี้จึงไม่ใช่จุดประสงค์ของพระพุทธศาสนา เพราะยังไม่พ้นไปจากทุกข์ได้

33 ความอยากหรือตัณหาตามข้อใดเป็นกามตัณหาตามหลักอริยสัจ 4

(1) อยากฟังเสียงนุ่มนวลของนักร้องคนโปรด

(2) อยากเป็นนักร้อง

(3) ไม่อยากพ้นจากตําแหน่งนักร้องยอดนิยม

(4) ไม่อยากเป็นนักร้องที่ถูกลืม

ตอบ 1 หน้า 84 85 ตัณหามีอยู่ 3 ประเภท ได้แก่

1 กามตัณหา คือ ความอยากเห็น อยากฟัง อยากสูดกลิ่น อยากลิ้มรส และอยากสัมผัสในสิ่งที่ตนถูกใจ

2 ภวตัณหา คือ ความอยาก เป็นเจ้าของ ความอยากมีหรืออยากเป็นสิ่งอื่น ๆ

3 วิภวตัณหา คือ ความอยากไม่ให้สิ่งที่ตนมีอยู่หรือเป็นอยู่เสื่อมสิ้นไป ความอยากไม่มีดังที่ตนมีอยู่หรือไม่อยากเป็นดังที่ตนเป็นอยู่

34 ความอยากหรือตัณหาตามข้อใดเป็นภวตัณหาตามหลักอริยสัจ 4

(1) อยากฟังเสียงนุ่มนวลของนักร้องคนโปรด

(2) อยากเป็นนักร้อง

(3) ไม่อยากพ้นจากตําแหน่งนักร้องยอดนิยม

(4) ไม่อยากเป็นนักร้องที่ถูกลืม

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 33 ประกอบ

35 มรรค 8 คือ วิถีปฏิบัติเพื่ออบรมสิ่งใดตามหลักอริยสัจ 4

(1) อบรมกายกับวาจา

(2) อบรมใจ

(3) อบรมความเห็น

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 86 – 89, (คําบรรยาย) มรรค 8 คือ ทางสายกลางซึ่งเป็นข้อปฏิบัติเพื่อให้ถึงความดับทุกข์ตามหลักอริยสัจ 4 โดยจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้คือ

1 ส่วนที่อบรมกายกับวาจา เรียกว่า “ศีล” มี 3 ข้อ คือ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ และสัมมาอาชีวะ

2 ส่วนที่อบรมจิต เรียกว่า “สมาธิ” มี 3 ข้อ คือ สัมมาวายามะ สัมมาสติ และสัมมาสมาธิ

3 ส่วนที่อบรมทิฐิและความเห็น เรียกว่า “ปัญญา” มี 2 ข้อ คือ สัมมาทิฐิ และสัมมาสังกัปปะ

36 “เหตุการณ์ทุกเหตุการณ์ต้องมีสาเหตุ” เป็นความรู้แบบใดในทัศนะของพวกเหตุผลนิยม

(1) เป็นความรู้ที่จําต้องเป็น

(2) เป็นความรู้ที่รู้โดยอัชฌัตติกญาณ

(3) เป็นความรู้ก่อนประสบการณ์

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 104 105, 115 116 ความรู้ที่แท้จริงในทัศนะของนักปรัชญาลัทธิเหตุผลนิยมที่สําคัญ เช่น เดส์การ์ต (Descartes), สปิโนซา (Spinoza) และไลบ์นิตซ์ (Leibnitz) คือ ความรู้ก่อนประสบการณ์ซึ่งเป็นความจริงที่แน่นอนตายตัวโดยไม่เปลี่ยนแปลง หรือความจริง ชนิดที่จําต้องเป็น (Necessary Truth) คือ ต้องจริงในทุกที่ทุกเวลา เป็นความจริงที่ไม่มีวัน ผิดพลาดได้ เป็นข้อความที่ต้องจริงตลอดไปโดยไม่ต้องมีการพิสูจน์ เป็นสิ่งที่รู้ได้โดยไม่ต้องมี ประสบการณ์มายืนยัน และจิตของมนุษย์ก็สามารถรู้ความจริงชนิดนี้ได้โดย “อัชฌัตติกญาณ” (Intuition) คือ การหยั่งรู้โดยตรงด้วยจิตใจหรือด้วยแสงสว่างแห่งเหตุผลหรือแสงสว่างแห่ง ปัญญาแบบทันทีทันใดโดยไม่ต้องอาศัยสื่อใด ๆ ทั้งสิ้น เช่น ข้อความที่ว่า “สิ่งหนึ่งไม่อาจจะ อยู่ในสถานที่สองแห่งในเวลาเดียวกันได้”, “เหตุการณ์ทุกเหตุการณ์ต้องมีสาเหตุ”, “เส้นตรงที่ขนานกันจะไม่มีวันมาบรรจบกันได้” ฯลฯ

37 ข้อใดเป็นความรู้ที่ได้จากวิธีนิรนัย

(1) เส้นขนานไม่มีวันพบกัน

(2) อุ๊ย นั่นเส้นขนานของรางรถไฟ

(3) อ้อ เห็นมามากแล้ว รางรถไฟไม่มีวันพบกันหรอก

(4) เส้นขนานไม่มีวันพบกัน รางรถไฟเป็นเส้นขนาน ดังนั้น รางรถไฟไม่มีวันพบกัน

ตอบ 4 หน้า 105 การแสวงหาความรู้โดยวิธีนิรนัย (Deduction) คือ การพิสูจน์ความเชื่อใด ๆ โดยอาศัยความจริงพื้นฐานที่มีอยู่ก่อนหรือที่ยอมรับกันโดยทั่วไปเป็นหลัก แล้วก็ใช้ความคิดสืบสาว จากความรู้นั้นไปเพื่อที่จะรู้ในสิ่งอื่น โดยที่ข้อสรุปต้องได้มาจากข้ออ้าง ถ้าหากข้ออ้างเป็นจริง ข้อสรุปก็ต้องเป็นจริงด้วย ซึ่งวิชาคณิตศาสตร์ เรขาคณิต และพีชคณิตก็ใช้วิธีการคิดหาเหตุผลแบบนิรนัยนี้ในการแสวงหาความจริงโดยไม่อาศัยการพิสูจน์หรือยืนยันจากประสบการณ์ด้วย

38 ข้อใดเป็นความรู้ที่ได้จากอัชญัตติกญาณแบบประสบการณ์นิยม

(1) เส้นขนานไม่มีวันพบกัน

(2) อุ้ย!! นั่นรางรถไฟเป็นเส้นขนาน

(3) รางรถไฟมีลักษณะเป็นเส้นขนาน

(4) เส้นขนานไม่มีวันพบกัน รางรถไฟเป็นเส้นขนาน ดังนั้น รางรถไฟไม่มีวันพบกัน

ตอบ 2 หน้า 116 ความรู้ที่ได้จากอัชฌัตติกญาณในแบบประสบการณ์นิยม (ประจักษนิยม) หมายถึง การมีความรู้และความเข้าใจโดยตรงในความจริงที่ง่าย ๆ ธรรมดา ๆ ที่สุดของประสบการณ์ ทางประสาทสัมผัส เช่น อุ้ย!! นั่นรางรถไฟเป็นเส้นขนาน, สิ่งที่ฉันมองเห็นในขณะนี้มีสีแดง, มือได้สัมผัสความเย็นของน้ําแข็ง, ลิ้นได้ลิ้มรสหวานของน้ำตาล เป็นต้น

