ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 2012กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยประกันภัย
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 3 ข้อ
ข้อ 1 นายโด่งรู้ว่าตนป่วยเป็นโรคถุงลมพองเรื้อรังมานานเป็นปี ต่อมานายโงทำสัญญาประกันชีวิตตนเองไว้เป็นเวลา 20 ปี กับบริษัท สยามประกันชีวิต จำกัด วงเงิน 1 ล้านบาท แต่นายโด่งไม่เปิดเผยให้บริษัทประกันทราบ และแพทย์ผู้ตรวจร่างกายก็ไม่ได้ฉายเอกซเรย์ ทำให้บริษัท สยามประกันชีวิตฯรับทำสัญญาของนายโงโดยพิจารณาจากรายงานของแพทย์ว่านายโงสุขภาพปกติ ซึ่งถ้าบริษัทสยามประกันชีวิตฯ รู้ว่านายโด่งเป็นโรคถุงลมพองก็จะเรียกเบี้ยประกันภัยสูงขึ้นอีก ปีต่อมานับแต่วันทำสัญญา นายโด่งเสียชีวิตด้วยโรคถุงลมพอง บริษัท สยามประกันชีวิตฯ จึงได้ทราบว่านายโด่งปกปิดโรคดังกล่าวและได้บอกล้างภายใน 1 เดือนนับแต่ทราบมูลอันจะบอกล้างได้ แต่นางแดง ผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์อ้างว่าบริษัท สยามประกันชีวิตประมาทเลินเล่อ ไม่ใช้ความระมัดระวังในการรับประกัน เพราะถ้ามีการฉายเอกซเรย์ก็จะรู้ว่านายโงเป็นโรคถุงลมพอง ดังนี้ อยากทราบว่า ข้ออ้างของนางแดงชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 865 ถ้าในเวลาทำสัญญาประกันภัย ผู้เอาประกันภัยก็ดีหรือในกรณีประกันชีวิตบุคคลอันการใช้เงินย่อมอาศัยความทรงชีพหรือมรณะของเขานั้นก็ดี รู้อยู่แล้วละเว้นเสียไม่เปิดเผยข้อความจริงซึ่งอาจจะได้จูงใจผู้รับประกันภัยสูงขึ้นอีกหรือให้บอกปัดไม่ยอมทำสัญญา หรือว่ารู้อยู่แล้วแถลงข้อความนั้นเป็นความเท็จไซร้ ท่านว่าสัญญานั้นเป็นโมฆะ
ถ้ามิได้ใช้สิทธิบอกล้างภายในกำหนดเดือนหนึ่งนับแต่วันที่ผู้รับประกันภัยทราบมูลอันจะบอกล้างได้ก็ดี หรือมิได้ใช้สิทธินั้นภายในกำหนดห้าปีนับแต่วันทำสัญญาก็ดี ท่านว่าสิทธินั้นเป็นอันระงับสิ้นไป
มาตรา 866 ถ้าผู้รับประกันภัยได้รู้ข้อความจริงดังกล่าวในมาตรา 865 นั้นก็ดี หรือรู้ว่าข้อแถลงความเป็นความเท็จก็ดี หรือควรจะได้รู้เช่นนั้นหากใช้ความระมัดระวังดังจะพึงคาดหมายได้แต่วิญญูชนก็ดี ท่านให้ฟังว่าสัญญานั้นเป็นอันสมบูรณ์
วินิจฉัย
กรณีตามอุทาหรณ์มีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยว่า การที่แพทย์ผู้ตรวจร่างกายของนายโด่งไม่ได้ฉายเอกซเรย์ ถือว่า บริษัทสยามประกันชีวิต จำกัด ควรจะได้รู้เช่นนั้นหากใช้ความระมัดระวังดังพึงคาดหมายได้เช่นวิญญูชนหรือไม่ เห็นว่า
