การสอบไล่ภาค  2  ปีการศึกษา  2550

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW 2013

Advertisement

กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยตั๋วเงิน บัญชีเดินสะพัด 

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี  3  ข้อ

ข้อ 1  ก  บุญมีเปิดบัญชีฝากเงินประเภทกระแสรายวันกับธนาคารกรุงเก่ามหาชน  จำกัด  จำนวน  200,000  บาท  และมีการสะพัดทางบัญชีตลอดมา  ภายหลังบุญมีเหลือเงินฝากในบัญชีเพียงเล็กน้อยไม่พอที่จะใช้จ่ายในการลงทุน  จึงยื่นคำร้องต่อธนาคารขอเบิกเงินเกินกว่าจำนวนเงินที่อยู่ในบัญชี  วงเงินไม่เกิน  2,000,000  บาท  โดยยอมเสียดอกเบี้ยร้อยละบาทต่อเดือนในระบบดอกเบี้ยทบต้นเป็นรายเดือนตามประเพณีธนาคาร  หากเมื่อมีการหักทอนบัญชีแล้วปรากฏว่าบุญมีเป็นหนี้ธนาคาร  จนกว่าจะชำระส่วนที่เป็นหนี้ครบถ้วน  หลังจากนั้นบุญมีได้สะพัดทางบัญชีโดยมีการออกเช็คสั่งให้ธนาคารจ่ายเงินให้กับเจ้าหนี้ของบุญมีและมีการฝากเงินเข้าบัญชีกระแสรายวันเพื่อหักทอนบัญชีตลอดมา  ดังนี้นิติสัมพันธ์ระหว่างบุญมีกับธนาคารกรุงเก่ามหาชน  จำกัด   เป็นสัญญาบัญชีเดินสะพัดหรือไม่  เพราะเหตุใด  ต่อมาธนาคารได้มีการหักทอนบัญชีแล้วปรากฏว่าบุญมีเป็นหนี้ธนาคาร  3,000,000  บาท  ธนาคารจึงบอกเลิกสัญญาเรียกให้บุญมีชำระหนี้ในจำนวนดังกล่าวได้หรือไม่  อย่างไร

ข  ผู้จ่ายได้ทำการรับรองตั๋วแลกเงินจะต้องรับผิดต่อผู้ทรงอย่างไรบ้าง

ธงคำตอบ

ก  อธิบาย

มาตรา  856  อันว่าสัญญาบัญชีเดินสะพัดนั้น  คือสัญญาซึ่งบุคคลสองคนตกลงกันว่าสืบแต่นั้นไปหรือในชั่วเวลากำหนดอันใดอันหนึ่ง  ให้ตัดทอนบัญชีหนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนอันเกิดขึ้นแต่กิจการในระหว่างเขาทั้งสองนั้นหักกลบลบกัน  และคงชำระแต่ส่วนที่เป็นจำนวนคงเหลือโดยดุลภาค

มาตรา  859  คู่สัญญาฝ่ายใดจะบอกเลิกสัญญาบัญชีเดินสะพัดและให้หักทอนบัญชีกันเสียในเวลาใดๆก็ได้  ถ้าไม่มีอะไรปรากฏเป็นข้อขัดกับที่กล่าวมานี้

วินิจฉัย

ธนาคารกรุงเก่ามหาชน  จำกัด  กับบุญมี  ต่างเป็นเจ้าหนี้และลูกหนี้ซึ่งกันและกัน  และบุคคลทั้งสองได้ตกลงกันว่าสืบแต่นั้นให้มีการนำหนี้ที่เกิดขึ้นแต่กิจการในระหว่างเขาทั้งสองที่ต่างเป็นเจ้าหนี้ลูกหนี้ซึ่งกันและกันนั้น  มาตัดทอนบัญชีหนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนโดยการหักกลบลบกันและชำระแต่ส่วนที่เป็นจำนวนคงเหลือโดยดุลภาคอันเป็นหลักสำคัญของบัญชีเดินสะพัด  ดังนี้นิติสัมพันธ์ระหว่างบุญมีกับธนาคารกรุงเก่ามหาชน  จำกัด  จึงเป็นสัญญาบัญชีเดินสะพัด  ตามมาตรา  856   และเป็นสัญญาบัญชีเดินสะพัดที่ไม่มีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุด  ดังนั้นคู่สัญญาฝ่ายใดมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและให้หักทอนบัญชีกันเสียในเวลาใดๆก็ได้  ตามมาตรา  859