39 “Tabula Rasa” สัมพันธ์กับนักปรัชญาคนใด

(1) Descartes

(2) Locke

(3) Berkley

(4) Hume

ตอบ 2 หน้า 117, (คําบรรยาย) ล็อค (Locke) ถือว่า สภาพจิตของมนุษย์ในตอนเริ่มแรกนั้นมีแต่ความว่างเปล่าเหมือนกระดาษขาวบริสุทธิ์ ปราศจากความคิดและความรู้ใด ๆ ทั้งสิ้นเรียกว่า “Tabula Rasa” ที่หมายถึง สมุดบันทึกที่ว่างเปล่าปราศจากข้อความใด ๆ ทั้งสิ้น

40 ส่วนของวัตถุที่มนุษย์ไม่มีวันสัมผัสได้ด้วยผัสสะ คืออะไรในทัศนะของล็อค

(1) คุณสมบัติปฐมภูมิของวัตถุ

(2) คุณสมบัติทุติยภูมิของวัตถุ

(3) สารรองรับคุณสมบัติต่าง ๆ ของวัตถุ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 2 หน้า 118 – 119, (คําบรรยาย) ในทัศนะของล็อค ถือว่า คุณสมบัติปฐมภูมิเป็นคุณสมบัติที่มีอยู่ในตัววัตถุจริง ส่วนคุณสมบัติทุติยภูมินั้นไม่ได้มีอยู่ในโลกภายนอก แต่เป็นอํานาจที่ คุณสมบัติปฐมภูมิสร้างผัสสะให้เกิดกับเรา ดังนั้นมนุษย์จึงไม่มีวันสัมผัสคุณสมบัติทุติยภูมิของวัตถุได้ด้วยผัสสะ

41 “อ๋อ นี่คือดอกมะลิ” เป็นความรู้ที่หมายถึงสิ่งใดในทัศนะของล็อค

(1) ตัวดอกมะลิ

(2) ตัวคุณสมบัติต่าง ๆ ของดอกมะลิ

(3) ภาพแทนคุณสมบัติต่าง ๆ ของดอกมะลิ

(4) ภาพรวมของคุณสมบัติต่าง ๆ ของดอกมะลิ

ตอบ 3 หน้า 119 ทฤษฎีความรู้ของล็อค เรียกว่า “ทฤษฎีตัวแทน” โดยวัตถุจริงกับวัตถุในฐานะเป็นสิ่งที่เรารับรู้นั้นจะเป็นคนละสิ่งกัน วัตถุที่เรารับรู้จึงนับเป็นตัวแทนของวัตถุจริง ดังนั้น สิ่งที่มีอยู่จริงภายนอกตัวเรา ก็คือ ก้อนที่ปราศจากคุณสมบัติทุติยภูมิใด ๆ ที่เรียกว่า “สาร” ซึ่งรองรับคุณสมบัติปฐมภูมิอยู่

42 ส่วนใดของวัตถุที่ผัสสะของมนุษย์ไม่สามารถรับรู้ได้ในทัศนะของล็อค

(1) คุณสมบัติปฐมภูมิ

(2) คุณสมบัติทุติยภูมิ

(3) สารรองรับคุณสมบัติของวัตถุ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 3 หน้า 119 ล็อค เชื่อว่า สารเป็นสิ่งแท้จริงที่อยู่ภายในตัววัตถุ แต่มนุษย์ไม่อาจจะรู้จักสารได้เพราะไม่อาจเป็นประสบการณ์ของใคร จึงเป็นสิ่งที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร แต่ก็ต้องยอมรับว่าทุกสิ่งต้องมีสาร เพราะสารเป็นพื้นฐานที่รองรับคุณสมบัติปฐมภูมิของวัตถุซึ่งก่อให้เกิดความคิดเชิงเดี่ยว

43 จอห์น ล็อค เป็นนักปรัชญาที่เป็นเจ้าของทฤษฎีใด

(1) สัจนิยมโดยตรง

(2) สัจนิยมแบบตัวแทน

(3) สัจนิยมวิจารณ์

(4) จิตนิยมแบบอัตนัย

ตอบ 2 หน้า 138 – 139 สักนิยมแบบตัวแทน เห็นว่า วัตถุทั้งหลายที่อยู่ภายนอกตัวคนเป็นสสารที่มีแต่คุณสมบัติปฐมภูมิ (ขนาด รูปร่าง น้ำหนัก) และคุณสมบัติปฐมภูมิเท่านั้นที่มีอยู่อย่างแท้จริง ส่วนคุณสมบัติทุติยภูมิ (สี กลิ่น รส อุณหภูมิ) นั้น ไม่ได้เป็นสิ่งที่มีอยู่ในตัววัตถุเพราะมันเป็นสิ่งที่จิตของคนเป็นผู้สร้างขึ้นมา ซึ่งนักปรัชญาที่สําคัญของทฤษฎีนี้ก็คือ จอห์น ล็อค

44 เดส์การ์ตต้องการแสดงอะไรเมื่อสรุปว่า “ฉันคิด ดังนั้น ฉันจึงมีอยู่”

(1) ต้องการพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ได้ฝันไป

(2) ต้องการสรุปความจริงพื้นฐานที่สงสัยไม่ได้

(3) ต้องการสรุปว่าตนเองมีปัญหา

(4) ต้องการพิสูจน์ว่ามนุษย์ต่างจากสัตว์ตรงที่คิดได้

ตอบ 2 หน้า 108 เดส์การ์ต เห็นว่า การสงสัยเป็นการคิดอย่างหนึ่ง ซึ่งการคิดนั้นก็จะต้องมีผู้คิด ดังนั้น เราจึงไม่อาจสงสัยการมีอยู่ของตัวเองในฐานะที่เป็นผู้คิดได้ จากเหตุผลดังกล่าวทําให้เดส์การ์ต พบว่าสิ่งที่เป็นความจริงอย่างชัดเจนและแจ่มแจ้ง ก็คือ “ฉันคิด ดังนั้น ฉันจึงมีอยู่”

45 “อัชญัตติกญาณ” หมายถึงวิธีการแสวงหาความรู้แบบใดในทัศนะของเดส์การ์ต

(1) การหยั่งรู้โดยตรงด้วยแสงสว่างแห่งเหตุผล

(2) การสัมผัสโดยตรงด้วยผัสสะทั้ง 5 ของมนุษย์

(3) การเจริญสมาธิจนเกิดตาทิพย์

(4) การหยั่งรู้โดยอาศัยการชี้นําของพระเจ้า

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 36 ประกอบ

46 “อัชญัตติกญาณ” หมายถึงวิธีการแสวงหาความรู้แบบใดในทัศนะของนักประจักษนิยม

(1) การหยั่งรู้โดยตรงด้วยแสงสว่างแห่งเหตุผล

(2) การสัมผัสโดยตรงด้วยผัสสะทั้ง 5 ของมนุษย์

(3) การเจริญสมาธิจนเกิดตาทิพย์

(4) การหยั่งรู้โดยอาศัยการชี้นําของพระเจ้า

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 38 ประกอบ

47 “ตึก KTB กับตึก DRB เหมือนกันจังเลย” เป็นความรู้ที่มีบ่อเกิดจากสิ่งใดในทัศนะของเดวิด ฮูม

(1) ผัสสะ

(2) ความจํา

(3) จินตนาการ

(4) การคาดเดา

ตอบ 3 หน้า 122 123 เดวิด ฮูม (David Hume) เห็นว่า มนุษย์มีความสามารถอยู่ 2 ประการคือ ความจํากับจินตนาการ โดยความจําเป็นการที่เราเก็บรวบรวมความคิดทั้งหลายไว้เป็น ลําดับต่อเนื่องกัน ส่วนจินตนาการเป็นการที่เราจัดระเบียบความคิดต่าง ๆ ตามแบบแผนที่ เราต้องการ เช่น การที่เราเห็นว่าสิ่งหนึ่งเหมือนกับอีกสิ่งหนึ่งก็เป็นเพียงผลจากจินตนาการของเราเอง ซึ่งเป็นความสัมพันธ์เชิงสาเหตุและผลที่เกิดจากส่วนของจินตนาการของมนุษย์

