การสอบไล่ภาค  1  ปีการศึกษา  2554

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW 3001 กฎหมายอาญา 3

Advertisement

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน  มี  4  ข้อ

 ข้อ  1  หนึ่งมีเหตุทะเลาะวิวาทกับสองซึ่งเป็นนักเรียนต่างสถาบัน  ต่อมาหนึ่งได้มาชวนแจ็คเพื่อนนักเรียนให้ไปดักชกต่อยสองเพื่อสั่งสอน  ทั้งสองคนไปดักรอ  เมื่อเห็นสองเดินผ่านมา  หนึ่งและแจ็คได้เข้าไปรุมชกต่อยสอง  แจ็คโดนสองต่อยกลับมาถูกปากแตก  เกิดโมโหจึงชักมีดคัตเตอร์ออกมาจากกระเป๋าปาดถูกข้อมือสองเป็นแผลฉกรรจ์เส้นเอ็นขาด  ทำให้มือข้างนั้นใช้การไม่ได้ตามปกตินานกว่า  1  เดือน  ดังนี้  ให้วินิจฉัยว่าหนึ่งจะมีความผิดต่อร่างกายฐานใด

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา  83  ในกรณีความผิดใดเกิดขึ้นโดยการกระทำของบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไป  ผู้ที่ได้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันนั้นเป็นตัวการ  ต้องระวางโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น

มาตรา  295  ผู้ใดทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย  หรือจิตใจของผู้นั้น  ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย  ต้องระวางโทษ

มาตรา  297  ผู้ใดกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำร้ายรับอันตรายสาหัส  ต้องระวางโทษ

อันตรายสาหัสนั้น  คือ

(8)  ทุพพลภาพ  หรือเจ็บป่วยด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่ายี่สิบวัน  หรือจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวัน

วินิจฉัย

ความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส  ตามมาตรา  297  เป็นเหตุที่ทำให้ผู้กระทำผิดฐานทำร้ายร่างกาย  ตามมาตรา  295  ต้องรับโทษหนักขึ้น  เพราะผลที่เกิดจากการกระทำ  ดังนั้น  ในเบื้องต้นจึงต้องพิจารณาก่อนว่าการกระทำนั้นเป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกายตามมาตรา  295  หรือไม่

องค์ประกอบความผิดฐานทำร้ายร่างกาย  ตามมาตรา  295  ประกอบด้วย

1       ทำร้าย

2       ผู้อื่น

3       จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่น

4       โดยเจตนา

กรณีตามอุทาหรณ์  การที่แจ็คชักมีดคัตเตอร์ออกมาจากกระเป๋าปาดถูกข้อมือสองเป็นบาดแผลฉกรรจ์เส้นเอ็นขาดโดยเจตนานั้น  การกระทำดังกล่าวของแจ็คถือว่าเป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกาย  ตามมาตรา  295 แล้ว  เมื่อผลที่เกิดจากการกระทำผิดดังกล่าวทำให้มือข้างนั้นของสองใช้การไม่ได้ตามปกตินานกว่า  1  เดือน  แจ็คจึงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัสตามมาตรา  297(8)

และเมื่อข้อเท็จจริงตามอุทาหรณ์  จะปรากฏว่าแจ็คแต่ผู้เดียวที่เป็นผู้ใช้มีดคัตเตอร์ทำร้ายสอง  และหนึ่งมีเจตนาแค่ทำร้ายสองโดย ไม่มีเจตนาที่จะทำร้ายสองให้สาหัส  แต่เมื่อผลที่เกิดขึ้นกับสองนั้น  เป็นอันตรายสาหัส  ซึ่งถือเป็นผลธรรมดาที่เกิดขึ้นได้จากการทำร้ายร่างกายโดยใช้อาวุธและเป็นผลที่ผู้กระทำมิต้องมีเจตนา  เมื่อหนึ่งและแจ็คมีเจตนาร่วมกันที่จะทำร้ายและมีการกระทำร่วมกัน  จึงเป็นตัวการร่วม  ดังนั้น  หนึ่งจึงต้องรับผิดในผลที่เกิดขึ้นจากการกระทำของแจ็คด้วย  หนึ่งจึงมีความผิดฐานเป็นตัวการร่วมในความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัสตามมาตรา  297(8)  ประกอบมาตรา  83

สรุป  หนึ่งมีความผิดฐานเป็นตัวการร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส  ตาม  ป.อ.  มาตรา  297(8)  ประกอบมาตรา  83

 

