การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2552
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 3002 กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยหุ้นส่วน
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 3 ข้อ
ข้อ 1 เอก โท และตรี ตกลงเข้าหุ้นส่วนกันโดยตั้งเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน มีเอกเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ห้างฯดำเนินกิจการมาได้ 5 ปี โทก็ลาออกจากห้างฯโดยมีจัตวาเข้ามาเป็นหุ้นส่วนแทนที่ซึ่งเอกและตรีก็ยินยอม แต่การลาออกของโทและการเข้าเป็นหุ้นส่วนใหม่ของตรี มิได้มีการทำเป็นหนังสือกันไว้ และยังไม่ได้ไปจดทะเบียนต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนฯ เพราะจัตวายังไม่ได้จ่ายเงินลงหุ้นมาเลย หลังจากนายโทออกจากห้างฯมาได้ 3 ปีแล้ว
ห้างฯก็ถูกกรมสรรพากรเรียกให้ชำระภาษีที่ค้างชำระ แต่ห้างฯไม่มีเงินชำระค่าภาษี สรรพากรจึงเรียกให้เอก โท ตรี และจัตวาร่วมกันรับผิด แต่โทได้ต่อสู้ว่าออกจากห้างฯไป 3 ปีแล้ว จึงไม่ต้องรับผิด ส่วนจัตวาต่อสู้ว่ายังไม่ได้จดทะเบียนเข้าเป็นหุ้นส่วนจึงยังมิใช่หุ้นส่วนและไม่ขอรับผิดในหนีดังกล่าว ดังนี้ให้ท่านวินิจฉัยว่า ข้ออ้างของโทและจัตวาฟังขึ้นหรือไม่
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 1023 วรรคแรก ผู้เป็นหุ้นส่วนก็ดี ห้างหุ้นส่วนก็ดี หรือบริษัทก็ดี จะถือเอาประโยชน์ประโยชน์แก่บุคคลภายนอกเพราะเหตุที่มีสัญญาหรือเอกสาร หรือข้อความอันบังคับให้จดทะเบียนตามลักษณะนี้ยังไม่ได้ จนกว่าจะได้จดทะเบียนแล้ว แต่ฝ่ายบุคคลภายนอกจะถือเอาประโยชน์เช่นว่านั้นได้
มาตรา 1052 บุคคลผู้เข้าเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนย่อมต้องรับผิดในหนี้ใดๆ ซึ่งห้างหุ้นส่วนได้ก่อให้เกิดขึ้นก่อนที่ตนเข้ามาเป็นหุ้นส่วนด้วย
มาตรา 1068 ความรับผิดของผู้เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนอันเกี่ยวแก่หนี้ซึ่งห้างหุ้นส่วนได้ก่อให้เกิดขึ้นก่อนที่ตนออกจากหุ้นส่วนนั้น ย่อมมีจำกัดเพียงสองปีนับแต่เมื่อออกจากหุ้นส่วน
วินิจฉัย
ตามกฎหมาย กรณีที่เป็นห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนนั้น ในการจดทะเบียนจะต้องมีการจดแจ้งชื่อของผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคน และในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงผู้เป็นหุ้นส่วน ก็จะต้องนำความนั้นไปจดทะเบียนเช่นเดียวกัน และเมื่อได้จดทะเบียนแล้ว ผู้เป็นหุ้นส่วน ห้างหุ้นส่วน ก็สามารถที่จะถือเอาประโยชน์จากบุคคลภายนอกได้ และถ้ายังไม่ได้จดทะเบียน ผู้เป็นหุ้นส่วนหรือห้างหุ้นส่วนจะถือเอาประโยชน์จากบุคคลภายนอกตามข้อความที่กฎหมายบังคับให้จดทะเบียนหาได้ไม่ แต่บุคคลภายนอกจะถือเอาประโยชน์เช่นว่านั้นได้แม้จะยังไม่ได้จดทะเบียน (มาตรา 1023 วรรคแรก)
ตามปัญหา การที่โทถูกกรมสรรพากรเรียกให้ชำระภาษีที่ค้างชำระ แต่โทได้ต่อสู้ว่าตนได้ออกจากห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนไป 3 ปีแล้ว จึงไม่ต้องรับผิดในหนี้ของห้างฯ ที่เกิดขึ้นก่อนที่ตนจะได้ออกจากห้างฯไปตามมาตรา 1068 นั้น ข้อต่อสู้ของโทฟังไม่ขึ้น ทั้งนี้เพราะแม้ว่าโทจะได้ออกจากห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนไปเกิด 2 ปีแล้วก็ตาม แต่การออกจากการเป็นหุ้นส่วนของโทนั้น ยังไม่ได้นำไปจดทะเบียนเพื่อให้นายทะเบียนคัดชื่อโทออกจากการเป็นหุ้นส่วน ดังนั้นโทจะนำข้อความที่โทได้ออกจากการเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วน และเป็นข้อความที่ยังไม่ได้จดทะเบียนขึ้นต่อสู้กรมสรรพากรซึ่งเป็นบุคคลภายนอกไม่ได้ตามมาตรา 1023 วรรคแรก
