การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2549
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW3010 กฎหมายล้มละลาย
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน จำนวน 3 ข้อ
ข้อ 1 เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2549 ศาลแพ่งพิพากษาตามยอมให้นายดนัย จำเลยที่ 1 และนายภราดร จำเลยที่ 2 ร่วมกันชำระเงิน 3 ล้านบาท แก่นายโรเจอร์ โจทก์ ภายในกำหนด 1 ปี นับแต่วันทำยอม ต่อมาวันที่ 8 ธันวาคม 2549 นายโรเจอร์นำหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมดังกล่าวมาฟ้องนายดนัยให้ล้มละลาย นายดนัยให้การรับว่าเป็นหนี้โจทก์จริงตามฟ้องและมีหนี้สินล้นพ้นตัว แต่หนี้ตามคำพิพากษาดังกล่าวยังไม่ครบกำหนดชำระ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง อีกทั้งนายภราดรซึ่งเป็นลูกหนี้ร่วมตามคำพิพากษามีฐานะร่ำรวยสามารถชำระหนี้ทั้งหมดแก่โจทก์ได้ขอให้ยกฟ้อง ศาลล้มละลายกลางพิจารณาแล้วข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่จำเลยอ้าง จึงพิพากษายกฟ้องให้วินิจฉัยว่า คำพิพากษาของศาลล้มละลายกลางชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
ธงคำตอบ
มาตรา 9 เจ้าหนี้จะฟ้องลูกหนี้ให้ล้มละลายได้ต่อเมื่อ
(1) ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว
(2) ลูกหนี้ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาเป็นหนี้เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์คนเดียวหรือหลายคนเป็นจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งล้านบาท หรือลูกหนี้ซึ่งเป็นนิติบุคคลเป็นเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์คนเดียวหรือหลายคนเป็นจำนวนไม่น้อยกว่าสองล้านบาท และ
(3) หนี้นั้นอาจกำหนดจำนวนได้โดยแน่นอนไม่ว่าหนี้นั้นจะถึงกำหนดชำระโดยพลัน หรือในอนาคตก็ตาม
มาตรา 14 ในการพิจารณาคดีล้มละลายตามคำฟ้องของเจ้าหนี้นั้น ศาลต้องพิจารณาเอาความจริงตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 9 หรือมาตรา 10 ถ้าศาลพิจารณาได้ความจริง ให้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด แต่ถ้าไม่ได้ความจริง หรือลูกหนี้นำสืบได้ว่าอาจชำระหนี้ได้ทั้งหมดหรือมีเหตุอื่นที่ไม่ควรให้ลูกหนี้ล้มละลายให้ศาลยกฟ้อง
วินิจฉัย
ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยมีว่า คำพิพากษายกฟ้องของศาลล้มละลายกลางชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่าโดยหลัก การฟ้องบุคคลธรรมดาเป็นคดีล้มละลายโดยเจ้าหนี้ไม่มีประกัน ตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 9 มีหลักเกณฑ์ 3 ประการ คือ
1 ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว
2 ลูกหนี้ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาเป็นหนี้เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์คนเดียวหรือหลายคนเป็นจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งล้านบาท
3 หนี้นั้นอาจกำหนดจำนวนได้โดยแน่นอนไม่ว่าหนี้นั้นจะถึงกำหนดชำระโดยพลัน หรือในอนาคตก็ตาม
