ข้อสอบกระบวนวิชา LAW4001 กฎหมายเกี่ยวกับภาษีอากร
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 4 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)
ข้อ 1 นายอุดม เป็นเจ้าของร้านอาหารทะเลตั้งอยู่ที่กรุงเทพมหานคร และมีสาขาในย่านธุรกิจหลายแห่งในปีภาษี 2550 นายอุดมมีเงินได้จากการขายอาหารจำนวน 3 ล้านบาท และในปีเดียวกันนี้เอง นายอุดมได้เดินทางไปเปิดร้านอาหารไทยที่ประเทศแคนาดา ในวันที่ 10 มีนาคม 2550 และมีเงินได้จากการขายอาหารจำนวน 5 ล้านบาท หลังจากนั้นได้เดินทางกลับประเทศไทย ในวันที่ 10 ธันวาคม 2550 โดยนำเงินจำนวน 5 ล้านบาทกลับมาด้วย
จงวินิจฉัยว่า นายอุดมต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในเงินได้จากการขายอาหารทั้งในประเทศและต่างประเทศตามประมวลรัษฎากรหรือไม่อย่างไร
ธงคำตอบ
มาตรา 41 ผู้มีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 ในปีภาษีที่ล่วงมาแล้ว เนื่องจากหน้าที่งานหรือกิจการที่ทำในประเทศไทย หรือเนื่องจากกิจการของนายจ้างในประเทศไทย หรือเนื่องจากทรัพย์สินที่อยู่ในประเทศไทยต้องเสียภาษีตามบทบัญญัติในส่วนนี้ ไม่ว่าเงินได้นั้นจะจ่ายในหรือนอกประเทศ
ผู้อยู่ในประเทศไทย มีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 ในปีภาษีที่ล่วงมาแล้ว เนื่องจากหน้าที่งานหรือกิจการที่ทำในต่างประเทศ หรือเนื่องจากทรัพย์สินที่อยู่ในต่างประเทศ ต้องเสียภาษีเงินได้ตามบทบัญญัติในส่วนนี้ เมื่อนำเงินได้พึงประเมินนั้นเข้ามาในประเทศไทย
ผู้ใดอยู่ในประเทศไทยชั่วระยะเวลาหนึ่งหรือหลายระยะ รวมเวลาทั้งหมดถึงหนึ่งร้อยแปดสิบวันในปีภาษีใด ให้ถือว่าผู้นั้นเป็นผู้อยู่ในประเทศไทย
วินิจฉัย
โดยหลักแล้ว ในกรณีที่แหล่งเงินได้เกิดขึ้นในประเทศไทย ผู้มีเงินได้จะต้องเสียภาษีเงินได้ให้กับประเทศไทย ต่อเมื่อเงินได้พึงประเมินนั้น เกิดเนื่องจากหน้าที่การงานที่ทำในประเทศไทย หรือกิจการที่ทำในประเทศไทยหรือกิจการของนายจ้างในประเทศไทย หรือทรัพย์สินที่อยู่ในประเทศไทย (มาตรา 41 วรรคแรก)
ส่วนในกรณีที่แหล่งเงินได้เกิดขึ้นนอกประเทศ ผู้มีเงินได้จะต้องเสียภาษีให้กับประเทศไทยต่อเมื่อผู้มีเงินได้เป็นผู้อยู่ในประเทศไทย และมีเงินได้พึงประเมิน เนื่องจากหน้าที่การงานที่ทำในต่างประเทศหรือกิจการที่ทำในต่างประเทศหรือทรัพย์สินที่อยู่ต่างประเทศ และได้นำเงินได้นั้นเข้ามาในประเทศไทยในปีภาษีเดียวกับปีที่อยู่ในประเทศไทย (มาตรา 41 วรรคสองและวรรคสาม)
ในปีภาษี 2550 นายอุดมมีแหล่งเงินได้จากกิจการในประเทศไทย จำนวน 3 ล้านบาท จึงต้องเสียภาษีเงินได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 41 วรรคแรก ส่วนเงินได้จากแหล่งเงินได้นอกประเทศไทย จำนวน 5 ล้านบาทนั้น ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ให้กับประเทศไทย เพราะในปีภาษี 2550 นายดำมิใช่เป็นผู้อยู่ในประเทศไทย เนื่องจากอยู่ในประเทศไทยไม่ครบ 180 วัน ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 41 วรรคสอง และวรรคสาม ทั้งนี้ แม้นายดำจะนำเงินได้ดังกล่าวเข้ามาในประเทศไทยในปีภาษีเดียวกันก็ตาม
สรุป นายอุดมต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในเงินที่ได้จากการขายอาหารในประเทศไทยเท่านั้น
