การสอบไล่ภาค  1  ปีการศึกษา  2553

ข้อสอบกระบวนวิชา  MCS1300 (MC130) การพูดเบื้องต้น

Advertisement

คำสั่ง  ให้นักศึกษาเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว  (ข้อสอบมีทั้งหมด  100  ข้อ)

1       การพูดเป็นวิชาชีพ  เพราะเหตุใด

1       เพราะวิชาการพูดเป็นวิชาทางด้านทักษะและศิลปะ

2       เพราะวิชาการพูดสามารถใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์ความจริงได้

3       เพราะการพูดมีความสำคัญและมีอิทธิพลต่อชีวิตประจำวัน

4       เพราะทุกอาชีพต้องใช้การพูดเป็นเครื่องมือสื่อความหมาย

ตอบ  4  เพราะทุกอาชีพต้องใช้การพูดเป็นเครื่องมือสื่อความหมาย

การพูด  (Speech)  ไม่มีรูปแบบที่เด่นชัด  แต่เป็นทุกๆอย่างรวมกัน  คือ 

1       เป็นวิชาทางด้านวิทยาศาสตร์  เพราะเป็นวิชาที่เกี่ยวกับการเปล่งเสียงออกมา

2       เป็นวิชาทางด้านศิลปะ  เพราะเป็นวิชาที่ต้องทำและมีวิธีการพูดเฉพาะบุคคล

3       เป็นทักษะ  เพราะต้องเรียนรู้และฝึกฝน

4       เป็นวิชาชีพ  เพราะคนเราทุกคนและทุกอาชีพต้องใช้การพูดเป็นเครื่องมือสื่อความหมาย

2       ข้อใดไม่ใช่สิ่งเร้าในวิชาการพูด

1  ผู้พูด                                2  ผู้ฟัง                              3  เนื้อเรื่องที่พูด                           4  สิ่งแวดล้อม

ตอบ  3  เนื้อเรื่องที่พูด                

สิ่งเร้าในวิชาการพูด  ได้แก่

1       ตัวผู้พูด  คือ  สิ่งที่ผู้ฟังได้ยิน  ได้เห็นและมีความรู้สึกต่อสิ่งนั้น  เช่น  น้ำเสียง  การแต่งกาย  ท่าทาง  บุคลิกภาพ ฯลฯ  ของผู้พูดที่ปรากฏระหว่างการสื่อสาร  หรือความคิด  ทัศนคติของผู้พูด

2       กลุ่มผู้ฟัง  คือ  บุคคลที่เป็นเป้าหมายของการพูด  ซึ่งพิจารณาจากความสนใจ  ความพึงพอใจ  ความต้องการ  ประโยชน์ที่ได้รับและลักษณะของกลุ่ม

3       สิ่งแวดล้อม  คือ  สถานการณ์หรือสิ่งที่จะส่งผลต่อการพูดที่นอกเหนือจากผู้พูดและผู้ฟัง  เช่น  ข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์  ฯลฯ

3       การแสดงออกของผู้ฟังในขณะที่ฟังคุณสมปรารถนาพูด  มีผลอย่างไร

1       ทำให้สมปรารถนาเปลี่ยนลีลาการพูด

2       เป็นทั้งการให้กำลังใจและการบั่นทอนกำลังใจ

3       ทำให้สมปรารถนารู้ว่าการพูดของตนประสบผลสำเร็จหรือไม่

4       สมปรารถนาเข้าใจถึงการรับรู้ของสังคม

ตอบ  3  ทำให้สมปรารถนารู้ว่าการพูดของตนประสบผลสำเร็จหรือไม่

การพูดทุกชนิดจะต้องมีผลที่เกิดขึ้นทั้งในระหว่างการพูดและหลังจากการพูด  โดยผลที่เกิดจากการพูด  (Impact)  นั้นดูได้จากการแสดงออกของผู้ฟัง  เช่น  ในขณะที่ฟังผู้ฟังอาจจะผงกศีรษะ  ปรบมือ  หัวเราะ  ยิ้ม  ก้มหน้า  ทำหน้ายุ่ง  คิ้วขมวด  ฯลฯ  ซึ่งการแสดงออกดังกล่าวของผู้ฟังจะทำให้ผู้พูดรู้ว่าการพูดของตนประสบผลสำเร็จหรือไม่

4       นอกจากภาษาจะบ่งบอกถึงการศึกษาของผู้พูดแล้ว  ยังแสดงถึงอะไรได้อีกบ้าง

1  รสนิยมของผู้พูด                                                      2  ชนชั้น  ตระกูลของผู้พูด

3  บุคลิกภาพของผู้พูด                                                4  ความงามของภาษา

ตอบ  1  รสนิยมของผู้พูด                                                     

ผู้พูดจะต้องรู้จักการใช้ภาษาพูดให้ถูกต้องกับความนิยมของกลุ่มชนในสังคม  เพราะนอกจากภาษาจะเป็นเครื่องมือสื่อความหมายและบ่งบอกถึงการศึกษาของผู้พูดแล้ว  ยังเป็นเครื่องแสดงถึงรสนิยมที่ดีงามของผู้พูดอีกด้วย

5       หลักการใช้ภาษาพูดในที่ประชุมชนนั้น  ควรเป็นอย่างไร

1  ภาษาเขียน               2  ภาษาสนทนาที่สุภาพ                 3  ภาษาพิธีการ                 4  ภาษากึ่งพิธีการ

ตอบ  2  ภาษาสนทนาที่สุภาพ                

หลักการใช้ภาษาพูด  มีดังนี้  1  ควรใช้ภาษาให้เหมาะแก่บุคคล  สถานที่  และโอกาส  2  ควรใช้ภาพูดที่สุภาพ  หรือใช้ภาษาสนทนาที่สุภาพ  ไม่ใช่ภาษาเขียนหรือภาราชการ  3  ควรใช้คำง่ายๆประโยคเรียบและสั้น  4  ควรใช้บุรุษสรรพนามให้บ่อยครั้งกว่าการใช้ภาษาเขียนธรรมดา  5  อย่าใช้ถ้อยคำ  วลี  (เช่น  นอกจากนี้,  แล้วก็,  จะเห็นได้ว่า,  ฯลฯ)  หรือข้อความเดียวกันบ่อยๆ  6  ควรใช้คำพูดที่ก่อให้เกิดอารมณ์หรือเห็นภาพพจน์

 6       ถ้าจะพูดให้น้ำเสียงฟังแล้วมีเสน่ห์  ควรพูดอย่างไร

1  พูดคำว่า  ครับ  ค่ะ  ท้ายประโยค                               2  พูดใส่อารมณ์อย่างตลกขบขัน

3  พูดสำนวนไทย  หรือประโยคเด็ดๆให้น่าประทับใจ          4  พูดในเนื้อหาที่ทำให้ผู้ฟังรู้สึกสบายใจ

ตอบ    1  พูดคำว่า  ครับ  ค่ะ  ท้ายประโยค                              

น้ำเสียงในการพูดมีส่วนสำคัญอย่างมากในการส่งความหมายจากผู้พูดไปยังผู้ฟัง  โดยเสน่ห์ของน้ำเสียงควรอยู่ที่การเพิ่มคำว่า  ค่ะ  นะคะ  ครับ  และ  นะครับ  ที่ท้ายประโยคด้วย

7       การพูดที่มีประสิทธิภาพนั้นจะต้องรู้จักการควบคุมการผ่อนลมหายใจในขณะที่พูด  วิธีหายใจที่ถูกต้องเป็นอย่างไร

1  หายใจให้เงียบที่สุด                                                          2  หายใจลึกๆและแรงๆ

3  หายใจเข้าสู่ศูนย์กลางของลำตัว                                       4  หายใจลึกๆพร้อมอ้าปากเล็กน้อย

ตอบ  3  หายใจเข้าสู่ศูนย์กลางของลำตัว                                       

การพูดที่มีประสิทธิภาพนั้น  ผู้พูดจะต้องรู้จักควบคุมการผ่อนลมหายใจในขณะที่พูด  กล่าวคือ  ต้องหายใจเข้าสู่ศูนย์กลางของลำตัว  หรือหายใจโดยการใช้กะบังลม  (Diaphragm)

8       หากผู้ฟังเป็นกลุ่มบุคคลในวัยชราที่มีการศึกษาอยู่ในระดับมหาวิทยาลัย  ผู้พูดควรจะนำเสนอเนื้อหาในลักษณะใด

1       เร้าอารมณ์  แฝงมุขสนุกสนาน  ท้าทายความสามารถ

2       ประสบการณ์เสี่ยงตาย  สิ่งที่เป็นพิษภัยใกล้ตัว

3       การโกหกหลอกลวง  สิบแปดมงกุฎ  และเล่ห์เหลี่ยมทางธุรกิจ

4       สวัสดิภาพ  บุคคลผู้ประสบความสำเร็จในชีวิต  การดำรงตนให้เป็นที่เคารพรัก

ตอบ  4   สวัสดิภาพ  บุคคลผู้ประสบความสำเร็จในชีวิต  การดำรงตนให้เป็นที่เคารพรัก

วัยชรา  เป็นวัยของผู้ที่มีประสบการณ์มาก  ชอบคิดและยึดถือสิ่งที่เป็นที่พึ่งทางจิตใจ  เช่น  คุณธรรม  และมักเป็นห่วงลูกหลาน  ครอบครัว  ดังนั้นการพูดกับบุคคลที่อยู่ในวัยชราและมีการศึกษาสูง  จึงควรพูดเรื่องที่เกี่ยวกับสวัสดิภาพทางครอบครัว  บุคคลผู้ประสบความสำเร็จในชีวิต  การดำรงตนให้เป็นที่เคารพรัก  ฯลฯ  โดยควรพูดในทำนองเป็นที่ปรึกษาหรือเป็นผู้ปรับทุกข์

9       คุณยุทธนาจะไปพูดในที่ประชุมชน  ท่านจะแนะนำวิธีเลือกเรื่องที่จะพูดอย่างไร

1  เลือกเรื่องที่ผู้พูดสนใจ  และผู้ฟังสนใจด้วย                 2  เลือกเรื่องที่ผู้พูดมีความรู้  และผู้ฟังสนใจ

3  เลือกเรื่องที่ทันสมัย  และผู้ฟังส่วนใหญ่สนใจ            4  เลือกเรื่องดี  เป็นสาระแก่ชีวิตและผู้พูดสนใจมาก

ตอบ  1  เลือกเรื่องที่ผู้พูดสนใจ  และผู้ฟังสนใจด้วย                

ในการเลือกเรื่องไปพูดนั้น  ผู้พูดต้องพยายามเลือกเรื่องที่ทั้งผู้พูดและผู้ฟังสนใจ  ถ้าเป็นเรื่องที่ผู้พูดถนัดก็จะทำให้พูดได้ดี  และถ้าเป็นเรื่องที่ผู้ฟังสนใจด้วยก็ดูเหมือนว่าผู้พูดได้ประสบความสำเร็จขั้นต้นในการเรียกความสนใจจากผู้ฟัง  แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ผู้ฟังไม่สนใจการพูดนั้นก็จะล้มเหลว

10  โครงร่าง  (Outline)  มีประโยชน์ต่อการเตรียมเรื่องพูดอย่างไร

1  ทำให้เนื้อหามีรสนิยม                                                  2  ทำให้เนื้อหามีเอกภาพ

3  ทำให้เนื้อหาน่าติดตาม                                                4  ทำให้เนื้อหาน่าเชื่อถือ

ตอบ  2  ทำให้เนื้อหามีเอกภาพ

ในการเตรียมเรื่องพูดนั้น  ผู้พูดจำเป็นที่จะต้องเขียนโครงร่างหรือโครงเรื่อง  (Outline)  ขึ้นมาก่อน  ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการวางแนวทางว่าเรื่องที่จะพูดนั้นมีหัวข้ออะไรบ้าง  โดยโครงร่างหรือโครงเรื่องนี้จะช่วยเป็นแนวทางการเรียงลำดับเรื่องที่จะพูดทำให้เนื้อหามีเอกภาพ  ไม่สับสน  และง่ายแก่แก่การจดจำไปพูด

11    ไม่ว่าจะขึ้นคำนำด้วยวิธีใดๆก็ตาม  สิ่งที่ผู้พูดไม่สามารถละเลยได้ก็คือ
1  สัมพันธ์กับคำทักทายผู้ฟัง                                          2  ตื่นเต้นเร้าใจเสมอ
3  กล่าวถึงแหล่งอ้างอิงที่เชื่อถือได้                                 4  สอดคล้องกับเนื้อเรื่องลำดับถัดไป
ตอบ  4  สอดคล้องกับเนื้อเรื่องลำดับถัดไป
คำนำ  (Introduction)  ในการพูด  เป็นส่วนสำคัญที่สุดที่จะชักจูงให้ผู้ฟังสนใจและติดตามฟังต่อไป  ซึ่งผู้พูดอาจขึ้นต้นคำจำกัดความ  คำถาม  สุภาษิต  คำคม  อารมณ์ขัน  ความประหลาดใจ ฯลฯ  แต่ไม่ว่าจะขึ้นคำนำด้วยวิธีใดๆก็ตาม  คำนำนั้นๆจะต้องบอกถึงข้อมูลสนับสนุนที่สอดคล้องกับเนื้อเรื่อง  (Main  Body)  ที่จะกล่าวในลำดับต่อไป