48 “พระเจ้าต้องมีอยู่ เพราะมนุษย์มีความคิดเกี่ยวกับพระเจ้า” เป็นข้อสรุปของนักปรัชญาคนใด

(1) เพลโต

(2) เดส์การ์ต

(3) ล็อค

(4) เดวิด ฮูม

ตอบ 2 หน้า 110 เดส์การ์ต (Descartes) เป็นนักปรัชญาเหตุผลนิยมที่เชื่อว่า พระเจ้าต้องมีอยู่จริงเพราะมนุษย์มีความคิดเกี่ยวกับพระเจ้า (เป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์จะเป็นผู้ก่อความคิดนี้ขึ้นมาเอง) โดยพระเจ้าเองเป็นผู้ประทานความคิดเกี่ยวกับพระองค์เองให้กับมนุษย์

49 “เราไม่เคยมีข้อมูลทางประสบการณ์เกี่ยวกับพระเจ้า ดังนั้นพระเจ้าไม่มีจริง” เป็นข้อสรุปของนักปรัชญาคนใด

(1) เพลโต

(2) เดส์การ์ด

(3) ล็อค

(4) เดวิด ซูม

ตอบ 4 หน้า 125, (คําบรรยาย) เดวิด ฮูม (David Hume) เป็นนักประจักษนิยมที่เชื่อว่า ตัวคนเราเป็นเพียงการมารวมกันของผัสสะและความคิด ไม่มีจิต ไม่มีวิญญาณ และเมื่อคนเราไม่เคยมีข้อมูลทางประสบการณ์เกี่ยวกับพระเจ้า ดังนั้นพระเจ้าจึงไม่มีอยู่จริง

50 สัจนิยมโดยตรงยอมรับความคิดใด

(1) ความรู้ของมนุษย์เป็นความรู้ที่ผ่านตัวกลาง

(2) ความรู้ของมนุษย์เป็นความคิดของจิตมนุษย์

(3) ความรู้ของมนุษย์เป็นเพียงตัวแทนของวัตถุ

(4) ความรู้ของมนุษย์เป็นการรู้จักตัววัตถุโดยตรง

ตอบ 4 หน้า 134 สักนิยมแบบโดยตรง มีทัศนะว่า การรับรู้หรือการประจักษ์เป็นการรู้จักโดยตรงคือ เป็นการเผชิญหน้ากันอย่างตรงไปตรงมากับวัตถุภายนอก ซึ่งการรับรู้ของคนมิได้มีการ เพิ่มเติมหรือลดทอนคุณสมบัติอะไรบางอย่างให้กับวัตถุเลย วัตถุมีธรรมชาติหรือลักษณะที่แท้จริงอย่างไร เมื่อมาปรากฏต่อจิตของคนก็คงเป็นอย่างนั้น

51 จอห์น ล็อค ยอมรับความคิดใด

(1) ความรู้ของมนุษย์เป็นความรู้ที่ผ่านตัวกลาง

(2) ความรู้ของมนุษย์เป็นการรู้ภาพตัวแทนของวัตถุ

(3) ความรู้ของมนุษย์เป็นความคิดของจิตมนุษย์

(4) ความรู้ของมนุษย์เป็นการรู้จักตัววัตถุโดยตรง

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 41 ประกอบ

52 ข้อใดเป็นความคิดของเบอร์คเลย์

(1) ลักษณะของวัตถุที่มนุษย์รู้ ตรงกับวัตถุภายนอกทุกประการ

(2) ลักษณะของวัตถุที่มนุษย์รู้ ตรงกับวัตถุภายนอกเฉพาะคุณสมบัติปฐมภูมิ

(3) ลักษณะของวัตถุที่มนุษย์รู้ เป็นการสร้างของจิตทั้งหมด

(4) ลักษณะของวัตถุที่มนุษย์รู้ เป็นการเลือกรับรู้ของมนุษย์

ตอบ 3 หน้า 129, 131 เบอร์คเลย์ เป็นนักปรัชญาลัทธิจิตนิยมแบบอัตนัยที่มีทัศนะว่า วัตถุทั้งหลายหรือโลกภายนอกเป็นเพียงภาพสะท้อนของจิตมนุษย์ โดยสิ่งต่าง ๆ ที่เราเห็นหรือรู้นั้นก็คือความคิด ของจิตของเรานั่นเอง เพราะว่าสิ่งที่เรารู้หรือความรู้ของเรา ได้แก่ วัตถุและสิ่งทั้งหลายภายในโลก สิ่งเหล่านี้มีแก่นแท้คือการรับรู้ด้วยจิตของมนุษย์ ดังนั้นการมีอยู่ของมันจึงเป็นอิสระจากจิตไม่ได้

53 ข้อใดเป็นความคิดของจอห์น ล็อค

(1) ลักษณะของวัตถุที่มนุษย์รู้ ตรงกับวัตถุภายนอกทุกประการ

(2) ลักษณะของวัตถุที่มนุษย์รู้ ตรงกับวัตถุภายนอกเฉพาะคุณสมบัติปฐมภูมิ

(3) ลักษณะของวัตถุที่มนุษย์รู้ เป็นการสร้างของจิตทั้งหมด

(4) ลักษณะของวัตถุที่มนุษย์รู้ เป็นการเลือกรับรู้ของมนุษย์

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 40 และ 43 ประกอบ

54 แนวความคิดเรื่องใดของนักปรัชญาที่สืบเนื่องมาจากทัศนะทางอภิปรัชญาของเขา

(1) ศาสนา

(2) ประเพณี

(3) เป้าหมายของชีวิต

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 3 (คําบรรยาย) แนวความคิดของนักปรัชญาที่สืบเนื่องมาจากทัศนะทางอภิปรัชญาของเขา คือ เป้าหมายของชีวิต (จุดหมายหรืออุดมคติของชีวิต) หรือสิ่งที่มีค่าสูงสุดหรือสิ่งที่ดีที่สุด (Highest Good) ของมนุษย์ เช่น นักปรัชญาลัทธิสสารนิยมจะเน้นว่าความสุขทางกายเป็นสิ่งที่มีค่าสูงสุด ของมนุษย์, นักปรัชญาลัทธิธรรมชาตินิยมจะเน้นว่าความสุขทางกายและความสุขทางใจล้วนเป็นสิ่งที่มีค่าสูงสุดสําหรับมนุษย์ เป็นต้น

55 นักปรัชญาลัทธิใดที่เน้นว่าความสุขทางกายเป็นสิ่งที่มีค่าสูงสุดของมนุษย์

(1) จิตนิยม

(2) สสารนิยม

(3) ธรรมชาตินิยม

(4) ซีนิก (Cynicism)

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 54 ประกอบ

56 นักปรัชญาลัทธิใดที่เน้นว่าความสุขทางกายและทางใจล้วนเป็นสิ่งที่มีค่าสูงสุดสําหรับมนุษย์

(1) จิตนิยม

(2) สสารนิยม

(3) ธรรมชาตินิยม

(4) ซีนิก (Cynicism)

