การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2553
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW3012 กฎหมายปกครอง
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 4 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)
ข้อ 1 ผู้บริหารการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ได้รับมอบหุ้นจากบริษัท ประสิทธิ์การช่าง จำกัด ที่จะรับว่าจ้างก่อสร้างทางด่วน ต่อมาจึงได้อนุมัติให้จัดทำสัญญาว่าจ้างกับบริษัทดังกล่าว ขอให้ท่านวินิจฉัยว่า คำสั่งอนุมัติให้จัดทำสัญญาดังกล่าวนี้ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เพราะเหตุใด ขอให้อธิบายพร้อมยกหลักกฎหมายประกอบ
ธงคำตอบ
ตาม พ.ร.บ. วิธีพิจารณาราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 มาตรา 5 “คำสั่งทางปกครอง” หมายความว่า
(1) การใช้อำนาจตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ที่มีผลเป็นการสร้างนิติสัมพันธ์ขึ้นระหว่างบุคคลในอันที่จะก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน ระงับ หรือมีผลกระทบต่อสถานภาพของสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคล ไม่ว่าจะเป็นการถาวรหรือชั่วคราว เช่น การสั่งการ การอนุญาต การอนุมัติ การวินิจฉัย อุทธรณ์ การรับรอง และการรับจดทะเบียน แต่ไม่ไหมายความรวมถึงการออกกฎ
มาตรา 13 เจ้าหน้าที่ดังต่อไปนี้จะทำการพิจารณาทางปกครองไม่ได้
(1) เป็นคู่กรณีเอง
(2) เป็นคู่หมั้นหรือคู่สมรสของคู่กรณี
(3) เป็นญาติของคู่กรณี คือ เป็นบุพการีหรือผู้สืบสันดานไม่ว่าชั้นใดๆ หรือเป็นพี่น้องหรือลูกพี่ลูกน้องนับได้เพียงสามชั้น หรือเป็นญาติเกี่ยวกันทางแต่งงานนับได้เพียงสองชั้น
(4) เป็นหรือเคยเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมหรือผู้พิทักษ์หรือผู้แทนหรือตัวแทนของคู่กรณี
(5) เป็นเจ้าหนี้หรือลูกหนี้ หรือเป็นนายจ้างของคู่กรณี
(6) กรณีอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
และมาตรา 16 บัญญัติหลักไว้ว่า
ในกรณีมีเหตุอื่นใดนอกจากที่บัญญัติไว้ในมาตรา 13 เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่หรือกรรมการในคณะกรรมการที่มีอำนาจพิจารณาทางปกครองซึ่งมีสภาพร้ายแรงอันอาจทำให้การพิจารณาทางปกครองไม่เป็นกลาง เจ้าหน้าที่หรือกรรมการผู้นั้นจะทำการพิจารณาทางปกครองในเรื่องนั้นไม่ได้
วินิจฉัย
โดยหลักแล้ว ในการพิจารณาทางปกครองนั้น ถ้าเจ้าหน้าที่ผู้ใดมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับคู่กรณีอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 13 เจ้าหน้าที่ผู้นั้นจะทำการพิจารณาทางปกครองไม่ได้ หรือถ้าในกรณีที่มีพฤติกรรมอันแสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจพิจารณาทางปกครองจะไม่มีความเป็นกลาง เจ้าหน้าที่ผู้นั้นก็จะทำการพิจารณาทางปกครองในเรื่องนั้นไม่ได้เช่นเดียวกัน (มาตรา 16) ในกรณีที่มีการฝ่าฝืนบทบัญญัติดังกล่าว และได้มีการออกคำสั่งทางปกครอง คำสั่งทางปกครองที่ออกมาย่อมเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ข้อเท็จจริงตามอุทาหรณ์ การที่ผู้บริหารการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ได้รับมอบหุ้นจากบริษัท ประสิทธิ์การช่าง จำกัด ที่จะรับว่าจ้างก่อสร้างทางด่วน ดังนี้จะเห็นได้ว่าผู้บริหารฯในฐานะเจ้าหน้าที่กับบริษัทฯในฐานะคู่กรณีนั้น แม้จะไม่มีความสัมพันธ์ในทางส่วนตัวตามมาตรา 