การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2550
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 3006 กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา 1
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 4 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)
ข้อ 1 นางพิมมีบุตรนอกสมรส 2 คน คือ นายชาย อายุ 21 ปี และนางสาวหญิง อายุ 20 ปี นางสาวหญิงถูกนายข่มขืนกระทำชำเรา นางสาวหญิงอับอายจึงปกปิดเรื่องนี้ไว้และไปเรียนหนังสือตามปกติในวันรุ่งขึ้น ดังนี้
(ก) นางพิมจะยื่นฟ้องนายโป้งฐานข่มขืนกระทำชำเรานางสาวหญิง โดยที่นางสาวหญิงไม่ยินยอมและไม่ได้มอบอำนาจให้นางพิมดำเนินการ ได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
(ข) นายชายจะยื่นฟ้องนายโป้งฐานข่มขืนกระทำชำเรานางสาวหญิง โดยที่นางสาวหญิงยินยอมและมอบอำนาจให้นายชายดำเนินการ ได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 2 ในประมวลกฎหมายนี้
(4) ผู้เสียหาย หมายความถึงบุคคลผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำผิดฐานใดฐานหนึ่งรวมทั้งบุคคลอื่นที่มีอำนาจจัดการแทนได้ ดังบัญญัติไว้ในมาตรา 4, 5 และ 6
มาตรา 5 บุคคลเหล่านี้จัดการแทนผู้เสียหายได้
(1) ผู้แทนโดยชอบธรรมหรือผู้อนุบาล เฉพาะแต่ในความผิดซึ่งได้กระทำต่อผู้เยาว์หรือผู้ไร้ความสามารถซึ่งอยู่ในความดูแล
(2) ผู้บุพการี ผู้สืบสันดาน สามีหรือภริยาเฉพาะแต่ในความผิดอาญา ซึ่งผู้เสียหายถูกทำร้ายถึงตายหรือบาดเจ็บจนไม่สามารถจะจัดการเองได้
มาตรา 28 บุคคลเหล่านี้มีอำนาจฟ้องคดีอาญาต่อศาล
(2) ผู้เสียหาย
วินิจฉัย
(ก) นางพิมจะยื่นฟ้องนายโป้งฐานข่มขืนกระทำชำเรานางสาวหญิงได้หรือไม่ เห็นว่า นางสาวหญิง อายุ 20 ปี ถือว่าได้บรรลุนิติภาวะแล้ว พ้นสภาพความเป็นผู้เยาว์ ดังนั้น นางพิมแม้จะเป็นมารดาที่ชอบด้วยกฎหมายของนางสาวหญิงก็ตาม ก็ไม่สามารถจัดการแทนนางสาวหญิง ตามมาตรา 5(1)
และแม้นางพิมจะเป็นมารดาตามความเป็นจริง มีฐานะเป็นผู้บุพการีของนางสาวหญิง แต่ก็ไม่สามารถจัดการแทนโดยอาศัย มาตรา 5(2) ได้เพราะนางสาวหญิงถูกนายโป้งข่มขืนกระทำชำเราแล้ว ยังสามารถไปเรียนหนังสือได้ตามปกติในวันรุ่งขึ้น จึงถือว่านางสาวหญิงยังสามารถจัดการเองได้
ดังนั้น เมื่อนางสาวหญิงผู้เสียหายที่แท้จริงไม่ยินยอมและไม่ได้มอบอำนาจให้นางพิมดำเนินการฟ้องคดีได้ นางพิมจึงยื่นฟ้องนายโป้งไม่ได้
(ข) นายชายจะยื่นฟ้องนายโป้งฐานข่มขืนกระทำชำเรานางสาวหญิงได้หรือไม่ เห็นว่า นายชายมีฐานะเป็นพี่ชายของนางสาวหญิง นายชายจึงไม่ใช่ผู้มีอำนาจจัดการแทนตามมาตรา 5(1) , 5(2) แต่อย่างใด แต่อย่างไรก็ตามเมื่อได้ความว่าคดีอาญาสามารถมอบอำนาจให้ฟ้องแทนกันได้ (ฎ. 890/2503 (ประชุมใหญ่)) ดังนั้นเมื่อนางสาวหญิงบรรลุนิติภาวะสามารถฟ้องคดีอาญาได้เอง ตามมาตรา 28(2) จึงสามารถมอบอำนาจให้นายชายดำเนินการฟ้องคดีอาญาแทนตนเองได้เช่นกัน
