ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 2012 กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยประกันภัย
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 3 ข้อ
ข้อ 1 นายแก้วได้ทำสัญญาประกันชีวิตตนเองในเหตุมรณะเป็นเงิน 1 ล้านบาท ไว้กับบริษัทประกันชีวิต โดยระบุให้เพื่อนชื่อนายขวดเป็นผู้รับประโยชน์ตามสัญญาประกันชีวิต ต่อมานายแก้วตายในระหว่างอายุสัญญา บริษัทประกันชีวิตไม่ยอมจ่ายเงินจำนวน 1 ล้านบาทให้แก่นายขวด โดยอ้างว่านายขวดเป็นบุคคลภายนอกเป็นเพียงเพื่อนของนายแก้ว นายขวดมิได้มีส่วนได้เสีย จึงไม่มีสิทธิได้รับเงิน 1 ล้านบาทตามสัญญาประกันชีวิตดังกล่าว ดังนี้ ข้ออ้างของบริษัทประกันชีวิตรับฟังได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 863 อันสัญญาประกันภัยนั้น ถ้าผู้เอาประกันภัยมิได้มีส่วนได้เสียในเหตุที่ประกันภัยไว้นั้นไซร้ ท่านว่าย่อมไม่ผูกพันคู่สัญญาแต่อย่างหนึ่งอย่างใด
วินิจฉัย
สัญญาประกันชีวิตนั้น ถือว่าเป็นสัญญาประกันภัยประเภทหนึ่ง จึงต้องนำเอาบทบัญญัติในหมวด 1 บทเบ็ดเสร็จทั่วไป มาใช้บังคับด้วย กล่าวคือ ผู้เอาประกันชีวิตจะต้องมีส่วนได้เสียในเหตุที่ประกันภัย หรือมีส่วนได้เสียในชีวิตของผู้เอาประกันภัยด้วย ซึ่งอาจจะเป็นชีวิตของตนเองหรือชีวิตของผู้อื่นก็ได้ สัญญาประกันชีวิตจึงจะมีผลผูกพันคู่สัญญา (มาตรา 863)
ตามอุทาหรณ์ การที่สัญญาประกันชีวิตระบุให้นายขวดซึ่งเป็นเพื่อนของนายแก้วเป็นผู้รับประโยชน์นั้นตามมาตรา 863 มิได้บังคับให้ผู้รับประโยชน์จะต้องมีส่วนได้เสียในเหตุที่เอาประกันภัยด้วยแต่อย่างใด ซึ่งผู้รับประโยชน์จะเป็นผู้มีส่วนได้เสียหรือจะเป็นบุคคลภายนอกก็ได้ ดังนั้นเมื่อนายแก้วได้ตายลงในระหว่างอายุสัญญา นายขวดจึงมีสิทธิที่จะได้รับเงิน 1 ล้านบาทในฐานะผู้รับประโ ยชน์ตามสัญญาประกันชีวิต ข้ออ้างของบริษัทประกันชีวิตที่ปฏิเสธไม่ยอมชำระเงินให้นายขวดดังกล่าวจึงรับฟังไม่ได้
สรุป ข้ออ้างของบริษัทประกันชีวิตรับฟังไม่ได้
ข้อ 2 นายสนิทเอาประกันอัคคีภัยบ้านของตนไว้กับบริษัทประกันวินาศภัยแห่งหนึ่ง วงเงิน 3 ล้านบาท ในระหว่างอายุสัญญานายสนิททะเลาะกับนางสวยภริยาอย่างรุนแรง เป็นเหตุให้นายสนิทโกรธแค้นมาก จึงจุดไฟเผาบ้านหลังดังกล่าว ทำให้ไหม้หมดทั้งหลัง นายสนิทเรียกให้บริษัทประกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทน แต่บริษัทประกันปฏิเสธการจ่ายอ้างว่านายสนิททุจริต นายสนิทต่อสู้ว่าการเผาบ้านมิได้เป็นการแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากกระทำไปด้วยความโกรธแค้น มิได้เกิดจากมูลเหตุชักจูงใจเพื่อเอาเงินประกันภัย จึงมิได้กระทำโดยทุจริต จงวินิจฉัยว่าข้อต่อสู้ของนายสนิทชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เพราะเหตุใด ให้ยกหลักกฎหมายประกอบการอธิบาย
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 879 วรรคแรก ผู้รับประกันภัยไม่ต้องรับผิดในเมื่อความวินาศภัย หรือเหตุอื่นซึ่งได้ระบุไว้ในสัญญานั้นได้เกิดขึ้นเพราะความทุจริตหรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์
วินิจฉัย
โดยหลัก เมื่อเกิดวินาศภัยหรือเหตุอื่นที่ตกลงรับประกันภัยขึ้น ผู้รับประกันภัยก็ต้องรับผิดแต่ถ้าเหตุดังว่านี้ได้เกิดขึ้นเพราะความทุจริตหรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์ ผู้รับประกันภัยก็ไม่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ (มาตรา 879 วรรคแรก)
