การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2547
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 3001 กฎหมายอาญา 3
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 4 ข้อ
ข้อ 1 นายหนึ่งกำลังขับรถด้วยความเร็ว 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นายสองซึ่งขับรถตามหลังมาได้ให้สัญญาณขอแซง นายหนึ่งเร่งเครื่องยนต์ขับรถเร็วขึ้นไม่ยอมให้แซง จนถึงที่เกิดเหตุขณะที่นายสามขับรถสวนทางมา นายหนึ่งจึงห้ามล้อกะทันหัน นายสองจึงขับรถหลบไปทางด้านขวาเพื่อไม่ให้รถชนท้ายรถของนายหนึ่ง รถของนายสองได้ชนเข้ากับรถของนายสามเป็นเหตุให้นายสองถึงแก่ความตาย ส่วนนายสามได้รับอันตรายสาหัส จากข้อเท็จจริงดังกล่าว ให้วินิจฉัยว่าการกระทำของนายหนึ่งจะเป็นความผิดเกี่ยวกับชีวิตและร่างกายฐานใดหรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 80 ผู้ใดลงมือกระทำความผิดแต่กระทำไปไม่ตลอด หรือกระทำไปตลอดแล้วแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล ผู้นั้นพยายามกระทำความผิด
ผู้ใดพยายามกระทำความผิด ผู้นั้นต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
มาตรา 288 ผู้ใดฆ่าผู้อื่น ต้องระวางโทษ
วินิจฉัย
องค์ประกอบความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา ตามมาตรา 288 ประกอบด้วย
1 ฆ่า
2 ผู้อื่น
3 โดยเจตนา
นายหนึ่งขับรถด้วยความเร็ว 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นายสองซึ่งขับรถตามหลังมาได้ให้สัญญาณขอแซง แต่นายหนึ่งกลับห้ามล้อกะทันหันในขณะที่นายสามขับรถสวนทางมา นายหนึ่งย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำดังกล่าวได้ว่า นายสองซึ่งขับรถตามหลังมาจะต้องขับรถหลบไปทางด้านขวาเพื่อไม่ให้รถชนท้ายรถของนายหนึ่งและชนกับรถของนายสามซึ่งขับสวนมา จนเป็นเหตุให้มีคนตาย จึงเป็นการกระทำโดยมีเจตนาฆ่า เมื่อนายสองถึงแก่ความตาย นายหนึ่งจึงมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาตามมาตรา 288 ส่วนกรณีนายสามที่ได้รับอันตรายสาหัสนั้น นายหนึ่งย่อมมีความผิดฐานพยายามฆ่านายสามด้วย ตามมาตรา 288 ประกอบมาตรา 80
สรุป กรณีนายสอง นายหนึ่งมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ตามมาตรา 288 ส่วนกรณีนายสาม นายหนึ่งมีความผิดฐานพยายามฆ่า ตามมาตรา 288 ประกอบมาตรา 80
ข้อ 2 นายเสน่ห์มีภรรยาอยู่ก่อนแล้วแต่แยกกันอยู่เป็นเวลาหลายปี นายเสน่ห์ได้มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวอยู่กับ น.ส.สลักจิตซึ่งมีอายุ 16 ปีเศษ น.ส.สลักจิตเคยขอร้องให้นายเสน่ห์ไปสู่ขอกับบิดามารดาแต่นายเสน่ห์อ้างว่ายังไม่พร้อมเพราะต้องแก้ไขปัญหาทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อน วันหนึ่ง น.ส.สลักจิตได้หนีออกจากบ้านไปหานายเสน่ห์และอยู่กินเป็นสามีภรรยากันที่บ้านของนายเสน่ห์ หลังจากนั้นประมาณ 1 เดือน เมื่อบิดาของ น.ส.สลักจิตทราบที่อยู่จึงได้ติดตามตัวและพาตัว น.ส.สลักจิตกลับบ้านพร้อมกับไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายเสน่ห์ ให้วินิจฉัยว่า นายเสน่ห์จะมีความผิดเกี่ยวกับเสรีภาพฐานใดหรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 319 วรรคแรก ผู้ใดพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อหากำไร หรือเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย ต้องระวางโทษ…
วินิจฉัย
