การสอบไล่ภาค  1  ปีการศึกษา  2551 

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW3010 กฎหมายล้มละลาย 

Advertisement

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน  จำนวน  3  ข้อ

ข้อ  1  คดีล้มละลายเรื่องหนึ่ง  เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รายงานต่อศาลว่าครบกำหนดยื่นคำขอรับชำระหนี้แล้ว  ปรากกว่าไม่มีเจ้าหนี้มายื่นคำขอรับชำระหนี้เลย  ขอให้ศาลสั่งยกเลิกการล้มละลาย  ศาลล้มละลายกลางพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า  เนื่องจากศาลยังมิได้พิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลาย  ไม่อาจที่จะยกเลิกการล้มละลายได้  แต่เป็นกรณีที่ลูกหนี้ไม่ควรถูกพิพากษาให้ล้มละลาย  จึงพิพากษายกฟ้อง

ดังนี้ให้วินิจฉัยว่า  คำพิพากษาศาลล้มละลายกลางชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

ธงคำตอบ

มาตรา  14  ในการพิจารณาคดีล้มละลายตามคำฟ้องของเจ้าหนี้นั้น  ศาลต้องพิจารณาเอาความจริงตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา  9  หรือมาตรา  10  ถ้าศาลพิจารณาได้ความจริง  ให้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด  แต่ถ้าไม่ได้ความจริง  หรือลูกหนี้นำสืบได้ว่าอาจชำระหนี้ได้ทั้งหมดหรือมีเหตุอื่นที่ไม่ควรให้ลูกหนี้ล้มละลายให้ศาลยกฟ้อง

มาตรา  91  วรรคแรก  เจ้าหนี้ซึ่งจะขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายจะเป็นเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์หรือไม่ก็ตาม  ต้องยื่นคำขอต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนดเวลาสองเดือนนับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด  แต่ถ้าเจ้าหนี้อยู่นอกราชอาณาจักร  เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะขยายกำหนดเวลาให้อีกได้ไม่เกินสองเดือน

มาตรา  135  เมื่อผู้มีส่วนได้เสียหรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำขอ  ศาลมีอำนาจสั่งยกเลิกการล้มละลายได้  ถ้าปรากฏเหตุอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้

(2) ลูกหนี้ไม่ควรถูกพิพากษาให้ล้มละลาย

วินิจฉัย

เหตุอื่นที่ไม่ควรให้ลูกหนี้ล้มละลาย  ตาม  พ.ร.บ.  ล้มละลาย  พ.ศ. 2483  มาตรา  14  นั้น  เป็นข้อที่ศาลพึงหยิบยกขึ้นวินิจฉัยก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด  กล่าวคือ  เมื่อมีเหตุอื่นที่ไม่ควรให้ลูกหนี้ล้มละลาย  ศาลก็ไม่สั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาดโดยพิพากษายกฟ้องเสียได้  ดังนั้นการจะอ้างเหตุที่ไม่ควรให้ลูกหนี้ล้มละลาย  ตามมาตรา  14  ต้องยกขึ้นอ้างก่อนศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาดเท่านั้น  หลังจากนั้นแล้วจะกลับมาอ้างว่ามีเหตุที่ไม่ควรให้ลูกหนี้ล้มละลายเพื่อให้ศาลยกฟ้องตามมาตรา  14  อีกหาได้ไม่

ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยมีว่า  คำพิพากษายกฟ้องของศาลล้มละลายกลางดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายหรือไม่  เห็นว่า  ขั้นตอนการยื่นคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้เป็นขั้นตอนภายหลังที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดแล้ว  ตามมาตรา  91  เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว  แต่ไม่ปรากฏว่ามีเจ้าหนี้รายใดมายื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในกำหนดเวลาตามมาตรา  91  เลย  จึงเป็นกรณีที่ปรากฏเหตุว่าลูกหนี้ไม่ควรถูกพิพากษาให้ล้มละลาย  ตามมาตรา  135(2)  ที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจร้องขอให้ศาลสั่งยกเลิกการล้มละลายได้ และศาลจะต้องมีคำสั่งยกเลิกการล้มละลายตามบทบังคับของกฎหมาย  จะพิพากษายกฟ้องเพราะลูกหนี้ไม่ควรถูกพิพากษาให้ล้มละลายหาได้ไม่  การที่ศาลล้มละลายกลางพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่าศาลยังมิได้พิพากษาให้ล้มละลาย  จึงไม่อาจที่จะสั่งยกเลิกการล้มละลายได้ แต่เป็นกรณีที่ลูกหนี้ไม่ควรถูกพิพากษาให้ล้มละลาย  ตามมาตรา  14  แล้วพิพากษายกฟ้อง  คำพิพากษาของศาลดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย (ฎ. 568/2506, ฎ. 7723/2543)

