MCS3181 การพูดสำหรับผู้นำ เตรียมสอบ 2557 ชุดที่3
1. “คุณช่วยทำงานชิ้นนี้ให้ผม สิ้นปีผมให้เงินเดือนขึ้น 2 ขั้นแน่นอน” ข้อความนี้เป็นการบังคับบัญชาแบบใด
1) แบบใช้อำนาจอัตถประโยชน์บังคับ
2) แบบใช้อำนาจประเพณีบังคับ
3) แบบใช้อำนาจรางวัล
4) แบบใช้บารมีและสินน้ำใจ
ตอบ 1. ผู้นำแบบใช้อำนาจอัตถประโยชน์บังคับ มักจะมีลักษณะในการบังคับบัญชาโดยใช้สิ่งล่อใจให้ปฏิบัติตาม ซึ่งอาจให้สินจ้างรางวัลแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อให้ปฏิบัติตามประสงค์ ทั้งนี้รวมถึงการให้ตำแหน่งหน้าที่หรือ ความดีความชอบเป็นเครื่องล่อใจ
2. ผู้นำแบบที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด คือข้อใด
1) แบบนักบริหาร
2) แบบทำงานตามคำสั่งอย่างเดียว
3) แบบนักพัฒนา
4) ถูกทุกข้อ
ตอบ 4. ผู้นำแบบที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดได้แก่ 1. แบบผู้ที่ทำงานตามคำสั่งอย่างเดียว (Bureaucrat) 2. แบบนักพัฒนา (Developed) 3. แบบผู้เผด็จการที่มีศิลปะ (Benevolent Autocrat) 4.แบบนักบริหาร (Executive)
3. จากเอกสารอ่านประกอบเรื่อง “หลักราชการ” ลักษณะการบังคับบัญชาบ่าวไทยเป็นอย่างไร
1) ใช้อำนาจบังคับ 2) นายเป็นนาย บ่าวต้องเป็นบ่าว
3) บ่าวเป็นเพื่อนกับนาย 4) นายต้องเอาใจบ่าวมาก ๆ
ตอบ 3. จากเอกสารอ่านประกอบเรื่อง “หลักราชการ” พบว่า ลักษณะการบังคับบัญชาบ่าวไทยจะเป็นแบบบ่าวเป็นเพื่อนกับนายมากกว่าบ่าวฝรั่งเป็นอันมาก ทั้งนี้เพราะคนไทยมีนิสัยไม่ชอบการถูกบังคับ ชอบให้เอาใจ บ้างหรือพูดดีกันๆ บ้าง
4. นายเอกวิทย์เพิ่งได้เป็นนายอำเภอ เวลาพูดกับประชาชนจึงรู้สึกประหม่าและพูดไม่ออก เขาควรทำอย่างไร
1) หยุดสักครู่ 2) ถามคำถามประชาชน
3) แสดงบทบาท 4) ยิ้มแล้วแทรกเรื่องขบขัน
ตอบ 3. ผู้พูดสามารถแก้ความประหม่าและแก้ไขสถานการณ์ได้ด้วยการ “แสดงบทบาท” เช่น ยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม และหยิบผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อหรือสั่งน้ำมูก โดยท่าทางที่แสดงออกควรจะเป็นไปในลักษณะที่จงใจและ ธรรมชาติ ซึ่งในขณะที่ดื่มน้ำหรือซับเหงื่อนั้นผู้พูดควรคิดหรือรีบทบทวนเนื้อเรื่องที่ตนลืม
5. พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงกล่าวถึงคนที่เห็นวิชาเป็นแก้วสารพัดนึกว่าเมื่อทำงานแล้ว ไม่ได้ตำแหน่งสูงดังที่คิดไว้ แล้วจะเกิดผลตามมาอย่างไร
1) สิ้นหวังหมดกำลังใจ 2) พยายามประจบเจ้านาย
3) วิชาท่วมหัวเอาตัวไม่รอด 4) เกิดความริษยา
