การสอบซ่อมภาค  1  ปีการศึกษา  2549

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW 3003 กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยครอบครัว

Advertisement

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน  มี  4  ข้อ  (คะแนนเต็มข้อละ  25  คะแนน)

ข้อ  1  ในวันที่หมั้นหมายนั้นนายถวิลได้หมั้น  น.ส.ชูศรีด้วยแหวนเพชรหนึ่งวงซึ่งเป็นมรดกตกทอดของครอบครัวจึงขอให้ดูแลรักษาไว้อย่างระมัดระวัง  และตกลงจะให้เงินอีก  2  แสนบาทเป็นของหมั้น  หนึ่งเดือนต่อมา  น.ส.ชูศรีมีความจำเป็นในเรื่องหนี้สินจึงขายแหวนเพชรเพื่อนำเงินมาชำระหนี้  นายถวิลจึงไม่ให้เงินอีก  2  แสนบาทตามสัญญา  และมีความไม่พอใจ  น.ส.ชูศรีมากจึงไม่ยอมสมรสด้วย  นายถวิลขอให้  น.ส.ชูศรีนำแหวนมาคืน  ส่วน  น.ส.ชูศรีฟ้องนายถวิลให้ส่งมอบเงิน  2  แสนบาท  ตามสัญญาและฟ้องเรียกค่าทดแทนเนื่องจากการเตรียมการสมรสจำนวน  50,000  บาท  เช่นนี้  ท่านเห็นว่านายถวิลและ  น.ส.ชูศรีจะสามารถทำได้หรือไม่  เพราะเหตุใด  จงอธิบาย

ธงคำตอบ

มาตรา  1437  วรรคแรกและวรรคสอง  การหมั้นจะสมบูรณ์เมื่อฝ่ายชายได้ส่งมอบหรือโอนทรัพย์สินอันเป็นของหมั้นให้แก่หญิงเพื่อเป็นหลักฐานว่าจะสมรสกับหญิงนั้น

เมื่อหมั้นแล้วให้ของหมั้นตกเป็นสิทธิแก่หญิง

มาตรา  1439  เมื่อมีการหมั้นแล้ว  ถ้าฝ่ายใดผิดสัญญาหมั้นอีกฝ่ายหนึ่งมีสิทธิเรียกให้รับผิดใช้ค่าทดแทน  ในกรณีที่ฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายผิดสัญญาหมั้นให้คืนของหมั้นแก่ฝ่ายชายด้วย

มาตรา  1440  ค่าทดแทนนั้นอาจเรียกได้  ดังต่อไปนี้

(2)  ทดแทนความเสียหายเนื่องจากการที่คู่หมั้น  บิดามารดา  หรือบุคคลผู้กระทำการในฐานะเช่นบิดามารดาได้ใช้จ่ายหรือต้องตกเป็นลูกหนี้เนื่องจากในการเตรียมการสมรสโดยสุจริตและตามสมควร

วินิจฉัย

การหมั้นจะทำได้โดยการส่งมอบหรือโอนทรัพย์สินที่เป็นของหมั้นตามมาตรา  1437  วรรคแรก  และตกเป็นสิทธิแก่หญิงตามมาตรา 1437  วรรคสอง  เมื่อได้ความว่านายถวิลได้หมั้น  น.ส.ชูศรีด้วยแหวนเพชรหนึ่งวงจึงถือว่าสัญญาหมั้นสมบูรณ์  แหวนหมั้นจึงตกเป็นสิทธิของ  น.ส.ชูศรีที่จะจำหน่ายจ่ายโอนอย่างใดๆก็ได้  ดังนั้น  น.ส.ชูศรีจึงมีสิทธิขายแหวนหมั้นได้

เมื่อนายถวิลไม่ยอมสมรสด้วยจึงถือว่าเป็นผู้ผิดสัญญาหมั้นตามมาตรา  1439  น.ส.ชูศรีมีสิทธิเรียกค่าทดแทนความเสียหายเนื่องจากการเตรียมการสมรสโดยสุจริตและตามสมควรได้ตามมาตรา  1440(2)

