การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2548
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 3001 กฎหมายอาญา 3
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี 4 ข้อ
ข้อ 1 สุเทพตกงานมากว่า 3 เดือน ไม่มีเงินใช้ เห็นอรสายืนอยู่ตามลำพังที่ป้ายรถโดยสาร สุเทพตรงเข้าแย่งกระเป๋าสตางค์ที่อรสาสะพายอยู่ อรสาไม่ยอมเกิดยื้อยุดกัน สุเทพผลักอรสาล้มลงก้นกระแทกพื้นทำให้อรสาซึ่งกำลังตั้งครรภ์ได้ 7 เดือน เกิดอาการปวดท้องถูกนำส่งโรงพยาบาล ทารกคลอดออกมาก่อนกำหนดแพทย์พยายามช่วยอย่างสุดความสามารถ แต่ไม่สามารถช่วยชีวิตได้ทำให้ทารกถึงแก่ความตายในอีก 2 วันต่อมา ส่วนอรสานอนรักษาตัวอยู่ 5 วันก็หายเป็นปกติ ดังนี้ สุเทพมีความผิดต่อชีวิตหรือร่างกายฐานใด
ธงคำตอบ
มาตรา 295 ผู้ใดทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย หรือจิตใจของผู้นั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ต้องระวางโทษ
มาตรา 297 ผู้ใดกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำร้ายอันตรายสาหัส ต้องระวางโทษ…
อันตรายสาหัสนั้น คือ
(5) แท้งลูก
วินิจฉัย
องค์ประกอบความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ตามมาตรา 295 ประกอบด้วย
1 ทำร้าย
2 ผู้อื่น
3 จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่น
4 โดยเจตนา
การกระทำอันจะเป็นความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกทำร้ายได้รับอันตรายสาหัสถึงแท้งลูกตามมาตรา 297 (5) นั้น จะต้องเป็นกรณีที่กระทำให้ลูกในครรภ์ของผู้ถูกทำร้ายคลอดออกมาในลักษณะที่ลูกนั้นไม่มีชีวิตรอดหรือตายในครรภ์
นางอรสาคลอดบุตรก่อนกำหนดเวลาในลักษณะที่เด็กยังมีชีวิตอยู่ต่อมาอีก 2 วัน แล้วจึงตาย มิใช่เป็นกรณีที่ลูกในครรภ์ของผู้ถูกทำร้ายคลอดออกมาในลักษณะที่ลูกนั้นไม่มีชีวิตรอดหรือตายในครรภ์ ย่อมไม่เป็นการแท้งลูก และไม่เป็นอันตรายสาหัส ตามมาตรา 297 (5) สุเทพจึงไม่มีความผิดฐานทำร้ายร่างกายอรสาจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัสแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม เมื่ออรสาล้มก้นกระแทกพื้น เกิดอาการปวดท้องต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลอรสานอนรักษาตัวอยู่ถึง 5 วัน จึงจะหายเป็นปกติ ถือว่าเป็นอันตรายแก่กายแล้ว ดังนั้นสุเทพจึงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่น ตามมาตรา 295 (สุเทพไม่มีความผิดฐานฆ่าเด็ก ตามมาตรา 288 เพราะขณะสุเทพทำร้ายอรสานั้น ทารกในครรภ์ยังไม่มีสภาพบุคคล ตาม ป.พ.พ. มาตรา 15)
สรุป สุเทพมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายอรสา ตามมาตรา 295