ซึ่งคำว่า “ทุจริต” นั้น ตามกฎหมายนี้ไม่ได้อธิบายความหมายไว้ จึงมิได้หมายความแต่เพียงการแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น แต่หมายความรวมถึงการกระทำโดยเจตนาหรือจงใจให้เกิดวินาศภัยขึ้นด้วย โดยไม่จำต้องคำนึงว่ามีเจตนาให้ได้ประโยชน์จากสัญญาประกันภัยนั้นด้วยหรือไม่
ตามอุทาหรณ์ การที่นายสนิททะเลาะกับภริยาจนเกิดโทสะแล้วจุดไฟเผาบ้านของตนนั้น แม้เป็นการเผาเพราะความโกรธมิได้มีเจตนาเผาเพราะอยากได้เงินประกันภัย แต่ก็เป็นการกระทำโดยเจตนาหรือจงใจให้เกิดวินาศภัยขึ้น ซึ่งถือว่าทุจริตแล้ว บริษัทประกันวินาศภัยจึงไม่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่นายสนิทตามมาตรา 879 วรรคแรก ดังนั้น ข้อต่อสู้ของนายสนิทดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
สรุป ข้อต่อสู้ของนายสนิทไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ข้อ 3 นางแดงได้ทำสัญญาประกันชีวิตตนเอง โดยอาศัยเหตุแห่งความทรงชีพไว้กับบริษัทประกันชีวิตจำกัด โดยระบุให้นายดำสามีที่ชอบด้วยกฎหมายเป็นผู้รับประโยชน์ จำนวนเงินที่เอาประกัน 1 ล้านบาท สัญญามีกำหนด 10 ปี หลังจากทำสัญญาได้เพียง 1 ปี นายดำเห็นนางแดงยืนคุยอยู่กับนายเหลืองชายหนุ่มข้างบ้าน ก็เกิดความหึงหวงขึ้นมา เขาจึงใช้ปืนยิงไปถูกนางแดงเสียชีวิตทันที ส่วนนายเหลืองบาดเจ็บสาหัส หลังจากนั้นนายดำจึงไปขอรับเงินจากบริษัทในฐานะเป็นผู้รับประโยชน์ตามสัญญาประกันชีวิต จงวินิจฉัยว่า บริษัทจะใช้เงินให้แก่นายดำตามสัญญาหรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 863 อันสัญญาประกันภัยนั้น ถ้าผู้เอาประกันภัยมิได้มีส่วนได้เสียในเหตุที่ประกันภัยไว้นั้นไซร้ ท่านว่าย่อมไม่ผูกพันคู่สัญญาแต่อย่างหนึ่งอย่างใด
มาตรา 889 ในสัญญาประกันชีวิตนั้น การใช้จำนวนเงินย่อมอาศัยความทรงชีพหรือมรณะของบุคคลคนหนึ่ง
มาตรา 890 จำนวนเงินอันจะพึงใช้นั้น จะชำระเป็นเงินจำนวนเดียว หรือเป็นเงินรายปีก็ได้ สุดแล้วแต่จะตกลงกันระหว่างคู่สัญญา
มาตรา 895 เมื่อใดจะต้องใช้จำนวนเงินในเหตุมรณะของบุคคลคนหนึ่งคนใด ท่านว่าผู้รับประกันภัยจำต้องใช้เงินนั้นในเมื่อมรณภัยอันนั้นเกิดขึ้น เว้นแต่
(1) บุคคลผู้นั้นได้กระทำอัตตวินิบาตด้วยใจสมัครภายในปีหนึ่งนับแต่วันทำสัญญา หรือ
(2) บุคคลผู้นั้นถูกผู้รับประโยชน์ฆ่าตายโดยเจตนา
ในกรณีที่ 2 นี้ ท่านว่าผู้รับประกันภัยจำต้องใช้เงินค่าไถ่ถอนกรมธรรม์ให้แก่ผู้เอาประกันภัยหรือให้แก่ทายาทของผู้นั้น
วินิจฉัย
ตามอุทาหรณ์ นางแดงได้ทำสัญญาประกันชีวิตตนเอง โดยอาศัยเหตุแห่งความทรงชีพไว้กับบริษัทประกันชีวิต จำกัด ย่อมมีส่วนได้เสียในเหตุที่ประกันภัยตามมาตรา 863 สัญญาประกันชีวิตจึงมีผลผูกพันคู่สัญญา
แต่อย่างไรก็ตาม การทำสัญญาประกันชีวิตตนเอง โดยอาศัยเหตุแห่งความทรงชีพนั้น ผู้เอาประกันภัยจะต้องมีชีวิตอยู่จนครบกำหนดเวลาที่ตกลงกันไว้ในสัญญาประกันชีวิต (มาตรา 889) ผู้รับประกันภัยจึงจะใช้เงินให้ตามสัญญา (มาตรา 890)
เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่า นางแดงถูกนายดำฆ่าตายก่อนครบ 10 ปี ตามกำหนดอายุสัญญาประกันชีวิต จึงเป็นกรณีที่ผู้เอาประกันภัยมิได้มีอายุอยู่จนครบตามกำหนดอายุสัญญาประกันชีวิตตามมาตรา 889 นายดำผู้รับประโยชน์จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินตามสัญญาดังกล่าวตามมาตรา 890 และกรณีนี้ก็ไม่เข้าข้อยกเว้นตามมาตรา 895(2) เพราะจะเข้าข้อยกเว้นดังกล่าวได้จะต้องเป็นการประกันชีวิตโดยอาศัยเหตุแห่งการมรณะเท่านั้น ดังนั้นบริษัทประกันชีวิตจึงไม่ต้องใช้เงินให้กับนายดำตามสัญญา
สรุป บริษัทประกันชีวิตไม่ต้องจ่ายเงินตามสัญญาให้กับนายดำ