ข้อ  2  นายหนึ่งกับนายสองทะเลาะกันเรื่องกิ่งไม้บ้านของนายหนึ่งรุกล้ำที่ดินของนายสอง  นายสองบอกให้ตัดแต่นายหนึ่งไม่ยอมตัด  นายสองจึงตัดกิ่งไม้และนายหนึ่งไม่พอใจ  ขณะกำลังยืนทะเลาะกันอยู่ที่หน้าบ้าน  นางเดือนภริยาของนายสองกลับมาจากตลาดเห็นบุคคลทั้งสองทะเลาะกัน  นางเดือนจึงพูดด้วยเสียงอันดังว่า  “พี่สองอย่าเสียเวลาทะเลาะเดี๋ยวสุนัขจะกัดเอา”  ขณะที่นางเดือนพูดเพื่อนบ้านคนอื่นซึ่งยืนดูอยู่แถวนั้นก็ได้ยินหลายคน  ต่อมานายหนึ่งจึงไปแจ้งความให้ดำเนินคดีกับนางเดือนในข้อหาหมิ่นประมาท  ดังนี้  ให้วินิจฉัยว่า การกระทำของนางเดือนจะเป็นความผิดตามข้อกล่าวหาหรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา  326  ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม  โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่น  หรือถูกเกลียดชัง  ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท  ต้องระวางโทษ…

วินิจฉัย

องค์ประกอบความผิดฐานหมิ่นประมาท  ตามมาตรา  326  ประกอบด้วย

1       ใส่ความผู้อื่น

2       ต่อบุคคลที่สาม

3       โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง  ถูกดูหมิ่น  หรือถูกเกลียดชัง

4       โดยเจตนา

คำว่า  “ใส่ความ”  ตามนัยมาตรา  326  หมายความว่า  พูดหาเหตุร้าย  หรือกล่าวหาเรื่องร้ายให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย  โดยเป็นการยืนยันข้อเท็จจริง  ซึ่งกระทำต่อบุคคลที่สามโดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง  ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง  ดังนั้นข้อความที่เป็นถ้อยคำเปรียบเทียบที่ไม่สุภาพหรือเหยียดหยามให้อับอาย  หรือข้อความที่ไม่ทำให้บุคคลซึ่งได้ยินเชื่อว่าจะเป็นไปได้  ยังไม่ถือว่าเป็นการกล่าวหาเรื่องร้ายอันเป็นการใส่ความตามมาตรานี้

กรณีตามอุทาหรณ์  การที่นางเดือนพูดว่า  “พี่สองอย่าเสียเวลาทะเลาะเดี๋ยวสุนัขจะกัดเอา”  นั้น  ถึงแม้คำพูดดังกล่าวของนางเดือนจะเป็นการเปรียบนายหนึ่งว่าเป็นสุนัข  และเพื่อนบ้านคนอื่นซึ่งยืนดูอยู่แถวนั้นก็ได้ยินหลายคน  อีกทั้งนางเดือนก็ได้พูดโดยเจตนาก็ตาม  แต่เมื่อปรากฏว่าคำพูดของนางเดือนดังกล่าวไม่อาจทำให้บุคคลซึ่งได้ยินจะเชื่อว่าเป็นไปได้  (คนไม่สามารถกลายเป็นสุนัขได้)  ดังนั้น  คำพูดดังกล่าวจึงไม่น่าจะทำให้นายหนึ่งเสียชื่อเสียง  ถูกดูหมิ่น  หรือถูกเกลียดชังอันถือเป็นการใส่ความตามมาตรา  326  แต่อย่างใด  นางเดือนจึงไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทตามมาตรา  326  ตามที่นายหนึ่งกล่าวหา 

สรุป  นางเดือนไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทตามมาตรา  326

 

ข้อ  3  จำเลยกับนาย  ก  นำโคไปเลี้ยงกลางทุ่งนา  ปรากฏว่าฝูงโคของนาย  ก  เดินปะปนไปกับฝูงโคของจำเลยจนแยกไม่ออก  นาย  ก  ไม่สามารถแยกฝูงโคของนาย  ก  ออกมาได้  นาย  ก  จึงบอกแก่จำเลยให้ดูไว้ให้ด้วยเดี๋ยวจะมาเอา  จำเลยรับปากว่าจะดูให้  ต่อมาจำเลยพาฝูงโคของจำเลยและของนาย  ก  ไปที่บ้านของจำเลย  จากนั้นนำโคของนาย  ก  ไปขาย  ดังนี้  จำเลยมีความผิดเกี่ยวกับทรัพย์หรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา  334  ผู้ใดเอาทรัพย์ของผู้อื่น  หรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปโดยทุจริต  ผู้นั้นกระทำความผิดฐานลักทรัพย์  ต้องระวางโทษ

วินิจฉัย

องค์ประกอบความผิดฐานลักทรัพย์  ตามมาตรา  334  ประกอบด้วย

1       เอาไป

2       ทรัพย์ของผู้อื่นหรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย

3       โดยเจตนา

4       โดยทุจริต

กรณีที่จะเป็นความผิดฐานลักทรัพย์  ตามมาตรา  334  นั้น  จะต้องเป็นกรณีการเอาทรัพย์ของผู้อื่นหรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปจากการครอบครองของผู้อื่นโดยทุจริต  หรือเป็นการแย่งการครอบครองนั่นเอง  ในกรณีที่เป็นการเอาทรัพย์สินของผู้อื่นหรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปโดยทุจริตในขณะที่ผู้เอาทรัพย์สินนั้นไป  ได้ครอบครองทรัพย์สินนั้นอยู่ย่อมไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์  แต่อาจเป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์  (ตามมาตรา  352  วรรคแรก)

