การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2547
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 3001 กฎหมายอาญา 3
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 4 ข้อ
ข้อ 1 หนึ่งขับรถพาสองซึ่งเป็นเพื่อนกันไปร่วมงานเลี้ยงฉลองปีใหม่ ระหว่างทางรถที่หนึ่งขับขี่มาเกิดไปเฉี่ยวชนกับรถของยอด แต่ตกลงค่าเสียหายกันไม่ได้เกิดปากเสียงกันอย่างรุนแรง จนกระทั่งหนึ่งชักปืนออกยิงใส่ยอด 1 นัด แต่กระสุนพลาดเป้าหมาย สองซึ่งเห็นเหตุการณ์จึงหยิบมีดในรถวิ่งลงไปจ้วงแทงยอดจนถึงแก่ความตาย ดังนี้ ให้วินิจฉัยว่า หนึ่งจะมีความผิดต่อชีวิตฐานใดหรือไม่
ธงคำตอบ
มาตรา 83 ในกรณีความผิดใดเกิดขึ้นโดยการกระทำของบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไป ผู้ที่ได้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันนั้นเป็นตัวการ ต้องระวางโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
มาตรา 288 ผู้ใดฆ่าผู้อื่น ต้องระวางโทษ
วินิจฉัย
องค์ประกอบความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา ตามมาตรา 288 ประกอบด้วย
1 ฆ่า
2 ผู้อื่น
3 โดยเจตนา
ลักษณะของการเป็นตัวการร่วมกันกระทำผิด ต้องมีการกระทำร่วมกันและต้องมีเจตนาร่วมกันด้วย ส่วนการมีเจตนาร่วมกันนั้น โดยหลักจะต้องมีการตกลงหรือคบคิดกันว่าจะร่วมกันกระทำผิดแต่ในบางเหตุการณ์การร่วมกันกระทำความผิดไม่จำเป็นต้องมีเจตนาร่วมกันมาก่อนเกิดเหตุเสมอไป อาจเกิดขึ้นในขณะที่เกิดเหตุนั้นเองก็ได้ ทั้งนี้แล้วแต่ข้อเท็จจริงแต่ละเรื่องที่เกิดขึ้น
หนึ่งชักปืนยิงใส่ยอด 1 นัด แต่กระสุนพลาดเป้าหมาย สองซึ่งเห็นเหตุการณ์จึงหยิบมีดในรถวิ่งลงไปจ้วงแทงยอดจนถึงแก่ความตาย ดังนี้จะเห็นว่าหนึ่งและสองมิได้คบคิดกันว่าจะร่วมกันกระทำผิดหรือตกลงกันเพื่อประทุษร้ายผู้ตายมาก่อน สองเห็นยอดถูกกระสุนปืนนัดแรก แต่กระสุนพลาดไม่ถึงแก่ความตาย สองก็ใช้มีดในรถวิ่งลงไปแทงจนถึงแก่ความตาย ดังนี้เป็นพฤติการณ์ที่เห็นได้ชัดว่าสองมีความประสงค์ที่จะช่วยหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนทำร้ายผู้ตายให้ถึงแก่ความตาย จึงเป็นการร่วมกันกระทำความผิดในฐานฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา ตามมาตรา 288 ประกอบมาตรา 83
สรุป หนึ่งมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาเป็นผลสำเร็จตามมาตรา 288 โดยต้องร่วมรับผิดกับสองในฐานะเป็นตัวการร่วม ตามมาตรา 83
ข้อ 2 นายอาทิตย์เป็นนายกเทศมนตรีซึ่งครอบครัวทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง นายอาทิตย์ได้สั่งจ่ายเช็คในการทำธุรกิจของครอบครัว ปรากฏว่าเงินในบัญชีไม่พอจ่าย เพราะนายอาทิตย์ลืมนำเงินเข้าบัญชีธนาคารจึงปฏิเสธการจ่ายเงิน ผู้ทรงเช็คได้นำเช็คไปแจ้งความดำนินคดีกับนายอาทิตย์ นายพุธซึ่งเคยลงสมัครรับเลือกตั้งแข่งกับนาย