เมื่อศาลพิจารณาเอาความจริงได้ทั้ง 3 ประการดังกล่าวข้างต้น ศาลก็ต้องมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ตามมาตรา 14 ทั้งนี้ในกรณีที่หนี้ที่นำมาฟ้องให้ล้มละลายมีลูกหนี้ร่วมหลายคน การพิจารณาว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวหรือไม่ คงพิจารณาทรัพย์สินและหนี้สินของลูกหนี้แต่ละคนเป็นการเฉพาะตัว เมื่อปรากฏว่าลูกหนี้ร่วมคนหนึ่งมีหนี้สินล้นพ้นตัว ศาลก็พิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดและพิพากษาให้ล้มละลายได้ แม้ลูกหนี้ร่วมคนอื่นจะมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินก็ตาม และกรณีเช่นนี้ไม่ถือว่าเป็นเหตุอื่นที่ไม่ควรให้ลูกหนี้ที่มีหนี้สินล้นพ้นตัวล้มละลาย
เมื่อข้อเท็จจริงในกรณีนี้ปรากฏว่า นายดนัยให้การรับว่าเป็นหนี้โจทก์จริงตามฟ้องจำนวน 3 ล้านบาท ตามมาตรา 9(2) และมีหนี้สินล้นพ้นตัว ตามมาตรา 9(1) แล้ว และหนี้ที่เกิดขึ้นโดยผลของคำพิพากษาแม้จะยังไม่ถึงกำหนดชำระ แต่ก็ถือได้ว่าเป็นหนี้ที่อาจกำหนดจำนวนได้โดยแน่นอน ตามมาตรา 9(3) เพราะคู่ความต้องผูกพันในผลของคำพิพากษานั้นจนกว่าคำพิพากษาจะถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไขกลับหรืองดเสีย (ฎ. 24/2536) เมื่อพิจารณาได้ความจริงครบหลักเกณฑ์ทั้ง 3 ประการดังกล่าว ศาลจึงต้องมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์นายดนัยเด็ดขาด ตามมาตรา 14 ที่นายดนัยจำเลยให้การต่อสู้ว่าหนี้ตามคำพิพากษายังไม่ครบกำหนดชำระ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง จึงรับฟังไม่ได้
ส่วนข้อที่จำเลยให้การต่อสู้ว่านายภราดรลูกหนี้ร่วมมีฐานะร่ำรวย สามารถชำระหนี้ทั้งหมดแก่โจทก์ก็รับฟังไม่ได้เช่นกัน เพราะการพิจารณาว่าลูกหนี้ร่วมคนใดมีหนี้สินล้นพ้นตัวไม่สามารถชำระหนี้ได้ หรือมีเหตุอื่นที่ไม่ควรให้ลูกหนี้ล้มละลายหรือไม่นั้น เป็นเรื่องเฉพาะตัวของลูกหนี้ร่วมแต่ละคน (ฎ. 1866/2548) นายดนัยจึงไม่อาจอ้างเอาการที่นายภราดรสามารถชำระหนี้แก่โจทก์ได้ทั้งหมด มาเป็นประโยชน์แก่ตนว่าไม่มีหนี้สินล้นพ้นตัวได้ อีกทั้งการที่นายภราดรมีทรัพย์สินพอที่จะชำระหนี้แก่โจทก์ได้ ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นเหตุอื่นที่ไม่ควรให้นายดนัยล้มละลายที่ศาลจะมีอำนาจยกฟ้องตามมาตรา 14 ตอนท้ายได้ (ฎ. 4287/2543) การที่ศาลล้มละลายกลางพิจารณาแล้วฟังข้อเท็จจริงตามที่จำเลยอ้างและพิพากษายกฟ้อง คำพิพากษาดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลต้องมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของนายดนัยเด็ดขาดเท่านั้น จะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นประการอื่นไม่ได้
ข้อ 2 ให้นักศึกษาอธิบายว่า เมื่อศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยการประนอมหนี้ก่อนล้มละลาย
ก จะมีผลต่อคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด และอำนาจในการจัดการทรัพย์สินและกิจการของลูกหนี้อย่างไร
ข จะมีผลต่อความรับผิดในหนี้สินของลูกหนี้อย่างไร
ธงคำตอบ
มาตรา 56 การประนอมหนี้ซึ่งที่ประชุมเจ้าหนี้ได้ยอมรับและศาลเห็นชอบด้วยแล้ว ผู้มัดเจ้าหนี้ทั้งหมดในเรื่องหนี้ซึ่งอาจขอรับชำระหนี้ได้ แต่ไม่ผูกมัดเจ้าหนี้คนหนึ่งคนใดในเรื่องหนี้ซึ่งตามพระราชบัญญัตินี้ลูกหนี้ไม่อาจหลุดพ้นโดยคำสั่งปลดจากล้มละลายได้ เว้นแต่เจ้าหนี้คนนั้นได้ยินยอมด้วยในการประนอมหนี้
มาตรา 77 คำสั่งปลดจากล้มละลายทำให้บุคคลล้มละลายหลุดพ้นจากหนี้ทั้งปวงอันพึงขอรับชำระได้เว้นแต่
(1) หนี้เกี่ยวกับภาษีอากร หรือจังกอบของรัฐบาลหรือเทศบาล
(2) หนี้ซึ่งได้เกิดขึ้นโดยความทุจริตฉ้อโกงของบุคคลล้มละลาย หรือหนี้ซึ่งเจ้าหนี้ไม่ได้เรียกร้องเนื่องจากความทุจริตฉ้อโกงซึ่งบุคคลล้มละลายมีส่วนเกี่ยวข้องสมรู้