สรุป
(ก) นางพิมยื่นฟ้องนายโป้งไม่ได้
(ข) นายชายยื่นฟ้องนายโป้งได้
ข้อ 2 นางแหม่มหมั่นไส้นางเจ๋งจึงผลักนางเจ๋งตกเวทีประกวดนางงาม พนักงานสอบสวนได้เปรียบเทียบปรับนางแหม่มในข้อหาใช้กำลังทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายหรือจิตใจ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 โดยนางแหม่มชดใช้ค่าเสียหายให้นางเจ๋งเป็นเงิน 50,000 บาท แต่ในวันรุ่งขึ้นปรากฏว่านางเจ๋งปวดศีรษะอย่างรุนแรง แพทย์ตรวจรักษาแล้วพบว่ามีเลือดคั่งในสมองเนื่องจากศีรษะถูกกระทบกระเทือนหนักจากการที่ถูกนางแหม่มผลักตกเวที นางเจ๋งเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นเวลา 1 เดือน และได้เรียกให้นางแหม่มชดใช้ค่าเสียหายเพิ่มขึ้นเป็นเงิน 200,000 บาท แต่นางแหม่มไม่ยอมจ่ายและบอกว่าที่จ่ายไปก็มากพอแล้ว นางเจ๋งจึงเป็นโจทก์ฟ้องนางแหม่มเป็นจำเลนในคดีอาญาในข้อหาทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 นางแหม่มต่อสู้ว่าพนักงานสอบสวนได้เปรียบเทียบปรับนางแหม่มในการกระทำผิดที่นางเจ๋งได้ฟ้องไปแล้ว นางเจ๋งไม่มีสิทธิฟ้องนางแหม่มได้อีก
ดังนี้ นางเจ๋งสามารถฟ้องนางแหม่มได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 37 คดีอาญาเลิกกันได้ ดังต่อไปนี้
(2) ในคดีความผิดที่เป็นลหุโทษหรือความผิดที่มีอัตราโทษไม่สูงกว่าความผิดลหุโทษ หรือคดีอื่นที่มีโทษปรับสถานเดียวอย่างสูงไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือความผิดต่อกฎหมายเกี่ยวกับภาษีอากรซึ่งมีโทษปรับอย่างสูงไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท เมื่อผู้ต้องหาชำระค่าปรับตามที่พนักงานสอบสวนได้เปรียบเทียบแล้ว
(3) ในคดีความผิดที่เป็นลหุโทษหรือความผิดที่มีอัตราโทษไม่สูงกว่าความผิดลหุโทษ หรือคดีที่มีโทษปรับสถานเดียวอย่างสูงไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท ซึ่งเกิดในกรุงเทพมหานคร เมื่อผู้ต้องหาชำระค่าปรับตามที่นายตำรวจประจำท้องที่ตั้งแต่ตำแหน่งสารวัตรขึ้นไป หรือนายตำรวจชั้นสัญญาบัตรผู้ทำการในตำแหน่งนั้นๆได้เปรียบเทียบแล้ว
มาตรา 39 สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป ดังต่อไปนี้
(3) เมื่อคดีเลิกกัน ตามมาตรา 37
วินิจฉัย
ในการเปรียบเทียบของพนักงานสอบสวนนั้น หากพนักงานสอบสวนเปรียบเทียบปรับในข้อหาที่ไม่มีอำนาจแล้ว การเปรียบเทียบปรับของพนักงานสอบสวนดังกล่าว ไม่มีผลทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปแต่อย่างใด