ข้อ 2 ในปีภาษี 2550 นายเอกและนางโท เป็นสามีภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายและอยู่กินร่วมกันตลอดปีภาษี โดยต่างฝ่ายต่างมีเงินได้พึงประเมิน ดังต่อไปนี้
(1) เงินค่านายหน้าจากการเป็นตัวแทนบริษัทผู้รับประกันภัยของนายเอก
(2) เงินได้จากเงินปันผลในการถือหุ้นบริษัทของนายเอก
(3) เงินได้จากการเปิดร้านขายของชำของนายเอก
(4) เงินได้จากเงินเดือนของนางโทในการเป็นลูกจ้างของบริษัทฯ
(5) เงินได้จากการมีบ้านให้เช่าของนางโท
จงวินิจฉัยว่า
1 ในปีภาษี 2550 นายเอกและนางโท มีเงินได้พึงประเมินประเภทใดตามประมวลรัษฎากร
2 เงินได้พึงประเมินประเภทใดทั้งของนายเอกและนางโทที่ต้องนำมายื่นแบบแสดงรายการ (ภ.ง.ด.94) เพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครึ่งปี ภายในเดือนกันยายน 2550
3 ถ้านางโทต้องการยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีเงินได้ฯ แยกต่างหากจากสามีแล้วประมวลรัษฎากรกำหนดหลักเกณฑ์ไว้อย่างไร
ธงคำตอบ
มาตรา 40 เงินได้พึงประเมินนั้น คือ เงินได้ประเภทดังต่อไปนี้รวมตลอดถึงเงินค่าภาษีอากรที่ผู้จ่ายเงินหรือผู้อื่นออกแทนให้สำหรับเงินได้ประเภทต่างๆดังกล่าว ไม่ว่าในทอดใด
(1) เงินได้เนื่องจากการจ้างแรงงานไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน ค่าจ้าง เบี้ยเลี้ยง โบนัส เบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ เงินค่าเช่าบ้าน เงินที่คำนวณได้จากมูลค่าของการได้อยู่บ้านที่นายจ้างให้อยู่โดยไม่เสียค่าเช่า เงินที่นายจ้างจ่ายชำระหนี้ใดๆซึ่งลูกจ้างมีหน้าที่ต้องชำระ และเงิน ทรัพย์สินหรือประโยชน์ใดๆบรรดาที่ได้เนื่องจากการจ้างแรงงาน
(2) เงินได้เนื่องจากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำ หรือจากการรับทำงานให้ ไม่ว่าจะเป็นค่าธรรมเนียม ค่านายหน้า ค่าส่วนลด เงินอุดหนุนในงานที่ทำ เบี้ยประชุม บำเหน็จ โบนัส เงินค่าเช่าบ้าน เงินที่คำนวณได้จากมูลค่าของการได้อยู่บ้านที่ผู้จ่ายเงินได้ให้อยู่โดยไม่เสียค่าเช่า เงินที่ผู้จ่ายเงินได้จ่ายชำระหนี้ใดๆซึ่งผู้มีเงินได้มีหน้าที่ต้องชำระ และเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์ใดๆบรรดาที่ได้เนื่องจากน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำ หรือจากการรับทำงานให้นั้นไม่ว่าหน้าที่ หรือตำแหน่งงาน หรืองานที่รับทำให้นั้นจะเป็นการประจำหรือชั่วคราว
(4) เงินได้ที่เป็น
(ข) เงินปันผล เงินส่วนแบ่งของกำไร หรือประโยชน์อื่นใดที่ได้จากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล กองทุนรวม หรือสถาบันการเงินที่มีกฎหมายโดยเฉาะของประเทศไทยจัดตั้งขึ้นสำหรับให้กู้ยืมเงินเพื่อส่งเสริมเกษตรกรรม พาณิชยกรรม หรืออุตสาหกรรม เงินปันผลหรือเงินส่วนแบ่งของกำไรที่อยู่ในบังคับต้องถูกหักภาษีไว้ ณ ที่จ่ายตามกฎหมายว่าด้วยภาษีเงินได้ปิโตรเลียมเฉพาะส่วนที่เหลือจากถูกหักภาษีไว้ ณ ที่จ่าย ตามกฎหมายดังกล่าว
(5) เงินหรือประโยชน์อย่างอื่นที่ได้เนื่องจาก
(ก) การให้เช่าทรัพย์สิน
(8) เงินได้จากการธุรกิจ การพาณิชย์ การเกษตร การอุตสาหกรรม การขนส่ง หรือการอื่นนอกจากที่ระบุไว้ใน (1) ถึง (7) แล้ว
มาตรา 56 ทวิ วรรคแรก เพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีก่อนถึงกำหนดเวลาตามมาตรา 56 ให้ผู้มีหน้าที่ยื่นรายการตามมาตรา 56 มาตรา 57 มาตรา 57 ทวิ และมาตรา 57 ตรี ยื่นรายการตามแบบที่อธิบดีกำหนดแสดงรายการเงินได้เฉพาะตามมาตรา 40(5) (6) (7) หรือ (8) ไม่ว่าจะมีเงินได้ประเภทอื่นรวมอยู่ด้วยหรือไม่ ที่ได้รับตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนมิถุนายน ภายในเดือนกันยายนของทุกปีภาษี