ส่วนเงิน  2  แสนบาทนั้น  นายถวิลยังไม่ได้ส่งมอบให้  จึงไม่ใช่ของหมั้นตามมาตรา  1437  วรรคแรก  (ฎ.1852/2506)  น.ส.ชูศรีจึงเรียกเงินนี้จากนายถวิลในฐานะของหมั้นไม่ได้

สรุป  น.ส.ชูศรีมีสิทธิขายแหวนหมั้น  และเรียกค่าทดแทนเนื่องจากการเตรียมการสมรส  แต่ไม่มีสิทธิเรียกเงิน  2  แสนบาทจากนายถวิล 

 

ข้อ  2  นายจุฑาจดทะเบียนสมรสกับนางสาวรัตนา  และต่อมาสองเดือนนายจุฑาได้กู้เงินนายสมจินต์เป็นจำนวน  2  ล้านบาทเพื่อนำมาซื้ออาคารพาณิชย์  1  คูหา  นายจุฑาและนางรัตนาได้ทำมาหากินร่วมกันจนได้กำไร  3  แสนบาท  ถ้านายสุชาติบิดาของนายจุฑาได้ทราบความจริงว่านางรัตนาเป็นน้องร่วมมารดาเดียวกันกับนายจุฑา  นายสุชาติจะฟ้องเรื่องการสมรสระหว่างนายจุฑากับนางรัตนาได้หรือไม่  และหากนางรัตนาขอให้อาคารพาณิชย์และเงิน  3  แสนบาทเป็นของตน  แต่นายจุฑาไม่ยินยอม  เช่นนี้  ทรัพย์สินจะตกเป็นของใคร  เพราะเหตุใด  จงอธิบาย

ธงคำตอบ

มาตรา  1450  ชายหญิงซึ่งเป็นญาติสืบสายโลหิตโดยตรงขึ้นไปหรือลงมาก็ดี  เป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาหรือร่วมแต่บิดาหรือมารดาก็ดี  จะทำการสมรสกันไม่ได้  ความเป็นญาติดังกล่าวมานี้ให้ถือตามสายดลหิตโดยไม่คำนึงว่าจะเป็นญาติโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

มาตรา  1495  การสมรสที่ฝ่าฝืนมาตรา  1449  มาตรา  1450  มาตรา  1452  และมาตรา  1458  เป็นโมฆะ

มาตรา  1496  วรรคสอง  คู่สมรส  บิดามารดา  หรือผู้สืบสันดานของคู่สมรสอาจร้องขอให้ศาลพิพากษาว่าการสมรสเป็นโมฆะได้

มาตรา  1498  การสมรสที่เป็นโมฆะ  ไม่ก่อให้เกิดความสัมพันธ์ทางทรัพย์สินระหว่างสามีภริยา

ในกรณีที่การสมรสเป็นโมฆะ  ทรัพย์สินที่ฝ่ายใดมีหรือได้มาไม่ว่าก่อนหรือหลังการสมรสรวมทั้งดอกผลคงเป็นของฝ่ายนั้น  ส่วนบรรดาทรัพย์สินที่ทำมาหาได้ร่วมกันให้แบ่งคนละครึ่ง  เว้นแต่ศาลจะเห็นสมควรสั่งเป็นประการอื่น  เมื่อได้เคราะห์ถึงภาระในครอบครัว  ภาระในการหาเลี้ยงชีพ  และฐานะของคู่กรณีทั้งสองฝ่าย  ตลอดจนพฤติการณ์อื่นทั้งปวงแล้ว

วินิจฉัย

เมื่อนายจุฑาและนางรัตนาเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน  การสมรสของบุคคลทั้งสองจึงเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติตามมาตรา  1450 ผลคือ  การสมรสเป็นโมฆะตามมาตรา  1495  นายสุชาติบิดาของนายจุฑาสามารถร้องขอต่อศาลเพื่อให้มีคำพิพากษาว่าการสมรสเป็นโมฆะ  ตามมาตรา  1496  วรรคสอง 

การสมรสที่เป็นโมฆะไม่ก่อให้เกิดความสัมพันธ์ทางทรัพย์สินระหว่างสามีภริยาตามมาตรา  1498  วรรคแรก  ทรัพย์สินที่ฝ่ายใดมีหรือได้มาไม่ว่าก่อนหรือหลังการสมรสยังคงเป็นของฝ่ายนั้นตามมาตรา  1498  วรรคสอง  ดังนั้นอาคารพาณิชย์  1  คูหาจึงเป็นของนายจุฑา