13 ก็ตาม แต่โดยพฤติการณ์แล้วถ้าให้ผู้บริหารฯ ดังกล่าวทำการพิจารณาแล้ว ผู้บริหารย่อมมีแนวโน้มที่จะอนุมัติให้มีการจัดทำสัญญาว่าจ้างกับบริษัทฯดังกล่าวได้ เพราะการที่ได้รับมอบหุ้นของผู้บริหารฯนั้น อาจเป็นเหตุจูงใจให้ผู้บริหารฯ สั่งการเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัทฯนั้นได้ กรณีนี้จึงถือได้ว่ามีสภาพร้ายแรงอันอาจทำให้การพิจารณาทางปกครองไม่เป็นกลางได้ ดังนั้นตามมาตรา 16 ผู้บริหารฯดังกล่าวจะทำการพิจารณาทางปกครองในเรื่องนี้ไม่ได้ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าผู้บริหารฯได้พิจารณาและได้มีการอนุมัติให้จัดทำสัญญาว่าจ้างกับบริษัทฯ คำสั่งอนุมัติดังกล่าวซึ่งถือว่าเป็นคำสั่งทางปกครองตามมาตรา 5 จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะเป้นคำสั่งที่ออกมาโดยฝ่าฝืนมาตรา 16
สรุป คำสั่งอนุมัติให้จัดทำสัญญากับบริษัทดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ข้อ 2 นายแดงเป็นสมาชิกของพรรคการเมืองแห่งหนึ่ง และเคยเป็นบุคคลล้มละลาย ต้องการสมัครเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนในหน่วยงานราชการแห่งหนึ่ง ขอให้ท่านวินิจฉัยว่าหน่วยงานราชการแห่งนั้นจะรับสมัครนายแดงเข้ารับราชการได้หรือไม่ เพราะเหตุใด ขอให้ท่านอธิบายพร้อมยกหลักกฎหมายประกอบ
ธงคำตอบ
ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 มาตรา 36 ข. (5) และ(6) ได้บัญญัติไว้ว่า
ผู้ที่จะเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือน ต้องมีคุณสมบัติทั่วไปและไม่มีลักษณะต้องห้ามดังต่อไปนี้
ข. ลักษณะต้องห้าม
(5) เป็นกรรมการหรือผู้ดำรงตำแหน่งที่รับผิดชอบในการบริหารพรรคการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ในพรรคการเมือง
(6) เป็นบุคคลล้มละลาย
วินิจฉัย
จากหลักกฎหมายดังกล่าวในข้อ ข. (5) จะเห็นว่าลักษณะต้องห้ามของบุคคลที่จะเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนนั้น กฎหมายห้ามเฉพาะ การเป็นกรรมการหรือผู้ดำรงตำแหน่งที่รับผิดชอบในการบริหารพรรคการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ในพรรคการเมืองเท่านั้น แต่ไม่ได้ห้ามการเป็นสมาชิกพรรคการเมือง และในข้อ ข.(6) กฎหมายก็ห้ามเฉพาะการเป็นบุคคลล้มละลายเท่านั้น แต่ไม่ได้ห้ามบุคคลที่ “เคยเป็น” บุคคลล้มละลายแต่อย่างใด
ดังนั้นตามอุทาหรณ์ การที่นายแดงเป็นสมาชิกของพรรคการเมือง และเคยเป็นบุคคลล้มละลายนั้น นายแดงจึงไม่เป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามในการเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือน เมื่อนายแดงต้องการสมัครเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนในหน่วยงานราชการ หน่วยงานราชการแห่งนั้นย่อมสามารถที่จะรับสมัครนายแดงเข้ารับราชการได้
สรุป หน่วยงานราชการแห่งนั้นสามารถรับสมัครนายแดงเข้ารับราชการได้ เพราะนายแดงไม่มีคุณสมบัติที่เข้าลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย
ข้อ 3 การจัดระเบียบราชการในจังหวัดเชียงใหม่ และกรุงเทพมหานคร เป็นไปตามหลักการใด มีสาระสำคัญอย่างไร มีลักษณะเหมือนกันหรือแตกต่างกันอย่างไร จงอธิบายตามที่ได้ศึกษามา
ธงคำตอบ
