การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2551
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 3001 กฎหมายอาญา 3
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 4 ข้อ
ข้อ 1 น.ส.แจ๋วต้องการลักทรัพย์ของนายจ้าง จึงแอบเอายานอนหลับผสมในเครื่องดื่มให้นายจ้างดื่มจะได้ลักทรัพย์ได้สะดวก ปรากฏว่านายจ้างแพ้ยาทำให้หัวใจวายถึงแก่ความตาย ดังนี้ น.ส.แจ๋ว จะมีความผิดต่อชีวิตฐานใด หรือไม่
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 290 วรรคแรก ผู้ใดมิได้มีเจตนาฆ่า แต่ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษ…
วินิจฉัย
องค์ประกอบความผิด ฐานฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนา ตามมาตรา 290 วรรคแรก ประกอบด้วย
1 ทำร้ายผู้อื่น
2 เป็นเหตุให้ผู้ถูกทำร้ายถึงแก่ความตาย
3 โดยเจตนา
กรณีตามอุทาหรณ์ การที่ น.ส.แจ๋วต้องการลักทรัพย์นายจ้างจึงได้แอบเอายานอนหลับผสมเครื่องดื่มให้นายจ้างดื่ม จะได้ลักทรัพย์ได้สะดวก การกระทำของ น.ส.แจ๋วเช่นนี้ ไม่มีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา เพราะเหตุว่า น.ส.แจ๋วไม่มีเจตนาประสงค์ต่อผลในชีวิตของนายจ้าง หรือการที่นำยานอนหลับผสมในเครื่องดื่มให้นายจ้างดื่มนั้น ก็ไม่อาจเล็งเห็นได้ว่าจะทำให้นายจ้างถึงแก่ความตายแต่อย่างใด
แต่อย่างไรก็ตาม การที่ น.ส.แจ๋วเอายานอนหลับให้นายจ้างกิน ถือได้ว่า น.ส.แจ๋วมีเจตนาทำร้ายนายจ้าง เมื่อนายจ้างถึงแก่ความตาย น.ส.แจ๋วจึงมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา ตามมาตรา 290 วรรคแรก
สรุป น.ส.แจ๋วมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา ตามมาตรา 290 วรรคแรก
ข้อ 2 หนึ่งบอกขายที่ดินให้กับสองในราคา 15 ล้านบาท สองเห็นว่าราคาไม่แพงและกำลังต้องการที่ดินเพื่อสร้างบ้าน แต่เนื่องจากโฉนดที่ดินของหนึ่งถูกนายแดงยึดไว้เป็นประกันเงินที่หนึ่งกู้ไป 3 ล้านบาท หนึ่งจึงขอให้สองเอาเงินสดมาชำระหนี้นายแดงแทนตนก่อน จะได้รีบนำโฉนดไปโอนขายกันในวันนั้นเลย สองตกลงนำเงินสดมาตามที่นัดหมายกัน โดยให้หนึ่งขับรถพาไปบ้านนายแดง ระหว่างทางหนึ่งเกิดความโลภจึงขับรถไปจอดหน้าร้านขายยา และหลอกให้สองช่วยลงไปซื้อยาแก้ไข้แก้ปวด โดยอ้างว่าตนลงไปไม่ได้เพราะเป็นที่ห้ามจอด พอสองลงจากรถเดินเข้าไปในร้านขายยา หนึ่งรีบขับรถพากระเป๋าใส่เงิน 3 ล้านบาทของสองหนีไป ดังนี้หนึ่งจะมีความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ฐานใด
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 334 ผู้ใดเอาทรัพย์ของผู้อื่น หรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ต้องระวางโทษ…
วินิจฉัย
องค์ประกอบความผิดฐานลักทรัพย์ ตามมาตรา 334 ประกอบด้วย
1 เอาไป
2 ทรัพย์ของผู้อื่นหรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย
3 โดยเจตนา
4 โดยทุจริต
ทั้งความผิดฐานลักทรัพย์และความผิดฐานฉ้อโกง ต่างทำให้ผู้กระทำความผิดได้ทรัพย์ไปจากผู้ครอบครองเช่นเดียวกัน แต่ลักษณะการได้มาจะแตกต่างกัน กล่าวคือ ในความผิดฐานลักทรัพย์ผู้กระทำความผิดเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยพลการ เจ้าของหรือผู้ครอบครองไม่ยินยอม และการครอบครองยังอยู่ที่เจ้าของทรัพย์หรือผู้ครอบครอง ส่วนความผิดฐานฉ้อโกง ผู้กระทำความผิดได้ทรัพย์ไปโดยความยินยอมจากเจ้าของหรือผู้ครอบครองทรัพย์ แต่ความยินยอมดังกล่าวเกิดจากการหลอกลวง