นางเจ๋งจะฟ้องนางแหม่มได้หรือไม่ เห็นว่า นางเจ๋งได้รับอันตรายสาหัสจากการที่ถูกนางแหม่มทำร้าย การกระทำของนางแหม่มจึงเป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ตาม ป.อ. มาตรา 297 การที่พนักงานสอบสวนได้เปรียบเทียบปรับนางแหม่มในข้อหาใช้กำลังทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ตาม ป.อ. มาตรา 391 จึงไม่ชอบคดีอาญาไม่เลิกกัน ตามมาตรา 37 สิทธิการนำคดีอาญามาฟ้องจึงไม่ระงับ ตามมาตรา 39(3) นางเจ๋งจึงฟ้องนางแหม่มในข้อหาทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ตาม ป.อ. มาตรา 297 ได้
สรุป นางเจ๋งสามารถฟ้องนางแหม่มได้
ข้อ 3 นายเขียวได้เข้าไปในบ้านหลังหนึ่งแล้วได้ลักเอาทีวี 1 เครื่องของนายขาว และเอาวิทยุ 1 เครื่องของนายแดง ซึ่งอยู่ในบ้านหลังนั้นไปพร้อมกัน ทางพนักงานสอบสวนได้แยกสำนวนการสอบสวนเป็น 2 สำนวน คือ นายขาวเป็นผู้เสียหายสำนวนหนึ่ง และนายแดงเป็นผู้เสียหายอีกสำนวนหนึ่ง โดยต้องการให้มีการลงโทษหนักทั้งๆที่มีพยานหลักฐานทำนองเดียวกัน แต่เมื่อทางพนักงานสอบสวนได้ส่งสำนวนการสอบสวนของนายขาวเป็นผู้เสียหายไปยังพนักงานอัยการ ทางพนักงานอัยการได้มีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง เพราะเห็นว่าคดีขาดพยานหลักฐาน พนักงานสอบสวนจึงส่งสำนวนการสอบสวนของนายแดงเป็นผู้เสียหายไปยังพนักงานอัยการอีก โดยเห็นว่าพยานหลักฐานมีเพียงพอฟ้องได้
ดังนี้ หากท่านเป็นพนักงานอัยการ และเห็นว่าคดีมีมูล จะสั่งคดีหลังนี้ว่าอย่างไร เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 147 เมื่อมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดีแล้ว ห้ามมิให้มีการสอบสวนเกี่ยวกับบุคคลนั้นในเรื่องเดียวกันนั้นอีก เว้นแต่จะได้พยานหลักฐานใหม่อันสำคัญแก่คดี ซึ่งน่าจะทำให้ศาลลงโทษผู้ต้องหานั้นได้
วินิจฉัย
พนักงานอัยการจะสั่งคดีหลังนี้ว่าอย่างไร เห็นว่า การที่นายเขียวลักเอาทีวีของนายขาวและวิทยุของนายแดงไปพร้อมกัน ถือว่าเป็นคดีเรื่องเดียวกัน เมื่อได้ความว่าคดีที่นายขาวเป็นผู้เสียหายพนักงานอัยการได้มีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องไปแล้ว พนักงานสอบสวนจะทำการสอบสวนนายเขียวกรณีที่นายแดงเป็นผู้เสียหายอันเป็นคดีในเรื่องเดียวกันนั้นอีกไม่ได้ ตามมาตรา 147
ดังนั้น พนักงานอัยการจึงต้องมีคำสั่งไม่ฟ้องคดีหลังนี้แม้คดีจะมีมูลก็ตาม เพราะเป็นการสอบสวนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าได้พยานหลักฐานใหม่ อันสำคัญแก่คดีซึ่งน่าจะทำให้ศาลลงโทษู้ต้องหานั้นได้
สรุป พนักงานอัยการต้องมีคำสั่งไม่ฟ้องในคดีหลังนี้