โรคถุงลมพอง เป็นโรคเรื้อรังรักษาไม่หายขาดและอาจทำให้ผู้ป่วยถึงแก่ความตายได้ โรคถุงลมพองจึงเป็นโรคที่มีความสำคัญอันอาจถือเป็นเหตุให้ผู้รับประกันชีวิตบอกปัดไม่ยอมทำสัญญาประกันชีวิตผู้ขอเอาประกันได้ ถ้าผู้รับประกันชีวิตได้ทราบข้อความจริงนี้มาก่อน การที่ผู้เอาประกันรู้ตัวดีว่าป่วยเป็นโรคถุงลมพองเรื้อรังมานานปีแต่ไม่เปิดเผยให้บริษัทประกันทราบ จึงเป็นการละเว้นไม่เปิดเผยข้อความจริง ดังนั้นสัญญาประกันชีวิตที่ผู้เอาประกันทำไว้กับบริษัทฯ จึงตกเป็นโมฆะตามมาตรา 865 วรรคแรก
ส่วนการตรวจโรคถุงลมพองโดยวิธีธรรมดาจะพบยาก นอกจากฉายเอกซเรย์หรือใช้สีฉีดเข้าไปในปอดแล้วฉายเอกซเรย์ แต่เมื่อนายโด่งผู้เอาประกันปกปิดมิได้แจ้งเรื่องที่ตนป่วยเป็นโรคนี้ให้แพทย์ผู้ตรวจสุขภาพทราบ ก็ไม่มีเหตุที่แพทย์จะต้องฉายเอกซเรย์ตรวจดูถุงลมของผู้เอาประกันเพราะไม่อาจรู้ได้ว่าผู้เอาประกันเป็นโรคถุงลมพอง การรับประกันชีวิตของบริษัท สยามประกันชีวิต จำกัด ก็พิจารณาจากรายงานของแพทย์ประกอบกับคำขอเอาประกัน เช่นนี้จะฟังว่าผู้รับประกันชีวิตประมาทเลินเล่อไม่ใช้ความระมัดระวังในการรับประกันเช่นวิญญูชนไม่ได้ เพราะถือว่าบริษัทฯ ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแล้ว กรณีจึงไม่ต้องด้วยมาตรา 866 (ฎ. 1076/2520)
สรุป ข้ออ้างของนางแดงผู้รับประโยชน์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย สัญญาประกันชีวิตเป็นโมฆียะ
ข้อ 2 นายแดงได้ทำสัญญาประกันอัคคีภัยบ้านของตนไว้กับบริษัทประกันภัยจำนวนเงินที่เอาประกัน 1 ล้านบาท สัญญากำหนด 1 ปี ระบุให้ตนเองเป็นผู้รับประโยชน์ ในระหว่างอายุสัญญาประกันภัย นางส้มจีนมารดาของนายแดงซึ่งป่วยเป็นโรคข้ออักเสบได้มาพักอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ด้วย เนื่องจากที่บ้านยุงชุมมาก นางส้มจีนจึงได้จุดยากันยุงไล่และจุดทิ้งไว้ด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงจึงทำให้ไฟไหม้บ้านหมดทั้งหลัง จงวินิจฉัยว่า บริษัทผู้รับประกันภัยต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันอัคคีภัยบ้านให้กับนายแดงหรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 863 อันสัญญาประกันภัยนั้น ถ้าผู้เอาประกันภัยมิได้มีส่วนได้เสียในเหตุที่ประกันภัยไว้นั้นไซร้ ท่านว่าย่อมไม่ผูกพันคู่สัญญาแต่อย่างหนึ่งอย่างใด
มาตรา 877 ผู้รับประกันภัยจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนดังจะกล่าวต่อไปนี้ คือ
(1) เพื่อจำนวนวินาศภัยอันแท้จริง
วรรคท้าย ท่านห้ามมิให้คิดค่าสินไหมทดแทนเกินไปกว่าจำนวนเงินซึ่งเอาประกันภัยไว้
มาตรา 879 วรรคแรก ผู้รับประกันภัยไม่ต้องรับผิดในเมื่อความวินาศภัย หรือเหตุอื่นซึ่งได้ระบุไว้ในสัญญานั้นได้เกิดขึ้นเพราะความทุจริตหรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์
