การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2546
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 2011
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยตัวแทน นายหน้า
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 3 ข้อ
ข้อ 1 นายเดชประกอบธุรกิจทำเสื้อผ้าสำเร็จรูป มอบอำนาจให้นายเด่นไปซื้อผ้ามาใช้ในกิจการของตน โดยนายเดชลงชื่อในหนังสือมอบอำนาจให้นายเด่นไว้ แต่ไม่กรอกข้อความให้นายเด่นไปกรอกเอาเอง นายเด่นกรอกข้อความลงไปในหนังสือมอบอำนาจตามที่ได้รับมอบหมายและกรอกเพิ่มเติมต่อไปว่า ให้มีอำนาจกู้ยืมเงินภายในวงเงิน 100,000 บาท แทนนายเดชด้วย หลังจากนั้นนายเด่นซื้อเชื่อผ้าจากร้านของนายเด่นเอง 10,000 บาทมาใช้ในกิจการทำเสื้อผ้าสำเร็จรูป และนายเด่นใช้หนังสือมอบอำนาจนั้นกู้เงินจากนายเด้ง 100,000 บาท มาใช้ส่วนตัว โดยนายเด้งเชื่อว่านายเด่นมีอำนาจกู้เงินแทนนายเดชตามหนังสือมอบอำนาจ ดังนี้ให้วินิจฉัยว่า นายเดชจะต้องชำระหนี้ค่าผ้า 10,000 บาท แก่นายเดชและชำระหนี้เงินกู้ 100,000 บาทแก่นายเด้งหรือไม่
ธงคำตอบ
มาตรา 805 ตัวแทนนั้น เมื่อไม่ได้รับความยินยอมของตัวการ จะเข้าทำนิติกรรมอันใดในนามของตัวการทำกับตนเองในนามของตนเอง หรือในฐานเป็นตัวแทนของบุคคลภายนอกหาได้ไม่ เว้นแต่นิติกรรมนั้นมีเฉพาะแต่การชำระหนี้
มาตรา 821 บุคคลผู้ใดเชิดบุคคลอีกคนหนึ่งออกแสดงเป็นตัวแทนของตนก็ดี รู้แล้วย่อมให้บุคคลอีกคนหนึ่งเชิดตัวเขาเองออกแสดงเป็นตัวแทนของตนก็ดี ท่านว่าบุคคลผู้นั้นจะต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกผู้สุจริตเสมือนว่าบุคคลอีกคนหนึ่งนั้นเป็นตัวแทนของตน
มาตรา 822 ถ้าตัวแทนทำการอันใดเกินอำนาจตัวแทน แต่ทางปฏิบัติของตัวการทำให้บุคคลภายนอกมีมูลเหตุอันสมควรจะเชื่อว่าการอันนั้นอยู่ภายในขอบอำนาจของตัวแทน ท่านให้ใช้บทบัญญัติมาตราก่อนนี้เป็นบทบังคับแล้วแต่กรณี
วินิจฉัย
การที่นายเดชมอบอำนาจให้นายเด่นซื้อผ้ามาใช้ในการผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปมิได้หมายความว่า นายเดชยินยอมให้นายเด่นซื้อจากร้านของนายเด่นได้ เมื่อนายเดชไม่ยินยอม การที่นายเด่นซื้อผ้าจากร้านของนายเด่นเอง จึงเป็นการทำนิติกรรมซื้อขายในนามของตัวการทำกับตนเองในนามของตนเอง ต้องห้ามตามมาตรา 805 การซื้อเชื่อผ้าไม่ผูกพันนายเดชตัวการ นายเดชไม่ต้องชำระหนี้เสื้อผ้า 10,000 บาท แก่นายเด่น (ฎ. 1966/2526)
ส่วนที่นายเด่นตัวแทนกู้เงินนายเด้ง 100,000 บาท เป็นการทำเกินอำนาจตัวแทน แห่งพฤติการณ์ที่นายเดชลงชื่อในหนังสือมอบอำนาจ โดยไม่กรอกข้อความให้นายเด่นไว้เพื่อให้นายเด่นทำการแทนนั้น ถือได้ว่าทางปฏิบัติของนายเดชตัวการทำให้นายเด้งบุคคลภายนอกมีมูลเหตุอันสมควรเชื่อว่า การกู้ยืมเงินอยู่ภายในขอบอำนาจของนายเด่น นายเดชต้องรับผิดต่อนายเด้งผู้สุจริต ตามมาตรา 822 ประกอบมาตรา 821 ดังนั้นนายเดชต้องชำระหนี้เงินกู้ 100,000 บาท แก่นายเด้ง (ฎ. 671/2523)
