การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2546
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 2011
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยตัวแทน นายหน้า
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 3 ข้อ
ข้อ 1 นาย ก มอบหมายให้นาย ข เป็นผู้ควบคุมการสร้างบ้านหลังหนึ่ง และมีสัญญาการมอบหมายเป็นหนังสือ โดยตกลงว่าจะให้บำเหน็จ แต่ไม่มีข้อตกลงว่าจะจ่ายบำเหน็จกันเมื่อใด ต่อมาเมื่อมีการสร้างบ้านมาได้ 3 เดือน นาย ข จึงมาขอเบิกเงินบางส่วนเพื่อนำไปใช้สอย ปรากฏว่านาย ก ไม่ยอมให้และบอกว่าบำเหน็จนี้นาย ก จะจ่ายเมื่องานเสร็จสิ้นแล้ว นาย ข ไม่พอใจนาย ก จึงบอกเลิกการเป็นตัวแทน ดังนี้ นาย ข จะบอกเลิกการเป็นตัวแทนได้หรือไม่ และข้ออ้างของนาย ก ที่บอกว่าจะจ่ายบำเหน็จเมื่องานเสร็จแล้วฟังขึ้นหรือไม่ ให้ท่านวินิจฉัย
ธงคำตอบ
มาตรา 803 ตัวแทนไม่มีสิทธิจะได้รับบำเหน็จ เว้นแต่จะได้มีข้อตกลงกันไว้ในสัญญาว่ามีบำเหน็จ หรือทางการที่คู่สัญญาประพฤติต่อกันนั้นเป็นปริยายว่ามีบำเหน็จ หรือเคยเป็นธรรมเนียมมีบำเหน็จ
มาตรา 817 ในกรณีที่มีบำเหน็จตัวแทนถ้าไม่มีข้อสัญญาตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น ท่านว่าบำเหน็จนั้นพึงจ่ายให้ต่อเมื่อการเป็นตัวแทนได้สิ้นสุดลงแล้ว
มาตรา 827 ตัวการจะถอนตัวแทน และตัวแทนจะบอกเลิกเป็นตัวแทนเสียในเวลาใดๆก็ได้ ทุกเมื่อ
วินิจฉัย
นาย ก ตั้งนาย ข เป็นตัวแทน โดยตกลงว่าจะให้บำเหน็จแต่ไม่มีข้อตกลงว่าจะจ่ายบำเหน็จกันเมื่อใด เมื่อสัญญามิได้แบ่งเป็นงวดๆ และมิได้ตกลงว่าจะให้บำเหน็จเป็นงวดๆก็ต้องจ่ายบำเหน็จเมื่อการเป็นตัวแทนได้สิ้นสุดลง กล่าวคือ เมื่อสร้างบ้านเสร็จแล้วนั่นเอง ดังนี้การที่นาย ก อ้างว่าจะจ่ายบำเหน็จเมื่องานเสร็จย่อมกระทำได้ตามมาตรา 817 ประกอบมาตรา 803 (มิใช่กรณีการขอให้จ่ายเงินทดรองตามที่จำเป็น ตามมาตรา 815 แต่อย่างใด)
ส่วนนาย ข บอกเลิกการเป็นตัวแทนได้ตามมาตรา 827 วรรคแรก ซึ่งมีหลักว่าคู่สัญญาจะบอกเลิกกันเสียเมื่อใดก็ได้ ไม่ว่าตัวแทนจะได้ดำเนินการในกิจการที่มอบหมายให้แก่ตัวการไปบ้างแล้วหรือยัง ทั้งนี้การบอกเลิกตัวแทนเป็นอีกเรื่องหนึ่งกับความเสียหายในกรณีบอกเลิกเป็นตัวแทนในเวลาที่ไม่สะดวกแก่อีกฝ่ายหนึ่ง ดังนั้นตัวแทนจะบอกเลิกเป็นตัวแทนเสียในเวลาใดๆก็ได้ทุกเมื่อ
สรุป ข้ออ้างของนาย ก ฟังขึ้น และนาย ข จะบอกเลิกสัญญาการเป็นตัวแทนได้
ข้อ 2 นาย ก มอบหมายนาย ข ให้ไปซื้อบ้านแทนตัวการ และเมื่อนาย ข ซื้อบ้านมาแล้วก็ไม่ส่งมอบให้นาย ก ตัวการ แต่นาย ข กลับเอาบ้านนั้นไปให้เช่าหรือนาย ข เข้าอยู่อาศัยเสียเอง ในกรณีเช่นนี้ นาย ก ตัวการจะเอาบ้านนั้นคืนด้วยวิธีการใด และจะถือว่านาย ก ขาดประโยชน์ที่จะได้ใช้บ้านนั้นหรือไม่ ให้ท่านวินิจฉัย
ธงคำตอบ
มาตรา 810 เงินและทรัพย์สินอย่างอื่นบรรดาที่ตัวแทนได้รับไว้เกี่ยวด้วยการเป็นตัวแทนนั้นท่านว่าตัวแทนต้องส่งให้แก่ตัวการจงสิ้น
อนึ่ง สิทธิทั้งหลายซึ่งตัวแทนขวนขวายได้มาในนามของตนเองแต่โดยฐานที่ทำการแทนตัวการนั้น ตัวแทนก็ต้องโอนให้แก่ตัวการจงสิ้น
มาตรา 811 ถ้าตัวแทนเอาเงินซึ่งควรจะได้ส่งแก่ตัวการ หรือซึ่งควรจะใช้ในกิจกรรมของตัวการนั้นไปใช้สอยเป็นประโยชน์ตนเสีย ท่านว่าตัวแทนต้องเสียดอกเบี้ยในเงินนั้นนับแต่วันที่ได้เอาไปใช้
มาตรา 812 ถ้ามีความเสียหายเกิดขึ้นอย่างใดๆเพราะความประมาทเลินเล่อของตัวแทนก็ดี เพราะไม่ทำการเป็นตัวแทนก็ดี หรือเพราะทำการโดยปราศจากอำนาจหรือนอกเหนืออำนาจก็ดี ท่านว่าตัวแทนจะต้องรับผิด
วินิจฉัย
นาย ก มอบหมายนาย ข ให้ไปซื้อบ้านแทนตัวการ เมื่อนาย ข ซื้อบ้านมาแล้ว กลับไม่ส่งมอบให้ ก ตัวการ แต่เอาบ้านหลังนั้นไปให้เช่าหรือเข้าอยู่เสียเอง ในมาตรา 811 กำหนดไว้แต่เรื่องว่าตัวแทนนำเงินไปใช้ต้องเสียดอกเบี้ยนับแต่วันนำเงินไปใช้ แต่ตามปัญหาเป็นเรื่องนำทรัพย์สิน (บ้าน) ไปใช้ ดังนั้นเมื่อตัวแทนนำทรัพย์สิน (บ้าน) ไปใช้ ก็ให้นับแต่วันเอาไปใช้เช่นกันตามมาตรา 811 นาย ก ตัวการ จึงต้องฟ้องเรียกบ้านคืน รวมทั้งค่าขาดประโยชน์ที่จะได้ใช้บ้านนั้นนับแต่วันที่ได้เอาไปใช้ตามมาตรา 810 ตลอดจนค่าเสียหายตามมาตรา 812 เพราะนาย ข ตัวแทนไม่ทำหน้าที่การเป็นตัวแทน คือ ไม่ส่งมอบทรัพย์สินแก่ตัวการตามหน้าที่ของตัวแทน
สรุป นาย ก สามารถฟ้องเรียกบ้านคืน ตามมาตรา 810 แลละถือว่านาย ก ขาดประโยชน์ที่จะได้ใช้บ้านนั้น
ข้อ 3 นายกรุงมอบหมายนายขยันให้ขายที่ดิน โดยจะให้ค่านายหน้า นายขยันนำนายคลังมาซื้อที่ดินของนายกรุง โดยนายคลังยังบอกกับนายขยันว่าจะให้ค่านายหน้าด้วย เมื่อนายกรุงกับนายคลังได้โอนซื้อขายที่ดินกันเสร็จเรียบร้อยปรากฏว่า นายกรุงกับนายคลังก็ไม่ยอมให้ค่านายหน้าแก่นายขยัน นายขยันจึงฟ้องนายกรุงกับนายคลังให้จ่ายค่านายหน้าแก่ตนตามที่ได้ตกลงกันไว้ ให้ท่านวินิจฉัยว่าหากท่านเป็นศาลจะรับสำนวนฟ้องนี้ไว้พิจารณาพิพากษาหรือไม่ อย่างไร
ธงคำตอบ
มาตรา 845 วรรคแรก บุคคลผู้ใดตกลงจะให้ค่าบำเหน็จแก่นายหน้า เพื่อที่ชี้ช่องให้ได้เข้าทำสัญญาก็ดี จัดการให้ได้ทำสัญญากันก็ดี ท่านว่าบุคคลผู้นั้นจะต้องรับผิดใช้ค่าบำเหน็จก็ต่อเมื่อสัญญานั้นได้ทำกันสำเร็จ เนื่องแต่ผลแห่งการที่นายหน้าได้ชี้ช่องหรือจัดการนั้น ถ้าสัญญาที่ได้ทำกันไว้นั้นมีเงื่อนไขเป็นเงื่อนบังคับก่อนไซร้ ท่านว่าจะเรียกร้องบำเหน็จค่านายหน้ายังหาได้ไม่จนกว่าเงื่อนไขนั้นสำเร็จแล้ว
วินิจฉัย
นายหน้ามีสิทธิจะได้รับค่านายหน้าก็ต่อเมื่อ
1 มีการตกลงว่าจะให้ค่านายหน้า
2 มีการชี้ช่อง
3 ต้องมีการทำสัญญากันระหว่างผู้ขายกับผู้ซื้อ
นายขยันได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติมาตรา 845 ครบทุกประการแล้ว นายขยันจึงควรได้ค่านายหน้า
แต่สัญญาค่านายหน้าผูกพันระหว่างผู้ที่ทำความตกลงกับนายหน้าเท่านั้น เมื่อผู้ขายเป็นผู้ตกลงกับนายหน้า แต่ไม่จ่ายค่านายหน้า นายหน้าย่อมมีสิทธิฟ้องเรียกเอาจากผู้ขายเท่านั้น จะฟ้องเอาจากผู้ซื้อในฐานะผิดสัญญานายหน้าด้วยไม่ได้ (ฎ. 584/2499) ดังนั้น หากข้าพเจ้าเป็นศาลจะรับสำนวนที่นายขยันฟ้องนายกรุงไว้พิจารณา และจะยกคำฟ้องสำนวนของนายคลังเพราะนายคลังเป็นผู้ซื้อจึงฟ้องไม่ได้ตามเหตุผลดังกล่าวข้างต้น
สรุป ข้าพเจ้าจะรับเฉพาะสำนวนที่นายขยันฟ้องนายกรุงไว้พิจารณาเท่านั้น