วินิจฉัย
กรณีตามอุทาหรณ์ นายแดงเอาประกันอัคคีภัยบ้านของตนถือว่าเป็นผู้มีเหตุแห่งส่วนได้เสียตามมาตรา 863 สัญญาจึงมีผลผูกพัน และเมื่อมีภัยเกิดขึ้นตามที่ระบุไว้ในสัญญา (อัคคีภัย) บริษัทผู้รับประกันภัยต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาให้กับนายแดงตามมาตรา 877(1) และวรรคท้าย ในฐานะที่เป็นทั้งผู้เอาประกันและเป็นผู้รับประโยชน์ เพราะวินาศภัยที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ได้เกิดจากการกระทำโดยทุจริตหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของนายแดง จึงไม่เข้าข้อยกเว้นที่ผู้รับประกันภัยไม่ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามมาตรา 879 วรรคแรก
สรุป ผู้รับประกันภัยต้องชดใช้ค่าสินไหมให้แก่นายแดง
ข้อ 3 นายทรพาเอาประกันชีวิต 1 ล้านบาทในเหตุมรณะกับบริษัทประกันภัยในวันที่ 1 พฤษภาคม 2549 สัญญามีกำหนด 10 ปี โดยระบุให้นายทรพีบุตรชายเป็นผู้รับประโยชน์ วันที่ 1 พฤษภาคม 2551 นายทรพีอยากได้เงินประกันชีวิต จึงวางแผนทำร้ายร่างกายนายทรพาโดยใช้ปืนยิงนายทรพาที่ขาได้รับอันตรายสาหัส นายทรพาน้อยใจที่นายทรพีบุตรชายทำร้ายตน จึงกินยาพิษจนถึงแก่ความตาย นายทรพีมาขอรีบเงินประกันชีวิต 1 ล้านบาท ดังนี้ บริษัทประกันภัยต้องจ่ายเงินประกันชีวิตให้แก่นายทรพีหรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 895 เมื่อใดจะต้องใช้จำนวนเงินในเหตุมรณะของบุคคลคนหนึ่งคนใด ท่านว่าผู้รับประกันภัยจำต้องใช้เงินนั้นในเมื่อมรณภัยอันนั้นเกิดขึ้น เว้นแต่
(1) บุคคลผู้นั้นได้กระทำอัตตวินิบาตด้วยใจสมัครภายในปีหนึ่งนับแต่วันทำสัญญา หรือ
(2) บุคคลผู้นั้นถูกผู้รับประโยชน์ฆ่าตายโดยเจตนา
ในกรณีที่ 2 นี้ ท่านว่าผู้รับประกันภัยจำต้องใช้เงินค่าไถ่ถอนกรมธรรม์ให้แก่ผู้เอาประกันภัยหรือให้แก่ทายาทของผู้นั้น
วินิจฉัย
กรณีตามอุทาหรณ์ นายทรพีผู้รับประโยชน์วางแผนทำร้ายนายทรพาโดยใช้ปืนยิงถูกนายทรพาที่ขาได้รับอันตรายสาหัส ถือว่าผู้รับประโยชน์มีเจตนาทำร้ายร่างกายผู้เอาประกันให้ได้รับอันตรายสาหัสแต่มิได้มีเจตนาฆ่า (ฎ. 1006/2501) จึงไม่ใช่เป็นกรณีถูกผู้รับประโยชน์ฆ่าตายโดยเจตนาตามมาตรา 895 (2)และเมื่อนายทรพาน้อยใจกินยาพิษจนถึงแก่ความตาย เป็นการฆ่าตัวตายด้วยใจสมัคร แต่เลยเวลา 1 ปีนับแต่วันทำสัญญาประกันชีวิตแล้ว จึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่บริษัทประกันภัยจะไม่ต้องรับผิดชอบตามมาตรา 895(1)
สรุป บริษัทประกันภัยต้องจ่ายเงินตามสัญญาประกันชีวิต 1 ล้านบาท ให้แก่นายทรพีผู้รับประโยชน์