การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2559
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 4002 การว่าความและการจัดทําเอกสารทางกฎหมาย
คําแนะนํา ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 3 ข้อ
ข้อ 1. ห้างหุ้นส่วนที่ดีเงินด่วนเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน ตั้งอยู่ตลาดบางกะปิ เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ดําเนินกิจการให้กู้ยืมเงินโดยชอบด้วยกฎหมาย โดยมีนายทอง สมบูรณ์ทรัพย์ เป็นผู้จัดการห้างฯ ได้ให้นางสาวแพรไหม จันจนกู้ยืมเงินไป 100,000 บาท คิดดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี โดยทําสัญญาเป็นหนังสือเอาไว้ทั้งสองฝ่าย ในวันที่ 31 มกราคม 2559 กําหนดชําระคืน ภายใน 1 ปี ส่งมอบเงินครบถ้วนในวันทําสัญญา ครั้นเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2560 นางสาวแพรไหมฯ กลับเพิกเฉยไม่ยอมชําระเงินคืนทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยคิดเป็นเงินรวมทั้งสิ้น 115,000 บาท ห้างฯ ได้ให้ทนายความส่งหนังสือทวงถามลงทะเบียนไปรษณีย์ตอบรับไปยังนางสาวแพรไหมฯ แต่นางสาวแพรไหมฯ ก็เพิกเฉยอีก ดังนั้นห้างฯ จึงมาพบท่านเพื่อให้ท่านเป็นตัวแทนฟ้องคดีและเป็น ทนายความช่วยร่างคําฟ้องคดีแพ่งและคําขอท้ายฟ้องเรียกต้นเงินและดอกเบี้ยให้กับห้างฯ จงร่าง คําฟ้องและคําขอท้ายฟ้องโดยไม่คํานึงถึงแบบพิมพ์ศาล
ธงคําตอบ
คําฟ้องแพ่ง
ข้อ 1. โจทก์เป็นห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนใช้ชื่อว่า “ห้างหุ้นส่วนดีเงินด่วน” ตั้งอยู่ที่ ตลาดบางกะปิ เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ดําเนินกิจการให้กู้ยืมเงินโดยชอบด้วยกฎหมาย โดยมีนายทอง สมบูรณ์ทรัพย์ เป็นผู้จัดการ
ในการฟ้องคดีนี้โจทก์ได้มอบอํานาจให้……(ชื่อนักศึกษา)….. เป็นผู้มีอํานาจฟ้องและดําเนินคดี แทนโจทก์ รายละเอียดปรากฏตามหนังสือมอบอํานาจเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 1
ข้อ 2. เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2559 โจทก์ได้ให้จําเลยกู้ยืมเงินไปจํานวน 100,000 บาท (หนึ่งแสนบาทถ้วน) คิดดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี โดยทําสัญญาเป็นหนังสือเอาไว้ทั้งสองฝ่าย มีกําหนดชําระคืน ภายใน 1 ปี ซึ่งจําเลยได้รับเงินจํานวนที่กู้ไปเรียบร้อยแล้วในวันทําสัญญา รายละเอียดปรากฏตามสัญญากู้ยืมเงิน ฉบับลงวันที่ 31 มกราคม 2559 เอกสารท้ายคําฟ้องหมายเลข 2
ข้อ 3. เมื่อครบกําหนดระยะเวลาการชําระหนี้ตามสัญญากู้ยืมเงิน จําเลยกลับเพิกเฉยไม่ยอม ชําระเงินคืนทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยคิดเป็นเงินรวม 115,000 บาท (หนึ่งแสนหมื่นหมื่นห้าพันบาทถ้วน) โจทก์ได้ ให้ทนายความส่งหนังสือทวงถามลงทะเบียนไปรษณีย์ตอบรับไปยังจําเลย แต่จําเลยก็เพิกเฉยอีก การกระทําของ จําเลยจึงเป็นการผิดสัญญากู้ยืมเงิน ทําให้โจทก์ได้รับความเสียหาย รายละเอียดปรากฏตามสําเนาหนังสือทวงถาม และไปรษณีย์ตอบรับเอกสารท้ายคําฟ้องหมายเลข 3 และ 4
