การสอบไล่ภาคฤดูร้อน  ปีการศึกษา  2546

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW3010 กฎหมายล้มละลาย

Advertisement

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน  จำนวน  3  ข้อ

ข้อ  1  นาย  ก  กู้เงินนาย  ข  เป็นจำนวนเงิน  500,000  บาท  โดยทำสัญญากู้ไว้ต่อกัน  ต่อมานาย  ก  โดนเจ้าหนี้อื่นฟ้องล้มละลาย  และศาลได้สั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว  หลังจากนั้นนาย  ก  ได้มาพบนาย  ข  และขอกู้เงินจากนาย  ข  ไปเป็นจำนวนเงิน  200,000  บาท  นาย  ข  ให้กู้เงินไปเพราะสงสาร  เห็นว่านาย  ก  ไม่มีเงินเลย  และการกู้เงินครั้งหลังที่ว่านี้  นาย  ก  อ้างว่าเพื่อจะนำไปเลี้ยงลูกเมียให้มีชีวิตรอดต่อไปได้  ต่อมาเมื่อมีประกาศของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่าให้เจ้าหนี้ทั้งหลายที่มีหนี้ที่อาจขอรับชำระได้มาขอรับชำระหนี้ตามวันเวลาที่กำหนดไว้ในมาตรา  91  นาย  ข  จึงนำหนี้ทั้ง  2  จำนวนไปขอรับชำระหนี้กับเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์  หากท่านเป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์  ท่านจะรับคำขอรับชำระหนี้ของนาย  ข  ไว้พิจารณาหรือไม่  อย่างไร  ให้ท่านวินิจฉัย

ธงคำตอบ

มาตรา  94  เจ้าหนี้ไม่มีประกันอาจขอรับชำระหนี้ได้  ถ้ามูลแห่งหนี้ได้เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์  แม้ว่าหนี้นั้นยังไม่ถึงกำหนดชำระหรือมีเงื่อนไขก็ตาม  เว้นแต่

(1) หนี้ที่เกิดขึ้นโดยฝ่าฝืนข้อห้ามตามกฎหมาย  หรือศีลธรรมอันดีหรือหนี้ที่จะฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้

(2) หนี้ที่เจ้าหนี้ยอมให้ลูกหนี้กระทำขึ้นเมื่อเจ้าหนี้ได้รู้ถึงการที่ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว  แต่ไม่รวมถึงหนี้ที่เจ้าหนี้ยอมให้กระทำขึ้นเพื่อให้กิจการของลูกหนี้ดำเนินต่อไปได้

วินิจฉัย

เจ้าหนี้ไม่มีประกันอาจยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้ได้  ถ้ามูลแห่งหนี้เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์  แม้ว่าหนี้นั้นจะยังไม่ถึงกำหนดชำระหรือมีเงื่อนไขก็ตาม  เว้นแต่  หนี้อย่างหนึ่งอย่างใดต่อไปนี้ที่ไม่สามารุนำมาขอชำระหนี้ได้  คือ

1       หนี้ที่เกิดขึ้นโดยฝ่าฝืนข้อห้ามตามกฎหมาย  หรือศีลธรรมอันดี  หรือหนี้ที่จะฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้  (มาตรา  94(1))

2       หนี้ที่เจ้าหนี้ยอมให้ลูกหนี้กระทำขึ้นเมื่อเจ้าหนี้ได้รู้ถึงการที่ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว  แต่ไม่รวมถึงหนี้ที่เจ้าหนี้ยอมให้กระทำขึ้นเพื่อให้กิจการของลูกหนี้ดำเนินต่อไปได้  (มาตรา  94(2))

หนี้เงินที่นาย  ก  กู้มาจากนาย  ข  ในจำนวนแรกเป็นจำนวน  500,000  บาท  เป็นหนี้ที่เกิดขึ้นก่อนศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด  อันถือว่ามูลแห่งหนี้เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จึงเป็นหนี้ที่นำมาขอชำระหนี้ได้ตามมาตรา  94  ตอนต้น  ดังนี้  หากข้าพเจ้าเป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์  จะต้องรับหนี้จำนวนนี้ไว้พิจารณาต่อไป

