การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2548
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 2010
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยค้ำประกัน จำนอง จำนำ
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 3 ข้อ
ข้อ 1 นายนิติภูมิทำสัญญาจ้างนายสมัครเป็นพนักงานเก็บเงินในร้านสะดวกซื้อ ในการนี้นายสมัครได้ส่งมอบสมุดบัญชีเงินฝากของตนไว้เป็นประกันการเข้าทำงาน ต่อมาอีก 2 วัน นายสมบัติได้ทำสัญญาค้ำประกันการทำงานของนายสมัครต่อนายนิติภูมิ หลังจากนั้นอีก 3 เดือน นายสมัครได้ยักยอกเงินนายนิติภูมิไปเป็นเงิน 3 แสนบาท เมื่อนายนิติภูมิทราบเรื่องได้ไล่นายสมัครออกจากงานและได้เรียกร้องให้นายสมบัติรับผิดตามสัญญาค้ำประกัน ถ้านายสมบัติจะยกข้อต่อสู้ต่อไปนี้ ให้นักศึกษาวินิจฉัยว่าข้อต่อสู้ของนายสมบัติจะรับฟังได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
1 นายสมบัติไม่ต้องรับผิดเพราะในขณะเข้าทำสัญญาค้ำประกันยังไม่มีหนี้ที่นายสมัครจะต้องรับผิดต่อนายนิติภูมิ การยักยอกเงินเพิ่งเกิดขึ้นหลังนายสมบัติเข้าทำสัญญาค้ำประกัน
2 นายสมบัติเรียกร้องให้นายนิติภูมิไปบังคับเอากับเงินฝากที่นายสมัครได้มอบสมุดบัญชีไว้เป็นหลักประกันก่อน ขาดเท่าไรจึงมาเรียกร้องให้นายสมบัติรับผิดตามสัญญาค้ำประกัน
ธงคำตอบ
มาตรา 681 วรรคสอง หนี้ในอนาคตหรือหนี้มีเงื่อนไข จะประกันไว้เพื่อเหตุการณ์ซึ่งหนี้ นั้นอาจเป็นผลได้จริง ก็ประกันได้
มาตรา 686 ลูกหนี้ผิดนัดลงเมื่อใด ท่านว่าเจ้าหนี้ชอบที่จะเรียกให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้ได้แต่นั้น
มาตรา 689 ถึงแม้จะได้เรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้ดังกล่าวมาในมาตราก่อนนั้นแล้วก็ตาม ถ้าผู้ค้ำประกันพิสูจน์ได้ว่าลูกหนี้นั้นมีทางที่จะชำระหนี้ได้ และการที่จะบังคับให้ลูกหนี้ชำระหนี้นั้นจะไม่เป็นการยากไซร้ ท่านว่าเจ้าหนี้จะต้องบังคับการชำระหนี้รายนั้นเอาจากทรัพย์สินของลูกหนี้ก่อน
มาตรา 690 ถ้าเจ้าหนี้มีทรัพย์ของลูกหนี้ยึดไว้เป็นประกันไซร้ เมื่อผู้ค้ำประกันร้องขอ ท่านว่าเจ้าหนี้จะต้องให้ชำระหนี้เอาจากทรัพย์ซึ่งเป็นประกันนั้นก่อน
วินิจฉัย
