การสอบไล่ภาคฤดูร้อน  ปีการศึกษา  2545

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW3010 กฎหมายล้มละลาย

Advertisement

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน  จำนวน  3  ข้อ

 ข้อ  1  คดีล้มละลายเรื่องหนึ่ง  หลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดและพ้นกำหนดเวลายื่นคำขอรับชำระหนี้แล้ว  ปรากฏว่าเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ยื่นคำขอรับชำระหนี้เพียงรายเดียว  ก่อนวันประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรกโจทก์กับจำเลยตกลงกันได้  โจทก์จึงยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยและเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แถลงไม่คัดค้าน  ศาลอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้และจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ  ดังนี้คำสั่งของศาลดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายหรือไม่อย่างไร

ธงคำตอบ

มาตรา 11  เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ต้องวางเงินประกันค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนห้าพันบาทในขณะยื่นฟ้องคดีล้มละลาย  และจะถอนคำฟ้องนั้นไม่ได้  เว้นแต่ศาลจะอนุญาต

วินิจฉัย

ตามบทบัญญัติมาตรา  11  แห่ง  พ.ร.บ.  ล้มละลาย  พ.ศ. 2483  นั้น  เมื่อได้ยื่นฟ้องคดีล้มละลายต่อศาลแล้ว  ห้ามมิให้ถอนฟ้อง  เว้นแต่เข้าหลักเกณฑ์ทั้ง  3  ประการดังต่อไปนี้คือ

1       ศาลอนุญาตให้ถอนฟ้อง  ซึ่งเป็นดุลพินิจของศาลว่าจะอนุญาตหรือไม่

2       การถอนฟ้องจะกระทำได้เฉพาะแต่ในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นเท่านั้น  ตามแนวคำพิพากษาศาลฎีกาที่  1636/2532

3       จะต้องขอถอนฟ้องก่อนศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดเท่านั้น  ตามแนวคำพิพากษาศาลฎีกาที่  3286/2530

คำสั่งของศาลที่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้และจำหน่ายคดีออกจากสารบบความชอบด้วยกฎหมายหรือไม่  เห็นว่า  กรณีนี้เมื่อปรากฏว่าศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว  ถือว่าศาลได้วินิจฉัยชี้ขาดคดีแล้ว  อีกทั้งคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดย่อมก่อให้เกิดสิทธิและหน้าที่แก่บุคคลหลายฝ่ายแล้ว  แม้จะปรากฏว่ามีเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ยื่นขอรับชำระหนี้เพียงรายเดียวก็ตาม  ก็ไม่มีเหตุอันสมควรให้ศาลอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องในชั้นนี้ได้  การที่ศาลอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องและจำหน่ายคดีภายหลังจากศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว  จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย  ตามมาตรา  11

สรุป  คำสั่งของศาลที่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องและจำหน่ายคดีออกจากสารบบความไม่ชอบด้วยกฎหมาย

 

ข้อ  2  นายต้นกู้เงินนายรองไป  100,000  บาท  โดยนำแหวนเพชรของตนมามอบให้นายรองไว้เป็นประกันหนี้  โดยไม่มีหลักฐานการจำนำเป็นหนังสือและมิได้มีหลักฐานการกู้ยืมเงินเป็นหนังสือแต่อย่างใด  ต่อมานายต้นถูกเจ้าหนี้อื่นฟ้องล้มละลายและศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด  นายรองขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์โดยตีราคาแหวนเพชรเป็นเงิน  60,000  บาท  แล้วขอรับชำระหนี้สำหรับจำนวนที่ยังขาดอยู่อีก  40,000  บาท  ดังนี้  เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะสั่งคำขอรับชำระหนี้ของนายรองอย่างไร

ธงคำตอบ

มาตรา  95  เจ้าหนี้มีประกันย่อมมีสิทธิเหนือทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันซึ่งลูกหนี้ได้ให้ไว้ก่อนถูกพิทักษ์ทรัพย์โดยไม่ต้องขอรับชำระหนี้ แต่ต้องยอมให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตรวจดูทรัพย์สินนั้น

มาตรา  96  วรรคแรกและวรรคท้าย  เจ้าหนี้มีประกันอาจขอรับชำระหนี้ภายในเงื่อนไขดังต่อไปนี้

(4) เมื่อตีราคาทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันแล้ว  ขอรับชำระหนี้สำหรับจำนวนที่ยังขาดอยู่  ในกรณีเช่นนี้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจไถ่ถอนทรัพย์สินตามราคานั้นได้ถ้าเห็นว่าราคานั้นไม่สมควรเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจขายทรัพย์สินนั้นตามวิธีการที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และเจ้าหนี้ตกลงกัน  ถ้าไม่ตกลงกัน  จะขายทอดตลาดก็ได้แต่ต้องไม่ให้เสียหายแก่เจ้าหนี้และเจ้าหนี้หรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจเข้าสู้ราคาในการขายทอดตลาดได้  เมื่อขายได้เงินจำนวนสุทธิเท่าใดให้ถือว่าเป็นราคาที่เจ้าหนี้ได้ตีมาในคำขอ

