การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2548
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW3012 กฎหมายปกครอง
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 4 ข้อ
ข้อ 1 นายรักชาติ สามัคคี รับราชการตำแหน่งนิติกร ระดับ 6 กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม ต่อมาอธิบดีกรมทางหลวงมีคำสั่งไล่นายรักชาติออกจากราชการ เนื่องจากกระทำการทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ นายรักชาติเห็นว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรมจากคำสั่งดังกล่าว จึงนำคดีมาฟ้องต่อศาลปกครองเพื่อขอให้เพิกถอนคำสั่งกรมทางหลวงที่ไล่ตนออกจากราชการ ท่านเห็นว่าศาลปกครองจะรับคำฟ้องของนายรักชาติไว้พิจารณาได้หรือไม่ อย่างไร
ธงคำตอบ
ตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542
มาตรา 3 ในพระราชบัญญัตินี้
“เจ้าหน้าที่รัฐ” หมายความว่า
(1) ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง คณะบุคคล หรือผู้ที่ปฏิบัติงานในหน่วยงานทางปกครอง
(2) คระกรรมการวินิจฉัยข้อพิพาท คณะกรรมการหรือบุคคลซึ่งมีกฎหมายให้อำนาจในการออกกฎ คำสั่ง หรือมติใดๆที่มีผลกระทบต่อบุคคล และ
(3) บุคคลที่อยู่ในบังคับบัญชา หรือในกำกับดูแลของหน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐตาม (1) หรือ (2)
มาตรา 9 ศาลปกครองมีอำนาจพิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งในเรื่องดังต่อไปนี้
(1) คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการออกกฎ คำสั่ง หรือการกระทำอื่นใดเนื่องจากการกระทำโดยไม่มีอำนาจหรือนอกเหนืออำนาจหน้าที่ หรือไม่ถูกต้องตามกฎหมาย หรือโดยไม่ถูกต้องตามรูปแบบขั้นตอนหรือวิธีการอันเป็นสาระสำคัญที่กำหนดไว้สำหรับการกระทำนั้น หรือโดยไม่สุจริต หรือมีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม หรือมีลักษณะเป็นการสร้างขั้นตอนโดยไม่จำเป็นหรือสร้างภาระให้เกิดกับประชาชนเกินสมควร หรือเป็นการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ
มาตรา 42 วรรคสอง ในกรณีที่มีกฎหมายกำหนดขั้นตอนหรือวิธีการสำหรับการแก้ไขความเดือดร้อนหรือเสียหายในเรื่องใดไว้โดยเฉพาะ การฟ้องคดีปกครองในเรื่องนั้นจะกระทำได้ต่อเมื่อมีการดำเนินการตามขั้นตอน และวิธีการดังกล่าว และได้มีการสั่งการตามกฎหมายนั้น หรือมิได้มีการสั่งการภายในเวลาอันสมควร หรือภายในเวลาที่กฎหมายนั้นกำหนด
ตาม พ.ร.บ. ข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535
มาตรา 124 ผู้ใดถูกสั่งลงโทษตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ผู้นั้นมีสิทธิอุทธรณ์ได้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่บัญญัติไว้ในหมวดนี้
วินิจฉัย
เมื่อพิจารณาคู่พิพาท ได้แก่ นายรักชาติ สามัคคี ซึ่งเป็นข้าราชการพลเรือน สังกัดกรมทางหลวง จึงเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามคำนิยามในมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 กับอธิบดีกรมทางหลวง ซึ่งเป็นผู้บริหารในกรมทางหลวง จึงเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติเดียวกัน ส่วนประเด็นที่พิพาทนั้นเกิดจากการที่นายรักชาติเห็นว่า อธิบดีกรมทางหลวงมีคำสั่งไล่นายรักชาติออกจากราชการโดยไม่เป็นธรรม ทำให้นายรักชาติได้รับความเดือดร้อนเสียหายจากคำสั่งดังกล่าว กรณีจึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา 9 วรรคหนึ่ง (1) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากนายรักชาติ ยังไม่ได้แก้ไขเยียวยาความเดือดร้อนเสียหายตามมาตรา 42 วรรคสองแห่งพระราชบัญญัติข้างต้น คือยังไม่ได้อุทธรณ์ต่อ ก.พ. ตามที่พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 กำหนดไว้ ดังนั้นหากนายรักชาตินำคดีดังกล่าวมาฟ้องต่อศาลปกครอง ศาลปกครองจึงไม่อาจรับคดีนี้ไว้พิจารณาได้