ข้อ 2 นายเล็กจำนำสร้อยไว้กับนายใหญ่โดยนายใหญ่ได้สวมสร้อยไว้ที่คอตลอดเวลา นายเล็กไม่มีเงินไถ่คืนแต่ก็อยากได้สร้อยไปสวมใส่เพื่อให้มารดาเห็นว่าสร้อยยังอยู่กับตน นายเล็กจึงขอยืมสร้อยคืนไปชั่วคราวแต่นายใหญ่ไม่ยอม วันเกิดเหตุเวลาประมาณ 09.00 น ขณะที่นายใหญ่ยืนอยู่ที่ป้ายจอดรถประจำทาง นายเล็กได้ใช้อาวุธปืนขู่เข็ญให้นายใหญ่คืนสร้อยให้ ทันใดนั้นได้มีรถตำรวจแล่นมา นายใหญ่จึงชี้มือไปทางด้านหลังของนายเล็กพร้อมกับร้องขึ้นว่าตำรวจมา ขณะที่นายเล็กมองตามที่นายใหญ่ชี้ นายใหญ่ก็ถือโอกาสวิ่งไปหาตำรวจและในที่สุดนายเล็กก็ถูกจับกุมตัวไว้ได้ จากข้อเท็จจริงดังกล่าวให้วินิจฉัยว่าการกระทำของนายเล็กจะเป็นความผิดเกี่ยวกับเสรีภาพฐานใด หรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 80 ผู้ใดลงมือกระทำความผิดแต่กระทำไปไม่ตลอด หรือกระทำไปตลอดแล้วแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล ผู้นั้นพยายามกระทำความผิด
ผู้ใดพยายามกระทำความผิด ผู้นั้นต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
มาตรา 309 วรรคแรก ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้นต้องระวางโทษ…
วินิจฉัย
องค์ประกอบความผิดฐานทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ ตามมาตรา 309 ประกอบด้วย
1 ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด
2 โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้าย
3 จนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น
4 โดยเจตนา
นายเล็กจำนำสร้อยไว้กับนายใหญ่โดยนายใหญ่ได้สวมสร้อยไว้ที่คอตลอดมา นายเล็กได้ใช้ปืนขู่เข็ญให้นายใหญ่คืนสร้อยให้ เป็นการข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดๆ โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพตามมาตรา 309 แต่นายใหญ่ยังไม่ได้คืนสร้อยให้ตามที่ถูกข่มขืนใจ การกระทำของนายเล็กจึงเป็นความผิดฐานพยายามข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดๆ ตามมาตรา 309 ประกอบมาตรา 80
สรุป นายเล็กมีความผิดฐานพยายามข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดๆตามมาตรา 309 ประกอบมาตรา 80
ข้อ 3 แดงเข้าไปในบริษัทขายรถยนต์แห่งหนึ่งและแดงได้พบกับเขียวพนักงานขายรถยนต์ แดงสอบถามถึงราคารถยนต์ และแดงแจ้งกับเขียวว่าแดงต้องการซื้อรถยนต์รุ่น CX 2000 ซึ่งแดงบอกกับเขียวว่าแดงขอลองขับดูก่อนได้หรือไม่ เขียวจึงมอบรถยนต์คันดังกล่าวให้แดงลองขับดู แดงขับรถวนเวียนอยู่ในบริเวณบริษัทได้รอบหนึ่ง แล้วแดงได้ขับรถออกจากบริษัทไปทันที หลังจากนั้นแดงนำรถยนต์คันนี้ไปขายให้กับนายบุญมาเพื่อนของตนที่รอรับซื้อรถเพื่อจะนำไปขายยังประเทศลาวต่อไป ดังนี้แดงมีความผิดอาญาเกี่ยวกับทรัพย์ฐานใด
ธงคำตอบ
มาตรา 334 ผู้ใดเอาทรัพย์ของผู้อื่น หรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ต้องระวางโทษ…
วินิจฉัย
องค์ประกอบความผิดฐานลักทรัพย์ ตามมาตรา 334 ประกอบด้วย
1 เอาไป
2 ทรัพย์ของผู้อื่นหรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย
3 โดยเจตนา
4 โดยทุจริต