บทบัญญัติแห่งมาตรานี้ไม่ให้ใช้บังคับในกรณีที่ตามกฎหมายลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดเกินกว่าราคาทรัพย์สินที่เป็นหลักประกัน

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  มาตรา  653  วรรคแรก  การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไปนั้น  ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ  ท่านว่าจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่

วินิจฉัย

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์  (จ.พ.ท.)  จะสั่งคำขอรับชำระหนี้ของแดงอย่างไร  เห็นว่า  ตามกฎหมายแล้ว  เจ้าหนี้มีประกันมีสิทธิได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ได้  2  วิธี  คือ

1       ใช้สิทธิตามมาตรา  95  โดยไม่ต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามมาตรา  91  เพียงแต่แจ้งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบว่าจะถือเอาสิทธิเหนือทรัพย์สินที่เป็นหลักประกัน  และยอมให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้าตรวจดูทรัพย์สิน

2       ใช้สิทธิตามมาตรา  96  โดยยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามมาตรา  91  ภายใต้เงื่อนไขดังที่ระบุไว้ในมาตรา  96  แต่อย่างไรก็ตาม  ถ้ามีกรณีใดที่ตามกฎหมาย  ลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดเกินกว่าราคาทรัพย์สินที่เป็นหลักประกัน  เจ้าหนี้มีประกันจะยื่นคำขอรับชำระหนี้ไม่ได้  ทั้งนี้ตามบทบัญญัติมาตรา  96  วรรคท้าย

นายต้นกู้ยืมเงินนายรองไป  100,000  บาท  โดยได้นำแหวนเพชรของตนมามอบให้นายรองไว้เป็นประกันเงินกู้  แม้การจำนำจะไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ  แต่เมื่อมีการส่งมอบทรัพย์สินที่จำนำ  การจำนำย่อมมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายแล้ว  (ป.พ.พ.  มาตรา  747)  กรณีนี้ถือว่านายรองผู้รับจำนำอยู่ในฐานะเป็นเจ้าหนี้มีประกัน  ตามมาตรา  6  แต่อย่างไรก็ตาม  เมื่อหนี้เงินกู้ยืมของนายต้นและนายรองเป็นการกู้ยืมเงินเกินกว่า  2,000  บาท  แต่ไม่มีหลักฐานการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ  นายรองเจ้าหนี้จึงไม่อาจฟ้องบังคับให้นายต้นลูกหนี้ชำระหนี้ได้ตาม  ป.พ.พ. มาตรา  653  วรรคแรก  ดังนั้นในกรณีนี้  นายต้นลูกหนี้จึงไม่ต้องรับผิดเกินกว่าราคาทรัพย์สินที่เป็นหลักประกัน

การที่นายรองตีราคาแหวนเพชรเป็นเงิน  60,000  บาท  และขอรับชำระหนี้สำหรับจำนวนที่ยังขาดอยู่อีก  40,000  บาท  อันถือว่าเป็นกรณีที่เจ้าหนี้มีประกันจะใช้สิทธิยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามมาตรา  96(4)  แต่เมื่อนายรองเป็นเจ้าหนี้มีประกันที่ตามกฎหมายลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดเกินกว่าราคาทรัพย์สินที่เป็นหลักประกัน  นายรองจึงไม่มีสิทธิยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามมาตรา  96  วรรคท้ายได้  ดังนี้  หากข้าพเจ้าเป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะสั่งไม่รับคำขอรับชำระหนี้ของนายรอง

อย่างไรก็ตาม  แม้นายรองจะยื่นคำขอรับชำระหนี้ไม่ได้  นายรองก็ยังคงมีสิทธิเหนือแหวนเพชรที่จำนำอันเป็นหลักประกัน  ซึ่งลูกหนี้ได้ให้ไว้ก่อนถูกพิทักษ์ทรัพย์โดยไม่ต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ได้  แต่ต้องยอมให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตรวจดูทรัพย์สินตามมาตรา  95

สรุป  หากข้าพเจ้าเป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์  จะสั่งไม่รับคำขอรับชำระหนี้ของนายรอง