จัตวาซึ่งได้ตกลงเข้ามาเป็นหุ้นส่วนกับเอกและตรีแทนที่โทนั้น แม้จะยังไม่ได้จดทะเบียนเพื่อชื่อจัตวาในทางทะเบียน ก็ถือว่าจัตวาเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนนั้นแล้ว และมีผลทำให้กรมสรรพากรซึ่งเป็นบุคคลภายนอกสามารถที่จะถือเอาประโยชน์จากข้อตกลงนั้นได้ตามมาตรา 1023 วรรคแรก ดังนั้นจัตวาจึงต้องรับผิดในหนี้ของห้างฯ ก่อนเข้ามาเป็นหุ้นส่วนตามมาตรา 1052 ข้อต่อสู้ของจัตวาจึงฟังไม่ขึ้นเช่นเดียวกัน
สรุป ข้ออ้างของโทและจัตวาฟังไม่ขึ้น ด้วยเหตุผลและหลักกฎหมายดังกล่าวข้างต้น
ข้อ 2 สมชายและลินดา ตกลงเข้าหุ้นส่วนกันโดยจดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด มีสมชายเป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิด และเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ลินดาเป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิด ห้างหุ้นส่วนนี้มีวัตถุประสงค์ค้าขายวัสดุก่อสร้าง ต่อมาสมชายได้เดินทางไปต่างประเทศ จึงมอบหมายให้ลินดาดูแลจัดการงานของห้างฯ ลินดาได้ขายวัสดุให้อุไร โดยให้นครลูกจ้างขับรถนำสินค้าไปส่งให้อุไร ขากลับจากส่งสินค้า นครขับรถหลับในชนรถสมศักดิ์เสียหาย สมศักดิ์ต้องการเรียกค่าเสียหายจากห้างฯและสมชาย แต่ห้างฯและสมชายไม่มีเงินจ่ายค่าซ่อมรถ ส่วนลินดาไม่ยอมรับผิดโดยอ้างว่าได้ลงหุ้นครบถ้วนแล้ว และห้างหุ้นส่วนจำกัดยังมิได้เลิกกับเจ้าหนี้ของห้างฯ จะฟ้องหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดมิได้ และยังต่อสู้อีกว่าหนี้ละเมิดครั้งนี้มิใช่หนี้ตามสัญญาที่ลินดาเป็นผู้กระทำ ดังนี้ ให้ท่านวินิจฉัยว่า ข้ออ้างของลินดารับฟังได้หรือไม่
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 1088 วรรคแรก ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดผู้ใดสอดเข้าไปเกี่ยวข้องจัดการงานของห้างหุ้นส่วน ท่านว่าผู้นั้นจะต้องรับผิดร่วมกันในบรรดาหนี้ทั้งหลายของห้างหุ้นส่วนนั้นโดยไม่จำกัดจำนวน
มาตรา 1095 วรรคแรก ตราบใดห้างหุ้นส่วนจำกัดยังมิได้เลิกกัน ตราบนั้นเจ้าหนี้ของห้างย่อมไม่มีสิทธิจะฟ้องร้องผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดได้
วินิจฉัย
โดยหลักแล้ว ตราบใดที่ห้างหุ้นส่วนจำกัดยังมิได้เลิกกัน ตราบนั้นเจ้าหนี้ของห้างฯย่อมไม่มีสิทธิที่จะฟ้องร้องผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิด (มาตรา 1095 วรรคแรก) แต่อย่างไรก็ดี ถ้ามีกรณีอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้นทำให้ผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดต้องรับผิดเพื่อหนี้ของห้างหุ้นส่วนโดยไม่จำกัดจำนวนแล้ว เจ้าหนี้ของห้างฯย่อมมีสิทธิฟ้องผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดคนนั้นได้ แม้ว่าห้างหุ้นส่วนจะยังมิได้เลิกกัน
ตามอุทาหรณ์ เมื่อลินดาซึ่งเป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดได้เข้ามาดูแลจัดการงานของห้างฯ ตามที่ได้รับมอบหมายจากสมชาย การกระทำของลินดาถือว่าเป็นการสอดเข้าไปเกี่ยวข้องจัดการงานของห้างหุ้นส่วนจึงต้องรับผิดเพื่อหนี้ของห้างฯโดยไม่จำกัดจำนวนตามมาตรา 1088 วรรคแรก และเมื่อห้างฯเกิดหนี้ขึ้นมา แม้ว่าหนี้นั้นจะเป็นหนี้ที่เกิดจากการทำละเมิดของนครซึ่งเป็นลูกจ้างก็ตาม แต่เป็นหนี้ที่เกิดขึ้นเนื่องจากเป็นผลโดยตรงของการสอดเข้าไปจัดการงานของห้างฯของลินดา ดังนั้นลินดาจึงต้องรับผิดในหนี้ละเมิดที่เกิดขึ้นนั้นด้วย และสมศักดิ์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ย่อมสามารถฟ้องลินดาให้รับผิดได้ แม้ห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้นจะยังมิได้เลิกกันตามมาตรา 1095 วรรคแรก ประกอบกับมาตรา 1088 วรรคแรก