มาตรา 57 เบญจ วรรคแรก ถ้าภริยามีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(1) ในปีภาษีที่ล่วงมาแล้ว ไม่ว่าจะมีเงินได้พึงประเมินอื่นด้วยหรือไม่ ภริยาจะแยกยื่นรายการและเสียภาษีต่างหากจากสามีเฉพาะส่วนที่เป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(1) โดยมิให้ถือว่าเป็นเงินได้ของสามีตามมาตรา 57 ตรีก็ได้
วินิจฉัย
1 เงินค่านายหน้าขากการเป็นตัวแทนบริษัทผู้รับประกันภัยของนายเอก ถือว่าเป็นเงินได้จากการรับทำงานให้อันเป็นเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 2 ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 40(2)
– เงินได้จากเงินปันผลในการถือหุ้นบริษัทของนายเอก ถือว่าเป็นเงินได้จากเงินปันผลจากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล อันเป็นเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 4 ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 40(4)(ข)
–เงินได้จากการเปิดร้านขายของชำของนายเอก ถือว่าเป็นเงินได้จากการพาณิชย์ อันเป็นเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 8 ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 40(8)
–เงินเดือนของนางโทในการเป็นลูกจ้างของบริษัทฯ ถือว่าเป็นเงินได้จากการจ้างแรงงานอันเป็นเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 1 ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 40(1)
–เงินได้จากการมีบ้านให้เช่าของนางโท ถือว่าเป็นเงินได้จากการให้เช่าทรัพย์สิน อันเป็นเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 5 ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 40(5)(ก)
2 เงินได้จากการเปิดร้านขายของชำของนายเอก และค่าเช่าบ้านของนางโท อันเป็นเงินได้พึงประเมินตามประมวลรัษฎากร มาตรา 40(8) และมาตรา 40(5)(ก) ตามลำดับ ต้องนำมายื่นแบบแสดงรายการ (ภ.ง.ด. 94) เพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแบบครึ่งปี ภายในเดือนกันยายน 2550 ตามประมวลรัษฎากรมาตรา 56 ทวิ วรรคแรก
3 โดยหลัก ถ้าสามีและภริยาอยู่ร่วมกันตลอดปีภาษี เงินได้ของภริยาให้ถือเป็นเงินได้ของสามี แต่ภริยามีสิทธิที่จะนำเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 1 ตามมาตรา 40(1) มาแยกยื่นรายการภาษีโดยมิให้ถือเป็นเงินได้ของสามี
เงินเดือนของนางโท เป็นเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 1 ตามมาตรา 40(1) ในกรณีนี้ นางโทมีสิทธิแยกยื่นรายการภาษี เฉพาะในส่วนของเงินเดือน โดยมิให้ถือเป็นเงินได้ของสามีได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 57 เบญจ วรรคแรก
ส่วนเงินจากค่าเช่าบ้านของนางโท เมื่อได้ความว่า นายเอกและนางโทได้อยู่ร่วมกันตลอดปีภาษีเงินได้ดังกล่าวจึงเป็นเงินได้ของนายเอกสามี ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 57 ตรี และในกรณีนี้ นางโทไม่มีสิทธิแยกยื่นรายการภาษี ตามประมวลรัษฎากร 57 เบญจ เพราะมิใช่เป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(1)