12    ข้อใดไม่ใช่การขยายความเนื้อเรื่อง
1  พูดเปรียบเทียบกับสำนวน  สุภาษิต                                2  พูดถึงเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา
3  พูดเพื่อให้ผู้ฟังคิดเอง                                                      4  พูดโดยฉายสไลด์ประกอบการพูด
ตอบ  2  พูดถึงเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา
การขยายความเนื้อเรื่อง  ทำได้ดังนี้
1  การให้คำจำกัดความ                 2  การยกตัวอย่างโดยเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา          3  การเปรียบเทียบกับสิ่งที่คล้ายคลึง         4  การแสดงหรือชี้ให้เห็นถึงข้อแตกต่าง          5  การหยิบยกข้ออ้างอิง  สำนวน  สุภาษิต  หรือคำพังเพย         6  การเล่าเรื่องประกอบเพื่อให้ผู้ฟังคิดเอาเอง             7  การถาม – ตอบ              8  การใช้โสตทัศนูปกรณ์ต่างๆ  เช่น  การฉายสไลด์  การใช้แผนที่  แผนภูมิ  รูปภาพ  ฯลฯ

13    ในขั้นตอนของการริเริ่มที่จะวางเค้าโครงเรื่องที่จะพูด  อะไรคือสิ่งสำคัญที่สุด
1  องค์ประกอบของกลุ่มผู้ฟัง                                                              2  ปฏิกิริยาของผู้ฟังที่จะแสดงกลับมา
3  ความกล้าที่จะตัดสินใจเลือกประเด็น  หรือเนื้อหาที่จะพูด              4  การตกลงใจที่จะเลือกใช้ข้อมูล
ตอบ  ในขั้นจองการเริ่มคิด  ถือเป็นขั้นตอนการริเริ่มที่จะวางเค้าโครงเรื่องที่จะพูด  ซึ่งผู้พูดจะต้องตัดสินใจเลือกประเด็นหรือเนื้อหาที่จะพูดอย่างมีวิจารณญาณ  ถ้าไม่เชื่อมั่นในความคิดของตนเอง  ก็อาจถามผู้ที่รู้จักเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ  แล้วก็จะได้หัวข้อที่คิดว่าจะนำไปพูดมากขึ้น

14    สิ่งใดควรกระทำเมื่อขึ้นเวทีพูด
1  ใช้มือเคาะไมโครโฟน                                                             2  กระแอมก่อนพูด
3  พูดช้าๆในนาทีแรกที่เริ่มพูด                                                    4  พูดขออภัยในความผิดพลาดของตัวเอง
ตอบ  3  พูดช้าๆในนาทีแรกที่เริ่มพูด
ข้อควรปฏิบัติเมื่อขึ้นเวทีพูด  มีดังนี้
1    ขณะที่ยืนบนเวทีควรยืนให้สง่างาม  แสดงสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
2    ในนาทีแรกที่เริ่มพูดนั้นควรพูดช้าๆ
3    หลังจากกล่าวคำปฏิสันถารแล้ว  ผู้พูดจะต้องไม่ออกตัวหรือขอโทษ / ขออภัยในความผิดพลาดหรือข้อบกพร่องของตนเอง
4    ควรหลีกเลี่ยงการกระแอมกระไอก่อนพูด  การใช้มือเคาะไมโครโฟน  หรือพูดว่า  “ฮัลโหลๆ”
5    เมื่อผู้ฟังแสดงความพอใจด้วยการหัวเราะหรือปรบมือ  ผู้พูดควรหยุดพูด  จนเมื่อเสียงแสดงความพอใจนั้นๆจบหรือซาลงจึงเริ่มพูดต่อไป  ฯลฯ

15    เมื่อผู้ฟังแสดงความพอใจอย่างมาก  ผู้พูดควรปฏิบัติอย่างไร
1  หยุดพูด  จนเมื่อการแสดงความพอใจจบลงจึงเริ่มพูดต่อ           2  ยกมือสองข้างขึ้นเหนือศีรษะและโบกไปมา
3  พูดเร่งเร้าอารมณ์ผู้ฟังขึ้นไปอีก                                                  4  เดินลงจากเวทีเพื่อไปสัมผัสมือกับผู้ฟัง
ตอบ  1  หยุดพูด  จนเมื่อการแสดงความพอใจจบลงจึงเริ่มพูดต่อ           ดูคำอธิบายข้อ  14  ประกอบ

16    วิธีทำให้ความตื่นเวทีลดน้อยลงควรเป็นอย่างไร
1  ดื่มเบียร์หรือสุราเล็กน้อย                                                    2  แสดงท่าทางมากๆ
3  ยิ้มและพูดคุยกับผู้ฟังเป็นครั้งคราว                                     4  เตรียมเรื่องและฝึกซ้อมพูด
ตอบ  4  เตรียมเรื่องและฝึกซ้อมพูด
วิธีแก้หรือทำให้ความตื่นเวทีและความกังวลลดน้อยลงประการแรกที่สุดก็คือ  ผู้พูดจะต้องเตรียมเรื่องพูดและฝึกซ้อมพูดอย่างดี  เพราะถ้าเตรียมสองประการนี้ไม่ดีก็เท่ากับประสบความล้มเหลวก่อนขึ้นเวทีเสียแล้ว

17    หลวงวิจิตรวาทการได้กล่าวถึงการแสดงท่าทางประกอบการพูดไว้อย่างไร
1  การออกท่าทางมากๆทำให้คำพูดเสีย
2  การออกท่าทางมากๆไว้เป็นการดี  ไม่เคอะเขิน
3  การพูดที่ดีจะไม่มีการออกท่าทางประกอบคำพูดเลย
4  การออกท่าทางมากๆเหมาะสำหรับการพูดเรื่องตลกโปกฮา
ตอบ  1  การออกท่าทางมากๆทำให้คำพูดเสีย
หลวงวิจิตรวาทการได้กล่าวถึงการแสดงท่าทางประกอบการพูดไว้ว่า  “…มีคนโดยมากเข้าใจผิดไปว่าการออกท่าทางประกอบคำพูดให้มากๆนั้นเป็นการดี  แท้จริงการออกท่าทางมากๆนั้นกลับจะทำให้คำพูดเสียไป…  นักพูดที่เก่งที่สุดนั้นเขามีท่าทางน้อยที่สุด… จะมีการเคลื่อนไหวบ้างก็เล็กน้อย  และการเคลื่อนไหวเหล่านั้นก็มีอาการหนักแน่นอยู่ในตัวเสมอ”

18    ผู้พูดสามารถสร้างความเป็นมิตรและความเป็นกันเองกับผู้ฟังได้ด้วยอะไร
1  การมีบุคลิกและรสนิยมดี                                                 2  การระวังตัวและการรักษามารยาทอย่างดี
3  การสำรวมอากัปกิริยาและรู้จักระวังตัว                            4  การรู้จักใช้ถ้อยคำและท่าทางที่เหมาะสม
ตอบ  4  การรู้จักใช้ถ้อยคำและท่าทางที่เหมาะสม
ผู้พูดควรจะพยายามแสดงออกถึงบุคลิกภาพ  คือ  การรู้จักใช้ถ้อยคำที่สุภาพเรียบร้อยและมีลักษณะท่าทางที่เหมาะสม  โดยผู้พูดควรแสดงสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสเป็นมิตรกับผู้ฟัง  เพื่อให้บรรยากาศในสถานที่นั้นจะได้ไม่ตึงเครียด  อีกทั้งผู้พูดและผู้ฟังจะได้มีความรู้สึกที่คุ้นเคย  สามารถสร้างความเป็นมิตรและความเป็นกันเองต่อกัน

19    ผู้ที่ไม่ประสบความสำเร็จในการฟัง  (ส่วนใหญ่)  มาจากสาเหตุใด
1  ชอบพูดมากกว่าชอบฟัง                                                  2  มีความกังวลใจในเรื่องต่างๆ
3  ชอบหลับ                                                                         4  สนใจบุคลิกของผู้พูดมากเกินไป
ตอบ  2  มีความกังวลใจในเรื่องต่างๆ
ลักษณะของการฟังที่ดีประการหนึ่ง  คือ  ผู้ฟังจะต้องตัดความกังวลใจต่างๆ  เพราะถ้าผู้ฟังมีความกังวลใจแล้วย่อมจะไม่มีสมาธิในการฟัง  และทำให้ไม่ประสบความสำเร็จในการฟัง  ซึ่งวิธีที่ดีคือ  ควรทำจิตใจให้หายกังวลแล้วตั้งใจรับฟังเรื่องที่ผู้พูดพูด  เมื่อตั้งใจฟังและเกิดความสนใจที่จะฟังแล้วก็จะเกิดความเข้าใจขึ้นมาได้

20    ข้อใดเข้ากับหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า  “สุสสูสํ  ลภเต  ปญญํ”  ฟังด้วยดีย่อมมีปัญญา
1    จ้องจับผิดผู้พูดว่า  ผู้พูดกล่าวอะไรผิดกับความรู้ของตนหรือไม่
2    เมื่อเห็นว่าผู้พูดพูดในสิ่งที่ไม่ตรงต่อทัศนคติของตนเอง  จึงเดินออกจากห้อง
3    เมื่อผู้พูดกล่าวในสิ่งที่ตนเองเข้าใจผิดมาตลอด  จึงบันทึกเนื้อหาสำคัญเพื่อให้จำได้
4    ลุกขึ้นโต้แย้งข้อเท็จจริง  แล้วกล่าวกับผู้ฟังว่าความรู้ของผู้พูดเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
ตอบ  3  เมื่อผู้พูดกล่าวในสิ่งที่ตนเองเข้าใจผิดมาตลอด  จึงบันทึกเนื้อหาสำคัญเพื่อให้จำได้
การฟังที่ดีย่อมทำให้ผู้ฟังเกิดปัญญา  เกิดความรู้  ดังหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า  “สุสสูสํ  ลภเต  ปญญํ”  ฟังด้วยดีย่อมมีปัญญา  โดยการฟังที่ดีนั้นจะต้องรู้จักฝึกฝนการตัดสินใจว่าจะเชื่อตามความคิดนั้นหรือไม่  ซึ่งการฟังแล้วคิด  ค้นคว้า  ไต่ถาม  และจดบันทึกเนื้อหาสำคัญ  ย่อมจะทำให้ผู้ฟังเกิดความรู้และสติปัญญา

21    การที่อาจารย์พูดชมนักเรียนว่าแต่งกายเรียบร้อย  มีระเบียบ  น่ารัก  เป็นการกระตุ้นทางใด
1  ทางร่างกาย                        2  ทางจิตใจ                        3  ทางนิสัย                             4  ทางสังคม
ตอบ  3  ทางนิสัย
การพูดกระตุ้นทางนิสัย  เป็นการพูดในสิ่งที่ดีงามของผู้ฟัง  เช่น  กล่าวชมผู้ฟังว่าเป็นคนตรงต่อเวลา  ทำงานดี  มีระเบียบ  เป็นผู้ที่มีรสนิยมดี  น่ารัก  แต่งกายเรียบร้อยดี  มีงานอดิเรกหรือมีความสนใจในสิ่งแวดล้อมดี  เป็นต้น

22    จากสุนทรพจน์ของนายป๋วย  อึ้งภากรณ์  กล่าวว่า  ความสามัคคีจะยืนยงคงอยู่ได้ต้องอาศัยคุณธรรมข้อใด
1  มีความซื่อสัตย์             2  มีความเมตตากรุณา            3  มีความใจกว้าง            4  มีความโอนอ่อนผ่อนตาม
ตอบ   4  มีความโอนอ่อนผ่อนตาม
จากสุนทรพจน์ของนายป๋วย  อึ้งภากรณ์  ได้กล่าวไว้ว่า  ความสามัคคีจะยืนยงคงอยู่ได้เรียบร้อยจะต้องอาศัยคุณธรรม  2  ประการ  คือ  1  อัธยาศัยไมตรี  และความผันผ่อนหย่อนตามซึ่งกันและกัน  2  ความยุติธรรมในหมู่คณะ

23    ในการพูดชักจูงใจ  สิ่งสำคัญที่ทำให้ผู้ฟังเชื่อถือในตัวผู้พูดคืออะไร
1  พยาน  หลักฐาน  และข้อมูล                                                  2  ถ้อยคำที่มีน้ำหนัก  น่าเชื่อถือ
3  ความมีชีวิตชีวาและท่าทางของผู้พูด                                      4  น้ำเสียง  ท่าทาง  และคำพูด
ตอบ  1  พยาน  หลักฐาน  และข้อมูล
ในการพูดแบบชักจูงใจ  สิ่งสำคัญที่ทำให้ผู้ฟังเชื่อถือหรือเชื่อมั่นในตัวผู้พูดก็คือ  ผู้พูดจะต้องยกตัวอย่าง  ยกเหตุผลข้อเท็จจริง  ข้อมูล  หลักฐาน  พยาน  และข้อโต้แย้งต่างๆขึ้นมาอ้างอิง  เพื่อให้ผู้ฟังเห็นด้วย

24    การพูดให้ชาวนาชาวไร่มีความรู้สึกว่าตนเองเป็นคนมีเกียรติเช่นเดียวกับคนอื่นๆในสังคมควรพูดกระตุ้นในทางใด
1  ทางร่างกาย                      2  ทางจิตใจ                         3  ทางสังคม                          4  ทางนิสัย
ตอบ  3  ทางสังคม
การพูดกระตุ้นทางสังคม  ผู้พูดจะต้องพูดให้ได้ผลออกมาในรูปที่ว่า  ผู้ฟังเป็นคนที่กว้างขวาง  มีเกียรติ  เป็นที่รู้จักในวงสังคม  หรือเป็นผู้ที่มีสิทธิเสมอภาคเท่าเทียมกับคนอื่นๆในสังคมเหมือนกัน

