การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2551
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW3010 กฎหมายล้มละลาย
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน จำนวน 3 ข้อ
ข้อ 1 นายฟ้าฟ้องนายเหลืองให้ล้มละลายโดยบรรยายฟ้องว่า นายเหลืองเป็นบุคคลที่มีหนี้สินล้นพ้นตัว เป็นหนี้ตามสัญญาซื้อขายจำนวน 1,500,000 บาท มีนายเขียวนำที่ดิน 1 แปลงมาเป็นประกัน โดยนายเหลืองยอมให้นายฟ้าบังคับชำระหนี้เอาแก่ทรัพย์สินของตนเกินกว่าตัวทรัพย์ที่นายเขียวนำมาเป็นหลักประกัน และนายเหลืองยังเป็นหนี้เงินตามสัญญากู้ซึ่งยังไม่ถึงกำหนดชำระจำนวน 1,000,000 บาท ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้วเห็นว่า นายฟ้าเป็นเจ้าหนี้มีประกันในหนี้ตามสัญญาซื้อขายจำนวน 1,5000,000 บาท แต่ไม่ได้บรรยายฟ้องว่า จะยอมสละประกันหรือตีราคาหลักประกัน ส่วนหนี้เงินกู้จำนวน 1,000,000 บาทนั้น เป็นหนี้ที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระจึงมีคำสั่งไม่รับฟ้องของนายฟ้า
ดังนี้ ให้วินิจฉัยว่าคำสั่งไม่รับฟ้องของศาลชั้นต้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 6 ในพระราชบัญญัตินี้ เว้นแต่ข้อความจะแสดงให้เห็นเป็นอย่างอื่น
“เจ้าหนี้มีประกัน” หมายความว่า เจ้าหนี้ผู้มีสิทธิเหนือทรัพย์สินของลูกหนี้ในทางจำนอง จำนำ หรือสิทธิยึดหน่วงหรือเจ้าหนี้ผู้มีบุริมสิทธิที่บังคับได้ทำนองเดียวกับผู้รับจำนำ
มาตรา 9 เจ้าหนี้จะฟ้องลูกหนี้ให้ล้มละลายได้ต่อเมื่อ
(1) ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว
(2) ลูกหนี้ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาเป็นหนี้เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์คนเดียวหรือหลายคนเป็นจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งล้านบาท และ
(3) หนี้นั้นอาจกำหนดจำนวนได้โดยแน่นอนไม่ว่าหนี้นั้นจะถึงกำหนดชำระโดยพลัน หรือในอนาคตก็ตาม
มาตรา 10 ภายใต้บังคับมาตรา 9 เจ้าหนี้มีประกันจะฟ้องลูกหนี้ให้ล้มละลายได้ก็ต่อเมื่อ
(1) มิได้เป็นผู้ต้องห้ามมิให้บังคับการชำระหนี้เอาแก่ทรัพย์สินของลูกหนี้เกินกว่าตัวทรัพย์ที่เป็นหลักประกัน และ
(2) กล่าวในฟ้องว่า ถ้าลูกหนี้ล้มละลายแล้ว จะยอมสละหลักประกันเพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้ทั้งหลาย หรือตีราคาหลักประกันมาในฟ้องซึ่งเมื่อหักกับจำนวนหนี้ของตนแล้ว เงินยังขาดอยู่สำหรับลูกหนี้ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาเป็นจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งล้านบาท
วินิจฉัย
โดยหลัก การฟ้องบุคคลธรรมดาเป็นคดีล้มละลายโดยเจ้าหนี้ธรรมดา ตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 9 มีหลักเกณฑ์ 3 ประการคือ
1 ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว
2 ลูกหนี้ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา เป็นหนี้เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์คนเดียวหรือหลายคนเป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาท
3 หนี้นั้นอาจกำหนดจำนวนได้แน่นอน ไม่ว่าหนี้นั้นจะถึงกำหนดชำระโดยพลันหรือในอนาคตก็ตาม
ส่วนการฟ้องคดีล้มละลายโดยเจ้าหนี้มีประกัน ตามนัยมาตรา 6 นอกจากหลักเกณฑ์ที่กล่าวมาข้างต้นแล้วจะต้องปรากฏว่าเจ้าหนี้นั้นมิได้เป็นผู้ต้องห้ามมิให้บังคับชำระหนี้เอาแก่ทรัพย์สินของลูกหนี้เกินกว่าตัวทรัพย์ที่เป็นหลักประกัน และต้องกล่าวในฟ้องว่าถ้าลูกหนี้ล้มละลายแล้วจะยอมสละหลักประกัน ทั้งนี้ตามมาตรา 10
ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยประการแรกมีว่า คำสั่งไม่รับฟ้องของศาลชั้นต้นที่ว่า นายฟ้าเป็นเจ้าหนี้มีประกันแต่ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าจะยอมสละหลักประกันหรือตีราคาหลักประกันนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า เจ้าหนี้มีประกัน ตามนัยมาตรา 6 นั้น จะต้องเป็นกรณีที่เจ้าหนี้มีสิทธิเหนือทรัพย์สินของลูกหนี้ในทางจำนอง จำนำ หรือสิทธิยึดหน่วงหรือมีบุริมสิทธิที่บังคับได้ทำนองเดียวกับผู้รับจำนำเท่านั้น เมื่อข้อเท็จจริงในกรณีนี้ปรากฏว่าที่ดินที่นำมาจำนองเป็นประกันการชำระหนี้นั้นเป็นของนายเขียวซึ่งเป็นบุคคลภายนอกมิใช่ของนายเหลือลูกหนี้ จึงมิใช่กรณีเจ้าหนี้มีสิทธิเหนือทรัพย์สินของลูกหนี้ในทางจำนอง นายฟ้าจึงไม่ใช่เจ้าหนี้มีประกัน นายฟ้าสามารถฟ้องนายเหลืองให้ล้มละลายได้ในฐานะเจ้าหนี้ธรรมดา ตามมาตรา 9 โดยมิต้องปฏิบัติตามมาตรา 10 กล่าวคือ แม้จะมิได้บรรยายฟ้องว่าถ้าลูกหนี้ล้มละลายแล้วจะยอมสละหลักประกันหรือตีราคาหลักประกันตามมาตรา 10(2) ก็ย่อมทำได้ คำสั่งไม่รับฟ้องของศาลในกรณีนี้จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย (ฏ. 3437/2536)
ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยประการต่อมามีว่า คำสั่งไม่รับฟ้องของศาลชั้นต้นที่ว่าหนี้เงินกู้ 1,000,000 บาทนั้นเป็นหนี้ที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า เมื่อนายเหลืองลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว เป็นหนี้เจ้าหนี้จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาท และหนี้เงินกู้ 1,000,000 บาท เป็นหนี้ที่กำหนดจำนวนได้แน่นอน แม้ว่าหนี้นั้นจะยังไม่ถึงกำหนดชำระก็ตาม นายฟ้าก็สามารถฟ้องนายเหลืองเป็นบุคคลล้มละลายได้ ตามมาตรา 9(3) คำสั่งไม่รับฟ้องของศาลในกรณีนี้จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน
สรุป คำสั่งไม่รับฟ้องของศาลชั้นต้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ข้อ 2 นายจันทร์กู้เงินนายอังคารจำนวน 2,000,000 บาท โดยทำหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือลงลายมือชื่อนายจันทร์ผู้กู้ มีนายพุธเป็นผู้ค้ำประกันหนี้เงินกู้นั้น ต่อมาหนี้เงินกู้ถึงกำหนดชำระ นายจันทร์ไม่ชำระหนี้ นายอังคารจึงส่งหนังสือทวงถามถึงนายจันทร์และนายพุธให้ชำระหนี้แล้วจำนวน 2 ครั้ง ซึ่งมีระยะเวลาห่างกันไม่น้อยกว่า 30 วัน และนายจันทร์กับนายพุธก็ไม่ชำระหนี้นั้น นายอังคารจึงฟ้องนายจันทร์และนายพุธเป็นคดีล้มละลาย นายจันทร์ไม่ต่อสู้คดี ส่วนนายพุธต่อสู้ว่า แม้ตนจะมีหนี้สินล้นพ้นตัว ไม่สามารถชำระหนี้ได้ แต่นายจันทร์มีทรัพย์สินมูลค่าเกิน 2,000,000 บาท สามารถชำระหนี้ได้ทั้งหมด จึงขอให้ศาลยกฟ้อง