สรุป  นิติสัมพันธ์ระหว่างบุญมีกับธนาคารกรุงเก่ามหาชน  จำกัด  เป็นสัญญาบัญชีเดินสะพัด  ดังนั้นธนาคารฯมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและเรียกให้บุญมีชำระหนี้ได้

ข  อธิบาย 

การรับรองตั๋วแลกเงิน  คือ  การที่ผู้จ่ายได้ลงลายมือชื่อของตนในตั๋วแลกเงินเพื่อผูกพันตนเองในอันที่จะรับผิดชอบจ่ายเงินตามคำสั่งของผู้สั่งจ่ายที่ได้มีคำสั่งให้ผู้จ่ายจ่ายเงินให้กับผู้รับเงิน

สำหรับวิธีการรับรองตั๋วแลกเงินนั้น  มาตรา  931  ได้กำหนดแบบหรือวิธีการรับรองไว้โดยกำหนดให้ผู้จ่ายลงข้อความว่า  รับรองแล้ว  หรือข้อความอื่นทำนองเช่นเดียวกัน  เช่น  รับรองจะใช้เงิน  หรือ  ยินยอมจะใช้เงิน  ฯลฯ  และลงลายมือชื่อของผู้จ่ายในด้านหน้าแห่งตั๋วแลกเงินนั้น  และอาจลงวันที่รับรองไว้หรือไม่ก็ได้  หรือเพียงแต่ผู้จ่ายลงลายมือชื่อของตนในด้านหน้าแห่งตั๋วแลกเงินนั้นเพียงลำพังโดยไม่จำต้องมีข้อความดังกล่าวอยู่เลย  ก็จัดว่าเป็นคำรับรองแล้วเช่นเดียวกัน  อนึ่งการที่ผู้จ่ายทำการรับรองที่ด้านหลังตั๋วแลกเงิน  ถือว่าเป็นการรับรองที่ผิดแบบหรือวิธีการที่กฎหมายกำหนด    ไม่ถือว่าเป็นการรับรองหรือคำรับรองนั้นไม่มีผล

อย่างไรก็ดี  การรับรองตามมาตรา  931  นี้  ย่อมมีผลเฉพาะตัวผู้จ่ายเท่านั้น  บุคคลอื่นซึ่งมิใช่ผู้จ่าย  หากได้ทำการรับรองตามความในมาตรานี้ก็มิได้อยู่ในฐานะเป็นผู้รับรอง แต่อาจต้องรับผิดในฐานะผู้รับอาวัล (มาตรา  940)  หรือเป็นผู้สอดเข้ารับรองเพื่อแก้หน้า  (มาตรา  953)  ก็ได้

การรับรองตั๋วแลกเงิน  ตามมาตรา  935  ได้กำหนดไว้  2  ประเภท  ดังนี้

1       การรับรองตลอดไป  คือ  การที่ผู้จ่ายรับรองการจ่ายเงินทั้งหมดตามจำนวนเงินที่ปรากฏในตั๋วแลกเงิน  โดยไม่มีข้อแม้หรือเงื่อนไขในการจ่ายเงิน

2       การรับรองเบี่ยงบ่าย  คือ  การรับรองใน  2  กรณีดังต่อไปนี้  คือ

 –          การรับรองเบี่ยงบ่ายอย่างมีเงื่อนไข  เช่น  ผู้จ่ายรับรองจะจ่ายเงินจำนวนทั้งหมดในตั๋วแลกเงินฉบับนี้ต่อเมื่อมีเหตุการณ์อันใดอันหนึ่งเกิดขึ้นในอนาคตและไม่แน่นอน

–          การรับรองเบี่ยงบ่ายบางส่วน  เช่น  ตั๋วแลกเงินราคา  50,000  บาท  ผู้จ่ายรับรองการจ่ายเงินจำนวน  40,000  บาท  เป็นต้น

