การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2550
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 3002 กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยหุ้นส่วน
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 3 ข้อ
ข้อ 1 เอก โท และตรี ตกลงหุ้นส่วนกันโดยจัดตั้งเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน มีวัตถุประสงค์เพื่อปลูกบ้านจัดสรรขาย โดยเอก และโท ลงหุ้นด้วยเงินคนละหนึ่งล้านบาท ส่วนตรีลงหุ้นด้วยแรงและเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ และมีข้อจำกัดอำนาจของตรีไว้ว่า “จะทำสัญญากับบุคคลภายนอกได้ในวงเงินไม่เกินสองแสนบาท หากต้องทำเกินสองแสนบาทจะต้องขออนุญาตจากหุ้นส่วนคนอื่นๆด้วย ถ้าฝ่าฝืน หุ้นส่วนอื่นๆจะรับผิดในส่วนที่เกินอำนาจ”
ต่อมาตรีต้องการซื้อที่ดินจากจัตวา เพื่อนำมาปลูกบ้านจัดสรรขายในราคาสองล้านบาท ตรีจึงปรึกษาเอกกับโท เอกเห็นด้วยกับตรี ส่วนโทได้คัดค้าน แต่ตรีไม่ฟังคำคัดค้านของโท และได้ลงนามในสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินกับจัตวา แต่เมื่อถึงวันนัดโอนที่ดิน ตรีไม่สามารถหาเงินมาจ่ายค่าที่ดินให้จัตวาได้
จัตวาจึงเรียกร้องให้หุ้นส่วนทั้งสามร่วมกันรับผิด แต่เอกกับโทต่อสู้ว่ามิได้เป็นคู่สัญญากับจัตวา จึงไม่ขอรับผิด และหากจะรับผิดก็รับผิดไม่เกินสองแสนบาทเท่าที่อยู่ในอำนาจการจัดการของตรี ดังนี้ ข้อต่อสู้ทั้งสองประเด็นดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
ธงคำตอบ
มาตรา 1050 การใดๆอันผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งได้จัดทำไปในทางที่เป็นธรรมดาการค้าขายของห้างหุ้นส่วนนั้น ท่านว่าผู้เป็นหุ้นส่วนหมดทุกคนย่อมมีความผูกพันในการนั้นๆด้วย และจะต้องรับผิดร่วมกันโดยไม่จำกัดจำนวนในการชำระหนี้ อันได้ก่อให้เกิดขึ้นเพราะจัดการไปเช่นนั้น
มาตรา 1053 ห้างหุ้นส่วนซึ่งมิได้จดทะเบียนนั้น ถึงแม้จะมีข้อจำกัดอำนาจของหุ้นส่วนคนหนึ่งในการที่จะผูกพันผู้เป็นหุ้นส่วนคนอื่นๆ ท่านว่าข้อจำกัดเช่นนั้นก็หามีผลถึงบุคคลภายนอกไม่
วินิจฉัย
ประเด็นแรก ที่เอกกับโทต่อสู้ว่ามิได้เป็นคู่สัญญากับจัตวา จึงไม่ขอรับผิดในหนี้ค่าที่ดินที่ตรีหุ้นส่วนผู้จัดการทำสัญญาจะซื้อจะขายจากจัตวานั้น ฟังไม่ขึ้น เพราะเอก โท และตรี ตกลงเข้าหุ้นส่วนกันโยตั้งเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน มีวัตถุประสงค์เพื่อปลูกบ้านจัดสรรขาย การที่ตรีไปซื้อที่ดินเพื่อนำมาปลูกบ้านจัดสรรขาย จึงเป็นเรื่องธรรมดาของการดำเนินธุรกิจปลูกบ้านจัดสรรขาย ที่ต้องมีการซื้อที่ดินเพื่อใช้เป็นที่ปลูกสร้างบ้านเพื่อขาย ตามมาตรา 1050 เอกและโทจึงต้องร่วมกันรับผิด แม้จะมิได้เป็นคู่สัญญาก็ตาม