อาทิตย์ได้พูดกับบุคคลหลายคนว่าจะต้องเตรียมเลือกตั้งนายกเทศมนตรีใหม่ เพราะนายอาทิตย์จ่ายเช็คไม่มีเงินและกำลังจะถูกจับดำเนินคดี ต่อมานายอาทิตย์จึงฟ้องนายพุธว่ากระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ในชั้นศาลนายพุธให้การรับสารภาพว่าได้พูดข้อความดังกล่าวจริง แต่ก็ขอพิสูจน์ความจริง ดังนี้ ถ้าท่านเป็นศาลจะพิจารณาพิพากษาคดีนี้อย่างไร
ธงคำตอบ
มาตรา 80 ผู้ใดลงมือกระทำความผิดแต่กระทำไปไม่ตลอด หรือกระทำไปตลอดแล้วแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล ผู้นั้นพยายามกระทำความผิด
ผู้ใดพยายามกระทำความผิด ผู้นั้นต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
มาตรา 326 ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษ…
มาตรา 330 ในกรณีหมิ่นประมาท ถ้าผู้ถูกหาว่ากระทำความผิด พิสูจน์ได้ว่าข้อที่หาว่าเป็นหมิ่นประมาทนั้นเป็นความจริง ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ
แต่ห้ามไม่ให้พิสูจน์ ถ้าข้อที่หาว่าเป็นหมิ่นประมาทนั้น เป็นการใส่ความในเรื่องส่วนตัว และการพิสูจน์จะไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน
วินิจฉัย
องค์ประกอบความผิดฐานหมิ่นประมาท ตามมาตรา 326 ประกอบด้วย
1 ใส่ความผู้อื่น
2 ต่อบุคคลที่สาม
3 โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง
4 โดยเจตนา
นายพุธได้ใส่ความนายอาทิตย์ซึ่งเป็นนายกเทศมนตรีต่อบุคคลที่สามว่าต้องเตรียมเลือกตั้งนายกเทศมนตรีใหม่ เพราะนายอาทิตย์จ่ายเช็คไม่มีเงินและกำลังจะถูกจับดำเนินคดี เป็นกรณีที่น่าจะทำให้นายอาทิตย์เสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง นายพุธมีความผิดฐานหมิ่นประมาท ตามมาตรา 326 และข้อความที่นายพุธพูด ถึงแม้จะเป็นความจริง แต่ก็ห้ามมิให้พิสูจน์ความจริงตามมาตรา 330 วรรคสอง เพราะการสั่งจ่ายเช็คของนายอาทิตย์เป็นเรื่องธุรกิจในครอบครัว จึงเป็นเรื่องส่วนตัวและการพิสูจน์ก็ไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชนเพราะนายอาทิตย์ไม่ได้กระทำในตำแหน่งนายกเทศมนตรี
สรุป นายพุธจึงขอพิสูจน์ความจริงไม่ได้ และการกระทำของนายพุธเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ตามมาตรา 326
ข้อ 3 แดงมีเรื่องทะเลาะกับขาวโดยแดงกล่าวหาขาวว่าขาวแย่งเขียวซึ่งเป็นคนรักของแดงไป ด้วยความโกรธขาวมาก แดงได้วางแผนเพื่อฆ่าขาว วันหนึ่งขณะขาวกลับจากที่ทำงานก่อนที่ขาวจะเข้าไปในบ้านแดงได้ใช้ปืนยิงขาวจนถึงแก่ความตาย แดงได้เข้าไปดูศพขาวเพื่อให้เกิดความแน่ใจว่าขาวตายจริง แดงพบว่าขาวสวมสร้อยคอทองคำหนักสิบบาท แดงจึงเอาสร้อยที่คอของขาวไปโดยคิดว่าจะนำไปให้เขียว เพราะแดงไม่ต้องการเอาสร้อยคอของขาวไปใช้เองอยู่แล้ว ดังนี้ แดงมีความผิดอาญาเกี่ยวกับทรัพย์ฐานใด
ธงคำตอบ
มาตรา 334 ผู้ใดเอาทรัพย์ของผู้อื่น หรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ต้องระวางโทษ…
วินิจฉัย
องค์ประกอบความผิดฐานลักทรัพย์ ตามมาตรา 334 ประกอบด้วย
1 เอาไป
2 ทรัพย์ของผู้อื่นหรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย
3 โดยเจตนา
4 โดยทุจริต