ข้อ 3 ไทยเดินทะเล จำกัด เป็นบริษัทรับจ้างขนส่งสินค้าระหว่างประเทศที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย ในรอบระยะเวลาบัญชี 2550 บริษัทฯมีรายได้จากการประกอบกิจการดังนี้
ก. รายได้จากการขนสินค้าจากประเทศไทยไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา จำนวน 400 ล้านบาท
ข. รายได้จากการขนส่งสินค้าจากประเทศอินเดีย จำกัด ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลจากรายได้ดังกล่าวตามประมวลรัษฎากรอย่างไร เพราะเหตุใด
จงวินิจฉัยว่า บริษัทไทยเดินทะเล จำกัด ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลจากรายได้ดังกล่าวตามประมวลรัษฎากรอย่างไร เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 66 วรรคแรก บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยหรือที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศและกระทำกิจการในประเทศไทย ต้องเสียภาษีตามบทบัญญัติในส่วนนี้
วินิจฉัย
โดยหลักแล้ว บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จดทะเบียนตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยจะต้องนำรายได้จากทั่วโลก (Worldwide Income Basis) มาคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามประมวลรัษฎากรโดยรวมสาขาในต่างประเทศทุกสาขา
บริษัทไทยเดินทะเล จำกัด เป็นบริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย ดังนั้นในรอบระยะเวลาบัญชี 2550 บริษัทไทยเดินทะเล จำกัด ต้องนำรายได้จากการประกอบการทั้งหมด ทั้งตาม (ก) และ (ข) เป็นจำนวนทั้งสิ้น 1,000 ล้านบาท มาคำนวณกำไรสุทธิ เพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามประมวลรัษฎากรมาตรา 66 วรรคแรก ทั้งนี้ ไม่ว่าเงินได้ดังกล่าวจะเกิดจากการขนส่งสินค้ามาจากหรือไปจากที่ใดก็ตาม หากได้ความว่า บริษัทดังกล่าวได้จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยแล้ว ต้องนำมาคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามประมวลรัษฎากรทั้งสิ้น
สรุป บริษัทไทยเดินทะเล จำกัด ต้องนำรายได้จากการประกอบการทั้งหมด 1,000 ล้านบาท มาคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามประมวลรัษฎากร
ข้อ 4 บริษัทโรม จำกัด เป็นบริษัทที่จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายของประเทศอิตาลี ไม่มีสาขาหรือสถานประกอบการในประเทศไทย ได้ทำสัญญารับจ้างซ่อมเครื่องบินของกองทัพอากาศไทย โดยบริษัทโรง จำกัด ได้ส่งตัวแทนเข้ามาทำสัญญารับจ้างซ่อมเครื่องบินในประเทศไทย แต่การซ่อมเครื่องบินได้กระทำที่ประเทศอิตาลี เมื่อการซ่อมเครื่องบินแล้วเสร็จ ทางกองทัพอากาศไทยต้องจ่ายค่าจ้างให้แก่บริษัทโรม จำกัด ตามสัญญาจ้างเป็นเงินทั้งสิ้น 10 ล้านบาท อยากทราบว่า บริษัทโรม จำกัด จะต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลให้กับประเทศไทยหรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 40 เงินได้พึงประเมินนั้น คือ เงินได้ประเภทดังต่อไปนี้รวมตลอดถึงเงินค่าภาษีอากรที่ผู้จ่ายเงินหรือผู้อื่นออกแทนให้สำหรับเงินได้ประเภทต่างๆดังกล่าว ไม่ว่าในทอดใด
(7) เงินได้จากการรับเหมาที่ผู้รับเหมาต้องลงทุนด้วยการจัดหาสัมภาระในส่วนสำคัญนอกจากเครื่องมือ