1 การที่นายสมบัติเข้าทำสัญญาค้ำประกันการทำงานของนายสมัคร ถือว่าเป็นการค้ำประกันหนี้ในอนาคตที่นายสมัครลูกจ้าง (ลูกหนี้) อาจก่อให้เกิดขึ้นแก่นายนิติภูมินายจ้าง (เจ้าหนี้) ภายในระหว่างสัญญาจ้างแรงงานยังไม่สิ้นสุด ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่หนี้นั้นอาจเป็นผลได้จริงก็สามารถมีการค้ำประกันได้ตามมาตรา 681 วรรคสอง ดังนั้นแม้ปรากฏว่าในขณะที่นายสมบัติเข้าทำสัญญาค้ำประกัน นายสมัครลูกจ้างยังไม่ได้กระทำการที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่นายนิติภูมินายจ้างก็ตาม แต่ภายหลังจากทำสัญญาค้ำประกันได้ 3 เดือน นายสมัครได้ยักยอกเงินก่อให้เกิดความเสียหายแก่นายนิติภูมิ จึงถือว่านายสมัครลูกหนี้มีการผิดนัด (มาตรา 206) ความรับผิดของนายสมบัติผู้ค้ำประกันจึงเกิดมีขึ้น ตามมาตรา 686 นายสมบัติจึงมิอาจที่จะยกข้อต่อสู้ว่าในขณะเข้าทำสัญญาค้ำประกันยังไม่มีหนี้ประธานเกิดขึ้นเพื่อเป็นเหตุปฏิเสธความรับผิดได้ เพราะเป็นการค้ำประกันหนี้ในอนาคต ตามมาตรา 681 วรรคสอง ดังนั้นข้อต่อสู้ของนายสมบัติจึงฟังไม่ขึ้น
2 ในขณะที่นายสมบัติเข้าทำสัญญาค้ำประกัน นายสมัครลูกจ้างได้ส่งมอบสมุดเงินฝากให้นายนิติภูมิยึดถือไว้เป็นประกันการทำงาน เห็นว่า การที่นายสมัครส่งมอบสมุดเงินฝากให้นายนิติภูมิไม่ถือว่าเป็นการที่ลูกหนี้ได้ให้หลักประกันแก่เจ้าหนี้ตามกฎหมาย เพราะการส่งมอบสมุดเงินฝากไม่ถือว่าเป็นการจำนำตามมาตรา 747 เป็นแต่เพียงทำให้เจ้าหนี้มีสิทธิที่จะยึดถือสมุดเงินฝากไว้จนกว่าจะได้รับชำระหนี้จากนายสมัครลูกจ้างเท่านั้น ดังนั้นข้อต่อสู้ที่ให้นายนิติภูมิ ไปบังคับเอากับสมุดเงินฝากที่ยึดถือไว้เป็นหลักประกันก่อนตามมาตรา 690 จึงับฟังไม่ได้ แต่ถ้านายสมบัติผู้ค้ำประกันสามารถพิสูจน์ได้ว่า นายสมัครลูกหนี้มีเงินฝากอยู่ในบัญชีสมุดเงินฝากซึ่งสามารถนำมาชำระหนี้ได้และการบังคับชำระหนี้ไม่เป็นการยากก็สามารถเรียกร้องให้นายนิติภูมิเจ้าหนี้ ไปบังคับเอากับเงินฝากที่นายสมัครได้มอบสมุดบัญชีไว้เป็นหลักประกันก่อน ขาดเท่าไรจึงมาเรียกร้องให้นายสมบัติรับผิดตามสัญญาค้ำประกันข้อต่อสู้ดังกล่าวฟังไม่ขึ้น ตามมาตรา 690 แต่ชอบที่จะเกี่ยงตามมาตรา 689 ได้
สรุป
1 ข้อต่อสู้ฟังไม่ขึ้น ตามมาตรา 682 วรรคสอง
2 ข้อต่อสู้ฟังไม่ขึ้น ตามมาตรา 690 แต่ชอบที่จะยกข้อต่อสู้ตามมาตรา 689 ได้
ข้อ 2 วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2545 นายปริญญาทำสัญญากู้ยืมเงินกับธนาคารทักษิณเป็นเงิน 3 ล้านบาท ซึ่งจะถึงกำหนดเวลาชำระหนี้ในวันที่ 30 สิงหาคม 2548 โยวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2545 นายวาสนาได้จดทะเบียนจำนองที่ดินมูลค่า 3 ล้านบาทเป็นประกันหนี้เงินกู้ของนายปริญญา ต่อมาวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2545 