1 การจัดระเบียบราชการในจังหวัดเชียงใหม่ ก็เหมือนกับการจัดระเบียบราชการในจังหวัดต่างๆทั่วๆไป (ยกเว้นกรุงเทพมหานคร) คือ เป็นไปตามหลักการรวมอำนาจ แบบการกระจายการรวมศูนย์อำนาจปกครองหรือการแบ่งอำนาจปกครอง ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่นั้นถือว่าเป็นราชการส่วนภูมิภาค และการจัดระเบียบบริหารราชการนั้นเป็นไปตาม พ.ร.บ. ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ซึ่งตามพระราชบัญญัติดังกล่าวได้กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจัดระเบียบบริหารราชการในจังหวัดไว้ดังนี้ คือ
(1) ให้รวมท้องที่หลายๆอำเภอตั้งขึ้นเป็นจังหวัด มีฐานะเป็นนิติบุคคล
(2) ในจังหวัดหนึ่ง ให้มีผู้ว่าราชการจังหวัดคนหนึ่งเป็นผู้รับนโยบายและคำสั่งจากนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาล คณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม มาปฏิบัติการให้เหมาะสมกับท้องที่และประชาชน และเป็นหัวหน้าบังคับบัญชาบรรดาข้าราชการฝ่ายบริหาร ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในราชการส่วนภูมิภาคในเขตจังหวัดและรับผิดชอบในราชการจังหวัดและอำเภอ และจะให้มีรองผู้ว่าราชการจังหวัด หรือผู้ช่วยผู้ว่าราชการจังหวัด หรือทั้งรองผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ช่วยผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นผู้ช่วยสั่งและปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดก็ได้ ผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้ช่วยผู้ว่าราชการจังหวัด สังกัดกระทรวงมหาดไทย
(3) ในจังหวัดหนึ่งนอกจากจะมีผู้ว่าราชการจังหวัดแล้ว ให้มีปลัดและหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัด ซึ่ง กระทรวง ทบวง กรมต่างๆส่งมาประจำ ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเหลือผู้ว่าราชการจังหวัดและมีอำนาจบังคับบัญชาข้าราชการฝ่ายบริหารส่วนภูมิภาค ซึ่งสังกัดกระทรวง ทบวง กรม นั้นในจังหวัดนั้น
(4) ให้แบ่งส่วนราชการของจังหวัดดังนี้
(ก) สำนักงานจังหวัด มีหน้าที่เกี่ยวกับราชการทั่วไป และการวางแผนพัฒนาจังหวัดนั้น มีหัวหน้าสำนักงานจังหวัดเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการและรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของสำนักงานจังหวัด
(ข) ส่วนราชการต่างๆ ซึ่ง กระทรวง ทบวง กรม ได้ตั้งขึ้น มีหน้าที่เกี่ยวกับราชการของกระทรวง ทบวง กรมนั้นๆ มีหัวหน้าราชการประจำจังหวัดนั้นๆเป็นผู้ปกครองบังคับบัญชา
2 การจัดระเบียบราชการในกรุงเทพมหานคร เป็นไปตามหลักการกระจายอำนาจกรุงเทพมหานครถือเป็นราชการส่วนท้องถิ่นระบบพิเศษ โดยการจัดระเบียบบริหารราชการเป็นไปตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 ซึ่งพระราชบัญญัติดังกล่าวได้กำหนดเกี่ยวกับการจัดระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานครไว้ดังนี้
(1) ให้กรุงเทพมหานคร (กทม.) มีฐานะเป็นนิติบุคคล และเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่น มีระเบียบการบริหารตามพระราชบัญญัติดังกล่าว และมีอาณาเขตท้องที่ตามที่กรุงเทพมหานครมีอยู่ในวันที่พระราชบัญญัติดังกล่าวใช้บังคับ
(2) ให้แบ่งพื้นที่การบริหารกรุงเทพมหานคร เป็นเขตและแขวงตามพื้นที่เขตและแขวงที่มีอยู่ในวันที่พระราชบัญญัติดังกล่าวใช้บังคับ
(3) การบริหารกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย สภากรุงเทพมหานคร และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งมาจากการเลือกตั้งของประชาชนตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 4 ปี