สำหรับกำไร  3  แสนบาทที่ทำมาหาได้ร่วมกันเป็นทรัพย์สินที่ทำมาหาได้ร่วมกันตามมาตรา  1498  วรรคสอง  ให้แบ่งคนละครึ่ง  จึงให้แบ่งเป็นของนายจุฑา  1.5  แสนบาท  และเป็นของนางรัตนา  1.5  แสนบาท

สรุป  อาคารพาณิชย์เป็นของนายจุพา  ส่วนกำไร  3  แสนบาทให้แบ่งนายจุฑาและนางรัตนาคนละครึ่ง

 

ข้อ  3  ก่อนจดทะเบียนสมรสนายไก่หมั้นนางไข่ด้วยที่ดิน  1  แปลง  หลังจากจดทะเบียนสมรส  นางไข่และนายไก่ไปกู้เงินนายดำมา  4 ล้านบาท  เพื่อทำห้องชุดให้เช่าเป็นรายได้เลี้ยงครอบครัว  และใช้เป็นที่อยู่อาศัยร่วมกัน  หลังจากนั้นไม่นานบิดานายไก่ถึงแก่กรรม  นายไก่ได้รับมรดกเป็นเงินสดมา  4  ล้านบาท  นางไข่บอกให้นำไปชำระหนี้นายดำ  นายไก่ก็ไม่ยอม  นางไข่จึงมาปรึกษาท่านว่าถ้าหย่ากันทรัพย์สินหนี้สินที่มีแบ่งกันอย่างไร

ธงคำตอบ

มาตรา  1471  สินส่วนตัวได้แก่ทรัพย์สิน

(3) ที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้มาระหว่างสมรส  โดยการรับมอบมรดกหรือโดยการให้โดยเสน่หา

(4) ที่เป็นของหมั้น

มาตรา  1474  สินสมรสได้แก่ทรัพย์สิน

(1) ที่คู่สมรสได้มาระหว่างสมรส

มาตรา  1490  หนี้ที่สามีภริยาเป็นลูกหนี้ร่วมกันนั้น  ให้รวมถึงหนี้ที่สามีหรือภริยาก่อให้เกิดขึ้นในระหว่างสมรสดังต่อไปนี้

(1) หนี้เกี่ยวแก่การจัดการบ้านเรือนและจัดหาสิ่งจำเป็นสำหรับครอบครัว  การอุปการะเลี้ยงดูตลอดถึงการรักษาพยาบาลบุคคลในครอบครัวและการศึกษาของบุตรตามสมควรแก่อัตภาพ

มาตรา  1533  เมื่อหย่ากันให้แบ่งสินสมรสให้ชายและหญิงได้ส่วนเท่ากัน

มาตรา  1535  เมื่อการสมรสสิ้นสุดลง  ให้แบ่งความรับผิดในหนี้ที่จะต้องรับผิดด้วยกันตามส่วนเท่ากัน

วินิจฉัย

ที่ดินเป็นของหมั้นจึงเป็นสินส่วนตัวของนางไข่  ตามมาตรา  1471(4)  ส่วนห้องชุดนั้นสร้างด้วยเงินสินสมรสจึงเป็นสินสมรสและเป็นทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างสมรสต้องแบ่งคนละครึ่ง  ตามมาตรา  1474(1)  ประกอบมาตรา  1533  ส่วนเงิน  4  ล้านบาทซึ่งนายไก่ได้รับมรดกมานั้นเป็นสินส่วนตัวของนายไก่ตามมาตรา  1471(3)

สำหรับหนี้เงินกู้นายดำ  4  ล้านบาทนั้นเป็นหนี้ร่วมตามมาตรา  149(1)  เพราะไปกู้ด้วยกันและเพื่อทำมาหาได้เลี้ยงครอบครัว  และใช้เป็นที่อยู่อาศัยร่วมกัน  จึงเป็นหนี้ร่วม  นายไก่และนางไข่ต้องรับผิดชอบคนละครึ่ง  ตามมาตรา  1535 