ดังนี้ ถ้าท่านเป็นศาล
1) ท่านจะมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์นายจันทร์เด็ดขาดหรือไม่ เพราะเหตุใด
2) ท่านจะมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์นายพุธเด็ดขาดหรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 8 ถ้ามีเหตุอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้เกิดขึ้นให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว
(9) ถ้าลูกหนี้ได้รับหนังสือทวงถามจากเจ้าหนี้ให้ชำระหนี้แล้วไม่น้อยกว่าสองครั้ง ซึ่งมีระยะเวลาห่างกันไม่น้อยกว่าสามสิบวัน และลูกหนี้ไม่ชำระหนี้
มาตรา 9 เจ้าหนี้จะฟ้องลูกหนี้ให้ล้มละลายได้ต่อเมื่อ
(1) ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว
(2) ลูกหนี้ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาเป็นหนี้เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์คนเดียวหรือหลายคนเป็นจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งล้านบาท และ
(3) หนี้นั้นอาจกำหนดจำนวนได้โดยแน่นอนไม่ว่าหนี้นั้นจะถึงกำหนดชำระโดยพลัน หรือในอนาคตก็ตาม
มาตรา 14 ในการพิจารณาคดีล้มละลายตามคำฟ้องของเจ้าหนี้นั้น ศาลต้องพิจารณาเอาความจริงตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 9 หรือมาตรา 10 ถ้าศาลพิจารณาได้ความจริง ให้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด แต่ถ้าไม่ได้ความจริง หรือลูกหนี้นำสืบได้ว่าอาจชำระหนี้ได้ทั้งหมดหรือมีเหตุอื่นที่ไม่ควรให้ลูกหนี้ล้มละลาย ให้ศาลยกฟ้อง
วินิจฉัย
กรณีตามอุทาหรณ์ แยกพิจารณาได้ดังนี้
1) ศาลจะมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของนายจันทร์เด็ดขาดหรือไม่ เห็นว่า การที่ศาลจะมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาดได้นั้น ศาลจะต้องพิจารณาให้ได้ความจริงตามมาตรา 9 หรือมาตรา 10 แล้วแต่กรณี (มาตรา 14) และในการฟ้องคดีล้มละลาย ถ้าโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยล้มละลายโดยอ้างว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัว ตามข้อสันนิษฐานของกฎหมาย มาตรา 8 จำเลยมีหน้าที่ต่อสู้คดีเพื่อนำสืบหักล้างข้อสันนิษฐานดังกล่าว ถ้าจำเลยไม่ต่อสู้คดีนำสืบหักล้างหรือสืบหักล้างไม่ได้ ศาลก็ต้องฟังว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัว เมื่อพิจารณาประกอบหลักเกณฑ์อื่นตามมาตรา 9 หรือมาตรา 10 ศาลก็อาจมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดได้