การที่แดงใช้ปืนยิงขาวจนถึงแก่ความตาย และพบว่าขาวมีสร้อยคอทองคำหนัก 10 บาทสวมอยู่ที่คอ แดงจึงเอาสร้อยคอนั้นไป ดังนี้เมื่อแดงถึงแก่ความตายแล้ว มรดกของแดงทุกชนิดรวมทั้งสร้อยคอทองคำดังกล่าวจึงตกเป็นของทายาทของแดง ตามกฎหมายมรดก ถือว่าทายาทเป็นผู้ครอบครองเมื่อขาวตายแล้ว แดงจึงเกิดเจตนาทุจริตขึ้นในภายหลังเอาทรัพย์ที่ศพไปเป็นประโยชน์ของผู้อื่นเสียเป็นการแสวงหาประโยชน์มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับผู้อื่น เป็นการเอาทรัพย์ไปจากการครอบครองของทายาท แดงจึงมีความผิดฐานลักทรัพย์ ตามมาตรา 334
สรุป แดงมีความผิดฐานลักทรัพย์
หมายเหตุ กรณีตามข้อเท็จจริงดังกล่าว แดงมีความผิดฐานลักทรัพย์กระทงหนึ่ง และฆ่าผู้อื่นอีกกระทงหนึ่ง แต่ไม่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ เพราะในชั้นแรกการฆ่ามิได้ประสงค์เพื่อเอาทรัพย์ของผู้ตาย
ข้อ 4 อ้วนทำงานเป็นผู้จัดการธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง ได้นำรถยนต์เก่าของตนที่มีสภาพเบรก และเครื่องยนต์ไม่ค่อยดี (ราคาประมาณ 100,000 บาท) ไปทำสีรถยนต์ใหม่ จากนั้นอ้วนจึงไปทำสัญญากู้ผอมจำนวน 300,000 บาท โดยเอารถยนต์ดังกล่าวไปจำนำตามสัญญากู้เงินไว้ด้วย โดยอ้วนปกปิดไม่ยอมแจ้งให้ผอมทราบว่าตนไปทำสีรถยนต์ใหม่ ผอมดูจากสภาพภายนอกเห็นว่ารถยนต์สภาพดี และเห็นว่าอ้วนทำงานเป็นหลักแหล่งก็เลยให้อ้วนกู้ยืมเงินไป 300,000 บาท เมื่ออ้วนได้รับเงินจากผอมแล้ว ก็นำเงินไปเล่นการพนันจนหมดภายในวันเดียวและไม่ยอมชำระหนี้ให้แก่ผอมเลย ในที่สุดผอมไปบังคับชำระหนี้กับรถยนต์ดังกล่าว ปรากฏว่ารถยนต์ดังกล่าวขายได้เพียง 150,000 บาท ดังนี้ ผอมจะฟ้องร้องอ้วนเป็นความผิดอาญาฐานฉ้อโกงได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
วินิจฉัย
องค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกงตามมาตรา 341 ประกอบด้วย
1 หลอกลวงผู้อื่นด้วยการ
(ก) แสดงข้อความเป็นเท็จ หรือ
(ข) ปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง
2 โดยการหลอกลวงนั้น
(ก) ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม
(ข) ทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ
3 โดยเจตนา
4 โดยทุจริต
อ้วนนำรถยนต์คันเก่าของตนไปทำสีรถยนต์ใหม่เพื่อนำไปประกันการชำระหนี้เงินกู้จากผอม ซึ่งการที่ผอมจะให้อ้วนกู้ยืมเงินหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าผอมเชื่อในหลักทรัพย์และความสามารถในการชำระหนี้ของอ้วน และการที่อ้วนปกปิดไม่ยอมแจ้งให้ผอมทราบว่านไปทำสีรถยนต์ใหม่นั้น อ้วนไม่มีหน้าที่ต้องแจ้งให้ผอมทราบ ไม่ถือว่าเป็นการหลอกลวงโดยปกปิดความจริง ซึ่งควรบอกให้แจ้ง ให้ผอมทำสัญญากู้ยืมเงินซึ่งเป็นเอกสารสิทธิหรือได้ไปซึ่งทรัพย์สิน (เงิน 300,000 บาท) แต่ประการใด เมื่ออ้วนไม่ยอมชำระหนี้ จึงเป็นกรณีความผิดทางแพ่ง ไม่เป็นความผิดอาญาฐานฉ้อโกง ตามมาตรา 341
สรุป การกระทำของอ้วนไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง ตามมาตรา 341