การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2551
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW3010 กฎหมายล้มละลาย
ข้อ 1 นายดำอยากเปิดร้านอินเทอร์เน็ต จึงได้ไปกู้เงินจากธนาคารออมทรัพย์ จำกัด จำนวน 2 ล้านบาท เพื่อใช้จ่ายในการเปิดกิจการร้านอินเทอร์เน็ต โดยมีนายดีเป็นผู้ค้ำประกัน และตกลงผ่อนชำระเป็นรายเดือนๆละ 5,000 บาท ต่อมามีเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบพบว่า นายดำไม่มีใบอนุญาตให้เปิดบริการร้านอินเทอร์เน็ต จึงได้สั่งปิดกิจการ นายดำไม่มีเงินผ่อนชำระ นายดีจึงช่วยผ่อนให้แทน 3 เดือน ก็ไม่ได้ผ่อนชำระอีกเพราะไม่มีเงินเช่นกัน นายดำจึงถูกธนาคารออมทรัพย์ จำกัด ฟ้องล้มละลาย และศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์นายดำแล้ว ดังนี้
(ก) ธนาคารออมทรัพย์ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้เป็นเงิน 2 ล้านบาทตามสัญญากู้เงิน
(ข) นายดีได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในหนี้ที่ตนชำระหนี้แทนไปแล้ว 15,000 บาท และเงินส่วนที่อาจใช้สิทธิไล่เบี้ยในภายหน้าอีกจำนวน 1,985,000 บาท
ดังนี้ เมื่อนายดำคัดค้านคำขอรับชำระหนี้ทั้งสองรายการ หากท่านเป็นศาลจะมีคำสั่งอนุญาตตามคำขอรับชำระหนี้ของธนาคารออมทรัพย์ จำกัด และนายดีอย่างไร เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 94 เจ้าหนี้ไม่มีประกันอาจขอรับชำระหนี้ได้ ถ้ามูลแห่งหนี้ได้เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ แม้ว่าหนี้นั้นยังไม่ถึงกำหนดชำระหรือมีเงื่อนไขก็ตาม
มาตรา 101 ถ้าลูกหนี้ร่วมบางคนถูกพิทักษ์ทรัพย์ ลูกหนี้ร่วมคนอื่นอาจยื่นคำขอรับชำระหนี้สำหรับจำนวนที่คนอาจใช้สิทธิไล่เบี้ยในเวลาภายหน้าได้ เว้นแต่เจ้าหนี้ได้ใช้สิทธิขอรับชำระหนี้ไว้เต็มจำนวนแล้ว
บทบัญญัติในวรรคก่อนให้ใช้บังคับแก่ผู้ค้ำประกัน ผู้ค้ำประกันร่วม หรือบุคคลที่อยู่ในลักษณะเดียวกันนี้โดยอนุโลม
มาตรา 107 คำขอรับชำระหนี้รายใด ถ้ามีผู้โต้แย้งให้ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้
(3) อนุญาตให้ได้รับชำระหนี้บางส่วน
วินิจฉัย
(ก) ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยมีว่า ธนาคารออมทรัพย์ฯ จะได้รับชำระหนี้ 2 ล้านบาท ตามที่ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้หรือไม่ เห็นว่าหนี้ที่เจ้าหนี้จะขอรับชำระหนี้ได้ในคดีล้มละลายนั้น จะต้องมีลักษณะตามมาตรา 94 แห่ง พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 ดังนี้
1) มูลแห่งหนี้นั้นต้องเกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์
2) หนี้นั้นอาจฟ้องบังคับคดีได้ตามกฎหมาย และ
3) ต้องเป็นหนี้เงิน
เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าหนี้เงินกู้จำนวน 2 ล้านบาทนั้น นายดี (ผู้ค้ำประกัน) ได้ผ่อนชำระแทนนายดำ (ลูกหนี้) ไปแล้ว เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 15,000 บาท จึงเหลือหนี้ที่ธนาคารออมทรัพย์ จำกัด อาจบังคับชำระหนี้ได้เพียง 1,985,000 บาท เมื่อนายดำคัดค้านคำขอรับชำระหนี้ ศาลจึงต้องมีคำสั่งอนุญาตให้ธนาคารออมทรัพย์ฯ มีสิทธิได้รับชำระหนี้เพียงบางส่วนคือ 1,985,000 บาท เท่านั้น ตามมาตรา 107(3)
(ข) โดยหลักแล้ว เมื่อลูกหนี้ร่วมบางคนถูกพิทักษ์ทรัพย์ ลูกหนี้ร่วมคนอื่น หรือผู้ค้ำประกันอาจยื่นคำขอรับชำระหนี้สำหรับจำนวนที่ตนอาจใช้สิทธิไล่เบี้ยในเวลาภายหน้าได้ เว้นแต่เจ้าหนี้ได้ใช้สิทธิขอรับชำระหนี้ไว้เต็มจำนวนแล้ว
ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยจึงมีว่า ศาลจะมีคำสั่งอนุญาตตามคำขอรับชำระหนี้ของนายดีอย่างไร เห็นว่า การที่นายดีผู้ค้ำประกันผ่อนชำระหนี้แก่ธนาคารออมทรัพย์ฯ จำนวน 15,000 บาท แทนนายดำนั้นมีผลทำให้นายดีกลายเป็นเจ้าหนี้นายดำ โดยมีสิทธิไล่เบี้ยในมูลหนี้ที่ตนได้ชำระแทนไปแล้วจากกองทรัพย์สินของนายดำลูกหนี้ได้ และถือว่ามูลหนี้นั้นได้เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ ตามมาตรา 94 นายดีจึงมีสิทธิยื่นคำขอรับชำระหนี้ได้
ส่วนหนี้จำนวน 1,985,000 บาทนั้น นายดียังไม่ได้ชำระแก่เจ้าหนี้แทนนายดำลูกหนี้จริงจึงถือเป็นหนี้ที่ผู้ค้ำประกันอาจใช้สิทธิไล่เบี้ยได้ในอนาคต เมื่อธนาคารออมทรัพย์ฯ เจ้าหนี้ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ไว้เต็มจำนวน 1,985,000 บาทแล้ว นายดีผู้ค้ำประกันย่อมหมดสิทธิที่จะยื่นคำขอรับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของนายดำลูกหนี้สำหรับจำนวนที่ตนอาจใช้สิทธิไล่เบี้ยในเวลาภายหน้าต่อไปตามมาตรา 101 (ฎ. 1175/2530)
สรุป ถ้าข้าพเจ้าเป็นศาล
(ก) จะมีคำสั่งอนุญาตให้ธนาคารออมทรัพย์ ได้รับชำระหนี้เพียง 1,985,000 บาท ตามที่เป็นหนี้อยู่จริงเท่านั้น และ
(ข) จะมีคำสั่งอนุญาตให้นายดีได้รับชำระหนี้เพียง 15,000 บาท ตามที่ได้ชำระหนี้แทนนายดำไปเท่านั้น ส่วนอีก 1,985,000 บาท จะมีคำสั่งไม่อนุญาต
ข้อ 2 นายเสื้อแดงถูกธนาคารไทย ฟ้องเป็นคดีล้มละลาย เนื่องจากไม่ได้ชำระหนี้เงินกู้ เมื่อศาลได้สั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดนายเสื้อแดงแล้ว ในการรวบรวมทรัพย์สินของลูกหนี้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์พบว่า นายเสื้อแดงมีทรัพย์สินที่ดินเพียง 1 แปลง โดยในช่วงเวลา 2 เดือน ก่อนวันที่ธนาคารไทยยื่นฟ้องล้มละลาย นายเสื้อแดงได้โอนที่ดินให้แก่นายทักซึ่งเป็นเจ้าหนี้ เป็นการใช้หนี้ และต่อมาหลังจากฟ้องล้มละลายแล้ว 1 เดือน นายทักเกรงว่าที่ดินดังกล่าวอาจถูกยึดคืน จึงได้รีบขายที่ดินให้แก่นายเสื้อเหลือง ซึ่งไม่รู้ข้อเท็จจริงดังกล่าว