25    คุณสุจารีเป็นผู้บรรยายการออกกำลังกาย  และต้องการแจกหนังสือแก่ผู้ฟัง  เธอควรแจกเมื่อใด
1  ก่อนการพูดบรรยาย                                                           2  หลังการพูดบรรยาย
3  ในขณะที่บรรยายไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว                                4  เมื่อผู้ฟังง่วงนอน
ตอบ  2  หลังการพูดบรรยาย
การพูดสาธิตนั้นอาจมีเครื่องมือเพื่อใช้ประกอบการอธิบาย  เช่น  หนังสือ  คู่มือ  เอกสาร  หรือรูปภาพประกอบ  ซึ่งวิธีที่ดีก็คือ  พูดหรืออธิบายเรื่องที่จะพูดให้จบเสียก่อนแล้วจึงใช้เครื่องมือประกอบการพูดหรือแจกเอกสารให้แก่ผู้ฟังภายหลังจากพูดจบแล้ว

26    ปากกาเคมีที่อาจารย์พรศักดิ์ใช้เขียนข้อความบนกระดานขาวเพื่ออธิบายความรู้ให้นักศึกษา  อาจารย์พรศักดิ์ใช้เครื่องมืออะไร
1  เครื่องมือบุคคล                  2  เครื่องมือจริง                 3  เครื่องมือแทน               4  เครื่องมือเขียน
ตอบ  3  เครื่องมือแทน
เครื่องมือแทน  (The  Representational)  คือ  เครื่องมือที่ไม่มีความสมบูรณ์ในตัวเอง  แต่ดูเสมือนเป็นเครื่องมือจริง  หรือการใช้สิ่งอื่นเพื่อแทนสิ่งที่ไม่สามารถนำมาแสดงได้ด้วยข้อจำกัดต่างๆ  โดยอาศัยการรับรู้ในเชิงเปรียบเทียบหรือสมมุติว่าเป็นสิ่งที่กล่าวถึง  (เทียบเคียงหรือมีความใกล้เคียงสิ่งที่พูดถึง)  ซึ่งผู้พูดสามารถสร้างความเข้าใจให้กับผู้ฟังได้ในลักษณะการอุปมาอุปมัย  การคิดตาม  และการแทนที่ความรู้สึกนึกคิด  เช่น  รูปภาพ  ฟิล์มสไลด์   แผ่นประกาศ  ตาราง  ฯลฯ  ที่ใช้ประกอบการนำเสนอ  ชอล์กหรือปากกาเคมีที่ใช้เขียนบนกระดาน  หรือการใช้กิ่งไม้สมมุติให้เป็นดาบ  เป็นต้น

27    การพูดเกี่ยวกับการเดินทางสำรวจป่าดิบชื้นในภาคใต้ตอนล่าง  เป็นการพูดรายงานแบบใด
1  แบบประสบการณ์                                                                2  แบบแถลงข้อเท็จจริง
3  แบบความก้าวหน้าและผลสำเร็จ                                          4  แบบสรุปผล
ตอบ  1  แบบประสบการณ์
การพูดรางงานแบบประสบการณ์นั้น  ผู้พูดจะต้องกล่าวถึงเวลา  สถานที่  และเรื่องที่จะรายงาน  รวมถึงสภาพแวดล้อมด้วย  จากนั้นก็จะมุ่งไปสู่เหตุการณ์สำคัญๆ  ที่เกิดขึ้นให้เป็นลำดับต่อเนื่องกัน  โดยให้เหตุการณ์นั้นออกมาในรูปของประสบการณ์ที่มีความหมายต่อผู้ฟัง  ซึ่งตัวอย่างของการพูดรายงานแบบนี้คือ  การกล่าวถึงประสบการณ์ของตัวผู้พูดในกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่ง  (เช่น  การเดินทางไปสำรวจป่าดิบชื้น  ฯลฯ)  หรือในสถานที่ต่างๆ  (เช่น  ในต่างประเทศ  ชนบท  ฯลฯ)

28    ในการพูดรายงานแบบสรุปผล  หากต้องพูดเกี่ยวกับรายงานการทดลอง  รายงานนั้นควรประกอบด้วยองค์ประกอบที่สำคัญๆยกเว้นข้อใด
1  ประสบการณ์ผู้ทดลอง                                                        2  ความมุ่งหมาย
3  เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง                                               4  สรุปผลการทดลอง
ตอบ  1  ประสบการณ์ผู้ทดลอง
การพูดรายงานแบบสรุปผล  ในกรณีที่เกี่ยวกับการรายงานการทดลองหรือปฏิบัติการนั้น  ควรจะประกอบด้วยองค์ประกอบที่สำคัญๆดังนี้  1  ความมุ่งหมาย     2   เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง       3  สรุปผลของการทดลอง

29    คุณศุภชัยเป็นนักธุรกิจที่ต้องพูดรายงานในที่ประชุม  เขาควรยึดหลักอะไร
1    มีเนื้อหาเด่นชัด  ละเอียด  พร้อมทั้งข้อมูลทางสถิติ
2    มีเนื้อหาสมบูรณ์  ชัดเจน  พร้อมทั้งข้อมูลทางสถิติที่จำเป็น
3    มีเนื้อหาสั้น  ชัดเจน  พร้อมทั้งข้อมูลทางสถิติ
4    มีเนื้อหาสมบูรณ์  ละเอียดชัดเจน  พร้อมทั้งข้อมูลทางสถิติ
ตอบ  3  มีเนื้อหาสั้น  ชัดเจน  พร้อมทั้งข้อมูลทางสถิติ
หลักสำคัญของการพูดรายงานอยู่ที่การตระเตรียมเรื่องที่จะพูด  ส่วนเนื้อหาของเรื่องนั้นควรเรียบเรียงขึ้นด้วยความประณีตและรอบคอบ  โดยใจความที่สำคัญของเนื้อหาจะต้องมีลักษณะที่สั้น  กระชับ  และชัดเจน  รวมทั้งจะต้องนำข้อมูลทางสถิติมาพูดด้วย  แต่ไม่ควรบรรจุเนื้อหาที่สมบูรณ์ของเรื่องลงไป  เพราะจะทำให้มีเนื้อหาและข้อปลีกย่อยมากมาย  ซึ่งเป็นสาเหตุให้ผู้ฟังจำสับสน  เกิดความเบื่อและทำให้เสียเวลา

30    ข้อใดต่อไปนี้ถูกต้องตามหลักการพูดวิจารณ์
1    ม.รามคำแหงนี้ดี  ค่าหน่วยกิตถูก  แถมเรียนได้นานอีกด้วย
2    อาจารย์คนนี้สอนดี  แต่เคร่งระเบียบวินัย
3    ละครเรื่องนี้ลงทุนน้อย  และน้ำเน่าถูกคอแม่ค้าตลาดสด
4    ภาพยนตร์เรื่อง  “นางตานี”  นี่ยอดไปเลย
ตอบ  2  อาจารย์คนนี้สอนดี  แต่เคร่งระเบียบวินัย
การพูดวิจารณ์  หมายถึง  การพูดทั้งติและชมสิ่งใดสิ่งหนึ่งในแง่ต่างๆ  อย่างมีเหตุผล  และถูกหลักการวิจารณ์  ซึ่งการพูดวิจารณ์เป็นการพูดที่ต้องใช้หลักการทางตรรกวิทยา  (Logic)  หรือใช้หลักทางเหตุผลมาประกอบ  โดยจะไม่เอาอารมณ์ของผู้พูดเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

31    การพูดในลักษณะวิพากษ์วิจารณ์มีลักษณะเฉพาะที่ต่างจากการพูดประเภทอื่นๆอย่างไร
1    เนื้อหาที่จะพูดต้องเป็นข้อเท็จจริงเสมอ
2    ต้องมีการนำเสนอโดยใช้เหตุผลประกอบ
3    ต้องมีการใช้กติกา  ข้อกำหนด  หรือตัวบ่งชี้ต่างๆมาใช้เป็นเกณฑ์
4    ต้องมีการจัดสมดุลของเนื้อหา  และผลกระทบที่เกิดขึ้นกับบุคคลที่กล่าวอ้าง
ตอบ  2  ต้องมีการนำเสนอโดยใช้เหตุผลประกอบ      ดูคำอธิบายข้อ  30  ประกอบ

32    ข้อใดไม่ใช่วัตถุประสงค์ทางการสื่อสารของการประชุม
1  เพื่อให้การศึกษา              2  เพื่อประสานงาน           3  เพื่อแสดงความคิดเห็น           4  เพื่อจัดระบบงาน
ตอบ  4  เพื่อจัดระบบงาน
จุดมุ่งหมายของการประชุม  ได้แก่  1  เพื่อแถลงข่าวและเรื่องราวต่างๆ     2  เพื่อปรึกษาหารอ  ขอคำแนะนำ  และแสดงความคิดเห็น    3  เพื่อดำเนินงานหรือประสานงาน    4  เพื่อให้การศึกษา    5  เพื่อพิจารณาเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะ    6  เพื่อกระตุ้นให้สมาชิกเกิดความรู้สึกและทัศนคติใหม่ๆในการดำเนินงาน

33    ประธานในที่ประชุมควรเสนอความคิดเห็นของตนอย่างไรจึงเหมาะสมที่สุด
1  เป็นคนแรก                    2  ทุกๆ  10  นาที                     3  ตลอดเวลา                    4  เป็นคนสุดท้าย
ตอบ  4  เป็นคนสุดท้าย
ประธานในที่ประชุมมีหน้าที่ประการหนึ่ง  คือ  ประธานจะต้องเปิดโอกาสและช่วยให้ผู้เข้าประชุมได้ใช้ความคิดของตนเองอย่างเต็มความสามารถ  โดยประธานไม่ควรเสนอความคิดเห็นของตนเป็นคนแรก  แต่ควรเสนอความคิดเห็นเป็นคนสุดท้าย

34    ถ้าคุณบรรหารไม่เห็นด้วยกับมติของที่ประชุม  (ที่ครบองค์ประชุม)  เขาต้องทำอย่างไร
1  ไม่ต้องปฏิบัติตาม                                                         2  ต้องปฏิบัติตาม
3  ขอแปรญัตติต่อประธาน                                               4  ขอให้มีการทบทวนมติ
ตอบ  2  ต้องปฏิบัติตาม
มติ  คือ  ข้อตกลงของที่ประชุมในญัตติต่างๆที่มีผู้เสนอ  ซึ่งมติของที่ประชุม (ที่ครบองค์ประชุม)  ให้ถือเป็นข้อยุติที่ทุกคนจะต้องปฏิบัติตามถึงแม้จะไม่เห็นด้วยก็ตาม

35    คุณวรวิทย์เป็น ส.ส.  และต้องการขอแปรญัตติในที่ประชุม  เขาควรทำอย่างไร
1  เสนอด้วยวาจาต่อประธาน                                            2  เสนอเป็นลายลักษณ์อักษรต่อประธาน
3  เสนอด้วยวาจาต่อเลขา ฯ                                               4  เสนอเป็นลายลักษณ์อักษรต่อเลขา ฯ
ตอบ  2  เสนอเป็นลายลักษณ์อักษรต่อประธาน
แปรญัตติ  หมายถึง  การแสดงความคิดเห็นซ้อนขึ้นในญัตติ  หรือการเสนอขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมญัตตินั้นๆ  โดย  ส.ส.  ที่ต้องการขอแปรญัตติในที่ประชุมจะต้องเสนอคำขอแปรญัตติของตนเป็นหนังสือ  (เป็นลายลักษณ์อักษร)  ต่อประธานภายในระยะเวลาที่กำหนด  และคำแปรญัตติต้องมี  ส.ส.  อื่นรับรองเป็นจำนวนไม่น้อยกว่าที่กำหนดไว้ในข้อบังคับการประชุมสภา

36    ข้อใดไม่ใช่ประโยชน์ของการเล่าเรื่อง
1  ทำให้เด็กมีประสบการณ์ในการฟังเพิ่มขึ้น                                 2  เป็นวิธีสอนเด็กโดยที่เด็กไม่รู้ตัว
3  ทำให้ผู้เรียนสนใจฟัง  เข้าใจง่าย  จดจำเนื้อเรื่องได้ดี                  4  ทำให้ผู้อื่นมีส่วนร่วมในเรื่องที่แปลก
ตอบ  1  ทำให้เด็กมีประสบการณ์ในการฟังเพิ่มขึ้น
ประโยชน์ของการเล่าเรื่อง  ได้แก่    1  เป็นวิธีชี้แนะสั่งสอนแบบไม่รู้ตัว    2  ทำให้ผู้เรียนสนใจฟัง  เข้าใจง่าย  และจดจำเนื้อเรื่องได้ดี    3  ทำให้ผู้อื่นมีส่วนร่วมในเรื่องที่แปลกหรือมหัศจรรย์  ในเหตุการณ์ที่ตื่นเต้นน่ากลัว  และในปรากฏการณ์ของธรรมชาติ

37    การสอนเชิงอุปมาอุปมัยและเปรียบเทียบ  มักใช้กับการพูดชนิดใด
1  การรายงาน                         2  การวิจารณ์                         3  การเล่าเรื่อง                       4  การอภิปราย
ตอบ     3  การเล่าเรื่อง
การเล่าเรื่อง  เป็นการสอนเชิงอุปมาอุปมัยและเปรียบเทียบ  รวมทั้งยังเป็นการสอนในแง่ความคิดต่างๆในด้านปรัชญาและคติธรรม

38    ทำไมการเล่านิทานจึงต้องมีบทตลกแทรกด้วย
1  เพื่อให้เด็กไม่ง่วงนอน           2  เพื่อให้เด็กสนุก           3  เพื่อให้เด็กหัวเราะ            4  เพื่อดึงดูดความสนใจ
ตอบ   4  เพื่อดึงดูดความสนใจ
ในการเล่านิทานนั้น  เมื่อมีตอนใดที่สามารถจะแทรกบทตลกได้ก็ควรจะเล่าเรื่องให้ตลก  เพราะบทตลกจะดึงดูดความสนใจของผู้ฟังได้ดี  นอกจากนี้ในเนื้อเรื่องที่ใช้เล่านิทานก็ควรจะใช้บทพูด  (Dialogue)  ประมาณ  80 %  หรือควรจะใช้พรรณนาโวหารให้น้อยกว่าบทพูด


