การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2550
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 2032 ประวัติศาสตร์กฎหมายไทย
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี 3 ข้อ ข้อละ 25 คะแนน
ข้อ 1 คัมภีร์พระธรรมศาสตร์คืออะไร และในกฎหมายตราสามดวงมีการกล่าวถึงการกำเนิดของคัมภีร์พระธรรมศาสตร์ว่ามีความเป็นมาอย่างไร อธิบาย
ธงคำตอบ
พระคัมภีร์ธรรมศาสตร์ คือ คัมภีร์ที่ผู้ทรงอิทธิฤทธิ์หรือผู้มีอำนาจเหนือบุคคลธรรมดาแต่งเรียบเรียงขึ้น เป็นชุมนุมข้อบังคับหลักเกณฑ์ต่างๆตามความยุติธรรม ซึ่งเป็นคัมภีร์ในศาสนาพราหมณ์ มีกำเนิดมาจากประเทศอินเดีย กฎเกณฑ์เหล่านี้อยู่เหนือกฎหมายทั้งปวง ดังนั้นจึงย่อมใช้แก่มนุษย์ทั้งหลายที่อยู่ใต้อำนาจการปกครองของกษัตริย์ และกษัตริย์เองก็อยู่ภายใต้กฎหมายของพระธรรมศาสตร์ด้วย สภาพการณ์เช่นนี้คัมภีร์พระธรรมศาสตร์จึงมีลักษณะและศักดิ์เทียบเท่ากฎหมายรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นที่มาของกฎหมายทั้งปวง
ในคัมภีร์พระธรรมศาสตร์ ได้กล่าวถึงกำเนิดของคัมภีร์พระธรรมศาสตร์ ความว่า มีท้าวมหาพรหมองค์หนึ่งชื่อพรหมเทวะ จุติจากพรหมโลกแล้วมาปฏิสนธิกำเนิดในตระกูลมหาอำมาตย์ ซึ่งเป็นข้าบาทพระเจ้าสมมุติราชครั้งอายุได้ 15 ปี ก็เข้าแทนที่บิดา ต่อมาเห็นสัตว์โลกทั้งหลายได้รับความทุกข์ยากต่างๆ จึงมีความปรารถนาจะให้พระเจ้าสมมุติราชตั้งอยู่ในทศพิธราชธรรม จึงถวายบังคมลาออกไปบวชอยู่ในป่าหิมพานต์ จำเริญเมตตาภาวนาบริโภคพืชผลเป็นอาหาร มีเทพกินนร กินนรี คนธรรม์ เป็นบริวาร ต่อมาพระเทวะฤาษีได้เสียเป็นผัวเมียกับกินรีนางหนึ่งจนเกิดบุตรสองคน คนแรกชื่อ ภัทธระกุมาร คนที่สองชื่อ มโนสารกุมร เมื่อบุตรทั้งสองเจริญเติบโตบิดาก็ให้บวชเป็นฤาษีจำศีลภาวนาและรับใช้ปรนนิบัติบิดามารดา จนกระทั่งบิดามารดาได้ตายจากไป ภัทธระดาบสจึงได้ละเพศฤาษีไปรับราชการเป็นปุโรหิตสั่งสอนพระเจ้าสมมุติราช มโนสารฤาษีก็ตามพี่ชายออกไปทำราชการด้วย พระเจ้าสมมุติราชจึงตั้งมโนสารให้เป็นผู้พิพากษา
ครั้นอยู่มามีชายสองคนทำไร่แตงใกล้กัน เมื่อปลูกแล้วเอาดินมาพูนเป็นถนนกั้นกลาง เถาแตงจึงเลื้อยพาดผ่านข้ามถนนพันจนเป็นต้นเดียวกัน เมื่อแตงเป็นผล ชายทั้งสองคนก็มาเก็บแตง จึงเกิดการทะเลาะวิวาท ด้วยต่างอ้างเป็นเจ้าของผลแตง ชายทั้งสองคนจึงพากันมาหามโนสารให้เป็นผู้ชี้ขาด มโนสารตัดสินว่าแตงอยู่ในไร่ของผู้ใด ผู้นั้นเป็นเจ้าของผลแตง