จําเลยต้องรับผิดชําระเงินต้นคืนให้แก่โจทก์จํานวน 100,000 บาท (หนึ่งแสนบาทถ้วน) และ ดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จากเงินต้นดังกล่าวเป็นจํานวนเงิน 15,000 บาท (หนึ่งหมื่นห้าพันบาทถ้วน) รวมเป็นเงินที่จําเลยจะต้องชําระคืนให้แก่โจทก์จํานวน 115,000 บาท (หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นห้าพันบาทถ้วน) โจทก์ไม่มีทางอื่นใดที่จะบังคับจําเลยได้ จึงต้องมาฟ้องเป็นคดีนี้ เพื่อขอบารมีศาลเป็นที่พึ่ง
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
คําขอท้ายฟ้อง
ข้อ 1. ให้จําเลยชําระเงินต้นและดอกเบี้ยที่ค้างชําระรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 115,000 บาท (หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นห้าพันบาทถ้วน)
ข้อ 2. ให้จําเลยชําระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จากต้นเงิน 100,000 บาท (หนึ่งแสน บาทถ้วน) นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจําเลยจะชําระให้แก่โจทก์เสร็จสิ้น
ข้อ 3. ให้จําเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนโจทก์
ข้อ 2. จงใช้ข้อเท็จจริงจากคําถามข้อ 1. นํามาเขียนหนังสือสัญญากู้ยืมเงิน ในฐานะที่ท่านเป็นทนายความ ตามหลักเกณฑ์สําคัญในการร่างสัญญา
ธงคําตอบ
สัญญากู้ยืมเงิน
สัญญากู้ยืมเงินฉบับนี้ทําขึ้นเมื่อวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2559
ณ ห้างหุ้นส่วนสามัญดีเงินด่วน เลขที่…………..ตลาดบางกะปิ เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร
ระหว่างข้าพเจ้า ห้างหุ้นส่วนสามัญดีดีเงินด่วน ตั้งอยู่เลขที่……..ตลาดบางกะปิ เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ซึ่งต่อไปในสัญญานี้เรียกว่า “ผู้ให้กู้” ฝ่ายหนึ่ง
กับข้าพเจ้า นางสาวแพรไหม จันจน อยู่บ้านเลขที่……………ถนน……………ตรอก/ซอย…….. ตําบล/แขวง…………………………อําเภอ/เขต………………………จังหวัด……………….ซึ่งต่อไปเรียกว่า “ผู้กู้” อีกฝ่ายหนึ่ง
ทั้งสองฝ่ายตกลงทําสัญญากัน ดังต่อไปนี้
ข้อ 1. ผู้ให้กู้ให้ผู้กู้ กู้ยืมเงินไปเป็นเงิน 100,000 บาท (หนึ่งแสนบาทถ้วน) โดยในวันทําสัญญานี้ ผู้กู้ได้รับเงินไปเรียบร้อยแล้ว และตกลงว่าจะชําระเงินคืนให้กับผู้ให้กู้ภายในวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2560
ข้อ 2. ผู้กู้ตกลงจะให้ดอกเบี้ยแก่ผู้ให้กู้ในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี และตกลงจะชําระดอกเบี้ย ให้ทุก……………………………….. เดือน
ข้อ 3. เงื่อนไขตกลงอื่น ๆ (หากมี) ……………………………….
ข้อ 4. หากคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดผิดสัญญาข้อหนึ่งข้อใด คู่สัญญาฝ่ายนั้นยินยอมให้คู่สัญญา อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องร้องศาลบังคับคดีได้ และยอมชดใช้ค่าใช้จ่ายที่เสียไปในการดําเนินคดีและการบังคับคดีได้อีกด้วย
สัญญานี้ทําขึ้นสองฉบับมีข้อความถูกต้องตรงกัน โดยคู่สัญญาได้อ่านและทําความเข้าใจแล้ว ก่อนลงลายมือชื่อเพื่อเป็นหลักฐานต่อหน้าพยาน
ลงชื่อ ………………………………. ผู้ให้กู้
(……………………………………….)
ลงชื่อ………………………………….ผู้กู้
(……………………………………….)
ลงชื่อ……………………………….พยาน
(……………………………………….)
ลงชื่อ……………………………….พยาน
(……………………………………….)