กรณีตามอุทาหรณ์  การที่นาย  ก  บอกให้จำเลยดูฝูงโคของนาย  ก  ไว้ให้ด้วยเดี๋ยวจะมาเอานั้น  ถือเป็นการบอกให้จำเลยช่วยดูแลทรัพย์เป็นการชั่วคราว  ยังไม่ถึงกับเป็นการฝากทรัพย์  จึงยังไม่เป็นการส่งมอบการครอบครอง  ดังนั้น  การครอบครองฝูงโคดังกล่าวจึงยังคงอยู่ที่นาย  ก  การที่จำเลยนำโคของนาย  ก  ไปขาย  จึงเป็นการแย่งการครอบครองจากผู้อื่น  และเมื่อเป็นการเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยเจตนาและโดยทุจริต  จำเลยจึงมีความผิดฐานลักทรัพย์  ตามมาตรา  334  (ฎ.  535/2500)

สรุป  จำเลยมีความผิดฐานลักทรัพย์  ตามมาตรา  334

 

ข้อ  4  นายเอกมีบุตรชอบด้วยกฎหมายคนหนึ่งคือนายโท  วันเกิดเหตุนายตรีเขียนจดหมายส่งไปถึงนายเอกในจดหมายมีข้อความว่า  “ให้นายเอกส่งเงินจำนวน  100,000  บาท  ไปให้แก่นายตรีมิฉะนั้นอีก  7  วัน  นายตรีจะฆ่านายโทให้ตาย”  ปรากฏว่านายเอกกลัวและไม่ตกลงด้วย  ข้อเท็จจริงได้ความว่านายโทเป็นคนบอกให้นายตรีเขียนจดหมายไปขู่เข็ญนายเอก  ดังนี้  นายตรีมีความผิดเกี่ยวกับทรัพย์หรือไม่ เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา  80  ผู้ใดลงมือกระทำความผิดแต่กระทำไปไม่ตลอด  หรือกระทำไปตลอดแล้วแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล  ผู้นั้นพยายามกระทำความผิด

มาตรา  337  วรรคแรก  ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้  หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน  โดยใช้กำลังประทุษร้าย  หรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต  ร่างกาย  เสรีภาพ  ชื่อเสียง  หรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญ  หรือของบุคคลที่สามจนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น  ผู้นั้นกระทำความผิดฐานกรรโชกต้องระวางโทษ..

วินิจฉัย

องค์ประกอบความผิดฐานกรรโชก  ตามมาตรา  337  วรรคแรก  ประกอบด้วย

1       ข่มขืนใจผู้อื่น

2       โดยใช้กำลังประทุษร้าย  หรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต  ร่างกาย  เสรีภาพ  ชื่อเสียง  หรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญ  หรือของบุคคลที่สาม

3       ให้  ยอมให้  หรือยอมจะให้  ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน

4       จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น 

5       โดยเจตนา

ความผิดฐานกรรโชกทรัพย์ตามมาตรานี้  จะเป็นความผิดสำเร็จต่อเมื่อผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น  หรือยอมตามที่ถูกบังคับ  กล่าวคือ  ยอมให้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินในเวลาที่ถูกบังคับ  หรือยอมจะให้ประโยชน์ดังกล่าวในภายหน้านั่นเอง

กรณีตามอุทาหรณ์  การที่นายตรีเขียนจดหมายส่งไปถึงนายเอก  โดยในจดหมายมีข้อความว่า  “ให้นายเอกส่งเงินจำนวน  100,000  บาท  ไปให้นายตรี  มิฉะนั้นอีก  7  วัน  นายตรีจะฆ่านายโทให้ตาย”  นั้น  การกระทำของนายตรีถือเป็นการข่มขืนใจผู้อื่นโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิตของบุคคลที่สาม  เพื่อให้ผู้อื่นนั้นให้  ยอมให้  หรือยอมจะให้ตนได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินและได้กระทำไปโดยเจตนาแล้ว

แต่เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่า  นายเอกไม่กลัวและไม่ตกลงด้วย  จึงเป็นกรณีที่นายตรีได้ลงมือกระทำไปตลอดแล้ว  แต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล  นายตรีจึงมีความผิดฐานพยายามกรรโชกทรัพย์ตามมาตรา  337  วรรคแรก  ประกอบมาตรา  80

สรุป  นายตรีมีความผิดฐานพยายามกรรโชกทรัพย์  ตามมาตรา  337  วรรคแรก  ประกอบมาตรา  80

Advertisement