ชายผู้หนึ่งไม่พอใจในคำตัดสินของพระมโนสารจึงอุทธรณ์คำตัดสินไปยังพระเจ้าสมมุติราช พระองค์จึงตรัสใช้อำมาตย์ผู้หนึ่งให้ไปพิจารณาคดีใหม่ อำมาตย์ผู้นั้นจึงเลิกต้นแตงขึ้นดูตามปลายยอดเอายอดแตงกลับมาไว้ตามต้น ชายทั้งสองคนต่างพอใจในคำตัดสินของอำมาตย์ผู้นี้ และประชาชนทั้งหลายต่างพากันตำหนิว่าพระมโนสารตัดสินคดีไม่เป็นธรรม พระมโนสารมีความเสียใจจึงหนีออกไปบวชเป็นฤาษีจำเริญภาวนาและมีความประสงค์จะให้พระเจ้าสมมุติราชทรงไว้ด้วยทศพิธราชธรรม จึงเหาะไปยังกำแพงจักรวาลเห็นบาลีคัมภีร์พระธรรมศาสตร์เป็นลายลักษณ์อักษรปรากฏอยู่ในกำแพงจักรวาล มีปริมาณเท่ากายคชสาร พระมโนสารก็จดจำมาแต่งเรียบเรียงขึ้นเป็นคัมภีร์พระธรรมศาสตร์
การที่ในคัมภีร์พระธรรมศาสตร์ได้แต่งเรื่องราวการกำเนิดของคัมภีร์พระธรรมศาสตร์ว่า พระมโนสารเป็นผู้เหาะไปกำแพงจักรวาล ซึ่งไม่ทราบว่าอยู่ที่ใด เพื่อจดเอาคัมภีร์พระธรรมศาสตร์มาสั่งสอนพระเจ้าสมมุติราชนั้น เป็นความประสงค์ของผู้เรียบเรียงคัมภีร์พระธรรมศาสตร์มุ่งที่จะยกย่องว่าบทบัญญัติต่างๆ ในคัมภีร์พระธรรมศาสตร์ที่มาจากอำนาจเบื้องสูง ไม่อยู่ในบังคับของมนุษย์ หากแต่ยังมีอำนาจบังคับเหนือมนุษย์ทั้งปวงให้ต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติในคัมภีร์พระธรรมศาสตร์ด้วย
ข้อ 2 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ของไทย มาตรา 544 วางหลักไว้ว่า “ผู้เช่าจะให้เช่าช่วงไม่ได้” ซึ่งจากการศึกษาประวัติศาสตร์กฎหมายของต่างประเทศพบว่า มีกฎหมายลายลักษณ์อักษรเก่าแก่ที่สุดบัญญัติเกี่ยวกับการเช่าช่วงไว้ อยากทราบว่ากฎหมายนั้นมีชื่อเรียกว่าอะไร เกิดขึ้นในยุคสมัยใดและจงอธิบายกฎหมายเรื่องนี้มาพอสังเขป
ธงคำตอบ
กฎหมายเรื่องนี้คือเช่าอสังหาริมทรัพย์ ชื่อกฎหมายคือ ประมวลกฎหมายฮัมมูราบี ซึ่งยอมให้เอกชนสามารถมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินได้ แม้กระทั่งพระเจ้าฮัมมูราบีก็ทรงมีที่ดินเป็นของพระองค์เอง รวมทั้งวัดก็เป็นเจ้าของที่ดินได้ ดังนั้นกษัตริย์ วัด หรือประชาชน ย่อมนำที่ดินไปให้ผิอื่นเช่าโดยได้รับค่าเช่าเป็นการตอบแทนนอกจากนี้ผู้เช่าอาจนำที่ดินที่ตนเช่าอยู่ไปให้ผู้อื่นเช่าต่อไป เรียกว่า เป็นการ”เช่าช่วง” ดังนั้น การเช่าช่วงจึงมีมาตั้งแต่สมัยบาบิโลนแล้ว
ข้อ 3 คดีฆาตกรรมต่อเนื่องครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศแคนาดาได้ยุติลงแล้ว เมื่อคณะลูกขุนประจำศาลแวนคูเวอร์ตัดสินว่านายโรเบิร์ต วิลลี่ พิกตัน วัย 58 ปี มีความผิดฐานฆาตกรรมผู้หญิง 6 คน ต้องรับโทษจำคุกตลอดชีวิต รายงานข่าวโดยเอพีและบีบีซี เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2550 จากข่าวดังกล่าวจงอธิบายวิธีพิจารณาคดีโดยคณะลูกขุน พอสังเขป
