การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2546
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 2032 ประวัติศาสตร์กฎหมายไทย
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี 3 ข้อ
ข้อ 1 กล่าวกันว่า กฎหมายเมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยาครั้งหนึ่งๆ ตราขึ้นมามีกี่ชุด เก็บไว้ในที่ใดบ้าง และเพื่อประโยชน์อันใด และเพราะเหตุใดจึงสูญหายหมด อธิบาย
ธงคำตอบ
กล่าวกันว่า กฎหมายเมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยา ครั้งหนึ่งๆ ตราขึ้นมามีจำนวน 3 ชุด เก็บไว้ในที่ดังต่อไปนี้
1 เก็บไว้ที่ห้องเครื่องหนึ่งชุด สำหรับพระมหากษัตริย์ใช้เป็นการส่วนพระองค์ ซึ่งห้องเครื่องหมายถึงห้องเสวยพระกระยาหาร แต่บางท่านว่าคงจะหมายถึงห้องพระอักษรมากกว่า
2 เก็บไว้ที่หอหลวง 1 ชุด เอาไว้สำหรับให้ขุนนางข้าราชการเอาไว้ใช้ในการบริหารปกครองบ้านเมืองและคัดลอกเอาไปศึกษาหรือเอาไว้ใช้เป็นการส่วนตัว
3 เก็บไว้ที่ศาลหลวง 1 ชุด เอาไว้สำหรับผู้พิพากษาตุลาการอัญเชิญออกมาพิพากษาอรรถคดีต่างๆ
เหตุที่กฎหมายเมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยาสูญหายหมด อาจเกิดจากสาเหตุ 3 ประการดังนี้
1 เมื่อครั้งพม่าเข้าตีกรุงศรีอยุธยาแตก เมื่อปี พ.ศ. 2310 พม่าได้เผาทำลายปราสาทพระราชวัง ป้อม ค่าย คู ปราการต่างๆจนหมดสิ้น กฎหมายที่เก็บไว้ในที่ต่างๆดังกล่าวมาข้างต้นคงถูกเผาทำลายหมดสิ้น
2 กฎหมายเมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยาเขียนลงบนแผ่นกระดาษ ใบลานหรือใบตาล ย่อมผุพังหรือถูกพวกปลวกแมลงต่างๆ ทำลายได้โดยง่าย
3 เมื่อครั้งที่มีการประมวลกฎหมายตรา 3 ดวง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงมีพระบัญชาว่า เวลาที่จะนำกฎหมายมาใช้จะต้องเป็นกฎหมายฉบับมีตราพระราชสีห์ พระคชสีห์ และตราบัวแก้วประทับอยู่เท่านั้น จึงจะเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับได้ ดังนั้นความจำเป็นที่จะเก็บกฎหมายเก่าไว้จึงไม่มี จึงเป็นเหตุให้กฎหมายเก่าที่มีอยู่สูญหายไปหมด
ข้อ 2 วิธีการพิสูจน์ความจริงในสมัยโบราณของไทยยุคกรุงศรีอยุธยามีกฎหมายฉบับหนึ่งคือ พระอัยการพิสูจน์ดำน้ำลุยเพลิงซึ่งเป็นกฎหมายที่พิสูจน์ความจริงหรือความเท็จจากตัวความเอง เมื่อคดีใดไม่มีพยานพิสูจน์ความเท็จและความจริง แต่จากการศึกษาระบบกฎหมายหลักพบว่ามีวิธีการพิสูจน์ความจริงที่คล้ายคลึงกับของไทย คือ ประเทศอังกฤษในอดีต ให้นักศึกษาอธิบายว่าประเทศอังกฤษในอดีตมีวิธีการใดบ้าง
ธงคำตอบ
การพิสูจน์ด้วยไฟหรือน้ำ โดยวิธีทรมาน (Ordeal) ซึ่งใช้สำหรับคดีอุกฉกรรจ์มหันตโทษ เป็นการพิสูจน์ความจริงโดยอาศัยผีสางเทวดาเป็นผู้วินิจฉัย เพราะเกินกำลังความเข้าใจของมนุษย์ เป็นการยกให้เป็นภาระของพระผู้เป็นเจ้าที่จะต้องแสดงความผิดหรือความบริสุทธิ์ของคนให้ประจักษ์ วิธีนี้มีมาตั้งแต่โบราณกาลแล้ว ในคริสต์ศตวรรษที่ 10 ยุคแองโกลแซกซอนและตอนต้นยุคนอร์แมนครองเกาะอังกฤษก็ใช้วิธีนี้ ซึ่งมีหลายแบบด้วยกัน