สรุป ข้ออ้างของลินดารับฟังไม่ได้ ตามเหตุผลและหลักกฎหมายดังกล่าวข้างต้น
ข้อ 3 ประเทือง ประทีป และเพ็ญศรี เป็นผู้เริ่มก่อการตั้งบริษัทสามสหายจำกัด ซึ่งมีวัตถุประสงค์ผลิตเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิดและตรวจสอบยาเสพติด ก่อนที่จะมีการประชุมผู้เข้าชื่อหุ้น ประเทืองได้สั่งซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จากเสงี่ยมพ่อค้าแถวบริเวณคลองถม เพื่อนำมาใช้ประกอบเป็นเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิด แต่ที่ประชุมผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นเห็นอุปกรณ์ดังกล่าวแล้วไม่เชื่อว่า จะตรวจกู้วัตถุระเบิดได้ จึงไม่ไห้ความเห็นชอบในการซื้ออุปกรณ์ครั้งนี้ ต่อมาได้มีการประชุมตั้งบริษัทจนเสร็จ โดยที่ประชุมได้เลือกเพ็ญศรีและประทีปเป็นกรรมการบริษัทชุดแรก เพ็ญศรีจึงได้นำความไปจดทะเบียนตั้งบริษัทจำกัด ส่วนเสงี่ยมพ่อค้าซึ่งขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ให้ประเทืองจึงเรียกให้บริษัทชำระราคาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แต่บริษัทไม่ยอมชำระ เสงี่ยมจึงทวงถามประเทือง ประทีปและเพ็ญศรีให้รับผิดชอบร่วมกัน แต่ประทีปและเพ็ญศรีไม่ยอมรับผิดโดยกล่าวอ้างว่ามิได้เป็นผู้สั่งซื้ออุปกรณ์ดังกล่าว ดังนี้ ให้ท่านวินิจฉัยว่า ข้ออ้างของประทีปและเพ็ญศรีชอบด้วยหลักกฎหมายหรือไม่
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ธงคำตอบ
มาตรา 1108 กิจการอันจะพึงทำในที่ประชุมตั้งบริษัทนั้น คือ
(2) ให้สัตยาบันแก่บรรดาสัญญาซึ่งผู้ริเริ่มก่อการได้ทำไว้ และค่าใช้จ่ายอย่างหนึ่งอย่างใดซึ่งเขาต้องออกไปในการเริ่มก่อบริษัท
มาตรา 1113 ผู้เริ่มก่อการบริษัทต้องรับผิดร่วมกันและโดยไม่จำกัดในบรรดาหนี้และการจ่ายเงินซึ่งที่ประชุมตั้งบริษัทมิได้อนุมัติ และแม้จะได้มีอนุมัติก็ยังคงต้องรับผิดอยู่เช่นนั้นไปจนกว่าจะได้จดทะเบียนบริษัท
วินิจฉัย
โดยหลักแล้ว ผู้เริ่มก่อการบริษัทจะต้องรับผิดร่วมกันและโดยไม่จำกัดจำนวนในบรรดาหนี้สินและการจ่ายเงินซึ่งผู้เริ่มก่อการได้ทำไว้หรือได้ออกไปในการเริ่มก่อตั้งบริษัท ผู้เริ่มก่อการบริษัทจะหลุดพ้นจากความรับผิดในบรรดาหนี้สินและการจ่ายเงินดังกล่าวนั้น จะต้องเข้าหลักเกณฑ์ 2 ประการตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 1113 คือ
1 ที่ประชุมตั้งบริษัทได้อนุมัติหรือให้สัตยาบันแก่บรรดาสัญญาซึ่งผู้เริ่มก่อการได้ทำไว้หรือค่าใช้จ่ายซึ่งผู้เริ่มก่อการได้ออกไปในการเริ่มก่อตั้งบริษัทนั้นแล้ว และ
2 บริษัทได้จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายแล้ว
ตามอุทาหรณ์ แม้ว่าบริษัทจะได้จดทะเบียนแล้วก็ตาม แต่เมื่อหนี้ค่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ประเทืองซึ่งเป็นผู้เริ่มก่อการคนหนึ่งได้ไปทำสัญญาซื้อมาจากเสงี่ยมนั้น ที่ประชุมผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นในที่ประชุมตั้งบริษัทไม่ให้ความเห็นชอบคือไม่อนุมัติแก่สัญญาดังกล่าวตามมาตรา 1108(2) จึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ทั้ง 2 ประการ ตามมาตรา 1113 ดังกล่าวข้างต้น ดังนั้นประเทือง ประทีป และเพ็ญศรี ในฐานะผู้เริ่มก่อการบริษัท จึงต้องร่วมกันรับผิดในหนี้ค่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์นั้นแก่เสงี่ยม ข้ออ้างของประทีปและเพ็ญศรีที่ว่าตนมิได้เป็นผู้สั่งซื้ออุปกรณ์นั้นจึงไม่ชอบด้วยหลักกฎหมาย
สรุป ข้ออ้างของประทีปและเพ็ญศรีไม่ชอบด้วยหลักกฎหมาย