ประเด็นที่สอง ที่ต่อสู้ว่าหากจะรับผิดก็ไม่เกินสองแสนบาทเท่าที่อยู่ในอำนาจของตรี ก็รับฟังไม่ขึ้นเช่นเดียวกัน เพราะกรณีดังกล่าวเป็นการเข้าหุ้นกันเพื่อจัดตั้งห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน แม้จะมีข้อตกลงจำกัดอำนาจหุ้นส่วนคนหนึ่งในการผูกพันหุ้นส่วนคนอื่นๆ ข้อตกลงจำกัดอำนาจก็ไม่มีผูกพันบุคคลภายนอกผู้สุจริต ตามมาตรา 1053 การที่ตรีทำเกินขอบอำนาจ ก็ยังผูกพันหุ้นส่วนอื่นๆ ให้ต้องรับผิดดังนั้นข้อต่อสู้ในประเด็นนี้ของเอกและโท ก็ฟังไม่ขึ้น และไม่ชอบด้วยกฎหมาย
สรุป ข้อต่อสู้ของเอกและโท ทั้งสองประเด็นดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ข้อ 2 แดง ดำ และขาว เข้าหุ้นกันโดยตั้งเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด แดงเป็นหุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิด และเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการด้วย ส่วนดำ และขาว เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิด ดำได้ลงนามซื้อขายสินค้าวัตถุตามประสงค์ของห้างหุ้นส่วนจำกัด โดยที่แดงหุ้นส่วนผู้จัดการมิได้มอบหมาย แต่ดำก็ได้ประทับตราห้างหุ้นส่วนจำกัดลงไปด้วย ส่วนแดงเมื่อทราบเรื่องแล้วก็มิได้ทักท้วงและยังยอมให้ดำนำสินค้ามาขายในห้างฯอีกด้วย ต่อมาดำผิดนัดชำระหนี้ ดังนี้ เจ้าหนี้รายดังกล่าวจะเรียกร้องให้แดงและขาว ร่วมรับผิดกับดำได้หรือไม่ และจะถือว่าการกระทำของดำเป็นการสอดเข้าจัดการงานของห้างฯ หรือไม่
ธงคำตอบ
มาตรา 1070 เมื่อใดห้างหุ้นส่วนซึ่งจดทะเบียนผิดนัดชำระหนี้ เมื่อนั้นเจ้าหนี้ของห้างหุ้นส่วนนั้นชอบที่จะเรียกให้ชำระหนี้เอาแต่ผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งก็ได้
มาตรา 1080 วรรคแรก บทบัญญัติว่าด้วยห้างหุ้นส่วนสามัญข้อใดๆ หากมิได้ยกเว้นหรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงไปโดยบทบัญญัติแห่งหมวด 3 นี้ ท่านให้นำมาใช้บังคับแก่ห้างหุ้นส่วนจำกัดด้วย
มาตรา 1088 วรรคแรก ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดผู้ใดสอดเข้าไปเกี่ยวข้องจัดการงานของห้างหุ้นส่วน ท่านว่าผู้นั้นจะต้องรับผิดร่วมกันในบรรดาหนี้ทั้งหลายของห้างหุ้นส่วนนั้นโดยไม่จำกัดจำนวน
มาตรา 1095 วรรคแรก ตราบใดห้างหุ้นส่วนจำกัดยังมิได้เลิกกัน ตราบนั้นเจ้าหนี้ของห้างย่อมไม่มีสิทธิจะฟ้องร้องผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดได้
วินิจฉัย
การกระทำของดำซึ่งเป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดซึ่งได้ลงนามซื้อขายสินค้าตามวัตถุประสงค์ของห้างฯ โดยที่หุ้นส่วนผู้จัดการมิได้มอบหมาย จึงไม่ถือว่าเป็นการกระทำแทนห้างฯ แต่เนื่องจากหุ้นส่วนผู้จัดการคือแดงทราบแล้วก็ไม่ได้ทักท้วง และยังยอมให้นำสินค้าที่ซื้อมาขายในห้างด้วย จึงเป็นการให้สัตยาบันในการกระทำของดำ ดังนั้นการกระทำของดำจึงถือว่าเป็นการสอดเข้าจัดการงานของห้างฯ ตามมาตรา 1088 วรรคแรก ดำจึงต้องรับผิดร่วมกับห้างฯ ด้วยเมื่อห้างฯ ไม่ชำระหนี้ เจ้าหนี้จึงเรียกร้องเอาจากแดงได้เพราะเป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิด ตามมาตรา 1070 ประกอบมาตรา 1080 วรรคแรก ส่วนขาวเป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิด เมื่อห้างหุ้นส่วนจำกัดยังมิได้เลิกกัน เจ้าหนี้ของห้างฯ จะเรียกร้องให้ขาวรับผิดไม่ได้ตามมาตรา 1095 วรรคแรก