ข้อ  3  คดีล้มละลายเรื่องหนึ่ง  ลูกหนี้ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด  ลูกหนี้ได้ยื่นคำขอประนอมหนี้โดยการขอชำระหนี้เป็นบางส่วน  ซึ่งที่ประชุมเจ้าหนี้ลงมติพิเศษยอมรับ  และศาลสั่งเห็นชอบด้วย  จนกระทั่งลูกหนี้ชำระหนี้ตามข้อตกลงในการประนอมหนี้แล้ว  หลังจากนั้นเจ้าหนี้รายหนึ่งซึ่งได้ให้ลูกหนี้กู้เงินไปตั้งแต่ก่อนศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์  แต่ไม่ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายที่ลูกหนี้ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดนั้นได้ยื่นฟ้องลูกหนี้และผู้ค้ำประกันเงินกู้ให้ร่วมกันรับผิดชำระเงินต้นทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ย  ให้ท่านวินิจฉัยว่าเจ้าหนี้รายนี้จะฟ้องลูกหนี้และผู้ค้ำประกันเงินกู้ให้รับผิดได้หรือไม่

ธงคำตอบ

มาตรา  56  การประนอมหนี้ซึ่งที่ประชุมเจ้าหนี้ได้ยอมรับและศาลเห็นชอบด้วยแล้ว  ผู้มัดเจ้าหนี้ทั้งหมดในเรื่องหนี้ซึ่งอาจขอรับชำระหนี้ได้  แต่ไม่ผูกมัดเจ้าหนี้คนหนึ่งคนใดในเรื่องหนี้ซึ่งตามพระราชบัญญัตินี้ลูกหนี้ไม่อาจหลุดพ้นโดยคำสั่งปลดจากล้มละลายได้  เว้นแต่เจ้าหนี้คนนั้นได้ยินยอมด้วยในการประนอมหนี้

มาตรา  59  การประนอมหนี้ไม่ทำให้บุคคลซึ่งเป็นหุ้นส่วนกับลูกหนี้หรือรับผิดร่วมกับลูกหนี้  หรือค้ำประกันหรืออยู่ในลักษณะอย่างผู้ค้ำประกันของลูกหนี้  หลุดพ้นจากความผิดไปด้วย

มาตรา  94  เจ้าหนี้ไม่มีประกันอาจขอรับชำระหนี้ได้  ถ้ามูลแห่งหนี้ได้เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์  แม้ว่าหนี้นั้นยังไม่ถึงกำหนดชำระหรือมีเงื่อนไขก็ตามเว้นแต่

1        หนี้ที่เกิดขึ้นโดยฝ่าฝืนข้อห้ามตามกฎหมาย  หรือศีลธรรมอันดี หรือหนี้ที่จะฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้

2        หนี้ที่เจ้าหนี้ยอมให้ลูกหนี้กระทำขึ้นเมื่อเจ้าหนี้ได้รู้ถึงการที่ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว   แต่ไม่รวมถึงหนี้ที่เจ้าหนี้ยอมให้กระทำขึ้นเพื่อให้กิจการของลูกหนี้ดำเนินต่อไปได้

วินิจฉัย

เจ้าหนี้จะฟ้องลูกหนี้และผู้ค้ำประกันให้รับผิดได้หรือไม่  เห็นว่า  หนี้ของเจ้าหนี้เป็นหนี้ซึ่งอาจขอรับชำระหนี้ได้  เพราะเป็นหนี้ที่เกิดขึ้นก่อนศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดตามมาตรา  94  วรรคแรก  เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าลูกหนี้ได้ยื่นคำขอประนอมหนี้ซึ่งที่ประชุมเจ้าหนี้ได้ลงมติยอมรับและศาลสั่งเห็นชอบด้วยแล้ว  จนกระทั่งลูกหนี้ชำระหนี้ตามข้อตกลงในการประนอมหนี้แล้ว  กรณีเช่นนี้เจ้าหนี้ดังกล่าวย่อมต้องผูกมัดตามผลของการประนอมหนี้ด้วยแม้จะไม่ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ก็ตาม  กรณีเช่นนี้เจ้าหนี้ดังกล่าวย่อมต้องผูกมัดตามผลของการประนอมหนี้ด้วยแม้จะไม่ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ก็ตาม  เจ้าหนี้รายนี้จึงไม่สามารถฟ้องลูกหนี้ให้รับผิดได้อีกตามมาตรา  56  (ฎ.1243/2519)

แต่อย่างไรก็ตาม  การประนอมหนี้ย่อมไม่ทำให้ผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากความรับผิดไปด้วย  เจ้าหนี้จึงมีสิทธิฟ้องผู้ค้ำประกันให้รับผิดได้ ภายในขอบเขตความรับผิดตามสัญญาค้ำประกันตามมาตรา  59  แม้เจ้าหนี้จะไม่ยื่นคำขอรับชำระหนี้ไว้ก็ตาม  (ฎ. 1808/2512)

สรุป  เจ้าหนี้จะฟ้องลูกหนี้ให้รับผิดไม่ได้  แต่สามารถฟ้องให้ผู้ค้ำประกันรับผิดได้

Advertisement