การสอบไล่ภาค  2  ปีการศึกษา  2546

 ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW 3001 กฎหมายอาญา 3

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน  มี  4  ข้อ

Advertisement

ข้อ  1  หนึ่งและสองอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน  เกิดมีปากเสียงทะเลาะวิวาทกัน  หนึ่งชกต่อยสองนอนหมดสติอยู่ในบ้านตามลำพัง  บังเอิญเกิดไฟฟ้าลัดวงจรทำให้เกิดไฟลุกไหม้บ้าน  สองซึ่งนอนหมดสติไม่สามารถหนีออกมาทันจึงถูกไฟคลอกถึงแก่ความตาย  ดังนี้  หนึ่งจะมีความผิดต่อชีวิตร่างกายฐานใดหรือไม่

ธงคำตอบ

มาตรา  290  วรรคแรก  ผู้ใดมิได้มีเจตนาฆ่า  แต่ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย  ต้องระวางโทษ…

มาตรา  295  ผู้ใดทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย  หรือจิตใจของผู้นั้น  ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย  ต้องระวางโทษ

วินิจฉัย

หนึ่งชกต่อยสองนอนหมดสติอยู่ในบ้าน  หนึ่งมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายตามมาตรา  295  ส่วนการที่ไฟฟ้าลัดวงจรทำให้ไฟลุกไหม้บ้านจนสองถูกไฟคลอกตายนั้น  หนึ่งไม่มีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตามมาตรา  290  เพราะความตายไม่ได้เป็นผลโดยตรงจากการที่หนึ่งทำร้ายสอง  การที่เกิดไฟไหม้บ้านทำให้สองตายเป็นเหตุแทรกแซงที่ไม่พึงคาดหมายได้  จึงตัดความสัมพันธ์ระหว่างการกระทำของหนึ่งกับผลคือความตายของสอง

สรุป  หนึ่งมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายตามมาตรา  295

 

ข้อ  2  นายอาทิตย์กับ น.ส.เดือนเด่น  ซึ่งมีอายุ  17  ปี  มีความรักต่อกันมาประมาณ  2  ปี  น.ส.เดือนเด่นเคยบอกให้นายอาทิตย์ไปสู่ขอแต่นายอาทิตย์ก็บ่ายเบี่ยงเรื่อยมา  เพราะความจริงนายอาทิตย์มีภรรยาอยู่ก่อนแล้ว  แต่ได้แยกกันอยู่เป็นเวลาหลายปีโดยยังไม่ได้จดทะเบียนหย่ากันตามกฎหมาย  วันหนึ่ง  น.ส.เดือนเด่นได้หนีออกจากบ้านไปขออยู่กินฉันสามีภรรยากับนายอาทิตย์และนายอาทิตย์ก็ยินยอม  หลังจากอยู่กินกันได้ประมาณ  1  เดือน  นายอาทิตย์ก็ส่งตัว น.ส.เดือนเด่นกลับบ้านโดยบอกว่าถ้าหย่ากับภรรยาแล้วจะไปสู่ขอในภายหลัง  แต่นายอาทิตย์ก็ไม่ได้ไปสู่ขอ  น.ส.เดือนเด่นตามที่รับปากไว้  จากข้อเท็จจริงดังกล่าวให้วินิจฉัยว่า  การกระทำของนายอาทิตย์จะเป็นความผิดเกี่ยวกับเสรีภาพฐานใดหรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

มาตรา  319  วรรคแรก  ผู้ใดพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี  แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดา  ผู้ปกครอง  หรือผู้ดูแล  เพื่อหากำไร  หรือเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย  ต้องระวางโทษ…

วินิจฉัย

องค์ประกอบความผิดฐานพรากผู้เยาว์โดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย  ตามมาตรา  319  วรรคแรก  ประกอบด้วย

1       พรากผู้เยาว์อายุกว่า  15  ปี  แต่ยังไม่เกิน  18  ปี

2       ไปเสียจากบิดามารดา  ผู้ปกครอง  หรือผู้ดูแล

3       โดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย

4       โดยเจตนา

5       เพื่อหากำไรหรือเพื่อการอนาจาร

น.ส.เดือนเด่นอายุ  17  ปี  ได้หนีออกจากบ้านไปขออยู่กินฉันสามีภรรยากับนายอาทิตย์  ซึ่งนายอาทิตย์ถึงแม้จะมีภรรยาอยู่ก่อนและไม่สามารถให้  น.ส.เดือนเด่นเป็นภรรยาอีกได้ก็ตาม  แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่า  น.ส.เดือนเด่นได้หนีออกจากบ้านไปขออยู่กับนายอาทิตย์เอง โดยนายอาทิตย์ไม่ได้พาหรือชักชวนแต่อย่างใด  นายอาทิตย์จึงไม่ได้พราก  น.ส.เดือนเด่นไปจากบิดามารดา  ผู้ปกครอง  หรือผู้ดูแลตามมาตรา  319