สรุป  คำพิพากษายกฟ้องของศาลล้มละลายกลางไม่ชอบด้วยกฎหมาย

 หมายเหตุ  ที่คำพิพากษายกฟ้องของศาลล้มละลายกลาง  ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้นเป็นเพราะศาลฯมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาดแล้ว  เมื่อมีเหตุไม่สมควรให้ลูกหนี้ล้มละลายศาลต้องมีคำสั่งยกเลิกการล้มละลายตามมาตรา  135(2)  ได้สถานเดียว จะยกฟ้องโดยอาศัยมาตรา  14  อีกไม่ได้  (ฎ. 670/2526)


ข้อ  2  ในคดีล้มละลายนั้น  เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะขอให้ศาลสั่งปิดคดีได้  ในกรณีใดบ้าง  และคำสั่งปิดคดีมีผลเพียงใด  ให้อธิบายพอสังเขป

ธงคำตอบ

มาตรา  133  วรรคแรก  เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้แบ่งทรัพย์ของลูกหนี้หรือได้หยุดกระทำการตามข้อตกลงในการประนอมหนี้  หรือเมื่อลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สินจะให้แบ่ง  เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อาจทำรายงานแสดงกิจการและบัญชีรับจ่ายในคดีล้มละลายยื่นต่อศาลและขอให้ศาลสั่งปิดคดีได้

มาตรา  134  วรรคแรกและวรรคสอง  คำสั่งปิดคดีมีผลเพียงให้ระงับการจัดการต่างๆไว้แต่ไม่ทำให้คดีล้มละลายสิ้นสุด

ถ้าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เห็นว่าบุคคลล้มละลายมีทรัพย์สินขึ้นใหม่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อาจขอให้ศาลเปิดคดีต่อไปได้

อธิบาย  ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย  พ.ศ. 2483  มาตรา  133  วรรคแรกดังกล่าวข้างต้นได้กำหนดถึงเหตุที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อาจขอให้ศาลสั่งปิดคดีไว้  3  กรณี  กล่าวคือ

1       เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์  ได้แบ่งทรัพย์สินของลูกหนี้ครั้งที่สุด  เนื่องจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต้องแบ่งเงินที่ขายทรัพย์สินได้ให้แก่บรรดาเจ้าหนี้ที่ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ไว้  และศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ได้รับชำระหนี้แล้ว  ทุกระยะเวลา  ไม่เกิน  6  เดือนนับแต่วันที่ศาลพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลายตามมาตรา  124  วรรคสอง  ดังนั้นเมื่อได้แบ่งเงินให้แก่บรรดาเจ้าหนี้ครั้งสุดท้ายแล้ว  จึงอาจขอให้ศาลสั่งปิดคดีได้

2       เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้หยุดกระทำการตามข้อตกลงในการประนอมหนี้  เนื่องจากเมื่อศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยการประนอมหนี้  ไม่ว่าจะเป็นการประนอมหนี้ก่อนล้มละลายหรือภายหลังล้มละลาย  จะมีผลทำให้ลูกหนี้หรือบุคคลล้มละลายกลับมามีอำนาจจัดการทรัพย์สินและกิจการของตนได้ดังเดิม  เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมหมดอำนาจหน้าที่ในการที่จะเข้าไปจัดการแทนลูกหนี้  จึงอาจขอให้ศาลสั่งปิดคดีได้

3       เมื่อลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สินจะให้แบ่ง  ในคดีล้มละลายบางเรื่อง  ลูกหนี้ค้าขายขาดทุนจนสิ้นเนื้อประดาตัว  แม้ถูกเจ้าหนี้ฟ้องล้มละลาย  แต่พนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่อาจรวบรวมทรัพย์สินมาขายเพื่อแบ่งเงินแก่เจ้าหนี้ได้เลย  จึงอาจขอให้ศาลสั่งปิดคดีได้

สำหรับผลของคำสั่งปิดคดีนั้น  เป็นไปตามบทบัญญัติมาตรา  134  กล่าวคือ  คำสั่งปิดคดีมีผลเพียงให้ระงับการจัดการทรัพย์สินและกิจการต่างๆของลูกหนี้ไว้  แต่ไม่ทำให้คดีล้มละลายสิ้นสุด  เพราะเหตุว่าเจ้าหนี้ต่างก็ยังได้รับชำระหนี้ไม่ครบถ้วน  ดังนั้น  หากปรากฏว่าบุคคลล้มละลายมีทรัพย์สินขึ้นใหม่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อาจให้ศาลเปิดคดี  เพื่อรวบรวมทรัพย์สินมาขายแล้วนำเงินมาแบ่งแก่บรรดาเจ้าหนี้ได้อีกตามมาตรา  134 วรรคสอง