ผลของการรับรองตั๋วแลกเงิน  มีบัญญัติไว้ในมาตรา  937  กล่าวคือ  เมื่อผู้จ่ายได้ทำการรับรองตั๋วแลกเงินแล้ว  ผู้จ่ายจะกลายเป็นผู้รับรองและต้องผูกพันรับผิดตามเนื้อความแห่งคำรับรองของตน

 

ข้อ  2  ก  ผู้ทรงตั๋วเงินโดยชอบด้วยกฎหมาย  มีหลักเกณฑ์เป็นอย่างไร  ให้อธิบายโดยยกหลักกฎหมายประกอบให้ชัดเจน

 ข  มะลิออกตั๋วแลกเงินสั่งให้จำปีจ่ายเงินให้แก่จำปาเป็นตั๋วแบบระบุชื่อ  ต่อมาจำปาสลักหลังเฉพาะระบุชื่อกุหลาบ  แล้วส่งมอบตั๋วฯ  นั้นชำระหนี้ให้กุหลาบ  จากนั้นกุหลาบนำตั๋วฯ  นั้นไปสลักหลังลอยขาดลดให้แก่ลั่นทมซึ่งต่อมาลั่นทมก็ได้ส่งมอบตั๋วฯ  นั้นชำระหนี้ให้แก่ชวนชม  แล้วชวนชมก็สลักหลังตั๋วฯนั้นโดยระบุชื่อราตรี  แล้วส่งมอบให้แก่ราตรีเพื่อชำระหนี้

จากข้อเท็จจริงข้างต้นนั้น  ราตรีถือว่าเป็นผู้ทรงตั๋วแลกเงินฉบับดังกล่าวโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่เพราะเหตุใด  จงอธิบาย

ธงคำตอบ

มาตรา  904  อันผู้ทรงนั้น  หมายความว่า  บุคคลผู้มีตั๋วเงินไว้ในครอบครองโดยฐานเป็นผู้รับเงินหรือเป็นผู้รับสลักหลัง  ถ้าและเป็นตั๋วเงินสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือๆ  ก็นับว่าเป็นผู้ทรงเหมือนกัน

มาตรา  905  ภายในบังคับแห่งบทบัญญัติมาตรา  1008  บุคคลผู้ได้ตั๋วเงินไว้ในครอบครองถ้าแสดงให้ปรากฏสิทธิด้วยการสลักหลังไม่ขาดสาย  แม้ถึงว่าการสลักหลังรายที่สุดจะเป็นสลักลอยก็ตาม  ให้ถือว่าเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย  เมื่อใดรายการสลักหลังลอยมีสลักหลังรายอื่นตามหลังไปอีก  ท่านให้ถือว่าบุคคลผู้มีลงลายชื่อในการสลักหลังรายที่สุดนั้น  เป็นผู้ได้ไปซึ่งตั๋วเงินด้วยการสลักหลังลอย อนึ่งคำสลักหลังเมื่อขีดฆ่าเสียและห้ามให้ถือเสมือนว่ามิได้มีเลย

ถ้าบุคคลผู้หนึ่งผู้ใดต้องปราศจากตั๋วเงินไปจากครอบครอง  ท่านว่าผู้ทรงซึ่งแสดงให้ปรากฏสิทธิของตนในตั๋วตามวิธีการดังกล่าวมาในวรรคก่อนนั้น  หาจำต้องสละตั๋วเงินไม่  เว้นแต่จะได้มาโดยทุจริตหรือได้มาด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง

อนึ่งข้อความในวรรคก่อนนี้  ให้ใช้บังคับตลอดถึงผู้ทรงตั๋วเงินสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือด้วย

อธิบาย

จากหลักกฎหมายดังกล่าวข้างต้น  ทำให้สามารถสรุปหลักเกณฑ์ของการเป็นผูทรงตั๋วเงินโดยชอบด้วยกฎหมาย  ดังนี้คือ

 1       เป็นผู้มีตั๋วเงินไว้ในครอบครอง  (ยึดถือด้วยเจตนายึดถือเพื่อตน)