สรุป  นายอาทิตย์ไม่มีความผิดฐานพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร  ตามมาตรา  319

 

ข้อ  3  นายเก่ง  นายโก้  นายก้อง  และนายก้าน  ชักชวนกันจะไปทำร้ายนายเอก  และนายโท  นายเก่งและพวกได้ไปยืนดักรอนายเอกกับนายโทอยู่ที่ป้ายรถเมล์  ขณะนั้นเห็นนายแดงยืนสูบบุหรี่  นายเก่งพร้อมพวกเดินเข้าไปขอสูบบุหรี่  นายแดงไม่ไห้  นายเก่งจึงใช้มีดจี้เอวนายแดงแล้วพูดขอบุหรี่มิฉะนั้นจะถูกทำร้าย  นายแดงจึงยื่นซองบุหรี่ให้สูบ  นายเก่งรับมาแจกนายโก้  นายก้อง  และนายก้าน  ซึ่งยืนดูอยู่เฉยๆ  แต่ไม่ได้ขัดขวางการกระทำของนายเก่ง  ทั้งสี่คนได้ยืนสูบบุหรี่เพื่อรอนายเอก  กับนายโทต่อไป  ปรากฏว่านายเอกลงจากรถมาคนเดียว  นายเก่งกับพวกเข้ารุมทำร้ายและช่วยกันถอดเสื้อและกางเกงนายเอกด้วยความคึกคะนอง  และเพื่อให้นายเอกได้รับความอับอาย  จากนั้นนายเก่งกับพวกได้วิ่งหนีไปด้วยกัน  ระหว่างทางได้โยนเสื้อและกางเกงของนายเอกเข้าไปในพงหญ้าข้างทาง  ดังนี้  นายเก่ง  นายโก้  นายก้อง  และนายก้าน  กระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ฐานใดหรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

มาตรา  339  วรรคแรก  ผู้ใดลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย  เพื่อ

2       ให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์นั้น

ผู้นั้นกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์  ต้องระวางโทษ…

มาตรา  340  ผู้ใดชิงทรัพย์โดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป  ผู้นั้นกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์  ต้องระวางโทษ…

วินิจฉัย

องค์ประกอบความผิดฐานปล้นทรัพย์  ตามมาตรา  340  วรรคแรก  ประกอบด้วย

1       ชิงทรัพย์

2       โดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่  3  คนขึ้นไป

3       โดยเจตนา

การที่นายเก่งใช้มีดขู่นายแดงเพื่อขอบุหรี่  เป็นการขู่เข็ญในทันใดนั้นว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์นั้น  แม้นายโก้  นายก้อง  และนายก้านไม่ได้ทำอะไร  แต่ทั้งสามคนได้รับผลคือบุหรี่ที่นายเก่งเอามาแจกให้สูบ  และทั้งสามยืนร่วมอยู่ในที่เกิดเหตุในลักษณะที่พร้อมช่วยเหลือพรรคพวกได้ทันท่วงที  พฤติการณ์ดังกล่าวจึงถือว่าเป็นตัวการร่วมกระทำความผิดด้วยกัน  ในการชิงทรัพย์นายแดงเมื่อได้ร่วมชิงทรัพย์ด้วยกันตั้งแต่  3  คนขึ้นไป  นายเก่ง  นายโก้  นายก้อง  และนายก้าน  จึงมีความผิดฐานปล้นทรัพย์ตามมาตรา  340  วรรคแรก

ส่วนการที่นายเก่งกับพวกเจตนาเพียงจะไปทำร้ายนายเอก  ไม่ได้เจตนาจะไปชิงทรัพย์นายเอกการที่เอาเสื้อกางเกงไปก็เพื่อความคึกคะนองตามวิสัยที่มีความประพฤติไม่เรียบร้อยให้นายเอกได้รับความอับอายเท่านั้น  หาได้มีเจตนามุ่งหมายแสวงหาประโยชน์ในตัวทรัพย์ไม่  นายเก่งกับพวกหากระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์นายเอกไม่