ข้อเท็จจริงปรากฏว่า นายจันทร์กู้ยืมเงินนายอังคารจำนวน 2,000,000 บาท โดยทำหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินเป็นหนังสือลงลายมือชื่อนายจันทร์ผู้กู้เป็นสำคัญ จึงสามารถฟ้องร้องบังคับคดีกันได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 653 วรรคแรก
เมื่อหนี้ถึงกำหนดชำระ นายจันทร์ไม่ชำระหนี้ นายอังคารจึงส่งหนังสือทวงถามถึงนายจันทร์และนายพุธให้ชำระหนี้ 2 ครั้ง ซึ่งมีระยะเวลาห่างกันไม่น้อยกว่า 30 วัน แต่นายจันทร์และนายพุธก็ไม่ชำระหนี้ กรณีจึงต้องด้วยข้อสันนิษฐานว่า เป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวตามมาตรา 8(9) ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของนายจันทร์และนายพุธที่จะต้องต่อสู้คดีพิสูจน์หักล้างข้อสันนิษฐานนั้น
เมื่อนายจันทร์ไม่ต่อสู้คดี ก็ต้องฟังว่านายจันทร์มีหนี้สินล้นพ้นตัว ทั้งพิจารณาหลักเกณฑ์ตามมาตรา 9 แล้ว นายจันทร์ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาเป็นหนี้จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาท และหนี้นั้นกำหนดจำนวนได้แน่นอนและถึงกำหนดชำระแล้ว ศาลจึงต้องมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของนายจันทร์เด็ดขาด ตามมาตรา 14 (ฎ. 4287/2543 , ฎ. 1196/2541) โดยไม่จำต้องพิจารณาว่านายจันทร์อาจชำระหนี้ได้ทั้งหมดหรือมีเหตุอื่นที่ไม่ควรให้ลูกหนี้ล้มละลายหรือไม่ เพราะนายจันทร์มิได้เข้าต่อสู้คดี
2) ศาลจะมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของนายพุธเด็ดขาดหรืออไม่นั้น เนว่า กรณีโจทก์ฟ้องให้ลูกหนี้ร่วมหลายคนล้มละลายเป็นคดีเดียวกัน การพิจารณาว่า ลูกหนี้ร่วมคนใดมีหนี้สินล้นพ้นตัว ไม่สามารถชำระหนี้ได้ หรือมีเหตุอื่นที่ไม่ควรให้ลูกหนี้ล้มละลายนั้น เป็นเรื่องเฉพาะตัวของลูกหนี้ร่วมหรือผู้ค้ำประกันแต่ละคน
ข้อเท็จจริงปรากฏว่าเมื่อหนี้ถึงกำหนดชำระ นายจันทร์ลูกหนี้ชั้นต้นผิดนัดไม่ชำระหนี้นายพุธในฐานะผู้ค้ำประกันจึงต้องร่วมรับผิดกับนายจันทร์อย่างลูกหนี้ร่วม ตาม ป.พ.พ. มาตรา 686 การที่นายอังคารฟ้องนายจันทร์และนายพุธให้ล้มละลายเป็นคดีเดียวกัน แม้นายพุธจะต่อสู้ว่าแม้ตนจะมีหนี้สินล้นพ้นตัว ไม่สามารถชำระหนี้ได้ แต่นายจันทร์มีทรัพย์สินที่มีมูลค่าเกิน 2,000,000 บาท สามารถชำระหนี้ได้ทั้งหมดก็ตาม นายพุธก็จะนำข้อต่อสู้ของนายจันทร์มาเป็นข้อต่อสู้ของตนไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องเฉพาะตัวของนายจันทร์เท่านั้น จึงต้องฟังว่านายพุธมีหนี้สินล้นพ้นตัว (ฎ. 2776/2540) ทั้งการที่นายจันทร์มีทรัพย์สินพอที่จะชำระหนี้แก่นายอังคารได้ ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นเหตุอื่นที่ไม่ควรให้นายพุธล้มละลายแต่อย่างใด (ฎ. 4287/2543) ดังนั้นเมื่อพิจารณาได้ความจริงตามมาตรา 8(9) ประกอบมารา 9 ศาลจึงต้องมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์นายพุธเด็ดขาด ตามมาตรา 14
สรุป ถ้าข้าพเจ้าเป็นศาล จะมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์นายจันทร์และนายพุธเด็ดขาด