นายปริญญาได้จดทะเบียนจำนองที่ดินมูลค่า 4 ล้านบาท เป็นประกันหนี้เงินกู้ของตนเอง ในวันที่ 1 มีนาคม 2545 นายปริญญาได้นำที่ดินที่จำนองไว้กับธนาคารทักษิณไปจดทะเบียนการเช่าให้นายสุเทพเช่าเพื่อปลูกอาคารพาณิชย์โดยคิดค่าเช่าที่ดินเดือนละ 1 หมื่นบาท เมื่อปลูกอาคารพาณิชย์เสร็จนายสุเทพได้นำอาคารดังกล่าวออกให้นายรัฐธรรมนูญเช่า โดยคิดค่าเช่าอาคารเดือนละ 15,000 บาท ต่อมาวันที่ 1 กันยายน 2548 ธนาคารทักษิณได้ทำหนังสือและจดทะเบียนปลดจำนองให้นายวาสนาไป เมื่อหนี้เงินกู้ถึงกำหนดชำระนายปริญญาผิดนัดไม่ชำระหนี้วันที่ 31 สิงหาคม 2548 ธนาคารทักษิณได้บอกกล่าวบังคับจำนองด้วยวาจาไปยังนายปริญญา ถ้าหลังจากบอกกล่าวบังคับจำนองนายสุเทพได้นำค่าเช่าที่ดิน 1 หมื่นบาทมาชำระให้นายปริญญาและนายรัฐธรรมนูญนำค่าเช่าอาคารมาชำระให้นายสุเทพ เช่นนี้ให้นักศึกษาวินิจฉัยว่า
1 ถ้าต่อมาในอนาคตเวลาจะฟ้องบังคับจำนองที่ดินของนายปริญญาที่นำมาจำนองกับธนาคารทักษิณจะได้เงินไม่พอชำระหนี้ 3 ล้านบาท เพราะมีการจดทะเบียนการเช่าให้นายสุเทพและนายรัฐธรรมนูญไว้ ธนาคารทักษิณจะฟ้องศาลเพื่อให้ลบสิทธิการเช่าดังกล่าวออกจากทะเบียนได้หรือไม่
2 การจำนองที่ดินของนายปริญญาจะครอบไปถึงบ้านนายสุเทพ ค่าเช่าที่ดิน ค่าเช่าอาคารหรือไม่ เพราะเหตุใด
3 นายปริญญาผู้จำนองจะหลุดพ้นจากความรับผิดตามสัญญาจำนองอันเนื่องมาจากการที่ธนาคารทักษิณปลดจำนองที่ดินให้นายวาสนาหรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 709 บุคคลคนหนึ่งจะจำนองทรัพย์สินของตนไว้เพื่อประกันหนี้อันบุคคลอื่นจะต้องชำระ ก็ให้ทำได้
มาตรา 710 ทรัพย์สินหลายสิ่งมีเจ้าของคนเดียวหรือหลายคนจะจำนองเพื่อประกันการชำระหนี้แต่รายหนึ่งรายเดียว ท่านก็ให้ทำได้
และในการนี้คู่สัญญาจะตกลงกันดังต่อไปนี้ก็ได้ คือว่า
(1) ให้ผู้รับจำนองใช้สิทธิบังคับเอาแก่ทรัพย์สินซึ่งจำนองตามลำดับอันระบุไว้
(2) ให้ถือเอาทรัพย์สินแต่ละสิ่งเป็นประกันหนี้เฉพาะแต่ส่วนหนึ่งส่วนใดที่ระบุไว้
มาตรา 718 จำนองย่อมครอบไปถึงทรัพย์ทั้งปวงอันติดพันอยู่กับทรัพย์สินซึ่งจำนอง แต่ต้องอยู่ภายในบังคับซึ่งท่านจำกัดไว้ในสามมาตราต่อไปนี้
มาตรา 720 จำนองเรือนโรงหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นซึ่งได้ทำขึ้นไว้บนดินหรือใต้ดิน ในที่ดินอันเป็นของคนอื่นเขานั้นย่อมไม่ครอบไปถึงที่ดินนั้นด้วย ฉันใดกลับกันก็ฉันนั้น