39    น้าอนงค์เป็นนักเล่านิทาน  น้าอนงค์จะมีวิธีจัดเรื่องอย่างไร
1  ใช้บทพูดในเนื้อเรื่อง                                                          2  ใช้พรรณนาโวหารในเนื้อเรื่อง
3  ใช้บรรยายโวหาร                                                               4  ใช้การพูดกึ่งพิธีการแทรกด้วยบทตลก
ตอบ  1  ใช้บทพูดในเนื้อเรื่อง           ดูคำอธิบายข้อ  38  ประกอบ

40    ข้อควรระวังที่สุดสำหรับการเล่าประวัติศาสตร์หรือชีวประวัติ  ได้แก่
1  ต้นฉบับจากหลายแหล่งอ้างอิง                                         2  ข้อโต้แย้งที่ไม่มีข้อสรุป
3  ข้อมูลที่ละเอียด                                                                4  ความน่าเบื่อ
ตอบ  4  ความน่าเบื่อ
การเล่าประวัติศาสตร์หรือชีวประวัติบุคคลสำคัญจะต้องระวังข้อผิดพลาดต่างๆ  เช่น
1    ไม่ควรที่จะกล่าวถึงชีวิตส่วนตัวของเจ้าของประวัติมากเกินไป  เพราะเป็นการแสดงถึงความไม่นับถือ
2    ควรเล่าเฉพาะเหตุการณ์ที่ผู้อื่นยังไม่รู้  ส่วนเหตุการณ์ที่คนส่วนมากรู้แล้วก็เล่าอย่างย่นย่อหรือข้ามไป  เพราะจะทำให้ผู้ฟังเบื่อหน่าย  ขาดความสนใจ
3    ควรจะอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม  และสุภาพ  ไม่ยกย่องจนเกินไป

41    การพูดเพื่อให้คำปรึกษา  อาศัยแนวคิดใดเป็นหลัก
1  ปฏิวัติกรอบการรับรู้             2  การมีส่วนร่วม              3  สื่อสัมพันธ์            4  ละลายพฤติกรรม
ตอบ  2  การมีส่วนร่วม
การพูดเพื่อให้คำปรึกษาที่ดีควรอาศัยแนวคิดการมีส่วนร่วมเป็นหลัก  โดยวิธีที่ได้ผลดีและมีประสิทธิภาพที่ควรจะใช้ในการพูดปรึกษาก็คือ  การสะท้อนความรู้สึก  ซึ่งมีประโยชน์มากในการพูดให้คำปรึกษาแนะนำกับนักเรียน  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัญหาเชิงพฤติกรรมและระเบียบวินัย  ทั้งนี้เพื่อสร้างบรรยากาศให้มีความอิสรเสรี  ความเข้าใจ  ความไว้วางใจกัน  อันจะเป็นทางนำไปสู่ที่มาของปัญหา  และมีเป้าหมายไปที่การแก้ปัญหาซึ่งเป็นทางออกที่ดีและเหมาะสมที่สุด

42    วิธีที่ครูใช้พูดปรึกษากับผู้ปกครองนักเรียนที่มีประสิทธิภาพในเชิงปฏิบัติ  คือวิธีใด
1    สร้างความเป็นกันเองและความเต็มใจที่ให้คำปรึกษา
2    ชี้ให้ผู้ปกครองเห็นว่าเด็กทำผิดจริง  และเป็นความบกพร่องของผู้ปกครองด้วย
3    อธิบายให้ผู้ปกครองเห็นว่าเด็กทำผิดจริง  แล้วเขียนคำแนะนำให้ผู้ปกครองปฏิบัติตาม
4    ทำให้รู้สึกถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นและภาระที่ครูต้องรับผิดชอบ
ตอบ  1  สร้างความเป็นกันเองและความเต็มใจที่ให้คำปรึกษา
โดยปกติแล้วผู้ปกครองย่อมต้องการคำแนะนำปรึกษาหรือข้อคิดเห็นจากครู  ดังนั้นถ้าครูพยายามสร้างความเป็นกันเองต่อผู้ปกครอง  แสดงความเห็นอกเห็นใจ  เข้าใจและพยายามช่วยแก้ปัญหาให้แก่ผู้ปกครองด้วยความเต็มใจแล้ว  ผู้ปกครองก็จะเกิดความนิยมนับถือในตัวครูมากยิ่งขึ้น  ทำให้ผู้ปกครองกล้าพูด  กล้าแสดงความคิดเห็น  และให้ความร่วมมือกับครูในการแก้ปัญหาในที่สุด

43    การเตรียมตัวเพื่อพูดปรึกษาแก้ไขปัญหามีอะไรบ้าง
1  รู้จุดหมาย  รู้ปัญหา  และเปิดโอกาสให้ซักถาม              2  รู้จุดหมาย  เตรียมเนื้อหา  และเปิดโอกาสให้ซักถาม
3  รู้ปัญหา  รู้ว่าจะแก้ไขอย่างไร  และรู้วิธีแก้ปัญหา          4  รู้ปัญหา  รู้วิธีอธิบาย  และเปิดโอกาสให้ซักถาม
ตอบ  3  รู้ปัญหา  รู้ว่าจะแก้ไขอย่างไร  และรู้วิธีแก้ปัญหา
หลักการเตรียมตัวเพื่อพูดปรึกษาแก้ไขปัญหา  มีดังนี้    1  รู้ปัญหาว่าคืออะไร   2  รู้ว่าควรจะแก้ไขอะไรบ้าง    3  รู้วิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดว่าคือวิธีใด

44    วิธีที่ครูพูดให้คำปรึกษากับนักเรียนที่มีปัญหาด้านความประพฤติที่ได้ผลดี  คือวิธีใด
1  วิธีสะท้อนความรู้สึก                                                      2  วิธีให้ความร่วมมือ
3  วิธีลงโทษให้หลาบจำ                                                    4  วิธีหยุ่นไปตามสถานการณ์
ตอบ  1  วิธีสะท้อนความรู้สึก                   ดูคำอธิบายข้อ  41  ประกอบ

45    การสัมภาษณ์นั้นมีความหมายสำคัญในเชิงการสื่อสารอย่างไร
1  ทำให้รู้ซึ้งถึงข้อมูลเชิงลึก                                             2  ทำให้มีการทบทวนเหตุการณ์
3  ทำให้ความจริงถูกเปิดเผย                                            4  ทำให้มีการจัดระเบียบข่าวสาร
ตอบ  1  ทำให้รู้ซึ้งถึงข้อมูลเชิงลึก
การสัมภาษณ์  หมายถึง  การสื่อสารด้วยกระบวนการพูดคุยโดยมีเป้าประสงค์เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลสำคัญ  ข่าวสาร  หรือประเด็นที่เป็นสาระโดยตรง  ผ่านบุคคลที่มีการเลือกสรรแล้ว  ทั้งนี้ข้อมูลที่ได้มาถือว่าเป็นข้อมูลเชิงลึกที่มีความเฉพาะเจาะจงตามเป้าหมายวัตถุประสงค์และสถานการณ์ขณะนั้น

46    ถ้าผู้ให้สัมภาษณ์เป็นคนค่อนข้างลึกลับ  ท่านจะมีวิธีทำให้เขาพูดตอบคำถามได้อย่างไร
1    ชี้แจงให้เห็นข้อเท็จจริง
2    พูดปลอบ  พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือ
3    พูดปลอบและขอร้องให้ไว้วางใจ  พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือ
4    พูดให้เกิดความไว้วางใจ  พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือ
ตอบ  4  พูดให้เกิดความไว้วางใจ  พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือ
กลวิธีที่จะให้คนประเภทลึกลับตอบคำถามก็คือ  การสร้างความสัมพันธ์กับผู้ให้สัมภาษณ์เพื่อให้เกิดความไว้วางใจและพยายามพูดหว่านล้อมให้เห็นว่าการตอบคำถามเป็นนโยบายที่ดีที่สุด  โดยถ้าเขาบอกหรือเล่าเรื่องราวให้เราฟังแล้ว  เราจะช่วยเหลือและให้ความปลอดภัยแก่เขา  ซึ่งสิ่งสำคัญคือ  เราจะต้องปฏิบัติและรักษาคำพูดของเราด้วย

47    ถ้าคุณได้รับมอบหมายให้สัมภาษณ์รัฐมนตรีท่านหนึ่ง  ตอนหนึ่งของการสัมภาษณ์ท่านรัฐมนตรีทำท่าไม่อยากตอบ  ควรทำอย่างไร
1  ถามคำถามอื่นต่อไป                                                     2  ป้อนคำถามให้ตรงจุดมากขึ้น
3  ถามย้ำในคำถามนั้นอีกหลายๆครั้ง                               4  ชวนคุยเรื่องอื่นแล้วค่อยถามคำถามเดิม
ตอบ  1  ถามคำถามอื่นต่อไป
ในกรณีที่ถามคำถามแล้ว  ผู้ให้สัมภาษณ์มีความรู้สึกอึดอัดไม่อยากจะตอบ  ผู้สัมภาษณ์ก็ควรจะเลี่ยงถามคำถามอื่นต่อไป  หรือถ้าผู้ให้สัมภาษณ์เป็นผู้ที่มีวิธีตอบเลี่ยงอย่างฉลาด  ผู้สัมภาษณ์ก็จะต้องมีความอดทนซักถามต่อไปเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ต้องการ

48    ถ้าผู้ให้สัมภาษณ์เป็นผู้ที่มีวิธีตอบเลี่ยงอย่างฉลาด  ผู้สัมภาษณ์ควรทำอย่างไร
1  แทรกบทตลกเพื่อเปลี่ยนแปลงบรรยากาศ                       2  ขอร้องให้ตอบให้ตรงคำถาม
3  จะต้องอดทนซักถามต่อไป                                             4  ควรแนะนำคำตอบ  หรืออธิบายคำถาม
ตอบ  3  จะต้องอดทนซักถามต่อไป                  ดูคำอธิบายข้อ  47  ประกอบ

49    บุคคลใดสมควรเป็นผู้ถูกสัมภาษณ์
1  ผู้นำองค์กร                                                                      2  ผู้มีอำนาจตัดสินใจ
3  ผู้เกี่ยวข้องและมีความรู้ในเรื่องนั้น                                  4  ผู้ทำหน้าที่สื่อสารมวลชน

ตอบ  3  ผู้เกี่ยวข้องและมีความรู้ในเรื่องนั้น
บุคคลที่สมควรเป็นผู้ถูกสัมภาษณ์  ควรเป็นบุคคลที่สำคัญและน่าสนใจ  เป็นบุคคลที่มีชีวประวัติดีเด่นและมีผลงานน่ายกย่อง  และที่สำคัญคือ  ต้องเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้อง  มีความรู้  ความสามารถ  หรือมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องที่จะสัมภาษณ์

50    นักเทนนิสหญิงมือวางอันดับ  1  ของโลก  เดินทางมาประเทศไทย  และเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์  ท่านรู้หรือไม่ว่าเป็นการสัมภาษณ์แบบใด
1  การสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัว                                                 2  Press  Conference
3  Mass  Communication  Interview                      4  การสัมภาษณ์บุคคลสำคัญทางธุรกิจ
ตอบ  2  Press  Conference
การเปิดให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์รวม  (Press  Conference)  เป็นการสัมภาษณ์บุคคลสำคัญๆที่เปิดโอกาสให้ผู้สื่อข่าวของสื่อมวลชนต่างๆทำการสัมภาษณ์และซักถามข้อข้องใจอย่างเป็นพิธีการ

51    ในการแสดงปาฐกถา  ทำไมจึงต้องแนะนำองค์ปาฐก  ข้อใดไม่ถูกต้อง
1  เพื่อให้ผู้ฟังรู้จักผู้พูด                                                           2  เพื่อให้เกียรติแก่ผู้พูด
3  เพื่อยกย่ององค์ปาฐกให้พอใจ                                            4  เพื่อเรียกร้องความสนใจจากผู้ฟัง
ตอบ  3  เพื่อยกย่ององค์ปาฐกให้พอใจ
จุดมุ่งหมายของการแนะนำองค์ปาฐกก็คือ    1  เพื่อให้ผู้ฟังรู้จักผู้พูดหรือองค์ปาฐกว่าเป็นใคร  ทำอะไร  และมีความสำคัญอย่างไร    2  เพื่อเป็นการให้เกียรติแก่ผู้พูด    3  เพื่อเรียกร้องหรือสร้างความสนใจให้แก่ผู้ฟัง  เพราะเมื่อผู้ฟังรู้จักผู้พูดแล้วก็จะเกิดความกระตือรือร้นและสนใจที่จะฟัง    4  เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้ฟังกับผู้พูด

