การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2549
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW4002 การว่าความและการจัดทำเอกสารทางกฎหมาย
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน จำนวน 4 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)
ข้อ 1. โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของเด็กชายดำรง โจทก์และจำเลยได้อยู่กินด้วยกัน ฉันสามีภรรยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรส มีบุตรด้วยกัน 1 คนคือเด็กชายดำรง อายุ 3 ขวบ เมื่อโจทก์ คลอดเด็กชายดำรงแล้ว จำเลยได้ประพฤติตัวห่างเหินไป โดยจำเลยได้ไปอยู่กับภรรยาคนเก่าและ ไม่ยอมไปมาหาสู่โจทก์ โจทก์จึงไปพบจำเลยเพื่อขอให้จำเลยจดทะเบียนรับเด็กชายดำรงเป็นบุตร แต่จำเลยปฏิเสธ โจทก์จึงฟ้องศาลให้จำเลยจดทะเบียนรับเด็กชายดำรงเป็นบุตร ศาลนัดสืบพยาน ในวันที่ 23 มีนาคม 2550 เวลา 09.00 น.
โจทก์มีความประสงค์ที่จะขอให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาโดยไม่เปิดเผย โดยอ้างเหตุผลดังนี้
1. ต้องนำสืบพยานบุคคลและพยานเอกสารถึงความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับจำเลย หากการ ดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลถูกเปิดเผยออกสู่ประชาชน อาจทำให้พยานและผู้เกี่ยวข้อง ได้รับความเสียหาย
2. เป็นการขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน
ให้ท่านในฐานะทนายโจทก์ร่างคำร้องเพี่อยื่นต่อศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ โดยขอให้ศาล ดำเนินกระบวนพิจารณาโดยไม่เปิดเผยตามความประสงค์ของโจทก์ (ให้ร่างแต่ใจความในคำร้อง โดยไม่ต้องคำนึงถึงแบบพิมพ์ศาล)
ธงคำตอบ
คำร้องขอให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาโดยไม่เปิดเผย
ข้อ 1. คดีนี้ศาลนัดสืบพยานโจทก์ในวันนี้ เวลา 09.00 น. โจทก์ขอกราบเรียนต่อศาลว่า การดำเนินกระบวนพิจารณาในคดีนี้ โจทก์ต้องสืบพยานบุคคล และพยานเอกสารถึงความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับจำเลย หากการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลถูกเปิดเผยออกไปสู่สาธารณชน อาจทำให้พยานและผู้เกี่ยวข้อง ได้รับความเสียหาย และเป็นการขัดต่อศีลธรรมอันดีงามของประชาชน โจทก์จึงขอประทานกราบเรียนต่อศาล ได้โปรดมีคำสั่งให้ ดำเนินกระบวนพิจารณาโดยไม่เปิดเผย ขอศาลได้โปรดอนุญาตด้วย
ควรมีควรแล้วแต่จะโปรด
ลงชื่อ…..(ลายมือชื่อนักศึกษา)…..ทนายโจทก์
คำร้องฉบับนี้ ข้าพเจ้า (ชื่อนักศึกษา) ทนายโจทก์เป็นผู้เรียงและพิมพ์
ลงชื่อ……(ลายมือชื่อนักศึกษา)…..ผู้เรียงและพิมพ์
ข้อ 2. ในคดีฟ้องเรียกค่าเสียหายจากการผิดสัญญา เจ้าพนักงานเดินหมายของศาลได้นำหมายเรียกและ สำเนาคำฟ้องไปส่งให้กับจำเลยเป็นครั้งแรก แต่ไม่พบบริษัทจำเลย โดยพนักงานรักษาความปลอดภัย ประจำตึกแจ้งว่าบริษัทจำเลยได้ย้ายออกไปแล้ว โดยไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ใด และไม่ยอมรับหมายเรียก และสำเนาคำฟ้องไว้แทน เมื่อโจทก์ไปคัดหนังสือรับรองการจัดตั้งบริษัทของจำเลยจากกระทรวงพาณิชย์ ก็ไม่มีรายละเอียดการแจ้งย้ายที่อยู่ของจำเลย ทำให้ไม่สามารถส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยยังภูมิสำเนาได้เนื่องจากไม่ทราบที่อยู่ของจำเลยเพื่อให้การดำเนินคดีเป็นไปโดยไม่ล่าช้า โจทก์จึงขอส่งสำเนาหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยทราบทางหนังสือพิมพ์รายวัน ทั้งนี้ โจทก์ยอมเสียค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการประกาศทุกประการ
ดังนั้นจึงให้ท่านในฐานะทนายโจทก์ ยื่นคำแถลงต่อศาลขอให้ศาลมีคำสั่งให้ส่งหมายเรียกและ สำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยโดยการประกาศทางหนังสือพิมพ์รายรัน เพราะไม่ทราบที่อยู่ของจำเลย (ให้ร่างแต่ใจความในคำแถลงเท่านั้น โดยไม่ต้องคำนึงถึงแบบพิมพ์ศาล)
ธงคำตอบ
คำแถลงขอให้ประกาศทางหนังสือพิมพ์
ข้อ 1. คดีนี้เจ้าพนักงานเดินหมายของศาลได้นำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไปส่งให้จำเลย เป็นครั้งแรก แต่ไม่พบจำเลยโดยพนักงานประจำตึกแจ้งว่าจำเลยได้ย้ายออกไปแล้วไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ใด และไม่ยอมรับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไว้แทน รายละเอียดปรากฏตามรายงานการเดินหมายเอกสารท้ายคำร้องนี้ โจทก์ได้คัดหนังสือรับรองการจัดตั้งบริษัทของจำเลยจากกระทรวงพาณิชย์แล้ว ก็ไม่มีรายละเอียดการแจ้งย้ายที่อยู่ ของจำเลยแต่ประการใด จึงไม่ทราบว่าจำเลยมีภูมิสำเนาอยู่ที่ใด
ข้อ 2. เพื่อให้การดำเนินคดีเป็นไปโดยไม่ชักช้า โจทก์จึงขอประธานศาลได้โปรดมีคำสั่งให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยทราบโดยการประกาศทางหนังสือพิมพ์รายวัน ทั้งนี้ โจทก์ยอมเสียค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายในการประกาศทุกประการ ขอศาลได้โปรดกรุณาอนุญาต
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
ลงชื่อ……(ลายมือชื่อนักศึกษา)……ทนายโจทก์
คำแถลงฉบับนี้ ข้าพเจ้า (ชื่อนักศึกษา) ทนายโจทก์เป็นผู้เรียงและพิมพ์
ลงชื่อ…….(ลายมือชื่อนักศึกษา)……ผู้เรียงและพิมพ์
ข้อ 3. ข้อเท็จจริงในสำนวนการสอบสวนคดีเรื่องหนึ่งได้ความว่า เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2550 เวลาประมาณ 19.00 นาฬิกา ร้อยตำรวจเอกสมภพกับพวก ได้ออกตรวจไปถึงบริเวณคลองหลอด แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ได้พบนายแดงตั้งแผงขายวีชีดีอยู่ริมถนน จึงเข้าไปดู พบมีวีชีดีภาพยนตร์จำนวน 9 แผ่น ชายหญิงเปลือยกายแสดงการร่วมเพศการกระทำชำเราในท่า ต่าง ๆ ปะปนอยู่ด้วย จึงเข้าทำการจับกุมนายแดงกล่าวหาว่ามีแถบบันทึกภาพเสียงอันลามกไว้เพื่อประสงค์แห่งการค้า พร้อมกับยึดวีชีดีภาพยนตร์ดังกล่าวจำนวน 9 แผ่น เป็นของกลางนำส่ง พันตำรวจตรีสมบัติพนักงานสอบสวนทำการสอบสวน ชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ และ พนักงานสอบสวนอนุญาตให้นายแดงได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวไป และพนักงานสอบสวนได้ยื่น คำร้องขอผัดฟ้องนายแดงไว้ ตามคำร้องขอผัดฟ้องที่ ผ. 141/2546 ส่วนวีชีดีภาพยนตร์จำนวน 9 แผ่น พนักงานสอบสวนเก็บรักษาไว้ ต่อมาวันนี้พนักงานสอบสวนนำตัวนายแดงพร้อมด้วยสำนวน การสอบสวนมาส่งพนักงานอัยการ พนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้องนายแดงตามข้อกล่าวหา
สมมติว่านักศึกษาเป็นพนักงานอัยการผู้รับผิดชอบคดีนี้ ให้นักศึกษาเรียงคำฟ้องคดีนี้เฉพาะเนื้อหา คำฟ้อง ตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 158(5)
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287 ผู้ใด
(1) เพื่อความประสงค์แห่งการค้า หรือโดยการค้า เพื่อการจ่ายแจกหรือเพื่อการแสดงอวด แก่ประชาชน ทำ ผลิต มีไว้ นำเข้าหรือยังให้นำเข้าในราชอาณาจักร ส่งออกหรือยังให้ส่งออกไป นอกราชอาณาจักร พาไปหรือยังให้พาไป หรือทำให้แพร่หลายโดยประการใด ๆ ซึ่งเอกสาร ภาพเขียน ภาพพิมพ์ ภาพระบายสี สิ่งพิมพ์ รูปภาพ ภาพโฆษณา เครื่องหมาย รูปถ่าย ภาพยนตร์ แถบบันทึกเสียง แถบบันทึกภาพหรือสิ่งอื่นใดอันลามก