ตอบ 4. จากเอกสารอ่านประกอบเรื่อง “หลักราชการ” พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.6) ทรง กล่าวถึง คนที่เห็นวิชาเป็นแก้วสารพัดนึกว่าเมื่อเข้าทำงานแล้วไม่ได้รับตำแหน่งอันสูงเพียงพอดังที่ตนคิดไว้และ ลาภยศทรัพย์หลั่งไหลมาไม่ทันใจก็จะบังเกิดความไม่พอใจและเมื่อเกิดความไม่พอใจแล้วก็จะเกิดความริษยาจนหมดความสุข
6. คุณสดสีเป็นหัวหน้าคนอื่น เธอควรแสดงความมั่นคงทางอารมณ์ออกมาอย่างไร
1) ยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นคนอารมณ์ดีเสมอ
2) เคร่งครัดในกฎระเบียบต่อผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคน
3) ไม่แสดงวิตกกังวล เป็นคนราบเรียบเสมอต้นเสมอปลาย
4) รับรู้ในเหตุการณ์ทุกอย่างเร็วและมีปฏิกิริยาต่อเหตุการณ์เร็วด้วย
ตอบ 3. ผู้นำที่ดีควรแสดงความมั่นคงทางอารมณ์ออกมา ดังนี้คือ
1. เงียบแต่อยากรู้ อยากเห็น อยากรู้จัก
2. ไม่มีร่องรอยวิตกกังวลให้เห็น และราบเรียบเสมอต้นเสมอปลาย
3. มีความมุ่งหมายปรารถนาอย่างแข็งแรง แต่เก็บไว้ในใจ
4. มีลักษณะรวมเอาของดีไว้มาก
7. ในสังคมแก่งแย่งกันในปัจจุบัน มีองค์ประกอบสำคัญใดที่ช่วยให้บุคคลเป็นผู้นำ
1) วัยวุฒิ ชาติวุฒิ คุณวุฒิ 2) บุคลิกภาพ สติปัญญา ทรัพย์สมบัติ
3) ตระกูล ทรัพย์สิน พวกพ้อง 4) เหตุการณ์ สถานการณ์ และโอกาส
ตอบ 4. ในสังคมปัจจุบันนี้มีองค์ประกอบหรือปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้บุคคลเป็นผู้นำ ดังนี้คือ 1. มีสติปัญญา 2. รู้ธรรมชาติของมนุษย์ จนสามารถที่จะวิเคราะห์ เข้าใจ และควบคุมพฤติกรรมของคนอื่นได้ 3. มีลักษณะ ที่ทำให้คนอื่นศรัทธาเลื่อมใสและไว้วางใจ 4. มีบุคลิกที่เหมาะสม 5. มีความปรารถนาอย่างเด็ดเดี่ยวที่จะนำ คนอื่น 6. ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ สถานการณ์ และโอกาส
8. พระจักรพรรดิแห่งประเทศญี่ปุ่น เป็นผู้นำแบบใด
1) แบบอัตตนิยม 2) แบบใช้บารมีเป็นเครื่องมือ
3) แบบสัญลักษณ์ 4) แบบใช้พระคุณ
ตอบ 3. ผู้นำแบบสัญลักษณ์ หมายถึง ผู้นำซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายแต่ไม่ได้ใช้อำนาจหน้าที่ในการบังคับบัญชา แต่ผู้ใต้บังคับบัญชาปฏิบัติตามเพราะเกิดแรงศรัทธาหรือเพราะสัญลักษณ์ของผู้นั้น เช่น องค์ พระมหากษัตริย์ พระจักรพรรดิ เป็นต้น
9. คุณพ่อคุณแม่ปกครองลูก จัดเป็นผู้นำแบบใด
1) แบบใช้พระคุณ 2) แบบอัตตนิยม
3) แบบสัญลักษณ์ 4) แบบใช้ธรรมเนียมประเพณีบังคับ
ตอบ 2. ผู้นำแบบอัตตนิยม ซึ่งรวมถึงผู้นำแบบบิดามารดาปกครองบุตรด้วยนั้น จะยึดถืออำนาจเป็นใหญ่ ต้องการให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาเชื่อฟังและปฏิบัติตามที่สั่ง โดยมักเชื่อมั่นในตนเองมาก ชอบวางท่าทางใหญ่โต และไม่ค่อยเชื่อฟังหรือให้เกียรติคนอื่น เข้าทำนองที่ว่า “ตนเองแน่อยู่คนเดียว” (One Man Show)