สรุป  ที่ดินเป็นสินส่วนตัวของนางไข่

เงิน  4  ล้านบาทที่ได้รับมรดกเป็นสินส่วนตัวนายไก่

อาคารชุดเป็นสินสมรสแบ่งกันคนละครึ่ง

หนี้เงินกู้เป็นหนี้ร่วมนายไก่และนางไข่ต้องรับผิดชอบกันคนละครึ่ง

 

ข้อ  4  นางแมวกับนายหนูอยู่กินร่วมกันฉันสามีภริยาจนมีบุตร  1  คน  ก่อนจดทะเบียนสมรสคือหนึ่ง  หลังจากจดทะเบียนสมรสแล้วก็มีบุตรด้วยกันอีก  1  คน  คือสอง  หลังจากนั้นไม่นานนายหนูป่วยตาย  นางแมวจึงไปอยู่กินร่วมกันกับนายมดและมีบุตรด้วยกันคือสาม

1       หนึ่ง  สอง  สาม  เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของใคร  ตั้งแต่เมื่อใด

2       นางแมวฟ้องหย่านายหนู  หรือนายหนูฟ้องหย่านางแมวได้หรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

มาตรา  1516  เหตุฟ้องหย่ามีดังต่อไปนี้

(1) สามีหรือภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามี  เป็นชู้หรือมีชู้หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณอีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้

มาตรา  1536  วรรคแรก  เด็กเกิดแต่หญิงขณะเป็นภริยาชายหรือภายในสามร้อยวันนับแต่วันที่การสมรสสิ้นสุดลง  ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของชายผู้เป็นสามี  หรือเคยเป็นสามีแล้วแต่กรณี

มาตรา  1546  เด็กเกิดจากหญิงที่มิได้มีการสมรสกับชายให้ถือว่าเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของหญิงนั้น  เว้นแต่จะมีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น

มาตรา  1547  เด็กเกิดจากบิดามารดาที่มิได้สมรสกัน  จะเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายต่อเมื่อบิดามารดาได้สมรสกันในภายหลังหรือบิดาได้จดทะเบียนว่าเป็นบุตรหรือศาลพิพากษาว่าเป็นบุตร

วินิจฉัย

1       หนึ่ง  สอง  สาม  เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของนางแมวนับแต่คลอดและอยู่รอดเป็นทารก  ตามหลักที่ว่า  บุตรย่อมเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของมารดาเสมอ

หนึ่งเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของนายหนูด้วย  ทั้งนี้ตามมาตรา  1547  ที่ว่าเด็กเกิดจากบิดามารดามิได้จดทะเบียนสมรสกัน  จะเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของบิดาต่อเมื่อบิดามารดาได้จดทะเบียนสมรสกันในภายหลัง  โดยความเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายนั้นให้เริ่มนับแต่วันที่เด็กเกิด  ตามมาตรา  1557

สองเป็นบุตรที่เกิดระหว่างสมรส  จึงเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของนายหนูและนางแมวนับแต่คลอดและอยู่รอดเป็นทารก  ตามมาตรา 1536  วรรคแรก

สามนั้นแม้เป็นบุตรที่เกิดจากนางแมวและนายมด  ในระหว่างที่นางแมวไปอยู่กินร่วมกันกับนายมดฉันสามีภริยา  แต่เมื่อเกิดในระหว่างสมรสระหว่างนายหนูและนางแมว  ก็ต้องถือว่าสามเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของนายหนู  โดยผลของข้อสันนิษฐานของกฎหมายตามมาตรา  1536  วรรคแรก  เพราะนางแมวคลอดในระหว่างเป็นภริยาชอบด้วยกฎหมายของนายหนู  (ส่วนนายหนูจะต่อสู้ว่าไม่ใช่บุตรของตนตามข้อสันนิษฐานของกฎหมายตามมาตรา  1539  หรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง)

2       การกระทำของนางแมวที่ไปอยู่กินร่วมกันกับนายมด  ถือว่านางแมวมีชู้  นายหนูจึงสามารถฟ้องหย่านางแมวได้  ตามมาตรา  1516(1)  ส่วนนางแมวไม่สามารถฟ้องหย่านายหนูได้  เพราะไม่มีเหตุใดที่จะทำให้นางแมวใช้สิทธิฟ้องหย่าได้เลย

Advertisement