กรณีตามอุทาหรณ์ การกระทำของหนึ่งมีความผิดฐานลักทรัพย์ เพราะการที่สองลงไปซื้อยาแก้ปวด การครอบครองเงินยังอยู่ที่สอง นายสองมิได้มีเจตนาที่จะสละการครอบครอง เมื่อหนึ่งขับรถพากระเป๋าใส่เงินของสองหนีไป จึงถือเป็นการแย่งการครอบครองโดยพาเอาทรัพย์นั้นไปในลักษณะตัดกรรมสิทธิ์ โดยมีเจตนาทุจริต เพื่อแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย การกระทำของหนึ่งจึงมีความผิดฐานลักทรัพย์ ตามมาตรา 334
ส่วนการที่หนึ่งหลอกให้สองไปซื้อยาให้นั้น ก็ไม่ถือว่าเป็นความผิดฐานฉ้อโกง เพราะเป็นการหลอกลวงเพื่อความสะดวกที่จะลักทรัพย์ ซึ่งการหลอกลวงนั้นไม่ทำให้หนึ่งได้ทรัพย์และไม่ได้การครอบครองแต่อย่างใด หนึ่งยังคงต้องกระทำการเอาทรัพย์ไปจากสองโดยทุจริตจึงเป็นการลักทรัพย์
สรุป หนึ่งมีความผิดฐานลักทรัพย์
ข้อ 3 น.ส.หน่อย อายุ 16 ปี เป็นนักเรียนระดับมัธยมปลาย และเป็นเพื่อนกับ น.ส.พลอย บุตรสาวของนายสิงหา น.ส.หน่อยไปที่บ้านของนายสิงหาเป็นประจำเพื่อติดรถของนายสิงหาไปโรงเรียนพร้อมกับน.ส.พลอย ในวันหยุดก็ไปทำการบ้านและนั่งเล่นกับ น.ส.พลอยที่บ้านของนายสิงหาบ่อยครั้ง วันเกิดเหตุ น.ส.หน่อยไปที่บ้านของนายสิงหา แต่ น.ส.พลอยไม่อยู่บ้าน นายสิงหาจึงถือโอกาสชวน น.ส.หน่อยเข้าไปในห้องนอนโดยมีเจตนาจะกระทำชำเรา ขณะนั้น น.ส.พลอยกลับเข้ามาในบ้านนายสิงหาจึงไม่ได้กระทำชำเรากับ น.ส.หน่อยแต่อย่างใด ดังนี้ให้วินิจฉัยว่าการกระทำของนายสิงหาจะเป็นความผิดเกี่ยวกับเสรีภาพฐานใดหรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 319 วรรคแรก ผู้ใดพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อหากำไร หรือเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย ต้องระวางโทษ…
วินิจฉัย
องค์ประกอบความผิด ตามมาตรา 319 วรรคแรก ประกอบด้วย
1 พรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี
2 ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล
3 โดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย
4 โดยเจตนา
5 เพื่อหากำไรหรือเพื่อการอนาจาร
การพราก หมายถึง การพาไปหรือแยกผู้เยาว์ออกไปจากความปกครองดูแลของบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล ทำให้ความปกครองดูแลของบุคคลดังกล่าว ถูกรบกวนหรือถูกกระทบกระเทือน อันเป็นการล่วงละเมิดอำนาจปกครองของบุคคลดังกล่าว
กรณีตามอุทาหรณ์ น.ส.หน่อย อายุ 16 ปี ก่อนเกิดเหตุ น.ส.หน่อยโดยสารรถของนายสิงหาไปโรงเรียนเป็นประจำ เมื่อกลับจากโรงเรียนแล้วมีบ่อยครั้งที่ น.ส.หน่อยนั่งเล่นและทำการบ้านอยู่กับ น.ส.พลอย ซึ่งเป็นบุตรสาวของนายสิงหาที่บ้านของนายสิงหา พฤติการณ์เช่นนี้แม้ขณะที่ น.ส.หน่อยเล่นอยู่ที่บ้านนายสิงหา ก็ถือว่า น.ส.หน่อยยังอยู่ในความปกครองดูแลของบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลก็ตาม