สรุป เจ้าหนี้รายดังกล่าวของห้างฯ เรียกร้องให้แดงรับผิดร่วมกับดำได้ แต่จะเรียกร้องให้ขาวรับผิดร่วมกับดำไม่ได้ และถือว่าการกระทำของดำเป็นการสอดเข้าจัดการงานของห้างฯ
ข้อ 3 บริษัท นพคุณ จำกัด ได้นัดประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นเพื่อเลือกตั้งผู้สอบบัญชี ในการนัดประชุมใหญ่ครั้งนี้ บริษัทได้ลงประกาศหนังสือพิมพ์แห่งท้องที่ฉบับหนึ่งที่บริษัทมีภูมิลำเนาอยู่ โดยลงประกาศโฆษณาเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2550 แจ้งเรื่องนัดประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 8 กรกฎาคม 2550 เพื่อเลือกตั้งผู้สอบบัญชี ณ ที่ทำการบริษัท เวลา 09.30 น. นางสาวเพ็ญศรีผู้ถือหุ้นของบริษัทคนหนึ่งได้ทราบข้อความนัดประชุมผู้ถือหุ้นในหนังสือพิมพ์ดีแล้ว แต่ไม่ได้มาประชุมในวันดังกล่าวเพราะติดธุระจำเป็น ส่วนผู้ถือหุ้นคนอื่นๆบางคนก็ทราบ บางคนก็ไม่ทราบเพราะไม่ได้อ่านหนังสือพิมพ์ ดังนี้ นางสาวเพ็ญศรีจะฟ้องต่อศาลให้เพิกถอนมติตั้งผู้สอบบัญชีได้หรือไม่
ธงคำตอบ
มาตรา 1175 คำบอกกล่าวเรียกประชุมใหญ่ทุกคราวนั้นให้ลงพิมพ์โฆษณาอย่างน้อยสองคราวในหนังสือพิมพ์แห่งท้องที่ฉบับหนึ่ง ก่อนวันนัดประชุมไม่น้อยกว่าเจ็ดวันหรือส่งทางไปรษณีย์ไปยังผู้ถือหุ้นทุกคน บรรดามีชื่อในทะเบียนของบริษัทก่อนวันนัดประชุมไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน
ในคำบอกกล่าวนั้น ให้ระบุสถานที่ วัน เวลา และสภาพแห่งกิจการที่จะได้ประชุมปรึกษากันนั้นด้วย
มาตรา 1195 การประชุมใหญ่นั้นถ้าได้นัดเรียกหรือได้ประชุมกัน หรือได้ลงมติฝ่าฝืนบทบัญญัติในลักษณะนี้ก็ดี หรือฝ่าฝืนข้อบังคับของบริษัทก็ดี เมื่อกรรมการหรือผู้ถือหุ้นคนหนึ่งคนใดร้องขึ้นแล้ว ให้ศาลเพิกถอนมติของที่ประชุมใหญ่อันผิดระเบียบนั้นเสีย แต่ต้องร้องขอภายในกำหนดเดือนหนึ่งนับแต่วันลงมตินั้น
วินิจฉัย
การบอกกล่าวนัดประชุมใหญ่ไม่ถูกต้องตามมาตรา 1175 กล่าวคือ แม้ว่าในการนัดประชุมใหญ่ครั้งนี้ บริษัท นพคุณ จำกัด ได้ลงประกาศหนังสือพิมพ์แห่งท้องที่ฉบับหนึ่งที่บริษัทมีภูมิลำเนาก่อนวันนัดประชุมไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน และในคำบอกกล่าวนั้นได้ระบุสถานที่ วัน เวลา และสภาพแห่งกิจการที่จะประชุมปรึกษากันแล้วก็ตาม แต่ได้ลงโฆษณาหนังสือพิมพ์เพียงครั้งเดียว และผู้ถือหุ้นบางคนก็ไม่ทราบ ส่วนนางสาวเพ็ญศรีผู้ถือหุ้นคนหนึ่งทราบ แต่ไม่มาประชุมเพราะติดธุระ การประชุมในวันดังกล่าวซึ่งนัดเลือกไม่ถูกต้องย่อมเสียไป ผู้ถือหุ้นคนใดคนหนึ่งย่อมฟ้องต่อศาลให้เพิกถอนมติของที่ประชุมได้ตามมาตรา 1195 ดังนี้นางสาวเพ็ญศรีจึงมีอำนาจฟ้อง
สรุป นางสาวเพ็ญศรีสามารถฟ้องต่อศาลให้เพิกถอนมติตั้งผู้สอบบัญชีได้