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 54 ประกอบ

57 ประโยชน์นิยมมีความเห็นอย่างไรกับการพูดโกหก

(1) เป็นการกระทําที่ผิดเสมอ

(2) เป็นการกระทําที่ถูกถ้าให้ผลดีแก่คนส่วนใหญ่

(3) เป็นการกระทําที่อาจถูกหรือผิดแล้วแต่ค่านิยมของสังคม

(4) เป็นการกระทําเพื่อป้องกันตนเองตามธรรมชาติของมนุษย์

ตอบ 2 หน้า 165, 168 มิลล์ (Mill) เป็นนักประโยชน์นิยมที่ถือว่าศีลธรรมกับความสุขเป็นเรื่องเดียวกัน ความสุขของมหาชนเป็นสิ่งสําคัญที่สุด การละเมิดหลักศีลธรรม/ประเพณีหรือ กฎหมายย่อมสามารถทําได้ถ้าเราคํานวณแล้วพบว่าการกระทํานั้นก่อให้เกิดประโยชน์สุข มากกว่า เช่น หมออาจโกหกคนไข้ได้ เพื่อไม่ให้คนไข้ตกใจจนหัวใจวายตาย ฯลฯ

58 ผู้ที่เชื่อว่าความดีเป็นปรนัย ถือว่าความดีมีลักษณะอย่างไร

(1) ความดีขึ้นอยู่กับความคิดของคนอื่น

(2) ความดีเป็นความดีในตัวเองไม่ขึ้นกับความคิดของใคร

(3) ความดีขึ้นอยู่กับความคิดของตนเอง

(4) ความดีเป็นความดีในตัวเองที่ตรงกับความคิดของตนเอง

ตอบ 2 (คําบรรยาย) ผู้ที่เชื่อว่าความดีเป็นปรนัยถือว่าความดีมีลักษณะเป็นความดีในตัวเองไม่ขึ้นกับความคิดของใคร เช่น การพูดความจริงเป็นสิ่งดี ฯลฯ ส่วนผู้ที่เชื่อว่าความดีเป็นอัตนัยถือว่าความดีขึ้นอยู่กับความคิดของตนเอง เช่น ฉันชอบพูดความจริง ดังนั้นการพูดความจริงจึงเป็นสิ่งดี ฯลฯ

59 “การพูดความจริงเป็นสิ่งดี เพราะฉันชอบพูดความจริง” เป็นลักษณะที่เชื่อว่าความดีมีสถานภาพอย่างไร

(1) ความดีเป็นปรนัย

(2) ความดีเป็นอัตนัย

(3) ความดีเป็นปรนัยและอัตนัย

(4) ความดีต้องไม่สับสนตามกระแส

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 58 ประกอบ

60 นักศึกษาที่เข้าห้องเรียนอย่างสม่ำเสมอ และไม่เคยแสดงกิริยาไม่พอใจ ทั้ง ๆ ที่ห้องเรียนร้อนและแออัด เป็นคนมีหลักธรรมข้อใด

(1) มีขันติ

(2) มีโสรัจจะ

(3) มีสัจจะ

(4) มีขันติและโสรัจจะ

ตอบ 4 หน้า 189 – 192 ขันติ หมายถึง ความอดทนซึ่งเป็นหลักธรรมที่แสดงถึงความเข้มแข็งของจิตใจ สามารถทนทานต่อเหตุร้ายต่าง ๆ ได้ และสามารถบังคับกายกับวาจาให้อยู่ในอํานาจ ได้ด้วย เช่น ความอดทนต่อความทุกข์เพื่อให้ได้มาซึ่งความสุข, ความอดทนต่อความลําบาก เพื่อให้ได้มาซึ่งความสบาย, ความอดทนต่อสิ่งที่กวนใจเพื่อให้ได้มาซึ่งความเป็นคนดี เป็นต้น ส่วนโสรัจจะ หมายถึง ความสงบเสงี่ยมซึ่งมีลักษณะเป็นความมีปกติอันดีของกาย วาจา และใจ ไม่แสดงอาการไม่ดีหรือไม่งามผิดปกติเมื่อได้รับความตรากตรำลําบากหรือได้รับความเจ็บใจ

61 นักศึกษาที่เดินออกจากห้องเรียนก่อนเวลาเลิกเรียนที่กําหนด เพราะเบื่อฟังการบรรยาย เป็นคนขาด หลักธรรมข้อใด

(1) มีขันติแต่ขาดสัจจะ

(2) ขาดขันติ

(3) ขาดสัจจะ

(4) มีขันติแต่ขาดโสรัจจะ

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 60 ประกอบ

62 นักศึกษาที่เข้าสอบด้วยท่าทางหงุดหงิดกับอากาศร้อนของห้องสอบ เป็นคนขาดหลักธรรมข้อใด

(1) มีขันติแต่ขาดสัจจะ

(2) มีขันติแต่ขาดโสรัจจะ

(3) ขาดขันติและขาดสัจจะ

(4) ขาดขันติและขาดโสรัจจะ

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 60 ประกอบ

63 ภรรยาน้อยที่ถูกภรรยาหลวงต่อว่าก็ไม่ตอบโต้ กลับมีท่าที่สงบเสงี่ยม เรียกว่ามีคุณธรรมข้อใด

(1) ขันติ

(2) โสรัจจะ

(3) สัจจะ

(4) ขันติและโสรัจจะ

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 60 ประกอบ

64 คนที่มีวิมังสาจะมีลักษณะอย่างไร

(1) พอใจในงานของตน

(2) มีความพยายามที่จะทํางานของตน

(3) ศึกษาจนเข้าใจรายละเอียดของงานของตน

(4) หมั่นพิจารณาข้อบกพร่องในการทํางานของตนเอง

ตอบ 4 หน้า 201 – 203 อิทธิบาท 4 คือ คุณธรรมที่นําไปสู่ความสําเร็จ 4 ประการ ดังนี้

1 ฉันทะ (ความพอใจรักใคร่ในสิ่งนั้น) ทําให้ไม่เบื่องาน ไม่รู้สึกท้อแท้ในการทํางาน

2 วิริยะ (ความเพียรพยายามในสิ่งนั้น) ทําให้มุ่งมั่นในการทํางานของตนให้สําเร็จ

3 จิตตะ (ความเอาใจใส่ในสิ่งนั้น) ทําให้หมั่นตรวจตราเอาใจจดจ่อในงานที่ตนทํา

4 วิมังสา (ความหมั่นตริตรองพิจารณาหาเหตุผลในสิ่งนั้น) ช่วยให้ทํางานไม่ผิดพลาด

65 คนที่มีฉันทะจะมีลักษณะอย่างไร

(1) พอใจในงานของตน

(2) มีความพยายามที่จะทํางานของตน

(3) ศึกษาจนเข้าใจรายละเอียดของงานของตน

(4) หมั่นพิจารณาข้อบกพร่องในการทํางานของตนเอง

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 64 ประกอบ

66 ต่ายสมัครมาเป็นครูในสามจังหวัดภาคใต้ แม้จะต้องใช้ความเพียรพยายามมากกว่าครูในภูมิภาคอื่น ๆ เพราะต่ายพอใจในอาชีพครู แสดงว่าต่ายมีหลักธรรมข้อใดในหลักอิทธิบาท 4

(1) ฉันทะกับวิริยะ

(2) จิตตะกับวิมังสา

(3) ฉันทะกับจิตตะ

(4) วิริยะกับวิมังสา

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 64 ประกอบ

67 ถ้านักศึกษาต้องการพัฒนาปัญญาให้งอกงาม ควรปฏิบัติตามหลักธรรมใด

(1) ขันติ

(2) วุฒิธรรม

(3) อิทธิบาท 4

(4) สมชีวิธรรม

ตอบ 2 หน้า 207 หลักวุฒิธรรม คือ หลักการสร้างหรือพัฒนาความเจริญงอกงามแห่งปัญญาซึ่งมีข้อพึงปฏิบัติอยู่ 4 ประการดังนี้