จึงได้ซื้อไว้และจดทะเบียนรับโอนจากนายทักตามกฎหมายแล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอเพิกถอนการโอนที่ดินแปลงดังกล่าว นายเสื้อเหลืองยื่นคัดค้านว่า ตนได้ซื้อและรับโอนที่ดินแปลงดังกล่าวจากนายทัก โดนสุจริตและเสียค่าตอบแทน ย่อมได้รับความคุ้มครอง เช่นนี้ หากท่านเป็นศาลจะสั่งอย่างไรกับคำร้องและคำคัดค้านเกี่ยวกับที่ดินแปลงดังกล่าว เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 115 วรรคแรก การโอนทรัพย์สินหรือการกระทำใดๆ ซึ่งลูกหนี้ได้กระทำหรือยินยอมให้กระทำในระหว่างระยะเวลาสามเดือนก่อนมีการขอให้ล้มละลายภายหลังนั้น โดยมุ่งหมายให้เจ้าหนี้คนหนึ่งคนใดได้เปรียบแก่เจ้าหนี้อื่น ถ้าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำขอโดยทำเป็นคำร้อง ศาลมีอำนาจสั่งเพิกถอนการโอนหรือการกระทำนั้นได้
มาตรา 116 บทบัญญัติในมาตรา 115 ไม่กระทบถึงสิทธิของบุคคลภายนอกอันได้มาโดยสุจริตและมีค่าตอบแทนก่อนมีการขอให้ล้มละลาย
วินิจฉัย
เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้แล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมมีอำนาจยื่นคำร้องต่อศาลให้สั่งเพิกถอนการโอนอันลูกหนี้ได้กระทำ หรือยินยอมให้กระทำในระหว่างระยะเวลา 3 เดือนก่อนมีการขอให้ล้มละลาย และภายหลังจากมีการขอให้ล้มละลาย แต่ก่อนศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ โดยมุ่งหมายให้เจ้าหนี้คนหนึ่งคนใดได้เปรียบแก่เจ้าหนี้คนอื่นได้ ตามมาตรา 115 วรรคแรก
แต่ทั้งนี้ก็มีข้อยกเว้นอยู่ว่า ถ้าบุคคลภายนอกที่รับโอนมาจากผู้รับโอนได้สิทธิมาโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน และรับโอนหรือได้สิทธิมาก่อนมีการขอให้ล้มละลายด้วยแล้ว บุคคลภายนอกนั้นจะได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 116 ซึ่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะร้องขอให้ศาลเพิกถอนการโอนไม่ได้
ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยมีว่า ศาลจะมีคำสั่งกับคำร้องของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และคำคัดค้านของนายเสื้อเหลืองอย่างไร เห็นว่า เมื่อก่อนมีการฟ้องคดีล้มละลาย 2 เดือน นายเสื้อแดง (ลูกหนี้) ได้โอนที่ดินให้แก่นายทัก (เจ้าหนี้) ทั้งที่มีที่ดินเพียง 1 แปลงเท่านั้น การโอนดังกล่าวย่อมเป็นการทำให้เจ้าหนี้อื่นเสียเปรียบ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมมีอำนาจยื่นคำร้องต่อศาลขอให้เพิกถอนการโอนที่ดินแปลงดังกล่าวได้ตามมาตรา 115 วรรคแรก
แม้ต่อมาภายหลังจากนายเสื้อแดงถูกฟ้องคดี 1 เดือน นายทักจะได้โอนที่ดินแปลงดังกล่าวแก่นายเสื้อเหลือง ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้รับซื้อไว้โดยสุจริต และเสียค่าตอบแทนก็ตาม นายเสื้อเหลืองก็ไม่อาจยกเหตุดังกล่าวขึ้นต่อสู้ได้ตามมาตรา 116 เพราะบทบัญญัติดังกล่าวให้การคุ้มครองเฉพาะการโอนระหว่างผู้รับโอนกับบุคคลภายนอกก่อนมีการขอให้ล้มละลาย นายเสื้อเหลืองจึงไม่ได้รับการคุ้มครอง ตามมาตรา 116 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมมีอำนาจขอให้เพิกถอนการโอนที่ดินแปลงดังกล่าวและนำเข้ากองทรัพย์สินของลูกหนี้ได้ตามมาตรา 115 วรรคแรก (ฎ. 1195/2541 และ ฎ. 7160/2544)