10. องค์กรที่มีการบริหารงานที่ได้ผลดีที่สุด มักจะมีผู้นำแบบใด
1) แบบประชาธิปไตย 2) แบบร่วมใจ
3) แบบเสรีนิยม 4) แบบอัตถประโยชน์
ตอบ 1. ผู้นำแบบประชาธิปไตย จัดเป็นแบบที่นับว่าดีที่สุดและอำนวยผลในการบริหารมากที่สุดซึ่งลักษณะของผู้นำแบบนี้คือ จะเปิดโอกาสให้ผู้ใต้บังคับบัญชาแสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่ โดยผู้บังคับบัญชาจะเป็นทั้งผู้นำและผู้ให้คำแนะนำสั่งงานแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อสร้างภาพพจน์ที่ว่าไม่มีนายเหนือหัวอยู่กับตน แต่รู้สึกว่ามีแต่เพื่อนร่วมงาน
11. จากการศึกษาเรื่องผู้นำ ท่านคิดว่าแบบของผู้ที่มีประสิทธิภาพน้อยที่สุดคือข้อใด
1) แบบผู้หนีงาน
2) แบบผู้ประนีประนอม
3) แบบนักบุญ
4) ถูกทุกข้อ
ตอบ 4. ผู้นำแบบที่มีประสิทธิภาพน้อยที่สุด ได้แก่ ผู้นำในแบบต่อไปนี้ คือ 1. แบบผู้หนีงาน (Deserter)
2. แบบนักบุญ (Missionary) 3. แบบผู้เผด็จการ (Autocrat) 4. แบบผู้ประนีประนอม (Compromiser)
12. สังคมไทยส่วนใหญ่มักใช้คุณสมบัติใดในการวัดความเป็นผู้นำ
1) ตระกูลดี มีวิชา มีทรัพย์สิน
2) มีชื่อเสียง ทรัพย์สิน และอิทธิพล
3) ชาติวุฒิ วัยวุฒิ คุณวุฒิ
4) มีการศึกษา ศาสนา และพวกพ้อง
ตอบ 3. เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่า คนไทยได้รับการสั่งสอนให้มีความเคารพในบุคคลที่มีวุฒิสูงกว่าหรือ เรียกกันทั่วไปว่าผู้ใหญ่ โดยเฉพาะพ่อ แม่ ครู ผู้บังคับบัญชา และนายจ้างซึ่งความเป็นผู้ใหญ่ของคนไทยนิยม วัดกันด้วยวุฒิ 3 ประการ คือ ชาติวุฒิ วัยวุฒิ และคุณวุฒิ
13. จากการศึกษาเรื่องผู้นำ ใครคือผู้ที่มีอิทธิพลมากในสังคมไทยทั่วไป
1) พระสงฆ์ 2) เชื้อพระวงศ์และข้าราชการ
3) นักการเมือง 4) ทหารและตำรวจ
ตอบ 1. ในแง่ของสังคมไทยทั่วไปผู้มีอิทธิพลมากได้แก่ พระสงฆ์และครู ซึ่งสำหรับครูนั้น ระบบ การศึกษาของไทยมีส่วนช่วยในเรื่องนี้เป็นอันมาก เพราะนักเรียนได้รับความรู้จากครูเป็นส่วนใหญ่ และถือว่าครูเป็นผู้รอบรู้ รวมทั้งผู้บอกและให้ความรู้แก่นักเรียนระบบเช่นนี้จึงสร้างความรู้สึกของคนไทยมาแต่เด็กว่า “ครูเท่านั้นเป็นผู้ถูกต้อง”
14. คนไทยในสมัยอยุธยามักบ่งชี้ความเป็นผู้นำของบุคคลจากอะไร
1) ชาติตระกูล 2) ทรัพย์สมบัติ 3) บุคลิกภาพ 4) สติปัญญา
ตอบ 1. คนไทยในสมัยโบราณมักบ่งชี้ความเป็นผู้นำของบุคคลโดยพิจารณาจากชาติตระกูล เนื่องจากสังคมไทยส่วนใหญ่มักจะนับถือและเชื่อในตระกูลเก่าแก่ รวมทั้งตระกูลที่เป็นข้าราชการบริพารของพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นตระกูลที่มียศศักดิ์สูงและมีเกียรติ ดังนั้น บุคคลเหล่านี้จึงมักได้รับความไว้วางใจจากคนใน สังคมและถูกยกย่องให้เป็นผู้นำอยู่เสมอ