ข้อ 2 ก “ข้าราชการพลเรือน” ตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 หมายถึง บุคคลใด และอาจารย์ในมหาวิทยาลัยของรัฐเป็นข้าราชการพลเรือนหรือไม่ เพราะเหตุใด
ข ในกรณีที่ข้าราชการพลเรือน ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ผู้บังคับบัญชาจะมีกระบวนการดำเนินการทางวินัยแก่ข้าราชการพลเรือนผู้นั้นตลอดจนลงโทษได้อย่างไร ขอให้อธิบายพร้อมยกหลักกฎหมายประกอบ
ธงคำตอบ
ก “ข้าราชการพลเรือน” หมายความว่า บุคคลซึ่งได้รับบรรจุและแต่งตั้งตามพระราชบัญญัตินี้ให้รับราชการโดยได้รับเงินเดือนจากเงินงบประมาณหมวดเงินเดือน ในกระทรวงทบวงกรมฝ่ายพลเรือน (มาตรา 4)
อาจารย์ในมหาวิทยาลัยของรัฐไม่ถือเป็นข้าราชการพลเรือน เนื่องจากไม่ได้รับบรรจุแต่งตั้งตามพระราชบัญญัตินี้ แต่บรรจุและแต่งตั้งตามพระราชบัญญัติอื่น
ข ผู้บังคับบัญชาต้องทำการสืบสวนในเบื้องต้นก่อน (ตามมาตรา 99 วรรค 5) และถ้าเห็นว่า มีมูลที่ควรกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยให้สอบสวนเพื่อให้ได้ความจริงและยุติธรรมโดยไม่ชักช้า และในการสอบสวนให้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนและดำเนินการตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 102 และถ้าการสอบสวนปรากฏว่าข้าราชการพลเรือนกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ก็ให้ดำเนินการลงโทษตามกระบวนการและโทษที่กำหนดในมาตรา 104 คือให้ผู้บังคับบัญชาสั่งลงโทษปลดออก หรือไล่ออก ตามความร้ายแรงแห่งกรณี ถ้ามีเหตุอันควรลดหย่อนจะนำมาประกอบการพิจารณาลดโทษก็ได้ แต่ห้ามมิให้ลดโทษลงต่ำกว่าปลดออก
ข้อ 3 ก “มาตรการบังคับทางปกครอง” ตาม พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 หมายถึงอะไร และจะใช้มาตรการบังคับทางปกครองกับเจ้าหน้าที่ด้วยกัน ได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
ข ในกรณีที่คำสั่งทางปกครองกำหนดให้กระทำหรือละเว้นกระทำ ถ้าผู้อยู่ในบังคับของคำสั่งทางปกครองฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม เจ้าหน้าที่อาจใช้มาตรการบังคับอย่างใดได้บ้าง ขอให้อธิบายพร้อมยกหลักกฎหมายประกอบ
ธงคำตอบ
ก “การบังคับทางปกครอง” ตาม พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 หมายถึง การดำเนินการของเจ้าหน้าที่โดยใช้มาตรการบังคับทางปกครองกับประชาชนที่มีภาระผูกพันต้องปฏิบัติการตามหน้าที่เพื่อให้เป็นไปตามคำสั่งทางปกครอง (มาตรา 56 วรรคหนึ่ง) แต่การบังคับทางปกครองไม่ใช้กับเจ้าหน้าที่ด้วยกัน เว้นแต่จะมีกฎหมายกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น (มาตรา 55) เพราะเจ้าหน้าที่กระทำการในนามของหน่วยงานของรัฐ ดังนั้นถ้าเจ้าหน้าที่คนหนึ่งไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ผู้ออกคำสั่ง ก็จะไม่ใช้การบังคับทางปกครองเข้าไปบังคับเอาเลยไม่ได้
ข คำสั่งทางปกครองที่กำหนดให้กระทำหรือละเว้นกระทำ ถ้าผู้อยู่ในบังคับของคำสั่งทางปกครองฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม เจ้าหน้าที่อาจใช้มาตรการบังคับทางปกครองอย่างใดอย่างหนึ่ง ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 58 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ดังนี้
(1) เจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการด้วยตนเอง หรือมอบหมายให้บุคคลอื่นกระทำการแทนโดยผู้อยู่ในบังคับของคำสั่งทางปกครองจะต้องชดใช้ค่าใช้จ่ายและเงินเพิ่มในอัตราร้อยละยี่สิบห้าต่อปีของค่าใช้จ่ายดังกล่าวแก่เจ้าหน้าที่
(2) ให้มีการชำระค่าปรับทางปกครองตามจำนวนที่สมควรแก่เหตุแต่ต้องไม่เกินสองหมื่นบาทต่อวัน