ส่วนหนี้จำนวน  200,000  บาท  เป็นหนี้ที่เกิดขึ้นภายหลังที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว  จึงเป็นหนี้ที่ต้องห้ามมิให้นำมาขอรับชำระหนี้ตามมาตรา  94  ตอนต้น  ดังนี้  หากข้าพเจ้าเป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะไม่รับหนี้จำนวน  200,000  บาท  ไว้พิจารณา  ทั้งกรณีดังกล่าวไม่จำต้องพิจารณาว่าในขณะที่นาย  ข  ให้นาย  ก  กู้เงินไปในครั้งหลังนี้นาย  ข  จะรู้ว่านาย  ก  เป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวหรือไม่  เพราะหนี้ดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์อันต้องด้วยหลักทั่วไปตามมาตรา  94  ตอนต้นแล้ว  จึงไม่จำต้องพิจารณาถึงข้อยกเว้นตามมาตรา  94(2)  แต่อย่างใด

สรุป  หากข้าพเจ้าเป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์  จะรับหนี้จำนวน  500,000  บาท  ที่เกิดขึ้นก่อนที่ศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเท่านั้นไว้พิจารณา  ส่วนหนี้จำนวน  200,000  บาท  ที่เกิดขึ้นภายหลังศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดจะไม่รับพิจารณา

 

 

ข้อ  2  (ก)  นายเอกเป็นผู้รับจำนองที่ดินของนายโทไว้เป็นจำนวนเงิน  1,200,000  บาท  โดยในสัญญาจำนองไม่มีข้อตกลงพิเศษในสัญญาจำนองว่า  หากบังคับจำนองได้เงินไม่พอชำระหนี้  นายโทจักต้องรับผิดใช้หนี้ในส่วนที่ขาด  ต่อมาปรากฏว่านายโทมีหนี้สินล้นพ้นตัว  ดังนี้นายเอกผู้รับจำนองจะฟ้องนายโทตามสัญญาจำนองนั้นให้ล้มละลายได้หรือไม่  ประการหนึ่ง

อีกประการหนึ่ง

(ข)  กรณีตามข้อ  (ก)  หากนายเอกไม่ฟ้องเอง  แต่มีเจ้าหนี้รายอื่นฟ้องนายโทให้ล้มละลาย  และศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดแล้ว

ดังนี้  นายเอกจะยื่นคำขอรับชำระหนี้จำนองจำนวน  1,200,000  บาท  ตามประกาศของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในคดีล้มละลายนั้นได้หรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

มาตรา  10  ภายใต้บังคับมาตรา  9  เจ้าหนี้มีประกันจะฟ้องลูกหนี้ให้ล้มละลายได้ก็ต่อเมื่อ

(1) มิได้เป็นผู้ต้องห้ามมิให้บังคับการชำระหนี้เอาแก่ทรัพย์สินของลูกหนี้เกินกว่าตัวทรัพย์ที่เป็นหลักประกัน  และ

(2) กล่าวในฟ้องว่า  ถ้าลูกหนี้ล้มละลายแล้ว  จะยอมสละหลักประกันเพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้ทั้งหลาย  หรือตีราคาหลักประกันมาในฟ้องซึ่งเมื่อหักกับจำนวนหนี้ของตนแล้ว  เงินยังขาดอยู่สำหรับลูกหนี้ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาเป็นจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งล้านบาท  หรือลูกหนี้ซึ่งเป็นนิติบุคคลเป็นจำนวนไม่น้อยกว่าสองล้านบาท

มาตรา  96  วรรคแรกและวรรคท้าย  เจ้าหนี้มีประกันอาจขอรับชำระหนี้ภายในเงื่อนไขดังต่อไปนี้

(1) เมื่อยินยอมสละทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันเพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้ทั้งหลายแล้ว  ขอรับชำระหนี้ได้เต็มจำนวน