มาตรา 721 จำนองไม่ครอบไปถึงดอกผลแห่งทรัพย์สินซึ่งจำนอง เว้นแต่ในเมื่อผู้รับจำนองได้บอกกล่าวแก่ผู้จำนองหรือผู้รับโอนแล้วว่าตนจำนงจะบังคับจำนอง
มาตรา 722 ถ้าทรัพย์สินได้จำนองแล้ว และภายหลังที่จดทะเบียนจำนองมีจดทะเบียนภาระจำยอมหรือทรัพย์สิทธิอย่างอื่น โดยผู้รับจำนองมิได้ยินยอมด้วยไซร้ ท่านว่าสิทธิจำนองย่อมเป็นใหญ่กว่าภาระจำยอม หรือทรัพย์สิทธิอย่างอื่นนั้น หากว่าเป็นที่เสื่อมเสียแก่สิทธิของผู้รับจำนองในเวลาบังคับจำนอง ก็ให้ลบสิทธิที่กล่าวหลังนั้นเสียจากทะเบียน
มาตรา 726 เมื่อบุคคลหลายคนต่างได้จำนองทรัพย์สินแห่งตนเพื่อประกันหนี้แต่รายหนึ่งรายเดียวอันบุคคลอื่นจะต้องชำระและได้ระบุลำดับด้วยไซร้ ท่านว่าการที่ผู้รับจำนองยอมปลดหนี้ให้แก่ผู้จำนองคนหนึ่งนั้นย่อมทำให้ผู้จำนองคนหลังๆได้หลุดพ้นด้วยเพียงขนาดที่เขาต้องรับความเสียหายแต่การนั้น
มาตรา 727 ถ้าบุคคลคนเดียวจำนองทรัพย์สินแห่งตนเพื่อประกันหนี้อันบุคคลอื่นจะต้องชำระ ท่านให้ใช้บทบัญญัติมาตรา 697, 700 และ 701 ว่าด้วยค้ำประกันนั้นบังคับอนุโลมตามควร
วินิจฉัย
วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2545 นายปริญญาทำสัญญากู้ยืมเงินกับธนาคารทักษิณเป็นเงิน 3 ล้านบาท ซึ่งจะถึงกำหนดเวลาชำระหนี้ในวันที่ 30 สิงหาคม 2548 โดยในวันดังกล่าว นายวาสนาบุคคลภายนอกได้จดทะเบียนจำนองที่ดินมูลค่า 3 ล้านบาท เป็นประกันหนี้เงินกู้ของนายปริญญา ตามมาตรา 709 ต่อมาในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2545 นายปริญญาลูกหนี้ได้จดทะเบียนจำนองที่ดินมูลค่า 4 ล้านบาท เป็นประกันหนี้เงินกู้ของตนเอง ซึ่งเป็นกรณีการจำนองทรัพย์สินหลายสิ่งเป็นประกันการชำระหนี้รายเดียวตามมาตรา 710 โดยไม่มีการตกลงระบุลำดับในการบังคับจำนองไว้ตามมาตรา 710 (1) และมิได้มีการตกลงจำกัดความรับผิดในทรัพย์ที่จำนองแต่ละสิ่ง ตามมาตรา 710 (2) เพราะไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีการตกลงกันระหว่างคู่สัญญาจำนองในทำนองดังกล่าว อีกทั้งการจดทะเบียนจำนองก่อนหรือหลังหาได้ทำให้เจ้าหนี้ผู้รับจำนองจะต้องบังคับเอากับทรัพย์ที่รับจำนองไว้ก่อนไม่ ตามมาตรา 734
หลังจากนั้นในวันที่ 1 มีนาคม 2545 นายปริญญา(ผู้จำนอง) ได้นำที่ดินที่จำนองไว้กับธนาคารทักษิณไปจดทะเบียนการเช่าให้นายสุเทพเช่าเพื่อปลูกอาคารพาณิชย์โดยคิดค่าเช่าที่ดินเดือนละ 1 หมื่นบาท เมื่อปลูกอาคารพาณิชย์เสร็จนายสุเทพได้นำอาคารดังกล่าวออกให้นายรัฐธรรมนูญเช่า โยคิดค่าเช่าอาคารเดือนละ 15,000 บาทเช่นนี้