ในกรณีที่มีความจำเป็นที่จะต้องบังคับการเร่งด่วนเพื่อป้องกันมิให้มีการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายที่มีโทษในทางอาญา หรือมิให้เกิดความเสียหายต่อประโยชน์สาธารณะ เจ้าหน้าที่อาจใช้มาตรการบังคับทางปกครองโดยไม่ต้องออกคำสั่งทางปกครองให้กระทำหรือละเว้นกระทำก่อนก็ได้ แต่ทั้งนี้ต้องกระทำโดยสมควรแก่เหตุและภายในขอบเขตอำนาจหน้าที่ของตน
ข้อ 4 พระภิกษุธงชัย ได้เข้าศึกษาและศึกษาจนสำเร็จตามหลักสูตรปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย (มหาวิทยาลัยสงฆ์) ปรากฏว่า มหาวิทยาลัยฯ ได้มีหนังสือแจ้งให้พระภิกษุธงชัยทราบว่า มหาวิทยาลัยฯ พิจารณาแล้วเห็นว่า ไม่อาจอนุมัติปริญญาบัตรให้แก่พระภิกษุธงชัยได้ เพราะพระภิกษุธงชัยไม่ได้ปฏิบัติศาสนกิจตามระเบียบของมหาวิทยาลัยฯ ว่าด้วยการปฏิบัติศาสนกิจของผู้สำเร็จการศึกษาหลักสูตรปริญญาตรีที่ได้กำหนดไว้ ดังนั้นจึงไม่อนุมัติปริญญาบัตรให้แก่พระภิกษุธงชัย ต่อมาพระภิกษุธงชัยได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้พระภิกษุธงรบอุทธรณ์เรื่องดังกล่าวเป็นหนังสือต่อทางมหาวิทยาลัยฯ และชี้แจงว่า การที่พระภิกษุธงชัยไม่สามารถปฏิบัติศาสนกิจตามระเบียบของมหาวิทยาลัยฯได้นั้น เพราะอาพาธ ทั้งมีสุขภาพไม่สมบูรณ์และอยู่ระหว่างการรักษาของแพทย์ พร้อมทั้งได้ยื่นใบรับรองแพทย์ของโรงพยาบาลศิริราชประกอบการพิจารณาด้วย หลังจากมหาวิทยาลัยฯ รับหนังสืออุทธรณ์ดังกล่าวแล้วก็เพิกเฉยมิได้ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด พระภิกษุธงชัยจึงมาปรึกษาท่าน เพื่อจะฟ้องมหาวิทยาลัยฯ กรณีไม่อนุมัติปริญญาบัตรให้แก่ตน เป็นคดีต่อศาลปกครอง ดังนี้ท่านจะให้คำปรึกษาแก่พระภิกษุธงชัยในกรณีดังกล่าวนี้อย่างไร
ธงคำตอบ
ตาม พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539
มาตรา 4 พระราชบัญญัตินี้มิให้ใช้บังคับแก่
(9) การดำเนินกิจการขององค์การทางศาสนา
ปละตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครอง และวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542
มาตรา 9 ศาลปกครองมีอำนาจพิจารณาพิพากษา หรือมีคำสั่งในเรื่องดังต่อไปนี้
(1) คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ว่าเป็นการออกกฎ คำสั่ง
มาตรา 42 ผู้ใดได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหาย จากการกระทำหรืองดเว้นการกระทำของหน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้นั้นมีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครอง
มาตรา 72 ในการพิพากษาคดี ศาลปกครองมีอำนาจกำหนดคำบังคับอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้
(1) สั่งให้เพิกถอนกฎหรือคำสั่ง หรือสั่งห้ามการกระทำทั้งหมด หรือบางส่วน ในกรณีที่มีการฟ้องว่าหน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามมาตรา 9 (1)
วินิจฉัย
การดำเนินการหรือกระทำการของมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย (มหาวิทยาลัยสงฆ์) ไม่ตกอยู่ภายใต้บังคับของ พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง (ตาม พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครองฯ มาตรา 4 (9))
กรณีที่มหาวิทยาลัยฯ ไม่อนุมัติให้พระภิกษุธงชัยได้รับปริญญาบัตร จึงเป็นการดำเนินกิจการขององค์การทางศาสนา ที่เกี่ยวกับการจัดการศึกษาให้แก่พระภิกษุ กรณีจึงไม่อาจถือได้ว่าพระภิกษุธงชัยเป็นผู้เสียหาย หรือเดือดร้อนจากข้อพิพาทอันเนื่องมาจากการกระทำทางปกครองของเจ้าหน้าที่ของรัฐ (ตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ มาตรา 42)
ดังนั้น พระภิกษุธงชัย จึงไม่อาจฟ้องเป็นคดีต่อศาลปกครอง (ตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ มาตรา 9 (1)) เพื่อขอให้ศาลปกครองมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเพิกถอนคำสั่งของมหาวิทยาลัยฯ ที่ไม่อนุมัติปริญญาบัตรดังกล่าว (ตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ มาตรา 72)