บทบัญญัติแห่งมาตรานี้ไม่ให้ใช้บังคับในกรณีที่ตามกฎหมายลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดเกินกว่าราคาทรัพย์สินที่เป็นหลักประกัน

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  มาตรา  733  ถ้าเอาทรัพย์จำนองหลุด  และราคาทรัพย์สินนั้นมีประมาณต่ำกว่าจำนวนเงินที่ค้างชำระกันอยู่ก็ดี  หรือถ้าเอาทรัพย์สินซึ่งจำนองออกขายทอดตลาดใช้หนี้  ได้เงินจำนวนสุทธิน้อยกว่าจำนวนเงินที่ค้างชำระกันอยู่นั้นก็ดี  เงินยังขาดอยู่จำนวนเท่าใด  ลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดในเงินนั้น

(ก)  วินิจฉัย

การที่เจ้าหนี้มีประกันจะฟ้องลูกหนี้ให้ล้มละลายได้นั้น  นอกจากจะต้องประกอบด้วยหลัดเกณฑ์ตามมาตรา  9  แล้ว  ยังต้องประกอบด้วยหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้  คือ

1       มิได้เป็นผู้ต้องห้ามมิให้บังคับการชำระหนี้เอาแก่ทรัพย์สินของลูกหนี้เกินกว่าตัวทรัพย์ที่เป็นหลักประกัน  และ

2       กล่าวในฟ้องว่า  ถ้าลูกหนี้ล้มละลายแล้ว  จะยอมสละหลักประกันเพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้ทั้งหลาย  หรือตีราคาหลักประกันมาในฟ้องซึ่งเมื่อหักกับจำนวนหนี้ของตนแล้ว  เงินยังขาดอยู่สำหรับลูกหนี้ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาเป็นจำนวนไม่น้อยกว่า  1  ล้านบาท

นายเอกผู้รับจำนองจะฟ้องนายโทตามสัญญาจำนองนั้นให้ล้มละลายได้หรือไม่  เห็นว่า  นายเอกเป็นผู้รับจำนองที่ดินของนายโทอันถือว่านายเอกเป็นเจ้าหนี้มีประกัน  ตามนัยมาตรา  6  เมื่อปรากฏว่านายโทมีหนี้สินล้นพ้นตัว  กรณีเช่นนี้นายเอกเจ้าหนี้มีประกันก็ไม่สามารถฟ้องนายโทตามสัญญาจำนองให้ล้มละลายได้  เนื่องจากสัญญาจำนองระหว่างนายเอกและนายโทบังคับได้ภายใต้มาตรา  733  เท่านั้น  กล่าวคือ  ถ้าบังคับจำนองเอาทรัพย์สินซึ่งจำนองออกขายทอดตลาดใช้หนี้  ได้เงินจำนวนสุทธิน้อยกว่าจำนวนเงินที่ค้างชำระกันอยู่  เงินยังขาดอยู่เท่าใด  ลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดในเงินนั้น  อันถือว่านายเอกเป็นผู้ต้องห้ามมิให้บังคับการชำระหนี้เอาแก่ทรัพย์สินของลูกหนี้เกินกว่าตัวทรัพย์ที่เป็นหลักประกัน  ทั้งกรณีนี้ก็ไม่มีสัญญาพิเศษยกเว้น  ป.พ.พ.  มาตรา  733  นายเอกจึงนำคดีมาฟ้องนายโทไม่ได้  เพราะเป็นผู้ต้องห้ามตามมาตรา  10(1)  ประกอบ  ป.พ.พ.  มาตรา  733

(ข)  วินิจฉัย

กรณีตาม  (ก)  หากนายเอกไม่ฟ้องเอง  นายเอกจะยื่นคำขอรับชำระหนี้จำนวน  1,2000,000  บาท  ตามประกาศของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในคดีล้มละลายได้หรือไม่  เห็นว่า  เมื่อสัญญาจำนองระหว่างนายเอกและนายโทบังคับได้ภายใต้มาตรา  733  อันถือว่านายโทลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดเกินกว่าทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันตามมาตรา  96  วรรคท้าย  ดังนั้น  นายเอกจึงไม่สามารถยินยอมสละทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันแล้วมายื่นขอรับชำระหนี้เต็มจำนวนตามมาตรา  96(1)  ได้  เพราะมูลหนี้ที่นายเอกมายื่นขอชำระหนี้ต้องห้ามตามมาตรา  96 วรรคท้าย  ทั้งกรณีก็ไม่มีสัญญาพิเศษยกเว้น  ป.พ.พ.  มาตรา  733  แต่อย่างใด