ข้อ  3  คดีล้มละลายเรื่องหนึ่ง  ลูกหนี้ยื่นคำขอประนอมหนี้ก่อนล้มละลาย  เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เรียกประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรก  ต่อมาที่ประชุมเจ้าหนี้มีมติพิเศษยอมรับคำขอประนอมหนี้  และศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแล้ว  หลังจากนั้นปรากฏว่าลูกหนี้ไม่ปฏิบัติตามคำขอประนอมหนี้ที่ได้ยื่นไว้  เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงรายงานต่อศาล  ขอให้มีคำสั่งยกเลิกการประนอมหนี้และพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลาย  ศาลมีคำสั่งให้ยกเลิกการประนอมหนี้  และทำการไต่สวนลูกหนี้โดยเปิดเผย  ต่อมาศาลมีคำพิพากษาโดยวินิจฉัยจากข้อเท็จจริงว่า  ลูกหนี้เป็นพนักงานของบริษัทแห่งหนึ่ง  มีเงินเดือนเดือนละ  
100,000  บาท  ลูกหนี้ยังอาจชำระหนี้ได้ทั้งหมด  พิพากษายกฟ้อง  ดังนี้  ให้วินิจฉัยว่า  คำพิพากษาของศาลชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

ธงคำตอบ

มาตรา  14  ในการพิจารณาคดีล้มละลายตามคำฟ้องของเจ้าหนี้นั้น  ศาลต้องพิจารณาเอาความจริงตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา  9  หรือมาตรา  10  ถ้าศาลพิจารณาได้ความจริง  ให้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด  แต่ถ้าไม่ได้ความจริง  หรือลูกหนี้นำสืบได้ว่าอาจชำระหนี้ได้ทั้งหมดหรือมีเหตุอื่นที่ไม่ควรให้ลูกหนี้ล้มละลายให้ศาลยกฟ้อง

มาตรา  60  วรรคแรก  ถ้าลูกหนี้ผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามที่ได้ตกลงไว้ในการประนอมหนี้ก็ดี  หรือปรากฏแก่ศาลโดยมีพยานหลักฐานว่าการประนอมหนี้นั้นไม่อาจดำเนินไปได้โดยปราศจากอยุติธรรมหรือจะเป็นการเนิ่นช้าเกินสมควรก็ดี  หรือการที่ศาลได้มีคำสั่งเห็นชอบด้วยนั้นเป็นเพราะถูกหลอกลวงทุจริตก็ดี  เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รายงานหรือเจ้าหนี้คนใดมีคำขอโดยทำเป็นคำร้อง  ศาลมีอำนาจยกเลิกการประนอมหนี้และพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลาย  แต่ทั้งนี้ไม่กระทบถึงการใดที่ได้กระทำไปแล้วตามข้อประนอมหนี้นั้น

วินิจฉัย

ตาม  พ.ร.บ.  ล้มละลาย  พ.ศ. 2483  มาตรา  60 วรรคแรก  ได้วางหลักเกณฑ์ว่า  ศาลอาจยกเลิกการประนอมหนี้และพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลายได้เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รายงาน  หรือเจ้าหนี้คนใดมีคำขอโดยทำเป็นคำร้องหากปรากฏเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งใน  4 กรณีต่อไปนี้

1       ลูกหนี้ผิดนัด  ไม่ชำระหนี้ตามที่ตกลงไว้ในการประนอมหนี้

2       ปรากฏแก่ศาลว่าการประนอมหนี้ไม่อาจดำเนินไปโดยปราศจากความยุติธรรม

3       ปรากฏแก่ศาลว่าการประนอมหนี้นั้น  จะเป็นการเนิ่นช้าเกินสมควร

4       การที่ศาลได้มีคำสั่งเห็นชอบด้วยการประนอมหนี้นั้นเป็นเพราะถูกหลอกลวงทุจริต

ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยมีว่า  คำพิพากษาของศาลชอบด้วยกฎหมายหรือไม่  เห็นว่า  ตามบทบัญญัติของมาตรา  60  แห่ง  พ.ร.บ.  ล้มละลาย  พ.ศ. 2483  มีความหมายชัดแจ้งอยู่แล้วว่าเมื่อศาลมีคำสั่งยกเลิกการประนอมหนี้แล้ว  ต้องพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลายสถานเดียว  จะกลับไปนำมาตรา  14  มาใช้บังคับแก่กรณีนี้มิได้  เพราะบทบัญญัติดังกล่าวต้องใช้บังคับแก่กรณีที่ศาลยังไม่ได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด

เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าลูกหนี้ไม่ปฏิบัติตามคำขอประนอมหนี้ที่ได้ยื่นไว้  และศาลมีคำสั่งให้ยกเลิกการประนอมหนี้  ตามมาตรา  60  วรรคแรกแล้ว  ศาลจึงอยู่ในบังคับของกฎหมายที่จะต้องพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลายเท่านั้น  ไม่อาจมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นประการอื่นได้ ทั้งจะกลับไปใช้เหตุที่ไม่ควรให้ลูกหนี้ล้มละลายเพราะลูกหนี้อาจชำระหนี้ได้ทั้งหมด  แล้วพิพากษายกฟ้องตามมาตรา  14  ตอนท้ายหาได้ไม่  เพราะกรณีนี้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดแล้ว  การที่ศาลพิพากษายกฟ้องจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย  (ฎ. 6058/2541)

สรุป  คำพิพากษาของศาลไม่ชอบด้วยกฎหมาย

Advertisement