1 ถ้าต่อมาในอนาคตเวลาจะฟ้องบังคับจำนองที่ดินของนายปริญญาที่นำมาจำนองกับธนาคารทักษิณจะได้เงินไม่พอชำระหนี้ 3 ล้านบาท เพราะมีการจดทะเบียนการเช่าให้นายสุเทพและนายรัฐธรรมนูญไว้ ธนาคารทักษิณจะฟ้องศาลเพื่อให้ลบสิทธิการเช่าดังกล่าวออกจากทะเบียนได้หรือไม่ เห็นว่าตามมาตรา 722 ให้สิทธิแก่เจ้าหนี้ผู้รับจำนองชอบที่จะฟ้องให้ศาลเพิกถอนการจดทะเบียนภาระจำยอมหรือทรัพยสิทธิอื่นที่ได้จดทะเบียนไว้ในทรัพย์ที่รับจำนองได้ ถ้าปรากกว่าในขณะที่จะบังคับจำนองการจดทะเบียนภาระจำยอมหรือทรัพยสิทธิอื่นทำให้เสื่อมเสียแก่เจ้าหนี้ผู้รับจำนอง แต่กรณีตามปัญหา การที่นายปริญญาผู้จำนองได้จดทะเบียนให้เช่าที่ดินที่ติดจำนองแก่นายสุเทพไป แม้จะทำให้ธนาคารทักษิณผู้รับจำนองได้รับความเสียหายในเวลาที่จะบังคับจำนองก็ตาม ก็ไม่สามารถฟ้องให้เพิกถอนการจดทะเบียนการเช่าที่ดินดังกล่าวได้ เพราะการจดทะเบียนการเช่าเป็นเพียงบุคคลสิทธิไม่ใช่เป็นการจดทะเบียนภาระจำยอมหรือทรัพยสิทธิอื่น ตามมาตรา 722 ดังนั้นธนาคารทักษิณจะฟ้องศาลเพื่อให้ลบสิทธิการเช่าดังกล่าวออกจากทะเบียนไม่ได้
2 การจำนองที่ดินของนายปริญญาจะครอบไปถึงอาคารพาณิชย์ของนายสุเทพ ค่าเช่าที่ดิน ค่าเช่าอาคาร หรือไม่ เห็นว่าโดยหลักตามมาตรา 718 การจำนองย่อมครอบไปถึงตัวทรัพย์ทั้งปวงที่ติดพันกับทรัพย์สินที่จำนอง แต่ต้องอยู่ภายใต้บังคับใน มาตรา 719 –721 ซึ่งตามมาตรา 720 มีหลักว่าการจำนองที่ดินไม่ครอบไปถึงโรงเรือนบุคคลอื่นได้ปลูกสร้างไว้ ดังนั้นการจำนองที่ดินของนายปริญญาย่อมไม่ครอบไปถึงอาคารพาณิชย์ที่นายสุเทพได้ปลูกสร้าง ตามมาตรา 720
ส่วนกรณีการจะบังคับเอาดอกผลของตัวทรัพย์สินที่นำมาจำนองได้นั้น ต้องมีการบอกกล่าวบังคับจำนองโดยชอบตามมาตรา 721 แต่กรณีตามอุทาหรณ์ เมื่อหนี้เงินกู้ถึงกำหนดชำระนายปริญญาลูกหนี้ผิดนัดไม่ชำระหนี้ วันที่ 31 สิงหาคม 2548 ธนาคารทักษิณได้บอกกล่าวบังคับจำนองด้วยวาจาไปยังนายปริญญา ถือว่าเป็นการบอกกล่าวบังคับจำนองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะการบอกกล่าวบังคับจำนองต้องทำเป็นลายลักษณ์อักษร ตามมาตรา 728 ดังนั้นแม้ว่าหลังจากบอกกล่าวบังคับจำนอง นายสุเทพได้นำค่าเช่าที่ดิน(ที่ติดจำนอง) 1 หมื่นบาทมาชำระให้นายปริญญาผู้จำนอง การจำนองที่ดินก็ย่อมไม่ครอบไปถึงค่าเช่าที่ดิน 1 หมื่นบาท ที่นายสุเทพนำมาชำระให้นายปริญญาผู้จำนองเพราะการบอกกล่าวบังคับจำนองไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามมาตรา 721 ประกอบมาตรา 728
