การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2552
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 3001 กฎหมายอาญา 3
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 4 ข้อ
ข้อ 1 ร.ต.ท.สมปองเข้าไปรับประทานอาหารในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ก่อนที่จะนั่งได้ดึงเอาอาวุธปืนที่เหน็บไว้ที่เอวออกมาเพื่อที่จะตรวจ ล็อคเซฟกระสุนปืน แต่ด้วยความรีบร้อนทำปืนหล่นลงพื้น กระสุนปืนลั่นเสียงดัง ทำให้เอ๋ที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆตกใจ โรคหัวใจกำเริบจนช็อคและถึงแก่ความตาย ดังนี้ ร.ต.ท.สมปองจะมีความผิดต่อชีวิตฐานใดหรือไม่
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 59 วรรคสี่ กระทำโดยประมาท ได้แก่ กระทำความผิดมิใช่โดยเจตนา แต่กระทำโดยปราศจากความระมัดระวัง ซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้น จักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่
มาตรา 291 ผู้ใดกระทำประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษ
วินิจฉัย
องค์ประกอบความผิดฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามมาตรา 291 ประกอบด้วย
1 กระทำด้วยประการใดๆ
2 การกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
3 โดยประมาท
กรณีตามอุทาหรณ์ การที่ ร.ต.ท.สมปองได้ทำปืนหล่นลงพื้น กระสุนปืนลั่นเสียงดัง ถือว่าเป็นการกระทำโดยปราศจากความระมัดระวัง ซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และ ร.ต.ท.สมปองผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่ อันถือว่าเป็นการกระทำโดยประมาทตามมาตรา 59 วรรคสี่
อย่างไรก็ดี การที่เอ๋ซึ่งนั่งอยู่โต๊ะข้างๆ เกิดตกใจเสียงปืนจนช็อคตายนั้น ถือว่าเป็นผลที่ห่างไกลเกินเหตุ ซึ่งตามปกติแล้วการที่มีเสียงดังไม่น่าจะทำให้คนตกใจจนถึงแก่ความตายได้ จึงเป็นการบังเอิญที่เอ๋ซึ่งเป็นโรคหัวใจมานั่งใกล้กับที่ทำปืนหล่น และตกใจเสียงปืนที่บังเอิญเกิดลั่นขณะหล่นลงพื้น ผลคือความตายจึงไม่มีความสัมพันธ์กับการกระทำของ รต.ท.สมปอง ดังนั้น ร.ต.ท.สมปอง จึงไม่ต้องรับผิดในผลที่เกิดขึ้นนั้น ดังนั้น ร.ต.ท.สมปองจึงไม่มีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามมาตรา 291
สรุป ร.ต.ท.สมปองไม่มีความผิดต่อชีวิตฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
ข้อ 2 นางน้อยภริยาของนายใหญ่แอบมีชู้กับนายเล็ก โดยนัดหมายให้นายเล็กมาหาที่บ้านและร่วมประเวณีกัน ขณะที่นายใหญ่เดินทางไปทำงานในต่างจังหวัด นางเดือนซึ่งเป็นเพื่อนบ้านเคยเห็นการกระทำของนางน้อยหลายครั้ง วันหนึ่งนางเดือนได้เล่าเรื่องที่ตนเห็นให้นางสมศรีฟัง นางสมศรีได้บอกให้นายใหญ่รู้ถึงพฤติกรรมของนางน้อยโดยบอกด้วยว่าเรื่องทั้งหมดนางเดือนเล่าให้ฟัง ต่อมานางน้อยจึงดำเนินคดีกับนางเดือนว่ากระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ในชั้นศาลนางเดือนให้การรับสารภาพว่าได้พูดจริง แต่ขอพิสูจน์ความจริงเพราะมีเพื่อนบ้านอีกหลายคนจะเป็นพยานให้ ดังนี้ ให้วินิจฉัยว่า นางเดือนจะขอพิสูจน์ความจริงได้หรือไม่ และจะมีความผิดตามที่นางน้อยฟ้องหรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 326 ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษ…