องค์ประกอบความผิดฐานพรากผู้เยาว์โดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย ตามมาตรา 319 วรรคแรก ประกอบด้วย
1 พรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี
2 ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล
3 โดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย
4 โดยเจตนา
5 เพื่อหากำไรหรือเพื่อการอนาจาร
ในกรณีที่ผู้กระทำผิดมีภริยาเพียงแต่แยกกันอยู่ ยังถือว่าภริยานั้นยังคงเป็นคู่สมรสโดยชอบด้วยกฎหมาย การที่ผู้กระทำผิดมีภริยาอยู่แล้ว ย่อมแสดงให้เห็นว่าผู้กระทำผิดไม่มีเจตนาจะเลี้ยงดูผู้เยาว์เป็นภริยาการพาหรือชักชวนผู้เยาว์ไป อาจเป็นความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารได้
อย่างไรก็ตาม องค์ประกอบความผิดที่สำคัญประการหนึ่งของความผิดฐานพรากผู้เยาว์ คือต้องมีการพราก ซึ่งหมายถึงการเอาไปหรือแยกเด็กออกมาจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลโดยไม่จำกัดวิธีการ
น.ส.สลักจิตได้หนีออกจากบ้านไปหานายเสน่ห์เอง โดยนายเสน่ห์ไม่ได้พาหรือชักชวน เป็นเรื่องที่ น.ส.สลักจิตผู้เยาว์ต้องการเป็นภริยานายเสน่ห์ และสมัครใจไปจากบิดามารดา การกระทำดังกล่าวจึงไม่อยู่ในความหมายของคำว่าพรากอันเป็นองค์ประกอบความผิด เมื่อนายเสน่ห์ไม่ได้พราก น.ส.สลักจิตไปจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลเพื่อหากำไร หรือเพื่อการอนาจารแต่อย่างใด นายเสน่ห์จึงไม่มีความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร ตามมาตรา 319 วรรคแรก
สรุป การกระทำของนายเสน่ห์ไม่เป็นความผิดฐานพรากผู้เยาว์ ตามมาตรา 319 วรรคแรก
ข้อ 3 วันหนึ่งแดงมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับขาวทั้งสองคนจึงเข้าต่อสู้กัน ในการต่อสู้กันนี้มีม่วงและมืดเพื่อนของแดงยืนคุมเชิงเพื่อมิให้ผู้ใดเข้าไปช่วยขาว เมื่อการต่อสู้ยุติลงโดยที่แดงได้ต่อยขาวจนขาวล้มลงอยู่กับพื้น บังเอิญแดงเหลือบไปเห็นสร้อยคอทองคำที่ขาวสวมอยู่ แดงจึงรีบกระชากเอาสร้อยคอเส้นนั้นไปจากคอของขาว การเอาสร้อยคอของขาวไปนี้ม่วงและมืดไม่เห็นการกระทำนี้เลย หลังจากนั้นคนทั้งสามก็พากันหลบหนีไป ดังนี้ แดง ม่วง และมืดมีความผิดอาญาเกี่ยวกับทรัพย์ฐานใดหรือไม่
ธงคำตอบ
มาตรา 336 ผู้ใดลักทรัพย์โดยฉกฉวยเอาซึ่งหน้า ผู้นั้นกระทำความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ ต้องระวางโทษ…
มาตรา 339 วรรคแรก ผู้ใดลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อ
(1) ให้ความสะดวกแก่การลักทรัพย์ หรือการพาทรัพย์นั้นไป
(2) ให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์นั้น
(3) ยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้
(4) ปกปิดการกระทำความผิดนั้น หรือ
(5) ให้พ้นจากการจับกุม
ผู้นั้นกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์ ต้องระวางโทษ…
มาตรา 340 ผู้ใดชิงทรัพย์โดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป ผู้นั้นกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์ ต้องระวางโทษ…
วินิจฉัย
องค์ประกอบความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ ตามมาตรา 336 ประกอบด้วย
1 ลักทรัพย์
2 โดยฉกฉวยเอาซึ่งหน้า
3 โดยเจตนา