ส่วนกรณีค่าเช่าอาคารพาณิชย์ 15,000 บาท ที่นายรัฐธรรมนูญนำมาชำระให้นายสุเทพนั้น เมื่อการจำนองครอบที่ดินของนายปริญญาไม่ครอบไปถึงอาคารพาณิชย์ที่นายสุเทพปลูกสร้างขึ้น เพราะการจำนองที่ดินของนายปริญญาย่อมไม่ครอบไปถึงโรงเรือนอาคารพาณิชย์ที่นายสุเทพบุคคลอื่นได้ปลูกสร้างตามมาตรา 720 ดังนั้นเมื่อไม่ครอบไปถึงอาคารพาณิชย์ ก็ไม่ครอบไปถึงค่าเช่าซึ่งเป็นดอกผลของอาคารพาณิชย์ด้วย
ดังนั้น การจำนองที่ดินของนายปริญญาจะครอบไปถึง แต่เฉพาะที่ดินของนายปริญญาผู้จำนองเท่านั้น แต่ไม่ครอบไปถึงอาคารของนายสุเทพและค่าเช่าอาคาร ตามาตรา 720 อีกทั้งไม่ครอบไปถึงค่าเช่าที่ดิน เพราะไม่มีการบอกกล่าวบังคับจำนองโดยชอบตามมาตรา 721
3 นายปริญญาผู้จำนองที่เป็นลูกหนี้ชั้นต้นจะหลุดพ้นจากความรับผิดตามสัญญาจำนอง อันเนื่องมาจากที่ธนาคารทักษิณปลดจำนองที่ดินให้นายวาสนา หรือไม่ เห็นว่า ตามมาตรา 726 มีหลักว่า ถ้าผู้รับจำนองปลดจำนองให้ผู้จำนองที่เป็นบุคคลภายนอกที่ต้องถูกบังคับจำนองในลำดับหลัง แต่กรณีตามอุทาหรณ์ มิใช่เป็นกรณีที่มีบุคคลภายนอกหลายคนต่างจำนองทรัพย์สินเพื่อประกันการชำระหนี้ของลูกหนี้และได้มีการตกลงระบุลำดับในการบังคับจำนองไว้ จึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติใน มาตรา 726 ดังนั้นนายปริญญาผู้จำนองจะอ้างว่าการที่ธนาคารทักษิณปลดจำนองให้แก่นายวาสนาเป็นเหตุให้ตนหลุดพ้นจากความรับผิดไม่ได้
อีกทั้งนายปริญญาผู้จำนองที่เป็นลูกหนี้อ้างว่า เป็นผู้จำนองที่หลุดพ้นจากความรับผิดตามมาตรา 727 ก็มิได้อีกเช่นกัน เพราะมาตรา 727 ใช้เฉพาะกับหนี้ประธานที่ผู้จำนองที่เป็นบุคคลภายนอกคนเดียว แล้วเจ้าหนี้ผู้รับจำนองกระทำการตามมาตรา 697, 700 , 701 ทำให้ผู้จำนองที่เป็นบุคคลภายนอกเสียหาย แต่ตามอุทาหรณ์นายปริญญาผู้จำนองเป็นลูกหนี้ชั้นต้นจึงจะอ้างประโยชน์ตามมาตรา 697 ประกอบมาตรา 727 เพื่อให้ตนเองหลุดพ้นจากความรับผิดไม่ได้
สรุป
1 ฟ้องเพิกถอนการจดทะเบียนการเช่าไม่ได้ ตามมาตรา 722
2 การจำนองครอบเฉพาะที่ดินที่นำมาจำนองตามมาตรา 718 720 และมาตรา 721
3 นายปริญญาผู้จำนองที่เป็นลูกหนี้ชั้นต้น จะอ้างมาตรา 726 และ 727 เพื่อหลุดพ้นจากความรับผิดไม่ได้
ข้อ 3 นายมหาชนทำสัญญากู้เงินนายชาติไทยเป็นเงิน 3 แสนบาท โดยนายประชาธิปัตย์ได้นำเครื่องจักรมูลค่า 3 แสนบาทเป็นประกันการกู้เงินของนายมหาชน ซึ่งนายชาติไทยและนายประชาธิปัตย์ตกลงให้นายมหาชนเป็นผู้เก็บรักษาเครื่องจักร ถ้าต่อมานายมหาชนผิดนัดไม่ชำระหนี้เงินกู้ พร้อมดอกเบี้ยเกินกว่า 5 ปีแล้ว ให้นักศึกษาวินิจฉัยว่า