มาตรา 330 วรรคสอง แต่ห้ามไม่ให้พิสูจน์ ถ้าข้อที่หาว่าเป็นหมิ่นประมาทนั้น เป็นการใส่ความในเรื่องส่วนตัว และการพิสูจน์จะไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน
วินิจฉัย
องค์ประกอบความผิดฐานหมิ่นประมาท ตามมาตรา 326 ประกอบด้วย
1 ใส่ความผู้อื่น
2 ต่อบุคคลที่สาม
3 โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง
4 โดยเจตนา
คำว่า “ใส่ความ” ตามนัยมาตรา 326 หมายความว่า พูดหาเหตุร้าย หรือกล่าวหาเรื่องร้ายให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย โดยเป็นการยืนยันข้อเท็จจริง ซึ่งกระทำต่อบุคคลที่สามโดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง ดังนั้นข้อความที่เป็นถ้อยคำเปรียบเทียบที่ไม่สุภาพหรือเหยียดหยามให้อับอาย ยังไม่ถือว่าเป็นการกล่าวหาเรื่องร้ายอันเป็นการใส่ความ
กรณีตามอุทาหรณ์ การที่นางเดือนเล่าถึงการกระทำของนางน้อยให้นางสมศรีฟัง กรณีถือเป็นการใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้นางน้อยเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง นางเดือนจึงมีความผิดฐานหมิ่นประมาท ตามมาตรา 326
ส่วนการที่นางเดือนจะขอพิสูจน์ความจริงนั้น เห็นว่า กรณีเข้าข้อห้ามพิสูจน์ตามมาตรา 330 วรรคสอง เพราะเป็นการใส่ความในเรื่องส่วนตัวและการพิสูจน์นั้นไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน นางเดือนจึงขอพิสูจน์ความจริงไม่ได้
ดังนั้น นางเดือนจึงมีความผิดฐานหมิ่นประมาทตามมาตรา 326 และจะขอพิสูจน์ความจริงนั้นไม่ได้ ตามมาตรา 330 วรรคสอง
สรุป นางเดือนมีความผิดฐานหมิ่นประมาท และขอพิสูจน์ความจริงนั้นไม่ได้
ข้อ 3 จำเลยเป็นอาจารย์ทางไสยศาสตร์ มีประชาชนนับถือมาก วันเกิดเหตุ นาย ก ได้เชิญจำเลยมาทำพิธีขึ้นบ้านใหม่ จำเลยบอกนาย ก ว่า เพื่อความเป็นสิริมงคลในการขึ้นบ้านใหม่ ให้นาย ก นำเงินและทองมาใส่ถุงย่ามที่จำเลยสะพายอยู่ นาย ก หลงเชื่อจึงนำเงิน 2,000 บาท และสร้อยคอทองคำหนักหนึ่งบาทใส่ไปในถุงย่าม จากนั้นจำเลยและนาย ก เดินทางไปที่บ้านของนาย ก เพื่อทำพิธี ระหว่างทางจำเลยได้ล้วงเอาเงินและสร้อยคอไป เมื่อไปถึงบ้านหลังใหม่จึงไม่ได้ทำพิธีโดยจำเลยบอกนาย ก ว่า ไม่มีเงินและทองมาทำพิธี ส่วนนาย ก โต้เถียงว่าได้มอบให้ไปแล้ว ดังนี้ จำเลยมีความผิดเกี่ยวกับทรัพย์หรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 334 ผู้ใดเอาทรัพย์ของผู้อื่น หรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ต้องระวางโทษ…
วินิจฉัย
องค์ประกอบความผิดฐานลักทรัพย์ ตามมาตรา 334 ประกอบด้วย
1 เอาไป
2 ทรัพย์ของผู้อื่นหรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย
3 โดยเจตนา
4 โดยทุจริต
กรณีตามอุทาหรณ์ การที่นาย ก นำเงิน 2,000 บาท และสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท ใส่ไปในถุงย่ามเป็นเพียงให้จำเลยยึดถือไว้ชั่วคราว โดยที่นาย ก ยังมิได้สละการครอบครองให้จำเลย การครอบครองทรัพย์ยังคงอยู่กับนาย ก เมื่อจำเลยเอาเงินและสร้อยคอทองคำไป โดยที่นาย ก เจ้าของทรัพย์ไม่ทราบเรื่อง การกระทำของจำเลยจึงเป็นการเอาไปซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นโดยทุจริต อันเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ตามมาตรา 334
สรุป จำเลยมีความผิดฐานลักทรัพย์
ข้อ 4 นายหนึ่งพูดกับนายสองว่า ถ้านายสองไม่ให้เงินแก่นายหนึ่งอีก 7 วัน จะมาฆ่านายสองให้ตาย ซึ่งการพูดของนายหนึ่งเป็นการล้อเล่น และนายหนึ่งคิดว่านายสองจะรู้ว่าเป็นการล้อเล่น แต่นายสองคิดว่าเป็นจริงจึงส่งเงินให้แก่นายหนึ่ง 5,000 บาท ปรากฏว่านายหนึ่งก็รับเงินนั้นไว้ ต่อมานำเงินนั้นไปใช้ ดังนี้นายหนึ่งมีความผิดเกี่ยวกับทรัพย์หรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 337 วรรคแรก ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้ หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญ หรือของบุคคลที่สามจนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานกรรโชกต้องระวางโทษ..
มาตรา 352 วรรคแรก ผู้ใดครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของผู้อื่น หรือซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานยักยอกต้องระวางโทษ…
วินิจฉัย
องค์ประกอบความผิดฐานกรรโชก ตามมาตรา 337 วรรคแรก ประกอบด้วย
1 ข่มขืนใจผู้อื่น
2 โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญ หรือของบุคคลที่สาม
3 ให้ ยอมให้ หรือยอมจะให้ ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน
4 จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น
5 โดยเจตนา
องค์ประกอบความผิดฐานยักยอกทรัพย์ ตามมาตรา 352 วรรคแรก ประกอบด้วย
1 ครอบครอง
2 ทรัพย์ของผู้อื่นหรือซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย
3 เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สาม
4 โดยเจตนา
5 โดยทุจริต
กรณีตามอุทาหรณ์ การที่นายหนึ่งพูดกับนายสองว่า “ถ้านายสองไม่ให้เงินแก่นายหนึ่งอีก 7 วัน จะฆ่านายสองให้ตาย” ซึ่งการพูดของนายหนึ่งเป็นการล้อเล่น และนายหนึ่งคิดว่านายสองจะรู้ว่าเป็นการล้อเล่น การกระทำของนายหนึ่งดังกล่าวจึงไม่ผิดฐานกรรโชกทรัพย์ตามมาตรา 337 เพราะนายหนึ่งไม่มีเจตนา เป็นเพียงการพูดล้อเล่นเท่านั้น
แต่อย่างไรก็ดี การที่นายสองส่งเงินให้นายหนึ่งดังกล่าว ถือว่านายสองได้ส่งมอบการครอบครองเงินให้แก่นายหนึ่ง นายหนึ่งจึงเป็นผู้ครอบครองทรัพย์ของผู้อื่น เมื่อนายหนึ่งนำเงินดังกล่าวไปใช้ การกระทำของนายหนึ่งจึงเป็นการเบียดบังเอาทรัพย์ของผู้อื่นนั้นไปโดยทุจริต นายหนึ่งจึงมีความผิดฐานยักยอกทรัพย์ ตามมาตรา 352
สรุป นายหนึ่งมีความผิดฐานยักยอกทรัพย์