1 หมั่นเสวนาคบหากับท่านผู้รู้ ผู้มีภูมิธรรม

2 เอาใจใส่สดับตรับฟังแสวงหาความรู้จริง

3 ได้รู้ได้เห็นได้ฟังสิ่งใดแล้ว รู้จักคิดพิจารณาด้วยตนเอง

4 นําสิ่งที่ได้เล่าเรียน รับฟัง และตริตรองเห็นชัดแล้วไปใช้หรือปฏิบัติด้วยตนเอง

68 “เสียงเท่าฟ้า หน้าเท่ากลอง” เป็นคนขาดหลักสัปปุริสธรรมข้อใด

(1) ความเป็นผู้รู้จักเหตุ

(2) ความเป็นผู้รู้จักผล

(3) ความเป็นผู้รู้จักประมาณ

(4) ความเป็นผู้รู้จักบุคคล

ตอบ 3 หน้า 198 ความเป็นผู้รู้จักประมาณ หมายถึง ความรู้จักกําหนดคาดคะเนได้อย่างเหมาะสมพอเหมาะพอควรและพอดีในทุกเรื่อง ซึ่งผู้ที่ขาดหลักธรรมข้อนี้จะมีลักษณะตามสุภาษิตที่ว่า“เสียงเท่าฟ้า หน้าเท่ากลอง” หมายถึง เสียงดังมาก (ดังเกินไป ไม่พอดี)

69 “ใฝ่สูงจนเกินศักดิ์” เป็นคนขาดหลักสัปปุริสธรรมข้อใด

(1) ความเป็นผู้รู้จักตน

(2) ความเป็นผู้รู้จักผล

(3) ความเป็นผู้รู้จักประมาณ

(4) ความเป็นผู้รู้จักบุคคล

ตอบ 1 หน้า 197 – 198 ความเป็นผู้รู้จักตน หมายถึง ความพิจารณาตนเองให้เข้าใจว่าตนเป็นจุดกําเนิดของทุกข์ สุข ความเสื่อม และความเจริญ ซึ่งการรู้จักตนเองนั้นต้องรู้ถึงชาติตระกูล วัย ฐานะ ตําแหน่ง สมบัติ บริวาร หน้าที่ และความรับผิดชอบของตนเอง

70 “ไม่ดูตาม้าตาเรือ” เป็นคนขาดหลักสัปปุริสธรรมข้อใด

(1) ความเป็นผู้รู้จักกาล

(2) ความเป็นผู้รู้จักชุมชน

(3) ความเป็นผู้รู้จักเลือกบุคคล

(4) ความเป็นผู้รู้จักผล

ตอบ 2 หน้า 199 – 200 ความเป็นผู้รู้จักชุมชน หมายถึง การรู้จักปรับปรุงตนเองให้เข้ากับสังคมหรือชุมชนต่าง ๆ และวางตนให้เหมาะสมกับสังคมนั้นได้อย่างถูกต้อง ซึ่งจะสอดคล้องกับ สุภาษิตที่ว่า “เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม” ส่วนคนที่ขาดหลักธรรมข้อนี้จะมีลักษณะตาม สุภาษิตที่ว่า “ไม่ดูตาม้าตาเรือ” หรือ “ไม่รู้จักเสือเอาเรือเข้ามาจอด ไม่รู้จักมอดเอาไม้เข้ามาวาง”

71 “ไม่รู้จักเสือเอาเรือเข้ามาจอด ไม่รู้จักมอดเอาไม้เข้ามาวาง” เป็นคนขาดหลักสัปปุริสธรรมข้อใด

(1) ความเป็นผู้รู้จักกาล

(2) ความเป็นผู้รู้จักชุมชน

(3) ความเป็นผู้รู้จักเลือกบุคคล

(4) ความเป็นผู้รู้จักผล

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 70 ประกอบ

72 เพลโตมีทัศนะเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับรัฐอย่างไร

(1) มนุษย์เป็นสมาชิกของรัฐโดยธรรมชาติ

(2) มนุษย์เป็นสมาชิกของรัฐต่อเมื่อให้ความยินยอม

(3) มนุษย์เป็นสมาชิกของรัฐเพราะมีบาป

(4) มนุษย์จําเป็นต้องมีรัฐเพราะกิจกรรมการผลิต

ตอบ 1 หน้า 244 245 โซ.ครตีสและเพลโตนักปรัชญากรีกโบราณ มีทัศนะว่า รัฐเป็นสิ่งจําเป็นตามธรรมชาติของมนุษย์ เพราะความยุติธรรมสําหรับมนุษย์จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมนุษย์รวมตัวกันเป็นสังคมเพื่อมีชีวิตที่ดี สามารถรักษาเผ่าพันธุ์และสามารถสร้างงานศิลปะของมนุษยชาติ

73 นักปรัชญาตะวันตกสมัยใหม่มีทัศนะเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับรัฐอย่างไร

(1) มนุษย์เป็นสมาชิกของรัฐโดยธรรมชาติ

(2) มนุษย์เป็นสมาชิกของรัฐต่อเมื่อให้ความยินยอม

(3) มนุษย์เป็นสมาชิกของรัฐเพราะมีบาป

(4) มนุษย์จําเป็นต้องมีรัฐเพราะกิจกรรมการผลิต

ตอบ 2 หน้า 251 – 255 ฮอบส์และล็อคนักปรัชญาตะวันตกสมัยใหม่ มีทัศนะทางการเมืองที่ตรงกันในเรื่องทฤษฎีสัญญาประชาคม โดยทั้ง 2 คน มีทัศนะเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับรัฐ เหมือนกันในแง่ที่ว่า รัฐไม่ใช่สิ่งที่เป็นธรรมชาติสําหรับมนุษย์ แต่รัฐเป็นสิ่งที่มนุษย์จัดตั้งขึ้นมาด้วยความจําเป็นและตกลงยินยอมร่วมกัน เพื่อสนองตอบต่อความต้องการของสมาชิก

74 นักปรัชญาคนใดถือว่าการศึกษาเป็นมาตรการแบ่งแยกชนชั้นทางสังคม

(1) เพลโต

(2) จอห์น ล็อค

(3) คาร์ล มาร์กซ์

(4) เซนต์ ออกัสติน

ตอบ 1 หน้า 269 – 271, 283 เพลโต เป็นนักปรัชญาคนแรกที่กล่าวถึงเป้าหมายของการศึกษาที่ชัดเจน โดยเขาได้แบ่งบุคคลในสังคมออกเป็น 3 กลุ่มตามระดับความรู้ในความจริงขั้นปรมัตถ์ ดังนั้นเขาจึงเป็นนักปรัชญาที่ถือว่าการศึกษาเป็นมาตรการแบ่งแยกชนชั้นทางสังคม

75 นักปรัชญาคนใดถือว่าการตัดสินใจรักพระเจ้าหรือไม่เป็นมาตรการแบ่งแยกค่ายของคนในรัฐ

(1) เพลโต

(2) จอห์น ล็อค

(3) คาร์ล มาร์กซ์

(4) เซนต์ ออกัสติน

ตอบ 4 หน้า 249 – 250 เซนต์ ออกัสติน เป็นนักปรัชญาที่ถือว่าการตัดสินใจรักพระเจ้าหรือไม่เป็นมาตรการแบ่งแยกค่ายของคนในรัฐ โดยเขาได้แบ่งมนุษย์ออกเป็น 2 ค่าย คือ กลุ่มหรือค่าย ที่ตัดสินใจรักพระเจ้า กับกลุ่มหรือค่ายที่ตัดสินใจปฏิเสธพระเจ้าและรักตัวเองและรักโลกแทนทั้งนี้เขายังมีทัศนะว่ารัฐที่ดีต้องเป็นรัฐที่นับถือพระเจ้าและสามารถทําให้มนุษย์พ้นจากบาปได้