2       ได้ครอบครองตั๋วเงินนั้นในฐานะเป็นผู้รับเงินหรือเป็นผู้รับสลักหลัง  สำหรับตั๋วเงินที่ระบุชื่อ  หรือเป็นผู้ถือ  สำหรับตั๋วเงินชนิดที่สั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ

3       ได้ครอบครองตั๋วเงินนั้นโดยชอบด้วยกฎหมาย  (ผู้ทรงโดยสุจริต)  และไม่ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง

4       ได้ครอบครองตั๋วเงินนั้นมาโดยการสลักหลังไม่ขาดสาย

อนึ่งการสลักหลังไม่ขาดสาย  หมายถึง  การสลักหลังตั๋วเงินโดยโอนรับช่วงติดต่อกันมาตามลำดับจนถึงมือของผู้ทรงคนปัจจุบันโดยไม่ขาดตอน

ข  อธิบาย

มาตรา  904  อันผู้ทรงนั้น  หมายความว่า  บุคคลผู้มีตั๋วเงินไว้ในครอบครองโดยฐานเป็นผู้รับเงินหรือเป็นผู้รับสลักหลัง  ถ้าและเป็นตั๋วเงินสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือๆ  ก็นับว่าเป็นผู้ทรงเหมือนกัน

มาตรา  905  ภายในบังคับแห่งบทบัญญัติมาตรา  1008  บุคคลผู้ได้ตั๋วเงินไว้ในครอบครองถ้าแสดงให้ปรากฏสิทธิด้วยการสลักหลังไม่ขาดสาย  แม้ถึงว่าการสลักหลังรายที่สุดจะเป็นสลักลอยก็ตาม  ให้ถือว่าเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย  เมื่อใดรายการสลักหลังลอยมีสลักหลังรายอื่นตามหลังไปอีก  ท่านให้ถือว่าบุคคลผู้มีลงลายชื่อในการสลักหลังรายที่สุดนั้น  เป็นผู้ได้ไปซึ่งตั๋วเงินด้วยการสลักหลังลอย อนึ่งคำสลักหลังเมื่อขีดฆ่าเสียและห้ามให้ถือเสมือนว่ามิได้มีเลย

มาตรา  920  วรรคสอง  ถ้าสลักหลังลอย  ผู้ทรงจะปฏิบัติดังกล่าวต่อไปนี้ประการหนึ่งประการใดก็ได้  คือ

(3)โอนตั๋วเงินนั้นให้ไปแก่บุคคลภายนอกโดยไม่กรอกความลงในที่ว่าง  และไม่สลักหลังอย่างหนึ่งอย่างใด

วินิจฉัย

ลั่นทมเป็นผู้ทรงตั๋วเงินระบุชื่อที่ได้มาจากการสลักหลังลอยของกุหลาบ  จึงมีสิทธิส่งมอบตั๋วฯ  ชำระหนี้ให้กับชวนชมต่อไปได้  ตามมาตรา 920  วรรคสอง  (3)  ซึ่งถือว่าชวนชมเป็นผู้ทรงที่ได้รับตั๋วฯ  มาจากการสลักหลังลอยของกุหลาบโดยตรงโดยไม่ผ่านมือของลั่นทมเลย  เพราะลั่นทมได้โอนตั๋วฯมาโดยการส่งมอบ  จึงไม่ปรากฏลายมือของลั่นทมในตั๋วฯ  โดยไม่ถือว่าการโอนตั๋วฯนี้ขาดสายแต่อย่างใด  ตามมาตรา  905  วรรคแรก  ดังนั้นเมื่อชวนชมถือว่าเป็นผู้ทรงตั๋วฯ  โดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว  ต่อมาชวนชมสลักหลังตั๋วฯ  ชำระหนี้ให้ราตรี  ราตรีก็ยอม  เป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย  เช่นเดียวกัน  ตามมาตรา  904  และมาตรา  905  วรรคแรก

สรุป  ราตรีเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย

 

ข้อ  3  ก  เช็คที่มีการลงลายมือชื่อปลอมกับเช็คที่มีการลงลายมือชื่อ  โดยปราศจากอำนาจนั้นเหมือนหรือต่างกันอย่างไร  จะก่อให้เกิดผลตามกฎหมายแก่คู่สัญญาในเช็คนั้นอย่างไร  ให้อธิบายโดยอ้างอิงหลักกฎหมาย