ธงคำตอบ
จูลี่หรือลูกขุน เป็นคำรวม หมายถึง คณะลูกขุนจำนวน 12 คน บุคลซึ่งประกอบเป็นลูกขุนคนใดคนหนึ่งเรียกว่า จูรอร์ (Juror) เกิดขึ้นในประเทศอังกฤษ สมัยพระเจ้าเฮนรี่ที่ 2
วัตถุประสงค์ของการพิจารณาคดีโดยคณะลูกขุน เป็นระบบการพิจารณาเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมโดยตรงในกระบวนการยุติธรรมมากที่สุดแทนที่จะปล่อยให้อยู่ในมือของนักกฎหมายเท่านั้น การพิจารณาคดีโดยคณะลูกขุนเป็นวิวัฒนาการของการพิจารณาคดี ในระบบกฎหมายคอมมอนลอว์โดยเฉพาะ ซึ่งสืบเนื่องกันมาหลายศตวรรษ
คุณสมบัติของผู้เป็นลูกขุนมีบัญญัติอยู่ใน Jury Act 1825 คือ ต้องเป็นคนสัญชาติอังกฤษอายุระหว่าง 20 -60 ปี ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง บุคคลที่ไม่อาจเป็นลูกขุนได้ คือ สมาชิกสภาขุนนาง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นักพรต นักบวช แพทย์ ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ นักกฎหมาย ผู้มีจิตไม่สมประกอบ
ปัจจุบันประเทศที่อยู่ในระบบกฎหมายคอมมอน ลอว์ เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ มาเลเซีย ได้ยกเลิกระบบลูกขุน เพราะความไม่สะดวกเนื่องจากสิ้นเปลืองเวลาและค่าใช้จ่าย ในมาเลเซียเฉพาะคดีที่มีโทษประหารชีวิตเท่านั้น ที่มีการพิจารณาคดีโดยลูกขุน
การพิจารณาคดีโดยคณะลูกขุน ส่วนมากใช้เฉพาะในคดีอาญา ส่วนคดีแพ่งมีน้อยมาก เว้นแต่คดีหมิ่นประมาท คดีทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพ คดีผิดสัญญาสมรส คดีล่อลวง และคดีฉ้อโกง ในปัจจุบันคดีอาญาที่มีการพิจารณาโดยคณะลูกขุนต้องเป็นความผิดอุกฉกรรจ์ เช่น ฆ่าคนตายโดยเจตนา ปล้นทรัพย์ ข่มขืนกระทำชำเรา อำนาจหน้าที่ของคณะลูกขุนคือ พิจารณาเฉพาะปัญหาข้อเท็จจริง เช่น จำเลยแทงผู้ตายจริงหรือไม่ ส่วนจะเป็นความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาหรือไม่เจตนา เป็นปัญหาข้อกฎหมายซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของผู้พิพากษาในการพิจารณาคดี ลูกขุนจะนั่งฟังการสืบพยานหลักฐานตั้งแต่ต้นจนจบ แล้วจะลงมติว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ ถ้าเห็นว่าผิด (Guilty) ผู้พิพากษาจะเป็นผู้กำหนดโทษต่อไป และฝ่ายที่ไม่พอใจย่อมอุทธรณ์และฎีกาต่อไป.