สรุป ถ้าข้าพเจ้าเป็นศาล จะมีคำสั่งเพิกถอนการโอนที่ดินแปลงดังกล่าว ตามมาตรา 115 วรรคแรก และยกคำคัดค้านของนายเหลือง ตามมาตรา 116
ข้อ 3 คดีฟื้นฟูกิจการเรื่องหนึ่ง ในการพิจารณาตั้งผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ ปรากฏว่าเจ้าหนี้ผู้ร้องขอเสนอนายเชี่ยวเป็นผู้ทำแผน ส่วนลูกหนี้เสนอนายชาญเป็นผู้ทำแผน ศาลล้มละลายกลางพิจารณาแล้วเห็นว่านายชาญที่ลูกหนี้เสนอมีคุณสมบัติเป็นผู้ทำแผน จึงมีคำสั่งตั้งนายชาญเป็นผู้ทำแผน
ดังนี้ ให้วินิจฉัยว่า คำสั่งของศาลดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
ธงคำตอบ
มาตรา 90/17 วรรคแรก ในการพิจารณาตั้งผู้ทำแผน ถ้าลูกหนี้หรือเจ้าหนี้ผู้คัดค้านไม่ได้เสนอบุคคลอื่นเป็นผู้ทำแผนด้วย เมื่อศาลสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ ศาลจะมีคำสั่งตั้งบุคคลที่ผู้ร้องขอเสนอเป็นผู้ทำแผนก็ได้ ถ้าศาลเห็นว่าบุคคลที่ผู้ร้องขอเสนอไม่สมควรเป็นผู้ทำแผนก็ดี หรือลูกหนี้ เจ้าหนี้ผู้คัดค้านเสนอบุคคลอื่นเป็นผู้ทำแผนด้วยก็ดี ให้ศาลมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เรียกประชุมเจ้าหนี้ทั้งหลายโดยเร็วที่สุดเพื่อพิจารณาเลือกว่าบุคคลใดสมควรเป็นผู้ทำแผน
วินิจฉัย
ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยมีว่า คำสั่งของศาลล้มละลายกลางที่ตั้งนายชาญเป็นผู้ทำแผนชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/17 วรรคแรก ได้กำหนดหลักเกณฑ์การตั้งผู้ทำแผนไว้ดังนี้คือ
1 กรณีลูกหนี้หรือเจ้าหนี้ผู้คัดค้านไม่ได้เสนอบุคคลอื่นมาเป็นผู้ทำแผน ศาลอาจมีคำสั่งตั้งบุคคลที่ผู้ร้องขอเสนอเป็นผู้ทำแผนก็ได้
2 กรณีที่ศาลเห็นว่าบุคคลที่ผู้ร้องขอเสนอไม่สมควรเป็นผู้ทำแผน หรือลูกหนี้เจ้าหนี้ผู้คัดค้านเสนอบุคคลอื่นเป็นผู้ทำแผนด้วย ให้ศาลมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เรียกประชุมเจ้าหนี้ทั้งหลายโดเร็วที่สุด เพื่อพิจารณาเลือกว่าบุคคลใดสมควรเป็นผู้ทำแผน ศาลจะมีคำสั่งตั้งผู้ทำแผนไปเลยทีเดียวไม่ได้
เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าเจ้าหนี้ผู้ร้องขอเสนอนายเชี่ยวเป็นผู้ทำแผน และลูกหนี้เสนอนายชาญเป็นผู้ทำแผนด้วย ศาลจึงต้องมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เรียกประชุมเจ้าหนี้ทั้งหมดโดยเร็วที่สุด เพื่อพิจารณาเลือกว่าบุคคลใดสมควรเป็นผู้ทำแผน ทั้งนี้ตามมาตรา 90/17 วรรคแรก ศาลจะมีคำสั่งตั้งนายเชี่ยวหรือนายชาญเป็นผู้ทำแผนในทันทีหาได้ไม่ การที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งตั้งนายชาญเป็นผู้ทำแผนในทันทีก่อนมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เรียกประชุมเจ้าหนี้ คำสั่งของศาลดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
สรุป คำสั่งของศาลล้มละลายกลางที่ตั้งนายชาญเป็นผู้ทำแผน โดยมิได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของมาตรา 90/17 วรรคแรกนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย