การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2551
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 2012 กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยประกันภัย
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 3 ข้อ
ข้อ 1. นายอังคารจดทะเบียนสมรสกับนางศุกร์ นางศุกร์เอาประกันชีวิตนายอังคารไว้กับบริษัทประกันชีวิตแห่งหนึ่งแบบอาศัยความมรณะ จำนวนเงินเอาประกันหนึ่งแสนบาท มีกำหนดระยะเวลา 30 ปี อีก 10 ปีต่อมา นายอังคารจดทะเบียนหย่าขาดจากนางศุกร์ หลังจากนั้นอีก 1 เดือน นายอังคารถึงแก่ความตาย เพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ นางศุกร์ยื่นขอรับเงินประกันหนึ่งแสนบาท แต่บริษัทประกันปฏิเสธการจ่ายอ้างว่าก. สัญญาไม่ผูกพัน เพราะส่วนได้เสียในเหตุที่ประกันภัยไว้นั้นหมดสิ้นไป โดยเหตุที่นางศุกร์และนายอังคารไม่ได้เป็นคู่สมรสกันแล้ว เนื่องจากหย่าขาดจากกัน
ข. การที่นางศุกร์ได้หย่าขาดจากนายอังคารแล้ว นางศุกร์จึงเป็นผู้รับประโยชน์ไม่ได้ เพราะนางศุกร์ไม่มีส่วนได้เสียในชีวิตของนายอังคารอีกต่อไป
ดังนี้ ให้วินิจฉัยว่า ข้ออ้างของบริษัทประกันภัยทั้งสองประการชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 863 บัญญัติว่า “อันสัญญาประกันภัยนั้น ถ้าผู้เอาประกันภัยมิได้มีส่วนได้เสียในเหตุที่ประกันภัยไว้นั้นไซร้ ท่านว่าย่อมไม่ผูกพันคู่สัญญาแต่อย่างหนึ่งอย่างใด”
วินิจฉัย
ก. สัญญาประกันภัยมีผลผูกพันคู่สัญญาหรือไม่ต้องใช้มาตรา 863 ดูเรื่องส่วนได้เสียฯ จากคำถามเป็นการประกันชีวิตผู้อื่น เมื่อพิจารณาตัวผู้เอาประกันภัย คือ นางศุกร์ จะเห็นได้ว่า มีความสัมพันธ์ในฐานะคู่สมรส ทั้งนี้เพราะนางศุกร์มีสิทธิและหน้าที่ความรับผิดต่อชีวิตของนายอังคารสามีที่ได้มาเอาประกันไว้กับบริษัทผู้รับประกันและประการสำคัญส่วนได้เสียฯ ผู้เอาประกันต้องมีในขณะทำสัญญาด้วย เมื่อขณะทำสัญญา นางศุกร์มีส่วนได้เสียในชีวิตของนายอังคาร เนื่องจากขณะนั้นยังไม่ได้หย่า สัญญาจึงมีผลผูกพัน แม้ต่อมาส่วนได้เสียฯ จะหมดสิ้นไปเพราะหย่าขาดจากกัน ก็ไม่ทำให้สัญญามีผลผูกพันตั้งแต่ต้นกลายเป็นสัญญาที่ไม่ผูกพันในภายหลัง ดังนั้นข้ออ้างของบริษัทประกันที่ว่าสัญญาไม่ผูกพันจึงเป็นข้ออ้างที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ข. ประเด็นข้อกฎหมายคือ นางศุกร์เป็นผู้รับประโยชน์ได้หรือไม่ ตามมาตรา 863 จะเห็นได้ว่าผู้ซึ่งต้องมีส่วนได้เสียก็แต่เฉพาะผู้เอาประกันภัยเท่านั้น กฎหมายไม่ได้บัญญัติว่าผู้รับประโยชน์ต้องมีส่วนได้เสียแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นผู้รับประโยชน์จะเป็นใครก็ได้ถึงแม้ไม่มีส่วนได้เสียในสัญญาประกันภัยก็เป็นผู้รับประโยชน์ได้ ดังนั้นข้ออ้างที่ว่าการที่นางศุกร์ได้หย่าขาดจากนายอังคารแล้ว นางศุกร์จึงเป็นผู้รับประโยชน์ไม่ได้ เพราะนางศุกร์ไม่มีส่วนได้เสียในชีวิตของนายอังคารอีกต่อไป จึงเป็นข้ออ้างที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
สรุป ข้ออ้างของบริษัทประกันภัยทั้งสองไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ข้อ 2. สมชายได้นำรถบรรทุกของตนไปทำสัญญาประกันภัยวินาศภัยไว้กับบริษัทประกันภัยจำกัด จำนวนเงินที่เอาประกัน 5 แสนบาท และในขณะเดียวกัน สมชายก็ได้เอาประกันภัยในความรับผิดชอบเกี่ยวกับการใช้รถ คันนี้ (ประกันภัยค้ำจุน) ไว้กับบริษัทเดียวกันอีกกรมธรรม์หนึ่งด้วย จำนวนเงินที่เอาประกัน 4 แสนบาท กำหนดระยะเวลาในการทำสัญญา 1 ปี หลังจากทำสัญญาได้ 5 เดือน สมชายได้สั่งให้สมศักดิ์ซึ่งเป็นลูกจ้างขับรถคันดังกล่าว ซึ่งบรรทุกสินค้าไปส่งให้กับลูกค้าที่จังหวัดอุดรธานี หลังจากส่งของเสร็จสมศักดิ์ได้ขับรถด้วยความประมาทเลินเล่อแซงทางโค้งชนกับรถบรรทุกของสมพงษ์ซึ่งวิ่งสวนทางมา ทำให้สมศักดิ์ได้รับบาดเจ็บสาหัส เสียค่ารักษาพยาบาลคิดเป็นเงิน 1 แสนบาท และรถบรรทุกของสมชายก็เสียหายด้วย คิดเป็นเงิน 3 แสนบาท ส่วนรถของสมพงษ์ก็เสียหายเช่นกัน คิดเป็นเงิน 1 แสนบาท จงวินิจฉัยว่า บริษัทประกันภัยจำกัดจะต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับใคร อย่างไร หรือไม่
ธงคำตอบ
มาตรา 862 วรรคท้าย อนึ่งผู้เอาประกันภัยและผู้รับประโยชน์นั้น จะเป็นบุคคลคนหนึ่งคนเดียวก็ได้
มาตรา 863 อันสัญญาประกันภัยนั้น ถ้าผู้เอาประกันมิได้มีส่วนได้เสียในเหตุที่ประกันภัยไว้นั้นไซร้ ท่านว่าย่อมไม่ผูกพันคู่สัญญาแต่อย่างหนึ่งอย่างใด
มาตรา 877 ผู้รับประกันภัยจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนดังจะกล่าวต่อไปนี้ คือ
(1) เพื่อจำนวนวินาศภัยอันแท้จริง
ท่านห้ามมิให้คิดค่าสินไหมทดแทนเกินไปกว่าจำนวนเงินซึ่งเอาประกันภัยไว้
มาตรา 879 วรรคแรก ผุ้รับประกันภัยไม่ต้องรับผิดในเรื่องความวินาศภัย หรือเหตุอื่นซึ่งได้ระบุไว้ในสัญญานั้นได้เกิดขึ้นเพราะความทุจริตหรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์
มาตรา 887 วรรคแรก อันว่าประกันภัยค้ำจุนนั้น คือสัญญาประกันภัยซึ่งผู้รับประกันภัยตกลงว่าจะใช้ค่าสินไหมทดแทนในนามของผู้เอาประกันภัยเพื่อความวินาศภัยอันเกิดขึ้นแก่บุคคลอีกคนหนึ่ง และซึ่งผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบ
วินิจฉัย
สมชายได้ทำสัญญาประกันวินาศภัยรถยนต์บรรทุกของตนเอง สมชายย่อมมีส่วนได้เสียในเหตุที่ประกันภัย สัญญาจึงมีผลผูกพันตามมาตรา 863 และเมื่อเขาไม่ได้ระบุไว้ให้ใครเป็นผู้รับประโยชน์ สมชายจึงเป็นผู้รับประโยชน์เองตามมาตรา 862 วรรคท้าย ซึ่งบริษัทจะต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันวินาศภัยให้กับสมชายดังนี้