ข้อ 4 เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2551 ร.ต.อ. ทรงกิต ทำการจับกุมนายเชาว์ผู้ต้องหาฐานชิงทรัพย์โดยไม่มีหมายจับ จากนั้นนำตัวนายเชาว์ไปส่ง ณ ที่ทำการของพนักงานสอบสวนและ พ.ต.ต. วิฑูรย์พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวนาวเชาว์ ณ ที่ทำการของพนักงานสอบสวน เมื่อใกล้ครบ 48 ชั่วโมง พ.ต.ต. วิฑูรย์ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาขอฝากขังนายเชาว์ ศาลมีคำสั่งอนุญาต ระหว่างฝากขังนายวาทีบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายของนายเชาว์ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาว่าการจับกุมนายเชาว์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้การคุมขังนายเชาว์ไม่ชอบด้วยกฎหมายศาลอาญาไม่มีอำนาจคุมขังนายเชาว์ ขอให้มีคำสั่งปล่อยตัวนายเชาว์ ศาลมีคำสั่งรับคำร้องนัดไต่สวนโดยด่วนสำเนาให้พนักงานสอบสวนก่อนวันไต่สวนคำร้องของนายวาที พนักงานอัยการยื่นฟ้องนายเชาว์ต่อศาลอาญาในความผิดฐานชิงทรัพย์ ศาลมีคำสั่งประทับฟ้อง สำเนาให้นายเชาว์ นัดสอบถามคำให้การนายเชาว์
ดังนี้ ศาลอาญาจะสั่งคำร้องขอให้ปล่อยตัวนายเชาว์อย่างไร
ธงคำตอบ
มาตรา 90 เมื่อมีการอ้างว่าบุคคลใดต้องถูกคุมขังในคดีอาญาหรือในกรณีอื่นใดโดยมิชอบด้วยกฎหมาย บุคคลเหล่านี้มีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลท้องที่ที่มีอำนาจพิจารณาคดีอาญาขอให้ปล่อย คือ
(5) สามี ภริยาหรือญาติของผู้นั้นหรือบุคคลอื่นใดเพื่อประโยชน์ของผู้ถูกคุมขัง
เมื่อได้รับคำร้องดั่งนั้น ให้ศาลดำเนินการไต่สวนฝ่ายเดียวโดยด่วน ถ้าศาลเห็นว่าคำร้องนั้นมีมูล ศาลมีอำนาจสั่งผู้คุมขังให้นำตัวผู้ถูกคุมขังมาศาลโดยพลันและถ้าผู้คุมขังแสดงให้เป็นที่พอใจแก่ศาลไม่ได้ว่าการคุมขังเป็นการชอบด้วยกฎหมาย ให้ศาลสั่งปล่อยตัวผู้ถูกคุมขังไปทันที
วินิจฉัย
ศาลอาญาจะสั่งคำร้องขอให้ปล่อยตัวนายเชาว์อย่างไร เห็นว่าแม้นายวาที ซึ่งเป็นบิดาของนายเชาว์จะมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลอาญาสั่งปล่อยตัวนายเชาว์จากการควบคุมหรือขังโดยผิดกฎหมายได้ตาม มาตรา 90(5) แต่สิทธิในการยื่นคำร้องดังกล่าวจะมีอยู่เพียงชั่วระยะเวลาที่นายเชาว์ยังถูกควบคุมหรือขังไว้โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น เมื่อได้ความว่าพนักงานอัยการยื่นฟ้องนายเชาว์และศาลมีคำสั่งประทับฟ้องแล้ว การควบคุมตัวนายเชาว์ในระหว่างการพิจารณาของศาลย่อมเป็นอำนาจโดยเฉพาะของศาลซึ่งเป็นการดำเนินการคนละขั้นตอนกับการคุมขังในระหว่างการขอฝากขังของพนักงานสอบสวน เมื่อการคุมขังตามคำร้องของพนักงานสอบสวนสิ้นสุดไปแล้ว จึงเป็นกรณีที่ศาลไม่สามารถจะสั่งปล่อยตัวนายเชาว์ตามคำร้องของนายวาทีได้ ศาลอาญาต้องสั่งยกคำร้องดังกล่าว (ฎ. 6935/2544 , ฎ. 9752/2544)
สรุป ศาลอาญาจะสั่งยกคำร้องขอให้ปล่อยตัวนายเชาว์