มาตรา 70 วรรคแรก บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศมิได้ประกอบกิจการในประเทศไทยแต่ได้รับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(2)(3)(4)(5) หรือ (6) ที่จ่ายจากหรือในประเทศไทย ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นเสียภาษี โดยให้ผู้จ่ายหักภาษีจากเงินได้พึงประเมินที่จ่ายตามอัตราภาษีเงินได้สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล แล้วนำส่งอำเภอท้องที่พร้อมกับยื่นรายการตามแบบที่อธิบดีกำหนดภายในเจ็ดวันนับแต่วันสิ้นเดือนของเดือนที่จ่ายเงินได้พึงประเมินนั้น ทั้งนี้ให้นำมาตรา 54 มาใช้บังคับโดยอนุโลม
มาตรา 76 ทวิ วรรคแรก บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ มีลูกจ้าง หรือผู้ทำการแทน หรือผู้ทำการติดต่อ ในการประกอบกิจการในประเทศไทย ซึ่งเป็นเหตุให้ได้รับเงินได้หรือผลกำไรในประเทศไทย ให้ถือว่าบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นประกอบกิจการในประเทศไทยและให้ถือว่าบุคคลผู้เป็นลูกจ้างหรือผู้ทำการแทน หรือผู้ทำการติดต่อเช่นว่านั้นไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล เป็นตัวแทนของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ และให้บุคคลนั้นมีหน้าที่และความรับผิดในการยื่นรายการและเสียภาษีตามบทบัญญัติในส่วนนี้ เฉพาะที่เกี่ยวกับเงินได้หรือผลกำไรที่กล่าวแล้ว
วินิจฉัย
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ และไม่มีสาขาในประเทศไทย หากมีลักษณะตามที่ประมวลรัษฎากร มาตรา 76 ทวิ วรรคแรก กำหนดไว้ให้ถือว่าบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นประกอบกิจการในประเทศไทย ซึ่งมีหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
1 บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ
2 มีลูกจ้างหรือผู้ทำการแทน หรือผู้ทำการติดต่อในประเทศไทย
3 ซึ่งเป็นเหตุให้ได้รับเงินหรือผลกำไรในประเทศไทย สำหรับตามเงื่อนไขประการที่ 3 นี้ต้องพิจารณา ตามลักษณะของสัญญาด้วย เช่น สัญญาจ้างทำของหรือให้บริการ ให้ถือเอาสถานที่ให้บริการเป็นสำคัญ หากรับจ้างทำของหรือให้บริการนั้นได้ทำในต่างประเทศทั้งหมดก็ไม่ถือว่าบริษัทต่างประเทศนั้นประกอบกิจการในประเทศไทย แม้สัญญานั้นจะได้ทำในประเทศไทยก็ตาม
บริษัทโรม จำกัด เป็นบริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ ได้ส่งตัวแทนเข้ามาทำสัญญารับจ้างซ่อมเครื่องบินในประเทศไทย แต่การซ่อมเครื่องบินอันถือว่าเป็นสาระสำคัญของสัญญาจ้างทำของได้กระทำที่ประเทศอิตาลี เช่นนี้ จึงถือไม่ได้ว่า บริษัทโรม จำกัด ได้ประกอบกิจการในประเทศไทย อันเป็นเหตุให้ได้รับเงินได้หรือผลกำไรแต่อย่างใด ดังนั้น จึงไม่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลจากกำไรสุทธิตามประมวลรัษฎากร มาตรา 76 ทวิ วรรคแรก รวมทั้งเงินค่าซ่อมเครื่องบินอันเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(7) ที่กระทำ ณ ประเทศอิตาลี ก็ไม่ต้องเสียภาษีเพราะไม่เข้าเงื่อนไขตามมาตรา 70 วรรคแรกเช่นกัน ทั้งนี้เนื่องจากมิใช่เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(2)(3)(4) หรือ (6) ดังนั้น บริษัทโรม จำกัด จึงไม่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามประมวลรัษฎากรแต่อย่างใด
สรุป บริษัทโรม จำกัด ไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลให้กับประเทศไทย