(4) การจัดระเบียบราชการของกรุงเทพมหานคร
(ก) ส่วนราชการของกรุงเทพมหานคร มีปลัดกรุงเทพมหานครเป็นผู้บังคับบัญชา ข้าราชการกรุงเทพมหานคร และลูกจ้างกรุงเทพมหานคร และรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของสำนักงานปลัดกรุงเทพมหานคร โดยมีการจัดระเบียบราชการกรุงเทพมหานคร ดังนี้ สำนักงานเลขานุการสภากรุงเทพมหานคร สำนักงานเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการกรุงเทพมหานคร สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร สำนักหรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่น ซึ่งมีฐานะเป็นสำนัก สำนักงานเขต และสภาเขต
(ข) สภาเขต ในเขตหนึ่งๆให้มีสภาเขตประกอบด้วยสมาชิกซึ่งมาจากการเลือกตั้งมีจำนวนอย่างน้อยเขตละ 7 คน ถ้าเขตใดมีราษฎรเกินหนึ่งแสนคน ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาเขตในเขตนั้นเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคนต่อราษฎรหนึ่งแสนคน อายุของสภาเขตมีกำหนดคราวละ 4 ปีนับแต่วันเลือกตั้ง
ข้อ 4 นายทองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลฯ ได้ถูกประชาชนร้องเรียนว่าทุจรติต่อหน้าที่ในการรับสินบน นายอำเภอจึงได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนฯ และสั่งสอบสวนเป็นการลับ คณะกรรมการสอบสวนฯจึงไม่ได้มีการแจ้งให้นายทองทราบข้อเท็จจริงตามที่ถูกกล่าวหา และให้สิทธิในการโต้แย้งและแสดงพยานหลักฐานแต่อย่างใด จากการสอบสวนนายอำเภอได้ผลสรุปแจ้งต่อผู้ว่าราชการจังหวัดว่าเป็นไปตามที่มีการร้องเรียนจริง และเสนอให้นายทองพ้นจากตำแหน่ง ต่อมาผู้ว่าราชการจังหวัดฯได้มีคำสั่งเป็นหนังสือให้นายทองพ้นจากตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลฯ และได้ระบุในคำสั่งที่แจ้งแก่นายทองว่าหากไม่เห็นด้วยสามารถอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วัน หลังจากนั้นอีก 2 เดือนนายทองจึงได้อุทธรณ์ให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดได้ปฏิเสธการรับพิจารณาอุทธรณ์ ดังนั้น หากนายทองประสงค์จะฟ้องกรณีนี้เป็นคดีต่อศาลปกครอง ท่านจะแนะนำนายทองในกรณีนี้อย่างไร
ธงคำตอบ
ตาม พ.ร.บ. สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2546 มาตรา 92 หากปรากฏว่านายกองค์การบริหารส่วนตำบล … กระทำการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยหน้าที่ ให้นายอำเภอดำเนินการสอบสวนโดยเร็ว ในกรณีที่ผลการสอบสวนปรากฏว่านายกองค์การบริหารส่วนตำบล มีพฤติกรรมดังกล่าวจริง ให้นายอำเภอเสนอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งให้บุคคลดังกล่าวพ้นจากตำแหน่ง ทั้งนี้ คำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดให้เป็นที่สุด
ตาม พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 มาตรา 30 วรรคแรก ในกรณีที่คำสั่งทางปกครองอาจกระทบถึงสิทธิของคู่กรณี เจ้าหน้าที่ต้องให้คู่กรณีมีโอกาสที่จะได้ทราบข้อเท็จจริงอย่างเพียงพอ และมีโอกาสได้โต้แย้งและแสดงพยานหลักฐานของตน
ตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2543 มาตรา 9 วรรคแรก ศาลปกครองมีอำนาจพิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งในเรื่อง ดังต่อไปนี้
(1) คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการออกกฎ คำสั่ง หรือการกระทำอื่นใดเนื่องจากกระทำโดยไม่มีอำนาจหรือนอกเหนืออำนาจหน้าที่ หรือไม่ถูกต้องตามกฎหมาย หรือโดยไม่ถูกต้องตามรูปแบบขั้นตอนหรือวิธีการอันเป็นสาระสำคัญที่กำหนดไว้สำหรับการกระทำนั้น