สรุป

(ก)  นายเอกผู้รับจำนองจะฟ้องนายโทตามสัญญาจำนองให้ล้มละลายไม่ได้

(ข)  หากนายเอกไม่ฟ้องเอง  นายเอกก็จะยื่นคำขอรับชำระหนี้จำนวน  1,200,000  บาท  ตามประกาศของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในคดีล้มละลายไม่ได้เช่นกัน

 

 

ข้อ  3  นายหนึ่งฟ้องนายสองให้ล้มละลาย  พร้อมทั้งยื่นคำขอฝ่ายเดียวโดยทำเป็นคำร้อง  ขอให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยชั่วคราว  ศาลได้ไต่สวนคำร้องของโจทก์ที่ขอให้พิทักษ์ทรัพย์ชั่วคราวนั้นแล้ว  ศาลเห็นว่าคดีไม่มีมูล  ดังนี้  ศาลจะสั่งคำร้องของโจทก์ว่าอย่างไร  และศาลจะดำเนินกระบวนพิจารณาคดีล้มละลายคดีนี้อย่างไรต่อไป

ธงคำตอบ

มาตรา  14  ในการพิจารณาคดีล้มละลายตามคำฟ้องของเจ้าหนี้นั้น  ศาลต้องพิจารณาเอาความจริงตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา  9  หรือมาตรา  10  ถ้าศาลพิจารณาได้ความจริง  ให้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด  แต่ถ้าไม่ได้ความจริง  หรือลูกหนี้นำสืบได้ว่าอาจชำระหนี้ได้ทั้งหมดหรือมีเหตุอื่นที่ไม่ควรให้ลูกหนี้ล้มละลายให้ศาลยกฟ้อง

มาตรา  17  ก่อนศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด  เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์จะยื่นคำขอฝ่ายเดียวโดยทำเป็นคำร้องขอให้พิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ชั่วคราวก็ได้  เมื่อศาลได้รับคำร้องนี้แล้วให้ดำเนินการไต่สวนต่อไปโดยทันที  ถ้าศาลเห็นว่าคดีมีมูล  ก็ให้สั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ชั่วคราว  แต่ก่อนจะสั่งดังว่านี้จะให้เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ให้ประกันค่าเสียหายของลูกหนี้ตามจำนวนที่เห็นสมควรก็ได้

วินิจฉัย

เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์จะยื่นคำขอฝ่ายเดียวโดยทำเป็นคำร้องขอให้พิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ชั่วคราวก็ได้  ก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด  ถ้าศาลเห็นว่าคดีมีมูลก็ให้ศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ชั่วคราว  (มาตรา  17)

เมื่อนายหนึ่งยื่นฟ้องนายสองให้ล้มละลายแล้ว  ได้ยื่นคำขอฝ่ายเดียวโดยทำเป็นคำร้อง  ขอให้พิทักษ์ทรัพย์ของนายสองจำเลยชั่วคราว  เมื่อศาลไต่สวนคำร้องของนายหนึ่งแล้ว  เห็นว่าคดีไม่มีมูล  กรณีเช่นนี้ศาลต้องมีคำสั่งยกคำร้องของโจทก์ที่ขอให้พิทักษ์ทรัพย์ของนายสองจำเลย  แล้วดำเนินการพิจารณาคดีล้มละลายเรื่องนั้นต่อไป  ตามมาตรา  14  จนกระทั่งศาลชี้ขาดตัดสินคดี

สรุป  ศาลต้องยกคำร้องของนายหนึ่ง  และดำเนินการพิจารณาคดีต่อไปจนกระทั่งชี้ขาดตัดสินคดี

Advertisement