76 นักปรัชญาคนใดมีทัศนะว่ารัฐที่ดีต้องสามารถให้ความปลอดภัยและเสถียรภาพแก่คนในรัฐ

(1) รุสโซ

(2) จอห์น ล็อค

(3) โธมัส ฮอบส์

(4) คาร์ล มาร์กซ์

ตอบ 3 หน้า 252 254 โธมัส ฮอบส์ เป็นนักปรัชญาที่มีทัศนะว่า โดยสภาพธรรมชาติมนุษย์ไม่มีสังคมไม่มีรัฐ แต่เมื่อเผชิญกับการต่อสู้และความกลัวกับสภาพที่เลวร้าย จึงต้องตกลงกันระหว่างมนุษย์ เพื่อจัดตั้งรัฐและสังคมขึ้นเพื่อผลประโยชน์ คือ เสถียรภาพและขจัดความหวาดกลัวของมนุษย์อย่างได้ผล ดังนั้นรัฐที่ดีต้องสามารถให้ความปลอดภัยและเสถียรภาพแก่คนในรัฐ

77 นักปรัชญาคนใดมีทัศนะว่ารัฐที่ดีต้องสามารถทําให้มนุษย์สามารถดําเนินชีวิตอย่างมีเหตุผล

(1) เพลโต

(2) อริสโตเติล

(3) มาเคียเวลลี่

(4) เซนต์ ออกัสติน

ตอบ 2 หน้า 248 249 อริสโตเติล มีทัศนะว่า สังคมและรัฐที่ดีคือ สังคมและรัฐที่สามารถทําให้มนุษย์มีชีวิตที่ดี ซึ่งมี 2 รูปแบบ คือ

1 ชีวิตที่มีคุณธรรมทางศีลธรรม สามารถดําเนินชีวิตอย่างมีเหตุผล

2 ชีวิตที่มีคุณธรรมทางปัญญา สามารถดําเนินชีวิตในลักษณะที่ตริตรองถึงสัจจะ

78 นักปรัชญาคนใดมีทัศนะว่ารัฐที่ดีต้องสามารถทําให้มนุษย์สามารถพ้นบาป

(1) เพลโต

(2) อริสโตเติล

(3) มาเคียเวลลี่

(4) เซนต์ ออกัสติน

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 75 ประกอบ

79 ชีวิตมนุษย์ก่อนอยู่ในรัฐเป็นอย่างไรในทัศนะของรุสโซ

(1) มีความสุขสบายดีทุกอย่าง

(2) ต้องเผชิญกับการต่อสู้และความหวาดกลัว

(3) มีสิทธิตามธรรมชาติ

(4) มีความเรียบง่ายและเป็นอิสระ

ตอบ 4 หน้า 256 รุสโซ เห็นว่า วิถีชีวิตมนุษย์สมัยดึกดําบรรพ์แม้จะเป็นชีวิตที่ค่อนข้างลําบากแต่ก็เป็นชีวิตที่มีความสุข เพราะเป็นชีวิตที่อิสระ มีความเรียบง่าย และมนุษย์ได้กระทําตาม ความปรารถนาของตน รวมทั้งมนุษย์ยังมีคุณธรรมพื้นฐานง่าย ๆ คือ การไม่สร้างความเจ็บปวดให้กับเพื่อนมนุษย์หรือการไม่ทําให้ผู้อื่นเดือดร้อน

80 ชีวิตมนุษย์ก่อนอยู่ในรัฐเป็นอย่างไรในทัศนะของฮอบส์

(1) มีความสุขสบายดีทุกอย่าง

(2) ต้องเผชิญกับการต่อสู้และความหวาดกลัว

(3) มีสิทธิตามธรรมชาติ

(4) มีความเรียบง่ายและเป็นอิสระ

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 76 ประกอบ

81 ชีวิตมนุษย์ก่อนอยู่ในรัฐเป็นอย่างไรในทัศนะของรุสโซ

(1) มีความสุขสบายดีทุกอย่าง

(2) ต้องเผชิญกับการต่อสู้และความหวาดกลัว

(3) มีสิทธิตามธรรมชาติ

(4) มีความเรียบง่ายและเป็นอิสระ

ตอบ 4 หน้า 256 รุสโซ เห็นว่า วิถีชีวิตมนุษย์สมัยดึกดําบรรพ์แม้จะเป็นชีวิตที่ค่อนข้างลําบากแต่ก็เป็นชีวิตที่มีความสุข เพราะเป็นชีวิตที่อิสระ มีความเรียบง่าย และมนุษย์ได้กระทําตาม ความปรารถนาของตน รวมทั้งมนุษย์ยังมีคุณธรรมพื้นฐานง่าย ๆ คือ การไม่สร้างความเจ็บปวดให้กับเพื่อนมนุษย์หรือการไม่ทําให้ผู้อื่นเดือดร้อน

82 สังคมในอุดมคติของคาร์ล มาร์กซ์ มีลักษณะอย่างไร

(1) ปราศจากรัฐ

(2) ปราศจากชนชั้นทางสังคม

(3) ทุกคนเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิต

(4) ถูกทุกข้า

ตอบ 4 หน้า 259 สังคมในอุดมคติของคาร์ล มาร์กซ์ คือ สังคมที่ปราศจากรัฐ ปราศจากชนชั้นทางสังคมไม่มีการกดขี่ขูดรีด เพราะพื้นฐานการผลิตเป็นแบบคอมมุน กล่าวคือ ทุกคนเป็นเจ้าของปัจจัย การผลิตหรือปัจจัยการผลิตเป็นของส่วนรวมเท่านั้น และรัฐเป็นสิ่งที่ไม่จําเป็นเลยสําหรับสังคมเพราะสมาชิกของสังคมสามารถปกครองดูแลตนเองและควบคุมความประพฤติของตนเองได้

83 บุคคลใดมีความเหมาะสมที่จะเป็นผู้ปกครองในทัศนะของเพลโต

(1) คนมีพละกําลังมาก

(2) คนมีความกล้าหาญมาก

(3) คนมีศรัทธาในพระเจ้าอย่างยิ่ง

(4) คนมีปัญญาอย่างยิ่ง

ตอบ 4 หน้า 246, 270 บุคคลที่มีความเหมาะสมและดีที่สุดที่จะเป็นผู้ปกครองในทัศนะของเพลโตคือ ราชาปราชญ์ (คนที่มีปัญญาอย่างยิ่ง) และควรจะเรียนวิชาอภิปรัชญาจนสําเร็จ

84 ในทัศนะของจอห์น สจ๊วต มิลล์ การกระทําที่รัฐไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายได้ คือการกระทําชนิดใด

(1) การกระทําส่วนตัวที่ไม่มีผลกระทบต่อคนอื่น

(2) การกระทําส่วนตัวแต่มีผลกระทบต่อคนอื่น ๆ

(3) การกระทําที่มีผลกระทบต่อคนอื่น ๆ

(4) ถูกข้อ 2 และ 3

ตอบ 1 หน้า 258, 321 จอห์น สจ๊วต มิลล์ สนับสนุนการใช้เสรีภาพของบุคคลอย่างเต็มที่ โดยการกระทําที่รัฐไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายได้ คือ การกระทําส่วนตัวที่ไม่มีผลกระทบต่อบุคคลอื่น ส่วนการกระทําที่มีผลกระทบต่อบุคคลอื่นนั้นรัฐสามารถเข้าไปก้าวก่ายควบคุมได้