          ข  เอกได้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คล่วงหน้าชำระราคาสินค้า  จำนวน  300,000  บาท  ระบุชื่อบริษัทผู้ขายเป็นผู้รับเงิน  พร้อมกับขีดคร่อมทั่วไปและได้ขีดฆ่าเฉพาะคำว่า  หรือผู้ถือ  ในเช็คนั้นโดยมิได้ขีดฆ่าคำว่า  “or  bearer”  ในเช็คนั้นออกแต่อย่างใด  ต่อมาตรีได้สลักหลังเช็คแทนโดยที่โทผู้จัดการบริษัทผู้ขายมิได้มอบอำนาจในการสลักหลังขายลดเช็คพิพาทดังกล่าวให้แก่จัตวาซึ่งได้เข้าทำสัญญารับซื้อลดเช็คพิพาทนั้นไว้โดยสุจริตและมิได้ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงแต่อย่างใด  เพราะเชื่อโดยสุจริตว่าตรีเป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทผู้ขายนั้น  ดังนี้ให้วินิจฉัยว่า  เช็คพิพาทเป็นเช็คระบุชื่อหรือเป็นเช็คผู้ถือ  จัตวาเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทหรือไม่  หากธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค  จัตวาจะบังคับไล่เบี้ยเอก  โท  และตรีให้ต้องรับผิดตามมูลหนี้ในเช็คพิพาทดังกล่าวได้เพียงใดหรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

ก  อธิบาย

เช็คที่มีการลงลายมือชื่อปลอมกับเช็คที่มีการลงลายมือชื่อโดยปราศจากอำนาจนั้นมีทั้งความเหมือนกันและแตกต่างกัน  กล่าวคือ

–          กรณีที่เหมือนกัน  คือ  เช็คนั้นย่อมเสียไปทั้งฉบับสำหรับเจ้าของลายมือชื่อ  ซึ่งถูกปลอมลายมือชื่อ  และเจ้าของลายมือชื่อซึ่งมิได้มอบอำนาจ  อีกทั้งเป็นผลให้ผู้ใดจะแสวงสิทธิจากลายมือชื่อทั้งสองนั้นเพื่อยึดหน่วงเช็คนั้นไว้ก็ดี  หรือเพื่อทำให้หลุดพ้นจากความรับผิดด้วยการใช้เงินตามเช็คนั้นก็ดี  หรือเพื่อบังคับการใช้เงินเอาแก่คู่สัญญาซึ่งต้องรับผิดตามมูลหนี้ในเช็คนั้นก็ดี  ย่อมไม่อาจกระทำได้  เว้นแต่บุคคลซึ่งจะพึงถูกยึดหน่วง  หรือจะพึงถูกบังคับการใช้เงินนั้นจะอยู่ในฐานะเป็นบุคคลซึ่งถูกตัดบทมิให้ยกข้อลายมือชื่อปลอมหรือข้อลายมือชื่อซึ่งลงไว้โดยปราศจากอำนาจขึ้นมาเป็นข้อต่อสู้  (มาตรา  1008  วรรคแรก)  หรือเว้นแต่กรณีที่ธนาคารผู้ใช้เงินตามเช็คระบุชื่อที่มีการสลักหลังปลอมหรือลงโดยปราศจากอำนาจตามนัยมาตรา  1009

–          กรณีที่แตกต่างกัน  คือ  เช็คที่มีลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายและหรือลายมือชื่อผู้สลักหลังชื่อผู้สลักหลังเป็นลายมือชื่อปลอม  เจ้าของลายมือชื่อที่ถูกปลอม  ไม่อาจให้สัตยาบันได้  หากแสดงออกด้วยการยอมรับว่าเป็นลายมือชื่อตนเอง  กรณีย่อมอยู่ในฐานะเป็นผู้ต้องตัดบทหรือถูกปิดปากมิให้ยกลายมือชื่อปลอมนั้นขึ้นมาเป็นข้อต่อสู้  ขณะที่ลายมือชื่อที่ลงไว้โดยปราศจากอำนาจ  เจ้าของลายมือชื่อที่เขาลงไว้โดยมิได้มอบอำนาจอาจให้สัตยาบันได้  และกลายเป็นการลงลายมือชื่อโยได้รับมอบอำนาจ  (มาตรา  1008  วรรคท้าย)