ข้อ 3 นายหนึ่งตกลงยืมเงินนายสอง โดยได้ส่งมอบเช็คสั่งจ่ายเงินลงวันที่ 20 สิงหาคม 2552 เพื่อชำระเงินยืมดังกล่าว ต่อมานายหนึ่งถูกเจ้าหนี้อื่นฟ้องเป็นคดีล้มละลาย ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์นายหนึ่งเด็ดขาดวันที่ 22 พฤษภาคม 2552
ดังนี้ ถ้านายสองต้องการนำหนี้ตามเช็คที่นายหนึ่งลงวันที่ล่วงหน้ามายื่นคำขอรับชำระหนี้ได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 94 เจ้าหนี้ไม่มีประกันอาจขอรับชำระหนี้ได้ ถ้ามูลแห่งหนี้ได้เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ แม้ว่าหนี้นั้นยังไม่ถึงกำหนดชำระหรือมีเงื่อนไขก็ตาม เว้นแต่
(1) หนี้ที่เกิดขึ้นโดยฝ่าฝืนข้อห้ามตามกฎหมาย หรือศีลธรรมอันดีหรือหนี้ที่จะฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้
(2) หนี้ที่เจ้าหนี้ยอมให้ลูกหนี้กระทำขึ้นเมื่อเจ้าหนี้ได้รู้ถึงการที่ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว แต่ไม่รวมถึงหนี้ที่เจ้าหนี้ยอมให้กระทำขึ้นเพื่อให้กิจการของลูกหนี้ดำเนินต่อไปได้
วินิจฉัย
ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยมีว่า นายสองจะนำหนี้ตามเช็คที่นายหนึ่งลงวันที่ล่วงหน้ามายื่นขอรับชำระหนี้ได้หรือไม่ เห็นว่า ตามบทบัญญัติมาตรา 94 นั้น โดยหลักแล้วเจ้าหนี้ไม่มีประกันจะขอรับชำระหนี้ได้ ก็ต่อเมื่อมูลแห่งหนี้เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ไม่ว่าชั่วคราวหรือเด็ดขาด แม้ว่าหนี้นั้นจะยังไม่ถึงกำหนดชำระหรือมีเงื่อนไขก็ตาม ถ้ามูลแห่งหนี้เกิดขึ้นภายหลังวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เจ้าหนี้จะอาศัยมูลหนี้ดังกล่าวมาขอรับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ไม่ได้
ข้อเท็จจริงในกรณีนี้ฟังได้ว่า มูลเหตุที่นายหนึ่งลูกหนี้ออกเช็คให้แก่นายสองเจ้าหนี้ดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะนายหนึ่งได้รับเงินไปจากนายสองตามที่ตกลงยืมกัน ซึ่งมีลักษณะเป็นการขายลดเช็คหรือนำไปแลกเงินสดจากเจ้าหนี้ มิใช่กรณีออกเช็คโดยไม่ปรากฏมูลหนี้ จึงถือได้ว่ามูลแห่งหนี้ตามเช็คเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่นายหนึ่งลูกหนี้รับเงินไปและมอบเช็คให้แก่นายสองยึดถือไว้ ซึ่งเป็นเวลาก่อนที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด กรณีจึงไม่ต้องห้ามมิให้ขอรับชำระหนี้ตามมาตรา 94 แม้เช็คจะลงวันที่ล่วงหน้า (20 สิงหาคม) อันเป็นเวลาหลังจากที่ศาลสั่งพิทักษ์นายหนึ่งเด็ดขาดก็ตาม (ฎ. 2969/2531) ทั้งนี้เพราะวันสั่งจ่ายที่ลงในเช็คเป็นเพียงวันถึงกำหนดชำระหนี้หรือกำหนดเวลาใช้เงินเท่านั้น หาทำให้มูลแห่งนี้ซึ่งเกิดขึ้นก่อนที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์กลับกลายเป็นเกิดขึ้นภายหลังไปไม่ นายสองจึงสามารถนำเช็คดังกล่าวมายื่นขอรับชำระหนี้ได้ตามมาตรา 94 (ฎ. 3565/2525)
สรุป นายสองสามารถนำเช็คดังกล่าวมายื่นคำขอรับชำระหนี้ได้