1 วิธีการใช้เหล็กเผาไฟร้อนแดง แล้วให้จำเลยถือเหล็กที่เผาไฟร้อนแดงนั้นเดินหรือวิ่งเป็นระยะทาง 9 ฟุต เมื่อวางเหล็กนั้นแล้วจะมีการเอาผ้าพันมือของจำเลยที่ได้ถือเหล็กนั้น แล้วประทับตราไว้เป็นเวลา 3 วัน 3 คืน หลังจากนั้นก็จะแก้เอาผ้าที่พันออก หากปรากฏว่ามือจำเลยไม่มีบาดแผลที่ถูกไฟลวกแต่ประการใดก็ถือว่าพระผู้เป็นเจ้าบนสวรรค์ได้ปกป้องจำเลยผู้บริสุทธิ์แล้ว ตรงกันข้ามหากว่ามือจำเลยมีบาดแผลหรือว่ามีร่องรอยของการที่ถือเหล็กไฟแดงนั้น ก็ถือว่าจำเลยได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหานั้น
2 วิธีการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของจำเลย โดยจำเลยจะเอามือของจำเลยจุ่มลงไปในกระทะน้ำเดือดเพื่อเอาหินที่อยู่ก้นกระทะนั้นขึ้นมา หลังจากที่จำเลยได้เอามือจุ่มในน้ำเดือดแล้วสามวัน ก็จะมีการพิสูจน์มือจำเลยที่จุ่มในน้ำเดือดนั้น หากปรากฏว่าไม่มีร่องรอยของการถูกน้ำเดือดลวกแต่ประการใด จำเลยก็เป็นผู้บริสุทธิ์ ถ้าหากว่ามีร่องรอยของการถูกน้ำเดือดลวก ก็ถือว่าจำเลยเป็นผู้ผิดจริงตามฟ้อง
ขอให้สังเกตว่า วิธีการพิสูจน์เหล็กเผาไฟแดงหรือน้ำเดือดนี้ เป็นเรื่องที่จำเลยจะต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตน มิใช่เรื่องของโจทก์หรือผู้กล่าวหาจะเป็นผู้พิสูจน์ความจริงตามข้อกล่าวหาของตนปรากฏว่าในปี ค.ศ. 1202 จำเลยได้รับอนุญาตให้เลือกเองว่า จำเลยจะพิสูจน์โดยถือเหล็กเผาไฟแดงด้วยตนเอง หรือจะให้โจทก์เป็นผู้ถือ ปรากฏว่าจำเลยเลือกให้โจทก์เป็นผู้ถือทั้งสองคดี
3 วิธีน้ำเย็น โดยเอาตัวจำเลยโยนลงไปในน้ำถ้าจมก็บริสุทธิ์ ถ้าลอยก็มีความผิด เพราะมีเทวดามาอุ้มไว้ไม่ให้จม จึงเห็นได้ประจักษ์ว่าจำเลยผิดจริง
ข้อ 3 “ลักษณะแห่งกฎหมายประการหนึ่งคือวัตถุประสงค์เพื่อความยุติธรรม และมีผู้กล่าวว่า การตอบคำถามวิชานิติศาสตร์ ต้องอ้างอิงหลักกฎหมายด้วย” ตามที่ได้ศึกษาเรื่องระบบกฎหมายหลัก ให้นักศึกษาตอบคำถามดังนี้
ก. ในอดีตมีกฎหมายเก่าของต่างประเทศบัญญัติ ความหมายคำว่า ความยุติธรรม วิชานิติศาสตร์ หลักกฎหมาย จงอธิบายความหมายคำทั้งสามคำนี้ (9 คะแนน)
ข ความหมายของคำทั้งสามนี้มีอยู่ในระบบกฎหมายใด (4 คะแนน)
ค เป็นกฎหมายของชนชาติใด (4 คะแนน)
ง กฎหมายนี้มีชื่อเรียกว่าอะไร (4 คะแนน)
จ อยู่ในส่วนใดหรือภาคใดของกฎหมายนั้น(4 คะแนน)
ธงคำตอบ
ก ความยุติธรรมคือ เจตจำนงอันแน่วแน่ตลอดกาลที่จะให้แก่ทุกคนตามส่วนที่เขาควรจะได้
วิชานิติศาสตร์ คือ วิชาที่ว่าด้วยความถูกต้องและความไม่ถูกต้อง เป็นวิชาที่ว่าด้วยความเป็นธรรมและความอยุติธรรม
หลักกฎหมาย คือ ดำรงชีวิตด้วยความซื่อสัตย์ ไม่ทำร้ายผู้อื่น และให้แก่ทุกคนตามส่วนที่เขาควรได้
ข ความหมายของคำทั้งสามนี้ มีอยู่ในระบบกฎหมายซีวิลลอว์หรืออโรมาโน – เยอรมันนิค
ค เป็นกฎหมายของชนชาติโรมัน
ง กฎหมายนี้มีชื่อเรียกว่า ประมวลกฎหมายจัสติเนียนหรือซีวิลลอว์
จ อยู่ในภาคคำอธิบายเบื้องต้น (The Institues)