การที่แดงทะเลาะวิวาทกับขาว ซึ่งแดงได้ต่อยขาวจนล้มลงกับพื้น และยังได้รีบกระชากสร้อยคอไปจากคอของขาวด้วยนั้น เป็นกิริยาอาการเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยเร็ว และขณะที่ถูกฉกฉวยขาวรู้สึกตัวหรือเห็นการฉกฉวยเอาทรัพย์นั้นไปด้วย ทั้งนี้โดยมีเจตนาทุจริตเพื่อแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเอง ถือได้ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการลักทรัพย์ของผู้อื่นโดยฉกฉวยเอาซึ่งหน้า ดังนั้นแดงมีความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ ตามมาตรา 336 แต่แดงไม่มีความผิดฐานชิงทรัพย์ เพราะแดงได้ทะเลาะวิวาท ชกต่อยกับขาวในตอนแรกนั้นมิได้มีเจตนาจะเอาทรัพย์ไปจากขาว เจตนาทุจริตเกิดขึ้นภายหลังจึงไม่ใช่การกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์ ตามมาตรา 339 ส่วนม่วงและมืดก็มิใช่ตัวการในการกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์ ที่จะทำให้เป็นการร่วมกระทำความผิดอันเป็นลักษณะของความผิดฐานปล้นทรัพย์ ตามมาตรา 340 แต่อย่างใด
อนึ่ง การที่แดงรีบกระชากสร้อยคอไปจากขาว หลังจากที่ขาวล้มลงนั้น ม่วงและมืดไม่เห็นการกระทำนั้นเลย ม่วงและมืดจึงมิใช่ตัวการในการกระทำความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ด้วยเช่นกัน
สรุป แดงมีความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ ตามมาตรา 336 ส่วนม่วงและมืดมิได้ร่วมกระทำความผิดด้วยจึงไม่มีความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์
ข้อ 4 เขียวไปซื้อนาฬิกาเรือนหนึ่งจากร้านของดำและได้ชำระเงินค่านาฬิกาให้ดำในราคา 3,000 บาท ดำส่งนาฬิกาที่ห่อใส่กล่องให้เขียวและด้วยความเผอเรอของดำ ดำลืมเก็บเงิน 3,000 บาท ที่ได้รับมาจากเขียวแต่ดำได้ใส่เงินไว้ในกล่องนาฬิกาแล้วส่งมอบนาฬิกาและเงินในกล่องให้เขียวไป เขียวกลับไปถึงบ้านจึงพบว่ามีเงินอยู่ในกล่องนาฬิกาที่ซื้อมา เขียวจึงนำเงิน 3,000 บาท ไปฝากธนาคารในชื่อบัญชีฝากของเขียวโดยคิดจะเก็บไว้ให้ลูกของเขียว ดังนี้ ท่านเห็นว่า เขียวมีความผิดอาญาเกี่ยวกับทรัพย์ฐานใดหรือไม่
ธงคำตอบ
มาตรา 352 วรรคแรก ผู้ใดครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของผู้อื่น หรือซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานยักยอกต้องระวางโทษ…
ถ้าทรัพย์นั้นได้ตกมาอยู่ในความครอบของผู้กระทำความผิด เพราะผู้อื่นส่งมอบให้โดยสำคัญผิดไปด้วยประการใด หรือเป็นทรัพย์สินหายซึ่งผู้กระทำความผิดเก็บได้ ผู้กระทำต้องระวางโทษแต่เพียงกึ่งหนึ่ง
วินิจฉัย
บทบัญญัติมาตรา 352 วรรคสอง เป็นเหตุลดโทษให้แก่ผู้กระทำความผิดฐานยักยอก ตามมาตรา 352 วรรคแรก ถ้าทรัพย์ที่ผู้กระทำความผิดยักยอกนั้นตกมาอยู่ในครอบครองของผู้กระทำความผิดเพราะผู้อื่นส่งมอบให้โดยสำคัญผิดไปด้วยประการใด หรือเป็นทรัพย์สินหาย ซึ่งผู้กระทำความผิดเก็บได้แล้วยักยอกไว้ ผู้กระทำความผิดต้องรับโทษเพียงกึ่งหนึ่งของโทษตามมาตรา 352 วรรคแรก
เขียวซื้อนาฬิกาจากร้านของดำโดยชำระเงิน 3,000 บาท เงินดังกล่าวจึงตกเป็นของดำ แต่ดำลืมเก็บเงิน 3,000 บาท และยังได้ใส่เงินไว้ในกล่องนาฬิกาที่ได้มอบแก่เขียวไป เขียวได้พบว่ามีเงินอยู่ในกล่อง แล้วนำไปฝากธนาคารในชื่อบัญชีฝากของเขียว ถือว่าเขียวได้ครอบครองเงิน 3,000 บาท ที่ดำส่งมอบให้โดยสำคัญผิด และได้เบียดบังโดยนำเงิน 3,000 บาท ไปฝากไว้ในธนาคารในชื่อบัญชีเงินฝากของเขียวเอง แม้จะเก็บไว้ให้ลูกของตน ก็เป็นการกระทำโดยทุจริต เพราะเป็นการแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย เขียวมีความผิดฐานยักยอกทรัพย์สินซึ่งผู้อื่นส่งมอบให้โดยสำคัญผิดตามมาตรา 352 วรรคสอง
สรุป เขียวมีความผิดฐานยักยอกทรัพย์ ตามมาตรา 352 วรรคสอง