1. จ่ายค่าสินไหมทดแทนให้สมชายตามสัญญาประกันวินาศภัย กรณีที่รถยนต์บรรทุกของเขาเสียหายคิดเป็นเงิน 3 แสนบาท ตามมาตรา 877 (1) ประกอบวรรคท้าย
2. จ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับสมพงษ์ตามสัญญาประกันภัยค้ำจุน กรณีรถของสมพงษ์เสียหายคิดเป็นเงิน 1 แสนบาท ตามมาตรา 887 ประกอบมาตรา 877 (1) และวรรคท้าย
3. จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้กับสมศักดิ์ที่บาดเจ็บสาหัสเป็นเงินอีก 1 แสนบาท ตามสัญญาประกันภัยค้ำจุน ตามมาตรา 887 ประกอบมาตรา 877 (1) และวรรคท้าย
ทั้งนี้เพราะวินาศภัยที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้เอาประกันและผู้รับประโยชน์จึงไม่เข้ากรณียกเว้นความรับผิดของบริษัทตามมาตรา 879 วรรคหนึ่ง
ข้อ 3. นางสมปองได้ทำสัญญาประกันชีวิตตนเองโดยอาศัยเหตุมรณะไว้กับบริษัทประกันชีวิตแห่งหนึ่ง ในสัญญาระบุให้นางสาวสมใจบุตรสาวเป็นผู้รับประโยชน์ ต่อมาภายในอายุสัญญาประกัน นางสมปองได้ป่วยเป็นโรคมะเร็ง นางสาวสมใจบุตรสาวเป็นคนดูแลรักษาพยาบาล ได้หยิบยาผิดขวดให้นางสมปองกินจนถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา ดังนี้ นางสาวสมใจผู้รับประโยชน์มีสิทธิเรียกร้องเอาเงินประกันจากบริษัทประกันชีวิตหรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 889 ในสัญญาประกันชีวิตนั้น การใช้จำนวนเงินย่อมอาศัยความทรงชีพหรือมรณะของบุคคลคนหนึ่ง
มาตรา 890 จำนวนเงินอันจะพึงใช้นั้น จะชำระเป็นเงินจำนวนเดียว หรือเป็นเงินรายปีก็ได้ สุดแล้วแต่จะตกลงกันระหว่างคู่สัญญา
มาตรา 895 เมื่อใดจะต้องใช้จำนวนเงินในเหตุมรณะของบุคคลคนหนึ่งคนใด ท่านว่าผู้รับประกันภัยจำต้องใช้เงินนั้นในเมื่อมรณภัยอันนั้นเกิดขึ้น เว้นแต่
(2) บุคคลผู้นั้นถูกผู้รับประโยชน์ฆ่าตายโดยเจตนา
วินิจฉัย
ข้อยกเว้นที่ผู้รับประกันชีวิตไม่ต้องจ่ายเงินตามสัญญาประกันชีวิตประการหนึ่งตามมาตรา 895 (2) คือ ผู้เอาประกันชีวิตหรือผู้ถูกเอาประกันชีวิตถูกผู้รับประโยชน์ฆ่าตายโดยเจตนา ซึ่งหมายความว่าเป็นเจตนาประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผล หากมีเพียงเจตนาทำร้าย หรือเป็นเพราะความประมาทเลินเล่อก็ไม่ถือว่าเป็นการกระทำโดยมีเจตนา
นางสาวสมใจผู้รับประโยชน์มีสิทธิเรียกร้องเอาเงินประกันจากบริษัทประกันชีวิตได้ตามมาตรา 889, 890 เพราะนางสาวสมใจไม่ได้ฆ่าผู้เอาประกันตายโดยเจตนาตามมาตรา 895 (2) การหยิบยาผิดขวดให้ผู้เอาประกันชีวิตกินนั้นยังไม่ถือว่ามีเจตนาฆ่า
สรุป นางสาวสมใจมีสิทธิเรียกร้องเอาเงินประกันจากบริษัทประกันชีวิต