สรุป
1 นายเดชไม่ต้องชำระหนี้ค่าผ้า 10,000 บาท แก่นายเด่น ตามมาตรา 805
2 นายเดชต้องชำระหนี้เงินกู้ 100,000 บาท แก่นายเด้ง ตามมาตรา 822 ประกอบมาตรา 821
ข้อ 2 นายสมชายเป็นเจ้าของร้านทองไทยเจริญ ตั้งอยู่หน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหงซึ่งเป็นร้านขายทองรูปพรรณ นายสมศักดิ์มีทองคำแท่งจำนวน 5 แท่ง หนักแท่งละ 10 บาท รวมราคาทองคำหนัก 50 บาท ซึ่งซื้อไว้หลายปีมาแล้ว นายสมศักดิ์ต้องการนำทองคำแท่งมาขายเพื่อนำเงินไปทำการค้าในวันที่ 3 ตุลาคม 2546 นายสมศักดิ์จึงได้นำทองคำแท่งดังกล่าวไปฝากนายสมชายขายโดยตกลงกันว่าจะให้ค่าบำเหน็จร้อยละ 5 ปกติราคาทองคำจะขึ้นๆลงๆ ตามราคาตลาด จะไม่ต่ำกว่าบาทละ 5,300 บาท แต่ปรากฏว่าในวันที่ 6 ตุลาคม 2546 ราคาทองคำตกลงมาเหลือบาทละ 5,000 บาท นายสมชายเจ้าของร้านทองจึงคิดจะซื้อไว้เอง เพราะคิดว่าราคาทองคำจะต้องขึ้นสูงกว่านี้ตนคงจะมีกำไรจึงได้โทรศัพท์ไปหานายสมศักดิ์ว่าตนต้องการจะซื้อทองคำแท่งของนายสมศักดิ์ทั้งหมดในราคาบาทละ 5,000 บาท ตามราคาตลาด นายสมศักดิ์ได้รับโทรศัพท์แล้วมิได้ว่ากล่าวอะไรทั้งสิ้น ดังนี้ อยากทราบว่า
(ก) นายสมชายจะซื้อทองคำแท่งของนายสมศักดิ์ได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
(ข) นายสมชายจะได้รับค่าบำเหน็จร้อยละ 5 ตามที่ตกลงกันไว้หรือไม่ จงอธิบาย
ธงคำตอบ
มาตรา 843 ตัวแทนค้าต่างคนใดได้รับคำสั่งให้ขายหรือซื้อทรัพย์สินอันมีรายการขานราคาของสถานแลกเปลี่ยน ท่านว่าตัวแทนคนนั้นจะเป็นผู้ซื้อหรือผู้ขายเองก็ได้ เว้นแต่จะมีข้อห้ามไว้ชัดแจ้งโดยสัญญาในกรณีเช่นนั้น ราคาอันจะพึงใช้เงินแก่กันก็พึงกำหนดตามรายการขานราคาทรัพย์สินนั้น ณ สถานแลกเปลี่ยนในเวลาเมื่อตัวแทนค้าต่างให้คำบอกกล่าวว่าตนจะเป็นผู้ซื้อหรือผู้ขาย
เมื่อตัวการบอกกล่าวเช่นนั้น ถ้าไม่บอกปัดเสียในที ท่านให้ถือว่าตัวการเป็นอันได้สนองรับการนั้นแล้ว
อนึ่งแม้ในกรณีเช่นนั้น ตัวแทนค้าต่างจะคิดเอาบำเหน็จก็ย่อมคิดได้
วินิจฉัย
(ก) นายสมชายจะซื้อทองคำแท่งของนายสมศักดิ์ได้ แม้นายสมชายจะเป็นตัวแทนค้าต่างแต่ก็มีสิทธิที่จะเป็นผู้ซื้อเองได้ เพราะการซื้อขายทองคำมีรายการขานราคาของสถานแลกเปลี่ยนเป็นการซื้อขายตามราคาตลาด นายสมชายมิได้เป็นผู้กำหนดราคาเองกฎหมายจึงไม่ห้ามเว้นแต่จะมีข้อห้ามไว้ชัดแจ้งโดยสัญญา ซึ่งกรณีนี้นายสมศักดิ์ก็มิได้ห้ามไม่ให้นายสมชายซื้อ และนายสมชายก็ได้โทรศัพท์ไปบอกนายสมศักดิ์แล้วว่าจะซื้อทองคำแท่งดังกล่าวในราคาบาทละ 5,000 บาท นายสมศักดิ์ก็มิได้บอกปัดในทันทีเมื่อทราบคำบอกกล่าวนั้นแล้ว กรณีนี้ให้ถือว่านายสมศักดิ์ตัวการเป็นอันได้สนองรับการซื้อขายนั้นแล้วตามมาตรา 843 วรรคแรก และวรรคสอง