ข  อธิบาย

มาตรา  900  บุคคลผู้ลงลายมือชื่อของตนในตั๋วเงินย่อมจะต้องรับผิดตามเนื้อความในตั๋วเงินนั้น

มาตรา  904  อันผู้ทรงนั้น  หมายความว่า  บุคคลผู้มีตั๋วเงินไว้ในครอบครองโดยฐานเป็นผู้รับเงินหรือเป็นผู้รับสลักหลัง  ถ้าและเป็นตั๋วเงินสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือๆ  ก็นับว่าเป็นผู้ทรงเหมือนกัน

มาตรา  905  ภายในบังคับแห่งบทบัญญัติมาตรา  1008  บุคคลผู้ได้ตั๋วเงินไว้ในครอบครองถ้าแสดงให้ปรากฏสิทธิด้วยการสลักหลังไม่ขาดสาย  แม้ถึงว่าการสลักหลังรายที่สุดจะเป็นสลักลอยก็ตาม  ให้ถือว่าเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย  เมื่อใดรายการสลักหลังลอยมีสลักหลังรายอื่นตามหลังไปอีก  ท่านให้ถือว่าบุคคลผู้มีลงลายชื่อในการสลักหลังรายที่สุดนั้น  เป็นผู้ได้ไปซึ่งตั๋วเงินด้วยการสลักหลังลอย อนึ่งคำสลักหลังเมื่อขีดฆ่าเสียและห้ามให้ถือเสมือนว่ามิได้มีเลย

ถ้าบุคคลผู้หนึ่งผู้ใดต้องปราศจากตั๋วเงินไปจากครอบครอง  ท่านว่าผู้ทรงซึ่งแสดงให้ปรากฏสิทธิของตนในตั๋วตามวิธีการดังกล่าวมาในวรรคก่อนนั้น  หาจำต้องสละตั๋วเงินไม่  เว้นแต่จะได้มาโดยทุจริตหรือได้มาด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง

มาตรา  914  บุคคลผู้สั่งจ่ายหรือสลักหลังตั๋วแลกเงินย่อมเป็นอันสัญญาว่า  เมื่อตั๋วนั้นได้นำมายื่นโดยชอบแล้วจะมีผู้รับรองและใช้เงินตามเนื้อความแห่งตั๋ว  ถ้าและตั๋วแลกเงินนั้นเขาไม่เชื่อถือโดยไม่ยอมรับรองก็ดี  หรือไม่ยอมจ่ายเงินก็ดี  ผู้สั่งจ่ายหรือผู้สลักหลังก็จะใช้เงินแก่ผู้ทรง  หรือแก่ผู้สลักหลังคนหลังซึ่งต้องถูกบังคับให้ใช้เงินตามตั๋วนั้น  ถ้าหากว่าได้ทำถูกต้องตามวิธีการในข้อไม่รับรองหรือไม่จ่ายเงินนั้นแล้ว

มาตรา  917  วรรคแรก  อันตั๋วแลกเงินทุกฉบับ  ถึงแม้ว่าจะมิใช่สั่งจ่ายให้แก่บุคคลเพื่อเขาสั่งก็ตาม  ท่านว่าย่อมโอนให้กันได้ด้วยสลักหลังและส่งมอบ

มาตรา  959  ผู้ทรงตั๋วแลกเงินจะใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาแก่บรรดาผู้สลักหลัง  ผู้สั่งจ่าย  และบุคคลอื่นๆซึ่งต้องรับผิดตามตั๋วเงินนั้นก็ได้  คือ

(ก)  ไล่เบี้ยได้เมื่อตั๋วเงินถึงกำหนดในกรณีไม่ใช้เงิน

มาตรา  967  วรรคแรก  ในเรื่องตั๋วแลกเงินนั้น  บรรดาบุคคลผู้สั่งจ่ายก็ดีรับรองก็ดี  สลักหลังก็ดี  หรือรับประกันด้วยอาวัลก็ดี  ย่อมต้องร่วมกันรับผิดต่อผู้ทรง