แดงแจ้งต่อเขียวพนักงานขายรถยนต์ว่าต้องการซื้อรถยนต์และขอลองขับดูก่อน การที่เขียวมอบรถยนต์ให้แดงลองขับดูนั้น ถือไม่ได้ว่าแดงได้รับมอบการครอบครองรถยนต์ เพราะเป็นการมอบให้ไปลองขับเท่านั้น แดงเพียงยึดถือทรัพย์คือรถยนต์ การครอบครองรถจึงอยู่ที่บริษัทผู้ขาย เมื่อแดงนำรถไปขายจึงเป็นการเอารถยนต์ของผู้อื่นไปโดยทุจริต มีความผิดฐานลักทรัพย์ตามมาตรา 334 (หรืออาจจะถือว่าแดงหลอกเอาการครอบครองรถยนต์ไปจากผู้อื่นจึงเป็นการเอาทรัพย์ไปจากการครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตนั่นเอง)
สรุป แดงมีความผิดฐานลักทรัพย์ ตามมาตรา 334
ข้อ 4 นายศักดิ์มีอาชีพรับซื้อขายของเก่าและวัตถุโบราณ ถ้าเป็นวัตถุโบราณขนาดใหญ่ก็จะขายต่อให้กับนายแสง ซึ่งมีร้านขายวัตถุโบราณในห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่งเป็นประจำโดยไม่ได้คิดกำไรมากนัก วันหนึ่งลูกค้าประจำของนายแสงอยากได้พระพุทธรูปสมัยอยุธยา นายแสงจึงติดต่อกับนายศักดิ์เพื่อช่วยหาพระพุทธรูปดังกล่าวให้ โดยส่งเงินไปให้กับนายศักดิ์ไว้เป็นจำนวน 100,000 บาท ปรากฏว่านายศักดิ์สามารถหาพระพุทธรูปตามที่นายแสงต้องการได้ โดยซื้อมาจากนายสมบูรณ์ในราคา 100,000 บาท แต่วันเดียวกันนั้นเองนายสุขสันต์ได้มาขอซื้อจากนายศักดิ์ 150,000 บาท นายศักดิ์เกิดความโลภเพราะเห็นว่าได้กำไร จึงได้ขายให้กับนายสุขสันต์ไป ผ่านไป 1 สัปดาห์ นายแสงได้ติดต่อสอบถามและบอกกับนายศักดิ์ว่าถ้าไม่สามารถหาได้ก็ให้ส่งเงินคืน ปรากฏว่านายศักดิ์ไม่ยอมคืนเงินให้กับนายแสง ดังนี้ ให้ท่านวินิจฉัยว่านายศักดิ์กระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ฐานใดหรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 352 วรรคแรก ผู้ใดครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของผู้อื่น หรือซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานยักยอกต้องระวางโทษ…
วินิจฉัย
องค์ประกอบความผิดฐานยักยอกทรัพย์ ตามมาตรา 352 วรรคแรก ประกอบด้วย
1 ครอบครอง
2 ทรัพย์ของผู้อื่นหรือซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย
3 เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สาม
4 โดยเจตนา
5 โดยทุจริต
นายศักดิ์และนายแสง เป็นพ่อค้าซื้อขายวัตถุโบราณ นายแสงต้องการพระพุทธรูป จึงติดต่อให้นายศักดิ์ช่วยหาพระพุทธรูปดังกล่าวและส่งเงินไปให้นายศักดิ์ในฐานะผู้ซื้อ นายศักดิ์เป็นผู้ขาย นายศักดิ์ไม่ได้รับเงินไว้ในฐานะตัวแทน จึงไม่ถือว่านายศักดิ์ครอบครองเงิน เมื่อนายศักดิ์ไม่ได้เป็นผู้ครอบครองเงินของนายแสง การที่นายแสงแจ้งแก่นายศักดิ์ว่าถ้าไม่สามารถหาได้ให้ส่งเงินคืน แต่นายศักดิ์ไม่ยอมคืน การไม่ส่งเงินคืนของนายศักดิ์จึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามสัญญาทางแพ่ง การกระทำของนายศักดิ์ไม่เป็นความผิดอาญาเกี่ยวกับทรัพย์ฐานยักยอกทรัพย์ ตามมาตรา 352 วรรคแรก
สรุป นายศักดิ์ไม่มีความผิดเกี่ยวกับทรัพย์