มาตรา 91 เจ้าหนี้ซึ่งจะขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายอาจจะเป็นเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทย์หรือไม่ก็ตาม ต้องยื่นคำขอต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนดเวลาสองเดือนนับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด แต่ถ้าเจ้าหนี้อยู่นอกราชอาณาจักร เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะขยายกำหนดเวลาให้อีกได้ไม่เกินสองเดือน
อธิบาย
เมื่อศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยกับการประนอมหนี้ก่อนล้มละลาย ตามมาตรา 56 แล้วจะมีผลดังต่อไปนี้
ก ทำให้คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเป็นอันยกเลิกไปในตัวลูกหนี้หลุดพ้นจากการล้มละลาย และลูกหนี้กลับมีอำนาจจัดการทรัพย์สินและกิจการของตนหรือต่อสู้คดีได้ดังเดิม (ฎ. 2649/2541) เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมหมดอำนาจหน้าที่กระทำการแทนดังกล่าว
ข คำสั่งศาลที่เห็นชอบด้วยการประนอมหนี้นั้นผูกมัดเจ้าหนี้ซึ่งอาจขอรับชำระหนี้ได้ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหนี้เสียงข้างน้อยที่ไม่ได้ยอมรับการขอประนอมหนี้ หรือเจ้าหนี้ที่มีสิทธิขอรับชำระหนี้แต่ไม่ได้ขอรับชำระหนี้ไว้ตามมาตรา 91 ก็ตาม เจ้าหนี้จะมาฟ้องลูกหนี้ให้ต้องรับผิดในหนี้นั้นภายหลังอีกไม่ได้ (ฎ. 1001/2509) (ประชุมใหญ่)
เมื่อลูกหนี้ชำระหนี้ตามข้อตกลงในการประนอมหนี้ครบถ้วน ลูกหนี้ย่อมหลุดพ้นจากหนี้สินที่เหลือที่อาจขอรับชำระได้ คงมีแต่หนี้ที่ปรากฏตามข้อตกลงในการประนอมหนี้เท่านั้น และลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดในหนี้ต่อเจ้าหนี้มากไปกว่าจำนวนตามที่ปรากฏในข้อตกลงประนอมหนี้ที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแล้ว (ฎ. 6084/2548)
แต่อย่างไรก็ดี แม้ศาลจะเห็นชอบด้วยการประนอมหนี้ลูกหนี้ก็ไม่อาจหลุดพ้นจากหนี้ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 77 ซึ่งได้แก่
(1) หนี้เกี่ยวกับภาษีอากร
(2) หนี้ซึ่งเกิดขึ้นโดยการทุจริตฉ้อโกงของลูกหนี้หรือที่ลูกหนี้มีส่วนสมรู้ด้วยในการทุจริตฉ้อโกงนั้น
เพราะนี้ทั้ง 2 ประเภทดังกล่าวนี้ ลูกหนี้จะต้องรับผิดชำระต่อไปจนกว่าจะครบถ้วนหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยไม่ต้องคำนึงว่าเจ้าหนี้ทั้ง 2 ประเภทดังกล่าวนี้จะได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ไว้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ตามมาตรา 91 ตั้งแต่แรกหรือไม่ (ฎ. 4955/2536) แต่ถ้าเจ้าหนี้ทั้ง 2 ประเภทได้ยินยอมด้วยในการประนอมหนี้คือได้ลงมติเห็นชอบด้วยในการประนอมหนี้ของลูกหนี้ ก็จะถูกผูกมัดด้วยการประนอมหนี้ให้ได้รับชำระหนี้เพียงจำนวนที่ปรากฏในข้อตกลงประนอมหนี้ที่ศาลเห็นชอบเท่านั้น
ข้อ 3 ศาลในคดีแพ่งมีคำพิพากษาให้บริษัท กรุงเทพ จำกัด ผู้กู้ และนายสยาม ผู้ค้ำประกัน ร่วมกันรับผิดชำระเงินให้แก่ นายไทย ต่อมาบริษัท กรุงเทพ จำกัด ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของบริษัทกรุงเทพ จำกัด ต่อศาลล้มละลายกลาง ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งรับคำร้องขอไว้พิจารณา นายไทยยื่นคำขอให้ศาลในคดีแพ่งออกหมายบังคับคดี เพื่อดำเนินการบังคับคดีแก่นายสยาม นายสยามยื่นคำคัดค้านว่าศาลในคดีล้มละลายมีคำสั่งรับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของบริษัท กรุงเทพ จำกัดไว้พิจารณาแล้ว ศาลในคดีแพ่งจะต้องงดการบังคับคดีแก่บริษัท กรุงเทพ จำกัด ลูกหนี้และนายสยาม ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันไว้