1 การจำนำเครื่องจักรระงับหรือไม่ เพราะเหตุใด
2 นายชาติไทยจะบังคับจำนำโดยเอาเครื่องจักรที่รับจำนำไว้หลุดเป็นกรรมสิทธิ์ของตนได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 747 อันว่าจำนำนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่า ผู้จำนำส่งมอบสังหาริมทรัพย์สิ่งหนึ่งให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่า ผู้รับจำนำ เพื่อเป็นประกันการชำระหนี้
มาตรา 749 คู่สัญญาจำนำจะตกลงกันให้บุคคลภายนอกเป็นผู้เก็บรักษาทรัพย์สินจำนำไว้ก็ได้
มาตรา 764 เมื่อจะบังคับจำนำ ผู้รับจำนำต้องบอกกล่าวเป็นหนังสือไปยังลูกหนี้ก่อนว่าให้ชำระหนี้และอุปกรณ์ภายในเวลาอันควรซึ่งกำหนดให้ในคำบอกกล่าวนั้น
ถ้าลูกหนี้ละเลยไม่ปฏิบัติตามคำบอกกล่าว ผู้รับจำนำชอบที่จะเอาทรัพย์สินซึ่งจำนำออกขายได้แต่ต้องขายทอดตลาด
อนึ่งผู้รับจำนำต้องมีจดหมายบอกกล่าวไปยังผู้จำนำบอกเวลาและสถานที่ซึ่งจะขายทอดตลาดด้วย
มาตรา 769 อันจำนำย่อมระงับไป
(1) เมื่อหนี้ซึ่งจำนำเป็นประกันอยู่นั้นระงับสิ้นไปเพราะเหตุประการอื่นมิใช่เพราะอายุความหรือ
(2) เมื่อผู้รับจำนำยอมให้ทรัพย์สินจำนำกลับคืนไปสู่ครอบครองของผู้จำนำ
วินิจฉัย
การที่นายมหาชนทำสัญญากู้เงินนายชาติไทยเป็นเงิน 3 แสนบาท โดยนายประชาธิปัตย์ได้จำนำเครื่องจักรมูลค่า 3 แสนบาทเป็นประกันกู้เงินของนายมหาชน ซึ่งนายชาติไทยผู้รับจำนำ และนายประชาธิปัตย์ผู้จำนำตกลงให้นายมหาชนลูกหนี้ชั้นต้นซึ่งเป็นบุคคลภายนอกสัญญาจำนำเป็นผู้เก็บรักษาเครื่องจักร การจำนำเกิดขึ้นและมีผลสมบูรณ์ตามมาตรา 747 ประกอบมาตรา 749 ต่อมานายมหาชนผิดนัดไม่ชำระหนี้เงินกู้พร้อมดอกเบี้ยเกินกว่า 5 ปีแล้ว เช่นนี้
1 การจำนำเครื่องจักรระงับหรือไม่ เห็นว่า มาตรา 769 (2) จำนำจะระงับเมื่อผู้รับจำนำส่งคืนทรัพย์สินที่รับจำนำให้แก่ผู้จำนำ แต่กรณีตามปัญหานายชาติไทยผู้รับจำนำไม่ได้คืนเครื่องจักรให้นายประชาธิปัตย์ผู้จำนำ ดังนั้นการจำนำไม่ระงับตามมาตรา 769 (2) แต่ตกลงให้นายมหาชนเป็นผู้เก็บรักษาได้ตามมาตรา 749
2 นายชาติไทยจะบังคับจำนำโดยเอาเครื่องจักรที่รับจำนำไว้หลุดเป็นกรรมสิทธิ์ของตนได้หรือไม่ เห็นว่า ตามมาตรา 764 ไม่มีกรณีจะบังคับจำนำเอาทรัพย์หลุดเป็นกรรมสิทธิ์ได้ เพราะต้องบังคับจำนำโดยเอาเครื่องจักรออกขายทอดตลาดชำระหนี้เท่านั้น
สรุป
1 การจำนำไม่ระงับตามมาตรา 769 (2) ประกอบมาตรา 749
2 บังคับจำนำเอาทรัพย์จำนำหลุดเป็นกรรมสิทธิ์ไม่ได้ตามมาตรา 764