ข้อ 3. เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2560 เวลาประมาณ 12.00 นาฬิกา นายวู้ดด้า ไทยแท้ ได้ไปเสนอขายกระทะยี่ห้อโคเรียนควีนให้แก่นางนิฐฐา ปัญญาเบา ที่บ้านเลขที่ 109 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร โดยนายวัดด้าฯ บอกนางนิฐฐาฯ ว่า “กระทะที่นํามาขายนี้เป็นกระทะที่ผลิตมาจากต่างประเทศมีคุณภาพดีเยี่ยม ใช้ประกอบอาหารโดยไม่ต้องใช้น้ำมัน แข็งแรงทนทาน ซึ่งราคา ขายปกติอยู่ที่ 15,000 บาท ถ้านางนิฐฐาฯ ซื้อวันนี้จะลดให้เหลือ 3,990 บาท และจะแถมให้อีก หนึ่งใบ” นางนิฐฐาฯ หลงเชื่อจึงซื้อได้ในราคา 3,990 บาท ต่อมาวันที่ 30 เมษายน 2560 จึงทราบ จากการดูข่าวโทรทัศน์ว่า กระทะที่นายวัดด้าฯ นํามาขายนั้นความจริงเป็นกระทะที่ทําในประเทศ ราคาเพียงใบละ 1,000 บาท เท่านั้น นางนิฐฐาฯ เห็นว่าตนถูกหลอกลวง เพราะนายวู้ดด้าฯ แสดงข้อความอันเป็นเท็จ ถ้าทราบว่าเป็นของภายในประเทศตนจะไม่ซื้อ จึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ ต่อพนักงานสอบสวน ดําเนินคดีกับนายวัดด้าฯ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ผู้ใดโดยทุจริตหลอกลวงผู้อื่นโดยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจาก ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือ สมมุติว่านักศึกษาเป็นทนายความให้กับนางนิฐฐาฯ ให้ร่างคําฟ้องคดีนี้เฉพาะเนื้อหาคําฟ้องเท่านั้น เพื่อยื่นฟ้องต่อศาล โดยไม่ต้องคํานึงถึงแบบพิมพ์คําฟ้อง
ธงคําตอบ
ในฐานะทนายความของนางนิฐฐา ปัญญาเบา ข้าพเจ้าจะร่างคําฟ้องในคดีฉ้อโกงนี้ เพื่อยื่น ฟ้องต่อศาลดังนี้
คําฟ้องอาญา
ข้อ 1. เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2560 เวลากลางวัน จําเลยนี้โดยทุจริตหลอกลวงโจทก์ด้วยการ แสดงข้อความอันเป็นเท็จว่า กระทะที่นํามาขายนี้เป็นกระทะที่ผลิตมาจากต่างประเทศ มีคุณภาพดี ใช้ประกอบอาหาร โดยไม่ต้องใช้น้ำมัน แข็งแรงทนทาน ซึ่งราคาขายปกติอยู่ที่ 15,000 บาท (หนึ่งหมื่นห้าพันบาท) ถ้าโจทก์ซื้อในวัน ดังกล่าวจะลดให้เหลือ 3,990 บาท (สามพันเก้าร้อยเก้าสิบบาท) และจะแถมให้อีกหนึ่งใบ โดยการหลอกลวงของ จําเลยดังกล่าว ทําให้โจทก์หลงเชื่อว่าเป็นความจริง จึงซื้อไว้ในราคา 3,990 บาท (สามพันเก้าร้อยเก้าสิบบาท) จําเลยจึงได้รับเงินจากโจทก์ไป ซึ่งโจทก์มาทราบในภายหลังว่าโจทก์ถูกหลอกลวง เพราะความจริงเป็นกระทะที่ทํา ในประเทศ ราคาเพียงใบละ 1,000 บาท (หนึ่งพันบาท) เท่านั้น
เหตุเกิดที่ แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร
ข้อ 2. การกระทําของจําเลยทําให้โจทก์ได้รับความเสียหายดังกล่าวมาแล้วตามความข้างต้น โจทก์ไม่มีทางอื่นใดจะบังคับเอากับจําเลยได้ จึงต้องนําคดีมาสู่ศาล ขอศาลโปรดออกหมายเรียกจําเลยมาไต่สวน มูลฟ้อง เพื่อพิจารณาพิพากษาลงโทษจําเลยต่อไป
อนึ่ง ก่อนฟ้องคดีนี้โจทก์ได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานสอบสวนแล้ว แต่เพื่อต้องการ ให้คดีเสร็จเด็ดขาดไปโดยเร็ว จึงนําคดีนี้มาฟ้องด้วยตนเอง