ให้ท่านวินิจฉัยว่าคำคัดค้านของนายสยามรับฟังได้หรือไม่
ธงคำตอบ
มาตรา 90/12 ภายใต้บังคับมาตรา 90/13 และมาตรา 90/14 นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งรับคำร้องขอไว้เพื่อพิจารณาจนถึงวันครบกำหนดระยะเวลาดำเนินการตามแผน หรือวันที่ดำเนินการเป็นผลสำเร็จตามแผนหรือวันที่ศาลมีคำสั่งยกคำร้องขอหรือจำหน่ายคดีหรือยกเลิกคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการหรือยกเลิกการฟื้นฟูกิจการหรือพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดตามความในหมวดนี้
(5) ห้ามมิให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของลูกหนี้ ถ้ามูลแห่งหนี้ตามคำพิพากษานั้นเกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผน ในกรณีที่ได้ดำเนินการบังคับคดีไว้ก่อนแล้ว ให้ศาลงดการบังคับคดีนั้นไว้ เว้นแต่ศาลที่รับคำร้องขอจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น หรือการบังคับคดีได้สำเร็จบริบูรณ์แล้วก่อนที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะทราบว่าได้มีการยื่นคำร้องขอ หรือการบังคับคดีตามคำพิพากษาให้ลูกหลานส่งมอบทรัพย์เฉพาะสิ่งเสร็จก่อนวันดังกล่าวนั้น
วินิจฉัย
ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยมีว่า คำคัดค้านของนายสยามรับฟังได้หรือไม่ เห็นว่า คำสั่งของศาลล้มละลายที่ให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ มีผลเป็นการเฉพาะตัวแก่ลูกหนี้ในอันที่จะได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/12 หาได้มีผลต่อบุคคลอื่นซึ่งมิได้เป็นลูกหนี้ที่มีการขอให้มีการขอให้ฟื้นฟูกิจการด้วยไม่
เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งรับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของบริษัทกรุงเทพ จำกัด ลูกหนี้ไว้พิจารณาแล้ว กรณีจึงต้องด้วยบทบัญญัติมาตรา 90/12(5) ที่ห้ามมิให้นายไทยเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีแพ่งบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของบริษัท กรุงเทพ จำกัด ซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา และมีการขอให้ฟื้นฟูกิจการ
ส่วนการที่นายไทยเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีแพ่งยื่นคำขอให้ศาลในคดีแพ่งออกหมายบังคับคดี เพื่อดำเนินการบังคับคดีแก่นายสยามผู้ค้ำประกันนั้น สามารถกระทำได้ เพราะแม้บริษัท กรุงเทพ จำกัด จะได้รับความคุ้มครองตามบทบัญญัติดังกล่าวที่ให้ศาลต้องงดการบังคับคดีนั้นไว้ก็ตาม ก็มีผลแต่เฉพาะให้งดการบังคับคดีแก่บริษัท กรุงเพท จำกัด ซึ่งเป็นลูกหนี้ที่มีการขอให้ฟื้นฟูกิจการเท่านั้น หาได้มีผลไปถึงนายสยาม ผู้ค้ำประกันซึ่งมิได้ยื่นขอให้มีการฟื้นฟูกิจการด้วยไม่ ศาลในคดีแพ่งจึงบังคับคดีแก่นายสยามได้ ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 90/12(5) นายสยามไม่อาจยกเหตุเฉพาะตัวของบริษัท กรุงเทพ จำกัด ดังกล่าวขึ้นมาอ้างให้ศาลในคดีแพ่งงดการบังคับคดีแก่ตน เพื่อรอฟังผลในคดีฟื้นฟูกิจการของบริษัท กรุงเทพ จำกัด ได้ คำคัดค้านของนายสยามไม่อาจรับฟังได้ (ฎ. 5773/2548)