52    การพูดแบบปาฐกถา  เนื้อหาที่พูดมักเป็นไปในด้านใด
1  ระลึกถึงคุณงามความดีขององค์กร                                     2  ให้อารมณ์รู้สึกร่วมบันเทิง
3  ให้ข่าวสารที่สมบูรณ์แบบน่าเชื่อถือ                                   4  ให้ความรู้  รับทราบความก้าวหน้า
ตอบ  4  ให้ความรู้  รับทราบความก้าวหน้า
การพูดแบบปาฐกถา  เป็นการพูดเพื่อให้ความรู้  ความคิดเห็นและข้อเท็จจริง  เนื้อหาที่พูดจึงมักเป็นเรื่องที่น่าสนใจ  ให้ความรู้  ให้ผู้ฟังได้รับทราบความก้าวหน้าและควรเป็นเรื่องที่ผู้ฟังไม่เคยรู้มาก่อน  หรือเป็นเรื่องที่เพิ่มเติมความรู้ของผู้ฟังให้กว้างขวางขึ้น  ดังนั้นผู้พูดหรือองค์ปาฐกจึงควรเป็นผู้ที่มีความรู้เฉพาะด้านและมีประสบการณ์ในด้านนั้นๆอย่างเชี่ยวชาญ  โดยควรแสดงสาระออกมาให้เด่นชัดและเข้าใจง่าย

53    ถ้าท่านได้รับมอบหมายให้เป็นผู้แนะนำวิทยากรที่จะมาแสดงปาฐกถา  ท่านจะหาข้อมูลเกี่ยวกับวิทยากรมาพูดอย่างไร
1  ถามประธาน                      2  ถามผู้รู้                      3  ถามผู้เชิญ                       4  ถามวิทยากร
ตอบ   4  ถามวิทยากร
ถ้าผู้แนะนำไม่รู้จักหรือไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับวิทยากร  (องค์ปาฐก)  ที่จะมาแสดงปาฐกถา  ก็ควรติดต่อหรือถามวิทยากรว่าจะให้ตนแนะนำอย่างไร  โดยต้องติดต่อกันก่อนวันแนะนำจริง
54    องค์ปาฐกควรพูดตอนที่เป็นบทสรุปอย่างไร
1    พูดถ่อมตนว่าการพูดของตนยังมีข้อบกพร่อง  แต่จะพยายามให้ดีในโอกาสต่อไป
2    ขอบคุณและขอโทษผู้ฟังในกรณีที่มีข้อบกพร่องเกี่ยวกับการพูด
3    ขอบคุณผู้ฟังที่ได้เสียสละเวลามาฟังการพูดของตน
4    ให้ข้อคิดความเห็นที่น่าสนใจและน่าจดจำ
ตอบ  4  ให้ข้อคิดความเห็นที่น่าสนใจและน่าจดจำ
ผู้แสดงปาฐกถา  (องค์ปาฐก)  ควรจะสรุปการพูดทั้งหมดให้ผู้ฟังได้ข้อคิดความเห็นที่น่าสนใจ  โดยการกล่าวสรุปที่ดีนั้นควรจะสั้น  มีน้ำหนัก  และเป็นที่น่าจดจำ  ซึ่งอาจสรุปด้วยการเรียกร้องให้ทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด  สรุปด้วยบทกลอน  สุภาษิต  สรุปด้วยเรื่องที่สนุกสนาน  ชื่นบานใจ  หรือสรุปด้วยคำถามก็ได้

55    การกล่าวขอบคุณองค์ปาฐก  ควรเป็นอย่างไร
1  ขอบคุณและเชิญชวนให้มาพูดอีก                              2  ขอบคุณและเชิญชวนให้ผู้ฟังปรบมือให้องค์ปาฐก
3  ขอบคุณและสรุปเนื้อหาสาระของปาฐกถา                4  ขอบคุณ  สรุปเนื้อหา  และวิจารณ์ปาฐกถา
ตอบ  2  ขอบคุณและเชิญชวนให้ผู้ฟังปรบมือให้องค์ปาฐก

56    ในการแสดงปาฐกถานั้น  ผู้พูดควรพูดอย่างไรเพื่อให้เรื่องที่พูดนั้นเป็นเรื่องที่น่าสนใจ
1  พูดบทตลกตลอดเวลา                                               2  พูดในเรื่องที่ผู้ฟังไม่เคยรู้มาก่อน
3  พูดพาดพิงถึงบุคคลอื่นอย่างสนุกสนาน                   4  พูดระบายความคับแค้นน้อยเนื้อต่ำใจของตนเอง
ตอบ  2  พูดในเรื่องที่ผู้ฟังไม่เคยรู้มาก่อน          ดูคำอธิบายข้อ  52  ประกอบ

57    หลักการพิจารณาเรื่องราวและข้อมูลที่จะนำไปพูดอภิปราย  ควรเป็นอย่างไร
1    เป็นเรื่องราวและข้อมูลที่ดี  เป็นจริงและสามารถนำไปปฏิบัติได้
2    เป็นเรื่องราวและข้อมูลที่มีรายละเอียด  มีการอ้างอิงและน่าสนใจ
3    เป็นเรื่องราวและข้อมูลที่ถูกต้องตามหลักการและทฤษฎี
4    เป็นเรื่องราวและข้อมูลที่น่าสนใจ  ดีและมีเหตุผล
ตอบ  1  เป็นเรื่องราวและข้อมูลที่ดี  เป็นจริงและสามารถนำไปปฏิบัติได้
หลักการพิจารณาเรื่องราวและข้อมูลที่จะนำไปพูดอภิปรายนั้น  ผู้อภิปรายจะต้องพิจารณาข้อเท็จจริงที่ได้จากการค้นคว้าว่าเป็นข้อมูลที่มีเหตุผล  เป็นจริง  มีทัศนคติที่ดีและสามารถที่จะนำไปปฏิบัติได้

58    ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของการอภิปราย
1  เป็นการปรึกษาหารือ                                              2  เป็นการแลกเปลี่ยนความรู้
3  เป็นการพูดเพื่อชักชวน                                           4  เป็นการโต้แย้งหาข้อหักล้าง
ตอบ   4  เป็นการโต้แย้งหาข้อหักล้าง
ลักษณะของการอภิปรายแบ่งออกเป็น  4  ประการ  คือ
1    ต้องมีจุดมุ่งหมาย  เพื่อเสนอรายละเอียดและแก้ปัญหา
2    เป็นการปรึกษาหารือของคนกลุ่มหนึ่ง  ไม่ใช่การพูดของคนเพียงคนเดียว
3    เป็นการพูดเพื่อชักชวนให้คนคิดหาเหตุผลไม่ใช่อารมณ์
4    เป็นการสื่อความหมายด้วยคำพูดโดยตรง  เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้  ทัศนคติและประสบการณ์

59    ผู้อภิปรายที่ต้องการพูดเพิ่มเติมข้อคิดเห็นเมื่อยังไม่ถึงลำดับของตน  ควรทำอย่างไร
1    เมื่อมีจังหวะที่จะพูดแทรกได้ก็ให้พูดทันที
2    รอให้ผู้อภิปรายทุกคนพูดจบก่อนจึงพูดเพิ่มเติม
3    ขออนุญาตจากผู้ดำเนินการอภิปรายก่อนแล้วจึงพูด
4    เมื่อผู้อภิปรายทุกคนพูดจบและผู้ดำเนินการอภิปรายสรุปแล้วจึงพูด
ตอบ  3  ขออนุญาตจากผู้ดำเนินการอภิปรายก่อนแล้วจึงพูด
ในกรณีที่ผู้อภิปรายต้องการจะพูดเพิ่มเติมหรือแทรกข้อคิดเห็น  (เมื่อยังไม่ถึงลำดับที่ตนจะพูด)  จะต้องขออนุญาตผู้ดำเนินการอภิปรายก่อนแล้วจึงจะพูดได้

60    เรื่องที่เข้าสู่วาระการอภิปราย  ควรมีลักษณะใด
1  ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจน                                                      2  มีขอบเขตและไม่กว้างเกินไป
3  เป็นเรื่องเฉพาะที่ควรพูดวงใน                                        4  เป็นประเด็นขัดแย้งรุนแรงในสังคม
ตอบ  2  มีขอบเขตและไม่กว้างเกินไป
ปัญหาหรือเรื่องที่จะนำเข้าสู่วาระการอภิปราย  ควรมีลักษณะดังนี้    1  ควรจะเป็นปัญหาที่มีขอบเขตไม่กว้างจนเกินไป    2  ควรจะเป็นปัญหาที่มีสาระและประโยชน์ต่อส่วนรวม    3  ควรจะเป็นปัญหาที่น่าสนใจทั้งต่อผู้ร่วมอภิปรายและผู้ฟัง

61    ประโยชน์ของการอภิปรายในด้านธุรกิจ  คือข้อใด
1  เพื่อความเจริญก้าวหน้า                                                   2  เพื่อเผยแพร่นโยบาย
3  เพื่อให้รู้จักวิธีการทำงานร่วมกับผู้อื่น                              4  เพื่อปรับปรุงสังคายนา
ตอบ  1  เพื่อความเจริญก้าวหน้า
ประโยชน์ของการอภิปรายในด้านธุรกิจ  คือ  การอภิปรายเพื่อวางหลักการและตกลงแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น  เพื่อความเจริญก้าวหน้าของกิจการ

62    ข้อใดเป็นเทคนิคการสอนอภิปรายด้วยวิธีถามโดยตรง
1  ครูจะถามคำถามก่อนแล้วเรียกชื่อให้นักเรียนตอบ                  2  ครูจะเรียกชื่อนักเรียนก่อน  แล้วจึงถามคำถาม
3  ครูจะเล่าเรื่องให้ฟังแล้วถามว่า  ปัญหานั้นๆคืออะไร              4  ครูจะถามนำก่อน  แล้วให้นักเรียนตอบ
ตอบ  1  ครูจะถามคำถามก่อนแล้วเรียกชื่อให้นักเรียนตอบ
เทคนิคการสอนอภิปรายด้วยวิธีถามโดยตรงนั้น  ผู้สอนหรือครูควรจะถามคำถามก่อนแล้วจึงจะเรียกชื่อให้นักเรียนตอบ  ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการให้เวลาในการเตรียมตัวแก่เด็ก  และไม่เป็นการจู่โจมเด็กจนเกินไป

63    ข้อใดเป็นวินัยที่ควรปฏิบัติของงนักพูดที่ดี
1  มาตรงเวลาเพื่อจัดเตรียมสิ่งต่างๆและซักซ้อมต่อหน้าผู้ฟัง
2  มาก่อนเวลาเพื่อสำรวจเวที  สถานที่  และอุปกรณ์ด้วยตนเอง
3  นำอุปกรณ์ทุกอย่างมาเอง  เพื่อความสมบูรณ์แบบในการนำเสนอ
4  ทำการบันทึกข้อมูลผู้พูดร่วมเวทีเดียวกัน  แล้วทำสำเนาส่งคืนในเร็ววัน
ตอบ  2  มาก่อนเวลาเพื่อสำรวจเวที  สถานที่  และอุปกรณ์ด้วยตนเอง
การพูดที่มีประสิทธิภาพนั้น  ผู้พูดจะต้องมีการเตรียมตัวที่ดี  และควรจะมาก่อนเวลาพูดเพื่อสำรวจเวที  สถานที่  และอุปกรณ์ด้วยตนเอง  เพื่อสร้างความคุ้นเคยและไม่ให้เกิดความผิดพลาดในการพูด

64    การพูดแบบใดที่ส่งเสริมให้รู้จักพูดชักจูงใจให้คนฟังคล้อยตามความคิดเห็นของตน
1  พูดรายงาน                     2  พูดอภิปราย                         3  พูดโต้เวที                        4  พูดวิจารณ์
ตอบ   3  พูดโต้เวที
จุดมุ่งหมายของการเรียนรู้เรื่องการพูดโต้วาที  มีดังนี้    1  ฝึกให้ผู้เรียนได้รู้จักวิธีพูด    2  ฝึกผู้เรียนให้เป็นผู้ฟังที่ดี    3  ส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักพูดชักจูงใจคนฟังให้คล้อยตามความคิดเห็นของตนเอง    4  แนะนำให้ผู้เรียนได้เรียนรู้หลักเกณฑ์และวิธีการพูดโต้วาที

65    จุดเด่นของการโต้วาทีแบบโอเรกอน  1  คือสิ่งใด
1  จัดให้มีฝ่ายละ  2  คน                                                              2  มีการซักถามตอบโต้กัน
3  หัวหน้าของ  2  ฝ่ายสามารถพูดได้  12  นาที                          4  มีการพูดแก้กัน
ตอบ  3  หัวหน้าของ  2  ฝ่ายสามารถพูดได้  12  นาที
การโต้วาทีแบบโอเรกอน  1  (Oregon  I)  จะจัดให้มีฝ่ายละ  3  คน  ซึ่งมีจุดเด่นคือ
1    หัวหน้าฝ่ายเสนอและฝ่ายค้าน  ซึ่งมีฝ่ายละ  1  คน  สามารถพูดได้คนละ  12  นาที
2    ผู้สนับสนุนฝ่ายเสนอและฝ่ายค้านคนที่หนึ่ง  ซึ่งมีฝ่ายละ  1  คน  สามารถพูดได้คนละ  10  นาที
3    ผู้สนับสนุนฝ่ายเสนอและฝ่ายค้านคนที่สอง  ซึ่งมีฝ่ายละ  1  คน  สามารถพูดได้คนละ  8  นาที

66    กรรมการตัดสินการโต้วาทีควรมีกี่คนจึงจะเหมาะสม
1  คนเดียว                                                                                  2  มีกี่คนก็ได้แต่ต้องเป็นจำนวนคี่
3  มีกี่คนก็ได้แต่ต้องเป็นจำนวนคู่                                              4  มีผู้ดำเนินการโต้วาทีเพียงคนเดียว
ตอบ   2  มีกี่คนก็ได้แต่ต้องเป็นจำนวนคี่
ผู้ดำเนินการโต้วาทีจะเป็นผู้ตัดสินการโต้วาที  โดยถือเอาคะแนนของกรรมการ  (ซึ่งมีจำนวนเป็นเลขคี่)  เป็นสำคัญ  ในกรณีที่ไม่มีกรรมการ  ผู้ดำเนินการโต้วาทีมักจะตัดสินให้การโต้วาทีเสมอกัน  หรือบางครั้งก็ถือเอาเสียงปรบมือเป็นสำคัญ

67    ข้อใดเป็นหน้าที่ของผู้โต้วาที
1    รู้จักรับผิดชอบในวัฒนธรรมและภาษาไทย
2    รู้จักศิลปะในการพูด  เช่น  พูดเปรียบเทียบ  เสียดสีฝ่ายตรงข้าม
3    รู้จักศิลปะการโต้วาทีโดยเฉพาะการเล่นคารมมากๆและบ่อยๆ
4    รู้จักค้นคว้าหาความรู้มาพูด  เช่น  เรื่องส่วนตัวของผู้โต้ฝ่ายตรงข้าม
ตอบ   1  รู้จักรับผิดชอบในวัฒนธรรมและภาษาไทย
หน้าที่ของผู้โต้วาทีที่สำคัญข้อหนึ่งคือ  ผู้โต้วาทีจะต้องรู้จักรับผิดชอบในวัฒนธรรมและภาษาไทย  นั่นคือ  ผู้โต้วาทีควรหลีกเลี่ยงการใช้คำพูดและภาษาที่ไม่สุภาพในการโต้วาที

68    หลักการพิจารณาตัดสินใจการโต้วาทีข้อใดไม่ถูกต้อง
1    ฝ่ายที่ให้เหตุผลข้อเท็จจริงดีกว่าเป็นฝ่ายชนะ
2    ฝ่ายค้านจะชนะเมื่อหักล้างได้ว่าเหตุผลของฝ่ายเสนอเชื่อไม่ได้
3    พิจารณาตัดสินตามเหตุผลและข้อเท็จจริงที่ปรากฏเท่านั้น
4    ขึ้นอยู่กับเสียงปรบมือของผู้ฟังที่เกิดความพึงพอใจ  ฝ่ายไหนดังกว่าฝ่ายนั้นชนะ
ตอบ  4  ขึ้นอยู่กับเสียงปรบมือของผู้ฟังที่เกิดความพึงพอใจ  ฝ่ายไหนดังกว่าฝ่ายนั้นชนะ
หลักการพิจารณาตัดสินการโต้วาที  มีดังนี้    1  ฝ่ายที่ให้เหตุผลข้อเท็จจริงดีกว่าเป็นฝ่ายชนะ    2  ฝ่ายเสนอจะชนะเมื่อเสนอและให้เหตุผลเป็นที่เชื่อถือได้    3  ฝ่ายค้านจะชนะเมื่อพิสูจน์และหักล้างได้ว่าเหตุผลของฝ่ายเสนอเชื่อไม่ได้    4  ควรพิจารณาตัดสินไปตามเหตุผลและข้อเท็จจริงที่ปรากฏเท่านั้น    5  การตัดสินที่ดีต้องไม่คำนึงถึงเสียงปรบมือของผู้ฟังที่แสดงความพอใจผู้โต้วาทีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

69    ข้อใดต่อไปนี้ที่ผู้โต้วาทีไม่ควรกระทำที่สุด
1  ใช้ภาษาและถ้อยคำที่ไม่สุภาพ                                                      2  อ่านข้อเท็จจริงที่เตรียมมาแทนการพูด
3  พูดเสียดสี  เอาเรื่องส่วนตัวของผู้โต้ฝ่ายตรงข้ามมาพูด                4  ได้ยินสัญญาณหมดเวลาแล้วยังพูดต่อไป
ตอบ  3  พูดเสียดสี  เอาเรื่องส่วนตัวของผู้โต้ฝ่ายตรงข้ามมาพูด
หน้าที่ของผู้โต้วาทีที่สำคัญข้อหนึ่งคือ  ผู้โต้วาทีจะต้องเรียนรู้และมีมารยาทในการพูด  นั่นคือ  ไม่พูดเสียดสี  กระทบกระทั่งผู้อื่น  หรือเอาเรื่องส่วนตัวของผู้อื่นขึ้นมาพูด

70    การวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายเพื่อตรวจสอบความเชื่อและทัศนคติ  มีผลอย่างไรต่อการเตรียมข้อมูลในการพูดแต่ละครั้ง
1    เพื่อสร้างศัพท์และระดับความซับซ้อนของข้อมูลที่นำเสนอ
2    เพื่อเปิดประเด็นและหัวข้อที่จะพูดให้เหมาะสม
3    เพื่อต้องการทราบแนวโน้มการตัดสินใจในเรื่องที่จะเป็นส่วนได้ – เสียของผู้ฟัง
4    เพื่อกำหนดวาระรับรู้และกระบวนการออกแบบเนื้อหา
ตอบ  3  เพื่อต้องการทราบแนวโน้มการตัดสินใจในเรื่องที่จะเป็นส่วนได้ – เสียของผู้ฟัง
การวิเคราะห์ผู้ฟังเพื่อตรวจสอบความเชื่อ  ความคิดเห็น  และทัศนคติ  จะทำให้ผู้พูดทราบถึงแนวโน้มการตัดสินใจในเรื่องที่จะเป็นส่วนได้ – เสียของผู้ฟัง  เพื่อให้ผู้พูดสามารถเตรียมข้อมูลในการพูดแต่ละครั้งได้สอดคล้องกับสิ่งที่ผู้ฟังเชื่อและยึดถือ  ไม่ไปขัดแย้งหรือดูถูกความเชื่อ  ความคิดเห็น  และทัศนคติที่ผู้ฟังมีอยู่แต่เดิม

71    บุคลิกของโฆษกที่ดี  ไม่ควรมีบุคลิกแบบใด
1  หลีกเลี่ยงการพูดถ้อยคำที่ซ้ำซาก                                        2  แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี
3  เลือกใส่เสื้อผ้าที่ดูสมสง่า                                                    4  พูดมากเข้าไว้  งานจะได้รื่นเริง
ตอบ  4  พูดมากเข้าไว้  งานจะได้รื่นเริง
ข้อแนะนำสำหรับผู้ที่จะทำหน้าที่เป็นโฆษกที่ดี  คือ    1  ต้องเป็นคนเฉียบแหลม  สามารถใช้ปฏิภาณไหวพริบแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี    2  ต้องพยายามให้สีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส  เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ    3  ต้องทำตัวให้สง่า    4  ต้องรู้จักเลือกถ้อยคำและเรื่องที่จะนำมาพูด    5  อย่าพูดให้ยาวหรือพูดมากเกินไป    6  พยายามหลีกเลี่ยงการใช้ข้อความหรือถ้อยคำที่ซ้ำซาก

72    การกล่าวต้อนรับอย่างเป็นพิธีการจะต้องเริ่มด้วย
1  การแนะนำเจ้าภาพ                                                                          2  คำปฏิสันถาร
3  การกล่าวขอบคุณแขกผู้มีเกียรติ                                                      4  แสดงความชื่นชมในโอกาส
ตอบ  2  คำปฏิสันถาร
การกล่าวต้อนรับ  เป็นการแสดงออกถึงการให้เกียรติแก่ผู้มาเยี่ยม  เป็นการแนะนำผู้มาเยี่ยม  หรือผู้มาใหม่ให้รู้จักสถานที่นั้นๆดีขึ้น  โดยการกล่าวต้อนรับมีหลักการดังนี้    1  คำปฏิสันถาร    2  กล่าวถึงความรู้สึกยินดีของผู้เป็นเจ้าของสถานที่    3  พูดเกี่ยวกับส่วนที่ดีของผู้มาเยี่ยม  และกล่าวถึงความสัมพันธ์ของผู้มาเยี่ยมกับเจ้าของสถานที่    4  พูดถึงความปรารถนาดีของเจ้าของสถานที่    5  พูดเป็นทำนองเรียกร้องให้ผู้มาเยี่ยมกลับมาอีก

73    การกล่าวแนะนำผู้พูดของพิธีกร  ใช้หลักการเดียวกับการพูดแบบใด
1  แบบให้คำปรึกษา                  2  แบบเล่าเรื่อง                   3  แบบปาฐกถา                   4  แบบโต้วาที
ตอบ  3  แบบปาฐกถา
การกล่าวแนะนำผู้พูดของพิธีกรนั้น  ใช้หลักการเดียวกับการพูดแบบปาฐกถา  แบบการอภิปราย  และแบบการสัมมนา  เช่น  การกล่าวแนะนำองค์ปาฐก  การกล่าวแนะนำผู้ดำเนินการอภิปราย  และการกล่าวแนะนำวิทยากรในการสัมมนา

74    การกล่าวอำลาการเยี่ยม  เนื้อหาควรจะเป็นอย่างไร
1    การกล่าวขอบคุณ  ความประทับใจ  การเชื้อเชิญให้ไปเยือน
2    ความประทับใจ  เหตุที่ต้องอำลา  ความอาลัยต่อเจ้าของบ้านเดิม
3    การกล่าวขอบคุณ  จุดหมายปลายทางที่จะไป  ความสัมพันธ์ในอนาคต
4    การเชื้อเชิญให้ไปเยือน  เหตุที่ต้องกลับ  ความผูกพันระหว่างกัน
ตอบ  1  การกล่าวขอบคุณ  ความประทับใจ  การเชื้อเชิญให้ไปเยือน
การกล่าวอำลาจากการเยี่ยมนั้น  ไม่มีหลักเกณฑ์ที่แน่นอน  แต่ส่วนใหญ่จะถือเป็นหลักปฏิบัติ  ดังนี้    1  คำปฏิสันถาร    2  กล่าวขอบคุณ    3  กล่าวถึงความประทับใจในการต้อนรับและความมีไมตรีจิตจากเจ้าของบ้าน    4  กล่าวเชื้อเชิญเจ้าของบ้านให้ไปเยือนตนบ้าง

75    การกล่าวคำไว้อาลัยที่ดี  ควรพูดอย่างไร
1  พูดถึงทรัพย์สินที่เขามีก่อนตาย                                                2  พูดถึงผลงานที่เขาทำไว้ก่อนตาย
3  พูดถึงความประพฤติที่ไม่ดีก่อนตาย                                        4  พูดถึงความน่าสมเพชของเขาก่อนตาย
ตอบ  2  พูดถึงผลงานที่เขาทำไว้ก่อนตาย
การกล่าวคำไว้อาลัย  เป็นการพูดถึงคุณงามความดีของผู้เสียชีวิต  ซึ่งหลักเกณฑ์ในการกล่าวคำไว้อาลัยที่ดี  มีดังนี้
1  คำปฏิสันถาร    2  พูดถึงชีวประวัติของผู้เสียชีวิตอย่างสั้นๆ    3  พูดถึงผลงานของผู้เสียชีวิต    4  พูดถึงสาเหตุที่ทำให้เขาต้องเสียชีวิต    5  พูดถึงความอาลัยของผู้ที่อยู่เบื้องหลัง    6  แสดงความหวังว่าเขาจากไปอยู่ในสถานที่ดีและมีความสุข

76    ตามมารยาทของการกล่าวตอบที่ได้รับรางวัลหรือของขวัญนั้น  สิ่งที่พูดจะต้องให้ความสำคัญและกล่าวถึงเสมอ  คือ
1  อธิบายความเป็นมาของรางวัลหรือของขวัญชิ้นนั้น
2  กล่าวขอบคุณผู้ที่มีส่วนช่วยให้ตนเองประสบความสำเร็จ
3  ความประทับใจที่มีต่อกรรมการและผู้ตัดสินที่ส่งเสริมให้มีวันนี้
4  อุปสรรคที่ได้รับระหว่างการต่อสู้แข่งขัน  และบอกด้วยว่าเป็นใคร
ตอบ  2  กล่าวขอบคุณผู้ที่มีส่วนช่วยให้ตนเองประสบความสำเร็จ
ในงานที่เป็นพิธีการ  ผู้ได้รับรางวัลหรือของขวัญจะต้องกล่าวตอบขอบคุณโดยอาศัยหลักเกณฑ์  ดังนี้    1  คำปฏิสันถาร    2  กล่าวถึงความรู้สึกยินดีที่ตนได้รับรางวัลหรือของขวัญ    3  กล่าวขอบคุณผู้ที่มีส่วนช่วยทำให้ตนประสบความสำเร็จ    4  พูดให้เห็นความรู้สึกว่าของขวัญหรือของรางวัลนั้นมีความหมายสำหรับตนมาก    5  กล่าวขอบคุณ

77    การกำหนดวัตถุประสงค์ของการพูดพิจารณาจาก
1  ระบบสังคมและวัฒนธรรมของผู้ฟัง                                  2  ความยาว – สั้นของสาระในการนำเสนอ
3  การแบ่งหัวข้อเป็นประเด็นต่างๆ                                       4  ประเด็นหลักและข้อมูลสนับสนุน
ตอบ  1  ระบบสังคมและวัฒนธรรมของผู้ฟัง
ขั้นตอนต่อจากการวิเคราะห์ผู้ฟังและสถานการณ์การพูดคือ  การเลือกเรื่องพูดและการเตรียมเนื้อเรื่อง  โดยผู้พูดจะต้องตั้งจุดมุ่งหมายหรือกำหนดวัตถุประสงค์ของการพูดให้มีความสัมพันธ์กับระบบสังคมและวัฒนธรรมของผู้ฟังกลุ่มเป้าหมายก่อน  แล้วจึงกำหนดหัวข้อการพูดตามประเด็นต่างๆอย่างละเอียดตามข้อมูลที่มีอยู่หรือตามที่ได้ทำการค้นคว้าหาข้อเท็จจริงมา  จากนั้นจึงร่างเนื้อหาสาระของการพูดให้มีความสัมพันธ์กับความสนใจของผู้ฟัง