15. จากเอกสารอ่านประกอบเรื่อง “คุณสมบัติของผู้นำ” ถามว่าผู้นำที่มีความเป็นผู้นำนั้นมีความหมายอย่างไร
1) ระวังกิริยา วาจา และใจ 2) ระวังกิริยา วาจา และอารมณ์
3) ระวังกิริยา วาจา และความคิด 4) ระวังกิริยา วาจา และการคบหา
ตอบ 3. จากเอกสารอ่านประกอบเรื่อง “คุณสมบัติของผู้นำ’’ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ได้กล่าวว่า ผู้นำที่มีความเป็นผู้ที่ชื่อว่าตื่นตัวนั้น จะต้องระมัดระวังตัวให้อยู่ในลักษณะท่าทีอันสมควร 3 ประการ คือ ระมัดระวังกิริยา วาจา และความคิด
16. ในสังคมไทยจะมีประเพณีที่ผู้น้อยเคารพนับถือผู้ใหญ่ ประเพณีนี้ทำให้เกิดการสื่อสารแบบใด
1) การสื่อสารทางเดียว คือจากผู้ใหญ่มาหาผู้น้อย
2) การสื่อสารสองทาง คือจากผู้ใหญ่ไปหาผู้น้อย และจากผู้น้อยไปหาผู้ใหญ่
3) การสื่อสารในแนวนอน คือ ต่างคนต่างพูดกันได้ ร่วมโต๊ะกินอาหารกันได้
4) การสื่อการในแนวนอนเพราะในสังคมไทยปกครองกันฉันญาติในครอบครัว
ตอบ 1. ด้วยขนบธรรมเนียมประเพณีการเคารพและนับถือผู้ใหญ่ของคนไทยทำให้เกิดการติดต่อสื่อสารทางเดียว คือ จากผู้ใหญ่มาหาผู้น้อย
17. ผู้นำที่เรียกว่า “บุญหนักศักดิ์ใหญ่’’ นั้น จะแสดงออกซึ่งความยิ่งใหญ่ของตนทางใด
1) มีความยุติธรรม 2) รักษาประโยชน์ให้ผู้น้อย
3) ช่วยเหลือครอบครัวผู้น้อย 4) การให้อภัยแก่ผู้น้อย
ตอบ 4. ผู้นำที่เรียกว่า “บุญหนักศักดิ์ใหญ่” นั้น จะแสดงออกซึ่งความยิ่งใหญ่ของตนโดยทางการให้อภัยแก่ผู้น้อย ซึ่งเมื่อเขาผิดเพียงเล็กน้อยก็ไม่ขุ่นเคือง ด้วยเห็นว่าอันจะเป็นผลร้ายแก่ตนเองยิ่งกว่าเป็นร้ายแก่เขา ดังนั้นผู้นำจึงมักควบคุมตนเองให้เข้าใจในผู้อื่นและยินดีที่จะให้อภัยเสมอ
18. จากเอกสารอ่านประกอบ “พระบรมราโชวาท’’ พ.ศ. 2428 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสอนพระราชโอรสว่าอย่าถือตัวว่าเป็นลูกเจ้าแผ่นดิน ถ้าพระราชโอรสทำผิด พระองค์จะทรงทำอย่างไร
1) จะทำทัณฑ์บน 2) จะลงโทษทันที
3) จะไม่ยอมให้รับราชการ 4) จะถอดถอนยศ
ตอบ 2. จากเอกสารอ่านประกอบ “พระบรมราโชวาท” พ.ศ. 2428 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสอนพระราชโอรสว่าอย่างถือตัวว่าเป็นลูกเจ้าแผ่นดิน ถ้าพระราชโอรสทำความผิดเมื่อใดก็จะได้รับโทษโดยทันที ซึ่งการที่มีพ่อเป็นเจ้าแผ่นดินนั้นจะไม่เป็นการช่วยเหลืออุดหนุนแก้ไขอันใดได้เลย และถ้าผู้ใดเป็นหนี้มา จะไม่ยอมให้หนี้ให้เลย