แต่การที่ น.ส.หน่อยได้มาหา น.ส.พลอยบุตรสาวของนายสิงหาที่บ้าน โดยที่นายสิงหาไม่ได้ชักชวนให้มาแต่อย่างใด จึงเป็นกรณีที่ผู้เยาว์ไปบ้านของนายสิงหาเองโดยสมัครใจ มิได้เกิดจากนายสิงหาหรือบุคคลอื่นใดชักพาไป การที่ น.ส.หน่อยมาที่บ้านของนายสิงหา จึงไม่ถือว่าเป็น “การพราก” ตามนัยของมาตรา 319 วรรคแรก
เมื่อไม่ปรากฏว่ามีการพรากแล้ว แม้นายสิงหาจะชวน น.ส.หน่อยเข้าไปในห้องนอนโดยมีเจตนากระทำชำเรา แต่ยังไม่มีการร่วมประเวณีกัน ก็ไม่เป็นการพรากไปเพื่ออนาจาร เพราะเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นในบริเวณบ้านของนายสิงหาเอง นายสิงหาไม่ได้ชักชวนหรือพา น.ส.หน่อยไปยังสถานที่อื่น กรณีจึงถือไม่ได้ว่านายสิงหาพราก น.ส.หน่อยไปเสียจากความปกครองดูแลของบิดามารดาหรือผู้ปกครอง ดังนั้นการกระทำของนายสิงหาจึงไม่เป็นความผิดเกี่ยวกับเสรีภาพ ฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่ออนาจาร ตามมาตรา 319 วรรคแรก แต่อย่างใด (ฎ. 1102/2541)
สรุป นายสิงหาไม่มีความผิดเกี่ยวกับเสรีภาพ ฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่ออนาจาร ตามมาตรา 319 วรรคแรก
ข้อ 4 ดำซึ่งเป็นนายจ้างได้ไปกับขาวลูกจ้าง เพื่อไปซื้อหมูในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ดำเกิดมีปากเสียงกับมืดพ่อค้าขายหมูจึงมีการท้าชกต่อยกัน ดำจึงให้ขาวลูกจ้างนำกระเป๋าซึ่งมีเงิน 15,000 บาท ออกไปจากที่เกิดเหตุที่จะมีการชกต่อยกัน และดำบอกให้ขาวไปรอที่หน้าปากซอยซึ่งห่างจากที่เกิดเหตุพอประมาณ เมื่อขาวนำกระเป๋าออกไปรอดำอยู่นั้น ขาวเปิดกระเป๋าพบเงินจำนวนมาก ขาวจึงได้เอากระเป๋าที่มีเงินนั้นหนีไปเลย ขาวมีความผิดอาญาเกี่ยวกับทรัพย์ฐานใด
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 352 วรรคแรก ผู้ใดครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของผู้อื่น หรือซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานยักยอกต้องระวางโทษ…
วินิจฉัย
องค์ประกอบความผิดฐานยักยอกทรัพย์ ตามมาตรา 352 วรรคแรก ประกอบด้วย
1 ครอบครอง
2 ทรัพย์ของผู้อื่นหรือซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย
3 เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สาม
4 โดยเจตนา
5 โดยทุจริต
ความผิดฐานลักทรัพย์กับความผิดฐานยักยอกทรัพย์ มีข้อแตกต่างหรือจุดแยกที่สำคัญก็คือ จะต้องพิจารณาว่าทรัพย์อยู่ในความครอบครองของผู้กระทำความผิดหรือไม่ เพราะความผิดฐานลักทรัพย์ เป็นเรื่องของการแย่งการครอบครอง แต่ถ้าความครอบครองอยู่ที่ผู้กระทำความผิดแล้วเบียดบังโดยทุจริตก็เป็นเรื่องของการยักยอกทรัพย์
กรณีตามอุทาหรณ์ การที่ดำให้ขาวลูกจ้างนำกระเป๋าซึ่งมีเงิน 15,000 บาท ออกไปจากที่เกิดเหตุเพื่อความปลอดภัยแห่งทรัพย์ กรณีถือเป็นการส่งมอบการครอบครองกระเป๋าซึ่งมีเงินให้แก่ขาวลูกจ้างโดยชอบด้วยกฎหมาย ขาวจึงเป็นผู้ครอบครองทรัพย์ของผู้อื่น มิได้ยึดถือไว้แทนดำในฐานะลูกจ้างแต่อย่างใด เมื่อขาวได้เอากระเป๋าที่มีเงินนั้นหนีไป จึงเป็นการเบียดบังเอาทรัพย์ของผู้อื่นนั้นไปโดยทุจริต เพื่อแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้ โดยชอบด้วยกฎหมาย ขาวจึงมีความผิดฐานยักยอกทรัพย์ ตามมาตรา 352 วรรคแรก หาใช่กระทำความผิดฐานลักทรัพย์ไม่ (ฎ. 460/2512 (ประชุมใหญ่))
สรุป ขาวมีความผิดฐานยักยอกทรัพย์