78    หากนักศึกษาได้รับคำสบประมาทว่า  ไม่สามารถพัฒนาการพูดของตนเองได้มากไปกว่านี้  คุณควรจะทำอย่างไรในฐานะผู้ที่เรียนการพูดมาแล้ว
1    ไม่ต้องสนใจ  เพราะจะมีกี่คนที่เรียนการพูดมาโดยตรง  เปล่าประโยชน์ที่จะฟัง
2    แสดงความรู้สึกให้เห็นว่า  ไม่เป็นเช่นนั้น  มีสิทธิอะไรมาวิจารณ์
3    ฟังด้วยจิตใจสงบ  หันมาสำรวจตนเอง  ยอมรับและแก้ไขข้อผิดพลาด
4    ฟังแล้วก็ผ่านไป  ใครก็พูดกันได้ทั้งนั้น  คุณก็ไม่ต่างกับฉันซักเท่าไร
ตอบ  3  ฟังด้วยจิตใจสงบ  หันมาสำรวจตนเอง  ยอมรับและแก้ไขข้อผิดพลาด
ผู้ถูกวิจารณ์ไม่ควรท้อถอยเมื่อรู้ว่าการพูดของตนนั้นจะถูกนำไปวิจารณ์  แต่ควรยึดถือข้อแนะนำ  ดังนี้
1    ต้องเป็นผู้มีมารยาทในการฟัง  โดยฟังด้วยจิตใจที่สงบ  ทำใจให้เป็นกลาง  ยอมรับฟังข้อติของผู้อื่น  ไม่โกรธและถกเถียงกัน
2    นำข้อติและข้อแนะนำมาสำรวจตนเอง  พร้อมทั้งปรับปรุงการพูดของตนให้ดีขึ้น

79    สมมุติฐานที่จะเป็นกำลังใจให้ทุกคนหันมาปรับปรุงการพูดของตนเอง  คือ
1    คนเราพูดได้ทุกคน  แต่จะพูดเป็นหรือเปล่านั้นมันอีกเรื่องหนึ่ง
2    การพูดเป็นธรรมชาติของมนุษย์  หรือว่าคุณจะทิ้งมันไป
3    การพูดเป็นความยากที่ท้าทาย  น้ำหน้าอย่างคุณจะทำได้หรือ
4    คนเราทุกคนสามารถที่จะเรียนรู้และพัฒนาทักษะได้  การพูดก็เช่นกัน
ตอบ  4  คนเราทุกคนสามารถที่จะเรียนรู้และพัฒนาทักษะได้  การพูดก็เช่นกัน
ในการวิจารณ์นั้น  ผู้วิจารณ์ควรจะเสนอข้อแนะนำของตนเองในทางที่ดี  มีประโยชน์  เพื่อว่าผู้พูดจะได้นำไปปรับปรุงการพูดของตนเองให้ดีต่อไป  โดยอาจตั้งสมมุติฐานเพื่อให้กำลังใจว่า  การพูดเป็นสิ่งที่คนเราทุกคนสามารถศึกษาเรียนรู้และฝึกฝนพัฒนาทักษะได้  ยิ่งฝึกมากความชำนาญในการพูดยิ่งพัฒนาขึ้นตามลำดับ

80    สิ่งแรกที่ผู้วิจารณ์การพูดจะพิจารณาถึงความประหม่าของผู้พูด  คืออะไร
1  ภาษา                                                                                     2  การประมวลเรื่อง
3  ความคิดและเนื้อหาสาระ                                                     4  ท่าทีและการปรับตัวโดยทั่วไป
ตอบ   4  ท่าทีและการปรับตัวโดยทั่วไป
หลักเกณฑ์ในการวิจารณ์หรือการประเมินผลการพูดทั่วๆไป  ข้อแรกคือการวิจารณ์ท่าทีและการปรับตัวโดยทั่วไป  ซึ่งผู้วิจารณ์ต้องเริ่มพิจารณาจากการปรากฏตัวของผู้พูดว่ามีความประหม่าหรือไม่  มีความมั่นใจในตนเองหรือไม่  ตลอดจนมีลักษณะที่แจ่มใส  คล่องแคล่ว   เป็นธรรมชาติ  และสามารถปรับตัวให้เข้ากับบรรยากาศทั่วๆไปได้หรือไม่

81    การพากย์กีฬาเรือยาว  เป็นการพูดชนิดใด
1  การพูดโดยการท่องจำ                                                            2  การพูดโดยอ่านจากต้นฉบับ
3  การพูดปากเปล่าโดยไม่มีการเตรียม                                       4  การพูดปากเปล่าโดยมีการฝึกซ้อม
ตอบ  3  การพูดปากเปล่าโดยไม่มีการเตรียม
ในการพูดปากเปล่าโดยไม่มีการเตรียมล่วงหน้า  (การพูดโดยกะทันหัน)  เช่น  การพากย์มวยหรือเรือยาว  การตอบปัญหาบางประการ  ฯลฯ  ผู้พูดควรปฏิบัติดังนี้
1  พยายามควบคุมสติอารมณ์ให้สงบ  พยายามอย่าให้ตื่นเต้น  ประหม่าหรือตื่นเวที
2  คิด  และรวบรวมความรู้ประสบการณ์ของตนเองให้ได้อย่างรวดเร็ว
3  ลำดับความคิดเห็นหรือเรื่องให้ตรงกับประเด็นที่จะพูดยกตัวอย่าง
4  พูดให้สั้น  กระชับ  และมีความหมายชัดเจน

82    ข่าวหลังละครช่วงดึก  เป็นการพูดชนิดใด
1  การพูดโดยการท่องจำ                                                           2  การพูดโดยอ่านจากต้นฉบับ
3  การพูดปากเปล่าโดยไม่มีการเตรียม                                     4  การพูดปากเปล่าโดยมีการฝึกซ้อม
ตอบ  2  การพูดโดยอ่านจากต้นฉบับ
การพูดโดยการอ่านจากต้นฉบับ  เป็นการพูดจากโน้ตที่ได้เตรียมไว้โดยไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงข้อความเลย  จึงเป็นการอ่านมากกว่าพูด  ซึ่งมักใช้ในการพูดที่เป็นพิธีการ  เช่น  สุนทรพจน์ของบุคคลสำคัญๆ  การอ่านข่าว  การอ่านบทความ  การกล่าวคำปราศรัยเนื่องในโอกาสต่างๆคำแถลงการณ์ของรัฐบาล / คณะปฏิวัติ  การอ่านรายงาน  เปิดกิจการ ฯลฯ

83    นักพูดหน้าใหม่ที่มีประสบการณ์น้อย  ควรฝึกซ้อมการพูดอย่างไรจึงจะดีที่สุด
1  ฝึกซ้อมพูดกลางถนน                                                            2  ฝึกซ้อมพูดกับรูปปั้นในสวน
3  ฝึกซ้อมพูดหน้ากระจกในห้องคนเดียว                                 4  ฝึกซ้อมพูดกับสุนัข
ตอบ  3  ฝึกซ้อมพูดหน้ากระจกในห้องคนเดียว
วิธีฝึกซ้อมพูดของผู้พูด  (ทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่)  สามารถทำได้  2  กรณี  คือ
1  วิธีฝึกซ้อมพูดหน้ากระจกหรือฝึกซ้อมพูดคนเดียว  เป็นการฝึกฝนเบื้องต้นที่ผู้พูดต้องการ  ดูข้อบกพร่องของตนเองแล้วแก้ไข  โดยผู้พูดจะต้องตั้งใจฟังการพูดของตนว่าออกเสียงถูกต้องชัดเจนหรือไม่  รวมถึงสังเกตการแสดงท่าทางว่าเหมาะสมหรือไม่
2  วิธีฝึกซ้อมพูดกับคนคุ้นเคย  วิธีนี้จะช่วยให้ผู้พูดกำจัดความอายและความเขินไปทีละน้อยๆและช่วยให้ผู้พูดรู้จักควบคุมตัวเองได้ด้วย

84    สิ่งใดเป็นวิธีช่วยแก้ความตื่นเวทีได้
1  คิดไปว่าไม่มีอะไรน่ากลัว  และเขาก็อยากฟังเราพูด    2  รีบๆพูดให้เร็วๆซะ  จะได้จบเกมกันเสียที
3  ดื่มน้ำเข้าไปเยอะๆทดแทนการเสียเหงื่อ                      4  ใส่เสื้อผ้ารัดๆฟิตๆให้ดูเท่เข้าไว้  จะได้เพิ่มความมั่นใจ
ตอบ  1  คิดไปว่าไม่มีอะไรน่ากลัว  และเขาก็อยากฟังเราพูด
วิธีแก้ความตื่นเวที  มีดังนี้
1    หายใจเข้าปอดลึกๆแล้วผ่อนลมหายใจออกช้าๆประมาณ 4 – 5 ครั้ง
2    เมื่อเริ่มพูด  ถ้ารู้สึกว่าเสียงสั่นและยังประหม่ามากให้พูดช้าๆ  พยายามหลีกเลี่ยงการพูดเร็ว
3    พยายามคิดว่าไม่มีอะไรน่ากลัว  และคิดว่าผู้ฟังที่มองตานั้นเขามองด้วยความศรัทธา  ให้กำลังใจ  และอยากฟังเราพูด
4    ควรหลีกเลี่ยงการแต่งกายที่ตึง  รัด  และเป็นอุปสรรคต่อการพูด  ฯลฯ

85    มารยาทที่ดีงามในการพูด  คือข้อใด
1  พูดอวดความเก่งกาจของตนเอง                                                  2  พูดอย่างเปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็น
3  แสดงพฤติกรรมตามยถากรรม  และปล่อยวางทุกสิ่ง                  4  ใช้วาจารุนแรงในการโน้มน้าวใจ
ตอบ  1  พูดอวดความเก่งกาจของตนเอง
มารยาทที่ดีงามในการพูดมีดังนี้    1  ควรคิดให้รอบคอบก่อนจะพูด    2  ควรใช้อารมณ์ให้ถูกกาลเทศะ    3  ไม่ควรพูดกระทบกระเทือนหรือเสียดสีผู้ฟัง    4  ควรตั้งใจพูดให้ดี    5  ควรเตรียมเรื่องที่จะพูดให้พร้อม    6  ไม่ควรพูดอวดตน  อวดภูมิ  ข่ม  หรือถือว่าตนเองดีกว่าผู้อื่น    7  ต้องไม่ผูกขาดการพูดแต่เพียงคนเดียว  หรือควรเปิดโอกาสให้ผู้อื่นพูด / แสดงความคิดเห็นบ้าง ฯลฯ

86    ข้อใดแตกต่างจากข้ออื่น
1  พูดโฆษณาเพื่อขายสินค้า                                                          2  พูดหาเสียงเลือกตั้ง
3  พูดแนะนำการใช้สมุนไพร                                                      4  พูดเชิญชวนบริจาคโลหิต
ตอบ  3  พูดแนะนำการใช้สมุนไพร
การพูดเพื่อชักจูงใจ  เป็นการพูดเพื่อให้ผู้ฟังได้รู้  เชื่อ  และเห็นด้วยทั้งทางความคิด  และการกระทำตามความมุ่งหมายของผู้พูด  ซึ่งมักจะพูดในโอกาสต่างๆกัน  เช่น  การโฆษณาขายสินค้า  การโต้วาที  การเทศนา  การพูดหาเสียง  การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล  การอภิปรายของ  ส.ส. ในสภาผู้แทนราษฎร  การพูดของทนายความในศาล  การพูดเชิญชวนให้ร่วมบริจาคโลหิต  ฯลฯ  (ส่วนการพูดแนะนำการใช้สมุนไพร  เป็นการพูดเพื่อความรู้หรือเล่าข้อเท็จจริง)

87    ข้อใดแตกต่างจากข้ออื่น
1  การพูดวิจารณ์หลักการบริหารราชการแผ่นดิน                            2  การพูดวิจารณ์สถาบันทางการเมือง
3  การพูดวิจารณ์การถ่ายทอดสดการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล    4  การพูดวิจารณ์กระบวนการยุติธรรม
ตอบ  3  การพูดวิจารณ์การถ่ายทอดสดการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล
กาพูดวิจารณ์ทางวิชาการ  คือ  การพูดวิจารณ์ศาสตร์ในสาขาต่างๆโดยผู้วิจารณ์จะต้องมีความรู้ในด้านหรือแขนงนั้นเป็นอย่างดี  ซึ่งการพูดวิจารณ์แบบนี้จะพบมากในด้านการเมือง  (เช่น  การวิจารณ์หลักการบริหารราชการแผ่นดิน  สถาบันการเมือง  และกระบวนการยุติธรรม)  การแพทย์  เศรษฐศาสตร์  ฯลฯ  (ส่วนการวิจารณ์การถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์หรือวิทยุนั้นเป็นการพูดวิจารณ์ทั่วไป)

88    การพูดให้ความในชั้นศาล  เป็นการพูดชนิดใด
1  การพูดรายงานแบบสรุปผล                                             2  การพูดรายงานแบบความก้าวหน้าและผลสำเร็จ
3  การพูดรายงานแบบประสบการณ์                                   4  การพูดรายงานแบบแถลงข้อเท็จจริง
ตอบ  4  การพูดรายงานแบบแถลงข้อเท็จจริง
การพูดรายงานแบบแถลงข้อเท็จจริง  เป็นการเสนอข้อเท็จจริง  หลักฐาน  ข้อมูล  วัตถุประสงค์  หลักการ  และสมมุติฐานที่จะเกิดขึ้น  เช่น  การพูดให้ความในชั้นศาล  การรายงานถึงโครงการหรือนโยบายที่จะกระทำ  หรือที่กำลังกระทำอยู่  เป็นต้น