(2) …
(3) …
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ธงคำตอบ
คำฟ้องอาญา
ข้อ 1. เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2550 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยนี้ เพื่อประสงค์แห่งการค้า และเพื่อจำหน่ายจ่ายแจกและแสดงอวดแก่ประชาชน ได้บังอาจมีวีซีดีภาพยนตร์ จำนวน 9 แผ่น ซึ่งเป็น แถบบันทึกภาพและเสียงดังกล่าวที่มีรูปเปลือยของชายหญิงแสดงการร่วมเพศ การกระทำชำเราในท่าต่าง ๆ ระหว่าง ชายหญิงซึ่งล้วนมีลักษณะหยาบคายลามก อันทำให้เสื่อมเสียศีลธรรมและวัฒนธรรมอันดีของชาติ
เหตุเกิดที่แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
ข้อ 2. ตามวันเวลาในฟ้องข้อ 1 เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมกับยึดแผนวิชีดีลามก จำนวน 9 แผ่น ดังกล่าวเป็นของกลางนำส่งเจ้าพนักงานสอบสวนทำการสอบสวน ชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ ระหว่างสอบสวนจำเลยไม่ถูกควบคุมตัวโดยมีผู้ประกันตัวไป ของกลางเจ้าพนักงานเก็บรักษาไว้
อนึ่ง คดีนี้พนักงานสอบสวนได้ยื่นคำร้องขอผัดฟ้องจำเลยไว้ ตามคำร้องขอผัดฟ้องที่ ผ. 141/2546 ของศาลนี้
ข้อ 4. นักศึกษามีความเข้าใจในข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พุทธศักราช 2529 เรื่องมรรยาทของทนายความที่มีต่อตัวความเป็นอย่างไร มีอะไรบ้าง ให้อธิบาย
ธงคำตอบ
อธิบาย
ตามข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529 เรื่องมรรยาททนายความ ต่อตัวความมีบัญญัติไว้ในข้อ 9 ถึงข้อ 15 มีดังต่อไปนี้
ข้อ 9 กระทำการใดอันเป็นการยุยงส่งเสริมให้มีการฟ้องร้องคดีกัน ในกรณีอันหามูลมิได้
ข้อ 10 ใช้อุบายอย่างใดอย่างหนึ่งดังกล่าวต่อไปนี้ เพื่อจูงใจให้ผู้ใดมอบคดีให้ว่าต่างหรือแก้ต่าง
(1) หลอกลวงให้เขาหลงว่าคดีนั้นจะชนะ เมื่อตนรู้สึกแก่ใจว่าจะแพ้
(2) อวดอ้างว่าตนมีความรู้ยิ่งกว่าทนายความอื่น
(3) อวดอ้างว่าเกี่ยวเป็นสมัครพรรคพวกรู้จักคุ้นเคยกับผู้ใด อันกระทำให้เขาหลงว่าตน สามารถจะทำให้เขาได้รับผลเป็นพิเศษ นอกจากทางว่าความ หรือหลอกลวงว่าจะชักนำจูงใจให้ผู้นั้นช่วยเหลือคดี ในทางใด ๆ ได้ หรือแอบอ้างขู่ว่าถ้าไม่ให้ตนว่าคดีนั้น แล้วจะหาหนทางให้ผู้นั้นกระทำให้คดีของเขาแพ้
ข้อ 11 เปิดเผยความลับของลูกความที่ได้รู้ในหน้าที่ของทนายความ เว้นแต่จะได้รับอนุญาต จากลูกความนั้นแล้ว หรือโดยอำนาจศาล
ข้อ 12 กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งดังกล่าวต่อไปนี้ อันอาจทำให้เสื่อมเสียประโยชน์ของ
ลูกความ
(1) จงใจขาดนัด หรือทอดทิ้งคดี
(2) จงใจละเว้นหน้าที่ ที่ควรกระทำอันเกี่ยวแก่การดำเนินคดีแห่งลูกความของตน หรือปิดบังข้อความที่ควรแจ้งให้ลูกความทราบ
ข้อ 13 ได้รับปรึกษาหารือ หรือได้รู้เรื่องกรณีแห่งคดีใดโดยหน้าที่อันเกี่ยวข้องกับคู่ความ ฝ่ายหนึ่ง แล้วภายหลังไปรับเป็นทนายความหรือใช้ความรู้ที่ได้มานั้นช่วยเหลือคู่ความอีกฝายหนึ่ง ซึ่งเป็นปรปักษ์ อยู่ในกรณีเดียวกัน
ข้อ 14 ได้รับเป็นทนายความแล้ว ภายหลังใช้อุบายด้วยประการใด ๆ โดยปราศจากเหตุผล อันสมควรเพื่อจะให้ตนได้รับประโยชน์นอกเหนือจากที่ลูกความได้ตกลงสัญญาให้
ข้อ 15 กระทำการ๒อันเป็นการฉ้อโกง ยักยอก หรือตระบัดสินลูกความ หรือครอบครองหรือ หน่วงเหนียวเงินหรือทรัพย์สินของลูกความที่ตนได้รับมาโดยหน้าที่อันเกี่ยวข้องไว้นานเกินกว่าเหตุ โดยมิได้รับ ความยินยอมจากลูกความ เว้นแต่จะมีเหตุอันสมควร