สรุป  นายเก่งกับพวกกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์นายแดงเท่านั้น

หมายเหตุ  แม้นายเก่งกับพวกจะไม่มีความผิดฐานปล้นทรัพย์นายเอก  ตามมาตรา  340  วรรคแรก  แต่เป็นความผิดต่อเสรีภาพของนายเอกตามมาตรา  309  วรรคแรก  ซึ่งไม่จำต้องวินิจฉัยเพราะโจทย์ถามเฉพาะความผิดเกี่ยวกับทรัพย์เท่านั้น

 

ข้อ  4  ต้นใช้เอกสารแสดงคุณวุฒิปลอมว่าตนจบการศึกษาด้านการเงินการธนาคาร  ไปสมัครเข้าทำงานที่ธนาคารกรุงทองจำกัด  ธนาคารฯหลงเชื่อจึงรับต้นเข้าทำงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่สินเชื่อเงินเดือนๆละ  9,000  บาท  ต้นสามารถทำงานได้  โดยไม่มีใครสงสัย  และได้รับเงินเดือนตอบแทนการทำงานไปได้  2  เดือน  เป็นเงิน  18,000  บาท  ปรากฏว่าเดือนที่  3  ธนาคารฯทราบว่าต้นไม่ได้จบการศึกษาตามที่กล่าวอ้าง  ธนาคารฯจึงกล่าวหาว่าต้นฉ้อโกงทำให้ธนาคารฯต้องเสียเงินไป  18,000  บาท  ดังนี้  ต้นกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ฐานใด หรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

มาตรา  341  ผู้ใดโดยทุจริต  หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ  หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง  และโดยการหลอกลวงนั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สามหรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สามทำ  ถอน  หรือทำลาย  เอกสารสิทธิ  ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฉ้อโกง  ต้องระวางโทษ…

วินิจฉัย

องค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกงตามมาตรา  341  ประกอบด้วย

 1       หลอกลวงผู้อื่นด้วยการ

(ก)  แสดงข้อความเป็นเท็จ  หรือ

(ข)  ปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง

2       โดยการหลอกลวงนั้น

(ก)  ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม

(ข)  ทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม  ถอน  หรือทำลายเอกสารสิทธิ

3       โดยเจตนา

4       โดยทุจริต

การที่จะเป็นความผิดฐานฉ้อโกงตามมาตรา  341  นั้น  ผลของการหลอกลวงนั้น  ผู้กระทำผิดต้องได้ทรัพย์ไปจากผู้ถูกหลอกลวงหรือทำให้บุคคลที่สาม  ถอนหรือทำลายเอกสารสิทธิ  กล่าวคือ  มีเจตนาให้ผู้ถูกหลอกลวงส่ง

มอบทรัพย์สิน  ทำ  ถอน  หรือทำลายเอกสารสิทธิ  ดังนั้นถ้าหลอกลวงโดยมีเจตนาดังกล่าวแล้ว  แต่ยังไม่มีการส่งมอบทรัพย์สิน  ก็เป็นเพียงพยายามฉ้อโกง

ต้นใช้เอกสารแสดงคุณวุฒิปลอมว่าตนจบการศึกษาด้านการเงินการธนาคารเพื่อสมัครเข้าทำงานที่ธนาคาร  กรุงทอง  จำกัด  ธนาคารฯก็รับเข้าทำงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่สินเชื่อ  การที่ต้นไปหลอกลวงด้วยการแสดงข้อความเป็นเท็จจนธนาคารฯ  รับเข้าทำงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่สินเชื่อดังกล่าว  เป็นการหลอกลวงเพื่อให้ได้งานทำเท่านั้น  มิได้มีเจตนาหลอกลวงเพื่อให้ได้ซึ่งทรัพย์สินของธนาคารฯ  ส่วนเงินเดือนที่ได้รับจำนวน  18,000  บาท  ก็เป็นเงินที่ได้จากการทำงานให้กับธนาคารฯ  ดังนั้นการกระทำของต้นจึงไม่ใช่เป็นการหลอกลวงเพื่อให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินของผู้ถูกหลอกลวง  อันจะเป็นความผิดอาญาฐานฉ้อโกงตามมาตรา  341  แต่ประการใด

สรุป  การกระทำของต้นจึงไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง

Advertisement