85 ข้อใดถูกต้องตามทัศนะของวิลเลียม ก็อดวิน

(1) สังคมที่ดี คือ สังคมที่เกิดจากการรวมตัวด้วยความรักและความเข้าใจ

(2) สังคมที่ดี คือ สังคมที่สมาชิกมอบให้คณะบุคคลทําหน้าที่บริหาร

(3) สังคมที่ดี คือ สังคมที่สมาชิกอุทิศตนเพื่อรัฐ

(4) ไม่ควรมีสังคม

ตอบ 1 หน้า 259 260 วิลเลียม ก๊อดวิน (William Godwin) เป็นนักคิดในกลุ่มอนาธิปไตย (Anarchism) ที่มีทัศนะว่า องค์กรทุกรูปแบบโดยเฉพาะรัฐบาลเป็นสิ่งที่ชั่วร้ายทั้งสิ้น สังคมที่ดีที่สุดควรเป็นสังคมที่ไร้รัฐและไร้องค์กรใด ๆ ทั้งสิ้น รวมทั้งเป็นสังคมที่เกิดจากการรวมตัวกันหรือร่วมมือกันด้วยความรักและความเข้าใจโดยไม่มีการบังคับ

  1. “General Will” ของรุสโซ มีจุดมุ่งหมายเพื่อสิ่งใด

(1) ผลประโยชน์ของบุคคล

(2) ผลประโยชน์ของบุคคลและเพื่อนพ้อง

(3) ผลประโยชน์ของคนทั้งสังคม

(4) ผลประโยชน์ของมวลมนุษยชาติ

ตอบ 3 หน้า 256 257 ในทัศนะของรุสโซนั้น เจตจํานงร่วม (General Wit) หมายถึง เจตจํานงที่มุ่งสู่ความดีสําหรับทุกคน มิใช่การคํานึงถึงผลประโยชน์เฉพาะตนและเฉพาะกลุ่มเท่านั้น ดังนั้นเจตจํานงร่วมจึงเป็นเจตจํานงเพื่อผลประโยชน์ของคนทั้งชาติหรือเพื่อคนทั้งสังคม

87 สัทธิประโยชน์นียมของมิลล์ มีจุดมุ่งหมายเพื่อสิ่งใด

(1) ผลประโยชน์ของบุคคล

(2) ผลประโยชน์ของคนจํานวนมากสุด

(3) ผลประโยชน์ของคนทั้งสังคม

(4) ผลประโยชน์ของมวลมนุษยชาติ

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 57 ประกอบ

88 ข้อใดเป็นปัญหาหลักของปรัชญาการศึกษา

(1) เป้าหมายที่เหมาะสมของผู้เรียน

(2) บุคคลที่เหมาะสมจะเป็นผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้

(3) องค์ความรู้ที่ควรนํามาถ่ายทอดแก่ผู้เรียน

(4) ถูกทุกข้อ ตอบ 4 หน้า 265 – 266, 282, (คําบรรยาย) การศึกษา หมายถึง การถ่ายทอดความรู้ ทักษะ และทัศนคติของคนรุ่นก่อนให้กับอนุชนรุ่นหลังของสังคม ทั้งนี้ปัญหาหลักของปรัชญาการศึกษา หลายประการ เช่น เป้าหมายที่เหมาะสมของผู้เรียน องค์ความรู้ที่ควรนํามาถ่ายทอดแก่ผู้เรียนและบุคคลที่เหมาะสมจะเป็นผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้ เป็นต้น

89 คําตอบเกี่ยวกับปรัชญาการศึกษาของเพลโตสอดคล้องกับทัศนะใด

(1) ศาสนา

(2) ญาณวิทยา

(3) จริยศาสตร์

(4) การปกครอง

ตอบ 4 หน้า 269 เพลโต) เห็นว่า การศึกษาเป็นวิธีที่จะนําไปสู่ความยุติธรรม คือการที่รัฐสามารถจัดให้คนในรัฐได้ทําหน้าที่ตามความเหมาะสมกับความสามารถของตนเอง ดังนั้นเป้าหมาย การศึกษาของเพลโตจึงสอดคล้องและสัมพันธ์กับทัศนะทางการเมืองการปกครองมากที่สุด

90 นักปรัชญาคนใดเน้นว่า การศึกษาที่ดี คือ ทําให้ผู้เรียนได้ผลประโยชน์ตอบแทน (1) เพลโต

(2) โซฟิสต์

(3) โซเครตีส

(4) เซนต์ ออกัสติน

ตอบ 2 หน้า 268 โซฟิสต์ (Sophists) ถือเป็นนักปรัชญากลุ่มแรกที่กล่าวถึงจุดมุ่งหมายของการศึกษาไว้ว่า การศึกษามิใช่เป็นเพียงการถ่ายทอดวัฒนธรรมเท่านั้น แต่การศึกษาควรมีจุดมุ่งหมาย อยู่ที่ช่วยให้ผู้เรียนได้รับความสําเร็จในชีวิต และสามารถได้รับผลประโยชน์ตอบแทน โดยวิชาที่กลุ่มโซฟิสต์ส่งเสริมให้เรียน ก็คือ ศิลปะการพูดในที่ชุมชนหรือวาทศิลป์

91 ข้อใดเป็นทัศนะของโซเครตีสเกี่ยวกับการศึกษา

(1) มนุษย์มีความสามารถที่จะรู้ความจริงแท้ได้

(2) มนุษย์ต้องตัดอคติและทัศนคติที่ได้รับจากสังคมเพื่อเข้าถึงความจริงแท้

(3) มนุษย์ควรใช้วิธีสนทนาถกเถียงเพื่อเข้าถึงความจริงสูงสุด

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 268 โซเครตีส (Socrates) มีทัศนะว่า มนุษย์มีความสามารถที่จะรู้/สัมผัสความจริงแท้ได้และการรู้จักความจริงดังกล่าวสามารถทําได้โดยตัดอคติส่วนตัวและทัศนคติต่อความเชื่อที่ ได้รับจากสังคมออกไปเสียก่อน เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนก่อให้เกิดความสับสน และวิธีการที่จะขจัดความสับสนก็คือ การพยายามทําให้ทัศนะต่าง ๆ แจ่มชัดด้วยวิธีการสนทนาถกเถียง

92 เพลโตต้องการให้รัฐจัดการศึกษาแบบใด

(1) จัดเฉพาะคนที่มีความฉลาดได้ศึกษา

(2) จัดเฉพาะลูกหลานของขุนนางได้ศึกษา

(3) จัดเฉพาะคนที่อยากเล่าเรียนได้เรียน

(4) จัดแบบบังคับอย่างทั่วถึงสําหรับทุกคนเรียน

ตอบ 4 หน้า 270, (คําบรรยาย) เพลโต (Plato) เห็นว่า การศึกษามีจุดมุ่งหมายที่จะก่อให้เกิดความยุติธรรมขึ้นในสังคมด้วยการปฏิรูปคนและการปฏิรูปรัฐ โดยรัฐต้องจัดการศึกษาอย่างทั่วถึง กล่าวคือ เป็นการศึกษาที่สามารถให้กับทุกคนในสังคมและเป็นการศึกษาภาคบังคับ เพื่อให้ เด็กทุกคนมีโอกาสศึกษาเพื่อทดสอบความสามารถของตนเอง ก่อนที่เขาจะไปปฏิบัติหน้าที่ตามความเหมาะสมของตนให้กับรัฐและสังคม ถือเป็นการคัดคนไปทํางานเพื่อรัฐ