(ข) แม้นายสมชายซึ่งเป็นตัวแทนค้าต่างจะเป็นผู้ซื้อทองคำแท่งของนายสมศักดิ์เองก็ตาม แต่กฎหมายก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้คิดค่าบำเหน็จ นายสมชายจึงมีสิทธิจะคิดเอาค่าบำเหน็จร้อยละ 5 ตามที่ได้ตกลงกันไว้ได้ตามมาตรา 843 วรรคท้าย
สรุป
(ก) นายสมชายสามารถซื้อทองคำแท่งของนายสมศักดิ์ได้
(ข) นายสมชายมีสิทธิได้รับค่าบำเหน็จร้อยละ 5 ตามที่ตกลงกันไว้
ข้อ 3 นาย ก มอบนาย ข ให้เป็นนายหน้าขายที่ดินและตกลงว่าจะให้ค่านายหน้า นาย ข นำที่ดินมาเสนอขายให้นาย ค นาย ค ตกลงซื้อและเข้าทำสัญญากับนาย ก หลังทำสัญญาปรากฏว่านาย ค ผิดนัดการซื้อขายจึงไม่ได้เกิดขึ้นกรณีหนึ่ง
อีกกรณีหนึ่ง นาย ก มอบนาย ข ให้เป็นนายหน้าขายที่ดินโดยตกลงว่าจะให้ค่านายหน้า นาย ข นำที่ดินเสนอขายให้นาย ค นาย ค ตกลงซื้อที่ดินแปลงดังกล่าว แต่มีเงื่อนไขว่าต้องให้ที่ดินแปลงนอกตัดถนนผ่านเข้ามาถึงที่ดินแปลงที่ตกลงซื้อกันนี้ และนาย ก กับนาย ค เข้าทำสัญญากันเรียบร้อยแล้ว
ให้ท่านวินิจฉัยว่าทั้ง 2 กรณีนี้ นาย ข จะได้ค่านายหน้าหรือไม่ อย่างไร
ธงคำตอบ
มาตรา 845 วรรคแรก บุคคลผู้ใดตกลงจะให้ค่าบำเหน็จแก่นายหน้า เพื่อที่ชี้ช่องให้ได้เข้าทำสัญญาก็ดี จัดการให้ได้ทำสัญญากันก็ดี ท่านว่าบุคคลผู้นั้นจะต้องรับผิดใช้ค่าบำเหน็จก็ต่อเมื่อสัญญานั้นได้ทำกันสำเร็จ เนื่องแต่ผลแห่งการที่นายหน้าได้ชี้ช่องหรือจัดการนั้น ถ้าสัญญาที่ได้ทำกันไว้นั้นมีเงื่อนไขเป็นเงื่อนบังคับก่อนไซร้ ท่านว่าจะเรียกร้องบำเหน็จค่านายหน้ายังหาได้ไม่จนกว่าเงื่อนไขนั้นสำเร็จแล้ว
วินิจฉัย
ในกรณีแรก นาย ข มีสิทธิได้ค่านายหน้าจากนาย ก เพราะนาย ข ได้ทำการเป็นนายหน้าครบถ้วนแล้ว กล่าวคือมีการตกลงกันในเร่องนายหน้า และมีการชี้ช่องให้ได้เข้าทำสัญญา ตลอดจนได้จัดการให้ผู้ขายกับผู้ซื้อได้เข้าทำสัญญากัน ตามมาตรา 845 ในตอนแรกแม้การซื้อขายจะไม่มีเกิดขึ้นภายหลังทำสัญญาก็ไม่เกี่ยวกับนาย ข ถือว่านาย ข ได้ชี้ช่องทำให้ผู้ซื้อผู้ขายเข้าทำสัญญากันเป็นอันหมดหน้าที่นาย ข แล้ว (ฎ. 517/2494)
ในกรณีหลังเป็นเรื่องของ มาตรา 845 วรรคแรก ตอนท้าย กล่าวคือ ข้อตกลงระหว่าง ค ผู้ซื้อ และ ก ผู้ขายที่กำหนดว่าต้องให้ที่ดินแปลงนอกตัดถนนผ่านเข้ามาถึงที่ดินแปลงที่ตกลงซื้อขายกันนี้เสียก่อน เป็นสัญญาที่มีเงื่อนไขบังคับก่อน แม้นาย ข นายหน้าจะจัดการชี้ช่องให้ผู้ซื้อผู้ขายเข้าทำสัญญากันแล้วก็ตาม นาย ข ก็ยังไม่มีสิทธิได้ค่านายหน้า ต้องรอไปจนกว่าเงื่อนไขสำเร็จก่อน
สรุป
กรณีแรก นาย ข มีสิทธิได้ค่านายหน้าจากนาย ก หลังจากนาย ก กับนาย ค เข้าทำสัญญากันตามมาตรา 845 วรรคแรก
กรณีหลัง นาย ข จะยังไม่ได้ค่านายหน้าจนกว่าเงื่อนไขสำเร็จก่อน จึงจะได้ตามมาตรา 845 วรรคแรก ตอนท้าย