มาตรา 42 วรรคแรก ผู้ใดได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหาย หรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้อันเนื่องจากการกระทำหรืองดเว้นการกระทำของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง หรือกรณีอื่นใดที่อยู่ในเขตอำนาจศาลปกครองตามมาตรา 9 และการแก้ไขหรือบรรเทาความเดือดร้อนหรือความเสียหายหรือยุติข้อโต้แย้งนั้นต้องมีคำบังคับตามที่กำหนดในมาตรา 72 ผู้นั้นมีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครอง
มาตรา 72 ในการพิพากษาคดีศาลปกครองมีอำนาจกำหนดคำบังคับอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้
(1) สั่งให้เพิกถอนกฎหรือคำสั่งห้ามการกระทำทั้งหมดหรือบางส่วน ในกรณีที่มีการฟ้องว่าหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา 9 วรรคแรก (1)
วินิจฉัย
จากข้อเท็จจริงตามอุทาหรณ์ ประกอบกับหลักกฎหมายดังกล่าวข้างต้น ข้าพเจ้าจะแนะนำแก่นายทอง ดังนี้คือ
ประเด็นที่ 1 การที่ผู้ว่าราชการจังหวัดได้มีคำสั่งให้นายทองพ้นจากตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลฯ ตามที่นายอำเภอเสนอนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจกระทำได้ตาม พ.ร.บ. สภาตำบล และองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2546 และคำสั่งดังกล่าวของผู้ว่าราชการจังหวัดนั้นให้เป็นที่สุด
อนึ่ง ที่ว่าคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดให้เป็นที่สุดนั้น หมายความเฉพาะให้เป็นที่สุดภายในของฝ่ายปกครองเท่านั้น ถ้าหากปรากฏข้อเท็จจริงว่า คำสั่งทางปกครองนั้น (คำสั่งให้นายทองพ้นจากตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลฯ) เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายก็ไม่ต้องห้ามในการที่จะนำคดีนั้นไปฟ้องร้องต่อศาลปกครองเพื่อให้ศาลปกครองเพิกถอนคำสั่งนั้นได้ โดยไม่ต้องอุทธรณ์ต่อผู้ว่าราชการจังหวัด
ประเด็นที่ 2 แม้นายอำเภอจะให้มีการสอบสวนเป็นการลับ แต่เมื่อคำสั่งฯที่ออกมานั้น มีผลกระทบต่อสิทธิของนายทองโดยตรง การที่คณะกรรมการฯมิได้แจ้งให้นายทองทราบข้อเท็จจริงตามที่ถูกกล่าวหาซึ่งทำให้นายทองไม่สามารถโต้แย้งและแสดงพยานหลักฐานของตนได้เป็นการไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติตามมาตรา 30 แห่ง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539
ประเด็นที่ 3 เมื่อนายทองเห็นว่าคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งเป็นคำสั่งทางปกครองไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากกระทำโดยไม่ถูกต้องตามรูปแบบขั้นตอนหรือวิธีการอันเป็นสาระสำคัญที่กำหนดไว้สำหรับการกระทำนั้น นายทองสามารถนำคดีไปฟ้องต่อศาลปกครองเพื่อให้เพิกถอนคำสั่งทางปกครองดังกล่าวได้ ตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ มาตรา 9 วรรคแรก (1) ประกอบมาตรา 72(1) เนื่องจากนายทองเป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนเสียหาย หรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้อันเนื่องจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ของรัฐตามมาตรา 42 วรรคแรก
สรุป ข้าพเจ้าจะแนะนำแก่นายทองว่า นายทองสามารถฟ้องคดีนี้ต่อศาลปกครองเพื่อให้เพิกถอนคำสั่งฯนั้นได้ตามเหตุผลดังกล่าวข้างต้น