19. จากเอกสารเดียวอันนี้ พระองค์พูดถึงคนที่ไปเรียนภาษาฝรั่งแล้วลืมภาษาไทย แล้วเห็นเป็นการเก๋ อย่างไร
1) เป็นคนลืมตัว 2) เป็นคนสิ้นคิด
3) เป็นคนลืมชาติ 4) เป็นที่น่าติเตียน
ตอบ 4. จากเอกสารอ่านประกอบ “พระบรมราโชวาท’’ พ.ศ. 2428 พระองค์ทรงพูดถึงคนที่ไปเรียนภาษา ฝรั่งเศสแล้วลืมภาษาไทย และเห็นเป็นการเก๋การกี๋อย่างเช่นนักเรียนบางคนมักจะเห็นผิดไปดังนั้น แต่ที่จริงเป็นการเสียที่ควรจะติเตียนแท้ทีเดียว
20. การติดต่อสื่อสารแบบใดที่สามารถใช้อำนาจบีบบังคับบัญชา
1) แบบบนมาล่าง 2) แบบล่างไปบน
3) แบบแนวนอน 4) ถูกทุกข้อ
ตอบ 3. การติดต่อสื่อสารแบบแนวนอน มีข้อเสียคือ อาจก่อให้เกิดปัญหาในเรื่องของการใช้อำนาจบีบบังคับผู้บังคับบัญชาหรือผู้นำ ทั้งนี้เพราะเมื่อพนักงานสามารถติดต่อกับพวกที่อยู่ในระดับเดียวกันได้ ก็จะรวมกันเป็นกลุ่มใหญ่จนมีอำนาจเจรจาต่อรองและหรือลดอำนาจของผู้บังคับบัญชาได้ แต่มีข้อดีคือ ทำให้ผู้ที่ทำงานระดับเดียวกันรู้จักและมีมนุษย์สัมพันธ์ต่อกัน
21. คุณสมศรีเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา เธอขอโอกาสแสดงความยินดีต่อผู้บังคับบัญชาอย่างเต็มที่เพื่อความเข้าใจที่ดี ควรใช้การติดต่อสื่อสารแบบใด
1) แบบบนมาล่าง
2) แบบล่างไปบน
3) แบบแนวนอน
4) แบบเลี้ยงสังสรรค์
ตอบ 2. การติดต่อสื่อสารแบบล่างไปบน มีข้อดีคือ เปิดโอกาสให้ผู้น้อยแสดงความคิดเห็นต่อหัวหน้าได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นการเสริมสร้างสัมพันธภาพและความเข้าใจระหว่างผู้บังคับบัญชากับผู้ใต้บังคับบัญชา แต่มีข้อเสีย คือ อาจจะทำให้ข้อมูลหรือข่าวสารตลอดจนข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่ส่งมาจากผู้ใต้บังคับบัญชาไปสู่ ผู้บังคับบัญชาถูกบิดเบือนและดัดแปลงแก้ไข
22. สุภาษิตโบราณอยู่บทหนึ่ง “สระน้ำ ลำยอ กอไผ่ นี่คือคุณสมบัติของพ่อเมือง” คำว่า “กอไผ่” มี ความหมายอย่างไร
1) ต้องอดทน อดกลั้นเพื่อก่อให้เกิดความสามัคคี
2) มีกิริยาต่อคนทั่วไปด้วยความสุภาพ พูดจาอ่อนหวาน
3) ประพฤติตนเป็นคนสุขุม มีระเบียบวินัย
4) ลงโทษให้ประพฤติตัวเป็นคนดี
ตอบ 4. จากสุภาษิตโบราณข้างต้น คำว่า “สระน้ำ” หมายถึง การประพฤติตนเป็นคนสุขุมชุ่มเย็นและแสดงออกซึ่งลักษณะยิ้มแย้มแจ่มใส “ลำยอ” หมายถึง การชมเชย สรรเสริญเยินยอและส่งเสริม และ “กอไผ่” หมายถึง คู่ขนานให้เขารู้สึกตัวและนิสัยชั่วเข้าหานิสัยดี (ลงโทษ)
23. จากเอกสารอ่านประกอบเรื่อง “คุณสมบัติของผู้นำ” กล่าวไว้ว่า “ชีวิตของคนโง่สั้นนิดเดียว ชีวิตของคน ฉลาดอยู่ได้ยืนนาน ชีวิตของหมู่ชนอยู่ที่ผู้นำ ชีวิตของผู้นำอยู่ที่ …..”
1) อำนาจและความสามารถ 2) สติปัญญา
3) นิติธรรม 4) การเจรจา
ตอบ 3. สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ วัดพระศรีมหาธาตุ ได้กล่าวไว้ในเรื่อง “คุณสมบัติของผู้นำ” ว่า คนที่ไม่รู้จักโกรธคือคนโง่ ส่วนคนที่รู้จักโกรธแล้วรู้จักให้อภัยแก่ทุกคนและทุกสิ่ง นั่นคือคนฉลาด
24. คนที่ไม่รู้จักโกรธคือคนโง่ ส่วนคนที่รู้จักโกรธคือคนฉลาด ถามว่าทำอย่างไรจึงได้ชื่อว่าเป็นคนรู้จักโกรธ
1) ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น 2) รู้จักลืม
3) รู้จักอภัย 4) รู้จักความอดทนต่อกิริยาของผู้น้อย
ตอบ 3. ดูคำอธิบายข้อ 23 ประกอบ
25. คนไทยมีพรหมวิหาร 4 ข้อใดน้อยที่สุด
1) เมตตา 2) กรุณา 3) มุทิตา 4) อุเบกขา
ตอบ 3. ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้อธิบายเกี่ยวกับการที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่ชอบเห็นผู้อื่นดีกว่าตนเองว่า “คนไทยมีความเมตตา คือ มีความรักและเอ็นดู ปรารถนาจะให้ผู้อื่นเป็นสุข, มีความกรุณา คือ มีความสงสาร หวั่นไหวหรือเอาใจช่วยเหลือ เมื่อเห็นผู้อื่นได้รับความทุกข์ แต่ขาดมุทิตา คือ ความมีจิตยินดีในลาภยศ สรรเสริญของผู้อื่นและรองลงมาขาดอุเบกขา คือ มีใจเป็นกลาง ขาดความวางเฉย…”
25. คนไทยมีพรหมวิหาร 4 ข้อใดน้อยที่สุด
1) เมตตา 2) กรุณา 3) มุทิตา 4) อุเบกขา
ตอบ 3. ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้อธิบายเกี่ยวกับการที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่ชอบเห็นผู้อื่นดีกว่าตนเองว่า “คนไทยมีความเมตตา คือ มีความรักและเอ็นดู ปรารถนาจะให้ผู้อื่นเป็นสุข, มีความกรุณา คือ มีความสงสาร หวั่นไหวหรือเอาใจช่วยเหลือ เมื่อเห็นผู้อื่นได้รับความทุกข์ แต่ขาดมุทิตา คือ ความมีจิตยินดีในลาภยศ สรรเสริญของผู้อื่นและรองลงมาขาดอุเบกขา คือ มีใจเป็นกลาง ขาดความวางเฉย…”
26. สมมุติว่านายสมชายเป็นนายอำเภอและออกตรวจหมู่บ้านทางภาคใต้ เขาจะสร้างมนุษย์สัมพันธ์กับชาวบ้านที่มาต้อนรับอย่างไร ในเมื่อเขาพูดภาษาใต้ไม่ได้
1) ไหว้และโบกมือ 2) แจกของใช้ของกินแก่ชาวบ้าน
3) ไหว้หรือจับมือกับชาวบ้าน 4) ใช้สายตาและการยิ้ม
ตอบ 4. ผู้นำสามารถใช้สายตาและการยิ้มเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างมนุษย์สัมพันธ์ได้ซึ่งในขณะที่พูด ควรมองผู้ที่ตนพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ไม่ใช่ตามมองแต่หน้านิ่วคิ้วหมวด ทั้งนี้สายตาที่มองนั้นควรมีไมตรี และจริงใจ อย่าแสดงออกในรูปที่มองอย่างเสียไม่ได้ ฝืนใจมองหรือมองข้ามศีรษะไป
27. การอภิปรายกลุ่มควรหลีกเลี่ยงการจัดที่นั่งแบบใด
1) แบบวงกลม 2) รูปถ้วย .3) แบบสามเหลี่ยม 4) แบบห้องเรียน
