ข้อ 3.   นายสมบูรณ์รู้สึกว่าร่างกายไม่แข็งแรง จึงชวนนางสมใจภริยาไปให้แพทย์ตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล แพทย์ได้ตรวจพบว่านายสมบูรณ์เป็นมะเร็งที่ลำไส้ใหญ่ในระยะแรก จึงได้บอกให้นางสมใจทราบ  นางสมใจเกรงว่านายสมบูรณ์จะตกใจจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ   จึงขอให้แพทย์ปกปิดเรื่องนี้ไว้    และได้โกหก  นายสมบูรณ์ว่าแพทย์บอกว่าเป็นโรคไส้เลื่อนเล็กน้อยเท่านั้น  ซึ่งนายสมบูรณ์ก็เชื่อ    หลังจากนั้น 1 สัปดาห์       นางสมศรีซึ่งเป็นตัวแทนของบริษัทประกันชีวิตได้มาเสนอให้นายสมบูรณ์เอาประกันชีวิตกับบริษัท    นายสมบูรณ์จึงตกลงทำสัญญาประกันชีวิตประเภทตลอดชีพกับบริษัทประกันชีวิตเป็นเงิน 1 ล้านบาท  โดยกำหนดให้นางสมใจเป็นผู้รับประโยชน์    ในขณะที่ทำสัญญาประกันชีวิตนั้น นายสมบูรณ์ไม่ได้แจ้งให้บริษัททราบว่าตนเป็นโรค      ไส้เลื่อนตามที่เข้าใจ  และทั้งนางสมใจก็ทราบว่านายสมบูรณ์เอาประกันชีวิตกับบริษัทแต่กลับนิ่งเฉยเสีย   โดยไม่ได้แจ้งถึงความจริงเรื่องนายสมบูรณ์เป็นโรคมะเร็งให้บริษัททราบ  อีก 3 เดือนต่อมาสุขภาพของนายสมบูรณ์ทรุดหนักต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อรับการผ่าตัด  นายสมบูรณ์จึงได้ทราบว่าตนเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่  แต่ก็ไม่ได้แจ้งให้บริษัททราบแต่ประการใด เวลาได้ล่วงเลยมาอีก 11 เดือน  นายสมบูรณ์ทนความเจ็บปวดจากโรคมะเร็งไม่ได้  จึงใช้ปืนยิงตัวตาย หลังจากนายสมบูรณ์ตายลงนางสมใจก็ได้เรียกเงินในฐานะผู้รับประโยชน์ตามสัญญาประกันชีวิตจากบริษัทประกันชีวิต  ทางบริษัทได้สืบทราบความจริงทั้งหมด  จึงปฏิเสธการจ่ายเงินตามสัญญา  โดยอ้างว่านายสมบูรณ์และนางสมใจปกปิดข้อเท็จจริงไม่ได้แจ้งแก่บริษัทว่านายสมบูรณ์เป็นโรคมะเร็ง  แม้นายสมบูรณ์จะทราบในภายหลังก็ต้องแจ้งให้บริษัททราบ  หรือแม้แต่ในเวลาทำสัญญาประกันชีวิตนายสมบูรณ์จะเข้าใจว่าตนเป็นโรคไส้เลื่อนก็ต้องแจ้งให้บริษัททราบเช่นกัน  ดังนั้น บริษัทจึงขอใช้สิทธิบอกล้างสัญญาประกันชีวิตฉบับนี้ประการหนึ่ง และอีกประการหนึ่ง การตายของนายสมบูรณ์ก็เกิดจากการที่นายสมบูรณ์ฆ่าตัวตายเอง  บริษัทจึงไม่ต้องใช้เงินในเหตุมรณะนั้นแก่ผู้รับประโยชน์

ดังนี้ ข้ออ้างทั้งสองประการในการปฏิเสธความรับผิดตามสัญญาประกันชีวิตของบริษัทถูกต้องหรือไม่ ประการใด

Advertisement

แนวคำตอบ  วางหลักกฎหมาย   ป.พ.พ. มาตรา 865, 895

 ในขณะทำสัญญาประกันชีวิตนั้น นายสมบูรณ์ไม่ทราบว่าตนเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ จึงมิใช่เป็นการ    ละเว้นไม่เปิดเผยข้อความจริงตามมาตรา 865 นอกจากนั้นแม้นางสมใจจะทราบความจริง แต่นางสมใจก็ไม่ใช่ผู้เอาประกันชีวิต ดังนั้น นางสมใจจึงไม่มีหน้าที่ต้องเปิดเผยข้อความจริงตามมาตรา 865

การที่นายสมบูรณ์เข้าใจว่าตนเป็นโรคไส้เลื่อน และมิได้เปิดเผยให้บริษัททราบในขณะทำสัญญานั้น ก็ไม่ถึงขนาดเป็นโรคร้ายแรงพอที่จะกล่าวได้ว่าถ้าได้แจ้งเช่นนั้น ผู้รับประกันชีวิตจะบอกปัดไม่รับประกันด้วย จึงไม่ทำให้สัญญาประกันชีวิตเป็นโมฆียะ ตามมาตรา 865 หรือถึงแม้นายสมบูรณ์จะทราบความจริงว่าเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ในภายหลังทำสัญญา ก็ไม่จำต้องแจ้งให้บริษัททราบ เพราะพ้นจากหน้าที่อันจะต้องแจ้งไปแล้ว

การที่นายสมบูรณ์ฆ่าตัวตายภายหลังการทำสัญญาเป็นเวลา 14 เดือนนั้น พ้นระยะเวลา 1 ปี นับแต่วันทำสัญญาแล้ว จึงไม่เข้าข้อยกเว้นตามมาตรา 895(1) บริษัทผู้รับประกันชีวิตจะต้องใช้เงิน ในเมื่อมรณะภัยนั้นได้เกิดขึ้นตามมาตรา 895 วรรคหนึ่ง

ดังนั้น ข้ออ้างทั้งสองประการของบริษัทประกันชีวิตจึงฟังไม่ขึ้น บริษัทต้องใช้เงินตามสัญญาประกันชีวิตให้แก่นางสมใจผู้รับประโยชน์ตามสัญญา

Advertisement