93 อะไรคือจุดหมายที่เพลโตต้องการในการจัดการศึกษา

(1) คัดคนที่มีปัญญาเป็นเลิศเท่านั้น

(2) คัดคนไปทํางานเพื่อรัฐ

(3) สร้างนักวิชาการ

(4) จัดแบบบังคับอย่างทั่วถึงสําหรับทุกคนเรียน

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 92 ประกอบ

94 ในระบบการศึกษาของเพลโตนั้น การศึกษาในขั้นเริ่มต้นควรจัดให้ผู้เรียนเรียนเรื่องอะไร

(1) พลศึกษา

(2) อภิปรัชญา

(3) คณิตศาสตร์

(4) การอ่านออกเขียนได้

ตอบ 1 หน้า 270 เพลโต เห็นว่า รูปแบบการศึกษาจะต้องเริ่มต้นด้วยการจัดให้ผู้เรียนเรียนพลศึกษาโดยการคัดเลือกเด็กที่มีร่างกายสมบูรณ์มาฝึกกีฬา ต่อมาก็เรียนการอ่านออกเขียนได้และเรียน คณิตศาสตร์ พออายุประมาณ 20 ปี ผู้ที่เหมาะสมจะได้เรียนคณิตศาสตร์บริสุทธิ์ และจวบจนอายุ 30 ปี ผู้ที่เหมาะสมจะได้เรียนอภิปรัชญา ซึ่งเป็นกลุ่มบุคคลที่จะเป็นราชาปราชญ์

95 ในการจัดการศึกษาในระดับก้าวหน้าของเซนต์ ออกัสติน ต้องจัดการศึกษาแบบใด

(1) บังคับให้ผู้เรียนเชื่อด้วยเหตุผล

(2) ใช้วิธีสอนแบบเข้มงวดและบังคับให้ผู้เรียนเชื่อ

(3) เน้นให้ผู้เรียนเกิดความศรัทธา

(4) เน้นให้ผู้เรียนใช้เหตุผลเพื่อพิสูจน์ศรัทธา

ตอบ 4 หน้า 273 เซนต์ ออกัสติน (St. Augustine) ได้แบ่งการศึกษาออกเป็น 2 ระดับ คือ

1 ระดับเริ่มแรก เป็นการศึกษาวิชาศิลปศาสตร์ ซึ่งเป็นการศึกษาแบบเข้มงวดและบังคับให้เชื่อ โดยยังไม่ใช้เหตุผล เช่น การอ่านคัมภีร์ไบเบิลเป็นหลัก

2 ระดับก้าวหน้า เป็นการศึกษา 2 วิชาสําคัญ คือ เทววิทยาและปรัชญา ซึ่งเป็นการศึกษาแบบใช้เหตุผลและการพิสูจน์เพื่อให้เห็นจริงว่าทําไมความเชื่อและศรัทธาในขั้นเริ่มแรกจึงถูกต้อง

96 ตามทัศนะของรุสโซ การให้การศึกษาแก่เด็กเล็กควรทําอย่างไร

(1) สังคมต้องดูแลอย่างเข้มงวด

(2) ให้เด็กมีโอกาสอ่านหนังสือหลาย ๆ เล่ม

(3) ให้เรียนรู้ระบบต่าง ๆ ของสังคม

(4) ให้ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของตนเองให้มาก

ตอบ 4 หน้า 275 รุสโซ เห็นว่า การศึกษาในขั้นเริ่มแรกสําหรับเด็กเล็ก ๆ คือ การเปิดโอกาสให้เด็กได้มีประสบการณ์เป็นของตัวเอง หรือให้เด็กได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของตนเองให้มาก มิใช่ การเรียนรู้โดยการอ่านหนังสือ ยกเว้นหนังสืออย่างเรื่องการผจญภัยของโรบินสัน ครูโซ ซึ่งเป็นหนังสือที่เน้นถึงประสบการณ์และการแก้ปัญหาด้วยตัวเองของโรบินสัน ครูโซ

97 รุสโซปรารถนาจะเห็นผู้เรียนมีลักษณะอย่างไรในระดับการศึกษาสูงสุด

(1) มีจินตนาการและแรงบันดาลใจสูง

(2) มีความเป็นตัวของตัวเองและพอใจในตัวเอง

(3) เป็นบุคคลที่พร้อมจะแก้ปัญหา

(4) มีจิตใจมุ่งสู่ผลประโยชน์ของส่วนรวม

ตอบ 2 หน้า 275, (คําบรรยาย) รุสโซ เห็นว่า การสอนให้เด็กเป็นตัวของตัวเองตั้งแต่เริ่มแรกย่อมเป็นผลดี เพราะเป็นการเสริมสร้างให้เกิดความรู้สึกพอใจในตนเอง ดังนั้นในระดับการศึกษาขั้นสูงสุด รุสโซจึงปรารถนาจะเน้นให้ผู้เรียนมีความเป็นตัวของตัวเองและพอใจในตนเอง

98 ลัทธิปฏิบัตินิยมปรารถนาจะเห็นผู้เรียนมีลักษณะอย่างไร

(1) มีจินตนาการและแรงบันดาลใจสูง

(2) มีความเป็นตัวของตัวเองและพอใจในตัวเอง

(3) เป็นบุคคลที่พร้อมจะแก้ปัญหา

(4) มีจิตใจมุ่งสู่ผลประโยชน์ของส่วนรวม

ตอบ 3 หน้า 277, 283 ปรัชญาการศึกษาของลัทธิปฏิบัตินิยม คือ การสร้างให้ผู้เรียนเป็นบุคคลที่พร้อมจะแก้ปัญหา ดังนั้นการศึกษาต้องมุ่งให้เกิดผลที่ปฏิบัติได้ ไม่ใช่มุ่งการเรียนรู้แต่ทฤษฎีเท่านั้น

99 สิ่งที่สําคัญที่สุดในระบบการศึกษาของลัทธิปฏิบัตินิยม คืออะไร

(1) ผู้สอน

(2) ผู้เรียน

(3) ผู้บริหาร

(4) องค์ความรู้

ตอบ 2 หน้า 278 ลัทธิปฏิบัตินิยม เชื่อว่า ผู้สอนมิใช่บุคคลสําคัญที่สุดในระบบการศึกษา แต่ผู้เรียนคือศูนย์กลางของการศึกษา โดยผู้เรียนแต่ละคนคือบุคคลสําคัญที่ต้องเรียนรู้และทดลองแก้ปัญหาด้วยตนเองว่าวิธีใดควรจะเป็นวิธีที่เหมาะสมสําหรับแก้ปัญหา ไม่ใช่คอยฟังแต่คําตอบของผู้สอน

100 นักปรัชญาลัทธิอัตถิภาวนิยม เรียกร้องให้บุคคลหันมาสนใจสิ่งใด

(1) ตัวเอง

(2) สังคม

(3) รัฐ

(4) ศาสนา

ตอบ 1 หน้า 279, 234, (คําบรรยาย) อัตถิภาวนิยมเป็นปรัชญาที่เชื่อในความสําคัญของปัจเจกบุคคลและเชื่อว่าเป้าหมายของการศึกษา คือ การเป็นตัวของตัวเอง ความเป็นอิสระ และประสบการณ์ ที่แท้จริงของผู้เรียน ทั้งนั้นนักปรัชญาลัทธิอัตถิภาวนิยมจึงเรียกร้องให้บุคคลหันมาสนใจตัวเอง

 

Advertisement