มาตรา  989  วรรคแรก  บทบัญญัติทั้งหลายในหมวด  2  อันว่าด้วยตั๋วแลกเงินดังจะกล่าวต่อไปนี้  ท่านให้ยกมาบังคับในเรื่องเช็คเพียงเท่าที่ไม่ขัดกับสภาพแห่งตราสารชนิดนี้  คือบทมาตรา …  914  ถึง  923  959  967  967

มาตรา  1008  วรรคแรก  ภายในบังคับแห่งบทบัญญัติทั้งหลายในประมวลกฎหมายนี้  เมื่อใดลายมือชื่อในตั๋วเงินเป็นลายมือปลอมก็ดี  เป็นลายมือชื่อลงไว้โดยที่บุคคลซึ่งอ้างเอาเป็นเจ้าของลายมือชื่อนั้นมิได้มอบอำนาจให้ลงก็ดี  ท่านว่าลายมือชื่อปลอมหรือลงปราศจากอำนาจเช่นนั้นเป็นอันใช้ไม่ได้  ใครจะอ้างอิงอาศัยแสวงสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อยึดหน่วงตั๋วเงินไว้ก็ดี เพื่อทำให้ตั๋วนั้นหลุดพ้นก็ดี  หรือเพื่อบังคับการใช้เงินเอาแก่คู่สัญญาแห่งตั๋วนั้นคนใดคนหนึ่งก็ดี  ท่านว่าไม่อาจจะทำได้เป็นอันขาด  เว้นแต่คู่สัญญาฝ่ายซึ่งจะพึงถูกยึดหน่วงหรือถูกบังคับใช้เงินนั้นจะอยู่ในฐานเป็นผู้ต้องตัดบทมิให้ยกข้อลายมือชื่อปลอม  หรือข้อลงลายมือชื่อปราศจากอำนาจนั้นขึ้นเป็นข้อต่อสู้

วินิจฉัย

เช็คพิพาทเป็นเช็คระบุชื่อบริษัทผู้ขายเป็นผู้รับเงิน  เมื่อได้มีการขีดฆ่าคำว่า  หรือผู้ถือ  ที่เป็นภาษาไทยแล้ว  ก็เพียงพอแล้วที่จะถือว่าเป็นเช็คระบุชื่อ  ย่อมโอนต่อไปได้ด้วยการสลักหลังและส่งมอบ  (มาตรา  917  วรรคแรก  ประกอบมาตรา  989  วรรคแรก)

การที่ตรีได้ลงลายมือชื่อโทผู้จัดการบริษัทผู้ขายในฐานะเป็นผู้รับเงิน  ซึ่งมิได้อนุญาตหรือมอบอำนาจไว้ไปสลักหลังขายลดเช็คพิพาทให้แก่จัตวา  กรณีย่อมเป็นการลงลายมือชื่อสลักหลังโดยปราศจากอำนาจ  ย่อมเป็นผลให้ลายมือชื่อโทนั้นเป็นอันใช้ไม่ได้เลย  ตามนัยมาตรา  1008  วรรคแรก  เท่ากับว่าจัตวาได้รับเช็คพิพาทนั้นมาโดยการสลักหลังที่ขาดสาย  จึงไม่อยู่ในฐานะเป็นผู้ทรงที่ชอบด้วยกฎหมาย  ตามมาตรา  904    และ  905  วรรคแรกและวรรคสอง  แม้ว่าธนาคารตามเช็คได้ปฏิเสธการจ่ายเงิน  จัตวาก็จะบังคับให้เอก  โท    และตรี  ให้ต้องรับผิดตามมูลหนี้ในเช็คพิพาทดังกล่าวไม่ได้ตามมาตรา  900  วรรคแรก  914  959  ก)  967  วรรคแรก  และมาตรา 989  วรรคแรก

สรุป  –     เช็คพิพาทเป็นเช็คระบุชื่อ

–          จัตวาไม่เป็นผู้ทรงที่ชอบด้วยกฎหมาย

–          จัตวาไล่เบี้ยเอก  โท  และตรีมิได้

Advertisement