89    การเล่านิทานให้สนุก  ควรเป็นเช่นไร
1  เสียงของเจ้าหญิงต้องน่ารักอ่อนหวาน                              2  ใช้น้ำเสียงเศร้าเมื่อถึงบทที่โจรกำลังต่อสู้
3  เสียงพระราชาต้องฟังดูเป็นคนแก่ห่อเหี่ยว                        4  ใช้เสียงไก่แทนเสียงม้า
ตอบ  1  เสียงของเจ้าหญิงต้องน่ารักอ่อนหวาน
การเล่านิทานให้สนุกนั้น  ผู้เง่าจะต้องมีน้ำเสียงที่น่าฟัง  เสียงมีจังหวะสูงต่ำ  คล้ายเสียงดนตรี  และเสียงนั้นต้องแสดงถึงความรู้สึก  เช่น  เมื่อผู้ร้ายกำลังตามฆ่าพระเอกต้องใช้เสียงรุกเร้าเพื่อแสดงถึงความตื่นเต้น  เสียงพระราชาต้องเป็นเสียงคนแก่และมีอำนาจ  เสียงของเจ้าหญิงต้องน่ารักและอ่อนหวาน  เสียงของโจรผู้ร้ายต้องดุดัน ฯลฯ  นอกจากนี้ผู้เล่าต้องเลียนเสียงร้องต่างๆ  ของสัตว์และเสียงประกอบอื่นๆ  ได้ตรงกับความเป็นจริง

90    ในการพูดเพื่อให้ข้อมูลข่าวสาร  มีอะไรเป็นสาระสำคัญ
1  ความรู้                            2  บรรยากาศ                         3  อารมณ์ความรู้สึก                      4  ความจริงที่เกิดขึ้น
ตอบ  1  ความรู้
การพูดเพื่อให้ความรู้หรือเล่าข้อเท็จจริง  (ให้ข้อมูลข่าวสาร)  มีจุดมุ่งหมายหรือสาระสำคัญคือ  เพื่อให้ความรู้และความเข้าใจแก่ผู้ฟัง  โดยจะบอกหรือนำเสนอข้อมูลความจริงที่ผ่านมาแล้ว  ซึ่งผู้ฟังจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ได้

91    เป้าหมายของการพูดเพื่อชักจูงใจคือ
1  เปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนพฤติกรรม                                                     2  การทำตามคำสั่ง
3  สร้างภาวะทางอารมณ์กดดัน                                                          4  ให้ตีความหมายข่าวสาร
ตอบ  1  เปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนพฤติกรรม
จุดมุ่งหมายของการพูดเพื่อชักจูงใจ  ได้แก่    1  เพื่อชักจูงให้เห็นด้วย    2  เพื่อชักจูงให้เปลี่ยน / ไม่เปลี่ยนความคิดหรือพฤติกรรม    3  เพื่อชักจูงให้ทำอย่างใดอย่างหนึ่ง  หรือกระตุ้นให้สร้างพฤติกรรมใหม่

92    การเตรียมเนื้อหาของรายงานที่จะพูดนั้นไม่ควรจะ
1  มีหัวข้อที่สั้น  กระชับ  ชัดเจน                                           2  ทำหัวข้อย่อยๆให้มีความเด่น  ง่ายต่อการอ่าน
3  บรรจุเนื้อหาที่สมบูรณ์ของเรื่องลงไป                               4  จัดทำอย่างประณีตด้วยความรอบคอบ
ตอบ   3  บรรจุเนื้อหาที่สมบูรณ์ของเรื่องลงไป                ดูคำอธิบายข้อ  29  ประกอบ

93    การเตรียมเนื้อเรื่องที่จะพูดนั้น  สิ่งใดเป็นตัวแปรที่เกิดจากเจ้าภาพได้มากที่สุด
1  ความเชื่อ  ทัศนคติของผู้ฟัง                                              2  ความสนใจที่มีต่อหัวข้อ
3  เวลาที่ให้กับการพูด                                                          4  บรรยากาศการประชุม
ตอบ    2  ความสนใจที่มีต่อหัวข้อ
เจ้าภาพ  เป็นตัวแปรหรือปัจจัยสำคัญในการจัดทิศทาง / แนวความคิดของเนื้อเรื่องที่จะพูด  แม้ว่าผู้พูดจะเตรียมเนื้อหาและเตรียมตัวมาพร้อมแล้วสำหรับการพูด  แต่ถ้าเนื้อหา  (หัวข้อหรือประเด็น)  ที่เตรียมมาไม่ตรงกับความต้องการหรือความสนใจของเจ้าภาพ  ผู้พูดก็ไม่สามารถที่จะถ่ายทอดหรือสื่อสารออกไปได้

94    การพูดในลักษณะวิพากษ์วิจารณ์มีลักษณะเฉพาะที่ต่างจากการพูดประเภทอื่นๆอย่างไร
1  เนื้อหาที่จะพูดต้องเป็นข้อเท็จจริงเสมอ                           2  ต้องมีการนำเสนอโดยใช้เหตุผลประกอบ
3  ต้องมีการจัดสมดุลของเนื้อหา  และผลกระทบที่เกิดขึ้นกับบุคคลที่กล่าวอ้าง
4  ต้องมีการใช้กติกา  ข้อกำหนด  หรือตัวบ่งชี้ต่างๆมาเป็นเกณฑ์
ตอบ  2  ต้องมีการนำเสนอโดยใช้เหตุผลประกอบ        ดูคำอธิบายข้อ  30  ประกอบ

95    ข้อใดกล่าวเกี่ยวกับการวิจารณ์การพูดได้อย่างถูกต้องที่สุด
1  การวิจารณ์เป็นการตรวจสอบข้อบกพร่องผู้พูดโดยตรง         2  การวิจารณ์การพูด  คือ  การประเมินผลที่ดี
3  การวิจารณ์ต้องทำอย่างปิดบัง  เพราะสังคมไทยยังไม่ยอมรับวิธีการนี้
4  การวิจารณ์นั้น  ผู้พูดและผู้ฟังไม่จำเป็นต้องอาศัยกฎเกณฑ์ร่วมกัน
ตอบ  2  การวิจารณ์การพูด  คือ  การประเมินผลที่ดี
ในการพูดวิจารณ์นั้น  สำหรับผู้ที่ถูกวิจารณ์ก็จะได้ทราบถึงข้อบกพร่องและคิดหาวิธีแก้ไข  ปรับปรุงให้ดีขึ้น  เพราะการวิจารณ์ก็คือ  การประเมินผลที่ดีนั่นเอง

96    คำนำ  หมายถึง
1  การนำเข้าสู่เนื้อเรื่อง          2  กลวิธีนำเสนอ             3  การทักทายผู้ฟัง            4  ความคิดรวบยอดของเรื่อง
ตอบ  1  การนำเข้าสู่เนื้อเรื่อง
โครงสร้างของการจัดเนื้อเรื่องหรือการลำดับความในวิชาการพูด  มีดังนี้    1  คำปฏิสันถาร  คือ  การกล่าวทักทาย    2  คำนำ  คือ  เริ่มเข้าเรื่องหรือการนำเข้าสู่เนื้อหา    3  เนื้อเรื่อง  คือ  ข้อมูลหรือประเด็นหลักของการนำเสนอ    4  สรุป  คือ  ความคิดรวบยอดของเรื่อง    5  คำลงท้าย  คือ  การกล่าวเชิญชวน  หรือข้อความที่สร้างความประทับใจ  ซึ่งในส่วนของสรุปกับคำลงท้ายหรือการกล่าวเชิญชวนนั้นสามารถพูดสลับที่กันได้  (ดูคำอธิบายข้อ  11  ประกอบ)

97    ในเรื่องของคุณสมบัติของผู้ให้สัมภาษณ์  ข้อใดแตกต่างจากข้ออื่น
1    นักแสดงที่บริจาคอาหารและน้ำดื่มเพื่อช่วยเหลือภัยพิบัติ
2    ชาวต่างชาติที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์โคลนถล่ม
3    คุณยายที่ประสบภัยพิบัติน้ำท่วม
4    เด็กนักเรียนที่ถูกค้นพบในซากอาคารถล่มหลังจากเกิดแผ่นดินไหว
ตอบ  1  นักแสดงที่บริจาคอาหารและน้ำดื่มเพื่อช่วยเหลือภัยพิบัติ
คุณสมบัติของผู้ให้สัมภาษณ์  มีดังนี้    1  บุคคลที่มีความสำคัญทางการเมือง    2  บุคคลที่ประสบความสำเร็จในการงาน    3  บุคคลที่ประกอบกิจกรรมเพื่อสังคม    4  บุคคลที่สังคมกำลังให้ความสนใจในขณะนั้น  (เช่น  นักแสดง  นักร้อง  นางงาม ฯลฯ)    5  บุคคลที่ประสบมหันตภัยต่างๆ  (เช่น  ไฟไหม้  แผ่นดินไหว  น้ำท่วม  โคลนถล่ม ฯลฯ)    6  บุคคลที่เป็นแขกเมือง

98    ถ้าผู้ให้สัมภาษณ์เป็นคนพูดมาก ควรปรับตัวให้เข้ากับบุคลิกของผู้ให้สัมภาษณ์อย่างไร
1    ผู้สัมภาษณ์จะต้องสร้างความเป็นกันเอง  จนทำให้ผู้ให้สัมภาษณ์เกิดความไว้วางใจ
2    ผู้สัมภาษณ์ควรเตรียมคำถามให้พร้อม  คำถามนั้นต้องเป็นคำถามที่สำคัญ  ตรงประเด็นตามจุดมุ่งหมาย
3    ผู้สัมภาษณ์ควรรับฟังเฉพาะข้อคิดเห็นที่เกี่ยวข้อง  และสัมพันธ์กับจุดมุ่งหมาย
4    ผู้สัมภาษณ์ควรให้รางวัลด้วยคำชม  ขนมขบเคี้ยวหรือของเล่น  เมื่อผู้ให้สัมภาษณ์ตอบคำถาม
ตอบ  3  ผู้สัมภาษณ์ควรรับฟังเฉพาะข้อคิดเห็นที่เกี่ยวข้อง  และสัมพันธ์กับจุดมุ่งหมาย
ผู้ให้สัมภาษณ์ประเภทพูดมาก  มักเป็นคนรักสนุก  จิตใจเป็นมิตรกับทุกชนชั้นและยินดีที่จะตอบคำถาม  ซึ่งคำตอบส่วนใหญ่มักจะกว้าง  ดังนั้นผู้สัมภาษณ์จึงควรรับฟังเฉพาะข้อคิดเห็นที่เกี่ยวข้อง  และสัมพันธ์กับจุดมุ่งหมาย

99    ถ้าท่านเป็นผู้แนะนำองค์ปาฐก  ท่านจะกล่าวแนะนำ  นายแพทย์ยอดยศ  สุริยาจำรัส  อย่างไร  ในเมื่อบุคคลผู้นี้ดำรงยศเป็นพลตรี  และเป็นศาสตราจารย์ในสถาบันอุดมศึกษาด้วย
1  ศาสตราจารย์  พลตรี  นายแพทย์ยอดยศ  สุริยาจำรัส        2  พลตรี  ศาสตราจารย์  นายแพทย์ยอดยศ  สุริยาจำรัส
3  ศาสตราจารย์  นายแพทย์  พลตรียอดยศ  สุริยาจำรัส        4  พลตรี  นายแพทย์  ศาสตราจารย์ยอดยศ  สุริยาจำรัส
ตอบ    2  พลตรี  ศาสตราจารย์  นายแพทย์ยอดยศ  สุริยาจำรัส
การแนะนำองค์ปาฐกที่ดีนั้น  ควรจะแนะนำอย่างจริงใจ  ไม่ใช่สรรเสริญหรือยกยอมากจนเกินไป  โดยทั้งนี้จะต้องบอกว่าองค์ปาฐกคือใคร  มีตำแหน่งและหน้าที่การงานทางด้านใด  มีความชำนาญทางด้านใด  และมีผลงานดีเด่นอย่างไร เช่น  จะกล่าวแนะนำนายแพทย์ยอดยศ  สุริยาจำรัส  ผู้มียศเป็นพลตรี  และเป็นศาสตราจารย์ได้ว่า  พลตรี  ศาสตราจารย์  นายแพทย์ยอดยศ  สุริยาจำรัส  เป็นต้น

100    การพูดก่อให้เกิดความสำเร็จในด้านการเมือง  ยกเว้นข้อใด
1    ทำให้นักการเมืองอยู่ในศีลธรรมและประพฤติปฏิบัติตนในแนวทางที่ดีงาม
2    ทำให้ประชาชนเข้าใจนโยบายการบริหารงานของรัฐบาล
3    ทำให้คนในท้องถิ่นสามารถปกครองกันเองได้
4    ทำให้ประเทศต่างๆอยู่กันได้อย่างสันติสุข
ตอบ  1  ทำให้นักการเมืองอยู่ในศีลธรรมและประพฤติปฏิบัติตนในแนวทางที่ดีงาม
การพูดที่ก่อให้เกิดความสำเร็จในด้านการเมือง  มีหลักการทั่วๆไปคือ
1    พูดชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจนโยบายและหลักการบริหารงานของรัฐบาล  เพราะการปกครองชนกลุ่มใหญ่ให้ปฏิบัติตามหลักการนั้นทำได้ยาก
2    การพูดทำให้คนในท้องถิ่นสามารถปกครองกันเองได้
3    การพูดทำให้ประเทศต่างๆอยู่กันได้อย่างสันติสุข
(ส่วนตัวเลือกข้อ  1  เป็นการพูดที่ก่อให้เกิดความสำเร็จในด้านศาสนา)

Advertisement