ตอบ 4. การอภิปรายกลุ่มควรหลีกเลี่ยงการจัดที่นั่งแบบแถวตรงหันหน้าสู่เวทีแบบห้องปาฐกถาหรือห้องเรียน ซึ่งวิธีที่ดีควรจะให้สมาชิกนั่งในทำนองหันหน้าเข้าหากันอย่างมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยถ้าเป็นกลุ่มขนาดเล็กการนั่งรอบโต๊ะเป็นวิธีที่เหมาะที่สุดแต่ถ้าไม่มีโต๊ะหรือขนาดของกลุ่มใหญ่มากจนไม่อาจใช้โต๊ะได้ ก็ควรจะจัดที่นั่งในรูปวงกลม ครึ่งวงกลม สามเหลี่ยม หรือรูปตัวยู (รูปถ้วย)
28. นายสุริยาเป็นนักพูด ในขณะที่เขาพูดกับผู้ฟัง ปรากฏว่ามีเสียงโห่ร้องรบกวน เขาควรทำอย่างไร
1) พูดต่อไปเรื่อย ๆ อย่างปกติ 2) พยายามขอร้องให้หยุดรบกวน
3) พูดต่อไปให้เสียงดังกว่าเดิม 4) หยุดพูด เมื่อเสียงรบกวนซาลงจึงพูดต่อ
ตอบ 4. ในขณะที่พูดถ้าผู้ฟังแสดงความพอใจด้วยการหัวเราะ ปรบมือ หรือไม่พอใจด้วยการโห่ร้องรบกวน ผู้พูดควรจะหยุดพูดเพื่อรอให้เสียงรบกวนเหล่านั่นซาลงหรือจางหายไปเสียก่อน แล้วจึงค่อยพูดต่อไป (อย่าพูดแข่งกับเสียงต่าง ๆ )
29. คุณมารศรีทำงานที่หน่วยงานหนึ่ง และรู้สึกกว่าผู้บังคับบัญชาเล่นพรรคพวก ในกรณีนี้เป็นความทุกข์ ประเภทใด
1) เกี่ยวกับประสาทและความรู้สึก 2) ประสบการณ์และความรู้สึก
3) ความหวังและความกลัว 4) เกี่ยวกับสิ่งที่มองเห็นและความรู้สึก
ตอบ 3. คำร้องทุกข์และข้อข้องใจต่าง ๆ วิเคราะห์ออกมาเป็น 3 ประเภท คือ
1. คำร้องทุกข์เกี่ยวกับสิ่งที่มองเห็น จับต้องหรือทดสอบได้ เช่น เครื่องมือเครื่องใช้ไม่พอหรือเก่า และชำรุดเสียหาย ฯลฯ
2. คำร้องทุกข์ประเภทที่ส่วนหนึ่งมาจากประสบการณ์ด้านประสาทและความรู้สึก (Sensory Experience) เช่น งานยุ่ง งานไม่มีระเบียบ การประสานงานไม่ดี งานชิ้นนี้ยากเกินไป อากาศ ร้อน ฯลฯ ซึ่งคำร้องทุกข์ประเภทนี้คนอื่นจะไม่เข้าใจความหมายได้ดี นอกจากจะเคย ประสบการณ์ดังกล่าวมาด้วยตนเอง
3. คำร้องทุกข์ที่เกี่ยวกับความหวังและความกลัว เช่น ผู้บังคับบัญชาเล่นพรรคพวก ตนไม่ได้รับความยุติธรรมอย่างเพียงพอ ฯลฯ ซึ่งคำร้องประเภทนี้มีมาก
30. การอภิปรายแบบ Panel ตามปกติจะต้องมีผู้อภิปรายกี่คน
1) 3 คน 2) 4 คน 3) 5 คน 4) 6 คน
ตอบ 2. การอภิปรายแบบ Panel ปกติจะมีผู้อภิปราย 4 คน ซึ่งมักจัดให้เป็นแบบกันเองโดยมีผู้นำการอภิปรายนั่งอยู่ตรงกลางเพื่อคอยแนะนำผู้อภิปราย ชี้จุดเด่น และสรุปการพูดของแต่ละคน ตลอดจนสรุปเนื้อหาทั้งหมด ในตอนสุดท้าย
31. ผู้นำจะต้องรอบรู้ ถามว่าอาจารย์ท่านใดแต่งวิชานี้
1) รศ.ดร.วิษณุ สุวรรณเพิ่ม
2) รศ.ศุภรัศมิ์ ฐิติกุลเจริญ
3) ผศ.ธัชมน ศรีแก่นจันทร์
4) รศ.ฉัตรวรุณ ตันนะรัตน์
ตอบ 4. วิชาการพูดสำหรับผู้นำ เป็นวิชาเลือกในภาควิชาสื่อสารมวลชน คณะมนุษยศาสตร์ แต่ง โดย รศ.ฉัตรวรุณ ตันนะรัตน์ ซึ่งเนื้อหาในตำรามีทั้งหมด 16 บท แต่ออกข้อสอบ ปกหน้าของตำราทางซ้ายมือบนจะมีรูปพ่อขุนฯ 1 รูป ที่ปกรอง 1 รูป ส่วนปกหลังมีรูปศิลาจารึกและข้อความว่า “เปลวเทียนให้แสงรามคำแหงให้ทาง”